ในพิธีกรรมนับถือผีจึงตกเป็นของฝ่ายชาย พ่อแม่ไทด�าจึงใ ้ค าม �าคัญกับลูกชายมากก ่าผู้ ญิง
ทงั้ ในแง่ของการใช้ชี ิต การ ึก าและการทา� งาน เพราะลูกชายจะตอ้ งเปน็ ผู้ ืบผีและมีบทบาท �าคญั ใน
พิธีกรรมเ นเรือน ดังที่ผู้อา ุโ ะท้อนต่อเรื่องน้ี ่า “ลูก ลำนต้อง ืบผีกัน มด ลูกชำยคนโต ผู้ชำย
ถำ้ ไมม่ ลี กู ชำยกเ็ อำลกู ชำยของลกู ำว ถำ้ ไมม่ เี อำลกู ของลกู ลำน ำวตอ่ ไปอกี มี ลำนเ ลนผชู้ ำย บื ตอ่ ”
(เ ริญ เพชรมอ่ ม, มั ภา ณ์, 9 เม ายน 2561)
บทบาทของลูก า ท่ีเก่ีย โยงกับครอบครั บรรพบุรุ จึงน้อยก ่าผู้ชายผู้ท�า น้าท่ี ืบผีต่อ
ปจั จบุ นั ผู้ ญงิ ไทดา� จงึ ไมค่ อ่ ยนยิ มแตง่ งานกบั คนไทดา� ด้ ยกนั เพราะตั เอง ามารถจะดแู ลพอ่ แมไ่ ด้ และ
ไม่ต้องไปนับถือผีกับฝ่ายชาย แต่กระน้ันค ามเชื่อเร่ืองการ ืบผีก็ยังเป็นเ มือน ลักยึดเ นี่ย ทางจิตใจ
ของครอบครั ้องผี รอื กะลอ่ อ่ งจงึ ถอื เปน็ นู ยร์ มจิตใจของครอบครั และใ ้ค ามเคารพ เพราะเปน็
พน้ื ท่ี กั ดิ์ ทิ ธทิ์ ่ี ญิ ญาณบรรพบรุ ุ อา ยั อยู่ ลกู ลานจะตอ้ งบอกกลา่ เมอ่ื มเี ตกุ ารณ์ า� คญั ในครอบครั
เช่น งานแต่งงานของ มาชิกในครอบครั มีเ ตุการณ์ค ามตาย รือมีค ามเจ็บป่ ยของ มาชิกในบ้าน
ร มทง้ั การมคี นขา้ งนอก ายตระกลู เขา้ มานอนในบา้ นทม่ี ี อ้ งผบี รรพบรุ ุ ของไทดา� รอื กะลอ่ อ่ ง เปน็ ตน้
ร มทั้งเมื่อถึงงานเซ่นไ ้ผีบรรพบุรุ ลูก ลานจากท่ีต่าง ๆ ก็จะกลับมาร่ มพิธีที่แ ดงใ ้เ ็นค ามเป็น
จดุ นู ย์กลางของครอบครั ไทดา�
4.1.2 ควำมเช่ือเรื่อง ผแี ละขวญั ของกลุ่มชำตพิ นั ธุ์ไทดำ�
ผู้ ูงอายุไทด�าที่มีค ามรู้ค ามเชี่ย ชาญในประเพณีพิธีกรรมจะเข้าไปมีบทบาทในช่ งของ
การเปลีย่ นผ่านชี ิตของคนไทด�า ตง้ั แตเ่ รอ่ื งของการเกิด การแตง่ งาน ค ามเจบ็ ป่ ย จนถึงค ามตายของ
คนในชมุ ชน ภายใตค้ ามเชอ่ื เรอื่ งผแี ละข ญั ถอื เปน็ ั ใจ า� คญั ของชา ไทดา� โดยมผี ชี น้ั งู รอื ทค่ี นไทดา�
มกั เรยี ก า่ ผีฟ้า รอื ผีแถน ซ่งึ เปน็ เ มอื นเท ดา ที่ ามารถใ ค้ ณุ ใ โ้ ท รอื ท�าใ ้ ง่ิ ตา่ ง ๆ ามารถเกิด
ขน้ึ กบั มนุ ยอ์ ยา่ งคนไทด�าได้ ร มถงึ เป็นผู้ ร้างมนุ ยใ์ ้เกดิ ขน้ึ ดงั ค�ากลา่ า่ “ผปี น้ั มาเกดิ ” โดยการ
ช่ ยเ ลอื ของ “แม่เบา้ แมน่ าง ผีช่าง ลอ่ พอ่ ชา่ งดี” ที่ได้ รา้ งรูปแบบเนอ้ื ตั ร่างกายของมนุ ยก์ อ่ นทจี่ ะ
่งใ ้แถนเปน็ ผกู้ �า นดชะตาชี ติ และ ง่ ใ ้มาเกดิ ่ นผอี ีกพ กเปน็ ผีท่ั ไปคือ ผเี ฮอื น รือผเี รือน ผพี อ่
แม่ รือผีบรรพบุรุ ซ่ึงก็คือปู่ย่าตายาย พ่อและแม่ท่ีเชิญข้ึนมาอยู่บนเรือน ลังล่ งลับไปแล้ บริเ ณท่ี
ญิ ญาณบรรพบุรุ อยู่ รือถกู เชิญขนึ้ มาบนเรอื นเรียก ่า กะล่อ ่อง เพือ่ ใ ไ้ ดร้ ับการดแู ลจากลกู ลานใน
โลก ลังค ามตาย ในขณะเดีย กันผู้ ูงอายุไทด�าท่ีอายุประมาณ 60 ปีขึ้นไป นิยมท�าเ นปางตั เม่ือถึง
เ ลารา่ งกายออ่ นแอ รอื เจบ็ ป่ ยเพอ่ื เ รมิ ข ญั ใ แ้ ขง็ แรง โดยมากลกู ลานจะเปน็ คนทา� ใ ก้ บั พอ่ แมข่ อง
ตั เอง ซงึ่ ะทอ้ นใ เ้ น็ ถงึ ค าม ่ งใยและค ามกตญั ญกู ตเ ทที ล่ี กู ลานมตี อ่ พอ่ แม่ โดยผทู้ จ่ี ะทา� นา้ ที่
ประกอบพธิ จี ะตอ้ งเปน็ พอ่ มด มอเมอื ง รอื แมม่ ด ซงึ่ โดยมากจะมาจากการ บื เชอ้ื าย ค ามเชอ่ื ดงั กลา่
จงึ เปน็ งิ่ ทคี่ นไทดา� ยดึ ถอื ปฏบิ ตั มิ าจนถงึ ปจั จบุ นั เมอื่ เขา้ โู่ ลก ลงั ค ามตาย ญิ ญาณของพอ่ แมจ่ ะถกู เชญิ
เขา้ ไปอยูใ่ นกะลอ่ อ่ ง รือ อ้ งผี และตอ้ งมีการเซ่นไ ้ทกุ ปีท่ีเรยี ก า่ เ นเรอื น การท�าเ นเรือนคนไทด�า
ถอื า่ เปน็ นา้ ทท่ี ล่ี กู ลานตอ้ งทา� ใ พ้ อ่ แมผ่ อู้ า โุ ในบา้ น ลกู ลานไทดา� จะไมท่ า� ไมไ่ ด้ พธิ เี นเรอื นถอื า่
289
นงั อื รวมบทความวิจยั และบทความทางวิชาการ เนอื่ งในงานประชุมวิชาการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
เป็นพิธี �าคัญของชา ไทด�า ลังพิธีกรรมค ามตายของผู้อา ุโ 3*และเมื่อมีการเชิญผีพ่อแม่ข้ึนเรือน
เรียบร้อยแล้ กถ็ ือ า่ เป็นพันธะ นา้ ทขี่ องลกู ลาน โดยเฉพาะเจ้าเ ้อื รือพอ่ บ้านจะต้องทา� พธิ เี ซ่นไ ้
ผีพ่อแม่บรรพบรุ ุ ใน 2 ลกั ณะคอื การเซ่นไ ้ทกุ เดือนทเ่ี รียก า่ ปาดตง รอื ปะ๊ ตง ทที่ า� ทุก 5 ัน รือ
10 ัน4**ตามแต่ ่าไทด�าผู้น้ัน ืบเช้ือ ายจากผีผู้น้อย รือผีผู้ท้า และการเซ่นไ ้แบบใ ญ่ท่ีจะท�าตาม
ค ามพรอ้ มทางเ ร ฐกจิ ซึง่ อาจจะเ น้ ระยะเ ลาในการเซ่นไ ้ ลายปที ชี่ า ไทด�าเรยี ก ่า การเ นเรือน
ชา ไทด�ามีค ามเช่ือ ่า ากลูก ลานไม่ท�าพิธีกรรมเซ่นไ ้ผีพ่อแม่ รือไม่รับพ่อแม่ข้ึนมาบน
เรือนที่เรียก ่า “เชิญผีขึ้นเรือน” ก็อาจจะน�าไป ู่ค ามเจ็บป่ ยไม่ บายของ มาชิกในครอบครั รือมี
อาการเจ็บป่ ยเรื้อรังไม่ ายและไม่รู้ าเ ตุของค ามเจ็บป่ ยนั้น ๆ ท�าใ ้ข ัญไม่อยู่กับเนื้อกับตั รือ
ข ัญ นีดีฝ่อ ซ่ึงเกิดจากการไม่ท�า น้าท่ีของลูกต่อ ิญญาณของพ่อแม่ ซ่ึงจะต้องท�าพิธีกรรมเพ่ือแก้ไข
าเ ตดุ งั กลา่ ดงั เชน่ มอเ นทา่ น นงึ่ บอก า่ “ผมไปรอ้ งไปไ วไ้ ปวำนไวเ้ ลยนะ เพรำะวำ่ เจำ้ ตวั ไม่ บำย
กนิ ไมไ่ ดน้ อนไม่ ลบั เขำเรยี กเจำ้ เ อ้ื คนทไี่ ม่ บำย ขวญั อำจจะไมอ่ ยกู่ บั เนอื้ กบั ตวั เพรำะผมี ำทำ� เรำกถ็ ำม
วำ่ อยำกกนิ อะไรใ ช้ ว่ ยใ เ้ ขำ ำยจำกตรงนภี้ ำยใน ำมวนั เจด็ วนั ใ เ้ ขำเดนิ ไดไ้ ปไ นมำไ นไปได้ แลว้ จะ
เอำ วั มมู ำแปงใ ก้ นิ มนั เปน็ อยำ่ งนน้ั จรงิ ทำ� มนั ก็ ำยรนุ่ พอ่ แมผ่ นี น่ั ผนี ม่ี ำกวน เรำมำยอมรบั เรำไปแกไ้ ข
เลย้ี งผีมนั ก็ ำย” (ค�านึง ถ่ิน ง ์ม่อม, มั ภา ณ์, 22 ธัน าคม 2560)
โดยพิธีการท�าเ นเรือนมีเป้า มายเพ่ือ ร้างค ามมั่นคงทางจิตใจ ค ามเป็น ิริมงคล การช่ ย
ร้างข ัญและก�าลังใจใ ้กับ มาชิกในครอบครั นอกจากนี้ยังเป็น ่ิงท่ีแ ดงใ ้เ ็นค ามกตัญญูกตเ ที
ของลกู ลานทม่ี ตี อ่ พอ่ แม่ ผา่ นการเซน่ ด้ ยอา ารและปฏบิ ตั ริ า กบั า่ บรรพบรุ ุ เ ลา่ นย้ี งั มชี ี ติ อยู่ า� รบั
อา ารจะถกู จัดเตรยี มเพอ่ื ใชใ้ นพิธกี รรมการเ นเรอื น เพ่ือเลี้ยงบรรพบรุ ุ ทีล่ ่ งลบั ร มทัง้ เลยี้ งแขกที่มา
ร่ มงานด้ ย พิธกี รรมเ ล่านี้ า� รับคนไทดา� จึงเป็น ่ิงทลี่ ะทง้ิ ไม่ได้ ดงั ท่ีลงุ ค�านงึ เล่า า่ “เ นเรือนทำ� ใ ้
บำยใจ เพื่อกตญั ญกู ตเวทกี ับพอ่ แม่ เรอ่ื งประเพณีมันก็เช่อื กนั มำ ท�ำแลว้ ดีเปน็ ริ ิมงคล เวลำพอ่ แม่เรำมี
ชีวิตอยู่ แกชอบกินอะไรเรำก็จัดมำใ ้กิน ำมำใ ้เ มือนตอนอยู่ เขำก็จะเลี้ยง 7 วันเล้ียง 10 วันเลี้ยง
เขำเรยี กปำดตง” (คา� นึง ถ่ิน ง ์มอ่ ม, มั ภา ณ์, 22 ธัน าคม 2560)
4.1.3 ชำติพันธ์ไุ ทดำ� กำรดำ� รงอยูแ่ ละกำรเปลี่ยนแปลงใน ังคม มัยใ ม่
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในชุมชน ่งผลกระทบถึง ิถีชี ิตและ ัฒนธรรมของไทด�า
ท่ีเปล่ียนแปลงไปอย่างปฏิเ ธไม่ได้ ท้ังการเปลี่ยนแปลงอาชีพ การอพยพโยกย้ายไปท�างานต่างจัง ัด
คนรนุ่ ใ มม่ กั ไม่ นใจ ฒั นธรรมไทดา� ทา� ใ ค้ นไทดา� อา่ นและเขยี นภา าไทดา� ไดน้ อ้ ยลง ดงั ทผี่ อู้ า โุ ไทดา�
3 พิธีกรรมค ามตายของชา ไทด�ามีการจัดล�าดับค ามตายของผู้อา ุโ ากผู้อา ุโ ที่อายุ 70 ปีข้ึนไป ก็จะมี
การทา� อแก้ ใ ้ มกี ารทา� ญั ลกั ณร์ ปู นกใ ้ ากเปน็ ชาย และจะทา� เปน็ ั ปลใี เ้ มอื่ เปน็ ญงิ ประดบั ตกแตง่ ด้ ยรม่ ฉตั ร
ด้ ยผา้ แพร ตี า่ งๆ การท�าพธิ จี ะเป็น น้าที่ของ มอเขย
4 ันในรูปแบบของไทด�าในการเซ่นไ ้ ไม่ใช่ ันท้ัง 7 ัน (จันทร์ อังคาร พุธ พฤ ั บดี ุกร์ เ าร์ และ
อาทิตย์) ตามแบบไทยเราทน่ี ับกนั แต่ นั ของไทด�าแบง่ ออกเป็น 10 ัน ในการท�าพิธีปาดตง และงานพธิ กี รรม �าคัญของ
ไทดา� ประกอบด้ ย ฮ่ ง เต๋า กา๋ กาบ ฮับ ฮาย เมง เปก กด และขด ซง่ึ จะนับไปเร่ือย ๆ ตงั้ แต่ ันท่ี 1 ในปฏทิ ินตอ่ เน่อื งกัน
ไปจนครบเดอื น ซึ่งชา ไทด�าจะท�าเคร่ือง มายในแต่ละเดือน ่าจะต้องปาดตง ันไ น รือการก�า นดจัดงาน พใน ัน
ที่จะไม่กระทบกับ นั ในการประกอบพิธกี รรมเ นเรือนและปาดตงของครอบครั
290
ะทอ้ นมมุ มองตอ่ เรอื่ งน้ี า่ “ค ามเชอ่ื มนั เ อ่ื มลง เดก็ มยั นพี้ ดู โซง่ ไมไ่ ด้ มนั ไมพ่ ดู กนั มนั อาย ภา าไทโซง่
ตั นัง ือนี้อ่านไมอ่ อกกนั แล้ ไมไ่ ดเ้ รยี นมา” (ท ี ทองตะโก, มั ภา ณ์, 24 ธัน าคม 2560)
อยา่ งไรกต็ าม งิ่ ทนี่ า่ นใจคอื ทา่ มกลางการเปลยี่ นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ แตค่ ามเชอ่ื เรอ่ื งทาง ฒั นธรรม
ที่ยังธ�ารงอยู่อย่างม่ันคงภายใต้การเปล่ียนแปลงทางเ ร ฐกิจ ังคมและ ัฒนธรรมใน มู่ผู้ ูง ัยปัจจุบัน
พธิ กี รรมท่ีเก่ีย กบั พอ่ แม่บรรพบรุ ุ เป็น งิ่ ทคี่ นในชมุ ชนไทด�า มอง ่าไม่ ามารถจะละทิ้งไปได้ แม้ ่าลกู
ลานจะมกี ารอพยพโยกย้ายไปทา� งานตา่ งถิ่นเพมิ่ มากขนึ้ กต็ าม ในขณะทป่ี ระเพณอี ืน่ ๆ ของชมุ ชนไทด�า
เร่ิมเลือน ายไปมากขึ้น แต่ผู้ ูงอายุไทดา� ท่าน น่ึงยังคงเน้นย้�าในเร่ืองน้ี ่า “เร่ืองผีจะท้ิงไม่ได้เด็ดขำด
เพรำะเป็นบรรพบุรุ ผีพ่อผีแม่ เร่ืองผีจะทิ้งไม่ได้เด็ดขำด แต่ว่ำถ้ำลูก ลำนไม่ได้อยู่ ตรงนี้มันจะค่อย ๆ
มดไปแล้ว แตถ่ ้ำจะใ ้ มดมนั ก็ไม่ มด เพรำะคนทีอ่ ยู่ก็จะอยู่กันไปอยู่ไปเรื่อย กำรเซ่นไ วม้ ันไ ว้พ่อ
ไ ว้แม่ เพรำะพ่อแม่เขำเชิญขนึ้ ไป เขำคงทง้ิ กันไมไ่ ด้ ไอ้เรื่องอ่นื ๆ คง มดไปแน่ มดไปเรอ่ื ย ๆ” (คา� นงึ
ถน่ิ ง ์มอ่ ม, มั ภา ณ์, 22 ธัน าคม 2560)
พธิ กี รรมแ ดงใ เ้ น็ ค ามเขม้ แขง็ ของระบบเครอื ญาติ ดงั ทใ่ี นงานเ นเรอื นจะเ น็ คนไทดา� จาก
มู่บา้ นตา่ ง ๆ ทเ่ี ป็นเครอื ญาติกนั ทั้งบา้ นดอนขม้นิ บ้าน ั ถนน บ้านเกาะแรต บา้ นไผ่ ชู า้ ง ในอ�าเภอ
บางเลน อา� เภอดอนตูม และอ�าเภอก�าแพงแ น จัง ัดนครปฐม ร มทง้ั เครือญาติในพ้ืนทต่ี ่างจงั ัดอน่ื
ๆ เชน่ พุ รรณบรุ ี พิ ณโุ ลก กาญจนบรุ ี และราชบรุ ที ม่ี าร่ มงานดงั กลา่ ดงั ทผี่ ู้ งู อายเุ ลา่ ถงึ เรอ่ื งการเ น
เรอื น า่ “พธิ เี นเรอื นจะกลบั มำกนั ว่ นมำกเ นเรือนท�ำกันทุกบ้ำน ต้องบอกกนั ทุกบ้ำน ถ้ำไม่บอกเขำก็
บน่ เรำถงึ ไดพ้ ิมพก์ ำร์ดเลก็ ๆ แจกกัน รจู้ ักก็บอกกัน แจกกนั จะมำไม่มำไมร่ ู้ ก็ต้องแจก คนอ่ืน ๆ มำกิน
เอำซองมำใ ้กก็ ลบั ถ้ำผเี ดียวกันเขำจะอยู่ทัง้ วันจนเลกิ ” ( ง น เพชรรดั , มั ภา ณ,์ 9 กมุ ภาพนั ธ์ 2561)
พิธีกรรมกลายเป็น ูนย์กลางของครอบครั ชุมชน ร มถึงปัจเจกบุคคลผ่านการปฏิบัติในชี ิต
ประจา� ัน โดยพธิ กี รรมของไทดา� มีทั้งพิธกี รรมในช่ งเ ลาทีเ่ ฉพาะ เชน่ ลงั จากท�าพิธกี รรมค ามตายก็
จะมีการเชิญผีบรรพบุรุ ข้ึนเรือน รือการท�าเ นเรือนเซ่นไ ้เล้ียงผีในช่ งเ ลาท่ีเ มาะ ม ในขณะ
เดีย กันก็มีพิธีกรรมบางอย่างท่ีท�าเป็น ่ น นึ่งของชี ิตประจ�า ันและท�ากันอย่างต่อเน่ืองและ ม่�าเ มอ
คือพิธีปาดตง รือป๊ะตง พิธีกรรมดังกล่า ท�าใ ้ตั ตนของคนไทด�าเชื่อมโยงกับ ิญญาณของบรรพบุรุ
พอ่ แมแ่ ละเปน็ การแ ดงถงึ ค าม มั พนั ธท์ าง ายเลอื ดและค ามกตญั ญกู ตเ ทตี อ่ ผมู้ พี ระคณุ อยา่ งเ นยี
แนน่ ดังทผ่ี ู้อา โุ ะท้อนต่อเรอ่ื งนี้อยา่ งน่า นใจ ่า
“พ่อแม่ตำยไปแล้ว เรำก็เอำข้ึนบ้ำนนะ คนตำยน่ีนะ เอำไปเผำเ ร็จเรียบร้อย เขำจะเก็บเอำ
กระดกู ไว้ประมำณ ักครง่ึ เดอื นนะ เขำจะมำเรยี กขน้ึ บำ้ น มำอยูท่ บี่ ำ้ นเรำเน่ีย มมติวำ่ อยำ่ งบ้ำนผมน่จี ะ
มีเ ำกะล่อ อ่ ง ใครจะเขำ้ มำเกะกะไม่ได้ เขำ (ผีพอ่ แม่) มำอย่แู ลว้ ถึงวันปำดต๋งผมก็ยกอำ ำรไปประเคน
เขำถึงน่ัน บอกใ ้เขำมำกิน พำเครือกันมำ พำกันมำกินข้ำวเวนต๋งนะ เรำก็บอกเขำอย่ำงนี้ พ่อแม่เรำ
เขำก็ทำ� ใ ้พอ่ แมเ่ ขำประจ�ำ เรำก็บอกอย่ำงนจ้ี ะมำไมม่ ำก็แล้วแต่ แต่ผีเ ยำ้ ผเี รอื นมันต้องมีแน่ ท้งิ มนั ไม่
ได้น่”ี (ต่าง ออเขาย้อย อายุ 87 ปี มอเ นชา บา้ น ั ถนน, มั ภา ณ์, 3 กุมภาพนั ธ์ 2561)
291
นัง ือรวมบทความวจิ ัยและบทความทางวิชาการ เน่ืองในงานประชมุ วิชาการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
อีกทั้งการด�ารงอยู่ของค ามเช่ือในเรื่องผีพ่อแม่และบรรพบุรุ ก็ท�าใ ้บทบาท น้าที่ของ
ผู้ประกอบพิธีกรรมในเร่ืองของการเ นเรือน การท�าพิธี พ การท�าข ัญ การ ะเดาะเคราะ ์ โดยเฉพาะ
ผู้ ูงอายุที่ท�า น้าที่ดังกล่า ยังคงมีค าม �าคัญในชุมชนและจ�าเป็นที่จะต้องมีผู้ ืบต่อ บางชุมชนท่ี
ไม่มีผปู้ ระกอบพธิ กี จ็ า� เปน็ จะตอ้ ง าผเู้ ชยี่ ชาญในดา้ นพธิ กี รรมจากทอ่ี น่ื เขา้ มาช่ ยเ ลอื ในการทา� พธิ กี รรม
นนั้ ๆ ใ ถ้ กู ต้องและด�ารงอยูต่ ่อไปดังที่ผู้ งู อายทุ า่ น นึง่ กล่า ่า “ มอเ นมันตอ้ งมี ต้องมคี น บื ทอด
เรอื่ ยไป เพรำะทงิ้ ไมไ่ ดเ้ รอื่ งไ วพ้ อ่ แมม่ นั ทงิ้ ไมไ่ ด้ ถำ้ มบู่ ำ้ นตวั เองไมม่ กี ต็ อ้ งไป ำ มบู่ ำ้ นอน่ื ไปจำ้ งเขำมำ”
(ค�านงึ ถิ่น ง ์มอ่ ม, ัมภา ณ,์ 22 ธนั าคม 2560) กลุ่มคนผู้ งู อายุไทดา� จงึ เป็นเ มือนบุคคล �าคญั ใน
การ ่ัง มและถ่ายทอดองค์ค ามรู้เกี่ย กับประเพณีพิธีกรรมของไทด�าเอาไ ้ไม่ใ ้ ูญ ายไป ผู้ ิจัยจะได้
น�าเ นอใน ่ นถัดไปเก่ีย กับการใ ้ค าม มายเก่ีย กับค ามชราภาพของผู้ ูงอายุไทด�าท่ี ัมพันธ์กับ
ประ บการณช์ ี ิตทาง ัฒนธรรม
4.2. กำรใ ค้ วำม มำยต่อควำมชรำภำพของผู้ งู อำยไุ ทด�ำกบั กำรเดินทำงที่ไม่ นิ้ ุด
4.2.1 ควำมชรำภำพคอื ร่ำงกำยทเ่ี ือ่ มถอยและควำมเจบ็ ป่วย
ค าม มายของค ามชราภาพเชื่อมโยงกับการเปล่ียนแปลงของลัก ณะทางกายภาพ เช่น
ริ้ รอย ค ามเ ่ีย ย่นบนผิ นัง ภา ะค ามเ ่ือมของอ ัย ะที่ท�าใ ้ร่างกายไม่ ามารถท�าบางอย่าง
ไดอ้ ย่างเปน็ ปกติ เชน่ ายตาทพี่ ร่ามั มองเ น็ ไม่ค่อยชัด ูทต่ี งึ และไมค่ อ่ ยได้ยินเ ียง แขนขาทไ่ี มม่ เี รย่ี
มแี รง นา�้ เ ยี งท่ีแ บพร่าและแผ่ เบาก ่าเมอื่ ตอนเป็น นุ่ม า ่ิงเ ล่านีจ้ ึงเป็นเ มอื น งิ่ ทีข่ ัดข างผู้ งู
อายุในการท�ากิจกรรมทาง ังคมและมีปฏิ ัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ดังท่ีผู้ ูงอายุไทด�าใ ้ค าม มาย ่า
“ควำมชรำมันคอื อำยเุ ยอะขนึ้ รำ่ งกำยเรำก็เลยทรุดโทรมลงไป ูเร่ิมตงึ แขนขำเรม่ิ เดนิ ไม่ ะดวก” (ลา� ใย
ถน่ิ ง ม์ อ่ ม, อายุ 85 ปี มอเ นบา้ น ั ถนน, มั ภา ณ,์ 19 พฤ ภาคม 2561) “พอเร่มิ แก่ มนั เ ีย่ วมนั
ย่น ตำไมด่ ี ไู ม่ได้ยิน มันจะรู้ ึกเ นื่อยง่ำย ไมม่ ีแรง อำยมุ ำกขนึ้ ท�ำงำน นกั ไม่ได”้ ( ิชยั เพชรเนียน,
อายุ 61 ปี ชา บ้านเกาะแรต, ัมภา ณ,์ 12 เม ายน 2561)
นอกจากนคี้ าม มายของค ามชราภาพยงั ยดึ โยงกบั ค ามเจบ็ ป่ ยของรา่ งกายที่ รา้ งค ามรู้ กึ
ตอ่ ค ามชราภาพและค ามเ ่ือมถอยของร่างกายใ ก้ ับผู้ ูงอายุไทด�า เนือ่ งจากร่างกายท่เี จ็บป่ ยเป็น ิ่ง
ทขี่ ดั ข างตอ่ การใชช้ ี ติ ตามปกตทิ งั้ บทบาท นา้ ทใี่ นพธิ กี รรมและการใชช้ ี ติ ประจา� นั ท่ั ไป ดงั ทผ่ี ู้ งู อายุ
เล่าเกย่ี กบั เร่อื งนี้ ่า “ชว่ งนล้ี ่ะ รู้ กึ วำ่ ตวั เองแก่ไม่ บำย เมอ่ื ก่อนคดิ วำ่ ยังไ ว ยังดี ไมเ่ ปน็ ไร ยงั แข็งแรง
ไปผำ่ ไ ต้ ่งิ มำ ไปตรวจมำกพบว่ำมี ลำยโรค ผำ่ ทอ้ งว่ำเปน็ ไ ต้ ง่ิ เวลำเปน็ มันเจบ็ ก็ตอ้ งไป เม่ือก่อนไม่เป็น
อะไร เมอื่ กอ่ นกท็ ำ� ปกติ ทำ� ไดไ้ มเ่ ปน็ อะไร พอปว่ ยไปไ นไมไ่ ด้ แปลงขวญั กไ็ ปทำ� ใ เ้ ขำไมไ่ ด”้ ( ง น เพชรรดั ,
ัมภา ณ์, 9 กุมภาพันธ์ 2561) ดังน้ันมุมมองและค าม มายของผู้ ูงอายุต่อประเด็นเร่ืองน้ีปรากฏท้ัง
ผู้ท่ีประกอบพิธกี รรมและไม่ได้ประกอบพิธีกรรม ะท้อนใ ้เ ็น ่าภา ะเ ่ือมถอยเ ล่านี้เป็น งจร
ธรรมชาติท่ีไม่อาจ ลีกเลี่ยงได้ ค าม มายดังกล่า อยู่บนฐานคิดแบบชี ิทยา ิ ัฒนาการ ท่ียึดโยง
ค ามเ ื่อมถอยของร่างกายกับการจัดการเชิงการแพทย์ ที่ทา� ใ ภ้ า ะของค ามชราเปน็ เร่ืองของโรคภยั
ไข้เจ็บ (Talarsky, 1998) และค ามตอ้ งการการดแู ลท่ีเฉพาะ (Cohen, 1992)
292
4.2.2 ควำมชรำภำพคอื ควำมรูส้ ึกตอ่ ตัวเอง: ควำมแก่คือสงิ่ ท่ไี มม่ จี ริงมแี ต่สิ่งรู้สกึ
ค ามคิดเก่ีย กับเร่ืองของข ัญและค ามเชื่อเร่ืองผี ที่ผูกโยงกับบทบาท น้าที่ในเชิงพิธีกรรม
ท�าใ ้ค าม มายของค ามชราภาพในผู้อา ุโ ไทด�าท�า น้าท่ีในเชิงพิธีกรรมเช่น การเป็น มอเ น
มอแปงข ัญ รือแม่มด ัมพันธ์กับการเป็นผู้น�าในพิธีกรรม ได้ท�าใ ้ผู้ ูงอายุมีค าม ามารถพิเ
บางอย่างในการประกอบพิธีกรรม เช่น ค าม ามารถจดจ�าบท ดที่มีขนาดยา การเปล่งเ ียงที่ดัง
กัง านและมพี ลงั อ�านาจซง่ึ บคุ ลิกภาพและลกั ณะของรา่ งกายในช่ งเ ลานัน้ จะแตกต่างจากตอนท่ไี ม่ได้
ท�า น้าที่ในพิธีกรรม ร มทั้งการได้รับค�าชื่นชมยกย่องจากลูก ลานที่มอง ่าผู้ ูงอายุเ ล่าน้ีมีลัก ณะ
ท่าทางไม่แก่เ มือนอายุจริง ดูมี ง่ารา ีและค ามน่า รัทธาเลื่อมใ ท�าใ ้ผู้ ูงอายุรู้ ึก ่ายังไม่แก่
ค ามรู้ กึ ถงึ ภา ะของค ามเปน็ นมุ่ เปน็ า ที่ รา้ งพลงั จากขา้ งในและแ ดงออกภายนอกผา่ นรา่ งกายที่
ชราภาพในการประกอบพธิ กี รรม า� คญั ในชมุ ชนดงั ทผี่ ู้ งู อายทุ า่ น นงึ่ บอก า่ “ควำมชรำคอื ควำมแก่ รำ่ งกำย
มนั ไมเ่ มอื นเดมิ แตถ่ ้ำวนั ไ นแตง่ ตวั ใ เ่ ือ้ ฮีไปขบั เ นมันจะดู นุ่มข้นึ เลยนะ มกี �ำลังวังชำ มแี รงดว้ ยนะ
ไมร่ ู้ กึ วำ่ ตวั เองแก่ มี งำ่ รำศี ไปไ นใครกท็ กั วำ่ วยขนึ้ ไมร่ เู้ ปน็ ไง ถำ้ วำ่ แลว้ เ ยี งมนั ไมอ่ ยำกออกมำเวลำ
คยุ ปกติ แตถ่ ำ้ ไปขบั จรงิ ๆ เ ยี งมนั ดงั กอ้ งกงั วำนกวำ่ น”ี้ (ชอบ ทรพพั , อายุ 92 ปี บา้ นเกาะแรต, มั ภา ณ,์
3 พฤ ภาคม 2561) อดคลอ้ งกบั มอเ นท่าน นง่ึ ทบี่ อก า่ “อยำ่ งแม่มดชอบ บำงคนเ น็ ว่ำเขำผอม
แกด่ ไู มแ่ ขง็ แรงมเี รยี่ ว มแี รง พอเขำทำ� พธิ แี ปงขวญั เ นเรอื นดมู พี ลงั ขนึ้ มำทนั ที เ ยี งดงั กงั วำน คลอ่ งแคลว่
เขำมมี ดมมี นตใ์ นรำ่ งกำยของเขำมนั ทำ� ใ เ้ ขำแขง็ แรง ทำ� พธิ กี รรมไดแ้ มว้ ำ่ จะอำยมุ ำก ถำ้ รู้ กึ วำ่ มกี ำ� ลงั วงั ชำ
นน่ั ละ่ เขำมำ งิ เรำ ทงั้ ๆ ทเี่ ขำยงั เจบ็ ออดออดแอดแอดนน่ี ะ ครบู ำอำจำรยเ์ ขำ งิ ใ เ้ ขำแขง็ แรง มคี วำม ขุ
ควำม บำยไปไดน้ ะ ไปออกงำนไดเ้ ลย เพรำะวำ่ เขำมำอำศยั กนิ อยกู่ บั แมม่ ด” (ตา่ ง ออเขายอ้ ย, อายุ 87 ปี
มอเ นบ้าน ั ถนน, มั ภา ณ์, 3 กุมภาพนั ธ์ 2561)
ค าม มายของค ามชราภาพดงั กลา่ ะท้อนใ เ้ น็ ค าม มั พันธก์ บั ค ามรู้ ึกทผ่ี ้อู า โุ รบั รู้
ตอ่ ตั เอง ค ามรู้ ึกเป็น งิ่ ที่ใช้ตดั นิ า่ ตั เองอย่ใู นภา ะของค ามแก่ เ ือ่ มถอย รอื ชราภาพ ตราบใดที่
ยงั รู้ กึ า่ ตั เองยงั ไมแ่ ก่ ยงั รู้ กึ เปน็ นมุ่ เปน็ า กท็ า� ใ ้ ามารถทา� งานในชี ติ ประจา� นั ไดอ้ ยา่ งเปน็ ปกติ
ร มทงั้ ามารถ[ทา� บทบาท นา้ ทใ่ี นพธิ กี รรมที่ า� คญั ของชา ไทดา� ทท่ี า� ใ ผ้ ู้ งู อายรุ ู้ กึ า่ ตั เองมคี าม า� คญั
มคี าม ามารถในการทา� งาน ทา� นา้ ทไี่ ดแ้ ละไมไ่ ดร้ ู้ กึ า่ ตั เองแกช่ รา ดงั ทผี่ ู้ งู อายใุ ค้ าม มายตอ่ เรอื่ ง
ของค ามชราทเี่ ชอื่ มโยงกบั ค ามคดิ และค ามรู้ กึ ทมี่ ตี อ่ ตั เอง า่ “ควำมแกม่ นั ไมม่ ี มนั อยทู่ ค่ี วำมคดิ ทจี่ ติ ใจ
เพรำะตัวเองก็ยังรู้ ึกว่ำแข็งแรงนะน่ี เรำก็ออกก�ำลังไปตลอด ก็ยังท�ำงำนไป เรำยังไม่แก่นะ บำงครั้งไป
ถอน ญำ้ วัน นงึ่ ไม่ได้อยู่เปล่ำ กท็ ำ� ไปเทำ่ ท่เี รำทำ� ได้ ถ้ำยังมีแรงก็ทำ� ต่อไปเรือ่ ย ๆ” (ต่าง ออเขายอ้ ย,
อายุ 87 ปี มอเ นบ้าน ั ถนน, ัมภา ณ์, 3 กุมภาพันธ์ 2561) ค าม มายดังกล่า ัมพันธ์กับ
ค ามรู้ ึกและจินตนาการเชิงบ กเกี่ย กับตั เองของผู้ ูงอายุ ท่อเรยี ก า่ เป็นค ามชราท่รี ู้ ึก ซงึ่ อาจจะ
ไม่ อดคล้อง รือตรงกันข้ามกับ ภาพร่างกายท่ีเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ แต่เป็นค ามรู้ ึกของ
ค ามเปน็ นมุ่ า และค ามเยา ์ ยั (Kaufman, 1987)
293
นัง อื รวมบทความวิจัยและบทความทางวิชาการ เนอ่ื งในงานประชมุ วชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
4.2.3 ควำมชรำภำพสัมพนั ธก์ ับควำมสำมำรถในกำรท�ำงำน
ค ามชราภาพถกู ใ ค้ าม มายที่ มั พนั ธก์ บั การทา� งาน เนอ่ื งจากประ บการณช์ ี ติ ของชา ไท
ดา� เชอ่ื มโยงกบั เพ ภาพ ค ามเปน็ ผชู้ ายและผู้ ญงิ ที่ มั พนั ธก์ บั บทบาท นา้ ทใี่ นการทา� งาน ทา� ใ ค้ าม
มายของค ามเปน็ ผู้ งู อายจุ งึ เกยี่ ขอ้ งกบั ค าม ามารถในการทา� งาน ากผู้ งู อายยุ งั ามารถทา� งานได้
พ กเขากม็ อง า่ ตั เองยังไม่แก่ชรา ภาพลกั ณ์ของการทา� งานทตี่ อ่ เนอื่ ง ท�าใ ผ้ ู้ งู อายุเ ลา่ นไ้ี มร่ ู้ กึ ถึง
ค ามแกแ่ ละไมย่ อมรบั า่ ตั เองแกถ่ า้ ตราบใดพ กทา่ นยงั ามารถทา� งานไดเ้ มอื นปกติ ซง่ึ ะทอ้ นใ เ้ น็
ค ามคิดที่ตรงกันข้ามกับนิยามที่ใช้ก�า นดอายุของการท�างาน รือการเก ียณอายุของการท�างานเป็น
ตั ชี้ ดั ซง่ึ เป็น ง่ิ ทไ่ี ม่ อดคลอ้ งกับค ามเป็นจรงิ ของผู้ งู อายบุ างคนยังรู้ ึก ่าตั เองท�างานได้ ถ้า าก
ผู้ ูงอายุเ ล่านั้นยังท�างานได้ก็ไม่ถือ ่าตั เองแก่ชรา ดังเช่นผู้ ูงอายุ ะท้อนมุมมองต่อเรื่องนี้ ่า
“ควำมชรำไม่ใช่กำร ยุดพกั มแี รงทำ� ไปเร่ือย ๆ จนกวำ่ จะ มดแรง นอนเฉย ๆ ไม่ทำ� อะไร มนั ไม่มีคุณค่ำ
ควำมแก่มนั ไม่ใชแ่ คเ่ ร่ืองอำยุ แตม่ ันคอื กำรท�ำงำน กำรทำ� นำ้ ทีจ่ นวัน ุดท้ำยของชีวิต เริม่ จำก น้ำทต่ี อ่
พ่อแม่เรำ น้ำที่ต่อภรรยำและลูกเรำ น้ำท่ีต่อ ังคมชุมชน ผมเป็นผู้อำวุโ เคยเป็นผู้ใ ญ่บ้ำน จนถึง
น้ำท่ีต่อควำมเป็นไทด�ำ ประเพณีวัฒนธรรมเรำต้องรัก ำไว้ ยังท�ำ น้ำท่ีตรงน้ีในฐำนะคนไทด�ำ”
(ท ี ทองตะโก, ัมภา ณ์a, 24 ธนั าคม 2560)
ดังนั้นเม่ือค ามชรา ัมพันธ์กับการทา� งาน ในทางตรงกนั ข้ามค ามชราภาพก็ มั พนั ธ์กบั การไม่
ามารถทา� งานแบบปกตไิ ดเ้ ชน่ เดีย กัน การถูก ้ามไม่ใ ้ทา� งานแบบที่เคยทา� รอื ดงึ ผู้ ูงอายุแยกออก
จากชี ิตปกติ รอื เครอื ขา่ ยทาง ังคมอนื่ ๆ ดงั เช่นผู้ ูงอายไุ ทดา� บอก า่ “มีแต่ลกู ลำนอยำกใ อ้ ยู่บ้ำน
แต่ดอ้ื คนดำ่ กไ็ มฟ่ ัง ลูก ลำนอยำกใ อ้ ยู่เฉย ๆ อำยเุ ยอะแล้วไมอ่ ยำกใ ้ไปแปงขวญั ท�ำอะไร เดยี๋ วไปตก
นำ้� ตกทำ่ ตกบ่อ ไป ำปลำ ำอะไรเกดิ ล้ม จมน�้ำไปใครจะเ ็น เลยไม่อยำกใ ้ทำ� อะไร” ( ง น เพชรรัด,
ัมภา ณ์, 9 กุมภาพันธ์ 2561) “ควำมแก่มันก็แบบว่ำ อำยุมันเข้ำข้ันแล้วท�ำงำนไม่ได้แล้ว มันก็แก่
รับเบ้ยี ผู้ งู อำยกุ เ็ ปน็ คนแกแ่ ลว้ ” (ลา� ไย ถ่นิ ง ์มอ่ ม, มั ภา ณ,์ 19 พฤ ภาคม 2561) ค าม มายของ
ผู้ ูง ัยดังกล่า ะท้อนใ ้เ ็นภา ะของการเป็นผู้ ูง ัยที่จะต้องอยู่อย่างมีคุณค่าและ ักดิ์ รี ที่ผูกโยง
อยู่กับการท�างานท้ังในระดับครอบครั และชุมชน การตัด าย มั พนั ธ์ของผู้ ูงอายุจากการท�างาน จงึ ไม่
แตกตา่ งจากการทา� ใ ผ้ ู้ งู อายรุ ู้ กึ ดอ้ ยคณุ คา่ กั ด์ิ รแี ละลดทอน กั ยภาพของผู้ งู อายทุ ย่ี งั ามารถทา� งาน
ได้แม้ า่ จะชราภาพมากแล้ ก็ตาม
4.2.4 ควำมชรำภำพคือผ้รู อบรูแ้ ละผูม้ ปี ระสบกำรณ์
ค าม มายของค ามชราเชื่อมโยงกับประ บการณ์ในชี ิตท่ีเกิดจากการบ่มเพาะเรียนรู้มาจาก
ร่นุ พ่อแม่ เชน่ การท�านา การทา� จักร าน การทอผ้า การเยบ็ ปักถกั รอ้ ย การจดั การชี ิต เช่น การใ ้ค�า
อบรม ่ัง อน มาชกิ ในครอบครั การใ แ้ น ทางในการชี ิตคู่ การ างตั ในคอบครั โดยเฉพาะค ามรู้
ทางด้านประเพณพี ิธีกรรมตา่ ง ๆ เนอ่ื งจากผู้ ูงอายุ ่ น น่งึ เป็นผ้นู า� ในการประกอบพิธีกรรม เปน็ มอ
เ น มอเมือง มอแปงข ญั มดมนต์ รือเขย ดงั นัน้ ในพธิ ีกรรม า� คญั ตา่ ง ๆ ทชี่ า ไทด�ายังคงยึดถือและ
ปฏบิ ตั ิ ผอู้ า โุ ไทดา� จงึ มบี ทบาท า� คญั ในการใ แ้ น ทางของพธิ กี รรมทถี่ กู ตอ้ ง และ อดคลอ้ งกบั งิ่ ทท่ี า�
มาแตด่ งั้ เดมิ ผอู้ า โุ จงึ เปน็ เ มอื นผนู้ า� ในการ รา้ งบา้ นแปงเมอื ง และ รา้ งครอบครั ทเ่ี ปน็ แบบอยา่ งและ
างรากฐานใ ้กบั ลกู ลานในอนาคต
294
ผู้ ูงอายุ ะท้อนผ่านการพูดถึงเก่ยี กบั “ค ามเปน็ ผเู้ ฒ่าผแู้ ก”่ “ผูท้ ีม่ ีประ บการณ”์ “ผผู้ า่ น
เรื่องรา ในชี ิตมากมาย” ร มท้ัง “ค ามเป็นผู้รู้” เกี่ย กับประเพณี ัฒนธรรมและ ิลป ัฒนธรรมที่
เกี่ย ข้องกับการปฏิบัติในชี ิตประจ�า ัน ในขณะเดีย กัน ค ามเป็นผู้รู้ ยัง มายถึงคนที่มีทัก ะ
ค ามเชี่ย ชาญบางอย่างที่เป็น ิลป ัฒนธรรมด้ังเดิมของชุมชนที่คนท�าได้น้อยลงในปัจจุบัน เช่น
ผเู้ ชยี่ ชาญดา้ นภา าไทดา� คนขบั ายแปง คนฟอ้ นรา� ชา่ งฝมี อื จกั าน รอื คนทที่ อผา้ แบบไทดา� ได้ ค าม
เป็นผู้ ูงอายุไทด�าจึงมีค ามพิเ ในค ามเฉพาะทางชาติพันธุ์ที่ท�าใ ้ตั ตนของผู้ ูงอายุมีคุณค่ามีค าม
า� คญั ทงั้ ตอ่ คนในชมุ ชนและคนนอกชมุ ชน ดงั ทผี่ ู้ งู อายไุ ทดา� ไดอ้ ธบิ ายเกย่ี กบั เรอื่ งน้ี า่ “ผู้ งู อำยกุ เ็ ปน็
ผเู้ ฒำ่ เปน็ ผทู้ ม่ี ปี ระ บกำรณ์ ผำ่ นพน้ มำมำกมำยนน้ั แ ละ แตว่ ำ่ บำงคนไมร่ เู้ รอ่ื งคอื ว่ นมำกแลว้ ไมร่ เู้ รอื่ ง
เกี่ยวกับเรื่องประเพณี ยกเว้นแต่ว่ำจะเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมโดยตรง เขำท�ำกับพวกน้ีมำนำน ท�ำจนรู้
จนเชย่ี วชำญ” (ช ลติ อารยี ,์ มั ภา ณ,์ 20 พฤ ภาคม 2561) “คนแกน่ เ่ี ปน็ ผอู้ ำวโุ เปน็ ผนู้ ำ� เลยละ่ กอ่ นนี้
คนแก่เป็นผู้น�ำพำ ร้ำงครอบครัวควำมรู้ต่ำง ๆ มำจำกคนรุ่นก่อนทั้งน้ัน” ( �าลี เพชรอุด, ัมภา ณ์,
12 เม ายน 2561) “เรำเปน็ ผอู้ ำวโุ จะทำ� อะไรตอ้ งมำ ำเรำ เรำยงั ไม่ ลงไมล่ มื อะไร ยงั รยู้ งั จำ� ไดข้ องเกำ่ ๆ
ในตวั เรำมนั คอื คนไทดำ� ควำมรเู้ รอ่ื งไทดำ� มนั อยใู่ นตวั เรำ คนทอ่ี ยำกรกู้ เ็ ขำ้ มำ ำเรำ ไมเ่ มอื นคนแกท่ ว่ั ๆ ไป”
(ต่าง ออเขาย้อย, ัมภา ณ์, 3 กุมภาพนั ธ์ 2561) ดงั นน้ั ในช่ งเ ลาของค ามชราภาพ ได้กลายเป็นช่ ง
เ ลา �าคัญของการค้น าค าม มายของชี ิตในบั้นปลาย ท้ังการได้ถ่ายทอด ิลป ัฒนธรรม ได้เรียนรู้
ประเพณีพิธีกรรมที่เคย ลงลืม รืองดเ ้นเม่ือต้องไปใช้ชี ิต างานทา� ภายนอกชุมชน เม่ือกลับมาอยู่ใน
ชุมชนในช่ งบั้นปลาย ผู้ งู อายุเ ลา่ นี้ได้ร้ือฟนื้ และรัก าประเพณี ัฒนธรรมดั้งเดมิ ของตั เอง ที่ ะท้อน
ภา ะของการเกลียดกลั การอยู่นิ่ง การรอใ ้ร่างกายเ ่ือ ลายโดยไม่ได้ท�าประโยชน์อ่ืนใดใ ้กับคนอ่ืน
และ งั คม (Rowe and Kahn, 1997)
4.2.5 ควำมชรำภำพ ัมพันธก์ บั “ขวญั ”ที่ออ่ นแอ รอื เขม้ แข็ง
ค ามชราภาพไม่ได้เกี่ย ข้องกับเรื่องของร่างกายเพียงอย่างเดีย แต่ในโลกทั น์ของชา ไทด�า
ได้ใ ้นยิ ามค าม มายของค ามชราภาพทเ่ี ก่ีย ขอ้ งกบั ค ามคิดในเร่ืองของ “ข ัญ” ทเ่ี ป็น ่ น นง่ึ ของ
ร่างกายคนท่ีมีชี ิตอยู่ ค ามเชื่อเร่ืองข ัญของชา ไทด�าด�ารงอยู่มาอย่างยา นาน ่าข ัญคือ ่ิงท่ีอยู่ใน
ร่างกายของมนุ ยใ์ นยามปกติ ค ามเช่ือของชา ไทดา� เชือ่ ่ารา่ งกายคนเราจะมีข ญั ข ัญ ามารถท�าใ ้
ร่างกายเคล่อื นไ ได้อย่างคลอ่ งแคล่ มีพละก�าลัง รอื มเี ร่ยี แรง ข ัญท�าใ ้รา่ งกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่ ย
ในขณะเดยี กนั ากข ญั ออกจากรา่ งกายด้ ยเ ตผุ ลตา่ ง ๆ กจ็ ะทา� ใ ร้ า่ งกาย รอื คนคนนน้ั ไมม่ คี าม ขุ
กนิ ไมไ่ ดน้ อนไม่ ลบั และเจบ็ ป่ ย เปน็ ตน้ ดงั ทผี่ ู้ งู อายุ ะทอ้ น า่ “ขวญั ไมเ่ คยแก่ มแี ตอ่ อ่ นแอกบั เขม้ แขง็
ถ้ำขวัญยังดีก็ยังท�ำงำน ท�ำอะไรได้ ถ้ำไม่มีขวัญก็เคลื่อนไ วไม่ได้ และอำจตำยได้” (ต่าง ออเขาย้อย,
มั ภา ณ,์ 3 กมุ ภาพันธ์ 2561) อดคล้องกบั ผู้ ูงอายอุ กี ทา่ น นง่ึ ทบ่ี อกเกี่ย กับเรอื่ งข ัญ ่า “ถ้าข ญั
เราดี เราก็เขม้ แข็งไปไ นมาไ นได้ ถา้ ข ัญไม่ดมี ันกเ็ จ็บป่ ย อายมุ ากขน้ึ ข ัญก็จะค่อย ๆ เ ื่อมลงตอ้ ง
ดแู ลใ ้ดี ถ้าดูแลข ญั ดี เราก็ ขุ ภาพด”ี (ชอบ ทรพพั , ัมภา ณ,์ 3 พฤ ภาคม 2561)
ข ญั จงึ มี ถานะทเ่ี ปน็ นริ นั ดรแ์ ละดา� รงอยกู่ บั ตั ของคนไทดา� ท่ี ะทอ้ นใ เ้ น็ ค าม ขุ ค ามทกุ ข์
ค ามมี ุขภาพดี ค ามเจ็บป่ ย ค ามเป็นและค ามตาย ข ญั ไมไ่ ด้แกช่ ราตาม ภาพร่างกายท่เี ือ่ มถอย
แตข่ ญั ามารถอ่อนแอ รือเข้มแขง็ ได้อยูเ่ มอ เช่น การ รา้ งค ามเจบ็ ป่ ยได้ ากมเี ตุการณ์บางอย่าง
295
นัง อื รวมบทความวจิ ัยและบทความทางวิชาการ เนอ่ื งในงานประชมุ วิชาการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
เข้ามากระท�าต่อข ัญในร่างกาย ่งผลใ ้ข ัญ ลงทาง รือข ัญถูกกักตั ไ ้ เป็นต้น การท่ีข ัญไม่อยู่ใน
รา่ งกายเปน็ เ ตใุ ร้ า่ งกายของคนคนนน้ั ไมป่ กติ รอื มคี ามออ่ นแอ เจบ็ ป่ ย ทา� ใ ต้ อ้ งมพี ธิ เี นตั ตอ่ อายุ
การเรยี กข ญั การแปงข ัญ การฮา้ ง (ดกั ) ข ัญ รือช้อนข ญั ใ ้กลบั มาอยูใ่ นร่างกายของคนคนนนั้ รือ
ากข ัญยังเข้มแข็ง ร่างกายของคน ๆ น้ันก็ ามารถท่ีจะแข็งแรงได้แม้อายุจะมากข้ึนก็ตาม ค ามเชื่อ
ดังกล่า ของกลุ่มชาติพันธุ์ ะท้อนใ ้เ ็น ่า พลังของชี ิตไม่ได้อยู่ท่ีร่างกาย ที่มี ภา ะเ ื่อม ลายตาม
ธรรมชาติ แต่ ่ิงท่ีอยู่ในร่างกาย ภา ะของข ัญและ ิญญาณที่อยู่เป็นอมตะ รือนิรันดร ะท้อนใ ้เ ็น
การช่ งชิงค าม มายของการดา� รงอยู่อย่างยั่งยืนเ นือ งจรธรรมชาติ
4.2.6 ผู้ งู อำยคุ อื กำรเปล่ียนผ่ำน ถำนภำพ
ผู้ ูงอายุมีค าม มายเกย่ี ข้องกับ ถานะของค ามอา โุ การใ ค้ าม �าคัญและจัดล�าดับชนั้
ท่ผี ่านคา� เรยี กชอื่ ของผอู้ า ุโ เชน่ เอม็ เอม็ อู้ อา้ ย อ้ายอู่ รือเ าะ ซึ่งลูก ลานจะต้องใ ค้ ามเคารพ
นบั ถือ ผู้อา ุโ จะมีบทบาท า� คญั ในช่ งพิธกี รรมตา่ ง ๆ ในชมุ ชน เชน่ พิธีเ นเรือน พธิ ี งกรานต์ ท่ีจะ
ตอ้ งมกี ารเชอื้ เชญิ ผอู้ า โุ และรดนา้� ดา� ั ขอพรแกผ่ อู้ า โุ เพอื่ ขอค ามเปน็ ริ มิ งคลในการกลบั ไปทา� งาน
ภา ะของค ามเป็นผู้ ูงอายุน้ีไม่ได้ด�ารงอยู่แค่ช่ งของการมีชี ิตอยู่เท่าน้ันแต่ ถานะของค ามเป็นผู้ ูง
อายุท่ีต้องได้รับการเคารพนับถือจากลูก ลานและ ง ์ตระกูลยังด�ารงอยู่แม้ช่ งชี ิต ลังค ามตาย
การเปลีย่ น ถานะจาก “ผูอ้ า ุโ ”กลายเปน็ “ ญิ ญาณบรรพบุรุ ” รือ “ผีบา้ นผเี รอื น” ทคี่ อยดูแลลกู
ลานและต้องได้รับการกราบไ ้บูชา เซ่น ร งในช่ งต่าง ๆ เช่น พิธีเ นเรือน การปาดตง และงาน
เท กาล งกรานต์ เปน็ ต้น
ดงั นน้ั โลกทั นข์ องค ามตายของกลมุ่ คนไทดา� ไมใ่ ชก่ าร น้ิ ดุ ของชี ติ เทา่ นนั้ แตค่ ามตายคือ
การเปล่ียนผ่านและการเดินทางของคนไทด�า การเชื่อมโยงกับมิติทางจิต ิญญาณและในทางพิธีกรรม
การตายของผู้ งู อายถุ อื เป็นการตายท่ีมีค าม มายต่อครอบครั ง ์ตระกลู และลูก ลาน ิญญาณของ
ผู้ตายจะได้รับการยอมรับและเชื้อเชิญใ ้เข้ามาอา ัยอยู่ในกะล่อ ่องในบ้านของลูก ลาน เพ่ือท�า น้าที่
มนการปกปักรัก าดแู ล มาชกิ ในครอบครั ร มทงั้ ลูก ลานมี น้าที่ทจี่ ะตอ้ งมีการดแู ล เซน่ ไ ้และจดั
พธิ กี รรมใ ก้ บั ผพี อ่ ผแี ม่ รอื ผบี รรพบรุ ุ ตามค ามเ มาะ ม ดงั ทผ่ี ู้ งู อายไุ ทดา� เนน้ ยา�้ เกยี่ กบั ประเดน็ นี้ า่
“เ ลำเรำยงั ไมต่ ำยเรำกเ็ ปน็ เจำ้ บำ้ นดแู ลลกู ลำนในครอบครั เปน็ จดุ นู ยก์ ลำง เ ลำมงี ำน งกรำนตเ์ นเรอื น
ลกู ลำนกก็ ลบั มำ เ ลำตำยเรำกก็ ลำยเปน็ ผปี กปกั รกั ำลกู ลำน ใ ล้ กู ลำนกรำบไ เ้ นเรอื น เลย้ี งเรำ”
(ต่าง ออเขายอ้ ย, มั ภา ณ,์ 3 กมุ ภาพนั ธ์ 2561)
4.2.7 ควำมชรำภำพคือชว่ งเวลำของกำรเตรยี มควำมพร้อม �ำ รับควำมตำย
ค ามชราภาพคอื ภา ะขนั้ ปลาย ดุ ทา้ ยของช่ งชี ติ ซง่ึ เกย่ี ขอ้ งกบั โอกา และช่ งเ ลา า่ งของ
การ ยดุ พกั เพอ่ื ทา� กจิ กรรมบางอยา่ งเชน่ การเตรยี มตั ใ พ้ รอ้ ม า� รบั ค ามตายทจี่ ะตอ้ งเผชญิ ในอนาคต
และ การ างแผนเก่ีย กับพิธีกรรมค ามตาย ที่ไม่ ร้างค ามยากล�าบากกับลูก ลานที่อยู่ข้าง ลัง
ช่ งเ ลานกี้ ารจดั เตรยี ม งิ่ ของตา่ ง ๆ ไ ้ า� รบั พธิ กี รรมค ามตายจงึ เปน็ งิ่ า� คญั ผู้ งู อายใุ นชมุ ชนไทดา�
จะใช้เ ลา า่ งในการจดั เตรยี มจัดเยบ็ ผ้าฝา้ ย ตี ่าง ๆ า� รบั ตกต่างบ้านเรอื นไทย อแก้ รม่ รือธงเซยี น
296
การท�าเ ื้อฮี ผ้าซ่ินลายแตงโมท่ีเป็น ิ่งท่ีจะใช้ตกแต่งร่างกายไร้ ิญญาณและใช้ในพิธีกรรมค ามตาย
ใน งั คมไทยด�า ผู้ ูงอายทุ เ่ี ตรียมทา� งิ่ เ ลา่ นถ้ี ือ ่าเป็น ิ่งท่ดี แี ละไมถ่ อื ่าเป็น ่ิงอัปมงคล รอื การปฏบิ ตั ิ
ทเ่ี มอื นเปน็ การแชง่ ตั เอง เมอื่ ทา� แล้ กม็ กั จะเกบ็ ไ แ้ ละบอกลกู ลานคน นทิ า่ เกบ็ เอาไ ท้ ไ่ี น เพอื่ า่
เมอ่ื ถงึ าระ ุดท้ายของชี ิตจะได้ าเจอและนา� มาใช้ในงานได้ โดยผู้ ูงอายุ ่ นมากเมอื่ อายุ 60 ปขี ึน้ ไปก็
มกั จะทา� งิ่ เ ล่านเ้ี อาไ แ้ ล้ ดงั ทผ่ี ู้ งู อายุเลา่ เก่ีย กับเร่อื งน้ี ่า “คนแก่เขำเตรยี มตวั เขำเตรียมของทีเ่ ขำ
จะใช้เวลำตำย เขำเตรียมไวท้ งั้ มด พวกธงพวกตุง เตรียมทกุ อย่ำงใ พ้ รอ้ ม เขำบอกว่ำอยำกไปใ ถ้ งึ พอ่
ถงึ แมข่ องเขำ เรอื นแก้ว อำยุ 70-80 ปี ขึ้นไปต้องท�ำ ถ้ำมีแรงก็ทำ� เองเตรยี มเอง มีตงั คก์ ท็ �ำเอำไว้ คนแก่
อยู่ว่ำง ๆ ไม่ได้ไปไ นเขำก็ท�ำ เขำคิดของเขำเอง ถ้ำคนแก่ท�ำไว้ถือว่ำดี” ( ง น เพชรรัด, ัมภา ณ์,
9 กุมภาพนั ธ์ 2561)
“เตรยี มผำ้ ำ� รบั ใ ง่ ำนตวั เอง คนไทดำ� ไมถ่ อื ฉนั กไ็ มถ่ อื ฉนั ยงั เตรยี มไวเ้ ลย อยวู่ ำ่ ง ๆ เรำกท็ ำ� ไว้
ำมำทำ� ไว้ คนแก่อำยุ 80-90 ปวี ่ำง ๆ ยังท�ำไ วก็ท�ำ เวลำเรำไป ำซอ้ื มนั แพง รำคำเป็น มื่น เรำกท็ �ำไว้
เรื่อย ๆ” ( ง น เพชรรัด, ัมภา ณ์, 9 กุมภาพันธ์ 2561) ดังน้ันค าม มายของผู้ ูงอายุไทด�าจึงมี
ค ามเก่ีย ข้องกับการการเตรียมพร้อมของผู้ ูงอายุในบั้นปลาย ุดท้ายของชี ิตไม่ใช่เพียงในแง่ของ
ัญลัก ณ์ทางพิธีกรรมของค ามตายเท่าน้ัน แต่แ ดงใ ้เ ็นการเตรียมตั �า รับการ างแผนทาง
เ ร ฐกิจและค ามมน่ั คงใ ้กบั ครอบครั และเป็นการเดนิ ทางในชี ิต ลังค ามตายที่ งา่ งามอีกด้ ย
5. ขอ้ อภิปรำยและถกเถยี ง
จากข้อค้นพบท่ีได้จะได้น�าไป ู่การ ิเคราะ ์และอธิบายถกเถียงใน 2 ประเด็น ลักคือ
1. ค ามชราภาพกับค ามซับซ้อนของค าม มายภายใต้บริบททางชาติพันธุ์ไทด�าท่ีเฉพาะและแตกต่าง
จาก าทกรรมชราภาพกระแ ลัก และ 2. ค ามชราภาพกับค าม มายและการเดินทางท่ีเป็นนิรันดร
ทจี่ ะทา� ใ เ้ ราเขา้ ใจถงึ การเปลย่ี นผา่ นของชี ติ และชี ติ ลงั ค ามตายท่ี ะทอ้ นค าม า� คญั ของผู้ งู อายไุ ท
ดา� ทา่ มกลางการเปลีย่ นแปลงทาง ังคม ัฒนธรรม
5.1. ควำมชรำภำพควำมซบั ซอ้ นของควำม มำยทไี่ มใ่ ชแ่ ค่ ว่ น นงึ่ ของรฐั แตเ่ ปน็ ของชมุ ชน
ชำตพิ นั ธุ์
การใ ้ค าม มายเกี่ย กับค ามชราภาพ เก่ีย ข้องกับค ามรู้ ึกและใ ้คุณค่าแก่ตั เองของ
ผู้ งู อายทุ เี่ ชอ่ื มโยงกบั มติ ทิ าง ฒั นธรรม ทา� ใ เ้ น็ า่ การกา� นดนยิ ามของผู้ งู อายเุ ปน็ ง่ิ ทที่ า� ไดค้ อ่ นขา้ ง
ยากและไม่ อดคลอ้ งกบั ค ามจรงิ ภายใตก้ ารพยายามนยิ าม รอื กา� นดผู้ งู อายไุ เ้ พยี งนยิ าม รอื ค าม
มายเดยี ในแงข่ อง ภา ะรา่ งกายทเี่ อื่ มถอยและผพุ งั ตามกรอบคดิ แบบชี ทิ ยา ทง้ั ทคี่ าม มายของ
ค ามชราภาพจงึ มคี าม ลาก ลายในบรบิ ททมี่ คี ามเฉพาะ ในกรณชี มุ ชนไทดา� ทย่ี ดึ โยงอยบู่ นค ามเชอื่
เรอื่ งผี ข ญั และชี ติ ลงั ค ามตาย พธิ กี รรมเ ลา่ นไ้ี ด้ ลอ่ ลอมจติ า� นกึ ค าม มายและการปฏบิ ตั ขิ อง
ผู้ ูงอายุไทดา� ทม่ี ีค ามเฉพาะ เนื่องจาก ัฒนธรรม ประเพณี พธิ กี รรมคือ งิ่ ทีด่ า� รงอยเู่ นอื อินทรีย์ รือ
ร่างกายที่เ ื่อม ลาย ซ่ึง ัมพันธ์กับค ามอา ุโ ภายใต้ค าม มายของชี ิตท่ีเก่ีย ข้องกับทัก ะ
ประ บการณ์ท่ไี ด้รับการ ัง่ มมาอยา่ งยา นาน ร มทง้ั การได้รับการยอมรับจาก งั คม ทกั ะตรงนแ้ี ม้ า่
297
นัง อื รวมบทความวจิ ัยและบทความทางวิชาการ เนอ่ื งในงานประชมุ วชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
จะเกดิ จากการ ะ มเรยี นรใู้ นมติ ขิ องเ ลา ในทางตรงกนั ขา้ มมติ ทิ างเ ลากไ็ มไ่ ดจ้ า� กดั ค าม ามารถในเชงิ
พิธีกรรม รือ ัฒนธรรมของผู้ ูงอายุไทด�า ดังเช่นการก�า นดช่ งเ ลาของการเก ียณอายุการท�างาน
แต่ ากเมอื่ มีพิธีกรรมและ ฒั นธรรมประเพณี ค ามเปน็ ผเู้ ชีย่ ชาญในการใ ค้ �าแนะน�า และปฏบิ ัติในเชิง
พธิ กี รรมในชมุ ชนกย็ งั คงเปน็ นา้ ทขี่ องผอู้ า โุ และดา� รงอยตู่ ราบทผ่ี ู้ งู อายจุ ะเจบ็ ป่ ย รอื เ ยี ชี ติ ลงไป
บทบาท นา้ ทขี่ องผู้ งู อายไุ ทดา� ท่ปี รากฏในพธิ กี รรม ได้ใ ค้ าม มายเฉพาะต่อค ามชราภาพ
ท่ี ามารถโต้แย้ง ิธีคิดแบบรัฐ ท้ัง น่ ยงานด้านการ ิจัย ด้านประชากร รือ น่ ยงานด้าน ุขภาพท่ีได้
ใ ้การนิยามเก่ีย กับค ามชราภายใต้แน คิดการประกอบ ร้างทาง ังคมเกี่ย กับค ามเป็นผู้ ูงอายุ
ภายใตก้ ารพยายาม รา้ งภาพลกั ณข์ องผู้ งู อายใุ เ้ ปน็ ไปในแน ทางของภา ะค ามเ อ่ื มถอยในลกั ณะ
เ มาร ม และไดล้ ดทอนค าม ามารถของปจั เจกบคุ คลทงั้ ดา้ นคณุ ฒุ แิ ละ ยั ฒุ ขิ องผู้ งู อายมุ าก ในขณะ
ทรี่ ฐั และ ถาบนั ทางการแพทย์ มกี ารตอกยา้� ภาพของผู้ งู อายไุ ท้ ร่ี า่ งกายและอายขุ องการทา� งาน ในทาง
ตรงกนั ข้ามชุมชนทางชาติพนั ธไุ์ ทด�า ะทอ้ นใ ้เ ็นบทบาท น้าทีแ่ ละการทา� งานของผู้ งู อายทุ ไ่ี มไ่ ด้ น้ิ
ดุ ภายใตช้ ่ งอายขุ องการทา� งานทถ่ี กู กา� นดอยา่ งตายตั แตเ่ ปน็ การทา� งานจนกระทงั่ ไม่ ามารถจะทา� ได้
รือ นิ้ ดุ ชี ติ ลงไป จากการ กึ าพบ า่ ผู้ ูงอายุ ัย 80 ปขี ้นึ ไป ยังท�า นา้ ทเ่ี ปน็ มอเ นเรือน มอป่ี
มอแปงข ญั รอื มด ร มทง้ั ผอู้ า โุ รอื ผมู้ คี ามรใู้ นการใ ค้ า� แนะนา� ช่ ยเ ลอื ในการประกอบพธิ กี รรม
ตา่ ง ๆ ของชุมชนไทด�าเนอื่ งจาก ากไม่ทา� แล้ ก็จะไมม่ ีคน บื ต่อประเพณี ฒั นธรรมเ ลา่ นีใ้ นชุมชนและ
ไม่ ามารถทา� ใ เ้ กิดค ามมัน่ คงและบรรเทาปญั าชี ติ ค ามเจบ็ ป่ ยและ ขุ ภาพใ ก้ บั มาชิกใน ังคม
ไทดา� ได้ ทา� ใ เ้ น็ า่ นยิ ามแบบกา� นดผู้ งู อายภุ ายใตเ้ กณฑข์ องช่ งอายกุ บั การทา� งานใชไ้ ม่ ามารถใชไ้ ด้
กับผู้ ูงอายใุ นชมุ ชนทางชาตพิ ันธไุ์ ทด�าได้อย่างแท้จริง
ดงั นน้ั ค าม มายของค ามชรายดึ โยงกบั มติ ทิ าง ฒั นธรรม โดยเฉพาะดา้ นประเพณี ค ามเชอ่ื
และการปฏิบัติตามบทบาท น้าที่ในเชิงประเพณีพิธีกรรมของไทดา� รือลา โซ่ง โดยเฉพาะการถือผีและ
การเ นเรือน “การ ืบ ล้�าก�่าผี” คอื ธิ คี ดิ ของการ บื ผีต่อจากพอ่ แม่ า� รบั ผ้ชู าย ่ นผู้ ญิงการ บื อยู่
บนฐานคิด ่า “ไปเฮือน น้า าเฮือนใ ม่” การนับถือผีฝ่ายพ่อแม่ ามีในฐานะของลูก ะใภ้ ร มท้ังการ
รู้ ึกต่อค ามชราภาพของตั เองท่ี ่า ค าม มายของค ามชราภาพไม่ได้อยู่ที่คนอ่ืน ไม่ได้อยู่ที่ ังคม
ฒั นธรรมก�า นด แต่อย่ทู กี่ ารรับรเู้ กีย่ กับตั เอง ค ามรู้ ึก า่ ตั เองยังไม่แกแ่ ละยังท�างานได้ เป็นแง่มุม
ทม่ี ีค ามนา่ นใจในการทา� ค ามเข้าใจค ามชราภาพในกลุ่มชาตพิ นั ธไ์ุ ทด�าในปจั จบุ ันภายใต้ ิธีคิดของรัฐ
ทมี่ องผู้ งู อายภุ ายใตค้ ามเ อ่ื ม ค ามเปน็ ภาระพงึ่ พงิ ค ามเปราะบาง ตอ้ งใ ค้ าม งเคราะ ช์ ่ ยเ ลอื
มั พนั ธก์ บั นโยบายของรฐั ในเรอ่ื งของการใ ้ ั ดกิ าร า� รบั ผู้ งู อายทุ เี่ ปน็ การ รา้ งภาพลกั ณข์ องผู้ งู
อายทุ ่ีตายตั อดคลอ้ งกับ ชุ าดา ท ี ทิ ธิแ์ ละ รัย บุณยมานนท์ (2553) ช้ใี เ้ น็ แน คดิ า่ ผู้คน ่ น
ใ ญ่ใน ังคมเริ่มรับรู้ตนเองเกี่ย กับค ามชรา รือการเข้า ู่การเป็นผู้ ูงอายุจากค�าบอกกล่า ของคนอ่ืน
และการจัดการของ ังคมและของภาครัฐ ดังน้ันค ามแก่ รือผู้ ูงอายุ เป็น ่ิงท่ีถูก ังคม ัฒนธรรม ร้าง
ข้ึนมา ไม่ ่าจะเป็นพุทธ า นาที่มองค ามแก่กับ ัจธรรมของชี ิต รือในทางชี ิทยา รือการแพทย์
ที่น�าเอาค ามแก่ชราไปตรึงแน่นกับภาพลัก ณ์ของค ามตาย ค ามเจ็บป่ ย ค ามเ ่ือม ภาพ ค ามไร้
มรรถนะ การดแู ลตั เองไมไ่ ด้ การตอ้ งพงึ่ พงิ ลกู ลานกบั คนอนื่ ง่ ผลใ ม้ นุ ย์ มยั ใ มป่ ฏเิ ธและเกลยี ด
กลั ค ามแก่ ค ามเ อ่ื มและค ามตายทผ่ี กู โยงกบั ค ามชราภาพ แตใ่ นขณะเดยี กนั ค าม มายของผู้ งู
อายุไทด�า ัมพันธ์กับปฏิบัติการทาง ัฒนธรรมท่ี ร้างการตระ นักถึง ักยภาพ ค าม ามารถ ร มถึง
298
ค ามรู้ กึ ของค ามเปน็ นมุ่ า การมพี ลงั มากก า่ ทจ่ี ะเปน็ ผู้ งู อายทุ ไ่ี รค้ าม ามารถ อดคลอ้ งกบั งิ่ ที่
Kaufman (1987) บอก า่ ค ามรู้ ึก ่ายัง น่มุ า ยงั อ่อนเยา ์ (Feeling young) ค ามมอี ายขุ องคนเรา
ข้ึนอยู่กับ ิ่งท่ีคนเรารู้ ึกต่อตั เอง ปัจเจกบุคคลมีแน โน้มที่จะรู้ ึก ่าตั เองไม่แก่ รือค ามไม่รู้ ึก ่า
ตั เองแก่ ทา� ใ ้ผู้ ูงอายเุ ปน็ พ กที่คิด ่าตั เองไมแ่ ก่ ร มท้งั ปฏิเ ธค ามคดิ า่ ค ามชราภาพ มั พนั ธก์ ับ
ค ามเ ื่อมถอยของร่างกาย ในทางตรงกันข้ามผู้ ูงอายุยังมีค ามรู้ ึกถึงค ามเป็น นุ่มเป็น า ซ่ึงเป็น
ภา ะ รอื แน โนม้ ทผ่ี คู้ นรู้ กึ า่ ตั เองยงั นมุ่ มากก า่ อายทุ แ่ี ทจ้ รงิ ของพ กเขา คนแกย่ งั คงทา� งานและ
พยายามเอาชนะกับค ามเ อื่ มถอย ถา้ อยูเ่ ฉย ๆ จะรู้ กึ ป่ ยไม่ บาย ะท้อนใ เ้ น็ ค ามคดิ เชิงอตั ิ ยั
ของปัจเจกบุคคลของตั เองเกี่ย กับเรื่องของค ามชรา ไม่มีใครก�า นด รือบอกแต่พ กเขาก�า นดและ
รับรเู้ อง
ในขณะเดยี กนั การใ ค้ าม มายตอ่ ค ามชราภาพของผู้ งู อายไุ ทดา� ก็ ะทอ้ นใ เ้ น็ บทบาท
และ นา้ ทท่ี เ่ี ชอื่ มโยงกบั ถานภาพ การไดร้ บั การยอมรบั ยกยอ่ งในฐานะของผอู้ า โุ รอื ผมู้ คี ามรคู้ าม
เชยี่ ชาญเฉพาะในชมุ ชน ซ่งึ อดคล้องกบั งาน ึก าของ เพญ็ จนั ทร์ และมลั ลิกา (2549) ทชี่ ีใ้ เ้ ็น า่
ฐานะของผู้ ูงอายุได้รับการยกย่องและมีเกียรติ โดยไม่มีกฎเกณฑ์เรื่องอายุ รือข้อก�า นดท่ีชัดเจน ่า
ใครคือคนชรา ตราบใดท่ีบุคคลเ ล่านั้นมีบทบาททาง ังคมอย่างต่อเนื่อง แม้ ่าร่างกายจะไม่เปล่งปล่ัง
เ มือน ัย นุ่มก็ตาม ากแต่การที่มีอายุมากข้ึน มายถึงการเป็นท่ีร มเรื่องรา ประ ัติของตระกูล
เป็นผู้ใ ้ค�าปรกึ า อนบทเรยี น ฝึกทกั ะการทา� งานต่าง ๆ ใ ก้ บั ลกู ลานของตั เอง
5.2. ควำมชรำภำพ: ควำม มำยและกำรเดินทำง ่ชู ีวิตท่นี ริ นั ดร์
การเชอ่ื มโยงผู้ งู อายกุ บั พธิ กี รรม เปน็ ง่ิ ที่ ะทอ้ นใ เ้ น็ โอกา ของการแ ง าค ามรู้ ตอ่ เตมิ
และปรับเปลี่ยนค ามรู้ ร มท้ัง ร้างค าม มายใ ้กับชี ิตของผู้ ูงอายุไทด�า ท่ี ัมพันธ์กับค ามคิดและ
ค ามรู้ กึ เกยี่ กบั ตั เอง ค าม ามารถในการเคลอ่ื นไ ของรา่ งกายและค าม ามารถในการทา� งาน รอื
ทา� นา้ ทใี่ นทางพธิ กี รรมได้ ในขณะเดยี กนั การทา� นา้ ทท่ี างพธิ กี รรมยงั เปน็ ง่ิ ทใ่ี พ้ ลงั และค าม มาย
กบั ชี ิตของผู้ งู อายุที่เชือ่ มโยงกับอัตลกั ณ์ทางชาติพันธ์ุ เช่น การใ เ่ ้อื ฮีในฐานะเจา้ พธิ กี รรม การเปลง่
ค�ากล่า ภา าไทด�าในพิธีกรรมด้ ยเ ียงท่ีดังกัง าน การรู้ ึกมีพลัง รือข ัญแข็งแรงเม่ือท�า น้าท่ีทาง
พิธกี รรม เป็นตน้
กลมุ่ ชาตพิ ันธไ์ุ ทด�ามคี าม มายของรา่ งกายท่ซี ับซ้อนภายใตร้ ่างกายของค ามชรา ทปี่ ระกอบ
ด้ ยข ญั ทอ่ี ยใู่ นรา่ งกาย ถานะท่ี ามารถเปลย่ี นผา่ น คู่ ามเปน็ ผอู้ า โุ เพอื่ เดนิ ทาง กู่ ารเปน็ ญิ ญาณ
ผบี รรพบรุ ุ รอื ผพี อ่ ผแี มใ่ นชี ติ ลงั ค ามตายทค่ี อ่ นขา้ งนริ นั ดร์ ทตี่ รงกนั ขา้ มกบั ภา ะของค ามแตกดบั
และค ามเ อื่ ม ลาย และการ นิ้ ดุ บทบาท นา้ ทลี่ งไป ซง่ึ ทา� ใ เ้ น็ า่ ค ามชราภาพของชา ไทดา� ไมไ่ ด้
อยภู่ ายใต้ งจรธรรมชาตแิ ละการกา� นดภายใต้ าทกรรมทาง งั คม แต่ มั พนั ธก์ บั ค ามเปน็ อมตะภายใต้
การเดนิ ทางของชี ติ ในฐานะของค ามเปน็ ชาตพิ นั ธไ์ุ ทดา� การใ ค้ าม มายเกยี่ กบั ค ามชราภาพของผู้
งู อายุไทดา� จึงทา� ใ เ้ ็นค าม มั พันธ์ของค ามเป็นชาตพิ ันธไุ์ ทด�า ผี ข ัญ ทยี่ ดึ โยงค ามคิดเกีย่ กบั เนอื้
ตั รา่ งกาย การมชี ี ติ และค ามเจบ็ ป่ ยอกี ทงั้ ยงั ทา� ใ เ้ น็ แบบแผนทาง ฒั นธรรมที่ ะทอ้ นผา่ นพธิ กี รรม
ตา่ ง ๆ ทช่ี า ไทดา� ปฏบิ ตั กิ บั พอ่ แมแ่ ละผลู้ ่ งลบั เชน่ พธิ เี นตั พธิ เี นเรอื น รอื การทา� ปาดตงท่ี นู ยก์ ลาง
299
นงั ือรวมบทความวจิ ัยและบทความทางวิชาการ เนอ่ื งในงานประชุมวชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
ของครอบครั อยู่ที่ ิญญาณบรรพบุรุ เป็นต้น อดคล้องกับการ ึก าของ ธัณญ์ณภัทร์ เจริญพานิช
(2559) ท่ีช้ี ่าการนับถือผีเป็นการแ ดงออกถึงค ามต้องการท่ีพ่ึงยึดเ น่ีย ทางจิตใจของคนไทยทรงด�า
เนื่องจากเช่ือ ่าผี ามารถปกป้องรัก าคุ้มครองลูก ลานและคนใน ังคมใ ้อยู่เย็นเป็น ุข ดังน้ันค าม
มั พนั ธร์ ะ า่ งคนกบั ผจี งึ เปน็ ค าม มั พนั ธเ์ ชงิ อา� นาจ เปน็ เรอื่ งของการตอ่ รองการเคารพและ า� นกึ ใน
บญุ คณุ ของบรรพบรุ ุ ค ามเชอื่ ในเรอ่ื งผยี งั รา้ งค ามผกู พนั ในครอบครั และเครอื ญาตชิ า ไทยดา� มคี าม
ามัคคแี ละค ามเปน็ นงึ่ เดยี กนั
พน้ื ทท่ี เ่ี รยี ก า่ “ งิ้ ผพี อ่ แม”่ “ อ้ งผบี รรพบรุ ุ ” “กะลอ่ อ่ ง” จงึ นบั เปน็ ถานทยี่ ดึ เ นยี่ และ
ใ ้พลังอ�านาจในการคุ้มครอง มาชิกในครอบครั และเป็นพ้ืนท่ี ักด์ิ ิทธ์ิที่ใครจะเข้าไปไม่ได้ในปัจจุบัน
ผู้ทเ่ี ปน็ เจา้ ของพน้ื ทเ่ี ล่าน้ี คอื ผอู้ า โุ ของครอบครั พอ่ แมท่ ยี่ งั มชี ี ิตอยู่ เมอื่ เ ยี ชี ิตไปแล้ ลกู ชายกจ็ ะ
ทา� นา้ ทใี่ นการ บื ตอ่ แทน ค าม มายของผู้ งู อายจุ งึ เปน็ ค าม มายทเ่ี กดิ จากการ ลอ่ ลอม การเรยี นรู้
ผ่านพิธีกรรมค ามเชื่อ ผ่านการปฏิบัติท่ีมีค ามใกล้ชิดกับการเซ่น ร งบูชาผีบรรพบุรุ อย่างเช่น
การทา� ปาดตง การเ นเรอื น การเชญิ ผพี อ่ แมข่ นึ้ เรอื น และเปน็ ผดู้ แู ล เขา้ ถงึ และครอบครองพน้ื ท่ี กั ด์ิ ทิ ธิ์
ของบา้ น ดงั นัน้ ช่ งชี ติ ของผู้ ูงอายุผูกโยงกบั กระบ นการเปลย่ี นผา่ นเปน็ ขน้ั ๆ ตามช่ งเ ลาของชี ติ
การท�าบทบาท น้าที่ของลูกทั้งการกลับมา ืบผี การกลับมาไ ้พ่อแม่ การมาเซ่นไ ้ผีพ่อผีแม่ รือการ
เชญิ ผพี อ่ แมข่ น้ึ เรอื นเพอื่ เปน็ ผเี รอื น ะทอ้ นใ เ้ น็ ภา ะของการเปลยี่ นผา่ นในการเดนิ ทาง จากการอยกู่ บั
ครอบครั การแยกจากครอบครั และกลับมาร มกันใ ม่ ิธีคิดของชุมชนชาติพันธุ์ไทด�าใน ังคมไทย
จงึ แตกตา่ งจาก ธิ คี ดิ า่ ด้ ยเรอ่ื งของอายขุ องผคู้ นที่ มั พนั ธก์ ารทา� งานและการ บื พนั ธข์ุ อง งั คมตะ นั ตก
(Fries, 1980) ซึ่งในชุมขนไทด�า อง ิ่งนี้ไม่ใช่ข้อก�า นด ลักพ้ืนฐาน �าคัญ ากแต่ ่าช่ งเ ลาของอายุ
และการเปลยี่ นผา่ นมคี าม มั พนั ธก์ บั ง่ิ ทเี่ นอื ชี ติ เชน่ เรอื่ งของผแี ละ ญิ ญาณ งจรชี ติ รอื ถานภาพ
ของคนไทด�าจึงมี ภา ะทอี่ ย่เู นอื เ ลา ไมเ่ อ่ื ม ลายและเปน็ นิรันดร์ ซงึ่ แตกตา่ งจากค ามคิดเรอ่ื งช่ ง
ัย รือช่ งชี ติ ท่ีมอง ่าค ามตายของบุคคลเปน็ การ น้ิ ุดของทกุ ิง่ แตใ่ น งั คมของกลมุ่ ชาติพนั ธไุ์ ทด�า
ค�า ่า ถานภาพ รือ ถานะที่เก่ีย โยงกับช่ งชี ิต ลังค ามตาย การเป็นผีบ้านผีเรือน ผีบรรพบุรุ ท่ียัง
คงทา� นา้ ทต่ี อ่ ไป แมก้ อ่ นเขา้ ชู่ ี ติ ลงั ค ามตายผู้ งู อายไุ ทดา� กย็ งั ทา� นา้ ทใี่ นการถา่ ยทอดประ บการณ์
ค ามรู้ใ ้กับคนรุ่น ลัง การเรียนรู้และรัก าประเพณี ัฒนธรรมผ่านการปฏิบัติทั้งการเป็นผู้ท�า น้าท่ีใน
การประกอบพธิ กี รรมของชมุ ชนและการปฏบิ ตั พิ ธิ กี รรมในชี ติ ประจา� นั ในฐานะของคนไทดา� ทท่ี า� ใ เ้ รา
เ น็ ค ามเชอื่ มโยงระ า่ งทนุ มนุ ยแ์ ละทนุ ทาง ฒั นธรรมทท่ี า� ใ ้ ฒั นธรรมของชา ไทดา� ยงั ามารถดา� รง
อยู่ท่ามกลางการเปล่ียนแปลงไดใ้ นปัจจุบนั
ผู้เขียนเ ็นด้ ยกับ Cohen (1992) ท่ี ิพาก ์ประเด็นเร่ืองค ามชราภาพในฐานะภา าของ
กิ ฤตการณ์ (language of crisis) โดยเฉพาะการ ึก า จิ ยั ทาง ทิ ยา า ตร์ทใ่ี ชต้ ั เลขทาง ถิติเป็นตั ชี้
ดั การพง่ึ พาและค ามเปน็ ภาระในทางเ ร ฐกจิ และ งั คม ร มทงั้ ประเดน็ ทาง ขุ ภาพทเี่ ชอ่ื มโยงกบั การ
คาดคะเนทางประชากรและระบาด ทิ ยาในการตดั นิ ใจเชงิ นโยบายดา้ น ขุ ภาพและการใ ค้ ามช่ ยเ ลอื
ด้าน ั ดิการการกับกลุ่มประชากร ูงอายุท�าใ ้ไม่เข้าใจค ามซับซ้อนและบริบทของผู้ ูงอายุในแต่ละ
ฒั นธรรมและคา� นึงถงึ มิติทาง ฒั นธรรมในการทา� ค ามเข้าใจเก่ยี กบั ผู้ ูงอายุใน ังคมปจั จุบนั
300
6. บทสรปุ และข้อเสนอแนะ
บทบาท นา้ ทขี่ องผอู้ า โุ ในชมุ ชน ะทอ้ นใ เ้ น็ บทบาทของค ามเปน็ ผนู้ า� และผแู้ ง าทใ่ี ช้
โอกา ของช่ งเ ลา ูงอายุท่ีผ่อนคลายตั เองจากการท�างานที่เคยปฏิบัติ แต่ใช้ช่ งเ ลาดังกล่า ในการ
ท�าค ามเข้าใจค ามเป็นชาติพันธุ์ของตั เอง การท�า น้าท่ี ืบต่อประเพณีพิธีกรรม การท�า น้าที่เป็น
ผู้ประกอบพิธกี รรมและใ ค้ ามร้กู ับคนรุ่น ลงั เพือ่ บื ทอดประเพณี ฒั นธรรม และธา� รงอัตลกั ณ์ค าม
เป็นชาติพันธุ์ไทด�าไ ้ไม่ใ ้ ูญ ายไปท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ่ิงที่น่า นใจคือ นิยามค าม มายของ
ผู้ ูงอายุไทด�าที่มีค าม ลาก ลายและยึดโยงกับลัก ณะเฉพาะทางชาติพันธุ์ท่ีไม่ ามารถจะใช้มิติใดมิติ
น่งึ มาก�า นด รือนิยามผู้ งู อายุ ทงั้ ทางเ ร ฐกจิ การเมือง ประชากร รอื มุมมองทาง งั คม ัฒนธรรม
แบบตะ ันตก ซ่ึงท�าใ ้ไม่เ ็นค ามซับซ้อน ลาก ลายของผู้ ูงอายุ ดังนั้นจึงค รมีการ นับ นุนการ
ร บร มเกี่ย กับ ักยภาพของผู้ ูงอายุในชุมชนในมิติทาง ัฒนธรรมและชาติพันธุ์เพ่ือใ ้ผู้ ูงอายุอยู่ใน
งั คมไดอ้ ยา่ งมี กั ดิ์ รี มคี ามภาคภมู ใิ จในตั เองและมคี าม ขุ ในปน้ั ปลายชี ติ อกี ทง้ั การเ รมิ รา้ งและ
นับ นุน ักยภาพของผู้ ูงอายุในแง่ของการท�างานในเชิง ัฒนธรรม การร บร มองค์ค ามรู้ต่าง ๆ
ท่ี ั่ง มและปฏิบัติมาอย่างยา นานท่ีอยู่ในประ บการณ์ชี ิตของผู้ ูงอายุ ร มท้ังการใ ้ค าม �าคัญกับ
ค ามเปน็ ผนู้ า� ทาง ฒั นธรรม การเปน็ ผู้ งู อายทุ มี่ ี ขุ ภา ะทดี่ ที ง้ั ทางรา่ งกายและจติ ใจ เพอ่ื นา� มาเปน็ ่ น
น่งึ ของการกา� นดและผลกั ดนั นโยบายผู้ ูงอายุในบรบิ ททม่ี คี ามเฉพาะ
301
นัง อื รวมบทความวจิ ัยและบทความทางวชิ าการ เนื่องในงานประชมุ วชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
บรรณำนุกรม
ภำ ำไทย
ชนัญ ง ์ ิภาค. (2531). “การ ึก า ิจัยกลุ่มชาติพันธุ์ในภูมิภาคตะ ันตก.” เอก ารประกอบ
การประชุม ัมมนา ิชาการเร่ือง ังคม- ัฒนธรรมภาคตะ ันตก ึก า 12 กันยายน 2531
ณ คณะ กึ า า ตร์ ม า ทิ ยาลยั ลิ ปากร นครปฐม.
ชมพูนุช พร มภักดิ์ (2556). “การเข้า ู่ ังคมผู้ ูงอายุของประเท ไทย.” บทค ำม ิชำกำร. 3,
16 ( ิง าคม) เข้าถึงได้จาก �านัก ิชาการ �านักงานเลขาธิการ ุฒิ ภา http://library.
senate.go.th/documaent/Ext6078/6078440_0002.PDF.
ณรงค์ อาจ มิต.ิ (2555). “รัฐชาติ ชาตพิ ันธ์ุ และอัตลัก ณ์ไทด�า.” ำร ำร ังคม ทิ ยำและมำนุ ย ทิ ยำ.
31, 2 (กรกฎาคม-ธัน าคม): 53-77.
ธญั ณ์ณภทั ร์ เจริญพานิช. (2559). “ผแี ละอ�านาจ ผา่ นค ามเชอื่ เรื่องผขี องชา ไทยทรงดา� ต�าบลพนั เ า
อา� เภอบางระก�า จัง ดั พิ ณโุ ลก.” ำร ำรรำชพฤก .์ 14, 2 (พฤ ภาคม- ิง าคม): 67-74.
นภาภรณ์ ะ านนท์ และธรี ัลย์ รรธโนทัย. (2552). ทิ ทำงใ มใ่ นกำรพัฒนำกำรอยู่อำ ยั �ำ รบั
ผู้ งู อำยุ ใน งั คมไทย. กรงุ เทพม านคร: คณะ ถาปตั ยกรรม า ตร์ ม า ทิ ยาลยั ราชมงคลธญั บรุ .ี
นุกูล ชมภูนิช. (2530). ัฒนธรรมไทยโซ่ง มู่บ้ำนเกำะแรต ต�ำบลบำงปลำ อ�ำเภอบำงเลน
จงั ัดนครปฐม. นครปฐม: ูนย์ ลิ ป ฒั นธรรม ทิ ยาลัยครนู ครปฐม.
น�าพ ัลย์ กิจรัก ์กุล. (2537). กำร ึก ำรูปแบบกำรตั้งถิ่นฐำน ประชำกร เ ร ฐกิจและ ัฒนธรรม
ของลำ โซ่งในจัง ัดนครปฐม. นครปฐม: ภาค ิชาภูมิ า ตร์ คณะอัก ร า ตร์
ม า ิทยาลยั ลิ ปากร.
เพญ็ จนั ทร์ เชอรเ์ รอร์ และมลั ลกิ า มตั โิ ก (2549) “ภาพลกั ณผ์ ู้ งู อายไุ ทย: การประกอบ รา้ งทาง งั คม
ฒั นธรรม.” ในเอก ารประกอบการประชมุ ชิ าการคณะ งั คม า ตรแ์ ละมนุ ย า ตรป์ ระจา�
ปี 2549 ันที่ 16 ธัน าคม 2549 ณ โรงแรมรอยลั รเิ อร์ กรุงเทพ.
มยรุ ี ดั แก้ . (2521). “การ กึ าโครง รา้ ง งั คมของชา โซง่ .” ทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญา ลิ ป า ตรม าบณั ฑติ
าขาพฒั นา ังคม บณั ฑติ ิทยาลยั ม า ิทยาลัยเก ตร า ตร์.
รณี เลิ เลื่อมใ . (2544). จักร ำลทั น์ ฟ้ำ-ข ัญ-เมือง คัมภีร์โบรำณไทอำ ม. กรุงเทพฯ:
โครงการ ิถที รร น์.
รตั นาพร เ ร ฐกลุ . (2540). รายงานการ ิจยั เรอ่ื ง การประเมิน ถานภาพไท. ม.ป.ท.
302
เรณู เ มื นจันทรเ์ ชย. (2541). “การ กึ า ทิ ธพิ ลข งค ามเชื่ ประเพณี และพิธกี รรมข งชา ไทยโซ่ง
ที่มีผลต่ การพัฒนาคุณภาพชี ิต: กรณี ึก า มู่บ้านแ ลมกะเจา 2 ต�าบลล�าลูกบั �าเภ
ด นตูม จัง ดั นครปฐม.” ทิ ยานพิ นธ์ ลิ ป า ตรม าบณั ฑติ าขา ิชาพฒั นาชนบท ึก า
บัณฑติ ทิ ยาลัย ม า ทิ ยาลยั ม ิดล.
_______. (2542). โลกทั นข์ องกลมุ่ ชำตพิ นั ธใ์ุ นประเท ไทย : ค ำมเชอ่ื เรอื่ งผขี องไทยโซง่ . กรงุ เทพฯ:
ธรรมมิก
_______. (2558). “ นา้ ท่ีทาง ังคมข งค ามเช่ื ผีบรรพบุรุ ไทโซง่ บา้ นเกาะแรต จัง ัดนครปฐม.”
ำร ำรภำ ำและ ัฒนธรรม. 34, 1 (มกราคม-มถิ นุ ายน): 85-103.
เรไร ืบ ุข และคณะ. (2523). รรณกรรมพ้ืนบ้ำนไทยทรงด�ำ อ�ำเภอเขำย้อย จัง ัดเพชรบุรี.
เพชรบุร:ี ภาค ิชาภา าไทย ทิ ยาลยั ครูเพชรบรุ .ี
มนู ิง เ์ รื ง. (2550). “การ ึก าค ามเปลยี่ นแปลงประเพณีไทยทรงด�า กรณี กึ าประเพณีเ นเรื น
ข งชา ไทยทรงดา� บา้ น น งเต่าดา� ม่ทู ่4ี ต�าบล ัง ทิ ก า� ภ บางระก�า จงั ดั พิ ณุโลก.”
ิทยานพิ นธ์ ิลป า ตรม าบัณฑติ ( งั คม ึก า) คณะ งั คม า ตร์ ม า ิทยาลัยนเร ร.
า นา รุณกิจ. (2529). “พิธีกรรมและโครง ร้างทาง งั คมลา โซ่ง (Lao Song Ritual and Social
Structure).” ทิ ยานิพนธป์ ริญญาม าบัณฑติ าขา ิชา งั คม ทิ ยา จุ าลงกรณม์ า ิทยาลัย
มทรง บรุ ุ รตั น์ (2524). กำรเลน่ คอนของลำ โซง่ ทบี่ ำงกงุ้ . นครปฐม: ถาบนั จิ ยั ภา าและ ฒั นธรรม
เพ่ื การพัฒนาชนบท ม า ิทยาลยั ม ดิ ล.
ชุ าดา ท ี ทิ ธ.ิ์ (2553) “การเปลย่ี นกระบ นทั นเ์ พื่ การ จิ ยั ผู้ งู าย.ุ ” ใน ประชำกรและ งั คม 2553
คณุ ค่ำผู้ ูงอำยุใน ำยตำ งั คมไทย. ชุ าดา ท ี ทิ ธิ์ และ รยั บณุ ยมานนท์, บรรณาธิการ.
นครปฐม: ถาบนั ิจยั ประชากรและ งั คม ม า ทิ ยาลัยม ดิ ล.
มุ ติ ร ปติ พิ ฒั น์ , บณั ฑร ่ นดา� และพนู ขุ ธรรมาภมิ ขุ (2521). ลำ โซง่ : รำยงำนกำร จิ ยั . กรงุ เทพฯ:
โรงพิมพ์ม า ิทยาลัยธรรม า ตร์
มุ ติ ร ปติ พิ ฒั น์ และเ ม ชยั พลู ุ รรณ (2540). ลำ โซง่ พล ตั ของระบบ ฒั นธรรมในรอบ องท รร .
กรุงเทพฯ: ม า ิทยาลยั ธรรม า ตร์.
ม กั ด์ิ ชณุ รั ม์ิ และคณะ (2553). ถำนกำรณผ์ ู้ งู อำยไุ ทย พ. .2552. กรงุ เทพฯ: มลู นธิ ิ ถาบนั จิ ยั
และพัฒนาผู้ งู ายุ.
303
นัง ือรวมบทความวจิ ัยและบทความทางวชิ าการ เน่ืองในงานประชุมวชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
ส�านักงานปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ และคณะ (2556). “ยุทธศาสตร์
ความม่ันคงของมนุษย์ปี 2556-2566.” เข้าถึงเม่ือ 22 มกราคม 2561. เข้าถึงได้จาก
www.m-society.go.th/article_attach/11743/16038.pdf
ภำษำอังกฤษ
AARP (American Association of Retired People). (2011). “Aging in place: A state survey
of livability policies and practices.” Accessed on 2 June 2013. Available from
http://www.ncsl.org/documents/transportation/Aging-in-Place-brief.pdf.
Cohen, Lawrence. (1992). “No aging in India: The uses of Gerontology.” Culture, Medicine
and Psychiatry. 16: 123–161. DOI: 10.1007/BF00117016.
Cohen, L. (1998). No aging in India: Alzheimer’s, the bad family, and other modern
things. Berkeley, CA: University of California Press.
Elliott, Jane. (2006). Using Narrative in Social Research: Qualitative and Quantitative
Approaches. London: Sage Publications.
Esther, Lecovich. (2014). “Aging in place: From theory to practice.” Anthropological
Notebooks 20: 21–33.
Gullette, M. M. (1997). Declining to decline: Cultural combat and the politics of
midlife. Charlottesville: University Press of Virginia.
Featherstone, M., and Hepworth, M. (1991). “The mask of ageing and the postmodern
life course.” In The body: Social process and cultural theory, 371–389.
Edited by M. Featherstone, M. Hepworth, and B. Turner. London: Sage.
Flatt, Thomas. (2012). “A New Definition of Aging?” Frontiers in Genetics/Genetics of
Aging. 148, 1-2. DOI: 10.3389/fgene.2012.00148
Fries, J. F. (1980). “Aging, Natural Death, and the Compression of Morbidity.” New
England Journal of Medicine. 303: 130–135. DOI: 10.1056/NEJM
M198007173030304
McLeish A.B., John. (1976). The Ulyssean Adult: Creativity in the Middle & Later
Years. Toronto and New York: McGraw-Hill Ryerson.
304
Talarsky, Laura (1998). “Defining Aging and the Aged: Cultural and Social Constructions
of Elders in the U.S.” Arizona Anthropologist. 13: 101-107.
Twigg, J (2007) “Clothing, age and the body: a critical review.” Ageing & Society. 27:
285–305. DOI: 10.1017/S0144686X06005794
Rose M. R. (1991). Evolutionary Biology of Aging. New York: Oxford University Press.
Rowe, J. W, Kahn R. L. (1997). “Successful aging.” Gerontologist. 37: 433–440. DOI:
10.1093/geront/37.4.433
Shapiro, M. E. (2002a). Asian Culture Brief: Indian. Vol. 2(4). Honolulu: nation Technical
Assistance Center
___________. (2002b). Asian Culture Brief: Philippines. Vol. 2(3). Honolulu: nation Technical
Assistance Center
Woodward, K. (1991). Aging and its discontents, Freud and other fictions. Bloominton.
IN: Indiana University Press.
Young, Iris (1990). Justice and the Politics of Difference. Princeton, NJ: Princeton
University
สมั ภำษณ์
นายค�านงึ ถิ่นวง ์ม่อม. (2560). มอเ นบ้าน วั ถนน อายุ 85 ปี. มั ภา ณ,์ 22 ธนั วาคม.
นายชวลิต อารยี ์ยุตธิ รรม. (2561). ครูบา้ นดอนขม้นิ อายุ 83ปี. มั ภา ณ,์ 20 พฤ ภาคม.
นางชอบ ทรพัพ. (2561). ชาวบ้านวดั ดอนอรัญ บ้านดอนขมนิ้ อายุ 92 ป,ี ัมภา ณ,์ 3 พฤ ภาคม.
นายต่าง ออเขายอ้ ย. (2561). ชาวบา้ น วั ถนน อายุ 87 ป,ี ัมภา ณ,์ 3 กุมภาพันธ์.
นายทวี ทองตะโก. (2560). ผใู้ ญ่บ้าน วั ถนน อาย6ุ 7 ปี. ัมภา ณ,์ 24 ธันวาคม.
นางลา� ไย ถน่ิ วง ์ม่อม. (2561). มอเ นบา้ น วั ถนน อายุ 85 ป.ี มั ภา ณ์, 19 พฤ ภาคม.
นาง งวน เพชรรัด. (2561). ชาวบา้ นเกาะแรต อายุ 80 ป.ี มั ภา ณ์, 9 กุมภาพันธ.์
นาง า� ลี เพชรอดุ . (2561). ชาวบ้านเกาะแรต อายุ 86 ป,ี มั ภา ณ,์ 12 เม ายน.
นางเ รญิ เพชรม่อม. (2561). ชาวบ้านเกาะแรต อายุ 85 ป.ี มั ภา ณ์, 9 เม ายน.
305
นัง ือรวมบทความวิจัยและบทความทางวิชาการ เน่ืองในงานประชมุ วชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
306
การรับรคู้ าม มาย ญั ลัก ณป์ ู่ฤๅ บี รมครูของกลุม่ ผู้ รัทธา :
กรณี ึก า ต�า นักป่ฤู ๅ บี รมครู ต�าบลคคู ต
อา� เภอล�าลูกกา จงั ดั ปทมุ ธาน*ี
ชินวร ฟา้ ดษิ ฐ*ี *
Chinnaworn Fardittee
* บทค ามนเ้ี ปน็ ่ น นง่ึ ของงาน จิ ยั เรอ่ื งค ามเชอื่ ปฤู่ ๅ บี รมครู : กรณี กึ า ตา� นกั ปฤู่ ๅ บี รมครู ตา� บลคคู ต
อ�าเภอล�าลูกกา จัง ัดปทุมธานี ที่ได้รับทุน นับ นุนการ ิจัยจากกองทุน ิจัย ร้าง รรค์ คณะโบราณคดี ม า ิทยาลัย
ลิ ปากร ประจา� ปี พ. .2559 ด�าเนินการแล้ เ รจ็ ในปี พ. .2561
** ผู้ช่ ย า ตราจารย์ประจา� ภาค ชิ ามานุ ย ทิ ยา คณะโบราณคดี ม า ิทยาลยั ลิ ปากร
307
นัง ือรวมบทความวิจยั และบทความทางวชิ าการ เน่อื งในงานประชุมวชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
บทคดั ย่อ
บทค ามชิ้นนเี้ ป็น ่ น น่งึ ของงาน ิจยั เร่อื งค ามเช่อื ปู่ฤๅ ีบรมครู : กรณี ึก า ตา� นกั ปู่
ฤๅ บี รมครู ตา� บลคูคต อา� เภอล�าลูกกา จัง ัดปทุมธานี มี ัตถุประ งค์เพอ่ื (1) ึก าถึงประ ัติ
ค ามเปน็ มาและค ามคงอยู่ของค ามเชอื่ ป่ฤู ๅ ีบรมครู และ (2) าเ ตุทที่ า� ใ ้ลกู ิ ยเ์ ลอื กใช้ค ามเช่อื
ป่ฤู ๅ ีบรมครูในการแกป้ ัญ าชี ิตตนและการรบั รู้ ัญลัก ณ์ร่ มกันของกล่มุ ลกู ิ ย์ ได้ท�าการเกบ็ ขอ้ มลู
ด้ ยการ ังเกตการณ์อย่างมี ่ นร่ มและการ ัมภา ณ์เชิงลึกกลุ่มลูก ิ ย์ คือ กลุ่มผู้ประกอบอาชีพ
รบั ราชการท ารอากา จา� น น 15 คน โดยใช้กรอบแน คดิ ทฤ ฎกี าร ึก า ญั ลัก ณ์ของ คลฟิ ฟอรด์
เกยี รซ์ ในการ เิ คราะ ์ขอ้ มลู ผลการ กึ าพบ า่ ค ามเชอ่ื ปฤู่ ๅ บี รมครเู กดิ ขน้ึ ในปี พ. . 2515 จนถงึ
ปัจจุบัน เจา้ า� นกั ได้ รา้ ง ัญลกั ณ์เกย่ี กบั ปฤู่ ๅ บี รมครูโดยแบ่งออกเปน็ (1) ตั แบบของค ามจริง คอื
ค ามคดิ ค ามเชอื่ ค าม ักด์ิ ทิ ธิ์เกย่ี กับฤๅ ีบรมครซู ง่ึ เปน็ “ครูฤๅ ”ี และ (2) ตั แบบ า� รบั ค ามจริง
คอื รูปเคารพปู่ฤๅ ีบรมครู เ ียรพ่อแก่และ ตั ถุมงคล ซง่ึ มีกระบ นการ ง่ ผา่ น ัญลกั ณแ์ ละค าม มาย
ใ ก้ ลมุ่ ลกู ิ ยท์ เี่ ขา้ มาร่ มพธิ กี รรม ทา� ใ ล้ กู ิ ยร์ บั รคู้ าม มาย ญั ลกั ณป์ ฤู่ ๅ บี รมครรู ่ มกนั ในฐานะ
ท่เี ป็น ผ้ปู กป้อง ผใู้ ้คา� แนะน�า ง่ั อนและผู้รกั า ในขณะเดีย กนั ิ ยเ์ องก็โ ย า “คร”ู และตอ้ งการ
ค ามช่ ยเ ลอื จาก “คร”ู จนเลอื กใชค้ ามเชอื่ ปฤู่ ๅ บี รมครแู กไ้ ขปญั าชี ติ ของตนใ ผ้ า่ นไปไดอ้ ยา่ งราบรนื่
คา� ส�าคัญ : ค ามเชอ่ื , ฤๅ ี, ัญลัก ณ์, ท ารอากา
308
Abstract
This article is part of the research entitled “Belief in the Great Teacher Rishi: A
Case Study of the Ritual House of the Great Teacher Rishi in Tambon Khu Khot, Amphoe
Lam Luk Ka, Pathum Thani”, aiming to study the history and existence of the ritual house
of the Great Teacher Rishi, and to understand the reasons behind the disciples’ use of
the belief to solve their life problems and the shared perception of the symbol of the
Great Teacher Rishi. Participant observation and in-depth interview were conducted with
a group of 15 Air Force officers attending the ritual house. Clifford Geertz’s Symbolism
was employed as the theoretical framework for the analysis. The findings were that the
belief in the Great Teacher Rishi was established in 2515 B.E. and has been circulated
since then. The ritual house’s owner created the symbol for the Great Teacher Rishi into
2 models, the model of reality and the model for reality. The model of reality was the
belief and the sacredness of the “Great Teacher Rishi “. The model for reality displayed
the Great Teacher Rishi’s iconic sculpture, Rishi mask, and talismans which transferred
the symbol and their meaning to the rituals’ attendees and created their shared perception
of the symbolic meaning of the Great Teacher Rishi as the protector, the instructor, and
the curer. Since the disciples longed for the “teacher” and needed his help, they decided
to use the so-called belief to solve their life problems.
Keywords : Belief, Rishi, Symbolism, Air Force Officers
309
นัง อื รวมบทความวจิ ัยและบทความทางวิชาการ เนื่องในงานประชมุ วชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
บทนา�
ค ามเช่อื เรอื่ งฤๅ นี นั้ ักดิ์ รี แย้มนดั ดา (2522) าตะนนั ท์ โพธิมาลา (2541) และ ทพิ ยจักร
(2550) ได้นา� เ นอ ่า คา� ่า ฤๅ ี มาจาก ฤ ิ แปล า่ ผู้เ ็น มายถึงการแลเ ็นด้ ยค ามร้พู ิเ อนั เกดิ
จากฌาน ามารถแลเ ็นอดีต ปจั จบุ ัน และอนาคต ฤๅ ีโบราณ เม่อื 3,000-4,000 ปมี าแล้ ตามคัมภรี ์
ฤคเ ท เป็นผู้แต่งบท ด รรเ ริญเทพเจ้าตามภาพท่ีปรากฏในฌานของตนและเ ียงที่ได้ยินโดยเฉพาะ
คอื การบนั ดาลของเทพเจา้ องคต์ า่ ง ๆ ถอ้ ยคา� ทฤ่ี ๅ ใี ชเ้ ปน็ จั นะของเทพ เทพใชฤ้ ๅ เี ปน็ อื่ า� รบั ถา่ ยทอด
บท ด รรเ ริญ เพอ่ื ใ ม้ ลมนุ ย์รู้จัก า่ เทพแตล่ ะองคม์ ีลัก ณะและอทิ ธิฤทธิอ์ ย่างไร บท ดจากฤๅ ี
รุน่ แรกนน้ั มคี าม มบรู ณ์ท่ี ุด มคี ามแตกต่างจากบทประพนั ธ์รุ่น ลงั พระเ ททเ่ี รยี ก า่ มฤต แปล ่า
เรื่องท่ีระลึกได้จากค ามทรงจ�า มิใช่ ัจนะจากเทพเจ้าโดยตรง อย่างไรก็ดีใน ังคมไทยนั้นฤ ีมีค าม
เก่ยี ขอ้ งกับ ัฒนธรรมในดา้ นต่าง ๆ ไดแ้ ก่ (1) รรณกรรม เรือ่ งรามายณะทฤี่ ๅ ี าลมกี ิประพนั ธข์ นึ้ และ
รชั กาลท่ี 1 ไดท้ รงร บร มและพระราชนพิ นธข์ นึ้ เปน็ เรอ่ื งรามเกยี รติ์ (2) ดา้ นนาฏย า ตร์ (3) ดา้ นดนตรี
และ (4) ด้าน ิชาแพทย์ ( ักด์ิ รี แย้มนัดดา, 2522: 71-79; าตะนันท์ โพธิมาลา, 2541: 84-92;
ทิพยจกั ร, 2550: 48-57)
อน่ึงใน ังคมไทยนั้นค ามเชื่อเร่ืองฤๅ ีมีการแพร่กระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ังเกตได้จาก
รปู ปน้ั รปู เคารพใน าลพระฤๅ ี ทอ่ี ยตู่ าม ดั ทม่ี ชี อ่ื เ ยี งใน ลายจงั ดั ไดแ้ ก่ าลาฤๅ ี เขา ามมกุ ตา� บล
อา่ ง ลิ า อ�าเภอเมอื ง จัง ัดชลบรุ ี ซ่ึงภายในมรี ูปปั้นฤๅ ี ิ ามิ ฤๅ ี นา้ ั ฯลฯ อนุ า รยี ์ ุเท ะฤๅ ี
ที่ ดั พระธาตุ ดอย ุเทพ อา� เภอเมือง จัง ัดเชียงใ ม่ ฤๅ ี ดั นารอด ท่ี าลพ่อตา ินช้าง อ�าเภอทา่ แซะ
จัง ดั ชุมพร เปน็ ตน้ นอกจากน้ียังมีเคร่อื งรางของขลงั รอื ัตถุมงคลทีม่ คี ามเกย่ี ข้องกับฤๅ ีที่ได้แพร่
ลายใน งั คมไทยเปน็ จา� น นมาก ไดแ้ ก่ เ ยี รฤๅ ี ล งปกู่ า ลง ดั เขาแ ลม จงั ดั ระแก้ ฤๅ บี รมครู
ขนาดบชู า นา้ ตกั า้ น้ิ รนุ่ มงคลจกั ร าลพทุ ธาคม ดั เขาออ้ จงั ดั พทั ลงุ เปน็ ตน้ (ท พล จงั พานชิ ยก์ ลุ ,
2555: 143-146, 158-169)
จากการแพร่ ลายของค ามเชอ่ื พระฤๅ ใี น งั คมไทยที่ ะทอ้ นออกมาในลกั ณะของรปู เคารพ
รปู ปน้ั เ ยี รพอ่ แกแ่ ละเครอื่ งรางนน้ั เราอาจพบเ น็ การประกอบพธิ กี รรมทเ่ี กย่ี ขอ้ ง เชน่ การไ ค้ รแู ละ
ครอบครู ซ่งึ มีค ามเชื่อ ่า ากได้ผ่านพิธกี ารไ ้ครู ครอบครู จะถือเปน็ ิริมงคล เปรยี บเ มือนมคี รคู อย
ใ ค้ ามช่ ยเ ลือเกอ้ื กูล ซงึ่ ญั ลัก ณ์ในพิธกี รรมที่ใช้แทนครู คอื เ ยี รครู นน่ั เอง (ท พล จงั พานชิ ย์กลุ ,
2555: 32-34) ทง้ั นี้ ากกลา่ ถงึ ฤๅ ที เ่ี ปน็ บคุ คลในประเท ไทยนน้ั พบไดใ้ นงาน กึ าของ ปน่ิ แก้ เ ลอื ง
อร่าม รี (2539) ภา นยี ์ บุญ รรณ (2544) และข ัญชี ัน บั แดง (2545) ที่ท�าใ เ้ ็นปรากฏการณท์ าง
ค ามเช่ือเร่ืองฤๅ ีของกลุ่มชาติพันธุ์กะเ รี่ยงที่อา ัยอยู่ในประเท ไทย ซึ่งถือเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ นึ่งท่ีมี
ค ามเชื่อเร่อื งฤๅ ีเป็นเ ลาก ่าร้อยปีมาแล้ ท่ามกลางค ามขดั แยง้ ระ า่ งกล่มุ ชาติพนั ธอุ์ ืน่ ๆ ท่ที า� ใ ้
ชา กะเ ร่ียงถูกดูแคลน ่าเป็นกลุ่มคนท่ีไร้ซึ่ง ีลธรรม ชา กะเ ร่ียงจึงยกย่องใ ้ฤๅ ีอยู่ในฐานะผู้น�า
อนั เป็น นู ย์ร มที่ผลักดันใ เ้ กิดพลงั ทาง ังคมในการเคลอื่ นไ ขบ นการต่อ ู้ทาง งั คม
310
ทงั้ นคี้ ามเชอ่ื เรอื่ งฤๅ ที แี่ พรก่ ระจายใน งั คมไทยนน้ั ยงั ร มถงึ กลมุ่ ผทู้ เ่ี ปน็ รา่ งทรงของฤๅ ี รอื
ผทู้ เี่ ปน็ อื่ กลางในการตดิ ตอ่ กบั ฤๅ ไี ดอ้ กี ด้ ย ซงึ่ .จนี ประดิ ฐ์ (ม.ป.ป.) ไดจ้ ดั แบง่ องคเ์ ทพทล่ี งมาประทบั
ทรงออกเป็น 5 กลมุ่ นงึ่ ในน้ัน คือ กลุ่มองคเ์ ทพ ซึ่งลงมาประทบั ทรงเพ่ือช่ ยเ ลอื ผเู้ ดือดร้อน บารมี
ของทา่ นจะช่ ยในการจรรโลงพระพุทธ า นา ไดแ้ ก่ พระอิ ร พระนารายณ์ พระพฆิ เน และพระฤๅ ี
ในชน้ั เทพ ( .จีนประดิ ฐ,์ ม.ป.ป.: 13-16) อยา่ งไรก็ดีผู้ ึก าได้มีโอกา เขา้ ร่ มพิธีกรรมไ ้ครู ครอบครู
ประจา� ปี พ. .2557 ณ ตา� นกั ปฤู่ ๅ ีบรมครู ตา� บลคคู ต อ�าเภอลา� ลูกกา จงั ดั ปทุมธานี จากค�าชกั ช น
ของคนรจู้ ัก โดยเจ้า า� นกั เป็นผู้ทมี่ ีค าม ามารถตดิ ตอ่ กบั ปฤู่ ๅ ีบรมครไู ด้ ซึง่ ผเู้ ขียนพบ ่า กล่มุ คนทเี่ ขา้
ร่ มพธิ กี รรมนน้ั มคี าม ลาก ลาย แตก่ ลมุ่ ทม่ี จี า� น นมากที่ ดุ คอื กลมุ่ ผปู้ ระกอบอาชพี รบั ราชการท าร
อากา ทม่ี กั มใ ่เครือ่ งแบบมาร่ มพธิ กี รรม จงึ เป็น าเ ตใุ ้ตง้ั ค�าถามในการ กึ า จิ ยั เรอ่ื งน้ี ่าเ ตใุ ด
คนกลมุ่ นจี้ งึ เขา้ มาร่ มพธิ กี รรม และมกี ารรบั รู้ ญั ลกั ณร์ ่ มกนั อยา่ งไร โดยใชก้ รอบแน คดิ ทฤ ฎกี ารตคี าม
ดา้ น ญั ลกั ณท์ าง า นา ของ Clifford Geertz ในการ เิ คราะ ป์ รากฎการณท์ าง า นาทที่ เี่ กดิ ขนึ้
ผู้ ึก าได้ท�าการเก็บข้อมูลโดยการ ัมภา ณ์อย่างไม่เป็นทางการกับอาจารย์มังกรผู้ซ่ึงเป็น
เจา้ า� นกั ปู่ฤๅ บี รมครู กบั กลมุ่ ผูท้ ปี่ ระกอบอาชพี รับราชการท ารอากา จ�าน น 15 คน อายรุ ะ ่าง
30-60 ปี อกี ทง้ั ยังใชก้ าร ังเกตการณ์อยา่ งมี ่ นร่ มในการประกอบพธิ กี รรมไ ค้ รปู ระจ�าปี ร มถึงการ
ังเกตการณ์อย่างไม่มี ่ นร่ มในการประกอบพิธีกรรมท่ีช่ ยในการแก้ไขปัญ าชี ิตของกลุ่มที่ ึก า
ซ่ึงผู้ ิจัยปกป้อง ิทธิของผู้ใ ้ข้อมูลตั้งแต่เร่ิมต้นกระบ นการเก็บร บร มข้อมูลจนถึงการน�าเ นอผลการ
จิ ยั โดยผู้ จิ ยั แนะนา� ตั อธบิ าย ตั ถปุ ระ งค์ และขน้ั ตอนในการเกบ็ ร บร มขอ้ มลู อยา่ งไมป่ ดิ บงั อธบิ าย
ใ ้ทราบถึงลัก ณะการ ัมภา ณ์ เ ลาท่ีใช้ในการ ัมภา ณ์ ร มทั้งขออนุญาตในการจดบันทึกและ
การบันทกึ เ ยี งการ ัมภา ณ์ทุกครั้ง ร มถงึ เกบ็ รัก าข้อมลู ต่าง ๆ ไ เ้ ป็นค ามลับ มีเพียงผู้ ิจัยเทา่ นนั้ ที่
ามารถเข้าถงึ ข้อมลู ได้ ในบทค ามช้นิ นีน้ �าเ นอ 4 ประเดน็ คอื (1) กึ าถงึ ประ ัติ ค ามเป็นมาและ
ค ามคงอยขู่ องค ามเชอ่ื ปฤู่ ๅ บี รมครู (2) กลมุ่ ลกู ิ ยผ์ ปู้ ระกอบอาชพี รบั ราชการท ารอากา และปญั า
ชี ิตท่ีประ บ (3) พิธีกรรมท่ีจัดขึ้น ณ ต�า นักปู่ฤๅ ีบรมครูและชี ิต ลังจากการเข้าร่ มพิธีกรรม และ
(4) การรับรู้ ัญลัก ณ์ร่ มกันของกลุ่มลูก ิ ย์ ซ่ึงในบทค ามช้ินน้ีจะขอน�าเ นอบท ัมภา ณ์ใน
บางประเด็นท่ีน�าเ นอเพียงประเด็นละ 1 บท ัมภา ณ์ เพ่ือเป็นตั อย่างประกอบการน�าเ นอเท่านั้น
ากท่านผู้อา่ นมีค าม นใจ ามารถอ่านเพิม่ เตมิ ได้จากงาน ิจัยฉบบั มบรู ณ์
ประวัตคิ วามเป็นมาและความคงอยูข่ องความเชื่อป่ฤู ๅษีบรมครู
ค ามเปน็ มาของค ามเชอ่ื ปฤู่ ๅ บี รมครูนน้ั เจา้ า� นักคอื อาจารยม์ ังกร นยิ ม านชิ า อายุ 67 ปี
ทเี่ ก ยี ณอายุจากการรับราชการท ารอากา มาเป็นเ ลาก ่า 7 ปี (เคยได้รบั มอบ มายใ เ้ ป็นอาจารย์
อนนกั เรียนในโรงเรยี นจา่ อากา ) ไดเ้ ลา่ ใ ผ้ ู้ กึ าฟัง ่า ทา่ นมคี ามเกย่ี ขอ้ งผกู พนั กับ “ฤๅ ี” เพราะ
การประกอบพิธีกรรมไ ้ครู ครอบครูมาต้ังแต่เด็ก เนื่องจากคุณพ่อของอาจารย์มังกรเป็นครู อน ิชา
ดนตรีไทย ทุกปีท่านจะจัดงานไ ้ครู ครอบครูใ ้ลูก ิ ย์ของท่าน อาจารย์มังกรเองก็จะเป็นผู้ช่ ยบิดา
มารดาในการจัดเตรียม ิ่งของต่าง ๆ ทุกคร้ัง ดังนั้นเ ียรพ่อแก่ บท ด ตลอดจนข้า ของเคร่ืองใช้และ
ขัน้ ตอนการประกอบพิธกี รรม จึงถูกจดจา� และซึมซบั โดยอาจารยม์ งั กรไปโดยปรยิ าย ในช่ งปี พ. . 2510
อาจารย์มังกรเร่ิมมีค าม นใจในโ รา า ตร์ โดยเริ่มจากการ ึก าด้ ยตนเอง ซ้ือ นัง ือมาอ่าน
311
นงั อื รวมบทความวิจยั และบทความทางวิชาการ เนือ่ งในงานประชุมวชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
ในบางครงั้ กไ็ ป นทนาธรรมกับพระอาจารย์ท่มี ชี อ่ื เ ยี ง อาทิ ล งพ่อ มชายที่ ดั เขา ุกริม ซึ่ง ล งพอ่
ท่านน่ัง ิปั นาแล้ ท�านายทายทักได้แม่นย�า อาจารย์มังกรจึงได้รับแน ทางจากท่านและน�ามาเป็น
แน ทางในการฝึกและปฏิบัตอิ ยา่ งตอ่ เนือ่ ง ในปี พ. . 2515 อาจารย์มงั กร ามารถตดิ ตอ่ ่อื ารกบั ปู่ฤๅ ี
บรมครไู ด้ ขณะทนี่ งั่ มาธิ อาจารยม์ งั กรรบั รถู้ งึ งิ่ กั ด์ิ ทิ ธท์ิ เี่ ขา้ มา ซงึ่ งิ่ กั ดิ์ ทิ ธใิ์ อ้ าจารยม์ งั กรปฏบิ ตั ิ
ธรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อช่ ยเ ลือลูก ิ ย์ท้ัง ลายใ ้พ้นจากทุกข์ แล้ อธิบาย ่า ่ิง ักด์ิ ิทธ์ิองค์นั้นคือปู่
ฤๅ บี รมครู ทา่ นเปน็ ฤๅ อี ยใู่ นปา่ ลกึ แถบภาคใตข้ องประเท ไทย เปน็ บรมครขู องเ ลา่ ฤๅ แี ละเทพทงั้ ป ง
เปน็ ครูของ รรพ ิชาทุกแขนง ซึง่ ในช่ งแรกท่ี ามารถติดตอ่ ือ่ ารกบั ปฤู่ ๅ บี รมครูได้น้ัน อาจารย์มังกร
ได้ทดลองค าม ักดิ์ ิทธ์ิของท่าน ลายครั้ง อาทิ ลองอธิ ฐานจิตใ ้พบรูปเคารพของปู่ฤๅ ีบรมครู
ก็ลองไปเดินดูตามตลาดพระ ลายท่ีก็ไม่พบจนไดม้ าพบที่ร้านยา่ นม า ิทยาลยั เก ตร า ตร์ เช่าบูชามา
องคล์ ะ 350 บาท โดยในขณะนนั้ อาจารยม์ ังกรได้เงนิ เดอื นเพียง 710 บาท ซึ่งถอื า่ เป็นจ�าน นเงินทคี่ ่อน
ขา้ ง งู ครง่ึ น่ึงของเงินเดอื น ากแต่อาจารย์มงั กรมอง า่ เงนิ ท่ีเ ยี ไป ปฤู่ ๅ ีบรมครทู า่ นจะบนั ดาลใ ้ได้
มาในภาย ลงั ซง่ึ กเ็ ปน็ จรงิ ดงั ทอ่ี าจารยม์ งั กรคดิ เพราะ ลงั จากนนั้ อาจารยม์ งั กรกถ็ กู ลากกนิ แบง่ รฐั บาล
จา� น น 500 บาท เปน็ ตน้ ทั้งนี้ อาจารยม์ ังกรอธบิ ายใ ้ฟงั า่ ปู่ฤๅ ีบรมครูท่านมา ่ือ ารใน 2 ลัก ณะ
เป็นภาพและเ ียง ซึ่งภาพท่ีอาจารย์มังกรเคยเ ็นตอนน่ัง มาธินั้น เป็นผู้ชายแก่ชุดขา น้�าเ ียงใจดี
มเี มตตา เ ียงเยน็ ๆ นมุ่ น ล ต้องปฏบิ ัตถิ งึ จะเ ็นเป็นรูปรา่ งท่าน ่ น าเ ตทุ ี่ปฤู่ ๅ ีบรมครูท่านเลอื กจะ
มาประทบั รา่ งของอาจารยม์ งั กรนนั้ เปน็ เพราะคณุ พอ่ อาจารยม์ งั กรเปน็ ครดู นตรไี ทย จะนบั ถอื พอ่ แก่ อน
ิทยาลยั ครู อนดนตรีไทยเลยตอ้ งไ ้ครพู ่อแก่ ซึง่ เปน็ มรดกตกทอด พอ่ ครู (ปูฤ่ ๅ บี รมครู) เลยอยากมา
อยู่ด้ ย ช่ ยดแู ลคน กอ่ น น้าท่ีจะรับเป็นร่างทรงกลางคืนเ มือนจะนอน ลับ จะ า่ ฝันก็ไม่ใช่ ครงึ่ ลับ
ครง่ึ ตื่น เ มือน ่าเราลงใน ่ น ของ ิ่ง กั ดิ์ ทิ ธช์ิ ่ ยเ ลอื ผูค้ น ต่ืนมากเ็ น่ือยและจะมอี าการป ด ั เป็น
ประจา� มอดบู อก ่าตอ้ งรับร่าง ถ้าไม่รับกไ็ ม่ าย ไป าใครก็ไม่มีใครทา� พธิ รี ับใ ้ เลยทา� พธิ รี บั เอง ตอน
นน้ั ทร่ี ับขันธ์กต็ ้ังพานครู ใน ันข้ึน 9 ค�่า เดอื น 9 ในพานจะมดี อกบั 9 ดอก ธปู 9 ดอก เทยี น 9 เล่ม
ใบโพธ์ิ 9 ใบ บุ ร่ี 9 ม น มาก 9 ลูก ใบพลู 9 ใบ เงิน 9 บาท เรียกอีกอย่าง ่า พานขันธ์ 9 ต่อ น้า
ิง่ ักด์ิ ิทธต์ิ อ่ นา้ ปูฤ่ ๅ บี รมครู ตอ่ น้าพระ แล้ ก็ต้ังจิตอธิ ฐาน พอรบั แล้ กด็ ขี น้ึ เรือ่ ย ๆ มีอะไรท่าน
กค็ อยเตอื น เ มอื นอยากขบั รถยนต์ กั พกั กม็ รี ถขบั เ มอื น า่ เราอยากนกึ อะไรกไ็ ดต้ ามนนั้ เชอ่ื มนั่ า่ ทกุ
อยา่ งตอ้ งมคี รบู าอาจารย์ แล้ เมอื่ มคี รบู าอาจารยก์ ต็ อ้ งทา� ใ ถ้ กู ตอ้ งและกถ็ กู ใจ ดงั นนั้ ใน นั ขนึ้ 9 คา�่ เดอื น 9
ของทกุ ปี อาจารยม์ ังกรจะถอื เป็น นั ไ ค้ รูและจะมกี ารประกอบพิธีไ ค้ รู ครอบครปู ระจา� ปีในทุก ๆ ปี
ต้งั แตป่ ี พ. . 2515 จนถงึ ปัจจุบัน (อาจารย์มงั กร, ัมภา ณ์, 10 กันยายน 2559 และ 7 กนั ยายน 2561)
กลมุ่ ลูก ิ ย์ผปู้ ระกอบอาชีพรับราชการท ารอากา และปญั าชี ติ ทปี่ ระ บ
กลุ่มผู้ประกอบอาชีพรับราชการท ารอากา กลุ่มนี้ถือเป็นคนกลุ่ม ลักท่ีเข้ามาร่ มพิธีกรรม
ประจ�าปีและร่ มพิธีกรรมประจ�า ัน ณ ต�า นักปู่ฤๅ ีบรมครู ท้ังนี้จากการเก็บข้อมูลภาค นามพบ ่า
บุคคลกลุ่มนม้ี ีค ามเกย่ี ข้องกบั อาจารย์มังกรทางใดทาง นึง่ แบง่ เป็น 3 กล่มุ ได้แก่
312
1. ผูท้ เ่ี คยเปน็ ลูก ิ ย์ าจารยม์ งั กร ในขณะท่ี าจารยม์ ังกร น นัง ื ยทู่ โ่ี รงเรยี นจ่า ากา
คนกลมุ่ น้ีนบั ถื าจารย์มังกรในฐานะ ครู ตั้งแต่ต นเรยี น ิชาท่ี าจารยม์ งั กร น ณ โรงเรยี นจา่ ากา
และไดร้ บั รู้ า่ าจารยม์ งั กร ามารถตดิ ต่ กบั ปฤู่ ๅ บี รมครไู ดจ้ ากเ ตกุ ารณท์ ตี่ นเ งไดป้ ระ บพบเจ ด้ ย
ตนเ ง เชน่ การทา� นายทายทกั และการเชญิ ช นใ เ้ ขา้ ร่ มพธิ ไี ค้ รทู ต่ี า� นกั ฯ เชน่ คณุ จุ า (นาม มมต)ิ
ายุ 36 ปี าชพี รบั ราชการท าร ากา ย ปจั จบุ นั เรื ากา เ กไดก้ ลา่ า่ “เปน็ ลกู ิ ยข์ ง าจารย์
ที่โรงเรียนจ่า ากา ท่านใจดี น นุก ช บช่ ยเ ลื ลูก ิ ย์ ต นแรกไม่รู้ ่า าจารย์ติดต่ กับปู่
(ฤๅ บี รมคร)ู ได้ แต่ าจารยเ์ คยทกั า่ จะมเี รื่ งใ ร้ ะ งั ลงั จากโดนทกั าทติ ยน์ งึ มเี ร่ื ง เลยเขา้ ไปปรกึ า
กับ าจารย์ ท่านก็ช่ ยแนะน�า ท�าพิธีใ ้ เรื่ งก็คล่ีคลายไป เลยเป็น ิ ย์ท้ังที่โรงเรียนกับที่ต�า นักค่ะ”
(คุณจุ า, ัมภา ณ,์ 22 ตุลาคม 2559)
2. ผู้ท่ีเคยเป็นผู้ร่ มงานกับ าจารย์มังกร คนกลุ่มนี้มีทั้งบุคคลท่ีเป็นผู้บังคับบัญชา เพ่ื นร่ ม
งาน และผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาข ง าจารยม์ งั กร ตงั้ แตต่ นรบั ราชการท าร ากา และไดร้ บั รู้ า่ าจารยม์ งั กร
ามารถตดิ ต่ กบั ปฤู่ ๅ บี รมครไู ดจ้ ากประ บการณ์ ่ นตั เชน่ คณุ พฒั นา (นาม มมต)ิ ายุ 59 ปี าชพี
รบั ราชการท าร ากา ย ปจั จบุ นั พล ากา เ ก ไดก้ ลา่ า่ “ต นที่ าจารยม์ งั กรยงั ไมเ่ ก ยี ณ ถื เปน็
ผใู้ ต้บังคับบัญชาผมนะ แกเป็นคนใจเย็น ใจดี รบั ผดิ ช บงาน จา� ได้ า่ ันนงึ ต นเลกิ งาน ผมเจ แกดดู ง
ใ ้เพ่ื น เลย ยากล ง ใ ้แกดู เชื่ ม้ัย เปะ๊ ๆ เร่ื งท่ีผมไมเ่ คยบ กใครแกทักมาทีเดีย ถูกเลย คื เรื่ ง
ขุ ภาพ ตงั้ แตน่ นั้ มาเลยไป าทต่ี า� นกั เ ลามเี ร่ื ง เ ลาป่ ย ต น ยทู่ ท่ี า� งานผมเปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชานะแตก่ ็
เคารพแกเพราะผมนบั ถื พ่ ครู (ปฤู่ ๅ บี รมคร)ู ทา่ นช่ ยผมตล ด” (คณุ พฒั นา, มั ภา ณ,์ 11 ธนั าคม 2559)
3. ผู้ท่ีรู้จัก าจารย์มังกรผ่านบุคคลใกล้ชิด ีกท ด น่ึง คนกลุ่มน้ีแม้จะมี าชีพรับราชการ
ท าร ากา เช่นเดีย กับคน งกลุ่มแรก แต่ไม่ได้รู้จักโดยตรงกับ าจารย์มังกรและไม่ได้รับรู้ ่า าจารย์
มังกร ามารถ ่ื ารกับปู่ฤๅ ีบรมครูได้ ทั้งนี้คนกลุ่มนี้รู้จัก าจารย์มังกรผ่านบุคคลใกล้ชิดท่ีเป็นลูก ิ ย์
าจารยม์ งั กร กี ท ด นงึ่ เชน่ คณุ พมิ พ์ (นาม มมต)ิ ายุ 55 ปี าชพี รบั ราชการท าร ากา ย ปจั จบุ นั
นา า ากา เ กพิเ ได้กล่า ่า “รู้จัก าจารย์จากเพ่ื นค่ะ ต นน้ันมีปัญ าคร บครั เพ่ื นเป็นลูก
ิ ย์ าจารย์มงั กรไป าที่ตา� นกั บ่ ย เลยช นพไี่ ปด้ ย พ เจ ทา่ นก็ ่าคนุ้ น้า เ มื นเคยเ น็ ท่ที �างาน
แต่ไมร่ ้จู กั กนั คะ่ าจารย์ใจดีค่ะ ช่ ยแก้ปัญ า ใ ้คา� แนะนา� ลายเรื่ ง ปู่ (ฤๅ ีบรมคร)ู ท่าน ักด์ิ ิทธิ์นะ
ทุก ันน้ีถ้ามีเร่ื ง ะไรก็จะมา าท่ีต�า นักปรึก า าจารย์มังกรค่ะ ท่านเ มื นครูพ่ี ีกคน” (คุณพิมพ์,
ัมภา ณ์, 12 พฤ จิกายน 2559) จากข้ มูลท่ีได้น�าเ น ไปนั้นพบ ่ากลุ่มลูก ิ ย์ที่ประก บ าชีพรับ
ราชการท าร ากา รจู้ กั าจารยม์ งั กรใน ถานะทแี่ ตกตา่ งกนั เชน่ เปน็ าจารยม์ าก่ น เปน็ ผบู้ งั คบั บญั ชา
เพ่ื นร่ มงานผู้ใต้บงั คบั บัญชา ร มถงึ ร้จู ัก าจารยม์ งั กรผา่ นลูก ิ ย์ท่เี คยใ ้ าจารย์มังกรช่ ยเ ลื เมื่
ประ บปัญ าชี ิตเชน่ กนั ่งิ ทลี่ ูก ิ ยก์ ล่มุ น้รี บั รรู้ ่ มกนั คื าจารย์มงั กรเปน็ ผู้ติดต่ ื่ ารกับป่ฤู ๅ ี
บรมครูได้ ซง่ึ ทา่ นเป็นฤๅ ที ่ี ักด์ิ ิทธค์ิ ยช่ ยเ ลื ลกู ิ ย์ทปี่ ระ บปญั า นั ลาก ลาย กี ด้ ย
่ นปัญ าชี ติ ท่ีลกู ิ ยป์ ระ บน้นั ามารถแบง่ กเป็นปญั าในด้านต่าง ๆ ได้ 4 ประการ
ได้แก่ (1) ปัญ าด้านตา� แ นง่ น้าทกี่ ารงาน (2) ปัญ าด้าน ุขภาพ (3) ปญั าคร บครั และ (4) ปญั า
ด้าน งิ่ เร้นลบั
313
นงั อื รวมบทความวิจยั และบทความทางวิชาการ เนอ่ื งในงานประชุมวชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
1. ปัญ าด้านต�าแ น่ง น้าที่การงาน �า รับกลุ่มผู้ประก บ าชีพรับราชการท าร ากา
น้นั เรื่ งการเลื่ นย เลื่ นตา� แ น่งถื เปน็ ่งิ า� คญั ก ่าปัญ าด้านตา่ ง ๆ ท้งั น้ี ่ นมากลูก ิ ยจ์ ะเขา้ มา
ข คา� ปรกึ า รื ข ใ ้ าจารยม์ งั กรประก บพธิ กี รรมเพื่ ใ เ้ กดิ การเล่ื นขนั้ เล่ื นตา� แ นง่ ใ ต้ นเ ง ใน
กรณที ต่ี นเ งเกดิ ค ามรู้ กึ ไมม่ น่ั คงในชี ติ การทา� งาน รื เตบิ โตใน นา้ ทกี่ ารงานลา่ ชา้ ก า่ เพื่ นที่ ยใู่ น
รุน่ เดีย กนั ายงุ านเทา่ กนั ดงั ในกรณขี งคุณนฤพร (นาม มมติ) ายุ 35 ปี าชีพรบั ราชการท าร
ากา ย ปจั จบุ นั พนั จา่ ากา เ ก (ย ใน นั ท่ี มั ภา ณ์ พนั จา่ ากา โท) ไดเ้ ลา่ ใ ผ้ ู้ กึ าฟงั า่ “ทมี่ า
า าจารยม์ งั กร…มปี ญั าเรื่ งตา� แ นง่ โดนด ง เพ่ื น าม ค่ี นขน้ึ ไปกนั มดแล้ เรายงั ยทู่ เี่ ดมิ เจา้ นาย
ใ มไ่ มเ่ น็ า่ เราทา� งาน (เจา้ นายเกา่ คื าจารยม์ งั กร) …ทงั้ ทเี่ ราทา� มากก า่ เพ่ื นเรา เลยมาข คา� แนะนา�
าจารย์คะ่ ายเพื่ นด้ ย พ่ แม่ก็ ่ ง” (คุณนฤพร, มั ภา ณ,์ 9 ตุลาคม 2559)
2. ปัญ าด้าน ุขภาพ �า รับกลุ่มผู้ประก บ าชีพรับราชการท าร ากา น้ัน พบ ่าบางคน
ประ บปัญ าด้าน ุขภาพข งตนเ ง รื ปัญ า ุขภาพข งบุพการี แต่เนื่ งจากด้ ย ั ดิการข ง
ข้าราชการแล้ ามารถเบิกค่าใชจ้ า่ ยได้ ทา� ใ ้ไม่เกดิ ค ามเครียดเรื่ งคา่ รกั าพยาบาลเทา่ ใดนกั ากแต่
ิ่งท่ีกัง ลคื ค ามปล ดภัยเม่ื เข้ารับการรัก า ที่โรงพยาบาลในกรณีท่ีเป็นโรคร้ายแรงท้ังตั เ งและ
คร บครั เช่น กรณีข งคุณชัย (นาม มมติ) ายุ 57 ปี าชีพรับราชการท าร ากา ย ปัจจุบัน
พล ากา โท ไดก้ ลา่ า่ “ผมตร จเจ ก้ นเน้ื ทไี่ ต เมื่ เดื นก่ น ทนี ตี้ ้ งเขา้ ผา่ ตดั …ไมร่ ู้ า่ จะตดั ชน้ิ เน้ื
ไปตร จ รื จะตดั ไตทงิ้ ไปเลยขา้ งนงึ … ม นดั นั มะรนื า่ จะทา� ยงั ไง เลยมาปรกึ า าจารย[์ มงั กร] า่ จะ
ผ่า ันไ นดี...ถ้าได้ ันแล้ จะถาม ม ผ่าได้ใน ันนั้น รื เปล่า…ใ ้ ม เลื ก…ครา ก่ นแฟนผมผ่าตัด
เน้ื ง กในมดลูก าจารย์มังกรก็ าฤก ์ า ันดีใ ้…ปล ดภัย...ไม่เช่ื ย่าลบ ลู่ ปู่ (ฤๅ ีบรมครู)
ทา่ น ักด์ิ ทิ ธิ”์ (คณุ ชยั , มั ภา ณ,์ 5 พฤ จกิ ายน 2559)
3. ปัญ าคร บครั ใน ่ นข งผปู้ ระก บ าชพี รับราชการท าร ากา นัน้ ปญั าท่ีพบมกั จะ
เปน็ เร่ื งปญั าเกย่ี กบั ค าม มั พนั ธข์ งคู่ มร ทต่ี ้ งเดนิ ทางไปฝกึ บรม มั มนา รื ยา้ ยไปรบั ราชการ
ตามต่างจงั ดั ทา� ใ ้มเี ลาท่ใี ช้ร่ มกันน้ ยลง รื ไมไ่ ด้ ยู่ า ัยร่ มชายคาเดีย กันท�าใ ้เกดิ ค าม ิตก
กัง ลขึ้น ดังกรณีข งคุณจุ า (นาม มมติ) ายุ 36 ปี าชีพรับราชการท าร ากา ย ปัจจุบัน
เรื ากา เ ก ไดก้ ล่า ่า “ ามีต้ งย้ายไปก งบิน 5 ( ่า มะนา จัง ัดประจ บครี ขี นั ธ)์ 3 ปี ตาม[เจา้ ]
นายไป ทีน้ีลูกชายจะแย่ ติดพ่ เค้ามาก คิดไม่ ก ่าจะท�ายังไงดี…ลูกเรียน ยู่ จะใ ้ย้ายไป…แม่พ่ีก็ไม่
ย ม เลยปรึก า าจารย์มังกร พ จะมีทางช่ ยใ ้แฟนไม่ต้ งย้ายไปไ ม รื ย้ายไปก็ไม่ต้ งถึง 3 ปี”
(คณุ จุ า, ัมภา ณ์, 22 ตุลาคม 2559)
4. ปัญ าด้าน ิ่งเร้นลับ ในกรณขี งกล่มุ ผู้รบั ราชการท าร ากา น้ันเนื่ งจากต้ งเดนิ ทางไป
บรม ัมมนา รื ในบางกรณีจ�าเป็นต้ งไปประจ�าการที่ต่างจัง ัดและน นพักค้างคืนที่ น่ ยงาน
ซง่ึ าจมกี ารเลา่ ลื ถงึ ญิ ญาณ มั ภเ ปี ระจา� พน้ื ทน่ี นั้ ๆ จนทา� ใ เ้ กดิ ค ามกงั ลใจและเขา้ ปรกึ า าจารย์
มังกรเพ่ื า ิธแี กไ้ ขปญั าดังกล่า กรณีข งคุณพมิ พ์ (นาม มมต)ิ ายุ 55 ปี าชพี รับราชการท าร
ากา ย ปจั จบุ นั นา า ากา เ กพิเ ได้เลา่ ใ ้ผู้ จิ ัยฟงั ่า “ปกตไิ ป บรมทีก่ งบิน ลายที่ ย่แู ล้
น นไดไ้ มม่ ปี ญั า แตเ่ คยไปทน่ี งึ ภาคใต้ ไมข่ บ กแล้ กนั นะคะ า่ ก งบนิ ไ น…เจ กบั ตั คะ่ น นไมไ่ ดเ้ ลย
มาเดนิ ยปู่ ลายเตียง เปน็ เงาคนด�า ๆ มานัง่ กดเราไม่ใ ้ขยบั ด้ ย ร้ งไมไ่ ด้ กลั มาก…ครา นต้ี ้ งไป ีก
เลยมาปรกึ า าจารยม์ ังกร จะข ข งดีพกไปด้ ยค่ะ” (คณุ พมิ พ์, มั ภา ณ์, 12 พฤ จกิ ายน 2559)
314
จากข้อมูลท่ีได้น�าเ นอไปน้ันพบ ่ากลุ่มท่ี ึก ามีปัญ าชี ิตท่ีไม่ ามารถแก้ไขปัญ าตนเองได้
อาทิ ปัญ าด้านต�าแ น่ง น้าท่ีการงาน ปัญ า ุขภาพ ปัญ าครอบครั และปัญ าเกี่ย กับ ิ่งเร้นลับ
จึงมาปรึก าอาจารย์มังกรท่ีต�า นักปู่ฤๅ ีบรมครู โดยอาจารย์มังกรอาจใ ้ค�าแนะน�าและมีการประกอบ
พิธีกรรมเพ่อื แก้ไขปัญ าดงั กล่า อยา่ งไรกด็ พี ิธกี รรมทีจ่ ดั ข้ึนท่ตี �า นกั ปู่ฤๅ บี รมครโู ดยผู้ ิจัยจะน�าเ นอ
ใน ั ข้อตอ่ ไป
พิธีกรรมทจ่ี ัดขนึ้ ณ ต�าหนกั ปฤู่ ๅษบี รมครแู ละชวี ิตหลังจากการเขา้ รว่ มพิธีกรรม***
พิธีกรรมของต�า นักปู่ฤๅ ีบรมครูน้ัน ามารถแบ่งได้อย่างคร่า ๆ ออกเป็น 2 พิธีกรรมได้แก่
(1) พธิ ีกรรมประจ�า นั และ (2) พิธีกรรมประจา� ปี ซ่งึ มีรปู แบบและ ตั ถุประ งค์แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1. การจัดพธิ ีกรรมประจ�า ัน
พิธีกรรมประจ�า ันที่จัดข้ึนที่ต�า นัก แบ่งออกเป็น 3 พิธีกรรม ได้แก่ 1.1 พิธีกรรมลงทอง
1.2 พิธกี รรมปรับด ง 1.3 พธิ ีกรรมเ รมิ พลัง ุขภาพ
1.1 พิธีกรรมลงทอง ถือเป็นพิธีกรรมที่มีผู้นิยมใ ้อาจารย์มังกรประกอบพิธีบ่อยครั้ง อาจารย์
มงั กรกลา่ า่ “การลงทองนน้ั เพอื่ ใ เ้ กดิ เมตตาม านยิ ม ผใู้ ญ่ เจา้ นายรกั ใครเ่ มตตา ตั รลู ะค ามอาฆาต
พยาบาท ทา� มาค้าข้นึ พูดจามเี น่ ์ เป็น ิริมงคลกบั ตนเอง” (อาจารยม์ งั กร, มั ภา ณ,์ 1 ตลุ าคม 2559)
ทั้งนข้ี ้อ ้าม รอื ขอ้ บังคับเมอ่ื มาประกอบพิธีกรรมทต่ี �า นกั น้นั ได้แก่ (1) า้ มแตง่ กายชดุ ด�าเพราะเป็น ี
ในงานอ มงคล (2) ของไ ป้ ระเภทผลไม้ ไมค่ รเลอื กผลไมท้ ช่ี อ่ื พอ้ งกบั ค าม มายในแงล่ บ เชน่ ลองกอง
ลาง าด ระกา� เป็นต้น เมอ่ื ถึง นั ท่นี ดั มายอาจารยม์ ังกรจะเป็นผู้ประกอบพธิ ีกรรมด้ ยตนเอง อปุ กรณ์
ทใี่ ชป้ ระกอบพิธลี งทองมี 3 ประการ ไดแ้ ก่ (1) นา�้ มนั จันทน์ (2) แปง้ นา�้ และ (3) แผน่ ทองคา� เปล
่ นชี ิต ลังจากพิธีกรรมลงทองของกลุ่มลูก ิ ย์นั้น ลังจากพิธีกรรมลงทองแล้ ระยะเ ลา
ประมาณ 2-4 ปั ดา ์ ปญั าในดา้ นตา� แ นง่ นา้ ทก่ี ารงานจะคลคี่ ลายไปในทางทดี่ ขี นึ้ เชน่ กรณขี องคณุ
นฤพร (นาม มมติ) อายุ 35 ปี อาชพี รบั ราชการท ารอากา ย ปจั จุบนั พันจา่ อากา เอก ท่ีผู้ จิ ัยได้
เข้าไป ังเกตการณ์ใน ันที่ 9 ตุลาคม 2559 น้ันพบ ่า อาจารย์มังกรได้ทัก ่า “มีเ ้น ีแดง ๆ อยู่ท่ีใจ
ใ ้ระ ังเรื่องอารมณ์ ช่ งน้ีจะอารมณ์ร้อน ใ ้ระ ังงานจะเ ีย” ซึ่งคุณนฤพรเองก็ยอมรับ ่าช่ งเ ลาดัง
กล่า ตนเองรู้ ึก งุด งดิ มากก า่ ท่ีเคยเป็น จนเกอื บทะเลาะกับเจา้ นาย ท้ังน้อี าจารยม์ ังกรไดแ้ นะน�าใ ้
งบปาก งบค�า และเม่ือลงทองไปแล้ นายจะเมตตา ซึ่งก็เป็นจริงในเ ลาต่อมา โดยผู้ ิจัยได้พบกับ
คณุ นฤพร ลังจากท่ไี ด้ผ่านพธิ ีกรรมลงทองไปแล้ เป็นเ ลาประมาณ 1 เดอื น เธอไดก้ ลา่ ่า “เราท�าตาม
อาจารยม์ ังกรบอก รู้ ึก า่ เราใจเย็นลง โฟกั กับงานได้ดกี ่าเดิม นายชมด้ ยค่ะ า่ ตง้ั ใจดที ง้ั ที่เมอ่ื ก่อนท�า
ดียังไงนายก็ไม่เ ็น เรื่องแบบน้ีไม่เช่ือก็ต้องเชื่อค่ะ ต้องเจอกับตั เอง ปู่ (ฤๅ ีบรมครู) ท่าน ักด์ิ ิทธิ์
เปน็ ครเู รา ท่านเตือนอะไรกค็ รฟังเพราะเกิดข้นึ จรงิ ๆ” (คณุ นฤพร, ัมภา ณ์, 19 พฤ จิกายน 2559)
*** รายละเอียดเก่ยี กบั การประกอบพธิ ีกรรม ามารถ ึก าเพมิ่ เติมได้จากงาน จิ ัยฉบบั มบรู ณ์
315
นงั อื รวมบทความวจิ ัยและบทความทางวชิ าการ เน่อื งในงานประชมุ วิชาการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
1.2 พิธีกรรมปรับด งและแก้ าถรรพ์ ถื เป็นพิธีกรรมที่ าจารย์มังกรประก บพิธนี ้ีบ่ ยคร้ัง
ก ่าพธิ กี รรม น่ื โดย าจารยม์ งั กรไดก้ ลา่ ่า “การปรบั ด งนะ เราต้ งท�าค ามเขา้ ใจก่ น า่ ชี ติ เราถูก
กา� นดมาด้ ยด งชะตา ทกุ คน นไี มพ่ น้ เราไม่ าจเปลยี่ นด งชะตาแตเ่ ราปรบั ด งชะตาได้ ถา้ เราทา� บญุ
ดมนต์ น่ัง มาธิกับมีบารมีปู่ฤๅ ีบรมครูช่ ยนะ ไม่ใช่จะไม่เจ เร่ื งร้ายนะ ยังไงก็เจ คนเรา นีไม่พ้น
มมติชะตาต้ งเจ เคราะ ์ใ ญ่ 1 ครั้ง บารมีปู่ฤๅ ีฯ ท่านจะใ ้เจ เคราะ ์เล็ก ๆ ลายคร้ังแทน
ยา่ งจะมี บุ ัติเ ตุรถชน บาดเจบ็ ปฯู่ ท่านกใ็ ร้ ถไปเฉี่ย ร้ั เฉ่ยี เ า แบบนี้ ง ามคร้งั รื ด งบางคู่
ต้ งเลกิ กนั ปฯู่ ทา่ นกใ็ ไ้ ปทา� งานตา่ งถนิ่ ไมไ่ ด้ ยดู่ ้ ยกนั ปี งปี ่ นแก้ าถรรพ์ บางคนด งชะตาเปดิ รบั
งิ่ เร้นลับโดยไมร่ ูต้ ั ัมภเ ชี บตาม พ เคา้ ตามกต็ ้ งการบุญจะไดไ้ ปเกิด ต นเค้าตามกใ็ เ้ ราล�าบาก
เพราะเราจะไดท้ า� บญุ พ เราทา� บญุ เค้ากไ็ ดบ้ ญุ ได้ไปเกิด นเ ยี นแบบน้ี แตป่ ูท่ ่านดู ยู่ ใครเปน็ ิ ย์ทา่ น
ท่านช่ ย มด ทา่ นเมตตา” ( าจารยม์ ังกร, ัมภา ณ์, 1 ตลุ าคม 2559)
ชี ติ ลงั จากพธิ กี รรมปรบั ด งและแก้ าถรรพข์ งกลมุ่ ผลู้ กู ิ ยน์ นั้ ปญั าทก่ี งั ลในเร่ื งค าม
ัมพันธ์กับคู่ มร กับบุตร ลาน ร มถึงปัญ าในเร่ื ง ิ่งเร้นลับล้ นได้รับการคล่ีคลาย ลังจากการ
ประก บพธิ กี รรม เชน่ กรณขี งคณุ จุ า (นาม มมต)ิ ายุ 36 ปี าชพี รบั ราชการท าร ากา ย ปจั จบุ นั
เรื ากา เ ก ที่เคยมาปรึก าปัญ าคร บครั ที่ ามีได้รับค�า ่ังย้ายไปประจ�าการที่ต่างจัง ัด
โดย าจารยม์ งั กรไดท้ า� พธิ ปี รบั ด งและแก้ าถรรพใ์ ้ เมื่ ันที่ 22 ตลุ าคม 2559 ไดก้ ล่า า่ “ าจารย์
มงั กรบ ก ่าพี่กบั แฟนในพ้นื ด งต้ งแยกกัน แฟนมีคูต่ ามมาจาก ดตี ชาติ เค้าจะใ ้เราเลกิ กนั าจารย์
มังกรใ ้ ดทน ใ ้ ามีไป ยู่ต่างจัง ัด ักปี งปี ถื ่าชดใช้ใ ้ มั่นท�าบุญ พ ถึงเ ลาเค้าก็ไปเ ง
ต นแรกแปลกใจ ปกตมิ ปี ญั า าจารย์ปรับด งใ ้ ย่างเดีย ครา นี้ าจารยเ์ ามดี ม มาจ้ี าจารย์
บ ก ่าคู่แฟนเก่าท่ีตามมามีแรง าถรรพ์ท�าใ ้เราไม่มีค าม ุข ต้ งใช้มีด ม ตัด าถรรพ์ ที่ผิดคาดคื
[เจา้ ] นาย ามตี นแรกต้ งไป งปี นเี่ ลื ปเี ดยี นั นม้ี ารายงานผลใ ้ าจารยท์ ราบคะ่ ถา้ ไมม่ ี าจารย์
ไมม่ พี ่ ครู (ปฤู่ ๅ บี รมคร)ู คงไม่ร้จู ะแกป้ ัญ ายงั ไง” (คุณจุ า, ัมภา ณ,์ 13 พฤ จกิ ายน 2559)
1.3 พิธีกรรมเ ริมพลัง ุขภาพ ในด้านพิธีกรรมเ ริมพลัง ุขภาพน้ัน าจารย์มังกรได้กล่า ่า
“รา่ งกายคนเรามพี ลงั ชี ิต พลังธาตุ ถ้าพลังพร่ งลงไปจากกรรมะ รื จากการกระท�าทีไ่ มด่ ี ไมร่ ะ ังข ง
ตั เราจะทา� ใ ้เกดิ ค ามเจ็บป่ ย ที่ าจารย์ทา� พิธีเพื่ เ ริมพลงั ทพ่ี ร่ งลงไปใ ้เพิม่ ข้นึ มา ต้ งใชพ้ ลังงาน
มาก ลงั พธิ ีต้ งพัก 2-3 ันถงึ จะทา� พิธีน้ไี ด้ กี ครั้ง พธิ นี ไ้ี ม่ได้รัก านะ ยา่ เข้าใจผดิ รัก าไมไ่ ดแ้ ตเ่ พิ่ม
พลังด้าน ุขภาพได้ ร่างกายกับกรรมะในด้านดีจะช่ ยเ ง ต้ งค บคู่ไปกับการรัก าท่ีโรงพยาบาลนะ
ถ้ามาใ ้เ ริมพลังแตไ่ ม่ไปรกั าทโ่ี รงพยาบาลกท็ า� ใ ไ้ ม่ได”้ ( าจารย์มังกร, ัมภา ณ์, 1 ตลุ าคม 2559)
ชี ติ ลงั จากพธิ กี รรมเ รมิ พลงั ขุ ภาพข งกลมุ่ ลกู ิ ย์ พบ า่ ลงั จากพธิ กี รรมเ รมิ พลงั ขุ ภาพ
และเขา้ รบั การรกั าตั ในโรงพยาบาลจน กมาใชช้ ี ติ ตามปกตแิ ล้ ผทู้ ผ่ี า่ นพธิ กี รรมล้ นใ ข้ ้ มลู า่ ลงั
ผา่ ตดั ขุ ภาพฟื้นฟไู ไมม่ ี าการขา้ งเคยี ง ลงั รกั าตั ในโรงพยาบาล เชน่ กรณขี งคณุ ชยั (นาม มมต)ิ
ายุ 57 ปี าชีพรับราชการท าร ากา ย ปจั จบุ นั พล ากา โท เคยมาปรึก า าจารย์มงั กรเรื่ งพบ
เนื้ ง กในไตและข ใ ้ าจารยช์ ่ ย าฤก ผ์ า่ ตดั ร มถึงประก บพิธกี รรมเ รมิ พลงั ุขภาพใ เ้ ม่ื ันที่ 5
พฤ จิกายน 2559 ได้กล่า ่า “ครา ก่ นท่ีมาข ฤก ์ าจารย์มังกรผ่าตัด ม ใ ้ผ่าไตท้ิงไปข้างนึง
าจารย์เคยเตื นมานาน า่ ก่ นเก ียณจะมเี ีย ัย ะ มีผา่ ตัด กต็ รงจรงิ ๆ ผมไดฤ้ ก ์ผ่าตรงกับ ันท่ี
316
มอ า่ ง ตาราง น้า ลัง มอเตม็ มด ได้ นั น้นั นั เดยี ลงช่องพอดี ก่อนเขา้ โรง [พยา] บาล ดมนต์
ท�าบุญใ ้ใจ งบ ตามที่อาจารย์แนะนา� ตอนเขา้ อ้ งผา่ ตัด ดมนต์ปู่ (ฤๅ บี รมครู) ท่านตลอด แล้ กด็ ม
ยา ลบ ลบั ไมร่ ้เู รือ่ ง ลงั ฟืน้ เ น็ ที อง ๆ เตม็ ไป มด แผลไมเ่ จบ็ มาก อาทติ ยน์ งึ ไปตดั ไ ม ไมม่ อี าการ
ผิดปกติ มอชมฟน้ื ตั ไ ถ้าไมม่ ีอาจารยม์ งั กร ไมม่ ีบารมปี ู่ (ฤๅ ีบรมครู) อาจไม่ดีเท่าน้ี ันนี้มากราบ
ขอบคณุ ปู่ (ฤๅ บี รมครู) อาจารยแ์ ล้ พาเพอ่ื นมาด้ ย เพื่อนเจอเนอื้ งอกเ มือนกัน” (คณุ ชัย, มั ภา ณ,์
7 มกราคม 2560)
จากขอ้ มลู ท่ีไดน้ �าเ นอไปนน้ั พบ ่า การประกอบพิธีประจ�า นั น้ันท�าใ เ้ ็นภาพการตอบ นอง
ค ามต้องการที่พึ่งทางใจต่อลกู ิ ย์ในระดับปจั เจกชน ที่ทา� ใ ้ปญั าทีป่ ระ บพบเจอคล่ีคลายและเ รมิ
แรงใ ้ลูก ิ ย์เกิดค ามเคารพนับถืออาจารย์มังกรและปู่ฤๅ ีบรมครูจนบางคนได้แนะน�าใ ้คนใกล้ชิดมา
ขอค ามช่ ยเ ลอื จากปฤู่ ๅ บี รมครู ทา� ใ ม้ ลี กู ิ ยใ์ มเ่ พมิ่ ขน้ึ ทงั้ นพี้ ธิ กี รรมทถ่ี อื เปน็ พธิ กี รรมที่ า� คญั อกี
พธิ กี รรม นง่ึ คอื พธิ กี รรมไ ค้ รแู ละครอบครปู ระจา� ปี ทท่ี า� ใ ล้ กู ิ ย์ ญั ลกั ณข์ องปฤู่ ๅ บี รมครรู ่ มกนั
ซึง่ จะนา� เ นอในประเด็นถัดไป
2. การจดั พธิ กี รรมประจ�าปี พิธไี ้ครู ครอบครูและ าเ ตุที่ลูก ิ ยเ์ ข้าร่ มพธิ ี
ใน ่ นของพธิ ไี ค้ รู ครอบครทู จ่ี ดั ขน้ึ ปลี ะครงั้ นนั้ อาจารยม์ งั กรไดก้ ลา่ า่ “การไ ค้ รเู ปน็ การ
แ ดงค ามเคารพ แ ดงค ามกตญั ญรู คู้ ณุ ครบู าอาจารย์ ทา่ นอบรม งั่ อน ชิ าค ามรู้ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม
ใ ้ ิ ย์ ใ ม้ ี ชิ าไปทา� มา ากนิ ใ เ้ ปน็ คนดี เ มอื นเปน็ พอ่ แมค่ นท่ี อง ถา้ เราเคารพครู ชี ติ เราจะดี รงุ่ เรอื ง
เท ดาปกปักรกั า อาจารยจ์ ะจดั งานไ ้ครปู ีละคร้งั ันงานตอ้ งเปน็ ันข้นึ 9 ค�่า เดือน 9 เพราะเปน็ นั
ทอี่ าจารย์ อื่ ารกบั พอ่ ครทู า่ นได้ นั แรก ปี พ. . 2559 ไ ค้ รปู ที ่ี 5 (ทต่ี า� นกั ใ ม)่ ตรงกบั นั แม่ 12 งิ า
พอดี ปนี ้ี (2560) ไ ้ครูปที ่ี 6 (ทีต่ า� นกั ใ ม)่ ตรงกบั นั ท่ี 1 ิง าคม งานมีตอนเช้าแปดโมงครึ่งเ ร็จ
เกา้ โมงครึ่งเปน็ งานบ ง ร ง ่ิง ักดิ์ ทิ ธไ์ิ ค้ รบู าอาจารย์ บิ โมงเริม่ พิธคี รอบครู การครอบครูเป็นการ
รบั ลี รับพรจากครู ลูก ิ ย์ทม่ี าครอบครูจะถอื า่ เปน็ คนมคี รเู ดีย กนั มอี ะไรก็ช่ ยเ ลือกนั คนมาร่ มมี
ทุกอาชีพ ทม่ี ามากเปน็ ท ารอากา ถ้าพธิ ตี รงกับ ันธรรมดาจะแต่งเครอ่ื งแบบมา มตี ง้ั แตพ่ ลอากา เอก
ลงมาเลย บางคนตามนายมา บางคนตามเพ่ือนมา ปู่ท่านเป็นฤๅ ีบรมครู ใ ญ่ก ่าครูท้ังป งเป็นครูทุก
าขา ทกุ ิชาอาชพี ทีม่ าครอบครกู ัน ไดเ้ ลือ่ นตา� แ น่งกันก็มาก” (อาจารยม์ งั กร, มั ภา ณ์, 1 ตุลาคม
2559 และ 19 ิง าคม 2560)
าเ ตุที่เข้ามาร่ มประกอบพิธีกรรมไ ้ครู ครอบครูประจ�าปีของกลุ่มผู้ลูก ิ ย์ จากการ
ัมภา ณ์กลุ่มผู้ประกอบอาชีพรับราชการท ารอากา นั้นพบ าเ ตุท่ีเข้าร่ มพิธีกรรมไ ้ครู ครอบครู
ประจา� ปดี ้ ยเ ตุผลที่ ลาก ลาย เชน่ กรณีของคณุ ชยั (นาม มมติ) อายุ 57 ปี อาชีพรบั ราชการท าร
อากา ย ปัจจบุ นั พลอากา โท ได้กล่า ่า “ผมมางาน (พิธีไ ้ครคู รอบครูประจ�าป)ี ทกุ ปี ตัง้ แต่อยูท่ ่ี
ดอนเมือง เป็นการแ ดงค ามเคารพปู่ (ฤๅ ีบรมครู) ท่านช่ ยเรามาตลอด �า รับผมท่านเ มือนครู
เ มือน มอ ใ ้ค�าปรึก าด้ ยช่ ยรัก าด้ ย ได้ครอบครูเป็นมงคลกับชี ิต คนกตัญญูรู้คุณครูไม่ล�าบาก
มาก็ได้เจอเพ่ือนเจอลูกน้อง บางคนไปอยู่ที่อ่ืน ( น่ ยงานอ่ืนในต่างจัง ัด) ไม่ได้เจอ มาเจอในงาน”
(คณุ ชยั , มั ภา ณ,์ 7 มกราคม 2560) ในขณะทค่ี ณุ นฤพร (นาม มมต)ิ อายุ 35 ปี อาชพี รบั ราชการท าร
317
นัง ือรวมบทความวจิ ัยและบทความทางวิชาการ เน่ืองในงานประชุมวชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
อากา ย ปจั จุบัน พันจ่าอากา เอก ได้กล่า า่ “มาร่ มงานได้ 3-4 คร้งั แล้ เ มอื นท่านเป็นครู ต้องมา
ไ ม้ าขอบคณุ ทา่ น ทา่ น ักดิ์ ทิ ธ์ิ ท่านช่ ยเรื่องงาน เรือ่ งตา� แ นง่ ท่ีครอบครเู พอื่ เปน็ ิรมิ งคล เ มอื นครู
ใ พ้ ร ใ ้ชี ิตเราดีขึน้ บางปีเรามางานเจอนาย (ผู้บังคบั บัญชา) เจอเพื่อน...ไมค่ ดิ ่าอาจารยจ์ ะมลี กู ิ ย์
ในกองทัพเยอะขนาดนี้” (คณุ นฤพร, มั ภา ณ์, 19 พฤ จิกายน 2559)
เราอาจกล่า ได้ ่ากลุ่มผู้ประกอบอาชีพรับราชการท ารอากา นั้นมี าเ ตุท่ีเข้าร่ มพิธีไ ้ครู
ครอบครปู ระจา� ปีนนั้ มี าเ ตจุ ากค ามตอ้ งการในการไ เ้ พื่อแ ดงค ามเคารพและขอบคณุ ปฤู่ ๅ ีบรม
ครใู นฐานะที่เป็นครซู ึ่งคอยเมตตาช่ ยเ ลือลกู ิ ย์มาตลอดทง้ั ปี อกี ท้งั ยังเปรยี บเ มอื นการไดม้ าพบเจอ
ผบู้ งั คบั บญั ชา พบเพอื่ นทไ่ี มไ่ ดพ้ บกนั มานาน พบผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชา และเพอ่ื นร่ มอาชพี ในฐานะทเ่ี ปน็ ิ ย์
ท่ีมีครูคนเดีย กันอีกด้ ย อย่างไรก็ดีการรับรู้ ัญลัก ณ์ท่ี ื่อถึงปู่ฤๅ ีบรมครูน้ันจะเกิดจาก ิ่งท่ีใช้ในการ
ประกอบพธิ ีกรรมและ ง่ิ ท่ีอยใู่ นพิธีกรรมไ ้ครแู ละครอบครปู ระจา� ปี อันได้แก่ อาจารย์มังกร รปู เคารพ
ปู่ฤๅ บี รมครู เ ียรพ่อแก่ และเ รียญปู่ฤๅ ีบรมครดู งั จะน�าเ นอในประเดน็ ต่อไป
การรับรู้สัญลกั ษณ์ร่วมกนั ของกลุ่มลกู ศษิ ย์
Clifford Geertz (1973) ไดอ้ ธบิ าย า่ การกระท�าทาง ฒั นธรรม เปน็ การ รา้ งค ามเขา้ ใจการ
ใช้รูปแบบ ญั ลกั ณ์ ถือเปน็ กจิ กรรมทาง ังคม ดงั นั้นค าม มายของ ัญลัก ณจ์ ึงมีค ามเปน็ าธารณะ
การที่คนในกล่มุ ใช้ ัญลกั ณใ์ ดในการ ือ่ ารระ ่างกันได้ ค าม มายของ ัญลัก ณ์เ ล่านนั้ ต้องเป็นท่ี
รจู้ กั และรบั รใู้ นกล่มุ น้นั ๆ (Clifford Geertz, 1973: 3-20) ญั ลกั ณ์เ มือนกับ น่ ยพันธุกรรม (DNA)
ท่ีก�า นดแบบแผนใ ้มนุ ย์ มนุ ย์ต้องใช้แบบแผนทาง ัฒนธรรม (Cultural patterns) รือชุดของ
ัญลัก ณ์ (Sets of symbols) เป็นตั แบบ (Models) ซ่ึงประกอบไปด้ ยตั แบบ 2 ประเภท ได้แก่
(1) ตั แบบของค ามจรงิ (Model of reality) และ (2) ตั แบบ า� รบั ค ามจรงิ (Model for reality)
โดยตั แบบ �า รับค ามจริงน้ันเป็นการ ร้างโครง ร้างของ ัญลัก ณ์ขึ้นมาเพ่ือเลียนแบบ ่ิงท่ีไม่ใช่
ัญลัก ณ์ เพ่อื ใ เ้ ข้าใจ ่า ่งิ น้นั คืออะไร ทา� งานอยา่ งไร ซ่งึ ญั ลกั ณน์ ้นั ถอื เป็นตั แบบของ ่ิงทีเ่ ป็นจริง
ร้างเพอ่ื ใ ร้ ู้จกั และเขา้ ใจ ิ่งทเ่ี ป็นจริง ่ นตั แบบ า� รับค ามเป็นจริงน้ันเปน็ การจดั การระบบทไ่ี มใ่ ช่
ญั ลกั ณ์ (Clifford Geertz, 1973: 92-93)
เราอาจอธบิ ายได้ า่ ค ามเช่อื ปฤู่ ๅ บี รมครูนนั้ ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประการ คอื 1. ตั แบบของ
ค ามจริง (Model of reality) คือ ระบบค ามคดิ ค ามเชอ่ื ท่เี กย่ี กับปู่ฤๅ ีบรมครู ผูเ้ ป็นครขู องฤๅ แี ละ
เทพท้ังป ง 2. ตั แบบ �า รับค ามจริง (Model for reality) คือ รูปเคารพปู่ฤๅ ีบรมครูและ ัตถุ รือ
งิ่ ท่ี อ่ื ถงึ ปฤู่ ๅ บี รมครู อนั ไดแ้ ก่ เ ยี รพอ่ แก่ เ รยี ญปฤู่ ๅ บี รมครู ทง้ั ระบบค ามคดิ เกยี่ กบั ปฤู่ ๅ บี รมครู
(Model of reality) และรปู เคารพปฤู่ ๅ บี รมครู (Model for reality) ทอี่ าจารยม์ งั กร รา้ งขน้ึ ผา่ นเรอ่ื งเลา่
(ค ามคดิ ) และการเชา่ บชู า ตั ถุ (รปู เคารพปฤู่ ๅ บี รมคร)ู นน้ั เปน็ องคป์ ระกอบ า� คญั ของ ญั ลกั ณป์ ฤู่ ๅ ี
บรมครแู ละมปี ฏิ ัมพนั ธโ์ ต้ตอบกนั ไปมาอยา่ งต่อเนอื่ งและเตมิ เตม็ ใ ้แก่กันและกัน กล่า คอื การที่ระบบ
ค ามคดิ เกยี่ กบั ปฤู่ ๅ บี รมครทู ถี่ กู อาจารยม์ งั กร รา้ งขน้ึ จา� เปน็ ตอ้ งมรี ปู เคารพปฤู่ ๅ บี รมครเู พอ่ื อ่ื ค าม
มายออกมา ในขณะเดีย กันรูปเคารพปฤู่ ๅ บี รมครูจะปรา จากคุณคา่ และค าม มาย ากไมม่ ี
318
ค ามคดิ ค ามเชอ่ื เกย่ี กบั ปฤู่ ๅ บี รมครอู ยดู่ ้ ย เพราะรปู เคารพปฤู่ ๅ บี รมครจู า� เปน็ ตอ้ งใชค้ ามคดิ ค ามเชอื่
มาอธบิ ายตรรกะทแี่ อบซอ่ นอยู่ ดงั นน้ั การทา� ค ามเขา้ ใจตรรกะทซี่ อ่ นอยจู่ า� เปน็ ตอ้ ง เิ คราะ แ์ ละตคี าม
ออกมา โดยจะอธบิ ายตั แบบ �า รบั ค ามจรงิ เพมิ่ เตมิ ดงั นี้
ตั แบบ า� รบั ค ามจรงิ (Model for reality) งิ่ ทเี่ ปน็ ตั แทนของปฤู่ ๅ บี รมครทู เี่ ปน็ รปู ธรรมนน้ั
ได้แก่ อาจารย์มังกร รูปเคารพปู่ฤๅ ีบรมครู เ ียรพ่อแก่และเ รียญปู่ฤๅ ีบรมครู ท้ังน้ีลูก ิ ย์ได้ใ ้
ค ามคิดเ น็ ในกรณดี งั กลา่ โดยเร่มิ จากคณุ ชยั (นาม มมต)ิ อายุ 57 ปี อาชีพรับราชการท ารอากา
ย ปจั จบุ นั พลอากา โท ไดก้ ลา่ ่า “ า� รบั ผมนะ มีอาจารยม์ งั กรกบั เ รยี ญปู่ (ฤๅ บี รมคร)ู ถ้านกึ ถึง
อาจารยม์ งั กรกน็ กึ ถงึ ปู่ (ฤๅ ีบรมคร)ู รูปปนั้ เราต้องกราบตอนมา าอาจารยม์ ังกร เ รยี ญพกตดิ ตั ตลอด
ไ ้ขอพรทา่ น ทา่ นเมตตาเ ลามีปญั าทา่ นจะช่ ย ตอนผมผ่าตัดฟ้ืนตั ไ เพราะปู่ (ฤๅ ีบรมคร)ู ท่านช่ ย
รัก า” (คณุ ชัย, มั ภา ณ์, 7 มกราคม 2560) ในขณะทคี่ ุณนฤพร (นาม มมติ) อายุ 35 ปี อาชีพรับ
ราชการท ารอากา ย ปจั จุบัน พันจา่ อากา เอก ไดก้ ลา่ ่า “นกึ ถึงปู่ (ฤๅ บี รมครู) เรานึกถึงอาจารย์
มงั กร ทา่ น ื่อ ารกนั ได้ รูปปน้ั ปูท่ ี่ต�า นักกบั เ รียญทอ่ี าจารยม์ งั กรแจกค่ะ รปู ปัน้ นีท่ �าใ ้เรารู้ า่ ปู่ (ฤๅ ี
บรมคร)ู ทา่ น นา้ ตาเปน็ ยงั ไง ่ นเ รยี ญอาจารยม์ งั กรแจก เราไ ข้ อใ ป้ ู่ (ฤๅ บี รมคร)ู ช่ ย” (คณุ นฤพร,
ัมภา ณ,์ 19 พฤ จกิ ายน 2559) ่ นคณุ พมิ พ์ (นาม มมต)ิ อายุ 55 ปี อาชพี รบั ราชการท ารอากา
ย ปจั จบุ นั นา าอากา เอกพเิ ไดก้ ล่า ่า “นกึ ถงึ อาจารย์มงั กรกบั เ รียญทีอ่ าจารยแ์ จกค่ะ อาจารย์
มังกรท่านปู่ (ฤๅ ีบรมครู) มาประทับเ ลาท�าพิธีเลยต้องนึกถึงอาจารย์ค่ะ ่ นเ รียญปู่ (ฤๅ ีบรมครู)
มีไ ป้ ้องกนั อันตราย ิง่ เร้นลับ ด งเราเปิดรับ ่ิงเ ลา่ นี้อาจารยท์ า่ นเตอื นบอ่ ย ๆ” (คุณพมิ พ,์ มั ภา ณ์,
27 พฤ จิกายน 2559)
อาจกล่า ได้ ่า ิ่งที่ท�าใ ้นึกถึงปู่ฤๅ ีบรมครูในทางรูปธรรม ได้แก่ อาจารย์มังกร รูปเคารพ
ปู่ฤๅ ีบรมครู เ ียรพ่อแก่ และเ รียญปฤู่ ๅ ีบรมครู ทงั้ นี้ ่ี งิ่ ล้ นมคี ามเกยี่ ข้องเช่อื มโยงกันโดยเฉพาะ
ในช่ งทป่ี ระ บปญั าชี ติ เบอื้ งตน้ ลกู ิ ยก์ ลมุ่ ท ารอากา จะขอพรเพอ่ื ใ ป้ ฤู่ ๅ บี รมครู ช่ ยผา่ นเ รยี ญ
ปู่ฤๅ ีบรมครู ถ้ามีปัญ าที่ นักจะนึกถึงอาจารย์มังกรในฐานะผู้ติดต่อ ่ือ ารกับปู่ฤๅ ีบรมครูแล้ เข้ามา
ปรกึ า รือประกอบพธิ กี รรมที่ตา� นกั ซึง่ มรี ูปเคารพของปฤู่ ๅ บี รมครอู ยู่ ทงั้ นี้ ญั ลกั ณป์ ูฤ่ ๅ บี รมครทู ี่
อาจารย์มังกร ร้างขึ้นนั้นโดยเฉพาะตั แบบ �า รับค ามจริง (Model for reality) เพื่อเป็น ่ิงท่ีใช้ ื่อ
ญั ลกั ณข์ องค ามคดิ ค ามเชอื่ (Model of reality) เกยี่ กบั ฤๅ บี รมครู โดยค าม มายของ ญั ลกั ณ์
น้ันเริม่ จากค าม มายของฤๅ อี งค์ นง่ึ ซึ่งอยใู่ นป่าทางภาคใต้ เปน็ ครขู องเ ล่าฤๅ ี และเทพท้ังป งเป็น
ครขู อง รรพ ชิ าทกุ แขนง ค าม มายนฤ้ี ๅ ีจงึ ทา� น้าท่ขี อง “ครู” แต่มิใช่ครูทั่ ไป ากแตเ่ ป็นครใู นโลก
ักด์ิ ิทธิ์ซ่ึงก็เป็นครูอีกข้ัน น่ึง เรียกได้ ่าเป็น “บรมครู” ค าม มายน้ีถูก ่งผ่านใ ้แก่ลูก ิ ย์ผ่าน
การประกอบพิธกี รรมและ ัญลัก ณ์ทอี่ ย่ใู นพิธีกรรมไ ค้ รู ครอบครปู ระจา� ปี ร มถงึ พธิ ีกรรมประจ�า ัน
ท่ีเคยเขา้ ร่ ม โดยค าม มายของ ัญลัก ณป์ ฤู่ ๅ บี รมครอู อกเปน็ 3 ค าม มาย ได้แก่ (1) ผูแ้ นะนา� ั่ง
อนใ ้ค ามช่ ยเ ลือลูก ิ ย์จากปัญ าชี ิต (2) ผู้รัก าอาการเจ็บไข้ได้ป่ ย และ (3) ผู้ปกป้องจาก
ิ่งเร้นลบั เม่ือลกู ิ ย์รับรูค้ าม มาย ัญลกั ณ์เ ล่านผี้ ่านการเข้าร่ มพิธกี รรม เมอ่ื ปญั าชี ติ ถกู ใ ค้ �า
อธิบายและได้ถูกขจัดปัดเป่าไป ยิ่งท�าใ ้ลูก ิ ย์ รัทธาและแนะน�าใ ้คนใกล้ชิดเข้ามาเป็นลูก ิ ย์ของ
ตา� นักป่ฤู ๅ ีบรมครูเพิม่ ขึน้
319
นัง อื รวมบทความวิจัยและบทความทางวชิ าการ เน่ืองในงานประชมุ วิชาการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
จากการนา� เ นอขอ้ มลู ในบทค ามนเ้ี ราอาจ รปุ ได้ า่ ค ามเชอ่ื เรอ่ื งฤๅ ใี น งั คมไทยนนั้ มมี าตงั้ แต่
มัยรัตนโก ินทร์ตอนต้นในรูปแบบของ รรณกรรม รูปปั้นฤๅ ีดัดตนท่ี ัดพระเชตุพน ิมลมังคลาราม
ราช รม า ิ าร ฯลฯ ทั้งนีค้ ามคดิ ค ามเช่ือเกย่ี กับฤๅ ไี ด้แพรก่ ระจายเขา้ ภู่ าค ่ นตา่ ง ๆ ของ ังคม
ไทยในลัก ณะท่ีเป็น ิ่ง ักดิ์ ิทธิ์ ผู้คนใน ังคมถูกท�าใ ้รับรู้ ัญลัก ณ์ของฤๅ ีที่เป็นผู้ปกป้อง ผู้ใ ้ค�า
แนะน�า ั่ง อนและผู้รัก า ท�าใ ้เกิดการยอมรับต่อค ามเช่ือท่ีมี ัญลัก ณ์ของฤๅ ีได้อย่างง่าย นึ่งใน
ค ามเชอ่ื นนั้ คอื ค ามเชอื่ ปฤู่ ๅ บี รมครทู เี่ กดิ ขน้ึ มาตง้ั แตป่ ี พ. . 2515 จนถงึ ปจั จบุ นั โดยเรอ่ื งของค ามเชอื่
ปู่ฤๅ ีบรมครูนั้น เจ้า �านัก รืออาจารย์มังกรได้ ร้าง ัญลัก ณ์เก่ีย กับปู่ฤๅ ีบรมครูโดยแบ่งออกเป็น
(1) ตั แบบของค ามจรงิ คอื ค ามคดิ ค ามเชอื่ เกยี่ กบั ฤๅ บี รมครซู ง่ึ เปน็ “ครฤู ๅ ”ี ทอ่ี ยใู่ นปา่ ทางภาคใต้
ของประเท ไทยร มถึงค าม ักดิ์ ิทธิ์ต่าง ๆ (2) ตั แบบ �า รับค ามจริง คือรูปเคารพปู่ฤๅ ีบรมครู
ทง้ั ตั แบบของค ามจรงิ และตั แบบ า� รบั ค ามจรงิ ทา� งานร่ มกนั อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ทา� ใ ก้ ลมุ่ ลกู ิ ยท์ เี่ ขา้
มาร่ มพิธกี รรมไ ค้ รู ครอบครปู ระจ�าปแี ละพธิ ีกรรมประจ�า ัน ยอมรบั ค าม มาย ัญลัก ณ์ รับรรู้ ่ ม
กัน ่าฤๅ ีบรมครู คือ “คร”ู ผู้ใ ้คา� แนะน�า ัง่ อนช่ ยเ ลือ ผู้รกั า และผูป้ กปอ้ ง ทา� ใ ้ลูก ิ ยเ์ ข้าเลือก
ใช้ค ามเชื่อปู่ฤๅ ีบรมครูในการแก้ไขปัญ าชี ิตท่ีตนประ บ เม่ือปัญ าได้รับการแก้ไขก็ท�าใ ้เกิดค าม
รัทธาจงึ แนะนา� คนรูจ้ กั ใ ้เข้ามาเป็นลูก ิ ยอ์ ย่างตอ่ เน่ือง
320
บรรณานุกรม
นงั ือภา าไทย
ท พล จงั พานิชย์กุล. (2555). ตา� นานพระฤๅ ี บรมครแู ง่ า ตร์ ิชา. กรุงเทพฯ: ค มมา่ .
ทิพยจกั ร. (2550). เปน็ เ ร ฐีด้ ยบารมพี ่อแก่. กรงุ เทพฯ: กรนี -ปัญญาญาณ.
ปน่ิ แก้ เ ลื ง ร่าม ร.ี (2539). ภูมปิ ัญญานิเ ิทยาชนพ้นื เมือง ึก ากรณชี ุมชกะเ รีย่ งในป่า
ทุ่งใ ญ่นเร ร. นนทบุร:ี โลกดลุ ยภาพ.
.จนี ประดิ ฐ์. (2538). อา� นาจลกึ ลบั ของรา่ งทรงใ ม่. กรุงเทพฯ: ร่งุ แ งการพิมพ์.
าตะนันท์ โพธมิ าลา. (2541). พระฤ .ี กรุงเทพฯ: ไพลนิ .
ทิ ยานิพนธ์
ภา นยี ์ บญุ รรณ. (2544). “การ กึ า ิเคราะ ์ค ามเชื่ พระพุทธ า นาและฤๅ ขี งชา กะเ รี่ยง
ทุ่งใ ญ่นเร รกรณี ึก า มบู่ า้ น ะเน่พ่ ง ตา� บลไล่โ ่ า� เภ งั ขละบุรี จงั ดั กาญจนบรุ ี.”
ิทยานิพนธ์ ัก ร า ตรม าบัณฑติ าขา ชิ า า นาเปรียบเทียบ ม า ทิ ยาลัยม ดิ ล.
บทค าม
ข ัญชี ัน บั แดง. ( 2545 ). “ขบ นการลัทธฤิ ๅ แี ละพ้นื ที่ กั ด์ิ ิทธิ์ข งคนกะเ ร่ียง ในบริเ ณชายแดน
ไทย- พม่า.” าร าร ังคม า ตร์. 15, 1: 187-218.
กั ดิ์ รี แย้มนดั ดา. (2522). “ฤ ี.” เมืองโบราณ. 5, 5: 71-86.
ัมภา ณ์
คุณจุ า (นาม มมต)ิ . ัมภา ณ์, 22 ตลุ าคม 2559 , 13 พฤ จิกายน 2559.
คณุ ชัย (นาม มมต)ิ . มั ภา ณ์, 5 พฤ จกิ ายน 2559 , 7 มกราคม 2560.
คุณนฤพร (นาม มมติ). มั ภา ณ,์ 9 ตลุ าคม 2559, 19 พฤ จกิ ายน 2559.
คุณพัฒนา (นาม มมต)ิ . ัมภา ณ,์ 11 ธัน าคม 2559.
คณุ พิมพ์ (นาม มมต)ิ . มั ภา ณ,์ 12 พฤ จกิ ายน 2559, 27 พฤ จิกายน 2559.
าจารย์มังกร. มั ภา ณ์. 10 กันยายน 2559, 1 ตุลาคม 2559, 19 งิ าคม 2560, 7 กนั ยายน 2561.
นงั ือภา าตา่ งประเท
Geertz, Clifford. (1973). The Interpretation of Cultures. New York: Basic Books.
321
นัง ือรวมบทความวิจัยและบทความทางวิชาการ เน่ืองในงานประชมุ วชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
322
คนคุ้นเคยที่แปลก น้า :
ค าม มั พันธ์ท่แี ปรเปลีย่ นของผู้คนในจงั ดั ชายแดนภาคใต้
ระ า่ งค ามรนุ แรงก า่ ท รร ครงึ่ *
Estranged Acquaintances:
The Changing Relations of People in the Deep-South
Provinces amid the half-decade violence.
ดร.แพร ศริ ศิ ักดด์ิ �ำเกิง**
Phrae Sirisakdamkoeng
* บทค ามน้ีเปน็ ่ น นึง่ ของ โครงการ ิจยั ตดิ ตามประเมินผลกระบ นการและการด�าเนนิ งานโครงการทกั ะ
ัฒนธรรมในพนื้ ท่นี �ารอ่ ง จงั ดั ชายแดนภาคใต้. โดย แพร ริ ิ กั ดิ์ดา� เกิง และ นิ าชล ชัยมงคล นบั นนุ งบประมาณ
โดย นู ย์มานุ ย ิทยา ริ นิ ธร องคก์ ารม าชน (พ. . 2562) ผเู้ ขยี นขอขอบคณุ คณุ นิ าชล ชัยมงคล มา ณ ท่ีน้ี ทอ่ี นุญาต
ใ ้น�าข้อมลู ในโครงการ ิจยั ดงั กลา่ มาใชเ้ ขยี นบทค ามเร่อื งนี้
** ผชู้ ่ ย า ตราจารย์ประจา� ภาค ิชามานุ ย ิทยา คณะโบราณคดี ม า ิทยาลัย ิลปากร
323
นงั ือรวมบทความวิจยั และบทความทางวชิ าการ เนอื่ งในงานประชุมวิชาการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
บทคัดย่อ
ปฐมบทของค ามขดั แยง้ ในจงั ดั ชายแดนภาคใตเ้ ปน็ เรอ่ื งค าม มั พนั ธข์ องรฐั กบั ประชาชนท่ี
มอี ุดมการณ์ ัฒนธรรม และรูปแบบในการอยู่ร่ มกนั ที่แตกต่าง จงึ อาจกล่า ได้ ่าค ามรุนแรงยา นานที่
ผา่ นมาเปน็ ปญั าค าม มั พนั ธใ์ นแน ดง่ิ งาน จิ ยั ลายชน้ิ กอ่ น นา้ ปี พ. . 2547 มขี อ้ มลู และบท เิ คราะ ์
ตรงกัน ่าค าม ัมพันธ์ระ ่างผู้คนต่าง า นาและ ัฒนธรรมในพ้ืนท่ีมีต้นทุนทาง ัฒนธรรมและ าย
ัมพนั ธ์ทด่ี ีตอ่ กันตลอดมา แตภ่ าย ลงั ค ามรุนแรงต่อเนือ่ งก า่ 15 ปี ปรากฏการณ์ ลายอยา่ งในพื้นท่ี
ะทอ้ นใ เ้ ็นค ามเปลย่ี นแปลงในค าม ัมพันธร์ ะ ่างคนมลายูมุ ลมิ และคนไทยพทุ ธ
บทค ามนี้จึงเร่ิมจากการ �าร จต้นทุนค าม ัมพันธ์ดั้งเดิม ิธีการท่ีคนท่ีแตกต่างอา ัยอยู่
ร่ มกันกอ่ นค ามรนุ แรงจาก รรณกรรมท่ี กึ าเรอ่ื งจัง ดั ชายแดนภาคใต้ โดยมีคา� ถาม �าคญั คอื ค าม
รุนแรงทเี่ กิดขึ้นต้งั แตป่ ี พ. . 2547–2562 (นบั เปน็ เ ลา 15 ปี) ง่ ผลตอ่ ค าม ัมพันธ์ของผู้คนในพ้นื ท่ี
อย่างไร แล้ จึงเคล่ือนมาท�าค ามเข้าใจค าม ัมพันธ์ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปภายใต้บริบทของค าม
ขดั แย้งในจัง ัดชายแดนภาคใต้ ด้ ยการเกบ็ ข้อมลู ภาค นาม การ ัมภา ณ์และ ังเกตการณใ์ น มบู่ า้ น
4 มู่บ้านจาก 4 ต�าบล ในอ�าเภอแ ่ง นึ่งของจัง ัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้เ ลาเก็บข้อมูลประมาณ
1 ปี (2560-2561)
ข้อคน้ พบจากการท�างาน จิ ัยนี้ คือ มเี ตปุ ัจจยั ลายประการที่ ่งผลตอ่ ค าม ัมพันธข์ องผู้คน
ในแน ระนาบ ไม่ใช่เพียงค ามรุนแรงท่ี ่ันคลอนค าม ัมพันธ์ ากแต่พล ัตทางเ ร ฐกิจ ังคม และ
ค ามเชอื่ ใน า นา ตลอดจน ถานการณข์ อง งั คมไทย และ งั คมโลก ตา่ ง ง่ ผลใ ค้ าม มั พนั ธข์ องผคู้ น
ในพน้ื ท่มี รี ะยะ า่ งมากขนึ้ แปรเปลย่ี นคนทเี่ คยค้นุ ใ ้กลายเป็นคนคุ้นเคยท่แี ปลก นา้ ต่อกนั ปัญ าดา้ น
ใ มข่ องจงั ดั ชายแดนภาคใตจ้ ึงไม่ไดจ้ �ากดั อยทู่ ค่ี าม มั พนั ธข์ องรฐั กบั ประชาชนอกี ตอ่ ไป โจทย์ใ ญท่ ี่
จา� เปน็ ตอ้ งใ ค้ าม า� คญั ในการแกป้ ญั า จงึ อาจเปน็ เรอื่ งค าม มั พนั ธข์ องผคู้ นตา่ ง ฒั นธรรมทา่ มกลาง
ค ามขัดแยง้ ยา นานในพน้ื ที่แ ่งน้ี
324
Abstract
The prologue of the deep-south conflict is the vertical relations conflicts between
the state and the group of people who have different ideology, culture, and way of life.
Many researches before 2004 shared similar findings that people different faiths and
culture now good relations. However, after the 15-year surge of violence, many incidence
reflect the changing relations between Malay Muslim and Thai Buddhist.
This article explores the impacts that enduring violence plays in the lives of the
individuals during 2004-2019, the paper undertakes a review of literature on the Deep
South conflict to comprehensively identify practice of the everyday life and social relation
between the people before a flared-up of violence. Furthermore, this paper attempts to
understand the changing of the relationship in context of protracted conflict in the region
through field research, employing in-depth interview and observation method, collecting
data from four villages in four sub-districts, which belong to a district of a southern border
province.
The research finding suggests that numerous factors instigated the change in
horizontal relations. Violence not only makes relationship between the people unsteady,
but the dynamism of economics, society as well as religious belief, along with current
social issues at both national and global level also contribute to the distancing of
relationship. Making the familiar unfamiliar is emerging problem in the southern border
provinces, unnecessarily merely limited to State-people relation anymore. The proposition
of conflict resolution, likewise, should concentrate on relationship between culturally
diverse people who live in the protracted conflict.
325
นัง อื รวมบทความวิจยั และบทความทางวิชาการ เน่ืองในงานประชมุ วิชาการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
ควำมสมั พนั ธ์มุสลิมและพทุ ธในพ้ืนทก่ี อ่ นควำมรนุ แรงปี 2547
จากการทบท น รรณกรรมเกี่ย กับจัง ัดชายแดนภาคใต้ช่ งก่อน พ. . 2547 ซึ่งเป็นปี
มดุ มายทเี่ กดิ ค ามรนุ แรงระลอกใ ม่ พบ า่ ค าม มั พนั ธร์ ะ า่ งชา ไทยพทุ ธและมลายมู ุ ลมิ ในพน้ื ท่ี
จงั ัดชายแดนภาคใต้ด�าเนิน ืบเนอื่ งมาค่อนขา้ งดี มกี ารตดิ ต่อ ัมพนั ธ์ ช่ ยเ ลือและพ่ึงพงิ องิ อา ยั กัน
ทั้งในชี ิตประจ�า ัน ร มถึงใน าระโอกา พิเ ต่าง ๆ เช่นในประเพณีและพิธีกรรมต่าง ๆ แม้ ่าจะมี
ค ามขัดแย้งบ้าง แต่งาน ิจัย ่ นใ ญ่ ิเคราะ ์และ รุป ่าเป็นค ามขัดแย้ง ่ นบุคคล รือเกิด
ค าม าดระแ งในกรณกี ารเรียกค่าไถ่ ค่าคุ้มครองบ้าง ากแต่ไม่ได้เป็นค ามขัดแยง้ ในทาง า นาแต่
อยา่ งใด
รัตติยา าและ (2544: 79) เขียนถึงค าม มั พันธ์ใน มบู่ า้ นบูแม ่า “คนบูแมท้ังมุ ลมิ และไทย
พทุ ธ อยู่กันไม่เคยมีเรอ่ื งขัดแย้งในเรือ่ ง า นา เ ลามุ ลมิ เลี้ยงอา าร ยังเชิญพระ งฆไ์ ปร่ มด้ ย เชญิ ใน
ฐานะเพอื่ นมนุ ยร์ ่ ม มบู่ า้ น เ ลาใน ดั มกี ารละเลน่ อยา่ ง นงั ตะลงุ กม็ เี พอ่ื น ๆ มุ ลมิ เขา้ ร่ มชมด้ ยกนั ”
ากยอ้ นกลบั ไปในงานทเ่ี กา่ ก ่านนั้ พบ ่า อารง ทุ ธา า น์ (2519) เขียนถงึ ค าม มั พนั ธใ์ นอดตี ของคน
ไทยพทุ ธและคนมลายมู ุ ลมิ า่ บางชมุ ชนดา� รงชี ติ ด้ ยค าม ามคั คี แมบ้ างชมุ ชนจะมปี ญั าระ า่ งคน
ไทยพทุ ธและมลายมู ุ ลมิ อยบู่ า้ ง แตเ่ ปน็ เพยี งค ามขดั แยง้ ่ นบคุ คลเทา่ นน้ั ขณะท่ี ทุ ธพิ ง ์ พร มไพจติ ร
(2520) รุป ่า การนับถือ า นาที่แตกต่างกัน ไม่ได้เป็นอุป รรคต่อค าม ัมพันธ์ระ ่างไทยพุทธกับ
มลายมู ุ ลมิ การเกดิ ปญั าระ า่ งคน องกลมุ่ นา่ จะเกดิ จาก าเ ตอุ น่ื แตน่ า� เอาประเดน็ การนบั ถอื า นา
มาเปน็ ขอ้ อา้ ง ทงั้ องกลมุ่ มคี าม มั พนั ธใ์ นเชงิ บ กใน ลายมติ ิ งาน จิ ยั ของกติ ติ รตั นฉายา ในปี พ. . 2533
ยังคงยืนยัน า่ ค าม มั พนั ธ์ในระดบั ประชาชนชา ไทยพทุ ธกับมุ ลมิ เปน็ ค าม ัมพันธ์ทด่ี ี แม้ า่ ในพนื้ ที่
ชนบท ่ นใ ญ่ชา ไทยพุทธตั้งบ้านเรือนแยกจากคนมลายูมุ ลิม มีเพียงบาง มู่บ้านเท่าน้ันที่คนท้ัง อง
กลุ่มอา ัยอยู่ปะปนกัน ผู้คนต่าง ัฒนธรรมมักจะพบปะกันในพื้นท่ีเมือง ผ่านการค้าขายไปมา า ู่กัน
อาจมปี ญั ากระทบกระทง่ั กนั บา้ ง เกดิ ค าม าดระแ งในกรณกี ารเรยี กคา่ ไถบ่ า้ ง แตเ่ มอ่ื คนทงั้ องกลมุ่
ร่ มกิจกรรมต่าง ๆ มผี ลประโยชนร์ ่ มกนั ทา� ใ อ้ ยู่ร่ มกันด้ ยค ามระมดั ระ งั มกี าร เิ คราะ แ์ ยกแยะ
ก่อใ เ้ กิดค ามเข้าใจกนั มาก ค าม าดระแ งลดนอ้ ยลง (กติ ติ รัตนฉายา, 2532: 39, 45)
ปฏสิ มั พันธใ์ นชวี ิตประจำ� วนั
ชา ไทยพุทธกับชา มลายูมุ ลิม ่ นใ ญ่จะอา ัยอยู่กันเป็นกลุ่มย่านค่อนข้างชัดเจน ากแต่
คนทั้ง องกลุ่มน้ีมีการปฏิ ัมพันธ์กันในชี ิตประจ�า ัน เช่น ค ามเป็นเพื่อนร่ มโรงเรียน และเพ่ือนบ้าน
(เพอ่ื นบา้ นตา่ งชมุ ชน) ค าม มั พนั ธท์ งั้ องลกั ณะทา� ใ ค้ นทงั้ องกลมุ่ เรยี นรใู้ น ฒั นธรรมของกนั และกนั
ร้างกระบ นการปรบั ตั ในการอยรู่ ่ มกัน ตลอดจนมีการพ่งึ พิงองิ อา ยั กนั
ค ามเปน็ เพอ่ื น เกดิ จากการไดเ้ รยี น นงั อื ร่ มโรงเรยี นใน มบู่ า้ นกนั มา นา� ไป กู่ ารชกั ช นกนั
ร่ มจดั กจิ กรรมตา่ ง ๆ ทง้ั การจดั กจิ กรรมในประเพณตี า่ ง ๆ และการพฒั นา มบู่ า้ น การร่ มกจิ กรรมเพอ่ื
่ นร มท�าใ ้เกิดค าม ัมพันธ์ในเชิงบ ก ( ุทธิพง ์ พร มไพจิตร และคณะ, 2520: 149; ฉ ี รรณ
รรณประเ รฐิ , พรี ย ราฮมิ มลู า และมานพ จติ ตภ์ ู า, 2524: 132) โรงเรยี นทา� ใ เ้ ดก็ ๆ จากกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
326
ตา่ ง ๆ ไดร้ จู้ กั คนุ้ เคย ผกู พนั เปน็ เพอ่ื นเปน็ ระยะเ ลานาน ทง้ั ยงั เปน็ พน้ื ทข่ี องการเรยี นรคู้ ามแตกตา่ งและ
ลาก ลายทาง ฒั นธรรมด้ ย นา� ไป กู่ ารปฏบิ ตั ติ ั ตอ่ เพอื่ นตา่ งชาตพิ นั ธด์ุ ้ ยค ามเขา้ ใจในค ามแตกตา่ ง
(ฉ ี รรณ รรณประเ รฐิ , พรี ย ราฮมิ มลู า และมานพ จติ ตภ์ ู า, 2524: 135; แพร ริ ิ กั ดด์ิ า� เกงิ , 2548: 339)
า� รบั การเปน็ เพอื่ นบา้ น “ในบางทอ้ งที่ ตาม มบู่ า้ นในตั เมอื ง ชา บา้ นจะมีค าม มั พนั ธใ์ กล้
ชิดกับคนไทยพุทธ จะมีค ามเข้าใจ า นาและ ัฒนธรรมท่ีแตกต่างกัน ามารถแยกได้ ่าอะไรที่มุ ลิม
ปฏบิ ตั ไิ ด้และปฏบิ ตั ิไม่ได”้ (อลิ า ะ าเมาะ, 2543: 16) การอา ัยอยรู่ ่ มกนั ในชมุ ชน รอื ทอ้ งถ่นิ ทีอ่ ยู่
่างไกลเมอื งทา� ใ ้คนตา่ งชาติพันธ์ุในอดีตตอ้ งพง่ึ พากนั ในเร่ืองยานพา นะ ทงั้ เพอ่ื ซอื้ ของอปุ โภคบรโิ ภค
และการเดนิ ทางไปโรงพยาบาล
ปฏิ ัมพนั ธ์ใน ำระโอกำ พเิ
จากงาน ิจัยของฉ ี รรณ รรณประเ ริฐ และคณะ พบ ่าประเพณกี าร มร ประเพณกี ารเขา้
ุ นัต ประเพณี ันเมาลิด และประเพณีการบ ชของคนไทยพุทธ ล้ นเป็นประเพณีท่ีช่ ย ร้างค าม
ัมพนั ธ์อันดรี ะ ่างกัน คนทัง้ องกลุ่มจะน�าอา ารทง้ั ดและแ ง้ มาช่ ยงาน ท้ังยงั ช่ ยท�าอา ารเลีย้ ง
แขก ในกรณที ีไ่ ม่ ามารถมาร่ มงานได้จะใ ้เงนิ มาช่ ยงาน จากการ กึ าของ ุทธิพง ์ (2520) ฉ ี รรณ
และคณะ (2524) พบ า่ ค าม มั พนั ธข์ องทงั้ องกลมุ่ ชาตพิ นั ธก์ุ อ่ นเกดิ เ ตกุ ารณค์ ามไม่ งบยงั คงดา� เนนิ
เชน่ ทีเ่ คยเป็นมา ในช่ งทชี่ า มลายูมุ ลมิ ถือ ีลอด ชา ไทยพุทธท่ี นทิ กนั จะน�าขนม น้�าตาลทราย และ
ผลไมต้ า่ ง ๆ ไปมอบใ เ้ พอื่ นชา มลายมู ุ ลมิ ในการแตง่ งานมกี ารเชญิ ช นเพอ่ื นตา่ งชาตพิ นั ธไ์ุ ปร่ มด้ ยเ มอ
ในพธิ ี ุ นตั เพอื่ นและเพอื่ นบา้ นชา ไทยพทุ ธจะไปร่ มงานกนิ เลย้ี ง และร่ มทา� บญุ ด้ ย ( รรยา กลุ ท ,ี
2548: 89–90)
ระยะ ำ่ งระ ่ำงค ำม ัมพนั ธ์
การน�าเ นอเพียงภาพค าม ัมพันธ์อันดีระ ่างผู้คนคงไม่เป็นจริงมากนัก ไม่อาจปฏิเ ธได้
า่ การอยรู่ ่ มกนั ด้ ยค ามแตกตา่ งนา� มาซง่ึ อคตแิ ละพรมแดนทางชาตพิ นั ธ์ุ Chavivun (1980: 202–204)
เ นอ ่าการอยู่อา ยั ของคนต่างชาติพันธุ์ในพ้ืนทีม่ ักแยกกันอยูเ่ ปน็ กลุ่มย่าน ดังน้ันการปฏิ มั พันธ์จงึ เกิด
ข้นึ ได้ไม่งา่ ยนัก พรมแดนทางกายภาพเ ล่าน้ี อาจแปลงไป พู่ รมแดนทางชาตพิ ันธต์ุ อ่ ไป คนพุทธท่ีตดิ ตอ่
กบั ชา มุ ลมิ นอ้ ยมแี น โนม้ ทจี่ ะมคี ามคดิ ในเชงิ ลบกบั ชา มุ ลมิ มากก า่ คนทต่ี ดิ ตอ่ มั พนั ธก์ บั ชา มุ ลมิ
มากก ่า ยกตั อย่างกรณีช่างท�าผมท่ีอา ัยอยู่ในย่านท่ีมีเพ่ือนบ้านเป็นชา มุ ลิม แต่ไม่เคย ัมพันธ์กับ
เพ่อื นบ้านด้ ยค ามรู้ ึก า่ มคี ามแตกตา่ งระ ่างกนั ในเรื่องของ า นา และภา า แม่คา้ ชา ไทยพทุ ธ
อีกคนทีอ่ า ยั ใน ม่บู ้านติดกบั มบู่ า้ นชา มุ ลิม รู้ ึกเกลียดชงั ชา มุ ลิมโดยไม่มีเ ตผุ ลชัดเจนนอกจาก
ค ามแตกต่าง อย่างไรก็ตามคนไทยท่ีมีการติดต่อ ัมพันธ์กับชา มลายูมุ ลิมก็รู้ ึก ่า ชา มุ ลิมรัก า
ธรรมเนยี มประเพณขี องตนเองอยา่ งเขม้ แข็ง และไมต่ ้องการเป็นไทย
327
นัง อื รวมบทความวิจยั และบทความทางวชิ าการ เน่ืองในงานประชมุ วชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
นอกจากน้ี Chavivun (1982) ยังเ นออุป รรคของการปฏิ ัมพันธ์ระ ่างชาติพันธุ์ไ ้ใน
บทค ามปี 2525 ่าบทบัญญัติของ า นาในเรื่องอา ารเป็น ่ น นึ่งของอุป รรคทางชาติพันธุ์ ดังที่
ทราบกนั า่ า นาอิ ลามมีข้อ า้ มเกี่ย กับการรบั ประทานเนอื้ มูและเนื้อ ัต ์เช่น เน้อื ั และไกท่ ี่ไมไ่ ด้
ฆ่าโดยคนมุ ลิม ่ นอา ารประเภทปลาและผักจะต้องท�าค าม ะอาดด้ ยพิธีกรรมตาม ลัก า นา
ข้อ ้ามเกี่ย กับเรื่องอา ารท�าใ ้ชา มุ ลิมและชา ไทยพุทธกินอา ารร่ มกันไม่ได้ ทั้งที่เ ลาอา ารจะ
เป็นเ ลาท่ีปัจเจกบุคคลจะ ามารถพัฒนาค าม ัมพันธ์ใ ้ใกลช้ ิดมากข้นึ แต่ข้อ ้ามอันนี้ทา� ใ ้เพ่ือนร่ ม
งาน รอื เพอ่ื นตา่ งชาตพิ นั ธไ์ุ ม่ ามารถใชเ้ ลาในช่ งดงั กลา่ ร่ มกนั เ ลาคนไทยพทุ ธจดั งานเลยี้ ง งั รรค์
ากไม่ได้เตรียมอา ารอิ ลามเอาไ ้ ชา มลายูมุ ลิมจะไม่เข้าร่ ม การ ึก าของ Cornish (1997)
ท่จี ัง ัดยะลา ยนื ยัน ่าชา ไทยพุทธและชา มุ ลมิ แยกรับประทานอา าร ซ้ือของคนละตลาด
ควำมสมั พันธพ์ ุทธ-มุสลมิ ทำ่ มกลำงควำมรนุ แรงยดื เยอ้ื ยำวนำน
ภาย ลังจากเกิดค ามรุนแรงระลอกใ ม่ใน พ. . 2547 ากพิจารณาจาก รรณกรรมพบ ่าใน
ช่ ง 2-3 ปีแรกค าม ัมพันธ์ระ ่างผ้คู นในพืน้ ที่ (horizontal relations) ยงั คงดา� เนนิ ไปดงั เชน่ อดีตท่ี
ผา่ นมา ขอ้ คน้ พบจากบา้ นเชงิ เขา จ.นราธิ า (โครงการ กึ าพฒั นาระบบคมุ้ ครอง ทิ ธแิ ละเ รภี าพ และ
การไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทในชุมชน 2547) และ ชุมชน ั ค นกับชุมชน ั ะพาน ะเตง จ.ยะลา
( รรยา กลุ ท ,ี 2548) ยนื ยนั า่ ภาย ลงั จากเกดิ ค ามรนุ แรง ค าม มั พนั ธร์ ะ า่ งเพอื่ นบา้ นตา่ งชาตพิ นั ธ์ุ
ยังคง ยบิ ย่ืนค ามช่ ยเ ลอื แกก่ นั เช่น การ ยบิ ยืมเงินทองและของใช้ กรณี กึ าที่แ ดงถึงค ามเปน็
เพื่อนบ้าน ท้ังในและนอกชุมชนน�าไป ู่การเรียนรู้ในการอยู่ร่ มกันอย่าง ันติคือ กรณีของบ้านเชิงเขา
ชา ไทยพทุ ธกบั ไทยมุ ลมิ มบี รรพบรุ ุ ร่ มกนั ค ามเปน็ เครอื ญาตเิ ปน็ าย มั พนั ธท์ ที่ า� ใ อ้ ยรู่ ่ มกนั อยา่ ง
มานฉันท์ นอกจากนีย้ งั มกี ิจกรรมทาง ัฒนธรรม ประเพณรี ่ มกัน มีการร มกลุ่มกนั ท�ากจิ กรรมต่าง ๆ
เชน่ กลุ่มแม่บ้านเก ตรกร กลุ่มเก ตรกรชา นปะลกุ า าเมาะ กล่มุ ออมทรัพย์ จากการอย่รู ่ มกนั มา
เป็นเ ลายา นานผ่านภัยพิบัติต่าง ๆ ร่ มกัน ทั้งภัยธรรมชาติ และภัยจากโจรผู้ร้าย ท�าใ ้ท้ัง องกลุ่ม
ชาตพิ นั ธต์ุ อ้ งร่ มมอื กนั ตอ่ เู้ พอ่ื ค ามอยรู่ อด ในกรณขี องการครอบครองพนื้ ทแี่ ละทรพั ยากรในการทา� มา
ากนิ ซึง่ อาจนา� ไป กู่ รณพี พิ าทตา่ ง ๆ เช่น แน เขตทดี่ นิ ตั ์เล้ยี งทา� ลายพชื ผล ตา่ งมี ิธรี ะงับข้อพพิ าท
ด้ ยการกา� นด ญั ลกั ณ์เพือ่ บอกแน เขตแดน อาจมกี ารพูดคยุ ชดเชย และผอ่ นปรนกนั
ลังจากงาน 2 เรื่องขา้ งตน้ ตอ่ มามงี าน กึ าเกี่ย กับค าม ัมพนั ธ์ของผู้คนอกี 3 เล่ม ท่ใี ช้ ธิ ี
จิ ยั คุณภาพ โดยใชเ้ ลาเก็บข้อมูลภาค นามไมน่ อ้ ยก ่า 1 ปี คอื ทิ ยานิพนธข์ อง รยุทธ เออี่ มเอือ้ ยุทธ
(2551) อธิบายถงึ ค าม มั พนั ธ์ระ ่างพทุ ธ มุ ลิมในชุมชนปะนาเฆะ๊ ่าในช่ ง 2549-2550 (ช่ งเ ลาท่ี
เกบ็ ขอ้ มลู ) คนไทยพทุ ธเรม่ิ มกี ารเคลอื่ นไ โดยเจา้ อา า และพระผใู้ ญ่ ลาย ดั เท นาใ ค้ นไทยพทุ ธ
รักชาติ แผ่นดิน และต้องปกป้องชาติ ท้ังยังเขียน นัง ือโจมตีคนมลายู ตลอดจนรณรงค์ใ ้มีการบรรจุ
า นาพทุ ธเป็น า นาประจา� ชาตใิ นรฐั ธรรมนูญปี 2550 ( รยทุ ธ เอ่ีอมเอื้อยทุ ธ, 2551: 148)
328
4 ปีต่อมา ิไล รรณ จง ไิ ลเก ม (2555) ึก าเรอ่ื งการประกอบ รา้ งค ามทรงจ�าของผู้คนท่ี
ชมุ ชน ต.ทรายขา อ.โคกโพธิ์ จ.ปตั ตานี ทีไ่ ด้ชอื่ ่าเป็นชุมชนทม่ี ีต้นทุนค าม ัมพันธร์ ะ ่างคน องกล่มุ
งู และยา นานมาก บท มั ภา ณผ์ ู้ งู อายคุ น นงึ่ ใน มบู่ า้ นเมอื่ ปี 2552 ะทอ้ นใ เ้ น็ ค ามคลอนแคลน
ใน าย ัมพนั ธ์ า่ “... ทุก ันนคี้ นพุทธคนแขก า่ งกนั ไมร่ จู้ ักกนั ตง้ั แต่เกิดเ ตยุ ิงกันตาย ลายบา้ นเลกิ
ท�านาไปเลย เพราะบางบ้าน นาอยู่ในเขตบ้านแขก เขาไม่อยากเข้าไปท�า ปล่อยใ ้นาร้าง” ( ิไล รรณ
จง ิไลเก ม, 2555: 45)
ิ่งท่ีน่า นใจในงานของ รยุทธ และ ิไล รรณ คือ ค าม ัมพันธ์ของคนพุทธและมุ ลิมไม่ได้
่นั คลอนด้ ยค ามรุนแรงเพียงอยา่ งเดยี ากแต่เกยี่ ขอ้ งกับการเปล่ยี นแปลงใน า นาอิ ลามอกี ด้ ย
เช่นในงานของ รยุทธ กล่า ถึงค าม ัมพันธ์ระ ่างเครือญาติไทยพุทธกับมุ ลิมเร่ิมจะมีระยะ ่างมาก
ขนึ้ ลงั จากทญ่ี าตผิ ู้ ญงิ ซงึ่ ไปแตง่ งานกบั คนมุ ลมิ และเปลยี่ นไปรบั า นาอิ ลามเรมิ่ ใ ผ่ า้ คลมุ ผลตลอด
เ ลา และเมื่อเกิดค ามรุนแรงมากขึ้น ญาติฝ่ายพุทธไม่ได้เชิญใ ้ญาติมุ ลิมไปร่ มงาน งกรานต์ท่ีเคย
ชักช นกันไปทุกปอี กี แล้ ( รยุทธ เอ่ีอมเออื้ ยทุ ธ, 2551: 152-153) ขณะทใ่ี นชมุ ชนทรายขา พบ ่าเมือ่
โต๊ะครู (ครู อน า นาอิ ลาม) ท่าน น่ึงเดินทางกลับจากอียิปต์ ค าม ัมพันธ์ของผู้คนเร่ิมเปล่ียนไป
คนมุ ลิมท่ีเคยยกมือไ ้ทักทายครูไทยพุทธที่เคย อน นัง ือกันมา ก็ไม่ได้ยกมือไ ้ทักทายกันอีกแล้
ผู้ปกครองมุ ลมิ ที่ ง่ ลกู มาเรยี นโรงเรยี น ดั ทรายขา เรม่ิ พาลกู มาลาออกจากโรงเรยี น คนมุ ลมิ ทเ่ี คยมาดู
การละเลน่ ใน ัดเม่ือมีงาน ัด ก็ไม่มาอีกต่อไป เ ตุการณ์ทั้ง มดนี้ล้ น ร้างใ ้คนมุ ลิมและคนพุทธ
่างเ ินกัน ( ิไล รรณ จง ไิ ลเก ม, 2555: 173)
งานเรื่อง ุดทา้ ยท่จี ะกล่า ถึงในท่นี ี้คือ ิทยานิพนธข์ องพัทธ์ธรี า นาคอุไรรัตน์ (2557) ที่ กึ า
ชี ิตของคนคริ ต์ นิกายคาทอลิก ในปัตตานี ซ่ึงพูดถึงค าม ัมพันธ์ที่เปลี่ยนไประ ่างคนคาทอลิกกับ
มุ ลิมในพื้นท่ที ัง้ ทีเ่ กดิ จากค ามรุนแรง และค ามเปลีย่ นแปลงในชี ติ ทาง า นาของคนมุ ลิมที่ ง่ ผลใ ้
เกดิ ค ามอดึ อดั ในค าม มั พันธ์ “...4-5 ปมี านม้ี ีเ ตกุ ารณ์ค ามรุนแรงกย็ ิง่ เปลย่ี นไปอกี เ มอื นมอี ะไร
บงั อย.ู่ .แต่ า� รบั ซิ เตอรแ์ ล้ คนทเี่ คยรจู้ กั กนั กท็ กั กนั นะ.. แต่ า่ มนั ไมเ่ มอื นเดมิ บอกไมถ่ กู บรรยากา
เปล่ยี นไปเยอะ” (พัทธธ์ รี า นาคอไุ รรัตน,์ 2557: 132)
จาก รรณกรรมภาย ลังปี พ. . 2547 อาจกล่า ได้ ่าในช่ ง 2-3 ปีแรกที่เกิดเ ตุการณค์ าม
รนุ แรง ค าม มั พนั ธข์ องผคู้ นในแน ระนาบยงั คงไมเ่ ปลย่ี นแปลงมากนกั แต่ ลงั จากปี พ. . 2550 เปน็ ตน้ มา
ค าม ัมพันธข์ องผูค้ นเรม่ิ คลอนแคลนใน ลายพืน้ ที่ ทั้งด้ ย าเ ตุจากค ามไม่ งบ และ าเ ตจุ ากการ
เปลี่ยนแปลงในมิติของ า นาภายใน งั คมมุ ลมิ ท่มี มี ากอ่ นค ามรนุ แรงระลอกใ ม่นี้
ภาย ลงั จากการทบท นค าม ัมพันธข์ องผ้คู นในอดตี ผ่าน รรณกรรมตา่ ง ๆ ข้างตน้ ผู้เขียน
เลือกท�าค ามเข้าใจค าม ัมพันธ์ของผู้คนท่ีเปลี่ยนแปลงไปภายใต้บริบทของค ามขัดแย้งในจัง ัด
ชายแดนภาคใตด้ ้ ยการเกบ็ ขอ้ มลู ภาค นาม โดยการ มั ภา ณแ์ ละ งั เกตการณใ์ น มบู่ า้ น 4 มบู่ า้ นจาก
4 ต�าบล ในอ�าเภอแ ่ง นึ่งของจัง ัดชายแดนภาคใต้ ใช้เ ลาเก็บข้อมูลประมาณ 1 ปี (2560-2561)
เกณฑก์ ารเลอื กพนื้ ท่ี กึ าคอื พน้ื ทม่ี คี ามรนุ แรงเกดิ ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งและ มบู่ า้ นทมี่ คี นมลายมู ุ ลมิ และ
329
นัง อื รวมบทความวิจยั และบทความทางวชิ าการ เนือ่ งในงานประชุมวิชาการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
ไทยพุทธอยู่ร่ มกนั ประเด็น �าคญั ในการ ัมภา ณค์ อื เรื่องรา ค าม มั พนั ธข์ องคนทอ่ี ยรู่ ่ มกันในอดตี
เปรยี บเทยี บกบั ปจั จบุ นั ขณะเดยี กนั ผเู้ ขยี นเกบ็ ขอ้ มลู ค ามรนุ แรงทเี่ ปน็ ขา่ ใน อื่ กระแ ลกั ของอา� เภอ
ดังกลา่ ไ อ้ ยา่ งต่อเน่ือง เพ่อื นา� มา าค ามเชอื่ มตอ่ ระ ่างค ามรุนแรงและค าม มั พันธ์
บำ้ นนำ1 : พื้นท่ีไข่แดงของคนพทุ ธ
บ้านนาเป็นชุมชนทมี่ ีคนตัง้ รกรากอยูม่ านาน ากนบั เ ลาจาก ดั ทเ่ี กา่ แกท่ ี่ ดุ ในต�าบลบ้านนา
คอื ดั ทก่ี อ่ ตงั้ มาตงั้ แต่ พ. . 2320 บา้ นนานบั เปน็ ตา� บลทมี่ คี าม า� คญั แ ง่ นง่ึ ของพน้ื ทอ่ี า� เภอชายทะเล
มจี า� น นประชากรทง้ั มดประมาณ 4,200 คน ตา� บลบา้ นนาแบง่ การปกครองเปน็ 6 มบู่ า้ น มทู่ ่ี 5 และ
6 มปี ระชากรนบั ถือ า นาอิ ลามรอ้ ยละ 100 ่ น 4 มู่บา้ นท่ีเ ลอื น้ันมปี ระชากรนับถอื า นาพทุ ธ
อา ยั ร่ มกบั คนมุ ลมิ อยา่ งไรกต็ ามภาย ลงั จากมคี ามรนุ แรงยา นาน น่ ยราชการแทบจะไม่ ามารถ
นบั จา� น นประชากรพุทธได้อยา่ งชดั เจน
บ้านนาเป็นพนื้ ท่รี าบและมคี ามอดุ ม มบูรณ์ ไม่มเี ขตแดนทต่ี ิดชายทะเล ผคู้ นประกอบอาชพี
ทา� นาและนา�้ ตาลโตนดเปน็ ลกั มกี ารแบง่ พนื้ ทอี่ ยอู่ า ยั พน้ื ทท่ี า� นาและปลกู ตาล ใน ่ นของพน้ื ทอี่ ยอู่ า ยั
ผคู้ นจะปลูกบ้านเรอื นไม่ ่างกนั มาก และในขณะทที่ า� นาไม่ได้เป็นผนื นาขนาดใ ญแ่ ต่จะมีการ ลับแปลง
นาระ า่ งเพ่อื นบา้ น ปจั จุบนั การตง้ั บ้านเรอื นจะอา ยั เป็นกล่มุ ยา่ นของคนพุทธและมุ ลมิ แยกจากกัน
นอกจากนี้ต�าบลบ้านนายังเป็นพ้ืนท่ีของการ ึก าของอ�าเภอชายทะเล เน่ืองจากมีโรงเรียนใน
ระดบั ประถม ึก าถึง 3 แ ง่ ในตา� บลนีม้ ี ดั �าคญั ทีม่ อี ายุเกา่ แกก่ ่ารอ้ ยปี 2 ดั มั ยดิ 7 แ ่ง ก่อนเกิด
ค ามไม่ งบใน พ. . 2547 ผู้คนต่าง า นาอยอู่ า ัยร่ มกัน ต่างพง่ึ พาอา ยั กันและกันในชี ิตประจ�า นั
เปน็ ท้งั เพื่อนบ้านและเพอื่ นร่ มโรงเรยี น ลายคนเชื่อ า่ ต้นทนุ ค าม มั พนั ธท์ มี่ อี ยู่นี้ น่าจะเป็นปราการที่
แขง็ แกรง่ พอจะตา้ นแรงเ ยี ดทานจากค ามรนุ แรงทเ่ี กดิ ขนึ้ ในชี ติ ประจา� นั ของคนในพน้ื ที่ คา� า่ “ไขแ่ ดง”
เปน็ คา� ทผ่ี ใู้ ญบ่ า้ น ใชอ้ ธบิ ายลกั ณะการดา� รงอยขู่ องคนพทุ ธในพนื้ ทบี่ า้ นนา ทอ่ี ธบิ าย า่ คนพทุ ธในแตล่ ะ
มบู่ า้ น อยู่ท่ามกลาง งล้อมของคนมุ ลิม แมก้ ระนั้นกย็ ังอาจกล่า ได้ า่ เป็นไขใ่ บเดยี กนั
วิถีแตเ่ กำ่ ก่อน
ิถีชี ิตในอดีตของคนบ้านนา แทบทุกบ้านยึดการท�านาเป็นอาชีพ ลัก นิยมปลูกข้า เจ้า
ทา� นา้� ตาลโตนด มกี ารปลกู ขา้ เ นยี บา้ ง า� รบั ใชท้ า� ขา้ ตม้ ลกั ณะทน่ี าของแตล่ ะครอบครั กจ็ ะเปน็
ผืนติดกัน ปะปนกนั ระ ่างคนพทุ ธ มุ ลมิ เมอ่ื กอ่ นนนั้ ต่างช่ ยกันตั้งแตก่ ารด�านา เกบ็ เก่ยี และด้ ย
ค ามทไี่ มม่ โี รง ใี น มบู่ า้ นคนในชมุ ชนจะมาช่ ยกนั ตา� ขา้ ค าม มั พนั ธข์ องคนในชมุ ชนจงึ เกดิ ขนึ้ บนผนื นา
1 ชอ่ื ผคู้ นและ ถานทใ่ี นบทค ามนเ้ี ปน็ ชอื่ มมติ เพอ่ื รกั าค ามปลอดภยั และค ามเปน็ ่ นตั ของผใู้ ้ มั ภา ณ์
330
การท�ามา ากินอีกอย่างทีเ่ กีย่ ขอ้ งกับทอ้ งนาคือ การท�าน้�าตาลแ น่ ซ่งึ เป็นน�า้ ตาลแผ่นกลม ๆ
ีน�้าตาลเข้ม แปรรปู มาจากน้า� ตาลโตนด ผชู้ ายในชมุ ชนจะช่ ยกัน มนุ เ ยี นขน้ึ ต้นตาล น�าน้�าตาลโตนด
มาใ ้ผู้ ญงิ ช่ ยกนั เคยี่ และ ยอดน้�าตาล พอตกเยน็ ผู้ ญงิ กจ็ ะเดินลัดเลาะ นยางเขา้ ไปดูโทรทั น์กัน
ทบี่ ้านผ้ใู ญ่ ่ นผู้ชายกจ็ ะไปนงั่ กินน้�าชากันท่ีเพิง นา้ บ้านด้ ย รือแม้แต่ ่าบ้านใครมีงานก็จะไปช่ ย
เ ลอื กันเ มอไม่ า่ จะเปน็ งานขนึ้ บา้ นใ ม่ รืองานกินเ นีย (งานแต่งงาน)
นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยง ัต ์เพ่ือกิน ใช้งาน และขาย บ้านของจัน เคยเล้ียง มูเพ่ือขาย
เล้ียงภายในบริเ ณบ้านแต่ต่อมาก็เลิกเล้ียงเพราะไม่อยากใ ้คนมุ ลิมรู้ ึกไม่ดี จึงเปลี่ยนมาเล้ียงไก่แทน
และทุกบา้ นกจ็ ะเล้ยี ง ั เพ่ือใชใ้ นการไถนา ดังนน้ั นอกจากการช่ ยเ ลือกันท�านาแล้ กย็ งั ช่ ยกนั ดูแล ั
ด้ ย กจิ กรรมประจ�า ันนอกจากการเฝ้านากจ็ ะเป็นการเฝ้า ั ท่ีจะต้องพา ั ออกไปกิน ญา้ ตามบริเ ณ
ตา่ ง ๆ รอบชมุ ชน และโดยมากก็จะพาไปตรงบรเิ ณ รมิ คลองที่จะ ามารถเชื่อมไปทางบ้าน น ( มบู่ า้ น
ทอ่ี ยตู่ ดิ กนั ) ได้ จนั เลา่ า่ การพา ั ไปกนิ ญา้ ทกุ นั ทา� ใ ไ้ ดม้ คี นรจู้ กั จนกลายเปน็ เพอื่ นอยทู่ บี่ า้ น นมาก
และ ่ นมากเปน็ คนมุ ลมิ ทค่ี อยช่ ยเ ลอื กนั มา ช่ งเ ลากลาง นั กไ็ ปขอนอนพกั ใตถ้ นุ บา้ น รอื แ ะเ ยี น
ไปน่ังพดู คุยระ า่ งการดู ั ตอ่ มาบางครอบครั ท�าประมงและค้าขายการเปล่ียน ิถที �ากนิ ทา� ใ ้คนรู้จัก
่างกันไป นอกจากนป้ี ระมาณปี 2507 มีการตง้ั โรง ที ี่ ต.ทา่ ข้าม ช่ งเ ลาที่ช่ ยกนั ต�าขา้ จึง ายไปและ
นั ไป ีข้า กบั โรง แี ทน
เมาะและจันทเ่ี ป็นเพอ่ื นกนั มาต้ังแต่ มยั ย่างเข้า ัยร่นุ ขณะนีท้ งั้ องมีอายกุ า่ 70 ปี เธอเ ็น
ตรงกนั า่ ปจั จบุ นั ชมุ ชนเปลย่ี นไปมาก อาจไมใ่ ชเ่ พราะเ ตกุ ารณค์ ามรนุ แรงในพน้ื ทเ่ี ทา่ นน้ั แตย่ งั มาจาก
ลาย าเ ตุท่ี ่งผลต่อค าม ัมพันธ์ของคนในชุมชน โดยเฉพาะรุ่นลูก ลานก็ไม่ได้ นิทกันเ มือนก่อน
คน นมุ่ า ในชมุ ชนไม่ า่ จะเปน็ พทุ ธ รอื มุ ลมิ กไ็ มค่ อ่ ยรจู้ กั กนั คนมุ ลมิ ออกไปทา� นยางทยี่ ะลากจ็ ะ
พาครอบครั ไปอยู่ด้ ย รอื บางกลุ่มก็ออกไปทา� งานที่ประเท มาเลเซีย ่ นคนพุทธรา ปี พ. . 2545
คนในชมุ ชนเรมิ่ ทง้ิ นา ลูก ลานพุทธออกจากพืน้ ทเ่ี พราะไปเรียนในเมือง ไปท�างานนอกชุมชน ตลอดจน
ทา� งานนอกพนื้ ที่ คน ยั เรยี นมกั เดนิ ทางออกไปเรยี นในเมอื ง รอื คน ยั ทา� งานเลอื กไปทา� งานในกรงุ เทพฯ
าดใ ญ่ และ ภเู ก็ต ชุมชนบ้านนาในปจั จุบันจึงมผี ู้ ูงอายเุ ปน็ ่ นมาก
โรงเรียนพ้ืนทีข่ องเพ่อื นต่ำงศำสนำ
โรงเรยี นนอกจากเปน็ ถาบนั การ กึ าใน ชิ าค ามรแู้ ขนงตา่ ง ๆ อยา่ งเปน็ ทางการ เปน็ ถาบนั
บูรณาการค ามเป็นอัน น่ึงอันเดีย กันของกลุ่มคน เป็น ถาบันที่ด�าเนินการขัดเกลาทาง ังคมแล้
โรงเรียนยังมี น้าที่แฝงในการเป็นพ้ืนท่ีแ ่งการเรียนรู้ในค ามคล้ายคลึง ค ามแตกต่างและ ลาก ลาย
ตัง้ แตเ่ ยา ์ ยั อีกด้ ย (แพร ิริ ักด์ดิ �าเกงิ , 2548: 339)
เมาะ เล่า า่ คนมุ ลมิ ท่อี ยทู่ ี่นล่ี ้ นเป็นพ่นี ้องกัน มบี รรยากา ครกึ ครน้ื เม่ือคร้งั ยงั เดก็ คนแกท่ ่ี
นี่บางคนเขา้ เรียนท่ีโรงเรยี นบา้ นนาร่ มกับคนไทยพทุ ธ โรงเรียนในขณะนนั้ อนถึงชน้ั ประถม ึก าปที ่ี 4
เด็กในโรงเรยี นมจี �าน นประมาณ 300 คน เปน็ คนไทยพุทธประมาณ 200 คน และที่เ ลอื นบั เปน็ ่ น
นอ้ ยก า่ เปน็ คนมุ ลมิ คนมุ ลมิ รนุ่ รา ครา เดยี กบั เมาะ ลายคนเรยี นภา าไทยและเจอเพอื่ นไทยพทุ ธ
331
นงั ือรวมบทความวจิ ยั และบทความทางวิชาการ เนื่องในงานประชุมวิชาการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
จากท่ีโรงเรียน เด็ก ๆ มักจะ อนภา ามลายูใ ้กันเองเลยท�าใ ้คนในยุคนั้นฟังพูดกันเข้าใจ คนพุทธฟัง
ภา ามลายูออก บางทกี ็ตอบกลบั เปน็ ภา ามลายู บางทีตอบกลับด้ ยภา าไทย แต่ถ้าอยใู่ นช่ั โมงเรียน
จะตอ้ งพดู ภา าไทยเท่านั้น
ขณะที่จริ าพร (อายุ 63 ปี) เล่าถึง ัยเยา ข์ องเธอ ่า ช่ งเ ลาทเ่ี รยี นประถมทโ่ี รงเรยี นบ้านนา
จา� น นเดก็ พทุ ธและมุ ลมิ เทา่ ๆ กนั รา ครงึ่ ตอ่ ครง่ึ ยงั มเี พอื่ นทเ่ี ลน่ ด้ ยกนั ไปเทยี่ เลน่ บา้ นเพอื่ นมุ ลมิ
และบอ่ ยครง้ั เพอ่ื นกม็ าเยยี่ มทบ่ี า้ นเธอ รอื แมแ้ ตต่ อนพกั กลาง นั กย็ งั เอาขา้ อ่ มาแบง่ กนั กบั เพอ่ื น นทิ
ท่เี ป็นคนมุ ลมิ กนิ ท้งั ยังมีเพอ่ื นท่ี อนภา ามลายู นั ละคา� ใ ก้ นั ได้ พอมาเรยี นชน้ั ประถม กึ าปที ่ี 5-7
กย็ ้ายมาเรยี นโรงเรยี น ดั อีกแ ่ง จา� ได้ า่ จ�าน นเพอ่ื นมุ ลิมใน ้องเร่มิ ลดจา� น นลงและย่งิ ลดลงไปมาก
ในช่ งช้ัน ม . 1-3 ตอนนนั้ เพื่อนมุ ลมิ ทีย่ งั คงเรียนต่อ ่ นมากมาจากครอบครั ราชการ อยา่ งเช่น ครู
ท าร ตา� ร จ เปน็ ต้น ่ นคนที่เรียนจบ ประถม ึก าปที ่ี 7 กจ็ ะแต่งงานและออกไปช่ ยครอบครั ท�านา
ทา� น นอกจากทอ้ งนาและโรงเรยี นท่เี ป็น ถานท่ีพบปะของคนต่าง า นา ยงั มีคลอง ายเลก็ ๆ ที่เปน็
จุดเชอ่ื มระ ่างตา� บลบ้านนาและต�าบลบ้าน น ถอื เปน็ แ ลง่ พบเจอเดก็ ในรุ่นรา ครา เดยี กนั เพราะ
จะมาเลน่ นา�้ คลองร่ มกันเป็นประจา� เป็นกจิ กรรม นุก นานของเด็ก ๆ
บรรยากา ค าม ัมพันธ์ในโรงเรียนในช่ ง 45 ปีก่อนยังคงไม่ต่างไปจากที่ผู้ ูงอายุทั้ง 3 คน
บอกเลา่ นิทเล่า า่ เม่ือคร้ังท่เี ธอเรียนอยู่ช้ันประถม กึ าปีท่ี 1-4 ทีโ่ รงเรยี นบ้านนา ประมาณ 40 ปกี ่อน
โรงเรยี นมีนกั เรยี นประมาณ 30 คน เปน็ เด็กมุ ลมิ เกอื บ 10 คน เปน็ เพ่ือนเล่นกันมาตัง้ แต่เดก็ ในตอนนั้น
นกั เรยี นตอ้ งนา� ขา้ อ่ มากนิ ทโ่ี รงเรยี น ซงึ่ เดก็ ๆ กม็ กั จะแบง่ กนั นกั เรยี นพทุ ธจะไมน่ า� มมู ากนิ ทโี่ รงเรยี น
่ นมากก็จะท�าอา ารจ�าพ กไข่ รือ ปลา นอกจากเ ลาเรียนก็จะไปเท่ีย เล่นกันตามประ าเด็ก
เก็บฝรง่ั รือผลไม้ และไปเลน่ บา้ นเพ่อื นทงั้ มุ ลิมและพทุ ธ เขา้ ออกบ้านกันไดอ้ ย่าง บายใจ ภา ามลายูก็
พอจะฟังออกบา้ งแต่ไม่คล่องมากเพราะในโรงเรยี นครไู มใ่ พ้ ดู ภา ามลายู แต่จะจา� จากการคยุ กบั เพ่อื น
จ�าได้ ่าเม่ือก่อนคนก็จะมอง ่าคนมุ ลิมด้อยก ่าคนพุทธ แต่ ถานการณ์ตอนน้ีเปล่ียนไปแล้ คนมุ ลิม
เรยี น ูงมากขน้ึ มี ทิ ธิมากขน้ึ ดจู ากมั ยดิ ท่เี พ่มิ ขน้ึ มาก ๆ ในแต่ละพื้นท่ี
ด้ ย ิถีการด�าเนินชี ิตท่เี ปลยี่ นแปลงไป การใช้พื้นท่ที าง ังคมทแี่ ตกต่าง ไม่ า่ จะเป็นการเรยี น
นัง ือ รอื ทา� งาน ทา� ใ ค้ นที่เกดิ และเติบโตในช่ ง พ. . 2540 เปน็ ต้นมา เริ่มมีค าม า่ งเ ินกับเพือ่ น
ร่ มชมุ ชนมากขนึ้ ประกอบกบั ค ามรนุ แรงทเ่ี กดิ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง เมาะรู้ กึ า่ ตอนนชี้ มุ ชนเงยี บเ งา
จากบ้านท่ีมี มาชิกเกือบ 10 คน บาง ลังเ ลือแค่ผู้ ูงอายุอยู่ตามล�าพัง ไม่ต่างจากบ้านคนพุทธท่ีเ ลือ
แต่ผู้ งู อายเุ ปน็ ่ นใ ญค่ น ยั ทา� งานและ ยั รนุ่ กอ็ อกไป กึ า รอื ทา� งานขา้ งนอกพนื้ ทพ่ี รอ้ มกบั การยา้ ย
ไปซ้ือบา้ นและต้ังรกรากอย่ใู นทอ่ี ่ืน
332
เมอ่ื ควำมรุนแรงปรำกฏ
ตลอดระยะเ ลา 14 ปีทผ่ี า่ นมา อาจกลา่ ได้ า่ ค ามขัดแยง้ รนุ แรงท่เี กิดขน้ึ ในจงั ดั ชายแดน
ภาคใต้ เป็นค ามขัดแย้งเร้ือรัง (protracted conflict) ที่มีผู้บาดเจ็บล้มตายและต่อเน่ืองยา นานมาก
ที่ ดุ ในประ ตั ิ า ตรค์ ามขดั แยง้ ของประเท ไทย ากนบั จา� น นจาก ถติ ขิ อง นู ยเ์ ฝา้ ระ งั ถานการณ์
ภาคใต้ (Deep South Watch) พบ ่านับต้ังแต่เดือนมกราคม พ. . 2547 ถึงปลายปี พ. . 2561
ค ามรุนแรง ่งผลใ ้มีผู้บาดเจ็บ 13,511 คน และมีผ้เู ียชี ิต 6,921 คน ปที ี่ ถานการณ์รุนแรงมีจ�าน น
มาก ดุ คือ พ. . 2550 นบั ได้ 2,410 เ ตกุ ารณ์ ลังจากนัน้ ค ามรนุ แรงดเู มือนลดลง แตย่ งั คงเกิดข้ึน
อย่างตอ่ เนื่อง กระท่ังปี พ. . 2560-2561 ค ามรนุ แรงลดลงเ ลอื ประมาณ 500 คร้งั ตอ่ ปี
เมอ่ื ยอ้ นกลบั มาพจิ ารณาค ามรนุ แรงในพนื้ ที่ อา� เภอชายทะเล ตงั้ แตเ่ ดอื นมกราคมปี พ. . 2547
ถงึ เดอื นพฤ ภาคม พ. . 25622 พบ า่ มเี ตุการณ์ค ามรุนแรงเกิดขึ้นท้งั มด 89 ครง้ั มผี เู้ ยี ชี ติ ร ม
68 คน ในจา� น นนม้ี ปี ระชาชนพุทธเ ยี ชี ิต 40 คน มุ ลมิ เ ียชี ิต 25 คน ท ารพราน เ ยี ชี ิต 1คน อ .
และชรบ. เ ยี ชี ติ 2 คน บาดเจบ็ ร ม 51 คน เปน็ ประชาชนพทุ ธ 30 คน ประชาชนมุ ลมิ บาดเจบ็ 15 คน
อ . และชรบ. 6 คน ในจา� น นทั้ง มดนม้ี เี ตกุ ารณ์ท่เี กิดในต�าบลบ้านนา 8 ครงั้ ผเู้ ียชี ติ ทัง้ มด 7 คน
ในจา� น นนเ้ี ปน็ พระ งฆ์ 1 รปู ประชาชนพทุ ธ 3 คน ประชาชนมุ ลมิ 3 คน บาดเจบ็ 6 คน เปน็ ประชาชน
พทุ ธ 4 คน และอ . ไมร่ ะบุ า นา 2 คน ค ามรุนแรงที่กระท�าคอื ฟนั และเผา 1 เ ตกุ ารณ์ท่ี ดั ซงึ่ เกา่ แก่
ที่ ดุ ในชมุ ชน (พ. . 2548) ยิงและเผาบา้ น 1 เ ตกุ ารณ์ (พ. . 2549) แตไ่ มม่ ผี ไู้ ดร้ ับบาดเจบ็ รอื เ ียชี ิต
ยิง 4 เ ตุการณ์ (พ. . 2552, 2555, 2556 และ 2557) แทง 1 เ ตุการณ์ (พ. . 2560) และระเบิด
เจ้า นา้ ท่ี 1 เ ตกุ ารณ์ (พ. . 2561)
ถิติท่ีน�าเ นอข้างต้นเป็นการนับจ�าน นของค ามรุนแรงต่อร่างกาย (physical violence)
ซึ่งเป็นลัก ณะ �าคัญอย่าง นึ่งของค ามรุนแรงยืดเย้ือเรื้อรัง จาก ถิติข้างต้น ากพิจารณาตาม ัด ่ น
จา� น นประชากร ท่อี า� เภอชาย าดประมาณการณ์ า่ มคี นนบั ถือ า นาอิ ลามรอ้ ยละ 80 และประชากร
ท่ีนับถือ า นาพุทธร้อยละ 20 ัด ่ นดังกล่า ถือได้ ่าคนพุทธเป็นคนกลุ่มน้อยในพื้นท่ี ากแต่ใน
จ�าน นนี้ คนพทุ ธเ ียชี ิตและบาดเจบ็ มากก า่ คนมุ ลมิ เกอื บ 1 เท่าตั อย่างไรก็ดี จ�าน นค ามรุนแรง
ท่ีเกิดข้ึนท่ีอาจจะเป็นจ�าน นนับท่ีไม่น้อยนั้น กลับไม่ได้ ่งผลต่อค ามรู้ ึกของผู้คนเท่ากับคุณภาพของ
เ ตกุ ารณ์ คณุ ภาพในทนี่ อ้ี าจไมไ่ ดเ้ กยี่ กบั จา� น นคนทเ่ี ยี ชี ติ รอื ไดร้ บั บาดเจบ็ ากแต่ มั พนั ธก์ บั ธิ กี าร
เป้า และ ถานท่ใี นการกระทา� ค ามรุนแรง
2 ข้อมูล ่ นนี้เป็นการเก็บข้อมูลจากข่า ที่ปรากฏใน น้าเ ็บไซด์ นัง ือพิมพ์ต่างๆ ตั้งแต่ ม.ค. 2547–พ.ค.
2562 ขณะที่ ถิตขิ อง นู ย์เฝา้ ระ งั ถานการณ์ภาคใต้ (Deep South Watch) เกบ็ ขอ้ มูลระ ่างปี พ. . 2547-2561 คือ
มปี ระชาชนพุทธ เ ยี ชี ิต 96 คน บาดเจบ็ 83 คน ประชาชนมุ ลมิ เ ียชี ิต 86 คน บาดเจ็บ 57 คน และไม่ระบุ า นา
เ ยี ชี ิต 4 คน ร มทัง้ น้ิ มีผเู้ ยี ชี ิต 186 คน และบาดเจ็บ 140 คน ซึ่งเปน็ จา� น นทม่ี ากก ่าปรากฏในขา่ เยอะมาก
333
นงั อื รวมบทความวิจยั และบทความทางวชิ าการ เนอื่ งในงานประชุมวิชาการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
“ ลังจากเ ตุการณ์ (ฆ่าพระ) นี้ก็ท�าใ ้เกิดค าม าดระแ งข้ึนระ ่างไทย
พุทธและมุ ลมิ ทา� ใ ้พดู คยุ กนั น้อยลง ทีร่ ู้ ึกไดเ้ พราะเราไมค่ ่อยได้ทักทายกัน
เ มือนเมอ่ื ก่อน ถามคา� พดู คา� พอเ น็ ไกล ๆ ก็พยายาม ลบ นีทา� เปน็ ไม่เ ็น
เพือ่ จะได้ไม่ต้องทัก เป็นแบบนี้นานมาก คดิ ่าเขา าดระแ งเรามากก า่ ”
(บาบอมะ, มั ภา ณ์, 2561)
เ ตกุ ารณท์ บ่ี าบอมะ ครโู รงเรยี น อน า นาในตา� บลบา้ นนาเลา่ ถงึ นน้ั เปน็ มดุ มาย า� คญั ใน
ค ามรู้ กึ ของคนพุทธคอื เ ตกุ ารณ์ฆา่ และเผาพระและลกู ัดในปี พ. . 2548 ผู้ทเ่ี ียชี ิตในเ ตุการณ์
ดังกล่า มีท้ัง มด 3 คน คือ พระ งฆ์อายุ 78 ปี ถูกคนร้ายใช้ไม้ตีและใช้มีดพร้าฟันจนมรณภาพพร้อม
จุดไฟเผา พ และลกู ดั อกี 2 คน ถูกคนร้ายใช้อา ธุ ปนื ยิง ใช้มดี พร้าฟนั และใช้ไม้ตีจนเ ียชี ิต จากนั้น
น�า พไปไ ้บนกุฏิ แล้ ใช้น้�ามันเป็นเชื้อเพลิงจุดไฟเผาท�าลายกุฏิ นอกจากนั้นกลุ่มคนร้ายยังใช้ท่อนไม้
กอ้ น นิ มีดพรา้ และอา ุธปนื ทบุ ฟนั และยงิ ขา้ ของภายในโบ ถ์ รปู ปน้ั ยกั เ์ ก่าแก่ น้าประตโู บ ถ์
และรูป ลอ่ ล งพอ่ พร มท่ปี ระดิ ฐานอยู่ในโบ ถจ์ นได้รบั ค ามเ ีย าย
บาบอมะยังจ�า ันท่ีเกิดเ ตุน้ันได้ดี แม้จะผ่านมาก ่า 10 ปี ตอนน้ันเขาก�าลังนอนอยู่ที่บ้าน
เปน็ ช่ งเดอื นถอื ีลอด ตอนทที่ ราบข่า รู้ กึ เ ียใจมาก ไม่คิด า่ จะเกิดเรอื่ งแบบน้ีขนึ้ ง ารพระโดนฆา่
ปาดคอและเ ยี ชี ติ แล้ กม็ คี นทถ่ี กู เผาในกระทอ่ มอกี ่ นจนั เลา่ ถงึ ถานการณใ์ นพนื้ ที่ ลงั จากเ ตกุ ารณ์
ดั น้ี ่ามคี นเร่ิม ง ัยและรู้ ่าใครเป็นคนกอ่ เ ตุ เริม่ พูดกนั า่ ลูกใครเปน็ “แน ร่ ม” แต่กไ็ ม่มีใครกล้าพูด
กับเจ้า นา้ ที่ ทุกคนใชค้ ามเงียบไม่ ่าคนพทุ ธและมุ ลมิ เพราะต้องเอาตั รอดไ ้ก่อน “อยากใ ้กลบั ไป
เปน็ เ มอื นเดมิ เ มอื นเดมิ ที่ ามารถเดนิ ไปไ นมาไ นเองได้ อยากเดนิ ไปไ นกไ็ ปได้ เมอ่ื กอ่ นเดนิ ไป ดั ได้
แตท่ ุก นั นีไ้ ม่กล้าเดินอีกแล้ ลงั จากเ ตกุ ารณ์ฆา่ พระตอนน้นั ” ขณะทพี่ ิ มัย ผู้ใ ญ่บ้านลูก า ของจนั
เลา่ ่า “ยกตั อยา่ งเ ตุการณท์ ี่ ัด พูดตรง ๆ บาง ่ นคนตรงน้ัน ลงั เ ตุการณก์ ็ ่างกันไป แตต่ อนน้เี ริ่ม
ดขี น้ึ ปจั จบุ นั นเ้ี รามี งิ่ อนื่ ๆ มาตอบโจทย์ แมค้ าม าดระแ งยงั อยู่ แตไ่ มม่ ากเ มอื นครง้ั แรกตอนปี 48
ดขี นึ้ แต่แผลในใจยังมี ตอ้ งใชเ้ ลาในการเชื่อมตอ่ ”
นอกจากเ ตุการณ์ที่ ัดแล้ เ ตุการณ์ท่ี ่งผลต่อค ามรู้ ึกของคนพุทธอีกเ ตุการณ์ น่ึงคือ
การกราดยิงท่ีตลาดบ้าน น โดยปกติแล้ ในอ�าเภอชาย าดจะมีตลาดนัด มุนเ ียนในต�าบลต่าง ๆ ไป
ตลอดท้งั ปั ดา ์ ตลาดนัดบ้าน น เป็นตลาดนดั ทคี่ น องต�าบลคือบา้ นนา กบั บ้าน น จะมาจับจา่ ย
ซอื้ ของกนั ทกุ นั กุ ร์ นั ทเ่ี กดิ เ ตเุ ปน็ ช่ งเชา้ ของ นั กุ ร์ นง่ึ ในเดอื นกรกฎาคม 2554 คนพทุ ธในบรเิ ณ
นน้ั อธบิ าย า่ ทง้ั ทเ่ี ปน็ ตลาดนดั ทม่ี คี นพทุ ธและมุ ลมิ มาขายของและจบั จา่ ยซอ้ื า แตค่ นทถี่ กู ยงิ กลบั เปน็
คนพทุ ธทัง้ มด โดยมผี ้เู ยี ชี ิต 1 คนและบาดเจบ็ 2 คน จนั เล่า ่าเป็นเ ตุการณ์ท่ที �าใ ท้ กุ คนรู้ ึกกลั
เพราะเปน็ การยงิ ตอ่ นา้ จากเดมิ ทเ่ี ธอมกั จะนา� ผลผลติ จากไรน่ า เชน่ นา�้ ตาลแ น่ มะพรา้ และผกั ทป่ี ลกู
ไ ้ไปขายที่ตลาดนัดบ้าน น ลังเ ตุการณ์เธอเลิกเอาของไปขายท่ีตลาดนัดและไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเพ่ือน
ๆ ทเี่ คยไปพกั ลบรอ้ นใน มยั เลย้ี ง ั อกี เลย อาจกลา่ ได้ า่ คนพทุ ธ ่ นใ ญไ่ มก่ ลา้ ไปซอื้ ของทต่ี ลาดนดั
นั่น มายถึงคนพุทธท่ีมีเพ่ือนและญาติมุ ลิม ที่ฝั่งบ้าน นแทบจะไม่ได้ไปมา า ู่กันอีกนับต้ังแต่นั้นมา
ลงั จากเ ตกุ ารณน์ นั้ บา้ น นเรม่ิ มเี ตกุ ารณบ์ อ่ ยขนึ้ มกี ารยงิ เดก็ ยงิ รถท าร ยงิ คนพทุ ธโดยเปน็ ทร่ี กู้ นั า่
“ยงิ เพอื่ อยากใ ้เรา (คนพุทธ) น”ี ยงิ เพ่ือใ ้ออกไปจาก มบู่ ้าน
334
ในปัจจุบันบ้าน วนไม่มีคนพุทธอาศัยอยู่แล้ว เ ลือเพียงวัดและพระที่มีท ารคอยดูแล
เมอ่ื เ ตกุ ารณม์ คี วามถแี่ ละความรนุ แรงมากขนึ้ คนพทุ ธ ลายคนเลอื กจะไมใ่ ชเ้ น้ ทางเดนิ ทางผา่ นระ วา่ ง
บ้านกลางและบ้านนา อย่างไรก็ตามในช่วงท่ีมีงาน ักการะเจดีย์ ลวงพ่อเก่าแก่ที่ภูเขาในบ้านกลาง
คนพุทธฝั่งบ้านนาจะพยายามไปร่วม เพราะงานน้ีถือเป็นงานประจ�าปีที่ชาวพุทธใน อ.ชาย าด
ใ ้ความ �าคัญมาก ในปัจจุบันจะมีท ารคอยดูแล ากถึงช่วงเวลาดังกล่าว กระน้ันจันยังเล่าถึง
ความรู้ ึกของตนเองต่อเ ตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนว่า “การไปประกอบพิธีก็เต็มไปด้วยความกลัว กังวลใจ
จน ลายคนก็เลิกไปและเลือกที่จะไ ว้อยู่ท่ีบ้านแทน รือแม้แต่งานชักพระก็ต้องท�ากันอย่างเงียบ ๆ
จากทเี่ คยเปน็ งานใ ญค่ กึ คกั รอื งานฮารรี ายอทเี่ ปน็ งานใ ญข่ องคนมุ ลมิ จากทค่ี นพทุ ธเคยไปเทย่ี วดงู าน
ซื้อของ เด๋ยี วน้ีกไ็ มก่ ลา้ ผา่ นไปกลวั ระเบิด”
่วนเ ตุการณ์ในชีวิตประจ�าวันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คร้ัง นึ่งที่ ร้างความ วาดกลัวใ ้ผู้คน
อย่างมากคือการยิงคนไทยพุทธท่ีก�าลังนั่งรถโดย ารประจ�าทางไปท�างาน ต่อ น้าผู้โดย ารมลายูมุ ลิม
ผตู้ ายเปน็ พชี่ ายของ นทิ ถกู ยงิ บนรถโดย ารประจา� ทางระ วา่ งยะลา-ปะนาเระ ในปี พ.ศ. 2549 นทิ เลา่
วา่ พชี่ ายเดนิ ทางดว้ ยรถโดย ารเปน็ ประจา� และเ น้ ทางนคี้ นในชมุ ชนกใ็ ชม้ านาน วนั ทเ่ี กดิ เ ตกุ ารณพ์ ชี่ าย
เป็นคนพุทธเพียงคนเดียวบนรถและผู้เ ็นเ ตุการณ์บอกว่าคนร้ายเดินมาจ่อยิงจากด้าน ลัง ต�ารวจก็ไม่
ได้ใ ้ข้อ รุปกับเ ตุการณ์ว่าใครท�าแต่ก็บอกว่าเป็นเรื่องมาจากเ ตุการณ์ความไม่ งบ จนท�าใ ้ นิทไม่
กลา้ ทจ่ี ะนง่ั รถประจา� ทางอกี เลย จากทเี่ คยจะออกไปนอกชมุ ชนแบบไมค่ ดิ มาก กต็ อ้ งคดิ วา่ จะเจออนั ตราย
ไ ม ช่วงเวลาเ มาะ ม รือไม่ ถ้าไม่จา� เป็นกไ็ ม่ออกไปนอกชุมชน
จิราพรซึ่งไม่ได้เป็นญาติกับ นิท แต่เม่ือพี่ชายของ นิทถูกยิงในรถประจ�าทาง ประกอบกับ
เ ตุการณ์คนใน มู่บ้านที่เป็นต�ารวจถูกยิง 2 คน ตรง น้าทางเข้า มู่บ้านในช่วงปี พ.ศ. 2549-2550
เธอก็เปล่ียนวิถีชีวิตประจ�าวันของตนเองไปมาก จิราพรไม่ใช้รถโดย ารประจ�าทางอีกเลย ถ้า ากมี
ความจ�าเป็นต้องใชจ้ ะเลอื กเดินทางในชว่ งเช้าเพราะจะยงั มีคนพทุ ธเปน็ เพอ่ื นรว่ มทางบา้ ง แต่ถ้าเป็นช่วง
ายจะมีแต่คนมุ ลิมอยู่เต็มรถ เธอเคยน่ังอยู่คนเดียวในรถท่ามกลางคนมุ ลิมก็รู้ ึกกลัว จิราพรเล่าถึง
ความกลวั ของเธอวา่ “ครง้ั นงึ่ เคยข่มี อเตอรไ์ ซค์ และมีรถมาขบั ใกล้ ๆ เ น็ เป็นมลายูกต็ กใจ ทั้ง ๆ ที่เขา
กไ็ มไ่ ดท้ า� อะไรเลย” นอกจากนกี้ ารรบั รขู้ า่ ววา่ ชาวบา้ นทใี่ ชเ้ น้ ทาง ญั จรไปมาถกู ยงิ เปน็ ประจา� ทา� ใ เ้ ธอ
ตัด นิ ใจท่ีจะเดนิ ทางน้อยลงเช่นเดยี วกบั นทิ
ชว่ งปแี รก ๆ ของเ ตกุ ารณ์ คนในพน้ื ทค่ี ดิ วา่ เปา้ มายของกลมุ่ ผกู้ อ่ การเปน็ ท าร รอื เจา้ นา้ ท่ี
รัฐเท่าน้ัน แต่ความจริงคือชาวบ้านท่ีไปเลี้ยงวัวกลางทุ่งนาก็ถูกยิง คน ัญจรไปมาระ ว่างทางก็ถูกยิง
บา้ นคนทพ่ี กิ ารใน มู่ 2 เขาโดนยงิ ในบา้ นแตว่ า่ เกดิ การตอ่ จู้ นเขายงิ คนรา้ ยได้ ทา� ใ ไ้ มต่ ายและไมถ่ กู เผา
บ้าน พอไปดูศพกพ็ บวา่ เป็นคนมุ ลิมท่ีอยู่ในละแวกน้ันเขา้ มาท�าร้ายก็ย่ิงท�าใ ้ วาดกลวั เมื่อคนพทุ ธรับ
รู้ข่าวถขี่ ึน้ จากการพูดคุย ไลน์ โทรศัพท์ กท็ า� ใ ไ้ มก่ ลา้ ออกจากบ้านเลย ไมไ่ ปซอื้ ของทต่ี ลาด โดยเฉพาะ
เมอื่ มเี ตกุ ารณย์ งิ คนพทุ ธ นา้ ตลาด ดประจา� อา� เภอกไ็ มไ่ ดไ้ ปอกี เลย ตอนนี้ (พ.ศ. 2560) ตลาด ดทเ่ี คย
มีคนพทุ ธ คนจนี และมุ ลมิ ค้าขายรว่ มกัน ไม่เ ลือร้านคนจนี และคนพุทธอีกแล้ว ผใู้ ญ่พศิ มยั เล่าถงึ วถิ ี
ที่เปล่ียนไป ลังเกิดเ ตุการณ์นี้ว่า เมื่อก่อนเธอมักจะไปจับจ่ายซื้อของท่ีตลาดแ ่งน้ี เพราะทุกครั้งท่ีไป
ตลาดจะได้พบเจอญาติพนี่ ้องและเพ่อื นท้ังไทยพทุ ธมุ ลิม แต่ทุกวนั นเ้ี ธอเลือกไปซ้อื ของท่ีตลาด รือ า้ ง
รรพ นิ ค้าในเมอื งมากกวา่ เพื่อความปลอดภยั
335
นงั อื รวมบทความวจิ ัยและบทความทางวิชาการ เน่ืองในงานประชุมวชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
เมื่อคนในชุมชนไม่กล้าไปตลาดนัดและตลาด ด การจับจ่ายอา ารจึงมาจากรถกระบะที่จะ
บรรทกุ ทงั้ ผกั ปลา เนอ้ื ั อา ารปรงุ กุ ขนม าน เปน็ ตลาดขนาดยอ่ มเคลอื่ นท่ี รอื ทค่ี นในชมุ ชนเรยี ก า่
รถขายปลา เข้ามาขายของในชมุ ชน จากเดิมที่คนไทยพุทธและมลายูมุ ลิมจะได้ไปพบปะ ัง รรคก์ ันใน
พนื้ ทตี่ ลาด ปจั จบุ นั กลบั กลายเปน็ ตา่ งคนตา่ งซอ้ื ของทร่ี ถซงึ่ มาจอดใกล้ นา้ บา้ นของตั เอง า� รบั คนพทุ ธ
ทีต่ ้องการซือ้ มูกจ็ ะไปซอ้ื ท่ีตลาดนัดในอีกต�าบลซึ่งจะขายใน ันองั คารและเ าร์
ไมเ่ พยี งแตค่ นพทุ ธทีร่ ู้ ึก าดกลั และกัง ล มุ ลิมที่บ้านนารู้ กึ กลั เชน่ เดยี กนั เมาะเลา่ ถงึ
เ ตุการณ์ยิงที่ตลาดบ้าน นน้ีท�าใ ้คนมุ ลิมบ้านนาไม่ไปตลาดนั้นเช่นกัน “เ ตุการณ์บ้าน นก็ท�าใ ้
รู้ กึ กลั ทจี่ ะไป และ รู้ กึ า่ ทา� ใ ค้ นพทุ ธในชมุ ชนกก็ ลั เราด้ ย เพราะคนพทุ ธนา่ จะคดิ า่ คนมุ ลมิ เปน็
คนท�า แต่จรงิ ๆ แล้ เรากก็ ลั เ มอื นกันเพราะเราไมร่ ู้ า่ ใครทา� ”
า� รบั ฮาซานะ ท์ อี่ า ยั อยใู่ นบา้ นนามานาน เธอรู้ กึ า่ ไมม่ คี ามแตกแยกระ า่ งพทุ ธมุ ลมิ
“เ ลาพดู เรือ่ งค ามรนุ แรง ถานการณก์ ๊ะ (พ่ี า ) กลั เราไมม่ ีอะไรตอ่ กัน เราอยู่ได้ใน มู่บ้านเรา แมจ้ ะ
มีเ ตกุ ารณ์ยิงตาย ลายเ ตุการณ์ แต่เราก็ไมร่ ู้จะไปไ นเพราะท่นี ่บี า้ นเรา แตก่ ะ๊ รู้ กึ ่าเราพทุ ธมุ ลมิ
อยกู่ นั ได”้ แมฮ้ าซานะ จ์ ะยนื ยนั า่ พทุ ธมุ ลมิ อยรู่ ่ มกนั ได้ แตใ่ นค ามรู้ กึ ของคน ่ น นง่ึ ทอ่ี า ยั อยใู่ น
“บา้ น” เดยี กบั เธอกลบั รู้ กึ ตา่ งออกไป ค ามรนุ แรงยา นาน 15 ปรี ะ า่ งกลมุ่ คนผเู้ น็ ตา่ งกบั รฐั กา� ลงั
ง่ ผลแปรเปลีย่ นค าม มั พนั ธ์ระ า่ งผู้คนทอี่ ย่รู ่ มกันมายา นานใ ้กลายเป็น “คนแปลก นา้ ” ต่อกัน
ควำมขดั แย้งเรื้อรังกับกำรแปลงเปลย่ี นควำมรู้สึกและควำมสัมพนั ธ์
ค ามขดั แยง้ เรอื้ รงั (protracted conflict) เปน็ คา� ท่ี า ตราจารยช์ า เลบานอน Edward Azar
ใชอ้ ธบิ ายค ามขดั แยง้ ทยี่ า นาน (longevity) และยากจะแกไ้ ข (intractability) Azar (1978: 50) อธบิ าย
ลัก ณะของค ามรนุ แรงเรอ้ื รัง ่าเป็นค ามรุนแรงทกี่ ินเ ลายา นาน มีผเู้ กย่ี ข้องคอ่ นขา้ งมาก ค ามขัด
แย้งเก่ีย ข้องกบั ังคมโดยร ม อาจ ง่ ผลต่อขอบเขตการนิยามอตั ลกั ณ์ของชาติ และค ามเป็นอนั นง่ึ
อันเดยี กนั ทาง งั คม
ค ามขัดแย้งทาง ังคมชาติพันธุ์ (social-ethnic conflicts) มีแน โน้มที่จะเป็นค ามขัดแย้ง
เรอื้ รงั ามารถทา� ใ ้มีผู้คนเข้ามาเกยี่ ข้องมากขึน้ ดงั นัน้ Azar จึงเรยี กค ามขัดแย้งทีเ่ กยี่ ขอ้ งกบั ังคม
และชาตพิ นั ธ์ุ า่ ค ามขดั แยง้ ทาง งั คมเรอ้ื รงั โดย ยบิ ยมื แน คดิ นจี้ าก Anatol Rapoport (1974) ทแ่ี บง่
ค ามขดั แยง้ เปน็ ค ามขดั แยง้ ภายใน (endogenous conflict) และค ามขดั แยง้ กบั ภายนอก (exogenous
conflict) โดยเฉพาะอย่างยิ่งค ามเกลียดชัง (hatred) มีบทบาท �าคัญยิ่งในกรณีค ามขัดแย้งภายใน
ค ามชงั มกั จะปรากฏในทา่ มกลางค ามขดั แยง้ ของชมุ ชน (communal strife) ทแ่ี ปรเปลยี่ นใ ม้ กี ารแบง่
แยกระ า่ ง “เรา” และ “เขา” (Azar, 1978: 50-51) ค ามชงั เปน็ อารมณค์ ามรู้ กึ นง่ึ ใน ลากอารมณ์
ทีท่ า� ใ ้ค าม ัมพนั ธ์ระ ่าง “เรา” และ “เขา” แปรเปลยี่ นไป
336
อารมณ์ค ามรู้ ึกเปน็ าเ ตแุ ละผลของค ามรนุ แรง และมักถกู พิจารณาเป็นปัจจยั ท่ที �าใ ้
เกดิ พล ตั ที่ ง่ ผลตอ่ ค ามขดั แยง้ ยดื เยอื้ ไม่ า่ จะเปน็ ค ามขดั แยง้ ในระดบั ปจั เจก ชมุ ชน ชาติ รอื ระ า่ ง
ประเท Lederach (1997) อธบิ ายไ ใ้ นงานของเขา า่ ค ามขดั แยง้ มกั มกั ถกู แปรเปลยี่ นปรบั โฉมด้ ยการ
เ มาร มอยา่ งรนุ แรง ค ามกลั และค ามเกลียดชังทเี่ ขม้ ขน้ (Laderach, 1997: 23) อารมณค์ ามรู้ ึก
ทีเ่ ป็นผลจากค ามขดั แยง้ ยา นาน ประกอบไปด้ ย ค ามกลั มกั เกิดขนึ้ กับกลุ่มคนทมี่ ชี ี ิตรอดจากการ
ถูกคกุ คาม ไม่ า่ จะเป็นการคุกคามต่อชี ติ จริง ๆ รอื ในเชิง ญั ลัก ณต์ อ่ อตั ลัก ณ์ ค ามกลั น�าไป ทู่ ัง้
การ ลีก นีและต่อ ู้ รือการตอบโต้ท่ีก้า ร้า นอกจากนี้ค ามกลั ยังเช่ือมโยงกับ ัฒนธรรมและ
ค ามทรงจ�าเจ็บป ดร่ มด้ ย
นอกจากค ามกลั แล้ ค ามโกรธเปน็ กญุ แจอีกดอกในการทา� ค ามเขา้ ใจค ามขดั แย้ง ค าม
โกรธจะ งู ขึ้นเมื่อคขู่ ัดแยง้ รู้ ึกถูกย�่ายี กั ด์ิ รีและคกุ คามอยา่ งไม่เป็นธรรม ค ามคับข้องใจท่ีไม่ไดเ้ ป็นไป
อยา่ งตอ้ งการ ซง่ึ ในทางทฤ ฎเี น็ า่ ค ามคบั ขอ้ งใจเปน็ ราก า� คญั ของค ามขดั แยง้ การทา� ใ เ้ ยี เกยี รติ
(humiliation) เกี่ย ข้องกับการกดทับ ักด์ิ รี การเคารพ และคุณค่าของตนเองของคู่ขัดแย้ง ซ่ึงเป็น
ประ บการณ์อารมณ์ของท้ังปัจเจก กลุ่ม และ ัฒนธรรมท่ี �าคัญในการท�าค ามเข้าใจค ามขัดแย้ง
อาจเปรียบเปน็ “ระเบิดปรมาณูทางอารมณ”์ ซ่ึงมีนยั ยะ า� คญั ในค ามขดั แย้ง (Bramsen and Poder,
2018: 3) ค ามรู้ ึก ลาก ลายท่ีกล่า มาข้างต้นไม่ได้ ่งผลต่อค าม ัมพันธ์ระ ่างคู่ขัดแย้งโดยตรง
เทา่ นน้ั ากแต่ยงั ่งผลต่อค าม ัมพนั ธ์ต่อผู้คนทไ่ี ด้รับผลกระทบจากค ามขดั แย้งรนุ แรงทเ่ี กิดขึ้น ง่ ผล
ใ ้การรบั รแู้ ละการมองเ น็ กันและกนั ของคนกลมุ่ ต่าง ๆ แปรเปล่ียนไป
คนคุ้นเคยที่แปลกหน้ำ
เมอื่ กลบั มาพจิ ารณาค าม มั พนั ธข์ องผคู้ นในพน้ื ทปี่ กติ อาจกลา่ ได้ า่ มนุ ยม์ กั ปฏิ มั พนั ธก์ บั
ผคู้ นบนพ้นื ท่ีกายภาพตา่ ง ๆ ไม่ ่าจะเป็นพื้นท่ี ่ นตั รือ าธารณะ พืน้ ท่ีใ ญ่เล็ก พืน้ ทตี่ อนกลาง ัน
รอื กลางคนื พนื้ ทเี่ ยี งดงั รอื เงยี บ งบ พนื้ ทคี่ ลาคลา่� ไปด้ ยผคู้ น รอื พนื้ ท่ี า่ งเปลา่ บนพน้ื ทเ่ี ลา่ นเ้ี รา
อาจมีค าม ัมพันธ์ในลัก ณะครอบครั เพื่อน เพ่ือนร่ มงาน ในพื้นท่ีเมืองที่เราอา ัยอยู่ทุกเม่ือเชื่อ ัน
เราอาจใช้พื้นท่ี น่ึงร่ มกับคน ๆ นึ่งเ มอ คนคนน้ันอาจเป็นคนแปลก น้า คนคุ้นเคย รือคนแปลก
น้าทคี่ ุ้นเคย (Paulos and Goodman, 2004: 1-2)
คนแปลก นา้ ท่คี นุ้ เคย เป็นปรากฏการณ์ทาง ังคมทถ่ี กู พูดถงึ ครง้ั แรกโดย Stanley Milgram
(1977) ผซู้ ง่ึ ใ ค้ าม มาย า่ คนแปลก นา้ ทคี่ นุ้ เคย คอื คนคน นงึ่ ทเี่ รามกั งั เกตเ น็ แตไ่ มเ่ คยปฏิ มั พนั ธด์ ้ ย
เป็นค าม มั พนั ธ์ทตี่ ่างละเลยซึ่งกนั และกัน (โดยเ มอื นจะตกลงกัน า่ ตอ้ งการเช่นน้ัน) เชน่ คน นึ่งทเ่ี รา
เจอในรถไฟใต้ดินทุก ัน เราจะรู้ทันทีเมื่อเขา ายไป คนแปลก น้าท่ีคุ้นเคยท�าใ ้เมืองก ้างใ ญ่เล็กลง
ด้ ยการพูดคุยทักทายกับคนไม่รู้จักที่เคยพบเจอ และระยะ ่างในค าม ัมพันธ์ระ ่างคนแปลก น้านี้
อาจใกลช้ ดิ ขนึ้ เมอ่ื ทงั้ องฝา่ ยไปพบเจอกนั ใน ถานที่ า่ งไกลจากท่ี ๆ เคยพบเจอกนั เปน็ ประจา� การอธบิ าย
คนแปลก น้าทคี่ นุ้ เคยในพื้นท่ีเมอื งเชน่ นจี้ ึงดูเ มอื นเป็นการใ ค้ าม มายคนแปลก นา้ ในทางบ ก
337
นัง อื รวมบทความวจิ ยั และบทความทางวชิ าการ เนอื่ งในงานประชุมวชิ าการ ครบรอบ 65 ปี คณะโบราณคดี
คนแปลก นา้ มคี าม มายทงั้ ดา้ นลบและดา้ นบ ก Simmel (1950) อธบิ าย า่ ภา ะคนแปลก
น้ามลี กั ณะ 2 ข้ั มที ง้ั การเคลอ่ื นไ และเ ถียรภาพ ระยะ า่ งระ า่ งกนั มีทั้งใกล้และไกล ภา ะ
องข้ั นี้จึงเป็นท้ังด้านดีและลบ ขึ้นกับบริบท เช่นในบางเร่ืองบางเ ลาเรารู้ ึก บายใจที่จะบอกเล่า
เรื่องรา ต่าง ๆ กับคนแปลก น้ามากก า่ คนคุ้นเคย แต่ใน ถานการณท์ ี่ ภา ะแปลก นา้ มีค ามใกลช้ ดิ
คนแปลก นา้ ซง่ึ นบั เปน็ คนนอกนนั้ เมอ่ื เขา้ มาเปน็ ่ น นงึ่ ของค าม มั พนั ธใ์ นบางเ ลากอ็ าจกลาย ภาพ
เป็น “ ตั รภู ายใน” (inner enemies) ไปได้
ยอ้ นกลบั มา เิ คราะ ค์ าม มั พนั ธข์ องผคู้ นใน ถานการณท์ ไี่ มป่ กตขิ องจงั ดั ชายแดนภาคใต้
ไมอ่ าจกลา่ ได้ า่ ค ามรุนแรงทีเ่ กิดขึน้ ในปี พ. . 2547 เป็นปฐมบทของค ามไม่ งบในจงั ดั ชายแดน
ภาคใต้ เพราะแทจ้ รงิ แล้ พนื้ ทแ่ี ง่ นม้ี คี ามไม่ งบมาตอ่ เนอื่ งนบั ต รร แตเ่ ตใุ ดค ามรนุ แรงใน 15 ปี
นจี้ งึ กระทา� การตอ่ ค าม มั พนั ธข์ องคนมลายมู ุ ลมิ และคนไทยพทุ ธแตกตา่ งไป ากพจิ ารณาลกั ณะของ
ค ามรนุ แรงทเ่ี กดิ ขนึ้ ในชมุ ชนบา้ นนา จะเ น็ า่ การลงมอื กระทา� การ ลายครงั้ นา� พาใ ผ้ คู้ นตคี ามไปได้
า่ เป้า มายคือ “คนพทุ ธ” รือ “คนมุ ลิม” ไม่ใชเ่ จา้ น้าทรี่ ัฐ รอื กองก�าลงั ผเู้ น็ ต่างดังเช่นทผ่ี ่านมา
เช่น การฆ่าและเผาพระใน ัด การจ่อยิงคนพุทธคนเดีย บนรถประจ�าทาง การกราดยิงคนในตลาดนัด
(แตค่ นทตี่ ายและบาดเจบ็ เปน็ เพยี งคนพทุ ธ) การเขา้ ไปยงิ คนในบา้ น (ซง่ึ ไมไ่ ดเ้ กดิ ขน้ึ เฉพาะบา้ นนา แตเ่ กดิ
ท่ั ไปใน 3 จชต.) การลงมือกระท�าการซ้�าแล้ ซ้�าเล่าเช่นนี้นอกจากจะ ัมพันธ์กับเป้า มาย ่าคือใคร
ยังเก่ีย ข้องกับ ิธีการและพ้ืนท่ี การท�าร้ายแบบประชิดตั รือเจาะจง (ด้ ยมีด รือปืน ไม่ใช่ระเบิด)
ในพน้ื ท่ี ่ นตั เชน่ ในบา้ น การทา� รา้ ยโดยมคี นกลมุ่ เดยี ทตี่ ายในพน้ื ท่ี าธารณะ ประกอบกบั ถติ บิ าดเจบ็
และเ ยี ชี ติ ทมี่ ีจา� น นมากก า่ ล้ นกอ่ เกิดค ามระแ ง ง ยั และตอกยา้� ่าอาจเปน็ คนกลุ่มนเี้ ท่านน้ั ที่
เป็นเป้าของค ามรนุ แรง
ค ามรนุ แรงเรอื้ รังท่กี ระทา� ในลัก ณะขา้ งต้น ่งผลตอ่ ค ามรู้ กึ ต่อทั้งคนมุ ลิมและพุทธที่อยู่
ร่ มกนั ไม่ า่ จะเปน็ ค ามโกรธ ค ามกลั และค าม าดระแ งซ่งึ เป็นค ามรู้ ึกพนื้ ฐานท่ีเกดิ ขนึ้ ได้ใน
ถานการณร์ นุ แรง แตด่ ้ ยค ามยดื เยอื้ เรอ้ื รงั ของเ ตกุ ารณจ์ งึ ทา� ใ ค้ ามรู้ กึ ดงั กลา่ นน้ั ยากจะจาง าย
ทั้งยัง ง่ ผลใ ้เกดิ ระยะ ่างในค าม ัมพันธ์ของผ้คู น ดังเชน่ ท่บี าบอมะไดก้ ลา่ ไ ้ “เราไมค่ ่อยได้ทกั ทาย
กันเ มือนเม่ือก่อน ถามค�า พูดค�า พอเ ็นไกล ๆ ก็พยายาม ลบ นีท�าเป็นไม่เ ็นเพื่อจะได้ไม่ต้องทัก
เปน็ แบบนนี้ านมาก” แล้ ยงั ยนื ยนั ด้ ยคา� พดู ของพิ มยั ผใู้ ญบ่ า้ นซงึ่ เปน็ เพอ่ื นกบั บาบอมะมาตงั้ แตค่ รงั้
ยงั เด็ก “พดู ตรง ๆ บาง ่ นคนตรงน้ัน ลังเ ตกุ ารณก์ ็ ่างกนั ไป”
ค ามรู้ กึ เ ลา่ นด้ี า� เนนิ ไปทา่ มกลางพนื้ ทป่ี ฏิ มั พนั ธท์ ี่ ดแคบลงเรอ่ื ย ๆ เชน่ การทค่ี นพทุ ธเลอื ก
ทจ่ี ะไมไ่ ปตลาด รือ ถานทท่ี ่องเทย่ี ในอา� เภอ ไมน่ ง่ั ร้านน�า้ ชา ลีกเลย่ี งโดย ารรถประจ�าทาง ขณะที่
การเปลี่ยนแปลง ิถีการปฏิบัติของมุ ลิมบางคน รือกลุ่ม ที่ไม่เข้า ัด รือไม่รับประทานอา ารร่ มโต๊ะ
กบั คนตา่ ง า นกิ ากไมใ่ ช่อา ารฮาลาล ตลอดจนการเปลยี่ นแปลงทางเลือกในการ ึก า เดก็ มุ ลมิ ไป
เรียน นงั อื ทีโ่ รงเรียนเอกชน อน า นา ขณะทเี่ ดก็ พุทธไปเรียนโรงเรียนในเมอื ง และตั แปร ดุ ทา้ ยใน
ที่นี้คือการเปลี่ยนแปลงใน ิถีการท�ามา ากิน ด้ ยการใช้พื้นที่และเ ลาเช่นที่กล่า มา ท�าใ ้คน
“บ้านเดยี กัน” รจู้ กั และพบเจอกนั น้อยลง
338