The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมเล่มแผนการจัดการเรียนรู้ศศิธร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sasithorn33715, 2022-03-07 05:38:34

รวมเล่มแผนการจัดการเรียนรู้ศศิธร

รวมเล่มแผนการจัดการเรียนรู้ศศิธร

335

ใบกิจกรรม

เรือ่ ง ลักษณะเซลล์เม็ดเลอื ดแดงของมนุษย์

จุดประสงค์ : สืบค้นข้อมูล เปรียบเทียบรูปร่างลกั ษณะและปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เมด็
เลอื ดขาว และเพลตเลต

วัสดแุ ละอุปกรณ์
• สไลด์ถาวรเซลล์เม็ดเลอื ดของมนษุ ย์
• กล้องจุลทรรศนใ์ ชแ้ สงเชงิ ประกอบ

วิธกี ารทำกิจกรรม
1. นำสไลด์ถาวรเซลล์เม็ดเลือดของมนุษย์มาศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิงประกอบ

กำลังขยายสูง
2. สงั เกตลกั ษณะของเซลล์เม็ดเลอื ดแลว้ วาดรูป

คำถามทา้ ยกจิ กรรม

• เซลลเ์ ม็ดเลือดทีส่ งั เกตมีก่ีชนิด แตล่ ะชนดิ มขี นาด รปู ร่าง และปริมาณแตกต่างกันอยา่ งไร
• เซลล์เมด็ เลอื ดขาวแต่ละชนดิ มโี ครงรา้ งภายในเหมือนหรอื ตา่ งกันอย่างไร
• นอกจากเซลลเ์ ม็ดเลอื ดแลว้ สงั เกตเหน็ สว่ นประกอบอ่ืนหรือไม่ มลี ักษณะอย่างไร

แบบประเมินผังมโนทศั น์ 336

คำชแี้ จง ให้ผ้สู อนประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน แล้วขีด ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน 1

ระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมนิ 432

1 ความสอดคล้องกบั จุดประสงค์

2 ความสอดคล้องกบั เนอ้ื หา

3 ความคิดสรา้ งสรรค์

4 ความตรงต่อเวลา

รวม

ลงช่อื …………………………………………………………. ผู้ประเมิน
………../………………../………………

337

เกณฑ์การประเมนิ ผังมโนทัศน์

ประเด็นท่ี 4 ระดับคะแนน 2 1
ประเมนิ 3

1. ความ ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไมส่ อดคล้องกับ
สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคท์ ุกประเดน็ จดุ ประสงค์เปน็ ส่วนใหญ่ จุดประสงคบ์ าง จดุ ประสงค์
จุดประสงค์ ประเด็น

2. ความถกู ต้อง เนื้อหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน เนอื้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของผลงาน
ผลงาน ถูกตอ้ งบาง ไม่ถูกต้องเป็นสว่ นใหญ่
ของ เนื้อหา ถูกต้องครบถว้ น ถูกต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ประเดน็

3. ความคิด ผลงานแสดงถงึ ความคิด ผลงานแสดงถงึ ความคดิ ผลงานมีความ ผลงานไมม่ ีความ
สร้างสรรค์ น่าสนใจ และไม่แสดง
สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ สรา้ งสรรคแ์ ปลกใหม่ แต่ นา่ สนใจ แต่ ยงั ไม่มี ถงึ แนวคิด แปลกใหม่

และเปน็ ระบบ ยงั ไม่เปน็ ระบบ แนวคิดแปลกใหม่

4. ความตรงต่อ สง่ ชิน้ งานภายในเวลาที่ ส่งชนิ้ งานชา้ กวา่ เวลาท่ี สง่ ช้ินงานชา้ กว่าเวลา สง่ ชิ้นงานชา้ กว่าเวลาที่

เวลา กำหนด กำหนด 1 วนั ที่ กำหนด 2 วัน กำหนด 3 วันขึ้นไป

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน 338

คำช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน

321

1 เนอื้ หาละเอยี ดชัดเจน

2 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา

3 ภาษาที่ใชเ้ ขา้ ใจง่าย

4 ประโยชน์ที่ไดจ้ ากการนำเสนอ

5 วธิ ีการนำเสนอผลงาน

ลงชอ่ื …………………………………………………………. ผ้ปู ระเมิน
………../………………../………………

เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรุง

339

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน
กลมุ่

คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั คะแนน

ลำดบั ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมีน้ำใจ การมี รวม
ท่ี ของนกั เรยี น ความคิดเห็น ฟงั คนอ่นื ตามท่ีได้รบั 321 สว่ นรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
1. นายกรวกิ นอ้ ยยะ 321 321 ผลงานกลุ่ม
2. นายนทั ธพงศ์ สนุ ทรชัย 321
3. นายบัญญวตั ปอ้ มเชียงพิณ 321
4. นายวงศธร แสงนิกุล
5. นายภาณุพงศ์ พรมสชี า
6. นายพัสกร พันละเกตุ
7. นายฑนวฒั น์ มัน่ ศกั ดิ์
8. นายสริ ภพ แซ่ภู่
9. นายนราธิป เสนจนั ทร์ฒิไชย
10. นายปยิ วฒั น์ รอดชมภู
11. นายอนชุ า สลาพมิ พ์
12. นายจณิ ภทั ร สงิ หเสน
13. นายชนาธปิ กำพระบาง
14. นายรชต บตุ รโคตร
15. นายชนุวรรธน์ อภิรักษเ์ มธาวงศ์
16. นายปราบปวร ปทั มสนธิ์
17. นายกิตตภิ ัฏ เจอื จนั ทึก
18. นายสมุ ติ ร มาตสุทธิ์
19. น.ส.วันนิสา กิตตกิ ุลธร
20. น.ส.ญาณภทั ร เทศศรีเมือง
21. น.ส.นภสั รา รตั นคุณ
22. น.ส.สุชาวดี ผาระนตั ร
23. น.ส.พรทิพ เตนากลุ
24. น.ส.พรนภสั ชัยอาวธุ
25. น.ส.วาสนา ปติ ะสตุ
26. น.ส.นราพร พุฒฝอย
27. น.ส.วนันพร ตนั นารตั น์
28. น.ส.ศลษิ า มลู มงั่
29. น.ส.ศิรภสั สร ดอนชุม
30. น.ส.กัณฐิกา อินทะวงศ์

ลำดับ ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมนี ำ้ ใจ การมี 340
ที่ ของนักเรยี น ความคดิ เห็น ฟังคนอ่ืน ตามท่ีได้รับ 321 สว่ นร่วมใน
มอบหมาย การปรับปรุง รวม
31. น.ส.ณัฐวรา ชยั เดช 321 321 ผลงานกลมุ่ 15
32. น.ส.ธัญมาส อะตะมะ 321 คะแนน
33. น.ส.ปาณศิ า โฉมกระโทก 321
34. น.ส.ศภุ ดิ า นามบุรี
35. น.ส.อธิชา คำภูมี
36. น.ส.มาตา บทไธสง
37. น.ส.ณฏั ฐณชิ า บญุ ตาระวะ
38. น.ส.พรพิชญ์ เพ็งคำศรี
39. น.ส.ชาลสิ า หล้ากำ่
40. น.ส.ภทั รนันท์ ภูนาปี
41. น.ส.ลลนา เขม็ เลศิ
42. น.ส.มทุ ิตา คณะโท
43. น.ส.ธนญั ญา นามวงษ์
44. น.ส.พดั ชา วงไชยยา
45. น.ส.อาภาสริ ิ ฟุ้งกลน่ิ

ลงชอื่ …………………………………………………………. ผปู้ ระเมิน
………../………………../………………

เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

14-16 ดีมาก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

341

แบบประเมินการปฏิบัตกิ าร
คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนประเมินการปฏิบัติการของนักเรียนตามรายการทีก่ ำหนดแล้วขดี ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน

ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
4321
1 การปฏิบัติการทดลอง
2 ความคลอ่ งแคล่วขณะปฏบิ ตั ิการ รวม
3 การนำเสนอ

ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมิน
................./................../..................

เกณฑก์ ารประเมินรายงาน

ประเดน็ ทปี่ ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 2 1
3

1. การปฏิบัติการ ทำตามทดลองตามขั้นตอน ทำตามทดลองตามขั้นตอน ต้องให้ความช่วยเหลือบ้าง ต้องให้ความช่วยเหลืออยา่ ง

ทดลอง และใช้อปุ กรณไ์ ด้อย่างถกู ต้อง และใช้อุปกรณ์ได้อย่าง ในการทำการทดลอง และ มากในการทำการทดลอง

ถูกต้อง แต่อาจต้องได้รับ การใชอ้ ุปกรณ์ และการใช้อุปกรณ์

คำแนะนำบา้ ง

2. ความคล่องแคล่ว มีความคล่องแคล่วในการทำ มีความคล่องแคล่วในการ ข า ด ค ว า ม ค ล ่ อ ง แ ค ล่ ว ทำการทดลองเสร็จไม่

ขณะปฏบิ ตั ิการ การทดลองโดยไม่ตอ้ งไดร้ ับคำ ทำการทดลองแต่ต้องได้รับ ในขณะการทำการทดลอง ทันเวลา และทำอุปกรณ์

ช้ีแนะ และทำการทดลองเสรจ็ คำแนะนำบ้าง และทำการ จึงทำการทดลองเสร็จไม่ เสียหาย

ทันเวลา ทดลองเสร็จทันเวลา ทันเวลา

3. การบันทึก สรุป บนั ทึกและสรุปผลการทดลอง บันทึกและสรุปผลการ ต้องให้คำแนะนำในการ ต้องให้ความช่วยเหลืออยา่ ง
และการนำเสนอ ไดถ้ กู ตอ้ ง รดั กมุ นำเสนอผล ทดลองได้ถูกต้อง แต่การ บันทึก สรุป และนำเสนอ มากในการบันทึกสรุป และ
ผลการทดลอง การทดลองเปน็ ขนั้ ตอนชัดเจน นำเสนอผลการทดลองยงั ไม่ ผลการทดลอง นำเสนอผลการทดลอง
เปน็ ขน้ั ตอน

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

11-12 ดีมาก

9-10 ดี

6-8 พอใช้

ต่ำกวา่ 6 ปรบั ปรงุ

342

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 18

โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E

รหัสวิชา ว32242 วิชา ชีววิทยาเพิ่มเติม 4 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 15 เร่อื ง ระบบหมุนเวยี นเลือดและน้ำเหลอื ง เวลา 12 ชว่ั โมง

แผนการจัดการเรยี นรู้เรอื่ ง ระบบเลอื ด เวลา 3 ชั่วโมง

ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 ผู้สอน นางสาวศศิธร นนั ทอง

กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร

_________________________________________________________________________

1. สาระชีววทิ ยา
เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ การหายใจและการแลกเปลี่ยนแก๊สการลำเลียง

สารและการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การ
เคลื่อนที่ การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรมของสัตว์
รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ผลการเรยี นรู้

อธิบายหมู่เลือดและหลักการใหแ้ ละรบั เลือดในระบบ ABO และระบบ Rh
2. สาระสำคญั

ชนิดเลือดของคน แบ่งออกเป็น 4 หมู่ ตามระบบการจำแนกแบบ ABO ตามสมบัติของ
แอนตบิ อดี และแอนติเจนในเลอื ดของแตล่ ะคน คอื หมู่ A B AB และ O

Rh แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ตามผลการตรวจสอบ คอื
1) Rh+ คือ เลือดที่มีแอนติเจน Rh อยู่บนผิวเซลล์เม็ดเลือดแดงแต่ไม่มีแอนติบอดี (Antibody)
Rh ในน้ำเลือด ซ่งึ คนไทยประมาณร้อยละ 90 จะเปน็ Rh+
2) Rh- คอื เลือดท่ไี มม่ ีแอนติเจน Rh อยูบ่ นผิวเซลลเ์ มด็ เลือดแดง และน้ำเลือดก็ไม่มี แอนตบิ อดี
Rh แต่สามารถสร้างแอนตบิ อดี Rh ได้ เม่อื ไดร้ บั แอนติเจน Rh (Rh+)

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

3.1 ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายหมู่เลือดและหลักการให้และรับเลือดในระบบหมู่
ABO และ Rh

3.2 ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (P) นักเรยี นสามารถจำแนกหมเู่ ลือดได้
3.3 ดา้ นคุณลักษณะ (A) นกั เรยี นมีความรับผดิ ชอบต่อหน้าท่แี ละงานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย

343

4. สาระการเรียนรู้
ระบบหมู่เลือด ABO จากผลงานการศึกษาของนายแพทย์ ชื่อ คาร์ล แลนสไตเนอร์ (Karl

Lansteiner) นักวิทยาศาสตร์ ชาวเวียนนา ซึ่งค้นพบวา่ เลือดของคนอาจแตกต่างกันในคุณสมบัติทาง
เคมีบางอย่างและการจับกลุ่มตกตะกอนของเม็ดเลือดแดงเกิดขึ้นได้เมื่อเลือดของผู้ให้และผู้รับไม่
สามารถเขา้ กันได้ เพราะคนท่มี ีเลอื ดตา่ งกนั นนั้ มีสารพวกโปรตนี ภายในพลาสมา ที่เรียกวา่ แอนติบอดี
(antibody) ท่หี มุนเวียนไปทวั่ รา่ งกาย แตกต่างกนั และมีสารเคมีทเี่ รียกวา่ แอนตเิ จน (antigen) อยู่ท่ี
เยื่อหุ้มเซลล์ของเม็ดเลือดแดงแตกต่างกันไปด้วย แลนสไตเนอร์ ได้แบ่งชนิดเลือดของคนออกเป็น 4
หมู่ ตามระบบการจำแนกแบบ ABO ตามสมบัติ ของแอนติบอดี และแอนติเจนในเลือดของแต่ละคน
คอื หมู่ A B AB และ O

ระบบหมู่เลือด Rh องค์ประกอบ Rh ในเลือด (Rh factor) นอกเหนือจากหมู่เลือด ABO ท่ี
กลา่ วมาแลว้ จากการศกึ ษาต่อ ๆ มาพบว่าในเลือดของแตล่ ะคนยังมีแอนติเจนชนิดอื่นอีกหลายระบบ
ระบบที่รู้จักกันดี คอื ระบบหมเู่ ลอื ด Rh ซ่งึ คำวา่ Rh

Rh แบง่ ออกเปน็ 2 กลุ่ม ตามผลการตรวจสอบ คือ
1) Rh+ คือ เลือดที่มีแอนติเจน Rh อยู่บนผิวเซลล์เม็ดเลือดแดงแต่ไม่มีแอนติบอดี A
2) Rh- คือ เลือดที่ไม่มีแอนติเจน Rh อยู่บนผิวเซลล์เม็ดเลือดแดง และน้ำเลือดก็ไม่มี

แอนติบอดี Rh แตส่ ามารถสร้างแอนตบิ อดี Rh ได้ เมื่อได้รบั แอนตเิ จน Rh (Rh+) ดังน้ันในการใหเ้ ลอื ด
แก่กันนั้น จะต้องคำนึงถึงปัจจัย Rh ด้วยเพราะถ้าผู้รับเลือดเป็น Rh- ได้รับเลือด Rh+ เข้าไปใน
ร่างกาย ของผู้รับก็จะถูกกระตุ้นให้ผู้รับสร้างแอนติบอดี Rh ขึ้นได้ ดังนั้นในการให้เลือด Rh+ คร้ัง
ต่อไปแอนติบอดี Rh ในร่างกายของผู้รับจะต่อต้านกับแอนติเจนจากเลือดของผู้ให้ทำให้เกิดอันตราย
ถึงชีวิตได้หมู่เลือด B มีแอนติเจน B และ แอนติบอดี A (แอนติเจนตรงกับแอนติบอดีของผู้รับ) เลือด
จะตกตะกอน ส่วนหมู่เลือด O ไม่มีแอนติเจน ดังนั้นจึงสามารถถ่ายเลือดให้ผู้รับไดท้ ุกหมู่ จึงเรียกหมู่
เลือด O ว่า ผู้ให้สากล (Universal donor) แต่จะรับเลือดจากหมู่เลือดอื่นไม่ได้เลย เพราะมี
แอนติบอดีทั้ง A และ B ส่วนหมู่เลือด AB มีแอนติเจน A และ B ดังนั้นจึงไม่สามารถถ่ายเลือดให้หมู่
เลอื ดอ่ืนไดเ้ ลย เป็นผูร้ ับอยา่ งเดยี วเท่าน้ัน เรียกหม่เู ลือด AB ว่าเป็น ผู้รับสากล
การใหเ้ ลือด (Blood transfusion)

ความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่สำคัญประการหนึ่งคือ การถ่ายเลือดให้แก่คนไข้ที่ได้รับการ
ผา่ ตัด หรอื มอี าการเจบ็ หนัก คนไขจ้ ะไดร้ บั เลอื ดจากผอู้ ื่น เลือดของผ้บู รจิ าค (donor) จะถกู นำเข้าสู่
เสน้ เวนของผ้รู ับ (recipient) บรเิ วณแขนซ่งึ เลือดที่บรจิ าคนน้ั มี 2 แบบ คอื

- เลือดทมี่ ีสว่ นประกอบครบหมด

344

- ให้เฉพาะบางส่วนของเลือด เช่น น้ำเลือด เพลตเลต หรือเซลล์เม็ดเลือด
ผ้ใู หเ้ ลอื ดจะมีอายุ 17 ปขี ึน้ ไป และไมม่ ีโรคตดิ ต่อทางเลือดแพทย์จะดูดเลือดออกมาทางเส้นเวนและ
เก็บไว้ในขวดที่มีสารอาหาร สำหรับเลี้ยงเซลล์เม็ดเลือดและมีสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด เลือด
จะเก็บไว้ที่ธนาคารเลือด (Blood Bank) ที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส ซึ่งเก็บไว้ใช้ได้นาน หลักในการ
ถ่ายเลือด ให้เลือดหมู่เดียวกันกับเลอื ดของผูร้ ับเลือดของผู้ให้ต้องไม่มแี อนติเจนท่ีในผู้รับมีแอนติบอดี
สำหรับแอนติเจนนั้นอยู่ (แอนติเจนของผู้ให้ต้องไม่ตรงกับแอนติบอดีของผู้รับ) เช่น คนที่หมู่เลือด A
จะมีแอนติเจน A และมีแอนติบอดี B ดังนั้นคนหมู่เลือด A ไม่สามารถให้เลือดแก่คนที่หมู่เลือด B ได้
เพราะหมู่เลือด B มีแอนติเจน B และแอนติบอดี A (แอนติเจนตรงกับแอนติบอดีของผู้รับ) เลือดจะ
ตกตะกอน ส่วนหมู่เลือด O ไม่มีแอนติเจน ดังนั้นจึงสามารถถ่ายเลือดให้ผู้รับได้ทุกหมู่ จึงเรียกหมู่
เลอื ด O ว่าผ้ใู ห้สากล (Universal donor) แตจ่ ะรับเลือดจากหมเู่ ลอื ดอ่ืนไมไ่ ดเ้ ลย เพราะมแี อนติบอดี
ทั้ง A และ B ส่วนหมู่เลือด AB มีแอนติเจน A และ B ดังนั้นจึงไม่สามารถถ่ายเลือดให้หมู่เลือดอื่นได้
เลย เปน็ ผรู้ บั อย่างเดยี วเท่านั้น เรยี กหมูเ่ ลอื ด AB วา่ เป็น ผู้รับสากล (Universal recipient)
5.1 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะทเ่ี กดิ ในแผนการจัดการเรยี นรนู้ ้)ี

 1) ความสามารถในการส่ือสาร
 2) ความสามารถในการคิด
 3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา
 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.2 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนของโรงเรยี นมาตรฐานสากล
(เฉพาะทีเ่ กดิ ในแผนการจัดการเรียนรูน้ ้ี)
 1) เป็นเลศิ ทางวชิ าการ
 2) สอื่ สารได้อยา่ งน้อย 2 ภาษา
 3) ลำ้ หน้าทางความคิด
 4) ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์
 5) ร่วมกันรับผดิ ชอบต่อสังคมโลก

6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกดิ ในแผนการจัดการเรยี นรู้น้)ี

 1) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  5) อยู่อย่างพอเพียง

 2) ซ่ือสตั ย์ สจุ ริต  6) มงุ่ มั่นในการทำงาน

 3) มีวนิ ยั  7) รักความเป็นไทย

345

 4) ใฝเ่ รยี นรู้  8) มีจิตสาธารณะ

7. การบรู ณาการตามพระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติ (เฉพาะทเี่ กดิ ในแผนการจัดการเรยี นรู้น)้ี
 บูรณาการกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
 หลกั ความพอประมาณ
 หลกั ความมีเหตผุ ล
 หลักการมีภูมคิ ุ้มกัน
 เงือ่ นไขความรู้
 เง่อื นไขคุณธรรม
 บูรณาการกับการจดั การศึกษาเพ่อื อาชีพ
 บูรณาการกับหลักสตู รต้านทจุ ริตศึกษา
 การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
 ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจริต
 STRONG : จิตพอเพยี งต้านทจุ รติ
 พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม
 บรู ณาการข้ามกลุ่มสาระการเรยี นรู้
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................

............................................................................................................................. ...................................
 อนื่ ๆ
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................

............................................................................................................................. ...................................

8. กิจกรรมการเรียนรู้
วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Method : 5E)

ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement)
1.1) ครูสนทนากับนักเรียนเรื่องหมู่เลือดในประเด็นที่ว่า ใครทราบบ้างพ่อแม่แต่ละคนมีหมู่

เลอื ดใดบ้าง
1.2) จากนั้นครูเขียนหม่เู ลอื ดของพอ่ กับแม่ของนกั เรียนบางคนลงบนกระดานหน้าชนั้ เรียน
1.3) จากนน้ั ครูต้ังคำถามเพือ่ ให้นกั เรยี นเพื่อทดสอบความรู้พื้นฐานของนกั เรียน

346

- จากการสังเกตบนกระดานของหมู่เลือดในครอบครัวของเพื่อน นักเรียนคิดว่า เรา
ต้องได้รับหมู่เลือดจากพ่อและแม่ หรือได้รับจากคนใดคนหนึ่งหรือได้รับจากคนอื่น อย่างไร (แนว
คำตอบ: คำตอบขึ้นอย่กู ับความรพู้ ืน้ ฐานของนกั เรียน)
ขั้นสำรวจคน้ หา (Exploration)

2.1) ครูให้นักเรยี นจบั คกู่ นั ภายในห้อง โดยคละความสามารถของนกั เรียน
2.2) ครูช้ีแจงกิจกรรมการให้หมู่เลอื ด ดังต่อไปน้ี

ข้ันที่ 1 ครแู จกกระดาษ 4 แผน่ ให้นักเรยี นทุกคน จากนั้นใหน้ ักเรยี นเขยี นหมู่เลือด
A,B,AB,O ลงบนกระดาษท่ีครูแจกให้ แล้วพบั คร่ึงกระดาษ

ขั้นท่ี 2 จากนน้ั นำกระดาษมาเรยี งบนมือ(เพื่อนฝั่งตรงขา้ มทำเช่นกัน) จากน้ันให้เพ่ือน
ฝ่ังตรงขา้ มเลือกกระดาษบนมือเรา(ตวั เราก็เลอื กให้เพ่ือนเช่นกัน) ซ่งึ หมายความว่ากระดาษทเ่ี พื่อน
เลอื กใหจ้ ะระบหุ ม่เู ลอื ดของตัวเรา แล้วให้แต่ละคนเปิดกระดาษของตวั เอง เชน่ นกั เรยี นคนที่ 1 บน
กระดาษไดห้ มู่ A นกั เรียนคนที่ 2 บนกระดาษได้หมู่ AB ซึ่งหมูเ่ ลือด A สามารถให้หมเู่ ลือด AB ได้
ดังนั้น ใหค้ นที่ 1 ไปตอ่ หลงั คนท่ี 2

หมายเหตุ : ในกรณนี ักเรยี นคนที่ 1 บนกระดาษหมเู่ ลือด A คนที่ 2 บนกระดาษหมู่ B
ถา้ เปน็ เช่นน้ันใหน้ ักเรยี นคนแรกลงไปอย่คู นสดุ ทา้ ยแล้วให้คนทสี่ องข้ึนมาเปน็ หัวแถว จากน้ันให้
ดำเนินกจิ กรรมเชน่ เดิม

2.3) เมือ่ เสรจ็ กิจกรรมให้ทุกคน กลับเข้าประจำกลมุ่ เดมิ จากคาบทแี่ ล้ว
2.4) จากนัน้ ใหน้ ักเรยี นแตก่ ลมุ่ คนแต่ละกลมุ่ คยุ กันในหัวข้อทีว่ ่า “ถา้ นายนา มีหมู่เลอื ด B
ต้องการบริจาคเลอื ด ให้นายขาว หมเู่ ลือด A และใหน้ ายดำ หมูเ่ ลอื ดAB นายนาสามารถบรจิ าคให้ทัง้
สองคนไดห้ รอื ไม่ ” (แนวคำตอบ: นายนาสามารถบรจิ าคเลอื ดใหน้ ายดำได้ แต่ไมส่ ามารถบริจาคเลอื ด
ให้ นายขาวได)้
ขั้นอธบิ ายความรู้ (Explanation)
3.1) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ องคค์ วามรู้

หลักในการถ่ายเลือด ให้เลือดหมู่เดียวกันกับเลือดของผู้รับเลือดของผู้ให้ต้องไม่มี
แอนติเจนท่ีในผรู้ ับมแี อนติบอดี สำหรับแอนติเจนน้ันอยู่ (แอนติเจนของผู้ให้ต้องไม่ตรงกับแอนติบอดี
ของผ้รู บั ) เช่น คนทีห่ มู่เลอื ด A จะมแี อนติเจน A และมแี อนติบอดี B ดงั น้ันคนหมู่เลอื ด A ไม่สามารถ
ให้เลือดแก่คนที่หมู่เลือด B ได้เพราะหมู่เลือด B มีแอนติเจน B และแอนติบอดี A (แอนติเจนตรงกับ
แอนตบิ อดขี องผรู้ ับ) เลือดจะตกตะกอน ส่วนหมู่เลือด O ไม่มีแอนติเจน ดังนั้นจึงสามารถถา่ ยเลือดให้
ผู้รับได้ทุกหมู่ จึงเรียกหมู่เลือด O ว่าผู้ให้สากล (Universal donor) แต่จะรับเลือดจากหมู่เลือดอ่ืน
ไม่ไดเ้ ลย เพราะมแี อนตบิ อดที ั้ง A และ B สว่ นหมเู่ ลอื ด AB มีแอนตเิ จน A และ B ดงั นน้ั จงึ ไม่สามารถ

347

ถ่ายเลือดให้หมู่เลือดอื่นได้เลย เป็นผู้รับอย่างเดียวเท่านั้น เรียกหมู่เลือด AB ว่าเป็น ผู้รับสากล
(Universal recipient)

3.2) จากน้ันครูเพ่มิ เติมความรู้ สำหรับหมเู่ ลอื ดระบบ Rh ในกรณีหมเู่ ลอื ด ดงั นี้
1. คนทมี่ ีหมู่เลอื ด Rh+ สามารถรบั เลอื ดไดทง้ั หมู่ Rh+ และ Rh-
2. คนที่มหี มเู่ ลอื ด Rh- ต้องไดร้ บั เลอื ดหมู่Rh- เท่านัน้ แตถ่ า้ รบั เลือดหมู่Rh+ คร้ังแรก

อาจไมเ่ กิดอนั ตราย แต่จะเกดิ อนั ตรายรนุ แรงขัน้ เรอื่ ยๆ เม่อื รับเลือดหมู่ Rh+ คร้งั ต่อๆ ไป
3. แม่มีหมูเ่ ลอื ด Rh+ ลกู ในครรภ์จะมหี มู่เลือด Rh+ หรอื Rh- ก็ตามจะปลอดภัย
4. แมม่ หี ม่เู ลอื ด Rh- ถา้ แมเ่ คยมีลกู ท่เี ปน็ หมู่ Rh+ มาก่อนแล้ว ลกู คนตอ่ ๆ มาจะต้อง

มีหมูเ่ ลอื ด Rh- เท่าน้นั จึงจะปลอดภยั
ขนั้ ขยายความเข้าใจ (Elaboration)

4.1) ครใู หค้ วามรเู้ พิม่ เตมิ เก่ยี วกับ หม่เู ลอื ด Rh กับการตง้ั ครรภ์
“ไม่ว่าคุณแม่จะมีเลือดกลุ่ม Rh+ หรือ Rh-ก็สามารถตั้งครรภ์ได้ตามปกติ ถ้าทั้งคุณพ่อ

และคณุ แมเ่ ป็น Rh+ หรือ Rh- ทงั้ คู่ หรือคณุ แม่เปน็ Rh+ จะไมม่ ปี ญั หากบั การตั้งครรภ์ ยกเวน้ คุณแม่
ที่มีกลุ่มเลือด Rh- แต่ลูกในครรภ์มีกลุ่มเลือด Rh+ (เพราะอาจได้รับลักษณะเด่นมาจากคุณพ่อ) อาจ
ทำให้เกิดปัญหาเลือดแม่และลูกไม่เข้ากันจึงต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะหากเลือดของลูกที่เป็น Rh+
เข้าสู่ร่างกายของแม่ทางรกหรือสายสะดือจากการเจาะน้ำคร่ำหรือในการคลอด จะทำให้ร่างกายคุณ
แม่สรา้ งภูมติ า้ นทานข้นึ มาทำลายเม็ดเลือดแดงของลกู

การปอ้ งกนั ท่ีดที ่ีสดุ คือ การไปฝากครรภ์ตง้ั แต่เนิน่ ๆ หากตรวจพบการไมเ่ ข้ากนั ของเลือด
แม่และลูกในการตั้งครรภ์ครั้งแรก คุณหมอจะฉีดยาลดการสร้างภูมิต้านทานต่อเลือดของลูกให้เม่ือ
ตั้งครรภ์ 28 สัปดาห์หรือหลังคลอดภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดของแม่ไปทำลาย เม็ด
เลือดแดงของลูกในการตั้งครรภ์ครั้งถัดไป แต่ก็ไม่มีปัญหาใดๆ สำหรับการคลอด ซึ่งคุณแม่ที่มีกลุ่ม
เลือด Rh- ยังสามารถคลอดได้ตามปกติ ในการตั้งครรภ์ครั้งแรกอาจไม่มีอาการผิดปกติใด แต่การ
ตั้งครรภ์ที่ 2 คุณหมอจะเจาะเลือดคุณแม่เป็นระยะและฉีดยาเพื่อลดการสร้างภูมิต้านทานเลือดของ
ลูก รวมทั้งการเจาะนำ้ ครำ่ และเจาะเลือดลูกเพ่ือดคู วามเข้มขน้ ของเมด็ เลือดแดง เพราะภมู ิต้านทานที่
ร่างกายของแม่ สร้างขึ้นมาจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดแดงภายในร่างกายของลูกที่อยู่ในกลุ่ม Rh+ ให้
แตกตัว ลูกจะมีภาวะซีด โลหิตจาง หัวใจทำงานหนักเพื่อ สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
อาจทำให้เกิดอาการบวมนำ้ ตับ, ม้ามโต หัวใจวาย หรือรุนแรงถึงขนั้ เสยี ชวี ิตในครรภ์ได้”

348

ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)
5.1) ครูต้ังคำถามเกี่ยวกบั หม่เู ลอื ด
- ถ้าผู้รับมีหมู่เลือด B รับหมู่เลือด AB ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ: ไม่ได้

เพราะผู้ให้มี หมู่เลือด AB มีแอนติเจน A และ B ส่วนผู้รับมีหมู่เลือด B จะมีแอนติบอดี A เลือดของ
ผู้ใหม้ ี แอนติเจน A ซ่ึงตรงกบั แอนตบิ อดี A ของผ้รู ับทำให้เลือดตกตะกอน)

- ถ้าผู้รับมีหมู่เลือด O จะรับหมู่เลือดใดไดบ้าง (แนวคำตอบ: จะรับเลือดได้เฉพาะ
หมู่ O เพราะหมู่ O มีแอนติบอดี A และ B ซึ่งจะตรงกับแอนติเจนของหมู่A และ B และ AB จึงไม่
สามารถรบั เลือดหมู่ อ่นื ได)้

- นักเรียนมีเลือดหมู่ใดสามารถบริจาคเลือดให้แก่ผู้มีเลือดหมู่ใดไดบ้าง และจะรับ
เลือดหมใู่ ดไดบา้ ง (คำตอบข้ึนอยู่กบั หมู่เลอื ดของนักเรยี นแตล่ ะคน)

9. สอ่ื การเรยี นรู้และแหล่งการเรยี นรู้
9.1 ส่อื การเรียนรู้
1 .หนงั สอื เรียนชีววิทยา สสวท. ม.5 เล่ม 4
2. PowerPoint
3. ใบกจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ลกั ษณะเซลลเ์ มด็ เลอื ดแดงของมนษุ ย์

9.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1. หอ้ งเรยี น
2. หอ้ งสมดุ

349

10. การวดั และประเมนิ ผล

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ วิธีการ เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์
-แบบประเมนิ การ รอ้ ยละ 80%
ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถ -การนำเสนอเกีย่ วกับ นำเสนองาน ผ่านเกณฑ์

อธิบายหมู่เลือดและหลักการให้และ หัวข้อทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย

รับเลือดในระบบหมู่ ABO และ Rh

ได้

ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -นำเสนอผลงาน -แบบประเมินการ ร้อยละ 80 %

นักเรียนสามารถสามารถจำแนกหมู่ -แบบประเมินปฏบิ ัติการ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์

เลอื ดได้ -แบบประเมินปฏิบัติการ

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) -สงั เกตพฤติกรรม การ -แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ
2 ผ่านเกณฑ์
นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี ทำงาน ความมีวนิ ยั ใฝ่ การทำงาน

และงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย เรียนรู้ และมุง่ ม่นั ในการ

ทำงาน

350

บนั ทึกผลหลงั การสอน

รหสั วชิ า ..................... วชิ า ............................... หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ..... เร่อื ง .............................
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี .... เรื่อง .................................................................. เวลา ..... ช่ัวโมง

1. สรุปผลการเรยี นการสอน
……..........................................................................................................................................................
……......................................................................................................................................... .................
……......................................................................................................................................... .................
……............................................................................................................... ...........................................
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................

2. ปัญหา / อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………..........................................................................................................……………
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................

3. แนวทางแก้ไข / แนวทางการพัฒนา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………..........................................................................................................……………
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................

ลงช่ือ…………………………………………..ผสู้ อน
(นางสาวศศิธร นนั ทอง)

นักศกึ ษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชพี ครู
วนั ที่.........เดอื น......................พ.ศ..............

351

ความคดิ เห็นของครูพเี่ ลี้ยง
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
……..........................................................................................................................................................
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ................................................................ผ้ตู รวจสอบ
(นางสาวลภัสชวลั วจิ ติ พรวงศ์)
ครูพ่เี ลี้ยง

ความคิดเหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
............................................................................................................................. ...................................
.......................................................................................................................................................... ......
…….......................................................................................................................... ................................
……......................................................................................................................................... .................

ลงชอ่ื ................................................................ผู้ตรวจสอบ
(นางนติ ยาภรณ์ ศรภี าแลว)

หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
……..........................................................................................................................................................
……......................................................................................................................................... .................
……......................................................................................................................................... .................
…….............................................................................................................. ............................................
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................
……......................................................................................................................................... .................

ลงช่อื ................................................................
(นางสาวสุธธี ดิ า บรรณารักษ์)

หวั หน้ากลุม่ งานการจดั การเรยี นรู้
วันที่.........เดอื น......................พ.ศ. .........

352

ภาคผนวก

หมายเหตุ ภาคผนวกประกอบดว้ ย
1. สื่อการเรียนรู้ เช่น ใบความรู้ ใบกิจกรรม ใบงาน แบบฝึกทักษะ เป็นต้น (เฉพาะที่

ปรากฎในแผนการจัดการเรยี นรู้นี้)
2. เครื่องมือทีใ่ ช้วัดผลประเมนิ ผล เช่น แบบทดสอบก่อนเรยี น / หลงั เรยี น แบบประเมิน

ทักษะกระบวนการ แบบประเมินคุณลักษณอันพึงประสงค์ เป็นต้น (เฉพาะที่ปรากฎในแผนการจัด
การเรยี นรนู้ ้ี)

3. เกณฑก์ ารวัดผลประเมนิ ผล เชน่ เกณฑ์การใหค้ ะแนนด้านทักษะและกระบวนการทาง
คณิตศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนนด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นต้น (เฉพาะที่ปรากฎใน
แผนการจัดการเรยี นรนู้ ี้

แบบประเมินผังมโนทศั น์ 353

คำชแี้ จง ให้ผ้สู อนประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน แล้วขีด ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน 1

ระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมนิ 432

1 ความสอดคล้องกบั จุดประสงค์

2 ความสอดคล้องกบั เนอ้ื หา

3 ความคิดสรา้ งสรรค์

4 ความตรงต่อเวลา

รวม

ลงช่อื …………………………………………………………. ผู้ประเมิน
………../………………../………………

354

เกณฑ์การประเมนิ ผังมโนทัศน์

ประเด็นท่ี 4 ระดับคะแนน 2 1
ประเมนิ 3

1. ความ ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไมส่ อดคล้องกับ
สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคท์ ุกประเดน็ จดุ ประสงค์เปน็ ส่วนใหญ่ จุดประสงคบ์ าง จดุ ประสงค์
จุดประสงค์ ประเด็น

2. ความถกู ต้อง เนื้อหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน เนอื้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของผลงาน
ผลงาน ถูกตอ้ งบาง ไม่ถูกต้องเป็นสว่ นใหญ่
ของ เนื้อหา ถูกต้องครบถว้ น ถูกต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ประเดน็

3. ความคิด ผลงานแสดงถงึ ความคิด ผลงานแสดงถงึ ความคดิ ผลงานมีความ ผลงานไมม่ ีความ
สร้างสรรค์ น่าสนใจ และไม่แสดง
สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ สรา้ งสรรคแ์ ปลกใหม่ แต่ นา่ สนใจ แต่ ยงั ไม่มี ถงึ แนวคิด แปลกใหม่

และเปน็ ระบบ ยงั ไม่เปน็ ระบบ แนวคิดแปลกใหม่

4. ความตรงต่อ สง่ ชิน้ งานภายในเวลาที่ ส่งชนิ้ งานชา้ กวา่ เวลาท่ี สง่ ช้ินงานชา้ กว่าเวลา สง่ ชิ้นงานชา้ กว่าเวลาที่

เวลา กำหนด กำหนด 1 วนั ที่ กำหนด 2 วัน กำหนด 3 วันขึ้นไป

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน 355

คำช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน

321

1 เนอื้ หาละเอยี ดชัดเจน

2 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา

3 ภาษาที่ใชเ้ ขา้ ใจง่าย

4 ประโยชน์ที่ไดจ้ ากการนำเสนอ

5 วธิ ีการนำเสนอผลงาน

ลงชอ่ื …………………………………………………………. ผ้ปู ระเมิน
………../………………../………………

เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรุง

356

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน
กลมุ่

คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั คะแนน

ลำดบั ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมีน้ำใจ การมี รวม
ท่ี ของนกั เรยี น ความคิดเห็น ฟงั คนอ่นื ตามท่ีได้รบั 321 สว่ นรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
1. นายกรวกิ นอ้ ยยะ 321 321 ผลงานกลุ่ม
2. นายนทั ธพงศ์ สนุ ทรชัย 321
3. นายบัญญวตั ปอ้ มเชียงพิณ 321
4. นายวงศธร แสงนิกุล
5. นายภาณุพงศ์ พรมสชี า
6. นายพัสกร พันละเกตุ
7. นายฑนวฒั น์ มัน่ ศกั ดิ์
8. นายสริ ภพ แซ่ภู่
9. นายนราธิป เสนจนั ทร์ฒิไชย
10. นายปยิ วฒั น์ รอดชมภู
11. นายอนชุ า สลาพมิ พ์
12. นายจณิ ภทั ร สงิ หเสน
13. นายชนาธปิ กำพระบาง
14. นายรชต บตุ รโคตร
15. นายชนุวรรธน์ อภิรักษเ์ มธาวงศ์
16. นายปราบปวร ปทั มสนธิ์
17. นายกิตตภิ ัฏ เจอื จนั ทึก
18. นายสมุ ติ ร มาตสุทธิ์
19. น.ส.วันนิสา กิตตกิ ุลธร
20. น.ส.ญาณภทั ร เทศศรีเมือง
21. น.ส.นภสั รา รตั นคุณ
22. น.ส.สุชาวดี ผาระนตั ร
23. น.ส.พรทิพ เตนากลุ
24. น.ส.พรนภสั ชัยอาวธุ
25. น.ส.วาสนา ปติ ะสตุ
26. น.ส.นราพร พุฒฝอย
27. น.ส.วนันพร ตนั นารตั น์
28. น.ส.ศลษิ า มลู มงั่
29. น.ส.ศิรภสั สร ดอนชุม
30. น.ส.กัณฐิกา อินทะวงศ์

ลำดับ ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมนี ำ้ ใจ การมี 357
ที่ ของนักเรยี น ความคดิ เห็น ฟังคนอ่ืน ตามท่ีได้รับ 321 สว่ นร่วมใน
มอบหมาย การปรับปรุง รวม
31. น.ส.ณัฐวรา ชยั เดช 321 321 ผลงานกลมุ่ 15
32. น.ส.ธัญมาส อะตะมะ 321 คะแนน
33. น.ส.ปาณศิ า โฉมกระโทก 321
34. น.ส.ศภุ ดิ า นามบุรี
35. น.ส.อธิชา คำภูมี
36. น.ส.มาตา บทไธสง
37. น.ส.ณฏั ฐณชิ า บญุ ตาระวะ
38. น.ส.พรพิชญ์ เพ็งคำศรี
39. น.ส.ชาลสิ า หล้ากำ่
40. น.ส.ภทั รนันท์ ภูนาปี
41. น.ส.ลลนา เขม็ เลศิ
42. น.ส.มทุ ิตา คณะโท
43. น.ส.ธนญั ญา นามวงษ์
44. น.ส.พดั ชา วงไชยยา
45. น.ส.อาภาสริ ิ ฟุ้งกลน่ิ

ลงชอื่ …………………………………………………………. ผปู้ ระเมิน
………../………………../………………

เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

14-16 ดีมาก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

358

แบบประเมินการปฏิบัตกิ าร
คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนประเมินการปฏิบัติการของนักเรียนตามรายการทีก่ ำหนดแล้วขดี ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน

ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
4321
1 การปฏิบัติการทดลอง
2 ความคลอ่ งแคล่วขณะปฏบิ ตั ิการ รวม
3 การนำเสนอ

ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมิน
................./................../..................

เกณฑก์ ารประเมินรายงาน

ประเดน็ ทปี่ ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 2 1
3

1. การปฏิบัติการ ทำตามทดลองตามขั้นตอน ทำตามทดลองตามขั้นตอน ต้องให้ความช่วยเหลือบ้าง ต้องให้ความช่วยเหลืออยา่ ง

ทดลอง และใช้อปุ กรณไ์ ด้อย่างถกู ต้อง และใช้อุปกรณ์ได้อย่าง ในการทำการทดลอง และ มากในการทำการทดลอง

ถูกต้อง แต่อาจต้องได้รับ การใชอ้ ุปกรณ์ และการใช้อุปกรณ์

คำแนะนำบา้ ง

2. ความคล่องแคล่ว มีความคล่องแคล่วในการทำ มีความคล่องแคล่วในการ ข า ด ค ว า ม ค ล ่ อ ง แ ค ล่ ว ทำการทดลองเสร็จไม่

ขณะปฏบิ ตั ิการ การทดลองโดยไม่ตอ้ งไดร้ ับคำ ทำการทดลองแต่ต้องได้รับ ในขณะการทำการทดลอง ทันเวลา และทำอุปกรณ์

ช้ีแนะ และทำการทดลองเสรจ็ คำแนะนำบ้าง และทำการ จึงทำการทดลองเสร็จไม่ เสียหาย

ทันเวลา ทดลองเสร็จทันเวลา ทันเวลา

3. การบันทึก สรุป บนั ทึกและสรุปผลการทดลอง บันทึกและสรุปผลการ ต้องให้คำแนะนำในการ ต้องให้ความช่วยเหลืออยา่ ง
และการนำเสนอ ไดถ้ กู ตอ้ ง รดั กมุ นำเสนอผล ทดลองได้ถูกต้อง แต่การ บันทึก สรุป และนำเสนอ มากในการบันทึกสรุป และ
ผลการทดลอง การทดลองเปน็ ขนั้ ตอนชัดเจน นำเสนอผลการทดลองยงั ไม่ ผลการทดลอง นำเสนอผลการทดลอง
เปน็ ขน้ั ตอน

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

11-12 ดีมาก

9-10 ดี

6-8 พอใช้

ต่ำกวา่ 6 ปรบั ปรงุ

359

แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 19

โดยจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบ 5E

รหสั วชิ า ว32242 วิชา ชีววิทยาเพิ่มเติม 4 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 15 เร่อื ง ระบบหมนุ เวียนเลือดและนำ้ เหลอื ง เวลา 12 ชัว่ โมง

แผนการจัดการเรียนร้เู รอ่ื ง ระบบน้ำเหลอื ง เวลา 3 ชัว่ โมง

ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 ผ้สู อน นางสาวศศิธร นันทอง

กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นปทุมเทพวิทยาคาร

_________________________________________________________________________

1. สาระชีววทิ ยา
เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ การหายใจและการแลกเปลี่ยนแก๊สการลำเลียง

สารและการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การ
เคลื่อนท่ี การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรมของสัตว์
รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ผลการเรียนรู้

อธบิ าย และสรุปเก่ียวกับสว่ นประกอบและหน้าที่ของน้ำเหลือง รวมทง้ั โครงสร้างและหน้าท่ี
ของหลอดน้ำเหลือง และตอ่ มนำ้ เหลือง

2. สาระสำคญั
ระบบน้ำเหลือง (lymphatic system หรือ lymphoid system) เป็นส่วนหนึ่งของระบบ

ไหลเวียนและระบบภูมิคุ้มกัน ประกอบด้วย หลอดน้ำเหลือง อวัยวะน้ำเหลือง และเนื้อเยื่อน้ำเหลือง
ภายในหลอดน้ำเหลืองบรรจุและขนส่งของเหลวใส เรียกว่า น้ำเหลือง (lymph) ไปยังหัวใจ ระบบ
น้ำเหลืองตา่ งจากระบบไหลเวียนเลือดตรงท่ีระบบน้ำเหลืองไม่เปน็ ระบบปดิ ระบบไหลเวียนเลือดของ
มนุษย์จะนำเลือดโดยเฉลี่ย 20 ลิตรต่อวันกรองผ่านผนังหลอดเลือดฝอย ซึ่งเป็นการเคลื่อนย้ายของ
พลาสมาออกจากเลือด และพลาสมาที่ผ่านการกรอง จะถูกดูดซึมกลับเข้าไปในหลอดเลือดโดยตรง
โดยหนึง่ ในหนา้ ทหี่ ลักของระบบน้ำเหลืองกค็ ือเปน็ ทางไหลกลับสำหรบั ของเหลว

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะและหน้าที่ของน้ำเหลือง หลอดน้ำเหลือง

และต่อมน้ำเหลอื งได้

360

3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถเขียนทิศทางแสดงการไหลเวียนของ
นำ้ เหลืองได้

3.3 ดา้ นคุณลักษณะ (A) นักเรยี นมีความรับผิดชอบต่อหนา้ ท่ีและงานที่ไดร้ ับมอบหมาย

4. สาระการเรียนรู้
ระบบน้ำเหลอื ง
เป็นระบบลำเลียงที่ช่วยลำเลียงสารต่างๆให้กลับเข้าสู่เส้นเลือด โดยเฉพาะอาหารจำพวกกรด

ไขมันที่ดูดซึมจากลำไส้เล็ก เป็นระบบที่สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยสร้างเม็ดเลือดขาว ระบบ
น้ำเหลืองจะไม่มอี วยั วะสำหรับสูบฉดี ไปยงั ส่วนต่างๆ

ส่วนประกอบของระบบน้ำเหลอื ง แบ่งเป็น 3 สว่ นได้แก่
1. ตอ่ มน้ำเหลอื ง (lymph node) : เป็นศนู ย์กลางผลิตเซลลท์ ี่ใชใ้ นการตา้ นเชื้อโรคหรือสิ่ง

แปลกปลอม กรองแบคทเี รียไมใ่ หเ้ ข้าสู่กระแสเลือด พบได้ตามบรเิ วณจุดรวมของหลอดน้ำเหลอื งท่ัว
รา่ งกาย เช่น รักแร้ ขาหนีบ โดยตอ่ มน้ำเหลืองท่ีมขี นาดใหญ่ เรียกวา่ อวัยวะน้ำเหลอื ง (Lymph
organ) เช่น

1.1 ตอ่ มทอนซิล (Tonsil gland) : อย่ใู กล้คอหอย มี 3 คู่ เปน็ ด่านสกดั ไม่ใหเ้ ช้อื โรคเข้าสู่
หลอดอาหารและกล่องเสยี งมี Lymphocyte ดกั จบั ทำลายแบคทีเรยี และถา้ ต่อมทอนซิลติดเช้อื จะมี
อาการบวมข้ึน เรียกวา่ ตอ่ มทอนซิลอักเสบ

1.2 ต่อมไทมสั (Thymus gland) : จะมีขนาดใหญ่ตอนอายุยังน้อย และเมอื่ อายมุ ากข้นึ จะ
ค่อยๆเล็กลงและฝ่อไปในท่ีสุด เป็นตอ่ มไร้ทอ่ ท่อี ย่บู ริเวณทรวงอกรอบเสน้ เลือดใหญ่ของหัวใจ มหี นา้ ที่
สร้างเซลลเ์ มด็ เลอื ดขาว ชนิดที (T-Lymphocyte / T-cell) นอกจากนยี้ งั สร้างฮอรโ์ มนได้ดว้ ย

1.3 ม้าม (Spleen) : เปน็ อวัยวะน้ำเหลอื งท่ีใหญท่ ี่สดุ มีเสน้ เลือดมาเลี้ยงจำนวนมาก ภายในมี
Lymphocyte จำนวนมากเช่นกัน แต่ไมม่ ที ่อน้ำเหลือง สามารถยดื หดตวั ได้ มีรปู รา่ งคล้ายเมล็ดถัว่
มีหน้าทส่ี ำคัญ คอื

1.3.1 สรา้ งแอนตบิ อดี (Antibody)
1.3.2 ทำลายเมล็ดเลือดแดง,เมล็ดเลือดขาว และเกรด็ เลอื ดทห่ี มดอายุแล้ว
1.3.3 สรา้ งเมล็ดเลอื ดขาวชนดิ ลมิ โฟไซต์ (Lymphocyte) และโมโนไซต์ (Monocyte)
1.3.4 สรา้ งเม็ดเลือดแดงให้ทารกก่อนคลอด และในภาวะผิดปกติ จะสรา้ งเมด็ เลอื ดแดง
ได้ เช่น โรคมะเร็งเมด็ เลือด
2. ท่อน้ำเหลือง (Lymph duct) เป็นท่อตันขนาดต่างๆ มีทั่วร่างกาย มีลักษณะคล้ายเส้น
เลือดคือ มีลิ้นป้องกันการหลย้อนกลับของน้ำเหลือง มีหน้าที่นำน้ำเหลืองเข้าสู่เลือดดำในระบบ
หมนุ เวยี นเลือด มีทศิ ทางไหลเขา้ ส่หู วั ใจ

361

3. น้ำเหลือง (Lymph) เป็นของเหลวที่ซึมผ่านเส้นเลือดฝอย (Capillary) ออกมาอยู่
ระหว่างเซลล์หรืออยู่รอบๆเซลล์ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสารต่างๆระหว่างเซลล์กับ
หลอดเลือดฝอยเพ่ือหลอ่ เลย้ี งเซลล์ นำ้ เหลอื งมสี ่วนประกอบคล้ายพลาสมาแต่มโี ปรตีนน้อยกว่า
5.1 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น (เฉพาะที่เกิดในแผนการจดั การเรยี นรูน้ ้ี)

 1) ความสามารถในการสื่อสาร
 2) ความสามารถในการคิด
 3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา
 4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ
 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.2 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียนของโรงเรยี นมาตรฐานสากล
(เฉพาะท่ีเกิดในแผนการจดั การเรียนรนู้ ี)้
 1) เปน็ เลิศทางวิชาการ
 2) ส่อื สารได้อย่างน้อย 2 ภาษา
 3) ล้ำหนา้ ทางความคดิ
 4) ผลติ งานอย่างสร้างสรรค์
 5) ร่วมกันรบั ผดิ ชอบต่อสังคมโลก

6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) (เฉพาะท่ีเกิดในแผนการจดั การเรยี นร้นู ี)้

 1) รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  5) อยอู่ ยา่ งพอเพียง

 2) ซ่อื สัตย์ สุจริต  6) มุ่งม่นั ในการทำงาน

 3) มีวนิ ยั  7) รักความเป็นไทย

 4) ใฝเ่ รยี นรู้  8) มีจิตสาธารณะ

7. การบรู ณาการตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะท่ีเกิดในแผนการจัดการเรียนรนู้ ้)ี
 บรู ณาการกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
 หลักความพอประมาณ
 หลกั ความมเี หตุผล
 หลกั การมีภมู คิ มุ้ กนั
 เง่ือนไขความรู้

362

 เง่ือนไขคุณธรรม
 บรู ณาการกบั การจัดการศกึ ษาเพอ่ื อาชีพ
 บูรณาการกบั หลกั สตู รต้านทจุ ริตศกึ ษา

 การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์ส่วนรวม
 ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต
 STRONG : จติ พอเพยี งต้านทุจรติ
 พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม
 บูรณาการขา้ มกลุ่มสาระการเรียนรู้
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................
............................................................................................................................. ...................................
 อ่นื ๆ
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................
............................................................................................................................. ...................................

8. กิจกรรมการเรยี นรู้
วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Method : 5E)

ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement)
1.1) ครูตั้งคำถามเพื่อให้ทราบความรู้พื้นฐานของนักเรียน จากนั้นเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับ

ความร้เู ดมิ ของนกั เรยี น โดยใชค้ ำถามดังต่อไปน้ี
- สารในร่างกายลำเลียงไปยังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายได้อย่างไร (แนวคำตอบ: อาศัย

ระบบหมุนเวียนเลือด โดยสารต่างๆ ถูกลำเลียงไปยังอวัยวะเป้าหมายโดยอาศัยพลาสมา ส่วนแก๊ส
ออกซิเจนถกู ลำเลียงไปยงั เซลล์ทว่ั รา่ งกายโดยเข้าจับกบั ฮโี มโกลบินบนผวิ เซลล์เม็ดเลอื ดแดง)
ขน้ั สำรวจค้นหา (Exploration)

2.1) ครูให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม 8 กลุ่ม โดยศกึ ษาระบบน้ำเหลือง ประกอบด้วยนำ้ เหลอื ง หลอด
น้ำเหลือง และอวัยวะน้ำเหลอื ง และศกึ ษาการไหลเวยี นของน้ำเหลอื ง

2.2) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจับสลากชื่ออวัยวะน้ำเหลือง สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอวัยวะ
น้ำเหลือง ดังน้ี

กลุ่มที่ 1-2 ตอ่ มทอนซิล
กลมุ่ ท่ี 3-4 ตอ่ มไทมัส
กลมุ่ ที่ 5-6 มา้ ม

363

กล่มุ ท่ี 7-8 ตอ่ มนำ้ เหลอื ง
2.3) ให้นกั เรยี นสบื ค้นข้อมูลเก่ยี วกบั โครงสรา้ ง หนา้ ท่ี และการทำงานของอวยั วะ
ขัน้ อธบิ ายความรู้ (Explanation)
3.1) ครูให้นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ นำเสนออวัยวะนำ้ เหลืองทจ่ี บั สลากได้
3.2) ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ผลอธิปราย ดังนี้

ระบบน้ำเหลือง
เป็นระบบลำเลียงที่ช่วยลำเลียงสารต่างๆให้กลับเข้าสู่เส้นเลือด โดยเฉพาะอาหาร
จำพวกกรด-ไขมันที่ดูดซึมจากลำไส้เล็ก เป็นระบบที่สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ช่วยสร้างเม็ดเลือด
ขาวระบบน้ำเหลืองจะไมม่ ีอวัยวะสำหรบั สูบฉดี ไปยงั ส่วนต่างๆ
สว่ นประกอบของระบบน้ำเหลอื ง แบ่งเป็น 3 สว่ นไดแ้ ก่
1. ตอ่ มนำ้ เหลือง (lymph node) : เป็นศูนยก์ ลางผลติ เซลล์ท่ีใชใ้ นการตา้ นเชอ้ื โรค
หรอื ส่ิงแปลกปลอม กรองแบคทีเรยี ไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือด พบไดต้ ามบรเิ วณจุดรวมของหลอดนำ้
เหลอื งทัว่ รา่ งกาย เช่น รกั แร้ ขาหนีบ โดยต่อมนำ้ เหลืองท่ีมีขนาดใหญ่ เรียกวา่ อวัยวะนำ้ เหลือง
(Lymph organ) เช่น
2. ท่อน้ำเหลือง (Lymph duct) เป็นท่อตันขนาดต่างๆ มีทั่วร่างกาย มีลักษณะ
คล้ายเส้นเลือดคือ มีลิ้นป้องกันการหลย้อนกลับของน้ำเหลือง มีหน้าที่นำน้ำเหลืองเข้าสู่เลือดดำใน
ระบบหมุนเวียนเลือด มีทิศทางไหลเขา้ ส่หู ัวใจ
3. น้ำเหลือง (Lymph) เป็นของเหลวที่ซึมผ่านเส้นเลือดฝอย (Capillary) ออกมา
อย่รู ะหวา่ งเซลล์หรอื อยู่รอบๆเซลล์ ทำหน้าท่เี ปน็ ตัวกลางในการแลกเปลยี่ นสารตา่ งๆระหว่างเซลล์กับ
หลอดเลือดฝอยเพือ่ หล่อเลีย้ งเซลล์ น้ำเหลืองมีส่วนประกอบคลา้ ยพลาสมาแตม่ โี ปรตนี น้อยกว่า
ข้นั ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)
4.1) ครูใหค้ วามรเู้ พิม่ เตมิ เกี่ยวกบั “ภาวะน้ำเหลอื งไม่ดี หรอื นำ้ เหลืองเสยี ”
ภาวะน้ำเหลืองไม่ดี หรือน้ำเหลืองเสีย หมายถึง การที่น้ำเหลืองไหลเวียนไม่สะดวก
จนก่อให้เกิดการคั่งค้างของของเสีย การสะสมของสารพิษ เชื้อโรคในร่างกายมากขึ้น และเมื่อเกิด
การสะสมไปนานๆ ก็ย่อมจะส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง จนทำให้เกิดปัญหาสขุ ภาพตา่ งๆ
ตามมา
อาการของภาวะน้ำเหลืองเสียอาจแสดงออกมาได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่ (1) อาการเล็กๆ
น้อยๆ ไปจนถึงมีอาการรุนแรง เช่น การแสดงออกทางผิวหนัง (เป็นตุ่ม, ผื่นคัน, ผื่นแพ้ , ภูมิแพ้
ทางผิวหนงั , รอยดำ ,แขนลาย ,ขาลาย ) (2) การแสดงออกในรูปแบบของการเกิดโรคที่มาจากไวรสั
และแบคทีเรียต่างๆ (เริม, งูสวัด, สะเก็ดเงิน, เรื้อนกวาง ) (3) การแสดงออกมาในรูปแบบของ
ภูมคิ ุม้ กันออ่ นแอหรือทำงานผิดพลาด (ภมู แิ พ้ , แพภ้ ูมิตนเอง หรือSLE ) และ (4) การแสดงออกมา

364

ในรูปแบบของความผิดปกติของร่างกาย เช่น ซีสต์ เนื้องอก หรือแม้แต้โรคร้ายอย่างโรคมะเร็ง เป็น
ต้น ภาวะน้ำเหลืองเสียนั้นสามารถรักษาได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับอาการที่เกิดขึ้น แต่วิธีที่ได้ผลดีที่สุด
คือ การจดั การที่ต้นเหตุ ซ่งึ กค็ ือ การดแู ลระบบน้ำเหลอื งท้งั ระบบจากภายใน
ข้นั ประเมิน (Evaluation)

5.1) ครูถามคำถาม เพ่อื ประเมนิ ความเขา้ ใจของนักเรียน
- ส่วนประกอบของน้ำเหลืองต่างจากน้ำเลือดอย่างไร (แนวคำตอบ: น้ำเหลืองไม่มีเซลล์

เม็ดเลือดแดงและมีโปรตีนโมเลกลุ เล็กกวา่ ในนำ้ )
- หลอดน้ำเหลืองมีลักษณะเหมือนหลอดเลือดอย่างไร (แนวคำตอบ: มีลักษณะคล้ายกับ

หลอดเลือดดำ ภายในมีลนิ้ ป้องกนั การไหลยอ้ นกลับของนำ้ เหลอื ง )
- การไหลเวียนของน้ำเหลืองในระบบน้ำเหลืองกับการไหลเวียนของเลือดระบบหมุนเวียน

เลือดแตกต่างกันอยา่ งไร (แนวคำตอบ: การไหลเวียนของน้ำเหลอื งมีทิศการไหลเข้าสู่หัวใจเพียงอยา่ ง
เดยี ว แตก่ ารไหลเวยี นเลอื ดมีทศิ การไหลเขา้ และออกจากหวั ใจ)

9. สอ่ื การเรยี นรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้
9.1 สอื่ การเรยี นรู้
1 .หนงั สือเรียนชวี วิทยา สสวท. ม.5 เล่ม 4
2. PowerPoint

9.2 แหล่งการเรยี นรู้
1. ห้องเรยี น
2. ห้องสมดุ

365

10. การวดั และประเมนิ ผล

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ วิธีการ เครื่องมอื ที่ใช้ เกณฑ์
-แบบประเมนิ การ ร้อยละ 80%
ด้านความรู้ (K) ) นักเรียนสามารถ -การนำเสนอเกยี่ วกับ นำเสนองาน ผ่านเกณฑ์

อธิบายลักษณะและหน้าที่ของ หวั ขอ้ ที่ได้รับมอบหมาย

น้ำเหลือง หลอดน้ำเหลือง และต่อม

นำ้ เหลอื งได้

ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -นำเสนอผลงาน -แบบประเมินการ รอ้ ยละ 80 %

นักเรียนสามารถเขียนทิศทางแสดง -แบบประเมนิ ปฏิบัติการ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์

การไหลเวยี นของน้ำเหลืองได้ -แบบประเมนิ ปฏิบัติการ

ด้านคณุ ลักษณะ (A) -สังเกตพฤตกิ รรม การ -แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ
2 ผ่านเกณฑ์
นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำงาน ความมวี นิ ยั ใฝ่ การทำงาน

และงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั ในการ

ทำงาน

366

บนั ทึกผลหลงั การสอน

รหัสวิชา ..................... วชิ า ............................... หน่วยการเรียนรู้ที่ ..... เรื่อง .............................
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ .... เร่ือง .................................................................. เวลา ..... ชั่วโมง

1. สรุปผลการเรยี นการสอน
……......................................................................................................................................... .................
……......................................................................................................................................... .................
…….............................................................................................................. ............................................
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................
……......................................................................................................................................... .................

2. ปัญหา / อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………..........................................................................................................……………
…….................................................................................................... ......................................................
……..........................................................................................................................................................

3. แนวทางแกไ้ ข / แนวทางการพฒั นา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………..........................................................................................................……………
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................

ลงชอ่ื …………………………………………..ผสู้ อน
(นางสาวศศธิ ร นันทอง)

นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ิชาชพี ครู
วันที่.........เดือน......................พ.ศ..............

367

ความคิดเห็นของครูพี่เล้ียง
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
……..........................................................................................................................................................
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................

ลงชื่อ................................................................ผูต้ รวจสอบ
(นางสาวลภสั ชวลั วิจติ พรวงศ์)
ครูพี่เลี้ยง

ความคดิ เห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้
............................................................................................................................. ...................................
.......................................................................................................................................................... ......
…….......................................................................................................................... ................................
……......................................................................................................................................... .................

ลงชื่อ................................................................ผู้ตรวจสอบ
(นางนิตยาภรณ์ ศรภี าแลว)

หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ความคดิ เห็นของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รบั มอบหมาย
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................
……......................................................................................................................................... .................
…….............................................................................................................. ............................................
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................
……......................................................................................................................................... .................

ลงชอ่ื ................................................................
(นางสาวสุธธี ิดา บรรณารกั ษ์)

หวั หนา้ กลมุ่ งานการจดั การเรยี นรู้
วันท่ี.........เดอื น......................พ.ศ. .........

368

ภาคผนวก

หมายเหตุ ภาคผนวกประกอบดว้ ย
1. สื่อการเรียนรู้ เช่น ใบความรู้ ใบกิจกรรม ใบงาน แบบฝึกทักษะ เป็นต้น (เฉพาะที่

ปรากฎในแผนการจัดการเรยี นรู้นี้)
2. เครื่องมือทีใ่ ช้วัดผลประเมนิ ผล เช่น แบบทดสอบก่อนเรยี น / หลงั เรยี น แบบประเมิน

ทักษะกระบวนการ แบบประเมินคุณลักษณอันพึงประสงค์ เป็นต้น (เฉพาะที่ปรากฎในแผนการจัด
การเรยี นรนู้ ้ี)

3. เกณฑก์ ารวัดผลประเมนิ ผล เชน่ เกณฑ์การใหค้ ะแนนด้านทักษะและกระบวนการทาง
คณิตศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนนด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นต้น (เฉพาะที่ปรากฎใน
แผนการจัดการเรยี นรนู้ ี้

แบบประเมินผังมโนทศั น์ 369

คำชแี้ จง ให้ผ้สู อนประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน แล้วขีด ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน 1

ระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมนิ 432

1 ความสอดคล้องกบั จุดประสงค์

2 ความสอดคล้องกบั เนอ้ื หา

3 ความคิดสรา้ งสรรค์

4 ความตรงต่อเวลา

รวม

ลงช่อื …………………………………………………………. ผู้ประเมิน
………../………………../………………

370

เกณฑ์การประเมนิ ผังมโนทัศน์

ประเด็นท่ี 4 ระดับคะแนน 2 1
ประเมนิ 3

1. ความ ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไมส่ อดคล้องกับ
สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคท์ ุกประเดน็ จดุ ประสงค์เปน็ ส่วนใหญ่ จุดประสงคบ์ าง จดุ ประสงค์
จุดประสงค์ ประเด็น

2. ความถกู ต้อง เนื้อหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน เนอื้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของผลงาน
ผลงาน ถูกตอ้ งบาง ไม่ถูกต้องเป็นสว่ นใหญ่
ของ เนื้อหา ถูกต้องครบถว้ น ถูกต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ประเดน็

3. ความคิด ผลงานแสดงถงึ ความคิด ผลงานแสดงถงึ ความคดิ ผลงานมีความ ผลงานไมม่ ีความ
สร้างสรรค์ น่าสนใจ และไม่แสดง
สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ สรา้ งสรรคแ์ ปลกใหม่ แต่ นา่ สนใจ แต่ ยงั ไม่มี ถงึ แนวคิด แปลกใหม่

และเปน็ ระบบ ยงั ไม่เปน็ ระบบ แนวคิดแปลกใหม่

4. ความตรงต่อ สง่ ชิน้ งานภายในเวลาที่ ส่งชนิ้ งานชา้ กวา่ เวลาท่ี สง่ ช้ินงานชา้ กว่าเวลา สง่ ชิ้นงานชา้ กว่าเวลาที่

เวลา กำหนด กำหนด 1 วนั ที่ กำหนด 2 วัน กำหนด 3 วันขึ้นไป

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน 371

คำช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน

321

1 เนอื้ หาละเอยี ดชัดเจน

2 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา

3 ภาษาที่ใชเ้ ขา้ ใจง่าย

4 ประโยชน์ที่ไดจ้ ากการนำเสนอ

5 วธิ ีการนำเสนอผลงาน

ลงชอ่ื …………………………………………………………. ผ้ปู ระเมิน
………../………………../………………

เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรุง

372

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน
กลมุ่

คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั คะแนน

ลำดบั ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมีน้ำใจ การมี รวม
ท่ี ของนกั เรยี น ความคิดเห็น ฟงั คนอ่นื ตามท่ีได้รบั 321 สว่ นรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
1. นายกรวกิ นอ้ ยยะ 321 321 ผลงานกลุ่ม
2. นายนทั ธพงศ์ สนุ ทรชัย 321
3. นายบัญญวตั ปอ้ มเชียงพิณ 321
4. นายวงศธร แสงนิกุล
5. นายภาณุพงศ์ พรมสชี า
6. นายพัสกร พันละเกตุ
7. นายฑนวฒั น์ มัน่ ศกั ดิ์
8. นายสริ ภพ แซ่ภู่
9. นายนราธิป เสนจนั ทร์ฒิไชย
10. นายปยิ วฒั น์ รอดชมภู
11. นายอนชุ า สลาพมิ พ์
12. นายจณิ ภทั ร สงิ หเสน
13. นายชนาธปิ กำพระบาง
14. นายรชต บตุ รโคตร
15. นายชนุวรรธน์ อภิรักษเ์ มธาวงศ์
16. นายปราบปวร ปทั มสนธิ์
17. นายกิตตภิ ัฏ เจอื จนั ทึก
18. นายสมุ ติ ร มาตสุทธิ์
19. น.ส.วันนิสา กิตตกิ ุลธร
20. น.ส.ญาณภทั ร เทศศรีเมือง
21. น.ส.นภสั รา รตั นคุณ
22. น.ส.สุชาวดี ผาระนตั ร
23. น.ส.พรทิพ เตนากลุ
24. น.ส.พรนภสั ชัยอาวธุ
25. น.ส.วาสนา ปติ ะสตุ
26. น.ส.นราพร พุฒฝอย
27. น.ส.วนันพร ตนั นารตั น์
28. น.ส.ศลษิ า มลู มงั่
29. น.ส.ศิรภสั สร ดอนชุม
30. น.ส.กัณฐิกา อินทะวงศ์

ลำดับ ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมนี ำ้ ใจ การมี 373
ที่ ของนักเรยี น ความคดิ เห็น ฟังคนอ่ืน ตามท่ีได้รับ 321 สว่ นร่วมใน
มอบหมาย การปรับปรุง รวม
31. น.ส.ณัฐวรา ชยั เดช 321 321 ผลงานกลมุ่ 15
32. น.ส.ธัญมาส อะตะมะ 321 คะแนน
33. น.ส.ปาณศิ า โฉมกระโทก 321
34. น.ส.ศภุ ดิ า นามบุรี
35. น.ส.อธิชา คำภูมี
36. น.ส.มาตา บทไธสง
37. น.ส.ณฏั ฐณชิ า บญุ ตาระวะ
38. น.ส.พรพิชญ์ เพ็งคำศรี
39. น.ส.ชาลสิ า หล้ากำ่
40. น.ส.ภทั รนันท์ ภูนาปี
41. น.ส.ลลนา เขม็ เลศิ
42. น.ส.มทุ ิตา คณะโท
43. น.ส.ธนญั ญา นามวงษ์
44. น.ส.พดั ชา วงไชยยา
45. น.ส.อาภาสริ ิ ฟุ้งกลน่ิ

ลงชอื่ …………………………………………………………. ผปู้ ระเมิน
………../………………../………………

เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

14-16 ดีมาก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

374

แบบประเมินการปฏิบัตกิ าร
คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนประเมินการปฏิบัติการของนักเรียนตามรายการทีก่ ำหนดแล้วขดี ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกับระดบั คะแนน

ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
4321
1 การปฏิบัติการทดลอง
2 ความคลอ่ งแคล่วขณะปฏบิ ตั ิการ รวม
3 การนำเสนอ

ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมิน
................./................../..................

เกณฑก์ ารประเมินรายงาน

ประเดน็ ทปี่ ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 2 1
3

1. การปฏิบัติการ ทำตามทดลองตามขั้นตอน ทำตามทดลองตามขั้นตอน ต้องให้ความช่วยเหลือบ้าง ต้องให้ความช่วยเหลืออยา่ ง

ทดลอง และใช้อปุ กรณไ์ ด้อย่างถกู ต้อง และใช้อุปกรณ์ได้อย่าง ในการทำการทดลอง และ มากในการทำการทดลอง

ถูกต้อง แต่อาจต้องได้รับ การใชอ้ ุปกรณ์ และการใช้อุปกรณ์

คำแนะนำบา้ ง

2. ความคล่องแคล่ว มีความคล่องแคล่วในการทำ มีความคล่องแคล่วในการ ข า ด ค ว า ม ค ล ่ อ ง แ ค ล่ ว ทำการทดลองเสร็จไม่

ขณะปฏบิ ตั ิการ การทดลองโดยไม่ตอ้ งไดร้ ับคำ ทำการทดลองแต่ต้องได้รับ ในขณะการทำการทดลอง ทันเวลา และทำอุปกรณ์

ช้ีแนะ และทำการทดลองเสรจ็ คำแนะนำบ้าง และทำการ จึงทำการทดลองเสร็จไม่ เสียหาย

ทันเวลา ทดลองเสร็จทันเวลา ทันเวลา

3. การบันทึก สรุป บนั ทึกและสรุปผลการทดลอง บันทึกและสรุปผลการ ต้องให้คำแนะนำในการ ต้องให้ความช่วยเหลืออยา่ ง
และการนำเสนอ ไดถ้ กู ตอ้ ง รดั กมุ นำเสนอผล ทดลองได้ถูกต้อง แต่การ บันทึก สรุป และนำเสนอ มากในการบันทึกสรุป และ
ผลการทดลอง การทดลองเปน็ ขนั้ ตอนชัดเจน นำเสนอผลการทดลองยงั ไม่ ผลการทดลอง นำเสนอผลการทดลอง
เปน็ ขน้ั ตอน

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

11-12 ดีมาก

9-10 ดี

6-8 พอใช้

ต่ำกวา่ 6 ปรบั ปรงุ

375

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 20

โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ 5E

รหสั วิชา ว32242 วิชา ชีววิทยาเพ่ิมเติม 4 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 15 เร่อื ง ระบบภมู ิคุม้ กนั เวลา 12 ช่ัวโมง

แผนการจดั การเรียนรู้เร่ือง ภมู ิคมุ้ กนั แบบไม่จำเพาะ เวลา 3 ช่วั โมง

ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ผูส้ อน นางสาวศศธิ ร นนั ทอง

กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร

_________________________________________________________________________

1. สาระชีววิทยา
เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ การหายใจและการแลกเปลี่ยนแก๊สการลำเลียง

สารและการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การ
เคลื่อนที่ การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรมของสัตว์
รวมท้งั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ผลการเรยี นรู้

สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบกลไกการต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่
จำเพาะและแบบจำเพาะ

2. สาระสำคัญ
กลไกที่ร่างกายต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบจำเพาะและแบบไม่

จำเพาะ ต่อมไขมัน ต่อมเหง่ือ ทผี่ ิวหนังช่วยป้องกันและยบั ย้งั การเจรญิ ของจลุ นิ ทรยี ์บางชนิด และเมื่อ

เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดนิวโทรฟิลและโมโนไซต์จะมีการ
ต่อต้านทำลายสิ่งแปลกปลอมโดยกระบวนการฟาโกไซโทซิส ส่วนอีโอซิโนฟิลเกี่ยวข้องกับการทำลาย
ปรสิต เบโซฟิลเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาการแพ้ ซึ่งเป็นการต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบไม่
จำเพาะ การต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบจำเพาะจะเกี่ยวข้องกับการทำงานของลิมโฟไซต์
ชนดิ เซลล์บีและเซลลท์ ี

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

3.1 ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายกลไกการต่อต้านหรอื ทำลายส่ิงแปลกปลอมแบบไม่
จำเพาะได้

376

3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถเปรียบเทียบกลไกการต่อต้านหรือทำลาย
สิ่งแปลกปลอมแบบจำเพาะและไมจ่ ำเพาะได้

3.3 ด้านคุณลักษณะ (A) นักเรยี นมีความรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ีและงานทีไ่ ด้รับมอบหมาย

4. สาระการเรยี นรู้
ร่างกายมีอวัยวะและเนื้อเย่ือที่ทำหนา้ ที่ป้องกัน ดักจับ และทำลายสิ่งแปลกปลอม โดยมีเซลล์เมด็

เลือดขาวในหลอดเลือด หลอดน้ำเหลือง และยังสะสมอยู่ในอวัยวะ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำหน้าที่เปน็
หน่วยป้องกันที่สำคัญของร่างกาย เมื่อมีเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายและก่อให้เกิด
อันตราย ร่างกายจะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ตอบสนอง โดยมีกลไกต่อต้าน/ทำลายเชื้อโรคหรือสิ่ง
แปลกปลอมในร่างกายมี 2 แบบ คือ แบบไม่จำเพาะ และ แบบจำเพาะ ซึ่งทั้งสองแบบจะทำงาน
ร่วมกนั

1. กลไกตอ่ ตา้ นหรอื ทำลายส่งิ แปลกปลอมแบบไมจ่ ำเพาะ
กลไกนี้เปรียบเสมือนแนวป้องกันที่ช่วยต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่

เนื้อเยื่อหรือที่อยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกายแล้ว แต่ถ้าแนวป้องกันนี้ถูกทำลาย เช่น มีบาดแผลที่ผิวหนัง
ร่างกายยงั มีกลไกการตอ่ ต้านแบบไม่จำเพาะอีกอยา่ งคือ การอกั เสบและการทำงานของเซลล์เม็ดเลือด
ขาวกลุ่มทค่ี อยดกั จับและทำลายเชื้อโรคท่ผี า่ นเขา้ มาในร่างกาย

377

2. กลไกต่อต้านหรอื ทำลายส่ิงแปลกปลอมแบบจำเพาะ
เมื่อแอนติเจน (antigen) ซึ่งอาจเป็นเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่เนื้อเยื่อในร่างกาย

จะกระตุ้นกลไกการต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมแบบจำเพาะ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานของ
เซลล์เม็ดเลือดขาว 2 ชนิด คือ เซลล์บี (B cell) และ เซลล์ที (T cell) เซลล์บีและเซลล์ทีจะจับกับ
แอนตเิ จนอยา่ งจำเพาะ และจะกระตุน้ ให้เซลลบ์ ีพัฒนาไปเป็นเซลลพ์ ลาสมา (plasma cell) ทำหนา้ ท่ี
สร้างและหลั่งแอนติบอดี (antibody) สำหรับเซลล์ทีที่ถูกกระตุ้นมีหลายชนิดและทำหน้าที่ต่างกัน
เช่น เซลล์ทีที่ทำลายเซลล์แปลกปลอมหรือเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส (cytotoxic T cell) เซลล์ทีผู้ช่วย
(helper T cell) ซงึ่ กระตุ้นการทำงานและการแบ่งเซลล์ของเซลลเ์ มด็ เลอื ดขาว

5.1 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น (เฉพาะทีเ่ กิดในแผนการจัดการเรยี นรนู้ ี)้
 1) ความสามารถในการสื่อสาร
 2) ความสามารถในการคิด
 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา
 4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

378

5.2 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียนของโรงเรยี นมาตรฐานสากล
(เฉพาะทเ่ี กิดในแผนการจดั การเรยี นรู้น)้ี

 1) เป็นเลศิ ทางวิชาการ
 2) ส่ือสารได้อยา่ งน้อย 2 ภาษา
 3) ล้ำหน้าทางความคดิ
 4) ผลติ งานอย่างสร้างสรรค์
 5) รว่ มกันรับผดิ ชอบต่อสังคมโลก

6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) (เฉพาะท่ีเกิดในแผนการจัดการเรียนรนู้ )ี้

 1) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  5) อยูอ่ ย่างพอเพียง

 2) ซอ่ื สตั ย์ สุจริต  6) มุง่ มน่ั ในการทำงาน

 3) มวี นิ ยั  7) รักความเป็นไทย

 4) ใฝ่เรียนรู้  8) มีจติ สาธารณะ

7. การบรู ณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะทีเ่ กิดในแผนการจัดการเรียนรูน้ ้ี)
 บูรณาการกบั หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
 หลกั ความพอประมาณ
 หลกั ความมเี หตผุ ล
 หลักการมภี ูมิคมุ้ กัน
 เงือ่ นไขความรู้
 เงอ่ื นไขคณุ ธรรม
 บรู ณาการกบั การจดั การศึกษาเพือ่ อาชีพ
 บูรณาการกับหลกั สูตรต้านทุจรติ ศึกษา
 การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
 ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
 STRONG : จติ พอเพยี งต้านทุจรติ
 พลเมืองกับความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม
 บูรณาการข้ามกลมุ่ สาระการเรียนรู้
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................

............................................................................................................................. ...................................

379

 อ่ืน ๆ
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................
............................................................................................................................. ...................................

8. กิจกรรมการเรียนรู้
วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Method : 5E)

ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1.1) ครูนำเข้าสู่บทเรียน โดยกล่าวถึงเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว เช่น ใน

อากาศมีแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ฝุ่นละออง ควันพิษปะปนอยู่ หรือในอาหารมีเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา
พยาธิ ปะปนอยู่เชน่ กนั แลว้ ถามคำถามนกั เรยี น โดยมีแนวคำถาม ดังน้ี

- เชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เข้าสู่รา่ งกายได้อยา่ งไร (แนวคำตอบ: เชื้อโรคและสง่ิ
แปลกปลอมที่อยู่ในอากาศเข้าสู่ร่างกายได้ทางการหายใจ ทางผิวหนัง หรือทางระบบหมุนเวียนเลือด
(เมื่อเกิดบาดแผล) ส่วนเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในอาหารเข้าสู่ร่างกายได้ทางระบบย่อย
อาหาร)

- เมื่อเชื้อโรคหรือส่ิงแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายมีกลไกป้องกันและทำลายอย่างไร
(แนวคำตอบ: ในร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย
ระบบภมู ิคุ้มกันอาศยั การทำงานของโครงสรา้ งภายของรา่ งกาย สารเคมที ีร่ า่ งกายสรา้ งข้ึน การทำงาน
ของเซลลใ์ นระบบภมู คิ ้มุ กัน ทำใหเ้ ชื้อโรคและสิง่ แปลกปลอมไมก่ ่อใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ รา่ งกายได้)
ขน้ั สำรวจคน้ หา (Exploration)

2.1) ครใู ห้นักเรยี นศกึ ษาระบบภูมิคุ้มกนั แบบไมจ่ ำเพาะ โดยการกลนื กินของเซลล์ จากแหล่ง
การเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต หรือ หนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 จากนั้นครูเปิดตัวอย่างวีดิทัศน์
หวั ข้อ เรอ่ื ง เซลลเ์ มด็ เลือด โดยมตี ัวอย่างวดิ ทิ ศั น์ เชน่

- How White Blood Cells Work
- White blood cells (Neutrophil) eat bacteria
2.2) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 6 กลุ่ม ร่วมกันสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของ
ระบบภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ และร่วมกันวิเคราะห์กลไกการต่อต้านหรือทำลายเชื้อโรคและสิ่ง
แปลกปลอมตา่ ง ๆ ทีเ่ ข้าสรู่ า่ งกายโดยมีหวั ขอ้ ดงั นี้
- กลุม่ ท่ี 1-2 การต่อตา้ นทางกายวภิ าค
- กลมุ่ ที่ 3-4 การตอ่ ต้านทางสารเคมีในร่างกาย
- กลมุ่ ที่ 5-6 การกลนื กินของเซลล์

380

ขั้นอธบิ ายความรู้ (Explanation)
3.1) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอ เรื่อง การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ

(Nonspecific defense mechanism)
3.2) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ

(Nonspecific defense mechanism) โดยมีประเด็นดงั น้ี
- การต่อต้านทางกายวิภาค (Anatomical barrier) เป็นการต่อต้านหรือทำลายเชื้อโรค

และส่งิ แปลกปลอมท่เี ขา้ ส่รู า่ งกายทีเ่ กดิ จากการกีดขวางทางธรรมชาติ เชน่ ผิวหนงั เยื่อเมือก
- การต่อต้านทางสารเคมี (Chemical factor) ในร่างกายเป็นการต่อต้าน หรือทำลาย

เชื้อโรคแหละสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายโดยสารเคมีที่สร้างจากอวัยวะต่าง ๆ เช่น ต่อมน้ำตา
(Lacrimal gland) ต่อมน้ำลาย (Salivary gland) กระเพาะอาหาร (Stomach) ต่อมเหงื่อ (Sweat
gland)

- การกลืนกินของเซลล์เป็นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว (White blood cell) ซ่ึง
จะทำลายเชื้อโรคและสงิ่ แปลกปลอมโดยวิธฟี าโกไซโทซสิ (Phagocytosis)
ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ (Elaboration)

4.1) ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ “เสมหะ” ดังนี้ เสมหะ คือ สารคัดหลั่งที่สร้างจากเซลล์
บรเิ วณทางเดนิ หายใจ โดยปกตริ า่ งกายผลิตเสมหะเพ่ือป้องกันไม่ให้เน้ือเย่อื ทางเดินหายใจแห้งเพราะ
เสมหะประกอบด้วยน้ำเปน็ ส่วนใหญ่ นอกจากนี้เสมหะยังช่วยจับสิ่งแปลกปลอมไว้ไม่ให้แพร่กระจาย
เข้าสู่เนื้อเยื่อ ร่างกายกำจัดเสมหะโดยใช้ซิเลียที่อยู่บริเวณท่อลมโบกพัดออกไปด้วยการไอหรือจาม
เสมหะอาจมีสีและความเหนียวเปลี่ยนไปเมื่อทางเดินหายใจได้รับการระคายเคืองจากสาเหตุต่าง ๆ
เช่น การสูบบุหรี่ การติดเชื้อที่ทางเดินหายใจ การอักเสบ ทั้งนี้เสมหะอาจเกิดร่วมกับอาการอื่นๆ ได้
อกี เช่น ไอ เจ็บคอ
ข้ันประเมิน (Evaluation)

5.1) ครูถามคำถามเพอื่ ทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยมีแนวคำถาม ดังน้ี
- การต่อตา้ นทางกายวภิ าคมีการทำงานอย่างไร พรอ้ มยกตวั อยา่ งประกอบ (แนวคำตอบ

: การต่อต้านทางกายวิภาคเป็นกลไกต่อต้านหรือทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย
โดยอาศัยส่งิ กดี ขวางตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น ผวิ หนัง (Skin) เยื่อเมือก (Mucous) ซิเลยี (Cilia)
ตัวอย่างเช่น เมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายทางจมูก ภายในโพรงจมูกมีซิเลียทำหน้าที่พัดโบกให้สง่ิ
แปลกปลอมเคลื่อนไปตามท่อลม แล้วร่างกายจะขับออกโดยการไอ จาม หรือขับเป็นเสมหะ หรือเมื่อ
เชื้อโรคสมั ผัสกับผิวหนงั ผวิ หนังมีสารเคราตินปอ้ งกนั เชือ้ โรคไมใ่ หเ้ ข้าสู่รา่ งกาย และผิวหนงั มคี วามชื้น
ต่ำทำให้เชือ้ โรคท่มี าเกาะขาดความชมุ่ ชน้ื และตาย)

381

- สารเคมีในร่างกายต่อต้านหรือทำลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมได้อย่างไร พร้อม
ยกตัวอย่างประกอบ (แนวคำตอบ: สารเคมีที่ร่างกายสร้างขึ้นทำให้เกิดสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการ
เจริญของเชื้อโรค จึงไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เช่น น้ำตาจากต่อมน้ำตาประกอบด้วยเอนไซม์ไลโซ
ไซม์ (Lysozyme) ซึ่งสามารถทำลายผนังเซลล์ของแบคทีเรีย น้ำลายจากต่อมน้ำลาย (Salivary
gland) มีความเป็นเบสและประกอบด้วยเอนไซม์ไลโซไซม์ ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตและทำลาย
จุลินทรีย์บางชนิดได้ เหงื่อจากต่อมเหงื่อ (Sweat gland) ประกอบด้วยสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรด ซ่ึง
สามารถทำลายแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิด กรดไฮโดรคลอริก (Hydrochloric acid; HCI) จาก
กระเพาะอาหารสามารถทำลายแบคทีเรยี บางชนิดได้ เป็นตน้ )

- เพราะเหตุใด เมื่อร่างกายได้รับเชื้อโรคจึงมักเกิดการอักเสบ (แนวคำตอบ: เนื่องจาก
เมื่อร่างกายได้รับเชื้อโรค เซลล์เม็ดเลือดขาว (White blood cell) ชนิดเบโซฟิล (Basophil) จะหลั่ง
สารฮิสตามีน (Histamine) ทำให้เกิดการอักเสบ และกระตนุ้ ให้หลอดเลือด (Blood vessel) บริเวณ
ที่อักเสบขยายตัว ทำให้เลือด (Blood) มาหล่อเลี้ยงมากขึ้น และทำให้มีเซลล์เม็ดเลือดขาว (White
blood cell) กลุ่มฟาโกไซต์เคล่ือนทีม่ าบรเิ วณท่อี กั เสบมากขึน้ เพ่ือเข้าทำลายเชือ้ โรคท่เี ข้าสู่ร่างกาย)

5.2) ครใู ห้นักเรียนทำใบงาน เรือ่ ง ระบบภมู คิ ุม้ กนั

9. สอ่ื การเรียนรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้
9.1 สอ่ื การเรียนรู้
1 .หนังสือเรียนชวี วทิ ยา สสวท. ม.5 เล่ม 4
2. PowerPoint
3. ใบงานเร่ือง ระบบภูมคิ ุ้มกนั

9.2 แหล่งการเรียนรู้
1. ห้องเรยี น
2. ห้องสมดุ

382

10. การวดั และประเมินผล

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี าร เครอ่ื งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์
-แบบประเมินการ รอ้ ยละ 80%
ด้านความรู้ (K) ) นักเรียนสามารถ -การนำเสนอเกย่ี วกับ นำเสนองาน ผา่ นเกณฑ์

อธิบายกลไกการต่อต้านหรือทำลาย หวั ขอ้ ท่ไี ด้รับมอบหมาย

ส่งิ แปลกปลอมแบบไมจ่ ำเพาะได้

ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -นำเสนอผลงาน -แบบประเมนิ การ ร้อยละ 80 %
นักเรียนสามารถปรียบเทียบกลไก -แบบประเมนิ ปฏบิ ตั ิการ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ก า ร ต ่ อ ต ้ า น ห ร ื อ ท ำ ล า ย สิ่ ง -แบบประเมินปฏิบัติการ
แปลกปลอมแบบจำเพาะและไม่
จำเพาะได้

ดา้ นคุณลกั ษณะ (A) -สังเกตพฤตกิ รรม การ -แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ
2 ผ่านเกณฑ์
นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี ทำงาน ความมีวนิ ัย ใฝ่ การทำงาน

และงานที่ไดร้ บั มอบหมาย เรียนรู้ และมุ่งมนั่ ในการ

ทำงาน

383

บันทึกผลหลงั การสอน

รหสั วชิ า ..................... วชิ า ............................... หน่วยการเรียนรู้ที่ ..... เร่ือง .............................
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี .... เรือ่ ง .................................................................. เวลา ..... ช่ัวโมง

1. สรปุ ผลการเรยี นการสอน
……......................................................................................................................................... .................
……......................................................................................................................................... .................
……......................................................................................................................................... .................
……............................................................................................................... ...........................................
……..........................................................................................................................................................
……..........................................................................................................................................................

2. ปญั หา / อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………….......................................................................................................... ……………
……......................................................................................................................................... .................
…….............................................................................................................. ............................................

3. แนวทางแก้ไข / แนวทางการพัฒนา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………….......................................................................................................... ……………
……......................................................................................................................................... .................
……......................................................................................................................................... .................

ลงชอ่ื …………………………………………..ผสู้ อน
(นางสาวศศิธร นันทอง)

นกั ศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู
วนั ท่ี.........เดือน......................พ.ศ..............

384

ความคดิ เหน็ ของครูพ่ีเลี้ยง
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................
……......................................................................................................................................... .................

ลงชื่อ................................................................ผตู้ รวจสอบ
(นางสาวลภัสชวลั วจิ ิตพรวงศ์)
ครูพเี่ ล้ียง

ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................
……..........................................................................................................................................................
…….............................................................................................................. ............................................

ลงชื่อ................................................................ผตู้ รวจสอบ
(นางนติ ยาภรณ์ ศรีภาแลว)

หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ความคดิ เห็นของผู้บริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย
............................................................................................................................. ...................................
........................................................................................................................................... .....................
……........................................................................................................... ...............................................
……......................................................................................................................................... .................
……..........................................................................................................................................................
……......................................................................................................................................... .................
……......................................................................................................................................... .................
……......................................................................................................................................... .................
……............................................................................................................... ...........................................

ลงช่ือ................................................................
(นางสาวสุธธี ดิ า บรรณารักษ์)

หวั หน้ากลมุ่ งานการจดั การเรียนรู้
วนั ที่.........เดอื น......................พ.ศ. .........


Click to View FlipBook Version