85
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
คำชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั คะแนน
ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน
321
1 เนือ้ หาละเอียดชดั เจน
2 ความถกู ต้องของเนื้อหา
3 ภาษาทใี่ ช้เขา้ ใจงา่ ย
4 ประโยชน์ทีไ่ ด้จากการนำเสนอ
5 วิธกี ารนำเสนอผลงาน
ลงชือ่ …………………………………………………………. ผ้ปู ระเมนิ
………../………………../………………
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ตำ่ กวา่ 8 ปรับปรงุ
86
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงาน
กลมุ่
คำชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั คะแนน
ลำดบั ชื่อ–สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมนี ำ้ ใจ การมี รวม
ที่ ของนักเรยี น ความคิดเห็น ฟังคนอื่น ตามทไ่ี ด้รบั 321 สว่ นรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
1. นายกรวิก นอ้ ยยะ 321 321 ผลงานกลุ่ม
2. นายนัทธพงศ์ สุนทรชยั 321
3. นายบญั ญวตั ป้อมเชียงพณิ 321
4. นายวงศธร แสงนกิ ุล
5. นายภาณพุ งศ์ พรมสีชา
6. นายพัสกร พนั ละเกตุ
7. นายฑนวฒั น์ มน่ั ศักด์ิ
8. นายสิรภพ แซ่ภู่
9. นายนราธิป เสนจันทร์ฒไิ ชย
10. นายปิยวัฒน์ รอดชมภู
11. นายอนชุ า สลาพมิ พ์
12. นายจิณภทั ร สงิ หเสน
13. นายชนาธิป กำพระบาง
14. นายรชต บตุ รโคตร
15. นายชนวุ รรธน์ อภิรกั ษเ์ มธาวงศ์
16. นายปราบปวร ปัทมสนธ์ิ
17. นายกิตตภิ ฏั เจือจันทกึ
18. นายสมุ ติ ร มาตสทุ ธ์ิ
19. น.ส.วันนสิ า กิตติกุลธร
20. น.ส.ญาณภัทร เทศศรีเมือง
21. น.ส.นภสั รา รตั นคณุ
22. น.ส.สชุ าวดี ผาระนตั ร
23. น.ส.พรทพิ เตนากลุ
24. น.ส.พรนภสั ชยั อาวุธ
25. น.ส.วาสนา ปติ ะสตุ
26. น.ส.นราพร พฒุ ฝอย
27. น.ส.วนนั พร ตันนารตั น์
28. น.ส.ศลิษา มลู มง่ั
29. น.ส.ศิรภสั สร ดอนชมุ
30. น.ส.กัณฐิกา อินทะวงศ์
ลำดบั ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมนี ้ำใจ การมี 87
ที่ ของนักเรียน ความคิดเหน็ ฟังคนอ่ืน ตามทีไ่ ดร้ บั 321 ส่วนร่วมใน
มอบหมาย การปรับปรุง รวม
31. น.ส.ณัฐวรา ชัยเดช 321 321 ผลงานกลมุ่ 15
32. น.ส.ธัญมาส อะตะมะ 321 คะแนน
33. น.ส.ปาณศิ า โฉมกระโทก 321
34. น.ส.ศุภดิ า นามบุรี
35. น.ส.อธชิ า คำภูมี
36. น.ส.มาตา บทไธสง
37. น.ส.ณฏั ฐณชิ า บุญตาระวะ
38. น.ส.พรพิชญ์ เพง็ คำศรี
39. น.ส.ชาลสิ า หลา้ ก่ำ
40. น.ส.ภัทรนนั ท์ ภนู าปี
41. น.ส.ลลนา เข็มเลศิ
42. น.ส.มทุ ิตา คณะโท
43. น.ส.ธนัญญา นามวงษ์
44. น.ส.พดั ชา วงไชยยา
45. น.ส.อาภาสริ ิ ฟงุ้ กล่ิน
ลงชื่อ…………………………………………………………. ผปู้ ระเมิน
………../………………../………………
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14-16 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง
88
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 4
โดยจดั กจิ กรรมการเรียนรู้แบบ 5E
รหสั วชิ า ว32242 วชิ า ชีววิทยาเพิ่มเติม 4 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 13 เรอื่ ง ระบบย่อยอาหาร เวลา 14 ช่ัวโมง
แผนการจดั การเรยี นรูเ้ ร่อื ง ปาก คอหอย และหลอดอาหาร เวลา 2 ช่ัวโมง
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ผสู้ อน นางสาวศศิธร นันทอง
กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นปทุมเทพวทิ ยาคาร
_________________________________________________________________________
1. สาระชีววิทยา
เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ การหายใจและการแลกเปลี่ยนแก๊สการลำเลียง
สารและการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การ
เคลื่อนที่ การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรมของสัตว์
รวมท้งั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ผลการเรยี นรู้
อธิบายเกี่ยวกับโครงสร้าง หน้าที่และกระบวนการย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหาร
ภายในระบบยอ่ ยอาหารของมนุษย์
2. สาระสำคญั
อาหารที่มนุษย์จะกินจะผ่านทางเดินอาหารที่มีความยาวประมาณ 9 เมตร เริ่มตั้งแต่ปาก
ผ่านคอหอย ส่งต่อไปตามหลอดอาหาร เข้าสู่กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ไส้ตรง และทวาร
หนัก ตามลำดับ อีกทั้งยังมีอวัยวะที่มีส่วนช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร ได้แก่ ตับและตับอ่อน ซึ่ง
อวยั วะในแตล่ ะส่วนจะมีโครงสรา้ งและหน้าท่แี ตกตา่ งกนั
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของปาก คอหอย และ
หลอดอาหารได้
3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถสำรวจอวัยวะภายในช่องปากท่ี
เกยี่ วขอ้ งกับการยอ่ ยอาหาร
3.3 ด้านคุณลกั ษณะ (A) นักเรียนมีความรับผดิ ชอบต่อหนา้ ทีแ่ ละงานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
89
4. สาระการเรียนรู้
การย่อยอาหารของมนุษย์ประกอบด้วย การย่อยเชิงกลโดยการบดอาหารให้มีขนาดเล็กลง และ
การย่อยทางเคมีโดยอาศัยเอนไซม์ในทางเดินอาหาร ทำให้โมเลกุลของอาหารมีขนาดเล็กจนเซลล์
สามารถดดู ซมึ และนำไปใชไ้ ด้ การย่อยอาหารของมนุษย์เกดิ ขนึ้ ทชี่ อ่ งปาก กระเพาะอาหาร และลำไส้
เล็ก สารอาหารท่ีย่อยแล้ว วิตามนิ บางชนิด และธาตอุ าหารจะถูกดูดซมึ ที่วิลลัสเข้าสู่หลอดเลือดฝอย
แลว้ ผา่ นตบั กอ่ นเขา้ สหู่ วั ใจ ส่วนสารอาหารประเภทลพิ ิดและวิตามินท่ลี ะลายในไขมันจะถกู ดูดซึมเข้า
สู่หลอดน้ำเหลืองฝอย อาหารที่ไม่ถูกย่อยหรือย่อยไม่ได้จะเคลื่อนต่อไปยังลำไส้ใหญ่ น้ำ ธาตุอาหาร
และวิตามินบางสว่ นดูดซมึ เข้าสผู่ นงั ลำไส้ใหญ่ ท่เี หลอื เปน็ กากอาหารจะถกู กำจัดออกทางทวารหนกั
5.1 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน
5.1 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะทเี่ กดิ ในแผนการจัดการเรียนร้นู )้ี
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5.2 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนของโรงเรียนมาตรฐานสากล
(เฉพาะท่เี กดิ ในแผนการจัดการเรยี นรนู้ ้ี)
1) เปน็ เลิศทางวชิ าการ
2) สือ่ สารได้อย่างน้อย 2 ภาษา
3) ลำ้ หนา้ ทางความคดิ
4) ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์
5) ร่วมกนั รบั ผิดชอบตอ่ สังคมโลก
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในแผนการจดั การเรียนร้นู )้ี
1) รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ 5) อยอู่ ย่างพอเพียง
2) ซื่อสัตย์ สจุ ริต 6) มุ่งมั่นในการทำงาน
3) มีวนิ ัย 7) รักความเปน็ ไทย
4) ใฝ่เรียนรู้ 8) มีจติ สาธารณะ
90
7. การบูรณาการตามพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกดิ ในแผนการจดั การเรยี นรู้นี้)
บูรณาการกับหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
หลกั ความพอประมาณ
หลกั ความมีเหตุผล
หลกั การมีภมู ิคมุ้ กัน
เงือ่ นไขความรู้
เง่อื นไขคุณธรรม
บูรณาการกบั การจัดการศึกษาเพอื่ อาชีพ
บรู ณาการกบั หลกั สูตรต้านทจุ รติ ศึกษา
การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชนส์ ่วนรวม
ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ
STRONG : จิตพอเพียงต้านทจุ รติ
พลเมืองกบั ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม
บรู ณาการข้ามกลุ่มสาระการเรียนรู้
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................
............................................................................................................................. ...................................
อ่นื ๆ
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................
............................................................................................................................. ...................................
8. กิจกรรมการเรียนรู้
วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Method : 5E)
ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
1.1) ครูนำแผนผงั แสดงอวยั วะภายในของมนุษย์มาใชเ้ ปน็ ตัวอย่างให้นักเรยี นศกึ ษา แลว้ ถาม
กระตุ้น ความสนใจของนกั เรียน โดยมีแนวคำถามดังนี้
• ทางเดินอาหารของมนษุ ยป์ ระกอบด้วยอวยั วะใดบา้ ง
(แนวตอบ: ทางเดินอาหารของมนุษย์ประกอบด้วย ปาก (Mouth) หลอดอาหาร
(Esophagus) กระเพาะอาหาร (Stomach) ลำไสเ้ ลก็ (Small intestine) ลำไสใ้ หญ่ (Large
intestine) และทวารหนกั (Anus))
91
1.2) ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม เพื่อทบทวนความรู้
เดิมของ นกั เรยี น โดยมีแนวคำถามดังน้ี
• อาหารถกู ย่อยท่ีบรเิ วณใดบ้าง
(แนวตอบ: อาหารถูกย่อยที่ปาก กระเพาะอาหาร (Stomach) และลำไส้เล็ก (Small
intestine) ซง่ึ แตล่ ะอวยั วะจะยอ่ ยอาหารประเภททแ่ี ตกตา่ งกนั )
ขั้นสำรวจค้นหา (Exploration)
2.1) ครูอธิบายแผนผังแสดงอวัยวะภายในของมนุษย์ให้นักเรียนฟังว่า “อาหารจะเข้าสู่
ร่างกายทางปาก และผ่านหลอดอาหาร (Esophagus) กระเพาะอาหาร (Stomach) ลำไส้เล็ก
(Small intestine) ลำไส้ใหญ่ (Large intestine) ไส้ตรง (Rectum) และกากอาหารจะถูกกำจัด
ออกทางทวารหนัก (Anus) ซึ่งมีความยาวประมาณ 9 เมตร อีกทั้งมีตับ (Liver) และตับอ่อน
(Pancreas) ช่วยสร้างเอนไซม์ (Enzyme) สำหรบั ยอ่ ยอาหาร”
ปาก
หลอดอาหาร
ตบั กระเพาะอาหาร
ตับอ่อน ลำไส้เล็ก
ลำไส้ใหญ่
ตัวอยา่ งแสดงอวัยวะภายในทเ่ี กีย่ วข้องกบั ระบบย่อยอาหาร
2.2) ครูให้นักเรียนศึกษาอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหารของมนุษย์ เริ่มจากอวัยวะ
ภายในปาก ซึ่งประกอบด้วยฟัน (Teeth) ลิ้น (Tongue) และต่อมน้ำลาย (Salivary gland) จาก
แหล่งเรยี นรตู้ า่ ง ๆ เชน่ อินเทอร์เนต็ หรอื หนงั สือเรยี นชีววิทยา ม.5 เล่ม 4
2.3) ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ 4 คน สำรวจอวัยวะภายในชอ่ งปากท่ีเกย่ี วข้องกับการ
ย่อยอาหาร โดยให้นักเรียน 1 คน เป็นตัวแทนให้เพื่อนในกลุ่มสำรวจอวัยวะภายในช่องปาก อธิบาย
หน้าที่ของอวัยวะภายในช่องปากท่ีเกี่ยวข้องกับการยอ่ ยอาหาร และวิธีการดูแลสุขภาพของอวัยวะใน
ช่องปากอย่างถูกวธิ ี โดยครมู ตี ัวอยา่ งภาพแสดงแบบฟันแท้ทค่ี รบสมบรู ณ์ ดงั ตวั อย่าง
92
ตวั อยา่ งแสดงแบบฟันแทท้ ีค่ รบสมบรู ณ์
2.4) ครูอธิบายให้นักเรียนฟงั ว่า “ภายในปากจะมีการย่อยอาหาร ทัง้ การยอ่ ยเชิงกลและการ
ย่อยเชงิ เคมี โดยการยอ่ ยเชิงกลเป็นการบดเคี้ยวของฟันให้ช้ินอาหารมีขนาดเล็กลง ส่วนการย่อยเชิง
เคมีเป็นการทำงานของเอนไซม์อะไมเลส (Amylase) ในน้ำลาย ซึ่งจะย่อยอาหารประเภท
คาร์โบไฮเดรตให้มีโมเลกุลที่เล็กลง” จากนั้นครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการสำรวจ
อวัยวะภายในช่องปากท่เี กย่ี วขอ้ งกับการย่อยอาหาร และการดูแลรกั ษาอวยั วะในช่องปากอย่างถูกวิธี
2.5) ครตู ้งั คำถามเพ่ือทบทวนความรจู้ ากการทำกจิ กรรม โดยมแี นวคำถามดังนี้
• อวัยวะภายในชอ่ งปากประกอบดว้ ยอะไรบ้าง
(แนวตอบ: ฟัน (Teeth) เพดานปาก (Palate) ลิ้น (Tongue) และ ต่อมน้ำลาย (Salivary
gland))
• นักเรียนสามารถจำแนกฟันตามรูปร่างและลักษณะได้กี่ประเภท แต่ละประเภททำหน้าที่
แตกตา่ งกัน อยา่ งไร
(แนวตอบ: ฟันมี 4 ประเภท ได้แก่ ฟันตัดทำหน้าที่กัดหรือตัดอาหาร (Incisor) ฟันเขี้ยวทำ
หน้าท่ีฉกี อาหาร (Canine) ฟนั กรามหน้าทำหนา้ ที่บดเคี้ยวอาหาร (Premolar) และฟันกราม
หลังทำหนา้ ท่ีบดอาหาร (Molar))
• ภายในปากมีการยอ่ ยอาหารประเภทใดบ้าง
(แนวตอบ: ภายในปากมีการย่อยอาหาร ทั้งการย่อยเชิงกลและการย่อยเชิงเคมี โดยการย่อย
เชิงกล เป็นการบดเคี้ยวของฟันให้อาหารมีขนาดเล็กลง ส่วนการย่อยเชิงเคมีเป็นการทำงาน
ของเอนไซม์อะไมเลส (Amylase) ในน้ำลาย ซ่งึ จะยอ่ ยอาหารกลมุ่ คาร์โบไฮเดรตใหม้ ีโมเลกุล
ทเี่ ลก็ ลง)
2.6) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับอวัยวะภายในช่องปาก โดยมีประเด็นดังนี้
“อวัยวะภายในช่องปาก ประกอบด้วยฟันทำหน้าที่ตัด ฉีก บด และเคี้ยวอาหารให้มีขนาดเล็ดลง ล้ิน
ทำหน้าที่คลุกเคล้าอาหาร รับรสชาติอาหาร และผลักอาหารส่งไปยังหลอดอาหาร ต่อมน้ำลาย
93
(Salivary gland) ทำหน้าที่สร้างน้ำลายที่ช่วยหล่อลื่นอาหารให้เคลื่อนที่ได้สะดวก และสร้าง
เอนไซมอ์ ะไมเลส (Amylase) ย่อยอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตมขี นาดโมเลกุลท่ีเลก็ ลง”
ขัน้ อธิบายความรู้ (Explanation)
3.1) ครตู ง้ั คำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของนกั เรียน โดยมแี นวคำถามดังนี้
- การพดู คยุ ขณะกลนื อาหารมีผลต่อรา่ งกายอยา่ งไร
(แนวตอบ: การพูดคุยขณะกลืนอาหารทำให้อาหารอาจตกลงไปในกล่องเสียง
หรือหลอดลม หรือขึ้นไป ที่โพรงจมูก เนื่องจากขณะพูดคุย ฝาปิดกล่องเสียงจะปิดไม่สนิท
และเป็นจงั หวะทีล่ น้ิ ไก่และเพดานออ่ นปิดช่องทางทต่ี ิดกบั โพรงจมูกไม่สนิท)
- กระบวนการเพอริสทัลซิล (Peristalsis) คืออะไร มีความสำคัญกับการย่อย
อาหารอย่างไร
(แนวตอบ: กระบนการเพอริสทัลซิส (Peristalsis) เป็นการหดและคลายตัว
ของกล้ามเนื้อบริเวณหลอดอาหาร เพื่อ ช่วยลำเลียงอาหารลงไปยังกระเพาะอาหาร
(Stomach))
3.2) ครถู ามคำถามท้าทายการคดิ ขน้ั สงู (H. O. T. S.) กบั นักเรยี นโดยมแี นวคำถามดังน้ี
- เพราะเหตุใด เมื่อรับประทานอาหารแล้วเกิดอาการสำลัก จึงมีอาหารออกมา
ทางจมูก
(แนวตอบ: เนื่องจากลิ้นไก่และเพดานอ่อนไม่ปิดทางติดต่อระหว่างคอหอย
(Pharynx) กับโพรงจมกู (Sinus) ทำใหอ้ าหารบางสว่ นจากในปากหลุดเข้าไปในโพรงจมูก จึง
มีอาหารออกมาทางจมูกเมื่อเกิดการสำลกั )
3.3) ครูนำวีดิทัศน์ หัวข้อ เรื่อง การเคลื่อนที่ของอาหารผา่ นหลอดอาหาร มาเปิดให้นักเรียน
ดู เพอื่ ใชอ้ ภิปราย เก่ยี วกับการเคล่อื นที่ของอาหารผ่านหลอดอาหาร เช่น
- swallowing & peristalsis
- Digestion in Human Beings 3D CBSE Class 7 Science
3.4) นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภิปรายเกยี่ วกบั การเคลื่อนที่ของอาหารผ่านคอหอย (Pharynx)
และหลอดอาหาร (Esophagus) โดยมีประเด็นดังต่อไปนี้ “อาหารจะผ่านคอหอยก่อนส่งไปยังหลอด
อาหาร โดยอาศัยลิ้นดันอาหารไปก้านลังช่องปาก ซึ่งอาหารจะดินลิ้นไก่และเพดานอ่อนให้ปิดกั้น
ทางเดินหายใจ ป้องกันอาหารเข้าโพรงจมูก และฝาปิดกล่องเสียงจะเลื่อนมาปิดกล่องเสียง ป้องกัน
อาหารหลดุ เขา้ ไปในหลอดลม จากนั้นอาหารจะเคล่ือนท่ีลงส่หู ลอดอาหารดว้ ยกระบวนการ เพอรสิ ทัล
ซสิ (Peristalsis) ซึง่ จะมีการหดและคลายตวั ของกล้ามเนือ้ ทชี่ ว่ ยลำเลียงอาหารไปยังหลอดอาหาร”
94
ขน้ั ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
4.1) ครใู หน้ กั เรยี นจบั คกู่ นั ศึกษาโครงสรา้ งของอะไมโลส (Amylose) เดกซท์ ริน (Dextrin)
มอลโทส (Maltose) และกลูโคส (Glucose) แล้วเขียนแผนผังสรปุ การยอ่ ยอาหารประเภทอะไมโลส
ในชอ่ งปากใหเ้ ปน็ สารท่ีมโี มเลกุลขนาดเล็กลง เช่น เดกซท์ ริน มอลโทส หรอื กลโู คส โดยเขียนแผนผัง
สรปุ ในรปู แบบโครงสรา้ งโมเลกลุ แบบวง (Haworth projection
ข้นั ประเมนิ (Evaluation)
5.1) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดนการถามตอบ โดยมีแนวคำถามดังนี้
• ต่อมนำ้ ลาย (Salivary gland) มีความสำคญั ตอ่ การย่อยอาหารอยา่ งไร
(แนวตอบ: ต่อมน้ำลาย (Salivary gland) ทำหน้าที่สร้างน้ำลาย ซึ่งช่วยให้อาหารเคลื่อนที่
จากปากเข้าสู่หลอดอาหารได้สะดวกขึ้น และยังสร้างเอนไซม์อะไมเลส (Amylase) ที่ทำ
หน้าทย่ี อ่ ยอไมโลสให้เปน็ สารทม่ี โี มเลกลุ เลก็ ลง (Amylose))
• ในระหวา่ งการกลืนอาหารจะมีการหายใจเกดิ ขน้ึ หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ: ระหว่างการกลืนอาหารจะไม่มีการหายใจเกิดขึ้น เพราะลื้นไก่และเพดานอ่อนจะ
ปิด ทางเดินอากาศจากโพรงจมกู ที่จะลงหลอดลม และฝาปิดกล่องเสียงจะปิดกล่องเสียง ทำ
ให้อากาศไม่สามารถออกมาจากกลอ่ งเสยี งได)้
9. สอ่ื การเรยี นรูแ้ ละแหล่งการเรยี นรู้
9.1 สื่อการเรียนรู้
1 .หนังสอื เรียนชวี วทิ ยา สสวท. ม.5 เลม่ 4
2. ใบงานที่ 1.2 เรื่อง การย่อยอาหารของสัตว์ที่ไม่มีทางเดินอาหารและมีทางเดินอาหารไม่
สมบูรณ์
3. ใบงานท่ี 1.3 เรอ่ื ง ทางเดนิ อาหารของสตั วท์ ่ีมีทางเดินอาหารสมบรู ณ์
4. PowerPoint
9.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) หอ้ งสมดุ
95
10. การวัดและประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วิธีการ เครือ่ งมือทใ่ี ช้ เกณฑ์
-แบบประเมินการ ร้อยละ 80%
ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถ -การนำเสนอเกย่ี วกับ นำเสนองาน ผา่ นเกณฑ์
นักเรียนสามารถอธิบายโครงสร้าง หวั ข้อทไี่ ด้รบั มอบหมาย
และหน้าที่ของปาก คอหอย และ
หลอดอาหารได้
ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -นำเสนอผลงาน -แบบประเมนิ การ ร้อยละ 80 %
นักเรียนสามารถนักเรียนสามารถ -นำเสนอแผนผังมโน นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
-แบบประเมนิ ผงั มโน
สำรวจอวัยวะภายในช่องปากท่ี ทัศน์ ทัศน์
เก่ียวข้องกับการย่อยอาหาร
ด้านคณุ ลักษณะ (A) -สังเกตพฤติกรรม การ -แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ
2 ผา่ นเกณฑ์
นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี ทำงาน ความมีวนิ ัย ใฝ่ การทำงาน
และงานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย เรยี นรู้ และมงุ่ มนั่ ในการ
ท้างาน
96
97
98
ภาคผนวก
หมายเหตุ ภาคผนวกประกอบด้วย
1. ส่ือการเรียนรู้ เช่น ใบความรู้ ใบกิจกรรม ใบงาน แบบฝึกทกั ษะ เป็นต้น (เฉพาะที่
ปรากฎในแผนการจัดการเรยี นรนู้ ี้)
2. เครือ่ งมือที่ใช้วดั ผลประเมินผล เช่น แบบทดสอบก่อนเรยี น / หลังเรยี น แบบประเมิน
ทักษะกระบวนการ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณอนั พึงประสงค์ เปน็ ต้น (เฉพาะทป่ี รากฎในแผนการจดั
การเรียนรู้น้ี)
3. เกณฑ์การวัดผลประเมินผล เช่น เกณฑ์การให้คะแนนดา้ นทักษะและกระบวนการทาง
คณิตศาสตร์ เกณฑก์ ารให้คะแนนด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เป็นตน้ (เฉพาะทปี่ รากฎใน
แผนการจดั การเรียนรู้
99
แผนผงั แสดงอวยั วะภายในของมนษุ ย์
ปาก
หลอดอาหาร
ตบั กระเพาะอาหาร
ตบั อ่อน ลำไสเ้ ล็ก
ลำไส้ใหญ่
ตัวอย่างแสดงอวัยวะภายในทีเ่ กยี่ วข้องกับระบบย่อยอาหาร
ภาพแสดงแบบฟันแท้ท่ีครบสมบูรณ์
ตวั อย่างแสดงแบบฟันแท้ที่ครบสมบูรณ์
แบบประเมินผังมโนทศั น์ 100
1
คำชแี้ จง ให้ผ้สู อนประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน แล้วขีด ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน
ระดบั คะแนน
ลำดับที่ รายการประเมนิ 432
1 ความสอดคล้องกบั จุดประสงค์
2 ความสอดคล้องกบั เนอ้ื หา
3 ความคิดสรา้ งสรรค์
4 ความตรงต่อเวลา
รวม
ลงช่อื …………………………………………………………. ผู้ประเมิน
………../………………../………………
101
เกณฑ์การประเมนิ ผังมโนทัศน์
ประเด็นท่ี 4 ระดับคะแนน 2 1
ประเมนิ 3
1. ความ ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไมส่ อดคล้องกับ
สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคท์ ุกประเดน็ จดุ ประสงค์เปน็ ส่วนใหญ่ จุดประสงคบ์ าง จดุ ประสงค์
จุดประสงค์ ประเด็น
2. ความถกู ต้อง เนื้อหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน เนอื้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของผลงาน
ผลงาน ถูกตอ้ งบาง ไม่ถูกต้องเป็นสว่ นใหญ่
ของ เนื้อหา ถูกต้องครบถว้ น ถูกต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ประเดน็
3. ความคิด ผลงานแสดงถงึ ความคิด ผลงานแสดงถงึ ความคดิ ผลงานมีความ ผลงานไมม่ ีความ
สร้างสรรค์ น่าสนใจ และไม่แสดง
สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ สรา้ งสรรคแ์ ปลกใหม่ แต่ นา่ สนใจ แต่ ยงั ไม่มี ถงึ แนวคิด แปลกใหม่
และเปน็ ระบบ ยงั ไม่เปน็ ระบบ แนวคิดแปลกใหม่
4. ความตรงต่อ สง่ ชิน้ งานภายในเวลาที่ ส่งชนิ้ งานชา้ กวา่ เวลาท่ี สง่ ช้ินงานชา้ กว่าเวลา สง่ ชิ้นงานชา้ กว่าเวลาที่
เวลา กำหนด กำหนด 1 วนั ที่ กำหนด 2 วัน กำหนด 3 วันขึ้นไป
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ
102
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน
ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321
1 เนอื้ หาละเอยี ดชัดเจน
2 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา
3 ภาษาที่ใชเ้ ขา้ ใจง่าย
4 ประโยชน์ที่ไดจ้ ากการนำเสนอ
5 วธิ ีการนำเสนอผลงาน
ลงชอ่ื …………………………………………………………. ผ้ปู ระเมิน
………../………………../………………
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรุง
103
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน
กลมุ่
คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั คะแนน
ลำดบั ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมีน้ำใจ การมี รวม
ท่ี ของนกั เรยี น ความคิดเห็น ฟงั คนอ่นื ตามท่ีได้รบั 321 สว่ นรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
1. นายกรวกิ นอ้ ยยะ 321 321 ผลงานกลุ่ม
2. นายนทั ธพงศ์ สนุ ทรชัย 321
3. นายบัญญวตั ปอ้ มเชียงพิณ 321
4. นายวงศธร แสงนิกุล
5. นายภาณุพงศ์ พรมสชี า
6. นายพัสกร พันละเกตุ
7. นายฑนวฒั น์ มัน่ ศกั ดิ์
8. นายสริ ภพ แซ่ภู่
9. นายนราธิป เสนจนั ทร์ฒิไชย
10. นายปยิ วฒั น์ รอดชมภู
11. นายอนชุ า สลาพมิ พ์
12. นายจณิ ภทั ร สงิ หเสน
13. นายชนาธปิ กำพระบาง
14. นายรชต บตุ รโคตร
15. นายชนุวรรธน์ อภิรักษเ์ มธาวงศ์
16. นายปราบปวร ปทั มสนธิ์
17. นายกิตตภิ ัฏ เจอื จนั ทึก
18. นายสมุ ติ ร มาตสุทธิ์
19. น.ส.วันนิสา กิตตกิ ุลธร
20. น.ส.ญาณภทั ร เทศศรีเมือง
21. น.ส.นภสั รา รตั นคุณ
22. น.ส.สุชาวดี ผาระนตั ร
23. น.ส.พรทิพ เตนากลุ
24. น.ส.พรนภสั ชัยอาวธุ
25. น.ส.วาสนา ปติ ะสตุ
26. น.ส.นราพร พุฒฝอย
27. น.ส.วนันพร ตนั นารตั น์
28. น.ส.ศลษิ า มลู มงั่
29. น.ส.ศิรภสั สร ดอนชุม
30. น.ส.กัณฐิกา อินทะวงศ์
ลำดับ ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมนี ำ้ ใจ การมี 104
ที่ ของนักเรยี น ความคิดเห็น ฟังคนอ่ืน ตามทีไ่ ดร้ ับ 321 สว่ นร่วมใน
มอบหมาย การปรับปรุง รวม
31. น.ส.ณัฐวรา ชยั เดช 321 321 ผลงานกลมุ่ 15
32. น.ส.ธัญมาส อะตะมะ 321 คะแนน
33. น.ส.ปาณศิ า โฉมกระโทก 321
34. น.ส.ศภุ ดิ า นามบุรี
35. น.ส.อธิชา คำภูมี
36. น.ส.มาตา บทไธสง
37. น.ส.ณฏั ฐณชิ า บญุ ตาระวะ
38. น.ส.พรพิชญ์ เพ็งคำศรี
39. น.ส.ชาลสิ า หล้ากำ่
40. น.ส.ภทั รนันท์ ภูนาปี
41. น.ส.ลลนา เขม็ เลศิ
42. น.ส.มทุ ิตา คณะโท
43. น.ส.ธนญั ญา นามวงษ์
44. น.ส.พดั ชา วงไชยยา
45. น.ส.อาภาสริ ิ ฟุ้งกลน่ิ
ลงชื่อ…………………………………………………………. ผปู้ ระเมิน
………../………………../………………
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14-16 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรงุ
105
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 5
โดยจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบ 5E
รหัสวิชา ว32242 วิชา ชีววิทยาเพิ่มเติม 4 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 13 เรือ่ ง ระบบย่อยอาหาร เวลา 14 ช่ัวโมง
แผนการจดั การเรียนรเู้ รือ่ ง กระเพาะอาหาร เวลา 2 ชั่วโมง
ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ผ้สู อน นางสาวศศธิ ร นันทอง
กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรยี นปทุมเทพวิทยาคาร
_________________________________________________________________________
1. สาระชีววทิ ยา
เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ การหายใจและการแลกเปลี่ยนแก๊สการลำเลียง
สารและการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การ
เคลื่อนที่ การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรมของสัตว์
รวมทงั้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ผลการเรยี นรู้
อธิบายเกี่ยวกับโครงสร้าง หน้าที่และกระบวนการย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหาร
ภายในระบบยอ่ ยอาหารของมนษุ ย์
2. สาระสำคญั
กระเพาะอาหารจะอยู่ภายในช่องท้องค่อนไปทางด้านซ้ายใต้กระบังลม มีกล้ามเนื้อหนา
แข็งแรง และสามารถยดื หยุ่นไดด้ ี
3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของกระเพาะอาหารได้
และสามารถอธิบายการย่อยอาหารและการดดู ซึมสารอาหารบรเิ วณปากได้
3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถเขียนแผงผังสรุปการย่อยอาหาร
บรเิ วณกระเพาะอาหาร
3.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) นักเรียนมีความรบั ผดิ ชอบต่อหน้าท่แี ละงานทไี่ ด้รับมอบหมาย
106
4. สาระการเรยี นรู้
การย่อยอาหารของมนุษย์ประกอบด้วย การย่อยเชิงกลโดยการบดอาหารให้มีขนาดเล็กลง และ
การย่อยทางเคมีโดยอาศัยเอนไซม์ในทางเดินอาหาร ทำให้โมเลกุลของอาหารมีขนาดเล็กจนเซลล์
สามารถดดู ซึมและนำไปใชไ้ ด้ การยอ่ ยอาหารของมนุษย์เกิดข้นึ ที่ช่องปาก กระเพาะอาหาร และลำไส้
เล็ก สารอาหารที่ย่อยแล้ว วติ ามินบางชนดิ และธาตอุ าหารจะถูกดูดซมึ ทีว่ ิลลัสเข้าสู่หลอดเลือดฝอย
แล้วผา่ นตับก่อนเข้าสูห่ ัวใจ สว่ นสารอาหารประเภทลพิ ดิ และวิตามินทลี่ ะลายในไขมันจะถูกดูดซึมเข้า
สู่หลอดน้ำเหลืองฝอย อาหารที่ไม่ถูกย่อยหรือย่อยไม่ได้จะเคลื่อนต่อไปยังลำไส้ใหญ่ น้ำ ธาตุอาหาร
และวติ ามินบางสว่ นดดู ซมึ เขา้ สู่ผนังลำไสใ้ หญ่ ทเี่ หลอื เปน็ กากอาหารจะถูกกำจดั ออกทางทวารหนกั
5.1 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
5.1 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (เฉพาะทีเ่ กดิ ในแผนการจัดการเรียนร้นู ้ี)
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.2 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียนของโรงเรียนมาตรฐานสากล
(เฉพาะทเ่ี กิดในแผนการจัดการเรียนรู้น้ี)
1) เปน็ เลิศทางวชิ าการ
2) สอ่ื สารได้อยา่ งน้อย 2 ภาษา
3) ลำ้ หน้าทางความคิด
4) ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์
5) รว่ มกันรับผิดชอบต่อสังคมโลก
6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะท่ีเกิดในแผนการจัดการเรยี นร้นู ้)ี
1) รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 5) อย่อู ย่างพอเพียง
2) ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต 6) มงุ่ มั่นในการทำงาน
3) มวี นิ ัย 7) รักความเปน็ ไทย
4) ใฝเ่ รียนรู้ 8) มีจิตสาธารณะ
107
7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ (เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรยี นรนู้ ี้)
บรู ณาการกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
หลกั ความพอประมาณ
หลักความมเี หตผุ ล
หลักการมภี ูมิคุ้มกนั
เง่ือนไขความรู้
เงือ่ นไขคณุ ธรรม
บรู ณาการกบั การจดั การศกึ ษาเพ่อื อาชีพ
บูรณาการกบั หลกั สตู รต้านทุจริตศึกษา
การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ นตนและผลประโยชน์สว่ นรวม
ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ
STRONG : จิตพอเพียงต้านทจุ ริต
พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบต่อสงั คม
บรู ณาการขา้ มกล่มุ สาระการเรยี นรู้
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................
............................................................................................................................. ...................................
อน่ื ๆ
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................
............................................................................................................................. ...................................
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วธิ สี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Method : 5E)
ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement)
1.1) ครนู ำภาพกระเพาะอาหารมาใหน้ กั เรยี นไดส้ งั เกต จากนนั้ ครูถามคำถามเพือ่ กระตุ้น
ความสนใจของนกั เรยี น โดยมีแนวคำถามดังนี้
108
• กระเพาะอาหาร (Stomach) ทำหนา้ ที่ใดในระบบยอ่ ยอาหาร
(แนวตอบ: กระเพาะอาหาร (Stomach) ทำหน้าท่ียอ่ ยอาหาร)
• กระเพาะอาหาร (Stomach) ที่แตกต่างจากกระเพาะอาหารของสัตว์เคี้ยวเอื้องหรือไม่
อย่างไร
(แนวตอบ: แตกต่างกัน เนื่องจากกระเพาะอาหาร (Stomach) ของสัตว์มีเพียงกระเพาะสว่ น
เดียวเท่านั้น แต่สำหรับกระเพาะอาหารของสัตวเ์ คีย้ วเอ้ืองจะประกอบดว้ ยกระเพาะอาหาร 4
ส่วน ได้แก่ รูเมน เรตคิ ลู มั โอมาซัม และอะโบมาซัม)
ขน้ั สำรวจค้นหา (Exploration)
2.1) ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า “กระเพาะอาหารเป็นอวัยวะในระบบทางเดินอาหารที่อยู่
ภายในช่องท้องค่อนไปทางดา้ นซ้าย มีกลา้ มเนอ้ื หนา แขง็ แรง และสามารถยดื หยุ่นไดด้ ี”
2.2) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ร่วมกันศึกษาโครงสร้างของกระเพาะอาหารและ
กลุ่มเซลล์ที่ผนังชั้นในของกระเพาะอาหาร จากหนังสือเรียนชีววิทยา ม.5 เล่ม 4 หน่วยการเรียนรู้ที่
13 ระบบย่อยอาหารหรอื จากแบบจำลองกระเพาะอาหารท่คี รใู ชป้ ระกอบการสอน
2.3) ครูถามคำถามนักเรียน โดยมีแนวคำถามดงั น้ี
• จากการศึกษาหน้าที่ของกลุ่มเซลล์ที่ผนังชั้นในของกระเพาะอาหาร นักเรียนคิดว่ากระเพาะ
อาหาร (Stomach) สามารถย่อยอาหารประเภทใดไดบ้ า้ ง
(แนวตอบ: กระเพาะอาหารสามารถย่อยโปรตีน โดยใช้เอนไซม์ทีส่ ร้างจากเซลล์สร้างเพปซิโน
เจน)
109
• เพราะเหตุใด เซลล์ของกระเพาะอาหาร (Stomach) จึงไม่ถูกย่อยด้วยน้ำย่อยในกระเพาะ
อาหาร
(แนวตอบ: ผนังเซลล์ของกระเพาะอาหาร (Stomach) มีเซลล์สร้างเมือก (Mucous cell) ท่ี
สามารถสร้างเมือกมาป้องกนั เซลลใ์ นกระเพาะอาหารจากความเปน็ กรดของนำ้ ย่อย)
2.4) ครูให้นักเรียนศึกษาการย่อยอาหารประเภทโปรตีนบริเวณกระเพาะอาหารจากแหล่ง
การเรียนรตู้ ่าง ๆ เช่น อินเทอรเ์ น็ต หรือ หนังสอื เรยี นชีววิทยา ม.5 เล่ม 4
ข้ันอธบิ ายความรู้ (Explanation)
3.1) ครทู บทวนความรูเ้ ดมิ จากชั่วโมงที่แล้วใหน้ ักเรยี นทราบพอสงั เขป
3.2) ครถู ามคำถามนกั เรยี น โดยมีแนวคำถามดงั น้ี
• ในกระเพาะอาหาร (Stomach) มีการย่อยอาหารประเภทใดบา้ ง อย่างไร
(แนวตอบ: ในกระเพาะอาหาร (Stomach) มีการยอ่ ยอาหารประเภทโปรตีน โดยฮอร์โมนแก
สตริน (Gastrin) ที่สร้างจากผนังกระเพาะอาหารจะกระตุ้นให้มีการสร้างกรดไฮโดรคลอริก
ซึ่งจะเปลี่ยนเพปซิโนเจน (Pepsinogen) ให้เป็นเพปซิน (Pepsin) ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนให้มี
ขนาดเล็กลง)
• อาหารที่ส่งมาจากปากจะมีเอนไซม์อะไมเลส (Amylase) ปนมาด้วย แต่ทำไมในกระเพาะ
อาหารจงึ ไม่มีการยอ่ ยอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต
(แนวตอบ: เนื่องจากเอนไซม์อะไมเลส (Amylase) ทำงานได้ดีในสภาวะที่เป็นกลาง แต่ใน
กระเพาะอาหารมีสภาวะ ที่เป็นกรด (pH ประมาณ 2) ทำให้เอนไซม์อะไมเลสไม่สามารถ
ทำงานได้)
• การที่กระเพาะอาหารสร้างเอนไซม์ (Enzyme) ที่ยังไม่พร้อมทำงาน ทั้งเพปซิโนเจน
(Pepsinogen) และโพรเรนนนิ (Prorenin) จะมปี ระโยชนต์ ่อกระเพาะอาหารอย่างไร
(แนวตอบ: ทำใหเ้ อนไซม์ (Enzyme) ไม่ยอ่ ยผนังกระเพาะอาหารในขณะที่ไม่มีอาหารอย)ู่
• นักเรยี นคิดว่า การรบั ประทานอาหารไม่เป็นเวลามีผลต่อกระเพาะอาหารอย่างไร
(แนวตอบ: เมื่อถึงเวลาอาหาร เอนไซม์ (Enzyme) จะถูกส่งมายังกระเพาะอาหารและถูก
เปลี่ยนเป็นเอนไซม์ที่ พร้อมทำงาน ซึ่งจะทำให้เอนไซม์ย่อยผนังกระเพาะอาหาร และหาก
เกิดขึน้ บ่อยคร้ังจะทำใหเ้ กิดแผลในกระเพาะอาหารได)้
3.3) นกั เรยี นและครูรว่ มกันอภิปรายเก่ยี วกับโครงสร้างของกระเพาะอาหาร ซงึ่ ประกอบด้วย
เซลล์ 3 ชนิด ได้แก่ เซลล์สร้างเมือก (Mucous cell) ทำหน้าที่สร้างเมือกป้องกันน้ำย่อยย่อย
กระเพาะอาหาร เซลล์สร้างกรดไฮโดรคลอริก (Parietal cell) เพื่อทำให้กระเพาะอาหารที่สภาพเป็น
กรด และเซลล์สร้างเพปซิโนเจน (Chief cell) ซึ่งเป็นเอนไซม์ (Enzyme) ย่อยโปรตีน แต่อยู่ในสภาพ
ที่ยังไม่พร้อมทำงาน
110
3.4) นกั เรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายเกี่ยวกับการย่อยอาหารของกระเพาะอาหาร ซึ่งจะมกี าร
ย่อยอาหาร ประเภทโปรตีนเป็นหลัก โดยฮอร์โมนแกสตริน (Gastrin) จากผนังกระเพาะอาหารจะ
กระตุ้นการหลั่งกรดไฮโดรคลอริก เพื่อเปลี่ยนเฟปซิโนเจน (Pepsinogen) เป็นเพปซิน (Pepsin)
สำหรับย่อยโปรตีนให้มีขนาดเล็กลง นอกจากนั้นกระเพาะอาหารยังสร้างโพรเรนนิน (Prorenin) ซึ่ง
เมื่อทำปฏิกริ ยิ ากับกรดไฮโดรคลอรกิ จะกลายเปน็ เรนนิน (Renin) ทำหน้าที่ยอ่ ยโปรตีนในนำ้ นม
ขัน้ ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
4.1) ครูให้นักเรียนเขียนแผนผังสรุปการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารบริเวณ
กระเพาะอาหาร ลงใน กระดาษ A4
ข้นั ประเมนิ (Evaluation)
5.1) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดนการถามตอบคำถามจากเมื่อต้นชัว่ โมง โดยมีแนว
คำถามดังนี้
• กระเพาะอาหารทำหนา้ ท่ีใดในระบบย่อยอาหาร
(แนวตอบ: กระเพาะอาหารทำหนา้ ท่ยี ่อยอาหาร)
• กระเพาะอาหารที่นำมาประกอบการสอนแตกต่างจากกระเพาะอาหารของสัตว์เคี้ยวเอื้อง
หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ: แตกตา่ งกัน เนือ่ งจากกระเพาะอาหารของสัตว์ท่ีนำมาใช้ประกอบการสอนมีเพียง
กระเพาะส่วนเดียวเท่านั้น แต่สำหรับกระเพาะอาหารของสัตว์เคี้ยวเอื้องจะประกอบด้วย
กระเพาะอาหาร 4 ส่วน ไดแ้ ก่ รูเมน (Rumen) เรติคลู ัม (Reticulum) โอมาซัม (Omasum)
และอะโบมาซมั (Abomasum))
9. สอ่ื การเรยี นรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้
9.1 สอื่ การเรียนรู้
1 .หนังสือเรียนชวี วทิ ยา สสวท. ม.5 เล่ม 4
2. PowerPoint
9.2 แหล่งการเรยี นรู้
1. หอ้ งเรยี น
2. หอ้ งสมดุ
111
10. การวดั และประเมินผล
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วิธกี าร เครอ่ื งมือท่ีใช้ เกณฑ์
-แบบประเมินการ รอ้ ยละ 80%
ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถ -การนำเสนอเกี่ยวกับ นำเสนองาน ผา่ นเกณฑ์
อธิบายโครงสร้างและหน้าท่ีของ หัวขอ้ ทีไ่ ด้รับมอบหมาย
กระเพาะอาหารได้ และสามารถ
อธิบายการย่อยอาหารและการดูด
ซึมสารอาหารบรเิ วณปากได้
ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -นำเสนอผลงาน -แบบประเมนิ การ ร้อยละ 80 %
นักเรียนสามารถเขียนแผงผังสรุป -นำเสนอแผนผังมโน นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
-แบบประเมนิ ผังมโน
การย่อยอาหารบริเวณกระเพาะ ทัศน์ ทัศน์
อาหาร
ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) -สังเกตพฤตกิ รรม การ -แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ
2 ผา่ นเกณฑ์
นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี ทำงาน ความมีวินยั ใฝ่ การทำงาน
และงานท่ไี ด้รับมอบหมาย เรียนรู้ และมงุ่ มั่น ในการ
ทา้ งาน
112
113
114
ภาคผนวก
หมายเหตุ ภาคผนวกประกอบด้วย
1. สอื่ การเรียนรู้ เช่น ใบความรู้ ใบกิจกรรม ใบงาน แบบฝึกทกั ษะ เป็นต้น (เฉพาะท่ี
ปรากฎในแผนการจดั การเรยี นรนู้ ี้)
2. เครอื่ งมือที่ใช้วดั ผลประเมินผล เช่น แบบทดสอบก่อนเรยี น / หลังเรียน แบบประเมิน
ทกั ษะกระบวนการ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณอนั พึงประสงค์ เปน็ ต้น (เฉพาะทป่ี รากฎในแผนการจัด
การเรยี นรนู้ ี้)
3. เกณฑ์การวัดผลประเมินผล เช่น เกณฑ์การให้คะแนนดา้ นทักษะและกระบวนการทาง
คณิตศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนนด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เป็นตน้ (เฉพาะที่ปรากฎใน
แผนการจดั การเรยี นรู้น
115
ภาพกระเพาะอาหาร
แบบประเมินผังมโนทศั น์ 116
คำชแี้ จง ให้ผ้สู อนประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน แล้วขีด ลงในช่องท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน 1
ระดบั คะแนน
ลำดับที่ รายการประเมนิ 432
1 ความสอดคล้องกบั จุดประสงค์
2 ความสอดคล้องกบั เนอ้ื หา
3 ความคิดสรา้ งสรรค์
4 ความตรงต่อเวลา
รวม
ลงช่อื …………………………………………………………. ผู้ประเมิน
………../………………../………………
117
เกณฑ์การประเมนิ ผังมโนทัศน์
ประเด็นท่ี 4 ระดับคะแนน 2 1
ประเมนิ 3
1. ความ ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานสอดคลอ้ งกับ ผลงานไมส่ อดคล้องกับ
สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคท์ ุกประเดน็ จดุ ประสงค์เปน็ ส่วนใหญ่ จุดประสงคบ์ าง จดุ ประสงค์
จุดประสงค์ ประเด็น
2. ความถกู ต้อง เนื้อหาสาระของผลงาน เน้ือหาสาระของผลงาน เนอื้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของผลงาน
ผลงาน ถูกตอ้ งบาง ไม่ถูกต้องเป็นสว่ นใหญ่
ของ เนื้อหา ถูกต้องครบถว้ น ถูกต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ประเดน็
3. ความคิด ผลงานแสดงถงึ ความคิด ผลงานแสดงถงึ ความคดิ ผลงานมีความ ผลงานไมม่ ีความ
สร้างสรรค์ น่าสนใจ และไม่แสดง
สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่ สรา้ งสรรคแ์ ปลกใหม่ แต่ นา่ สนใจ แต่ ยงั ไม่มี ถงึ แนวคิด แปลกใหม่
และเปน็ ระบบ ยงั ไม่เปน็ ระบบ แนวคิดแปลกใหม่
4. ความตรงต่อ สง่ ชิน้ งานภายในเวลาที่ ส่งชนิ้ งานชา้ กวา่ เวลาท่ี สง่ ช้ินงานชา้ กว่าเวลา สง่ ชิ้นงานชา้ กว่าเวลาที่
เวลา กำหนด กำหนด 1 วนั ที่ กำหนด 2 วัน กำหนด 3 วันขึ้นไป
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ
118
แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน
คำช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน
ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
321
1 เนอื้ หาละเอยี ดชัดเจน
2 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา
3 ภาษาที่ใชเ้ ขา้ ใจง่าย
4 ประโยชน์ที่ไดจ้ ากการนำเสนอ
5 วธิ ีการนำเสนอผลงาน
ลงชอ่ื …………………………………………………………. ผ้ปู ระเมิน
………../………………../………………
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ดั เจน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14-16 ดมี าก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรุง
119
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงาน
กลมุ่
คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั คะแนน
ลำดบั ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมีน้ำใจ การมี รวม
ท่ี ของนกั เรยี น ความคิดเห็น ฟงั คนอ่นื ตามท่ีได้รบั 321 สว่ นรว่ มใน 15
มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน
1. นายกรวกิ นอ้ ยยะ 321 321 ผลงานกลุ่ม
2. นายนทั ธพงศ์ สนุ ทรชัย 321
3. นายบัญญวตั ปอ้ มเชียงพิณ 321
4. นายวงศธร แสงนิกุล
5. นายภาณุพงศ์ พรมสชี า
6. นายพัสกร พันละเกตุ
7. นายฑนวฒั น์ มัน่ ศกั ดิ์
8. นายสริ ภพ แซ่ภู่
9. นายนราธิป เสนจนั ทร์ฒิไชย
10. นายปยิ วฒั น์ รอดชมภู
11. นายอนชุ า สลาพมิ พ์
12. นายจณิ ภทั ร สงิ หเสน
13. นายชนาธปิ กำพระบาง
14. นายรชต บตุ รโคตร
15. นายชนุวรรธน์ อภิรักษเ์ มธาวงศ์
16. นายปราบปวร ปทั มสนธิ์
17. นายกิตตภิ ัฏ เจอื จนั ทึก
18. นายสมุ ติ ร มาตสุทธิ์
19. น.ส.วันนิสา กิตตกิ ุลธร
20. น.ส.ญาณภทั ร เทศศรีเมือง
21. น.ส.นภสั รา รตั นคุณ
22. น.ส.สุชาวดี ผาระนตั ร
23. น.ส.พรทิพ เตนากลุ
24. น.ส.พรนภสั ชัยอาวธุ
25. น.ส.วาสนา ปติ ะสตุ
26. น.ส.นราพร พุฒฝอย
27. น.ส.วนันพร ตนั นารตั น์
28. น.ส.ศลษิ า มลู มงั่
29. น.ส.ศิรภสั สร ดอนชุม
30. น.ส.กัณฐิกา อินทะวงศ์
ลำดับ ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมนี ำ้ ใจ การมี 120
ที่ ของนักเรยี น ความคิดเห็น ฟังคนอ่ืน ตามทีไ่ ดร้ ับ 321 สว่ นร่วมใน
มอบหมาย การปรับปรุง รวม
31. น.ส.ณัฐวรา ชยั เดช 321 321 ผลงานกลมุ่ 15
32. น.ส.ธัญมาส อะตะมะ 321 คะแนน
33. น.ส.ปาณศิ า โฉมกระโทก 321
34. น.ส.ศภุ ดิ า นามบุรี
35. น.ส.อธิชา คำภูมี
36. น.ส.มาตา บทไธสง
37. น.ส.ณฏั ฐณชิ า บญุ ตาระวะ
38. น.ส.พรพิชญ์ เพ็งคำศรี
39. น.ส.ชาลสิ า หล้ากำ่
40. น.ส.ภทั รนันท์ ภูนาปี
41. น.ส.ลลนา เขม็ เลศิ
42. น.ส.มทุ ิตา คณะโท
43. น.ส.ธนญั ญา นามวงษ์
44. น.ส.พดั ชา วงไชยยา
45. น.ส.อาภาสริ ิ ฟุ้งกลน่ิ
ลงชื่อ…………………………………………………………. ผปู้ ระเมิน
………../………………../………………
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14-16 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรงุ
121
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 6
โดยจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบ 5E
รหสั วชิ า ว32242 วิชา ชีววิทยาเพม่ิ เติม 4 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 13 เรื่อง ระบบย่อยอาหาร เวลา 14 ชวั่ โมง
แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง ลำไสเ้ ล็ก เวลา 3 ชั่วโมง
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 ผูส้ อน นางสาวศศธิ ร นนั ทอง
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร
_________________________________________________________________________
1. สาระชีววิทยา
เข้าใจการย่อยอาหารของสัตว์และมนุษย์ การหายใจและการแลกเปลี่ยนแก๊สการลำเลียง
สารและการหมุนเวียนเลือด ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การขับถ่าย การรับรู้และการตอบสนอง การ
เคลื่อนที่ การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรมของสัตว์
รวมทัง้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ผลการเรยี นรู้
อธิบายเกี่ยวกับโครงสร้าง หน้าที่และกระบวนการย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหาร
ภายในระบบย่อยอาหารของมนษุ ย์
2. สาระสำคญั
ลำไส้เล็กเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารและดูดซึมอาหารมากที่สุดในทางเดินอาหาร
โดยรบั อาหารตอ่ มาจากกระเพาะอาหาร
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ (K) นักเรยี นสามารถอธบิ ายโครงสรา้ งและหน้าที่ของลำไส้เล็กได้
3.2 ด้านทักษะและกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถทดสอบสมบตั ิของน้ำดีต่อการย่อย
สารกลมุ่ ไขมนั
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) นักเรยี นมีความรับผดิ ชอบต่อหน้าท่แี ละงานทีไ่ ด้รับมอบหมาย
122
4. สาระการเรยี นรู้
การย่อยอาหารของมนุษย์ประกอบด้วย การย่อยเชิงกลโดยการบดอาหารให้มีขนาดเล็กลง และ
การย่อยทางเคมีโดยอาศัยเอนไซม์ในทางเดินอาหาร ทำให้โมเลกุลของอาหารมีขนาดเล็กจนเซลล์
สามารถดดู ซึมและนำไปใชไ้ ด้ การยอ่ ยอาหารของมนุษย์เกิดข้นึ ที่ช่องปาก กระเพาะอาหาร และลำไส้
เล็ก สารอาหารที่ย่อยแล้ว วติ ามินบางชนดิ และธาตอุ าหารจะถูกดูดซมึ ทว่ี ิลลัสเข้าสู่หลอดเลือดฝอย
แล้วผา่ นตับก่อนเข้าสูห่ ัวใจ สว่ นสารอาหารประเภทลพิ ดิ และวิตามินทล่ี ะลายในไขมนั จะถกู ดูดซึมเข้า
สู่หลอดน้ำเหลืองฝอย อาหารที่ไม่ถูกย่อยหรือย่อยไม่ได้จะเคลื่อนต่อไปยังลำไส้ใหญ่ น้ำ ธาตุอาหาร
และวติ ามินบางสว่ นดดู ซมึ เขา้ ส่ผู นังลำไสใ้ หญ่ ทเี่ หลอื เปน็ กากอาหารจะถูกกำจดั ออกทางทวารหนกั
5.1 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
5.1 สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน (เฉพาะทีเ่ กดิ ในแผนการจัดการเรียนรนู้ ้ี)
1) ความสามารถในการส่ือสาร
2) ความสามารถในการคิด
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา
4) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5.2 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียนของโรงเรียนมาตรฐานสากล
(เฉพาะทเ่ี กิดในแผนการจัดการเรียนรู้น้ี)
1) เปน็ เลิศทางวชิ าการ
2) สอ่ื สารได้อยา่ งน้อย 2 ภาษา
3) ลำ้ หน้าทางความคิด
4) ผลิตงานอย่างสรา้ งสรรค์
5) รว่ มกันรับผิดชอบต่อสังคมโลก
6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) (เฉพาะที่เกิดในแผนการจดั การเรยี นร้นู ี)้
1) รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 5) อย่อู ย่างพอเพียง
2) ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต 6) มงุ่ มั่นในการทำงาน
3) มวี นิ ัย 7) รักความเปน็ ไทย
4) ใฝเ่ รียนรู้ 8) มีจติ สาธารณะ
123
7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในแผนการจัดการเรียนรนู้ )้ี
บูรณาการกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
หลักความพอประมาณ
หลกั ความมีเหตผุ ล
หลกั การมีภูมคิ มุ้ กัน
เง่อื นไขความรู้
เงอ่ื นไขคุณธรรม
บูรณาการกบั การจดั การศึกษาเพ่ืออาชีพ
บรู ณาการกบั หลกั สูตรต้านทุจรติ ศกึ ษา
การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชนส์ ่วนตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม
ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ ริต
STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต
พลเมอื งกับความรับผิดชอบต่อสงั คม
บูรณาการขา้ มกล่มุ สาระการเรยี นรู้
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................
............................................................................................................................. ...................................
อื่น ๆ
(ระบุ)…………………………………………………………………….......................................................
............................................................................................................................. ...................................
8. กจิ กรรมการเรยี นรู้
วิธีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E (Inquiry Method : 5E)
ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement)
1.1) ครูนำเข้าส่บู ทเรียนโดยทบทวนการยอ่ ยอาหารบรเิ วณปากและกระเพาะอาหารให้
นักเรยี นทราบ และ ถามคำถามนักเรยี นว่า
• บริเวณปากและกระเพาะอาหารมกี ารยอ่ ยอาหารประเภทใดบ้าง
(แนวตอบ: บริเวณปากมีการย่อยอาหารประเภทแป้งโดยการทำงานของเอนไซม์อะไมเลส
(Amylase) ส่วนบริเวณกระเพาะอาหารมกี ารย่อยอาหารประเภทโปรตีนโดยการทำงานของ
เอนไซมเ์ พปซิน (Pepsin))
124
• บรเิ วณกระเพาะอาหารมกี ารดดู ซึมสารอาหารประเภทใดบ้าง
(แนวตอบ: บริเวณกระเพาะอาหารมีการดูดซึมสารอาหารประเภทกรดอะมิโนที่ได้จากการ
ย่อยอาหาร ประเภทโปรตีน และดูดซึมสารที่สามารถละลายไขมันได้ เช่น แอลกอฮอล์ ยา
บางชนดิ )
• อาหารประเภทใดบ้างทถี่ กู ส่งไปยอ่ ยต่อท่ลี ำไสเ้ ลก็
(แนวตอบ: อาหารทกุ ประเภท ทง้ั คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน)
ข้นั สำรวจค้นหา (Exploration)
2.1) ครนู ำภาพโครงสรา้ งของลำไส้เล็ก มาให้นกั เรยี นได้สังเกตและศกึ ษาสว่ นประกอบภายใน
ของลำไสเ้ ลก็ ว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง
ภาพโครงสร้างของลำไส้เล็ก
2.2) ครูให้นักเรียนศึกษาโครงสร้างของลำไส้เล็ก จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น
อนิ เทอร์เนต็ หรือจากหนงั สอื เรียนชวี วิทยา ม.5 เล่ม 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 13 ระบบยอ่ ยอาหาร
2.3) ครใู หน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 6 กลุม่ รว่ มกนั วเิ คราะห์การย่อยอาหารและการดูดซึม
สารอาหารที่ พบในลำไส้เล็ก พร้อมสร้างป้ายนิเทศแสดงแผนผังสรุปการย่อยอาหารและการดูดซึม
สารอาหาร เพอื่ นำเสนอหนา้ ชนั้ เรียนในช่วั โมงต่อไป โดยมหี วั ขอ้ ดังนี้
- กลุม่ ท่ี 1-2 ศกึ ษา เร่ือง การยอ่ ยอาหารและการดดู ซมึ สารอาหารประเภทคารโ์ บไฮเดรต
- กลุ่มท่ี 3-4 ศกึ ษา เรื่อง การย่อยอาหารและการดดู ซมึ สารอาหารประเภทโปรตีน
- กลุม่ ที่ 5-6 ศกึ ษา เรื่อง การย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารประเภทไขมัน
125
2.4) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อศึกษากิจกรรม การทดสอบสมบัติของ
นำ้ ดี โดยมจี ุดประสงค์เพ่ือทดสอบสมบัติของนำ้ ดีต่อการย่อยสารกลุ่มไขมัน จากหนงั สือเรียนชีววิทยา
ม.5 เล่ม 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 ระบบย่อยอาหาร โดยมรี ายละเอียดของกิจกรรมดงั นี้
- สมาชิกคนที่ 1 : ทำหนา้ ทเี่ ตรียมวัสดอุ ปุ กรณก์ ารทดสอบสมบัตขิ องนำ้ ดี
- สมาชิกคนที่ 2 : ทำหน้าที่อ่านวิธีการทำกิจกรรม และนำมาอธิบายให้สมาชิกภายในกลุ่ม
ฟงั
- สมาชิกคนท่ี 3 : ทำหนา้ ท่บี นั ทึกผลการทำกิจกรรม
- สมาชิกคนท่ี 4-5 : ทำหน้าท่ีนำเสนอผลทไี่ ดจ้ ากการทำกิจกรรม
ขัน้ อธิบายความรู้ (Explanation)
3.1) ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอแผนผังการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร
บรเิ วณลำไสเ้ ลก็
3.2) ครูถามคำถามนกั เรยี น โดยมีแนวคำถามดังต่อไปนี้
• โครงสร้างของลำไส้เล็ก (Small intestine) เหมาะสมกับการดดู ซมึ สารอาหารอย่างไร
(แนวตอบ: ผนงั ดา้ นในของลำไส้เลก็ (Small intestine) เปน็ เซลล์บผุ ิวชนั้ เดียว ซง่ึ จะซ้อนพับ
กันเป็นโครงสร้างที่เรียกว่า วิลลัส (Villus) และที่เซลล์บุผิวของวิลลัสจะมีไมโครวิลลัส
(Microvillus) ย่ืนออกมาช่วยเพิ่มพืน้ ที่ผวิ ในการดดู ซมึ สารอาหาร)
• ลำไสเ้ ล็ก (Small intestine) มีการยอ่ ยอาหารประเภทใดและอย่างไร
(แนวตอบ: ลำไส้เล็ก (Small intestine) มกี ารย่อยอาหารทัง้ 3 ประเภท ไดแ้ ก่
- อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เอนไซม์อะไมเลส (Amylase) ที่สร้างจากตับอ่อน
(Pancreas) แล้วส่งมายังลำไส้เล็กเพื่อย่อย แป้ง ไกลโครเจน (Glycogen) และเดกซ์ทริน
(dextrin) ให้กลายเป็นมอลโทส (maltose) จากนั้นเซลล์บุผิวผนังลำไส้เล็กจะสร้าง
เอนไซม์มอลเทสเพื่อย่อยมอลโทส สร้างเอนไซม์ซูเครส (Surcease) เพื่อย่อยซูโครส
(Sucrose) และสร้างเอนไซม์แลกเทส (Lactase) เพื่อย่อยแลกโทส (Lactose) ให้
กลายเป็นนำ้ ตาลโมเลกลุ เดย่ี ว แลว้ จงึ ดดู ซมึ เข้าสหู่ ลอดซมึ เลอื ดฝอยในวิลลัส (Villus)
- อาหารประเภทโปรตีน เอนไซม์อะมิโนเพปทิเดส (Aminopeptidase) ไดเพปทิเดส
(dipeptides) และไตรเพปทิเดส (tripeptides) ที่สร้างจากเซลล์บุผิวผนังลำไส้เล็กเพ่ือ
ย่อยเพปไทด์ (Peptide) ให้เป็นกรดอะมิโน นอกจากนั้นยังมีเอนไซม์ทริปซิโนเจน
(Trypsinogen) ไคโมทริปซิโนเจน(Chymotrypsinogen) และไพรคาร์บอกซิเพปทิเดส
(Procarboxypeptidase) จากตับอ่อน(Pancreas) ซึ่งเป็นเอนไซม์ (Enzyme) ที่ยังไม่
พร้อมทำงานต้องถูกกระตุ้นจากเอนไซม์เอนเทอโรไคเนส (Enterokinase) จากผนังลำไส้
126
เล็กเพื่อเปลี่ยนเป็นทริปซิน (Trypsin) ไคโมทริปซิน (Chymotrypsin) และคาร์บอกซิ
เพปทิเดส (Carboxypeptidase) ซึ่งจะย่อยเพปไทด์ให้เป็นกรดอะมิโน แล้วจึงดูดเข้าสู่
หลอดซึมเลือดฝอยในวลิ ลัส (Villus)
- อาหารประเภทไขมัน น้ำดี (Bile) ที่ถูกสร้างจากตับ แล้วส่งมายังลำไส้เล็ก (Small
intestine) ช่วยทำให้ไขมันแตกตัวเปน็ หยด ไขมัน จากนั้นตับอ่อนและเซลลบ์ ุผวิ ผนงั ลำไส้
เล็กจะสร้างเอนไซม์ไล-เปส (Lipase) มาย่อยไขมันเป็นกรดไขมันและกลีเซอรอล แล้วจึง
ดูดซึมเข้าสู่หลอดน้ำเหลืองในวิลลสั )
3.3) ครูถามคำถามท้าทายการคิดขั้นสูง ในหนังสือเรียนชีวะวิทยา ม.5 เล่ม 4 หน่วยการ
เรยี นรู้ท่ี 13 ระบบย่อยอาหารกบั นักเรียน โดยมีแนว คำถามดงั น้ี
• คนที่ถูกตัดลำไส้เล็ก (Small intestine) ออกไปบางส่วนจะมีผลกระทบต่อร่างกายหรือไม่
อย่างไร
(แนวตอบ: เนื่องจากลำไส้เล็ก (Small intestine) เป็นบริเวณที่มีการย่อยและการดูดซึม
สารอาหาร ทั้งน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว กรดอะมิโน กรดไขมันและกลีเซอรอล ซึ่งหากตัดลำไส้
เล็กบางสว่ นออกจะทำใหม้ พี น้ื ท่ีผวิ ในการย่อยและการดูดซึมสารอาหารลดลง อาจทำใหไ้ ดร้ ับ
สารอาหารไมเ่ พยี งพอกับความต้องการของร่างกาย)
• หากรับประทานหมูกรอบจะมกี ารยอ่ ยอาหารบริเวณสว่ นใด และอยา่ งไร
(แนวตอบ: หมู่กรอบเป็นอาหารประเภทโปรตีนและไขมัน ซึ่งโปรตีนจะมีการย่อยครั้งแรกท่ี
กระเพาะ อาหารโดยการทำงานของเอนไซม์เพปซนิ (Pepsin) ซึง่ โปรตนี ทถ่ี ูกยอ่ ยเป็นกรดอะ
มิโนก็จะถูกดูดซึมบริเวณกระเพาะอาหารเช่นกัน ส่วนโปรตีนที่ถูกย่อยเป็นเพปไทด์
(Peptide) จะถูกส่งไปยังลำไส้เล็ก ซึ่งจะมีเอนไซม์เปลี่ยนเป็นทริปซินไคโมทริปซิน
(Chymotrypsin) คาร์บอกซิเพปทิเดส (Carboxypeptidase) ย่อยเพปไทด์ให้เป็นกรดอะมิ
โน และดูดซึมเข้าสหู่ ลอดเลอื ดฝอยในวลิ ลัส ส่วนไขมนั จะมีการย่อยบริเวณลำไสเ้ ล็ก โดยการ
ทำงานของน้ำดีจากตับจะช่วยทำให้ไขมันแตกตัวเป็นหยดไขมัน และเอนไซม์ไลเปสมาย่อย
หยดไขมันให้เป็นกรดไขมันและกลีเซอรอล แล้วจึงดูดซึมเข้าสู่หลอดน้ำเหลืองในวิลลัส
(Villus))
3.4) นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกับโครงสร้างของลำไส้เล็ก ซึ่งจะม้วนขดอยู่ในช่อง
ท้อง แบ่ง ออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ดูโอดีนัม (Duodenum) เป็นบริเวณท่ีมกี ารยอ่ ยโดยอาศัย
น้ำย่อยจากตับอ่อนและลำไส้ใหญ่ เจจูนัม (Jejunum) เป็นบริเวณที่มีการดูดซึมสารอาหาร
มากที่สุด และไอเลียม (Ileum) เป็นลำไส้เล็ก (Small intestine) ที่ต่อกับลำไส้ใหญ่ (Large
intestine) โดยผนังด้านในของลำไส้เล็กจะเป็นเซลล์บุผิวชั้นเดียวซ้อนพับกันเป็นวิลลัส
127
(Villus) และที่เซลล์บุผิวของวิลลัสจะมีไมโครวิลลัส (Microvillus) ยื่นออกมา ช่วยเพิ่มพื้นท่ี
ผวิ ในการดดู ซึมสารอาหาร
3.5) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการย่อยและการดูดซึมอาหารที่ลำไส้เล็ก
(Small intestine) โดยมีประเด็นดังนี้ “จะมีการย่อยอาหารทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และ
ไขมัน ซึ่งคาร์โบไฮเดรตถูกย่อยจนกลายเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว แล้วจึงดูดซึมเข้าสู่หลอด
เลือดฝอยในวิลลัส (Villus) โปรตีนถูกย่อยจนเป็นกรดอะมิโน แล้วจึงดูดซึมเข้าสู่หลอดเลือด
ฝอยในวิลลัสไขมันถูกย่อยจนเป็นกรดไขมันและกลีเซอรอล แล้วจึงดูดซึมเข้าสู่หลอด
น้ำเหลืองในวลิ ลัส”
ข้ันขยายความเข้าใจ (Elaboration)
4.1) ครใู ห้นกั เรียนทำใบงานท่ี 1.4 เรื่อง การย่อยอาหารและการดูดซมึ อาหารทีล่ ำไสเ้ ล็ก
ขั้นประเมนิ (Evaluation)
5.1) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดนการถามตอบคำถามจากเมื่อตน้ ช่ัวโมง โดยมแี นว
คำถามดงั น้ี
• ลำไส้เลก็ (Small intestine) ส่วนใดทมี่ ีการยอ่ ยและการดูดซึมสารอาหารมากท่ีสุด
(แนวตอบ: ดูโอดีนัม (Duodenum) เป็นลำไส้เล็ก (Small intestine) ส่วนที่มีการย่อย
อาหารมากทส่ี ุด โดยอาศยั เอนไซม์ (Enzyme) จากตับออ่ น (Pancreas) และลำไสเ้ ล็ก ส่วน
เจจนู ัม (Jejunum) เป็นลำไส้เล็กส่วนท่ีมกี ารดดู ซมึ สารอาหารมากทส่ี ดุ )
• ในการย่อยอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต จะต้องอาศัยเอนไซม์ชนิดใดในการย่อยอาหาร
ประเภทนี้
(แนวตอบ: เอนไซม์อะไมเลส (Amylase) ที่ถูกสร้างจากตับอ่อนแล้วส่งมายังลำไส้เล็กเพื่อ
ยอ่ ยแปง้ ไกลโครเจน (Glycogen) และเดกซ์ทรนิ (dextrin)
5.2) ครูตรวจสอบผลจากป้ายนิเทศและการนำเสนอแผนผังการย่อยอาหารและการดูดซึม
สารอาหาร บริเวณลำไส้เลก็
5.3) ครตู รวจสอบผลจากกิจกรรม การทดสอบสมบตั ิของนำ้ ดี
128
9. สอ่ื การเรยี นรูแ้ ละแหล่งการเรยี นรู้
9.1 ส่อื การเรยี นรู้
1 .หนังสอื เรียนชวี วทิ ยา สสวท. ม.5 เลม่ 4
2. PowerPoint
3. ใบงานที่ ใบงานที่ 1.4 เรอื่ ง การย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารทีล่ ำไส้เลก็
9.2 แหล่งการเรียนรู้
1. หอ้ งเรียน
2. หอ้ งสมุด
10. การวัดและประเมนิ ผล
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีการ เครอ่ื งมือทใี่ ช้ เกณฑ์
-แบบประเมินการ ร้อยละ 80%
ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถ -การนำเสนอเกยี่ วกบั นำเสนองาน ผ่านเกณฑ์
สามารถอธิบายโครงสร้างและหน้าท่ี หวั ข้อทไี่ ด้รับมอบหมาย
ของลำไสเ้ ล็กได้
ด้านทักษะและกระบวนการ (P) -นำเสนอผลงาน -แบบประเมนิ การ ร้อยละ 80 %
ผ่านเกณฑ์
นักเรียนสามารถทดสอบสมบัติของ -นำเสนอแผนผังมโน นำเสนอผลงาน
นำ้ ดีต่อการยอ่ ยสารกลมุ่ ไขมัน ทัศน์ -แบบประเมินผังมโน
- ตรวจสอบผลกจิ กรรม ทศั น์
การทดสอบสมบัติของ - แบบประเมนิ การ
น้ำดี ปฏิบตั กิ าร
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) -สงั เกตพฤติกรรม การ -แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ
2 ผา่ นเกณฑ์
นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำงาน ความมีวนิ ัย ใฝ่ การทำงาน
และงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย เรียนรู้ และมงุ่ มั่น ในการ
ท้างาน
129
130
131
ภาคผนวก
หมายเหตุ ภาคผนวกประกอบดว้ ย
1. ส่อื การเรยี นรู้ เช่น ใบความรู้ ใบกจิ กรรม ใบงาน แบบฝึกทกั ษะ เป็นต้น (เฉพาะท่ี
ปรากฎในแผนการจัดการเรยี นรนู้ ้ี)
2. เครอ่ื งมือทใี่ ชว้ ัดผลประเมนิ ผล เชน่ แบบทดสอบก่อนเรียน / หลังเรยี น แบบประเมิน
ทกั ษะกระบวนการ แบบประเมินคณุ ลักษณอันพึงประสงค์ เป็นต้น (เฉพาะท่ีปรากฎในแผนการจัด
การเรยี นรู้นี้)
3. เกณฑ์การวดั ผลประเมนิ ผล เช่น เกณฑ์การใหค้ ะแนนดา้ นทักษะและกระบวนการทาง
คณิตศาสตร์ เกณฑก์ ารให้คะแนนด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นต้น (เฉพาะทป่ี รากฎใน
แผนการจัดการเรียนร้นู ้ี)
132
ใบงานที่ 1.4
เร่อื ง การยอ่ ยอาหารและการดูดซึมสารอาหารที่ลำไสเ้ ลก็
คำชี้แจง : จงเขียนแผนผังแสดงการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารที่สำไส้เล็ก
1. อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต
2. อาหารประเภทโปรตีน
3. อาหารประเภทไขมัน
133
เฉลยใบงาน 1.4
เรือ่ ง การยอ่ ยอาหารและการดูดซึมสารอาหารท่ลี ำไสเ้ ล็ก
คำชี้แจง : จงเขียนแผนผังแสดงการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหารท่ีสำไส้เล็ก
1. อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต
แปง้ ไกลโครเจน เดกซ์ทริน
ตับออ่ น สรา้ ง อะไมเลส ยอ่ ย
เซลลบ์ ผุ ิวผนังลำไสเ้ ล็ก สร้าง มอลเทส ยอ่ ย มอลโทส กลโู คส
หลอดเลือดฝอยในวิลลัส
2. อาหารประเภทโปรตีน
ไคโมทรปิ ซโิ นเจน ไคโมทริปซนิ
โพรคารบ์ อกซเิ พปทิเดส คารบ์ อกซิเพปทิเดส
สรา้ ง เปลีย่ น ย่อย
เพปไทด์ กรดอะมิโน
ตบั อ่อน
สร้าง หลอดเลือดฝอยในวลิ ลัส
ทรปิ ซโิ นเจน ทรปิ ซิน
เซลล์บผุ ิวผนงั ลำไส้เล็ก สร้าง เปลีย่ น
เอนเทอโรไคเนส
3. อาหารประเภทไขมัน
ตับ สรา้ ง นำ้ ดี ไขมัน หยดไขมนั และกลีเซอรอล
เซลลบ์ ุผิวผนงั ลำไสเ้ ลก็ สรา้ ง ลิเพส ยอ่ ย หยดไขมนั หลอดน้ำเหลืองในวลิ ลสั
134
ภาพโครงสรา้ งของลำไสเ้ ล็ก