๓๙
เกณฑก์ ารประเมนิ ช้ินงานการคดั ลายมือตัวบรรจงคร่งึ บรรทัด
ประเด็น การประเมิน ๔ (ดมี าก) ระดับคุณภาพ ๑ (ปรับปรงุ )
คดั ตามแบบ คัดลายมือตาม ๓ (ด)ี ๒ (พอใช้) คัดลายมอื ไม่
ตวั อักษรถกู ตอ้ ง แบบตัวอกั ษรได้ ถกู ต้องเปน็ สว่ น
ตามทก่ี าหนด ถกู ตอ้ งครบถว้ น คดั ลายมอื ตาม คัดลายมอื ตาม
แบบตัวอักษรสว่ น แบบตัวอกั ษรไม่ ใหญ่
)เนอ้ื หา(
ความเปน็ ระเบียบ ใหญถ่ ูกต้อง ถกู ต้องบางส่วน
ชอ่ งไฟถูกต้อง มีความเปน็ มีความเปน็ ขาดความเป็น ขาดความเปน็
สม่าเสมอ
ระเบียบ มกี ารเว้น ระเบียบ ระเบยี บแต่มี ระเบยี บและ
การเขยี นสะกดคา
ถูกตอ้ งตามอักขรวิธี ชอ่ งไฟอยา่ ง มีการเวน้ ช่องไฟไม่ การเว้นช่องไฟบา้ ง การเวน้ ช่องไฟ
อา่ นง่าย สะอาดและ สม่าเสมอ สม่าเสมอ ไมส่ มา่ เสมอ
เป็นระเบียบ
การเขยี นสะกดคา การเขยี นสะกดคา การเขียนสะกดคา การเขยี นสะกดคา
ถกู ตอ้ งตรงตาม สว่ นใหญถ่ กู ต้อง ถูกตอ้ งบางสว่ น ส่วนใหญไ่ มถ่ ูกตอ้ ง
อักขรวิธคี าควบ เป็นสว่ นใหญ่
กล้าตวั ร ล
ตวั สะกด การนั ต์
ถูกตอ้ งครบถว้ น
อา่ นง่าย สะอาด อา่ นงา่ ย สะอาดแต่ มรี อยลบ ขีดฆ่า อา่ นยาก มรี อยลบ
มคี วามเป็น ขาดความเปน็ ขาดความเปน็ ขีดฆา่ ขาด
ระเบยี บ ระเบยี บ ระเบียบเปน็ สว่ น ความเป็นระเบียบ
ใหญ่
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน ๑๓ – ๑๖ หมายถงึ ดมี าก
คะแนน ๙ – ๑๒ หมายถึง ดี
คะแนน ๕ – ๘ หมายถึง พอใช้
คะแนน ๐ – ๔ หมายถึง ปรบั ปรุง
แผนการจัดการเรียนรู้ ๔๐
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑
เวลา ๑๒ ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ กาพย์พระไชยสุรยิ า เวลา ๑ ช่ัวโมง
แผนการเรยี นรู้ที่ ๕ การอ่านจบั ใจความสาคัญ ภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖5
ตาแหน่ง ครู
สอนวันที่ เดือน พ.ศ.
ครูผู้สอน นางสาวชาลสิ า หาญกจิ
๑.มาตรฐาน/ตัวชี้วดั
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้ และความคดิ เพอื่ นาไปใชต้ ดั สินในแก้ปญั หาใน
การดาเนินชวี ติ และมีนิสยั รกั การอ่าน
ตัวชี้วัด
ม.๑/๒ จบั ใจความสาํ คญั จากเรื่องทอ่ี า่ น
ม.๑/๙ มมี ารยาทในการอา่ น
๒. สาระสาคญั
การอ่านจับใจความสาคัญเป็นทักษะการอ่านท่ีควรฝึกฝน ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องได้อย่างรวดเร็ว
และเป็นพ้นื ฐานทส่ี าคัญในการอา่ นทีด่ ี
๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นมคี วามร้คู วามเขา้ ใจหลักการอา่ นจบั ใจความสําคญั
๒. นักเรียนจบั ใจความสาํ คญั จากเรื่องท่ีอา่ นได้
๓. นกั เรยี นมมี ารยาทในการอ่าน
๔.สาระการเรียนรู้
หลกั การอา่ นจบั ใจความสําคญั
๕. กระบวนการจดั การเรียนรู้
ข้นั นา
ครสู นทนากับนักเรยี นวา่ การอ่านมีความสาคัญในชีวิตประจาวันอย่างไร
ขัน้ สอน
๑. แบ่งกลุ่มนักเรียนศึกษาใบความรู้ เร่ือง การอ่านจับใจความสาคัญ ให้นักเรียนอ่านและ
วเิ คราะหห์ ลักการอา่ นจบั ใจความสาคัญ
๒. ครแู จกใบงาน เร่อื ง การอ่านจับใจความสาคัญให้นักเรียนฝึกอ่านจับใจความสาคัญ จากนั้น
ใหต้ วั แทนนกั เรียนมานาเสนอผลงานการอา่ นจับใจความสาคัญ
๓. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นถึงลักษณะของใจความสาคัญที่ปรากฏใน
ใบงาน
๔๑
ข้ันสรปุ
ครูและนักเรียนสรุปความรู้เร่ืองการจับใจความสาคัญพร้อมท้ังปลูกฝังมารยาทในการอ่าน
นกั เรยี นจดบันทกึ ลงในสมดุ
๖. สือ่ / แหล่งเรยี นรู้
๑. ใบความรู้ เรือ่ ง การอ่านจับใจความสาคัญ
๒. ใบงาน เร่อื ง การอ่านจับใจความสาคัญ
๗. การวดั ผลประเมินผล
วธิ ีการ เคร่ืองมือ เกณฑ์
ตรวจใบงาน เรอ่ื ง การอา่ นจับใจความสาคญั ใบงาน เรอื่ ง การอ่านจับใจความสาคัญ ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ ๖๐ ข้ึนไป
สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
๔๒
บันทึกหลังแผนการจัดการเรียนรู้
๘. ดา้ นความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๙. ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๑๐.ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค/์ คา่ นยิ ม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๑๑.ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤติกรรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๑๒.ปญั หา/อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๑๓.ข้อเสนอแนะ/แนวทางการแกป้ ญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ………………………………………ครปู ระจาวชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๑๔.ความคดิ เหน็ ของผอู้ านวยการสถานศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ………………………………………ผอู้ านวยการสถานศึกษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๔๓
ใบความรู้ เรื่อง การอา่ นจับใจความสาคัญ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๕ เร่อื ง การอ่านจับใจความสาคญั
รายวิชาภาษาไทย รหสั วิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑
ความหมายของใจความสาคญั
ใจความสาคญั คอื ขอ้ ความสาํ คญั ของเรอ่ื ง จะตัดออกไม่ได้ ถ้าตดั ออกไปจะทาให้เน้อื ความ
เปลยี่ นแปลงไปหรอื ได้ความไม่ครบถ้วน การอา่ นเพื่อสรุปใจความสําคญั ผอู้ า่ นต้องมีสมาธิ อา่ นอยา่ งรอบคอบ
และผอู้ ่านจะต้องทาความเข้าใจเรือ่ งท่ีอา่ น ต้องอา่ นหลาย ๆ เทีย่ ว แล้วตง้ั คาํ ถามเก่ียวกับเรื่องท่ีอา่ นวา่ ใคร
ทําอะไร ทีไ่ หน เมอ่ื ใด อยา่ งไร แลว้ ตอบคาถามนนั้ เพียงสนั้ ๆ แตใ่ หไ้ ดใ้ จความชดั เจน จากนั้นนามาเรยี บเรยี ง
ให้เป็นประโยคสัน้ ๆ
หลักการอ่านจบั ใจความสาคัญ
การอา่ นเพือ่ จับใจความจะตอ้ งพจิ ารณาทีละย่อหน้า โดยปกตยิ อ่ หนา้ แตล่ ะย่อหนา้ จะมีใจความสาํ คญั
ท่สี ดุ อยู่หนง่ึ ประโยค ขอ้ ความอ่นื ๆ เป็นสว่ นขยายใจความสําคญั ใหก้ ระจา่ งชดั ขนึ้ ด้วยวิธอี ธิบายความหมาย
ยกตวั อยา่ งเปรียบเทยี บหรอื แสดงเหตผุ ล ประโยคใจความสาํ คัญอาจอยตู่ อนตน้ ยอ่ หนา้ อยทู่ ้ายย่อหนา้
กลางยอ่ หนา้ หรืออาจอยู่ท้ังตอนต้นและท้ายย่อหนา้ แต่ส่วนใหญ่มกั อยตู่ อนต้นยอ่ หนา้ ในบางคร้ังประโยค
ใจความสําคญั กไ็ ม่ไดเ้ ขยี นไว้ชัดเจน ผอู้ ่านตอ้ งแยกให้ได้วา่ ขอ้ ความใดเป็นใจความสาํ คัญ ขอ้ ความใดเปน็
ใจความทข่ี ยายหรือเสริมใจความสาํ คญั
ตวั อย่างการอ่านใจความสาคัญ
ความรกั ความเข้าใจ คอื สายใยของครอบครวั เป็นคําขวญั ท่ีชนะเลศิ การประกวดคาขวัญวนั ครอบครวั
ซึ่งรัฐบาลกาํ หนดใหว้ ันท่ี ๑๔ เมษายน ของทกุ ปเี ปน็ วนั ครอบครวั
ประโยคใจความสาคัญ อยตู่ อนตน้ ของขอ้ ความ ได้แก่ ความรัก ความเข้าใจ คือสายใยของครอบครวั
ประโยคใจความรอง คอื ประโยคท่มี าขยาย ได้แก่ รฐั บาลกําหนดใหว้ นั ท่ี ๑๔ เมษายน ของทุกปี
เป็นวนั ครอบครัว จะเหน็ ไดว้ า่ ประโยคน้ใี จความสาํ คัญอยตู่ อนตน้ ของขอ้ ความ ใจความที่ ๒ เป็นส่วนขยาย
แมวเปน็ สัตว์นา่ รัก แต่ผมไม่เคยผูกพันดว้ ย มันนา่ รําคาญมากในสายตาผม แตเ่ มือ่ ครั้งเป็น
เด็กมาแลว้ เห็นแมเ่ ลีย้ งแมวมาดว้ ยความรักแบบหลงใหล หาขา้ วใหม้ นั กิน จับมันขน้ึ มาอมุ้ เรียกมนั
ด้วยเสยี งแบบเอ็นดทู ้งั ที่รอ้ งกวนใจ เคล้าแข้งเคล้าขาเกะกะ และเป็นสัตว์เลีย้ งทีฉ่ วยโอกาสท่ีแสดง
ความรกั คนเฉพาะเม่อื เวลามันหิว อิ่มแลว้ ก็ไป หรอื ไม่กน็ อนหลบั เกยี จคร้าน บอ่ ยครั้งทผ่ี มอิจฉาทค่ี ดิ
วา่ แม่รักแมวมากกว่าผม
(ขอทาน แมว และคนเมา : อศั ศิริ ธรรมโชต)ิ
ใจความสาคญั อยูป่ ระเด็นสุดทา้ ย กล่าวคือ ผแู้ ตง่ อจิ ฉาแมว และคดิ ว่าแม่รกั แมวมากกวา่ เขา สว่ น
ประโยคอืน่ ๆ เป็นสว่ นขยายวา่ ทาไมผแู้ ตง่ จงึ อจิ ฉาแมว
๔๔
ใบงาน เร่ือง การอ่านจบั ใจความสาคัญ
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๕ เรอ่ื ง การอ่านจบั ใจความสาคัญ
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑
กลมุ่ ท.่ี ...............
คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นจบั ใจความสําคัญบทความตอ่ ไปน้ี
๑. การดาํ รงรักษาและสบื สานวัฒนธรรมไทยเปน็ สง่ิ ทค่ี นไทยทุกคนตอ้ งสาํ นึกวา่ เป็นเรือ่ งสาํ คญั และ
จาํ เป็นอย่างยง่ิ ทตี่ ้องรว่ มมือร่วมใจกนั ทาํ เพราะวฒั นธรรมของเราเปน็ สงิ่ ท่สี วยสดงดงาม นา่ หวงแหน และนา่
ทะนุถนอมเปน็ ยิ่งนกั การท่ีจะปลูกจติ สาํ นกึ ให้คนไทยไดร้ ะลึกถงึ เรือ่ งนใี้ ห้ท่วั ถึงกนั จาํ เป็นต้องมกี ารรณรงค์
อย่างตอ่ เนอ่ื งกนั โดยตลอด มใิ ช่แคจ่ ะกระทากนั เปน็ ปๆี แลว้ หยดุ ไป เราเคยไดบ้ ทเรยี นมาพอสมควรแลว้ วา่
วฒั นธรรมต่างชาตไิ ด้แพร่เข้ามาในบ้านเมอื งเราหลายอยา่ งและหลายทิศทาง เพราะฉะนัน้ ถ้าเราไม่พยายาม
ปลกู จิตสํานึกให้คนไทยโดยเฉพาะเยาวชนของเราไดต้ ระหนกั ถงึ ความสาํ คญั ในเรอื่ งน้ี กค็ งจะเปน็ เร่ืองทน่ี ่าห่วง
(พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ๒๕๓๗ : ๑)
ใจความสาคัญ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
๒. ในสมยั ก่อนเม่อื ใกล้วนั สารท ชาวบา้ นจะนิยมกวนขนมทเ่ี รยี กกันวา่ กระยาสารทกันแทบทุกบา้ น
แตป่ จั จุบนั ทากนั ในบางทอ้ งถิ่นเท่านน้ั ผ้ทู ไี่ ม่ได้ทากม็ ักเตรียมจดั ซื้อขนมดงั กลา่ ว ซงึ่ จะมขี ายโดยทั่วไปเมือ่ ถงึ
เทศกาลน้ี กระยาสารท คอื ขนมหวานชนดิ หน่ึงทาํ ดว้ ยข้าวเมา่ ข้าวตอก ถัว่ งา มะพร้าว กวนกบั นา้ํ ตาล
สามารถเก็บไว้ไดน้ าน เม่ือกวนหรอื หาซื้อมาแลว้ กจ็ ัดแบ่งเป็นสว่ น ๆ ห่อด้วยใบตอง เปน็ จํานวนมากน้อยตาม
ตอ้ งการเพอื่ นําไปตักบาตร เนอ่ื งจากกระยาสารทเปน็ ขนมท่ีมีรสหวานจดั หากรบั ประทานกบั กลว้ ยไขส่ กุ จะทา
ให้รับประทานกระยาสารทได้มาก ผทู้ าํ บญุ จึงนยิ มนากล้วยไข่ไปตกั บาตรคู่กับกระยาสารทเพื่อให้มรี สดขี น้ึ
(สาํ นักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแหง่ ชาติ กระทรวงศึกษาธกิ าร ๒๕๓๐ : ๕๙)
ใจความสาคัญ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
เฉลย
๑.การดํารงรักษาและสบื สานวัฒนธรรมไทยเปน็ ส่ิงทีค่ นไทยทกุ คนตอ้ งสาํ นึกวา่ เป็นเรอื่ งสําคญั และจาํ เป็นอย่าง
ยง่ิ ทตี่ ้องรว่ มมือร่วมใจกนั ทาํ
๒.กระยาสารท คอื ขนมหวานชนิดหน่งึ ทําดว้ ยขา้ วเม่า ขา้ วตอก ถัว่ งา มะพรา้ ว กวนกับนํ้าตาล
๔๕
แผนการจัดการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ พืน้ ฐานอ่านเขียน เวลา ๑๒ ชว่ั โมง
เวลา ๑ ชั่วโมง
แผนการเรียนรู้ที่ ๖ ระบุขอ้ สงั เกตงานเขยี นประเภทโนม้ นา้ วใจ
ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖5
สอนวนั ท่ี เดอื น พ.ศ. ตาแหน่ง ครู
ครผู ูส้ อน นางสาวชาลิสา หาญกจิ
๑. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตดั สินใจแกป้ ญั หาในการ
ดาเนินชีวิต และมีนสิ ยั รกั การอ่าน
ตัวชีว้ ัด
ม.๑/๓ ระบุข้อสังเกตและความสมเหตุสมผลของงานเขยี นประเภทชกั จูงโน้มน้าวใจ
ม.๑/๕ ตีความคายากในเอกสารวชิ าการโดยพิจารณาจากบรบิ ท
ม.๑/๖ ระบุข้อสังเกตและความสมเหตสุ มผลของงานเขยี นประเภทชกั จงู โน้มนา้ วใจ
ม.๑/๗ ปฏบิ ัติตามคู่มือแนะนาวิธีการใช้งานของเครื่องมอื หรอื เคร่อื งใช้ในระดบั ท่ียากขนึ้
ม.๑/๘ วเิ คราะห์คุณคา่ ท่ีไดร้ ับจากการอ่านงานเขียนอยา่ งหลากหลายเพ่ือนาไปใช้แกป้ ัญหาในชีวติ
ม.๑/๙ มีมารยาทในการอา่ น
๒. สาระสาคัญ
งานเขียนประเภทโนม้ น้าวใจ เป็นการเขยี นเพอ่ื ใหผ้ อู้ า่ น เมอ่ื อา่ นแลว้ เกดิ ความคดิ คล้อยตาม อยาก
ทาตามหรืออยากปฏบิ ัติตามท่ผี เู้ ขยี นไดเ้ ขียนไว้
๓. จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. นกั เรียนบอกความหมายของการโนม้ นา้ วใจ
๒. บอกขอ้ สงั เกตงานเขยี นประเภทโนม้ น้าวใจ
๓. ระบหุ รือจาแนกขอ้ สงั เกตและความสมเหตสุ มผลของงานเขยี นประเภทโนม้ นา้ วใจได้
๔. นักเรยี นใฝ่เรียนรู้และมีความม่งุ มัน่ ในการทางาน
๔. สาระการเรยี นรู้
๑. ความหมายของการโนม้ น้าวใจ
๒. ข้อสงั เกตของงานเขยี นประเภทโนม้ นา้ วใจ
๕. กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ขน้ั นา
ครยู กตัวอย่างคาขวญั “ขบั ชา้ อีกนดิ ชวี ติ จะปลอดภัย”และให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นวา่
คาขวัญนตี้ อ้ งการให้ผ้อู ่านทาอะไร มคี วามสมเหตุสมผลหรือไม่
๔๖
ข้นั สอน
๑. แบ่งกลุ่มนักเรียน ๔ กลุ่ม ศึกษาใบความรู้ เรื่อง งานเขียนประเภทโน้มน้าวใจด้วยการ
วิเคราะห์ข้อสงั เกต แลว้ เขยี นลงในกระดาษชารท์
๒. ครใู ห้ตัวแทนกลุม่ นาเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี น
๓. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรปุ ข้อสงั เกตงานเขียนประเภทโนม้ นา้ วใจ
๔. นกั เรยี นทาใบงาน เรอ่ื ง ระบขุ ้อสงั เกตและความสมเหตสุ มผลงานเขยี นประเภทโน้มน้าวใจ
๕. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั ตรวจใบงาน เร่อื งระบุข้อสังเกตและความสมเหตุสมผลงานเขียน
ประเภทโนม้ น้าวใจ
ข้ันสรุป
ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปงานเขยี นประเภทโน้มนา้ วใจเพ่อื นาไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวัน
๖. ส่ือ / แหลง่ เรยี นรู้
๑. คําขวัญ
๒. ใบความรู้ เรอ่ื ง งานเขียนประเภทโนม้ นา้ วใจ
๓. ใบงาน เร่ือง งานเขยี นประเภทโน้มนา้ วใจ
๔. กระดาษชาร์ท
๗. วัดผลประเมนิ ผล
วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์
นาเสนอผลงาน แบบประเมนิ นาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ
ร้อยละ ๖๐ ขน้ึ ไป
ตรวจใบงาน เรอ่ื ง การอา่ นจับใจความสาคัญ ใบงาน เรื่อง การอา่ นจบั ใจความสาคัญ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ
ร้อยละ ๖๐ ขึน้ ไป
ประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
๔๗
บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรียนรู้
๑๕.ดา้ นความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๑๖.ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๑๗.ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค/์ ค่านิยม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๑๘.ด้านอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรอื พฤติกรรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๑๙.ปัญหา/อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒๐.ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแก้ปญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ………………………………………ครปู ระจาวชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๒๑.ความคดิ เห็นของผ้อู านวยการสถานศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ………………………………………ผอู้ านวยการสถานศึกษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๔๘
ใบความรู้ เรอื่ ง งานเขยี นประเภทโน้มนา้ วใจ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๖ เรือ่ ง การอ่านจบั ใจความสาคัญ
รายวิชาภาษาไทย รหัสวชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑
ความหมายของการโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจ คอื การพยายามเปลย่ี นแปลง ความเชอ่ื ทัศนคติ การกระทาํ ของบุคคลอน่ื ดว้ ย
กลวธิ ีท่เี หมาะสม ให้มผี ลกระทบใจผนู้ ้ัน จนเกดิ การยอมรบั และเปล่ยี นตามผ้โู นม้ นา้ วใจต้องการ
ข้อสังเกตของงานเขยี นประเภทโนม้ นา้ วใจ
๑. การแสดงให้เหน็ ถึงความน่าเชือ่ ถอื ของบคุ คลผู้โนม้ นา้ วใจโดยธรรมดาบุคคล ทมี่ คี ณุ ลักษณะ
๓ ประการ คอื มคี วามรจู้ ริง มคี ุณธรรม และมคี วามปรารถนาดตี ่อผู้อนื่ ยอ่ มได้รับความเช่อื ถอื จากบคุ คล
ทว่ั ไป
๒. การแสดงใหเ้ หน็ ตามกระบวนการของเหตผุ ล ผโู้ นม้ นา้ วใจต้องแสดงใหเ้ หน็ ว่า เร่อื งท่ตี นกาํ ลงั
โน้มน้าวใจมเี หตุผลหนกั แน่น และมคี ณุ ค่าควรแกก่ ารยอมรับอย่างแทจ้ รงิ
๓. การแสดงใหเ้ ห็นถึงความรสู้ กึ และอารมณร์ ว่ ม บุคคลทม่ี ีอารมณ์ร่วมกนั คล้อยตามกันไดง้ า่ ยกวา่
บคุ คลทีม่ คี วามร้สู กึ อคตติ ่อกัน เมือ่ ใดทผ่ี ูโ้ น้มน้าวใจค้นพบและแสดงอารมณร์ ่วมออกมา การโนม้ น้าวใจกจ็ ะ
ประสบความสาํ เรจ็
๔. การแสดงใหเ้ หน็ ทางเลอื กท้ังด้านดแี ละด้านเสยี ผูโ้ นม้ นา้ วใจตอ้ งโน้มนา้ วผู้รับสารให้เช่อื ถือ หรอื
ปฏิบตั เิ ฉพาะทางทตี่ นตอ้ งการ โดยชใี้ หเ้ หน็ วา่ สงิ่ นั้น มดี า้ นทเ่ี ปน็ โทษ อย่างไร ด้านท่เี ป็นคณุ อยา่ งไร
๕. การสรา้ งความสุขให้แก่ผรู้ บั สาร การเปล่ียนบรรยากาศ ให้ผอ่ นคลายดว้ ยอารมณข์ นั จะทําให้ผรู้ บั
สารเปลีย่ นสภาพจากการตอ่ ตา้ นมาเป็นความรู้สกึ กลาง ๆ พรอ้ มทจี่ ะคลอ้ ยตามได้
๖. การเรา้ ให้เกิดอารมณอ์ ย่างแรงกล้า เม่ือมนษุ ย์เกิดอารมณข์ น้ึ อยา่ งแรงกลา้ ไมว่ ่าดใี จ เสยี ใจ
โกรธแค้น อารมณ์เหล่านี้ มักจะทาให้มนุษย์ไม่ใช้เหตุผลอย่างถถ่ี ว้ น พิจารณาถงึ ความถูกตอ้ งเหมาะสม เมื่อมี
การตดั สนิ ใจ ก็อาจจะคลอ้ ยไปตามที่ผโู้ น้มน้าวใจเสนอแนะได้ง่าย
๔๙
ใบงาน เรอื่ ง งานเขียนประเภทชักจูงโนม้ นา้ วใจ
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๖ เรื่อง การอา่ นจับใจความสาคญั
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นเขียนเครอ่ื งหมาย หน้าข้อความท่ีเป็นสารโนม้ น้าวใจท่ีมีความสมเหตสุ มผล
และขีดเครอ่ื งหมาย X หนา้ ข้อความทีไ่ มใ่ ช่สารโนม้ นา้ วใจ
.......... ๑. บ้านเมอื งสวย ดว้ ยมอื เรา
.......... ๒. ปฏิบตั ติ ามกฎ ลดปัญหาจราจร
.......... ๓. ประหยัดนาํ้ วนั นี้ ก่อนทจี่ ะไม่มนี ํ้าใช้
.......... ๔. ใช้นา้ํ อย่างคุ้มคา่ เพอ่ื วันน้ี เผ่ือวนั หน้า
.......... ๕. ทิง้ ขยะให้เป็นที่ เพ่ิมราศแี ก่บา้ นเมือง
.......... ๖. ห้ามทิง้ ขยะบริเวณน้ี ปรับทีละสองพัน
.......... ๗. ทางรอดของโลกปัจจบุ ันน้ีมีอยู่ทางเดยี วเท่านนั้
.......... ๘. บ้านสะอาด เมอื งสะอาด คนในชาตมิ คี วามสุข
.......... ๙. อุทยานรอบมหาสถานนั้นเล่าก็งามไม่น้อย เตม็ ไปดว้ ยตน้ ไมน้ านาพนั ธ์ุ ไม้ดอกและลดาวัลย์งาม
นา่ ทัศนา
..........๑๐. โลหิตคือสายธารแหง่ ชวี ติ ถ้ารา่ งกายขาดโลหิตชวี ติ ก็อยไู่ ม่ได้ โลหิตจึงเป็นนํา้ หลอ่ เล้ยี ง
รา่ งกายทจี่ าํ เปน็ อย่างย่ิงเพือ่ ใหม้ ชี ีวติ อยู่ได้
เฉลย ๑. ๒. ๓. ๔. ๕.
๖. ๗. X ๘. ๙. X ๑๐. X
๕๐
แผนการจดั การเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๑ พ้ืนฐานอ่านเขียน เวลา ๑๒ ช่ัวโมง
เวลา ๑ ช่ัวโมง
แผนการเรยี นรูท้ ี่ ๗ เสยี งในภาษาไทย )เสียงสระ(
ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖5
สอนวนั ที่ เดือน พ.ศ. ตาแหน่ง ครู
ครผู ู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกิจ
๑. มาตรฐาน/ตัวชีว้ ัด
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมิปญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ
ตวั ชวี้ ดั
ม.๑/๑ อธบิ ายลกั ษณะของเสยี งในภาษาไทย
๒. สาระสาคญั
เสียงในภาษา หมายถงึ เสยี งที่มนุษย์เปล่งออกมาเพ่ือส่ือความหมายระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพื่อสนอง
ความตอ้ งการตา่ ง ๆ เชน่ เพอื่ ขอความชว่ ยเหลือ เพื่อขอความรู้ เพอ่ื แสดงความรสู้ ึกพอใจหรือไมพ่ อใจ
๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
๑. นกั เรียนอธิบายความหมายของเสียงในภาษาไทยได้
๒. นักเรยี นอธบิ ายท่มี าของเสียงในภาษาไทยได้
๓. นักเรยี นอธิบายชนดิ ของเสียงในภาษาไทยได้
๔. นกั เรียนจาแนกเสียงสระได้
๕. นกั เรียนใฝเ่ รยี นรู้และมคี วามมุง่ ม่ันในการทางาน
๔. สาระการเรียนรู้
เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ)
๕. การจัดกระบวนการจดั การเรียนรู้
ขั้นนา
๑. ครูใหน้ กั เรียนดูแผนภาพอวัยวะที่เกี่ยวข้องในการออกเสียงและร่วมสนทนากับนักเรียนว่ามี
อวยั วะใดบา้ ง
๒. ครูให้นักเรียนทดลองออกเสียงและสังเกตอวัยวะที่เกี่ยวข้องในการออกเสียงว่ามีลักษณะ
อย่างไรขณะทีอ่ อกเสยี ง
ข้นั สอน
๑. แบง่ กลมุ่ นกั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ เรือ่ ง เสียงในภาษาไทย (เสยี งสระ) ในหวั ขอ้ ตอ่ ไปนี้
กล่มุ ท่ี ๑ ความหมายของเสียงในภาษา
กลุ่มที่ ๒ กาเนดิ ของเสยี งในภาษา
กลุ่มที่ ๓ ความหมายของเสียงสระ
๕๑
กลมุ่ ที่ ๔ เสยี งสระเด่ยี ว
กลุ่มที่ ๕ ลกั ษณะอวยั วะในการออกเสียงสระเดย่ี ว
กลุม่ ท่ี ๖ สระประสม
กล่มุ ที่ ๗ ข้อสังเกตของเสยี งสระ
๒. ตวั แทนกลมุ่ นาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น
๓. นักเรียนและครูร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเสนอแนะเพ่ิมเตมิ
๔. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั ตรวจใบงาน
ขนั้ สรุป
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเร่ืองเสียงในภาษาไทยเสียงสระและให้นักเรียนสรุปบันทึกเป็น
แผนภาพความคดิ
๖. สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้
๑. แผนภาพอวัยวะทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั การออกเสยี ง
๒. ใบความรู้ เรอ่ื ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ)
๗. วัดผลประเมินผล
วิธกี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์
นาเสนอผลงาน แบบประเมนิ นาเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ ๖๐ ขน้ึ ไป
สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
ประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
๕๒
บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรียนรู้
๒๒.ดา้ นความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒๓.ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒๔.ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค/์ ค่านิยม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒๕.ด้านอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรอื พฤติกรรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒๖.ปัญหา/อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒๗.ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแก้ปญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ………………………………………ครปู ระจาวชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๒๘.ความคดิ เห็นของผ้อู านวยการสถานศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ………………………………………ผอู้ านวยการสถานศึกษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๕๓
ใบความรู้ เรื่อง เสยี งในภาษาไทย )เสยี งสระ(
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๗ เรอ่ื ง เสียงในภาษาไทย )เสยี งสระ(
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
เสียงในภาษา หมายถึง เสียงท่มี นุษย์เปล่งออกมาเพ่ือส่อื ความหมายระหวา่ งมนุษย์ดว้ ยกัน เพ่อื สนอง
ความตอ้ งการต่าง ๆ เช่น เพ่อื ขอความชว่ ยเหลือ เพือ่ ขอความรู้ เพอ่ื แสดงความร้สู กึ พอใจหรือไมพ่ อใจ เป็นตน้
กาเนิดของเสียงในภาษา
อวยั วะท่ที าํ ใหเ้ กิดเสียงในภาษา ไดแ้ ก่ ปอด หลอดลม กลอ่ งเสียงซึ่งอย่ใู นลาํ คอตรงลกู กระเดอื ก
ตอ่ มากม็ ลี นิ้ ไก่และสว่ นตา่ ง ๆ ในชอ่ งปาก ไดแ้ ก่ เพดาน ลิ้น ปุมเหงอื ก และรมิ ฝีปาก นอกจากน้จี มกู ก็มสี ว่ น
ทําใหเ้ กดิ เสยี งได้ดว้ ย อวยั วะต่าง ๆ เหลา่ นี้ทาํ งานประสานกัน ทาํ ให้เกดิ เสยี งในภาษาขึ้น เราจะสงั เกตไดว้ ่า
อวยั วะท่ที าํ ให้เกิดเสยี งตา่ ง ๆ ยังทาํ หน้าที่สาํ คญั อย่างอืน่ ในการดาํ รงชวี ติ อีกดว้ ย เชน่ ปากเรามไี วร้ บั ประทาน
อาหาร หลอดลม ปอด มหี น้าท่เี ก่ยี วกับหายใจ เป็นตน้
ชนดิ และลกั ษณะของเสียงสระในภาษาไทย
โดยท่ัวไป เสยี งในภาษามีอยู่ ๓ ชนิด ไดแ้ ก่ เสียงสระ เสยี งพยัญชนะ และเสยี งวรรณยุกต์
เสียงสระ หมายถงึ เสยี งทเี่ กิดจากลมท่ีออกจากปอดผ่านหลอดลม และกล่องเสยี ง ท่ีลาํ คอออกมา
พ้นช่องปาก หรือชอ่ งจมกู โดยไม่ถกู สกดั ก้นั ณ ท่หี นงึ่ ท่ใี ดในช่องทางของลม แต่ในขณะท่ีเราออกเสียงสระ
สายเสยี งที่อยใู่ นกล่องเสยี งจะปิดและเปิดอยา่ งรวดเร็ว สายเสียงจึงมคี วามส่ันสะเทอื น บงั เกดิ ความกงั วานหรอื
ความก้อง และออกเสยี งไดน้ าน เชน่ อา อี อัว ฯลฯ
เสยี งสระในภาษาไทยแบ่งออกได้ ๒๑ เสยี ง แบ่งเป็นเสียงสระเด่ยี ว ๑๘ เสียง และเปน็ เสียงสระ
ประสม ๓ เสยี ง ดังนี้
เสียงสระเดยี่ ว มีเสียงสระ ๑๘ เสยี ง แบ่งเปน็ เสียงสัน้ ๙ เสียง และเสียงยาว ๙ เสียงดังนี้
สระเสียงสนั้ สระเสยี งยาว
/อะ/ /อา/
/อ/ิ /อี/
/อ/ึ /อื/
/อ/ุ /อู/
/เอะ/ /เอ/
/แอะ/ /แอ/
/เออะ/ /เออ/
/โอะ/ /โอ/
/เอาะ/ /ออ/
สระเดยี่ ว คอื สระที่เปล่งออกมาเปน็ เสยี งเดยี ว เกิดจากลมผา่ นเส้นเสียง ซ่งึ มีการสะบัดแลว้ ผา่ นเลยไป
ทางช่องปาก โดยไมถ่ กู กกั ณ อวัยวะใดอวยั วะหนงึ่ แต่จะถูกลนิ้ และริมฝปี ากทาํ ใหเ้ กดิ เสียงในลกั ษณะใด
ลักษณะหน่ึง เม่อื นักเรยี นออกเสียงสระเดย่ี วจงึ มอี วัยวะสาํ คญั ไดแ้ ก่ ลน้ิ และริมฝีปาก ทรี่ ว่ มกนั สรา้ งเสียงสระ
ใหแ้ ตกตา่ งกันออกไป การยกระดับลน้ิ ระดบั สูง กลาง ตํา่ สว่ นของลิ้น ลน้ิ สว่ นหน้า ส่วนกลาง สว่ นหลัง
ลักษณะของริมฝีปากเหยยี ด ปกติ ห่อกลม และลกั ษณะชอ่ งปาก แคบ ปานกลาง กวา้ ง ลว้ นแต่ทําใหน้ กั เรยี น
ออกเสยี งสระขา้ งต้นได้แตกตา่ งกัน ลกั ษณะอวัยวะในการออกเสียงสระ สรปุ ได้ดังน้ี
๕๔
สระเสยี งสนั้ สระเสยี งยาว ชอ่ งปาก ระดบั ล้ิน รมิ ฝีปาก
อิ อี แคบ สว่ นหนา้ กระดกข้นึ สูง เหยยี ดออก
เอะ เอ ส่วนหน้ากระดกปานกลาง เหยยี ดออก
แอะ แอ ปานกลาง ส่วนหนา้ อยใู่ นระดับต่า เหยียดออก
อี อือ กว้าง สว่ นกลางกระดกขึ้นสงู
เออะ เออ แคบ สว่ นกลางกระดกปานกลาง ปกติ
อะ อา ส่วนกลางอย่ใู นระดบั ต่า ปกติ
อุ อู ปานกลาง สว่ นหลังกระดกขน้ึ สูง ปกติ
โอะ โอ กว้าง ส่วนหลงั กระดกปานกลาง หอ่ กลม
เอาะ ออ แคบ สว่ นหลงั อยู่ในระดับตา่ หอ่ กลม
หอ่ กลม
ปานกลาง
กวา้ ง
สระประสมหรอื สระเล่อื น
เสยี งในภาษาไทยนอกจากจะจาํ แนกเป็นเสียงสระเดย่ี วหรือสระแท้ ๑๘ เสยี งแลว้ ยังจาํ แนกเปน็
เสยี งสระประสมหรอื สระเลือ่ นอีก ๓ เสยี ง ท่เี รยี กวา่ สระเลอื่ นหรอื สระประสมเพราะทเ่ี กดิ จากลมซง่ึ เคล่อื นท่ี
ผ่านอวยั วะในช่องปากทมี่ กี ารเปล่ียนหรอื เลื่อนเสียง ระหวา่ งสระเด่ียว
สระประสม (สระเลอ่ื น) มี ๓ เสยี ง คอื
เอยี (อี + อา)
เออื (อือ + อา)
อัว (อู + อา)
ขอ้ สงั เกต
อน่ึงตาราหลกั ภาษาไทยบางตารานับเสียงสระมี ๒๔ เสียง โดยนบั สระเด่ียว ๑๘ เสียง เสยี งสระ
ประสม ๖ เสยี ง ซ่ึงนอกจาก เอีย เออื อัว แล้วยงั มสี ระเสยี งสนั้ อกี ๓ เสียง เอียะ เออื ะ และอัวะ แตค่ าท่ใี ช้
สระเหล่าน้พี บนอ้ ยมาก สว่ นใหญ่เป็นคาเลยี นเสียงธรรมชาติ และคาที่มาจากภาษาถิน่ หรือภาษาตา่ งประเทศ
เช่น ผัวะ ยัวะ เก๊ียะ เจ๊ียะ มะเมยี เป็นตน้ นักภาษาศาสตร์จึงไม่นบั ว่าสระเหลา่ น้เี ป็นเสยี งสําคญั ในภาษา
บางตาํ ราก็นับเสียงสระวา่ มี ๓๒ เสียงโดยนับสระเด่ยี ว ๑๘ เสียง ไดแ้ ก่ /อะ/ /อา/ /อ/ิ /อ/ี /อึ/
/อ/ื /อ/ุ /อ/ู /เอะ/ /เอ/ /แอะ/ /แอ/ /เออะ/ /เออ/ /โอะ/ /โอ/ /เอาะ/ /ออ/ สระประสม ๖ เสยี ง ไดแ้ ก่
เอยี ะ เอีย เออื ะ เอือ อวั ะ อัว
สระเกิน ๘ เสียง ไดแ้ ก่ /อา/ /ไอ/ /ใอ/ /เอา/ /ฤ/ /ฤๅ/ /ฦ/ /ฦๅ/
บางตําราไม่นับสระเกินเพราะถือวา่ เปน็ สระทไ่ี มใ่ ชส่ ระแทๆ้ มีพยัญชนะมาประสม เช่น
อา (อะ+ม) มเี สียงตัว ม เปน็ ตวั สะกด
ไอ (อะ+ย) มเี สียงตัว ย เป็นตัวสะกด
ใอ (อะ+ย) มีเสยี งตวั ย เป็นตวั สะกด
เอา (อะ+ว) มีเสียง ว เปน็ ตวั สะกด
ฤ (รึ) (ร + ื) มีเสยี งพยัญชนะ ร
ฤๅ (รอื ) (ร + ื) มเี สียงพยัญชนะ ร
ฦ (ลึ) (ล + ื) มีเสียงพยญั ชนะ ล
๕๕
ฦๅ (ลือ) (ล + ื) มีเสยี งพยัญชนะ ล
ฉะน้นั บางตาํ ราจึงนับเสียงสระว่า มเี พียง ๒๑ เสียง โดยไมน่ ับสระเกิน เพราะถือว่าไม่ใชเ่ สยี งสระ
แท้ ๆ มเี สยี งพยัญชนะประสมอยู่และไม่นบั สระประสม /เอียะ/ /เอือะ/ /อวั ะ/ เพราะคําประสมสระเหลา่ นี้
มีนอ้ ยและเป็นคาํ ยมื จากภาษาอน่ื
๕๖
แผนภาพอวยั วะทเี่ กีย่ งขอ้ งกบั การออกเสียง
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๗ เร่อื ง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งสระ)
รายวชิ าภาษาไทย รหัสวชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑
๕๗
แผนการจดั การเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ พนื้ ฐานอา่ นเขียน เวลา ๑๒ ชว่ั โมง
เวลา ๑ ชว่ั โมง
แผนการเรยี นรู้ที่ ๘ เสียงในภาษาไทย )เสียงสระ(
ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖5
สอนวนั ท่ี เดือน พ.ศ. ตาแหน่ง ครู
ครผู สู้ อน นางสาวชาลสิ า หาญกิจ
๑. มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลัง
ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติ
ตัวช้ีวดั
ม.๑/๑ อธิบายลักษณะของเสียงในภาษาไทย
๒. สาระสาคญั
เสียงในภาษา หมายถงึ เสียงที่มนุษย์เปล่งออกมาเพื่อส่ือความหมายระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพ่ือสนอง
ความต้องการตา่ ง ๆ เชน่ เพ่อื ขอความชว่ ยเหลือ เพ่อื ขอความรู้ เพื่อแสดงความร้สู ึกพอใจหรอื ไมพ่ อใจ
๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๑. นกั เรียนอธบิ ายตาแหน่งของสระในภาษาไทยได้
๒. นักเรียนจาแนกสระในภาษาไทยได้
๓. นักเรยี นใฝเ่ รียนรู้และมคี วามมุง่ มนั่ ในการทางาน
๔. สาระการเรียนรู้
เสียงในภาษาไทย (เสียงสระ)
๕. การจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นนา
นักเรียนจบั คูเ่ ล่นเกมทายซิฉันช่อื อะไร ให้นกั เรียนบอกเสยี งสระท่ปี รากฏในช่ือของเพอื่ น ๆ
ข้ันสอน
๑. ครูใหน้ กั เรียนสงั เกตจากแผนภมู ิเก่ยี วกับตาแหน่งของสระท้งั ๒๑ ตวั ซงึ่ แตล่ ะตวั จะอยู่ใน
ตาแหน่งต่าง ๆ กนั เช่น อยหู่ น้าพยัญชนะหลงั พยัญชนะ บนพยญั ชนะ เป็นตน้
๒. ครูให้นักเรียนระดมความคิดเก่ียวกับการวางสระไม่ถูกตาแหน่งจะมีผลอย่างไรพร้อมศึกษา
ใบความรเู้ ร่ือง ตาแหน่งของสระในภาษาไทย
๓. ครใู ห้นกั เรยี นทาใบงาน เร่อื ง เสียงในภาษาไทย(เสียงสระ)
๔. ครูและนักเรยี นรว่ มกันตรวจใบงาน ใหข้ อ้ เสนอแนะแก้ไขและชมเชยนกั เรยี นทที่ าไดถ้ กู ต้อง
ข้นั สรปุ
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปลักษณะของสระในภาษาไทย เพ่ือทาความเข้าใจตรงกันและ
นาไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
๕๘
๖. ส่อื /แหล่งเรียนรู้
๑. ใบความรู้ เรื่อง ตาแหนง่ ของสระในภาษาไทย
๒. ใบงาน เรือ่ ง เสยี งในภาษาไทย (เสียงสระ)
๓. แผนภมู ิตาแหน่งของสระ
๗. วดั ผลประเมนิ ผล
วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑ์
ตรวจใบงานเร่ือง เสยี งในภาษาไทย (เสียงสระ) ใบงาน เรือ่ ง เสียงในภาษาไทย (เสียงสระ) ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ
๖๐ ขน้ึ ไป
สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
ระดบั คุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
๕๙
บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรียนรู้
๒๙.ดา้ นความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓๐.ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓๑.ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค/์ ค่านิยม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓๒.ด้านอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรอื พฤติกรรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓๓.ปัญหา/อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓๔.ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแก้ปญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ………………………………………ครปู ระจาวชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๓๕.ความคดิ เห็นของผ้อู านวยการสถานศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ………………………………………ผอู้ านวยการสถานศึกษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๖๐
ใบความรู้ เรอ่ื ง ตาแหน่งของสระในภาษาไทย
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๘ เร่ือง เสียงในภาษาไทย )เสยี งสระ(
รายวิชาภาษาไทย รหสั วิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๑
สระอยทู่ ีใ่ ด
สระ ๒๑ รปู มวี ธิ ีเขียนดังน้ี
๑. เขยี นไว้หน้าพยัญชนะมี ๔ รปู ได้แก่ เ ใ ไ โ
๒. เขียนไวห้ ลงั พยญั ชนะ ๗ รปู ได้แก่ ะ ๅ ฤ ย ร ว อ
๓. เขยี นไว้บนพยญั ชนะ มี ๕ รปู ได้แก่ ั ิ ่ ็
๔. เขยี นไว้ลา่ งพยัญชนะมี ๒ รูป ไดแ้ ก่ ุ ู
๕. เขียนโดด ๆ ไม่ต้องประสมพยัญชนะมี ๔ รปู ไดแ้ ก่ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ
๖. ใชไ้ ดต้ ามลาพงั ไมต่ อ้ งประสมกับรปู สระอ่นื มี ๑๗ รปู ได้แก่ ะ ั า ิ ุ ู เ ใ ไ โ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ร อ
๗. ต้องประสมกบั รูปสระอน่ื มี ๔ รปู ไดแ้ ก่ ่ ย ว
๘. ใช้ลาพังก็ไดใ้ ชค้ วบกบั พยญั ชนะก็ได้ ออกเสียงคลา้ ยมี ร อยดู่ ว้ ย มี ๑ รูป คือ ฤ (ตวั ฤๅ ฦ ฦๅ ตาม
หลกั ก็ใช้ควบกบั พยญั ชนะไดแ้ ตไ่ ม่มที ่ใี ช)้
๙. ใชเ้ ปน็ สระก็ได้ ใชเ้ ป็นพยญั ชนะก็ได้ มี ๔ รูป ไดแ้ ก่ ย ร ว อ
๖๑
ใบงาน เรอื่ ง เสยี งในภาษาไทย )เสียงสระ(
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๘ เรอ่ื ง เสยี งในภาษาไทย )เสยี งสระ(
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
กจิ กรรมท่ี ๑ คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเขยี นเครอื่ งหมาย ✓หน้าขอ้ ความทถ่ี กู ตอ้ ง และเขยี น เครอ่ื งหมาย x
หน้าขอ้ ความท่ไี มถ่ ูกตอ้ ง
........................ ๑. แหล่งเรม่ิ ตน้ ของเสยี ง คอื ปาก
........................ ๒. เสียงสระ และเสยี งพยัญชนะนับเปน็ เสียงในภาษา
........................ ๓. เสียงทม่ี นษุ ย์ใช้เพ่ือส่อื ความหมาย คือเสียงในภาษา
........................ ๔. เสียงในภาษาเกิดจากลมเดนิ ทางจากปอดผ่านหลอดลมออกมาทางชอ่ งปากหรอื จมูก
โดยไม่กระทบสงิ่ ใดเลย
........................ ๕. อวยั วะตา่ ง ๆ ในปาก เชน่ ลิ้นไก่ ลิ้น ฟนั เพดาน และริมฝปี าก มสี ว่ นในการทาให้
เกิดเสียงในภาษาฟงั เป็นเสียงตา่ งกนั ออกไป
กิจกรรมที่ ๒ คาชี้แจง ให้นกั เรยี นตอบคาํ ถามลงในช่องวา่ งตอ่ ไปนใี้ ห้ถูกตอ้ งเหมาะสม
๑. เสียงในภาษาเริ่มต้นท่ี ....................................................................................................................................
๒. เสยี งในภาษาไทยแบง่ ออกได้.............................เสียง ได้แก่............................................................................
๓. เสียงสระที่อยใู่ นคาํ เหลา่ น้ี คือ
ซู่ ........................... แซง ............................ งอ .......................... ววั ..............................
๔. นกั เรียนจําแนกคาํ สระเสยี งเดย่ี วแทล้ งในชอ่ งวา่ ง
กวน จดื กลงึ ตู้
ขลุ่ย เบื่อ เตรียม เทพ
เกล็ด เพลีย กดั จาน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
๕. ขดี เสน้ ใตค้ าทมี่ สี ระประสม (สระเลอื่ น)
ทุง่ นา ปาุ เขา หนองนํ้า บา้ นเรอื น
๖๒
เฉลยใบงาน เรื่อง เสยี งในภาษาไทย )เสียงสระ(
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๘ เร่ือง เสียงในภาษาไทย )เสยี งสระ(
รายวิชาภาษาไทย รหัสวชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑
กจิ กรรมที่ ๑ คาชแี้ จง ให้นักเรียนเขยี นเครือ่ งหมาย ✓หน้าข้อความทีถ่ ูกตอ้ ง และเขียน เครอื่ งหมาย x
หนา้ ข้อความทีไ่ ม่ถกู ต้อง
x ๑. แหลง่ เร่ิมตน้ ของเสียง คือ ปาก (ปอด)
✓ ๒. เสยี งสระ และเสียงพยญั ชนะนบั เป็นเสยี งในภาษา
✓ ๓. เสียงที่มนษุ ยใ์ ช้เพอื่ สอ่ื ความหมาย คือเสียงในภาษา
x ๔. เสียงในภาษาเกิดจากลมเดนิ ทางจากปอดผา่ นหลอดลมออกมาทางชอ่ งปากหรอื จมูก
โดยไม่กระทบส่งิ ใดเลย
✓ ๕. อวัยวะต่างๆ ในปาก เช่น ลิ้นไก่ ลิ้น ฟัน เพดาน และรมิ ฝีปาก มสี ่วนในการทาให้
เกิดเสียงในภาษาฟังเปน็ เสยี งตา่ งกนั ออกไป
กจิ กรรมท่ี ๒ คาชแี้ จง ให้นกั เรียนตอบคําถามลงในช่องวา่ งต่อไปนใ้ี หถ้ กู ต้องเหมาะสม
๑. เสยี งในภาษาเริม่ ตน้ ที่ ลมจากปอด
๒. เสียงในภาษาไทยแบง่ ออกได้ ๓ เสียง ไดแ้ ก่ เสียงพยญั ชนะ เสียงสระ และเสียงวรรณยกุ ต์
๓. เสียงสระทีอ่ ยู่ในคาเหลา่ น้ี คอื
ซู่ สระ อู แซง สระ แอ งอ สระ ออ วัว สระ อวั
๔. นักเรยี นจําแนกคําสระเสยี งเด่ียวแทล้ งในชอ่ งวา่ ง
กวน จดื กลึง ตู้
ขลุ่ย เบ่ือ เตรียม เทพ
เกลด็ เพลีย กดั จาน
จดื (สระออื ) กลงึ สระอึ ตู้ สระอู ขลุ่ย สระอุ
กดั สระ อะ จาน สระ อา
เทพ สระเอ เกลด็ สระเอะ (เอยี อวั เออื ปน็ สระประสมหรือสระเลอ่ื น)
๕. ขีดเส้นใตค้ ําท่ีมีสระประสม (สระเลื่อน)
ท่งุ นา ปุาเขา หนองน้ํา บ้านเรอื น
๖๓
แผนการจัดการเรียนรู้
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ พนื้ ฐานอา่ นเขียน เวลา ๑๒ ชัว่ โมง
แผนการเรียนร้ทู ี่ ๙ เสียงในภาษาไทย )พยัญชนะ( เวลา ๑ ชัว่ โมง
ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖5
สอนวนั ท่ี เดอื น พ.ศ.
ตาแหน่ง ครู
ครผู ้สู อน นางสาวชาลสิ า หาญกจิ
๑. มาตรฐาน/ตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลัง
ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตวั ช้ีวัด
ม.๑/๑ อธบิ ายลกั ษณะของเสียงในภาษาไทย
๒. สาระสาคญั
เสียงในภาษา หมายถึง เสยี งที่มนุษย์เปล่งออกมาเพื่อสื่อความหมายระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพ่ือสนอง
ความตอ้ งการต่าง ๆ เช่น เพ่ือขอความชว่ ยเหลอื เพอ่ื ขอความรู้ เพือ่ แสดงความรูส้ ึกพอใจหรอื ไม่พอใจ
๓. จุดประสงค์การเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นอธบิ ายความหมายเสียงพยัญชนะในภาษาไทยได้
๒. นักเรยี นอธิบายลกั ษณะของเสยี งพยัญชนะในภาษาไทยได้
๓. จําแนกเสยี งพยัญชนะในภาษาไทยได้
๔. นกั เรยี นใฝ่เรยี นรู้และมคี วามม่งุ มนั่ ในการทางาน
๔. สาระการเรยี นรู้
เสียงในภาษาไทย (เสยี งพยญั ชนะ)
๕. การจดั กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ข้ันนา
ครใู ห้นักเรยี นฝึกออกเสยี งพยัญชนะจากแผนภมู ดิ งั ตอ่ ไปนี้
แผนภมู ิพยัญชนะ
กขฃคฆง
จฉชซฌญ
ฎฏฐฑฒณ
ดตถทธน
บปผฝพฟภม
ยรลวศษสหฬอฮ
๖๔
จากน้ันครสู นทนาซกั ถามนักเรียนเกีย่ วกบั แหลง่ กาเนดิ ของเสียงพยัญชนะ
ขน้ั สอน
๑. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๔ กลุ่มศึกษาใบความรู้ เร่ือง เสียงในภาษาไทย (เสียงพยัญชนะ) ตาม
หัวข้อตอ่ ไปน้ี
กลมุ่ ท่ี ๑ ความหมายของเสยี งพยัญชนะ
กล่มุ ท่ี ๒ เสยี งและรปู พยญั ชนะ
กลุม่ ท่ี ๓ เสยี งพยญั ชนะตน้
กลุ่มที่ ๔ เสียงพยญั ชนะทา้ ยพยางค์
๒. แตล่ ะกลุม่ ระดมความคิดและส่งตวั แทนนาํ เสนอหนา้ ชั้นเรียน
๓. ครแู จกใบงานเร่ือง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งพยญั ชนะ) ให้นักเรยี นทาํ
๔. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั ตรวจใบงานเสนอแนะแกไ้ ขให้ถกู ต้องและชมเชยนักเรยี นที่ทาํ ได้
ถูกตอ้ ง
ขัน้ สรุป
ครูให้นกั เรยี นช่วยกันสรุปเร่อื งเสียงพยัญชนะเพื่อให้เขา้ ใจตรงกันอกี ครัง้
๖. ส่ือ /แหล่งเรียนรู้
๑. แผนภมู ิพยัญชนะ
๒. ใบความรู้ เร่ือง เสียงในภาษาไทย (เสยี งพยัญชนะ)
๗. วัดผลประเมินผล
วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์
ตรวจใบความรู้ เร่อื ง เสียงในภาษาไทย (เสยี ง ใบความรู้ เรอ่ื ง เสียงในภาษาไทย ผ่านเกณฑ์การประเมินร้อยละ
พยญั ชนะ) (เสยี งพยญั ชนะ) ๖๐ ขน้ึ ไป
สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
ประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
๖๕
บันทกึ หลังแผนการจัดการเรียนรู้
๑. ดา้ นความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓. ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์/คา่ นยิ ม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๔. ด้านอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมที่มีปัญหาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถา้ มี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๕. ปัญหา/อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๖. ข้อเสนอแนะ/แนวทางการแก้ปญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ………………………………………ครูประจาวชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๗. ความคดิ เห็นของผูอ้ านวยการสถานศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ………………………………………ผ้อู านวยการสถานศึกษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๖๖
ใบความรู้ เร่ือง เสียงในภาษาไทย )เสยี งพยญั ชนะ(
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๙ เรอ่ื ง เสียงในภาษาไทย )เสยี งพยญั ชนะ(
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
ความหมาย
เสยี งพยัญชนะ (เสียงแปร) หมายถงึ เสียงทีเ่ กดิ จากลมทีอ่ อกจาก ปอด แตข่ ณะที่ลมผ่านหลอดลม
หรือออกมาทางช่องทางเดนิ ของลมจะถูกสกัดกั้น ณ ทีใ่ ดทีห่ น่งึ ต้งั แตใ่ นลาคอ ในชอ่ งปาก หรือในช่องจมูก
และลมอาจถูกสกัดก้นั ไวท้ ้ังหมด หรอื ถูกสกดั กัน้ เป็นบางส่วน แลว้ จงึ ผ่านออกมาภายนอก ทาให้เกิดเสียง
พยัญชนะตา่ ง ๆ เสียงชนดิ นไี้ ด้แกเ่ สียงท่อี ยตู่ น้ พยางค์ เชน่ กะ โค งู ฯลฯ เสยี งพยญั ชนะในภาษาไทยมี
๒๑ เสยี ง ๔๔ รปู ดังน้ี
เสียงพยญั ชนะไทย ๒๑ เสยี ง รปู พยัญชนะไทย ๔๔ รปู
๑. /ก/ ก
๒. /ค/ ข ฃ ค ฅ ฆ
๓. /ง/ ง
๔. /จ/ จ
๕. /ช/ ช ฌ ฉ
๖. /ซ/ ซ ส ศ ษ
๗. /ด/ ด ฎ
๘. /ต/ ต ฏ
๙. /ท/ ท ธ ฑ ฒ ถ ฐ
๑๐. /น/ นณ
๑๑. /บ/ บ
๑๒. /ป/ ป
๑๓. /พ/ พภผ
๑๔. /ฟ/ ฟฝ
๑๕. /ม/ ม
๑๖. /ย/ ยญ
๑๗. /ร/ ร
๑๘. /ล/ ลฬ
๑๙. /ว/ ว
๒๐. /ฮ/ ฮห
๒๑. /อ/ อ
ขอ้ สงั เกต บางครงั้ เสียงพยัญชนะเสยี งเดยี วมีรูปพยัญชนะมากท่สี ุดถงึ ๖ ตัว เช่น เสียง ท มีรูป
พยญั ชนะ ท ธ ฑ ฒ ถ ฐ เป็นตน้ แต่บางเสียงกม็ ีรูปพยญั ชนะเพียงรูปเดียวเท่าน้ัน
๖๗
เสียงพยญั ชนะตน้
เสียงพยญั ชนะต้น แบง่ ออกเป็น ๒ ชนดิ คือ
๑. เสยี งพยญั ชนะตน้ เดีย่ ว เช่น กัน ขาน คดิ ฉาน ชอบ /ก/ /ข/ /ค/ /ช/ เป็นเสียงพยญั ชนะต้น
๒. เสียงพยญั ชนะควบกลา้ หมายถงึ พยัญชนะ ๒ เสียง ที่ออกเสยี งพรอ้ มกัน เสยี งพยญั ชนะควบกลา้
ในภาษาไทยอยู่ได้ในตาํ แหน่งตน้ พยางคเ์ ทา่ น้ัน เช่น กราบ ขรึม โคลง ความ /กร/ /คล/ /คว/ เปน็ ต้น และ
ยงั มพี ยญั ชนะควบกล้าซง่ึ อยใู่ นตน้ พยางคใ์ นคาทีเ่ รารบั มาจากภาษาอืน่ เช่น อนิ ทรา /ทร/ ฟรี /ฟร/ ฟลุก /
ฟล/ เปน็ ตน้
พยัญชนะท้ายพยางค์
ในภาษาไทยเสยี งพยัญชนะทั้ง ๒๑ เสียง ใชเ้ ปน็ เสียงพยญั ชนะทา้ ยพยางค์ไม่ได้ทงั้ หมด เรามเี สียง
พยญั ชนะทา้ ยพยางค์ เพยี ง ๘ มาตราเท่านน้ั สว่ นพยางค์ทไี่ ม่มเี สียงพยญั ชนะทา้ ยพยางคจ์ ดั อยใู่ นมาตราแม่ ก
กา เชน่ จะ มา ตี ครู เหาะ พอ แกะ เตะ
เสียงพยญั ชนะทา้ ยพยางค์ มี ๘ มาตรา หรอื ๘ แม่ ในแต่ละมาตราอาจใชพ้ ยัญชนะตวั เดียว
พยญั ชนะควบกล้าหรอื พยัญชนะท่ีมสี ระกากบั ก็ได้ดังนี้
๑. แม่ กก มเี สยี ง ก เปน็ เสียงพยญั ชนะท้ายพยางค์ ใช้ ก กร ข ค คร ฆ ออกเสียงเหมอื น ก
สะกด เช่น ลูก จกั ร เลข นาค สมัคร เมฆ
๒. แม่ กด มเี สียง ด เปน็ เสียงพยญั ชนะเปน็ เสยี งพยญั ชนะทา้ ยพยางค์ ใช้ จ ช ขร ซ ฎ ฏ ฐ
ฑ ฒ ต ตร ถ ท ทร ธ ส ศ ษ ออกเสียงเหมือน ด สะกด เช่น กัด นิจ ราช เพชร กา๊ ซ กฎ
ปรากฏ รฐั ครุฑ พัฒนา รัตน์ ฉตั ร รถ พุทธ ภทั ร โกรธ รส อากาศ
๓. แม่ กบ มีเสียง บ เป็นเสียงพยญั ชนะท้ายพยางค์ ใช้ บ ป พ ฟ ภ ออกเสยี งเหมอื น บ สะกด
เช่น บาป ภาพ กราฟ ลาภ
๔. แม่ กง มเี สยี ง ง เปน็ ตัวสะกดหรือพยญั ชนะทา้ ยพยางค์ ใช้ ง สะกด เช่น จง ยิง สูง สงั ข์
สงฆ์
๕. แม่ กน มีเสียง น เป็นเสยี งพยัญชนะทา้ ยพยางค์ ใช้ น ญ ณ ร ล ฬ ออกเสียงเหมอื น น
สะกด เช่น เงนิ เข็ญ คณุ พร กล จฬุ
๖. แม่ กม มเี สียง ม เป็นเสียงพยญั ชนะท้ายพยางค์ ใช้ ม สะกด เชน่ ผม เคม็
๗. แม่ เกย มีเสียง ย เป็นเสยี งพยัญชนะทา้ ยพยางค์ ใช้ ย สะกด เชน่ คุย พาย สวย โอย
๘. แม่ เกอว มีเสียง ว เปน็ เสยี งพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ว สะกด เชน่ สาว ฉวิ เรว็ เปลว
แล้ว นอกจากนั้นยังมคี าทปี่ ระสมสระเสยี งสนั้ หรอื เสยี งยาว แต่ไมม่ ีตวั สะกดเรยี กวา่ แม่ ก กา เช่น กา
จะตี ดุ เสอื หนี
๖๘
ใบงาน เรอ่ื ง เสยี งในภาษาไทย )เสียงพยัญชนะ(
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๙ เร่ือง เสยี งในภาษาไทย )เสยี งพยัญชนะ(
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นออกเสียงคาํ ต่อไปน้ี แล้วเขียนบอกพยญั ชนะตน้ เสยี งและพยัญชนะท้ายเสยี ง
พยญั ชนะต้นเสยี ง พยญั ชนะท้ายเสียง
๑. คลงั ............................... ............... ........................ ..............
๒. สาว ............................... ............... ........................ ..............
๓. เลน่ ............................... ............... ........................ ..............
๔. เคย ............................... ............... ........................ ..............
๕. มิตร ............................... ............... ........................ ..............
๖. เพลง ............................... ............... ........................ ..............
๗. ศรี ............................... ............... ........................ ..............
๘. กราฟ ............................... ............... ........................ ..............
๙. ครฑุ ............................... ............... ........................ ..............
๑๐. ถ้วย ............................... ............... ........................ ..............
๑๑. ทราม ............................... ............... ........................ ..............
๑๒. บรรยาย ............................... ............... ........................ ..............
๑๓. เตรยี มพร้อม ........................ ............... ........................ ..............
๑๔. ขวนขวาย ............................ ............... ........................ ..............
๑๕. ปราบปราม .......................... ............... ........................ ..............
๑๖. เควง้ คว้าง ........................... ............... ........................ ..............
๑๗. พลิกแพลง ............................ ............... ........................ ..............
๑๘. กลาดเกล่ือน .......................... ............... ........................ ..............
๑๙. ปลาวาฬ ............................... ............... ......................... ...............
๒๐. เปี่ยมสุข ............................... ............... ........................... ...............
๖๙
เฉลยใบงาน เรื่อง เสยี งในภาษาไทย )เสียงพยญั ชนะ(
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๙ เรื่อง เสยี งในภาษาไทย )เสยี งพยญั ชนะ(
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๑
คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนออกเสียงคําต่อไปนี้ แลว้ เขียนบอกพยัญชนะต้นเสยี งและพยญั ชนะท้ายเสียง
พยญั ชนะตน้ เสยี ง พยัญชนะท้ายเสยี ง
๑. คลัง พยัญชนะควบกลาํ้ /คล/ แม่ กง /ง/
๒. สาว พยญั ชนะเดย่ี ว /ส/ แม่ เกอว /ว/
๓. เลน่ พยัญชนะเดี่ยว /ล/ แม่ กน /น/
๔. เคย พยญั ชนะเดย่ี ว /ค/ แม่ เกย /ย/
๕. มิตร พยญั ชนะเด่ียว /ม/ แม่ กด /ด/
๖. เพลง พยญั ชนะควบกล้ํา /พล/ แม่ กง /ง/
๗. ศรี พยัญชนะเดี่ยว /ศ/ แม่ ก กา -
(ควบไมแ่ ท)้
๘. กราฟ พยัญชนะควบกลาํ้ /กร/ แม่ กบ /บ/
๙. ครุฑ พยญั ชนะควบกล้ํา /คร/ แม่ กด /ด/
๑๐. ถว้ ย พยญั ชนะเด่ียว /ถ/ แม่ เกย /ย/
๑๑. ทราม พยญั ชนะควบกล้ํา /ทร/ แม่ กม /ม/
(ควบไมแ่ ท้)
๑๒. บรรยาย พยญั ชนะเดีย่ ว /บ//ย/ แม่ กน เกย /น//ย/
๑๓. เตรียมพร้อม พยัญชนะควบกลาํ้ /ตร//พร/ แม่ กม /ม/
๑๔. ขวนขวาย พยัญชนะควบกล้าํ /ขว/ แม่ กน /น/
๑๕. ปราบปราม พยัญชนะควบกลาํ้ /ปร/ แม่ กบ กม /บ//ม/
๑๖. เคว้งคว้าง พยัญชนะควบกล้ํา /คว/ แม่ กง /ง/
๑๗. พลิกแพลง พยญั ชนะควบกลาํ้ /พล/ แม่ กก กง /ก//ง/
๑๘. กลาดเกลื่อน พยญั ชนะควบกลาํ้ /กล/ แม่ กด กน /ด//น/
๑๙. ปลาวาฬ พยญั ชนะควบกล้ํา /ปล//ว/ แม่ ก กา กน /น/
พยญั ชนะเดย่ี ว
๒๐. เปีย่ มสุข พยัญชนะเด่ยี ว /ป//ส/ แม่ กม กก /ม//ก/
๗๐
แผนการจดั การเรียนรู้
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ พืน้ ฐานอ่านเขยี น เวลา ๑๒ ชว่ั โมง
เวลา ๑ ชั่วโมง
แผนการเรียนรทู้ ่ี ๑๐ เสียงในภาษาไทย )วรรณยุกต์(
ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖5
สอนวนั ที่ เดอื น พ.ศ. ตาแหน่ง ครู
ครูผสู้ อน นางสาวชาลิสา หาญกิจ
๑. มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภูมปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ
ตัวชี้วัด
ม.๑/๑ อธบิ ายลักษณะของเสยี งในภาษาไทย
๒. สาระสาคัญ
เสียงในภาษา หมายถงึ เสยี งที่มนุษย์เปล่งออกมาเพ่ือส่ือความหมายระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพ่ือสนอง
ความตอ้ งการตา่ ง ๆ เช่น เพ่ือขอความชว่ ยเหลอื เพ่อื ขอความรู้ เพื่อแสดงความรู้สกึ พอใจหรอื ไมพ่ อใจ
๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
๑. นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจเรอ่ื งเสยี งวรรณยกุ ต์ในภาษาไทย
๒. นกั เรียนอธบิ ายความสาคญั ของเสียงวรรณยุกต์ในภาษาไทยได้
๓. นักเรยี นจาํ แนกเสยี งวรรณยุกต์ได้
๔. นกั เรียนใฝเ่ รียนรู้และมคี วามม่งุ มัน่ ในการทางาน
๔. สาระการเรยี นรู้
เสียงในภาษาไทย(เสียงวรรณยกุ ต)์
๕. การจัดกระบวนการจดั การเรยี นรู้
ข้นั นา
ครูนาบัตรคา ปา ป่า ป้า ป๊า ป๋า เสือ เส่ือ เส้ือ และให้นักเรียนวิเคราะห์คาว่าเม่ือเปลี่ยนเสียง
วรรณยุกต์คานน้ั จะมกี ารเปลีย่ นแปลงอยา่ งไร
ขน้ั สอน
๑. แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มศกึ ษาใบความรู้ เรือ่ ง เสยี งในภาษาไทย(เสยี งวรรณยุกต์) ดังนี้
กลมุ่ ท่ี ๑ ความหมาย พรอ้ มยกตวั อยา่ งคา
กลมุ่ ที่ ๒ ความสาคญั พร้อมยกตวั อยา่ งคา
กลุม่ ที่ ๓ รปู และเสียงวรรณยุกต์ พร้อมยกตัวอยา่ งคา
กลมุ่ ท่ี ๔ อกั ษรสามหมู่ (อักษรสงู )
กลมุ่ ท่ี ๕ อกั ษรสามหมู่ (อกั ษรกลาง)
กลมุ่ ที่ ๖ อักษรสามหมู่ (อกั ษรตา่ )
๗๑
กลุ่มท่ี ๗ อกั ษรสามหมู่ (อกั ษรตา่ คู่ – อกั ษรเดีย่ ว)
๒. นักเรียนแต่ละกลมุ่ วเิ คราะห์และรวบรวมผลงานตามหวั ข้อท่ีไดร้ ับมอบหมาย
๓. แต่ละกลุม่ ส่งตัวแทนนําเสนอผลงานกลมุ่
๔. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเติมเต็มผลงานแตล่ ะกล่มุ
๕. ครแู จกใบงาน เร่ือง เสียงในภาษาไทย (เสียงวรรณยุกต)์ ให้นักเรียนทําใบงาน
๖. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั ตรวจใบงาน แก้ไขเพิม่ เติมให้ถูกตอ้ ง
ขั้นสรปุ
ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ความรู้ เรือ่ ง เสียงวรรณยกุ ตใ์ ห้มีความเข้าใจตรงกัน
๖. สื่อ /แหลง่ เรียนรู้
๑. บัตรคํา
๒. ใบความรู้ เร่ือง เสียงในภาษาไทย (เสียงวรรณยุกต)์
๓. ใบงาน เรื่อง เสยี งในภาษาไทย (เสยี งวรรณยุกต์)
๗. วดั ผลประเมินผล
วธิ กี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์
ตรวจใบงาน เรือ่ ง เสียงในภาษาไทย (เสียง ใบงาน เรื่อง เสียงในภาษาไทย (เสียง ผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ
วรรณยกุ ต์) วรรณยกุ ต์) ๘๐ ข้ึนไป
สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
ประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
๗๒
บนั ทกึ หลังแผนการจัดการเรยี นรู้
๑. ด้านความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓. ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์/คา่ นิยม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๔. ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทม่ี ีปัญหาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ มี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๕. ปญั หา/อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๖. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแกป้ ัญหา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื ………………………………………ครปู ระจาวชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๗. ความคดิ เหน็ ของผู้อานวยการสถานศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ………………………………………ผู้อานวยการสถานศกึ ษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๗๓
ใบความรู้ เรื่อง เสยี งในภาษาไทย )เสยี งวรรณยกุ ต์(
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๐ เร่อื ง เสียงในภาษาไทย )เสยี งวรรณยกุ ต์(
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑
ความหมาย
เสยี งวรรณยกุ ต์ หมายถึง เสยี งทม่ี ีระดับสูงตํา่ และเราจะไดย้ ินไปพรอ้ มกบั เสยี งสระบางทเี ป็นเสียงสงู
บางทกี เ็ ป็นเสียงตํา่ บางทีก็เปน็ เสียงทอ่ี ยูร่ ะหวา่ งเสยี งสูงกับเสยี งต่ํา บางทีกเ็ ปน็ เสยี งตาํ่ แล้วค่อย ๆ เล่ือนขน้ึ
ไปส่เู สียงสูง
เสียงวรรณยุกตใ์ นภาษาไทยนับวา่ มคี วามสาํ คัญ เพราะทาํ ให้ความหมายของคาํ เปล่ยี นแปลงไปได้ เช่น
เสอื มีความหมายอยา่ งหนึ่ง เส้อื มีความหมายอยา่ งหนงึ่ แตเ่ สียงทมี่ รี ะดบั สงู ตาํ่ ในบางภาษาไม่ไดท้ าํ ให้
ความหมายของคําเปลยี่ นไป
วรรณยกุ ตใ์ นภาษาไทย มี ๔ รปู มี ๕ เสียง ดังนี้
รปู วรรณยกุ ต์
๑. รูปเอก ( ่ ) เชน่ คาํ ทร่ี ปู วรรณยกุ ตเ์ อก ในคํา ไข่ บ่อ พล่า
๒. รูปโท ( ้ ) เช่น คาํ ทม่ี ีรปู วรรณยกุ ต์โท ในคาํ กล้า ค้า ม้า
๓. รูปตรี ( ๊ ) เช่น คําทมี่ ีรูปเสียงวรรณยุกตต์ รี ในคํา โต๊ะ เปรีย๊ ะ ก๊ัก
๔. รูปจัตวา ( ๋ ) เช่น คําท่มี ีรูปเสยี งวรรณยุกตจ์ ตั วา ในคาํ เก๋ง แจว๋ ก๋วยเต๋ยี ว
เสียงวรรณยกุ ต์
๑. เสยี งสามญั เช่น คาํ ทม่ี ีเสียงวรรณยกุ ต์ในคาํ คลอง จาน ดาว เฟือง
๒. เสยี งเอก เชน่ คาํ ที่มเี สยี งวรรณยกุ ต์ในคาํ ไข่ บอ่ กัด จติ
๓. เสยี งโท เช่น คําท่ีมเี สียงวรรณยกุ ต์ในคาํ กล้า พล่า มาก เมฆ
๔. เสยี งตรี เชน่ คําทมี่ เี สยี งวรรณยกุ ตใ์ นคาํ คา้ มา้ ลัด เปร๊ียะ
๕. เสียงจัตวา เชน่ คําทมี่ เี สียงวรรณยุกต์ในคํา จา ขอ หมอ เก ง
ขอ้ สังเกต เสยี งวรรณยกุ ตท์ ี่มีอยูใ่ นพยางคห์ รือคาํ ตา่ ง ๆ ทเ่ี ราออกเสยี งน้ันมิได้ตรงกับรูปวรรณยุกตท์ ่ี
เหน็ ในตวั เขยี นเสมอไป เช่น รู้ เป็นคาํ ทม่ี รี ูปวรรณยุกต์โท แต่ออกเสียงวรรณยกุ ต์ตรี
ระบบวรรณยุกต์ของไทยมีความสมั พนั ธก์ ับอกั ษรสูง กลาง ต่ํา และคําเปน็ – คําตาย มาก การศกึ ษา
เรือ่ งวรรณยกุ ตจ์ งึ ต้องศึกษาไปพรอ้ ม ๆ กับ อกั ษร ๓ หมู่ หรือไตรยางศ์
อกั ษรสงู มี ๑๑ ตวั ได้แก่ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห ผี ฝาก ถงุ ขา้ ว (ฃ) สาร เศรษฐี ให้ ฉนั
อักษรกลาง มี ๙ ตัว ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ ไก่ จิก เดก็ (ฎ) ตาย (ฏ) บน ปาก โอ่ง
อกั ษรตาํ่ มี ๒๔ ตัว แบง่ เป็นอักษรต่ําเด่ยี ว มี ๑๐ ตัว ได้แก่ ง ญ น ณ ม ย ร ล ฬ ว งู ใหญ่ นอน อยู่
ณ ริม วดั โม ฬี โลก
๗๔
อกั ษรตา่ํ คู่ มี ๑๔ ตวั ได้แก่ อกั ษรสงู
อกั ษรตาํ่ ขฃ
คฅ ฉ
ชฌ ศษส
ซ ฐถ
ฑฒทธ ผ
พภ ฝ
ฟ ห
ฮ
๗๕
ใบงาน เรอื่ ง เสยี งในภาษาไทย )เสียงวรรณยุกต์(
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๑๐ เรื่อง เสียงในภาษาไทย )เสยี งวรรณยกุ ต์(
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑
ตอนที่ ๑ คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นตอบคําถามตอ่ ไปนใี้ หถ้ กู ต้องสมบูรณ์
๑. เสียงวรรณยุกต์หมายถงึ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
๒. วรรณยกุ ตแ์ บง่ ออกเป็น..................รูป ไดแ้ ก่..................................................................................................
มี...............................เสยี ง ไดแ้ ก่ .........................................................................................................................
๓. เสยี งวรรณยกุ ตม์ คี วามสาํ คัญแก่คําในภาษาไทยของเราหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ตอนท่ี ๒ คาช้แี จง ให้นักเรียนจาํ แนกรูปและเสยี งของวรรณยกุ ต์คาํ ตอ่ ไปนี้
รปู วรรณยกุ ต์ เสยี งวรรณยกุ ต์
น้า รปู โท เสียงตรี
ชาติ - เสียงโท
๑ โนต้ ................................................................................................................................................
๒. ยืม .................................................................................................................................................
๓. จี๋ ....................................................................................................................................................
๔. หนุ่ม ..............................................................................................................................................
๕. พ่ี ...................................................................................................................................................
๖. ฉัน .....................................................................................................................................,...........
๗. ค่า ..................................................................................................................................................
๘. ฝัง ..................................................................................................................................................
๙. ช่วย ...............................................................................................................................................
๑๐. นอ้ ง ............................................................................................................................................
๑๑. พลาง ..........................................................................................................................................
๑๒. หมาย ..........................................................................................................................................
๑๓. ปูุ .................................................................................................................................................
๑๔. เปยี ก ...........................................................................................................................................
๑๕. จ๋อย .............................................................................................................................................
๗๖
เฉลยใบงานเรอื่ งเสียงในภาษาไทย )เสียงวรรณยกุ ต(์
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๐ เรอ่ื ง เสยี งในภาษาไทย )เสยี งวรรณยกุ ต์(
รายวิชาภาษาไทย รหสั วิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑
ตอนท่ี ๑ คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นตอบคาํ ถามต่อไปนี้ให้ถูกต้องสมบรู ณ์
๑. เสียงวรรณยกุ ตห์ มายถงึ เสียงท่ีมีระดับสูงต่า และเราจะไดย้ นิ ไปพร้อมกบั เสยี งสระบางทีเปน็ เสยี งสงู
บางทีก็เป็นเสยี งตา่ บางทีกเ็ ปน็ เสียงทอ่ี ยู่ระหว่างเสยี งสูงกับเสยี งต่าบางทกี เ็ ป็นเสยี งต่าแลว้ คอ่ ยๆ เล่ือนขน้ึ
ไปส่เู สียงสงู
๒. วรรณยกุ ตแ์ บง่ ออกเป็น ๔ รูป ได้แก่ รปู เอก ่่รูปโท ้่รูปตรี ๊ รูปจัตวา่๋
มี ๕ เสยี ง ไดแ้ ก่ เสยี งสามญั เสียงเอก เสยี งโท เสียงตรี เสียงจัตวา
๓. เสียงวรรณยุกตม์ คี วามสาํ คญั แก่คาในภาษาไทยของเราหรอื ไม่ มี เพราะท่าให้ความหมายของค่า
เปลย่ี นแปลงไปได้ เช่น เสอื มีความหมายอยา่ งหนึ่ง เสอ้ื มีความหมายอยา่ งหน่งึ
ตอนที่ ๒ คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นจาํ แนกรูปและเสยี งของวรรณยกุ ต์คําตอ่ ไปน้ี
รูปวรรณยกุ ต์ เสยี งวรรณยกุ ต์
น้า รูปโท เสียงตรี
ชาติ - เสยี งโท
๑. โนต้ รูปโท เสยี งตรี
๒. ยืม - เสียงสามญั
๓. จี๋ รปู จัตวา เสียงจัตวา
๔. หนุ่ม รูปเอก เสียงเอก
๕. พ่ี รปู เอก เสยี งโท
๖. ฉนั - เสียงจตั วา
๗. คา่ รูปเอก เสยี งโท
๘. ฝัง - เสียงจัตวา
๙. ชว่ ย รูปเอก เสยี งโท
๑๐. น้อง รูปโท เสียงตรี
๑๑. พลาง - เสียงสามัญ
๑๒. หมาย - เสียงจัตวา
๑๓. ปู่ รูปเอก เสยี งเอก
๑๔. เปียก - เสียงสามญั
๑๕. จ๋อย รปู จัตวา เสยี งจตั วา
๗๗
แผนการจดั การเรียนรู้
กลุม่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑ พื้นฐานอ่านเขยี น เวลา ๑๒ ชั่วโมง
เวลา ๑ ช่ัวโมง
แผนการเรยี นรทู้ ่ี ๑๑ ไตรยางศ์
ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖5
สอนวนั ท่ี เดอื น พ.ศ. ตาแหน่ง ครู
ครผู ูส้ อน นางสาวชาลสิ า หาญกิจ
๑. มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตวั ชว้ี ัด
ม.๑/๑ อธบิ ายลักษณะของเสียงในภาษาไทย
๒. สาระสาคัญ
ไตรยางค์ คือ การแบ่งพยญั ชนะไทยทง้ั 44 ตัว ออกเปน็ 3 ส่วน ซ่งึ เรยี กวา่ “ อักษรสามหม”ู่ โดย
อกั ษรสามหม่ปู ระกอบดว้ ย อกั ษรสูง อักษรกลาง และอักษรตา่
๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
๑. นักเรยี นอธิบายความสาคญั ของไตรยางค์ได้
๒. นักเรียนจาแนกอกั ษรสามหมู่ได้
๓. นกั เรยี นใฝเ่ รียนรู้และมคี วามมงุ่ มนั่ ในการทางาน
๔. สาระการเรียนรู้
ไตรยางศ์ (อักษร ๓ หม)ู่
๕. การจดั กระบวนการจดั การเรยี นรู้
ขั้นนา
ครนู าํ บัตรคาํ พยญั ชนะ ๔๔ ตวั ใหน้ กั เรียนจาํ แนกออกเป็นอกั ษร ๓ หมู่ คืออักษรสงู
อักษรกลาง อกั ษรต่ํา พรอ้ มซกั ถามนักเรยี น การแบง่ พยญั ชนะออกเปน็ ๓ หมู่ ที่เรียกวา่ ไตรยางศ์ มี
ความสําคญั อยา่ งไร
ขั้นสอน
๑. ครูสนทนาเร่อื งอักษรสามหมู่ โดยตดิ แผนภูมอิ กั ษรสามหม่บู นกระดานดา ไดแ้ ก่ อกั ษรสงู
อกั ษรกลาง อกั ษรตาํ่ ครใู หน้ กั เรียนฝึกอา่ นออกเสยี งพยญั ชนะพรอ้ ม ๆ กนั
๒. ครูตั้งขอ้ สังเกตเวลานกั เรียนเปลง่ เสียงพยญั ชนะจะมีความรู้สกึ ถึงระดบั สูงหรือไม่ อยา่ งไรครู
และนกั เรยี นอธิบายความร้รู ว่ มกันโดยศกึ ษาใบความรู้ เร่อื ง ไตรยางศ์ประกอบ
๓. ครใู ห้นักเรยี นแบง่ กลุ่มออกเป็น ๓ กลุม่ แลว้ จดั กลมุ่ พยญั ชนะ เปน็ ๓ หมู่ คือ อักษรสูง
อักษรกลาง อกั ษรตา่ํ แล้วระดมความคดิ เรียงความสําคัญของการจาํ แนกอักษร ๓ หมู่และนําเสนอผลงาน
ขัน้ สรุป
๗๘
ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ลักษณะและความสําคัญของอักษร ๓ หมหู่ รอื ไตรยางศพ์ รอ้ มกบั
ศึกษาเพ่มิ เติมในเรื่องคาํ เป็น คาํ ตายซึ่งเก่ยี วขอ้ งกบั การผนั เสยี งวรรณยุกต์
๖. สอ่ื /แหล่งเรียนรู้
๑. บัตรคาํ พยญั ชนะ
๒. แผนภมู ิอักษรสามหมู่
๓. ใบความรู้ เรือ่ ง ไตรยางศ์
๗. วดั ผลประเมนิ ผล
วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์
สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
ประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
๗๙
บันทึกหลังแผนการจดั การเรยี นรู้
๑. ด้านความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓. ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์/คา่ นิยม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๔. ดา้ นอื่น ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมทม่ี ปี ญั หาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๕. ปญั หา/อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๖. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแก้ปญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ………………………………………ครูประจาวชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๗. ความคดิ เหน็ ของผู้อานวยการสถานศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ ………………………………………ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๘๐
ใบความรู้ เรอ่ื ง ไตรยางศ์
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๑ เรื่อง ไตรยางศ์
รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑
ไตรยางศ์ คอื อักษร ๓ หมู่ซง่ึ จดั แยกออกมาเป็นพวกๆ จากพยญั ชนะ ๔๔ ตัว ไดแ้ ก่ อักษรสูง
อกั ษรกลาง อกั ษรตํา่
อักษรสูงมี ๑๑ ตัวคือ ข ฅ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห
อกั ษรกลางมี ๙ ตวั คอื ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ
อักษรตา่ํ มี ๒๔ ตวั คอื ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฒ ฑ ณ ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ
การทจ่ี ัดแยกพยัญชนะออกเปน็ อกั ษร ๓ หมู่ (ไตรยางศ)์ นนั้ ก็โดยถือเอาเสียงเป็นสําคัญ คอื
พยญั ชนะตวั ใดพ้ืนเสยี งทีย่ งั มไิ ด้ผันด้วยรูปวรรณยุกต์ มสี าํ เนียงอยใู่ นระดบั สูงกจ็ ัดเป็นพวกอักษรสงู พยัญชนะ
ตัวใดพนื้ เสียงที่ยังมไิ ด้ผนั ด้วยรูปวรรณยุกต์ มสี าํ เนยี งอยใู่ นระดับกลางกจ็ ดั เป็นพวกอกั ษรกลาง พยญั ชนะตัวใด
พ้ืนเสยี งท่ยี งั มิไดผ้ นั ดว้ ยรูปวรรณยกุ ต์ มีสาํ เนียงอยู่ในระดับตากจ็ ัดเปน็ พวกอักษรตํา่ ทีเ่ รยี กตวั อักษรตํ่านา่ จะ
หมายถงึ เสียงตํ่ากวา่ อกั ษรพวกข้างตน้ ลองออกเสียงอักษรกลางกับอักษรต่ําเทยี บกนั จะรสู้ ึกในขอ้ น้ี เพราะลิ้น
ทําหน้าทีต่ า่ งกัน
ประโยชนข์ องการจาแนกพยญั ชนะออกเปน็ อกั ษรสงู อักษรกลาง อกั ษรต่า
๑. สามารถผันคาํ ใหม้ ีเสยี งและรูปตา่ ง ๆ เมอ่ื เสยี งและรปู ตา่ งกบั ความหมายกต็ า่ งกนั ดว้ ย เช่น ไผ ไผ่
ไผ้ ยอ่ มแสดงความหมายคลคี ลายไปจากเดิมเชน่ เดยี วกัน
๒. สามารถนาํ คาํ บาลแี ละสนั สกฤต มาเป็นแนวสาํ เนยี งของคนไทย ไดส้ นิทสนม เชน่ เลห่ ์ สนเท่ห์ พทุ
โธ สมุทร ฯลฯ
๓. ไมต่ ้องเขยี นเครื่องหมายวรรณยกุ ต์กาํ กบั ลงไปทุกคํา เช่น “ชา” ไมต่ อ้ งเขยี นเปน็ “คํา” ทั้งน้นี ับวา่
ชว่ ยให้การเขียนหนงั สือสะดวกและรวดเรว็ ยง่ิ ข้นึ
๘๑
แผนการจัดการเรียนรู้
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๑ พื้นฐานอา่ นเขยี น เวลา ๑๒ ชวั่ โมง
เวลา ๑ ชวั่ โมง
แผนการเรียนรู้ท่ี ๑๒ ไตรยางศ์
ภาคเรยี นที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖5
สอนวนั ท่ี เดือน พ.ศ. ตาแหน่ง ครู
ครผู ู้สอน นางสาวชาลิสา หาญกจิ
๑. มาตรฐาน/ตัวชีว้ ดั
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลังของ
ภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตวั ชว้ี ัด
ม.๑/๑ อธิบายลกั ษณะของเสยี งในภาษาไทย
๒. สาระสาคญั
ลักษณะของเสียงในภาษาไทย ประกอบดว้ ย เสียงสระ เสยี งพยัญชนะ และเสยี งวรรณยุกต์ คาแตล่ ะ
คาจะประกอบดว้ ยเสยี งทั้งสามชนิด ซ่งึ เสียงนีท้ าใหแ้ ยกความหมายของคาได้ การออกเสียงภาษาไทยจึงควร
ออกเสยี งใหถ้ ูกตอ้ งและชดั เจน เพ่อื ให้การส่ือสารสามารถส่ือความไดเ้ ข้าใจถูกต้องตรงกนั
๓. จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. นกั เรยี นอธบิ ายวธิ ีการผันวรรณยกุ ต์
๒. นักเรียนสามารถผันวรรณยกุ ตข์ องคาในภาษาไทยไดใ้ นภาษาไทยได้
๓. นักเรยี นใฝเ่ รยี นรู้และมีความมงุ่ มน่ั ในการทางาน
๔. สาระการเรยี นรู้
การผนั วรรณยกุ ต์
๕. การจดั กระบวนการจดั การเรยี นรู้
ข้นั นา
๑. ครนู าํ บตั รคาํ คาํ ว่า แม่ ดุ เมฆ นก ตบ กด ฟัง คน ยาม เชย พราว ใหน้ ักเรยี นวเิ คราะห์ว่า
คาํ ใดเปน็ คาํ เป็นคาํ ตาย
๒. ครสู นทนากบั นกั เรียนวา่ คาํ เปน็ คาํ ตาย มีความเก่ียวข้องกับการผนั เสยี งวรรณยกุ ตห์ รือไม่
อย่างไร
ขั้นสอน
๑. ครตู ิดแผนภมู ิตารางผนั วรรณยกุ ตบ์ นกระดานดําจากน้ันให้นกั เรียนอ่านออกเสียง สงั เกต
ซกั ถาม
๒. ครแู บ่งกลุ่มนักเรยี นออกเปน็ ๓ กลุ่ม ชอ่ื กลุ่มอักษรสูง อักษรกลาง อักษรต่าํ ศกึ ษาโดยใชใ้ บ
ความรู้เรอ่ื ง การผนั วรรณยกุ ต์ นกั เรียนสง่ ตวั แทนสรปุ เร่ืองการผนั วรรณยุกตใ์ นภาษาไทย ตามหวั ขอ้ ท่คี รู
กาํ หนดให้ ดังนี้ อักษรสูง อกั ษรกลาง อกั ษรตาํ่ ผนั วรรณยกุ ตไ์ ดก้ เ่ี สยี ง
๘๒
๓. นกั เรยี นทาํ ใบงาน เร่อื ง การผนั วรรณยุกต์
ข้นั สรุป
ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปความสําคัญของรูปและเสียงวรรณยกุ ต์ ข้อสังเกตการผนั เสียง
วรรณยกุ ต์ อกั ษรกลาง คาํ เป็น อักษรกลาง คาํ ตาย อกั ษรสงู คาํ เปน็ อกั ษรสงู คาํ ตาย อักษรตา่ํ คาํ เปน็ อักษร
ตํา่ คาํ ตายสระเสยี งสนั้ และคาํ ตายสระเสยี งยาว
๖. สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้
๑. บตั รคาํ
๒. แผนภูมิตารางผันวรรณยุกต์
๓. ใบความรู้ เรอ่ื ง การผนั วรรณยกุ ต์
๔. ใบงาน เร่ือง การผันวรรณยกุ ต์
๗. วัดผลประเมนิ ผล
วิธกี าร เครือ่ งมอื เกณฑ์
ตรวจใบงาน เรอ่ื ง การผนั วรรณยกุ ต์ ใบงาน เรอ่ื ง การผันวรรณยุกต์
ผ่านเกณฑ์การประเมินร้อยละ
สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ๖๐ ขึน้ ไป
ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
๘๓
บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรียนรู้
๓๖.ดา้ นความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓๗.ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓๘.ด้านคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค/์ ค่านิยม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓๙.ด้านอ่ืน ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรอื พฤติกรรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๔๐.ปัญหา/อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๔๑.ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแก้ปญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ………………………………………ครปู ระจาวชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๔๒.ความคดิ เห็นของผ้อู านวยการสถานศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ ………………………………………ผอู้ านวยการสถานศึกษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๘๔
ใบความรู้ เรอื่ ง การผันวรรณยกุ ต์
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ เรอื่ ง การผันวรรณยุกต์
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
การทภ่ี าษาไทยผนั เสียงไล่เสียงได้ นอกจากจะทําใหม้ ีคําใชม้ ากข้นึ แล้ว ยังทาํ ใหภ้ าษาไทยไพเราะ
เพราะระดับเสียงตา่ ง ๆ ของคาํ ทาํ ใหเ้ กิดเป็นเสยี งอย่างดนตรี การไลเ่ สียง สูง – ตาํ่ นน้ั ทาํ ใหค้ วามหมาย
เปลีย่ นไปด้วย เป็นการผนั อักษรหรือผนั วรรณยกุ ตซ์ ง่ึ ได้จัดระบบไวอ้ ย่างดี ใช้ง่าย ไมย่ งุ่ ยากทง้ั การเขยี นและ
การอา่ นเพยี งแต่ตอ้ งทาํ ความเขา้ ใจระบบการใชว้ รรณยกุ ตเ์ ทา่ น้นั
คําวา่ “ผนั วรรณยกุ ต”์ มตี าราหลายเล่มใชว้ า่ “ผันอกั ษร” การผนั วรรณยุกต์หรอื การผนั อกั ษร คือ
การเปล่ยี นระดบั เสียงของคาํ โดยใช้รูปวรรณยุกตก์ าํ กบั เราเรยี กคาํ ทผ่ี นั แลว้ นวี้ ่า “วรรณยุกตม์ รี ปู ” คําทยี่ งั
ไม่ไดผ้ นั จึงเรยี กวา่ “วรรณยกุ ตไ์ ม่มีรปู ” ซึ่งก็คอื คําทีเ่ ปน็ “พ้นื เสยี ง”
พระยาอุปกติ ศลิ ปสาร (นมิ่ กาญจนาชีวะ ; ๒๔๗๔) อธบิ ายเรื่องจาํ แนกวรรณยกุ ต์เปน็ ๒ ประเภท
ดังนี้
๑. วรรณยุกต์มีรปู คอื วรรณยุกตท์ ่ีตอ้ งใช้รปู วรรณยุกต์คอื ไม่ ่ ้ ๊ ๋ บงั คบั ข้างบน เชน่
ก่า ก้า กา กา, ขา่ (ข้า,ค่า) คา้ ดงั น้ี เปน็ ตน้ วรรณยุกต์มรี ูปนม้ี แี ค่ ๔ เสียง คอื เอก โท ตรี จัตวา เท่านั้น เสยี ง
สามญั ไมม่ ี
๒. วรรณยุกต์ไมม่ ีรปู คือวรรณยกุ ต์ที่ไมต่ ้องใชร้ ูปวรรณยกุ ต์บังคับข้างบนสังเกตเสียง
วรรณยกุ ต์ไดด้ ว้ ยวิธีกาํ หนดตัวพยญั ชนะเปน็ สูง กลาง ต่ํา แล้วประสมกบั สระ-พยญั ชนะ อ่านเป็นเสยี ง
วรรณยกุ ตไ์ ดต้ ามพวก เชน่ คาง ขาก คาก คัก ขาง ดังน้ี เป็นตน้ วรรณยุกตไ์ มม่ รี ปู น้ี มคี รบทั้ง ๕ เสยี ง
ครบครันเรื่อง วรรณยกุ ต์
พิศศรี กมลเวชช,๒๕๕๒
๘๕
ตารางการผนั วรรณยกุ ต์
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ เร่ือง การผนั วรรณยกุ ต์
รายวชิ าภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑
อกั ษร ๓ หมู่ เสียง หมายเหตุ
ไตรยางศ์ สามญั เอก โท ตรี จตั วา
อกั ษรกลาง
กจฎฏดตบปอ
คาเปน็ ผันได้ ๕ เสยี ง ปา ปา่ ป้า ป๊า ปา๋ คาเปน็ พ้นื เสยี งสามัญ
คาตาย ผนั ได้ ๔ เสียง - กดั กดั้ กดั๊ กัด๋ คาตาย พื้นเสียงเอก
อักษรสูง
ขฃฉฐถผฝศษสห
คาเปน็ ผันได้ ๓ เสียง - ข่า ข้า - ขา คาเป็น พนื้ เสียงจัตวา
คาตาย ผันได้ ๒ เสียง - ขดั ขด้ั - - คาตาย พ้ืนเสียงเอก
อกั ษรต่า คา - ค่า คา้ - คาเปน็ พ้ืนเสียงสามญั ถา้ รวมกับ
อกั ษรทเ่ี หลือ ๒๔ ตวั อกั ษรสูงจะผันได้ครบ ๕ เสยี ง
คาเปน็ ผนั ได้ ๓ เสยี ง ค่าบ คา้ บ คา๋ บ เช่น คา ขา่ ข้า (ค่า) ค้า ขา
คะ่ คะ ค๋ะ คาตาย พนื้ เสียงเอก
คาตาย สระเสียงยาว - -
คาตาย สระเสียงส้นั - -
หมายเหตุ คาเป็น คือ คําที่มีลกั ษณะขอ้ ใดขอ้ หนึง่ ดงั น้ี
๑. คาํ ทีป่ ระสมสระเสยี งยาว ไมม่ ีตวั สะกด เชน่ ตา มี หมู เมีย ตวั
๒. คําทม่ี ีตวั สะกดในแม่ กง กน กม เกย เกอว เช่น คง กนิ นม เนย แล้ว
๓. คําที่ประสมกับสระ อา ใอ ไอ เอา เช่น จา ใจ ไป เอา
คาตาย คอื คาํ ท่มี ีลักษณะขอ้ ใดขอ้ หนึง่ ดังน้ี
๑. คาํ ทป่ี ระสมสระเสยี งสน้ั ไม่มตี ัวสะกด เชน่ พระ ดุ แกะ
๒. คําทม่ี ตี วั สะกดในแม่ กก กบ กด (แม่ กบฏ) เช่น จาก รถ ศพ
๘๖
ใบงาน เร่อื ง การผันวรรณยกุ ต์
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ เรอื่ ง การผันวรรณยุกต์
รายวิชาภาษาไทย รหัสวชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑
ตอนท่ี ๑ จงพิจารณาวา่ คําตอ่ ไปนมี้ เี สียงวรรณยกุ ต์ใด เพราะเหตุใด
ตัวอย่าง ๑) แกว้ มเี สียงวรรณยกุ ต์ โท เพราะ ก เปน็ อกั ษรกลาง รปู วรรณยุกตต์ รงกบั เสยี ง
๒) พรอ้ ม มเี สียงวรรณยกุ ต์ ตรี เพราะ พ เปน็ อกั ษรตํ่า รปู วรรณยุกต์โทมเี สียงตรี
๑. เก๊ยี ว มเี สียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ........................................................................................
๒. ชา้ มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................
๓. ไหน มีเสียงวรรณยุกต์ .....................เพราะ.........................................................................................
๔. วง่ิ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................
๕. เสอ้ื มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ..........................................................................................
๖. เฒ่า มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ..........................................................................................
๗. แปร มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ..........................................................................................
๘. อวน มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ..........................................................................................
๙. พลง้ั มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ..........................................................................................
๑๐.เปรยี้ ว มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ.....................................................................................
ตอนท่ี ๒ จงพจิ ารณาวา่ คําตอ่ ไปน้มี ีเสียงวรรณยกุ ตใ์ ด เพราะเหตุใด
ตัวอย่าง ๑) ชก มีเสียงวรรณยกุ ต์ ตรี เพราะ ช เป็นอักษรตํา่ คาํ ตาย ประสมด้วยสระเสียงสน้ั
๒) โชก มเี สยี งวรรณยุกต์ โท เพราะ ช เปน็ อกั ษรตา่ํ คาํ ตาย ประสมดว้ ยสระเสยี งยาว
๑. เงอื ก มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ........................................................................................
๒. พจน์ มีเสยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ........................................................................................
๓. เทพ มเี สียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ.........................................................................................
๔. รปู มเี สยี งวรรณยุกต์ .....................เพราะ...........................................................................................
๕. โชค มีเสียงวรรณยุกต์ .....................เพราะ..........................................................................................
๖. งก มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ............................................................................................
๗. เช็ด มีเสียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ..........................................................................................
๘. นบั มเี สียงวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ...........................................................................................
๙. เพศ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ..........................................................................................
๑๐.น็อค มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .....................เพราะ........................................................................................
๘๗
เฉลยใบงาน เรือ่ ง การผนั วรรณยกุ ต์
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๒ เรื่อง การผันวรรณยุกต์
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
ตอนท่ี ๑ จงพจิ ารณาวา่ คาํ ตอ่ ไปนี้มเี สยี งวรรณยกุ ต์ใด เพราะเหตใุ ด
ตัวอยา่ ง ๑) แก้ว มีเสียงวรรณยกุ ต์ โท เพราะ ก เป็นอกั ษรกลาง รูปวรรณยุกตต์ รงกบั เสยี ง
๒) พร้อม มีเสียงวรรณยกุ ต์ ตรี เพราะ พ เป็นอักษรตา่ รปู วรรณยุกต์โทมีเสียงตรี
๑. เกยี๊ ว มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .........ตร.ี ...........เพราะ......ก เป็นอกั ษรกลาง รปู วรรณยกุ ตต์ รงกับเสยี ง...............
๒. ช้า มีเสียงวรรณยุกต์ ..........ตรี...........เพราะ......ซ เปน็ อักษรต่า รปู วรรณยุกต์โทเสยี งตรี....................
๓. ไหน มีเสียงวรรณยุกต์ .........จัตวา.........เพราะ......น เปน็ อกั ษรตา่ ไมม่ รี ปู วรรณยุกต์เสยี งจตั วา..............
๔. วงิ่ มเี สียงวรรณยกุ ต์ ..........โท..........เพราะ......ว เปน็ อักษรต่า รูปวรรณยุกตเ์ อกเสียงโท....................
๕. เสอ้ื มีเสยี งวรรณยกุ ต์ ........โท..........เพราะ......ส เป็นอกั ษรกลาง รปู วรรณยกุ ตโ์ ทเสียงโท....................
๖. เฒา่ มีเสยี งวรรณยุกต์ ........โท..........เพราะ......ฒ เป็นอักษรตา่ รูปวรรณยุกตเ์ อกเสียงโท....................
๗. แปร มีเสียงวรรณยุกต์ ........สามัญ..........เพราะ......ป เป็นอกั ษรกลาง รูปวรรณยกุ ต์ตรงกับเสียง............
๘. อวน มีเสียงวรรณยกุ ต์ ........สามัญ...........เพราะ......อ เปน็ อักษรกลาง รปู วรรณยุกตต์ รงกบั เสยี ง............
๙. พล้ัง มเี สยี งวรรณยกุ ต์ ........ตรี........เพราะ......พ เป็นอักษรตา่ รูปวรรณยุกต์โทเสียงตร.ี ...................
๑๐.เปรี้ยว มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .......โท.......เพราะ......ป เป็นอกั ษรกลาง รปู วรรณยกุ ตต์ รงกับเสียง..................
ตอนท่ี ๒ จงพิจารณาวา่ คาํ ตอ่ ไปนมี้ เี สียงวรรณยกุ ตใ์ ด เพราะเหตใุ ด
ตัวอยา่ ง ๑) ชก มเี สียงวรรณยุกต์ ตรี เพราะ ช เป็นอักษรตํา่ คําตาย ประสมด้วยสระเสียงสน้ั
๒) โชก มีเสยี งวรรณยกุ ต์ โท เพราะ ช เป็นอักษรตา่ํ คาํ ตาย ประสมด้วยสระเสยี งยาว
๑. เงอื ก มเี สียงวรรณยกุ ต์ .........โท............เพราะ......ง อักษรตา่ คาตาย ประสมด้วยสระเสียงยาว...............
๒. พจน์ มเี สียงวรรณยุกต์ .........ตร.ี ...........เพราะ......พ อักษรตา่ คาตาย ประสมด้วยสระเสียงสน้ั ..............
๓. เทพ มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .........โท............เพราะ......ท อักษรตา่ คาตาย ประสมด้วยสระเสียงยาว...............
๔. รปู มเี สียงวรรณยกุ ต์ .........โท............เพราะ......ร อักษรตา่ คาตาย ประสมดว้ ยสระเสยี งยาว...............
๕. โชค มเี สยี งวรรณยุกต์ .........โท............เพราะ......ช อกั ษรตา่ คาตาย ประสมด้วยสระเสยี งยาว...............
๖. งก มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .........ตร.ี ...........เพราะ......ง อกั ษรตา่ คาตาย ประสมดว้ ยสระเสยี งสัน้ ...............
๗. เชด็ มีเสียงวรรณยกุ ต์ .........ตร.ี ...........เพราะ......ช อักษรตา่ คาตาย ประสมด้วยสระเสียงสัน้ ...............
๘. นับ มเี สียงวรรณยกุ ต์ .........ตร.ี ...........เพราะ......น อกั ษรตา่ คาตาย ประสมด้วยสระเสียงสัน้ ...............
๙. เพศ มีเสยี งวรรณยกุ ต์ .........โท............เพราะ......พ อกั ษรตา่ คาตาย ประสมดว้ ยสระเสยี งยาว...............
๑๐.นอ็ ค มเี สยี งวรรณยกุ ต์ .........ตร.ี ...........เพราะ......น อกั ษรตา่ คาตาย ประสมด้วยสระเสียงยาว.............
๘๘
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๒
เรยี นรสู้ ภุ าษติ
รหสั วิชา ท๒๑๑๐๑ รายวชิ าพ้นื ฐานภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย
ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ เวลา ๑๒ ชว่ั โมง
………………………………………………………………………………………….........................................………………………
๑. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรูแ้ ละความคดิ เพื่อนาไปใชต้ ัดสนิ ใจแกป้ ญั หาในการ
ดาเนนิ ชวี ิต และมีนสิ ัยรกั การอา่ น
ตัวชว้ี ดั
ท ๑.๑ ม.๑/๑ อา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ และบทร้อยกรองไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกับเร่ืองทอ่ี ่าน
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสอ่ื สาร เขยี นเรียงความ ย่อความ และเขียน
เรอ่ื งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
ตวั ชี้วัด
ท ๒.๑ ม.๑/๔ เขยี นเรยี งความ
ท ๒.๑ ม.๑/๙ มมี ารยาทในการเขียน
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคิดและ
ความรู้สกึ ในโอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสร้างสรรค์
ตวั ชี้วดั
ท ๓.๑ ม.๑/๕ พดู รายงานเรอื่ งหรือประเด็นที่ศกึ ษาค้นควา้ จากการฟัง การดแู ละการสนทนา
ท ๓.๑ ม.๑/๖ มีมารยาทในการฟงั การดู การพดู
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลงั
ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ
ตัวชว้ี ัด
ท ๔.๑ ม.๑/๖ จาแนกและใช้สานวนท่เี ป็นคาพงั เพยและสุภาษติ
มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคณุ คา่
และนามาระยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริง
ตัวชว้ี ัด
ท ๕.๑ ม.๑/๑ สรปุ เน้อื หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี ่าน
ท ๕.๑ ม.๑/๒ วเิ คราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรมทอี่ า่ นพรอ้ มเหตุผลประกอบ
ท ๕.๑ ม.๑/๓ อธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อา่ น
ท ๕.๑ ม.๑/๔ สรุปความรแู้ ละข้อคดิ จากการอา่ นเพ่อื ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจริง
๒. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
ตีความคายากในเอกสารวชิ าการโดยพจิ ารณาจากบริบท เขียนเรยี งความ มีมารยาทในการเขยี น
พดู รายงานเรื่องหรอื ประเดน็ ที่ศึกษาค้นควา้ จากการฟงั การดูและการสนทนา มมี ารยาทในการฟงั การดู
การพูด จาแนกและใชส้ านวนทเี่ ปน็ คาพังเพยและสภุ าษติ สรุปความรแู้ ละข้อคิดจากการอา่ นเพอ่ื ประยุกตใ์ ช้ใน
ชวี ติ จรงิ