The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chalikae, 2022-11-10 02:30:05

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ท21101

ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

๒๘๙

ใบความรู้ เรือ่ ง หน้าทข่ี องคากริยา
หนว่ ยท่ี ๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ ๑๒ เร่ือง หน้าทข่ี องคากริยา
รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมธึกษาปทช ่ี ๑

หนา้ ที่ของคากรยิ า

๑) ทาหน้าทเี่ ป็นตัวแสดงของประโยค เชน่

าดกข กะํ ลด์ เล่นอยะํ ดคนุกคนะน แรูสอนแชจ ะภะษะไทยมะ้ละยปวี ลแ๎

เกดิ วผนํ ดจนไ้แทิเี ์ด้แด์ าชียดระย (วผนํ ดนจ ไ้แเกดิ ทเีิด์ ้แ์ดาชียดระย)

มี็นมอยํดู นตู๎ (็นมมีอยดํู นต)๎ู

๒) ทาหน้าที่เปน็ ส่วนขยายนาม เชน่

าดขกเรร่ อ่ น ถกู ตะํ รแิิบ์ ตํะรแิยจดมือปนื ปล้นแบงก์ตะย

ทเีนเีรบ์ คม์แราดขกล้างจานคอดแน แนเกบ็ ขยะไปต์มดวตําช๎ะ

พนก์ ดะนขายของ้ะยไปไ้น้มด แนทาสวนกํะล์ดิด์ คแนด้มํ

๓) ทาหนา้ ที่เป็นกรยิ าสภาวมาลา เป็นประธาน กรรม หรอื บทขยาย เชน่

อา่ น้นด์ คือ้มเืนาลํม ไมําทะํ เดนิ ทางพ์นลมี กนิ มะกทํะด้๎อ๎แน

า็ะชอบตกปลา

๔) ทาหน้าท่ชี ่วยประกอบกริยาใหม้ ีความหมายชัดเจนข้ึน เช่น

อจร์กถกู ค้รฐ์ อามรกจ ะยดึ แรอด แุณจะไปด๎แยกไข ด๎

าธอต้องตดม์ ดิมะกกแะํ นีม า็ะทํะกะรบะ๎ นาครขิแลว้


๒๙๐

ใบงาน เรื่อง หน้าทข่ี องคากรยิ า
หน่วยท่ี ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ ๑๒ เร่อื ง หน้าทข่ี องคากรยิ า
รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชัน้ มัธยมธกึ ษาปชที่ ๑

คาสง่ั ด้๎นก์ ารียนบอก้นะ๎ ทเี็อดแํะกรยจ ะตะมแํะกรจยะทเี็ดี าคน๎ ดตด๎ นปราถยแ (๑๐ แาวนน)
๑. แณุ พํอปลูกต๎นไม๎ ................................................................................
๒. นอ๎ ดชะยออมาดนจ าพืเอซื้อรถบ์ดแบ์ ................................................................................
๓. ท่องเที่ยวาปน็ กะราปีดถลกกะรารียนร๎ู ................................................................................
๔. แุณยะยไปแ์ด ................................................................................
๕. ฉน์ มปี ืนฉีดนมํะ ................................................................................
๖. แณุ ตะอา่ น้น์ดคือพมจ พ๑ ................................................................................
๗. แ์นนมไี มดํ ชํแ์นหยุด ................................................................................
๘. นอนหลับาปน็ กะรพก์ ผอํ นทเีดี ................................................................................
๙. คมชะยขับรถารขแ ................................................................................
๑๐. แณุ แรชู อบาลมียดนกแกว้ ................................................................................

เฉลย
คาช้ีแจง ด้๎นก์ ารียนบอก้นะ๎ ทเ็ี อดแํะกรยจ ะตะมแะํ กรจยะทเี็ดี าค๎นดตด๎ นปราถยแ (๑๐ แาวนน)

๑. ภะแวคดด (คกรรมกรยจ ะ)
๒. กรยจ ะคภะแมะละ
๓. กรยจ ะคภะแมะละ
๔. ภะแวคดด (อกรรมกรยจ ะ)
๕. ็ยะยแะํ นะม
๖. ภะแวคดด (คกรรมกรยจ ะ)
๗. ็ยะยนะม
๘. กรยจ ะคภะแมะละ
๙. ภะแวคดด (คกรรมกรยจ ะ)
๑๐. ็ยะยแะํ นะม


๒๙๑

แบบทดสอบ เรื่อง คากริยา
หน่วยท่ี ๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ ๑๒ เรื่อง คากริยา
รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มธั ยมธกึ ษาปชท่ี ๑

คาชี้แจง จงเลือกคาตอบทถ่ี กู ท่ีสุด
๑. ็อ๎ ดดแือล์กษณา็อดแะํ กรยจ ะ

ก. แะํ วคดดอะกะร็อดนะม
็. แะํ วคดดอะกะร็อดนะมวลาครรพนะม
แ. แํะวคดดอะกะร็อดลก์ ษณานะม
ด. แํะวคดดอะกะรวลาคภะพ็อดนะมวลาครรพนะม
๒. "ลกู แือดแดดิ็อดพํอวมํ แะํ แะํ แอื าป็นแํะกรยจ ะ
ชนจดดด
ก. อกรรมกรยจ ะ
็. คกรรมกรจยะ
แ. กรยจ ะนาุ แระา้๑
ด. แกจ ตรรถกรจยะ
๓. ปราถยแดดมีแะํ กรจยะทีไเ มํตอ๎ ดกะรกรรม
ก. แนรมุ ซือม ดอกกุ้ละบ
็. กุ้ละบวดดบะนวลแ๎
แ. มะลีปก๓ กุ้ ละบลดดนวิก์น
ด. ้นอนก์ดดอกกุ้ละบ
๔. ็๎อดดมีคกรรมกรจยะ
ก. อาไรอยูํบนถตา๏
็. ฉ์นาคียดิทาีเ ็๎ะดิผดจ
แ. าดขก ๆ ชอบแเดจ าลนํ วถแนมี
ด. ตะํ รแิิบ์ ผูร๎ ๎ะยไดว๎ ลแ๎
๕. ็๎อดดาปน็ แํะกรจยะ
ก. า้ดืเอไ้ลไแลย๎อย
็. ได๎้นะ๎ ลมื ้ล์ด
แ. ลกู ผีลกู แน
ด. กล๎ะ้ะญชะญช์ย
๖. ็อ๎ ดดาปน็ กรยจ ะนาุ แระา้๑ ้รือกรจยํะชแํ ย
ก. ็อดระแะถกู
็. าคืมอถกู นํมะ้มึก
แ. แนร๎ะยถูกิบ์
ด. า็ะทํะถูกวลแ๎


๒๙๒

๗. แะํ แํะ "ปีด" ดน็๎อดดาป็นกรจยะไมํมีกรรม
ก. ปราตปู ีดวลแ๎
็. า็ะปดี ปรากะร
แ. อยะํ ปดี ปราตูาลนํ
ด. พนก์ ดะนปดี ถรดดะน

๘. ปราถยแดดมีแะํ กรยจ ะททีเ ํะ้น๎ะท็ีเ ยะยแํะนะม
ก. คมทรดา็ียนิด้มะย
็. แน์ าดจนทะด็อดา็ะแอื แน์ พรุํดนีม
แ. ธรี าอะํ น้นด์ คอื
ด. บ์นลอื ชอบารียนภะษะไทย

๙. “าิะ๎ ากํดถกู นก์ ารียนรด์ วก”แํะดดาป็นแํะชแํ ยกรยจ ะ
ก. ากํด
็. ถกู
แ. นก์ ารยี น
ด. ร์ดวก

๑๐. ็๎อดดมีกรยจ ะทํะ้น๎ะทีเา้มือนแะํ นะม
ก. า็ะกนจ ารแข มะก
็. า็ะกนจ ไอรกรมี
แ. ทบีเ ะ๎ นมีกจนาลียม ดก์น
ด. ออกกะํ ล์ดกะยทกุ แน์ ทะํ ด้๎รํะดกะยว็ขดวรด

เฉลย ๑. ด ๒. ด ๓. ็ ๔. ก ๕. ก ๖. แ ๗. ก ๘. ็ ๙. ็ ๑๐. แ


๒๙๓

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๔

นทิ านสารพัน

รหัสวชิ า ท๒๑๑๐๑ รายวชิ าพืน้ ฐานภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย

ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ เวลา ๑๒ ชั่วโมง

………………………………………………………………………………………….........................................………………………

๑. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความร้แู ละความคดิ เพือ่ นาไปใชต้ ัดสนิ ใจแก้ปัญหาในการ

ดาเนินชีวิต และมีนิสัยรกั การอา่ น

ตัวช้ีวัด

ท ๑.๑ ม.๑/๒ จบั ใจความสาคญั จากเร่อื งทีอ่ า่ น

ท ๑.๑ ม.๑/๓ ระบเุ หตุและผลและข้อเทจ็ จรงิ กับข้อคดิ เหน็ จากเรื่องทอี่ า่ น

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขยี นสือ่ สาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี น

เรอื่ งราวในรปู แบบต่าง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศ และรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

ตัวชี้วดั

ท ๒.๑ ม.๑/๕ เขยี นย่อความจากเรอ่ื งที่อา่ น

ท ๒.๑ ม.๑/๙ มมี ารยาทในการเขียน

มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ย่างมวี จิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิดและ

ความรสู้ กึ ในโอกาสตา่ ง ๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์

ตวั ชีว้ ัด

ท ๓.๑ ม.๑/๕ พดู รายงานเรือ่ งหรอื ประเด็นท่ีศกึ ษาคน้ ควา้ จากการฟัง การดูและการสนทนา

ท ๓.๑ ม.๑/๖ มมี ารยาทในการฟงั การดู การพดู

มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลัง

ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ

ตัวช้ีวดั

ท ๔.๑ ม.๑/๓ ชนิดและหน้าทขี่ องคา

มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วจิ ารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณค่า

และนามาระยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตจริง

ตัวชี้วดั

ท ๕.๑ ม.๑/๑ สรปุ เนอื้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอี่ า่ น

ท ๕.๑ ม.๑/๓ อธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมท่อี า่ น

๒. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การจับใจความสาคญั จากเร่อื งทอ่ี า่ น ระบเุ หตผุ ลและข้อเท็จจรงิ กับข้อคดิ เหน็ จากเร่อื งท่อี า่ น เขยี นย่อ

ความจากเร่อื งทีอ่ า่ น มมี ารยาทในการเขยี น พดู รายงานเร่อื งประเดน็ ที่ศึกษาคน้ ควา้ จากการฟัง การดูและการ
สนทนา มมี ารยาทในการฟงั การดู การพดู มคี วามรู้ความเขา้ ใจชนิดและหน้าทีข่ องคา และสรุปเนื้อและ
วรรณกรรมท่อี า่ น อธิบายคณุ ค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมทอ่ี า่ น


๒๙๔

๓. สาระการเรยี นรู้
ความรู้
๑. คาวิเศษณ์
๒. คาบพุ บท
๓. คาสนั ธาน
๔. คาอทุ าน
๕. วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยหรือวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ
๖. การเขยี นยอ่ ความ
ทกั ษะ/กระบวนการ
๑. ทกั ษะการคดิ
๒. ทกั ษะการอา่ น
๓. ทกั ษะการส่อื สาร
๔. ทักษะกระบวนการกลมุ่
เจตคติ
๑. มีวินัย
๒. ใฝเ่ รยี นรู้
๓. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
๔. รักความเปน็ ไทย
๕. มีมารยาทในการเขียน การฟัง การดูและการพูด
๖. มนี ิสยั รักการอา่ น

๔. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
๑. ความสามารถในการสอื่ สาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา
๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

๕. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
๒. ซ่อื สตั ย์ สุจริต
๓. มวี ินัย
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อยู่อย่างพอเพียง
๖. มุ่งมนั่ ในการเรยี นรู้
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. จิตสาธารณะ


๒๙๕

๖. การประเมินผลรวบยอด
ช้ินงานหรอื ภาระงาน
ชน้ิ งานหรอื ภาระงานและเกณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubrics


๒๙๖

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล

คาชแ้ี จง : ให้ ผูส้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงใน
ชอ่ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน

ลาดบั ชื่อสกุล- ความมีวนิ ัย ความมีนา้ ใจ การรบั ฟัง การแสดง การตรงตอ่ รวม
ที่ ของผู้รบั การประเมนิ เอื้อเฟื้อ ความคิดเหน็ ความคิดเห็น เวลา ๒๐
เสยี สละ คะแนน

๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑๔๓๒๑

ลงชอ่ื .................................................... ผู้ประเมนิ
........./ .............................../ ......

เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยคร้ัง ให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ให้ ๒ คะแนน ๑๘ - ๒๐ ดมี าก
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมน้อยคร้ัง ให้ ๑ คะแนน
๑๔ – ๑๗ ดี

๑๐ – ๑๓ พอใช้

ต่ากวา่ ๑๐ ปรับปรงุ


๒๙๗

แบบประเมนิ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม

ช่อื กลุ่ม ช้ัน

คาชแ้ี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในชอ่ ง
ท่ตี รงกับระดับคะแนน

ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน
4321
1 การแบ่งหน้าท่กี นั อย่างเหมาะสม
2 ความรว่ มมอื กนั ทางาน
3 การแสดงความคดิ เห็น
4 การรบั ฟงั ความคิดเห็น
5 ความมนี า้ ใจชว่ ยเหลอื กนั
รวม

ลงชือ่ .................................................... ผูป้ ระเมนิ
........./ .............................../ ......

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ ๓ คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้ัง ให้ ๒ คะแนน ๑๘ - ๒๐ ดมี าก
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ ๑ คะแนน
๑๔ – ๑๗ ดี

๑๐ – ๑๓ พอใช้

ตา่ กวา่ ๑๐ ปรับปรงุ


๒๙๘

แบบประเมินการนาเสนอผลงาน

คาช้แี จง : ให้ ผู้สอน ประเมินการนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการท่กี าหนด แล้วขดี ✓ ลงในช่อง
ท่ีตรงกับระดับคะแนน

ระดบั คุณภาพ

ลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ๔ ๓๒ ๑
(ดมี าก)
๑ เน้ือหาละเอยี ดชดั เจน (ดี) (พอใช้) (ปรบั ปรุง)
๒ ความถกู ต้องของเนอื้ หา

๔ ภาษาทีใ่ ชเ้ ขา้ ใจงา่ ย
๕ ประโยชน์ทีไ่ ด้จากการนาเสนอ

วิธกี ารนาเสนอผลงาน
รวม

ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ
............../.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ ๔ คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบูรณช์ ดั เจน ให้ ๓ คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี อ้ บกพร่องบางส่วน ให้ ๒ คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมมขี อ้ บกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ ๑ คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมมขี อ้ บกพรอ่ งมาก

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ระดบั คุณภาพ
ดมี าก
ชว่ งคะแนน ดี
๑๘ – ๒๐ พอใช้
๑๔ – ๑๗ ปรบั ปรงุ
๑๐ – ๑๓
ต่ากวา่ ๑๐


๒๙๙

แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

คาชีแ้ จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในชอ่ ง
ทต่ี รงกับระดบั คะแนน

คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อันพึงประสงคด์ ้าน ๔๓๒๑
๑. รกั ชาติ ศาสน์ ๑.๑ ยืนตรงเมอื่ ไดย้ ินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธบิ าย
ความหมาย
กษัตริย์ ของเพลงชาติ

๒. ซื่อสตั ย์ สุจรติ ๑.๒ ปฏบิ ัตติ นตามสทิ ธิและหน้าทีข่ องพลเมอื ง

๓. มีวินัย ๑.๓ ใหค้ วามรว่ มมอื รว่ มใจ ในการทากจิ กรรมกบั สมาชกิ ในโรงเรยี น
รบั ผิดชอบ และชมุ ชน

๔. ใฝเ่ รียนรู้ ๑.๔ เข้าร่วมกิจกรรมและมีสว่ นรว่ มในการจดั กจิ กรรมท่ีสร้างความ
๕. อยอู่ ย่าง สามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชนต์ ่อโรงเรยี น ชมุ ชน และ
พอเพียง สังคม ชื่นชม
ความเปน็ ไทย

๑.๕ เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถือ ปฏิบัตติ นตามหลักของ
ศาสนา

๑.๖ เข้ารว่ มกจิ กรรมและมีส่วนรว่ มในการจดั กิจกรรมทเี่ ก่ยี วขอ้ งกับ
สถาบนั
พระมหากษตั รยิ ์ตามทีโ่ รงเรยี นและชุมชนจัดขึน้

๒.๑ ใหข้ อ้ มูลทีถ่ กู ต้อง และเปน็ จริง

๒.๒ ปฏบิ ัตใิ นส่งิ ที่ถูกต้อง ละอาย และเกรงกลัวทจ่ี ะกระทาความผิด
ทาตามสญั ญาทต่ี นให้ไวก้ ับเพื่อน พอ่ แม่ หรือผูป้ กครอง และครู

๒.๓ ปฏิบัตติ นต่อผู้อื่นด้วยความซ่ือตรง ไม่หาประโยชนใ์ นทางท่ไี ม่
ถูกตอ้ ง

๓.๑ ปฏบิ ัตติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคับของครอบครัว
โรงเรียน และสงั คม ไมล่ ะเมิดสทิ ธิของผอู้ ่นื ตรงตอ่ เวลาในการ
ปฏิบตั กิ ิจกรรมตา่ งๆ ในชีวิตประจาวนั และรับผดิ ชอบในการ
ทางาน

๔.๑ แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรยี นรตู้ า่ งๆ

๔.๒ มกี ารจดบันทึกความร้อู ยา่ งเปน็ ระบบ

๔.๓ สรุปความรู้ได้อย่างมเี หตผุ ล

๕.๑ ใช้ทรพั ยส์ ินของตนเอง เชน่ สงิ่ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อย่างประหยัด
ค้มุ คา่ และเก็บรักษาดูแลอย่างดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม


๓๐๐

คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงคด์ า้ น ๔๓๒๑

๕.๒ ใช้ทรพั ยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั คมุ้ คา่ และเกบ็ รกั ษาดูแล
อย่างดี

๕.๓ ปฏบิ ตั ติ นและตัดสนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตุผล

๕.๕ วางแผนการเรียน การทางานและการใชช้ ีวติ ประจาวันบนพืน้ ฐาน
ของความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร

๕.๖ รเู้ ทา่ ทนั การเปลีย่ นแปลงทางสงั คม และสภาพแวดล้อม ยอมรบั
และปรับตัว อยูร่ ว่ มกับผอู้ น่ื ได้อย่างมีความสุข

๖. มงุ่ ม่นั ในการ ๖.๑ เอาใจใสต่ อ่ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ที ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
ทางาน ๖.๒ ตงั้ ใจและรับผิดชอบในการทางานให้สาเร็จ

๖.๓ ปรับปรงุ และพฒั นาการทางานอย่างรอบคอบ

๖.๔ ทมุ่ เท ทางาน อดทน ไมท่ ้อต่อปัญหาและอุปสรรค

๖.๕ พยายามแกป้ ัญหาและอปุ สรรคในการทางานใหส้ าเร็จ

๖.๖ ชื่นชมผลงานความสาเรจ็ ด้วยความภาคภมู ิใจ

๗. รักความเป็นไทย ๗.๑ มีจิตสานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย

๗.๒ เหน็ คณุ คา่ และปฏิบัตติ นตามวฒั นธรรมไทย

๘. มจี ติ สาธารณะ ๘.๑ รจู้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน

๘.๒ อาสาทางาน ชว่ ยคิด ชว่ ยทา แบง่ ปันสงิ่ ของ ทรพั ย์สนิ และอนื่ ๆ
และช่วยแก้ปญั หาใหผ้ ู้อน่ื

๘.๓ ดแู ล รักษาทรพั ย์สนิ ของห้องเรียน โรงเรียน ชมุ ชน

๘.๔ เขา้ รว่ มกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียนและ
ชมุ ชน

ลงชอื่ .................................................... ผู้ประเมิน
........./ .............................../ ......

เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ

ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ ๔ คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ ๓ คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ ๒ คะแนน ๑๐๔ – ๑๒๔ ดมี าก
ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมนอ้ ยครัง้ ให้ ๑ คะแนน
๑๘๓ – ๑๐๓ ดี

๖๒ – ๘๒ พอใช้

ต่ากว่า ๖๒ ปรับปรงุ


๓๐๑

แผนการจัดการเรียนรู้

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๔ นิทานสารพัน เวลา ๑๒ ชว่ั โมง
เวลา ๑ ชว่ั โมง
แผนการเรยี นร้ทู ่ี ๑ คาวิเศษณ์ควรศกึ ษา
ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖5
สอนวันท่ี เดือน พ.ศ. ตาแหน่ง ครู

ครผู ู้สอน นางสาวชาลสิ า หาญกิจ

๑. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข๎าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลงั

ของภาษา ภมู ปิ ๓ญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว๎เป็นสมบตั ิของชาติ
ตัวชวี้ ดั
ม.๑/๓ ชนดิ และหนา๎ ทข่ี องคํา

๒. สาระสาคญั
คําวิเศษณ๑ คือ คําที่ใช๎ประกอบหรือขยายคํานาม สรรพนาม คํากริยา หรือคําวิเศษณ๑ เพ่ือให๎ได๎

ใจความชดั เจนและละเอียดมากขึน้

๓. จุดประสงค์การเรียนรู้
๑. นกั เรียนอธิบายความหมายคําวเิ ศษณ๑
๒. นักเรยี นอธบิ ายชนดิ ของคาํ วิเศษณ๑
๓. นักเรยี นจาํ แนกชนดิ ของคาํ วเิ ศษณไ๑ ด๎
๔. นกั เรียนใฝเุ รียนร๎แู ละมีความมงุํ มัน่ ในการทาํ งาน

๔. สาระการเรยี นรู้
ชนดิ และหน๎าที่ของคาํ

๕. การจัดกระบวนการจดั การเรียนรู้
ขัน้ นา
ครตู ดิ แถบประโยคบนกระดานดํา แลว๎ ใหน๎ ักเรยี นสงั เกตคําจากแถบประโยคทก่ี าํ หนดใหแ๎ ลว๎ ตั้ง

คาํ ถาม เชนํ คาํ ที่ขีดเสน๎ ใต๎เป็นคําชนิดใด คําทีข่ ีดเสน๎ ใตท๎ าํ หนา๎ ท่ีอะไร คาํ ที่ขีดเสน๎ ใต๎ทกุ ข๎อมีความคล๎ายคลงึ
กันหรอื แตกตาํ งกนั อยาํ งไร

๑) เกํงเป็นคนอ๎วน
๒) ไกํวิ่งเร็ว
๓) ก๎อยตนื่ สาย
๔) แกม๎ นั่งใกลโ๎ ต๏ะ
๕) ก๊ิกใสเํ ส้ือแดง


๓๐๒

ขัน้ สอน
๑. ครูแบงํ นกั เรยี นออกเปน็ ๖ กลํมุ ศกึ ษาใบความรู๎เร่อื ง คาํ วเิ ศษณ๑ แลว๎ รวํ มกนั สรุปความร๎ู

เรอื่ งความหมายและชนดิ ของคาํ วิเศษณ๑
๒. นกั เรียนเลํนเกม “วิเศษณแ๑ บบไหน...ลองทาย” แขงํ ขันระบุชนิดของคําวเิ ศษณ๑ ตํอไปน้แี ลว๎

รวํ มกันสรุปชนิดคําวิเศษณ๑
๓. นกั เรยี นทาํ แบบฝกึ “เลอื กวเิ ศษณใ๑ ชส๎ ่อื สาร” และเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ในประเด็น

“วเิ ศษณน๑ นั้ สาํ คัญอยํางไร”
ข้ันสรปุ
ครูและนักเรยี นรวํ มกนั สรุปความหมายและชนิดคาํ วเิ ศษณ๑ พร๎อมทั้งขอ๎ สังเกตของคําวิเศษณ๑แล๎ว

ให๎นักเรียนบนั ทึกลงสมดุ

๖. สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้
๑. แถบประโยค
๒. ใบความรู๎ เร่อื ง คาํ วิเศษณ๑ (ลกั ษณะและชนิดของคําวเิ ศษณ๑)
๓. เกม “วิเศษณแ๑ บบไหน...ลองทายซิ”
๔. ใบงาน “เลือกวิเศษณ๑ใช๎สอ่ื สาร”

๗. วัดผลประเมนิ ผล

วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑ์
ตรวจใบงาน “เลอื กวเิ ศษณใ๑ ชส๎ ื่อสาร” ใบงาน “เลือกวิเศษณใ๑ ช๎ส่ือสาร” ผาํ นเกณฑ๑การประเมนิ รอ๎ ยละ
๖๐ ขึ้นไป
สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี น แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียน ระดับคุณภาพ ๒ ผํานเกณฑ๑
ประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค๑ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค๑
ระดับคณุ ภาพ ๒ ผาํ นเกณฑ๑


๓๐๓

บันทึกหลังแผนการจัดการเรียนรู้

๑. ด๎านความรู๎
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๒. ด๎านสมรรถนะสําคัญของผ๎เู รียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๓. ด๎านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค/๑ คํานิยม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๔. ดา๎ นอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดนํ หรอื พฤติกรรมทม่ี ปี ๓ญหาของนักเรยี นเป็นรายบุคคล (ถ๎ามี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๕. ป๓ญหา/อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๖. ขอ๎ เสนอแนะ/แนวทางการแก๎ป๓ญหา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ………………………………………ครูประจาํ วชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………

๗. ความคดิ เหน็ ของผูอ๎ ํานวยการสถานศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ………………………………………ผูอ๎ าํ นวยการสถานศกึ ษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………


๓๐๔

ใบความรูเ้ รอ่ื ง คาวิเศษณ์
หนว่ ยที่ ๔ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ เร่ือง คาวิเศษณค์ วรศกึ ษา
รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑

คาวิเศษณ์
คาํ วิเศษณ๑ คือ คําทใ่ี ช๎ประกอบหรอื ขยายคาํ นาม สรรพนาม คาํ กรยิ า หรอื คาวิเศษณ๑ เพ่ือให๎ได๎

ใจความชัดเจนและละเอียดมากขน้ึ (ดวงพร หลิมรัตน,๑ ๒๕๕๑, หนา๎ ๙๔)
เชํน
คนอว้ นกนิ จุ
("อว๎ น" เปน็ คาวิเศษณ๑ท่ีขยายคานาม "คน" "จุ" เป็นคาวเิ ศษณ๑ท่ีขยายคากรยิ า "กิน")
เขาร๎องเพลงได๎ไพเราะ
("ไพเราะ" เป็นคาวิเศษณ๑ท่ีขยายคากรยิ า "รอ๎ งเพลง")
เขารอ๎ งเพลงไดไ๎ พเราะมาก
("มาก" เปน็ คาวเิ ศษณท๑ ่ขี ยายคาวิเศษณ๑ "ไพเราะ")

ชนดิ ของคาวเิ ศษณ์
คําวเิ ศษณแ๑ บํงออกเปน็ ๑๐ ชนดิ ดงั น้ี
๑. คาวเิ ศษณ์บอกลักษณะ (ลักษณะวิเศษณ๑) คือ คําวเิ ศษณท๑ บี่ อกลกั ษณะตํางๆ เชํน บอกชนิด สี

ขนาด สัณฐาน กล่ิน รส บอกความร๎สู กึ เชํน ดี ช่ัว ใหญํ ขาว ร๎อน เย็น หอม หวาน กลม แบน เปน็ ตน๎ เชํน
นาํ้ ร้อนอยํูในกระตกิ สีขาว
จานใบใหญร่ าคาแพงกวาํ จานใบเล็ก

๒. คาวเิ ศษณ์บอกเวลา (กาลวิเศษณ๑) คอื คําวเิ ศษณ๑บอกเวลา เชนํ เช๎า สาย บาํ ย เยน็ อดีต อนาคต
เป็นต๎น เชํน

วนั พรุ่งนี้เปน็ วนั เกดิ ของคณุ แมํ
เขามาโรงเรยี นสาย
๓. คาวเิ ศษณ์บอกสถานท่ี (สถานวิเศษณ๑) คอื คาํ วิเศษณบ๑ อกสถานที่ เชนํ ใกล๎ ไกล บน ลาํ ง เหนือ
ใต๎ ซ๎าย ขวา เป็นตน๎ เชนํ
บา๎ นฉนั อยไํู กลมาก
เขาอาศยั อยูํช้นั บน
๔. คาวิเศษณ์บอกจานวน หรอื ปรมิ าณ (ประมาณวเิ ศษณ)๑ คอื คําวเิ ศษณ๑บอกจานวน หรือปรมิ าณ
เชนํ หนึ่ง สอง สาม มาก นอ๎ ย บอํ ย หลาย บรรดา ตําง บ๎าง เป็นตน๎ เชนํ
เขามีเงินหา้ บาท
เขามาหาฉันบ่อยๆ
๕. คาวิเศษณท์ ่ีแสดงความปฏเิ สธ (ประติเษธวิเศษณ๑ ) คอื คําวเิ ศษณท๑ แ่ี สดงความปฏิเสธ หรือไมํ
ยอมรับ เชํน ไมํ ไมํใชํ มิ มใิ ชํ ไมํได๎ หามไิ ด๎ เป็นต๎น เชนํ
เขามไิ ด้มาคนเดยี ว
ของนี้ไม่ใช่ของฉนั ฉันจงึ รับไว๎ไม่ได้
๖. คาวิเศษณท์ ่ีใช้แสดงการขานรับหรอื โตต้ อบ (ประตชิ ญาวเิ ศษณ)๑ คอื คาํ วิเศษณ๑ท่ีใชแ๎ สดงการ
ขานรบั หรือโต๎ตอบ เชํน ครบั ขอรบั คะํ เปน็ ต๎น เชนํ


๓๐๕

คณุ ครับมีคนมาหาขอรับ
คุณครูขา สวัสดีคะ่
๗. คาวเิ ศษณท์ บี่ อกความช้ีเฉพาะ (นยิ มวิเศษณ)๑ คือ คาํ วเิ ศษณท๑ บ่ี อกความชเ้ี ฉพาะ เชนํ นี้ นน่ั โนนํ
ทง้ั น้ี ทั้งน้นั แนํนอน เป็นตน๎ เชนํ
บ๎านนั้นไมํมใี ครมาอยูํ
เขาเป็นคนขยันแน่ๆ
๘. คาวเิ ศษณท์ ่บี อกความไมช่ ี้เฉพาะ (อนยิ มวเิ ศษณ)๑ คอื คาํ วเิ ศษณ๑ทีบ่ อกความไมชํ ี้เฉพาะ เชํน ใด
อืน่ ไหน อะไร ใคร ฉันใด เป็นต๎น เชนํ
เธอจะมาเวลาใดก็ได๎
คุณจะน่งั เก๎าอ้ีตวั ไหนกไ็ ด๎
๙. คาวเิ ศษณแ์ สดงคาถาม (ปฤจฉาวิเศษณ๑) คอื คําวิเศษณแ๑ สดงคาํ ถาม หรือแสดงความสงสัย เชํน
ใด ไร ไหน อะไร ส่ิงใด ทาํ ไม เปน็ ต๎น เชนํ
เสอื้ ตัวนี้ราคาเท่าไร
เขาจะมาเมื่อไร
๑๐. คาวเิ ศษณ์ที่ทาหนา้ ทีเ่ ช่ือมคาหรือประโยค (ประพนั ธวเิ ศษณ)๑ คือ คาํ วิเศษณ๑ท่ที าหนา๎ ที่เชื่อมคาํ
หรือประโยคใหม๎ คี วามเกยี่ วข๎องกัน เชํนคําวาํ ท่ี ซึ่ง อัน อยําง ที่วาํ เพ่ือวาํ ให๎ เป็นต๎น เชํน
เขาทาํ งานหนักเพ่ือวา่ เขาจะได๎มเี งินมาก
เขาทําความดี อนั หาทสี่ ดุ มไิ ด๎

หนา้ ทีข่ องคาวิเศษณ์
หนา๎ ท่ขี องคําวิเศษณ๑ มดี งั นคี้ อื
๑. ทาหน้าทีข่ ยายคานาม เชนํ
คนอว้ นกินจุ ("อ๎วน" เป็นคําวิเศษณ๑ขยายคาํ นาม "คน")
ตาํ รวจหลายคนจบั โจรผร๎ู ๎าย ("หลาย" เปน็ คําเศษณข๑ ยายคํานาม "ตํารวจ")
๒. ทาหนา้ ที่ขยายคาสรรพนาม เชํน
เราทง้ั หมดชํวยกันทํางานให๎เรยี บร๎อย ("ทั้งหมด" เป็นคําวิเศษณ๑ขยายคําสรรพนาม "เรา")
ฉันเองเปน็ คนพูด ("เอง" เปน็ คาํ วิเศษณ๑ขยายคาํ สรรพนาม "ฉัน")
๓. ทาหนา้ ที่ขยายกรยิ า เชํน
ปูาซอ้ื กับขา๎ วทตี่ ลาดนดั หนา๎ อําเภอทกุ วนั ("ทกุ วนั " เปน็ คําวเิ ศษณท๑ ี่ไปขยายคํากริยา "ซ้อื ")
๔. ทาหน้าท่ขี ยายคาวเิ ศษณ์ เชํน
คืนน้พี ระจันทร๑สํองแสงสวยงามมาก ("มาก" เป็นคําวเิ ศษณ๑ ทําหน๎าท่ขี ยายคาํ “สวยงาม”

ซงึ่ เป็นคําวเิ ศษณ๑)
ญาญําชอบด่มื นํ้าสม๎ เยน็ จดั เวลาเหนอื่ ย ("จดั " เป็นคํากรยิ า ทําหน๎าทข่ี ยายคํา “เย็น” ซ่ึงเปน็

คาํ วิเศษณ)๑
๕. ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ตวั แสดงในภาคแสดง เชนํ
เธอสูงกวาํ คนอน่ื
ขนมนอ้ี รอ่ ยดี


๓๐๖

วธิ ีการเลน่ เกม “วิเศษณ์แบบไหน....ลองทายซ”ิ
หนว่ ยท่ี ๔ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง คาวเิ ศษณค์ วรศกึ ษา
รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑

๑. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเป็น ๖ กล่มุ สมาชกิ เลอื กประธานกลมุ่
๒. ประธานกลมุ่ มารับ แผน่ เกม
๓. สมาชกิ รว่ มกนั วเิ คราะหว์ า่ คาวเิ ศษณแ์ ตล่ ะขอ้ เป็นคาวิเศษณช์ นิดใด
๔. กลุ่มท่สี ง่ อันดบั ที่ ๑ ได้คะแนนบวก ๓ อนั ดับ ๒ บวก ๒ อนั ดับ ๓ บวก ๑

๑. บวั ขาวขอผ๎าเยน็ ๑ ผืน .......................................
๒. หมาก ปริญญ๑ เป็นคนเหนอื .......................................
๓. นกั เรียนคนไหนเป็นต่ิงเกาหลี .......................................
๔. คุณครูตาํ หนนิ ักเรียนท่ีมาสาย .......................................
๕. น๎องมะลิสอบได๎เกรดสี่ทุกวชิ า .......................................
๖. รถเบนซ๑คนั นั้นเป็นของครูเอง .......................................
๗. พ่ตี นู วงิ่ ไปถึงไหนก็มีแตคํ นตอ๎ นรับ .......................................
๘. พี่มากขาน๎องรออยูทํ ที่ าํ น้าํ ทุกวนั .......................................

กลุม่ ท่ี ..........................................ม.๑/........
ลงช่อื ....................................................ประธานกล่มุ


๓๐๗

วธิ กี ารเล่น เฉลยเกม “วเิ ศษณแ์ บบไหน....ลองทายซ”ิ
หน่วยที่ ๔ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๑ เรือ่ ง คาวิเศษณ์ควรศกึ ษา
รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๑

๑. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ออกเป็น ๖ กลมุ่ สมาชกิ เลอื กประธานกล่มุ
๒. ประธานกลุม่ มารบั แผ่นเกม
๓. สมาชิกรว่ มกนั วเิ คราะห์ว่าคาวเิ ศษณแ์ ตล่ ะข้อเป็นคาวเิ ศษณ์ชนดิ ใด
๔. กลมุ่ ทีส่ ่งอันดบั ท่ี ๑ ได้คะแนนบวก ๓ อนั ดบั ๒ บวก ๒ อนั ดับ ๓ บวก ๑

๑. บวั ขาวขอผ๎าเยน็ ๑ ผืน คําวิเศษณ๑บอกลกั ษณะ
๒. หมาก ปริญญ๑ เป็นคนเหนือ คําวิเศษณบ๑ อกสถานท่ี
๓. นกั เรียนคนไหนเปน็ ติ่งเกาหลี คําวิเศษณ๑แสดงคําถาม
๔. คุณครูตาํ หนินักเรียนทม่ี าสาย คําวเิ ศษณ๑บอกเวลา
๕. น๎องมะลิสอบไดเ๎ กรดสี่ทกุ วิชา คาํ วิเศษณบ๑ อกปริมาณหรือจาํ นวน
๖. รถเบนซ๑คันนั้นเป็นของครเู อง คําวเิ ศษณบ๑ อกความช้เี ฉพาะ
๗. พ่ตี ูนว่งิ ไปถึงไหนก็มแี ตํคนตอ๎ นรับ คาํ วเิ ศษณ๑บอกความไมํเฉพาะเจาะจง
๘. พมี่ ากขานอ๎ งรออยูทํ ที่ าํ น้ําทุกวัน คําวเิ ศษณแ๑ สดงการขานรับ


๓๐๘

ใบงานเรอื่ ง วิเศษณ์ใช้ให้ถกู ตอ้ ง
หนว่ ยที่ ๔ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ เรอื่ ง คาวเิ ศษณค์ วรศกึ ษา
รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑
คาช้ีแจง ให๎นักเรยี นอํานนทิ านอสี ป เรื่อง สุนัขจิง้ จอกกบั สงิ โตในกรงแลว๎ เตมิ คาํ วเิ ศษณท๑ ี่เหมาะสมลงใน
ชํองวาํ ง

นทิ านอสี ป เร่ือง สุนัขจิ้งจอกกบั สงิ โตในกรง

สนุ ัขจิ้งจอกตัว(๑)............. ออกหาอาหารในปาุ (๒)............. มันบงั เอญิ ไปเจอสิงโตตวั หน่งึ ถกู นายพราน
จับขังไว๎ในกรง(๓)............... สุนัขจิ้งจอกพูดจาเยาะเยย๎ สิงโตอยําง(๔)............เกรงกลัววํา "สมน้าํ หน๎าเจา๎ จริง ๆ
เป็นถงึ เจา๎ แหํงสัตว๑ปุาผู๎(๕)...................... แตํกลบั ตอ๎ งมาพลาดทาํ ให๎มนุษยต๑ วั (๖).................เสียน่ี" สงิ โตตอบไป
วาํ "ไมํใชวํ ําข๎าไม(ํ ๗).....................แตขํ ๎าโชค(๘).......................ตาํ งหากท่ีมนษุ ย๑จบั ได๎ เจา๎ เองก็ระวังตวั ไว๎ให๎ดี
เถอะ วนั (๙)..................ท่เี ผลออาจเปน็ ตวั เจา๎ เองทีต่ อ๎ งถกู ขงั อยใํู นนี่แบบขา๎ "

:: นทิ านเรื่องน้ีสอนใหร้ ู้ว่า ::
คน(๑๐)......................ยอ่ มไม่ซา้ เตมิ ผทู้ กี่ าลงั เดือดร้อน
เฉลย ๑. หนง่ึ ๒. ลึก/ใหญ่ ๓. ใหญ่ ๔. ไม่ ๕. ย่ิงใหญ่

๖. เล็กๆ ๗. แขง็ แรง/เกง่ ๘. ร้าย ๙. ไหน ๑๐. ดี


๓๐๙

แผนการจัดการเรียนรู้

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๔ นทิ านสารพนั เวลา ๑๒ ชัว่ โมง
เวลา ๑ ช่ัวโมง
แผนการเรยี นรู้ท่ี ๒ คาวิเศษณค์ วรศกึ ษา
ภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖5
สอนวนั ท่ี เดือน พ.ศ. ตาแหนง่ ครู

ครูผู้สอน นางสาวชาลสิ า หาญกจิ

๑. มาตรฐาน/ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา๎ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลัง

ของภาษา ภูมิปญ๓ ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว๎เปน็ สมบตั ิของชาติ
ตวั ชีว้ ดั
ม.๑/๓ ชนิดและหนา๎ ท่ีของคาํ

๒. สาระสาคัญ
คําวิเศษณ๑ คือ คําท่ีใช๎ประกอบหรือขยายคํานาม สรรพนาม คํากริยา หรือคําวิเศษณ๑ เพ่ือให๎ได๎

ใจความชัดเจนและละเอยี ดมากขน้ึ

๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นักเรียนวิเคราะหช๑ นดิ และหน๎าทีข่ องคาํ วเิ ศษณไ๑ ด๎
๒. นักเรียนจาํ แนกชนดิ และหน๎าทีข่ อง
๓. นักเรยี นใชค๎ ําวิเศษณ๑ได๎ถกู ต๎อง
๔. นักเรยี นใฝเุ รียนรแ๎ู ละมคี วามมงํุ มั่นในการทาํ งาน

๔. สาระการเรยี นรู้
ชนดิ และหนา๎ ทขี่ องคํา

๕. การจดั กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขั้นนา
ครตู ิดแถบประโยคบนกระดานดาํ
นกบิน
นกเล็กบินเร็ว
นกเล็กหลายตัวบนิ เร็ว
นกเลก็ หลายตัวบินเร็วมาก
แล๎วให๎นักเรยี นสงั เกตคําจากแถบประโยคท่กี ําหนดให๎วํามคี วามแตกตํางกนั อยาํ งไร
ขน้ั สอน

๑. ครแู บงํ นักเรียนออกเป็นกลํมุ ศกึ ษาใบความรเ๎ู ร่ือง คาํ วิเศษณ๑ แล๎วรวํ มกันสรปุ ความร๎ูเรือ่ ง
หน๎าท่ขี องคําวเิ ศษณ๑

๒. นกั เรียนเรยี นวิเคราะหค๑ าํ วิเศษณ๑จากนิทานเรอ่ื ง หน๎าที่ของฉนั และนําเสนอหนา๎ ชน้ั เรยี น


๓๑๐

๓. นกั เรียนทาํ ใบงาน เรอ่ื ง คาํ วเิ ศษณ๑ และ และเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ในประเด็น “วิเศษณ๑
น้ันสําคญั อยาํ งไร”

๔. ครูและนกั เรยี นรวํ มกนั เฉลยใบงานเรอ่ื ง คําวเิ ศษณ๑
๕. นกั เรยี นทําแบบทดสอบ เรือ่ ง คาํ วเิ ศษณ๑ พรอ๎ มเฉลยแบบทดสอบอยํางละเอยี ด
ข้นั สรปุ
ครูและนักเรียนรํวมกันสรุปคําวิเศษณ๑เพื่อให๎มีความร๎ูความเข๎าใจตรงกันและบันทึกลงสมุดเพ่ือ
นาํ ไปใช๎ได๎อยํางถกู ตอ๎ ง

๖. สอื่ /แหลง่ เรียนรู้
๑. แถบประโยค
๒. ใบความรู๎ เรือ่ ง คาํ วิเศษณ๑
๓. นทิ าน เรื่อง หน๎าท่ขี องฉัน
๔. ใบงาน เร่ือง คําวเิ ศษณ๑
๕. แบบทดสอบ เร่อื ง คําวเิ ศษณ๑

๗. วดั ผลประเมนิ ผล

วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์
นาํ เสนอผลงาน แบบประเมินการนําเสนอผลงาน ผาํ นเกณฑก๑ ารประเมนิ ร๎อยละ
๖๐ ขนึ้ ไป
ทาํ แบบทดสอบ แบบทดสอบ ผํานเกณฑ๑การประเมินรอ๎ ยละ
๖๐ ขน้ึ ไป
ตรวจใบงาน เร่อื ง คําวเิ ศษณ๑ ใบงาน เร่ือง คําวเิ ศษณ๑ ผํานเกณฑก๑ ารประเมนิ ร๎อยละ
ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค๑ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค๑ ๖๐ ขึ้นไป

ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผํานเกณฑ๑


๓๑๑

บันทกึ หลงั แผนการจัดการเรยี นรู้

๑. ดา๎ นความรู๎
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๒. ดา๎ นสมรรถนะสาํ คัญของผ๎เู รยี น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๓. ดา๎ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค๑/คาํ นิยม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๔. ดา๎ นอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดนํ หรือพฤตกิ รรมทม่ี ีป๓ญหาของนกั เรียนเป็นรายบคุ คล (ถ๎าม)ี )
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๕. ปญ๓ หา/อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๖. ขอ๎ เสนอแนะ/แนวทางการแกป๎ ญ๓ หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่อื ………………………………………ครปู ระจําวชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………

๗. ความคดิ เหน็ ของผ๎ูอํานวยการสถานศึกษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ………………………………………ผอ๎ู ํานวยการสถานศกึ ษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………


๓๑๒

ใบความรูเ้ รอ่ื ง คาวิเศษณ์
หนว่ ยที่ ๔ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๑ เร่ือง คาวิเศษณค์ วรศกึ ษา
รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑

คาวิเศษณ์
คาํ วิเศษณ๑ คือ คําทใ่ี ชป๎ ระกอบหรือขยายคาํ นาม สรรพนาม คาํ กรยิ า หรอื คาวิเศษณ๑ เพ่ือให๎ได๎

ใจความชัดเจนและละเอียดมากขน้ึ (ดวงพร หลิมรัตน,๑ ๒๕๕๑, หนา๎ ๙๔)
เชํน
คนอว้ นกนิ จุ
("อว๎ น" เปน็ คาวิเศษณท๑ ี่ขยายคานาม "คน" "จุ" เป็นคาวเิ ศษณ๑ท่ีขยายคากรยิ า "กิน")
เขาร๎องเพลงได๎ไพเราะ
("ไพเราะ" เปน็ คาวิเศษณท๑ ่ีขยายคากรยิ า "รอ๎ งเพลง")
เขารอ๎ งเพลงได๎ไพเราะมาก
("มาก" เปน็ คาวเิ ศษณท๑ ่ีขยายคาวิเศษณ๑ "ไพเราะ")

ชนดิ ของคาวเิ ศษณ์
คําวเิ ศษณแ๑ บํงออกเปน็ ๑๐ ชนิด ดงั น้ี
๑. คาวเิ ศษณ์บอกลักษณะ (ลักษณะวิเศษณ๑) คือ คําวเิ ศษณท๑ บี่ อกลกั ษณะตํางๆ เชํน บอกชนิด สี

ขนาด สัณฐาน กล่ิน รส บอกความร๎สู กึ เชนํ ดี ช่วั ใหญํ ขาว ร๎อน เย็น หอม หวาน กลม แบน เปน็ ตน๎ เชํน
นาํ้ ร้อนอยํูในกระตกิ สีขาว
จานใบใหญร่ าคาแพงกวาํ จานใบเล็ก

๒. คาวเิ ศษณ์บอกเวลา (กาลวเิ ศษณ๑) คอื คําวเิ ศษณ๑บอกเวลา เชนํ เช๎า สาย บาํ ย เยน็ อดีต อนาคต
เป็นต๎น เชํน

วนั พรุ่งนี้เปน็ วันเกดิ ของคณุ แมํ
เขามาโรงเรยี นสาย
๓. คาวเิ ศษณ์บอกสถานท่ี (สถานวิเศษณ๑) คอื คาํ วิเศษณบ๑ อกสถานที่ เชนํ ใกล๎ ไกล บน ลาํ ง เหนือ
ใต๎ ซ๎าย ขวา เป็นตน๎ เชนํ
บา๎ นฉนั อยไูํ กลมาก
เขาอาศยั อยูํชนั้ บน
๔. คาวิเศษณ์บอกจานวน หรือปรมิ าณ (ประมาณวเิ ศษณ)๑ คอื คําวเิ ศษณ๑บอกจานวน หรือปรมิ าณ
เชนํ หนึ่ง สอง สาม มาก นอ๎ ย บํอย หลาย บรรดา ตําง บ๎าง เป็นตน๎ เชนํ
เขามีเงินหา้ บาท
เขามาหาฉันบอ่ ยๆ
๕. คาวิเศษณท์ ่ีแสดงความปฏเิ สธ (ประติเษธวเิ ศษณ๑ ) คอื คําวเิ ศษณท๑ แ่ี สดงความปฏิเสธ หรือไมํ
ยอมรับ เชํน ไมํ ไมํใชํ มิ มใิ ชํ ไมไํ ด๎ หามไิ ด๎ เป็นต๎น เชนํ
เขามไิ ด้มาคนเดียว
ของนี้ไม่ใช่ของฉนั ฉนั จึงรบั ไว๎ไม่ได้
๖. คาวิเศษณท์ ่ีใช้แสดงการขานรับหรอื โตต้ อบ (ประตชิ ญาวเิ ศษณ)๑ คอื คาํ วิเศษณ๑ท่ีใชแ๎ สดงการ
ขานรบั หรือโต๎ตอบ เชํน ครบั ขอรบั คะํ เป็นต๎น เชนํ


๓๑๓

คณุ ครับมีคนมาหาขอรับ
คุณครูขา สวัสดีคะ่
๗. คาวเิ ศษณท์ บี่ อกความช้ีเฉพาะ (นยิ มวิเศษณ)๑ คือ คาํ วเิ ศษณท๑ บ่ี อกความชเ้ี ฉพาะ เชนํ นี้ นน่ั โนนํ
ทง้ั น้ี ทั้งน้นั แนํนอน เป็นตน๎ เชนํ
บ๎านนั้นไมํมใี ครมาอยูํ
เขาเป็นคนขยันแน่ๆ
๘. คาวเิ ศษณท์ ่บี อกความไมช่ ี้เฉพาะ (อนยิ มวเิ ศษณ)๑ คอื คาํ วเิ ศษณ๑ทีบ่ อกความไมชํ ี้เฉพาะ เชํน ใด
อืน่ ไหน อะไร ใคร ฉันใด เป็นต๎น เชนํ
เธอจะมาเวลาใดก็ได๎
คุณจะน่งั เก๎าอ้ีตวั ไหนกไ็ ด๎
๙. คาวเิ ศษณแ์ สดงคาถาม (ปฤจฉาวิเศษณ๑) คอื คําวิเศษณแ๑ สดงคาํ ถาม หรือแสดงความสงสัย เชํน
ใด ไร ไหน อะไร ส่ิงใด ทาํ ไม เปน็ ต๎น เชนํ
เสอื้ ตัวนี้ราคาเท่าไร
เขาจะมาเมื่อไร
๑๐. คาวเิ ศษณ์ที่ทาหนา้ ทีเ่ ช่ือมคาหรือประโยค (ประพนั ธวเิ ศษณ)๑ คือ คาํ วิเศษณ๑ท่ที าหนา๎ ที่เชื่อมคาํ
หรือประโยคใหม๎ คี วามเกยี่ วข๎องกัน เชํนคําวาํ ท่ี ซึ่ง อัน อยําง ที่วาํ เพื่อวาํ ให๎ เป็นต๎น เชํน
เขาทาํ งานหนักเพ่ือวา่ เขาจะได๎มเี งินมาก
เขาทําความดี อนั หาทสี่ ดุ มไิ ด๎

หนา้ ทีข่ องคาวิเศษณ์
หนา๎ ท่ขี องคําวิเศษณ๑ มดี งั นคี้ อื
๑. ทาหน้าทีข่ ยายคานาม เชนํ
คนอว้ นกินจุ ("อ๎วน" เป็นคําวิเศษณ๑ขยายคาํ นาม "คน")
ตาํ รวจหลายคนจบั โจรผร๎ู ๎าย ("หลาย" เปน็ คําเศษณข๑ ยายคํานาม "ตํารวจ")
๒. ทาหนา้ ที่ขยายคาสรรพนาม เชํน
เราทง้ั หมดชํวยกันทํางานให๎เรยี บร๎อย ("ทั้งหมด" เป็นคําวิเศษณ๑ขยายคําสรรพนาม "เรา")
ฉันเองเปน็ คนพูด ("เอง" เปน็ คาํ วิเศษณ๑ขยายคาํ สรรพนาม "ฉัน")
๓. ทาหนา้ ที่ขยายกรยิ า เชํน
ปูาซอ้ื กับขา๎ วทตี่ ลาดนดั หนา๎ อําเภอทกุ วนั ("ทกุ วนั " เปน็ คําวเิ ศษณท๑ ี่ไปขยายคํากริยา "ซ้อื ")
๔. ทาหน้าท่ขี ยายคาวเิ ศษณ์ เชํน
คืนน้พี ระจันทร๑สํองแสงสวยงามมาก ("มาก" เป็นคําวิเศษณ๑ ทําหน๎าท่ขี ยายคาํ “สวยงาม”

ซงึ่ เป็นคําวเิ ศษณ๑)
ญาญําชอบด่มื นํ้าสม๎ เยน็ จดั เวลาเหนอื่ ย ("จดั " เป็นคาํ กรยิ า ทําหน๎าทข่ี ยายคํา “เย็น” ซ่ึงเปน็

คาํ วิเศษณ)๑
๕. ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ตวั แสดงในภาคแสดง เชนํ
เธอสูงกวาํ คนอน่ื
ขนมนอ้ี รอ่ ยดี


๓๑๔

นิทานเรอ่ื ง หน้าทีข่ องฉัน
หน่วยท่ี ๔ แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๒ เร่อื ง คาวเิ ศษณ์ควรศกึ ษา
รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑

คาช้ีแจง ให๎นักเรยี นอํานนทิ านแลว๎ วิเคราะหว๑ าํ คําวิเศษณ๑ทขี่ ีดเสน๎ ใต๎ทาํ หน๎าท่อี ะไร

ณ หมบูํ ๎านชาวประมงแหงํ หนง่ึ มีชายอว๎ นศีรษะลา๎ นผเู๎ ปน็ เจ๎าของกจิ การปลาเค็มแสนอรอํ ยของ
หมบูํ า๎ น เขาเล้ยี งสนุ ัขแสนรไ๎ู ว๎ ๓ ตวั มสี นุ ขั สดี าํ สนุ ขั สีขาว และสุนขั แกํ พวกมนั ทกุ ตัวมีหน๎าท่ีเฝาู ปลาเคม็ ที่
เขาตากไว๎ สุนขั ทกุ ตวั ทาํ หนา๎ ท่ีอยํางดีเยย่ี ม ตลอดระยะเวลาท่ีชายอว๎ นมอบหมายหน๎าทใ่ี ห๎ พวกมนั จะนงั่ เฝูา
นอนเฝาู หรือเดินไปมาบรเิ วณที่ตากปลาตลอดเวลา เจ๎าดําเกํงกวาํ เพือ่ น มันจะว่ิงไลํเหาํ คนและสัตวท๑ ุกชนดิ
ไมใํ ห๎มาปวู นเปยี้ นแถวท่ตี ากปลาเดด็ ขาด

วันหนึ่งมีสุนัขตํางถ่ินพลดั หลงเขา๎ มา เจ๎าสนุ ัขถกู หมาหมูํวิ่งไลมํ าอยํางรวดเรว็ เจา๎ แกํเหน็ ดงั นน้ั
อดชวํ ยเหลือไมํไดว๎ ง่ิ เข๎าขวางทนั ที สุนัขนกั เลง ๔ – ๕ ตวั เปลยี่ นเปูาหมายมาเล็งเจา๎ แกทํ ันที

เจ๎าขาววิ่งตามไปเพอื่ ชวํ ยเหลอื เจา๎ แกํ แตํเจา๎ ดาํ ยงั หมอบนงิ่ ไมํเคล่ือนไหว เจา๎ ขาวและเจ๎าแกทํ ั้ง
เหาํ และคํารามเสยี งดงั หมาหมูตํ ัวหนึ่งกระโดดกดั เจ๎าแกํทข่ี า เจา๎ ขาวกระโดดเขา๎ ชํวยกดั ท่ีคอหมาหมตํู ัวนนั้
อยํางแรง หมาหมูเํ จบ็ หนกั ร๎องเอง๐ ๆ ไมํหยุด หวั โจกเห็นทาํ ไมดํ รี บี พาพรรคพวกลาํ ถอยโดยเร็ว เจา๎ แกํครางหงิง
ๆ เพราะเจ็บขาเจ๎าขาวมองเจ๎าดําตาขวางพร๎อมพดู วาํ “ทาํ ไมนายไมไํ ปชํวย” เจ๎าดําเชดิ หนา๎ “ไมใํ ชํหนา๎ ทข่ี อง
ฉัน ฉนั มีหน๎าทเี่ ฝาู ปลาเทาํ นนั้ ” เจา๎ แกไํ ดฟ๎ ๓งพูดขนึ้ เบา ๆ วาํ “นอกจากหน๎าทีเ่ ฝาู ปลาแลว๎ เจา๎ ไมํมหี นา๎ ทขี่ อง
เพอื่ นเลยหรือไง” เจา๎ ดํารู๎สกึ ผดิ มนั มองรอยแผลท่ีขาเจา๎ แกซํ ง่ึ มีเลือดไหลซึมเล็กนอ๎ ย ถา๎ เจ๎าแกํเป็นอะไรไป
มากกวาํ นี้มันคงร๎สู กึ ผดิ ไปตลอดชวี ติ

เรือ่ งนี้สอนให๎ร๎ูวาํ ในขณะทีเ่ ราทาํ หนา๎ ท่หี นึ่งอยาํ ลืมวาํ อาจมีหนา๎ ท่อี ่ืนดว๎ ยจงอยําละเลย

วิเคราะหห์ นา้ ที่
๑. ชายอ๎วนศรี ษะลา๎ น หนา๎ ท่ี ............................................... (ขยายนาม)
๒. ปลาเคม็ แสนอรอํ ย หน๎าที่ ............................................... (ขยายวิเศษณ)๑
๓. สุนัขสีดา สุนขั สขี าว และสุนัขแกํ หน๎าที่ ............................................... (ขยายนาม)
๔. พวกมนั ทุกตวั หนา๎ ที่ ............................................... (ขยายสรรนาม)
๕. สุนัขทุกตัวทาหนา๎ ที่อยาํ งดเี ยยี่ ม หนา๎ ท่ี ............................................... (ขยายกริยา)
๖. เจา๎ ดําเกงํ กวาํ เพอื่ น หน๎าที่ ............................................... (เป็นตวั แสดง)
๗. สุนัขนักเลง ๔ – ๕ ตวั หน๎าที่ ............................................... (ขยายนาม)
๘. คารามเสียงดัง หนา๎ ท่ี ............................................... (ขยายกริยา)
๙. พูดขึน้ เบาๆ หนา๎ ท่ี ............................................... (ขยายกรยิ า)
๑๐. เลือดไหลซมึ เลก็ น๎อย หนา๎ ที่ ............................................... (ขยายกริยา)


๓๑๕

ใบความรู้ เรอื่ ง การอา่ นออกเสยี งร้อยแก้ว
หนว่ ยที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑ เร่ือง การอา่ นออกเสียงร้อยแก้ว
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑

การอา่ นออกเสียง
๑. ความหมายของการอา่ นออกเสยี ง
การอาํ นออกเสียง คอื การเปลํงเสยี งตามตัวอกั ษร ถ๎อยคาํ และเคร่อื งหมายตาํ ง ๆ ท่ีกาํ หนดไวใ๎ ห๎

ถูกต๎อง ชัดเจน แกผํ ู๎ฟ๓ง การอาํ นออกเสยี งถอื เป็นการสอื่ ความหมายทก่ี ํอใหเ๎ กิด “ทักษะ” (วาสนา บุญสม,
๒๕๔๑ : ๒๒) ดังตอํ ไปน้ี

๑.๑ เกิดทักษะการเปลงํ เสยี งให๎ชัดเจน
๑.๒ เกดิ ทกั ษะการใชอ๎ วยั วะทีอ่ อกเสียงไดถ๎ กู ตอ๎ ง
๑.๓ เกิดทักษะการออกเสียงควบกล้าํ ได๎ถกู ตอ๎ ง ชัดเจนย่งิ ข้ึน
๑.๔ เกดิ ทักษะการวเิ คราะห๑คําท่ีอํานมากขึน้
๑.๕ เกิดทักษะการเปลงํ เสียงตามรปู ตวั อกั ษรควบกล้าํ ไดค๎ ลอํ งแคลวํ
๒. หลกั เกณฑ์ในการอ่านออกเสียงร้อยแกว้
หลกั เกณฑท๑ ัว่ ไปในการอํานออกเสียงร๎อยแกว๎ (ฟองจนั ทร๑ สขุ ย่ิง และคณะ, ๒๕๕๔ : ๓ – ๔) มี
ดังน้ี
๒.๑ กํอนอํานควรศกึ ษาเรือ่ งท่อี าํ นให๎เข๎าใจโดยศึกษาสาระสําคญั ของเรือ่ งและขอ๎ ความทกุ
ขอ๎ ความเพ่ือจะแบํงวรรคตอนในการอํานไดอ๎ ยาํ งเหมาะสม
๒.๒ อํานออกเสยี งดงั พอเหมาะกบั สถานท่แี ละจํานวนผ๎ฟู ง๓ ให๎ผู๎ฟง๓ ได๎ยนิ ทัว่ ถึงกนั ไมํดงั
หรือคํอยจนเกนิ ไป
๒.๓ อํานใหค๎ ลอํ ง ฟ๓งรน่ื หแู ละออกเสียงใหถ๎ กู ต๎องตามอกั ขรวธิ ี ชัดถ๎อยชัดคาํ โดย
เฉพาะตัว ร ล หรอื คําควบกลํา้ ตอ๎ งออกเสยี งใหช๎ ัดเจน
๒.๔ อาํ นออกเสยี งให๎เปน็ เสยี งพดู อยาํ งธรรมชาติท่ีสุด
การเตรยี มตัวก่อนการอ่านออกเสียง
การเตรียมตวั กอํ นการอาํ นออกเสียง (จไุ รรัตน๑ ลกั ษณะศริ ิและบาหยัน อ่ิมสําราญ, ๒๕๔๗ : ๒๖)
มีดงั น้ี
๑. อํานบทใหเ๎ ข๎าใจ การอํานใหผ๎ ๎อู ื่นฟง๓ มวี ัตถุประสงค๑สาํ คัญเพ่อื ให๎ผฟ๎ู ง๓ รับรูแ๎ ละเขา๎ ใจตรงตาม
เน้ือหาสาระทีอ่ าํ น ฉะน้ันผอู๎ าํ นจงึ ต๎องเข๎าใจขอ๎ ความนั้นเสียกํอนเพอ่ื ความม่นั ใจ และเพ่ือความเขา๎ ใจที่
ตรงกนั
ระหวาํ งผส๎ู ํงสารและผู๎รบั สาร ขอ๎ ความใดท่ีอํานไมํเขา๎ ใจหรอื สงสัยวําจะผดิ พลาด ต๎องตรวจสอบเสยี กํอน
๒. ทําเครอื่ งหมายแสดงจงั หวะการอําน ในการอาํ นเราควรทาํ เครือ่ งหมายลงในบทวําตอนใด
ควรหยุด คาํ ใดควรเนน๎ และคําใดควรทอดจงั หวะ การทําเครื่องหมายในบทมกี ฎเกณฑต๑ ายตัว แตโํ ดยทางที่
นยิ มปฏบิ ตั กิ ัน มกั ทําเครอ่ื งหมายงําย ๆ ดังน้ี
ก. เครื่องหมายขดี เฉียงขีดเดยี ว (/) ขดี ระหวาํ งคาํ แสดงการหยดุ เว๎นนิดหนงึ่ เพราะมีคาํ หรือ
ขอ๎ ความอ่นื ตํอไปอกี การอํานตรงคําทมี่ เี คร่ืองหมายน้จี ึงไมคํ วรลงเสียงหนกั เพราะยังไมจํ บประโยค
ข. เคร่อื งหมายขดี เฉียงสองขีด (//) ขีดหลงั ประโยคหรอื ระหวาํ งคาํ เพ่อื แสดงให๎รว๎ู าํ ให๎หยดุ


๓๑๖

เว๎นนานหนอํ ย
ค. เครื่องหมายวงกลมลอ๎ มคํา เพือ่ บอกวาํ เปน็ คาท่สี งสัยหรอื ไมแํ นํใจวาํ อาํ นอยํางไร
ง. คาทตี่ ๎องการเน๎นให๎ขดี เสน๎ ใตท๎ ค่ี าํ นน้ั
จ. คาใดทท่ี อดจังหวะ ใหท๎ าเสน๎ โคง๎ ท่สี ํวนบนของคาํ น้นั ( ⌒ )
ฉ. เคร่ืองหมายมมุ ควํ่าหรือหมวกเจก๏ ควาํ่ ( ^ ) แสดงวาํ ขอ๎ ความนน้ั จะเนน๎ เสียงขนึ้ สงู และ

มุมหงายหรือหมวกเจ๏กหงาย ( v ) แสดงการเนน๎ เสยี งลงต่ํา
๓. ซ๎อมอํานใหค๎ ลํอง หลงั อาํ นบทจนเข๎าใจและทาเคร่ืองหมายแสดงจังหวะการอาํ นแลว๎ ควรซ๎อมอาํ น

ใหค๎ ลํองโดยใชไ๎ มโครโฟนเพอ่ื ใหผ๎ อ๎ู นื่ ชวํ ยสงั เกต หรือบันทกึ เสยี งไว๎เพือ่ ฟ๓งและแกไ๎ ขข๎อบกพรํองของตัวเองอาจ
ตอ๎ งซอ๎ มหลายคร้ังจนกวาํ จะแกไ๎ ขไดเ๎ ปน็ ทนี่ าํ พอใจ
การปรับปรุงตนเองเก่ยี วกบั การอาํ น

๑. อาํ นหนังสือทุกวัน
๒. การอาํ นเปน็ ส่ิงจําเป็น แมจ๎ ะมีกิจกรรมยํงุ ยากเพยี งใด ต๎องหาเวลาอาํ นหนงั สือให๎ได๎
๓. จดบนั ทกึ วาํ กํอนจะปฏิบัติ การอาํ นเปน็ อยํางไรเม่ือดําเนนิ การไปแลว๎ มอี ะไรเปลย่ี นแปลงอยํางไร
๔. ตอ๎ งหาทางฝึกอาํ นมาก ๆ จงจาไวว๎ าํ ยิ่งไดฝ๎ กึ มากเทาํ ใดก็สํงผลมากข้นึ เทาํ นั้น
๕. พยายามอาํ นดว๎ ยความต้ังใจและตั้งใจอาํ นใหด๎ ีขน้ึ กวําเดิมทกุ วัน


๓๑๗

ใบงานเรอ่ื ง คาวิเศษณ์
หน่วยที่ ๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒ เรอ่ื ง คาวิเศษณค์ วรศกึ ษา
รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑

ตอนท่ี ๑ ใหน๎ ักเรยี นพจิ ารณาวาํ คาํ วเิ ศษณท๑ ี่ขดี เสน๎ ใตต๎ อํ ไปน้ี ทําหน๎าที่ใดในประโยค
๑. ขยายคํานาม
๒. ขยายคาํ สรรพนาม
๓. ขยายคาํ กริยา
๔. ขยายคําวิเศษณ๑
๕. เปน็ ตวั แสดง

๑. คนผอมทีเ่ ดนิ อยูขํ ๎างคนอว๎ น คือ พํอ ของน้ําขิง .......................................
๒. นํา้ ตาลเดนิ เรว็ มากเพราะรีบไปจองตั๋วคอนเสริ ต๑ .......................................
๓. นํา้ นิง่ กนิ ก๐วยเตี๋ยวของผมเอง .......................................
๔. นกั แสดงทุกคนรวํ มบริจาคโครงการกา๎ วคนละก๎าว .......................................
๕. ชดุ ประจาํ ชาติของนอ๎ งนาํ้ ฝนสวยงามจริง ๆ .......................................
๖. เขาท้ังหลายสวดมนตข๑ า๎ มปที ี่วัดในชํวงสงํ ทา๎ ยปีเกํา .......................................
๗. แมวตัวใหญ่กนิ ขนมแมวจนหมดถุง .......................................
๘. นา๎ ฟาู ใสแํ วํนดาํ ใหญเ่ บ้อเรม่ิ จนคนเหลยี วมองทัง้ งาน .......................................
๙. คุณยายของนํ้ามนตม๑ ีรูปรํางสวยทส่ี ดุ ในกลํมุ ผสู๎ ูงอายุ .......................................
๑๐. น๎องนํ้าค๎างซื้อกระเปา๋ ใหม่จากหา๎ งสรรพสนิ คา๎ .......................................

ตอนที่ ๒ ให๎นักเรียนเลือกคาํ วเิ ศษณท๑ ก่ี าํ หนดใหเ๎ ติมลงในชอํ งวาํ งให๎ถูกตอ๎ ง

นนั้ บน ใคร ทัง้ หมด ที่ เช๎า ครบั อ๎วน เทาํ ไร ไมํใชํ

๑. หมพู วกนกี้ ินอาหารมากจึง…………
๒. ทกุ ๆ วนั ในตอน…………..เราต๎องรบี ต่นื นอนไปโรงเรียน
๓. มหี นงั สือนวนยิ ายสนุก ๆ วางอย…ูํ …….โต๏ะ หลายเลมํ
๔. ขณะนเี้ สอื้ ผา๎ ………..ทจ่ี ะใชอ๎ ยํูในกระเปา๋ แลว๎
๕. เรือลํา………..วิ่งเร็วมากทส่ี ดุ
๖. แบบฝึกหดั ภาษาไทยงํายอยํางน…ี้ .....….กท็ าํ ได๎
๗. คณุ แมํอายุ…………….
๘. ………..แมํ ผมจะไปเดย๋ี วน้ี
๙. สมชาย…………คนขโมยดนิ สอของเพอื่ น
๑๐. เขาพูดอยาํ ง…….....….ใคร ๆ ไมคํ าดคดิ


๓๑๘

เฉลยใบงานเร่ือง คาวเิ ศษณ์
หนว่ ยที่ ๔ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒ เรือ่ ง คาวเิ ศษณค์ วรศกึ ษา
รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๑

ตอนท่ี ๑ ใหน๎ ักเรียนพิจารณาวาํ คาวิเศษณ๑ท่ขี ดี เสน๎ ใต๎ตอํ ไปน้ี ทาหนา๎ ท่ีใดในประโยค

๑. ขยายคานาม

๒. ขยายคาสรรพนาม

๓. ขยายคากริยา

๔. ขยายคาวิเศษณ๑

๕. เป็นตวั แสดง

๑. คนผอมทเี่ ดนิ อยูขํ ๎างคนอว๎ น คอื พํอ ของนํา้ ขิง ขยายคํานาม

๒. น้ําตาลเดินเรว็ มากเพราะรีบไปจองต๋ัวคอนเสริ ต๑ ขยายคาํ วเิ ศษณ๑

๓. น้ํานิ่งกนิ กว๐ ยเตย๋ี วของผมเอง ขยายคาํ สรรพนาม

๔. นกั แสดงทุกคนรํวมบริจาคโครงการกา๎ วคนละก๎าว ขยายคาํ นาม

๕. ชุดประจําชาติของน๎องนํา้ ฝนสวยงามจรงิ ๆ เป็นตัวแสดง

๖. เขาท้ังหลายสวดมนตข๑ า๎ มปที ว่ี ดั ในชวํ งสํงทา๎ ยปเี กํา ขยายคาํ สรรพนาม

๗. แมวตวั ใหญ่กนิ ขนมแมวจนหมดถุง ขยายคาํ นาม

๘. น๎าฟูาใสแํ วํนดาํ ใหญเ่ บ้อเรม่ิ จนคนเหลียวมองทง้ั งาน ขยายคาํ วเิ ศษณ๑

๙. คณุ ยายของนาํ้ มนตม๑ ีรูปรํางสวยท่สี ดุ ในกลมุํ ผสู๎ ูงอายุ ขยายคําวิเศษณ๑

๑๐. น๎องนํา้ คา๎ งซ้อื กระเปา๋ ใหม่จากห๎างสรรพสนิ ค๎า ขยายคาํ กริยา

ตอนท่ี ๒ ใหน๎ กั เรยี นเลอื กคําวเิ ศษณ๑ทก่ี าํ หนดให๎เติมลงในชอํ งวาํ งใหถ๎ กู ตอ๎ ง

นั้น บน ใคร ท้ังหมด ท่ี เช๎า ครบั อว๎ น เทาํ ไร ไมํใชํ

๑. หมูพวกนกี้ ินอาหารมากจงึ …อว้ น…
๒. ทุก ๆ วัน ในตอน…เชา้ ..เราต๎องรีบต่ืนนอนไปโรงเรยี น
๓. มีหนังสือนวนยิ ายสนกุ ๆ วางอย…ํู บน….โตะ๏ หลายเลมํ
๔. ขณะน้เี สือ้ ผ๎า…ทัง้ หมด..ที่จะใช๎อยูํในกระเปา๋ แล๎ว
๕. เรอื ลาํ …น้ี..ว่ิงเร็วมากที่สุด
๖. แบบฝึกหัดภาษาไทยงาํ ยอยาํ งน…ี้ .ใคร ๆ….ก็ทาํ ได๎
๗. คุณแมํอายุ…เทา่ ไหร่….
๘. …ครบั ..แมํ ผมจะไปเดย๋ี วน้ี
๙. สมชาย…ไม่ใช่…คนขโมยดินสอของเพ่ือน
๑๐. เขาพดู อยาํ ง……น้นั ….ใคร ๆ ไมํคาดคิด


๓๑๙

แบบทดสอบเร่อื ง คาวิเศษณ์
หน่วยที่ ๔ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒ เรอ่ื ง คาวเิ ศษณค์ วรศึกษา
รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑

คาช้แี จง ให๎นักเรียนทําเครือ่ งหมาย X ทับตัวอกั ษรท่ีถกู ตอ๎ ง

๑. ขอ๎ ใดคอื ความหมายของคําวเิ ศษณ๑
ก. คาํ ทใ่ี ชข๎ ยายคาํ นามและกริยา
ข. คาํ ทใ่ี ชแ๎ ทนชอื่ คน สตั ว๑ ส่งิ ของ สถานท่ี
ค. คําทใี่ ชเ๎ ติมชื่อ คน สตั ว๑ สิ่งของให๎เกดิ ความชดั เจน
ง. คําทใี่ ช๎ขยายคาํ นาม สรรพนาม คาํ กริยาและคาํ วิเศษณ๑ด๎วยกนั

๒. ข๎อใดไม่มีวิเศษณ๑บอกลักษณะ
ก. นกั กีฬาคนนน้ั วงิ่ เรว็ มาก
ข. เขามองเครื่องบินทอี่ ยูํเหนอื เมฆ
ค. พชี่ อบกนิ ไอศกรมี และขนมหวาน
ง. รถบรรทุกคนงานตํางด๎าวกําลงั แลํนมา

๓. “ปลาบํไู ปโรงเรยี นแตํเช๎าทกุ วัน” คาํ ใดเปน็ คาํ วเิ ศษณบ๑ อกเวลา (กาลวิเศษณ๑)
ก. ไป
ข. เช๎า
ค. ทุกวัน
ง. โรงเรยี น

๔. หนังสือเลมํ นี้เป็นของพส่ี าวคนโต เธอซื้อมาราคา ๓๐๐ บาท ข๎อความนมี้ คี าํ วิเศษณก๑ ี่คํา
ก. ๑ คํา
ข. ๒ คํา
ค. ๓ คาํ
ง. ๔ คํา

๕. “ด”ี ในขอ๎ ใดเป็นคาํ วเิ ศษณ๑
ก. เขาดตี ํอฉันมาก
ข. เขาประพฤตติ นไมดํ ี
ค. ถงุ น้าํ ดีเกดิ อักเสบ
ง. คนดมี ีแตํคนรกั ใครํ

๖. ขอ๎ ใดมีคําวิเศษณ๑แสดงการขานรบั
ก. หญงิ คนนี้เปน็ ลกู สาวกํานนั
ข. ขนมหวานยกมาไดแ๎ ลว๎
ค. คณุ แมํ บอกวาํ ใหม๎ าพบหรือครบั
ง. เดี๋ยวเธอไปพบกบั ครทู ห่ี ๎องพกั นะ

๗. ข๎อใดมคี ําวเิ ศษณ๑มากท่สี ดุ
ก. แมวสีสวาทกินหนูสีขาว
ข. กอ๎ นเมฆลอยบนท๎องฟาู มากมาย


๓๒๐

ค. นกั เรยี นชายใสํกางเกงสดี าเสอ้ื สีขาว
ง. คนหนุํม คนสาว เด็กๆ และคนแกํเดนิ เลํน
๘. ขอ๎ ใดไมํมีคาํ วเิ ศษณ๑เลย
ก. เม่อื กอ๎ นหินตกลงน้ํา นาํ้ กเ็ ปน็ วงกระเพื่อม
ข. การอาํ นหนงั สือทาํ ใหเ๎ รามคี วามรู๎กวา๎ งขวาง
ค. เราควรระลึกถงึ ความดที ้งั หลายท่ีไดท๎ ําไว๎
ง. ผทู๎ ่ที ําคณุ ความดีแกปํ ระเทศชาติมใี ครบ๎าง
๙. ข๎อใดมวี เิ ศษณ๑ขยายประธาน
ก. ฉนั ชอบดอกไม๎ขาว
ข. ครใู ห๎การบ๎านมาก
ค. ธงสะบัดบนยอดเสา
ง. เราทั้งหมดเปน็ นกั เรียน
๑๐. ขอ๎ ใดมีวเิ ศษณข๑ ยายกรยิ า
ก. ตน๎ ไมใ๎ หญลํ ๎ม
ข. คนอ๎วนเดนิ ช๎า
ค. ปลาใหญํกนิ ปลาเล็ก
ง. นกค๎อนหอยกนิ ปลาใหญํ

*************************

เฉลย ขอ้ ๑ ง. ขอ้ ๒ ข. ขอ้ ๓ ข. ข้อ ๔ ง. ข้อ ๕ ง.
ข้อ ๖ ค. ขอ้ ๗ ง. ข้อ ๘ ก. ข้อ ๙ ง. ข้อ ๑๐ ข.


๓๒๑

แผนการจดั การเรียนรู้

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๑
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๔ นิทานสารพนั เวลา ๑๒ ชว่ั โมง
เวลา ๑ ชวั่ โมง
แผนการเรียนรูท้ ี่ ๓ สารพันบพุ บท
ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖5
สอนวนั ที่ เดอื น พ.ศ. ตาแหน่ง ครู

ครูผูส้ อน นางสาวชาลสิ า หาญกจิ

๑. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข๎าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง

ของภาษา ภูมิปญ๓ ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ๎ ปน็ สมบัตขิ องชาติ
ตวั ช้วี ัด
ม.๑/๓ ชนิดและหน๎าทข่ี องคาํ

๒. สาระสาคัญ
คําบุพบท คือ คําท่ีปรากฏหน๎าคํานาม หรือคําสรรพนามเพ่ือบอกความสัมพันธ๑ระหวํางคํานั้น กับคํา

อ่ืนในประโยคเดียวกัน

๓. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของคําบุพบทได๎
๒. นกั เรียนอธบิ ายชนดิ และหนา๎ ที่ของคําบุพบทได๎
๓. นักเรยี นวเิ คราะหค๑ าํ บพุ บทได๎
๔. นกั เรียนใช๎คําบพุ บทได๎อยาํ งถูกต๎อง
๕. นกั เรยี นใฝเุ รยี นรแ๎ู ละมคี วามมุงํ มนั่ ในการทาํ งาน

๔. สาระการเรยี นรู้
ความหมายและหนา๎ ท่ีของคาํ บพุ บท

๕. การจดั กระบวนการจัดการเรียนรู้
ขน้ั นา
ครนู าํ สํานวนไทย มาใหน๎ ักเรยี นอําน
กินอยูํกบั ปากอยากอยํูกบั ท๎อง
ลูกไกํในกํามือ
กนิ บนเรอื นขี้บนหลงั คา
เขยี นดว๎ ยมอื ลบดว๎ ยเทา๎
ปลาหมอตายเพราะปาก
จากน้นั ให๎นักเรียนฝกึ สงั เกตคาํ บุพบทในสาํ นวน
ขั้นสอน


๓๒๒

๑. ครใู ห๎นักเรยี นแบํงกลุํมศกึ ษาศกึ ษาใบความร๎เู รอ่ื ง คาํ บุพบทแลว๎ อภปิ รายเน้อื หาของคําบุพ
บทในประเด็น ดังตอํ ไปนี้

๑) คําบุพบท คืออะไร
๒) คําบพุ บทมหี น๎าทีอ่ ยาํ งไร
๓) คาํ บุพบทมกี ีช่ นิด อะไรบา๎ ง
นักเรียนจดบันทึกลงสมดุ
๒. นักเรียนศึกษาใบความรู๎ เรอ่ื งคาํ บพุ บทแลว๎ ชํวยกนั ยกตัวอยาํ งเพม่ิ เตมิ อยาํ งน๎อยคนละ ๑ คาํ
๓. นกั เรียนทาํ ใบงาน เรอ่ื ง คําบุพบท และรวํ มกนั เฉลยใบงาน
๔. นกั เรยี นทําแบบทดสอบ คําบุพบท
๕. ครูมอบหมายงานให๎นกั เรียนจัดทําสมดุ คําบพุ บท สงํ ตามเวลาท่ีกาํ หนด
ข้ันสรุป
ครูและนักเรียนรํวมกันสรุปเร่ืองคําบุพบทเพื่อให๎นักเรียนเข๎าใจตรงกันและนําไปใช๎ใน
ชวี ิตประจําวนั ได๎อยาํ งถกู ต๎อง

๖. ส่ือ /แหลง่ เรียนรู้
๑. สํานวนไทย
๒. ใบความรู๎ เรือ่ ง คาํ บพุ บท
๓. ใบงาน เรอื่ ง คาํ บุพบท
๕. แบบทดสอบ เรื่อง คําบพุ บท

๗. วัดผลประเมนิ ผล

วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑ์
ตรวจใบงาน เร่อื ง คําบุพบท ใบงาน เรือ่ ง คําบพุ บท ผํานเกณฑ๑การประเมินรอ๎ ยละ
๖๐ ข้ึนไป
ทาํ แบบทดสอบ เรอ่ื ง คาํ บุพบท แบบทดสอบ เรื่อง คําบพุ บท ผํานเกณฑ๑การประเมินร๎อยละ
สังเกตพฤติกรรมการเรยี น แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียน ๖๐ ขึ้นไป
ประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค๑ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค๑ ระดับคณุ ภาพ ๒ ผํานเกณฑ๑

ระดับคุณภาพ ๒ ผํานเกณฑ๑


๓๒๓

บันทกึ หลงั แผนการจดั การเรยี นรู้

๑. ดา๎ นความรู๎
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๒. ดา๎ นสมรรถนะสาํ คัญของผเ๎ู รยี น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๓. ดา๎ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค๑/คาํ นิยม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๔. ดา๎ นอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดนํ หรอื พฤติกรรมที่มปี ๓ญหาของนักเรียนเป็นรายบคุ คล (ถ๎าม)ี )
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๕. ป๓ญหา/อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๖. ข๎อเสนอแนะ/แนวทางการแก๎ปญ๓ หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชือ่ ………………………………………ครปู ระจาํ วชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………

๗. ความคดิ เหน็ ของผอ๎ู าํ นวยการสถานศกึ ษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ………………………………………ผูอ๎ ํานวยการสถานศกึ ษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………


๓๒๔

ใบความรู้เรอื่ ง คาบพุ บท
หนว่ ยท่ี ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ เรอื่ ง คาบุพบท
รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๑

คําบุพบท คอื คาํ ทปี่ รากฏหนา๎ คาํ นาม หรือคาสรรพนามเพ่ือบอกความสัมพันธร๑ ะหวาํ งคาํ น้ัน กบั คาํ
อน่ื ในประโยคเดียวกัน ให๎นักเรียนสังเกตประโยคตอํ ไปนี้ (นาวินี หลาประเสรฐิ และคณะ, ๒๕๔๘, หนา๎ ๓๘ –
๓๙)

๑. แมวนอนบนโซฟา
๒. นักสาํ รวจคน๎ พบลาํ ธารใตห๎ บุ เขา
๓. การต๑ นู ของเธอมสี ีสนั สวยงาม
๔. ครูกาํ ลงั อํานพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแหงํ ชาติ
๕. ลกู มอบพวงมาลยั แดแํ มํ
๖. พํอทมุํ เททาํ งานเพ่ือครอบครวั
๗. ชาวบ๎านบางระจนั รวมพลังกนั ตํอส๎ูกับขา๎ ศึก
๘. พี่ไปเข๎าคาํ ยจรยิ ธรรมเม่อื วันศุกร๑
๙. ศษิ ยด๑ เี พราะครู

ประโยคที่ ๑ และ ๒ มีคาวํา บน ใต้ บอกตําแหนงํ ทต่ี ั้ง สถานท่ี
ประโยคที่ ๓ และ ๔ มคี าวาํ ของ แห่ง บอกความเป็นเจา๎ ของ
ประโยคที่ ๕ มีคําวาํ แด่ บอกผรู๎ ับผล
ประโยคที่ ๖ มคี ําวาํ เพื่อ บอกความมํุงหมาย
ประโยคที่ ๗ มคี าํ วาํ กับ บอกความเก่ียวขอ๎ ง
ประโยคที่ ๘ มคี าํ วาํ เม่ือ บอกเวลา
ประโยคที่ ๙ มคี าํ วาํ เพราะ บอกเหตุผล
สรปุ ไดว๎ าํ คาํ บุพบทบอกความหมายหลายประการ ดงั ปรากฏในเร่ืองชนดิ ของคําบุพบท ดงั นี้

ชนดิ ของคาของคาบุพบท
คําบพุ บทแบงํ ออกเปน็ ๒ ชนดิ
๑. คาบพุ บทที่แสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งคา คอื ความสมั พันธร๑ ะหวํางคาํ นามกบั คาํ นาม คําสรรพ

นามกับคาํ นาม คํานามกบั คาํ กรยิ า คําสรรพนามกับคาํ สรรพนาม คาํ สรรพนามกบั คาํ กริยา คํากรยิ ากับคาํ นาม
คํากรยิ ากบั คาํ สรรพนาม คาํ กริยากบั คาํ กริยา เพื่อบอกสถานการใหช๎ ัดเจน ดังนี้

๑.๑ บอกสถานภาพความเป็นเจา๎ ของ เชํน แหงํ ของ
พํอซือ้ สวนของนายทองคาํ (นามกบั นาม)

๑.๒ บอกความเกีย่ วข๎อง เชํน กับ แกํ แดํ แตํ ตํอ เพอ่ื สา หรบั โดย ทง้ั เฉพาะ ตาม
เขาเห็นแกํกิน (กริยากับกรยิ า)
คณุ ครใู หร๎ างวลั แกฉํ ัน (นามกับสรรพนาม)

๑.๓ บอกเวลา เชนํ ต้ังแตํ จน จนกระทัง่ เม่ือ


๓๒๕

เขามาตงั้ แตํเชา๎ (กริยากบั นาม)
๑.๔ บอกสถานที่ เชนํ ใกล๎ ไกล ใน บน นอก

เขามาจากตาํ งจงั หวดั (กรยิ ากบั นาม)
๑.๕ บอกความเปรียบเทียบ เชนํ

พ่ีหนกั กวําฉัน (กรยิ ากบั สรรพนาม)
๒. คาบุพบททไี่ มม่ ีความสมั พันธ์กบั คาอืน่ สวํ นมากจะอยตํู น๎ ประโยค ใช๎เปน็ การทักทาย มกั ใช๎ใน
คาํ ประพนั ธ๑ เชนํ คําวาํ ดูกํอน ข๎าแตํ ดกู ร คาเหลาํ นใ้ี ช๎นาหนา๎ คําสรรพนามหรอื คานาม เชนํ

ดูกอํ น ภิกษทุ ้ังหลาย
ขา๎ แตํทํานท้ังหลายโปรดฟง๓ ข๎าพเจ๎า

หนา้ ทข่ี องคาบุพบท เขาไปกบั เพ่ือน
หนา๎ ที่ของคาํ บพุ บท มีดังนี้คอื ฉนั ชอบอยูํใกล้เธอ
เขาทาํ งานกระทั่งตาย
๑. ทาหน้าท่ีนาหนา้ นาม เชนํ เขาพูดเสยี งดังกับคนไข๎
หนงั สอื ของพํอหาย เขาเลวสน้ิ ดี

๒. ทาหน้าที่นาหน้าสรรพนาม เชํน
ปากกาของฉันอยทูํ ่ีเขา

๓. ทาหนา้ ที่นาหนา้ กริยา เชนํ
เขากินเพอื่ อยูํ

๔. ทาหน้าที่นาหน้าประโยค เชํน
เขามาตง้ั แต่ฉันตืน่ นอน

๕. ทาหนา้ ท่ีนาหนา้ คาวเิ ศษณ์ เชํน
เขาตอ๎ งมาหาฉนั โดยเรว็


๓๒๖

ใบงานเร่อื ง คาบุพบท
หน่วยท่ี ๔ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๓ เรอ่ื ง คาบพุ บท
รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑

ตอนที่ ๑ คาชแี้ จง ให้นกั เรียนขีดเส้นใต้คาบุพบทจากประโยคต่อไปน้ี

๑. สมชายเหน็ กบั ตาวําสมบัตเิ จาะยางรถสมพงษ๑
๒. สมศกั ดว์ิ าดภาพลายเสน๎ ดว๎ ยดนิ สอสองบี
๓. วนั น้ลี ูก ๆ ของสมศรียอมไปโรงเรยี นโดยดี
๔. สมประสงคถ๑ อื คตกิ ินเพื่ออยไูํ มํใชํอยเูํ พื่อกนิ
๕. ถ๎าสมโชคจะไปเท่ยี วสมทุ รสงครามทางเรอื ตอ๎ งออกจากบา๎ นแตํเชา๎
๖. เจ๎ากาโนสํ นุ ขั ของสมปรารถนาแสนรูม๎ าก
๗. ทาํ นสุนทรภูํ เปน็ ยอดกวแี หงํ กรุงรตั นโกสนิ ทร๑
๘. บ๎านสมควรอยํใู นหมูํบา๎ นปูอมปราการวลิ ลาํ
๙. ไขํปลาคารเ๑ วียร๑จานนส้ี าํ หรับทํานอธบิ ดเี ทาํ น้ัน
๑๐. คณุ สมศริ ิเขยี นบทละครเวทีใกล๎เสรจ็ แลว๎

ตอนที่ ๒ คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นนาคาบุพบทที่เหมาะสมมาเขียนลงในช่องว่างในประโยคต่อไปน้ี

๑. มนษุ ยต๑ อ๎ งคบหาสมาคมแลกเปล่ียนความคดิ เห็น_______กันและกัน
๒. คนดยี ํอมมีความกตัญ๒ู_____พํอแมํ
๓. ขา๎ พเจ๎ายงั หาทางออกไมไํ ด๎ ____ป๓ญญาจรงิ ๆ
๔. หนงั สอื เลํมนี้มีความรท๎ู วั่ ไปเกยี่ ว_________จติ ดว๎ ย
๕. รฐั บาลสร๎างอนสุ าวรยี ๑ท่ีเมืองแกลง_______เป็นเกียรติ ______ทํานสุนทรภูํ
๖. ทดี่ ินในจงั หวดั เพชรบรู ณ๑ เป็นดินดีเหมาะ________การทาไรนํ า
๗. ยาเสพตดิ ให๎โทษ_________รํางกาย
๘. คนสวํ นมากเมอ่ื ________ตัวเขา๎ ก็หันเขา๎ หาที่พึงทางใจ
๙. เขามนี ิสยั เชํนนี้ _______ไหน________ไรนา
๑๐. กรรมการเสนอเรอ่ื ง________ที่ประชุม


๓๒๗

เฉลยใบงานเรอื่ ง คาบุพบท
หน่วยที่ ๔ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๓ เรื่อง คาบพุ บท
รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑

ตอนที่ ๑ คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นขดี เส้นใต้คาบพุ บทจากประโยคต่อไปนี้

๑. สมชายเหน็ กับตาวาํ สมบัติเจาะยางรถสมพงษ๑
๒. สมศกั ด์ิวาดภาพลายเส๎นด้วยดินสอสองบี
๓. วนั นลี้ กู ๆ ของสมศรยี อมไปโรงเรียนโดยดี
๔. สมประสงค๑ถอื คตกิ ินเพ่อื อยํไู มใํ ชํอยํูเพือ่ กนิ
๕. ถ๎าสมโชคจะไปเทยี่ วสมุทรสงครามทางเรือต๎องออกจากบา๎ นแตเ่ ช๎า
๖. เจา๎ กาโนสํ ุนขั ของสมปรารถนาแสนรมู๎ าก
๗. ทาํ นสนุ ทรภูํ เปน็ ยอดกวีแหง่ กรุงรตั นโกสินทร๑
๘. บา๎ นสมควรอยูํในหมํบู า๎ นปูอมปราการวิลลาํ
๙. ไขํปลาคาร๑เวยี รจ๑ านนส้ี าหรบั ทํานอธบิ ดเี ทาํ น้นั
๑๐. คุณสมศิริเขยี นบทละครเวทีใกล้เสรจ็ แลว๎

ตอนที่ ๒ คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนนาคาบพุ บทท่ีเหมาะสมมาเขียนลงในชอ่ งว่างในประโยคตอ่ ไปน้ี

๑. มนุษยต๑ อ๎ งคบหาสมาคมแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ _______กนั และกนั
๒. คนดียอํ มมีความกตัญ๒ู_____พอํ แมํ
๓. ขา๎ พเจ๎ายังหาทางออกไมไํ ด๎ ____ปญ๓ ญาจริงๆ
๔. หนงั สอื เลํมนีม้ ีความรู๎ท่วั ไปเกีย่ ว_________จติ ดว๎ ย
๕. รัฐบาลสรา๎ งอนุสาวรยี ๑ท่เี มอื งแกลง_______เป็นเกียรติ ______ทํานสนุ ทรภูํ
๖. ที่ดนิ ในจังหวัดเพชรบูรณ๑ เป็นดนิ ดีเหมาะ________การทาไรนํ า
๗. ยาเสพตดิ ให๎โทษ_________รํางกาย
๘. คนสํวนมากเมอื่ ________ตัวเข๎ากห็ ันเขา๎ หาทพี่ งึ ทางใจ
๙. เขามีนสิ ัยเชํนน้ี _______ไหน________ไรนา
๑๐. กรรมการเสนอเร่อื ง________ทีป่ ระชุม

เฉลย
๑. ซ่งึ ๒. ตํอ ๓. จน ๔. กับ ๕. เพ่ือ........แกํ
๖. แกํ ๗. ตอํ ๘. แกํ ๙. แตํ....แตํ ๑๐. ตอํ


๓๒๘

แบบทดสอบเรอ่ื ง คาบุพบท
หนว่ ยท่ี ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓ เรอ่ื ง คาบพุ บท
รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑

แบบทดสอบ เร่ือง คาบุพบท

คาช้แี จง ให้นักเรียน ทาเครอ่ื งหมาย X ทบั ตวั อักษรทถ่ี กู ตอ้ ง

๑. ประโยคในข๎อใดมีคาํ บพุ บทนาหน๎าคาํ วิเศษณ๑

ก. ดวงดาวอยบํู นฟูา

ข. น๎องอาบนํา้ โดยเรว็

ค. เขาเห็นเหตุการณ๑กับตาตนเอง

ง. ครูมอบทุนการศกึ ษาแกเํ ดก็ ยากจน

๒. “เขาย่นื คาํ รอ๎ ง............ศาล” ควรเติมคาํ บพุ บทใด

ก. กับ ข. แกํ

ค. แดํ ง. ตอํ

๓. ข๎อใดใชค๎ ําบพุ บทถูกต๎อง

ก. นอ๎ งไปโรงเรยี นด๎วยพ่ี

ข. มือสาํ หรบั หรบั เขาสวยงาม

ค. เขาไปนอกเมอื งด๎วยรถประจาทาง

ง. เดก็ ไรบ๎ า๎ นคนนน้ั ขออาหารไปเผือ่ เพื่อนของเขา

๔. ประโยค “หนงั สอื ของแกว๎ ตาอยํบู นโต๏ะในหอ๎ งสมุดท่โี รงเรียน” มีคาํ บุพบทกีค่ าe

ก. ๓ คํา ข. ๔ คาํ

ค. ๕ คาํ ง. ๖ คํา

๕. คาํ วาํ “เพราะ” ในขอ๎ ใดเปน็ คาํ บพุ บท

ก. ชชู กตายเพราะเขาโลภ

ข. ชชู กตายเพราะความโลภ

ค. เขารอ๎ งเพลงเพราะมาก ๆ

ง. เพลงเพราะมากนําฟง๓ จรงิ ๆ

๖. ขอ๎ ใดตดั คําบพุ บทออกกย็ งั สามารถสื่อสารได๎เขา๎ ใจ

ก. พํอกลบั บ๎านแตํวัน

ข. แมํอยูํที่บา๎ นทุกวัน

ค. ทกุ คนอยํูใตก๎ ฎหมาย

ง. นา้ํ ตกไหลมาจากยอดเขา

๗. คาํ บพุ บทในข๎อใดใช๎แตกตาํ งจากขอ๎ อ่ืน

ก. คนแคระนอนอยูใํ ต๎โตะ๏

ข. ไอโฟน ๑๒ เครอ่ื งน้นั เป็นของครู

ค. ดอกไม๎สวยงามอํอนหวานชํอน้ีเพ่อื เธอ

ง. แมทํ าอาหารเชา๎ สาํ หรบั ลกู นอ๎ ยทกุ ๆ วัน


๘. ขอ๎ ใดใชค๎ าํ บุพบทไดเ๎ หมาะที่สุด ๓๒๙
ก. คนจนี กินอาหารโดยตะเกียบ
ข. ฉนั ตเี ขากบั มอื ของฉันเอง ข. ทงิ้ ขยะลงในถัง
ค. นกั เรยี นมอบพวงมาลยั แกคํ ุณครู ง. เขาเดินทางโดยเคร่อื งบนิ
ง. นักฟุตบอลแขํงขันด๎วยนํ้าใจนกั กีฬา ข. พอํ ทาํ งานท่ีจังหวัดเพชรบรุ ี
ง. คนท่ีฉลาดยอํ มขวนขวายหาความร๎ู
๙. ขอ๎ ใดมบี พุ บทแสดงความเปน็ เจ๎าของ
ก. ทหารสละชวี ติ เพอื่ ชาติ
ค. พํอของฉนั เปน็ คนใจดี

๑๐. คาํ ทพ่ี ิมพ๑ตวั หนาขอ๎ ใดเป็นคาํ บุพบท
ก. เขาซอ้ื ท่ีของพอํ คา๎ เพชร
ค. เขาทํางานท่ไี ดเ๎ งนิ เดือนสูง

เฉลย
ขอ้ ๑ ข. ขอ้ ๒ ง. ข้อ ๓ ง. ข้อ ๔ ข. ขอ้ ๕ ข.
ขอ้ ๖ ข. ข้อ ๗ ค. ข้อ ๘ ง. ขอ้ ๙ ค. ข้อ ๑๐ ข.


๓๓๐

แผนการจดั การเรียนรู้

กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔ นิทานสารพัน เวลา ๑๒ ชว่ั โมง
เวลา ๑ ช่ัวโมง
แผนการเรียนร้ทู ่ี ๔ สนั ธานเร่งจดจา
ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖5
สอนวันท่ี เดอื น พ.ศ. ตาแหนง่ ครู

ครผู ูส้ อน นางสาวชาลสิ า หาญกิจ

๑. มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา๎ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลีย่ นแปลงของภาษาและพลัง

ของภาษา ภมู ิป๓ญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ๎ ป็นสมบตั ิของชาติ
ตัวช้ีวัด
ม.๑/๓ ชนดิ และหนา๎ ที่ของคํา

๒. สาระสาคัญ
คําสนั ธาน หมายถึง คาํ ทีใ่ ช๎เช่ือมคําหรือขอ๎ ความใหต๎ ิดตํอเป็นเรื่องเดียวกัน ประโยคจะมีความกระชับ

และสละสลวยข้ึน

๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๑. นกั เรยี นบอกความหมายของคําสันธานได๎
๒. นกั เรียนบอกชนดิ ของคําสนั ธานได๎
๓. นักเรยี นจาํ แนกชนดิ ของคําสนั ธานในประโยคได๎
๔. นกั เรยี นใฝุเรียนรูแ๎ ละมคี วามมํุงม่ันในการทํางาน

๔. สาระการเรียนรู้
ชนดิ และหนา๎ ท่ีของคาํ สันธาน

๕. การจัดกระบวนการจัดการเรยี นรู้
ขน้ั นา
นกั เรยี นอาํ นข๎อความจากแถบประโยคทกี่ าํ หนดให๎ตอํ ไปน้ี
พํอ...............แมํของผมเป็นคนใต๎
สงกรานตก๑ ินปลาดบิ ...............สมชายกินปลาร๎า
นักเรยี นชอบเรียนวชิ าคณติ ศาสตร.๑ ......วชิ าภาษาไทย
แล๎วให๎นกั เรยี นชวํ ยกันสงั เกตและหาคําเชื่อมประโยคใหส๎ มบูรณ๑ (และ, แตํ/สวํ น, หรอื )
ขัน้ สอน

๑. นักเรียนศึกษาใบความร๎เู รือ่ ง คาํ สันธาน ครอู ธบิ ายเพิ่มเติม แลว๎ จากนน้ั ครูและนกั เรยี น
อภปิ รายถึงลักษณะของคําสันธานพรอ๎ มทงั้ ยกตวั อยําง

๒. นกั เรียนแบํงกลํุมแขงํ ขนั เกม “แยกใหอ๎ อก”โดยจาํ แนกสนั ธาน ดงั น้ี
กับ ไมํเชนํ น้ัน พอ...ก็


๓๓๑

หรอื แตํ ก็

เหตุเพราะ แม๎...ก็ เมอื่ ...ก็

และ เพราะฉะนัน้ แตทํ วาํ

เพราะ...จึง มิฉะนน้ั คร้ัน...ก็

ดงั น้นั ...จึง ถงึ ...ก็ ฉะนนั้

วําเปน็ คาํ สันธานประเภทใด

๓. นกั เรยี นทุกกลํมุ อาํ นนทิ าน เรอ่ื ง ก๎อนหนิ วเิ ศษ แลว๎ แขํงขันกันหาคาํ สันธานทีป่ รากฏ

๔. นักเรยี นทําใบงานเร่อื ง ชนิดของคําสนั ธาน ครตู รวจใบงานให๎นกั เรยี นแก๎ไขเพิ่มเตมิ

ขนั้ สรปุ

ครูและนกั เรยี นรวํ มกันสรุปเรือ่ ง คําสันธานบันทกึ ลงในสมุด

๖. สอื่ /แหล่งเรียนรู้
๑. แถบประโยค
๒. ใบความรู๎ เร่ือง คําสันธาน
๓. เกม “แยกใหอ๎ อก”
๔. นทิ าน เรื่อง ก๎อนหินวิเศษ
๕. ใบงาน เร่ือง ชนิดของคาํ สันธาน

๗. วดั ผลประเมนิ ผล

วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์
ตรวจใบงาน เร่อื ง ชนิดของคําสันธาน ใบงาน เรื่อง ชนดิ ของคาํ สันธาน ผํานเกณฑก๑ ารประเมนิ ร๎อยละ
๖๐ ข้ึนไป
สงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลํุม แบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานกลมํุ ระดบั คุณภาพ ๒ ผํานเกณฑ๑
ประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค๑ แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค๑
ระดบั คุณภาพ ๒ ผํานเกณฑ๑


๓๓๒

บนั ทึกหลังแผนการจดั การเรยี นรู้

๑. ดา๎ นความรู๎
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๒. ดา๎ นสมรรถนะสาํ คัญของผเ๎ู รยี น
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๓. ดา๎ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค/๑ คํานยิ ม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๔. ดา๎ นอื่น ๆ (พฤตกิ รรมเดนํ หรอื พฤติกรรมทมี่ ปี ๓ญหาของนักเรยี นเป็นรายบคุ คล (ถ๎าม)ี )
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๕. ป๓ญหา/อปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

๖. ขอ๎ เสนอแนะ/แนวทางการแกป๎ ญ๓ หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ………………………………………ครูประจาํ วชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………

๗. ความคดิ เห็นของผอู๎ ํานวยการสถานศกึ ษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ………………………………………ผู๎อํานวยการสถานศกึ ษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………


๓๓๓

ใบความรู้เร่ือง คาสันธาน
หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เรอื่ ง สันธานเร่งจดจา
รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑

ความหมายของคาสันธาน
คาํ สันธาน หมายถงึ คาํ ทใี่ ช๎เชอ่ื มคําหรือขอ๎ ความให๎ติดตอํ เป็นเรื่องเดียวกนั ประโยคจะมีความกระชบั

และสละสลวยขึ้น

ชนิดของคาสนั ธาน
คาํ สันธานแบงํ ออกเปน็ ๔ ชนิด ดงั นี้
๑. คําสันธานที่เชื่อมใจความคลอ๎ ยตามกนั ไดแ๎ กคํ ําวาํ กับ และ ก็ ครง้ั ...ก็ เมื่อ...ก็ พอ...ก็ เชนํ
พอฝนหยุดตกกบเขียดกร็ ๎องสํงเสยี งระงม
น๎องกบั พี่ไปโรงเรยี น
๒. คาํ สนั ธานทีเ่ ชอ่ื มใจความขัดแย๎งกนั ไดแ๎ กคํ าํ วาํ แตํ แตํทวาํ ถึง...ก็ แม.๎ ..ก็ เชนํ
ถงึ เขาจะยากจนแตเํ ขาก็มีความสขุ
เขาวง่ิ เรว็ มากแตํวาํ ไมเํ หนื่อยเลย
๓. คาํ สนั ธานทีเ่ ชอ่ื มใจความเปน็ เหตเุ ปน็ ผลกนั ได๎แกคํ าํ วาํ ดังนั้น เพราะฉะนนั้ เพราะ...จงึ ดังนั้น...

จึง จงึ ดว๎ ย เหตุเพราะ ฉะนัน้ เชํน
เพราะเขาขยันอํานหนงั สือ เขาจงึ สอบผําน
เขาเกยี จครา๎ นจึงสอบตก

๔. คาํ สนั ธานที่เชื่อมใจความให๎เลอื กอยํางใดอยํางหน่ึง ไดแ๎ กคํ าํ วาํ หรอื มิฉะนน้ั ไมํ...ก็ ไมเํ ชนํ น้ัน
เชนํ

เธอจะไปกบั ผมหรือเธอจะไปกบั เขา
คณุ ต๎องเข๎าห๎องสอบกอํ นเวลา ๙.๐๐ น. มิฉะน้นั จะถกู ตัดสทิ ธใ์ิ นการสอบ

หน้าท่ีของคาสันธาน

๑. เชอ่ื มประโยคกบั ประโยค เชนํ ฉนั อยากได๎กระเป๋าท่รี าคาถกู และใชง๎ านไดน๎ าน
๒. เชอ่ื มคาํ กบั คาํ หรอื กลมํุ คํา เชํน พอํ ของฉันลาํ บากเมื่อแกํ
๓. เชอ่ื มความใหส๎ ละสลวย เชนํ คนเรากย็ อํ มเกดิ ความผิดพลาดกนั บา๎ ง
๔. เชอ่ื มข๎อความกับขอ๎ ความ เชํน คนเราตอ๎ งการอาหาร เส้ือผ๎า เครื่องนํงุ หมํ ท่ีอยูอํ าศยั และยา
รักษาโรคดว๎ ยเหตนุ ้ี เราจงึ จาํ เปน็ ต๎องประกอบอาชพี เพือ่ ใหไ๎ ดเ๎ งนิ มาซื้อสิง่ จําเปน็ เหลําน้ี

นทิ านเรอ่ื ง ก้อนหินวเิ ศษ


๓๓๔

หนว่ ยท่ี ๔ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๔ เร่อื ง สันธานเรง่ จดจา
รายวิชาภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑

คาชแ้ี จง ให๎นักเรียนอํานนทิ าน แล๎วหาคาํ สนั ธานที่ปรากฏ
นานมาแล๎ว ไดย๎ นิ มาวาํ มหี นิ วิเศษอยํชู นิดหนึ่ง ถ้าผใู้ ดที่ได๎ครอบครอง จะสามารถนาํ ไปแตะกบั ส่ิงของ

อะไรกไ็ ด๎ ส่ิงน้ันจะกลายเป็นทองคํา ทําให๎ชายผห๎ู นึ่งเกิดความสนใจ อยากจะเปล่ยี นแปลงชวี ิตให๎เปน็ คนราํ่ รวย
ข้ึนมา จึงตามหาหินกอ๎ นนั้นเป็นการใหญํ

เม่ือตามหาจนถงึ ชายหาดแหํงหนึ่ง ซง่ึ เต็มไปด๎วยก๎อนหิน เขาตัดสนิ ใจเกบ็ หินข้นึ มาดทู ีละกอ๎ น ถ๎า
กอ๎ นไหนไมใํ ชํกจ็ ะขวา๎ งมนั ลงทะเลไป เขาใช๎ความพยายามอยํูนาน จากวันเปน็ เดอื น จากเดือนเปน็ ปี ก๎อนแล๎ว
กอ๎ นเลาํ ก็ยังไมํใชํส่ิงทีเ่ ขาคน๎ หาอยํูดี

และในทสี่ ุด ความพยายามของเขากป็ ระสบความสําเร็จจนได๎ เขาไดพ๎ บกับหินวเิ ศษจรงิ ๆ แตไํ มํทันที่
เขาจะไดค๎ ิดอะไร เขากข็ ว๎างมันลงทะเลไปเหมอื นหนิ ก๎อนที่ผาํ นๆ มา เขาตกใจมาก ถึงกับราํ พันออกมาวาํ
"ตอ๎ งเริ่มตน๎ ใหมํอีกแลว๎ หรอื เน่ยี "

ในชายหาดน้ัน จะมหี ินวิเศษชนิดนี้สกั ก่ีกอ๎ นกันเชยี ว เหตุผลที่ทาํ ให๎ชายคนน้ลี ะทิง้ สิ่งทเี่ ขาคน๎ หามา
นานก็คือ 'ความเคยชิน' นั่นเอง

บอํ ยคร้งั ท่เี ราพยายามคน๎ หาสิ่งท่ตี อ๎ งการมาตลอดชวี ิต จนกระทง่ั วนั หนึง่ ทเ่ี รามี “โอกาส” พบมัน
แลว๎ แตด่ ๎วย “ความเคยชนิ ” ในชีวิตประจาวนั เรากม็ องขา๎ ม 'โอกาส' น้ันไป 'โอกาส' ทอ่ี าจจะไมปํ รากฏบอํ ย
นัก เราจึงตอ๎ งเรม่ิ ต๎นใหมอํ ยรูํ าํ่ ไป

อยาํ คดิ แตํจะเริ่มตน๎ ใหมํ เพราะสงิ่ ทมี่ อี ยูํคือโอกาส สิ่งใหมคํ อื ความหวงั ท้งิ เกาํ ไปหาใหมํ ก็เทํากบั
ทิ้งโอกาสทม่ี ีอยํู แลว๎ ไปรอความหวังทีย่ ังมาไมํถงึ


๓๓๕

ใบงานเรื่อง ชนดิ ของคาสนั ธาน
หนว่ ยท่ี ๔ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๔ เรอื่ ง สันธานเร่งจดจา
รายวชิ าภาษาไทย รหสั ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑

คาช้แี จง ให๎นักเรยี นแยกประโยคตอํ ไปน้ี และบอกคําสันธานทใ่ี ช๎เช่อื มประโยค วําเป็นสนั ธานชนิดใด

ตัวอย่าง
เมอ่ื แมไํ ปวัดพํอก็เข๎ามาบ๎าน
แมํไปวดั พอํ เข๎าบ๎าน
เมอื่ .......ก็ เปน็ คาํ สนั ธานชนิด เชอื่ มใจความเน้ือความคลอ๎ ยตามกัน

๑. แม๎เขาเรียนไมเํ กงํ แตํมีความพยายาม
..............................................................................................................................................................................
........................................... เปน็ คาํ สนั ธานชนิด ..................................................................................................

๒. ผมตั้งใจทาํ งานเพราะฉะนัน้ ผลงานจงึ ออกมาดี
..............................................................................................................................................................................
........................................... เป็นคาํ สันธานชนิด ..................................................................................................

๓. ครอู ยํสู ีฟูาหรอื สแี ดง
..............................................................................................................................................................................
........................................... เป็นคาํ สนั ธานชนดิ ..................................................................................................

๔. นกั เรียนมาเรยี น.................มาเลนํ
..............................................................................................................................................................................
........................................... เป็นคาํ สนั ธานชนดิ ..................................................................................................

๕. ...........เขามาถงึ เขา.............หมดกาํ ลัง
..............................................................................................................................................................................
........................................... เปน็ คาํ สันธานชนดิ ..................................................................................................


๓๓๖

ใบงานเรือ่ ง ชนดิ ของคาสันธาน
หน่วยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๔ เรอื่ ง สนั ธานเรง่ จดจา
รายวชิ าภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑

คาชแี้ จง ให๎นกั เรียนแยกประโยคตํอไปนี้ และบอกคําสันธานทใ่ี ช๎เช่อื มประโยค วําเปน็ สนั ธานชนดิ ใด

ตวั อย่าง
เมือ่ แมไํ ปวัดพํอก็เข๎ามาบ๎าน
แมไํ ปวัด พํอเข๎าบ๎าน
เม่ือ.......ก็ เปน็ คาํ สันธานชนิด เชื่อมใจความเนื้อความคล๎อยตามกัน

๑. แม๎เขาเรียนไมเํ กงํ แตํมีความพยายาม
เขาเรียนไมเ่ ก่ง เขามคี วามพยายาม

แม้........แต่ เป็นคาสันธานชนดิ ท่ีเชื่อมใจความขัดแยง้ กนั

๒. ผมตง้ั ใจทํางานเพราะฉะนน้ั ผลงานจึงออกมาดี
ผมตั้งใจทางาน ผลงานออกมาดี

เพราะฉะนนั้ ..... จึง เปน็ คาสนั ธานชนดิ ท่เี ชือ่ มใจความเปน็ เหตุเป็นผลกัน

๓. ครอู ยํสู ีฟูาหรอื สแี ดง
ครูอย่สู ฟี ้า ครอู ยสู่ ีแดง

หรอื เปน็ คาสนั ธานชนิดท่ีเช่ือมใจความใหเ้ ลอื กอย่างใดอยา่ งหนงึ่

๔. นักเรยี นมาเรียน.................มาเลํน
นักเรียนมาเรยี น นกั เรียนมาเลน่

หรอื เปน็ คาสนั ธานชนิดทเ่ี ช่อื มใจความใหเ้ ลือกอย่างใดอยา่ งหนึ่ง

๕. ...........เขามาถึงเขา.............หมดกาํ ลงั
เขามาถึงเขา เขาหมดกาลัง

พอ...ก็ เป็นคาสนั ธานชนิดทเี่ ชือ่ มใจความเนื้อความคลอ้ ยตามกนั


๓๓๗

แผนการจดั การเรียนรู้

กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๑
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ นิทานสารพัน เวลา ๑๒ ช่ัวโมง
เวลา ๑ ชั่วโมง
แผนการเรียนร้ทู ่ี ๕ สันธานเร่งจดจา
ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖5
สอนวันท่ี เดอื น พ.ศ. ตาแหน่ง ครู

ครูผู้สอน นางสาวชาลสิ า หาญกจิ

๑. มาตรฐาน/ตวั ชวี้ ัด
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข๎าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ยี นแปลงของภาษาและพลัง

ของภาษา ภูมิปญ๓ ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ๎ ปน็ สมบตั ขิ องชาติ
ตวั ช้ีวัด
ม.๑/๓ ชนิดและหนา๎ ที่ของคาํ

๒. สาระสาคัญ
คาํ สันธาน หมายถึง คําทีใ่ ชเ๎ ช่ือมคาํ หรอื ขอ๎ ความให๎ตดิ ตํอเป็นเร่ืองเดียวกัน ประโยคจะมีความกระชับ

และสละสลวยขนึ้

๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
๑. นักเรยี นอธิบายความหมายคาํ สนั ธานได๎
๒. นกั เรียนอธิบายชนิดและหน๎าท่ขี องคาํ สนั ธานได๎
๓. นกั เรียนวเิ คราะห๑ชนิดและหนา๎ ท่ีของคาํ สนั ธานได๎
๔. นกั เรียนใชค๎ าํ สนั ธานได๎ถกู ต๎อง
๕. นักเรยี นใฝุเรยี นรแ๎ู ละมคี วามมงํุ มัน่ ในการทํางาน

๔. สาระการเรียนรู้
ชนดิ และหน๎าที่ของคําสนั ธาน

๕. การจัดกระบวนการจดั การเรียนรู้
ข้ันนา
ครูสนทนากบั นกั เรียน เรอื่ ง คําสนั ธาน และให๎นกั เรียนยกตัวอยํางคาํ สนั ธาน จากนัน้ ครู

เชอ่ื มโยงเขา๎ สํเู รอ่ื ง หนา๎ ท่ขี องคําสันธาน
ขน้ั สอน

๑. นักเรียนศึกษาใบความรู๎ เรอื่ ง คาํ สนั ธาน และรํวมกันวเิ คราะหป๑ ระโยคทม่ี ีสนั ธานในประโยค
แตลํ ะชนดิ มีเน้ือความแตกตํางกันอยาํ งไร

๒. นักเรียนวเิ คราะหค๑ าํ สนั ธานในประโยค
๓. นักเรยี นทาํ ใบงาน เรอ่ื ง เลอื กสรรสนั ธานจากนั้นครูและนกั เรียนรํวมกนั เฉลยคาํ ตอบพรอ๎ ม
กนั นกั เรยี นฝกึ สังเกตคาํ สนั ธานทไี่ ด๎เรยี นมาแลว๎ ศกึ ษาความแตกตาํ งครแู ละนักเรยี นสรปุ เป็นความร๎ู นกั เรยี น
บนั ทึกลงสมุด


๓๓๘

๔. นกั เรยี นทาํ แบบสดสอบ เร่ือง สนั ธาน ครแู ละนักเรียนรํวมกนั เฉลยแบบทดสอบ
ขน้ั สรุป

ครใู ห๎นกั เรียนสรปุ ความร๎ู เร่ือง คาํ สันธานโดยการสรุปลงแผนภาพความคิดให๎ครอบคลุมเน้อื หา
สาระทเ่ี กี่ยวข๎องกบั คําสันธาน นําสํงตามท่ีครูกําหนด

๖. ส่ือ /แหลง่ เรยี นรู้
๑. ใบความร๎เู รือ่ ง คําสนั ธาน
๒. ใบงานเร่อื ง เลือกสรรสันธาน
๓. แบบทดสอบเรื่อง คําสนั ธาน

๗. วัดผลประเมนิ ผล

วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ์
ตรวจใบงานเรอ่ื ง เลือกสรรสันธาน ใบงานเรือ่ ง เลือกสรรสันธาน ผาํ นเกณฑ๑การประเมินรอ๎ ยละ
๖๐ ขน้ึ ไป
ทาํ แบบทดสอบเรือ่ ง คําสนั ธาน แบบทดสอบเร่ือง คําสนั ธาน ผาํ นเกณฑ๑การประเมินร๎อยละ
สังเกตจากการตอบคาํ ถามและการยกตัวอยาํ ง แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียน ๖๐ ขน้ึ ไป
ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค๑ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค๑ ระดับคุณภาพ ๒ ผํานเกณฑ๑

ระดบั คุณภาพ ๒ ผํานเกณฑ๑


Click to View FlipBook Version