๔๘๙
บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรียนรู้
๑. ด้านความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. ด้านสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค/์ คา่ นิยม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๔. ดา้ นอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ีปญั หาของนักเรียนเปน็ รายบุคคล (ถา้ มี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๕. ปญั หา/อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๖. ข้อเสนอแนะ/แนวทางการแกป้ ัญหา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ………………………………………ครปู ระจาวชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๗. ความคดิ เห็นของผอู้ านวยการสถานศกึ ษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ………………………………………ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๔๙๐
ใบความรู้ เรอื่ ง การพดู แสดงความคิดเห็น
หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๐ การพดู แสดงความคิดเหน็
รายวิชาภาษาไทย รหสั วชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑
การพูดแสดงความคิดเหน็ คอื การพูดเพือ่ แสดงความคิดเห็นและความรสู้ ึกของตนเองตอ่ ส่งิ ใดสง่ิ หน่ึง
หรือเรอื่ งใดเรอ่ื งหน่ึง จากการอ่าน การดู การฟงั แล้วนามาถา่ ยทอดในลักษณะของการพูดทผ่ี ู้พดู ต้องพูดอยา่ ง
มีเหตผุ ล ในการพดู แสดงความคิดเห็นผู้พูดอาจพดู แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเร่อื งทางวิชาการ เศรษฐกิจ หรือ
สงั คมกไ็ ด้
ประเภทของการพูดแสดงความคิดเหน็
๑. การพดู แสดงความคดิ เห็นเชงิ สนบั สนนุ เปน็ การพดู เพอ่ื สนับสนนุ ความคิดเหน็ ของผู้อืน่ ซึง่ ผพู้ ูด
อาจจะพิจารณาแลว้ วา่ ความคิดเห็นท่ตี นสนบั สนุนมีสาระและประโยชนต์ อ่ หนว่ ยงานและสว่ นรวม หรอื ถ้าเปน็
การแสดงความคิดเห็นเชงิ วชิ าการ จะตอ้ งเปน็ ความคิดเหน็ ท่เี ปน็ องคค์ วามรู้สมั พันธ์กบั เน้ือเร่ืองที่กาลงั พดู กัน
อย่ทู งั้ ในระหวา่ งบคุ คลหรือในที่ประชุม เช่น การพูดในที่ประชมุ การอภปิ ราย การแสดงปาฐกถา เปน็ ต้น
๒. การพดู แสดงความคิดเห็นเชงิ ขดั แย้ง เป็นการพูดแสดงความคิดเห็นในกรณีท่มี ีความคิดไม่ตรงกัน
และเสนอความคิดอนื่ ๆ ทไี่ ม่ตรงกบั ผู้อนื่ การพดู แสดงความคิดเหน็ ในเชงิ ขดั แย้งดงั กล่าว ผพู้ ูดควรระมดั ระวงั
เรือ่ งการใช้ภาษาและการนาเสนอ ความขัดแย้งควรเปน็ ไปในเชิงสรา้ งสรรค์ อนั จะกอ่ ประโยชนต์ อ่ หน่วยงาน
หรือสาธารณชน เชน่ การสัมมนาเชิงวชิ าการ การอภิปราย การประชมุ เป็นตน้
๓. การพูดแสดงความคิดเหน็ เชงิ วจิ ารณ์ เปน็ การพูดเพ่ือวิจารณ์เก่ียวกบั เร่อื งใดเร่ืองหนึง่ ซง่ึ ผู้วิจารณ์
อาจจะเห็นด้วยหรือไมเ่ ห็นดว้ ย และวจิ ารณ์ในเชิงสรา้ งสรรค์ ผู้วจิ ารณ์จะตอ้ งวางตวั เป็นกลาง ไมอ่ คตติ ่อผ้พู ูด
หรอื ส่งิ ท่เี ห็น เช่น การแสดงความคิดเหน็ ต่อหนงั สือ ละคร รายการโทรทศั น์ ภาพยนตร์ เป็นตน้
๔. การพดู แสดงความคดิ เห็นเพื่อนาเสนอความคิดใหม่ เปน็ การพูดในกรณีทไี่ มเ่ ห็นด้วยกับการแสดง
ความคดิ เห็นของผอู้ ่ืน และนาเสนอความคิดเหน็ ใหม่ของตนท่ีคิดวา่ จะเป็นประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม เช่น การ
แสดงความคิดเหน็ ในที่ประชมุ เป็นตน้
ลกั ษณะของผู้พดู แสดงความคดิ เห็นทด่ี ี
๑. ผ้พู ดู จะตอ้ งมคี วามรู้ในเร่อื งท่ีจะแสดงความคิดเหน็ อย่างดี
๒. การแสดงความคิดเหน็ ในเรอ่ื งใดเรอ่ื งหนง่ึ ควรมีหลักการแสดงความคดิ เหน็ ในเชงิ ขัดแยง้ และ
เชิงวจิ ารณ์
๓. ให้ภาษาสุภาพเหมาะสมกับโอกาสโดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นในเชิงขดั แยง้ และวจิ ารณ์เพื่อ
รักษาความสัมพันธ์ท่ีดีต่อผพู้ ดู และผฟู้ งั
๔. การแสดงความคิดเห็นใด ๆ ก็ตาม ควรแสดงความคดิ เหน็ ในเชงิ สรา้ งสรรค์ และเปน็ ประโยชน์
ต่อสว่ นรวมเปน็ สาคญั
ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิในการพูดแสดงความคิดเห็น
๑. ฟัง อา่ น หรือดเู รื่องทตี่ อ้ งพูดแสดงความคิดเห็นอยา่ งตั้งใจ
๒. ทาความเข้าใจกบั เน้อื เร่อื ง
๓. หาขอ้ มลู เพ่มิ เติม
๔. ใหค้ วามคิดพิจารณาหาเหตุผลเพอ่ื ประกอบการแสดงความคดิ เหน็
๕. มีความยตุ ธิ รรม ไม่เข้าขา้ งฝ่ายใดฝา่ ยหนึ่ง
๖. ไม่นาอารมณช์ อบหรือไม่ชอบสว่ นตวั มาเกยี่ วข้อง
๔๙๑
๗. พูดอยา่ งมมี ารยาทใช้คาท่สี ุภาพ
๘. เรยี งลาดับเร่ืองทีจ่ ะพดู ให้ดไี ม่เกดิ การสบั สน
๙. ไมพ่ ดู ใหเ้ กิดความขัดแยง้ กัน
๑๐. พดู ใหต้ รงประเดน็
มารยาทในการแสดงความคิดเหน็
๑. ภาษาในการแสดงความคิดเห็น ตอ้ งเปน็ ภาษาสภุ าพ ชดั เจน เขา้ ใจงา่ ย เลอื กใช้ถ้อยคาให้มี
ความหมายตรงตามที่คิด มีความสมเหตุสมผล ตรงประเดน็ ตรงตามหวั ข้อทก่ี าหนด ไม่ออกนอกเร่ือง
๒. ขอ้ มลู หลักฐานที่นามาใช้ประกอบความคิดเห็นต้องเป็นเรื่องจริง ไมใ่ ชข่ ้อมูลเทจ็ หรือมีจุดประสงค์
เพอื่ หลอกลวง
๓. ควรใช้นา้ เสียงทน่ี ่มุ นวล แต่หนกั แนน่ น่าเชือ่ ถือ ไมพ่ ดู เสยี งดังเกินไป ไมห่ ้วนหรือกระด้าง
ไมแ่ สดงอารมณ์โกรธหรอื ไม่พอใจ
๔. ใชก้ ริ ยิ าท่าทางที่สุภาพ ไมแ่ สดงท่าทางกา้ วรา้ ว เชน่ ยนื เท้าเอว ชี้หนา้ อกี ฝ่าย หรอื ทบุ โต๊ะ เปน็ ต้น
๕. ไมพ่ ูดเพอื่ เอาชนะ ต้องใช้เหตุผลเปน็ สาคญั ตอ้ งร้จู กั ควบคมุ อารมณ์ และยอมรับฟงั เม่อื เหตผุ ลของ
อกี ฝ่ายหนักแนน่ และถกู ตอ้ งกวา่
๖. เป็นผู้ฟังท่ีดี ตง้ั ใจฟัง ไมพ่ ดู แทรกหรอื พูดขัดจังหวะในขณะท่ผี ู้อ่ืนกาลงั พูดแสดงความคดิ เหน็
การแสดงความคิดเหน็ ที่ดีต้องเลอื กแสดงความคิดเห็นท่ีมปี ระโยชนแ์ ละสรา้ งสรรค์ มเี จตนาดีต่อบุคคลใน
สงั คมและส่วนรวม หลักการและข้อเท็จจรงิ ต่างๆ ท่นี ามาใช้เป็นเหตุผลตอ้ งเป็นสิง่ ที่ถกู ตอ้ งและดจี ริง
นอกจากนย้ี งั ต้องรู้จกั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อ่นื ตอ้ งร้จู กั พิจารณาไตร่ตรองด้วยวา่ ความคิดเห็นนัน้ ถูกตอ้ ง มี
คุณประโยชน์สมควรเช่ือหรอื ไม่ ในขณะเดียวกนั ถา้ มคี วามคิดเห็นทีแ่ ตกตา่ งออกไป กค็ วรกล้าแสดงความ
คิดเหน็ ของตนให้ผู้อ่ืนได้รบั รู้
๔๙๒
แบบประเมนิ การพูดแสดงความคิดเหน็ เชงิ สร้างสรรค์
คาชแี้ จง ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรยี นในการพูดแสดงความคดิ เห็นเชิงสรา้ งสรรค์ และให้คะแนนลงใน
ชอ่ งทต่ี รงกบั พฤตกิ รรมของนกั เรียน
พูดตรงประเด็น
ความส ้รางสรร ์ค
ความคล่องแคล่ว
บุค ิลกภาพ
เลขท่ี ช่ือ-สกุล รวม สรุปผลการประเมิน
๓ ๓ ๓ ๓ ๑๒ ผา่ น ไมผ่ ่าน
เกณฑก์ ารตัดสนิ ร้อยละ ๘๐ ขึน้ ไป (๑๐ คะแนน)
คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถงึ ดีมาก
คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง ดี
คะแนน ๗-๘ หมายถึง พอใช้
คะแนน ๐-๖ หมายถึง ปรับปรุง
ลงช่ือ ..............................................ผู้ประเมิน
(.........................................................)
................./............................/....................
๔๙๓
เกณฑ์การประเมนิ การพดู แสดงความคิดเห็นเชงิ สร้างสรรค์
ประเด็นการประเมนิ ระดับคะแนน/ระดบั คณุ ภาพ
พูดตรงประเดน็
๓ (ดมี าก) ๒ (พอใช)้ ๑ (ปรับปรงุ )
ความสร้างสรรค์ พดู ตรงประเดน็
ความคล่องแคล่ว เรยี งลาดบั เรอ่ื งราว พูดตรงประเด็น เร่อื งราว พดู นอกประเดน็ เร่อื งราว
บคุ ลกิ ภาพ ได้ตามลาดับ ไมว่ กวน
ไมเ่ รียงตามลาดับ วกวน
เนื้อเรอ่ื งมีความ
สร้างสรรค์ น่าสนใจ เหตกุ ารณ์บ้าง แตท่ าให้
พูดไดค้ ลอ่ งแคล่ว
แก้ไขปญั หาไดร้ วดเรว็ เขา้ ใจเรือ่ งราวได้
มคี วามมั่นใจ มีท่าทาง
ประกอบ เนอื้ เรอ่ื งน่าสนใจ แตย่ ัง เนอ้ื เรอื่ งไม่แปลกใหม่
ไมแ่ ปลกใหม่
พูดติดขัดบ้าง แตส่ ามารถ พูดตดิ ขดั มาก
แก้ไขปญั หาได้
มีความมั่นใจ มีท่าทาง ขาดความมน่ั ใจ
ประกอบเลก็ นอ้ ย ในการพูด
เกณฑก์ ารตัดสิน หมายถงึ ดมี าก
คะแนน ๑๑-๑๒
หมายถงึ ดี
คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ พอใช้
คะแนน ๗-๘ หมายถึง ปรับปรุง
คะแนน ๐-๖
๔๙๔
แผนการจดั การเรียนรู้
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ สร้างสรรค์บทกวี เวลา ๑๒ ชั่วโมง
เวลา ๑ ชว่ั โมง
แผนการเรียนรู้ท่ี ๑๑ การเขียนเค้าโครงโครงงาน
ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖5
สอนวนั ท่ี เดือน พ.ศ.
ตาแหน่ง ครู
ครผู ้สู อน นางสาวชาลิสา หาญกิจ
๑. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และ
ความรูส้ ึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์
ตัวชี้วัด
ม.๑/๘ เขียนรายงานการศกึ ษาค้นคว้าและโครงงาน
๒. สาระสาคัญ
การเขยี นโครงงาน เปน็ การเขยี นท่จี ะต้องเรียบเรยี งขอ้ มลู เปน็ อยา่ งดี และนาเสนอด้วยภาษาเขียน
ที่อ่านเขา้ ใจง่าย และมีความถูกตอ้ งตามรปู แบบ และการเขียนโครงงานเป็นส่ิงสาคัญในการปฏิบัติกิจกรรมที่
ตอ้ งศกึ ษาหลกั ในการเขียนและการนาเสนอผลการจดั ทาโครงงาน
๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
๑. นกั เรยี นอธบิ ายขนั้ ตอนการเขียนเคา้ โครงโครงงาน
๒. นักเรยี นเขยี นเค้าโครงโครงงานไดถ้ ูกต้อง
๓. นกั เรยี นใฝเ่ รียนรแู้ ละมคี วามม่งุ มน่ั ในการทางาน
๔. สาระการเรียนรู้
การเขยี นเคา้ โครงโครงงาน
๕. การจดั กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ขั้นนา
ครสู นทนาซกั ถามนกั เรียนเก่ยี วกับงานท่ไี ดร้ บั มอบหมายว่างานชน้ิ ใดที่นกั เรยี นใชเ้ วลา
กระบวนการ ในการดาเนนิ การมากท่ี
ขัน้ สอน
๑. ครซู กั ถามนักเรียนเรอ่ื งการเขียนโครงงานวา่ มปี ระโยชน์อยา่ งไร และนกั เรยี นเคยทา
โครงงานวชิ าอะไรบ้าง
๒. ครใู ห้นกั เรียนศึกษา ใบความรู้ เร่ือง การเขยี นเคา้ โครงโครงงาน พรอ้ มอธิบายเพิ่มเติม
๓. ครใู ห้นักเรียนแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ ๔ คน ให้นกั เรียนระดมสมองคดิ หาหวั ข้อ พรอ้ มเขียนเคา้
โครงโครงงานตามหัวขอ้ โดยครูคอยให้คาแนะนานักเรยี น
๔๙๕
๔. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสง่ ผู้แทนออกมานาเสนอประเดน็ หัวข้อในการเขยี นเคา้ โครงโครงงาน
ข้ันสรปุ
ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปประเภทของโครงงานและประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากการจัดทาโครงงาน
๖. สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้
ใบความรู้ เร่อื ง การเขยี นเค้าโครงโครงงาน
๗. วัดผลประเมนิ ผล
วิธกี าร เครอื่ งมอื เกณฑ์
แบบประเมนิ การเขียนเค้าโครงโครงงาน ผ่านเกณฑ์การประเมินร้อยละ
ตรวจชน้ิ งาน ๖๐ ขึ้นไป
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียน
สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียน แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
ประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
๔๙๖
บนั ทกึ หลงั แผนการจัดการเรียนรู้
๑. ด้านความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. ด้านสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓. ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค/์ คา่ นิยม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๔. ดา้ นอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ีปญั หาของนักเรียนเปน็ รายบุคคล (ถา้ มี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๕. ปญั หา/อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๖. ข้อเสนอแนะ/แนวทางการแกป้ ัญหา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชื่อ………………………………………ครปู ระจาวชิ า
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๗. ความคดิ เห็นของผอู้ านวยการสถานศกึ ษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่ือ………………………………………ผอู้ านวยการสถานศกึ ษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๔๙๗
ใบความรู้ เรอื่ ง การเขยี นเค้าโครงโครงงาน
หน่วยท่ี ๕ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๑ การเขียนเค้าโครงโครงงาน
รายวชิ าภาษาไทย รหัสวชิ า ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑
โครงงานเปน็ งานเขยี นท่แี สดงใหเ้ หน็ ถึงการรว่ มกนั คดิ ร่วมกันทางาน และรว่ มกนั รบั ผิดชอบ
การเรยี นรู้จากโครงงานเปน็ การเรียนรู้จากการไดล้ งมือปฏิบตั ิจรงิ ทดลองจริง จากสภาพจรงิ ท่ีนกั เรยี นต้อง
ประสบ ชว่ ยให้นักเรียนไดเ้ รยี นรวู้ ิธกี ารวางแผนงานและบริหารจัดการให้สามารถดาเนินงานทกุ ขัน้ ตอนให้
ลุลว่ งไปด้วยความเรียบร้อยเกดิ ผลสาเรจ็ ตามเป้าหมาย
การเขยี นเค้าโครงโครงงานควรประกอบไปดว้ ยส่วนสาคัญอย่างนอ้ ย ๘ หวั ข้อ ซ่ึงทุกหวั ขอ้ ผทู้ า
โครงงานตอ้ งช่วยกนั คิดและปรกึ ษาให้รอบคอบ พจิ ารณาทบทวนใหด้ ี ดังนี้
๑. ชื่อโครงงาน
เปน็ สง่ิ สาคญั ประการแรก เพราะช่ือโครงการจะชว่ ยโยงความคิดไปยงั วัตถปุ ระสงค์ของ
การทาโครงงาน การตงั้ ชื่อโครงงานของนกั เรียนนยิ มตั้งช่ือใหม้ ีความกะทัดรดั และดึงดดู ความสนใจจากผู้อ่าน
ผฟู้ ังสงิ่ ท่คี วรคานงึ คอื ช่ือโครงงานควรเขยี นให้กระชบั ชัดเจน ใช้ภาษาตรงไปตรงมาไมใ่ ห้กากวม
๒. ผูร้ บั ผิดชอบโครงงาน
การเขยี นช่ือผู้รับผิดชอบโครงงาน เพ่อื ให้ทราบว่าโครงงานนนั้ ใครเปน็ ผ้รู ับผิดชอบและ
สามารถติดตามได้
๓. ที่มาของโครงงาน
การเขียนที่มาและความสาคญั ของโครงงาน ผู้จดั ทาโครงงานจาเป็นตอ้ งศึกษาหลักการทฤษฎี
เกยี่ วกับเร่อื งท่สี นใจศกึ ษา ควรเขียนใหเ้ ขา้ ใจชัดเจนวา่ โครงงานนี้มเี หตุผลอะไรจงึ คดิ ทา มีเหตจุ งู ใจอะไร หาก
ได้รบั ความสนับสนุนจากใครหรือจากแหลง่ ใดควรระบดุ ว้ ย
๔. จุดประสงค์ของการทาโครงงาน
การกาหนดจดุ ม่งุ หมายปลายทางท่ีตอ้ งการ ขอ้ นีส้ าคญั มากควรเขยี นใหร้ ัดกมุ วา่ ในการทาโครงงานนี้
ตอ้ งการใหบ้ รรลอุ ะไรบ้าง โดยการเขียนเป็นข้อ ๆ จะทาให้เขา้ ใจง่าย แจม่ แจง้ และชัดเจน
๕. สมมติฐานของการศึกษา
เปน็ ทักษะกระบวนการทางภาษาไทย ตอ้ งให้ความสาคัญเพราะเป็นการกาหนดแนวทางใน
การออกแบบทดลองไดช้ ดั เจนและรอบคอบ สมมตฐิ าน คอื การคาดคะเนคาตอบของปัญหาอย่างมีหลักและ
เหตุผลตามหลกั การ ทฤษฎี รวมท้งั ผลการศึกษาของโครงการทไ่ี ด้ทามาแลว้
๖. ขอบเขตเนอ้ื หาและระยะเวลาการทาโครงงาน
โครงงานทุกโครงงานจะตอ้ งวางขอบเขตไวเ้ ป็นกรอบกากับว่าจะให้ครอบคลมุ เนือ้ หา
กว้างขวางเพยี งใด หากระบุว่าทาภายในระยะเวลากว่ี ันหรอื กี่สัปดาหไ์ ดย้ ง่ิ ดี
๗. วธิ ดี าเนินการ
วิธีการดาเนนิ การ หมายถงึ วธิ กี ารที่ช่วยให้งานบรรลตุ ามวัตถุประสงค์โครงงานตั้งแต่เรม่ิ
เสนอโครงการจนกระท่ังส้ินสดุ โครงงาน ควรเขยี นขน้ั ตอนการปฏิบัตงิ านให้ชดั เจนเปน็ ขัน้ ๆ ไป และแต่ละข้ัน
ใช้เวลาเทา่ ไร ควรทาตารางการปฏบิ ัตงิ านแสดงด้วยหรือใชต้ ารางสาเร็จรปู กไ็ ด้ ซ่งึ จะต้องประกอบไปด้วย
- การคดิ หัวขอ้ ปรึกษาครทู ีป่ รึกษา
- การค้นคว้าหาขอ้ มลู ประกอบ
- การสร้างเครื่องมือเก็บรวบรวมขอ้ มูล
๔๙๘
- การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
- การวเิ คราะหข์ อ้ มูล
๘. ผลทคี่ าดวา่ จะได้รบั
ผลที่คาดวา่ จะได้รับ คือ การคาดหวังถงึ ผลการดาเนินการตามโครงงาน เมื่อโครงงานสาเร็จแล้ว
ข้อคานึง ไม่ควรเขียนอย่างเดยี วกับจดุ ประสงค์ แต่อาจนาผลพลอยไดจ้ ากการทาโครงงานมารวมไวใ้ นหวั ขอ้ นี้
๙. เอกสารอ้างอิง
เอกสารอา้ งองิ คือ รายช่อื เอกสารทน่ี ามาอ้างองิ ประกอบการทาโครงงานการเรียนรู้จากโครงงานเปน็
การเรยี นรทู้ สี่ นกุ และมีความสขุ สนองความต้องการและความสนใจของผเู้ รยี นได้เปน็ อย่างดี ช่วยฝึกระบวน
การทางความคดิ ชว่ ยใหร้ ้จู ักทาและแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง นับตงั้ แตก่ ารระดมความคิดเพอื่ หาหัวขอ้ โครงงาน ตง้ั
ชื่อโครงงานให้น่าสนใจ ไปจนถงึ ได้ดาเนินงานให้สาเร็จตามโครงงานที่กาหนดไว้
ทม่ี า : pioneen.netserv.chula.ac.th
หนังสอื เรยี นววิ ธิ ภาษา ม.๑
หนงั สือหลกั ภาษาและการใช้ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร ม.๔
๔๙๙
แบบประเมนิ การเขยี นเค้าโครงโครงงาน
คาชแ้ี จง ครปู ระเมินพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขียนเคา้ โครงโครงงาน และให้คะแนนลงในช่องที่ตรงกบั
พฤติกรรมของนักเรยี น
รวม สรปุ ผลการประเมิน
๔ ๔ ๒ ๑๐ ผ่าน ไม่ผา่ น
เลขท่ี ช่ือ-สกุล อง ์คประกอบ
ภาษา
ความสะอาด
เกณฑ์การตัดสิน ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป (๘ คะแนน)
คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง ดมี าก
คะแนน ๗-๘ หมายถึง ดี
คะแนน ๕-๖ หมายถึง พอใช้
คะแนน ๐-๔ หมายถึง ปรบั ปรุง
ลงชอื่ ..............................................ผปู้ ระเมิน
(.........................................................)
................./............................/....................
๕๐๐
เกณฑ์การประเมนิ การเขยี นเค้าโครงโครงงาน
ประเดน็ ๔ (ดีมาก) ระดบั คณุ ภาพ ๑ (ปรับปรุง)
การประเมนิ ขาดองคป์ ระกอบ
องค์ประกอบ องค์ประกอบ ๓ (ดี) ๒ (พอใช)้ สาคญั
ครบถ้วน ขาดองคป์ ระกอบ ขาดองค์ประกอบ ๓ องคป์ ระกอบ
ภาษา สาคญั สาคญั ขน้ึ ไป
๑ องค์ประกอบ ๒ องค์ประกอบ
ความสะอาด ขน้ั ตอนไม่ชัดเจน
อธิบายขัน้ ตอน อธิบายขั้นตอน อธบิ ายขนั้ ตอน และใชภ้ าษา
ชัดเจน ใชภ้ าษา ชัดเจน ใช้ภาษา ชัดเจน ใช้ภาษา บกพร่อง ๓ แหง่
ขน้ึ ไป
ถกู ต้อง ชัดเจน บกพรอ่ ง ๑ แหง่ บกพร่อง ๒ แหง่
มรี อยลบ ขดี -ฆ่า
สะอาดเรยี บรอ้ ยดมี าก สะอาดเรยี บรอ้ ยดี สะอาดเรียบร้อย
เกณฑก์ ารตัดสนิ หมายถงึ ดีมาก
คะแนน ๙-๑๐ หมายถึง ดี
คะแนน ๗-๘ หมายถงึ พอใช้
คะแนน ๕-๖ หมายถึง ปรบั ปรงุ
คะแนน ๐-๔
๕๐๑
แผนการจัดการเรยี นรู้
กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๑
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๕ สร้างสรรคบ์ ทกวี เวลา ๑๒ ช่ัวโมง
เวลา ๑ ช่วั โมง
แผนการเรียนร้ทู ี่ ๑๒ การเขยี นรายงานโครงงาน
ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศกึ ษา ๒๕๖5
สอนวันที่ เดือน พ.ศ.
ตาแหน่ง ครู
ครผู สู้ อน นางสาวชาลิสา หาญกจิ
๑. มาตรฐาน/ตัวช้วี ดั
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดอู ย่างมวี ิจารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และ
ความรูส้ ึกในโอกาสต่าง ๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์
ตวั ช้วี ัด
ม.๑/๘ เขียนรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าและโครงงาน
๒. สาระสาคญั
การเขียนโครงงาน เป็นการเขียนทจ่ี ะตอ้ งเรียบเรยี งขอ้ มลู เป็นอย่างดี และนาเสนอด้วยภาษาเขียนที่
อ่านเข้าใจงา่ ย และมีความถูกต้องตามรูปแบบ และการเขียนโครงงานเป็นสิ่งสาคัญในการปฏิบัติกิจกรรมท่ี
ต้องศึกษาหลักในการเขียนและการนาเสนอผลการจัดทาโครงงาน
๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๑. นักเรียนสามารถบอกองคป์ ระกอบของการเขียนรายงานโครงงานได้
๒. นักเรียนเขยี นรายงานโครงงานได้ถกู ต้อง
๓. นักเรยี นใฝ่เรยี นรู้และมคี วามมงุ่ ม่ันในการทางาน
๔. สาระการเรียนรู้
การเขยี นรายงานโครงงาน
๕. การจดั กระบวนการจัดการเรยี นรู้
ข้นั นา
ครูสนทนาซกั ถามเกย่ี วกับการเขียนเค้าโครงโครงงาน อภิปรายเสนอแนะเกี่ยวกับการเขียน
ขนั้ สอน
๑. ครสู นทนาซกั ถามนกั เรยี นวา่ การเขยี นรายงานโครงงานมที ง้ั หมดกี่ประเภท อะไรบา้ ง
๒. ครูให้นกั เรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง การเขยี นรายงานโครงงาน และรว่ มสนทนาถงึ
องค์ประกอบทงั้ ๓ ส่วนในการเขยี นรายงานโครงงาน
๓. ครูนาตัวอยา่ งการเขยี นโครงงานภาษาไทยทน่ี กั เรียนร่นุ พ่เี คยทา มาให้นกั เรยี นดูเปน็ ตัวอยา่ ง
๔. ครูใหน้ ักเรียนแบง่ กลุ่ม (กลมุ่ เดิม) และนาเคา้ โครงโครงงานท่ีไดเ้ ขียนไวม้ าเขยี นรายงาน
โครงงาน จากขอ้ มูลทนี่ กั เรียนได้เตรียมมา
๕๐๒
ขั้นสรุป
ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ องคป์ ระกอบของการเขยี นรายงานโครงงาน ให้นกั เรียนจดบนั ทึกลง
สมดุ
๖. ส่ือ /แหล่งเรียนรู้
๑. ใบความรู้เรอ่ื ง การเขียนรายงานโครงงาน
๒. ตัวอย่างโครงงานภาษาไทย
๗. วัดผลประเมินผล
วธิ ีการ เครื่องมือ เกณฑ์
แบบประเมินโครงงาน ผา่ นเกณฑ์การประเมินร้อยละ
ตรวจช้ินงาน ๖๐ ขึ้นไป
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียน
สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียน แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดับคุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
ประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
๕๐๓
บนั ทกึ หลังแผนการจดั การเรียนรู้
๑. ดา้ นความรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓. ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์/คา่ นยิ ม
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๔. ดา้ นอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมที่มปี ญั หาของนักเรียนเป็นรายบคุ คล (ถ้ามี))
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๕. ปัญหา/อุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๖. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการแก้ปญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ………………………………………ครปู ระจาวิชา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๗. ความคิดเห็นของผอู้ านวยการสถานศกึ ษา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงช่อื ………………………………………ผู้อานวยการสถานศึกษา
(…………………………………………….)
…………/…………/…………
๕๐๔
ใบความรู้ เรอ่ื ง การเขียนรายงานโครงงาน
หนว่ ยท่ี ๕ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๒ เรอ่ื ง การเขียนรายงานโครงงาน
รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑
การเขียนรายงานโครงงาน เปน็ รปู แบบหน่งึ ของการนาเสนอผลงานโครงงานที่ผเู้ รียนไดศ้ กึ ษาคน้ คว้า
การกาหนดหวั ข้อในการเขียนรายงานโครงงานอาจไม่ระบตุ ายตัวเหมือนกนั ทกุ โครงงาน โดยหวั ข้อในรายงาน
ตอ้ งมีความเหมาะสมกบั ประเภทของโครงงานและระดบั ชน้ั ของผูเ้ รียน องคป์ ระกอบของการเขียนรายงาน
โครงงาน สามารถแบง่ กว้างๆ ได้เป็น ๓ สว่ น ดงั น้ี
๑. ส่วนปกและส่วนต้น ประกอบดว้ ย
๑.๑ ชื่อโครงงาน
๑.๒ ชื่อผทู้ าโครงงาน ช้นั โรงเรียน และวันเดอื นปีท่ีจัดทาโครงงาน
๑.๓ ช่อื อาจารยท์ ่ีปรกึ ษา
๑.๔ คานา
๑.๕ สารบญั
๑.๖ สารบัญตารางหรอื สารบัญภาพ (ถ้ามี)
๑.๗ บทคัดย่อส้ัน ๆ ทรี่ ะบเุ ค้าโครงอยา่ งยอ่ ๆ ซ่ึงประกอบดว้ ย เรือ่ ง วัตถปุ ระสงค์ วธิ ีการศกึ ษา
ระยะเวลา และสรุปผล
๑.๘ กติ ติกรรมประกาศ เพอ่ื แสดงความขอบคุณบุคคลหรอื หนว่ ยงานที่ใหค้ วามช่วยเหลอื หรือ
มีสว่ นเกย่ี วข้อง
๒. ส่วนเนื้อเรอื่ ง ประกอบดว้ ย
๒.๑ บทนา จะบอกในสว่ นของความเปน็ มา ความสาคัญของโครงงาน บอกเหตผุ ล หรือเหตจุ ูงใจ ใน
การเลอื กหวั ข้อโครงงาน
๒.๒ วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน
๒.๓ สมมตฐิ านของการศึกษาค้นคว้า
๒.๔ การดาเนินงาน อาจเขียนเปน็ ตารางหรอื แผนผงั โครงงาน เพ่อื ใหก้ ารดาเนินงานเป็นไปตามหวั ขอ้
เรือ่ ง ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ของโครงงาน และพิสจู นค์ าตอบ (สมมตฐิ าน) ตามประเดน็ ท่ีกาหนด
๒.๕ สรุปผลการศึกษา เป็นการอธบิ ายคาตอบท่ไี ด้จากการศกึ ษาคน้ ควา้ ตามหวั ขอ้ ยอ่ ยท่ีต้องการ
ทราบวา่ เปน็ ไปตามสมมตฐิ านหรอื ไม่
๒.๖ อภปิ รายผล บอกประโยชน์หรือคุณค่าของผลงานทไี่ ด้ การบอกข้อจากัดหรือปัญหาอุปสรรค
๓. สว่ นทา้ ย ประกอบด้วย
๓.๑ บรรณานุกรมหรือเอกสารอา้ งอิง ซง่ึ มีหลายประเภท เช่น หนงั สือ ตารา บทความ หรอื คอลมั น์
ซึ่งจะมวี ธิ กี ารเขียนบรรณานกุ รมตา่ งกัน เชน่
๓.๒ ภาคผนวก เช่น เค้าโครงโครงงาน ภาพกจิ กรรม แบบสอบถาม บทสมั ภาษณ์
๕๐๕
หนงั สอื
ชื่อผเู้ ขียน. ชอ่ื หนังสอื . สถานทพ่ี มิ พ์: สานกั พิมพ์, ปที พี่ ิมพ์.
บทความในวารสาร
ชือ่ ผ้เู ขียน. “ชอ่ื บทความ.” ชื่อวารสาร. สถานท่ีพิมพ์: สานกั พิมพ,์ ปที พ่ี มิ พ์.
คอลัมน์จากหนงั สอื พิมพ์
ชื่อผเู้ ขียน. “ช่อื คอลมั น์: ชอื่ เร่อื งในคอลัมน์” ชอ่ื หนงั สอื พมิ พ.์ วัน เดอื น ปี. หน้า.
๕๐๖
แบบประเมนิ การเขียนรายงานโครงการ
คาชแี้ จง ครูประเมินพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขยี นรายงานโครงการ และใหค้ ะแนนลงในช่องที่ตรงกับ
พฤติกรรมของนกั เรยี น
อง ์คประกอบ ่สวน ้ตน
เนื้อเ ื่รอง/ภาษา
่สวนท้าย
เลขที่ ชอื่ – สกุล รวม สรุปผลการประเมิน
๔ ๔ ๔ ๑๒ ผา่ น ไม่ผา่ น
เกณฑ์การตัดสนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป (๑๐ คะแนน)
คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถึง ดีมาก
คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ ดี
คะแนน ๗-๘ หมายถงึ พอใช้
คะแนน ๐-๖ หมายถึง ปรับปรงุ
ลงช่อื ..............................................ผ้ปู ระเมิน
(.........................................................)
................./............................/....................
๕๐๗
เกณฑ์การประเมินการเขยี นรายงานโครงงาน
ประเด็นการประเมิน ระดบั คุณภาพ
องค์ประกอบของ ๔ (ดมี าก) ๓ (ด)ี ๒ (พอใช)้ ๑ (ปรับปรงุ )
การเขียนรายงาน มีองค์ประกอบของ มอี งคป์ ระกอบของ
โครงงาน สว่ นปก การเขียนรายงาน มีองค์ประกอบของ มอี งคป์ ระกอบ การเขียนรายงาน
และส่วนตน้ โครงงานครบถ้วน ไม่ครบถ้วน
การเขยี นรายงาน ของการเขยี น
โครงงานครบถว้ น รายงานโครงงาน
บางส่วน ยังไม่ครบถ้วน
เนื้อเร่ือง การเรียบ การเรียบเรยี งเน้อื เร่อื ง การเรยี บเรยี งเน้ือเร่อื ง การเรยี บเรยี ง การเรยี บเรยี งยงั
เรยี ง การใชภ้ าษา
มกี ารลาดบั ตามหัวข้อ มีการลาดบั ตามหัวข้อ มีการลาดบั ตาม ไมเ่ ป็นไปตามลาดับ
ส่วนท้าย
ท่ีกาหนดตรงตาม ท่กี าหนดตรงตาม หวั ขอ้ แต่ยังไมต่ รง ตามหัวขอ้ ท่ีกาหนด
วัตถปุ ระสงค์ของ วัตถุประสงค์ของ ตามวตั ถุประสงค์ และไมต่ รงตาม
โครงการ โครงการ ของโครงการ วัตถุประสงค์
มอี งคป์ ระกอบ มีองค์ประกอบ มีองค์ประกอบ ขาดองคป์ ระกอบ
ส่วนทา้ ย ส่วนท้ายส่วนเปน็ ใหญ่ ส่วนท้ายบางส่วน ส่วนทา้ ย
ประกอบด้วย บรรณานุกรมและ บรรณานกุ รมและ บรรณานกุ รมและ
บรรณานุกรมและ ภาคผนวก ภาคผนวก ภาคผนวก
ภาคผนวกครบถว้ น ยงั ไมค่ รบถว้ น ยงั ไมค่ รบถ้วน ไมค่ รบถ้วน
เกณฑก์ ารตัดสิน หมายถงึ ดมี าก
คะแนน ๑๑-๑๒ หมายถงึ ดี
คะแนน ๙-๑๐ หมายถงึ พอใช้
คะแนน ๗-๘ หมายถึง ปรบั ปรงุ
คะแนน ๐-๖