The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนวิทยาศาสตร์กายภาพ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ao_jiranan, 2022-02-15 10:40:17

แผนการสอนวิทยาศาสตร์กายภาพ 2

แผนการสอนวิทยาศาสตร์กายภาพ 2

แผนการจดั การเรียนรู้

รายวิชา วิทยาศาสตร์กายภาพ 2

นางจริ นนั ท์ ตอ่ มหลา้

ตาแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 24 จงั หวดั พะเยา

สานกั งานบรหิ ารการศกึ ษาพเิ ศษ
สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน

กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 1

รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว32103 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 เวลา 40 ชว่ั โมง จานวน 1.0 หน่วยกติ

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 การเคลื่อนทแี่ ละแรง เวลา 8 ชวั่ โมง

เร่อื ง ตาแหนง่ ระยะทาง กระการจดั อตั ราเร็วและความเร็ว เวลา 2 ช่วั โมง

1. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชี้วดั
มาตรฐาน
ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่กระทาตอ่ วัตถลุ ักษณะการเคลอ่ื นท่ีแบบต่าง ๆ

ของวตั ถุ รวมทงั้ นาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

ตัวชีว้ ัด
ว 2.2 ม.5/1 วิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูลความเร็วกับเวลาของการเคลื่อนท่ีของวัตถุเพ่ืออธิบาย
ความเรง่ ของวัตถุ

2. สาระสาคญั
การเคลื่อนท่ีของวัตถุเป็นการเปลี่ยนตาแหน่งของวัตถุเมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป โดยมีปริมาณที่เกี่ยวข้อง

ไดแ้ ก่ ระยะทาง การกระจัด อัตราเร็ว ความเรว็ และความเรง่
เมื่อมีแรงภายนอกมากระทาต่อวัตถุโดยผลรวมของแรงลัพธ์ไม่เท่ากับศูนย์จะทาให้วัตถุเคล่ือนท่ี โดยมี

ความเร่ง ขนาดและทิศทางของความเร่งขนึ้ อยู่กับขนาดและทศิ ทางของแรงลัพธ์และมวลของวตั ถุ การหาแรงลัพธ์ท่ี
กระทา ต่อวัตถุสามารถทาได้โดยการรวมแบบเวกเตอร์ สาหรับวัตถุใด ๆ เม่ือมีแรงกระทาต่อวัตถุ วัตถุน้ันจะออก
แรงตอบโตก้ ลบั เรยี กแรงท่กี ระทาระหว่างวตั ถุวา่ แรงกิรยิ าและแรงปฏิกิรยิ า ซึ่งแรงท้ังสองนี้มขี นาดเท่ากันแต่มที ิศ
ทางตรงขา้ มกัน
ความรู้เรื่องแรงและความเร่งสามารถนามาใช้อธิบายการเคล่ือนที่แบบต่าง ๆ ได้ เช่น การเคล่ือนท่ีแนวตรงซึ่งเป็น
การเคลื่อนที่ท่ีความเร็วและความเร่งอยู่ในแนวเดียวกัน การตกแบบเสรีซึ่งเป็นการเคลื่อนที่แนวตรงด้วยความเร่ง
โน้มถ่วงของโลก การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ซ่ึงเป็นการเคล่ือนที่แนวโค้งด้วยความเร่งคงตัว การเคลื่อนที่แบบ
วงกลมซ่ึงเปน็ การเคล่ือนท่ีแนวโคง้ ดว้ ยความเรง่ ทม่ี ีทิศทางตัง้ ฉากกับความเร็วตลอดเวลา และการเคลือ่ นที่แบบสั่น
ซึง่ เปน็ การเคล่อื นที่กลบั ไปกลับมาด้วยความเร่งท่ีมีทศิ ทางเขา้ สู่จดุ ท่ีแรงลัพธ์เปน็ ศูนยซ์ ่งึ เรยี กว่า ตาแหนง่ สมดลุ

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ (K)
1) นักเรยี นอธบิ ายการเคลือ่ นท่ีแนวตรงได้
2) นักเรยี นอธิบายความหมายการบอกตาแหนง่ ของวตั ถไุ ด้
3) นักเรียนอธบิ ายความหมายของระยะทางกบั การกระจัดได้
4) นกั เรียนอธบิ ายความแตกตา่ งระหว่างอตั ราเรว็ และความเร็วได้

3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นกั เรยี นสามารถจัดกระทาและส่ือความหมายของขอ้ มลู ทีศ่ ึกษาคน้ คว้าได้
2) นกั เรยี นสามารถเขยี นแสดงวธิ ที าการหาคา่ อัตราเร็วและความเร็วในการเคลื่อนที่ของวตั ถไุ ด้

3.3 ด้านคณุ ลักษณะ (A)
1) ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มีความม่งุ มัน่ ในการทางาน

4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ความรู้
การเคลือ่ นทีแ่ นวตรง
การเคล่ือนท่ีแนวตรงเป็นการเคลื่อนที่ที่อยู่ในแนวเดียว เชน่ การเคล่อื นทขี่ องรถยนต์บนถนนตรง
การเคลื่อนที่ของลูกมะพร้าวเม่ือตกจากต้นสู่พ้ืนดิน การเคลื่อนที่ของนักกีฬาว่ายน้าในลู่ของสระ เป็นต้น
การเคล่ือนทแี่ นวตรงเปน็ การเคลอื่ นทที่ ไ่ี ม่ซบั ซ้อนเพราะเปน็ การเคลอื่ นทใี่ น 1 มิตเิ ท่านน้ั การเคลื่อนทแ่ี นว
ตรงจงึ เป็นตัวอยา่ งทเี่ หมาะในการศึกษาปริมาณต่าง ๆ ที่เกยี่ วข้องกบั การเคล่ือนที่ เพ่อื เป็นพ้ืนฐานสาหรับ
การศึกษาการเคลือ่ นทลี่ ักษณะอน่ื ๆ ตอ่ ไป
ตาแหนง่ ระยะทาง และการกระจัด
เมื่อต้องการระบุว่าวตั ถใุ ดๆ น้ันจาเป็นต้องทราบ ตาแหน่ง (position) ของวตั ถุ ซึ่งมคี วามสาคัญ
ในการบอกการเคลื่อนที่ของวัตถุ

รปู 1.1 ตาแหนง่ ของรถ A และ B ในเวลา 10.08 น. และ 10.18 น.
จากรูป 1.1 เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป รถ B มีการเปล่ียนแปลง แสดงว่า รถ B มีการเคล่ือนที่
(motion) ในขณะที่รถ A ยังอยู่ ณ ตาแหน่งเดิม แม้เวลาเปลี่ยนแปลงไป แสดงว่า รถ A ไมม่ ีการเคลื่อนท่ี
ทั้งนี้การระบุการเคลื่อนที่ของรถ A และ B อาจใช้แนวของต้นไม้เป็นเกณฑ์ ซ่ึงเห็นได้ว่า เม่ือเวลาผ่านไป
10 นาที รถ B มีตาแหนง่ ที่อยู่หา่ งออกจากแนวของต้นไม้มากขนึ้ หรือ ใชห้ อนาฬิกาเป็นเกณฑซ์ ึ่งเห็นได้ว่า
เม่ือเวลาผา่ นไป รถ B มีตาแหน่งท่ีอย่ใู กล้กับหอนาฬิกามากขึ้น การบอกตาแหน่งของวัตถุจึงจาเป็นต้องมี
การกล่าวถึงจุดท่ีใช้เปรียบเทียบในการบอกตาแหน่งเรียกจุดดังกล่าวว่า จุดอ้างอิง (reference point)
ดงั นัน้ ต้นไม้และหอนาฬิกาจึงสามารถใชเ้ ปน็ จุดอ้างอิงเพอื่ ใช้บอกตาแหน่งของรถ A และ รถ B ได้

รปู 1.2 การเคลอื่ นทแ่ี ละเปล่ยี นตาแหน่งของชายคนหนึ่ง

เม่ือวตั ถุมีการเคล่ือนทแี่ ละเปลย่ี นตาแหน่งสามารถอธบิ ายโดยเปรยี บเทียบระยะห่างจากตาแหน่ง
เร่ิมต้นซ่ึงเปน็ จุดอ้างอิงไดด้ ้วยปริมาณที่เก่ียวข้อง 2 ปริมาณ คือ ระยะทาง (distance) และ การกระจัด
(displacement)

ระยะทางเป็นการอธิบายการเปลี่ยนตาแหน่งด้วยความยาวตามเส้นทางที่วัตถุเคลื่อนท่ี เช่น การ
อธิบายการเคล่ือนที่ของชายในรปู 1.2 ถ้าให้ประตูบ้านเป็นจุดอ้างอิง ความยาวตามเส้นทางการเคลื่อนท่ี
ท้ังหมดของชายคนนี้ คือ ความยาวตามเส้นทางการเคล่ือนท่ีจากประตูถึงตู้จดหมายเท่ากับ 3 เมตร และ
ความยาวตามเส้นทางการเคลื่อนท่ีจากตู้จดหมายถึงตาแหน่งสุดท้ายเท่ากับ 2 เมตร ดังน้ันความยาวตาม
เส้นทางที่ชายคนนี้เคลื่อนท่ี หรือระยะทางท่ีชายคนนี้เคลื่อนที่จึงค่าเท่ากับ 5 เมตร โดยระยะทางเป็น
ปรมิ าณสเกลาร์ (scalar) ท่มี เี พียงขนาดแต่ไม่มที ิศทาง

การกระจัดเป็นการอธิบายการเปล่ียนตาแหน่งจากตาแหน่งเริ่มต้นหรือจุดอ้างอิงไปยังตาแหน่ง
สุดท้าย เช่น รูป 1.2 ถ้าให้บ้านเป็นตาแหน่งเริ่มต้นหรือตาแหน่งอ้างอิง การกระจัดของชายคนน้ีจาม
เส้นทางการเคลื่อนท่ีจากประตูบ้านไปยังตู้จดหมายและตาแหน่งสุดท้าย คือ 1 เมตร มีทิศไปทางขวา
โดยการกระจัดเป็นปรมิ าณเวกเตอร์ (vector) ทต่ี อ้ งบอกทั้งขนาดและทิศทาง

อัตราเรว็ และความเรว็ ของวัตถุ
การบอกว่าวัตถุใดเคล่ือนที่ช้าหรือเร็ว สามารถพิจารณาได้จากระยะทางหรือการกระจัดที่วัตถุ
เคล่ือนที่เทียบกับเวลาท่ีใช้ในการเคล่ือนที่ โดยระยะทางที่วัตถุเคล่ือนท่ีไปได้ใน 1 หน่วยเวลาเรียกว่า
อัตราเร็ว (speed) และการกระจัดท่ีวัตถุเคล่ือนที่ไปได้ใน 1 หน่วยเวลา เรียกว่า ความเร็ว (velocity)
ทั้งน้ีอัตราเร็วเป็นปริมาณสเกลาร์ ส่วนความเร็วเป็นปริมาณเวกเตอร์ ซ่ึงปริมาณท้ังสองมีหน่วยเป็น
หน่วยของความยาวต่อหน่วยของเวลา เช่น เมตรวินาที (m/s) กิโลเมตรต่อชั่วโมง (km/h) หรือ ไมล์ต่อ
ช่วั โมง (mi/h)
อัตราเร็วสามารถแบ่งได้ 2 แบบ คอื อัตราเรว็ เฉลยี่ (average speed) และ อัตราเรว็ ขณะหนงึ่
(instantaneous speed) โดยอัตราเรว็ เฉลี่ยหาไดจ้ าก อัตราส่วนระหว่างระยะทางที่วัตถเุ คล่ือนท่ีได้กับ
ช่วงเวลาที่ใช้ในการเคล่ือนที่ และอัตราเร็วขณะหน่ึง คือ อัตราเร็วของวัตถุท่ีกาลังเคลื่อนที่ ณ ขณะน้ัน
อตั ราเร็วขณะหนง่ึ สามารถหาไดจ้ ากอตั ราเรว็ เฉล่ยี ของการเคลอื่ นทีใ่ นช่วงเวลาท่นี อ้ ยมาก ๆ จนใกลศ้ ูนย์
มาตรอัตราเร็วของรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ แสดงค่าของอัตราเร็วขณะหน่ึง ณ เวลาท่ีกาลัง
อ่านมาตรนั้นอยู่ แต่รถยนต์บางรุ่นสามารถบอกอัตราเร็วในการเคลื่อนที่ได้ทั้งอัตราเร็วขณะหนึ่งและ
อัตราเร็วเฉลี่ย ดังรูป 1.4 ซึ่งสามารถบอกได้ว่า รถกาลังเคล่ือนที่ด้วยอัตราเร็วขณะหนึ่งเท่ากับ 50
กโิ ลเมตรตอ่ ช่ัวโมง และรถกาลังเคลอ่ื นท่ตี ลอดระยะเวลา 29 นาที ดว้ ยอัตราเรว็ เฉลยี่ 8 กิโลเมตรตอ่ ชวั่ โมง

รปู 1.4 มาตรอัตราเร็วของรถยนต์

สาหรับความเร็วซ่ึงเป็นปริมาณเวกเตอร์สามารถแบ่งได้ 2 แบบเช่นกัน คือ ความเร็วเฉล่ีย
(average velocity) และ ความเร็วขณะหน่ึง (instantaneous velocity) โดยความเร็วเฉลี่ย คือ
อตั ราส่วนระหว่างการกระจัดที่วตั ถุเคลือ่ นทไี่ ด้กับช่วงเวลาที่ใช้ในการเคลื่อนที่ และถ้าช่วงเวลาที่ใช้ในการ
เคลอื่ นท่เี ปน็ ช่วงทนี่ อ้ ยมากๆ จนใกล้ศูนย์ ความเรว็ เฉลย่ี จะถอื วา่ เปน็ ความเร็วขณะหน่งึ

อัตราเรว็ เฉลีย่ = ระยะทาง
ชว่ งเวลาของการเคล่อื นท่ี

ความเร็วเฉล่ีย = การกระจัด
ช่วงเวลาของการเคลื่อนที่

4.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสื่อสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วิเคราะห์ จัดกลมุ่ สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (-)
4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต (ความรับผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใชก้ ารสืบค้นผา่ นคอมพวิ เตอร์)

4.3 คุณลกั ษณะและคา่ นิยม
ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มีความมุง่ ม่นั ในการทางาน

5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ของผเู้ รยี น ซอ่ื สตั ย์สจุ รติ มุ่งมั่นในการทางาน มวี นิ ยั
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง มจี ิตสาธารณะ
รักความเป็นไทย  ใฝ่เรยี นรู้

6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
 ความสามารถในการคิด: นักเรียนสามารถอธิบายเรือ่ งตาแหน่ง ระยะทาง กระการจัด อัตราเรว็ และความเร็วได้

7. กิจกรรมการเรียนรู้
ขน้ั ท่ี 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครนู าเขา้ สู่บทเรียน โดยนาภาพให้นกั เรียนศึกษา แล้วตั้งคาถามเพอ่ื นาเข้าสกู่ ารทากจิ กรรม

รปู 1.1 ตาแหนง่ ของรถ A และ B ในเวลา 10.08 น. และ 10.18 น.

ครูต้ังคาถามให้นกั เรียนตอบ ดังนี้
1) รถ A และ B มีตาแหน่ง ดังรูป 1.1 ก. และเมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที รถ A และ B มี

ตาแหน่งเปลี่ยนแปลงไป ดังรูป 1.1 ข. จากขอ้ มูลดังกล่าวจะสามารถบอกได้หรอื ไม่ว่า รถใดมีการเคลื่อนท่ี
เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น (แนวการตอบ รถ B มีการเคลื่อนท่ี เพราะเม่ือเวลาผ่านไป รถ B มีการเปล่ียน
ตาแหน่ง)

2) เราจะอธิบายการเคลอื่ นที่และเปลีย่ นตาแหน่งของวตั ถุโดยเปรียบเทียบระยะห่างจาก
จุดอา้ งองิ ได้อย่างไร มปี รมิ าณอะไรบา้ งที่เก่ียวข้อง

1.2 ครูให้นักเรยี นดูวดี ีทศั น์ ขา่ วนักวงิ่ แข่ง 100 เมตร แลว้ ครูตัง้ คาถามให้นักเรียนตอบ

https://www.youtube.com/watch?v=FulkL8uOPd8&feature=youtu.be

ครูตั้งคาถามให้นกั เรียนตอบ ดงั นี้
1) นักเรียนจะทราบได้อย่างไรว่า นักว่ิงคนใดเคล่ือนที่เร็ว และนักว่ิงคนใดเคล่ือนที่ช้า

(แนวการตอบ การเปรียบเทียบการเคล่ือนที่ของนักวิ่งที่เคล่ือนที่ในระยะทางท่ีเท่ากัน สามารถทาได้โดย
การพิจารณาระยะเวลาที่ใช้ในการเคล่ือนท่ี โดยนักว่ิงที่ใช้เวลาน้อยกวา่ จะเคล่ือนที่เร็วกว่านักวิ่งที่ใช้เวลา
มากกว่า)

2) สาหรบั ในกรณีทใ่ี ช้ระยะเวลาในการเคลื่อนท่ีเท่ากัน จะทราบได้อย่างไรวา่ นักว่งิ คนใด
เคลื่อนท่ีเร็ว และนักว่ิงคนในเคลื่อนท่ีช้า (แนวการตอบ การเปรียบเทียบการเคล่ือนท่ีของนักวิ่งที่เคล่ือนท่ี
ในเวลาที่เท่ากัน สามารถทาได้โดยการพิจารณาระยะทางที่นักวิ่งเคล่ือนที่ได้ โดยนักว่ิงท่ีเคลื่อนที่ได้
ระยะทางมากจะเคลอ่ื นท่เี รว็ กวา่ นักวงิ่ ที่เคล่ือนทไี่ ด้ระยะทางน้อย)

ขน้ั ท่ี 2 ขั้นสารวจและค้นหา
2.1 นักเรยี นทุกคนศกึ ษาค้นคว้า เร่ือง ตาแหน่ง ระยะทาง การกระจัด ในหนังสือเรยี น หนา้ 3 - 5
2.2 นักเรียนทุกคนศึกษาคน้ ควา้ เร่ือง อัตราเรว็ และความเรว็ ในหนงั สือเรยี น หน้า 5 - 6
2.3 นักเรียนตอบคาถามความเขา้ ใจ 1.1 ขอ้ 3. – 4. ลงในสมุด

ขนั้ ท่ี 3 ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป
3.1 ครูนานักเรยี นอภิปรายเพื่อนาไปสกู่ ารสรุปโดยใชค้ าถามต่อไปน้ี
1) จากรูป 1.1 เมื่อเวลาเปล่ียนไป รถ A หรือ B ยังอยู่ ณ ตาแหน่งเดิม เพราะเหตุใดจึง

เปน็ เช่นนั้น (แนวการตอบ รถ A เพราะรถ A ไม่มกี ารเคล่ือนที่)
2) จากรูป 1.1 เม่ือเวลาเปล่ียนไป รถ A หรือ B มีการเคล่ือนท่ี เพราะเหตุใดจึงเป็น

เชน่ นนั้ (แนวการตอบ รถ B มีการเคลื่อนที่ เพราะเมอื่ เวลาผา่ นไป รถ B มีการเปล่ยี นตาแหนง่ )
3) จงอธิบายความหมายของจุดอ้างอิง (reference point) (แนวการตอบ การบอก

ตาแหนง่ ของวตั ถุจงึ จาเปน็ ตอ้ งมกี ารกลา่ วถงึ จุดที่ใช้เปรยี บเทยี บในการบอกตาแหน่ง)
4) จากรูป 1.1 จงยกตัวอย่างตาแหน่งของวัตถุเปรียบเทียบกับจุดอ้างอิง (reference

point) (แนวการตอบ เมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที รถ B มีตาแหน่งท่ีอยู่ห่างออกจากแนวของต้นไม้มากขึ้น
หรือ เมือ่ เวลาผ่านไป รถ B มตี าแหนง่ ท่ีอยใู่ กล้กับหอนาฬิกามากขน้ึ )

5) จากข้อ 4) ตาแหน่งของวัตถุ คอื อะไร (แนวการตอบ รถ B)
6) จากข้อ 4) จุดอ้างอิง (reference point) คืออะไร (แนวการตอบ ต้นไม้หรือหอ
นาฬิกา)

7) เม่ือวตั ถุมีการเคลื่อนท่ีและเปล่ียนตาแหน่งสามารถอธิบายโดยเปรียบเทียบระยะห่าง
จากตาแหนง่ เริม่ ต้นซึ่งเป็นจุดอา้ งองิ ไดด้ ้วยปรมิ าณท่เี ก่ยี วขอ้ งก่ปี รมิ าณ อะไรบา้ ง (แนวการตอบ 2 ปริมาณ
คือ ระยะทาง (distance) และการกระจดั (displacement))

8) ระยะทางอธิบายการเปลี่ยนตาแหนง่ ได้ว่าอย่างไร (แนวการตอบ การเปลี่ยนตาแหน่ง
ดว้ ยความยาวตามเสน้ ทางท่วี ตั ถเุ คล่ือนท่ี)

9) การกระจดั อธิบายการเปลย่ี นตาแหนง่ ไดว้ า่ อย่างไร (แนวการตอบ การเปลี่ยนตาแหน่ง
จากตาแหน่งเริ่มตน้ หรือจดุ อ้างองิ ไปยงั ตาแหน่งสดุ ทา้ ย)

10) ระยะทางและการกระจัดแตกต่างกันอย่างไร (แนวการตอบ ระยะทางเป็นปริมาณ
สเกลาร์ท่มี ีเพยี งขนาดแตไ่ มม่ ีทศิ ทาง ส่วนการกระจดั เป็นปรมิ าณเวกเตอรท์ ี่มที ้งั ขนาดและทศิ ทาง)

11) ในกรณีที่มีการเคลอื่ นท่กี ลบั ทิศทาง  ระยะทางการเคล่ือนที่และขนาดการกระจัดมคี ่า
เท่ากันหรือไม่ อย่างไร (แนวการตอบ ไม่เท่ากันโดยในกรณีที่มีการเคลื่อนที่กลับทิศทางระยะทางจะมีค่า
เพิ่มข้นึ สว่ นขนาดของการกระจดั จะมคี ่าลดลง)

3.2 ครใู ห้ความหมายของอัตราเร็วและความเร็วตามรายละเอียดในหนงั สือเรียน
3.3 ครูนานกั เรียนอภปิ รายโดยใชค้ าถามวา่ ดังน้ี

1) ในการเคลือ่ นที่ของวัตถใุ นชว่ งเวลาหน่ึงอาจมีการเปล่ียนแปลงอัตราเรว็ และความเร็ว
ระหว่างการเคลื่อนที่ จะบอกอัตราเร็วและความเร็วในช่วงเวลาน้ีได้อย่างไร (แนวการตอบ การบอก
อัตราเร็วและความเร็วในชว่ งเวลานจ้ี าเปน็ ต้องบอกในรปู ของอัตราเร็วเฉลย่ี และความเรว็ เฉล่ีย)

3.4 นกั เรียนและครูรว่ มกันอภิปรายและสรุปการศกึ ษาค้นควา้ จนสรุป เรื่อง ตาแหน่ง ระยะทาง
การกระจดั อตั ราเรว็ และความเรว็

ข้ันท่ี 4 ขัน้ ขยายความรู้
4.1 ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับปริมาณทางวิทยาศาสตร์ท่ีเป็นปริมาณเวกเตอร์และปริมาณ

สเกลารอ์ ื่น ๆ เชน่ เวลา อุณหภูมิ มวล ความยาว พ้ืนที่ และปรมิ าตร เป็นปรมิ าณสเกลาร์ ส่วนแรงและน้า
หนกั เปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์

4.2 ครูอธิบายให้ความรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับการหาอัตราเร็วเฉล่ีย อัตราเร็วขณะหนึ่ง ความเร็วเฉลี่ย
และความเร็วขณะหนง่ึ และตัวอยา่ ง 1.1 ตามรายละเอียดในหนงั สอื เรยี น

4.3 ครูอธบิ ายใหค้ วามรูเ้ กีย่ วกับมาตรอตั ราเรว็ รถ ดังน้ี
มาตรอัตราเร็วของรถยนต์หรือรถจกั รยานยนต์ แสดงค่าของอตั ราเรว็ ขณะหน่ึง ณ เวลาที่

กาลังอ่านมาตรนั้นอยู่ แต่รถยนต์บางรุน่ สามารถบอกอัตราเร็วในการเคล่ือนท่ีได้ท้ังอัตราเรว็ ขณะหน่ึงและ
อัตราเร็วเฉลี่ย ดังรูป 1.4 ซึ่งสามารถบอกได้ว่า รถกาลังเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วขณะหน่ึงเท่ากับ 50
กิโลเมตรตอ่ ชว่ั โมง และรถกาลังเคลอื่ นท่ีตลอดระยะเวลา 29 นาที ด้วยอัตราเรว็ เฉลี่ย 8 กิโลเมตรตอ่ ช่วั โมง

รปู 1.4 มาตรอตั ราเร็วของรถยนต์

ขน้ั ที่ 5 ขัน้ ประเมินผล
5.1 นักเรียนส่งใบกจิ กรรม เร่อื ง ตาแหนง่ ระยะทาง การกระจดั
5.2 นักเรยี นส่งสมดุ
5.3 นักเรียนทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทท่ี 1 ข้อ 5. – 6.

ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสังคม
ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะคนนาความรู้ทเ่ี รียนไปค้นควา้ เพม่ิ เติมทีห่ ้องสมดุ หรือเว็บไซต์ แล้วนาเสนอใน

ช้ันเรียน

8. สือ่ การเรยี นร้/ู แหล่งเรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 เลม่ 2

(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 ใบกิจกรรม เรื่อง ตาแหนง่ ระยะทาง การกระจดั
8.3 อินเทอร์เน็ต เวบ็ ไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=FulkL8uOPd8&feature=youtu.be
8.4 ห้องสมุด

9. ชิ้นงาน/ภาระงาน

-

10. การวัดและประเมินผล

10.1 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

ตัวช้วี ัด/ผลการเรยี นรู้ วธิ ีการวดั เคร่อื งมือวัด เกณฑ์ทีใ่ ชใ้ นการ
1) แบบประเมนิ ประเมนิ
ด้านความรู้: 1) ตรวจสมุด การทากจิ กรรม
1) นักเรยี นสามารถ
1) นกั เรยี นอธิบายการ นักเรียน 1) แบบประเมิน ตอบคาถามไดร้ ะดบั ดี
การทากิจกรรม ผา่ นเกณฑ์
เคลื่อนที่แนวตรงได้
1) นักเรียนสามารถ
2) นักเรียนอธบิ าย ตอบคาถามไดร้ ะดับดี
ผ่านเกณฑ์
ความหมายการบอก

ตาแหนง่ ของวตั ถุได้

3) นกั เรยี นอธิบาย

ความหมายของระยะทาง

กบั การกระจดั ได้

4) นักเรียนอธิบายความ 1) ตรวจสมุด

แตกตา่ งระหว่างอัตราเรว็

และความเร็วได้
ด้านกระบวนการ:

1) นักเรียนสามารถจัด นักเรียน

กระทาและสื่อความหมาย

ของขอ้ มลู ท่ีศกึ ษาค้นควา้ ได้

2) นกั เรียนสามารถเขยี น

แสดงวธิ ที าการหาคา่

อัตราเร็วและความเร็วใน

การเคลอื่ นทีข่ องวตั ถุได้

ดา้ นเจตคติ: 1) ตรวจสมุด 1) แบบประเมนิ 1) นกั เรยี นทาภาระงาน
การทากจิ กรรม ท่ีได้รับมอบหมายได้
1) ใฝ่เรียนรู้และเป็นผู้มี นกั เรยี น ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์

ความมงุ่ มน่ั ในการทางาน

11. กจิ กรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………....................................................

ลงช่อื ผู้สอน
(นางสาวจริ นันท์ ตอ่ มหลา้ )

12. ข้อคิดเห็นของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ...............................................................
( นายนันท์ ก้อคา )

หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

13. ข้อคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะผู้ชว่ ยผอู้ านวยการกลมุ่ งานบริหารวชิ าการ
......................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ...............................................................
(....................................................)

ผู้ช่วยผู้อานวยการกล่มุ งานบรหิ ารวิชาการ

การอนมุ ัติการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้จากฝา่ ยบริหาร
ความคดิ เหน็ ของรองผู้อานวยการฝา่ ยวิชาการ

....................................................................................................................................................................................
 เหน็ สมควรอนุมัตใิ หใ้ ช้ในการจดั การเรียนการสอน
 เหน็ สมควรไม่อนุมัติให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ....................................................................

.....................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................................
(นายนพดล ธรรมใจอดุ )

รองผ้อู านวยการโรงเรียนฝ่ายบริหารวิชาการ

การอนุมัติจากผู้อานวยการโรงเรียน

 อนมุ ตั ิให้ใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน
 ไม่อนุมตั ใิ หใ้ ช้ในการจัดการเรียนการสอน เพราะ..............................................................
..............................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .......................................................................................
(นางวิลาวัลย์ ปาลี)

ผ้อู านวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จงั หวัดพะเยา

บันทึกผลการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1

รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว32103 ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5

เรอ่ื ง ตาแหนง่ ระยะทาง กระการจดั อตั ราเรว็ และความเรว็ เวลา 2 ชั่วโมง

……………………………………………………………….

1. จานวนนักเรียนท่สี อน

ระดับชัน้ จานวนนักเรยี น (คน)

ม.5/1 34

ม.5/2 35

ม.5/3 36

รวม 105

2. บนั ทึกผลการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
2.1 ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................

2.2 ขอ้ สังเกต/ข้อค้นพบ
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

2.3 ปญั หา/อปุ สรรค
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

2.4 ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

3. การประเมินผลการสอน

รายการประเมิน ดีมาก ระดบั คุณภาพ
ดี พอใช้ ปรับปรงุ

1. ความเหมาะสมของระยะเวลา

2. ความเหมาะสมของเนือ้ หา

3. ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนการสอน

4. ความเหมาะสมของสือ่ การสอนทใี่ ช้

5. พฤตกิ รรม/การมสี ว่ นรว่ มของนักเรียน

6. ผลการปฏิบัติกิจกรรม/ใบกจิ กรรม การทดสอบก่อนเรยี นและ

หลังเรยี น

สรุปภาพรวม

4. สรุปผลการวัดผลประเมนิ ผล 4 ระดับคุณภาพ 1
การวดั ผลประเมินผล 32 รวม
(คน)
จานวน (คน)
้รอยละ
จานวน (คน)
้รอยละ
จานวน (คน)
้รอยละ
จานวน (คน)
้รอยละ

1. ความรู้ ระดับคุณภาพ รวม
1.1 ใบกจิ กรรม 32 1 (คน)
1.2 ……..
1.3 .......
1.4 แบบทดสอบหลงั เรยี น
ระดับ 3 ข้นึ ไป คิดเป็นรอ้ ยละ

2. ทักษะ/กระบวนการ
2.1 กระบวนการทางานกลมุ่
2.2 ..........
ระดบั 3 ขึ้นไป คดิ เปน็ รอ้ ยละ

3. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
ระดับ 3 ขึ้นไป คิดเปน็ ร้อยละ

การวดั ผลประเมนิ ผล

จานวน (คน)
้รอยละ
จานวน (คน)
้รอยละ
จานวน (คน)
้รอยละ

4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
ระดับ 3 ข้นึ ไป คิดเปน็ ร้อยละ

ลงช่อื ............................................ครผู ้สู อน
(นางจิรนนั ท์ ต่อมหลา้ )

ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้นเิ ทศ
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ................................................ผู้นเิ ทศ
(นายนนั ท์ กอ้ คา)

หวั หน้ากล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ความคดิ เหน็ ของรองผ้อู านวยการโรงเรียนฝ่ายบรหิ ารวชิ าการ
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ........................................................
(นายนพดล ธรรมใจอุด)

รองผู้อานวยการฝ่ายบริหารวิชาการ

ความคิดเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรียน
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................

ลงช่อื ........................................................
(นางวิลาวลั ย์ ปาลี)

ผู้อานวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จังหวดั พะเยา

ลำดบั ท่ี ชอ่ื – สกลุ 1.กำรคิด 2.กำร 3.กำรใช้ รวม ระดับ สรุปประเมิน
ของผรู้ ับกำรประเมิน แก้ปัญหำ เทคโนโลยี คะแนน คุณภำพ
(12)

321032103210 ผำ่ น ไมผ่ ่ำน

สรุปผล

ลงชือ่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ

............../.................../...............

แบบประเมนิ สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น

ประเด็นกำร ระดบั คณุ ภำพ
ประเมิน
ดเี ย่ยี ม (3) ดี (2) พอใช/้ ผ่ำนเกณฑ์ ปรบั ปรงุ (0)
ข้นั ต่ำ (1)
มีพฤตกิ รรมบง่ ชี้
มีพฤติกรรมบ่งชี้ ดังน้ี มีพฤตกิ รรมบ่งชี้ มพี ฤติกรรมบง่ ชี้ 1 พฤติกรรมหรือไม่มี
1. จาแนกข้อมลู ได้ เลย
ควำมสำมำรถใน 2. จัดหมวดหมขู่ อ้ มูลได้ 3 พฤติกรรม 2 พฤตกิ รรม
กำรคิด 3. จัดลาดับความสาคญั
ของขอ้ มลู ได้
4. เปรียบเทียบขอ้ มูลได้

ปฏบิ ตั ติ ามแผนการ ปฏิบัตติ ามแผนการ ปฏิบตั ติ ามแผนการ ไมม่ ีการปฏิบัติตาม

ควำมสำมำรถใน แกป้ ัญหาที่กาหนดไว้ แกป้ ัญหาท่กี าหนดไว้ แก้ปัญหาทกี่ าหนด แผน

กำรแก้ปญั หำ ทุกขั้นตอนมีข้อมลู 2 ใน 3 ของชนั้ ตอน ไว้ การแก้ปญั หาทว่ี างไว้

สนบั สนนุ ครบถว้ นสมบูรณ์ และ 1 ใน 3 ของชั้น

มขี อ้ มูลสนบั สนนุ ตอน และ

สมบรู ณ์ มขี อ้ มลู สนบั สนุน

สมบรู ณ์

เลือกและใช้เทคโนโลยที ี่ เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยี ใช้เทคโนโลยีในการ ใชเ้ ทคโนโลยีในการ

ควำมสำมำรถใน เหมาะสมในการสบื คน้ ที่เหมาะสมในการ สืบค้น สบื ค้น คน้ คว้า

กำรใช้เทคโนโลยี คน้ ควา้ รวบรวม สรุป สบื ค้น คน้ คว้า คน้ คว้า รวบรวม รวบรวม ความรู้ได้

ความรู้ไดด้ ว้ ยรูปแบบของ รวบรวมความรู้ได้ดว้ ย ความรู้ได้ โดยมี ผแู้ นะนาหรือ

ตนเองอย่างสร้างสรรค์ ตนเองอยา่ งถกู ต้อง ด้วยตนเองอยา่ ง ลอกเลยี นแบบผ้อู นื่

ถูกต้อง

เกณฑ์กำรสรุปผล 3 คะแนน
ระดับคณุ ภำพ 2 13-15 คะแนน
1 9-12 คะแนน
ดีเยี่ยม 0 1-8 คะแนน
ดี
ผา่ นเกณฑ์ 0 คะแนน
ไม่ผา่ นเกณฑ์

รวม ระดับ
มุ่งม่ันใน คะแนน คุณภำพ
ลำดบั ชอื่ – สกุล มีวนิ ัย ใฝ่ เรียนรู้ การทางาน สรปุ ประเมิน
ที่ ของผรู้ ับกำรประเมิน
(12)

321032103210 ผ่ำน ไมผ่ ่ำน

สรปุ ผล

ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน
......................./....................../...............

ประเดน็ กำร ระดบั คณุ ภำพ
ประเมิน
ดีเยี่ยม (3) ดี (2) พอใช้/ผ่ำนเกณฑ์ ปรบั ปรุง (0)
มีวนิ ัย ขนั้ ต่ำ (1)
ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ไมป่ ฏบิ ตั ติ าม
ใฝ่ เรยี นรู้ กฎเกณฑ์ ระเบยี บมคี วาม ปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลง ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ขอ้ ตกลง
ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั ิ กฎเกณฑ์
มุ่งมนั่ ในการ กจิ กรรมตา่ ง ๆ สม่าเสมอ กฎเกณฑ์ ระเบยี บมีความ กฎเกณฑ์ ระเบยี บมี ระเบียบไม่มี
ทางาน ตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั ิ ความตรงตอ่ เวลาใน ความตรงตอ่
ตงั้ ใจเรียนเอาใจใสใ่ นการ กิจกรรมตา่ ง ๆ บอ่ ยครงั้ การปฏิบตั กิ จิ กรรม เวลาในการ
เรยี น และมีความเพยี ร ตา่ ง ๆ บางครงั้ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
พยายามในการเรียน ตา่ ง ๆ
สม่าเสมอ ตงั้ ใจเรียนเอาใจใสใ่ นการ ตงั้ ใจเรยี นเอาใจใส่
เรยี น และมคี วามเพยี ร ในการเรยี น และมี ไม่ตงั้ ใจเรียนไม่
มีความตงั้ ใจและพยายาม พยายามในการเรยี น ความเพยี รพยายาม
ในการทางานที่ไดร้ บั บอ่ ยครงั้ ในการเรยี นบางครงั้ เอาใจใสใ่ นการ
มอบหมายท่ีปฏบิ ตั ชิ ดั เจน เรียน และไม่
และสมา่ เสมอ มีความตงั้ ใจและพยายาม มีความตงั้ ใจและ ความเพยี ร
ในการทางานท่ีไดร้ บั พยายามในการ พยายามในการ
มอบหมายปฏิบตั ชิ ดั เจน ทางานที่ไดร้ บั เรยี น
และบอ่ ยครงั้ มอบหมายปฏิบตั ิ ไมม่ ีความตงั้ ใจ
บางครงั้ และไม่พยายาม
ในการทางานท่ี
ไดร้ บั มอบหมาย

เกณฑ์กำรสรปุ ผล 3 คะแนน
ระดบั คณุ ภำพ 2 13-15 คะแนน
1 9-12 คะแนน
ดเี ยย่ี ม 0 1-8 คะแนน
ดี
ผา่ นเกณฑ์ 0 คะแนน
ไม่ผา่ นเกณฑ์

เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงานนักเรยี น
เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากิจกรรม เร่อื ง ตาแหนง่ ระยะทาง การกระจัด

ประเด็นการ คา่ น้าหนัก แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน

ด้านความรู้ 3 ตอบคาถามได้ถกู ต้องครบถว้ นทุกข้อ
(K) 2 ตอบคาถามได้ถกู ตอ้ ง เพยี ง 1 ขอ้
1 ตอบคาถามไมถ่ กู ต้อง
ดา้ น 3 ทาแบบฝกึ หัดท้ายบทที่ 1 ไดถ้ ูกต้องครบถว้ นทุกข้อ

กระบวนการ 2 ทาแบบฝกึ หดั ท้ายบทที่ 1 ไดถ้ ูกต้องครบถ้วน 1 ข้อ
(P) 1 ทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบทท่ี 1 ไมถ่ ูกต้อง
ดา้ น 3 ทาภาระงานทไี่ ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กาหนด และเรยี บร้อยถูกต้องครบถว้ น

คุณลักษณะ 2 ทาภาระงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกาหนด แตง่ านยงั ผดิ พลาดบางสว่ น
(A) 1 ทาภาระงานทไี่ ด้รับมอบหมายเสรจ็ แต่ล่าช้า และเกิดข้อผดิ พลาดบางสว่ น

ระดบั คะแนน 3 หมายถงึ ระดับดีมาก
คะแนน 2 หมายถงึ ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดับพอใช้
คะแนน

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 2

รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว32103 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ช่ัวโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 การเคลือ่ นท่ีและแรง เวลา 8 ชว่ั โมง

เรือ่ ง แรงและความเร่ง เวลา 2 ชวั่ โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
สาระท่ี –
มาตราฐาน
ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชีวติ ประจาวัน ผลของแรงทก่ี ระทาต่อวัตถลุ ักษณะการเคลื่อนท่ี

แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

ตวั ชว้ี ดั
ว 2.2 ม.5/1 วิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูลความเร็วกับเวลาของการเคลื่อนที่ของวัตถุเพ่ือ

อธบิ ายความเรง่ ของวตั ถุ
2. สาระสาคัญ

การเคล่ือนท่ีของวัตถุเป็นการเปล่ียนตาแหน่งของวัตถุเม่ือเวลาเปล่ียนแปลงไป โดยมีปริมาณที่เก่ียวข้อง
ไดแ้ ก่ ระยะทาง การกระจัด อัตราเรว็ ความเรว็ และความเรง่
เม่ือมีแรงภายนอกมากระทาต่อวัตถุโดยผลรวมของแรงลัพธ์ไม่เท่ากับศูนย์จะทาให้วัตถุเคล่ือนที่ โดยมีความเร่ง
ขนาดและทิศทางของความเร่งขึ้นอยกู่ ับขนาดและทิศทางของแรงลัพธแ์ ละมวลของวตั ถุ การหาแรงลพั ธ์ทก่ี ระทา ต่อ
วัตถุสามารถทาได้โดยการรวมแบบเวกเตอร์ สาหรับวัตถุใด ๆ เมื่อมีแรงกระทาต่อวัตถุ วัตถุน้ันจะออกแรงตอบโต้
กลับ เรยี กแรงทก่ี ระทาระหว่างวัตถุวา่ แรงกิริยาและแรงปฏกิ ิริยา ซ่งึ แรงทงั้ สองนมี้ ีขนาดเทา่ กนั แต่มีทศิ ทางตรงขา้ ม
กนั
ความรู้เร่ืองแรงและความเร่งสามารถนามาใช้อธิบายการเคลื่อนท่ีแบบต่าง ๆ ได้ เช่น การเคลื่อนที่แนวตรงซึ่งเป็น
การเคล่ือนท่ีที่ความเร็วและความเร่งอยู่ในแนวเดียวกัน การตกแบบเสรีซ่ึงเป็นการเคล่ือนที่แนวตรงด้วยความเร่ง
โน้มถ่วงของโลก การเคลื่อนท่ีแบบโพรเจกไทล์ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่แนวโค้งด้วยความเร่งคงตัว การเคลื่อนท่ีแบบ
วงกลมซงึ่ เป็นการเคล่ือนที่แนวโค้งด้วยความเรง่ ท่ีมที ิศทางตั้งฉากกับความเร็วตลอดเวลา และการเคลื่อนที่แบบส่ัน
ซ่ึงเป็นการเคลอ่ื นที่กลับไปกลับมาดว้ ยความเร่งท่ีมีทิศทางเขา้ สูจ่ ุดที่แรงลัพธเ์ ปน็ ศูนย์ซงึ่ เรียกว่า ตาแหน่งสมดุล

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นักเรยี นวเิ คราะห์และแปลความหมายข้อมูลความเรว็ กบั เวลาเพอ่ื อธิบายความเรง่ ของวตั ถุได้
2) นักเรยี นอธิบายความหมายของความเรง่ ได้
3) นกั เรียนอธิบายและวิเคราะหค์ วามสัมพนั ธร์ ะหว่างแรง มวล และความเร่งได้

3.2 ดา้ นกระบวนการ (P)
1) นกั เรยี นสามารถคานวณปริมาณต่างๆ ที่โจทย์กาหนดใหไ้ ด้

3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ (A)
1) ใฝ่เรยี นรู้และเป็นผูม้ ีความมงุ่ มนั่ ในการทางาน

4. สาระการเรียนรู้
4.1 ความรู้
ความเรง่
ในการเคลื่อนที่ของวัตถุในบางช่วงเวลา วัตถุมีความเร็วคงตัวซ่ึงแสดงว่าขนาดและทิศทางของ
ความเรว็ ของวัตถุไม่เปล่ยี นแปลง เช่น ขณะท่ีเรือเคล่อื นทีไ่ ปข้างหนา้ บนทางตรงด้วยความเรว็ 20 กโิ ลเมตร
ต่อช่ัวโมง สม่าเสมอตลอดเส้นทาง แต่ในบางช่วงเวลา วัตถุมีการเปลี่ยนขนาดของความเร็วหรือมีการ
เปล่ียนทิศทางของความเรว็ หรือเปล่ียนท้งั ขนาดและทิศทางของความเร็ว เช่น ขณะที่เรือเพ่ิมความเร็วเม่ือ
ออกตวั หรือลดความเร็วเมอื จอด
การท่ีวัตถุเคล่ือนที่โดยมีความเร็วเปล่ียนแปลงไป กล่าวได้ว่า วัตถุเคล่ือนท่ีโดยมีความเร่ง
(acceleration) โดยในกรณีที่ความเร่งของวัตถุมีทิศเดยี วกับความเร็ว วตั ถุนั้นจะมีความเร็วเพ่ิมขน้ึ เช่น
ช่วงเวลาที่เรอื กาลังเพ่ิมความเร็วขณะออกตัวหรือขณะเคล่ือนที่ไปข้างหน้าในแนวตรงเพ่ือเปลีย่ นความเร็ว
จาก 20 กโิ ลเมตรตอ่ ช่ัวโมง เปน็ 30 กโิ ลเมตรต่อช่วั โมง ในกรณีทีค่ วามเร่งของวัตถุทิศตรงข้ามกับความเร็ว
วตั ถุน้ันจะมีความเร็วลดลง เช่น ช่วงเวลาที่เรือกาลังลดความเร็วเพื่อหยุดหรือขณะเคล่ือนท่ีไปข้างหน้าใน
แนวตรงเพื่อเปลยี่ นความเร็วจาก 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 20 กิโลเมตรต่อช่ัวโมง ในกรณีที่วัตถุไม่มีการ
เปลย่ี นแปลงความเร็ว ความเร่งของวัตถุน้ันจะมีค่าเป็นศูนย์ เชน่ เรือท่ีเคล่ือนท่ีไปข้างหน้าในแนวตรงด้วย
ความเรว็ คงตัว 20 กโิ ลเมตรต่อชัว่ โมงหรือ เรอื จอดนง่ิ อยู่กบั ที่

รปู 1.5 การเคลอ่ื นทข่ี องเรือ

ความเร่งเป็นความเร็วทีเ่ ปล่ียนไปในหนึ่งหนว่ ยเวลา เปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ มีหน่วยคือ เมตรต่อวนิ า

ท่ี (m/s2) สาหรบั การเคล่ือนที่ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ความเร่งเฉล่ียสามารถหาได้จากอัตราส่วนระหว่าง

ความเร็วท่ีเปลย่ี นไปกับชว่ งเวลาท่ีเกิดการเปลี่ยนแปลงความเร็ว

ความเร่งเฉลยี่ = ความเร็วทีเ่ ปลี่ยนไป
ช่วงเวลาทเ่ี กิดการเปลี่ยนแปลงความเร็ว

แรงและความเรง่
ปริมาณท่ีทาให้วัตถุมีการเปลี่ยนสภาพการเคล่ือนที่ คือ แรง (force) โดยเราสามารถพบเห็นได้
จากเหตุการณ์ท่ัวไปในชีวิตประจาวัน เช่น การออกแรงผลักรถของเล่นที่วางน่ิงอยู่บนพ้ืนโต๊ะ ดังรูป 1.9
รถจะเร่ิมเคล่อื นท่ีซึ่งถ้าเราออกแรงผลักต่อไปในแนวเดิม รถก็จะเคล่ือนท่ีเร็วขึ้น แตถ่ ้าเราต้องการให้รถท่ี
กาลังเคล่ือนท่ีหยดุ ก็จะต้องออกแรงผลักในทิศทางตรงข้ามกับการเคล่ือนท่ีของรถ แรงเป็นปริมาณท่ีมีทั้ง
ขนาดและทิศทาง แรงจงึ เปน็ ปริมาณเวกเตอร์ หน่วยของแรง คอื นวิ ตัน (N)

รปู 1.9 การผลักรถของเลน่ ให้เคล่อื นที่

4.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการส่ือสาร (อ่าน ฟัง พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วเิ คราะห์ จดั กลมุ่ สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปญั หา (แก้สมการ)
4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ (ความรับผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผ่านคอมพิวเตอร์)

4.3 คุณลกั ษณะและคา่ นิยม
ใฝ่เรยี นรู้และเป็นผมู้ คี วามมงุ่ ม่ันในการทางาน

5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน

รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อยู่อย่างพอเพียง ซื่อสัตย์สุจริต มุ่งม่ันในการทางาน มีวินัย

รักความเป็นไทย ใฝ่เรยี นรู้ มีจิตสาธารณะ

6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น

ความสามารถในการคิด: นักเรียนสามารถอธิบายวธิ กี ารใชก้ ลอ้ งจลุ ทรรศน์ได้

7. กจิ กรรมการเรียนรู้

ขน้ั ท่ี 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ

1.1 ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เรอ่ื ง ระยะทาง การกระจัด เวลา อัตราเรว็ เฉลี่ย และความเรว็ เฉล่ีย

โดยใชค้ าถามดงั นี้

1) นกั เรียนจงบอกสมการหาอตั ราเร็วเฉลี่ยและความเรว็ เฉล่ยี

1.2 ครตู ั้งคาถามเพอ่ื นาเข้าสู่การทากจิ กรรม

1) สมมติว่า นาย ก. ขบั รถยนต์จากหยดุ นิง่ จากน้ันเหยียบคนั เร่งใหร้ ถเคล่ือนที่ อยาก

ทราบว่าความเร็วของรถยนตจ์ ะเป็นอยา่ งไร (แนวการตอบ เคลอ่ื นทด่ี ้วยความเรว็ เพ่ิมขึ้น)

2) เราจะอธิบายการเคลอ่ื นทีข่ องวัตถทุ ีม่ กี ารเปลี่ยนความเร็วด้วยปริมาณใด
1.3 ให้นกั เรยี นร่วมกนั ตง้ั คาถามเกี่ยวกบั ส่ิงท่ตี อ้ งการรู้ จากเนือ้ หาท่เี กยี่ วกบั เรอ่ื งความเรง่ เฉลย่ี

1.4 ครูทบทวนความรู้ โดยใช้คาถามดงั นี้
1) ความเรง่ เฉลย่ี หาไดอ้ ยา่ งไร
2) รถเคลือ่ นทีจ่ ากจุดหยดุ นิ่งจนมีความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชวั่ โมง จงหาความเรง่ เฉลีย่

1.5 ครสู าธิตการผลกั รถของเลน่ ใหเ้ คลื่อนทีแ่ ล้วให้นักเรียนสงั เกตการเคลื่อนที่ของรถ แลว้ ตง้ั
คาถามเพ่อื นาเขา้ สู่การทากจิ กรรม

1) ในการเคลอื่ นที่ของวตั ถุ แรงทีก่ ระทากับวัตถุ มวลของวัตถุ และความเรง่ มีความสัมพนั ธ์
กนั หรือไม่อย่างไร (เปดิ โอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอสิ ระและไม่คาดหวงั คาตอบที่ถูกต้อง)

ขนั้ ท่ี 2 ข้นั สารวจและค้นหา
2.1 นักเรียนแบง่ กล่มุ ๆ ละ 5-6 คน โดยคละเพศ คละความสามารถ
2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาใบกิจกรรม 1.1 การเคลือ่ นทขี่ องวตั ถุในแนวด่งิ ภายใตแ้ รงโน้มถว่ ง

ของโลก
2.3 นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มศึกษาใบกิจกรรม 1.2 ความสมั พนั ธ์ระหว่างแรง มวล และความเร่ง
2.4 ครูแจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ อุปกรณ์ และข้ันตอนการทากจิ กรรมอย่างละเอยี ด
2.5 ครใู หค้ วามร้เู พ่มิ เตมิ เกย่ี วกับเครอ่ื งเคาะสญั ญาณเวลาตามหนังสอื เรียน
2.6 นักเรยี นรับอปุ กรณก์ ารทากจิ กรรม พร้อมตดิ ตั้งอุปกรณ์ใหเ้ รียบร้อย
2.7 นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทาการกจิ กรรม สังเกตและบนั ทึกผลกจิ กรรม

ขน้ั ท่ี 3 ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป
3.1 ครสู ่มุ นักเรยี น 1 คน ออกมานาเสนอผลของกจิ กรรมของกลมุ่ ตนเองหนา้ ชนั้ เรียน
3.2 ครนู านักเรยี นอภิปรายกิจกรรมที่ 1.1 เพ่ือนาไปสู่การสรุปโดยใช้คาถามต่อไปน้ี
1) นักเรียนแต่ละกลมุ่ ได้ผลการทากิจกรรมเหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อย่างไร (แนวการตอบ

ได้ผลเหมือนกัน)
2) ขณะทีถ่ ุงทรายเคลื่อนท่ี ความเรว็ ของถงุ ทรายมกี ารเปลยี่ นแปลงหรือไม่ อยา่ งไร

(แนวการตอบ ความเรว็ ของถงุ ทรายมีการเปลีย่ นแปลงเนอื่ งจากระยะทางในแต่ละชว่ งจดุ มีขนาดเพิ่มขน้ึ
แสดงว่า ถงุ ทรายมคี วามเรว็ เพิ่มขน้ึ )

3) ถงุ ทรายจา นวน 1 ถุง 2 ถุง และ 3 ถุง เคลื่อนทดี่ ว้ ยความเร่งเทา่ กันหรือไม่ อย่างไร
(แนวการตอบ ถงุ ทรายจานวน 1 ถงุ 2 ถุง และ 3 ถงุ เคลื่อนที่ด้วยความเร่งเท่ากนั เพราะระยะทางในแต่ละ
ชว่ งจดุ ในระดับเดียวกนั มคี ่าประมาณเท่ากนั ทุกช่วงจุด)

4) ถา้ วตั ถุหน่ึงมีการเคลอื่ นท่ดี ้วยความเร่งคงตวั วัตถุน้นั มคี วามเร็วคงตวั หรือไม่ อย่างไร
(แนวการตอบ ถ้าวตั ถุหนงึ่ มีการเคลอ่ื นทด่ี ว้ ยความเร่งคงตวั  วัตถนุ ้ันจะมีความเรว็ คงตัวกต็ อ่ เมอ่ื วัตถุน้นั
เคล่อื นท่ดี ้วยความเรง่ คงตัวเทา่ กบั ศนู ย์ แต่ถ้าวัตถุมคี วามเรง่ คงตวั ไม่เท่ากับศูนย์ วตั ถนุ ัน้ จะเคลอื่ นทโ่ี ดยมี
ความเร็วไม่คงตวั )

3.3 ครนู านักเรียนอภิปรายกจิ กรรมท่ี 1.2 เพ่ือนาไปสกู่ ารสรปุ โดยใชค้ าถามต่อไปนี้

ตอนท่ี 1 ศกึ ษาความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแรงกบั กบั ความเรง่ เมือ่ มวลของวัตถมุ ีคา่ คงตัว
1) นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ได้ผลการทากิจกรรมเหมอื นหรอื แตกต่างกันอย่างไร (แนวการตอบ

ได้ผลเหมอื นกนั )
2) มวลของรถทดลองในแต่ละกรณี มคี ่าคงตวั หรือไม่ (แนวการตอบ มีค่าคงตวั )

3) จากจุดบนแถบกระดาษที่ถว่ งดว้ ยนอต 1 ตัว สามารถอธิบายความเรว็ และความเร่ง
ของรถทดลองไดอ้ ยา่ งไร (แนวการตอบ จุดบนแถบกระดาษท่ถี ว่ งด้วยนอต 1 ตวั มีระยะห่างเพ่ิมขึน้ แสดง
ว่ารถทดลองมคี วามเรว็ เพ่ิมข้นึ นัน่ คือ รถทดลองเคล่ือนที่ดว้ ยความเร่ง)

4) เมอ่ื เปรยี บเทียบความเร่งของรถทดลองจากแถบกระดาษท่ีถ่วงด้วยนอต 1 ตัว 2 ตัว
3 ตวั และ 4 ตัว รถทดลองในแตล่ ะกรณีมีความเร่งเท่ากันหรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวการตอบ รถทดลองมี
ความเร่งไม่เทา่ กนั ขน้ึ กบั จานวนนอตท่ถี ว่ ง โดยรถทดลองทถ่ี ่วงดว้ ยนอต 4 ตวั มีความเร่งมากท่สี ุด และรถ
ทดลองท่ถี ว่ งดว้ ยนอต 1 ตวั มีความเรง่ นอ้ ยที่สดุ )

5) จานวนนอตมีความสัมพนั ธก์ บั แรงทีก่ ระทากับรถทดลองอย่างไร (แนวการตอบ
รถทดลองท่ถี ว่ งดว้ ยนอตจานวนมาก จะมีแรงกระทากบั รถทดลองมากกวา่ รถทดลองทถ่ี ว่ งดว้ ยนอตจานวน
นอ้ ย)

6) ขนาดของแรงที่กระทากับรถทดลองมคี วามสัมพันธก์ บั ขนาดของความเร่งอยา่ งไร
(แนวการตอบ ในกรณที ข่ี นาดของแรงทกี่ ระทากับรถทดลองมีคา่ มาก ขนาดของความเร่งจะมคี า่ มาก
แต่สาหรบั กรณีท่ขี นาดของแรงท่ีกระทากบั รถทดลองมีคา่ นอ้ ย ขนาดของความเรง่ จะมีค่านอ้ ย)

ตอนท่ี 2 ศึกษาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งมวลกับกบั ความเรง่ เม่ือแรงมคี า่ คงตัว
1) นักเรียนแต่ละกลุ่มไดผ้ ลการทากิจกรรมเหมือนหรือแตกต่างกันอยา่ งไร (แนวการตอบ

ได้ผลเหมอื นกัน)
2) แรงที่กระทาให้รถทดลองเกิดการเคลือ่ นท่ีในแตล่ ะกรณี มีค่าคงตัวหรือไม่

(แนวการตอบ แรงทกี่ ระทาใหร้ ถทดลองมีค่าคงตัว เน่อื งจากถูกดงึ ดว้ ยนอตจานวน 4 ตวั เท่ากนั )
3) เปรยี บเทียบแถบกระดาษในกรณีที่ไมม่ แี ท่งเหล็ก และกรณที ีว่ างแทง่ เหลก็ 1 แทง่

2 แทง่ และ 3 แท่ง รถทดลองในแต่ละกรณมี ีความเร่งเท่ากนั หรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวการตอบ รถทดลอง
แตล่ ะกรณีมีความเร่งไม่เทา่ กนั ขึ้นกบั จานวนแท่งเหล็กท่วี างบนรถทดลอง โดยรถทดลองท่ีมแี ท่งเหลก็
จานวน 3 แทง่ จะมีความเรง่ น้อยท่ีสุด ในขณะทร่ี ถทดลองท่ีไมม่ ีแท่งเหลก็ จะมคี วามเร่งมากท่ีสุด)

4) จานวนแท่งเหล็กมคี วามสัมพนั ธ์กบั มวลรวมของรถทดลองอยา่ งไร (แนวการตอบ
รถทดลองที่มจี านวนแทง่ เหลก็ มากจะมีมวลรวมของรถทดลองมาก)

5) มวลรวมของรถทดลองมคี วามสมั พนั ธ์กบั ขนาดของความเร่งอย่างไร (แนวการตอบ
ในกรณที ี่มวลรวมของรถทดลองมคี า่ มาก ความเร่งของรถทดลองจะมีคา่ นอ้ ย แตส่ าหรับกรณีทม่ี วลรวมของ
รถทดลองมีค่าน้อย ความเรง่ ของรถทดลองจะมคี ่ามาก)

3.3 นกั เรียนและครรู ่วมกนั อภิปรายและสรปุ ผลของกิจกรรม จนสรปุ ได้ ดงั น้ี

กิจกรรมท่ี 1.1

เมื่อพิจารณาจุดบนแถบกระดาษทั้งสามแถบ พบวา่ ลักษณะของจุดบนแถบกระดาษท้งั

สามแถบเหมือนกนั และมีระยะห่างระหว่างจดุ สองจดุ ทตี่ ิดกันเพม่ิ ขนึ้ จึงสามารถสรุปไดว้ ่าการเคลอ่ื นทข่ี อง

ถุงทรายทั้งสามกรณมี คี วามเร่งเทา่ กนั ความเร่งดงั กลา่ วมคี ่าคงตัวค่าหน่ึง เรียกว่า ความเรง่ โน้มถว่ ง

(gravitational acceleration) โดยความเร่งโนม้ ถว่ งไมข่ นึ้ กับมวลของวัตถุ

กิจกรรมที่ 1.2
ตอนที่ 1 พบว่า เมื่อมแี รงดึงจากนอตกระทาต่อรถทดลองจะทาให้รถทดลองเคล่อื นท่ีด้วย

ความเร่ง โดยในกรณีท่มี วลของรถทดลองมีค่าคงตัว และแรงที่กระทาต่อรถมีค่าเพ่ิมขึ้นจากการเพิ่มจานวน
นอต จะทาให้รถทดลองเคลื่อนที่ด้วยความเร่งทมี่ ีคา่ เพ่ิมขน้ึ

ตอนที่ 2 พบวา่ เมอื่ แรงดึงรถทดลองมคี า่ คงตัว แต่มวลรวมของรถทดลองมคี ่าเพิ่มขนึ้ ด้วย
การวางแทง่ เหลก็ บนรถทดลอง จะทาใหร้ ถทดลองเคลือ่ นที่ด้วยความเรง่ ทม่ี ีคา่ ลดลง
ขั้นที่ 4 ขั้นขยายความรู้

4.1 ครูอธิบายใหค้ วามรเู้ พมิ่ เตมิ เกี่ยวกบั ตวั อย่าง 1.2 ตามรายละเอียดในหนงั สือเรยี น
4.2 ครูอธิบายให้ความรู้เพ่ิมเติมเก่ียวกับการเปลี่ยนหน่วยระหว่าง กิโลเมตร/ช่ัวโมง กับ เมตร/
วนิ าที ตามรายละเอยี ดในหนงั สอื เรยี น
4.3 ครูอธิบายให้ความรเู้ พม่ิ เติมเก่ียวกับความสัมพนั ธ์ระหว่างแรงลัพธ์ที่กระทาตอ่ วัตถุ มวล และ
ความเรง่ ของวัตถุ สามารถเขียนไดใ้ นรูปของสมการ ∑ ⃑ = ⃑

ขนั้ ท่ี 5 ขั้นประเมนิ ผล
5.1 นักเรียนส่งใบกิจกรรม 1.1 การเคล่ือนท่ีของวัตถุในแนวดิ่งภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก และ

ใบกิจกรรม 1.2 ความสมั พันธร์ ะหว่างแรง มวล และความเร่ง
5.2 นักเรียนทาโจทย์ปัญหา จานวน 1 ข้อ ลงในสมุด (ใช้โจทยต์ ัวอย่าง 1.2 ในหนังสอื เรียนหน้า

10 โดยเปลย่ี นตัวเลข)

ประยุกต์และตอบแทนสงั คม
ครูให้นักเรียนแต่ละคนนาความรู้ที่เรียนไปค้นคว้าเพม่ิ เตมิ ท่หี ้องสมุด หรือเว็บไซต์ แล้วนาเสนอใน

ช้นั เรียน

8. สอ่ื การเรยี นรู้และแหล่งเรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 เล่ม 2

(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอร์เน็ต
8.3 ใบกจิ กรรม 1.1 การเคลอ่ื นทีข่ องวัตถุในแนวดง่ิ ภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลก
8.4 ใบกิจกรรม 1.2 ความสัมพันธ์ระหว่างแรง มวล และความเรง่
8.5 อุปกรณ์ทาการกิจกรรม

9.ช้ินงาน/ภาระงาน
-

10. การวัดและประเมินผล

10.1 การประเมนิ ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

ตัวชว้ี ัด/ผลการเรยี นรู้ วธิ กี ารวัด เคร่อื งมอื วัด เกณฑ์ทใ่ี ชใ้ นการ

ประเมนิ

ดา้ นความรู้ : 1) ตรวจใบ 1) แบบประเมนิ การทา 1) นกั เรยี นสามารถ

1) นกั เรยี นวเิ คราะหแ์ ละ กจิ กรรม 1.1 กจิ กรรม บนั ทกึ และสรปุ ผล
แปลความหมายข้อมูล การเคล่อื นที่ของ กิจกรรมไดร้ ะดับดี
ความเรว็ กบั เวลาเพือ่ วตั ถุในแนวดิ่ง ผ่านเกณฑ์
อธิบายความเร่งของวัตถไุ ด้ ภายใตแ้ รงโนม้
2) นกั เรยี นอธิบาย ถว่ งของโลก
ความหมายของความเร่งได้ 2) ตรวจใบ
3) นกั เรียนอธิบายและ กจิ กรรม 1.2
วิเคราะหค์ วามสมั พันธ์ ความสมั พันธ์
ระหว่างแรง มวล และ ระหว่างแรง
ความเรง่ ได้ มวล และ
ความเรง่

ดา้ นกระบวนการ : 1) ตรวจสมุด 1) แบบประเมินการทา 1) นักเรยี นสามารถทา

1) นกั เรยี นสามารถ นักเรยี น กจิ กรรม แบบฝกึ หดั ไดร้ ะดบั ดี
ผา่ นเกณฑ์
คานวณปรมิ าณต่างๆ ท่ี

โจทยก์ าหนดใหไ้ ด้

ดา้ นเจตคติ : 1) ตรวจสมุด 1) แบบประเมินการทา 1) นกั เรียนทาภาระ

1) ใฝ่เรยี นรแู้ ละเปน็ ผูม้ ี นกั เรยี น กจิ กรรม งานท่ไี ด้รับมอบหมาย
ความมุ่งมั่นในการทางาน 2) ตรวจใบ ได้ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
กิจกรรม 1.1

การเคลอ่ื นทข่ี อง

วัตถใุ นแนวดง่ิ

ภายใตแ้ รงโนม้

ถ่วงของโลก

3) ตรวจใบ

กิจกรรม 1.2

ความสมั พนั ธ์

ระหว่างแรง

มวล และ

ความเร่ง

10.2 เกณฑก์ ารประเมินผลงานนกั เรยี น
เกณฑ์การประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากจิ กรรม เรอื่ ง การเคลื่อนทข่ี องวัตถใุ นแนวดง่ิ ภายใตแ้ รงโน้มถว่ งของโลก

ประเดน็ การ ค่าน้าหนัก แนวทางการให้คะแนน
ประเมนิ คะแนน
ด้านความรู้
(K) 3 บนั ทกึ และสรุปผลกิจกรรมได้ถกู ต้องครบถว้ น

2 บันทกึ และสรปุ ผลกจิ กรรมได้คอ่ นข้างถูกตอ้ ง

1 บนั ทกึ และสรปุ ผลกิจกรรมไม่ถกู ต้อง

ด้าน 3 ทาโจทย์ปญั หาได้ถกู ต้องครบถ้วน
กระบวนการ 2 ทาโจทย์ปญั หาได้ แต่ไม่ถูกต้องครบถว้ น

(P) 1 ทาโจทย์ปญั หาไม่ถกู ตอ้ ง

ดา้ น 3 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกาหนด และเรียบรอ้ ยถกู ต้องครบถว้ น
คณุ ลักษณะ 2 ทาภาระงานทไี่ ด้รบั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กาหนด แต่งานยงั ผดิ พลาดบางสว่ น
1 ทาภาระงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายเสร็จ แต่ล่าช้า และเกิดขอ้ ผดิ พลาดบางสว่ น
(A)

ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดับพอใช้
คะแนน

11. กิจกรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………...........................................…….

ลงชอ่ื ผสู้ อน
(นางสาวจริ นนั ท์ ต่อมหล้า)

12. ขอ้ คิดเห็นของหวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้
..............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ...............................................................
( นายนันท์ กอ้ คา )

หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

13. ขอ้ คิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะผู้ช่วยผู้อานวยการกล่มุ งานบรหิ ารวิชาการ
..............................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................

ลงชื่อ...............................................................
(....................................................)

ผ้ชู ่วยผู้อานวยการกลมุ่ งานบรหิ ารวิชาการ

การอนุมตั กิ ารใช้แผนการจัดการเรียนรู้จากฝา่ ยบริหาร
ความคดิ เหน็ ของรองผ้อู านวยการฝา่ ยวิชาการ

..............................................................................................................................................................
 เห็นสมควรอนุมัตใิ หใ้ ช้ในการจดั การเรียนการสอน
 เหน็ สมควรไม่อนมุ ัตใิ หใ้ ชใ้ นการจัดการเรียนการสอน เพราะ..........................................

.............................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ............................................................
(นายนพดล ธรรมใจอุด)

รองผูอ้ านวยการโรงเรียนฝ่ายบรหิ ารวชิ าการ

การอนุมตั จิ ากผ้อู านวยการโรงเรียน
 อนุมัตใิ ห้ใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน
 ไมอ่ นมุ ัตใิ หใ้ ช้ในการจดั การเรยี นการสอน เพราะ..............................................................

..............................................................................................................................................................

ลงช่อื ......................................................................................
(นางวิลาวัลย์ ปาลี)

ผ้อู านวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๒๔ จังหวัดพะเยา

บันทึกผลการใช้แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2

รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว32103 ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี5

เรื่อง แรงและความเร่ง เวลา 2 ชั่วโมง

……………………………………………………………….

1. จานวนนกั เรยี นที่สอน

ระดับชนั้ จานวนนกั เรยี น (คน)

ม.5/1 34

ม.5/2 35

ม.5/3 36

รวม 105

2. บันทกึ ผลการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
2.1 ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................

2.2 ขอ้ สงั เกต/ขอ้ คน้ พบ
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

2.3 ปัญหา/อปุ สรรค
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

2.4 ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
.....................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

3. การประเมินผลการสอน

รายการประเมิน ดีมาก ระดบั คุณภาพ
ดี พอใช้ ปรับปรงุ

1. ความเหมาะสมของระยะเวลา

2. ความเหมาะสมของเนือ้ หา

3. ความเหมาะสมของกจิ กรรมการเรียนการสอน

4. ความเหมาะสมของสือ่ การสอนทใี่ ช้

5. พฤตกิ รรม/การมสี ว่ นรว่ มของนักเรียน

6. ผลการปฏิบัติกจิ กรรม/ใบกจิ กรรม การทดสอบก่อนเรยี นและ

หลงั เรยี น

สรุปภาพรวม

4. สรุปผลการวัดผลประเมนิ ผล 4 ระดับคุณภาพ 1
การวดั ผลประเมินผล 32 รวม
(คน)
จานวน (คน)
้รอยละ
จานวน (คน)
้รอยละ
จานวน (คน)
้รอยละ
จานวน (คน)
้รอยละ

1. ความรู้ ระดับคุณภาพ รวม
1.1 ใบกจิ กรรม 32 1 (คน)
1.2 ……..
1.3 .......
1.4 แบบทดสอบหลงั เรยี น
ระดับ 3 ข้นึ ไป คิดเป็นรอ้ ยละ

2. ทกั ษะ/กระบวนการ
2.1 กระบวนการทางานกลมุ่
2.2 ..........
ระดบั 3 ขึ้นไป คดิ เปน็ รอ้ ยละ

3. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ระดับ 3 ขึ้นไป คดิ เปน็ ร้อยละ

การวดั ผลประเมนิ ผล

จานวน (คน)
้รอยละ
จานวน (คน)
้รอยละ
จานวน (คน)
้รอยละ

4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
ระดบั 3 ขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ

ลงช่อื ............................................ครูผู้สอน
(นางจริ นันท์ ต่อมหลา้ )

ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้นิเทศ
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ................................................ผ้นู ิเทศ
(นายนันท์ กอ้ คา)

หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ความคดิ เหน็ ของรองผู้อานวยการโรงเรยี นฝา่ ยบริหารวิชาการ
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

ลงชื่อ........................................................
(นายนพดล ธรรมใจอดุ )

รองผอู้ านวยการฝา่ ยบรหิ ารวิชาการ

ความคดิ เหน็ ของผ้อู านวยการโรงเรยี น
.....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................

ลงช่ือ........................................................
(นางวิลาวัลย์ ปาลี)

ผูอ้ านวยการโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๒๔ จงั หวดั พะเยา

ลาดบั ท่ี ชอ่ื – สกุล 1.การคดิ 2.การ 3.การใช้ รวม ระดบั สรปุ ประเมนิ
ของผรู้ ับการประเมนิ แกป้ ญั หา เทคโนโลยี คะแนน คณุ ภาพ
(12)

321032103210 ผ่าน ไมผ่ า่ น

สรุปผล

ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมนิ

............../.................../...............

แบบประเมินสมรรถนะสา่ คญั ของผู้เรยี น

ประเด็นการ ระดับคุณภาพ
ประเมนิ
ดเี ยี่ยม (3) ดี (2) พอใช้/ผ่านเกณฑ์ ปรับปรุง (0)
ขั้นต่า (1)

มีพฤตกิ รรมบง่ ช้ี ดังนี้ มพี ฤติกรรมบ่งช้ี มีพฤติกรรมบง่ ช้ี มพี ฤติกรรมบง่ ช้ี
ความสามารถใน 1. จำแนกข้อมูลได้
การคิด 2. จัดหมวดหมู่ขอ้ มูลได้ 3 พฤติกรรม 2 พฤติกรรม 1 พฤตกิ รรมหรอื ไมม่ ี

3. จัดลำดับควำมสำคัญ เลย
ของข้อมูลได้
4. เปรียบเทียบข้อมลู ได้

ปฏิบตั ิตำมแผนกำร ปฏบิ ตั ติ ำมแผนกำร ปฏิบตั ติ ำมแผนกำร ไมม่ กี ำรปฏบิ ัตติ ำม

ความสามารถใน แกป้ ัญหำทก่ี ำหนดไว้ แก้ปัญหำทกี่ ำหนดไว้ แก้ปัญหำท่กี ำหนด แผน

การแก้ปญั หา ทกุ ข้ันตอนมีข้อมลู 2 ใน 3 ของช้ันตอน ไว้ กำรแกป้ ญั หำท่ีวำงไว้

สนับสนุนครบถว้ นสมบรู ณ์ และ 1 ใน 3 ของช้นั

มีขอ้ มลู สนับสนุน ตอน และ

สมบรู ณ์ มขี อ้ มลู สนับสนุน

สมบรู ณ์

เลือกและใช้เทคโนโลยีที่ เลอื กและใช้เทคโนโลยี ใชเ้ ทคโนโลยใี นกำร ใชเ้ ทคโนโลยีในกำร

ความสามารถใน เหมำะสมในกำรสบื คน้ ที่เหมำะสมในกำร สบื คน้ สืบคน้ คน้ คว้ำ

การใช้เทคโนโลยี คน้ ควำ้ รวบรวม สรปุ สบื คน้ ค้นควำ้ ค้นควำ้ รวบรวม รวบรวม ควำมรู้ได้

ควำมรไู้ ดด้ ว้ ยรูปแบบของ รวบรวมควำมรูไ้ ด้ดว้ ย ควำมรู้ได้ โดยมี ผู้แนะนำหรอื

ตนเองอยำ่ งสร้ำงสรรค์ ตนเองอย่ำงถูกต้อง ด้วยตนเองอย่ำง ลอกเลียนแบบผู้อ่ืน

ถูกตอ้ ง

เกณฑ์การสรปุ ผล

ระดบั คุณภาพ คะแนน

ดเี ย่ยี ม 3 13-15 คะแนน

ดี 2 9-12 คะแนน

ผำ่ นเกณฑ์ 1 1-8 คะแนน

ไมผ่ ำ่ นเกณฑ์ 0 0 คะแนน

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

รวม ระดบั
มุ่งม่ันใน คะแนน คณุ ภาพ
ลา่ ดับ ช่อื – สกุล มวี นิ ัย ใฝ่ เรยี นรู้ การทางาน สรุปประเมนิ
ที่ ของผรู้ บั การประเมนิ
(12)

321032103210 ผา่ น ไม่ผา่ น

สรุปผล

ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ

............../.................../...............

เกณฑ์การให้คะแนนระดบั คณุ ภาพ

ประเด็นการ ระดบั คณุ ภาพ
ประเมนิ
ดเี ย่ยี ม (3) ดี (2) พอใช้/ผา่ นเกณฑ์ ปรับปรงุ (0)
ขน้ั ตา่ (1)
ไมป่ ฏบิ ตั ติ าม
ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ขอ้ ตกลง
มีวนิ ัย กฎเกณฑ์ ระเบยี บมคี วาม กฎเกณฑ์
กฎเกณฑ์ ระเบียบมีความ กฎเกณฑ์ ระเบียบมี ระเบยี บไม่มี
ตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิ ตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั ิ ความตรงตอ่ เวลาใน ความตรงตอ่
กิจกรรมตา่ ง ๆ สม่าเสมอ กิจกรรมตา่ ง ๆ บอ่ ยครงั้ การปฏิบตั กิ จิ กรรม เวลาในการ
ตา่ ง ๆ บางครงั้ ปฏิบตั กิ ิจกรรม
ตา่ ง ๆ
ใฝ่ เรยี นรู้ ตงั้ ใจเรยี นเอาใจใสใ่ นการ ตงั้ ใจเรยี นเอาใจใสใ่ นการ ตงั้ ใจเรียนเอาใจใส่
เรียน และมคี วามเพียร เรียน และมคี วามเพยี ร ในการเรยี น และมี ไม่ตงั้ ใจเรยี นไม่
พยายามในการเรียน พยายามในการเรยี น ความเพียรพยายาม
สม่าเสมอ บอ่ ยครงั้ ในการเรยี นบางครงั้ เอาใจใสใ่ นการ
เรียน และไม่
มุ่งมนั่ ในการ มีความตงั้ ใจและพยายาม มคี วามตงั้ ใจและพยายาม มีความตงั้ ใจและ ความเพียร
ทางาน ในการทางานท่ีไดร้ บั ในการทางานที่ไดร้ บั พยายามในการ พยายามในการ
มอบหมายท่ีปฏบิ ตั ชิ ดั เจน มอบหมายปฏบิ ตั ชิ ดั เจน ทางานที่ไดร้ บั เรียน
และสม่าเสมอ และบอ่ ยครงั้ มอบหมายปฏบิ ตั ิ ไมม่ ีความตงั้ ใจ
บางครงั้ และไม่พยายาม
ในการทางานท่ี
ไดร้ บั มอบหมาย

เกณฑ์การสรปุ ผล 3 คะแนน
ระดับคณุ ภาพ 2 13-15 คะแนน
1 9-12 คะแนน
ดีเยยี่ ม 0 1-8 คะแนน
ดี
ผำ่ นเกณฑ์ 0 คะแนน
ไม่ผำ่ นเกณฑ์

เกณฑ์การประเมนิ ผลงานนกั เรียน
เกณฑก์ ารประเมนิ แบบ Rubrics ของการทากจิ กรรม เร่อื ง การเคลอ่ื นท่ขี องวัตถุในแนวด่งิ ภายใตแ้ รงโนม้ ถ่วงของโลก

ประเดน็ การ คา่ น้าหนกั แนวทางการใหค้ ะแนน
ประเมนิ คะแนน

ด้านความรู้ 3 บนั ทกึ และสรุปผลกิจกรรมได้ถกู ตอ้ งครบถ้วน
(K) 2 บันทกึ และสรปุ ผลกิจกรรมได้คอ่ นขา้ งถูกตอ้ ง

1 บนั ทกึ และสรปุ ผลกิจกรรมไมถ่ กู ตอ้ ง
ด้าน 3 ทาโจทย์ปญั หาไดถ้ ูกตอ้ งครบถว้ น
กระบวนการ 2 ทาโจทย์ปัญหาได้ แต่ไม่ถกู ตอ้ งครบถว้ น
(P) 1 ทาโจทย์ปญั หาไมถ่ ูกต้อง

ดา้ น 3 ทาภาระงานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกาหนด และเรียบร้อยถูกต้องครบถว้ น
คณุ ลักษณะ 2 ทาภาระงานทไี่ ด้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาท่ีกาหนด แต่งานยงั ผิดพลาดบางส่วน
1 ทาภาระงานท่ีไดร้ บั มอบหมายเสรจ็ แต่ลา่ ช้า และเกิดขอ้ ผิดพลาดบางสว่ น
(A)

ระดบั คะแนน 3 หมายถึง ระดับดมี าก
คะแนน 2 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 1 หมายถึง ระดบั พอใช้
คะแนน

ใบกจิ กรรม 1.1 การเคล่ือนท่ีของวัตถใุ นแนวด่งิ ภายใต้แรงโนม้ ถว่ งของโลก

1. รายชอื่ สมาชิกกลุ่มท่ี …………………………………………………….. ชั้น …………………………………

ชอื่ ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ชอ่ื ……………………… ……………………………………………………....................................เลขท.ี่ ..................

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................

2. จุดประสงค์การทากิจกรรม
วิเคราะหจ์ ุดบนแถบกระดาษเพ่อื อธบิ ายความเร่งภายใตแ้ รงโน้มถ่วงของโลก

3. วสั ด-ุ อุปกรณ์ 1 ชุด
1) เคร่ืองเคาะสัญญาณเวลา 1 เครอ่ื ง
2) หมอ้ แปลง 3 ถุง
3) ถุงทราย 3 แถบ
4) แถบกระดาษ

4. วิธที ากิจกรรม
1) ผกู ถุงทราย 1 ถงุ กบั แถบกระดาษที่สอดผ่านเครอื่ งเคาะสัญญาณเวลา และถือถงุ ทรายไว้ (ดังรูป)

2) เปดิ สวิตซแ์ ละปลอ่ ยถงุ ทรายให้ตกลงมา
3) ทาซา้ ขอ้ 1) และ 2) โดยเปล่ียนถุงทรายเป็น 2 ถุงและ 3 ถุง

4) เปรยี บเทียบจุดบนแถบกระดาษทั้งสามแถบ เพอ่ื วเิ คราะหค์ วามเร่งในการตกของถงุ ทราย
5. ผลการทากจิ กรรม (ตดิ ผลการทากจิ กรรมลงในกรอบสเี่ หลยี่ ม

1 ถุง 2 ถงุ 3 ถงุ

นาแถบกระดาษทต่ี ดิ ถงุ ทรายมาหาความเรว็ เฉลย่ี ใน 2 ชว่ งจดุ ซง่ึ คือ ความเร็วขณะหนง่ึ จะได้ตัวอยา่ งข้อมลู ดงั ตาราง

แถบกระดาษ ระยะทาง 2 ชว่ ง เวลา 2 ช่วงจุด ขนาดความเรว็ เวลาท่กี ง่ึ กลาง
ตอนท่ี จุด (×10-2 m) (s) เฉลีย่ ใน 2 ชว่ งจดุ แตล่ ะช่วง (s)

1 (ชว่ ง ac) (m/s)

1 (ช่วง ce)

1 (ชว่ ง eg)

1 (ชว่ ง gh)

6. คาถามท้ายกจิ กรรม
1) ขณะทีถ่ งุ ทรายเคลือ่ นท่ี ความเรว็ ของถุงทรายมกี ารเปล่ียนแปลงหรือไม่ อย่างไร

ตอบ ความเร็วของถุงทรายมีการเปลย่ี นแปลงเนอ่ื งจากระยะทางในแต่ละช่วงจดุ มีขนาดเพิม่ ขน้ึ แสดงวา่ ถงุ ทรายมีความเรว็

เพ่ิมขึ้นมี การ

2) ถุงทรายจา วน 1 ถุง 2 ถุง และ 3 ถงุ เคล่อื นที่ด้วยความเร่งเท่ากนั หรอื ไม่ อย่างไร
ตอบ ถุงทรายจานวน 1 ถงุ 2 ถงุ และ 3 ถงุ เคล่ือนท่ดี ้วยความเรง่ เทา่ กนั เพราะระยะทางในแต่ละช่วงจดุ ในระดบั เดยี วกนั

มีคา่ ประมาณเท่ากันทุกชว่ งจดุ เขตนา้ ลกึ และเขตนา้ ต้นื ถ้า หนา้ คลน่ื ตกกระทบทา

7. สรปุ ผลการทากจิ กรรม

จากการทาการกิจกรรม พบว่า เมื่อพิจารณาจดุ บนแถบกระดาษทั้งสามแถบ ลักษณะของจดุ บนแถบกระดาษ

ทง้ั สามแถบเหมือนกนั และมีระยะห่างระหวา่ งจดุ สองจุดที่ตดิ กันเพิ่มขนึ้ จงึ สามารถสรุปได้วา่ การเคล่ือนทขี่ องถุงทรายทั้ง

สามกรณีมีความเร่งเท่ากัน ความเร่งดงั กล่าวมีค่าคงตัวค่าหน่ึง เรียกวา่ ความเร่งโน้มถ่วง(gravitational acceleration)

โดยความเรง่ โนม้ ถ่วงไม่ขน้ึ กับมวลของวัตถุ v

b

b

b

b

เฉลยใบกจิ กรรม 1.1 การเคลื่อนทขี่ องวตั ถุในแนวดง่ิ ภายใตแ้ รงโนม้ ถ่วงของโลก

1. รายชอ่ื สมาชกิ กลุ่มท่ี …………………………………………………….. ช้นั …………………………………
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ชอ่ื ……………………… ……………………………………………………....................................เลขที.่ ..................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................

ชือ่ ……………………………………………………………………………....................................เลขท่.ี ..................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................

2. จดุ ประสงค์การทากจิ กรรม
วเิ คราะหจ์ ุดบนแถบกระดาษเพอ่ื อธิบายความเรง่ ภายใตแ้ รงโน้มถ่วงของโลก

3. วสั ด-ุ อปุ กรณ์ 1 ชุด
1) เคร่อื งเคาะสญั ญาณเวลา 1 เคร่ือง
2) หม้อแปลง 3 ถุง
3) ถงุ ทราย 3 แถบ
4) แถบกระดาษ

4. วิธีทากิจกรรม
1) ผูกถงุ ทราย 1 ถงุ กบั แถบกระดาษท่สี อดผา่ นเคร่อื งเคาะสญั ญาณเวลา และถอื ถุงทรายไว้ (ดังรูป)

2) เปดิ สวิตซ์และปลอ่ ยถุงทรายให้ตกลงมา
3) ทาซา้ ข้อ 1) และ 2) โดยเปลยี่ นถงุ ทรายเป็น 2 ถุงและ 3 ถุง
4) เปรียบเทียบจุดบนแถบกระดาษท้ังสามแถบ เพ่อื วิเคราะหค์ วามเร่งในการตกของถงุ ทราย

5. ผลการทากจิ กรรม (ติดผลการทากิจกรรมลงในกรอบสเ่ี หลย่ี ม) 3 ถงุ
1 ถงุ 2 ถงุ a
b
c
d

e

f
a
g

h
นาแถบกระดาษทต่ี ดิ ถุงทรายมาหาความเรว็ เฉลย่ี ใน 2 ช่วงจุด ซึ่งคอื ความเร็วขณะหนงึ่ จะได้ตวั อย่างข้อมลู ดงั ตาราง

แถบกระดาษ ระยะทาง 2 ชว่ งจุด เวลา 2 ช่วงจุด (s) ขนาดความเร็ว เฉลย่ี เวลาทก่ี ่ึงกลาง
ตอนที่ (×10-2 m) ใน 2 ช่วงจดุ (m/s) แต่ละชว่ ง (s)
4.6 2/50
1 (ชว่ ง ac) 6.2 2/50 1.15 1/50
1 (ช่วง ce) 7.7 2/50 1.55 3/50
1 (ช่วง eg) 9.2 2/50 1.93 5/50
1 (ชว่ ง gh) 2.30 7/50

6. คาถามท้ายกิจกรรม
1) ขณะที่ถงุ ทรายเคลื่อนที่ ความเรว็ ของถุงทรายมีการเปล่ียนแปลงหรอื ไม่ อย่างไร

ตอบ ความเรว็ ของถุงทรายมกี ารเปล่ียนแปลงเนอื่ งจากระยะทางในแตล่ ะช่วงจุดมขี นาดเพ่มิ ขึ้น แสดงวา่ ถุงทรายมีความเรว็

เพิ่มขึน้ มี การ

2) ถุงทรายจา วน 1 ถงุ 2 ถงุ และ 3 ถุง เคลอ่ื นท่ีดว้ ยความเรง่ เทา่ กนั หรอื ไม่ อย่างไร
ตอบ ถงุ ทรายจานวน 1 ถงุ 2 ถงุ และ 3 ถุง เคล่ือนที่ด้วยความเร่งเทา่ กนั เพราะระยะทางในแตล่ ะช่วงจุดในระดบั เดยี วกนั

มคี า่ ประมาณเทา่ กนั ทกุ ชว่ งจดุ เขตน้าลึกและเขตนา้ ตน้ื ถา้ หนา้ คล่ืนตกกระทบทา

7. สรปุ ผลการทากิจกรรม

จากการทากิจกรรม พบว่า เม่ือพิจารณาจุดบนแถบกระดาษท้ังสามแถบ ลักษณะของจุดบนแถบกระดาษทั้ง

สามแถบเหมือนกันและมีระยะห่างระหว่างจุดสองจุดท่ีติดกันเพิ่มข้ึน จึงสามารถสรุปได้ว่าการเคลื่อนที่ของถุงทรายท้ัง

สามกรณีมีความเร่งเท่ากัน ความเร่งดงั กล่าวมีค่าคงตัวค่าหนึ่ง เรียกว่า ความเร่งโน้มถ่วง(gravitational acceleration)

โดยความเร่งโนม้ ถ่วงไมข่ น้ึ กับมวลของวตั ถุ v

b

b

b

b

ใบกิจกรรม 1.2 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งแรง มวล และความเร่ง

1. รายช่ือสมาชิกกลุ่มท่ี …………………………………………………….. ชั้น …………………………………

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................

ช่อื ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................

ชอื่ ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

2. จุดประสงค์การทากิจกรรม
วเิ คราะหก์ ารเคลื่อนทีข่ องรถทดลองเพอื่ หาความสมั พนั ธ์ระหว่างแรงทก่ี ระทา ต่อวตั ถุมวลของวัตถุ และความเรง่ ท่ี

เกิดจากแรงนั้น

3. วสั ด-ุ อปุ กรณ์ 1 ชุด 6) แท่งเหล็กมวล 500 กรมั 3 แทง่
1) เครือ่ งเคาะสญั ญาณเวลา 1 เครอ่ื ง 7) ขอเก่ยี วโลหะ 1 อัน
2) หม้อแปลงโวลตต์ ่า 1 คนั 8) นอต 4 ตัว
3) รถทดลอง 8 แถบ 9) เชอื ก 1 เสน้
4) แถบกระดาษ 1 ชดุ
5) รางไมพ้ ร้อมแขนรางไม้

4. วิธที ากจิ กรรม
ตอนที่ 1 ศกึ ษาความสัมพนั ธ์ระหว่างแรงกับกับความเร่งเมอ่ื มวลของวตั ถุมคี า่ คงตวั

1) ติดตัง้ อุปกรณ์ และสอดแถบกระดาษที่ตดิ กบั รถทดลองให้ผ่าน
เครือ่ งเคาะสัญญาณโดยปลายอีกด้านของรถทดลองผูกกับเชือก
ผ่านรอกทมี่ ีขอเกี่ยวโลหะแขวนไว้ (ดังรปู )

2) ถ่วงนอต 1 ตวั ที่ขอเกย่ี วโลหะและจับรถทดลองไว้ให้อยู่นง่ิ
เปดิ สวติ ซ์ใหเ้ ครอ่ื งเคาะสัญญาณเวลาทางาน แลว้ ปลอ่ ยรถทดลองให้เคล่ือนที่

3) ทาซ้าข้อ 1) และ 2) โดยเปลีย่ นจานวนนอตท่ีถว่ งเปน็ 2 ตัว 3 ตัวและ 4 ตวั
4) วิเคราะหจ์ ุดบนแถบกระดาษและเปรียบเทียบระยะห่างของจุดบนแถบกระดาษทง้ั 4 แถบ
ตอนท่ี 2 ศึกษาความสมั พันธร์ ะหวา่ งมวลกบั กับความเรง่ เมอ่ื แรงมีค่าคงตวั
1) สอดแถบกระดาษทีต่ ิดกับรถทดลองใหผ้ ่านเคร่อื งเคาะสญั ญาณ โดยปลายอีกดา้ นของรถทดลองผกู กับเชือกผ่านรอก

ท่มี ขี อเก่ียวโลหะทีถ่ ว่ งดว้ ยนอต 4 ตัว และจบั รถทดลองไว้ใหอ้ ยนู่ ง่ิ
2) เปดิ สวิตซใ์ ห้เครอื่ งเคาะสัญญาณเวลาทางาน แล้วปลอ่ ยรถทดลองให้เคล่ือนท่ี
3) ทาซา้ ข้อ 1) และ 2) แต่เพ่ิมมวลรถทดลองโดยวางแท่งเหลก็ มวล 500 กรัม จานวน 1 แท่ง 2 แทง่ และ 3 แท่ง บนรถ

ทดลอง
4) วเิ คราะห์จุดบนแถบกระดาษและเปรียบเทียบระยะหา่ งของจดุ บนแถบกระดาษทงั้ 4 แถบ

ตอนท่ี 1 ผลการทากิจกรรม (ติดผลการทากจิ กรรมลงในกรอบส่ีเหล่ยี ม)
นอต 4 ตัว
นอต 3 ตวั
นอต 3 ตวั
นอต 1 ตัว

คาถามทา้ ยกจิ กรรม

1) มวลของรถทดลองในแต่ละกรณี มคี ่าคงตวั หรือไม่

ตอบ มคี า่ คงตัวมี การ

2) จากจดุ บนแถบกระดาษทถี่ ่วงดว้ ยนอต 1 ตัว สามารถอธิบายความเรว็ และความเร่งของรถทดลองได้อยา่ งไร

ตอบ จุดบนแถบกระดาษท่ีถ่วงดว้ ยนอต 1 ตัว มีระยะหา่ งเพ่ิมข้ึน แสดงว่ารถทดลองมคี วามเรว็ เพิ่มขน้ึ น่นั คอื รถทดลอง

เคล่ือนทีด่ ว้ ยความเรง่ เขตน้าลกึ แล ะเขตน้าตน้ื ถา้ หน้าคลน่ื ตกกระทบทา

3) เมือ่ เปรยี บเทยี บความเร่งของรถทดลองจากแถบกระดาษทีถ่ ว่ งด้วยนอต 1 ตัว 2 ตัว 3 ตัว และ 4 ตวั รถทดลองในแต่

ละกรณมี คี วามเร่งเทา่ กนั หรอื ไม่ อยา่ งไร

ตอบ ตอบ รถทดลองมคี วามเรง่ ไมเ่ ทา่ กนั ขึ้นกับจานวนนอตท่ถี ว่ ง โดยรถทดลองทถ่ี ว่ งด้วยนอต 4 ตัว มคี วามเรง่ มากที่สุด

และรถทดลองท่ีถว่ งดว้ ยนอต 1 ตัว มคี วามเรง่ นอ้ ยทีส่ ดุ เขตนา้ ลกึ แล ะเขตนา้ ตน้ื ถ หนา้ คลนื่ ต

4) จานวนนอตมคี วามสมั พันธ์กับแรงทีก่ ระทากบั รถทดลองอย่างไร

ตอบ รถทดลองท่ถี ว่ งด้วยนอตจานวนมาก จะมีแรงกระทากบั รถทดลองมากกวา่ รถทดลองทถ่ี ่วงดว้ ยนอตจานวนนอ้ ยเขต

5) ขนาดของแรงทีก่ ระทากบั รถทดลองมคี วามสัมพนั ธ์กับขนาดของความเร่งอยา่ งไร

ตอบ ในกรณที ี่ขนาดของแรงท่ีกระทากบั รถทดลองมีคา่ มาก ขนาดของความเรง่ จะมีค่ามาก แต่สาหรบั กรณีท่ีขนาดของแรงที่

กระทากบั รถทดลองมีค่าน้อย ขนาดของความเร่งจะมีค่าน้อยเขตน้าลึ กแล ะเขตน้าตื้น ถ้า

น้าลกึ แล ะเขตนา้ ต้นื ถา้ หน้าคลืน่ ตกกระ ทบทา

สรปุ ผลการทากจิ กรรม

จากการทาการกจิ กรรม พบวา่ เมอ่ื มแี รงดงึ จากนอตกระทาต่อรถทดลองจะทาใหร้ ถทดลองเคล่ือนที่ดว้ ย

ความเร่ง โดยในกรณีที่มวลของรถทดลองมีค่าคงตัว และแรงทก่ี ระทาตอ่ รถมคี ่าเพ่มิ ขึ้นจากการเพิม่ จานวนนอต จะทาให้

รถทดลองเคลอื่ นท่ดี ว้ ยความเรง่ ท่ีมีค่าเพิ่มขนึ้ ,

b

ตอนที่ 2 ผลการทากิจกรรม (ติดผลการทากจิ กรรมลงในกรอบสเ่ี หลี่ยม)
แท่งเหลก็ 3 แท่ง
แท่งเหล็ก 2 แท่ง
แทง่ เหลก็ 1 แทง่

คาถามทา้ ยกิจกรรม

1) แรงท่กี ระทาให้รถทดลองเกิดการเคลอื่ นท่ีในแตล่ ะกรณี มคี ่าคงตัวหรอื ไม่

ตอบ แรงท่กี ระทาใหร้ ถทดลองมีคา่ คงตัว เน่ืองจากถูกดึงด้วยนอตจานวน 4 ตัวเท่ากันมี การ

2) เปรียบเทียบแถบกระดาษในกรณที ี่ไม่มแี ทง่ เหลก็ และกรณที ีว่ างแท่งเหลก็ 1 แทง่ 2 แทง่ และ 3 แท่ง รถทดลองใน

แต่ละกรณมี ีความเรง่ เท่ากันหรือไม่ อย่างไร

ตอบ รถทดลองแต่ละกรณมี คี วามเรง่ ไมเ่ ทา่ กัน ข้ึนกบั จานวนแทง่ เหลก็ ที่วางบนรถทดลอง โดยรถทดลองท่มี ีแทง่ เหลก็ จานวน

3 แทง่ จะมีความเรง่ น้อยทีส่ ุด ในขณะที่รถทดลองที่ไม่มแี ท่งเหลก็ จะมคี วามเร่งมากที่สุดเขตนา้ ลกึ แล ะเขตนา้ ตืน้ ถ้า

3) จานวนแท่งเหลก็ มีความสัมพันธ์กับมวลรวมของรถทดลองอย่างไร

ตอบ รถทดลองทมี่ ีจานวนแทง่ เหลก็ มากจะมมี วลรวมของรถทดลองมากเขตนา้ ลกึ แล ะเขต น้าต้ืน ถ

4) มวลรวมของรถทดลองมคี วามสมั พันธ์กับขนาดของความเรง่ อย่างไร

ตอบ ในกรณที ่ีมวลรวมของรถทดลองมีค่ามาก ความเรง่ ของรถทดลองจะมคี า่ นอ้ ย แตส่ าหรบั กรณีท่มี วลรวมของรถ

ทดลองมคี ่าน้อย ความเร่งของรถทดลองจะมีคา่ มาก เขต

สรปุ ผลการทากิจกรรม

จากการทาการกิจกรรม พบว่า เมื่อแรงดึงรถทดลองมีค่าคงตวั  แตม่ วลรวมของรถทดลองมคี ่าเพม่ิ ขน้ึ ดว้ ยการ

วางแทง่ เหลก็ บนรถทดลอง จะทาใหร้ ถทดลองเคลื่อนท่ีด้วยความเรง่ ทม่ี ีคา่ ลดลง ,

b

b

b

b

เฉลยใบกิจกรรม 1.2 ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งแรง มวล และความเรง่

1. รายชอื่ สมาชกิ กลมุ่ ท่ี …………………………………………………….. ชน้ั …………………………………

ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................

ช่อื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................

ช่อื ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................

ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.ี่ ..................

ช่อื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่ี...................

ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................

2. จดุ ประสงค์การทากจิ กรรม

วเิ คราะหก์ ารเคล่อื นทข่ี องรถทดลองเพ่ือหาความสัมพันธ์ระหว่างแรงทก่ี ระทา ตอ่ วตั ถุมวลของวัตถุ และความเร่งท่ี
เกดิ จากแรงน้ัน

3. วสั ด-ุ อุปกรณ์ 1 ชดุ 6) แทง่ เหล็กมวล 500 กรัม 3 แทง่
1) เครื่องเคาะสญั ญาณเวลา 1 เคร่ือง 7) ขอเก่ยี วโลหะ 1 อัน
2) หมอ้ แปลงโวลต์ต่า 1 คัน 8) นอต 4 ตัว
3) รถทดลอง 8 แถบ 9) เชอื ก 1 เส้น
4) แถบกระดาษ 1 ชุด
5) รางไมพ้ ร้อมแขนรางไม้

4. วธิ ีทากิจกรรม
ตอนที่ 1 ศกึ ษาความสัมพันธร์ ะหวา่ งแรงกบั กบั ความเร่งเมื่อมวลของวัตถุมคี ่าคงตัว

1) ติดตงั้ อุปกรณ์ และสอดแถบกระดาษที่ตดิ กับรถทดลองให้ผา่ น
เครือ่ งเคาะสัญญาณโดยปลายอกี ด้านของรถทดลองผูกกบั เชอื ก
ผา่ นรอกท่ีมีขอเก่ยี วโลหะแขวนไว้ (ดังรูป)

2) ถว่ งนอต 1 ตวั ทข่ี อเกีย่ วโลหะและจบั รถทดลองไว้ให้อยู่นง่ิ
เปดิ สวติ ซใ์ ห้เครอื่ งเคาะสัญญาณเวลาทางาน แล้วปลอ่ ยรถทดลองให้เคลื่อนที่

3) ทาซา้ ข้อ 1) และ 2) โดยเปล่ียนจานวนนอตท่ีถ่วงเป็น 2 ตัว 3 ตัวและ 4 ตวั
4) วิเคราะห์จุดบนแถบกระดาษและเปรยี บเทียบระยะห่างของจุดบนแถบกระดาษทัง้ 4 แถบ
ตอนท่ี 2 ศกึ ษาความสัมพันธ์ระหวา่ งมวลกับกบั ความเรง่ เม่อื แรงมคี า่ คงตัว
1) สอดแถบกระดาษที่ติดกับรถทดลองใหผ้ ่านเคร่ืองเคาะสญั ญาณ โดยปลายอกี ดา้ นของรถทดลองผูกกับเชอื กผ่านรอก

ทม่ี ขี อเกีย่ วโลหะทถี่ ่วงดว้ ยนอต 4 ตัว และจับรถทดลองไว้ให้อยู่นง่ิ
2) เปิดสวิตซ์ให้เครอ่ื งเคาะสญั ญาณเวลาทางาน แล้วปลอ่ ยรถทดลองให้เคลื่อนท่ี
3) ทาซ้าข้อ 1) และ 2) แต่เพมิ่ มวลรถทดลองโดยวางแทง่ เหลก็ มวล 500 กรมั จานวน 1 แท่ง 2 แท่งและ 3 แทง่ บนรถ

ทดลอง
4) วิเคราะห์จุดบนแถบกระดาษและเปรยี บเทยี บระยะหา่ งของจดุ บนแถบกระดาษทง้ั 4 แถบ

ตอนท่ี 1 ผลการทากจิ กรรม (ติดผลการทากิจกรรมลงในกรอบสเี่ หลยี่ ม)
นอต 4 ตัว

นอต 3 ตัว

นอต 3 ตวั

นอต 1 ตวั

คาถามท้ายกิจกรรม

1) มวลของรถทดลองในแตล่ ะกรณี มีค่าคงตัวหรือไม่

ตอบ มคี า่ คงตัวมี การ

2) จากจุดบนแถบกระดาษที่ถว่ งด้วยนอต 1 ตัว สามารถอธิบายความเรว็ และความเรง่ ของรถทดลองไดอ้ ย่างไร

ตอบ จุดบนแถบกระดาษที่ถ่วงดว้ ยนอต 1 ตวั มีระยะห่างเพิ่มข้ึน แสดงว่ารถทดลองมคี วามเร็วเพมิ่ ขึน้ นัน่ คือ รถทดลอง

เคลือ่ นท่ีด้วยความเร่งเขตนา้ ลกึ แล ะเขตน้าต้นื ถา้ หนา้ คลนื่ ตกกระทบทา

3) เมอื่ เปรยี บเทียบความเร่งของรถทดลองจากแถบกระดาษที่ถ่วงดว้ ยนอต 1 ตัว 2 ตัว 3 ตัว และ 4 ตวั รถทดลองในแต่

ละกรณีมคี วามเร่งเท่ากันหรือไม่ อย่างไร

ตอบ รถทดลองมคี วามเรง่ ไมเ่ ท่ากันขึ้นกบั จานวนนอตท่ีถว่ ง โดยรถทดลองที่ถ่วงด้วยนอต 4 ตัว มีความเรง่ มากทส่ี ุด

และรถทดลองที่ถว่ งดว้ ยนอต 1 ตวั มีความเรง่ น้อยที่สุดเขตน้าลึกแล ะเขตน้าตนื้ ถ คลน่ื ต

4) จานวนนอตมคี วามสมั พันธก์ ับแรงท่กี ระทากับรถทดลองอย่างไร

ตอบ รถทดลองท่ถี ว่ งดว้ ยนอตจานวนมาก จะมีแรงกระทากบั รถทดลองมากกวา่ รถทดลองที่ถ่วงดว้ ยนอตจานวนน้อยเขต

5) ขนาดของแรงท่กี ระทากบั รถทดลองมีความสมั พนั ธ์กับขนาดของความเร่งอย่างไร

ตอบ ในกรณีที่ขนาดของแรงท่ีกระทากับรถทดลองมคี ่ามาก ขนาดของความเร่งจะมีค่ามาก แต่สาหรับกรณีทข่ี นาดของแรงท่ี

กระทากบั รถทดลองมีคา่ นอ้ ย ขนาดของความเรง่ จะมคี ่าน้อยเขตนา้ ลึ กแล ะเขตน้าตื้น ถา้

นา้ ลึกแล ะเขตนา้ ตืน้ ถ้า หน้าคลน่ื ตกกระ ทบทา

สรุปผลการทากิจกรรม

จากการทากิจกรรม พบวา่ เมอ่ื มแี รงดึงจากนอตกระทาต่อรถทดลองจะทาให้รถทดลองเคลอื่ นทดี่ ว้ ยความเร่ง

โดยในกรณที ีม่ วลของรถทดลองมคี ่าคงตวั  และแรงทีก่ ระทาต่อรถมคี ่าเพม่ิ ขึ้นจากการเพ่ิมจานวนนอต จะทาให้รถทดลอง

เคลื่อนท่ีดว้ ยความเร่งทม่ี ีคา่ เพม่ิ ขึ้น ,

b

ตอนท่ี 2 ผลการทากจิ กรรม (ติดผลการทากิจกรรมลงในกรอบส่เี หล่ียม)
แทง่ เหล็ก 3 แทง่
แท่งเหล็ก 2 แท่ง
แทง่ เหล็ก 1 แท่ง

คาถามทา้ ยกจิ กรรม
1) แรงท่ีกระทาใหร้ ถทดลองเกิดการเคลอ่ื นทีใ่ นแต่ละกรณี มคี า่ คงตัวหรือไม่

ตอบ แรงท่กี ระทาใหร้ ถทดลองมคี ่าคงตวั เน่ืองจากถูกดงึ ดว้ ยนอตจานวน 4 ตวั เทา่ กันมี การ

2) เปรยี บเทียบแถบกระดาษในกรณที ไี่ ม่มแี ทง่ เหลก็ และกรณีท่ีวางแทง่ เหล็ก 1 แท่ง 2 แทง่ และ 3 แทง่ รถทดลองใน
แต่ละกรณมี คี วามเรง่ เท่ากนั หรอื ไม่ อยา่ งไร
ตอบ รถทดลองแต่ละกรณมี คี วามเรง่ ไมเ่ ท่ากัน ขึ้นกับจานวนแท่งเหล็กท่วี างบนรถทดลอง โดยรถทดลองที่มแี ทง่ เหลก็ จานวน

3 แท่ง จะมคี วามเร่งนอ้ ยที่สุด ในขณะท่รี ถทดลองท่ีไม่มแี ท่งเหล็กจะมคี วามเรง่ มากทีส่ ุดเขตนา้ ลกึ แล ะเขตนา้ ต้ืน ถ้า

3) จานวนแทง่ เหล็กมคี วามสัมพนั ธ์กบั มวลรวมของรถทดลองอย่างไร ะเขต นา้ ต้นื ถ
ตอบ รถทดลองทมี่ ีจานวนแท่งเหล็กมากจะมีมวลรวมของรถทดลองมากเขตน้าลกึ แล

4) มวลรวมของรถทดลองมคี วามสัมพันธ์กบั ขนาดของความเรง่ อยา่ งไร

ตอบ ในกรณที ี่มวลรวมของรถทดลองมีคา่ มาก ความเรง่ ของรถทดลองจะมีคา่ นอ้ ย แต่สาหรบั กรณีท่มี วลรวมของรถ

ทดลองมีคา่ นอ้ ย ความเรง่ ของรถทดลองจะมีค่ามาก เขต

สรุปผลการทากิจกรรม

จากการทากิจกรรม พบวา่ เมือ่ แรงดึงรถทดลองมีค่าคงตวั  แต่มวลรวมของรถทดลองมคี ่าเพิ่มขนึ้ ดว้ ยการวาง

แท่งเหลก็ บนรถทดลอง จะทาใหร้ ถทดลองเคลอ่ื นทีด่ ้วยความเร่งท่มี ีค่าลดลง ,

b

b

b

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 3

รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว32103 กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 40 ชั่วโมง จานวน 1.0 หน่วยกิต

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 การเคล่อื นที่และแรง เวลา 8 ชวั่ โมง

เร่ือง แรงลพั ธ์ เวลา 2 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชี้วัด
สาระที่ –
มาตราฐาน
ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวติ ประจาวัน ผลของแรงที่กระทาตอ่ วตั ถุลักษณะการเคล่ือนทแ่ี บบตา่ ง ๆ

ของวัตถุ รวมท้งั นาความรู้ไปใช้ประโยชน์

ตวั ชวี้ ัด
ว 2.2 ม.5/2 สังเกตและอธิบายการหาแรงลพั ธ์ท่ีเกิดจากแรงหลายแรงที่อยู่ในระนาบเดียวกันท่ีกระทาต่อวัตถุ
โดยการเขยี นแผนภาพการรวมแบบเวกเตอร์
ว 2.2 ม.5/4 สังเกตและอธบิ ายแรงกริ ิยาและแรงปฏิกิรยิ าระหว่างวัตถุคู่หนงึ่ ๆ

2. สาระสาคัญ
การเคล่ือนท่ขี องวตั ถุเป็นการเปล่ียนตาแหนง่ ของวัตถเุ มือ่ เวลาเปลีย่ นแปลงไป โดยมปี รมิ าณทีเ่ ก่ยี วข้อง ไดแ้ ก่

ระยะทาง การกระจดั อตั ราเร็ว ความเรว็ และความเร่ง
เม่ือมีแรงภายนอกมากระทาต่อวัตถุโดยผลรวมของแรงลัพธ์ไม่เท่ากับศูนย์จะทาให้วัตถุเคลื่อนท่ี โดยมี

ความเร่ง ขนาดและทิศทางของความเร่งข้ึนอยู่กับขนาดและทิศทางของแรงลัพธ์และมวลของวัตถุ การหาแรงลัพธ์ท่ี
กระทา ตอ่ วตั ถสุ ามารถทาได้โดยการรวมแบบเวกเตอร์ สาหรับวัตถุใด ๆ เมื่อมีแรงกระทาต่อวตั ถุ วัตถุนั้นจะออกแรง
ตอบโต้กลับ เรียกแรงที่กระทาระหว่างวัตถุว่า แรงกิริยาและแรงปฏิกิริยา ซ่ึงแรงท้ังสองน้ีมีขนาดเท่ากันแต่มีทิศ
ทางตรงขา้ มกนั

ความรู้เรือ่ งแรงและความเร่งสามารถนามาใช้อธบิ ายการเคลื่อนทแ่ี บบตา่ ง ๆ ได้ เช่น การเคลอ่ื นท่แี นวตรงซึ่ง
เปน็ การเคล่ือนที่ที่ความเร็วและความเร่งอยใู่ นแนวเดียวกนั การตกแบบเสรีซึ่งเปน็ การเคล่ือนท่ีแนวตรงด้วยความเร่ง
โนม้ ถ่วงของโลก การเคลือ่ นทแี่ บบโพรเจกไทล์ซึ่งเปน็ การเคลอ่ื นท่แี นวโค้งด้วยความเร่งคงตวั การเคลื่อนท่ีแบบวงกลม
ซ่งึ เป็นการเคล่ือนทแ่ี นวโค้งด้วยความเร่งท่ีมที ศิ ทางต้ังฉากกับความเรว็ ตลอดเวลา และการเคลอ่ื นท่แี บบส่นั ซึ่งเปน็ การ
เคล่ือนทกี่ ลับไปกลบั มาดว้ ยความเรง่ ที่มที ิศทางเข้าสจู่ ุดที่แรงลัพธเ์ ปน็ ศูนยซ์ ่งึ เรยี กว่า ตาแหน่งสมดุล

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K)
1) นกั เรียนอธบิ ายการหาแรงลพั ธจ์ ากแรงหลายแรงท่ีกระทากบั วตั ถุในระนาบเดียวกันได้
2) นักเรียนอธิบายแรงกริ ิยาและแรงปฏิกริ ิยาระหว่างวตั ถุคูห่ นึง่ ๆ ได้
3.2 ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรยี นแสดงการหาแรงลัพธจ์ ากแรงหลายแรงทก่ี ระทากบั วตั ถุในระนาบเดยี วกันได้
2) นักเรียนสามารถจดั อุปกรณ์เพ่ือศึกษาขนาดและทิศทางของแรงระหวา่ งวัตถคุ ู่หนง่ึ ๆ เพ่ืออธบิ าย
แรงกรยิ าและแรงปฏิกิริยาได้
3.3 ดา้ นคุณลักษณะ (A)
1) ใฝ่เรียนรู้และเปน็ ผู้มีความมงุ่ มั่นในการทางาน

4. สาระการเรยี นรู้
4.1 ความรู้
การหาแรงลพั ธ์
ถ้ามีแรงตั้งแตส่ องแรงกระทาต่อวัตถุในแนวเดียวกันสามารถหาแรงลัพธโ์ ดยวิธกี ารนาขนาดของแรง
มารวมกันได้โดยตรง ถ้าแรงท้ังสองท่ีกระทาต่อวัตถุมีทิศทางเดียวกัน แรงลัพธ์จะมีขนาดเท่ากับผลบวก
ระหวา่ งขนาดของแรงทั้งสอง และมีทิศทางเดยี วกับแรงท้งั สอง ถ้าแรงทงั้ สองทกี่ ระทาต่อวัตถุมีทศิ ทางตรงกัน
ข้าม แรงลัพธ์จะมีขนาดเท่ากับผลต่างของขนาดของแรงทั้งสอง และมีทิศทางเดียวกับทิศของแรงท่ีมีขนาด
มากกว่า นอกจากกรณีทแ่ี รงทีก่ ระทาตอ่ วตั ถุอยู่ในแนวเดยี วกนั แล้ว
การรวมแบบเวกเตอร์ มี 2 วิธี ดังนี้
1. การหาแรงลัพธด์ ้วยวธิ ีการสร้างรปู สามเหล่ยี ม

การหาแรงลัพธ์ด้วยวิธีการสร้างรูปสามเหล่ียมระหว่างแรงที่ 1 ( ⃑ 1) และแรงที่ 2 ( ⃑ 2) ที่
กระทาต่อวัตถุ ดังรูป 1.13 ก. ทาได้โดยนาหางลูกศรของแรงท่ี ( ⃑ 2) ไปต่อกับหัวลูกศรของแรงท่ี 1 ( ⃑ 1)
แล้วลากเส้นจากหางลูกศรของแรงที่หน่ึงไปยังหัวลูกศรของแรงท่ี 2 จะได้แรงลัพธ์ ⃑ ดังรปู 1.13 ข. ขนาด
ของแรงลัพธ์หาได้จากการวัดความยาวของแรงลพั ธ์แลว้ เทียบอัตราส่วนกับขนาดของแรง และหาทศิ ทางจาก

ทศิ ที่หวั ลูกศรของแรง ⃑ ช้ีไป ดังรปู 1.13 ค. ทงั้ นี้ในการหาแรงลัพธส์ ามารถเขียนแรงท่ี 1 หรือ แรงท่ี 2 กอ่ น
หรอื หลงั ก็ได้ ซึง่ จะทาให้ไดแ้ รงลพั ธท์ ม่ี ขี นาดและทศิ ทางเทา่ กนั


Click to View FlipBook Version