แผนการจดั ประสบการณ์
ระดบั ปฐมวยั
ชัน้ อนุบาลปที ี่ ๓
ภาคเรยี นท่ี ๑ เลม่ ๑
สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
1
2
แผนการจดั ประสบการณ์
ระดบั ปฐมวยั
ชัน้ อนุบาลปที ี่ ๓
ภาคเรยี นท่ี ๑ เลม่ ๑
สำ� นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
3
4
ค�ำ นำ�
ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการประกาศให้สถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกสังกัด ใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 เป็นกรอบแนวทาง
ในการจัดการศึกษาปฐมวัย โดยเริ่มต้ังแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นไป ในการน้ี สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน จึงได้จัดทำ�แผนการจัดประสบการณ์ปฐมวัย
ชน้ั อนบุ าลปที ่ี 1 ชนั้ อนุบาลปีท่ี 2 และชั้นอนุบาลปที ่ี 3 (3 – 5 ขวบ) ทสี่ อดคลอ้ งกบั ปรัชญาการศกึ ษาปฐมวัย และหลกั การของหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศักราช 2560
โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาเด็กปฐมวยั ให้มีพัฒนาการและความพรอ้ มด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คมและสติปญั ญา
แผนการจัดประสบการณ์ปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 1 – 3 ที่จัดทำ�ขึ้นน้ี เพ่ือให้สถานศึกษาใช้เป็นแนวทางการจัดประสบการณ์สำ�หรับเด็กปฐมวัย ซึ่งสถานศึกษา
สามารถปรับปรุงให้เหมาะสมกับเหตุการณ์และสภาพท้องถ่ิน ตลอดจนนำ�ไปเป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาและแผนการจัดประสบการณ์ปฐมวัย
ใหไ้ ดต้ ามมาตรฐาน จดุ หมายของหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560
ส�ำ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ขอขอบคณุ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ และคณะท�ำ งานทกุ ทา่ นทร่ี ว่ มมอื รว่ มใจจดั ท�ำ แผนการจดั ประสบการณ์
ปฐมวยั ชั้นอนบุ าลปที ่ี 1 – 3 จนสำ�เรจ็ ลลุ ว่ งไปดว้ ยดี และเป็นประโยชน์ต่อการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ของประเทศตอ่ ไป
(นายบญุ รักษ์ ยอดเพชร)
เลขาธกิ ารคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน
5
สารบัญ
คำ�น�ำ 5
คำ�ชแ้ี จง 7
หนว่ ยการจัดประสบการณ์ ชั้นอนุบาลปีที่ ๑ – ๓ ภาคเรียนท่ี ๑
หน่วยที่ ๑ ปฐมนเิ ทศ 46
หนว่ ยท่ี ๒ โรงเรียนของเรา 85
หน่วยที่ ๓ ตวั เรา 137
หน่วยท่ี ๔ หนทู ำ�ได ้ 176
หนว่ ยท่ี ๕ ครอบครวั มีสุข 235
หน่วยท่ี ๖ อาหารดีมีประโยชน ์ 297
หนว่ ยที่ ๗ ฝน 336
หนว่ ยที่ ๘ ข้าว 373
หนว่ ยที่ ๙ ปลอดภยั ไวก้ อ่ น 414
คณะท�ำ งาน 476
6
คำ� ชแี้ จง
1. แนวทางการจัดท�ำแผนการจัดประสบการณ์
การจัดทำ� แผนการจัดประสบการณ์ช้ันอนบุ าลปที ่ี 1 – 3 สำ� หรับเดก็ วยั 3 – 5 ขวบ จัดท�ำโดยวเิ คราะห์หลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560 โดยมีข้ันตอนดังน้ี
1. วเิ คราะห์โครงสร้างหนว่ ยการจดั ประสบการณ์ ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 โดยวเิ คราะห์รวม 3 ชั้น ไดแ้ ก่ ชน้ั อนบุ าลปที ี่ 1 – 2 – 3
เพ่ือจดั เรยี งลำ� ดบั ความยากง่ายใหเ้ หมาะสมกับวัยของเด็ก
องค์ประกอบท่วี ิเคราะห์ ประกอบดว้ ย
สาระที่ควรเรยี นรู้ มาตรฐาน ประสบการณส์ ำ�คัญ บูรณาการประสบการณ์สำ�คัญท่สี ่งเสริม
ตวั บ่งช้ี • ร่างกาย พัฒนาการดา้ นสติปัญญา
สภาพท่พี ึงประสงค์ • อารมณ์
• สงั คม • ทกั ษะพ้ืนฐานคณติ ศาสตร์
• สติปัญญา • ทักษะพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์
• การสง่ เสริมพฒั นาการทางภาษาและ
การรู้หนงั สือ (Literacy)
7
2. ก�ำหนดรายละเอยี ดหนว่ ยการจัดประสบการณ์ ให้ครอบคลมุ พฒั นาการทัง้ 4 ด้าน ได้แกด่ ้านรา่ งกาย อารมณ-์ จิตใจ สงั คมและสติปญั ญา เพอื่ พิจารณาความ
สอดคล้องระหวา่ งมาตรฐานหลักสตู รปฐมวัย จดุ ประสงค์การเรยี นรู้และสาระการเรียนรู้
มาตรฐานหลักสตู รปฐมวัย จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้
มาตรฐาน ตวั บง่ ชี้ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ ประสบการณส์ ำ� คญั สาระท่คี วรเรยี นรู้
มาตรฐานท่ี 1 1.2 สขุ ภาพอนามัย 1.2.2 ลา้ งมือกอ่ นรบั
ร่างกายเจริญเตบิ โต สขุ นสิ ัยทีด่ ี ประทานอาหาร และ 1. ลา้ งมือกอ่ น 1.3.1 การปฏบิ ตั กิ จิ วตั ร เรือ่ งราวเกี่ยวกับตัวเด็ก
ตามวัยและมีสขุ นสิ ยั ท่ีดี หลงั จากใช้ห้องน�้ำ รบั ประทานอาหาร และ ประจ�ำวนั 1. การระวังรกั ษาความสะอาด
หอ้ งส้วมเมือ่ มีผชู้ ้ีแนะ หลังจากใชห้ ้องน�้ำ (1) การช่วยเหลือตนเองใน ของรา่ งกาย
ห้องส้วมเมอ่ื มีผู้ชแ้ี นะ กิจวัตรประจ�ำวนั 2. การชว่ ยเหลอื ตนเองในกจิ วตั ร
ได้ ประจ�ำวนั
• การลา้ งมอื
• การแปรงฟนั
• การรบั ประทานอาหาร
• การใช้หอ้ งน้�ำห้องส้วม
3. วางแผนกจิ กรรมรายหน่วยการจัดประสบการณ์ เพ่อื ให้ครอบคลมุ กิจกรรมหลกั 6 กจิ กรรม ได้แก่
3.1 กิจกรรมเคล่อื นไหวและจงั หวะ
3.2 กจิ กรรมเสริมประสบการณ์
3.3 กิจกรรมศิลปะสรา้ งสรรค์
3.4 กิจกรรมเล่นตามมุม
3.5 กจิ กรรมกลางแจ้ง
3.6 กจิ กรรมเกมการศกึ ษา
8
(ตัวอย่าง) การวางแผนกจิ กรรมรายหนว่ ยการจัดประสบการณ์
ชั้นอนุบาลปีท่ี 1 หนว่ ย หนูทำ� ได้
กจิ กรรม
เคลื่อนไหวและจังหวะ : การเดินรอบห่วงฮูลาฮปู
เสรมิ ประสบการณ์ :
1. การดภู าพการล้างมือ อ่านภาพและพูดข้อความด้วยภาษาของตน
2. การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการลา้ งมือ
ศิลปะสร้างสรรค์ : การเขยี นรปู วงกลม
การเลน่ ตามมมุ : มมุ ประสบการณ์ อย่างน้อย ๔ มุม
การเล่นกลางแจ้ง : การเลน่ เครอ่ื งเลน่ สนาม
เกมการศกึ ษา : บอกลกั ษณะอุปกรณใ์ นการลา้ งมือ
9
กิจกรรม
เคล่ือนไหวและจงั หวะ : การเดินตามแนวเส้นโคง้ บนกระดาษกาวย่นประกอบเสียงดนตรี
เสรมิ ประสบการณ์ :
1. การดภู าพการแปรงฟนั อ่านภาพและพดู ขอ้ ความดว้ ยภาษาของตน
2. การปฏิบัตกิ ิจกรรมการแปรงฟนั
ศิลปะสรา้ งสรรค์ : การวาดรปู วงกลม
การเล่นตามมมุ : มมุ ประสบการณ์ อย่างน้อย ๔ มุม
การเล่นกลางแจ้ง : การเลน่ นำ้� – เลน่ ทราย
เกมการศกึ ษา : บอกลกั ษณะอุปกรณใ์ นการแปรงฟัน
10
กจิ กรรม
เคลื่อนไหวและจงั หวะ : การเดินตามแนวเสน้ โค้งของเชอื กประกอบเสียงดนตรี
เสรมิ ประสบการณ์ :
1. การดูภาพการรับประทานอาหาร อา่ นภาพและพูดขอ้ ความดว้ ยภาษาของตน
2. การปฏิบัตกิ ิจกรรมการรับประทานอาหาร
ศิลปะสรา้ งสรรค์ : พิมพภ์ าพจากวัสดทุ ี่เป็นวงกลม
การเล่นตามมมุ : มมุ ประสบการณ์ อย่างนอ้ ย ๔ มุม
การเล่นกลางแจง้ : การเลน่ น�้ำ – เลน่ ทราย
เกมการศกึ ษา : บอกลักษณะอุปกรณ์ในการรบั ประทานอาหาร
11
กิจกรรม
เคลอ่ื นไหวและจงั หวะ : การเดนิ ตามแนวเสน้ โค้งของสายยางประกอบเสียงดนตรี
เสรมิ ประสบการณ์ :
1. การดภู าพการใช้ห้องน�้ำ หอ้ งส้วม อา่ นภาพ และพดู ข้อความด้วยภาษาของตน
2. การปฏิบตั ิกิจกรรมการใช้หอ้ งนำ�้ ห้องส้วม
ศิลปะสร้างสรรค์ : การป้ันดนิ น้ำ� มันเป็นเสน้ แล้วขดใหเ้ ปน็ วงกลม
การเลน่ ตามมมุ : มุมประสบการณ์ อยา่ งนอ้ ย ๔ มมุ
การเล่นกลางแจง้ : การเลน่ เคร่อื งเล่นสนาม
เกมการศึกษา : บอกลักษณะอุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นห้องนำ้� หอ้ งสว้ ม
12
กิจกรรม
เคลื่อนไหวและจังหวะ : การเดินตามแนวเส้นโคง้ ของรบิ บนิ้ ประกอบเสยี งดนตรี
เสรมิ ประสบการณ์ : การปฏบิ ตั ิกิจวัตรประจ�ำวัน การล้างมอื การแปรงฟัน
การรบั ประทานอาหาร และการใชห้ ้องน้�ำห้องส้วม
ศลิ ปะสรา้ งสรรค์ : การฉีกกระดาษเปน็ วงกลม
การเลน่ ตามมุม : มมุ ประสบการณ์ อยา่ งนอ้ ย ๔ มุม
การเล่นกลางแจง้ : การเดินตามแนวเส้นโค้งบนพ้ืนทราย
เกมการศกึ ษา : บอกลักษณะอปุ กรณใ์ นการปฏิบัติกจิ วัตรประจำ� วัน
13
4. นำ� กิจกรรมหลัก 6 กจิ กรรมท่ีวางแผนไวม้ าจดั ท�ำเป็นผงั ความคดิ แผนการจดั ประสบการณ์ เพอ่ื นำ� เสนอภาพรวมของการจัดกจิ กรรมตลอด 1 สปั ดาห์
๑. กิจกรรมเคลือ่ นไหวและจงั หวะ ๒.กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ ๓. กิจกรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์
๑. การเดินรอบหว่ งฮูลาฮูปประกอบเสียงดนตรี ๑. การล้างมอื ๑. เขยี นรปู วงกลม
๒. การเดินตามแนวเสน้ โคง้ บนกระดาษกาวยน่ ประกอบดนตรี ๒. การแปรงฟนั ๒. เขียนรูปวงกลมและระบายสอี ย่างอิสระ
๓. การเดนิ ตามแนวเสน้ โค้งของเชือกประกอบดนตรี ๓. การรบั ประทานอาหาร ๓. การพิมพภ์ าพวงกลม
๔. การเดนิ ตามแนวเส้นโคง้ สายยางประกอบเสยี งดนตรี ๔. การใช้หอ้ งน้�ำหอ้ งสว้ ม ๔. การป้นั ดินน�ำ้ มันเป็นเส้นแล้วขดใหเ้ ปน็ วงกลม
๕. การเดนิ ตามแนวเส้นโคง้ ของริบบน้ิ ประกอบเสยี งดนตรี ๕. การแสดงบทบาทสมมตุ ิการลา้ งมอื ๕. การฉกี กระดาษเป็นวงกลม
๖. กิจกรรมเกมการศึกษา
การแปรงฟนั การรบั ประทานอาหารและ ๑. บอกลกั ษณะอปุ กรณ์ในการล้างมือ
การใช้ห้องนำ้� หอ้ งสว้ ม ๒. บอกลักษณะอปุ กรณ์ในการแปรงฟนั
๓. บอกลักษณะอปุ กรณใ์ นการรบั ประทานอาหาร
หหนนูทว่ำ� ยได้ ๔. บอกลักษณะอุปกรณ์ทใ่ี ช้ในห้องนำ�้ ห้องส้วม
๕. บอกลักษณะอุปกรณ์ในการปฏบิ ัติกจิ วัตรประจำ� วัน
๕. กจิ กรรมกลางแจง้
๑. การเลน่ เครอื่ งเล่นสนาม
๔. กจิ กรรมเลน่ ตามมมุ ๒. การเล่นน้�ำ-เลน่ ทราย
การเลน่ ตามมุมประสบการณ์ ๓. การเลน่ น้�ำ-เลน่ ทราย
๔. การเลน่ เครอ่ื งเลน่ สนาม
๕. การเดินตามแนวเส้นโคง้ บนพ้ืนทราย
14
5. จัดทำ� แผนการจดั ประสบการณร์ ายวนั ทส่ี อดคลอ้ งกบั การวิเคราะหห์ ลกั สูตรและการวางแผนกิจกรรมหลัก 6 กจิ กรรม องคป์ ระกอบแผนการจัดประสบการณ์
รายวนั ประกอบด้วย
5.1 จุดประสงค์การเรยี นรู้
5.2 สาระการเรยี นรู้ (ประสบการณส์ ำ� คัญ/สาระท่คี วรเรียนรู้)
5.3 กิจกรรมการเรยี นรู้
5.4 ส่อื
5.5 การประเมินพัฒนาการ
2. รายละเอยี ดของแผนการจัดประสบการณ์
แผนการจดั ประสบการณ์ช้ันอนบุ าลปีท่ี 1 – 3 แบง่ เปน็ 3 ตอนคือ
ตอนท่ี 1 ประกอบด้วยรายละเอยี ดการวเิ คราะหโ์ ครงสร้างหน่วยการจดั ประสบการณท์ สี่ อดคล้องกับหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พุทธศกั ราช 2560
และพฒั นาการตามวัยของเดก็ วยั 3 – 5 ปี ซึ่งสง่ ผลใหค้ รสู ามารถจัดประสบการณห์ รือกจิ กรรมการเรียนรอู้ ย่างมีประสิทธภิ าพตรงตามมาตรฐานคุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์
รายละเอียดสว่ นนจี้ ะปรากฏอยดู่ ้านหน้าของแผนการจดั ประสบการณ์ ชน้ั อนุบาลปีท่ี 1 – 3
ตอนท่ี 2 แผนการจดั ประสบการณ์ แบ่งเป็นระดับช้นั อนุบาลปที ี่ 1 – 3 ภาคเรยี นละ 2 เลม่
ภาคเรยี นที่ 1 เลม่ ท่ี 1 ประกอบด้วยหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 – 9
ภาคเรียนท่ี 1 เลม่ ที่ 2 ประกอบดว้ ยหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 10 – 18
ภาคเรยี นที่ 2 เลม่ ท่ี 1 ประกอบด้วยหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 19 – 27
ภาคเรียนท่ี 2 เล่มที่ 2 ประกอบด้วยหนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 28 – 36
15
ภาคเรยี นที่ 1 มี 18 หนว่ ย ๆ ละ 1 สัปดาห์ เรียงลำ� ดับหน่วยดังน้ี
1. หนว่ ยปฐมนิเทศ 5. หน่วยครอบครัวมสี ขุ 9. หน่วยปลอดภยั ไว้ก่อน 13. หนว่ ยของเล่นของใช้ 17. หนว่ ยสัตว์น่ารัก
18. หนว่ ยการคมนาคม
2. หนว่ ยโรงเรยี นของเรา 6. หนว่ ยอาหารดมี ปี ระโยชน์ 10. หน่วยวันเฉลมิ พระชนมพรรษา(28 ก.ค.) 14. หนว่ ยชมุ ชนของเรา
3. หน่วยตัวเรา 7. หน่วยฝน 11. หน่วยวันแม่ 15. หน่วยตน้ ไมท้ ร่ี ัก
4. หน่วยหนูทำ� ได้ 8. หน่วยข้าว 12. หน่วยรกั เมืองไทย 16. หน่วยดิน หิน ทราย
ภาคเรยี นที่ 2 มี 18 หน่วย ๆ ละ 1 สัปดาห์ เรยี งลำ� ดับหนว่ ยดังน้ี
19. หน่วยรู้รอบปลอดภยั 23. หนว่ ยวนั ชาติ 27. หน่วยสนกุ กบั ตัวเลข 31. หนว่ ยฤดูหนาว 35. หน่วยปรมิ าตร นำ้� หนกั
28. หนว่ ยขนาด รูปรา่ ง รปู ทรง
20. หน่วยลอยกระทง 24. หนว่ ยเศรษฐกจิ พอเพียง 29. หนว่ ยวนั เดก็ วนั ครู 32. หนว่ ยแรงและพลังงาน 36. หนว่ ยฤดูร้อน
21. หน่วยเวลา กลางวนั – กลางคืน 25. หนว่ ยเทคโนโลยี 30. หนว่ ยโลกสวยด้วยสีสนั 33. หน่วยเสยี งรอบตัว
และการสือ่ สาร
22. หน่วยรกั ความเป็นไทย 26. หน่วยวนั ขึน้ ปใี หม่ 34. หนว่ ยรักการอ่าน
หน่วยการเรยี นรกู้ �ำหนดโดยวเิ คราะหส์ าระท่คี วรเรียนร้จู ากหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช 2560และพิจารณาลำ� ดับเวลารวมทั้งเทศกาลงานประเพณีสำ� คัญ
นอกจากนห้ี ากโรงเรยี นจัดท�ำหลักสตู รสถานศกึ ษาของโรงเรยี นกส็ ามารถเพมิ่ หนว่ ยการเรยี นร้ทู แ่ี สดงเอกลักษณ์และอตั ลกั ษณข์ องโรงเรยี นได้
ตอนที่ 3 ภาคผนวก เปน็ ส่วนท่ีรวบรวมส่อื ท่ใี ชป้ ระกอบแผนการจดั ประสบการณจ์ ะปรากฏอยูท่ ้ายแผนมรี ายละเอียดเรียงตามล�ำดับดงั น้ี
• ความรสู้ �ำหรับครู
• นทิ าน/หนังสอื ภาพ
• เพลง
• คำ� คล้องจอง
• เกมการละเล่นประกอบกิจกรรมกลางแจ้ง
• เกมการศกึ ษา
16
ความรู้สำ� หรบั ครู รายละเอยี ดประกอบการใชแ้ ผนการจัดประสบการณใ์ หม้ ีประสทิ ธิภาพ
แผนการจัดประสบการณช์ น้ั อนบุ าลปที ่ี 1 – 2 – 3 เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมสำ� หรบั เด็กวยั 3 – 5 ขวบ ในสถานศกึ ษาหรอื สถานพฒั นาเดก็ ปฐมวัยดังน้ันครูผูส้ อน
ควรศกึ ษาแผนการจัดประสบการณช์ ัน้ อนุบาลปที ่ี 1 – 3 ให้เขา้ ใจก่อนน�ำไปใช้ให้สอดคล้องกับตารางกิจกรรมประจ�ำวนั ดงั น้ี
1. ตารางกิจกรรมประจำ� วนั
07.30 – 08.00 น. รบั เด็ก
08.00 – 08.30 น. เคารพธงชาติ สวดมนต์และกิจกรรมหนา้ เสาธง
08.30 – 08.45 น. สนทนา ข่าวและเหตกุ ารณ์
08.45 – 09.00 น. กิจกรรมเคล่อื นไหวและจงั หวะ
09.00 – 09.20 น. กิจกรรมเสริมประสบการณ์
09.20 – 10.20 น. กจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรคแ์ ละกจิ กรรมเล่นตามมมุ
10.20 – 10.30 น. พกั (รับประทานอาหารวา่ ง)
10.30 – 11.00 น. กิจกรรมกลางแจง้
11.00 – 12.00 น. พกั รับประทานอาหารกลางวนั – แปรงฟนั
12.00 – 14.00 น. นอนพักผอ่ น
14.00 – 14.20 น. เก็บท่นี อน ลา้ งหนา้
14.20 – 14.30 น. พกั (รบั ประทานอาหารวา่ ง)
14.30 – 14.45 น. กจิ กรรมเกมการศึกษา
14.45 – 15.00 น. สรปุ
หมายเหต ุ ตารางน้สี ามารถปรบั ยดื หย่นุ ได้ตามความเหมาะสมของโรงเรียน โดยเฉพาะช้นั อนบุ าลปีท่ี 1 (3 ขวบ) เวลาในการทำ� กจิ กรรมบางกิจกรรมจะปรับ
ให้นอ้ ยกว่าชัน้ อนุบาลปที ่ี 2 – 3 เช่น กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ แตบ่ างกิจกรรมจะใช้เวลามากกว่า เช่น กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมเล่นตามมมุ เปน็ ต้น ทั้งนีข้ ึ้นอยกู่ บั
ดลุ พนิ จิ ของครูผู้สอนและช่วงความสนใจตามพฒั นาการของเด็ก
17
2. การจัดสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกหอ้ งเรยี น
การท่คี รูผ้สู อนปฐมวัยจะจดั กจิ กรรมตามแผนการจัดประสบการณไ์ ด้ผลดี จ�ำเป็นต้องเตรียมพน้ื ที่ สภาพแวดลอ้ มทงั้ ภายในและภายนอกใหม้ ลี ักษณะเอื้อต่อการจดั
ประสบการณ์ ดงั นี้
2.1 การจัดสภาพแวดลอ้ มภายในห้องเรยี น
ภาพผงั ห้องเรียนและค�ำแนะนำ� ส�ำหรับการจัดห้องเรยี นชน้ั อนุบาล
ป้ายนิเทศหนา้ ห้อง
มมุ หนงั สอื ตู้เตยี้ สำ�หรบั เกบ็ ของ มมุ ศลิ ปะ
ุมม ิวทยาศาสต ์ร พืน้ ทโ่ี ล่งสำ�หรับกิจกรรมทท่ี ำ�รวมกัน เช่น กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจงั หวะ มมุ ช่างไม้
กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ การรวมกลมุ่ นัดหมายตา่ งๆ ฯลฯ
มุมสอื่ สรา้ งสรรค์ มุมบล็อก มมุ ดนตรี มมุ บทบาทสมมติ
18
คำ� แนะน�ำสำ� หรับการจดั ห้องเรยี นช้ันอนุบาล
1. โต๊ะครูต้องอยูใ่ นจุดทีม่ องเหน็ นกั เรยี นทุกคนได้ทัง้ ห้อง ครูอนุบาลตอ้ งไม่หันหลงั ใหเ้ ด็กเปน็ เดด็ ขาด
2. ผลงานนกั เรยี นติดแสดงไวร้ ะดับสายตาของนักเรียน รวมทั้งป้ายนิเทศต่างๆ
3. ตู้เก็บของ อปุ กรณ์หรอื สื่อ – วัสดุของเด็กควรใช้เปน็ ต้เู ตี้ยทีเ่ ดก็ หยิบจับและเก็บของเขา้ ทีไ่ ด้ดว้ ยตนเอง ตเู้ ตี้ยเหล่าน้สี ามารถใช้ก้นั แบง่ พื้นทีม่ มุ ต่างๆได้แต่ต้องระวงั ไม่
ใหม้ ีซอกทเ่ี ดก็ เขา้ ไปหลบหรอื บังทบึ จนครูไมเ่ หน็ ตัวเดก็
4. บรรยากาศในหอ้ งเรียนชน้ั อนุบาลต้องโล่ง สะอาด เปน็ ระเบียบ แสงสว่างส่องทว่ั ถงึ อากาศถา่ ยเทสะดวก
5. การจดั มุมต่างๆในหอ้ งเรยี นตามผงั ตวั อยา่ งมหี ลกั ส�ำคัญคอื มมุ สงบท่ีเด็กใช้ความคิดจะอยใู่ กล้กนั เช่น มมุ หนงั สือ มมุ วทิ ยาศาสตร์ มุมท่มี ีเสยี งดังจะอยู่บริเวณเดียวกัน
เช่น มุมบลอ็ ก มมุ ดนตรี มุมบทบาทสมมติ ส�ำหรับมุมศิลปะ มุมชา่ งไมจ้ ะอยใู่ กลป้ ระตูหรือทางไปหอ้ งนำ้� เพราะเด็กจะไดใ้ ช้นำ�้ ผสมสีหรอื ทำ� ความสะอาดได้สะดวก
6. เสน้ ทางระหวา่ งมุมตา่ งๆต้องไหลลน่ื ต่อเนือ่ งกนั อยา่ ใหม้ ขี องระเกะระกะ เดก็ สามารถยา้ ยจากมมุ หนงึ่ ไปอกี มุมหน่งึ ไดโ้ ดยสะดวก
7. ครคู วรจัดทำ� พ้นื ทีแ่ สดงอาณาเขตของแต่ละมุมให้ชัดเจน เช่น ปพู รม หรือเส่อื บรเิ วณมุมหนงั สอื ใช้เทปกาวติดพื้นหอ้ งเพอ่ื แสดงพื้นท่ขี องแตล่ ะมมุ หรือติดสตก๊ิ เกอร์
เครื่องหมายของมุมต่างๆไวบ้ นพ้ืนห้องบรเิ วณมุมนน้ั ครูควรแนะน�ำเด็กต้งั แตเ่ ร่ิมเขา้ มาอย่ใู นห้องอนุบาลเพอื่ ฝกึ วินยั และข้อตกลงของหอ้ งเรยี น
8. จดั ทำ� เครอื่ งหมายแสดงจำ� นวนเดก็ ท่ีจะเขา้ มาเลน่ ในแต่ละมมุ เพอ่ื ให้เด็กสังเกตว่ามมุ น้ันมีคนเลน่ ครบจำ� นวนหรอื ไม่ ถ้าครบแล้วกค็ วรรอก่อนจนกว่าจะวา่ ง
เพอ่ื ฝึกการรอคอยและการเคารพกฎกติกาของสังคมตัง้ แต่ยังเลก็
9. ครูควรระลึกเสมอว่าหอ้ งเรียนเด็กอนบุ าลเปน็ พ้ืนที่สร้างเสรมิ ความอบอนุ่ และความสบายใจ ดังนนั้ สีท่ีใช้ในหอ้ งควรปลอดภัย ใชส้ ีออ่ น เยน็ ตา ไม่ใชส้ สี ันหลากหลายจน
กระตนุ้ ประสาทรับรู้ของเดก็ มากเกินไป
สอื่ – วัสดุ อุปกรณท์ ี่นำ� มาใหเ้ ด็กเล่นควรจดั หมนุ เวียนตามหน่วยการเรยี นรู้ ไม่ควรน�ำมาไว้มากเกนิ ไปจนทำ� ใหเ้ ดก็ สับสน ไมก่ ระตุน้ ความสนใจและเก็บเขา้ ที่ให้เปน็
ระเบียบได้ยาก
19
ตัวอย่างป้ายแสดงจ�ำนวนเดก็ ในมมุ ประสบการณ์
5
มมุ บล็อก
มุมหนงั สือ 4
20
การจดั หอ้ งเรยี นอนุบาล
1. จัดบริเวณหน้าห้องเปน็ พื้นทโี่ ล่ง สำ� หรบั ท�ำกจิ กรรมเคลอ่ื นไหวและจังหวะ ซ่ึงตอ้ งใช้พน้ื ทีส่ �ำหรับการเคลอ่ื นไหวในลักษณะตา่ งๆ นอกจากนีย้ งั ใช้เป็นพืน้ ที่
ส�ำหรบั กจิ กรรมเสริมประสบการณซ์ ึ่งเดก็ จะนงั่ ล้อมวงเปน็ รปู คร่ึงวงกลมหรือตวั ยู เพอ่ื ฟงั นิทาน ร้องเพลง และรว่ มกิจกรรมตา่ งๆ โดยครสู ามารถมองดเู ด็กทุกคนได้อย่างทวั่ ถงึ และ
เด็กทกุ คนเหน็ คุณครูนำ� เสนอสอ่ื ต่างๆ ไดโ้ ดยไมบ่ ังกัน บริเวณนีย้ งั ใช้เป็นพนื้ ท่รี วมสำ� หรับนัดหมายทำ� กจิ กรรมรวมกันท้ังชน้ั เชน่ นงั่ รวมกันก่อนออกไปรบั ประทานอาหารกลางวัน
ด่ืมนมหรือออกไปเล่นกจิ กรรมกลางแจง้ ในช่วงบา่ ยใชเ้ ป็นทน่ี อนของเดก็
2. จัดพ้ืนทีส่ ำ� หรับกิจกรรมการเล่นตามมุม โดยตดิ ป้ายระบุจำ� นวนเด็กที่เขา้ เลน่ ในแตล่ ะมุม เพ่อื ใหเ้ ด็กหมุนเวียนกันเล่นและรจู้ กั รอคอย ครูสามารถกำ� หนดพืน้ ที่
ของแต่ละมุมได้โดยใช้วิธีการหลากหลาย เช่น ปูเสือ่ พรม ใช้กระดาษกาวสีตดิ แสดงเขต ใช้สติ๊กเกอรต์ ดิ เปน็ มมุ ฯลฯ ตามมาตรฐานการจัดห้องเรียนอนบุ าลจะมมี ุมประสบการณ์
สำ� หรบั ให้เดก็ เลือกเล่นเสรีและสง่ เสรมิ พัฒนาการรอบดา้ นประมาณ 4 – 5 มุม ไดแ้ ก่
1. มมุ หนังสอื
มมุ หนงั สอื เปน็ บริเวณท่ีเด็กไดน้ งั่ ดหู นังสือภาพ อา่ นหนังสือนิทานภาพรว่ มกับเพอ่ื น พดู คยุ เกย่ี วกับเรื่องที่อ่าน เดก็ จะรู้สกึ ผอ่ นคลาย มีความอบอนุ่ สนกุ สนานกบั
เรอื่ งราวในหนงั สอื และปลกู ฝังนสิ ยั รักการอ่าน การอ่านหนงั สอื ภาพและฟังนิทานท�ำใหเ้ ด็กรู้ค�ำศัพท์กวา้ งข้นึ เรียนรสู้ ิ่งต่างๆรอบตัว เชน่ สี รูปทรง สัตว์ – พืชต่างๆ
สอื่ – อุปกรณใ์ นมุมหนงั สอื
1. หนังสอื นทิ านท่ีเหมาะกับวัยของเดก็
2. ชน้ั วางหนังสอื
3. กระเปา๋ หนงั ไม้ช้ี บัตรค�ำ บัตรภาพ
4. เทปเพลง / นิทาน เครื่องเล่นซีดี เนอ้ื เพลง
5. หมอน เบาะ ผ้าปูสำ� หรบั เด็กน่ังอ่าน
ฯลฯ
หมายเหตุ 1. มุมหนงั สอื ควรจัดไว้ในบริเวณทเี่ งยี บสงบ อยู่หา่ งจากมมุ ทีม่ เี สยี งดัง เช่น บริเวณที่วางเครอ่ื งดนตรี มุมบทบาทสมมติ มุมบล็อก เป็นต้น
2. ครคู วรฝกึ ใหเ้ ด็กเก็บหนงั สือและอุปกรณ์เข้าทโี่ ดยการถา่ ยเอกสารภาพหนา้ ปกหนงั สอื ใหเ้ ด็กสงั เกตและวางให้ตรงกัน
3. ควรจดั หนังสือหมุนเวยี นในแต่ละสปั ดาห์ใหส้ อดคลอ้ งกบั หนว่ ยการเรยี นรู้
ข้อเสนอแนะการอา่ นนทิ านส�ำหรบั เด็ก
เดก็ วยั 3 ขวบ
• จัดท่นี งั่ ใหเ้ ด็กนงั่ อย่างสบาย
• ขณะทค่ี รอู า่ น ควรให้เด็กเห็นรปู ภาพ ครคู วรหยุดเป็นระยะ ถามคำ� ถามใหเ้ ด็กมีสว่ นรว่ มเดก็ อาจจะพูดตอบ หรือแสดงทา่ ทางก็ได้
• ให้สังเกตปฏิกริ ยิ าของเดก็ ถ้าเดก็ เบอ่ื ครูควรหยดุ อา่ น น�ำไปอ่านตอ่ ในวนั ถัดไป ดูความสนใจของเด็กเป็นหลกั สรา้ งบรรยากาศของการอ่านใหเ้ ป็นชว่ งเวลา ของความ
สนุกสนาน 21
เดก็ วัย 4 – 5 ปี
• เด็กวัยนี้ชอบฟงั นิทานซ้ำ� กนั หลายครง้ั เด็กชอบดูภาพในหนังสือและพูดคยุ กับเพอื่ นๆ
• จดั ท่ีน่ังใหเ้ ดก็ น่ังสบายๆ
• พดู คุยกับเด็กเกีย่ วกับช่อื เรอื่ ง ภาพวาดบนปก
• ถามค�ำถามปลายเปดิ เพ่อื กระตุ้นใหเ้ ดก็ คิด เชน่ “เกิดอะไรขึน้ ในภาพน”้ี “ท�ำไมข้าวปนั้ จงึ ดใี จ”
• ครคู วรตอบสนองค�ำพดู แสดงความคิดเห็นของเด็กทง้ั ดว้ ยวาจา หรือทา่ ทาง เช่น พยกั หนา้ รบั
• กระตุ้นให้เดก็ คาดคะเนเหตกุ ารณ์ล่วงหน้า เชน่ “เดก็ ๆคดิ วา่ จะมอี ะไรเกดิ ขึ้นตอ่ ไปนะ”
• ขณะทอี่ ่านครคู วรหยุดเปน็ ช่วงๆ เพ่อื ให้เดก็ อ่านต่อจากทีค่ รูอ่าน
• ช้ีค�ำไปดว้ ยขณะทอ่ี า่ น
• โยงเรอ่ื งในหนังสือกบั ชีวติ จรงิ หรอื เหตกุ ารณ์แวดลอ้ มตัวเด็ก
• เมื่ออ่านจบควรมีการแสดงความคดิ เหน็ หรือความรสู้ ึกเก่ยี วกับนิทานเรอ่ื งทอ่ี ่าน
• นำ� ค�ำหรอื วลที ่มี ีในหนังสือมาพดู ในช่วงตา่ งๆ เชน่ กอ่ นนอน เล่นตามมุม
• ควรอ่านหนังสือตง้ั แตต่ น้ จนจบให้เด็กฟงั เพอ่ื ให้เด็กไดส้ ัมผัสกับจังหวะค�ำ หนา้ ต่อหนา้
• หนังสือนทิ านท่เี ด็กชอบ เดก็ จะขอให้ครอู ่านซ�้ำบ่อยๆ หลงั จากเด็กจำ� ไดแ้ ล้วครคู วรน�ำหนังสอื ไปวางบนกระดานขาต้งั ให้เดก็ ทดลองอา่ นเอง
มุมหนงั สือ เดก็ เกบ็ หนงั สอื ได้เองโดยดจู ากภาพหนา้ ปก
22
2. มมุ บทบาทสมมติ
มมุ บทบาทสมมติ เป็นพื้นทเี่ ลน่ ทเี่ ด็กเลียนแบบบคุ ลคลตา่ งๆรอบตวั เด็ก ฝึกการจนิ ตนาการตามประสบการณท์ ี่พบมา เปน็ การเล่นร่วมกนั ท่สี ่งเสริมพัฒนาการทางภาษา
สงั คม และการคดิ
สือ่ – อปุ กรณ์ในมุมบทบาทสมมติ
1. เครอ่ื งใช้ภายในบา้ น อาจเป็นของเล่นจำ� ลอง หรอื ของจรงิ ที่เด็กน�ำมาเลน่ ได้ เช่น เครอื่ งครวั ตา่ งๆ ชุดของเล่นปรงุ อาหาร อุปกรณท์ ำ� ความสะอาดบ้านท่ีมี
ขนาดเล็ก เดก็ สามารถจบั ถือเล่นได้ ฯลฯ
2. ของเล่นตา่ งๆ เช่น ตกุ๊ ตาชาย – หญงิ รปู แบบตา่ งๆ โทรศพั ท์ ชุดเสอื้ ผา้ แต่งตวั ตุ๊กตาส�ำหรบั เดก็ หัดตดิ กระดมุ รูดซปิ ผกู เชอื ก ติดแถบตนี ตุ๊กแก เป็นต้น
3. เคร่ืองแต่งตวั ทใี่ ช้ในบทบาทสมมติ เช่น เส้ือผา้ รองเท้าหญงิ – ชาย ถงุ เท้า หมวก เนก็ ไท กระเปา๋ ผู้หญงิ กระเป๋าเอกสารผู้ชาย ฯลฯ
4. ชดุ ของเลน่ เช่น ชุดหมอ ชดุ รา้ นขายของแบบซุปเปอรม์ ารเ์ กต็ รา้ นเสริมสวย รา้ นค้าประเภทต่างๆ ฯลฯ
หมายเหตุ ของเลน่ ตา่ งๆในมุมบทบาทสมมติ ต้องจดั ไวเ้ ป็นระเบยี บ มีภาพของเลน่ แต่ละประเภทติดไวห้ นา้ กลอ่ งหรอื ทช่ี นั้ วาง เพอ่ื ใหเ้ ดก็ เก็บของเข้าท่ไี ดถ้ ูกต้อง
3. มุมบลอ็ ก
การเลน่ บลอ็ กช่วยให้เดก็ พัฒนาทกั ษะทางกายทั้งกล้ามเน้ือมัดใหญ่และกลา้ มเนอ้ื มดั เลก็ เดก็ ต้องหยิบจับ เคลือ่ นย้าย นำ� มาตัง้ ซ้อนกนั ใชก้ ล้ามเนอ้ื ตากบั มือสัมพนั ธก์ นั เพ่ือ
สร้างความสมดุลในการต่อบลอ็ กไมใ่ หโ้ ค่นล้ม การเล่นบลอ็ กเปน็ การเรยี นรู้รูปทรงคณติ ศาสตร์และเรขาคณติ เด็กสามารถเปรยี บเทยี บ ขนาด สัดสว่ น รวมถงึ ฝกึ จนิ ตนาการและ
การแกป้ ัญหาเพือ่ วางแผนการสรา้ งส่งิ ตา่ งๆ ระหว่างท่เี ลน่ บล็อกเด็กจะเล่นกับเพอ่ื นเป็นกลุ่มซ่ึงชว่ ยเสรมิ พฒั นาการด้านสังคม และจติ ใจ ด้วยการแบง่ ปันของเลน่ รบั ฟังความคิด
เห็นของผู้อนื่ สรา้ งมติ รภาพกับเพ่อื นจากการท�ำงานรว่ มกนั
ส่อื – อุปกรณใ์ นมมุ บล็อก
1. ไมบ้ ล็อกรปู ทรงต่างๆ
2. บลอ็ กกลวง แท่งบล็อกทม่ี ีความลาดเอยี ง
3. ตัวสัตว์ตา่ งๆ ตกุ๊ ตาไม้ ตน้ ไม้ (จ�ำลอง) รถ – เรือ (จำ� ลอง/ของเล่น)
4. กลอ่ งเก็บบลอ็ กและสัญลักษณ์หน้ากลอ่ ง
ฯลฯ
23
4. มมุ ศิลปะสรา้ งสรรค์
ศลิ ปะช่วยใหเ้ ดก็ มพี ฒั นาการแบบองคร์ วม เนอ่ื งจากระหว่างท่เี ดก็ ทำ� กจิ กรรมศิลปะ เปน็ โอกาสทไ่ี ด้ใช้ความคิดสรา้ งสรรค์ เรียนรโู้ ลกภายนอก รสู้ กึ ภูมใิ จในตนเอง รสู้ ึกดีที่
ท�ำงานจนส�ำเรจ็ ได้ผ่อนคลายด้านอารมณ์ขณะระบายสี ปั้นดนิ น้�ำมันหรอื วาดภาพ ในขณะเดียวกนั ก็ได้ฝึกทกั ษะการใช้กล้ามเนื้อมดั เล็กและการประสานสมั พนั ธ์ระหวา่ งมือกบั ตา
ส่ือ – อุปกรณใ์ นมมุ ศิลปะสรา้ งสรรค์
1. กระดาษชนดิ ต่างๆ
2. พู่กัน ขนาดเบอร์ 6 และเบอร์ 12
3. สชี นดิ ตา่ งๆ เชน่ สีเทียน สนี ำ้� จานสี (สเี ทียนแทง่ ใหญเ่ หมาะสำ� หรับเดก็ ระดบั อนบุ าล 1 – 2 สำ� หรับเดก็ อนุบาล 3 ควรใชส้ ีชอลก์ )
4. แป้งป้ัน แปง้ โด ดนิ นำ้� มนั ปลอดสาร
5. กระดานวาดภาพ
6. กาว กรรไกรปลายมน
7. ผา้ ชนดิ ตา่ งๆ
8. ไหมพรม เศษวสั ดุ
9. ทส่ี �ำหรับติดผลงานเด็ก
10. พนื้ ที่เกบ็ ของใชง้ านศลิ ปะ
11. อุปกรณ์ท�ำความสะอาด
ฯลฯ
24 สอื่ อุปกรณม์ ุมศลิ ปะสร้างสรรคแ์ ละทเี่ กบ็ ดินน้�ำมนั
5. มมุ ของเล่นสรรคส์ ร้าง
มมุ น้ีส่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ เกิดการเรียนรู้จากการเลน่ ของเลน่ ท่ีอยูใ่ นมุมน้คี วรเล่นได้หลายวิธี เพอ่ื ช่วยใหเ้ ด็กเกิดความคิดสรา้ งสรรค์ สามารถประดิษฐ์คิดคน้ วิธเี ล่นด้วย
ตนเอง หรือเลน่ ร่วมกบั เพ่ือนได้
ลกั ษณะของเลน่ ทดี่ ี
มคี วามปลอดภยั สีควรเป็นแบบปลอดสารพษิ ขนาดไมค่ วรเลก็ เกนิ ไปเพราะเด็กอาจนำ� เข้าปาก สำ� ลกั ตดิ คอหรอื อุดใส่รจู มูก ไม่ควรแหลม – คมเป็นอันตรายตอ่
เดก็
สือ่ – อุปกรณใ์ นมุมของเลน่ สรรค์สร้าง
1. ของเลน่ ให้เดก็ หยบิ ใสต่ ามรูปทรง ขนาด
2. ถงุ ทราย
3. รปู ทรงต่างๆ
4. ตวั ตอ่
5. ภาพตัดต่อ (จำ� นวนช้ินควรเหมาะสมกับวัยของเด็ก)
6. สตั ว์ (จ�ำลอง) ต่างๆ เชน่ สัตวเ์ ล้ียง สัตว์ปา่
7. เกมตา่ งๆ เช่น เกมตกปลา บนั ไดงู เกมเรยี งแทง่ ไม้ ฯลฯ
8. กระดานปักหมุด
9. เชอื กและลูกปัด
10. ชดุ แทง่ ไม้ แท่งยาง พลาสตกิ สำ� หรบั ตอ่ ก่อสร้าง
11. ฝาขวดฝึกปิด – หมุน
12. กระดมุ ซึ่งมีขนาด สี และรูปทรงตา่ งๆ
13. เปลือกหอย กอ้ นหนิ
14. ของเล่นแม่เหล็ก
ฯลฯ
25
ขอ้ เสนอแนะ ควรฝึกเดก็ ใหม้ ีระเบียบวินัยโดยการจดั เกบ็ ของเล่นเข้าท่ีใหเ้ รยี บร้อย ครูสามารถจัดเตรยี มอปุ กรณ์ส�ำหรับการเกบ็ ของเลน่ ดังนี้
• ตะกร้า หรือ กล่องใส่ของเล่นแต่ละชนิด พร้อมทั้งรปู ของเลน่ ชนดิ นัน้
• ชน้ั วางของเล่น
• ทวี่ างภาพตดั ตอ่
• ครคู วรติดปา้ ยบอกกฎ – ระเบียบของมมุ ของเล่นสรรคส์ รา้ ง
• จ�ำนวนของเลน่ ควรจดั วางใหม้ จี ำ� นวนพอเหมาะในแต่ละครั้งและจดั เปลีย่ นหมุนเวยี นไปในแตล่ ะสัปดาหห์ รือเดอื น
• ของเลน่ แต่ละชนิดควรแยกกล่องไมใ่ หป้ ะปนกนั
• วางของเล่นระดบั ท่ีเด็กหยิบได้ เพ่อื ใหเ้ ด็กหยบิ และเกบ็ เองไดส้ ะดวก
• ควรระวงั ความปลอดภยั เช่น ลูกปัด กระดุม เวลาเกบ็ ครคู วรเก็บแยกใหพ้ ้นมอื เด็ก
26
2.2 การจดั สภาพแวดลอ้ มภายนอกห้องเรยี น
พ้ืนทเ่ี ล่นนอกห้องเรียนท่ชี ่วยเสรมิ สรา้ งพัฒนาการเดก็
พืน้ ท่เี ลน่ ทรายและน�้ำ ช่วยเสริมพัฒนาการทัง้ 4 ดา้ น
1. เด็กได้พัฒนาทกั ษะด้านความคดิ
• สังเกต ความตา่ งและความเหมือนของวสั ดุต่างๆ เช่น ทรายแหง้ ทรายเปียก
• คน้ พบวา่ วัสดมุ กี ารเปลีย่ นแปลงได้ เช่น ใส่สลี งนำ้�
• คน้ พบการเปน็ เหตแุ ละผล เช่น การตบนำ้� ทำ� ใหเ้ กิดคลืน่ และของลอยหา่ งออกไป
• ค้นพบเก่ยี วกบั คณติ ศาสตร์ เช่น การเทน�ำ้ จำ� นวนเทา่ กนั ลงไปในภาชนะทีม่ ขี นาดตา่ งกันแลว้ เปรยี บเทยี บดู
2. เด็กได้พฒั นาทักษะดา้ นสังคม และจิตใจ
• ฝึกเลน่ บทบาทต่างๆ เช่น อาบนำ้� ใหต้ ุ๊กตา
• สรา้ งเพ่อื น เช่น ชวนเดก็ อีกคนมาสร้างปราสาททราย
• แบง่ ปนั ของเลน่ กัน
3. เดก็ ได้พัฒนาทกั ษะดา้ นอารมณ์
• เหน็ ผลงานท่ีท�ำส�ำเรจ็ เชน่ ผสมสบทู่ ำ� ให้น�้ำเป็นฟอง
• สร้างความภาคภูมิใจและมนั่ ใจในตัวเอง เชน่ การเก็บสิ่งประดษิ ฐไ์ ว้ให้ผู้ปกครองดู
• ฝึกความเป็นอสิ ระพ่ึงตนเอง เชน่ การเร่มิ เลน่ และเกบ็ ส่ิงของเมื่อเลน่ เสร็จ
4. เดก็ ไดพ้ ัฒนาทกั ษะด้านร่างกาย
• ใชก้ ลา้ มเนอ้ื มัดเลก็ และใช้การประสานสายตากบั มอื ให้สมั พนั ธ์
• ฝกึ การประสานงานของกลา้ มเน้ือให้ดขี นึ้ เชน่ การเทน�้ำจากขวดใสถ่ ้วยตวง
27
สือ่ /วสั ด/ุ อุปกรณ์
• ทราย ควรเปน็ ทรายรอ่ นละเอยี ดมีวสั ดคุ ลมุ ป้องกนั ไมใ่ ห้สกปรก
• ของเลน่ กบั ทราย เชน่ ขวด (พลาสติก) กรวย ช้อน ถ้วยตวง แทง่ ไม้ สตั ว์ คน หลอด รถ ขนนก (ไก่) เปลือกหอย ตะแกรงร่อน
• ของเลน่ กบั น�ำ้ เชน่ หลอด ท่ีตไี ข่ ขวด ท่ีหยอดตา กรวย ชอ้ น ถว้ ยตวง ฟองน�้ำ จกุ ไม้กอ๊ ก แปรงทาสี ตะแกรงรอ่ นขนาดเล็ก
• ภาชนะเก็บของเล่นทใ่ี ชเ้ ลน่ ทรายกบั ทราย ภาชนะเกบ็ ของเล่นที่ใชเ้ ลน่ น�้ำ
• ผา้ กันเปื้อนพลาสติก (กันเปียกน�้ำ)
ฯลฯ
พื้นท่ีดนตรี การเคลอื่ นไหว และการบริหารสมอง (Music Movement and Brain Gym)
เดก็ ๆ รกั เสียงเพลง ดนตรี ซงึ่ มีจังหวะและท่วงท�ำนองตา่ งลลี ากันไป เด็กไดพ้ ฒั นาการประสานงานของสว่ นตา่ งๆ ของร่างกายในการ
แกวง่ ไกวไป – มา การเต้น กระโดดขึน้ ลง ตบมือ ตบเทา้ ตามจังหวะดนตรี
นอกจากน้ี ดนตรียังมผี ลกระทบตอ่ อารมณข์ องเดก็ ด้วย เชน่ ดนตรเี บาจังหวะสบายไม่เร่งรอ้ นชว่ ยทำ� ให้เด็กรสู้ กึ ผ่อนคลาย งว่ งนอน ในขณะทเี่ พลง
จังหวะเรว็ เร้าใจ ทำ� ให้เดก็ รสู้ กึ ตน่ื ตวั อยากก้าวเดินไปรอบห้องตามจังหวะน้นั
โดยธรรมชาติของเด็กเมอื่ ไดย้ ินเสยี งดนตรเี ด็กจะอยากลองเคล่อื นไหวสว่ นต่างๆ ของรา่ งกายเพื่อดูว่าท�ำอะไรไดบ้ า้ ง ในพน้ื ท่เี ทา่ ใด สำ� หรับเดก็ ทุกวยั
ดนตรแี ละการเคลื่อนไหวมผี ลตอ่ พัฒนาการดา้ นภาษา ทักษะการฟัง การประสานงานของสว่ นตา่ งๆ ของร่างกาย และความสามารถในการถ่ายทอดจังหวะออกมาเปน็ ทา่ ทาง
ตา่ งๆได้
28
ดนตรีช่วยเสริมพัฒนาการไดอ้ ย่างไร
1. เดก็ พัฒนาทกั ษะด้านความคิด
• เชอื่ มโยงเสียงเพลงกับแหล่งกำ� เนิด เช่น หันไปทางทีไ่ ดย้ ินเสยี ง
• ค้นพบความเปน็ เหตแุ ละผล เช่น การเคาะทัพพไี มบ้ นกระทะทำ� ให้เกิดเสยี ง
• แยกแยะล�ำดบั เสยี ง เช่น เสียงท่ตี า่ งระดบั ของเครอ่ื งดนตรี
• นำ� ความรูไ้ ปใช้ เช่น ใชก้ ารเคาะกระทะแทนเสยี งกลอง
• แก้ปญั หา เช่น การพยายามทจี่ ะเปา่ ใหเ้ ปน็ เพลง
2. เด็กพฒั นาทักษะทางด้านสงั คม
• เลน่ รว่ มกนั
• สรา้ งสมั พนั ธ์กบั เพอ่ื น
3. เดก็ พัฒนาทกั ษะทางด้านอารมณ์
• แสดงออกทางอารมณไ์ ดต้ ามเสยี งดนตรี
• เรมิ่ สรา้ งรสนยิ มดา้ นเสยี งเพลงของตัวเอง
4. เด็กพัฒนาทักษะด้านรา่ งกาย
• ประสานความเคลื่อนไหวของกล้ามเนอ้ื ตา – มือ การใชน้ ิว้ มอื ท�ำทา่ ประกอบเพลง
• ฝกึ ใชก้ ล้ามเนือ้ มดั ใหญ่ เช่น การกระโดด การโยกตวั
• พฒั นาการเข้าจังหวะ เช่น การตบมือ ตบเท้า ตามจงั หวะดนตรี
สอ่ื /วสั ด/ุ อุปกรณ์
• กลอง เคร่ืองเคาะ ฉิง่ เคร่ืองเป่า เครื่องดดี - สี
• ทเี่ ก็บเครอื่ งดนตรี
กจิ กรรมเสนอแนะ
• เล่นน้วิ มอื ประกอบค�ำคลอ้ งจอง
• เคลอื่ นไหวสร้างสรรค์
• เกมประกอบดนตรี
29
พ้นื ท่เี ล่นกลางแจ้ง
กจิ กรรมกลางแจ้ง เป็นสว่ นที่ท�ำใหเ้ ดก็ รู้สึกอิสระและมคี วามร่าเริงไดส้ มั ผัสกบั ธรรมชาติและเห็นความเปล่ียนแปลงของฤดูตา่ งๆ สัมผสั กับ
สภาวะแวดลอ้ มที่เปล่ยี นแปลงไปในแตล่ ะฤดู เชน่ ความชุ่มช้นื และสีเขียวในฤดูฝน ฤดรู ้อนเหน็ ใบไมร้ ่วงหญ้าเริ่มเหลอื ง ฤดูหนาวอากาศเริม่ แห้งหรอื มลี มหนาวมาสัมผัสตัว
นอกจากน้ีเด็กยงั ได้ ว่งิ เลน่ กระโดด ปนี – ปา่ ย และมคี วามมัน่ ใจเพิ่มขึ้น จากการท่เี ด็กได้ฝกึ และใชก้ ลา้ มเนอ้ื มดั ใหญแ่ ละมัดเลก็
ดังนั้น การเล่นกลางแจง้ จึงเปิดโอกาสให้เด็กไดเ้ คลอ่ื นไหวรา่ งกายอยา่ งอิสระได้สูดหายใจอากาศบรสิ ทุ ธิ์ สมั ผัสกบั แสงอาทิตยแ์ ละธรรมชาติ
การเล่นกลางแจ้งช่วยเสริมพัฒนาการไดอ้ ยา่ งไร
เดก็ พัฒนาทกั ษะด้านความคิด
• ใช้ประสาทการรบั รสู้ ัมผัสกบั โลกภายนอก
• มปี ระสบการณ์กบั ความเปน็ เหตุและผล เชน่ การวิ่งผ่านนำ้� ทพ่ี น่ เปน็ ฝอยท�ำให้ตัวเปียก
• พฒั นาทักษะทางภาษาจากการพูดคยุ ในขณะท่เี ลน่
• วางแผนและแกป้ ัญหา เช่น การวางแผนที่จะเลน่ บทบาทสมมติกบั เพอ่ื น
• เรยี นรเู้ ก่ยี วกับวทิ ยาศาสตร์ เช่นการถาม “นกคาบหญา้ แห้งๆไปทำ� ไม ?” ซึ่งท�ำให้เด็กไดเ้ รยี นรู้เรอ่ื งการสรา้ งรงั ของนก
เด็กพัฒนาทกั ษะดา้ นสังคมและจิตใจ
• สร้างสมั พันธก์ บั เพอื่ น
• แบง่ ปัน การรอคอย และผลัดเปลีย่ น
• การเลน่ ร่วมกบั เพือ่ น
เด็กพฒั นาทักษะดา้ นอารมณ์
• ร้สู กึ ดกี ับตวั เอง เมอื่ สามารถท�ำได้สำ� เร็จ เชน่ การหดั ถีบรถสามล้อและทำ� ได้
• ฝึกการพง่ึ ตนเอง เชน่ การเลน่ กระดานลืน่ ไดเ้ องโดยไมต่ ้องมคี นช่วย
• ใช้ความคิดสร้างสรรค์ เช่น การคดิ วธิ ใี หม่ท่ีจะเลน่ กบั ลกู บอล
เด็กพัฒนาทกั ษะดา้ นรา่ งกาย
• ใช้กล้ามเน้อื มัดเล็กได้ดขี ึ้น
• ใช้กลา้ มเน้ือมัดใหญ่
• ประสานการเคล่ือนไหวกลา้ มเนอ้ื มอื และตา
30
กจิ กรรมของการเล่นกลางแจ้ง
• เลน่ เครอ่ื งเล่นสนาม
• การเล่นทราย
• การทำ� สวนปลูก ตน้ ไม้
• การเล่นแบบไทยๆ และเกมตา่ งๆ
• การเลีย้ งสัตว์
• การไปปกิ นกิ
• การไปวาดรูปนอกสถานที่
• ดนตรแี ละกิจกรรมเข้าจังหวะ
• เดินทางไปเย่ยี มบริเวณรอบๆและวาดภาพท่ีได้ไปเห็นมา
สื่อ/วสั ด/ุ อุปกรณ์
• ควรระวงั เรื่องความปลอดภยั ของวัสดุและอปุ กรณ์ตา่ งๆใหม้ ีสภาพพรอ้ มใช้เสมอ
การเตรียมพร้อมสำ� หรบั กจิ กรรมศกึ ษานอกสถานที่
• แจง้ ผปู้ กครองทราบลว่ งหน้าก่อนออกไปศึกษานอกสถานท่ี (บริเวณรอบๆโรงเรียน)
• บอกกฎ – ระเบียบงา่ ยๆให้เดก็ ปฏบิ ัติ
• มอบหมายความรบั ผิดชอบใหเ้ ดก็ ชว่ ยในการท�ำกิจกรรม
• กระตุ้นให้เดก็ ช่วยเหลือตนเองตามความเหมาะสม
• ฝกึ เด็กก่อนออกไปปฏิบัตใิ นสถานท่ีจรงิ
• คอยเตอื นใหเ้ ด็กอยูภ่ ายใต้การดแู ลของครู และอยู่กบั กลมุ่ ตลอดเวลา
สง่ิ ทีค่ รูควรสงั เกตและส�ำรวจในกจิ กรรมกลางแจ้ง
• เดก็ ชอบเลน่ เคร่อื งเลน่ ประเภทไหน
• อุปกรณก์ ารเลน่ ช้นิ ไหนท่ีเด็กๆชอบเลอื กเลน่
• มบี รเิ วณไหนหรอื อปุ กรณ์การเล่นอะไรท่เี ด็กๆหลกี เลีย่ งทจี่ ะเลน่ บริเวณใดทอี่ าจเกดิ อันตราย
31
• เดก็ ๆเลน่ รว่ มกันดีหรือไม่ใครเป็นผคู้ ดิ รเิ ร่ิม
• เด็กเล่นในแต่ละบรเิ วณนานเท่าไร
• เดก็ แตล่ ะคนแสดงทา่ ทางแตกต่างกนั หรือไม่
• เด็กดมู ีความมน่ั ใจหรือระมดั ระวงั ในการเล่นของเล่นชนิ้ ใหมห่ รือไม่
** คอยระมดั ระวงั เรอ่ื ง “อันตราย” คาดเดาและป้องกันลว่ งหน้า โดยการสำ� รวจเครื่องเลน่ ใหอ้ ยู่ในสภาพปลอดภัยเสมอ **
พ้นื ทีส่ �ำหรบั กจิ กรรมการท�ำอาหาร
การทำ� อาหารเป็นกจิ วตั รที่เกิดข้ึนทุกวัน เด็กต้องรบั ประทานอาหารกลางวนั และของว่าง ดังนั้น “การทำ� อาหาร” จึงเป็นสว่ นหนึ่งของการเลยี นแบบ
ชวี ิตจริง ในการทำ� อาหารเด็กเรียนรู้การมสี ว่ นรว่ มและชว่ ยเหลอื ในการท�ำอาหาร เช่น การเท การใส่ การผสม การดม การตัก ลองชิมรส สมั ผัส การฟัง การใชภ้ าษาและการท�ำ
ตามสูตรและขน้ั ตอนการทำ� อาหาร
การท�ำอาหารช่วยเสรมิ พัฒนาการไดอ้ ย่างไร
เด็กพฒั นาทักษะด้านความคดิ
• เรยี นรู้เกยี่ วกับโภชนาการ เชน่ การเตรียมอาหารที่ถกู หลกั โภชนาการ
• แก้ปัญหา เชน่ การอบขนมควรใสล่ งในพิมพเ์ พยี งครึง่ เดยี ว เพอ่ื ไม่ใหข้ นมลน้ ออกมา
• จัดแยก จดั แบ่ง เช่น เลือกกลว้ ยสุกงอม เพอ่ื ใช้ท�ำเคก้ กล้วยหอม
• เรยี นรพู้ นื้ ฐานทางคณติ ศาสตร์ เลน่ ตวงของเวลาทำ� อาหาร
• เข้าใจกฎเกณฑท์ างวทิ ยาศาสตร์ เชน่ การท�ำไอศกรมี
• ใชค้ วามคิดสรา้ งสรรค์ เชน่ การพับกระดาษเชด็ ปาก
เด็กพัฒนาทักษะทางด้านสงั คมและจิตใจ
• พัฒนาความรบั ผิดชอบ เช่น การชว่ ยเตรยี มอาหาร
• รจู้ กั ชว่ ยเหลือตัวเอง เช่น การจัดโต๊ะอาหาร
• เออ้ื เฟอื้ และรูส้ กึ ห่วงใยผ้อู ืน่ เชน่ การถามเพ่ือนว่าอยากดื่มน�ำ้ อะไร
• ท�ำงานประสานกับผู้อื่น เชน่ การท�ำอาหารรว่ มกนั
เด็กพัฒนาทกั ษะทางด้านอารมณ์
• สรา้ งความภมู ิใจในตวั เอง เชน่ การเสริ ฟ์ ขนมที่เดก็ ท�ำกนั เอง
• สรา้ งความสนกุ สนานในการทำ� รว่ มกันและรบั ประทานดว้ ยกนั
32
เดก็ พัฒนาทกั ษะทางด้านรา่ งกาย
• พฒั นากล้ามเน้ือใหแ้ ข็งแรง เช่น การรอ่ นแปง้
• ใชก้ ลา้ มเน้ือมือประสานสายตา เช่น การกรอกน�ำ้ ผา่ นกรวย
• รู้จักการท�ำตามล�ำดบั ขนั้ ตอน
สอื่ /วสั ดุ/อุปกรณ์
• เคร่ืองใช้ในครัวตา่ งๆ
• เครอ่ื งใชส้ �ำหรบั ท�ำความสะอาด
• ท่เี ก็บวสั ด/ุ อปุ กรณต์ ่างๆ
• กระดานสำ� หรบั เขียน
ฯลฯ
** คอยระวังเรอ่ื ง ความปลอดภัย ของแหลมคม ควรเกบ็ ให้มิดชิด และพ้นสายตาเด็ก**
กิจกรรมพเิ ศษ
• ท�ำโครงการเล็กๆรว่ มกนั เช่น การปลูกถัว่ งอก เพอ่ื น�ำมาทำ� อาหารไว้รับประทานร่วมกนั
• เขียนสูตรการทำ� อาหารง่ายๆส�ำหรบั เด็กโดยใช้รปู ภาพชว่ ย เพือ่ เป็นการฝึกการอา่ นเบอ้ื งต้น
33
กจิ กรรมหลกั ของชนั้ อนบุ าลตามแผนการจดั ประสบการณ์ชั้นอนบุ าลปีที่ 1 – 3 (3 – 5 ขวบ) ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 6 กจิ กรรมซ่ึงออกแบบและเรียงลำ� ดบั กิจกรรม
ตามหลกั การส่งเสริมความพรอ้ มดา้ นพัฒนาการอย่างเปน็ องคร์ วมครบท้ัง 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นร่างกาย อารมณ์ – จิตใจ สงั คมและสติปญั ญา กิจกรรมหลักทงั้ 6 กจิ กรรมนี้ จัดต่อเนอื่ ง
กนั โดยใชเ้ วลาระหวา่ ง 15 – 30 นาที และสลบั กนั ระหวา่ งกจิ กรรมหนกั – เบา กจิ กรรมหนักหมายถึงกิจกรรมที่เด็กใชพ้ ลงั งานทางกายมาก เช่น กจิ กรรมเคลือ่ นไหวและจงั หวะ
กจิ กรรมกลางแจง้ เป็นตน้ กิจกรรมเบาหมายถึง กิจกรรมที่เดก็ ใช้พลังงานทางกายน้อย เช่น กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ เกมการศึกษา เป็นต้น
การจัดประสบการณร์ ะดบั ชน้ั อนบุ าลปที ่ี 1 – 3 (3 – 5 ขวบ) มีลักษณะการจดั แบบบรู ณาการประสบการณส์ �ำคญั ด้านร่างกาย อารมณ์ – จิตใจ สังคมและสติปญั ญา
ซง่ึ หมายถงึ เดก็ ไดท้ ำ� กจิ กรรมสง่ เสรมิ ทกั ษะพนื้ ฐานทางคณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ พฒั นาการทางภาษาและการรหู้ นงั สอื ตลอดจนทกั ษะทางสงั คมเรยี นรคู้ า่ นยิ มไทยและทกั ษะชวี ติ ที่
จำ� เปน็ สำ� หรบั วยั อนบุ าล โดยเรยี นรผู้ า่ นการทำ� กจิ กรรมหลกั และกจิ กรรมสำ� รวจทดลองตามแนวบา้ นนกั วทิ ยาศาสตรน์ อ้ ยประเทศไทย ในการจดั ประสบการณค์ รจู ะใชเ้ ทคนคิ อนบุ าล
เชน่ การเล่านทิ าน การรอ้ งเพลง ทอ่ งค�ำคล้องจอง การจัดกจิ กรรมกลางแจ้ง ฯลฯ
เพื่อให้เด็กอนุบาลเรียนรู้อย่างมีความสุขสนองต่อธรรมชาติและพัฒนาการตามวัยของเด็กแต่ละคนให้เต็มตามศักยภาพและสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กพัฒนาไปสู่
ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เกิดคุณค่าต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ สอดคล้องกับปรัชญาการศึกษาปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560
กระทรวงศึกษาธิการ
การจัดประสบการณร์ ะดับชั้นอนุบาลจดั แบบบรู ณาการเป็นองค์รวมไมแ่ ยกเปน็ รายวชิ า
แนวทางการจัดกจิ กรรมหลัก 6 กิจกรรม
กจิ กรรมหลัก 6 กจิ กรรมท่ีปรากฏในตารางกจิ กรรมประจำ� วัน ประกอบด้วย
1. กจิ กรรมเคล่อื นไหวและจงั หวะ เวลา 15 นาที
2. กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เวลา 20 นาที
3. กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ เวลา 30 นาที
4. กิจกรรมเลน่ ตามมมุ เวลา 30 นาที
5. กจิ กรรมกลางแจง้ เวลา 30 นาที
6. กิจกรรมเกมการศกึ ษา เวลา 15 นาที
34
การออกแบบกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม ครูผู้สอนจ�ำเป็นต้องศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560 กระทรวงศึกษาธิการเพื่อท�ำความเข้าใจ
มาตรฐานปฐมวัย ตัวบ่งชี้ สภาพทีพ่ ึงประสงค์และประสบการณ์ส�ำคญั ทีส่ ่งเสรมิ พัฒนาการทัง้ 4 ด้าน ไดแ้ ก่ ด้านรา่ งกาย อารมณ์ – จิตใจ สงั คม และสตปิ ัญญา ท้งั นี้แผนการจดั
ประสบการณช์ นั้ อนุบาลปที ี่ 1 – 3 ของสำ� นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน ได้วเิ คราะห์หลักสูตรและออกแบบกิจกรรมหลกั 6 กจิ กรรมสอดคล้องกบั หลกั สูตรการศกึ ษา
ปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ดงั ท่ีปรากฏในคำ� ชแี้ จงหวั ข้อแนวทางการจัดทำ� แผนการจัดประสบการณ์ ในทน่ี ้ีจึงน�ำเสนอตัวอย่างการออกแบบกจิ กรรมหลัก 6 กจิ กรรม ในกิจกรรม
เคล่อื นไหวและจังหวะ ซึ่งกิจกรรมหลักท้ัง 6 กจิ กรรมใชแ้ นวทางการวิเคราะห์และออกแบบกจิ กรรมเหมอื นกนั
1. กิจกรรมเคลือ่ นไหวและจังหวะ (เวลา 15 นาที)
กิจกรรมเคลอื่ นไหวและจงั หวะมคี วามสอดคลอ้ งกับมาตรฐานตัวบ่งชีแ้ ละประสบการณส์ �ำคญั ในหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560 กระทรวง
ศึกษาธิการ ดงั น้ี
มาตรฐานที่ 2 กล้ามเน้ือใหญแ่ ละกล้ามเนอ้ื เล็กแข็งแรง ใชไ้ ดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่วและประสานสมั พนั ธก์ นั
ตัวบง่ ชท้ี ี่ 2.1 เคลอื่ นไหวร่างกายอย่างคล่องแคลว่ ประสานสัมพันธ์และทรงตวั ได้
มาตรฐานท่ี 3 มสี ุขภาพจติ ดีและมคี วามสขุ
ตัวบ่งช้ีท่ี 3.1 แสดงออกทางอารมณไ์ ด้อย่างเหมาะสม
มาตรฐานที่ 4 ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรแี ละการเคลอื่ นไหว
ตวั บ่งชี้ท่ี 4.1 สนใจ มีความสุขและแสดงออกผา่ นงานศลิ ปะ ดนตรแี ละการเคลอื่ นไหว
มาตรฐานที่ 11 มีจนิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์
ตวั บง่ ชี้ที่ 11.2 แสดงท่าทาง/เคลอ่ื นไหวตามจนิ ตนาการอย่างสร้างสรรค์
1.1 ประสบการณ์สำ� คญั ทส่ี ง่ เสรมิ พฒั นาการดา้ นรา่ งกาย
1.1.1 การใช้กล้ามเน้ือใหญ ่ (1) การเคลอ่ื นไหวอยกู่ บั ที่
ตัวอยา่ งประสบการณแ์ ละกจิ กรรม ตบมือ ผงกศรี ษะ เคลือ่ นไหวไหล่ เอว มอื และแขน มือและน้วิ มอื เคาะเท้า
เท้าและปลายเทา้ อยกู่ ับที่
(2) การเคลื่อนไหวเคลือ่ นที่
ตวั อยา่ งประสบการณ์และกิจกรรม คลาน คืบ เดนิ วง่ิ กระโดด สไลด์ ควบมา้ ก้าวกระโดด เคลื่อนที่ไป
ขา้ งหน้า – ขา้ งหลงั ข้างซ้าย – ขา้ งขวา หมนุ ตัว
(3) การเคลือ่ นไหวพรอ้ มวสั ดุอปุ กรณ์
ตัวอย่างประสบการณ์และกจิ กรรม เคล่ือนไหวรา่ งกายพรอ้ มเชอื ก ผา้ แพร รบิ บน้ิ วัสดุอน่ื ๆทเี่ หมาะสมตามจนิ ตนาการ
เพลงบรรเลง คำ� บรรยายของผ้สู อน
35
1.1.5 การตระหนกั รู้เก่ียวกบั ร่างกายตนเอง (1) การเคลอ่ื นไหวโดยควบคุมตนเองไปในทศิ ทาง ระดับ และพืน้ ท่ี
ตวั อย่างประสบการณ์และกจิ กรรม เคลอ่ื นไหวร่างกายไปในทิศทางต่างๆ เชน่ ซา้ ย ขวา หน้า หลงั
ท่วั บรเิ วณที่กำ� หนดในระดับสงู กลาง และต่ำ� มีการเคลอ่ื นไหวท่หี ลากหลาย เช่น มุด ลอด คลาน กลิ้ง
กระโดด
1.2 ประสบการณ์ส�ำคญั ท่สี ่งเสริมพฒั นาการด้านอารมณ์ – จิตใจ
1.2.1 สุนทรยี ภาพ ดนตรี (3) การเคล่ือนไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี
ตวั อยา่ งประสบการณ์และกิจกรรม แสดงท่าทาง เคลอ่ื นไหวประกอบเสยี งเพลง ดนตรหี รือจังหวะช้าและเร็ว
1.2.4 การแสดงออกทางอารมณ์ (3) การเคล่ือนไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี แสดงทา่ ทาง เคลอื่ นไหวประกอบเสยี งเพลง ดนตรีหรอื จงั หวะชา้ และเร็ว
การจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะให้บรรลุตามมาตรฐาน ตัวบ่งชี้ และสภาพท่ีพึงประสงค์ซ่ึงก�ำหนดไว้ในหลักสูตร ครูผู้สอนระดับช้ันอนุบาลปีที่ 1 – 3
(3 – 5 ขวบ) ควรจัดประสบการณ์ในแต่ละหน่วยให้ครอบคลุมหมุนเวียนกันไปทุกสัปดาห์ ท้ังนี้ให้ค�ำนึงถึงความพร้อมและระดับพัฒนาการของเด็กแต่ละวัยเป็นหลัก
กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจังหวะที่ปรากฏในแผนการจัดประสบการณ์ชน้ั อนบุ าลปีท่ี 1 – 3 (3 – 5 ขวบ) ประกอบด้วย
กิจกรรมท่ีจดั
1. การเคลอ่ื นไหวพนื้ ฐาน เชน่ การเดนิ การว่ิง การกา้ วกระโดด การทำ� ทา่ ควบม้า การเขย่ง ฯลฯ
2. การเคล่ือนไหวเลยี นแบบทา่ ทางสตั ว์ หรือวัตถทุ เี่ คลอื่ นท่ีได้ เชน่ ยานพาหนะตา่ งๆ ฯลฯ
3. การเคลื่อนไหวประกอบบทเพลง หรอื การทำ� ทา่ กายบรหิ ารตามจังหวะทำ� นองเพลง
4. การเคลอ่ื นไหวสร้างสรรค์ตามจนิ ตนาการทีเ่ ดก็ คดิ ทา่ ทางเอง
5. การเคลื่อนไหวประกอบอุปกรณ์ เช่น หว่ งฮูลาฮูป แถบผา้ รบิ บนิ้ ถงุ ทราย ฯลฯ
6. การเคลื่อนไหวแสดงท่าทางตามคำ� บรรยายหรือเร่ืองราวทค่ี รเู ล่า
7. การเคลือ่ นไหวตามคำ� สงั่ หรอื ข้อตกลง เชน่ การจดั กลุ่มตามจ�ำนวนทค่ี รูระบุ การจดั กลุ่มตามสี – รปู ทรงของวสั ดทุ เี่ ดก็ ถอื ฯลฯ
8. การเคลอ่ื นไหวแบบผูน้ �ำ –ผตู้ าม โดยผลดั กันแสดงบทบาทผู้นำ� และผู้ตามในการคดิ สร้างสรรค์ทา่ ทางการเคล่อื นไหวใหเ้ พอ่ื นปฏบิ ัติตาม
36
กระบวนการจัดประสบการณ์/กจิ กรรม 37
1. สรา้ งข้อตกลงพื้นฐาน หมายถึง การท�ำความเข้าใจหรอื ข้อตกลงรว่ มกันเรือ่ งสัญญาณและจังหวะ โดยครูใชเ้ ครือ่ งเคาะจงั หวะตา่ งๆ เช่น เคาะไม้
เคาะระฆงั สามเหล่ียม รำ� มะนา กลอง กรับ ฯลฯ (ครไู ม่ควรใช้สัญญาณนกหวีดซงึ่ เหมาะกบั กจิ กรรมกลางแจง้ ) และก�ำหนดขอ้ ตกลงสัญญาณการเคาะจงั หวะกอ่ นเร่ิมทำ� กจิ กรรม
เคลื่อนไหวและจงั หวะ เช่น
1.1 ให้จังหวะ 1 ครงั้ สม่ำ� เสมอ หมายถงึ ใหเ้ ด็กเดนิ หรอื เคลื่อนไหวไปเรื่อยๆตามจงั หวะ
1.2 ใหจ้ ังหวะ 2 ครั้ง ตดิ กนั หมายถงึ ให้เด็กหยดุ การเคลื่อนไหวโดยคา้ งน่งิ อยู่ในท่านัน้
1.3 ใหจ้ ังหวะ รัว หมายถึง ให้เดก็ เคล่อื นไหวอย่างเร็ว
2. การสง่ เสรมิ ความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละจนิ ตนาการ ครูควรสนับสนนุ ให้เดก็ เคล่ือนไหวอย่างอิสระตามความคิดสรา้ งสรรค์และจินตนาการ โดยพยายามใช้
ส่วนต่างๆของรา่ งกายใหม้ ากทส่ี ดุ (ไมใ่ ชเ้ พียงแขน – ขา อย่างเดียว) รวมทั้งฝกึ ให้คนุ้ เคยกบั คำ� ศัพท์ทเ่ี ปน็ พ้ืนฐานการเคลือ่ นไหว เช่น
2.1 หาพ้ืนที่เฉพาะตวั หมายถึง การท่ีเดก็ แต่ละคนเลอื กยนื ในระยะห่างกนั พอสมควรและสามารถเคลอื่ นไหวได้สะดวก โดยไมช่ นกับเพ่อื น
2.2 เปลี่ยนทศิ ทาง หมายถึง การเคลอ่ื นที่ในทศิ ทางตา่ งกนั ไปท่ัวบรเิ วณหอ้ งทง้ั ด้านซา้ ย ขวา หนา้ หลงั
2.3 ปรับระดบั หมายถงึ การเคลอ่ื นท่ีหลายระดับตา่ งกัน เชน่ ระดับตำ่� กลาง สูง
3. การจัดกจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจงั หวะ ควรสรา้ งบรรยากาศของความสนุกสนาน ครูอาจบรู ณาการกบั หน่วยการจดั ประสบการณ์ โดยเป็นสว่ นหนึ่งของ
การนำ� เข้าส่บู ทเรียน เช่น เคล่ือนไหวรา่ งกายประกอบเพลง หรอื คำ� คล้องจองตามหนว่ ย ครบู รรยายใหเ้ ดก็ เคล่อื นไหวประกอบ เช่น หนว่ ยการคมนาคม มกี ารเคลื่อนไหวเลยี นแบบ
ยานพาหนะตา่ งๆ เช่น รถจกั รยาน เรือ รถไฟ เครอ่ื งบนิ เปน็ ต้น
4. เมอื่ เด็กค้นุ เคยกับจงั หวะและสัญญาณต่างๆแล้ว ครสู ามารถเพมิ่ ศักยภาพของเด็กได้โดยใหเ้ ด็กสงั เกตจงั หวะจากเครอื่ งดนตรีตา่ งๆและจำ� แนกเสยี ง
เครือ่ งดนตรแี ต่ละประเภท เป็นการสรา้ งสุนทรียภาพและพน้ื ฐานด้านดนตรี เช่น เปดิ เพลงบรรเลงให้เด็กเคาะตะเกยี บตามจงั หวะของเครอ่ื งดนตรแี ต่ละชนิด เปน็ ตน้
5. หลังจากเด็กท�ำกิจกรรมเคลอื่ นไหวและจังหวะแลว้ ตอ้ งให้เดก็ ผอ่ นคลายกล้ามเนื้อ โดยการนง่ั พกั สบายๆหรอื นอนเล่นบนพืน้ หอ้ ง ครอู าจเปดิ เพลงเบาๆ
เพือ่ ให้เด็กพักผอ่ น
2. กจิ กรรมเสริมประสบการณ์
กจิ กรรมเสริมประสบการณเ์ ปน็ กิจกรรมที่เดก็ ได้เรยี นรเู้ กยี่ วกบั สาระทีค่ วรเรยี นร้ตู ามหลกั สูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560 กระทรวงศึกษาธกิ าร
สาระทค่ี วรเรียนรปู้ ระกอบดว้ ย 4 หัวขอ้ หลกั คอื
2.1 เร่อื งราวเกย่ี วกบั ตัวเดก็
2.2 เรอ่ื งราวเกี่ยวกบั บุคคลและสถานทแ่ี วดล้อมเด็ก
2.3 ธรรมชาติรอบตัว
2.4 ส่งิ ตา่ งๆรอบตวั เดก็
หัวขอ้ ของสาระทีค่ วรเรยี นรปู้ รากฏอยใู่ นหลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศักราช 2560 ทงั้ น้ีครูผู้สอนสามารถก�ำหนดรายละเอยี ดใหส้ อดคลอ้ งกับทอ้ งถ่นิ
สภาพแวดลอ้ มและความสนใจของเดก็ จดุ มุ่งหมายในการจดั กิจกรรมเสรมิ ประสบการณม์ ิได้มุง่ เน้นใหเ้ ดก็ ทอ่ งจ�ำเน้ือหา แต่เปน็ การจดั กจิ กรรมใหเ้ ด็กได้ฟงั พูด คิด สังเกต ทดลอง
และส�ำรวจ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความคดิ รวบยอดและสร้างเสรมิ ทกั ษะพืน้ ฐานในการแสวงหาความรใู้ ห้เหมาะสมกับเดก็ ช้ันอนุบาล โดยใชว้ ิธีการหลากหลาย เชน่ การสนทนาซักถาม การ
ปฏบิ ัตกิ ารทดลองตามกระบวนการเรียนรู้ การลงมือปฏิบัติกจิ กรรมตา่ งๆ โดยเดก็ คดิ และร่วมมือทำ� ดว้ ยตนเอง ฯลฯ
กระบวนการจัดประสบการณ/์ กจิ กรรม
1. จดั ทน่ี ง่ั เป็นรปู ครึง่ วงกลมหรือตัวยู (U) เพอื่ ให้เด็กทกุ คนมองเห็นครูและส่ือท่ีครใู ช้ไดช้ ัดเจน ขอ้ ควรระวงั คือ ครูต้องนัง่ ในระดบั สายตาของเดก็ ถา้ เดก็ นั่งพน้ื
ครกู ็ควรนั่งกับพืน้ ถา้ เด็กน่งั เกา้ อี้ครกู ็น่ังเก้าอด้ี ้วย
2. ระยะเวลาในการจดั กิจกรรมเสริมประสบการณ์ ควรใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที สำ� หรบั ชนั้ อนบุ าลปที ี่ 1 (3 ขวบ) ควรลดช่วงเวลาเป็น 5 – 10 นาที
การจดั กจิ กรรมมีลักษณะหลากหลายเพ่ือดึงดดู ความสนใจเด็ก ไมท่ �ำใหเ้ ดก็ เบอื่ โดยมวี ิธจี ดั กจิ กรรม ดงั นี้
2.1 ขนั้ นำ� เข้าสู่บทเรยี น ใชร้ ะยะเวลาสนั้ ๆ เพ่อื เตรียมความพรอ้ มและเร้าความสนใจของเดก็ ครอู าจใชก้ ารร้องเพลง ค�ำคล้องจอง ปริศนาคำ� ทาย ฯลฯ เพ่อื ดึง
ความสนใจใหเ้ ด็กมสี ว่ นรว่ มในกิจกรรม
2.2 ขั้นสอน เดก็ ไดเ้ รียนร้สู าระทค่ี วรเรียนรู้ผา่ นกิจกรรมหลายรปู แบบ เชน่ การสนทนา ซักถาม การเล่านทิ าน การสาธติ การทดลอง ฯลฯ
2.3 ขั้นสรุป เป็นการสรุปทบทวนความเขา้ ใจ ครูอาจใช้ค�ำถาม เพลง เกม ฯลฯ เพอ่ื ช่วยในการสรุป
3. ส่ือที่ใชใ้ นกจิ กรรมมักใชข้ องจริง ของจำ� ลอง รปู ภาพ บทบาทสมมติ สว่ นการสร้างความเขา้ ใจเกีย่ วกับเร่อื งท่ีเป็นนามธรรมครูมักใช้การเลา่ นทิ านประกอบ
หนังสือภาพ โดยอาจมสี ื่อประกอบ เชน่ ห่นุ มือ หุ่นนว้ิ มอื ห่นุ ถงุ กระดาษและสื่อประกอบการเล่านิทานประเภทต่างๆ
4. กิจกรรมเสริมประสบการณ์ อาจจัดในรปู แบบของการพาเดก็ ไปแหล่งเรียนร้นู อกห้องเรียน บริเวณโรงเรยี น และบริเวณใกลเ้ คยี ง ซงึ่ ครตู อ้ งวางแผนการ
พาเดก็ ไปแหล่งเรียนรู้อย่างปลอดภัย
5. กิจกรรมประกอบอาหาร เปน็ กิจกรรมท่ชี ว่ ยเสริมประสบการณด์ ้านประสาทสมั ผัสเรยี นรู้ความเปล่ียนแปลงต่างๆขณะปรงุ อาหาร เชน่ สีของอาหาร กลิน่
รส ฯลฯ
6. กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์มงุ่ เนน้ การฝกึ ทักษะพื้นฐานดา้ นการคดิ ครูจงึ ควรเปดิ โอกาสให้เด็กรจู้ ักสงั เกตรว่ มแสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตุผล มสี ว่ นร่วมใน
การทดลองลงมอื ปฏบิ ัตดิ ว้ ยตนเอง ครคู วรใชค้ �ำถามที่สง่ เสริมกระบวนการคดิ เปน็ คำ� ถามปลายเปิดให้เดก็ คิดหาเหตผุ ล เช่น ค�ำถามท่ใี หเ้ ด็กพูดอธิบาย คำ� ถามใหเ้ ปรยี บเทยี บ หรอื
ใหเ้ ดก็ ยกตัวอย่าง เป็นตน้ ไม่ควรใชค้ �ำถามน�ำ หรือค�ำถามปลายปดิ ท่ีมคี ำ� ตอบว่า “ใช่” หรือ “ไมใ่ ช”่ ท้งั นก้ี ารถามคำ� ถามให้คำ� นึงถงึ ความพรอ้ มของเด็กด้วย สำ� หรับเด็ก
ชั้นอนุบาลปที ี่ 1 – 2 ครคู วรใชค้ ำ� ถามระดับตน้ เพอ่ื ชว่ ยใหเ้ ด็กเกิดความเขา้ ใจ จดจ�ำได้ หรอื ช่วยฝึกทักษะการสังเกตมากขึ้น
7. ฝึกนิสัยการจดบันทึก เด็กอนุบาลสามารถจดบนั ทกึ สง่ิ ที่เด็กคิดและเรยี นรู้โดยใชก้ ารวาดภาพ เด็กอนุบาล 2 – 3 อาจทดลองเขยี นเปน็ ตวั อกั ษรหรือคำ� โดยใช้
ภาษาทเ่ี ดก็ คิดเอง บางครง้ั เดก็ อาจบอกให้ครูเขียนค�ำหรือประโยคท่ีเดก็ ตอ้ งการเขยี นเพ่อื นำ� ไปคดั ลอกลงบนั ทกึ ของตนเอง การส่งเสรมิ ใหเ้ ด็กมนี ิสยั รกั การจดบนั ทกึ เป็นการสรา้ ง
พ้ืนฐานการใฝ่รใู้ ฝ่เรยี น ในวัยนีค้ รไู มค่ วรเคร่งครดั กับการเขยี นถกู – ผดิ ของเดก็
38
3. กิจกรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ 39
กจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรคเ์ ป็นกิจกรรมท่ีเดก็ ทำ� เกี่ยวกับงานศลิ ปศกึ ษาตา่ งๆ ได้แก่ การวาดภาพระบายสี การปน้ั การพิมพภ์ าพ การพับ ตัด ฉกี ปะ และ
ประดิษฐเ์ ศษวัสดุ ฯลฯ โดยมงุ่ ใหเ้ ดก็ มีประสบการณด์ า้ นสุนทรยี ศาสตร์และการแสดงออกผา่ นงานศิลปะ ตลอดจนพฒั นาความคดิ สรา้ งสรรค์
กจิ กรรมท่ีจดั
1. การวาดภาพและระบายสี ด้วยสีเทยี น สีไม้ สีนำ�้
2. การใช้อุปกรณ์วาดภาพ เชน่ พ่กู นั
3. การวาดภาพดว้ ยนิว้ มือ ฟองน�ำ้ และอุปกรณ์อืน่ ๆ
4. การเล่นกับสนี ้ำ� ในลกั ษณะต่างๆ เชน่ การเปา่ สี หยดสี เทสี เป็นตน้
5. การพิมพภ์ าพดว้ ยส่วนต่างๆของร่างกาย การพิมพภ์ าพดว้ ยวสั ดุต่างๆท้งั ทเ่ี ปน็ วสั ดุธรรมชาติและแบบพิมพท์ จ่ี ัดทำ� ขึ้น
6. การป้ันดินน้�ำมัน ดนิ เหนยี ว แป้งโด ฯลฯ
7. การพับ ฉกี ตัด ปะ
8. การประดิษฐเ์ ศษวัสดตุ า่ งๆ
9. การรอ้ ย การสาน
กระบวนการจัดประสบการณ์/กจิ กรรม
1. การจดั กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ครคู วรเตรียมวสั ดุ อุปกรณใ์ หเ้ ดก็ มีโอกาสเลอื กท�ำกจิ กรรมตามความสนใจอยา่ งหลากหลาย เดก็ อนบุ าลจะใช้เวลาทำ�
กจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรคป์ ระมาณ 30 นาที ซึ่งเดก็ สามารถเลือกท�ำกิจกรรมไดอ้ ย่างนอ้ ย 2 กจิ กรรม (เด็กบางคนอาจพอใจท�ำเพียง 1 กจิ กรรม ครไู ม่ควรบังคับ แต่ควรชกั ชวนให้
เดก็ ลองท�ำกจิ กรรมอนื่ บา้ ง โดยน�ำเสนอสอ่ื – อุปกรณ์ที่น่าสนใจ หมุนเวียนไปเรื่อยๆ)
2. กจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ท่ีจดั เตรยี มในแตล่ ะวันตลอดสปั ดาหป์ ระกอบดว้ ย
2.1 การป้ันดนิ น�ำ้ มัน
2.2 การวาดภาพระบายสดี ้วยสีเทยี น
2.3 การวาดภาพด้วยสีน้�ำ
2.4 การฉีก ตดั ปะภาพ
2.5 การประดิษฐ์เศษวัสดุ
• ครูจดั เตรยี มโตะ๊ สำ� หรับท�ำกิจกรรมและวสั ดุให้ครบถว้ น ทัง้ น้ีอาจใหเ้ ด็กชว่ ยจัดและเกบ็ วสั ดุอุปกรณโ์ ดยมอบหมายหนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบประจำ� วันหมุนเวียนไป
• กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์สำ� หรบั ช้ันอนบุ าลปที ี่ 1 (3 ขวบ) ใช้ชว่ งเวลาทำ� กิจกรรมทย่ี ดื หยุน่ กว่าช้ันอนบุ าลปที ี่ 2 – 3 เพราะช่วงสมาธิในการทำ� กิจกรรมจะมี
น้อยกว่า
3. ครูตอ้ งแนะนำ� วิธใี ช้วัสดุ – อปุ กรณ์ทกุ ประเภทก่อนเริม่ กจิ กรรม โดยสาธิตวธิ ใี ชท้ ีละกิจกรรมตลอดจนสาธติ การทำ� กิจกรรมทใี่ หม่สำ� หรบั เดก็
4. การหมุนเวยี นเดก็ เขา้ ท�ำกิจกรรมแต่ละโต๊ะ ให้เด็กเป็นผู้เลือกตามความสมคั รใจโดยดจู ากปา้ ยจำ� นวนสมาชิกในกลุ่ม และสรา้ งนสิ ยั ในการรู้จกั รอคอยจนกวา่
จะมีท่วี า่ งส�ำหรับท�ำกิจกรรมน้นั
5. ฝึกการเกบ็ ของเข้าท่ี ล้างและเกบ็ วสั ดอุ ุปกรณ์ใส่ภาชนะท่ีครูเตรยี มไวเ้ มือ่ ท�ำกจิ กรรมเสรจ็
6. ผลงานศลิ ปะสร้างสรรค์ เปน็ ผลงานที่เด็กคิดและลงมอื ท�ำดว้ ยตนเอง ไมค่ วรเปน็ ผลงานทบี่ ังคบั ทำ� เหมอื นกันทั้งห้องในลักษณะแบบฝกึ ซง่ึ ไม่ไดส้ ่งเสรมิ
ความคดิ สร้างสรรค์ ผลงานบางประเภทอาจมีขั้นตอนพื้นฐานเหมอื นกัน เช่น การพบั เป็นรูปเสื้อแต่การวาดภาพตกแตง่ ตอ่ เติมเปน็ ความคดิ อิสระของเดก็ เปน็ ตน้
7. การท�ำกจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์อาจท�ำไดท้ ั้งกจิ กรรมเดยี่ ว กจิ กรรมคูห่ รอื กิจกรรมกล่มุ ซึง่ อยู่ในลักษณะของการท�ำกจิ กรรมศลิ ปะแบบรว่ มมือร่วมใจซ่งึ
สามารถสร้างคุณลักษณะของการคิดการวางแผนและลงมือท�ำกจิ กรรมรว่ มกัน
8. สง่ิ ที่ช่วยกระตุน้ ใหเ้ ด็กเกิดความคดิ สร้างสรรค์ คือ ความหลากหลายแปลกใหม่ของวัสดุ ซงึ่ ควรใชว้ ัสดุท้องถิน่ และเศษวสั ดุตา่ งๆ โดยเฉพาะการนำ� วสั ดทุ ใ่ี ช้
แล้วมาปรับใช้ใหม่ การสนบั สนุนของครใู ห้เดก็ ทดลองใชว้ ัสดตุ ่างๆและการต้ังค�ำถามทีท่ า้ ทายความสามารถของเดก็ จะช่วยจงู ใจใหเ้ ดก็ ทดลองสรา้ งผลงานศิลปะท่แี ปลกใหมข่ น้ึ
9. ในขณะทเ่ี ดก็ น�ำผลงานมาส่งครู ครูควรเขียนชื่อเด็ก จดวนั ทีแ่ ละบันทึกคำ� พูดเดก็ สัน้ ๆ เพื่อสงั เกตพฒั นาการทางภาษาและการคดิ ของเด็ก ขณะทค่ี รเู ขยี นชอ่ื
และจดบนั ทึกควรให้เดก็ ยืนขา้ งตวั ครเู พ่อื จะไดเ้ หน็ แบบอยา่ งการเขยี นที่ถูกต้อง
10. การให้คำ� แนะน�ำหรอื ใหค้ วามเหน็ ของครูควรเป็นไปในเชงิ บวก ไมน่ �ำผลงานเด็กมาเปรียบเทียบกัน ถา้ ต้องการชมเชยครูควรระบุส่วนทค่ี รเู หน็ ว่าเดก็ ทำ� ได้ดี
เช่น ระบายสสี วยสดใส ป้ันได้คล้ายของจริง พับไดส้ วยเรียบรอ้ ย ฯลฯ หรือใช้ทา่ ทางภาษากาย เช่น ยิ้ม ผงกศีรษะให้ก�ำลงั ใจเด็ก
11. ผลงานของเด็กทุกคนต้องนำ� มาติดบนป้ายแสดงผลงานทีอ่ ยู่ในระดับสายตาของเดก็ หรือใช้ไมห้ นีบแขวนบนราวเต้ยี ถา้ จ�ำนวนเด็กในห้องมากควรหมนุ เวียน
ติดผลงาน หรอื ตง้ั แสดงให้ครบทุกคนในหนงึ่ สัปดาห์ หลงั จากนั้นใหเ้ กบ็ ไว้ในลิน้ ชกั ผลงานรายบคุ คล กลอ่ งผลงาน หรือแฟ้มผลงาน เรยี งล�ำดับตามวันทเ่ี พือ่ ใหเ้ ห็นความก้าวหน้า
ของเด็ก และควรให้เดก็ เลือกผลงานให้ผปู้ กครองดูเป็นระยะตามความเหมาะสม สำ� หรบั ผลงานประดิษฐอ์ าจใหเ้ ดก็ นำ� กลบั บ้านได้
4. กิจกรรมเล่นตามมมุ
กิจกรรมเลน่ ตามมมุ เปน็ ช่วงเวลาที่เด็กได้เลน่ สอื่ และเครื่องเลน่ ทีค่ รูจดั ไว้เป็นมมุ เลน่ อิสระ โดยเดก็ สามารถเลอื กเลน่ ไดต้ ามความสนใจของตนเปน็ พน้ื ฐานเบือ้ งต้น
แสดงถึงความถนัดของเดก็ แต่ละคน
กิจกรรมทจี่ ัด
มุมประสบการณ์ทจี่ ัดไว้ในห้องเรียนอนุบาลควรมอี ย่างนอ้ ย 4 มุมได้แก่
1. มมุ หนงั สอื
2. มมุ บล็อก
3. มมุ บทบาทสมมติ (มุมบ้าน ร้านค้า มุมหมอ)
4. มุมธรรมชาติ – วทิ ยาศาสตร์
40
กระบวนการจดั ประสบการณ์ / กจิ กรรม 41
1. บทบาทของครูในการจดั กิจกรรมเลน่ ตามมมุ คอื สนองตอบการเรยี นรู้ของเดก็ ผ่านประสบการณท์ ีเ่ ป็นรปู ธรรมให้มากท่ีสดุ ครตู อ้ งสนับสนนุ ให้เดก็
เกิดความสนใจ กระตอื รอื ร้นที่จะเลน่ กับสอื่ ต่างๆ ทดลองหยบิ จับ สมั ผสั ตรวจสอบ วัสดุที่เป็นของจรงิ หรอื ของจำ� ลอง
2. เด็กเรยี นรู้ได้มากผา่ นการเลน่ เชน่ เม่ือเดก็ เลน่ ภาพตัดต่อ ตัดกระดาษด้วยกรรไกร หรือปะกระดาษเป็นภาพต่างๆ เด็กกำ� ลังพฒั นากลา้ มเนอื้ มดั เลก็
และความสมั พนั ธร์ ะหว่างมอื กบั ตา ซึ่งเปน็ พ้นื ฐานการเตรียมความพรอ้ มด้านการอา่ นและการเขยี น
3. การเลน่ ของเดก็ เปน็ การเรียนรู้การเลน่ ร่วมกับผู้อนื่ มีการแลกเปลย่ี นน�ำเสนอความคดิ และการตกลงยอมรบั ซึ่งกันและกนั
5. กิจกรรมกลางแจ้ง
กจิ กรรมกลางแจ้งเป็นกิจกรรมท่เี ดก็ ไดเ้ ล่นอสิ ระในสนามเด็กเลน่ นอกหอ้ งเรียน เพ่อื ส่งเสรมิ ให้ร่างกายแข็งแรงมสี ขุ ภาพดี เกดิ ความสนกุ สนาน สามารถปรับตัว
ในการเล่นรว่ มกบั ผู้อน่ื นอกจากการเล่นอสิ ระแลว้ ครยู งั จัดกิจกรรมให้เดก็ เรียนรกู้ ารละเลน่ พน้ื บ้านตามวิถีชีวิตไทย หรอื เกมการละเล่นงา่ ยๆท่ฝี กึ ทักษะพัฒนากลา้ มเนือ้ ใหญ่และ
กลา้ มเนอื้ เลก็ ให้สามารถเคลื่อนไหวไดแ้ คล่วคล่อง
กิจกรรมทจ่ี ัด
กจิ กรรมกลางแจง้ มีพ้นื ทส่ี �ำหรบั ให้เดก็ เลน่ ร่วมกนั ดังน้ี
1. การเล่นนำ�้ – เลน่ ทราย
2. การเล่นเครือ่ งเล่นสนาม
3. การเลน่ ปีนป่ายบ้านต้นไม้
4. การเล่นเกมการละเล่นตา่ งๆ
5. การเลน่ อปุ กรณ์กีฬาส�ำหรับเดก็ เช่น ลกู บอลพลาสตกิ ห่วงยาง ฯลฯ
6. การเล่นรถสามลอ้ จักรยานส�ำหรบั เดก็ รถลากจงู ฯลฯล
7. การเลน่ เพอ่ื สนองตอบความสนใจและความถนัด เช่น เล่นในมุมชา่ งไม้ เลน่ ทำ� อาหาร ฯลฯ
การจดั ทีเ่ ลน่ กลางแจง้
1. บอ่ ทราย
ทรายเปน็ ส่ิงท่ีเดก็ ๆ ชอบเลน่ เพราะทรายเมอ่ื ชื้น ๆ กอ่ เปน็ รูปตา่ งๆ ไดร้ วมทงั้ การน�ำวสั ดุอ่นื มาประกอบตกแตง่ เช่น กิ่งไม้ ดอกไม้
เปลอื กหอย พมิ พข์ นม ท่ีตกั ทราย ฯลฯ เป็นการตกแต่งตามจนิ ตนาการของเด็ก
ปกตบิ อ่ ทรายจะอยู่กลางแจง้ (แตไ่ มร่ ้อน) ทำ� ขอบกนั เพ่ือมใิ ห้กระจดั กระจาย ในตอนเช้าควรพรมนำ้� ใหช้ ืน้ เพือ่ เด็กจะได้สะดวกในการปั้น
และทรายไมฟ่ ุ้งเข้าตาเดก็ รปู ของบ่อทราย อาจเป็นรูปส่เี หล่ียมหรือกลมแตต่ อ้ งไมเ่ ป็นมุมแหลมเพราะจะเกิดอนั ตราย นอกจากน้คี วรมีวธิ กี ารปิดกน้ั มิให้สตั ว์เล้ยี งลงไปทำ� ความ
สกปรกด้วย
2. ที่เล่นน�้ำ
เดก็ ทว่ั ไปชอบเลน่ นำ�้ การเลน่ น้ำ� นอกจากจะสรา้ งความพอใจใหเ้ ดก็ แล้ว ยังเป็นการใหค้ วามรแู้ กเ่ ดก็ อกี ด้วย เดก็ จะเรยี นรูว้ ่านำ�้ เปน็ ของเหลว
เมื่ออยู่ในภาชนะใดก็จะมีรูปร่างเหมือนภาชนะนน้ั เมอื่ ถูกผ้าจะท�ำใหเ้ ปยี ก นอกจากนี้ยังจะไดค้ วามรู้เกีย่ วกับปรมิ าตร โดยการกรอกใสข่ วด ตวงดว้ ยถ้วย
อปุ กรณ์ท่ีใสน่ ้�ำ อาจเปน็ ถงั ท่ีสร้างข้นึ โดยเฉพาะหรืออ่างนำ�้ วางบนขาต้ังทม่ี นั่ คง ความสูงพอทเ่ี ด็กจะยืนได้พอดี สำ� หรบั เด็กควรมผี ้าพลาสตกิ กัน
เส้อื ผ้าเปยี ก
3. มมุ ชา่ งไม้
วยั ของเด็กก�ำลังต้องการการออกก�ำลังในการเคาะ ตอก ซ่ึงกจิ กรรมนี้จะช่วยในการพฒั นากลา้ มเนื้อให้แขง็ แรงและชว่ ยฝึกการใช้มือและตาให้
สมั พนั ธ์กัน นอกจากนีย้ ังจะเป็นการฝกึ ฝนใหร้ ักงานช่วยปรบั ตวั เขา้ กบั เพื่อนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังสง่ เสรมิ ด้านความคดิ สรา้ งสรรค์ดว้ ย
มมุ นจี้ ัดได้ทัง้ ในหอ้ งเรียนและทีร่ ่มนอกหอ้ งเรยี น ครูจะตอ้ งแนะน�ำการเล่น ไม่นำ� เคร่อื งมือไปตอกทบุ ผู้อื่น ขนาดของโตะ๊ และวัสดคุ วรให้
เหมาะกับตัวเดก็
4. บล็อกกลวง
หมายถึง แทง่ ไมก้ ลวง เชน่ ท่จี ัดในมุมหอ้ งเรียนแต่มขี นาดใหญ่กวา่ (แตเ่ บาเพราะกลวง) อาจท�ำดว้ ยไม้ กล่องเปล่าหอ่ กระดาษสีใหด้ เู หมือนอฐิ
เด็กจะน�ำไปใชใ้ นการก่อสรา้ ง ซ่ึงการกอ่ สร้างอาจไมเ่ สร็จใน 1 วันหรือในช่วงเวลาทีก่ ำ� หนด ครจู ะตอ้ งไม่ส่งั รอื้ เดก็ จะเปน็ ผ้รู อ้ื เอง ครูเปน็ ผ้แู นะนำ� ใหเ้ กบ็ เข้าท่อี ยา่ งเปน็ ระเบียบ
5. บ้านต้นไม้
โรงเรยี นท่มี พี ื้นทเ่ี หมาะสมสามารถสรา้ งบา้ นตน้ ไม้ซ่งึ รวมสอื่ ทีพ่ ัฒนาประสาทรบั ร้ขู องเดก็ อนุบาล เช่น ตาข่ายสำ� หรับปีน ชงิ ช้า ราวทรงตัว
ไมล้ น่ื ตาข่ายใยแมงมมุ ฯลฯ
42
6. เครื่องเลน่ สนาม
หมายถึง เคร่อื งเลน่ ทเ่ี ด็กอาจปีนปา่ ย หมนุ โยก ท�ำออกมาในรปู แบบต่างๆ เช่น
1. เคร่ืองเล่นสำ� หรับปีนปา่ ย เชน่ ตาข่ายส�ำหรับปนี
2. เครอื่ งเล่นส�ำหรบั โยก หรือไกว เช่น ม้าไม้ ชิงช้า มา้ นง่ั โยก
3. เคร่อื งเลน่ สำ� หรบั หมุน เชน่ ม้าหมุน ตาข่ายใยแมงมมุ
4. บารโ์ หนสำ� หรับเดก็ ขนาดเล็ก
5. ราวหรอื ต้นไม้สำ� หรบั เดินทรงตวั
การตดิ ตงั้ เครอื่ งเลน่ ควรติดตัง้ บนพื้นสนามหญา้ เพ่ือความปลอดภัยในการเล่น และควรตดิ ต้งั ใหห้ ่างกันพอสมควรเมือ่ เกิดการพลัดตกหกลม้
จะไดไ้ มฟ่ าดถกู คนอืน่ หรอื เครื่องเลน่ อน่ื นอกจากนคี้ วรได้มกี ารตรวจสอบสภาพเครื่องเลน่ มีการซ่อมแซมใหอ้ ยู่ในสภาพที่แขง็ แรงและปลอดภัยเสมอ
7. เกมการละเลน่
เกมการละเล่น เช่น เกมการเลน่ ของไทย ได้แก่ มอญซอ่ นผา้ รีๆข้าวสาร แม่งู และเกมการละเล่นของท้องถนิ่ การเล่นตอ้ งใช้บริเวณทีก่ วา้ ง
จึงใช้บริเวณสนามหญ้า อาจมรี ม่ รำ� ไร การเลน่ อาจเลน่ เปน็ กลุ่มไม่ใหญ่นัก ก่อนเลน่ ครูอธบิ ายกติกาและสาธติ ให้เด็กเขา้ ใจ เพราะการเล่นเกมต้องเข้าใจกติกา เดก็ ในวยั นคี้ รู
ไม่ควรนำ� เกมทีม่ ีกติกายากๆมาให้เดก็ เลน่ เพราะจะท�ำให้เกิดความเครียด
6. กจิ กรรมเกมการศึกษา
เกมการศกึ ษาในระดบั ปฐมวัย หมายถงึ กจิ กรรมการเลน่ ทม่ี กี ระบวนการเล่นตามชนิดของเกมการศกึ ษาประเภทต่างๆ เพอ่ื ให้เกิดการเรยี นรูแ้ ละความคิด
รวบยอดเกีย่ วกับสิ่งทีเ่ รยี นรู้ เกมการศึกษาจะต่างจากการเล่นอยา่ งอนื่ เพราะเกมการศกึ ษาแตล่ ะชุดมีวิธีการเล่นโดยเฉพาะ เดก็ สามารถเลน่ เดีย่ วหรือเลน่ เป็นกลมุ่
เด็กสามารถตรวจสอบการเล่นวา่ ถูกหรือไมไ่ ดด้ ้วยตนเอง
เกมการศึกษาจะช่วยพฒั นาเด็กให้มีความพร้อมทจี่ ะเรียนรู้ สอดคลอ้ งกับมาตรฐานคุณลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ และประสบการณส์ ำ� คัญ ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ ดงั นี้
1. พฒั นาความสามารถในการคิดทเี่ ปน็ พืน้ ฐานในการเรียนรู้ ( มฐ. ๑๐ ) คอื มีความสามารถในการคิด รวบยอด การคิดเชิงเหตผุ ล การตดั สินใจและแก้
ปญั หา ผ่านการจัดประสบการณ์การเลน่ เกมการศึกษา ได้แก่
• การจับคู่และเปรียบเทียบความแตกต่างหรอื ความเหมอื นของสิง่ ตา่ งๆ และจบั คกู่ ารเรียงลำ� ดบั ส่ิงต่างๆตามลักษณะ ความยาว ความสูง นำ�้ หนกั
ปรมิ าตร
• การคัดแยก การจ�ำแนกและการจัดกลมุ่ สิ่งต่างตามลักษณะ และรูปรา่ ง รปู ทรง
• การบอกและเรียงล�ำดบั กิจกรรม หรอื เหตกุ ารณ์ตามชว่ งเวลา หรอื เรียงลำ� ดับสงิ่ ของ
43
• การสังเกตสงิ่ ต่างๆและสถานท่จี ากมุมมองทต่ี า่ งกัน
• การบอกและแสดงต�ำแหน่ง ทิศทาง และระยะทางของส่งิ ตา่ งๆดว้ ยรปู ภาพ
• การตอ่ ของช้นิ เลก็ เตมิ ในชน้ิ ใหญใ่ ห้สมบูรณ์ และการแยกชิ้นส่วน
• การนบั และแสดงจ�ำนวนของส่ิงตา่ งๆ
• การเปรยี บเทียบและเรียงลำ� ดับจ�ำนวนของสิ่งตา่ งๆ
• การรวมและการแยกสิง่ ต่างๆ
• การบวกและแสดงอนั ดบั ท่ขี องสิ่งของตา่ งๆ
๒. พัฒนาเดก็ ในดา้ นอารมณ์ และสงั คม เด็กไดล้ งมือกระทำ� และเรยี นรูผ้ า่ นประสาทสัมผสั ทง้ั ห้า ท�ำใหเ้ กิดความพึงพอใจ เชือ่ มัน่ ในตนเอง
เรยี นร้กู ารอย่รู ่วมกับผอู้ ืน่ อยา่ งมีความสุข ทัง้ น้เี พราะการเล่นเกมการศึกษาเป็นการเลน่ และทำ� งานร่วมกบั ผ้อู ื่นตามกติกาและวิธีการเลน่ นอกจากนีย้ ังมีผลที่เกดิ จากการ
เลน่ เกมการศึกษาอกี หลายประการ ไดแ้ ก่ เมอ่ื เด็กจดั ภาพหรอื จบั คภู่ าพวางเรยี งเป็นชุดให้จะสร้างความมีวนิ ยั เปน็ ระเบยี บ การเลน่ เปน็ กล่มุ หลายๆคน ทำ� ให้เด็กมีการปรบั ตวั ให้
เขา้ กบั เพื่อน รู้จักการแบ่งปันและการรอคอย
๓. พัฒนาเด็กในด้านกล้ามเนอื้ เล็ก ในขณะเด็กเลน่ เกมการศึกษาจะหยบิ จบั แผ่นภาพแลว้ น�ำมาจดั วางเปน็ คู่ เรียงล�ำดบั หรอื จัดกล่มุ ตามวตั ถุประสงค์ของ
แตล่ ะเกม เดก็ ไดพ้ ฒั นาความแข็งแรงของกล้ามเนอ้ื เล็ก กล้ามเนอ้ื มอื -นิว้ มอื การประสานสัมพนั ธ์ระหวา่ งมือกับตาได้อย่างคล่องแคล่ว
กิจกรรมทจ่ี ดั
เกมการศกึ ษาในระดบั ปฐมวัย มดี ังน้ี
๑. การจบั คู่ เพื่อฝกึ การสงั เกตสงิ่ ทีเ่ หมือนกันหรอื ตา่ งกัน อาจเป็นการเปรยี บเทียบภาพตา่ งๆ แลว้ จดั เป็นคู่ๆตามจุดมงุ่ หมายของเกมแตล่ ะชดุ มหี ลายแบบ
ดังน้ี
๑.๑ จับคู่ภาพทเี่ ป็นประเภทเดียวกนั
๑.๒ จับคู่ภาพสง่ิ ท่ีมีความสัมพนั ธก์ ัน
๑.๓ จับคูภ่ าพสมั พันธแ์ บบตรงกันข้าม
๑.๔ จับคู่ภาพเตม็ กบั ภาพแยกส่วน
๑.๕ จบั คู่ภาพชนิ้ สว่ นที่หายไป
๑.๖ จับคู่ภาพท่ซี อ้ นกัน
๑.๗ จับคภู่ าพท่ีสมมาตรกนั
๑.๘ จับคภู่ าพท่ีมีเสยี งสระเหมือนกนั
๑.๙ จับคู่ภาพที่มเี สยี งพยัญชนะตน้ เหมอื นกนั
44 ฯลฯ
๒. การตอ่ ภาพให้สมบูรณ์ เพ่อื ฝกึ การสงั เกตรายละเอยี ดของภาพทเี่ หมือนกนั หรอื ตา่ งกนั เก่ยี วกบั สี รูปร่าง ขนาด ลวดลาย เช่น ภาพตัดตอ่ เดก็ เล่นในสนาม
ภาพตัดตอ่ ดอกไม้
๓. การวางภาพตอ่ ปลายหรอื โดมโิ น เพือ่ ฝึกการสังเกตสงิ่ ท่เี หมอื นกนั หรือต่างกนั ฝกึ ประสาทสมั พันธร์ ะหว่างมอื กบั ตา ฝึกระเบียบวินยั และพัฒนาด้าน
อารมณส์ งั คมในการเล่นเปน็ กลุ่ม
๔. การเรียงลำ� ดับ เพอื่ ฝึกความสามารถในการจ�ำแนก สังเกตความเหมอื นกันหรอื ตา่ งกันของแบบรูปต่างๆ เรยี นรรู้ ปู เรขาคณิต การเรียงล�ำดับมหี ลายแบบ
ดงั น้ี
๔.๑ เรยี งลำ� ดับตามขนาด ความยาว ปรมิ าณ จำ� นวน ใหญ่ –เลก็ หนัก – เบา
๔.๒ เรียงลำ� ดบั เหตุการณต์ ่อเนื่อง เชน่ กิจวัตรประจ�ำวัน วงจรชวี ิตของสตั ว์
๕. การจัดหมวดหมู่ เพือ่ ฝกึ การแยกสิ่งตา่ งๆออกเปน็ พวกๆ ฝึกการสังเกตรายละเอยี ดของภาพ สงั เกตภาพกบั สญั ลกั ษณ์ ในการเล่นเกมจัดหมวดหมทู่ �ำได้ ๒
ลกั ษณะ คือ การจดั วสั ดตุ ่างๆหรือสงิ่ ของในชีวิตประจำ� วนั และการจัดหมวดหมู่ทีเ่ ปน็ ภาพ
๖. การสงั เกตรายละเอียดของภาพหรือลอตโต เพื่อฝกึ การสงั เกตรายละเอียดตา่ งๆในส่วนภาพใหญ่และภาพยอ่ ย ท่มี ีความเหมือนหรือความต่างกนั
เพ่อื ตดั สนิ ใจเลอื กภาพท่มี ีความเหมือน
๗. พ้นื ฐานการบวก เปน็ เกมการศึกษาทฝ่ี กึ ทักษะทางตัวเลข ฝึกการบวกเลข การรูค้ ่าจำ� นวน ความแตกต่างของภาพและจำ� นวนตา่ งๆในภาพ
กระบวนการจดั ประสบการณ์ / กจิ กรรม 45
การจัดประสบการณ์เกมการศกึ ษาสำ� หรับเดก็ ระดบั ปฐมวัยในช้ันเรียนมีหลายวิธี ส�ำหรบั เดก็ ทไี่ ม่คุ้นเคยการเล่นเกมการศึกษามากอ่ น การจดั ประสบการณ์จะ
แตกต่างจากการสอนเด็กทเ่ี คยเล่นมากอ่ น และควรจัดให้เล่นเกมงา่ ยๆ จ�ำนวนนอ้ ยชิ้น วธิ ีเลน่ ไมย่ ุ่งยากก่อน การจดั กิจกรรมเกมการศึกษา มดี ังน้ี
๑. จดั ใหเ้ ดก็ เลน่ ทง้ั ช้ัน โดยใหเ้ ดก็ นง่ั เปน็ รูปคร่งึ วงกลม แลว้ แจกชิน้ ส่วนของเกมกบั เดก็ ใหก้ ระจายกนั ไปโดยอาจแจกใหเ้ ดก็ รับผิดชอบ ๒ – ๓ คนต่อชนิ้ แล้ว
ครชู แ้ี จงวธิ กี ารเล่น การสงั เกตภาพ ให้เดก็ ชภู าพของตนเองให้เพอ่ื นดูทีละคนแล้วจบั คภู่ าพทเี่ หมือนกัน เมื่อเด็กทุกคนเหน็ ตรงกันว่าถกู ต้อง ใหน้ ำ� ภาพทั้ง ๒ ภาพมาวางคู่กนั
โดยใหว้ างขอบลา่ งแผ่นภาพเกมใหเ้ สมอกนั ครใู หเ้ ด็กคนถดั ไปแสดงภาพแลว้ ดำ� เนนิ การตอ่ ไปแบบเดยี วกนั จนครบทกุ คู่หรือครบชดุ
2. จดั ใหเ้ ดก็ เลน่ เป็นกล่มุ ครูอาจจัดเกมการศกึ ษาไวป้ ระจ�ำตามโต๊ะทจ่ี ัดไว้เป็นกลุ่มๆ แลว้ หมุนเวียนให้เดก็ เล่น ในขณะเด็กเล่นครูคอยแนะนำ� วิธกี ารเลน่
หรอื บางคร้ังครอู าจเขา้ รว่ มเล่นเกมการศึกษากับเดก็ กลมุ่ ใดกลุม่ หนึ่งท่คี รูสังเกตเหน็ วา่ เดก็ ยงั ไมเ่ ขา้ ใจวิธกี ารเลน่ หรอื มปี ญั หาเกีย่ วกบั การเลน่
ในระหวา่ งท่เี ดก็ เลน่ เกมการศึกษา ครคู วรใหก้ ำ� ลงั ใจแกเ่ ดก็ โดยเฉพาะเดก็ ทมี่ ีปัญหา เม่อื เดก็ เลน่ เกมการศึกษาไดแ้ ล้ว ให้เด็กเปลย่ี นไปเล่นเกมการศกึ ษาชุด
อื่นๆ ทกุ ครั้งท่ีเดก็ เล่นเกมการศึกษาเสร็จแตล่ ะชดุ ครคู วรเตือนให้เด็กเกบ็ เกมการศกึ ษาเขา้ กลอ่ งให้เรยี บร้อยกอ่ นที่จะเล่นเกมการศกึ ษาชุดตอ่ ไป
การจัดประสบการณเ์ กมการศึกษานอกจากใชเ้ วลาในกิจกรรมเกมการศกึ ษาแล้ว ครูอาจจัดใหเ้ ด็กเล่นนอกเวลาได้ เชน่ ในตอนเชา้ หรือ กิจกรรมการเลน่ ตามมมุ
หรือตอนเยน็ ระหวา่ งรอผู้ปกครองมารับ
หนว่ ยปฐมนเิ ทศ แผนการจดั ประสบการณ์ระดบั ปฐมวัย ช้นั อนบุ าลปที ี่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ เลม่ ๑
46
แผนการจดั ประสบการณ์ระดบั ปฐมวยั ชั้นอนบุ าลปีที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๑ เลม่ ๑ หน่วยปฐมนเิ ทศ
โครงสรา้ งหน่วยการจดั ประสบการณ์
ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐
หน่วยที่ ๑ ปฐมนเิ ทศ ช้ันอนบุ าลปที ี่ ๑ – ๓ ภาคเรยี นที่ ๑
47
หนว่ ยปฐมนิเทศ แผนการจัดประสบการณ์ระดับปฐมวัย ช้นั อนุบาลปที ี่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๑ เลม่ ๑
การวิเคราะห์โครงสร้างหนว่ ยการจัดประสบการณ์ตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศกั ราช ๒๕๖๐
หน่วยท่ี ๑ ปฐมนิเทศชน้ั อนบุ าลปีท่ี ๑ – ๓ ภาคเรียนที่ ๑
อนบุ าลปีท่ี ๑ อนบุ าลปที ่ี ๒ อนบุ าลปีที่ ๓
สาระที่ควรเรยี นรู้ สาระทีค่ วรเรยี นรู้ สาระท่ีควรเรียนรู้
๑. ชอ่ื ครแู ละช่ือพี่เลีย้ ง ๑. การปฏิบตั ติ นในการรบั ประทานอาหาร ๑. การปฏบิ ตั ิตนในการรับประทานอาหาร
๒. ชื่อตนเอง ๒. การปฏบิ ัติกิจวัตรประจ�ำวัน/ กิจกรรมตา่ งๆ ๒. การปฏบิ ัติกิจวัตรประจำ� วนั / กิจกรรมต่างๆ
๓. สัญลกั ษณ์ประจำ� ตวั และของใชส้ ่วนตวั ของเดก็ ดว้ ยตนเอง ด้วยตนเอง
๔. การปฏบิ ัตกิ ิจวัตรประจ�ำวัน ๓. การเล่นและทำ� กิจกรรมด้วยตนเองและ ๓. การเลน่ และท�ำกิจกรรมด้วยตนเองและกับผอู้ น่ื
๕.การเลน่ อยา่ งปลอดภยั กับผ้อู น่ื ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั ไดอ้ ย่างปลอดภยั
มาตรฐาน ตวั บง่ ช้ี สภาพทพ่ี ึงประสงค์ ๔. การพูดแนะน�ำชอ่ื ของตนเอง ๔. การพูดแนะน�ำช่ือเด็กชื่อครูชอื่ พ่เี ล้ียง และ
มฐ ๑ ตบช ๑.๓ (๑.๓.๑) ๕. ชื่อครูประจำ� ชัน้ ชื่อครูพเ่ี ล้ยี ง ชือ่ เพอื่ น
มฐ ๒ ตบช๒.๑ (๒.๑.๑) (๒.2.2) ๖. การแนะน�ำสญั ลกั ษณป์ ระจ�ำตวั ของเด็ก ๕. การแนะนำ� สญั ลักษณ์ประจำ� ตวั ของเดก็ และ
มฐ ๔ ตบช๔.๑ (๔.๑.๑) (๔.๑.๓) และของใช้ส่วนตัว ของใช้ส่วนตัว
มฐ ๖ ตบช๖.๑ (๖.๑.๒) (๖.๑.๓) ๗. การแนะนำ� และส�ำรวจสถานที่ต่างๆ ๖. การแนะนำ� และส�ำรวจสถานทต่ี า่ งๆในโรงเรยี น
ตบช ๖.๒ (๖.๒.๑) เก่ยี วข้องกับตนเอง เช่น ห้องเรียน โรงอาหาร หอ้ งนำ้� เชน่ หอ้ งเรยี น โรงอาหาร หอ้ งนำ้� อาคารเรียน
มฐ ๘ ตบช ๘.๓ (๘.๓.๑) ๘. การปฏบิ ตั ติ นตามมารยาทไทย สนามเดก็ เล่น และ การใชห้ อ้ งนำ้� ทีถ่ กู วธิ ี
มฐ.๑๐ ตบช.๑๐.๒ (๑๐.๒.๒) - การสวัสด–ี การขอบคุณ- การขอโทษ ๗. การปฏบิ ัตติ นตามขอ้ ตกลงของหอ้ งเรยี น
ประสบการณส์ ำ� คญั ๙. การพูดแสดงความคดิ ความร้สู กึ และความต้องการ ๘. การปฏบิ ตั ติ นตามมารยาทไทย
ร่างกาย ๑๐. การบอกลักษณะของส่งิ ตา่ งๆจากการสังเกตโดย
๑.๑.๑ (๑) การเคลือ่ นไหวอยกู่ บั ที่ ใช้ประสาทสมั ผัส - การสวสั ด-ี การขอบคณุ
(๒) การเคล่ือนไหวเคล่ือนที่ มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ - การขอบใจ- การขอโทษ
๑.๑.๒ (๒) การเขียนภาพ มฐ ๑ ตบช๑.๒ (๑.๒.๑) (๑.๒.๒) ๙. การพูดเลา่ เรอ่ื งราวทเ่ี กย่ี วกบั ตนเอง
48 ตบช ๑.๓ (๑.๓.๑) ๑๐. การบอกลกั ษณะของสิ่งตา่ งๆจากการสังเกต
โดยใชป้ ระสาทสัมผสั
แผนการจดั ประสบการณร์ ะดบั ปฐมวัย ช้นั อนุบาลปีที่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๑ เลม่ ๑ หน่วยปฐมนเิ ทศ
๑.๑.๔ (๑) การปฏิบัติตนให้ปลอดภัยใน มฐ ๒ ตบช ๒.๑ (๒.๑.๓) มาตรฐาน ตัวบง่ ช้ี สภาพทพี่ งึ ประสงค์
กิจวัตรประจำ� วัน มฐ. ๓ ตบช ๓.๒ (๓.๒.๑) มฐ ๑ ตบช ๑.๒ (๑.๒.๑) (๑.๒.๒)
(๓) การเล่นเครอ่ื งเล่นอย่างปลอดภัย มฐ ๔ ตบช ๔.๑ (๔.๑.๑) (๔.๑.๓) ตบช ๑.๓ (๑.๓.๑)
อารมณ์ มฐ ๕ ตบช ๕.๑ (๕.๑.๑) มฐ ๒ ตบช ๒.๑ (๒.๑.๓)
๑.๒.๑ (๓) การเคล่ือนไหวตามเสียงเพลง มฐ ๖ ตบช ๖.๒ (๖.๒.๑) มฐ ๓ ตบช ๓.๒ (๓.๒.๑)
๑.๒.๔ (๕) การทำ� งานศิลปะ มฐ ๗ ตบช ๗.๒ (๗.๒.๑) มฐ ๔ ตบช ๔.๑ (๔.๑.๑) (๔.๑.๓)
สังคม มฐ ๘ ตบช ๘.๒ (๘.๒.๑) มฐ ๕ ตบช ๕.๑ (๕.๑.๑)
๑.๓.๑ (๑) การช่วยเหลือตนเองในชีวติ ประจำ� วัน มฐ ๑๐ ตบช ๑๐.๑ (๑๐.๑.๑) มฐ 6 ตบช ๖.๑ (๖.๑.๑)
๑.๓.๔ (๒) การปฏิบตั ิตนเป็นสมาชิกที่ดีของหอ้ งเรยี น มฐ ๑๒ ตบช ๑๒.๒ (๑๒.๑.๒) ตบช ๖.๒ (๖.๒.๑)
สตปิ ัญญา ประสบการณ์สำ� คญั มฐ ๗ ตบช ๗.๑ (๗.๑.๒)
1.4.1 (๑) การฟงั เสียงต่างๆในสง่ิ แวดลอ้ ม รา่ งกาย ตบช ๗.๒ (๗.๒.๒)
(2) การฟังและปฏบิ ัตติ ามค�ำแนะน�ำ ๑.๑.๑ (๑) การเคลอื่ นไหวอยูก่ ับท่ี มฐ ๘ ตบช ๘.๒ (๘.๒.๑)
1.4.2 (1) การสงั เกตลักษณะโดยใช้ประสาทสัมผสั (๒) การเคลอ่ื นไหวเคลอื่ นท่ี มฐ ๙ ตบช ๙.๑ (๙.๑.๒)
อยา่ งเหมาะสม (๕) การเลน่ เครือ่ งเล่นสนามอยา่ งอิสระ มฐ ๑๐ ตบช ๑๐.๑ (๑๐.๑.๑)
(๖) การต่อของช้นิ เล็กเตมิ ในชิ้นใหญ่ ๑.๑.๒ (๒) การเขยี นภาพและการเล่นกบั สี มฐ ๑๒ ตบช ๑๒.๑ (๑๒.๑.๒
ใหส้ มบูรณ์ (๓) การปนั้ ประสบการณส์ ำ� คญั
๑.๑.๓ (๑) การปฏิบตั ติ ามสุขอนามัยสุขนสิ ยั ทีด่ ี ร่างกาย
ในกิจวตั รประจำ� วัน 1.1.1 (๑) การเคลื่อนไหวอยู่กบั ท่ี
๑.๑.๔ (๑) การปฏิบัตติ นใหป้ ลอดภยั (2) การเคล่ือนไหว เคล่ือนท่ี
ในกจิ วัตรประจ�ำวัน (๕) การเล่นเครื่องเลน่ สนามอยา่ งอิสระ
(๓) การเลน่ เครื่องเล่นอยา่ งปลอดภัย 1.1.3 (2) การเขยี นภาพและการเลน่ กบั สี
อารมณ์ (3) การป้ัน
1.2.๑ (๓) การเคล่ือนไหวตามเสียงเพลง/ ดนตรี 1.1.3 (1) การปฏิบัตติ ามสุขอนามยั สุขนิสัยทด่ี ี
๑.๒.๒ (๑) การเล่นอสิ ระ ในกิจวตั รประจ�ำวนั
49
หน่วยปฐมนเิ ทศ แผนการจัดประสบการณ์ระดับปฐมวัย ชัน้ อนบุ าลปที ี่ ๓ ภาคเรียนที่ ๑ เลม่ ๑
50
(๒) การเลน่ รายบคุ คลกลุ่มย่อยและ ๑.๑.๔ (๑) การปฏบิ ัติตนให้ปลอดภัยในกจิ วัตร
กลุ่มใหญ่ ประจ�ำวนั
(๓) การเล่นตามมุมประสบการณ์/ (๓) การเล่นเครอ่ื งเล่นอยา่ งปลอดภัย
มุมเล่นตา่ งๆ อารมณ์
๑.๒.๔ (๕) การท�ำงานศิลปะ 1.2.๑ (๓) การเคล่อื นไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี
สังคม ๑.๒.๒ (๑) การเล่นอิสระ
1.3.1 (1) การช่วยเหลือตนเองใน ชีวิตประจำ� วัน (๒) การเลน่ รายบุคคล กลุม่ ยอ่ ยและ
๑.๓.๓ (๑) การเล่นบทบาทสมมตกิ ารปฏบิ ัติตน กลุม่ ใหญ่
ในความเปน็ ไทย (๓) การเลน่ ตามมุมประสบการณ์/
(๕) การละเล่นพื้นบ้านของไทย มุมเลน่ ต่างๆ
๑.๓.๔ (๒) การปฏบิ ัติตนเป็นสมาชกิ ทีด่ ีของห้องเรยี น ๑.๒.๔ (๕) การท�ำงานศลิ ปะ
สตปิ ญั ญา สังคม
1.4.1 (๑) การฟงั เสยี งต่างๆในส่งิ แวดลอ้ ม 1.3.1 (1) ชว่ ยเหลือตนเองในชีวติ ประจ�ำวัน
(2) การฟังและปฏบิ ตั ติ ามค�ำแนะน�ำ ๑.๓.๒ (๑) การมสี ว่ นรว่ มรบั ผิดชอบดูแลรักษา
(4) การพูดแสดงความคดิ เห็น ส่ิงแวดล้อมท้ังภายในและ
ความรู้สึกและความตอ้ งการ ภายนอกหอ้ งเรียน
1.4.2 (๖) การต่อของช้ินเลก็ เตมิ ในชิ้นใหญ่ ๑.๓.๓ (๑) การปฏบิ ัติตนในความเปน็ ไทย
ให้สมบูรณ์ ๑.๓.๔ (๑) การรว่ มกำ� หนดข้อตกลงของหอ้ งเรียน
(๑๓) การจบั คูภ่ าพเหมอื นและ (๒) การปฏบิ ัตติ นเป็นสมาชิกท่ดี ขี องหอ้ งเรยี น
ความสมั พันธ์ (๓) ให้ความรว่ มมอื ในการปฏิบตั ิกจิ กรรม
๑.๔.๔ (๑) การส�ำรวจสิ่งตา่ งๆและแหลง่ เรยี นรู้ ต่างๆ
รอบตัว (๔) การดูแลห้องเรียนร่วมกนั
สตปิ ัญญา
1.4.1 (๑) การฟังเสยี งต่างๆในส่ิงแวดลอ้ ม
(2) การฟงั และปฏบิ ัตติ ามคำ� แนะน�ำ