The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by iyarasakulpan, 2022-09-06 11:33:52

แผนรายวิชาภาษาไทย 3 ท22101

นางสาวโนรี ในจิตร์



แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

รายวชิ า ภาษาไทย ๓ รหัสวิชา ท๒๒๑๐๑
ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ ๒

นางสาวโนรี ในจิตร์
ตาแหน่ง ครู

วิทยฐานะ ครูชานาญการพเิ ศษ

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
โรงเรียนหนองบัวพิทยาคาร
สานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต ๑๙



การปฏิบตั ิงานท้ังปวงน้ัน กล่าวโดยหลักการต้องอาศัยปัจจัยพ้ืนฐานประกอบกันท้ังสองอย่าง
อ ย่ า ง ห น่ึ ง ไ ด้ แ ก่ ค ว า ม รู้ ค ว า ม ส า ม า ร ถ โ ด ย เ บ็ ด เ ส ร็ จ ข อ ง ผู้ ป ฏิ บั ติ
อีกอย่างหน่ึง ได้แก่ ระเบียบแบบแผนและวิธีการที่กาหนดไว้ให้ใช้ในการปฏิบัติงานนั้น ๆ
เมื่อใดปัจจัยท้ังสองประกอบพร้อมกัน เมื่อน้ันงานก็ดาเนินไปได้ แต่โดยความจริงที่ปรากฏ
งานท่ีอาศัยเฉพาะปัจจัยสองประการนั้น ไม่แน่ว่าจะสาเร็จผลดีได้เสมอไป อาจไม่สาเร็จผล
สมบรู ณ์ดังตอ้ งการ หรอื ไม่สาเร็จผลเลยก็เปน็ ได้ ท้งั นีเ้ พราะงาน ทุกอย่างมีบุคคล ซึ่งมีชีวิต
จติ ใจ มีความนึกคดิ เป็นผู้กระทา ถ้าผู้ทามีจิตใจไม่พร้อมจะทางาน เช่น ไม่ศรัทธาในงาน
ไมส่ นใจผกู พนั กบั งาน ผลงานท่ีทาก็ย่อมบกพร่องไม่คงที่ ต่อเม่ือผู้ปฏิบัติมีศรัทธา เข้าใจซึ้ง
ถงึ ประโยชน์ของงาน พร้อมใจและพอใจทจี่ ะขวนขวายปฏิบัติงานโดยเต็มกาลังความสามารถ
งานจงึ จะดาเนินไปไดโ้ ดยราบรื่นและบรรลุผลตามที่มุ่งหมาย เห็นได้ว่าการปฏิบัติงานท้ังใหญ่
น้อยทุกประเภท ทุกสาขา จาเป็นต้องอาศัยปัจจัยส่วนความรู้สึกนึกคิด เข้าประกอบเกื้อกูล
ด้วยเสมอ

ทา่ นทั้งหลายจะตอ้ งทางานตอ่ ไปอีกมากมายตลอดชีวิต ขอให้พยายามขัดเกลานิสัยให้
เข้มแขง็ สจุ ริตเท่ยี งตรง มีศรทั ธา และคุณสมบัติของนักปฏบิ ัตงิ านพร้อมสมบูรณ์ แล้วท่านจะ
สามารถปฏิบัตภิ าระหนา้ ทท่ี กุ อยา่ ง ใหบ้ รรลผุ ลสาเรจ็ ไดอ้ ยา่ งดีเลิศสมความประสงค์



ผู้ประกอบวชิ าชพี ครู ต้องปฏิบัติงานตามมาตรฐานการปฏบิ ตั ิงาน ดังตอ่ ไปน้ี

(๑) ปฏิบัตกิ จิ กรรมทางวิชาการเกย่ี วกบั การพัฒนาวชิ าชีพครอู ยเู่ สมอ
(๒) ตัดสนิ ใจปฏบิ ัติกจิ กรรมตา่ ง ๆ โดยคานงึ ถึงผลที่จะเกิดแก่ผเู้ รยี น
(๓) มุ่งม่นั พัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศกั ยภาพ
(๔) พัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏิบัตไิ ด้เกิดผลจรงิ
(๕) พฒั นาสื่อการเรียนการสอนให้มปี ระสิทธภิ าพอยู่เสมอ
(๖) จัดกจิ กรรมการเรียนการสอน โดยเนน้ ผลถาวรที่เกิดแกผ่ ้เู รียน
(๗) รายงานผลการพฒั นาคณุ ภาพของผเู้ รยี นไดอ้ ย่างมรี ะบบ
(๘) ปฏิบัตติ นเปน็ แบบอย่างที่ดีแกผ่ ู้เรยี น
(๙) รว่ มมือกบั ผ้อู ื่นในสถานศึกษาอยา่ งสรา้ งสรรค์
(๑๐) ร่วมมือกับผ้อู ่นื ในชมุ ชนอยา่ งสรา้ งสรรค์
(๑๑) แสวงหาและใช้ข้อมลู ขา่ วสารในการพัฒนา
(๑๒) สรา้ งโอกาสให้ผู้เรียนไดเ้ รียนรใู้ นทกุ สถานการณ์



จรรยาบรรณตอ่ ตนเอง

๑. ผู้ประกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษา ตอ้ งมีวนิ ัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ
และวิสยั ทศั น์ ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกจิ สงั คม และการเมอื งอยเู่ สมอ
จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ

๒. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และ
เป็นสมาชกิ ทด่ี ีขององคก์ รวิชาชพี

จรรยาบรรณตอ่ ผรู้ ับบรกิ าร

๓. ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้กาลังใจแก่
ศษิ ย์ และผู้รบั บริการ ตามบทบาทหนา้ ท่ีโดยเสมอหน้า

๔. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยท่ีถูกต้องดี
งามแก่ศษิ ย์ และผู้รบั บรกิ าร ตามบทบาทหนา้ ที่อย่างเตม็ ความสามารถ ดว้ ยความบรสิ ทุ ธใิ์ จ

๕. ผ้ปู ระกอบวิชาชพี ทางการศกึ ษา ต้องประพฤตปิ ฏิบตั ิตนเป็นแบบอยา่ งทีด่ ี ทงั้ ทางกาย วาจา
และจติ ใจ

๖. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องไม่กระทาตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย
สตปิ ัญญา จติ ใจ อารมณ์ และสงั คมของศิษย์ และผู้รับบริการ

๗. ผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษา ตอ้ งให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียก
รับหรอื ยอมรบั ผลประโยชน์จากการใชต้ าแหน่งหนา้ ทีโ่ ดยมชิ อบ

จรรยาบรรณตอ่ ผู้รว่ มประกอบวิชาชพี

๘. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือเก้ือกูลซ่ึงกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดย
ยึดมน่ั ในระบบคณุ ธรรม สรา้ งความสามัคคีในหมู่คณะ

จรรยาบรรณต่อสงั คม

๙. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นาในการอนุรักษ์และพัฒนา
เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของ ส่วนรวม
และยดึ มั่นในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข



คานา

แผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทยพื้นฐาน ได้จัดทา ข้ึนเพ่ือ
เป็นเครื่องมือประกอบการจัดกิจกรรมการสอนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ รายวิชาภาษาไทยพ้ืนฐาน ท๒๒๑๐๑
โรงเรยี นหนองบัวพทิ ยาคาร สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษามัธยมศกึ ษาเขต ๑๙

แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย ท๒๒๑๐๑ ใช้มาตรฐานคุณภาพการศึกษาของ
สานักงานรับรองมาตรฐานและการประเมนิ คณุ ภาพการศกึ ษาเป็นเกณฑม์ าตรฐานในการจัดกิจกรรม

ข้าพเจ้าหวงั เป็นอยา่ งยิ่งวา่ แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้รายวิชาภาษาไทย ท๒๒๑๐๑ เล่มนี้ จะเป็น
ประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาและเป็นแนวทางการปฏิบัติกิจกรรมและเกิดประโยชน์ต่อผู้ท่ีศึกษารวมถึง
ประสบความสาเร็จตรงตามวัตถุประสงค์ของการประกันคุณภาพและประเมินภายในสถานศึกษาและ
สอดคล้องกบั พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแห่งชาตปิ ีพุทธสกั ราช ๒๕๔๒

โนรี ในจิตร์

สารบัญ ฉ
เร่อื ง
หนา้
คานา
สารบัญ จ
ตารางมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ดั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ ฉ
คาอธิบายรายวิชา ฌ
โครงสรา้ งหนว่ ยการเรียนรู้ ฎ
โครงสรา้ งรายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ ฐ
การออกแบบการจัดการเรยี นรู้ ณ
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร พ

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑ เชีย่ วชาญคาศพั ท์ ๑
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒ อา่ นออกเสียงไพเราะเสนาะกรรณ ๗
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๓ จับใจความ จับความคิด ๑๓
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๔ อภิปรายขยายความคดิ ๒๐
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๕ สรุปความคิด พนิ ิจการอา่ น (๑) ๒๖
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๖ สรปุ ความคิด พินจิ การอ่าน (๒) ๓๖
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๗ คุณค่าขอ้ คิดเตอื นจิตใจ ๔๕
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๘ เรยี นรู้คาราชาศัพท์ ๕๔
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๙ ราชาศพั ท์ในวรรณคดี ๖๐
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๐ รอ้ ยกรองคลอ้ งใจ ๖๕
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๑๑ พรรณนาโวหาร ๗๑
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑๒ พรรณนางามตามความคิด ๗๘
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๓ ฟง๎ ดี พดู ตรง ๘๖
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑๔ ฟง๎ ดู คิด พนิ จิ ด้วยป๎ญญา ๙๒
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑๕ ราลึกประวตั ิศาสตร์ ๙๘
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วศิ วกรรมา และสามคั คีเสวก
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ อ่านได้ ไพเราะ เพราะรู้คา ๑๐๕
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ ลายมอื ดมี ีเสนห่ ์ ๑๑๓
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ ทอ่ งบทอาขยานเบิกบานใจ ๑๒๑
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๔ จดั ระบบขอ้ มลู ด้วยผังความคดิ ๑๒๗
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๕ ผงั ความคดิ ช่วยพินิจวรรณคดี ๑๔๐
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๖ สรปุ เนอ้ื หามีสาระ ๑๔๘

สารบัญ (ต่อ) ช
เรื่อง
หน้า
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๗ สมั ผสั กลอน สัมผัสใจ
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๘ กลอนสุภาพไทยแสนไพเราะ ๑๕๗
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๙ เรียงถ้อยรอ้ ยกลอน ๑๖๓
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๐ อภปิ รายขยายความคดิ ๑๗๑
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๑ โฆษณาชวนเช่ือ ๑๗๗
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑๒ งานเขยี นประเภทโนม้ น้าวใจ ๑๘๕
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑๓ เชิญชวนชวนเชญิ ๑๙๔
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑๔ ภาษาพาโน้มนา้ วใจ ๒๐๐
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๕ เขยี นรายงานเพ่มิ ฐานความรู้ ๒๐๖
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๖ พดู รายงานขยายฐานความรู้ ๒๑๓
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๓ ศิลาจารึก หลักท่ี ๑ ๒๒๑
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑ ลายสือไทย
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒ รคู้ าศพั ท์ อ่านได้คล่อง ๒๒๙
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓ คัดแล้วบันทกึ เปน็ แผนภาพ ๒๓๙
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๔ ร้จู ักโครงสรา้ งประโยค ๒๔๗
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๕ โครงสรา้ งประโยคในศลิ าจารึก ๒๕๗
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๖ อภิปรายหลากหลายความคิด ๒๖๓
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๗ บรรยายเร่ืองเดก็ ๆ ๒๗๒
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๘ บรรยายความประทบั ใจ ๒๗๙
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๙ วเิ คราะห์ วิจารณ์ พฒั นาความคดิ ๒๘๕
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑๐ คณุ ค่าของศลิ าจารึก ๒๙๓
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๑ ความร้แู ละขอ้ คิดที่จารึกในจิตใจ ๓๐๒
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๒ ศิลาจารกึ ...มรดกความทรงจาแห่งโลก ๓๑๐
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๓ ขยายประสบการณก์ ารเรียนรู้ ๓๑๘
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ บทละครเร่อื ง รามเกียรติ์ ตอน นารายณป์ ราบนนทก ๓๒๗
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑ รจู้ กั ตัวละคร
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒ ร้คู า รคู้ วามหมาย ๓๓๖
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๓ อา่ นไพเราะเสนาะจับใจ ๓๔๖
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๔ ร้อยกรองคล้องใจ ๓๕๗
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๕ ผังความคดิ พินจิ วรรณคดี ๓๖๕
๓๗๑

สารบัญ (ต่อ) ซ
เรอื่ ง
หน้า
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๖ ยอ่ ความคดิ ประดษิ ฐภ์ าษา
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๗ สะท้อนนสิ ัยในพฤตกิ รรม ๓๗๙
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๘ แสดงความคิดเหน็ ในทางสรา้ งสรรค์ ๓๘๙
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๙ อ่านวรรณคดีอยา่ งรู้คณุ ค่า ๓๙๘
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๐ ข้อคดิ ชีวิตงาม ๔๐๖
ภาคผนวก ๔๑๕
แบบสงั เกตพฤติกรรม
๔๒๕
๑. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ๔๒๖
๒. แบบสงั เกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม



ตารางมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย

ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด

สาระที่ ๑ การอา่ น ๑. อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้วและบทรอ้ ยกรองได้

มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้ ถูกตอ้ ง เหมาะสมกบั เรือ่ งทีอ่ ่าน

กระบวนการอ่านสร้างความรู้และ ๒. จบั ใจความสาคญั สรุปความ และอธบิ ายรายละเอยี ด

ความคดิ เพอ่ื นาไปใชต้ ดั สนิ ใจแก้ป๎ญหา จากเรือ่ งท่อี า่ น

ในการดาเนินชีวติ และมนี ิสัยรกั การ ๓. เขียนผงั ความคดิ เพื่อแสดงความเขา้ ใจในบทเรยี นตา่ ง

อ่าน ๆ ที่อ่าน

๔. อภิปรายแสดงความคิดเหน็ และขอ้ โต้แยง้ เก่ียวกบั
เรื่องท่อี า่ น

๕. วเิ คราะห์และจาแนกขอ้ เทจ็ จรงิ ข้อมูลสนับสนุน และ
ข้อคดิ เห็นจากบทความทอ่ี ่าน
๖. ระบุขอ้ สังเกตการชวนเชอ่ื การโนม้ น้าวหรอื ความ

สมเหตุสมผลของงานเขยี น
๗. อา่ นหนังสอื บทความ หรอื คาประพันธอ์ ยา่ ง
หลากหลาย และประเมนิ คณุ คา่ หรือแนวคดิ ทไ่ี ด้จากการ

อา่ น เพื่อนาไปใช้แกป้ ญ๎ หาในชวี ิต
๘. มมี ารยาทในการอา่ น

สาระที่ ๒ การเขยี น

มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการ ๑. คัดลายมือตวั บรรจงครง่ึ บรรทดั
เขยี นเขียนสอื่ สาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ๒. การเขยี นบรรยายและพรรณนา
ความ และเขยี นเร่ืองราวในรูปแบบต่าง ๓. เขยี นเรียงความ
ๆ ๔. เขยี นยอ่ ความ

เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและ ๕. เขยี นรายงานการศกึ ษาค้นคว้า

รายงานการศึกษาค้นคว้าอยา่ งมี ๖. เขยี นจดหมายกิจธรุ ะ

ประสทิ ธภิ าพ ๗. เขียนวเิ คราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความ
คดิ เหน็ หรือโต้แย้งในเร่อื งท่อี ่านอยา่ งมเี หตุผล

๘. มีมารยาทในการเขยี น



สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัด

สาระท่ี ๓ การฟงั การดู และการพดู ๑. พดู สรุปใจความสาคัญของเรอื่ งท่ฟี ง๎ และดู
มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลอื กฟ๎ง
และดอู ย่างมวี ิจารณญาณ และพดู ๒. วิเคราะห์ข้อเท็จจริง ขอ้ คิดเหน็ และความน่าเชอ่ื ถือของ
แสดงความรู้ ความคิด และความรสู้ กึ ขา่ วสารจากส่อื ต่าง ๆ
ในโอกาสตา่ ง ๆ อย่างมวี ิจารณญาณ
และสร้างสรรค์ ๓. วิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องทีฟ่ ง๎ และดูอย่างมีเหตุผล เพ่ือ
นาขอ้ คดิ มาประยกุ ต์ใชใ้ นการดาเนินชวี ติ

๔. พูดในโอกาสต่าง ๆ ไดต้ รงตามวัตถุประสงค์

๕. พดู รายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาคน้ ควา้ จากการฟ๎ง

การดู และการสนทนา

๖. มมี ารยาทในการฟ๎ง การดู และการพูด

สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย
มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจ ๑. สร้างคาในภาษาไทย
ธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย ๒. วเิ คราะห์โครงสร้างประโยคสามญั ประโยครวม และ
การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลงั ประโยคซอ้ น
ของภาษา ภมู ปิ ญ๎ ญาทางภาษา และ ๓. แต่งบทรอ้ ยกรอง
รักษาภาษาไทยไว้เปน็ สมบตั ิของชาติ ๔. ใชค้ าราชาศัพท์

๕. รวบรวมและอธิบายความหมายของคา

ภาษาตา่ งประเทศท่ีใช้ในภาษาไทย

สาระท่ี ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม ๑. สรุปเน้อื หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อ่านในระดบั ท่ี
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดง ยากขึ้น
ความคดิ เห็น วจิ ารณว์ รรณคดแี ละ
วรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคณุ ค่าและ ๒. วเิ คราะห์และวิจารณว์ รรณคดี วรรณกรรม และ
นามาประยกุ ต์ใช้ในชีวิตจริง วรรณกรรมทอ้ งถนิ่ ทอ่ี ่าน พรอ้ มยกเหตผุ ลประกอบ

๓. อธบิ ายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่อี ่าน

๔. สรปุ ความร้แู ละข้อคดิ จากการอา่ นไปประยกุ ตใ์ ช้

ในชวี ติ จรงิ

๕. ทอ่ งจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทรอ้ ยกรองท่มี ี
คุณค่าตามความสนใจ

ทม่ี า : หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กระทรวงศึกษาธิการ



กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย รายวิชาพื้นฐาน

รายวชิ า ท ๒๒๑๐๑ ภาษาไทย ๓ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒

จานวน ๖๐ ช่ัวโมงตอ่ ภาคเรียน (๓ ช่ัวโมง / สัปดาห์) จานวน๑.๕ หนว่ ยกติ

คาอธิบายรายวิชา

การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแก้ว บทรอ้ ยกรอง จบั ใจความสาคญั สรุปความ และอธบิ ายราย

ระเอียด จากเรื่อง เขียนผังความคิด มีมารยาทในการอ่านจากงานประพันธ์ประเภทร้อยแก้ว ท่ีเป็นบท

บรรยายและวรรณคดี ในบทเรียน จากบทร้อยกรองประเภทกลอน บทละคร กลอนนิทาน กลอนเพลงยาว

และกาพย์ห่อโคลง ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม กับเร่ืองท่ีอ่านในเวลาท่ีกาหนด คัดลายมือตังบรรจงคร่ึง

บรรทัด เขยี นบรรยายและพรรณนา เขยี นวิเคราะห์วิจารณ์ และแสดงความรู้ความคิดเห็น จากเร่ืองที่อ่าน

อย่างมีเหตุผล และมีมารยาทในกาเขียนได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ฝึกพูดสรุปใจความสาคัญ วิเคราะห์

ข้อเท็จจริง และความน่าเช่ือถือ ของข่าวสารจากสื่อต่างๆจากเรื่องท่ีฟ๎งและ มีมารยาทในการฟ๎ง การดู

และการพูด ศึกษาคาสมาส แต่งบทร้อยกรอง ประเภทกลอนสุภาพ ศึกษาการสรุปเน้ือหาวรรณคดีและ

วรรณกรรมท่ีอ่านเกี่ยวกับ ประเพณี ศาสนา สุภาษิตคาสอน เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ บันเทิงคดี บันทึก

การเดินทาง อธิบายคุณค่าของวรรณคดี และ วรรณกรรมท้องถิ่นที่อ่าน ท่องจาบทอาขยาน ตามท่ีกาหนด

และบทร้อยกรองท่ีมคี ณุ ค่าตามความสนใจ

โดยฝึกการใช้กระบวนการทางภาษา กระบวนการอ่าน กระบวนการฟ๎ง กระบวนการดู กระบวนการพูด

และเขียน แนวทางการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ กระบวนการปฏิบัติเพ่ือให้เกิดทักษะ ตลอดทั้งความรู้

ความเข้าใจและนาไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน มีวิจารณญาณ ในการสื่อสาร เห็นคุณค่าของการ นาไปใช้

ในชวี ิตประจาวัน มีวจิ ารณญาณในการสอ่ื สารเห็นคุณคา่ ของการนาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน

ตระหนักในคุณค่า มีเจตคติท่ีดีต่อการเรียนรู้ มีความรู้ความเข้าใจในการสื่อสารเห็นคุณค่าของการ

นาไปใช้ เห็นความสาคญั ของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม มีความซื่อสัตย์ไม่

ทจุ ริต เป็นพลเมืองดีและพลเมืองโลก มีมารยาทและมีนิสัยดีในการอ่าน การฟ๎ง การดู การพูด และการ

เขียน

ตวั ช้วี ัด
รหัสตวั ชี้วัด

ท ๑.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๘
ท ๒.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๗, ม.๒/๘
ท ๓.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๖
ท ๔.๑ ม.๒/๑ , ม.๒/๓
ท ๕.๑ ม.๒/๑ , ม.๒/๓ , ม.๒/๕
รวม ๑๖ ตัวชวี้ ัด



ตวั ชี้วัดทใ่ี ชใ้ นการวดั ผลคะแนนเกบ็ ก่อนสอบกลางภาค ท 1.1 ม.2/2 ท 2.1 ม.2/2,8

ท 5.1 ม.2/1,5

ตัวชว้ี ดั ทใ่ี ชใ้ นการวัดผลคะแนนสอบกลางภาค ท 1.1 ม.2/1,2,3,8 ท 2.1 ม.2/1,2,7,8

ท 5.1 ม.2/1,3

ตวั ช้ีวดั ทใ่ี ช้ในการวัดผลคะแนนเก็บหลังสอบกลางภาค ท 3.1 ม.2/2 ท 4.1 ม.2/1 ท 5.1 ม.2/3

ตวั ชว้ี ัดท่ใี ช้ในการวัดผลคะแนนสอบปลายภาค ท 3.1 ม.2/1,2,6 ท 4.1 ม.2/1,3

ท 5.1 ม.2/1,3,5

ภาระชิน้ งาน

หน่วยท่ี 1. การเขียนเรียงความเร่ืองคุณธรรมนาชีวติ

หน่วยที่ 2. สร้างสื่อโฆษณาจากผลิตภัณฑ์ดว้ ยตนเอง

หนว่ ยที่ ๓. คดั ลายมอื

หน่วยที่ ๔. วเิ คราะห์แสดงความคิดเหน็ ตวั ละคร เรอื่ งรามเกยี รต์ติ อนนารายณ์ปราบนนทก

เง่อื นไขการตดิ 0, ร, มส.
มีผลการเรียนเป็น 0 เน่อื งจากคะแนนรวมทงั้ หมดไม่ถงึ 50 คะแนน
มผี ลการเรียนเปน็ ร เนื่องจากไมส่ ่งภาระชน้ิ งานตามทีก่ าหนด
มผี ลการเรียนเปน็ มส. เนื่องจากเวลาเรียนไม่ถงึ รอ้ ยละ 80



โครงสร้างหน่วยการเรยี นรู้

รายวิชาภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๒๑๐๑ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี

กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย จานวน ๖๐ ชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

หน่วยการ ช่อื หนว่ ยการจัดการเรียนรู้ / แผนการจัดการเรียนรู้ เวลา/ชั่วโมง
เรียนร้ทู ี่

๑ โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ๑
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑ เชย่ี วชาญคาศพั ท์

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ อ่านออกเสียงไพเราะเสนาะกรรณ ๑

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๓ จับใจความ จับความคดิ ๑

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๔ อภปิ รายขยายความคดิ ๑

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๕ สรุปความคดิ พนิ ิจการอา่ น (๑) ๑

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๖ สรปุ ความคดิ พนิ จิ การอ่าน (๒) ๑

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๗ คุณคา่ ขอ้ คิดเตือนจิตใจ ๑

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๘ เรียนร้คู าราชาศัพท์ ๑

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๙ ราชาศัพท์ในวรรณคดี ๑

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑๐ ร้อยกรองคล้องใจ ๑

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๑๑ พรรณนาโวหาร ๑

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑๒ พรรณนางามตามความคดิ ๑

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๓ ฟ๎งดี พดู ตรง ๑

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๑๔ ฟง๎ ดู คิด พนิ ิจดว้ ยปญ๎ ญา ๑

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๕ ราลึกประวัติศาสตร์ ๑

รวม ๑๕

๒ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน วศิ วกรรมา และสามัคคเี สวก ๑

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑ อ่านได้ ไพเราะ เพราะรู้คา ๑

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ ลายมือดีมเี สนห่ ์ ๑

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๓ ทอ่ งบทอาขยานเบิกบานใจ ๑

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๔ จดั ระบบขอ้ มูลดว้ ยผงั ความคดิ ๑

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๕ ผังความคิดช่วยพนิ จิ วรรณคดี ๑

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๖ สรปุ เน้ือหามสี าระ ๑



โครงสรา้ งหน่วยการเรียนรู้

รายวิชาภาษาไทย รหัสวชิ า ท ๒๒๑๐๑ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี

กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย จานวน ๖๐ ช่ัวโมง ภาคเรยี นท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓

หนว่ ยการ ชอื่ หนว่ ยการจดั การเรียนรู้ / แผนการจัดการเรียนรู้ เวลา/
เรียนรทู้ ่ี ชว่ั โมง

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๗ สัมผัสกลอน สัมผสั ใจ ๑

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๘ กลอนสภุ าพไทยแสนไพเราะ ๑

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๙ เรยี งถอ้ ยรอ้ ยกลอน ๑

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๐ อภปิ รายขยายความคิด ๑

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑๑ โฆษณาชวนเชือ่ ๑

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๒ งานเขยี นประเภทโน้มน้าวใจ ๑

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑๓ เชิญชวนชวนเชญิ ๑

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๔ ภาษาพาโนม้ น้าวใจ ๑

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๕ เขียนรายงานเพิม่ ฐานความรู้ ๑

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑๖ พูดรายงานขยายฐานความรู้ ๑

รวม ๑๖

๓ ศิลาจารกึ หลกั ที่ ๑ ๑

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑ ลายสือไทย ๑

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒ รู้คาศัพท์ อ่านได้คลอ่ ง ๑

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๓ คดั แลว้ บันทกึ เป็นแผนภาพ ๑

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ รจู้ กั โครงสรา้ งประโยค ๑

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๕ โครงสรา้ งประโยคในศลิ าจารกึ ๑

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๖ อภปิ รายหลากหลายความคดิ ๑

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๗ บรรยายเรือ่ งเด็ก ๆ ๑

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๘ บรรยายความประทับใจ ๑

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๙ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ พัฒนาความคิด ๑

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๐ คุณค่าของศลิ าจารกึ ๑

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๑ ความรู้และขอ้ คิดทจี่ ารกึ ในจิตใจ ๑

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑๒ ศิลาจารึก...มรดกความทรงจาแหง่ โลก ๑

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๓ ขยายประสบการณ์การเรียนรู้ ๑

รวม ๑๓



โครงสรา้ งหนว่ ยการเรยี นรู้

รายวชิ าภาษาไทย รหสั วชิ า ท ๒๒๑๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒

กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย จานวน ๖๐ ชั่วโมง ภาคเรียนที่ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓

หนว่ ยการ ช่ือหนว่ ยการจัดการเรยี นรู้ / แผนการจัดการเรียนรู้ เวลา/ช่วั โมง
เรยี นรทู้ ี่

๔ บทละครเร่ือง รามเกียรติ์ ตอน นารายณป์ ราบนนทก ๑

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑ รจู้ ักตวั ละคร ๑

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๒ รคู้ า รู้ความหมาย ๑

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓ อา่ นไพเราะเสนาะจับใจ ๑

แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๔ รอ้ ยกรองคลอ้ งใจ ๑

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๕ ผังความคิดพนิ ิจวรรณคดี ๑

แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๖ ยอ่ ความคิดประดิษฐ์ภาษา ๑

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๗ สะทอ้ นนสิ ัยในพฤตกิ รรม ๑

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๘ แสดงความคิดเห็นในทางสร้างสรรค์ ๑

แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๙ อา่ นวรรณคดอี ยา่ งรูค้ ุณคา่ ๑

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๐ ขอ้ คิดชีวิตงาม ๑

รวม ๑๐

สอบปลายภาค ๓

สอบกลางภาค ๓

รวมทง้ั หมดภาคเรียน ๕๔

รวมเวลาเรยี นทัง้ หมด ๖๐



โครงสร้างรายวชิ า

รายวิชาภาษาไทย รหัสวชิ า ท๒๒๑0๑
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๒
ภาคเรียนท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ

ท่ี หน่วยการ มาตรฐาน สาระสาคัญ เวลา คะแนน

เรียนรู้ การ (ช่ัวโมง)

เรยี นรู้/

ตวั ชวี้ ัด

๑ โครงภาพ ท๑.๑ ม. ๑.การเขา้ ใจความหมายของคาศพั ท์ จะทาให้อ่านออกเสียงได๑้ ๕ ๑๕

พระราช ๒/๑ ถูกต้อง และยงั สามารถเข้าใจเร่อื งท่อี ่านได้

พงศาวดาร ท๑.๑ ม. ๒.การอ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง เป็นการส่ือสารโดยการใช้เสียง

๒/๒ ถ่ายทอดอารมณค์ วามรู้สกึ ไปยงั ผฟู้ ง๎ และยงั เป็นการอนุรักษ์วฒั นธรรม

ท๑.๑ ม. ทางภาษาอย่างหนึ่งของไทยท่ี เยาวชนไทยควรรกั ษาให้คงอยู่

๒/๔ ตอ่ ไป

ท๑.๑ ม. ๓.การอา่ นจบั ใจความ สรปุ ความ และอธิบายรายละเอยี ดจาก

๒/๗ เร่ือง ที่อา่ นเปน็ ส่ิงสาคญั ที่จะทาให้ การอา่ น มี

ท๑.๑ ม. ประสทิ ธิภาพและเป็น พนื้ ฐานการอ่านในระดับทีย่ ากขน้ึ

๒/๘ ๔.การอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ และข้อโตแ้ ย้งเก่ียวกบั เร่ืองที่อ่าน

ท๒.๑ ม. ควรเป็นการแสดงความคิดเห็นทป่ี ระกอบดว้ ยเหตุผลที่ถกู ต้อง มี

๒/๑ คุณธรรม ก่อให้เกิดประโยชน์ตอ่ ผ้รู ับสารและสังคม ไม่

ท๒.๑ ม. กอ่ ให้เกดิ

๒/๒ ความขัดแยง้

ท๒.๑ ม. ๕.การอา่ นจับใจความ สรปุ ความ อธิบายรายละเอยี ด และแสดง

๒/๘ ความ คิดเห็นเป็นสงิ่ สาคญั

ท๓.๑ ม. ท่จี ะทาใหก้ ารอ่านมปี ระสทิ ธิภาพ และเป็นพื้นฐานการอา่ นใน

๒/๑ ระดับที่ ยากข้ึน

ท๓.๑ ม. ๖.การอา่ นจับใจความ สรุปความ อธบิ ายรายละเอยี ด และแสดง

๒/๓ ความคิดเห็นเป็นสิง่ สาคญั ทจ่ี ะทาให้ การอ่านมีประสิทธิภาพ และ

ท๓.๑ ม. เป็น พืน้ ฐานการอ่านในระดบั ท่ยี ากขนึ้

๒/๖ ๗.การอา่ นมคี วามสาคัญและจะเกดิ ประโยชนเ์ ม่อื ผู้อ่านสามารถประเมิน

ท๔.๑ ม. คุณค่าหรือแนวคดิ ทไ่ี ด้ จากการอ่าน และนาไปใช้ในการดาเนนิ ชีวิต



ท่ี หนว่ ยการ มาตรฐาน สาระสาคญั เวลา คะแนน

เรียนรู้ การ (ช่วั โมง)

เรียนร้/ู

ตวั ชว้ี ัด

๒/๔ ๘.สงั คมไทยมบี คุ คลซ่ึงอยใู่ นฐานะ แตกตา่ งกันและมคี ่านยิ มในการ

ท๕.๑ ม. เคารพผู้อาวโุ ส เราจึงตอ้ งเข้าใจ ความหมายของคาราชาศัพท์และ

๒/๑ ใชใ้ ห้ถกู ตอ้ งเพอ่ื แสดงการยกย่อง และยงั เป็นการอนรุ ักษ์วฒั นธรรม

ท๕.๑ ม. ทางภาษาให้คงอย่ตู อ่ ไป

๒/๒ ๙. ในชีวิตประจาวันเราตอ้ งใช้คา

ท๕.๑ ม. ราชาศัพท์อยู่เสมอจงึ ต้องเรียนรูแ้ ละ ใช้ให้ถกู ต้อง

๒/๓ ๑๐.การท่องจาบทร้อยกรองทีม่ ี คุณคา่ ช่วยจรรโลงใจและทาให้มี

ท๕.๑ ม. ข้อ คิดเตือนใจ

๒/๔ ๑๑.การเขยี นพรรณนาเป็นการเพมิ่ รายละเอียดของเรอ่ื งให้น่าอ่าน

ท๕.๑ ม. เลือกใช้ถอ้ ยคาให้สละสลวย

๒/๕ และใชก้ ารเปรยี บเทียบเพ่อื ให้ผูอ้ า่ น เกดิ ภาพพจน์

๑๒.การพดู สรุปความจากเร่อื งทฟ่ี ๎งและดเู ป็นการส่งสารทต่ี อ้ งสรุป

สาระสาคญั ของสงิ่ ทฟี่ ๎งและดู การพดู ต้องมีเนื้อหาตามขอ้ เท็จจรงิ

ใชภ้ าษาทีเ่ ข้าใจง่าย และอา้ งองิ แหลง่ ทีม่ าให้ชดั เจนจะทาให้การพดู

สรุปความ

เกดิ ประโยชนท์ ง้ั ตอ่ ผู้พูดและผู้ฟง๎

๑๓.การพดู วเิ คราะห์และวจิ ารณ์จากเรื่องท่ฟี ๎งและดเู ปน็ การพดู ทต่ี ้อง

วเิ คราะหข์ ้อมลู และแสดงความคดิ เห็น

อย่างมีเหตุผล นาเสนอสิ่งทว่ี เิ คราะหแ์ ล้วออกมาเป็นถอ้ ยคาทท่ี าให้

ผฟู้ ๎งเกดิ ความรูค้ วามคิด

๑๔.การศกึ ษาโคลงภาพพระราชพงศาวดารเพื่อให้เหน็ คณุ คา่ ของวรรณคดี

ที่จารึกประวัติศาสตรไ์ ทย ปลูกฝ๎งความรกั ชาติและสร้างแรง จูง

ใจในการแสวงหาความรเู้ พิม่ เติมเกี่ยวกับประวัตศิ าสตร์ไทย

วรรณกรรม ทีม่ ีคณุ ค่าจะสะทอ้ น สภาพสังคมไทยและใหข้ ้อคดิ

ท่ีสามารถนาไปใช้ในชวี ิตจริงได้ จึงควรเลอื กอา่ นวรรณกรรมอย่างหลาก

หลาย



ท่ี หน่วยการ มาตรฐาน สาระสาคญั เวลา คะแนน

เรยี นรู้ การ (ชั่วโมง)

เรียนร/ู้

ตัวชว้ี ัด

๒ สามคั คี ท๑.๑ ม. ๑.การเขา้ ใจความหมายของคาศัพท์ จะทาให้อา่ นออกเสียงไดถ้ กู ต้อ๑ง๖ ๑๕

เสวกตอน ๒/๑ และสรุปความเร่อื งทอี่ า่ นได้

วิศวกรรมา ท๑.๑ ม. ๒.การเขียนดว้ ยลายมือต้องเขยี น ตวั บรรจง เขียนให้ถูกตอ้ ง

และ ๒/๒ สวยงาม และอา่ นง่าย เพราะจะทาใหก้ ารสอ่ื สาร

สามัคคี ท๑.๑ ม. สัมฤทธิผล

เสวก ๒/๓ ๓.บทอาขยานช่วยจรรโลงใจและ ใหข้ ้อคิด การท่องจาบท

ท๑.๑ ม. อาขยาน ทาให้จิตใจเบกิ บาน เปน็ เครอ่ื ง เตือนใจ

๒/๖ และสามารถนาไปใช้ อ้างองิ ในการสื่อสารได้

ท๑.๑ ม. ๔.ผงั ความคดิ มหี ลายรูปแบบ แต่ละรปู แบบเหมาะสาหรบั จัดขอ้ มูล

๒/๗ แตกตา่ งกัน ต้องเลือกใช้ใหเ้ หมาะสมกับขอ้ มูลจะทาใหจ้ ดั ความคิดได้

ท๑.๑ ม. เป็นระบบทช่ี ัดเจนขึ้น

๒/๘ ๕.การสรปุ ความรู้และการนาขอ้ คดิ ท่ีไดจ้ ากการอา่ นไป

ท๒.๑ ม. ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจริง จะ ทาให้การอา่ นวรรณคดีเรอ่ื งน้ัน ๆ

๒/๑ เกิด เกิดประโยชนใ์ นการดาเนินชวี ิตและร้จู กั แกป้ ๎ญหาท่ีเกดิ ข้นึ

ท๒.๑ ม. ๖.การอ่านหนงั สอื หลายประเภทแลว้ ประเมนิ คุณค่าหรอื แนวคดิ ทีไ่ ด้

๒/๕ เพื่อนาไปใชแ้ กป้ ๎ญหาในชีวิต

ท๒.๑ ม. เป็นการอา่ นท่กี ่อใหเ้ กิดประโยชน์ทัง้ ต่อตน เองและสังคม

๒/๗ ๗.การเขา้ ใจความหมายของคาศพั ท์ จะทาให้อ่านออกเสยี งไดถ้ กู ต้อง

ท๒.๑ ม. และสรปุ ความเรื่องท่ีอา่ นได้

๒/๘ ๘.การเขียนดว้ ยลายมอื ต้องเขยี น ตัวบรรจง เขียนใหถ้ ูกต้อง สวยงาม

ท๓.๑ ม. และอ่านง่าย เพราะจะทาให้การส่อื สารสัมฤทธิผล

๒/๔ ๙.บทอาขยานชว่ ยจรรโลงใจและให้ ขอ้ คดิ การทอ่ งจาบทอาขยาน

ท๓.๑ ม. ทาให้ จติ ใจเบิกบาน เปน็ เคร่ืองเตอื นใจ และ สามารถ

๒/๕ นาไปใชอ้ ้างอิงใน การส่ือสารได้

ท๓.๑ ม. ๑๐.การอภปิ รายและการเขยี นวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ เป็นการแสดงความ

๒/๖ คดิ เห็นซ่ึงประกอบดว้ ยเหตผุ ล

ท๔.๑ ม. ท่ถี ูกต้อง มคี ุณธรรม ก่อให้เกิด ประโยชนต์ ่อผ้รู บั สารและสงั คม

๒/๓ ไมก่ ่อใหเ้ กิดความขัดแย้ง



ท่ี หน่วยการ มาตรฐาน สาระสาคัญ เวลา คะแนน

เรียนรู้ การ (ชัว่ โมง)

เรยี นร/ู้

ตัวชวี้ ัด

ท๕.๑ ม. ๑๑.โฆษณามจี ุดประสงคเ์ พือ่ ให้ผรู้ ับ สารเชอ่ื และคลอ้ ยตาม ผอู้ า่ น

๒/๑ จงึ ควรวเิ คราะห์ความสมเหตสุ มผลดว้ ยใจ เป็นธรรม เพ่ือใหเ้ ลือก

ท๕.๑ ม. ซอื้ สินค้า และบริการได้ตรงตามความตอ้ ง การ

๒/๒ มากทีส่ ดุ

ท๕.๑ ม. ๑๒.การอ่านงานเขยี นประเภท โนม้ นา้ วใจต้องสังเกตกลวธิ ี

๒/๔ การ โน้มน้าวและประเมนิ ความน่าเชื่อถอื

ท๕.๑ ม. จากข้อมูลและเหตุผลท่ีผ้เู ขยี น นาเสนอ เพอื่ ใหไ้ ดร้ ับประโยชน์

๒/๕ ทสี่ ามารถนาไปใช้ในชีวิตจรงิ ได้

๑๓.การพูดโนม้ นา้ วเปน็ การสง่ สาร ให้ผฟู้ ๎งมีความคดิ เหน็ และร้สู กึ

คล้อยตามผู้พดู ดงั นน้ั ผู้พูดจงึ ต้อง

มคี ุณธรรม โนม้ นา้ วใจอย่างสมเหตุ สมผล จรงิ ใจ ผู้พูดจึงจะ

ประสบความสาเร็จในการพดู และ เป็นประโยชนท์ งั้ ตอ่ ผ้พู ดู และ

ผูฟ้ ๎ง

๑๔.การโต้วาทเี ป็นการพดู เพ่ือ โน้มนา้ วให้ผฟู้ ง๎ คลอ้ ยตามไปกับ

ความคดิ ของผู้พดู ซ่งึ ต้องมีเหตผุ ล และหลกั ฐานทนี่ ่าเชือ่ ถอื

ประกอบ

การพูดจึงจะสมั ฤทธิผล

๑๕.การเขยี นรายงานเป็นการนา เสนอข้อมูล ความร้ทู ่ไี ด้จากการ

ศึกษาคน้ คว้าโดยเรียบเรียงอยา่ ง มรี ะบบมหี ลักฐานอ้างองิ

ชัดเจนเพื่อเผยแพร่ ความรู้ใหน้ า่ เชือ่ ถอื และเกดิ ประโยชน์ตอ่ ผู้อ่าน

๓ ศิลาจารกึ ท๑.๑ ม. ๑.การศกึ ษาทมี่ าของเรือ่ งศลิ าจารกึ หลกั ที่ ๑ แบบอกั ษรและการเขยี น13 ๑๕
หลักที่ ๑ ๒/๑
ท๑.๑ ม. คาในสมัยพ่อขุนรามคาแหงมหาราช
๒/๒
ท๑.๑ ม. อยา่ งถกู ตอ้ ง ทาให้เหน็ ความสาคัญ และเกิดความตระหนกั ใน
๒/๔
ท๑.๑ ม. คุณค่า ของตวั อักษรไทย

๒.การอา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ ตอ้ ง อา่ นใหถ้ กู ต้อง ชัดเจน และ

ตอ้ งใช้นา้ เสียงใหเ้ หมาะสมและสอดคลอ้ ง

กบั เรื่องทีอ่ า่ น ทส่ี าคัญต้องรู้ ความหมายของคาศัพทเ์ พ่ือใหเ้ ขา้ ใจ



ท่ี หนว่ ยการ มาตรฐาน สาระสาคัญ เวลา คะแนน

เรียนรู้ การ (ชั่วโมง)

เรียนร/ู้

ตวั ชว้ี ัด

๒/๗ เร่ืองได้อย่างถูกต้อง

ท๑.๑ ม. ๓.การเขยี นด้วยลายมือต้องเขียน ตวั บรรจง เขยี นใหถ้ กู ตอ้ ง

๒/๘ สวยงาม และอา่ นงา่ ย เพราะจะทาให้ การส่อื สาร

ท๒.๑ ม. สมั ฤทธผิ ล และการสรุป เนือ้ หาทอี่ ่านเป็นแผนภาพความคิด ทาทา

๒/๑ ใหเ้ ขา้ ใจเร่ืองที่อ่านไดเ้ ปน็ อย่างดี

ท๒.๑ ม. ๔.ประโยคเปน็ ข้อความทีม่ ีใจความสมบูรณ์ แต่ละประโยค

๒/๒ ประกอบดว้ ย ภาคประธาน และภาคแสดงประโยคมี ๓ ชนดิ

ท๒.๑ ม. ประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซ้อน การมีความรเู้ รอื่ ง

๒/๘ ประโยคจะทาใหก้ ารใชภ้ าษา ในการสื่อสารมปี ระสิทธิภาพ

ท๔.๑ ม. ย่งิ ข้นึ

๒/๒ ประโยคสามัญเป็นประโยคท่ีมีใจความเดยี ว ประโยครวมเปน็

ท๕.๑ ม. ประโยคทีม่ ีคาสนั ธานเชื่อมให้เป็นประโยคเดยี วกัน สว่ นประโยคซอ้ น

๒/๑ เปน็ ประโยคที่มปี ระโยคอื่นแทรก แบ่งเป็นประโยคหลกั และประโยค

ท๕.๑ ม. ย่อย การวเิ คราะหโ์ ครงสร้างของประโยคอย่างถูกต้อง จะทาใหก้ าร

๒/๒ สื่อสารมีประสิทธภิ าพ

ท๕.๑ ม. ๖.การอภปิ รายเกี่ยวกับเรอื่ งท่อี ่าน ควรเปน็ การแสดงความ

๒/๓ คดิ เหน็ ที่ประกอบดว้ ยเหตผุ ลทีถ่ กู ตอ้ ง มีคณุ ธรรม

ท๕.๑ ม. กอ่ ใหเ้ กิดประโยชนต์ อ่ ผรู้ บั สารและสังคม ไม่กอ่ ให้เกิดความ

๒/๔ ขดั แยง้

๗.การเขียนบรรยายเป็นการเขียนเรือ่ งราวต่าง ๆ อาจเป็นเร่ืองจริงหรอื

เร่อื งสมมตุ กิ ็ได้ โดยผูเ้ ขียนจะตอ้ งเข้าใจวิธีการเขยี นจงึ จะทาให้การ

เขียนบรรยายมปี ระสิทธภิ าพ

๘.การเขยี นบรรยายทีด่ ี ผู้เขียนตอ้ งมคี วามรู้ในเรอ่ื งทจี่ ะบรรยาย ใชก้ ลวิธี

ในการดาเนินเรื่องเหมาะสม

เพ่อื ใหผ้ รู้ บั สารเขา้ ใจและสนใจอา่ น

๙.การวเิ คราะห์ วิจารณ์ จะตอ้ งแยก แยะเนอื้ หาให้เขา้ ใจในสว่ นตา่ ง

ๆ แล้วจงึ อธบิ ายเหตุผลประกอบการ แสดงความ

คดิ เหน็ เพอ่ื นาไปสู่ ขอ้ สรุปความคิดเห็นทค่ี ลอ้ ยตามและโต้แยง้



ท่ี หน่วยการ มาตรฐาน สาระสาคัญ เวลา คะแนน

เรียนรู้ การ (ชั่วโมง)

เรียนรู/้

ตัวชวี้ ัด

จากเรื่องท่ีอ่าน

คณุ ค่าของศลิ าจารกึ ดีเดน่ ท้งั ดา้ นวรรณศลิ ป์ทใี่ ช้คางา่ ย ๆ มสี ัมผัส

คล้องจอง ด้านเนื้อหาที่สอดแทรก ข้อคิดในการดาเนนิ ชวี ิตหลาย

ประการ และด้านสังคมท่สี ะทอ้ น ภาพสังคมไทย การตระหนกั

ในคณุ ค่า ของศิลาจารึก

ทาใหเ้ กิดความรักและหวงแหน ความเปน็ ไทย

๑๐.การสรุปความร้แู ละการนาข้อคิด ท่ีได้จากการอา่ นไปประยกุ ต์ใช้

ในชวี ิตจริงจะทาใหก้ ารอา่ น

วรรณคดเี รือ่ งน้ัน ๆ เกดิ ประโยชน์ ในการดาเนินชีวิตและรจู้ ัก

แกป้ ญ๎ หา ท่ีเกิดขึ้น

๑๑.การอา่ นหนังสอื อยา่ งหลากหลาย แลว้ ประเมินคณุ คา่ หรอื แนวคดิ ที่ได้

เพ่ือนาไปใช้ในการแก้ปญ๎ หาชีวิต

เป็นการอ่านท่ีกอ่ ให้เกิดประโยชน์ ท้งั ต่อตนเองและสงั คม

ความรมู้ อี ย่ทู ่ัวไปไม่เฉพาะ แต่ในห้องเรยี น

๑๒.การแสวงหาความรทู้ มี่ ปี ระโยชน์ ดว้ ยตนเองอยูเ่ สมอทาใหเ้ รามี

ความรู้ กว้างขน้ึ ทนั สมัยและเปน็ ผู้ใฝเุ รียนรู้

๔ บทละคร ท๑.๑ ม. ๑.รามเกยี รตเิ์ ปน็ วรรณคดมี รดกเร่อื งหนง่ึ ของไทยทร่ี จู้ กั กันแพร่หลาย ๑๐ ๑๕
เร่ือง ๒/๑
รามเกยี รต์ิ ท๑.๑ ม. จึงทาให้ตัวละครหลายตัวในเรื่องนีอ้ ยใู่ นความทรงจาของคนไทยสบื
ตอน ๒/๒
นารายณ์ ท๑.๑ ม. ต่อมา
ปราบน ๒/๓
นทก ท๑.๑ ม. ๒.การเขา้ ใจความหมายของคาศพั ท์ และสานวนเป็นพนื้ ฐานของ
๒/๔
ท๑.๑ ม. การอ่าน การอ่านออกเสยี งที่ผ้อู ่านเข้าใจ เนอื้ ความทาให้
๒/๘
ท๒.๑ ม. ผอู้ ่านสร้างอรรถรส ในการอ่านได้

๓.การอ่านออกเสยี งกลอนบทละคร เป็นการใชเ้ สียงถ่ายทอด

เรือ่ งราวและอารมณค์ วามรู้สกึ ของตวั ละคร

ในวรรณคดีไปยังผู้ฟง๎ ซ่ึงเปน็ การสืบ ทอดวัฒนธรรมทางภาษาอยา่ ง

หน่ึง ของไทยท่ีเยาวชนไทยควรสืบสาน ตอ่ ไป

๔.บทละครเร่ือง รามเกียรต์ิ ตอน นารายณป์ ราบนนทก มตี อนท่ีไพเราะ



ท่ี หนว่ ยการ มาตรฐาน สาระสาคญั เวลา คะแนน

เรียนรู้ การ (ช่วั โมง)

เรยี นรู้/

ตวั ชวี้ ัด

๒/๔ คารมคมคาย และมคี วามดหี ลายตอน

ท๒.๑ ม. จึงมีคณุ ค่าควรแก่การทอ่ งจาเพอ่ื นาไปใช้อา้ งอิง

๒/๘ ๕.การอ่านวรรณคดแี ละวรรณกรรม แล้วสามารถจับใจความสาคัญจน

ท๕.๑ ม. สรุปเนอื้ หาทอี่ า่ นเป็นผังความคิดได้

๒/๑ จะทาให้เข้าใจเรอ่ื งท่ีอา่ นเปน็ อยา่ งดี

ท๕.๑ ม. ๖.การเขียนยอ่ ความเป็นการ เรยี บเรียงสาระสาคญั ทไ่ี ด้จาก

๒/๒ การ รับสารให้กระชับและเขา้ ใจง่าย ซงึ่ เปน็

ท๕.๑ ม. ประโยชน์

๒/๓ ตอ่ การศกึ ษาคน้ ควา้ การฝึกทักษะ การจบั ใจความสาคัญของ

ท๕.๑ ม. เรื่อง และการเรียบเรยี งข้อความอยู่เสมอ จะทาให้

๒/๔ สรปุ ความไดร้ วดเร็วครบถ้วน และเรียบเรียงได้กระชบั ชัดเจน

๗.ตวั ละครในวรรณคดีสามารถ สะท้อนพฤตกิ รรม ความคิด

และลกั ษณะนสิ ัยของมนุษย์ การวเิ คราะห์ ลักษณะนิสยั

ของ ตวั ละครจงึ เป็นการเรียนร้ธู รรมชาติ ของ

มนษุ ยอ์ ีกทางหนึง่ ทาให้เขา้ ใจ ตนเองและคนรอบข้าง

มากยง่ิ ขึ้นและหากนาส่ิงเหลา่ นน้ั มาพัฒนาตนกจ็ ะเกิด

ประโยชน์สงู สุด

๘.การอภปิ รายเปน็ วธิ ีแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ เพื่อพัฒนาความรู้

ความคิด การอภปิ รายเก่ยี วกบั เร่อื ง ท่อี า่ นชว่ ยขยายประสบการณ์

จากการอ่านเพื่อนาไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ตอ่ การดาเนนิ

ชวี ิตและพัฒนาสงั คมใหเ้ จรญิ ก้าวหน้า

๙.การอ่านหนังสอื หลายประเภท แล้วประเมนิ คณุ คา่

หรอื แนวคดิ ที่ได้เพื่อนาไปใช้แกป้ ญ๎ หาในชวี ิต

เปน็ การอา่ นที่กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ ท้ังต่อตนเองและสังคม

๑๐.การสรุปความรแู้ ละการนา ขอ้ คิดท่ไี ด้จากการอา่ นไป

ประยกุ ต์ ใช้ในชวี ิตจริงจะทาใหก้ ารอ่านวรรณคดี

เรอ่ื งนน้ั ๆ เกิดประโยชน์ในการ

ดาเนนิ ชีวิตและสามารถนามาใชแ้ กป้ ๎ญหาท่ีเกดิ ข้ึน

ท่ี หนว่ ยการ มาตรฐาน สาระสาคญั บ
เรยี นรู้ การ
เรยี นรู้/ สอบกลางภาค เวลา คะแนน
ตวั ชว้ี ัด ระหว่างเรียน (ช่วั โมง)
ปลายภาคเรียน
๓ ๒๐
รวม ๕๗ ๘๐
๓ ๒๐
๖๐ ๑๐๐

ภาระชิน้ งาน
หนว่ ยที่ 1. การเขยี นเรียงความเรื่องคณุ ธรรมนาชีวติ
หนว่ ยท่ี 2. สรา้ งสื่อโฆษณาจากผลิตภัณฑ์ดว้ ยตนเอง
หน่วยที่ ๓. คัดลายมือ
หน่วยที่ ๔. วเิ คราะหแ์ สดงความคิดเหน็ ตวั ละคร เรอ่ื งรามเกยี รติ์ตอนนารายณป์ ราบนนทก

เง่อื นไขการติด 0,ร,มส
มผี ลการเรยี นเปน็ 0 เน่ืองจากคะแนนรวมทั้งหมดไม่ถึง 50 คะแนน
มีผลการเรียนเปน็ ร เนอ่ื งจากไมส่ ง่ ภาระชน้ิ งานตามท่ีกาหนด
มีผลการเรียนเปน็ มส. เน่ืองจากเวลาเรยี นไม่ถงึ ร้อยละ 80

การออกแบบห

รายวชิ าภาษาไทย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ โครงภาพพระราชพงศาวดาร

รหสั ตัวชี้วดั จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระสาคญั สาระการ

ท ๑.๑ ม. ๒/๑ ๑. บอกความหมายของคาศัพท์ การเข้าใจ เรยี นรู้ ก
ท ๑.๑ ม. ๒/๘ ก
ในโคลงภาพพระราชพงศาวดาร (K) ความหมายของ คาศพั ท์ใน เก
โคลงภาพ
๒. ค้นหาคาศพั ท์ทม่ี ีความหมาย คาศพั ท์จะทาให้ พระราช
พงศาวดาร
เดียวกนั (P) อ่านออกเสยี งได้

๓. เขยี นคาศัพท์ในโคลงภาพ ถกู ตอ้ งและยัง

พระราชพงศาวดาร (P) สามารถเขา้ ใจเรื่อง

๔. เหน็ ความสาคญั ของการเข้าใจ ทอี่ ่านได้

ความหมายของคาศพั ทเ์ พือ่ จะ

นาไปใชใ้ นการอ่านวรรณคดี (A)

ท ๑.๑ ม. ๒/๑ ๑. อธบิ ายหลกั การอา่ นออกเสยี ง การอา่ นออกเสยี ง การอา่ นออก ก
ท ๑.๑ ม. ๒/๘ บทรอ้ ยกรอง (K) บทรอ้ ยกรองเปน็ เสียงบทรอ้ ย ก
๒. อ่านออกเสียงโคลงสี่สุภาพ (P) การสอ่ื สารโดยการ กรอง
๓. เห็นความสาคญั ของการอา่ น ใชเ้ สยี งถ่ายทอด
ออกเสียงบทร้อยกรองและมี อารมณ์ความรู้สกึ

หนว่ ยการเรียนรู้ ป

รหัสวชิ า ท๒๒๑๐๑
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒/๑ – ๒/๑๕
เวลา ๑๕ ชั่วโมง คะแนนเต็ม ๑๕ คะแนน

วธิ กี ารสอน วิธีการวัดผล เคร่อื งมอื การวัดผล ส่อื และ ชนิ้ งาน
ภาระงาน
กระบวนการ ๑) สงั เกตพฤตกิ รรม ๑) แบบสงั เกต แหล่งเรียนรู้
กลมุ่ และ ของนกั เรยี นในการ พฤตกิ รรมการเขา้ ร่วม ภาพอาวุธ
กม เขา้ รว่ มกจิ กรรม กิจกรรม บคุ คล และ
๒) สังเกตพฤตกิ รรม ๒) แบบสังเกต สถานที่สาคญั
ของนกั เรียนในการ พฤติกรรมการเขา้ รว่ ม
เข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม กิจกรรมกลมุ่
๓) ตรวจผลงานของ
นกั เรียน

กระบวนการ ๑) สังเกตพฤติกรรม ๑) แบบสังเกต ๑. แถบ การอา่ นออก
กลุ่ม ของนักเรียนในการ พฤติกรรมการเข้ารว่ ม บันทกึ เสยี ง เสยี งโคลงภาพ
เขา้ ร่วมกจิ กรรม กิจกรรม ๒. ฉลาก พระราช
๒) สงั เกตพฤตกิ รรม ๒) แบบสงั เกต พงศาวดาร
ของนักเรียนในการ พฤติกรรมการเข้าร่วม

รหัสตัวชี้วดั จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระสาคัญ สาระการ
เรียนรู้
ไปยังผ้ฟู ง๎ และยัง
มารยาทในการอา่ น (A) เปน็ การอนุรกั ษ์
วัฒนธรรมทาง
ภาษาอย่างหน่ึงของ
ไทยที่เยาวชนไทย
ควรรกั ษาใหค้ งอยู่
ตอ่ ไป

ท ๑.๑ ม. ๒/๒ ๑. อธบิ ายหลักการอา่ นจับใจความ การอา่ นจับใจความ การอา่ นจบั ก
ท ๑.๑ ม. ๒/๘ การสรุปความ และการอธิบาย สรปุ ความ และ ใจความ ต
รายละเอยี ดจากเร่อื งทอ่ี ่าน (K) อธิบายรายละเอียด
๒. จบั ใจความ สรุปความ และ จากเรือ่ งทอี่ า่ น เปน็
อธิบายรายละเอยี ดจากเร่ืองทอ่ี า่ น สง่ิ สาคญั ทจ่ี ะทาให้
(P) การอ่านมี
๓. เหน็ ความสาคญั ของการอา่ น ประสทิ ธภิ าพและ
และมมี ารยาทในการอา่ น (A) เป็นพน้ื ฐาน
การอ่านในระดบั
ทย่ี ากขึ้น

ท ๑.๑ ม. ๒/๔ ๑. อธิบายหลักการอภิปรายแสดง การอภิปรายแสดง การอภิปราย ก
ท ๑.๑ ม. ๒/๘ ความคิดเหน็ และข้อโต้แยง้ เก่ียวกับ ความคดิ เหน็ และ เกี่ยวกับเรอื่ งท่ี แ



วธิ กี ารสอน วิธีการวดั ผล เครอื่ งมอื การวดั ผล สอ่ื และ ชิน้ งาน
แหลง่ เรยี นรู้ ภาระงาน
เข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม กิจกรรมกลมุ่
๓) ตรวจผลงานของ
นักเรียน

กระบวนการ ๑) สงั เกตพฤติกรรม ๑) แบบสงั เกต แถบขอ้ ความ
ตง้ั คาถาม ของนกั เรียนในการ พฤติกรรมการเขา้ รว่ ม
เข้ารว่ มกจิ กรรม กจิ กรรม
๒) สงั เกตพฤตกิ รรม ๒) แบบสังเกต
ของนักเรยี นในการ พฤติกรรมการเข้าร่วม
เขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ กจิ กรรมกลุ่ม
๓) ตรวจผลงานของ
นักเรยี น

การอภิปราย ๑) สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม หนงั สือ
และแสดง ของนักเรยี นในการ การเข้าร่วมกจิ กรรม หนังสอื พมิ พ์

รหัสตัวชี้วดั จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระสาคญั สาระการ
เรยี นรู้

เร่ืองที่อ่าน (K) ขอ้ โต้แย้งเก่ียวกับ อ่าน ค

๒. อภิปรายแสดงความคิดเห็นและ เรอื่ งทอ่ี า่ น ควรเปน็

ขอ้ โตแ้ ยง้ เกีย่ วกับเร่ืองทอ่ี ่าน (P) การแสดงความคิด

๓. เห็นความสาคัญของการ เห็นทปี่ ระกอบด้วย

อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับ เหตผุ ลทถ่ี กู ตอ้ ง มี

เรอ่ื งทอี่ ่านและมีมารยาทในการ คุณธรรม ก่อให้เกดิ

อ่าน (A) ประโยชน์ตอ่ ผูร้ บั

สารและสังคม

ไมก่ ่อให้เกดิ

ความขดั แย้ง

ท ๑.๑ ม. ๒/๒ ๑. สรปุ หลักการอา่ นจับใจความ การอ่านจับใจความ ก
ท ๑.๑ ม. ๒/๔ การสรุปความ การอธบิ าย สรปุ ความ อธิบาย การอ่านจบั ส
ท ๑.๑ ม. ๒/๘ รายละเอียด และการอภปิ ราย รายละเอยี ด และ ใจความ สรุป ต
ท ๕.๑ ม. ๒/๑ แสดงความคิดเห็น (K) แสดงความคิดเหน็ ความ อธิบาย
๒. สรปุ ความและอธบิ าย เปน็ ส่ิงสาคญั ท่ีจะ รายละเอยี ด
รายละเอียดจากการอา่ นโคลง ทาใหก้ ารอา่ น และแสดง
พระสรุ โิ ยทยั ขาดคอช้าง (P) มปี ระสทิ ธิภาพ ความคดิ เห็น
๓. จบั ใจความสาคัญจากการอ่าน และเป็นพ้ืนฐาน
โคลงพระสุริโยทัยขาดคอช้าง (P) การอ่านในระดับท่ี
๔. แสดงความคิดเหน็ จากการอ่าน ยากขน้ึ



วธิ ีการสอน วิธีการวัดผล เครื่องมือการวัดผล สอ่ื และ ชิ้นงาน
ภาระงาน
ความคิดเห็น เข้าร่วมกจิ กรรม แหลง่ เรียนรู้
๒) ตรวจผลงานของ นิตยสาร
นักเรยี น อนิ เทอรเ์ นต็
หรอื สอื่ อน่ื ๆ

กระบวนการ ๑) สงั เกตพฤตกิ รรม ๑) แบบสงั เกต หนงั สอื ช้นิ งาน เรื่อง
สร้างความ ของนักเรียนในการ พฤติกรรมการเข้ารว่ ม การอ่านจับ
ตระหนกั เข้าร่วมกจิ กรรม กจิ กรรม ใจความและ
๒) สังเกตพฤติกรรม ๒) แบบสังเกต แสดงความ
ของนักเรยี นในการ พฤติกรรมการเข้าร่วม คิดเหน็ จาก
เขา้ ร่วมกิจกรรมกล่มุ กจิ กรรมกลมุ่ โคลงภาพพระ
๓) ตรวจช้นิ งานท่ี ราชพงศาวดาร
(ข้อ ๑)

รหัสตวั ชี้วัด จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระสาคญั สาระการ
เรียนรู้

โคลงพระสรุ ิโยทยั ขาดคอช้าง (P)
๕. เห็นความสาคญั ของการอ่านจบั
ใจความ การสรปุ ความ การอธิบาย
รายละเอียดการแสดงความคิดเหน็
และมีมารยาทในการอา่ น (A)

ท ๑.๑ ม. ๒/๒ ๑. สรปุ หลักการอ่านจับใจความ การอ่านจับใจความ การอ่านจบั ก
ท ๑.๑ ม. ๒/๔ การสรปุ ความ การอธิบาย สรุปความ อธบิ าย ใจความ สรุป แ
ท ๑.๑ ม. ๒/๘ รายละเอียด และการอภิปราย รายละเอยี ด และ ความ อธิบาย ค
ท ๕.๑ ม. ๒/๑ แสดงความคิดเหน็ (K) แสดงความคิดเหน็ รายละเอยี ด
๒. สรุปความและอธิบาย เปน็ สง่ิ สาคญั ที่ และแสดง
รายละเอยี ดจากการอ่านโคลง จะทาใหก้ ารอา่ น ความคดิ เหน็
พันท้ายนรสิงห์ถวายชวี ติ (K) มีประสทิ ธิภาพ
๓. จบั ใจความสาคญั จากการอา่ น และเปน็ พื้นฐาน
โคลงพนั ทา้ ยนรสิงหถ์ วายชวี ติ (P) การอา่ นในระดับที่
๔. แสดงความคดิ เห็นจากการอ่าน ยากขึน้
โคลงพนั ทา้ ยนรสงิ ห์ถวายชีวิต (P)
๕. เห็นความสาคัญของการอา่ น
จบั ใจความ การสรปุ ความ การ
อธบิ ายรายละเอยี ด การแสดงความ
คดิ เหน็ และมีมารยาทในการอ่าน



วิธกี ารสอน วิธกี ารวัดผล เครอ่ื งมอื การวัดผล สือ่ และ ชิ้นงาน
แหลง่ เรียนรู้ ภาระงาน

การอภิปราย ๑) สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ภาพ ชิ้นงาน เรอื่ ง
และแสดง ของนักเรียนในการ การเข้ารว่ มกิจกรรม การอา่ นจับ
ความคดิ เหน็ เขา้ รว่ มกจิ กรรม ใจความและ
๒) ตรวจชน้ิ งาน แสดงความ
คดิ เห็นจาก
โคลงภาพพระ
ราชพงศาวดาร
(ขอ้ ๒)

รหสั ตวั ชี้วดั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระสาคญั สาระการ
เรยี นรู้
ท ๑.๑ ม. ๒/๗ (A)
ท ๕.๑ ม. ๒/๒ คณุ ค่าของ
ท ๕.๑ ม. ๒/๓ ๑. อธบิ ายหลักการพจิ ารณาคุณค่า การอ่านมี วรรณคดแี ละ ก
ท ๕.๑ ม. ๒/๔ วรรณกรรม ก
ของวรรณคดแี ละวรรณกรรม (K) ความสาคญั และจะ

๒. วเิ คราะหค์ ุณคา่ ของโคลงภาพ เกิดประโยชน์เม่ือ

พระราชพงศาวดาร (P) ผูอ้ า่ นสามารถ

๓. สังเคราะห์สรุปความรแู้ ละข้อคิด ประเมินคณุ คา่ หรือ

จากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร แนวคิดท่ีได้

(P) จากการอ่านและ

๔. เห็นคุณคา่ ของโคลงภาพพระ นาไปใชใ้ นการ

ราชพงศาวดาร (A) ดาเนนิ ชีวิต

ท ๔.๑ ม. ๒/๔ ๑. บอกความหมายคาราชาศพั ท์ สังคมไทยมบี คุ คล คาราชาศพั ท์ ก
(K) ซึง่ อยใู่ นฐานะ ก
๒. อธบิ ายหลักการใช้คาราชาศัพท์ แตกต่างกนั และ แ
(K) มคี ่านิยมใน ค
๓. วเิ คราะหช์ นิดของคาราชาศพั ท์ การเคารพผ้อู าวุโส
(P) เราจึงต้องเข้าใจ
๔. เห็นความสาคญั ของการเรยี นรู้ ความหมายของคา
คาราชาศพั ท์ (A) ราชาศพั ท์และใช้ให้
ถกู ตอ้ งเพ่ือแสดง
การยกยอ่ ง และยงั



วิธีการสอน วิธีการวดั ผล เครอ่ื งมือการวดั ผล สือ่ และ ชิน้ งาน
แหล่งเรยี นรู้ ภาระงาน

กระบวนการ ๑) สังเกตพฤตกิ รรม ๑) แบบสังเกต ๑.ฉลาก ใบงาน เรือ่ ง
กลุ่ม ของนกั เรยี นในการ พฤติกรรมการเข้ารว่ ม ๒.ใบงาน การประเมนิ
เขา้ รว่ มกิจกรรม กิจกรรม คุณค่าและ
๒) สงั เกตพฤติกรรม ๒) แบบสังเกต แนวคิดจากการ
ของนักเรียนในการ พฤติกรรมการเขา้ ร่วม อ่าน
เข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ กิจกรรมกลุ่ม
๓) ตรวจใบงาน

กระบวนการ ๑) สงั เกตพฤตกิ รรม ๑) แบบสงั เกต ๑. ฉลาก
กลุ่มและร่วม ของนกั เรยี นในการ พฤติกรรมการเข้ารว่ ม ๒.หนงั สือ
แสดงความ เข้าร่วมกจิ กรรม กิจกรรม ๓.หอ้ งสมุด
คดิ เห็น ๒) สงั เกตพฤตกิ รรม ๒) แบบสงั เกต
ของนักเรยี นในการ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ ม
เขา้ รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม กิจกรรมกลมุ่

รหสั ตัวชี้วัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระสาคัญ สาระการ
เรยี นรู้
เปน็ การอนุรักษ์
วฒั นธรรมทาง
ภาษาให้คงอยตู่ อ่ ไป

ท ๔.๑ ม. ๒/๔ ๑. สรปุ หลักการใชค้ าราชาศพั ท์ (K) ในชีวิตประจาวนั คาราชาศพั ท์ ก
๒. ใช้คาราชาศัพท์ (P) เราตอ้ งใชค้ าราชา อ
๓. เห็นความสาคัญของการใช้ ศัพท์อยเู่ สมอจึง แ
คาราชาศพั ทอ์ ยา่ งถูกตอ้ ง (A) ตอ้ งเรยี นรู้และใช้ ค
ใหถ้ กู ต้อง

ท ๕.๑ ม. ๒/๕ ๑. ทอ่ งจาบทร้อยกรองตาม การท่องจาบทรอ้ ย บทรอ้ ยกรองที่ เก

ความสนใจ (K) กรองท่ีมีคณุ คา่ ชว่ ย มคี ุณค่า

๒. วเิ คราะหค์ ุณค่าบทร้อยกรอง (P) จรรโลงใจและทาให้

๓. เห็นคุณค่าของการทอ่ งจาบท มขี ้อคิดเตอื นใจ

ร้อยกรอง (A)

ท ๒.๑ ม. ๒/๒ ๑.อธิบายลักษณะการเขยี นแบบ การเขยี นพรรณนา การเขยี น ร
ท ๒.๑ ม. ๒/๘ พรรณนา (K)
เป็นการเพ่ิม พรรณนา
๒. วิเคราะห์งานเขียนแบบ
รายละเอียดของ



วิธีการสอน วธิ ีการวัดผล เคร่อื งมอื การวัดผล สอ่ื และ ชิน้ งาน
แหลง่ เรียนรู้ ภาระงาน

กระบวนการ ๑) สังเกตพฤติกรรม ๑) แบบสังเกต ภาพ
อภปิ ราย และ ของนักเรยี นในการ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ ม
แลกเปล่ยี น เข้าร่วมกจิ กรรม กิจกรรม
ความรู้ ๒) สังเกตพฤตกิ รรม ๒) แบบสงั เกต
ของนักเรยี นในการ พฤตกิ รรมการเข้าร่วม
เขา้ ร่วมกิจกรรมกลุม่ กิจกรรมกลุม่

กม ๑) สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม เก้าอี้
ของนักเรยี นในการ การเขา้ รว่ มกิจกรรม
เขา้ ร่วมกจิ กรรม
๒) ตรวจผลงานของ
นกั เรยี น

รว่ มมือ ๑) สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ๑. แถบ

ของนกั เรียนในการ การเขา้ ร่วมกิจกรรม ข้อความ

เข้ารว่ มกจิ กรรม ๒. ธรรมชาติ

รหสั ตัวช้ีวัด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระสาคญั สาระการ
เรยี นรู้

พรรณนา (P) เรื่องให้นา่ อ่าน

๓. เขียนความเรียงแบบพรรณนา เลอื กใช้ถอ้ ยคาให้

(P) สละสลวยและใช้

๔. เห็นความสาคญั ของการเขยี น การเปรียบเทียบ

พรรณนาและมมี ารยาทในการเขียน เพ่อื ให้ผูอ้ ่านเกดิ

(A) ภาพพจน์

ท ๒.๑ ม. ๒/๒ ๑. สรปุ หลักการเขยี นพรรณนา (K) การเขยี นพรรณนา การเขยี น ก
ท ๒.๑ ม. ๒/๘ พรรณนา ป
๒. เขียนความเรียงแบบพรรณนา ทาให้ผเู้ ขียนได้

โวหาร (P) พฒั นาการใช้ภาษา

๓. เหน็ ความสาคัญของการเขียน ให้สละสลวย และ

พรรณนาและมีมารยาทในการเขยี น ผูอ้ า่ นได้รบั อรรถรส

(A) ในการอา่ น

ท ๓.๑ ม. ๒/๑ ๑. อธบิ ายหลกั การพดู สรปุ ความ การพดู สรปุ ความ การพูดสรุป ก
ท ๓.๑ ม. ๒/๖ จากเร่อื งท่ีฟง๎ และดู (K) จากเรือ่ งทฟี่ ง๎ และดู ความจากเรอ่ื ง ก
๒. พดู สรุปความจากเร่อื งท่ีฟง๎ เป็นการส่งสารท่ี ทีฟ่ ง๎ และดู เพ
และดู (P) ต้องสรปุ สาระ เพ
๓. เห็นความสาคัญของการพูดสรปุ สาคัญของสง่ิ ที่ฟง๎
ความจากเร่อื งท่ีฟง๎ และดู และมี และดกู ารพูดต้องมี



วธิ กี ารสอน วิธีการวดั ผล เคร่อื งมอื การวดั ผล ส่ือและ ช้นิ งาน
แหล่งเรียนรู้ ภาระงาน
๒) ตรวจผลงานของ
นกั เรยี น นอกหอ้ งเรียน

กระบวนการ ๑) สังเกตพฤติกรรม ๑) แบบสังเกต ภาพ ช้นิ งาน เรื่อง
ปฏบิ ัติ ของนักเรยี นในการ พฤติกรรมการเขา้ รว่ ม การเขยี น
เขา้ รว่ มกจิ กรรม กิจกรรม พรรณนา
๒) สงั เกตพฤตกิ รรม ๒) แบบสงั เกต
ของนกั เรียนในการ พฤติกรรมการเข้าร่วม
เข้าร่วมกิจกรรมกลุม่ กจิ กรรมกล่มุ
๓) ตรวจชน้ิ งาน

กระบวนการ ๑) สงั เกตพฤตกิ รรม ๑) แบบสงั เกต หนงั สือ
กล่มุ และ ของนักเรยี นในการ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ ม
พื่อนช่วย เข้าร่วมกจิ กรรม กจิ กรรม
พ่อื น ๒) สังเกตพฤติกรรม ๒) แบบสังเกต
ของนกั เรยี นในการ พฤติกรรมการเข้าร่วม
เขา้ ร่วมกิจกรรมกลุ่ม กจิ กรรมกลมุ่

รหสั ตัวชี้วัด จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระสาคัญ สาระการ
เรียนรู้
เนอ้ื หาตาม
มารยาทในการฟง๎ การดู และการ ข้อเทจ็ จรงิ ใช้ภาษา
พดู (A) ทเี่ ขา้ ใจง่าย และ
อ้างองิ แหล่งทีม่ าให้
ชดั เจนจะทาใหก้ าร
พูดสรปุ ความ เกิด
ประโยชน์ทั้งต่อผู้
พดู และผูฟ้ ๎ง

ท ๓.๑ ม. ๒/๓ ๑. อธิบายหลักการพูดวิเคราะห์ การพูดวิเคราะห์ การพูด เพ
ท ๓.๑ ม. ๒/๖ และวจิ ารณจ์ ากเร่อื งทฟ่ี ๎งและดู (K) และวิจารณ์จาก วเิ คราะหแ์ ละ เพ
๒. พดู วเิ คราะหแ์ ละวจิ ารณ์จาก เร่ืองทฟี่ ง๎ และดเู ป็น วจิ ารณจ์ าก
เรอ่ื งที่ฟง๎ และดู (P) การพดู ทตี่ อ้ ง เรอ่ื งทีฟ่ ๎งและ
๓. เหน็ ความสาคัญของการพูด วิเคราะห์ขอ้ มลู และ ดู
วเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์จากเร่อื งท่ฟี ง๎ แสดงความคิดเหน็
และดู และมีมารยาทในการฟ๎ง การ อย่างมีเหตผุ ล
ดู และการพดู (A) นาเสนอสิง่ ที่
วเิ คราะห์แลว้
ออกมาเป็นถ้อยคา
ทท่ี าใหผ้ ู้ฟ๎งเกิด
ความรคู้ วามคิด



วิธกี ารสอน วิธีการวดั ผล เครือ่ งมือการวัดผล สอ่ื และ ชิ้นงาน
แหล่งเรียนรู้ ภาระงาน

พื่อนช่วย ๑) สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม รายการ การพดู
พ่อื น ของนักเรียนในการ การเข้าร่วมกจิ กรรม โทรทัศน์ วเิ คราะห์และ
เข้ารว่ มกจิ กรรม วจิ ารณ์
๒) ตรวจผลงานของ
นกั เรยี น

รหสั ตัวช้ีวัด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระสาคัญ สาระการ
ท ๕.๑ ม. ๒/๔ เรยี นรู้
๑. อธบิ ายข้อมูลท่ีได้จากการศึกษา
และสืบคน้ แหลง่ ขอ้ มูลต่าง ๆ (K) การศกึ ษาโคลงภาพ หลักฐานทาง ก
๒. ศึกษาและสืบคน้ ขอ้ มูลตาม แ
วตั ถปุ ระสงค์ (P) พระราชพงศาวดาร ประวัติศาสตร์ ก
๓. กระตอื รือร้นในการแสวงหา ป
ความรู้ (A) เพ่ือให้เห็นคุณคา่

ของวรรณคดี

ปลูกฝง๎ ความรกั

ชาตแิ ละสร้าง

แรงจูงใจทจ่ี ะ

แสวงหาความรู้

เพิ่มเติมเกี่ยวกับ

ประวัติศาสตรไ์ ทย



วิธีการสอน วิธีการวัดผล เครื่องมือการวัดผล ส่ือและ ช้ินงาน

การบรรยาย ๑) สังเกตพฤตกิ รรม ๑) แบบสงั เกต แหลง่ เรียนรู้ ภาระงาน
และ ของนักเรยี นในการ พฤติกรรมการเขา้ รว่ ม
กระบวนการ เขา้ ร่วมกิจกรรม กจิ กรรม ๑. หลกั ฐาน บตั รข้อมลู
ปฏบิ ตั ิ ๒) สังเกตพฤติกรรม ๒) แบบสงั เกต ทาง
ของนักเรียนในการ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ ม ประวตั ศิ าสตร์
เข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ กจิ กรรมกลุม่
๓) ตรวจผลงานของ ๒.อินเทอร์เนต็
นักเรยี น



สมรรถนะสาคญั
๑.ความสามารถในการส่ือสาร
- ทักษะการอ่าน
- ทักษะการเขียน
- ทกั ษะการฟง๎ การดู และการพูด
๒.ความสามารถในการคิด
- การจาแนก
- การให้เหตผุ ล
- การวเิ คราะห์
- การสงั เคราะห์
- การจัดระบบความคิดเปน็ แผนภาพ
- การประยุกต์/การปรบั ปรุง
- การสรุปความรู้
- การประเมินค่า
๓. ความสามารถในการแกป้ ๎ญหา
๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
๕.ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
ใฝเุ รยี นรู้
ตัวชวี้ ดั ท่ี ๔.๑ ต้ังใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรู้
ตัวช้ีวัดที่ ๔.๒ แสวงหาความรจู้ ากแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี นดว้ ยการ
เลือกใช้ส่ืออย่างเหมาะสม บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ สรปุ เปน็ องคค์ วามรู้ สามารถนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ได้
มงุ่ มน่ั ในการทางาน
ตัวชี้วัดที่ ๖.๑ ต้งั ใจและรับผิดชอบในการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ีการงาน
ตัวชวี้ ัดท่ี ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพือ่ ใหง้ านสาเร็จตามเปูาหมาย
รกั ความเปน็ ไทย
ตัวช้วี ัดท่ี ๗.๒ เห็นคุณค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่อื สารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

การออกแบบห
รายวิชาภาษาไทย
กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย
ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ สามคั คีเสวกตอนวศิ วกรรมา และ สามคั คีเสวก

รหสั ตวั ช้ีวัด จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระสาคัญ สาระกา

ท ๑.๑ ม. ๒/ ๑. บอกคาอ่านและ การเขา้ ใจความหมายของคาศพั ท์ เรยี นร
๑ ความหมายของคาศพั ทใ์ นบท จะทาให้อ่านออกเสยี งไดถ้ กู ต้อง
ท ๑.๑ ม. ๒/ เสภาสามคั คเี สวก (K) และสรุปความเรือ่ งท่ีอา่ นได้ ๑. คาศัพ
๒ ๒. สรุปความบทเสภาสามคั คี ในบทเสภ
ท ๑.๑ ม. ๒/ เสวก (K) สามัคคเี ส
๘ ๓. อา่ นออกเสียงบทเสภา ๒. การอ่า
สามัคคีเสวก (P) ออกเสยี งบ
๔. เห็นความสาคญั ของการ รอ้ ยกรอง
อา่ นอย่างเขา้ ใจและมีมารยาท
ในการอา่ น (A)

ท ๒.๑ ม. ๒/ ๑. อธบิ ายหลักการคดั ลายมอื การเขยี นดว้ ยลายมอื ต้องเขียนตัว การคัดลา
๑ (K) บรรจง เขยี นใหถ้ ูกต้อง สวยงาม
ท ๒.๑ ม. ๒/ ๒. คดั ลายมอื ตวั บรรจงครึง่ และอ่านง่าย เพราะจะทาให้การ
๘ บรรทดั (P) สอ่ื สารสัมฤทธผิ ล

หน่วยการเรยี นรู้ ว

รหัสวชิ า ท๒๒๑๐๑
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒/๑ – ๒/๑๕
เวลา ๑๖ ชัว่ โมง คะแนนเต็ม ๑๕ คะแนน

าร วิธกี ารสอน วิธกี ารวัดผล เครือ่ งมอื การ ส่อื และ ช้นิ งาน
รู้ วดั ผล แหลง่ เรยี นรู้ ภาระงาน

พท์ การตง้ั คาถาม ๑) สงั เกต แบบสงั เกต ๑.บัตรคา การอา่ นออก

ภา พฤติกรรมของ พฤตกิ รรมการเข้า ๒.แถบ เสยี งบท

สวก นักเรยี นในการเข้า ร่วมกิจกรรม ขอ้ ความ เสภาสามัคคี

าน รว่ มกจิ กรรม ๓.แถบ เสวก

บท ๒) ตรวจผลงาน บนั ทึกเสียง

ง ของนกั เรียน

แบบสังเกต เพลง

พฤติกรรมการเขา้

รว่ มกจิ กรรม

ายมอื การอภิปราย ๑) สงั เกต ใบงาน เรอื่ ง
และแสดง พฤติกรรมของ การคัด
ความคิดเห็น นกั เรยี นใน ลายมอื
การเข้าร่วม

รหสั ตวั ช้ีวัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระสาคญั สาระกา
เรียนร
๓. เห็นคณุ ค่าของการมลี ายมือ
ทสี่ วยงามและมีมารยาทในการ
เขียน (A)

ท ๕.๑ ม. ๒/ ๑. ทอ่ งจาบทอาขยานตามที่ บทอาขยานช่วยจรรโลงใจและให้ บทเสภา
๕ กาหนด (K) ข้อคดิ การท่องจาบทอาขยานทา สามัคคีเส
๒. แสดงความคดิ เหน็ จาก ให้จิตใจเบกิ บาน เปน็ เครอื่ ง
บทอาขยานอย่างสร้างสรรค์ เตือนใจ และสามารถนาไปใช้ ตอนวศิ วก
(P) อ้างองิ ในการส่อื สารได้ มา
๓. เห็นคุณค่าของบทอาขยาน
(A)

าร วิธีการสอน วิธกี ารวดั ผล ศ
รู้
เคร่อื งมอื การ สอื่ และ ช้ินงาน
วดั ผล แหลง่ เรยี นรู้ ภาระงาน

กจิ กรรม

๒) ตรวจใบงาน

กระบวนการ ๑) สังเกต การทอ่ งจา
สวก สรา้ งความคิด พฤตกิ รรมของ บทอาขยาน
กรร รวบยอด นกั เรียนในการเขา้ จากบทเสภา
สามัคคเี สวก
ร่วมกจิ กรรม ตอน
๒) สังเกต วิศวกรรมา
พฤติกรรมของ
นักเรียนในการเข้า
รว่ มกจิ กรรมกลมุ่
๓) ตรวจผลงาน
ของนักเรยี น

รหัสตวั ชี้วัด จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระสาคญั สาระกา

ท ๑.๑ ม. ๒/ ๑. อธบิ ายรูปแบบและการใช้ การเขียนผัง เรยี นร
๓ ผังความคดิ (K) ความคดิ จาก การเขยี นผ
ท ๕.๑ ม. ๒/ ๒. เขียนผงั ความคดิ จากเรือ่ งท่ี ขอ้ ความยาว ๆ ความคดิ จ
๑ อา่ น (P) หรอื ขอ้ ความท่เี ข้าใจยากจะชว่ ย เรือ่ งทอ่ี า่ น
๓. เหน็ ความสาคญั ของการ จัดลาดับความคิดทาให้จดจาได้
เขียนผงั ความคิดเพอื่ สรุปความ ง่ายและเข้าใจดขี น้ึ
เรือ่ งทอี่ า่ น (A)

ท ๑.๑ ม. ๒/ ๑. อธบิ ายรูปแบบและการใช้ ผงั ความคดิ มีหลายรูปแบบ แต่ละ การเขียนผ
๓ แผนภาพโครงเร่อื ง (K) รูปแบบเหมาะสาหรบั จัดขอ้ มลู ความคิดจ
ท ๕.๑ ม. ๒/ ๒. เขยี นแผนภาพโครงเรอ่ื ง แตกต่างกนั ต้องเลือกใช้ให้ เร่ืองที่อา่ น
๑ จากวรรณกรรมที่อ่าน (P) เหมาะสมกับขอ้ มูลจะทาให้จัด
๓. เขยี นผงั ความคิดเพ่ือสรุป ความคิดไดเ้ ปน็ ระบบท่ีชดั เจนข้นึ
เนอื้ หาจากการอา่ นบทเสภา
สามคั คีเสวก (P)
๔. เหน็ ความสาคัญของการ
เขียนผงั ความคิดเพอื่ สรปุ ความ
เรื่องท่ีอ่าน (A)



าร วธิ ีการสอน วิธีการวดั ผล เคร่ืองมือการ ส่อื และ ชนิ้ งาน
รู้ วดั ผล แหล่งเรียนรู้ ภาระงาน

ผงั แผนผัง ๑) สังเกต ๑) แบบสังเกต ๑.แถบ ชิ้นงาน เรอื่ ง

จาก ความคดิ พฤตกิ รรมของ พฤตกิ รรมการเขา้ ขอ้ ความ การเขียนผงั

น นักเรียนในการเข้า รว่ มกจิ กรรม ๒.ผังความคิด ความคิดสรปุ

รว่ มกิจกรรม ๒) แบบสงั เกต ๓.ใบความรู้ เนอื้ หาจาก

๒) สังเกต พฤติกรรมการเข้า ๔.งานเขยี น บทเสภา

พฤติกรรมของ ร่วมกจิ กรรมกลมุ่ ประเภทสาร สามคั คเี สวก

นกั เรียนในการเข้า คดี

รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ ๕.กระดาษ

๓) ตรวจผลงาน ชารต์ และ

ของนกั เรียน ปากกาเคมี

ผงั นิรนยั ๑) สังเกต ๑) แบบสงั เกต ๑.วรรณกรรม ใบงาน เรือ่ ง
จาก พฤตกิ รรมของ พฤตกิ รรมการเข้า ๒.กระดาษ การสรปุ
น นกั เรียนในการเข้า ร่วมกจิ กรรม ชาร์ตและ ความรู้และ
ร่วมกจิ กรรม ๒) แบบสังเกต ปากกาเคมี ขอ้ คิดจาก
๒) สงั เกต พฤตกิ รรมการเข้า
พฤตกิ รรมของ ร่วมกจิ กรรมกลุ่ม บทเสภา
นักเรยี นในการเข้า สามัคคีเสวก
ร่วมกจิ กรรมกลมุ่
๓) ตรวจชนิ้ งาน

รหัสตวั ช้ีวดั จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระสาคญั สาระกา

ท ๕.๑ ม. ๒/ ๑. สรปุ ความรจู้ ากการอา่ นบท การสรุปความร้แู ละการนาขอ้ คิด เรียนร
๔ เสภาสามคั คีเสวก (K) ที่ไดจ้ ากการ อ่านไปประยุกต์ใช้
๒. วเิ คราะหข์ ้อคดิ จากการ ในชวี ิตจริงจะทาให้การอ่าน ความรู้แล
อา่ นบทเสภาสามัคคเี สวก (P) วรรณคดเี รื่องนน้ั ๆ เกดิ ขอ้ คดิ จาก
๓. เสนอแนวทางการนาขอ้ คิด ประโยชน์ในการใช้ดาเนินชีวติ อ่านบทเส
จากบทเสภาสามัคคเี สวกไปใช้ และรูจ้ ักแก้ปญ๎ หาทีเ่ กดิ ขึ้น สามคั คเี ส
ในชวี ติ จรงิ (P)
๔. เหน็ ความสาคญั ของการ
สรปุ ความรแู้ ละข้อคดิ จากการ
อา่ นไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ
(A)

ท ๔.๑ ม. ๒/ ๑. อธิบายแผนผังกลอนสุภาพ บทร้อยกรองไทยทไี่ พเราะ เพราะ ๑) แผนผัง
๓ (K)
๒. อธบิ ายลักษณะคาสมั ผัส มีคาสมั ผัส กลอนสุภา
ของ
บทร้อยกรอง (K) ๒) คาสัมผ
๓. เขยี นคาสมั ผัสสระและ
สมั ผสั พยัญชนะ (P) ของบทรอ้
๔. เห็นความสาคญั ของคา
กรอง



าร วิธกี ารสอน วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมือการ สือ่ และ ช้นิ งาน
รู้ แหล่งเรียนรู้ ภาระงาน
๑) สงั เกต วดั ผล
ละ กระบวนการ พฤติกรรมของ ๑.ฉลาก
นกั เรยี นในการเข้า ๑) แบบสังเกต ๒.ใบงาน
กการ กลุม่ ร่วมกจิ กรรม พฤตกิ รรมการเขา้
๒) สงั เกต ร่วมกจิ กรรม
สภา พฤติกรรมของ ๒) แบบสงั เกต
นักเรียนในการเข้า พฤตกิ รรมการเขา้
สวก รว่ มกิจกรรมกล่มุ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม
๓) ตรวจใบงาน

ง เกม ๑) สังเกต ๑) แบบสังเกต ๑.บทรอ้ ย ชิน้ งาน เรอ่ื ง
าพ พฤติกรรมของ พฤติกรรมการเข้า กรอง การแตง่
ผัส นกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒.บตั รคา กลอนสภุ าพ
อย รว่ มกิจกรรม ๒) แบบสงั เกต
๒) สงั เกต พฤตกิ รรมการเข้า
พฤตกิ รรมของ รว่ มกิจกรรมกลมุ่
นักเรียนในการเขา้
รว่ มกจิ กรรมกลุ่ม


Click to View FlipBook Version