489
นายมนั่ โกรธนายทองที่ชอบกลน่ั แกลง้ ดว้ ยการชกต่อยตนเป็นประจา นายมนั่ ไมก่ ลา้ สู้นายทอง
จึงไปฟ้องนายเหลืองเพ่ือนของนายมน่ั และบอกนายเหลืองวา่ “ช่วยส่งั สอนไอท้ องใหห้ น่อย” นาย
เหลืองไดย้ นิ เช่นน้นั จึงพยกั หนา้ แลว้ ไปดกั ซุ่มเพ่ือรอทาร้ายนายทอง ก่อนท่ีนายทองจะมาถึง นาย
เหลืองเห็นกระเป๋ าใส่เงินของนายทองวางอยจู่ ึงหยบิ เอามาเป็นของตน เม่ือนายทองเดินมาถึง นาย
เหลืองจึงตรงเขา้ ไปชกหนา้ นายทองหลายคร้ัง นายทองถูกชกจนโดนตาซา้ ยปิ ดบวมช้า ต่อมาอีก 6
วนั ตายน้นั บอดเพราะถูกชก
ใหว้ นิ ิจฉยั วา่ นายเหลืองและนายมน่ั มีความผิดฐานใดหรือไม่
คาตอบ
นายเหลืองมีความผิดฐานลกั ทรัพยข์ องนายทองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 การที่นาย
ทองลาบอร์เป็นผลโดยตรงและผลที่ตามธรรมดายอ่ มเกิดข้นึ ไดต้ ามมาตรา 63 จากการท่ีนายเหลือง
ชกไปท่ีใบหนา้ ของนายทองจนดวงตาซา้ ยของนายทองปิ ดบวมช้า นายเหลืองจึงมีความผดิ ฐานทา
ร้ายร่างกายนายทองเป็นเหตุใหไ้ ดร้ ับอนั ตรายสาหสั โดยไตร่ตรองไวก้ ่อนตามมาตรา 298 ประกอบ
มาตรา 297 (1) (เทียบคาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 116/2502)
การท่ีนายมนั่ บอกนายเหลืองวา่ “ช่วยส่ังสอนไอท้ องใหห้ น่อย” เป็นการใชน้ ายเหลืองใหไ้ ปทา
ร้ายร่างกายนายทองนน่ั เอง (คาพิพากษาฎีกาท่ี 4941/2528) เม่ือนายเหลืองไปทาร้ายร่างกายนาย
ทองตามท่ีนายมน่ั ใชแ้ ละนายเหลืองตอ้ งรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 298 ประกอบ
มาตรา 297 (1) ซ่ึงมีกาหนดโทษสูงข้นึ เพราะอาศยั ผลที่เกิดจากการกระทาความผิด นายมน่ั ผใู้ ชก้ ็
ตอ้ งรับผิดที่มีกาหนดโทษสูงข้นึ น้นั ดว้ ย ท้งั น้ี ตามมาตรา 87 วรรคสอง นายมนั่ จึงมีความผดิ ตาม
มาตรา 298 ประกอบมาตรา 297 (1) และมาตรา 84
นายมน่ั ไมม่ ีความผิดฐานเป็นผใู้ ชใ้ หน้ ายเหลืองกระทาความผิดฐานลกั ทรัพยข์ องนายทองตาม
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 ประกอบมาตรา 84 เพราะการที่นายเหลืองลกั ทรัพยน์ ายทองเป็น
การทาเกินขอบเขตท่ีนายมน่ั ใชแ้ ละโดยพฤติการณ์ นายมนั่ ไม่อาจเลง็ เห็นไดว้ า่ การท่ีนายเหลืองวา่
ใหช้ ่วยสัง่ สอนนายทอง นายเหลืองจะไปลกั ทรัพยน์ ายทองดว้ ย ท้งั น้ี ตามมาตรา 87 วรรคแรก
ข้อ 3 คาถาม
นายม่วงโกรธแคน้ นายฟ้าศตั รูของตน จะไปดกั สุ่มจะทาร้ายนายฟ้า เมื่อนายฟ้าเดินมา นายมว่ ง
ตรงเขา้ ใชไ้ มท้ ี่นาติดตวั มาตีนายฟ้าจนไดร้ ับอนั ตรายแก่กาย ระหวา่ งท่ีกาลงั ถูกตี นายฟ้าร้องบอก
นายมว่ งวา่ “กลวั แลว้ ๆ” นายมว่ งเกิดความสงสารจึงหยดุ ตี
เชา้ วนั รุ่งข้ึนนายมว่ งซ่ึงยงั ไมห่ ายโกรธนายฟ้าไดไ้ ปดกั ซุ่มรอนายฟ้าอีก โดยต้งั ใจจะใชท้ ่อนเหลก็
ขนาดใหญท่ ่ีนาติดตวั มาตีศีรษะนายฟ้าใหถ้ ึงแก่ความตาย เม่ือนายฟ้าเดินมา นายมว่ งแอบเขา้ ไป
ทางดา้ นหลงั ของนายฟ้าและเง้ือทอ่ นเหลก็ น้นั จะตีศีรษะนายฟ้าพร้อมกบั ร้องวา่ “ตายเสียเถอะ” แต่
490
เม่ือเหลือบไปเห็นพระสงฆก์ าลงั เดินมารับบิณฑบาตในบริเวณน้นั นายม่วงกลวั บาปจึงโยนท่อน
เหลก็ น้นั ทิง้ และว่งิ หนีกลบั ไปบา้ น
ใหว้ ินิจฉยวา่ นายม่วง จะมีความผิดเพียงใดหรือไม่
คาตอบ
การกระทาในคร้ังแรก นายมว่ งมีความผดิ ฐานทาร้ายร่างกายนายฟ้าโดยไตร่ตรองไวก้ ่อนตาม
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 296 ประกอบมาตรา 289 (4) อนั เป็นความผิดสาเร็จแลว้ นายมว่ ง
สงสารนายฟ้าดว้ ยการหยดุ ตี จึงไม่เป็นการยบั ย้งั เสียเองไมก่ ระทาการใหต้ ลอดตามมาตรา 82 ซ่ึง
จะตอ้ งเป็นกรณีที่มีการพยายามกระทาความผิดแลว้ แต่ผูก้ ระทายบั ย้งั เสียงเองไมก่ ระทาการให้
ตลอด การกระทาจึงไม่บรรลุผลเป็นความผดิ สาเร็จ ดงั น้นั นายมว่ งจึงไมไ่ ดร้ ับยกเวน้ โทษใน
ความผดิ ฐานทาร้ายร่างกายนายฟ้าโดยไตร่ตรองไวก้ ่อนตามมาตรา 296
การกระทาในคร้ังหลงั นายมว่ งกระทาไปโดยมีเจตนาฆ่านายฟ้าโดยไตร่ตรองไวก้ ่อนและไดล้ ง
มือกระทาความผิดแลว้ ดว้ ยการเง้ือท่อนเหลก็ จะตีศรีษะนายฟ้า นายม่วงจึงมีความผิดฐานพยายาม
ฆ่านายฟ้าโดยไตร่ตรองไวก้ ่อนตามมาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 80 แต่นายมว่ งยบั ย้งั เสียเอง ไม่
กระทาการใหต้ ลอดดว้ ยการไมต่ ีศรีษะนายฟ้า นายมว่ งจึงไม่ตอ้ งรับโทษในความผิดฐานพยายามฆ่า
นายฟ้าโดยไตร่ตรองไวก้ ่อนตามมาตรา 82
491
บรรณานุกรมท้ายบท
หนงั สืออ้างอิง
ตารา
เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ. (2550). กฎหมายอาญา ภาคความผิด เล่ม 3. (พิมพค์ ร้ังที่ 2). กรุงเทพฯ:
กรุงสยาม พบั ลิชช่ิง.
ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต์ ณ อยธุ ยา. (2560). รวมคาบรรยายเนติบัณฑิต สมยั ที่ 69, กฎหมายอาญา
มาตรา 288-366. กรุงเทพฯ:สานกั อบรมเนติบณั ฑิตยสภา.
คาถามพร้ อมธงคาตอบ ข้อสอบความรู้ช้ันเนติบัณฑิต ภาคหนึ่ง ต้ังแต่ปี การศึกษา 2542-2561.
(2562). กรุงเทพฯ: เนติบัณฑิตยสภา.
คาถามพร้ อมธงคาตอบ ข้อสอบความรู้ชั้นเนติบณั ฑิต ภาคหนึ่ง ต้งั แต่ปี การศึกษา 2520-2544.
(ม.ป.ป.). กรุงเทพฯ: เนติบณั ฑิตยสภา.
ทวเี กียรติ มีนะกนิษฐ. (2556). หลกั กฎหมายอาญา ภาคความผิด. (พิมพค์ ร้ังท่ี 10). สานกั พมิ พว์ ิญญู
ชน. กรุงเทพมหานคร.
ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ. (2551). คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิดและลหุโทษ. (พิมพค์ ร้ังที่ 4).
สานกั พิมพว์ ิญญูชน. กรุงเทพมหานคร.
สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกุล. (2548). คาอธิบายความผิดเก่ียวกับทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา.
พิมพค์ ร้ังท่ี 4. สานกั พิมพว์ ิญญูชน. กรุงเทพมหานคร.
492
ส่วนที่สาม
บทท่ี 6 ลหุโทษ
จดุ มุ่งหมายของรายวิชา
1. เพื่อใหผ้ เู้ รียนทราบและเขา้ ใจบทบญั ญตั ิของกฎหมายอาญา ภาคลหุโทษ
2. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจถึงกฎหมายอาญา ภาคลหุโทษ
3. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนสามารถนาไปปรับใชก้ บั การศึกษากฎหมายรายวชิ าอื่นได้
4. เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนสามารถนาไปปรับใชก้ บั ชีวิตประจาวนั และสามารถนาไปสอบได้
เนื้อหาของบทเรียน
1. กฎหมายอาญา ภาคลหุโทษเกี่ยวกบั เจา้ พนกั งาน
2. กฎหมายอาญา ภาคลหุโทษเก่ียวกบั สาธารณะ
3. กฎหมายอาญา ภาคลหุโทษเก่ียวกบั ร่างกาย จิตใจ ชื่อเสียง ทรัพยส์ ิน และศีลธรรม
อนั ดี
กจิ กรรมและวิธกี ารสอน
1. การบรรยาย
2. การอภิปรายและสรุปผล
ส่ือการสอน
PowerPoint ประกอบการบรรยาย
การวดั ผลและประเมินผล
1. การมีส่วนร่วมและซกั ถามในช้นั เรียน
2. ประเมินความเขา้ ใจในการอภิปรายผล
3. แบบฝึกหดั
493
ความผิดลหุโทษ (ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 267-268)
- ไดแ้ ก่ ความผิดเลก็ ๆนอ้ ยๆ ท่ีอาจกระทาต่อร่างกาย หรือทรัพยส์ ินของบคุ คลหรือ
ต่อเจา้ พนกั งาน การทาใหเ้ สียความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสาธารณะ หรือศีลธรรมซ่ึงไมไ่ ด้
ก่อใหเ้ กิดความเสียหายร้ายแรงแต่อยา่ งใด
- โทษจาคุกไมเ่ กิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ (มาตรา102)
- ความผดิ ลหุโทษ ยอมความไม่ได้ แต่ใหอ้ านาจพนกั งานสอบสวนเปรียบเทียบปรับ
วา่ กลา่ วตกั เตือนหรือไกลเ่ กล่ียกรณีพพิ าทใหย้ ตุ ิลงได้ โดยไม่ตอ้ งดาเนินคดีใหถ้ ึงศาล
ข้อสังเกต
1. แมไ้ ม่มีเจตนาก็ผิด (มาตรา104) เวน้ แต่ บทบญั ญตั ิความผิดน้นั จะมีความใหเ้ ห็นเป็น
อยา่ งอื่น เช่น การแกลง้ บอกช่ือที่อยเู่ ท็จ (มาตรา367) แสดงวา่ ผกู้ ระทามีเจตนา
2. พยายามทาผดิ ลหุโทษ ไมต่ อ้ งรับโทษ (มาตรา105)
3. ผสู้ นบั สนุน ไม่ตอ้ งรับโทษ (มาตรา106)
4. ความผดิ ลหุโทษ ไมต่ อ้ งหา้ มตามมาตรา23 ที่ศาลจะเปล่ียนโทษในคดีหลงั จากจาคุก
เป็นกกั ขงั
5. ผทู้ ่ีตอ้ งโทษจาคกุ ในความผดิ ลหุโทษมาก่อน ไม่ตอ้ งหา้ มท่ีศาลจะรอการลงโทษ
หรือรอการกาหนดโทษตามมาตรา 56
6. ความผดิ ลหุโทษ ไม่ถือเป็นความผดิ เพื่อการเพมิ่ โทษตามมาตรา 95
7. เจา้ พนกั งานจะควบคมุ ตวั ผกู้ ระทาความผดิ ลหุโทษไดเ้ พยี งเทา่ ท่ีจะถามคาใหก้ าร
และท่ีจะรู้ตวั วา่ เป็นใคร และอยทู่ ี่ใดเท่าน้นั
- ความผิดลหุโทษอาจมีไดต้ ามกฎหมายอื่นอีก เช่น พระราชบญั ญตั ิจราจรพ.ศ. 2522
พระราชบญั ญตั ิรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบา้ นเมืองพ.ศ. 2535
ความผดิ ลหุโทษ แบ่งได้ 4 กล่มุ
1.ความผิดเกยี่ วกบั เจ้าพนักงาน (ทวเี กียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 269-271)
ไดแ้ ก่ มาตรา 367-369 และมาตรา383
มาตรา 367 เมื่อเจา้ พนกั งานถามชื่อหรือที่อยู่ เพือ่ ปฏิบตั ิการตามกฎหมายไม่ยอมบอก
หรือแกลง้ บอกชื่อหรือที่อยอู่ นั เป็นเทจ็ สาหรับมาตราน้ีจากดั เฉพาะช่ือหรือท่ีอยเู่ ทา่ น้นั อาจเป็น
กรณีอ่ืน ๆ จะผิดมาตรา 137, 172,173 ท้งั น้ีตอ้ งมีลกั ษณะไม่ยอมบอกหรือแกลง้
คาพิพากษาฎีกาที่ 3231/2531 เจา้ พนกั งานตารวจขอตรวจคน้ รถของจาเลย คร้ังแรกจาเลย
ไม่ยอมใหค้ น้ เน่ืองจากเกรงวา่ ตารวจจะกลนั่ แกลง้ เพราะเหตุที่เคยมีสาเหตกุ บั ตารวจน้นั มาก่อนใน
494
ที่สุดจาเลยยอมใหค้ น้ ดงั น้ี เห็นไดว้ า่ จาเลยขาดเจตนาต่อสู้หรือขดั ขวางเจา้ พนกั งานการกระทาของ
จาเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม มาตรา138
การท่ีจาเลยวา่ ตารวจจะเอาของผิดกฎหมายใส่รถจาเลย ตารวจจะรุมทาร้ายจาเลย ไม่
แน่ใจวา่ เป็นตารวจ ตารวจแต่งเคร่ืองแบบปลน้ ก็มี เป็นการกล่าวเพราะเช่ือโดยสุจริตวา่ จาเลยถกู
ตารวจกลน่ั แกลง้ เนื่องจากตารวจหาเหตมุ าหยดุ รถและคน้ รถของจาเลยโดยเฉพาะ การที่จาเลย
กล่าวถอ้ ยคาเช่นน้นั จึงเป็นการปกป้องตนเอง มิใหต้ ารวจกระทาการดงั กล่าว การกระทาของจาเลย
จึงไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจา้ พนกั งานตาม มาตรา 136
ตารวจรู้จกั ช่ือและท่ีอยจู่ าเลยแลว้ เพราะเคยไปคน้ บา้ นจาเลยมาก่อน ไม่มีความจาเป็น
อยา่ งไรที่จะตอ้ งถามช่ือและท่ีอยจู่ าเลยอีก การที่จาเลยมิไดแ้ จง้ ชื่อและท่ีอยตู่ ามที่ตารวจถาม จึงไม่
เป็นความผิดตาม มาตรา 367
มาตรา 368 ไม่ปฏิบตั ิตามคาสั่งของเจา้ พนกั งานโดยไม่มีเหตหุ รือขอ้ แกต้ วั อนั สมควร
ถา้ คาสัง่ น้นั เป็นคาสั่งใหช้ ่วยทากิจการในหนา้ ท่ีของเจา้ พนกั งานซ่ึงกฎหมายกาหนดใหส้ ง่ั ใหช้ ่วย
ได้ ตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ ตามวรรคสอง
มาตรา 369 กระทาดว้ ยประการใด ๆ ใหป้ ระกาศ ภาพโฆษณา หรือเอกสารใดท่ีเจา้
พนกั งานผกู้ ระทาการตามหนา้ ที่ปิ ดหรือแสดงไว้ หรือสง่ั ใหป้ ิ ดหรือแสดงไว้ หลดุ ฉีกหรือไร้
ประโยชน์ ท้งั น้ี ลกั ษณะของประกาศ ภาพโฆษณาหรือเอกสารดงั กลา่ วตอ้ งเป็นการปิ ดของเจา้
พนกั งานผกู้ ระทาการตามหนา้ ท่ีอนั มีลกั ษณะเป็นการประกาศตอ่ ประชาชนดว้ ย
มาตรา 383 เม่ือเกิดเพลิงไหมห้ รือสาธารณภยั อ่ืน และเจา้ พนกั งานเรียกใหช้ ่วยระงบั
ผนู้ ้นั สามารถช่วยไดแ้ ตไ่ ม่ช่วย
2.ความผดิ อนั เกยี่ วกบั สาธารณะ (ทวเี กียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 272-279)
ไดแ้ ก่ มาตรา 370-372, 375, 376, 378, 380, 384-387 และมาตรา 396
มาตรา 370 ส่งเสียง ทาใหเ้ กิดเสียงหรือกระทาความอ้ืออึง โดยไมม่ ีเหตอุ นั สมควร จนทา
ใหป้ ระชาชนตกใจหรือเดือดร้อน เช่น ทะเลาะววิ าท เปิ ดวิทยเุ สียงดงั บีบแตร จุดประทดั ความผิด
ในมาตราน้ี แมไ้ ม่มีเจตนากผ็ ิด กรณีตามมาตราน้ีเกิดข้ึนบ่อยเมื่อเกิดการดื่มสุราแลว้ ส่งเสียงดงั
เอะอะโวยวาย หรือสังสรรคเ์ ปิ ดเพลงเสียงดงั เป็นตน้
มาตรา 371 พกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บา้ นหรือทางสาธารณะโดยเปิ ดเผย หรือโดยไมม่ ี
เหตุอนั สมควร หรือพาไปในชุมนุมชนไดจ้ ดั ใหม้ ีข้ึนเพื่อนมสั การ การรื่นเริงหรือการอ่ืนใด
ความผิดในมาตราน้ี ตอ้ งมีเจตนา
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1763/2529 คดีความผดิ พระราชบญั ญตั ิอาวุธปื นฯและความผิดลหุโทษ
เกี่ยวกบั อาวุธปื นแมไ้ มไ่ ดอ้ าวุธปื นและกระสุนปื นจากจาเลยเป็นของกลางแตฟ่ ังไดว้ า่ จาเลยชกั อาวุธ
ปื นออกมายงิ ข้นึ ฟ้า1นดั จาเลยไม่ไดร้ ับอนุญาตใหม้ ีและใชอ้ าวุธปื นและไม่ไดร้ ับอนุญาตใหม้ ีอาวุธ
495
ปื นติดตวั ก็ลงโทษจาเลยฐานมีอาวุธปื นและกระสุนปื นไวใ้ นครอบครองโดยไม่ไดร้ ับอนุญาตพา
อาวุธปื นไปในหมบู่ า้ นในเมืองและทางสาธารณะโดยไม่ไดร้ ับอนุญาตและยงิ ปื นในเมืองหมูบ่ า้ น
หรือที่ชุมชนได้ จาเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 371,376
มาตรา 372 ทะเลาะกนั อยา่ งอ้ืออึงในทางสาธารณะหรือสาธารณสถาน หรือกระทาโดย
ประการอ่ืนใดใหเ้ สียความสงบเรียบร้อยในทางสาธารณะหรือสาธารณสถาน ความผดิ ในมาตราน้ี
ไม่ตอ้ งมีเจตนาก็ผิด
มาตรา 375 ทาใหร้ างระบายน้า ร่องน้าหรือท่อระบายของโสโครก อนั เป็นสิ่งสาธารณะ
เกิดขดั ขอ้ งหรือไม่สะดวก ความผิดในมาตราน้ี แมไ้ มม่ ีเจตนากผ็ ดิ
มาตรา 376 ยงิ ปื นซ่ึงใชด้ ินระเบิดโดยใช่เหตใุ นเมือง หมู่บา้ นหรือท่ีชุมชน ความผิดใน
มาตราน้ี ตอ้ งมีเจตนา
มาตรา 378 เสพสุราหรือของเมาอยา่ งอื่นจนเป็นเหตใุ หต้ นเมา ประพฤติวนุ่ วาย หรือ
ครองสติไมไ่ ดข้ ณะอยใู่ นถนนสาธารณะหรือสาธารณสถาน ความผิดในมาตราน้ี ตอ้ งมีเจตนาเสพ
สุรา หรือของเมาดว้ ย
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1113/2516 สถานีตารวจเป็นสานกั ราชการบา้ นเมือง ซ่ึงเป็นสาธารณ
สมบตั ิของแผน่ ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) แต่เป็นทรัพยส์ ินประเภท
ท่ีใชเ้ พ่อื ประโยชน์ของแผน่ ดินโดยเฉพาะ มิใช่ทรัพยส์ ินท่ีมีไวเ้ พือ่ สาธารณประโยชน์ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 360 จาเลยทาใหส้ ถานีตารวจเสียหาย ยอ่ มไมม่ ีความผดิ ตามประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 360
จาเลยเสพสุราเมา แลว้ ประพฤติวนุ่ วายข้นึ บนสถานีตารวจ และใชป้ ื นยงิ ข้นึ โดยใช่เหตุ
กระสุนปื นถูกกระจกกรอบรูปแตก และถูกคานพ้นื สถานีตารวจเสียหาย เช่นน้ี จาเลยมีความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 378 กระทงหน่ึง และตามมาตรา 376 กบั มาตรา 358 อีกกระทงหน่ึง
มาตรา 380 ทาให้เกิดปฏิกูลแก่น้าในบ่อ สระหรือท่ีขงั น้าอนั มีไวส้ าหรับประชาชนใช้
สอย ความผดิ ในมาตราน้ี แมไ้ ม่มีเจตนาก็ผิด
มาตรา 384 แกลง้ บอกเลา่ ความเทจ็ ใหเ้ ล่ืองลือจนเป็นเหตใุ หป้ ระชาชนตื่นตกใจ
ความผิดในมาตราน้ี ตอ้ งมีเจตนา
มาตรา 385 กีดขวางทางสาธารณะ โดยวาง หรือทอดทิ้งส่ิงของ หรือกระทาดว้ ยประการ
อ่ืนใด จนอาจเป็นอปุ สรรคต่อความปลอดภยั หรือความสะดวกในการจราจรโดยไม่จาเป็น หรือโดย
ไม่ไดร้ ับอนุญาตโดยชอบดว้ ยกฎหมาย คาวา่ ทางสาธารณะ อาจเป็นทางบก ทางน้ากไ็ ด้ ความผิดใน
มาตราน้ี ตอ้ งมีเจตนา
มาตรา 386 ขดุ หลมุ หรือราง หรือปลูกปักหรือวางส่ิงของเกะกะไวใ้ นทางสาธารณะ
โดยไม่ไดร้ ับอนุญาตอนั ชอบดว้ ยกฎหมาย หรือทาโดยชอบดว้ ยกฎหมาย แตล่ ะเลยไมแ่ สดง
สัญญาณตามสสมควร เพ่ือป้องกนั อปุ ัทวเหตุ ความผิดในมาตราน้ี ตอ้ งมีเจตนา
496
มาตรา 387 แขวน ติดต้งั หรือวางสิ่งใดไวโ้ ดยประการที่น่าจะตกหรือพงั ลงมา ซ่ึงจะเป็น
เหตุอนั ตราย เปรอะเป้ื อนหรือเดือดร้อนแก่ผสู้ ญั จรในทางสาธารณะ ความผิดในมาตราน้ี แมไ้ มม่ ี
เจตนาก็ผิด
มาตรา 396 ทิ้งซากสตั วซ์ ่ึงอาจเน่าเหมน็ ในหรือริมทางสาธารณะ ความผิดในมาตราน้ี
ตอ้ งมีเจตนาทิง้
3. ความผิดเกย่ี วกบั ร่างกาย จิตใจ ชื่อเสียงและทรัพย์สิน (ทวเี กียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 280-
286)
ไดแ้ ก่ มาตรา 373, 377, 389-395, 397 และมาตรา 398
มาตรา 373 ผทู้ ่ีควบคุมดูแลบุคคลวกิ ลจริต ปล่อยปละละเลยใหบ้ ุคคลวกิ ลจริตน้นั
ออกเท่ียวไปโดยลาพงั ความผดิ ในมาตราน้ี ไมม่ ีเจตนากผ็ ิด
มาตรา 377 ผคู้ วบคุมสตั วด์ ุหรือสตั วร์ ้าย ปลอ่ ยปละละเลยใหส้ ตั วน์ ้นั เท่ียวไปโดยลาพงั
ในประการที่อาจทาอนั ตรายแก่บคุ คลหรือทรัพย์ ความผดิ ในมาตราน้ี ไมม่ ีเจตนาก็ผิด
คาพิพากษาฎีกาที่ 151/2505 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 377 แบง่ สตั วไ์ วเ้ ป็น 2 พวก
คาวา่ 'สัตวร์ ้ายหมายความวา่ โดยธรรมชาติของสตั วน์ ้นั เองเป็นสตั วท์ ี่มีนิสัยท้งั ดุและร้ายกาจเป็น
ปกติอยใู่ นตวั และเป็นสัตวท์ ี่เป็นภยั อนั ตรายอนั น่าสพึงกลวั ตอ่ บุคคลผไู้ ดพ้ บเห็นเช่นเสือจรเข้ หรืองู
พษิ เป็นตน้ ส่วนคาวา่ 'สัตวด์ ุ' หมายความวา่ โดยธรรมชาติของสตั วน์ ้นั เองมิใช่สตั วร์ ้าย แต่อาจเป็น
สัตวด์ ุซ่ึงเจา้ ของจะตอ้ งมีการควบคมุ ดูแลเป็นพิเศษผดิ จากปกติธรรมดา โดยลา่ มโซ่หรือขงั กรงไว้
เช่น สุนขั เป็นตน้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 162/2523 สุนขั เป็นสัตวเ์ ล้ียง แต่ก็อาจเป็นสตั วท์ ่ีดุไดโ้ ดยธรรมชาติของ
สตั วน์ ้นั เอง ท้งั น้ีตอ้ งดูพฤติการณ์เป็นเร่ือง ๆ ไป เฉพาะคดีน้ี ขอ้ เท็จจริงเป็นยุติวา่ สุนขั ของจาเลย
เคยกดั เป็ดของผเู้ สียหายมาก่อนแลว้ หลายคร้ัง และคร้ังท่ีเกิดเหตุน้ีสุนขั ของจาเลยไปกดั เป็ดของ
ผเู้ สียหายตายและ บาดเจ็บหลายสิบตวั ถือไดว้ า่ เป็นสตั วด์ ุตามความหมายของประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 377
คาพิพากษาฎีกาท่ี 3435/2527 ชา้ งเป็นสัตวใ์ หญเ่ ม่ือกาลงั ตกมนั ยอ่ มเป็นสตั วด์ ุ จาเลยไม่
คอยควบคุมดูแลโดยใกลช้ ิด เพียงแต่ใชเ้ ชือกผกู ไว้ จึงเป็นการกระทาโดยประมาทและเป็นเหตุ
โดยตรงใหฟ้ .ผเู้ สียหายถกู ชา้ งของจาเลยแทงดว้ ยงาไดร้ ับอนั ตรายสาหสั แลว้ ชา้ งของจาเลยวิ่งไปพงั
บา้ นของด. เสียหายอีกจาเลยมีความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 และการ กระทาของ
จาเลยดงั กล่าว ถือไดว้ า่ จาเลยปลอ่ ยปละละเลยให้ ชา้ งเท่ียวไปโดยลาพงั ในประการที่อาจทา
อนั ตรายแก่บุคคลหรือทรัพยไ์ ด้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 377 อีกบทหน่ึง
ดว้ ย
497
มาตรา 379 ผทู้ ่ีชกั หรือแสดงอาวธุ ในการววิ าทต่อสู้ ความผดิ ในมาตราน้ี ผกู้ ระทาตอ้ งมี
เจตนา
มาตรา 389 ทาใหข้ องแขง็ ตกลง ณ ท่ีใด ๆ โดยประการท่ีน่าจะเป็นอนั ตราย หรือ
เดือดร้อนราคาญแก่บุคคลหรือเป็นอนั ตรายแก่ทรัพย์ หรือทาใหข้ องโสโครกเปรอะเป้ื อนหรือน่าจะ
เปรอะเป้ื อนตวั บคุ คลหรือทรัพย์ ในส่วนของทาใหข้ องโสโครกเปรอะเป้ื อน เป็นความผดิ ที่ไมต่ อ้ ง
มีเจตนา หรือแกลง้ ทาใหข้ องโสโครกเป็นที่เดือดร้อนราคาญ ถา้ เป็นกรณีแกลง้ ผกู้ ระทาตอ้ งมี
เจตนา
มาตรา 390 ทาโดยประมาท เป็นเหตใุ หผ้ อู้ ่ืนไดร้ ับอนั ตรายแก่กาย หรือจิตใจ
เป็นความผดิ ท่ีตอ้ งการผลคอื อนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ
กรณีมาตราน้ีตอ้ งเกิดจากการกระทาโดยประมาท กลา่ วคอื ไม่มีเจตนาแต่ปราศจากความ
ระมดั ระวงั แลว้ ทาให้ผอู้ ่ืนไดร้ ับบาดเจบ็ เช่น เดินแกวง่ ไม้ แลว้ ไม่ดูใหด้ ี วา่ มีคนเดินตามหลงั มา
โดนศรีษะผอู้ ื่นบาดเจ็บ ผกู้ ระทามีความผดิ ตามมาตรา 390
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1770/2516 แมก้ ารขบั รถของจาเลยเป็นที่น่าหวาดเสียว เป็นเหตใุ หเ้ กิด
ชนกนั อยา่ งแรง ต่างเสียหายมากอยา่ งไรก็ตาม เม่ือลกั ษณะบาดแผลของผเู้ สียหายที่ไดร้ ับมีเพยี งเจ็บ
บริเวณขอ้ ศอกและปลายแขนซา้ ยมีรอยช้าเลก็ นอ้ ย รักษาประมาณ 2 วนั เทา่ น้ี ยงั ไมร่ ุนแรงจนเป็น
เหตใุ ห้เกิดอนั ตรายแก่กาย อนั จะเป็นความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 5548/2530 จาเลยถกู ผเู้ สียหายด่าจึงยงิ ปื นเพ่ือขไู่ มใ่ หผ้ เู้ สียหายด่า
จาเลยอีกต่อไป แต่จาเลยไม่เลือกยงิ ข้นึ ฟ้า กลบั ยงิ ไปที่ลกู กรงไมช้ านบา้ นห่างจากจุดท่ี ผเู้ สียหายยนื
ประมาณ 2วา ทาใหเ้ ศษไมก้ ระเดน็ ไปถกู ผเู้ สียหายไดร้ ับ อนั ตรายแก่กายจาเลยมีความผดิ ฐาน
กระทาโดยประมาทเป็นเหตใุ หผ้ อู้ ่ืน ไดร้ ับอนั ตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390
มาตรา 391 ใชก้ าลงั ทาร้ายผอู้ ื่นโดยไมถ่ ึงกบั เป็นเหตุใหเ้ กิดอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ
เป็นความผิดท่ีตอ้ งมีเจตนา ใชก้ าลงั ทาร้าย แตถ่ า้ ทาร้ายแลว้ เกิดผลคือไดร้ ับอนั ตรายแก่กายหรือ
จิตใจจะเป็นความผดิ ตามมาตรา 295 ความผดิ ตอ่ ร่างกาย
ตามมาตราน้ีคอื การใชก้ าลงั ทางกายภาพทาร้ายร่างกายผอู้ ื่น แตไ่ มถ่ ึงขนาดเกิดการ
บาดเจบ็ เช่น การตบ ตี ตอ่ ยเกิดเป็นรอยแดง หรือรอยถลอกเทา่ น้นั ขอ้ สงั เกต กรณีทาร้ายร่างกาย
บพุ การีไม่ถึงขนาดกบั เกิดบาดแผล กล็ งโทษแค่ลหุโทษเท่าน้นั ไม่เหมือนกบั การทาร้ายบุพการีให้
เกิดบาดแผล เลือดออกถึงเน้ือช้นั ใน กรณีน้ีตอ้ งรับโทษหนกั ตามมาตรา 296
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1583/2535 ป. พวกของจาเลยไมพ่ อใจผเู้ สียหายเพราะ ป. ขบั ขี่
รถจกั รยานยนตเ์ ฉี่ยวผเู้ สียหาย ผเู้ สียหายยกศอกข้ึนกนั ถูกศีรษะป. สาเหตดุ งั กลา่ วเป็นเหตุเพียง
เลก็ นอ้ ยไม่ทาให้ ป. กบั พวกโกรธแคน้ ถึงกบั จะตอ้ งฆ่าผเู้ สียหาย เมื่อ ป. กบั พวกและจาเลยพบกบั
ผเู้ สียหาย ป. ไดพ้ ดู จาโตเ้ ถียงแลว้ พวกของ ป. ชกผเู้ สียหายห. ใชม้ ีดปลายแหลมแทงผเู้ สียหาย
จาเลยกบั พวกที่เหลือเขา้ มารุมต่อยแสดงวา่ พวก ป. มีความโกรธเกิดข้ึนในปัจจุบนั ทนั ที ท้งั ไม่
498
ปรากฏวา่ ไดส้ มคบกนั มาก่อนต่างคนตา่ งมีเจตนาทาร้ายร่างกายผเู้ สียหาย ดงั น้นั แตล่ ะคนจึงมี
ความผิดตามผลท่ีเกิดข้ึนจากการกระทาของแต่ละคน เมื่อจาเลยเพยี งแต่ชกต่อยผเู้ สียหายแต่
ผเู้ สียหายไมม่ ีแผลฟกช้าซ่ึงแสดงวา่ ถูกต่อย จาเลยจึงมีความผดิ ฐานทาร้ายผอู้ ื่นโดยไมถ่ ึงกบั เป็นเหตุ
ใหเ้ กิดอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามป.อ. มาตรา 391 แมโ้ จทกจ์ ะไมไ่ ดข้ อใหล้ งโทษตาม ป.อ.
มาตรา 391 แต่ศาลกม็ ีอานาจลงโทษไดต้ าม ป.ว.ิ อ. มาตรา 192 วรรคทา้ ย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 708/2536 จาเลยเพียงแตใ่ ชม้ ือทาร้ายผเู้ สียหายและบาดแผลที่
ผเู้ สียหายไดร้ ับเพียงแต่ช้าบวมท่ีหวั คิว้ ขวาเท่าน้นั ไมม่ ีโลหิตออก ท้งั การท่ีแพทยล์ งความเห็นวา่
บาดแผลจะหายภายใน 10 วนั น้นั ก็เป็นแต่การคาดคะเน บาดแผลดงั กลา่ วอาจจะหายภายในเวลาไม่
ถึง 10 วนั กไ็ ด้ พเิ คราะห์ถึงการกระทาของจาเลยและบาดแผลท่ีผเู้ สียหายไดร้ ับประกอบดว้ ย แสดง
วา่ จาเลย คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391
มาตรา 392 ทาใหผ้ ูอ้ ื่นเกิดความกลวั หรือความตกใจ โดยการข่เู ขญ็ ความผิดน้ีตอ้ งมี
เจตนาดว้ ย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 4870/2541แมจ้ าเลยจะไดพ้ กอาวธุ ปื น (เป็นอาวุธปื นพลาสติก)ไวท้ ี่เอว
ใหต้ งุ ๆเพ่ือใหส้ . และ ข. เห็นโดยจาเลยไดเ้ อามือขา้ งหน่ึงกุมไวด้ า้ นหลงั กต็ าม แตก่ ็ไมไ่ ดใ้ ชอ้ าวธุ
ปื นจ้ีข่เู ขญ็ หรือทาทา่ จะยงิ ผเู้ สียหายท่ี 2 กบั พวกจึงไมม่ ีลกั ษณะท่ีน่ากลวั หรือตกใจวา่ จาเลยจะยงิ
ผเู้ สียหายจริงจงั ดงั ท่ีพูดหรือแสดง อาการดงั กลา่ วของจาเลยเป็นเพียงแสดงอาการฮึดฮดั หรืออารมณ์
ท่ีไม่พอใจเทา่ น้นั ยงั ไมพ่ อฟังวา่ เป็นความผิดฐานทาใหผ้ อู้ ื่นเกิดความกลวั หรือความตกใจโดยการขู่
เขญ็ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
คาพิพากษาฎีกาที่ 1203/2542 ขณะท่ีผเู้ สียหายอยใู่ นบา้ นกบั เดก็ หญิง จ. บตุ รสาวจาเลยที่
1 มาร้องเรียกผเู้ สียหายที่หนา้ บา้ นวา่ "เฮย้ มึงไม่แน่จริงน่ีหว่าเฮย้ ถา้ มึงแน่จริงมึงออกมาซิวะมึงทาไม
ไมอ่ อกมาวะออกมาโดนแน่" ขณะน้นั จาเลยที่ 2ยนื อยหู่ นา้ บา้ นตนเองซ่ึงอยเู่ ย้ืองบา้ นผเู้ สียหายพดู
วา่ "ใหม้ นั อยแู่ ต่ในบา้ นอยา่ ใหม้ นั ออกมา ถา้ มนั ออกมาเอาแมม่ นั เลย" คาพดู ของจาเลยท้งั สอง
ดงั กล่าวประกอบการกระทา และสถานท่ี เป็นการบงั คบั ขเู่ ขญ็ ไม่ใหผ้ เู้ สียหายออกไปจากบา้ น หาก
ขนื ออกไปจะถูกจาเลยท้งั สองทาร้าย หาใช่เป็นเพียง คาทา้ ใหอ้ อกไปต่อสูก้ นั เท่าน้นั ไม่ เมื่อ
ผเู้ สียหายเกิดความกลวั หรือความตกใจโดยการข่เู ข็ญ การกระทาของจาเลยท้งั สอง จึงเป็นความผดิ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392,83
มาตรา 393 ดูหม่ินผูอ้ ื่นซ่ึงหนา้ หรือดว้ ยการโฆษณา คาวา่ ดูหมิ่น คือ การเหยยี ดหยาม
สบประมาท ดูถกู อาจทาดว้ ยวาจา หรือดว้ ยกิริยาก็ได้ คาว่า ซ่ึงหนา้ ไมห่ มายความวา่ ตอ้ งทาต่อหนา้
เท่าน้นั แตร่ วมถึงกระทาแก่คนท่ีอยใู่ กลๆ้ ใหร้ ับรู้ได้ ความผิดในมาตราน้ีตอ้ งมีเจตนา
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2220/2518 ด่าวา่ "อีสตั ว์ เด๋ียวตบเสียน่ี" เป็นดูหมิ่นตามมาตรา 393
499
คาพิพากษาฎีกาที่ 2102/2521 จาเลยถม่ น้าลายไปทางผเู้ สียหายและด่าผเู้ สียหายวา่ พวกอี
ดอกดา คาวา่ อีดอก เป็นถอ้ ยคาหยาบคาย สามญั ชนฟังแลว้ เขา้ ใจไดช้ ดั เจนอยใู่ นตวั เองวา่ ผถู้ ูกด่า
เป็นหญิงไมด่ ี จาเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นซ่ึงหนา้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 8919/2552 ถอ้ ยคาที่จาเลยกล่าวต่อผเู้ สียหายวา่ “อตี อแหล มาดูผลงาน
ของแก” เป็นการดูหม่ินผูเ้ สียหายหรือไม่ เห็นวา่ การดูหม่ินผอู้ ่ืน หมายถึง การดูถกู เหยียดหยาม สบ
ประมาท หรือทาใหอ้ บั อายการวนิ ิจฉยั วา่ การกล่าววาจาอยา่ งไรเป็นการดูหมิ่นผอู้ ่ืนหรือไมจ่ ึงตอ้ ง
พจิ ารณาวา่ ถอ้ ยคาที่กล่าวเป็นการดูถูกเหยยี ดหยามสบประมาทผทู้ ่ีถูกกล่าว หรือเป็นการทาใหผ้ ทู้ ่ี
ถกู กลา่ วอบั อายหรือไม่ หากเป็นเช่นน้นั ก็ถือไดว้ า่ เป็นการดูหมิ่นแลว้ เมื่อตามพจนานุกรมฉบบั
ราชบณั ฑิตยสถานใหค้ วามหมายคาวา่ “ตอแหล” วา่ เป็นคาด่าคนที่พดู เท็จ ซ่ึงมีความหมายในทาง
เส่ือมเสีย การที่จาเลยกลา่ วถอ้ ยคาดงั กลา่ วตอ่ ผเู้ สียหายจึงเป็นการพูดด่าผเู้ สียหาย เป็นการดูถูก
เหยยี ดหยามและสบประมาทผเู้ สียหายวา่ เป็นคนพูดเทจ็ จึงเป็นการดูหมิ่นผูเ้ สียหายอนั เป็นความผดิ
มาตรา 393
มาตรา 394 ไลต่ อ้ นหรือทาใหส้ ตั วใ์ ด ๆ เขา้ ในสวน ไร่ หรือนาของผอู้ ื่นที่ไดแ้ ต่งดินไว้
เพาะพนั ธุ์ไว้ หรือมีพืชพนั ธุ์หรือผลผลิตอยู่
เป็นความผดิ ท่ีตอ้ งมีเจตนาไล่ตอ้ น
ความผดิ ตามมาตราน้ี แต่เดิมเรียกวา่ ความผดิ ทาใหเ้ สียทรัพยล์ หุโทษ ตา่ งกนั แค่เจตนา
ตรงที่มาตรา 394 แคม่ ีเจตนาไลต่ อ้ นเทา่ น้นั ส่วนความผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพยต์ ามมาตรา 358 จะ
เป็นการทาให้เสียหายต่อตวั ทรัพย์ (สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกุล, 2548, หนา้ 122)
มาตรา 395 ควบคุมสัตวใ์ ด ๆ ปล่อยปละละเลยใหส้ ตั วน์ ้นั เขา้ ในสวนไร่ หรือนาของผูอ้ ่ืน
ที่ไดแ้ ต่งดินไว้ เพาะพนั ธุไ์ ว้ หรือมีพืชพนั ธุ์ หรือผลิตผลอยู่
ความผดิ ในมาตราน้ี ไม่ตอ้ งการเจตนา
ความผดิ ตามมาตราน้ี ผกู้ ระทาตอ้ งเป็นผคู้ วบคุมสัตวห์ รือดูแลสตั วน์ ้นั แลว้ ไม่
ระมดั ระวงั ทาใหเ้ กิดความเสียหายตอ่ ทรัพยต์ ามมาตรา 395 น้ี ซ่ึงหากเป็นการกระทาโดยจงใจทาให้
เกิดความเสียหายจะถือวา่ เป็นความผดิ ฐานทาใหเ้ สียทรัพยต์ ามมาตรา 358 ได้ (สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั
นกุล, 2548, หนา้ 124)
มาตรา 397 รังแก ข่มเหง คุกคามหรือทาใหไ้ ดร้ ับความอบั อายหรือเดือดร้อนราคาญ
เช่น จอดรถขวางซอยในท่ีดินเอกชน ไมใ่ ห้รถในซอยขา้ งในออกได้ ผกู้ ระทาตอ้ งมีเจตนา ถา้ เป็น
การกระทาในที่สาธารณสถานหรือต่อหนา้ ธารกานลั หรือมีลกั ษณะส่อไปในทางท่ีล่วงเกินทางเพศ
ตอ้ งรับโทษท้งั จาคกุ และปรับ
ตามมาตราน้ีมีการแกไ้ ขเพมิ่ เติมในปี 2558 ซ่ึงเป็นบทบญั ญตั ิกรณีการคกุ คามทางเพศ
เกิดข้นึ
500
มาตรา 398 กระทาดว้ ยประการใด ๆ อนั เป็นการทารุณต่อเดก็ อายไุ มเ่ กิน 15 ปี คนป่ วย
เจบ็ หรือคนชรา ซ่ึงตอ้ งพ่ึงผูน้ ้นั ในการดารงชีพหรือการอื่นใด ผกู้ ระทาผดิ ตอ้ งมีเจตนา
4.ความผิดอนั เกย่ี วกบั ศีลธรรมอนั ดี (ทวเี กียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 287-289)
ไดแ้ ก่ มาตรา 374, 381, 382, 388
มาตรา 374 เห็นผอู้ ่ืนตกอยใู่ นภยนั ตรายแห่งชีวิต ซ่ึงตนอาจช่วยได้ โดยไม่ควรกลวั
อนั ตรายแก่ตนเองหรือผูอ้ ื่น แต่ไม่ช่วยตามความจาเป็น ผกู้ ระทาผิดตอ้ งมีเจตนา
กรณีตามมาตราน้ี ผกู้ ระทาไม่มีหนา้ ที่ตามกฎหมายหรือตามสัญญาท่ีจะตอ้ งช่วยผอู้ ่ืนที่
ตกอยใู่ นภยนั ตรายแห่งชีวิต ไมเ่ หมือนกรณีการงดเวน้ การจกั ตอ้ งกระทาเพื่อป้องกนั ผลตามมาตรา
59 วรรคทา้ ย ดงั น้นั การไมช่ ่วยเหลือคนท่ีกาลงั จมน้า เราเดินผา่ นไป เช่นน้ี ผิดมาตรา 374
มาตรา 381 กระทาทารุณต่อสตั ว์ หรือฆ่าสตั วโ์ ดยใหไ้ ดร้ ับทกุ ขเวทนาอนั ไม่จาเป็น
ผกู้ ระทาผิดตอ้ งมีเจตนา
มาตรา 382 ใชใ้ หส้ ัตวท์ างานจนเกินสมควร หรือใชใ้ หท้ างานอนั ไม่สมควร เพราะเหตุที่
สัตวน์ ้นั ป่ วยเจบ็ ชราหรืออ่อนอายุ ผกู้ ระทาผิดตอ้ งมีเจตนา
มาตรา 388 กระทาการอนั ควรขายหนา้ ต่อหนา้ ธารกานลั โดยเปลือยหรือเปิ ดเผยร่างกาย
หรือกระทาการลามกอยา่ งอ่ืน ผกู้ ระทาผิดตอ้ งมีเจตนา
คำพพิ ำกษำฎีกำที่ 1069/2506 คำวำ่ "กระทำกำรลำมกอยำ่ งอื่น" ตำมประมวลกฎหมำย
อำญำ มำตรำ 388 น้นั ไมไ่ ดห้ มำยเฉพำะแตเ่ ร่ืองเก่ียวกบั ร่ำงกำยเท่ำน้นั ยอ่ มหมำยถึงวำจำดว้ ย
จำเลยกลำ่ วคำวำ่ "เยด็ โคตรแม่มงึ " ตอ่ หนำ้ ธำรกำนลั จึงเป็นผิดตำมประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ
388 แลว้
501
แบบฝึ กหัดท้ายบทท่ี 6 (คาถามพร้อมธงคาตอบ ขอ้ สอบความรู้ช้นั เนติบณั ฑิต ภาคหน่ึง ต้งั แต่ปี
การศึกษา 2520-2544.ม.ป.ป.)
คาถาม นายปอขบั รถยนตเ์ ก๋งไปจอดท่ีถนนซอยในท่ีดินของนายสอย ซ่ึงแบ่งใหผ้ อู้ ื่นเช่า
ปลูกบา้ นอยอู่ าศยั เป็นซอยตนั กวา้ งประมาณ 4 เมตร นายโตขบั รถยนตบ์ รรทกุ เลก็ เขา้ ไปในซอย
น้นั และจอดบริเวณหนา้ บา้ นของตน นายปอถอยรถจะออกจากซอยนายโตไมย่ อมถอยรถของตน
ออกไปโดยเจตนาจะปิ ดก้นั ไมใ่ หร้ ถของนายปอออก ดงั น้ี นายโตจะมีความผดิ ฐานใดบา้ งหรือไม่
(ขอ้ สอบเนติบณั ฑิต สมยั ที่ 30)
ตอบ ถนนซอยในท่ีดินเอกชนซ่ึงแบง่ ใหเ้ ช่าปลูกบา้ น ประชาชนชอบท่ีจะเขา้ ออก
ติดต่อกนั ไดเ้ ป็นสาธารณสถาน นายโตจอดรถยนตข์ วางก้นั ไมใ่ หร้ ถขา้ งในออกจากซอยได้
ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 เพราะนายปอไมไ่ ดถ้ กู หน่วงเหนี่ยวหรือ
กกั ขงั หรือปราศจากเสรีภาพในร่างกายมีอิสระท่ีจะออกไปจากซอยน้นั ได้ แต่การท่ีนายโตไมย่ อม
ถอยรถใหน้ ายปอเอารถออกเป็นการรังแกขม่ เหงให้นายปอไดร้ ับความเดือดร้อนราคาญในที่
สาธารณสถาน นายโตจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397
คาถาม นายเก่งเมาสุราขบั รถยนตส์ ่ายไปมาจะชนเด็กชายนอ้ ย ซ่ึงกาลงั นง่ั เล่นอยรู่ ิมถนน
นายกลา้ ประสบเหตุการณ์เช่นน้นั เห็นความจาเปป็นเกรงเด็กชายนอ้ ยถกู รถยนตช์ น จึงกระโดดเขา้
อมุ้ ไว้ แต่ดว้ ยความรีบร้อนไดส้ ะดุดขาตนเองลม้ ลง ลอ้ รถทบั หลงั เทา้ นายกลา้ บาดเจบ็ เด็กชายนอ้ ย
หลุดมือ กระแทกกบั ริมบาทวิถี กระดูกขอ้ มือแตกตอ้ งตดั มือ ดงั น้ี นายเก่งและนายกลา้ จะมีความผดิ
ฐานใดหรือไม่ (ขอ้ สอบเนติบณั ฑิต สมยั ท่ี 32)
ตอบ นายเก่งมีความผิดฐานกระทาโดยประมาทเป็นเหตใุ หน้ ายกลา้ ไดร้ ับอนั ตรายแก่กาย
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 กบั ผดิ ฐานกระทาโดยประมาทเป็นเหตุใหเ้ ดก็ ชายนอ้ ย
ไดร้ ับอนั ตรายสาหสั มาตรา 300 เป็นกรรมเดียวผดิ กฎหมายหลายบทลงโทษตามมาตรา 300 ซ่ึงเป็น
บทท่ีมีโทษหนกั ท่ีสุดตามมาตรา 90 นายกลา้ ไมม่ ีความผิด เพราะตอ้ งรีบกระทาโดยฉุกเฉิน ไมเ่ ป็น
ประมาท
คาถาม ก. สัง่ ให้ ข. ซ่ึงเป็นลกู นอ้ งตบหนา้ ค. 1 ที ข. เง้ือมือข้ึนจะตบ ง. พี่ชายของ ค.
ยดึ มือ ข. ไว้ ข. ตบหนา้ ค. ไมไ่ ด้ แลว้ ก็เลิกรากนั ไป ดงั น้ี ก. และ ข. มีความผิดและตอ้ งรับโทษฐาน
ใดหรือไม่ (ขอ้ สอบเนติบณั ฑิต สมยั ที่ 36)
ตอบ ข. เง้ือมือข้ึนจะตบหนา้ ค. แตถ่ ูก ง. ขดั ขวางไวไ้ มส่ ามารถกระทาการไดต้ ลอด ข.
มีความผดิ ฐานพยายามใชก้ าลงั ทาร้ายผอู้ ื่นโดยไมถ่ ึงกบั เป็นเหตุใหเ้ กิดอนั ตรายแก่กาย และจิตใจ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391, 80 ซ่ึงเป็นความผิดลหุโทษ แตก่ ารพยายามกระทาความผดิ
ลหุโทษยอ่ มไม่ตอ้ งรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 105
502
การไม่ตอ้ งรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 105 เป็นเหตใุ นลกั ษณะคดี
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 89 ก.ซ่ึงเป็นผใู้ ชใ้ ห้ ข. กระทาความผดิ ดงั กลา่ วตามมาตรา 84
จึงพลอยไมต่ อ้ งรับโทษดว้ ย
สรุปแลว้ ข. มีความผดิ ฐานพยายามกระทาความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 391, 80 ก. มีความผิดฐานเป็นผใู้ ชใ้ ห้ ข. กระทาความผิดตามมาตรา 391, 80, 84 แตท่ ้งั ก.
และ ข. ไมต่ อ้ งรับโทษตามมาตรา มาตรา 105, 89
คาถาม นายแส่เขยี นจดหมายถึงนายสา ทนายความมีขอ้ ความวา่ นายสาเป็นทนายความ
รับเงินของเขามาแลว้ ไม่เอาไปใหต้ วั ความ เป็นทนายความกระจอก ทนายความเฮงซวย แลว้ ส่งทาง
ไปรษณียล์ งทะเบียนถึงนายสาโดยตรง ณ สานกั งานของนายสา นายส่งเสมียนของนายสาเปิ ด
จดหมายน้นั อา่ นแลว้ นาไปใหน้ ายสา ดงั น้ี นายแส่มีความผิดฐานใดหรือไม่ (ขอ้ สอบเนติบณั ฑิต
สมยั ท่ี 36)
ตอบ ขอ้ ความที่วา่ นายสาเป็นทนายความรับเงินของเขามาแลว้ ไมเ่ อาไปใหต้ วั ความเขา้
ลกั ษณะหม่ินประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 (คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3086/2522) และ
ขอ้ ความที่วา่ เป็นทนายความกระจอก ทนายความเฮงซวย เขา้ ลกั ษณะดูหมิ่นตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 393 (คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2324/2518) แตก่ ารท่ีนายแส่ส่งจดหมายดงั กลา่ วทางไปรษณีย์
ลงทะเบียนถึงนายสาโดยตรง ณ สานกั งานของนายสา แสดงเจตนาของนายแส่วา่ ใหน้ ายสาเป็น
ผทู้ ราบขอ้ ความในจดหมายเทา่ น้นั มิใช่เจตนาเป็นการใส่ความนายสาต่อบคุ คลท่ีสาม แมน้ ายส่ง
เสมียนของนายสาทราบขอ้ ความจากจดหมายท่ีนายแส่ส่งไปถึงนายสาน้นั ก็เป็นเร่ืองนอกเหนือ
เจตนาของนายแส่ การกระทาของนายแส่จึงไม่เป็นความผิดฐานหม่ินประมาทตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 326
ส่วนที่จดหมายน้นั มีขอ้ ความเป็นการดูหม่ินนายสาน้นั การที่นายแส่ส่งจดหมายไปกวา่
จะถึงตวั นายสา ก็ต่างวนั เวลากนั ไม่ถือเป็นการดูหมิ่นซ่ึงหนา้ หรือดูหม่ินดว้ ยการโฆษณาตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 (คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 110/2516)
503
บรรณานุกรมท้ายบท
หนังสืออ้างอิง
ตารา
คำถำมพร้ อมธงคำตอบ ข้อสอบควำมรู้ช้ันเนติบณั ฑิต ภำคหนึ่ง ตั้งแต่ปี กำรศึกษำ 2520-2544.
(ม.ป.ป.). กรุงเทพฯ: เนติบณั ฑิตยสภา.
ทวเี กียรติ มีนะกนิษฐ. (2556). หลกั กฎหมำยอำญำ ภำคควำมผิด. (พิมพค์ ร้ังท่ี 10). สานกั พมิ พ์
วญิ ญชู น. กรุงเทพมหานคร.
สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกุล. (2548). คำอธิบำยควำมผิดเกย่ี วกับทรัพย์ ตำมประมวลกฎหมำยอำญำ.
พมิ พค์ ร้ังท่ี 4. สานกั พมิ พว์ ิญญูชน. กรุงเทพมหานคร.
504
บรรณานุกรมท้ายเล่ม
หนงั สืออ้างอิง
ตารา
เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ. (2557). กฎหมายอาญา ภาคความผิด เล่ม 2 (พมิ พค์ ร้ังท่ี 6). กรุงเทพฯ:
กรุงสยาม พบั ลิชช่ิง.
_________________. (2550). กฎหมายอาญา ภาคความผิด เล่ม 3. (พิมพค์ ร้ังท่ี 2). กรุงเทพฯ:
กรุงสยาม พบั ลิชช่ิง.
_________________. (2562). คาอธิบายรายวิชากฎหมายอาญา ภาค 1 เล่ม 1. (พมิ พค์ ร้ังท่ี 11 แกไ้ ข
เพ่มิ เติม). กรุงเทพฯ:กรุงสยาม พบั ลิชชิ่ง.
ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ณ อยธุ ยา. (2560). รวมคาบรรยายเนติบณั ฑิต สมัยที่ 69, กฎหมายอาญา
มาตรา 288-366. กรุงเทพฯ:สานกั อบรมเนติบณั ฑิตยสภา.
คณิต ณ นคร. (2549). กฎหมายอาญาภาคความผดิ . พมิ พค์ ร้ังที่ 9. สานกั พิมพว์ ิญญชู น.
กรุงเทพมหานคร.
คณพล จนั ทนห์ อม. (2563) หลกั พ้ืนฐานกฎหมายอาญา เล่ม 1. . สานกั พิมพว์ ญิ ญชู น.
กรุงเทพมหานคร.
_________________. รากฐานกฎหมายอาญา. พิมพค์ ร้ังท่ี 2. สานกั พมิ พว์ ญิ ญูชน.
กรุงเทพมหานคร.
คาถามพร้ อมธงคาตอบ ข้อสอบความรู้ชั้นเนติบัณฑิต ภาคหน่ึง ตั้งแต่ปี การศึกษา 2542-2561.
(2562). กรุงเทพฯ: เนติบณั ฑิตยสภา.
คาถามพร้ อมธงคาตอบ ข้อสอบความรู้ช้ันเนติบณั ฑิต ภาคหน่ึง ตั้งแต่ปี การศึกษา 2520-2544.
(ม.ป.ป.). กรุงเทพฯ: เนติบณั ฑิตยสภา.
ชาตรี สุวรรณิณ. (2560). รวมคาบรรยายเนติบัณฑิต สมยั ที่ 70, กฎหมายอาญา
มาตรา 107-208.. กรุงเทพฯ:สานกั อบรมเนติบณั ฑิตยสภา.
ทวเี กียรติ มีนะกนิษฐ. (2556). หลักกฎหมายอาญา ภาคความผิด. (พิมพค์ ร้ังท่ี 10). สานกั พมิ พ์
วญิ ญชู น. กรุงเทพมหานคร.
505
_________________. (2551). คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิดและลหุโทษ. (พิมพค์ ร้ังที่ 4).
สานกั พิมพว์ ิญญชู น. กรุงเทพมหานคร.
_________________. (2564). คาอธิบายกฎหมายอาญา ภาคทว่ั ไป, (พิมพค์ ร้ังที่ 22), สานกั พมิ พ์
วญิ ญชู น. กรุงเทพมหานคร.
นวรัตน์ กลิ่นรัตน์. (2559). รวมคาบรรยายเนติบัณฑิต สมยั ที่ 69, กฎหมายอาญา มาตรา 107-208.
กรุงเทพฯ:สานกั อบรมเนติบณั ฑิตยสภา.
นายใหญ.่ (2553). ลาดบั เหตุการณ์กบฏในไทย. วนั ที่สืบคน้ ขอ้ มูล, 1 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2560,
เขา้ ถึงไดจ้ าก http://oknation.nationtv.tv/blog/iambigcafe/2010/05/26/entry-1
วรี ะวฒั น์ ปวราจารย.์ (2559). รวมคาบรรยายเนติบณั ฑิต สมยั ท่ี 69, กฎหมายอาญา มาตรา 209-287,
มาตรา 367-398. กรุงเทพฯ:สานกั อบรมเนติบณั ฑิตยสภา.
สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกลุ . (2548). คาอธิบายความผิดเกยี่ วกับทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา.
พมิ พค์ ร้ังที่ 4. สานกั พมิ พว์ ิญญูชน. กรุงเทพมหานคร.
สหรัฐ กิติ ศภุ การ. (2560). หลกั และคาพิพากษา กฎหมายอาญา. พิมพค์ ร้ังท่ี 7. บริษทั อมรินทร์
พริ้นทต์ ิง้ แอนดพ์ บั ลิชชิ่ง จากดั (มหาชน). กรุงเทพมหานคร.
หยดุ แสงอทุ ยั . (2537). กฎหมายอาญาภาค1, พิมพค์ ร้ังท่ี16. สานกั พมิ พม์ หาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์.
กรุงเทพมหานคร.
ภาษาองั กฤษ
Herbert L. Packer. The Limits of the Criminal Sanction. (California: Standford University Press,
1968.
https://www.law.cornell.edu/wex/nullum_crimen_sine_lege
506
ประวัตผิ ู้เขียน
ช่ือ-สกลุ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.รัชนี แตงอ่อน
ตำแหน่งปัจจุบนั อาจารยป์ ระจาคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์
ประวตั ิกำรศึกษำ
พ.ศ. 2542 นิติศาสตรบณั ฑิต มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์
พ.ศ. 2542 ประกาศนียบตั รวชิ าวา่ ความ
พ.ศ. 2546 เนติบณั ฑิตไทย
พ.ศ. 2548 นิติศาสตรมหาบณั ฑิต
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั
พ.ศ. 2559 Doctor Degree in Legal Science,
Universidade do Minho, Portugal
วิทยำนพิ นธ์ระดับปริญญำโท พยานหลกั ฐานแวดลอ้ ม ศึกษากรณีฆ่าผอู้ ื่นตายโดย
เจตนา (Circumstantial Evidence In Murder Case)
วทิ ยำนิพนธ์ระดับปริญญำเอก DNA evidence collecting in criminal
investigation: Portuguese and
Thai legal approaches.
บทควำมวิชำกำร
กระบวนการยตุ ิธรรมทางอาญาและฐานขอ้ มลู ดีเอน็ เอแห่งชาติ: ประสบการณ์
ประเทศสมาชิกสหภาพยโุ รป
การกระทาความรุนแรงในครอบครัวโดยใชไ้ ซเบอร์เขา้ มามีส่วนในการกระทาความผิดใน
ประเทศออสเตรเลีย: กรณีศึกษาสาหรับประเทศไทย
507
ปัญหาเขตอานาจศาลในคดีผบู้ ริโภค
ปัญหาทางกฎหมายเก่ียวกบั ขอ้ มลู ไบโอเมตริกตามพระราชบญั ญตั ิคุม้ ครองขอ้ มูลส่วน
บุคคล พ.ศ. 2562
งำนวิจยั และบทควำมวจิ ยั
มาตรการทางกฎหมายในการพฒั นาฐานขอ้ มูลดีเอ็นเอแห่งชาติและสิทธิความเป็นส่วนตวั :
แนวทางในการตรากฎหมายเพือ่ บงั คบั ใชใ้ นประเทศไทย
มาตรการทางกฎหมายในการคุม้ ครองเหยื่อจากความรุนแรงในครอบครัว: ศึกษากรณีการ
คกุ คามติดตามทางอินเทอร์เนต็ (Cyberstalking) ในกฎหมายตา่ งประเทศ
มาตรการทางกฎหมายเก่ียวกับการกระทาความรุนแรงต่อผูส้ ูงอายุ กรณีฉ้อโกงผูส้ ูงอายุ
ศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายไทยและสหรัฐอเมริกา
มาตรการทางกฎหมายเก่ียวกบั การลงโทษโดยใชอ้ ปุ กรณ์ควบคุมตวั อิเลก็ ทรอนิกส์เพ่ือการ
แกไ้ ขฟ้ื นฟูผกู้ ระทาความผิดในประเทศไทย
ปัญหาทางกฎหมายเก่ียวกบั การกาหนดความผดิ ทางอาญา กรณีการนาภาพโป๊ ของเหยอื่ มา
ข่มขหู่ รือแกแ้ คน้ (Revenge Porn) ในประเทศไทย