289
ผเู้ ขยี นเห็นวา่ ทาใหเ้ กิดความชดั เจนในการตีความบทบญั ญตั ิลายลกั ษณ์อกั ษรและไมเ่ ป็นปัญหาใน
การบงั คบั ใชก้ ฎหมายอาญา ท้งั ยงั เป็นทางออกในแง่ที่ดีหากวา่ ค่สู มรสน้นั ปรับความเขา้ ใจและ
อยากจะดารงชีวิตครอบครัวกนั ต่อไป
ประเดน็ ท่ีสอง กรณีการขม่ ขืนกระทาชาเราหรืออนาจาร ไม่สามารถยอมความกนั ได้
หากเป็นกรณีมาตรา 285/2 หากผกู้ ระทาน้นั มีเจตนากระทาต่อบุคคลในมาตราดงั กลา่ ว ไดแ้ ก่ คน
พกิ าร คนชรา คนป่ วย เป็นตน้ ซ่ึงเจตนารมณ์ของการแกไ้ ขเพมิ่ เติมกฎหมายดงั กลา่ ว ถือวา่ เป็นคดี
ความผดิ อาญาแผ่นดิน เพ่อื คุม้ ครองบคุ คลที่มีความอ่อนแอท้งั ทางร่างกายและจิตใจ และใหร้ ัฐช่วย
ดาเนินดคีอาญาดงั กลา่ วแทนผเู้ สียหาย
ค้าบุคคลเพ่ือความใคร่
ควำมผดิ ฐำนคำ้ บุคคลเพอื่ ควำมใคร่ตำมมำตรำ 282 และมำตรำ 283 กรณีกำรกระทำเกิด
นอกรำชอำณำจกั ร ถือเป็นควำมผดิ ตำมมำตรำ 7 (2 ทวิ) ที่ศำลไทยลงโทษไดเ้ พรำะเป็นหลกั อำนำจ
ลงโทษสำกล (Universality Principle) และศำลไทยสำมำรถลงโทษซ้ำอีกคร้ังสำหรับกำรกระทำ
เดียวกนั ได้ ตำมมำตรำ 10
มาตรา 282 เป็นคนกลางพาไปเพือ่ สนองความใคร่ผอู้ ่ืน (ยนิ ยอม)
คาวา่ เพื่อสนองความใคร่หมายถึงเพอื่ ความพอใจของชาย หรือหญิงในทางเพศไม่จาตอ้ ง
ถึงขนาดไดร้ ่วมประเวณีแคก่ อดจูบกผ็ ิดแลว้ และไม่ตอ้ งถึงขนาดสาเร็จความใคร่
เพื่อการอนาจารหมายถึงเพื่อการกระทาอนั ไม่สมควรในทางเพศ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 358/2486 พาหญิงไปร่วมประเวณีโดยไมป่ ระสงคจ์ ะเล้ียงดูเป็นภรรยา
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1386/2521 พาไปเพื่อใหค้ า้ ประเวณี
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2177/2517 แตถ่ า้ กระทาในลกั ษณะท่ีจะอยกู่ ินฉนั สามีภรรยาโดย
ความสมคั รใจของหญิงและไมป่ รากฏวา่ ชายมีภรรยาอยแู่ ลว้ ไมเ่ ป็นการพาไปเพ่ือการอนาจาร
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2029/2520 ผเู้ สียหายอายุ 16 ปี ยนิ ยอมไปอยกู่ บั จาเลยอายุ 27 ปี แลว้ ยงั
ไม่มีภรรยาอยไู่ ด้ 2 เดือนจาเลยหาสินสอดไมไ่ ดจ้ าเลยใหผ้ เู้ สียหายกลบั บา้ นรุ่งข้นึ จาเลยดว้ ยหญิงอ่ืน
เป็นภรรยาแสดงวา่ จาเลยไม่ต้งั ใจพาหญิงไปเล้ียงดูเป็นภรรยาอยา่ งจริงจงั จึงเป็นการพาไปเพื่อการ
อนาจาร
การเป็นธุระจดั หาล่อไปหรือชกั พาไปถา้ ผกู้ ระทามีเจตนาพเิ ศษเพอื่ สนองความใคร่ของ
ผอู้ ื่นและเพื่อการอนาจารแลว้ ก็เป็นความผิดสาเร็จทนั ทีไมจ่ าตอ้ งมีผลเกิดข้ึนแมผ้ กู้ ระทาจะยงั ไม่ได้
ถูกกระทาอนาจารผกู้ ระทากม็ ีความผดิ แลว้ และเป็นความผิดสาเร็จ
290
ถา้ กระทาเพื่อสนองความใคร่ของผกู้ ระทาผิดเองไม่เป็นความผิดตามมาตราน้ีแต่ผดิ
มาตรา 284
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1608/2538 จาเลยท่ี 1 ขบั รถพาหญิงไปคา้ ประเวณีโดยหญิงสมคั รใจ
ตามท่ีจาเลยที่ 2 มอบหมายและจาเลยท่ี 1 รับเงินค่าหญิงบริการจากตารวจผจู้ บั กุมมาก็ตอ้ งมอบ
ใหแ้ ก่จาเลยที่ 2 การกระทาของจาเลยท่ี 1 จึงเป็นเพียงผสู้ นบั สนุนจาเลยที่ 2 ในความผิดมาตรา 282
ประกอบมาตรา 86
คาพิพากษาฎีกาที่ 9634/2546 จาเลยเป็นผตู้ ิดต่อชกั ชวนให้คู่ชายหญิงมาพบกนั เพื่อตกลง
แลกเปล่ียนคู่นอนแต่ตอ้ งเป็นสมาชิกและสมาชิกจะตกลงยนิ ยอมสมคั รใจกถ็ ือวา่ เป็นธุระจดั หาหรือ
จะพาไปเพอื่ การอนาจารแมห้ ญิงจะยนิ ยอมกเ็ ป็นความผิดมาตรา 282 วรรคแรกแลว้
คาพิพากษาฎีกาที่ 6560/2546 ร้านอาหารของจาเลยเป็นสถานคา้ ประเวณีและจาเลยไดร้ ับ
ส่วนแบ่งจากการคา้ ประเวณีของหญิงบริการซ่ึงอยใู่ นความดูแลของจาเลย จาเลยผดิ เป็นธุระจดั หา
มิใช่เพียงความผดิ สนบั สนุนใหม้ ีการคา้ ประเวณี
มาตรา 283 เป็นคนกลางพาไปเพอ่ื สนองความใคร่ผอู้ ่ืนโดยผนู้ ้นั ไม่ยนิ ยอม
องคป์ ระกอบความผิดเหมือนมาตรา 282 แตก่ ระทาโดยผถู้ ูกกระทาไม่ยนิ ยอม
การหลอกลวงเช่นหลอกวา่ จะไดท้ างานในร้านอาหารจะไดค้ ่าจา้ งคา่ ทิปจากแขก
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 688/2536 ผเู้ สียหายไม่ทราบวา่ ท่ีบา้ นมีคา้ ประเวณีแตจ่ าเลยชกั ชวนอนั
เป็นการหลอกลวงใหเ้ ห็นวา่ นอกจากไดร้ ับเงินเดือนแลว้ ยงั ไดค้ ่าทิปดว้ ยจึงเป็นการใชอ้ ุบาย
หลอกลวงบงั คบั ใหค้ า้ ประเวณีจาเลยผิดมาตรา 282 รักแรกและมาตรา 283 วรรคแรกลงโทษบท
หนกั มาตรา 283 แรก
คาวา่ ใชว้ ิธีขม่ ขืนใจดว้ ยวธิ ีอื่นใดหมายถึงสภาพบงั คบั ท่ีทาใหช้ ายหรือหญิงจะตอ้ ง
ยนิ ยอมโดยไมเ่ ตม็ ใจเพราะถา้ หากไมม่ ีพฤติการณ์ขม่ ขืนใจเช่นน้ีแลว้ ชายหรือหญิงจะขดั ขืนไม่
ยนิ ยอม
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 582/2527 จาเลยบงั คบั เดก็ หญิงใหไ้ ปกบั ชายหากไมไ่ ปจะส่งไป
ตา่ งจงั หวดั เดก็ หญิงจึงยอมไปกบั ชาย
การพาไปเพอื่ การอนาจารตามมาตราน้ีเป็นการกระทาโดยผถู้ ูกกระทาไม่ไดย้ นิ ยอม
ความผดิ สาเร็จเกิดเมื่อมีการเอาตวั ผถู้ กู กระทาไปได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 839/2502 จาเลยลากผเู้ สียหายไปได้ 2 วาถือวา่ เป็นความผดิ สาเร็จ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 982/2482 จาเลยฉุดผเู้ สียหายไปได้ 1 วาผเู้ สียหายสะบดั หลุดถือวา่ เป็น
ความผดิ สาเร็จแลว้
291
ความผิดสาเร็จเกิดเมื่อผเู้ สียหายเคลื่อนตวั ไปตามแรงฉุดของจาเลยส่วนระยะทาง
มากนอ้ ยเท่าไร ไม่ใช่สาระสาคญั
ถา้ หากผเู้ สียหายเคลื่อนตวั ไปตามแรงฉุดแลว้ แมต้ อ่ มาผเู้ สียหายจะสะบดั หลุดหรือมีพวก
ของผเู้ สียหายมาช่วยดึงตวั ผเู้ สียหายกลบั มาไดก้ ถ็ ือเป็นความผดิ ข้นั สาเร็จแลว้ มิใช่ข้นั พยายาม
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1595/2522 จาเลยใชอ้ บุ ายกล่าวหาโจทกร์ ่วมวา่ ยกั ยอกทรัพยเ์ พื่อจูงใจ
ใหไ้ ปทางานที่ฮ่องกงเพ่ือให้มีรายไดแ้ ละพน้ คดีอาญาเมื่อโจทกร์ ่วมไปถึงฮ่องกงมีชายมาควบคุมตวั
ไวแ้ ลว้ พาไปข่มขืนเจตนาจาเลยเพอื่ ส่งไปฮ่องกงเพอื่ สาเร็จความใคร่ของผอู้ ื่นผดิ มาตรา 283
ประกอบมาตรา 320 ใหล้ งโทษมาตรา 283 ซ่ึงเป็นบทหนกั
มาตรา 283 ทวิ พาบุคคลอายเุ กิน 15 ปี แตไ่ ม่เกิน 18 ปี ไปเพอ่ื อนาจารแมผ้ นู้ ้นั จะยนิ ยอมหรือไม่
ก็ตาม
มาตรา 283 ทวไิ มไ่ ดบ้ ญั ญตั ิวา่ ตอ้ งทาเพ่ือสนองความใคร่ของผอู้ ่ืน แมก้ ระทาเพ่ือตวั ผกู้ ระทาผิดเอง
กผ็ ิดเช่นเดียวกบั มาตรา 284 ต่างจากมาตรา 282 และมาตรา 283 ท่ีบญั ญตั ิวา่ ตอ้ งทาเพื่อสนองความ
ใคร่ของผอู้ ื่นถึงจะมีความผิด
มาตรา 284 พาผอู้ ่ืนไปเพ่ืออนาจารโดยผนู้ ้นั ไม่ยนิ ยอม
เป็นการพาไปเพ่ือการอนาจารของผกู้ ระทาความผิดเอง
ถา้ ผกู้ ระทามีเจตนาท่ีจะพาผูอ้ ่ืนไปเพ่ือการอนาจารกเ็ ป็นความผิดสาเร็จทนั ทีท่ีพาไป
แมผ้ อู้ ื่นจะยงั ไม่ไดถ้ กู กระทาอนาจารก็ตาม
การพาผอู้ ่ืนไปเพือ่ การอนาจารและไดก้ ระทาอนาจารในเวลาต่อมาเป็นการทาโดยมี
เจตนาเดียวกนั จึงเป็นความผิดกรรมเดียว
แตเ่ ป็นคนละกรรมกบั ความผิดมาตรา 317 ถึงมาตรา 319 เพราะความผิดตามมาตรา
317 ถึงมาตรา 319 เป็นความผดิ ที่กระทาต่อบิดามารดาผปู้ กครองหรือผดู้ ูแลแมจ้ ะกระทาผิดใน
คร้ังเดียวกนั ก็เป็นความผิดต่างกรรมเพราะกระทาต่อผเู้ สียหายตา่ งคนกนั
คาพิพากษาฎีกาที่ 4796/2530 จาเลยท่ี 1 พาผเู้ สียหายอายุ 17 ปี ไปใหจ้ าเลยท่ี 2 ถึง 4
ขม่ ขนื จาเลยที่ 1 ผดิ ฐานพรากผเู้ ยาวไ์ ปเสียจากบิดามารดาโดยผเู้ ยาวน์ ้นั ไมเ่ ตม็ ใจไปดว้ ยกนั
กรรมหน่ึง และผิดฐานพาหญิงไปเพ่ือการอนาจาร อีกกรรมหน่ึงดว้ ย แมจ้ าเลยท่ี 1 จะไมไ่ ดข้ ่มขืน
ดว้ ยแต่รอจนพวกจาเลยขม่ ขืนเสร็จจึงพาผเู้ สียหายกลบั บา้ นถือวา่ จาเลยท่ี 1 ร่วมกบั พวกกระทาผดิ
ฐานร่วมกนั ขม่ ขืนอนั มีลกั ษณะเป็นการโทรมหญิง
292
มาตรา 285 ผกู้ ระทาตอ้ งรับโทษหนกั
ตามมาตราน้ีไดร้ ับการแกไ้ ขเพม่ิ เติมประมวลกฎหมายอาญาในปี พ.ศ. 2562
“มาตรา 285 ถา้ การกระทาความผิดตามมาตรา 276 มาตรา 277 มาตรา 277 ทวิ มาตรา 277 ตรี มาตรา
278 มาตรา 279 มาตรา 280 มาตรา 282 หรือมาตรา 283 เป็นการกระทาแก่บุพการี ผูส้ ืบสันดาน พ่ี
นอ้ งร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษยซ์ ่ึงอยใู่ นความดูแล ผอู้ ยใู่ น
ความควบคุมตามหนา้ ท่ีราชการ ผอู้ ยู่ในความปกครอง ในความพิทกั ษห์ รือในความอนุบาล หรือผู้
อยู่ภายใตอ้ านาจดว้ ยประการอื่นใด ผูก้ ระทาตอ้ งระวางโทษหนกั กว่าท่ีบญั ญตั ิไวใ้ นมาตราน้ัน ๆ
หน่ึงในสาม”
ตามบทบญั ญตั ิดงั กลา่ ว มีการเพ่มิ เติมกรณี
ตามบทบญั ญตั ิน้ีเป็นกรณีกระทาต่อ “บุพการี” หมายถึง บิดามารดา พนี่ อ้ งร่วมบิดา
มารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ผอู้ ยภู่ ายใตอ้ านาจดว้ ยประการอ่ืนใด
มาตรา 285 ผกู้ ระทาผิดตามมาตรา 276 มาตรา 277 มาตรา 277 ทวิ มาตรา 277 ตรี มาตรา
278 มาตรา 279 มาตรา 280 มาตรา 282 หรือมาตรา 283 กระทาแก่ผสู้ ืบสันดาน ศิษยซ์ ่ึงอยใู่ นความ
ดูแล ผอู้ ยใู่ นความควบคุมตามหนา้ ที่ราชการหรืออยใู่ นความปกครองในความพทิ กั ษห์ รือในความ
อนุบาลตอ้ งโทษหนกั อีก 1 ใน 3
คาวา่ ผสู้ ืบสนั ดาน หมายถึง ผสู้ ืบสายโลหิตตามความเป็นจริงไมจ่ าตอ้ งเป็นบุตร
โดยชอบดว้ ยกฎหมาย
พ่อเล้ียงขม่ ขืนลกู เล้ียงไมผ่ ดิ มาตรา 285 แตผ่ ดิ มาตรา 276 เพราะลกู เล้ียงไม่ไดเ้ ป็น
ผสู้ ืบสันดานของพอ่ เล้ียง
ผอู้ ยใู่ นความปกครองหมายถึงความปกครองตามที่กฎหมายบญั ญตั ิไวม้ ิใช่เป็นความ
ปกครองโดยพฤตินยั
เดิมการท่ีพ่อเล้ียงขม่ ขืนลูกเล้ียงไม่อาจถือไดว้ า่ เป็นการกระทาแก่ผอู้ ยใู่ นความ
ปกครองตามมาตรา 285 อยา่ งไรกต็ าม หากพิจารณาตามมาตรา 285 แกไ้ ขใหม่ปี พ.ศ. 2562 ผเู้ ขยี น
มีความเห็นวา่ กรณีพ่อเล้ียงกบั ลกู เล้ียงน้นั ถือวา่ ตอ้ งรับโทษตามาตราน้ี เพราะลกู เล้ียงน้ี สามารถ
ตีความเขา้ ในความหมายของคาวา่ “ผอู้ ยภู่ ายใตอ้ านาจดว้ ยประการอ่ืนใด” ท้งั น้ี เพ่อื ให้มีบทลงโทษ
หนกั ข้นึ แก่ผเู้ ป็นพ่อเล้ียงหรือแม่เล้ียงท่ีใชอ้ านาจปกครองดูแลลกู เล้ียง
เช่นเดียวกบั กบั กรณีครูกบั ศิษย์ ผเู้ ขยี นเห็นวา่ การแกไ้ ขเพิม่ เติมความหมายคาวา่ “ผอู้ ยู่
ภายใตอ้ านาจดว้ ยประการอื่นใด” น่าจะถือวา่ เขา้ กรณีครูที่มีอานาจในการใหค้ ณุ และโทษแก่ศิษย์
293
ในผลการศึกษาเลา่ เรียนไม่วา่ จะอยใู่ นโรงเรียนหรือสถาบนั กวดวิชาใด ก็ควรตอ้ งรับโทษหนกั หาก
มีการขม่ ขนื หรืออนาจารศิษย์ ไม่ควรตีความแคบแค่กรณีศิษยซ์ ่ึงอยใู่ นความดูแลหมายถึงศิษยท์ ี่อยู่
ในการดูแลของครูผสู้ อนในระหวา่ งการสอนตามหนา้ ท่ี
ปัจจุบนั มีคาพิพากษาฎีกาท่ี 7477/2562 ท่ีตดั สินวา่ ครูอตั ราจ้างถือเป็นครูท่ีมีหนา้ ท่ี
อบรมสัง่ สอนลูกศิษยใ์ นโรงเรียน ยอ่ มเขา้ องคป์ ระกอบความผดิ ตามมาตรา 285 น้ี
ซ่ึงคาพพิ ากษาเดิมก่อนมีการแกไ้ ขเพม่ิ เติมกฎหมายอาญาในปี พ.ศ.2562 น้ี ครูตาม
มาตรา 285 จะตอ้ งมีหนา้ ท่ีดูแลศิษยด์ ว้ ยถา้ ผกู้ ระทาผิดไม่มีหนา้ ที่ในการสอนผูเ้ สียหายกไ็ ม่เขา้ ตาม
องคป์ ระกอบของความผิดตามมาตราน้ี
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 6635/2539 จาเลยข่มขืนผเู้ สียหายขณะที่จาเลยเป็นครูผปู้ กครอง
ประจาวนั มีหนา้ ท่ีดูแลเด็กนกั เรียนถือไดว้ า่ ขณะเกิดเหตุผเู้ สียหายเป็นศิษยอ์ ยใู่ นความดูแลของจาเลย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 9704/2539 ขณะเกิดเหตจุ าเลยเป็นครูพละเฉพาะนกั เรียนชายไมม่ ี
หนา้ ท่ีสอนใหแ้ ก่ผูเ้ สียหายซ่ึงเป็นนกั เรียนหญิงเม่ือจาเลยไมม่ ีหนา้ ท่ีสอนผูเ้ สียหายผเู้ สียหายก็ไม่ใช่
ศิษยท์ ี่อยใู่ นความดูแลของจาเลย
คาพิพากษาฎีกาที่ 1759/2526 จาเลยเป็นครูสอนพละซ่ึงผเู้ สียหายเป็นนกั เรียนอยู่
จาเลยกระทาอนาจารกบั ผเู้ สียหายขณะจาเลยทาหนา้ ที่สอนพละแก่ผเู้ สียหายจึงเป็นผดิ ความผดิ
285 น้ี
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 118/2531 จาเลยเป็นครูสอนวชิ าคณิตในขณะเกิดเหตผุ เู้ สียหาย
ซ่ึงเป็นศิษยอ์ ยใู่ นความดูแลตอ้ งเช่ือฟังจาเลยจาเลยขม่ ขืนผเู้ สียหายในขณะน้นั จึงเป็นความผดิ ตาม
มาตราน้ี
คาพิพากษาฎีกาที่ 3336-37/2547 บ. เป็นภารโรงไมม่ ีส่วนไดเ้ สียในบญั ชีเงินกูแ้ ละ
ไม่ปรากฏวา่ จาเลยไดว้ า่ จา้ งหรือใหป้ ระโยชน์แก่ บ. ในการเผาทาลายบญั ชีเงินกู้ หาก บ.ทราบวา่
การเผาทาลายบญั ชีเงินกเู้ ป็นส่ิงผิดกฎหมาย บ.ก็คงไม่ทาตามคาสั่งของจาเลยแต่ บ.ยอมเผาบญั ชี
เงินกูต้ ามคาสงั่ จาเลยซ่ึงเป็นผบู้ งั คบั บญั ชา คงเช่ือโดยสุจริตวา่ เป็นการปฏิบตั ิตามคาส่ังที่ชอบดว้ ย
กฎหมายของผบู้ งั คบั บญั ชา การท่ีจาเลยสง่ั ให้ บ. เผาบญั ชีจึงไมใ่ ช่เป็นการใชใ้ หผ้ อู้ ื่นกระทา
ความผดิ เพราะ บ. ผถู้ กู ใชไ้ มร่ ู้วา่ การกระทาน้นั เป็นความผิดตามมาตรา 188 ประกอบมาตรา 59
วรรคสาม แต่การที่จาเลยใชบ้ .เป็นเคร่ืองมือของจาเลยในการกระทาความผดิ ถือวา่ จาเลยเป็น
ผกู้ ระทาความผิดเองโดยออ้ ม
การเป็นผใู้ ชต้ ามมาตรา 84 จะตอ้ งเป็นผกู้ ่อใหบ้ ุคคลที่ไมเ่ คยมีเจตนาที่จะกระทา
ความผดิ เกิดเป็นเจตนาท่ีจะกระทาความผดิ ซ่ึงวิธีการก่อใหผ้ อู้ ื่นกระทาความผิดมีหลายวธิ ี เช่น
ใชจ้ า้ งวาน ยยุ งส่งเสริม ข่เู ข็ญ
294
มาตรา 285/1 กรณีทาความผิดทางเพศต่อเด็กอายไุ มเ่ กินสิบสามปี หา้ มอา้ งความไม่รู้อายขุ องเด็ก
“ มาตรา 285/1 การกระทาความผิดตามมาตรา 277 มาตรา 279 มาตรา 282 วรรคสาม
มาตรา 283 วรรคสาม และมาตรา 283 ทวิ วรรคสอง หากเป็นการกระทาต่อเดก็ อายไุ ม่เกินสิบสามปี
ห้ามอ้างความไม่รู้อายขุ องเดก็ เพื่อให้พ้นจากความผิดน้นั ”
ผกู้ ระทาความผิดไม่สามารถอา้ งเร่ืองความไม่รู้วา่ เดก็ อายุไมเ่ กินสิบสามปี เพอ่ื มาให้
ตนพน้ จากความผดิ น้นั ได้ เป็นกฎหมายปิ ดปากผกู้ ระทาความผดิ เพราะวา่ เหยอ่ื เป็นเด็กยอ่ มไดร้ ับ
ความคุม้ ครองไมใ่ หถ้ ูกลว่ งละเมิดทางเพศ การอา้ งเรื่องความไมร่ ู้ขอ้ เท็จจริงเรื่องอายขุ องเดก็ จึงไม่
อาจอา้ งได้ เฉพาะกรณีเดก็ ไม่อายไุ มเ่ กิน 13 ปี
มาตรา 285/2 โทษหนกั กรณีทาตอ่ บคุ คลซ่ึงไมส่ ามารถปกป้องตนเองได้
“มาตรา 285/2 ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา 276 มาตรา 277 มาตรา 277 ทวิ
มาตรา 277 ตรี มาตรา 278 หรือมาตรา 279 เป็นการกระทาแก่บคุ คลซ่ึงไม่สามารถปกป้องตนเอง
อันเน่ืองมาจากเป็นผ้ทู ุพพลภาพ ผ้มู ีจิตบกพร่ อง โรคจิต หรือจิตฟ่ันเฟื อน คนป่ วยเจบ็ คนชรา
สตรีมคี รรภ์ หรือผ้ซู ่ึงอย่ใู นภาวะไม่สามารถรู้ผิดชอบ ผู้กระทาต้องระวางโทษหนกั กว่าท่ีบญั ญัติไว้
ในมาตรานั้น ๆ หน่ึงในสาม”
ปี พ.ศ.2562 กฎหมายแกไ้ ขเพม่ิ เติมในมาตรา 285/2 เพอื่ ใหค้ วามคุม้ ครองกบั บคุ คลที่มี
ความเปราะบางทางสงั คมโดยเฉพาะ ซ่ึงไมส่ ามารถปกป้องตนเองจากการถูกลว่ งละเมิดทางเพศ ท้งั
เร่ืองอายุ เพศ ทางกาย ทางจิตใจ เป็นตน้ หากผกู้ ระทาความผิดมีเจตนากระทาความผดิ ข่มขืนกระทา
ชาเราหรืออนาจารผถู้ ูกกระทาและรู้ขอ้ เท็จจริงอนั เป็นองคป์ ระกอบของความผิด ผกู้ ระทาตอ้ งไดร้ ับ
โทษสูงข้นึ กวา่ เดิม หน่ึงในสามของโทษท่ีตนไดร้ ับ
มาตราดงั กลา่ วมุ่งคุม้ ครองบุคคลดงั ตอ่ ไปน้ี 1.ผทู้ พุ พลภาพ 2.ผมู้ ีจิตบกพร่อง 3.โรค
จิตหรือจิตฟ่ันเฟื อน 4.คนป่ วยเจบ็ 5.คนชรา 6.สตรีมีครรภ์ 7.ผซู้ ่ึงอยใู่ นภาวะไม่สามารถรู้ผิดชอบ
เดิมน้นั กฎหมายใหค้ วามคมุ้ ครองเหมือนกบั บุคคลทว่ั ไป ท้งั ๆที่ในสงั คมไทยมีความ
แตกตา่ งของเหยือ่ ที่ถกู กระทาต่างกนั ป้องกนั และปราบปรามไม่ใหผ้ กู้ ระทาอาศยั โอกาสล่วงละเมิด
ต่อบุคคลที่ไม่สามารถป้องกนั ตนเองได้ เพราะเหตุบกพร่องท้งั ทางร่างกายและจิตใจ
มาตรา 286 คา้ ประเวณี
“มาตรา 286 ผ้ใู ดกระทาด้วยประการใด ๆ ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน
ยส่ี ิบปี และปรับไม่เกินส่ีแสนบาท หรือจาคกุ ตลอดชีวิต
295
(1) ช่วยเหลือ ให้ความสะดวก หรือค้มุ ครองการค้าประเวณีของผ้อู ่ืน
(2) รับประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีของผู้อ่ืนหรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณี
(3) บงั คับ ขู่เขญ็ หลอกลวง หรือใช้อานาจครอบงาผู้อื่น หรือรับผู้อ่ืนเข้าทางานเพื่อ
การค้าประเวณี
(4) จัดให้มีการค้าประเวณีระหว่างผู้ซ่ึงค้าประเวณีกบั ผ้ใู ช้บริการ
(5) ปกปิ ดหรืออาพรางแหล่งที่มาของรายได้หรือทรัพย์สินซึ่งได้มาจากการค้าประเวณี
(6) อย่รู ่วมกับผ้ซู ่ึงค้าประเวณีหรือสมาคมกบั ผ้ซู ึ่งค้าประเวณีคนเดียวหรือหลายคน
เป็ นอาจิณและไม่สามารถแสดงที่มาของรายได้ ในการดารงชีพของตน
(7) ขัดขวางการดาเนินการของหน่วยงานท่ีดแู ลในการป้องกนั ควบคมุ ช่วยเหลือ
หรือให้การศึกษาแก่ผ้ซู ่ึงค้าประเวณี ผู้ซ่ึงจะเข้าร่วมในการค้าประเวณี หรือผ้ซู ่ึงอาจได้รับอันตราย
จากการค้าประเวณี
ความในวรรคหนึ่ง (2) และ (6) มิให้ใช้บังคบั แก่ผ้รู ับประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดซึ่งพึง
ได้รับตามกฎหมายหรือตามธรรมจรรยา”
มาตรา 286 น้ีมีการแก้ไขเพ่ิมเติมปี พ.ศ. 2562 การค้าประเวณีเป็ นส่วนหน่ึงของ
การคา้ มนุษยท์ างเพศ จาเป็นที่รัฐตอ้ งต่อตา้ นและปราบปรามการคา้ ประเวณีซ่ึงมีท้งั คา้ ประเวณีของ
หญิงและชาย เพราะมาตราดังกล่าวไม่ได้บญั ญตั ิเฉพาะกรณีการคา้ ประเวณีของผูห้ ญิง ท้งั น้ี ใน
มาตรา 286 อนุ 1 และอนุ 7 เป็ นบทลงโทษเด็ดขาดสาหรับบุคคลท่ียุ่งเกี่ยวกบั การคา้ ประเวณีของ
ผอู้ ื่น อยา่ งไรก็ตาม กรณี มาตรา 286 อนุ 2 ถึงอนุ 6 หากเป็นการไดร้ ับประโยชนจ์ ากการคา้ ประเวณี
ตามกฎหมายหรือตามธรรมจรรยา ไม่มีความผิดตามมาตราน้ี เพราะ หากเป็ นไปตามกฎหมาย
ครอบครัว การสืบสายโลหิตตามธรรมชาติ หรือตามธรรมจรรยา ย่อมตอ้ งเล้ียงดูช่วยเหลือซ่ึงกัน
และกนั ได้ เช่น บิดามารดา บุตรยอ่ มตอ้ งอปุ การะเล้ียงดูใหก้ ารศึกษาอบรมซ่ึงกนั และกนั
จะเห็นไดว้ า่ ความผิดเก่ียวกบั เพศ นอกจากเรื่องการข่มขืนกระทาชาเรา หรืออนาจาร
แลว้ กฎหมายใหม่ท่ีแกไ้ ขปี พ.ศ. 2562 ยงั แกไ้ ขในเร่ืองการคา้ ประเวณีดว้ ย โดยมีเจตนารมณ์เพ่ือ
ป้องปรามมิให้มีการกระทาที่เป็ นการเอาเปรียบหรือรับประโยชน์จากผูซ้ ่ึงคา้ ประเวณีหรือจาก
การคา้ ประเวณี เพราะปัญหาการคา้ ประเวณี และการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการคา้ ประเวณีในทุก
รูปแบบเป็นปัญหาระดบั นานาชาติ ท่ีประเทศไทยใหค้ วามสาคญั ท้งั เพมิ่ ประสิทธิภาพในการบงั คบั
ใชก้ ฎหมายอาญามากอยา่ งยง่ิ
ค้าส่ิงลามก
296
มาตรา 287 1. ทา ผลิต มีไว้ นาเขา้ ในราชอาณาจกั รหรือส่งออกนอกราชอาณาจกั รซ่ึงส่ือลามก
อนาจาร มีมลุ เหตจุ ูงใจเพ่ือการคา้ เพือ่ แจกจ่ายหรือเพอ่ื อวดแก่ประชาชน ซ่ึงส่ิงลามก เป็นส่ิงของ
หรือวตั ถุใดท่ีน่าอบั อายทางเพศ อจุ าด เช่น ภาพ วิดีโอ วซี ีดี ภาพยนตร์ ท้งั น้ี ใชร้ ะดบั วิญญชู น
พจิ ารณา
2. ประกอบการคา้ จ่ายแจกหรือให้เช่าสื่อลามก
3. มีการเผยแพร่ เพ่ือการคา้ แจกจ่าย ผลิต มีไวน้ าเขา้ ในราชอาณาจกั ร หรือส่งออกไป
ยงั นอกราชอาณาจกั รซ่ึงส่ือลามก
ข้อสังเกต ตามบทบญั ญตั ิมาตราน้ี มุ่งจะลงโทษบคุ คลที่มีเจตนาพิเศษในการใชส้ ื่อลามกเพื่อการคา้
แจกจ่ายหรืออวดแก่ประชาชน ในลกั ษณะของการทาธุรกิจคา้ ขาย เผยแพร่ ดงั น้นั หากบคุ คลมีไวซ้ ่ึง
ครอบครองสื่อลามกเพอ่ื ตนเองเทา่ น้นั จะไมม่ ีความผิดทางอาญาตามมาตราน้ี
อยา่ งไรก็ตาม ปัจจุบนั การเผยแพร่สื่อลามกอนาจารปรากฎทางออนไลน์จานวนมาก
แพร่หลายไดร้ วดเร็วและง่ายกวา่ การทาเป็นรูปภาพ หากมีเจตนาเพ่อื ธุรกิจ การคา้ เผยแพร่สู่
สาธารณชนผา่ นทางระบบคอมพวิ เตอร์เช่นน้ี จะตอ้ งรับโทษตามพระราชบญั ญตั ิวา่ ดว้ ยการกระทา
ความผิดเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 แกไ้ ขเพ่มิ เติมฉบบั ท่ี 2 ในปี พ.ศ. 2560 ในมาตรา 14 (4)
ดงั น้ี
“มาตรา 14 ผใู้ ดกระทาความผิดท่ีระบไุ วด้ งั ตอ่ ไปน้ี ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหา้ ปี
หรือปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ...
(4) นาเขา้ สู่ระบบคอมพวิ เตอร์ซ่ึงขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ท่ีมีลกั ษณะอนั ลามกและขอ้ มูล
คอมพวิ เตอร์น้นั ประชาชนทว่ั ไปอาจเขา้ ถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซ่ึงขอ้ มูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อย่แู ลว้ ว่าเป็นขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ตาม (1)(2)
(3) หรือ (4)”
จากมาตรา 14 (4) ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มุ่งจะลงโทษกรณีบุคคลที่ใช้ระบบ
คอมพิวเตอร์เพ่ือส่งขอ้ มูลในลกั ษณะอนั ลามก ยกตวั อยา่ ง นายสมชายทาไฟลภ์ าพลามก คลิปวีดีโอ
ถ่ายภาพลามกท้ังของตนเองหรือผูอ้ ่ืนข้ึนมาแล้วดาวน์โหลดข้ึนในระบบเวปไซต์ที่เผยแพร่สู่
สาธารณชน เช่นน้ี นายสมชายมีความผิดตามมาตราน้ี เพราะตามบทบญั ญตั ิดังกล่าวมุ่งลงโทษ
บุคคลที่ทาการเผยแพร่ขอ้ มูลลามกผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ที่สาคญั ตอ้ งเป็ นระบบคอมพิวเตอร์ท่ี
ประชาชนเขา้ ถึงได้ เช่นผา่ นระบบออนไลน์ โซเชียลเน็ตเวริ ์ค เวปไซต์ เพจต่างๆ เป็นตน้
นอกจากน้ี ตามมาตรา 14 (5) เป็นบทลงโทษสาหรับผเู้ ผยแพร่หรือส่งต่อขอ้ มลู คอมพิวเตอร์
ที่มีลกั ษณะลามกอนาจาร ยกตวั อย่าง กรณีท่ีนายสมประสงค์ส่งต่อภาพลามกที่ไดจ้ ากนายสมชาย
ผ่านลงในระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ค เช่น เฟซบุค ทวิตเตอร์หรืออินสตาแกรม ซ่ึงเปิ ดข้อมูลเป็ น
297
สาธารณะ เช่นน้ี นายสมประสงค์มีความผิดตามมาตรา 14 (5) น้ี เพราะการเผยแพร่หรือส่งต่อ
ออกไปจะเกิดความเสียหายในวงกวา้ ง รวดเร็วและแพร่หลายทาให้ประชาชนได้รับภาพลามก
อนาจารไดอ้ ย่างรวดเร็ว ซ่ึงเป็นการทาลายศีลธรรม สังคมและประเพณีไทย ประกอบกบั อาจส่งผล
กระทบตอ่ การเกิดอาชญากรรมในรูปแบบอื่นไดง้ า่ ย
ค้าสิ่งลามกเดก็
เน่ืองดว้ ยอนุสัญญาวา่ ดว้ ยสิทธิเดก็ ค.ศ. 1989 ขอ้ 34 ซ่ึงประเทศไทยใหส้ ัตยาบนั
ไปเมื่อ พ.ศ. 2535 และเป็ นไปตามแนวทางของกฎหมายต่างประเทศหลายหลายประเทศเช่น
สหรัฐอเมริกา องั กฤษ แคนาดา สหพนั ธ์สาธารณรัฐเยอรมนั ญี่ป่ ุน เป็นตน้ ไดใ้ หค้ วามคุม้ ครองเด็ก
เพื่อไม่ใหบ้ ุคคลครอบครอง ส่งต่อหรือเผยแพร่ซ่ึงสื่อลามกอนาจารเด็ก ซ่ึงเป็นกฎหมายอาญาไดม้ ี
การแกไ้ ขเพ่ิมเติมไวใ้ นฉบบั ท่ี 24 พ.ศ. 2558 โดยบทเฉพาะกาลไดเ้ ขียนถึงเหตุผลและหลกั การใน
การแกไ้ ขกฎหมายไวว้ า่ “โดยท่ีการครอบครองส่ือลามกอนาจารเด็กเป็นการละเมิดสิทธิข้นั พ้ืนฐาน
ของเด็กตามอนุสัญญาว่าดว้ ยสิทธิเด็กและเป็ นปัจจยั ที่ก่อให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและ
ส่งผลกระทบต่อสวสั ดิภาพของเดก็ ประกอบกบั ความผิดเก่ียวกบั การคา้ หรือทาใหแ้ พร่หลายซ่ึงวตั ถุ
หรือส่ิงลามกไม่ไดแ้ ยกประเภทระหว่างสื่อลามกอนาจารผูใ้ หญ่กบั ส่ือลามกอนาจารเด็กไวท้ ้งั ที่
ลกั ษณะความผิดมีความร้ายแรงแตกต่างกนั ดงั น้ัน เพ่ือให้เด็กไดร้ ับการคุม้ ครองและป้องกนั จาก
การถูกล่วงละเมิดทางเพศมากข้ึน สมควรกาหนดใหค้ วามผิดเก่ียวกบั การคา้ หรือทาให้แพร่หลายซ่ึง
วตั ถุหรือสิ่งลามกท่ีเป็นส่ือลามกอนาจารเด็กเป็นความผิดท่ีผกู้ ระทาตอ้ งไดร้ ับโทษหนกั ข้นึ รวมท้งั
กาหนดใหก้ ารครอบครองและส่งตอ่ ซ่ึงสื่อลามกอนาจารเด็กเป็นความผดิ ”
ตามประมวลกฎหมายอาญาให้ความหมายของคาว่า “ส่ิงลามกเด็ก”ไวใ้ น มาตรา 1
(17) บญั ญตั ิวา่ “ส่ือลามกอนาจารเดก็ ” หมายความวา่ วตั ถุ หรือสิ่งแสดง ใหร้ ู้หรือเห็นถึงการกระทา
ทางเพศของเด็กหรือกบั เด็กซ่ึงมีอายุไม่เกิน 18 ปี โดยรูป เร่ือง หรือลกั ษณะสามารถส่ือไปในทาง
ลามกอนาจารไม่วา่ จะอยใู่ นรูปแบบเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี ส่ิงพมิ พร์ ูปภาพ
ภาพโฆษณา เคร่ืองหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบนั ทึกเสียงแถบบนั ทึกภาพ หรือในรูปแบบอ่ืนใด
ในลกั ษณะทานองเดียวกนั และใหห้ มายความ รวมถึงวตั ถุตา่ ง ๆ ขา้ งตน้ ที่จดั เก็บในระบบ
คอมพวิ เตอร์ หรือในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถแสดงผลหรือเขา้ ใจได”้
มาตรา 287/1 มีการครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก มีมูลเหตจุ ูงใจเพอ่ื แสวงหา
ประโยชนใ์ นทางเพศ สาหรับตนเอง หรือผอู้ ่ืน หากมีการส่งต่อซ่ึงส่ือลามกเดก็ ตอ้ งรับโทษตาม
วรรคสอง
298
ผกู้ ระทาความผดิ มีไวใ้ นครอบครองสื่อลามกอนาจารเดก็ มีความผดิ ตามมาตราน้ี แตกตา่ ง
จากการสื่อลามกเพือ่ การคา้ ตามมาตรา 287 ซ่ึงตอ้ งมีไวเ้ พื่อจาหน่าย เพ่อื การคา้ เทา่ น้นั ถึงจะมี
ความผิด กรณีการครอบครองสื่อลามกอนาจารเดก็ อาจจะอยใู่ นเครื่องคอมพวิ เตอร์ หรือเป็นรูปภาพ
เป็นไฟลข์ อ้ มูล คลิปวีดีโอ เหลา่ น้นั ถือเป็นการมีไวค้ รอบครองตามมาตราน้ี
มาตรา 287/2 มีการเผยแพร่ เพอ่ื การคา้ แจกจ่าย ผลิต มีไวน้ าเขา้ ในราชอาณาจกั ร
หรือส่งออกไปยงั นอกราชอาณาจกั รซ่ึงสื่อลามกอนาจารเดก็ ตอ้ งรับโทษหนกั
ตำมมำตรำน้ี ถือกำรมีส่ือลำมกอนำจำรเด็กเพอ่ื กำรคำ้ จำหน่ำย ขอ้ ควำมน้ีทำนองเดียวกบั
ควำมผิดตำมมำตรำ 287 กรณีส่ือลำมกทว่ั ไป
299
แบบฝึ กหดั ท้ายบทท่ี 4 (คาถามพร้อมธงคาตอบ ขอ้ สอบความรู้ช้นั เนติบณั ฑิต ภาคหน่ึง ต้งั แต่ปี
การศึกษา 2520-2544.(ม.ป.ป.)
คาถาม นายเอกถกู ฟ้องหาวา่ ฆ่าผอู้ ื่น นายโทเป็นเพ่ือนรักของนายเอกตอ้ งการช่วยเหลือ
นายเอกใหพ้ น้ คดี จึงเขา้ เบิกความเป็นพยานจาเลยโดยอา้ งว่าตนเองเป็นนายตรีและเบิกความวา่
วนั เวลาเกิดเหตุ เห็นนายเอกกาลงั ดานาอยกู่ บั ภริยา พยานไดท้ กั ทายพูดคุยกบั นายเอกดว้ ย ซ่ึงเป็น
ความเทจ็ ท้งั สิ้น เมื่อเบิกความเสร็จแลว้ นายโทก็ไดล้ งลายมือชื่อในบนั ทึกคาใหก้ ารพยานวา่ นายตรี
ตรงช่องพยาน ดงั น้ี นายโทมีความผดิ ฐานใดหรือไม่ (ขอ้ สอบเนติบณั ฑิต สมยั ที่ 40)
ตอบ นายโทมีความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264
เพราะนายโทแสดงตนเทจ็ โดยอา้ งตนวา่ เป็นนายตรี ท้งั ไดเ้ ซ็นตช์ ื่อปลอมวา่ นายตรี ลงไปในเอกสาร
คาใหก้ ารพยานซ่ึงเป็นเทจ็ เพราะนายโทไม่ไดเ้ ห็นเหตกุ ารณ์ดงั ท่ีเบิกความ จึงเป็นความผดิ ฐาน
ปลอมเอกสาร (คาพิพากษาฎีกาท่ี 561/2508) และมีความผิดฐานเบิกความเทจ็ ตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 177 181
นายโทไม่มีความผิดฐานแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ ใหเ้ จา้ พนกั งานจดลงในเอกสารตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 เพราะศาลมีอานาจใชด้ ุลยพนิ ิจจดขอ้ ความตอนใด หรือไม่จด
ก็ไดต้ ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ การจดจึงเป็นเร่ืองของศาลไมใ่ ช่เร่ืองของพยานท่ี
จะแจง้ ใหศ้ าลจดขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ แตป่ ระการใด
คาถาม นายแดงเป็นคนไทยอยตู่ ่างประเทศนาหนงั สือมอบอานาจเป็นภาษาองั กฤษท่ี
สถานทตู ไทยใหน้ ายดาไปดาเนินการใหเ้ ช่าที่ดินของตนท่ีอยใู่ นประเทศไทย แต่นายดาไม่สามารถ
หาผเู้ ช่าไดม้ ีแต่ผตู้ อ้ งการซ้ือ นายดาจึงไดด้ าเนินการขายท่ีดินแปลงดงั กลา่ วใหน้ ายเขียวโดยแปล
หนงั สือมอบอานาจของนายแดงเป็นภาษาไทยโดยเพิม่ เติมขอ้ ความในคาแปลวา่ นายแดงมอบ
อานาจใหน้ ายดา ดาเนินการขายที่ดินแปลงดงั กล่าวไดด้ ว้ ย แลว้ นาหนงั สือมอบอานาจฉบบั
ภาษาองั กฤษและคาแปลภาษาไทยไปยน่ื ตอ่ เจา้ พนกั งานที่ดินเพ่อื ขอจดทะเบียนนิติกรรมซ้ือขาย
เมื่อเจา้ พนกั งานท่ีดินสอบถาม นายดาก็ใหถ้ อ้ ยคาต่อเจา้ พนกั งานที่ดินวา่ นายแดงมอบอานาจให้
นายดาใหเ้ ช่าหรือขายที่ดินแปลงดงั กล่าวได้ เจา้ พนกั งานที่ดินไดจ้ ดถอ้ ยคาดงั กลา่ วไวเ้ ป็นหลกั ฐาน
และดาเนินการจดทะเบียนนิติกรรมซ้ือขายท่ีดินให้โดยใหน้ ายดาลงลายมือช่ือในสัญญาซ้ือขายดว้ ย
จากน้นั นายดาไดส้ ่งเงินคา่ ขายท่ีดินท้งั หมดใหน้ ายแดงใหว้ นิ ิจฉยั วา่ นายดามีความผิดตามประมวล
กฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่
ตอบ นายดาเป็นผทู้ าแปลหนงั สือมอบอานาจภาษาไทยข้ึนเอง คาแปลดงั กล่าวจึงเป็น
เอกสารลบั ของนายดา ผทู้ ่ีอา่ นเอกสารดงั กลา่ วไม่มีใครเขา้ ใจวา่ เป็นเอกสารท่ีนายแดงทาข้ึน
300
เอกสารดงั กลา่ วจึงไมใ่ ช่เอกสารปลอมท้งั ฉบบั หรือแตส่ ่วนหน่ึงส่วนใด นายดาไม่ไดเ้ ติมหรือตดั
ทอนขอ้ ความหรือแกไ้ ขดว้ ยประการใดๆในหนงั สือมอบอานาจฉบบั ภาษาองั กฤษ ของนายแดง
ซ่ึงเป็นเอกสารที่แทจ้ ริง ท้งั นายดาไม่ไดป้ ระทบั ตราปลอมหรือลงลายมือช่ือปลอมในเอกสารใด ๆ
นายดาจึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสาร ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264
การที่นายดาใหถ้ อ้ ยคาต่อเจา้ พนกั งานท่ีดินเป็นการแจง้ ให้เจา้ พนกั งานจดขอ้ ความอนั
เป็นเทจ็ โดยมีวตั ถปุ ระสงคส์ าหรับใชเ้ ป็นพยานหลกั ฐานว่านายแดงมอบอานาจใหข้ ายที่ดินได้
เจา้ พนกั งานที่ดินไดจ้ ดถอ้ ยคาดงั กล่าวไว้ และใหน้ ายดาลงลายมือช่ือในสัญญาซ้ือขายบนั ทึกถอ้ ยคา
ของนายดาและหนงั สือสัญญาซ้ือขายเป็นเอกสารที่เจา้ พนกั งานที่ดินไดท้ าข้ึนในหนา้ ที่ จึงเป็น
เอกสารราชการซ่ึงมีวตั ถปุ ระสงคส์ าหรับใชเ้ ป็นพยานหลกั ฐาน และการกระทาของนายดาดงั กลา่ ว
น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายแดง นายดาจึงมีความผิดฐานแจง้ ใหเ้ จา้ พนกั งานจดขอ้ ความอนั เป็น
เทจ็ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 และฐานแจง้ ขอ้ ความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 137
คาถาม นายแจ่มและนายแจ๋วขบั รถยนตแ์ ข่งกนั ในถนนยามวกิ าล ร้อยตารวจเอกกลา้
ซ่ึงต้งั ด่านตรวจไดเ้ รียกใหห้ ยดุ แลว้ ขอตรวจใบอนุญาตขบั รถ นายแจ่มนาใบอนุญาตขบั รถออก
แสดง ปรากฎวา่ ใบอนุญาตขบั รถดงั กลา่ วเป็นสาเนาซ่ึงนายแจ่มถา่ ยมาจากตน้ ฉบบั ใบอนุญาตขบั รถ
ของตนที่ภาพถา่ ยหลุดหาย นายแจ่มจึงนาภาพถ่ายของตนมาปิ ดทบั ในสาเนาใบอนุญาตขบั รถ
แลว้ อดั กรอบพลาสติกขนาดเท่าใบอนุญาตขบั รถที่แทจ้ ริงท้งั น้ีเพ่ือใหเ้ จา้ พนกั งานตารวจ และบุคคล
ทวั่ ไปหลงเช่ือวา่ สาเนาภาพถา่ ยใบอนุญาตขบั รถดงั กลา่ วเป็นตน้ ฉบบั ใบอนุญาตขบั รถท่ีถกู ตอ้ ง
แทจ้ ริงท่ีนายทะเบียนเป้นผจู้ ดั ทาข้ึน ส่วนนายแจ๋วมีใบอนุญาตขบั รถ แตป่ รากฎวา่ แผน่ ป้ายทะเบียน
รถยนตข์ องนายแจ๋วไม่ใช่แผน่ ป้ายทะเบียนที่แทจ้ ริงท่ีทางราชการออกให้ เน่ืองจากแผน่ ป้าย
ทะเบียนรถยนตข์ องนายแจ๋วท่ีทางราชการออกใหไ้ ดห้ ลุดหาย นายแจ๋วจึงทาแผน่ ป้ายทะเบียน
รถยนตใ์ หมใ่ หม้ ีลกั ษณะ ขนาด ตวั หนงั สือ และตวั เลขเหมือนกบั แผน่ ป้ายทะเบียนที่แทจ้ ริง
แลว้ นามาติดไวก้ บั รถยนตข์ องตน ดงั น้ี นายแจ่มและนายแจ๋วจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
ตอบ การที่นายแจ่มนาภาพถ่ายของตนมาปิ ดทบั ลงในสาเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขบั รถ
ของตนเอง แมจ้ ะกระทาไปเพือ่ ใหเ้ จา้ พนกั งานตารวจและบุคคลทวั่ ไปหลงเชื่อวา่ เป็นตน้ ฉบบั
เอกสารที่แทจ้ ริง แต่ในเมื่อเป็นภาพถ่ายของนายแจ่มและเป็นสาเนาภาพถา่ ยใบอนุญาตขบั รถของ
นายแจ่มเอง การกระทาของนายแจ่มยอ่ มไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ แก่ผอู้ ่ืนหรือประชาชน
จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร และแมน้ ายแจ่มจะไดน้ าเอกสารน้นั ไปใชก้ ็ไม่มีความผิดฐาน
ใชเ้ อกสารปลอม (คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 213/2539)
301
แมน้ ายแจ๋วจะทาแผน่ ป้ายทะเบียนรถยนตข์ ้ึนใหม่ มีลกั ษณะ ขนาดตวั หนงั สือ และ
ตวั เลขเหมือนกบั แผน่ ป้ายทะเบียนที่แทจ้ ริง แต่นายแจ๋วก็นาไปใชต้ ิดกบั รถยนตข์ องตนที่มีหมายเลข
ทะเบียนที่ถกู ตอ้ ง จึงไมก่ ่อใหเ้ กิดความเสียหายแก่ผอู้ ื่นหรือประชาชน การกระทาของนายแจ๋วจึงไม่
เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารและใชเ้ อกสารปลอมเช่นกนั (เทียบคาพิพากษาฎีกาที่ 2241/2523)
(ขอ้ สอบเนติบณั ฑิต สมยั ท่ี 50 ปี 2540)
คาถาม นายอบกบั นายอว้ นชวนนางสาวเอ้ียงไปเที่ยวงานวดั คร้ันถึงที่เปลี่ยวนายอบ
กบั นายอว้ นฉุดนางสาวเอ้ียงเขา้ ไปท่ีป่ าขา้ งทาง นายอบขม่ ขนื กระทาชาเรานางสาวเอ้ียงจนสาเร็จ
ความใคร่โดยนายอว้ นกอดจูบและจบั นางสาวเอ้ียงใหน้ ายอบขม่ ขืนกระทาชาเรา ขณะท่ีนายอว้ น
ถอดเส้ือผา้ จนเหลือกางเกงในตวั เดียว จะลงมือข่มขนื กระทาชาเรานางสาวเอ้ียงต่อนายอบ
เจา้ พนกั งานตารวจจบั คนท้งั สองได้ ดงั น้ี นายอบกบั นายอว้ นมีความผิดฐานใดบา้ ง (ขอ้ สอบ
เนติบณั ฑิต สมยั ที่ 40)
ตอบ นายอบกบั นายอว้ นมีความผิดฐานร่วมกนั พาหญิงไปเพ่อื การอนาจารโดยใชก้ าลงั
ประทษุ ร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284 และร่วมกนั ขม่ ขืนกระทาชาเราผอู้ ่ืนตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก แตไ่ ม่มีลกั ษณะเป็นการโทรมหญิง เพราะการ
โทรมหญิงตอ้ งมีการร่วมกนั ผลดั เปลี่ยนกนั ขม่ ขืนกระทาชาเราต้งั แตส่ องคนข้นึ ไป นายอบข่มขืน
กระทาชาเรานางสาวเอ้ียงเพียงคนเดียว นายอว้ นยงั ไมไ่ ดข้ ่มขนื กระทาชาเราดว้ ย แมน้ ายอว้ นมี
เจตนาจะลงมือข่มขนื กระทาชาเรานางสาวเอ้ียงต่อจากนายอบ ลกั ษณะการกระทาดงั กล่าวเป็นเพียง
ตวั การร่วมกระทาผดิ ข่มขนื กระทาชารเดว้ ยกนั เท่าน้นั ไมเ่ ขา้ ลกั ษณะเป็นการโทรมหญิงตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสาม (คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1202/2529) (ประชุมใหญ่)
302
บรรณานุกรมท้ายบท
หนงั สืออ้างองิ
ตารา
เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ. (2557). กฎหมายอาญา ภาคความผิด เล่ม 2 (พิมพค์ ร้ังท่ี 6). กรุงเทพฯ:
กรุงสยาม พบั ลิชช่ิง.
คาถามพร้ อมธงคาตอบ ข้อสอบความรู้ช้ันเนติบัณฑิต ภาคหน่ึง ตง้ั แต่ปี การศึกษา 2542-2561.
(2562). กรุงเทพฯ: เนติบัณฑิตยสภา.
คาถามพร้ อมธงคาตอบ ข้อสอบความรู้ชั้นเนติบณั ฑิต ภาคหน่ึง ต้ังแต่ปี การศึกษา 2520-2544.
(ม.ป.ป.). กรุงเทพฯ: เนติบณั ฑิตยสภา.
ชาตรี สุวรรณิณ. (2560). รวมคาบรรยายเนติบัณฑิต สมยั ที่ 70, กฎหมายอาญา
มาตรา 107-208. กรุงเทพฯ:สานกั อบรมเนติบณั ฑิตยสภา.
ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ. (2556). หลักกฎหมายอาญา ภาคความผิด. (พิมพค์ ร้ังท่ี 10). สานกั พมิ พว์ ญิ ญู
ชน. กรุงเทพมหานคร.
วรี ะวฒั น์ ปวราจารย.์ (2559). รวมคาบรรยายเนติบณั ฑิต สมัยท่ี 69, กฎหมายอาญา มาตรา 209-287,
มาตรา 367-398. กรุงเทพฯ:สานกั อบรมเนติบณั ฑิตยสภา.
สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกุล. (2548). คาอธิบายความผิดเกย่ี วกับทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา.
พิมพค์ ร้ังที่ 4. สานกั พิมพว์ ญิ ญชู น. กรุงเทพมหานคร.
303
บทท่ี 5 ความผดิ เกยี่ วกบั ชีวติ ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงและทรัพย์สิน
จุดมุ่งหมายของรายวชิ า
1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนทราบและเขา้ ใจบทบญั ญตั ิของกฎหมายอาญาเกี่ยวกบั ชีวิต ร่างกาย
เสรีภาพ ช่ือเสียงและทรัพยส์ ิน
2. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจถึงกฎหมายอาญาเกี่ยวกบั ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงและ
ทรัพยส์ ิน
3. เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนสามารถนาไปปรับใชก้ บั การศึกษากฎหมายรายวชิ าอ่ืนได้
4. เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนสามารถนาไปปรับใชก้ บั ชีวติ ประจาวนั และสามารถนาไปสอบได้
เนื้อหาของบทเรียน
1. ความผดิ เกี่ยวกบั ชีวติ และร่างกาย
2. ความผิดเกี่ยวกบั เสรีภาพและช่ือเสียง
3. ความผิดเกี่ยวกบั ทรัพยแ์ ละศพ
กจิ กรรมและวิธีการสอน
1. การบรรยาย
2. การอภิปรายและสรุปผล
สื่อการสอน
PowerPoint ประกอบการบรรยาย
การวัดผลและประเมนิ ผล
1. การมีส่วนร่วมและซกั ถามในช้นั เรียน
2. ประเมินความเขา้ ใจในการอภิปรายผล
3. แบบฝึกหดั
304
ลกั ษณะ 10 ความผิดเกย่ี วกบั ชีวิตและร่างกาย
หมวด 1 ความผิดต่อชีวติ
ฆ่าผู้อ่ืน
บุคคลจะตอ้ งรับผดิ ในทางอาญาตอ้ งมี
1. องคป์ ระกอบภายนอก
2. องคป์ ระกอบภายใน
องคป์ ระกอบภายนอกของมาตรา 288
1. มีผกู้ ระทา
2. มีการกระทา
3. มีผถู้ กู กระทา
องคป์ ระกอบภายในของมาตรา 288 คือเจตนาฆา่ ท้งั น้ีตอ้ งมีผลเกิดข้ึนคอื ความตาย
เจตนาจึงเป็นองคป์ ระกอบท่ีสาคญั สาหรับความรับผิด
มาตรา 59 คือ กระทาโดยเจตนาประสงคต์ ่อผลหรือเจตนายอ่ มเลง็ เห็นผล
เจตนายอ่ มเลง็ เห็นผลหมายถึงผลน้นั จะเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งแน่นอนเท่าที่จิตใจของบคุ คลใน
ฐานะเช่นน้นั จะเลง็ เห็นได้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2255/2522 จาเลยขบั รถบรรทุกโดยไม่ใหร้ ถที่ตามมาแซง จาเลยหยุด
รถและหกั หวั รถมาทางซา้ ย ทาใหร้ ถท่ีตามมาตอ้ งหกั หลบมาทางขวาและชนกบั รถท่ีสวนมาเป็น
เหตุใหค้ นตาย
จาเลยยอ่ มเลง็ เห็นผลวา่ จะเกิดเหตุคนตายเป็นการฆ่าคนโดยเจตนาตามมาตรา 288
ประกอบมาตรา 59 (ไมใ่ ช่ประมาท เพราะกรณีน้ีเลง็ เห็นผลวา่ จะตอ้ งมีการตายเกิดข้ึน)
คาพิพากษาฎีกาที่ 24/2533 ผเู้ สียหายกบั จาเลยเป็นเพอื่ นกนั ไม่เคยโกรธกนั มาก่อน
แมจ้ าเลยยงิ ผเู้ สียหายโดยไม่มีเจตนาประสงคต์ ่อผล แตก่ ารท่ีจาเลยยงิ ประชิดตวั ผเู้ สียหายจาเลย
ยอ่ มเลง็ เห็นผลวา่ กระสุนตอ้ งถูกผเู้ สียหายแน่ จาเลยจะอา้ งความมึนเมาสุรามาเป็นขอ้ แกต้ วั เพือ่ ให้
พน้ ผิดไมไ่ ด้
ข้อสังเกต เจตนาเลง็ เห็นผลไมจ่ าเป็นจะตอ้ งเป็นเรื่องเจตนาฆ่าเสมอไปอาจจะเป็นเร่ือง
เจตนาทาร้ายหรือเจตนาในเรื่องอ่ืนข้ึนอยกู่ บั “ผล” ท่ีเลง็ เห็นวา่ จะเกิดข้ึนเป็นผลอะไร
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1334/2510 จาเลยผลกั ผเู้ สียหายลม้ เพราะเหตวุ า่ จาเลยจะทาร้ายบตุ ร
ผเู้ สียหาย ดงั น้ี จาเลยยอ่ มเลง็ เห็นผลว่าเม่ือผเู้ สียหายลม้ ลงแลว้ ผเู้ สียหายจะไดร้ ับผลคือบาดเจบ็
จาเลยมีความผิดมาตรา 295 (ผลที่เลง็ เห็นคือบาดเจบ็ จึงมีเจตนาทาร้าย)
ข้อสังเกต บางความผดิ ตอ้ งอาศยั เจตนาพิเศษ
305
มาตรา 334 ลกั ทรัพยค์ อื เอาทรัพยข์ องผอู้ ่ืนไปโดยทจุ ริต เจตนาพิเศษคอื โดยทุจริต
เพราะฉะน้นั หากเอาทรัพยน์ ้นั ไปเก็บไวเ้ พราะคนอ่ืนจะขโมยหรือเกิดความเสียหายยอ่ มไม่ผิด
มาตรา 334 เพราะขาดเจตนาพิเศษคอื โดยทจุ ริต
คาวา่ ”โดยทจุ ริต” หมายถึง แสวงหาประโยชน์อนั มิควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย
นอกจากเจตนาตามมาตรา 59 วรรคสองแลว้ ยงั มีเจตนาซ่ึงเกิดข้นึ โดยผลของกฎหมาย
ตามมาตรา 60
มาตรา 60 เจตนาทาต่อบคุ คลหน่ึง แต่ผลเกิดแก่อีกบุคคลหน่ึงโดยพลาดไป ถือวา่ ทาโดย
เจตนาแก่บคุ คลซ่ึงไดร้ ับผลร้ายน้นั
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1937/2522 ยงิ ไป 4-5 นดั โดยมีเจตนาฆ่า นาย ก. ปรากฏวา่ นาย ก. ตาย
และถูก นาย ส. ไดร้ ับอนั ตรายสาหสั ผยู้ งิ ผดิ มาตรา 288 กบั มาตรา 288 ประกอบมาตรา 60
คาวา่ “พลาด” ไม่ไดห้ มายถึงเฉี่ยวไมโ่ ดนเท่าน้นั แมจ้ ะเกิดผลตามท่ีตนประสงคใ์ น
เบ้ืองตน้ แลว้ ก็ตาม แตห่ ากผลยงั ไปเกิดกบั บคุ คลอีกคนหน่ึงกเ็ ป็นพลาดตามมาตรา 60 ได้
ตวั อยา่ งเช่นตอ้ งการยิงหมขู องนาย ข. แตด่ นั ไปถูกหมาของนาย ข. ไม่ใช่เรื่องพลาดตาม
มาตรา 60 เพราะมาตรา 60 พลาดตอ้ งมีผถู้ ูกกระทาต้งั แต่ 2 คนข้ึนไป แต่เรื่องน้ีผลเกิดแก่ทรัพยข์ อง
นาย ข. เพียงคนเดียว
คาพิพากษาฎีกาที่ 917/2530 จาเลยใชด้ า้ มปื นตีหวั นาย ก. แตกแลว้ กระสุนลน่ั ไปถกู
นาย ข. ตายแลว้ ถูกนาย ค. ไดร้ ับบาดเจบ็ ศาลฎีกาวินิจฉยั วา่ ไมใ่ ช่เรื่องพลาดและพิพากษาจาเลยผดิ
ฐานทาให้ นาย ข. ตายโดยประมาทมาตรา 290
สาระสาคญั ระหว่างมาตรา 217 กบั มาตรา 358
มาตรา 217 ตอ้ งวางเพลิงเผาทรัพยข์ องผอู้ ื่นเท่าน้นั เช่นถา้ นาย ก.จุดไฟเผารถของตนเอง
ซ่ึงมีกรรมสิทธ์ิร่วมกบั นาย ข.เช่นน้ีไม่ผิดมาตรา 217 แต่ผิดมาตรา 358 ทาใหเ้ สียทรัพย์
มาตรา 358 ความผดิ ฐานทาใหเ้ สียทรัพยแ์ ละกระทาตอ่ ทรัพยท์ ี่เป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์ิ
รวมอยดู่ ว้ ยกเ็ ป็นความผิด
ขอ้ สังเกตมาตรา 56 เกี่ยวกบั การรอการลงโทษ หากคดีแรกและเป็นความผดิ ลหุโทษ
หรือเกิดจากกระทาโดยประมาท ศาลรอการลงโทษสาหรับคดีหลงั ท่ีมีโทษจาคกุ ได้ เช่นกรณีศาล
พิพากษาจาคกุ ฐานลกั ทรัพยเ์ ป็นเวลา 3 เดือนต่อมาจาเลยทาความผดิ มาตรา 391 ซ่ึงเป็นลหุโทษ
จาคกุ 1 เดือน เช่นน้ีศาลไมอ่ าจรอการลงโทษตามมาตรา 56 ไดเ้ พราะจาเลยเคยกระทาความผดิ
และถกู ศาลพิพากษาจาคกุ ตามความเป็นจริงมาแลว้ ความผิดคดีแรกคือลกั ทรัพยไ์ ม่ใช่ความผิด
ลหุโทษ หรือเกิดจากการกระทาโดยประมาท
มาตรา 334 ความผดิ ฐานลกั ทรัพย์ หมายถึง ตอ้ งเป็นสงั หาริมทรัพยเ์ ทา่ น้นั และ
องคป์ ระกอบภายนอกคือการเอาไป หมายถึง การทาใหท้ รัพยเ์ คลื่อนที่ซ่ึงมีแตส่ ังหาริมทรัพยเ์ ท่าน้นั
306
มาตรา 352 ความผิดฐานยกั ยอกทรัพยท์ รัพย์ ทรัพยท์ ่ีถกู ยกั ยอกเป็นไดท้ ้งั สงั หาริมทรัพย์
และอสังหาริมทรัพย์ องคป์ ระกอบภายนอกคือการเบียดบงั ไม่จาเป็นตอ้ งทาใหท้ รัพยเ์ คล่ือนที่
มาตรา 341 ฉ้อโกงทรัพยส์ ิน ดงั น้นั สิทธิต่าง ๆ จึงอาจถูกฉอ้ โกงได้
มาตรา 337 กรรโชก หมายถึง ไดป้ ระโยชน์ในลกั ษณะที่เป็นทรัพยส์ ินจึงมีความหมาย
กวา้ งกวา่ 3 มาตราที่ผา่ นมา
มาตรา 315 คนกลางเรียกคา่ ไถ่ หมายถึง ทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อยา่ งใดท่ีมิควรได้
คือประโยชน์ใด ๆ กไ็ ด้ โดยไม่จาตอ้ งเป็นประโยชนใ์ นลกั ษณะที่เป็นทรัพยส์ ิน
หมวดหมู่ตวั บททม่ี ีความผิดที่ซ้อนกนั หรือใกล้เคยี งกนั
เช่นมาตรา 309 ทาใหเ้ ส่ือมเสียอิสรภาพเสรีภาพ,มาตรา 337กรรโชก มาตรา 339
ชิงทรัพย์ หมายความวา่ ถา้ กรรโชก ชิงทรัพยก์ ย็ อ่ มเป็นความผิดต่อเสรีภาพในตวั
ลาดบั ความรุนแรงของความผิดต่อชีวติ ร่างกายที่กระทาโดยเจตนา เช่นมาตรา 288
ฆ่าผอู้ ่ืน →มาตรา 290 ฆ่าผอู้ ่ืนโดยไมเ่ จตนา→มาตรา 297 ทาร้ายผอู้ ่ืนสาหสั →มาตรา 295 ไดร้ ับ
อนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ→มาตรา 391 ไม่ถึงกบั เป็นอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจถา้ กระทาโดยเจตนา
ลาดบั ความรุนแรงเร่ืองประมาท เช่น มาตรา 291 ประมาททาใหผ้ อู้ ่ืนตาย→มาตรา 300
ประมาททาใหผ้ อู้ ื่นไดร้ ับอนั ตรายสาหสั →มาตรา 390 ประมาททาใหผ้ อู้ ื่นไดร้ ับบาดเจ็บ
คาพิพากษาฎีกาท่ี 877/2501 กระแสไฟฟ้าเป็นทรัพยท์ ี่ลกั ได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5354/2539 ปรับจูนโทรศพั ทข์ องผอู้ ื่นไม่ผิดลกั ทรัพยเ์ ป็นเพียงการแยง่
ใชค้ ลื่นสัญญาณ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1880/2542 (ประชุมใหญ่) สญั ญาณโทรศพั ทเ์ ป็นทรัพยท์ ี่ลกั ได้
ข้อสังเกต การเอาไปตามมาตรา 334 ลกั ทรัพยจ์ ะถือเป็นข้นั พยายามหรือความผดิ สาเร็จ
ดูที่วา่ เอาไปหมายถึงการทาใหท้ รัพยซ์ ่ึงเป็นสังหาริมทรัพยเ์ คลื่อนที่ไปจากจุดท่ีอยเู่ ดิมทุกจุด
เป็ นความผิดสาเร็จ
สรุปจากแนวฎีกา ถา้ แยกทรัพยน์ ้นั ออกจากส่ิงท่ีมนั ติดอยไู่ ม่วา่ จะติดอยู่โดยธรรมชาติ
หรือติดอยโู่ ดยน้ามือมนุษย์ การกระทาในข้นั น้ีเป็นเพยี งพยายามเทา่ น้นั เช่น
คาพิพากษาฎีกาที่ 53/2475 กาลงั ขดุ เผือกอยู่เจา้ ของมาเห็นเขา้ แลว้ วิง่ หนีเป็นพยายาม
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 236/2491 ถอนตน้ หอมแลว้ เจา้ ของมาเห็นเขา้ จึงวิ่งหนีเป็นความผิด
ฐานพยายามลกั ทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1013/2486 ปี นตน้ มะพร้าวฟันทะลายมะพร้าวหลน่ ลงมา 15 ลกู
เจา้ ของเห็นจึงว่ิงหนี เป็นพยายามเพราะจาเลยแยกตวั ทรัพยค์ ือมะพร้าวออกจากตน้ มะพร้าวแตย่ งั ไม่
มีการขยบั อีกคร้ัง
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1889/2494 ตดั ลวดร้อยโซ่ลา่ มเรือขาด เป็นเพียงพยายามลกั ทรัพยแ์ ต่
307
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1153/2484 จาเลยปลิดมะพร้าวแลว้ ผกู ติดไวก้ บั ทางมะพร้าวเจา้ ของ
เห็นจึงวง่ิ หนีผิดลกั ทรัพยส์ าเร็จเพราะเอามะพร้าวท่ีปลิดลงมาแลว้ ไปวางอยบู่ นทางมะพร้าว
คาพิพากษาฎีกาที่ 2147/2527 กระชากพระเคร่ืองท่ีติดอยบู่ นเส้ือผา้ พระตกพ้ืนยงั ไม่มี
การขยบั อีกคร้ังเป็นแค่พยายามลกั ทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1682/2506 ลว้ งเงินในกระเป๋ ากางเกงผอู้ ื่น ถา้ มือยงั อยใู่ นกระเป๋ า
แมเ้ งินจะเคล่ือนที่ออกมาคร่ึงกระเป๋ าแลว้ กต็ าม เจา้ ของตบมือจาเลยจนเงินหล่นลงในกระเป๋ าถือวา่
อยใู่ นข้นั พยายาม แต่ถา้ ขยบั ทรัพยห์ รือขยบั เงินขณะที่พน้ ออกจากกระเป๋ าอีกคร้ังเป็นความผิดฐาน
ลกั ทรัพยส์ าเร็จ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3227/2543 ลกั ปลาท่ีอยใู่ นบ่อโดยใชแ้ หทอด ปลาติดอยใู่ นแหซ่ึงยงั จม
อยใู่ นบอ่ เป็นความผิดฐานพยายาม
ขอ้ สังเกตความผิดฐานชิงทรัพยม์ าตรา 339 คือ ลกั ทรัพยแ์ ละใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย
ความหมายมาตรา 1(6) คาวา่ “การประทษุ ร้าย” หมายถึง ทาการประทุษร้ายแก่กาย
หรือจิตใจของบคุ คล เท่ากบั เป็นการกระทาต่อคนเท่าน้นั
แตจ่ ะมีคาพพิ ากษาฎีกาท่ีเห็นวา่ การกระทาต่อทรัพยม์ ีผลเป็นการข่เู ข็ญวา่ จะประทษุ ร้าย
แก่กายหรือจิตใจของบคุ คลอยใู่ นตวั เป็นความผดิ ฐานชิงทรัพยไ์ ด้
คาพิพากษาฎีกาที่ 549/2517 คน 3 คนไม่มีอาวุธ เตะร้ัวและระเบียงเรือนจนสงั กะสีร้ัวพงั
ไมร้ ะแนงหลดุ หลายอนั เป็นการข่ใู นทนั ใดน้นั จะทาร้ายอยใู่ นตวั
คาพิพากษาฎีกาที่ 316/2520 การปัดไฟฉายจนส่งจากมือ เป็นการประทษุ ร้าย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 602/2543 แยง่ ไมก้ วาดเหวยี่ งกนั ไปมาจนขอ้ มือบาดเจ็บโดยไม่โดนตวั
กเ็ ป็นการประทุษร้าย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2103/2521 ดึงกรงนกแยง่ กนั ไปมา ศาลวา่ ยงั ไมเ่ ป็นการใชก้ าลงั
ประทุษร้ายแต่ถา้ แยง่ กรงนกแลว้ เอากรงนกยนั ไปที่หนา้ อกยอ่ มเป็นประทษุ ร้าย
คาพิพากษาฎีกาที่ 697/2473 เอามีดฟันควายแตค่ วายไมย่ อมเดินจนเจา้ ของมาพบ
การใชม้ ีดฟันควาย กระทาก่อนจา้ ของจะมา ไมม่ ีการขเู่ ขญ็ เจา้ ทรัพยจ์ ึงเป็นการกระทาต่อทรัพย์
ไม่ใช่กระทาต่อคน จึงไม่ครบองคป์ ระกอบชิงทรัพย์ เพราะไมม่ ีการขเู่ ขญ็ วา่ จะใชก้ าลงั ประทุษร้าย
คาพิพากษาฎีกาที่ 5768/2544 การใชก้ าลงั ประทุษร้ายในการลกั ทรัพย์ ไมร่ วมถึงกรณีท่ี
คนร้ายประทษุ ร้ายพวกเด๋ียวกนั เอง ที่จะเป็นความผิดชิงทรัพย์ แตผ่ กู้ ระทามีความผดิ ฐานทาร้าย
ร่างกายพวกเดียวกนั
ข้อสังเกต โดยปกติจะเป็นความผดิ สาเร็จจะตอ้ งมีผลเกิดข้ึน เช่นฆา่ ตอ้ งมีคนตาย
ถา้ ไมต่ ายกผ็ ดิ แคพ่ ยายาม
แต่มีบางความผดิ แมผ้ ลไมเ่ กิดกเ็ ป็นความผิดได้ เช่นมาตรา 225 มาตรา 230 มาตรา 236
มาตรา 237 เป็นความผิดสาเร็จโดยไมต่ อ้ งการผล กฎหมาย จะใชค้ าวา่ “น่าจะ”กบั คาวา่ ”โดย
308
ประการท่ีน่าจะ” เช่น เอาสิ่งหน่ึงไปวางบนทางรถไฟโดยเจตนา ซ่ึงการกระทาน้นั น่าจะเป็นเหตุให้
เกิดอนั ตรายแมผ้ ลยงั ไมเ่ กิดยอ่ มเป็นความผิดสาเร็จ เป็นความผดิ สาเร็จท่ีไม่ตอ้ งการผล
มาตรา 288 ผ้ใู ดฆ่าผู้อ่ืน
1. ผใู้ ด
2. ฆา่
3. ผอู้ ่ืน โดยเจตนา (องคป์ ระกอบภายใน)
ขอ้ 1-3 เป็นองคป์ ระกอบภายนอก คาวา่ “ผใู้ ด” หมายถึงบคุ คลธรรมดา คาวา่ “ฆา่ ”
หมายถึง ทาใหต้ าย เป็นการกระทาที่ไม่จากดั วธิ ี เช่นกดน้า, ใชง้ ูพษิ กดั ,ใชร้ ถชน, ใหย้ าพิษแก่ผทู้ ่ีไม่
รู้วา่ เป็นยาพิษเอาไปใหผ้ อู้ ื่นกิน, อาจเป็นการใชอ้ าวุธตา่ งๆ เช่น ปื น มีด ขวาน หลาว ระเบิด ไม้
รวมถึงการงดเวน้ การจกั ตอ้ งกระทาเพอื่ ป้องกนั ผลตามมาตรา 59 วรรคทา้ ยดว้ ย เช่น มารดาไม่ให้
นมลูกทารกโดยมีเจตนาให้อดนมตาย (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 2, หนา้ 138)
มาตรา 288 ตอ้ งมีผลคือ ความตายเกิดข้นึ โดยตอ้ งมีความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการกระทา
และผล ถา้ ผลของความตายไม่ไดเ้ กิดจากการกระทา ผกู้ ระทายอ่ มรับผดิ แตเ่ ฉพาะผลเท่าท่ีตนได้
กระทาไปเท่าน้นั (ทวเี กียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 149)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 121/2493 ผตู้ ายเป็นคนบา้ จาเลยเขา้ ใจว่าเป็นคนร้าย จาเลยกบั ชาวบา้ น
ไลย่ งิ ผตู้ ายตาย ไมป่ รากฏวา่ กระสุนปื นท่ีจาเลยยงิ จะถกู ผตู้ ายและเป็นเหตใุ หผ้ ตู้ ายถึงแก่ความตาย
เพราะการกระทาของจาเลย จาเลยจึงไม่มีความผดิ ฐานฆ่าคนแต่มีความผิดฐานพยายามฆ่า
เพราะฉะน้นั ฟังไม่ไดว้ า่ ความตายเกิดจากการกระทาของจาเลย จาเลยจึงรับผิดเฉพาะส่วนที่จาเลยได้
กระทาไปแลว้ คอื ใชป้ ื นไลย่ งิ แสดงวา่ มีเจตนาฆ่าแตไ่ ม่บรรลุผลจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
ขอ้ สงั เกต หากมีเจตนาฆ่าแลว้ ตอ่ มามีเหตุเขา้ มาแทรกแซงประกอบกบั มีความตายเกิดข้ึน
ตอ้ งนาทฤษฎีเหตทุ ่ีเหมาะสมมาใชก้ ล่าวคอื เหตุแทรกแซงท่ีเกิดข้ึนเป็นเหตุท่ีเหมาะสมหรือไม่
อาจารยจ์ ิตติมีความเห็นวา่ เหตแุ ทรกแซงที่เกิดข้ึนน้นั เป็นเหตุอนั ควรคาดหมายไดห้ รือไม่
และถา้ เป็นเหตุอนั ควรคาดหมายไดต้ อ้ งถือวา่ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งการกระทากบั ผลยงั คงมีอยู่ แต่
ถา้ เป็นเหตุแทรกแซงหรือเหตทุ ่ีเกิดข้นึ ใหม่น้นั เกิดข้ึนภายหลงั การกระทาความผิดโดยไม่ใช่เหตุอนั
ควรคาดหมายไดก้ ต็ อ้ งถือวา่ ความสมั พนั ธน์ ้นั ไดข้ าดตอนลง ผกู้ ระทาก็ไมต่ อ้ งรับผลแห่งความตาย
เช่น นาย ก.ไลย่ งิ นาย ข. นาย ข.ว่งิ หนีแลว้ ฟ้าผา่ ตาย ฟ้าผา่ ไมใ่ ช่เหตอุ นั ควรคาดหมาย
หรือไม่ใช่เหตุท่ีเหมาะสม นาย ก. จึงมีความผดิ ฐานพยายามฆ่าเท่าน้นั
การรักษาบาดแผลไมด่ ี ศาลฎีกาเห็นวา่ เป็นเหตแุ ทรกแซงที่เกิดข้นึ ภายหลงั อนั เป็นเหตุ
อนั ควรคาดหมายไดด้ งั น้นั ผูก้ ระทาจึงตอ้ งรับผิดในผลแห่งความตาย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1478/2528 นาย ก. ยงิ นาย ข.บาดเจ็บสาหสั และอีก 9 เดือนต่อมาตาย
โดยติดเช้ือ ศาลฎีกาเห็นวา่ การยงิ มีเจตนาฆา่ และการรักษาบาดแผลไม่ดีจนติดเช้ือเป็นเหตุอนั ควร
คาดหมายได้ นาย ก. จึงตอ้ งรับผดิ ในผลท่ีเกิดข้นึ นาย ก. ผดิ มาตรา 288
309
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 7663/2540 จาเลยใชม้ ีดฟันคอผเู้ สียหาย อีก 56 วนั ผตู้ ายตาย ถือวา่
ความตายเป็ นผลธรรมดาจากการกระทาของจาเลย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1593/2542 ผตู้ ายถกู ทาร้ายดว้ ยกอ้ นหินจนตกใจตาย ถือวา่ ความตาย
เป็นผลโดยตรง ผิดตามมาตรา 288
คาพิพากษาฎีกาที่ 659/2532 ญาติผตู้ ายดึงเคร่ืองช่วยหายใจออกแลว้ นาผตู้ ายกลบั บา้ น
จนตายในคนื น้นั ที่บา้ นถือวา่ ความตายไมไ่ ดเ้ กิดจากการกระทาของจาเลย จาเลยผดิ ฐานพยายามฆา่
ขอ้ สงั เกตเหตุแทรกแซงเกิดข้ึนโดยธรรมชาติก็ได้ เช่น นาย ก. เจตนาทาร้ายนาย ข.
นาย ข. สลบอยทู่ ่ีชายหาดต่อมานาย ข. ตายเพราะน้าทะเลทว่ ม เห็นไดว้ า่ น้าทะเลข้นึ ลงทกุ วนั
การทาร้ายคนสลบใกล้ ๆ กบั ชายน้าอาจจมน้าตายได้ ผลของความตายยอ่ มถือไดว้ า่ เป็นเหตุอนั ควร
คาดหมายไดด้ งั น้นั นาย ก. ผิดฐานฆา่ ผอู้ ื่นโดยไม่เจตนาตามมาตรา 290
สรุปเมื่อมีความตายเกิดข้ึนจะตอ้ งรับผิดในผลแห่งความตายหรือไม่น้นั โดยหลกั ใหน้ า
ทฤษฎีเง่ือนไขมาปรับ ถา้ เป็นผลท่ีเกิดจากการกระทาโดยตรง ถา้ มีเหตุอื่นมาแทรกแซงตอ้ งนา
ทฤษฎีเหตทุ ่ีเหมาะสมมาปรับ กค็ อื วา่ เหตแุ ทรกแซงน้นั เป็นเหตุอนั ควรคาดหมายไดห้ รือไม่
ถา้ เป็นเหตอุ นั ควรคาดหมายได้ ผกู้ ระทาตอ้ งรับผลที่เกิดข้ึน ขอ้ สงั เกตคาพพิ ากษาฎีกามกั ใชค้ าวา่
“ผลโดยตรง”
มาตรา 63 เป็นทฤษฎีผลธรรมดา ใชเ้ ฉพาะกรณีที่จะทาให้ผกู้ ระทาตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ
เช่นเจตนาทาร้ายธรรมดาตามมาตรา 295 แต่ปรากฎวา่ ตาบอด ทาใหผ้ กู้ ระทาตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ
ตามมาตรา 297
การวินิจฉยั เรื่องความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งการกระทากบั ผล จึงไม่น่าจะเป็นเร่ืองนามาตรา 63
มาปรับ
สรุปบคุ คลไม่ตอ้ งรับผดิ ในผลอนั มิใช่เกิดจากกระทาของตน ดงั น้นั ถา้ ตา่ งคนต่างทาร้าย
ผอู้ ื่นโดยไมไ่ ดส้ มคบคิดกนั แต่ละคนตอ้ งรับผลอนั เกิดจากการกระทาของตนเท่าน้นั
คาพิพากษาฎีกาที่ 1991/2537 จาเลยชกผตู้ าย 1 ทีแลว้ วง่ิ หนี ต่อมามีผูอ้ ื่นแทงผตู้ ายซ้า
จาเลยผิดแคม่ าตรา 391
คาวา่ ผอู้ ่ืนหมายถึงบุคคลอ่ืนซ่ึงมิใช่ผกู้ ระทา
องคป์ ระกอบภายในของมาตรา 288 คือเจตนาตามมาตรา 59 และมาตรา 60
เจตนามาตรา 59 ไดแ้ ก่ 1. เจตนาประสงคต์ ่อผล 2. เจตนายอ่ มเลง็ เห็นผล เจตนาที่
เกิดข้ึนโดยผลของกฎหมายตามมาตรา 60 ดว้ ย
เจตนาประสงคต์ ่อผลตามมาตรา 59 เรียกวา่ เจตนาธรรมดา ตอ้ งดูขอ้ เท็จจริงปรากฏชดั วา่
มีเจตนา ซ่ึงเจตนาเป็นเร่ืองที่อยใู่ นใจยากท่ีจะหยงั่ รู้ตอ้ งใชก้ รรมเป็นเคร่ืองช้ีเจตนามาประกอบการ
วนิ ิจฉยั เพื่อใหเ้ ห็นสภาพจิตใจของผกู้ ระทาความผดิ
ศาลฎีกามกั ใชห้ ลกั อาวุธ อวยั วะที่ถกู กระทา ลกั ษณะบาดแผล
310
ความผิดฐานพยายามฆ่า มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 พิจารณาจากผลท่ีเกิดคือความ
ตาย หากไม่ตายสมดงั ที่ประสงค์ กรณีผกู้ ระทาความผดิ จะมีความผดิ ฐานพยายามฆ่า
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5299/2562 การที่ผเู้ สียหายกบั พวกขวา้ งปาขวดสุราและไมเ้ ขา้ ไป
ยงั บริเวณที่จาเลยและ ว. หลบซ่อนอยู่โดยจาเลยและ ว. มิได้ก่อเหตุข้ึนก่อน ย่อมเป็ นเหตุทาให้
จาเลยสาคญั ผิดว่าผูเ้ สียหายกบั พวกซ่ึงมีจานวนมากกว่ามีเจตนาประทุษร้ายจาเลยและ ว. อนั เป็ น
ภยนั ตรายซ่ึงเกิดจากการประทษุ ร้ายอนั ละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยนั ตรายท่ีใกลจ้ ะถึง จาเลยจึงมี
สิทธิกระทาการป้องกนั เพื่อให้พน้ จากภยนั ตรายดงั กล่าว แต่ไม่ปรากฏว่าผเู้ สียหายกบั พวกมีอาวุธ
ร้ายแรงอื่นใดอีก การท่ีจาเลยใช้อาวุธปื นยิงผู้เสียหายกับพวกย่อมไม่ได้สัดส่วนกับการป้องกันตัว
ของจาเลย การกระทาของจาเลยจึงเป็ นการป้องกนั เกินสมควรแก่เหตโุ ดยสาคัญผดิ เม่ือกระสุนปื นท่ี
จาเลยยิงถูกผูเ้ สียหายเป็ นเหตุให้ผูเ้ สียหายไดร้ ับบาดเจ็บเป็ นอนั ตรายสาหัส จาเลยมีความผิดฐาน
ร่วมกนั พยายามฆา่ ผอู้ ่ืนอนั เป็นการป้องกนั เกินสมควรแก่เหตโุ ดยสาคญั ผิด
จากขอ้ เทจ็ จริงตามคาพพิ ากษาฎีกาน้ี มีหลายประเด็นท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ความผิดฐานฆ่าคน
ตาย ไดแ้ ก่ ป.อ. ม. 62 วรรคแรก, ม. 69, ม. 80, ม. 288
การพจิ ารณาเร่ือง “เจตนาฆ่า”
ถ้าเป็ นการทาโดยใช้อาวธุ ปื น ศาลฎกี ามักจะว่าเป็ นเจตนาฆ่าเสมอ (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์
2560, เล่ม 2, หนา้ 141-143)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 605/2500 เลง็ ปื นท่ีหนา้ อกในระยะห่าง 1 เมตรแมจ้ ะมีผจู้ บั มือกด
กระสุนปื นถูกเทา้ กถ็ ือวา่ จาเลยมีเจตนาฆ่าแต่แรก
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5632/2544 และคาพิพากษาฎีกาท่ี 7322/2544 ใชอ้ าวุธปื นยงิ ผเู้ สียหาย
ระยะ 3 เมตร ถูกท่ีเอวถึงวา่ มีเจตนาฆ่า เพราะถา้ เป็นการยงิ ขกู่ ็สามารถยงิ ข้นึ ฟ้าได้
ขอ้ สังเกต ถา้ ใชป้ ื นยงิ ในระยะประชิดเลือกยงิ อวยั วะสาคญั ไดแ้ ตถ่ ูกหวั แม่เทา้ แมป้ ื นเป็นอาวธุ
ร้ายแรงกต็ อ้ งถือวา่ ไมม่ ีเจตนาฆ่า มีเพยี งเจตนาทาร้ายเท่าน้นั
2. การกระทาโดยอาวธุ มดี ขวาน หลาว มีเจตนาฆ่า
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 816/2520 ใชม้ ีดโกนปาดบริเวณคอเท่ากบั มีเจตนาฆา่
คาพิพากษาฎีกาที่ 118/2515 ใชม้ ีดปลายแหลมยาว 5 นิ้วแทงผตู้ ายที่หนา้ ทอ้ งทะลุตบั ถืง
วา่ มีเจตนาฆ่า
คาพิพากษาฎีกาท่ี 323/2543 ใชม้ ีดฟันคอลึกถึงช้นั กลา้ มเน้ือ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3743/2543 ใชม้ ีดฟันท่ีหนา้ ผาก
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1283/2544 แทงบริเวณหนา้ อก
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 410/ 2546 ใชก้ รรไกรแทงกลางอก เยอื่ หุม้ หวั ใจทะลุ
ข้อสังเกต ถา้ กระทาโดยมีด อาวธุ ตามแต่โอกาสที่มีอยู่ เช่นกอดปล้า ต่อสูก้ นั ศาลฎีกา
วินิจฉยั วา่ เจตนาทาร้ายเทา่ น้นั
311
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1085/2510 ผตู้ ายมีขวาน และมีด จาเลยมีมีดพก ต่อสู้กนั โดยต่างไมม่ ี
เวลาที่จะเลือกแทง ฟัน ในที่สาคญั ท้งั สองคนมีบาดแผล 7 แห่ง ผตู้ ายเสียเลือดมากแลว้ ตาย จาเลย
ผิดฐานฆา่ คนตายโดยไม่เจตนา
คาพิพากษาฎีกาที่ 19/2500 หญิงฟันสามีขณะท่ีสามีคลอเคลียเมียนอ้ ยต่อหนา้ จึงเกิด
โทสะ เป็นความผิดฐานทาร้ายร่างกายไมใ่ ช่พยายามฆา่ (แต่ไม่ใช่วา่ กระทาโดยบนั ดาลโทสะจะฟัง
วา่ ไมม่ ีเจตนาฆ่าเสมอไป)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 466/2547 จาเลยใชม้ ีดสปาร์ตา้ ขนาด 1 ศอกฟันผเู้ สียหายซ่ึงไมร่ ู้จกั กนั
มาก่อนขณะท่ีผเู้ สียหายหลบั เกิดบาดแผลด้งั จมูกยาว 2 เซนติเมตรที่หวั ยาว 3 เซนติเมตร จาเลยใช้
มีดที่พนั ผา้ เกือบท้งั ดา้ มเปิ ดส่วนปลายเพยี งเลก็ นอ้ ย ศาลฎีกาวนิ ิจฉยั วา่ จาเลยมีเจตนาทาร้ายเทา่ น้นั
เพราะ 1) จาเลยมีโอกาสฟันไดเ้ ตม็ ที่เพราะผูเ้ สียหายหลบั 2) ลกั ษณะบาดแผลไม่ลึกเทา่ กบั ฟันไม่
แรง 3) ใชม้ ีดท่ียงั พนั ผา้ อยู่ 4) ผเู้ สียหายกบั จาเลยไม่เคยรู้จกั กนั มาก่อน เพราะฉะน้นั แมอ้ าวุธใหญ่
ฟันอวยั วะสาคญั แตพ่ ฤติการอ่ืนเห็นไดว้ า่ จาเลยไมม่ ีเจตนาฆ่า
3. กระทาโดยไม้
คาพิพากษาฎีกาที่ 218/2525 จาเลยใชด้ ุน้ ยาว 1 ศอกตีหวั ผตู้ ายกะโหลกยบุ ถึงมนั สมอง
เท่ากบั ตีโดยแรงท่ีอวยั วะสาคญั ถือวา่ มีเจตนาฆ่า
4. กระทาโดยใช้มือ,เท้ามที ้ังเจตนาฆ่าหรือเจตนาทาร้ายกไ็ ด้
คาพิพากษาฎีกาที่ 1270/2527 จาเลยจบั ลกู ทมุ่ บนถนน หวั ยบุ กะโหลกแตกตาย จาเลยมี
เจตนาฆ่าตามมาตรา 288
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1329/2512 จาเลยกระทืบผตู้ ายดว้ ยเทา้ จนไตแตก อุจจาระไหลและ
ปากบอกวา่ เอาใหต้ าย เป็นการกระทาโดยมีเจตนาฆา่
ข้อสังเกต เจตนาเลง็ เห็นผลตามมาตรา 59 วรรค 2 หมายถึง เลง็ เห็นไดว้ า่ ผลน้นั จะเกิดข้ึน
ไดอ้ ยา่ งแน่นอน เทา่ ที่บคุ คลในฐานะเช่นน้นั จะเลง็ เห็นได้ อาจารย์ จิตติ เห็นวา่ ตอ้ งดูความรู้สึกนึก
คิดของผกู้ ระทาเป็นสาคญั โดยยดึ หลกั วญิ ญูชนทว่ั ไป
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1697/2522 จาเลยหลอกหญิงข้ึนรถซ่ึงแลน่ เร็วมาก หญิงตกลงมาจาก
รถตาย
ความตายเป็นผลโดยตรงที่จาเลยเลง็ เห็นไดอ้ ยา่ งแน่ชดั เท่ากบั มีเจตนาฆา่
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 24/2533 จาเลยยงิ ผเู้ สียหายขณะท่ีตนเองเมาโดยเลง็ และยงิ ผเู้ สียหาย
ในระยะกระช้นั ชิด จาเลยยอ่ มเลง็ เห็นผลไดว้ า่ กระสุนท่ียงิ จะตอ้ งถูกผเู้ สียหายแน่ ๆ จาเลยจะอา้ ง
ความเมาเพอ่ื ใหต้ นพน้ ผิดไม่ได้
คาวา่ “เป็นเหตุอนั ควรคาดหมายไดอ้ ยา่ งแน่นอนจึงเป็นเลง็ เห็นผล”
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2870/2540 แมจ้ าเลยมีเจตนาทาร้ายแตจ่ าเลยยอ่ มเลง็ เห็นวา่ ผลอาจทา
ใหผ้ เู้ สียหายตายได้ ยอ่ มถือว่าจาเลยมีเจตนาฆ่า การที่จาเลยไมแ่ ทงซ้าอีกท้งั ๆ ท่ีมีโอกาสทาได้
312
กไ็ มท่ าใหค้ วามผดิ ของจาเลยเปล่ียนไป เพราะเจตนาเลง็ เห็นผลมงุ่ ถึงลกั ษณะแห่งการกระทาผิดแลว้
ผลของการกระทาที่อาจเกิดข้ึนเป็นหลกั มิไดม้ ุง่ เจตนาของผกู้ ระทาเป็นหลกั “แมจ้ าเลยไมม่ ีเจตนา
ประสงคต์ ่อผลแต่จาเลยอาจจะมีเจตนายอ่ มเลง็ เห็นผลได”้
คาพิพากษาฎีกาที่ 985/2546 จาเลยกดหนา้ ผเู้ สียหายลงไปในคนู ้าเป็นเวลานานยอ่ ม
เลง็ เห็นผลวา่ อาจทาใหผ้ ูเ้ สียหายถึงแก่ความตายได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 4563/2543 จาเลยจะเขา้ ไปข่มขืนผตู้ ายแต่ผตู้ ายขดั ขืนจนพลดั ตกลงไป
จากระเบียงไดร้ ับบาดเจบ็ และตายเป็นกรณีท่ีจาเลยเลง็ เห็นผลไดว้ า่ จะเกิดผลเช่นน้นั จาเลยมีความผิด
ฐานฆ่าผอู้ ื่น
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2991/2536 ต้งั ใจจะยงิ รถจกั รยานยนตแ์ ตย่ งิ่ หลายนดั ถูกผเู้ สียหายตาย
จาเลยยอ่ มเลง็ เห็นไดว้ า่ อาจถูกผเู้ สียหายตายไดต้ อ้ งถือวา่ จาเลยมีเจตนาโดยเลง็ เห็นผล
คาพิพากษาฎีกาท่ี 15/2529 จาเลยปลน้ รถและใชย้ าสลบปิ ดจมกู ผเู้ สียหายแลว้ โยน
ผเู้ สียหายลงไปในคลองซ่ึงมีน้าลึกท่วมหวั ดงั น้ีจาเลยมีเจตนาฆา่ ผูเ้ สียหายโดยยอ่ มเลง็ เห็นผล
ขอ้ สังเกต การยงิ ปื นเขา้ ไปในตูร้ ถเสบียง ห้องน้าท่ีมีคนอยู่ รถท่ีมีคนขบั มา หอ้ งพกั ที่มี
คนอยู่ แมจ้ ะไมเ่ ห็นตวั ยอ่ มเลง็ เห็นผลวา่ จะถูกคนตายจึงมีเจตนาฆา่
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2060/2541 ใชป้ ื นลูกซองยงิ ไปท่ีขวดน้าขวดเหลา้ บนโตะ๊ ท่ีมีคนนง่ั กิน
อาหารอยู่ เลง็ เห็นผลไดว้ า่ กระสุนปื นท่ีกระจายออกไปอาจถกู ผตู้ ายไดม้ ีเจตนาฆ่าโดยเลง็ เห็นผล
คาพิพากษาฎีกาที่ 1155/2520 นาเรือเขา้ ไปตดั บวั ซ่ึงอยปู่ นกบั ตน้ ขา้ วทาใหต้ น้ ขา้ ว
เสียหายมีความผดิ ฐานทาให้เสียทรัพยโ์ ดยเลง็ เห็นผล
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 584/2545 จาเลยขบั รถแซงออกขวาเพื่อหลบหนีการจบั กุมโดยไม่ได้
ชนผเู้ สียหายศาลวา่ จาเลยยอ่ มเลง็ เห็นผลไดว้ า่ อาจชนผเู้ สียหายซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานตารวจ
ยกประโยชน์แห่งความสงสยั วา่ จาเลยมิไดม้ ีเจตนาฆ่า แตพ่ ยายามทาร้ายเจา้ พนกั งานโดยเลง็ เห็นผล
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2991/2526 เลง็ เห็นผลคือการกระทาโดยไม่คานึงวา่ ผลท่ีเกิดข้นึ น้นั จะ
เป็ นเช่นไร
คาพิพากษาฎีกาที่ 3431/2535 การท่ีจาเลยยงิ ไปยงั กลมุ่ คน 10 คนโดยไมใ่ ยดีวา่ กระสุน
ปื นจะถกู ผใู้ ดหรือไมเ่ ป็นการกระทาท่ียอ่ มเลง็ เห็นผลของการกระทาน้นั เป็นเจตนาฆ่า
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2431/2544 ถีบผตู้ ายลงจากรถขณะท่ีรถแลน่ ดว้ ยความเร็ว
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2548/2544 ใชห้ ิน 1 กิโลกรัมท่มุ ลงจากบนสะพานลงไปยงั กลุม่ คน
เช่นน้ีมีเจตนาฆ่าโดยเลง็ เห็นผล
เจตนาโดยพลาด มาตรา 60 เป็นเจตนาซ่ึงเกิดข้ึนโดยผลของกฎหมายมีขอ้ สงั เกตดงั น้ี
1. ตอ้ งมีผถู้ ูกกระทาต้งั แต่ 2 ฝ่ายข้ึนไป
2. กระทาโดยพลาดน้นั ตอ้ งเริ่มตน้ ดว้ ยการกระทาโดยเจตนา ดงั น้นั การกระทาโดย
พลาดเพราะประมาทจึงไมม่ ี
313
3. “พลาด” ไม่ไดห้ มายถึง เฉ่ียวหรือไมถ่ กู ดงั น้นั แมก้ ารกระทาของผกู้ ระทาสมดงั
เจตนาแลว้ ก็ตามแตถ่ า้ หากไปเกิดผลกบั อีกบุคคลหน่ึงก็ยงั เป็นพลาดอยู่
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1937/2522 ยงิ 4-5 นดั มีเจตนาฆา่ กระสุนถูกนายก.ตายแลว้ ไปถูก
นาย ข. ไดร้ ับอนั ตรายสาหสั เป็นความผดิ ฐานฆ่านาย ก. ตามมาตรา 288 และเป็นพยายามฆา่ นาย ข.
โดยพลาด มาตรา288 ประกอบมาตรา 80
4. เหตุพลาดแมจ้ ะเกิดจากกระทาของบุคคลภายนอกกย็ งั ถือเป็นการพลาดอยู่
คาพิพากษาฎีกาท่ี 461/2513 นาย ก. เจตนาจะยงิ นาย ข. แลว้ มีนายดามาปัดปื นทาให้
กระสุนพลาดไปโดนนาย ค. ตอ้ งถืงวา่ นาย ก. มีความผิดฐานพยายามฆา่ นาย ค. โดยพลาด
5. ตอ้ งเป็นเจตนาประเภทเดียวกนั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1086/2521 เจตนาจะยงิ ยางรถแต่กระสุนไปถูกคน ความรับผิดเก่ียวกบั
คนตอ้ งเป็นเรื่องประมาทเพราะเจตนาแตแ่ รกเป็นเจตนาทาใหเ้ สียทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2060/2541 เวน้ แต่เลง็ เห็นผลไดว้ า่ จะถูกคนอยา่ งแน่นอนจึงเป็น
ความผิดฐาพยายามฆา่ ได้ ดงั น้นั แนวคดิ เร่ืองเจตนาตอ้ งเร่ิมตน้ ดว้ ย
1. เจตนาประสงคต์ ่อผล
2. เจตนายอ่ มเลง็ เห็นผล
ถา้ ไม่ใช่ขอ้ 1. หรือ ขอ้ 2. จึงพิจารณาวา่
3. เจตนาโดยพลาด
ถา้ ไมใ่ ช่เจตนาโดยพลาดจึงตอ้ งพจิ ารณาต่อไปวา่ ผลที่เกิดข้ึนเกิดจากความประมาทของ
ผกู้ ระทาหรือไมอ่ ีกช้นั หน่ึง
การกระทาโดยพลาดน้นั เริ่มตน้ ดว้ ยเจตนา เม่ือผลของการทาเกิดข้ึนกบั บคุ คลอีกคนหน่ึง
ก็เป็ นพลาดแลว้
6. ในกรณีทก่ี ฎหมายให้ลงโทษหนักขนึ้ เพราะฐานะของบคุ คลหรือเพราะความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งผกู้ ระทากบั บคุ คลที่ไดร้ ับผลร้าย มิใหน้ ากฎหมายน้นั มาใชบ้ งั คบั เช่นนาย ก. เจตนายงิ
นาย ข. แต่พลาดไปถกู บิดาหรือเจา้ พนกั งานถือวา่ เจตนาฆ่าคนธรรมดาโดยพลาดไป
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 370/2527 จาเลยชกต่อยกบั นาย ก. เพราะเช่ือวา่ นายก.เป็นคนร้ายฆา่
บิดาของตน จาเลยสู้ไมไ่ ดจ้ ึงกลบั มาอีก 3 นาทีโดยเห็นนาย ก. ขี่จกั รยานโดยมีนาย ข. นง่ั ซอ้ นทา้ ย
มาดว้ ย จาเลยดกั ซุ่มอยู่โดยใชป้ ื นแก็ปยาวยงิ นาย ก. แตก่ ระสุนพลาดไปถูกนาย ข. ตาย ดงั น้ี
เป็นการกระทาโดยไตร่ตรองไวก้ ่อน จาเลยผิด มาตรา 289(4) ประกอบ มาตรา 60
เหตฉุ กรรจ์
มาตรา 289
314
มาตรา 289 (1) ฆ่าบพุ การีหมายถึงผสู้ ืบสายโลหิตโดยตรงข้ึนไป ไดแ้ ก่ บิดามารดา ป่ ูยา่ ตาทวดตอ้ ง
เป็ นบุพการี ตามความเป็ นจริ ง
มาตรา 289 เป็นบทบญั ญตั ิท่ีตอ้ งทาใหบ้ ุคคลไดร้ ับโทษหนกั ข้ึน ดงั น้นั ตอ้ งเป็นตามมาตรา 62
วรรคทา้ ย บุคคลจะตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ โดยอาศยั ขอ้ เทจ็ จริงใด บคุ คลน้นั ตอ้ งไดร้ ู้ขอ้ เทจ็ จริงน้นั
(ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 150-151)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 296/ 2475 ถา้ ฆ่าบิดาตายโดยไมร่ ู้วา่ เป็นบิดาแต่คดิ วา่ เป็นผรู้ ้ายจึงมี
ความผดิ ฐานฆา่ คนธรรมดา
- บคุ คลไมต่ อ้ งรับผดิ เกินเจตนาและผลอนั เกิดจากการกระทาของตน
- หากมีความตายเกิดข้ึนตอ้ งพิจารณาต่อไปวา่ ความตายเป็นผลมาจากการกระทา
หรือไม่
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1991/2537 จาเลยชกผตู้ าย 1 ทีแลว้ วิ่งหนี ส่วนนาย ส. ใชม้ ีดแทงผตู้ าย
ซ้า ตา่ งคนตา่ งทาร้ายผตู้ ายโดยไมไ่ ดส้ มคบกนั มาก่อน ยงั ฟังไมไ่ ดว้ า่ จาเลยร่วมกบั นาย ส. ฆา่ ผตู้ าย
คงฟังไดแ้ ต่เพียงวา่ จาเลยทาร้ายผตู้ ายโดยชกหน่ึงที จาเลยจึงมีความผดิ แต่เฉพาะการกระทาของ
ตนเองฐานทาร้ายร่างกายไมเ่ ป็นเหตใุ หเ้ กิดอนั ตรายแก่กายและจิตใจตามมาตรา 391 เท่าน้นั
คาพิพากษาฎีกาที่ 1913/2534 ตา่ งคนต่างทาร้าย จาเลยต่อยผตู้ าย แตผ่ ตู้ ายตายเพราะ
ถูกแทง จาเลยมีเพียงเจตนาทาร้าย ความตายไมไ่ ดเ้ กิดจากการกระทาของจาเลย จาเลยผิดมาตรา 391
มาตรา 289 (2) แยกเหตกุ ารณ์ออกเป็น 3 ส่วนคือ
1. ฆ่าเจา้ พนกั งานซ่ึงกระทาตามหนา้ ท่ี คือ ขณะที่กาลงั ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีอยู่
2. ฆา่ เพราะเหตทุ ี่เจา้ พนกั งานจะกระทาการตามหนา้ ที่ คือ ตอ้ งมีมูลเหตุจูงใจในการฆ่า
กค็ ือ เจา้ พนกั งานจะกระทาการตามหนา้ ท่ีจึงตอ้ งฆา่
3. ฆ่าเพราะเหตุที่เจา้ พนกั งานไดก้ ระทาการตามหนา้ ที่ เช่น ฆ่าตารวจเพราะเนื่องจากไป
จบั บอ่ นของพ่อตน ผิดมาตรา 289 (2) แตถ่ า้ ยงิ โดยเหตอุ ่ืนไม่เกี่ยวกบั การไดป้ ฏิบตั ิหนา้ ที่เป็น
ความผิด มาตรา 288 เทา่ น้นั
มาตรา 289 (2) สรุปไดว้ า่ การฆา่ เพราะจะกระทาการตามหนา้ ที่ ขณะกระทาการตาม
หนา้ ท่ี และเพราะไดก้ ระทาการตามหนา้ ท่ี
คาพิพากษาฎีกาที่ 15/2509 ตารวจอยรู่ ะหวา่ งลาราชการแลว้ ไปเท่ียวงานวดั ไดพ้ ดู เตือน
คนเมา กลบั ถูกแทง ผิดมาตรา 289 (2)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 312/2491 ปลดั อาเภอจะไปรักษาการในงานแสดง ภริยาแวะตลาด
ปลดั อาเภอถกู คนร้ายยงิ ระหวา่ งยนื คอยภริยาที่ตลาด ศาลวา่ ยงั ไมท่ นั ไดก้ ระทาตามหนา้ ที่ แต่ถา้
ปลดั อาเภอกาลงั จะไปปฏิบตั ิหนา้ ท่ีและผทู้ ่ียงิ ทาไป เพราะเหตทุ ่ีปลดั อาเภอจะไปปฏิบตั ิหนา้ ที่
มีความผดิ มาตรา 289 (2) ได้
315
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1272/2523 ผตู้ ายเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาจาเลย ผตู้ ายชกและเตะจาเลยที่
สถานีตารวจแลว้ ใหน้ าตวั ไปขงั ไว้ จาเลยหนีกลบั ไปบา้ นแลว้ เอาปื นมายงิ ผตู้ ายท่ีหนา้ สถานีตารวจ
ขณะที่ผตู้ ายไม่รู้ตวั ศาลวา่ เป็นการฆา่ ผูต้ ายเพราะเหตทุ ี่ผตู้ ายสง่ั ลงโทษจาเลยตามอานาจหนา้ ท่ี
หรือเพราะเหตุท่ีไดก้ ระทาตามหนา้ ที่ แมผ้ ตู้ ายจะทาเกินเลยไปบา้ ง คือ ชกและเตะจาเลย กเ็ พราะ
จาเลยไม่ปฏิบตั ิหตามหนา้ ท่ีไมท่ าใหผ้ ตู้ ายกลายเป็น ไมใ่ ช่เจา้ พนกั งาน จาเลยผดิ มาตรา 289 (2) และ
การกระทาของจาเลยไมเ่ ป็นบนั ดาลโทสะ
ถา้ เป็นการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีที่ไม่ชอบกไ็ ม่เป็นความผิดตามมาตรา 289 (2)
คาพิพากษาฎีกาที่ 719/2501 ตารวจสงสยั วา่ จาเลยจะกินสุราเถื่อน จึงเขา้ จบั บนเรือนใน
ท่ีรโหฐานเวลากลางคืนโดยไมม่ ีหมายคน้ จาเลยใชส้ ากกะเบือตีตารวจ ไม่เป็นการต่อสู้ขดั ขวางเจา้
พนกั งานผกู้ ระทาการตามหนา้ ท่ี
คาพิพากษาฎีกาที่ 294/2491 ตารวจจบั ผอู้ ่ืนและลูกของกานนั กานนั ขดั ขวางไม่ใหจ้ บั ลูก
ตน ตารวจยงิ กานนั ตาย พฤติการณ์เป็นเร่ืองที่กานนั ไม่ไดป้ ฏิบตั ิการในฐานะเป็นเจา้ พนกั งานตารวจ
ผิดฐานฆ่าคนตาย ตามมาตรา 288 เท่าน้นั
มาตรา 289 (3) ฆ่าผ้ชู ่วยเหลือเจ้าพนกั งาน
- ตอ้ งมีมูลเหตุจูงใจในการฆา่ คือฆ่าเพราะเหตทุ ี่บคุ คลน้นั จะช่วยเจา้ พนกั งานในการ
ปฏิบตั ิหนา้ ท่ี
- การฆ่าผชู้ ่วยเหลือเจา้ พนกั งานก่อนท่ีจะมีการปฏิบตั ิหนา้ ท่ี ไมว่ า่ การฆ่าน้นั จะมีมูลเหตุ
จูงใจหรือไม่ คงผดิ มาตรา 288 เท่าน้นั
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 37/2541 ขณะเกิดเหตุ นาย ต. ไม่ไดเ้ ขา้ จบั กุมจาเลยท้งั 6 เพียงแต่
อนุญาตให้อาจารย์ และ ย. เป็นผชู้ ่วยเหลือเจา้ พนกั งานเขา้ จบั กมุ จึงไม่อาจถือวา่ ต. เป็นเจา้ พนกั งาน
ปฏิบตั ิการ หรือกระทาการตามหนา้ ที่การท่ีอาจารย์ และ ย. เขา้ จบั กมุ จาเลยท่ี 1 จึงไมอ่ ยูใ่ นฐานะ
เป็นผซู้ ่ึงตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานในการท่ีเจา้ พนกั งานปฏิบตั ิการหรือกระทาการตามหนา้ ท่ีแตถ่ ือวา่ เป็น
การเขา้ จบั กุมโดยไม่มีอานาจ
ข้อสังเกต ผทู้ ่ีช่วยเหลือเจา้ พนกั งานตามมาตรา 289 (3) น้ีไมต่ อ้ งเป็นผชู้ ่วยเหลือเจา้
พนกั งานตามกฎหมายเหมือนอยา่ งกบั มาตรา 138
คาพิพากษาฎีกาที่ 2228/2515 ตารวจขอแรง บ.ใหช้ ่วยจบั ใหช้ ่วยขบั เรือตามคนร้ายไป
จาเลยยงิ บ. ไดร้ ับอนั ตราย จาเลยพยายามฆา่ บ. ผชู้ ่วยเหลือเจา้ พนกั งานในการที่เจา้ พนกั งานน้นั
กระทาการตามหนา้ ท่ีตามมาตรา 289 (3) แต่ไมใ่ ช่การใชก้ าลงั ประทุษร้ายในการต่อสู้หรือขดั ขวางผู้
ซ่ึงตอ้ งช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมายอนั เป็นความผดิ 138
ขอ้ สงั เกตมาตรา 289 (3) ผทู้ ี่ช่วยเหลือเจา้ พนกั งานจะเป็นใครก็ได้ ไมจ่ าเป็นตอ้ งมี
กฎหมายรับรองไวแ้ ละการเขา้ ช่วยเหลือน้นั แมเ้ จา้ พนกั งานมิไดข้ อใหช้ ่วยเหลือก็ตาม
316
มาตรา 289 (4) ฆ่าผู้อ่ืนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คาวา่ “ไตร่ตรอง” หมายถึง การฆา่ ในคร้ังน้นั ๆผกู้ ระทามีโอกาสคดิ ทบทวนแลว้ จึงตกลง
ใจกระทาการฆา่
- การใชเ้ วลาในการคิดนานเพยี งใดไมน่ ่าจะเป็นขอ้ สาคญั อยตู่ รงที่วา่ ไดม้ ีการทบทวน
แลว้ จึงตดั สินใจ (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 2, หนา้ 149)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี1180/2558 การฆ่าผอู้ ื่นโดยไตร่ตรองไวก้ ่อนหมายความวา่ ก่อนทาการฆ่า
ผูก้ ระทาความผิดได้คิดไตร่ตรองทบทวนแลว้ จึงตกลงใจกระทาความผิด ไม่ใช่กระทาไปโดย
ปัจจุบนั ทนั ด่วนเพราะเมาสุราหรือบันดาลโทสะ พฤติการณ์ท่ีจาเลยกับผูต้ ายเล่นการพนันและ
ทะเลาะวิวาทกนั ขณะจาเลยเมาสุราน้ัน เป็ นเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนเฉพาะหนา้ ความโกรธจะมากนอ้ ย
เพียงใดก็แลว้ แต่สภาพจิตของแต่ละคน แต่การท่ีจาเลยออกจากที่เกิดเหตุแลว้ กลบั มาอีกคร้ังใชเ้ วลา
ประมาณ 5 นาที พร้อมอาวุธมีด แสดงวา่ จาเลยโกรธมากในการทะเลาะวิวาทกบั ผู้ตาย ระยะเวลาที่
เกิดข้ึนรวดเร็วเพียงน้ันโอกาสท่ีจาเลยจะไดค้ ิดไตร่ตรองทบทวนไวก้ ่อนย่อมมีน้อย การท่ีจาเลย
กลบั มายงั ที่เกิดเหตุแลว้ ใชอ้ าวธุ มีดแทงผตู้ ายในเวลาต่อเนื่องกนั จึงไมพ่ อรับฟังวา่ จาเลยมีเจตนาฆ่า
ผตู้ ายโดยไตร่ตรองไวก้ ่อน
คาพิพากษาฎีกาท่ี 81/2554 หลงั จากผตู้ ายใชข้ วดสุราตีศีรษะจาเลย ผตู้ ายกบั จาเลยยงั ได้
รับประทานอาหารดว้ ยกนั และจาเลยกลับไปบ้านแล้ว ต่อมานานถึง 2 ชั่วโมงเศษ จาเลยจึงมาท่ีบา้ น
เกิดเหตุและใช้มีดโตฟ้ ันผูต้ ายขณะท่ีผูต้ ายกบั ข. นอนหลบั กนั แลว้ เหตุการณ์ท่ีผูต้ ายใชข้ วดสุราตี
ศีรษะจาเลยไดข้ าดตอนต้งั แต่นั่งรับประทานอาหารดว้ ยกนั จาเลยจึงมิได้กระทาความผิดในขณะที่
บันดาลโทสะอยู่ แต่กระทาความผิดในภายหลงั เป็นเวลานานถือไดว้ ่าเหตุบันดาลโทสะขาดตอนแล้ว
และการท่ีจาเลยกลบั บา้ นนง่ั คิดแคน้ อยทู่ ี่บา้ นต้งั 2 ชว่ั โมง จึงไปทาร้ายตายในขณะกาลงั นอนหลบั ใน
ยามวิกาลและเวลาดึกสงดั โดยใช้มีดโต้ขนาดใหญ่เลือกฟันผู้ตายที่ศีรษะ ใบหนา้ และลาคอหลายคร้ัง
ซ่ึงเป็นอวยั วะสาคญั หากถูกฟันอยา่ งแรงเพียงคร้ังเดียวก็ถึงแก่ความตายแลว้ แมจ้ าเลยมิไดเ้ ตรียมมีด
มา แต่จาเลยก็เตรียมไฟฉายมาคน้ หาอาวุธ ซ่ึงจาเลยทราบดีอยู่แลว้ ว่าท่ีบา้ นเกิดเหตุมีมีดโตใ้ ช้เป็ น
อาวุธทาร้ายผตู้ ายไดแ้ ละใชไ้ ฟฉายส่องหาทาร้ายผตู้ ายไดไ้ ม่ผิดตวั พฤติการณ์ช้ีชดั วา่ จาเลยมีเจตนาฆ่า
ผตู้ ายโดยไตร่ตรองไวก้ ่อน
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 546/2536 ก่อนเกิดเหตุจาเลยเคยทาร้ายผเู้ สียหายมาก่อนเม่ือจาเลย
กลบั ไปบา้ นไดพ้ ดู อาฆาตไวว้ า่ จะมาฆา่ ผเู้ สียหาย พฤติการณ์ที่จาเลยตรงเขา้ ทาร้ายผเู้ สียหายทนั ที
แสดงถึงมลู เหตแุ ละการตระเตรียมของจาเลยเป็นการไต่ตรองไวก้ ่อนแลว้
แมผ้ กู้ ระทาจะมีสาเหตกุ บั ผตู้ ายมาก่อนแต่หากไดพ้ บผูต้ ายโดยบงั เอิญแลว้ กระทาใน
ทนั ทีทนั ใดเช่นน้ีไมเ่ ป็นการฆา่ โดยไตร่ตรองไวก้ ่อน
317
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2241/2532 จาเลยท่ี 1 เคยมีเร่ืองทะเลาะกนั มาก่อนวนั เกิดเหตจุ าเลยเจอผตู้ ายโดย
บงั เอิญจาเลยใชไ้ มท้ า่ นไล่ตีผตู้ าย จาเลยผดิ มาตรา 288 ไมใ่ ช่มาตรา 289
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 631/2530 จาเลยทะเลาะกบั ผเู้ สียหายจึงไปชวนพรรคพวกไปฆา่
ผเู้ สียหายและผตู้ ายโดยใชเ้ วลาชวนพรรคพวก 2 นาทีซ่ึงเป็นเวลากระช้นั ชิดและกะทนั หนั
ไมป่ รากฏวา่ จาเลยกบั พวกคบคดิ ตระเตรียมการฆ่ามาก่อน จึงไมเ่ ป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไวก้ ่อน
คาพิพากษาฎีกาที่ 4308-9 /2530 การฆ่าในระยะกระช้นั ชิดหรือการฆ่าในทนั ทีทนั ใดไม่เป็นการฆ่า
โดยไตร่ตรอง
คาพิพากษาฎีกาที่ 691/2541 จาเลยเขยี นจดหมายลาตายและเตรียมยาฆา่ แมลงผสมขา้ วให้
ผูต้ ายท้งั 3 กินเป็นการกระทาโดยไตร่ตรองไวก้ ่อนและจาเลยมีเจตนาเดียวคือตอ้ งการใหผ้ ตู้ ายท้งั 3
ตายและจาเลยใหต้ ายพร้อมกนั จึงเป็นความผดิ กรรมเดียว
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2539/2541 และจาเลยจะผกู ใจเจบ็ เมื่อเจอผเู้ สียหายท่ีงานวดั คิดแกแ้ คน้
แตไ่ ม่ไดพ้ กมีดมาจึงกลบั ไปบา้ นเอามีดมาฟันผเู้ สียหายในทนั ที กรณีจึงไม่แตกตา่ งกบั ท่ีจาเลยไป
เอามีดจากบริเวณใกลเ้ คียงมาฟันทาร้ายผเู้ สียหายไดท้ นั ทีที่พบเห็นผเู้ สียหาย การกระทาของจาเลย
จึงยงั ถือไม่ไดว้ า่ ไดก้ ระทาโดยไตร่ตรองไวก้ ่อน
ข้อสังเกต การฆ่าดว้ ยอารมณ์ชวั่ วูบก็ไม่เป็นการไตร่ตรองไวก้ ่อน
- การฆา่ โดยไตร่ตรองไวก้ ่อน เช่น จา้ งฆ่า โทรศพั ทห์ ลอกไปฆ่า ซุ่มดกั ยงิ เท่ากบั มีการ
ทบทวนแลว้ ตดั สินใจฆา่
คาพิพากษาฎีกาที่ 855/2487 กรณียงิ แลว้ กลบั มาดูวา่ ตายหรือไม่เม่ือไมต่ ายจึงฟันคอให้
ตายไมเ่ ป็นการฆา่ โดยไตร่ตรองไวก้ ่อน
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3398/2529 ยงิ 1 นดั แลว้ กลบั เขา้ บา้ นต่อมาทราบวา่ ไมต่ ายจึงมาตีจน
ตาย ศาลวา่ ผิดมาตรา 288
ท้งั สอง ฎีกาน้ีเป็นกรรมเดียวเพราะเจตนาฆ่ามีเพยี งคร้ังเดียวแตไ่ ม่แน่ใจวา่ ตายหรือไม่
ก็เลยทาใหต้ ายจริง ๆ มีความผิดตามมาตรา 288 เท่าน้นั
อาจารยจ์ ิตติอธิบายวา่ ไมเ่ ป็นไตร่ตรอง เพราะการฆ่าในคร้ังหลงั เป็นความคิดท่ีเกิดข้ึน
ในขณะทนั ทีท่ีเห็นวา่ ยงั ไมต่ ายจึงทาซ้าใหต้ าย
- ถา้ การกระทาเป็นกรรมเดียวแลว้ จะเป็นไตร่ตรองหรือไม่ ไม่ตอ้ งนาการกระทาใน
ส่วนหลงั มาพจิ ารณา คงพิจารณาแต่เพียงวา่ การกระทาในคร้ังแรกเป็นการไตร่ตรองหรือไม่เทา่ น้นั
- การฆ่าโดยพลาด เพราะไตร่ตรองไวก้ ่อนมีได้ โดยพจิ ารณาของจากจิตใจของ
ผกู้ ระทา
เมื่อผกู้ ระทามีเจตนาท่ีจะฆา่ โดยทบทวนไตร่ตรองมาก่อน แมไ้ ม่เกิดผลกบั ผทู้ ี่ตน
ประสงค์ แตผ่ ลไปเกิดกบั บคุ คลอ่ืน อนั เน่ืองมาจากการกระทาพลาด ผกู้ ระทาผิดมาตรา 289
(4) ประกอบมาตรา 60
318
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2832/2538 ผสมยาฆ่าแมลงในน้าส้ม แต่ผตู้ ายมาด่ืมผิดมาตรา 289
(4) ประกอบมาตรา 60
คาพิพากษาฎีกาที่ 3501/2538 เดิมจาเลยที่ 1 และที่ 2 ผดิ ฐานเป็นผใู้ ชแ้ ตข่ ณะท่ีจาเลยที่ 3
กระทาผดิ จาเลยที่ 1 และ 2 มีพฤติการณ์หรือการกระทาในลกั ษณะเขา้ ไปมีส่วนร่วมในการกระทา
ความผิดดว้ ย จาเลยท่ี 1 และ 2 จึงมีความผดิ ฐานเป็นตวั การร่วมกนั ฆา่ ผอู้ ื่นโดยไตร่ตรองไวก้ ่อน
การพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็ นความผดิ ตามมาตรา289 (4) ประกอบ
มาตรา 80
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 6663/2562 การท่ีจาเลยกบั ผูเ้ สียหายที่ 1 ชกต่อยและแยกยา้ ยจาก
กันแล้ว จาเลยบอกผูเ้ สียหายที่ 1 ให้รออยู่ก่อน จาเลยจะกลับไปเอาอาวุธปื น แล้วจาเลยขับ
รถจกั รยานยนต์ไปเอาอาวุธปื นของกลางกลบั มายงั ท่ีเกิดเหตุโดยใช้เวลาประมาณคร่ึงชั่วโมง
นับเป็ นเวลาเพียงพอที่จาเลยสามารถระงับสติอารมณ์ทาให้โทสะหมดสิ้นไปและกลับมามี
สติสัมปชญั ญะได้ ดงั น้นั เมื่อจาเลยเดินทางกลบั มายงั ที่เกิดเหตุแลว้ ใช้อาวุธปื นยงิ ผูเ้ สียหายที่ 1 จึง
เป็นเหตุการณ์ที่ขาดตอนกนั ไปแลว้ จาเลยจะอา้ งวา่ เป็นการตดั สินใจเฉพาะหนา้ และไม่ไดไ้ ตร่ตรอง
ไวก้ ่อนหาได้ไม่ พฤติการณ์ของจาเลยบ่งช้ีให้เห็นว่าจาเลยตระเตรียมการพร้อมท่ีจะกลบั ไปฆ่า
ผูเ้ สียหายท่ี 1 จาเลยจึงมีเจตนาฆ่าผูเ้ สียหายที่ 1 โดยไตร่ตรองไวก้ ่อน เม่ือผูเ้ สียหายท่ี 1 ไม่ถึงแก่
ความตาย จาเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผเู้ สียหายท่ี 1 โดยไตร่ตรองไวก้ ่อน
การพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เกดิ กรณีทผี่ ้กู ระทาความผดิ ไตร่ตรองไว้ก่อน แต่
ผลกบั ผู้ทต่ี นประสงค์ให้ตาย แต่ไม่ตาย ไดแ้ ก่กรณีตามขอ้ เทจ็ จริงในคาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี
6663/2562 คือเวลาประมาณคร่ึงชวั่ โมง นบั เป็นเวลาเพยี งพอที่จาเลยสามารถระงบั สติอารมณ์ทาให้
โทสะหมดสิ้นไปและกลบั มามีสติสัมปชญั ญะได้ ถือเป็ นการไตร่ตรองไว้ก่อน ตามมาตรา 298 (4)
แล้ว
มาตรา 289 (5) ฆ่าผ้อู ่ืนโดยทรมานหรือกระทาทารุณโหดร้าย
คาวา่ “ฆา่ โดยทรมาน” หมายถึง ฆ่าโดยการกระทาท่ีมิไดต้ ายในทนั ที แตท่ าใหไ้ ดร้ ับ
ความลาบากจนตายลงในที่สุด
คาวา่ “ฆา่ โดยทารุณโหดร้าย” หมายถึง ฆา่ โดยวิธีการท่ีดุร้ายยง่ิ กวา่ การกระทาใหต้ าย
โดยทว่ั ไป
มาตรา 289 (5) ไม่มีหลกั เกณฑถ์ ึงความทรมานหรือทารุณโหดร้ายจึงตอ้ งวนิ ิจฉยั ตาม
ความรู้สึกของวิญญูชน (ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 152)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3305/2543 ใชป้ ื นยงิ แลว้ ไม่ตายจึงใชน้ ้ามนั ราดจุดไฟเผาเป็นการฆา่
โดยทรมานและทารุณโหดร้าย
319
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 499/2536 จาเลยหลอกพาผตู้ ายไปฆา่ โดยจุดไฟเผาจบั แกผ้ า้ เอาเชือกมดั
มือมดั เทา้ เอาลอ้ ยางสวมตวั น้ามนั ราดจุดไฟเผาใหต้ ายจึงเป็นฆา่ โดยทรมานและทารุณโหดร้ายและ
ไตร่ตรองไวก้ ่อน
- ความผิดตามมาตรา 289 ไม่จาเป็นตอ้ งผิดแต่เพียงอนุมาตราใดมาตราหน่ึงเท่าน้นั
-ฆ่าทิง้ ท้งั ครอบครัวเป็นทารุณโหดร้ายตามมาตรา 289 (5)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 699/2510 จาเลยเป็นสามีของผตู้ ายใชม้ ือและเทา้ ทาร้ายผตู้ ายเป็นเวลา
8 ชว่ั โมงลกั ษณะบาดแผลไม่มีเหตพุ อที่จะพิจารณาประกอบบาดแผลไดว้ า่ จาเลยทารุนแรงที่อาจ
เห็นผลไดว้ า่ น่าจะทาใหผ้ ตู้ ายถึงแก่ความตาย จาเลยผดิ ฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาโดยจะทาทารุณ
โหดร้ายตามมาตรา 290 วรรคสอง ไมผ่ ดิ ฆ่าคนตายตามมาตรา 289 (5)
ข้อสังเกต ศาลฎีกาที่น่าจากบาดแผลไม่สามารถช้ีใหเ้ ห็นไดว้ า่ จาเลยมีเจตนาหรือเลง็ เห็น
ผลไดว้ า่ จาเลยมีเจตนาฆ่า เมื่อมีความตายเกิดข้ึนอนั เนื่องมาจากผลของการกระทาโดยเจตนาทาร้าย
จึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไมเ่ จตนา
- ฆ่าโดยการยงิ แลว้ จบั กดน้า ศาลฎีกาวา่ เป็นการกระทาต่อเนื่องท่ีตอ้ งการใหต้ ายเป็น
วิธีการธรรมดาจึงไม่เป็ นทางทารุณโหดร้าย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1388/2545 การใชร้ ะเบิดฆ่าเป็นลกั ษณะที่ทาใหต้ ายโดยใชอ้ าวุธ
ร้ายแรง มิไดแ้ สดงความทารุณโหดร้ายเป็นพิเศษ
คาพิพากษาฎีกาที่ 1101/2509 เชือดคอเด็ก กระทืบเอาผา้ อุดจมูก กรอกยาพษิ เป็นการฆ่า
โดยทารุณโหดร้าย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2217/2515 ขวา้ งระเบิดเขา้ ไปในกลุ่มคน ไมเ่ ป็นทารุณโหดร้าย
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 104/2510 ไล่ยงิ หลายนดั จนลม้ แลว้ จ่อยงิ และใชข้ วานฟัน ไม่เป็นการทารุณ
โหดร้าย
คาพิพากษาฎีกาที่ 708/2535, 5865/ 2543 ใชไ้ มต้ ีหลายทีไม่ตายจึงใชผ้ า้ รัดคอจนตายเป็น
วธิ ีธรรมดาในการฆา่
- ฆา่ โดยใชป้ ื นยงิ แลว้ กดน้าใหต้ ายหรือใชไ้ มต้ ีหลายทีจนกะโหลกแตก ไมเ่ ป็นกรณี
มาตรา 289 (5)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 576-7/2545 ใชข้ องแขง็ ตีศีรษะผตู้ ายจนกะโหลกแตกเน้ือสมองไหล
และจบั กดน้าในขณะท่ียงั ไมต่ ายเป็นการทารุณโหดร้าย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1817/2546 ใชม้ ีดเชือดคอมีบาดแผลยาวรอบคอเป็นทารุณโหดร้าย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 4 050/ 2532 (ประชุมใหญ่) มีการวางแผนในการฆ่าโดยเอายาพิษสตริกนินใหก้ ิน
เป็นการไตร่ตรองไวก้ ่อน และทาใหผ้ ตู้ ายลม้ ป่ วยไดร้ ับความทรมานทางร่างกาย ศาลวา่ เป็นการทา
ใหต้ ายทีละนอ้ ยเป็นทารุณไดร้ ับความทกุ ขท์ รมาน ผิดมาตรา 289 (4) และ (5)
320
- การกระทาใดจะเป็นการทรมานหรือทารุณโหดร้ายหรือไม่ตอ้ งถือตามความรู้สึกของ
วญิ ญชู น มิใช่ตามความรู้สึกของผกู้ ระทาเอง
มาตรา 289 (6) ฆ่าผู้อ่ืนเพื่อตระเตรียมการหรือเพ่ือความสะดวกในการท่จี ะกระทาความผดิ อย่างอื่น
-ตอ้ งมีเจตนาพิเศษและเป็นเร่ืองท่ียงั ไมม่ ีการกระทาความผดิ อยา่ งอื่นเกิดข้ึน
- ฆ่าคนเพอื่ สะดวกในการลกั ทรัพยแ์ ลว้ ไดล้ กั ทรัพยใ์ นทนั ที
- ถา้ มีเจตนาพิเศษในการฆ่าเพ่อื ความประสงคต์ ามมาตรา 289 (6) ต่อมาแมจ้ ะไมม่ ีการ
กระทาความผดิ อยา่ งอื่นก็ยอ่ มจะผิดความผิด 289 (6) ได้
- ยงิ คนอื่นเพอ่ื เอาทรัพยแ์ ตไ่ ม่ตาย เป็นพยายามฆา่ คนและพยายามชิงทรัพยต์ ามมาตรา
289 (6) ประกอบมาตรา 80 กบั มาตรา 339 ประกอบมาตรา 80 กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
ลงโทษมาตรา 289 ประกอบมาตรา 80 เป็นบทหนกั
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 357/2532 การที่จาเลยยงิ ผเู้ สียหายเพ่ือสะดวกในการลกั ทรัพยข์ อง
ผเู้ สียหาย เม่ือผเู้ สียหายไดร้ ับอนั ตรายสาหสั การกระทาจาเลยจึงผดิ มาตรา 289 (6) ประกอบมาตรา
80 ไม่ใช่มาตรา 289 (7)
- การกระทาความผิดตามมาตรา 289 (6) ประกอบมาตรา 289 (7) อาจจะมีไดจ้ ากการ
กระทาความผดิ คราวเดียวกนั
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 975/2508 จาเลยกบั พวกฉุดคร่าผเู้ สียหายไปเพื่ออนาจารและขม่ ขนื
แตบ่ ิดาผเู้ สียหายขดั ขวางจึงใชป้ ื นยงิ บิดาผเู้ สียหายตาย จาเลยผิดฐานเป็นตวั การเพื่อสะดวกในการ
ขม่ ขนื อนั เป็นประโยชน์เกิดจากความผดิ ตามมาตรา 289 (6) ประกอบ (7)
- กรณีตามมาตรา 289 (7) ตอ้ งเป็นเรื่องการกระทาของบคุ คลคนเดียวกนั เพราะกฎหมาย
เขียนไวช้ ดั เจนวา่ เพื่อปกปิ ดความผิดอื่นของตนเห็นไดช้ ดั เจนวา่ มีการกระทาความผิดท่ีเกิดข้ึนแลว้
ตอ่ มามีเจตนาพิเศษเพ่อื เอาไวซ้ ่ึงผลประโยชนอ์ นั เกิดแต่การท่ีตนไดก้ ระทาความผดิ อื่น
มาตรา 289 (7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซ่ึงผลประโยชน์อนั เกดิ แต่การท่ตี นได้กระทาความผดิ
อื่นเพ่ือปกปิ ดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลกี เลย่ี งให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้ทาไว้
ตามอนุมาตราน้ี ตอ้ งมีการกระทาความผิดอ่ืนมาแลว้ และจะตอ้ งเป็นการฆ่าโดยมีเจตนา
พเิ ศษอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงใน 4 ประการคือ 1.เพื่อจะเอาผลประโยชน์ 2.เพ่ือเอาไวซ้ ่ึงผลประโยชน์อนั
เกิดแต่การท่ีตนไดก้ ระทาความผดิ อื่น 3.เพอ่ื ปกปิ ดความผิดอื่นของตน 4.เพอื่ หลีกเล่ียงใหพ้ น้ อาญา
ในความผิดอื่นท่ีตนไดท้ าไว้ (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 2, หนา้ 154)
คาวา่ “ผอู้ ื่น”ไม่น่าหมายถึง พวกที่ร่วมกระทาความผิดดว้ ยกนั เอง
คาวา่ “ผลประโยชน”์ ตอ้ งเป็นผลประโยชน์ในลกั ษณะท่ีเป็นทรัพยส์ ินหรือไมเ่ ห็นวา่ ไม่
จาเป็ น
321
คาวา่ “คา่ ไถ”่ อาจเป็นทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อ่ืนกไ็ ด้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1491/2530 ชิงทรัพยโ์ ดยใชป้ ื นยงิ และมีดฟันจาเลยจึงผิดฐานฆ่าผอู้ ่ืน
เพ่อื เอาไวห้ รือเอาไวซ้ ่ึงผลประโยชน์อนั เกิดแต่การท่ีจาเลยไดก้ ระทาการชิงทรัพยเ์ พ่ือปกปิ ด
ความผิดตามมาตรา 289 (7) ประกอบมาตรา 339 วรรคทา้ ย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 18/2542 จาเลยใชม้ ีดแทงผเู้ สียหายหลายคร้ังแตไ่ มต่ ายระหวา่ งส่ง
โรงพยาบาลจาเลยบีบคอผเู้ สียหายอีก ศาลฏีกาวา่ เป็นการกระทาตา่ งกรรมกนั การบีบคอเป็นการ
ปกปิ ดการกระทาความผิดพยายามฆ่าในคร้ังแรกตามมาตรา 289 (7) ประกอบมาตรา 80
- คาวา่ “ความผิดอ่ืนท่ีตนไดก้ ระทา” หมายถึง ไม่จาเป็นวา่ ตนตอ้ งอยใู่ นฐานะตวั การ
เท่าน้นั ยงั รวมถึงผใู้ ชใ้ หก้ ระทาความผดิ หรือผสู้ นบั สนุน เช่น สนบั สนุนใหค้ นอื่นลกั ทรัพย์
ต่อมาผสู้ นบั สนุนไดฆ้ า่ พยานเพอื่ ปกปิ ดการกระทาความผิดท่ีตนสนบั สนุนก็อยใู่ นมาตรา 289
(7) เช่นกนั
มาตรา 289 (1) ถึง (7) เป็นบทหนกั ของมาตรา 288 จึงถูกนาไปประกอบความผิดฐานอ่ืน
ดว้ ย
เช่น มาตรา 288 ประกอบมาตรา 289 เทา่ กบั มาตรา 289
- มาตรา 290 ประกอบมาตรา 289 เท่ากบั มาตรา 290 วรรคสอง
- มาตรา 297 ประกอบมาตรา 289 เทา่ กบั มาตรา 298
- มาตรา 295 ประกอบมาตรา 289 เทา่ กบั มาตรา 296
ฆ่าผู้อ่ืนโดยไม่เจตนา
มาตรา 290 ผใู้ ดมิไดม้ ีเจตนาฆา่ แต่ทาร้ายผอู้ ่ืนจนเป็นเหตุใหผ้ นู้ ้นั ถึงแก่ความตาย ตอ้ งระวางโทษ
จาคกุ ต้งั แตส่ ามปี ถึงสิบหา้ ปี
ถา้ ความผิดน้นั มีลกั ษณะประการหน่ึงประการใด ดงั ท่ีบญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา 289 ผกู้ ระทา
ตอ้ งระวางโทษจาคุกต้งั แต่สามปี ถึงยส่ี ิบปี
มาตรา 290 มีองคป์ ระกอบ
1. ผใู้ ด
2. ทาร้าย
3. ผอู้ ื่นจนเป็นเหตใุ หถ้ ึงแก่ความตาย
4. เจตนา (องคป์ ระกอบภายใน)
คาวา่ “ทาร้าย” มีความหมายแคบกวา่ คาวา่ “ใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย” ตามมาตรา 1 (6)
322
คาวา่ “ใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย” ตามมาตรา 1 (6) หมายถึงการกระทาใดๆซ่ึงเป็นเหตใุ หบ้ ุคคล
หน่ึงบคุ คลใดอยใู่ นภาวะท่ีไมส่ ามารถขดั ขืนได้
การทาร้ายตามมาตรา 290 เหมือนกบั การทาร้ายตามมาตรา 391 คอื ใชก้ าลงั ทาร้าย (ไกร
ฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 3, หนา้ 106)
- การข่วนหนา้ เป็นการใชก้ าลงั ทาร้ายตามมาตรา 291 แต่หากรักษาบาดแผลไมด่ ีตาย
ผกู้ ระทาความผดิ ฐานฆา่ คนตายโดยไมเ่ จตนาตามมาตรา 290
คาํ พิพากษาฎีกาท่ี 9413/2552 ตาม ป.อ. มาตรา 290 วรรคแรก ท่ีบญั ญตั ิว่า "ผูใ้ ดมิไดม้ ี
เจตนาฆ่าแต่ทาํ ร้ายผูอ้ ่ืนจนเป็นเหตุให้ผนู้ ้นั ถึงแก่ความตาย ตอ้ งระวางโทษจาํ คุกต้งั แต่สามปี ถึงสิบ
ห้าปี " น้นั มีความหมายว่า หากผูใ้ ดทาํ ร้ายผอู้ ่ืนจนเป็นเหตุให้ผนู้ ้นั ถึงแก่ความตายโดยมิไดม้ ีเจตนา
ฆ่าแลว้ ผูน้ ้ันย่อมมีความผิดตามมาตราน้ี ซ่ึงเป็ นการบญั ญตั ิให้ไดร้ ับโทษหนักข้ึน แตกต่างจาก
ความผิดฐานทาํ ร้ายผูอ้ ื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจของผูอ้ ื่น หรือความผิดฐานทาํ
ร้ายร่างกายจนเป็ นเหตุให้ผูถ้ ูกกระทาํ ร้ายรับอนั ตรายสาหัส ตลอดจนความผิดฐานใช้กาํ ลงั ทาํ ร้าย
ผูอ้ ื่นโดยไม่ถึงกับเป็ นเหตุให้เกิดอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ ตาม ป.อ. มาตรา 295, 297 และ 391
ตามลาํ ดบั อนั แสดงให้เห็นถึงกฎหมายเจตนาให้ผูก้ ระทาํ ตอ้ งรับโทษตามผลของการกระทาํ น้ัน
แตกต่างกนั ไปตามความหนกั เบาของผลที่เกิดข้นึ เม่ือจาํ เลยท่ี 2 ใชม้ ีดดาบเป็นอาวุธไล่ฟันผตู้ ายอนั
เป็นการทาํ ร้ายผตู้ ายจนเป็นเหตใุ หผ้ ูต้ ายวิ่งหลบหนีกระโดดลงน้าํ จนถึงแก่ความตาย การกระทาํ ของ
จาํ เลยที่ 2 จึงเป็นการทาํ ร้ายผูต้ าย ซ่ึงเม่ือมิใช่กระทาํ โดยมีเจตนาฆ่า แตก่ ารกระทาํ น้นั เป็นเหตุทาํ ให้
ผูต้ ายถึงแก่ความตายจึงเป็นความผิดสาํ เร็จตาม ป.อ. มาตรา 290 วรรคแรก แลว้ หาใช่เป็นเพียงการ
พยายามกระทาํ ความผดิ ไม่
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1395/2518 ตีจนสลบเขา้ ใจวา่ ตายจึงเอาผา้ ขาวมา้ ผกู คอผตู้ ายเหมือน
การผกู คอตายจาเลยผิดมาตรา 290
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 657/2532 ใชไ้ มห้ นา้ สามตี แมแ้ พทยจ์ ะเห็นวา่ ผตู้ ายตายโดยโรคตบั
แขง็ มิไดต้ ายเพราะถูกทาร้ายก็ถือวา่ ความตายของผตู้ ายเป็นผลโดยตรงจากการถกู จาเลยทาร้ายผดิ
มาตรา 290 วรรคแรกศาลฎีกาวา่ การทาร้ายเป็นเหตใุ หผ้ ทู้ ่ีถกู ทาร้ายตายเร็วข้ึน
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1185/2543 จาเลยท่ี 2, 3, 5 รู้ดีวา่ จาเลยที่ 1 มีปื นติดตวั อยจู่ าเลยที่ 2
ทาร้ายผตู้ าย ส่วนจาเลยท่ี 3 และ 5 ทาร้ายหลงั จากผตู้ ายถกู จาเลยที่ 1 ยงิ ศาลฎีกาวา่ จาเลยที่ 1
ผิดฐานฆ่า ส่วนจาเลยอื่นฟังว่ามีเจตนาทาร้าย แมค้ วามตายจะเกิดจากกระสุนปื นจาเลยที่ 1 ก็ตาม
จาเลยที่ 2, 3 และ 5 ตอ้ งร่วมรับผดิ ในผลของความตายดว้ ยตามมาตรา 290
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 86/2537 จาเลยอื่นไม่ทราบมาก่อนวา่ จาเลยท่ี 1 มีมีดจึงไมม่ ีเหตุที่คาด
เลง็ เห็นไดว้ า่ จาเลยที่ 1 จะใชม้ ีดแทงผตู้ าย จาเลยอื่นจึงมีความผิดมาตรา 290
คาพิพากษาฎีกาที่ 655/2530 ใชไ้ มต้ ีหวั มือ ขอ้ ศอกหลายแห่งในระยะเวลาฉุกละหุก
และไมอ่ าจทราบวา่ ถูกที่ใด ทาใหค้ นตายเป็นการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาคอื มีแต่เพยี งเจตนาทาร้าย
323
คาพิพากษาฎีกาที่ 1429/2520 ขงึ ลวดปลอ่ ยกระแสไฟฟ้าทาไวใ้ นนา คนจบั กบเหยยี บ
ลวดไฟดูดตายเป็นการเลง็ เห็นผลวา่ อาจมีคนมาถูกกระแสไฟไดร้ ับอนั ตรายผิดมาตรา 290
ศาลฎีกาวนิ ิจฉยั วา่ ศาลไมไ่ ดว้ ินิจฉยั วา่ ความตายเกิดจากความประมาท เพราะศาลฎีกา
เห็นวา่ เป็นการเลง็ เห็นผล
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 884/2528 การปลอ่ ยกระแสไฟฟ้าเป็นเร่ืองเจตนาทาร้าย ถา้ มีคนตายกเ็ ป็นเร่ืองฆ่า
คนตายโดยไมเ่ จตนา ไมใ่ ช่เร่ืองของประมาท
ข้อสังเกต ถา้ ไม่มีเจตนาทาร้าย เช่นหยอกลอ้ ,ผลกั จนตกน้าตาย,สามีเอากรรไกรเหว่ียงไปที่ภรรยา
เพอ่ื หยอกลอ้ เป็นแค่ประมาทแตไ่ มผ่ ิดมาตรา 290
มาตรา 290 วรรคสอง คือ ถา้ การกระทาความผิดตามวรรคแรก มีลกั ษณะตามมาตรา 289
ตอ้ งไดร้ ับโทษหนกั ข้ึน (มาตรา ล.ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เล่ม 3, หนา้ 110)
ฆ่าโดยประมาท
มาตรา 291 ผใู้ ดกระทาโดยประมาท และการกระทาน้นั เป็นเหตุใหผ้ อู้ ื่นถึงแก่ความตาย ตอ้ งระวาง
โทษจาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไมเ่ กินสองแสนบาท
มาตรา 291 ประมาทเป็ นเหตุให้ผ้อู ่ืนถึงแก่ความตาย
องคป์ ระกอบ 1. ผใู้ ด
2. กระทาโดยประมาท
3. เป็นเหตุใหผ้ อู้ ื่นถึงแก่ความตาย
4. ไม่มีเจตนา (องคป์ ระกอบภายใน)
มาตรา 59 วรรคสี่ ประมาทกค็ ือ การกระทาท่ีไม่ใชค้ วามระมดั ระวงั ท้งั ๆ ที่สามารถจะ
ใชค้ วามระมดั ระวงั ได้
คาวา่ “กระทา” หมายถึง การเคลื่อนไหวและการงดเวน้ ตามมาตรา 59 วรรคทา้ ย ดงั น้นั
การงดเวน้ โดยประมาทจึงมีได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1909/2516 จานวนขบั รถพว่ งบรรทกุ เสาไฟฟ้าเม่ือลอ้ หลุดเสาขวาง
ถนน จนค่าแลว้ จาเลยก็ไม่ไดจ้ ดั ใหม้ ีโคมไฟหรือเคร่ืองสัญญาณอยา่ งอื่นๆเพอ่ื ใหผ้ ใู้ ชถ้ นนเห็นเสาท่ี
ขวางถนนอยู่ รถท่ีแล่นมาชนเสามีคนตายและบาดเจบ็ สาหสั จาเลยผิดมาตรา 291 และมาตรา 300
การงดเวน้ โดยประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 148/ 2538 มีหนา้ ท่ีปิ ดเปิ ดแผงก้นั เม่ือรถไฟผา่ นแต่ไมป่ ิ ดทาให้รถยนต์
ชนกบั รถไฟ (งดเวน้ โดยประมาท)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2210/2544 จอดรถเวลาค่าคืนไมเ่ ปิ ดไฟ
324
คาพิพากษาฎีกาท่ี 983/2508 มาตรา 291 การกระทาโดยประมาทน้นั ตอ้ งเป็นผลโดยตรง
ใหเ้ กิดความตาย การกระทาตามมาตราน้ีไม่รวมถึงการละเวน้ เพราะกรณีใดกฎหมายตอ้ งลงโทษโดย
การละเวน้ ก็ไดบ้ ทบญั ญตั ิไวโ้ ดยเฉพาะ
คาพิพากษาฎีกาที่ 1909/2516 การละเวน้ โดยประมาทไมม่ ี แตก่ ารงดเวน้ โดยประมาท
มีได้
ข้อสังเกต การกระทาใดจะเป็นประมาทหรือไม่น้นั ตอ้ งเร่ิมดูท่ีภาวะวา่ บคุ คลใดก็ตาม
อยใู่ นภาวะเช่นน้นั จะสามารถใชค้ วามระมดั ระวงั ตามวิสัยและพฤติการณ์ไดห้ รือไม่
คาวา่ “ภาวะ” หมายถึง เหตกุ ารณ์หรือสิ่งท่ีกาลงั กระทาหรือกาลงั เกิดข้ึน
คาวา่ “วิสยั ” หมายถึง สภาพภายในของตวั ผกู้ ระทา ซ่ึงตอ้ งแยกพิจารณาวา่ ถา้ ตวั ผกู้ ระทา
เป็นบุคคลธรรมดาตามวิสัยก็ใชค้ วามระมดั ระวงั อยา่ งหน่ึงแตถ่ า้ เป็นผปู้ ระกอบวชิ าชีพก็ยอ่ มใช้
ความระมดั ระวงั อีกระดบั หน่ึง
คาวา่ “พฤติการณ์” หมายถึง เหตกุ ารณ์ภายนอกตวั ผกู้ ระทาท่ีจะตอ้ งนามาพิจารณา
ประกอบกบั ภาวะ เช่น ขณะฝนตกหนกั ผา่ ตดั ในโรงพยาบาลหรือในป่ า
ข้อสังเกต หลกั การวินิจฉยั วา่ ประมาทหรือไมน่ ้นั จะตอ้ งสมมติบคุ คลหน่ึงข้นึ มา
เปรียบเทียบโดยใหบ้ คุ คลที่สมมติข้ึนมาน้ีมีทกุ อยา่ งเหมือนตวั ผกู้ ระทา
- สมมติคนในภาวะเช่นน้นั และมีวิสัยเช่นเดียวกบั ผกู้ ระทาและในพฤติการณ์อยา่ ง
เดียวกนั เขาสามารถใชค้ วามระมดั ระวงั ไดห้ รือไม่ถา้ หากใชค้ วามระมดั ระวงั ไดแ้ ตผ่ กู้ ระทากลบั
ไม่ใชค้ วามระมดั ระวงั การกระทาน้นั ยอ่ มเป็นประมาท
คาพิพากษาฎีกาท่ี 421/2536 แมจ้ าเลยไม่ใช่แพทยแ์ ต่คนท่ีไมใ่ ช่แพทยก์ ็ไมค่ วรไปทาการ
รักษาผอู้ ่ืน เพราะยอ่ มจะรู้วา่ ตนเองไมม่ ีความรู้การท่ีไปใหผ้ อู้ ่ืนกินยาท้งั ที่ไมม่ ีความรู้แสดงใหเ้ ห็น
อยใู่ นตวั วา่ เป็นการกระทาโดยประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3368/2527 คาพิพากษาฎีกาท่ี 2593/2521 แพทยส์ ง่ั ยาถ่ายพยาธิใหเ้ ดก็
กินโดยไมไ่ ดต้ รวจวา่ เดก็ มีพยาธิหรือไม่ ประมาณอายเุ ด็กเอาเอง ยาท่ีสงั่ เกินขนาดกินแลว้ เด็กตาย
เพราะพิษของยาถือวา่ ประมาทมาตรา 291
คาพิพากษาฎีกาที่ 946-947/2475 จาเลยเป็นนายทา้ ยเรือยนตเ์ ป็นผปู้ ระกอบวชิ าชีพ
เดินเรือควรรู้วา่ ถอยเรือไปแลว้ ใบจกั รจะฟันคนในน้าได้ จาเลยไม่เห็นคนในน้าแต่ถอยเรือเป็นเหตุ
ใหใ้ บจกั รฟันคนตกน้าตายเป็นประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2154/2535 จาเลยท่ี 2 เป็นหญิงคลอดบุตรแลว้ คดิ วา่ เดก็ ตายจึงโยนลง
หนา้ ต่างแตเ่ ด็กไม่ตาย จาเลยที่ 1 เป็นบิดาไมห่ า้ มปรามเท่ากบั เป็นการงดเวน้ การที่จะตอ้ งกระทาเพอ่ื
ป้องกนั ผล ศาลฎีกาวา่ จาเลยท่ี 1 ผิดมาตรา 390
325
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1011/2503 จาเลยขร่ี ถชนรถสามลอ้ ทาใหผ้ ตู้ ายจะเดินลงมาแลว้ รถราง
ทบั ร่างไป 1 วา โดยรถรางเลน่ มาปกติ ศาลฎีกาวา่ ความตายเป็นผลโดยตรงจากความประมาทของ
จาเลย จาเลยยอ่ มมีความผิดตามมาตรา 291
ความตายไมไ่ ดเ้ กิดจากรถของจาเลย ความตายเกิดจากรถราง ดงั น้นั รถรางเป็นเหตุแทรก
ซอ้ นจึงตอ้ งนาทฤษฎีเหตุท่ีเหมาะสมมาปรับ การที่คนตกจากรถที่จาเลยขบั มาโดยประมาทแลว้ มีรถ
อีกคนั วิ่งมาชนเป็นเหตุอนั ควรคาดหมายได้ จาเลยจึงตอ้ งรับผดิ ในผลที่เกิดข้ึนเพราะมีความสัมพนั ธ์
กบั การกระทา ศาลฎีกาใชถ้ อ้ ยคาวา่ เป็นผลโดยตรง
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1068/2502 จาเลยรู้อยวู่ า่ ผตู้ ายกาลงั โหนตวั อยนู่ อกรถแลว้ มีรถสวนมา
จาเลยไมช่ ะลอแตห่ กั รถกลบั ผตู้ ายจึงถูกรถท่ีสวนมาเฉี่ยวตายยอ่ มไดช้ ่ือวา่ เป็นการกระทาโดย
ปราศจากความระมดั ระวงั ซ่ึงบุคคลในภาวะเช่นน้นั จะตอ้ งมีตามวิสัยและพฤติการณ์ซ่ึงจาเลยอาจใช้
ความระมดั ระวงั เช่นวา่ น้นั ไดแ้ ตห่ าไดใ้ ชเ้ พยี งพอไมเ่ ป็นประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 114/2510 แต่ถา้ พดู ตายโดยด่วนกระโดดโดยไมม่ ีเหตผุ ลท่ีจะตอ้ ง
กระทาเช่นน้นั ไมเ่ ป็นประมาท
คาพิพากษาฎีกาที่ 77/2488 จาเลยขบั รถตดั หนา้ รถไฟมีคนกระโดดลงจากรถหวั ท่ิมตาย
จาเลยประมาท
คาพิพากษาฎีกาที่ 1436/2511 รถแฉลบจะชนเสาไฟฟ้าผตู้ ายจึงกระโดดลงจากรถเป็น
ประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 7891/2544 ผเู้ สียหายหกั หลบ เพราะจาเลยเปล่ียนช่องเดินรถโดย
กะทนั หนั แมก้ ารไดร้ ับอนั ตรายสาหสั ไม่ไดเ้ กิดจากการเฉ่ียวชนกบั รถจาเลยแค่ลม้ ลงเพราะหกั หลบ
จาเลยตอ้ งรับผดิ ในผลที่เกิดข้ึน
ข้อสังเกต นารถสภาพไมด่ ีหรือหา้ มลอ้ ไม่ดีมาขบั เป็นประมาท
คาพิพากษาฎีกาที่ 9/2539 ส. ขบั มอไซออกจากซอยตดั หนา้ รถจาเลยแตจ่ าเลยขบั รถดว้ ย
ความเร็วท้งั ท่ีรู้วา่ ฝนตกถนนล่ืน ซ่ึงจาเลยอาจใชค้ วามระมดั ระวงั ไดโ้ ดยลดความเร็วแต่จาเลยหาได้
ใชเ้ พียงพอไม่ ถือวา่ จาเลยขบั รถโดยประมาทแตเ่ ม่ือ ส. มีส่วนประมาทอยดู่ ว้ ยแลว้ จาเลยไดช้ ดใช้
คา่ เสียหายแลว้ และจาเลยไม่เคยไดร้ ับโทษมาก่อน สมควรวางโทษใหมใ่ หเ้ หมาะสมแก่รูปคดี
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 598/2538 จานวนขบั รถดว้ ยความเร็วสูงน่าหวาดเสียวไม่ขบั รถใหห้ ่างรถคนั หนา้
พอสมควรในระยะท่ีจะหยดุ รถไดโ้ ดยปลอดภยั จาเลยประมาท
รถคนั ที่จาเลยชนมีคนตาย 2 คนส่วนคนท่ีนง่ั อยใู่ นรถของจาเลยเองไดร้ ับบาดเจบ็
ร่องรอยความเสียหายเกิดข้นึ วา่ รถคนั ท่ีจาเลยชนน้นั ชนทา้ ยรถบรรทุกห้องเยน็ อยา่ งแรง คนตายท้งั
สองคนมิใช่ผลโดยตรงจากการกระทาโดยประมาทของจาเลย จาเลยมีความผดิ เพยี งฐานขบั รถโดย
ประมาทเป็นเหตใุ หบ้ คุ คลที่นงั่ มาในรถของจาเลยไดร้ ับอนั ตรายแก่กายเท่าน้นั จาเลยผิดมาตรา 390
ข้อสังเกต บุคคลไมต่ อ้ งรับผิดเกินไปกวา่ ผลอนั เกิดจากการกระทาของตน
326
คาพิพากษาฎีกาท่ี 779/2510 ค. เอาปื นทาข้ึนเองท่ีบรรจุกระสุนไปแลว้ วางพิงที่ฝาหอ้ ง
ใกลป้ ระตู เห็นไดว้ า่ เสี่ยงอนั ตรายผดิ วิสัยปกติ ค. ปิ ดประตโู ดยแรง ปื นลม้ กระทบพ้นื ลนั่ ไปถูก
วรรคบาดเจ็บสาหสั การกระทาของ ค. เป็นประมาท
คาพิพากษาฎีกาท่ี 152/2488 ผกู ปื นไวก้ บั ตน้ ไมแ้ ขวนอยนู่ าน 20 นาที พายพุ ดั มาทาให้
ปื นแกวง่ เง่ือนกค็ ลายปื นตกลงมา กระสุนลน่ั ไปถูกคนตาย ศาลฎีกาวา่ แม้ ก. จะไม่รอบคอบในการ
ผกู ปื น แต่ไกลเกินกวา่ เหตุ ศาลฎีกาวา่ กรรมบนั ดาล
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2483/2528 จาเลยขผู่ ตู้ ายไมใ่ หเ้ อาถ่านมาป้ายหนา้ จาเลย การที่จาเลยใชอ้ าวธุ ปื น
ออกมาขู่ โดยไมไ่ ดด้ ูใหด้ ีเสียก่อนวา่ ปื นมีกระสุนหรือไม่ จาเลยไม่มีเจตนาฆา่ ผูต้ าย แต่การกระทา
ของจาเลยเป็ นประมาท
คาพิพากษาฎีกาที่ 594/2507 จาเลยเชื่อโดยสุจริตวา่ ไม่มีกระสุน จาเลยนง่ั พกั อยทู่ ่ีมา้ ยาว
ปื นลน่ั 1 นดั กระสุนพ่งุ ลงกระทบมา้ นง่ั แฉลบไปถูกผเู้ สียหาย ศาลวา่ จะเอาผิดแก่จาเลยฐานกระทา
โดยประมาทไม่ได้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1955/2534 จาเลยเอาอาวุธปื นจ่อใบหูเพ่ือขู่ จาเลยพยายามวิ่งหนี
จาเลยฉุดมือผตู้ ายไว้ เป็นเหตุใหป้ ื นลน่ั โดยจาเลไม่มีเจตนาฆา่ ผตู้ าย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1592/2534 ใชอ้ าวุธปื นจ้ีท่ีหวั โดยไม่มีเจตนาฆ่าและปื นลน่ั ศาลฎีกาฟัง
วา่ เป็นประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 473/2490 สามีเหวย่ี งกรรไกรไปถูกประตแู ลว้ สะทอ้ นไปถกู เทา้ ภรรยา
เสน้ เลือดใหญ่ขาด ภรรยาตาย สามีกระทาโดยประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3445/2535 จาเลยจอดรถไวไ้ หลท่ าง ลอ้ หลงั ยงั อยบู่ นถนน จาเลยไดห้ า
ก่ิงไมม้ าวางและเปิ ดสญั ญาณไฟกระพริบถือวา่ จาเลยไดใ้ ชค้ วามระมดั ระวงั เพยี งพอแลว้ การ
กระทาของจาเลยไม่เป็ นประมาท
คาพิพากษาฎีกาท่ี 383/2537 จาเลยขบั รถ 40 กิโลเมตรตอ่ ชว่ั โมง ผตู้ ายวงิ่ ไลต่ ี ช.ขา้ ม
ถนนตดั หนา้ ช่องทางท่ีจาเลยขบั แต่ไดม้ ีรถยนตอ์ ีกคนั หน่ึงแลน่ มา ผตู้ ายจึงชะงกั แลว้ ถอยหลงั กลบั
เขา้ มาทาง
ช่องเดินรถของจาเลย โดยกระทนั หนั ในระยะกระช้นั ชิด ทาใหจ้ าเลยไม่สามารถหยดุ รถได้
ทนั ท่วงที ในภาวะเช่นน้นั จาเลยไม่อาจคดิ ได้ การที่จาเลยขบั รถยนตช์ นผตู้ ายจึงเป็นเหตุสุดวสิ ัย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 832/2540 จาเลยท้งั 3 ช็อตปลาในคลองสาธารณะ เมื่อผตู้ ายถูกไฟช็อต
ก็ตอ้ งถือวา่ เป็นผลโดยตรงที่เกิดจากความประมาท ไมว่ า่ เหตุท่ีเกิดข้ึนจะเป็นเพราะผตู้ ายลงไป
อาบน้า หรือเป็นเพราะผตู้ ายไปแกส้ ายไฟกต็ าม
การช็อตปลาในคลองสาธารณะ นอกจากจะเป็นการกระทาท่ีผิดตอ่ กฎหมายอยา่ งชดั แจง้
แลว้ ยงั เป็นการกระทาโดยปราศจากความระมดั ระวงั ตามวิสัยและพฤติการณ์ อนั ถือไดว้ า่ เป็นการ
กระทาดว้ ยประมาทตาม มาตรา 59 วรรคสี่
327
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 7891/2545 การที่จาเลยเปลี่ยนช่องทางเดินรถอยา่ งกระทนั หนั
ขวางเสน้ ทางรถผเู้ สียหาย ผเู้ สียหายจึงหกั หลบ รถลม้ ลงผเู้ สียหายไดร้ ับบาดเจ็บ ตอ้ งถือวา่ ผลเกิด
จากความประมาทของจาเลย
การกระทาโดยประมาท มีขอ้ สังเกต 5 ประการ(ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 4, หนา้ 245-247)
1. การกระทาผิดโดยประมาทโดยทั่วๆไป แล้วเป็ นความผิดท่ตี ้องการผล
โดยเฉพาะกรณี มาตรา 291 และมาตรา 300 คอื ตราบใดไมม่ ีผลเกิดข้นึ ก็ไม่มีความผดิ
2. ความผิดฐานประมาทเป็ นเรื่องท่ไี ม่มีเจตนา จงึ ไม่มีความผดิ ฐานเป็ นตัวการ หรือ
ผู้สนับสนุน
คาพิพากษาฎีกาที่ 1337/2534 ผสู้ นบั สนุนตอ้ งมีเจตนาประสงคต์ อ่ ผลหรือยอ่ มเลง็ เห็นผล
ในการสนบั สนุนดว้ ย โดยสภาพจึงไม่อาจมีการช่วยเหลือหรือใหค้ วามสะดวกในการกระทา
ความผิดโดยประมาท
คาพิพากษาฎีกาที่ 1211/2530 (ประชุมใหญ่) จาเลยท่ี 2 ที่ 3 ร่วมลกั น้ามนั โดยใชส้ ายไฟ
ต่อแบตเตอร่ี เพื่อดูดน้ามนั จนเกิดไฟไหมข้ ้นึ พฤติการณ์ของจาเลยท้งั 2 ถือวา่ ประมาท เพราะ
แบตเตอร่ีและน้ามนั ติดไฟงา่ ย เมื่อเกิดเพลิงไหม้ เน่ืองจากวิธีการลกั ทรัพยข์ องจาเลยท้งั 2 ซ่ึงกระทา
ดว้ ยความประมาท ตอ้ งถือวา่ เป็นผลอนั เกิดจากการกระทาของจาเลยทกุ คนท่ีร่วมกนั ลกั ทรัพย์
แมจ้ าเลยที่ 3 มิไดเ้ ป็นผถู้ อดสายไฟ จาเลยที่ 3 ก็ตอ้ งมีความผิดฐานทาให้เกิดเพลิงไหมโ้ ดยประมาท
ข้อสังเกต การประมาทร่วมกนั มีได้ เช่น รถ 2 คนั แล่นมาชนกนั
3. บางกรณีการกระทาฝ่ าฝื นกฎหมายที่กาหนดไว้ เช่น ผดิ พระราชบญั ญตั ิจราจร
แตจ่ าเลยใชค้ วามระมดั ระวงั เพียงพอแลว้ ยอ่ มไมเ่ ป็นประมาท
ข้อสังเกต การวินิจฉยั เรื่องประมาทในคดีอาญาน้นั ตอ้ งเป็นไปตามหลกั เกณฑ์ มาตรา 59
วรรค 4 และหนา้ ท่ีพิสูจน์ความผดิ น้นั เป็นหนา้ ที่ของโจทก์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 294/2501 ขบั รถชนคนตายโดยไมม่ ีใบขบั ขี่ เป็นการฝ่าฝื นกฎหมาย
จราจรเทา่ น้นั จะวา่ จาเลยประมาทไม่ได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 988/2516 การกระทาโดยประมาทน้นั จะตอ้ งเป็นเหตุโดยตรงที่ทาให้
เกิดความตาย หรือบาดเจ็บสาหสั การจอดรถแลว้ ไม่เปิ ดไฟไวเ้ ป็นการไมป่ ฏิบตั ิตามกฎหมายจราจร
เป็นคนละเร่ืองกบั ประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1727/2503 เหตทุ ่ีเรือชนกนั ไม่ไดเ้ กิดจากการที่จาเลยไมไ่ ดจ้ ุดโคมไฟ
จาเลยว่ิงในเส้นทางเดินเรือของจาเลย แต่เรืออีกลาวง่ิ เขา้ มาอยใู่ นทางว่ิงของจาเลยเป็นเหตใุ หเ้ รือชน
กนั ดงั น้นั ความประมาทจึงไม่ไดเ้ กิดจากจาเลย
328
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1326/2510 ถา้ จาเลยที่ 1 ไมข่ บั เร็วรถก็ไม่ชน และถา้ จาเลยท่ี 2 รอให้
รถจาเลยท่ี 1 ซ่ึงเป็นรถทางตรงผา่ นไปก่อนรถก็จะไมช่ น การเกิดรถชนกนั ข้ึนจึงเป็นผลโดยตรงจาก
ความประมาทของจาเลยท้งั 2 ที่ไมป่ ฏิบตั ิตามกฎขอ้ บงั คบั ของกฎหมายจึงเป็นความผิดท้งั คู่
4. เม่ือมกี ารกระทาโดยประมาทเกดิ ขนึ้
หากความประมาทน้นั เกิดจากบุคคลมากกวา่ 1 คนข้นึ ไป ความรับผิดของแตล่ ะบคุ คล
น้นั ตอ้ งแยกตา่ งหากจากกนั น แต่ละคนคงรับผดิ แต่เฉพาะอนั เกิดจากการกระทาของตน
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 598/2538 แมจ้ าเลยประมาท แตค่ วามประมาทของจาเลยมีผลแตเ่ ฉพาะ
ทาใหค้ นที่นง่ั ในรถของจาเลยไดร้ ับอนั ตรายแก่กาย ส่วนความตายคนอื่นน้นั เกิดจากการกระทาของ
จาเลยเท่าน้นั
5. ถ้าประมาทไม่ถึงบาดเจบ็ ไม่เป็ นความผดิ มาตรา 390
ทาให้ผ้อู ื่นฆ่าตวั ตาย
มาตรา 292 ผใู้ ดกระทาดว้ ยการปฏิบตั ิอนั ทารุณ หรือดว้ ยปัจจยั คลา้ ยคลึงกนั แก่บุคคลซ่ึงตอ้ งพ่ึงตน
ในการดารงชีพหรือในการอ่ืนใด เพื่อใหบ้ ุคคลน้นั ฆ่าตนเอง ถา้ การฆา่ ตนเองน้นั ไดเ้ กิดข้นึ หรือไดม้ ี
การพยายามฆ่าตนเอง ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินเจ็ดปี และปรับไม่เกินหน่ึงแสนส่ีหมื่นบาท
มาตรา 292 องคป์ ระกอบ
1. ผใู้ ด
2. ปฏิบตั ิการอนั ทารุณหรือดว้ ยปัจจยั ที่คลา้ ยคลึงกนั แก่บคุ คลซ่ึงตอ้ งพ่งึ ตนในการดารง
ชีพหรือในการอ่ืน
3. มีการฆา่ ตนเองหรือไดม้ ีการพยายามฆ่าตนเอง
4. เจตนาพิเศษเพอ่ื ใหม้ ีการฆา่ ตนเอง
ขอ้ สงั เกต แมก้ ารฆ่าตวั ตายกฎหมายไมไ่ ดบ้ ญั ญตั ิเป็นความผิด แต่การทาใหผ้ อู้ ่ืนฆา่
ตนเองอาจเป็นความผิดไดต้ ามมาตราน้ี (ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 155)
ผใู้ ดตามขอ้ 1 ตอ้ งสัมพนั ธ์กบั บคุ คลผถู้ กู กระทาตามองคป์ ระกอบขอ้ 2 คือบุคคลท่ีถูก
กระทาจะตอ้ งเป็นผทู้ ี่ตอ้ งพ่ึงผกู้ ระทาในการดารงชีพหรือในการอ่ืนใด
คาวา่ “การพ่ึงพาในการดารงชีพ” เช่นลกู จา้ ง
คาวา่ “ทารุณ” หมายถึง หยาบชา้ ร้ายกาจ ดุร้าย โหดร้าย เช่น อดม้ือกินม้ือทางานหนกั ผดิ
มนุษย์
คาวา่ การกระทาทารุณจะตอ้ งพจิ ารณาตามความรู้สึกของวิญญชู นโดยทว่ั ไป
การพ่งึ ตนในการดารงชีพหรือในการอื่นใดน้นั เป็นขอ้ เท็จจริงท่ีอาศยั พฤติการณ์ไม่
จาเป็นตอ้ งอาศยั สญั ญาหรือตามกฎหมายใด ๆ ต่างกบั มาตรา 307 ซ่ึงตอ้ งมีความสัมพนั ธต์ าม
329
กฎหมายหรือตามสญั ญาท่ีจะตอ้ งดูแลผซู้ ่ึงพ่ึงตนเองไมไ่ ด้ (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 4, หนา้
238)
บุคคลที่ถูกกระทาตามมาตรา 292 ไม่จากดั อายเุ พศวยั หรือจากดั โดยสภาพจิตหรือสภาพ
ร่างกายแต่ประการใดไมว่ า่ จะเป็นหญิงหรือชาย คนโง่ หรือคนฉลาด คนชรา หรือป่ วยเพียงเป็น
ผกู้ ระทาความผดิ ในการดารงชีพหรือการอื่นใดกอ็ ยใู่ นความหมายของมาตราน้ีท้งั สิ้น
ตอ้ งมีการพยายามฆ่าหรือฆา่ ตนเองเกิดข้ึน
ผกู้ ระทาตอ้ งมีเจตนาพเิ ศษเพื่อใหบ้ คุ คลผถู้ ูกกระทาฆ่าตนเองหากไมม่ ีเจตนาดงั กลา่ ว
ไม่เป็นความผิดมาตรา 292 ตวั อยา่ ง ก. เจตนาจะใหค้ นงานลาออกโดยไม่ใหค้ นงานกินอาหารใน
ท่ีสุดแทนท่ีคนงานจะลาออกกลบั ฆา่ ตวั ตายเช่นน้ี ก.ไม่มีความผดิ ตามมาตร 292 เพราะขาดเจตนา
พิเศษเพอื่ ใหค้ นงานฆา่ ตนเอง
ขอ้ สงั เกต มาตรา 292 คกู่ บั มาตรา 398 แต่มาตรา 398 แคบกวา่ ตรงกระทาทารุณต่อเด็ก
ไม่เกิน 15 ปี คนป่ วยเจบ็ หรือคนชราซ่ึงตอ้ งพ่งึ ผูน้ ้นั ในการดารงชีพหรือการอื่นใด
การฆา่ หรือพยายามฆา่ จะตอ้ งเกิดจากการตดั สินใจโดยอิสระของบคุ คลซ่ึงถกู กระทา
กล่าวคือถา้ การปฏิบตั ิอนั ทารุณน้นั ถึงขนาดเป็นการบงั คบั ใหบ้ คุ คลน้นั จาตอ้ งฆา่ ตนเองอยา่ งไมม่ ี
ทางหลีกเล่ียงก็จะกลายเป็นการฆ่าตามมาตรา 288 (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 4, หนา้ 239)
ช่วยหรือยยุ งเดก็ ให้ฆ่าตนเอง
มาตรา 293 ผใู้ ดช่วยหรือยยุ งเดก็ อายยุ งั ไม่เกินสิบหกปี หรือผซู้ ่ึงไมส่ ามารถเขา้ ใจวา่ การกระทาของ
ตนมีสภาพหรือสาระสาคญั อยา่ งไร หรือไมส่ ามารถบงั คบั การกระทาของตนได้ ให้ฆา่ ตนเอง ถา้
การฆา่ ตนเองน้นั ไดเ้ กิดข้ึนหรือไดม้ ีการพยายามฆ่าตนเอง ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินหา้ ปี หรือ
ปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
ตามมาตรา 293
องคป์ ระกอบคือ 1) ผใู้ ด 2) ช่วยหรือยยุ งเด็กอายไุ ม่เกิน 16 ปี หรือผซู้ ่ึงไมส่ ามารถเขา้ ใจ
วา่ การกระทาของตนมีสภาพหรือสาระสาคญั อยา่ งไรหรือไมส่ ามารถบงั คบั การทาของตนไดใ้ หฆ้ ่า
ตนเอง 3) ไดม้ ีการฆา่ หรือพยายามฆา่ ตนเอง 4) เจตนา
ขอ้ สังเกต เจตนาตามมาตรา 293 เป็นเจตนาธรรมดาตา่ งกบั มาตรา 292
มาตรา 293 เฉพาะอายเุ ดก็ ไมเ่ กิน 16 ปี
คาวา่ ช่วยเหลือ คือ อานวยความสะดวกแต่ตอ้ งไม่ถึงขนาดเขา้ ไปมีส่วนร่วมในการฆ่าน้นั
คาวา่ ยยุ งคอื เชิญชวน,พูดจาสนบั สนุนใหเ้ กิดอารมณ์หรือกระตนุ้ ใหม้ ีการฆา่ ตวั ตาย
มาตรา 292 และมาตรา 293 มีขอ้ สงั เกตดงั น้ี
330
1. มาตรา 292 ผกู้ ระทากบั ผถู้ ูกกระทาตอ้ งมีความสัมพนั ธ์กนั คือผถู้ ูกกระทาตอ้ งเป็นผทู้ ี่
ตอ้ งพ่ึงผกู้ ระทาในการดารงชีพส่วนมาตรา 293 จากดั ขอบเขตผถู้ ูกกระทาอยเู่ ฉพาะเดก็ กบั อีก 2
ประเภท
2. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งผถู้ ูกกระทาและผกู้ ระทาตามมาตรา 292 น้นั อาจจะเกิดจาก
สัญญาหรือเกิดจากกฎหมายหรือจากขอ้ เทจ็ จริงก็ไดส้ ่วนมาตรา 293 ผกู้ ระทากบั ผถู้ ูกกระทาไม่
จาเป็นตอ้ งมีความสมั พนั ธ์
3. มาตรา 292 ตอ้ งมีการกระทาคอื การปฏิบตั ิการอนั ทารุณส่วนมาตรา 293 ผกู้ ระทากบั
ผถู้ ูกกระทาไมจ่ าเป็นตอ้ งมีความสมั พนั ธ์
4. ท้งั มาตรา 292 และมาตรา 293 ตอ้ งปรากฏวา่ มีการฆา่ หรือพยายามฆ่าตนเองเกิดข้ึน
5. มาตรา 292 ผกู้ ระทาตอ้ งมีเจตนาพิเศษเพื่อใหบ้ ุคคลน้นั ฆา่ ตนเองส่วนมาตรา 293
มีแตเ่ พียงเจตนาธรรมดาคือช่วยหรือยยุ งบุคคล
6. การฆ่าหรือพยายามฆ่าตอ้ งเกิดจากการตดั สินใจอนั เป็นอิสระของผถู้ กู ทารุณหรือเดก็
เอง
ชุลมนุ เป็นเหตใุ ห้คนตาย
มาตรา 294 ผใู้ ดเขา้ ร่วมในการชุลมุนต่อสูร้ ะหวา่ งบคุ คลต้งั แตส่ ามคนข้ึนไป และบุคคลหน่ึงบุคคล
ใดไม่วา่ จะเป็นผทู้ ี่เขา้ ร่วมในการน้นั หรือไม่ ถึงแก่ความตายโดยการกระทาในการชุลมุนต่อสู้น้นั
ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินสองปี หรือปรับไม่เกินส่ีหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
ถา้ ผทู้ ่ีเขา้ ร่วมในการชุลมุนต่อสู้น้นั แสดงไดว้ า่ ไดก้ ระทาไปเพอ่ื หา้ มการชุลมุนตอ่ สู้น้นั
หรือเพื่อป้องกนั โดยชอบดว้ ยกฎหมาย ผนู้ ้นั ไม่ตอ้ งรับโทษ
มาตรา 294 ชุลมนุ ต่อสู้เป็ นเหตใุ ห้มคี นตาย
องคป์ ระกอบ 1) ผใู้ ด 2) เขา้ ร่วมชุลมุนตอ่ สูร้ ะหวา่ งบุคคลต้งั แต่ 3 คนข้นึ ไป 3) เป็นเหตุ
ใหบ้ คุ คลหน่ึงบุคคลใดไม่วา่ จะเป็นผทู้ ี่เขา้ ร่วมในการน้นั หรือไม่ถึงแก่ความตาย 4) เจตนา (เขา้ ร่วม
ชุลมนุ ต่อสู้)
คาวา่ “ชุลมนุ ” หมายถึง การร่วมชุลมุนโดยไมต่ อ้ งเขา้ ร่วมกนั อยา่ งเป็นตวั การ ตา่ งคน
ต่างมา เขา้ มาภายหลงั ก็เป็นการเขา้ ร่วมชุลมุนท้งั สิ้น(ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 4, หนา้ 234)
- ที่สาคญั ที่สุดจะตอ้ งไมใ่ ช่เร่ืองที่คนกลุม่ หน่ึงรุมทาร้ายคนอีกกล่มุ หน่ึง ดงั น้ี ไมใ่ ช่
ชุลมุน แตเ่ ป็นเร่ืองรุมทาร้าย
- ข้อสังเกต การชุลมุนถา้ มีการป้องกนั จากผทู้ ี่เขา้ ไปร่วมชุลมนุ กเ็ ขา้ มาตรา 294
วรรคทา้ ยเป็นความผิดแต่ไม่ตอ้ งรับโทษ
- ถา้ เป็นกรณีกลุม้ รุมทาร้าย ผูถ้ กู ทาร้ายตอบโตไ้ ปบา้ งและพอสมควรแก่เหตกุ ็เป็น
เร่ืองป้องกนั ตามมาตรา 68 หนา้ ที่นาสืบตกอยกู่ บั โจทก์
331
- ขอ้ สังเกต ถา้ มีการต่อสู้ระหวา่ งบคุ คล 3 คนข้ึนไปโดยมีเจตนาเขา้ ร่วมชุลมนุ แมจ้ ะมี
การป้องกนั กไ็ ม่ใช่มาตรา 68 คงอา้ งไดเ้ พียงมาตรา 294 วรรคทา้ ยซ่ึงเป็นเพียงเหตยุ กเวน้ โทษเท่าน้นั
และจาเลยมีหนา้ ที่นาสืบ
คาวา่ “ต่อสู”้ หมายถึง การใชก้ าลงั เขา้ ทาร้ายซ่ึงกนั และกนั
มาตรา 294 ตอ้ งมีบคุ คลตายและความตายตอ้ งเกิดข้ึนจากการชุลมนุ
- ถา้ ความตายไม่ไดเ้ กิดจากการชลมุน แต่เกิดจากสาเหตุอ่ืนก็ไมใ่ ช่กรณีตามมาตรา 294
- ตวั อยา่ งเช่น นายหน่ึงเขมน่ นายดาเป็นการส่วนตวั จึงใชป้ ื นยงิ นายดาตาย แมน้ ายหน่ึง
จะยงิ มาจากวงท่ีชุลมนุ กนั ก็ตามแตค่ วามตายของนายดามิใช่เกิดจากการชุลมุนแต่เกิดจากเจตนาใหม่
ของนายหน่ึงไม่ใช่เกิดจากเจตนาในตอนแรกที่เขา้ ร่วมชุลมุนต่อสู้
มาตรา 294 ผทู้ ี่เขา้ ร่วมชุลมุนไม่ไดห้ มายความวา่ จะตอ้ งตะลุมบอนอยใู่ นกล่มุ คนที่ชุลมนุ
ต่อสู้กนั เสมอไป ยงั รวมถึงผูท้ ี่อยตู่ ่อหนา้ การชุลมุนแลว้ ใชป้ ื นยงิ หรือโยนเกา้ อ้ีหรือขวา้ งมีดเขา้ ไป
ในกลุ่มคนดงั กล่าวโดยมีเจตนาท่ีจะเขา้ ร่วมในการตอ่ สูน้ ้นั (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 4, หนา้
235)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2241/2522 ขวา้ งของเขา้ ไปในกลมุ่ คนที่กาลงั ทะเลาะวิวาทกนั เป็นการ
เขา้ ร่วมชุลมุนวิวาทเมื่อมีเหตุใหค้ นถึงแก่ความตายเป็นความผดิ มาตรา 294
มาตรา 294 วรรคสอง ผู้เข้าร่วมชุลมนุ เข้าห้ามการชุลมุนหรือเพ่ือป้องกนั โดยชอบด้วยกฎหมายผู้
น้นั ไม่ต้องรับโทษ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 6476/2541 เดก็ ตีกนั ครูเขา้ ไปหา้ มแลว้ เด็กตายเดก็ ตีกนั เป็นชุลมนุ ต่อสู้
เมื่อครูเขา้ ไปหา้ มครูผดิ มาตรา 294 วรรคสอง
มาตรา 294 วรรคสอง เป็นเร่ืองการเขา้ ไปหา้ มหรือป้องกนั ยงั คงเป็นความผิดอยเู่ พยี งแต่
เป็นเหตยุ กเวน้ โทษ ภาระการพิสูจนต์ กอยกู่ บั ผหู้ า้ มหรือผปู้ ้องกนั (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่
4, หนา้ 236)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 791-2/2504 (ประชุมใหญ่) กรณีชุลมุนตอ่ สูก้ นั ระหวา่ งบุคคลต้งั แต่ 3
คนข้นึ ไปและมีบคุ คลตายตามมาตรา 294 น้นั หมายถึงกรณีที่ไมท่ ราบวา่ ผใู้ ดหรือผใู้ ดร่วมกบั ใคร
ไดท้ าร้ายผตู้ ายถึงตาย ถา้ เป็นกรณีท่ีฝ่ายหน่ึงกลมุ้ รุมทาร้ายผตู้ ายถึงตาย ฝ่ายน้นั ก็ตอ้ งรับผดิ ฐาน
ร่วมกนั ฆ่าผตู้ ายโดยเจตนา
ข้อสังเกต การชุลมุนต่อสูก้ บั การกลมุ้ รุมทาร้ายผอู้ ่ืนเป็นคนละเร่ืองกนั
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 885/2509 จาเลยท่ี 1 กบั บิดาจาเลยที่ 1 ไดร้ ่วมกนั ชุลมุนต่อสู้ 3 คนข้ึน
ไป บิดาจาเลยที่ 1 ตายในการชลมุนตอ่ สูเ้ ม่ือจาเลยที่ 1 ไดร้ ่วมในการชลมุลตอ่ สูก้ นั น้นั ดว้ ย
แมจ้ าเลยจะไมม่ ีอาวธุ แต่เม่ือจาเลยไดก้ ระทาเพื่อหา้ มการชุลมนุ ตอ่ สูห้ รือป้องกนั ตวั จาเลยท่ี 1
332
ก็ตอ้ งรับผิดมาตรา 294 วรรคแรก
คาพิพากษาฎีกาท่ี 92/2507 โจทกไ์ มไ่ ดบ้ รรยายวา่ จาเลยคนใดทาร้ายใครและถือไม่ไดว้ า่
โจทกฟ์ ้องวา่ จาเลยแต่ละฝ่ายต่างร่วมกนั มากระทาผิด เม่ือโจทกฟ์ ้องชุลมนุ ต่อสู้แตว่ า่ ใครตายหรือ
ไดร้ ับอนั ตรายสาหสั ตามมาตรา 294 และมาตรา 299 แมจ้ าเลยรับสารภาพกล็ งโทษจาเลยไม่ได้
คาพิพากษาฎีกาที่ 1268/2514 เมื่อมีการชุลมุนต่อสูแ้ ละมีความตายเกิดข้นึ และรู้วา่ ผใู้ ด
เป็นผกู้ ระทา ทุกคนตอ้ งรับผิดตามมาตรา 294 แมบ้ ุคคลน้นั ๆ จะไมม่ ีเจตนาใหบ้ คุ คลหน่ึงบคุ คลใด
ตาย จาเลย 4 คนมีอาวุธร่วมชุลมุนตอ่ สู้ผตู้ ายคนหน่ึงถกู จาเลยท่ี 1 และท่ี 2 ยงิ ในการชุลมนุ ตอ่ สูเ้ ป็น
กรรมเดียวผดิ กฎหมายหลายบทคือจาเลยทกุ คนผดิ มาตรา 294 มาตรา 299 และมาตรา 83 จาเลยท่ี 1
และ 2 เป็นคนยงิ ผดิ มาตรา 288 อีกบทหน่ึงซ่ึงเป็นบทที่มีโทษหนกั ที่สุดตามมาตรา 90
ข้อสังเกต ถา้ ฟ้องวา่ ฆ่าคนตายโดยเจตนาหรือไม่เจตนาแต่ไม่บรรยายฟ้องวา่ เป็นการ
ชุลมุนต่อสูก้ ็จะลงโทษตามมาตรา 299 ไม่ได้
มาตรา 299 เหมือนกบั มาตรา 294 เพยี งแต่ผลของมาตรา 299 ทาใหบ้ คุ คลที่เขา้ ร่วมใน
การชุลมนุ หรือไมก่ ็ตามไดร้ ับอนั ตรายสาหสั
ขอ้ สังเกตฟ้องวา่ พยายามฆ่าตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ไดค้ วามวา่ ววิ าทการ
ตามมาตรา 299 ลงโทษตามมาตรา 299 ไม่ไดเ้ พราะทางพจิ ารณาตา่ งกบั ฟ้องในขอ้ สาระสาคญั
- คนกลุ่มหน่ึงทาร้ายคนอีกกลมุ่ หน่ึงไมใ่ ช่เรื่องของการชุลมนุ ต่อสูเ้ มื่อมีคนบาดเจบ็
สาหสั ก็ตอ้ งรับผดิ มาตรา 297 ประกอบมาตรา 83
ตวั อยา่ งเช่น ก. กบั ข. นดั ค. กบั ง. มาตีกนั ค. ถูกชกตาบอดแต่ไมท่ ราบวา่ ก. หรือ ข.
เป็นคนชก ก. กบั ข. ต่างตอ้ งรับผิดชอบในผลของการกระทาของพวกตนอีกคนหน่ึง แมต้ นจะมิได้
เป็นผกู้ ระทาดงั น้นั ก. และ ข. ผิดมาตรา 297 ประกอบมาตรา 83 กรณีน้ีไม่ใช่ชุลมนุ ต่อสู้ ค. และง.
จึงไม่ผดิ มาตรา 299
หมวด 2 ความผิดต่อร่างกาย
ทาร้ ายร่ างกาย
มาตรา 295 ผใู้ ดทาร้ายผอู้ ่ืน จนเป็นเหตใุ หเ้ กิดอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจของผอู้ ื่นน้นั ผนู้ ้นั กระทา
ความผิดฐานทาร้ายร่างกาย ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินสองปี หรือปรับไม่เกินส่ีหมื่นบาท หรือท้งั
จาท้งั ปรับ
มาตรา 295 องค์ประกอบ
มาตราน้ี ใชค้ าวา่ “อนั ตรายแก่จิตใจ” เดิมใชค้ าวา่ “ทาใหว้ ิกลจริต” ซ่ึงมีความหมายแคบ
กวา่ อนั ตรายแก่จิตใจ
1) ผใู้ ด 2) ทาร้าย 3) ผอู้ ื่นจนเป็นเหตใุ หไ้ ดร้ ับอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ 4) เจตนา
333
คาวา่ “ทาร้าย” หมายถึง การกระทาท่ีเคล่ือนไหวร่างกายโดยรู้สานึก รวมถึงการงดเวน้ ตามมาตรา
59 วรรคทา้ ย
- การทาร้ายไม่จากดั วิธี การหลอกผีกเ็ ป็นการทาร้าย
- ความผิดสาเร็จตามมาตรา 295 คือ “บาดเจ็บ” ผกู้ ระทาจะตอ้ งมีเจตนาใหผ้ ถู้ ูกกระทา
ไดร้ ับบาดเจบ็ ดว้ ย กรรมเป็นเคร่ืองช้ีเจตนา (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 3, หนา้ 111)
- การใชไ้ มข้ นาดใหญต่ ีไปที่ลาตวั อยา่ งแรง แมไ้ มถ่ กู เฉี่ยวๆเกิดรอยขีดขว่ นเท่ากบั มี
เจตนาทาร้ายตามมาตรา 295 ประกอบมาตรา 80 แมผ้ ลไม่เกิดกเ็ ป็นพยายามไม่ใช่มาตรา 391
- การใชไ้ มข้ นาดใหญ่ท่ิมไปที่ลาตวั ไม่แรง ผิดมาตรา 391
คาพิพากษาฎีกาที่ 1203/2500 จาเลยใชม้ ีดดาบไล่ฟันแตม่ ีผหู้ า้ มไวเ้ ป็นความผิดฐาน
พยายามทาร้ายร่างกายแมผ้ ลไมเ่ กิดก็ผิดพยายามเพราะมีเจตนาทาร้ายตามมาตรา 295 ประกอบ
มาตรา 80
มาตรา 391 ใชก้ าลงั ทาร้ายไม่ถึงกบั บาดเจบ็ แลว้ กระทาต่อบุพการี,เจา้ พนกั งานกไ็ มต่ อ้ งรับโทษ
หนกั ข้นึ เพราะไม่มีกฎหมายบญั ญตั ิไว้
- มาตรา 289 ไม่ใชก้ บั กรณีประมาทตามมาตรา 291 มาตรา 300 มาตรา 390 เพราะมาตรา
289 ตอ้ งมีเจตนาทาร้ายเท่าน้นั
ข้อสรุป มาตรา 295 กบั มาตรา 391
ขอ้ 1 มาตรา 295 เจตนาใหเ้ กิดอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ ส่วนมาตรา 391 เจตนาท่ีไม่
ก่อใหเ้ กิดอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ เช่น ตบสัง่ สอนเป็นเจตนา 391
ขอ้ 2 มาตรา 295 ความหมายกวา้ งกวา่ มาตรา 391 เพราะรวมถึงการงดเวน้ ตามมาตรา 59
วรรคทา้ ยส่วนมาตรา 391 ใชก้ าลงั ทาร้ายไม่รวมถึงการกระทาท่ีเป็นการงดเวน้
ขอ้ 3 มาตรา 295 เป็นการทาร้ายไมจ่ ากดั วธิ ีเช่นผีหลอกลวง ส่วนมาตรา 391 เจาะจงตอ้ ง
ใชก้ าลงั เทา่ น้นั
ขอ้ 4 มาตรา 295 และมาตรา 391 จะเป็นความผิดสาเร็จตอ้ งมีผลและผลที่เกิดข้ึนน้นั ตอ้ ง
มีความสัมพนั ธก์ บั การกระทา
คาพิพากษาฎีกาท่ี 894/ 2509 ใชอ้ ิฐขวา้ งผเู้ สียหายๆหลบแลว้ เซมือไปฟาดถูกขา้ งเรือ
ทาใหม้ ือมีบาดแผลยาว และเจ็บที่หวั ถึอวา่ ผลท่ีเกิดข้ึนมีความสมั พนั ธก์ บั การกระทา จาเลยผิด
มาตรา 295
ขอ้ 5 มาตรา 295 ทาร้ายบพุ การีตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึนตามมาตรา 296 ส่วนมาตรา 391
ใชก้ าลงั ทาร้ายบุพการีไมต่ อ้ งรับโทษหนกั ข้นึ
ขอ้ 6 มาตรา 295 ความผดิ ฐานพยายามตอ้ งรับโทษ 2 ใน 3 ส่วนมาตรา 391 พยายาม
ผิดแตไ่ ม่ตอ้ งรับโทษตามมาตรา 105
334
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 409/2490 จาเลยไล่แทงผเู้ สียหายในระยะทาง 1 วา แต่ผเู้ สียหาย หลน
ว่งิ ข้ึนเรือนเป็นความผิดฐานพยายามมาตรา 295 ประกอบมาตรา 80
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 889/2517 ใชด้ าบแทงถกู ซ่ีโครงมีรอยช้าแดง 0.5 เซนติเมตร และรักษา
5 วนั หายถือไม่ไดห้ รือไมไ่ ดว้ า่ เป็นเหตุให้เกิดอนั ตรายแก่กาย ผดิ ตามมาตรา 391
คาพิพากษาฎีกาท่ี 273/2509 ยกเทา้ ถีบผเู้ สียหาย ขอ้ เทจ็ จริงฟังไมไ่ ดว้ า่ พยายามทาร้าย
ลงโทษจาเลยไมไ่ ด้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1203/2510 ผลกั คนอายุ 56 ปี ลม้ ลงเป็นความผิดฐานพยายามมาตรา
295
ข้อสังเกต คาวา่ อนั ตรายต่อจิตใจน้นั ไมใ่ ช่อนั ตรายต่ออารมณ์ กรณีอนั ตรายต่ออารมณ์
เช่น แคน้ ใจ เสียใจ เศร้าใจ เจ็บใจ เป็นตน้ (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 3, หนา้ 112)
ตวั อย่างแนวคาพพิ ากษาฎีกามาตรา 295 (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 3, หนา้ 113-114)
1. ถ้าแผลถลอกไม่ถงึ ขนาดเนื้อแท้ฉีกขาดผดิ มาตรา 391
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 440/2530 ใชไ้ มไ้ ผข่ วา้ งหรือใชม้ ือตบผิด มาตรา 391
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1867/2527 ใชเ้ ลบ็ ข่วนจมูกเป็นแผลผิดมาตรา 391
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2546/2519 ใชป้ ื นตีเป็นแผลถลอกไม่มีรอยช้าบวมเขยี วผดิ
มาตรา 391
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 219 2/2539 รอยถลอก 1 เซนติเมตรผิดมาตรา 391
2. ถ้าแผลมีโลหติ ไหลถึงหนังช้ันในหรือเนื้อขาด (แตก) เป็ นอนั ตรายแก่กายมาตรา 295
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 659/2498 ใชข้ วานทาร้ายลึกจนจรดกะโหลกผดิ มาตรา 295
คาพิพากษาฎีกาท่ี 512/2473 ใชไ้ มต้ ีกน้ แตกโลหิตไหลผดิ มาตรา 295
คาพิพากษาฎีกาที่ 193/2519 ชกต่อยฟันหกั 1 ซ่ีโยก 3 ซี่ ลว้ งปากผดิ มาตรา 295
ขอ้ สังเกตกรณีทาใหฟ้ ันหกั เป็นทาร้ายร่างกายแต่ถา้ ฟันหักหมดปากเป็นทาร้ายจนถึง
อนั ตรายสาหสั
3. แผลฟกช้าดาเขียวอาจเป็ นได้ท้งั มาตรา 295 หรือมาตรา 391 แล้วแต่กรณี
คาพิพากษาฎีกาที่ 778/2478 ใชไ้ มต้ ะพดตีช้าดาเขยี วเป็นบาดเจบ็ ผิดมาตรา 391
คาพิพากษาฎีกาท่ี 28/2498 ขอ้ มือบวมช้ายงั ใชม้ ือทาอะไรไมไ่ ดเ้ ป็นบาดเจบ็
มาตรา 295
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3089/2541 ใชไ้ มต้ ีบริเวณทา้ ยทอยซ่ึงเป็นอวยั วะสาคญั เป็นอนั ตราย
แก่กายตามมาตรา 295
ขอ้ สังเกต กาหนดระยะเวลาในการรักษาน้นั ไม่ไดเ้ ป็นขอ้ ช้ีชดั เสมอไปวา่ จะตอ้ งเป็น
อนั ตรายแก่กายตามมาตรา 295 หรือเป็นกรณีตามมาตรา 391 ตอ้ งดูบาดแผลประกอบดว้ ย
คาวา่ “เจตนาทาร้าย” ตามมาตรา 295 ไมใ่ ช่เจตนาฆา่
335
- ถา้ มีเจตนาฆา่ แมจ้ ะเป็นบาดเจ็บเลก็ นอ้ ยหรือไม่เจ็บเลย เช่น ใชป้ ื นจอ้ งจะยงิ ศีรษะ
แตไ่ มถ่ กู ยอ่ มผิดฐานพยายามฆา่
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3233/2541 ใชม้ ีดแทงถกู เอวและทอ้ งแต่เป็นการแทงตามโอกาส
เมื่อมีคนหา้ มก็หยดุ เป็นเจตนาทาร้ายตามมาตรา 295
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5506/2541 ใชม้ ีดฟัน 1 ที มีดไมใ่ หญ่เท่ากบั มีเจตนาทาร้ายตาม
มาตรา 295
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 73/2502 ส. ใชไ้ มต้ ะพดตีทา้ ยทอย ป. เม่ือวรรคเห็น ป. จึงเตะไปหน่ึงที
โดยไม่ไดค้ บคดิ กนั มาก่อน ป. ตายเพราะถกู ตีคอหกั ตอ้ งถือวา่ เป็นเร่ืองตา่ งคนต่างทา ใครทาเท่าให้
ทาเทา่ ใดกผ็ ิดเท่าน้นั ความตายของปอปลาจะเกิดจากตรตรีตราเสือผิดมาตรา 288 เจตนาฆา่ คใุ ด
ก็ผิดเทา่ น้นั
ความตายของ ป. เกิดจาก ส. ตี ส.ผดิ มาตรา 288 เจตนาฆ่าคน ส่วน วรรคผิดทาให้ ป.
ไดร้ ับอนั ตรายแก่กาย
- แม้ ส. จะตี 1 ที แต่ศาลมองวา่ เลือกตีอวยั วะสาคญั คอื ทา้ ยทอยจนเกิดผล คือ ส. ตาย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 4949/ 2540 ผเู้ สียหายวงิ่ หลบหนีหลงั จากถกู จาเลยท่ี 1 และท่ี 3 ทาร้าย
นิ้วกอ้ ยขาดก่อนจะมาเจอจาเลยท่ี 2 จบั ชายผา้ ขาวมา้ ไวแ้ ลว้ ตอ่ ยผเู้ สียหายและการท่ีจาเลยที่ 2 มางาน
เล้ียงบา้ น ค. พร้อมจาเลยที่ 1 ยงั ไมพ่ อฟังวา่ จาเลยที่ 2 ร่วมกบั จาเลยท่ี 1 และที่ 3 ทาร้ายผเู้ สียหาย
ไดร้ ับอนั ตรายสาหสั จาเลยท่ี 2 จึงไม่ผดิ มาตรา 295 คงผิดตามมาตรา 391 เท่าน้นั
ขอ้ สงั เกตจะเป็นความผดิ ตามมาตรา 295 หรือมาตรา 391 โดยพิจารณาจากบาดแผล
เทา่ น้นั ไมน่ ่าจะถูกตอ้ งควรคานึงถึงเจตนาดว้ ยแมไ้ ม่มีบาดแผลเลยหรือมีบาดแผลขดี ข่วนเลก็ นอ้ ย
แตใ่ ชไ้ มข้ นาดใหญต่ ีอยา่ งแรงแต่พลาดไปน่าจะเป็นมาตรา 295 ประกอบมาตรา 80 ไม่ใช่มาตรา
391
เหตุเพิ่มโทษ
มาตรา 296 ผใู้ ดกระทาความผิดฐานทาร้ายร่างกาย ถา้ ความผิดน้นั มีลกั ษณะประการหน่ึงประการ
ใดดงั ที่บญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา 289 ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหม่ืนบาท
หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 296 เป็ นเหตุรับโทษหนักขึน้ ของมาตรา 295
เช่น ทาร้ายร่างกายพ่อแมท่ ้งั น้ีตอ้ งทราบวา่ บุคคลท่ีตนทาร้ายเป็นบพุ การีถา้ ไม่รู้
ขอ้ เทจ็ จริงก็ไม่ตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ ตามมาตรา 62 วรรคทา้ ย แต่ถา้ เป็นการใชก้ าลงั ทาร้ายตาม
มาตรา 391 ที่กระทาตอ่ บพุ การี ไมต่ อ้ งรับโทษหนกั ข้ึน เพระไมม่ ีกฎหมายบญั ญตั ิไว้ (ไกรฤกษ์
เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 3, หนา้ 114)
336
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1752/2540 ใชม้ ีด 10 นิ้วเผาไฟแลว้ นาบที่แกม้ ไหล่ โคนขาโดย
ลกั ษณะบาดแผล เห็นวา่ มีมีดถกู เผาไฟจนร้อนมากเป็นการทาร้ายโดยมุง่ ใหโ้ จทกไ์ ดร้ ับความ
เจบ็ ปวดทรมานเป็นการทาโดยทารุณโหดร้าย
ส่วนแผลเป็นท่ีหนา้ กวา้ งยาวและยนื ห่างแคไ่ หนจึงจะมองเห็นไดน้ ้นั เป็นปัญหาวา่ ไดร้ ับ
อนั ตรายสาหสั เสียโฉมอยา่ งติดตวั หรือไม่ ซ่ึงไม่เกี่ยวกบั ปัญหาวา่ เป็นการกระทาโดยทารุณโหดร้าย
แตอ่ ยา่ งใด
อันตรายสาหัส
มาตรา 297 ผใู้ ดกระทาความผดิ ฐานทาร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุใหผ้ ถู้ ูกกระทาร้ายรับอนั ตรายสาหสั
ตอ้ งระวางโทษจาคุกต้งั แต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับต้งั แตห่ น่ึงหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท
อนั ตรายสาหสั น้นั คือ
(1) ตาบอด หูหนวก ลิน้ ขาด หรือเสียฆานประสาท
(2) เสียอวยั วะสืบพนั ธุ์ หรือความสามารถสืบพนั ธุ์
(3) เสียแขน ขา มือ เทา้ นิ้วหรืออวยั วะอ่ืนใด
(4) หนา้ เสียโฉมอยา่ งติดตวั
(5) แทง้ ลูก
(6) จิตพิการอยา่ งติดตวั
(7) ทุพพลภาพ หรือป่ วยเจบ็ เร้ือรังซ่ึงอาจถึงตลอดชีวิต
(8) ทุพพลภาพ หรือป่ วยเจ็บดว้ ยอาการทกุ ขเวทนาเกินกวา่ ยสี่ ิบวนั หรือจนประกอบ
กรณียกิจตามปกติไมไ่ ดเ้ กินกวา่ ยสี่ ิบวนั
มาตรา 297 อนั ตรายสาหสั
มีขอ้ สงั เกต มาตราน้ี มีการแกไ้ ขเพม่ิ เติมในปี พ.ศ. 2560 โดยเพิ่มเติม โทษปรับเขา้ ไป แต่เดิมไม่มี
โทษปรับ
1. มาตรา 297 ตอ้ งผา่ นมาตรา 295 มาแลว้
2. เหตุที่ทาใหผ้ ถู้ ูกกระทาไดร้ ับอนั ตรายสาหสั ตอ้ งเป็นผลมาจากมาตรา 295 ตอ้ งนา
ทฤษฎีผลธรรมดาตามมาตรา 63 มาประกอบการพจิ ารณาหมายถึงผลของการกระทาความผิดตอ้ ง
เป็นผลธรรมดาท่ียอ่ มเกิดข้ึนได้ (ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 160)
- ถา้ ผมคอื อนั ตรายสาหสั ไม่เกิดกค็ งเป็นความผดิ ตามมาตรา 295 เท่าน้นั
- แต่ถา้ มีผลคืออนั ตรายสาหสั เกิดข้ึนอนั เป็นผลธรรมดาก็ตอ้ งรับโทษตามมาตรา 297
แมผ้ กู้ ระทาจะไม่ตอ้ งการใหเ้ กิดผล
337
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1001/2547 แมจ้ าเลยจะทาร้ายร่างกายผเู้ สียหายโดยไมม่ ีเจตนาทาให้
แทง้ ลกู เมื่อผลจากการทาร้ายน้นั ทาใหผ้ เู้ สียหายตอ้ งแทง้ ลูกแลว้ จาเลยตอ้ งมีความผิดตามมาตรา
297 (5)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1116/2502 จาเลยตอ่ ยตาผเู้ สียหายจนบอดแมจ้ ะไม่ไดต้ ้งั ใจทาร้ายให้
ตาบอดกย็ อมผิดมาตรา 297 (1)
ขอ้ สังเกต มาตรา 297 ตอ้ งมีผลเกิดข้นึ ตามเจตนา เมื่อไม่มีผลเกิดข้นึ ตามเจตนาก็ผิดแค่
มาตรา 295 ประกอบมาตรา 80
มาตรา 297 อนุ 1 ตาบอดหูหนวกลนิ้ ขาดหรือเสียฆานประสาท
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 116/2549 ตาบอดขา้ งเดียวก็เป็นสาหสั
- หูหนวก คือ หูไม่ไดย้ นิ หูหนวกเพียงขา้ งเดียวก็เป็นสาหสั
- ลิ้นขาด คือ หลดุ ขาดตามความรู้สึกคนทวั่ ไป (ลิ้นขาดมากหรือนอ้ ยก็ถือวา่ สาหสั ), ลิน้
ฉีกเทา่ กบั ลิน้ มีแผล
- เสียฆานประสาท คือ เสียความสามารถในการดมกล่ิน
- จมกู ดว้ นหรือแหวง่ ไมใ่ ช่มาตรา 297 (1) แต่เป็นหนา้ เสียโฉมอยา่ งติดตวั ตามมาตรา
297 (4)
มาตรา 297 (2) เสียอวยั วะสืบพนั ธุห์ รือความสามารถสืบพนั ธุ์ เช่น เป็นหมนั แต่ถา้ ถูก
ตดั อวยั วะ จะเป็นสูญเสียอวยั วะซ่ึงก็เขา้ ลกั ษณะเสียความสามารถสืบพนั ธุ์
มาตรา 297 (3) เสียแขนขามือเทา้ นิ้วมืออวยั วะอื่นใด
อาจารยจ์ ิตติเห็นวา่ เสีย รวมถึงเสียความสามารถในการใชแ้ ขน ขาดว้ ย(ไกรฤกษ์
เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 3, หนา้ 116)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 4949/2540 นิ้วกอ้ ยขาดป็นอนั ตรายสาหสั
คาพิพากษาฎีกาที่ 630/2509 (ประชุมใหญ)่ คาวา่ อวยั วะอื่นใดตามมาตรา 297 (3)
หมายถึง อวยั วะส่วนสาคญั เช่นเดียวกบั แขนขามือเทา้ นิ้ว
ขอ้ สังเกตฟันหกั หลายซ่ีเค้ยี วอาหารไมไ่ ดไ้ ปแถบหน่ึง เป็นอนั ตรายสาหสั
คาพพิ ากษาคาพพิ ากษาฎีกาท่ี 467/2508 ฟันแทห้ นา้ หกั 3 ซ่ีถือวา่ เสียอวยั วะสาคญั
ถา้ โจทกส์ ืบใหเ้ ห็นวา่ เม่ือถูกทาร้ายแลว้ ผเู้ สียหายใชฟ้ ันท่ีเหลืออยเู่ ค้ียวอาหารไมไ่ ด้ เวน้ แต่โจทกจ์ ะ
นาสืบใหเ้ ห็นวา่ เม่ือถกู ทาร้ายแลว้ ผเู้ สียหายใชฟ้ ันท่ีเหลืออยเู่ ค้ียวอาหารไม่ได้
มาตรา 297 (4) หน้าเสียโฉมอย่างติดตวั
หมายถึง ทาใหห้ นา้ เสียความงามแตไ่ ม่ตอ้ งถึงกบั ทาใหใ้ บหนา้ เปล่ียนรูป หรือผิดรูป
คาวา่ เสียโฉมอยา่ งติดตวั หมายถึง ลกั ษณะทไ่ี ม่อาจหายได้
338
- ถา้ ถกู โกนหวั จนโลน้ ผดิ มาตรา 295 เพราะผมที่ถูกโกนสามารถข้นึ ใหม่ไดแ้ มจ้ ะไม่
หลอ่ หรือไมส่ วยกไ็ มใ่ ช่อยา่ งติดตวั
ตัวอย่าง คาพพิ ากษาเร่ืองเสียโฉมอย่างตดิ ตัว
คาพิพากษาฎีกาท่ี 754/2532 หูขาดไป 1 ใน 3 เป็นเสียโฉมอยา่ งติดตวั ตามมาตรา 297
(4) ระยะเวลาในการรักษาไมใ่ ช่เหตุท่ีจะตอ้ งนามาพิจารณา
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1094/ 2543 ดา้ นมีแผลตอ้ งเยบ็ 100 เขม็ เห็นชดั ในระยะ 5 เมตร
รอยแผลเป็นเห็นชดั เป็นเสียโฉมติดตวั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2197/2519 เป็นแผลจากการถูกฟันที่ใบหูลงถึงขา้ งแกม้ เห็นชดั ในระยะ
5 เมตรเป็นเสียโฉมติดตวั
มาตรา 297 (5) แท้งลูก
คาวา่ แทง้ ลูก หมายถึง การทาใหเ้ ด็กน้นั คลอดออกมาแลว้ ไมม่ ีชีวิตรอดหรือตายในครรภ์
แต่ถา้ คลอดแลว้ มีชีวิตอยู่ ตอ่ มาเสียชีวิต เช่นน้ี ไมใ่ ช่การแทง้ ลูกตามความหมายน้ี
- ทาใหแ้ ทง้ ลูกตามมาตรา 297 (5) แตกตา่ งจากมาตรา 303
- มาตรา 297 (5) ผกู้ ระทาตอ้ งมีเจตนาทาร้ายแต่ผลเห็นการทาร้ายน้นั ทาใหเ้ กิดการ
แทง้
ส่วนมาตรา 303 เร่ิมตน้ จากผูก้ ระทาเจตนาทาใหห้ ญิงแทง้ ลูก เช่น ชายไมอ่ ยากมีลูก จึง
หลอกใหห้ ญิงกินยาบารุง แต่ความจริงเป็นยาขบั เลือด เช่นน้ี เป็นมีเจตนาใหห้ ญิงแทง้ ลกู ต้งั แต่แรก
ขอ้ สังเกต การทาใหห้ ญิงแทง้ ลูกตามมาตรา 303 อาจจะถูกโยงไปตามมาตรา 297
(5) ได้
- ชายตอ้ งการใหห้ ญิงแทง้ จึงชก, เตะที่หนา้ ทอ้ งเป็นการใชก้ าลงั ทาร้าย ชายนอกจาก
จะผิดมาตรา 303 วรรคแรกแลว้ ยงั ผิดมาตรา 297 (5) ใหด้ ว้ ยลงโทษมาตรา 297 (5) ซ่ึงมีโทษหนกั
กวา่
มาตรา 297 (6) จิตพกิ ารอย่างติดตัว
หมายถึง จิตใจไดร้ ับอนั ตรายจนอยใู่ นสภาพไมป่ กติ แตไ่ ม่จาเป็นถึงข้นั ตอ้ งวกิ ลจริต
เพียงแตจ่ ิตฟั่นเฟื อนโดยมีลกั ษณะติดตวั
- ถา้ ถกู ทาร้ายแลว้ เป็นเหตุใหส้ ภาพจิตใจผดิ ปกติไปเพยี งชวั่ ระยะเวลาหน่ึงกไ็ มเ่ ป็นจิต
พิการอยา่ งติดตวั
- อาจารยจ์ ิตติเห็นวา่ คาวา่ อยา่ งติดตวั หมายถึงไมอ่ าจหายได้