439
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1050/2507 การนาท่ีดินไปเป็นประกนั การชาระหน้ี โดยการมอบ
โฉนดไวใ้ ห้ ไม่เป็นท้งั การจานองและจานา แมผ้ กู้ จู้ ะมาเอาโฉนดท่ีดินไปในภายหลงั โดยมีเจตนา
เพอ่ื ทาใหเ้ กิดความเสียหาย แก่ผใู้ หก้ ู้ ก็ไมเ่ ป็นความผิด มาตรา 349
- การจานา ผจู้ านาไมจ่ าเป็นตอ้ งเป็นเจา้ ของทรัพย์
- ผกู้ ระทาตามมาตรา 349 อาจจะไม่ใช่ผทู้ ี่จานากไ็ ด้ อาจเป็นบคุ คลภายนอกกไ็ ด้
จึงมีตวั การร่วมในการกระทาความผดิ ตามมาตรา 349 ได้ ดงั น้นั จึงมีความผดิ ฐานเป็นผใู้ ชแ้ ละ
ผสู้ นบั สนุนใหผ้ อู้ ื่นกระทาผิดตามมาตรา 349 ได้
- จานายอ่ มระงบั เม่ือผรู้ ับจานาใหผ้ จู้ านากลบั เขา้ ครอบครองทรัพยส์ ินที่จานา
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 490/2502 การที่เจา้ หน้ียอมใหล้ กู หน้ีเอาโคที่จานากลบั ไปลากไมใ้ ห้
เสร็จก่อนจึงจะนากลบั มาคนื เจา้ หน้ีน้นั การที่เจา้ หน้ีมอบทรัพยท์ ่ีจานาคนื ใหไ้ ป สัญญาจานายอม่
ระงบั แมต้ ่อมาลูกหน้ีจะโอนโคใชห้ น้ีคนอ่ืนไปกไ็ ม่ผดิ มาตรา 349
“เพื่อใหเ้ กิดความเสียหายแก่ผรู้ ับจานา” คือ ทาใหผ้ รู้ ับจานาไมอ่ าจบงั คบั ชาระหร้ีเอาจาก
ทรัพยท์ ่ีจานาไดย้ อ่ มเป็นความเสียหายอยใู่ นตวั
ย้ายทรั พย์หรื อแกล้งเป็ นหนี้
มาตรา 350 ผใู้ ดเพอ่ื มิให้เจา้ หน้ีของตนหรือของผูอ้ ื่นไดร้ ับชาระหน้ีท้งั หมดหรือแตบ่ างส่วน ซ่ึงได้
ใชห้ รือจะใชส้ ิทธิเรียกร้องทางศาลใหช้ าระหน้ี ยา้ ยไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปใหแ้ ก่ผอู้ ่ืนซ่ึงทรัพย์
ใดกด็ ี แกลง้ ใหต้ นเองเป็นหน้ีจานวนใดอนั ไมเ่ ป็นความจริงก็ดี ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสองปี
หรือปรับไม่เกินสี่หม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 350 โกงเจา้ หน้ี
1. ยา้ ยไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปใหผ้ อู้ ื่นซ่ึงทรัพยใ์ ด
2. แกลง้ ทาใหต้ นเองเป็นหน้ีสินจานวนใดอนั ไม่เป็นความจริง
3. เจตนาเพือ่ มิใหเ้ จา้ หน้ีของตนหรือของผูอ้ ่ืนไดร้ ับชาระหน้ีท้งั หมด หรือแตบ่ างส่วน
ซ่ึงไดใ้ ชห้ รือจะใชส้ ิทธิเรียกร้องทางศาลใหช้ าระหน้ี
4. โดยเจตนา
ผกู้ ระทาไมจ่ าเป็นตอ้ งเป็นลูกหน้ีเท่าน้นั ความผิดฐานโกงเจา้ หน้ี มาตรา 350 ไม่จาตอ้ ง
กระทาตอ่ เจา้ หน้ีของตนเทา่ น้นั แมก้ ระทาตอ่ เจา้ หน้ีของบคุ คลอ่ืนก็เป็นความผดิ ได้
มาตรา 350 ผกู้ ระทาอาจจะผดิ เองกไ็ ด้ หรืออาจจะผิดในฐานะเป็นตวั การกไ็ ด้ โดยไม่ตอ้ ง
อาศยั คุณสมบตั ิพเิ ศษแต่ประการใด
“ยา้ ยไปเสีย” คือ กระทาใหท้ รัพยเ์ ปลี่ยนไปจากท่ีอยเู่ ดิม โดยเจตนาตามขอ้ 3 เช่น
440
ทราบวา่ เจา้ ทรัพยก์ าลงั จะมายดึ ทรัพยเ์ พอ่ื ชาระหน้ีก็แอบเอาแหวนเพชรไปไวท้ ่ีอ่ืน หรือช่วยขนของ
ไปซ่อนหรือช่วยยา้ ยของจากที่หน่ึงไป
“ซ่อนเร้น” คือ ปกปิ ดไมใ่ หร้ ู้วา่ ทรัพยต์ ้งั อยทู่ ่ีไหนน โดยไมจ่ าตอ้ งมีการเคล่ือนยา้ ย
ทรัพยก์ ไ็ ด้
“โอนใหผ้ อู้ ่ืน” คือ โอนกรรมสิทธ์ิ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 870/2518 จดทะเบียนใหเ้ ช่าท่ีดิน 20 ปี แมจ้ ะทาใหเ้ จา้ หน้ีเสียหายศาล
วา่ ไมเ่ ป็นการยา้ ยไปเสียหรือเป็นการโอนตามมาตรา 350
การโอนน้ีตอ้ งเกิดข้ึนโดยนิติกรรมสัญญาไม่น่าจะรวมถึงการโอนโดยผลแห่งกฎหมาย
เช่น ลูกหน้ีทราบวา่ มีผมู้ าครอบครองปรปักษใ์ นท่ีดินของตนเองลูกหน้ีไมไ่ ดฟ้ ้องขบั ไลจ่ นเสีย
กรรมสิทธ์ิเช่นน้ีไม่น่าจะเป็นความผิดตามมาตรา 350 แมจ้ ะทาใหเ้ จา้ หน้ีเสียเปรียบกต็ าม
ทรัพยใ์ นมาตรา 350 รวมถึงทรัพยส์ ินดว้ ย เช่นลูกหน้ีโอนสิทธิการเช่าทรัพย์ ลกู หน้ีโอน
สิทธิการเช่าอาคารเป็นโกงเจา้ หน้ี
คาพิพากษาฎีกาที่ 398 8/2526 จาเลยทาสญั ญาจะขายท่ีดินใหแ้ ก่ผเู้ สียหายซ่ึงผเู้ สียหาย
กาลงั จะฟ้องบงั คบั ใหจ้ าเลยโอนท่ีใหต้ ามสัญญา จาเลยเอาท่ีดินไปขายฝากแลว้ ไมไ่ ถถ่ อนจาเลยผดิ
มาตรา 350
“แกลง้ ทาใหต้ นเองเป็นหน้ีสิน” อนั ไม่เป็นความจริง ก็คือ การแสดงเจตนาลวงตาม
ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคหน่ึง ซ่ึงแกลง้ ใหต้ นเองเป็นหน้ีจานวนใดอนั ไมเ่ ป็นความจริง แสดงให้
บคุ คลภายนอกเห็นวา่ ตนเป็นหน้ีบุคคลอื่นอยทู่ ้งั ที่ไม่เป็นความจริง (เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550,
หนา้ 426)
ทรัพยต์ ามมาตรา 350 หมายถึง อสงั หาริมทรัพยร์ วมอยดู่ ว้ ยและท้งั สิทธิต่าง ๆ ซ่ึงเจา้ หน้ี
อาจบงั คบั ชาระหน้ีได้
มาตรา 350 คุม้ ครองเจา้ หน้ีทวั่ ๆ ไปขอ้ สาคญั คือจะตอ้ งมีมลู หน้ีอนั สมบูรณ์ท่ีอาจจะใช้
สิทธิเรียกร้องทางศาลอยใู่ นขณะท่ีกระทาความผิด (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 13, หนา้ 449)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 755/2518 (ประชุมใหญ)่ คาวา่ หน้ี ในมาตรา 350 มิไดห้ มายความ
เฉพาะหน้ีเงินแต่รวมถึงหน้ีอื่นเช่นการโอนขายที่ดินตามสัญญาจะซ้ือจะขายดว้ ย การที่ผขู้ ายโอนที่
แก่ผอู้ ื่น เพราะแปลสญั ญาไปคนละทางไมใ่ ช่เพราะจาเลยมีเจตนาจะไม่ชาระหน้ีจึงไม่ผดิ มาตรา 350
คาพิพากษาฎีกาที่ 140 6/2512 ผเู้ สียหายใหจ้ าเลยกูเ้ งิน 10,000 บาท โดยไมไ่ ดท้ า
หลกั ฐานเป็นหนงั สือเม่ือกูเ้ กิน 50 บาท ถา้ ไม่ไดท้ าหลกั ฐานเป็นหนงั สือตอ้ งหา้ มไม่ใหฟ้ ้องร้องตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา 653 ดงั น้นั ผเู้ สียหายจึงไมอ่ าจใชส้ ิทธิเรียกร้องทางศาล
กบั จาเลยไดต้ ามมาตรา 350 จึงไมม่ ีทางลงโทษจาเลยฐานโกงเจา้ หน้ีได้
คาวา่ “หน้ี” ตามมาตรา 350 ตอ้ งเป็นหน้ีท่ีฟ้องร้องบงั คบั คดีกนั ได้
ซ่ึงไดใ้ ชห้ รือจะใชส้ ิทธิเรียกร้องใหช้ าระหน้ี
441
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1054/2507 เม่ือเจา้ หน้ียงั ไมไ่ ดฟ้ ้องลูกน้ีเป็นคดีแพง่ หรือการท่ีเจา้ หน้ี
ฟ้องลกู หน้ีเป็นคดีอาญากเ็ พยี งเพ่ือใหล้ ูกหน้ีหาประกนั มาใหเ้ จา้ หน้ีพอใจแลว้ จะไม่เอาเร่ืองแก่
ลูกหน้ีอนั เป็นการแสดงวา่ เจา้ หน้ียงั จะไม่ใชส้ ิทธิเรียกร้องทางศาล การที่ลูกหน้ีโอนท่ีดินใหผ้ อู้ ่ืนไป
จึงยงั ไม่ผิดฐานโกงเจา้ หน้ี
คาพิพากษาฎีกาที่ 1074/2517 จานองท่ีดินไวแ้ ลว้ ขายฝากที่ดินน้นั ไม่เป็นความผิดฐาน
โกงเจา้ หน้ีเพราะการจานองติดไปกบั การขายฝาก
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 392/2506 เจา้ หน้ีกบั ลกู หน้ีตกลงกนั วา่ ถา้ จะขายที่ตอ้ งบอกเจา้ หน้ีก่อน
พรุ่งน้ีขายที่ดินโดยไมไ่ ดบ้ อกก็มีแตเ่ ม่ือไม่ปรากฏวา่ เจา้ น้ีไปใชส้ ิทธ์ิทางศาลจึงไมผ่ ิดโกงเจา้ หน้ี
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 563/2523 ลูกหน้ีโอนขายที่ดินผดิ มาตรา 350 แตผ่ รู้ ับโอนไมร่ ู้
ขอ้ เทจ็ จริงแลว้ เจา้ หน้ีจะใชส้ ิทธิทางศาลผรู้ ับโอนไม่ผิดดว้ ย
เพอื่ จะไมใ่ หเ้ จา้ หน้ีของตนหรือของผอู้ ่ืนไดร้ ับชาระหน้ี
คาพิพากษาฎีกาท่ี 701/2553 จาเลยท่ี 1 และท่ี 2 สมคบกนั ทาสัญญากูย้ มื เงินฉบบั ลงวนั ท่ี
30 กนั ยายน 2541 จานวนเงิน 500,000 บาท และฉบบั ลงวนั ที่ 30 เมษายน 2542 จานวนเงิน 200,000
บาท โดยมิได้เป็ นหน้ีกันจริง แล้วดาเนินคดีและบงั คับคดีตามคาพิพากษาตามยอมในคดีแพ่ง
หมายเลขแดงที่ 42/2545 ของศาลช้นั ตน้ ต่อท่ีดินโฉนดเลขที่ 47781 พร้อมส่ิงปลูกสร้างของจาเลยที่
1 เพอื่ มิใหโ้ จทกซ์ ่ึงเป็นเจา้ หน้ีตามคาพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงท่ี 1142/2544 ของศาลช้นั ตน้
บงั คบั คดีต่อทรัพยส์ ินดงั กล่าวได้ การกระทาของจาเลยท้งั สองจึงเป็นการจงใจทาผิดกฎหมาย อนั
เป็ นความผิดฐานโกงเจ้าหน้ีตาม ป.อ. มาตรา 350 สัญญากู้ยืมเงินท้ัง 2 ฉบับและสัญญา
ประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงท่ี 42/2545 ของศาลช้นั ตน้ จึงมีวตั ถุประสงคเ์ ป็น
การตอ้ งหา้ มชดั แจง้ โดยกฎหมายและขดั ต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอนั ดีของประชาชน ตก
เป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 โดยไม่ตอ้ งเพิกถอน
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 411/2508 การขายเรือนใหใ้ น ป. โดยโจทกเ์ ป็นผตู้ ิดต่อบอกขายและ
รับชาระหน้ีเป็นขา้ วแทนเงินที่จาเลยกูไ้ ป ดงั น้ี จะถือวา่ จาเลยโอนเรือนไปใหผ้ อู้ ่ืนเพ่ือไมใ่ หเ้ จา้ หน้ี
ของตน (โจทก)์ ไดร้ ับชาระหน้ีหายไดไ้ มเ่ พราะจาเลยไดโ้ อนเรือนไปโดยรู้ความรู้เห็นยนิ ยอมของ
โจทกเ์ อง
คาพิพากษาฎีกาที่ 1134/2537 โกงเจา้ หน้ีตอ้ งมีเจตนาพิเศษเพือ่ ไมใ่ หเ้ จา้ หน้ีของตน
หรือของผูอ้ ื่นไดร้ ับชาระหน้ี จาเลยเป็นหน้ีธนาคาร 100,000 บาท จาเลยขายท่ีดินท่ีจานองได้
700,000 บาท แมจ้ ะขายหลงั จากจาเลยเป็นหน้ีโจทกต์ ามคาพิพากษากถ็ ือไม่ไดว้ า่ จาเลยขายท่ีโดย
เจตนาที่จะไมใ่ หโ้ จทกไ์ ดร้ ับชาระหน้ีจาเลยไมผ่ ดิ ฐานโกงเจา้ หน้ี
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 4183/2542 หลงั จากจาเลยตกเป็นลูกหน้ีโจทกต์ ามคาพพิ ากษาแลว้
จาเลยไปทาสญั ญาขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจาเลยให้แก่ พ. ในภายหลงั อีก เน่ืองจากจาเลยถกู
ฟ้องใหร้ ับผิดในหน้ีเงินกูข้ องธนาคารซ่ึงไดข้ อบงั คบั จานองที่ดินน้นั แมธ้ นาคารจะฟ้องหลงั จาก
442
โจทกฟ์ ้องจาเลย แตห่ น้ีระหวา่ งจาเลยกบั ธนาคารเกิดก่อนและเป็นหน้ีท่ีมิไดเ้ กิดจากการสมยอมกนั
การท่ีจาเลยตกลงให้ พ. ไถถ่ อนที่ดินจานองต่อธนาคารแทนจาเลย และรับโอนท่ีดินเป็นกรณีท่ี
จาเลยตอ้ งกระทาเพือ่ มิใหธ้ นาคารบงั คบั จานอง ถือไม่ไดว้ ่าจาเลยโอนขายทรัพยส์ ินของตนไปโดยมี
เจตนาที่จะไม่ใหโ้ จทกซ์ ่ึงเป็นเจา้ หน้ีตามคาพิพากษาไดร้ ับชาระหน้ี การกระทาของจาเลยไมผ่ ิดฐาน
โกงเจา้ หน้ี
- ความผดิ ฐานโกงเจา้ หน้ีผกู้ ระทาจะตอ้ งมีเจตนาพิเศษเพอ่ื มิใหเ้ จา้ หน้ีของตนหรือ
ผอู้ ่ืนไดร้ ับชาระหน้ี
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2439/2560 ความผดิ ฐานโกงเจา้ หน้ีผกู้ ระทาจะตอ้ งมีเจตนาพิเศษเพ่ือมิ
ใหเ้ จา้ หน้ีของตนหรือผูอ้ ื่นไดร้ ับชาระหน้ี สาหรับหน้ีของจาเลยท่ี 2 ที่มีต่อธนาคาร อ. เกิดข้ึนก่อน
หน้ีท่ีจาเลยท้งั สองมีต่อผูเ้ สียหายประมาณ 5 ปี จึงไม่น่าจะเป็ นหน้ีที่เกิดจากการสมยอมกนั การท่ี
จาเลยท่ี 2 เป็นหน้ีธนาคาร อ. โดยเอาท่ีดินพร้อมส่ิงปลกู สร้างจานองเป็นประกนั ธนาคารเจา้ หน้ีได้
ขอใหต้ ้งั เจา้ พนกั งานบงั คบั คดีเพื่อยดึ ทรัพยท์ ี่จานอง จาเลยท่ี 2 จึงขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างใหแ้ ก่
ป. ในราคา 1,000,000 บาท ซ่ึงเป็นราคาท่ีสูงกวา่ ราคาประเมิน แลว้ นาเงินน้นั ชาระหน้ีใหแ้ ก่ธนาคาร
เจา้ หน้ี อนั เป็นการชาระหน้ีท่ีจาเลยท่ี 2 มีหนา้ ที่ตามกฎหมายจะตอ้ งปฏิบตั ิและเป็นกรณีที่จาเลยที่ 2
จาตอ้ งกระทาเพื่อมิให้ถูกธนาคารเจา้ หน้ีบงั คบั จานองเอาแก่ที่ดินและส่ิงปลูกสร้างของจาเลยท่ี 2
อันมีลักษณะเป็ นการขายเพื่อปลดเปล้ืองภาระหน้ีจานองของตน แม้จะเป็ นการขายภายหลัง
ผูเ้ สียหายฟ้องจาเลยท้งั สองให้ชาระหน้ีตามสัญญากู้เงินแลว้ ก็ถือไม่ได้ว่าจาเลยที่ 2 โอนขาย
ทรัพยส์ ินของตนไปโดยเจตนาท่ีจะไม่ใหผ้ เู้ สียหายซ่ึงเป็นเจา้ หน้ีตามคาพพิ ากษาไดร้ ับชาระหน้ี การ
กระทาของจาเลยท้งั สองไม่เป็นความผดิ ฐานร่วมกนั โกงเจา้ หน้ี
จะเห็นไดว้ า่ องคป์ ระกอบความผดิ ที่สาคญั ของมาตรา 350 คือตอ้ งมีเจตนาเพือ่ มิใหเ้ จา้ หน้ี
ของตนหรือของผอู้ ่ืนไดร้ ับชาระหน้ีท้งั หมด หรือแตบ่ างส่วน ซ่ึงไดใ้ ชห้ รือจะใชส้ ิทธิเรียกร้องทาง
ศาลใหช้ าระหน้ี
หากโจทกบ์ รรยายไม่ครบองคป์ ระกอบความผิดในขอ้ น้ีกไ็ มส่ ามารถลงโทษจาเลยได้
เช่นเดียวกบั คาพิพากษาฎีกาที่ 2510/2562 ผลของการบรรยายฟ้องของโจทกข์ าดองคป์ ระกอบ
ความผดิ ฐานโกงเจา้ หน้ี ในส่วนของขอ้ เทจ็ จริงเกี่ยวกบั การใชส้ ิทธิเรียกร้องทางศาลเพราะโจทกผ์ ู้
เป็นเจา้ หน้ีประสงคจ์ ะบงั คบั เอาทรัพยส์ ินของ ส. ลูกหน้ีซ่ึงตกทอดแก่ทายาท เป็นฟ้องท่ีไมช่ อบดว้ ย
ป.ว.ิ อ. มาตรา 158 (5) ซ่ึงปัญหาวา่ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่ขาดสาระสาคญั อนั เป็นองคป์ ระกอบ
ความผิดหรือไม่ เป็นขอ้ กฎหมายท่ีเก่ียวกบั ความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์ มีอานาจยกข้ึนวินิจฉยั
ไดต้ าม ป.ว.ิ อ. มาตรา 195 วรรคสอง
สาหรับความผิดหมวดโกงเจา้ หน้ีน้ี ยอมความไดต้ ามมาตรา 351
443
หมวด 5 ความผิดฐานยกั ยอก
ความผิดฐานยกั ยอก (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2559, หนา้ 329-348)
มาตรา 352 ผใู้ ดครอบครองทรัพยซ์ ่ึงเป็นของผอู้ ่ืน หรือซ่ึงผอู้ ่ืนเป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ย เบียดบงั เอา
ทรัพยน์ ้นั เป็นของตนหรือบุคคลท่ีสามโดยทจุ ริต ผนู้ ้นั กระทาความผดิ ฐานยกั ยอก ตอ้ งระวางโทษ
จาคกุ ไมเ่ กินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหม่ืนบาทหรือท้งั จาท้งั ปรับ
ถา้ ทรัพยน์ ้นั ไดต้ กมาอยใู่ นความครอบครองของผกู้ ระทาความผดิ เพราะผอู้ ่ืนส่งมอบให้
โดยสาคญั ผดิ ไปดว้ ยประการใด หรือเป็นทรัพยส์ ินหายซ่ึงผกู้ ระทาความผดิ เกบ็ ได้ ผกู้ ระทาตอ้ ง
ระวางโทษแตเ่ พียงก่ึงหน่ึง
มาตรา 352 ยกั ยอกทรัพย์
1. ผใู้ ด
2. ครอบครองทรัพยซ์ ่ึงเป็นของผอู้ ื่น หรือซ่ึงผอู้ ่ืนเป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ย
3. เบียดบงั เอาทรัพยน์ ้นั เป็นของตนหรือบคุ คลที่ 3
4. โดยทุจริต
ความแตกตา่ งระหวา่ งลกั ทรัพยก์ บั ยกั ยอก คอื พิจารณาตรงทรัพยอ์ ยใู่ นความครอบครอง
ของผกู้ ระทาความผิดหรือไม่
คุณธรรมทางกฎหมายหรือส่ิงที่กฎหมายมุ่งจะคมุ้ ครองตามมาตรา 352 คือ กรรมสิทธ์ิ
หากผกู้ ระทาความผิดตอ้ งการทาลายกรรมสิทธ์ิ อยา่ งเดียวจะเป็นความผิดฐานยกั ยอกทรัพย์ (สุร
ศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกุล, 2548, หนา้ 50)
ลกั ทรัพย์ คอื การแยง่ การครอบครอง
ยกั ยอก คอื ทรัพยอ์ ยใู่ นความครอบครองของผกู้ ระทาผดิ แลว้ เบียดบงั เอามาเป็นของตน
ถา้ เป็นการยดึ ถือแทนผอู้ ่ืนและมีการเอาทรัพยน์ ้นั ไปโดยทุจริตจะเป็นไปไดแ้ ต่ความผิด
ฐานลกั ทรัพย์ (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 13, หนา้ 457)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 229/2510 ลูกจา้ งขบั รถสูบน้ามนั ไปจากรถของเจา้ นาย ถือเป็น
ลกั ทรัพยเ์ พราะลกู จา้ งยงั ไม่ไดค้ รอบครองน้ามนั
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1924-5/2514 ลกู จา้ งนาเรือออกหาปลา คือ ลกู จา้ งยดึ ถืออปุ กรณ์หา
ปลาแทนนายจา้ งเอาไปเป็นลกั ทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาที่ 2218/2521 คนขบั รถ รสพ. เอาของที่อยบู่ นรถ รสพ. ไป เป็นลกั ทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1608/2519 จาเลยเป็นเจา้ อาวาส เป็นผคู้ รอบครองพระพทุ ธรูปในวดั
จาเลยกบั พวกเอาพระพุทธรูปไปขายเป็นยกั ยอก
- การฝากทรัพยต์ ามสัญญาฝากทรัพย์ ความครอบครองยอ่ มอยทู่ ่ีผรู้ ับฝาก
444
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2610/2519 ผเู้ สียหายรับราชการและอยไู่ กลจากนาท่ีทา จึงมอบให้
จาเลยดูแลความสองตวั และรถไวใ้ ชง้ านที่นา การยดึ ถือครอบครองอยทู่ ี่จาเลย จาเลยเอาทรัพยน์ ้นั
ไปเป็นยกั ยอก
คาพิพากษาฎีกาที่ 2282/2521 ผเู้ ช่าบา้ นดูแลรักษาครอบครองทรัพยใ์ นบา้ นแทนผใู้ หเ้ ช่า
ความครอบครองอยทู่ ่ีผเู้ ช่า ถา้ ผเู้ ช่าเอาทรัพยส์ ินที่อยใู่ นบา้ นไปยอ่ มผิดยกั ยอก
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 755/2527 เช่าท่ีดินแลว้ ขดุ ดินไปขายเป็นลกั ทรัพย์
- ยกั ยอกตอ้ งมีการครอบครองทรัพย์ ถา้ หากไมม่ ีการครอบครองทรัพย์ ก็จะผิดยกั ยอก
ไม่ได้
การไดม้ าซ่ึงการครอบครองอาจจะไดม้ าโดยกรณีใดกรณีหน่ึงดงั น้ี (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์
2560, เล่ม 13, หนา้ 459-461)
1. มีการมอบการครอบครองกนั โดยตรง หรืออาจจะโดยปริยาย เช่น มอบของใหไ้ ปขาย
มอบเงินใหไ้ ปชาระหน้ี มอบเงินใหไ้ ปเขา้ ฝากในบญั ชีธนาคาร
คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 6116/2560 ผูเ้ สียหายประกอบกิจการร้านเซเว่นอิเลฟเว่น (7-11)
จาเลยเป็ นพนักงานของผูเ้ สียหายมีหน้าท่ีดูแลกิจการในร้านและนาเงินรายได้ของร้านไปฝาก
ธนาคารโดยเมื่อพนกั งานของร้านขายสินคา้ ไดแ้ ลว้ จะนาเงินท่ีไดร้ ับจากลูกคา้ ใส่ซองหย่อนลงไป
ในตนู้ ิรภยั ของร้าน ซ่ึงจาเลยเป็นผถู้ ือกุญแจตูน้ ิรภยั เพยี งคนเดียวและไม่มีสิทธินาเงินรายไดด้ งั กล่าว
ไปใชส้ ่วนตวั เวลาประมาณ 13.00 น. ทกุ วนั จาเลยตอ้ งนากุญแจไปไขตนู้ ิรภยั นาเงินรายไดข้ องร้าน
ออกมาแลว้ ไปตรวจนบั ต่อหนา้ ส. และ ท. เม่ือทราบจานวนเงินรายไดแ้ ลว้ ส. จะเขยี นใบนาฝากเงิน
และมอบสมดุ บญั ชีของตนเองใหจ้ าเลยจากน้นั จาเลยจะขบั รถยนตน์ าเงินพร้อมสมดุ บญั ชีและใบนา
ฝากไปฝากเงินท่ีธนาคาร วนั รุ่งข้ึนจาเลยตอ้ งนาใบรับฝากเงินท่ีมีตราประทบั จากธนาคารส่งคืน
ให้แก่ผูเ้ สียหายเพื่อตรวจสอบยอดเงินที่นาไปฝากธนาคารว่าครบถว้ นหรือไม่ วนั เกิดเหตุ ธ. บุตร
ของ ท. ไดร้ ่วมตรวจนบั เงินกบั จาเลยแลว้ มอบเงินจานวน 300,000 บาทใหจ้ าเลยนาไปฝากธนาคาร
หลงั จากน้นั จาเลยร่วมกบั พวกเอาเงินน้นั ไป การที่จาเลยใชก้ ุญแจไขตูน้ ิรภยั นาเงินรายไดข้ องร้าน
ออกมาแลว้ นาไปตรวจนบั ต่อหนา้ ส. และ ท. เป็นเพียงการทางานในหนา้ ท่ีดูแลเงินชว่ั คราวเท่าน้นั
หาใช่เป็นเร่ืองท่ีผเู้ สียหายไดม้ อบการครอบครองเงินให้แก่จาเลยโดยเดด็ ขาดไม่ ดงั น้ี ขณะน้นั จาเลย
จึงไม่ใช่ผูค้ รอบครองเงินของผูเ้ สียหาย แต่เม่ือจาเลยเอาเงินจานวน 300,000 บาทของผเู้ สียหายไป
หลงั จากท่ีผเู้ สียหายตรวจสอบแลว้ มอบใหจ้ าเลยนาไปฝากเขา้ บญั ชีของผเู้ สียหายที่ธนาคาร กรณีจึง
ถือไดว้ ่าขณะน้ันผูเ้ สียหายได้มอบเงินจานวนดังกล่าวให้อยู่ในความครอบครองของจาเลยแลว้
เพราะจาเลยตอ้ งถือและรักษาเงินจานวนน้นั จนกระทง่ั นาไปฝากเขา้ บญั ชีของผเู้ สียหายท่ีธนาคารให้
เรียบร้อย การที่จาเลยวางแผนให้พวกจาเลยมาแยง่ เอาเงินไปในระหว่างเดินทางไปธนาคารจึงเป็ น
ความผิดฐานยกั ยอก เม่ือความผิดฐานดงั กล่าวเป็ นความผิดอนั ยอมความได้ และผูเ้ สียหายถอนคา
ร้องทุกขแ์ ลว้ สิทธินาคดีอาญามาฟ้องของโจทกจ์ ึงระงบั ไปตาม ป.ว.ิ อ. มาตรา 39(2)
445
ขอ้ สงั เกตจากคาพิพากษาฎีกาน้ี คอื จาเลยไดค้ รอบครองเงิน 300,000 บาทของผเู้ สียหาย
เพื่อนาเงินจานวนน้ีไปฝากธนาคาร ต่อมาจาเลยไดเ้ บียดบงั เอาเงินน้ีไปเป็นของตน จาเลยจึงมี
ความผดิ ฐานยกั ยอกทรัพย์ ไม่ใช่ความผิดฐานลกั ทรัพยข์ องนายจา้ งตามมาตรา 335 ซ่ึงความผิด
ฐานยกั ยอกทรัพยน์ ้ีเป็นความผดิ อนั ยอมความได้
2. การส่งมอบน้นั อาจจะพิจารณาโดยอาศยั บทบญั ญตั ิของกฎหมาย เช่น สญั ญาจานา
ผรู้ ับจานาย่อมเป็นผคู้ รอบครองทรัพย์ สญั ญาเช่าซ้ือ ผูเ้ ช่าซ้ือยอ่ มเป็นผคู้ รอบครอง สัญญาเช่าทรัพย์
ผเู้ ช่าทรัพย์ ยอ่ มเป็นผคู้ รอบครอง
หากเบียดบงั เอาไปโดยทุจริต ยอ่ มผิดฐานยกั ยอก
กรณีสัญญาเช่า
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 6152/2540 จาเลยทาสญั ญาเช่ากบั ผเู้ สียหายที่จะใชร้ ถภายในจงั หวดั
ภูเกต็ แต่พฤติการณ์ที่จาเลยครอบครองโดยจงใจไมส่ ่งคนื 30 วนั ท้งั ยงั ขบั รถไปใกลช้ ายแดนเขมร
ช้ีชดั วา่ จาเลยมีเจตนายกั ยอกทรัพยแ์ ลว้
กรณีสญั ญาจานา
คาพิพากษาฎีกาที่ 3222/2560 โจทก์ร่วมนารถจกั รยานยนต์ไปจานาแก่จาเลยเพ่ือเป็ น
ประกนั การชาระหน้ีกูย้ มื ท่ีโจทก์ร่วมกูย้ ืมเงินจากจาเลย ไม่ปรากฏวา่ มีการกาหนดเวลาชาระหน้ีไว้
แมโ้ จทกร์ ่วมผิดนดั ชาระดอกเบ้ียตามที่ตกลงกนั โจทกร์ ่วมกย็ งั คงเป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์ิในทรัพยท์ ี่
จานา จาเลยมีสิทธิทวงถามให้โจทกร์ ่วมชาระดอกเบ้ียท่ีคา้ งชาระและเรียกให้ชาระหน้ีท้งั หมด หาก
โจทก์ร่วมไม่ชาระหน้ี จาเลยก็ชอบท่ีจะใช้สิทธ์ิบังคับจานาตามบทบัญญัติของกฎหมายตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา 764 จาเลยไมม่ ีสิทธิ นารถของโจทกร์ ่วมไปขาย ต่อมาเม่ือ
โจทก์ร่วมไปขอไถ่รถจกั รยานยนต์คืน จาเลยแจ้งว่าได้ขายรถจกั รยานยนต์ดังกล่าวไปแลว้ แต่
หลงั จากโจทกร์ ่วมไปร้องทกุ ขต์ อ่ พนกั งานสอบสวน แลว้ เจา้ พนกั งานตารวจเรียกจาเลยไปไกลเ่ กลี่ย
จาเลยกลบั แจ้งว่าจาเลยไม่ได้รับจานารถจักรยานยนต์จากโจทก์ร่วมอันเป็ นการปฏิเสธไม่คืน
ทรัพยส์ ินใหแ้ ก่โจทกร์ ่วม พฤติการณ์ดงั กล่าวของจาเลยจึงฟังไดว้ า่ จาเลยเบียดบงั เอารถจกั รยานยนต์
ของโจทกร์ ่วมท่ีจานาไวแ้ ก่จาเลยไปเป็นของตนหรือบุคคลท่ีสามโดยทุจริต การกระทาของจาเลยจึง
เป็นความผิดฐานยกั ยอกทรัพยต์ ามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคแรก
3. เดิม ผคู้ รอบครองมีท้งั กรรมสิทธ์ิและสิทธิครอบครอง แตต่ ่อมากรรมสิทธ์ิเปลี่ยนมือ
ไป ผคู้ รอบครองทรัยพอ์ าจผิดยกั ยอกได้ เช่น ก ขายรถให้ ข เม่ือเป็นการซ้ือขายเสร็จเด็ดขาด
กรรมสิทธ์ิยอ่ มโอนไปยงั ข แต่เมื่อ ก. ยงั ไม่ไดส้ ่งมอบการครอบครองรถใหแ้ ก่ ข ปรากฎวา่ ก
เบียดบงั เอารถไปขายโดยทุจริต ก. ผิดยกั ยอกทรัพย์
4. ความครอบครองไดม้ าอยทู่ ี่ผคู้ รอบครอง โดยไมม่ ีการส่งมอบ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 774/2506 (ประชุมใหญ่) บุตรจาเลยเกบ็ นาฬิกาของผเู้ สียหายที่
446
ตกหายไปได้ จาเลยเอานาฬิกาซ่ึงไมใ่ ช่ของผเู้ สียหายมาใหด้ ู และยนื ยนั วา่ นาฬิกาเรือนน้นั เป็น
นาฬิกาท่ีบตุ รจาเลยเก็บได้ โดยจาเลยไม่ยอมคืนนาฬิกาของผเู้ สียหายให้ จาเลยผิด มาตรา 352
วรรคแรก เพราะบตุ รจาเลยเป็นผมู้ อบใหท้ าใหค้ วามครอบครองนาฬิกาไดม้ าอยทู่ ่ีจาเลย จาเลยไม่ผิด
มาตรา 352 วรรคแรก (ยกั ยอกของตกหาย) เพราะจาเลยไม่ใช่เป็นผเู้ ก็บนาฬิกาได้
การฝากเงินตาม ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 672 ผรู้ ับฝากไม่ตอ้ งคนื เงิน
อนั เดียวกบั ที่ฝาก เพยี งคืนเท่าจานวนท่ีฝากไว้ จึงตอ้ งถือว่า กรรมสิทธ์ิในเงินท่ีฝากไดโ้ อนไปยงั ผรู้ ับ
ฝากแลว้ แมจ้ ะเบียดบงั ไปโดยทุจริต ก็ไมผ่ ิดยกั ยอก
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 833/2534 โจทกม์ อบเงินใหจ้ าเลยไปซ้ือเมลด็ โกโก้ แต่จาเลยไม่ซ้ือให้
และปฏิเสธวา่ ไมไ่ ดร้ ับเงิน เท่ากบั เจตนาเบียดบงั เอาเงินโจทกโ์ ดยทุจริต เป็นยกั ยอก
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 496-7/2542 จาเลยเป็นพนกั งานธนาคาร มีหนา้ ท่ีรับฝากถอนเงินให้
ลกู คา้ จาเลยรับเงินฝากจากลูกคา้ แลว้ แต่แกไ้ ขใบรับฝากใหน้ อ้ ยกวา่ จานวนเงินที่ลูกคา้ ฝาก แลว้ นา
เอกสารที่แกไ้ ขไปส่งเงินเกบ็ การกระทาของจาเลยเป็นการทาเอกสารปลอมข้ึนท้งั ฉบบั เพ่ือใหผ้ อู้ ่ืน
หลงเชื่อวา่ เป็นเอกสารที่แทจ้ ริงและก่อใหเ้ กิดความเสียหายแก่ธนาคาร จึงเป็นการปลอมเอกสาร
สิทธิและใชเ้ อกสารสิทธิปลอมและยกั ยอก มาตรา 354
คาพิพากษาฎีกาที่ 2711/2529 การฝากขา้ วไมใ่ ช่การฝากเงิน แมข้ า้ วจะเป็นสังกมะทรัพย์
ซ่ึงสามารถใชแ้ ทนจานวนเท่าเดิมไดซ้ ่ึงเป็นการชาระหน้ีในทางแพง่ เท่าน้นั หากผรู้ ับฝากขา้ วยกั ยอก
ไปกถ็ ือเป็นความผิดอาญา
คาพิพากษาฎีกาที่ 7727/2544 จาเลยทาสัญญาเช่าซ้ือรถโดยชาระราคาบางส่วน แลว้ จะ
ชาระเป็นงวดต่อไป แต่จาเลยไมไ่ ดช้ าระอีกเลย เม่ือโจทก์ทวงถามกบ็ อกขายรถไปแลว้ ดงั น้ี การที่
จาเลยทาสัญญาเช่าซ้ือและชาระเงินลว่ งหนา้ กเ็ พอ่ื ใหไ้ ดร้ ถไวใ้ นครอบครอง มิไดม้ ีเจตนาจะชาระ
ราคาอีก พฤติการณ์จาเลยเป็นการเบียดบงั เอาทรัพยท์ ่ีอยใู่ นความครอบครองของจาเลยไปโดยทจุ ริต
เป็นยกั ยอก หาใช่เป็นเพียงการผิดสัญญาทางแพง่ เทา่ น้นั ไม่
แตถ่ า้ จาเลยไม่ม่ีเจตนาเช่าซ้ือต้งั แต่แรก การเช่าซ้ือเป็นเพยี งอุบายเพื่อใหไ้ ดม้ าซ่ึง
ทรัพยส์ ินเทา่ น้นั น่าจะผิดฐานฉอ้ โกง หากผเู้ ช่าซ้ือไดค้ รอบครองมาแลว้ จึงเพง่ิ มีเจตนาเบียดบงั
เช่นน้ี เป็นยกั ยอก
ข้อสังเกต ยักยอกทรัพย์
อาจารยไ์ กรฤกษ์ เกษมสนั ต์ ( 2560, หนา้ 463-465) ไดใ้ หข้ อ้ สงั เกตเก่ียวกบั ความผิดฐาน
ยกั ยอกทรัพยไ์ วด้ งั น้ี
1. ถา้ มอบทรัพยส์ ิ่งหน่ึงสิ่งใดใหเ้ อาไปขาย ตอ้ งถือวา่ ไดม้ อบการครอบครองในทรัพย์
น้นั ใหผ้ ขู้ ายแลว้
2. ถา้ เอาทรัพยน์ ้นั ไปขายแลว้ และไม่นาเงินมาส่ง เป็นการยกั ยอกเงินที่ไมน่ ามาส่ง
ใหก้ บั ตวั การ
447
3. ถา้ การมอบของใหไ้ ปขายไมใ่ ช่ลกั ษณะเป็นตวั แทน แต่มีลกั ษณะใหผ้ ขู้ ายไป
ดาเนินการเอง เพยี งแต่ตอ้ งนาเงินมาคืนให้ ศาลวา่ ไม่ใช่เรื่องตวั แทน ดงั น้นั ถา้ ไมค่ ืนเงินก็ไมผ่ ดิ
ยกั ยอก
คาพิพากษาฎีกาท่ี 6035/2531 มอบสร้อยใหไ้ ปขาย ขายไดส้ ูงเทา่ ไหร่กเ็ อาไป แต่ตอ้ งนา
เงิน 3,500 บาท มาให้ กรณีน้ีมิใช่จาเลยไดร้ ับมอบหมายสร้อยไวแ้ ทนโจทกแ์ ต่เป็นการขายเช่ือสร้อย
ใหจ้ าเลย เม่ือจาเลยไม่มีเงินชาระราคาสร้อยใหโ้ จทกก์ เ็ ป็นเพียงการผดิ สัญญาทางแพง่ ไม่ผดิ ยกั ยอก
ศาลวา่ เป็นการมอบกรรมสิทธ์ิใหไ้ ปเลย (ขายเช่ือ)
ทรัพย์ มาตรา 352 รวมถึงอสังหาริมทรัพยด์ ว้ ย ผใู้ ดครอบครองอสงั หาริมทรัพย์ และมี
เจตนาทุจริตเบียดบงั เอาทรัพยน์ ้นั เป็นของตนยอ่ มเป็นความผดิ ฐานยกั ยอกได้
คาพิพากษาฎีกาที่ 6046/2559 จาเลยท้งั สองร่วมกบั โจทกเ์ ป็นเจา้ ของและครอบครองดูแล
ทรัพยส์ ิน ไดแ้ ก่หอพกั คอนโดมิเนียมบา้ นเช่าและโฮมสเตย์ อนั เป็ นอสังหาริมทรัพยท์ ้งั หมดเพ่ือ
แสวงหาประโยชน์ร่วมกนั ดงั น้นั พฤติการณ์ท่ีจาเลยท้งั สองพากลุ่มชายฉกรรจ์จานวน 5 คน พร้อม
อาวุธบงั คบั ข่มขืนใจให้โจทก์จาตอ้ งออกจากหอพกั คอนโดมิเนียมดงั กล่าวไป และจาเลยท้งั สอง
ร่วมกนั เขา้ ครอบครองทาประโยชน์ในหอพกั คอนโดมิเนียม ดงั กล่าวแต่เพียงผูเ้ ดียว ย่อมเป็ นเหตุ
ใหโ้ จทกไ์ มส่ ามารถครอบครองใชป้ ระโยชน์ในคอนโดมิเนียม และไดร้ ับผลประโยชนใ์ นลกั ษณะท่ี
เป็ นทรัพยส์ ินน้ัน พฤติการณ์ของจาเลยท้งั สองย่อมเป็ นการเบียดบงั เอาทรัพยท์ ี่โจทก์เป็ นเจา้ ของ
รวมอยดู่ ว้ ยเป็นของตนเองโดยทุจริตอนั เป็นความผิดตามมาตรา 352 วรรคแรก
- การยมื ใชส้ ิ้นเปลือง กรรมสิทธ์ิไดโ้ อนไปยงั ผยู้ มื แลว้ จึงไม่ผิดฐานยกั ยอกทรัพย์
(เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 139)
คาพิพากษาฎีกาที่ 1250/2530 ยมื น้ามนั ดีเซลจากจ. เป็นการยมื ใชส้ ิ้นเปลือง กรรมสิทธ์ิ
ในน้ามนั ยอ่ มเป็นของ ร. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามมาตรา 650 ร. ใชแ้ ละจาหน่าย
น้ามนั น้นั ได้ ไม่ผดิ ยกั ยอก
“หุน้ ” ไม่ใช่ทรัพยท์ ี่จะเบียดบงั ได้ จึงไม่ผิดยกั ยอกทรัพย์ เมื่อไมผ่ ิดยกั ยอกทรัพยก์ ็ไมผ่ ดิ
ฐานรับของโจร
คาพิพากษาฎีกาที่2423/2560 ศาลฎีกาได้มีคาพิพากษาในคดีท่ีพนักงานอยั การยื่นฟ้อง
บริษทั ช. บริษทั อ. และ ด. เป็นจาเลยท่ี 1 ถึงท่ี 3 ในความผิดฐานยกั ยอก ซ่ึงโจทกแ์ ละ จ. ไดเ้ ขา้ ร่วม
เป็นโจทกร์ ่วมท่ี 1 และที่ 2 โดยวนิ ิจฉยั ขอ้ กฎหมายว่าการท่ีจะเป็นความผิดฐานยกั ยอกตามประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 352 น้นั ทรัพยอ์ นั เป็นวตั ถุแห่งการกระทาท่ีผกู้ ระทาความผิดครอบครองอยู่
จะตอ้ งเป็นวตั ถุท่ีมีรูปร่างหรือจบั ตอ้ งสัมผสั ได้ แต่หุน้ ตามฟ้องเป็ นเพียงสิ่งท่ีแสดงใหเ้ ห็นถึงสิทธิ
และหนา้ ท่ีหรือส่วนไดเ้ สียของโจทก์ร่วมท้งั สองท่ีมีอยู่ในบริษทั จาเลยท่ี 1 จึงไม่ใช่ทรัพยท์ ่ีจะเบียด
บงั ยกั ยอกได้ ท้งั ปรากฏวา่ การกระทาของจาเลยท้งั สามเป็นเพยี งการย่นื คาขอจดทะเบียนแกไ้ ขบญั ชี
รายชื่อผูถ้ ือหุ้นเท่าน้ัน ยงั หามีผลเป็ นการเปล่ียนแปลงกรรมสิทธ์ิในหุ้นของโจทก์ร่วมท้งั สองไม่
448
การกระทาของจาเลยท้งั สามตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดฐานยกั ยอก ดงั น้ี เม่ือหุ้นตามที่โจทก์ฟ้อง
กล่าวหาว่าจาเลยช่วยซ่อนเร้นหรือรับไวไ้ ม่ใช่ทรัพยท์ ่ีถูกยกั ยอกจึงขาดองคป์ ระกอบความผิดฐาน
รับของโจร
“เบียดบงั ” ตอ้ งเอาไปในลกั ษณะที่เป็นการตดั กรรมสิทธ์ิและตอ้ งไม่ใช่เป็นการกระทาที่
มีเจตนาท่ีจะทาลายทรัพยน์ ้นั ใหส้ ูญสิ้นไป
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1452/2517 จาเลยทางานอยกู่ บั โจทก์ โดยโจทกใ์ หจ้ าเลยติดตอ่ และ
เก็บเงินจากลกู คา้ จาเลยรับเช็คของลูกคา้ จาเลยจึงเป็นผคู้ รอบครองเช็คของโจทกใ์ นฐานะตวั แทน
มีหนา้ ที่นาเช็คคืนโจทก์ เม่ือจาเลยนาเช็คไปข้ึนเงินและเบียดบงั เอาไวโ้ ดยทุจริต โจทกเ์ ป็นผเู้ สียหาย
มีอานาจร้องทกุ ขแ์ ละฟ้องได้ จาเลยผิด มาตรา 352 ไมใ่ ช่ มาตรา 353 เพราะจาเลยมิไดร้ ับมอบหมาย
ใหจ้ ดั การทรัพยส์ ินของโจทก์
- การเช่าซ้ือ หากเบียดบงั ทรัพยท์ ่ีเช่าซ้ือไปจานา เป็นความผิดฐานยกั ยอกทรัพย์
(เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 154)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 457/2503 (ประชุมใหญ่) จาเลยเช่าซ้ือวิทยแุ ละชาระเงินเพยี งสองงวด
และไมช่ าระอีกเลย ตอ่ มาจาเลยมีเจตนาทุจริตเอาวทิ ยขุ องโจทกไ์ ปจานา และเบียดบงั เอาเงินค่าวทิ ยุ
ไปโดยเจตนาทุจริต ขอใหล้ งโทษตามมาตรา 352 แต่ศาลฎีกาวา่ โจทกฟ์ ้องบรรยายวา่ จาเลยยกั ยอก
เงินที่ไดจ้ ากการจานาวิทยทุ ่ีให้เช่าซ้ือ ไมไ่ ดฟ้ ้องหาวา่ ยกั ยอกวทิ ยุ ฟ้องโจทกจ์ ึงไมม่ ีมูลความผดิ ทาง
อาญา
คาพิพากษาฎีกาที่ 109/2516 โจทกอ์ อกเช็คใหผ้ อู้ ื่นเพื่อประกนั หน้ี ต่อมาโจทกไ์ ดม้ อบ
เงินใหจ้ าเลยไปชาระหน้ีตามเชค็ แลว้ รับเชค็ กลบั มา จาเลยจึงเป็นผคู้ รอบครองเชค็ อนั เป็นทรัพยข์ อง
โจทก์ แต่จาเลยอา้ งวา่ โจทก์ไม่ไดม้ อบเงินใหไ้ ปชาระหน้ี แลว้ จาเลยก็เอาเชค็ ไปข้ึนกบั ธนาคาร
ถือวา่ เป็นการเบียดบงั เอาเชค็ ของโจทกไ์ ปโดยทุจริต ผิดยกั ยอก เพราะเป็นการยกั ยอกเชค็
คาพิพากษาฎีกาที่ 3817/2533 ผเู้ สียหายมอบเช็คระบชุ ื่อใหจ้ าเลยนาเขา้ บญั ชีของ
ผเู้ สียหาย แต่จาเลยไปเปลี่ยนเป็นเชค็ ผถู้ ือ แลว้ เอาไปเบิกเงินธนาคาร ซ่ึงเป็นการครอบครองเช็ค
แทนผเู้ สียหายเพราะ ผสู้ ่ังจ่ายเจตนาจ่ายเชค็ ใหผ้ ูเ้ สียหายไม่ไดจ้ าเลย เมื่อจาเลยนาเช็คไปข้นึ เงน
จึงผดิ ยกั ยอกเช็ค
“เจตนาทจุ ริต” คือ แสวงหาประโยชน์ท่ีมิควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายมีความหมาย
เช่นเดียวกบั ลกั ทรัพย์ มาตรา 334
คาพิพากษาฎีกาที่ 12811/2558 กรณีจะเป็นความผิดฐานลกั ทรัพย์ ผกู้ ระทาความผิดตอ้ ง
มีเจตนาแย่งการครอบครองทรัพยน์ ้นั โดยทุจริตต้งั แต่ที่เขา้ แย่งการครอบครอง แต่ขณะที่จาเลยยืม
คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจากผูเ้ สียหาย ไม่ปรากฏว่าจาเลยมีเจตนาจะเอาไปในลักษณะที่เป็ นการตดั
กรรมสิทธ์ิต้ังแต่แรก จาเลยยงั คงพกั อยู่ที่โรงแรมตรงข้ามอู่ซ่อมรถของผูเ้ สียหาย เหตุท่ีจาเลย
หลบหนีออกจากโรงแรมโดยนาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไปด้วย เพราะไม่ตอ้ งการชาระค่าซ่อมรถท่ี
449
จาเลยคา้ งชาระผูเ้ สียหาย จึงเป็ นการเบียดบงั เอาทรัพยท์ ่ีอยู่ในความครอบครองเป็นของจาเลยโดย
ทจุ ริต เป็นความผดิ ฐานยกั ยอก
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 5964/2537 มาตรา 147 ตอ้ งเป็นทรัพยท์ ่ีเจา้ พนกั งานมีหนา้ ที่ แตเ่ มื่อ
เงินท่ีจาเลยยกั ยอกเอาไวน้ ้นั เป็นเงินบารุงสถานท่ีเผาศพเพื่อเกบ็ ส่งเป็นสวสั ดิการ หาใช่เงินท่ีซ่ึง
จาเลยมีหนา้ ท่ีทาแต่อยา่ งใดไม่ จึงลงโทษ มาตรา 147 ไมไ่ ด้ แตเ่ ป็นความผิด มาตรา 352
ยกั ยอกทรัพย์ผ้อู ื่นส่งมอบให้โดยสาคัญผิดหรือเป็นทรัพย์สินหาย
มาตรา 352 วรรคสอง ยกั ยอกทรัพยท์ ี่มีผสู้ ่งมอบใหโ้ ดยสาคญั ผิด
“การส่งมอบใหโ้ ดยสาคญั ผดิ ” อาจเป็นการสาคญั ผดิ ในตวั บุคคล ตวั ทรัพย์ ลกั ษณะของ
นิติกรรม คุณสมบตั ิของบุคคลหรือทรัพย์ กไ็ ด้ เช่น ไปรษณียส์ ่งของให้ แก่ ก. แตเ่ ขา้ ใจวา่ ข. คือ ก.
จึงมอบของให้ ข.ไป การท่ี ข. เบียดบงั เอาของไปโดยการที่ผอู้ ่ืนส่งมอบใหโ้ ดยสาคญั ผิด ยอ่ มผิด
ยกั ยอก มาตรา 352 วรรคสอง
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2544/2529 ส.สั่งจ่ายเช็คเขียนตวั หนงั สือเป็นหน่ึงหม่ืนแตก่ รอกตวั เลข
เป็นหน่ึงแสนบาท โดยคอมม่าผิดตาแหน่ง ธนาคารสาคญั ผดิ ล. ไมค่ ืนเงิน เกา้ หม่ืนบาท ที่จ่ายโดย
สาคญั ผิดใหธ้ นาคาร ล. มีความผิดมาตรา 352 วรรคสอง
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2135/2539 เจา้ หนา้ ท่ีธนาคารนาเงินฝาก หกหม่ืนบาทของลูกคา้ รายอื่น
เขา้ บญั ชี จาเลยโดยผดิ พลาด การที่จาเลยส่งั จ่ายเชค็ ออกจากบญั ชีจาเลย จึงเป็นการเบียดบงั เอาเงิน
น้นั โดยทจุ ริตผดิ มาตรา 352 วรรคสอง (จาเลยรู้วา่ มีการนาเงินของผอู้ ่ืนเขา้ บญั ชีของตนโดย
ผิดพลาด เพราะจาเลยเป็นช่างตดั ผา้ รายไดน้ อ้ ย)
- กรณีส่งั เส้ือไปซกั รีด แลว้ มีของติดกระเป๋ าเส้ือไปดูเช่นน้ี เจา้ ของเส้ือยงั ไม่ไดส้ ่ง
มอบการครอบครองของน้นั เพยี งแตม่ ีการมอบการครอบครองเฉพาะเส้ือเท่าน้นั หากเอาของที่ติด
เส้ือไป เป็นความผิดลกั ทรัพย์
- แตถ่ า้ ขายเส้ือไปแลว้ มีของติดไปกบั เส้ือ การขายเป็นการโอนกรรมสิทธ์ิ เทา่ กบั เป็น
การมอบการครอบครองสิ่งของน้นั ไปโดยการส่งมอบให้โดยสาคญั ผดิ ถา้ มีการเบียดบงั เอาไป ก็ผดิ
มาตรา 352 วรรคสอง
มาตรา 352 วรรคสอง ยกั ยอกทรัพยส์ ินหาย
กรณีทรัพยส์ ินหาย ตอ้ งพจิ ารณาตาม ป.พ.พ. มาตรา 1323 (สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกุล,
2548, หนา้ 58)
คาพิพากษาฎีกาที่ 1363/2503 (ประชุมใหญ่) “ทรัพยส์ ินหาย” เป็นเร่ืองท่ีทรัพยห์ ลดุ พน้
ไปจากความยดึ ถือของเจา้ ของหรือผคู้ รอบครองโดยมิไดต้ ้งั ใจ ไมใ่ ช่เร่ืองสละการครอบครอง
ถา้ มีการเก็บทรัพยเ์ อาไปโดยรู้หรือควรจะรู้วา่ มีเจา้ ของติดตาม เพ่ือเอาคืน ก็เป็นลกั ทรัพย์ ถา้ ไมร่ ู้
หรือไมม่ ีเหตุอนั ควรจะรู้ ก็เป็นยกั ยอกทรัพยส์ ินหาย
450
การเกบ็ ของตกหายได้ แลว้ เจตนาทจุ ริตเอาไป มีความผิดฐานลกั ทรัพยก์ ต็ ่อเมื่อ เจา้ ของ
ทรัพยน์ ้นั ยงั ติดตามหาอยอู่ ยา่ งใกลช้ ิด โดยยงั ไมข่ าดจากการครอบครองและท่ีสาคญั ผเู้ ก็บไดร้ ู้อยวู่ า่
เจา้ ของยงั ติดตามเอาคืนอยา่ งใกลช้ ิด (เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 177)
สรุป ทรัพยส์ ินหายตอ้ งพิจารณา(ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 13, หนา้ 470) ดงั น้ี
1. ทรัพยท์ ี่ตกเป็นทรัพยอ์ ะไร
2. สถานท่ีท่ีตกเป็นสถานที่ใด
3. ถา้ เจา้ ของยอ่ มทราบและติดตามเอาคนื ได้ ย่อมไม่ใช่ทรัพยส์ ินหาย
4. เวลา ระยะทางท่ีเจา้ ทรัพยท์ าของน้นั ตก
ไดป้ ลอ่ ยเวลาใหผ้ า่ นไปนานเท่าใดและเป็นระยะทางไกลเพียงใด
ยกั ยอกทรัพย์ท่ีตนมีหน้าที่ดูแล
มาตรา 353 ผูใ้ ดไดร้ ับมอบหมายให้จดั การทรัพยส์ ินของผูอ้ ่ืน หรือทรัพยส์ ินซ่ึงผูอ้ ื่นเป็ นเจ้าของ
รวมอยดู่ ว้ ย กระทาผดิ หนา้ ที่ของตนดว้ ยประการใด ๆ โดยทจุ ริต จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่
ประโยชน์ในลกั ษณะท่ีเป็นทรัพยส์ ินของผูน้ ้นั ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน
หกหมื่นบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 353 ยกั ยอกทรัพยท์ ่ีไดร้ ับมอบหมายใหจ้ ดั การ
1. ตอ้ งเป็นผทู้ ี่ไดร้ ับมอบหมายใหจ้ ดั การทรัพยส์ ิน
2. ไดก้ ระทาผิดหนา้ ท่ี
3. เป็นเหตุใหเ้ กิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลกั ษณะที่เป็นทรัพยส์ ิน
4. โดยทุจริต
“จดั การทรัพยส์ ิน” ไม่ไดห้ มายความวา่ ใหด้ ูแลชวั่ ขณะใดขณะหน่ึงเทา่ น้นั แต่หมายถึง
เขา้ ไปบริการไปจดั การตา่ ง ๆ (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 14, หนา้ 401)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 196/2511 (ประชุมใหญ)่ การมอบหมายใหจ้ ดั การทรัพยข์ องผอู้ ื่นตาม
มาตรา 353 น้นั หาไดจ้ ากดั เฉพาะเป็นการมอบหมายใหจ้ ดั การเพอ่ื หาหรือใหไ้ ดป้ ระโยชนอ์ ยา่ งใด
เสมอไปไม่ ฉะน้นั ประโยชน์ท่ีเกิดการเสียหายจึงมิใช่เพียงประโยชนอ์ นั ไดจ้ ากการจดั การทรัพย์
เท่าน้นั แต่อาจเป็นประโยชน์อื่นใดกไ็ ด้
มาตรา 353 ผกู้ ระทาผดิ อาจไม่ถึงกบั ไดค้ รอบครองทรัพยส์ ินเพยี งแตม่ ีอานาจในการ
จดั การทรัพยส์ ินกเ็ ป็นความผิด มาตรา 353 แลว้ และกไ็ ม่ตอ้ งถึงขนาดท่ีจะตอ้ งเบียดบงั เพียงแตท่ า
ผิดหนา้ ที่จนเกิดความเสียหายเท่าน้นั กเ็ ป็นการเพยี งพอ
ตอ้ งเป็นการกระทาผิดหนา้ ท่ีท่ีไดร้ ับมอบหมาย ซ่ึงอาจจะเป็นหนา้ ที่ตามกฎหมาย
451
เช่น เป็นผแู้ ทนโดยชอบธรรม ผอู้ นุบาล หรืออาจจะเกิดจากนิติกรรมสญั ญา หรืออาจจะเกิดจาก
คาสั่งของศาล เช่น ผจู้ ดั การมรดก(ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 14, หนา้ 402)
คาพิพากษาฎีกาที่ 4397/2530 จาเลยเป็นผจู้ ดั การธนาคารอนุมตั ิวงเงินกูส้ ูงกวา่
หลกั ประกนั ถึง หกแสนบาท ยอ่ มทาใหเ้ กิดความเสียหายแก่ธนาคาร จาเลยผดิ มาตรา 353
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 113/2535 จาเลยเป็นผจู้ ดั การมรดก รู้วา่ ตอ้ งแบง่ ทรัพยแ์ ก่ทายาท แต่จาเลย
จดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิท่ีดินเป็นของตนโดยไมใ่ ส่ชื่อทายาทอ่ืนร่วมดว้ ย การกระทาของจาเลย
เป็นกรณีที่จาเลยซ่ึงไดร้ ับมอบหมายใหจ้ ดั การทรัพยส์ ินของผอู้ ื่นตามคาส่งั ศาล กระทาผิดหนา้ ท่ี
จนเป็นเหตใุ หเ้ กิดความเสียหาย จาเลยผดิ มาตรา 354
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 196/2511 จาเลยเป็นผจู้ ดั การฝ่ายขายของบริษทั ผเู้ สียหาย รับ
มอบหมายใหน้ ารถแทรคเตอร์ไปแสดงแข่งขนั แต่ จาเลยกลบั นารถไปไถไร่ของตนเอง ทาใหย้ าง
ส่ีเสน้ เสียหายหกหม่ืนบาท ผิดมาตรา 353
ถา้ ไมม่ ีความเสียหายเกิดข้ึนถือวา่ ขาดองคป์ ระกอบความผิด (ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ,
2551, หนา้ 367)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1859/2528 ผจู้ ดั การธนาคารซ้ือลดเช็คโดยไมม่ ีหลกั ประกนั เกิน
อานาจท่ีธนาคารกาหนด แตไ่ ดม้ ีผรู้ ับโอนหน้ี มีหลกั ประกนั เพียงพอ ธนาคารไม่เสียหายในลกั ษณะ
ท่ีเป็นทรัพยส์ ินไม่ผดิ มาตรา 353
คาพิพากษาฎีกาที่ 2481/2528 บริษทั หลกั ทรัพยร์ ับหุน้ โจทกไ์ ว้ สองพนั หุน้ โจทกส์ ่ังขาย
หน่ึงพนั หุน้ บริษทั ทาไปขายสองพนั หุน้ เป็นทางปฏิบตั ิเพื่อประโยชนแ์ ก่ผถู้ ือหุน้ จ่ายเงินปันผลให้
หน่ึงพนั หุน้ ตามท่ีเหลือครบถว้ นรับรองวา่ ยงั มีหุน้ อยู่ หน่ึงพนั หุน้ และรับคืนไปแลว้ ไม่มีความ
เสียหายไมเ่ ป็นยกั ยอก
- ตอ้ งมีเจตนาทุจริต
คาพิพากษาฎีกาที่ 756/2523 โจทกจ์ าเลยทาสัญญาเขา้ หุ้นทาเหมืองแร่กนั โดยมอบให้
จาเลยเป็นผจู้ ดั การ จาเลยไมย่ อมแบง่ แร่ใหต้ ามสิทธิของโจทกร์ ้อยละ 20 เห็นไดว้ า่ มิใช่เร่ืองทาผิด
หนา้ ท่ีจดั การทรัพยโ์ ดยทุจริต แต่เป็นเรื่องผดิ สัญญาเทา่ น้นั ไม่ผิด มาตรา 353
มาตรา 353 ตอ้ งเป็นการมอบหมายใหจ้ ดั การทรัพยส์ ิน ไมใ่ ช่มอบหมายตามธรรมดา
เท่าน้นั เช่น มอบใหร้ ับชาระหน้ีจากลูกหน้ี แทนตนในกรณีไม่ใช่มอบหมายใหจ้ ดั การทรัพยส์ ิน
มาตรา 354 ยกั ยอกใหฐ้ านที่เป็นผจู้ ดั การตามคาสั่งศาล ตามพนิ ยั กรรม เป็นผมู้ ีอาชีพธุรกิจเป็นท่ี
ไวว้ างใจของประชาชน
มาตรา 354 เป็นบทบญั ญตั ิใหผ้ กู้ ระทาตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึนจากมาตรา 352 และมาตรา
353 เพราะฐานะของผกู้ ระทาผดิ
452
มาตรา 354 ถา้ การกระทาความผิดตามมาตรา 352 หรือมาตรา 353 ไดก้ ระทาในฐานที่
ผกู้ ระทาความผิดเป็นผจู้ ดั การทรัพยส์ ินของผอู้ ื่นตามคาสั่งของศาล หรือตามพนิ ยั กรรม หรือในฐาน
เป็นผมู้ ีอาชีพหรือธุรกิจ อนั ยอ่ มเป็นท่ีไวว้ างใจของประชาชน ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กิน
หา้ ปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
จากดั เฉพาะ “ผทู้ ี่ไดร้ ับแต่งต้งั โดยศาลมีคาส่ัง” เช่น ผจู้ ดั การทรัพยส์ ินของผไู้ ม่อยู่
ผชู้ าระบญั ชีหา้ งหุน้ ส่วน บริษทั สมาคม ผจู้ ดั การมรดกตามคาสงั่ ศาล
“ผจู้ ดั การทรัพยส์ ินตามพินยั กรรม” ผทู้ ่ีระบไุ วใ้ นพินยั กรรมใหเ้ ป็นผจู้ ดั การมรดก
ผปู้ กครองทรัพยข์ องผเู้ ยาว์ ผูท้ ี่ศาลสง่ั ใหเ้ ป็นคนไร้ความสามารถ
“ผมู้ ีอาชีพ” คือ ผทู้ ี่ทาการงานอนั เป็นปัจจยั แห่งการดารงชีพ
“ตอ้ งเป็นผมู้ ีอาชีพหรือธุรกิจ อนั เป็นที่ไวว้ างใจของประชาชน” เช่น ผจู้ ดั การธนาคาร
ผจู้ ดั การโรงรับจานา ผจู้ ดั การสหกรณ์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1976-7/2505 ผจู้ ดั การธนาคาร เป็นธุรกิจอนั เป็นที่ไวว้ างใจของ
ประชาชนเม่ือจาเลยเบียดบงั เอาเงินธนาคารไปโดยทุจริต จาเลยผิดมาตรา 354
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1800/2511 ผจู้ ดั การโรงรับจานาเทศบาล รับจานาสิ่งของ 507 รายการ
โดยใหร้ าคาสูงกวา่ ปกติ มากกวา่ ราคาท่ีรับจาไวก้ บั ลกู คา้ รายอ่ืน ซ่ึงทาใหเ้ ทศบาลขาดทุน
พฤติการณ์แสดงวา่ จาเลยทาผิดหนา้ ที่ของตนโดยทจุ ริต และทาใหเ้ ทศบาลฯ เสียหายแก่ประโยชน์
ในลกั ษณะท่ีเป็นทรัพยส์ ิน
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 193/2531 ผจู้ ดั การสหกรณ์ มิใช่ผมู้ ีอาชีพหรือธุรกิจอนั เป็นที่ไวว้ างใจ
ของประชาชน
คาพิพากษาฎีกาที่ 128/2537 จาเลยเป็นผจู้ ดั การมรดกตามคาสงั่ ศาล จาเลยไม่ยอมแบ่งท่ี
ใหท้ ายาท แตก่ ลบั โอนท่ีใหต้ นเอง และโอนขายตอ่ ใหส้ ัญญาจึงเป็นกรณี จาเลยไดร้ ับมอบหมายให้
จดั การทรัพยส์ ินน้นั เป็นของตนเองและโอนต่อใหผ้ อู้ ่ืนโดยทุจริต จนเป็นเหตใุ หเ้ กิดความเสียหาย
ในลกั ษณะท่ีเป็นทรัพยส์ ินแก่โจทก์ จาเลยผิดยกั ยอก มาตรา 352 วรรคแรก และมาตรา 354
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 604/2537 ศาลแต่งต้งั จาเลยเป็นผจู้ ดั การมรดกของ ย. ผูต้ าย ตอ่ มา
จาเลยขายท่ีดินทรัพยม์ รดก โดยไม่ไดแ้ บ่งเงินท่ีไดจ้ ากการขายใหท้ ายาท ไม่ปรากฎวา่ จาเลยไดข้ าย
ท่ีดิน ทรัพยม์ รดกของผตู้ ายไปโดยวธิ ีการอนั ไม่สุจริต หรือมีเจตนาท่ีจะเบียดบงั เงินท่ีไดจ้ ากการขาย
ท่ีดินทรัพยไ์ วโ้ ดยทจุ ริตอยา่ งไร
ท้งั ก่อนฟ้องโจทกท์ ้งั ส่ี กไ็ มเ่ คยทวงถามจาเลยใหแ้ บ่งเงินที่ไดจ้ ากการขาย การที่จาเลย
ในฐานะผจู้ ดั การมรดกของผตู้ ายทาการขายทรัพยม์ รดก ไปน้นั เป็นวิธีการเก่ียวกบั การจดั การแบง่
ทรัพยม์ รดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1719, 1750 คดีของโจทกจ์ ึงไมม่ ีมูล
ดงั ฟ้อง
453
คาพิพากษาฎีกาท่ี 532/2553 จาเลยท่ี 1 ในฐานะผูจ้ ดั การมรดกของผูต้ ายมีหนา้ ท่ีจดั การ
มรดกและแบ่งปันทรัพยม์ รดกใหแ้ ก่โจทก์ท้งั สามซ่ึงเป็ นทายาทของผูต้ ายตามสิทธิที่จะพึงมีพึงได้
การท่ีจาเลยที่ 1 โอนหุน้ ของผตู้ ายใหแ้ ก่จาเลยท่ี 2 และที่ 3 แลว้ จาเลยที่ 3 โอนหุน้ ดงั กลา่ วกลบั มาให้
จาเลยที่ 2 ซ่ึงมิได้เป็ นทายาทผูม้ ีสิทธิไดร้ ับทรัพยม์ รดก จึงเป็ นการกระทาผิดหน้าที่ของตนโดย
ทุจริต ทาให้โจทก์ท้งั สามไม่ได้รับแบ่งปันหุ้นดังกล่าว ถือว่าเป็ นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่
ประโยชน์ในลกั ษณะที่เป็นทรัพยส์ ินของโจทกท์ ้งั สาม แมจ้ ะไดค้ วามว่าบริษทั น้ีมีหน้ีสินคา้ งชาระ
เป็ นจานวนมากก็เป็ นคนละกรณีกนั เพราะโจทก์ท้งั สามตอ้ งรับไปท้งั สิทธิหน้าที่และความรับผิด
การกระทาของจาเลยท่ี 1 จึงเป็ นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 354 ส่วนจาเลยที่ 2 และท่ี 3 ไม่ไดเ้ ป็ น
ผจู้ ดั การมรดกของผูต้ าย ท้งั ไม่ไดค้ วามวา่ จาเลยที่ 2 และที่ 3 ไดร้ ับมอบหมายให้จดั การหุ้นดงั กล่าว
ของผตู้ ายหรือไม่ อยา่ งไร คงไดค้ วามแตเ่ พียงวา่ จาเลยที่ 2 และท่ี 3 รับโอนหุน้ ดงั กล่าวจากจาเลยท่ี 1
ซ่ึงเป็นผจู้ ดั การมรดกของผตู้ าย และจาเลยท่ี 2 รับโอนหุ้นกลบั มาจากจาเลยที่ 3 เท่าน้นั การกระทา
ของจาเลยท่ี 2 และท่ี 3 เป็นการกระทาดว้ ยประการใด ๆ อนั เป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวก
ในการที่จาเลยท่ี 1 กระทาความผดิ จึงมีความผดิ ฐานเป็นผสู้ นบั สนุนตาม ป.อ. มาตรา 354 ประกอบ
มาตรา 86
จะเห็นไดว้ า่ ตามคาพพิ ากษาฎีกาน้ี จาเลยที่ 1 เป็นผจู้ ดั การมรดกมีหนา้ ท่ีจดั การมรดก
ตามคาสั่งศาล จึงมีความผิดตามมาตรา 354 ส่วนจาเลยท่ี 2 และท่ี 3 ไมม่ ีหนา้ ที่ดงั กลา่ วจึงไม่ผดิ
มาตรา 354 เพราะความผดิ มาตราน้ีเป็นความผิดเฉพาะของบคุ คลที่มีหนา้ ท่ีตามกฎหมายบญั ญตั ิไว้
เทา่ น้นั ที่ตอ้ งรับโทษหนกั แต่การกระทาของจาเลยที่ 2 และท่ี 3 มีลกั ษณะช่วยเหลือหรือใหค้ วาม
สะดวกกบั การกระทาดงั กล่าว จึงตอ้ งรับผิดฐานเป็นผสู้ นบั สนุนตามมาตรา 86 รับโทษสองในสาม
ของความผดิ ตามมาตรา 354
ยกั ยอกทรัพย์สินท่ีมคี ่าที่ซ่อนหรือฝังไว้
มาตรา 355 ผใู้ ดเก็บไดซ้ ่ึงสังหาริมทรัพยอ์ นั มีคา่ อนั ซ่อนหรือฝังไวโ้ ดยพฤติการณ์ซ่ึงไมม่ ีผใู้ ดอา้ ง
วา่ เป็นเจา้ ของได้ แลว้ เบียดบงั เอาทรัพยน์ ้นั เป็นของตนหรือของผูอ้ ่ืน ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กิน
หน่ึงปี หรือปรับไม่เกินสองหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 355 ยกั ยอกสงั หาริมทรัพยอ์ นั มีค่าท่ีซ่อนหรือฝังไว้
1. ผใู้ ดเก็บได้
2. สังหาริมทรัพยอ์ นั มีคา่
3. อนั ซ่อนหรือฝังไวโ้ ดยพฤติการณ์ซ่ึงไม่มีผใู้ ดอา้ งวา่ เป็นเจา้ ของได้
454
4. เบียดบงั เอาทรัพยน์ น้นั เป็นของตนเองหรือผอู้ ื่น
5. เจตนา
“เก็บ” คือ ขดุ เจาะ ร้ือ คน้ เก็บของตรงที่ซ่อนฝังไว้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1328 “สงั หาริมทรัพยอ์ นั มีค่าซ่ึงซ่อน หรือฝัง
ไวน้ ้นั ถา้ มีผเู้ กบ็ ไดโ้ ดยพฤติการณ์ ซ่ึงไมม่ ีผใู้ ดสามารถอา้ งวา่ เป็นเจา้ ของได้ ทา่ นวา่ กรรมสิทธ์ิตก
เป็นของแผน่ ดิน”
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1012/2526 กระสุนปื นท่ีจมอยใู่ นน้านาน ไม่ใช่สงั หาริมทรัพยอ์ นั มีค่า
อาจารยจ์ ิตติ อธิบายวา่ ทรัพยส์ ินของแผน่ ดิน แบ่งเป็น 3 ประเภท
1. ทรัพยท์ ่ีมีราคามาก เช่น พลอย ทอง เงิน ซ่ึงไมถ่ ือวา่ เป็นสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็น
ส่วนควบของท่ีดิน
2. ทรัพยแ์ ผน่ ดิน อนั เป็นของโบราณ เช่น โบราณวตั ถุ ซากมนุษย์ ซากสัตวโ์ บราณ
3. ทรัพยแ์ ผน่ ดิน ซ่ึงเป็นของโบราณประหลาด
อาจารยท์ วีเกียรติ มีนะกนิษฐ (2551, หนา้ 367) อธิบายถึง การยกั ยอกสงั หาริมทรัพยอ์ นั มี
คา่ ที่ซ่อนหรือฝังไว้ ถือเป็นการยกั ยอกทรัพยข์ องแผ่นดิน อนั มี “คา่ ควรเมือง” หรือประมาณค่ามิได้
(priceless) ซ่ึงผเู้ ขียนเห็นสอดคลอ้ งวา่ สงั หาริมทรัพยน์ ้ีควรตอ้ งเป็นของแผ่นดินเป็นของรัฐต่อไป
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 705/2489 (ประชุมใหญ)่ เทวรูปนารายณ์สี่กรเป็นของโบราณที่ขดุ ได้
ใตป้ ราสาทโบราณ เป็นโบราณวตั ถุ จาเลยขดุ ไดแ้ ละเบียดบงั เอาเสีย จึงผิด พระราชบญั ญตั ิ
โบราณสถาน ฯ แต่เทวรูปน้นั ไมม่ ีคุณคา่ เป็นพิเศษ จึงไม่ใช่สงั หาริมทรัพยอ์ นั มีคา่ ตามมาตรา 355
สงั หาริมทรัพยท์ ่ีเก็บไดต้ อ้ งป็นทรัพยท์ ี่ซ่อนหรือฝังไวโ้ ดยพฤติการณ์ ซ่ึงไมม่ ีผใู้ ดอา้ งวา่
เป็นเจา้ ของได้
- ถา้ เป็นเรื่องที่มีผอู้ า้ งเป็นเจา้ ของกไ็ ม่ใช่กรณี มาตรา 355
มาตรา 356 ความผิดฐานยกั ยอก ยอมความได้ ยกเวน้ มาตรา 343 ฉอ้ โกงประชาชนท่ีไม่
สามารถยอมความกนั ได้
คาพิพากษาฎีกาที่ 3595/2532 บุคคลภายนอกร่วมกบั ผจู้ ดั การและสมหุ บญั ชีธนาคาร
ยกั ยอกเงินธนาคาร ยอ่ มผิดฐานเป็นตวั การตามมาตรา 352 แต่ไมม่ ีความผิดฐานสนบั สนุนผอู้ ่ืนตาม
มาตรา 354 ประกอบมาตรา 86 อีก (เพราะฐานะบุคคลตามมาตรา 354 เป็นผมู้ ีอาชีพเป็นผทู้ ี่
ประชาชนไวว้ างใจ) ทานองเดียวกบั ร่วมลกั ทรัพยก์ บั ลูกจา้ ง
คาพิพากษาฎีกาที่ 617/2536 การที่โจทกม์ อบเงินใหจ้ าเลยไปฝากเขา้ บญั ชีเป็นการมอบ
ใหค้ รอบครองเงินดงั กล่าวแทนโจทก์ จาเลยอยใู่ นฐานะครอบครองทรัพยข์ องผอู้ ื่น เมื่อจาเลยเบียด
บงั เอาทรัพยไ์ ปเป็นประโยชน์ส่วนตวั โดยทุจริต จึงผิดยกั ยอก
455
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 544/2511 จาเลยเป็นผจู้ ดั การของโจทกน์ าขา้ วไปขายให้ ค. โดยทาใน
นามของโจทกใ์ นฐานะที่เป็น ผจก. ดงั น้นั เงินที่ ค. ชาระโดยผา่ นบญั ชีของจาเลยจึงเป็นของโจทก์
โจทกจ์ ึงเป็นผเู้ สียหายมีสิทธิร้องทุกขไ์ ด้ จาเลยในฐานะผจู้ ดั การมีหนา้ ท่ีควบคุมดูแลรักษาเงิน แต่
จาเลยกลบั ถอนเงินไปใช้ จาเลยผดิ มาตรา 353 กรณีหาใช่ผซู้ ้ือสินคา้ ฝากเงินคา่ สินคา้ ไวก้ บั จาเลย
เพือ่ ใหจ้ าเลยนาไปชาระใหแ้ ก่โจทก์ โดยจาเลยจะนาเงินจานวนท่ีใดไปชาระก็ได้ อนั เป็นเพียงการ
ผดิ สญั ญาทางแพ่งตามท่ีจาเลยฎีกาไม่
หมวด 6 ความผิดฐานรับของโจร
การรับของโจร
มาตรา 357 ผใู้ ดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจาหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซ้ือ รับจานาหรือรับไวโ้ ดยประการใด
ซ่ึงทรัพยอ์ นั ไดม้ าโดยการกระทาความผิด ถา้ ความผดิ น้นั เขา้ ลกั ษณะลกั ทรัพย์ ว่งิ ราวทรัพย์
กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปลน้ ทรัพย์ ฉอ้ โกง ยกั ยอก หรือเจา้ พนกั งานยกั ยอกทรัพย์ ผนู้ ้นั
กระทาความผดิ ฐานรับของโจร ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหา้ ปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท
หรือท้งั จาท้งั ปรับ
ถา้ การกระทาความผดิ ฐานรับของโจรน้นั ไดก้ ระทาเพือ่ คา้ กาไรหรือไดก้ ระทาตอ่ ทรัพย์
อนั ไดม้ าโดยการลกั ทรัพยต์ ามมาตรา 335 (10) ชิงทรัพย์ หรือปลน้ ทรัพย์ ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษ
จาคุกต้งั แต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับต้งั แต่หน่ึงหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
ถา้ การกระทาความผิดฐานรับของโจรน้นั ไดก้ ระทาต่อทรัพยอ์ นั ไดม้ าโดยการลกั ทรัพย์
ตามมาตรา 335 ทวิ การชิงทรัพยต์ ามมาตรา 339 ทวิ หรือการปลน้ ทรัพยต์ ามมาตรา 340 ทวิ
ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคุกต้งั แต่หา้ ปี ถึงสิบหา้ ปี และปรับต้งั แตห่ น่ึงแสนบาทถึงสามแสนบาท
มาตรา 357 รับของโจร
1. ผใู้ ด
2. ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจาหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซ้ือจานา หรือรับไวโ้ ดยประการใด
3. ทรัพยอ์ นั ไดม้ าโดยกระทาความผดิ ถา้ ความผดิ น้นั เขา้ ลกั ษณะลกั ทรัพย์ วง่ิ ราว
ทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปลน้ ทรัพย์ ฉอ้ โกง ยกั ยอก เจา้ พนกั งานยกั ยอก
4. โดยเจตนา
- ความผิดฐานรับของโจร คุณธรรมทางกฎหมายคือ มุ่งคุม้ ครองทรัพยส์ ิน ไดแ้ ก่ สิทธิ
ของเจา้ ของกรรมสิทธ์ิ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1336 ในการใชส้ ิทธิติดตามเอาคืนจากบุคคลอ่ืน (สุรศกั ด์ิ
ลิขสิทธ์ิวฒั นกลุ , 2548, หนา้ 175)
- การรับของโจร น้นั ตอ้ งกระทาโดยบคุ คลที่ไม่ใช่ผกู้ ระทาความผดิ ในการไดท้ รัพยน์ ้นั
มา (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2559, หนา้ 275-282)
456
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 286/2482 ผลู้ กั ทรัพยจ์ ะเป็นผรู้ ับของโจรในทรัพยท์ ี่ตนเองลกั มาไมไ่ ด้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1881/2517 ผรู้ ่วมฉ้อโกงก็รับของโจรดว้ ยไม่ได้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 325/2520 จาเลยกบั พวกปลน้ ทรัพย์ รุ่งข้ึนจาเลยจูงควายท่ีปลน้ ไดไ้ ป
การจูงควายในวนั รุ่งข้นึ ไม่ผิดรับของโจรข้ึนใหม่
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1264/2513 ใชผ้ อู้ ื่นไปลกั ทรัพย์ และรับเอาทรัพยน์ ้นั ไว้ ไมผ่ ิดรับของ
โจรอีก
“ช่วยซ่อนเร้น” คือ การปกปิ ดไมใ่ หพ้ บเห็นหรือพบเห็นไดย้ ากข้ึน การอาพรางดดั แปลง
ทรัพยก์ เ็ ป็นการซ่อนเร้นได้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 25/2516 ช่วยฆ่ากระบือ โดยรู้วา่ กระบือเป็นทรัพยท์ ่ีถูกลกั มาเป็นรับ
ของโจร
คาพิพากษาฎีกาที่ 2336/2533 นารถท่ีถกู ลกั มาจอดจากสวนกาแฟ 500 เมตร เป็นการจอด
ในลกั ษณะซุกซ่อนเป็นรับของโจร
“จาหน่าย” ไม่จาเป็นตอ้ งมีผลถึงขนาดโอนกรรมสิทธ์ิ เพียงแตช่ ่วยพาทรัพยไ์ ปจานา ก็
เป็นความผดิ ฐานรับของโจรแลว้
คาพิพากษาฎีกาที่ 298/2518 ติดต่อเรียกและรับคา่ ไถ่รถคืนแก่เจา้ ทรัพย์ ไมป่ รากฎวา่ เจา้
ทรัพยข์ อใหช้ ่วยผิดรับของโจร
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 4512/2533 แมน้ อ้ งผเู้ สียหายจะขอร้องใหจ้ าเลยช่วยตามหาคนร้ายที่ลกั
โคไปมิไดม้ อบหมายหรือขอร้องให้จาเลยไปติดต่อคนร้าย เพอื่ ขอไถ่โคคืน การที่จาเลยรับและซ่อน
เร้นโคของผเู้ สียหายไวโ้ ดยรู้วา่ เป็นทรัพยท์ ี่ถกู คนร้ายลกั ไป เป็นรับของโจร
คาพิพากษาฎีกาที่ 391/2521 มีคนบอกวา่ จาเลยรู้ตวั คนร้ายที่ลกั กระบือไป ผเู้ สียหายไป
ถามจาเลยแต่จาเลยบอกวา่ ถา้ อยากไดใ้ หเ้ อาเงินมาไถ่ 2,000 บาท จาเลยใหผ้ เู้ สียหายทาหนงั สือวา่ จะ
ไมเ่ อาเรื่องแลว้ รับคา่ ไถ่กระบือไปมอบใหค้ นร้าย เป็นการรู้เห็นเป็นใจกบั คนร้ายเรียกค่าไถจ่ าก
ผเู้ สียหาย เป็นการช่วยเหลือคนร้ายในการจาหน่ายทรัพยต์ ามมาตรา 357
- ถา้ จาเลยกระทาไปเพราะเจา้ ทรัพยข์ อใหช้ ่วยติดตามไถ่คืนทรัพยใ์ หแ้ ละมิไดร้ ู้เห็น
เป็นใจกบั คนร้าย ก็ไม่เป็นควมผดิ ฐานรับของโจร
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2266/2530 การที่จาเลยข่ีรถของผเู้ สียหายมาส่งใหผ้ เู้ สียหาย เป็นเพราะ
ผเู้ สียหายขอร้องใหจ้ าเลยติดต่อไถ่รถให้ ไม่ปรากฎวา่ ร่วมรู้กบั คนร้าย ไมผ่ ิดรับของโจร
คาพิพากษาฎีกาท่ี 4283/2528 ช่วยเจา้ ของตามกระบือ แต่เม่ือพบกลบั ไมบ่ อกแก่เจา้ ของ
แลว้ เรียกเงิน 3,000 บาท ไม่ผิดรับของโจร เพราะไม่ไดร้ ับกระบือจากคนร้ายและไมไ่ ดช้ ่วยคนร้าย
เรียกคา่ ไถ่ จึงไมไ่ ดเ้ ป็นการช่วยจาหน่าย
- แต่ถา้ หากเรียกค่าไถ่ และนาเงินค่าไถไ่ ปใหค้ นร้ายก็เท่ากบั เป็นการช่วยคนร้ายจา
หน่าวทรัพยน์ ้นั อยใู่ นตวั ผิดรับของโจร
457
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 6863/2543 จาเลยหลอกวา่ คนร้ายตอ้ งการเงินคา่ ไถ่รถ แลว้ ขอเงินค่า
ติดต่อ เม่ือตารวจจบั ไดไ้ มป่ รากฏวา่ จาเลยทราบวา่ รถอยู่ ณ ที่ใด ไม่ใช่ช่วยจาหน่าย แต่ผิดฉอ้ โกง
คาพิพากษาฎีกาที่ 2844/2535 รถของผเู้ สียหายที่ถกู คนร้ายลกั ไป ถูกตารวจยดึ รถน้ีเพราะ
ไปชนคนไดร้ ับบาดเจ็บ ไมใ่ ช่ยดึ รถในคดีลกั รถ จาเลยติดตอ่ ผรู้ ับฝากรถของ ผ. ใหน้ าเงินไปไถ่
หลงั จากรถถูกลกั ไป ถือวา่ จาเลยช่วยจาหน่าย แต่ไมส่ ามารถบรรลผุ ลไดอ้ ยา่ งแน่แท้ เพราะรถที่ถกู
ลกั ถูกตารวจยดึ ไปไวใ้ นคดีอ่ืน เช่นน้ีผดิ พยายามรับของโจร ตามมาตรา 357 ประกอบมาตรา 81
“ช่วยเอาไปเสีย” ทาใหท้ รัพยเ์ คลื่อนท่ีจากที่เดิมพน้ ไปจากความยดึ ถือครอบครองเดิม แต่
ไม่ถึงกบั ตดั กรรมสิทธ์ิ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1937/2533 คนร้ายลกั ยางพาราไปซ่อนไว้ จาเลยเกบ็ ยางพาราไปโดยรู้
วา่ เป็นทรัพยท์ ี่ลกั มาเป็นการช่วยพาเอาไปเสีย ผดิ มาตรา 357
“ซ้ือ” คอื การรับทรัพยท์ ี่เป็นของโจรโดยมีค่าตอบแทน โดยไม่ตอ้ งถึงกบั เป็นการซ้ือที่
ชอบดว้ ยกฎหมาย
นกั กฎหมายเห็นวา่ การซ้ือ หากยงั ไมม่ ีการส่งมอบและรับทรัพย์ ถือวา่ เป็นความผดิ
สาเร็จ แต่ผิดพยายามรับของโจร
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1609/2522 จาเลยมาดูกระบือที่ถูกลกั มา โดยต้งั ใจจะซ้ือ ยงั ไม่ได้
ตกลงจะซ้ือ ก็ถกู จบั ยงั ไม่ผิดรับของโจร
คาพิพากษาฎีกาที่ 5058/2533 จาเลยท่ี 3 ไม่ไดร้ ่วมกบั จาเลยที่ 1, 2 ในการรับซ้ือกระบือ
ของกลาง แต่อยู่ร่วมในขณะถูกจบั ยงั ฟังไมไ่ ดว้ า่ จาเลยที่ 3 ร่วมครอบครองกระบือน้นั จาเลยท่ี 3
ร่วมปรึกษาวา่ จะเอากระบือไปขายท่ีไหน ขายไดจ้ ะนากาไรมาแบ่งกนั จาเลยที่ 1, 2 พาจาเลยที่ 3
ไปดูกระบือท่ีซ่อนเอาไว้ จึงถกู จบั กมุ ยงั ถือไมไ่ ดว้ า่ จาเลยที่ 3 ลงมือกระทาผิด เป็นเพียงการ
ตระเตรียม ท่ีจะร่วมกระทาความผิดกบั จาเลยท่ี 1, 2 เทา่ น้นั ยงั ไม่ผิดฐานรับของโจร
“รับจานา” จะผิดสาเร็จก็ต่อเม่ือไดร้ ับตวั ทรัพยเ์ อาไว้
“รับไวโ้ ดยประการใด” ไม่วา่ จะดว้ ยวธิ ีใด เช่น รับฝาก รับไวเ้ ป็นคา่ จา้ ง รับไวเ้ พื่อเรียก
ค่าไถ่ รับเชค็ ไวเ้ พ่ือไปเบิกเงิน รับซ่อมรถ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2177/2520 รับเชค็ ซ่ึงถกู ลกั ไปไว้ แลน้ าไปเบิกเงินท่ีธนาคารแต่เบิก
ไม่ไดเ้ พราะถูกอายดั ไว้ ผิดรับของโจรสาเร็จ
- ตอ้ งเป็นการกระทาต่อทรัพยอ์ นั ไดม้ าจากการกระทาผดิ ประการใดประการหน่ึงใน
9 ประการคอื
1. ลกั ทรัพย์ 2. วิง่ ราวทรัพย์ 3. กรรโชก 4. รีดเอาทรัพย์ 5. ชิงทรัพย์ 6. ปลน้ ทรัพย์
7. ฉอ้ โกง 8. ยกั ยอก 9. เจา้ พนกั งานยกั ยอก
รับของโจร ไม่มีความผิดฐานโกงเจา้ หน้ีอยดู่ ว้ ย
458
- รับของโจร เฉพาะตวั ทรัพยท์ ่ีไดม้ าจากการกระทาความผิดเท่าน้นั ตราบใดที่ทรัพย์
ไม่เปล่ียนสภาพการเป็นโจร ทรัพยน์ ้นั กย็ งั คงเป็นของโจรอยตู่ ่อไป แตท่ รัพยอ์ าจจะสิ้นสภาพโดย
ธรรมชาติ หรือโดยการทาลายหรือโดยผลของกฎหมาย เช่นน้ี ก็ไม่ใช่ของโจรอีกต่อไป (ทวเี กียรติ
มีนะกนิษฐ, 2551, หนา้ 371)
เหตุที่จะทาใหข้ องโจรหมดสภาพไป (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 14, หนา้ 413) เช่น
1. ทรัพยท์ ่ีเป็นของโจรไดเ้ ปลี่ยนสภาพไปเป็นทรัพยอ์ ยา่ งอ่ืน เช่น ลกั โคมาแลว้ แล่
เป็นชิ้น ๆ เน้ือโคเป็นของโจรอยู่ แต่ถา้ เอาเน้ือมาผดั เผด็ แกงเผด็ น้ี ไมใ่ ช่ของโจรอีกตอ่ ไป
- ลกั แป้ง น้าตาลมา แลว้ เอาไปทาขนม ขนมยอ่ มไม่เป็นของโจร
2. การเอาทรัพยท์ ี่เป็นของโจรน้นั ไปแลกเปล่ียนกบั ทรัพยใ์ หม่ ทรัพยใ์ หม่น้ีไมเ่ ป็นของ
โจร เช่น ลกั ทองไปจานา เงินที่ไดจ้ ากการจานาและตว๋ั จานา ไม่ใช่ของโจร
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1151/2512 เอาปื นท่ีลกั มาไปขาย เงินที่ขายไดก้ ไ็ มใ่ ช่ของโจร
3. ทรัพยท์ ่ีเป็นของโจรยอ่ มหมดสภาพความเป็นโจร เม่ือเจา้ ของไดท้ รัพยน์ ้นั คือ หรือ
เจา้ หนา้ ที่ยดึ ทรัพยน์ ้นั มาเป็นของกลาง
4. เมื่อเจา้ ของทรัพยเ์ ดิม หมดกรรมสิทธ์ิในทรัพยอ์ นั เป็นของโจร เช่น ประมวลกฎหมาย
แพง่ และพาณิชย์ มาตรา 1383 คือ ผกู้ ระทาผิดครอบครองทรัพยต์ ิดต่อกนั จนพน้ อายคุ วามอาญา
หรือไดค้ รอบครองอสงั หาริมทรัพย์ 5 ปี หรืออสงั หาริมทรัพย์ 10 ปี
- เจตนา ตามมาตรา 59 ประกอบการรู้ขอ้ เทจ็ จริงตามมาตรา 59 วรรคสาม
คาพิพากษาฎีกาที่ 489/2515 การรู้วา่ ทรัพยน์ ้นั เป็นของโจรตอ้ งรู้ในขณะกระทาความผิด
คอื ในขณะที่รับไว้ ถา้ มารู้ในภายหลงั การกระทาน้นั ก็ไมผ่ ิดรับของโจร
- การรู้วา่ เป็นของโจรหรือไม่ กต็ อ้ งดูขอ้ เทจ็ จริงเป็นเร่ือง ๆ ไป เช่นรับซ้ือในราคาถกู
แตข่ ายไปในราคาแพง รับซ้ือจากตวั บุคคล หรือสถานท่ีท่ีไม่น่าไวว้ างใจ หรือไมส่ ามารถท่ีจะ
จาหน่ายทรัพย์ เช่นน้นั (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 14, หนา้ 414)
คาพิพากษาฎีกาที่ 287/2540 ความผดิ ฐานรับของโจร ขอ้ สาคญั คอื ตอ้ งสืบใหเ้ ห็นวา่
จาเลยรับซ้ือไวโ้ ดยรู้วา่ เป็นทรัพยส์ ินนอนั ไดม้ าโดยกระทาความผิด เมื่อโจทกไ์ มม่ ีพยานหลกั ฐาน
ยนื ยนั วา่ จาเลยรับรถท่ีถูกลกั มาโดยรู้วา่ เป็นทรัพยอ์ นั ไดม้ าจากการกระทาความผิด จะอาศยั
พฤติการณ์ท่ีตารวจยดึ รถของผเู้ สียหายไป จากบา้ นของ ส. โดยคิดหรือคาดคะเนวา่ จาเลยได้
ครอบครองหรือช่วยจาหน่ายรถของผเู้ สียหายแลว้ ฟังวา่ จาเลยกระทาความผดิ หาไดไ้ ม่
คาพิพากษาฎีกาที่ 673/2540 ตารวจพบอะไหล่รถจกั รยานยนตว์ างขายในร้านของจาเลย
โดยมิไดแ้ กไ้ ขเปลี่ยนแปลงสภาพอะไหล่ดงั กล่าว ท้งั จาเลยมีบิลเงินสดท่ีแสดงวา่ จาเลยรับอะไหล่
เพ่อื ทาการซ่อม ซ่ึงพฤติการณ์ดงั กล่าวแสดงวา่ จาเลยรับของกลางไวโ้ ดยไมร่ ู้วา่ เป็นทรัพยท์ ่ีไดม้ า
จากการกระทาผิดฐานลกั ทรัพย์
459
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5439/2540 จาเลยประกอบกิจการหลอ่ พระพุทธรูปมา 20 ปี น่าจะรู้วา่
ของกลางเป็นของเก่าสมยั ร.5 เน้ือโลหะแตกต่างจากโลหะท่ีหลอ่ ใหมอ่ ยา่ งเห็นไดช้ ดั ขอ้ อา้ งจาเลย
ท่ีวา่ ทาน้ายาสนิมเพอื่ ใหด้ ูเป็นของเก่าจึงฟังไมข่ ้ึน พระของกลางมีราคา 300,000 บาท แตจ่ าเลยรับ
ซ้ือไว้ 15,000 บาท และจาเลยไมส่ ามารถนาตวั ผขู้ ายมาเบิกความตอ่ ศาลสนบั สนุนขอ้ ต่อสู้ของตน
ได้ ฟังไดว้ า่ จาเลยท่ี 1 รับซ้ือของกลางไวโ้ ดยรู้วา่ เป็นทรัพยอ์ นั ไดม้ าโดยกระทาความผิดฐานลกั
ทรัพย์ จาเลยผดิ รับของโจร
คาพิพากษาฎีกาท่ี 6771/2542 จาเลยรับจานาปื นของกลางท่ีถูกคนร้ายลกั าปจาก ต.
ซ่ึงอายุ 16 ปี ไมเ่ คยรู้จกั กบั จาเลยมาก่อน และมิไดด้ ูใบอนุญาต ใชอ้ าวุธปื น และรับจานาไว้ 3,500
บาท ท้งั ๆ ท่ีขายตอ่ ไดร้ าคา 10,000 บาท ท้งั เลขทะเบียนก็ไมส่ ามารถอ่านไดเ้ พราะถกู ขดู ลบไป
ส่อใหเ้ ห็นวา่ จาเลยรับอาวุธปื นไวโ้ ดยรู้วา่ เป็นทรัพยท์ ่ีไดม้ าจากการกระทาความผิด จาเลยผิดรับ
ของโจร
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2727/2537 รังนกตามเกาะตา่ ง ๆ เป็นทรัพยไ์ มม่ ีเจา้ ของ บุคคลได้
กรรมสิทธ์ิโดยการเขา้ ถือเอา แม้ อ.ไดส้ ิทธิผกู ขาดเกบ็ รังนกบนเกาะก็มีสิทธิเพยี งเกบ็ ไดโ้ ดย
ไม่ถูกหวงหา้ ม แต่ อ.จะมีกรรมสิทธ์ิกเ็ มื่อเขา้ ถือเอา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา
1318 เม่ือบุคคลอื่นเขา้ ไปเกบ็ รังนกโดย อ. ยงั มิไดเ้ ป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์ิ การเกบ็ รังนก จึงไม่ผดิ ลกั
ทรัพย์ ของ อ.จาเลยเป็นผคู้ รอบครองรังนกน้นั ก็ไม่ผิดรับของโจร เพราะรังนกไม่ใช่ทรัพยท์ ่ีถูกลกั
มา จึงขาดองคป์ ระกอบฐานรับของโจร
เหตุเพ่ิมโทษ
มาตรา 357 วรรคสอง ผกู้ ระทาตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึน ถา้ มีเจตนาพิเศษ คือ
1. เพอื่ คา้ กาไร หรือโดยพฤติการณ์เก่ียวกบั ความผิดที่ไดล้ กั ทรัพยม์ า
“คา้ กาไร” คือ การกระทาการคา้ เป็นปกติธุระ ท้งั กระทาเพอ่ื กาไรคือไดป้ ระโยชน์จาก
การน้นั
2. ลกั ทรัพย์ มาตรา 335 (10) ทรัพยท์ ี่ใชห้ รือมีไวใ้ ชเ้ พอ่ื สาธารณประโยชน์
3. ชิงทรัพย์
4. ปลน้ ทรัพย์
มาตรา 357 วรรคสาม ลกั ทรัพย์ มาตรา 335 ทวิ ชิงทรัพย์ มาตรา 339 ทวิ ปลน้ ทรัพย์ มาตรา 340 ทวิ
ซ่ึงพระพทุ ธรูปหรือวตั ถใุ นทางศาสนา น้นั จะตอ้ งเป็นท่ีสักการะบูชาของประชาชนหรือเก็บรักษา
ไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติและรวมถึงส่วนใดส่วนหน่ึงของพระพุทธรูปดว้ ย
ผกู้ ระทาตอ้ งรู้ขอ้ เทจ็ จริงวา่ ทรัพยน์ ้นั เป็นทรัพยท์ ่ีไดม้ าจากความผิดตา่ งๆ ในมาตราน้ี
ดว้ ยตามมาตรา 59 วรรคสาม (ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2551, หนา้ 371) ถึงจะตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ
460
หมวด 7 ความผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพย์
ความผิดฐานทาให้ เสียทรั พย์
มาตรา 358 ผใู้ ดทาให้เสียหาย ทาลาย ทาใหเ้ สื่อมคา่ หรือทาใหไ้ ร้ประโยชน์ ซ่ึงทรัพยข์ องผอู้ ่ืนหรือ
ผอู้ ื่นเป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ย ผนู้ ้นั กระทาความผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพย์ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกิน
สามปี หรือปรับไมเ่ กินหกหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 358 ทาให้เสียทรัพย์
1. ผใู้ ด
2. ทาใหเ้ สียหาย ทาลาย ทาใหเ้ สื่อมค่า ทาใหไ้ ร้ประโยชน์
3. ทรัพยข์ องผอู้ ่ืนหรือผอู้ ื่นเป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ย
4. เจตนา
- ความผดิ ฐานทาใหเ้ สียทรัพย์ น้นั คาบเกี่ยวกบั หลายมาตรา อนั ทาใหเ้ ป็นกรรมเดียว
ผดิ กฎหมายหลายบท ตอ้ งลงโทษบทหนกั เช่น มาตรา 142 มาตรา 158 มาตรา 159 มาตรา 163
มาตรา 184-188 มาตรา 190 มาตรา 217 มาตรา 218 มาตรา 222 มาตรา 335(3) มาตรา 347 มาตรา
363 และตอ้ งพจิ ารณาอีกวา่ ถา้ ในกรณีท่ีการกระทาน้นั ๆ ผิดกฎหมายมาตราอื่นและมีโทษเบากวา่
ถา้ มาตราอ่ืนน้นั เป็นบทเฉพาะก็จะลงบททวั่ ไป ตามมาตรา 358 ไม่ได้ เช่น ความผิดลหุโทษ มาตรา
369 มาตรา 380 มาตรา 389 เป็นบทเฉพาะ
“ทาใหเ้ สียหาย” คอื ทาใหท้ รัพยช์ ารุด บบุ สลาย เปล่ียนแปลงไปในทางที่เลวลง
การชารุดบบุ สลายไมจ่ าเป็นตอ้ งมีลกั ษณะเป็นการถาวร เช่น ใชเ้ ทา้ เตะรถคนอ่ืนบุบ กเ็ ป็นทาใหเ้ สีย
ทรัพย์ แมซ้ ่อมแซมใหด้ ีเหมือนเดิม ความผิดทาให้เสียทรัพยก์ ย็ งั คงอยู่
“ทาลาย” คือ มีความรุนแรงกวา่ การทาใหเ้ สียหาย คือ ทาใหท้ รัพยส์ ิ้นสภาพไป เช่น เอา
รถของเขาไปเผากระทืบแกว้ ใหแ้ ตก
คาพิพากษาฎีกาท่ี 35/2503 โปรยขา้ วเปลือกผสมยาพษิ ใหเ้ ป็ดของผอู้ ื่นกินจนตาย
ผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพย์
“ทาใหเ้ สื่อมค่า” คือ ทาใหท้ รัพยร์ าคาลดลง เช่น เอาเส้ือใหม่ของเขามาใส่ เอาของเขาไป
ใชเ้ ป็นการทาให้ราคาทรัพยน์ ้ตั กหรือเสื่อมราคา
“ทาใหไ้ ร้ประโยชน”์ คือ ทาใหป้ ระโยชน์ของทรัพยน์ ้นั หมดไป แมจ้ ะเป็นการชว่ั คราวก็
ตาม เช่น ปลอ่ ยลมยาง
- เป็นการมุ่งพิจารณาที่ตวั ทรัพย์ ไมใ่ ช่ประโยชน์ของผใู้ ชส้ อย เช่น เอาจกั รยานของ
เขาไปซ่อนแมเ้ จา้ ทรัพยข์ าดประโยชน์ในการใชจ้ กั รยาน แตร่ ถยงั สภาพเดิม กรณีน้ี จึงไมใ่ ช่ “ทาให้
ไร้ประโยชน์”
461
คาพิพากษาฎีกาท่ี 361/2518 จาเลยลอ้ มร้ัวรุกล้าลาหว้ ยสาธารณะ บอ่ น้าน้นั กย็ งั คงเดิม
ไมไ่ ดถ้ กู ทาใหไ้ ร้ประโยชน์แตอ่ ยา่ งใด การกระทาของจาเลยไมผ่ ิดฐานทาใหเ้ สียทรัพย์ ตามมาตรา
360
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 8140/2541 จาเลยบกุ รุกและแผว้ ถางที่ดินสาธารณะ ทาใหบ้ ุคคลอื่น
ทว่ั ไปใชป้ ระโยชนจ์ ากหนองสาธารณะน้นั ไม่ไดบ้ างส่วน จาเลยผดิ ฐานทาให้เสียทรัพยท์ ี่ใชห้ รือ
มีไวเ้ พอ่ื สาธารณะประโยชน์ ตามมาตรา 360 (จาเลยแผว้ ถางที่ดินดว้ ย ไม่ใช่กรณีลอ้ มร้ัวอยา่ งเดียว)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2068/2543 การทาใหผ้ อู้ ื่นใชท้ างเทา้ ไม่ได้ ถือวา่ เป็นการทาใหไ้ ร้
ประโยชน์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3314/2545 ใชเ้ สาคอนกรีตปักปิ ดขางปากคลองทาใหป้ ระชาชน
ไมส่ ามารถใชป้ ระโยชนส์ ัญจรได้ เป็นความผดิ ฐานทาใหเ้ สียทรัพย์ (การกระทามีผลใหล้ าคลอง
เส่ือมสภาพ)
ขอ้ สงั เกต คาวา่ ทาใหไ้ ร้ประโยชน์
มาตรา 142 มีคาวา่ “ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทาใหส้ ูญหาย” และมาตรา 158 กม็ ีคาวา่
“ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทาใหส้ ูญหาย”
- การซ่อนเร้น ไม่เป็นความผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพย์ เพราะไม่ไดท้ าต่อตวั ทรัพย์ การ
เอาไปเสีย ก็เช่นเดียวกนั เพราะทรัพยย์ งั คงสภาพเดิม ไมไ่ ดไ้ ร้ประโยชนแ์ ต่ประการใด จึงไมผ่ ดิ ฐาน
ทาใหเ้ สียทรัพย์
มาตรา 358 ทาให้เสียทรัพย์ รวมท้งั สังหาริมทรัพยแ์ ละอสังหาริมทรัพยด์ ว้ ย ดงั น้นั เขา้
ไปขดุ ดิน ยอ่ มผิดทาใหเ้ สียทรัพย์
สรุป ทรัพยต์ ามมาตรา 358 คือ ทรัพยซ์ ่ึงเป็นสงั หาริมทรัพยแ์ ละอสงั หาริมทรัพย์ แตไ่ ม่
รวมถึงสิทธิต่าง ๆ เช่น สิทธิเกบ็ กิน ภาระจายอม สิทธิเรียกร้องในนามตนเองแทนลูกหน้ี เหล่าน้ี
ไมน่ ่าจะถกู ทาลายได้ (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 15, หนา้ 406)
- ทรัพยม์ าตรา 358 น้นั ตอ้ งเป็นของผูอ้ ่ืน หรือผอู้ ื่นเป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ย เช่น ก.
เอาทรัพยไ์ ปจานาต่อ ข. แลว้ ตอ่ มา ก. แอบไปขโมย ทรัพยน์ ้นั มาทาลายเสีย เช่นน้ี ก็ไม่ผดิ ลกั ทรัพย์
เพราะทรัพยด์ งั กล่าวเป็นของ ก. เอง และ ก. ก็ไม่มีความผดิ ฐานทาใหเ้ สียทรัพย์ จะผดิ ไดก้ ็แตเ่ พยี ง
ความผดิ ฐานโกงเจา้ หน้ีตามมาตรา 349
คาพิพากษาฎีกาที่ 166/2509 ท่ีดินไมม่ ีโฉนด มีแต่สิทธิครอบครอง ซ่ึงผคู้ รอบครองมี
ฐานะและสิทธิอยา่ งเจา้ ของ และเป็นเจา้ ของตน้ ยางและน้ายางในที่ดินน้นั ใครมาขดุ ดิน ก็ผดิ ฐานทา
ใหเ้ สียทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาที่ 1013/2504 ขดุ ดินทานาเป็นบ่อของผอู้ ื่น แมเ้ ป็นท่ีดินไม่มีโฉนด กผ็ ิด
ฐานทาใหเ้ สียทรัพย์
ส่ิงปลกู สร้างของผอู้ ่ืนในที่ดินที่ไมม่ ีเจา้ ของ ใครมาทาลายก็ผิดทาใหเ้ สียทรัพย์
462
คาพิพากษาฎีกาท่ี 705/2507 (ประชุมใหญ)่ ความผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพย์ มาตรา 358 ผกู้ ระทาตอ้ งมี
เจตนากระทาเพอ่ื ใหท้ รัพยข์ องผอู้ ื่นเสียหาย เพียงแต่ถอนเสาร้ัวของผอู้ ื่นกองไว้ เพอื่ ใชเ้ ป็นทางเดิน
ตามท่ีเคยใช้ ไม่ผดิ ฐานทาใหเ้ สียทรัพย์
- การพิจารณาวา่ ทรัพยด์ งั กล่าวเป็นของจาเลย หรือผอู้ ื่นหรือผอู้ ื่นเป็นเจา้ ของรวมอยู่
ดว้ ยน้นั ตอ้ งนาหลกั ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าพจิ ารณาดว้ ย
- ถา้ ทรัพยน์ ้นั เป็นของตนเองยอ่ มไม่มีความผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพยต์ ามมาตราน้ี (ทวี
เกียรติ มีนะกนิษฐ, 2551, หนา้ 375) ถา้ ผกู้ ระทาเป็นเจา้ ของทรัพยป์ ระธาน แมท้ รัพยอ์ ่ืนจะมีผคู้ น
นามาปลกู หรือปักไว้ ถา้ เป็นส่วนควบของที่ดิน แมจ้ ะทาใหท้ รัพยน์ ้นั เสียหาย ยอ่ มไม่ผิดทาใหเ้ สีย
ทรัพย์ เพราะผทู้ ่ีมีกรรมสิทธ์ิกระทาตอ่ ทรัพยข์ องตนเอง (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 15, หนา้
407)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 9973/2553 ความผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพยน์ ้นั แมโ้ จทกท์ ่ี 1 จะอา้ งวา่ ตน้
ยคู าลิปตสั ที่จาเลยท่ี 1ใชใ้ หช้ าวบา้ นเขา้ ไปตดั ฟันน้นั โจทกท์ ่ี 1 เป็นผปู้ ลูกก็ตาม แต่ตน้ ยูคาลิปตสั
เป็ นไมย้ ืนตน้ จึงเป็ นส่วนควบของท่ีดินพิพาทตาม ป.พ.พ. มาตรา 145 วรรคหน่ึง และตกเป็ น
กรรมสิทธ์ิของเจา้ ของที่พิพาท ซ่ึงเป็นเจา้ ของทรัพยป์ ระธานตาม ป.พ.พ.มาตรา 144 วรรคสอง เม่ือ
โจทก์ท่ี 1 และจาเลยที่ 1 ยงั โตเ้ ถียงกรรมสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทกนั อยู่เท่ากบั ว่าโจทก์ท่ี 1
และจาเลยท่ี 1 ยงั โตเ้ ถียงกรรมสิทธิของตน้ ยูคาลิปตสั ซ่ึงปลูกอยูใ่ นที่พิพาท การท่ีจาเลยท่ี 1 ใชใ้ ห้
ชาวบา้ นเขา้ ไปตดั ฟันตน้ ยคู าลิปตสั พฤติการณ์จึงมีเหตุอนั สมควรให้จาเลยท่ี 1 เขา้ ใจโดยสุจริตว่า
ตน้ ยูคาลิปตสั ดงั กลา่ วเป็นของจาเลยที่ 1 เช่นกนั การกระทาของจาเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานทา
ใหเ้ สียทรัพย์ (มาตรา 358)
คาพิพากษาฎีกาที่ 1355/2508 ตน้ พลเู ป็นตน้ ไมย้ นื ตน้ จึงเป็นส่วนควบกบั ที่ดินตาม
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 144 โจทกเ์ ป็นผปู้ ลูกตน้ พลู แตข่ ณะเกิดเหตุที่ดินท่ีปลกู
ตน้ พลูเป็นกรรมสิทธ์ิของจาเลย ตน้ พลจู ึงตกเป็นกรรมสิทธ์ิของจาเลยดว้ ย ฉะน้นั แมจ้ าเลยจะ
ร่วมกนั ตดั ตน้ พลกู ย็ อ่ มไม่มีความผิดฐานทาให้เสียทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1450/2510 โจทกเ์ ช่าท่ีดินซ่ึงมีบอ่ เล้ียงปลา แตโ่ จทก์ กป็ ิ ดก้นั บ่อและ
ปลกู ไมล้ ม้ ลกุ และลอ้ มร้ัวลวดหนามไว้ ต่อมาจาเลยซ้ือท่ีดินแปลงน้นั แตโ่ จทกก์ ็ยงั ครอบครองใน
ฐานะผเู้ ช่า และจาเลยไปวดิ ปลาในบอ่ ตดั ตน้ ไมล้ ม้ ลุกและร้ือร้ัวลวดหนามออก จาเลยย่อมผิดลกั
ทรัพยแ์ ละทาใหเ้ สียทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาท่ี 331/2527 โจทกป์ ลกู ขา้ วในท่ีดินท่ียงั โตเ้ ถียงกรรมสิทธ์ิกบั จาเลยอยู่
จาเลยเสียหายอยา่ งไร ชอบที่จะฟ้องร้องวา่ กลา่ วกนั การท่ีจาเลยไถนาพพิ าทเป็นเหตุให้ตน้ ขา้ ว
เสียหาย จาเลยผดิ ทาใหเ้ สียทรัพยแ์ ละตอ้ งชดใชค้ ่าเสียหาย ขา้ วไม่เป็นส่วนควบกบั ที่ดิน (ประมวล
กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 146 ทรัพยซ์ ่ึงติดกบั ที่ดินหรือติดโรงเรือนเพียงชว่ั คราว ไมถ่ ือวา่
เป็นส่วนควบกบั ที่ดินหรือโรงเรือนน้นั )
463
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1828/2523 ที่ดินของจาเลยมีถนนคอนกรีตเป็นภาระจายอมแก่ท่ีดิน
ของโจทกอ์ อกสู่ทางสาธารณะ จาเลยร้ือถอนทาใหภ้ ารจายอมเสียหาย (ที่ดินของจาเลยเป็น
ภารยทรัพย)์ โจทกไ์ มใ่ ช่เจา้ ของรวมในภารยทรัพย์ ถนนท่ีดินเป็นของจาเลยไม่ใช่ทรัพยข์ องโจทก์
หรือโจทก์เป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ย โจทกไ์ มใ่ ช่ผเู้ สียหายท่ีจะฟ้องได้ ตามมาตรา 358
- เจตนาตามมาตรา 358 คือ เจตนาประสงคต์ อ่ ผลหรือย่อมเลง็ เห็นผลตามมาตรา 59
คาพิพากษาฎีกาที่ 963/2502 นายอาเภอสงั่ ปลดป้ายหาเสียงท่ีแขวนกีดขวางทางเดินออก
ตอ่ มาป้ายน้นั หายไปโดยไมไ่ ดเ้ กิดจากการกระทาของนายอาเภอโดยตรง นายอาเภอมิไดม้ ีเจตนา
กระทาใหเ้ สียทรัพย์ นายอาเภอไม่ผดิ ฐานทาใหเ้ สียทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 461/2478 ทอดแหจบั ปลาในนาทาใหต้ น้ ขา้ วเสียหาย เป็นความผิดฐาน
ทาใหเ้ สียทรัพยโ์ ดยเลง็ เห็นผล
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 668/2484 จุดประทดั ท้งั ตบั ไปที่ผเู้ สียหาย ทาใหเ้ ส้ือผา้ ไหม้ เป็นการทา
ใหเ้ สียทรัพยโ์ ดยเลง็ เห็นผล
- ถา้ ผกู้ ระทามีอานาจท่ีจะกระทาใหท้ รัพยน์ ้นั เสียหาย การกระทาน้นั ยอ่ มไม่เป็น
ความผดิ เช่น เจา้ พนกั งานบงั คบั คดีไปยดึ ทรัพย์
- เจา้ ของกรรมสิทธ์ิมีสิทธิท่ีจะติดตามและเอาทรัพยข์ องตนกลบั คืนมาได้ และเจา้ ของ
อสงั หาริมทรัพยม์ ีสิทธิท่ีจะดาเนินการอยา่ งหน่ึงอยา่ งใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1337 ได้
- กรณีที่มีการป้องกนั สิทธิตามมาตรา 68
- อา้ งเหตุจาเป็นตามมาตรา 67
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1097/2507 เจา้ หนา้ ที่ทอ้ งถ่ินมีอานาจร้ือถอนอาคารที่ไม่ปลอดภยั ตาม
พระราชบญั ญตั ิควบคุมอาคารได้ ไม่ผิดทาให้เสียทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 6999/2502 พนกั งานป่ าไมบ้ อกใหร้ ถบรรทกุ ไมห้ ยดุ แต่คนขบั ไมย่ อม
หยดุ พนกั งานป่ าไมจ้ ึงยงิ ยางท่ีลอ้ แตก เป็นการใชว้ ิธีท่ีเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งการจบั ตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 จึงไม่ผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาที่ 4791/2528 เจา้ พนกั งานศลุ กากรกบั ตารวจคน้ บา้ นโดยชอบ ก็ไมผ่ ิด
ฐานทาใหเ้ สียทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2207/2524 จาเลยมีสิทธิขดั ขวางไม่ใหโ้ จทกส์ ร้างรางน้ารุกล้าเขา้ ไปใน
ที่ดินของจาเลย การที่จาเลยร้ือรางน้าดงั กลา่ วโดยเช่ือวา่ รุกล้าเขา้ มาในที่ของจาเลย จึงเป็ นการใช้
สิทธิในที่ดินตามสมควรแก่การสร้างตึกของจาเลย ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา
1336 ไมผ่ ดิ ทาใหเ้ สียทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาที่ 6666/2542 จาเลยดึงร้ัวไมไ้ ผผ่ า่ ซีกของโจทกอ์ อกแลว้ นาไปเผา
464
เป็นความผดิ ฐานทาให้เสียทรัพย์ มาตรา 358 บทเดียว การเผาแผลงไมไ้ ผเ่ ป็นการทาลายทรัพยอ์ อก
โจทก์ มิใช่วางเพลิงเผาทรัพยบ์ า้ นของโจทก์ เพราะจาเลยมิไดเ้ ผาแผงไมไ้ ผใ่ นขณะที่มีสภาพเป็นร้ัว
บา้ นก้นั ขอบเขตท่ีอยอู่ าศยั ของโจทก์ อนั จะเป็นความผิดตามมาตรา 217
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 5830/2539 เผาตน้ ยคู าลิปตนั ในท่ีดินท่ีมีการโตเ้ ถียงสิทธิครอบครอง
กนั อยู่ เป็นความผดิ ฐานทาใหเ้ สียทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 6303/2539 จาเลยเขา้ ไปปักเสาสร้างร้ัวในที่พิพาทท่ีท้งั ฝ่ายโจทกแ์ ละ
จาเลย ยงั โตเ้ ถียงการครอบครองกนั อยู่ เป็นการเขา้ ใจโดยสุจริตวา่ ท่ีพิพาทเป็ นของจาเลย จาเลยจึง
ไม่ผิดฐานบกุ รุก
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2521/2539 จาเลยร้ือถอนบา้ นเรือนออกจากที่พพิ าทไปอยทู่ ี่อื่นตาม
คาพิพากษาแลว้ ถือไดว้ า่ จาเลยสละสิทธิครอบครองท่ีดินรวมท้งั ตน้ กลว้ ยที่ข้นึ อยดู่ ว้ ย เมื่อจาเลย
กลบั มาในที่พิพาทและตดั ฟันตน้ กลว้ ยในท่ีพิพาท จึงเป็นการกระทาโดยไมม่ ีสิทธิ ผิดฐานทาใหเ้ สีย
ทรัพย์ มาตรา 358
เหตุเพิ่มโทษ
มาตรา 359 ถา้ การกระทาความผิดตามมาตรา 358 ไดก้ ระทาต่อ
(1) เคร่ืองกลหรือเครื่องจกั รที่ใชใ้ นการประกอบกสิกรรมหรืออตุ สาหกรรม
(2) ปศุสตั ว์
(3) ยวดยานหรือสตั วพ์ าหนะท่ีใชใ้ นการขนส่งสาธารณะหรือในการประกอบกสิกรรม
หรืออุตสาหกรรม หรือ
(4) พืชหรือพชื ผลของกสิกร
ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหา้ ปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั
ปรับ
มาตรา 359 ทาใหเ้ สียทรัพยท์ ่ีเป็นกสิกรรมและอุตสาหกรรม
1. “เคร่ืองกล” คอื เครื่องมือที่เดินดว้ ยพลงั งานท่ีผลิตข้นึ เช่น ไฟฟ้า ไอน้า ความร้อน
“เคร่ืองจกั ร” คือ เคร่ืองทนุ่ แรงท่ีใชก้ าลงั ธรรมชาติ ซ่ึงเป็นทรัพยท์ ี่ใชใ้ นการประกอบ
กสิกรรมหรืออุตสาหกรรม
“กสิกรรม” คือ เพาะปลกู เล้ียงสัตวท์ ี่ตอ้ งทาเป็นอาชีพ
“อุตสาหกรรม” คือ การผลิตสิ่งของเพอื่ ใหเ้ ป็นสินคา้ ตอ้ งทาเป็นอาชีพ
2. “ปศสุ ตั ว”์ คือ สัตว์ สี่เทา้ ท่ีเล้ียงเพอ่ื เป็นอาหาร เช่น ววั ควาย แพะ แกะ รวมถึง สตั ว์
เล้ียงสาหรับใชแ้ รงงานดว้ ย เช่น ชา้ ง มา้ เป็นตน้ (ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2551, หนา้ 376)
สตั วป์ ี กไม่ถือวา่ เป็นปศสุ ตั ว์ (สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกลุ , 2548, หนา้ 116)
465
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2046/2515 “ปศุสตั ว”์ มาตรา 359(2) คือสัตวส์ ่ีเทา้ ที่เล้ียงเพือ่ ใชเ้ ป็น
อาหาร จาเลยใชม้ ีดฟันขาหมูของผเู้ สียหายเป็นแผลยอ่ มผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพย์ สัตวป์ ี กตา่ ง ๆ เช่น
เป็ด ไก่ ห่าน นก ปลา ไม่ใชปศุสตั ว์ และไม่หมายรวมถึง ชา้ ง มา้ ลา ล่อ ซ่ึงเป็นสตั วพ์ าหนะ
3. ยวดยานพาหนะ หรือสตั วพ์ าหนะท่ีใชใ้ นการขนส่งสาธารณะในการประกอบกสิกร
รมหรืออตุ สาหกรรม
“ยวดยาน” คือ ยานพาหนะที่ใชใ้ นการขนส่ง ไม่วา่ ทางบก น้า อากาศ เช่น รถยนต์
เกวียน
“สัตวพ์ าหนะ” คือ สตั วท์ ่ีเล้ียงใชง้ าน เพื่อขบั ขบ่ี รรทุกลากจูง เช่น ชา้ ง มา้ ววั ควาย
ซ่ึงตอ้ งใชใ้ นการส่งสาธารณะ คือ สาหรับคนทวั่ ไป มิฉะน้นั ก็ตอ้ งใชใ้ นการประกอบกสิกรรม
หรืออุตสาหกรรม การใชด้ งั กลา่ วจะมีคา่ จา้ งหรือมีคา่ ตอบแทนหรือไมน่ ้นั ไมใ่ ช่ขอ้ สาคญั
4. พืช หรือพืชผลของกสิกร ซ่ึงตอ้ งปลูกในการกสิกรรมของกสิกร
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 701/2505 ตน้ นุ่นหรือตน้ มะมว่ งหิมพานตท์ ี่ปลกู ไวเ้ ป็นแนวคนั นา
ซ่ึงกสิกรปลูกไว้ จึงไมใ่ ช่พืชหรือพชื ผลในการกสิกรรม การถอนหรือทาลาย จึงไมผ่ ดิ มาตรา 359
แตผ่ ดิ มาตรา 358 เท่าน้นั
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2560/2521 ตน้ มะพร้าวของผเู้ สียหายถกู จาเลยฟันเม่ือฟังไม่ไดว้ า่
ผเู้ สียหายมีอาชีพอะไร และสวนดงั กลา่ วเป็นสวนมะพร้าว จึงฟังไม่ไดว้ า่ ตน้ มะพร้าวที่ถูกฟันน้นั
เป็นพืชท่ีปลกู ในการกสิกรรมของผเู้ สียหาย ตามมาตรา 359(4)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 253/2510 ตน้ ขา้ วที่ผทู้ านาปลูกเป็นพชื ของกสิกรรมตามมาตรา
359 (4)
คาพิพากษาฎีกาที่1792/2522 ไถท่ีดินของผอู้ ื่นทาใหพ้ ืชงา ที่กสิกรปลกู ไวเ้ สียหาย เขา้
มาตรา 359(4)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 504/2524 ปลูกตน้ กลว้ ย 100 ตน้ รอบคนั นาเพ่อื ขายเป็นพืชของกสิกร
ฟันเสีย 24 ตน้ ผิดมาตรา 359 (4) (ตน้ กลว้ ยกสิกรปลกู เพอ่ื ขาย)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3071/2527 แผว้ ถางตน้ ยางในที่ดินของโจทก์ ซ่ึงโจทกม์ ีอาชีพปลกู ยาง
ผดิ มาตรา 359 (4)
ความผิดตามมาตรา 359 ตอ้ งผา่ นมาตรา 358 มาก่อน
มาตรา 360 ทาใหเ้ สียทรัพยซ์ ่ึงใชห้ รือมีไวเ้ พอ่ื สาธารณประโยชน์
ขอ้ สังเกต มาตรา 360 ถือตวั ทรัพยเ์ ป็นสาคญั
“ทรัพยท์ ี่ใชห้ รือมีไวเ้ พ่อื สาธารณประโยชน์” คือ ทรัพยน์ ้นั เป็นคุณแก่บุคคลทว่ั ไป
ทกุ คนมีสิทธิท่ีจะไดร้ ับประโยชนจ์ ากทรัพยน์ ้นั ใครจะเป็นเจา้ ของไมส่ าคญั แมเ้ ป็นของเอกชน
หรือราชการหรือไมม่ ีเจา้ ของ ก็เขา้ มาตราน้ี
- ต่างจากมาตรา 358 ตอ้ งเป็นทรัพยท์ ่ีมีเจา้ ของ
466
- ทรัพยท์ ่ีใชห้ รือมีไวเ้ พ่ือสาธารณประโยชน์ บญั ญตั ิทานองเดียวกบั มาตรา 335 (10)
คาพิพากษาฎีกาที่ 588/2508 ธงชาติโรงเรียนชกั ไวท้ ี่เสาในโรงเรียนไม่ใช่ทรัพยท์ ่ีมีไวเ้ พ่อื
สาธารณประโยชน์
คาพิพากษาฎีกาที่ 1175/2526 โทรศพั ทส์ าธารณะ ประชาชนทุกคนมีสิทธิใชเ้ ป็นทรัพย์
ท่ีมีไวเ้ พื่อสาธารณประโยชน์ เมื่อจาเลยทาใหห้ ูโทรศพั ทแ์ ตกเสียหายใชก้ ารไมไ่ ด้ จึงมีความผิด
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1196/2518 จาเลยถอนป้ายบอกช่ือหนองน้าสาธารณะน้นั ทิ้ง จาเลยผดิ
มาตรา 360
คาพิพากษาฎีกาที่ 3538/2522 ราษฎรในหมู่บา้ นทาถนนข้ึนเพื่อใชส้ ัญจรไปมา การท่ี
จาเลยขดุ ทาลายถนน จาเลยผิด มาตรา 360
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1517/2529 การขดุ หลุมปักเสาในถนนและเอาก่ิงไมก้ ้นั ไม่ใหค้ นใช้
ถนน เป็นการทาใหถ้ นนเสียหายและไร้ประโยชน์ ผิดมาตรา 360
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1692/2532 เขา้ ไปไถพรวนดินและปลูกตน้ มะพร้าวในหนองน้า
สาธารณะไม่เป็นการทาใหเ้ สื่อมคา่ หรือไร้ประโยชน์ ไม่ผิด มาตรา 360
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2907-8/2517 แผว้ ถางทานาในท่ีสาธารณะท่ีสงวนไวเ้ พอื่ เล้ียงสัตว์
เป็นการแผว้ ถางตามปกติของท่ีดิน ไมผ่ ิดฐานทาใหเ้ สียทรัพยต์ ามมาตรา 360
- สาธารณสมบตั ิแผน่ ดินที่ใชเ้ พอ่ื ประโยชนข์ องแผน่ ดินหรือทางราชการโดยเฉพาะ
เช่น ท่ีทาการของสถานราชการตา่ ง ๆ เหลา่ น้ี ไม่ใช่ทรัพยท์ ่ีมีไวเ้ พอ่ื สาธารณประโยชน์
ตามความหมายของมาตรา 360
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1113/2516 สถานีตารวจเป็นสาธารณสมบตั ิของแผน่ ดิน ตามมาตรา
1304 (3) แต่เป็นทรัพยส์ ินประเภทที่ใชเ้ พอ่ื ประโยชนข์ องแผน่ ดินโดยเฉพาะ ไม่ใช่ทรัพยส์ ินที่มีไว้
เพือ่ สาธารณประโยชน์ จาเลยทาใหส้ ถานีตารวจเสียหาย ยอ่ มไม่ผดิ มาตรา 360 แต่ผิดมาตรา 358
เทา่ น้นั
- ถา้ ทรัพยน์ ้นั เป็นของผกู้ ระทาความผิดเอง เช่น แดงสร้างศาลาพกั ร้อนไวน้ อกบา้ น
เพื่อใหป้ ระชาชนใชร้ ่วมกนั ศาลาพกั ร้อนยอ่ มเป็นสาธารณประโยชน์ แตเ่ ป็นทรัพยข์ องแดง แดง
ยอ่ มมีอานาจท่ีจะกระทาต่อทรัพยข์ องตนได้
มาตรา 360 ทวิ ทาใหเ้ สียทรัพยซ์ ่ึงเป็นพระพทุ ธรูป
มาตรา 360 ทวิ ผใู้ ดทาใหเ้ สียหาย ทาลาย ทาใหเ้ ส่ือมคา่ หรือทาใหไ้ ร้ประโยชน์ ซ่ึง
ทรัพยต์ ามมาตรา 335 ทวิ วรรคหน่ึง ท่ีประดิษฐานอยใู่ นสถานที่ตามมาตรา 335 ทวิ วรรคสอง ตอ้ ง
ระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
467
ตามมาตรา 360 ทวิ ไม่ใช่เพียงแตท่ าใหเ้ สียหาย ทาลาย หรือทาใหเ้ สื่อมค่าตอ่ ทรัพย์ ตาม
มาตรา 335 ทวิ วรรคแรกแต่เพยี งอยา่ งเดียว แต่จะตอ้ งประดิษฐ์อยใู่ นสถานท่ีตามมาตรา 335 ทวิ
วรรคสองดว้ ย จึงจะเป็นความผดิ ตามมาตรา 360 ทวิ
ดงั น้นั ถา้ แดงไดท้ าลายพระพุทธรูปซ่ึงเป็นท่ีสกั การะบูชาของประชาชนซ่ึงตามปกติ
พระพทุ ธรูปองคน์ ้ี ต้งั อยทู่ ี่วดั แต่แดงได้ นิมนตม์ าต้งั ไวท้ ่ีบา้ นของตนและทาลายจนเกิดความ
เสียหาย เช่นน้ี แดงไม่ผิดมาตรา 360 ทวิ คงผดิ แต่มาตรา 358 เท่าน้นั
มาตรา 361 ความผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพย์ ตามมาตรา 358, มาตรา 359 เทา่ น้นั ท่ียอมความ
ได้ เพราะทรัพยท์ ่ีเสียหายเป็นทรัพยม์ ีเจา้ ของ
มาตรา 360 ยอมความไมไ่ ด้ รวมท้งั มาตรา 360 ทวิ ก็ดว้ ย
มาตรา 360 เป็นทรัพยท์ ี่มีเจา้ ของหรือไมม่ ีเจา้ ของก็ได้ แต่ตอ้ งเป็นทรัพยท์ ่ีใชห้ รือมีไว้
เพอ่ื สาธารณประโยชน์
- ความผดิ อนั ยอมความได้ น้นั ผเู้ สียหายตอ้ งร้องทุกขภ์ ายใน สามเดือนนนบั แตร่ ู้เร่ือง
และรู้ตวั ผกู้ ระทาผิด
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1284/2514 ผคู้ รอบครองทรัพยข์ องผอู้ ื่นฟ้องทาใหท้ รัพยน์ ้นั เสียหายได้
ดงั น้นั ผูเ้ ช่าหรือผซู้ ้ือที่ตอ้ งเส่ียงภยั ในของท่ีเสียหายในระหวา่ งขนส่ง ก็ถือวา่ เป็นผเู้ สียหายใน
ความผดิ ฐานทาใหเ้ สียทรัพย์
หมวด 8 ความผิดฐานบุกรุก
ความผิดฐานบกุ รุกอสังหาริมทรัพย์
มาตรา 362 ผใู้ ดเขา้ ไปในอสังหาริมทรัพยข์ องผอู้ ื่น เพ่ือถือการครอบครองอสงั หาริมทรัพยน์ ้นั
ท้งั หมดหรือแตบ่ างส่วน หรือเขา้ ไปกระทาการใด ๆ อนั เป็นการรบกวนการครอบครอง
อสงั หาริมทรัพยข์ องเขาโดยปกติสุข ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไมเ่ กินสองหม่ืน
บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 362 ความผิดฐานบกุ รุก
1. ผใู้ ด
2. เขา้ ไปในอสังหาริมทรัพยข์ องผอู้ ื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพยน์ ้นั ท้งั หมด
หรือแต่บางส่วน
3. เขา้ ไปกระทาการใดๆ อนั เป็นการรบกวนการครอบครองอสงั หาริมทรัพยข์ องเขาโดย
ปกติสุข
4. โดยเจตนา
- คุณธรรมทางกฎหมายของมาตราน้ี คือ สิทธิในอสังหาริมทรัพย์ ท้งั กรณีกรรมสิทธ์ิและ
สิทธิครอบครอง (สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกลุ , 2548, หนา้ 220)
468
มาตรา 362 มี 2 ตอน คือ
1. การรบกวนกรรมสิทธ์ิ
2. การรบกวนการครอบครอง
- ท้งั สองตอนตอ้ งเป็นการกระทาตอ่ สิทธิครอบครองหรือกรรมสิทธ์ิใน
อสังหาริมทรัพยข์ องผอู้ ่ืนโดยปกติสุข
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 9367/2546 ตอ้ งไดค้ วามวา่ โจทกเ์ ป็นเจา้ ของหรือผคู้ รอบครองในขณะ
กล่าวหาจาเลยฐานบกุ รุก
1. เขา้ ไปในอสงั หาริมทรัพยข์ องผอู้ ่ืนเพ่ือถือการครอบครองอสงั หาริมทรัพยน์ ้นั ท้งั หมด
หรือแตบ่ างส่วน
“เขา้ ไป” คือ ตวั หรือส่วนหน่ึงส่วนใดของผกู้ ระทาไดล้ ว่ งล้าเขา้ ไปในอสังหาริมทรัพย์
เช่นเอ้ือมมือเขา้ ไปกระชาก
- การเขา้ ไปตามมาตรา 362 แตกต่างจากมาตรา 335 (8) ลกั ทรัพยใ์ นเคหสถาน ใชค้ า
วา่ “ตนไดเ้ ขา้ ไป” มาตรา 335 (8) ตอ้ งเขา้ ไปท้งั ตวั
มาตรา 362 แมไ้ มม่ ีการเขา้ ไปในอสงั หาริมทรัพยเ์ ลยกต็ าม ก็ผิดได้ (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์
2560, เล่ม 15, หนา้ 417)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1/2512 จาเลยใชไ้ มก้ ระดานตีขวางประตูหอ้ งเช่าท่ีโจทกค์ รอบครอง
ในขณะที่โจทกไ์ ม่อยแู่ ละปิ ดหอ้ งไว้ ทาให้โจทกเ์ ขา้ ไปอยใู่ นหอ้ งไมไ่ ด้ เป็นการล่วงล้าเขา้ ไปใน
อานาจการครอบครองของโจทกโ์ ดยปกติสุข ตามมาตรา 362
คาพิพากษาฎีกาท่ี 363/2518 โจทกเ์ ช่าบา้ น ส. จนถกู ส. ฟ้องขบั ไล่ ระหวา่ งโจทกฎ์ ีกา
อยู่ จาเลยที่ 1 สามี ส. ใหจ้ าเลยที่ 2 ตดั กญุ แจบา้ นออกและใหจ้ าเลยท่ี 2 เขา้ ไปอาศยั เม่ือโจทกย์ งั ไม่
ทราบคาส่ังบงั คบั ของศาลที่ใหโ้ จทกอ์ อก โจทกย์ งั มีสิทธิครอบครอง จาเลยเป็นผใู้ ชใ้ หบ้ กุ รุก
ผดิ มาตรา 362 และมาตรา 84 โจทกเ์ ป็นผเู้ สียหายมีอานาจฟ้องจาเลยฐานบุกรุก
คาพิพากษาฎีกาที่ 1124/2518 จาเลยไปที่หอ้ งแถวและไลโ่ จทกอ์ อกจากห้องเป็นความผิด
ตามมาตรา 362 ได้ ส่วนผทู้ ่ีไปกบั โจทก์ และกล่าวเพียงวา่ ออกไปเสียเถอะหนูอยไู่ ปจะลาบาก ยงั ไม่
เป็นการรบกวนการครอบครองตามมาตรา 362
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5588/2537 จาเลยไม่มีอานาจโดยพลการที่จะนาไม้ และสังกะสีไปตอก
ปิ ดก้นั ประตทู างเขา้ ออกที่ดินของโจทก์ ทาใหโ้ จทก์เขา้ ออกท่ีดินไมไ่ ดเ้ ป็นการล่วงล้าเขา้ ไปใน
อานาจการครอบครองของโจทก์ ถือไดว้ า่ เป็นการเขา้ ไปกระทาการรบกวนการครอบครอง
อสังหาริมทรัพยข์ องโจทก์ โดยปกติสุข จาเลยผิดบุกรุก
- การเขา้ ไปในอสังหาริมทรัพยข์ องผอู้ ื่นตามมาตรา 362 น้ีแมต้ วั หรือร่างกายจะไม่ได้
เขา้ ไปเลย ก็เป็นการรบกวนการครอบครองได้ และตอ้ งแปลความในมาตรา 364 ในทานองเดียวกนั
ดว้ ย ตวั อยา่ งเช่น ปิ ดก้นั ถนน, ใชไ้ มป้ ิ ดประตูหอ้ งไม่ใหเ้ ขา้ เช่นน้ี ผิดบกุ รุก
469
“อสงั หาริมทรัพย”์ ตามมาตรา 362 ยอ่ มถูกจากดั โดยสภาพของความผิด คือตอ้ งเป็น
ทรัพยท์ ่ีมีการครอบครองได้ เพราะผกู้ ระทาตอ้ งมีเจตนาพิเศษท่ีจะเขา้ ครอบครองหรือรบกวนการ
ครอบครอง จึงตอ้ งเป็นทรัพยช์ นิดท่ีมีรูปร่าง
- ภาระจายอมหรือภาระติดพนั ในอสงั หาริมทรัพย์ ซ่ึงไมม่ ีการครอบครองหรือเขา้ ไป
ไม่ได้ ไม่เป็นสิทธิที่จะถูกกระทบกระเทือน เพราะการบกุ รุกได้
คาพิพากษาฎีกาที่ 5362/2539 ท่ีดินหา้ มโอนยอ่ มไมอ่ าจสละหรือโอนการครอบครอง
ใหแ้ ก่ผอู้ ื่นได้ การทาสัญญาจะซ้ือจะขายท่ีดินน้นั ไม่มีผลตามกฎหมาย การที่จาเลยทาสญั ญาจะซ้ือ
จะขายใหแ้ ก่โจทก์ โจทกย์ งั ไม่มีสิทธิครอบครองท่ีดินพพิ าท การที่จาเลยจา้ งบคุ คลอ่ืนเขา้ ไปไถ
ปรับพ้นื ที่ และลอ้ มร้ัวท่ีดินพิพาท จึงไมผ่ ดิ บุกรุก
- มาตรา 362 ม่งุ ประสงคจ์ ะลงโทษผทู้ ี่บกุ รุกอสงั หาริมทรัพยข์ องผอู้ ื่นเทา่ น้นั
ไม่รวมถึงสาธารณสมบตั ิของแผน่ ดิน
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1932/2533 จาเลยบกุ รุกเขา้ ครอบครองท่ีดินซ่ึงจาเลยรู้วา่ เป็ นสาธารณ
สมบตั ิของแผน่ ดินที่พลเมืองใชร้ ่วมกนั ผดิ ประมวลกฎหมายท่ีดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสอง
ส่วนความผิดบุกรุก มาตรา 362, 365 กฎหมายประสงคจ์ ะลงโทษผทู้ ี่บุกรุกอสังหาริมทรัพยข์ องผอู้ ่ืน
เท่าน้นั ไม่ใช่บทบญั ญตั ิที่จะลงโทษผบู้ ุกรุกที่สาธารณสมบตั ิของแผน่ ดิน
คาพิพากษาฎีกาที่ 291/2539 จาเลยเขา้ ทาประโยชน์ในท่ีราชพสั ดุซ่ึงกรมตารวจดูแล
แตไ่ มไ่ ดท้ าประโยชนท์ ี่ดินดงั กลา่ วและไม่มีประกาสเปิ ดเผยวา่ เป็นที่สงวนของราชการ จาเลยเขา้ ใจ
วา่ ไมใ่ ช่ที่สงวน จึงไดซ้ ้ือและครอบครองทาประโยชน์มาตลอด ทาใหจ้ าเลยหลงเขา้ ใจโดยสุจริตวา่
ท่ีพิพาทเป็นของจาเล จาเลยขาดเจตนาท่ีจะเขา้ ถือการครอบครองอสงั หาริมทรัพยข์ องผอู้ ่ืน อนั จะ
ผดิ ฐานบกุ รุก
- สาธารณสมบตั ิของแผน่ ดิน ถา้ อยใู่ นความครอบครองดูแลของหน่วยราชการ
ซ่ึงเป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา ก็เทา่ กบั ท่ีน้นั มีผคู้ รอบครองอาจผิดฐานบกุ รุกได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1552/2535 มาตรา 362 น้นั ผเู้ สียหายตอ้ งเป็นเจา้ ของหรือมีสิทธิ
ครอบครองท่ีพพิ าทอยใู่ นขณะที่จาเลยเขา้ ไปในท่ีดินพพิ าทเพ่อื ถือการครอบครอง หรือเขา้ ไป
กระทาการใด ๆ อนั เป็นการรบกวนการครอบครองท่ีดิน จาเลยไดเ้ ขา้ ไปครอบครองอย่กู ่อนแลว้
ผเู้ สียหายเพง่ิ จะอา้ งวาเป็นเจา้ ของที่ดินพิพาทโดยการซ้ือขายภายหลงั การที่จาเลยเขา้ ไปครอบครอง
ยดึ ถือท่ีดินพพิ าทอยกู่ ่อนและคงอยใู่ นที่พพิ าทตลอดย่อมไมผ่ ดิ บุกรุก
- เจตนาพเิ ศษ คือ เขา้ ไปเพ่ือถือการครอบครองอสังหาริมทรัพยท์ ้งั หมด หรือ
แตบ่ างส่วน
- ผทู้ ่ีเป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์ิยอ่ มไมอ่ าจจะมีความรับผิดในส่วนแรกได้ เพราะตอ้ งเป็น
การเขา้ ไปในอสงั หาริมทรัพยข์ องผอู้ ่ืน ถา้ เขา้ ไปในอสังหาริมทรัพยข์ องตนเองขาดองคป์ ระกอบคว
สมผดิ
470
2. เขา้ ไปกระทาการใด ๆ อนั เป็นการรบกวนการครอบครองอสงั หาริมทรัพยข์ องเขาโดย
ปกติสุข
- ในส่วนน้ี ถา้ ผทู้ ่ีเขา้ ไป ไม่ใช่เจา้ ของกรรมสิทธ์ิ หากเขา้ ไปรบกวนการครอบครอง
ของผอู้ ่ืนยอ่ มผดิ อยา่ งแน่นอน แตศ่ าลเคยวินิจฉยั วา่ ผทู้ ่ีเป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์ิมีความผดิ มาตรา 362
ในส่วนที่สองน้ีได้
- ผใู้ หเ้ ช่าเป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์ิ ยอ่ มมีความผิดฐานกระทาการรบกวนการครอบครอง
ของผเู้ ช่า ตามมาตรา 362 น้ีได้ ดงั น้นั ปัจจุบนั จึงตอ้ งมีการเขียนสัญญาไวอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ การกระทา
ใด ๆ ตามขอ้ สัญญาเช่าน้นั ทาได้ ไม่เป็นความผิดฐานบกุ รุก ไม่ขดั ต่อความสงบเรียบร้อยและ
ศีลธรรมอนั ดีของประชาชน (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เล่ม 15, หนา้ 421)
คาพิพากษาฎีกาที่ 788/2519 ขอ้ สัญญาเช่าสานกั งาน ถา้ ผเู้ ช่าผดิ นดั ชาระเงินค่าเช่า ผใู้ ห้
เช่ากลบั ครอบครองสถานที่ได้ ไม่ขดั ต่อความสงบฯ ผใู้ หเ้ ช่าตดั กญุ แจห้องแลว้ ใส่กญุ แจใหม่ได้
ผเู้ ช่าเขา้ ห้องไมไ่ ด้ ดงั น้ีเป็นการใชส้ ิทธิตามสัญญาเช่าไมม่ ีมลู ความผิดทางอาญา
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5854/2537 สัญญาเช่าระบุถา้ ผเู้ ช่าละเมิดสัญญาขอ้ ใดขอ้ หน่ึง ยอมให้
ผเู้ ช่าเขา้ ครอบครองหอ้ งเช่าได้ จาเลยตดั กุญแจลูกบิดออกไม่ผดิ บุกรุก
กรณีจาเลยบกุ รุกที่ดินมือเปล่า แตผ่ เู้ สียหายไม่ไดฟ้ ้องขบั ไล่ ภายใน 1 ปี ตามประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ไม่เป็นความผดิ บกุ รุก
ถา้ ยงั โตเ้ ถียงกรรมสิทธ์ิกนั อยู่ ศาลฎีกาวา่ ไมเ่ ป็นความผดิ ฐานบกุ รุก
คาพิพากษาฎีกาท่ี 435/2535 ความผิดฐานบุกรุกเกิดข้ึนและสาเร็จเม่ือมีการเขา้ ไปถือการ
ครอบครองที่ดิน ส่วนการครอบครองที่ดินตอ่ มาเป็นเพยี งผลจากการบกุ รุก ไมเ่ ป็นความผิด
ตอ่ เนื่องกนั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2886/2539 บกุ รุกตามมาตรา 362 มี 2 ตอนคอื 1. เขา้ ไปเพ่ือถือการ
ครอบครอง 2. เขา้ ไปทาการรบกวนครอบครองของเขา จาเลยเขา้ ไปและครอบครองที่พิพาทของ
โจทกต์ ลอดเวลาต่อมาน้นั การกระทาอนั หน่ึงคือ การเขา้ ไป แมจ้ ะลอ้ มร้ัวและครอบครองต่อมา
ก็เป็นการกระทาอีกข้นั หน่ึง การกระทาในส่วนหลงั เป็นการกระทาส่วนแรกยตุ ิเสร็จสิ้นลงแลว้
การกระทาส่วนหลงั ต่อๆมาก็ไมเ่ ป็นความผดิ ต่อเนื่องติดต่อเกิดข้ึนตลอดเวลาได้ เพราะความผิดฐาน
บกุ รุกไดเ้ กิดข้นึ และสาเร็จแลว้ เมื่อจาเลยเขา้ ไปกระทาการดงั กลา่ ว ส่วนการครอบครองท่ีดินต่อมา
เป็นเพยี งผลของการบุกรุก จาเลยจึงไม่ผดิ มาตรา 365 (อายุความจึงนบั ต้งั แตว่ นั แรก)
- ความผิดในส่วนท่ี 2 น้ี ไม่จาเป็นตอ้ งมีเจตนาพิเศษ เพียงแตม่ ีเจตนาเขา้ ไปใน
อสังหาริมทรัพยข์ องผอู้ ื่น และโดยผลคอื เป็นการรบกวนการครอบครองยอ่ มเป็นความผิดได้
ดงั น้นั ถา้ ผกู้ ระทาสาคญั ผิดในขอ้ เทจ็ จริงยอ่ มเป็นเหตุท่ีไม่ตอ้ งรับผิดตามมาตรา 362 ได้
471
คาพิพากษาฎีกาท่ี 3548/2539 ยงั โตเ้ ถียงกรรมสิทธ์ิในที่ดินกนั อยู่ จาเลยเขา้ ไปไถปรับ
ท่ีดิน ก็โดยเช่ือโดยสุจริตวา่ มีสิทธิเขา้ ทาได้ จาเลยไม่ผดิ บกุ รุก เม่ือไมม่ ีเจตนาบุกรุก จาเลยจึงไม่ผิด
ฐานทาใหเ้ สียทรัพยซ์ ่ึงคนั นาและตน้ หวา้ ท่ีอยใู่ นท่ีดินพพิ าทดว้ ย
คาพิพากษาฎีกาที่ 6303/2539 เขา้ ไปปักเสาร้ัวในท่ีพิพาทท่ียงั โตเ้ ถียงกรรมสิทธ์ิอยู่
โดยเขา้ ใจโดยสุจริตวา่ ท่ีพพิ าทเป็นของจาเลย จาเลยไมผ่ ดิ บุกรุกและตน้ ไผ่ ซ่ึงปลูกอยเู่ ป็นไมย้ นื ตน้
แมโ้ จทกจ์ ะปลูกก็เป็นส่วนควบกบั ท่ีดิน เทา่ กบั วา่ โจทกจ์ าเลยกย็ งั โตเ้ ถียงกรรมสิทธ์ิของตน้ ไผ่
ซ่ึงปลูกในที่ดินพิพาทดว้ ย การท่ีจาเลยเขา้ ไปตดั ฟันตน้ ไม้ จึงไมผ่ ดิ ฐานทาใหเ้ สียทรัพย์
การพจิ ารณาวา่ เป็นการรบกวนการครอบครองหรือไมน่ ้นั ตอ้ งถือขอ้ เทจ็ จริงเป็น
เรื่อง ๆ ไป
คาพิพากษาฎีกาที่ 144/2513 จาเลยเขา้ ไปในนาของผเู้ สียหายเพื่อไล่ทาร้ายผเู้ สียหาย
มิไดเ้ พอื่ รบกวนการครอบครองท่ีนาของผเู้ สียหาย จาเลยไม่ผดิ มาตรา 362
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 738/2515 จาเลยตามข่ผู เู้ สียหายถึงบนั ไดบา้ นผเู้ สียหาย แต่มีคนเขา้ มา
ดึงจาเลยไว้ แสดงวา่ จาเลยมีเจตนาบุกรุกบา้ นผเู้ สียหายแต่ทาไปไมต่ ลอด จาเลยผิดพยายามบกุ รุก
โดยมีอาวุธปื นติดตวั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 859/2521 มีปื นเขา้ ไปข่ใู นห้องนอน และใชไ้ ฟฉายทาร้ายดว้ ย ศาลวา่
ไม่เป็นการรบกวนการครอบครอง แตเ่ ป็นความผิดตามมาตรา 364
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 246/2515 ผใู้ หญบ่ า้ นเขา้ คน้ บา้ นราษฎรโดยไมม่ ีอานาจ ผดิ มาตรา 364
ไม่ใช่ มาตรา 362
คาพิพากษาฎีกาที่ 2153/2518 เขา้ ไปในหอ้ งนอนของโจทก์ เพ่อื พูดธุระมีเหตุสมควรไม่
เป็ นการรบกวนการครอบครอง
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1338/2532 เขา้ ไปในโรงเรียนแลว้ ฉีกถุงปูนท่ีเก็บไวห้ นา้ อาคารเรียน
ซ่ึงไมใ่ ช่ทางผา่ น ศาลวา่ เป็นการรบกวนการครอบครองตามมาตรา 362 แลว้
คาพิพากษาฎีกาที่ 2824/2535 ผเู้ สียหายทา้ ทายจาเลย เม่ือมีการเฉี่ยวชนกนั วา่ ใหต้ ามไป
ที่บา้ น จาเลยไปถามหาผเู้ สียหายในบา้ นแลว้ เขา้ ไปบนบา้ นและในครัว โดยจาเลยเตะถีบ ชกตอ่ ย
ผเู้ สียหาย การกระทาของจาเลยเป็นเรื่องชวนวิวาทและทาร้ายผเู้ สียหายในเคหสถานเท่าน้นั จะถือ
เป็นการรบกวนการครอบครองอสงั หาริมทรัพยข์ องผเู้ สียหายยงั ไมไ่ ด้ จึงไมผ่ ดิ มาตรา 362 แต่การ
เขา้ ไปทาร้าย เป็นกรณีไม่มีเหตุอนั สมควรที่จะเขา้ ไปในเคหสถานของผเู้ สียหายตามมาตรา 364
จาเลยผดิ มาตรา 364
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2415/2545 จาเลยเขา้ ไปตึกแถวหน่ึงแลว้ ปี นไปบนหลงั คาของอีกตึก
เพ่ือดูทรัพยส์ ินภายในตึกท้งั สอง คูหา เป็นการเขา้ ไปในเคหสถานของผอู้ ื่นโดยไมม่ ีเหตอุ นั สมควร
จึงผิดมาตรา 364 เทา่ น้นั จะถือวา่ เป็นการรบกวนการครอบครองอสงั หาริมทรัพยข์ องผอู้ ื่นตาม
มาตรา 362 ยงั ไมไ่ ด้
472
- การที่จาเลยเขา้ ไปในบา้ นผเู้ สียหาย แตท่ นั ใดน้นั เองผเู้ สียหายเป็นจาเลยพอดี
จาเลยจึงวิง่ หนีออกไป ไม่ถือวา่ เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพยข์ องผเู้ สียหายโย
ปกติสุข จาเลยไม่ผดิ มาตรา 362 แตผ่ ดิ ฐานเขา้ ไปในเคหสถานของผอู้ ื่นโดยไม่มีเหตุอนั สมควร
ในเวลากลางคนื ตามมาตรา 365 (3) และมาตรา 364 แมโ้ จทกไ์ ม่ไดอ้ า้ งมาตรา 364 แต่กบ็ รรยาย
ฟ้องเก่ียวกบั การกระทามีขอ้ ความอนั เป็นความผิดตามมาตรา 364 เมื่อขอ้ เทจ็ จริงฟังไดเ้ ช่นน้ี
ศาลมีอานาจลงโทษตามมาตรา 364 และบทฉกรรจต์ ามมาตรา 365 (1), (2) ไดต้ ามประมวลกฎหมาย
วธิ ีพจิ ารณาคดีอาญา ตามมาตรา 192 วรรคสี่
คาพิพากษาฎีกาท่ี 467/2540 นบั จากวนั ที่โจทกซ์ ้ือที่ดินจากกรมท่ีดิน โจทกย์ งั ไมไ่ ดเ้ ขา้
ทาประโยชน์ในท่ีดินน้นั (ยงั ไม่ไดย้ ดึ ถือ) เทา่ กบั ไมม่ ีสิทธิครอบครอง จาเลยครอบครองท่ีดินน้ีมา
ก่อน และยงั ไดแ้ สดงความเป็นเจา้ ของโดยทาเป็นหนงั สือคดั คา้ นการออก นส.3 และขายใหแ้ ก่ผอู้ ื่น
การท่ีจาเลยเขา้ ถากถางทาประโยชน์ในท่ีพิพาท จึงไมผ่ ิดบุกรุก
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2768/2540 จาเลยกระชากลากผเู้ สียหายมาจากชายคาบา้ นของ
ผเู้ สียหายการเอ้ือมมือเขา้ ไปกระชากตวั ผเู้ สียหาย ถือไดว้ า่ เป็นการรบกวนการครอบครอง
อสงั หาริมทรัพย์ ของผเู้ สียหายโดยปกติสุข โดยใชก้ าลงั ประทุษร้ายตามมาตรา 362, 365 (1) แลว้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3523/2541 ใชข้ วดขวา้ งและใชม้ ีดฟันประตูห้องพกั กบั เรียกผเู้ สียหาย
ออกมาพดู คยุ และขฆู่ ่า โดยท่ีจาเลยไมไ่ ดเ้ ขา้ ไป ไมเ่ ป็นการบุกรุก
คาพิพากษาฎีกาที่ 815/2541 จาเลยนารถจกั รยานยนตไ์ ปต้งั ขายบนที่ดินของโจทก์เวลา
กลางวนั แตเ่ วลากลางคนื กเ้ อาเกบ็ ไวท้ ี่ร้านของจาเลยซ่ึงติดกบั ท่ีดินของโจทก์ เชา้ กเ็ อามาต้งั ใหมอ่ ีก
แมก้ ระทาหลายคร้ัง แตก่ ารกระทาคร้ังอ่ืน ๆ น้ีกเ้ ป็นเพยี งผลของการบุกรุกที่ไดก้ ระทาสาเร็จลงไป
แลว้ ตอ้ งถือวา่ การกระทาของจาเลยเป็นความผิดกระทงเดียว นบั แตว่ นั ท่ีการกระทาผิดคร้ังแรก
สาเร็จลง
- ถา้ เขา้ ไปโดยมีสิทธิกไ็ ม่ผดิ บกุ รุก เช่น เขา้ ไปในที่ดินซ่ึงตกเป็นภาระจายอม, เจา้
พนกั งานมีอานาจตามกฎหมายเขา้ ไปช้ีจบั
ความผิดฐานยกั ย้ายทาลายเครื่องหมายเขต
มาตรา 363 ผใู้ ดเพอ่ื ถือเอาอสังหาริมทรัพยข์ องผอู้ ื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม ยกั ยา้ ยหรือ
ทาลายเครื่องหมายเขตแห่งอสงั หาริมทรัพยน์ ้นั ท้งั หมดหรือแตบ่ างส่วน ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกิน
สามปี หรือปรับไมเ่ กินหกหมื่นบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 363 เพ่ือเอาอสงั หาริมทรัพยข์ องผอู้ ื่นเป็นของตนโดยยกั ยา้ ยทาลายเครื่องหมายเขต
- ถา้ อสังหาริมทรัพยเ์ ป็นของผกู้ ระทาผดิ เองหรือผกู้ ระทาเป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ย
การกระทาน้นั ยอ่ มไม่เป็นความผิด
473
มาตรา 363 มีเจตนาพเิ ศษ เพ่ือถือเอาอสังหาริมทรัพยข์ องผอู้ ื่นเป็นของตนหรือของบคุ คลท่ีสาม
- การกระทา คือ “ยกั ยา้ ย” คือ ทาใหเ้ คล่ือนที่ “ทาลาย” คอื ทาใหห้ มดสิ้นไป แมห้ มดสิ้น
ไปบางส่วนก็เป็นความผิดตามมาตรา 363 น้ีได้
“เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย”์ คือ แสดงถึงสิทธิแห่งอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่หลกั
ท่ีปักในการทาแผนท่ีพพิ าท หรือ เพ่อื เป็นการสังเขปในการบงั คบั คดี
เครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์ อาจจะเป็นสิ่งที่มนุษยท์ าข้นึ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่
เกิดข้ึนตามธรรมชาติกไ็ ด้ เช่น ตน้ ไม้ กอไผ่ คูคลอง แนวคนั นา (ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2551, หนา้
383)
ตอ้ งเป็นเคร่ืองหมายแสดงเขตแห่งกรรมสิทธ์ิหรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์
- จอมปลวก เป็นเคร่ืองหมายเขตได้
- กรรมสิทธ์ิในเครื่องหมายเขตจะเป็นของใคร กฎหมายไม่ไดค้ านึงถึง ดงั น้นั อาจจะ
เป็นของผกู้ ระทาผิดเองก็ได้ เช่น ก. กบั ข. มีท่ีดินติดกนั ก. ไดป้ ักเสาแสดงเขตท่ีดินเอาไว้ แลว้ ตอ่ มา
ก. ไดย้ กั ยา้ ยเสาโดยมีเจตนาเพือ่ จะถือเอาอสังหาริมทรัพยข์ อง ข.แตบ่ างส่วนมาเป็นของตน แมเ้ ป็น
การกระทาต่อเสา ซ่ึงเป็นของ ก. ก. ก็ยอ่ มมีความผิดตามมาตรา 363 ได้
ความผิดฐานบุกรุกอาคารหรือเคหสถานโดยไม่มเี หตุอันสมควร
มาตรา 364 ผใู้ ดโดยไมม่ ีเหตุอนั สมควร เขา้ ไปหรือซ่อนตวั อยใู่ นเคหสถาน อาคารเกบ็ รักษาทรัพย์
หรือสานกั งานในความครอบครองของผอู้ ื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานท่ีเช่นวา่ น้นั เม่ือผมู้ ีสิทธิที่
จะหา้ มมิใหเ้ ขา้ ไปไดไ้ ล่ใหอ้ อก ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไมเ่ กินสองหม่ืนบาท
หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 364 บุกรุกเคหสถาน
1. ผใู้ ด
2. โดยไม่มีเหตอุ นั สมควร
3. เขา้ ไปหรือซ่อนตวั
4. อยใู่ นเคหสถานหรืออาคารเก็บรักษาทรัพยห์ รือสานกั งานในความครอบครองของ
ผอู้ ่ืน
5. ไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นวา่ น้นั เมื่อผมู้ ีสิทธิท่ีจะหา้ มมิใหเ้ ขา้ ไปไดไ้ ลใ่ หอ้ อก
- คุณธรรมทางกฎหมาย คือ สิทธิในการครอบครองสถานที่ของผอู้ ่ืน โดยไมม่ ีเหตุอนั
สมควร กลา่ วคอื ไม่มีความชอบธรรมในการที่จะเขา้ ไป (สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกุล, 2548, หนา้ 235)
มาตรา 364 เกิดจากการกระทา คือ อยใู่ นสถานท่ีตามมาตรา 364 ไม่ยอมออกจากสถานที่
เช่นน้นั เม่ือผมู้ ีสิทธิจะหา้ ม มิใหเ้ ขา้ ไปไดไ้ ลอ่ อก
474
การกระทาตามมาตรา 364 จะเป็นการรบกวนการครอบครองหรือไม่ ไมใ่ ช่สาระสาคญั
การกระทาตามมาตรา 364 ไม่จาเป็นตอ้ งมีเจตนา เพื่อจะแยง่ การครอบครองหรือเพ่ือถือเอา
อสงั หาริมทรัพยข์ องผอู้ ื่นเป็นของตน
- การเขา้ ไปหรือซ่อนตวั หรือไมย่ อมออก ถา้ กระทาไปโดยไมม่ ีเหตุอนั สมควร
ยอ่ มเป็นความผิดตามมาตรา 364
- คาวา่ “เขา้ ไป” อาจารยไ์ กรฤกษ์ เกษมสนั ตเ์ ห็นวา่ ส่วนใดส่วนหน่ึงของร่างกายเขา้
ไปกย็ อ่ มเป็นความผดิ ตามมาตรา 364 น้ี อยา่ งไรกต็ ามอาจารยท์ วเี กียรติ มีนะกนิษฐ มีความเห็น
แตกตา่ งไป กลา่ วคือ การเขา้ ไปตามมาตราน้ี ตอ้ งเขา้ ไปท้งั ตวั มิใช่เพยี งแต่ร่างกายส่วนหน่ึงส่วนใด
ล่วงล้าเขา้ ไปเทา่ น้นั (2551, หนา้ 383)
- “ซ่อนตวั อย”ู่ ตวั ตอ้ งอยใู่ นที่น้นั ท้งั หมด ท้งั ตวั ตีความทานองเดียวกบั มาตรา 335 (8)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 6606/2551โจทก์บรรยายฟ้องว่า จาเลยบุกรุ กเข้าไปในอาคาร
หา้ งสรรพสินคา้ ต. อนั เป็นสานกั งานของบริษทั ศ. ผเู้ สียหาย โดยไม่ไดร้ ับอนุญาตและไม่มีเหตุอนั
สมควร เม่ือขอ้ เทจ็ จริงฟังไดว้ า่ จาเลยเขา้ ไปในหา้ งสรรพสินคา้ ที่เกิดเหตุในเวลาท่ีหา้ งสรรพสินคา้ ท่ี
เกิดเหตุยงั เปิ ดทาการ และจาเลยอยใู่ นหา้ งสรรพสินคา้ ที่เกิดเหตจุ นกระทง่ั หา้ งสรรพสินคา้ ท่ีเกิดเหตุ
ปิ ดทาการ จึงมิใช่เป็ นการเขา้ ไปในห้างสรรพสินคา้ ท่ีเกิดเหตุโดยไม่มีเหตุอนั สมควร แต่เป็ นการ
ซ่อนตัวอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุ ข้อเท็จจริงท่ีปรากฏในการพิจารณาจึงแตกต่างกับ
ขอ้ เท็จจริงท่ีกล่าวในฟ้องในขอ้ สาระสาคญั เพราะโจทก์มิไดก้ ล่าวในฟ้องว่าจาเลยซ่อนตวั อยู่ใน
ห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุโดยไม่มีเหตุอันสมควร และจาเลยก็นาสืบต่อสู้ว่าจาเลยเข้าไปใน
ห้างสรรพสิ นค้าท่ีเกิดเหตุในระหว่างท่ีห้างสรรพสิ นค้าท่ีเกิดเหตุเปิ ดทาการและอยู่ใน
ห้างสรรพสินคา้ จนกระทง่ั ปิ ดทาการ แสดงว่าจาเลยหลงต่อสู้แลว้ ท้งั มิใช่เป็นเร่ืองท่ีโจทก์ประสงค์
ใหล้ งโทษจาเลยความผิดฐานซ่อนตวั ในห้างสรรพสินคา้ ท่ีเกิดเหตุอนั เป็ นสานกั งานของผูเ้ สียหาย
โดยไมม่ ีเหตอุ นั สมควร เพราะโจทกม์ ิไดบ้ รรยายฟ้องถึงการท่ีจาเลยซ่อนตวั อยใู่ นหา้ งสรรพสินคา้ ท่ี
เกิดเหตุ จึงลงโทษจาเลยในความผดิ ฐานน้ีไม่ไดต้ าม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง และวรรคส่ี
- “ไม่ยอมออก” หมายถึง การไมย่ อมออกจากสถานที่ที่ไดเ้ ขา้ ไป แมก้ ารเขา้ ไปจะมี
เหตุอนั สมควรก็ตามแตถ่ า้ หากผมู้ ีสิทธิจะหวงหา้ ม มิใหเ้ ขา้ ไปไดไ้ ล่ออก ยงั ไม่ยอมออก ยอ่ มผิดตาม
มาตรา 364
- “ผมู้ ีสิทธิหา้ มไมใ่ หเ้ ขา้ ไป” หลกั คือผทู้ ่ีครอบครองสถานท่ีน้นั ๆ เช่น ผจู้ ดั การหรือ
ผแู้ ทนนิติบคุ คล คนใช้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2257/2524 สญั ญาเช่าหมดอายุ ผเู้ ช่ายงั ไมย่ อมออกจากบา้ นเช่า แมผ้ ใู้ ห้
เช่าจะไลใ่ หอ้ อก ผเู้ ช่ากไ็ ม่ เป็นความผิด ตามมาตรา 364 เพราะผใู้ หเ้ ช่าจะไล่ออกเองไมไ่ ด้ จะตอ้ ง
ฟ้องร้องบงั คบั โดยใชอ้ านาจทางศาล
475
สถานที่บกุ รุกเขา้ ไปตามมาตรา 364 มี 3 ประการ 1. เคหสถาน มาตรา 1(4) คือ ที่ซ่ึงใช้
เป็นที่อยูอ่ าศยั เช่น เรือน โรง เรือ แพ ซ่ึงคนอยูอ่ าศยั มีความหมายเช่นเดียวกบั มาตรา 335(8)
สรุป เคหสถาน หมายถึง
- ท่ีซ่ึงใชเ้ ป็นที่อยอู่ าศยั
- บริเวณท่ีซ่ึงใชเ้ ป็นที่อยอู่ าศยั น้นั ดว้ ยจะมีร้ัวลอ้ มหรือไม่กต็ าม
- “เคหสถาน” ไมจ่ าเป็นตอ้ งเป็นอสงั หาริมทรัพยเ์ สมอไป สาคญั ที่ ใชเ้ ป็นท่ีอย่อู าศยั
หรือไม่ จึงอาจเป็นการกระทาตอ่ อสงั หาริมทรัพยท์ ่ีใชเ้ ป็นที่อยอู่ าศยั เช่น แพ หรือเกวียน
2. “อาคารเกบ็ รักษาทรัพย”์ คอื ส่ิงปลกู สร้างใด ๆ ที่สร้างข้นึ เพือ่ เกบ็ รักษาทรัพย์ เช่น
โกดงั สินคา้ คลงั สินคา้ โรงพกั สินคา้
- โรงซ่ึงเกบ็ กระบือที่สร้างในลกั ษณะถาวร ก็อยใู่ นความหมายของ อาคารเก็บรักษา
ทรัพยด์ ว้ ย
3. “สานกั งาน” คือ ท่ีทาธุรกิจของเอกชนหรือจะเป็นของราชการกไ็ ด้ เช่น โรงพกั ตารวจ
- สานกั งานไม่จาเป็นตอ้ งเป็นอาคาร อาจเป็นสถานที่ทาการชวั่ คราว เช่น สานกั งาน
ของนายช่างผคู้ วบคุมการก่อสร้าง หรือ แมม้ ีการต้งั กระโจมไวเ้ พอ่ื ทางานเพียงชว่ั คราว ก็ได้
- เคหสถาน รวมถึงบริเวณของท่ีซ่ึงใชเ้ ป็นท่ีอยอู่ าศยั ดว้ ย แต่อาคารเก็บรักษาทรัพย์
หรือสานกั งานไม่รวมถึงบริเวณของที่เหล่าน้นั
- เคหสถาน มีบทบญั ญตั ิ ตามมาตรา 1(4) ใหร้ วมถึงบริเวณดว้ ย
คาพิพากษาฎีกาที่ 2137/2554 ผูเ้ สียหายใช้บ้านพกั อาศัยส่วนหน่ึงเปิ ดเป็ นร้านซ่อม
เคร่ืองใช้ไฟฟ้า ในเวลาที่ผูเ้ สียหายเปิ ดบริการซ่อมเคร่ืองใช้ไฟฟ้าอยู่ บริเวณดังกล่าวย่อมเป็ น
สาธารณสถาน ซ่ึงประชาชนทั่วไปรวมท้ังจาเลยท่ี 1 มีความชอบธรรมท่ีจะเข้าไปได้ แต่เม่ือ
ผเู้ สียหายปิ ดร้านหรือหมดเวลาให้บริการในแต่ละวนั แลว้ บริเวณดงั กล่าวจึงจะเป็ นเคหสถานท่ีใช้
อยู่อาศยั ดงั น้นั เม่ือขณะเกิดเหตุผูเ้ สียหายยงั เปิ ดให้บริการซ่อมเครื่องใชไ้ ฟฟ้าอยู่ การท่ีจาเลยที่ 1
เขา้ ไปในร้านดงั กล่าวจึงไมเ่ ป็นความผิดฐานบุกรุกเคหสถาน
- เคหสถาน/อาคารเก็บรักษาทรัพย/์ สานกั งาน ไมจ่ าเป็นจะตอ้ งอยใู่ นความครอบครอง
ของผทู้ ี่เป็นเจา้ ของ อาจจะในความครอบครองของผอู้ ื่นที่ไมใ่ ช่เจา้ ของกไ็ ด้ เช่น บา้ นเช่า
- การเขา้ ไปหรือซ่อนตวั ตอ้ งไมม่ ีเหตุอนั สมควร
- “การเขา้ ไปโดยไมม่ ีเหตอุ นั สมควร คือ ผเู้ ขา้ ไปยอ่ มไมม่ ีอานาจที่จะเขา้ ไป หรือไม่มี
สิทธิท่ีจะกระทาการเช่นน้นั เช่น เขา้ ไปทาร้ายผูอ้ ่ืนในบา้ น หรือในเคหสถาน เขา้ ไปคน้ ในเรือนของ
ผอู้ ่ืนโดยไม่มีหมายคน้
ถา้ เขา้ ไปโดยมีอานาจ หรือโดยความยนิ ยอมของผคู้ รอบครอง ไมผ่ ดิ มาตรา 364
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 4791/2528 ตารวจเขา้ คน้ ท่ีรโหฐานตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณา
คดีอาญาได้
476
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 947/2476, 12805/2558 ผใู้ หเ้ ช่าเขา้ ไปตรวจดูทรัพยส์ ินท่ีเช่าหรือ
ซ่อมแซมได้ ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์
- เขา้ ไปติดตามเอาทรัพยส์ ินของตนเองคืนไม่เป็นบกุ รุก ถา้ เป็นการติดตามทรัพยส์ ิน
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 1336
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1194/2517 ตารวจมีหมายจบั จ. จ. หนีเขา้ บา้ นของผเู้ สียหาย ตารวจ
ติดตามเขา้ ไปจบั ในบา้ นผเู้ สียหายโดยไมม่ ีหมายคน้ เพราะกระทนั หนั ศาลวา่ เป็นการเขา้ ไปโดยมี
เหตุอนั สมควรไมเ่ ป็นบุกรุก
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 473/2522 จาเลยเขา้ ไปในบา้ นผเู้ สียหายเพอ่ื จะเขา้ ไปหาภริยกาของตน
โดยพฤตินยั ซ่ึงภริยานดั ใหจ้ าเลยไปพบ เป็นกรณีมีเหตุอนั สมควร แมเ้ มื่อผเู้ สียหายไลใ่ หจ้ าเลย
ออกไป แต่จาเลยไม่ยอมออกไป ท้งั น้ี เพ่อื ร้องขอภริยกา จาเลยใหก้ ลบั ไปอยดู่ ว้ ยกนั ฉนั สามีภริยา
ดงั เดิม จาเลยไม่ผดิ ฐานบุกรุก
- ผอู้ าศยั เป็นผอู้ นุญาตใหเ้ ขา้ ไป ศาลวนิ ิจฉยั วา่ ไม่ผิดบกุ รุก
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1353/2508 (ประชุมใหญ่) จาเลยเขา้ ไปในบา้ นผเู้ สียหาย เวลากลางคืน
โดยบตุ รสาวผเู้ สียหายนดั แนะและพาข้ึนบา้ นไป นบั วา่ จาเลยมีเหตเุ ขา้ ไปโดยมีเหตอุ นั สมควร
จาเลยไมผ่ ิด มาตรา 364 ประกอบมาตรา 365(1), (3)
นกั กฎหมายเห็นแตกต่างวา่ การเขา้ ไปหาผอู้ ื่นในเวลากลางคืน แมเ้ ป็นลูกสาวเจา้ ของ
บา้ น กเ็ ป็นความผิดต่อประเพณีอนั ดีงามของสงั คมไทย และผทู้ ี่ผอู้ นุญาตก็ไม่ใช่ผทู้ ี่มีอานาจ
ครอบครองทรัพยอ์ ยา่ งแทจ้ ริง การเขา้ ไปจึงไมน่ ่าจะมีเหตุอนั สมควร
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 951/2529 จ. มาอยบู่ า้ นของนอ้ งสาวซ่ึงเป็นผเู้ สียหาย จาเลยเขา้ บา้ น
ผเู้ สียหายตอนดึก โดย จ. นดั ใหจ้ าเลยมา จึงไม่ใช่เป็นการเขา้ ไปในบา้ นผเู้ สียหายโดยไม่ไดร้ ับ
อนุญาต จาเลยไมผ่ ิดบุกรุก แม้ จ. จะเป็นเพียงผอู้ าศยั บา้ นของผเู้ สียหาย กไ็ มท่ าใหก้ ารกระทาของ
จาเลยเป็ นบุกรุก
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 4473/2528 จาเลยเป็นชูก้ บั ภริยาของผเู้ สียหาย ซ่ึงจาเลยเคยลงบนั ทึก
ประจาวนั ที่โรงพกั แลว้ วา่ จะไม่เขา้ ไปหาภริยาของผเู้ สียหายอีก การท่ีจาเลยเขา้ ไปเป็นชูอ้ ีก ถือไดว้ า่
เขา้ ไปในบา้ นผเู้ สียหายโดยไมม่ ีเหตุอนั สมควร จึงผิดฐานบกุ รุก แตถ่ า้ หากวา่ ภริยาของผเู้ สียหาย
ยอมใหจ้ าเลยเขา้ มาเป็นการยินยอมใหบ้ ุกรุก จาเลยก็ไมผ่ ดิ บกุ รุก แมจ้ ะมีบนั ทึก ฯ แลว้ กต็ าม
- คนเฝ้าบา้ นเป็นผอู้ นุญาตใหเ้ ขา้ ไปศาลวนิ ิจฉยั วา่ ไม่ผิดบุกรุก
คาพิพากษาฎีกาที่ 3962/2527 จาเลยเป็นพนกั งานสอบสวนเขา้ ไปในบา้ นโจทกเ์ พื่อตาม
หาโจทกข์ อ้ หามีอาวธุ ปื น โดยคนเฝ้าบา้ นโจทกอ์ นุญาตใหเ้ ขา้ ไป โดยจาเลยเขา้ ไปในหอ้ งนอน
โจทก์ เม่ือไมพ่ บโจทกจ์ าเลยกอ็ อกมาทนั ที จาเลยไมผ่ ิดมาตรา 362 เพราะไมเ่ ป็นการรบกวนการ
ครอบครองอสงั หาริมทรัพยข์ องโจทกโ์ ดยปกติสุขและไม่เป็นการปฏิบตั ิโดยมิชอบเพื่อใหเ้ กิดความ
เสียหายตามมาตรา 157
477
ขอ้ สงั เกต อาจเป็นเพราะโจทกไ์ ม่ไดฟ้ ้องมาตรา 364 ดว้ ย จึงไม่มีการวินิจฉยั วา่ เป็นการ
เขา้ ไปในเคหสถานโดยไมม่ ีเหตอุ นั สมควรหรือไม่
- เขา้ ไปในเคหสถานของผอู้ ื่นโดยไม่มีเหตุอนั สมควร
คาพิพากษาฎีกาท่ี 3528/2559 การที่จาเลยถืออาวุธสีดาปลายแหลมตามเขา้ ไปแทงผตู้ าย
ภายในหอ้ งพกั ของผตู้ ายซ่ึงเป็นกรรมสิทธ์ิของผเู้ สียหายการกระทาของจาเลยจึงเป็นความผิดฐาน
บกุ รุกเขา้ ไปในเคหสถานของผอู้ ่ืนโดยไม่มีเหตอุ นั สมควรตาม ป.อ. มาตรา 364 หาใช่เป็นความผิด
ฐานบกุ รุกเพ่ือเขา้ ไปรบกวนการครอบครองอสงั หาริมทรัพยข์ องผอู้ ื่นโดยปกติสุขตาม ป.อ. มาตรา
362 ไม่ แมค้ าฟ้องโจทกจ์ ะบรรยายขอ้ เทจ็ จริงครบองคป์ ระกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 364 ก็
ตาม แต่เมื่อคาขอทา้ ยฟ้องโจทกไ์ ม่ไดร้ ะบุมาตราดงั กล่าวมาดว้ ยถือวา่ โจทกไ์ ม่ประสงคใ์ หล้ งโทษ
จาเลยตามมาตราดงั กล่าว จึงไมอ่ าจลงโทษจาเลยไดเ้ พราะจะเป็นการพิพากษาหรือสัง่ เกินคาขอตาม
ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหน่ึงและวรรคส่ี ท้งั ไมอ่ าจลงโทษจาเลยตาม ป.อ. มาตรา 365(2)(3) ไดด้ ว้ ย
- การเขา้ ไปทวงค่าแรง ศาลวินิจฉยั วา่ มีเหตุอนั สมควร
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2549/2532 จาเลยเขา้ ไปทวงคา่ แรงที่ผเู้ สียหายคา้ งบุตรชายของจาเลย
ไว้ จึงเป็นการเขา้ ไปโดยมีเหตอุ นั สมควรโดยสุจริต แมจ้ าเลยจะถือมีดเขา้ ไปดว้ ยแต่เป็นเพียงมีด
เหรียญใชต้ ดั หญา้ และไมป่ รากฎวา่ จาเลยจะทร้ายผเู้ สียหาย จึงไม่ถือวา่ จาเลยมีเจตนาบกุ รุก
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2041/2529 ผเู้ สียหายในความผดิ ฐานบุกรุกไม่จาเป็นตอ้ งเป็นเจา้ ของ
กรรมสิทธ์ิ การที่จาเลยถือมีดเหน็บเขา้ ไปบริเวณบา้ นซ่ึงผเู้ สียหายปลูกบา้ นอยใู่ นท่ีดินของจาเลย
จึงถือไดว้ า่ มีเหตุอนั สมควร จาเลยไม่ผดิ บุกรุก มาตรา 364 ประกอบมาตรา 365
ขอ้ สงั เกต เป็นการเขา้ ไปโดยผใู้ หญ่บา้ นเรียกใหเ้ ขา้ ไปยอ่ มเป็นไดว้ า่ มีเหตุอนั สมควร
- การอนุญาตใหเ้ ขา้ ไปแตบ่ างส่วนของเคหสถาน ไม่ไดห้ มายความวา่ จะเขา้ ไปใน
ทุกส่วนของเคหสถานได้ ถา้ เขา้ ไปอาจผิดฐานบุกรุก
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2407/2527 จาเลยไดร้ ับอนุญาตใหน้ งั่ ดูโทรทศั น์ อยใู่ นหอ้ งโถง
นอกหอ้ งนอนของผเู้ สียหาย จะถือวา่ ผเู้ สียหายอนุญาตใหเ้ ขา้ ไปในหอ้ งนอนไมไ่ ด้ การท่ีจาเลยเขา้
ไปลม้ ตวั ลงนอนกบั ผเู้ สียหายในขณะท่ีผเู้ สียหายเมาสุรานอนอยใู่ นหอ้ งนอนตอนดึก ดงั น้ี จาเลยมี
เจตนาร้ายในทางชูส้ าว จึงเป็นการเขา้ ไปในเคหสถานในเวลากลางคนื โดยไมม่ ีเหตุอนั สมควร
จึงผิดมาตรา 365
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1626/2532 จาเลยถือมีดอีโตเ้ ขา้ ไปในบา้ นผเู้ สียหายแลว้ เง้ือมีดขจู่ ะทา
ร้ายผเู้ สียหาย แมผ้ เู้ สียหายจะอนุญาตใหช้ าวบา้ นเขา้ ไปดูโทรทศั นใ์ นบา้ นก็ไม่อาจถือวา่ จาเลยเขา้ ไป
โดยมีเหตุอนั สมควร หรือไดร้ ับอนุญาตใหผ้ เู้ สียหายเขา้ ไป เพราะจาเลยมิไดเ้ ขา้ ไปดูโทรทศั น์
ท่ีผเู้ สียหายมิไดห้ า้ มปรามหรือวา่ กลา่ วไล่จาเลยก็หาไดแ้ สดงวา่ ผเู้ สียหายยนิ ยอมใหจ้ าเลยเขา้ บา้ น
ผเู้ สียหายได้ จาเลยผิดบกุ รุก มาตรา 365(1), (2), (3) ประกอบมาตรา 364
478
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2853/2539 การที่จาเลยเขา้ บา้ นผเู้ สียหายเพอ่ื ดูโทรทศั นโ์ ดยผเู้ สียหาย
อนุญาตน้นั ยงั ฟังไม่ไดว้ า่ จาเลยเขา้ ไปโดยไม่มีเหตุอนั สมควร และมีเจตนารบกวนการครอบครอง
อสงั หาริมทรัพยข์ องผเู้ สียหาย แมว้ า่ จาเลยจะทาอนาจารผเู้ สียหาย การกระทาของจาเลยก็ไม่ผดิ
มาตรา 364 และไมผ่ ดิ มาตรา 365 (1), (3) ดว้ ย (เม่ือไม่ผิดมาตรา 364 ก็ไมผ่ ิดมาตรา 365)
ท่ีศาลอทุ ธรณ์ฟังวา่ เมื่อผเู้ สียหายไลจ่ าเลยใหอ้ อกจากบา้ นแต่จาเลยใชก้ าลงั ประทุษร้าย
ทาอนาจารผเู้ สียหาย เป็นกรณีที่จาเลยไม่ยอมออกจากบา้ นผเู้ สียหาย เม่ือผเู้ สียหายใหอ้ อกไป จึงเป็น
การพิพากษาเกินนคาขอไม่ชอบดว้ ยประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาคดีอาญา มาตรา 192 วรรคแรก
และวรรคส่ี เพราะโจทกไ์ ม่ไดบ้ รรยายถึงเหตทุ ี่จาเลยไมย่ อมออก ถือวา่ โจทกไ์ มป่ ระสงคใ์ หล้ งโทษ
จาเลยฐานบุกรุกดว้ ยเหตุดงั กลา่ ว จึงลงโทษจาเลยดว้ ยเหตุน้ีไมไ่ ด้ และเป็นปัญหาขอ้ กฎหมาย
เกี่ยวกบั ความสงบ ฯ ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาคดีอาญา มาตรา 195 วรรคสอง
ประกอบดว้ ยมาตรา 225 ศาลฎีกามีอานาจยกข้นึ วนิ ิจฉยั เองได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 69/2539 สนามหญา้ แมจ้ ะติดตอ่ เป็นผืนเดียวโดยไมม่ ีร้ัวลอ้ มรอบ
ไม่มีเครื่องหมายแสดงใหท้ ราบวา่ เป็นแนวบา้ นก็ตาม แตเ่ ป็นที่เห็นไดว้ า่ บริเวณท่ีเกิดเหตุซ่ึงเป็น
สนามหญา้ น้นั อยหู่ นา้ บา้ นอนั เป็นที่อยอู่ าศยั ของผูเ้ สียหาย จาเลยเขา้ ไปในบริเวณดงั กล่าวแลว้ ใช้
กาลงั ประทุษร้ายผเู้ สียหายจึงเป็นการเขา้ ไปในเคหสถานของผเู้ สียหายโดยไมม่ ีเหตุอนั สมควร
ผดิ บกุ รุกโดยใชก้ าลงั ประทุษร้ายตามาตรา 365(1)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 279/2539 แมจ้ าเลยจะเขา้ บา้ นของโจทกโ์ ดยความยนิ ยอมของบุตรสาว
โจทก์ แต่เม่ือโจทกไ์ ดห้ า้ มปรามอยา่ งเดด็ ขาดแลว้ ถือวา่ เป็นการเขา้ ไปโดยไม่มีเหตุอนั สมควร ผดิ
บุกรุก
คาพิพากษาฎีกาที่ 892/2537 จาเลยทาร้ายผเู้ สียหายที่ปากซอยแลว้ ไลเ่ ขา้ ไปทาร้ายในบา้ น
ของบิดาผเู้ สียหายอีก ถือวา่ เป็นการกระทาต่อเนื่องมีเจตนาอนั เดียวมงุ่ หมายท่ีจะทาร้ายผเู้ สียหาย
เทา่ น้นั เป็นกรรมเดียวผดิ กฎหมายหลายบท
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2097/2537 จาเลยเขา้ ไปอาศยั ตึกของผเู้ สียหายก่อนที่สัญญาเช่าระหวา่ ง
ผเู้ สียหายกบั พ.จะครบกาหนด โดย พ.อนุญาตเป็นการเขา้ ไปอาศยั อยใู่ นฐานะบริวารของ พ. จึงเป็น
การเขา้ ไปโดยมีเหตอุ นั สมควร ไมผ่ ิดมาตรา 364 และการที่จาเลยยงั อยตู่ ่อ ท้งั ๆ ที่ สญั ญาเช่าจะ
ครบกาหนดและ ด. ไดอ้ อกไปแลว้ ท้งั ผเู้ สียหายไดแ้ จง้ ให้จาเลยออกไปแลว้ แต่จาเลยไม่ยอม
ออกไป เป็นเร่ืองละเมิดในทางแพง่ เท่าน้นั ไมผ่ ิดประมวลกฎหมายอาญาเช่นกนั
- เจตนาธรรมดา คือตอ้ งรู้ขอ้ เทจ็ จริงซ่ึงเป็นเหตอุ นั ไมส่ มควร ถา้ สาคญั ผดิ ใน
ขอ้ เทจ็ จริงวา่ มีเหตุอนั สมควรกย็ กเหตสุ าคญั ผดิ น้ีข้ึนเป็นขอ้ ต่อสู้ได้
เหตุเพิ่มโทษ
มาตรา 365
479
1. ตอ้ งเป็นการกระทาความผดิ ตามมาตรา 362 มาตรา 363 มาตรา 364
2. กระทา
2.1 โดยใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย หรือข่เู ขญ็ วา่ จะใชก้ าลงั ประทุษร้าย
2.2 โดยมีอาวธุ หรือโดยร่วมกนั กระทาความผดิ ดว้ ยกนั ต้งั แต่ 2 คนข้ึนไป
2.3 ในเวลากลางคนื
ความผดิ ตามมาตรา 365 มิใช่ความผิดเอกเทศ จึงตอ้ งปรับใหเ้ ขา้ กบั มาตรา 362 มาตรา 363
มาตรา 364 ก่อน
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 155/2532 จาเลยกระทาผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (2),
(3) ประกอบมาตรา 362 เช่นน้ี ศาลจะพพิ ากษาวา่ จาเลยผิดมาตรา 365 โดยมิไดป้ รับบทมาตรา 362
มาดว้ ยยอ่ มไมถ่ กู ตอ้ ง เพราะมาตรา 365 มิไดบ้ ญั ญตั ิความผดิ ไวช้ ดั แจง้ ในตวั
มาตรา 365 จาเลยตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึน
- กรณีมาตรา 365(1) การข่เู ขญ็ ไม่จาเป็นตอ้ งข่เู ข็ญวา่ ในทนั ทีทนั ใดน้นั จะใชก้ าลงั
ประทุษร้าย
- กรณีมาตรา 365(2) โดยมีอาวธุ หรือโดยร่วมกระทาความผดิ ดว้ ยกนั ต้งั แต่ 2 คนข้นึ
ไป ดู มาตรา 335(7)
- มาตรา 365(3) ในเวลากลางคนื ดู 335(1)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2457/2516 เขา้ ไปในโรงงานท่ีพกั คนงานพยายามลกั ทรัพยเ์ วลา
กลางคนื ศาลลงโทษตามมาตราน้ี ซ่ึงมีโทษหนกั กวา่ มาตรา 335(1), (7),(8) และมาตรา 80 ความผิด
ลกั ทรัพยส์ องอนุมาตราข้ึนไป มีโทษหนกั กวา่ ความผิดบุกรุกตามมาตรา 365 แต่คดีน้ีความผิดฐาน
ลกั ทรัพยล์ งโทษเพียงแค่พยายามอตั ราโทษจึงนอ้ ยกวา่ ความผดิ มาตรา 365 ศาลจึงลงโทษตามมาตรา
365 (บุกรุกเป็นความผดิ สาเร็จ แตล่ กั ทรัพยเ์ ป็นแคพ่ ยายาม)
มาตรา 366 บกุ รุกนอกจากมาตรา 365 นอกน้นั ยอมความได้
คาพิพากษาฎีกาที่ 2269/2538 โจทกน์ าสืบไม่ไดว้ า่ จาเลยเขา้ ไปปลกู บา้ นในที่ดินของ
โจทกใ์ นเวลากลางวนั หรือกลางคนื จึงตอ้ งฟังให้เป็นคุณแก่จาเลยวา่ จาเลยบุกรุกในเวลากลางวนั
และความผดิ น้ีเกิดข้ึนต้งั แตค่ ร้ังแรกท่ีจาเลยบุกรุกเขา้ ไปส่วนการครอบครองที่ดินดงั กล่าวต่อมา
เป็นเพยี งผลของการบกุ รุก ไมใ่ ช่เป็นความผดิ บุกรุกตอ่ เน่ือง การกระทาของจาเลยไมผ่ ิดมาตรา 365
เมื่อโจทกร์ ้องทุกขเ์ กิน 3 เดือน คดีของโจทกจ์ ึงขาดอายคุ วาม
ลกั ษณะ 13 ความผิดเกย่ี วกบั ศพ
ความผิดเกยี่ วกบั ศพ
480
ความผดิ ในลกั ษณะน้ี มีการเพม่ิ เติมเขา้ ในประมวลกฎหมายอาญาในปี พ.ศ. 2558
เน่ืองจากเดิมประมวลกฎหมายอาญายงั มิไดก้ าหนดความผิดเก่ียวกบั ศพไว้ อนั ไดแ้ ก่ การกระทา
ชาเราศพ การกระทาอนาจารแก่ศพ การกระทาใหศ้ พเสียหาย และการดูหมิ่นเหยยี ดหยามศพ
อนั เป็นการละเมิดต่อสิทธิของบคุ คลในครอบครัว เกียรติยศและชื่อเสียง จึงสมควรใหม้ ีการบญั ญตั ิ
เรื่องดงั กล่าวไว้
คาวา่ “ศพ” ถือเป็น ทรัพย์ ถา้ ศพน้นั มีเจา้ ของกรรมสิทธ์ิ ซ่ึงอาจจะเป็นทายาท หากเป็น
การกระทาในลกั ษณะทาใหเ้ กิดความเสียหายแก่ศพ เป็นความผดิ ทาใหเ้ สียทรัพย์ มาตรา 366/3 ได้
(ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2559, หนา้ 153-156)
แตเ่ ดิมก่อนปี พ.ศ.2562 มาตรา 366/1 การกระทาชาเราศพ ใหค้ วามหมายวา่
การกระทาเพื่อสนองความใคร่ของผกู้ ระทาโดยการใชอ้ วยั วะเพศของผกู้ ระทา กระทาต่ออวยั วะเพศ
ทวารหนกั หรือช่องปากของศพ หรือการใชส้ ิ่งอ่ืนใด กระทากบั อวยั วะเพศหรือทวารหนกั ของศพ
ต่อมานบั ต้งั แต่มีการแกไ้ ขประมวลกฎหมายอาญาในปี พ.ศ. 2562 พบว่า ความหมายของ
คาว่า กระทาชาเราได้เปลย่ี นแปลงไป ดังนี้
มาตรา 1 อนุ (18) “กระทาชาเรา” หมายความวา่ กระทาเพื่อสนองความใคร่ของผกู้ ระทา
โดยการใชอ้ วยั วะเพศของผกู้ ระทาล่วงล้าอวยั วะเพศ ทวารหนกั หรือช่องปากของผอู้ ่ืน”
ทาให้มกี ารแก้ไขในส่วนท่ีเกย่ี วกบั การกระทาชาเราศพในหมวดความผดิ เกยี่ วกบั ศพด้วยเช่นกนั
ดังนี้
“มาตรา 366/1 ผ้ใู ดกระทาเพื่อสนองความใคร่ของตน โดยการใช้อวัยวะเพศของตนล่วงลา้
อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของศพ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหก
หมื่นบาทหรื อทั้งจาทั้งปรั บ”
ความเปล่ียนแปลงคอื ตดั คาว่า “หรือการใชส้ ิ่งอ่ืนใด กระทากบั อวยั วะเพศหรือทวาร
หนกั ของศพ” ออกไป ท้งั น้ี เพ่อื ใหส้ อดคลอ้ งกบั เจตนารมณ์ของการแกไ้ ขความหมายคาวา่ กระทา
ชาเราใหช้ ดั เจนและตอ้ งเป็นไปใหส้ อดคลอ้ งกบั การกระทาตามธรรมชาติ
ท้งั น้ี นอกจากท่ีผกู้ ระทาจะมีเจตนากระทาชาเรา โดยรู้วา่ วตั ถแุ ห่งการกระทาคอื ศพแลว้
ผกู้ ระทาตอ้ งมีเจตนาพิเศษดว้ ย คือ “เพื่อสนองความใคร่ของตน” เทา่ น้นั ถึงจะเป็นความผดิ ทาง
อาญา ดงั น้นั หากเป็นการสนองความใคร่ของผอู้ ื่น จะไมเ่ ป็นความผดิ ตามมาตราน้ี
มาตรา 366/2 กระทาอนาจารศพ บญั ญตั ิไวท้ านองเดียวกบั มาตรา 278 การอนาจารผอู้ ่ืน
“อนาจาร” คือ การไมส่ มควรทางเพศแก่ศพ และเม่ือมีการแกไ้ ขความหมายของคาวา่
อนาจารในมาตรา 278 ใหม่ในปี พ.ศ.2562 ทาใหค้ วามหมายของคาวา่ อนาจาร ใหร้ วมถึง การ
กระทาในลกั ษณะของการใชส้ ิ่งอ่ืนใด กระทากบั อวยั วะเพศหรือทวารหนกั ของศพดว้ ย
481
มาตรา 366/3 ทาใหเ้ สียหายแก่ศพ ส่วนของศพ อฐั ิหรือเถา้ ของศพโดยไมม่ ีเหตุอนั สมควร
ทานองเดียวกบั มาตรา 358 ความผดิ ฐานทาให้เสียทรัพย์ ซ่ึงศพก็เป็นทรัพยข์ องทายาท ท้งั น้ี มาตรา
น้ีต่างจากมาตรา 199 ความผิดฐานลอบฝัง ซ่อนเร้น ยา้ ยหรือทาลายศพ หรือส่วนของศพ เพราะวา่
มาตรา 199 มีเจตนาพิเศพเพ่ือปิ ดบงั การเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย
มาตรา 366/4 ดูหมิ่นเหยยี ดหยามศพ เป็นบทบญั ญตั ิท่ีมุ่งคุม้ ครองช่ือเสียงของผูต้ าย
ซ่ึงตา่ งจากมาตรา 327 หมิ่นประมาทคนตาย
482
แบบฝึ กหดั ท้ายบทท่ี 5 (คาถามพร้อมธงคาตอบ ขอ้ สอบความรู้ช้นั เนติบณั ฑิต ภาคหน่ึง ต้งั แตป่ ี
การศึกษา 2520-2544,ม.ป.ป.)
คาถาม นายบอยยนื ชมววิ อยูบ่ นสะพานขา้ มคลองสาธารณะแห่งหน่ึง ซ่ึงเป็นคลอง
สาธารณะที่ประชาชนใชส้ ญั จรไปมาทางเรือ นายบอยเห็นเรือโดยสารลาหน่ึงแลน่ อยใู่ นคลอง
สาธารณะ ดว้ ยความคึกคะนอง จึงใชก้ อ้ นหินท่ีมีขนาดน้าหนกั ถึงสองกิโลกรัม และคร่ึงกิโลกรัม
จานวนหลายกอ้ นทุม่ ลงมาในหมูผ่ โู้ ดยสารจานวนมากที่อยใู่ นเรือซ่ึงมีพ้ืนท่ีจากดั ท่ีแล่นลอดใต้
สะพาน กอ้ นหินท่ีหนกั สองกิโลกรัมน้นั ตกลงมาโดนศรีษะนางแมว ซ่ึงเป็นผโู้ ดยสารในเรือลาน้นั
กระโหลกศรีษะนางแมวยบุ และแตก สมองไหลออกมา พลเมืองดีนานางแมวส่งโรงพยาบาลแตท่ น
พษิ บาดแผลไม่ไหวถึงแก่ความตาย
จงวนิ ิจฉยั ความรับผิดทางอาญาของนายบอยต่อนางแมว ตามประมวลกฎหมายอาญา
ตอบ กรณีตามโจทยป์ ัญหาหลกั กฎหมายท่ีตอ้ งนามาพิจารณาไดแ้ ก่ ประมวลกฎหมาย
อาญา
มาตรา 59 วรรคสอง วางหลกั วา่ กระทาโดยเจตนา ไดแ้ ก่ กระทาโดยรู้สานึกในการท่ี
กระทาและในขณะเดียวกนั ผกู้ ระทาประสงคต์ อ่ ผล หรือย่อมเลง็ เห็นผลของการกระทาน้นั
ปรับขอ้ เทจ็ จริงเขา้ กบั หลกั กฎหมายไดด้ งั น้ี นายบอยยนื อยบู่ นสะพานใชก้ อ้ นหินท่ีมี
ขนาดน้าหนกั ถึงสองกิโลกรัม และคร่ึงกิโลกรัมจานวนหลายกอ้ นทมุ่ ลงมาในหมู่ผโู้ ดยสารจานวน
มากที่อยใู่ นเรือซ่ึงมีพ้ืนท่ีจากดั ที่แลน่ ลอดใตส้ ะพาน นายบอยย่อมเลง็ เหน็ ผลของการกระทาน้นั ได้
วา่ กอ้ นหินอาจถูกศีรษะซ่ึงเป็นอวยั วะที่สาคญั ของร่างกายเป็นผลทาใหถ้ ึงตายได้ แต่นายบอยกห็ าได้
ใยดีตอ่ ผลที่จะเกิดข้ึนไม่ จึงถือไดว้ า่ นายบอยมีเจตนาฆ่านางแมว (เทียบ คาพพิ ากษาฎีกาท่ี
2548/2544)
ดงั น้นั นายบอยตอ้ งรับผดิ ทางอาญาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนายอ่ มเลง็ เห็นผล ตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 59 วรรคสอง
คาถาม นายแจ็คขบั รถจกั รยานยนตม์ าที่หนา้ ร้านอาหารที่เกิดเหตุและใชอ้ าวุธปื นยงิ ใส่
นายจอห์น และนายโจที่ยนื อยบู่ ริเวณหนา้ ร้าน นายแจ็คต้งั ใจจะใหน้ ายจอห์นตาย กระสุนปื นถูก
นายจอห์น และนายโจ ซ่ึงลกั ษณะบาดแผลของนายจอหน์ ถูกยงิ บริเวณหนา้ อก นายจอห์นเสียชีวิต
ทนั ที และกระสุนพลาดไปถูกนายโจท่ีบริเวณไหปลาร้าไดร้ ับบาดเจบ็ สาหสั
จงวินิจฉยั ความรับผิดทางอาญาของนายแจค็ ต่อนายจอห์นและนายโจ ตามประมวล
กฎหมายอาญา
ตอบ คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 895/2553 จาเลยขบั รถจกั รยานยนตม์ าที่หนา้ ร้านอาหารท่ีเกิด
เหตุและใชอ้ าวุธปื นยงิ ใส่ผเู้ สียหายที่ 2 ที่อยบู่ ริเวณหนา้ ร้าน กระสุนปื นถูกผเู้ สียหายท่ี 2 และที่ 3 ซ่ึง
483
ลกั ษณะบาดแผลของผเู้ สียหายที่ 2 ที่ถูกยงิ บริเวณหวั ไหล่ บ่งช้ีวา่ เป็นการยงิ ไปยงั ส่วนบนของ
ร่างกายซ่ึงจาเลยยอ่ มเลง็ เห็นไดว้ า่ กระสุนปื นอาจถกู อวยั วะสาคญั ของผเู้ สียหายที่ 2 ถึงแก่ความตาย
ได้ อนั ถือเป็นการกระทาโดยเจตนาฆ่า เม่ือการกระทาไม่บรรลผุ ล จาเลยจงึ มคี วามผดิ ฐานพยายาม
ฆ่าผู้เสียหายที่ 2 และกระสุนปื นยังพลาดไปถกู ผ้เู สียหายที่ 3 ทบ่ี ริเวณไหปลาร้า ต้องถือว่าจาเลย
กระทาโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายท่ี 3 เช่นเดียวกนั ตาม ป.อ มาตรา 60 แตก่ ารกระทาไมบ่ รรลผุ ล จาเลย
จึงมีความผดิ ฐานพยายามฆ่าผเู้ สียหายท่ี 3 ดว้ ย
คาถาม นายดาขบั รถยนตไ์ ปดว้ ยความเร็วประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชวั่ โมงตามเส้นทาง
ปกติของตน นายฟ้าวิ่งไลต่ ีนายเหลืองขา้ มถนนตดั หนา้ ช่องเดินรถท่ีนายดาขบั ไปแลว้ แตไ่ ดม้ ี
รถยนตอ์ ีกคนั หน่ึงแลน่ มา นายฟ้าจึงชะงกั และถอยหลงั เขา้ มาทางช่องเดินรถของนายดาโดย
กะทนั หนั และในระยะกระช้นั ชิด รถยนตข์ องนายดาชนนายฟ้าลม้ ลง นายฟ้าถึงแก่ความตายทนั ที
จงวนิ ิจฉยั ความรับผิดของนายดา ตามประมวลกฎหมายอาญา
ตอบ คาพพิ ากษาฎีกาที่ 383/2537 จาเลยขบั รถยนต์ไปด้วยความเร็วประมาณ 40
กโิ ลเมตรต่อชั่วโมงผตู้ ายไดว้ ิ่งไลต่ ี ช. ขา้ มถนนตดั หนา้ ช่องเดินรถท่ีจาเลยขบั ไปแลว้ แตไ่ ดม้ ี
รถยนตอ์ ีกคนั หน่ึงแล่นมา ผตู้ ายจึงชะงกั และถอยหลงั เขา้ มาทางช่องเดินรถของจาเลยโดยกะทนั หนั
และในระยะกระช้นั ชิดทาใหจ้ าเลยไม่สามารถหยดุ รถหรือหลบไปทางอ่ืนไดท้ นั ทว่ งทีและในภาวะ
เช่นน้นั จาเลยไม่อาจคาดคดิ ไดว้ า่ จะมีคนวง่ิ ขา้ มถนนตดั หนา้ ช่องเดินรถท่ีจาเลยขบั ไปแลว้ กลบั
ชะงกั และถอยหลงั เขา้ มาขวางหนา้ รถยนตท์ ่ีจาเลยขบั ไปอีก การท่ีจาเลยขบั รถยนตช์ นผตู้ ายจึงเป็ น
เหตุสุดวิสัยที่จาเลย
ไมอ่ าจป้องกนั ได้ จาเลยจึงไม่มีความผิดฐานขบั รถโดยประมาทเป็นเหตุใหช้ นผอู้ ่ืนถึงแก่ความตาย
คาถาม นางแมวเป็นภริยาโดยชอบดว้ ยกฎหมายของนายเสือ ในวนั เกิดเหตุ นางแมวออก
จากท่ีทางานกลบั ถึงบา้ นเร็วกวา่ ปกติ นางแมวบงั เอิญเห็นนางสาวนกยงู กอดจูบกบั นายเสือใน
หอ้ งนอนของนางแมว แตท่ ้งั สองคนมิไดก้ าลงั ร่วมประเวณีกนั นางแมวโมโหมาก ทนไม่ได้ พร้อม
พดู วา่ “ทนไม่ไหวแลว้ โวย้ ” จึงใชป้ ื นจอ้ งเลง็ และยงิ ไปที่หนา้ อกของนางสาวนกยงู หน่ึงนดั นางสาว
นกยงู ถึงแก่ความตายทนั ที ส่วนนายเสือน้นั วิ่งหลบออกนอกหนา้ ต่างได้
จงวนิ ิจฉยั ความรับผิดทางอาญาของนางแมวต่อนางสาวนกยงู ตามประมวลกฎหมายอาญา
ตอบ คาพิพากษาฎีกาท่ี 3861/2547 แมจ้ าเลยเป็ นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ต. มี
สิทธิป้องกนั มิใหห้ ญิงอ่ืนมามีความสัมพนั ธ์ฉนั ชูส้ าวกบั สามีของตน แต่ขณะจาเลยพบโจทกร์ ่วม
น้นั โจทกร์ ่วมกาลงั นอนหลบั อยกู่ บั ต. เทา่ น้นั มไิ ด้กาลงั ร่วมประเวณีกนั พฤติการณ์เช่นนยี้ ังถือ
ไม่ได้ว่ามภี ยันตรายซึ่งเกดิ จากการประทุษร้ายอนั ละเมิดต่อกฎหมายและเป็ นภยันตรายท่ีใกล้จะถึง
อนั จาเลยจาต้องกระทาเพื่อป้องกนั สิทธิของจาเลยแต่อย่างใด การกระทาของจาเลยจึงมิใช่เป็นการ
ป้องกนั โดยชอบดว้ ยกฎหมาย แต่การที่โจทกร์ ่วมเขา้ ไปนอนหลบั อยกู่ บั ต. สามีโดยชอบดว้ ย
484
กฎหมายของจาเลยที่เตียงนอนในฟาร์มเล้ียงไก่ของ ต. เช่นน้ีนบั ไดว้ า่ เป็นการกระทาที่ข่มเหงจิตใจ
ของจาเลยอยา่ งร้ายแรงดว้ ยเหตุไมเ่ ป็นธรรม เมื่อจาเลยพบเห็นโดยบงั เอิญมิไดค้ าดคิดมาก่อนและ
ไม่สามารถอดกล้นั โทสะไวไ้ ด้ ใชม้ ีดฟันศีรษะโจทกร์ ่วมไปในทนั ทีทนั ใด การกระทาของจาเลยจึง
เป็นการกระทาโดยบนั ดาลโทสะ ตาม ป.อาจารย์ มาตรา 72 หาใช่เป็นการป้องกนั โดยชอบดว้ ย
กฎหมายดงั ท่ีจาเลย
ฎีกาไม่
คาถาม ขณะท่ีเด็กชายต๋ยุ อายุ 5 ปี กาลงั ว่งิ เลน่ อยทู่ ี่สนามหญา้ ในบริเวณร้ัวบา้ นของนาย
ระเบียบซ่ึงเป็นมารดา นายสังเวชซ่ึงประสบภาวะขาดทนุ ทางการคา้ ไดเ้ ขา้ ไปอมุ้ เดก็ ชายตุ๋ยไป
โดยเดก็ ชายตุ๋ยยอมไปดว้ ย จากน้นั นายสงั เวชโทรศพั ทไ์ ปถึงนางระเบียบมารดาของเด็กชายต๋ยุ ให้
นาเงิน 500,000 บาท ใส่ถุงกระดาษไปวางไว้ ณ โบสถแ์ ห่งหน่ึง เม่ือไดร้ ับเงินแลว้ จะนาตวั เดก็ ชาย
ต๋ยุ ไปส่งคืน นางระเบียบจาเสียงนายสังเวชได้ แตก่ ต็ อบตกลงและนาเงินไปส่งมอบ ณ สถานท่ีนดั
ไว้ เม่ือไดต้ วั เด็กชายต๋ยุ คนื มาแลว้ จึงนาเจา้ พนกั งานตารวจไปจบั นายสังเวชได้ พร้อมกบั เป็นเงิน
ของกลางใหว้ ินิจฉยั วา่ นางสังเวชมีความผดิ ฐานใดบา้ ง (ขอ้ สอบเนติบณั ฑิตไทย สมยั ที่ 56
ภาคหน่ึง)
ตอบ การท่ีนายสงั เวชเอาตวั เดก็ ชายต๋ยุ ไป แลว้ เรียกเงินจานวน 500,000 บาท จากนาง
ระเบียบผเู้ ป็นมารดา จึงจะส่งตวั เดก็ ชายต๋ยุ คืนให้ เงินดงั กลา่ วเป็นคา่ ไถต่ ามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 1(13) นายสงั เวชจึงมีความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคหน่ึง
เม่ือขอ้ เทจ็ จริงไดค้ วามวา่ ขณะที่นายสงั เวชเอาตวั เดก็ ชายต๋ยุ ไปน้นั เดก็ ชายตุ๋ยอยใู่ นความปกครอง
ดูแลของมารดา แมเ้ ด็กชายตุ๋ยจะยนิ ยอมไปดว้ ยก็ตามแต่เป็นการพรากเด็กชายต๋ยุ ไปจากผใู้ ชอ้ านาจ
ปกครอง เมื่อเป็นการเอาตวั ไปเพื่อเรียกคา่ ไถจ่ ึงเป็นการพรากเด็กไปโดยปราศจากเหตุอนั สมควร
เพื่อหากาไร การกระทาของนายสงั เวชเป็นความผิดฐานพรากผเู้ ยาวต์ ามมาตรา 317 วรรคสาม
ดว้ ย (เทียบเคยี งคาพิพากษาฎีกาที่ 5554/2545) ขณะที่นายสงั เวชพรากเด็กชายต๋ยุ ไปน้นั นายสงั เวช
ไดเ้ ขา้ ไปในบริเวณสนามหญา้ ภายในบริเวณร้ัวบา้ นของนางระเบียบซ่ึงเป็นเคหสถานตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 1(4) โดยไมม่ ีเหตุอนั สมควร นายสงั เวชจึงมีความผิดฐานบุกรุกเคหสถาน
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364 อีกฐานหน่ึงดว้ ย
คาถามพร้อมธงคาตอบขอ้ สอบความรู้ช้นั เนบัณฑติ สมยั ท่ี 59 การศึกษา 2549 หนา้ 81
ข้อ 3 คาถาม
นายหน่ึงตอ้ งการฆา่ นายสอง จึงไปดกั ซุ่มยงิ นายสองเมื่อไหร่จะมาถึงจุดท่ีนายหน่ึงดกั ซุ่มอยใู่ น
ระยะห่างประมาณ 20 เมตร นายหน่ึงใชอ้ าวธุ ปื นยงิ นายสองหลายนดั กระสุนปื นนดั แรกถกู บริเวณ
คอดา้ นหนา้ ขวาบริเวณชายโครงขวาดา้ นหนา้ ท้งั สองแห่งมีบาดแผลขนาด 0.5 cm ไม่มีความลึก ซ่ึง
485
เป็นบาดแผลท่ีรักษาหายภายใน 7 วนั ท้งั น้ีเพราะกระสุนปื นไม่มีความรุนแรงท่ีจะทาใหน้ ายสอง
ตายไดเ้ พราะอาวุุธปื นกาลงั อ่อนปรากฏวา่ กระสุนปื นอีก 1 นดั เลยไปถูกนายสาม ท่ีใบหนา้ เป็นเหตุ
ใหด้ วงตาขา้ งซา้ ยปิ ดบนช้า ต่อมาอีก 5 วนั ดวงตาขา้ งซา้ ยน้นั บอด
ใหว้ ินิจฉยั วา่ นายหน่ึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่
คาตอบ
นายหน่ึงไปดกั ซุ่มยงิ นายสอง ถือวา่ มีเจตนาฆา่ นายสองโดยไตร่ตรองไวก้ ่อน (คาพพิ ากษาฎีกาท่ี
370/2527) เม่ือกระสุนปื นไม่มีความรุนแรงพอที่จะทาให้นายสองถึงแก่ความตายไดเ้ พราะเหตุอาวธุ
ปื นซ่ึงเป็นปัจจยั ที่ใชใ้ นการกระทาความผดิ มีกาลงั อ่อน นายหน่ึงจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่านาย
สอง โดยไตร่ตรองไวก้ ่อนซ่ึงเป็นไปไมไ่ ดอ้ ยา่ งแน่แท้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4)
ประกอบมาตรา 81 วรรคหน่ึง (คาพพิ ากษาฎีกาที่ 302/2548)
การท่ีกระสุนปื นไปถูกนายสามที่ใบหนา้ เป็นการกระทาโดยพลาดตามมาตรา 60 เม่ือนายหน่ึงมี
เจตนาฆ่านายสองโดยไตร่ตรองไวก้ ่อนก็ตอ้ งถือวา่ นายหน่ึงมีเจตนาฆา่ นายสามโดยไตร่ตรองไว้
ก่อนโดยพลาด (คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 370/ 2527) นายหน่ึง จึงมีความผิดฐานพยายามฆ่านายสามโดย
ไตร่ตรองไวก้ ่อนซ่ึงเป็นไปไม่ไดอ้ ยา่ งแน่แทโ้ ดยพลาดตาม 289 (4) ประกอบมาตรา 60 และมาตรา
81
คาถามพร้อมธงคาตอบขอ้ สอบความรู้ช้นั เนบัณฑติ สมยั ท่ี 60 การศึกษา 2550 หน้า 93
ข้อ 2 คาถาม
นายแดงเห็นคนเดินเขา้ ไปในบริเวณบา้ นของนายขาวซ่ึงเป็นเพ่ือนของตนในเวลากลางคนื จึงไป
แอบดูอยทู่ ่ีหลงั พมุ่ ไมข้ า้ งร้ัวบา้ นของนายขาว นายขาวเดินมาปิ ดประตูหนา้ ต่างมองเห็นเงาคนก็
เขา้ ใจวา่ นายแดงเป็นคนร้ายจะเขา้ มาลกั ทรัพยใ์ นบา้ นของตนจึงใชป้ ื นยงิ นายแดง 1 นดั กระสุนปื น
ไม่ถกู นายแดงแต่ไปถกู นายดาซ่ึงเดินผา่ นมาถึงแก่ความตาย
ใหว้ นิ ิจฉยั วา่ นายขาวมีความผิดฐานใดหรือไม่
คาตอบ
นายขาวมีความผิดฐานพยายามฆ่านายแดงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา
80 แต่เป็นการป้องกนั เกินสมควรแก่เหตุตามมาตรา 69 เพราะเป็นการกระทาโดยมีเจตนาฆา่ คนร้าย
ซ่ึงจะเขา้ มาลกั ทรัพย์ ท้งั น้ีโดยสาคญั ผิดในขอ้ เทจ็ จริงตามมาตรา 62 วรรคแรก
นายขาวมีความผดิ ฐานฆา่ นายดาโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 เป็นการกระทา
โดยพลาดตามมาตรา 60 แต่เม่ือการกระทาของนายขาวต่อนายแดงเป็นการป้องกนั เกินสมควรแก่
เหตุโดยสาคญั ผิดการที่พลาดไปถูกนายดาก็ยอ่ มอา้ งวา่ เป็นการป้องกนั เกินสมควรแก่เหตุต่อนายดา
ไดเ้ ช่นกนั (เทียบคาพิพากษาฎีกาที่ 205/2516 และ 892/2515)
486
ข้อ 3 คาถาม
นายชมและนายชิตวางแผนกนั ไปฆ่านายชื่น นายชมจดั หาปื นใหน้ ายชิตเพอ่ื ใหใ้ ชย้ งิ นายช่ืนโดย
นายชมจะทาหนา้ ที่ดูตน้ ทาง นายชมและนายชิตไปดกั ซุ่มยงิ อยตู่ รงบริเวณที่นายช่ืนจะเดินมา เม่ือ
นายช่ืนมาถึง นายชิตใชป้ ื นน้นั ยงิ ไปที่นายชื่นแต่ยงั ไมถ่ ูก นายชมซ่ึงดูตน้ ทางอยใู่ กลๆ้ กลวั
ความผิดจึงวิ่งหนีกลบั ไปบา้ นเสียก่อน ส่วนนายชิตไดต้ ิดตามนายชื่นไปโดยลาพงั และใชป้ ื น
กระบอกน้นั ยงิ นายชื่นถึงแก่ความตาย
ใหว้ ินิจฉยั วา่ นายชิตและนายชมมีความผดิ ฐานใดหรือไม่
คาตอบ
นายชิตมีความผิดฐานฆ่านายช่ืน โดยเจตนาโดยไตร่ตรองไวก้ ่อนตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 289 (4) เพราะนายชิตวางแผนกบั นายชมไปฆา่ นายชื่นและไปดกั ยงิ (คาพิพากษาฎีกาที่ 433
/2546)
นายชมเป็นตวั การร่วมกบั นายชิตในความผิดฐานพยายามฆา่ นายช่ืนเท่าน้นั เพราะนายชมมีการ
กระทาร่วมกนั และมีเจตนาร่วมกนั กบั นายชิต ในขณะท่ีการกระทาของนายชิตต่อนายช่ืนอยใู่ นข้นั
พยายามฆ่านายชมจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 80 และ
มาตรา 83
แตน่ ายชมเป็นผสู้ นบั สนุนนายชิตในความผิดที่ไดก้ ระทาต่อนายชื่นฐานฆ่านายช่ืนโดยเจตนา
โดยไตร่ตรองไวก้ ่อน เพราะปื นท่ีนายชิตใชย้ งิ นายชื่นน้นั นายชมเป็นผจู้ ดั หาใหเ้ ป็นการช่วยเหลือ
ก่อนกระทาความผิด นายชมจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4) ประกอบ
มาตรา 86 ดว้ ย
คาถามพร้อมธงคาตอบขอ้ สอบความรู้ช้นั เนบัณฑิตสมยั ท่ี 61 การศึกษา 2551 หน้า 104
ขอ้ 3 คาถาม
นายชอบพาสุนขั ของตน 2 ตวั ไปเดินเลน่ ที่สวนสาธารณะ ขณะที่นายชอบเผลอ สุนขั ท้งั 2 ตวั วง่ิ
หายไปในกลมุ่ คนท่ีมาเดินออกกาลงั กาย นายชอบเห็นสุนขั ตวั หน่ึงของนายใจเดินอยู่ นายชอบ
เขา้ ใจวา่ เป็นสุนขั ของตนที่หายไปจึงเขา้ ไปอุม้ นาข้ึนรถเพื่อกลบั บา้ น ระหวา่ งทางนายชอบเห็น
สุนขั อีกตวั หน่ึงเดินอยู่ขา้ งถนนเขา้ ใจวา่ เป็นสุนขั ของนายชื่น นายชอบอยากไดม้ าเป็นของตนแทน
สุนขั อีกตวั หน่ึงท่ีหายไป จึงไปอมุ้ ข้นึ มาบนรถ แต่ความจริงเป็นสุนขั ของนายชอบเอง
ใหว้ ินิจฉยั วา่ นายชอบมีความผิดฐานใดหรือไม่
คาตอบ
487
นายชอบไม่มีความผิดฐานลกั ทรัพยข์ องนายใจตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 เพราะขาด
เจตนาลกั ทรัพย์ เนื่องจากไม่รู้วา่ เป็นการเอาไปซ่ึงทรัพยข์ องผอู้ ่ืน เป็นการไมร่ ู้ขอ้ เทจ็ จริงอนั เป็น
องคป์ ระกอบของความผิด จึงจะถือวา่ ผกู้ ระทามีเจตนากระทาความผดิ มิได้ ท้งั น้ีตามท่ีมาตรา 59
วรรค 3 บญั ญตั ิไว้
นายชอบไม่มีความผิดฐานลกั ทรัพยข์ องนายชื่น เพราะสุนขั อีกตวั หน่ึงที่นายชอบอุม้ ข้ึนมาบนรถ
เป็นสุนขั ของนายชอบเอง จึงไมใ่ ช่การเอาไปซ่ึงทรัพยข์ องผอู้ ื่นอนั เป็นองคป์ ระกอบความผิดฐาน
ลกั ทรัพย์ (เทียบคาพพิ ากษาฎีกาท่ี 7144/2545)
คาถามพร้อมธงคาตอบขอ้ สอบความรู้ช้นั เนบณั ฑิตสมยั ท่ี 65 การศึกษา 2555 หนา้ 153
ขอ้ 2 คาถาม นายแดงเป็นนกั กีฬาวา่ ยน้า ระหวา่ งท่ีนายแดงและเพื่อนๆ นกั กีฬาวา่ ยน้าดว้ ยกนั เสร็จ
สวสั ดีครับจากการฝึกซอ้ มและเดินทางกลบั บา้ น ไดเ้ ห็นชายคนหน่ึงตกน้าใกลจ้ ะตาย เพอื่ นๆ ของ
นายแดงทกุ คนกาลงั จะวา่ ยน้าไปช่วย แต่นายแดงร้องตะโกนไมใ่ หไ้ ปเลยบอกวา่ ตนไปช่วยคนเดียว
กพ็ อแลว้ คนอื่นๆ ไม่ตอ้ งช่วย เพ่ือนๆ ของนายแดงเห็นวา่ นายแดง ซ่ึงเป็นหวั หนา้ ทีมนกั วา่ ยน้า
สามารถไปช่วยคนเดียวได้ จึงไม่วา่ ยน้าไปช่วยตามท่ีนายแดงร้องหา้ ม เม่ือนายแดงวา่ ยน้าไปใกลถ้ ึง
ตวั คนตกน้า ซ่ึงความจริงก็คอื นายขาวบิดาของนายแดงเอง แตเ่ น่ืองจากเป็นเวลาพลบค่า นายแดงจึง
มองเห็นไมช่ ดั และเขา้ ใจผดิ วา่ เป็นนายเหลือง ศตั รูนายแดง นายแดงเกิดความคิดข้นึ มาทนั ที
ตอ้ งการให้ นายเหลืองจมน้าตาย จึงไม่เขา้ ไปช่วยและวา่ ยน้ากลบั เขา้ ฝ่ังทนั ที ในระหวา่ งน้นั นาย
ขาวก็จมน้าถึงแก่ความตาย ขอ้ เทจ็ จริงปรากฎวา่ หากนายแดงวา่ ยน้าพานายขาวไปที่ฝั่งซ่ึงอยใู่ กลๆ้
นายขาวก็จะไม่จมน้าตาย
ใหว้ นิ ิจฉยั วา่ นายแดงมีความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดบา้ ง
คาตอบ
นายแดงตะโกนหา้ มมิใหน้ กั วา่ ยน้าคนอ่ืนๆ วา่ ยน้าไปช่วยคนตกน้า โดยบอกวา่ ตนจะไปช่วยเพียง
คนเดียวกพ็ อแลว้ ทาใหค้ นอ่ืนๆ เปลี่ยนใจไม่วา่ ยน้าไปช่วย นายแดงจึงมีหนา้ ที่โดยเฉพาะท่ีจะตอ้ ง
ช่วย การไมช่ ่วยโดยปลอ่ ยใหค้ นตกน้าจมน้าตาย ยอ่ มเป็นการกระทาโดยงดเวน้ การท่ีจกั ตอ้ งกระทา
เพอ่ื ป้องกนั ผลน้นั ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคทา้ ย จึงเป็นการฆ่าผอู้ ื่น เมื่อนายแดง
ตอ้ งการให้คนตกน้าน้นั ถึงแก่ความตาย แสดงวา่ มีเจตนาฆ่าผนู้ ้นั นายแดงจึงมีความผิดฐานฆ่าผอู้ ่ืน
ตามมาตรา 288
แมน้ ายขาวคนท่ีตกน้าตายจะเป็นบิดาของนายแดงก็ตาม นายแดงกไ็ ม่ตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึนตาม
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (1) ฐานฆา่ บพุ การี เพราะนายแดงไมร่ ู้วา่ คนท่ีตกน้าเป็นบิดา
ของตน ท้งั น้ี ตามที่มาตรา 62 วรรคทา้ ย บญั ญตั ิไวว้ า่ บุคคลจะตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึนโดยอาศยั
ขอ้ เทจ็ จริงใด บคุ คลน้นั จะตอ้ งไดร้ ู้ขอ้ เท็จจริงน้นั
488
คาถามพร้อมธงคาตอบขอ้ สอบความรู้ช้นั เนบัณฑิตสมยั ท่ี 66 การศึกษา 2556 หน้า 168
ข้อ 3 คาถาม
นายมน่ั ขบั รถจกั รยานยนตใ์ หน้ ายคงนงั่ ซอ้ นทา้ ยแลน่ ไปตามถนนเพื่อว่งิ ราวทรัพย์ นายคงกระชา
กกระเป๋ าของนางสาวบีได้ นายมน่ั ขบั รถจกั รยานยนตห์ ลบหนี นายเอเห็นเหตกุ ารณ์จึงขบั รถยนต์
ติดตามรถจกั รยานยนตข์ องนายมนั่ ไปเพื่อจบั กุม นายคงเห็นวา่ นายเอขบั รถยนตต์ ามมาจึงชกั อาวธุ
ปื นยงิ ไปที่นายเอ 1 นดั กระสุนไมถ่ กู ผใู้ ด และนายมน่ั ไม่ทราบวา่ นายคงมีอาวธุ ปื นติดตวั ไปดว้ ย
ใหว้ นิ ิจฉยั วา่ นายมนั่ และนายคงมีความผดิ ฐานใดหรือไม่
คาตอบ
นายมน่ั และนายคงเป็นตวั การร่วมกนั ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 โดยการแบ่งหนา้ ที่
กนั ทาในการกระชากกระเป๋ าของนางสาวบี จึงมีความผิดฐานว่ิงราวทรัพยจต์ ามมาตรา 336 วรรค
แรก ประกอบมาตรา 83 เมื่อมีการใชร้ ถจกั รยานยนตเ์ พื่อสะดวกแก่การกระทาผดิ การพาทรัพยน์ ้นั
ไป หรือเพื่อใหพ้ น้ การจบั กุม จึงตอ้ งระวางโทษหนกั กวา่ ที่กฎหมายกาหนดไวอ้ ีกก่ึงหน่ึงตามมาตรา
336 ทวิ
นายคงชกั ปื นยงิ นายเอเพ่ือใหพ้ น้ จากการจบั กมุ จึงเป็นลกั ทรัพยโ์ ดยการใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย
เพอ่ื ใหพ้ น้ จากการจบั กมุ นายคงจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ เม่ือเป็นการลกั ทรัพยต์ ามมาตรา 335 (7)
จึงมีความผดิ ตามมาตรา 339 วรรคสอง และเป็นการชิงทรัพยโ์ ดยมีอาวธุ ปื น จึงตอ้ งระวางโทษหนกั
กวา่ ท่ีกฎหมายกาหนดไวอ้ ีกก่ึงหน่ึงตามมาตรา 340 ตรี เมื่อนายคงมความผดิ ฐานชิงทรัพยด์ งั กล่าว
แลว้ จึงไมม่ ีความผิดฐานว่งิ ราวทรัพยด์ ว้ ยอีก ส่วนนายมน่ั ไม่มีการกระทาร่วมกนั และไม่มีเจตนา
ร่วมกนั ในการกระทาความผิดดงั กล่าวกบั นายคง นายมนั่ จึงไมเ่ ป็นตวั การตามมาตรา 83 ร่วมกบั นาย
คงในความผิดในส่วนน้ีดว้ ย
นายคงใชอ้ าวธุ ปื นยงิ นายเอเพ่อื จะเอาหรือเอาไวซ้ ่ึงผลประโยชนอ์ นั เกิดแต่การที่ตนไดก้ ระทา
ความผดิ อ่ืน และไดล้ งมือกระทาไปตลอดแลว้ แต่การกระทาไม่บรรลผุ ล นายคงจึงมีความผดิ ฐาน
พยายามฆ่าผอู้ ื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 80 แตน่ ายคงกระทา
ผิดฐานน้ีตามลาพงั นายมน่ั ไมท่ ราบวา่ นายคงมีอาวุธปื นติดตวั ไปดว้ ย และไม่ไดค้ บคิดกบั นายคง
มาก่อน และไมม่ ีการกระทาร่วมกบั นายคง จึงไมเ่ ป็นตวั การตามมาตรา 83 นายมน่ั ไมม่ ีความผดิ ฐาน
น้ี (คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 896/2545)
คาถามพร้อมธงคาตอบขอ้ สอบความรู้ช้นั เนบณั ฑิตสมยั ที่ 69 การศึกษา 2559 หนา้ 208
ข้อ 2 คาถาม