89
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 661/2554 การท่ีจาเลยเรียกและรับเงินไปจากผเู้ สียหายเพ่อื เป็นการตอบ
แทนในการท่ีจะจูงใจเจา้ พนกั งานในตาแหน่งพนกั งานอยั การโดยวธิ ีอนั ทุจริตผิดกฎหมายเพ่ือให้
กระทาการในหนา้ ที่โดยการช่วยเหลือในทางคดีใหส้ ัง่ ไม่ฟ้องในคดีที่ ร. ถกู ดาเนินคดีอาญาแม้
อยั การ ธ. จะมิไดเ้ ป็นเจา้ ของสานวนในคดีน้นั และจาเลยยงั มิไดใ้ หเ้ งินกนั ก็ตามกถ็ ือวา่ ธ. เป็นเจา้
พนกั งานท่ีจาเลยจะจูงใจใหก้ ระทาการในหนา้ ท่ีอนั เป็นคุณแก่ ร. แลว้ การกระทาของจาเลยจึงครบ
องคป์ ระกอบแห่งความผิดตาม ป.อ. มาตรา 143 แลว้
ความผิดฐานเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพยส์ ินเพ่ือใหเ้ จา้ พนกั งานกระทาการตาม ป.อ.
มาตรา 143 ไม่ใช่ความผิดตอ่ สาธารณชน แต่เป็นความผิดเกี่ยวกบั รัฐโดยตรง โจทกร์ ่วมจึงมิใช่
ผเู้ สียหายตามกฎหมาย จึงไมอ่ าจเขา้ ร่วมเป็นโจทกไ์ ด้
ขอ้ สังเกตตามคาพิพากษาฎีกาน้ี การกระทาความผิดของจาเลยครบองคป์ ระกอบความผดิ
ฐานเป็นคนกลางเรียกรับสินบนตามมาตรา 143 แลว้ ท้งั องคป์ ระกอบภายนอกและองคป์ ระกอบ
ภายใน แมว้ า่ พนกั งานอยั การซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานในคดีน้ีจะไมไ่ ดช้ ่วยเหลือใดๆในคดี และแมว้ า่
จาเลยจะยงั ไม่ไดใ้ หเ้ งินหรือแมจ้ ะมีเจตนาไมใ่ หเ้ งินพนกั งานอยั การ จาเลยกต็ อ้ งรับผิดตามกฎหมาย
เพราะวา่ ถือวา่ เป็นการจูงใจเจา้ พนกั งานแลว้ ซ่ึงความผิดน้ีเป็นความผดิ อาญาแผน่ ดินไม่สามารถ
ยอมความได้
- แตถ่ า้ ผถู้ ูกอา้ งไมใ่ ช่เจา้ พนกั งานท่ีมีหนา้ ท่ีในการน้นั เลยกไ็ ม่ผิดมาตรา 143
- แมเ้ จา้ พนกั งานกระทาหนา้ ท่ีไปแลว้ ก็ผิดได้
- ถา้ บอกวา่ จะเอาเงินไปเพ่ือจะเป็นการตอบแทนในการจูงใจหรือไดจ้ ูงใจภรรยาเจา้
พนกั งานไมผ่ ดิ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 313/2490 จะไปพดู กบั ภรรยาผพู้ พิ ากษาใหช้ ่วยใหช้ นะคดีไมไ่ ดเ้ ป็นการ
แสดงตนวา่ สนิทชิดชอบกบั ผพู้ พิ ากษา (เจา้ พนกั งาน)จึงไม่ผดิ มาตรา 143
90
4. โดยวิธกี ารอนั ทุจริตหรือผิดกฎหมายหรือโดยอทิ ธพิ ลของตน
- โดยทุจริต หมายถึง การแสวงหาประโยชนท์ ่ีมิควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายสาหรับ
ตนเองหรือผอู้ ่ืน
- โดยผดิ กฎหมาย อาจไมถ่ ึงข้นั ผิดกฎหมายอาญากไ็ ด้
- โดยอิทธิพลของตน ไมจ่ ากดั ในทางใดๆเช่นอาจจะมีความสมั พนั ธ์เป็นส่วนตวั เกรงใจ
กนั อนั น้ีก็ผิดได้ เช่น อา้ งวา่ เป็นแมย่ ายของเจา้ พนกั งานจะไปพูดให,้ เป็นผบู้ งั คบั บญั ชาของเจา้
พนกั งานอยา่ งน้ีถือวา่ เป็นอิทธิพลเหมือนกนั , ความเกรงใจกนั เป็นพิเศษระหวา่ งผถู้ ูกจูงใจกบั เจา้
พนกั งานก็เป็นอิทธิพลอยา่ งหน่ึง, กรณีนกั การเมืองเรียกใหบ้ ริจาคเงินใหพ้ รรคการเมืองเพอ่ื ตอบ
แทนการท่ีจะจูงใจขา้ ราชการใหเ้ อ้ือประโยชน์แก่ธุรกิจใดธุรกิจหน่ึงในลกั ษณะเอาเปรียบคแู่ ข่งก็
เป็นความผดิ น้ีได้ (ชาตรี สุวรรณิน, 2560, เลม่ ท่ี 15, หนา้ 33)
5. ให้กระทาการหรือไม่กระทาการในหน้าทีอ่ นั เป็ นคณุ หรือเป็ นโทษแก่บคุ คลใด
- แมจ้ ะยงั ไมไ่ ดก้ ระทาการตามที่อา้ งกเ็ ป็นความผิดสาเร็จ
- เมื่อคนกลางอา้ งกบั ผถู้ ูกเรียกเงินหรือผเู้ สียหายวา่ จะไปบอกเจา้ พนกั งานให้เจา้ พนกั งาน
สัง่ ไมฟ่ ้องหรือสั่งฟ้องในขอ้ หาหนกั แมเ้ จา้ พนกั งานจะยงั ไมส่ ัง่ การกระทาของคนกลางก็เป็น
ความผิดสาเร็จแลว้
- ตอ้ งเป็นหนา้ ท่ีโดยตรงของเจา้ พนกั งานน้นั
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 511/2556 ตารวจมีหนา้ ที่จบั กมุ ผกู้ ระทาผดิ หนา้ ท่ีเบิกความต่อศาล
ในฐานะพยานของตารวจเป็นหนา้ ที่อยา่ งเดียวกบั ประชาชนทวั่ ไป หาใช่เป็นหนา้ ที่โดยตรงอนั
เน่ืองมาจากการที่เจา้ พนกั งานจบั กุมผกู้ ระทาผดิ ไม่ แมจ้ าเลยจะเรียกรับเงินจากผอู้ ื่น เพือ่ จูงใจเจา้
พนกั งานใหเ้ บิกความผิดไปจากความจริงกไ็ ม่ผดิ มาตรา 143
- ตัวอย่างเรียกเงนิ ไปให้ผู้ท่ีไม่มหี น้าท่จี งึ ไม่ผดิ มาตรา 143
คาพิพากษาฎีกาท่ี 423/2522 เรียกเงินเพื่อเอาไปใหผ้ ชู้ ่วยสรรพากรซ่ึงเป็นเพียงเจา้ หนา้ ท่ี
ธุรการไม่ไดท้ าบญั ชีจาเลยไม่ผิดมาตรา 143
- กรณีที่จาเลยทาตวั เป็นคนกลางไปเรียกเงินจากผทู้ ่ีมีคดีความอยใู่ นช้นั ศาลฎีกาโดย
อา้ งวา่ จะเอาเงินไปวิ่งเตน้ กบั ผพู้ พิ ากษาศาลฎีกาใหต้ ดั สินใหเ้ ป็นคุณกบั ผทู้ ี่ตวั เองจะไปติดต่อแต่
ความจริงขณะไปเรียกเงินศาลฎีกาไดต้ ดั สินคดีไปแลว้ อยา่ งน้ีกผ็ ดิ มาตรา 143 แลว้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 4846/2536 จาเลยเรียกและรับเงิน 1 ลา้ นบาทเป็นการตอบแทนผู้
พพิ ากษาศาลฎีกาถือวา่ ครบองคป์ ระกอบมาตรา 143 แลว้ จาเลยจะไดจ้ ูงใจผพู้ ิพากษาศาลฎีกา
หรือไม่ หาใช่องคป์ ระกอบความผดิ มาตรา 143 แมศ้ าลช้นั ตน้ จะไดอ้ า่ นคาพิพากษาฎีกาไปก่อนท่ี
จาเลยจะไดเ้ รียกและรับเงินจากผเู้ สียหาย จาเลยยอ่ มไมส่ ามารถจูงใจได้ ก็ไมท่ าใหก้ ารกระทาของ
จาเลยไม่เป็ นความผิด
91
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1332/2537 จาเลยเรียกรับเงินเพ่ือจะเอาไปใหเ้ จา้ พนกั งานผอู้ อก
ใบอนุญาตก่อสร้างแมจ้ ะออกใบอนุญาตแลว้ กย็ งั เป็นเจา้ พนกั งานตามกฎหมาย การออกใบอนุญาต
ไปแลว้ มิไดท้ าใหฟ้ ้องโจทกข์ าดองคป์ ระกอบความผิด
6. เจตนาตามมาตรา 59 วรรคสามและวรรคสอง
ให้สินบนเจ้าพนกั งาน
มาตรา 144 ผใู้ ดให้ ขอใหห้ รือรับวา่ จะใหท้ รัพยส์ ิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจา้ พนกั งาน สมาชิก
สภานิติบญั ญตั ิแห่งรัฐ สมาชิกสภาจงั หวดั หรือสมาชิกสภาเทศบาล เพอื่ จูงใจใหก้ ระทาการ ไม่
กระทาการ หรือประวิงการกระทาอนั มิชอบดว้ ยหนา้ ท่ี ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินหา้ ปี หรือปรับ
ไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 144 ให้สินบนเจ้าพนักงานและผ้มู ีตาแหน่งทางการเมือง
(คนให้)
- ความผิดมาตรา 144 นามาออกขอ้ สอบควบความผิดฐานเจา้ พนกั งานเรียกรับสินบนตาม
มาตรา 149 (ถา้ หากวา่ เจา้ พนกั งานในการยตุ ิธรรมรับสินบนก็จะมีความผดิ ตามมาตรา 201 ซ่ึงมีโทษ
หนกั กวา่ ) (ชาตรี สุวรรณิน, 2560 เล่ม 15,หนา้ 37)
- มาตรา 144 เป็นมาตราที่เอาผิดตอ่ ราษฎรหรือคนทว่ั ไปท่ีใหส้ ินบนเจา้ พนกั งาน
(ครอบคลมุ เจา้ พนกั งานทวั่ ไป สมาชิกสภานิติบญั ญตั ิ สมาชิกสภาจงั หวดั สมาชิกสภาเทศบาลแต่ไม่
รวมถึงสมาชิกสภาตาบล) เพ่ือใหก้ ระทาโดยมิชอบในหนา้ ที่
- ความผิดเก่ียวกบั เจา้ พนกั งานน้นั กฎหมายประสงคจ์ ะเอาโทษในกรณีของเจา้ พนกั งาน
ประเภทใดกจ็ ะตอ้ งบญั ญตั ิไวโ้ ดยชดั แจง้
- กรณีศึกษามาตรา 144 ตอ้ งศึกษาค่กู บั มาตรา 167 เพราะมาตรา 144 เจา้ พนกั งานทว่ั ไป
กบั มาตรา 167 เจา้ พนกั งานในกระบวนการยตุ ิธรรม (ศาล,อยั การ,พนกั งานสอบสวน) ส่วน
องคป์ ระกอบความผิดอื่นเหมือนกนั หมด
สรุป ราษฎรผใู้ หส้ ินบน ผดิ มาตรา 144 (ใหส้ ินบนเจา้ พนกั งานทวั่ ไป) หรือผิดมาตรา 167 (ให้
สินบนเจา้ พนกั งานในกระบวนการยตุ ิธรรม)
เจา้ พนกั งานทวั่ ไปหรือนกั การเมือง เป็นผูร้ ับสินบน ผดิ มาตรา 149 เจา้ พนกั งานใน
กระบวนการยตุ ิธรรม เป็นผรู้ ับสินบน ผิดมาตรา 201 (ชาตรี สุวรรณิน, 2560 เลม่ 15,หนา้ 38)
-เมื่อมีการขอใหแ้ ลว้ แมเ้ จา้ พนกั งานไม่รับกเ็ ป็นความผดิ สาเร็จแลว้
-องคป์ ระกอบความผดิ มาตรา 144
1.ให้ ขอให้ หรือรับวา่ จะให้
92
คาพิพากษาฎีที่ 3096/2552 จาเลยท้งั สองไปติดต่อกบั ดาบตารวจ ช. เพอื่ ขอใหช้ ่วยเหลือ พ.
กบั พวก โดยเปล่ียนขอ้ หาจากเดิมขอ้ หาร่วมกนั มีแมทแอมเฟตามีนไวใ้ นครอบครองเพอื่ จาหน่าย
และจาหน่ายเป็นขอ้ หาร่วมกนั มีเมทแอมเฟตามีนไวใ้ นครอบครองโดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาต โดยเสนอ
ใหเ้ งิน 70,000 บาท ยอ่ มเป็นการกระทาที่มุ่งประสงคข์ อใหท้ รัพยส์ ินเพื่อจูงใจใหด้ าบตารวจ ช. ไป
ดาเนินการใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชากระทาการอนั มิชอบดว้ ยหนา้ ท่ี เม่ือพนั ตารวจตรี ต. ผบู้ งั คบั บญั ชาของ
ดาบตารวจ ช. ทราบความประสงคข์ องจาเลยท้งั สองจากดาบตารวจ ช. และวางแผนจบั กมุ โดยตอบ
ตกลงและนดั หมายใหน้ าเงินมอบให้ และจบั กุมไดพ้ ร้อมเงินของกลาง จึงถือไดว้ า่ จาเลยท้งั สองได้
ขอใหท้ รัพยส์ ินแก่ดาบตารวจ ช. และพนั ตารวจตรี ต. เพื่อจูงใจใหก้ ระทาการอนั มิชอบดว้ ยหนา้ ท่ี
อนั เป็นความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา 144
2.ใหท้ รัพยส์ ินหรือประโยชน์อ่ืนใด
เช่น คา่ คอมมิชชน่ั หรือคา่ ตอบแทนแก่เจา้ พนกั งานท่ีมีอานาจลงชื่ออนุมตั ิเบิกจ่าย, ให้
ตาแหน่งสูงข้นึ
3.แก่เจา้ พนกั งานทว่ั ไป สมาชิกสภานิติบญั ญตั ิ สมาชิกสภาจงั หวดั สมาชิกสภาเทศบาลแต่
ไมร่ วมถึงสมาชิกสภาตาบล
4.เพอื่ จูงใจใหก้ ระทาการ ไม่กระทาการ หรือประวงิ การกระทาอนั มิชอบดว้ ยหนา้ ท่ี
“อนั มิชอบดว้ ยหนา้ ที่” ของเจา้ พนกั งานน้นั
แสดงตนและกระทาการเป็ นเจ้ าพนักงาน
มาตรา 145 ผใู้ ดแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งาน และกระทาการเป็นเจา้ พนกั งาน โดยตนเองมิไดเ้ ป็นเจา้
พนกั งานที่มีอานาจกระทาการน้นั ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกินสองหม่ืนบาท
หรือท้งั จาท้งั ปรับ
เจา้ พนกั งานผใู้ ดไดร้ ับคาสงั่ มิใหป้ ฏิบตั ิการตามตาแหน่งหนา้ ท่ีต่อไปแลว้ ยงั ฝ่าฝืนกระทา
การใด ๆ ในตาแหน่งหนา้ ท่ีน้นั ตอ้ งระวางโทษตามที่กาหนดไวใ้ นวรรคแรกดุจกนั
93
มาตรา 145 แสดงตนและกระทาการเป็ นเจ้าพนักงาน
1. การแสดงตนและกระทาการเป็ นเจ้าพนกั งาน
- การแสดงตนอาจมีหนา้ มา้ แนะนาผถู้ กู แนะนาน่ิงเฉยไม่ปฏิเสธถือวา่ เป็นการแสดงตน
เป็นเจา้ พนกั งาน (นวรัตน์ กล่ินรัตน์, 2559, หนา้ 405-410)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 5096/2540 คร้ังแรกจาเลยไปบา้ นผเู้ สียหายกบั ก. จาเลยไดย้ นิ ก.พดู วา่
จาเลยเป็นตารวจแต่จาเลยนิ่งเฉยไมป่ ฏิเสธท้งั จาเลยไดเ้ รียกเงิน 2000 บาทจากผเู้ สียหายไม่ง้นั จะจบั
ผเู้ สียหายถือไดว้ า่ จาเลยแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทาการเป็นเจา้ พนกั งานแลว้ จาเลยผดิ
มาตรา 145
การเรียกเงินท้งั ที่ 2 จาเลยจะเรียกเงินกบั ผเู้ สียหายอีกโดยข่วู า่ หากไม่ใหจ้ ะจบั ตวั ไปจน
ผเู้ สียหายยอมใหจ้ าเลยผิดมาตรา 337 กรรโชกทรัพยเ์ ป็นความผดิ หลายกรรมตา่ งกนั
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 609/2502 เอากุญแจมืออยา่ งตารวจใส่ขอ้ มือเจา้ ทรัพยแ์ ลว้ ตรวจคน้ แม้
ไม่พดู วา่ เป็นตารวจแตก่ พ็ อถือเป็นการแสดงตนและกระทาการเป็นเจา้ พนกั งานแลว้
ตวั อยา่ งที่วินิจฉยั วา่ แสดงตนอยา่ งเดียวแตไ่ ม่ไดก้ ระทาการเป็นเจา้ พนกั งานไมผ่ ิดมาตรา 145
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 402/2520 อ้วั เป็นร้อยตารวจตรีคน้ ไม่ได้ จาเลยพูดเพ่ือไมใ่ หต้ ารวจคน้
รถของจาเลยยงั ไม่เป็นกระทาการเป็นเจา้ พนกั งานยงั ไม่ผิดมาตรา 145
ถา้ อา้ งวา่ เป็นตารวจขอคน้ บา้ นเมื่อผเู้ สียหายเปิ ดประตกู ป็ ลน้ ทรัพยเ์ ลยศาลฎีกาวา่ ไม่ครบ
องคป์ ระกอบมาตรา 145 เนื่องจากแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานแต่ไม่ไดก้ ระทาการเป็นเจา้ พนกั งาน
คาพิพากษาฎีกาท่ี 810/2520 อา้ งวา่ เป็นตารวจขอคน้ บา้ นเมื่อเขา้ ไปแลว้ กลบั ข่เู อาทรัพย์
ไมไ่ ดก้ ระทาการเป็นเจา้ พนกั งานเลยไมผ่ ดิ มาตรา 145
กรณีตารวจแต่งคร่ึงทอ่ นไปโบกขอตรวจคน้ พฤติการณ์อยา่ งน้ีถือวา่ แสดงตนและ
กระทาการเป็นเจา้ พนกั งานแลว้ (ชาตรี สุวรรณิน, 2560 เล่ม 15,หนา้ 44) คาวา่ คร่ึงทอ่ น ในท่ีน้ี
ผเู้ ขยี นมีความเห็นวา่ กรณีตารวจใส่เส้ือสีขาวหรือสีอื่น แต่ยงั ใส่กางเกงสีกากีท่ีเป็นเครื่องแบบ
ตารวจอยู่ ทาใหป้ ระชาชนอาจเขา้ ใจวา่ เป็นตารวจได้ ตามขอ้ เทจ็ จริงท่ีปรากฎในคาพพิ ากษาฎีกาที่
2099/2527 น้ี
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2099/2527 จาเลยใส่กางเกงขายาวสีกากีสวมเส้ือคอกลมขาวคาดเขม็
ขดั หนงั ยนื ใหส้ ญั ญาณรถบรรทุกใหห้ ยดุ รถเพ่ือตรวจตรงจุดท่ีตารวจทางหลวงจอดอยมู่ ีตารวจแตง่
เคร่ืองแบบนง่ั อยใู่ นรถดงั น้ี จ.แสดงตนและกระทาการเป็นเจา้ พนกั งานตารวจทางหลวงในการเรียก
ตรวจรถที่ผา่ นไปมาโดยไม่ไดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานจริง ๆ จาเลยผดิ มาตรา 145
ถา้ หากวา่ ไปแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานตารวจเพื่อจะอวดสาวๆอยา่ งน้ีไม่ผิดมาตรา 145
94
2. โดยตนเองไม่ได้เป็ นเจ้าพนักงานทมี่ ีอานาจกระทาการน้นั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1394/2514 จาเลยเป็นพนกั งานตีตราไมไ้ มใ่ ช่พนกั งานป่ าไมจ้ าเลย
แสดงตนเป็นพนกั งานป่ าไมผ้ มู้ ีอานาจจบั กุมแลว้ จบั ผเู้ สียหายและเรียกรับเงินจากผเู้ สียหายดว้ ยเลย
ผดิ มาตรา 145
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1077/2505 ป. ส.หลอกลวงผเู้ สียหายวา่ เป็นตารวจขอคน้ บา้ นและคน้
ไดแ้ ป้งเช้ือสุราแลว้ คมุ ตวั ผเู้ สียหายไปใหค้ .แสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานสรรพสามิตใหผ้ เู้ สียหายเสีย
ค่าปรับไมง่ ้นั จะส่งไปใหอ้ าเภอช.พดู ส่งเสริมให้ผเู้ สียหายเสียเงินให้ ช.ที่เป็นกานนั วนั น้นั ช. ไป
กินขา้ วและแบง่ เงินใหก้ บั ป. ส. ค.
ป. ส. ค. ผิดฐานแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานมาตรา 145, หน่วงเหน่ียวกกั ขงั มาตรา 310
และกรรโชกทรัพยม์ าตรา 337 ส่วน ช.เป็นเพยี งผสู้ นบั สนุนการกระทาความผิดฐานกรรโชกไม่ใช่
เร่ืองหลอกลวงฉอ้ โกง
3. โดยเจตนา
มาตรา 145 วรรค 2 เป็นเจา้ พนกั งานที่ไดร้ ับคาสงั่ มิใหป้ ฏิบตั ิการตามตาแหน่งหนา้ ที่
ตอ่ ไปแลว้ ยงั ขืนไปปฏิบตั ิแมม้ ีคาส่ังพกั ราชการแลว้ ยงั ฝ่าฝื นไปจะทาการในตาแหน่งหนา้ ท่ีน้นั กถ็ ือ
วา่ ผดิ มาตรา 145 วรรค 2
ตารวจขาดราชการแลว้ ถูกคาสงั่ ใหอ้ อกราชการแต่ตนเองยงั ไมท่ ราบเพราะไม่ไดก้ ลบั เขา้
ไปท่ีทางานและยงั คงแต่งเคร่ืองแบบกระทาการจบั กมุ ผกู้ ระทาความผดิ อยศู่ าลฎีกาวา่ จาเลยขาด
เจตนาเพราะไม่รู้วา่ มีคาส่งั ของราชการใหอ้ อกจากราชการ
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2336/2541 แมจ้ าเลยจะเป็นปลดั อาเภอก็ไมม่ ีอานาจหนา้ ที่ใหจ้ ดั เกบ็
ภาษกี ารที่จาเลยออกใบเสียภาษกี รอกขอ้ ความและลงชื่อในใบเสียภาษี พฤติการณ์ของจาเลยเป็น
การแสดงวา่ จาเลยมีอานาจออกใบเสียภาษไี ดจ้ ึงเป็นการแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทาการ
เป็นเจา้ พนกั งานโดยจาเลยมิไดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานที่มีอานาจกระทาน้นั เป็นโดยผิดมาตรา 145
อา้ งวา่ เคยเป็นเจา้ หนา้ ที่กไ็ มถ่ ือวา่ แสดงตนเป็นเจา้ พนกั งาน
95
สวมเครื่องแบบหรือประดบั เคร่ืองหมายของเจ้าพนักงาน (นวรัตน์ กลิ่นรัตน์, 2559, หนา้ 410-412)
มาตรา 146 ผใู้ ดไม่มีสิทธิที่จะสวมเคร่ืองแบบหรือประดบั เคร่ืองหมายของเจา้ พนกั งาน สมาชิกสภา
นิติบญั ญตั ิแห่งรัฐ สมาชิกสภาจงั หวดั หรือสมาชิกสภาเทศบาล หรือไมม่ ีสิทธิใชย้ ศ ตาแหน่ง
เครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือสิ่งท่ีหมายถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ กระทาการเช่นน้นั เพื่อใหบ้ ุคคลอ่ืน
เชื่อวา่ ตนมีสิทธิ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไมเ่ กินสองหมื่นบาท หรือท้งั จาท้งั
ปรับ
มาตรา 146 สวมเคร่ืองแบบใช้ยศใช้ตาแหน่งโดยมชิ อบ
องคป์ ระกอบความผิด คือ
1. ผใู้ ดไม่มีสิทธิที่จะ (1)สวมเครื่องแบบของเจา้ พนกั งาน สมาชิกสภานิติบญั ญตั ิแห่งรัฐ
สมาชิกสภาจงั หวดั หรือสมาชิกสภาเทศบาล (2)ไม่มีสิทธิที่จะประดบั เคร่ืองหมายของเจา้ พนกั งาน
... (3) ไมม่ ีสิทธิที่จะใชย้ ศ (4) ใชต้ าแหน่ง (5) ใชเ้ คร่ืองราชอิสริยาภรณ์ หรือส่ิงที่หมายถึง
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ อาจจะเป็นคายอ่
2. เพ่อื ใหบ้ คุ คลใดเชื่อวา่ ตนมีสิทธิ
3. เจตนา
คาพิพากษาฎีกาท่ี 8621/2553 โจทกบ์ รรยายฟ้องวา่ "...จาเลย...ไม่มีสิทธิใชค้ านาหนา้ นาม
ของตนเองวา่ คุณหญิง ไดบ้ งั อาจแสดงตวั อวดอา้ ง... วา่ ตนเองเป็นคณุ หญิงไดร้ ับพระราชทาน
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ท้งั น้ีเพื่อใหบ้ คุ คลอ่ืนหลงเช่ือ..." เป็นการบรรยายใหเ้ ห็นวา่ จาเลยไมม่ ีสิทธิใช้
คานาหนา้ ชื่อตนเองวา่ คุณหญิงซ่ึงเป็นส่ิงที่หมายถึงเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ และกระทาการเช่นน้นั
เพ่อื ใหบ้ คุ คลอ่ืนหลงเช่ือวา่ ตนมีสิทธิ ครบองคป์ ระกอบความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
146 แลว้ จาเลยแตง่ กายประดบั เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ซ่ึงตนไม่มีสิทธิแลว้ ถา่ ยรูปไวถ้ ือไดว้ า่ จาเลย
เป็นผไู้ ม่มีสิทธิใชเ้ ครื่องราชอิสริยาภรณ์กระทาเช่นน้นั แลว้ ส่วนเพื่อใหบ้ ุคคลอื่นเช่ือวา่ ตนมีสิทธิ
หรือไม่เป็นเจตนาภายในจิตใจของจาเลย การที่จาเลยถ่ายรูปขนาด 20 นิ้ว คูณ 24 นิ้ว ติดไวใ้ น
หอ้ งรับแขกซ่ึงไม่ใช่ที่ลบั แสดงวา่ ประสงคใ์ หผ้ อู้ ่ืนมาเห็นและตอ้ งการใหผ้ อู้ ื่นเช่ือวา่ มีสิทธิใช้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามรูปถ่ายดงั กล่าวจึงเป็นความผิดตามมาตรา 146
96
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 6709/ 2521 จาเลยเป็นพลตารวจแตต่ ิดยศสิบตารวจจาเลยผิดมาตรา
146 กรณีใบขบั ขไี่ มไ่ ดห้ ายแต่แจง้ กบั ตารวจวา่ หายเป็นการแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ ต่อตารวจตาม
มาตรา 137 (แจง้ ความเทจ็ ต่อเจา้ พนกั งาน) การที่บอกกบั ตารวจวา่ ตนมียศพนั ตารวจโทเพื่อให้
ปลอ่ ยตวั ไปกถ็ ือวา่ เป็นการแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานแตไ่ มไ่ ดก้ ระทาการเป็นเจา้ พนกั งานจึงไม่ครบ
องคป์ ระกอบมาตรา 145 แต่การท่ีอา้ งวา่ เป็นพนั ตารวจโทน้นั เป็นการใชย้ ศและตาแหน่งโดยไม่มี
สิทธ์ิที่จะใชแ้ ละกระทาเพอ่ื ใหต้ ารวจผจู้ บั กุมเช่ือวา่ มีสิทธ์ิที่จะใชไ้ ดจ้ าเลยผดิ มาตรา 146
หมวด 2 ความผิดต่อตาแหน่งหนา้ ท่ีราชการ
ความผิดท่ีกระทาโดยทุจริ ต
เจ้าพนักงานยกั ยอก
มาตรา 147 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ท่ีซ้ือ ทา จดั การหรือรักษาทรัพยใ์ ด เบียดบงั ทรัพยน์ ้นั เป็น
ของตน หรือเป็นของผูอ้ ่ืนโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมใหผ้ อู้ ่ืนเอาทรัพยน์ ้นั เสีย ตอ้ งระวางโทษ
จาคุกต้งั แต่หา้ ปี ถึงยสี่ ิบปี หรือจาคุกตลอดชีวติ และปรับต้งั แตห่ น่ึงแสนบาทถึงส่ีแสนบาท
มาตรา 147 เจ้าพนักงานยกั ยอก
1. เป็นเจา้ พนกั งาน
หากไมใ่ ช่เจา้ พนกั งานจะเป็นตวั การในการกระทาผดิ ไมไ่ ดค้ งลงโทษไดเ้ พียงฐานเป็น
ผสู้ นบั สนุนเจา้ พนกั งานตามมาตรา 147 และมาตรา 86 ตามแนวฎีกาเม่ือผดิ มาตรา 147 ก็จะไม่ปรับ
บททวั่ ไปมาตรา 157 อีก (นวรัตน์ กล่ินรัตน์, 2559, หนา้ 412-422)
ถา้ เป็นเพียงลกู จา้ งประจา ลูกจา้ งชว่ั คราวเท่าน้นั ไม่เป็นเจา้ พนกั งาน ไมอ่ าจจะเป็น
ตวั การกระทาผิดมาตรา 147 ได้ (เวน้ แตจ่ ะมีกฎหมายบญั ญตั ิให้เป็นเจา้ พนกั งานตามประมวล
กฎหมายอาญา)
97
คาพิพากษาฎีกาท่ี 6591/2537 ลกู จา้ งกรมชลประทานไมเ่ ป็นเจา้ พนกั งานจึงไม่ผดิ มาตรา
147 แตจ่ ะผิดมาตรา 352
“เจา้ พนกั งาน” ผปู้ ฏิบตั ิราชการตามหนา้ ที่โดยไดร้ ับแตง่ ต้งั ตามกฎหมายเฉพาะบญั ญตั ิ
ไวใ้ หเ้ ป็นเจา้ พนกั งานเช่นพระราชบญั ญตั ิเลือกต้งั กาหนดใหก้ รรมการนบั คะแนนหรือกรรมการ
ตรวจคะแนนซ่ึงเป็นประชาชนธรรมดาเป็นเจา้ พนกั งานก็ถือวา่ มีกฎหมายบญั ญตั ิไวโ้ ดยเฉพาะและ
ถา้ หากวา่ เป็นขา้ ราชการซ่ึงรับเงินเดือนประเภทงบประมาณกเ็ ป็นเจา้ พนกั งานเช่นกนั
ความผิดต่อตาแหน่งหนา้ ท่ีราชการน้นั ถึงบุคคลธรรมดากระทาโดยลาพงั จะไมเ่ ป็น
ความผิดแต่เม่ือร่วมกบั เจา้ พนกั งานก็อาจเป็นผสู้ นับสนุนได้
ข้อสังเกตในขอ้ สอบถา้ ระบมุ าเลยวา่ เป็นเจา้ พนกั งานก็หมายความวา่ ไม่ตอ้ งไปวนิ ิจฉยั วา่
เป็นเจา้ พนกั งานหรือไม่แตจ่ ะประสงคใ์ หว้ นิ ิจฉยั วา่ เป็นเจา้ พนกั งานที่มีหนา้ ที่เก่ียวกบั เร่ืองน้นั
หรือไม่
ถา้ ไดร้ ับแต่งต้งั โดยไมช่ อบดว้ ยกฎหมายกไ็ ม่ทาใหเ้ ป็นเจา้ พนกั งาน
มีกฎหมายบางฉบบั บญั ญตั ิไวโ้ ดยเฉพาะวา่ งใหถ้ ือวา่ บุคคลใดเป็นเจา้ พนกั งานตาม
ประมวลกฎหมายอาญาอยา่ งน้ีไม่ตอ้ งตีความเลย
คาพพิ ากษาฎีกา 3498/2539 พระราชบญั ญตั ิการสื่อสารบญั ญตั ิใหพ้ นกั งานการสื่อสาร
เป็นเจา้ พนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญาจาเลยเป็นบุรุษไปรษณียม์ ีหนา้ ท่ีเปิ ดถุงไปรษณียแ์ ละ
คดั เลือกไปรษณียไ์ ดเ้ บียดบงั เอาจดหมายมาเป็นของจาเลยโดยทุจริตจาเลยผดิ มาตรา 147
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 153/2545 จาเลยเป็นพนกั งานเกบ็ เงินคา่ ทางด่วนนาเงินส่งคา่ ทางด่วน
ขาดไป 8 คร้ัง (153,700 บาท )จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานผรู้ ับเงินและรวบรวมนาเงินส่งถือวา่ เป็ นการ
จดั การทรัพยต์ ามมาตรา 147 เบียดบงั โดยทุจริตเม่ือจานวนรถที่วง่ิ ผา่ นด่านมีมากกวา่ จานวนใบเสร็จ
ท่ีจาเลยฉีก ก็มิไดเ้ ป็นการยนื ยนั วา่ จาเลยไมไ่ ดท้ จุ ริตแต่อย่างใด
ตวั อยา่ งท่ีวา่ ไมเ่ ป็นเจา้ พนกั งานไม่มีกฎหมายบญั ญตั ิใหเ้ ป็นเจา้ พนกั งาน
คาพิพากษาฎีกาที่ 6288/2545 ใบรับรองการตรวจสภาพรถของบริษทั ต.จากดั ซ่ึงไดร้ ับ
อนุญาติจากกรมขนส่งใหเ้ ป็นสถานท่ีตรวจรถพนกั งานของบริษทั ต.ท่ีมีหนา้ ท่ีออกใบรับรองไมใ่ ช่
เจา้ พนกั งานตามกฎหมายกบั ใบรับรองไมถ่ ือวา่ เป็นเอกสารราชการ (เพราะออกมาจากบริษทั ต.)
การท่ีจาเลยปลอมใบรับรองจึงไมเ่ ป็นการปลอมเอกสารราชการตามมาตรา 265 แตเ่ ป็นการปลอม
เอกสารตามมาตรา 264
2. มีหนา้ ที่ซ้ือ ทา จดั การหรือรักษาทรัพยใ์ ด
หนา้ ที่ของเจา้ พนกั งานอาจเกิดจากกฎหมายกาหนดไวโ้ ดยเฉพาะเช่นสมหุ บญั ชีมีหนา้ ที่
เกบ็ รักษาเงินเป็นหนา้ ท่ีกฎหมายกาหนดไวโ้ ดยตรง
98
หนา้ ที่ของเจา้ พนกั งานอาจเกิดข้นึ โดยคาสงั่ หรือการมอบหมายของผมู้ ีอานาจสงั่ การก็ได้
ปกติในระบบราชการเมื่อผบู้ งั คบั บญั ชามอบหมายหรือสั่งการก็เกิดหนา้ ที่
คาพิพากษาฎีกาท่ี 635/2507 นายอาเภอมอบหมายใหป้ ลดั อาเภอเป็นเจา้ หนา้ ท่ีแผนก
ทะเบียนไดร้ ับเงินคา่ จดทะเบียนปื นแลว้ ไม่ส่งหลวงปลดั ผดิ มาตรา 147
คาพิพากษาฎีกาที่ 473/2527 สารวตั รส่ังใหจ้ าเลยเก็บเงินประกนั ตวั ผูต้ อ้ งหาจาเลยยอ่ ม
เป็นเจา้ พนกั งานมีหนา้ ที่รักษาเงินจาเลยนาเงินไปฝากผอู้ ื่นไมน่ าเกบ็ ไวต้ หู้ ากไม่มีตกู้ ็ตอ้ งรายงาน
สารวตั ร พฤติการณ์แสดงวา่ จาเลยทจุ ริตเบียดบงั เงินตามมาตรา 147
ถา้ หากไม่มีหนา้ ท่ีซ้ือทา จดั การหรือรักษาทรัพยใ์ ดกไ็ มเ่ ขา้ องคป์ ระกอบ
หนา้ ท่ีในการซ้ือทาจดั การหรือรักษาทรัพยไ์ ม่จาเป็นตอ้ งเป็นของทางราชการเสมอไป
เช่นเงินประกนั ตวั ผตู้ อ้ งหา โฉนดที่ดิน ของกลางในคดีอาญาเช่นรถยนตข์ องการจบั ไดแ้ ลว้ ตารวจ
เบียดบงั เอาไปก็ผิดมาตรา 147
แตถ่ า้ เป็นเร่ืองท่ีไมเ่ กี่ยวกบั หนา้ ท่ีการงานเป็นเร่ืองสวสั ดิการไม่ผดิ มาตรา 147
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5964/2537 เงินท่ีจาเลยยกั ยอกไปเป็นเงินค่าบารุงศพเพ่ือจดั เก็บเป็น
สวสั ดิการกรมตารวจหาใช่เป็นเงินของทางราชการหรือของรัฐบาลที่จาเลยผเู้ ป็นเจา้ หนา้ ท่ีมีหนา้ ท่ี
ซ้ือทาจดั การรักษาแต่อยา่ งใดไม่จึงลงโทษจาเลยตามมาตรา 147 ไม่ไดแ้ ตจ่ าเลยผดิ ยกั ยอกมาตรา
352 อนั เป็นความผดิ อนั ยอมความได้
เงินคา่ ทิปไมผ่ ิดมาตรา 147
คาพิพากษาฎีกาที่ 3410/2525 ผทู้ ่ีมาติดต่อทาทะเบียนรถมอบใหด้ ว้ ยความสมคั รใจเป็น
ค่าบริการจาเลยไดร้ ับไมผ่ ดิ มาตรา 147
เงินส่วนเกินไม่ใช่เงินของทางราชการไม่ผิดมาตรา 147
มีหนา้ ท่ีรักษาของกลางในคดีแลว้ ไม่ลงบญั ชีของกลาง แต่กลบั เบียดบงั เป็นของตนผิด
มาตรา 147
ขา้ ราชการซ่ึงมีหนา้ ท่ีขบั รถยนตแ์ ลว้ ดูดเอาน้ามนั ในรถไปขายผิดเจา้ พนกั งานยกั ยอกตาม
มาตรา 147
หากเป็นลูกจา้ งมีหนา้ ท่ีขบั รถของเทศบาลเอาน้ามนั ไปจากถงั รถยนตเ์ ป็นลกั ทรัพยเ์ พราะ
ไม่ไดค้ รอบครองรถหรือน้ามนั ในรถ
คาพิพากษาฎีกาที่ 229/2510 ((ประชุมใหญ่)) ลกู จา้ งไม่ใช่เจา้ พนกั งานดูดน้ามนั ไปผิด
ลกั ทรัพยเ์ พราะการครอบครองน้ามนั ยงั อยกู่ บั เทศบาลซ่ึงเป็นเจา้ ของทรัพยห์ ากเอาไปก็ผิดลกั ทรัพย์
ไม่ใช่ยกั ยอก (ยกั ยอกตอ้ งมีหนา้ ที่ครอบครอง)
3. เบียดบงั เอาทรัพยน์ ้นั เป็นของตนหรือของผอู้ ื่นหรือยอมใหผ้ อู้ ่ืนเอาทรัพยน์ ้นั เสีย
99
คาวา่ “เบียดบงั ” มีความหมายเดียวกบั ยกั ยอก ตามมาตรา 352 คือ เบียดบงั ตอ้ งมีการครอบครอง
แลว้ เอาทรัพยน์ ้นั ไปในลกั ษณะตดั กรรมสิทธ์ิไมใ่ ช่เอาไปเพยี งชว่ั คราวแลว้ เอามาคืน (ชาตรี
สุวรรณิน, 2560 เล่ม 15,หนา้ 53)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2236/2551 จาเลยมาช่วยราชการที่องคก์ ารบริหารส่วนตาบลท่าพระ
โดยยงั ไมข่ าดจากตาแหน่งเดิมท่ีอาเภอหนองเรือ จึงตอ้ งรับเงินเดือนจากตน้ สงั กดั เดิม กลบั ต้งั ฎีกา
เบิกเงินเดือนของจาเลย ณ องคก์ ารบริหารส่วนตาบลทา่ พระอีก อนั เป็นการเบิกซ้าซอ้ นรวม 7 เดือน
แลว้ เบียดบงั ไปเป็นประโยชนส์ ่วนตน การกระทาของจาเลยเขา้ ลกั ษณะเป็นเจา้ พนกั งานมีหนา้ ท่ี
รักษาทรัพยแ์ ลว้ เบียดบงั ทรัพยน์ ้นั เป็นของตนโดยทุจริต จาเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 147
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2330/2534 จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานโรงพยาบาลมีหนา้ ที่จดั ซ้ือซ่อมแซม
พสั ดุและมีหนา้ ที่การเงินดว้ ยจาเลยไดร้ ับเงินบารุงรักษาแลว้ ไม่ไดน้ าไปจดั ซ้ือพสั ดุจาเลยเบียดบงั
เงินที่อยใู่ นความครอบครองตามหนา้ ที่ของตนโดยทจุ ริตผิดมาตรา 147
การเอาไปจานาก็ถือเป็ นการเบียดบงั
เอาไปใหผ้ อู้ ื่นยมื ก็เป็นความผดิ
เอาทรัพยท์ ่ีเบียดบงั ไปมาคืนก็ไม่ทาใหพ้ น้ ผิด
ตวั อยา่ งไม่มีหนา้ ท่ีตามมาตรา 147 แต่มีหนา้ ท่ีมาตรา 157 เช่น กรณีตารวจสายตรวจตอ้ ง
อยเู่ วรยามรักษาความปลอดภยั สถานีตารวจ ไมม่ ีหนา้ ที่รักษาเลื่อยยนตข์ องกลางโดยตรง ไมผ่ ดิ
มาตรา 147 แตผ่ ดิ มาตราม 157 (ชาตรี สุวรรณิน, 2560 เล่ม 15,หนา้ 54)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 228/2534 จาเลยเป็นสายตรวจมีหนา้ ท่ีสืบสวนจบั กุมผกู้ ระทาความผิด
หาไดม้ ีหนา้ ท่ีรักษาของกลางโดยตรงไม่ จึงไมผ่ ดิ มาตรา 147 แต่จาเลยไดร้ ับมอบหมายจาก
ผบู้ งั คบั บญั ชาใหด้ ูแลความสงบรักษาส่ิงของตา่ งๆในสถานีตารวจดว้ ยกนั จาเลยอาศยั โอกาสที่ตนมี
หนา้ ที่เวรยาม ลกั เล่ือยยนตข์ องกลางไปขายนาเงินมาใชส้ ่วนตวั ถือวา่ จาเลยปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยทุจริต
ผิดมาตรา 157 แลว้
4. โดยทุจริต
ถา้ มาตราใดกฎหมายไมไ่ ดร้ ะบอุ งคป์ ระกอบโดยทุจริตไวอ้ ยา่ ไปเติมองคป์ ระกอบโดย
ทจุ ริตเขา้ ไป
มาตรา 147 เจา้ พนกั งานตอ้ งยกั ยอกโดยมีเจตนาทจุ ริต เช่น รับเงินไวไ้ มส่ ่งคลงั นานถึง 5
เดือน ถือวา่ มีเจตนาทุจริต หรือผบู้ งั คบั บญั ชาตรวจพบจึงเพิ่งส่งคนื ถือวา่ เจตนาทุจริตเช่นกนั (ชาตรี
สุวรรณิน, 2560 เล่ม 15,หนา้ 55)
คาพิพากษาฎีกาที่ 1507/2530 จาเลยเป็นเจา้ หนา้ ท่ีการเงินรับเงินมาแลว้ ไมน่ าส่งคลงั ตาม
ระเบียบฯ ท้งั ไม่ไดล้ งบญั ชีไวเ้ ป็นหลกั ฐานจนเจา้ หนา้ ที่ตรวจสอบมาพบการกระทาของจาเลยเป็น
เวลา 5 เดือนเศษแลว้ จาเลยจึงไดน้ าส่งคลงั (ระเบียบใหส้ ่งภายในวนั เดียว) นบั วา่ จาเลยมีเจตนา
ทจุ ริตเบียดบงั เงินเป็นประโยชน์ส่วนตวั ตามมาตรา 147
100
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1885/2517 จาเลยเป็นเสมียนศาลไดร้ ับแตง่ ต้งั ใหเ้ ป็นกรรมการปลดเผา
สานวนจาเลยเอาแสตมป์ ฤชากรฉีกออกไปจากสานวนเอาไปเสียจาเลยผิดมาตรา 158 เม่ือโจทกส์ ืบ
ไมไ่ ดว้ า่ จาเลยนาแสตมป์ น้ีไปแสวงหาประโยชน์อนั น้ีควรไดโ้ ดยชอบจึงไมพ่ อฟังไดว้ า่ จาเลย
ยกั ยอกจาเลยจึงไม่ผิดมาตรา 147 มาตรา 157
ตวั อยา่ งไม่มีเจตนาทุจริตจึงไมผ่ ดิ มาตรา 147
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1522/2536 จาเลยเป็นหวั หนา้ งานไดข้ ายซากเรือชารุดโดยเปิ ดเผยและ
สุจริตใจ เพยี งแต่ไม่ไดข้ ออนุมตั ิขายตามระเบียบฯและจาเลยนาเงินไปซ้ือเครื่องตดั หญา้ ในราคาที่
สูงกวา่ ราคาที่ขายเรือได้ 400 บาทใหแ้ ก่ทางราชการ การกระทาของจาเลยไมม่ ีเจตนาเบียดบงั เอา
ทรัพยข์ องราชการเป็นของตนหรือของผอู้ ื่นโดยทจุ ริตจึงไม่ผิดมาตรา 147 จึงไม่ตอ้ งคืนเงินหรือใช้
ราคาเรือแก่ทางราชการ
5. โดยเจตนา
ทาโดยเปิ ดเผยสุจริตใจและทางราชการไดป้ ระโยชน์ ถือวา่ ไมม่ ีเจตนาทุจริต แมจ้ ะผิด
ระเบียบกต็ าม (ชาตรี สุวรรณิน, 2560 เลม่ 15,หนา้ 55)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1522/2536 จาเลยขายซากเรือที่ชารุดใชก้ ารไม่ไดแ้ ลว้ โดยเปิ ดเผยไดร้ าคา
สูงกวา่ ราคาท่ีสานกั งานชลประทานท่ี 7 เคยขาย เพยี งแตไ่ มไ่ ดข้ ออนุมตั ิ และไดร้ ับอนุมตั ิใหข้ าย
ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการเท่าน้นั ท้งั เม่ือขายไดเ้ งินแลว้ จาเลยกน็ าเงินจานวนดงั กล่าว
ซ้ือรถตดั หญา้ ราคาสูงกวา่ เงินที่ไดจ้ ากการขายเรือให้แก่ทางราชการทนั ที แสดงวา่ จาเลยไมม่ ีเจตนา
ทุจริตเบียดบงั เอาทรัพยข์ องทางราชการเป็นของตนหรือเป็นของผอู้ ่ืน ไมเ่ ป็นความผดิ ตามประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา 147 จาเลยซ้ือรถตดั หญา้ มาใหแ้ ก่ทางราชการและนาเรือพอนทูนลาใหมม่ าใช้
แทนเรือลาเก่าแลว้ กรมชลประทานจึงไมเ่ สียหายอีกต่อไป จาเลยจึงไม่ตอ้ งคืนหรือใชร้ าคาเรือพอน
ทนู แก่กรมชลประทานอีก
101
มาตรา 147 เม่ือฟ้องคดีอาญาอยั การสามารถขอใหค้ ืนหรือใชร้ าคาทรัพยต์ ามประมวล
กฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา 43 ไดห้ ากศาลวนิ ิจฉยั วา่ ผิดมาตรา 147
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 766/2536 การเบียดบงั เงินของผเู้ สียหายไปโดยทุจริตแต่ละคราว
ตา่ งกนั จาเลยกระทาแตล่ ะคราวเป็นความผิดสาเร็จเป็นคราว ๆ ในตวั จึงเป็นความผดิ หลายกรรม
ตา่ งกนั
ขอ้ สังเกตมาตรา 147 ใกลเ้ คียงกบั มาตรา 158
องคป์ ระกอบมาตรา 158 ในส่วนท่ีวา่ “เอาไป” ใกลเ้ คยี งกบั การเบียดบงั เอาทรัพยน์ ้นั เป็น
ของตนหรือของผอู้ ื่นหรือยอมใหผ้ อู้ ่ืนเอาไปเสียตามมาตรา 147
แตกต่างตรงที่มาตรา 147 มีโดยทจุ ริตส่วนมาตรา 158 เพียงแต่เอาไปหรือยนิ ยอมใหผ้ อู้ ื่น
กระทาก็ผิดแลว้ ไมต่ อ้ งมีเจตนาทุจริต
เมื่อผิดมาตรา 147 แลว้ ไม่ผดิ มาตรา 158 อีก
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1264/2518 พลตารวจรับมอบปื นและเคร่ืองกระสุนไปปฏิบตั ิราชการมี
หนา้ ท่ีรักษาส่ิงเหล่าน้นั ถา้ เอาไปจานาถือไดว้ า่ แสวงหาประโยชนท์ ี่มิควรไดเ้ ป็นเบียดบงั ทรัพยน์ ้นั
เป็นของตนโดยทจุ ริตผิดมาตรา 147 และไมผ่ ดิ มาตรา 158 อีก
มาตรา 148 เจ้าพนักงานใช้อานาจในตาแหน่งโดยมชิ อบ (เจ้าพนกั งานกรรโชก)
มาตรา 148 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน ใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพือ่ ใหบ้ ุคคล
ใดมอบใหห้ รือหามาใหซ้ ่ึงทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผูอ้ ื่น ตอ้ งระวางโทษจาคกุ
ต้งั แตห่ า้ ปี ถึงยส่ี ิบปี หรือจาคุกตลอดชีวิต และปรับต้งั แตห่ น่ึงแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหาร
ชีวติ
มาตราน้ีดูควบคู่กบั มาตรา 149 ฐานเจา้ พนกั งานรับสินบนดว้ ย (นวรัตน์ กลิ่นรัตน์, 2559,
หนา้ 297-304)
1. เป็นเจา้ พนกั งาน
2. ใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบ
ถา้ ใชอ้ านาจนอกตาแหน่งเช่นไม่ไดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานท่ีมีหนา้ ที่ตรวจสอบภาษี แลว้ อา้ งวา่
มีอานาจในการตรวจสอบภาษไี ม่เขา้ องคป์ ระกอบน้ีเพราะไมใ่ ช่การใชอ้ านาจในตาแหน่ง
คาวา่ ใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบเป็นส่ิงท่ีทาใหม้ าตรา 148 ต่างจากมาตรา 149
มาตรา 148 เริ่มตน้ ที่ ใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบก่อน
ถา้ เร่ิมตน้ ใชอ้ านาจในตาแหน่งชอบแลว้ มารับสินบนภายหลงั จะไม่ผิดมาตรา 148 แตจ่ ะ
ผิดมาตรา 149
102
ถา้ มีการแกลง้ โดยที่ผเู้ สียหายไม่ไดก้ ระทาผิดถือเป็นการใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบ
แลว้ ตามมาตรา 148
ถา้ หากวา่ ผเู้ สียหายกระทาผิดอยกู่ ่อนแลว้ เจา้ พนกั งานไปจบั กุมและเรียกสินบนเช่นน้ี
ไม่ใช่เป็นการแกลง้ จบั อยา่ งน้ีผิดมาตรา 149
ตวั อยา่ งกรณีแกลง้ จบั ผิดมาตรา 148
คาพิพากษาฎีกาที่ 599/2505 จาเลยเป็นตารวจเขา้ มาจบั ผเู้ สียหายหาวา่ เล่นการพนนั สลาก
กินรวบพฤติการณ์ของจาเลยเป็นการแกลง้ จบั ผเู้ สียหายแลว้ ขเู่ อาเงินเป็นความผิดตามมาตรา 148
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1084/2536 จาเลยเป็นตารวจพูดกบั โจทกว์ า่ ร้านโจทกข์ ายหวยเถื่อน
ตอ้ งนาเงินใส่ซองมาใหถ้ า้ ไม่ใหจ้ ะตามสารวตั รมาจบั เมื่อโจทกไ์ มใ่ หเ้ งินจาเลย จาเลยจึงไปแจง้
สารวตั รมาจบั ตามท่ีขู่ แตป่ รากฏวา่ ไม่มีการเลน่ แต่อยา่ งใดถือวา่ จาเลยมีเจตนาจูงใจเพอ่ื ใหโ้ จทก์
จ่ายเงินใหโ้ ดยใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบผิดมาตรา 148
กรณีไม่ไดแ้ กลง้ จบั แต่เป็นจบั โดยชอบ
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1749/2545 จาเลยจบั ผเู้ สียหายขอ้ หาลกั ทรัพยข์ อง ส. แลว้ ใหผ้ เู้ สียหาย
ลงชื่อในบนั ทึกจบั กุมและควบคมุ ตวั ไวจ้ ึงเรียกเงินเพอ่ื แลกเปลี่ยนกบั การปลอ่ ยตวั ไปเป็นกรณีท่ี
ต้งั แต่แรกคือกระทาการในตาแหน่งโดยชอบดว้ ยหนา้ ท่ีจาเลยผิดมาตรา 149
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1138/2505 จบั กมุ เครื่องชง่ั เกินพิกดั แลว้ เรียกเงินหลงั จากน้นั กป็ ลอ่ ย
ตวั ไปผิดมาตรา 149 แตไ่ ม่ผิดมาตรา 148
กรณีที่มีท้งั แกลง้ จบั และไมแ่ กลง้ จบั
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 753-58/2539 จาเลยมาท่ีบา้ นผเู้ สียหายและแนะนาตวั วา่ เป็นตารวจ
ขอค่าใชจ้ ่ายและถามผเู้ สียหายวา่ จะใหเ้ ท่าใด ผเู้ สียหายเป็นนกั การพนนั กลวั จะถกู จบั จึงใหไ้ ป
15,000 บาทจากขอ้ เท็จจริงจาเลยมิไดแ้ กลง้ กล่าวหาผเู้ สียหายในขอ้ หาใด ท้งั มิไดใ้ ชต้ าแหน่งโดย
ไมช่ อบแตป่ ระการใดจาเลยเพียงพูดขอเงินซ่ึงผเู้ สียหายจะใหห้ รือไม่ก็ไดจ้ าเลยไม่ผดิ มาตรา 148
จาเลยเรียกเงินจาก ส. และ อาจารย์ หากไม่ใหจ้ ะจบั ท้งั สองคนจึงใหไ้ ปเพราะผเู้ สียหายท้งั สองเป็น
เจา้ มือหวยการเรียกร้องเงินจากผเู้ สียหายมีเจตนาแต่แรกท่ีจะใชอ้ านาจในตาแหน่งผมู้ ีอานาจจบั กุม
และจูงใจใหผ้ เู้ สียหายมอบเงินให้ โดยขวู่ า่ ไมใ่ หจ้ ะจบั จึงเป็นการแกลง้ เพอ่ื เรียกร้องเอาเงินจึงเป็น
การใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยชอบตามมาตรา 148
จาเลยเรียกเงินจาก พ. หากไม่ใหจ้ ะทาการจบั กมุ หญิงท่ีคา้ ประเวณี พ.ตกลงใหเ้ พราะเป็นคนคมุ
หญิงบริการตรงน้ีจาเลยมีเจตนาแตแ่ รกที่จะใชอ้ านาจในตาแหน่งเจา้ พนกั งานผมู้ ีอานาจจบั กุม
กระทาผิดจึงเป็ นการแกลง้ เพ่ือเรียกเอาเงินเป็นการใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบตามมาตรา 148
การกระทาบางอยา่ งไม่เป็นการใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบเช่นใชว้ ิธีการพูด
หลอกลวงไม่ผิดมาตรา 148 แต่ ผดิ มาตรา 157 ได้
103
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2645/2527 จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานพฒั นาชุมชน การที่จาเลย
หลอกลวงเอาเงินราษฎรดว้ ยการเสนอวา่ จะไดเ้ อาเงินไปใหส้ ส.ของบจากรัฐบาลและเอาเงินน้นั ไว้
เป็นของตนจึงเป็นการปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิชอบตามมาตรา 157 แตจ่ าเลยไมไ่ ด้
ใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบจึงไมผ่ ิดมาตรา 148
แมป้ ระชาชนมาติดต่อเน่ืองจากการทาหนา้ ที่ในตาแหน่งแตก่ ารที่ไดใ้ หค้ าแนะนาและรับ
เงินเพ่ือช่วยเหลือประชาชนในการกระทาอยา่ งอ่ืนท่ีไม่เกี่ยวกบั ตาแหน่งน้นั ไม่ผดิ มาตรา 148
คาพิพากษาฎีกาที่ 238 9/2547 จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานท่ีดินมีหนา้ ที่จดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรม แตก่ ารที่จาเลยแนะนาผเู้ สียหายวา่ ตอ้ งร้องขอเป็นผจู้ ดั การมรดกก่อนและติดตอ่ ทนายให้
หาใช่เป็นการใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบหรือเป็นการปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยมิ
ชอบจะไม่ผดิ มาตรา 148 และมาตรา 157
3. ข่มขนื ใจหรือจูงใจผอู้ ื่น
กรณขี ่มขืนใจ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2573/2553 จาเลยซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานตารวจกองปราบปรามข่ใู หโ้ จทก์
ร่วมนาเงินมามอบใหโ้ ดยอา้ งวา่ เพื่อลบช่ือโจทกร์ ่วมออกจากบญั ชีผคู้ า้ ยาเสพติดของสานกั งาน
คณะกรรมการป้องกนั และปราบปรามยาเสพติด และเพอ่ื ที่จะไม่จบั กมุ โจทกร์ ่วม จึงเป็นความผิด
ตอ่ ตาแหน่งหนา้ ที่ราชการฐานเป็นเจา้ พนกั งานใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบขม่ ขนื ใจและจูงใจ
เพอื่ ใหโ้ จทกร์ ่วมมอบใหซ้ ่ึงทรัพยส์ ินแก่ตนเอง แต่การที่โจทกร์ ่วมนาเงินไปมอบใหแ้ ก่จาเลยก็
เพ่ือท่ีจะใหเ้ จา้ พนกั งานจบั กุม แสดงวา่ โจทกร์ ่วมไมไ่ ดก้ ลวั คาขขู่ องจาเลย ยงั ถือไม่ไดว้ า่ จาเลย
ขม่ ขืนใจโจทกร์ ่วมจนโจทก์ร่วมยอมเช่นวา่ น้นั การกระทาของจาเลยเป็นเพียงความผิดฐานพยายาม
กรรโชก แมจ้ าเลยจะไมไ่ ดฎ้ ีกาในปัญหาน้ี แตเ่ ป็นขอ้ กฎหมายท่ีเกี่ยวกบั ความสงบเรียบร้อย ศาล
ฎีกามีอานาจแกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งไดต้ ามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง
ประกอบมาตรา 225
104
คาพิพากษาฎีกาที่ 1085/2536 จาเลยเป็นตารวจแกลง้ จากผเู้ สียหายโดยผเู้ สียหายไมไ่ ด้
กระทาผิดจาเลยแกลง้ ก็เพ่ือไมใ่ หผ้ เู้ สียหาย ขดั ขวางในการที่จาเลยยดึ เอาเลื่อยยนตข์ องผเู้ สียหายถือ
วา่ เป็นการข่มขืนใจผเู้ สียหายใหย้ อมมอบทรัพยส์ ินของผเู้ สียหายใหจ้ าเลยผดิ มาตรา 148
คาพิพากษาฎีกาท่ี 166/2547 คน้ ตวั ไมพ่ บส่ิงผดิ กฎหมายจาเลยท้งั สองซ่ึงเป็นตารวจจึงไม่
มีอานาจจบั กุมผเู้ สียหายอีกการที่จาเลยที่ 1 ยงั จบั กมุ ผเู้ สียหายไวอ้ ีกจึงเป็นการปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยมิ
ชอบ จาเลยท่ี 2 ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีร่วมกบั จาเลยท่ี 1 ต้งั แตเ่ ริ่มตรวจตวั ผเู้ สียหายจนปล่อยตวั ผเู้ สียหาย
จาเลยที่ 2 ซอ้ นทา้ ยโดยผูเ้ สียหายนงั่ กลางระหวา่ งท่ีจาเลยที่ 1 เรียกร้องเงินจากผเู้ สียหาย จาเลยก็อยู่
ดว้ ยเม่ือไดร้ ับเงินแลว้ จาเลยที่ 2 กน็ ง่ั รถออกไปจากท่ีเกิดเหตุพร้อมจาเลยท่ี 1 จาเลยท่ี 2 จึงเป็น
ตวั การร่วมดว้ ย
กรณีจูงใจ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3953/2530 จาเลยมีหนา้ ที่ควบคมุ และตรวจงานสร้างหอพกั นกั ศึกษา
จาเลยเรียกเงินจาก พ. (ตวั แทนผรู้ ับจา้ ง)ซ่ึงถือวา่ จาเลยใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบจูงใจเพอ่ื ให้
พ.ใหเ้ งินจาเลยผิดมาตรา 148 แลว้
การแจง้ วา่ จะใชส้ ิทธ์ิตามกฎหมายเช่นขวู่ า่ ถา้ ไมใ่ หเ้ งินจะดาเนินคดีอยา่ งน้ีไม่ผิดมาตรา
148
4. เพ่อื ใหบ้ คุ คลใดมอบใหห้ รือหามาใหซ้ ่ึงทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อ่ืนใดสาหรับตนเอง
หรือผอู้ ื่น
แมว้ า่ เจา้ พนกั งานจะหยบิ ทรัพยส์ ินเอาเองโดยไมม่ ีใครส่งมอบใหก้ ็ผิดมาตรา 148 ไป
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1389/ 2506 (ประชุมใหญ่) จาเลยเป็นตารวจแกลง้ จบั ผเู้ สียหายขอคน้
บา้ นแลว้ หยบิ เงินและปื นจากลิน้ ชกั ของผเู้ สียหายไปผิดมาตรา 148 แลว้
เพ่อื ใหบ้ ุคคลใดมอบให้หรือหามาใหน้ ้นั แมย้ งั ไมม่ อบใหก้ เ็ ป็นความผดิ สาเร็จ
หากเจา้ พนกั งานพดู ไปแลว้ แมผ้ เู้ สียหายไม่ยอมตามน้นั กเ็ ป็นความผดิ สาเร็จ (ผกู้ ระทามีเจตนาจะให้
เขาส่งมอบทรัพยส์ ินให)้
ความผดิ ต่อเสรีภาพตามมาตรา 309 และกรรโชกตามมาตรา 337 น้นั เม่ือผถู้ ูกข่มขืนใจยอมเช่นวา่
น้นั แลว้ แมจ้ ะยอมไม่เตม็ ตามท่ีถูกเรียกร้องกเ็ ป็นความผดิ สาเร็จ
5. เจตนา
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1722/2524 ผใู้ หญบ่ า้ นไดร้ ับแจง้ จากลกู บา้ นวา่ โจทกเ์ ป็นคนร้ายลกั ไก่
ไปผใู้ หญบ่ า้ นเรียกโจทกม์ าตกลงความเสียหายถือวา่ ไม่มีเจตนาใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยมิชอบ
ข้อสังเกตเกยี่ วกบั มาตรา 148 ดงั น้ี
1. ผกู้ ระทาความผิดมาตรา 148 หากกระทาครบองคป์ ระกอบความผดิ ฐานกรรโชกกจ็ ะ
ผิดดว้ ย
105
2. มาตรา 148 น้ีไม่อาจขอคืนหรือใชร้ าคาทรัพยต์ ามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความ
อาญามาตรา 43 เหมือน มาตรา 147 ที่ขอใหค้ ืนหรือใชร้ าคาทรัพยไ์ ด้
3. ขอ้ แตกต่างระหวา่ งมาตรา 148 กบั มาตรา 149 อยทู่ ี่วา่ จาเลยเร่ิมตน้ ใชอ้ านาจชอบ
หรือไม่หากเริ่มตน้ ไมช่ อบผิดมาตรา 148
4. หากฟ้องมาตรา 148 แตท่ างพิจารณาไดค้ วามวา่ ผิดมาตรา 149 ลงโทษมาตรา 149
ไม่ได้ แตล่ งโทษมาตรา 157 ได้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 5973/2537 จาเลยเป็นตารวจพบวา่ โจทกก์ บั นายส.มีไมไ้ วใ้ น
ครอบครองโดยไม่ไดร้ ับอนุญาตอนั น้ีใช่การแกลง้ กล่าวหาการที่จาเลยไม่จบั กุมแต่ข่เู ข็ญเรียกเงิน
แลว้ ละเวน้ ไม่จบั กุมโจทกจ์ ึงไม่ใช่ความผดิ มาตรา 148 แต่เป็นมาตรา 149 ซ่ึงโจทกไ์ มไ่ ดฟ้ ้องมาตรา
149 มาจึงตอ้ งลงโทษมาตรา 157 อนั เป็นบททว่ั ไปและโจทกไ์ ดฟ้ ้องมาตรา 157 มาดว้ ยสาหรับ
จาเลยท่ี 2 ไม่ใช่เจา้ พนกั งานแต่ร่วมกระทาผิดกบั เจา้ พนกั งานจาเลยผดิ มาตรา 157 และมาตรา 86
5. กรณีฟ้องมาตรา 148 และมาตรา 149 ซ่ึงมีบทลงโทษเทา่ กนั ศาลฎีกาลงโทษมาตรา
149
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3309/2541 จานวนที่ 2-4 ใชใ้ หจ้ าเลยที่ 1 ซ่ึงมิใช่ตารวจใหแ้ สดงตน
เป็นตารวจเพอื่ ใหไ้ ปเรียกเก็บเงินจากรถบรรทกุ โดยไมเ่ ลือกวา่ คนขบั รถน้นั จะไดก้ ระทาผิดตอ่
กฎหมายหรือไม่คนขบั รถที่แมไ้ ม่ไดก้ ระทาผดิ ก็จาตอ้ งจ่ายให้ จึงเป็นการใชอ้ านาจในตาแหน่งโดย
มิชอบขม่ ขนื ใจเพื่อใหค้ นขบั มอบเงินใหผ้ ิดมาตรา 148 แลว้ หาบางคนั ทาผิดกฎหมายถา้ จาเลยที่ 1
เรียกเงินไดจ้ าเลยท่ี 2 กจ็ ะไมจ่ บั กมุ จึงเป็นการเรียกรับเงินจากคนขบั รถโดยมิชอบเพ่ือไมก่ ระทาการ
ในตาแหน่งคอื ไมจ่ บั กมุ ตามหนา้ ท่ีอนั เป็นความผดิ มาตรา 149 ดงั น้นั จาเลยผิดท้งั มาตรา 148 และ
มาตรา 149 ลงโทษมาตรา 149 ซ่ึงเป็นบทหนกั
6. มาตรา 148 เป็นบทเฉพาะของมาตรา 157 เป็นบททวั่ ไป
มาตรา 149 เป็นเร่ืองท่ีเริ่มตน้ โดยใชอ้ านาจในตาแหน่งหนา้ ที่ของตนโดยชอบแลว้ กลบั
ทุจริตเรียกเงินในภายหลงั
ขอ้ สอบจะมีประเด็นเกี่ยวกบั ราษฎรธรรมดาซ่ึงร่วมกระทาผดิ กบั เจา้ พนกั งานถา้ ผกู้ ระทา
ผดิ เป็นเจา้ พนกั งานใชอ้ านาจในตาแหน่งโดยไม่ชอบผิดมาตรา 148 โดยเป็นตวั การส่วนราษฎรที่ไป
ร่วมกระทาผดิ โดยช่วยพดู ใหจ้ ่ายเงินก็ผิดมาตรา 148 ประกอบมาตรา 86
106
มาตรา 149 เจ้าพนักงานเรียกรับสินบน
มาตรา 149 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน สมาชิกสภานิติบญั ญตั ิแห่งรัฐ สมาชิกสภาจงั หวดั หรือสมาชิก
สภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพยส์ ิน หรือประโยชนอ์ ื่นใดสาหรับตนเองหรือผอู้ ื่นโดยมิ
ชอบ เพือ่ กระทาการหรือไม่กระทาการอยา่ งใดในตาแหน่งไม่วา่ การน้นั จะชอบหรือมิชอบดว้ ย
หนา้ ท่ี ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แต่หา้ ปี ถึงยส่ี ิบปี หรือจาคุกตลอดชีวิต และปรับต้งั แตห่ น่ึงแสนบาท
ถึงส่ีแสนบาท หรือประหารชีวิต
มาตรา 149 พิจารณาคู่กบั มาตรา 148
มาตรา 149 บรรยายพร้อมกบั มาตรา 201 กรณีเจา้ พนกั งานในการยตุ ิธรรมเรียกรับสินบน
มาตรา 149 กบั มาตรา 201 ใชถ้ อ้ ยคาเหมือนกนั เกือบหมดยกเวน้ ตวั เจา้ พนกั งาน
ถา้ ตารวจน้นั เป็นเจา้ พนกั งานสอบสวนกจ็ ะเขา้ มาตรา 201
เจา้ พนกั งานสอบสวนตอ้ งมียศต้งั แต่ร้อยตารวจตรีข้ึนไปหากโจทยข์ อ้ สอบระบวุ า่ สิบ
ตารวจเอกอยา่ งน้ีไมใ่ ช่เจา้ พนกั งานสอบสวนกไ็ มเ่ ขา้ มาตรา 201 แต่จะมาตรา 149 (นวรัตน์ กลิ่น
รัตน์, 2559, หนา้ 305-322)
1. เป็นเจา้ พนกั งาน สมาชิกสภานิติบญั ญตั ิแห่งชาติ สมาชิกสภาจงั หวดั สมาชิกสภา
เทศบาล
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 13650/2558 แมก้ ่อนบรรจุและแต่งต้งั บุคคลเขา้ ทางานในเทศบาลตาบล
หนองปลอ่ ง จาเลยจะมิไดเ้ กี่ยวขอ้ งหรือมีอานาจหนา้ ท่ีในการสอบคดั เลือก ควบคุมการสอบ การ
ตรวจขอ้ สอบ และการใหค้ ะแนนก็ตาม แต่เม่ือจาเลยมีอานาจออกคาสงั่ เก่ียวกบั การบรรจุและ
แต่งต้งั พนกั งานเทศบาลหรือการอื่นใดที่เกี่ยวกบั การบริหารงานบคุ คลของเทศบาล ท้งั น้ีตาม พ.ร.บ.
ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนทอ้ งถ่ิน พ.ศ.2542 มาตรา 23 วรรคทา้ ย ประกอบมาตรา 15 การ
ดาเนินการดงั กล่าวขา้ งตน้ จึงเป็นส่วนหน่ึงของการบรรจุและแตง่ ต้งั พนกั งานเทศบาลซ่ึงเป็นอานาจ
หนา้ ท่ีของจาเลย เม่ือจาเลยเรียกเงินและรับเงินจานวน 330,000 บาท จาก ป. เพื่อช่วยเหลือให้ น.
บุตร ป. เขา้ ทางานเป็นพนกั งานเทศบาลตาบลหนองปลอ่ ง จาเลยจึงเป็นเจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ที่ออก
คาสง่ั เกี่ยวกบั การบรรจุและแตง่ ต้งั พนกั งานเทศบาลตาบลหนองปลอ่ งเรียกและรับทรัพยส์ ินสาหรับ
ตนเองโดยมิชอบแลว้ กระทาการในตาแหน่งเพ่ือช่วยเหลือ น. ใหเ้ ขา้ ทางานเป็นพนกั งานเทศบาล
ตาบลหนองปล่อง อนั เป็นการกระทาอนั มิชอบดว้ ยหนา้ ท่ี ครบองคป์ ระกอบของความผิดตาม ป.อ.
มาตรา 149 แลว้
107
มาตรา 149 ยงั แตกตา่ งจากมาตรา 148 คือมาตรา 148 น้นั เอาโทษเฉพาะเจา้ พนกั งานแต่
มาตรา 149 เอาโทษกบั สมาชิกสภานิติบญั ญตั ิสมาชิกสภาจงั หวดั สมาชิกสภาเทศบาลดว้ ย
สส. ไมม่ ีอานาจหนา้ ท่ีนาความอนั เป็นเทจ็ ไปอภิปรายในรัฐสภาจึงไม่ผิดมาตรา 149
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1280/ 2543 จาเลยซ่ึงเป็น ส.ส. ไดโ้ ทรศพั ทไ์ ปขม่ ขืนใจใหโ้ จทกม์ อบ
เงินกบั รถยนตแ์ ก่ตนเพอ่ื แลกกบั เรื่องที่บริษทั ของโจทกต์ ิดสินบนรัฐมนตรีอุตสาหกรรมจะไดไ้ ม่
นาไปอภิปรายในสภาจาเลยผิดมาตรา 337 กรรโชกทรัพย์ จาเลยเป็นส.ส. เร่ืองที่จาเลยจะนาไป
อภิปรายจะตอ้ งเป็นความจริงหรือจาเลยเชื่อวา่ เป็นความจริงจาเลยไมม่ ีอานาจหนา้ ที่นาความอนั เป็น
เทจ็ ไปอภิปรายในสภาได้ กรณีตามฟ้อง ไมใ่ ช่กรณีความผดิ ฐานเป็นสมาชิกนิติบญั ญตั ิแห่งรัฐเรียก
รับทรัพยส์ ินสาหรับตนเองโดยมิชอบเพ่ือไม่กระทาการอยา่ งใดในตาแหน่งหนา้ ท่ีตามมาตรา 149
2. เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อื่นใดสาหรับตนเองหรือผอู้ ่ืนโดย
มิชอบ
ทรัพยส์ ินหรือประโยชนอ์ ่ืนใด รวมถึงการใชแ้ รงงาน การช่วยชาระหน้ี การใหค้ ่าตดั ชุด
การเรียกทรัพยส์ ินหรือประโยชนอ์ ่ืนใดอาจจะกระทาดว้ ยวาจาหรือทาเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรก็ได้
พฤติการณ์ที่ถือวา่ เรียกทรัพยส์ ินแลว้ แมย้ งั ไม่กาหนดจานวนเงิน
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3155/2531 (ประชุมใหญ่) จาเลยเป็นตารวจจบั กุมผเู้ สียหายพร้อมของ
กลางแลว้ ไม่นาส่งสถานีตารวจทนั ทีแต่กลบั นาไปไวท้ ี่ป้ายรถเมลใ์ นหมู่บา้ นและใหโ้ ทรศพั ทห์ า
ญาติเพ่ือมาตกลงกนั ท่ีป้ายรถเมลเ์ ป็นเวลานานเมื่อพามาสถานีตารวจจาเลยเขา้ ไปแจง้ ต่อเจา้ หนา้ ท่ี
โดยไม่มอบบนั ทึกการจบั กุมและของกลางให้ ท้งั ไมน่ าตวั ผตู้ อ้ งหาเขา้ ไปดว้ ยซ่ึงเป็นแผนการของ
จาเลยทาใหผ้ ตู้ อ้ งหากลวั และจะไดต้ กลงกบั จาเลยพฤติการณ์ของจาเลยถือไดว้ า่ เป็นการเรียก
ทรัพยส์ ินจากผตู้ อ้ งหาแลว้ เพียงแต่ยงั ไม่ไดก้ าหนดจานวนเงินและฝ่ายผตู้ อ้ งหายงั ไมไ่ ดต้ อบตกลง
เทา่ น้นั การกระทาของจาเลยผดิ มาตรา 149
ถา้ หากฟังไมไ่ ดว้ า่ เป็นการเรียกสินบนแลว้ ก็ไมเ่ ขา้ องคป์ ระกอบขอ้ น้ี
ตวั อยา่ งเจตนาเรียกหรือรับเงินส่วนเกินจากเงินท่ีผเู้ สียหายตอ้ งจ่ายตามกฎหมาย
คาพิพากษาฎีกาที่ 15312/2543 จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานรับคาขอต่างๆเกี่ยวกบั การจด
ทะเบียนท่ีดินรวมท้งั งานการเงินการท่ีจาเลยเรียกรับเงิน 7,800 บาทไวแ้ ลว้ น่ิงเฉยเทา่ กบั จาเลยมี
เจตนาเรียกรับเงินส่วนท่ีเกินสาหรับตนเองโดยมิชอบผิดมาตรา 149 จาเลยละเวน้ ไมด่ าเนินการ
เสนอขอจดทะเบียนขายท่ีดินของ น. กบั ส. เป็นเจา้ พนกั งานปฏิบตั ิหรือละเวน้ ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิ
ชอบมาตรา 157 เมื่อจาเลยกรอกขอ้ ความตรงตามความประสงคข์ องผซู้ ้ือขายที่ดินนส. 3 และ
ประทบั ตราถกู ตอ้ ง เพียงแต่ยงั ไม่มีลายมือชื่อนายอาเภอและยงั ไม่ไดล้ งวนั ที่ จึงไม่ใช่เอกสารปลอม
เพียงแตเ่ ป็นเอกสารท่ีลงรายการไมค่ รบถว้ นบริบูรณ์เทา่ น้นั จึงไม่เป็นการปลอมเอกสารสิทธ์ิอนั
เป็นเอกสารราชการจาเลยไม่ผดิ มาตรา 161 และมาตรา 266 อนุ 1
108
3. เพอื่ กระทาการหรือไม่กระทาการอยา่ งใดในตาแหน่งไมว่ า่ การน้นั จะชอบหรือไม่
ชอบดว้ ยหนา้ ที่
คาพิพากษาฎีกาที่ 1524/2551 จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานตารวจมีหนา้ ท่ีสืบสวนจบั กมุ ผกู้ ระทา
ความผดิ อาญา ไดพ้ บเห็น ส. กบั พวกเล่นการพนนั ชนไก่อนั เป็นความผิดอาญา จาเลยมีหนา้ ท่ีตอ้ ง
ทาการจบั กุมผกู้ ระทาความผิด แต่กลบั ไม่ทาการจบั กุมและเรียกรับเงินจานวน 1,500 บาท จาก ส.
เพือ่ จะไม่จบั กุมตามหนา้ ที่ การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
149
หากเป็ นเรื่องนอกหน้าท่ี นอกตาแหน่งจะไม่เข้ามาตรา 149
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1280/ 2543 สส.ไม่มีอานาจหนา้ ที่นาความเทจ็ ไปอธิบายในรัฐสภา ส.ส.
ไม่ผดิ มาตรา 149
ถา้ เจา้ พนกั งานเริ่มตน้ ดว้ ยการกระทาท่ีไม่ชอบแลว้ จะเขา้ มาตรา 148
ถา้ เป็นการเริ่มตน้ ชอบและไปเรียกรับเงินภายหลงั ก็เขา้ มาตรา 149
เริ่มตน้ กระทาการชอบแลว้ เรียกเงินภายหลงั
คาพิพากษาฎีกาที่ 154/ 2503 จบั คนร้ายไดแ้ ลว้ เรียกรับเงินและปล่อยตวั ไปผดิ ฐานเป็น
เจา้ พนกั งานเรียกรับทรัพยส์ ินตามมาตรา 149
กรณีบรรยายฟ้องครบองคป์ ระกอบมาตรา 149 แต่อา้ งมาตราผดิ ลงโทษมาตราท่ีถกู ตอ้ งได้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 4681/2534 บรรยายฟ้องวา่ จาเลยเป็นตารวจไดต้ รวจสอบวา่ ผเู้ สียหายไม่มี
ใบอนุญาตขบั ขร่ี ถโดยจาเลยขม่ ขืนใจใหผ้ เู้ สียหายมอบเงินใหเ้ พือ่ ละเวน้ การจบั กมุ อนั เป็นการละ
เวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยทุจริตคาบรรยายฟ้องโจทกเ์ ขา้ องคป์ ระกอบมาตรา 149 แต่คาขอทา้ ยฟ้อง
ขอใหล้ งโทษมาตรา 148 ถือวา่ โจทกอ์ า้ งฐานความผิดหรือมาตราผิดศาลลงโทษจาเลยตามฐาน
ความผดิ ท่ีถูกตอ้ งไดต้ ามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญาม 192 วรรคหา้
ถา้ บรรยายฟ้องไม่ครบถว้ นตามองคป์ ระกอบมาตรา 149 ลงโทษมาตรา 149 ไมไ่ ดแ้ ต่ถา้
อยั การขอใหล้ งโทษมาตรา 157 ที่เป็นบททว่ั ไปมาดว้ ยศาลฎีกากล็ งโทษตามมาตรา 157 ไดส้ ่วนผทู้ ่ี
ไมใ่ ช่เจา้ พนกั งานซ่ึงร่วมกระทาผดิ ก็ลงโทษฐานเป็นผสู้ นบั สนุนตามมาตรา 157 และมาตรา 86
แตถ่ า้ เป็นเร่ืองบรรยายครบองคป์ ระกอบมาตรา 149 แต่อา้ งบทมาตราผิดสามารถลงโทษตามบท
มาตราท่ีถกู ตอ้ งได้
4.เจตนา
109
มาตรา 149 ไม่ต้องมีเจตนาทจุ ริต
ข้อสังเกตเพม่ิ เตมิ มาตรา 148, มาตรา149
1. มาตรา 148 และมาตรา 149 อยใู่ นหมวดความผิดต่อตาแหน่งหนา้ ท่ีราชการ
2. หากนกั การเมืองหรือขา้ ราชการทาผดิ ท้งั 2 มาตราน้ีการดาเนินคดีจะอยใู่ นอานาจ
ของปปช. และกรณีนกั การเมืองกระทาผดิ หลงั จากปปช.ดาเนินคดีแลว้ กต็ อ้ งไปช้นั ศาลฎีกาแผนก
คดีอาญาของผดู้ ารงตาแหน่งทางการเมือง
3. นกั การเมือง ปปช. ใหน้ ิยามไวว้ า่ ผดู้ ารงตาแหน่งทางการเมือง หมายถึง
นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรี สส. สว., ขา้ ราชการการเมือง
4. การทจุ ริตของนกั การเมืองท่ีเรียกวา่ ทุจริตเชิงนโยบายผลประโยชน์ทบั ซอ้ น
ลอ็ คสเปค ฮ้วั งานอาจอยใู่ นข่ายความผดิ มาตรา 148,มาตรา 149,มาตรา 152 ได้ ความผดิ เหล่าน้ี
มกั จะโทษทางอาญาสูง เพราะเป็นความผิดท่ีก่อความเสียหายแก่ประเทศชาติอยา่ งร้ายแรง(ชาตรี
สุวรรณิน, 2560 เล่ม 15,หนา้ 461)
มาตรา 150 เจ้าพนกั งานทวั่ ไปเรียกรับทรัพย์สินก่อนรับตาแหน่ง
มาตรา 150 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน กระทาการหรือไมก่ ระทาการอยา่ งใดในตาแหน่งโดยเห็นแก่
ทรัพยส์ ินหรือประโยชนอ์ ่ืนใด ซ่ึงตนไดเ้ รียก รับ หรือยอมจะรับไวก้ ่อนท่ีตนไดร้ ับแต่งต้งั เป็นเจา้
พนกั งานในตาแหน่งน้นั ตอ้ งระวางโทษจาคุกต้งั แต่หา้ ปี ถึงยส่ี ิบปี หรือจาคุกตลอดชีวิต และปรับต้งั
แต่หน่ึงแสนบาทถึงส่ีแสนบาท
ความผิดน้ีไมเ่ คยเกิดเป็นคดีแตต่ อ้ งบญั ญตั ิกฎหมายคมุ้ ครองป้องกนั ไวใ้ นมาตรา 150
ศึกษาคู่กบั มาตรา 202
มาตรา 151 เจ้าพนกั งานทมี่ ีหน้าท่ีเกย่ี วกบั ทรัพย์ใช้อานาจในตาแหน่งโดยทุจริต
มาตรา 151 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ท่ีซ้ือ ทา จดั การหรือรักษาทรัพยใ์ ด ๆ ใชอ้ านาจในตาแหน่ง
โดยทุจริต อนั เป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจา้ ของทรัพยน์ ้นั ตอ้ งระวางโทษจาคุก
ต้งั แต่หา้ ปี ถึงยส่ี ิบปี หรือจาคุกตลอดชีวิต และปรับต้งั แตห่ น่ึงแสนบาทถึงสี่แสนบาท
องคป์ ระกอบความผดิ ตามมาตรา 151 มีดงั น้ี
1. เป็นเจา้ พนกั งาน
2. มีหนา้ ท่ีซ้ือทาจดั การหรือรักษาทรัพยใ์ ด
มีหนา้ ที่ซ้ือ หมายถึง เจา้ พนกั งานท่ีมีหนา้ ท่ีจดั ซ้ือ เช่น เป็นกรรมการจดั ซ้ือของทาง
ราชการหรือหน่วยงานของรัฐ รวมถึงการจดั จา้ งดว้ ย
110
มีหนา้ ท่ีทา หมายถึง เจา้ พนกั งานที่มีหนา้ ท่ีผลิตทรัพยใ์ หแ้ ก่ทางราชการ อาจจะเป็นผใู้ ช้
แรงงานโดยตรงหรือเป็นผคู้ วบคุมดูแลกไ็ ด้
มีหนา้ ท่ีจดั การ หมายถึง มีหนา้ ที่จดั การใชท้ รัพย์ เช่นเป็น นายช่างโยธาเบิกจ่ายน้ามนั
สาหรับรถยนตร์ าชการแตก่ ลบั ส่ังอนุญาตเบิกจ่ายน้ามนั รถยนตเ์ พื่อขนเสาซีเมนตไ์ ปยงั จุดติดต้งั ใน
กิจการของตน
มีหนา้ ที่รักษาทรัพย์ หมายถึง พวกท่ีมีหนา้ ที่คมุ ของใหผ้ อู้ ื่นมาเบิกไปใช้ (ชาตรี สุวรรณิน,
2560 เลม่ 15,หนา้ 466)
องคป์ ระกอบเหมือนกบั มาตรา 147 เจา้ พนกั งานยกั ยอก
3. ใชอ้ านาจในตาแหน่งอนั เป็นการเสียหายแก่รัฐเทศบาลสุขาภิบาลหรือเจา้ ของทรัพย์
น้นั
องคป์ ระกอบขอ้ น้ีทาใหม้ าตรา 151 แตกต่างจากมาตรา 147
มาตรา 151 ตอ้ งเป็นเรื่องการใชอ้ านาจในตาแหน่งถา้ ไมไ่ ดใ้ ชอ้ านาจในตาแหน่งก็จะ
ไมผ่ ิดเขา้ สาคญั กค็ ือตอ้ งไมใ่ ช่การเบรกบางเอากลบั ไปถา้ หากเป็นการเปลี่ยนบางเอาโทรศพั ทไ์ ปก็
จะไม่เขา้ มาตรา 147
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1682/2516 จะผดิ มาตรา 151 ก็ต่อเม่ือผูก้ ระทามีหนา้ ที่ซ้ือทาจดั การ
รักษาทรัพยแ์ ลว้ ใชอ้ านาจในตาแหน่งแสวงหาประโยชน์ท่ีไมค่ วรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายจากตวั
ทรัพยน์ ้นั โดยไมไ่ ดเ้ อาตวั ทรัพยไ์ ปจาเลยไดร้ ับแตง่ ต้งั ใหเ้ ป็นผจู้ ดั การบริการน้าประปาติดต้งั การใช้
น้าใหก้ บั ส. แลว้ ไมล่ งทะเบียนผใู้ ชน้ ้า,เรียกเก็บคา่ ใชน้ ้าแลว้ ออกหลกั ฐานนอ้ ยกวา่ ความเป็นจริง
โจทกบ์ รรยายฟ้องเจาะจงเบียดบงั ยกั ยอกเอาเงินโดยทจุ ริตตามมาตรา 147 เทา่ น้นั จาเลยจึงไม่ผดิ
มาตรา 151
ถา้ ไมไ่ ดใ้ ชอ้ านาจในตาแหน่งกไ็ มผ่ ดิ มาตรา 151
ตวั อยา่ งความผิดมาตรา 151
ไดแ้ ก่ กรณีใชร้ ถและน้ามนั ของราชการไปใชใ้ นกิจการส่วนตวั
กรณีเจา้ พนกั งานไปซ้ือของที่ใชง้ านไมไ่ ด,้ ไปซ้ือของแพงแลว้ เอาส่วนเกินไวก้ ็เขา้
ความผิดมาตรา 151 ถา้ เอาทรัพยไ์ ปผดิ มาตรา 147 ไมผ่ ดิ มาตรา 151
4. เจตนาโดยทุจริต
มาตรา 152 เป็ นเจ้าพนกั งานเข้ามีส่วนได้เสียในกจิ การท่ตี นมหี น้าที่
(เข้ามสี ่วนได้เสียในกจิ การ คือ ผลประโยชน์ทบั ซ้อน)
111
มาตรา 152 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ท่ีจดั การหรือดูแลกิจการใด เขา้ มีส่วนไดเ้ สียเพ่ือประโยชน์
สาหรับตนเองหรือผอู้ ่ืน เนื่องดว้ ยกิจการน้นั ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แตห่ น่ึงปี ถึงสิบปี และปรับต้งั
แตส่ องหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท
องคป์ ระกอบความผดิ มีดงั น้ี
1. เป็นเจา้ พนกั งาน
ถา้ เป็นลูกจา้ งถือวา่ ไม่ใช่เจา้ พนกั งาน อยา่ งไรก็ตามมีกฎหมายใหม่แกไ้ ขปี 2558 เจา้
พนกั งานคอื บคุ คลที่ไดร้ ับแตง่ ต้งั ใหป้ ฏิบตั ิราชการเป็นคร้ังคราวโดยไม่ไดร้ ับคา่ ตอบแทนดว้ ย
2. มีหนา้ ที่จดั การหรือดูแลกิจการใด
3. เขา้ มีส่วนไดเ้ สียเนื่องดว้ ยกิจการน้นั เช่น เขา้ เป็นผรู้ ับเหมาเสียเองไปยมื ชื่อผอู้ ่ืนมา
เป็นผรู้ ับเหมา เขา้ เป็นหุน้ ส่วนกบั ผรู้ ับเหมาประมลู งานที่อยใู่ นอานาจหนา้ ที่ของตนเท่ากบั เข้ามีส่วน
ไดเ้ สียเนื่องดว้ ยกิจการน้นั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 7776/2540 จาเลยเป็นปลดั สุขาภิบาลไดร้ ับแตง่ ต้งั เป็นผตู้ รวจงานจา้ ง
จาเลยเขา้ ดาเนินการขุดลอกและใชค้ นงานของสุขาภิบาลทางานให้ จาเลยจ่ายคา่ จา้ งคนงานเพียง
1,750 บาท แต่เบิกเงินคา่ จา้ งตามสญั ญา 2,900 บาท เป็นเหตุใหส้ ุขาภิบาลเสียหายจาเลยผดิ มาตรา
152 มาตรา 157 ลงโทษมาตรา 152 ซ่ึงเป็นบทหนกั
หากนกั การเมืองมีอานาจจดั การ ดูแลโครงการใดใชอ้ านาจในตาแหน่งเอ้ือประโยชน์ให้
กิจการของตน ญาติถือวา่ เขา้ มาตรา 152 เป็นเรื่องท่ี ปปช.เป็นผดู้ าเนินการและตอ้ งข้ึนศาลฎีกา
แผนกคดีอาญาของผดู้ ารงตาแหน่งทางการเมือง
4. เพ่อื ประโยชนข์ องตนเองหรือผอู้ ื่น
5. โดยเจตนา
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1706/2535 จาเลยเป็นนายกเทศมนตรีเอาหา้ งที่ตนเองเป็นหุน้ ส่วนเขา้
มารับงานของเทศบาลเพราะไม่มีใครทา (งานต่ากวา่ งบท่ีได)้ จึงยงั ไม่พอฟังวา่ จาเลยมีเจตนาท่ีจะ
กระทาความผดิ ตามมาตรา 152
112
ความผิดที่เป็ นทั้งทุจริ ตและเกิดความเสียหาย
มาตรา 157 เจ้าพนักงานท่วั ไปปฏบิ ตั หิ รือละเว้นการปฏิบัตหิ น้าท่ีโดยมิชอบ
มาตรา 157 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน ปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิชอบ เพ่ือให้
เกิดความเสียหายแก่ผหู้ น่ึงผใู้ ด หรือปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยทุจริต ตอ้ งระวางโทษ
จาคุกต้งั แต่หน่ึงปี ถึงสิบปี หรือปรับต้งั แตส่ องหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 157 เป็นบททว่ั ไปเหมือนหวา่ นแหคือตาขา่ ยดกั ไวเ้ ลยเช่นเดียวกบั มาตรา 200
(นวรัตน์ กล่ินรัตน์, 2559, หนา้ 73-90)
โดยมาตรา 200 เจา้ พนกั งานในกระบวนการยุติธรรมกระทาการหรือไมก่ ระทาการ เม่ือเจา้
พนกั งานท่ีกระทาความผดิ หลดุ บทเฉพาะมกั จะติดท่ีมาตราน้ีซ่ึงเป็นบททวั่ ไป เพ่ือป้องกนั และ
ปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบของเจา้ พนกั งาน (ชาตรี สุวรรณิน, 2560 เล่ม 15,หนา้ 472)
มาตรา 157 แบ่งเป็น 2 ส่วน
1. การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิชอบ
- เป็นเจา้ พนกั งานทุกประเภทไม่เฉพาะเจาะจงแตถ่ า้ หากเป็นอยั การ,
พนกั งานสอบสวน, เจา้ พนกั งานผมู้ ีอานาจสืบสวนคดีอาญาก็จะเขา้ มาตรา 200
คาวา่ เจา้ พนกั งาน คือ เจา้ พนกั งานทุกประเภท อาจเป็นตารวจ พนกั งานอยั การ
นายอาเภอ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ป่ าไมอ้ าเภอกานนั นายกเทศมนตรี ปลดั เทศบาล กานนั ผใู้ หญบ่ า้ น
(ชาตรี สุวรรณิน, 2560 เลม่ 15,หนา้ 472)
2. ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีหรือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิชอบ
ตารวจไม่ใส่ใจเร่ืองท่ีญาติของผตู้ อ้ งหาขอประกนั ตวั โดยไมไ่ ดด้ าเนินการอยา่ งใด
ตามระเบียบราชการเลยหากแต่ไปทานอาหารและไปโตะ๊ สนุ๊กเกอร์ถือเป็นการปฏิบตั ิหรือละเวน้
การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิชอบ
คาพิพากษาฎีกาที่ 2577/2534 ตารวจพูดกบั ญาติผตู้ อ้ งหาว่า “จะประกนั ไปทาไมจะดดั นิสยั
ก่อนและวา่ จาเลยไม่วา่ งจะไปต้งั ด่านตรวจ” แต่จาเลยกลบั ไปทานอาหารและออกไปตรงสนุ๊กเกอร์
การกระทาของจาเลยเป็นการปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิชอบทาใหเ้ กิดความเสียหาย
แก่โจทกผ์ ถู้ ูกคุมขงั ตามมาตรา 157
113
ตารวจพดู วา่ ผเู้ สียหายอาจตอ้ งไถ่ทรัพยท์ ่ีถกู ลกั ไปคืนโดยไมป่ รากฏวา่ จะละเวน้ ไม่ทา
การสืบสวนใหเ้ ม่ือถึงเวลาถือวา่ ไม่เป็นการละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิชอบหรือทจุ ริต
ละเวน้ ไมไ่ ปตรวจตามหนา้ ที่และรับรองเทจ็ วา่ ไปตรวจมาแลว้ ผดิ มาตรา 157
ถา้ เป็นเรื่องนอกหนา้ ท่ีหรือพน้ หนา้ ท่ีไปแลว้ ก็จะไมผ่ ดิ มาตรา 157 และถา้ ไม่มีหนา้ ท่ีเลยก็ไมผ่ ิด
มาตรา 157
ขณะเกิดเหตนุ อกหนา้ ท่ีไปแลว้ ยงั ไมผ่ ิดมาตรา 157
ถกู ส่งั ไมใ่ หป้ ฏิบตั ิหนา้ ท่ีไปก่อนแลว้ ไมผ่ ดิ มาตรา 157
คาพิพากษาฎีกาที่ 2255/2520 จาเลยเป็นตารวจแต่ขณะที่แสดงตวั เป็นเจา้ พนกั งานจบั กุม
ผเู้ สียหายแลว้ นาตวั ไปขม่ ขนื และปลอ่ ยตวั ไป จาเลยถูกส่งั พกั ราชการแลว้ แมจ้ ะยงั มิไดม้ ีคาสั่งปลด
หรือให้จาเลยออกจากราชการจาเลยกถ็ กู สง่ั มิใหป้ ฏิบตั ิหนา้ ท่ีราชการตาแหน่งหนา้ ท่ีการกระทาของ
จาเลยจึงมิใช่เป็นการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีราชการในฐานะเป็นเจา้ พนกั งานผมู้ ีอานาจหนา้ ที่ตามกฎหมาย
ไมเ่ ป็นความผดิ ตามมาตรา 157
ไมเ่ ก่ียวกบั หนา้ ท่ีของตนโดยตรงไม่ผดิ มาตรา 157
ตารวจสายสืบขอเงินค่าสืบจากผเู้ สียหายในขณะท่ียงั ไม่มีการแจง้ ความและยงั ไม่มีการ
ออกหมายจบั คนร้ายถือวา่ ขณะน้นั ยงั ไม่มีหนา้ ท่ีจึงไมผ่ ิดมาตรา 157
ถา้ ไปทาร้ายร่างกายไม่เกี่ยวกบั การปฏิบตั ิหนา้ ที่ราชการเป็นเร่ืองส่วนตวั ผกู้ ระทาตอ้ งรับ
ผิดเป็นการส่วนตวั ไมผ่ ิดมาตรา 157
สิบเวรลวนลามทางเพศผเู้ สียหายผตู้ อ้ งหาหญิงท่ีถูกตารวจอื่นจบั มาฐานเป็นเจา้ มือสลาก
กินรวบถือวา่ เป็นการกระทานอกหนา้ ที่ ไม่ผิดมาตรา 157
ในการบรรยายฟ้องถา้ มีคาขอใหล้ งโทษตามมาตรา 157 มาทา้ ยฟ้อง แต่บรรยายฟ้องวา่
เป็นเร่ืองการกระทานอกหนา้ ท่ีของเจา้ พนกั งาน ศาลจะยกฟ้องเลยเพราะเมื่อเป็นเรื่องนอกหนา้ ท่ี
แลว้ ก็ลงโทษตามมาตรา 157 ไม่ได้
ตารวจถูกพกั ราชการแต่แสดงตนและจบั ผเู้ สียหายกระทาชาเราแลว้ ปลอ่ ยตวั ไปไม่ใช่เป็น
การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีราชการในฐานะเจา้ พนกั งานผมู้ ีอานาจหนา้ ท่ีตามกฎหมายไมผ่ ดิ มาตรา 157 แตผ่ ดิ
ฐานข่มขนื มาตรา 276
กรณีการกระทาที่อยใู่ นหนา้ ที่ หนา้ ท่ีตอ้ งเกิดจากคาสัง่ ที่ชอบดว้ ยกฎหมายและโดยผมู้ ี
อานาจมอบหมายหรือมีอานาจสั่งเท่าน้นั
ถา้ หากเป็นการทาร้ายเพอ่ื ให้ผตู้ อ้ งหารับสารภาพในขอ้ หาที่ถกู กล่าวหา ถือเป็นการปฏิบตั ิเกี่ยวกบั
ในอานาจหนา้ ท่ีแลว้ ผิด มาตรา 157 ได้
114
หากแมไ้ ม่มีหนา้ ท่ี แตไ่ ดไ้ ปร่วมกบั เจา้ พนกั งานท่ีมีหนา้ ที่กระทาผิดตามมาตรา 157 หรือ
ความผดิ ต่อตาแหน่งหนา้ ที่อื่น กต็ อ้ งรับผิดในฐานะเป็นผสู้ นบั สนุนตามมมาตรา 157 ประกอบ
มาตรา 86
กระทาเพ่อื ใหง้ านดาเนินไปโดยรวดเร็วเป็นผลดีแก่ทางราชการแมไ้ มถ่ กู ระเบียบไปบา้ ง
กถ็ ือวา่ ไม่ผิดมาตรา 157
กระทาเพอ่ื รักษาความสงบเรียบร้อยแมอ้ าจจะไมถ่ ูกข้นั ตอนไปบา้ งกถ็ ือวา่ ไม่ผดิ มาตรา 157
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 37/2515 เอาคนเมาอาละวาดทาลายขา้ วของเขา้ ไปใส่ในหอ้ งขงั เป็น
การกระทาเพื่อรักษาความสงบฯไมผ่ ิดมาตรา 157 และมาตรา 310
กรณีตารวจไม่จบั เพือ่ หลีกเลี่ยงเหตวุ นุ่ วายไม่ผดิ มาตรา 157
พยาบาลไม่ส่งซบั น้าในช่องคลอดของผูเ้ สียหายไปตรวจหาเช้ืออสุจิตามระเบียบทาใหผ้ ูก้ ระทาผดิ
หลดุ พน้ ไปเป็นการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิชอบตามมาตรา 157
เจา้ หนา้ ที่ตรวจคนเขา้ เมืองช่วยเหลือปลอ่ ยใหค้ นออกนอกราชอาณาจกั รไปไดเ้ ป็นการ
ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยไมช่ อบ
การจบั โดยไมช่ อบเช่นจบั โดยไมม่ ีหมายจบั และไมใ่ ช่เหตฉุ ุกเฉินอยา่ งยงิ่ เป็นการปฏิบตั ิ
ไมช่ อบผดิ มาตรา 157
คาพิพากษาฎีกาท่ี 4243/2542 จาเลยเป็นตารวจจบั กมุ ผเู้ สียหายท่ีไดก้ ่อเหตทุ ะเลาะวิวาท
ก่อนหนา้ น้นั แตเ่ หตุดงั กลา่ วไดย้ ตุ ิลงแลว้ จึงไมใ่ ช่การกระทาผิดซ่ึงหนา้ จาเลยไมม่ ีหมายจบั ไม่มี
อานาจโดยชอบที่จบั ผเู้ สียหายจาเลยจบั ผเู้ สียหายโดยไม่แจง้ ขอ้ หาและไม่ทาบนั ทึกจบั กุมจาเลย
กระทาโดยโกรธแคน้ กลน่ั แกลง้ ผเู้ สียหายจาเลยผิดมาตรา 157 และทาใหผ้ อู้ ื่นปราศจากเสรีภาพใน
ร่างกาย
แตค่ น้ ในที่ท่ีไมใ่ ช่ที่รโหฐาน โดยมีเหตอุ นั ควรเป็นการปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยชอบ (ชาตรี
สุวรรณิน, 2560 เล่ม 15,หนา้ 473)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 4958/2556 อาคารที่พกั สายตรวจตาบลดอนมนตส์ ร้างจากเงินบริจาคของ
ประชาชนบนท่ีดินขององค์การบริหารส่วนตาบลดอนมนต์ แมโ้ จทก์จะร่วมบริจาคเงินในการ
ก่อสร้างดว้ ย แต่วตั ถุประสงคท์ ี่ก่อสร้างก็เพื่อใช้เป็ นท่ีพกั ของเจา้ พนักงานตารวจที่เป็ นสายตรวจ
และอานวยความสะดวกแก่ประชาชนท่ีมาแจง้ ความร้องทุกข์ ยอ่ มแสดงวา่ ประชาชนประสงคใ์ หใ้ ช้
เป็ นสถานที่ราชการท่ีสามารถเขา้ มาติดต่อกบั เจา้ พนักงานตารวจได้ ท้งั อาคารดงั กล่าวไดข้ อเลขท่ี
บ้านโดยระบุว่าเป็ นที่ทาการสถานีตารวจชุมชน และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เรียกเก็บค่า
กระแสไฟฟ้าจากหวั หนา้ สถานีตารวจชุมชนตาบลดอนมนต์ จึงบ่งช้ีวา่ ประชาชนท่ีร่วมกนั ก่อสร้าง
ได้มอบอาคารดังกล่าวให้เป็ นสถานท่ีราชการตารวจโดยปริยายแล้ว อาคารดังกล่าวจึงไม่ใช่ท่ี
รโหฐานอนั เป็ นที่ส่วนตวั ของโจทก์ท่ีจะมีอานาจจดั การหวงห้ามได้ สาหรับห้องพกั ที่เกิดเหตุที่
115
โจทกก์ ้นั เป็นสัดส่วนน้นั เป็นส่วนหน่ึงของอาคารที่พกั สายตรวจตาบลดอนมนต์ นอกจากโจทกจ์ ะ
ใช้เป็ นที่พกั อาศยั แลว้ เจา้ พนักงานตารวจสายตรวจอ่ืนก็สามารถใช้ประโยชน์จากห้องดงั กล่าวได้
แมโ้ จทก์จะเก็บส่ิงของส่วนตวั ไวแ้ ละใส่กุญแจก็ไม่ใช่ห้องพกั ส่วนตวั ที่โจทก์จะมีสิทธิหวงกนั ไวผ้ ู้
เดียวได้ ห้องพกั ที่เกิดเหตุจึงไม่ใช่ท่ีรโหฐาน ประกอบกบั จาเลยเขา้ ไปในห้องพกั ที่เกิดเหตุเพ่ือ
คน้ หาอาวุธปื นตามท่ีผใู้ ชก้ ระทาความผิดแจง้ วา่ นามาไวใ้ นอาคารท่ีพกั สายตรวจดอนมนต์ จึงมีเหตุ
อนั ควรสงสยั ตามสมควรวา่ มีส่ิงของท่ีไดใ้ ชห้ รือมีไวเ้ ป็นความผิดซ่อนไวใ้ นหอ้ งพกั ที่เกิดเหตุ เช่นน้ี
จาเลยย่อมมีอานาจคน้ ห้องพกั ที่เกิดเหตุไดโ้ ดยไม่ตอ้ งมีหมายคน้ หาใช่เป็ นการกลนั่ แกลง้ เพ่ือให้
โจทกไ์ ดร้ ับความเสียหาย
การแกไ้ ขบนั ทึกการจบั กุมโดยไมช่ อบผดิ มาตรา 157
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1793/2536 แกบ้ นั ทึกการจบั กมุ จากจาเลยปฏิเสธเป็นจาเลยรับสารภาพ
ถือเป็นการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิชอบ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 25577/2534 หน่วงเหนี่ยวการใหป้ ระกนั ตวั หลายชวั่ โมง
คาพิพากษาฎีกาที่ 4436/2531 ไม่รับแจง้ ความผิดมาตรา 157 และมาตรา 200
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 999/2527 ละเวน้ ไมจ่ บั กมุ คนร้ายถึงมาตรา 157
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1161/2538 มีหนา้ ที่ดูแลการก่อสร้างแลว้ เอาเศษวสั ดุไปใหผ้ รู้ ับเหมา
ใชเ้ ป็นการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยไม่ชอบและเป็นการปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยทุจริตผิดมาตรา 157
คาพิพากษาฎีกาท่ี 170/2530 แกลง้ ผใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาใหต้ ้งั ถกู ต้งั กรรมการสอบในเร่ืองท่ี
ไมเ่ ป็นความจริงเป็นการปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยไมช่ อบ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 759/2547 จาเลยไดร้ ับแตง่ ต้งั เป็นกรรมการการนบั คะแนนเลือกต้งั เอา
บตั รเลือกต้งั ใส่เส้ือออกไปจาเลยผิดมาตรา 157
ยดึ บตั รประชาชนชาวบา้ นไวโ้ ดยไมม่ ีเหตุอนั สมควร (ชาตรี สุวรรณิน, 2560 เลม่ 15,หนา้ 473)
คาพิพากษาฎีกาที่ 15366/2557 จาเลยยดึ บตั รประจาตวั ประชาชนของโจทกไ์ วน้ านเกือบ 4
เดือนโดยไม่แจง้ ขอ้ กล่าวหาและดาเนินคดีใดๆ และยดึ ไวห้ ลงั จากโจทกร์ ้องเรียนกลา่ วโทษจาเลย
ทางวนิ ยั ฟังไดว้ า่ จาเลยมีเจตนากลน่ั แกลง้ โจทกใ์ หไ้ ดร้ ับความเดือดร้อนเสียหาย จาเลยจึงมีความผิด
มาตรา 157
116
บริษทั น้ามนั ฟ้องขา้ ราชการประจาระดบั สูง และขา้ ราชการเมือง
คาพพิ ากษาฎีกา 3102/2539 จาเลยท้งั เกา้ ปฏิบตั ิหนา้ ที่เพ่ือประโยชน์ของทางราชการ
ไมไ่ ดม้ ีเจตนาใหเ้ กิดความเสียหายแก่โจทกก์ ารกระทาของจาเลยท้งั เกา้ จึงไม่มีมลู ความผดิ ตาม
มาตรา 157
3. เพื่อใหเ้ กิดความเสียหายแก่ผหู้ น่ึงผใู้ ด
ถา้ เป็นเจา้ พนกั งานแต่ไปร่วมกระทาผิดเล่นการพนนั ดว้ ยแลว้ ไมจ่ บั กุมผรู้ ่วมกระทาผิด
ดว้ ยกนั ไมผ่ ดิ มาตรา 157
4. เจตนา
อยั การบรรยายฟ้องคลาดเคล่ือนไปไม่ถือวา่ เจตนาปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิ
ชอบ
ตวั อยา่ งท่ีวนิ ิจฉยั วา่ ขาดเจตนาพิเศษ (คดีตึกถลม่ )
คาพิพากษาฎีกาท่ี 3793/2541 เมื่อจาเลยท่ี 1 เป็นวิศวกรทาบนั ทึกไวว้ า่ ไดท้ าการคานวณ
ตรวจสอบฐานรากและส่วนของอาคารเดิมสามารถรับน้าหนกั ได้ จาเลยที่ 3-6 เป็นเจา้ พนกั งาน
ทอ้ งถ่ินยอ่ มไมร่ ู้ละเอียดทางวิศวกรรมท้งั ไมป่ รากฏจากการนาสืบของโจทกใ์ หเ้ ห็นวา่ จาเลยท่ี 3
ถึง 8 ปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยมิชอบเพ่ือใหเ้ กิดความเสียหายแก่ผหู้ น่ึงผใู้ ดอนั เป็น
เจตนาพิเศษจึงไม่ผิดมาตรา 157 ส่วนจาเลยท่ี 1 ซ่ึงเป็นวิศวกรผิดมาตรา 227 ประกอบมาตรา 238
ตวั อยา่ งการใชด้ ุลพินิจที่ไมผ่ ิดมาตรา 157
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 4881/2541 การแตง่ ต้งั โจทกจ์ ากผพู้ พิ ากษาหวั หนา้ ศาลฎีกาไปดารง
ตาแหน่งอธิบดีผพู้ ิพากษาศาลอทุ ธรณ์ภาคเป็นการปูนบาเหนจ็ ความดีความชอบให้แก่โจทกเ์ ป็น
การขดั กบั ท่ีโจทกย์ งั มีโทษลดบาเหน็จอยู่ การนาเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรีตอ้ งมีขอ้ ยตุ ิเป็นเรื่องท่ี
ชอบดว้ ยกฎหมายแลว้ การท่ีจาเลยที่ 2 (รัฐมนตรียตุ ิธรรม) พยายามหาขอ้ ยตุ ิท่ีเห็นขดั แยง้ กนั เกี่ยวกบั
มติกต.ในการแตง่ ต้งั โจทกแ์ ละยงั ไม่นาเสนอนายกรัฐมนตรีหาใชก้ ารปฏิบตั ิหนา้ ท่ีหรือละเวน้ การ
ปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยมิชอบ เพื่อใหเ้ กิดความเสียหายแก่โจทก์ จาเลยท่ี 2 ไม่ผิดมาตรา 157
117
ตวั อยา่ งการใชด้ ุลพินิจท่ีผิดมาตรา 157 กรณีการใชด้ ุลพนิ ิจของเจา้ พนกั งานตามอาเภอใจโดย
ปราศจากเหตผุ ลถือวา่ มีเจตนากระทาผดิ
คาพิพากษาฎีกาท่ี 7663/2543 การใชด้ ุลพินิจของอยั การสูงสุดตอ้ งมิใช่เป็นการใชด้ ุลพินิจ
โดยมิชอบตามอาเภอใจหรือปราศจากโดยเหตุผลมีการเสนอช่ือบุคคลที่อาวุโสต่ากวา่ โจทกไ์ วใ้ น
อนั ดบั สูงกวา่ โจทกถ์ ึง 3 คร้ังเพราะถือสาเหตทุ ี่จาเลยมีสาเหตุส่วนตวั กบั โจทกเ์ ป็นการใชด้ ุลพนิ ิจ
โดยมิชอบจาเลยผดิ มาตรา 157
การประวิงเวลาท่ีผดิ มาตรา 157 กรณีผบู้ งั คบั บญั ชาประวงิ เวลาไม่ใหข้ า้ ราชการกลบั เขา้ สู่ตาแหน่ง
ในลกั ษณะท่ีตอ้ งการกลนั่ แกลง้
คาพิพากษาฎีกาที่ 2105/2544 จาเลยสัง่ พกั ราชการโจทกโ์ ดยไมม่ ีเหตุสมควรแต่
นายกรัฐมนตรียกเลิกคาสั่งแลว้ ใหโ้ จทกก์ ลบั ทางานตามเดิมซ่ึงจาเลยมีหนา้ ท่ีตอ้ งปฏิบตั ิตามคาส่ัง
แตก่ ลบั พยายามหาเหตมุ าอา้ งโดยมีเจตนาแกลง้ โจทกแ์ มค้ าสงั่ ไม่กาหนดเวลาใหจ้ าเลยตอ้ งปฏิบตั ิ
ตามกต็ อ้ งปฏิบตั ิในเวลาพอสมควรไม่ใช่ปล่อยจนเลย 7 เดือนจึงมีคาสัง่ ใหโ้ จทกก์ ลบั เขา้ รับราชการ
ในตาแหน่งเดิมซ่ึงเหลืออีกแค่ 15 วนั โจทกก์ จ็ ะเกษียณอายแุ สดงวา่ จาเลยละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ที่
โดยมิชอบตามมาตรา 157
การเรียกค่าธรรมเนียมเกินผิดมาตรา 149 แลว้ ไม่จาตอ้ งปรับบทมาตรา 157
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1532/2543 จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานท่ีดินทางานมา 7 ปี ยอ่ มทราบและ
คานวณคา่ ใชจ้ ่ายในการจดทะเบียนท่ีดิน ในพ้นื ที่เขตที่อยใู่ นความรับผดิ ชอบเป็นอยา่ งดี การที่
จาเลยเรียกหรือรับเงิน 7,800 บาท ไวแ้ ลว้ น่ิงเฉยแสดงโดยชดั แจง้ วา่ จาเลยมีเจตนาเรียกหรือรับเงิน
ส่วนท่ีเกินไวส้ าหรับตนเองโดยมิชอบเพ่ือกระทาการในตาแหน่งจาเลยผดิ มาตรา 149
2. ปฏบิ ัติหน้าที่โดยทุจริต
1. เป็นเจา้ พนกั งาน
2. ปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ี ไม่วา่ การน้นั จะชอบหรือไม่ชอบก็เขา้
องคป์ ระกอบขอ้ น้ี 1. โดยทุจริต 2. โดยเจตนา
ตวั อยา่ งปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยทจุ ริต
118
เช่น นาขอ้ สอบท่ีกาลงั จะสอบไปเปิ ดเผย, นางบประมาณมาจดั ประมลู ใหผ้ รู้ ับเหมาทางาน
ท่ีตนเองตอ้ งการ, อนุมตั ิจ่ายเงินหรือตรวจรับงานท้งั ท่ีงานไม่เสร็จ เป็นตน้ (ชาตรี สุวรรณิน, 2560
เลม่ 15,หนา้ 480)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1161/2538 เป็นกรรมการควบคมุ การก่อสร้างเอาเหลก็ วสั ดุเหลือใชซ้ ่ึง
อยใู่ นอานาจความรับผดิ ของจาเลยไปใหก้ บั ร้านคา้ เป็นการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยทจุ ริตตามมาตรา 157
คาพิพากษาฎีกาที่ 3677/2525 การท่ีจาเลยจบั กมุ โจทกห์ าวา่ มีพลอยหนีภาษีและยดึ พลอย
ของกลางไว้ แตก่ ลบั ปลอ่ ยตวั โจทกไ์ ปไมน่ าส่งเจา้ พนกั งานสอบสวนยอ่ มเป็นความผิดตามมาตรา
157
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3194/2536 จาเลยเป็นขา้ ราชการครูไดร้ ับแตง่ ต้งั เป็นกรรมการสอบมี
เจตนาทจุ ริตร่วมกนั นาขอ้ สอบซ่ึงเป็นความลบั ของทางราชการไปเปิ ดเผยจึงผดิ เจา้ พนกั งานปฏิบตั ิ
หนา้ ท่ีโดยทุจริต จาเลยอ่ืนซ่ึงเป็นขา้ ราชการครูร่วมกระทาผิดดว้ ยแตม่ ิไดเ้ ป็นกรรมการสอบซ่ึงผิด
ฐานเป็นผสู้ นบั สนุนจาเลย
เปรียบเทียบมาตรา 147 กบั มาตรา 157
คาพิพากษาฎีกาที่ 228/2534 มาตรา 147 ผกู้ ระทาผดิ ตอ้ งมีหนา้ ท่ีจดั การหรือรักษา
ทรัพยส์ ินแลว้ เบียดบงั ทรัพยน์ ้นั โดยทจุ ริตจาเลยเป็นตารวจสายตรวจมิไดม้ ีหนา้ ที่จดั การหรือรักษา
เลื่อยยนตข์ องกลาง การที่จาเลยลกั เล่ือยยนตไ์ ปจึงไมผ่ ดิ มาตรา 147 ต่อมาจาเลยไดร้ ับคาสั่งใหท้ า
หนา้ ท่ีเวรยามดูแลสงั่ ของในสถานีตารวจการท่ีจาเลยอาศยั โอกาสดงั กล่าวลกั เล่ือยยนตข์ องกลางไป
ขายเพอ่ื ประโยชน์ส่วนตวั เป็นการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยทุจริตตามมาตรา 157
กรณีถือไดว้ า่ เป็นท้งั ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยทจุ ริตและโดยมิชอบ
คาพิพากษาฎีกาที่ 759/2547 จาเลยไดร้ ับแตง่ ต้งั เป็นกรรมการนบั คะแนนเลือกต้งั จาเลย
ไดห้ ยบิ บตั รเลือกต้งั ใส่ในเส้ือแลว้ เดินออกจากหน่วยเลือกต้งั จาเลยกระทาโดยมีเจตนามิใหก้ าร
เลือกต้งั เป็นไปโดยชอบจาเลยผิดมาตรา 157
คาพิพากษาฎีกาท่ี 6114/2560 ศาลาทรงไทยกลางน้าสร้างจากงบประมาณของเทศบาล
ตาบล ป. แมไ้ มม่ ีเลขทะเบียนครุภณั ฑห์ รือเป็นพสั ดุที่ไม่มีทะเบียนคมุ การดาเนินการใดๆ กบั ศาลา
ทรงไทยดงั กลา่ วตอ้ งปฏิบตั ิตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา่ ดว้ ยการพสั ดุของหน่วยการบริหาร
ราชการส่วนทอ้ งถิ่น พ.ศ.2535 ท่ีกาหนดไวเ้ ป็นการเฉพาะวา่ เป็นอานาจสง่ั การของจาเลยที่ 1 ใน
ฐานะนายกเทศมนตรีตาบล ป. ผเู้ ป็นหวั หนา้ ฝ่ายบริหารของหน่วยการบริหารราชการส่วนทอ้ งถิ่น
การตรวจสอบและจาหน่ายพสั ดุของจาเลยที่ 1 ภายใตร้ ะเบียบกระทรวงมหาดไทยฉบบั ดงั กล่าวจึง
เป็นการปฏิบตั ิราชการในฐานะเจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ที่จดั การ หรือรักษาทรัพยใ์ ดๆ ตาม ป.อ. จาเลยท่ี
1 จาหน่ายศาลาทรงไทยกลางน้าของเทศบาลใหแ้ ก่เอกชนในลกั ษณะท่ีฝ่าฝืนตอ่ ระเบียบดงั กลา่ ว อีก
119
ท้งั ไมน่ าเงินท่ีขายไดส้ ่งเป็นรายไดเ้ ทศบาลในทนั ที จนกระทง่ั ถูกเจา้ หนา้ ที่เทศบาลทกั ทว้ ง ทวงถาม
และถูกตรวจสอบโดยกรรมการป้องกนั และปราบปรามการทจุ ริตแห่งชาติประจาจงั หวดั จึงให้
จาเลยที่ 2 ซ่ึงเป็นเลขานุการนาเงินมาคืนในภายหลงั การกระทาของจาเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดตาม
ป.อ. มาตรา 147 และมาตรา 151 ซ่ึงเป็นบทเฉพาะของบททวั่ ไปตามมาตรา 157 ยอ่ มไมจ่ าตอ้ งปรับ
บทความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 ซ่ึงเป็นบททว่ั ไปอีก
จาเลยท่ี 2 เป็นเลขานุการนายกเทศมนตรีของจาเลยที่ 1 ไม่มีส่วนเกี่ยวขอ้ งในการติดต่อขาย
ศาลาทรงไทยกลางน้าของจาเลยท่ี 1 การท่ีจาเลยท่ี 2 เขา้ ร่วมประชุมวาระอนุมตั ิร้ือถอนศาลาทรง
ไทยกลางน้า ก็เป็นเวลาในภายหลงั จากจาเลยที่ 1 ติดต่อขายศาลาทรงไทยดงั กลา่ วไปแลว้ ท้งั การท่ี
จาเลยที่ 2 รับฝากเงินคา่ ขายศาลาดงั กลา่ วไวจ้ ากผซู้ ้ือแทนจาเลยท่ี 1 ซ่ึงไมอ่ ยทู่ ี่สานกั งาน เป็นการ
กระทาตามคาสงั่ ของ จาเลยท่ี 1 ผบู้ งั คบั บญั ชา ยงั ฟังไมไ่ ดว้ า่ จาเลยท่ี 2 กระทาดว้ ยประการใดๆ อนั
เป็นการช่วยเหลือ หรือใหค้ วามสะดวกในการที่จาเลยท่ี 1 กระทาความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา 147 และ
151 ก่อนหรือขณะกระทาความผดิ จาเลยที่ 2 ยอ่ มมิใช่เป็นผสู้ นบั สนุนการกระทาความผิดของ
จาเลยท่ี 1
ความผิดท่ีทาให้ เกิดความเสียหายโดยไม่ ถึงกับทุจริ ต
มาตรา 158 เจ้าพนักงานทาลายทรัพย์ หรือเอกสาร
มาตรา 158 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน ทาใหเ้ สียหาย ทาลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทาใหส้ ูญหายหรือ
ทาใหไ้ ร้ประโยชน์ ซ่ึงทรัพยห์ รือเอกสารใดอนั เป็นหนา้ ท่ีของตนท่ีจะปกครองหรือรักษาไว้ หรือ
ยนิ ยอมใหผ้ อู้ ่ืนกระทาเช่นน้นั ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินเจด็ ปี และปรับไมเ่ กินหน่ึงแสนสี่หม่ืน
บาท
120
เป็นเร่ืองเจา้ พนกั งานกระทาผดิ ถา้ หากราษฎรไปกระทาโดย ทาใหเ้ สียหาย ทาลายทรัพย์
ซ่ึงเป็นเอกสารอนั เป็นหนา้ ท่ีเกิดเป็นพยานหลกั ฐานจะเป็นความผดิ มาตรา 142
มาตรา 158 แมไ้ มม่ ีเจตนาทุจริตกผ็ ดิ ได้
1. เป็นเจา้ พนกั งาน
2. ทาใหเ้ สียหาย ทาลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทาใหส้ ูญหายหรือทาใหไ้ ร้ประโยชน์
หรือยอมใหผ้ อู้ ่ืนกระทาเช่นน้นั
3. ซ่ึงทรัพยห์ รือเอกสารอนั เป็นหนา้ ท่ีของตนที่จะปกครองหรือรักษาไว้
4. เจตนา
แมไ้ ม่มีเจตนาทจุ ริตก็ผิดได้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1845/2517 จาเลยเป็นเสมียนศาลไดร้ ับแตง่ ต้งั เป็นกรรมการปลดเผา
สานวน จาเลยเอาแสตมป์ ฤชาฉีกออกจากสานวนไปจาเลยผดิ มาตรา 158 เมื่อโจทกไ์ มม่ ีพยานมาสืบ
วา่ จาเลยนาแสตมป์ เก่าท่ีใชแ้ ลว้ น้นั ไปใชแ้ สวงหาประโยชน์ท่ีมิควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย จึงไม่
พอฟังไดว้ า่ จาเลยเบียดบงั ยกั ยอกแสตมป์ เป็นประโยชน์ส่วนตวั โดยทุจริตจึงไมผ่ ดิ มาตรา 148,
มาตรา 157 ดว้ ย
หากฟังขอ้ เทจ็ จริงวา่ ไมไ่ ดเ้ ป็นผทู้ าใหท้ รัพยส์ ูญหายกไ็ มผ่ ิดมาตรา 158
ข้อสังเกตมาตรา 158
1. ไมม่ ีองคป์ ระกอบวา่ จะตอ้ งกระทาโดยทุจริต
เพียงแต่เอาไปก็ผิดแลว้ แตถ่ า้ มีเจตนาเบียดบงั ยกั ยอกโดยทุจริตกผ็ ิดมาตรา 147 ประกอบอีก
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1264/2518 จาเลยเป็นตารวจมีหนา้ ที่รักษาอาวธุ ปื นแต่จาเลยกลบั นาไป
จานาถือวา่ แสวงหาประโยชนอ์ นั เป็นการเบียดบงั ทรัพยเ์ ป็นของตนเองโดยทจุ ริตตามมาตรา 147
2. กรณีตามมาตรา 142 ตอ้ งเป็นทรัพยซ์ ่ึงเจา้ พนกั งานยดึ รักษาไวเ้ พ่อื เป็นพยานหลกั ฐาน
หรือเพือ่ บงั คบั การใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายตามมาตรา 158 น้ีเป็นกรณีทรัพยห์ รือเอกสารทวั่ ๆไป
เทา่ น้นั ไม่ตอ้ งเป็นพยานหลกั ฐานในคดีดว้ ย
3. การกระทาอนั เป็นกรรมเดียวกบั มาตรา 147 และมาตรา 157
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2175/2529 จาเลยเป็นเจา้ หนา้ ที่ควบคุมการก่อสร้างซ่อมแซมสถานี
ตารวจเขยี นใบเสร็จรับเงินและนาเงินส่งมอบสมุหบญั ชีเพียงเพือ่ ส่งเป็นรายไดข้ องแผน่ ดิน จาเลย
มิไดน้ าเงิน 7,600 บาท ส่งเป็นรายไดข้ องแผน่ ดินถือวา่ จาเลยละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีและเบียดบงั
เอาทรัพยเ์ ป็นของตนโดยทุจริต ผิดมาตรา 147, มาตรา 157, มาตรา 158 เม่ือผิดมาตรา 147 ซ่ึงเป็น
บทเฉพาะของมาตรา 157 แลว้ ยอ่ มไม่ผดิ มาตรา 157 ซ่ึงเป็นบททวั่ ไปอีก
4. การเปลี่ยนคาใหก้ ารผตู้ อ้ งหาเป็นความผิดตามมาตรา 158 มาตรา 157 มาตรา 200
วรรคแรกเป็ นกรรมเดียว
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 99/2537 จาเลยเป็นพนกั งานสอบสวนอา้ งวา่ ไดท้ าบนั ทึกคาใหก้ าร
121
ของผตู้ อ้ งหาและผกู้ ลา่ วหาใหม่แลว้ ของเดิมไมส่ าคญั หรือผใู้ หถ้ อ้ ยคาไมป่ ระสงคจ์ ะใหข้ องเดิม
ซ่ึงไมน่ าเขา้ รวมสานวนไวห้ าไดไ้ ม่ การที่จาเลยเอาไปเสียซ่ึงคาใหก้ ารฉบบั เดิมของผตู้ อ้ งหาและ
ผกู้ ลา่ วหาซ่ึงจาเลยมีหนา้ ท่ีดูแลรักษาไวอ้ นั เป็นความผิดมาตรา 158 น้นั โดยเจตนาช่วยผตู้ อ้ งหามิให้
ตอ้ งรับโทษซ่ึงการกระทาของพนกั งานสอบสวนน้ีเป็นความผิดมาตรา 157 มาตรา 200 วรรคแรก
ดว้ ย จึงเป็นกรรมเดียวกนั
มาตรา 159 เจ้าพนักงานทาให้เสียหายแก่ตราหรือเคร่ืองหมายที่ประทบั ไว้
มาตรา 159 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ท่ีดูแล รักษาทรัพยห์ รือเอกสารใด กระทาการอนั มิชอบดว้ ย
หนา้ ท่ี โดยถอน ทาใหเ้ สียหาย ทาลายหรือทาใหไ้ ร้ประโยชน์ หรือโดยยนิ ยอมใหผ้ อู้ ื่นกระทา
เช่นน้นั ซ่ึงตราหรือเครื่องหมายอนั เจา้ พนกั งานไดป้ ระทบั หรือหมายไวท้ ่ีทรัพยห์ รือเอกสารน้นั ใน
การปฏิบตั ิการตามหนา้ ที่ เพ่ือเป็นหลกั ฐานในการยดึ หรือรักษาส่ิงน้นั ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกิน
หา้ ปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 160 เจ้าพนักงานผ้มู ีหน้าท่รี ักษาหรือใช้ดวงตราโดยมชิ อบด้วยหน้าท่ี
มาตรา 160 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ท่ีรักษาหรือใชด้ วงตราหรือรอยตราของราชการหรือของ
ผอู้ ื่น กระทาการอนั มิชอบดว้ ยหนา้ ที่ โดยใชด้ วงตราหรือรอยตราน้นั หรือโดยยนิ ยอมใหผ้ อู้ ื่น
กระทาเช่นน้นั ซ่ึงอาจทาใหผ้ อู้ ่ืนหรือประชาชนเสียหาย ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินหา้ ปี หรือปรับ
ไมเ่ กินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 161 เจ้าพนกั งานปลอมเอกสาร
มาตรา 161 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ที่ทาเอกสาร กรอกขอ้ ความลงในเอกสารหรือดูแลรักษา
เอกสาร กระทาการปลอมเอกสารโดยอาศยั โอกาสท่ีตนมีหนา้ ท่ีน้นั ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบ
ปี และปรับไมเ่ กินสองแสนบาท
122
มาตรา 161 เจ้าพนักงานปลอมเอกสาร
1. ต้องเป็ นเจ้าพนกั งาน
- ถา้ เป็นลกู จา้ งทวั่ ไปเท่ากบั ไมเ่ ป็นเจา้ พนกั งานเวน้ แตม่ ีกฎหมายบญั ญตั ิใหเ้ ป็นเจา้
พนกั งาน
- ถา้ ไมไ่ ดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานแต่ไปร่วมกระทาผิดกบั เจา้ พนกั งานในความผดิ ตอ่ ตาแหน่ง
หนา้ ที่กไ็ ม่อาจเป็นตวั การไดค้ งเป็นเพียงผสู้ นบั สนุนเท่าน้นั
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5286/2544 โจทกฟ์ ้องวา่ จาเลยร่วมกบั เจา้ พนกั งานปฏิบตั ิหรือละเวน้
การปฏิบตั ิหนา้ ที่โดยมิชอบ กรอกขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ และปลอมแปลงเอกสารและใชเ้ อกสารปลอม
แต่จาเลยมิไดเ้ ป็นเจา้ พนกั งานจึงมิอาจร่วมกระทาผิดในลกั ษณะตวั การไดค้ งเป็นเพยี งผสู้ นบั สนุน
2. มหี น้าที่ทาเอกสาร, กรอกข้อความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3680/2531 จาเลยปฏิบตั ิตามคาส่ังของผูท้ ่ีไม่มีอานาจจาเลยจึงไมเ่ ป็น
เจา้ พนกั งาน(เพราะเป็นคาสง่ั มอบหมายงานโดยไมม่ ีอานาจ) ผมู้ ีอานาจกระทาการตามคาส่งั น้นั
การที่จาเลยเบียดบงั เงินค่าดูดสว้ มซ่ึงไมใ่ ช่หนา้ ท่ีของจาเลย จาเลยไมผ่ ดิ มาตรา 147 มาตรา157
มาตรา 161 แตผ่ ิดยกั ยอกธรรมดาตามมาตรา 352 แมจ้ าเลยจะนาเงินท่ียกั ยอกมาใชค้ นื ก็ไม่ปรากฏ
วา่ เทศบาลซ่ึงเป็นผเู้ สียหายตกลงยอมความกนั ถกู ตอ้ งตามกฎหมายอนั จะทาใหส้ ิทธินาคดีอาญามา
ฟ้องระงบั ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญามาตรา 39 (2) ได้
- หนา้ ท่ีทาเอกสาร หมายถึง ผมู้ ีหนา้ ที่โดยแทจ้ ริงในการทาเอกสารซ่ึงโดยปกติไดแ้ ก่
ผลู้ งชื่อเป็นผอู้ อกเอกสารหากเป็นเพยี งเสมียนพนกั งานท่ีจะร้องทาเอกสารแลว้ นาไปเสนอผมู้ ี
อานาจลงนามหรือส่งใหเ้ จา้ พนกั งานท่ีมีอานาจอีกต่อเสมียนน้ีไม่ใช่เจา้ พนกั งานท่ีมีอานาจทา
เอกสารเพราะอานาจดูจากการลงนาม
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 35/2521 ตารวจไดร้ ับแตง่ ต้งั ใหท้ าหนา้ ที่เสมียนเปรียบเทียบปรับไดแ้ ก้
หรือลงจานวนเงินในใบเสร็จใหน้ อ้ ยลงกวา่ ตน้ ฉบบั แลว้ ส่งเงินต่ากวา่ ความเป็นจริงผิดเจา้ พนกั งาน
ยกั ยอกมาตรา 147 ปลอมเอกสารมาตรา 161 มาตรา 266
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1655/2520 จาเลยลงในทะเบียนและลงลายมือชื่อรับรองวา่ ต. ยา้ ยเขา้
บา้ นหลงั หน่ึงอนั เป็นเทจ็ ผิดมาตรา 157 มาตรา161 มาตรา162 มาตรา 265
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 753/2510 ผคู้ มุ พมิ พล์ ายมือลายนิ้วมือปลอมลงในทะเบียนผพู้ น้ โทษ
ผิดมาตรา 161
- การทาเอกสารอาจทาท้งั ฉบบั กไ็ ดห้ รือทาบางส่วนก็ไดเ้ จา้ พนกั งานส่วนท่ีมีอานาจ
ทา ไมจ่ าตอ้ งเขียนเองแต่อาจมีเสมียนพนกั งานเป็นคนเขียนกผ็ ิดมาตรา 161 ได้
123
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2918/2535 ก. เป็นนายทะเบียนมีหนา้ ท่ีรับแจง้ การยา้ ยและไดล้ งชื่อ
เป็นผรู้ ับแจง้ ขอ้ ความการที่ก.จะใหบ้ คุ คลใดเขยี นหรือจดขอ้ ความแทนหาใช่เป็นสาระสาคญั อนั จะ
ทาใหก้ ารกระทาของจาเลยขาดองคป์ ระกอบจึงไมผ่ ดิ มาตรา 267
- มีหนา้ ที่รักษาเอกสาร หมายถึง เอกสารที่เป็นเอกสารสมบรู ณ์ไมใ่ ช่มีหนา้ ท่ีรักษา
แบบพิมพแ์ ลว้ อาศยั โอกาสที่ตนเองรักษาแบบพมิ พ์ นาแบบพมิ พม์ ากรอกขอ้ ความเช่นเอาแบบพิมพ์
โฉนดมาแลว้ มาปลอมโฉนดอยา่ งน้ีไม่ใช่วตั ถปุ ระสงคข์ องมาตรา 161 เพราะไมม่ ีหนา้ ที่ออกโฉนด
ท่ีมีหนา้ ท่ีดูแลแบบพมิ พใ์ บแทนโฉนด
3. กระทาการปลอมโดยอาศัยโอกาสทตี่ นมหี น้าท่ีน้ัน
- การปลอมเอกสารสามารถนาหลกั มาตรา 264 มาเปรียบเทียบได้
- อาจจะปลอมท้งั ฉบบั หรือส่วนหน่ึงส่วนใดหรือเติมตดั ทอนขอ้ ความในเอกสารที่
แทจ้ ริง แกไ้ ขขอ้ ความในเอกสารท่ีแทจ้ ริง
- ผปู้ ลอมอาจจะเป็นผทู้ าเอกสารน้นั ไวแ้ ตต่ น้ แลว้ ต่อมาเมื่อพน้ หนา้ ที่แลว้ ไปทาปลอม
ก็เป็ นความผดิ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2907/2526 จานวนเป็นประธานเทศบาลวนั ประชุมไม่อยจู่ าเลยกลบั มา
ทางานวนั หลงั ไดแ้ กร้ ายงานการประชุมท่ีรองประธานทาข้นึ โดยจาเลยไมม่ ีอานาจแกไ้ ขโดยพลการ
จาเลยแกไ้ ขเพือ่ ใหผ้ ูอ้ ่ืนท่ีเก่ียวขอ้ งหลงเชื่อวา่ มีมติตามที่จาเลยแกไ้ ขไปซ่ึงน่าจะเกิดความเสียหายแก่
ผอู้ ื่น จาเลยผิดปลอมเอกสารมาตรา 161 แลว้ นาเอกสารปลอมไปขออนุมตั ิกบั ผวู้ า่ จึงเป็นการใช้
เอกสารปลอมมาตรา 268
จาเลยในฐานะเลขาการประชุมมีอานาจทารายงานตามหนา้ ท่ีและลงลายมือชื่อของตน
เป็นผทู้ าจึงเป็นเอกสารที่แทจ้ ริงท่ีจาเลยทาข้ึน แมข้ อ้ ความในเอกสารจะไม่เป็นความจริงก็ไมผ่ ดิ ฐาน
ทาเอกสารปลอมมาตรา 161 แต่เป็นการทาเอกสารเท็จตามมาตรา 162
เม่ือโจทกม์ ิไดบ้ รรยายฟ้องใหล้ งโทษมาตรา 162 จึงลงโทษจาเลยไมไ่ ด้
- ผมู้ ีหนา้ ท่ีทาเอกสารกระทาผิดมาตรา 161 เน่ืองจากไปแกไ้ ขขอ้ ความในเอกสารน้นั ใน
ภายหลงั โดยไมม่ ีอานาจ
คาพิพากษาฎีกาที่ 1797/2536 จาเลยเป็นตารวจทาบนั ทึกการจบั กมุ โจทกม์ ีการลงลายมือ
ชื่อของท้งั โจทกแ์ ละจาเลยแลว้ การที่จาเลยไปเติมขอ้ ความวา่ “สอบถามผตู้ อ้ งหาแลว้ ใหก้ ารรับ
สารภาพตลอดขอ้ กล่าวหา” ซ่ึงไม่เป็นความจริงเป็นการเติมขอ้ ความในเอกสารที่แทจ้ ริงจึงเป็น
เจา้ พนกั งานปลอมเอกสารตามมาตรา 161 และมาตรา 157
- ศาลฎีกา ความผิดท่ีเจา้ พนกั งานกระทาผดิ หลายบทหลายกรรม
คาพิพากษาฎีกาที่ 753/2510 จาเลยท่ี 2 (ผคู้ ุม) นานกั โทษไปทางานนอกเรือนจาแลว้
นกั โทษหลบหนีจึงไดร้ ายงานต่อจาเลยท่ี 1 (พศั ดี) แต่ยงั ไมไ่ ดจ้ ดั การอะไรปกปิ ดไม่รายงานให้
เจา้ นายฟังผิด มาตรา 157
124
จาเลยท้งั สองร่วมกนั ลงช่ือนกั โทษในการขออภยั โทษจาเลยผดิ มาตรา 162 (1)
รับรองเทจ็ เม่ือครบกาหนดพน้ โทษของนกั โทษน้นั จาเลยท้งั สองไดร้ ่วมกนั ปลอมลายมือชื่อ
นกั โทษเพอ่ื เสนอให้เจา้ นายลงนามการกระทาของจาเลยท้งั สองผิดมาตรา 161, 264, 265 แตใ่ ห้
ลงโทษบทหนกั ที่สุดคอื มาตรา 157
- ถา้ หากไมม่ ีอานาจหนา้ ท่ีทาเอกสาร กรอกขอ้ ความลงในเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร
แตไ่ ปลงลายมือช่ือในตาแหน่งเจา้ พนกั งานที่ตนเองไมม่ ีหนา้ ท่ีเลย วา่ เอกสารน้ีทาข้ึนโดยเจา้
พนกั งานผนู้ ้ีกเ็ ป็นการปลอมตวั บุคคลในตาแหน่งน้นั เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารแต่ไมผ่ ดิ
มาตรา 161
- แตถ่ า้ ไดร้ ับมอบหมายจากผบู้ งั คบั บญั ชาใหม้ ีหนา้ ที่กรอกขอ้ ความในเอกสารแลว้ ปลอม
เอกสารโดยอาศยั โอกาสที่มีหนา้ ท่ีกผ็ ดิ ได้
- เอกสารท่ีอยใู่ นข้นั ตอนการทายงั ไมเ่ สร็จเจา้ พนกั งานยงั อาจแกไ้ ขไดก้ ็ไม่ผดิ มาตรา 161
และไมผ่ ดิ ปลอมเอกสาร
คาพิพากษาฎีกาท่ี 197/2509 เม่ือยงั ไม่ไดส้ ่งมอบโฉนดใหถ้ ือไมไ่ ดว้ า่ ที่ดินรายน้ีได้
ออกโฉนดแลว้ ยงั เป็นเอกสารที่อยใู่ นความยดึ ถือหรือความรับผิดชอบของเจา้ หนา้ ท่ีเมื่อมีเหตุ
ตอ้ งเปลี่ยนแปลงโฉนดเจา้ พนกั งานท่ีดาเนินการออกโฉนดยอ่ มมีอานาจท่ีจะแกไ้ ขเสียได้
- เป็นเอกสารที่อยใู่ นข้นั ตอนการดาเนินงานของเจา้ พนกั งานแมเ้ จา้ พนกั งานจะผดิ ฐาน
รับสิบบนและปฏิบตั ิหนา้ ที่ไม่ชอบกไ็ ม่ผดิ มาตรา 161
คาพิพากษาฎีกาที่ 1532/2543 จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานมีหนา้ ท่ีรับคาขอเกี่ยวการจด
ทะเบียนท่ีดินจาเลยไดก้ รอกขอ้ ความใน นส. 3 ตรงตามเจตนาซ้ือขายตามจริงทุกประการและ
ประทบั ตราถกู ตอ้ ง (เท่ากบั ไมไ่ ดป้ ลอม) เพยี งแตย่ งั ไม่ไดล้ งลายมือชื่อและวนั ท่ีของนายอาเภอ
ที่ออกเอกสาร (เทา่ กบั เป็นเอกสารที่ไม่สมบรู ณ์เท่าน้นั ) ซ่ึงก็ไม่ทาใหผ้ พู้ บเห็นหลงเชื่อ การกระทา
ของจาเลยไมค่ รบองคป์ ระกอบมาตรา 161 ประกอบมาตรา 266 อนุ 1
- ถา้ เจา้ พนกั งานผูน้ ้นั ไม่มีหนา้ ที่ตามท่ีมาตรา 161 ระบุไวก้ ็ไม่ผดิ มาตรา 161 แต่ผิด
ฐานปลอมเอกสารมาตรา 264, 265, 266 แลว้ แต่กรณี
125
ข้อสังเกตทีไ่ ด้จากแนวฎีกา
1. เจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ท่ีตามมาตรา 161 หากถือโอกาสท่ีลงลายมือช่ือปลอมเอกสารผิด
มาตรา 161 และหากกระทาโดยมีเจตนาจะใหเ้ ป็นหลกั ฐานในการเบียดบงั เงินเป็นของตนกเ็ ป็น
กรรมเดียวกบั ความผิดตามมาตรา 147 ตอ้ งลงโทษมาตรา 147 ซ่ึงเป็นบทหนกั ตามมาตรา 90
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2823-24/2554 จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานมีหนา้ ท่ีทาเอกสารจาเลยไดก้ รอก
ขอ้ ความและลงลายมือชื่อครูท่ีขอยมื เงินของโรงเรียนแลว้ ปลอมลายเซ็นของผอาจารย์ โรงเรียน
อีกท้งั ปลอมสญั ญาการยมื เงินของครูโดยเพ่ิมเติมหรือแกไ้ ขตวั เลขใหส้ ูงข้นึ แลว้ เบียดบงั เงินน้นั เป็น
ของตนโดยทจุ ริต จาเลยผิดมาตรา 161 และ 147 แต่การปลอมและใชเ้ อกสารปลอมก็โดยมีเจตนา
เบียดบงั เงิน การเบียดบงั เงินแตล่ ะคร้ังจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษมาตรา 147
อนั เป็นบทหนกั
2. หนา้ ท่ีของเจา้ พนกั งานตามมาตรา 161 อาจเกิดจากการมอบหมายหรือคาสั่งจาก
หน่วยงานราชการตา่ งกบั ท่ีเจา้ พนกั งานผูน้ ้นั สังกดั อยกู่ ็ได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 265/2543 จาเลยเป็นหวั หนา้ ฝ่ายเตรียมขอ้ มูลของมหาวิทยาลยั
รามคาแหงไดร้ ับแตง่ ต้งั จากกรมตารวจให้ตรวจขอ้ สอบของการสอบแขง่ ขนั เป็นนายร้อยตารวจ
ถือวา่ จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานและมีหนา้ ท่ีทาและกรอกขอ้ ความลงในเอกสารเพ่ิมเติมคะแนนโดย
อาศยั โอกาสที่ตนมีหนา้ ท่ีเพ่ือใหผ้ อู้ ื่นหลงเช่ือวา่ เป็นเอกสารแทจ้ ริงจาเลยผิดมาตรา 161 และ 265
และการมอบกระดาษคาตอบท่ีปลอมไปใหก้ รมตารวจต่อไปเป็นการใชเ้ อกสารปลอมตามมาตรา
268 วรรคแรกบุก 265 และเป็นความผดิ ฐานเป็นเจา้ พนกั งานปฏิบตั ิหรือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ที่โดย
มิชอบตามมาตรา 157 ดว้ ย
3. มาตรา 161 และมาตรา 157 เป็นความผิดคนละอยา่ งที่มีองคป์ ระกอบความผิด
แตกต่างกนั มาตรา 157 จึงมิใช่บททว่ั ไปของบทเฉพาะตามมาตรา 161
คาพิพากษาฎีกาที่ 5133-34 /2541 จาเลยที่ 1 เป็นผตู้ ิดต่อพาคนมาทาบตั รประชาชนกบั
จาเลยท่ี 2 ซ่ึงเป็นพนกั งานทาบตั รประชาชนปลอมโดยใหค้ ่าตอบแทนจาเลยที่ 1 จาเลยที่ 1 ผดิ ฐาน
เป็นผสู้ นบั สนุนการปลอมเอกสารราชการและสนบั สนุนจาเลยท่ี 2 ซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานปฏิบตั ิหนา้ ท่ี
โดยมิชอบและโดยทจุ ริตตามมาตรา 157, 161, 265 ประกอบมาตรา 86
4. หากขณะกระทาผดิ ยงั ไม่มีคาสงั่ สั่งใหม้ ีหนา้ ที่ตามมาตรา 161 ระบุไวจ้ ึงไม่ผดิ มาตรา
161
คาพิพากษาฎีกา 7054/2537 ขณะกระทาผดิ นายอาเภอยงั ไม่มีคาสัง่ แต่งต้งั จานวนใหเ้ ป็น
ผชู้ ่วยนายทะเบียนและก่อนเกิดเหตุก็ยงั ไมไ่ ดร้ ับมอบหมายจากนายอาเภอใหจ้ าเลยเป็นผชู้ ่วยจาเลย
จึงยงั ไมเ่ ป็นเจา้ พนกั งานผมู้ ีอานาจหนา้ ท่ีจึงไม่ผิดมาตรา 157, 161, 162 แต่จาเลยผิดปลอมเอกสาร
ราชการ มาตรา 265 จาเลยไดเ้ พิ่มช่ืออาจารยใ์ นทะเบียนบา้ นแลว้ มอบสาเนาทะเบียนคืนใหเ้ จา้ ของ
เก็บไวย้ งั ไมไ่ ดอ้ า้ งและใชเ้ อกสารแก่ผใู้ ดจาเลยจึงไม่ผิดฐานใชเ้ อกสารปลอม
126
5. การลงลายมือชื่อในช่องตาแหน่งที่ตนเองไม่ใช่บคุ คลในตาแหน่งดงั กล่าวอาจผิด
มาตรา 161 ไดถ้ า้ เป็นเจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ท่ีตามมาตรา 161
6. ถา้ เป็นเจา้ พนกั งานผมู้ ีอานาจทาเอกสารแมข้ อ้ ความเอกสารไมต่ รงความจริงก็ไม่ผิด
161 แตอ่ าจผดิ มาตรา 162
7. แตถ่ า้ เอกสารที่เจา้ พนกั งานผนู้ ้นั ทาเป็นเอกสารท่ีสมบูรณ์หรือพน้ อานาจหนา้ ท่ีของ
เจา้ พนกั งานผูน้ ้นั แลว้ หากไปแกไ้ ขโดยไม่มีอานาจก็ผดิ มาตรา 161 ได้
มาตรา 162 เจ้าพนกั งานทาเอกสารเท็จ
มาตรา 162 ผใู้ ดเป็นเจา้ พนกั งาน มีหนา้ ท่ีทาเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกขอ้ ความลงในเอกสาร
กระทาการดงั ต่อไปน้ีในการปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี
(1) รับรองเป็นหลกั ฐานวา่ ตนไดก้ ระทาการอยา่ งใดข้นึ หรือวา่ การอยา่ งใดไดก้ ระทาต่อ
หนา้ ตนอนั เป็นความเทจ็
(2) รับรองเป็นหลกั ฐานวา่ ไดม้ ีการแจง้ ซ่ึงขอ้ ความอนั มิไดม้ ีการแจง้
(3) ละเวน้ ไม่จดขอ้ ความซ่ึงตนมีหนา้ ที่ตอ้ งรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงขอ้ ความเช่นวา่ น้นั
หรือ
(4) รับรองเป็นหลกั ฐานซ่ึงขอ้ เทจ็ จริงอนั เอกสารน้นั มงุ่ พิสูจน์ความจริงอนั เป็นความเทจ็
ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินเจด็ ปี และปรับไมเ่ กินหน่ึงแสนสี่หม่ืนบาท
127
มาตรา 162 เจ้าพนักงานทาเอกสารเทจ็ (นวรัตน์ กลิ่นรัตน์, 2559, หนา้ 373-388)
1. เป็ นเจ้าพนกั งาน
2. มหี น้าที่ทาเอกสาร,รับเอกสาร,กรอกข้อความลงในเอกสาร
- หนา้ ที่อนั เกิดจากคาสั่งโดยตรงของผบู้ งั คบั บญั ชาหรือเกิดจากการถือปฏิบตั ิ
คาพพิ ากษาฎีกา 1501/2518 หนา้ ที่เกิดจากลายลกั ษณ์อกั ษร สง่ั โดยวาจาจาก
ผบู้ งั คบั บญั ชาก็ได้
- ถา้ หากไม่มีหนา้ ที่อยา่ งหน่ึงอยา่ งใดใน 3 อยา่ งก็จะไมเ่ ขา้ มาตรา 162 แตผ่ ิดมาตรา 157 ได้ (ชาตรี
สุวรรณิน, 2560 เล่ม 15,หนา้ 17)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1074/2532 จาเลยมีหนา้ ท่ีดา้ นธุรการไม่มีอานาจหนา้ ท่ีเกี่ยวกบั งาน
ทะเบียนราษฎร์หรืองานบตั รประชาชนเมื่อโจทกฟ์ ้องและนาสืบไดว้ า่ จาเลยกระทามิชอบเก่ียวกบั
งานทะเบียนราษฎร์จาเลยจึงไม่อาจกระทาผิดมาตรา 148, 157 และ 162 ได้
3. กระทาการดังต่อไปนี้
1. รับรองเป็ นหลกั ฐานว่าตนได้กระทาการอย่างใดขึน้ หรือว่าการอย่างใดได้กระทา
ต่อหน้าตนอนั เป็ นเท็จ
คาพิพากษาฎีกาท่ี 11741/2557 คดีมีปัญหาท่ีจะวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ประการแรกว่า การกระทา
ความผิดของจาเลยเป็ นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท หรือเป็นความผิดหลายกรรม
ต่างกนั เห็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153 ผกู้ ระทาความผิดเป็นเจา้ พนักงาน
และมีหน้าท่ีจ่ายทรัพยแ์ ลว้ จ่ายทรัพยน์ ้ันเกินกว่าท่ีควรจ่ายเพ่ือประโยชน์สาหรับตนเองหรือผูอ้ ื่น
จาเลยจ่ายเงินจานวน 260,675 บาท เป็ นค่าพนั ธุ์ปลาและวสั ดุการเกษตรเกินกว่าที่ควรจ่ายจานวน
146,900 บาท เพื่อประโยชน์สาหรับตนเองและผูอ้ ื่น จึงเป็ นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 153 และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 ผูก้ ระทาความผิดต้องเป็ นเจ้า
พนกั งานและมีหนา้ ที่ทาเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกขอ้ ความลงในเอกสาร จาเลยทาเอกสารและ
กรอกขอ้ ความในเอกสารใบตรวจรับ ลงชื่อรับรองเป็นหลกั ฐานอนั เป็นเท็จวา่ ไดต้ รวจพนั ธุ์ปลาทุก
ชนิดตามจานวนและขนาดตามใบสั่งซ้ือโดยพนั ธุ์ปลาดังกล่าวมีขนาด 5 ถึง 7 เซนติเมตร จึงเป็ น
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (1) (4) ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 157 ผกู้ ระทาความผิดเป็นเจา้ พนกั งานทว่ั ไป จึงรวมท้งั เจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ที่จ่ายทรัพยต์ าม
128
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 153 และเจ้าพนักงานผูม้ ีหน้าท่ีทาเอกสาร รับเอกสารหรือกรอก
ขอ้ ความลงในเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 จาเลยกระทาการตรวจรับพนั ธุ์ปลา
และวสั ดุการเกษตรดังกล่าวโดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ จึงเป็ นความผิดตาม
มาตราน้ี โดยที่การกระทาความผิดของจาเลยเป็ นขอ้ เท็จจริงอนั เดียวเก่ียวพนั กนั แมจ้ าเลยได้รับ
แต่งต้งั ให้เป็ นท้งั ประธานคณะกรรมการตรวจรับพสั ดุ เจา้ หนา้ ท่ีพสั ดุประจาหน่วยงานและรักษา
ราชการแทนประมงจงั หวดั ลาพูนถึง 3 ตาแหน่ง แต่จาเลยกระทาความผิดโดยมีวตั ถุประสงคเ์ ดียว
คือ การไดเ้ งินส่วนต่างจานวน 146,900 บาท การกระทาของจาเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อ
กฎหมายหลายบท ไม่ใช่ความผิดหลายกรรมต่างกนั ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาในปัญหาน้ีชอบ
แลว้ ศาลฎีกาเห็นพอ้ งดว้ ย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 5575 - 5582/2554 จาเลยท่ี 2 ถึงท่ี 8 ไดร้ ับแตง่ ต้งั เป็นคณะกรรมการ
ควบคุมงานและกรรมการตรวจการจา้ ง มีหนา้ ท่ีรับผดิ ชอบในการตรวจและควบคมุ งานใหเ้ ป็นไป
ตามแบบรูปรายการละเอียดและขอ้ กาหนดในสญั ญาจา้ งแต่ละโครงการ เม่ืองานในแต่ละโครงการ
ทาไมเ่ สร็จครบถว้ นตามสัญญา จาเลยท่ี 2 ถึงที่ 8 กลบั ลงลายมือชื่อในใบควบคุมงานและเอกสาร
การตรวจการจา้ งเป็นเทจ็ วา่ มีการทางานถกู ตอ้ งครบถว้ นตามสัญญา การกระทาดงั กลา่ วเป็น
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3003-5/2525 จาเลยเป็นเจา้ พนกั งาน (ผชู้ ่วยป่ าไม)้ ไดร้ ับคาส่งั ใหไ้ ป
ตรวจไม้ จาเลยไมไ่ ดไ้ ปตรวจไม้ หลกั ฐานการชาระเงิน,บญั ชีจาหน่ายไมแ้ ต่จาเลยไดล้ งลายมือช่ือ
ของตนในช่องผตู้ รวจสอบและทาความเห็นเสนอในอาเภอในคาขอใบเบิกทางท่ีวา่ ไดไ้ ปตรวจสอบ
แลว้ ถูกตอ้ งจึงสมควรออกใบเบิกทางใหไ้ ดซ้ ่ึงเป็นความเทจ็ จาเลยผดิ มาตรา 157 และผิดฐานรับรอง
เป็นหลกั ฐานวา่ ตนไดก้ ระทาการอยา่ งใดข้ึนอนั เป็นเทจ็ ตามมาตรา 162 (1)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1820/2522 ขา้ ราชการกรมชลประทานไดร้ ับแตง่ ต้งั เป็นกรรมการตรวจ
รับจา้ งตดั ไมใ้ นบริเวณเขอื่ นไมม่ ีหนา้ ที่รักษาเขื่อนไดล้ งชื่อในหนงั สือรับรองรับมอบงานโดยไมไ่ ด้
ไปตรวจสอบงานแต่ไมป่ รากฏวา่ ทุจริตเอาไมไ้ ปใชห้ รืออ่างเก็บน้าไมเ่ สียหายจึงไม่ผิดมาตรา 151,
157 แต่ผิด 162 เฉพาะตวั ผรู้ ับเงินจากผรู้ ับจา้ งเป็นทุจริตผิดมาตรา 157
129
2. รับรองเป็ นหลกั ฐานว่าได้มกี ารแจ้งข้อความอนั มไิ ด้มกี ารแจ้ง
คาพิพากษาฎีกาที่ 4201/2536 จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานทาใบรับแจง้ การตายเท็จ แลว้ นาไป
เป็นหลกั ฐานในการแจง้ การตายต่อนายทะเบียนเพ่ือให้ออกใบมรณบตั รของจ. แลว้ นาไปเป็น
หลกั ฐานขอคืนหลกั ประกนั ท่ี ป.ไดป้ ระกนั ตวั จ.และเบิกความเทจ็ ต่อศาลวา่ จ.ตายไปแลว้ จาเลยผิด
มาตรา 137, 157, 162 (1) (4), 267 และผดิ 177 วรรคแรกอีกดว้ ย
3. ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมหี น้าที่ต้องจดหรือจดเปลี่ยนข้อความเช่นว่าน้ัน
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 409-10/2509 ครูใหญ่ออกใบสุทธิเปลี่ยนขอ้ ความใหไ้ ม่ตรงกบั ความ
จริงเช่นจดวา่ นาย ก.จบการศึกษา ท้งั ๆ ที่ไม่จบผดิ มาตรา 162 ทาเอกสารเท็จไม่ใช่เอกสารปลอม
4. รับรองเป็ นหลกั ฐานซ่ึงข้อเทจ็ จริงอนั เอกสารน้ันม่งุ พสิ ูจน์ความจริงอนั เป็ นเทจ็
- ปัญหามาตรา 162 (4) มกั จะเกิดกบั ขา้ ราชการท่ีเป็นกรรมการตรวจงานจา้ งซ่ึงไดต้ รวจ
รับงานต่างๆ
คาพิพากษาฎีกาที่ 2205/2532 จาเลยท่ี 1-4 ไดร้ ับแตง่ ต้งั เป็นกรรมการตรวจการจา้ ง
ก่อสร้างบา้ นพกั ครูมีหนา้ ท่ีตรวจการจา้ งใหเ้ ป็นไปตามขอ้ สัญญาแผนผงั และลงชื่อวา่ ตรวจแลว้
เห็นวา่ ถกู ตอ้ งท้งั ท่ีเป็นความเทจ็ โดยงานยงั ไมแ่ ลว้ เสร็จเป็นการรับรองเป็นหลกั ฐานซ่ึงขอ้ เทจ็ จริง
อนั เอกสารน้นั มุ่งพสิ ูจน์ความจริงอนั เป็นเทจ็ มาตรา 162 (4) และเป็นเหตุใหม้ ีการเบิกจ่ายเงินคา่ จา้ ง
ก่อสร้างไปจึงเป็นการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิชอบมาตรา 157 อีกดว้ ย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1116-7/2517 จาเลยเป็นเจา้ พนกั งานซ่ึงเป็นกรรมการตรวจรับรถซ่ึง
เทศบาลซ้ือไดล้ งชื่อในใบตรวจรับพสั ดุวา่ ไดต้ รวจรับรถแลว้ ซ่ึงความจริงผขู้ ายยงั ไม่ไดน้ ารถมาส่ง
เลย จึงเป็นการรับรองเท็จ ตามมาตรา 162 (1) และการที่จาเลยรับรองวา่ รถมีคุณภาพปริมาณถกู ตอ้ ง
ตามราคาทอ้ งตลาดเป็นการรับรองเป็นหลกั ฐานซ่ึงขอ้ เทจ็ จริงอนั เป็นเอกสารน้นั ม่งุ พิสูจน์ความจริง
อนั เป็นเทจ็ ตามมาตรา 162 (4) ดว้ ย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 4160/ 2536 ไมท้ ี่ตดั ฟันมาโดยมิชอบ กฎหมายถึอเป็นไมท้ ่ีไดม้ าโดย
ไม่ชอบการท่ีจาเลยจดรายการรับไมด้ งั กล่าวไวเ้ พือ่ รับรองเป็นหลกั ฐานวา่ จาเลยไดก้ ระทาการโดย
ชอบดว้ ยหนา้ ท่ีอนั เป็นการจดรายการอนั เป็นเทจ็ ตามมาตรา 162 (1) ผิดกรรมเดียวกบั มาตรา 157
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 6154/ 2540 จาเลยปลอมใบเสร็จคา่ เช่าบา้ นอนั เป็นเอกสารสิทธิมาตรา
265 และนาใบเสร็จคา่ เช่าน้ีไปเสนอต่อสตง.จึงผิดมาตรา 268 ดว้ ย การท่ีจาเลยซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งาน
มีหนา้ ที่กรอกขอ้ ความรับรองคาขอเบิกเงินค่าเช่าบา้ นไดร้ ับรองเป็นหลกั ฐานซ่ึงขอ้ เทจ็ จริงอนั
เอกสารน้นั มงุ่ สู่ความจริงอนั เป็นเทจ็ ผิดมาตรา 162 (4) รับผดิ มาตรา 157 แมก้ ระทาตา่ งกรรมกนั
กม็ ีเจตนาเดียวคือม่งุ ที่จะไดร้ ับเงินค่าเช่าบา้ น การกระทาต้งั แตป่ ลอมใบเสร็จค่าเช่าบา้ นจนถึงการ
อนุมตั ิใหเ้ บิกจ่ายค่าเช่าบา้ นเป็นกระบวนการเดียวเพื่อใหไ้ ดม้ าซ่ึงค่าเช่าบา้ นจึงเป็นกรรมเดียวกนั
130
ในแต่ละเดือนตามมาตรา 90 เม่ือจาเลยกระทา 12 เดือนรวม 12 คร้ังซ่ึงถือไดว้ า่ จาเลยทาผดิ หลาย
กรรมต่างกนั ตามมาตรา 91 ในแตล่ ะการตอ้ งลงโทษบทหนกั คอื มาตรา 157
4. มีเจตนาในการทาเอกสารเท็จโดยวิธีการต่าง ๆ ตามมาตรา 162 (1) ถึง (4)
ตวั อยา่ งทาใหต้ รงกบั ความเป็นจริงไม่ถึงมาตรา 162
คาพิพากษาฎีกาที่ 4900/ 2528 ป. ไดย้ กที่ดินเป็นท่ีสาธารณะไปก่อนจะตกเป็นกรรมสิทธ์ิ
ของโจทก์ การท่ีจาเลย (อาเภอ)ไดท้ าบนั ทึกถอ้ ยคาให้ ป. ลงช่ือวา่ ป.ไดย้ กท่ีดินใหส้ าธารณะ
แมเ้ ป็นการทาบนั ทึกภายหลงั เมื่อท่ีดินตกเป็นของโจทก์ (ผรู้ ับโอน) แลว้ ก็ตาม
การทาบนั ทึกก็เพื่อยนื ยนั ความจริงที่ป.ไดอ้ ุทิศไวเ้ ป็นหลกั ฐานจึงหาเป็นความเทจ็ ไม่
ท้งั ไมท่ าใหโ้ จทกเ์ สียหายเพราะท่ีดินไดต้ กเป็นที่สาธารณะไปก่อนที่โจทกจ์ ะจดทะเบียนรับโอน
กรรมสิทธ์ิที่ดินมา จาเลยท้งั สามจึงไม่มีความผิดมาตรา 157 มาตรา162
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 217/ 2531 จาเลยเป็นกรรมการตรวจรับงานจา้ งทาถนนในชนบทจาเลย
ไดต้ กลงกบั ราษฎรลดค่าจา้ งขดุ ดินใหน้ อ้ ยลงกวา่ ท่ีมีการอนุมตั ิเพ่ือใหไ้ ดจ้ านวนดินมากข้ึน (ทานบ
จะไดแ้ ขง็ แรง) จาเลยทาเอกสารใหย้ อดเงินที่ระบุไวใ้ นเอกสารตรงกบั ยอดเงินท่ีจาเลยไดจ้ ่ายใหแ้ ก่
ราษฎรจานวนดินที่ไม่ตรงกนั กข็ ดุ ไดม้ ากกวา่ ท่ีระบุไวไ้ ม่ปรากฏวา่ จาเลยคนใดทจุ ริตจึงยงั ถือไม่ได้
วา่ จาเลยไดร้ ่วมกนั ทาเอกสารและรับรองเอกสารอนั เป็นเท็จ
- สถานท่ีทาบนั ทึกแม้เป็ นเท็จกไ็ ม่สาคัญจึงไม่ผิดมาตรา 162
ตวั อยา่ งท่ีวนิ ิจฉยั วา่ ผดิ มาตรา 162
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 8300-2/2540 ที่ดินพิพาทอยใู่ นเขตป่ าสงวนนายอาเภอสั่งใหไ้ ป
ตรวจสอบจาเลยเป็นเจา้ หนา้ ท่ีบริหารงานที่ดินมีหนา้ ท่ีตอ้ งแจง้ ใหเ้ จา้ พนกั งานป่ าไมไ้ ประวาง
แนวปรากฏวา่ จาเลยไมไ่ ดแ้ จง้ ใหเ้ จา้ พนกั งานป่ าไมไ้ ประวางแนวเขตแต่กลบั รายงานต่อนายอาเภอ
วา่ ที่ดินพพิ าทไม่อยใู่ นเขตป่ าสงวนเป็นเหตใุ หน้ ายอาเภอออกนส. 3 ใหแ้ ก่ส.ทาใหเ้ กิดความเสียหาย
แก่ราชการจาเลยผิดมาตรา 157, มาตรา 162 อนุ 4 กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงโทษบทหนกั
คอื มาตรา 157
คาพิพากษาฎีกาที่ 70-71/2541 ผบู้ งั คบั บญั ชาใหจ้ าเลยซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานท่ีดินไปเลือก
ไมท้ ี่ไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจและให้ตดั ไมไ้ ดเ้ พ่ือเป็นการบารุงป่ าความจริงจาเลยไม่ไดไ้ ปสารวจ
แต่กลบั ทารายงานเสนอมาวา่ ไดไ้ ปสารวจแลว้ และทาบญั ชีคดั เลือกไมม้ าใหจ้ ึงผิด มาตรา162 อนุ 4
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2205/2532 กรรมการตรวจรับงานก่อสร้างซ่ึงยงั ไม่มีการสร้างใดๆเลย
กรรมการผิดมาตรา 162
ลกั ษณะ 3 ความผดิ เกยี่ วกบั ยุตธิ รรม
หมวด 1 ความผิดต่อเจา้ พนกั งานในการยตุ ิธรรม
131
ให้สินบนเจ้าพนกั งาน
มาตรา 167 คนให้สินบนเจ้าพนักงานในกระบวนการยุตธิ รรม
มาตรา 167 ผใู้ ดให้ ขอให้ หรือรับวา่ จะใหท้ รัพยส์ ินหรือประโยชน์อ่ืนใด แก่เจา้
พนกั งานในตาแหน่งตุลาการ พนกั งานอยั การ ผูว้ า่ คดีหรือพนกั งานสอบสวน เพื่อจูงใจใหก้ ระทา
การ ไม่กระทาการหรือประวิงการกระทาใดอนั มิชอบดว้ ยหนา้ ที่ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินเจ็ดปี
และปรับไมเ่ กินหน่ึงแสนสี่หมื่นบาท
- มาตรา 167 โทษหนกั กวา่ มาตรา 144 เม่ือผิดมาตรา 167 แลว้ ไม่ตอ้ งปรับบมาตรา
144 อีก
ข้อสังเกตมาตรา 144 คือ
1. มาตรา 144 เอาผิดกบั ราษฎรทวั่ ๆไปที่ใหส้ ินบนเจา้ พนกั งานเพอื่ กระทาโดยมิชอบใน
หนา้ ท่ี ส่วนตวั เจา้ พนกั งานท่ีรับสินบนไปผิดมาตรา 149 หากเป็นเจา้ พนกั งานยตุ ิธรรมรับสินบนจะ
ผิดมาตรา 201
ผใู้ หส้ ินบนจะผดิ มาตรา 144, 167 แลว้ แตก่ รณีแต่จาไม่ผดิ ฐานผสู้ นบั สนุนใหเ้ จา้
พนกั งานรับสินบนตามมาตรา 149, 86 หรือมาตรา 201,86 อีกฐานหน่ึง
2. ผใู้ หส้ ินบนอาจเป็นเจา้ พนกั งานดว้ ยกนั แตไ่ ม่ไดม้ ีหนา้ ที่โดยตรง
องค์ประกอบความผิดมาตรา 144
1. ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3700/2529 จาเลยเขียนจดหมายตอ่ พนกั งานสอบสวนวา่ กรุณาใช้
ดุลพินิจปรับ 2000 บาทจะไดไ้ ม่ตอ้ งเสียเวลา ศาลวา่ จดหมายเช่นน้ีไม่พอแปลความหมายวา่ จาเลย
ขอใหร้ ับวา่ จะใหท้ รัพยส์ ินหรือประโยชน์อื่นใดแก่พนกั งานสอบสวนไมใ่ หด้ าเนินคดีกบั ผตู้ อ้ งหา
จึงไมผ่ ดิ มาตรา 144, มาตรา 167
- การใหอ้ าจจะเกิดจากเจา้ พนกั งานเรียกรับเงินแลว้ ใหไ้ ปผใู้ หก้ ็ผดิ ฐานใหส้ ินบนแลว้
- ถา้ หากเจา้ พนกั งานไม่ไดม้ าเรียกแต่ไปบอกเจา้ พนกั งานว่าถา้ ช่วยจะใหเ้ งินกเ็ รียกวา่
ขอให้
- ถา้ เจา้ พนกั งานบอกวา่ จะทาคาสัง่ ไมฟ่ ้อง ถา้ ใหเ้ งินจาเลยตกลงตามน้นั วา่ จะใหเ้ งิน
ถือวา่ รับวา่ จะใหแ้ ลว้
2. ให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อ่ืนใด
- ประโยชน์อื่นใดคือใหต้ าแหน่งสูงข้ึน,ยกลกู สาวให,้ ใหย้ มื เงินโดยไม่คดิ ดอกเบ้ีย,
เจา้ มือหวยเอาเงินมาใหท้ กุ งวด
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3842/2530 คา่ คอมมิชชนั่ คือเงินตอบแทนกค็ ือสินบนที่บริษทั ใหก้ บั
เจา้ พนกั งานท่ีมีอานาจเซ็นอนุมตั ิเบิกจ่าย
132
- ทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อ่ืนใดอนั น้ีตอ้ งเป็นทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อ่ืนใดท่ีอยใู่ น
สถานะที่จะใหก้ นั ไดไ้ ม่ใช่เป็นของกลางในคดีอาญาท่ีเจา้ พนกั งานยดึ ไวแ้ ลว้ จาเลยเป็นเจา้ ของ
เงินพนนั ที่ตารวจยดึ ไวเ้ สนอใหต้ ารวจปล่อยตวั จาเลยแลว้ จะยกของกลางให้ แมจ้ าเลยจะเป็นเจา้ ของ
เงินดว้ ยก็ไมม่ ีสิทธ์ิท่ีจะเสนอใหจ้ ึงไม่ผดิ มาตรา 144
- หากใหก้ นั ในทางอธั ยาศยั ไมตรีในทางสงั คม ไม่มากจนเกินไปไมถ่ ือวา่ มีเจตนาให้
สินบนเจา้ พนกั งาน
- ทรัพยส์ ินของแผน่ ดินไม่อย่ใู นสภาพที่จะใหก้ นั ไดเ้ ช่นเสนอใหส้ นามหลวงจึงไม่ถึง
มาตรา 144
3. แก่เจ้าพนักงานสมาชิกสภานติ ิบัญญัติสมาชิกสภาจังหวัดสมาชิกสภาเทศบาลไม่
รวมถงึ สภาตาบล
- เจา้ พนกั งานหมายถึงเจา้ พนกั งานของรัฐบาลไทยไมร่ วมเจา้ พนกั งานของรัฐบาลอ่ืน
ไม่รวมถึงทหารของ UN
- นายกเทศมนตรีเป็นเจา้ พนกั งาน
4. เพื่อชุมใจให้กระทาการ ไม่กระทาการหรือประวงิ การกระทาอนั มชิ อบด้วยหน้าที่
- ถา้ เอาเงินไปใหเ้ จา้ พนกั งานเพอ่ื ช่วยจบั คนร้ายท่ีมาปลน้ บา้ นอยา่ งน้ีผใู้ หเ้ งินไมผ่ ิด
มาตรา 144 เพราะใหเ้ จา้ พนกั งานกระทาชอบดว้ ยหนา้ ที่
- แต่ส่วนเจา้ พนกั งานถา้ ดูมาตรา 149 จะเห็นไดว้ า่ การน้นั จะชอบหรือไมช่ อบดว้ ย
หนา้ ท่ี ถา้ รับเงินแลว้ ก็ผดิ ฐานเป็นเจา้ พนกั งานรับสินบน
แต่ถา้ เจา้ พนกั งานรับเงินเพ่ือกระทาการนอกหนา้ ท่ีกไ็ ม่ผิดมาตรา 143 เมื่อไม่ใช่หนา้ ที่โดยตรงของ
เจา้ พนกั งานก็ไมใ่ ช่เป็นเร่ืองใหส้ ินบนเจา้ พนกั งานใหก้ ระทาการไม่ชอบดว้ ยหนา้ ท่ี
คาพิพากษาฎีกาที่ 342/2506 การที่จาเลยใหเ้ งินกานนั เพ่ือช่วยติดต่อกบั พนกั งาน
สอบสวนใหค้ ดีของจาเลยไมต่ อ้ งไปถึงช้นั ศาล เมื่อกานนั รายงานกล่าวโทษจาเลยไปทางอาเภอแลว้
และอาเภอก็เรียกกานนั ไปสอบปากคาแลว้ ดงั น้นั เป็นการพน้ อานาจหนา้ ท่ีของกานนั แลว้ จาเลยไม่
ผิดฐานใหท้ รัพยส์ ินแก่เจา้ พนกั งานตามมาตรา 144
- ตารวจมีอานาจจบั กุมผกู้ ระทาผดิ ไดท้ ุกคดีแมจ้ ะถูกส่ังใหไ้ ปช่วยราชการหรือไปอยใู่ น
ตาแหน่งที่ไม่เกี่ยวกบั การปราบปรามแตใ่ นฐานะท่ีเป็นเจา้ พนกั งานท่ีมีอานาจสืบสวนก็มีอานาจใน
การท่ีจะจบั กุมผกู้ ระทาผดิ ไดต้ ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาจึงยงั เป็นเจา้ พนกั งานอยู่
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2390/2527 แมข้ ณะเกิดเหตุตารวจถกู เรียกไปช่วยราชการแตป่ ระมวล
กฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญาใหอ้ านาจตารวจเป็นเจา้ พนกั งาน เม่ือจาเลยใหเ้ งินแก่ตารวจเพอ่ื
จูงใจไมใ่ หจ้ บั กุมจาเลยขอ้ หามีกญั ชาไวใ้ นครอบครองจาเลยยอ่ มผิดมาตรา 144 แลว้ แมต้ ารวจ
ยงั ไมไ่ ดแ้ สดงตนเป็นเจา้ พนกั งานหรือแสดงความประสงคท์ ่ีจะเขา้ ตรวจคน้ หรือจบั กุมจาเลยหรือ
ไม่ไดแ้ ต่งเครื่องแบบกต็ าม
133
ตวั อย่างที่วนิ ิจฉัยว่าจูงใจให้กระทามชิ อบด้วยหน้าที่
คาพิพากษาฎีกาท่ี 435/2520 จาเลยท่ี 1 นาเอกสารปลอมและเงิน 5,000 บาทมอบให้
จาเลยท่ี 2 ซ่ึงเป็นเจา้ พนกั งานมีหนา้ ท่ีจดทะเบียนรถยนตจ์ าเลยที่รับเอกสารปลอมและเงินน้นั ไว้
โดยตกลงดาเนินการให้จาเลยท้งั สองผิดฐานร่วมกนั ใชเ้ อกสารปลอม จาเลยท่ี 1 ผิดฐานใหเ้ งินเจา้
พนกั งานและจาเลยท่ี 2 ผดิ เจา้ พนกั งานรับสินบน โดยจาเลยท่ี 1 ไมผ่ ดิ ฐานสนบั สนุนการกระทา
ของเจา้ พนกั งานอีกกระทงหน่ึง
ถา้ พนั หนา้ ท่ีของเจา้ พนกั งานไปแลว้ ไมผ่ ิดมาตรา 144
ตวั อยา่ งสิบตารวจเอกกลา้ จบั นายเก่งในขอ้ หาเป็นเจา้ มือหวยเถื่อนนาส่งเจา้ พนกั งาน
สอบสวน นายเก่งใหส้ ินบนสิบตารวจเอกกลา้ เพ่อื ใหช้ ่วยพดู กบั พนกั งานสอบสวนไม่ใหส้ ง่ั ฟ้อง
การท่ีเก่งใหเ้ งินสิบตารวจเอกกลา้ นายเก่งไม่ผิดมาตรา 144
- กรณีใหเ้ งินแลว้ มาฟ้องเจา้ พนกั งานในภายหลงั ศาลวา่ ไม่ใช่ผเู้ สียหายโดยนิตินยั
เพราะมีส่วนร่วมในการกระทาความผดิ แต่ถา้ เป็นกรณีถูกเจา้ พนกั งานหลอกเอาเงินไปกย็ งั ถือวา่
เป็นผเู้ สียหาย (หลอกเขา้ ทางาน)
- ขอ้ เทจ็ จริงยงั ไมป่ รากฏวา่ ใหเ้ งินไปเพ่ือใหเ้ จา้ พนกั งานคนใดทามิชอบก็ยงั ถือวา่ เป็น
ผเู้ สียหาย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1500/2536 จาเลยหลอกลวงผเู้ สียหายวา่ จะช่วยใหเ้ ขา้ ทางานเป็น
สารวตั รทหารโดยไมต่ อ้ งสอบผเู้ สียหายหลงเชื่อจนใหเ้ งินแก่จาเลยไปโดยไมป่ รากฏวา่ ผเู้ สียหายให้
เงินจาเลยเพ่ือใหจ้ าเลยนาไปใหก้ บั ทหารคนใดจึงถือไม่ไดว้ า่ ผเู้ สียหายใชใ้ หผ้ ใู้ ดกระทาความผิด
กฎหมาย ผเู้ สียหายจึงยงั เป็นผเู้ สียหายตามกฎหมายมีสิทธ์ิร้องทุกขใ์ หด้ าเนินคดีได้
- ตารวจผจู้ บั กุมไปเบิกความต่อศาลถือเป็นการทาหนา้ ที่อยา่ งพลเมืองทวั่ ไป จาเลยให้
และรับวา่ ใหเ้ งินเพ่ือจูงใจใหเ้ บิกความผดิ ไปจากความจริงจึงไมผ่ ดิ มาตรา 144
ขดั ขืนคาบงั คบั หรือคาส่ังของเจ้าพนกั งาน
มาตรา 168 ขัดขืนคาบังคบั ของอยั การหรือพนกั งานสอบสวนให้มาให้ถ้อยคา
มาตรา 168 ผใู้ ดขดั ขืนคาบงั คบั ตามกฎหมายของพนกั งานอยั การ ผวู้ า่ คดีหรือพนกั งานสอบสวน
ซ่ึงใหม้ าเพ่อื ใหถ้ อ้ ยคา ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินสามเดือน หรือปรับไม่เกินหา้ พนั บาท หรือท้งั จา
ท้งั ปรับ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1341/2508 หมายเรียกของพนกั งานสอบสวนที่ใหผ้ ตู้ อ้ งหามาเพ่ือ
ใหก้ าร ไมเ่ ขา้ ลกั ษณะเป็นคาบงั คบั ตามมาตรา 168 ที่จะบงั คบั กบั ผตู้ อ้ งหาไดก้ รณีผตู้ อ้ งหาถา้ ไม่
ยอมมากส็ ามารถออกหมายจบั เอาตวั มาได้
134
มาตรา 169 ขัดขืนคาบังคับของอยั การหรือพนักงานสอบสวนให้ส่งทรัพย์หรือเอกสารให้สาบาน
ให้ปฏิญาณตนหรือให้ถ้อยคาแล้วไม่ให้ถ้อยคา
มาตรา 169 ผใู้ ดขดั ขืนคาบงั คบั ตามกฎหมายของพนกั งานอยั การ ผวู้ า่ คดีหรือพนกั งานสอบสวน
ซ่ึงใหส้ ่งหรือจดั การส่งทรัพยห์ รือเอกสารใด ใหส้ าบาน ใหป้ ฏิญาณ หรือใหถ้ อ้ ยคา ตอ้ งระวางโทษ
จาคกุ ไมเ่ กินสามเดือน หรือปรับไมเ่ กินหา้ พนั บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาแลว้ ไม่ยอมใหถ้ อ้ ยคาเป็นพยานผดิ มาตรา 169 (นวรัตน์ กลิ่นรัตน,์ 2559, หนา้ 98-113)
มาตรา 169 จะเอามาบงั คบั กบั ผตู้ อ้ งหาไม่ไดเ้ พราะผตู้ อ้ งหามีสิทธิจะใหก้ ารหรือไมใ่ ห้
การตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญามาตรา 134 ได้
พนกั งานสอบสวนเชิญบุคคลมาเป็นพยานถือวา่ เป็ นการออกคาบงั คบั ตามกฎหมายใหม้ า
ใหถ้ อ้ ยคาแลว้ ถา้ ไม่มาใหถ้ อ้ ยคากผ็ ิดมาตรา 169
มาตรา 170 ขัดขืนหมายศาล
มาตรา 170 ผใู้ ดขดั ขนื หมายหรือคาส่ังของศาลใหม้ าใหถ้ อ้ ยคา ใหม้ าเบิกความหรือใหส้ ่งทรัพย์
หรือเอกสารใดในการพจิ ารณาคดี ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหน่ึงหมื่น
บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
เป็นกระบวนการในช้นั ศาล ความผิดอยทู่ ี่วา่ ใหม้ าใหถ้ อ้ ยคาแลว้ ไมม่ าใหม้ าเบิกความ
หรือใหส้ ่งทรัพยแ์ ลว้ กไ็ ม่มาเบิกความหรือไม่ส่งทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาท่ี 454/2512 ความผดิ มาตรา 170 เป็นความผิดท่ีรัฐเท่าน้นั เป็นผเู้ สียหาย
มาตรา 171 ขดั ขืนคาส่ังศาลให้ให้ถ้อยคา
มาตรา 171 ผใู้ ดขดั ขืนคาสง่ั ของศาลใหส้ าบาน ปฏิญาณ ใหถ้ อ้ ยคาหรือเบิกความ ตอ้ งระวางโทษ
จาคุกไมเ่ กินหกเดือน หรือปรับไมเ่ กินหน่ึงหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาศาลแลว้ ไม่ยอมสาบานไม่ยอมใหก้ าร
แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนกั งาน
มาตรา 172 แจ้งเทจ็ เก่ยี วกบั ความผดิ อาญา
มาตรา 172 ผใู้ ดแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ เกี่ยวกบั ความผดิ อาญาแก่พนกั งานอยั การ ผวู้ า่ คดี พนกั งาน
สอบสวนหรือเจา้ พนกั งานผมู้ ีอานาจสืบสวนคดีอาญา ซ่ึงอาจทาใหผ้ อู้ ่ืนหรือประชาชนเสียหาย ตอ้ ง
ระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
- แจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ เกี่ยวกบั ความผิดอาญาตอ้ งเป็นการแจง้ ขอ้ เทจ็ จริง ไม่ใช่แจง้ ขอ้
กฎหมายเหมือนกบั มาตรา 137
135
- ขอ้ เท็จจริงท่ีแจง้ น้นั จะตอ้ งเป็นขอ้ เท็จจริงที่เป็นเทจ็ ในอดีตหรือในปัจจุบนั อนั มีลกั ษณะ
ยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จริงไม่ใช่เป็นเร่ืองการกะประมาณ คาดคะเน หรือความเห็น
- ผทู้ ่ีแจง้ ความแก่พนกั งานสอบสวนอา้ งตนเป็นผเู้ สียหายเพื่อใหด้ าเนินคดีอาญาแก่ผอู้ ื่นถือ
เป็นผกู้ ระทาความผิดมาตรา 172 ส่วนพยานท่ีมาใหก้ ารเท็จสนบั สนุนผทู้ ่ีแจง้ ความน้นั อาจผดิ แค่
มาตรา 137 (ชาตรี สุวรรณิน, 2560 เล่ม 12,หนา้ 369)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1706/2546 มนั เทศเป็นของโจทกท์ ่ีปลกู ไวโ้ ดยจาเลยท่ี 1 ไปแจง้ ความตอ่
พนกั งานสอบสวนวา่ โจทกล์ กั ทรัพยค์ ือมนั เทศที่ตนถกู ปลูก จึงเป็นการแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็
เกี่ยวกบั ความผิดอาญาแก่พนกั งานสอบสวนมาตรา 172 จาเลยท่ี 2 ใหก้ ารเป็นพยานต่อพนกั งาน
สอบสวนวา่ ตนร่วมปลูกมนั กบั จาเลยที่ 1 ซ่ึงเป็นความเท็จ จาเลยที่ 2 ผดิ มาตรา 137 ซ่ึงมีโทษเบา
กวา่ เทา่ น้นั
- ถา้ แจง้ ความในฐานะเป็นผตู้ อ้ งหากจ็ ะไดร้ ับความคมุ้ ครองตามประมวลกฎหมายวธิ ี
พจิ ารณาความอาญามาตรา 134 เช่นเดียวกบั แจง้ ความเท็จมาตรา 137 เช่นเดียวกนั
- การแจง้ ขอ้ เทจ็ จริงถา้ หากเป็นการแจง้ ไปตามเร่ืองราวที่เกิดข้ึนตามความเขา้ ใจไม่ถือวา่
เป็นการแจง้ ความอนั เป็นเทจ็
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 4669/2530 จาเลยเป็นเกษตรอาเภอทราบวา่ โจทกซ์ ่ึงเป็นผชู้ ่วยเกษตรจงั หวดั ไป
หรือคน้ สานกั งานและโต๊ะของจาเลย ปรากฏวา่ เงินจาเลยท่ีเก็บไวใ้ นลิ้นชกั หายไป ยอ่ มมีเหตสุ งสัย
วา่ โจทกล์ กั ไป จึงไปแจง้ ความต่อพนกั งานสอบสวนวา่ โจทกบ์ กุ รุกและลกั ทรัพย์
แมค้ วามวา่ โจทกไ์ ปตรวจราชการตามหนา้ ท่ีและจาเลยไมม่ ีพยานวา่ โจทกข์ โมยกถ็ ือไมไ่ ดว้ า่
ขอ้ ความท่ีจาเลยแจง้ เป็นเทจ็ อนั จะผดิ มาตรา 172 และท่ีจาเลยทาบนั ทึกถึงอาเภอกถ็ ือไม่ไดว้ า่ จาเลย
ทาพยานหลกั ฐานอนั เป็นเทจ็ ตามมาตรา 179
- ขอ้ ความที่แจง้ เทจ็ ตอ้ งเป็นขอ้ เทจ็ จริงถา้ แจง้ ขอ้ เทจ็ จริงไปตามความจริงแต่ใหค้ วามเห็น
ทางกฎหมายผิด ไมผ่ ดิ มาตรา 172 น้ี
136
- การแจง้ เทจ็ ตอ้ งเก่ียวกบั ความผดิ อาญา ถา้ หากวา่ เป็นเรื่องเก่ียวกบั การบงั คบั คดีแพ่งก็
ไมเ่ ป็นความผดิ มาตรา 172 แตอ่ าจจะมีความผดิ ตามมาตรา 137
- การขอปล่อยตวั ชวั่ คราวในคดีอาญาไม่ใช่การแจง้ เขตเกี่ยวกบั ความผดิ อาญา
- แจง้ เพ่ือใหด้ าเนินการทางวินยั ไม่ใช่การแจง้ เทจ็ เกี่ยวกบั ความผดิ อาญา
- ถา้ เน้ือหาที่แจง้ เทจ็ ไมไ่ ดเ้ ป็นความผดิ อาญาแลว้ ก็ไม่เป็นความผดิ มาตรา 172
- การแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ เก่ียวกบั ความผิดอาญา ความเทจ็ น้นั ตอ้ งเป็นขอ้ สาคญั
ในคดีดว้ ย ถา้ หากเป็นการแจง้ เทจ็ ในเร่ืองรายละเอียดปลีกยอ่ ยเลก็ ๆ นอ้ ย ๆ ไมใ่ ช่องคป์ ระกอบ
ความผดิ ในเรื่องท่ีแจง้ จึงไมผ่ ิดมาตรา 172
คาพิพากษาฎีกาท่ี 4205/2529 คดีฉอ้ โกงที่พยานใหก้ ารกบั พนกั งานสอบสวนวา่ ได้
แนะนาผตู้ อ้ งหาให้รู้จกั กบั ผเู้ สียหายยอ่ มไมเ่ กี่ยวกบั องคป์ ระกอบความผิดในทางอาญาเลยแมจ้ ะเป็น
การเทจ็ คือไมไ่ ดแ้ นะนาใหร้ ู้จกั กนั เลยกไ็ ม่ทาใหจ้ าเลยมีความผดิ มาตรา 172
- การที่แจง้ วา่ โจทกอ์ อกเชค็ ใหก้ บั จาเลย ทาใหจ้ าเลยเป็นผเู้ สียหายในความผดิ
พระราชบญั ญตั ิการใชเ้ ชค็ ถา้ เป็นเทจ็ ก็ถือวา่ เป็นขอ้ สาคญั ในคดี
คาพิพากษาฎีกาท่ี 513-14/2534 แจง้ ความวา่ โจทกอ์ อกเช็คใหแ้ ก่จาเลยท้งั ท่ีความจริงแลว้
โจทกอ์ อกเชค็ ใหก้ บั บคุ คลอ่ืน การที่แจง้ วา่ โจทกอ์ อกเชค็ ใหก้ บั จาเลย ทาใหจ้ าเลยเป็นผเู้ สียหาย
เป็นขอ้ สาคญั ในคดีจาเลยผดิ มาตรา 172 โจทกจ์ ึงมีอานาจร้องทุกข์
- แก่พนกั งานอยั การ ผวู้ า่ คดี พนกั งานสอบสวนหรือเจา้ พนกั งานผมู้ ีอานาจสืบสวน
คดีอาญามี 4 ประเภทซ่ึงแตกตา่ งจากมาตรา 137 อนั หมายถึงเจา้ พนกั งานโดยทว่ั ไป
คาพิพากษาฎีกาท่ี 245/2521 ยนื่ คาร้องคดั คา้ นการขอปลอ่ ยชวั่ คราวเป็นเทจ็ ต่อศาลไมผ่ ิด
มาตรา 172 (แต่หากโจทกฟ์ ้องมาตรา 137 มากเ็ ขา้ มาตรา 137 ได)้
- แจง้ ความเทจ็ ตอบพระอธิการใหส้ อบวนิ ยั สงฆโ์ ดยอา้ งว่า สงฆท์ าผดิ พระธรรมวนิ ยั
พระอธิการไมใ่ ช่เจา้ พนกั งานในประเภทหน่ึงประเภทใดที่กาหนดไวใ้ นมาตรา 172
- “ซ่ึงอาจทาใหผ้ อู้ ่ืนหรือประชาชนเสียหาย”เหมือนกบั มาตรา 137
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 95/2507 หากโจทกไ์ มบ่ รรยายมาในความฟ้องวา่ การกระทาของจาเลย
อาจทาใหผ้ อู้ ่ืนหรือประชาชนเสียหาย ยอ่ มขาดองคป์ ระกอบความผิดลงโทษจาเลยไม่ได้ ศาลตอ้ ง
ยกฟ้อง
คาพิพากษาฎีกาที่ 1888/ 2530 โจทกอ์ อกเชค็ ให้จาเลยเพ่ือจ่ายเงินค่าหวยต่อมาไดร้ ะงบั
การจ่ายเงินเพราะทราบวา่ จาเลยมิไดถ้ กู รางวลั แต่จาเลยมอบอานาจใหผ้ อู้ ื่นไปแจง้ ความแลว้ จาเลย
ไปใหก้ ารวา่ โจทกน์ าเชค็ มาแลกเงินไปจากจาเลยเป็นเหตุใหโ้ จทกถ์ ูกจบั และถกู ฟ้องต่อศาล
ท้งั จาเลยไดเ้ บิกความเทจ็ ซ่ึงอาจทาใหศ้ าลในคดีน้นั เช่ือและลงโทษโจทก์ โจทกจ์ ึงเป็นผเู้ สียหาย
137
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2 อนุ 4 และมีอานาจฟ้องจาเลยในความผิดฐาน
แจง้ ความเท็จและเบิกความเทจ็
- ตอ้ งมีเจตนาคือแจง้ ไปตามเรื่องราวที่เกิดข้นึ จริงๆตามท่ีทราบมา จะไมม่ ีความผดิ มาตรา
172 (ชาตรี สุวรรณิน, 2560 เล่ม 12,หนา้ 372)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1354/2536 ท่ีพิพาทเป็นของ บ.ให้จาเลยเช่าต่อมา บ.ขายให้โจทก์
โจทกท์ ราบวา่ จาเลยครอบครองท่ีพิพาทในฐานะผเู้ ช่า เมื่อโจทกซ์ ้ือท่ีพิพาทไดป้ รับหนา้ ดินและ
ตดั ฟันตน้ สม้ จาเลยจึงแจง้ ความร้องทกุ ขต์ ่อพนกั งานสอบสวนวา่ โจทกบ์ ุกรุกและทาใหเ้ สียทรัพย์
การกระทาของโจทกก์ บั พวกยอ่ มมีเหตทุ ี่จะทาใหจ้ าเลยเขา้ ใจวา่ โจทกก์ ระทาผิดอาญาฐานบุกรุก
และทาใหเ้ สียทรัพยท์ ้งั ขอ้ เทจ็ จริงท่ีจาเลยแจง้ ความก็ตรงตามเรื่องราวท่ีเกิดข้ึน จึงถือไมไ่ ดว้ า่ จาเลย
แจง้ ความผิดตามมาตรา 172
ข้อสังเกต ความผิดตามมาตรา 172 เป็นความผิดสาเร็จทนั ทีเม่ือพนกั งานสอบสวนได้
ทราบขอ้ ความ
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1076/2551 จาเลยแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเท็จเกี่ยวกบั ความผดิ อาญาตอ่
พนกั งานสอบสวนและเป็นการแจง้ โดยมีเจตนาที่จะแกลง้ ให้ จ. และ ธ. ไดร้ ับโทษฐานร่วมกนั
พยายามฆา่ ผอู้ ่ืนโดยไตร่ตรองไวก้ ่อน และเอาของมีพษิ หรือสิ่งอ่ืนที่น่าจะเป็นอนั ตรายแก่สุขภาพ
เจือลงในน้าที่มีอยหู่ รือจดั ไวเ้ พอื่ ประชาชนบริโภค การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผิดตาม ป.อ.
มาตรา 172 และมาตรา 174 วรรคสอง และความผดิ ดงั กลา่ วน้ีเป็นความผิดสาเร็จเมื่อพนกั งาน
สอบสวนไดท้ ราบขอ้ ความท่ีจาเลยแจง้ พนกั งานสอบสวนจะทราบวา่ ขอ้ ความท่ีจาเลยแจง้ เป็นความ
เทจ็ หรือไม่ ศาลจะมีคาพิพากษาอยา่ งไร และถึงท่ีสุดแลว้ หรือไม่ หาใช่ขอ้ สาคญั ท่ีจะฟังวา่ จาเลย
กระทาความผิดหรือไม่ จึงไม่ตอ้ งพจิ ารณาสานวนคดีท่ีฟ้อง จ. และ ธ. และผลของคาพพิ ากษาของ
ศาลในคดีดงั กล่าว
138
มาตรา 173 แจ้งเทจ็ ว่าได้มีการกระทาความผดิ เกดิ ขนึ้
มาตรา 173 ผใู้ ดรู้วา่ มิไดม้ ีการกระทาความผดิ เกิดข้ึน แจง้ ขอ้ ความแก่พนกั งานสอบสวน
หรือเจา้ พนกั งานผมู้ ีอานาจสืบสวนคดีอาญาวา่ ไดม้ ีการกระทาความผิด ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกิน
สามปี และปรับไมเ่ กินหกหมื่นบาท
- เป็นกรณีที่ผกู้ ระทารู้วา่ มิไดม้ ีการกระทาผิด แต่ไปแจง้ วา่ มีการกระทาผิดเกิดข้นึ (ชาตรี
สุวรรณิน, 2560 เล่ม 13,หนา้ 75)
- บญั ญตั ิเฉพาะพนกั งานสอบสวนหรือเจา้ พนกั งานผมู้ ีอานาจสืบสวนคดีอาญาไม่รวมถึง
อยั การ
- ถา้ เป็นความผิดนอกราชอาณาจกั รตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญามาตรา
20 ใหอ้ ยั การสูงสุดเป็นพนกั งานสอบสวนผรู้ ับผิดชอบ
1. รู้ว่ามไี ด้มกี ารกระทาความผดิ เกดิ ขนึ้
ตอ้ งเป็นความผิดความผิดอาญาเทา่ น้นั ถา้ เป็นเร่ืองทางวินยั หรือทางแพง่ ไม่เขา้
องคป์ ระกอบความผิดขอ้ น้ี
ตวั อยา่ งท่ีวนิ ิจฉยั วา่ รู้แลว้ วา่ มิไดม้ ีความผิดเกิดข้ึนยงั ไปแจง้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1088/2536 จาเลยเป็นทนายไมไ่ ดร้ ับแลกเช็คกบั คุณหญิงจริงเพยี งแต่
ไดร้ ับสมอา้ งจึงไมไ่ ดเ้ ป็นผทู้ รงเช็คโดยชอบ จาเลยไปแจง้ ความต่อพนกั งานสอบสวนวา่ เป็นผทู้ รง
เช็ค โดยจาเลยรู้อยแู่ ลว้ วา่ โจทกไ์ มไ่ ดล้ งวนั สงั่ จ่ายในเช็ค เป็นเช็คที่ไม่มีมลู ความผิด การกระทา
ของจาเลยจึงเป็นการแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเท็จเกี่ยวกบั ความผิดอาญาต่อเจา้ พนกั งานซ่ึงเป็นพนกั งาน
สอบสวนโดยรู้วา่ มิไดม้ ีการกระทาความผิดเกิดข้นึ เพื่อแกลง้ ใหโ้ จทกต์ อ้ งรับโทษไดร้ ับความ
เสียหายถูกจบั กุมดาเนินคดีผิดมาตรา 173 ประกอบมาตรา 174 วรรคสองไมผ่ ดิ มาตรา 172
- การแจง้ เก่ียวกบั ความผดิ อาญาบางคร้ังกใ็ กลช้ ิดกนั ระหว่างความผิดมาตรา 172 และ 173
ถา้ หากมีการกระทาความผิดเกิดข้ึนจริง ๆ แลว้ แจง้ ใหผ้ ิดไปจากท่ีมีการกระทาผิดเกิดข้ึนจริงน้นั
กรณีน้ีเขา้ มาตรา 172 แต่ถา้ ไม่มีการกระทาผดิ เกิดข้นึ เลยก็เขา้ มาตรา 173 (ชาตรี สุวรรณิน, 2560
เล่ม 13,หนา้ 76)
คาพิพากษาฎีกาที่ 2249/2515 จาเลยเห็นวา่ ส. ฆา่ นาย ก. โดยไมไ่ ดเ้ ห็นวา่ นาย ท. ฆ่า
แต่จาเลยแจง้ ต่อตารวจวา่ เห็นนาย ท. เป็นคนฆ่า จึงเป็นการแจง้ ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ เกี่ยวกบั
ความผิดอาญามาตรา 172 เพราะหากเป็นมาตรา 173 ตอ้ งเป็นกรณีที่ “มิไดม้ ีการกระทาความผิด
เกิดข้ึน”