The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารคำสอนอาญา2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ratchanee.tangon, 2022-03-14 21:44:14

เอกสารคำสอนอาญา2

เอกสารคำสอนอาญา2

389

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 430/2478 คคู่ วามกล่าวขอ้ ความในเชิงคดีไมใ่ ช่นอกประเด็นแมจ้ ะเป็น
ขอ้ ความหม่ินประมาทผอู้ ่ืนก็ไม่มีความผิด

คาพิพากษาฎีกาที่ 249/2510 (ประชุมใหญ)่ คดีก่อนจาเลยถูกอา้ งและหมายเรียกมาเป็น
พยานจาเลยถูกคคู่ วามคดีน้นั ถามวา่ พยานปลุกปล้าโจทกห์ รือไม่ จาเลยตอบวา่ ไดเ้ สียกนั ตอบไป
ตามหนา้ ที่ของพยานซ่ึงไม่นอกเหนือหนา้ ท่ีการกระทาของจาเลยไมเ่ ป็นความผิด

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 5635/2508 จาเลยเบิกความวา่ จาเลยรับสารภาพเพราะถกู โจทกข์ ่เู ข็ญ
เห็นไดว้ า่ เป็นถอ้ ยคาของคคู่ วามในกระบวนพิจารณาในศาลเพอ่ื ประโยชนแ์ ก่คดีของตนไมผ่ ิดหม่ิน
ประมาทมาตรา 331

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1055/2515 จาเลยฟ้องหยา่ ภรรยาของตนเองโดยกลา่ วในฟ้องวา่ ภรรยา
เป็นชูก้ บั โจทกถ์ ือเป็นขอ้ ความในกระบวนพจิ ารณาในศาลเพ่อื ประโยชน์แก่คดีของตนตามมาตรา
331 จาเลยไมผ่ ิดฐานหม่ินประมาท

การที่จะไดร้ ับขอ้ ยกเวน้ ตามมาตรา 331 เห็นวา่ น่าจะตอ้ งเป็นการกระทาโดยสุจริตถา้ เป็น
การแกลง้ นาความเทจ็ มาฟ้องเป็นขอ้ ความหมิ่นประมาทก็ไมน่ ่าจะไดร้ ับการยกเวน้ ตามมาตรา 331

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1006/2542 จาเลยที่ 2 เบิกความเป็นพยานจาเลยที่ 1 ในคดีท่ีจาเลยท่ี 1
ฟ้องโจทก์ต่อศาลวา่ ในขณะที่โจทกท์ าหนา้ ท่ีสืบสวนหามูลคดีในเรื่องท่ีจาเลยที่ 1 และ 2 ถกู ด.
กบั พวกร้องเรียนและโจทกเ์ รียกเงิน 30,000 บาท ตอบแทนกนั ข้ึนพยานเทจ็ แตค่ วามจริงโจทก์
ไมเ่ คยร้องเรียนเงินถอ้ ยคาของจาเลยท่ี 2 เป็นการใส่ความโจทกโ์ ดยประการท่ีน่าจะทาใหโ้ จทก์
เสียชื่อเสียงถกู ดูหม่ินเกลียดชงั การกระทาของจาเลยที่ 2 จึงเป็นการดูหม่ิน และหมิ่นประมาทโจทก์
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทหาใช่เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือขอ้ ความโดยสุจริต ตามมาตรา
329 ไม่

การแสดงความคิดเห็นหรือขอ้ ความมาตรา 331 อาจจะกล่าวมาในคาฟ้อง ในคาใหก้ าร
ในคาคดั คา้ น คาแถลงการณ์ และการซกั ถามของทนายความ

ถา้ ทนายกล่าวนอกประเดน็ โดยต้งั ใจจะแกลง้ กลา่ วใหบ้ ุคคลใดไดร้ ับการอบั อายไม่ไดร้ ับ
ยกเวน้ ตามมาตราน้ี

คากล่าวแกอ้ ุทธรณ์ซ่ึงมีขอ้ ความหมิ่นประมาทถา้ เกี่ยวกบั ประเดน็ แห่งคดีก็ยอ่ มไดร้ ับการ
ยกเวน้ ตามมาตรา 331

เหตยุ กเว้นโทษ
มาตรา 330 ในกรณีหมิ่นประมาท ถา้ ผถู้ ูกหาวา่ กระทาความผิด พสิ ูจน์ไดว้ า่ ขอ้ ที่หาวา่ เป็นหม่ิน
ประมาทน้นั เป็นความจริง ผนู้ ้นั ไม่ตอ้ งรับโทษ

แต่หา้ มไม่ใหพ้ สิ ูจน์ ถา้ ขอ้ ที่หาวา่ เป็นหมิ่นประมาทน้นั เป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตวั
และการพสิ ูจน์จะไมเ่ ป็นประโยชนแ์ ก่ประชาชน

390

มาตรา 330 เป็นเหตุยกเวน้ โทษไม่ใช่บทบญั ญตั ิท่ีทาใหก้ ารกระทาไมเ่ ป็นความผดิ
มาตรา 330 วรรคสอง หา้ มมิใหพ้ ิสูจนข์ อ้ เทจ็ จริงถา้ ขอ้ เท็จจริงน้นั เป็นขอ้ เทจ็ จริงที่เป็น
เรื่องส่วนตวั และไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ขอ้ เทจ็ จริงต่อไปน้ีพิสูจนไ์ ด้

1. ขอ้ เทจ็ จริงท่ีไมใ่ ช่เร่ืองส่วนตวั แมจ้ ะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนกต็ าม
2. ขอ้ เทจ็ จริงที่เป็นเร่ืองส่วนตวั แต่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
หนา้ ท่ีพิสูจน์เป็นหนา้ ท่ีของจาเลย
ตอ้ งนาสืบวา่ ขอ้ ความท่ีหม่ินประมาทน้นั เป็นความจริงหากไม่สามารถนาสืบไดว้ า่
ขอ้ ความที่กล่าวเป็นความจริงแมจ้ าเลยจะกล่าวโดยสุจริต หรือสาคญั ผดิ ก็ไม่เขา้ ขอ้ ยกเวน้
มาตรา 330 (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 7, หนา้ 268)
จะนาสืบวา่ ไดร้ ับข่าวลือหรือไดร้ ับคาบอกเลา่ มา ยอ่ มไมอ่ าจกระทาได้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1072/2507 โจทกเ์ ป็นเจา้ คณะอาเภอฟ้องวา่ จาเลยใส่ความว่าโจทกเ์ ขา้ หาชี
เป็นเหตใุ หโ้ จทกเ์ สียช่ือ จาเลยขอพิสูจน์ความจริงไดเ้ พราะการพสิ ูจน์ความจริงยอ่ มเป็นประโยชน์
แก่ประชาชนท่ีนบั ถือศาสนาพุทธและหากพสิ ูจนต์ อ่ ศาลไดย้ อ่ มเป็นประโยชน์แก่คนทวั่ ไปที่จะ
ไมห่ ลงเคารพโจทกต์ ่อไปไมม่ ีความผิดฐานหมิ่นประมาทมาตรา 329 (3)
คาพิพากษาฎีกาที่ 1362/2514 โฆษณาหม่ินตารวจวา่ รับสิบบนดงั น้ีไมใ่ ช่เป็นการใส่ความ
ในเร่ืองส่วนตวั และการพสิ ูจน์ความจริงยอ่ มเป็นประโยชน์แก่ประชาชนจาเลยจึงขอพิสูจน์ความจริง
เพ่ือไมต่ อ้ งรับโทษไดเ้ ขา้ มาตรา 329 (3) เพราะตารวจยอ่ มถูกติชมจากประชาชนไดต้ ามวิสยั
การกลา่ ววา่ ผอู้ ่ืนเป็นคนเจา้ ชูเ้ ร่ืองน้ีน่าจะเป็นเร่ืองส่วนตวั และไม่เป็นประโยชนก์ บั ประชาชนไมเ่ ขา้
กรณีท่ีจะนาสืบไดต้ ามมาตรา 330

มาตรา 331 คคู่ วาม หรือทนายความของคู่ความ ซ่ึงแสดงความคิดเห็น หรือขอ้ ความใน
กระบวนพิจารณาคดีในศาล เพื่อประโยชน์แก่คดีของตน ไม่มีความผดิ ฐานหม่ินประมาท

มาตรา 332 ในคดีหมิ่นประมาทซ่ึงมีคาพิพากษาวา่ จาเลยมีความผดิ ศาลอาจสัง่
1. ใหย้ ดึ และทาลายวตั ถหุ รือส่วนของวตั ถุท่ีมีขอ้ ความหมิ่นประมาท
2. ใหโ้ ฆษณาคาพพิ ากษาท้งั หมดหรือแต่บางส่วนในหนงั สือพิมพ์ 1 ฉบบั หรือหลาย

ฉบบั คร้ังเดียวหรือหลายคร้ังโดยใหจ้ าเลยเป็นผชู้ าระค่าโฆษณา
มาตรา 332 เป็นสภาพบงั คบั ของคดีหมิ่นประมาทเพื่อบรรเทาความเสียหายใหผ้ เู้ สียหาย

ซ่ึงอาจจะร้องขอกรณีใดกรณีหน่ึงหรือท้งั สองกรณีกไ็ ดแ้ ละตอ้ งขอมาพร้อมกบั คาฟ้องหรือขอมา
ในภายหลงั ก่อนศาลมีคาพิพากษาเพราะเป็นคาสั่งที่ตอ้ งสง่ั ในคาพิพากษา

391

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3/2542 ขอ้ ความที่จาเลยที่ 1 ลงพมิ พโ์ ฆษณาวา่ โจทกเ์ รียกเงิน 5 ลา้ น
ในการถ่ายภาพนูด้ จาเลยท่ี 1 ม่งุ ใส่ความเพอ่ื ทาลายชื่อเสียงโจทกห์ าใช่เป็นการติชมดว้ ยความเป็น
ธรรมอนั เป็นวสิ ัยของประชาชนยอ่ มกระทาไมจ่ ึงเป็นใส่ความหมิ่นประมาทโจทกจ์ าเลยท่ี 1 ไม่ได้
รับการยกเวน้ ความผิดตามมาตรา 329

อานาจศาลในคดีหม่ินประมาท
มาตรา 332 เป็นการให้อานาจศาลสง่ั ใหโ้ ฆษณาคาพพิ ากษาเทา่ น้นั มิไดม้ ีกฎหมายใหโ้ ฆษณาคาขอ
อภยั ดว้ ย ฉะน้นั การท่ีศาลลา่ งท้งั สองพิพากษาใหจ้ าเลยท่ี 1 โฆษณาคาขออภยั ดว้ ยจึงเป็นการ
ลงโทษจาเลยท่ี 1 นอกเหนือจากโทษที่กาหนดไวใ้ นกฎหมายตอ้ งหา้ มตามมาตรา 2 วรรค 1 ท้งั การ
ส่งั ใหจ้ าเลยท่ี 1 โฆษณาคาพิพากษาท้งั หมดกเ็ กินความจาเป็นสมควรใหจ้ าเลยท่ี 1 โฆษณาคา
พิพากษาโดยยอ่ พอใหไ้ ดใ้ จความ

มาตรา 333 ความผดิ ในหมวดน้ีเป็นความผิดอนั ยอมความได้
ความผิดอนั ยอมความไดต้ อ้ งแจง้ ความร้องทุกขภ์ ายในสามเดือนนับแต่รู้เรื่องและรู้ตวั

ผกู้ ระทาความผิด มิฉะน้นั จะขาดอายคุ วามตาม มาตรา 96 ถา้ ผเู้ สียหายในความผิดฐานหม่ินประมาท
ตายเสียก่อนร้องทุกข์ให้บิดามารดาคู่สมรสหรือบุตรของผูเ้ สียหายร้องทุกข์ได้และให้ถือเป็ น
ผเู้ สียหาย

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 3870/2562 โจทก์ทราบวา่ จาเลยท้งั หา้ ร้องเรียนโจทก์ว่าทุจริตต่อ
หนา้ ท่ีต้งั แต่วนั ท่ี 25 กุมภาพนั ธ์ 2557 ประกอบกบั ไดค้ วามจากคณะกรรมการสืบสวนหาขอ้ เทจ็ จริง
ว่า เคยเรียกโจทกแ์ ละจาเลยท้งั ห้ามาพูดคุยไกล่เกลี่ยในปี 2557 เน่ืองจากเห็นวา่ โจทก์และจาเลยท้งั
ห้าเป็นเพื่อนร่วมงานกนั จึงเช่ือว่าโจทก์ทราบมูลความผิดและรู้ตวั ผูก้ ระทาความผดิ วา่ เป็นจาเลยท้งั
ห้าต้งั แต่วนั ที่มีการร้องเรียนในวนั ท่ี 25 กุมภาพนั ธ์ 2557 เมื่อความผิดท่ีโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษ
จาเลยท้งั ห้าตาม ป.อ. มาตรา 326 และ 328 เป็ นความผิดอนั ยอมความได้ แต่โจทก์มิไดร้ ้องทุกข์
ภายในสามเดือนนบั แต่วนั ที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตวั ผูก้ ระทาความผิด โดยโจทก์นาคดีน้ีมาฟ้องเมื่อ
วนั ที่ 15 กนั ยายน 2559 ซ่ึงเป็นเวลาหลงั จากมีการร้องเรียนแลว้ กว่า 2 ปี คดีโจทกจ์ ึงขาดอายุความ
ตาม ป.อ. มาตรา 96

สรุปความผิดฐานหมิ่นประมาท
หลกั ถึงมาตรา 326
มาตรา 327 ใส่ความคนตายแต่ทาใหค้ นเป็นไดร้ ับความเสียหาย
มาตรา 328 บทบญั ญตั ิใหร้ ับโทษหนกั ข้ึนตามมาตรา 326 มาตรา 327

392

มาตรา 329 มาตรา 331 ทาให้การกระทาที่เป็นหม่ินประมาทไม่เป็นความผิดซ่ึงในบางกรณีตอ้ งดู
กฎหมายอื่นประกอบดว้ ยเช่นประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา พระราชบญั ญตั ิการพิมพ์
รัฐธรรมนูญ
มาตรา 330 เป็นบทยกเวน้ โทษ
มาตรา 332 โจทกไ์ ดร้ ับการเยยี วยา

ลกั ษณะ 12 ความผดิ เกย่ี วกบั ทรัพย์

หมวด 1 ความผิดที่มีพ้ืนฐานจากการลกั ทรัพย์ (ลกั ทรัพย์ และว่ิงราวทรัพย)์
ความผิดฐานลกั ทรัพย์

มาตรา 334 ผใู้ ดเอาทรัพยข์ องผอู้ ่ืน หรือท่ีผอู้ ื่นเป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ยไปโดยทุจริต ผนู้ ้นั
กระทาความผดิ ฐานลกั ทรัพย์ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสามปี และปรับไมเ่ กินหกหมื่นบาท

มาตรา 334 ความผดิ ฐานลกั ทรัพยอ์ งคป์ ระกอบ
1. ผใู้ ด
2. เอาทรัพยข์ องผอู้ ่ืนหรือที่ผอู้ ่ืนเป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ยไป
3. โดยทจุ ริต

“เอาไป” มีขอ้ พจิ ารณาอยู่ 3 ประการคือ
1. มีการแยง่ การครอบครอง คอื ทรัพยต์ อ้ งอยใู่ นความครอบครองของบคุ คลอื่น

คุณธรรมทางกฎหมายหรือสิ่งที่กฎหมายมุง่ จะคุม้ ครองคือ กรรมสิทธ์ิและการ
ครอบครอง หากผกู้ ระทาความผดิ ตอ้ งการทาลายท้งั สองสิ่งน้ีจะเป็นความผิดฐานลกั ทรัพย์ แตห่ าก
เป็นการทาลายกรรมสิทธ์ิอยา่ งเดียวจะเป็นความผิดฐานยกั ยอกทรัพย์ (สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกลุ ,
2548, หนา้ 32)

ถา้ การครอบครองในทรัพยน์ ้นั อยทู่ ี่ผกู้ ระทาอยา่ งมากกเ็ ป็นไปไดแ้ คค่ วามผิดฐานยกั ยอก
(เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2555, หนา้ 4)

ถา้ ทรัพยน์ ้นั ไม่มีผคู้ รอบครองเช่นทรัพยส์ ินหายเป็นทรัพยท์ ี่มีกรรมสิทธ์ิแตห่ ลดุ ไป
จากความครอบครองของเจา้ ของโดยไม่ต้งั ใจ ถา้ มีการเอาทรัพยด์ งั กลา่ วไปโดยทุจริตอาจผดิ ฐาน
ยกั ยอกมาตรา 352 วรรคสองได้

2. ตอ้ งมีการพาเอาทรัพยเ์ คล่ือนท่ีไป
หากการเคลื่อนท่ีเป็นแตเ่ พียงการแยกของตวั ทรัพยอ์ อกจากสิ่งที่ติดอยไู่ ม่วา่ จะโดยธรรมชาติหรือ
มนุษยเ์ ป็นผกู้ ระทาข้นึ เป็นความผดิ ฐานพยายาม

3. เป็นการเอาไปในลกั ษณะตดั กรรมสิทธ์ิ
ถา้ เอาไปชว่ั คราวไมผ่ ิดลกั ทรัพย์(ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 217)

393

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1915/2543 ดึงปื นผอู้ ่ืนกลวั เขาจะใชป้ ื นทาร้ายแลว้ โยนทิง้ หรือแอบเอา
รถของผอู้ ื่นไปกินขา้ วตม้ เมื่อกินเสร็จแลว้ นารถมาส่งคืนไม่ผิดลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาท่ี 9/2543 เอาบตั รเอทีเอม็ ของผอู้ ่ืนไปอาจผดิ ท้งั ลกั ทรัพยแ์ ละเอาเอกสาร
ของผอู้ ื่นไปมาตรา 188

1. ลกั ทรัพยต์ อ้ งเป็นการแยง่ การครอบครอง
คาวา่ การครอบครองพจิ ารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367 คือ
มีการยดึ ถือทรัพยน์ ้นั โดยเจตนายดึ ถือเพือ่ ตน
การยดึ ถือทรัพยน์ ้นั ไมจ่ าเป็นตอ้ งยดึ ถือเองหากมีผอู้ ื่นยดึ ถือไวใ้ หก้ ารครอบครองก็ยงั อยู่
กบั ผทู้ ่ีไมไ่ ดย้ ดึ ถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1368 เช่นนายจา้ งจะเขา้ หอ้ งน้าจึง
ฝากกระเป๋ ากบั ลกู จา้ ง ลกู จา้ งเอากระเป๋ าของนายจา้ งไป ลูกจา้ งผดิ ลกั ทรัพยไ์ ม่ใช่ยกั ยอก เพราะการ
ครอบครองยงั อยทู่ ่ีนายจา้ ง นายจา้ งใหล้ ูกจา้ งยดึ ถือไวแ้ ทน
การครอบครองอยทู่ ี่ใครจึงเป็นประเด็นสาคญั ในความผดิ ฐานลกั ทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1376/2522 มารดาจาเลยซ่ึงเป็นผคู้ รอบครองบานประตไู ดอ้ นุญาตให้
จาเลยนาบานประตูไปแมบ้ านประตูจะเป็นของผเู้ สียหายแต่เม่ือผคู้ รอบครอง (มารดา) อนุญาตจึงถือ
ไม่ไดว้ า่ เป็นการเอาทรัพยไ์ ปจากการครอบครองของผอู้ ่ืนอนั เป็นองคป์ ระกอบฐานลกั ทรัพยจ์ าเลย
ไม่ผดิ ฐานลกั ทรัพย์
ลกู จา้ ง คนใช้ คนงาน เสมียน พนกั งานยดึ ถือทรัพยข์ องนายจา้ งหากคนเหลา่ น้ีเอาไปก็ผิด
ฐานลกั ทรัพย์
กรณีที่ยงั ไมไ่ ดค้ รอบครองเพียงยดึ ถือแทน
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 950/2530 (ประชุมใหญ)่ จาเลยท้งั สองเป็นลูกจา้ งกรมชลประทาน
ไดร้ ับคาสง่ั ใหค้ วบคุมเคร่ืองดนั น้า กรมชลประทานส่งน้ามนั ใหใ้ ชก้ บั เคร่ืองดนั ดงั น้ี น้ามนั ยงั อยใู่ น
ความครอบครองของกรมชลเมื่อจาเลยท้งั สองเอาน้ามนั ไปขายซ่ึงมีความผดิ ฐานลกั ทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 229/2510 (ประชุมใหญ่) จาเลยที่ 1 มีหนา้ ที่ขบั รถบรรทกุ คนงานจาเลย
ท่ี 2 ช่างซ่อมทอ่ ท้งั 2 ร่วมกนั ดูดน้ามนั ไปขายจาเลยที่ 1 มีหนา้ ที่ดูแลรถเท่าน้นั เทศบาลมิไดม้ อบ
การครอบครองรถ และน้ามนั ใหแ้ ก่จาเลยครอบครองแต่อยา่ งใดการกระทาของจาเลยท้งั สองจึงผดิ
มาตรา 335(1) ไม่ใช่ยกั ยอก
จาเลยเป็นลกู จา้ งมีหนา้ ที่ดูแลรักษายดึ ถือรถและน้ามนั ไวแ้ ทนเทศบาลเท่าน้นั
การครอบครองยงั อยกู่ บั เทศบาล
คาพิพากษาฎีกาที่ 1924-5/2514 เจา้ ของเรือใหล้ กู จา้ งนาเรือไปจบั ปลาเม่ือจบั ปลาเสร็จ
ลูกจา้ งก็ตอ้ งนาเรือกลบั มาเป็นกิจวตั รในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีถือวา่ เรือและอวนยงั อยใู่ นความ
ครอบครองของเจา้ ของเรือ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 179/2507 ผเู้ สียหายฝากกระเป๋ าใหจ้ าเลยช่วยถือมิไดม้ ีเจตนาสละ

394

การครอบครองจาเลยเอาสร้อยไปจากกระเป๋ าผดิ ฐานลกั ทรัพย์
ข้อสังเกต การฝากกรณีน้ีเป็นเพยี งใหย้ ดึ ถือแทนเท่าน้นั มิใช่การฝากตามสญั ญาฝากทรัพย์

ซ่ึงการฝากทรัพยค์ วามครอบครองอยทู่ ี่ผรู้ ับฝาก เม่ือเบียดบงั เอาไปเป็นความผดิ ฐานยกั ยอก
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1567/2535 พนกั งานธนาคารลกั บตั รเอทีเอม็ ของธนาคารไปวนั ต่อมา

เอาบตั รไปกดเอทีเอม็ ทรัพยท์ ี่ลกั เป็นคนละประเภทกนั ถือเป็นความผดิ ลกั ทรัพย์ 2 กระทงคือ 1. ลกั
บตั รเอทีเอม็ 2. ลกั เงินในธนาคาร

คาพิพากษาฎีกาท่ี 6569/2546 เจา้ หนา้ ที่ธนาคาร (ผเู้ สียหาย) มีหนา้ ที่รับฝากเงินแลว้
จ่ายเงินใหแ้ ก่ลูกคา้ ที่มาใชบ้ ริการแทนธนาคาร เจา้ หนา้ ท่ีธนาคารจึงเป็นผยู้ ดึ ถือเงินแทนเทา่ น้นั

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 206 2/2515 ลูกจา้ งโรงเรียนเซ็นช่ือรับน้ามนั แต่ไมถ่ ่ายใส่ถงั น้ามนั ของ
โรงเรียนกลบั เอาน้ามนั ไปขายเป็นลกั ทรัพย์ โรงแรมมอบใหร้ ับน้ามนั มิไดม้ อบใหค้ รอบครองน้ามนั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 30 21/2510 ก. ฝากธนบตั รไวใ้ นยา่ มของ ฮ. เป็นการมอบธนบตั รให้ยดึ ถึอ
ชว่ั คราว ฮ. ไมไ่ ดก้ ารครอบครองธนบตั ร การท่ี ฮ. ลว้ งธนบตั รใส่กระเป๋ าตนเองซ่ึงเป็นลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาที่ 370/2521 (ประชุมใหญ)่ ผูเ้ สียหายกบั จาเลยไปซ้ือของดว้ ยกนั
ผเู้ สียหายบอกใหจ้ าเลยถึอเงินใหผ้ เู้ สียหายใหด้ ีอยา่ ใหต้ กแลว้ กเ็ ลือกพริกต่อ ปรากฏวา่ อีก 10 นาที
จาเลยเอาเงินผเู้ สียหายไปเช่นน้ีการครอบครองเงินน้นั ยงั อยกู่ บั ผเู้ สียหายจาเลยเอาเงินผเู้ สียหายไป
ผดิ ฐานลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาท่ี 4208/2543 เหรียญที่อยใู่ นช่องคนื เงินในตโู้ ทรศพั ทย์ งั เป็นของผใู้ ช้
โทรศพั ทส์ าธารณะอยู่ พ.เอากระดาษไปอุดไวเ้ ป็นเพียงการขดั ขวางไม่ใหเ้ หรียญตกลงมาขณะท่ี
เหรียญตกคา้ งอยู่เพราะมีกระดาษอุดตรงน้ีความผดิ ฐานลกั ทรัพยย์ งั ไมส่ าเร็จเพราะ พ. ยงั ไม่ไดเ้ อา
เหรียญไป ความครอบครองยงั อยกู่ บั เจา้ ของเหรียญ และการที่เจา้ ของออกจากตูโ้ ทรศพั ทไ์ ปไม่ได้
หมายความวา่ มีเจตนาสละทิ้งเหรียญที่ติดคา้ งเพราะการสละกรรมสิทธ์ิ ตอ้ งกระทาดว้ ยความสมคั ร
ใจมิใช่อยใู่ นลกั ษณะท่ีถูกขดั ขวางการไดท้ รัพยค์ นื

กรณีท่ีศาลฎีกาวินิจฉยั วา่ ยงั ไมม่ ีการมอบการครอบครองเช่น วานใหเ้ ฝ้าบา้ นโดยไมไ่ ด้
มอบกญุ แจหอ้ งเก็บทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาท่ี 7105/2480 นายร้อยตารวจถอดเส้ือไวใ้ นสถานีบอกพลตารวจวา่
อยา่ ใหใ้ ครเอาเส้ือไปต่อมาอีก 20 นาที พลตารวจผนู้ ้นั ลว้ งเอานาฬิกาขอ้ มือซ่ึงอยใู่ นกระเป๋ าเส้ือไป
เป็นลกั ทรัพย์

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3001/2503 ส่งมอบกญุ แจตใู้ ห้ ย. นาเงินไปเกบ็ ในตทู้ ี่อยใู่ นห้องนอน
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1626/2516 ฆา่ คนแลว้ เอาทรัพยไ์ ปจากศพเป็นลกั ทรัพยเ์ พราะทรัพยน์ ้นั เป็นมรดก
ตอ้ งตกทอดแก่ทายาทและไม่ใช่ทรัพยท์ ่ีไม่มีผใู้ ดครอบครองแต่ถา้ เป็นการฆ่าเพือ่ ความสะดวกใน
การจะเอาทรัพยย์ อมผิดฐานชิงทรัพยม์ าตรา 339 วรรคทา้ ยประกอบมาตรา 289 (6)

กรณีท่ีศาลฎีกาถือวา่ มีการมอบการครอบครอง

395

คาพิพากษาฎีกาท่ี 3629/2538 ผเู้ สียหายส่งแบงคร์ ้อยจ่ายค่าโดยสาร 5 บาท ถือวา่
ผเู้ สียหายมอบการครอบครองใหแ้ ก่จาเลยคอื แบงคร์ ้อยเป็นการส่งแบงคร์ ้อยเพอ่ื ชาระหน้ีจึงเป็นการ
โอนการครอบครอง การท่ีจาเลยไมท่ อนเงินโดยเอาเงินส่วนที่เหลือ 95 บาทไปเป็นประโยชนข์ อง
ตนโดยทุจริตก็ไม่เป็นความผิดฐานลกั ทรัพยเ์ พราะกรรมสิทธ์ิในธนบตั รไดถ้ กู โอนไปแลว้ เจตนา
ทจุ ริตเกิดข้ึนภายหลงั ท่ีแบงคร์ ้อยอยใู่ นความครอบครอง

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 460/2512 ก. เป็นลูกจา้ ง ต. ต. ส่งกระเป๋ ามีเงิน 15,000 บาท ใหแ้ ก่ ก.
ก. ผิดฐานยกั ยอกมาตรา 352 ศาลฎีกาเห็นวา่ มีพฤติการณ์ที่ ต.นายจา้ งมอบกระเป๋ าเงินให้ ก. ซ่ึงเป็น
ลูกจา้ งเอาไปใหพ้ น้ จากท่ีทะเลาะวิวาท ศาลฎีกาเห็นวา่ เป็นการมอบการครอบครองแลว้

คาพิพากษาฎีกาท่ี 661/2501 จาเลยจบั ขอ้ มือผเู้ สียหายแลว้ นาฬิกาของผเู้ สียหายหลุด
ติดมือจาเลยไปแลว้ ผเู้ สียหายบอกจาเลยวา่ เกบ็ ไวก้ ่อน กินขา้ วแลว้ จะมาเอาเป็นเร่ืองผเู้ สียหายเจตนา
มอบการครอบครองให้จาเลยไมผ่ ดิ ลกั ทรัพย์

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1636/2521 โจทกจ์ า้ งจาเลยซ่อมรถโดยโจทกซ์ ้ืออะไหล่ จาเลยซ่อมอยู่
1 ปี พฤติการณ์ถือไดว้ า่ โจทกม์ อบหมายใหจ้ าเลยยึดถือครอบครองทรัพยน์ ้นั ไว้ การยดึ ครอบครอง
ทรัพยจ์ ึงอยทู่ ่ีจาเลยไม่ใช่โจทกจ์ าเลยเปล่ียนเส้ือสูบของรถใหม่เป็นยกั ยอกไม่ใช่ลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1778/2499 จ. เป็นลกู จา้ งมีหนา้ ที่ดูแลพสั ดุในโกดงั ของ ค. จ. ถือ
กญุ แจเปิ ดปิ ดโกดงั รับ และจ่ายของท่ีฝากถือไดว้ า่ ค. มอบหมายการครอบครองทรัพยใ์ นโกดงั ให้
จ. ดูแลจดั การแทน จ. ให้ ก. เอาสงั กะสีท่ีฝากไวใ้ นโกดงั ไปขาย จ. ก. ไมม่ ีความผิดฐานลกั ทรัพย์
แต่ผดิ ฐานยกั ยอก

ปัญหาเร่ืองการโอนการครอบครองแลว้ หรือไมน่ ้นั เป็นปัญหาซ่ึงวนิ ิจฉยั ค่อนขา้ งยาก
ตอ้ งใชป้ ระมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าปรับ

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 16/2478 ล. ยมื ทองของ ย. มาทาพิธีรักษาโรคต่อหนา้ แลว้ ล.
สบั เปลี่ยนเอาทองไปเสียเป็นลกั ทรัพย์

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 191/2502 ค. ขอซ้ือมาจาก จ. แลว้ ขอทดลองข่ีมา้ แลว้ ส่งมาใหเ้ พ่ือน
ขี่จากน้นั กข็ ี่มา้ หนีไปต่อหนา้ เป็นลกั ทรัพย์

ศาลฎีกาเห็นวา่ การยมื มา้ ยมื ทองเป็นการยดึ ถือเพยี งชว่ั คราวเพราะเพียงนาไปทาพิธี
หรือเพือ่ ทดลองขี่ไมใ่ ช่เป็นการมอบการครอบครองเลยทีเดียวถา้ มีการออกไปโดยทุจริตจึงเป็น
ความผดิ ฐานลกั ทรัพย์

แขกท่ีมาพกั โรงแรมไมใ่ ช่ผคู้ รอบครองเครื่องใชใ้ นโรงแรมเอาไปผิดลกั ทรัพย์
ผเู้ ช่าเป็นผคู้ รอบครองส่ิงตา่ ง ๆ ในบา้ น ผรู้ ับจานา ผเู้ ช่าซ้ือ ผยู้ มื ผรู้ ับฝากทรัพยย์ อ่ มเป็น
ผคู้ รอบครองหากมีการเอาทรัพยไ์ ปไม่ผดิ ลกั ทรัพยเ์ พราะการลกั ทรัพยต์ อ้ งมีการแยง่ การครอบครอง
แต่อาจผดิ ยกั ยอกทรัพยไ์ ด้

396

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1363/2503 (ประชุมใหญ่) ทรัพยส์ ินหายเป็นเร่ืองที่ทรัพยห์ ลดุ พน้ ไป
จากความยดึ ถือของเจา้ ของหรือผคู้ รอบครองโดยไม่ไดต้ ้งั ใจไมใ่ ช่เป็นเรื่องสละการครอบครองผใู้ ด
เก็บทรัพยน์ ้นั ไปผดิ ลกั ทรัพยห์ รือยกั ยอกทรัพยห์ ายตอ้ งพิจารณาตามพฤติการณ์เป็นราย ๆ ไปคอื ถา้
เกบ็ เอาไวโ้ ดยรู้หรือควรรู้วา่ ทรัพยน์ ้นั เจา้ ของกาลงั ติดตาม หรือจะติดตามเพื่อเอาคนื ก็เป็นลกั ทรัพย์
ถา้ ไม่รู้หรือไมม่ ีเหตทุ ่ีควรรู้ก็เป็นยกั ยอกทรัพยส์ ินหาย

ตวั อยา่ งรถทหารคว่าปื นตกน้า 1 กระบอกทหารงมหา 2 คร้ังแต่ไม่เจอจึงไปแจง้ ความไว้
ต่อมาค่าวนั เดียวกนั จาเลยไปงมเอาปื นไปขายแสดงวา่ จาเลยรู้หรือควรรู้วา่ รถทหารคว่าปื นจมน้าอยู่
จาเลยเอาปื นที่อยใู่ นระหวา่ งเจา้ ของกาลงั ติดตามเพื่อเอาคืนจึงผดิ ลกั ทรัพย์

ทรัพยส์ ินหาย หมายถึง ทรัพยส์ ินน้นั ไดห้ ลดุ ไปจากความครอบครองของเจา้ ของโดย
มิไดต้ ้งั ใจแตท่ รัพยน์ ้นั ยงั เป็นทรัพยท์ ี่มีกรรมสิทธ์ิอยเู่ มื่อไมม่ ีผคู้ รอบครองจึงมีการแยง่ การ
ครอบครองไมไ่ ด้ ไม่เป็นความผดิ ฐานลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาที่ 2007/2512 ผเู้ สียหายลืมปากกาไวท้ ี่ร้านกาแฟเดินไป 1 เสน้ แลว้ ทราบ
วา่ ปากกาหายก่อนหนา้ น้ีมีคนเก็บปากกาไดแ้ ลว้ จาเลยวา่ เป็นของจาเลย เมื่อผเู้ สียหายไปถามจาเลย
วา่ ไมไ่ ดเ้ อาไปดงั น้ี ทรัพยย์ งั อยใู่ นความยดึ ถือของผเู้ สียหายไมใ่ ช่ทรัพยต์ กหาย การท่ีมีผเู้ ก็บได้
ไมไ่ ดท้ าใหค้ วามยดึ ถือของผเู้ สียหายขาดตอนไปจาเลยเอาไปจากผเู้ ก็บไดโ้ ดยรู้วา่ ไม่ใช่ของตน
จึงเป็นการเอาทรัพยข์ องผเู้ สียหายไปโดยทุจริตผดิ ลกั ทรัพยศ์ าลฎีกาเห็นวา่ เจา้ ของกาลงั ติดตามอยู่
ทรัพยน์ ้นั ยงั ไมไ่ ดข้ าดจากการครอบครองของผทู้ ่ีเป็นเจา้ ของ

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1363/2500 (ประชุมใหญ่) ถา้ เก็บเอาไวโ้ ดยรู้หรือควรรู้วา่ ทรัพยน์ ้นั
เจา้ ของกาลงั ติดตามหรือจะติดตามเพ่ือเอาคืนก็เป็นลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาท่ี 59/2502 จาเลยเกบ็ กระเป๋ าของเจา้ ทรัพยซ์ ่ึงนง่ั ดูภาพยนตร์ติดกนั ถือวา่
ทรัพยน์ ้นั ยงั อยใู่ นความยดึ ถือของเจา้ ทรัพยไ์ มใ่ ช่ทรัพยน์ ้นั หลน่ ใกลๆ้ ตวั เจา้ ทรัพยผ์ ทู้ ่ีนงั่ อยขู่ า้ ง ๆ
กน็ ่าจะเขา้ ใจวา่ ทรัพยเ์ ป็นของผนู้ ้นั ซ่ึงเจา้ ของสามารถติดตามเอาคืนไดค้ วามครอบครองยงั อยทู่ ่ี
เจา้ ของเม่ือเอาไปจึงผดิ ลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาท่ี 2402/2529 เกบ็ ธนบตั รท่ีเจา้ ของเพ่งิ ทาหล่นผดิ ลกั ทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1745/2514 (ประชุมใหญ่) การท่ีเดก็ เก็บสร้อยแลว้ นาไปมอบใหจ้ าเลย
ที่ 1 มารดาเป็นเวลากระช้นั ชิดติดพนั กนั ถือวา่ สร้อยยงั อยใู่ นความยดึ ถือของผเู้ สียหายไมใ่ ช่ทรัพย์
ตกหาย จาเลยที่ 1 น่าจะทราบวา่ สร้อยเป็นของคณะกลองยาวซ่ึงอยบู่ นศาลา การที่จาเลยที่ 1 แลว้
เอาสร้อยออกจากวดั ไปแสดงวา่ เป็นเจา้ ของทรัพยอ์ าจตามมาขอคนื จาเลยผิดลกั ทรัพยส์ ่วนจาเลยที่
2 อายุ 13 ปี รับสร้อยจากเดก็ 2 ขวบแลว้ เอาไปใหจ้ าเลยท่ี 1 ซ่ึงเป็นมารดาตามวิสยั ของเดก็ ไมม่ ี
เจตนายดึ ทรัพยไ์ วโ้ ดยทจุ ริตจาเลยที่ 2 ไมม่ ีความผิด
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3642/2540 จาเลยที่ 2 อนุญาตใหจ้ าเลยที่ 1 เอาโฉนดของผเู้ สียหายไป
ซ่ึงจาเลยท่ี 1 ทราบดีแลว้ วา่ โฉนดเป็นกรรมสิทธ์ิของผเู้ สียหายและยงั อยใู่ นความครอบครองของ

397

ผเู้ สียหายเมื่อจาเลยท่ี 1 เอาโฉนดไปโดยความยนิ ยอมของจาเลยท่ี 2 จึงเป็นการร่วมกนั ลกั ทรัพย์
ต้งั แต่ 2 คนข้นึ ไปตามมาตรา 335 (7) วรรคหน่ึงประกอบมาตรา 83 ต่างกบั คาพิพากษาฎีกาที่
1376/2522 ซ่ึงผอู้ นุญาตเป็นผคู้ รอบครองบานประตอู ยกู่ ่อนแลว้ ไมใ่ ช่ผเู้ สียหายเป็นผคู้ รอบครอง

คาพิพากษาฎีกาท่ี 775/2506 (ประชุมใหญ่) นาฬิกาของผเู้ สียหายตกหายไม่รู้อยทู่ ่ีใดบุตร
ของจาเลยเกบ็ ไดแ้ ลว้ นาไปใหจ้ าเลยเมื่อผเู้ สียหายทราบก็ไปขอคืน จาเลยเอานาฬิกาอ่ืนมาใหด้ ูแลว้
บอกวา่ เป็นนาฬิกาท่ีบตุ รของตนเก็บไดจ้ ึงไมย่ อมคืนนาฬิกาของผเู้ สียหายให้ การที่จาเลยรับนาฬิกา
ของผเู้ สียหายจากบุตรจาเลยครอบครองไวจ้ ึงถือวา่ จาเลยครอบครองทรัพยข์ องผอู้ ่ืน (ผเู้ สียหาย)
ไวต้ ามความหมายมาตรา 352 เม่ือจาเลยเบียดบงั เอาไปจาเลยผิดมาตรา 352 วรรคแรก

ข้อสังเกต
1. ความครอบครองหลุดจากเจา้ ของทรัพยแ์ ลว้ ผเู้ สียหายไมท่ ราบวา่ ทรัพยต์ กหายท่ีใด
2. จะผิดยกั ยอกมาตรา 352 วรรคแรก หรือวรรคสองศาลเห็นวา่ แมค้ วามครอบครองจะ
หลุดไปแลว้ แตก่ ารท่ีจะเป็นความผดิ มาตรา 352 วรรคแรกเพราะจาเลยมิไดเ้ ป็นผเู้ กบ็ นาฬิกาไดเ้ อง
การครอบครองนาฬิกาจึงอยกู่ บั จาเลยจาเลยผิดมาตรา 352 วรรคแรก
คาพิพากษาฎีกาที่ 468/2510 ควายหายไป 1 กิโลเมตรและเจา้ ของติดตามอยไู่ ม่ถือวา่ เป็น
ทรัพยส์ ินหายเพราะความยดึ ถือของเจา้ ทรัพยย์ งั ไม่ขาดตอนซ่ึงจาเลยรู้วา่ หากจาเลยไมพ่ าไปเสีย
เจา้ ของก็ยงั ติดตามและเอาคืนไดง้ ่าย จาเลยเอาไปผิดลกั ทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาที่ 159/2512 ควายของผเู้ สียหายติดไปอยกู่ บั ฝงู ผอู้ ื่นศาลเห็นวา่ ผเู้ สียหาย
ยงั ครอบครองควายต้งั อยเู่ พราะยงั ไม่ไดส้ ละการครอบครองการที่จาเลยเอาควายไปชาแหละเอาเน้ือ
ควายไปจึงผิดลกั ทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาที่ 2354/2518 ส. ทากระเป๋ าหายระหวา่ งทางประมาณ 3 เสน้ ส.
กลบั มาหาทนั ทีแตจ่ าเลยเก็บไปก่อนโดยควรรู้อยวู่ า่ ระหว่างเจา้ ของติดตามหาเป็นการเอาไปจาก
การครอบครองของเจา้ ของทรัพยเ์ ป็นลกั ทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาที่ 2402/2529 ข.ทาธนบตั รหล่น ล. เห็นเก็บเอาไปข.ทราบจึงไปทวงถาม
จาก ล. ล. ปฏิเสธ ล. ผดิ ลกั ทรัพยเ์ มื่อ ล. ลกั ทรัพยแ์ ลว้ ล. ส่งธนบตั รใหว้ รรคไปซ่อน วรรคผิดฐาน
รับของโจร
คาพิพากษาฎีกาที่ 2769/ 2534 ผ. ลืมถงุ กระดาษใส่เงินไวท้ ่ีร้านล.หลงั จากน้นั 10 นาที
ผ. นึกไดว้ า่ ลืมรับกลบั มา ความครอบครองในถุงกระดาษน้นั ยงั อยกู่ บั ผ. เมื่อ ล. เอาไปยอ่ มเป็น
ความผิดฐานลกั ทรัพย์
2. การเอาไปตอ้ งมีการทาใหท้ รัพยเ์ คล่ือนท่ี
การเคลื่อนท่ีแมแ้ ต่เพียงเลก็ นอ้ ยโดยเคล่ือนท่ีทุกจุดก็เป็นความผดิ ลกั ทรัพยส์ าเร็จ (เกียรติ
ขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 78) (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 8, หนา้ 295)

398

คาพิพากษาฎีกาท่ี 3935/2553 จาเลยมีเจตนาทจุ ริตที่จะเอาสุราตา่ งประเทศของผเู้ สียหาย
ไปต้งั แต่ตน้ การที่จาเลยเอาสุราต่างประเทศใส่ในลงั น้าปลาแลว้ นาไปชาระเงินกบั พนกั งาน
แคชเชียร์ของผเู้ สียหายเทา่ กบั ราคาน้าปลา เป็นเพยี งกลอุบายของจาเลยเพื่อเอาสุราต่างประเทศของ
ผเู้ สียหายไปโดยทจุ ริตเทา่ น้นั โดยพนกั งานแคชเชียร์ซ่ึงเป็นตวั แทนของผเู้ สียหายมิไดม้ ีเจตนาส่ง
มอบการครอบครองสุราต่างประเทศใหแ้ ก่จาเลย การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผิดฐานลกั ทรัพย์
หาใช่เป็ นความผิดฐานฉ้อโกงไม่

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 413/2552 จาเลยยงั มิไดพ้ าเตาอบไฟฟ้าของผเู้ สียหายออกไปพน้ นอก
หา้ งสรรพสินคา้ ของผเู้ สียหาย แต่ก็ไดเ้ คล่ือนยา้ ยเตาอบไฟฟ้าออกจากจุดที่ผเู้ สียหายเก็บหรือวาง
ทรัพยน์ ้นั ไว้ ท้งั ยงั ผา่ นจุดท่ีลูกคา้ จะตอ้ งชาระค่าสินคา้ แก่พนกั งานเก็บเงินไปแลว้ จึงถือไดว้ า่ จาเลย
พาทรัพยข์ องผเู้ สียหายเคลื่อนท่ีไปแลว้ โดยมีเจตนาทุจริต การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผดิ
สาเร็จ

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3463/2554 การท่ีจาเลยไปนง่ั คร่อมบนรถจกั รยานยนตข์ องผเู้ สียหาย
เป็นการลงมือกระทาความผิดฐานลกั ทรัพยแ์ ลว้ แมจ้ าเลยจะสตาร์ทเคร่ืองดว้ ยเทา้ ไม่ติดและตอ่ สาย
ตรงไม่สาเร็จ แต่จาเลยก็ไดพ้ ารถเคลื่อนที่ไปจากท่ีจอดไว้ 5 ถึง 10 เมตร เป็นการพาทรัพยเ์ คลื่อนที่
ไปไดแ้ ลว้ การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผิดสาเร็จฐานลกั ทรัพย์

บางกรณีทรัพยเ์ คลื่อนท่ีทุกจุดแต่ศาลฎีกาวา่ เป็นข้นั พยายามเนื่องจากมีหลกั อยวู่ า่
แมท้ รัพยเ์ คล่ือนท่ีแลว้ ก็ตามถา้ ผเู้ อาไปยงั ไม่มีอานาจเหนือทรัพยน์ ้นั ๆ เพราะยงั อยใู่ นข้นั ตอนของ
กระบวนการแยกทรัพยอ์ อกจากส่ิงท่ีมนั ติดอยยู่ งั ไม่มีการเอาไปสาเร็จจึงเป็นความผิดข้นั พยายาม

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1889/2494 จาเลยใชเ้ คร่ืองมือตดั ลวดร้อยโซ่ลา่ มเรือโดยมีเจตนาจะลกั
เรือแต่ภรรยาเจา้ ของเรือรู้ตวั ก่อน จาเลยจึงเอาเรือไปไม่ไดเ้ ป็นพยายามลกั ทรัพย์

ข้อสังเกต การตดั โซ่ที่ลากเรือเป็นการแยกตวั เรือออก จากโซ่
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 273/2527 จาเลยตดั สร้อยคอของบุตรผเู้ สียหายขาดตกลงพ้ืนยงั มิได้
ยดึ ถือเอาสร้อยก็มีคนบอกใหผ้ เู้ สียหายรู้จะถือวา่ จาเลยเอาสร้อยน้นั ยงั ไมไ่ ดจ้ าเลยจึงผดิ ฐานพยายาม
ลกั ทรัพยเ์ ท่าน้นั
การตดั สร้อยเป็นการแยกทรัพยอ์ อกจากคอเม่ือตกพ้นื ยงั ไมม่ ีการเขา้ ไป ขยบั ทรัพยอ์ ีก
การกระทาของจาเลยจึงเป็นเพยี งแค่ข้นั พยายาม
คาพิพากษาฎีกาที่ 287/2510 คนร้ายปลดโคออกจากเกวยี นแต่หลงั จากปลดแลว้ ยงั ไม่ได้
ขยบั โคอีกคร้ังการกระทาจึงเป็นแค่ข้นั พยายาม แตถ่ า้ คนร้ายประสงคจ์ ะลกั ท้งั โคและเกวียน เพียงทา
ใหโ้ คและเกวยี นเคลื่อนท่ีไปจากจุดท่ีอยกู่ เ็ ป็นลกั ทรัพยส์ าเร็จ

ประสงคจ์ ะลกั นก และกรงแคเ่ พียงปลดกรงลงก็เป็นลกั ทรัพยส์ าเร็จ

399

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1682/2500 จาเลยลว้ งกระเป๋ าไดธ้ นบตั รออกมาแตห่ ล่นลงท่ีเทา้ เจา้
ทรัพยถ์ ือเป็นความผดิ สาเร็จเพราะหลงั จากพน้ จากกระเป๋ าทรัพยน์ ้นั ก็อยใู่ นสภาพท่ีเอาไปไดแ้ ม้
ทรัพยจ์ ะเคลื่อนท่ีเพียงเลก็ นอ้ ยก็เป็นความผิดสาเร็จ

ถา้ จาเลยยงั ลว้ งทาธนบตั รไมพ่ น้ กระเป๋ าเจา้ ทรัพยร์ ู้ตวั ก่อนข้นั ตอนจึงอยใู่ นระหวา่ งที่จะ
เอาเงินจึงเป็นเพียงการแยกเอาทรัพยอ์ อกมาเทา่ น้นั การกระทาจึงเป็นแค่ข้นั พยายาม

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1013/2468 จาเลยฟันทลายมะพร้าวร่วงลงมา 15 ลกู แต่เจา้ ของเห็น
เสียก่อนการกระทาของจาเลยถึงจะแยกตวั ทรัพยอ์ อกแตย่ งั ไมม่ ีการขยบั ใหท้ รัพยน์ ้นั เคล่ือนท่ีอีก
คร้ัง จึงเป็นแค่พยายามลกั ทรัพย์

ขอ้ เทจ็ จริงตามคาพิพากษาฎีกาน้ี คอื ฟันทลายมะพร้าว เป็นการแยกตวั ทรัพยอ์ อกจากตน้
มะพร้าว แต่ยงั ไม่ไดพ้ ามะพร้าวเคลื่อนที่ไป จึงผดิ แคพ่ ยายาม ซ่ึงจะตา่ งจากคาพิพากษาฎีกาท่ี
115/2484 กล่าวคือมีการแยกมะพร้าวจากตน้ แลว้ พามะพร้าวเคล่ือนที่โดยผกู ไวก้ บั ทางมะพร้าวแลว้
จึงเป็นความผิดฐานลกั ทรัพยส์ าเร็จ (เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 72)

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 115/2484 จาเลยตดั มะพร้าวจากตน้ หลน่ ลงมาแลว้ ผกู ติดกบั
ทางมะพร้าว เจา้ ทรัพยเ์ ห็นจาเลยจึงหนีไปถือวา่ ลกั ทรัพยส์ าเร็จเพราะมีการแยกทรัพย์ และเอามาผกู
ติดไวก้ บั ทางมะพร้าว ทรัพยเ์ คล่ือนที่แลว้ การกระทากเ็ ป็นความผิดสาเร็จ

คาพิพากษาฎีกาที่ 6086/2546 จาเลยกบั พวกร่วมกนั ลกั หมอ้ แปลงไฟฟ้าโดยตดั ลวดใช้
เชือกผกู หมอ้ แปลงลงมาจากเสาไฟเม่ือหมอ้ แปลงเคล่ือนที่จากจุดที่ติดต้งั เดิมมาอยบู่ นพ้ืนดินถือวา่
เป็นการเอาทรัพยไ์ ปผิดลกั ทรัพยส์ าเร็จแลว้ แมจ้ าเลยจะยงั ไมท่ นั เอาข้ึนรถกระบะกต็ ามกรณีน้ีหาใช่
เป็นเพยี งพยายามลกั ทรัพยไ์ ม่

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 7053/2545 หมูน้าหนกั 200 กิโลกรัมปล่อยไวใ้ นวดั อิสระจาเลยที่ 1
และพวกกาลงั ช่วยกนั ดึงและดนั หมเู ขา้ ซองแต่หมยู งั ไมไ่ ดเ้ ขา้ และนาข้ึนรถไม่ได้ จาเลยท่ี 1
และพวกยงั ไม่สามารถเอาหมูไปไดซ้ ่ึงเป็นการกระทาท่ียงั ไมบ่ รรลุผลซ่ึงผดิ ฐานพยายามลกั ทรัพย์
โดยใชย้ านพาหนะเท่าน้นั

อาจารยไ์ กรฤกษ์ เกษมสันตไ์ มเ่ ห็นดว้ ยเพราะหมมู ีการเคลื่อนท่ีทกุ จุดแลว้ ความผิดสาเร็จ
ต้งั แต่เอาทรัพยเ์ คลื่อนท่ีแลว้ แต่ถา้ หมอู ยใู่ นซองหรือถูกล่ามอยหู่ ากจาเลยเอาหมอู อกจากซองแต่ยงั
ไมพ่ น้ หรือเพียงแต่ตดั โซ่ท่ีลา่ มขาดแต่ยงั ไม่ไดข้ ยบั หมูหลงั จากตดั โซ่เสร็จเช่นน้ียอ่ มเป็นพยายามลกั
ทรัพย(์ ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เล่ม 8, หนา้ 298)
3. แนวฎีกาการลกั ทรัพยน์ ้นั ตอ้ งเป็นการเอาไปในลกั ษณะตดั กรรมสิทธ์ิหากเป็นเพยี งการเอาไป
ชวั่ คราวบางฎีกาวา่ ไม่เป็นความผิดฐานลกั ทรัพยเ์ พราะขาดเจตนาทุจริต

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3333/2545 พนกั งานของผเู้ สียหายนาคอมพิวเตอร์ไปเกบ็ ไวท้ า้ ย
กระโปรงรถที่ผเู้ สียหายใหจ้ าเลยนาไปใชง้ านโดยจาเลยไม่ทราบมาก่อน ผเู้ สียหายไมไ่ ดส้ ละการ
ครอบครองคอมพวิ เตอร์ยงั อยใู่ นความยดึ ถือของผเู้ สียหายและจาเลยควรรู้วา่ ผเู้ สียหายจะติดตาม

400

เอาคืน การท่ีจาเลยยอมให้ ณ. นาคอมพวิ เตอร์ไปจากการครอบครองของผเู้ สียหายเพือ่ แสวงหา
ประโยชนท์ ี่มิควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายสาหรับตนเองหรือของผอู้ ื่นผิดฐานลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1002/2535 จาเลยนารถออกจากหา้ ง (ผเู้ สียหาย) ไปใชป้ ระโยชน์
ส่วนตวั ที่ตา่ งจงั หวดั แต่รถเสียระหวา่ งทางถา้ รถไมเ่ สียจาเลยกน็ ารถมาคนื ใหผ้ เู้ สียหายไดก้ รณีน้ีเป็น
การเอาไปชว่ั คราวเทา่ น้นั มิไดต้ ดั กรรมสิทธ์ิของผูเ้ สียหายตลอดไปจึงไม่ใช่เป็นการกระทาท่ีถือวา่
เอาทรัพยข์ องผเู้ สียหายไปอนั จะผิดฐานลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาที่ 533/2521 จาเลยเอาไมท้ ่ีปพู ้ืนเรือนของโจทกไ์ ป 8 แผน่ เพ่อื ใชจ้ ดั งาน
ศพชว่ั คราวมิไดเ้ จตนาเอาไปเลยจาเลยไม่ผิดลกั ทรัพย์

คาวา่ ทรัพยน์ ้นั เป็นของผอู้ ื่นหรือผอู้ ่ืนเป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์ิรวมอยดู่ ว้ ย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3142/2557 แมจ้ าเลยและผเู้ สียหายเป็นเจา้ ของรวมในสวนยางพาราที่เกิดเหตุ แต่
ก่อนเกิดเหตุจาเลยยอมใหผ้ เู้ สียหายครอบครองและไดป้ ระโยชน์เพียงผเู้ ดียว การท่ีจาเลยจา้ ง ส. เขา้
ไปกรีดยางพาราจะเอาน้ายางพาราไปเพียงผเู้ ดียว จึงเป็นการแสวงหาประโยชนท์ ี่มิควรไดโ้ ดยชอบ
ดว้ ยกฎหมายสาหรับตนเอง ยอ่ มเป็นการทุจริตแลว้ เมื่อน้ายางพาราท่ีกรีดยงั อยใู่ นถว้ ยรองน้ายางยงั
ไมไ่ ดถ้ ูกนาไป เป็นเพยี งพยายามกระทาความผดิ ฐานลกั ทรัพย์

ตามคาพพิ ากษาฎีกาน้ี มีขอ้ สงั เกตวา่ ในความผิดฐานลกั ทรัพยแ์ มท้ รัพยน์ ้นั ผกู้ ระทาเป็น
เจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ยก็ตอ้ งรับผิดฐานลกั ทรัพย์ ตามมาตรา 334 เม่ือลงมือกระทาความผดิ แลว้ แต่ไม่
สามารถเอาไปได้ ผกู้ ระทาความผิดจึงผิดฐานพยายามลกั ทรัพย์

คาวา่ ทรัพยต์ ามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา 137 วตั ถุมีรูปร่าง ซ่ึงการจะเอา
ไปไดต้ อ้ งเป็นทรัพยท์ ี่สามารถมาพาเคล่ือนท่ีไดอ้ นั ไดแ้ ก่สังหาริมทรัพย์

ส่วนอสังหาริมทรัพยเ์ ป็นทรัพยท์ ี่ไม่อาจลกั กนั ไดเ้ วน้ แตจ่ ะถกู แบ่งแยกหรือเปล่ียนแปลง
จากสภาพอสังหาริมทรัพยม์ าเป็นสงั หาริมทรัพยแ์ ลว้ เช่นมีการขดุ ดินจากพ้ืนดินหรือร้ือฝาเรือนแลว้
เอาไปเช่นน้ีผิดลกั ทรัพยเ์ พราะเม่ือแยกสงั หาริมทรัพยอ์ อกจากอสงั หาริมทรัพยแ์ ลว้ ทรัพยน์ ้นั
กลายเป็นสังหาริมทรัพยซ์ ่ึงสามารถเอาไปได(้ ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 8, หนา้ 300)

คาพิพากษาฎีกาท่ี 5422/2541 จาเลยเช่าที่ดินจึงเป็นผเู้ ช่าซ่ึงครอบครองท่ีดินในสภาพ
อสังหาริมทรัพยเ์ ทา่ น้นั การท่ีจาเลยขดุ ดินไปขายซ่ึงเป็นสังหาริมทรัพยซ์ ่ึงผิดลกั ทรัพย์ เพราะดินยงั
อยใู่ นความครอบครองของโจทกร์ ่วมและผเู้ สียหาย

พลงั งานต่าง ๆ ไมน่ ่าจะเป็นสิ่งที่ลกั ไดเ้ พราะทรัพยท์ ่ีถกู ลกั ไดน้ ่าจะเป็นวตั ถทุ ่ีมีรูปร่าง
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 877/2501 กระแสไฟฟ้าเป็นทรัพยท์ ่ีลกั ไดต้ ่างประเทศมีกฎหมาย
บญั ญตั ิไวโ้ ดยเฉพาะแต่กฎหมายไทยยงั ไม่มี
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5354/2539 จาเลยจูนโทรศพั ทม์ ือถือศาลวา่ เป็นการแยง่ ใช้
คลื่นสัญญาณโดยไม่มีสิทธ์ิมิใช่เป็นการเอาทรัพยข์ องผอู้ ่ืนไปโดยทุจริตจึงไม่ผิดลกั ทรัพย์

401

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1880/2542 (ประชุมใหญ่) สญั ญาณโทรศพั ทเ์ ป็นกระแสไฟฟ้าที่แปลง
มาจากเสียงพดู เคล่ือนที่ไปตามสายลวดตวั นาการที่จาเลยลกั สัญญาณโทรศพั ทจ์ ึงเป็นความผิด
เช่นเดียวกนั กบั ลกั กระแสไฟฟ้า

คาพิพากษาฎีกาท่ี 5161/2547 ขอ้ มูลไม่ถือวา่ เป็นวตั ถมุ ีรูปร่างประมวลกฎหมายแพง่
และพาณิชย์ 137 ขอ้ มลู ในแผน่ จึงไม่ถือเป็นทรัพย์ การที่จาเลย copy แผน่ ขอ้ มลู ของโจทกจ์ ึงไม่ผิด
ฐานลกั ทรัพย์

ความผิดฐานลกั ทรัพยม์ ีความประสงคท์ ี่จะลงโทษแก่ผปู้ ระทุษร้ายตอ่ สิทธิครอบครอง
ในทรัพยข์ องผอู้ ื่นเป็นสาคญั

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 321/2510 เจา้ ของรวมคนหน่ึงฟ้องคดีที่ผอู้ ่ืนลกั ทรัพยไ์ ด้
ทรัพยท์ ่ีถูกลกั ทรัพยม์ าตรา 334 ตอ้ งเป็นทรัพยท์ ี่มีเจา้ ของดงั น้นั ตอ้ งพจิ ารณาเร่ืองส่วน
ควบ,อุปกรณ์ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยด์ ว้ ย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1093/2507 โจทกฟ์ ้องหจก. จาเลยท่ี 1 กบั จาเลยท่ี 2 ซ่ึงเป็นผจู้ ดั การ
ขอ้ หาฉอ้ โกงหลอกใหท้ าสัญญาเช่าซ้ือตวั รถยนต์ โจทกต์ ่อตวั ถงั รถยนต์ ศาลวา่ จากกรณีน้ีเป็นเร่ือง
เอาสังหาของผอู้ ่ืนหลายคนรวมกนั เขา้ เป็นรถยนตช์ นิดมีตวั ถงั เป็นส่วนควบ เม่ือตวั รถเป็นทรัพย์
ประธานประมวลกฎหมายแพง่ พาณิชย์ 1316 ส่วนควบยอ่ มเป็นทรัพยข์ องเจา้ ของทรัพยป์ ระธาน
โจทกห์ าใช่เป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ยไม่ เม่ือผใู้ หเ้ ช่าซ้ือเอารถยนตน์ ้นั ไปจึงหาใช่เป็นการเอาทรัพยท์ ่ี
ผอู้ ื่นเป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ยไปไม่
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5422/2541 เช็คของ ส. ออกเพอื่ ชาระคา่ ซ่อมเครื่องถ่ายเอกสาร
เมื่อยงั ไมไ่ ดส้ ่งมอบให้โจทกโ์ จทกจ์ ึงยงั ไมเ่ ป็นผทู้ รงเชค็ ตอ้ งถือวา่ กรรมสิทธ์ิในเช็คอยู่ในความ
ครอบครองของ ส. จาเลยเป็นพนกั งานของ ส. ให้ น. ลงช่ือวา่ ไดร้ ับเช็คแลว้ แต่จาเลยยงั ถือเช็ค
ไวใ้ นไวใ้ บส่งมอบให้ น. ตวั แทนโจทกจ์ ึงยงั ไมถ่ ึอวา่ การครอบครองในเช็คไดผ้ า่ นมือไปยงั โจทก์
การกระทาของจาเลยจึงไม่ใช่เป็นการเอาทรัพยข์ องผอู้ ่ืนเป็นเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ยไปโดยทุจริต
จาเลยไม่ผดิ ลกั ทรัพย์
สิ่งท่ีนามาประกอบ เม่ือเป็นอุปกรณ์ยอ่ มเป็นกรรมสิทธ์ิของเจา้ ของรวมอยดู่ ว้ ยไปโดย
ทุจริต จาเลยไมม่ ีความผดิ ฐานลกั ทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 303/2503 จาเลยขายควายแต่ยงั ไม่ไดจ้ ดทะเบียนจึงเป็นโมฆะ
ตามประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยม์ าตรา 456 เม่ือจาเลยคือผขู้ ายเอาควายกลบั ไปจากผเู้ สียหาย
การกระทาของจาเลยยอ่ มไม่ผดิ ลกั ทรัพย์ เพราะกรรมสิทธ์ิยงั อยทู่ ี่จาเลย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 650/2510 จาเลยจานาสร้อยของตนไวก้ บั ผเู้ สียหายเพ่ือเล่นพนนั
และจาเลยกระชากสร้อยน้นั ไปจากคอผเู้ สียหายไม่เป็นความผดิ ลกั ทรัพยเ์ พราะสร้อยน้นั ยงั เป็นของ
จาเลย (ถือวา่ การชาระหน้ีการพนนั เป็นการชาระหน้ีท่ีไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย)

402

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 613/2540 จาเลยปลอมลายมือช่ือของนายจา้ งในใบคาร้องขอใชบ้ ตั ร
เอทีเอม็ ต่อธนาคารโจทก์ร่วมแลว้ จาเลยลกั บตั รเอทีเอม็ และซองบรรจุรหสั บตั รในช่ือของนายจา้ ง
และไปกดเงินท่ีตูเ้ อทีเอม็ 16 คร้ังจาเลยผดิ ฐานลกั ทรัพยน์ ายจา้ งมาตรา 335 (11) จานวน 17 กระทง
และผิดฐานปลอมเอกสารและใชเ้ อกสารปลอมมาตรา 264, 268 อีกกระทงหน่ึง

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3/2543 จาเลยลกั บตั รเอทีเอม็ แลว้ ไปกดเงินเป็นความผิดฐานลกั บตั ร
และลกั เงินผเู้ สียหายตา่ งกรรมและยงั ผดิ ตาม ป. อาจารยม์ าตรา 188 ตอ้ งลงโทษตามมาตรา 188
ซ่ึงเป็ นบทหนกั

การลกั บตั รเอทีเอม็ นอกจากจะเป็นความผิดลกั ทรัพยแ์ ลว้ ยงั เป็นความผดิ ฐานเอาเอกสาร
ของผอู้ ่ืนไปเสียตามมาตรา 188 ดว้ ย

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1374/2545 ลกั สมุดเงินฝาก แลว้ ปลอมลายมือช่ือในใบถอนเงินจน
เจา้ หนา้ ท่ีธนาคารหลงเช่ือมอบเงินใหเ้ ป็นการกระทากรรมเดียวผดิ กฎหมายหลายบทเพราะเป็นการ
นาสมดุ บญั ชีไปแสดงต่อเจา้ หนา้ ที่ และไดร้ ับเงินมาน้นั เป็นการกระทาท่ีมีเจตนามุง่ หมายเพ่ือใหไ้ ด้
เงินเป็นหลกั จึงหาไดเ้ ป็นความผดิ หลายกรรมตา่ งกนั ไม่ ปัญหาน้ีเป็นขอ้ กฎหมายเก่ียวกบั ความสงบ
แมไ้ มม่ ีคูค่ วามฝ่ายใดฎีกาศาลก็ยกข้ึนวนิ ิจฉยั ไดต้ ามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญามาตรา
195 วรรคสองและมาตรา 225

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1375/2545 รับเช็คของนายจา้ งไปแลว้ ปลอมเช็คไปข้ึนเงินกบั ธนาคาร
เป็นการกระทาความผิดโดยอาศยั เจตนาแยกต่างหากจากกนั การกระทาของจาเลยท่ี 2 เป็นลกั ทรัพย์
นายจา้ งกระทงหน่ึง และปลอมตวั๋ เงินและใชต้ วั๋ เงินปลอมซ่ึงตอ้ งลงโทษฐานใชต้ วั เงินปลอมอีก
กระทงตามมาตรา 268 วรรคสอง
มาตรา 334 ตอ้ งมีเจตนาทุจริต

ตามมาตรา 1 (1) คาวา่ “โดยทจุ ริต” หมายถึงการแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรไดโ้ ดย
ชอบดว้ ยกฎหมายสาหรับตนเองหรือผอู้ ่ืน

การเอาทรัพยข์ องผูอ้ ่ืนไปเพียงชว่ั คราวน้นั ไมใ่ ช่เป็นการเอาทรัพยไ์ ปในลกั ษณะตดั
กรรมสิทธิจึงไม่เป็นความผิดฐานลกั ทรัพยเ์ พราะขาดเจตนาทุจริต

คาพิพากษาฎีกาที่ 1643/2535 จาเลยเอาปื นของผเู้ สียหายไปใชย้ งิ ชูก้ บั ภรรยาดว้ ยความ
บนั ดาลโทสะมิไดม้ ีเจตนาเอาปื นผเู้ สียหายไปเป็นของตนโดยทจุ ริตจึงไม่ผิดลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาที่ 3894/2531 จาเลยกบั ผเู้ สียหายเป็นพ่ีนอ้ งกนั จาเลยเอารถของผเู้ สียหาย
ไปโดยถือวิสาสะและเอาไปแลว้ ไมไ่ ดห้ ลบหนีจาเลยจึงขาดเจตนาทจุ ริตไม่ผิดลกั ทรัพย์

การเอาทรัพยไ์ ปโดยถือวิสาสะ หมายถึง ถือเอาวา่ เจา้ ของคงอนุญาตโดยใหค้ วามคุน้ เคย
เป็นกนั เอง เป็นความเช่ือโดยจริงใจวา่ เจา้ ของคงยนิ ยอมอนุญาตย่อมไม่ผดิ ฐานลกั ทรัพย์ (ไกรฤกษ์
เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 8, หนา้ 306)

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 419/2556 เอาโต๊ะ และเตียงนอนของหลวงไปจากที่พกั ในอาเภอ

403

โดยคิดวา่ เป็นของส่วนตวั ของนายอาเภอท่ียา้ ยไปแลว้ ซ่ึงชอบพอกนั ไมเ่ ป็นการลกั ทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาท่ี 59/2534 ล. กบั พวกจบั ปลาในสระของวดั มาทาอาหารก่อนหนา้ น้นั

เจา้ อาวาสวดั พูดเป็นนยั วา่ ใหใ้ ชข้ องวดั ไดใ้ นกรณีขาดแคลนป็นการถือวสิ าสะคดิ วา่ มีสิทธ์ิทาได้
เทา่ กบั ขาดเจตนาทุจริตไม่ผิดลกั ทรัพย์

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 279/2529 จาเลยกบั ผเู้ สียหายเป็นสามีภรรยากนั แต่อยคู่ นละบา้ นจาเลย
เอารถของผเู้ สียหายไปเพ่ือใหผ้ เู้ สียหายไปพบจาเลยไม่ผดิ ลกั ทรัพยเ์ พราะจาเลยไมไ่ ดเ้ อารถไปโดย
เจตนาทจุ ริต

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1147/2540 จาเลยเอาวิทยผุ เู้ สียหายไปขณะท่ีผเู้ สียหายนอนหลบั แมจ้ ะ
รู้จกั กนั แต่ก็ไมส่ นิทสนมกนั แสดงใหเ้ ห็นวา่ จาเลยเอาวทิ ยไุ ปเพ่ือแสดงผแู้ สวงหาประโยชน์อนั มิ
ควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายจาเลยผิดลกั ทรัพย์

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 216/2509 จาเลยยอมใหผ้ เู้ สียหายร่วมประเวณีโดยมีสิ่งตอบแทนแต่
ผเู้ สียหายผดิ ขอ้ ตกลง จึงเอาปื นของผเู้ สียหายไปทิง้ เพราะกลวั ผเู้ สียหายจะยงิ เท่ากบั ไม่เอาไปเป็น
ประโยชนส์ ่วนตนหรือของผอู้ ื่นเท่ากบั ไมม่ ีเจตนา

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1425/2517 จาเลยไปตามภรรยาท่ีบา้ นผเู้ สียหายแลว้ ไม่พบจึงหยบิ วทิ ยุ
ผเู้ สียหายไปแลว้ บอกวา่ ถา้ อยากไดว้ ทิ ยคุ ืนใหเ้ อามาคืนแต่เม่ือจาเลยไดย้ นิ เพลง “เมียหายตอ้ งตาม
หา” จึงกระทืบวทิ ยทุ ิง้ จาเลยไมม่ ีเจตนาทุจริตไมผ่ ดิ ลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาท่ี 2188/2545 จาเลยเอาทรัพยผ์ เู้ สียหายไปเพราะไมต่ อ้ งการใหผ้ เู้ สียหาย
นาไปขายเล่นการพนนั จาเลยหาไดม้ ีเจตนาเอาทรัพยไ์ ปเพอ่ื แสวงหาประโยชนท์ ่ีมิควรไดโ้ ดยชอบ
ดว้ ยกฎหมายสาหรับจาเลยหรือผอู้ ่ืนจาเลยจึงไมผ่ ดิ ฐานชิงทรัพยผ์ ดิ เฉพาะทาร้ายร่างกายผอู้ ่ืนจน
ไดร้ ับอนั ตรายแก่กายตามมาตรา 295

การบงั คบั ชาระหน้ีตอ้ งเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คือ หา้ มบงั คบั
ชาระหน้ีเกินกวา่ ส่วนท่ีตนจะพงึ ไดห้ ากบงั คบั ชาระหน้ีเกินสัดส่วนก็ถือเป็นการแสวงหาประโยชน์
มิควรไดโ้ ดยชอบผิดฐานลกั ทรัพย์

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2041/2515 น. คา้ งชาระหน้ีจาเลยอยู่ 30,000 บาทจาเลยไปทวงที่บา้ น
ไมม่ ีคนอยจู่ ึงเอาควายกบั เกวียนของ น. ไปเป็นเงิน 7,500 บาท การเอาทรัพยข์ อง น. ไปเพอื่ ใชช้ าระ
หน้ี และทรัพยน์ ้นั ไมเ่ กินจานวนหน้ีถือวา่ จาเลยไมม่ ีเจตนาทุจริตไมผ่ ิดลกั ทรัพย์

แมก้ ารกระทาของจาเลยจะเป็นการกระทาที่ไม่ชอบดว้ ยการบงั คบั เพ่อื ชาระหน้ีแตจ่ าเลย
ไมไ่ ดม้ ีเจตนาร้ายหรือประสงคท์ ี่จะเอาทรัพยข์ อง น. ไปเพือ่ แสวงหาประโยชน์อนั มิควรไดโ้ ดยชอบ
ดว้ ยกฎหมาย

คาพิพากษาฎีกาท่ี 251/2513 ผเู้ สียหายไมช่ าระค่าเช่านา 108 ถงั จาเลยจึงตวงขา้ วของ
ผเู้ สียหายไปเทา่ กบั จานวนค่าเช่านาที่จาเลยมีสิทธ์ิจะไดร้ ับจาเลยจึงไมม่ ีเจตนาทุจริต

404

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1715/2534 จาเลยเอาตเู้ ยน็ ผเู้ สียหายไปเพื่อใหผ้ เู้ สียหายติดต่อชาระหน้ี
ที่คา้ งต่อกนั จึงไม่เป็นการเอาทรัพยไ์ ปโดยทจุ ริตจานวนไมผ่ ดิ ลกั ทรัพย์

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2549/2532 เอาเคร่ืองสูบน้าเขาไปเพ่ือต่อรองในการชาระค่าจา้ งของลกู
ชายตน ศาลวา่ จาเลยเอาทรัพยข์ องผเู้ สียหายไปโดยพลการเท่ากบั แสวงหาประโยชน์อนั มิควรไดโ้ ดย
ชอบดว้ ยกฎหมายผดิ ลกั ทรัพย์

อาจารยไ์ กรฤกษ์ เกษมสันตเ์ ห็นวา่ การเอาไปตอ้ งเป็นลกั ษณะตดั กรรมสิทธ์ิเม่ือการเอา
ไปเป็นการยดึ ถือไวช้ ว่ั คราวเป็นขอ้ ต่อรองในการที่จะใหเ้ ขาชาระคา่ แรงกไ็ ม่ใช่เป็นการเอาไปใน
ลกั ษณะตดั กรรมสิทธ์ิจะวา่ เป็นลกั ทรัพยไ์ มไ่ ด้ (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 8, หนา้ 309)

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3670/2542 ผเู้ สียหายฟ้องจาเลยเพ่อื ขอแบ่งนาและขา้ วคดีอยูร่ ะหวา่ ง
การพจิ ารณาของศาลผเู้ สียหายเอาขา้ วไปชาระหน้ีเจา้ หน้ีของตน จาเลยจึงปิ ดยงุ้ ขา้ วเพ่อื รักษา
ผลประโยชนใ์ นทรัพยส์ ินพพิ าท พฤติการณ์ของจาเลยขาดเจตนาทุจริตไม่ผิดลกั ทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาที่ 200/2544 จาเลยขายรถใหโ้ จทก์โจทกช์ าระเงินบางส่วนและยงั คา้ งอีก
จาเลยจึงไปยดึ รถคืนการกระทาของจาเลยเป็นการใชอ้ านาจตามสิทธิของเจา้ หน้ีโดยพละการ หาได้
มีเจตนาลกั เอาไปโดยทจุ ริตไม่

คาพิพากษาฎีกาท่ี 565 /2542 จาเลยขายทรายแกว้ ที่ขดุ ไดจ้ ากท่ีดินของโจทกร์ ่วมเป็น
การแสวงหาประโยชนท์ ี่มิควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายสาหรับตนเองเทา่ กบั มีเจตนาทุจริตมิใช่การ
กระทาตามสญั ญาโดยอาศยั สิทธิชอบธรรม เพ่ือผลประโยชน์ของคูส่ ัญญาอนั เป็นเร่ืองทางแพง่ แต่
เป็นความผดิ ลกั ทรัพยม์ าตรา 334 (โจทก์ร่วมทาสัญญานายหนา้ ขายที่ดินกบั จาเลย)

คาพิพากษาฎีกาที่ 2291/2545 จาเลยยอมยกบา้ นและท่ีดินท่ีเกิดเหตุใหผ้ เู้ สียหายตาม
บนั ทึกการหยา่ การที่จาเลยใชข้ วานฟันประตูความเสียหายเกิดจากกระทาโดยรู้สานึกและประสงค์
ต่อผลตามเจตนาของจาเลยจาเลยผิดฐานทาใหเ้ สียทรัพยแ์ ละบกุ รุกและลกั ทรัพยเ์ พราะเขา้ ไปหยบิ
เงิน 300 บาทดว้ ย

ความผิดฐานลกั ทรัพยม์ าตรา 334 คือ มีเจตนาที่จะแยง่ การครอบครอง
ความผดิ ฐานทาใหเ้ สียทรัพยม์ าตรา 352 คือ เจตนาเพื่อทาลายทรัพยน์ ้นั

มาตรา 335 ลกั ทรัพย์เหตุฉกรรจ์
ตอ้ งผา่ นองคป์ ระกอบของมาตรา 334 มาก่อนแลว้ ประกอบดว้ ย (1) ถึง (12)
มาตรา 335 (1) ลกั ทรัพยใ์ นเวลากลางคนื

ตามมาตรา 1 (11) คาวา่ “กลางคืน” หมายถึง เวลาระหวา่ งพระอาทิตยต์ กและพระอาทิตย์
ข้ึนดูที่ดวงอาทิตยไ์ ม่ใช่แสงอาทิตย,์ ดูบริเวณขอบฟ้า คาวา่ พระอาทิตยต์ ก คือ ตกลบั จากขอบฟ้า
(เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 259)

คาวา่ “ตะวนั พ่ึงตกดิน” คาวา่ “ตะวนั ตกดิน” ศาลวา่ เป็นเวลากลางคืน

405

มาตรา 335 (2) เป็นเหตุฉกรรจเ์ กี่ยวกบั สถานที่
เพลิงไหม้ การระเบิด อทุ กภยั อุบตั ิเหตุโดยรถไฟ ยานพาหนะอ่ืนท่ีประชาชนโดยสาร

ทกุ ขภยั จลาจล
ทรัพยท์ ่ีถูกลกั ไปตามมาตรา 335 (2) น้ีอาจจะไม่ใช่ทรัพยข์ องผปู้ ระสบภยั กไ็ ด้ อาจจะ

เป็นทรัพยข์ องผมู้ ามุงดูเหตุการณ์กไ็ ด้ เพราะกฎหมายตอ้ งการลงโทษแก่บคุ คลผฉู้ วยโอกาสจาก
ความเดือดร้อนของคนอ่ืน (เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 263)

คาพิพากษาฎีกาท่ี 402/2546 การลกั ทรัพยใ์ นท่ีหรือบริเวณที่มีอุบตั ิเหตุตอ้ งเป็นอบุ ตั ิเหตุ
ท่ีเกิดแก่รถไฟหรือยานพานะท่ีประชาชนโดยสารเท่าน้นั ตามคาฟ้องโจทกไ์ มไ่ ดบ้ รรยายถึง
ขอ้ เทจ็ จริงดงั กล่าวแมจ้ าเลยจะใหก้ ารรับสารภาพกไ็ ม่อาจลงโทษจาเลยหนกั ข้นึ ตามประมวล
กฎหมายอาญามาตรา 335 (2) วรรคแรกได้

มาตรา 335 (3) ผา่ นสิ่งกีดก้นั เขา้ ทางประตบู า้ น,หนา้ ตา่ งร้ัวบา้ น
การเขา้ ทาอนั ตรายสิ่งกีดก้นั มาตรา 335 (3) หมายถึง ตอนเขา้ ไปลกั ทรัพยไ์ ม่หมายความ

ถึงตอนกลบั ออกมา
- การตดั โซ่ท่ีคลอ้ งกลอ้ งวิดีโอกบั ตโู้ ชวอ์ อก โดยมีเจตนาจะเอากลอ้ งวดิ ีโอ เป็นการลกั

ทรัพยโ์ ดยทาอนั ตรายสิ่งกีดก้นั สาหรับคมุ้ ครองทรัพย์ ตามมาตรา 335 (3)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 8993/2550 พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ให้

ความหมายคาวา่ "กีดก้นั " วา่ ขดั ขวางไว้ การท่ีผเู้ สียหายใชโ้ ซ่คลอ้ งยดึ กลอ้ งวิดีโอของกลางกบั ตู้
โชว์ จึงเป็นการขดั ขวางไมใ่ หม้ ีการนากลอ้ งวิดีโอของกลางไปอนั มีลกั ษณะเป็นสิ่งกีดก้นั สาหรับ
คุม้ ครองกลอ้ งวิดีโอของกลางเหมือนเช่นร้ัว หรือลูกกรงหนา้ ตา่ ง ประตูบา้ น การท่ีจาเลยตดั โซ่
คลอ้ งที่ยดึ กลอ้ งวิดีโอของกลางกบั ตโู้ ชวจ์ นขาดออกแลว้ ลกั กลอ้ งวดิ ีโอของกลางไปจึงเป็นการลกั
ทรัพยโ์ ดยทาอนั ตรายส่ิงกีดก้นั สาหรับคุม้ ครองทรัพย์ การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผดิ ตาม
ป.อ. มาตรา 335 (3)

มาตรา 335 (4) คาวา่ “ช่องทางซ่ึงไดท้ าข้นึ โดยไม่ไดก้ าหนดใหเ้ ป็นทางคนเขา้ ”
ไดแ้ ก่ หนา้ ตา่ ง ช่องลม ช่องพ้ืนเรือน ซ่ึงเป็นช่องทางที่มนุษยท์ าข้นึ และมีอยแู่ ลว้

คาวา่ “เขา้ ทางช่องทางซ่ึงผเู้ ป็นใจเปิ ดไวใ้ ห้” เช่น คนใชเ้ ปิ ดหนา้ ต่างไวใ้ หค้ นร้ายลกั
ทรัพยน์ ายจา้ ง (เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 270)

หากเราใชน้ ดั แนะใหค้ นรักเขา้ มาหาดว้ ยเปิ ดหนา้ ต่างไวใ้ หก้ ็ไม่ไดอ้ ยใู่ นความหมาย
มาตรา 335 (4) เพราะไมไ่ ดเ้ ป็นใจใหล้ กั ทรัพย์

406

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 88/2548 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 317 วรรคแรกเพ่อื ใหค้ วาม
คมุ้ ครองอานาจปกครองของบิดามารดาผปู้ กครองหรือผดู้ ูแลท่ีมีตอ่ ผเู้ ยาวม์ ิให้ผใู้ ดพาไป หรือแยก
ออกจากความปกครองดูแลโดยไม่จากดั วา่ จะกระทาดว้ ยวิธีใด และไม่คานึงถึงระยะใกลห้ รือไกล
การท่ีจาเลยอมุ้ ผเู้ สียหายที่ 1 ข้นึ ไปบนบา้ นพาไปหอ้ งนอนแลว้ ชาเราถือวา่ จาเลยแยกสิทธิปกครอง
ของผเู้ สียหายท่ี 2 โดยปราศจากเหตุอนั สมควรการกระทาของจาเลยเป็นการพรากเด็กเพอื่ การ
อนาจารมาตรา 317 วรรคสาม

มาตรา 335 (5) โดยแปลงตวั หรือปลอมตวั เป็นผอู้ ่ืน มอมหนา้ หรือทาดว้ ยประการอื่นเพื่อไม่ใหเ้ ห็น
หรือจาหนา้ ได้

คาวา่ “แปลงตวั ” หมายถึง ทาใหห้ นา้ ตาของตวั เองเปล่ียนไปจากเดิมแตไ่ ม่จาเป็นจะตอ้ ง
เพื่อใหเ้ หมือนใคร เช่น เติมหนวด เอาวิกปลอมมาใส่ แตง่ เป็นกระเทย (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560,
เล่ม 9, หนา้ 246)

คาวา่ “ปลอมตวั ” หมายถึง ปลอมตวั เป็นคนอ่ืน ใหค้ นอื่นเขา้ ใจผดิ
การแสดงตวั เป็นคนงานของบริษทั มาทางานตามหนา้ ท่ีซ่ึงไม่เป็นความจริงแลว้ ถือ
โอกาสลกั ทรัพยเ์ ป็นการปลอมตนเป็นคนอ่ืนแลว้
คาวา่ “มอมหนา้ ” หมายถึง เอาเขม่ามาทาหนา้ เอาสีมาทาหนา้ ทาแป้ง (เกียรติขจร วจั นะ
สวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 272)
มาตรา 335 (6) โดยลวงวา่ เป็นเจา้ พนกั งาน เพื่อนหลอกวา่ เป็นตารวจแลว้ ลกั ทรัพยเ์ จา้ ของบา้ นไป ผู้
ถูกหลอกจะเช่ือหรือไม่เช่ือไมใ่ ช่สาระสาคญั (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 9, หนา้ 247)

มาตรา 335 (7) โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทาความผิดกนั ต้งั แต่ 2 คนข้นึ ไป เช่น อาวุธโดยสภาพ
เช่นปื นดาบ หอก มีด

ตามมาตรา 1 (5) อาวธุ มีสองความหมายคือ อาวุธโดยสภาพกบั สิ่งซ่ึงไมเ่ ป็นอาวธุ โดย
สภาพ

ส่ิงท่ีไม่ใช่อาวุธโดยสภาพแต่มีเจตนาจะใชป้ ระทุษร้ายร่างกายอยา่ งอาวธุ แมว้ ตั ถุ
บางอยา่ งจะใชท้ าอนั ตรายบคุ คลถึงสาหสั แตล่ กั ษณะหรือวธิ ีการที่ใชเ้ ทียบไมไ่ ดก้ บั อาวธุ โดยสภาพ
กไ็ มถ่ ือวา่ เป็นอาวุธ เช่น กอ้ นหินทุ่มเพ่ือลกั ทรัพย์ ขบั รถยนตช์ นเพื่อลกั ทรัพย์ ใชเ้ ชือกรัดคอเหลา่ น้ี
ไม่ไดเ้ ป็นการใชอ้ าวธุ (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เล่ม 9, หนา้ 248)

คาพิพากษาฎีกาที่ 730/2509 ใชม้ ีดหรือความลกั รถเป็นการลกั ทรัพยโ์ ดยมีอาวธุ
คาพิพากษาฎีกาท่ี 335/2493 จาเลยถอ่ เรือไปพบเป็ดใชไ้ มถ้ อ่ ตีเป็ดตายแลว้ ลกั เอาเป็ดไป
ไมเ่ ป็นลกั ทรัพยโ์ ดยมีอาวธุ แต่ถา้ เอาปื นไปดว้ ยเช่นน้ีเป็นลกั ทรัพยโ์ ดยมีอาวธุ เพราะปื นโดยสภาพ
เป็นอาวธุ จึงไม่ตอ้ งดูเจตนาวา่ มีอาวธุ ปื นเพ่ืออะไรอีก

407

กรณีมีอาวุธตอ้ งมีอยรู่ ะหวา่ งลกั ทรัพยห์ รือไดอ้ าวุธจากสถานที่ลกั ทรัพยน์ ้นั เอง
การมีหรือใชอ้ าวธุ ปื นนอกจากจะเป็นเหตุรับโทษหนกั ตามมาตรา 335 (7) แลว้ ยงั ตอ้ งรับ
โทษหนกั ข้นึ ตามมาตรา 336 ทวอิ ีกดว้ ย
คาวา่ “ร่วมกระทาความผดิ ต้งั แต่ 2 คนข้ึนไป” หมายถึง ตอ้ งเขา้ ลกั ษณะตวั การไม่รวมถึง
ผใู้ ชห้ รือผสู้ นบั สนุนตามมาตรา 84 หรือมาตรา 86

มาตรา 335 (8) ในเคหสถาน สถานที่ราชการ สถานที่ท่ีจดั ไวเ้ พื่อใหบ้ ริการสาธารณะที่ตนเขา้ ไป
โดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาตหรือซ่อนตวั อยใู่ นสถานที่น้นั

คาพิพากษาฎีกา 996/2492 (ประชุมใหญ)่ การเขา้ ไปลกั ทรัพยใ์ นเคหสถานมาตรา 335 (8)
ตอ้ งเขา้ ไปท้งั ตวั ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหน่ึงของร่างกาย

เพราะวา่ เคหสถานมาตรา 1 (4) หมายถึง ที่ซ่ึงใชเ้ ป็นที่อยอู่ าศยั เช่น โรง เรือ แพซ่ึง
คนอยอู่ าศยั และใหห้ มายความรวมถึงของที่ซ่ึงใชเ้ ป็นท่ีอยอู่ าศยั น้นั ดว้ ยจะมีร้ัวลอ้ มหรือไม่ก็ตาม

คาวา่ เคหสถานมาตรา 335 (8) มีความหมายกวา้ งกวา่ คาวา่ “โรงเรือน” ตามมาตรา 218 (1)
ในความผิดฐานวางเพลิงเผาโรงเรือน (เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 291)

เกวยี น ที่พกั คนงานโรงภาพยนตร์ท่ีมีคนอยปู่ ระจา กฏุ ิพระเหล่าน้ีเป็นเคหสถาน
คาพิพากษาฎีกาที่ 393/2509 (ประชุมใหญ)่ เลา้ ไก่ห่างตวั เรือน 1 เมตรแตย่ งั อยใู่ นบริเวณ

ที่ใชเ้ ป็นท่ีอยอู่ าศยั จาเลยลกั ไก่ในเลา้ เป็นลกั ทรัพยใ์ นเคหสถาน
คาพิพากษาฎีกาที่ 513/2534 ใตถ้ นุ เรือนก็เป็นเคหสถาน
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 772/2534 ลกั ทรัพยใ์ นเคหสถานเป็นความผิดที่ร่วมกระทาความผดิ

ฐานบกุ รุกตามมาตรา 364 อยู่ดว้ ยในตวั แมฟ้ ้องขอใหล้ งโทษลกั ทรัพยใ์ นเคหสถานแต่ไดค้ วามวา่
เป็นบกุ รุกลงโทษฐานบุกรุกได้

มาตรา 335 (8) ตอ้ งเป็นเขา้ ไปโดยไม่ไดร้ ับอนุญาต
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1076/2526 เจา้ ของมอบกญุ แจบา้ นและหอ้ งนอนใหป้ .กบั พวกเขา้ ไป

เดินสายไฟ พวกของ ป. ลกั ทรัพยท์ ี่อยใู่ นหอ้ งนอนเหตุที่เขา้ ไปโดยไดร้ ับอนุญาตไมผ่ ิดตามมาตรา
335 (8)

คาพิพากษาฎีกาที่ 193/2531 แมจ้ ะใชเ้ ป็นท่ีอยอู่ าศยั แต่อีกเวลาหน่ึงทาเป็นร้านคา้ ใคร
กย็ อ่ มเขา้ ไปไดไ้ ม่เป็นการลกั ทรัพยใ์ นเคหสถาน

คาพิพากษาฎีกาท่ี 6825/2538 จาเลยไดย้ นิ เสียงร้องครวญครางเจ็บปวดจึงเขา้ ไปช่วยเหลือ
ถือไดว้ า่ เขา้ ไปโดยมีเหตอุ นั ควรจะไดร้ ับอนุญาตโดยปริยาย การท่ีจาเลยลกั ทรัพยจ์ ึงเขา้ มาตรา 335
(1) วรรคแรกไมเ่ ป็นความผิดตามมาตรา 335 (8)

408

ซ่อนตวั อยใู่ นสถานท่ีน้นั หมายถึง เขา้ ไปแมจ้ ะโดยไดร้ ับอนุญาตแตถ่ ือโอกาสไมก่ ลบั
ออกมาเช่นแอบอยู่

สถานท่ีราชการ หมายถึง ท่ีซ่ึงใชป้ ฏิบตั ิราชการ
- โรงอาหารมหาวิทยาลยั ไมใ่ ช่สถานท่ีราชการเพราะไมใ่ ช่สถานที่ไวป้ ฏิบตั ิราชการ
ของขา้ ราชการในมหาวิทยาลยั
คาพิพากษาฎีกาที่ 2845/2543 เขา้ ไปลกั ทรัพยใ์ นโรงอาหารมหาวิทยาลยั ไมใ่ ช่กรณี
มาตรา 335 (8) เพราะโรงอาหารอยนู่ อกบริเวณท่ีปฏิบตั ิราชการ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1243/2545 สานกั งานประปาสงขลาเป็นรัฐวิสาหกิจ ซ่ึงมิใช่สถานที่
ราชการ
- สถานที่จอดรถของวทิ ยาลยั เทคนิค ไม่ใช่สถานท่ีราชการเพราะไม่ใช่สถานที่ไว้
ปฏิบตั ิราชการของขา้ ราชการในวิทยาลยั
คาพิพากษาฎีกาที่ 5152/2548 สถานท่ีจอดรถของวิทยาลยั เทคนิคชยั นาทเป็นเพยี ง
สถานที่ซ่ึงทางราชการจดั ไวส้ าหรับเป็นที่จอดรถของบรรดานกั ศึกษา ผมู้ าติดต่อราชการตลอดจน
ขา้ ราชการของวิทยาลยั เทา่ น้นั มิใช่สถานที่ซ่ึงใชส้ าหรับปฏิบตั ิราชการของขา้ ราชการในวทิ ยาลยั
โดยตรง การท่ีจาเลยลกั รถจกั รยานยนตข์ องผเู้ สียหายไปจากบริเวณสถานท่ีจอดรถดงั กลา่ ว จึงไม่ใช่
การลกั ทรัพยใ์ นสถานท่ีราชการอนั เป็นความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (8) วรรค
แรก
การลกั สายไฟ ณ สถานท่ีดงั กล่าวจึงไมใ่ ช่มาตรา 335 (8)
“สถานท่ีที่จดั ไวเ้ พ่อื ใหบ้ ริการสาธารณะ” สถานท่ีที่ใหก้ ารช่วยเหลือหรือปฏิบตั ิภารกิจ
สนองความตอ้ งการเพ่อื ประโยชนข์ องประชาชนซ่ึงอาจเป็นของเอกชนก็ได้
คาพิพากษาฎีกาที่ 71/2503 โรงพกั สินคา้ ของการทา่ เรือสาหรับขนสินคา้ เป็นสถาน
บริการสาธารณะ
มาตรา 335 (9) ในสถานท่ีบชู าสาธารณะ สถานีรถไฟ ทา่ อากาศยาน ที่จอดรถ เรือสาธารณะ
สาธารณสถานสาหรับขนถา่ ยสินคา้ หรือในยวดยานสาธารณะ
“สาธารณสถาน” มาตรา 1 (3) หมายถึง สถานที่ใดๆท่ีประชาชนมีความชอบธรรมท่ีจะ
เขา้ ไปได้
สถานที่บชู าสาธารณะ” เช่น โบสถ์ สุเหร่า ศาลเจา้ เจดียใ์ นวดั
คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 4284/2547 ศาลาการเปรียญเป็นที่สาหรับสงฆแ์ สดงธรรมจึงไม่ใช่
ที่บูชาสาธารณะ
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 9693/2543 ลกั เงินในตูเ้ งินรับบริจาคซ่ึงต้งั อยบู่ ริเวณต้งั ศพเจา้
อาวาสไม่เขา้ มาตรา 335 (9)

409

คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5456/2553โจทกบ์ รรยายฟ้องวา่ จาเลยลกั เหรียญกษาปณ์รวมเป็น
เงิน 842 บาท ของวดั ผเู้ สียหายโดยเหรียญกษาปณ์ดงั กล่าวอยใู่ นพานและบาตรวางอยบู่ นช้นั สาม
ของอาคารเจษฎาบดินทร์ ซ่ึงเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเพือ่ ใหป้ ระชาชนมากราบไหว้
สกั การะบูชาภายในวดั ผเู้ สียหาย สถานที่เกิดเหตลุ กั ทรัพยจ์ ึงเป็นสถานที่ซ่ึงประชาชนทวั่ ไปมี
ความชอบธรรมท่ีจะเขา้ ไปได้ ตรงกบั คานิยามคาวา่ "สาธารณสถาน" ตาม ป.อ. มาตรา 1 (3) ท้งั น้ี
เพือ่ การสักการะบูชาพระพุทธรูปซ่ึงประดิษฐานไวใ้ หป้ ระชาชนกราบไหวส้ ักการะบูชา จึงเป็นการ
ลกั ทรัพยใ์ นสถานท่ีบชู าสาธารณะดงั ที่โจทกบ์ รรยายฟ้องไวแ้ ลว้

หอ้ งขายตว๋ั หอ้ งพกั คนโดยสาร ชานชลาเขา้ มาตรา 335 (9)
ในยวดยานสาธารณะตวั ผกู้ ระทาไมจ่ าเป็นตอ้ งอยใู่ นยวดยานสาธารณะน้นั

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1084/2530 จาเลยยนื อยนู่ อกรถโดยสารใชก้ าลงั ดึงผเู้ สียหายใหล้ งมา
จากรถแลว้ บงั คบั เอาทรัพยจ์ ากผเู้ สียหายไป การชิงทรัพยไ์ ดเ้ ริ่มเกิดต้งั แตจ่ าเลยใชก้ าลงั ประทุษร้าย
ในขณะที่ผเู้ สียหายยงั อยบู่ นรถซ่ึงเป็นการกระทาท่ีต่อเน่ืองไม่ขาดตอนกบั การบงั คบั เอาทรัพย์
จาเลยผดิ ชิงทรัพยม์ าตรา 339 วรรคสองประกอบมาตรา 335 (9)

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1926/2527 ลกั ทรัพยบ์ นรถโดยสารประจาทางยอ่ มผิดมาตรา 339 (9)
มาตรา 335 (10) ทรัพยท์ ี่ใชห้ รือมีไวเ้ พือ่ สาธารณประโยชน์

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2995/2545 เงินท่ีจาเลยท้งั สามลกั เอาจากตโู้ ทรศพั ทส์ าธารณะไม่ใช่
ทรัพยท์ ่ีใชห้ รือมีไวเ้ พ่อื ประโยชน์ตามมาตรา 335 (10)

มาตรา 335 (10) ทรัพยท์ ่ีใชห้ รือมีไวเ้ พอื่ สาธารณประโยชน์
หลอดไฟที่ติดตามทาง โทรศพั ทส์ าธารณะ ป้ายจอดรถ เป็นทรัพยท์ ี่ใชห้ รือมีไวเ้ พื่อ

สาธารณประโยชน์
โต๊ะเกา้ อ้ีของทางราชการไมใ่ ช่ทรัพยท์ ่ีมีไวเ้ พอ่ื สาธารณประโยชน์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1113 /2516 สถานีตารวจมีไวเ้ พ่อื ประโยชนข์ องแผน่ ดินโดยเฉพาะ

มิใช่เพอ่ื สาธารณะประโยชน์การทาใหเ้ สียหายไมเ่ ป็นเหตุฉกรรจ์ตามมาตรา 360

มาตรา 335 (11) ที่เป็นของนายจา้ งหรืออยใู่ นความครอบครองของนายจา้ ง
นายจา้ ง ลกู จา้ งใหพ้ ิจารณาจาก ป.พ.พ. มาตรา 575
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2966/2539 มาตรา 335 อนุ 10 หาไดจ้ ากดั วา่ ตอ้ งเป็นการลกั ทรัพยท์ ี่

นายจา้ งมอบหมายใหล้ กู จา้ งครอบครองดูแลรับผิดชอบเท่าน้นั ไม่ แมจ้ าเลยจะไมม่ ีหนา้ ท่ีเกี่ยวกบั

410

ทรัพยข์ องกลางที่ลกั ไป การกระทาของจาเลยเป็นความผิดลกั ทรัพยม์ าตรา 335 (11) เท่ากบั ความ
เป็นนายจา้ งลูกจา้ งเป็นเร่ืองเฉพาะตวั

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5980-81/2539 จาเลยท่ี 2 มิไดเ้ ป็นลูกจา้ งของผเู้ สียหายแมร้ ่วมกบั จาเลย
ท่ี 1 ลกั ทรัพยข์ องผเู้ สียหายเวลากลางคนื กไ็ มม่ ีความผดิ ลกั ทรัพยน์ ายจา้ งดว้ ย เพราะความเป็นลูกจา้ ง
เป็นเหตเุ ฉพาะตวั ของจาเลยท่ี 1 จาเลยท่ี 2 จึงมีความผดิ ตามมาตรา 335 (1) (7) วรรคสามมาตรา 83
เทา่ น้นั

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 4345/2545 จาเลยเป็นลกู จา้ งธนาคารอาศยั โอกาสที่ตนมีหนา้ ที่ทา
เอกสารใบถอนเงินของธนาคารเขา้ บญั ชีของผูจ้ าเลยหลงั จากน้นั กเ็ ขา้ ร่วมเบิกเงินดงั กลา่ วเป็นลกั
ทรัพยน์ ายจา้ งไม่ใช่ฉอ้ โกง

มาตรา 335 (12) ทรัพยท์ ่ีเป็นของผมู้ ีอาชีพกสิกรรมบรรดาท่ีเป็นผลิตภณั ฑพ์ ชื พนั ธุ์สัตวห์ รือ
เครื่องมืออนั มีไวส้ าหรับประกอบกสิกรรมหรือไดม้ าจากการกสิกรรม

คาวา่ “กสิกรรม” หมายถึง การเพาะปลูกเล้ียง ปศสุ ัตวแ์ ตไ่ มร่ วมประมง ป่ าไม้ และทรัพย์
ตอ้ งเป็นของผมู้ ีอาชีพกสิกรรมเท่าน้นั

คาพิพากษาฎีกาท่ี 6133/2544 ฟ้องบรรยายวา่ ลกั โคอนั เป็นเคร่ืองมือกสิกรรมแตไ่ ม่ได้
บรรยายวา่ เป็นของผมู้ ีอาชีพกสิกรรมจึงไม่เขา้ มาตรา 335 (12)

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3650/2527 เม่ือผิดมาตรา 335 แลว้ ไมต่ อ้ งปรับบทลงโทษ มาตรา
334 อีก

การกระทาตามมาตรา 335 ต้งั แต่ 2 อนุมาตราข้นึ ไปยอ่ มตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ ตามมาตรา
335 วรรคสอง

มาตรา 335 วรรคสาม ถา้ กระทาตอ่ ทรัพยท์ ่ีเป็นโค กระบือ เครื่องกล หรือเคร่ืองจกั รท่ีผมู้ ีอาชีพ
กสิกรรมมีไวส้ าหรับประกอบกสิกรรม ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษหนกั ข้นึ

มาตรา 335 วรรคทา้ ย ถา้ เป็นการลกั ทรัพยด์ ว้ ยความจาใจหรือยากจนเหลือทนทาน เพราะทรัพยท์ ี่ลกั
น้นั มีราคาเลก็ นอ้ ย ศาลจะลงโทษนอ้ ยลงได้ (รับโทษมาตรา 334)

มาตรา 335 ทวิ ลกั พระพทุ ธรูปวตั ถุในทางศาสนา
มาตรา 335 ทวิ ผใู้ ดลกั ทรัพยท์ ี่เป็นพระพทุ ธรูปหรือวตั ถใุ นทางศาสนา ถา้ ทรัพยน์ ้นั เป็นที่
สกั การะบูชาของประชาชน หรือเก็บรักษาไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ หรือส่วนหน่ึงส่วนใดของ

411

พระพุทธรูป หรือวตั ถุดงั กลา่ ว ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แต่สามปี ถึงสิบปี และปรับต้งั แต่หกหม่ืน
บาทถึงสองแสนบาท

ถา้ การกระทาความผดิ ตามวรรคแรก ไดก้ ระทาในวดั สานกั สงฆ์ สถานอนั เป็นท่ีเคารพ
ในทางศาสนา โบราณสถานอนั เป็นทรัพยส์ ินของแผน่ ดิน สถานท่ีราชการหรือพิพธิ ภณั ฑสถาน
แห่งชาติ ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แตห่ า้ ปี ถึงสิบห้าปี และปรับต้งั แต่หน่ึงแสนบาทถึงสาม
แสนบาท

- ตอ้ งเป็นทรัพยท์ ่ีประชาชนสกั การะบชู าหรือเกบ็ รักษาไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ
- ศาลาบาเพญ็ กศุ ลมีไวเ้ พอื่ ใชจ้ ดั งานพธิ ีศพจึงมิใช่สถานที่บูชาสาธารณะตาม ป.อ. 335
(9)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 9193/2552 แมท้ รัพยท์ ี่จาเลยกบั พวกร่วมกนั ลกั จะเป็นพระพุทธรูปและ
อยูใ่ นวดั ผูเ้ สียหายแต่ไดค้ วามว่าพระพุทธรูปดงั กล่าวเก็บไวใ้ นศาลาบาเพญ็ กุศลหลงั เก่าซ่ึงเห็นได้
ชดั ตามภาพถ่ายว่าอยู่ในสภาพที่ถูกปล่อยทิ้งร้างและรกรุงรัง มิไดจ้ ดั วางไวใ้ นท่ีเหมาะสมเพื่อให้
ประชาชนไปสักการบูชาแต่ประการใด รวมท้งั เคร่ืองบูชาใด ๆ ไม่มีปรากฏใหเ้ ห็นจึงยงั ถือไม่ไดว้ า่
พระพุทธรูปดงั กล่าวเป็นที่สักการบูชาของประชาชน ตาม ป.อ. มาตรา 335 ทวิ วรรคแรก ดงั น้ี แม้
จาเลยจะได้ร่วมกับพวกลกั พระพุทธรูปดงั กล่าวภายในวดั ผูเ้ สียหาย ก็ไม่เป็ นความผิดตาม ป.อ.
มาตรา 335 ทวิ วรรคสอง ท้งั ศาลาบาเพญ็ กุศลมีไวเ้ พอื่ ใชจ้ ดั งานพิธีศพจึงมิใช่สถานที่บูชาสาธารณะ
ตาม ป.อ. 335 (9) การกระทาของจาเลยจึงคงเป็ นความผิดฐานร่วมกนั ลกั ทรัพย์โดยร่วมกระทา
ความผิดดว้ ยกนั ต้งั แต่สองคนข้ึนไป และโดยใชย้ านพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทาความผิดการ
พาทรัพยน์ ้ันไปหรือเพื่อให้พน้ การจบั กุมตาม ป.อ. 335 (7) วรรคแรก ประกอบมาตรา 336 ทวิ, 83
เทา่ น้นั
มาตรา 335 ทวิ วรรคสอง ถา้ การกระทาดงั กล่าวก็ทาในสถานที่ตา่ ง ๆ 6 ประการคือวดั
สานกั สงฆ์ โบราณสถานพพิ ิธภณั ฑต์ อ้ งรับโทษหนกั ข้ึน
พระพุทธรูปของเอกชน เก็บไวก้ ราบไหวเ้ ป็นส่วนตวั หรือหอ้ ยคอเพือ่ ตนโดยเฉพาะ เช่น
พระนางพญาที่หอ้ ยคอไวไ้ ม่เขา้ มาตรา 335 ทวิ หรือกรณีขุดพระพุทธรูปไว้ 1 องคแ์ ลว้ เอามาเกบ็ ไว้
ท่ีบา้ นก็ไมเ่ ขา้ มาตรา 335 ทวิ (ทวเี กียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 225)

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2712/2532 นาพระพุทธรูปซ่ึงเป็นท่ีสกั การะบชู าของประชาชนไปเก็บ
ซ่อนไวเ้ พือ่ ใหพ้ น้ จากการโจรกรรมก็ไม่ทาใหพ้ ระพทุ ธรูปน้นั พน้ จากการเป็นพระพทุ ธรูปที่
สักการะ

ถว้ ยเคลือบท่ีประดบั ไวผ้ นงั โบสถ,์ ผงดินท่ีเป็นของขลงั เหลา่ น้ีมิใช่วตั ถุทางศาสนา

412

คาพิพากษาฎีกาที่ 816/2540 ผเู้ สียหายมอบหนา้ ที่จาเลยดูแลแลว้ ทาการปรับท่ีดินแมจ้ ะ
สญั ญาวา่ เม่ือปรับที่เสร็จแลว้ จะใหอ้ ยใู่ นที่ดิน 3 ปี กต็ าม ในระหวา่ งปรับท่ีน้นั จาเลยอยู่ในฐานะ
ผดู้ ูแลในการปรับท่ีดินแทนผเู้ สียหายเทา่ น้นั หาใช่ผเู้ สียหายมอบการครอบครองในที่ดินใหด้ ว้ ยไม่
การที่จาเลยขดุ เอาดินไปจึงเป็นความผิดฐานลกั ทรัพย์

ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
มาตรา 336 ผใู้ ดลกั ทรัพยโ์ ดยฉกฉวยเอาซ่ึงหนา้ ผนู้ ้นั กระทาความผดิ ฐานว่ิงราวทรัพย์ ตอ้ งระวาง
โทษจาคกุ ไม่เกินหา้ ปี และปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท

ถา้ การวง่ิ ราวทรัพยเ์ ป็นเหตใุ หผ้ อู้ ื่นรับอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษ
จาคกุ ต้งั แต่สองปี ถึงเจด็ ปี และปรับต้งั แตส่ ่ีหมื่นบาทถึงหน่ึงแสนสี่หม่ืนบาท

ถา้ การวงิ่ ราวทรัพยเ์ ป็นเหตใุ หผ้ อู้ ่ืนรับอนั ตรายสาหสั ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แต่
สามปี ถึงสิบปี และปรับต้งั แตห่ กหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

ถา้ การวิ่งราวทรัพยเ์ ป็นเหตใุ หผ้ อู้ ื่นถึงแก่ความตาย ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคุกต้งั แต่หา้
ปี ถึงสิบหา้ ปี และปรับต้งั แต่หน่ึงแสนบาทถึงสามแสนบาท

มาตรา 336 ว่งิ ราวทรัพย์
ทรัพยท์ ี่จะวิ่งไดจ้ ะตอ้ งเป็นสังหาริมทรัพยท์ ี่สามารถหยบิ เอาไปได้
ลกั ษณะฉกฉวยเช่นกระชาก กระตุก
ถา้ การวง่ิ ราวทรัพยอ์ าจเลง็ เห็นผลไดว้ า่ การกระชากน้นั อาจเป็นอนั ตรายแก่กายยอ่ มเป็น
การประทุษร้ายเป็นความผดิ ฐานชิงทรัพย์
องคป์ ระกอบมาตรา 336 วิ่งราวทรัพย์

1. ผใู้ ดลกั ทรัพย์
2. โดยฉกฉวยเอาซ่ึงหนา้
คาวา่ “ฉกฉวย” หมายถึง หยบิ จบั เอาทรัพยไ์ ปโดยเร็ว
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1456 /2519 กระชากกระเป๋ าเป็นกิริยาฉกฉวยเอากระเป๋ าไปข้ึนหนา้
เป็นวงิ่ ราวทรัพย์
ศาลฎีกาไมไ่ ดถ้ ือเอาคาวา่ ฉกฉวยเป็นสาระสาคญั
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 919/2503 จาเลยขอซ้ือสุราแต่ผเู้ สียหายไม่ขายจาเลยจึงเอาไปเฉย ๆ
แลว้ จาเลยหยบิ ขวดสุราออกจากร้านไปเป็นลกั ทรัพยเ์ อาไปโดยฉกฉวยเอาซ่ึงหนา้ ผิดวิ่งราวทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2686/2534 จาเลยแยง่ สลากกาชาดไปจากมือผเู้ สียหายเป็นการฉกฉวย
เอาข้ึนหนา้

413

คาพิพากษาฎีกาที่ 3624/2530 จาเลยขายสร้อยใหผ้ เู้ สียหายราคา 100 บาทแต่จาเลยกลบั
หยบิ ธนบตั ร 500 บาท ในทนั ทีที่ผเู้ สียหายเปิ ดกระเป๋ าตงั คแ์ ลว้ จาเลยก็หลบหนีไปเขา้ ลกั ษณะฉก
ฉวยเอาข้นึ หนา้ จาเลยผดิ ว่ิงราวทรัพย์

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 7885/2544 ผเู้ สียหายเป็นตารวจกาลงั จบั คนเล่นการพนนั ขณะใช้
กลอ้ งถา่ ยรูปคนเลน่ การพนนั จาเลยกระชากกลอ้ งไปแสดงวา่ จาเลยทาเพือ่ แสวงประโยชน์ท่ีมิควร
ไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายสาหรับตนเองเป็นการฉกฉวยเอาทรัพยผ์ อู้ ่ืนไปข้ึนหนา้ โดยทุจริต
ผิดวงิ่ ราวทรัพย์

คาวา่ ซ่ึงหนา้ หมายถึง ทรัพยท์ ี่ฉกฉวยอยกู่ บั หรือใกลช้ ิดกบั ตวั ผคู้ รอบครองหรือ
ผคู้ รอบครองแทนและขณะท่ีถูกฉกฉวย ผนู้ ้นั รู้สึกตวั หรือเห็นการฉกฉวยเอาทรัพยไ์ ปดว้ ย (ไกร
ฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เล่ม 9, หนา้ 260)

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1315/2513 แมเ้ ป็นการกระตุกสร้อยทางดา้ นหลงั แต่เจา้ ทรัพยร์ ู้สึกตวั
และเห็นเหตุการณ์กถ็ ือเป็นการกระทาซ่ึงหนา้

อาจารยไ์ กรฤกษ์ มีความเห็นวา่ การวิ่งราวทรัพยต์ อ้ งกระทาในขณะที่ผคู้ รอบครองทรัพย์
เห็นหรืออยตู่ รงบริเวณน้นั ดงั น้นั ถา้ มีการฉกฉวยเอาทรัพยไ์ ปโดยเร็วในขณะท่ีเจา้ ทรัพยก์ าลงั นอน
หลบั อยหู่ รือผคู้ รอบครองกาลงั หลบั อยจู่ ึงไม่น่าจะเป็นความผดิ ฐานว่งิ ราวทรัพย์ (ไกรฤกษ์ เกษม
สันต,์ 2560, เล่ม 9, หนา้ 260)

คาพิพากษาฎีกาที่ 2822/2517 จาเลยบีบคอผเู้ สียหายทางดา้ นหลงั แลว้ กระชากสร้อยแลว้
สร้อยขาดผเู้ สียหายกุมสร้อยไว้ การยดึ ถือเอาสร้อยไปไมบ่ รรลผุ ลจึงผิดฐานพยายามชิงทรัพย์
(บีบคอเทา่ กบั ใชก้ าลงั ประทุษร้าย) เม่ืออยใู่ นข้นั ตอนเพือ่ จะแยกเอาทรัพยอ์ อกจากตวั ผูเ้ สียหาย
จึงผิดฐานพยายาม

ความผิดฐานชิงทรัพย์
มาตรา 339 ผใู้ ดลกั ทรัพยโ์ ดยใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย หรือขเู่ ขญ็ วา่ ในทนั ใดน้นั จะใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย
เพ่อื

(1) ใหค้ วามสะดวกแก่การลกั ทรัพยห์ รือการพาทรัพยน์ ้นั ไป
(2) ใหย้ น่ื ใหซ้ ่ึงทรัพยน์ ้นั
(3) ยดึ ถือเอาทรัพยน์ ้นั ไว้
(4) ปกปิ ดการกระทาความผิดน้นั หรือ
(5) ใหพ้ น้ จากการจบั กมุ
ผนู้ ้นั กระทาความผิดฐานชิงทรัพย์ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แตห่ า้ ปี ถึงสิบปี และปรับต้งั
แต่หน่ึงแสนบาทถึงสองแสนบาท

414

ถา้ ความผดิ น้นั เป็นการกระทาที่ประกอบดว้ ยลกั ษณะดงั ที่บญั ญตั ิไวใ้ นอนุมาตราหน่ึง
อนุมาตราใดแห่งมาตรา 335 หรือเป็นการกระทาต่อทรัพยท์ ่ีเป็นโค กระบือ เครื่องกลหรือเคร่ืองจกั ร
ที่ผมู้ ีอาชีพกสิกรรมมีไวส้ าหรับประกอบกสิกรรม ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แต่สิบปี ถึงสิบ
หา้ ปี และปรับต้งั แตส่ องแสนบาทถึงสามแสนบาท

ถา้ การชิงทรัพยเ์ ป็นเหตใุ หผ้ ูอ้ ่ืนรับอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษ
จาคกุ ต้งั แตส่ ิบปี ถึงยสี่ ิบปี และปรับต้งั แต่สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท

ถา้ การชิงทรัพยเ์ ป็นเหตใุ หผ้ อู้ ื่นรับอนั ตรายสาหสั ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แต่สิบ
หา้ ปี ถึงยส่ี ิบปี และปรับต้งั แต่สามแสนบาทถึงสี่แสนบาท

ถา้ การชิงทรัพยเ์ ป็นเหตุใหผ้ ูอ้ ่ืนถึงแก่ความตาย ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษประหารชีวิต
หรือจาคกุ ตลอดชีวิต

มาตรา 339 ชิงทรัพย์
องคป์ ระกอบความผิด

1. ผใู้ ดลกั ทรัพย์
2. โดยใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายหรือขู่เขญ็ วา่ ในทนั ใดน้นั จะใชก้ าลงั ประทุษร้าย
3. เจตนาเพ่ือให้ความสะดวกแก่การลกั ทรัพยห์ รือพาทรัพยน์ ้นั ไป ใหย้ น่ื ใหซ้ ่ึงทรัพยน์ ้นั
ยดึ ถือเอาทรัพยน์ ้นั ไปปกปิ ดการกระทาความผิดน้นั หรือใหพ้ น้ จากการจบั กุม
ทรัพยท์ ี่จะชิงไดต้ อ้ งเป็นทรัพยท์ ี่จะถูกลกั ไดต้ อ้ งเป็นสังหาริมทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1513/2562 จาเลยขบั รถจกั รยานยนตต์ ิดตามผเู้ สียหายมาถึงที่เกิดเหตุ
ผเู้ สียหายขบั รถจกั รยานยนตไ์ ปจอดท่ีลานจอดรถในมหาวทิ ยาลยั น. ผเู้ สียหายยงั ไม่ไดล้ งจากรถ
จาเลยเดินมาจากดา้ นหลงั ของผเู้ สียหายแลว้ ถามผเู้ สียหายว่ามีเงินเทา่ ใด จากน้นั เขา้ ประชิดตวั
ผเู้ สียหายพร้อมกบั ทาทา่ จะลว้ งอาวุธจากขอบกางเกงขา้ งหลงั ลกั ษณะการกระทาของจาเลยดงั กล่าว
เห็นไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ เป็นการข่มขคู่ ุกคามผเู้ สียหาย โดยเฉพาะจาเลยเป็นชายอยใู่ นวยั ฉกรรจ์
ร่างกายล่ากายา สูงกวา่ ผเู้ สียหายมาก ส่วนผเู้ สียหายเป็นหญิง กาลงั ศึกษา ยอ่ มเกิดความเกรงกลวั
จาเลย พฤติการณ์ของจาเลยถือไดว้ า่ เป็นการข่เู ขญ็ ผูเ้ สียหายวา่ ในทนั ใดน้นั จะใชก้ าลงั ประทุษร้าย
การท่ีจาเลยกระทาและพูดกบั ผเู้ สียหายเช่นน้นั เพ่อื ใหผ้ เู้ สียหายส่งเงินใหแ้ ก่จาเลย เมื่อผเู้ สียหายส่ง
เงินให้ 240 บาท การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผดิ ฐานชิงทรัพยโ์ ดยใชย้ านพาหนะเพื่อกระทาผิด
หรือพาทรัพยน์ ้นั ไป หรือเพ่อื ใหพ้ น้ การจบั กุม ตาม ป.อ. มาตรา 339 (2) วรรคสาม ประกอบมาตรา
340 ตรี โดยไมต่ อ้ งคานึงวา่ จาเลยเป็นผหู้ ยบิ เอาทรัพยน์ ้นั เอง หรือผเู้ สียหายเป็นผหู้ ยบิ ส่งใหไ้ ป
ขอ้ สังเกต ความผิดฐานชิงทรัพยน์ ้นั ดูจากเจตนาประสงคเ์ อาทรัพยแ์ ละมีพฤติกรรมขเู่ ขญ็
ผเู้ สียหายวา่ ทนั ใดน้นั จะใชก้ าลงั ประทุษร้าย โดยไมค่ านึงวา่ จาเลยจะเป็นผหู้ ยบิ เอาเงิน 240 บาทไป
เองหรือผเู้ สียหายเป็นผหู้ ยบิ ส่งให้ เน่ืองจากจาเลยเป็นผชู้ ายร่างกายกายา สูงใหญ่ และผเู้ สียหายเป็น
ผหู้ ญิงทาใหผ้ ูเ้ สียหายเกิดความกลวั จนตอ้ งมอบเงินใหไ้ ป ดงั น้นั ตามคาพพิ ากษาฎีกาน้ี จาเลยจึงมี

415

ความผิดฐานชิงทรัพยแ์ ละกระทาโดยมียานพาหนะ คอื จกั รยานยนตต์ ิดตามผเู้ สียหายดว้ ย ตอ้ งรับ
โทษหนกั ข้ึนดว้ ย

ชิงทรัพยเ์ ป็นเรื่องใชก้ าลงั ประทุษร้ายในการลกั ทรัพยด์ งั น้นั ถา้ การประทษุ ร้ายหรือ
การข่เู ข็ญวา่ จะใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายไมใ่ ช่มีเจตนาเพื่อประสงคเ์ อาทรัพยก์ ไ็ ม่ผิดชิงทรัพยแ์ มจ้ ะมีการ
ทาร้ายก็ตาม (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 10, หนา้ 224)

คาพิพากษาฎีกาท่ี 330/2535 จาเลยกบั พวกขอซ้ือไอศรีมผูเ้ สียหายไม่พอใจ และชกั อาวุธ
ออกมาจาเลยกบั พวกจึงรุมทาร้ายเพราะผเู้ สียหายชกั อาวธุ มิใช่เจตนาทาร้ายผเู้ สียหายเพื่อประสงค์
ไอศกรีมต้งั แตแ่ รก จาเลยกบั พวกไมผ่ ดิ ปลน้ ทรัพยแ์ ต่ผิดทาร้ายร่างกาย

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2188/2545 จาเลยเป็นสามีทาร้ายภรรยาและแยง่ เอาสร้อยคอจากภรรยา
เพราะเกรงวา่ ภรรยาไปเล่นการพนนั เท่ากบั จาเลยมิไดป้ ระสงคจ์ ะเอาทรัพย์ จาเลยไมผ่ ดิ ชิงทรัพยแ์ ต่
ผิดทาร้ายร่างกาย

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 162 6/2500 (ประชุมใหญ่) จาเลยโกรธผเู้ สียหายเพราะนอกใจ แตเ่ หตุ
ท่ีฆ่าเพราะผเู้ สียหายทา้ ทายแลว้ รัดคอดว้ ยความหึงหวงจาเลยย้งั สติไม่ได้ จึงเอาผา้ รัดคอผเู้ สียหายจน
ตายแลว้ จึงคอ่ ยเอาทรัพยไ์ ปเจตนาทจุ ริตเกิดข้นึ ภายหลงั จึงไม่เป็นชิงทรัพย์ ตา่ งจากการฆ่าเพอ่ื
ประสงคเ์ อาทรัพยน์ อกจากจะผดิ มาตรา 339 วรรคทา้ ยแลว้ ยงั ผดิ มาตรา 289 อนุ 6 อีกดว้ ย

คาพิพากษาฎีกาที่ 2767/2516 จาเลยข่เู ขญ็ ใชก้ าลงั ทาร้ายผเู้ สียหายเพ่อื ใหก้ ลบั มาอยู่
ดว้ ยกนั แมส้ ร้อยคอของผเู้ สียหายจะติดมือจาเลยมาดว้ ย แลว้ จาเลยเอาไปโดยทุจริต จาเลยคงผิด
ลกั ทรัพยเ์ ทา่ น้นั ไม่ผดิ ชิงทรัพย์ เพราะการข่เู ขญ็ และใชก้ าลงั ทาร้าย มิไดเ้ ป็นไปเพื่อความสะดวก
ในการลกั ทรัพยห์ รือพาทรัพยไ์ ป

คาพิพากษาฎีกาที่ 2753/2539 นกั ศึกษาบงั คบั ใหผ้ เู้ สียหายถอดเส้ือช็อปแลว้ แหวนเงิน
ราคาเลก็ นอ้ ยเป็นการแสดงอานาจบาตรใหญ่ดว้ ยความคกึ คะนองไม่มีเจตนาประสงคต์ ่อทรัพยส์ ิน
ไม่ผดิ ปลน้ ทรัพย์

ชิงทรัพยน์ อกจากเป็นการลกั ทรัพยโ์ ดยใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายแลว้ ตอ้ งมีเจตนาพิเศษ 5 กรณี
ตามมาตรา 339 เมื่อไมไ่ ดค้ วามแน่ชดั ศาลฎีกาก็วนิ ิจฉยั วา่ ไม่ผิดชิงทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาที่ 1915/2543 จาเลยบงั คบั ใหผ้ เู้ สียหายเขา้ ไปในกระทอ่ มแต่ผเู้ สียหาย
ไม่ยอมจาเลย จาเลยเอารถผเู้ สียหายหลบหนีไปซ่ึงจาเลยพดู วา่ ใหผ้ เู้ สียหายไปเอาคืนท่ีวดั เทา่ กบั เอา
รถผเู้ สียหายไปชวั่ คราวไมไ่ ดต้ ดั กรรมสิทธ์ิตลอดไป จึงมิใช่เป็นการเอาทรัพยไ์ ปอนั เป็นการ
ลกั ทรัพยจ์ าเลยจึงไมผ่ ดิ ชิงทรัพยด์ ว้ ย

คาพิพากษาฎีกาท่ี 3768/2541 จาเลยใชไ้ มต้ ีผเู้ สียหายและทนั ใดน้นั ก็ไดล้ กั อาวธุ ปื นไป
ดว้ ยการกระทาท้งั สองต่อเนื่องติดพนั กนั แสดงวา่ ขณะทาร้ายจาเลยมีเจตนาประสงคต์ อ่ ทรัพย์
ผเู้ สียหายดว้ ย จึงไปชิงทรัพยม์ าตรา 339

416

การใชก้ าลงั ประทุษร้ายตามมาตรา 339 ไมไ่ ดบ้ ญั ญตั ิวา่ จะตอ้ งกระทาต่อผทู้ ี่เป็นเจา้ ของ
ทรัพยห์ รือผทู้ ี่ครอบครองทรัพยน์ ้นั อยดู่ งั น้นั จะใชก้ าลงั ประทุษร้ายแก่ใครก็ไดเ้ ช่นกระแทกไหล่
ผยู้ นื บงั เจา้ ของทรัพยอ์ ยเู่ พ่ือความสะดวกเขา้ ไปกระชากสร้อย

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 4472/2541 ข่เู ขญ็ ส. ซ่ึงเขา้ มาขดั ขวางการว่ิงราวทรัพยแ์ มจ้ ะไมใ่ ช่
ผเู้ สียหายแต่จาเลยไดก้ ระทาเพื่อใหพ้ น้ การจบั กุมจึงเป็นชิงทรัพย์

คาพิพากษาฎีกาท่ี 4066/2545 ทาร้ายภรรยาผเู้ สียหายเพอ่ื เอาปื นผเู้ สียหายไปเป็นชิงทรัพย์
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2822/2525 ผเู้ สียหายนอนอยใู่ นมุง้ เห็นจาเลยถึอมีดเขา้ มาลกั ทรัพย์
ในหอ้ งไมไ่ ดแ้ สดงท่าทางวา่ จะทาร้าย เมื่อผเู้ สียหายร้องข้ึนมาจาเลยรีบหนีไฟไปไมเ่ ป็นการข่เู ขญ็
จาเลยไมผ่ ิดชิงทรัพย์ แต่ผิดลกั ทรัพยโ์ ดยมีอาวุธ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1908/2528 คนร้ายเขา้ มาในหอ้ งนอนซ่ึงสามีภรรยานอนอยู่ ภรรยาต่ืน
แตน่ อนเฉยอยเู่ พราะคนร้ายพูดกนั เองวา่ หากใครตื่นฆ่าใหต้ าย ภรรยาไดย้ นิ ไม่เป็นการขู่ จึงไม่มี
ความผดิ ฐานชิงทรัพย์
การข่เู ขญ็ วา่ จะใชก้ าลงั ประทุษร้ายน้นั อาจจะดว้ ยการพูดหรือดว้ ยกิริยาท่าทางหรืออาวุธ
ซ่ึงการถืออาวธุ ก็อาจจะเป็นการข่เู ข็ญไดอ้ ยใู่ นตวั แตต่ อ้ งเป็นการกระทาต่อผอู้ ื่นไม่ใช่ประทษุ ร้ายตอ่
คนร้ายดว้ ยกนั เอง
คาพิพากษาฎีกาท่ี 5768/2544 การที่จาเลยที่ 2 ถีบหลงั จาเลยท่ี 1 ซ่ึงเป็นคนร้ายร่วม
กระทาความผดิ ดว้ ยกนั ลม้ ลง แมจ้ ะเป็นการใชก้ าลงั ประทุษร้ายจาเลยที่ 1 ในขณะท่ีจาเลยที่ 1
เดินตามผเู้ สียหายจึงไม่ผิดชิงทรัพยม์ าตรา 339
ขอ้ สงั เกตการทาร้ายหรือข่วู า่ จะทาร้ายตอ้ งไม่ขาดตอนจากการลกั ทรัพย์ (ไกรฤกษ์ เกษม
สนั ต,์ 2560, เลม่ 10, หนา้ 230)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2399/ 2518 จาเลยลกั ไก่ไปจากบา้ นผเู้ สียหาย ผเู้ สียหายใชเ้ วลาตาม
1 ชวั่ โมงพบไก่ท่ีกระทอ่ มจาเลย จาเลยถือเหลก็ จอ้ งมาทางผเู้ สียหาย ศาลฎีกาวา่ การลกั ทรัพยข์ อง
จาเลยขาดตอนแลว้ ไม่ใช่อยใู่ นระหวา่ งพาทรัพย์ การข่วู า่ ทาร้ายเป็นการกระทาท่ีเกิดข้ึนในภายหลงั
มิไดต้ อ่ เน่ืองการลกั ทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 600/2544 จาเลยท้งั สองกาลงั ลกั มะม่วงแลว้ ออกไปนอกสวน ผเู้ สียหาย
จบั จาเลยที่ 1 ไดค้ วามผิดลกั ทรัพยย์ งั ไมข่ าดตอน จาเลยที่ 2 ตอนแรกวงิ่ หนีไปแลว้ กลบั มาพร้อมกบั
ทอ่ นไมต้ รงจะทาร้ายผเู้ สียหายแลว้ ขผู่ เู้ สียหายวา่ ใหป้ ล่อยเมียของตนไมง่ ้นั จะตีใหต้ ายถือวา่ จาเลยท่ี
2 ข่วู า่ ทนั ใดน้นั จะใชก้ าลงั ประทุษร้ายเพื่อใหผ้ เู้ สียหายปลอ่ ยตวั จาเลยท่ี 1 ใหพ้ น้ จากการจบั กมุ อนั
เป็ นความผิดชิงทรัพย์

การชิงทรัพยต์ อ้ งมีเจตนาพิเศษ 5 กรณี กรณีใดกรณีหน่ึง ดงั ตอ่ ไปน้ี
1. เพอ่ื ความสะดวกแก่การลกั ทรัพยห์ รือการพาทรัพยไ์ ป

417

2. เพอื่ ยน่ื ใหซ้ ่ึงทรัพยน์ ้นั
3. เพ่ือยดึ ถือเอาทรัพยน์ ้นั ไว้
4. เพอ่ื ปกปิ ดการกระทาความผดิ น้นั
5. เพ่อื ใหพ้ น้ จากการจบั กมุ
มาตรา 339 ทวิ ชิงทรัพยป์ ระกอบเหตุฉกรรจต์ ามมาตรา 335 ทวิ (ลกั พระพทุ ธรูป)
มาตรา 340 ตรี ผใู้ ดกระทาความผดิ ตามมาตรา 339 มาตรา 339 ทวิ มาตรา 340 หรือมาตรา 340 ทวิ
โดยแตง่ เครื่องแบบทหารหรือตารวจหรือแต่งกายใหเ้ ขา้ ใจวา่ เป็นทหารหรือตารวจ หรือโดยมีหรือ
ใชอ้ าวุธปื นหรือวตั ถรุ ะเบิด หรือโดยใชย้ านพาหนะเพ่ือกระทาผดิ หรือพาทรัพยน์ ้นั ไป หรือเพอ่ื ให้
พน้ การจบั กุม ตอ้ งระวางโทษหนกั กวา่ ที่บญั ญตั ิไวใ้ นมาตราน้นั ๆ ก่ึงหน่ึง
มาตรา 340 ตรี กรณีชิงทรัพยร์ ับโทษหนกั ข้นึ กรณีแต่งกายเป็นทหาร ตารวจ มีหรือใช้
ปื น ระเบิด หรือใชย้ านพาหนะในการชิงทรัพยด์ ว้ ย

ความผิดฐานปล้นทรัพย์
มาตรา 340 ผใู้ ดชิงทรัพยโ์ ดยร่วมกนั กระทาความผิดดว้ ยกนั ต้งั แตส่ ามคนข้ึนไป ผนู้ ้นั กระทา
ความผดิ ฐานปลน้ ทรัพย์ ตอ้ งระวางโทษจาคุกต้งั แตส่ ิบปี ถึงสิบหา้ ปี และปรับต้งั แต่สองแสนบาทถึง
สามแสนบาท

ถา้ ในการปลน้ ทรัพย์ ผกู้ ระทาแมแ้ ต่คนหน่ึงคนใดมีอาวธุ ติดตวั ไปดว้ ย ผกู้ ระทาตอ้ ง
ระวางโทษจาคกุ ต้งั แต่สิบสองปี ถึงยส่ี ิบปี และปรับต้งั แตส่ องแสนส่ีหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท

ถา้ การปลน้ ทรัพยเ์ ป็นเหตใุ ห้ผอู้ ่ืนรับอนั ตรายสาหสั ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ตลอด
ชีวติ หรือจาคุกต้งั แตส่ ิบหา้ ปี ถึงยสี่ ิบปี

ถา้ การปลน้ ทรัพยไ์ ดก้ ระทาโดยแสดงความทารุณจนเป็นเหตุใหผ้ อู้ ื่นรับอนั ตรายแก่กาย
หรือจิตใจ ใชป้ ื นยงิ ใชว้ ตั ถุระเบิด หรือกระทาทรมาน ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคุกตลอดชีวิต หรือ
จาคกุ ต้งั แตส่ ิบหา้ ปี ถึงยสี่ ิบปี

ถา้ การปลน้ ทรัพยเ์ ป็นเหตใุ ห้ผอู้ ่ืนถึงแก่ความตาย ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษประหารชีวิต

มาตรา 340 ปลน้ ทรัพย์
คือ การชิงทรัพยโ์ ดยการร่วมกนั กระทาผดิ ต้งั แต่ 3 คนข้ึนไป
3 คนร่วมเป็นตวั การคือร่วมแรงร่วมใจ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1919/2514 คนร้าย 7 คนแยกกนั ไปลกั ทรัพยโ์ ดยมีการใชก้ าลงั

ประทุษร้ายโดยแยกเขา้ บา้ นคนละ 2 คนเป็นการปลน้ ทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1423/2535 มีการแบ่งหนา้ ที่กนั ทาได้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 375/2533 จาเลยท่ี 1 และพวกอีก 2 คนเขา้ ไปในบา้ นและพยายาม

418

ลกั ทรัพยผ์ เู้ สียหายพวกจาเลยไดใ้ ชก้ าลงั ประทษุ ร้ายผเู้ สียหายเพือ่ ความสะดวกในการลกั ทรัพย์
แต่ไมส่ ามารถพาทรัพยไ์ ปไดด้ งั น้ีการท่ีพวกจาเลยใชก้ าลงั ประทุษร้ายผเู้ สียหายจึงมิไดน้ อกเหนือ
ความมงุ่ หมายหรือเจตนาของจาเลยที่ 1 แต่อยา่ งใด กระทาของจาเลยที่ 1 กบั พวกจึงเป็นพยายาม
ปลน้ ทรัพยม์ าตรา 340 ประกอบมาตรา 80

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5045/2530 จาเลยกบั พวก 4 คนจบั ไก่ของผเู้ สียหายในบา้ นผเู้ สียหาย
ที่ถกู ไฟไหมห้ ลงั จากน้นั กย็ งิ ปื น 2 นดั ดว้ ยความคะนองมิไดย้ งิ ขผู่ เู้ สียหายเพือ่ ความสะดวกแต่การ
ลกั ทรัพย์ พาทรัพยไ์ ปใหย้ น่ื ให้ ยดึ ถือทรัพยน์ ้นั ไวเ้ พือ่ ใหพ้ น้ จากการจบั กุมเพราะจาเลยกบั พวกไม่
เห็นผเู้ สียหายซ่ึงแอบอยดู่ ว้ ยจึงไม่มีการขเู่ ข็ญวา่ จะใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายยอ่ มไม่ผดิ ชิงทรัพย์
แมม้ ีผกู้ ระทาความผิดเกิน 3 คนกไ็ มผ่ ิดปลน้ ทรัพย์

แตจ่ าเลยกบั พวกผิดลกั ทรัพย์ มาตรา 335(2), (7), (8)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1465/2519 (ประชุมใหญ่) การใชล้ วดขงึ ดกั รถที่วงิ่ ผา่ นไปมาใหค้ วา่
เพอ่ื เอาทรัพยส์ ินเป็นการใชก้ าลงั ประทุษร้าย การขงึ ลวดเป็นการลงมือกระทาความผิดแลว้
มาตรา 340 วรรคสอง การปลน้ ทรัพยโ์ ดยที่ผกู้ ระทาแมแ้ ต่คนหน่ึงคนใด มีอาวุธติดตวั ไป
ดว้ ยเป็นเหตุเพิม่ โทษ เป็นเหตลุ กั ษณะคดี
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 890/2519 จาเลยท่ี 1 มีอาวุธติดตวั ไปดว้ ย ขณะปลน้ ทรัพยแ์ มจ้ ะมิไดใ้ ช้
หรือแสดงอาวธุ น้นั และจาเลยท่ี 2 ไม่รู้วา่ จาเลยที่ 1 มีอาวุธก็ตาม จาเลยท่ี 2 ก็ตอ้ งมีความผดิ
ตามมาตรา 340 วรรคสอง
ถา้ เพยี งแต่มีอาวุธปื น ก็ผดิ มาตรา 340 วรรคสอง
ถา้ ใชอ้ าวุธปื นยงิ ก็ผิด มาตรา 340 วรรคส่ี
ผทู้ ่ีใชป้ ื นยงิ ตอ้ งรับโทษเพมิ่ ข้ึน มาตรา 340 ตรี ซ่ึงเป็นแหตุเฉพาะตวั
คาพิพากษาฎีกาที่ 1465/2508 คนร้ายซ่ึงอยทู่ ี่พ้ืนดินยงิ สุนขั เพราะเห่าเสียงดงั ขณะคนร้าย
อ่ืนกาลงั คน้ ทรัพยอ์ ยู่ ถือไดว้ า่ การปลน้ ทรัยพไ์ ดก้ ระทาโดยใชป้ ื นยงิ ผิดมาตรา 340 วรรคสี่
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1390/2509 ปลน้ ทรัพยแ์ ลว้ ลงจากเรือน แลว้ ยงิ ปื นข้นึ ฟ้า เพ่ือไม่ใหใ้ คร
ตาม ดงั น้นั การยงิ ปื นของจาเลย กบั การปลน้ ทรัพยย์ งั ไม่ขาดตอนกนั และถือไดว้ า่ ยงิ เพื่อความ
สะดวกในการท่ีจะพาทรัพยท์ ี่ปลน้ ไป และเพ่อื ใหพ้ น้ จากการจบั กุม ผิด มาตรา 340 วรรคส่ี
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2461-62/2521 ในการปลน้ มีการยงิ ต่อสูร้ ะหวา่ งตารวจกบั คนร้าย
แมไ้ มท่ ราบวา่ ใครเป็นผทู้ าใหต้ าย พวกที่ปลน้ กย็ งั ตอ้ งรับผดิ ตามมมาตรา 340 วรรคทา้ ย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2969/2517 จาเลยท้งั 4 ปรึกษากนั วา่ จะปลน้ รถท่ีผา่ นไปมา จาเลยท่ี 1
ใชไ้ ฟฉายส่องรถ ผเู้ สียหายโดยกระโดดข้ึนรถของจาเลยแลว้ ขบั หนีไปก่อน โดยตะโกนใหจ้ าเลยที่
2, 3, 4 จดั การให้เรียบร้อย โดยยงิ พวกผเู้ สียหายตายแลว้ ขบั รถผเู้ สียหายไป จาเลยท่ี 1 ไดร้ ่วมปลน้
ในระยะแรก แมม้ ิไดอ้ ยดู่ ว้ ยในขณะที่จาเลยอ่ืนฆ่าเจา้ ทรัพยก์ บั พวก จาเลยที่ 1 ก็ตอ้ งรับผิด

419

ตามมาตรา 340 วรรคทา้ ยดว้ ย เพราะการปลน้ ทรัพยย์ งั ดาเนินและจะมีส่วนร่วม การที่จาเลที่ 1
ออกมาก่อน จาเลยที่ 1 ปฏิเสธความรับผดิ ไมไ่ ด้

มาตรา 340 ทวิ ปลน้ ทรัพยก์ ระทาต่อทรัพย์ ตามมาตรา 335 ทวิ (ลกั พระพทุ ธรูป)
มาตรา 340 ตรี ปลน้ ทรัพยโ์ ดยแต่งกายเป็นทหารตารวจ มีหรือใชอ้ าวธุ ปื นหรือวตั ถุ
ระเบิด หรือใชย้ านพาหนะ ตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 8/2539 ปื นไฟแช็ก เป็นสิ่งเทียมอาวุธปื น ไมใ่ ช่อาวธุ จึงไม่ตอ้ งรับโทษ
หนกั ข้ึน ตามมาตรา 340 ตรี

มาตรา 340 ตรี “ใชย้ านพาหนะเพอื่ กระทาผดิ ” ทรัพยน์ ้ียอ่ มริบไดต้ ามมาตรา 33
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5564/2552 การใชย้ านพาหนะเพ่ือกระทาผิดตามความใน ป.อ. มาตรา
340 ตรี ตอ้ งเป็นการใชต้ ามลกั ษณะการใชง้ านของยานพาหนะที่เป็นเคร่ืองนาไป หรือเครื่องขบั ข่ี
แต่การใชร้ ถจกั รยานของกลางจอดลม้ ขวางถนนไวไ้ ม่ใช่เป็นการใชร้ ถจกั รยานของกลางตาม
ลกั ษณะการใชง้ านของยานพาหนะซ่ึงใชเ้ ป็นเครื่องนาผขู้ บั ขเี่ คล่ือนที่ไปจาเลยท้งั สองจึงไมม่ ี
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 340 ตรี

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1519/2521 จาเลยกบั พวกร่วมกนั พยายามปลน้ รถสิบลอ้ บรรทกุ โดย
จาเลยขบั รถกระบะตามหลงั รถสิบลอ้ แลว้ กระโดดข้ึนไปบนรถสิบลอ้ เห็นไดว้ า่ จาเลยใชร้ ถกระบะ
เป็นยานพาหนะเพ่ือกระทาผิดฐานพยายามปลน้ ทรัพย์ และถือวา่ รถกระบะน้นั เป็นทรัพยส์ ินซ่ึง
จาเลยไดใ้ ชใ้ นการกระทาความผิด ศาลมีอานาจส่งั ให้ริบได้

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3620/2538 เมื่อผกู้ ระทาผดิ คนใดใชอ้ าวุธปื นยงิ ในการปลน้ ทรัพย์
ก็ถือวา่ ผกู้ ระทาผดิ อ่ืนท่ีไม่มีอาวุธปื น หรือไม่ไดย้ งิ อาวุธปื นมีความผิดฐานปลน้ ทรัพยโ์ ดยใชอ้ าวธุ
ปื นยงิ ตามมาตรา 340 วรรคส่ีดว้ ย เป็นเหตลุ กั ษณะคดี

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 691/2529 มาตรา 340 ตรีเป็นบทลงโทษผกู้ ระทาผิด ตามมาตรา 339,
339 ทว,ิ 340, 340 ทวิ หนกั ข้ึน จึงตอ้ งตีความเคร่งครัด คือ หมายความเฉพาะตวั ผกู้ ระทาตามที่ระบุ
ไวใ้ นมาตรา 340 ตรี เป็นบทเฉพาะตวั

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1543/2540 เม่ือ น. ตอ้ งการคดิ เงินผเู้ สียหายที่ 1 ที่ 2 จานวน 8,600 บาท
ผเู้ สียหายท้งั สองไม่ยอมจ่าย กค็ วรแจง้ ตารวจจึงจะชอบ การที่พนกั งานกบั จาเลยท้งั สองตบหนา้ และ
ผลกั ทอ้ งผเู้ สียหาย จึงเป็นการใชแ้ รงกายภาพและกระทาเพอ่ื ใหไ้ ดท้ รัพยข์ องผเู้ สียหายโดยทุจริต
จนผเู้ สียหายตอ้ งยนื่ เงิน 1,000 บาทใหเ้ ป็นผลจากการใชก้ าลงั ทาร้าย การกระทาของจาเลยท้งั สอง
กบั พวกเป็นการชิงทรัพยโ์ ดยร่วมกนั กระทาความผิดต้งั แต่ 3 คนข้ึนไป จาเลยผดิ ปลน้ ทรัพย์

420

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 58/2546 จาเลยที่ 2 ท่ี 3 ซอ้ นทา้ ยรถจกั รยานยนตม์ าดว้ ยกนั โดยมี
เจตนาจะลกั รถจกั รยานยนตผ์ เู้ สียหายแต่แรกโดยใชอ้ บุ ายหลอกวา่ จะพาผเู้ สียหายไปส่งโดยจาเลยท่ี
2 ข่ีรถให้ ส่วนผเู้ สียหายซอ้ นรถจาเลยท่ี 3 ถึงทางแยก จาเลยที่ 2 ขบั รถผเู้ สียหายไป การลกั ทรัพยไ์ ม่
ขาดตอน จาเลยท่ี 3 ใชศ้ อกกระแทกผเู้ สียหายจนตกจากรถก็เพือ่ ความสะดวกแก่การลกั ทรัพยห์ รือ
พาทรัพยไ์ ป กรณีไมใ่ ช่การกระทาของจาเลยท่ี 3 โดยลาพงั เพราะพฤติการณ์ท่ีจาเลยที่ 2 ขบั รถ
ยอ้ นกลบั มายงั ที่จุดนดั หมาย ยอ่ มแสดงชดั แจง้ วา่ จาเลยที่ 2 เจตนาร่วมกระทาดว้ ย จาเลยท่ี 2 ท่ี 3
ผดิ ฐานร่วมกนั ชิงทรัพย์

โจทกฟ์ ้องจาเลยที่ 1 ฐานรับของโจร การทาร้ายผเู้ สียหายโดยจาเลยท่ี 3 แมข้ ณะน้นั
จาเลยท่ี 2 ไม่ไดอ้ ยดู่ ว้ ย แตท่ ี่ไมไ่ ดอ้ ยดู่ ว้ ยก็เพราะขบั รถไปตามแผนนน่ั เอง

หมวด 2 ความผดิ ฐานกรรโชกและรีดเอาทรัพย์
ความผิดฐานกรรโชก
มาตรา 337 ผใู้ ดขม่ ขืนใจผอู้ ื่นใหย้ อมใหห้ รือยอมจะใหต้ นหรือผอู้ ่ืนไดป้ ระโยชนใ์ นลกั ษณะที่เป็น
ทรัพยส์ ิน โดยใชก้ าลงั ประทุษร้าย หรือโดยขเู่ ขญ็ วา่ จะทาอนั ตรายต่อชีวติ ร่างกาย เสรีภาพ ช่ือเสียง
หรือทรัพยส์ ินของผถู้ กู ขเู่ ขญ็ หรือของบคุ คลท่ีสาม จนผถู้ ูกขม่ ขืนใจยอมเช่นวา่ น้นั ผูน้ ้นั กระทา
ความผดิ ฐานกรรโชก ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหา้ ปี และปรับไม่เกินหน่ึงแสนบาท

ถา้ ความผิดฐานกรรโชกไดก้ ระทาโดย
(1) ขวู่ า่ จะฆ่า ขวู่ า่ จะทาร้ายร่างกายใหผ้ ถู้ กู ข่มขืนใจ หรือผอู้ ื่นใหไ้ ดร้ ับอนั ตรายสาหสั
หรือขู่วา่ จะทาใหเ้ กิดเพลิงไหมแ้ ก่ทรัพยข์ องผถู้ กู ข่มขืนใจหรือผอู้ ่ืน หรือ
(2) มีอาวธุ ติดตวั มาข่เู ข็ญ
ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แตห่ กเดือนถึงเจ็ดปี และปรับต้งั แต่หน่ึงหม่ืนบาทถึง
หน่ึงแสนสี่หมื่นบาท
มาตรา 337 กรรโชกทรัพย์
ขม่ ขืนใจผอู้ ่ืนเพ่ือใหไ้ ดป้ ระโยชน์ในลกั ษณะทรัพยส์ ิน
กรรโชกทรัพยเ์ ป็นความผดิ ต่อเสรีภาพเสมอเมื่อผดิ กรรโชกมาตรา 337 แลว้ จะไม่ตอ้ ง
ปรับบมาตรา 309 อีก
คาพพิ ากษาฎีกา 1447 /2513 ข่ใู หผ้ เู้ สียหายคดิ บญั ชีการเงินไม่ถือวา่ มีลกั ษณะเป็น
ประโยชนท์ างทรัพยส์ ินเป็นพยายามกระทาความผิดต่อเสรีภาพเพราะผเู้ สียหายไมย่ อมคิดบญั ชีให้
จาเลยแต่ไมผ่ ิดกรรโชก
ถา้ ขวู่ า่ ถา้ ไม่ยอมส่งมอบเงินใหจ้ ะจบั เอาตวั ไปขงั เช่นน้ีเป็นการข่วู า่ จะทาอนั ตรายตอ่
เสรีภาพถา้ ผถู้ กู ข่มขนื ใจยอมส่งเงินใหย้ อ่ มผิดมาตรา 337 และขณะเดียวกนั ก็ผดิ มาตรา 309 ดว้ ย

421

ในกรณีที่ความผิดชิงทรัพยก์ บั กรรโชกทรัพย์ อาจซอ้ นกนั ได้ ถา้ หากฟ้องจาเลยเป็นกรรโชกยอ่ ม
ไดร้ ับประโยชนม์ ากกวา่ ฟ้องชิงทรัพย์

ขอ้ แตกตา่ งระหวา่ งกรรโชกกบั ชิงทรัพย์ (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เล่ม 11, หนา้ 372-
375)

1. ชิงทรัพยม์ ีไดแ้ ตส่ งั หาริมทรัพย์ ส่วนกรรโชกมีไดท้ ้งั อสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์
สิทธิประโยชน์ตา่ ง ๆ ที่มีลกั ษณะที่เป็นทรัพยส์ ินอนั ไม่มีรูปร่างได้

2. ชิงทรัพย์ เจตนาโดยทจุ ริตและเจตนาพิเศษ 5 ประการตามมาตรา 339
กรรโชกมีเพียงเจตนาธรรมดา

3. ชิงทรัพย์ ใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายใหส้ ่งทรัพยใ์ หท้ นั ที ต่อเน่ือง และไม่ขาดตอน
กรรโชกบงั คบั ใหส้ ่งทรัพยส์ ินเวลาอ่ืนไม่ใช่ในทนั ทีได้

4. ชิงทรัพย์ ผถู้ ูกกระทาจดั เต็มใจหรือไม่เตม็ ใจใหท้ รัพยก์ ผ็ ิดมาตรา 339 แต่จะผดิ สาเร็จ
ตอ่ เมื่อไดค้ รอบครองทรัพยแ์ ลว้

กรรโชก ตอ้ งทาใหผ้ ถู้ ูกข่มขนื ใจยอมฉนั วา่ น้นั ดว้ ยจึงจะผิดสาเร็จหากไมไ่ ดเ้ กิดความ
เกรงกลวั อนั เนื่องมาจากการขเู่ ขญ็ เช่นเพราะความราคาญกผ็ ิดพยายามกรรโชกเทา่ น้นั

5. ชิงทรัพยเ์ ป็นความผิดท่ีเกิดจากการใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายหรือข่เู ข็ญประการใด ๆ
หากไม่ผดิ ชิงทรัพยก์ อ็ าจผิดเสื่อมเสียเสรีภาพมาตรา 309 ได้

คาพิพากษาที่ 478/2559 จาเลยที่ 1 ข่มข่บู งั คบั ใหโ้ จทกร์ ่วมไปโอนขายสิทธิการเช่าท่ีราช
พสั ดุซ่ึงมีชื่อของ ส. บุตรโจทก์ร่วมถือสิทธิ และโจทก์ร่วมยอมไปขอร้อง ส. ใหโ้ อนขายสิทธิการ
เช่าดงั กล่าวโดยอา้ งวา่ โจทก์ร่วมกาลงั เดือดร้อน ส. ยอมโอนขายสิทธิการเช่าท่ีดินราชพสั ดุให้ผอู้ ื่น
เงินที่ขายไดเ้ ขา้ บญั ชีเงินฝากของโจทกร์ ่วม จะเห็นไดว้ า่ การกระทาตามคาข่บู งั คบั ของจาเลยท่ี 1 ไม่
ทาใหจ้ าเลยที่ 1 ไดป้ ระโยชน์ในลกั ษณะท่ีเป็ นทรัพยส์ ินโดยตรงย่อมไม่เป็ นความผิดฐานกรรโชก
แต่การกระทาของจาเลยท่ี 1 เป็นการข่มขืนใจโจทก์ร่วมให้ไปขอร้อง ส. ใหโ้ อนขายสิทธิการเช่าที่
ราชพสั ดุ โดยทาให้โจทก์ร่วมกลวั ว่าจะเกิดอนั ตรายแก่โจทก์ร่วมและคนในครอบครัว โจทก์ร่วม
เกิดความกลัวยอมกระทาการตามที่จาเลยท่ี 1 ข่มขู่บงั คับ จึงเป็ นความผิดต่อเสรีภาพตาม ป.อ.
มาตรา 309 วรรคแรก ซ่ึงเป็นความผดิ ท่ีรวมอยใู่ นความผดิ ฐานกรรโชกตามที่โจทกฟ์ ้อง

คาพิพากษาฎีกาที่ 445/2537 ใชม้ ีดจ้ีแลว้ ดึงสร้อยใหก้ ารวา่ ทาเพื่ออยากลองแลว้ นึกสนุก
แสดงวา่ จาเลยกระทาโดยมิไดม้ ีเจตนาประสงคต์ ่อทรัพยไ์ ม่ผิดชิงทรัพยแ์ ต่ผิดทาใหเ้ ส่ือมเสีย
เสรีภาพ

กรรโชก ถา้ ไมม่ ีการขวู่ า่ จะใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย ข่วู า่ จะทาอนั ตรายต่อทรัพยส์ ินเสรีภาพ
ช่ือเสียงใหส้ ่งมอบทรัพยใ์ หใ้ นทนั ทีจะเป็นไดแ้ คค่ วามผิดฐานกรรโชกเท่าน้นั

422

คาพิพากษาฎีกาที่ 2645/2543 ใชก้ าลงั ทาร้ายใหผ้ เู้ สียหายลงลายมือช่ือในช่องผกู้ ูใ้ น
สญั ญากูเ้ งินเช่นน้ีเป็นกรรโชกเพราะมีการใชก้ าลงั ประทุษร้าย แตส่ ิ่งที่ส่งมอบใหน้ ้นั เป็นประโยชน์
ในลกั ษณะทรัพยส์ ินมิใช่ทรัพย์ แมจ้ ะส่งมอบใหใ้ นทนั ทีกต็ าม

องคป์ ระกอบมาตรา 337 กรรโชก
1. ผใู้ ดขม่ ขนื ใจผอู้ ่ืน
(ก) โดยใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย
(ข) หรือโดยข่เู ขญ็ วา่ จะทาอนั ตรายตอ่ ชีวิตร่างกายเสรีภาพช่ือเสียงหรือทรัพยส์ ินของ

ผถู้ กู ข่เู ขญ็ หรือของบุคคลที่สาม
2. ใหย้ อมใหห้ รือยอมจะให้ตนหรือผอู้ ื่นไดป้ ระโยชนใ์ นลกั ษณะท่ีเป็นทรัพยส์ ิน
3. จนผถู้ กู ข่มขนื ใจยอมเช่นวา่ น้นั
4. เจตนา
คาวา่ ใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย มาตรา 1 (6) หมายถึง การทาให้เกิดอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ

ของบคุ คลมิใช่เป็นการกระทาตอ่ ทรัพยส์ ิน ช่ือเสียง เสรีภาพ อ่ืน ๆ
การใชก้ าลงั ประทุษร้ายตอ้ งทาต่อเน้ือตวั ร่างกายและประทุษร้ายต่อจิตใจเช่นทาใหเ้ กิด

ความตกใจหรือหมดสติ
“ข่เู ขญ็ ” วา่ จะทาอนั ตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพช่ือเสียงทรัพยส์ ินแตก่ ารขเู ขญ็ วา่ จะถอน

หม้นั ไม่แต่งงานดว้ ยข่วู า่ จะไม่สอนหนงั สือใหเ้ หล่าน้ีไมถ่ ือวา่ ทาอนั ตรายไมเ่ ขา้ องคป์ ระกอบมาตรา
337

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 4075/2530 จาเลยทานายใหผ้ เู้ สียหายสะเดาะหเ์ คราะห์โดยเสียเงินคา่
ยกครูหาใช่การข่เู ขญ็ ตามมาตรา 337 ไม่

ถา้ ไม่มีการใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายหรือไมม่ ีการขู่เขญ็ การกระทาน้นั ไมเ่ ป็นการกรรโชก
คาพิพากษาฎีกาท่ี 670/2521 จาเลยเป็นคนตารวจไปขอเงินผเู้ สียหายอา้ งวา่ ผกู้ ากบั ใหม้ า
เอาเมื่อไมไ่ ดค้ วามวา่ จาเลยแกลง้ จบั กุมผเู้ สียหายในขอ้ ใดแลว้ จาเลยใช่อานาจหนา้ ที่ขมขนื ใจ
ผเู้ สียหาย การท่ีจาเลยพูดวา่ คา้ ขายใหญ่โตไม่คิดติดต่อตารวจบา้ งเหรอก็ยงั ถือไมไ่ ดว้ า่ เป็นการขเู่ ข็ญ
วา่ จะทาอนั ตรายต่อเสรีภาพและทรัพยส์ ินของผเู้ สียหายจาเลยไมผ่ ิดมาตรา 148 และมาตรา 337
คาพิพากษาฎีกาที่ 131/2546 จาเลยบอกวา่ เป็นตารวจมาดูแลความเรียบร้อยของร้าน
ตอ้ งการเงิน 5,000 บาทผเู้ สียหายโทรไปแจง้ ตารวจเม่ือเดินกลบั มาหนา้ ร้านจาเลยกข็ ้ึนรถไปแลว้
จาเลยเพยี งแต่อา้ งวา่ เป็นตารวจแลว้ พดู ของเงินเป็นค่าดูแลร้านเทา่ น้นั ซ่ึงผเู้ สียหายจะใหห้ รือไมใ่ หก้ ็
ได้ คาพดู ของจาเลยยงั ถือไมไ่ ดว้ า่ เป็นการข่เู ข็ญวา่ จะทาอนั ตรายต่อเสรีภาพและทรัพยส์ ินของ
ผเู้ สียหายจึงไมเ่ ป็นความผิดมาตรา 337

423

การขเู่ ข็ญเรื่องกรรโชกกวา้ งกวา่ ชิงทรัพยเ์ พราะกรรโชกเป็นการขเู่ ขญ็ วา่ จะใชก้ าลงั
ประทุษร้ายในเวลาใด ๆ กไ็ ดส้ ่วนชิงทรัพย์ ขเู่ ขญ็ วา่ จะใชก้ าลงั ประทุษร้ายในทนั ใด ท้งั น้ี การขเู่ ข็ญ
อาจขเู่ ข็ญตรงๆ หรือใชถ้ อ้ ยคาหรือทากริยาใหเ้ ขา้ ใจเช่นน้นั กไ็ ด้

คาพิพากษาฎีกาท่ี 5146/2557 ป.อ. มาตรา 337 วรรคแรก บญั ญตั ิว่า ” ผใู้ ดข่มขืนใจผูอ้ ื่น
ให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็ นทรัพย์สินโดยใช้กาลัง
ประทุษร้ายหรือโดยขเู่ ข็ญวา่ จะทาอนั ตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพยส์ ินของผถู้ ูก
ขู่เข็ญหรือของบุคคลท่ีสาม จนผูถ้ ูกข่มขืนใจยอมเช่นว่าน้ัน ผูน้ ้ันกระทาความผิดฐานกรรโชก
ทรัพย”์ ดังน้ัน การขู่เข็ญว่าจะทาอนั ตรายต่อทรัพยส์ ินของผูถ้ ูกขู่เข็ญเป็ นการแสดงให้ผูถ้ ูกขู่เข็ญ
เขา้ ใจว่า จะได้รับภยั ในทรัพยส์ ินของตนจากการกระทาของผูข้ ู่เข็ญ ซ่ึงอาจขู่เข็ญตรงๆหรือใช้
ถอ้ ยคาหรือทากริยาให้เขา้ ใจเช่นน้นั ก็ได้ โดยไม่จาเป็นท่ีผูข้ ่เู ข็ญตอ้ งกระทาต่อทรัพยส์ ินของผถู้ ูกขู่
เขญ็ จนเสียรูปทรงหรือเปล่ียนรูปทรงไปจากเดิมหรือใชก้ ารไม่ไดห้ รือทาให้เส่ือมค่าเสื่อมราคาดงั ท่ี
จาเลยฎีกา การท่ีจาเลยข่เู ขญ็ ใหผ้ เู้ สียหายจ่ายเงินค่าติดตามรถยนตค์ ืน หากไมน่ ามาใหจ้ ะยึดรถยนต์
กระบะของผูเ้ สียหายไป จึงเข้าลักษณะเป็ นการขู่เข็ญผูเ้ สียหายโดยขู่เข็ญว่าจะทาอันตรายต่อ
ทรัพยส์ ินของผูถ้ ูกขู่เข็ญคือรถยนต์กระบะของผเู้ สียหายแลว้ ซ่ึงทาให้ผูเ้ สียหายเกิดความกลวั และ
ยนิ ยอมใหเ้ งิน 2,300 บาท แก่จาเลย การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผิดฐานกรรโชก

คาพิพากษาฎีกาที่ 562/2559 การท่ีผูเ้ สียหายท้ังส่ียินยอมมอบเงินค่าไถ่รถยนต์ของ
ผเู้ สียหายท้งั สี่ให้แก่ ว. ผรู้ ับจานา ซ่ึงรับจานารถยนตข์ องผูเ้ สียหายท้งั ส่ีรวม 10 คนั ไวจ้ าก บ. โดยมิ
ชอบ ตามที่ ว. ข่ผู เู้ สียหายที่ 1 ถึงท่ี 3 ผา่ น อ. ภริยาของ บ. ทางโทรศพั ทเ์ คล่ือนที่ว่า หากผเู้ สียหายที่
1 ถึงท่ี 3 ไม่ยอมใหเ้ งินคา่ ไถร่ ถยนตแ์ ก่ วรรค ผเู้ สียหายท่ี 1 ถึงที่ 3 จะไม่ไดร้ ถยนตข์ องผเู้ สียหายท่ี 1
ถึงที่ 3 คืน และ ว. ยงั ข่ผู เู้ สียหายท่ี 4 ทางโทรศพั ทเ์ คล่ือนท่ีในขณะต่อรองราคาค่าไถ่วา่ ถา้ ผเู้ สียหาย
ที่ 4 ไม่เอาราคาน้ีก็ไม่ตอ้ งเอา โดยจะนารถของผูเ้ สียหายที่ 4 ไปแยกย่อยเอง ถือเป็นการข่เู ขญ็ ว่าจะ
ทาอนั ตรายต่อทรัพยส์ ินดงั กล่าวของผูเ้ สียหายท้งั สี่ จนผูเ้ สียหายท้งั สี่จาตอ้ งยินยอมจะให้เงินแก่
วรรค เป็ นค่าไถ่รถยนตต์ ามท่ีถูกข่มขืนใจ การกระทาของ ว. ย่อมครบองคป์ ระกอบความผิดฐาน
กรรโชกแลว้ แมผ้ ูเ้ สียหายท้งั สี่จะยงั ไม่ไดม้ อบเงินค่าไถ่รถยนต์ให้แก่ ว. จาเลยที่ 1 รับมอบหมาย
จาก วรรค ใหม้ ารับเงินค่าไถ่รถยนตจ์ ากผเู้ สียหายท้งั สี่หลงั จากน้นั จึงมิใช่เป็นการช่วยเหลือหรือให้
ความสะดวกก่อนหรือขณะกระทาความผดิ ฐานกรรโชก เพราะการกระทาความผดิ ฐานกรรโชกของ
ว. ไดส้ าเร็จเด็ดขาดไป ท้งั ความผดิ ฐานกรรโชกมิไดม้ ีกฎหมายบญั ญตั ิไวใ้ หผ้ ูเ้ ป็นคนกลางติดต่อรับ
มอบทรัพยจ์ ากการกรรโชกหลงั จากการกระทาความผิดสาเร็จ เป็นความผดิ ท่ีตอ้ งรับโทษ จึงไม่อาจ
ลงโทษจาเลยที่ 1 ฐานเป็นผสู้ นบั สนุนการกระทาความผิดฐานกรรโชกตาม ป.อ. มาตรา 86 ได้

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1972/2521 ขวู่ า่ จะเผาบา้ นเป็นกรรโชก
คาพิพากษาฎีกาที่ 3512 /2532 ข่วู า่ ถา้ ไม่ใหเ้ งินจากขวา้ งระเบิดพงั ร้าน
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 4012/2534 ข่พู ระวา่ จะเอารูปถ่ายตอนเป็นฆราวาสไปโฆษณาเป็นกรรโชก

424

การข่วู า่ จะจบั เพ่ือเรียกเอาประโยชน์ท่ีตนไม่มีสิทธ์ิจะไดร้ ับเป็นกรรโชกเพราะเป็นการข่วู า่ จะทาตอ่
เสรีภาพและถา้ การขวู่ า่ จะจบั จะฟ้องหากเป็นการกระทาที่มีสิทธ์ิตามกฎหมายกไ็ มเ่ ป็นความผดิ

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2786/2529 ตารวจขวู่ า่ จะจบั และเรียกเงินโดยผถู้ ูกข่มู ิไดก้ ระทา
ความผดิ เป็นกรรโชกมาตรา 337 และมาตรา 148

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1615/2513 ควายหายไม่รู้วา่ ใครเอาไปไปเรียกเงินจากผเู้ สียหายหาก
ไมใ่ หจ้ ะแจง้ ตารวจแมผ้ เู้ สียหายใหเ้ งินไปไมค่ รบตามที่เรียกกเ็ ป็นกรรโชก

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5096/2540 คร้ังแรก ถ. บอกผเู้ สียหายวา่ จาเลยเป็นตารวจ ซ่ึงจาเลยก็น่ิง
ไมไ่ ดป้ ฏิเสธ เทา่ กบั จาเลยตอ้ งการใหผ้ เู้ สียหายเชื่อหรือเขา้ ใจท้งั จาเลยยงั เรียกเงินจากผเู้ สียหาย
มิฉะน้นั จะจบั ผเู้ สียหายพฤติการณ์ถือไดว้ า่ จาเลยแสดงตนเป็นเจา้ พนกั งานและกระทาการเป็นเจา้
พนกั งานตามมาตรา 145

การที่จาเลยเรียกเงินจากผเู้ สียหายโดยขวู่ า่ หากไม่ใหจ้ ะจบั จนผเู้ สียหายยอมใหเ้ งินเขา้
มาตรา 337 เพราะวา่ จาเลยมีความผิดตามมาตรา 145 และมาตรา 337

ถา้ ข่วู า่ จะใชส้ ิทธิตามกฎหมาย ไมผ่ ดิ กรรโชก
คาพิพากษาฎีกาที่ 2688/2530 จาเลยเช่ือโดยสุจริตวา่ ผูเ้ สียหายไดร้ ับสติ๊กเกอร์ราคา
1 บาทไปจาเลยจึงเรียกค่าปรับ 30 บาทไมง่ ้นั จะสงั่ ส่งตวั ใหต้ ารวจเป็นการท่ีจาเลยใชส้ ิทธ์ิตาม
กฎหมายดาเนินคดีกบั ผเู้ สียหายในอาญาไดจ้ าเลยไม่ผิดกรรโชก
คาพิพากษาฎีกาท่ี 599/ 2531 จาเลยขอใหผ้ ใู้ หญ่บา้ นช่วยหาตวั คนร้ายที่ลกั ควายมาให้
ผใู้ หญ่บา้ นนดั ผเู้ สียหายมาเจรจากบั จาเลยทาใหจ้ าเลยเขา้ ใจผดิ คิดวา่ เป็นคนร้ายจึงเรียกเงินจาก
ผเู้ สียหายค่าควายโดยผใู้ หญ่บา้ นช่วยไกลเ่ กลี่ย จาเลยใชส้ ิทธ์ิโดยสุจริตไมผ่ ิดกรรโชก
ต้องใช้สิทธไิ ม่เกนิ สิทธิท่ตี นเองมอี ยู่
คาพิพากษาฎีกาที่ 1945/2514 ขวู่ า่ จะเปิ ดเผยความลบั ท่ีหา้ งหลีกเลี่ยงภาษเี รียกเงินเป็น
กรรโชกและรีดเอาทรัพยแ์ มผ้ ถู้ ูกขม่ ขืนใจจะทาผิดจริงแต่ผทู้ ่ีข่ไู มม่ ีสิทธ์ิ เช่น ไมไ่ ดเ้ ป็นเจา้ ของ
กรรมสิทธ์ิในทรัพย์ ไมไ่ ดเ้ ป็นเจา้ หน้ี ไม่มีส่วนเกี่ยวขอ้ งการกระทาความผิดของผทู้ ี่ถกู ขม่ ขนื ใจ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1280/2543 จาเลยเป็น สส. ข่เู ขญ็ โจทกว์ ่าจะนาเร่ืองของผบู้ ริหาร
บริษทั ติดสินบนนาไปอภิปรายในรัฐสภาอนั เป็นการทาอนั ตรายตอ่ ช่ือเสียงและทรัพยส์ ินของ
บริษทั ซ่ึงมีโจทกเ์ ป็นผชู้ ่วยบริหารอยจู่ นเป็นเหตุให้โจทกย์ อมใหเ้ งินและรถแก่จาเลย การกระทา
ของจาเลยเป็นกรรโชกมาตรา 337 วรรคแรก
คาพิพากษาฎีกาที่ 2013/2536 ผเู้ สียหายไม่ยอมชาระคา่ ชมการแสดง จาเลยสั่งพนกั งาน
ใหป้ ิ ดประตแู ลว้ ไม่ยอมใหอ้ อกจากบาร์ถา้ ไมช่ าระเงิน เมื่อไม่มีอานาจบงั คบั ใหช้ าระเงินโดยการ
ข่เู ขญ็ วา่ จะทาอนั ตรายต่อเสรีภาพ การกระทาดงั กล่าวเป็นกรรโชก

425

คาพิพากษาฎีกาที่ 4410/2543 จาเลยเรียกเงินจากผเู้ สียหายแตผ่ เู้ สียหายไม่มีให้ มีแต่
สร้อยทองจาเลยใหผ้ เู้ สียหายไปขายสร้อยหาเงินให้จาเลย แมจ้ าเลยจะไมร่ ับสร้อยทองก็ถือวา่ ครบ
องคป์ ระกอบกรรโชกแลว้

กรณีการบงั คบั ชาระหน้ีโดยวิธีการที่ไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย เป็นกรรโชกทรัพยแ์ ลว้ ซ่ึงต่าง
จากการขวู่ า่ จะแจง้ ความดาเนินคดีตามกฎหมาย ซ่ึงผเู้ สียหายมีสิทธิจะทาไดจ้ ึงไมเ่ ป็นกรรโชกทรัพย์
(ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 11, หนา้ 383)

คาพิพากษาฎีกาที่ 1199/2553 ถอ้ ยคาที่จาเลยกล่าวกบั ผเู้ สียหายวา่ "หากผเู้ สียหายไม่ยอม
ชาระหน้ีให้ ผเู้ สียหายกบั บุตรภรรยาจะเดือดร้อนเพราะอายยุ งั นอ้ ย" น้นั ไม่ใช่เป็นการใชส้ ิทธิโดย
ชอบธรรมที่เจา้ หน้ีอาจพึงฟ้องลกู หน้ีให้ชาระหน้ีไดต้ ามกฎหมายแต่อยา่ งใด แต่เป็นถอ้ ยคาที่สามญั
ชนโดยทวั่ ไปย่อมทราบและตีความไดว้ ่าเป็ นคาพูดข่มขู่ว่าหากไม่ชาระหน้ีให้แลว้ ผูเ้ สียหายกับ
ครอบครัวอาจถูกทาร้ายใหไ้ ดร้ ับความเดือดร้อนและเป็นอนั ตรายไดถ้ อ้ ยคาดงั กลา่ วถือไดว้ า่ เป็นการ
ข่เู ขญ็ ผเู้ สียหายใหต้ อ้ งยนิ ยอมชาระหน้ีใหแ้ ก่กลมุ่ จาเลยท้งั หา้ ตามท่ีเรียกร้อง

กรณีท่ีมีการพูดโทรศพั ท์ขู่เข็ญผูเ้ สียหาย จนผูเ้ สียหายกลวั กระทงั่ ยอมนัดหมายให้นา
หลกั ฐานมาใหด้ ูและเตรียมเงินไปใหบ้ างส่วน แมผ้ เู้ สียหายแวะปรึกษาหรือแจง้ ความตอ่ เจา้ พนกั งาน
ตารวจให้ทราบถึงเหตุร้ายท่ีจะเกิดข้ึนแก่ตนและครอบครัว ก็เป็นการแจง้ เพื่อขอความคุม้ ครองจาก
พนกั งานเจา้ หนา้ ที่ตามท่ีประชาชนพึงกระทากนั ตามปกติภายหลงั จากท่ีผูเ้ สียหายยอมตามที่จาเลย
ข่มขู่ไปแลว้ กรณีไม่ใช่ผูเ้ สียหายไม่เกิดความกลวั และไม่ยอมทาตามการขู่เข็ญของจาเลยท้ังห้า
ฉะน้ัน การกระทาของจาเลยท้งั ห้าจึงเป็ นความผิดฐานร่วมกนั กรรโชกสาเร็จแลว้ ไม่ใช่อยู่ในข้นั
พยายาม

การใชก้ าลงั ประทุษร้ายหรือข่เู ขญ็ อาจกระทาตอ่ บคุ คลที่ 3 เพอื่ ใหผ้ ทู้ ี่ถกู ข่มขืนใจเกิด
ความเกรงกลวั จนตอ้ งยอมมอบสิ่งท่ีผกู้ ระทาพงึ ประสงคใ์ หเ้ ช่น ข่วู า่ จะทาใหบ้ ิดาของดาเสีย
ชื่อเสียง

คาพิพากษาฎีกาที่ 1378/2503 (ประชุมใหญ่) จาเลยเขียนจดหมายไปขผู่ เู้ สียหายใหส้ ่งเงิน
ใหม้ ิฉะน้นั บุตรของผเู้ สียหายจะเป็นอนั ตรายแมไ้ ดค้ วามวา่ บุตรผเู้ สียหายบอกใหจ้ าเลยเขยี น
จดหมายไปขบู่ ิดาเพื่อหลอกลวงใหบ้ ิดาส่งเงินมากต็ าม กย็ งั ถือวา่ ผเู้ สียหายถกู ข่มขืนใจ ตามมาตรา
337 เพราะฉะน้นั ผเู้ สียหายไมท่ ราบวา่ จาเลยกบั บตุ รตนเองสมรู้ร่วมคดิ กนั

มาตรา 337 ไม่จาเป็นท่ีจะตอ้ งมีการส่งมอบทรัพยส์ ินใหจ้ ึงจะเป็นความผิดสาเร็จเพยี งแตย่ อมจะให้
ตามคาข่กู เ็ ป็นความผิดสาเร็จแลว้

การหม้นั สมรส รับบุตรบุญธรรม แรงงาน บริการไม่ใช่ทรัพยส์ ินจึงไมเ่ ป็นประโยชน์ใน
ลกั ษณะที่เป็นทรัพยส์ ิน

426

บงั คบั ใหร้ ้องเพลงผิดทาใหเ้ ส่ือมเสียเสรีภาพแตไ่ ม่เป็นกรรโชก
ใชป้ ื นจ้ีตวั เองแลว้ ครูพอ่ แม่วา่ หากไม่ใหเ้ งินจะยงิ ตวั เองตายไม่ใช่กรรโชกเพราะไมม่ ีการ
ข่เู ขญ็ วา่ จะทาอนั ตรายแก่ผทู้ ี่ถูกข่มขนื ใจหรือบุคคลที่ 3
“จนผถู้ ูกข่มขนื ใจยอมเช่นวา่ น้นั ” ความผดิ สาเร็จเมื่อผถู้ กู ขม่ ขืนใจยอมตามที่ถกู บงั คบั
คือ ยอมใหป้ ระโยชนใ์ นเวลาท่ีบงั คบั หรืออาจจะยอมใหป้ ระโยชนใ์ นภายหนา้ กเ็ ป็นความผิดสาเร็จ
ท้งั 2 ประการ
การข่ไู มใ่ หไ้ ปเป็นพยาน เบิกความเป็นพยานไม่ดีใจยงิ เสียเหลา่ น้ีไมใ่ ช่คุณลกั ษณะที่เป็น
ทรัพยส์ ินแต่เป็นความผิดทาใหเ้ สื่อมเสียเสรีภาพมาตรา 309 ไมใ่ ช่มาตรา 337
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3512/2532 จาเลยส่งจดหมายขเู่ รียกเงินหากไม่ใหจ้ ะระเบิดร้าน
แตผ่ เู้ สียหายไมย่ อมใหเ้ งินหรือยอมรับวา่ จะใหเ้ งินแก่จาเลย ถือไดว้ า่ จาเลยไดล้ งมือกระทาความผิด
โดยตลอดแลว้ แตไ่ มบ่ รรลผุ ลเป็นพยายามกรรโชก
กรณีที่ตกลงมอบเงินใหแ้ ต่เป็นการวางแผนเพ่ือจะจบั กมุ เป็ นเพยี งแตพ่ ยายามกรรโชก
คาพิพากษาฎีกาที่ 1339 /2527 จาเลยเขยี นจดหมายใหส้ ่งเงินใหไ้ มง่ ้นั จะฆา่ บุตรผเู้ สียหาย
แตผ่ เู้ สียหายเขา้ แจง้ ตารวจเพื่อวางแผนจบั กมุ จาเลยแสดงวา่ ผเู้ สียหายไม่ยอมใหเ้ งินตามข่กู ารกระทา
ของจาเลยเป็ นกรรโชก
แต่ถา้ ตกลงยนิ ยอมตามที่ขแู่ ลว้ ตอ่ มาจะเอาตารวจไปจบั กมุ เช่นน้ีเป็นความผิดกรรโชก
สาเร็จแลว้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1743/2530 ผเู้ สียหายไดอ้ ่านจดหมายกรรโชกของจาเลยแลว้ ตกลง
ยอมใหเ้ งินตามท่ีเรียกร้อง เน่ืองจากเกรงจะไดร้ ับอนั ตราย การที่ผเู้ สียหายไปแจง้ ความต่อตารวจให้
ทราบก็เพอ่ื ขอความคุม้ ครองแก่เจา้ พนกั งานตามปกติมิใช่ผเู้ สียหายไมย่ อมทาตามการขู่เขญ็
การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผดิ สาเร็จไม่ใช่อยขู่ ้นั พยายาม
กรรโชก คือ ประโยชนท์ ่ีเรียกเอาอาจจะเป็นสังหาริมทรัพยแ์ ละอสังหาริมทรัพยก์ ็ได้
รวมท้งั สิทธิตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวกบั ทรัพยส์ ินแตช่ ิงทรัพยม์ ีพ้นื ฐานมาจากลกั ทรัพยด์ งั น้นั การชิงสิทธิตา่ ง ๆ
จึงไม่มีแตก่ รรโชกสิทธิมีได้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 3058/2539 จาเลยขอเงินค่าจอดรถจากผเู้ สียหาย 10 บาทแตผ่ เู้ สียหาย
ไมใ่ ห้ จาเลยพูดข่วู า่ จะต่อยผเู้ สียหายและเอามีดมาจ่อผเู้ สียหาย ผเู้ สียหายกลวั จึงใหเ้ งินแก่จาเลย
10 บาท การกระทาของจาเลยมิไดม้ ีเจตนาแยง่ การครอบครองเงินของผเู้ สียหายโดยตรงจึงไมผ่ ดิ
ลกั ทรัพยแ์ ละไมผ่ ดิ ชิงทรัพย์ แต่การท่ีจาเลยขม่ ข่ผู เู้ สียหายใหย้ อมใหห้ รือยอมจะใหเ้ งินคา่ จอดรถ
แก่จาเลย โดยขเู่ ขญ็ วา่ จะทาอนั ตรายต่อชีวิตผเู้ สียหายจนผเู้ สียหายยอมตามเป็นกรรโชกทรัพยต์ าม
มาตรา 337

427

คาพิพากษาฎีกาที่ 1796/2541 จาเลยขบั รถมอเตอร์ไซคไ์ ปถามโจทกว์ า่ จะยอมใหเ้ ฝ้ารถ
ใหม้ ้ยั เมื่อโจทกไ์ ม่ยอมก็พูดวา่ ไม่รับรองความเสียหายของรถโจทกจ์ นโจทกก์ ลวั จึงยอมจ่ายเงินให้
จาเลยไปนบั ไดว้ า่ เป็นผลต่อเน่ืองโดยตรงจากการถูกจาเลยขม่ ขซู่ ่ึงเหตุท่ีเกิดข้ึนยงั ไม่ขาดตอน
การกระทาของจาเลยจึงผดิ สาเร็จในขอ้ หากรรโชกแลว้ แมโ้ จทกจ์ ะมิไดฎ้ ีกาขอใหล้ งโทษจาเลย
ในขอ้ หาความผิดสาเร็จแตป่ ัญหาน้ีเป็นขอ้ กฎหมายเก่ียวกบั ความสงบเรียบร้อย ฯ ศาลฎีกามีอานาจ
วินิจฉยั ไดเ้ องโดยลงโทษไมเ่ กินกวา่ โทษที่ศาลอทุ ธรณ์กาหนดไว้

ความผิดฐานรีดเอาทรัพย์
มาตรา 338 ผใู้ ดข่มขืนใจผอู้ ื่น ใหย้ อมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผอู้ ่ืนไดป้ ระโยชน์ในลกั ษณะท่ีเป็น
ทรัพยส์ ิน โดยขเู่ ข็ญวา่ จะเปิ ดเผยความลบั ซ่ึงการเปิ ดเผยน้นั จะทาใหผ้ ถู้ กู ข่เู ขญ็ หรือบุคคลที่สาม
เสียหาย จนผถู้ กู ข่มขนื ใจยอมเช่นวา่ น้นั ผนู้ ้นั กระทาความผดิ ฐานรีดเอาทรัพย์ ตอ้ งระวางโทษจาคกุ
ต้งั แต่หน่ึงปี ถึงสิบปี และปรับต้งั แต่สองหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท

มาตรา 338 รีดเอาทรัพย์
การขเู่ ข็ญตามมาตรา 338 เป็นการข่เู ข็ญวา่ จะเปิ ดเผยความลบั และเม่ือเปิ ดเผยแลว้ ไมไ่ ด้

คานึงวา่ ความเสียหายน้นั จะตอ้ งเป็นความเสียหายอะไร เช่น อาจใหถ้ ูกไลอ่ อกจากงานกไ็ ด้
มาตรา 338 วิธีการข่นู ้นั แคบกวา่ มาตรา 337 จากผลที่เกิดข้ึนกวา้ งกวา่ มาตรา 337

ขอ้ สังเกตมาตรา 338 กบั มาตรา 337 (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 11, หนา้ 389-390)
1. มาตรา 338 มีองคป์ ระกอบเหมือนกรรโชกมาตรา 337 เกือบทกุ ประการแตกตา่ งเพียง

มาตรา 338 เป็นการเปิ ดเผยความลบั ซ่ึงหากเป็นอนั ตรายต่อชื่อเสียงกเ็ ป็นความผดิ กรรโชกซอ้ นกนั
อยดู่ ว้ ยในตวั จะเปิ ดเผยความลบั บางกรณีความเสียหายไม่ใช่ความเสียหายต่อช่ือเสียงก็ได้

2. รีดเอาทรัพยว์ ิธีการข่เู ข็ญ คือ เปิ ดเผยความลบั แต่ผลความเสียหายกวา้ งกวา่ กรรโชก
ความเสียหายมีชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง ทรัพยส์ ิน

การอา้ งจะเปิ ดเผยภาพและวิดีโอลามกของเหยอื่ เพือ่ ประจาน ถือเป็นการขเู่ ขญ็ วา่ จะ
เปิ ดเผยความลบั เช่นกนั

คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 1188/2561 โจทกบ์ รรยายฟ้องวา่ จาเลยนาภาพและวิดีโอลามกส่ง
เขา้ ระบบคอมพิวเตอร์ ส่งใหบ้ ตุ รสาวโจทกด์ ูเพื่อประจานโจทก์ ซ่ึงมีเพยี งจาเลยและบุตรสาวโจทก์
เท่าน้นั ท่ีมีรหสั ในการเขา้ ดูประชาชนทว่ั ไปไมส่ ามารถเขา้ ดูไดห้ ากไม่ทราบรหสั จึงไม่เป็นความผิด
ตาม พ.ร.บ.วา่ ดว้ ยความผิดวา่ ดว้ ยการกระทาความผิดเกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (4)
จาเลยส่งขอ้ ความทางผา่ นทางระบบอินเตอร์เน็ตถึงโจทกห์ ลายคร้ัง ขเู่ ขญ็ โจทกใ์ หจ้ ่ายเงินจาเลย
มิเช่นน้นั จะเปิ ดเผยความลบั รูปภาพและวิดีโอท่ีโจทกไ์ ปมีความสมั พนั ธท์ างเพศกบั ชายอื่น ในขณะ
ท่ียงั ไมไ่ ดห้ ยา่ ขาดจากจาเลย การกระทาของจาเลยดงั กลา่ วเป็นการขม่ ขืนใจผอู้ ่ืน ใหย้ อมให้ หรือ

428

ยอมจะใหต้ นหรือผอู้ ่ืนไดป้ ระโยชน์ในลกั ษณะท่ีเป็นทรัพยส์ ินโดยข่เู ข็ญจะเปิ ดเผยความลบั ซ่ึงการ
เปิ ดเผยน้นั จะทาใหผ้ ถู้ ูกขเู่ ขญ็ หรือบคุ คลท่ีสามเสียหายครบองคป์ ระกอบความผิดฐานรีดเอาทรัพย์
เมื่อโจทกไ์ มย่ นิ ยอมมอบเงินใหต้ ามท่ีจาเลยขเู่ ข็ญ การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายาม
รีดเอาทรัพย์

3. ความลบั หมายถึง ขอ้ เทจ็ จริงท่ีไม่ประจกั ษแ์ ก่คนทว่ั ไปและจา้ ของประสงคจ์ ะปกปิ ด
ยกตวั อยา่ ง ความสมั พนั ธ์ฉนั ชูส้ าว แมจ้ ะเป็นเรื่องจริงแต่บุคคลน้นั ไมป่ ระสงคจ์ ะเปิ ดเผย ก็ถือเป็น
ความลบั

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 12685/2558 การข่เู ขญ็ วา่ จะเปิ ดเผยความลบั ซ่ึงเป็นองคป์ ระกอบ
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 338 หมายความวา่ การขเู่ ขญ็ วา่ จะเปิ ดเผยเหตุการณ์ขอ้ เทจ็ จริงท่ีไม่
ประจกั ษแ์ ก่บคุ คลทว่ั ไป และเป็นขอ้ เทจ็ จริงท่ีเจา้ ของความลบั ประสงคจ์ ะปกปิ ดไม่ใหบ้ คุ คลอื่นรู้
ดงั น้ี ความลบั จึงไมจ่ าเป็นตอ้ งเป็นการกระทาท่ีชอบดว้ ยกฎหมาย หรือไม่ชอบดว้ ยกฎหมายหรือผิด
ศีลธรรมอนั ดีของประชาชน หากเป็นเหตกุ ารณ์ที่เกิดข้นึ จริงและเจา้ ของขอ้ เทจ็ จริงประสงคจ์ ะ
ปกปิ ดไม่ใหบ้ ุคคลอื่นรู้ก็ถือว่าเป็นความลบั แลว้ เมื่อฎีกาของจาเลยยอมรับขอ้ เทจ็ จริงวา่ จาเลยมี
ภริยาอยแู่ ลว้ แตจ่ าเลยกบั ผูเ้ สียหายสมคั รใจมีความสัมพนั ธ์ฉนั ชูส้ าวกนั มาประมาณ 1 ปี ขอ้ เทจ็ จริง
ท่ีจาเลยกบั ผเู้ สียหายมีความสมั พนั ธ์ฉนั ชูส้ าวกนั จึงเป็นขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกิดข้ึนจริง เมื่อเป็นการกระทาท่ี
ผดิ ศีลธรรมอนั ดีของประชาชน แสดงวา่ ผเู้ สียหายประสงคจ์ ะปกปิ ดไม่ใหบ้ คุ คลอ่ืนโดยเฉพาะภริยา
จาเลยรู้เรื่องดงั กลา่ ว เร่ืองน้นั จึงเป็นความลบั ของผเู้ สียหาย การท่ีจาเลยข่เู ข็ญผเู้ สียหายว่าหาก
ผเู้ สียหายไมน่ าเงินจานวน 20,000 บาท มาใหจ้ าเลย จาเลยจะนาเรื่องความสัมพนั ธฉ์ นั ชูส้ าวระหวา่ ง
จาเลยซ่ึงมีครอบครัวแลว้ กบั ผเู้ สียหายไปเปิ ดเผยต่อบุคคลอื่น จึงเป็นการข่เู ขญ็ วา่ จะเปิ ดเผยความลบั
ของผเู้ สียหาย ครบองคป์ ระกอบความผดิ ตาม ป.อ. มาตรา 338

4. หากมีอานาจหนา้ ที่ตามกฎหมายในการเปิ ดเผยความลบั กถ็ ือวา่ ไมเ่ ป็นความผิดแตถ่ า้
กระทาเพอ่ื เรียกร้องเอาประโยชนน์ อกเหนือไปจากสิทธิที่มีอยตู่ ามกฎหมายยอ่ มเป็นความผิด

หมวด 3 ความผิดฐานฉ้อโกง
ความผิดฐานฉ้ อโกง
มาตรา 341 ผใู้ ดโดยทุจริต หลอกลวงผอู้ ่ืนดว้ ยการแสดงขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ หรือปกปิ ดขอ้ ความ
จริงซ่ึงควรบอกใหแ้ จง้ และโดยการหลอกลวงดงั วา่ น้นั ไดไ้ ปซ่ึงทรัพยส์ ินจากผถู้ ูกหลอกลวงหรือ
บคุ คลที่สาม หรือทาใหผ้ ถู้ ูกหลอกลวงหรือบคุ คลท่ีสาม ทา ถอน หรือทาลายเอกสารสิทธิ ผนู้ ้นั
กระทาความผิดฐานฉอ้ โกง ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือ
ท้งั จาท้งั ปรับ

มาตรา 341 ฉ้อโกง
องคป์ ระกอบ

429

1. หลอกลวงผอู้ ื่นดว้ ยการแสดงขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ หรือปกปิ ดขอ้ ความจริง ซ่ึงควร
บอกใหแ้ จง้

2. โดยการหลอกลวงดงั วา่ น้นั
ก. ไดไ้ ปซ่ึงทรัพยส์ ินจากผถู้ กู หลอกลวงหรือบุคคลท่ี 3
ข. ทาใหผ้ ถู้ กู หลอกลวง หรือบคุ คลที่ 3 ทา ถอน หรือทาลายเอกสารสิทธิ

3. โดยทุจริต
อาจารยเ์ กียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ มีขอ้ สังเกตระหวา่ งความผิดฐานฉอ้ โกงกบั ความผิดฐาน
ลกั ทรัพยโ์ ดยใชอ้ ุบาย (larceny by trick) หากเป็นการหลอกใหโ้ อนกรรมสิทธ์ิถือวา่ เป็นความผิด
ฐานฉอ้ โกง แต่หากเป็นการหลอกลวงเอาการครอบครองทรัพยน์ ้นั จะเป็นการลกั ทรัพยโ์ ดยใช้
อบุ าย (เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 9) อยา่ งไรก็ตาม คาวา่ ลกั ทรัพยโ์ ดยใชอ้ ุบายหรือใช้
กลอุบายไมม่ ีบญั ญตั ิไวใ้ นประมวลกฎหมายอาญาไทย
อาจารยไ์ กรฤกษ์ เกษมสันต์ มีความเห็นเก่ียวความผดิ ฉอ้ โกง กบั ลกั ทรัพยโ์ ดยใชก้ ล
อุบายวา่ มีลกั ษณะหลอกลวงเหมือนกนั แตม่ ีส่วนตา่ งคือ การหลอกลวงเพื่อไดม้ าซ่ึงการยดึ ถือจะได้
เอาทรัพยไ์ ปโดยสะดวก เป็นลกั ทรัพยโ์ ดยใชอ้ ุบาย แตถ่ า้ มีการส่งมอบการครอบครองโดยการ
หลอกลวงยอ่ มเป็นฉอ้ โกง (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 12, หนา้ 408)
ฉอ้ โกง มีการกระทาผิดอยู่ 2 ส่วนคอื 1. หลอกลวง 2.ปกปิ ดขอ้ ความจริงซ่ึงควรบอก
ใหแ้ จง้
ขอ้ ความเท็จจะตอ้ งเป็นขอ้ เท็จจริงในอดีตหรือในปัจจุบนั
แตถ่ า้ เป็นการกลา่ วถึงเหตุการณ์ภายภาคหนา้ ที่ยงั ไม่เกิด ในลกั ษณะของคามน่ั สัญญา
เช่นน้ี เป็นเพยี งการผิดคามน่ั สญั ญา ไมถ่ ือเป็นการฉอ้ โกง (สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกลุ , 2548, หนา้
129)
คาพิพากษาฎีกาที่ 3784/2532 ขณะทาสัญญาซ้ือขายขา้ วโพด จาเลยมีขา้ วโพดที่จะขายให้
ผเู้ สียหายแต่พอผเู้ สียหายจ่ายเงิน แลว้ มาขอรับขา้ วโพดหายไปคร่ึงหน่ึง เป็นผดิ สัญญาทางแพ่ง
ไมผ่ ดิ ฉอ้ โกง เพราะขณะท่ีทาสัญญาซ้ือขายขา้ วโพดน้นั จาเลยไมไ่ ดแ้ สดงขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ แต่
อยา่ งไร
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 124/2535 จาเลยตกลงขายไมใ้ หผ้ เู้ สียหายและรับเงินผเู้ สียหายไปแลว้
แต่จาเลยไมส่ ามารถส่งไมใ้ หไ้ ด้ เพราะทางราชการไมอ่ นุญาตใหท้ าไม้ จาเลยผิดสัญญาทางแพ่ง
เทา่ น้นั ไมผ่ ิดฉ้อโกง เพราะจาเลยไมไ่ ดค้ ดิ จะไมข่ ายไมม้ าต้งั แตแ่ รก
คาพิพากษาฎีกาที่ 151-2/2537 ผขู้ ายไม่ทราบวา่ ท่ีดินที่ขายจะถกู เวนคนื ผขู้ ายไมไ่ ด้
ฉอ้ โกง
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1203/2498 ใชอ้ ุบายแสดงตอ่ ประชาชน วา่ ทาการคา้ ใหญ่โต ใหน้ าเงิน
มาฝากหุน้ จะปันผลให้ 50% ต่อเดือนท้งั ท่ีรู้วา่ ไมส่ ามารถ จะจ่ายไดเ้ ช่นน้นั เป็นความผิดฐานฉอ้ โกง

430

คาพิพากษาฎีกาที่ 2918/2527 จาเลยใชอ้ บุ ายหลอกลวงใหผ้ เู้ สียหายส่งมอบสินคา้ ใหแ้ ลว้
จาเลยออกเช็คใหท้ ้งั ๆที่รู้วา่ ไม่สามารถจ่ายเงินได้ การออกเชค็ เป็นเพียงการกระทาส่วนหน่ึงของ
การหลอกลวงเพื่อใหไ้ ดม้ าซ่ึงสินคา้ จากผเู้ สียหายเทา่ น้นั จาเลยผดิ ฉอ้ โกง และพระราชบญั ญตั ิเช็ค
กรรมเดียวผดิ กฎหมายหลายบท

คาพิพากษาฎีกาที่ 1033/2534 โจทกม์ อบเช็คคืนใหแ้ ก่จาเลย เพราะหลงเชื่อวา่ จาเลยจะนา
รถมาแลกซ่ึงไมเ่ ป็นความจริง การที่จาเลยแจง้ แก่โจทกว์ า่ จะนารถมามอบแก่โจทก์ ไมใ่ ช่เหตุการณ์
ตามจริงขณะน้นั แต่เป็นการกาหนดข้ึนเพือ่ ให้โจทกห์ ลงเชื่อเป็นการหลอกลวงโจทกด์ ว้ ยการแสดง
ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ ผิดมาตรา 341 และการที่จาเลยเอาเชค็ ไป ทาใหโ้ จทกข์ าดเอกสารในการ
ฟ้องร้องคดี ผดิ มาตรา 188 อีกดว้ ย

คาพิพากษาฎีกาที่ 1514/2508 จาเลยทาทีไปขอซ้ือสบรู่ าคา 3 บาท โดยจ่ายแบงค์ 100
พอผเู้ สียหายทอนให้ 97 บาท จาเลยก็บอกวา่ ไม่ตอ้ งการสบขู่ อคนื เงินพร้อมส่งสบู่และเงินทอนให้
ผเู้ สียหาย โดยผเู้ สียหายไม่นบั เงิน้นั แทจ้ ริงจาเลยดึงเงินไป 50 บาท แลว้ หนีไป การทาทีเป็นซ้ือสบู่
อนั เป็นเทจ็ เพ่ือหลอกลวงใหไ้ ดไ้ ปซ่ึงทรัพยส์ ิน คอื เงินทอน จาเลยผดิ ฉ้อโกง

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 6196/2534 ชกั ชวนไปทางานตา่ งประเทศ แตแ่ ลว้ กไ็ ม่ส่งไป และไม่
คนื เงินให้ ผิดฉอ้ โกง

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1124/2529 จาเลยใหผ้ เู้ สียหายติดต่อซ้ือโคแลว้ จะใหค้ า่ นายหนา้
เมื่อจาเลยไดร้ ับโค แลว้ ไม่นาเงินค่าโคและค่านายหนา้ มาให้ ผดิ ฉอ้ โกง

คาพิพากษาฎีกาที่ 633/2546 ใชอ้ ุบายทาทีไปติดต่อซ้ือผา้ แลว้ บอกวา่ จะจ่ายเงินให้
พอผเู้ สียหายเผลอกข็ บั รถที่มีผา้ บรรทุกไป แสดงชดั วา่ มีเจตนาทุจริตหลอกลวงใหผ้ เู้ สียหายเชื่อและ
ไมม่ ีเจตนาจะใชร้ าคาผา้ ผิดฉอ้ โกง มาตรา 341

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5319/2547 นาหนงั สือผอู้ ื่นไปไถท่ รัพย์ โดยไมแ่ สดงใหแ้ จง้ ชดั วา่
หนงั สือน้นั ไมใ่ ช่ของตน เป็นเหตุใหผ้ เู้ สียหายมอบสร้อยที่จาเลยมาขอไถใ่ หไ้ ป

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1301/2547 หลอกวา่ จะนาเงินไปลงทุนโดยไดป้ ระโยชน์ตอบแทนเป็น
ดอกเบ้ียสูงกวา่ ความเป็นจริง เป็นฉอ้ โกง

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 706/2539 สัญญาซ้ือขายท่ีดินมีขอ้ ความวา่ จาเลยจะโอนที่ใหห้ ลงั จาก
โจทกช์ าระค่ามดั จาครบ แต่ความจริงยงั มิไดร้ วบรวมท่ีดินมาเพอ่ื ขายใหโ้ จทกเ์ ลย ขอ้ ความมีการ
แสดงขอ้ ความในปัจจุบนั อยู่ดว้ ยวา่ ขณะทาสญั ญาจาเลยมีสิทธิในที่ดินที่จะนามาขายใหโ้ จทก์
เมื่อขอ้ ความดงั กล่าวเป็นเทจ็ ทาใหโ้ จทกห์ ลงเช่ือ จาเลยผิดฉอ้ โกง

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 19/2541 แมข้ ณะทาสญั ญา จาเลยจะไมใ่ ช่ผรู้ ับสมั ปทาน แต่จาเลยก็ได้
เขา้ ทาไม้ และทาสญั ญาซ้ือไมจ้ ากองคก์ ารอตุ สาหกรรมไวพ้ อที่จะขายใหโ้ จทกต์ ามจานวนที่ตกลง
ซ้ือไว้ ต่อมาจาเลยส่งไมใ้ หโ้ จทกเ์ พียงสองคร้ังไมค่ รบตามสญั ญากเ็ ป็นเร่ืองผิดสัญญาทางแพ่ง มิใช่
เป็นการทุจริตหลอกลวงโจทกด์ ว้ ยการแสดงขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ ไม่ผดิ ฉอ้ โกง

431

สรุป การบรรยายฟ้อง หรือการนาสืบขอ้ เทจ็ จริง ถา้ ไดค้ วามแตเ่ พยี งวา่ เป็นการใหค้ ามน่ั
หรือเป็นการสญั ญาถึงเหตกุ ารณ์ในอนาคต แมจ้ ะไม่เป็นจริง ก็ไมผ่ ดิ ฉอ้ โกง ถา้ การใหค้ ามน่ั
หรือการใหส้ ัญญาวา่ จะทาอะไรในอนาคตมีการยนื ยนั ใหเ้ ห็นสภาวะแห่งจิตของจาเลย หรือยนื ยนั
ใหเ้ ห็นขอ้ เทจ็ จริงปัจจุบนั วา่ มิไดเ้ ป็นดงั ท่ีจาเลยกล่าว กเ็ ทา่ กบั เป็นการยนื ยนั ขอ้ ความอนั เป็นเท็จใน
ปัจจุบนั แลว้ จึงผิดฉ้อโกงได้

ถา้ ขอ้ ความที่แสดงออกไปไมเ่ ป็นเทจ็ โดยผกู้ ลา่ วเขา้ ใจวา่ เป็นเทจ็ กไ็ ม่ผิดฐานพยายาม
ฉอ้ โกง เพราะถือวา่ การกระทาน้นั ไมเ่ ขา้ องคป์ ระกอบความผดิ

การหลอกลวงโดยใชว้ ิธีข่มขอู่ ยใู่ นตวั ดว้ ย ศาลฎีกาวา่ เป็นกรรโชกทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 810-13/2544 จาเลยไดใ้ หค้ าแนะนาช่วยเหลือและจดั ทาหลกั ฐาน
เบิกค่ารักษาพยาบาลเทจ็ ใหแ้ ก่ผอู้ ื่น (จานวนส่ีคน) โดยจาเลยไดป้ ระโยชนต์ อบแทนเป็นเงินส่วน
แบง่ น้นั ซ่ึงผอู้ ื่น (ท้งั สี่คน) ไดร้ ับจากผเู้ สียหาย เป็นกรณีร่วมกนั กระทาผดิ ฉอ้ โกงกบั ผอู้ ื่นท้งั สี่คน
คาพิพากษาฎีกาท่ี 6863/2543 จาเลยอา้ งกบั ผเู้ สียหายวา่ สามารถติดตอ่ กบั คนร้ายไถ่
รถยนตค์ นื ผเู้ สียหายจึงมอบเงินค่าไถแ่ ลคา่ ใชจ้ ่ายใหจ้ าเลยซ่ึงเป็นความเทจ็ จาเลยผิดฉ้อโกง
ไม่ผดิ ฐานรับของโจร เพราะจาเลยไม่ไดช้ ่วยคนร้ายจาหน่ายรถที่ลกั ไป

- ตอ้ งเป็นการไดไ้ ปซ่ึงทรัพยส์ ิน ถา้ เป็นการไดไ้ ปซ่ึงบริการ เช่นน้ีไม่ใช่ ฉอ้ โกง (ไกร
ฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 12, หนา้ 413)

คาพิพากษาฎีกาท่ี 3667/2526 จาเลยแจง้ แก่สมาคมฌาปนกิจฯวา่ บิดาของจาเลยแขง็ แรง
ซ่ึงขณะน้นั บิดาจาเลยป่ วยเป็นมะเร็ง ทาใหส้ มาคม ฯ หลงเชื่อรับบิดาจาเลยเป็นสมาชิก
การหลอกลวงมีผลเพียงการเขา้ เป็นสมาชิกเทา่ น้นั หาไดท้ าใหจ้ าเลยไดท้ รัพยส์ ินไปจากโจทกไ์ ม่
แมต้ ่อมาโจทกจ์ ะจ่ายเงินสงเคราะหไ์ ปกเ็ นื่องจากบิดาจาเลยตาย หาใช่เนื่องจากจาเลยหลอกลวง
ไม่ จาเลยไมผ่ ิดฉอ้ โกง อยั การยอ่ มไมม่ ีสิทธิเรียกทรัพยส์ ินหรือราคาแทน

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1733/2516 จาเลยหลอกลวงผเู้ สียหายใหย้ กรถท่ีเสียของจาเลย ค่ายกรถ
1,000 บาท จาเลยไมช่ าระให้ เป็นเร่ืองผิดสัญญาทางแพ่ง เพราะจาเลยไม่ไดไ้ ปซ่ึงทรัพยส์ ิน
แต่ไดร้ ับการบริการ จึงไม่ผิดฉอ้ โกง

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 7264/2543 การไดจ้ อดรถโดยไมเ่ สียคา่ จอด เป็นการไดร้ ับบริการ
ไมไ่ ดไ้ ปซ่ึงทรัพยส์ ิน ไม่ผดิ ฉอ้ โกง

การนิ่งเฉยหรือปกปิ ดขอ้ ความจริงซ่ึงควรบอกใหแ้ จง้ คอื ผนู้ ้นั มีหนา้ ที่ที่จะตอ้ งบอกเพอื่
ป้องกนั ผล คือ ไมใ่ หผ้ ใู้ ดหลงผดิ แตง่ ดเสีย ไม่ป้องกนั ผลน้นั ตามมาตรา 59 วรรคทา้ ย ซ่ึงหนา้ ท่ีน้ี
อาจจะเป็นหนา้ ที่ตามกฎหมาย ตามสญั ญา หรืออนั เกิดจากการกระทาก่อน ฯ ของผกู้ ระทา แต่ไม่
น่าจะรวมถึงหนา้ ท่ีในทางศีลธรรม

432

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1385/2522 เสมียนทา นส.3 และสญั ญาขายฝากปลอมให้ ก. ไป
หลอกลวงโดยปกปิ ดขอ้ ความจริง อนั ควรบอกใหแ้ จง้ ก. ไปรับเงินคา่ ขายฝาก เป็นตวั การฉอ้ โกง
ดว้ ย

คาพิพากษาฎีกาที่ 1385/2542 จาเลยแสดงขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ วา่ จะสามารถส่งผเู้ สียหาย
ไปทางานแอฟริกาได้ โดยจาเลยปกปิ ดขอ้ ความจริงวา่ จาเลยไมไ่ ดร้ ับอนุญาตใหจ้ ดั หางานจากนาย
ทะเบียนจดั หางาน จากหลอกลวงทาใหผ้ เู้ สียหายมอบเงินใหจ้ าเลย จาเลยผิดฉ้อโกง มิใช่ผิดเฉพาะ
สัญญาทางแพ่งแต่อยา่ งใด

- หลอกใหผ้ อู้ ื่น ทา ถอน หรือ ทาลายเอกสารสิทธิ
คาพิพากษาฎีกาที่ 863/2513 ทาใหโ้ จทกห์ ลงเช่ือทาหนงั สือรับรองหลกั ทรัพยเ์ พื่อนาไป
ยนื่ ประกนั ตวั ต่อศาลแมจ้ าเลยจะไมไดร้ ับประโยชน์เป็นทรัพย์ แตก่ ท็ าใหจ้ าเลยไดร้ ับประโยชน์โดย
ใชห้ นงั สือน้นั ไปอา้ งต่อศาลเพื่อประกนั ตวั อนั เป็นการแสวงหาประโยชน์สาหรับผูอ้ ่ืนยอ่ มเป็นการ
กระทาโดยทจุ ริต จาเลยผิดฉ้อโกง
คาพิพากษาฎีกาท่ี 6512/2539 จาเลยหลอกลวงพนกั งานของโจทกด์ ว้ ยการแสดงขอ้ ความ
อนั เป็นเทจ็ วา่ ไดช้ าระหน้ีให้โจทกค์ รบถว้ นและขอไถ่ถอนจานอง โจทก์หลงเชื่อวา่ จาเลยชาระหน้ี
ครบ จึงทาหนงั สือสลกั หลงั ปลอดจานองอนั เป็นเอกสารสิทธิ จาเลยผิดฉอ้ โกง และแมโ้ จทกจ์ ะ
เพกิ ถอนการไถ่ถอนจานองได้ กห็ าทาใหค้ วามผิดฉ้อโกงของจาเลยซ่ึงสาเร็จแลว้ กลบั เป็นไปไมเ่ ป็น
ความผิด
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1962/2531 หลอกใหล้ งชื่อในสัญญาจานอง แมย้ งั มิไดก้ รอกขอ้ ความ
ก็เป็นการหลอกใหผ้ เู้ สียหาย ทาเอกสารสิทธิแลว้ เป็นฉอ้ โกง
คาพิพากษาฎีกาท่ี 928/2506 หลอกใหถ้ อนคาร้องทุกข์ คาร้องทกุ ขไ์ มใ่ ช่เอกสารสิทธิ
ไม่ผิดฉอ้ โกง
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1538/2541 คาฟ้องไม่ใช่เอกสารสิทธิ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1107/2509 หลอกใหล้ งช่ือในใบแตง่ ทนาย ซ่ึงไม่ใช่เอกสารสิทธิ
ไมเ่ ป็นฉอ้ โกง
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1508/2538 ตว๋ั เครื่องบินเป็นตวั๋ ท่ีผมู้ ีช่ือในตวั๋ ไวใ้ ชโ้ ดยสารเครื่องบิน
จึงเป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 อนุ 9 จาเลยปลอมตว๋ั โดยยอ่ มเลง็ เห็น
ผลไดว้ า่ ผมู้ ีชื่อในตว๋ั ตอ้ งนาไปเดินทา แสดงวา่ จาเลยมีเจตนาโดยทุจริตหลอกลวงสายการบินวา่
ผมู้ ีชื่อในตว๋ั ชาระเงินแลว้ อนั เป็นเทจ็ จึงผดิ ฐานฉอ้ โกง เจา้ ของสายการบิน (จาเลยผิดฐานปลอม
เอกสารดว้ ย)
- ความผิดฐานฉอ้ โกง ผกู้ ระทาตอ้ งมีเจตนาหลอกลวงผเู้ สียหายมาต้งั แต่แรก (เกียรติขจร
วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 209)

433

- ความผดิ ฐานฉอ้ โกงเป็นความผดิ ที่ตอ้ งการผล หากผลไมเ่ กิดข้ึนจะเป็นความผดิ แค่
พยายามเทา่ น้นั (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 12, หนา้ 417)

คาพิพากษาฎีกาที่ 3351/2542 ผเู้ สียหายหลงเช่ือ แต่ยงั ไม่ไดส้ ่งมอบเงินใหจ้ าเลย จึงเป็น
พยายามฉอ้ โกง เพราะวา่ ยงั ไมม่ ีการไดไ้ ป

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 5729/2539 การท่ีผกู้ ระทาผดิ ฐานฉอ้ โกงไดไ้ ปซ่ึงทรัพยส์ ินจาก
ผหู้ ลอกลวง หรือบุคคลท่ี 3 ตอ้ งเป็นผลโดยตรงจากการหลอกลวงดว้ ยการแสดงขอ้ ความอนั เป็นเทจ็
หรือปกปิ ดขอ้ ความจริงซ่ึงควรบอกใหแ้ จง้

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 671/2539 จาเลยอาสานาบตั รเอทีเอม็ ไปตรวจสอบยอดใหแ้ ต่กลบั นา
บตั รไปกดเงินของผเู้ สียหาย จึงผดิ ฉอ้ โกงผเู้ สียหาย

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1104/2507 หลอกนายสถานีรถไฟวา่ สินคา้ เป็นของนาย บ. โดยจาเลย
แสดงตนวา่ เป็นนาย บ. และใบอินวอยซส์ ินคา้ หาย ทาใหน้ ายสถานีหลงเช่ือ จาเลยผิดฉ้อโกงโดย
แสดงตนเป็ นคนอื่น

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 6892/2542 (ประชุมใหญ่) ลกั ทรัพยต์ อ้ งเป็นการเอาทรัพยข์ องผอู้ ่ืนไป
โดยพลการโดยทจุ ริตมิใช่ไดท้ รัพยไ์ ปเพราะผอู้ ่ืนยนิ ยอมมอบให้ เนื่องจากถูกหลอกลวง จาเลย
เปล่ียนป้ายราคาแจกนั แลว้ นาไปชาระเงินเป็นการหลอกลวงพนกั งานเก็บเงินโดยทจุ ริต แสดง
ขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ วา่ ราคาโคมไฟตามป้ายท่ีจาเลยเปล่ียน ทาใหพ้ นกั งานหลงเช่ือ จาเลยผิดฉอ้ โกง
มิใช่การเอาโคมไฟโดยพลการโดยทุจริต อนั จะเป็นความผิดฐานลกั ทรัพยแ์ ต่ประการใด

- คาพพิ ากษาฎีกายงั ไม่ไดว้ างแนวไวช้ ดั เจน แต่การหลอกไปซ่ึงการยดึ ถือกบั การ
หลอกลวงแลว้ ไดก้ รรมสิทธ์ิเป็นขอ้ แตกต่างที่จะเป็นแนวทางในการพจิ ารณาประกอบวา่ เป็นกรณี
ลกั ทรัพยโ์ ดยใชอ้ บุ ายหรือเป็นฉอ้ โกง

คาพิพากษาฎีกาท่ี 5255/2540 สญั ญากทู้ ี่จาเลยทากบั โจทก์ จาเลยลงนาม ป. ซ่ึงไม่มีตวั ตน
จริง และเช็คที่นามาแลกก็เป็นเชค็ ที่ปิ ดบญั ชีแลว้ ลายเซ็นตก์ ไ็ ม่เหมือนตวั อยา่ งท่ีใหไ้ ว้ เป็นการ
หลอกลวงเพื่อใหไ้ ดเ้ งิน จาเลยมิไดม้ ีเจตนาจะผกู พนั ตามสัญญากู้ หรือเช็คแต่อยา่ งใด จาเลยผดิ
ครบองคป์ ระกอบ มาตรา 341 แลว้

มาตรา 342 ถา้ ในการกระทาความผิดฐานฉอ้ โกง ผกู้ ระทา
(1) แสดงตนเป็นคนอื่น หรือ
(2) อาศยั ความเบาปัญญาของผถู้ ูกหลอกลวงซ่ึงเป็นเด็ก หรืออาศยั ความอ่อนแอแห่งจิต

ของผถู้ ูกหลอกลวง
ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินหา้ ปี หรือปรับไมเ่ กินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั

ปรับ

434

มาตรา 342 ถ้าในการฉ้อโกง ผกู้ ระทา
1. แสดงตนเป็นคนอ่ืน
คอื คนอีกคน ไมใ่ ช่เพียงแต่หลอกลวงหรือทาใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ ใจฐานะของตนผิดไปเท่าน้นั

(ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เล่ม 12, หนา้ 419)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 122/2486 (ประชุมใหญ่) จาเลยไม่แสดงตนเป็นคนอื่นเป็นแต่เพยี ง

แสดงฐานะของตนเป็นเท็จเท่าน้นั ยอ่ มไมผ่ ิดฐานแสดงตนเป็นคนอื่น มาตรา 342(1)
คาพิพากษาฎีกาที่ 178/2493 (ประชุมใหญ)่ จาเลยใชถ้ อ้ ยคาหลอกลวงใหเ้ ขาหลงเช่ือวา่

จาเลยเป็น รตท.ประจากองสอบสวน เม่ือความจริงจาเลยไมใ่ ช่ รตท. แมจ้ ะไม่ปรากฎวา่ มี รตท.
ในกองสอบสวน หรือไม่ กถ็ ือวา่ เป็นการปลอมตวั ตามมาตรา 342 (1) แลว้

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1067/2507 การลงลายมือชื่คนอ่ืนปลอม เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจวา่ ผอู้ ื่นไดล้ ง
ลายมือช่ือน้นั ผิด มาตรา 266 (4) และการลงลายมือชื่อปลอมก็เพอ่ื ใหไ้ ดไ้ ปซ่ึงทรัพยส์ ิน คือ เงิน
อนั เป็นการฉอ้ โกง ผิดมาตรา 342 (1) เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 20/2546 จาเลยนา นส.3 ก. ท่ีระบุชื่อ ส. และนาสาเนาบตั รประชาชน
ของ ส. ที่เลอะเลือนมองเห็นไม่ชดั มาแสดงตอ่ ผเู้ สียหายเพ่ือขอกเู้ งิน ผเู้ สียหายหลงเชื่อว่า จาเลยคือ
ส. จาเลยผิดฐานฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่นตามมาตรา 342 (1)

2. อาศยั ความเบาปัญญาของผถู้ กู หลอกลวง ซ่ึงเป็นเดก็ หรือความออ่ นแอแห่งจิตของ
ผถู้ ูกหลอกลวง

คือ ความไมร่ ู้เทา่ ถึงการณ์ อนั เป็นสภาพธรรมของเดก็ ทวั่ ไป
คือ คนชรา คนป่ วย คนสติไม่ปกติ (ความอ่อนแอแห่งจิต) คนวิกลจริต
มาตรา 342 เป็นเหตุใหผ้ กู้ ระทาตอ้ งไดร้ ับโทษหนกั ข้ึน และผกู้ ระทาตอ้ งรู้ขอ้ เทจ็ จริง
ตามมาตรา 62 วรรคทา้ ย

มาตรา 343 ฉ้อโกงประชาชน
มาตรา 343 ถา้ การกระทาความผดิ ตามมาตรา 341 ไดก้ ระทาดว้ ยการแสดงขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ ตอ่
ประชาชน หรือดว้ ยการปกปิ ดความจริงซ่ึงควรบอกใหแ้ จง้ แก่ประชาชน ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษ
จาคุกไมเ่ กินหา้ ปี หรือปรับไมเ่ กินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ

ถา้ การกระทาความผดิ ดงั กลา่ วในวรรคแรก ตอ้ งดว้ ยลกั ษณะดงั กล่าวในมาตรา 342
อนุมาตราหน่ึงอนุมาตราใดดว้ ย ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แตห่ กเดือนถึงเจด็ ปี และปรับต้งั แต่
หน่ึงหมื่นบาทถึงหน่ึงแสนส่ีหม่ืนบาท

คาวา่ ประชาชน คือ บรรดาพลเมือง หรือชาวเมืองท้งั หลาย ไม่คานึงวา่ จานวนคนมาก
นอ้ ยเพียงใด ตอ้ งเป็นประชาชนโดยทว่ั ไป (สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกุล, 2548, หนา้ 135)

435

คาพิพากษาฎีกาท่ี 709/2523 โจทกฟ์ ้องวา่ จาเลยหลอกลวงโจทกแ์ ละประชาชนที่เป็น
เจา้ หน้ีของจาเลยจานวน 30 คน จึงเป็นการหลอกลวงเฉพาะบคุ คลที่เป็นเจา้ หน้ีของจาเลยซ่ึงมี
จานวนมากเท่าน้นั มิใช่เป็นการหลอกลวงประชาชน ฟ้องจึงไมม่ ีมลู ไม่ผดิ มาตรา 343

คาพิพากษาฎีกาที่ 563/2531 หลอกขายขอ้ สอบใหน้ กั ศึกษารามคาแหง อา้ งวา่ เป็น
ขอ้ สอบจริงไม่เป็นการหลอกลวงประชาชนตามมาตรา 343 คงผดิ ตามมาตรา 341

คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1867/2523 การแสดงเทจ็ ต่อประชาชนไม่ถือจานวนของผเู้ สียหายวา่
มากหรือนอ้ ย แตถ่ ือเจตนาแสดงเทจ็ จริงของจาเลยเป็นสาคญั แมไ้ ม่ไดค้ วามวา่ จาเลยหลอกผอู้ ่ืนอีก
นอกจากผเู้ สียหายรายเดียว แต่เจตนาแสดงต่อประชาชนทว่ั ไป หลอกใหส้ มคั รฝากเงินไวก้ บั บ.
จาเลยก็ผิด มาตรา 343

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 340/2512 (ประชุมใหญ)่ จาเลยเปิ ดรับสมคั รบุคคลเขา้ ทางานบริษทั ใน
หนงั สือพมิ พ์ เพอื่ ใหป้ ระชาชนหลงเชื่อมาสมคั รงานโดยใหซ้ ้ือหุน้ อยา่ งนอ้ ย หน่ึงหุน้ บริษทั ต้งั ข้นึ
แตไ่ ม่ไดด้ าเนินการคา้ ถือวา่ จาเลยก่อต้งั บริษทั ดว้ ยการแสดงขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ ตอ่ ประชาชน ผิด
มาตรา 343

การหลอกลวงประชาชน แมม้ ีเจตนาหลอกลวงต่อบคุ คลทว่ั ๆ ไป การกระทาน้นั
ถา้ เป็นการกระทาท่ีแสดงเจตนาต่างวาระกนั เป็นความผดิ ต่างกรรมได้ แมเ้ จตนาจะเป็นเจตนาท่ีจะ
หลอกลวงประชาชนทวั่ ไปก็ตาม (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 12, หนา้ 423)

อยา่ งไรกต็ าม กรณีการส่งจดหมายไปใหท้ ีละคน ไม่ถือเป็นการฉอ้ โกงประชาชน เพราะ
ไม่เป็นการหลอกลวงประชาชนทว่ั ๆไป หากเป็นเพียงการฉอ้ โกงธรรมดาตามมาตรา 341 เทา่ น้นั

คาพิพากษาฎีกาท่ี3334/2560 แมจ้ าเลยและ ธ. จะร่วมกนั หลอกลวงประชาชนจานวนมาก
แต่ก็เป็นการหลอกลวงโดยส่งจดหมายไปใหท้ ีละคน หาใช่เป็นการหลอกลวงประชาชนโดยทวั่ ไป
จึงไมใ่ ช่เป็นการกระทาดว้ ยการแสดงขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ ต่อประชาชน ไมเ่ ป็นความผิดตาม
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 คงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
341 เทา่ น้นั

ความผิดฐานฉ้ อโกงแรงงาน
มาตรา 344 ผใู้ ดโดยทจุ ริต หลอกลวงบคุ คลต้งั แต่สิบคนข้ึนไปใหป้ ระกอบการงานอยา่ งใด ๆ ใหแ้ ก่
ตนหรือให้แก่บุคคลท่ีสาม โดยจะไม่ใชค้ า่ แรงงานหรือค่าจา้ งแก่บคุ คลเหลา่ น้นั หรือโดยจะใช้
ค่าแรงงานหรือคา่ จา้ งแก่บคุ คลเหล่าน้นั ต่ากวา่ ท่ีตกลงกนั ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ

มาตรา 344 ฉอ้ โกงแรงงาน
1. หลอกลวงบคุ คลต้งั แต่ 10 คนข้ึนไป ใหป้ ระกอบการงานใด ๆ ใหแ้ ก่ตน หรือบุคคล
ท่ี 3

436

2. โดยจะไมใ่ หค้ ่าแรงงานหรือค่าจา้ งแก่บุคคลเหล่าน้นั หรือโดยจะใช้ คา่ แรงงาน
หรือค่าจา้ งแก่บุคคลเหลา่ น้นั ต่ากวา่ ท่ีตกลงกนั

3. โดยทจุ ริต
ความผิดตามมาตราน้ี มงุ่ คุม้ ครองคุณธรรมทางกฎหมาย ไดแ้ ก่ แรงงานของบุคคลอื่น
(สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั นกลุ , 2548, หนา้ 139)
การหลอกลวงคนมาทางานน้ี ตอ้ งมีเจตนาจะหลอกบุคคลจานวน 10 คนต้งั แต่แรก แมจ้ ะ
หลอกใหท้ างานทีละคนสองคน เพราะไม่คานึงวา่ คนท่ีถูกหลอกต้งั แต่แรกไดเ้ ลิกทางานไปแลว้ ก็
ไมเ่ ป็นไร ขอแค่ใหไ้ ดค้ รบคน 10 คน (พร้อมกนั หรือทีละคนกต็ าม) ก็ถือวา่ ผิดตามมาตราน้ี (ไกร
ฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 12, หนา้ 424)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1051/2510 มาตรา 344 ตอ้ งเป็นการหลอกลวงใหป้ ระกอบการงานให้
เม่ือคดีไดค้ วามวา่ จาเลยหลอกเพือ่ ใหส้ ่งเงินให้เทา่ น้นั ไม่ได้ หลอกใหท้ างาน เพราะไม่มีงานใหท้ า
จาเลยไมผ่ ดิ มาตรา 344
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1953/2506 ฉอ้ โกงแรงงมาตรา 344 ตอ้ งไดค้ วามวา่ จาเลยมีเจตนา
ทุจริตหลอกลวง ผเู้ สียหายในขณะที่ตกลง จะใหผ้ เู้ สียหายประกอบการงานใหแ้ ก่ตน โดยเจตนาจะ
ไม่ใช่ค่าแรงหรือค่าจา้ ง หรือจะใชค้ ่าแรงงานค่าจา้ งต่ากวา่ ท่ีตกลงซ่ึงจะเป็นความผิดได้ หากไมไ่ ด้
ความวา่ จาเลยมีเจตนาทจุ ริตในขณะตกลงกนั ต่อมามีเหตุขดั ขอ้ งเกิดข้ึน ทาใหจ้ าเลยไม่อาจใช้
แรงงานหรือค่าจา้ งตามที่ตกลงกนั ได้ ก็เป็นเพยี งการผดิ สัญญาในทางแพง่ เท่าน้นั
คาพิพากษาฎีกาที่ 3303/2531 ฉอ้ โกง มาตรา 344 อยั การไม่มีอานาจท่ีจะขอใหจ้ าเลยใช้
ค่าแรงงานหรือคา่ จา้ งท่ีจาเลยยงั ไม่จ่ายแก่ผเู้ สียหายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาคดีอาญา
มาตรา 43 เพราะค่าแรงงานหรือค่าจา้ ง ไม่ใช่ทรัพยส์ ินที่ผเู้ สียหายสูญเสียไป เน่ืองจากการกระทาผดิ
ของจาเลย แต่เป็นเรื่องที่ผเู้ สียหายชอบท่ีจะฟ้องบงั คบั ใหจ้ าเลยชดใชใ้ นทางแพ่ง

ความผิดฐานฉ้ อโกงค่ าอาหาร
มาตรา 345 ฉอ้ โกงอาหารหรือบริการ

1. สัง่ ซ้ือ และบริโภคอาหาร เคร่ืองด่ืม หรือเขา้ อยโู่ รงแรม
2. โดยรู้วา่ ตนไมส่ ามารถชาระเงินค่าอาหาร ค่าเคร่ืองดื่ม หรือค่าอยใู่ นโรงแรมน้นั
3. โดยเจตนา
มาตรา 345 ต่างจากมาตรา 341 ถึงมาตรา 344 คือ มีเพียงเจตนาธรรมดากพ็ อ

- การซ้ือของเช่ือ โดยรู้วา่ ตนไม่สามารถชาระเงินได้ แมใ้ นขณะซ้ือกไ็ ม่อาจเป็น
ความผิด มาตรา 345 ได้

- “การสัง่ ซ้ือและบริโภค” การสั่งซ้ือและบริโภคอาหาร ซ่ึงเป็นการกระทากนั ต่อเนื่อง
ในเวลาน้นั

437

คาพิพากษาฎีกาท่ี 1686/2505 การไปติดตอ่ ตกลงสงั่ อาหารลว่ งหนา้ หลายวนั โดยใหน้ า
อาหารไปเล้ียงในสถานที่แห่งหน่ึง เม่ือไม่ชาระราคาก็เป็นเร่ืองผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่ผิด มาตรา 345

คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1077/2511 มาตรา 345 คือ การสัง่ อาหารเครื่องดื่มมาบริโภคน้นั เป็นท่ี
เขา้ ใจวา่ จะชาระราคาเมื่อไดบ้ ริโภคเสร็จแลว้ ในสถานการคา้ ของผขู้ าย ถา้ นาสินคา้ มาที่บา้ นของ
ผซู้ ้ือแลว้ จะชาระเงินใหภ้ ายหลงั ซ่ึงผขู้ ายกย็ นิ ยอม เป็นการซ้ือของเช่ือไม่ผิด มาตรา 345

สิ่งท่ีสั่งซ้ือจากดั เฉพาะอาหาร เครื่องดื่ม การเขา้ อยใู่ นโรงแรมเท่าน้นั ไม่รวมถึงส่ิงอื่น ๆ
เช่น สัง่ บหุ ร่ีมาสูบโดยรู้ตวั วา่ ไมม่ ีเงินเช่นน้ี ก็ไม่เขา้ มาตรา 345โดยรู้วา่ ตนไม่สามารถชาระคา่ เงิน
ได้ คอื ในขณะส่งั ซ้ือ

- ความผดิ ตามมาตราน้ี ผเู้ สียหายคอื โรงแรม (เจา้ ของโรงแรม) (สุรศกั ด์ิ ลิขสิทธ์ิวฒั
นกุล, 2548, หนา้ 143)

- ถา้ ในขณะส่ัง คิดวา่ ตนมีเงินแตเ่ พงิ่ รู้ทีหลงั วา่ ลืม กระเป๋ าเงินมา เช่นน้ี ไม่ครบ
องคป์ ระกอบความผิด

- เขา้ ใจวา่ ร้านจะรับบตั รเครดิต แตค่ วามจริงไม่รับกต็ อ้ งถือวา่ ขาดเจตนา ไม่ผิด
มาตรา 345 (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เล่ม 12, หนา้ 427)

ความผิดฐานชักจูงเพื่อเอาเปรียบผ้อู ่ืน
มาตรา 346 ชกั จูงใหผ้ อู้ ่ืนจาหน่ายทรัพยโ์ ดยเสียเปรียบ

1. ชกั จูงผหู้ น่ึงผใู้ ดให้จาหน่ายโดยเสียเปรียบซ่ึงทรัพยส์ ิน โดยอาศยั เหตทุ ่ีผถู้ ูกชกั จูงมีจิต
อ่อนแอ หรือเป็นเดก็ เบาปัญญา และไม่สามารถเขา้ ใจตามควรซ่ึงสาระสาคญั แห่งการกระทาของตน

ผทู้ ี่ถกู ชกั จูง ไดแ้ ก่ ผมู้ ีจิตออ่ นแอ เช่น คนชราหลงลืม คนมีจิตฟั่นเฟื อน คนที่มีภาวะจิต
ต่ากวา่ ปกติ ส่วนเดก็ เบาปัญญา ก็คอื บคุ คลที่อายไุ ม่เกิน 16 ปี (เช่นเดียวกบั เด็กตามมาตรา 342 (2))
(เกียรติขจร วจั นะสวสั ด์ิ, 2550, หนา้ 373)

2. จนผถู้ ูกชกั จูงจาหน่ายซ่ึงทรัพยส์ ินน้นั
3. เพ่อื เอาทรัพยส์ ินนของผอู้ ่ืนเป็นของตนหรือของบุคคลที่ 3

- “ชกั จูง” คือ ชวน แนะนา ยยุ ง ส่งเสริม หรือมีส่วนช่วยในการตดั สินใจตกลง
- “จาหน่าย” คือ การโอนกรรมสิทธ์ิ

ความผิดฐานฉ้ อโกงประกันภัย
มาตรา 347 ผใู้ ดเพ่อื ให้ตนเองหรือผอู้ ื่นไดร้ ับประโยชน์จากการประกนั วินาศภยั แกลง้ ทาใหเ้ กิด
เสียหายแก่ทรัพยส์ ินอนั เป็นวตั ถุท่ีเอาประกนั ภยั ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหา้ ปี หรือปรับไมเ่ กิน
หน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ

438

มาตรา 347 ฉ้อโกงประกนั วินาศภยั
- “ทาใหเ้ กิดความเสียหายแก่ทรัพยส์ ินที่ประกนั วนิ าศภยั ”
- ผกู้ ระทาไมจ่ าเป็นตอ้ งเป็นผเู้ อาประกนั วนิ าศภยั

ถา้ เจตนาวางเพลิงเผาทรัพยข์ องตนเองเพื่อเอาประกนั วินาศภยั โดยมีเจตนาที่จะเอา
ประโยชนจ์ ากค่าสินไหมทดแทน เช่นน้ี ผดิ มาตรา 347 ไมผ่ ิดวางเพลิงเผาทรัพย์ เนื่องจากเป็น
ผวู้ างเพลิงเป็นเจา้ ของกรรมสิทธ์ิในทรัพยน์ ้นั เอง

- เจตนาพเิ ศษ คอื เพือ่ ใหบ้ ุคคลอื่นไดร้ ับประโยชน์จากการประกนั วนิ าศภยั
มาตรา 348 ความผดิ หมวดน้ี ยอมความได้ ยกเวน้ ความผดิ มาตรา 343 ฉ้อโกงประชาชน

หมวด 4 ความผิดฐานโกงเจา้ หน้ี
ทาแก่ทรัพย์ที่จานาไว้
มาตรา 349 ผใู้ ดเอาไปเสีย ทาใหเ้ สียหาย ทาลาย ทาใหเ้ ส่ือมค่าหรือทาใหไ้ ร้ประโยชน์ซ่ึงทรัพยอ์ นั
ตนจานาไวแ้ ก่ผอู้ ื่น ถา้ ไดก้ ระทาเพอื่ ใหเ้ กิดความเสียหายแก่ผรู้ ับจานา ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กิน
สองปี หรือปรับไม่เกินส่ีหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 349 โกงเจา้ หน้ีจานา

1. เอาไปเสีย ทาใหเ้ สียหาย ทาลาย ทาให้เสื่อมคา่ ทาใหไ้ ร้ประโยชน์
2. ซ่ึงทรัพยส์ ินอนั ตนจานาไวแ้ ก่ผอู้ ื่น
3. โดยเจตนา
“เพ่ือใหเ้ กิดความเสียหายแก่ผรู้ ับจานา”
“เอาไปเสีย” คอื การพาเอาทรัพยน์ ้นั เคลื่อนไปโดยเจตนาเพ่ือใหเ้ กิดความเสียหายไม่
จาเป็นตอ้ งถึงลกั ษณะเป็นการตดั กรรมสิทธ์ิ
“ทาใหเ้ สียหาย” คอื ทาใหท้ รัพยน์ ้นั มีคณุ สมบตั ิ หรือสภาพเสื่อมทรามลง เช่นบบุ สลาย
“ทาลาย” คอื การทาใหห้ มดสิ้นไป เช่น โยน้าหรือเผา หรือเหยยี บใหแ้ ตก
“ทาใหไ้ ร้ประโยชน”์ คอื ทาใหส้ ภาพทรัพยใ์ ชก้ ารไม่ดี โดยสภาพทรัพยไ์ ม่ได้
เปลี่ยนแปลงไป เช่น ปลอ่ ยลมยาง
มาตรา 349 มีการเพ่ิมคาวา่ “เอาไปเสีย” นอกเหนือจากท่ีบญั ญตั ิไวใ้ น มาตรา 358
มาตรา 349 “ทรัพยอ์ นั จานา” คอื สังหาริมทรัพยเ์ ทา่ น้นั ตามประมวลกฎหมายแพง่ และ
พาณิชย์ มาตรา 747 จานามีไดแ้ ตเ่ ฉพาะสงั หาริมทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1363/2550 โจทกร์ ่วมกบั จาเลยทาสญั ญาจานาขา้ วระหวา่ งกนั โดย
โจทกร์ ่วมยอมใหข้ า้ วอยใู่ นความครอบครองของจาเลย ยอ่ มถือไม่ไดว้ า่ จาเลยมอบขา้ วไวเ้ ป็น
ประกนั การชาระหน้ีตามความหมายในประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยล์ กั ษณะจานา เม่ือไม่มี
การจานาจึงขาดองคป์ ระกอบที่จะเป็นความผิดขอ้ หาโกงเจา้ หน้ีตาม ป.อ. มาตรา 349


Click to View FlipBook Version