339
- อนั ตรายแก่จิตใจแคไ่ หนจึงจะถือไดว้ า่ จิตพกิ าร คงตอ้ งแลว้ แตศ่ าลใชด้ ุลพนิ ิจ
วนิ ิจฉยั โดยอาศยั ระดบั ความคดิ เห็นของวิญญูชนโดยทว่ั ไป เพราะกฎหมายไมไ่ ดบ้ ญั ญตั ิไว(้ ไกร
ฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 3, หนา้ 120)
คาพิพากษาฎีกาที่ 912/2474 ถูกฟันหวั รักษาตวั 30 วนั หายแลว้ สมองหยอ่ นความสามารถ
ไปกวา่ ธรรมดาถือวา่ จิตพกิ ารอยา่ งติดตวั ตามความหมายของอนั ตรายสาหสั แลว้
มาตรา 297 (7) ทุพพลภาพหรือป่ วยเจบ็ เรื้อรังซ่ึงอาจถึงตลอดชีวิต
คาวา่ “ทพุ พลภาพ” คือ ขาดความสามารถในการประกอบการงานไปจากภาวะปกติ
- ถกู ทาร้ายจนขาเป๋
- เสียความสามารถในการประกอบการงานหรือมีความเจ็บป่ วยชวั่ คร้ังชว่ั คราวไม่ใช่
อนุน้ีเพราะมาตรา 297 (7) ตอ้ งถึงตลอดชีวิต
คาวา่ “เร้ือรัง” หมายถึง ไม่อาจรักษาใหห้ ายฟ้ื นคนื ดีได้
มาตรา 297 (8) ทุพพลภาพหรือป่ วยเจ็บด้วยอาการทกุ ขเวทนาเกนิ กว่า 20 วันหรือจนประกอบ
กรณียกจิ ตามปกตไิ ม่ได้เกนิ กว่า 20 วัน
คาวา่ “ประกอบกรณียกิจตามปกติไมไ่ ด”้ หมายถึงไมส่ ามารถกระทาการใดใดที่พงึ
กระทาท่ีเคยกระทาอยตู่ ามปกติไดจ้ ริง ๆ
- พระบิณฑบาตไมไ่ ดจ้ นเกินกวา่ 20 วนั เป็นเรื่องการทามาหาเล้ียงชีพเป็นการ
ประกอบกรณียกิจตามปกติของสงฆเ์ ม่ือถกู ทาร้ายก็เป็นอนั ตรายสาหสั ตามมาตรา 297 (8)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 96/2512 ผเู้ สียหายมีอาชีพพมิ พด์ ีดถกู ทาร้ายจนพิมพช์ า้ กวา่ ท่ีพิมพไ์ ด้
ตามปกติ ไม่เรียกวา่ เป็นประกอบกรณียกิจไม่ไดเ้ กินกวา่ 20 วนั ตามมาตรา 289 (8) แต่อาการน้ีเป็น
ตลอดชีพผิดมาตรา 289 (7)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1295/ 2530 ผเู้ สียหายถกู แทงท่ีแขนไม่อาจเล่นกีฬาไดม้ ากเทา่ กบั คน
ปกติเพราะเสียวที่แขนก็เป็นเพยี งการขาดความสะดวกในการใชแ้ ขนลดนอ้ ยลงเทา่ น้นั หาทาให้
ผเู้ สียหายประกอบกรณียกิจตามปกติไมไ่ ดเ้ สียเลยทีเดียวจึงไม่ถือวา่ สาหสั ตามมาตรา 297 (8)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 186/2478 เขา้ เฝือก 2 เดือนประกอบอาชีพไมไ่ ดเ้ ทา่ กบั ประกอบ
กรณียกิจไมไ่ ด้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2066/2514 กะโหลกร้าวปวดหวั นงั่ ขายของไมไ่ ดเ้ กิน 20 วนั แลว้
คาพิพากษาฎีกาที่ 2802/2526 ถกู ฟันที่ตน้ แขนใชแ้ ขนไม่ได้ 2 เดือนทางานหนกั ไม่ได้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 602/2529 ถกู แทงทานาไม่ได้ 25 วนั เจ็บลิ้นปี่ สะเอวเป็นสาหสั
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3362/2530 รักษาตวั 1 เดือนแผลเจ็บที่หนา้ อกตอ้ งเลิกอาชีพเพราะ
ยกของหนกั ไมไ่ ด้
340
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 313/2529 (ประชุมใหญ่) มาตรา 297 เป็นเหตุทาใหผ้ ถู้ ูกกระทาผิด
มาตรา 295 ตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ เพราะผลที่เกิดจากการกระทาโดยท่ีผกู้ ระทาไม่จาเป็นตอ้ งมีเจตนา
ตอ่ ผอู้ ื่นที่ทาให้ตอ้ งไดร้ ับโทษหนกั ข้ึน ตวั การท่ีร่วมทาร้ายแมจ้ ะไม่มีเจตนาให้ผนู้ ้นั ไดร้ ับอนั ตราย
สาหสั หรือ มิไดเ้ ป็นผลู้ งมือกระทาใหเ้ กิดผลน้นั ก็ตอ้ งรับผิดในผลน้นั ดว้ ย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3862/2528 ถูกปี หลงั เกิดเหตุ 7-8 วนั ไปเผาถ่านไดป้ กติไมเ่ ป็นสาหสั
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 6344/2535 ถูกแทงแพทยเ์ ห็นวา่ รักษาไม่เกิน 21 วนั ไม่เป็นสาหสั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 69/2539 ถกู ทาร้ายท่ีด้งั จมกู หายากินเองโดยไมไ่ ดไ้ ปหาแพทยแ์ สดงว่า
ผเู้ สียหายทางานไดเ้ ป็นเวลา 10 เดือน แมต้ ่อมาแพทยบ์ อกใหร้ ักษาอยา่ งนอ้ ย 21 วนั ก็เป็นแค่ขอ้
สันนิษฐานไมเ่ ป็นสาหสั
มาตรา 298 เป็ นเหตตุ ้องรับโทษหนักขนึ้ ตามมาตรา 297
มาตรา 298 ผใู้ ดกระทาความผิดตามมาตรา 297 ถา้ ความผิดน้นั มีลกั ษณะประการหน่ึงประการใด
ดงั ท่ีบญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา 289 ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แต่สองปี ถึงสิบปี และปรับต้งั แต่สี่หม่ืนบาทถึง
สองแสนบาท
ตามมาตรา 298 ถา้ มีกรณีตามมาตรา 289 เกิดข้นึ ก็เป็นเหตุเพ่มิ โทษ
ชุลมนุ เป็นเหตใุ ห้มีผู้รับอันตรายสาหัส
มาตรา 299 ผใู้ ดเขา้ ร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหวา่ งบุคคลแต่สามคนข้ึนไป และบุคคลหน่ึง
บุคคลใดไม่วา่ จะเป็นผทู้ ี่เขา้ ร่วมในการน้นั หรือไม่รับอนั ตรายสาหสั โดยการกระทาในการชุลมุน
ตอ่ สูน้ ้นั ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหน่ึงปี หรือปรับไมเ่ กินสองหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
ถา้ ผทู้ ่ีเขา้ ร่วมในการชุลมนุ ต่อสู้น้นั แสดงไดว้ า่ ไดก้ ระทาไปเพอ่ื หา้ มการชุลมุนตอ่ สูน้ ้นั
หรือเพ่อื ป้องกนั โดยชอบดว้ ยกฎหมาย ผนู้ ้นั ไม่ตอ้ งรับโทษ
มาตรา 299 มีองคป์ ระกอบเหมือนกบั มาตรา 294 (ชุลมนุ ต่อสู้และมีคนตาย) กล่าวคอื
ผกู้ ระทาตอ้ งมีเจตนาเขา้ ร่วมชุมมนุ ต่อสู้ระหว่างบคุ คลต้งั แต่ 3 คนข้ึนไป และมีบคุ คลหน่ึงไดร้ ับ
อนั ตรายสาหสั ไมว่ า่ บคุ คลน้นั จะไดเ้ ขา้ ร่วมชุมนุนหรือไม่ บทยกเวน้ โทษมี 2 ประการคือ ผเู้ ขา้ ร่วม
ชุลมุนไดท้ าไปเพ่ือหา้ ม หรือเพ่ือป้องกนั ตนเองโดยชอบดว้ ยกฎหมาย
คาพิพากษาฎีกาที่ 738-739/2555 ความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 299 ตอ้ ง
เป็ นกรณีชุลมุนต่อสู้กนั ระหว่างบุคคลต้งั แต่สามคนข้ึนไป และ มีบุคคลไดร้ ับอนั ตรายสาหัส ซ่ึง
หมายถึงกรณีไม่ทราบวา่ ผใู้ ดหรือบุคคลใดร่วมกบั ใคร ทาร้ายจนไดร้ ับอันตรายสาหสั แต่จาเลยท่ี 3
ร่วมกบั จาเลยท่ี 1 และท่ี 2 กบั พวก ใช้มีดและเหล็กแป็ บฟันและท่ีผูเ้ สียหายท้งั สองไดร้ ับอนั ตราย
สาหสั จึงไมใ่ ช่เป็นการชุลมุน ต่อสู้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299
341
คาพิพากษาฎีกาท่ี 7235/2553 กรณีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 299 น้นั ตอ้ งเป็นการชุลมุน
ต่อสู้กนั ระหว่างบุคคลต้งั แต่สามคนข้ึนไป และมีบุคคลไดร้ ับ อนั ตรายสาหัสโดยไม่ทราบว่าผูใ้ ด
หรือผใู้ ดร่วมกบั ใครทาร้ายจนไดร้ ับอนั ตรายสาหสั แต่ หากสามารถรู้และแบ่งฝ่ ายแบ่งพวกกันได้
ท้งั รู้ว่าผูใ้ ดหรือฝ่ ายใดเป็ นผูล้ งมือ ทาร้ายย่อมลงโทษผูน้ ้ันกบั พวกได้ตามเจตนาและผลของการ
กระทา เมื่อขอ้ เท็จจริง ในคดีน้ีได้ความว่าจาเลยกบั พวกฝ่ ายหน่ึงและผูเ้ สียหายกับพวกฝ่ ายหน่ึง
ววิ าทตอ่ สู้กนั แลว้ พวกของจาเลยเป็นผใู้ ชม้ ีดฟันทาร้ายผเู้ สียหายจนเป็นเหตใุ หไ้ ด้รับอนั ตรายสาหัส
ยอ่ มมิใช่กรณีตาม ป.อ. มาตรา 299 และเม่ือขอ้ เท็จจริงปรากฏว่าผทู้ ี่ใชม้ ีดฟันทาร้าย ผเู้ สียหาย คือ
น. ซ่ึงเป็ นพวกของจาเลยท่ีเขา้ ร่วมในการทะเลาะวิวาทกบั ผูเ้ สียหายดว้ ย จาเลยซ่ึงมีเจตนาทาร้าย
ผเู้ สียหายยอ่ มตอ้ งรับผลอนั เป็นธรรมดา ยอ่ มเกิดข้ึนจากการน้นั ในฐานเป็นตวั การ แมม้ ิไดเ้ ป็นผลู้ ง
มือใชม้ ีดฟันทาร้ายผเู้ สียหายดว้ ยตนเองกต็ าม
ถา้ เป็นสมคั รใจววิ าทตอ่ สู้กนั ไมว่ า่ จะเกิดการชุลมุนหรือไม่ ถือวา่ ไมเ่ ป็นความผิดฐาน
ชุลมุนต่อสูต้ ามมาตรา 299 วรรคแรก
คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 3610/2562 ความผิดฐานเขา้ ร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหวา่ งบคุ คล
ต้งั แตส่ ามคนข้ึนไปและบคุ คลหน่ึงบคุ คลใดไมว่ า่ จะเป็นผทู้ ่ีเขา้ ร่วมในการน้นั หรือไม่รับอนั ตราย
สาหสั เป็นกรณีท่ีกฎหมายมงุ่ ประสงคจ์ ะลงโทษผทู้ ี่เขา้ ร่วมในการต่อสู้ระหวา่ งบคุ คลต้งั แตส่ ามคน
ข้นึ ไป ท่ามกลางความชุลมนุ หรือสับสนวุน่ วายโดยไมท่ ราบวา่ ผใู้ ดหรือฝ่ายใดเป็นผทู้ าร้าย การที่
จาเลยที่ 1 กบั พวกฝ่ายหน่ึง กบั จาเลยที่ 2 กบั พวกอีกฝ่ายหน่ึง สมคั รใจววิ าทตอ่ สู้กนั ไม่วา่ จะเกิด
การชุลมนุ หรือไม่ การกระทาของจาเลยท่ี 2 ยอ่ มไม่เป็นความผดิ ฐานดงั กล่าว
กระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผ้อู ่ืนได้รับอันตรายสาหัส
มาตรา 300 ผใู้ ดกระทาโดยประมาท และการกระทาน้นั เป็นเหตุใหผ้ อู้ ่ืนรับอนั ตรายสาหสั ตอ้ ง
ระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสามปี หรือปรับไมเ่ กินหกหมื่นบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 300 มอี งค์ประกอบเหมือนมาตรา 291 แตกต่างกนั ตรงผลของมาตรา 300 คือ ทาให้
ผอู้ ื่นไดร้ ับอนั ตรายสาหสั
ขอ้ สังเกต กระทาโดยประมาทถา้ เป็นเหตุใหบ้ ุคคลอ่ืนไดร้ ับอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ
เช่นบาดเจบ็ ยงั คงเป็นความผิดอยแู่ ต่เป็นความผิดลหุโทษตามมาตรา 390
ถา้ ความประมาทเป็นเหตใุ หผ้ อู้ ื่นไม่ไดร้ ับอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจย่อมไม่เป็นความผิด
เพราะไม่มีกฎหมายบญั ญตั ิเอาไวต้ ามมาตรา 2
คาพิพากษาฎีกาที่ 1814/2522 จบั เทา้ แลว้ ยกข้ึนผลลั ม้ จนแขนหกั แมเ้ ป็นการหยอกลอ้
กผ็ ดิ มาตรา 300
ขอ้ สงั เกต การหยอกลอ้ เทา่ กบั ไม่มีเจตนาแต่เป็นการไม่ใชค้ วามระมดั ระวงั ตามวสิ ยั และ
พฤติการณ์ซ่ึงเป็ นประมาท
342
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2101/2527 ถือปื นจ่อไปทางผอู้ ื่นผอู้ ่ืนตกใจชกั ปื นจนกระสุนลนั่ ไดร้ ับ
อนั ตรายสาหสั เป็นการท่ีปกติชนไมค่ วรทาจึงมีความผดิ ตามมาตรา 300
คาพิพากษาฎีกาที่ 1086/2521 ไม่ไดม้ ีเจตนาจะยงิ ก. ข. ค. แต่มีเจตนายงิ รถของ พ. พาน
เพ่ือไม่ใหก้ . ข. ค. หนีแตก่ ระสุนปื นพลาดไปถกู ก. ข. ค. เป็นอนั ตรายสาหสั เป็นประมาทมาตรา 300
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3088/2527 ขบั รถตดั หนา้ ผอู้ ื่นในระยะกระช้นั ชิดและเล้ียวโดยไม่ให้
สัญญาณยอ่ มผิดกฎหมายจราจรเป็นประมาททาใหผ้ อู้ ่ืนไดร้ ับอนั ตรายสาหสั
คาพิพากษาฎีกาที่ 7213/2540 จาเลยที่ 1 ขบั รถบรรทกุ ออ้ ยมากจนลน้ ไมเ่ ห็นไฟทา้ ยรถ
และไม่ติดโคมไฟบอกทาให้จาเลยท่ี 2 ขบั รถมอไซคช์ นทา้ ยไดร้ ับอนั ตรายสาหสั ถือวา่ จาเลยที่ 1
ประมาทเลินเล่อผิดฐานประมาทเป็นเหตุใหจ้ าเลยท่ี 2 ไดร้ ับอนั ตรายสาหสั
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 51/2541 จาเลยขบั รถโดยสารเร่งจะแซงรถบรรทกุ ในขณะที่รถบรรทุก
แซงรถไถในขณะท่ีรถโจทกจ์ อดอยดู่ า้ นขวาเป็นการแซงรถในท่ีคบั ขนั ตอ้ งหา้ มตามกฎหมายเป็น
กรณีที่จาเลยควรคาดหมายไดว้ า่ การขบั รถยนตแ์ ซงข้นึ ไปอาจเกิดอนั ตรายเป็นกระทาโดยไมใ่ ช้
ความระมดั ระวงั ตามสมควรแก่พฤติการณ์จาเลยผิดฐานขบั รถโดยประมาท
คาพิพากษาฎีกาที่ 1412/2541 ความผิดกฎหมายจราจรมาตรา 43 (4), (8) ประกอบมาตรา
153 และเป็นเหตุ ใหผ้ เู้ สียหายไดร้ ับอนั ตรายแก่กายและอนั ตรายสาหสั ตามมาตรา 390 และมาตรา
300 การกระทาของจาเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซ่ึงตอ้ งลงโทษตาม
มาตรา 300 ซ่ึงเป็นบทที่มีโทษหนกั สุดตามมาตรา 90 และเมื่อเกิดเหตุแลว้ จาเลยหลบหนีและไม่
ช่วยเหลือแก่ผเู้ สียหายเป็นเรื่องเกิดข้นึ ภายหลงั แยกต่างหากจากการขบั รถโดยประมาทเรื่องตา่ ง
กรรมกนั จาเลยจึงผิดกฎหมายจราจรมาตรา 78 ประกอบมาตรา 160 วรรคหน่ึงอีกกระทงหน่ึง
หมวด 3 ความผิดฐานทาใหแ้ ทง้ ลูก
หญิงทาให้ ตนเองแท้ งลูก
ความผิดฐานทาใหแ้ ทง้
มาตรา 301 เป็นเรื่องหญิงทาใหต้ นเองแทง้ ลูกหรือยนิ ยอมใหผ้ อู้ ่ืนทา ขณะมีอายคุ รรภ์
เกิน 12 สปั ดาห์
มาตรา 302 เป็นเร่ืองเอาผิดกบั ผอู้ ื่นท่ีทาใหห้ ญิงแทง้ ลกู โดยหญิงยนิ ยอมและถา้ หญิงน้นั
ไดร้ ับอนั ตรายสาหสั ก็เขา้ วรรคสอง หรือตายกเ็ ขา้ วรรคสาม
มาตรา 303 ตา่ งจากมาตรา 302 ตรงท่ีหญิงไม่ยนิ ยอม
มาตรา 304 การพยายามกระทาความผดิ ตามมาตรา 301, มาตรา 302 วรรคแรกผกู้ ระทา
ไม่ตอ้ งรับโทษ
343
ขอ้ สังเกต หญิงท่ีพยายามทาแทง้ หรือยนิ ยอมใหผ้ อู้ ่ืนทาจนไดร้ ับอนั ตรายสาหสั หญิงไม่
ตอ้ งรับโทษแต่ถา้ เป็นผอู้ ่ืนทาตามมาตรา 302 ยกเวน้ โทษแต่เฉพาะวรรคแรก ถา้ หญิงไดร้ ับ
อนั ตรายสาหสั หรือตายผอู้ ่ืนก็ไม่ไดร้ ับยกเวน้ โทษ
มาตรา 305 เหตยุ กเวน้ ความผดิ
มาตรา 301 เป็นเร่ืองหญิงทาใหต้ นเองแทง้ ลูกหรือยนิ ยอมใหผ้ อู้ ่ืนขณะมีอายคุ รรภเ์ กิน
12 สัปดาห์ (แกไ้ ขเพิ่มเติม ปี พ.ศ. 2564 ฉบบั ที่ 28)
มาตรา 301 มีองคป์ ระกอบดงั น้ี
1. หญิงใด
2. ทาใหต้ นเองแทง้ ลูกหรือยอมใหผ้ อู้ ่ืนทาใหต้ นเองแทง้ ลกู
3. กรณีอายคุ รรภเ์ กิน 12 สปั ดาห์
4. เจตนา
คาวา่ หญิงใด หมายถึง หญิงท่ีต้งั ครรภเ์ ท่าน้นั จะมีความผิดฐานเป็นผใู้ ชเ้ ช่นชายใชใ้ ห้
หญิงทาแทง้ ไมถ่ ือวา่ ผดิ มาตรา 301 แต่การช่วยจดั หาเครื่องมือใหก้ บั หญิงคือการที่หญิงน้นั ทาแทง้
ตนเองถือเป็นผสู้ นบั สนุนตามมาตรา 301 ผทู้ ่ีร่วมกบั หญิงในการท่ีทาใหห้ ญิงแทง้ ลูกยอ่ มไมม่ ี
ความผิดฐานเป็นตวั การมาตรา 301 แตม่ ีความผิดตามมาตรา 302
คาวา่ ทาใหต้ นเองแทง้ ลูกน้นั ไม่จากดั วิธีอาจจะใชก้ าลงั ทาร้ายหรือยอมใหผ้ อู้ ่ืนทาเช่นถีบ
หรือทุบหนา้ ทอ้ งหรือกินยาขบั เดก็ ออกมา
คาวา่ แทง้ ลกู หมายถึง การท่ีทาใหเ้ ด็กท่ีปฏิสนธิข้ึนในครรภข์ องหญิงถูกทาลายก่อนที่
จะคลอดหรือคลอดออกมาแลว้ ไม่มีสภาพบุคคลแต่ถา้ คลอดออกมามีชีวิตเพยี งช่วงวนิ าทีเดียวแลว้
ตายเช่นน้ีไม่ใช่แทง้ ลูก (ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 166)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 788/2510 การทาใหเ้ ด็กคลอดก่อนกาหนดแต่เดก็ มีชีวิตอยแู่ ลว้ ตายลง
ในระยะเวลาต่อมาจึงไม่ใช่แทง้ ลูกตามประมวลกฎหมายอาญา
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 677/2510 (ประชุมใหญ่) การทาร้ายผอู้ ่ืนจนสาหสั แทง้ ลูกตามมาตรา
297 (5) น้นั ตอ้ งเป็นกรณีที่กระทาใหล้ กู ในครรภข์ องผถู้ ูกทาร้ายคลอดออกมาในลกั ษณะที่ลกู น้นั ไม่
มีชีวติ ส่วนการคลอดก่อนกาหนดมีลกั ษณะท่ีเด็กยงั มีชีวิตอยตู่ อ่ มาอีก 8 วนั แลว้ ตายไม่ใช่กรณีทา
ร้ายสาหสั ถึงแทง้ ลูกตามมาตรา 297 (5)
มาตรา 301 หญิงน้นั อาจจะไมท่ าใหต้ นเองแทง้ ลกู อาจจะใหค้ นอื่นเป็นผกู้ ระทาก็ได้
ถา้ หญิงยนิ ยอมกเ็ ป็นความผิดน้ี
ขอ้ สงั เกต จากการแกไ้ ขเปล่ียนแปลงกฎหมายอาญาในปี พ.ศ.2564 พบวา่ กฎหมายจาก
เดิมท่ีกาหนดโทษแก่หญิงที่ทาแทง้ ทุกกรณี แกไ้ ขเปล่ียนแปลง โดยกาหนดเร่ืองอายคุ รรภข์ องหญิง
มาเป็นการกาหนดความผิด เพราะหากอายคุ รรภข์ องหญิงไมเ่ กิน 12 สปั ดาห์ หญิงสามารถทาแทง้
ได้ เป็นการใหส้ ิทธิกบั ผหู้ ญิงในการกาหนดเจตจานงของตนเองใหม้ ีสิทธิตดั สินใจดว้ ยตนเองได้
344
มาตรา 302 ถา้ หญิงไม่ยนิ ยอมกเ็ ป็นมาตรา 303
ความยนิ ยอมของหญิงตอ้ งเกิดจากความสมคั รใจไม่ใช่เพราะถูกบงั คบั หลอกลวง หรือทา
ใหส้ าคญั ผิด
ถา้ ยงั ไม่ไดต้ ้งั ครรภแ์ ต่เขา้ ใจวา่ มีครรภจ์ ึงทาแทง้ ก็ดีน้ีไม่ใช่เป็นความผดิ ฐานพยายามแต่
ถือวา่ ไมผ่ ิดเลยเพราะขาดองคป์ ระกอบภายนอก (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต์, 2560, เล่ม 5, หนา้ 175)
การกระทามาตรา 301 สาเร็จตอ่ เม่ือมีผลคอื การแทง้ ลูกเกิดข้ึน
การทาใหต้ นเองแทง้ ลกู น้นั รวมถึงการงดเวน้ ตามมาตรา 59 วรรคทา้ ยดว้ ย ถา้ การงดเวน้
น้นั เห็นผลไดอ้ ยา่ งแน่นอนวา่ จะทาใหเ้ ด็กน้นั ไม่อาจรอดและคลอดออกมาเป็นทารก เมื่อมารดามี
หนา้ ที่ตอ้ งปกป้องไม่ใหเ้ กิดการแทง้
การทาแท้งโดยหญิงยินยอม
มาตรา 302 มีองคป์ ระกอบดงั น้ี 1) ผใู้ ด 2) ทาใหห้ ญิงแทง้ ลกู โดยหญิงน้นั ยนิ ยอม
3) เจตนา
กรณีท่ีใชก้ าลงั ทาร้ายโดยหญิงยนิ ยอมตอ่ มาหญิงแทง้ ลกู นอกจากจะผิดมาตรา 302
และยงั ผิดมาตรา 297 (5) อีกดว้ ยเมื่อเป็นการกระทากรรมเดียวผดิ ตอ่ กฎหมายหลายบทตอ้ งลงโทษ
มาตรา 297 (5) ซ่ึงเป็นบทหนกั เหตุผลคอื ผกู้ ระทาเริ่มตน้ เจตนาทาแทง้ หญิง การทาแทง้ น้นั เลง็ เห็น
วา่ หญิงจะตอ้ งไดร้ ับบาดเจ็บจากการเตะถีบนิ้วกรีดทอ้ งซ่ึงเป็นการทาร้ายตามมาตรา 295 เม่ือเกิดผล
คอื ทาใหห้ ญิงแทง้ ลูกยอ่ มมีความผดิ มาตรา 297 (5) อีกบทหน่ึง
การยนิ ยอมใหผ้ อู้ ื่นทาร้ายตนหญิงยนิ ยอมใหค้ นอื่นทาร้ายใหต้ นแทง้ เป็นเรื่องขดั ต่อ
ความสงบเรียบร้อยผดิ ศีลธรรมและกฎหมายจะอา้ งความยนิ ยอมมาเป็นเหตุยกเวน้ ความผดิ ไม่ได้
การท่ีจะทาใหต้ อ้ งรับโทษหนกั ตามมาตรา 302 วรรคสองตอ้ งเป็นเรื่องหญิงไดร้ ับอนั ตรายสาหสั
อยา่ งอื่นซ่ึงไมใ่ ช่มาตรา 297 (5) อนั เป็นองคป์ ระกอบความผิดตามมาตรา 302 อยแู่ ลว้ (ไกรฤกษ์
เกษมสนั ต,์ 2560, เล่ม 5, หนา้ 176)
คาพิพากษาฎีกา 757/2486 ก. ใชม้ ีดกรีดทอ้ งท.และถีบทอ้ งอีก 3 คร้ังมีเลือดออกหูตาศาล
ฎีกาวา่ เป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไมเ่ จตนา ฎีกาน้ีช้ีว่าแมจ้ ะมีเจตนาทาแทง้ ตามมาตรา 302
วรรคทา้ ยอยแู่ ลว้ แต่การใชม้ ือกรีดโดยแรงเห็นอยใู่ นตวั วา่ เป็นการทาร้ายเม่ือมีความตายเกิดข้ึน
กต็ อ้ งรับผิดตามมาตรา 290 ซ่ึงเป็นบทหนกั
ถา้ หญิงใชใ้ หผ้ ใู้ ดทาใหต้ นเองแทง้ ลูก หญิงน้นั ย่อมมีความผิดตามมาตรา 301 ถา้ ต่อมามี
การแทง้ เกิดข้ึนและหญิงไดร้ ับอนั ตรายสาหสั อยา่ งอื่นหญิงก็ยงั คงมีความผดิ ตามมาตรา 301
345
ส่วนผอู้ ่ืนที่ทาใหห้ ญิงแทง้ ลูกตอ้ งรับโทษตามมาตรา 302 วรรคสอง และถา้ การกระทาน้นั เป็นเพียง
แค่ข้นั พยายามผูน้ ้ันไม่ไดร้ ับการยกเวน้ โทษตามมาตรา 304 ซ่ึงจะยกเวน้ เฉพาะกรณีพยายามตาม
มาตรา 302 วรรคแรกเทา่ น้นั
การทาแท้งโดยหญิงไม่ยินยอม
มาตรา 303 ตา่ งจากมาตรา 302 เพยี งกรณีตามมาตรา 303 น้นั หญิงน้นั ไมย่ นิ ยอม เมื่อหญิงไมย่ นิ ยอม
กฎหมายจึงบญั ญตั ิโทษหนกั กวา่ มาตรา 302
หญิงไม่ยนิ ยอมใหช้ ายทาแทง้ แตช่ ายหลอกใหห้ ญิงกินยาเพ่ือขบั ลูกออกมา กรณีน้ี
เป็นความผิด 303 วรรคแรก ถา้ หญิงไดร้ ับอนั ตรายสาหสั อยา่ งอ่ืนนอกจากการแทง้ ลกู เช่น
เสียความสามารถในการสืบพนั ธุ์กเ็ ป็นความผิดมาตรา 303 วรรคสอง
หากชาย ใชก้ าลงั ทาร้ายหญิงจนหญิงแทง้ และเสียความสามารถสืบพนั ธุช์ ายผดิ มาตรา
297 (2) และ(5) ประกอบมาตรา 303 วรรค 2 ตอ้ งลงโทษตามมาตรา 303 วรรคสองซ่ึงเป็น
บทหนกั สาหรับมาตรา 295 กบั มาตรา 297 จะมาเกี่ยวขอ้ งต่อเมื่อมีการทาร้ายร่างกายเกิดข้ึน
ถา้ ทาแทง้ มีการทาร้ายหญิงจนตายผดิ มาตรา 303 วรรคทา้ ยและยงั ผดิ มาตรา 290 อีกดว้ ย
ตอ้ งลงโทษมาตรา 303 วรรคทา้ ยซ่ึงเป็นโทษที่หนกั กวา่
ถา้ เจตนาจะทาแทง้ หญิงแตเ่ ด็กคลอดออกมาไม่ตายดูเร่ืองแทง้ ลูกเป็นหลกั เมื่อเด็กไมต่ าย
กผ็ ดิ ฐานพยายามมาตรา 303 วรรคทา้ ยเท่าน้นั เพราะการทาแทง้ ไม่สาเร็จแต่เป็นเหตุให้หญิงตาย
ค. ใชก้ าลงั ทาร้ายหญิงแตไ่ ม่แทง้ เพราะเด็กคลอดมามีชีวิต ค. ผิดมาตรา 295 ไมใ่ ช่
พยายามตามมาตรา 297 (5) และผดิ ฐานพยายามทาใหแ้ ทง้ ลูกมาตรา 303 วรรคแรกเป็นกรรมเดียว
ผิดกฎหมายหลายบทตอ้ งลงโทษตามมาตรา 303 วรรคแรก
การพยายามทาแท้ง
มาตรา 304 ผใู้ ดเพยี งแตพ่ ยายามกระทาผิดตามมาตรา 301 หรือมาตรา 302 วรรคแรกผนู้ ้นั ไม่ตอ้ ง
รับโทษ
อานาจในการทาแท้ง
มาตรา 305 (แกไ้ ขเพ่ิมเติม ปี พ.ศ. 2564 ฉบบั ท่ี 28) ผกู้ ระทาไม่มีความผิดมี 5 เหตจุ ากแตก่ ฎหมาย
กาหนดขอ้ ยกเวน้ ไว้ มีแค่ 3 เหตุ ตามบทบญั ญตั ิดงั น้ี
"มาตรา 305 ถา้ การกระทาความผดิ ตามมาตรา 301 หรือมาตรา 302 เป็นการกระทาของผปู้ ระกอบ
วชิ าชีพเวชกรรมและตามหลกั เกณฑข์ องแพทยสภาในกรณีดงั ต่อไปน้ี ผกู้ ระทาไม่มีความผิด
346
(1) จาเป็นตอ้ งกระทาเนื่องจากหากหญิงต้งั ครรภต์ ่อไปจะเส่ียงต่อการไดร้ ับอนั ตราย ตอ่
สุขภาพทางกายหรือจิตใจของหญิงน้นั
(2) จาเป็นตอ้ งกระทาเน่ืองจากมีความเสี่ยงอยา่ งมากหรือมีเหตผุ ลทางการแพทย์ อนั ควร
เช่ือไดว้ า่ หากทารกคลอดออกมาจะมีความผดิ ปกติถึงขนาดทพุ พลภาพอยา่ งร้ายแรง
(3) หญิงยนื ยนั ต่อผปู้ ระกอบวิชาชีพเวชกรรมวา่ ตนมีครรภเ์ นื่องจากมีการกระทาความผิด
เก่ียวกบั เพศ
(4) หญิงซ่ึงมีอายคุ รรภไ์ ม่เกิน 12 สัปดาหย์ นื ยนั ที่จะยุติการต้งั ครรภ์
(5) หญิงซ่ึงมีอายคุ รรภเ์ กิน 12 สปั ดาห์ แต่ไมเ่ กิน 20 สัปดาห์ ยนื ยนั ท่ีจะยตุ ิการต้งั ครรภ์
ภายหลงั การตรวจและรับคาปรึกษาทางเลือกจากผปู้ ระกอบวชิ าชีพเวชกรรมและผปู้ ระกอบวิชาชีพ
อ่ืน ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ีรัฐมนตรีวา่ การกระทรวงสาธารณสุขประกาศกาหนดโดยคาแนะนา
ของแพทยสภาและหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาการ
ต้งั ครรภใ์ นวยั รุ่น”
มาตรา 305 มีขอ้ สังเกต 1) ตอ้ งเป็นการกระทาของแพทยเ์ ป็นการกระทาของผปู้ ระกอบ
วิชาชีพเวชกรรมและตามหลกั เกณฑข์ องแพทยสภา 2) เฉพาะหญิงน้นั ยนิ ยอม มาตรา 305 แมจ้ ะเป็น
อนั ตรายสาหสั หรือตายเกิดข้ึนแพทยก์ ็ไมต่ อ้ งรับผดิ 3) ตอ้ งกระทาเพอ่ื ความจาเป็นเน่ืองจากสุขภาพ
ของหญิงน้นั เพราะถูกข่มขืน 4) มีอายคุ รรภไ์ ม่เกิน 12 สัปดาห์ยนื ยนั ที่จะยตุ ิการต้งั ครรภ์ 5) มีอายุ
ครรภเ์ กิน 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สปั ดาห์ยนื ยนั ท่ีจะยตุ ิการต้งั ครรภ์
มาตราน้ีควรมีการเปล่ียนแปลง เพราะตามตวั บทจะมีความหมายที่แคบเกินไป ควรเพ่ิม
กรณีท่ีหากเด็กเกิดมาพิการ หรือมีปัญาทางครอบครัว ควรใหอ้ านาจในการทาแทง้ ได้ แตป่ ัจจุบนั ยงั
ไม่มีการเปล่ียนแปลงแต่อยา่ งใด (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เล่ม 5, หนา้ 179) ซ่ึงต่อมาในปี พ.ศ.
2564 มีการแกไ้ ขเพ่มิ เติมใหค้ รอบคลมุ การกระทาที่เป็นขอ้ ยกเวน้ (ไม่เป็นความผดิ ) โดยคานึงถึง
สุขภาพของหญิง และทารกในครรภ์ ท้งั ยงั มีการศึกษาจากทางอนามยั การแพทยป์ ระกอบการแกไ้ ข
ปรับปรุงกฎหมายดว้ ย
ขอ้ สังเกตมาตรา 305 เป็นกรณีที่ผกู้ ระทาคือแพทย์ เป็นการกระทาของผปู้ ระกอบวชิ าชีพ
เวชกรรมและตามหลกั เกณฑข์ องแพทยสภาไมม่ ีความผดิ แต่ถา้ มีกรณีที่อา้ งเหตจุ าเป็นตามมาตรา 67
ไดจ้ ริงยอ่ มไดร้ ับยกเวน้ โทษตามหลกั ทว่ั ไปในมาตรา 67
ขอ้ สังเกตมาตรา 301 ถึงมาตรา 305 ดงั น้ี
กรณีท่ีหญิงใชใ้ ห้ผอู้ ื่นทาใหต้ นเองแทง้ ลกู และมีการแทง้ เกิดข้นึ หญิงรับผิดตามมาตรา
301 ส่วนชายที่ถูกใชแ้ ละเป็นผทู้ าแทง้ ผดิ มาตรา 302
การทาแทง้ ตามมาตรา 302
1. ถา้ ผกู้ ระทาไม่ไดใ้ ชว้ ธิ ีทาร้ายเช่นใหห้ ญิงกินยาจนถึงแทง้ ผกู้ ระทาผดิ 302 วรรคแรก
347
2. ถา้ เป็นการใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายจนหญิงแทง้ ผกู้ ระทาผิดมาตรา 302 วรรคแรกแต่เมื่อ
การทาแทง้ เกิดจากการทาร้ายจึงผดิ มาตรา 295 เม่ือหญิงแทง้ จึงเป็นความผิด 297 (5) ดว้ ยแตเ่ ป็น
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตอ้ งลงโทษบทหนกั มาตรา 297 (5)
3. ผอู้ ่ืนใชก้ าลงั ทาร้ายแก่หญิงไม่แทง้ ผกู้ ระทาผิดฐานพยายามทาใหแ้ ทง้ ลกู ตามมาตรา
302 วรรคแรกและผดิ ฐานทาร้ายร่างกายมาตรา 295 ไมผ่ ดิ มาตรา 297 (5) เพราะมาตรา 297
ตอ้ งไดร้ ับอนั ตรายสาหสั คือตอ้ งมีผลคือการแทง้ เกิดข้ึนจริง ๆ
4. ถา้ ทาร้ายหญิงแตไ่ ม่แทง้ กลบั ทาใหห้ ญิงเจ็บป่ วยดว้ ยอาการทุกขเวทนาเกินกวา่ 20 วนั
ผกู้ ระทาผดิ มาตรา 302 วรรคสอง เพราะมีอนั ตรายสาหสั อ่ืนเกิดข้ึนแลว้ และผดิ มาตรา 297 (8)
แต่ไม่ใช่ 297 (5) เพราะ มาตรา 297 (5) ผิดต่อเมื่อการทาแทง้ น้นั สาเร็จ เม่ือทาแทง้ ไม่สาเร็จ
ก็ไม่ใช่กรณี 297 (5)
มาตรา 305 ตอ้ งเกิดจากการทาแทง้ โดยแพทยแ์ ละตอ้ งไดร้ ับความยนิ ยอมจากหญิง
เม่ือขอ้ เทจ็ จริงปรากฏวา่ หญิงไมย่ นิ ยอมใหแ้ พทยท์ าแทง้ ใหแ้ ต่แพทยแ์ อบฉีดยาในขณะที่หญิงหลบั
เพราะมีความเห็นวา่ หากไมท่ าแทง้ หญิงอาจไดร้ ับอนั ตรายแก่ชีวติ เช่นน้ี แมก้ ารกระทาของแพทย์
จะทาเพือ่ ประโยชนข์ องหญิง แพทยก์ ็ผิดมาตรา 303 เพราะหญิงไมย่ นิ ยอมใหท้ าแทง้
คาวา่ อนั ตรายสาหสั อยา่ งอ่ืนตามมาตรา 302 วรรคสอง และมาตรา 303 วรรคสอง
หมายถึงอนั ตรายสาหสั อยา่ งอื่นท่ีไม่ใช่แทง้ ลกู เพราะแทง้ ลกู เป็นองคป์ ระกอบความผิดอยแู่ ลว้
หมวด 4 ความผิดฐานทอดทิ้งผทู้ ่ีพ่งึ ตนเองไมไ่ ด้ (เด็ก คนป่ วยเจบ็ หรือคนชรา)
การทอดทิง้ เดก็
มาตรา 306 ผใู้ ดทอดทิ้งเด็กอายยุ งั ไม่เกินเกา้ ปี ไว้ ณ ท่ีใด เพื่อใหเ้ ด็กน้นั พน้ ไปเสียจากตน โดย
ประการท่ีทาใหเ้ ดก็ น้นั ปราศจากผดู้ ูแล ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหม่ืน
บาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 306 มีองคป์ ระกอบดงั น้ี 1) ผใู้ ด 2) ทอดทิง้ เดก็ อายุไมเ่ กิน 9 ปี ไวณ้ ท่ีใด 3) โดย
ประการที่จะทาใหเ้ ด็กน้นั ปราศจากผดู้ ูแล 4) เพื่อใหเ้ ดก็ น้นั คนไปเสียจากตน (เจตนาพิเศษ)
ผกู้ ระทาตอ้ งมีความสัมพนั ธ์กบั ผถู้ ูกกระทาคอื เดก็ ในฐานะผดู้ ูแลหรืออาจจะเป็น
ความสัมพนั ธต์ ามขอ้ เท็จจริง ตามสัญญา ตามกฎหมาย
ถา้ ไม่มีความสัมพนั ธ์ใด ๆ กนั มาก่อนเช่นเด็ก 8 ขวบหลงทางมาถา้ ไมไ่ ดท้ าอยา่ งใด
อยา่ งหน่ึงเช่นรับดูแลเดก็ เอาไว้ การไม่ช่วยเหลือเด็กก็ไมผ่ ิดมาตรา 306 แต่อาจจะผิดมาตรา 374
คาวา่ “ทอดทิ้ง” หมายถึง มีการแยกตวั เดก็ ออกจากผทู้ อดทิ้งซ่ึงข้ึนอยกู่ บั ขอ้ เทจ็ จริงเป็น
เร่ือง ๆ ไป เช่นทิ้งเดก็ ไวก้ ลางป่ าแมห้ ่างเพยี งนิดเดียวแต่โดยสภาพทาใหเ้ ด็กน้นั ปราศจากผดู้ ูแล
เท่ากบั เป็นการทอดทิ้งไวณ้ ที่ใด (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 4, หนา้ 249)
348
คาวา่ “โดยประการที่ทาใหเ้ ด็กน้นั ปราศจากผดู้ ูแล” หมายถึงอาจจะไปจากผดู้ ูแล
เพยี งชว่ั คราวกไ็ ดแ้ ตต่ อ้ งมีเจตนาพิเศษที่วา่ เพื่อใหเ้ ด็กน้นั พน้ ไปเสียจากตนซ่ึงจะตอ้ งเป็นการ
ทอดทิ้งใหพ้ น้ จากตนไปเลย
คาพิพากษาฎีกาที่ 549/2459 เอาเดก็ พ่งึ คลอดใส่ตมุ้ เพอ่ื ใหต้ ายเป็นเจตนาฆา่ มาตรา 288
ไม่ไดม้ ีเจตนาทอดทิ้งเดก็ ใหพ้ น้ ไปจากตน
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1389/2462 พาเดก็ ไปจากบิดามารดาแลว้ ถอดเอาสิ่งของไปโดยเจตนา
ลกั ทรัพยไ์ มผ่ ดิ ฐานทอดทิง้ เด็ก
กรมหลวงราชบุรีใหค้ วามเห็นวา่ ไปเที่ยวงานวดั แลว้ ทิ้งเด็กไปเลน่ ไพแ่ ต่ต้งั ใจจะรับเด็ก
หลงั จากเลน่ ไพเ่ สร็จแมจ้ ะทาใหเ้ ด็กปราศจากผดู้ ูแลกต็ ามแต่ขาดเจตนาพิเศษคอื ไมไ่ ดต้ อ้ งการให้
พน้ ไปเสียจากตนจึงไม่เป็นความผิดตามมาตราน้ี(ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 4, หนา้ 250)
การทอดทิง้ ผ้ทู ่ีพึ่งตนเองมิได้
มาตรา 307 ผใู้ ดมีหนา้ ท่ีตามกฎหมายหรือตามสญั ญาตอ้ งดูแลผซู้ ่ึงพ่ึงตนเองมิได้ เพราะอายุ ความ
ป่ วยเจบ็ กายพกิ ารหรือจิตพกิ าร ทอดทิ้งผซู้ ่ึงพ่งึ ตนเองมิไดน้ ้นั เสียโดยประการที่น่าจะเป็นเหตุให้
เกิดอนั ตรายแก่ชีวิต ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั
ปรับ
มาตรา 307 มีองคป์ ระกอบดงั น้ี 1) ผใู้ ดมีหนา้ ที่ตามกฎหมายหรือตามสัญญาตอ้ งดูแลผู้
ซ่ึงพ่ึงตนเองไมไ่ ดเ้ พราะอายุ ความเจ็บป่ วยกายพิการหรือจิตพกิ าร 2) ทอดทิ้งผซู้ ่ึงทิ้งตวั พ่งึ ตนเอง
ไมไ่ ด้ 3) โดยประการท่ีน่าจะเป็นเหตุใหเ้ กิดอนั ตรายแก่ชีวิต 4) โดยเจตนา (เจตนาธรรมดา)
ข้อสังเกต ผใู้ ดตามมาตรา 307 ตอ้ งมีหนา้ ที่ตามกฎหมายหรือตามสญั ญาและตอ้ งดูแล
ผซู้ ่ึงพ่ึงตนเองมิได้ เช่นบิดามารดาผปู้ กครองหรือผอู้ นุบาล
ความสาคญั ของมาตรา 307 ตอ้ งเป็นผทู้ ่ีพ่ึงตนเองมิได้
คาวา่ การทอดทิ้งไม่จาเป็นจะตอ้ งเป็นการเคล่ือนไหวร่างกายรวมถึงการงดเวน้ มาตรา 59
วรรคทา้ ยดว้ ย
ทาใหผ้ ถู้ ูกทอดทิ้งน้นั น่าจะเป็นเหตใุ หเ้ กิดอนั ตรายแก่ชีวิตซ่ึงตอ้ งวินิจฉยั ตามความรู้สึก
ของวิญญูชนโดยทว่ั ไป
มาตรา 306 กบั มาตรา 307 มีขอ้ สังเกตดงั น้ี
1. ผใู้ ดตามมาตรา 306 ตอ้ งมีความสัมพนั ธ์กบั ผถู้ กู กระทาคอื ตอ้ งเป็นผทู้ ่ีดูแลเดก็ ท่ีตนได้
ทอดทิ้งเพราะกฎหมายใชค้ าวา่ เพื่อใหเ้ ด็กน้นั พน้ ไปเสียจากตนโดยประการที่ทาใหเ้ ด็กน้นั ปราศจาก
ผดู้ ูแล
349
2. มาตรา 306 คุม้ ครองเฉพาะเด็กอายไุ มเ่ กิน 9 ปี แต่มาตรา 307 คมุ้ ครองกวา้ งกวา่ คือ
อาจจะหมายถึงเด็ก ผใู้ หญ่ คนชรา กลา่ วคอื ไม่จากดั อายวุ ่าเทา่ ใด ความเจบ็ ป่ วย กายพิการ หรือ
จิตพิการ
3. มาตรา 306 ตอ้ งมีเจตนาพิเศษเพื่อใหเ้ ดก็ พน้ ไปเสียจากตน ส่วนมาตรา 307
ไม่จาเป็นตอ้ งมีเจตนาพิเศษเพยี งแต่มีเจตนาทอดทิ้งก็เป็นความผิดแลว้
4. มาตรา 306 ตอ้ งมีผลเกิดข้ึนจึงจะเป็นความผดิ กลา่ วคือการทอดทิง้ น้นั ตอ้ งทาใหเ้ ด็ก
ปราศจากผดู้ ูแล ส่วนมาตรา 307 เพียงน่าจะเป็นเหตใุ หเ้ กิดอนั ตรายแก่ชีวิตก็เป็นความผดิ สาเร็จแลว้
ข้อสังเกต กรณีที่กฎหมายบญั ญตั ิใหผ้ กู้ ระทาตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ ตอ้ งนาทฤษฎีผล
ธรรมดาตามมาตรา 63 มาใชต้ อ่ เม่ือเป็นกรณีที่กฎหมายบญั ญตั ิใหร้ ับผิดหนกั ข้ึนโดยผลเช่นทาร้าย
ผอู้ ื่นเป็นผลใหผ้ นู้ ้นั ตาบอดเช่นน้ีตอ้ งพิจารณาวา่ ผลที่ตาบอดน้นั เป็นผลธรรมดาหรือไม่ หากใช่
ผนู้ ้นั ตอ้ งรับโทษฐานทาร้ายผอู้ ่ืนใหไ้ ดร้ ับอนั ตรายสาหสั ตามมาตรา 297 (1) แมม้ ีเพยี งเจตนาทาร้าย
ก็ตามแต่มีบางกรณีตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ เพราะเหตุเช่นเหตุเพราะผูต้ ายเป็นบิดาหรือผถู้ ูกทาร้ายเป็น
เจา้ พนกั งานเช่นน้ีตอ้ งนามาตรา 62 วรรคทา้ ย ที่บญั ญตั ิวา่ บุคคลจะตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึนโดยอาศยั
ขอ้ เทจ็ จริงใดบุคคลน้นั จะตอ้ งรู้ขอ้ เทจ็ จริงน้นั
เหตุเพ่ิมโทษ
มาตรา 308 ถา้ การทอดทิง้ ตามมาตรา 306 และมาตรา 307 เป็นเหตใุ หผ้ ถู้ ูกทอดทิง้ ตายหรือไดร้ ับ
อนั ตรายสาหสั ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษมาตรา 290, 297, 298
ผกู้ ระทาตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ เพราะผลแห่งการกระทาตอ้ งนามาตรา 63 ทฤษฎีผล
ธรรมดามาปรับวา่ ผลที่เกิดข้ึนน้นั เป็นผลธรรมดาหรือไม่
ถา้ ผลธรรมดาทาใหเ้ กิดความตายกผ็ ิดฆา่ คนตายโดยไม่เจตนามาตรา 290 ถา้ เพยี งไดร้ ับ
อนั ตรายสาหสั กน็ าโทษมาตรา 297 มาใชแ้ ต่ถา้ การกระทาตอ้ งดว้ ยมาตรา 298 ก็ตอ้ งรับโทษหนกั
ข้ึน
350
ลกั ษณะ 11 ความผิดเกยี่ วกบั เสรีภาพและช่ือเสียง
หมวด 1 ความผิดเกี่ยวกบั เสรีภาพ
ข่มขืนใจผ้อู ่ืน
มาตรา 309 ผใู้ ดขม่ ขืนใจผูอ้ ื่นใหก้ ระทาการใด ไม่กระทาการใด หรือจายอมต่อส่ิงใด โดยทาให้
กลวั วา่ จะเกิดอนั ตรายตอ่ ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพยส์ ินของผถู้ ูกขม่ ขนื ใจน้นั เองหรือ
ของผอู้ ่ืน หรือโดยใชก้ าลงั ประทุษร้ายจนผถู้ กู ขม่ ขืนใจตอ้ งกระทาการน้นั ไมก่ ระทาการน้นั หรือจา
ยอมตอ่ สิ่งน้นั ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือท้งั จาท้งั ปรับ
ถา้ ความผดิ ตามวรรคแรกไดก้ ระทาโดยมีอาวธุ หรือโดยร่วมกระทาความผดิ ดว้ ยกนั
ต้งั แตห่ า้ คนข้ึนไป หรือไดก้ ระทาเพอ่ื ใหผ้ ถู้ ูกขม่ ขืนใจทา ถอน ทาใหเ้ สียหาย หรือทาลายเอกสาร
สิทธิอยา่ งใด ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินหา้ ปี หรือปรับไมเ่ กินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั
ปรับ
ถา้ กระทาโดยอา้ งอานาจอ้งั ยหี่ รือซ่องโจร ไมว่ า่ อ้งั ยหี่ รือซ่องโจรน้นั จะมีอยหู่ รือไม่
ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แตห่ น่ึงปี ถึงเจด็ ปี และปรับต้งั แต่สองหม่ืนบาทถึงหน่ึงแสนส่ีหม่ืน
บาท
ตามบทบญั ญตั ิมาตรา 309 ทาใหเ้ สียเสรีภาพใด ๆ ก็ไดเ้ พราะกฎหมายใชค้ าวา่ ข่มขนื ใจ
ใหก้ ระทาการ ไม่ใหก้ ระทาการหรือจายอมต่อส่ิงใด เช่น บงั คบั ใหร้ ้องเพลง บงั คบั ไมใ่ หส้ มคั ร
เลือกต้งั บงั คบั ไมใ่ หข้ ายของแข่ง
มาตรา 310 ทาใหเ้ สียเสรีภาพในการเคลื่อนไหวร่างกายโดยการกระทาน้นั เกิดจากการ
หน่วงเหนี่ยว กกั ขงั กระทาดว้ ยประการใด ไม่จาเป็นตอ้ งเป็นกรณีทาใหก้ ลวั ตามมาตรา 309
ข้อสังเกต มาตรา 310 ในส่วนการกระทากวา้ งกวา่ มาตรา 309 แตใ่ นส่วนของผลแคบกวา่
มาตรา 309 โดยมาตรา 310 เนน้ เฉพาะทาใหเ้ ขาเสียเสรีภาพในการเคลื่อนไหวร่างกายเทา่ น้นั ไม่
รวมถึงเสรีภาพอ่ืน ๆ ท่ีมนุษยพ์ ึงจะมี(ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 5, หนา้ 181)
ความผิดต่อเสรีภาพมกั จะไปแทรกตามความผดิ อนั อื่น ๆ เช่น ฟ้องอา้ งมาตรา 337
ฟ้องอา้ งมาตรา 339 และมาตรา 340 แมจ้ ะฟังไมไ่ ดว้ า่ เป็นความผิดก็ลงโทษความผิดต่อเสรีภาพ
ตามมาตรา 309 ได้
มาตรา 311 เป็นประมาททาใหเ้ ขาสูญเสียเสรีภาพในการเคลื่อนไหวร่างกายเช่นตารวจ
ลืมปลอ่ ยผตู้ อ้ งหา
มาตรา 309 มีองคป์ ระกอบดงั น้ี
351
1) ผใู้ ด 2) ข่มขืนใจผอู้ ื่นโดยทาใหก้ ลวั วา่ จะทาใหเ้ กิดอนั ตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพ
ช่ือเสียงหรือทรัพยส์ ินของผถู้ ูกขม่ ขนื ใจน้นั เองหรือของผูอ้ ื่นหรือโดยใชก้ าลงั ประทุษร้ายใหผ้ ถู้ ูก
ข่มขนื ใจกระทาการไม่กระทาการหรือจายอมต่อส่ิงใด 3) จนผถู้ ูกขม่ ขนื ใจตอ้ งกระทาการน้นั
ไม่กระทาการน้นั หรือจายอมตอ่ ส่ิงน้นั 4) เจตนา
คาวา่ ขม่ ขืนใจทาได้ 2 วิธี คือ 1) โดยการทาใหก้ ลวั 2) โดยใชก้ าลงั ประทุษร้าย
คาวา่ โดยทาใหก้ ลวั เช่นหลอกดูดวงวา่ จะตอ้ งตาย,เป็นการทาใหก้ ลวั โดยไม่จากดั วธิ ีพดู
วธิ ีเขยี นหรือวิธีคดิ จะเอาความลบั ไปเปิ ดเผยทาใหก้ ลวั วา่ จะเสียชื่อเสียงหรือทรัพยส์ ิน
คาวา่ โดยใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายตามความหมายมาตรา 1อนุ6 เช่น มอมเหลา้ ใหก้ ินยา
นอนหลบั
คาพิพากษาฎีกาที่ 81/2498 หลอกวา่ เป็นตารวจจะจบั กเ็ ป็นการข่วู า่ จะทาอนั ตรายตอ่
เสรีภาพ
คาพิพากษาฎีกาที่ 1447/2513 ใชป้ ื นขหู่ ุน้ ส่วนใหค้ ดิ บญั ชีใหเ้ สร็จในวนั น้นั มิฉะน้นั
จะเกิดเร่ืองเป็นการข่วู า่ จะทาอนั ตรายต่อชีวิตหรือร่างกายเป็นความผิดตอ่ เสรีภาพ
ขวู่ า่ จะจบั แลว้ เรียกร้องเงินแมจ้ ะมีการส่งมอบเงินใหท้ นั ทีกไ็ ม่ผิดฐานชิงทรัพยก์ ารข่วู า่
จะจบั จะขงั เป็นการทาอนั ตรายต่อเสรีภาพเทา่ น้นั เม่ือไม่มีการใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายหรือขวู่ า่ ทนั ใด
น้นั จะใชก้ าลงั ประทุษร้ายจึงไมเ่ ป็นความผิดฐานชิงทรัพยแ์ ตเ่ ป็นความผิดตอ่ เสรีภาพตามมาตรา 309
และเป็นกรรโชกทรัพยม์ าตรา 337 ได้
การทาใหก้ ลวั วา่ จะเกิดอนั ตรายมาตรา 309 ไม่จาเป็นวา่ จะตอ้ งเป็นการทาใหก้ ลวั วา่ จะ
เกิดอนั ตรายตอ่ ผทู้ ี่ถูกขม่ ขืนใจเท่าน้นั ถา้ ทาใหก้ ลวั วา่ จะเกิดอนั ตรายต่อผอู้ ่ืนจนเป็นเหตุใหผ้ ถู้ ูก
ข่มขืนใจตอ้ งยอมท่ีจะกระทาการหรือไมก่ ระทาการหรือจายอมตอ่ สิ่งใดก็ผิดมาตรา 309
สรุปวา่ วธิ ีการทาใหก้ ลวั วา่ จะเกิดอนั ตรายน้นั ไม่จากดั วิธีแตต่ อ้ งเป็นการกระทาใหก้ ลวั วา่
จะเกิดอนั ตรายตามที่กฎหมายบญั ญตั ิเอาไวห้ รือมิฉะน้นั ก็ตอ้ งเป็นการใชก้ าลงั ประทุษร้าย
(ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 172)
ความผดิ ตามมาตรา 309 เป็นความผดิ ท่ีตอ้ งการผลคือตอ้ งมีการกระทาหรือไมก่ ระทา
การหรือจายอมต่อสิ่งใดโดยเกิดจากความกลวั หรือโดยเกิดจากการใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย
คาพิพากษาฎีกาที่ 1447/2539 ผถู้ ูกขม่ ขืนใจจายอมเพราะราคาญจะเป็นไดแ้ คฐ่ านพยายาม
เทา่ น้นั
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2436/2534 จาเลยใหผ้ เู้ สียหายหยดุ รถแต่ผเู้ สียหายไมห่ ยดุ และขบั หนี
ไปได้ การกระทาของจาเลยเป็นการข่มขนื ใจให้ผเู้ สียหายกระทาการโดยทาใหก้ ลวั วา่ จะเกิด
อนั ตรายต่อชีวติ ร่างกายของผเู้ สียหายอนั เป็นความผิดตอ่ เสรีภาพแต่เมื่อผเู้ สียหายไม่หยดุ รถตามที่
จาเลยขม่ ขืนใจจาเลยจึงมีความผดิ เพียงข้นั พยายาม
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 616/2520 ข่ใู หผ้ เู้ สียหายหยดุ รถ ผเู้ สียหายวา่ เด๋ียวจะจอด และ
352
เบาเคร่ือง พอรถจาเลยเสียหลกั ผเู้ สียหายเร่งรถหนีเท่าน้นั ก็ผิดมาตรา 309 สาเร็จแลว้ ผเู้ สียหายได้
เบาเครื่องแลว้
คาพิพากษาฎีกาที่ 2322/2522 จาเลยบงั คบั ใหค้ นขบั เร่งเครื่องรถใหเ้ ร็ว ๆ แตจ่ ะขบั เร็ว
กวา่ น้ีไม่ไดเ้ พราะสภาพจราจรติดขดั เป็นความผิดฐานพยายามซ่ึงไม่บรรลผุ ล
คาพิพากษาฎีกาท่ี 240 6-8/2519 ตารวจข่มขนื ใจผเู้ สียหายใหม้ อบเงินแก่ตน 500 บาท
หาวา่ เลน่ พนนั เม่ือผเู้ สียหายขอใหแ้ ค่ 100 บาทจึงไม่พอใจทาร้ายและแกลง้ จบั ผเู้ สียหายตารวจผิด
มาตรา 148 มาตรา 337 วรรคสอง มาตรา 309 วรรคสอง และมาตรา 295
สาหรับความผดิ ต่อเสรีภาพผถู้ ูกขม่ ขืนใจยอมเช่นวา่ น้นั แลว้ แมจ้ ะยอมไม่เตม็ ตามท่ีถูก
เรี ยกร้องก็เป็ นความผิดสาเร็จ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2191/2522 ใชป้ ื นจ้ีใหเ้ อามือวางท่ีพวงมาลยั เฉยๆก็เป็นความผดิ สาเร็จ
ตามมาตรา 309 หรือบงั คบั เอารถเพื่อใชใ้ นการหลบหนีจากการกระทาผดิ อื่นกเ็ ป็นความผดิ ต่อ
เสรีภาพไมใ่ ช่ความผิดต่อทรัพยเ์ พราะมิไดป้ ระสงคจ์ ะเอาทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3447/2542 ใชป้ ื นบงั คบั แมเ้ พยี งแค่เจตนาใหข้ บั รถไปส่งไม่เป็น
ชิงทรัพยเ์ ป็นความผิดต่อเสรีภาพมาตรา 309 วรรคสอง
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1717/2527 โจทกข์ บั รถมาจอดหลงั จาเลยมีเสียงแตรดงั จาเลยเขา้ ใจวา่
จะมาจากรถโจทก์ จาเลยลงจากรถจบั แขนโจทกซ์ ่ึงวางพาดท่ีประตแู ลว้ พดู วา่ ลงมา ๆ ขอต่อยหนา้
หน่อยโจทกส์ ะบดั แขนและไมย่ อมลงจากรถ การกระทาของจาเลยไม่ผิดมาตรา 309 เพราะจาเลย
ไม่มีเจตนาที่จะบงั คบั ใหโ้ จทกก์ ระทาการหรือไม่กระทาการอยา่ งใดแต่ทา้ ทายใหล้ งมาชกกนั ท้งั น้นั
มาตรา 309 ถา้ ผกู้ ระทามีอานาจตามกฎหมายท่ีจะกระทาไดก้ ไ็ ม่เป็นความผดิ ตามมาตราน้ี
การข่วู า่ จะใชส้ ิทธ์ิโดยชอบดว้ ยกฎหมายและการใชส้ ิทธิเรียกร้องน้นั ไม่เกินกวา่ ส่วนท่ีตนพึงมีพงึ
ไดก้ ็ไม่น่าจะเป็นความผิดตามมาตรา 309 เช่น ข่วู า่ จะนาตารวจมาจบั หาไมค่ ืนเงินท่ีขโมยไป
(ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 173)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 985/2485 บ. ปลอมเอกสารของ น. ใหไ้ ปทวงเงินจาก ท. ท.ทราบเร่ือง
จึงเรียกเงินจาก บ. 60 บาทไม่ง้นั จะพงั หรือใหใ้ นอาเภอจบั เพราะ ท. เป็นผเู้ สียหายจากการปลอม
เอกสารศาลฎีกาวา่ กรณีเป็นเรื่องจากฟ้องหรือขอใหเ้ จา้ หนา้ ที่จบั ไดจ้ ริงตามท่ีข่มู ิใช่ใชอ้ านาจในทาง
อนั ธพาลหรือในทางมิชอบแตเ่ ป็นสิทธ์ิท่ีจะทาไดต้ ามกฎหมาย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 105/2503 (ประชุมใหญ)่ การฟ้องความผิดตอ่ เสรีภาพตามมาตรา 309
ตอ้ งมีขอ้ เทจ็ จริงวา่ จาเลยไดข้ ่มขืนใจโดยทาใหก้ ลวั วา่ จะเกิดอนั ตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพ
เม่ือตามฟ้องโจทกไ์ ม่ปรากฏวา่ จาเลยไดก้ ระทาและความผิดตามมาตรา 310 ตอ้ งปรากฏวา่ จาเลยมี
เจตนาหน่วงเหน่ียวกกั ขงั ทาใหป้ ราศจากเสรีภาพในร่างกายเมื่อโจทกฟ์ ้องวา่ จาเลยบงั อาจปิ ดประตู
ร้ัวเหลก็ เอาโซ่ล่ามกุญแจไม่ปรากฏวา่ มีเจตนาหน่วงเหนี่ยวทาใหป้ ราศจากเสรีภาพกลบั ปรากฏวา่ มี
353
ทางเขา้ ออกเป็นแตเ่ พียงไม่สะดวก ฟ้องของโจทกจ์ ึงยงั ไม่พอแสดงถึงการกระทาของจาเลยอนั เป็น
ความผิดตามกฎหมายตามที่โจทกข์ อได้
คาพิพากษาฎีกาที่ 417/2472 จาเลยพดู ขู่ และยกปื นท่ีไมไ่ ดบ้ รรจุกระสุนจอ้ งไปยงั คปู่ รับ
ปรปักษด์ ว้ ยโทสะ และมีผแู้ ยง่ ปื นไปก่อนเช่นน้ียงั ไม่เป็นความผิดมาตรา 309 ฐานทาให้เจตนา
ข่มขนื ใจ ศาลวา่ ไมผ่ ิด
มาตรา 309 วรรคสองเป็นเหตุใหผ้ กู้ ระทาตอ้ งรับโทษหนกั ข้นึ 3 กรณี 1. กระทาโดยมี
อาวุธ 2. ร่วมกระทาความผดิ ในลกั ษณะท่ีเป็นตวั การต้งั แต่ 5 คนข้นึ ไป 3. เพ่ือใหผ้ ถู้ ูกข่มขนื ใจทา
ถอน ใหเ้ สียหาย ทาลายเอกสารสิทธ์ิ
คาวา่ เอกสารสิทธ์ิตามมาตรา 1 (9 ) หมายถึง เอกสารสิทธ์ิที่แทจ้ ริง
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 924/2542 ถา้ บงั คบั ใหป้ ลอมเอกสารเป็นการทาใหเ้ สื่อมเสียเสรีภาพ
ตามมาตรา 309 และยงั ผิดฐานเป็นผใู้ ชห้ รือทาเอกสารปลอมอีกดว้ ยแตไ่ ม่เป็นเหตุฉกรรจต์ ามมาตรา
309 วรรคสอง
หน่วงเหน่ยี วหรือกักขัง
มาตรา 310 ผใู้ ดหน่วงเหนี่ยวหรือกกั ขงั ผอู้ ื่น หรือกระทาดว้ ยประการใดใหผ้ อู้ ่ืนปราศจากเสรีภาพ
ในร่างกาย ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือท้งั จาท้งั ปรับ
ถา้ การกระทาความผดิ ตามวรรคแรก เป็นเหตุใหผ้ ถู้ กู หน่วงเหนี่ยวถกู กกั ขงั หรือตอ้ ง
ปราศจากเสรีภาพในร่างกายน้นั ถึงแก่ความตาย หรือรับอนั ตรายสาหสั ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษดงั ท่ี
บญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา 290 มาตรา 297 หรือมาตรา 298 น้นั
มาตรา 310 มีองคป์ ระกอบดงั น้ี 1. ผใู้ ด 2. หน่วงเหน่ียวหรือกกั ขงั ผอู้ ่ืนหรือกระทาดว้ ย
ประการใดใหผ้ อู้ ่ืนปราศจากเสรีภาพในร่างกาย 3.โดยเจตนา
มาตรา 310 การกระทาอาจเป็นการเคล่ือนไหว หรือเป็นการงดเวน้ การเคล่ือนไหวร่างกายตาม
มาตรา 59 วรรคทา้ ยสุดก็ได้
คาวา่ “หน่วงเหนี่ยว” หมายถึง ทาใหบ้ ุคคลตอ้ งอยู่ตรง ณ ที่น้นั ไม่ใหไ้ ปยงั จุดอื่นเท่ากบั
ร้ังตวั เองไวเ้ ช่นล่ามโซ่
คาวา่ “กกั ขงั ” หมายถึง บงั คบั ใหบ้ คุ คลอยใู่ นท่ีจากดั เช่นขงั ในหอ้ งน้าเป็นไดท้ ้งั หน่วง
เหน่ียวและกกั ขงั
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2860/2517 ฉุดหญิงลงจากรถแลว้ หน่วงเหนี่ยวไวใ้ นโรงเรียนเป็นการ
หน่วงเหน่ียวหรือกกั ขงั ใหป้ ราศจากเสรีภาพ
คาพิพากษาฎีกาที่ 1514/2532 หญิงหนีลงไปในบ่อไม่กลา้ ข้นึ เพราะจาเลยจะมาทาร้าย
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1089/2512 การจบั โดยไม่มีหมายจบั
354
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 985/2546 จาเลยอมุ้ ผเู้ สียหายข้ึนไปบนรถ ก. ตามมาขอคืนจาเลยไม่
ยอมคืนใหเ้ ป็นหน่วงเหนี่ยว
สถานที่กกั ขงั อาจเป็นห้องหรือในรถ หรือในเรือหรือในเครื่องบินรวมถึงการจากดั ไม่ให้
ออกไปจากทอ้ งท่ีเช่นอาเภอหรือจงั หวดั กเ็ ป็นการกกั ขงั ตามมาตรา 310
คาพิพากษาฎีกาท่ี 735/2555 ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 310 วรรคแรก กฎหมายบญั ญตั ิ
ไวแ้ ต่เพียงวา่ ผใู้ ดหน่วงเหน่ียวหรือกกั ขงั ผอู้ ่ืน หรือกระทาดว้ ยประการใด ใหผ้ อู้ ื่นปราศจากเสรีภาพ
ในร่างกาย ดงั น้นั การกระทาความผิดตามบทบญั ญตั ิแห่ง มาตราดงั กล่าว ผูก้ ระทาเพียงแต่มีเจตนา
ประสงคต์ อ่ ผลหรือยอ่ มเลง็ เห็นผลก็เป็นความผดิ แลว้ โดยไม่ต้องมเี จตนาพเิ ศษเพ่ือประสงค์ร้ายต่อ
ผู้เสียหายแต่อย่างใด การท่ี จาเลยบงั คบั ข่มขู่ฉุดกระชากพาตวั ผูเ้ สียหายซ่ึงอยู่กินฉันสามีภริยากบั
จาเลยข้ึนรถยนตแ์ ลว้ พาไปพกั ยงั สถานที่ต่าง ๆ โดยมีพฤติการณ์บงั คบั กกั ขงั เพ่ือไม่ให้ผูเ้ สียหาย
หลบหนี จาเลยยอ่ มรู้อย่แู ลว้ วา่ การกระทาของตนเองยอ่ มตอ้ งทาใหผ้ เู้ สียหายตอ้ งปราศจากเสรีภาพ
ในร่างกาย ไม่สามารถเดินทางไปท่ีต่าง ๆ ไดต้ ามความตอ้ งการของผเู้ สียหาย การ กระทาของจาเลย
ถือวา่ เป็นการกระทาโดยเจตนาตามความหมายของบทบญั ญตั ิแห่ง มาตราดงั กลา่ ว
คาวา่ การกระทาใหป้ ราศจากเสรีภาพในร่างกายหมายถึงการจากดั หรือการเคล่ือนไหว
อวยั วะของร่างกายลงใหอ้ ยใู่ นขอบเขตจากดั เช่นถูกใส่กญุ แจมือ ใส่กลอนขงั ไวใ้ นหอ้ งนอน
มาตรา 310 ไมจ่ ากดั วธิ ีในการกระทาแตม่ ุ่งจากดั เสรีภาพที่เสียไปเฉพาะเกี่ยวกบั การเคล่ือนไหว
ร่างกาย
มาตรา 309 จากดั วธิ ีการกระทาแตไ่ มจ่ ากดั เสรีภาพที่เสียไปวา่ จะเป็นเสรีภาพประเภท
ไหน (วธิ ีการคือทาใหก้ ลวั )
คาพิพากษาฎีกาท่ี 4243/ 2542 จาเลยไมม่ ีหมายจบั และจบั แลว้ ไม่แจง้ ขอ้ หาและไมส่ ่ง
มอบผเู้ สียหายใหพ้ นกั งานสอบสวนแต่กลบั นาไปควบคุมท่ีด่านตารวจผิดมาตรา 157 และมาตรา
310 ศาลฎีกาเห็นวา่ เป็นเร่ืองรุนแรงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษ
ถา้ ผกู้ ระทากระทาโดยมีอานาจตามกฎหมายก็ไม่เป็นความผิดเช่นตารวจจบั ผตู้ อ้ งหา
ซ่ึงกระทาความผิด
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 437/2515 ขงั ไวเ้ พราะจาเลยเมาอาละวาด
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 146/2472 เจา้ ของสวนจบั เดก็ อายุ 5 ขวบท่ีลกั มะม่วงในสวนมดั มือเด็ก
คร่อมไวก้ บั ตน้ มะม่วง 20 นาทีแลว้ แมเ่ ด็กมารับตวั ไป ศาลวา่ การกระทาของเด็กเป็นความผดิ
แต่กฎหมายไม่เอาโทษเจา้ ของสวนมีอานาจจบั เพื่อระงบั เหตกุ ารณ์อนั จะพึงมีไม่เป็นความผิด
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 737/2473 ป.ไล่ทาร้าย ล. ล.จึงตี ป. เป็นการป้องกนั ตวั สมควรแก่เหตุ
และการที่จบั ป. มดั ไวเ้ พ่ือส่งตารวจ ล.ก็ไม่มีความผดิ
355
ราษฎรมีอานาจจบั ผกู้ ระทาผิดซ่ึงหนา้ ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา
มาตรา 78 ได้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 162/2496 นายประกนั มีอานาจจากบุคคลที่ตนประกนั ไวต้ ามปวิอาญา
มาตรา 175
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 466/2518 ผพู้ ิพากษาใชด้ ุลพินิจในการส่ังถอนประกนั ทาใหจ้ าเลยตอ้ ง
ถูกคุมขงั ก็ไม่เป็นความผดิ
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2444/2520 แกลง้ จบั คนผดิ มาตรา 310 แลว้ ยงั ผดิ มาตรา 157 ดว้ ยเพราะ
ไมม่ ีมูลและไมม่ ีอานาจ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 424/2478 ส.แจง้ ตารวจจบั ผ. วา่ คา้ งคา่ เช่าแลว้ ไมย่ อมออกจากหอ้ งเช่า
โดยไมไ่ ดบ้ อกให้ตารวจจบั แต่ตารวจจบั ผ. มาสอบสวน ส. ไมผ่ ิดมาตรา 310 เพราะตารวจจบั เพราะ
ผ. โดยใชด้ ุลพินิจของตนเอง
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 95/2487 (ประชุมใหญ)่ การเรียกร้องขอใหจ้ บั ผหู้ น่ึงผใู้ ดในทนั ทีโดย
มิใหเ้ จา้ พนกั งานสืบสวนก่อนทานองใชเ้ จา้ พนกั งานเป็นเคร่ืองมือผรู้ ้องขอใหจ้ บั มีความผิดมาตรา
310
ร้องเรียนเทจ็ ขอใหจ้ บั โดยเจา้ พนกั งานมีเวลาสืบสวนสอบสวนเสียก่อนทาการจบั กมุ
ซ่ึงข้ึนกบั การวินิจฉยั ของเจา้ พนกั งานหากเจา้ พนกั งานจบั กุมทนั ทีโดยไมส่ ืบสวนก็หาใช่เป็น
ความผดิ ของผรู้ ้องเรียนไม่
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 320/ 2503 (ประชุมใหญ่) จาเลยแอบเอาเคร่ืองมือทาเงินตราปลอมไป
ซุกไวท้ ่ีบา้ นผเู้ สียหายแลว้ แจง้ ตารวจมาจบั ตารวจจบั ไดข้ องกลางและจบั ผเู้ สียหาย 4 วนั การกระทา
ของจาเลยไม่ผิดมาตรา 310 เพราะการที่ผูเ้ สียหายถกู จบั ไปกกั ขงั น้นั เป็นเรื่องดุลพินิจของตารวจหา
เป็นเร่ืองท่ีจาเลยหน่วงเหนี่ยวกกั ขงั ผเู้ สียหายไม่ ศาลฎีกาวา่ การจบั กมุ เป็นดุลพนิ ิของเจา้ พนกั งาน
แมจ้ าเลยจะแจง้ ความเทจ็ กไ็ มเ่ ป็นความผดิ
ขอ้ สังเกตถา้ ผกู้ ระทามีเจตนาแจง้ ความเทจ็ โดยยมื มือเจา้ พนกั งานหรือใชเ้ จ้าพนกั งาน
เป็นเคร่ืองมือเป็นการกระทาผดิ มาตรา 310 โดยทางออ้ ม
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2060/2531 จาเลยฟ้อง ส. และศาลออกหมายจบั ส. แต่ ส. มอบตวั แลว้
ประกนั ตวั ออกไปเหตทุ ่ีจะจบั ส. หมดไปแลว้ จาเลยกท็ ราบดีแต่จงใจใช้ หมายจบั น้นั ใหต้ ารวจจบั
ส. อีกตารวจตอ้ งจบั ส. ตามหมายศาลอีก ดงั น้นั ไมใ่ ช่เร่ืองดุลพนิ ิจของตารวจที่พิจารณาสมควรกบั
ส. ตามควรแก่กรณีหรือไม่ จาเลยผดิ มาตรา 310 ประกอบมาตรา 84 จาเลยรู้วา่ หมายจบั สิ้นผลแตม่ ี
เจตนาแกลง้ ผเู้ สียหายมาแต่ตน้
มาตรา 310 มุ่งประสงคถ์ ึงตวั บุคคลที่ปราศจากเสรีภาพในร่างกายถา้ ผถู้ ูกกระทายงั อาจ
เคลื่อนไหวไปไหนมาไหนไดอ้ ยู่ ศาลวา่ ไมผ่ ิดมาตรา 310
356
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1908/2518 การเอารถขวางไม่ใหร้ ถขา้ งในซอยออกไดน้ ้นั ไม่ผดิ มาตรา
310 แต่การไมย่ อมถอยใหร้ ถขา้ งในออกไปไดน้ ้ีเป็นการข่มเหงตามมาตรา 397 เพราะเหตุวา่ รถออก
ไมไ่ ดแ้ ต่ตวั คนยงั ออกได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 428/2520 ไม่ใหอ้ อกจากบริเวณบา้ นปี นหนีออกมาทางหนา้ ต่างไดแ้ ต่
บาดเจบ็ ผิดมาตรา 310
คาคาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2521/2531 ใส่กุญแจประตูตึกแถวผเู้ ช่าเขา้ หอ้ งไม่ไดไ้ ม่ผิดมาตรา
310
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 428/2520 ปิ ดประตขู งั แตอ่ อกทางหนา้ ตา่ งไดไ้ มต่ อ้ งเส่ียงต่อการเกิด
อนั ตรายไมผ่ ิดมาตรา 310 ศาลฎีกาวา่ คนท่ีอยใู่ นรถสามารถเดินลงจากรถไปยงั ณ ที่อ่ืน ๆ ไดไ้ ม่เป็น
ความผดิ ฐานทาใหเ้ สื่อมเสียเสรีภาพตามมาตรา 310
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1717/2527 ขบั รถปาดหนา้ ทาใหต้ อ้ งหยดุ รถไมผ่ ดิ มาตรา 310
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2025/2521 จาเลยกบั พวกควบคมุ ตวั ผเู้ สียหายเพอื่ ไวเ้ ป็นประกนั ใน
การสะดวกแก่การทรัพยไ์ ป อนั เป็นองคป์ ระกอบฐานปลน้ ทรัพย์ การกระทาของจาเลยไมผ่ ดิ มาตรา
309 และมาตรา 310 อีกกรรมหน่ึงตา่ งหาก
การควบคุมตวั เป็นการทาต่อเสรีภาพไม่ใช่การทาตอ่ เน้ือตวั จิตใจจึงไม่ใช่การใชก้ าลงั
ประทษุ ร้ายซ่ึงเป็นองคป์ ระกอบฐานชิงทรัพย์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 642/2489 บ. กบั อาจารยเ์ ป็นสามีภรรยากนั สามีชวนใหก้ ลบั บา้ น
ภรรยาไมย่ อมจึงฉุดภรรยาไปเพื่อใหไ้ ปอยกู่ ินกนั ตามเดิมแม้ อาจารยไ์ ม่ใช่ภรรยาโดยถกู ตอ้ งตาม
กฎหมายเพราะไมไ่ ดจ้ ดทะเบียนสมรสกนั ก็ไม่มีความผดิ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 4641/2530 ใชป้ ื นและใชก้ าลงั ฉุดหญิงข้ึนรถยนตไ์ ปโรงแรมเพ่ือ
อนาจารผดิ มาตรา 309 มาตรา 310 และมาตรา 284 เป็นกรรมเดียวลงโทษมาตรา 284 ซ่ึงเป็น
บทหนกั
มาตรา 310 วรรคสองเป็นเหตใุ หต้ อ้ งไดร้ ับโทษหนกั ข้ึนเพราะตายหรือสาหสั ตอ้ งนา
ทฤษฎีผลธรรมดามาพิจารณา ถา้ การหน่วงเหนี่ยวกกั ขงั เป็นการทาโดยใชอ้ าวุธปื นหรือร่วมกระทา
กนั ต้งั แต่ 5 คนข้นึ ไปก็ยงั ตอ้ งรับผิดมาตรา 310 วรรคแรกและสามารถยอมความไดต้ ามมาตรา 321
ซ่ึงตา่ งจากมาตรา 309 วรรคสอง ยอมความไมไ่ ด้
ตวั อยา่ งเช่นเอากุญแจมือใส่ตนเองขา้ งหน่ึงแลว้ ใส่บคุ คลอื่นอีกคร้ังหน่ึงโดยไม่มีอานาจ
ตามกฎหมายเป็นความผิดฐานหน่วงเหน่ียวกกั ขงั ตามมาตรา 310 แตไ่ ม่ผิด 309 เพราะไม่มีการ
ข่มขนื ใจโดยการทาใหก้ ลวั วา่ จะเกิดอนั ตรายแก่ชีวิตร่างกายและไมม่ ีการใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายให้
กระทาการหรือไม่กระทาการหรือจายอมต่อสิ่งใด
357
ตวั อยา่ งใชป้ ื นบงั คบั ใหย้ นื อยกู่ บั ที่ท้งั ๆ ท่ีกาลงั จะเดินไปกราบพระท่ีหนา้ โบสถเ์ พราะ
กลวั จึงยนื นิ่งตามท่ีถกู บงั คบั ใหป้ ื นบงั คบั ไม่ใหเ้ ดินเป็นหน่วงเหนี่ยวตามมาตรา 310 วรรคแรกและ
ยงั เป็นการบงั คบั ไมใ่ หเ้ คล่ือนไหวโดยมีอาวธุ ผิดมาตรา 309 วรรคสอง
ตวั อยา่ งใชป้ ื นบงั คบั ใหร้ าถวายแกบ้ นกลวั จึงตอ้ งออกไปราถือเป็นการบงั คบั ใหก้ ระทา
การตามมาตรา 309 วรรคสอง เพราะบงั คบั โดยมีอาวุธและผิดมาตรา 310 เพราะหากบุคคลน้นั
ประสงคจ์ ะไปเท่ียวที่อ่ืนกลบั ถกู บงั คบั กถ็ ือเป็นการหน่วงเหน่ียว
ตวั อยา่ งใชป้ ื นบงั คบั ขอหอมแกม้ กลวั เพราะมีอาวุธผิด
มาตรา 309 วรรคสอง เพราะเป็นการบงั คบั ใหจ้ ายอมแตไ่ ม่ผิดมาตรา 310 เพราะไม่มีการ
หน่วงเหนี่ยวกกั ขงั ในการเคลื่อนไหวร่างกายเพราะไม่คดิ จะหนีไปไหนขอใหไ้ ดน้ ง่ั ดูพระจนั ทร์
ตวั อยา่ งจบั ขงั หอ้ งน้าเป็นการหน่วงเหน่ียวกกั ขงั มาตรา 310 แต่ไมผ่ ิดมาตรา 309 เพราะ
ไมม่ ีการทาใหก้ ลวั วา่ จะเกิดอนั ตรายหรือมีการใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายท้งั ไมม่ ีการขม่ ขนื ใจใหก้ ระทา
การดว้ ย
ขอ้ สังเกตมาตรา 309 ผทู้ ี่ถกู ข่มขืนใจหรือทาใหก้ ลวั อาจจะเป็นคนละคนกนั กไ็ ดเ้ ช่น ขวู่ า่
จะทาร้ายบิดาหากไม่รามวยจีนใหด้ ู
มาตรา 310 การหน่วงเหน่ียวกกั ขงั น้นั ตอ้ งเป็นการกระทาต่อตวั ผทู้ ่ีถูกหน่วงเหน่ียว
หรือถูกกกั ขงั มิใช่เป็นการกระทาต่อผอู้ ่ืน
มาตรา 310 ทวิตอ้ งมีองคป์ ระกอบในส่วนการกระทาที่วา่ ใหผ้ ทู้ ่ีถกู หน่วงเหนี่ยวหรือถกู
กกั ขงั น้นั กระทาการใด ๆ ใหแ้ ก่ผกู้ ระทาหรือบคุ คลอ่ืนจึงตอ้ งรับโทษหนกั กวา่ มาตรา 310 ทวิ
เป็นความผิดเอกเทศ และไม่ใช่เหตุตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึนของมาตรา 310 (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560,
เลม่ 5, หนา้ 190)
หน่วงเหนย่ี วหรือกกั ขงั โดยประมาท
มาตรา 311 กระทาโดยประมาทเป็นเหตใุ หผ้ อู้ ่ืนถูกหน่วงเหน่ียวกกั ขงั ตอ้ งปราศจากเสรีภาพใน
ร่างกาย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1221/2479 จบั คนโดยเขา้ ใจวา่ กระทาผิดพระราชบญั ญตั ิภาพยนตร์
แตค่ วามจริงกฎหมายวา่ เพียงแต่หา้ มฉายเท่าน้นั ไมผ่ ิดฐานเจตนาแตเ่ ป็นความผิดฐานกกั ขงั โดย
ประมาท
ขอ้ สังเกตจบั โดยสาคญั ผิดวา่ มีอานาจแตค่ วามจริงไมม่ ีเป็นความสาคญั ผิดวา่ การกระทา
ไมเ่ ป็นความผิด ถา้ ความสาคญั ผดิ น้นั เกิดข้ึนดว้ ยความประมาทมาตรา 62 วรรคสอง ก็เป็นความผิด
ตามมาตราน้ีได้
358
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 516/2462 ปลดั อาเภอจบั คนไว้ 45 ชวั่ โมงโดยสอบสวนเสร็จแลว้ ไม่ส่ง
อยั การแมไ้ มเ่ กิน 48 ชว่ั โมงก็ไมม่ ีอานาจขงั แตไ่ ม่มีความผิดเพราะขาดเจตนากกั ขงั คงผิดฐานกระทา
โดยประมาทมาตรา 311
มาตรา 312 ทวิ ถา้ การหน่วงเหน่ียว กกั ขงั ใหเ้ ด็กอายไุ มเ่ กิน 15 ปี ปราศจากเสรีภาพ ตอ้ ง
รับโทษสูงกวา่ กรณีกระทาต่อบุคคลทวั่ ไป
มาตรา 321 ความผิดตามมาตรา 309 วรรคแรก,มาตรา 310 วรรคแรก และมาตรา 311
วรรคแรกเป็นความผิดอนั ยอมความได้
มาตรา 321/1 เป็นมาตราท่ีแกไ้ ขเพ่มิ เติมใหม่ในปี พ.ศ.2558 เป็นบทคมุ้ ครองเด็กอายไุ ม่
เกิน 13 ปี หา้ มอา้ งความไม่รู้อายขุ องเด็ก
เอาคนลงเป็ นทาส
ความผดิ ฐานเอาคนลงเป็ นทาส
มาตรา 312 องคป์ ระกอบดงั น้ี 1. ผใู้ ด 2. นาเขา้ หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจกั รพามาจากท่ีใดซ้ือ
ขายจาหน่ายรับหรือหน่วงเหนี่ยว 3. บคุ คลหน่ึงบุคคลใดหรือเพื่อเอาคนลงเป็นทาส (เจตนาพิเศษ)
ขอ้ สังเกต การเอาคนมาเป็นทาสคือการใหท้ างาน ใชแ้ รงงานเด็ก
เรียกค่าไถ่
มาตรา 313 เพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงค่าไถ่ (ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2559, หนา้ 203-210)
เอาตวั เด็กไปไมใ่ ช่กรณีเดก็ ตามไปอยดู่ ว้ ยเพราะมาตรา 313 อนุ 1 เป็นกรณีเอาตวั เด็กอายุ
ไมเ่ กิน 15 ปี ไปถา้ ลูกเศรษฐีตามมาอยกู่ บั นายดาแลว้ ดาเรียกค่าไถ่ ดาขาดองคป์ ระกอบความผดิ
เพราะไมม่ ีการเอาตวั เดก็ ไป
มาตรา 313 (1) การเอาเดก็ ไปไมว่ า่ เด็กจะจะเตม็ ใจไปดว้ ยหรือไมก่ ็ตามก็เป็นความผิดแต่
ผกู้ ระทาจะตอ้ งรู้ขอ้ เทจ็ จริงว่าเด็กอายไุ มเ่ กิน 15 ปี การเอาไปตามอนุน้ีไม่จากดั วธิ ี
มาตรา 313 (2) เอาตวั บุคคลอายเุ กิน 15 ปี ตอ้ งเป็นเรื่องใชอ้ บุ ายหลอกลวงข่เู ขญ็
ใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายใชอ้ านาจครอบงาผิดคลองธรรมหรือใชว้ ิธีข่มขนื ใจดว้ ยประการอ่ืนใด
มาตรา 313 (3) ผถู้ กู กระทาไมส่ มคั รใจมีแตก่ ารหน่วงเหนี่ยวกกั ขงั เท่าน้นั เช่นบกุ เขา้ ไปในบา้ น
จบั เจา้ ของบา้ นขงั แลว้ เรียกค่าไถ่
คาวา่ คา่ ไถ่ตามมาตรา 1 (13) หมายถึงทรัพยส์ ินหรือประโยชนท์ ี่เรียกเอาหรือใหเ้ พื่อ
แลกเปลี่ยนกบั เสรีภาพของผถู้ กู เอาตวั ไปผถู้ กู หน่วงเหน่ียวหรือถูกกกั ขงั
คาาวา่ คา่ ไถอ่ าจเป็นทรัพยส์ ินหรือประโยชน์อยา่ งอ่ืนซ่ึงไม่ใช่ทรัพยส์ ินกไ็ ดเ้ ช่นจบั ลกู
ของผสู้ มคั รแขง่ ขนั เลือกต้งั เพ่อื ไม่ใหพ้ ่อเดก็ ลงสมคั รกถ็ ือเป็นประโยชน์อยา่ งอื่นซ่ึงไม่ใช่ทรัพยส์ ิน
359
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1061 /2504 จาเลยถูกหวยใตด้ ินผเู้ สียหายเป็นเจา้ มือแลว้ ไม่จ่ายจาเลยจบั ผเู้ สียหาย
ข้ึนรถแลว้ ใหผ้ เู้ สียหายเขียนจดหมายถึงภรรยาตวั เองและใหผ้ เู้ สียหายทาสัญญาเงินกูต้ ามจานวนที่
จาเลยถูกหวยเสร็จแลว้ ปลอ่ ยผเู้ สียหายกลบั ไป เจตนาของจาเลยเพื่อทวงเงินซ่ึงจาเลยเช่ือวา่ จะได้
จึงไม่ใช่สินไถ่ หรือคา่ ไถต่ ามมาตรา 313 การกระทาของจาเลยขาดเจตนาเพื่อใหไ้ ดม้ าซ่ึงคา่ ไถ่
อนั เป็นความผดิ ประการสาคญั จาเลยจึงไม่ผดิ ฐานจบั คนเรียกค่าไถต่ ามมาตรา 313
คาพิพากษาฎีกาที่ 5255/2534 จาเลยกบั โจทกไ์ ปหน่วงเหนี่ยวกกั ขงั และบงั คบั ใหเ้ ขยี น
จดหมายถึงแม่ของโจทกใ์ ห้โอนท่ีดินจานองเพื่อชาระหน้ีแก่แม่ยายจาเลย จาเลยมีเจตนาเพอ่ื บงั คบั
ใหแ้ มข่ องโจทกช์ าระหน้ีใหแ้ ก่แมย่ ายจาเลยโดยจาเลยเป็นบุตรเขยเชื่อวา่ กระทาไดด้ งั น้นั ประโยชน์
ท่ีจาเลยเรียกร้องจึงไม่ใช่ค่าไถ่ตามมาตรา 1 (13)
ตวั อยา่ งนายดาจบั ตวั เดก็ อายุไมเ่ กิน 15 ปี ไปยงั ไม่ทนั ที่ท่ีนายดาจะเขียนจดหมายไปยงั
พ่อแม่ของเดก็ นายดาก็ถูกตารวจจบั เสียก่อนเห็นไดว้ า่ มีการกระทาคือเอาตวั เดก็ ไปแลว้ และเจตนา
พเิ ศษเพอ่ื เรียกคา่ ไถค่ รบองคป์ ระกอบความผิดแลว้ แมจ้ ะยงั ไมม่ ีการดาเนินการเรียกคา่ ไถ่หรือแมจ้ ะ
เรียกแลว้ แต่ยงั ไมไ่ ดค้ า่ ไถก่ ็เป็นความผิดสาเร็จแลว้ ท้งั สิ้น
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3805/2526 จาเลยมีอาวธุ ข่บู งั คบั ใหผ้ เู้ สียหายไปกบั จาเลยและใหค้ นใน
บา้ นนาเงิน 3,000 บาท ไปไถ่ตวั ผเู้ สียหาย ยอ่ มฟังไดว้ า่ จาเลยกบั พวกมีเจตนากระทาความผดิ และ
มีเจตนาเพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงค่าไถผ่ ดิ มาตรา 313 (2) แมจ้ าเลยจะยงั ไม่ไดเ้ งินคา่ ไถ่ 3000 บาทไวเ้ ป็น
ประโยชน์แก่ตนแต่ไดม้ อบใหท้ างราชการก็ตามกเ็ ป็นการเอาไปจากผเู้ สียหายโดยมิชอบเงินดงั กล่าว
เป็นคา่ ไถ่
คาพิพากษาฎีกาที่ 2848/2527 เมื่อจาเลยกบั พวกปลน้ ผเู้ สียหายแลว้ คมุ ตวั ผเู้ สียหายไว้
3 ชว่ั โมงคอ่ ยปลอ่ ยตวั เพราะทราบวา่ ตารวจกาลงั ติดตามแมจ้ าเลยกบั พวกยงั ไม่ทนั ไดม้ าซ่ึงเงินค่าไถ่
ก็เป็นความผดิ ฐานเอาตวั ผเู้ สียหายไปเพื่อใหไ้ ดม้ าซ่ึงคา่ ไถ่เป็นความผดิ สาเร็จแลว้ เป็นความผดิ คน
ละกระทงกบั ความผิดฐานปลน้ ทรัพยจ์ าเลยกบั พวกไดจ้ ดั ใหผ้ เู้ สียหายไดร้ ับเสรีภาพก่อนศาลช้นั ตน้
พพิ ากษาซ่ึงกฎหมายใหล้ งโทษนอ้ ยกวา่ ท่ีกฎหมายกาหนดไวแ้ ตไ่ มน่ อ้ ยกวา่ ก่ึงหน่ึงตามมาตรา 316
และลดโทษตามมาตราน้ีเป็นเหตุในลกั ษณะคดี
คาพิพากษาฎีกาที่ 5554/2545 จาเลยท้งั สองร่วมกนั พรากผเู้ สียหายอายุ 6 ขวบไปจากบิดา
มารดาและหน่วงเหน่ียวกกั ขงั เพอื่ เรียกคา่ ไถ่เป็นผิดกรรมเดียวผดิ กฎหมายหลายบทตอ้ งลงโทษ
มาตรา 313 วรรคแรกซ่ึงเป็นบทหนกั สุดตามมาตรา 90 หาใช่ความผดิ หลายกรรมไม่
มาตรา 313 วรรคสอง เหตุใหไ้ ดร้ ับโทษหนกั ข้นึ เน่ืองจากทาใหผ้ ถู้ กู หน่วงเหน่ียวกกั ขงั
ไดร้ ับอนั ตรายสาหสั ,กระทาโดยการทรมานทารุณโหดร้ายจนไดร้ ับอนั ตรายแก่กายหรือจิตใจ
มาตรา 314 ผสู้ นบั สนุนตามมาตรา 313 ตอ้ งระหวา่ งโทษเทา่ ตวั การ
คาวา่ สนบั สนุนคือตอ้ งกระทาก่อนหรือขณะกระทาความผิด
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1508/2 คนร้ายจบั ตวั ฮ. และ บ. ไปเรียกค่าไถจ่ าเลยรับตวั ฮ. ไว้
360
ฮ. จะไปตอ้ งบอกจาเลยก่อน จาเลยควบคุม ฮ. เป็นการสนบั สนุนให้ บ. หาคา่ ไถม่ าใหเ้ ร็วข้นึ
จาเลยมีความผิด มาตรา 314
การจบั คนเพอ่ื เรียกคา่ ไถ่ แมจ้ ะยงั ไม่มีการเรียกคา่ ไถก่ ็เป็นความผดิ สาเร็จ การท่ีจาเลย
ช่วยควบคมุ ตวั ไวใ้ นภายหลงั จากความผดิ สาเร็จแลว้ ก็มีขอ้ น่าคดิ วา่ จะเป็นความผดิ ฐานสนบั สนุน
ไดห้ รือไม่เพราะการสนบั สนุนจะตอ้ งเป็นการกระทาก่อนหรือขณะกระทาความผิด
มาตรา 315 เป็นคนกลางเรียกค่าไถ่
เป็นคนกลางเรียกรับยอมจะรับทรัพยส์ ินหรือประโยชนอ์ ย่างใดที่มิควรได้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 677/2529 จาเลยท่ี 4 รู้เห็นวา่ จาเลยที่ 1 จบั ตวั โจทกไ์ ปเรียกค่าไถ่จาเลยที่ 4
พดู กบั บตุ รโจทกว์ า่ เขาเอาเท่าไหร่ก็ใหไ้ ปถือไดว้ า่ เป็นการช่วยพดู สนบั สนุนใหบ้ ตุ รโจทกห์ าเงิน
ค่าไถ่ให้
การทาของจาเลยท่ี 4 เขา้ ลกั ษณะเป็นคนกลางเรียกทรัพยส์ ินอนั มิควรไดจ้ ากผทู้ ี่จะใหค้ ่า
ไถ่มิใช่ผสู้ นบั สนุนการกระทาความผิดจาเลยท่ี 4 จึงมีความผิดมาตรา 315 ประกอบมาตรา 316
คาพิพากษาฎีกาที่ 1220/2527 จาเลยติดต่อคนร้ายเพ่ือช่วยเหลือผเู้ สียหายซ่ึงถกู จบั ไปเรียกค่าไถ่
โดยสุจริตการติดต่อกบั คนร้ายยอ่ มเสียค่าใชจ้ ่ายการท่ีผเู้ สียหายมอบเงินใหจ้ าเลยเป็นค่าใชจ้ ่ายเงิน
ดงั กล่าวจึงไม่ใช่ทรัพยส์ ินท่ีมิควรไดต้ ามมาตรา 315 การกระทาของจาเลยจึงไม่เป็นความผิด
มาตรา 316 จดั ใหผ้ ทู้ ่ีถูกเอาตวั ไปไดร้ ับเสรีภาพก่อนศาลช้นั ตน้ พพิ ากษา เพราะกฎหมาย
เห็นความสาคญั กบั ชีวิตหรือเสรีภาพในร่างกายของผทู้ ี่ถูกจบั เอาตวั ไปดงั น้นั ถา้ ผกู้ ระทาผดิ ตาม
มาตรา 313 ผสู้ นบั สนุนตามมาตรา 314 ผทู้ ี่ทาตวั เป็นคนกลางตามมาตรา 315 ไดก้ ระทาการใด ๆ
ในทางจดั ใหผ้ ถู้ ูกเอาตวั ไปไดร้ ับเสรีภาพกไ็ ดร้ ับประโยชน์ท้งั สิ้น
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 257/2523 คนร้ายจบั ตวั จาเลยไปเรียกคา่ ไถ่ จาเลยที่ 3 นาจดหมาย
เรียกค่าไถไ่ ปใหภ้ รรยาของ ล. จาเลยที่ 2 และ 3 ไมไ่ ดร้ ่วมกระทาการกบั คนร้ายในการจบั ตวั ล.
ไปหรือร่วมในการกกั ขงั ล. ท้งั ไม่ไดส้ นบั สนุนการกระทาดงั กล่าว จาเลยที่ 3 เพียงนาจดหมายและ
เจรจาต่อรองค่าไถ่ ส่วนจาเลยที่ 2 พดู กบั ภริยา ล. วา่ ไมต่ อ้ งร้อนใจหาเงินมาไถก่ ็แลว้ กนั จาเลยท่ี 2
และ 3 มีความผิดฐานเป็นคนกลางเรียกทรัพยส์ ินที่มิควรไดจ้ ากผทู้ ี่ใหค้ ่าไถ่ตามมาตรา 315 แมโ้ จทก์
จะมิไดข้ อใหล้ งโทษตามมาตราน้ีแต่การเรียกคา่ ไถ่เป็นส่วนหน่ึงของการกระทาตามท่ีโจทก์
กลา่ วหาจาเลยมาในฟ้องแลว้ ศาลยอ่ มมีอานาจลงโทษจาเลยตามความผิดหรือตามบทมาตราท่ี
ถูกตอ้ งตามป.วิอาญา มาตรา 192
ขอ้ สังเกตฎีกาน้ี ฟ้องจาเลยท่ี 2 และ 3 ตามมาตรา 313 แต่ฟังไดว้ า่ เป็นความผิดตามมาตรา
315 ก็สามารถลงโทษไดแ้ ละเม่ือไดม้ ีการจดั ใหผ้ ทู้ ่ีถูกคนร้ายเอาตวั ไปไดร้ ับเสรีภาพก่อนศาลช้นั ตน้
พิพากษาโดยไมไ่ ดร้ ับอนั ตรายสาหสั หรือตกอยใู่ นภาวะอนั ใกลจ้ ะเป็นอนั ตรายต่อชีวิตจึงชอบท่ีจะ
ไดร้ ับการลดโทษนอ้ ยกวา่ ที่กฎหมายกาหนดไวต้ ามมาตรา 316
361
การจดั ใหผ้ ถู้ ูกเอาตวั ไปไดร้ ับเสรีภาพน้นั จะตอ้ งเป็นการกระทาของผกู้ ระทาความผดิ
เช่นผกู้ ระทาความผิดปลอ่ ยตวั ไปเองหรือพรรคพวกของผกู้ ระทาผิดปลอ่ ยกไ็ ดแ้ ตไ่ ม่ไดเ้ กิดจากการ
ที่ตารวจมาจบั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 332/2530 จาเลยลกั ตวั เดก็ 9 เดือนไปเพื่อเรียกคา่ ไถผ่ เู้ สียหายพาตารวจ
ไปจบั พบเด็กนอนในเปลถือไมไ่ ดว้ า่ จาเลยไดจ้ ดั ใหผ้ ถู้ ูกเอาตวั ไปไดร้ ับเสรีภาพก่อนศาลช้นั ตน้
พิพากษาตามมาตรา 316
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1925/2519 จาเลยใชก้ าลงั ประทุษร้ายผเู้ สียหายเพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซ่ึงคา่ ไถ่
พ่ีสาวจาเลยบอก ผเู้ สียหายใหห้ ลบหนีไปโดยช้ีทางให้ ดงั น้ี เป็นการท่ีผเู้ สียหายไดร้ ับเสรีภาพ
เนื่องจากจาเลยไดป้ ลอ่ ยใหผ้ เู้ สียหายพกั อยบู่ า้ น ป. ถือไดว้ า่ จาเลยไดจ้ ดั ใหผ้ เู้ สียหายไดร้ ับเสรีภาพ
ก่อนศาลช้นั ตน้ พิพากษาตามมาตรา 316 ขอ้ สงั เกตฎีกาน้ีจาเลยไม่ไดป้ ลอ่ ยตวั ผเู้ สียหายไปแตม่ ีใจท่ี
จะส่งตวั ผเู้ สียหายกลบั คนื ไปยงั พอ่ แมข่ องผเู้ สียหาย
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2043/2515 จาเลยพาตวั ก.ไปเพ่ือเรียกค่าไถผ่ เู้ สียหายมอบเงิน 2,000
บาทใหเ้ พ่อื เป็นค่าไถแ่ ละจาเลยจึงไดป้ ล่อยตวั โดยไม่ปรากฏวา่ ก. ไดร้ ับอนั ตรายสาหัส หรือตกอยู่
ในภาวะอนั ใกลจ้ ะเป็นอนั ตรายตอ่ ชีวติ ตามมาตรา 316
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1336/2520 จบั เด็กไปเรียกค่าไถ่ก่อนถึงกาหนดชาระค่าไถ่ จาเลยถูกจบั
คนร้ายอ่ืนไดป้ ล่อยตวั ผูถ้ ูกจบั จาเลยยอ่ มไดร้ ับโทษนอ้ ยลงตามมาตรา 316 ขอ้ สังเกตแมจ้ าเลยไมไ่ ด้
ปลอ่ ยตวั ผถู้ กู จบั โดยจาเลยเองแต่พวกของจาเลยท่ีร่วมกระทาผดิ เป็นผปู้ ล่อยจาเลยยอ่ มไดร้ ับ
ประโยชน์ตามมาตรา 316
มาตรา 316 เป็นเหตลุ กั ษณะคดี
ขอ้ สังเกตความผิดฐานจบั ตวั ไปเรียกค่าไถ่
1. การกระทาตามมาตรา 313 (2) และ (3) น่าจะเป็นความผิดตามมาตรา 309
และมาตรา 310 ได้
2. ผทู้ ่ีถูกกระทาตามมาตรา 313 มีอยู่ 3 ประเภท
3. มีเจตนาพเิ ศษเพอ่ื เรียกคา่ ไถ่ซ่ึงหมายถึงทรัพยส์ ินหรือประโยชนท์ ่ีเรียกเอาเพือ่ น
แลกเปล่ียนเสรีภาพของผทู้ ่ีถูกเอาตวั ไป ผถู้ ูกหน่วงเหน่ียว
4. ความผดิ ฐานเป็นคนกลางเรียกคา่ ไถใ่ นประโยชน์ท่ีมิควรได้
5. มาตรา 316 เป็นหลกั กฎหมายลดโทษใหก้ บั ผกู้ ระทาความผดิ ตามมาตรา 313
มาตรา 314 มาตรา 315 ถา้ มีการจดั ใหผ้ ทู้ ่ีถูกเอาตวั ไปไดร้ ับเสรีภาพก่อนศาลช้นั ตน้ พพิ ากษาโดยไม่
คานึงวา่ ผนู้ ้นั จะไดร้ ับประโยชน์ (ค่าไถ)่ ไปแลว้ หรือไม่ หรือถึงแมจ้ ะไดร้ ับค่าไถ่ไปแลว้ ปลอ่ ยตวั
ผกู้ ระทาก็ได้ ลดโทษตามมาตรา 316 การปลอ่ ยตวั ผถู้ ูกจบั ไปกต็ อ้ งปลอ่ ยตวั ก่อนศาลช้นั ตน้
พิพากษา
362
พรากผ้เู ยาว์
ความผดิ ฐานพรากเดก็ หรือผู้เยาว์ ตามมาตรา 317 ถึงมาตรา 319 (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2559, หนา้
210-220)
1. เป็นความผิดที่กระทบกระเทือนต่ออานาจปกครองหรืออานาจของผดู้ ูแลเป็นสาคญั
ฉะน้นั แมผ้ เู้ ยาวจ์ ะเตม็ ใจไปดว้ ยกเ็ ป็นความผิดฐานพรากผเู้ ยาวไ์ ด้
คาพพิ ากษาฎีกา 2245/2537 แมก้ ารกระทาของจาเลยจะไมผ่ ิดฐานอนาจารเพราะ
ผเู้ สียหายยนิ ยอมแต่ก็ผดิ ฐานพรากผเู้ ยาวไ์ ปเพือ่ อนาจารไดต้ ามมาตรา 319 ดงั น้นั ความผิดฐาน
พรากผเู้ ยาวก์ บั ความผดิ ทางเพศอาจจะมีความเก่ียวเนื่องเชื่อมโยงกนั ก็ได้
2. ถา้ เดก็ อายไุ มเ่ กิน 15 ปี เด็กจะเตม็ ใจหรือไมก่ เ็ ป็นความผดิ มาตรา 317 หากพรากเดก็
เพอ่ื อนาจารหรือหากาไรกจ็ ะตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึนตามมาตรา 317 วรรคสามส่วนมาตรา 318
พรากผเู้ ยาวอ์ ายกุ วา่ 15 แตไ่ ม่เกิน 18 ปี กรณีผเู้ ยาวไ์ ม่เตม็ ใจกรณีตามมาตรา 319 ผเู้ ยาวเ์ ตม็ ใจไปดว้ ย
แต่มีเจตนาพิเศษคือเพื่อหากาไรหรือเพื่อการอนาจาร
3. เด็กคอื อายไุ ม่เกิน 15 ปี ผเู้ ยาวค์ อื เกิน 15 แต่ไม่เกิน 18 และไม่รวมถึงผมู้ ีอายนุ อ้ ยกว่า
18 ปี แตแ่ ต่งงานแลว้
ขอ้ สงั เกต พรากผเู้ ยาวด์ ูท่ีอายุ หากเกิน 18 ปี แลว้ กไ็ ม่ผดิ ฐานพรากผเู้ ยาวแ์ ต่อาจผดิ เรื่อง
เพศไดเ้ ช่นขม่ ขืนตามมาตรา 282, 284, 283
4. ความผิดฐานพรากผเู้ ยาวอ์ าจโยงไปยงั ความผดิ เก่ียวกบั เพศขม่ ขืนหรืออนาจารเป็น
ความผิดตา่ งกรรมตา่ งวาระกนั
มาตรา 317 ผใู้ ดโดยปราศจากเหตุอนั สมควร พรากเดก็ อายยุ งั ไมเ่ กินสิบหา้ ปี ไปเสียจากบิดามารดา
ผปู้ กครอง หรือผดู้ ูแล ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ต้งั แตส่ ามปี ถึงสิบหา้ ปี และปรับต้งั แต่หกหม่ืนบาทถึง
สามแสนบาท
ผใู้ ดโดยทจุ ริต ซ้ือ จาหน่าย หรือรับตวั เดก็ ซ่ึงถกู พรากตามวรรคแรก ตอ้ งระวางโทษ
เช่นเดียวกบั ผพู้ รากน้นั
ถา้ ความผดิ ตามมาตราน้ีไดก้ ระทาเพื่อหากาไร หรือเพอ่ื การอนาจาร ผกู้ ระทาตอ้ งระวาง
โทษจาคกุ ต้งั แต่หา้ ปี ถึงยสี่ ิบปี และปรับต้งั แต่หน่ึงแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 317 องคป์ ระกอบ
1. ผใู้ ดปราศจากเหตุอนั สมควรพรากเด็กอายไุ มเ่ กิน 15 ปี
2. ไปเสียจากบิดามารดาผปู้ กครองหรือผดู้ ูแล
3. เจตนา
363
คาวา่ พราก หมายถึง เอาไป พาไป แยกเด็กออกจากความชอบธรรมของผอู้ ่ืนท่ีปกครอง
ดูแลเด็กน้นั
คาพิพากษาฎีกาที่ 3152/2543 การชกั ชวนและเด็กสมคั รใจไปดว้ ยกเ็ ป็นพรากอยา่ งหน่ึง
คาพิพากษาฎีกาที่ 2858/2540 พราก คือ พาไปแยกเดก็ ออกจากความปกครองดูแลแมจ้ ะ
ชกั ชวนแนะนาเดก็ ใหไ้ ปกบั ผกู้ ระทาโดยมิไดห้ ลอกลวงและเด็กเตม็ ใจไปดว้ ยก็ผดิ มาตรา 317
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2763/2546 การพรากจึงไม่จากดั วิธีการพาเดก็ ไปร่วมประเวณีแมใ้ น
เส้นทาง/นอกเสน้ ทางที่จาเลยรับส่งเดก็
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 750/2543 พฤติการณ์ท่ีผเู้ สียหายนดั ใหจ้ าเลยมาพบและจาเลยพา
ผเู้ สียหายไปที่หอ้ งจาเลยเพ่ือธุระของผูเ้ สียหายเองเช่นน้ียงั ไม่พอฟังวา่ เป็นการพราก
คาพิพากษาฎีกาท่ี 767/2544 ความผดิ ฐานพรากเด็กและพรากผเู้ ยาวน์ ้นั เป็นการกระทา
ต่อบิดามารดาหรือผปู้ กครองหรือผดู้ ูแลและเป็นความผดิ สาเร็จต้งั แต่จาเลยไดพ้ าหรือแยกเดก็ หรือ
ผเู้ ยาวอ์ อกจากความปกครองดูแล การที่บิดามารดาของผเู้ สียหายไดร้ ับเงินคา่ สินไหมแลว้ และการที่
ศาลอนุญาตใหจ้ าเลยสมรสกบั ผเู้ สียหายได้ ลว้ นเป็นเรื่องที่เกิดข้นึ ภายหลงั เกิดเหตุแลว้ ไมอ่ าจลบ
ลา้ งความผดิ ที่จาเลยไดก้ ระทาไดค้ วามผดิ ฐานพรากเดก็ และผเู้ ยาวไ์ ม่มีบทบญั ญตั ิยกเวน้ โทษใหแ้ ก่
ผกู้ ระทาผดิ เช่นบทบญั ญตั ิเรื่องการกระทาชาเราเดก็ ตามมาตรา 277 วรรคส่ี
- ผปู้ กครองของเดก็ ไมท่ ราบเร่ืองและไม่ยนิ ยอมใหพ้ าเดก็ ไป
เพราะเป็นการแยกอานาจปกครอง ยอ่ มเป็นความผิดฐานพรากเดก็ สาเร็จแลว้ แม้
เพียงชวั่ คราวก็ตาม
คาพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 4087/2562 โจทกร์ ่วมที่ 1 ไปที่กระท่อมของจาเลย จาเลยข่มขู่
โจทกร์ ่วมท่ี 1 ไมใ่ หอ้ อกจากกระทอ่ ม เพ่ือตอ้ งการกระทาชาเราโจทกร์ ่วมที่ 1 โดยโจทกร์ ่วมที่ 2 ซ่ึง
เป็นผปู้ กครองไมท่ ราบเร่ืองและไม่ยนิ ยอมใหโ้ จทกร์ ่วมที่ 1 อยภู่ ายในกระทอ่ มกบั จาเลย ท้งั น้ี ไม่วา่
โจทกร์ ่วมที่ 1 ซ่ึงยงั เป็นเด็กอยทู่ ี่ใด หากบิดา มารดา ผปู้ กครองหรือผดู้ ูแลยงั เอาใจใส่เด็กยอ่ มอยใู่ น
อานาจปกครองของบิดา มารดา ผปู้ กครองหรือผดู้ ูแลตลอดเวลา การที่จาเลยไมย่ อมใหโ้ จทกร์ ่วมท่ี
1 ออกจากกระท่อมของจาเลย เป็นการแยกอานาจปกครองโจทกร์ ่วมท่ี 1 ออกจากโจทกร์ ่วมที่ 2 แม้
เพยี งชวั่ คราวกเ็ ป็นการพรากผเู้ ยาว์ เม่ือจาเลยพรากโจทกร์ ่วมที่ 1 ไปจากโจทกร์ ่วมท่ี 2 แลว้ กระทา
ชาเราโจทกร์ ่วมท่ี 1 การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผิดฐานพรากเดก็ อายยุ งั ไมเ่ กินสิบหา้ ปี ไปเสีย
จากผปู้ กครองหรือผดู้ ูแลเพอื่ การอนาจาร
จากขอ้ เทจ็ จริงไมว่ า่ เดก็ อยทู่ ี่ใด หากบิดา มารดา ผปู้ กครองหรือผดู้ ูแลยงั เอาใจใส่เดก็ ยอ่ ม
อยใู่ นอานาจปกครองของบิดา มารดา ผปู้ กครองหรือผดู้ ูแลตลอดเวลา ความผิดฐานพรากเดก็ ตาม
มาตรา 317 เป็นความผิดท่ีกระทบต่ออานาจปกครองของผปู้ กครอง
คาพิพากษาฎีกาท่ี 5880/2546 จาเลยกบั ผเู้ สียหายมีอายุ 14 ปี เศษรักใคร่กนั เชิงชูส้ าว
มารดาผเู้ สียหายกท็ ราบการที่จาเลยกอดจูบเป็นการชาเราผเู้ สียหายซ่ึงจาเลยตอ้ งรับผิดทางอาญา
364
ในการทาของตนแต่ละคร้ังอยแู่ ลว้ แต่ยงั ไม่พอถือไดว้ า่ จาเลยพรากผเู้ สียหายไปเสียจากบิดามารดา
โดยปราศจากเหตอุ นั สมควรเพ่อื การอนาจาร
ข้อสังเกต ที่ไม่ผิดเพราะบิดามารดาของผเู้ สียหายทราบต้งั แต่จาเลยพาไปกินขา้ ว และพา
ไปร่วมประเวณีดว้ ย แต่ถา้ อนุญาตใหพ้ าออกไปเท่ียวแตจ่ าเลยกลบั พาไปกระทาชาเรา ยอ่ มเป็นการ
พราก
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1065/2523 ผเู้ ยาวอ์ ายไุ ม่เกิน 13 ปี สมคั รใจไปร่วมประเวณีกบั จาเลย
ในกระท่อมแมบ้ า้ นผเู้ ยาวก์ บั กระทอ่ มห่างเพียง 90 เมตร และผเู้ ยาวอ์ ยกู่ บั จาเลย 5 ชว่ั โมงก็ถือวา่
จาเลยรบกวนสิทธิหรือแยกสิทธิของผดู้ ูแลในการควบคมุ ดูแลผเู้ ยาวไ์ ปจากความปกครองของผดู้ ูแล
แลว้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2858/2540 แมจ้ ะพรากไปเพยี งชวั่ คราวไมไ่ ดร้ ับความยนิ ยอมจากบิดา
มารดาท้งั ไม่ปรากฏวา่ การพรากมีเหตสุ มควรประการใดถือวา่ ผิดมาตรา 317 วรรคหน่ึงแตอ่ ยา่ งไร
กต็ ามการพรากจะสาเร็จก็ต่อเม่ือพน้ ไปจากการปกครองถา้ ยงั ไมพ่ น้ ไปจากความปกครองก็เป็นได้
แค่ฐานพยายาม
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1291/2522 จาเลยเขา้ แยง่ และฉุดเดก็ ชาย 8 ขวบไป จากน้นั สาว ส.
ผดู้ ูแลแตน่ างสาว ส.ดึงไวไ้ ดแ้ ละร้องขอความช่วยเหลือจาเลยจึงเปิ ดตวั เด็ก และหนีไปโดยพราก
เอาตวั เด็กไปไม่ได้ การกระทาของจาเลยจึงผิดฐานพยายามพรากผเู้ ยาว์
คาพิพากษาฎีกาท่ี 4465/2530 (ประชุมใหญ่) ผเู้ สียหายอายุ 16 ปี แมบ้ ิดามารดาจะไม่เคย
สนใจถามหรือหา้ มปรามเวลาที่ผเู้ สียหายไปเที่ยวไหนก็ยงั ตอ้ งถือวา่ ผเู้ สียหายอยใู่ นอานาจปกครอง
ของบิดามารดา การท่ีจาเลยพาผเู้ สียหายไปกระทาชาเราดว้ ยความสมคั รใจของผเู้ สียหายกต็ าม
ยอ่ มเป็นการล่วงอานาจปกครองของบิดามารดาตามมาตรา 319
มาตรา 317 ผถู้ กู กระทาตอ้ งเป็นเดก็ อายไุ ม่เกิน 15 ปี เดก็ จะยนิ ยอมหรือไมไ่ มใ่ ช่
สาระสาคญั ขอ้ เทจ็ จริงเก่ียวกบั อายขุ องเดก็ เป็นขอ้ เทจ็ จริงที่จาเลยตอ้ งทราบ ถา้ จาเลยไม่ทราบ
จะถือวา่ จาเลยมีเจตนาพรากเดก็ อายไุ ม่เกิน 15 ปี ไม่ได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 6419/2537 เดก็ อายุ 13 ปี หนีออกจากบา้ นไปดูหนงั จาเลยพาเด็กไป
กระทาชาเราหลายคร้ังถือเป็นการพรากเด็กออกจาก จ.ซ่ึงเป็นผปู้ กครองโดยปราศจากเหตอุ นั
สมควรและเป็นอนาจารดว้ ยซ่ึงจาเลยสาคญั ผดิ วา่ เด็กอายุ 17 ถึง 18 ปี เพราะมีรูปร่างสมบูรณ์กวา่
เดก็ ปกติ จาเลยยอ่ มไดร้ ับประโยชนต์ ามมาตรา 62 วรรคสอง จาเลยจึงมีความผิดฐานพรากผเู้ ยาวไ์ ป
เพอื่ การอนาจารตามมาตรา 319
คาพิพากษาฎีกาท่ี 4665/2547 แต่ถา้ จาเลยสาคญั ผิดวา่ ผเู้ สียหายอายุ 20 ปี ท้งั ๆ ที่อายุ
15 ปี เมื่ออายเุ ป็นองคป์ ระกอบของความผิดเม่ือจาเลยไมร่ ู้ขอ้ เทจ็ จริงอนั เป็นองคป์ ระกอบความผิด
จึงถือวา่ จาเลยขาดเจตนาพรากเด็กอายุ 15 ปี การกระทาของจาเลยยอ่ มไม่เป็นความผิด
365
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2155/2514 จะเป็นความผิดฐานพรากเด็กหรือผเู้ ยาว์ เดก็ หรือผเู้ ยาว์
ตอ้ งอยใู่ นความดูแลของบิดามารดาผดู้ ูแลขณะที่พราก (พาไปหรือแยกออกจากความดูแล)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1800/2541 ขณะอยกู่ รุงเทพผเู้ สียหายหรือผเู้ ยาวอ์ ยใู่ นความดูแลของนา้
ช่วงวนั หยดุ ผเู้ สียหายกลบั บา้ นบิดามารดา ผเู้ สียหายไปกบั จาเลยช่วงที่อยกู่ บั บิดามารดา การท่ีบิดา
มารดาอนุญาตใหผ้ เู้ สียหายไปส่งพีส่ าวที่สถานีขนส่งจงั หวดั ตราดไม่เป็นเหตใุ หผ้ เู้ สียหายพน้ จาก
ความปกครองของบิดามารดาเมื่อจาเลยพาผเู้ สียหายไปจึงเป็นการพรากผเู้ สียหายซ่ึงเป็นผเู้ ยาวไ์ ป
จากบิดามารดา
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 635/2543 เด็กอยใู่ นความดูแลของป้าเพราะพอ่ แม่เด็กตอ้ งไปทางาน
กรุงเทพจาเลยพาผเู้ สียหายไปชาเราเป็นการพรากไปจากผดู้ ูแลตามมาตรา 317 วรรคสาม
คาพิพากษาฎีกาท่ี 544/2543 ผเู้ สียหายอายุ 13 ปี หนีออกจากบา้ นไปอยกู่ บั จาเลย จาเลย
พาผเู้ สียหายไปเดินโชวช์ ุดวา่ ยน้าศาลวา่ ผเู้ สียหายยงั อยใู่ นความดูแลของบิดามารดาและเป็นการ
พรากเด็กแมผ้ เู้ สียหายจะหนีมาอยกู่ บั จาเลยเอง
คาพิพากษาฎีกาที่ 526/2543 ผเู้ สียหายไปหาจาเลยท่ีหอ้ งพกั ผเู้ สียหายพาจาเลยไปเดิน
เท่ียวหา้ งแลว้ ชวนไปห้องพกั และอยดู่ ว้ ยกนั เรื่อยมาแลว้ จาเลยกระทาชาเราผเู้ สียหายจาเลยผดิ
มาตรา 319 วรรคแรก
ข้อสังเกต ตอ้ งเป็นการพรากโดยปราศจากเหตุอนั สมควร
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 398/2517 บิดาพรากบุตรนอกสมรสไปจากมารดาเพื่อใหก้ ารศึกษา
เล้ียงดู = มีเจตนาดี ยอ่ มถือไมไ่ ดว้ า่ เป็นการพรากโดยปราศจากเหตุอนั สมควร
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1102/2541 จาเลยเรียกผเู้ สียหายเขา้ มาในบา้ นจาเลยซ่ึงผเู้ สียหายเคยเขา้
มาวงิ่ เล่นเป็นประจาแลว้ จาเลยชาเราผเู้ สียหายในหอ้ งนอน ศาลวา่ ไมเ่ ป็นการพรากเพราะมิไดพ้ าไป
ที่อื่น
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1819/2520 หนีออกมาจากบา้ นเองชาย มิไดร้ ู้เห็นดว้ ยไมเ่ ป็นการพราก
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2 89/2542 ขอ้ เทจ็ จริงฟังไมไ่ ดว้ า่ ขณะท่ีจาเลยพาผเู้ สียหายไปน้นั จาเลยประสงค์
จะอยกู่ ินฉนั สามีภรรยากบั ผเู้ สียหายถือเป็นการพรากเดก็ ไปเพือ่ การอนาจารตามมาตรา 317 วรรค
สาม
ขอ้ สังเกตถา้ พาไปเพอื่ เป็นภรรยาถือวา่ ไมเ่ ป็นการพาไปเพ่ืออนาจาร
ตามแนวฎีกาวา่ บุคคลน้นั จะตอ้ งไม่มีภรรยา/มีภรรยาแต่หยา่ ร้างกนั แลว้
คาพิพากษาฎีกาที่ 1806/2533 จาเลยกบั ผเู้ สียหายหนีตามกนั ไปเพอื่ อยรู่ ่วมกนั ฉนั สามี
ภรรยาจึงฟังไมไ่ ดว้ า่ พรากผเู้ สียหายไปเพ่อื การอนาจาร
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5079/2531 การพาหญิงไปเพื่อเป็นภริยาน้นั ไม่ใช่เป็นการพาไปเพือ่
อนาจาร
366
การพรากไปจากบิดามารดาหรือผปู้ กครองหรือผดู้ ูแลแนวฎีกาวา่ ไมจ่ าเป็นต้องตาม
กฎหมายตามความเป็ นจริ งก็ได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 5038/2539 คาวา่ ผปู้ กครองหมายถึงมาตรา 319 คือ ผใู้ ชอ้ านาจ
ปกครองอยา่ งบิดามารดานา้ มีฐานะเป็นนายจา้ งดว้ ยโดยไดร้ ับมอบหมายจากบิดามารดาของผเู้ ยาว์
จึงเป็นผใู้ ชอ้ านาจปกครอง
คาพิพากษาฎีกาท่ี 6207/2541 บิดามารดาตายผเู้ สียหายอยใู่ นความดูแลของพสี่ าว พส่ี าว
ยอมเป็นผปู้ กครองดูแล
คาพิพากษาฎีกาท่ี 5669/2537 ผเู้ ยาวอ์ ายุ 16 ปี เศษอยกู่ บั บิดาที่ต่างจงั หวดั ต่อมาบิดามา
ทางานกรุงเทพจึงฝากผเู้ ยาวไ์ วก้ บั คนเช่าบา้ นที่อยตู่ ิดกนั เป็นผดู้ ูแลและใหเ้ งินเป็นคา่ ใชจ้ ่ายก็ไมท่ า
ใหอ้ านาจปกครองของบิดาหมดไป จาเลยพาผเู้ ยาวไ์ ปนอนคา้ งคนื แมผ้ เู้ ยาวจ์ ะเตม็ ใจกถ็ ือวา่ เป็นการ
พรากผเู้ ยาวเ์ พราะขณะเกิดเหตจุ าเลยมีภรรยาและบุตรแลว้ ไมม่ ีเจตนาเล้ียงดูผเู้ ยาวเ์ ป็นภรรยาแม้
ผเู้ สียหายจะเตม็ ใจจาเลยกผ็ ดิ มาตรา 319
ถา้ เด็กหรือผเู้ ยาวไ์ มไ่ ดอ้ ยใู่ นความดูแลของใครเลยก็จะถือวา่ เป็นการพรากเดก็ ไปจาก
ผดู้ ูแลไม่ได้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1627/2539 แมผ้ เู้ สียหายจะไม่อยอู่ าศยั กบั มารดาเพราะมารดาฝากใหอ้ ยู่
กบั ผอู้ ่ืนกถ็ ือวา่ ยงั อยใู่ นอานาจปกครองของมารดา จาเลยพาผเู้ สียหายไปแมผ้ เู้ สียหายจะสมคั รใจไป
ดว้ ยกเ็ ป็นการล่วงอานาจปกครองของมารดาผเู้ สียหายแลว้ จาเลยผดิ ฐานพรากผเู้ ยาว์
เจตนาตามมาตรา 317 คือ เจตนาประสงคต์ ่อผลหรือยอ่ มเลง็ เห็นผลและรู้ขอ้ เทจ็ จริงวา่
เด็กอายไุ มเ่ กิน 15 ปี ดว้ ย
มาตรา 317 วรรค 2 ตอ้ งมีเจตนาโดยทจุ ริตคือซ้ือจาหน่ายหรือรับตวั เด็กซ่ึงถกู พรากไป
ตอ้ งมีเจตนาพิเศษ คอื เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรไดโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย
คาพิพากษาฎีกาที่ 1504/2536 โดยทุจริตซ้ือจาหน่ายรับตวั ผเู้ ยาวม์ าตรา 319 วรรคสอง
การกระทาความผิดจะตอ้ งกระทาอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงคือซ้ือจาหน่ายรับตวั เดก็
โจทกบ์ รรยายฟ้องวา่ จาเลยซ้ือตวั รับตวั นางสาว ก. จึงมีผลวา่ จาเลยไดต้ วั นางสาว ก.
ผเู้ ยาวซ์ ่ึงถกู พรากตามมาตรา 319 วรรคแรกมาอยกู่ บั จาเลย ส่วนเหตุแห่งการไดม้ าน้นั ไม่วา่ จะไดม้ า
โดยเสียค่าตอบแทนหรือไมก่ ็เป็นความผดิ เช่นเดียวกนั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1087/2520 ผเู้ ยาวอ์ ายุ 14 ปี หนีออกจากบา้ นไป 5 วนั ถกู ล่อลวง และถูก
นาไปขายใหก้ บั จาเลยแมจ้ ะไดค้ วามวา่ ผเู้ ยาวห์ นีออกจากบา้ นไปรับจา้ งเป็นลูกจา้ งร้านทองก่อน
ผลู้ อ่ ลวงชกั พาผเู้ ยาวไ์ ปเพื่อหากาไร หรืออนาจารก็มีความผิดฐานพรากผเู้ ยาวเ์ พราะจาเลยรับตวั
ผเู้ ยาวไ์ วโ้ ดยทุจริตจาเลยผิดมาตรา 317 วรรคสอง
367
ผซู้ ้ือจาหน่ายรับตวั เดก็ เอาไวโ้ ดยทุจริตกฎหมายถือวา่ ตอ้ งรับโทษทานองเดียวกบั มาตรา
317 วรรคแรกเพอื่ ไม่ใหม้ ีการสนบั สนุนการพรากเด็กหรือพรากผเู้ ยาว์
มาตรา 317 วรรคสาม เพือ่ หากาไรหรือเพ่ือการอนาจาร
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 4057/2562 ความผิดฐานพรากเด็กอายไุ ม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดา
มารดา ผูป้ กครอง หรือผูด้ ูแลเพ่ือการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 317 วรรคสาม น้ี กฎหมายบญั ญตั ิ
โดยมีความมุ่งหมายที่จะคุม้ ครองอานาจของบิดามารดา ผูป้ กครอง หรือผูด้ ูแลผูเ้ ยาว์ อนั ไม่ใช่ตวั
ผูเ้ ยาว์ท่ีถูกพราก และปกป้องมิให้ผูใ้ ดมาก่อการรบกวนหรือกระทาการอันใด ๆ อันเป็ นการ
กระทบกระทงั่ ตอ่ อานาจปกครอง ไม่วา่ โดยตรงหรือโดยปริยาย ผเู้ ยาวแ์ มจ้ ะไปอยทู่ ่ีแห่งใดหากบิดา
มารดา ผดู้ ูแล หรือผปู้ กครองยงั ดูแลเอาใจใส่อยู่ ผเู้ ยาวย์ อ่ มอยใู่ นอานาจปกครองดูแลของบิดามารดา
ผูด้ ูแล หรือผูป้ กครองตลอดเวลาโดยไม่ขาดตอน ท้งั เป็ นการลงโทษผูท้ ี่ละเมิดต่ออานาจปกครอง
ของผูด้ ูแลผเู้ ยาวข์ องบิดามารดา ผูด้ ูแล หรือผปู้ กครอง นอกจากน้ีกฎหมายมิไดจ้ ากดั คาวา่ "พราก"
โดยวิธีการอย่างใดและไม่ว่าผูเ้ ยาวจ์ ะเป็ นฝ่ ายออกจากบา้ นเองหรือโดยมีผูช้ กั นาหรื อไม่มีผูช้ กั นา
หากมีผูก้ ระทาต่อผูเ้ ยาวใ์ นทางเส่ือมเสียและเสียหายยอ่ มถือไดว้ ่าเป็ นความผิด การท่ีผูเ้ สียหายท่ี 1
ซ่ึงอาศยั อยูก่ บั ผเู้ สียหายท่ี 2 ซ่ึงเป็นบิดาออกจากบา้ นไปเล่นกบั เพ่ือนในที่เกิดเหตุซ่ึงอยู่ไม่ไกลจาก
บา้ น ไม่วา่ จะขออนุญาตผเู้ สียหายที่ 2 หรือไม่ก็ตาม เม่ือถกู จาเลยพาไปกระทาชาเรา การกระทาของ
จาเลยดงั กล่าวทาใหอ้ านาจปกครองดูแลของผูเ้ สียหายที่ 2 ซ่ึงเป็นบิดายอ่ มถูกตดั ขาดพรากไปแลว้
โดยปริยาย หาใช่ความผิดฐานพรากผูเ้ ยาวต์ ามมาตราน้ีจะตอ้ งถึงขนาดเป็ นการกระทาท่ีตอ้ งพาไป
หรือแยกผูเ้ ยาวอ์ อกไปจากความปกครองต้งั แต่ออกจากบา้ น ถึงจะทาให้ความปกครองถูกรบกวน
หรือถูกกระทบกระเทือนแลว้ จึงเป็ นความผิด ดงั น้ัน เม่ือผูเ้ สียหายที่ 1 ออกจากบา้ นแลว้ ถูกจาเลย
กระทาลกั ษณะเส่ือมเสียเยี่ยงน้ี ถือไดว้ ่าเป็ นการพาและแยกผูเ้ ยาวไ์ ปจากความปกครองดูแล และ
ล่วงละเมิดอานาจปกครองของผเู้ สียหายที่ 2 ซ่ึงเป็นบิดา อนั เป็นความหมายของคาวา่ พรากแลว้ การ
กระทาของจาเลยจึงเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 317 วรรคสาม
คาพิพากษาศาลฎีกาท่ี 94/2560 การกระทาท่ีเป็นการพรากเด็กอายุยงั ไม่เกินสิบห้าปี ไป
เสียจากบิดามารดา ผูป้ กครอง หรือผูด้ ูแลน้ันต้องมีลักษณะเป็ นการพาไปเสียจากบิดามารดา
ผูป้ กครองหรือผูด้ ูแลที่มีผลกระทบกระเทือนหรือรบกวนต่ออานาจปกครองหรือสิทธิในลกั ษณะ
เดียวกบั สิทธิของผใู้ ชอ้ านาจปกครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1567 ไดแ้ ก่ กาหนดท่ีอยู่ของเด็ก ทาโทษ
เด็กตามสมควรเพ่ือว่ากล่าวสง่ั สอน ให้เด็กทาการงานตามสมควรแก่ความสามารถ เรียกเด็กคืนจาก
บุคคลอ่ืนซ่ึงกกั เด็กไวโ้ ดยไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย หรือกระทบกระเทือนหรือรบกวนต่อหนา้ ที่ในการ
อปุ การะเล้ียงดูและใหก้ ารศึกษาแก่เดก็ ตามมาตรา 1567 เป็นตน้ ขอ้ เทจ็ จริงรับฟังไดว้ ่า ผเู้ สียหายท่ี 1
ไปที่บา้ นของจาเลย เป็นเพราะ มาตรา ชกั ชวนไป โดยจาเลยไม่ไดม้ ีส่วนเกี่ยวขอ้ งดว้ ย แมเ้ หตุคดีน้ี
จะเกิดข้นึ ภายในบา้ นของจาเลย ก็ถือไม่ไดว้ า่ จาเลยกระทาการอนั เป็นการพรากเด็กอายยุ งั ไม่เกินสิบ
368
หา้ ปี ไปเสียจากผเู้ สียหายท่ี 2 หรือมีการกระทาอนั เป็นการกระทบกระเทือนหรือรบกวนต่ออานาจ
ปกครองหรือสิทธิหน้าท่ีตามกฎหมายของผูเ้ สียหายที่ 2 ดังกล่าว ที่โจทก์อ้างว่า จาเลยกระทา
ความผิดก็ดว้ ยเร่ืองท่ีชวนผูเ้ สียหายท่ี 1 เขา้ ไปในห้องนอนของตนเพื่อการอนาจารน้ัน ก็ตอ้ งแยก
เจตนาและการกระทาออกเป็นสองส่วน ไดแ้ ก่ จาเลยชวนผเู้ สียหายท่ี 1 เขา้ ไปในหอ้ งนอนส่วนหน่ึง
และจาเลยกระทาไปเพ่ือการอนาจารอีกส่วนหน่ึง โดยตอ้ งพิจารณาเสี ยก่อนว่าจะชวนเขา้ ไปใน
ห้องนอนดังกล่าวเป็ นความผิดตามมาตรา 317 วรรคแรกหรือไม่ แลว้ จึงจะพิจารณาต่อไปได้ว่า
จาเลยกระทาไปเพื่อการอนาจารที่มีผลให้ตอ้ งรับโทษหนกั ข้ึนตามมาตรา 317 วรรคสามหรือไม่
ความผิดตามมาตรา 317 วรรคแรกเพยี งเป็นการพรากเด็กอายยุ งั ไม่เกินสิบหา้ ปี ไปโดยปราศจากเหตุ
อนั สมควรหรือความยินยอมของบิดามารดา ผูป้ กครอง หรือผูด้ ูแล ย่อมเป็ นความผิดสาเร็จได้ใน
ตวั เอง หาจาตอ้ งเป็นการกระทาเพ่ือหากาไรหรือเพ่ือการอนาจารอนั เป็นอีกองคป์ ระกอบหน่ึงของ
ความผิดตามมาตรา 317 วรรคสามประกอบดว้ ยไม่ กลา่ วคือ แมไ้ ม่มีการกระทาอนั เป็นความผิดตาม
มาตรา 317 วรรคสาม ก็มีความผิดตามมาตรา 317 วรรคแรกไดโ้ ดยสมบูรณ์ จึงจะนาเรื่องเป็ นการ
กระทาเพือ่ การอนาจารตามมาตรา 317 วรรคสาม ยอ้ นกลบั มาถือเป็นเหตุใหก้ ารกระทาน้นั ปราศจาก
เหตุอนั สมควรหรือตอ้ งได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ผูป้ กครอง หรือผูด้ ูแลตามมาตรา 317
วรรคแรกหาไดไ้ ม่ กรณีเห็นไดช้ ดั แจง้ อยแู่ ลว้ วา่ เพียงการชวนใหบ้ คุ คลใดเขา้ ไปในหอ้ งนอนของตน
เท่าน้นั เมื่อไม่เอาองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 317 วรรคสาม ท่ีว่าเป็ นไปเพื่อการอนาจารมา
พิจารณาประกอบด้วย ก็ย่อมถือไม่ได้อยู่เองว่าการกระทาเช่นน้ันเป็ นไปโดยปราศจากเหตุอนั
สมควร กลบั กนั เป็นวา่ ผเู้ สียหายที่ 1 เขา้ ไปโดยไม่ถือวา่ ปราศจากเหตุอนั สมควรอีกต่างหาก ในกรณี
ผเู้ สียหายที่ 1 ซ่ึงมีอายุ 14 ปี แลว้ จะเขา้ ไปหรือไม่ ยอ่ มมีอิสระตดั สินใจไดเ้ องตามสมควร มิฉะน้นั จะ
กลายเป็ นว่าไม่ว่าผูใ้ ดชวนผูเ้ สียหายท่ี 1 ไปท่ีใดหรือเข้าไปภายในหรือบริเวณใดของบา้ นหรือ
สถานท่ีธรรมดาทว่ั ไป ก็ตอ้ งขอหรือกลบั ไปขอความยนิ ยอมจากผูเ้ สียหายท่ี 2 ทุกคร้ังไป ซ่ึงขดั ต่อ
สภาพความเป็ นจริงอย่างเห็นไดช้ ดั ขอ้ เท็จจริงขา้ งตน้ จึงรับฟังไม่ไดว้ ่าการกระทาของจาเลยเป็ น
ความผิดตามมาตรา 317 วรรคแรก เม่ือการกระทาของจาเลยไม่เป็ นความผิดตามมาตรา 317 วรรค
แรกเสียแลว้ ย่อมไม่ตอ้ งพิจารณาว่าเป็นการกระทาเพ่ือการอนาจารอนั จะเป็ นความผิดตามมาตรา
317 วรรคสามหรือไมอ่ ีกตอ่ ไป
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 500/2530 จาเลยพรากเดก็ ไปเป็นขอทานและใหเ้ กบ็ หาทรัพยม์ าให้
จาเลยเป็นการกระทาเพื่อประโยชน์ในทางทรัพยส์ ินอนั เป็นเจตนาพิเศษในการพรากเด็กจึงเป็นการ
กระทาเพื่อหากาไรผดิ มาตรา 317 วรรคสาม
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1627/2539 พรากเดก็ ไปเพ่ือการอนาจาร อนาจารหมายถึงการกระทาท่ี
ไมส่ มควรในทางเพศต่อร่างกายของบคุ คลอื่นเช่นกอดจูบลบู คลาเป็นการแสดงความใคร่ทางเพศ
คาพิพากษาฎีกาท่ี 242 9/2541 ขณะเกิดเหตเุ ดก็ อายไุ ม่ครบ 17 ปี แมม้ ารดาเดก็ จะยนิ ยอม
ใหส้ มรสกบั จาเลยตอนหลงั กเ็ ป็นเรื่องที่เกิดข้นึ ภายหลงั เกิดเหตุแลว้ ที่ศาลล่างเห็นวา่ จาเลยกระทา
369
ผดิ ฐานพรากผเู้ ยาวไ์ ปเพื่ออนาจารจึงชอบแลว้ แต่เม่ือศาลเยาวชนไดอ้ นุญาตใหจ้ าเลยกบั เดก็ สมรส
กนั การกระทาของจาเลยขอ้ หากระทาชาเรามาตรา 277 วรรคแรกจาเลยจึงไม่ตอ้ งรับโทษ แมจ้ าเลย
จะไมไ่ ดฎ้ ีกาแตป่ ัญหาดงั กลา่ วเป็นปัญหาขอ้ กฎหมายที่เกี่ยวกบั ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอนั
ดีของประชาชนศาลมีอานาจวินิจฉยั เองได้
มาตรา 318 ผถู้ กู พรากคอื ผเู้ ยาวอ์ ายเุ กิน 15 ปี แตไ่ ม่เกิน 18 ปี ยงั ไมบ่ รรลนุ ิติภาวะ
มาตรา 318 ผใู้ ดพรากผเู้ ยาวอ์ ายกุ วา่ สิบหา้ ปี แตย่ งั ไมเ่ กินสิบแปดปี ไปเสีย จากบิดามารดา
ผปู้ กครอง หรือผดู้ ูแล โดยผเู้ ยาวน์ ้นั ไม่เตม็ ใจไปดว้ ย ตอ้ งระวางโทษจาคุกต้งั แตส่ องปี ถึงสิบปี และ
ปรับต้งั แต่ส่ีหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท
ผใู้ ดโดยทจุ ริต ซ้ือ จาหน่าย หรือรับตวั ผเู้ ยาวซ์ ่ึงถูกพรากตามวรรคแรก ตอ้ งระวางโทษ
เช่นเดียวกบั ผพู้ รากน้นั
ถา้ ความผดิ ตามมาตราน้ีไดก้ ระทาเพื่อหากาไร หรือเพอ่ื การอนาจาร ผกู้ ระทาตอ้ งระวาง
โทษจาคกุ ต้งั แต่สามปี ถึงสิบหา้ ปี และปรับต้งั แตห่ กหม่ืนบาทถึงสามแสนบาท
ผทู้ ี่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรสแมอ้ ายไุ ม่ถึง 18 ปี ก็ไม่อยใู่ นความหมายมาตรา 318
คาวา่ ผเู้ ยาวไ์ ม่เตม็ ใจไปดว้ ย หมายถึง ถกู ใชก้ าลงั กายฉุด ถกู อุบายหลอกลวง ถูกข่มขนื
ถกู ใชอ้ านาจผดิ ทานองคลองธรรม
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 5844/2552 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 คาวา่ ผปู้ กครอง
หมายถึงผมู้ ีฐานะทางกฎหมายเกี่ยวพนั กบั ผเู้ ยาว์ เช่น บิดา มารดา ซ่ึงเป็นผใู้ ชอ้ านาจปกครอง ส่วน
ผู้ดแู ลหมายถึงผ้คู วบคุมระวังรักษาผ้เู ยาว์ โดยข้อเท็จจริง เช่น ครูอาจารย์ นายจ้าง เป็ นต้น เมื่อ
ผเู้ สียหายท่ี 1 เป็นนายจา้ ง ประกอบกบั บิดามารดาผเู้ สียหายท่ี 2 มอบใหผ้ เู้ สียหายท่ี 1 ปกครองดูแล
ผเู้ สียหาย ท่ี 2 ดว้ ย โดยผเู้ สียหายที่ 1 ใหผ้ เู้ สียหายท่ี 2 พกั อยทู่ ี่ร้านอาหารผเู้ สียหายที่ 1 จึงเป็น
ผปู้ กครองและผดู้ ูแลผเู้ สียหายท่ี 2 ในฐานะนายจา้ งโดยไดร้ ับมอบหมายจาก บิดามารดาผเู้ สียหายที่
2 ดว้ ย การกระทาของจาเลยกบั พวกเป็นการรบกวนสิทธิหรือ แยกสิทธิในการควบคุมดูแลผเู้ สียหาย
ท่ี 2 โดยปราศจากเหตอุ นั สมควร จึงเป็นการ ร่วมกนั พรากผเู้ สียหายท่ี 2 ไปจากความดูแลของ
ผเู้ สียหายท่ี 1 อนั เป็นความผิดตาม มาตรา 318 วรรคสาม
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 468/2534 มารดาผเู้ สียหายอนุญาตใหจ้ าเลยพาผเู้ สียหายอายุ 16 ปี
ไปเดินเท่ียวเม่ือผเู้ สียหายจะกลบั บา้ นจาเลยไมย่ อมใหก้ ลบั แต่กลบั พาผเู้ สียหายไปบา้ นท่ีเกิดเหตุ
เพือ่ ให้ พ. ร่วมประเวณีเป็นการพรากผเู้ ยาวอ์ ายเุ กิน 15 ปี ไปเพ่ือการอนาจาร
คาพิพากษาฎีกาที่ 210/2541 จาเลยหลอกผเู้ สียหายวา่ จะพาไปทางานร้านอาหารแตก่ ลบั
พาไปขายใหก้ บั ก.เพื่อคา้ ประเวณีเทา่ กบั จาเลยมีเจตนาล่อลวงผเู้ สียหายไปเพื่ออนาจาร และเพ่อื
370
สาเร็จความใคร่ของผอู้ ื่นโดยใชอ้ บุ ายหลอกลวงผเู้ สียหายจาเลยผิดมาตรา 283 วรรคสอง และมาตรา
318 วรรคสาม
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 119/2519 จาเลยหลอกลวงเด็กอายุ 14 ปี วา่ จะพาไปรับจา้ งทางานแต่
กลบั พาไปเป็นโสเภณีจะถือว่าเด็กเตม็ ใจไปกบั จาเลยหาไดไ้ ม่
คาพิพากษาฎีกาท่ี 200/2508 จาเลยไมไ่ ดบ้ อกวา่ จะพาไปหานอ้ งชายทาใหน้ างสาวส.
หลงเช่ือเช่ือไปกบั จาเลยจะถือวา่ เตม็ ใจไม่ได้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2277/2539 การท่ีผเู้ สียหายขออนุญาตมารดาไปคา้ งบา้ นนางสาว ก.
ยงั ไม่ถือวา่ พน้ จากอานาจปกครองของบิดามารดาเม่ือจาเลยขบั รถรับผเู้ สียหายแลว้ ข่มขืนกระทา
ชาเราผเู้ สียหายยอ่ มเป็นการล่วงอานาจปกครองของบิดามารดาและผเู้ สียหาย
เม่ือจาเลยมีเจตนาพรากผเู้ สียหายซ่ึงเป็ นผเู้ ยาวไ์ ปเพ่ือการอนาจารถือไดว้ า่ ความผดิ ฐานพรากผเู้ ยาว์
ไปเพือ่ การอนาจารสาเร็จนบั แตจ่ าเลยเริ่มพรากผเู้ ยาวแ์ ลว้ แมจ้ าเลยจะยงั ไม่ไดก้ ระทาการขม่ ขนื
กระทาชาเราก็ตามการท่ีจาเลยขม่ ขืนกระทาชาเราทีหลงั จึงเป็นความผิดอีกกรรมหน่ึง
คาพิพากษาฎีกาที่ 3767/2541 จาเลยขบั รถแทก็ ซี่พาผเู้ สียหายไปถึงทางเขา้ หมู่บา้ นแตไ่ ม่
ยอมไปส่งผเู้ สียหายกบั จูบแกม้ ผเู้ สียหาย 3 คร้ังการกระทาท่ีไมย่ อมไปส่งและจูบแกม้ เป็นการพราก
ผเู้ ยาวผ์ ิดมาตรา 318 วรรคสามแลว้ หลงั จากน้นั ไดพ้ าผเู้ สียหายไปอีก 10 กิโลเมตรแลว้ อนาจาร
ผเู้ สียหายจาเลยผิดมาตรา 278 อีก การกระทาของจาเลยจึงเป็นความผดิ ต่างกรรมต่างวาระกบั มาตรา
318 วรรคสาม
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 4263/2559 ก่อนเกิดเหตุผเู้ สียหายที่ 2 ไดข้ ออนุญาตผเู้ สียหายท่ี 1 ซ่ึง
เป็นมารดาไปเล่นกีฬาวอลเลยบ์ อลท่ีสนามวอลเลยบ์ อลของโรงเรียน ระหวา่ งน้นั จาเลยไดช้ กั ชวน
ผเู้ สียหายที่ 2 ไปพดู คยุ ท่ีบริเวณหนา้ หอ้ งน้าแลว้ จาเลยพาผเู้ สียท่ี 2 เขา้ ไปในหอ้ งน้าชายและกระทา
ชาเราผเู้ สียหายที่ 2 ดงั น้ี อานาจปกครองของผเู้ สียท่ี 2 จึงยงั คงอยทู่ ี่ผเู้ สียหายที่ 1 การที่จาเลยชกั ชวน
ผเู้ สียหายท่ี 2 ไปท่ีบริเวณหอ้ งน้าแลว้ กระทาชาเราผเู้ สียหายที่ 2 โดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาตหรือยนิ ยอม
จากผเู้ สียที่ 1 ยอ่ มทาใหอ้ านาจปกครองของผเู้ สียหายที่ 1 ที่มีต่อผเู้ สียที่ 2 ถูกรบกวนหรือถกู
กระทบกระเทือนโดยผเู้ สียท่ี 1 ไมร่ ู้เห็นยนิ ยอมดว้ ย การกระทาของจาเลย จึงเป็นความผดิ ฐานพราก
ผเู้ ยาวอ์ ายกุ วา่ 15 ปี แตย่ งั ไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดาโดยผเู้ ยาวไ์ ม่เตม็ ใจไปดว้ ยเพื่อการ
อนาจารตาม ป.อ. มาตรา 318 วรรคสาม
มาตรา 319 ผู้ถกู พรากคือผ้เู ยาว์อายเุ กิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี โดยผู้เยาว์เตม็ ใจ
มาตรา 319 ผใู้ ดพรากผเู้ ยาวอ์ ายกุ วา่ สิบหา้ ปี แต่ยงั ไม่เกินสิบแปดปี ไปเสียจากบิดามารดา ผปู้ กครอง
หรือผดู้ ูแล เพ่ือหากาไร หรือเพอ่ื การอนาจาร โดยผเู้ ยาวน์ ้นั เตม็ ใจไปดว้ ย ตอ้ งระวางโทษจาคุกต้งั แต่
สองปี ถึงสิบปี และปรับต้งั แต่ส่ีหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท
371
ผใู้ ดโดยทุจริต ซ้ือ จาหน่าย หรือรับตวั ผเู้ ยาวซ์ ่ึงถกู พรากตามวรรคแรก ตอ้ งระวางโทษ
เช่นเดียวกบั ผพู้ รากน้นั
ตอ้ งมีเจตนาพเิ ศษอนั เป็นองคป์ ระกอบความผดิ
คาวา่ เพือ่ หากาไรหรือเพื่อการอนาจาร
มาตรา 318 ผเู้ ยาวไ์ มเ่ ตม็ ใจ
มาตรา 319 ผเู้ ยาวเ์ ตม็ ใจ และตอ้ งมีเจตนาพิเศษคอื เพ่ือหากาไรหรือเพื่อการอนาจาร
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1038/2534 จาเลยและผเู้ สียหายรักชอบกนั ผเู้ สียหายเตม็ ใจใหจ้ าเลย
ร่วมประเวณีหลงั จากน้นั 20 วนั จาเลยสึกจากพระโดยท้งั จาเลยและผเู้ สียหายอยกู่ ินกนั จนมีบตุ ร
1 คนจาเลยเป็นผูห้ าเล้ียงคนเดียวแสดงวา่ จาเลยมีเจตนาเล้ียงดูผเู้ สียหายเป็นภรรยาจาเลยจึงไม่เป็น
ความผดิ ฐานพรากผเู้ ยาวไ์ ปเพ่ือการอนาจาร
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 4587/2532 ผเู้ สียหายเตม็ ใจไปกบั จาเลยหลงั จากน้นั ญาติท้งั สองฝ่าย
ตกลงจดั งานแต่งใหท้ ้งั สอง พฤติการณ์ฟังไดว้ า่ ท่ีจาเลยพาผเู้ สียหายไปน้นั มีเจตนาท่ีจะพาไปเพ่ือ
เป็นภรรยาต้งั แต่แรกเพราะไม่ไดค้ วามวา่ จาเลยมีภรรยาอยกู่ ่อนแลว้ ไม่เป็นการพรากผเู้ ยาวไ์ ปเพอื่
การอนาจาร
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2091/2528 หญิงอายุ 17 ปี ขออนุญาตบิดาไปลอยกระทงพบกบั ร.
แลว้ พากนั ไปร่วมประเวณี ร. มีภรรยาอยแู่ ลว้ ร. ผิดมาตรา 319 พรากผเู้ ยาว์
คาพิพากษาฎีกาที่ 79/2533 ฟ้องวา่ พรากเด็กไปโดยไมเ่ ตม็ ใจตามมาตรา 318 ไดค้ วามวา่
เป็นเด็กเตม็ ใจไปดว้ ยก็ลงโทษมาตรา 319 ได้
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2375/2541 ขณะเกิดเหตผุ เู้ สียหายอายุ 15 ปี เศษเป็นผเู้ ยาวอ์ อกจากห้อง
ไปพูดจาปรับความเขา้ ใจกบั จาเลยห่างจากหอ้ งพกั เกิดเหตุ 10 เมตรโดยผเู้ สียหายเตม็ ใจ การกระทา
ของจาเลยยงั ไม่เป็นการลว่ งอานาจปกครองของบิดามารดาและไมเ่ ป็นการพาหญิงไปเพื่อการ
อนาจารโดยใชก้ าลงั ประทุษร้ายและพรากผเู้ ยาวเ์ พื่อการอนาจาร
ข้อสังเกตมาตรา 317 ถงึ มาตรา 319
นอกจากจะเป็นความผิดเก่ียวกบั เพศแลว้ ยงั อาจจะเป็นความผิดตอ่ เสรีภาพดว้ ย
1. ความผดิ ฐานพรากเด็กหรือผเู้ ยาวเ์ ป็นความผิดที่ล่วงละเมิดอานาจปกครองของบิดา
มารดาผปู้ กครองหรือผดู้ ูแลซ่ึงอาจจะเป็นตามกฎหมายหรือตามขอ้ เทจ็ จริงกไ็ ดแ้ มเ้ ดก็ จะยนิ ยอมก็
เป็นความผิดไดต้ ามมาตรา 317, 319
คาพิพากษาฎีกาที่ 635/2543 บิดามารดาของผเู้ สียหายตอ้ งไปทางานกรุงเทพจึงตอ้ งฝาก
ผเู้ สียหายอยกู่ บั ป้าจาเลยพาผเู้ สียหายไปกระทาชาเราโดยผเู้ สียหายมิไดม้ ิไดร้ ักใคร่และยนิ ยอมร่วม
ประเวณี จาเลยผิดฐานพรากเดก็ อายไุ ม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากผดู้ ูแลโดยปราศจากเหตุอนั สมควรเพ่อื
การอนาจารโดยไมค่ านึงวา่ จาเลยจะมีบตุ รหรือภรรยาหรือไม่
372
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 767/2544 แมจ้ าเลยจะอา้ งวา่ ผูเ้ สียหายไม่ยอมกลบั บา้ นท้งั ๆ ท่ีจาเลย
ชวนกลบั แลว้ จาเลยขอ้ หามีสิทธ์ิที่จะพาผเู้ สียหายไปเสียจากความปกครองของบิดามารดา
พฤติการณ์ท่ีจาเลยพาผูเ้ สียหายไปที่ต่าง ๆ มีลกั ษณะเป็นการหลบซ่อนเพื่อมิใหบ้ ิดามารดาของ
ผเู้ สียหายตามไปพบอนั เป็นขอ้ พริ ุธ
และจาเลยก็ไมม่ ีเจตนาจะแต่งงานหรือเล้ียงดูผเู้ สียหายแต่อยา่ งใดการกระทาของจาเลย
ถือวา่ เป็นการพรากเด็กอายไุ ม่เกิน 15 ปี ไปเพอ่ื อนาจารผิดมาตรา 317 วรรคสาม
2. ผถู้ ูกกระทาอาจเป็นชายหรือหญิงกไ็ ดด้ ูตรงอายุ
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2773/2543 ผเู้ สียหายเป็นเดก็ อายุ 8 ปี ไปที่วดั ที่จาเลยจาพรรษาอยู่
จาเลยชวนเด็กไปกินขนมในกุฏิของจาเลยซ่ึงอยใู่ นวดั ยงั ไมถ่ ือวา่ เป็นการพรากเด็กไปจากความ
ปกครองดูแลของบิดามารดาการกระทาของจาเลยไม่ผดิ ฐานภาพเด็ก มาตรา 317 วรรค 3
พาคนออกไปนอกราชอาณาจักร
มาตรา 320 ผใู้ ดใชอ้ บุ ายหลอกลวง ขเู่ ขญ็ ใชก้ าลงั ประทุษร้าย ใชอ้ านาจครอบงาผิดคลองธรรม
หรือใชว้ ธิ ีข่มขืนใจดว้ ยประการอ่ืนใด พาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจกั ร ตอ้ งระวางโทษ
จาคุกต้งั แต่สองปี ถึงสิบปี หรือปรับต้งั แต่สี่หม่ืนบาทถึงสองแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
ถา้ การกระทาความผิดตามวรรคแรกไดก้ ระทาเพือ่ ใหผ้ ถู้ ูกพาหรือส่งไปน้นั ตกอยใู่ น
อานาจของผอู้ ื่นโดยมิชอบดว้ ยกฎหมาย หรือเพื่อละทิง้ ใหเ้ ป็นคนอนาถา ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษ
จาคกุ ต้งั แตส่ ามปี ถึงสิบหา้ ปี และปรับต้งั แต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
มาตรา 320 องคป์ ระกอบ
1. ผใู้ ด
2. ใชอ้ ุบายหลอกลวงข่เู ขญ็ ใชก้ าลงั ประทุษร้าย ใชอ้ านาจครอบงาผิดคลองธรรมหรือใช้
วิธีขม่ ขืนใจดว้ ยประการอื่นใด พาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจกั ร
3. เจตนา
คาพิพากษาฎีกาที่ 5235/2530 หลอกวา่ มีงานใหท้ าไปต่างประเทศแลว้ ส่งผถู้ กู หลอก
ออกไปนอกราชอาณาจกั ร ท้งั ๆที่ไมม่ ีงานทาก็ผิดมาตรา 320
อาจารยจ์ ิตติกล่าววา่ แมเ้ ป็นการใชอ้ านาจตามกฎหมายแต่ถา้ ใชอ้ านาจผิดคลองธรรมเกิน
ขอบเขตกเ็ ป็นความผิด
คาวา่ การขเู่ ขญ็ คอื การทาให้กลวั วา่ จะเกิดอนั ตรายต่อชีวิตร่างกายทรัพยส์ ินช่ือเสียงแต่ยงั
ไมถ่ ึงข้นั ใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย
ตวั อยา่ ง ข่เู ข็ญวา่ จะไล่ออกจากงานถา้ ไม่ยอมไปเมืองนอกกบั ตน
มาตรา 320 วรรค 2 เช่น หลอกใหไ้ ปคา้ ประเวณีในตา่ งประเทศและถกู ควบคมุ ตวั โดย
คนต่างชาติ เช่น ปลอ่ ยไวใ้ นตา่ งประเทศตามลาพงั ไม่มีงานทาไมม่ ีผอู้ ุปการะ
373
มาตรา 321 ความผิดตามมาตรา 309 วรรคแรก (ขม่ ขืนใจหรือใชก้ าลงั ประทุษร้าย)
มาตรา 310 วรรคแรก (หน่วงเหนี่ยว กกั ขงั ) และมาตรา 311 วรรกแรก (ประมาททาใหผ้ อู้ ื่นถกู
หน่วงเหนี่ยวกกั ขงั ) เป็นความผิดอนั ยอมความได้
หมวด 2 ความผิดฐานเปิ ดเผยความลบั
การเปิ ดเผยจดหมาย โทรเลข หรือเอกสาร
ความผิดฐานเปิ ดเผยความลบั
มาตรา 322 ผใู้ ดเปิ ดผนึกหรือเอาจดหมาย โทรเลข หรือเอกสารใด ๆ ซ่ึงปิ ดผนึกของผอู้ ื่นไป เพื่อ
ล่วงรู้ขอ้ ความกด็ ี เพอื่ นาขอ้ ความในจดหมายโทรเลขหรือเอกสารเช่นวา่ น้นั ออกเปิ ดเผยก็ดี ถา้ การ
กระทาน้นั น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผหู้ น่ึงผใู้ ด ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหกเดือน หรือปรับไม่
เกินหน่ึงหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 322 การเปิ ดผนึก การเอาจดหมายโทรเลขซ่ึงปิ ดผนึกของผอู้ ่ืนไป เจตนาพิเศษเพ่ือ
ล่วงรู้ขอ้ ความหรือเพื่อนาขอ้ ความในจดหมายออกเปิ ดเผยโดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผหู้ น่ึงผใู้ ด
จึงจะผิด
มาตรา 322 อาจจะเป็นการเปิ ดผนึกโดยไมม่ ีการเอาจดหมายหรือเอกสารดงั กล่าวไป
หรือเอาเอกสารไปโดยยงั ไม่มีการเปิ ดผนึกหรือมีการเอาไปและมีการเปิ ดผนึกดว้ ยก็ได้
เมื่อมีการเปิ ดผนึกหรือเอาจดหมายโทรเลขหรือเอกสารใด ๆ ไปแลว้ แมจ้ ะยงั ไม่มีการ
ล่วงรู้ขอ้ ความก็เป็นความผิดสาเร็จแลว้
คาวา่ ความเสียหายมาตรา 322 ไม่จาเป็นตอ้ งเป็นความเสียหายในทางทรัพยส์ ินเทา่ น้นั
อาจจะเป็นความเสียหายอ่ืน ๆ เช่นชื่อเสียงก็ได้
ผทู้ ี่เปิ ดผนึกหรือเอาจดหมายไปถา้ ผกู้ ระทามีอานาจการกระทาน้นั ยอ่ มไม่เป็นความผดิ
เช่นพ่อแม่แอบเปิ ดจดหมายของลูกหรือเจา้ หนา้ ที่ราชทณั ฑเ์ ปิ ดผนึกจดหมายของนกั โทษตาม
กฎระเบียบได้
ขอ้ ความท่ีอยใู่ นจดหมายหรือโทรเลขไม่จาเป็นตอ้ งเป็นความลบั ถา้ มีการเปิ ดหรือเอาไป
น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผใู้ ดก็ยอ่ มเป็นความผดิ ได้
การเปิ ดเผยความลบั ท่ีได้จากหน้าที่หรืออาชีพ
มาตรา 323 ผใู้ ดลว่ งรู้หรือไดม้ าซ่ึงความลบั ของผอู้ ื่นโดยเหตทุ ี่เป็นเจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ที่ โดยเหตทุ ่ี
ประกอบอาชีพเป็นแพทย์ เภสัชกร คนจาหน่ายยา นางผดุงครรภ์ ผพู้ ยาบาล นกั บวช หมอความ
ทนายความ หรือผสู้ อบบญั ชีหรือโดยเหตทุ ี่เป็นผชู้ ่วยในการประกอบอาชีพน้นั แลว้ เปิ ดเผยความลบั
น้นั ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผหู้ น่ึงผใู้ ด ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือ
ปรับไม่เกินหน่ึงหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
374
ผรู้ ับการศึกษาอบรมในอาชีพดงั กล่าวในวรรคแรก เปิ ดเผยความลบั ของผอู้ ื่น อนั ตนได้
ล่วงรู้หรือไดม้ าในการศึกษาอบรมน้นั ในประการท่ีน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผหู้ น่ึงผใู้ ด ตอ้ งระวาง
โทษเช่นเดียวกนั
มาตรา 323 องคป์ ระกอบ
1. ผใู้ ดโดยเหตทุ ี่เป็น 1) เจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ท่ี 2) ประกอบอาชีพเป็นแพทยเ์ ภสชั กร
คนจาหน่ายยานางผดุงครรภพ์ ยาบาลนกั บวชหมอความทนายความผสู้ อบบญั ชี 3) ผชู้ ่วยในการ
ประกอบอาชีพน้นั ไดล้ ว่ งรู้หรือไดม้ าซ่ึงความลบั ของผอู้ ื่น
2. เปิ ดเผยความลบั
3. ในประการท่ีน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผหู้ น่ึงผใู้ ด
4. เจตนา
มาตรา 323 เป็นเร่ืองท่ีผนู้ ้นั ไดล้ ว่ งรู้หรือไดม้ าซ่ึงความลบั ของผอู้ ื่นโดยอาศยั เหตุท่ีมี
หนา้ ท่ีหรือประกอบอาชีพแลว้ ทาการเปิ ดเผยความลบั น้นั เช่นทนาย แพทย์ พนกั งานสอบสวน
คาวา่ ความลบั หมายถึง ขอ้ ใดจริงหรือวธิ ีการที่ไมป่ ระจกั ษแ์ ก่คนทว่ั ไปและเป็นสิ่งที่
เจา้ ของประสงคจ์ ะปกปิ ดเพอื่ กิจการส่วนตวั ของเจา้ ของความลบั
คาวา่ ผชู้ ่วยไมจ่ าเป็นตอ้ งมีอาชีพดงั กลา่ วอาจเป็นลูกจา้ งของผมู้ ีอาชีพดงั กลา่ ว
มาตรา 323 บุคคลดงั กล่าวตอ้ งมีการเปิ ดเผยความลบั น้นั ดว้ ยถา้ ยงั ไม่มีการเปิ ดเผย
ความลบั จะผิดไดแ้ คข่ ้นั พยายามตา่ งจากมาตรา 322
ถา้ แอบฟังแลว้ ไดค้ วามลบั น้นั มาโดยไม่ใช่ไดม้ าจากการท่ีมีหนา้ ที่ก็ขาดองคป์ ระกอบ
ความผิดตามมาตรา 323 แต่อาจผิดฐานหม่ินประมาทได้
การเปิ ดเผยความลบั ที่ได้จากการศึกษาอบรม
มาตรา 323 วรรคสอง เป็นความผดิ ท่ีลงโทษกบั ผรู้ ับการศึกษาอบรมในอาชีพตา่ ง ๆ
ตามวรรคแรก แลว้ เปิ ดเผยความลบั ของผอู้ ่ืนอนั ตนไดล้ ว่ งรู้หรือไดม้ าในการศึกษาอบรมน้นั เช่น
นกั เรียน นิสิต นกั ศึกษา เป็นตน้ ในประการท่ีน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผหู้ น่ึงผใู้ ด
การแสวงหาประโยชน์จากความลบั
มาตรา 324 ผใู้ ดโดยเหตทุ ี่ตนมีตาแหน่งหนา้ ท่ี วิชาชีพหรืออาชีพอนั เป็นที่ไวว้ างใจ ล่วงรู้หรือไดม้ า
ซ่ึงความลบั ของผอู้ ่ืนเก่ียวกบั อตุ สาหกรรม การคน้ พบ หรือการนิมิตในวทิ ยาศาสตร์ เปิ ดเผยหรือใช้
ความลบั น้นั เพื่อประโยชน์ตนเองหรือผอู้ ่ืน ตอ้ งระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน
หน่ึงหม่ืนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 324 องคป์ ระกอบ
1. โดยเหตุท่ีเป็นบคุ คลท่ีมีตาแหน่งหนา้ ที่วชิ าชีพหรืออาชีพอื่นอนั เป็นที่ไวว้ างใจ
375
2. ล่วงรู้หรือไดม้ าซ่ึงความลบั ของผอู้ ่ืนเกี่ยวกบั อุตสาหกรรมการคน้ พบหรือการนิมิตใน
วิทยาศาสตร์
3. เปิ ดเผยหรือใชค้ วามลบั น้นั
4. เจตนาพเิ ศษเพือ่ ประโยชนข์ องตนเองหรือผอู้ ่ืน
คาวา่ ตาแหน่งหนา้ ที่ไม่เฉพาะขา้ ราชการอาจเป็นตาแหน่งหนา้ ที่ตามสัญญาหรือตาม
กฎหมายกไ็ ดเ้ ช่นเป็นลูกจา้ งมีหนา้ ที่ผสมสูตร
ตอ้ งเป็นความลบั เฉพาะเกี่ยวกบั อุตสาหกรรม การคน้ พบ การนิมิตในวิทยาศาสตร์เทา่ น้นั
ซ่ึงจะแคบกวา่ มาตรา 323
เป็นการเปิ ดเผยเพ่อื ประโยชนข์ องตนเองหรือของผอู้ ่ืนเช่นเอาสูตรยาชูกาลงั มาเปิ ดเผย
ไปขายใหผ้ อู้ ่ืน เอาไปผลิตขายเองเพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือของผอู้ ื่นโดยไมจ่ าเป็นตอ้ งเป็น
ประโยชน์ในทางทรัพยส์ ินเท่าน้นั
มาตรา 325 ความผิดในหมวดนเี้ ป็นความผิดอันยอมความได้
หมวด 3 ความผิดฐานหมิ่นประมาท
การหมิ่นประมาท
ความผดิ ฐานหม่นิ ประมาท
มาตรา 326 ผใู้ ดใส่ความผอู้ ื่นต่อบคุ คลท่ีสาม โดยประการที่น่าจะทาใหผ้ อู้ ื่นน้นั เสียชื่อเสียง ถกู ดู
หมิ่น หรือถูกเกลียดชงั ผนู้ ้นั กระทาความผิดฐานหมิ่นประมาท ตอ้ งระวางโทษจาคุกไมเ่ กินหน่ึงปี
หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
มาตรา 326 องคป์ ระกอบ
1. ผใู้ ด
2. ใส่ความผอู้ ื่นต่อบุคคลท่ีสาม
3. โดยประการท่ีน่าจะทาให้ผอู้ ื่นน้นั เสียช่ือเสียงถูกดูหม่ินหรือถกู เกลียดชงั
4. เจตนา
คาวา่ “ใส่ความ” หมายถึง การยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จริงซ่ึงอาจเป็นความจริงก็ได้ หรือเป็นความ
เทจ็ กไ็ ดแ้ มแ้ ตก่ ารเล่าเรื่องที่ไดย้ นิ มาใหผ้ อู้ ่ืนฟังก็อยใู่ นความหมายของคาวา่ ใส่ความ(ไกรฤกษ์ เกษม
สันต,์ 2560, เลม่ 7, หนา้ 243)
การใส่ความจึงไม่จากดั วธิ ีอาจเป็นการใชค้ าพูดใหค้ วามหมายหรือแสดงกริยาหรือใช้
ภาษาใบส้ ญั ลกั ษณ์ต่าง ๆ ก็ได้
"หม่ินประมาท" มารดาตนเอง โดยใชค้ าวา่ “มึง” “อีเฒ่าหัวหงอก”
คาพิพากษาฎีกาที่8752/2558 การที่จาเลยใชค้ า "อีเฒ่าหวั หงอก" และ "มึง" เป็นสรรพ
นามในการเรียกโจทกผ์ เู้ ป็นมารดา ซ่ึงไมป่ รากฏวา่ โดยปกติบุคคลทว่ั ไปรวมถึงจาเลยใชส้ รรพนาม
376
ดงั กลา่ วแทนมารดา คาดงั กล่าวไม่ไดม้ ีความหมายวา่ มารดา แต่มีความหมายเปรียบเปรยไปในทางท่ี
ไมใ่ หค้ วามเคารพและทาใหโ้ จทกไ์ ดร้ ับความอบั อายอนั เป็นการแสดงออกถึงการดูถูกเหยยี ดหยาม
โจทก์ สาหรับเน้ือหาแมจ้ ะถือวา่ เป็นการกระทบกระเทียบ แตก่ ็ทาใหโ้ จทกไ์ ดร้ ับความอบั อาย
เป็นไปในทางดูถูกเหยยี ดหยามโจทกเ์ ช่นกนั การท่ีจาเลยด่าโจทกผ์ เู้ ป็นมารดาดว้ ยถอ้ ยคาดงั กล่าวจึง
ถือวา่ เป็นการดูถกู เหยยี ดหยามและหม่ินประมาทโจทกอ์ ยา่ งร้ายแรง
การเอาภาพการร่วมประเวณีของผอู้ ่ืนไปแสดงใหผ้ อู้ ่ืนดูเป็นการใส่ความ และน่าจะทาให้
เสียชื่อเสียง ยอ่ มผิดฐานหมิ่นประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 380/2503 จาเลยไดย้ นิ อาของโจทก์เล่าใหฟ้ ังวา่ โจทกก์ บั อาจารยซ์ ่ึงเป็น
ญาติกนั นอนกอดจูบแลว้ ไดเ้ สียกนั ต่อมามีนางสาวก.มาถามจาเลย จาเลยกเ็ ลา่ ใหน้ าง ส. ฟังถอ้ ยคาที่
จาเลยกลา่ วเป็นขอ้ ความหม่ินประมาทโจทกแ์ มจ้ าเลยจะตอบไปเพราะถกู ถาม จาเลยก็ควรตอ้ ง
สานึกและเลง็ เห็นผลการกระทาของจาเลยถือวา่ จาเลยจงใจกลา่ วขอ้ ความยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จริงโดย
เจตนาใส่ความโจทก์
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 83/2501 บรรณาธิการลงขอ้ ความหมิ่นประมาทจะแกต้ วั วา่ ไม่ใช่เป็น
การใส่ความเพราะมีคนส่งมาใหล้ งพมิ พไ์ ม่ได้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2822/2515 จาเลยแสดงขอ้ ความในจดหมายที่ไดร้ ับจากผอู้ ่ืนใหบ้ ุคคล
ท่ีสามทราบโดยรู้อยวู่ า่ จดหมายน้นั มีขอ้ ความหม่ินประมาทนบั วา่ จาเลยใส่ความผเู้ สียหายแลว้
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 32512/2543 คาวา่ ใส่ความหมายถึงพดู หาเหตุร้ายกลา่ วหาเร่ืองร้ายให้
ผอู้ ื่นไดร้ ับความเสียหาย โจทกม์ ีความสมั พนั ธช์ ูส้ าวกบั จาเลยจาเลยก็ไมม่ ีสิทธ์ิจะประจานโจทกด์ ว้ ย
ถอ้ ยคาหม่ินประมาท
การใส่ความอาจเป็นการใชค้ าถามเช่นคุณติดตะรางเร่ืองอะไร
การตอบคาถามก็เป็ นการใส่ความ
ขอ้ เทจ็ จริงที่จะเป็นหมิ่นประมาทหรือใส่ความน้นั พอจะสรุปเป็นแนวทางไดด้ งั น้ี (ไกร
ฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เล่ม 7, หนา้ 244-246)
1. ตอ้ งไมใ่ ช่ขอ้ เทจ็ จริงที่เป็นเพยี งคาหยาบหรือเป็นขอ้ เทจ็ จริงที่เป็นไปไม่ได้
คาด่าวา่ “ไอเ้ ห้ีย” “ไอส้ ัตว”์ เป็นคาหยาบไม่ผดิ หม่ินประมาท
คาพิพากษาฎีกาท่ี 256 /2509 ความผดิ ฐานหม่ินประมาทตอ้ งเป็นการแสดงขอ้ ความให้
คนอ่ืนฟังเกิดความรู้สึกเกลียดชงั ดูหม่ินข้ึนได้
คาวา่ ผีปอบ ชาติหมา ความรู้สึกของคนธรรมดาไมเ่ ช่ือวา่ เป็นไดจ้ ึงไมผ่ ดิ มาตรา 326
ขอ้ ความน้นั จะเป็นหมิ่นประมาทหรือไม่จะตอ้ งเอาความรู้สึกนึกคิดของคนธรรมดามาเปรียบเทียบ
2. ตอ้ งเป็นขอ้ เทจ็ จริงที่แน่นอนไม่ใช่ขอ้ เทจ็ จริงท่ีคลมุ เครือเล่ือนลอย หรือกลา่ วดว้ ย
ความนอ้ ยใจ
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 121/2490 คาวา่ การประพฤติเลวทรามเป็นขอ้ เท็จจริงท่ียงั ไม่ชดั เจน
377
จึงยงั ไม่เป็นขอ้ ความที่หม่ินประมาท
คาพิพากษาฎีกาท่ี 481/2506 คาวา่ เป็นคนไม่ดีความรู้ต่าไม่เป็นหมิ่นประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 4425/2545 คาวา่ ระวงั ทนายสกปรกเอาเรื่องไม่เป็นขอ้ ความหม่ิน
ประมาท
คาพิพากษาฎีกาที่ 4267/2520 ส่งขา่ วไปลงหนงั สือพิมพว์ า่ ส. เป็นนายทนุ ขดู รีดถึงขนาด
ถูกสอบสวนวา่ เป็นภยั สังคมเป็นคากลา่ วหม่ินประมาทและไมเ่ ป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต
คาวา่ ส.ส. ขบวนการปลาทู เป็นการเปรียบเทียบเลื่อนลอยไมย่ นื ยนั ขอ้ เทจ็ จริงไม่เป็น
หม่ินประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 97/2541 จาเลยด่าผเู้ สียหายวา่ เป็นเมียนอ้ ยตอ่ หนา้ เพื่อนผเู้ สียหายจาเลย
ผดิ มาตรา 326
3. ขอ้ เทจ็ จริงท่ีกลา่ วตอ้ งเป็นขอ้ เทจ็ จริงท่ียนื ยนั ในอดีตหรือในปัจจุบนั ไมใ่ ช่เป็นแต่
เพียงการคาดคะเนหรือกล่าวถึงเหตกุ ารณ์ในอนาคต
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1734/2503 (ประชุมใหญ่) มารดาถูกกอ้ นอิฐขวา้ งบตุ รไมเ่ ห็นคนขวา้ ง
ไดแ้ ต่กล่าวต่อหนา้ หลายๆคนวา่ “ไม่มีใครนอกจากไอแ้ กว้ ไอช้ าติหมาไอฉ้ ิบหาย” พฤติการณ์เป็น
การคาดคะเนไม่มีเจตนาใส่ความไม่ผิดมาตรา 326
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2108/2531 จาเลยถาม ป. วา่ มีความสัมพนั ธท์ างชูส้ าวกบั โจทกห์ รือไม่
จาเลยไม่ผิดมาตรา 326
ตามแนวฎีกาแยกการใส่ความออกเป็ น 4 ประเภทคือ (ทวเี กียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้
190)
1. การใส่ความเก่ียวกบั ความประพฤติ
2. การใส่ความเกี่ยวกบั เร่ืองประเวณีหรือการไม่เหมาะสม หรืออนั ควรในทางเพศ
3. การใส่ความเกี่ยวกบั หนา้ ที่การงาน
4. การกลา่ วถึงความไม่น่าเชื่อถือเกี่ยวกบั สถานะทางเศรษฐกิจการเงิน หรือทางสงั คม
การใส่ความเกี่ยวกบั ความประพฤติ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1628/2500 ลงพิมพข์ อ้ ความวา่ กานนั ให้สินบนปลดั ฯ และช่วยเหลือ
กนั แมไ้ ม่ระบุชื่อแต่รู้วา่ เป็นใครเป็นหม่ินประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1021/2517 หาวา่ โจทกล์ กั ทรัพย์ (เป็ด) ไปกินแกงโดยไม่มีมลู ความ
จริงเป็นหมิ่นประมาททาใหค้ นอ่ืนเกลียดชงั โจทก์
ใส่ความเรื่องประเวณี การไม่สมควรทางเพศ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2371/2522 จาเลยพูดถึงผเู้ สียหายวา่ เป็น “กระหร่ีท่ีดิน” หมายถึง
เป็นโสเภณีแมจ้ าเลยไม่กล่าวรายละเอียดวา่ คา้ ประเวณีกบั ใครสาส่อนทางเพศกบั ใครก็ถือวา่ เป็น
หม่ินประมาทแลว้
378
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 621/2518 คาวา่ “เป็นคนสาเพง็ คนไมด่ ีหา้ ผวั หกผวั ” แมก้ ลา่ วดว้ ย
ความหึงหวงมิใหส้ ามีคบหญิงกเ็ ป็นหม่ินประมาทมาตรา 326
คาพิพากษาฎีกาที่ 91/2541 “มึงเป็นเมียนอ้ ยสารวตั ร ส. อยา่ มาทาใหญ่ใหก้ เู ห็นนะ”
เป็นการกล่าวหมิ่นประมาทตามมาตรา 326 ทาใหผ้ เู้ สียหายเสียช่ือเสียง
แมจ้ ะกล่าวตอ่ หนา้ ผเู้ สียหายโดยตรงแตบ่ ุคคลอ่ืนท่ีไปดว้ ยไดย้ นิ เป็นการใส่ความต่อบุคคลที่สามผดิ
มาตรา 326 ได้
ใส่ความเกี่ยวกบั หนา้ ท่ีการงาน
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1124/2507 จาเลยนาขอ้ ความเทจ็ ไปร้องเรียนกลา่ วหาผเู้ สียหายวา่ เป็น
ผพู้ ิพากษาไปกินขา้ วกบั ฝ่ายโจทกซ์ ่ึงเป็นผชู้ นะคดีเพ่อื ให้อธิบดีดาเนินการทางวนิ ยั กบั ผเู้ สียหาย
การกระทาของจาเลยเป็นการแจง้ ความเท็จตามมาตรา 137 ซ่ึงขอ้ ความเทจ็ ดงั กลา่ วหาวา่ ผเู้ สียหาย
ผพู้ พิ ากษาคดีโดยไม่สุจริตเป็นหมิ่นประมาทผพู้ ิพากษาตามมาตรา 198 และเป็นการหม่ินประมาท
ใส่ความผเู้ สียหายอีกตามมาตรา 326 กรณีน้ีไม่เขา้ ขอ้ ยกเวน้ ตามมาตรา 329(1) เพราะจาเลยมีเจตนา
แกลง้ กล่าวขอ้ ความเทจ็ โดยไม่สุจริต
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 256/2525 ผวู้ า่ ราชการมีส่วนพวั พนั ฆ่านกั ขา่ วใชอ้ านาจในทางที่ผิด
เป็ นหมิ่นประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 3316/2525 ขา้ ราชการโกงบา้ นโกงเมืองเป็นหม่ินประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2296/2514 นายกเทศมนตรีกินเน้ือของพ่อคา้ วนั ละ 8 กิโลกินสินบน
เป็ นหม่ินประมาท
ใส่ความเก่ียวกบั สถานะทางการเงิน
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 407/2523 จานวนโฆษณาในหนงั สือพิมพว์ า่ โจทกจ์ ่ายเชค็ เดง้ ยอ่ มทา
ใหผ้ อู้ ่ืนเขา้ ใจวา่ โจทกฐ์ านะไมด่ ีไม่น่าเชื่อถือเป็นการหม่ินประมาทโจทกท์ าให้เสียชื่อเสียงท้งั เร่ืองท่ี
โจทกจ์ ่ายเช็คไปไม่มีเงินก็เป็นเรื่องส่วนตวั ของโจทกไ์ มเ่ ก่ียวกบั หนา้ ท่ีตาแหน่งนายกเทศมนตรี
อนั จะถึงวา่ เป็นประโยชน์แก่ประชาชนจาเลยจะอา้ งวา่ ข่าวน้นั เป็นความจริงเพ่ือไมใ่ หต้ อ้ งรับผิดหา
ไดไ้ ม่
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 181/2506 จาเลยวา่ โจทกน์ ิสยั ไม่ดีความรู้ต่า เป็นถอ้ ยคาเลื่อนลอยจึงไม่
เป็นถอ้ ยคาที่น่าจะทาให้โจทกเ์ สียชื่อเสียงและการที่จาเลยวา่ โจทกม์ ีหน้ีมากยงั อวดมง่ั อวดมีคาดเขม็
ขดั ทองศาลวา่ ยงั ไม่เป็นถอ้ ยคาที่ทาใหผ้ ูฟ้ ังเขา้ ใจถึงความชวั่ ร้าย คดโกงอนั จะเป็นเหตุทาใหโ้ จทก์
เสียช่ือแต่อยา่ งใด
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 610/2482 ติดประกาศวา่ ติดเงิน 53 สตางคม์ า 1 ปี ทาใหค้ นเขา้ ใจวา่
แมห้ น้ีเลก็ นอ้ ยก็ยงั คา้ งเป็นหม่ินประมาทแมไ้ มไ่ ดแ้ สดงใหเ้ ห็นวา่ โจทกม์ ีหน้ีสินลน้ พน้ ตวั กต็ าม
379
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1739/2523 เจา้ หน้ีลงหนงั สือพิมพป์ ระกาศสานกั ทนายใหล้ ูกหน้ีใชห้ น้ี
ภายใน 7 วนั นบั สืบไม่ไดว้ า่ แกลง้ โดยไม่สุจริตเจา้ หน้ีมีสิทธ์ิทาไดต้ ามประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิชย์ มาตรา 204 ไมเ่ ป็นหม่ินประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 3247/2516 ประกาศเตือนลูกหน้ีชาระหน้ีติดท่ีบา้ นและร้านของลกู หน้ี
ที่ตูย้ ามเพราะไมพ่ บตวั ลกู หน้ีส่งไปรษณียก์ ็ไมม่ ีคนรับไมเ่ ป็นหม่ินประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 65/2503 แจกใบปลิวกล่าวหาคแู่ ขง่ ที่ลงสมคั รสท.ดว้ ยกนั วา่ เช็คเดง้ จน
ถูกฟ้องเป็ นหมื่นประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 79/2537 จาเลยพดู กบั สมุหบญั ชีธนาคารวา่ ยกั ยอกตามตวั ไมพ่ บเป็น
การใส่ความโจทกแ์ มจ้ าเลยกลา่ วไปโดยถูกถามก็ตามผิดมาตรา 326 การกล่าวขอ้ ความของจาเลยจึง
ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นหรือขอ้ ความโดยสุจริตแต่มีเจตนาใส่ความโจทกจ์ าเลยผิดมาตรา 326
คาพิพากษาฎีกาที่ 4301/2541 ผจู้ ดั การธนาคารกลา่ ววา่ โจทกม์ ีปัญหาครอบครัวทะเลาะ
เบาะแวง้ กนั มีปัญหากบั พนกั งานจึงถูกส่ังยา้ ยตอ้ งถูกไลอ่ อกต่อ อาจารยล์ ูกคา้ ธนาคารเป็นการยนื ยนั
ขอ้ เทจ็ จริงที่ลว่ งสิทธิส่วนบคุ คลทาใหค้ นอื่นเขา้ ใจวา่ โจทกซ์ ่ึงเป็นพนกั งานสินเชื่อเป็นคนไม่ดีทา
ใหโ้ จทกเ์ สียช่ือเสียงถกู ดูหม่ินถกู เกลียดชงั อนั เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหาใช่เป็นเร่ืองปกติ
ธรรมดาท่ีสามีภรรยาทะเลาะกนั เป็นคาติชมของผบู้ งั คบั บญั ชาหรือเป็นการคาดคะเนแต่อยา่ งใด
หม่ินประมาทตอ้ งเป็นการใส่ความผอู้ ่ืนตอ่ บคุ คลท่ี 3
การกล่าวหมิ่นประมาทถึงกลุ่มบุคคลมาก ๆ เช่นคนในกรมตารวจ ขา้ ราชการยตุ ิธรรม
ทกุ คนโกงอยา่ งน้ีไม่เป็นหมิ่นประมาทผอู้ ่ืนเพราะคนท่ีถูกกล่าวมีมากเสียจนไมร่ ู้วา่ เป็นใครบา้ ง
คาพิพากษาฎีกาที่ 56/2490 จาเลยกลา่ ววา่ คาโฆษณาของพรรคประชาธิปัตยห์ ลอกลวง
ใหป้ ระชาชนหลงเชื่อโจทกเ์ ป็นสมาชิกพรรคไม่ใช่ผเู้ สียหายตามหลกั วิธีพิจารณาความอาญาใน
ความผดิ ฐานหมิ่นประมาทตอ้ งมงุ่ ถึงบุคคลใดคนหน่ึงโดยเฉพาะจึงไมแ่ น่ใจวา่ โจทกเ์ ป็นบคุ คล
โดยเฉพาะที่เจาะจงถึงโจทกฟ์ ้องไม่ได้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1325/2498 คาโฆษณาของจาเลยกลา่ วถึงนายแพทยเ์ พศชายคนหน่ึง
ของโรงพยาบาลศิริราชที่ทาการตรวจโรคขา้ ราชการสตรีเทา่ น้นั จะเป็นหมิ่นประมาทตอ้ งกล่าว
เจาะจงวา่ เป็นนายแพทยค์ นใดและโจทกต์ อ้ งนาสืบใหไ้ ดว้ า่ เป็นใครจาเลยไม่ผดิ มาตรา 326 ตา่ งกบั
ฎีกาหม่ินประมาทพระทาวดั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 448/2489 จาเลยกลา่ วในงานวดั วา่ พระวดั น้ีเลวบา้ ผหู้ ญิงไมม่ ีศีลพระ
ในวดั มี 6 รูปพระภิกษุแดงก็เป็นหน่ึงในน้นั ถือวา่ เป็นผเู้ สียหายจาเลยหมิ่นประมาทภายในวดั ทุกรูป
เพราะในวดั มีเพยี ง 6 รูป
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 619/2517 กลา่ ววา่ เทศมนตรีทจุ ริตในระยะ 1 ปี มีเทศมนตรีเปล่ียน
มาแลว้ 7 ชุดเขา้ ใจไม่ไดว้ า่ หมายถึงเทศมนตรีชุดปัจจุบนั 3 คน เทศมนตรีปัจจุบนั ฟ้องไมไ่ ด้
380
คาพิพากษาฎีกาที่ 1636/ 2522 จาเลยวา่ ราษฎร 2 หมู่บา้ นเป็นคอมมิวนิสตค์ นธรรมดาไม่
เขา้ ใจวา่ ใส่ความใครโจทกเ์ ป็นบุคคลใน 2 หมบู่ า้ นน้นั จะว่าจาเลยใส่ความโจทกโ์ ดยตรงไม่ไดโ้ จทก์
จึงไมใ่ ช่ผเู้ สียหาย
คาพิพากษาฎีกาที่ 295/2505 (ประชุมใหญ)่ โจทกฟ์ ้องมาตรา 326 มาตรา 328 วา่ จาเลย
โฆษณาวทิ ยชุ ุมชนวา่ ทนายเมืองร้อยเอด็ คบไม่ไดจ้ ะเหยยี บเรือสองแคมซ่ึงทนายเมืองร้อยเอด็ มีสิบ
คน ฟ้องของโจทกย์ งั ไมร่ ู้วา่ เป็นการกล่าวถึงผใู้ ดจึงยงั ไม่ชดั เจนตอ้ งไตส่ วนมูลฟ้องฟังขอ้ เทจ็ จริง
กนั ต่อไป
การกล่าวถึงผอู้ ่ืนตอ้ งทาใหผ้ ฟู้ ังคาดหมายหรือทราบไดว้ า่ เป็นใครแมจ้ ะกล่าวถึงบคุ คล
คนเดียวก็ตามแตถ่ า้ ผฟู้ ังไมอ่ าจคาดเดาไดว้ า่ หมายถึงใครก็ไม่ถือวา่ เป็นขอ้ ความที่ชดั เจนวา่ มีการ
หม่ินประมาทบุคคลผนู้ ้นั แลว้
การใส่ความตอ้ งใส่ความต่อบคุ คลที่ 3 ซ่ึงบคุ คลท่ี 3 ตอ้ งทราบขอ้ ความ และเขา้ ใจ
ขอ้ ความน้นั
คาพิพากษาฎีกาที่ 23/2574 หม่ินประมาทนายก.ดว้ ยภาษาไทยต่อหนา้ นาย ข. ซ่ึงเป็นฝร่ัง
โดยผพู้ ดู คิดวา่ ฝร่ังไม่เขา้ ใจ ท้งั ๆ ท่ีฝรั่งน้นั เขา้ ใจภาษาไทย ผพู้ ูดไม่ผิดหมิ่นประมาทเขา้ ใจวา่ บุคคล
ที่ 3 คือ ฝรั่งฟังภาษาไทยไมร่ ู้เท่ากบั ผพู้ ูดไม่มีเจตนาที่จะใส่ความตอ่ บุคคลที่สาม
ตวั อยา่ งเจตนาท่ีจะใส่ความเพียงแต่เขา้ ใจผดิ วา่ ฝร่ังฟังภาษาไทยรู้เรื่องแตฝ่ รั่งฟัง
ภาษาไทยไม่รู้เรื่องเป็นการกระทาที่ไม่บรรลุผลเป็นความผดิ ฐานพยายามหม่ินประมาทได้
ผทู้ ่ีถกู หมิ่นประมาทน้นั ไม่ตอ้ งรู้วา่ ตนเองถูกหม่ินประมาท
คาพิพากษาฎีกาที่ 4425/2545 คาวา่ “ระวงั ทนายสกปรกจะเอาเรื่อง” ขอ้ ความดงั กลา่ ว
ไมม่ ีขอ้ ความประกอบใหเ้ ห็นวา่ โจทกม์ ีอาชีพทนายสกปรกในเร่ืองอะไรซ่ึงไม่ถึงกบั ทาใหโ้ จทกเ์ สีย
ชื่อเสียงจึงไมเ่ ป็นหม่ินประมาท
การหม่ินประมาทตอ้ งดูพฤติการณ์การกระทาดว้ ยวา่ น่าจะทาใหผ้ อู้ ่ืนน้นั เสียชื่อเสียงถกู ดู
หม่ินถกู เกลียดชงั
ตอ้ งมีเจตนาท่ีจะใส่ความจึงจะผดิ ฐานหม่ินประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 110/2526 จาเลยส่งจดหมายลงทะเบียนถึงโจทกโ์ ดยตรงเพื่อใหโ้ จทก์
ทราบเทา่ น้นั การท่ีเสมียนของโจทกบ์ ุคคลที่ 3 แอบรู้เห็นขอ้ ความน้นั กถ็ ือวา่ อยนู่ อกเหนือเจตนา
ของจาเลยจึงไม่เป็นความผิดมาตรา 326
คาพิพากษาฎีกาที่ 3992/2539 จาเลยเป็นบรรณาธิการมีความผดิ ในฐานะตวั การตาม
พระราชบญั ญตั ิการพิมพแ์ มจ้ าเลยจะไม่มีเจตนาหรือไม่รู้เร่ืองการลงขอ้ ความคาสัมภาษณ์กต็ าม
จาเลยก็ยงั ตอ้ งรับผิดตามพระราชบญั ญตั ิอยู่
คาพิพากษาฎีกาท่ี 6310/2539 จาเลยนาเทปที่มีผกู้ ลา่ วถึงผเู้ สียหายวา่ มีพฤติกรรมชูส้ าว
381
ไปใหน้ าย ส. หวั หนา้ การประถมศึกษาฟังท่ีบา้ นของ ส. ทานองวา่ ปรึกษาหารือกนั ผเู้ สียหายเป็นครู
หากชูส้ าวจริงก็ผดิ วินยั และศีลธรรมดงั น้นั การกระทาดงั กล่าวจึงไม่มีเจตนาท่ีจะใส่ความผเู้ สียหาย
แต่เป็นวสิ ัยของประชาชนยอ่ มกระทาไดจ้ าเลยไม่ผดิ ฐานหมิ่นประมาท
แมข้ อ้ ความเป็นหม่ืนประมาทและอาจจะทาใหบ้ คุ คลอื่นไดร้ ับความเสียหายแตถ่ า้ หาก
การกระทาน้นั กฎหมายรับรองหรือคมุ้ ครองเช่นมาตรา 329 รัฐธรรมนูญบญั ญตั ิไวห้ รือในกรณีท่ีเกิด
จากความยนิ ยอมของผูเ้ สียหายก็ถือวา่ เป็นขอ้ ยกเวน้ ความผิดฐานหมิ่นประมาท
ข้อสังเกต
การหมิ่นประมาทผ่านทางอินเตอร์เนทในปัจจุบันไม่ถือว่าเป็ นความผิดตาม
พระราชบญั ญตั ิว่าด้วยการกระทาความผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เน่ืองจากการแก้ไข
ปรับปรุงกฎหมาย เป็ นฉบับที่ 2 ในปี พ.ศ.2560 เกี่ยวกับการหม่ินประมาทในเครือข่ายสังคม
ออนไลน์จานวนมาก และจะซ้าซ้อนกบั ประมวลกฎหมายอาญาในคดีหม่ินประมาท นอกจากน้ี
เพื่อให้การดาเนินคดีตามมาตรา 14 (1) เกิดประสิทธิภาพแก่ประชาชนมากข้ึน เพราะเดิมก่อนการ
แกไ้ ขมีคดีที่ฟ้องร้องเกี่ยวกบั การหมิ่นประมาทออนไลน์จานวนมาก ทาให้ไม่ตรงกบั เจตนารมณ์
ของพระราชบญั ญตั ิดงั กล่าวที่ม่งุ จะป้องกนั และปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพวิ เตอร์ซ่ึงเป็นคดี
ที่มีความซบั ซอ้ นและตอ้ งดาเนินคดีทางเทคนิค จึงปรับแกม้ าตรา 14 (1) และใหใ้ ชข้ อ้ ความดงั น้ี
“มาตรา 14 ผูใ้ ดกระทาความผิดที่ระบุไวด้ งั ต่อไปน้ี ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่
เกินหน่ึงแสนบาท หรือท้งั จาท้งั ปรับ
(1) โดยทจุ ริต หรือโดยหลอกลวง นาเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอร์ซ่ึงขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ที่
บิดเบือนหรือปลอมไม่วา่ ท้งั หมดหรือบางส่วน หรือขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์อนั เป็นเทจ็ โดยประการที่
น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อนั มิใช่การกระทาความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวล
กฎหมายอาญา”
จากบทบญั ญตั ิดงั กล่าว จะเห็นไดว้ า่ ความผดิ ฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมาย
อาญาตอ้ งดาเนินคดีอาญาทว่ั ไป ซ่ึงหากจะตีความตามลายลกั ษณ์อกั ษรจะพบวา่ การหมิ่นประมาท
หากผา่ นทางระบบคอมพิวเตอร์หรือทางออนไลนใ์ หแ้ จง้ ความร้องทกุ ขต์ ่อพนกั งานสอบสวน
เทา่ น้นั ท้งั น้ีเพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั เจตนารมณ์ของพระราชบญั ญตั ิดงั กลา่ ว
การหมิ่นประมาทคนตาย
มาตรา 327 ผใู้ ดใส่ความผตู้ ายต่อบคุ คลที่สาม และการใส่ความน้นั น่าจะเป็นเหตุใหบ้ ิดา มารดา คู่
สมรส หรือบุตรของผตู้ ายเสียช่ือเสียง ถูกดูหม่ินหรือถูกเกลียดชงั ผนู้ ้นั กระทาความผิดฐานหม่ิน
ประมาท ตอ้ งระวางโทษดงั บญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา 326 น้นั
มาตรา 327 ใส่ความผ้ตู ายเป็ นเหตุให้ผ้มู ชี ีวิตได้รับความเสียหาย
382
บคุ คลท่ีไดร้ ับความเสียหายตามมาตรา 327 จากดั แต่เฉพาะบิดามารดาคสู่ มรสหรือบตุ ร
ของผตู้ ายเทา่ น้นั ในท่ีน้ีตอ้ งเป็นตามกฎหมายเทา่ น้นั ไมใ่ ช่ตามความเป็นจริง ดงั น้นั บิดานอก
กฎหมายหรือภริยาที่ไมไ่ ดจ้ ดทะเบียนสมรสหรือภริยานอ้ ย ไม่ถือวา่ ไดร้ ับความเสียหายตามมาตรา
น้ี(ไกรฤกษ์ เกษมสันต,์ 2560, เลม่ 7, หนา้ 255)
มาตรา 327 เป็นบทคุม้ ครองผมู้ ีชีวติ อยบู่ ิดามารดาคสู่ มรสบุตรไมไ่ ดค้ ุม้ ครองช่ือเสียงของ
ผตู้ าย
การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
มาตรา 328 ถา้ ความผดิ ฐานหม่ินประมาทไดก้ ระทาโดยการโฆษณาดว้ ยเอกสาร ภาพวาด ภาพ
ระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตวั อกั ษรท่ีทาใหป้ รากฏไมว่ า่ ดว้ ยวิธีใด ๆ แผน่ เสียง หรือสิ่ง
บนั ทึกเสียง บนั ทึกภาพ หรือบนั ทึกอกั ษร กระทาโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือ
โดยกระทาการป่ าวประกาศดว้ ยวิธีอ่ืน ผกู้ ระทาตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกิน
สองแสนบาท
มาตรา 328 หมน่ิ ประมาทด้วยการโฆษณา
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1517/2536 เม่ือการกระทาเป็นความผดิ ตามมาตรา 328 ก็ไม่จาตอ้ งยก
มาตรา 326 ข้นึ ปรับลงโทษอีก
การโฆษณามีไดห้ ลายวิธีคอื การกระจายเสียง,ป่ าวประกาศพมิ พว์ าดระบายสีภาพยนตร์
แผน่ เสียงสิ่งบนั ทึกเสียง
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1273/2506 จาเลยกล่าวขอ้ ความหม่ินประมาทผอู้ ื่นต่อบรรณาธิการ
หนงั สือพิมพแ์ ละบรรณาธิการเอาขอ้ ความน้นั ลงพมิ พจ์ าเลยผิดมาตรา 326 เท่าน้นั หาผดิ มาตรา 328
ดว้ ยไมเ่ พราะจาเลยไมไ่ ดจ้ า้ งใหล้ งพิมพ์
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 223/2524 คาวา่ โฆษณาหมายถึงการเผยแพร่หนงั สือออกไปยงั
สาธารณชน คาวา่ การป่ าวร้องดงั น้นั การโฆษณาจึงหมายความวา่ เป็นการกระทาใด ๆ ที่ให้
ขอ้ เทจ็ จริงน้นั แพร่หลายไปยงั บคุ คลภายนอกในลกั ษณะวงกวา้ ง
คาพิพากษาฎีกาที่ 223/2524 การเสนอขอ้ ความหมิ่นประมาทไปยงั ผบู้ งั คบั บญั ชา
และโดยสภาพน้นั จะตอ้ งมีผเู้ ห็นหลาย ๆ คนไม่เป็นการหม่ินประมาทตามมาตรา 328 คงผิดมาตรา
326 เทา่ น้นั
การโฆษณาโดยปิ ดประกาศทวั่ หมูบ่ า้ นแมจ้ ะมีคนอ่านเพียงคนเดียวกผ็ ิดมาตรา 328
เพราะลกั ษณะการกระทาคือการไปปิ ดประกาศใหบ้ ุคคลท้งั หลายไดท้ ราบ
คาพิพากษาฎีกาที่ 65/2503 จาเลยพมิ พใ์ บปลิวขอ้ ความวา่ โจทกจ์ ่ายเชค็ เดง้ และไม่
จ่ายเงินตามคาพพิ ากษาศาลจาเลยเจตนาใส่ความหม่ินประมาทโดยการโฆษณาตามมาตรา 328
ไมใ่ ช่เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต
383
คาพิพากษาฎีกาท่ี 2272/2527 การปิ ดประกาศโฆษณาหม่ินประมาทเป็นความผิดตอ่ เน่ือง
จนกวา่ จะไดม้ ีการปลดป้ายประกาศออกไปซ่ึงถือไดว้ า่ การกระทาเป็นมลู แห่งความผดิ ฐานหม่ิน
ประมาทไดย้ ตุ ิลงอายคุ วามจะเริ่มนบั ต้งั แต่วนั ท่ีมีการปลดป้ายออกดงั น้นั แมจ้ าเลยจะปิ ดป้ายหม่ิน
ประมาทโจทกก์ ่อนที่โจทกจ์ ะไปร้องทกุ ขห์ รือฟ้องคดีเกิน 3 เดือน แต่เม่ือโจทกฟ์ ้องคดีไมเ่ กิน
3 เดือนนบั แต่วนั ที่ปลดป้ายโฆษณาออกคดีจึงไมข่ าดอายคุ วาม
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1312/2542 ความผดิ ฐานหมิ่นประมาทดว้ ยการโฆษณาหนงั สือพิมพ์
ตามมาตรา 328 ยอ่ มเป็นความผิดสาเร็จเมื่อมีการวางจาหน่ายหนงั สือพมิ พ์
อาจารยจ์ ิตติ เห็นวา่ ถา้ ปิ ดประกาศแต่ยงั ไม่มีคนอา่ นเพราะมีคนตามมาเกบ็ ก่อนกย็ งั ไม่
เป็นความผดิ สาเร็จ
มาตรา 328 เป็นเหตุใหร้ ับโทษหนกั ข้ึนซ่ึงตอ้ งผา่ นมาตรา 326 เสียก่อน
สรุปการหม่ินประมาทดว้ ยการโฆษณามี 3 วธิ ี 1. การโฆษณา 2. การป่ าวประกาศ
3. การกระจายเสียง
มาตรา 328 คือการกระทาใดๆที่ให้ ขอ้ เทจ็ จริงน้นั แพร่หลายไปยงั บุคคลภายนอกใน
ลกั ษณะวงกวา้ งแมจ้ ะมีบคุ คนเดียวทราบหรือไดอ้ ่านขอ้ ความก็เป็นความผดิ
คาพิพากษาฎีกาที่ 55919/2530 จาเลยใหส้ ัมภาษณ์ผสู้ ่ือขา่ วหนงั สือพิมพด์ ว้ ยขอ้ ความ
อนั มีมูลเป็นการหมิ่นประมาทแลว้ หนงั สือพมิ พน์ าขอ้ ความน้นั ไปลงพมิ พโ์ ฆษณาเมื่อปรากฏวา่
จาเลยไมไ่ ดใ้ ชบ้ งั คบั ขเู่ ขญ็ จา้ งวาน หรือยยุ งส่งเสริมการกระทาของจาเลยไม่เป็นความผิดตาม
มาตรา 328
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1459/2527 จาเลย (ผวู้ า่ การท่าอากาศยาน) มีหนงั สือตอบวา่ โจทก์
เพราะมีมลทินมวั หมองดงั น้ีมิใช่เป็นการโฆษณาตามความหมายของมาตรา 328
คาพิพากษาฎีกาที่ 223/2524 แมจ้ ะมีผทู้ ราบบนั ทึกกลา่ วโทษของโจทกต์ อ่ ผวู้ า่ ราชการ
จงั หวดั โดยผา่ นบุคคล 12-13 คนก็ไมใ่ ช่เผยแพร่ไปยงั สาธารณชนอนั เป็นการป่ าวร้องจึงไมเ่ ป็นการ
โฆษณาตามมาตรา 328
การหม่ินประมาทตามมาตรา 328 ตอ้ งผา่ นมาตรา 326 มาก่อน การหมิ่นประมาทน้นั
ผอู้ ื่นจะตอ้ งเขา้ ใจไดว้ า่ หมายถึงใคร
คาพิพากษาฎีกาที่ 3954/2539 จาเลยที่ 1 กล่าวถึงกองทพั บุคคลทวั่ ไปไม่อาจทราบไดว้ า่
หมายถึงกองทพั ใดจะถือวา่ จาเลยที่ 1 ใส่ความกองทพั บกโดยเฉพาะหาไดไ้ ม่ จึงไม่ใช่หมิ่นประมาท
กองทพั บก กองทพั บกไม่ใช่ผเู้ สียหาย
คาพิพากษาฎีกาที่ 3992/2539 แมจ้ าเลยท่ี 1 (บรรณาธิการหนงั สือพิมพ)์ ไม่มีเจตนา
หม่ินประมาทโจทก์ และลงพิมพข์ อ้ ความตามคาสัมภาษณ์ของจาเลยท่ี 2 เพ่ือใหป้ ระชาชนไดท้ ราบ
ก็ตามแตเ่ มื่อหนงั สือพิมพซ์ ่ึงจาเลยท่ี 1 เป็นบรรณาธิการลงขอ้ ความหม่ินประมาทโจทก์ จาเลยที่ 1
384
ก็ยอ่ มมีความผิดในฐานะเป็นตวั การตามพระราชบญั ญตั ิการพิมพ์ 2484 มาตรา 48 ตามฎีกาน้ี
ช้ีใหเ้ ห็นวา่ บคุ คลอาจจะตอ้ งรับผดิ ในทางอาญาโดยไมต่ อ้ งมีเจตนาไดเ้ พราะมีกฎหมายบญั ญตั ิไว้
โดยเฉพาะ
ขอ้ ยกเวน้ เก่ียวกบั ความผิดฐานหมิ่นประมาทมี 2 ส่วน
1. หมิ่นประมาทไม่เป็นความผิดมาตรา 329 มาตรา 331
2. หม่ินประมาทแตไ่ ดร้ ับการยกเวน้ โทษมาตรา 330
หมิ่นประมาทไม่เป็นความผิดในกฎหมายอ่ืนก็มีบญั ญตั ิไวเ้ ช่นรัฐธรรมนูญมาตรา 157
วรรคแรก ประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความแพง่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, 2556, หนา้ 193)
คาพิพากษาฎีกาที่ 56/2466 จาเลยถูกตอ้ งหาวา่ ลกั ทรัพยแ์ ต่จาเลยอา้ งฐานที่อยวู่ า่ วนั เกิด
เหตนุ อนอยกู่ บั นาง ก. ดงั น้ี เป็นสิทธิจะใหก้ ารตอ่ สูค้ ดีไม่ผดิ ฐานหมิ่นประมาทนาง ก.
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 249/2510 ตอบคาถามในฐานะเป็นพยาน ศาลถามวา่ เคยไดเ้ สียกนั
หรือไม่ จาเลยจึงตอบวา่ ไดเ้ สียกนั
อานาจกระทา
มาตรา 329 ผใู้ ดแสดงความคดิ เห็นหรือขอ้ ความใดโดยสุจริต
(1) เพ่ือความชอบธรรม ป้องกนั ตนหรือป้องกนั ส่วนไดเ้ สียเกี่ยวกบั ตนตามคลองธรรม
(2) ในฐานะเป็นเจา้ พนกั งานปฏิบตั ิการตามหนา้ ที่
(3) ติชมดว้ ยความเป็นธรรม ซ่ึงบคุ คลหรือส่ิงใดอนั เป็นวิสัยของประชาชนยอ่ มกระทา
หรือ
(4) ในการแจง้ ขา่ วดว้ ยความเป็นธรรมเร่ืองการดาเนินการอนั เปิ ดเผยในศาลหรือในการ
ประชุม
ผนู้ ้นั ไม่มีความผดิ ฐานหม่ินประมาท
มาตรา 329 ไม่ผิดฐานหมนิ่ ประมาท
ในเบ้ืองตน้ ตอ้ งปรากฏวา่ ผทู้ ี่แสดงความคดิ เห็นหรือขอ้ ความน้นั จะตอ้ งกระทาการโดย
สุจริต
มาตรา 329 (1) เพ่ือความชอบธรรมป้องกนั ตนหรือป้องกนั ส่วนไดเ้ สียเกี่ยวกบั ตนตาม
คลองธรรม
คาวา่ เพ่อื ความชอบธรรมหมายถึงเพ่ือความถูกตอ้ ง
385
คาวา่ ป้องกนั ตนตามคลองธรรม หมายถึง ป้องกนั เก่ียวกบั ช่ือเสียงหรือประโยชนข์ องตน
ตามวิธีที่ชอบใหพ้ น้ ภยั
ตวั อยา่ งประโยชนเ์ กี่ยวกบั ธุรกิจ คดีความ การร้องเรียนกล่าวโทษขา้ ราชการ สิทธิช้ีแจง
แกข้ ่าวเพ่อื ป้องกนั ช่ือเสียงเกียรติยศของตนไมใ่ หถ้ ูกดูหมิ่นเกลียดชงั อนั เนื่องมาจากการกระทาของ
บุคคลอ่ืน
ป้องกนั ส่วนไดเ้ สียเกี่ยวกบั ตนตามคลองธรรมหมายถึงป้องกนั ไปถึงประโยชนส์ ่วนได้
เสียที่มีความสมั พนั ธเ์ กี่ยวกบั ตนใหพ้ น้ ภยั ดว้ ยอาจจะเป็นส่วนไดเ้ สียเพราะเป็นเครือญาติ เป็นผอู้ ยู่
ใตบ้ งั คบั บญั ชา เป็นขา้ ราชการท่ีทางานร่วมกนั อยทู่ ี่เดียวกนั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 3269/2533 จาเลยและผเู้ สียหายต่างทางานอยทู่ ่ี สานกั งานท่ีดินที่
เดียวกนั จาเลยเขา้ ใจวา่ ผเู้ สียหายจะทุจริตต่อบคุ คลผมู้ าติดต่อ การที่จาเลยรายงานไปยงั
ผบู้ งั คบั บญั ชา ศาลเห็นวา่ จาเลยกระทาได้ และไมเ่ ป็นความผิดเพราะจาเลยมีส่วนไดเ้ สียเก่ียวกบั
การกระทาของผเู้ สียหายตามคลองธรรม
คาพิพากษาฎีกาที่ 417/2507 จาเลยฟ้องโจทกข์ อ้ หาบุกรุกและทาใหเ้ สียทรัพยจ์ าเลยทราบ
วา่ โจทกจ์ ะอา้ งฐานท่ีอยวู่ า่ ขณะเกิดเหตปุ ฏิบตั ิราชการอยู่ จาเลยจึงทาหนงั สือร้องเรียนถึงรัฐมนตรี
กระทรวงการคลงั ซ่ึงเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาของโจทกเ์ พ่ือไมใ่ หโ้ จทกท์ าหลกั ฐานเทจ็ เป็นการกระทา
โดยสุจริตเพ่ือความชอบธรรมป้องกนั ส่วนไดเ้ สียของจาเลยตามคลองธรรมตามมาตรา 329 อนุหน่ึง
เพราะจาเลยกาลงั ฟ้องโจทกอ์ ยจู่ าเลยจึงมีสิทธ์ิโดยชอบธรรมท่ีหาทางระงบั มลู เหตุอนั จะทาใหผ้ ล
ทางคดีเกิดความเสียหายมิไดเ้ จตนาแกลง้ ใส่ความหรือแกลง้ ประจานโจทก์
คาพิพากษาฎีกาที่ 2145/2539 การเสนอขา่ วหนงั สือพมิ พท์ ี่จาเลยที่ 1 เป็นบรรณาธิการ
โดยยนื ยนั ขอ้ เทจ็ จริงวา่ โจทกพ์ วั พนั กบั การคา้ เฮโรอีน และโจทกถ์ กู ระงบั วีซ่าหา้ มเขา้ อเมริกาซ่ึงไม่
เป็นความจริงมิใช่เพื่อป้องกนั ตนหรือป้องกนั ส่วนไดเ้ สียเก่ียวกบั ตนแต่อยา่ งใดเนื่องจากโจทกม์ ิได้
กระทาการใด ๆ ตอ่ จาเลยที่ 1 ก่อน จาเลยที่ 1 เสนอข่าวท่ีไม่เป็นความจริงจึงไมใ่ ช่การติชมดว้ ย
ความเป็นธรรมอนั เป็นวสิ ยั ท่ีจาเลยที่ 1 ในฐานะประชาชนมีสิทธ์ิทาไดแ้ ตก่ ารเสนอขา่ วดงั กลา่ ว
มุ่งหวงั ทาลายชื่อเสียงของโจทกซ์ ่ึงส่อแสดงเจตนาอนั ไม่สุจริตเพราะเสนอขา่ วติดต่อกนั หลายวนั
จาเลยท่ี 1 ไม่ไดร้ ับยกเวน้ ความผดิ ตามมาตรา 329 (1)
การลงข่าวขอ้ ความซ้าซากเป็นขอ้ แสดงประการหน่ึงใหเ้ ห็นวา่ จาเลยเสนอขา่ วโดยไม่
สุจริต
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 2195/2521 หนงั สือพมิ พข์ องโจทกล์ งรูปจาเลยซ่ึงเป็นรัฐมนตรีรวมอยู่
ในหมผู่ รู้ ้ายทาใหเ้ ขา้ ใจวา่ จาเลยเป็นคนประเภทเดียวกนั จาเลยจึงกลา่ วในการใหส้ มั ภาษณ์วา่
บรรณาธิการทาอยา่ งน้นั จิตใจเลวทรามต่าชา้ มาก ปัญญาทราม เป็นการป้องกนั ส่วนไดเ้ สียโดยสุจริต
ตามคลองธรรมมาตรา 329 (1)
ตวั อยา่ งคาพพิ ากษามาตรา 329 (1) แมไ้ มเ่ ป็นความจริงแต่ไดร้ ้องเรียนไปโดยสุจริต
386
จึงเขา้ ขอ้ ยกเวน้ มาตรา 329 (1)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1756/2521 ภรรยาท่ีไม่จดทะเบียนสมรสกล่าวกบั หญิงท่ีมี
ความสมั พนั ธ์กบั สามีวา่ คุณเป็นขา้ ราชการจะแยง่ ผวั ฉนั ดูซิวา่ ผิดไหม
คาพิพากษาฎีกาที่ 157/2458 จาเลยเขยี นคาร้องทุกขต์ ่อผบู้ งั คบั บญั ชาโจทกว์ า่ โจทก์
ประพฤติไม่ดีทาใหจ้ าเลยเดือดร้อนขอใหส้ อบสวนทางวนิ ยั
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1183/2517 พระในวดั เดียวกนั ทาหนงั สือร้องเรียนวา่ เจา้ อาวาสทาผิด
ธรรมวินยั ร่วมประเวณีกบั หญิงเขา้ มาตรา 329 (1)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1780/ 2546 หม่ินประมาททนายของตนเพราะไม่นาพาต่อคดีที่ตน
วา่ จา้ ง
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 4815/2546 ร้องเรียนโจทกต์ ่อผบู้ งั คบั บญั ชาของโจทกว์ า่ โจทกเ์ ป็น
ชูก้ บั ภรรยาของจาเลย
คาพิพากษาฎีกาท่ี 3017/2531 จาเลยใหก้ ารในฐานะพยานในกรณีท่ี ส. ผบู้ งั คบั บญั ชา
จาเลยถูกกล่าวหาวา่ ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีโดยมิชอบ และจาเลยเป็นผหู้ น่ึงที่ไดร้ ับผลจากการปฏิบตั ิหนา้ ที่
โดยมิชอบของ ส. จาเลยกล่ แมถ้ อ้ ยคาที่จาเลยกลา่ วจะพาดพิงไปถึงโจทกก์ ็เป็ นการแสดงขอ้ ความ
ขอ้ ความโดยสุจริตเพ่ือความชอบธรรม ป้องกนั ส่วนไดเ้ สียเก่ียวกบั ตนตามคลองธรรม การกระทา
ของจาเลยไมเ่ ป็นความผดิ มาตรา 326
มาตรา 329 (2) ในฐานะเป็นเจา้ พนกั งานปฏิบตั ิการตามหนา้ ที่
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 1459/2541 ผวู้ า่ การท่าอากาศยานตอบหนงั สือของกองทพั บกวา่ โจทก์
ถกู ปลดเพราะตอ้ งหาลกั ทรัพยเ์ ป็นการแสดงขอ้ เทจ็ จริงโดยสุจริตของเจา้ พนกั งานตามหนา้ ที่ไดร้ ับ
ยกเวน้ ความผดิ มาตรา 329 (2)
การที่เจา้ พนกั งานสอบสวนขอ้ เทจ็ จริงและสรุปสานวนตามความเป็นจริงโดยสุจริตเป็น
การปฏิบตั ิหนา้ ที่อยา่ งหน่ึงน่าจะเขา้ กรณีมาตรา 329 (2) หรือเจา้ พนกั งานสอบสวนก็อาจก็มีอานาจ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาอยแู่ ลว้
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 858/2523 สารวตั รใหญ่กลา่ วในที่ประชุมราชการอาเภอประจาเดือนวา่
โจทกต์ ้งั บ่อนการพนนั เล้ียงโจรเป็นการกลา่ วตามหนา้ ท่ีราชการไม่ผดิ มาตรา 326
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 223/2524 จาเลยไมใ่ ช่ผบู้ งั คบั บญั ชาโจทกท์ าบนั ทึกกล่าวโทษโจทก์
ตอ่ ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั วา่ โจทกไ์ มอ่ ทุ ิศเวลาทางานสายไม่ปฏิบตั ิตามคาสั่งเป็นการหม่ินประมาท
ไม่ใช่การแสดงความคดิ เห็นโดยสุจริตในฐานะเจา้ พนกั งานปฏิบตั ิหนา้ ที่ตามมาตรา 329 (2)
มาตรา 329 (3) ติชมดว้ ยความเป็นธรรมซ่ึงบคุ คลหรือส่ิงใดอนั เป็นวสิ ัยของประชาชน
ยอ่ มกระทา
387
ติชมด้วยความเป็ นธรรมหมายถึง กล่าวดว้ ยความเขา้ ใจว่าถูกตอ้ งและสมควรกล่าวตาม
ความรู้สึกของคนทวั่ ไป
แตไ่ ดร้ ับการยกเวน้ ความผิดก็เฉพาะคากลา่ วท่ีติชมอนั เป็นวสิ ยั ของประชาชนย่อมกระทา
วสิ ยั ของประชาชนยอ่ มกระทาเช่นกิจการบา้ นเมือง กิจการทอ้ งถิ่น กิจการสาธารณะ
พฤติการณ์เจา้ หนา้ ท่ีบา้ นเมือง ดารานกั แสดงนกั ร้อง พระภิกษุ ตวั แทนของประชาชน
การเสนอขา่ วของหนงั สือพิมพท์ ี่จะไมเ่ ป็นความผิดหม่ินประมาทก็อาศยั มาตรา 329 (3)
การเสนอข่าวเก่ียวกบั การกระทาผดิ อาญาจบั ผตู้ อ้ งสงสัยตอ้ งทาอยา่ งจากดั ไมก่ ลา่ วเกิน
เลยถึงขนาดยนื ยนั วา่ ผนู้ ้นั ไดก้ ระทาความผิดจริง ในทางกลบั กนั หากเป็นการกล่าวยนื ยนั ตวั วา่ เป็น
ผกู้ ระทาความผิดเช่นน้ีไมไ่ ดร้ ับความคุม้ ครองตามมาตราน้ี เพราะเป็นการกลา่ วเกินเลยไปจากการ
เสนอข่าว (ไกรฤกษ์ เกษมสนั ต,์ 2560, เลม่ 7, หนา้ 263)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1909/2519 จาเลยวา่ โจทกท์ าลายหลกั ฐานโบราณคดีและ
ประวตั ิศาสตร์ละเมิดกฎหมายบา้ นเมืองไม่สมกบั เป็นอาจารยม์ หาวิทยาลยั การกระทาของจาเลยเขา้
มาตรา 329 (3) ไม่ผดิ ฐานหม่ินประมาท
คาพิพากษาฎีกาท่ี 1551/2503 จาเลยกล่าววา่ การทานบของในอาเภอไมท่ าตามคาพดู
ทางานไมข่ าวสะอาดเป็นการกล่าวโดยสุจริต และอยใู่ นวสิ ัยของการติชมไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท
นายอาเภอเป็นเจา้ พนกั งานท่ีประชาชนตอ้ งพ่ึงพาเพราะฉะน้นั นายอาเภอจึงถูกติชม
เก่ียวกบั การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของนายอาเภอได้
คาพิพากษาฎีกาที่ 3371/2522 จาเลยกลา่ วหานายอาเภอ
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 1716/2522 จาเลยส่งขา่ วไปใหห้ นงั สือพิมพว์ า่ โจทกเ์ ป็นตารวจพดู
รุนแรงเป็นขอ้ ความถึงอธิบดีตารวจผา่ นหนงั สือพิมพเ์ ป็นการติชมดว้ ยความเป็นธรรมอนั เป็นวิสัย
ของประชาชน
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2315/2524 วจิ ารณ์เกี่ยวกบั การกระทาของพระไม่ใช่เป็นเร่ืองส่วนตวั
ศาลฎีกากเ็ คยวินิจฉยั วา่ เป็นการติชมดว้ ยความเป็นธรรมตามมาตรา 329 (3)
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 62/2535 ส.เป็นครูใหญ่รับเงินบริจาคมาแต่ลงบญั ชีไมค่ รบแลว้ ไมเ่ คย
ทาบญั ชีรับจ่ายใหค้ ณะทาการศึกษาโรงเรียนทราบ ล. เป็นกรรมการการศึกษาโรงเรียนกลา่ วแก่
บุคคลที่ 3 วา่ ส.โกงเงินโรงเรียนเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตติชมดว้ ยความเป็นธรรมอนั
เป็นวิสยั ของ ล. ในฐานะกรรมการศึกษาของโรงเรียนไมเ่ ป็นหม่ินประมาท
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 140/2505 ผแู้ พค้ ดีเท่ียวพดู ในวนั รุ่งข้นึ วา่ แพเ้ พราะเจา้ มืองไม่ให้
นายอาเภอมาเป็นพยานเจา้ เมืองอยา่ งน้ีราษฎรเดือดร้อนไม่เป็นการติชมตามมาตรา 329 (3) ท่ีผิด
เพราะพูดไมม่ ีขอบเขตในท่ีที่ไม่ควรพูดโดยมูลเหตุส่วนตวั ผิดวสิ ยั ที่ประชาชนยอ่ มกระทา
388
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 526/2525 หนงั สือพิมพล์ งขอ้ ความวา่ โจทกผ์ วู้ า่ ราชการจงั หวดั ปฏิบตั ิ
ตนไร้ศีลธรรมพวั พนั การจา้ งฆ่านกั ขา่ วใชอ้ านาจในทางท่ีผดิ ถือไม่ไดว้ า่ กล่าวติชมดว้ ยความเป็น
ธรรมตามวิสัยหนงั สือพมิ พพ์ ่ึงกระทา
การกระทาของหนงั สือพมิ พไ์ ม่ไดม้ ีสิทธิพิเศษยง่ิ ไปกวา่ สามญั ชนทว่ั ไป
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 354/2529 แพทยโ์ รงพยาบาลทาหนงั สือถึงผอาจารย์ วา่ รับสินบน
และมีเร่ืองชูส้ าวผิดวนิ ยั โดยอาศยั ท้งั ฐานความจริงและพฤติการณ์ของผอาจารยต์ ามท่ีแพทยเ์ ขา้ ใจ
โดยสุจริตเขา้ ขอ้ ยกเวน้ 329 (1) ประกอบ(3)
คาพิพากษาฎีกาท่ี 3316/2525 มีการลงขอ้ ความวา่ ปลดั ทุจริตท้งั ๆ ท่ียงั อยรู่ ะหวา่ งการ
สอบสวนไม่เป็นการเสนอขา่ วตามขอ้ เทจ็ จริงอนั เป็นการติชมโดยสุจริตมีความผดิ ตามมาตรา 326
มาตรา 329 (4) ในการแจง้ ขา่ วดว้ ยความเป็นธรรมเร่ืองการดาเนินการเปิ ดเผยในศาลหรือในการ
ประชุม
คาพพิ ากษาฎีกาที่ 2654/2543 รายงานเกี่ยวกบั การถกู ฟ้องคดีไมแ่ สดงใหเ้ ห็นเจตนาไม่
สุจริตจาเลยไมม่ ีความผิดตามมาตรา 329 (4)
คาพิพากษาฎีกาที่ 2976/2522 จาเลยเป็นบรรณาธิการหนงั สือพมิ พโ์ ฆษณาขอ้ ความวา่
เทศบาลราชบรุ ีจะขายท่ีดินใหแ้ ก่โรงพยาบาลราชบุรีหากโรงพยาบาลไม่ซ้ือจะฟ้องขบั ไล่
โรงพยาบาลซ่ึงขอ้ ความท่ีจาเลยโฆษณาตรงกบั ขอ้ ความท่ีบนั ทึกใหใ้ นรายงานการประชุมสภา
เทศบาลจาเลยไม่ไดโ้ ฆษณาขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ แต่การโฆษณาเป็นเร่ืองเปิ ดเผยในการประชุม
โดยสุจริตจึงไมเ่ ป็นความผิดมาตรา 329 (4)
คาพพิ ากษาฎีกาท่ี 6438/2531 หนงั สือพมิ พล์ งขอ้ ความตรงตามท่ีล.ฟ้อง จ. วา่ จ. เป็น
บุคคลลม้ ละลาย เป็นการรายงานเรื่องท่ี จ. ถูกฟ้องคดีลม้ ละลายยอ่ มไดร้ ับความคมุ้ ครองตามมาตรา
329 (4)
คาพิพากษาฎีกาที่ 51/2503 จาเลยกล่าวขอ้ ความหมิ่นประมาทในท่ีประชุมและจาเลย
กลา่ วอา้ งวา่ ไมเ่ ป็นความจริงตามมาตรา 329 (4) ศาลฎีกาว่าจาเลยเขา้ ใจกฎหมายผดิ เพราะมาตรา
329 (4) บญั ญตั ิถึงการดาเนินการอนั เปิ ดเผยในศาลหรือการประชุมแลว้ มีการแจง้ ข่าวดว้ ยความเป็น
ธรรมในเร่ืองน้นั ๆ แต่การที่จาเลยไปพูดกล่าวถอ้ ยคา หมิ่นประมาทในที่ประชุมสาธารณะ
จึงหาเขา้ ตามตวั บทกฎหมายท่ีจาเลยยกข้นึ มากลา่ วอา้ ง (กฎหมายคุม้ ครองผแู้ จง้ ข่าว มิใช่ผกู้ ลา่ ว)
ในกระบวนพิจารณาคดีในศาลมาตรา 331 ตา่ งกบั คาวา่ การดาเนินการอนั เปิ ดเผยในศาลมาตรา 329
มาตรา 331 คคู่ วาม/ ทนายของค่คู วามแสดงความคิดเห็น/ ขอ้ ความในกระบวนพิจารณา
คดีในศาลเพือ่ ประโยชน์แก่คดีของตนไมม่ ีความผิดฐานหม่ินประมาท
คาวา่ คคู่ วาม หมายถึง ตวั ความ ผมู้ ีสิทธ์ิทาการแทนบคุ คลน้นั
มาตรา 331 คมุ้ ครองเฉพาะคู่ความ หรือทนายความเทา่ น้นั ไมค่ ุม้ ครองพยาน