The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนตามแผนการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 4 MAT (หน้า 166)
ในการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(กำแพงแสน)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Mathurada Boonsong, 2022-01-11 09:08:17

ผลงานการวิจัยทางการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์

เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนตามแผนการจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 4 MAT (หน้า 166)
ในการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(กำแพงแสน)

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การตรวจสอบพฤกษเคมีเบอื้ งต้น ปริมาณฟี นอลกิ รวม และฤทธิก์ าจดั อนุมลู อสิ ระของผลจัน
Phytochemical Screening, Total Phenolic Content and Radical Scavenging Activity of
Gold Apple (Diospyros decandra Lour.) Fruit

ไพบูลย์ นันทนากรณ1์ * อรอมุ า โต๊ะยามา1 ไชยวฒั น์ ไชยสตุ 2 ชวลิต สทิ ธิสมบตั ิ3
อรญั ญา นนั ทนากรณ1์ และ พชั รวรรณ ตนั อมาตยรตั น4์

Paiboon Nuntanakorn1*, Onoomar Toyama1, Chaiyavat Chaiyasut2, Chavalit Sittisombut3,
Arunya Nuntanakorn1 and Patcharawan Tanamatayarat4

บทคดั ย่อ

งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือวิเคราะหห์ าสารพฤกษเคมี ปรมิ าณฟี นอลิกรวม และฤทธิ์กาจดั อนมุ ลู อิสระ
ของผลจนั โดยเปลือกหรือเนือ้ ของผลจนั สกุ นามาป่ันใหล้ ะเอียดในเมทานอลและนาไปสกัดดว้ ยเฮกเซน เมทิลีน
คลอไรด์ บิวทานอล ตามลาดบั สารสกัดแหง้ แต่ละชนิดนามาทดสอบหาสารพฤกษเคมี ปริมาณฟี นอลิกรวม
และฤทธิ์กาจดั อนมุ ลู อสิ ระ การตรวจสอบพฤกษเคมีเบอื้ งตน้ พบวา่ มี อลั คาลอยด์ เทอรพ์ ีนอยด์ และแทนนินอยู่
ในสารสกดั โดยสารอลั คาลอยดย์ งั ไม่มีรายงานการพบมาก่อน การหาปรมิ าณฟี นอลิกรวม และฤทธิ์กาจดั อนมุ ลู
อิสระทดสอบดว้ ยวิธี Folin-Ciocalteu และ ABTS radical scavenging assay ตามลาดบั ผลการทดลองพบวา่
สารสกดั เมทิลีนคลอไรดข์ องเนือ้ ผลสกุ มีปรมิ าณฟี นอลิกรวมสงู สดุ (125.0  0.5 mg GAE/ g extract ) และฤทธิ์
กาจดั อนมุ ลู อิสระสงู สดุ (0.0734  0.0005 g vitamin C/ g extract) ฤทธิ์กาจดั อนมุ ลู อิสระมีความสมั พนั ธก์ ับ
ปรมิ าณฟี นอลิกรวมโดยมีคา่ สมั ประสิทธิ์สหสมั พนั ธเ์ ท่ากบั 0.854 (P < 0.05) งานวิจยั ชีใ้ หเ้ ห็นวา่ สารสกดั จากผล
จนั มีสารกล่มุ ฟี นอลิกเป็นองคป์ ระกอบซ่ึงมีฤทธิ์กาจดั อนุมลู อิสระ การบริโภคผลไมน้ ีอ้ าจมีประโยชนต์ ่อสขุ ภาพ
อย่างไรก็ตามยงั จาเป็นตอ้ งมีการศกึ ษาวิจยั เพ่มิ เตมิ

คาสาคญั : การตรวจสอบพฤกษเคมเี บือ้ งตน้ ปรมิ าณฟีนอลิกรวม ฤทธิ์กาจดั อนมุ ลู อิสระ จนั

1 ภาควชิ าเภสชั เคมี คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร จ.นครปฐม 73000
Department of Pharmaceutical Chemistry, Faculty of Pharmacy, Silpakorn University, Nakorn-Pathom 73000 Thailand
2 ภาควชิ าวิทยาศาสตรเ์ ภสชั กรรม คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50200
Department of Pharmaceutical Science, Faculty of Pharmacy, Chiang Mai University, Chiang Mai 50200 Thailand
3 ภาควชิ าเภสชั เวท คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศิลปากร จ.นครปฐม 73000
Department of Pharmacognosy, Faculty of Pharmacy, Silpakorn University, Nakorn-Pathom 73000 Thailand
4 สาขาวชิ าบรบิ าลเภสชั กรรม คณะเภสชั ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั พะเยา จ.พะเยา 56000
Program of Pharmaceutical care, School of Pharmaceutical Sciences University of Phayao, Phayao 56000 Thailand

487

การประชมุ วิชาการระดับชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

Abstract

The objectives of this study were to analyze phytochemical compounds, total phenolic content
and radical scavenging activity of gold apple (Diospyros decandra Lour.) fruit. Peel or pulp of ripe fruits
were homogenized with methanol and then extracted with hexane, methylene chloride and butanol,
respectively. The individual dried extracts were investigated for phytochemical screening, total phenolic
content and radical scavenging activity. Phytochemical screening revealed the presence of alkaloids,
terpenoids and tannins in the extracts. Alkaloids have not been previously reported. Total phenolic
content and radical scavenging activity were tested using Folin-Ciocalteu colorimetric assay and 2, 2‫׳‬-
azinobis-3-ethylbenzothaizoline-6-sulfonic acid (ABTS) radical scavenging assay, respectively. The
results showed that the methylene chloride extract of ripe fruit possessed the highest phenolic content
(125.0  0.5 mg GAE/ g extract) and radical scavenging activity (0.0734  0.0005 g vitamin C/ g
extract). The correlation between radical scavenging activity and total phenolic content was observed
with correlation coefficient 0.854 (P < 0.05). This study indicated that the extracts of gold apple fruit
contained phenolic components with radical scavenging activity. The consumption of this fruit might be
useful for health benefits, however, the further study needs to be carried out.

Keyword: Phytochemical screening, Total phenolic content, Radical scavenging activity, Diospyros decandra Lour.
* Corresponding author; E-mail address: [email protected]

488

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ฤทธิข์ องกระเจ๊ยี บแดง ขมนิ้ ชัน และตะไคร้ทมี่ ตี อ่ ยุงราคาญ
Effect of Hibiscus sabdariffa, Curcuma longa and Cymbopogon citratus

on Culex quinquefasciatus

อจั ฉรยิ า ไผส่ ะอาด1, จนั ทรด์ ี ระแบบเลิศ*1, สภุ ทั รา เตยี วเจรญิ 2,ณฐั มาลยั นวล2, สพุ รรณญิกา เสง็ สาย1 วิรชั จ่นั หน2ู
Atchariya Paisaard1, Jundee Rabablert*1, Supathra Tiewcharoen2, Nat Malainual2, Supanyika Sengsai1,
Virach Junnu2

บทคดั ยอ่

เชือ้ ไวรสั ไขส้ มองอักเสบเจอีติดต่อสู่คนผ่านการกัดของยุงราคาญ Culex species ในการศึกษาปัจจุบัน ผูว้ ิจัย
ประเมินผลกระทบของพืชสมุนไพร กระเจี๊ยบแดง (Hibiscus sabdariffa), ขมิ้นชัน (Curcuma longa )และ ตะไคร้
(Cymbopogon citratus) ละลายในตวั ทาละลาย ไดแ้ ก่ ไดเมทิลซลั ฟอกไซด,์ เอทานอล หรือ นา้ อารโ์ อ ท่ีมีต่อยุงราคาญ
Culex quinquefasciatus ด้วยวิธี Larval toxicology และ Antifeedant assay ตามลาดับ ผลการศึกษา แสดง ค่าความ
เขม้ ขน้ นอ้ ยกว่าหรือเท่ากบั 100 ไมโครกรมั /มิลลิลิตร ของ สมนุ ไพรละลายในไดเมทิลซลั ฟอกไซด์ ยบั ยงั้ ยงุ ราคาญ ระยะ
ลูกน้าและระยะตัวเต็มวัย มากกว่า สมุนไพรละลายในเอทานอล และ สมุนไพรละลายในนา้ อารโ์ อ หลังการบ่มท่ี
อณุ หภมู ิหอ้ งเป็นเวลา 6, 12, 24 ช่วั โมง กระเจีย๊ บแดง ท่ีละลายในไดเมทลิ ซลั ฟอกไซด์ (100 ไมโครกรมั /มลิ ลิลิตร) ยบั ยงั้ ยงุ
ราคาญ ระยะลกู นา้ และระยะตวั เต็มวยั 100% หลงั การบ่มท่ีอณุ หภมู ิหอ้ งเป็นเวลา 24 ช่วั โมง ดงั นนั้ กระเจี๊ยบแดง อาจมี
ประโยชนใ์ นการควบคมุ ยงุ ราคาญ Culex spp.

คาสาคญั : ไขส้ มองอกั เสบเจอี,พชื สมนุ ไพร,ยงุ ,ค่าความเป็นพิษต่อลกู นา้ ,วิธียบั ยง้ั การกิน

Abstract

JapaneseencephalitisvirusistransmittedtohumansthroughthebiteofinfectedCulex speciesmosquitoes.
Inpresentstudy,weevaluatedtheeffectofmedicinalherbs(Hibiscus sabdariffa,Curcuma longaandCymbopogon
citratus) dissolved in the solvents such as Dimethyl Sulfoxide (DMSO), Ethanol (EtOH) or Reverse Osmosis (RO) on
Culex quinquefasciatus by Larval toxicology and Antifeedant assay, respectively. The result revealed that Herbs-
DMSO inhibited Culex quinquefasciatus at larval and adult stages more than Herbs-EtOH and herbs-RO after
incubation at room temperature for 6, 12, 24 hours. H. sabdariffa- DMSO ( 100 g/ ml) inhibited 100% Cx
quinquefasciatus atlarvalandadultstagesafterincubationatroomtemperaturefor24hours.Therefore,H. sabdariffa
may be useful for Culex species mosquito control.

Keyword: Japanese encephalitis, Medicinal herbs, Mosquitoes, Larval toxicity, Antifeedant assay
Corresponding author:[email protected]

1 ภาควชิ าชีววิทยา ภาควิชาชีววทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร นครปฐม 73000
1 Department of Biology, Faculty of Science, Silpakorn University, Nakhon Phatom, 73000
2 ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตรศ์ ิริราชพยาบาล มหาวิทยาลยั มหิดล กรุงเทพฯ 10700
2 Department of Parasitology, Faculty of Medicine Siriraj Hospital, Mahidol University, Bangkok, 10700

489

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การพฒั นาผลติ ภณั ฑเ์ ครื่องดมื่ เพอื่ สุขภาพจากนา้ กระชายผสมนา้ เสาวรส
The Product Development of Healthy Drink from Mixed Krachai Juice and Passion fruit Juice

ผกาลักษณ์ พุทธา1 และ สเุ ชษฐ์ สมหุ เสนีโต2
Pakalak Putta1 and Asst. Prof. Suched Samuhasaneetoo 2

บทคดั ยอ่

การพฒั นาผลิตภณั ฑเ์ คร่อื งด่ืมเพ่ือสขุ ภาพสาหรบั ผสู้ งู วยั จากนา้ กระชายผสมนา้ เสาวรส เพ่ือใหผ้ บู้ รโิ ภค
กล่มุ ผูส้ ูงวยั ยอมรบั สตู รท่ีพฒั นาไดด้ ีท่ีสุด คือ อตั ราส่วนนา้ กระชายต่อนา้ เสาวรสและฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์
เท่ากบั 40:40:20 มีค่าความเป็นกรด-ดา่ งเทา่ กบั 3.50 ปรมิ าณกรดทงั้ หมดเทา่ กบั 0.13% (citric acid) มีค่าสี L*,
a*, b* เท่ากบั 35.9, 3.4 และ 27.6 ตามลาดบั ผลการทดสอบทางประสาทสมั ผสั โดยผทู้ ดสอบท่ีมีอายตุ งั้ แต่ 45 ปี
ขนึ้ ไป พบวา่ มีคะแนนความชอบรวมเฉล่ยี 8.37

คาสาคญั : ผสู้ งู อาย,ุ นา้ กระชาย, นา้ เสาวรส, ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์

Abstract

Development of healthy beverages for the elderly from krachai juice mixed with passion fruit
juice for the elderly consumers was studied. The best formula is the ratio of krachai juice to passion fruit
juice and fructo-oligosaccharides was 40:40:20. The Physical and Chemical properties, such as pH was
3.50, the total acid content was 0.13% (as citric acid), the color was L*, a*, b* were 35.9, 3.4, and 27.6,
respectively. The sensory test was done by subjects aged 45 years and over showed a mean overall
liking score of 8.37.

Keyword : Elderly, Krachai juice, Passion fruit juice, Fructo-oligosaccharides
E-mail address : [email protected]

1,2 ภาควชิ าเทคโนโลยีอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตรแ์ ละเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร วิทยาเขตพระราชวงั สนามจนั ทร์ จ.
นครปฐม 73000
Department of Food Technology, Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University, Sanam Chan Palace
Campus, Nakhon Pathom 73000

490

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การพฒั นาวธิ กี ารบาบัดสารปนเปื้ อนร่วมในนา้ ใตด้ นิ โดยใช้เปอรซ์ ัลเฟตทถี่ กู กระตุ้นปฏกิ ิริยาด้วย
โลหะเฟอรไ์ รตน์ าโนคอมโพสิท

Developing Treatment Method for Co-Contaminant Groundwater Activated by Metal Ferrite
Nanocomposites

สิริมนต์ ฉันทกลุ วณิช1 ชนตั ถ์ โชคเจรญิ รตั น1์ * ชยั ณรงค์ สกลุ แถว2 และ มณีกาญจน์ อยเู่ อ่ยี ม1

Sirimon Chantakulvanich1, Chanat Chokejaroenrat1* Chainarong Sakulthaew2 and Maneekarn Yoo-iam1

บทคดั ยอ่

ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เกษตรกรสว่ นมากมีการใชส้ ารเคมีเพ่ือปอ้ งกนั กาจดั วชั พืช แมลง
และศัตรูพืชท่ีทาลายผลผลิตทางการเกษตร จึงเกิดการปนเปื้อนและตกค้างอยู่ในส่ิงแวดลอ้ มและแหล่งนา้
ธรรมชาติ เช่น นา้ ใตด้ ิน งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือพฒั นาประสิทธิภาพการบาบดั สารปราบศตั รูพืชรว่ ม 3 ชนิด
ไดแ้ ก่ มาลาไทออน อะลาคลอร์ และอะทราซีน ดว้ ยสารโซเดียมเปอรซ์ ลั เฟต (Na2S2O8) ท่ีถูกกระตนุ้ ดว้ ยโลหะ
เฟอรไ์ รต์ (MFe2O4) 3 ชนดิ (M= Zn, Ni, Mn) ในสภาวะท่ีเหมาะสม ผลการทดลองพบวา่ ซิงคเ์ ฟอรไ์ รต์ (ZnFe2O4)
0.4 กรมั ต่อลิตร สามารถกระตนุ้ โซเดียมเปอรซ์ ัลเฟตความเขม้ ขน้ 10.5 มิลลิโมลาร์ ใหเ้ กิดเป็นอนุมูลของเปอร์
ซลั เฟต (SO4•-) ไดด้ ีท่ีสุด โดยมีประสิทธิภาพการบาบดั สารปราบศตั รูพืชร่วมทงั้ 3 ชนิด ท่ีปนเปื้อนในนา้ ใตด้ ิน
ภายใน 24 ช่วั โมง คือ 72 45 และ 29 เปอรเ์ ซ็นต์ ตามลาดบั จากผลการทดลองแสดงใหเ้ ห็นว่าวิธีการท่ีพฒั นาขนึ้
สามารถบาบดั สารปราบศตั รูพืชท่ีปนเปื้อนในนา้ ใตด้ นิ ไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ

คาสาคัญ: การกระตนุ้ เปอรซ์ ลั เฟต การบาบดั นา้ ใตด้ ิน ซิงคเ์ ฟอรไ์ รต์ สารปนเปื้อนรว่ ม การบาบดั สารปราบศตั รูพืช

Abstract

Thailand is an agricultural country that most farmers intentionally use chemicals to prevent
weeds, insects, and pests. Improper uses of these pesticides can result in contamination of natural
water sources such as groundwater. This research aims to develop the efficiency of the oxidation
treatment method for co-contaminated groundwater. Three representative pesticides are malathion,
alachlor, and atrazine. Sodium persulfate (Na2S2O8) was activated by three different metal ferrites
(MFe2O4) (M= Zn, Ni, and Mn). Zinc ferrite (ZnFe2O4) at 0.4 g/L was the best activator to induce 10.5 mM
of Na2S2O8 to produce persulfate radicals (SO4•-) that are capable of degrading these three pesticide
altogether within 24 hours by 72, 45, and 29%, respectively. The results provided proof that the
developed method and the newly synthesized activator can effectively treat pesticides contaminated in
groundwater.

Keywords: co-contaminant, groundwater remediation, persulfate activation, pesticide removal, zinc ferrite
*Corresponding author; email address: [email protected]
_____________________
1ภาควิชาเทคโนโลยแี ละการจดั การสิง่ แวดลอ้ ม คณะสิ่งแวดลอ้ ม มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10900
1 Department of Environmental Technology and Management, Faculty of Environment, Kasetsart University, Bangkok 10900.
2ภาควิชาเทคนคิ การสตั วแพทย์ คณะเทคนคิ การสตั วแพทย์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10900
2 Department of Veterinary Technology, Faculty of Veterinary Technology, Kasetsart University, Bangkok 10900.

491

การประชุมวิชาการระดับชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การซ้อนทบั ของอาหารในปลาจวดสองชนิด Aspericorvina jubata (Bleeker, 1855) และ
Dendrophysa russelli (Cuvier, 1830) บริเวณพนื้ ทชี่ ายฝ่ังของอ่าวไทยตอนใน

Diet overlap of two sciaenids, Aspericorvina jubata (Bleeker, 1855) and Dendrophysa russelli (Cuvier, 1830)
in coastal areas, Inner Gulf of Thailand

ศิรประภา เปรมเจริญ1
Siraprapha Premcharoen

บทคัดยอ่

การซอ้ นทบั ของอาหารของปลาจวด Aspericorvina jubata (Bleeker, 1855) (จานวน 587) และปลาจวดหนา้
สนั้ Dendrophysa russelli (Cuvier, 1829) (จานวน 279 ตวั ) ไดท้ าการศกึ ษาจากตวั อย่างท่ีรวบรวมจากบรเิ วณชายฝ่ัง
ปากแม่นา้ แม่กลอง และปากแม่นา้ บางตะบนู วิเคราะหร์ อ้ ยละของปรมิ าณและดชั นีความสาคญั สมั พทั ธ์ (%IRI) พบชนิด
อาหารในกระเพาะ 10 กล่มุ โดย กุง้ แพลงกต์ อนสตั ว์ ปลา เคย และสตั วห์ นา้ ดินท่ีไม่มีกระดกู สนั หลงั เป็นองคป์ ระกอบ
หลกั ของอาหารในกระเพาะของปลาจวดทงั้ สองชนิด ทงั้ ในระยะวยั อ่อนและตวั เต็มวยั โดยท่ีปลาจวด Aspericorvina
jubata พบแพลงกต์ อนสตั ว์ เป็นองคป์ ระกอบหลกั ของอาหารในกระเพาะมากท่ีสดุ (รอ้ ยละ 63.45, % IRI = 76.31) สว่ น
ปลาจวดหนา้ สนั้ Dendrophysa russelli พบกงุ้ เป็นองคป์ ระกอบหลกั ของอาหารในกระเพาะมากท่ีสดุ (รอ้ ยละ 49.31, %
IRI = 30.54) เม่ือเปรียบเทียบกล่มุ อาหารท่ีพบในปลาแต่ละช่วงวยั พบมีความแตกตา่ งกนั อย่างมีนยั สาคญั ท่ีระดบั ความ
เช่ือม่นั รอ้ ยละ 95 จากการวิเคราะหค์ ่าดชั นีการซอ้ นทบั ของอาหาร Morisita -Horn index มีคา่ ค่อนขา้ งต่า (0.25) ในปลา
จวดระยะวยั รุ่น ขณะท่ีระยะตวั เต็มวยั มีค่าค่อนขา้ งสูง (0.80) จากผลการศึกษาแสดงใหเ้ ห็นถึงการแบ่งสรรทรพั ยากร
อาหารในปลาจวดสองชนดิ นีอ้ ย่างชดั เจนในชว่ งวยั ท่ตี า่ งกนั

คาสาคญั : Aspericorvina jubata Dendrophysa russelli การซอ้ นทบั ของอาหาร

Abstract
Diet overlap of Aspericorvina jubata (n = 587) and Dendrophysa russelli (n = 279) inhabiting
coastal areas of Mae Klong and Bang Taboon estuaries were investigated through gut-content analysis
using Index of Relative Importance (IRI). The main diet consisted of 10 prey types with the major preys
including shrimp, zooplankton, fish, sergestid shrimp and benthic invertebrates, those formed in the guts of
both juvenile fish and adult fish. Zooplankton was the most consumed prey of Aspericorvina jubata (63.45%,
% IRI = 76.31) whereas shrimp formed the most diet of Dendrophysa russelli (49.31%, % IRI = 30.54).
There was a clearly significant difference in the percentage composition of food items among age groups
(p=0.05). The values of Morisita -Horn index between each age group were relatively low (0.25) recorded
in juvenile fish, whereas the highest value (0.80) recorded in adult fish. The results reveal a shared well
distinctive patterns of resource partitioning on ontogenetic changes in two sciaenids.

Keywords: Aspericorvina jubata, Dendrophysa russelli, Diet overlap
* Email address: [email protected]

1 ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะศิลปศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ นครปฐม 73140
Department of Science, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, Nakhon Pathom 73140

492

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

รูปแบบความต้านทานสารปฏชิ ีวนะของเอนเทอรโ์ รแบคทเี รียในนา้ ทะเลจากอา่ วไทยตอนบน
Antibiotic Resistance Patterns of Marine Enterobacteria in the Upper Gulf of Thailand

พงศร์ ะวี น่มิ นอ้ ย1 และ นีลวรรณ พงศศ์ ลิ ป์ 2
นกั วจิ ยั ทงั้ สองคนมีสว่ นรว่ มในงานวิจยั เทา่ กนั
Pongrawee Nimnoi1 and Neelawan Pongsilp2
Both authors contributed equally to this research.

บทคัดย่อ

นา้ ทะเลจากแหลง่ เก็บตวั อย่าง 9 แหลง่ ตามชายฝ่ังอ่าวไทยมีเชือ้ ท่ีคาดวา่ จะเป็นเอนเทอรโ์ รแบคทเี รียเป็นจานวน

ตงั้ แต่ 0.22 ± 0.44 ถงึ 17.00 ± 3.97 CFU/มลิ ลิลิตร จาแนกไดเ้ ป็น 101 สายพนั ธุโ์ ดยใชล้ ายพมิ พด์ เี อ็นเอจากเทคนิค

ERIC-PCR ซ่งึ สายพนั ธุข์ องเชือ้ ส่วนมากตา้ นทานตอ่ แอมพิซิลลิน (รอ้ ยละ 76.2) และไทคารซ์ ิลลิน (รอ้ ยละ 72.3) แตไ่ ม่มีสาย
พันธุ์ใดท่ีตา้ นทานอิมิพีเนม นอกจากนี้ พบว่ามีรูปแบบความตา้ นทานสารปฏิชีวนะ 45 รูปแบบ และรอ้ ยละ 33.7 แสดง
ลกั ษณะ multidrug resistance จากรูปแบบยีนตา้ นทานสารปฏิชีวนะ 7 รูปแบบ ตรวจพบยีนควบคมุ การสงั เคราะหเ์ อนไซม์ β-

lactamase 3 ยีน ซง่ึ ไดแ้ ก่ ampC, blaSHV และ blaTEM คิดเป็นรอ้ ยละ 47.5, 22.8 และ 11.9 ตามลาดบั

คาสาคัญ: เอนเทอรโ์ รแบคทเี รยี , อา่ วไทย, ความตา้ นทานสารปฏิชีวนะ, ความหลากหลายของแบคทีเรีย

Abstract

Seawater from nine sampling sites along the Upper Gulf of Thailand contained presumptive
enterobacteria that ranged from 0.22 ± 0.44 to 17.00 ± 3.97 CFU/mL. The 101 enterobacterial strains
were distinguished by ERIC-PCR fingerprints. The highest prevalence was resistant to ampicillin (76.2%)
and ticarcillin (72.3%), respectively, whereas none was resistant to imipenem. Forty-five antibiotic
resistance patterns were observed and 33.7% exhibited multidrug resistance. Among seven antibiotic
gene resistance patterns, three β-lactamase genes including ampC, blaSHV, and blaTEM were
detected at the frequencies of 47.5%, 22.8%, and 11.9%, respectively.

Keywords: Enterobacteria, the Gulf of Thailand, Antibiotic resistance, Bacterial diversity
E-mail address: [email protected]

1 โครงการจดั ตงั้ ภาควชิ าจลุ ชีววทิ ยา คณะศลิ ปศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน จ. นครปฐม 73140
Microbiology department, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus, Nakhon Pathom
73140
2 ภาควิชาจลุ ชีววทิ ยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร วิทยาเขตพระราชวงั สนามจนั ทร์ จ. นครปฐม 73000
Department of Microbiology, Faculty of Science, Silpakorn University, Sanamchandra Palace Campus, Nakhon Pathom 73000

493

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การพฒั นาผลิตภัณฑเ์ หด็ นางรมอบแหง้ ผสมไซรัปหญ้าหวานเสริมโพรไบโอตกิ
Development of Dried Oyster Mushroom Product Mixed with
Probiotic-Supplemented Stevia Syrup

ศรัณย์ พรหมสาย 1* ปิยะณฐั ดสิ สานนท1์ และ สลลั ลิลล์ วรรธนะชชู ่ืน1
Saran Promsai 1*, Piyanat Dissanont1 and Salanlin Wanthanachoocheun1

บทคัดยอ่

การทดลองนีไ้ ดม้ ีการนาเห็ดนางรมหลวงอบแหง้ และไซรปั ท่ีทามาจากหญา้ หวานมาสรา้ งผลิตภณั ฑโ์ พร
ไบโอติก โดยการคัดเลือกแบคทีเรียโพรไบโอติก 2 สายพันธุ์ คือ Bacillus coagulans KPS-TF02 และ
Lactobacillus rhamnosus KUKPS60007 นามาผสมลงในผลิตภณั ฑ์ เพ่ือทดสอบการอย่รู อดของแบคทีเรียโพร
ไบโอติก โดยนาไซรปั หญา้ หวานความเขม้ ขน้ 80% ปรมิ าตร 200 มิลลิลติ ร นาไปฆ่าเชือ้ ดว้ ยไอนา้ ท่ีอณุ หภมู ิ 100
องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที พักใหเ้ ย็นนามาผสมกับเซลลส์ ดของแบคทีเรียโพรไบโอติกทงั้ สองสายพนั ธุ์
ปริมาณ 2 กรมั จากนั้นนามาราดบนเห็ดนางรมอบแหง้ ปริมาณ 10 กรมั นาไปเก็บรกั ษาเป็นเวลา 2 สัปดาห์
ตรวจสอบทางจุลชีววิทยาหลงั การผลิตในสปั ดาหท์ ่ี 0, 1 และ 2 พบว่า ไม่พบการเจริญของ Escherichia coli
รวมทั้งยีสตแ์ ละรา และอัตราการรอดชีวิตของแบคทีเรียโพรไบโอติกในวันท่ี 14 ของการเก็บรกั ษา 88.89 %
(1.6x109 CFU/g)

คาสาคัญ : โพรไบโอติก, เหด็ , หญา้ หวาน

Abstract

From this experiment, the dried King oyster mushroom and syrup from Stevia were used to
produce the probiotic products mixed with 2 strains of probiotic bacteria including Bacillus coagulans
KPS-TF02 and Lactobacillus rhamnosus KUKPS6007, and evaluated their survivability in the product.
Two hundred millilitres of 80% stevia syrup was sterilized at 100 C̊ for 10 min and cooled down prior to
mixing with 2 g of fresh cells of two probiotic bacteria. Then, the mixture was poured on 10 g of dried
oyster mushrooms and stored for two weeks. The microbiological safety testing was examined on week
0, 1 and 2. After storage for 14 days, the survival rate of probiotic bacteria was 88.89% (1.6x109 CFU/g).
On the other hands, the survival rate of Escherichia coli was undetectable.

Keyword : Probiotic, Mushroom, Stevia
E-mail address : [email protected]

1 โครงการจดั ตงั้ ภาควชิ าจลุ ชีววิทยา คณะศิลปศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน จ. นครปฐม 73140
Department of Microbiology, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus, Nakhon
Pathom 73140

494

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

ความถ่วงจาเพาะเนือ้ ไม้และผลต่อการประเมนิ มวลชวี ภาพเหนือพนื้ ดนิ ของป่ ารุ่นสอง
ณ อุทยานแหง่ ชาตเิ ขาใหญ่

Wood Specific Gravity and Effect Aboveground Biomass Estimation in Secondary Forests of
Khao Yai National Park

พชั ราพรรณ ไตรภพ1 วิรงค์ จนั ทร1 และอนตุ ตรา ณ ถลาง 2
Patcharapan Thripob1, Wirong Chanthorn1, and Anuttara Nathalang2

บทคดั ยอ่

ความถว่ งจาเพาะเนือ้ ไม้ (WSG) เป็นตวั แปรท่ีมีความแม่นยาสาหรบั การประเมินมวลชีวภาพเหนือพืน้ ดิน
(AGB) ทั้งนีก้ ารศึกษาเก่ียวกับความผันแปรของ WSG มีอยู่อย่างจากัดโดยเฉพาะในป่ ารุ่นสอง งานวิจัยนีม้ ี
วตั ถุประสงคเ์ พ่ือวิเคราะหส์ าเหตุความผันแปรของ WSG ท่ีมีผลต่อการประเมิน AGB ของป่ ารุ่นสอง สาเหตุ
ความผันแปร WSG ท่ีศึกษาคือขนั้ การทดแทนของป่ า (Stage) และขนาดเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลางระดบั อก (DBH) ผล
การศึกษาพบว่า DBH เป็ นสาเหตุหลักของความผันแปรสาหรับ Machilus gamblei และ Cratoxylum
cochinchinens ผลการวิเคราะหป์ ริมาณ AGB ท่ีไดจ้ ากวิธีท่ัวไป และวิธีการใช้ WSG จากฐานข้อมูลโลกเม่ือ
เปรียบเทียบกบั วิธีท่ีพฒั นาขนึ้ จากงานวิจยั นีพ้ บความแตกต่างรอ้ ยละ 3.2 รอ้ ยละ 7.9 และรอ้ ยละ 2.1 รอ้ ยละ 4.9
สาหรบั M. gamblei และ C. cochinchinense ตามลาดบั

คาสาคญั : ความถ่วงจาเพาะเนือ้ ไม้ ความผนั แปรของคา่ ความถ่วงจาเพาะเนือ้ ไม้ มวลชีวภาพเหนือพนื้ ดิน ป่ารุน่ สอง

Abstract

Wood specific gravity (WSG) is one of the important parameters for aboveground biomass
(AGB) estimation. However, the variations of WSG are poorly known especially in a secondary forest.
This research aims to dissect the causes of WSG variability and how they affect AGB estimation in a
secondary tropical forest. The causes of WSG variability comprise successional stages and diameter at
breast height (DBH) of sampled trees. Results showed that DBH was the cause of variation in Machilus
gamblei and Cratoxylum cochinchinens. We compared the AGB estimation based on the conventional
method and WSG data from the global database with our method. The differences of both methods were
3.2% and 7.9% for M. gamblei and 2.1% and 4.9% for C. cochinchinense.

Keywords: Wood Specific Gravity, WSG variation, Aboveground Biomass, Secondary forest
*Corresponding author; e-mail address: [email protected]

1 ภาควชิ าเทคโนโลยีและการจดั การสิ่งแวดลอ้ ม คณะสง่ิ แวดลอ้ ม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพ 10900
Department of Environmental Technology and Management, Faculty of Environment, Kasetsart University, Bangkok 10900

2 ธนาคารทรพั ยากรชีวภาพแห่งชาติ สานกั งานพฒั นาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี ห่งชาติ ปทมุ ธานี 12120
National Biobank of Thailand, National Science and Technology Development Agency, Pathum Thani 12120

495

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

Abstract

The radioactive nuclides were cancer-causing agents in which from both natural and man-made
origins. Natural radioactive was mostly found in the mining area. The purposes of this research aimed
to analyze the specific activity of the natural radioactive nuclide of 226Ra, 232Th and 40K, moreover; to
calculate the radium equivalent activity (Raeq), the Internal hazard index (Hin), the external hazard index
(Hex), the gamma-absorbed dose rate (D) and the annual external effective dose rate (E) in the 25 soil
samples from ex-mining area, Phu Tha Jo, Phangnga Province by using gamma-ray spectrometer with
a high purity germanium detector (HPGe). The results revealed that the specific activity of radioactive
nuclides of 226Ra, 232Th and 40K are in the range of 44.66 - 259.26 Bq/kg (mean 91.89 ± 0.76 Bq/kg),
71.53 - 250.02 Bq/kg (mean 111.96 ± 0.68 Bq/kg) and 692.83 - 2012.04 Bq/kg (mean 1230.54 ± 0.79
Bq/kg). Respectively, many soil samples which had specific radioactive nuclides values were higher
than the average of Thailand and global average. In addition, the Internal hazard index (Hin) (mean 1.18
± 0.45) and the gamma-absorbed dose rate (D) (mean 161.30 ± 0.73 nGy/h) were higher than the
UNSCEAR criterion (2000).

Keyword: Radionuclide, Ex-Mining, Phu Tha Jo, Phangnga Province, High-Purity Germanium Detectors (HPGe)
E-mail address: [email protected]

496

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

พลวัตของรากฝอยในป่ ารุ่นสองและป่ าสมบรู ณใ์ นป่ าดบิ ชืน้ ตามฤดูกาล
Fine root dynamics in secondary forest and old growth forest in a seasonal evergreen forest

ธัณทญิ าภรณ์ เขม็ รุกขา1 วิรงค์ จนั ทร1 ฉตั รทิพย์ รอดทศั นา2 และ พนั ธนา ตอเงนิ 3
Thantiyapawn Kemrugka1, Wirong Chanthorn1, Chadtip Rodtassana2 and Pantana Tor-ngern3

บทคัดย่อ

รากฝอยมีบทบาทสาคญั ในการหมุนเวียนคารบ์ อนและสารอาหารในระบบนิเวศป่ าไม้ อย่างไรก็ตามการศึกษา
พลวตั รากฝอยยงั คงมอี ย่อู ย่างจากดั ในป่าเขตรอ้ นภมู ภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ การศกึ ษานีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือตรวจสอบ
มวลชีวภาพ การผลิต และอตั ราการเวียนกลบั ของรากฝอยในป่ ารุ่นสองและป่ าสมบูรณใ์ นป่ าดิบชืน้ ตามฤดูกาล พบมวล
ชีวภาพรากฝอยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ (p<0.001) ในป่ ารุ่นสองและป่ าสมบูรณ์ โดยมีค่าเฉล่ียอยู่ในช่วง
225.56ถงึ 277.02และ147.31ถงึ 166.69กรมั /ตารางเมตรตามลาดบั อย่างไรก็ตามผลผลติ และอตั ราการเวียนกลบั รากฝอย
ไม่แตกต่างกนั อย่างมีนยั สาคญั ในป่ารุน่ สองและป่าสมบรู ณ์ ผลการศกึ ษานีช้ ่วยใหเ้ ขา้ ใจบทบาทของป่าในวฏั จกั รคารบ์ อน
ซง่ึ เป็นประโยนชนใ์ นการอนรุ กั ษห์ รือจดั การการหมนุ เวยี นคารบ์ อนและสารอาหารในระบบนิเวศป่าไมไ้ ดอ้ ยา่ งย่งั ยืน
คาสาคัญ: มวลชีวภาพรากฝอย ผลผลิตรากฝอย อตั ราการเวยี นกลบั รากฝอย ป่าเขตรอ้ น ป่ารุน่ สอง

Abstract

Fine roots play a critical role in carbon and nutrient cycles in forest ecosystems. However, studies related
to fine root dynamics are still limited in Southeast Asian tropical forests. This study aims to examine biomass,
production, and turnover rate of fine roots in secondary forest and old-growth forest in a seasonal evergreen forest.
Fine root biomass was significantly different (p<0.001) in secondary forest and old-growth forest, with average
values in the range of 225.56 to 277.02 and 147.31 to 166.69 g/m², respectively. However, there was no significant
difference in production and turnover rate of fine root in secondary forest and old-growth forest. The result of this
study improves our understanding of the role of forests in the carbon cycle, which is useful in conserving or
managing carbon and nutrient cycling in a sustainable forest ecosystem.

Key words: Fine root biomass, Fine root production, Fine root turnover rate, Tropical forest, Secondary forest
E-mail address: [email protected]

1 ภาควิชาเทคโนโลยีและการจดั การส่ิงแวดลอ้ ม คณะส่งิ แวดลอ้ ม มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ จ.กรุงเทพมหานคร 10900
Department of Environmental Technology and Management, Faculty of Environment, Kasetsart University, Bangkok 10900, Thailand
2 ภาควิชาพฤษศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั จ.กรุงเทพมหานคร 10330
Department of Botany, Faculty of Science, Chulalongkorn University, Bangkok 10330, Thailand
3 ภาควชิ าวิทยาศาสตรส์ ิ่งแวดลอ้ ม คณะวิทยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั กรุงเทพมหานคร 10330
Department of Environmental Science, Faculty of Science, Chulalongkorn University, Bangkok 10330, Thailand

497

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การตรวจหารอยลายนิว้ มอื แฝงบนวตั ถุไมม่ ีรูพรุนโดยใช้ผงเปลอื กมังคุด
LATENT FINGERPRINTS DEVELOPMENT ON NON POROUS SURFACE BY GARCINIA

MANGOSTANA L. POWDER

วรัญญา ปทมุ ยา1, พเิ ชษฐ อนรุ กั ษอ์ ดุ ม2*
Waranya Pathumya1, Piched Anuragudom2*

บทคดั ย่อ

วัตถุประสงคข์ องงานวิจัยนี้ เพ่ือศึกษาการปรากฏขึน้ ของลายนิว้ มือแฝงบนพืน้ ผิวไม่มีรูพรุนดว้ ยผงเปลือก
มงั คดุ และเปรียบเทียบกบั ผงฝ่นุ ดา โดยใชผ้ งเปลอื กมงั คดุ ซง่ึ เป็นวตั ถดุ ิบจากธรรมชาติ ในการทดลองนาเปลือกมงั คดุ
มาบดและรอ่ นผา่ นตะแกรง และทาการเปรยี บเทียบคณุ ภาพของรอยลายนิว้ มือแฝงจากการนบั จดุ ลกั ษณะสาคญั พเิ ศษ
(minutiae) ดว้ ยเคร่ือง AFIS และตรวจโดยผเู้ ช่ียวชาญทางดา้ นลายนิว้ มือแฝง จากการวิจยั พบว่า อนภุ าคของผง
เปลือกมงั คดุ ท่ีมีลกั ษณะการกระจายตวั ของอนภุ าค ไม่เกาะกนั เป็นกลมุ่ กอ้ น ผงเปลือกมงั คดุ จงึ สามารถเกาะตดิ
รอยลายนิว้ มือแฝงบนพืน้ ผวิ ไดด้ ี จากผลการทดลองพบวา่ เม่ือใชก้ ารปัดดว้ ยผงเปลือกมงั คดุ จะไดร้ อยลายนิว้ มือ
แฝงท่ีมีคณุ ภาพดีบนพืน้ ผิวอย่างกระจกและกระเบือ้ งเซรามิก ทงั้ นีส้ งั เกตไดจ้ ากจานวนจดุ ลกั ษณะสาคญั พิเศษ
ของรอยลายนิว้ มือแฝงเม่ือเทียบกบั การปัดผงฝ่นุ ดา อย่างไรก็ตามเม่ือใชว้ ิธีนีก้ บั สแตนเลส ซองพลาสติกใส และ
แผ่นซีดี กลบั ไดร้ อยลายนิว้ มือแฝงท่ีมีคุณภาพไม่ดี จากการศึกษานีส้ รุปไดว้ ่า ผงเปลือกมงั คุดสามารถหารอย
ลายนิว้ มือแฝงบนพืน้ ผวิ ไมม่ ีรูพรุนได้ และสามารถนามาใชป้ ระโยชนใ์ นทางนิตวิ ทิ ยาศาสตรไ์ ด้

คาสาคญั : รอยลายนวิ้ มือแฝง, ผงเปลอื กมงั คดุ , พืน้ ผิวไมม่ ีรูพรุน, ระบบตรวจสอบลายพมิ พน์ ิว้ มอื อตั โนมตั ิ (AFIS)

Abstract

The objective of this study was to examine the latent fingerprints developed on non-porous
surfaces using Garcinia mangostana L. powder and compare them with black dust, a natural material.
The quality of the developed fingerprint was examined by counting the minutiae with AFIS and by visual
comparison made by the fingerprint experts. The well-dispersed particles in Garcinia mangostana L.
powder thus rendered a good deposition of the powder on fingerprint ridges made on various surfaces.
It was found that, by developing with Garcinia mangostana L. powder, high quality of fingerprints, as
suggested by the number of minutiae, can be observed on various substrates namely, mirror and
ceramic plate. However, with the method used, a poor quality fingerprint was observed on stainless
steel, plastic and CD. The results from this work thus suggested that the Garcinia mangostana L. powder
is a valuable reagent for the development of fingerprints on non-porous surfaces and it can be applied
to real forensic samples powder is a valuable reagent for the development of fingerprints on non-porous
surfaces and it can be applied to real forensic samples.

Keywords : Latent fingerprint, Garcinia mangostana L. powder, Non-porous surfaces, Automatic fingerprint identification system
(AFIS)
E-mail address [email protected], [email protected]

1,2* โครงการหลกั สตู รวิทยาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ านติ ิวทิ ยาศาสตร์ โครงการจดั ตงั้ ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน จ.นครปฐม 73140

M.S. Forensic Science Program, Department of Chemistry division, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University,
Kamphaeng Saen Campus, Nakhon Pathom 73140, Thailand

498

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การตรวจสอบประสิทธภิ าพในการทานายผลผลติ ซากพชื ทรี่ ่วงหล่นด้วยดาวเทยี ม Sentinel-2 ใน
พนื้ ทปี่ ่ าอุทยานแหง่ ชาตเิ ขาใหญ่

Investigation of Prediction of Litterfall Production with Sentinel-2 Remote Sensing in a Forest
succession Area of Khao Yai National Park

ณัฐธติ า พรประสทิ ธิกุล1 วิรงค์ จนั ทร1 ฉตั รทิพย์ รอดทศั นา2 และ พนั ธนา ตอเงิน3
Nattita Pornprasithikul1, Wirong Chanthorn1 Chadtip Rodtassana2 and Pantana Tor-ngern3

บทคัดย่อ

ผลผลิตซากพืชท่ีรว่ งหล่นสามารถประมาณไดจ้ ากการติดตงั้ ตาข่ายในป่ า แต่ท่ีมีขอ้ จากดั เม่ือพืน้ ท่ีมีขนาดใหญ่
เทคโนโลยีการสารวจระยะไกลจากภาพถ่ายดาวเทียมอาจสามารถช่วยประเมินในพืน้ ท่ีป่ าและติดตามอย่างต่อเน่ืองได้
ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงคเ์ พ่ือหาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณซากพืชท่ีร่วงหล่นกับดัชนีความต่างพืชพรรณ
(Normalized Difference Vegetation Index, NDVI) ในป่ าสมบรู ณ์ (old growth stage, OGS) และป่ ารุน่ สอง (stem exclusion stage, SES) ใน
พืน้ ท่ีอทุ ยานแห่งชาติเขาใหญ่ ปริมาณซากพืชท่ีรว่ งหล่นกบั ค่า NDVI มีความสมั พนั ธเ์ ชิงบวกท่ีมีค่า R2 ท่ีต่า (ป่ ารุน่ สองใน
ฤดฝู น p = 0.007, R2 = 0.169) เน่ืองจากอาจมีปัจจยั อ่ืนท่ีส่งผลต่อ การดดู กลนื คล่ืนของใบไมท้ ่ีเหลอื อยู่ ดงั นนั้ การประมาณ
ผลผลิตซากพืชท่ีรว่ งหลน่ ในป่ าเขตรอ้ นโดยอาศยั ค่าดชั นีพืชพรรณ NDVI อาจจะยงั ตอ้ งหาวิธีปรบั ปรุงประสิทธิภาพสาหรบั
การคาดการณไ์ ดโ้ ดยตรง

คาสาคัญ: ดชั นีความต่างพืชพรรณ ป่าไมผ่ ลดั ใบ ซากพืชท่ีรว่ งหลน่ ดาวเทยี มSentinel-2

ABSTRACT

Litter production can be estimated by field investigation that is limited under a large-scale sampling.
Forest productivity estimated by remote sensing technique from the satellite images may have an advantage
the area and continuous monitoring. Therefore, this study aims to investigate the relationships between litter
production and Normalized Difference Vegetation Index (NDVI) in the forests of the old growth stage (OGS)
and stem exclusion stage (SES) in Khao Yai National Park. Litter production and NDVI values showed positive
relationship with low R2 value (SES in rainy season, p = 0.007, R2 = 0.169) according to the influences of other
factors related to spectral absorption. Thus, the litter production in tropical forest not be needed to find a method
to improve a direct estimate using NDVI.

Key words: NDVI, Evergreen forest, Litterfall, Sentinel-2
Email address: [email protected]

1 ภาควิชาเทคโนโลยีและการจดั การส่ิงแวดลอ้ ม คณะส่งิ แวดลอ้ ม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพ 10900
Department of Environmental Technology and Management, Faculty of Environment, Kasetsart University, Bangkok 10900

2 ภาควชิ าพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั กรุงเทพ 10330
Department of Botany, Faculty of Science, Chulalongkorn University, Bangkok 10330

3 ภาควิชาวิทยาศาสตรส์ ง่ิ แวดลอ้ ม คณะวิทยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั กรุงเทพ 10330
Department of Environmental Science, Faculty of Science, Chulalongkorn University, Bangkok 10330

499

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การเปรียบเทยี บวสั ดุเพอื่ การเกบ็ รายละเอยี ดของรอยเทา้
COMPARISON OF MATERIALS FOR STORING DETAILS OF FOOTPRINTS

ณัฐวดี สุระกาพลธร1, วีรชยั พทุ ธวงศ2์ และ พิเชษฐ อนรุ กั ษอ์ ดุ ม2*
Natwadee Surakumponthorn1, Weerachai Phutdhawong and Piched Anuragudom 2*

บทคดั ย่อ

งานวจิ ยั นีม้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื การเปรียบเทียบวสั ดเุ พ่อื การเก็บรายละเอียดของรอยเทา้ เพ่อื ระบเุ อกลกั ษณ์
บคุ คล บนพืน้ วสั ดุ 3 ชนิด ไดแ้ ก่ ดินเหนียว ดินนา้ มนั และปนู พลาสเตอร์ คณุ ภาพของลายเทา้ จะประเมินไดจ้ าก
จานวนจุดลกั ษณะสาคัญพิเศษจากระบบตรวจสอบลายพิมพน์ ิว้ มืออัตโนมตั ิ (AFIS) ผลท่ีไดจ้ ากเคร่ือง AFIS
พบว่า ดินนา้ มนั จะใหค้ ่าจุดลกั ษณะสาคญั พิเศษไดด้ ีท่ีสุด เช่น สามารถนากลบั มาใชซ้ า้ ได้ เป็นวสั ดทุ ่ีหาไดง้ ่าย
และสามารถเก็บรายละเอยี ดรอ้ ยเทา้ ไดด้ ที ่ีสดุ รองลงมาคอื หมกึ พมิ พ์ ดินเหนียว และปนู พลาสเตอร์ ตามลาดบั

คาสาคญั : ลายเทา้ , ระบบตรวจสอบลายพิมพน์ ิว้ มืออตั โนมตั ิ (AFIS)

Abstract
The purpose of this research was to compare materials for collecting details of footprints for
identification on three different substrates: clay, plasticine and plaster. The quality of the
footprint was assessed by the number of feature points from the Automatic Fingerprint
Identification System (AFIS). The AFIS results showed that plasticine gave the best
characteristic point values such as reuse, easy to find, can collecting 3D footprint that give the
highest quality, followed by ink and clay. and plaster respectively.

1,2* โครงการหลกั สตู รวิทยาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชานติ วิ ทิ ยาศาสตร์ โครงการจดั ตงั้ ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตรแ์ ละวทิ ยาศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน จ.นครปฐม 73140
M.S. Forensic Science Program, Department of Chemistry division, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University,
Kamphaeng Saen Campus, Nakhon Pathom 73140, Thailand

501

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

อทิ ธิพลของชนิดและความเข้มขน้ ของสารทกี่ ่อใหเ้ กดิ โฟมตอ่ คุณสมบัติ และกราฟการทาแหง้
ของโฟมมะเขือเทศทอี่ บแหง้ ด้วยวิธกี ารทาแหง้ แบบโฟมแมท

Effect of foaming agent types and concentrations on properties and drying curves of
tomato foams using a foam-mat drying method

กมลวลั ย์ แดงมาดี1 ปราโมทย์ ควู ิจติ รจารุ1 บศุ รากรณ์ มหาโยธี1*
Kamonwan Dangmadee1, Pramote Khuwijitjaru1, Busarakorn Mahayothee1*

บทคดั ย่อ

งานวิจยั นีศ้ กึ ษาอิทธิพลของชนิดและความเขม้ ขน้ สารท่ีก่อใหเ้ กิดโฟมจากพืชต่อคณุ สมบตั ิการเกิดโฟม
และกราฟการทาแหง้ ของโฟมมะเขือเทศราชินีท่ีทาแหง้ ดว้ ยวิธีโฟมแมท โดยใชโ้ ปรตีนถ่ัวเหลืองไอโซเลต (SPI)
และโปรตีนจากขา้ ว (RP) เป็นสารท่ีก่อใหเ้ กิดโฟม ท่ีระดับความเขม้ ขน้ รอ้ ยละ 5 และ 10 (w/w) และเติมแซน
แทนกมั ความเขม้ ขน้ รอ้ ยละ 1 (w/w) เพ่ือทาใหโ้ ฟมคงตวั จากนนั้ อบแหง้ ดว้ ยตอู้ บแหง้ ลมรอ้ นแบบถาดท่ีอณุ หภมู ิ
70 องศาเซลเซียส จากผลการศึกษาพบว่าชนิดและความเขม้ ขน้ ของสารท่ีก่อใหเ้ กิดโฟมมีผลต่อความหนาแน่น
การขยายตวั ของโฟม และพฤติกรรมการทาแหง้ ของมะเขือเทศราชนิ ีอย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิติ (p0.05) และการ
ใชโ้ ปรตีนจากขา้ ว ท่ีรอ้ ยละ 10 สามารถกอ่ ใหเ้ กิดโฟมได้ แตจ่ ะใชเ้ วลาในการทาแหง้ นานกวา่ การใช้ SPI

คาสาคัญ: การทาแหง้ ดว้ ยเทคนิคโฟมแมท มะเขือเทศผง มะเขือเทศอบแหง้ โปรตีนขา้ ว

Abstract

The influence of different plant-based protein foaming agent types and concentrations on the
foam properties and drying curves of cherry tomato foam was using foam-mat drying method. Soy
protein isolate (SPI) and rice protein (RP) as foaming agents were performed at the concentration of 5%
and 10% (w/w). The tomato puree with various foaming agents was whipped with xanthan gum at 1%
(w/w). The foams were dried using a conventional hot air dryer at the temperature of 70°C. It was found
that type and concentration of foaming agents affected the density, expansion, and drying time was
statistically significant (p0.05). Tomato foam could made by RP, however the drying time was longer
than SPI.

Keyword: Foam-mat drying, tomato powder, dried tomato, rice protein
*Corresponding author; email address: [email protected]

1 ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะวศิ วกรรมศาสตร์และเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั ศิลปากร จ.นครปฐม 73000

502

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การพัฒนาสารสกดั กระเจย๊ี บแดงเขม้ ขน้ เพอื่ ใช้ประโยชนใ์ นการผลิต
เครื่องดมื่ เพอื่ สุขภาพและใช้ควบคุมอะฟลาทอกซนิ ในผลิตภณั ฑอ์ าหารสตั ว์

Development of concentrated roselle extract for use in healthy

beverage production and as aflatoxin controller in animal feed products.

ภคพร สาทลาลัย1, อทุ ยั วรรณ ดว้ งเงิน2, ศิรพิ รรณ สขุ ขงั 1, อสุ มุ า เจมิ นาค3 และสรุ ตั นว์ ดี จิวะจินดา1

Pakaporn Sathalalai1, Uthaiwan Doung-ngern2, Siriphan Sukkhaeng1,

Usuma Jermnak3 and Suratwadee Jiwajinda1

บทคัดย่อ

จากการปรบั ปรุงพนั ธุ์กระเจี๊ยบแดงโดยศนู ยว์ ิจยั และพฒั นาพืชผกั เขตรอ้ น มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
วิทยาเขตกาแพงแสน ไดผ้ ลผลิตท่ีมีกลีบเลีย้ งเฉดสีต่างๆ กัน 4 เฉดสี คือ สีแดงเขม้ (DR) สีแดง (R) สีชมพู (P)
และสีขาว (W) เม่ือนามาทดสอบประสิทธิภาพสารสกดั กลีบเลีย้ งกระเจี๊ยบแดงแต่ละเฉดสีท่ีผ่านการสกดั ดว้ ยตัว
ทาละลายเอทานอล (95%) ต่อการยบั ยงั้ การเจริญของเชือ้ รา Aspergillus flavus ท่ีมีความเขม้ ขน้ 1x106 สปอร์
ต่อมิลลิลิตร โดยใชว้ ิธี Poisoned food พบว่าท่ีความเขม้ ขน้ ของสารสกดั 40 mg/ml จากกลีบเลีย้ งทุกเฉดสีสามารถ
ยบั ยงั้ การเจริญของเชือ้ รา A. flavus ได้ 100% โดยสารสกัด W มีแนวโนม้ ในการยบั ยงั้ การเจริญของเชือ้ รา A.
flavus ไดด้ ีกว่าสารสกดั เฉดสีอ่ืนๆ ในทกุ ๆ ความเขม้ ขน้ ของสารสกดั จากนนั้ จึงนาสารสกดั W ท่ีผ่านการทาแหง้
มาใชส้ าหรบั ควบคมุ อะฟลาทอกซินในผลิตภณั ฑอ์ าหารสตั ว์ โดยบ่มท่ีอุณหภมู ิ 30 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10
วนั และตรวจสอบผลโดยการวิเคราะหป์ ริมาณสารอะฟลาทอกซินโดยวิธี ELISA พบว่า ขา้ วโพดป่ นและราขา้ วท่ี
ผสมผลิตภัณฑผ์ งกระเจี๊ยบ W มีรอ้ ยละการลดลงของปริมาณอะฟลาทอกซิน เท่ากับ 45.82% และ 26.87% ท่ี
ระดบั ความเขม้ ขน้ ของผลิตภณั ฑผ์ งกระเจีย๊ บ W 250 mg/g สว่ นการพฒั นาสารสกดั กระเจีย๊ บแดงเขม้ ขน้ เพ่ือใชใ้ น
การผลิตเครื่องด่ืมเพ่ือสขุ ภาพในรูปแบบผงพรอ้ มชงด่ืม เลือกใชส้ ารสกัด DR เพราะมีปริมาณแอนโทไซยานินสงู
กว่าเฉดสีอ่ืนๆ ผลทดสอบระดบั ความพึงพอใจต่อผลิตภณั ฑพ์ บว่า สูตรท่ีไดร้ บั ความนิยมมากท่ีสุด คือ สตู รท่ีมี
สว่ นผสมของผงกระเจี๊ยบแดง พทุ ราจีน อญั ชนั และนา้ ตาล ซ่งึ เป็นเครื่องด่ืมเพ่ือสขุ ภาพท่ีสามารถชงด่ืมไดท้ งั้ ใน
นา้ รอ้ นและในนา้ เยน็

คาสาคัญ: กระเจีย๊ บแดง สารสกดั อะฟลาทอกซิน เครอ่ื งด่มื เพ่ือสขุ ภาพ

1ศนู ยป์ ฏบิ ตั ิการวิจยั และเรอื นปลกู พชื ทดลอง ศนู ยว์ จิ ยั และบรกิ ารวิชาการ คณะเกษตร กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน
นครปฐม 73140
Central Laboratory and Greenhouse Complex, Research and Academic Service Center, Faculty of Agriculture at Kamphaeng Saen,
Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus, Nakhon Pathom 73140, Thailand
2ศนู ยว์ จิ ยั และพฒั นาพชื ผกั เขตรอ้ น ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน นครปฐม 73140
Tropical Vegetable Research Center, Department of Horticulture, Faculty of Agriculture at Kamphaeng Saen, Kasetsart University,
Kamphaeng Saen Campus, Nakhon Pathom 73140, Thailand
3ภาควิชาเภสชั วทิ ยา คณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน กรุงเทพฯ
Department of Pharmacology, Faculty of Veterinary Medicine, Kasetsart University, Bangkok

503

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

Abstract

According to breeding program of roselles by Tropical Vegetable Research Center Kasetsart
University Kamphaeng Saen Campus, several line of roselles, which have different colors of calyxes
were obtained including, dark red (DR), red (R), pink (P) and white (W). Effect of the extract from each
roselle calyxes extracted with ethanol (95%) on the growth of Aspergillus flavus at a concentration of
1x106 spores/ml was studied by Poisoned food technique. All extracts at 40 mg/ml could completely
inhibit the growth of A. flavus. Moreover, white roselle extract (W) showed a better inhibition trend than
pink (P), red (R) and dark red roselle extracts (DR), respectively. Therefore, W was selected for
developing its product as aflatoxin regulator in animal feed by incubation at 30oC for 10 days and the
results were verified by aflatoxin content analysis by ELISA technique. Contaminated aflatoxin
decreased compared to control units. At the concentration of powder W 250 mg/g, it was found that
percent of reduction of aflatoxin content was 45.82% and 26.87% in the samples of cornmeal and rice
bran, respectively. Choose DR was selected for developing of healthy beverage because it has a higher
anthocyanin content than other colors. The results of the product satisfaction test were found that the
most popular recipe is containing Roselle powder, Chinese jujube, Butterfly pea and sugar. It can be
brewed both in hot water and cold water.

Keywords: roselle, extract, aflatoxin, healthy beverage
E-mail address: [email protected]

504

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การจัดการองคค์ วามรู้การผลิตกาแฟอราบิก้าเชงิ อนุรักษ์ เพอื่ การเกษตรทยี่ ่ังยนื
ในพืน้ ทบี่ ้านห้วยหอ้ ม อาเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

Knowledge Management of Conservative Arabica Coffee Production for Sustainable Agriculture
in Ban Huai Hom, Mae La Noi District, Mae Hong Son Province

ณฐิตากานต์ พยคั ฆา1 ปรยี าภรณ์ ขนั ทบวั 1
Nathitakarn Phayakka1 and Priyaphon Khanthabua1

บทคัดยอ่
การปลกู พืชหรือการทาเกษตรบนพืน้ ท่ีสงู ในประเทศไทยนนั้ สว่ นใหญ่เป็นการผลิตพืชผกั ไมผ้ ลเมืองหนาว
กาแฟสายพนั ธุอ์ ราบิกา้ โดยพืน้ ท่ีดงั กลา่ วเป็นแหล่งตน้ นา้ ซ่งึ เปรียบเสมือนจุดเร่ิมตน้ ของความอุดมสมบูรณข์ อง
ส่ิงมีชีวิต การดาเนินกิจกรรมทางเกษตรจึงควรมีการปฏิบัติท่ีเหมาะสมและอยู่ร่วมอาศยั กับป่ าอย่างเกือ้ กูล
จึงนามาสยู่ ุทธศาสตรเ์ กษตรและสหกรณร์ ะยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-พ.ศ. 2580) เพ่ือขบั เคล่ือนการพฒั นาประเทศ
และบรรลุวิสยั ทัศน์ “เกษตรกรม่นั คง ภาคการเกษตรม่งั ค่งั ทรพั ยากรการเกษตรย่ังยืน” กลุ่มตัวอย่างท่ีใชใ้ น
การศึกษาครงั้ นี้ ไดแ้ ก่ ผูน้ ากลุ่มและสมาชิกกล่มุ เกษตรกรผูป้ ลูกกาแฟอราบิกา้ ในพืน้ ท่ีบา้ นหว้ ยหอ้ ม อาเภอ
แม่ลานอ้ ย จังหวดั แม่ฮ่องสอน จานวน 10 คน รวบรวมขอ้ มลู โดยการสงั เกตแบบมีส่วนร่วมและการสมั ภาษณ์
เชิงลกึ ซ่ึงควบคมุ คณุ ภาพความน่าเช่ือถือของขอ้ มลู โดยการตรวจขอ้ มลู สามเสา้ ดา้ นขอ้ มลู และดา้ นผวู้ ิจยั แลว้
นามาวิเคราะหข์ อ้ มลู ตามวตั ถุประสงคก์ ารวิจัยเชิงคณุ ภาพ งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษา 1) ความเป็นมา
ของเกษตรกรผปู้ ลกู กาแฟอราบิกา้ 2) กระบวนการจดั การองคค์ วามรูก้ ารผลิตกาแฟอราบิกา้ กบั การอนรุ กั ษป์ ่ าใน
พืน้ ท่ีบา้ นหว้ ยหอ้ ม อาเภอแม่ลานอ้ ย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ 3) ปัญหาและอุปสรรคการผลิตกาแฟในพืน้ ท่ี
จนนาไปสกู่ ารเสนอแนะแนวทางเพ่ือเกิดประโยชนใ์ นการพฒั นาเกษตรกรผปู้ ลกู กาแฟอราบิกา้ ในเชิงอนรุ กั ษ์อย่าง
ย่งั ยืน ผลการศกึ ษา พบวา่ ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าปกาเกอะญอ มีการปลกู กาแฟสายพนั ธุอ์ ราบิกา้ มา 30
กวา่ ปี โดยกาแฟอราบิกา้ ถกู นาเขา้ มาปลกู โดยกลมุ่ มชิ ชนั นารี ซง่ึ ในปี พ.ศ. 2515 เป็นปีเดยี วกนั ท่ีในหลวงรชั กาลท่ี
9 และสมเด็จพระนางเจา้ สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปีหลวงไดเ้ สด็จพระราชดาเนินทรงเย่ียม
ชาวบ้าน โดยได้มีการส่งเสริมการปลูกกาแฟอราบิก้า ภายใต้การจัดตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวง
แมล่ านอ้ ย เพ่ือทดแทนการปลกู ฝ่ิน เป็นตลาดรบั ซอื้ ผลผลติ ใหก้ ่อเกิดรายไดใ้ นพืน้ ท่ี จนนาไปสกู่ ารพฒั นาคณุ ภาพ
ชีวิตของชาวบา้ นหว้ ยหอ้ มในปัจจุบัน นอกจากนัน้ แลว้ ยังไดม้ ีจัดการองคค์ วามรูก้ ารผลิตกาแฟอราบิกา้ กับ
การอนรุ กั ษป์ ่ าในพืน้ ท่ี โดยมีกระบวนการ ดงั นี้ 1) การเตรียมกลา้ และการปลกู 2) การดแู ลรกั ษา 3) โรคและแมลง
ศตั รูกาแฟอราบิกา้ และ 4) การเก็บเก่ียวและการจัดการหลงั การเก็บเก่ียว ส่วนปัญหาและอุปสรรคการผลิต
กาแฟอราบิกา้ ในพืน้ ท่ี ไดแ้ ก่ 1) ปัจจยั ภายใน ประกอบดว้ ยสถานภาพทางสงั คม เศรษฐกิจ ตน้ ทนุ การผลิต และ
การมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชน และ 2) ปัจจยั ภายนอก ไดแ้ ก่ โรคและแมลงศตั รูพืช

1 สาขาสง่ เสรมิ การเกษตรและพฒั นาชนบท คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่
Division of Agricultural Extension, Faculty of Agriculture, Chiang Mai University

505

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

คาสาคญั : การจดั การองคค์ วามรู,้ กาแฟอราบิกา้ , การเกษตรแบบย่งั ยนื

Abstract
Highland agriculture in Thailand generally consists of the production of vegetables, winter fruit,
and Arabica coffee, and these crops are grown in an abundant upstream area that resembles an ample
home for all organisms. Agricultural activities should therefore comply with appropriate practices and
coexist harmoniously with the forests. This leads to the 20-years Agricultural and Cooperatives Strategy
(2018-2037) with its aim to drive the country's development and achieve the vision: “Stable farmers,
Prosperous agricultural sector and Sustainable Agricultural Resources.” The samples used in this study
were 10 people group leaders and members of Ban Huai Hom arabica coffee farmers group. Data were
collected by participant observation and in-depth interviews which controls the quality of the reliability
of the data by examining the triangle and the researcher side. The data were analyzed according to the
qualitative research. The objectives of this research are to study 1) History of Arabica coffee farmers
2) knowledge management process of arabica coffee production and forest conservation in
Ban Huai Hom, Area Mae La Noi District, Mae Hong Son Province and 3) problems and obstacles of
coffee production in the area. This leads to offer guidelines for the benefit of sustainable development
of arabica coffee farmers.The findings of the study revealed that based on the community context and
the background of arabica coffee farmers, most of the people are of Karen tribe who have cultivated
arabica coffee for over 30 years. Arabica coffee was brought to be planted by a group of missionaries,
in 1972, which was in fact the same year King Rama IX and Queen Sirikit visited the villagers. During
their visit, they promoted the cultivation of Arabica coffee and established Mae La Noi Royal Project
Development Center, to replace opium cultivation, to generate income in the area, contributing to the
betterment of Huai Hom villagers’ life quality at present. The knowledge management of Arabica coffee
production and forest conservation in Ban Huai Hom, Mae Lanoi District, Mae Hong Son Province consist
of 1) seedling preparation and planting, 2) maintenance, 3) arabica pests and diseases and 4)
harvesting and management after harvest. As for the problems and obstacles in arabica coffee
production in the area, there are 1) internal factors-comprising of socio-economic status, cost of
production, and community participation and 2) external factors such as diseases and pests.

Keywords: knowledge management, arabica, sustainable Agriculture
E-mail address: [email protected]

506

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

แนวทางการจัดการผลติ ทานตะวันคุณภาพของเกษตรกร
ตาบลคลองเกตุ อาเภอโคกสาโรง จังหวัดลพบุรี

Guidelines for Quality Sunflower Production Management of Farmers
in Khlongket sub-district, Khoksamrong district, Lopburi province

ขวญั ชยั สดี าคุณ1 ปรชิ าติ ดิษฐกิจ2 วนาลยั วิรยิ ะสธุ ี2
Kwanchai Sridakoon1 Parichart Dittakit2, and Wanalai Viriyasuthee3

บทคัดยอ่
การวิจัยครั้งนีม้ ีวัตถุประสงคเ์ พ่ือหาแนวทางการจัดการการผลิตทานตะวันคุณภาพ ประชากรใน
การศกึ ษา 3 กลมุ่ ไดแ้ ก่ 1. เกษตรกรท่ีผลติ ทานตะวนั และผรู้ บั ซือ้ ทานตะวนั สาหรบั การสมั ภาษณเ์ ชิงลกึ จานวน
10 คน 2.เกษตรกรท่ีผลิตทานตะวนั ตาบลคลองเกตุ ปีการผลิต 2563/2564 ทงั้ หมด จานวน 62 คน และ 3. กลมุ่
ผูเ้ ช่ียวชาญท่ีมีประสบการดา้ นการจัดการการผลิตทานตะวนั สาหรบั การสนทนากล่มุ จานวน 9 คน วิเคราะห์
ขอ้ มลู เชิงปริมาณ โดยใชส้ ถิติพืน้ ฐาน ไดแ้ ก่ ความถ่ี รอ้ ยละ คา่ เฉล่ีย และวิเคราะหข์ อ้ มลู เชิงคณุ ภาพดว้ ย SWOT
Analysis และ Tows Matrix ผลวิจยั พบว่า ดา้ นการผลิตใกลเ้ คียงกบั มาตรฐานทางวิชาการ แตย่ งั มีอปุ สรรคเร่ือง
ราคาเมล็ดพันธุท์ ่ีแพง ส่วนปัจจัยภายในและภายนอกท่ีมีความสาคัญต่อกระบวนการผลิต ไดแ้ ก่ การตรวจ
วิเคราะหด์ ินและการปรบั ปรุงสภาพดิน การคดั เลอื กเมล็ดพนั ธุแ์ ละวิธีการปลกู รวมทงั้ นกพิราบท่ีทาความเสียหาย
ตอ่ ผลผลิต นอกจากนี้ ปัญหาและคาแนะนาจากเกษตรกรท่ีสาคญั คือการกาหนดราคาผลผลิตท่ีเหมาะสม สว่ น
แนวทางการจดั การมี 4 ดา้ นไดแ้ ก่ ดา้ นกลยุทธเ์ ชิงรุก โดยการส่งเสริมการผลิต ดา้ นกลยุทธเ์ ชิงพัฒนา โดยการ
สง่ เสรมิ การเรียนรู้ ดา้ นกลยทุ ธเ์ ชิงรบั โดยการสรา้ งระบบเตือนภยั แก่เกษตรกร และดา้ นกลยทุ ธเ์ ชิงพลกิ แพลง โดย
การพฒั นาระบบการเรยี นรูใ้ หแ้ กเ่ กษตรกรอย่างตอ่ เน่ือง

คาสาคัญ : ทานตะวนั ทานตะวนั คณุ ภาพ การจดั การการผลติ ทานตะวนั

Abstract
The objective of this research was to find a way to manage quality sunflower production. The
populations used in the study were 3 groups: 1. Farmers who produce sunflowers and sunflower buyers
for an in-depth interview, total of 10 persons 2. Farmers who produce sunflowers in Khlong Ket sub-
district in 2020/2021, total 62 persons and 3. A group of experts with experience in sunflower production
management for group discussion of 9 persons. Quantitative data were analysed by using basic

1 นกั ศกึ ษาหลกั สตู รเกษตรศาสตรม์ หาบณั ฑิต มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
Master of Agriculture, Agriculture Extension and Development, Sukhothai Thammathirat Open University
2 2 อาจารยป์ ระจา สาขาวิชาเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
School of Agriculture Cooperative, Sukhothai Thammathirat Open University

507

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564
statistics such as frequency, percentage, mean, and qualitative analysed by SWOT Analysis and Tows
Matrix. The results showed that, the method of production is close to academic standards, but there is
still a problem of high seed prices. The internal and external factors that are important to the production
process are: soil analysis and soil improvement, seed selection and planting methods, as well as
pigeons are pests that damage crops to a large extent. In addition, the main problem and advice from
farmers is the right price of the product. As for the management is divided into 4 aspects as follows:
proactive strategy by promoting production. Development strategy by promoting learning. Passive
strategy by creating a warning system and strategic strategies by developing a learning system for
farmers continuously education.

Keywords: sunflower, quality sunflower, sunflower production management
E-mail address: [email protected]

508

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

แนวทางการส่งเสริมการผลติ เกลอื ทะเลในอาเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม
Extension Guideline for Sea Salt Farm in Muang District,
Samutsongkhram province

แคทลนี หอมวิเชียร1 จินดา ขลบิ ทอง1 เฉลมิ ศกั ดิ์ ตมุ้ หิรญั 1
Cathelin Homwichian1, Jinda Khlibtong1, and Chalermsak Toomhirun1

บทคัดยอ่
การวิจยั ครงั้ นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษา 1) ขอ้ มลู ท่วั ไป และสภาพเศรษฐกิจของเกษตรกร 2) การทานาเกลือ
ทะเลของเกษตรกร 3) ปัญหา และขอ้ เสนอแนะในการผลิตเกลือทะเลของเกษตรกร 4)ความตอ้ งการและแนวทาง
ส่งเสริมการผลิตเกลือทะเลของเกษตรกร ศึกษาจากกล่มุ ตวั อย่างเกษตรกรนาเกลือทะเลของอาเภอเมืองฯ จังหวดั
สมทุ รสงคราม จานวน 113 คน โดยใชแ้ บบสมั ภาษณเ์ ก็บขอ้ มลู วิเคราะหข์ อ้ มลู โดยการแจกแจงความถ่ี รอ้ ยละ คา่
ต่าสุด ค่าสูงสุด ค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน การจัดอันดบั SWOT analysis และTOWS Matrix ผลการวิจัย
พบวา่ 1)เกษตรกรเป็นเพศชาย อายเุ ฉล่ีย 59.20 ปี ขนึ้ ทะเบียนเกษตรกร และเป็นสมาชิกสหกรณน์ าเกลือ มีรายไดจ้ าก
การทานาเกลือเฉล่ีย 6,405.45 บาท/ไร่ ตน้ ทนุ เฉล่ีย 5,253.15 บาท/ไร่ ขายใหพ้ ่อคา้ คนกลาง 2)เกษตรกรทานาเกลือ
โดยเทียบกบั หลกั GAPอยู่ในระดบั มากท่ีสดุ ยกเวน้ หลกั ระบบเอกสารและบนั ทกึ ขอ้ มลู และหลกั การโมแ่ ละการบรรจุ
3)เกษตรกรประสบปัญหาในระดบั มากท่ีสดุ จากผลกระทบการนาเขา้ เกลือ และราคาเกลือผนั ผวน โดยมขี อ้ เสนอแนะ
ใหม้ ีมาตรการป้องกนั การนาเขา้ เกลือนอก และใหม้ ีการประกนั ราคาเกลือ 4)มีความตอ้ งการใหส้ ่งเสริมความรู้ โดย
ตอ้ งการความรูจ้ ากเจา้ หนา้ ท่ีรฐั เกษตรกรดว้ ยกนั และส่ืออินเตอรเ์ น็ต/แอพพลิเคชนั และแนวทางการสง่ เสริมควรให้
เกษตรกรผลิตเกลือตามมาตรฐาน GAP จดั ทาแปลงเรียนรูต้ น้ แบบสาหรับทดลองนวตั กรรมใหเ้ หมาะสมกับพืน้ ท่ี
รวบรวมเกลือทะเลท่ีผา่ น GAP และทาบนั ทกึ ขอ้ ตกลงกบั บริษัทในการกาหนดปรมิ าณและราคารบั ซือ้ ท่ีเป็นธรรม

คาสาคัญ : แนวทางการสง่ เสรมิ การเกษตร เกลือทะเล ปฏิบตั ิทางการเกษตรท่ดี ี

Abstract
The objectives of this research were to study about 1) general information and economic
situations of sea salt farmers. 2) farming of sea salt farmers. 3) problems and suggestions 4) the needs
on extension guideline for Sea Salt farm. By interview, 113 samples were collected. The data were
analyzed by frequency distribution, percentage, minimum-maximum value, mean, standard deviation
ranking, SWOT analysis และTOWS Matrix. The results revealed that 1)most of the sea salt farmers were
male, average age 59.20 years old, farmer registration and member of the sea salt cooperative. At the

1 แขนงวชิ าสง่ เสรมิ การเกษตร สาขาวิชาเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์ มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
Agricultural Extension and Development, School of Agriculture and Cooperatives, Sukhothai Thammathirat Open University

509

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
average, incomes at 6,405.45 baht/rai and cost 5,253.15 baht/rai, sold to middleman. 2)The farmers
have normal farming process approximate the Good Agricultural Practices (GAP) process at the highest
level, except for recording, milling and packing. 3)The farmers have most problems from affected of
salt imports and price volatility and their suggestions are measures to prevent the import and price
guarantee. 4)The farmers want the knowledge and data from government officer and other farmer and
Internet or applications for extension. And extension guidelines for sea salt farming should to product
on Good Agricultural Practices (GAP), prepared a prototype for learning innovation. Collecting GAP-salt
and memorandum of understanding with the company for determine demand and fair purchase price.

Keywords: extension guidelines, Sea salt farm, GAP
E-mail address: [email protected]

510

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

แนวทางการส่งเสริมการผลติ มะพร้าวของเกษตรกรในอาเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
Extension Guideline for Coconut Production of Farmers in Amphawa District,
Samutsongkhram Province

ภสั รา ทศั นบรรจง1 จินดา ขลบิ ทอง1 เฉลมิ ศกั ดิ์ ตมุ้ หิรญั 1
Passara tassanabanjong1, Jinda Khlibtong 1, and Chalermsak Toomhirun1

บทคัดย่อ
การวิจยั ครงั้ นีม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือศกึ ษา (1) สภาพพืน้ ฐานส่วนบคุ คล สงั คมและเศรษฐกิจของเกษตรกร
(2) สภาพการผลติ มะพรา้ วและการผลิตตามการปฏิบตั ิทางการเกษตรท่ีดี (3) ปัญหาและขอ้ เสนอแนะในการผลิต
มะพรา้ ว และ (4) ความตอ้ งการและแนวทางการสง่ เสรมิ ในการผลิตมะพรา้ ว ศกึ ษาจากกลมุ่ ตวั อยา่ ง จานวน 187
ราย โดยใชแ้ บบสมั ภาษณเ์ ก็บขอ้ มูล วิเคราะหข์ อ้ มูลโดยใชส้ ถิติ ไดแ้ ก่ ค่าความถ่ี ค่ารอ้ ยละ ค่าต่าสุด ค่าสงู สดุ
ค่าเฉล่ีย สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน การจดั อนั ดบั Swot analysis และTows matrix ผลการวิจยั พบว่า 1)เกษตรกร
ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุเฉล่ีย 55.98 ปี ประสบการณใ์ นการปลกู มะพรา้ ว เฉล่ีย 26.68 ปี มีรายไดจ้ ากการ
จาหน่ายมะพรา้ วเฉล่ยี 7,673.73 บาท/ไร่ ตน้ ทุนการผลิตเฉล่ยี 4,183.31 บาท/ไร่ 2)พืน้ ท่ีปลกู มะพรา้ วมีลกั ษณะ
เป็นแบบยกร่อง มีการลอกเลน 3-4 ปีต่อครงั้ จาหน่ายผ่านพ่อคา้ คนกลาง เกษตรกรปฏิบัติตามมาตรฐานใน
ประเด็น วตั ถุอันตรายทางการเกษตร และ การจดบนั ทึก ในระดบั นอ้ ย 4)ปัญหาในการผลิตมะพรา้ วมากท่ีสุด
ไดแ้ ก่ ศตั รูมะพรา้ ว เกษตรกรตอ้ งการความรูใ้ นเร่ืองการปฏิบตั ิดแู ลจดั การคณุ ภาพในกระบวนการผลิตมากท่ีสดุ
ผ่านทางเจา้ หนา้ ท่ีของรฐั แผ่นพับและอินเตอรเ์ น็ต ในรูปแบบการอบรมและการฝึกปฏิบตั ิ ดังนั้นแนวทางการ
สง่ เสรมิ การผลติ มะพรา้ ว การสง่ เสริมการรวมกลมุ่ ของเกษตรกรและอบรมใหค้ วามรูเ้ ร่อื งการปฏิบตั ิทางการเกษตร
ท่ีดสี าหรบั มะพรา้ ว ใหเ้ นน้ ถงึ ความสาคญั ในการทามาตรฐาน GAP

คาสาคญั การผลติ มะพรา้ ว แนวทางการสง่ เสรมิ การปฏิบตั ติ ามมาตรฐานเกษตรท่ีดี อาเภออมั พวา

Abstract
The objectives of this research were to study (1) basic personal, social and economic conditions
of farmers (2) the coconut production condition and the Good Agricultural Practices (3) problems and
suggestions in coconut production and (4) the needs and extension guidelines for coconut production
of farmers. The sample size of this study was 187 farmers. For statistics in data analysis were frequency,
percentage, minimum value, maximum value, mean, standard deviation, ranking, Swot analysis and
Tows matrix. The results revealed that 1) Most of the farmers was male with an average age 55.98 years
old. Having experience in coconut production 26.68 years. At the average, incomes at 7,673.73 baht/rai

1 แขนงวชิ าสง่ เสรมิ การเกษตร สาขาวิชาเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
Agricultural Extension and Development, School of Agriculture and Cooperatives, Sukhothai Thammathirat Open University

511

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
and cost 4,183.31 baht/rai. 2) The farmers usually grew their coconut trees on lifted patches, they would
dig out mud 3-4 times a year, sold to middleman. Farmers comply with standards about agricultural
hazardous substances and recording low level. 4) The biggest problem in coconut production was pest.
Farmers wanted to receive the knowledge of quality management practices in the production process
through government officers, leaflet and internet in the form of training and practice. The extension
guideline for coconut production of farmers should extend a farmer group and train the good agricultural
practice for coconut to focus on the importance of GAP standard

Keywords: coconut production, extension guideline, Good Agricultural Practice, Amphawa district
E-mail address: [email protected]

512

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

แนวทางการส่งเสริมการจัดการศัตรูมะพร้าวโดยวธิ ีผสมผสานของเกษตรกร
ในพืน้ ทอี่ าเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี

Extension Guidelines of Coconut Integrated Pests Management of Farmer
in Ban Laem District, Phetchaburi Province

สายพนิ ชจู ติ ร1 จินดา ขลบิ ทอง1 เฉลมิ ศกั ดิ์ ตมุ้ หิรญั 1
Saipin choojit1, Jinda Khlibtong1, and Chalermsak Toomhirun1

บทคัดย่อ
การวิจยั ครงั้ นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษา (1) สภาพพืน้ ฐานสว่ นบุคคล ดา้ นสงั คม และดา้ นเศรษฐกิจของ
เกษตรกร (2) สภาพการผลติ มะพรา้ วท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การจดั การศตั รูมะพรา้ วของเกษตรกร (3) ปัญหาในการจดั การ
ศตั รูมะพรา้ วของเกษตรกร และ (4) ความตอ้ งการและแนวทางการสง่ เสริมการจดั การศตั รูมะพรา้ วของเกษตรกร
ศึกษาจากกล่มุ ตวั อย่างเกษตรกรจานวน 210 ราย วิเคราะหข์ อ้ มูลโดยใชส้ ถิติ ไดแ้ ก่ ค่าความถ่ี ค่ารอ้ ยละ ค่า
ต่าสดุ ค่าสงู สดุ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ SWOT analysis ผลการศกึ ษาพบว่า (1)
เกษตรกรสว่ นใหญ่เป็นเพศหญิง มอี ายเุ ฉล่ยี 60.26 ปี ประสบการณใ์ นการปลกู มะพรา้ วเฉล่ยี 25.47 ปี มีพืน้ ท่ีทา
การเกษตรเฉล่ีย 9.83 ไร่ (2) เกษตรกรมีจดั การศตั รูมะพรา้ วโดยวิธีผสมผสานอย่ใู นระดบั ปานกลาง (3) ปัญหาใน
การจดั การศตั รูมะพรา้ วของเกษตรกรขาดความรู้ แรงงาน ดา้ นเงินทนุ (4) ตอ้ งการการสง่ เสริมจากเจา้ หนา้ ท่ีรฐั
โดยวิธีการสาธิต/ฝึกปฏิบตั ิ แนวทางการสว่ งเสริม 1) ส่งเสริมความรูเ้ ก่ียวกบั เทคโนโลยีการจดั การศตั รูมะพรา้ ว
โดยวิธีผสมผสาน 2) ส่งเสริมใหม้ ีการรวมกล่มุ เกษตรกรเพ่ือผลิตแตนเบียน 3) จัดทาแปลงพยากรณก์ ารระบาด
ศตั รูมะพรา้ ว และ 4) จดั ตงั้ เครอื ขา่ ยศนู ยจ์ ดั การศตั รูพืชชมุ ชน

คาสาคญั : การสง่ เสรมิ การจดั การศตั รูพชื วธิ ีผสมผสาน อาเภอบา้ นแหลม จงั หวดั เพชรบรุ ี

Abstract
The objectives of this research were to study farmers in Ban Laem District, Phetchaburi Province
in the following issues: (1) socio-economic condition, (2) Production conditions related to coconut pest
management by combination method. (3) problems and suggestions. (4) extension need of Integrated
pest management. The 210-sample size structured interview was used for data collection. Statistics
used were frequency, percentage, average, minimum, maximum, standard deviation, ranking and
SWOT analysis. The results indicated the following: (1) Most of the farmers were female with the
average age of 60.26 years. The average experience in coconut cultivation 25.47 years. The average
agricultural area was 9.83 Rai. (2) Famers adopted coconut integrated pest management technology,
overall at the moderate level. (3) Problems in managing coconut pests among farmers in terms of
knowledge, labor, finance, lack of tools to deal with coconut enemies. (4) Farmers need the highest level
of support from extension officials. By manual and demonstration. Extension Guidelines include.
1) extension integrated pest management of perfumed coconuts. 2) promote the integration of farmers.
3) make plots to forecast coconut pest infestation. 4) establish a community pest management center.

Keywords: Extension guidelines, Integrated Pest Management, Ban Laem Districtม Phetchaburi Province
E-mail address: [email protected]

1 แขนงวิชาสง่ เสรมิ การเกษตร สาขาวิชาเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
Agricultural Extension and Development, School of Agriculture and Cooperatives, Sukhothai Thammathirat Open University

513

การประชมุ วิชาการระดับชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

แนวทางการส่งเสริมการจัดการศัตรูมะพร้าวนา้ หอมแบบผสมผสานของเกษตรกร
ผู้ปลูกมะพร้าวนา้ หอม อาเภอดาเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี

Extension Guidelines of Aromatic Coconut Integrated Pests Management of Farmer
In Damnoen Saduak District. Ratchaburi Province

มนัสชนน์ ฉลองชาต1ิ จินดา ขลบิ ทอง1 เฉลมิ ศกั ดิ์ ตมุ้ หริ ญั 1
Manadchon Chalongchat1, Jinda Khlibtong 1 , and Chalermsak Toomhirun1

บทคัดยอ่
การวจิ ยั ครงั้ นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษา 1) เพ่ือศกึ ษาสภาพท่วั ไปของเกษตรกร 2) สภาพการผลติ มะพรา้ ว
นา้ หอมและการวธิ ีการจดั การศตั รูมะพรา้ วนา้ หอมของเกษตรกร 3) เพ่ือศกึ ษาปัญหาและขอ้ เสนอแนะการจดั การ
ศตั รูมะพรา้ วนา้ หอมแบบผสมผสาน 4) เพ่ือศกึ ษาความตอ้ งการและแนวทางการสง่ เสริมการจดั การศตั รูมะพรา้ ว
นา้ หอมแบบผสมผสานของเกษตรกร ศกึ ษาจากกล่มุ ตวั อย่างประชากรจานวน 191 ราย วิเคราะหข์ อ้ มลู โดยใช้
สถิติ ไดแ้ ก่ ค่าความถ่ี คา่ รอ้ ยละ ค่าต่าสดุ ค่าสงู สดุ ค่าเฉล่ีย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ SWOT
analysis ผลการศกึ ษาพบว่า 1) เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุเฉล่ีย 54.19 มีพืน้ ท่ีปลกู มะพรา้ วนา้ หอม
เฉล่ีย 16.2 ไร่ ประสบการณ์ในการปลกู มะพรา้ วเฉล่ีย 10.91 ปี 2) เกษตรกรยอมรับการจัดการศัตรูมะพรา้ ว
นา้ หอมแบบผสมผสานในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง 3) เกษตรกรมีปัญหาในการจัดการศัตรูพืชโดยวิธี
ผสมผสานระดบั ปานกลาง 4) เกษตรกรตอ้ งการความรูใ้ นการจัดการศตั รูมะพรา้ วนา้ หอมแบบผสมผสานการ
ส่งเสริมจากเจา้ หนา้ ท่ีสง่ เสริมในระดบั มากท่ีสดุ รองลงมาคืออินเตอรเ์ น็ต ดว้ ยวิธี บรรยาย การสาธิต และการฝึก
ปฏิบตั ิ แนวทางการในการสง่ เสรมิ จดั ทาส่ือสง่ เสริมการจดั การศตั รูมะพรา้ วนา้ หอมโดยวธิ ีผสมผสาน การสง่ เสริม
การผลิตขยายศตั รูธรรมชาติและสารชีวภัณฑ์ และการสง่ เสริมการทาแปลงเรียนรูแ้ ละฝึกปฏิบตั ิการจดั การศตั รู
มะพรา้ วแบบผสมผสาน

คาสาคญั : แนวทางการสง่ เสรมิ การเกษตร การจดั การศตั รูพืชแบบผสมผสาน มะพรา้ วนา้ หอม อาเภอดาเนินสะดวก

Abstract
The objectives of this research were 1 ) Study the general information of the farmers 2 )
production condition of the aromatic coconut and the methods of managing the pests of the aromatic
coconut of the farmers 3) study the problems and recommendations for the integrated pest management
of the perfumed coconut 4 ) study the needs and approaches to promote the integrated pest
management of perfumed coconuts among farmers. Study from a population sample of 191 people. was
analyzed using statistics such as frequency, percentage, minimum, maximum, mean, standard
deviation and SWOT analysis. The results indicated the following: 1) Most of the farmers were male with

1 แขนงวชิ าสง่ เสรมิ การเกษตร สาขาวิชาเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
Agricultural Extension and Development, School of Agriculture and Cooperatives, Sukhothai Thammathirat Open University

514

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564
the average age of 54.19 years. The average members in the household were 4.09 people. The average
agricultural area was 16.2 Rai. The average experience in coconut cultivation 10.91 years. The average
labors in the household were 2.37 people 2) Famers adopted coconut integrated pest management
technology, overall at a moderate level. 3) Farmers accepted the integrated pest management
technology at the moderate level for overall. 4) Farmers need the highest level of support from extension
officials followed by the Internet. By lectures manual and demonstration. Guidelines for promotion
Prepare media to promote pest management of perfumed coconuts by a combination of methods.
Promoting the production of natural enemies and biological agents and the promotion of making plots,
learning and practicing mixed coconut pest management.

Keywords: extension guidelines, Integrated Pest Management (IPM), aromatic coconut, Damnoen Saduak district
E-mail address: [email protected]

515

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครั้งที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การยอมรับการผลติ ผักตามมาตรฐานการผลิตพชื GAP ของเกษตรกร จังหวัดกาญจนบุรี
Adoption of Vegetable Production According to the Standards of Good Agricultural Practice of

Farmers in Kanchanaburi Province

ธิดารตั น์ สุขช1ู จินดา ขลิบทอง 2 เฉลมิ ศกั ดิ์ ตมุ้ หิรญั 3
Thidarat Sukchoo 1, Jinda Khlibtong2, and Chalermsak Toomhirun3

บทคัดย่อ
การวิจยั มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษา (1) สภาพสงั คมและเศรษฐกิจของเกษตรกร (2) ปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั
การยอมรบั การผลิตผักตามมาตรฐานการผลิตพืช GAP (3) ปัญหาและขอ้ เสนอแนะเก่ียวกับการผลิตผักตาม
มาตรฐานการผลิตพืช GAP และ (4) ความตอ้ งการและแนวทางการส่งเสริมการผลิตผกั ตามาตรฐานการผลติ พืช
GAP ประชากรท่ีศกึ ษาวิจยั คือ เกษตรกรผปู้ ลกู ผกั ในจงั หวดั กาญจนบรุ ีท่ีขนึ้ ทะเบียนกบั กรมวิชาการเกษตรในปี
2563-2564 จานวน 490 ราย กาหนดขนาดกล่มุ ตวั อย่าง ท่ีระดับความเช่ือม่นั 0.07 ไดจ้ านวนกล่มุ ตวั อย่าง 2
กลุ่ม คือ (1) เกษตรกรผูผ้ ลิตผักท่ีไม่ไดร้ ับการรบั รองมาตรฐานการผลิตพืช GAP จานวน 119 ราย และ (2)
เกษตรกรผผู้ ลิตผกั ท่ีไดร้ บั รองมาตรฐานการผลติ พืช GAP จานวน 119 ราย เก็บขอ้ มลู ดว้ ยการสมั ภาษณ์ ผลวิจยั
พบวา่ (1) เกษตรกรท่ีไม่ไดร้ บั การรบั รองตามมาตรฐานการผลิตพืช รอ้ ยละ 62.2 เพศหญิง มีอายุเฉล่ีย 49.66 ปี
จบการศกึ ษาระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษา ประสบการณผ์ ลติ ผกั เฉล่ีย 14.74 ปี พืน้ ท่ีผลิตผกั เฉล่ีย 2.01 ไร่ ตน้ ทนุ เฉล่ยี
20,536.68 บาท บาท/ไร/่ ปี รายไดเ้ ฉล่ยี 172,718.07 บาท/ไร/่ ปี และรอ้ ยละ 95.0 ขายผลผลติ ผา่ นพอ่ คา้ คนกลาง
ส่วนเกษตรกรท่ีไดร้ ับการรับรองตามมาตรฐานการผลิตพืช รอ้ ยละ 62.2 เพศชาย มีอายุเฉล่ีย 51.78 ปี จบ
การศึกษาระดบั ชนั้ ประถมศึกษา ประสบการณผ์ ลิตผักเฉล่ีย 15.01 ปี พืน้ ท่ีผลิตผกั เฉล่ีย 3.04 ไร่ ตน้ ทุนเฉล่ีย
19,982.57 บาท/ไร่/ปี มีรายไดเ้ ฉล่ีย 201,005.88 บาท/ไร/่ ปี และเกษตรกรรอ้ ยละ 30.3 ส่งผลผลิตเขา้ สบู้ ริษัทรบั
ซือ้ (2) ปัจจยั ทางสงั คมเศรษฐกิจท่ีแตกตา่ งกนั มีความสมั พนั ธก์ บั การยอมรบั การผลิตผกั ตามมาตรฐานการผลิต
พืช GAP แตกตา่ งกนั (3) ปัญหาของเกษตรกรท่ีไมไ่ ดร้ บั การรบั รองคือหลกั ปฏิบตั ิและการสง่ เสริมไม่ต่อเน่ืองของ
เจา้ หนา้ ท่ี เสนอแนะว่าไม่ใหเ้ ปล่ียนเจา้ หนา้ ท่ีบ่อย ประชาสมั พนั ธใ์ หท้ ่วั ถึงเกษตรกรทุกคน (4) ตอ้ งการใหม้ ีการ
สง่ เสริมผ่านบคุ ลากรราชการ ใชส้ ่ือโปสเตอร์ คมู่ ือ และแผ่นพบั ผา่ นชอ่ งทางส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกสอ์ นิ เทอรเ์ น็ต ส่ือสาร
โดยวิธี การบรรยาย สาธิต การฝึกปฏิบตั ิและการศกึ ษาดงู าน เกษตรกรเกิดการยอมรบั และนาไปปฏิบตั ไิ ดม้ ากขนึ้

คาสาคัญ : การยอมรบั การผลติ ผกั มาตรฐานการผลติ พชื GAP จงั หวดั กาญจนบรุ ี

1 นกั ศกึ ษาหลกั สตู รเกษตรศาสตรมหาบณั ฑิต (ส่งเสริมและพฒั นาการเกษตร) แขนงวิชาสง่ เสริมการเกษตร สาขาวิชาเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์
Master of Agriculture Program Sukhothai Thammathirat Open University
2 รองศาสตราจารย์ ดร. ประจาสาขาวชิ าเกษตรศาสตร์และสหกรณ์ มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช
Associate Professor, The School of Agriculture and Cooperatives Sukhothai Thammathirat Open University
3 รองศาสตราจารย์ ดร. ประจาสาขาวชิ าเกษตรศาสตร์และสหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช
Associate Professor, The School of Agriculture and Cooperatives Sukhothai Thammathirat Open University

516

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

Abstract
The purposes of this research were study to 1) A social conditions and Farmer's economy, 2)
The vegetable production acceptance factor according to the standard of GAP crop production, 3) The
problems and recommendations for vegetable production according to GAP crop production standards,
And 4) The needs and guidelines for the promotion of vegetable production according to the GAP crop
production standards of the researched population is 490 vegetable farmers in Kanchanaburi province
registered with the Department Of Agriculture in 2020-2021, Set sample size At the confidence level of
0.07, there were 2 groups: (1) The 119 vegetable farmers who are not certified for GAP crop production
standards; and (2) The 119 vegetable producers certified for GAP crop production standards were
collected by interviews, the results showed that , 1) The farmers who were not certified according to
crop production standards 62.2%, female, average age 49.66 years, graduated from primary school.
Average vegetable production experience 14.74 years, average vegetable production area 2.01 rai,
average cost 20,536.68 baht/rai/year, average income 172,718.07 baht/rai/year and 95.0%. Selling
products through middlemen as for farmers certified according to crop production standards, 62.2%
males, average age 51.78 years, graduated from primary school. 15.01 years average vegetable
production experience, average vegetable production area 3.04 rai, average cost 19,982.57
baht/rai/year, average income 201,005.88 baht/rai/year, and 30.3% farmers. Send products to the
purchasing company, 2) The different socioeconomic factors are related to the acceptance of vegetable
production according to different GAP crop production standards, 3) The problem of uncertified farmers
is the practice and the intermittent promotion of the authorities. It is suggested not to change staff
frequently. Public relations to all farmers and finally 4) They want to be promoted through government
personnel use posters, manuals and brochures through electronic media channels, the Internet.
Communicate by means of lectures, demonstrations, practical exercises and study trips. Farmers are
more accepting and implementing.

Keywords: adoption, vegetable production, Good Agricultural Practice, Kanchanaburi province
E-mail address: [email protected]

517

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ปัจจัยทมี่ ผี ลต่อการยอมรับการจัดการหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดโดยวิธผี สมผสานของเกษตรกร
ในภาคเหนือของประเทศไทย

Factors Affecting Adoption of Integrated Pest Management of Fall Armyworm (Spodoptera
frugiperda J.E.Smith) of Farmers in Northern Thailand

ปวีณา เดชคอบุตร1 นารรี ตั น์ สรี ะสาร2 และ ธารงเจต พฒั มขุ 2
Paweena Detkhobut1, Nareerut Seerasarn 2, and Thamrongjet Puttamuk 2

บทคัดยอ่
งานวิจัยครงั้ นีม้ ีวตั ถุประสงค์ เพ่ือศึกษา 1) สภาพเศรษฐกิจและสงั คม 2) ความรูเ้ ก่ียวกับการจัดการ
หนอนกระทขู้ า้ วโพดลายจดุ โดยวิธีผสมผสาน 3) วิธีการจดั การและความคิดเห็นตอ่ การจดั การหนอนกระทขู้ า้ วโพด
ลายจดุ โดยวธิ ีผสมผสาน 4) ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การจดั การหนอนกระทขู้ า้ วโพดลายจดุ โดยวิธีผสมผสาน และ 5) ปัญหา
และขอ้ เสนอแนะในการจดั การหนอนกระทูข้ า้ วโพดลายจุดโดยวิธีผสมผสาน เก็บขอ้ มูลโดยแบบสอบถามแบบ
มีโครงสรา้ ง ประชากรและกล่มุ ตวั อย่าง คือเกษตรกรผูป้ ลกู ขา้ วโพดเลีย้ งสตั วใ์ นเขตภาคเหนือท่ีไดร้ บั คดั เลือกให้
เขา้ อบรมการจัดการหนอนกระทูข้ า้ วโพดลายจุดของกรมส่งเสริมการเกษตร จานวน 200 ราย วิเคราะหข์ อ้ มูล
โดยใชส้ ถิติเชิงพรรณนา ใชก้ ารประเมินค่าของ Likert และการถดถอยพหคุ ณุ แบบขนั้ ตอน พบว่า 1) เกษตรกรเป็น
เพศหญิง รอ้ ยละ 60.5 อายเุ ฉล่ีย 53.54 ปี จบการศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา รอ้ ยละ 55 มีประสบการณเ์ ฉล่ีย 18.57 ปี
มีผลผลิตเฉล่ีย 1,458.76 กิโลกรัมต่อไร่ และตน้ ทุนการผลิตเฉล่ีย 5,221.03 บาท/ไร่ ซ่ึงเกษตรกรเป็นสมาชิก
กล่มุ แปลงใหญ่และกล่มุ สหกรณก์ ารเกษตร โดยไดร้ บั การอบรมและรบั ข่าวสารจากเจา้ หนา้ ท่ีส่งเสริมการเกษตร
2) เกษตรกร รอ้ ยละ 57 มีความรูเ้ ก่ียวการจัดการหนอนกระทูข้ ้าวโพดลายจุดโดยวิธีผสมผสานระดับมาก 3)
เกษตรกร รอ้ ยละ 67.5 นาวิธีการไปปฏิบตั ิ และใหค้ วามคิดเห็นต่อการจดั การฯ ระดบั มาก เฉล่ีย 3.83 4) ปัจจยั ท่ีมี
ผลตอ่ การยอมรบั การจดั การหนอนกระทขู้ า้ วโพดลายจดุ โดยวิธีผสมผสานของเกษตรกร ไดแ้ ก่ อายุ ระดบั การศกึ ษา
การเป็นสมาชิกกล่มุ /องคก์ รต่าง ๆ ทางการเกษตร และความคิดเห็นต่อการจัดการหนอนกระทูข้ า้ วโพดลายจุด
โดยวิธีผสมผสาน 5) ปัญหาท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ สารเคมีราคาสูงทาให้ไม่สามารถสลบั กลุ่มสารเคมีในการฉีดพ่นได้
ขาดวสั ดุอุปกรณใ์ นการผลิตแมลงศัตรูธรรมชาติ และขาดองคค์ วามรูใ้ นการใชก้ ับดกั แสงไฟจับตัวเต็มวยั และ
เสนอแนะใหม้ ีการฝึกอบรมการใชส้ ารเคมอี ย่างถกู วิธีและปลอดภยั และศกึ ษาดงู านเกษตรกรท่ีประสบความสาเรจ็

คาสาคญั : หนอนกระทขู้ า้ วโพดลายจดุ , ขา้ วโพดเลยี้ งสตั ว,์ การจดั การศตั รูพชื แบบผสมผสาน

1 วิชาเอกการจดั การทรพั ยากรเกษตรแขนงวชิ าการจดั การการเกษตรสาขาวิชาเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราชนนทบรุ ี 11120
Agricultural Resources Management, Department of Agricultural Management, School of Agriculture and Cooperatives,
Sukhothai Thammathirat Open University, Nonthaburi 11120
2อาจารย์ แขนงวิชาสง่ เสรมิ การเกษตร สาขาวิชาเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช นนทบรุ ี 11120
Lecturer, Department of Agricultural Extension, School of Agriculture and Cooperatives, Sukhothai Thammathirat Open University,
Nonthaburi 11120

518

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

Abstract
This study aims to investigate 1) Social and Economic attributes of farmers 2) Knowledge about
integrated pest management of fall armyworm 3) Methods and personal opinion on integrated pest
management of fall armyworm by farmers 4) Factors affecting adoption of integrated pest management of
fall armyworm and 5) Problems and suggestions on integrated pest management of fall armyworm. The
sample groups were 200 farmers who have participated in the workshop on fall armyworm management
organized by the Department of Agriculture Extension. Questionnaires were used as tools to collect data.
Preliminary analyses were conducted using descriptive statistics by rating scale of Likert and stepwise
multiple regression. This study indicated that 1) 60.5 percent of farmers were female with an average age
of 53.54 years with 55 percent a primary level of education, and average experience in growing maize was
18.57 years. The average yields were 1,458.76 kg/rai. and the average production cost was 5,221.03 baht/rai.
They have been trained and received news and information from agricultural extension officers. 2) 57 percent
of farmers have a high level of knowledge on the integrated pest management of fall armyworms. 3) 67.5
percent of farmers have practice and personal opinion of Integrated Pest Management of fall armyworm with
an average of 3.83. The factors affecting the adoption of integrated pest management of fall armyworm are
age, education, membership of agriculture institute and personal opinion on integrated pest management of
fall armyworm. Problems were 1) Expensive insecticide led to difficulties in rotating the insecticide class for
pest management. 2) Lack of equipment for the production of natural enemies of fall armyworm. A suggestion
from this study is to set up a workshop on safe pesticide usage.

Keywords: fall armyworm (Spodoptera frugiperda J.E.Smith), maize, integrated pest management
E-mail address: [email protected]

519

การประชมุ วิชาการระดับชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

กรณีศึกษาการจัดการโรคข้าวของเกษตรกรในเขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร
A Case Study of Rice Disease Management by Farmers
in Nong Chok District of Bangkok Metropolis.

ธารงเจต พฒั มุข1,2 กฤษณา รุง่ โรจนว์ ณิชย1์ อจั ฉรา จิตตลดากร1
Thamrongjet Puttamuk1,2, Krisana Rungrotwanichb1, and Achara Chittaladakorn1

บทคัดยอ่
การวิจยั นีม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาการจัดการโรคขา้ ว ชนิดของโรคขา้ วท่ีระบาด และความคิดเห็นของ
เกษตรกรตอ่ ความสาคญั ของการจัดการโรคขา้ ว ปัญหาในการปลกู ขา้ วและการจดั การโรคขา้ ว ของเกษตรกรใน
เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร โดยเป็นการวจิ ยั เชิงสารวจซง่ึ มปี ระชากรท่ีใชใ้ นการศกึ ษาคือ เกษตรกรผปู้ ลกู ขา้ ว
ในเขตหนองจอกในปีเพาะปลกู 2560/2561 จานวน 2,356 คน ทาการกาหนดขนาดกลมุ่ ตวั อย่างโดยใชส้ ตู รของ
Taro Yamane ท่ีระดับความเช่ือม่นั 90% ไดข้ นาดกลุ่มตัวอย่าง 96 ราย เก็บขอ้ มูลโดยใชแ้ บบสอบถามและ
วิเคราะหผ์ ลดว้ ยสถิติเชิงพรรณนา ผลการศกึ ษาพบวา่ เกษตรกร รอ้ ยละ 56.1 เป็นเพศชาย อายเุ ฉล่ีย 59.53 ปี มี
พืน้ ท่ีปลกู เฉล่ีย 20.32 ไร่ พนั ธุข์ า้ วท่ีปลกู ไดแ้ ก่ พนั ธุ์ กข. 47 พนั ธุ์ กข.49 พนั ธุพ์ ิษณุโลก 2 และ พนั ธุป์ ทมุ ธานี 1
เกษตรกรสว่ นใหญ่ทานาทงั้ นาปีและนาปรงั (รอ้ ยละ 85.4) เกษตรกรส่วนใหญ่ รอ้ ยละ 43.75 มีความรูเ้ ก่ียวกบั
การจดั การโรคขา้ ว อย่ใู นระดบั ดี โรคขา้ วท่ีพบระบาดในนา ไดแ้ ก่ โรคเมล็ดดา่ ง และโรคใบจดุ สีนา้ ตาล (รอ้ ยละ
100) โรคไหม้ (รอ้ ยละ 96.88) โรคใบขีดสีนา้ ตาล (รอ้ ยละ 95.83) และ โรคขอบใบแหง้ (รอ้ ยละ 92.71) การปฏิบตั ิ
ในการจัดการโรคขา้ วของเกษตรกร พบว่า เกษตรกร รอ้ ยละ 93.75 ใชส้ ารเคมีป้องกนั กาจดั โรคพืชฉีดพ่นเป็น
ประจา การเลือกเมลด็ พนั ธขุ์ า้ วท่ีสะอาด รอ้ ยละ 92.70 หม่นั ตรวจแปลงอย่างสม่าเสมอ รอ้ ยละ 77.08 เกษตรกรมี
ความคิดเห็นเก่ียวกบั ความสาคญั ของการจดั การโรคขา้ วในระดบั มาก (คา่ เฉล่ีย = 3.81) วิธีการจดั การโรคขา้ วท่ี
เกษตรกรใหค้ วามสาคญั ไดแ้ ก่ การใชช้ ีวภณั ฑจ์ ากบาซลิ ลสั ซบั ทิลิส และไตรโคเดอร์มา การใชส้ ารเคมกี าจดั โรค
พืชฉีดพ่น และ การใชข้ า้ วพันธุ์ตา้ นทานโรค ปัญหาและการจัดการท่ีเกษตรกรใหค้ วามสาคัญระดบั มากท่ีสดุ
(คา่ เฉล่ยี = 4.47) ไดแ้ ก่ ดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม และส่ิงแวดลอ้ ม เชน่ ราคาขา้ วตกต่า แรงงานขาดแคลน เมลด็ พนั ธุ/์
ป๋ ยุ /สารเคมมี ีราคาสงู และความแปรปรวนของสภาพภมู อิ ากาศทาใหเ้ กิดการระบาดของโรคขา้ ว และปัญหาดา้ น
การสนบั สนนุ ในระดบั มาก (ค่าเฉล่ีย = 3.78) เช่น การสารวจและแจง้ เตือนการระบาดของศตั รูพืชอย่างต่อเน่ือง
และการมีส่อื เผยแพรค่ วามรูเ้ ก่ียวกบั การจดั การโรคขา้ วใหแ้ ก่เกษตรกรอย่างท่วั ถงึ

คาสาคัญ : โรคขา้ ว ขา้ วนาชลประทาน การจดั การโรค เขตหนองจอก

1 แขนงวชิ าการจดั การการเกษตร สาขาวิชาเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช นนทบรุ ี 11120
Department of Agricultural Management, School of Agriculture and Cooperatives, Sukhothai Thammathirat Open University,
Nonthaburi 11120
2 ศนู ยก์ ารเรยี นรูว้ ชิ าการเกษตรในเมอื ง สาขาวชิ าเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช นนทบรุ ี 11120
Urban Agriculture Learning Center, School of Agriculture and Cooperatives, Sukhothai Thammathirat Open University,
Nonthaburi 11120, Thailand

520

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

Abstract
The purpose of this research was to study rice disease management, types of rice disease
outbreaks, farmers' opinions on the importance of rice disease management, problems in rice
cultivation, and management by farmers in Nong Chok, Bangkok. This is exploratory research with 2,356
rice farmers in the Nong Chok area in the 2017/2018 planting year. The sample size was determined to
be 96 using Taro Yamane's formula at a 90% confidence level. Data were collected by using
questionnaires and analyzed by descriptive statistics. The results showed that 56.1% of farmers were
male, with an average age of 59.53 years, with an average planting area of 20.32 rai. The rice varieties
grown were RD. 47, RD.49, Phitsanulok 2, and Pathum Thani 1. Most farmers cultivated both in- and off-
season fields (85.4%). Most farmers, 43.75%, knew rice disease management at a high level. The most
common diseases in the rice fields were Dirty panicle disease and Brown spot disease (100%), Rice
blast disease (96.88%), Narrow brown spot disease (95.83%), and Bacterial leaf blight disease
(92.71%). The practice of rice disease management; 93.75% of farmers used chemical pesticides to
spray regularly, selection of clean rice seed (92.70%), regularly inspecting plots (77.08%). Farmers had
an opinion about the importance of rice disease management at a high level (mean = 3.81). Rice disease
management methods that were important to farmers were using bio-based products from Bacillus
subtilis and Trichoderma spp., chemical pesticide spraying, and the use of disease-resistant rice
varieties. Problems and management that farmers gave the most importance (mean = 4.47) were
economic, social, and environmental aspects such as declining rice prices, labor shortage, expensive
seeds/fertilizers/chemicals, climate variability leading to outbreaks of rice disease, support issues at a
high level (mean = 3.78), such as ongoing pest outbreak surveys and alerts. Availability of media to
thoroughly distribute knowledge about rice disease management to farmers.

Keywords: rice disease, irrigated rice, rice disease management, Nong Chok District
E-mail Address: [email protected]

521

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครั้งที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การจัดการการผลิตพรกิ ของกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่พรกิ
อาเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่

Chili Production Management for Collaborative Farm of Chili Farmer Group
in Nongmuangkhai District, Phrae Province

ศรไี สล อุปนันชยั 1 บณุ ฑรกิ า นนั ทา2 ปรชิ าติ ดษิ ฐกิจ2
Srisalai Upananchai1, Buntarika Nuntha2, and Parichat Dittakit2

บทคัดยอ่
การวิจัยครงั้ นีม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือการศึกษา (1) การจัดการการผลิตพริกของกลมุ่ เกษตรกรแปลงใหญ่พริก
อาเภอหนองมว่ งไข่ จงั หวดั แพร่ และ (2) แนวทางการจดั การการผลิตพริกคณุ ภาพของกลมุ่ เกษตรกรแปลงใหญ่พริก
เป็นการวิจยั เชิงปริมาณและคณุ ภาพ ประชากรท่ีใชใ้ นการวิจยั คือ เกษตรกรสมาชิกแปลงใหญ่พริกอาเภอหนองมว่ ง
ไข่ จ.แพร่ จดั ตงั้ ปี 2560 จานวน 56 ราย และผมู้ ีสว่ นเก่ียวขอ้ ง โดยใชแ้ บบสอบถามเก็บรวบรวมขอ้ มลู และการสนทนา
กล่มุ การวิเคราะหข์ อ้ มลู เชิงปริมาณดว้ ยสถิติเชิงพรรณนา ไดแ้ ก่ รอ้ ยละ และค่าเฉล่ีย และการวิเคราะหข์ อ้ มลู เชิง
คณุ ภาพดว้ ยการวิเคราะห์ SWOT และ TOWS Matrix ผลการวิจยั พบวา่ การจดั การการผลิตพริกของเกษตรกร ดา้ น
การจัดการพืน้ ท่ี เกษตรกร 96.4 % เลือกพืน้ ท่ีท่ีนา้ ไม่ท่วมขงั และมีการปลูกพืชหมนุ เวียน เกษตรกรทงั้ หมดใชพ้ ริก
พนั ธุห์ ยกสยาม เกษตรกร 74.5 % แช่เมลด็ พนั ธุก์ ่อนเพาะเมลด็ ในถาดเพาะ (92.9%) เกษตรกรมีการวิเคราะหค์ วาม
อุดมสมบูรณข์ องดิน (67.9%) และใชป้ ๋ ุยตามค่าวิเคราะหด์ ิน (57.1%) และทาแปลงกวา้ ง 1.2 เมตร ยาวตามขนาด
พืน้ ท่ี แปลงสงู 15-20 เซนติเมตร (75.0%) และเกษตรกรทงั้ หมดคลมุ แปลงดว้ ยพลาสติกคลมุ ดิน จากนนั้ ทาการยา้ ย
ปลูกระยะปลูก 30x40 เซนติเมตร เกษตรกรให้นา้ แบบระบบมินิสปริงเกอร์ (92.9%) ให้ป๋ ุยดว้ ยเคร่ืองหยอดป๋ ุย
(73.3%) และ.ใหธ้ าตอุ าหารรอง (98.2%) เกษตรกรมีการตดั แต่งก่ิงแขนงใตง้ ่ามแรก (62.5%) ป้องกนั กาจดั ศตั รูพืช
ดว้ ยสารเคมีและชีวภัณฑ์ (98.2%) และเก็บเก่ียวในระยะท่ีตลาดตอ้ งการ สาหรบั แนวทางการจดั การการผลิตพริก
คุณภาพของกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่พริก แบ่งออกเป็น 4 กลยุทธห์ ลกั คือ กลยุทธเ์ ชิงรุก การส่งเสริมและความ
ร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเกษตรกรดา้ นการผลิต ดา้ นความรู้ เทคโนโลยีและปัจจัยการผลิตแก่เกษตรกร
เป้าหมาย กลยทุ ธเ์ ชิงรบั ใหเ้ กษตรกรมีการแกไ้ ขปัญหาและแนวทางปฏิบตั ผิ ่านระบบการรวมกล่มุ กลยทุ ธเ์ ชิงพฒั นา
หน่วยงานภาครฐั เพ่ือการพฒั นาดา้ นการผลิต ตลาดและแหลง่ เงินทุน และกลยทุ ธเ์ ชิงพลกิ แพลงหน่วยงานภาครฐั ใน
การพฒั นาระบบการผลิตสเู่ กษตรนวตั กรรมควบคกู่ ารสรา้ งและพฒั นาเกษตรกรรุน่ ใหม่

คาสาคญั : การจดั การการผลิตพรกิ พรกิ คณุ ภาพ แปลงใหญ่พรกิ

1 นกั ศกึ ษาหลกั สตู รเกษตรศาสตรม์ หาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
Master of Agriculture (Agriculture Extension and Development), Sukhothai Thammathirat Open University
2 อาจารยป์ ระจาสาขาวชิ าเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
Lecturer, School of Agriculture Cooperative, Sukhothai Thammathirat Open University

522

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

Abstract
The objectives of this research were to study (1) the chili production management for collaborative
farm of chili farmer group in Nongmuangkhai District, Phrae Province and (2) process management in the
quality chili production management for collaborative farm of chili farmer group. The data were obtained from
farmers 56 members of collaborative farm of chili farmer group in Nongmuangkhai District, Phrae Province,
establish 2017 and stakeholder. The research data were collected by using a questionnaire, focus group,
SWOT Analysis and TOWS Matrix. The results showed that Farmer's chili production management. Farmers
choose non-flooding areas (96.4%). There is a crop rotation. All farmers used "Yok Siam" peppers. Farmer's
74.5% soaked the seeds before sowing them in trays (92.9%). Analyzed soil properties (67.9%) and
fertilizers applied were according to the soil analysis value (57.1%). Plot width 1.2 meters, length according
to the area size, and plot height 15-20 centimeters (75.0%). All farmers cover their plots with plastic mulch.
Then transplant the planting distance of 30x40 cm. Farmers used mini-sprinkler irrigation (92.9%),
fertilizing with fertilizer machine (73.3%), and added micronutrients (98.2%). Prune off small branches
under the prong (62.5%). Pests with chemical and biological control (98.2%) and chili fruit harvested by
the market are required. Guidelines for quality chili production management of large chili farmers groups
included four main strategies: proactive strategies are promotion and cooperation from government
agencies and farmers on production, knowledge, technology, and production factors for target farmers.
Passive strategies allow farmers to have solutions and guidelines through the integration system.
Development strategies for government agencies for the development of production Markets and sources
of funds. Strategic strategies for government agencies in developing an innovative agricultural production
system accompanied by creating and developing new generations of farmers.

Keywords: Chili Production Management, Quality Chili, Collaborative Farm of Chili
E-mail address: [email protected]

523

รายชือ่ คณะกรรมการฝ่ ายจัดสัมมนาและประชุมวชิ าการระดับชาติ ครั้งท่ี 18

คณะกรรมการฝ่ ายจัดสัมมนาและประชุมวิชาการ

ทปี่ รกึ ษา รองอธิการบดีวิทยาเขตกาแพงแสน

ประธานคณะอนุกรรมการ ผชู้ ่วยอธิการบดีฝ่ายการศกึ ษา วิทยาเขตกาแพงแสน

(ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ศภุ เดช สจุ ินพรหั ม)

รองประธานคณะอนุกรรมการ ผอู้ านวยการสานกั งานวิทยาเขตกาแพงแสน

(นายวิโรจน์ ทองสพุ รรณ)

อนุกรรมการและเลขานุการ ประธานคณะอนกุ รรมการ ฝ่ายเลขานกุ ารจดั ประชมุ วชิ าการและจดั ทา

วิทยาสาร (นายสมเกียรติ ไทยปรชี า)

อนุกรรมการและผู้ชว่ ยเลขานุการ นางสาวพรรณวภิ า โชคพิกลุ ทอง

นายนิรุทธ์ รวยรืน่

นางรุง้ นภา สนุ ทรศารทลู

นางสาวพรรณพนชั จนั หา

นายวรนารถ ศริ ธิ นศาสตร์

อนุกรรมการ ผชู้ ว่ ยอธิการบดีฝ่ายวิจยั นวตั กรรม และวเิ ทศสมั พนั ธ์ วิทยาเขตกาแพงแสน

(ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สกุ ญั ญา รตั นทบั ทิมทอง)

ประธานคณะอนกุ รรมการจดั ประชมุ วชิ าการ สาขาพืชและ

เทคโนโลยชี วี ภาพ (รองศาสตราจารย์ ดร.จินตนา อนั อาตมง์ าม)

ประธานคณะอนกุ รรมการจดั ประชมุ วิชาการ สาขาสตั วแ์ ละสตั วแพทย์

(หวั หนา้ ภาควิชาสตั วบาล คณะเกษตร กาแพงแสน)

ประธานคณะอนกุ รรมการจดั ประชมุ วชิ าการ สาขาวิศวกรรมศาสตร์

(รองศาสตราจารย์ ดร.ฐิตพิ งษ์ สถิรเมธีกลุ )

ประธานคณะอนกุ รรมการจดั ประชมุ วิชาการ สาขาศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั น

ศาสตร์ (ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.กลุ ธิดา นกุ ลู ธรรม)

ประธานคณะอนกุ รรมการจดั ประชมุ วิชาการ สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละ

สงั คมศาสตร์ (ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อนามยั ดาเนตร)

ประธานคณะอนกุ รรมการจดั ประชมุ วิชาการ สาขาวิทยาศาสตรส์ ขุ ภาพและ

การกีฬา (คณบดคี ณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา)

ประธานคณะอนกุ รรมการจดั ประชมุ วิชาการ สาขาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี

สิ่งแวดลอ้ ม และความหลากหลายทางชวี ภาพ

(ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พิเชษฐ อนรุ กั ษอ์ ดุ ม)

(1)

ประธานคณะอนกุ รรมการจดั ประชมุ วชิ าการ สาขาสง่ เสรมิ การเกษตร
(อาจารย์ ดร.คนงึ รตั น์ คามณี)
ประธานคณะอนกุ รรมการจดั ประชมุ วชิ าการ ฝ่ายประกวดผลงานทาง
วิชาการภาคโปสเตอร์ (นางสาวนิลบุ ล สขุ ภาพ)

คณะอนุกรรมการจดั การประชุมวชิ าการ สาขาพชื และเทคโนโลยชี ีวภาพ

ประธานคณะอนุกรรมการ รองศาสตราจารย์ ดร.จนิ ตนา อนั อาตมง์ าม

รองประธานคณะอนุกรรมการ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.นภาพร พนั ธกุ์ มลศลิ ป์

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ศภุ ธิดา อบั ดลุ ลากาซมิ

อนุกรรมการและเลขานุการ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อรอมุ า ตนะดลุ ย์

อนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ อาจารย์ ดร.นพพร จรูญชนม์

อาจารย์ ดร.กหุ ลาบ เหลา่ สาธิต

อนุกรรมการ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อญั มณี อาวชุ านนท์

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วชริ ญา อมิ่ สบาย

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยะณฎั ฐ์ ผกามาศ

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.รุง่ ทิพย์ มาศเมธาทิพย์

อาจารย์ ดร.ปวณี า ช่นื วารนิ

อาจารย์ ดร.ศิรพิ ร ดอนเหนือ

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พรทิพย์ เรือนปานนั ท์

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.จาเนียร ชมภู

อาจารย์ ดร.อญั ธิชา พรมเมอื งคกุ

อาจารยส์ ชุ าดา กรุณา

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อนรุ กั ษ์ อรญั ญนาค

อาจารย์ ดร.อญั ชนา สมุ าลยโ์ รจน์

ดร.ปณุ ยวีร์ เดชครอง

ดร.ชมนาถ เกดิ คง

ดร.ชาลินี คงสดุ

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ราตรี บญุ เรอื งรอด

คณะอนุกรรมการจัดประชุมวชิ าการ สาขาสัตวแ์ ละสตั วแพทย์

ทปี่ รกึ ษา คณบดคี ณะเกษตร กาแพงแสน

รองคณบดคี ณะสตั วแพทยศาสตร์ กาแพงแสน

ประธานคณะอนุกรรมการ หวั หนา้ ภาควิชาสตั วบาล คณะเกษตร กาแพงแสน

(2)

รองประธานคณะอนุกรรมการ (ศาสตราจารย์ ดร.สรุ ยิ ะ สะวานนท)์
อนุกรรมการและเลขานุการ ผชู้ ่วยคณบดีฝ่ายวิจยั กาแพงแสน คณะสตั วแพทยศาสตร์
อนุกรรมการและผูช้ ่วยเลขานุการ (ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ นายสตั วแพทย์ ดร.มานะกร สขุ มาก)
นางภคอร อคั รมธุรากลุ
อนุกรรมการ นางสาวทสั นนั ทน์ หงสะพกั
นางสาวรตั ติกานต์ คงแจ่ม
วา่ ท่รี อ้ ยตรีหญิง จรสั พิมพ์ ทรงประเสรฐิ
รองศาสตราจารย์ ดร.ยวุ เรศ เรอื งพานชิ
รองศาสตราจารย์ สตั วแพทยห์ ญิง ดร.วราภรณ์ อ่วมอา่ ม
รองศาสตราจารย์ นายสตั วแพทย์ ดร.ธีระ รกั ความสขุ
รองศาสตราจารย์ นายสตั วแพทย์ อดิศร ยะวงศา
รองศาสตราจารย์ นายสตั วแพทย์ ดร.พพิ ฒั น์ อรุณวภิ าส
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ นายสตั วแพทย์ ดร.สมชยั สจั จาพทิ กั ษ์
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ นายสตั วแพทย์ ดร.เฉลมิ เกียรติ แสงทองพนิ จิ
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ สตั วแพทยห์ ญิง ดร.วราพร พมิ พป์ ระไพ
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ สตั วแพทยห์ ญิง ดร.ขนษิ ฐา เพชรอดุ มสนิ สขุ
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปรีดา เลศิ วชั ระสารกลุ
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วริ าวรรณ นชุ นารถ
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อรประพนั ธ์ สง่ เสรมิ
อาจารย์ นายสตั วแพทย์ ดร.นติ พิ งศ์ หอมวงษ์
อาจารย์ สตั วแพทยห์ ญิง ดร.นวลอนงค์ สินวตั
อาจารย์ ดร.ศิรริ ตั น์ บวั ผนั
อาจารย์ ดร.ขนุ พล พงษม์ ณี
อาจารย์ ดร.ภมู พงศ์ บญุ แสน
อาจารย์ ดร.สรุ พนั ธ์ จิตวริ ยิ นนท์
อาจารย์ ดร.สธุ ิษา มาเจรญิ
อาจารย์ ดร.วนั วสิ า ชมุ่ เงิน
อาจารย์ ดร.สาทิต ฉตั รชยั พนั ธ์
อาจารย์ ดร.อคั รศิริ แสงสว่าง
นางรพีพรรณ มสี งา่
รองศาสตราจารย์ ดร.ศกร คณุ วฒุ ฤิ ทธิรณ
รองศาสตราจารย์ ดร.ศภุ มิตร เมฆฉาย
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ นายสตั วแพทย์ ดร.ปรวิ รรต พลู เพ่มิ

(3)

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ธนาทพิ ย์ สวุ รรณโสภี
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อจั ฉรา ขยนั
อาจารย์ ดร.ดนยั จตั วา
นายเมธี สกุ ลุ ธนาศร
นายวีระ วิวติ รกลุ
นายศขิ ณั ฑ์ พงษพ์ พิ ฒั น์
นายสรุ ชยั เป่ียมคลา้
นายสมศกั ด์ิ ฤทธิ์จรุง

คณะอนุกรรมการจดั ประชุมวชิ าการ สาขาวศิ วกรรมศาสตร์

ทปี่ รกึ ษา คณบดคี ณะวิศวกรรมศาสตร์ กาแพงแสน

ประธานคณะอนุกรรมการ รองศาสตราจารย์ ดร.ฐิตพิ งษ์ สถริ เมธีกลุ

รองประธานคณะอนุกรรมการ รองศาสตราจารย์ ดร.อนพุ นั ธ์ เทอดวงศว์ รกลุ

อนุกรรมการและเลขานุการ นางสาวอรุณี สขุ ศรี

อนุกรรมการและผู้ชว่ ยเลขานุการ นางสาวปิยวรรณ จนั ทรส์ ี

นางสาวปฐมาภรณ์ อ่นุ เรือน

อนุกรรมการ ศาสตราจารย์ ดร.รงั สนิ ี โสธรวทิ ย์

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วษิ ุวฒั ก์ แตส้ มบตั ิ

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.การนั ต์ คลา้ ยฉ่า

รองศาสตราจารยก์ นั ตธ์ กรณ์ เขาทอง

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ภทั รพงษ์ ภาคภมู ิ

อาจารยน์ งลกั ษณ์ เลก็ รุง่ เรืองกจิ

คณะอนุกรรมการจดั ประชุมวิชาการ สาขาศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์

ทปี่ รึกษา คณบดีคณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์

ประธานคณะอนุกรรมการ รองคณบดฝี ่ายวชิ าการและวิเทศสมั พนั ธ์

คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์

รองประธานคณะอนุกรรมการ รองคณบดฝี ่ายบรหิ าร คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์

รองคณบดีฝ่ายวจิ ยั และบรกิ ารวชิ าการ คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์

รองคณบดฝี ่ายกิจการนสิ ติ คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์

อนุกรรมการและเลขานุการ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พินดา วราสนุ นั ท์

อนุกรรมการและผู้ชว่ ยเลขานุการ นางสาวศริ สิ ดุ า ศิรโิ ชตมิ งคล

นางสาวตามดาว ศรีพระราม

(4)

อนุกรรมการ นางสาวชลธิชา แซเ่ จง็
นายกวิน โบสวุ รรณ์
นางสาวกนั ทมิ า กาญจนสิทธิ์
หวั หนา้ ภาควชิ าการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยแ์ ละชมุ ชน
คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์
หวั หนา้ ภาควิชาครุศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์
หวั หนา้ ภาควิชาพลศกึ ษาและกีฬา คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์
ผอู้ านวยการโรงเรียนสาธิตแหง่ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
วทิ ยาเขตกาแพงแสน ศนู ยว์ ิจยั และพฒั นาการศกึ ษา
หวั หนา้ สานกั งานเลขานกุ าร คณะศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์

คณะอนุกรรมการจดั ประชุมวิชาการ สาขามนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์

ประธานคณะอนุกรรมการ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อนามยั ดาเนตร

อนุกรรมการและเลขานุการ อาจารย์ ดร.ดนพุ ล แสงนาค

อนุกรรมการและผู้ชว่ ยเลขานุการ อาจารย์ ดร.ชนญั ญู ตินตะบรุ ะ

นางสาวกรรณิการ์ สขุ ีวงศ์

นายพลวฒั น์ อนิ ทรโ์ อสถ

อนุกรรมการ อาจารยก์ ฤษณ์ เลีย้ งพนั ธุ์

อาจารย์ ดร.จนั ทรเ์ มธา ศรรี กั ษา

อาจารย์ ดร.ณภทั ร สาราญราษฎร์

อาจารยส์ นุ ทรตั ร์ แสงงาม

อาจารยบ์ รสิ ทุ ธิ์ แสนคา

นางสาวเขวิกา สขุ เอ่ยี ม

อาจารย์ ดร.นชุ ประวณี ์ ลขิ ติ ศรณั ย์

อาจารย์ ดร.ศศุ ราภรณ์ แตง่ ตงั้ ลา

อาจารย์ ดร.อภิญญา สพุ ชิ ญ์

อาจารย์ ดร.อรยิ า พงษพ์ านชิ

อาจารย์ ดร.มานะศลิ ป์ ศรทนงค์

อาจารยป์ ฤณพร บญุ รงั ษี

อาจารยน์ ิรมล ขวาของ

อาจารยเ์ ชิญขวญั แซโ่ ซว

อาจารยน์ ติ กิ ร ฤทธิโคตร

อาจารยน์ จุ นาถ นรนิ ทร์

(5)

อาจารยว์ ฒุ ิ อาพนั ธ์
อาจารยส์ วุ มิ ล จนั โททยั
อาจารย์ ดร.อญั ชิษฐา ภอู ดุ ม
อาจารยพ์ งศก์ ฤต นนั ทนากรณ์
อาจารยก์ าญจนาภา อนิ ทรจกั ร์
Mr.Clement Robles Bana
นางสาวจนั ทรเ์ พญ็ เทพพทิ กั ษ์
นายชยั ธวชั ขนั ทอง
นายโชคอนนั ต์ นาคใหม่
นางสาวฐนิตา ไชยสวุ รรณ์
นายนนั ทชยั บญุ ศรที อง
นายปราบ สระทองอ่อน
นางสาวปณุ ญภา นาคแสนพญา
นายพงษพ์ ิสิทธิ์ อมรพงษไ์ พศาล
นางสาวรงั สยิ า ทองผดุ
นางสาวลกั ษิกา เอ่ยี มใจดี
นางวภิ าดา ขนุ พิทกั ษ์
นายศภุ ณฐั รูปเลก็
นางสาวสริ พิ ร โสดา
นายวิบลู ย์ ชะมอ้ ย

คณะอนุกรรมการจดั ประชุมวิชาการ สาขาวิทยาศาสตรส์ ุขภาพและการกีฬา

ประธานคณะอนุกรรมการ คณบดคี ณะวิทยาศาสตรก์ ารกีฬา

รองประธานคณะอนุกรรมการ รกั ษาการแทนรองคณบดีฝ่ายวิชาการ และพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา

อนุกรรมการและเลขานุการ หวั หนา้ สานกั งานเลขานกุ าร

อนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ นางสาวพรทพิ ย์ สงั ขก์ ลิ่นหอม

อนุกรรมการ รองคณบดฝี ่ายบรกิ ารวชิ าการและพฒั นาธรุ กจิ

รองคณบดฝี ่ายพฒั นานสิ ติ

หวั หนา้ ภาควิชาวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬาและสขุ ภาพ

หวั หนา้ ภาควิชาการจดั การการกีฬา

หวั หนา้ ภาควชิ าวิทยาศาสตรก์ ารฟื้นฟแู ละการเคลอ่ื นไหว

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.กภ.อรอมุ า บณุ ยารมย์

อาจารย์ ดร.อาพร ศรยี าภยั

(6)

อาจารย์ ดร.สรายทุ ธ์ นอ้ ยเกษม
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วมิ ลมาศ ประชากลุ
อาจารยส์ มภิยา สมถวิล
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พรพล พมิ พาพร
ว่าท่รี อ้ ยตรี ดร.อานวย ตนั พานิชย์
อาจารย์ ดร.สรุ สั วดี สมนกึ
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.จตพุ ร เพ่ิมทรพั ยท์ วี
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ภวู นารถ ศรีทน
อาจารย์ ดร.ปิยาภรณ์ ตมุ้ นาค
อาจารยศ์ วิ ะ ลยี วฒั นานพุ งศ์
อาจารย์ ดร.พรชยั ตรสั ใจธรรม
Dr. An Uesugi
นางสาวกนกวรรณ ขดั โพธิ์
นางสาวดลนภา การกั ษ์
นางสาวธณาภรณ์ สนุ ทรธรรม
นางสาวปรษิ า เซีย่ งฉิน
นางสาวพชั รากร กาแพงสมบรู ณ์
นางสาวศรีสดุ า แซ่ตงั้
นางสาวอรญั ญา สดภิบาล
นางสาวฐิติรตั น์ หนนู อ้ ย
นายทนงศกั ด์ิ จอ้ ยรอ่ ย
นายจริ ภาศกรณ์ ศรปี ่ินเปา้
นายวรวิทย์ พ่มุ แพง
นางสาวชญาภา ศิบญุ นนั ท์
นายจรี ะพนั ธ์ มะโนรมณ์

คณะอนุกรรมการจัดประชุมวชิ าการ สาขาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยสี ิ่งแวดลอ้ ม และความหลากหลาย

ทางชวี ภาพ

ประธานคณะอนุกรรมการ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พเิ ชษฐ อนรุ กั ษอ์ ดุ ม

อนุกรรมการและเลขานุการ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วรี มลล์ ไวลิขติ

อนุกรรมการและผู้ชว่ ยเลขานุการ ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิรประภา เปรมเจรญิ

นายอดิศร วงษย์ ะรา

อนุกรรมการ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พรมิ า พิรยิ างกรู

(7)

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ฤดรี ตั น์ สนั ตะโก
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สนุ ทรี แสงจนั ทร์
รองศาสตราจารย์ ดร.อฐั สิษฐ์ ทบั ทิมแท้
รองศาสตราจารย์ ดร.พงศร์ ะวี น่มิ นอ้ ย
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อารีย์ อนิ ทรน์ วล
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.บญุ เดช เบกิ ฟ้า
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วเิ นตร แสนหาญ
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สจุ ิตรา แสนหาญ
รองศาสตราจารย์ ดร.จิระศกั ด์ิ มงคลเคหา
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สนุ นั ท์ ทพิ ยท์ ิพากร

คณะอนุกรรมการจัดประชุมวิชาการ สาขาส่งเสริมการเกษตร

ประธานคณะอนุกรรมการ อาจารย์ ดร.คนึงรตั น์ คามณี

อนุกรรมการและเลขานุการ อาจารยส์ ชุ รี า มาตยภธู ร

อนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ อาจารยส์ เุ มธ ชยั ไธสง

อาจารย์ ดร.ดนชิดา วาทนิ พฒุ พิ ร

นางสาวกมลวนั ท์ หว้ ยหงษท์ อง

อนุกรรมการ รองศาสตราจารย์ ดร.พนั ธจ์ ติ ต์ สีเหน่ยี ง

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.รพี ดอกไมเ้ ทศ

ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.เชดิ พงษ์ ขรี ะจิตต์

อาจารย์ ดร.เกษมสนั ต์ สกลุ รตั น์

อาจารย์ ดร.จริ ฐั ินาฏ ถงั เงนิ

อาจารย์ ดร.พิมลวรรณ เกตพนั ธ์

ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เสนธยา สาเภาทอง

นายไพบลู ย์ ชนั้ เจรญิ ศรี

นางเกต จนิ ดาวงค์

คณะอนุกรรมการฝ่ ายประกวด ภาคโปสเตอร์

ทปี่ รกึ ษา นางสาวกนั ยารตั น์ เช่ียวเวช

ประธานคณะอนุกรรมการ นางสาวนิลบุ ล สขุ ภาพ

อนุกรรมการและเลขานุการ นางสาววรฏิ ฐา ทองสมทุ ร

อนุกรรมการและผชู้ ่วยเลขานุการ นางสาววรารตั น์ ณรงคว์ งศว์ ฒั นา

อนุกรรมการ รองศาสตราจารย์ ดร.อดลุ ย์ อภนิ นั ทร์

(8)

รองศาสตราจารยป์ รทิ รรศน์ นฤทมุ
รองศาสตราจารย์ ดร.ชชั รี นฤทมุ
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วรรณี เนียมหอม
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อรประพนั ธ์ สง่ เสรมิ
อาจารย์ ดร.เกษมสนั ต์ สกลุ รตั น์
ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.รพี ดอกไมเ้ ทศ
นางรชั นี จารุสนั ต์
นางสาวนพพร เลศิ ประเสรฐิ

คณะอนุกรรมการฝ่ ายเลขานุการและจดั ทาวทิ ยาสาร

ประธานคณะอนุกรรมการ ผอู้ านวยการกองบรหิ ารการศกึ ษา

อนุกรรมการและเลขานุการ นางสาวพรรณวิภา โชคพิกลุ ทอง

อนุกรรมการและผ้ชู ว่ ยเลขานุการ นางรุง้ นภา สนุ ทรศารทลู

นางสาวพรรณพนชั จนั หา

นายนิรุทธ์ รวยร่นื

นางสาวปารณีย์ เชียงกา

อนุกรรมการ เลขานกุ ารอนกุ รรมการจดั ประชมุ วิชาการ สาขาพืชและเทคโนโลยีชีวภาพ

เลขานกุ ารอนกุ รรมการจดั ประชมุ วิชาการ สาขาสตั วแ์ ละสตั วแพทย์

เลขานกุ ารอนกุ รรมการจดั ประชมุ วิชาการ สาขาวศิ วกรรมศาสตร์

เลขานกุ ารอนกุ รรมการจดั ประชมุ วชิ าการ สาขาศกึ ษาศาสตรแ์ ละพฒั นศาสตร์

เลขานกุ ารอนกุ รรมการจดั ประชมุ วชิ าการ สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์

เลขานกุ ารอนกุ รรมการจดั ประชมุ วิชาการ สาขาวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพและการกีฬา

เลขานกุ ารอนกุ รรมการจดั ประชมุ วิชาการิ สาขาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี

สิ่งแวดลอ้ ม และความหลากหลายทางชวี ภาพ

เลขานกุ ารอนกุ รรมการจดั ประชมุ วชิ าการ สาขาสง่ เสรมิ การเกษตร

เลขานกุ ารอนกุ รรมการฝ่ายประกวดผลงานภาคโปสเตอร์

นายพลั ลภ สวุ รรณฤกษ์

นางพรรวินท์ จนั ทรค์ ลองใหม่

นางสาวเพ็ญนภา ทา้ วสมิ มา

นางสาวสารศิ า หนเู อ่ยี ม

นางสาวปรยี านชุ พมิ สน

นางสาวนภาภรณ์ ฉตั รมณีรุง่ เจรญิ

นางสาววารนิ ทร์ พนั ยโุ ดด

(9)

นางสาววิจติ รา เรณแู ยม้
นางสาวขวญั นภา เมฆอรุณ
นางสาวพนชั กร แช่มชอ้ ย
นางสรรคว์ รา โมกขะสมิต
นายวรวรรษ อนิ ทรวนชิ
นายวรนารถ ศริ ธิ นศาสตร์
นางสาวกติ มิ า สขุ ดี

(10)

รายช่ือผู้ทรงคุณวุฒใิ นการจัดประชุมวชิ าการระดบั ชาติ ครั้งที่ 18

ผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาพชื และเทคโนโลยชี วี ภาพ

ผู้ทรงคุณวุฒภิ ายใน 21. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วชิรญา อิม่ สบาย
1. รองศาสตราจารย์ ดร.นนั ทศกั ดิ์ ป่ินแกว้

2. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.มณฑาทิพย์ คงมี 22. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปิยะณฎั ฐ์ ผกามาศ

3. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.รุง่ ทิพย์ มาศเมธาทิพย์ 23. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เกรยี งศกั ดิ์ ไทยพงษ์

4. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ธวชั ชยั อินทรบ์ ญุ ชว่ ย 24. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ศภุ ธิดา อบั ดลุ ลากาซิม

5. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ชยั สทิ ธิ์ ทองจู 25. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วรรณวิไล อนิ ทนู

6. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ศภุ ชยั อาคา 26. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สจุ นิ ต์ ภทั รภวู ดล

7. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.นภาพร พนั ธกุ์ มลศลิ ป์ 27. รองศาสตราจารย์ ดร.จนิ ตนา อนั อาตมง์ าม

8. รองศาสตราจารย์ ดร.สนธิชยั จนั ทรเ์ ปรม 28. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พรทพิ ย์ เรือนปานนั ท์

9. รองศาสตราจารย์ ดร.ทศพล พรพรหม 29. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.จาเนียร ชมภู

10. รองศาสตราจารย์ ดร.ชศู กั ดิ์ จอมพกุ 30. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อนรุ กั ษ์ อรญั ญนาค

11. รองศาสตราจารย์ ดร.ชเนษฎ์ มา้ ลาพอง 31. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.จฑุ ามาศ รม่ แกว้

12. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พรศิริ เลยี้ งสกลุ 32. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.นรุณ วรามิตร

13. รองศาสตราจารย์ ดร.ประกิจ สมทา่ 33. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ราตรี บญุ เรอื งรอด

14. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อรอมุ า ตนะดลุ ย์ 34. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ภาสนั ต์ ศารทลู ทตั

15. รองศาสตราจารย์ ดร.ศวิ เรศ อารกี ิจ 35. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สิรนิ ภา ช่วงโอภาส

16. ศาสตราจารย์ ดร.จรงิ แท้ ศริ พิ านิช 36. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วรี ะพนั ธุ์ สรดี อกจนั ทร์

17. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.เสรมิ ศริ ิ จนั ทรเ์ ปรม 37. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.บบุ ผา คงสมยั

18. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อญั มณี อาวชุ านนท์ 38. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.หทยั รตั น์ โชคทวพี าณิชย์

19. รองศาสตราจารย์ ดร.วชิ ยั โฆสิตรตั น 39. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ลพ ภวภตู านนท์

20. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.คทั ลยี า ฉตั รเ์ ท่ียง

ผู้ทรงคุณวุฒภิ ายนอก 42. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ลดาวลั ย์ เลิศเลอวงศ์
1. รองศาสตราจารย์ ดร.อวบ สารถอ้ ย 43. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ณฐั ชยั พงษป์ ระเสรฐิ
2. ศาสตราจารยเ์ กียรติคณุ ดร.ทิพยว์ ดี อรรถธรรม 44. ดร.เสาวนี เขตสกลุ
3. ศาสตราจารย์ ดร.ยพุ า หาญบญุ ทรง 45. ศาสตราจารยเ์ กียรติคณุ ดร.สพุ ฒั น์ อรรถธรรม
4. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อไุ รวรรณ นิลเพ็ชร์ 46. ศาสตราจารย์ ดร.ชยั วฒั น์ โตอนนั ต์
5. รองศาสตราจารย์ ดร.นชุ รยี ์ ศิริ 47. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พิสสวรรณ เจียมสมบตั ิ
6. รองศาสตราจารย์ ดร.อรญั งามผ่องใส 48. ดร.ปิยรตั น์ ธรรมกิจวฒั น์
7. รองศาสตราจารย์ ดร.วรี ะเทพ พงษป์ ระเสรฐิ 49. ดร.พรพมิ ล อธิปัญญาคม
8. ดร.พฤทธิชาติ บญุ วฒั โท

[12]

9. ดร.ยวุ รนิ ทร์ บญุ ทบ 50. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.กญั จนา แซเ่ ตียว
10. ศาสตราจารยเ์ กียรตคิ ณุ ดร.ปิยะ ดวงพตั รา 51. รองศาสตราจารย์ ดร.พงษน์ าถ นาถวรานนั ต์
11. ศาสตราจารยเ์ กียรตคิ ณุ ดร.อานาจ สวุ รรณฤทธิ์ 52. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.กลุ นาถ อบสวุ รรณ
12. รองศาสตราจารย์ ดร.สมุ ติ รา ภวู่ โรดม 53. ดร.รศั มี ฐิตเิ กียรติพงศ์
13. รองศาสตราจารย์ ดร.อรุณศริ ิ กาลงั 54. รองศาสตราจารย์ ดร.วารนิ อนิ ทนา
14. รองศาสตราจารย์ ดร.อภศิ กั ดิ์ โพธิ์ปั้น 55. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.นงลกั ษณ์ เภรนิ ทวงศ์
15. ศาสตราจารย์ ดร.ปัทมา วิตยากร แรมโบ 56. รองศาสตราจารย์ ดร.ยงยทุ ธ โอสถสภา
16. รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา ตรโี ลเกศ 57. รองศาสตราจารย์ ดร.เยาวพา จิระเกียรติกลุ
17. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปฏภิ าณ สทุ ธิกลุ บตุ ร 58. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.กนกพร บญุ ญะอตชิ าติ
18. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สทุ ศิ า ชยั กลุ 59. ดร.ณฎั ฐิมา โฆษิตเจรญิ กลุ
19. ศาสตราจารยเ์ กียรตคิ ณุ ดร.พีระศกั ดิ์ ศรนี ิเวศน์ 60. ดร.ปิยนชุ ศรชยั
20. รองศาสตราจารย์ ดร.รงั สฤษดิ์ กาวตี ะ๊ 61. รองศาสตราจารย์ ดร.สมคั ร แกว้ สกุ แสง
21. ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง เตชะโต 62. ดร.สพุ รรณิกา อินตะ๊ นนท์
22. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.จริ วฒั น์ สนิทชน 63. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศกั ดิ์ ครามโชติ
23. รองศาสตราจารย์ ดร.กติ ติ บญุ เลิศนิรนั ดร์ 64. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พชั รนิ สง่ ศรี
24. รองศาสตราจารย์ ดร.สชุ าดา บญุ เลศิ นิรนั ดร์ 65. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปัทมา ศรนี า้ เงิน
25. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สงวนศกั ดิ์ ธนาพรพนู พงษ์ 66. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สนั ตไิ มตรี กอ้ นคาดี
26. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อรประภา เทพศิลปวสิ ทุ ธิ์ 67. รองศาสตราจารย์ ดร. คณุ เดช สรุ หิ าร
27. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อภริ ฐั บณั ฑติ 68. ดร.ภาณพุ ล หงษภ์ กั ดี
28. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สมพงศ์ จนั ทรแ์ กว้ 69. ดร.ชวนพิศ อรุณรงั สกิ ลุ
29. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พิษณุ แกว้ ตะพาน 70. ดร.นิอร งามฮยุ
30. อาจารย์ ดร.ปัทมา หาญนอก 71. รองศาสตราจารย์ ดร.งามช่ืน รตั นดลิ ก
31. อาจารย์ ดร.จกั รพงษ์ กางโสภา 72. รองศาสตราจารย์ ดร.จริ ะเดช แจม่ สวา่ ง
32. รองศาสตราจารย์ ดร.วชั รนิ ทร์ ซนุ้ สวุ รรณ 73. รองศาสตราจารย์ ดร.ณกรณ์ จงรงั้ กลาง
33. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.นาตยามนตรี 74. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เยาวภา สขุ พรมา
34. อาจารย์ ดร.ปิยะพร พนั ธุศ์ กั ดิ์ 75. ดร.รุง่ รตั น์ แซห่ ยาง
35. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ทินน์ พรหมโชติ 76. ดร.กนกกาญจน์ กาญจนรตั น์
36. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ศิวราพร ธรรมดี 77. ดร.นชุ นารถ ตงั้ จิตสมคิด
37. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ฉนั ทลกั ษณ์ ตรยิ านนั ท์ 78. ดร.ปารชิ าติ เบริ น์
38. รองศาสตราจารยธ์ ญั พสิ ษิ ฐ์ พวงจิก 79. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วิสทุ ธิ์ วีรสาร
39. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ลาแพน ขวญั พลู 80. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สายชล สขุ ญาณกิจ
40. รองศาสตราจารย์ ดร.สภุ ทั ร์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา 81. รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษณา กฤษณพกุ ต์
41. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณพุ ล หงสภ์ กั ดี
82. รองศาสตราจารย์ ดร.ธงชยั มาลา

[13]

ผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาสัตวแ์ ละสัตวแพทย์

ผู้ทรงคุณวุฒภิ ายใน 23. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.สมชยั สจั จาพทิ กั ษ์
1. ศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.ทวศี กั ดิ์สง่ เสรมิ

2. ศาสตราจารย์สตั วแพทยห์ ญิงดร.พรทพิ ภาเลก็ เจรญิ สขุ 24. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.สเุ จตน์ช่ืนชม

3. ศาสตราจารย์ดร.ชยั ภมู ิ บญั ชาศกั ดิ์ 25. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์สตั วแพทยห์ ญิงดร.จนั ทรจ์ ริ าภวภตู านนท์

4. รองศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.พิพฒั น์อรุณวิภาส 26. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์สตั วแพทยห์ ญิงดร.วราพรพมิ พป์ ระไพ

5. รองศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.ธีระรกั ความสขุ 27. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์สตั วแพทยห์ ญิงดร.สริ ริ ตั น์นิยม

6. รองศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.ธีระพลศิรนิ ฤมิตร 28. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์สตั วแพทยห์ ญิงดร.วนั ดี เท่ียงธรรม

7. รองศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.วิศณุบญุ ญาวิวฒั น์ 29. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ดร.ฉตั รชยั จนั ทรส์ มบรู ณ์

8. รองศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.อนชุ ยั ภิญโญภมู ิมินทร์ 30. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ดร.ธีรวทิ ย์เป่ยคาภา

9. รองศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์อดิศรยะวงศา 31. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ดร.ปรีดา เลิศวชั ระสารกลุ

10. รองศาสตราจารย์สตั วแพทยห์ ญิงดร.ปฐมาพรเอมะวศิ ษิ ฏ์ 32. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ดร.พงศธ์ รคงม่นั

11. รองศาสตราจารย์สตั วแพทยห์ ญิงดร.สณุ ี คณุ ากรสวสั ดิ์ 33. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ดร.วริ าวรรณ นชุ นารถ

12. รองศาสตราจารย์สตั วแพทยห์ ญิงดร.สนุ ทรี เพช็ รดี 34. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ดร.ศศธิ รนาคทอง

13. รองศาสตราจารย์สตั วแพทยห์ ญิงดร.วราภรณ์อว่ มอา่ ม 35. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ดร.สกุ ญั ญารตั นทบั ทมิ ทอง

14. รองศาสตราจารย์สตั วแพทยห์ ญิงสวุ ชิ าเกษมสวุ รรณ 36. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ดร.อรประพนั ธ์สง่ เสรมิ

15. รองศาสตราจารย์ดร.ศกรคณุ วฒุ ฤิ ทธิรณ 37. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ดร.พงศเ์ชฏฐ์ พิชิตกลุ

16. รองศาสตราจารย์ดร.สรุ ยิ ะ สะวานนท์ 38. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ดร.เรืองวชิ ญ์ยนุ้ พนั ธ์

17. รองศาสตราจารย์ดร.พรรณวดี โสพรรณรตั น์ 39. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ดร.อสิ รยิ าวฒุ สิ นิ ธุ์

18. รองศาสตราจารย์ดร.ยวุ เรศเรอื งพานิช 40. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์สมหมายเจนกิจการ

19. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.กญั จน์แกว้ มงคล 41. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ดร.ธนาทพิ ย์สวุ รรณโสภี

20. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.เกรียงไกรวิฑรู ยเ์สถียร 42. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ดร.อจั ฉราขยนั

21. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.เฉลมิ เกียรติ แสงทองพนิ ิจ 43. อาจารย์ดร.ดนยั จตั วา

22. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์นายสตั วแพทย์ดร.ไชยยนั ต์เกษรดอกบวั 44. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ดร.ประพนั ธศ์ กั ดิ์ ศีรษะภมู ิ

ผู้ทรงคุณวุฒภิ ายนอก 24. รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎา อสิ เหาะ
1. ศาสตราจารย์ ดร.มนตช์ ยั ดวงจนิ ดา 25. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์สตั วแพทยห์ ญิงดร.สปุ ราณี จติ รเพยี ร
2. ศาสตราจารย์ ดร.สญั ชยั จตรุ สทิ ธา 26. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.จนั ทรพ์ ร เจา้ ทรพั ย์
3. ศาสตราจารย์ ดร.วโิ รจน์ ภทั รจนิ ดา 27. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.นลินี อ่ิมบญุ ตา
4. รองศาสตราจารย์ นายสตั วแพทย์ ดร.นิวตั ร จนั ทรศ์ ริ พิ รชยั 28. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.นนั ทนา ช่วยชวู งศ์
5. รองศาสตราจารย์ ดร.กานต์ สขุ สแุ พทย์ 29. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ภทั ราพร ภมุ รนิ ทร์
6. รองศาสตราจารย์ ดร.เกียรติศกั ดิ์ สรอ้ ยสวุ รรณ 30. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เลอชาติ บญุ เอก
7. รองศาสตราจารย์ ดร.จฑุ ารตั น์ เศรษฐกลุ

[14]

8. รองศาสตราจารย์ ดร.จรี ะชยั กาญจนพฤฒพิ งศ์ 31. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วิทธวชั โมฬี
9. รองศาสตราจารย์ ดร.ฉลอง วชิรภากร 32. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิรภิ าวี เจรญิ วฒั นศกั ดิ์
10. รองศาสตราจารย์ ดร.ญาณิน โอภาสพฒั นกจิ 33. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.หทยั รตั น์ พลายมาศ
11. รองศาสตราจารย์ ดร.เทวินทร์ วงษพ์ ระลบั 34. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สิรนิ ทรพ์ ร สนิ ธุวณิชย์
12. รองศาสตราจารย์ ดร.เนรมิตร สขุ มณี 35. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.นิสรา กจิ เจรญิ
13. รองศาสตราจารย์ ดร.ปราโมทย์ แพงคา 36. ดร.ภคกลุ สงั ขส์ รุ ยิ ะ
14. รองศาสตราจารย์ ดร.ป่ิน จนั จฬุ า 37. รองศาสตราจารย์ ดร.ชยั ณรงค์ คนั ธพนิต
15. รองศาสตราจารย์ ดร.พิพฒั น์ สมภาร 38. รองศาสตราจารย์ ดร.ศภุ มิตร เมฆฉาย
16. รองศาสตราจารย์ ดร.รณชยั สิทธิไกรพงษ์ 39. รองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ ประสานพานิช
17. รองศาสตราจารย์ ดร.วาณี ชยั วฒั นสิน 40. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ นายสตั วแพทย์ ดร.ปรวิ รรต พลู เพิม่
18. รองศาสตราจารย์ ดร.วริ ชั จ๋วิ แหยม 41. อาจารย์ ดร.ระพีพงษ์ พานิวิวรรธน์
19. รองศาสตราจารย์ ดร.อมรรตั น์ โมฬี 42. สตั วแพทยห์ ญิง คชาภรณ์ เต็มยอด
20. รองศาสตราจารย์ ดร.อาณตั ิ จนั ทรถ์ ิระติกลุ 43. สตั วแพทยห์ ญิง มนทกานติ์ จริ ะธนั ห์
21. รองศาสตราจารย์ ดร.อทุ ยั คนั โธ 44. นายชยานนท์ กฤตยาเชวง
22. รองศาสตราจารย์ ดร.นวลจนั ทร์พารกั ษา 45. นายสารกิจ ถวลิ ประวตั ิ
23. รองศาสตราจารย์ ดร.คมแข พลิ าสมบตั ิ

ผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาวศิ วกรรมศาสตร์

ผู้ทรงคุณวุฒภิ ายใน

1. รองศาสตราจารย์ ดร.อนพุ นั ธ์ เทอดวงศว์ รกลุ 33. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.นิภาวรรณ กลุ สวุ รรณ

2. รองศาสตราจารย์ ดร.ประเทือง อษุ าบรสิ ทุ ธิ์ 34. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.นที อธิกคณุ ากร

3. รองศาสตราจารย์ ดร.ศิวลกั ษณ์ ปฐวีรตั น์ 35. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ชารนิ ี ลมิ้ สวสั ดิ์

4. รองศาสตราจารย์ ดร.วชั รพล ชยประเสรฐิ 36. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.การนั ต์ คลา้ ยฉ่า

5. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วนั รฐั อบั ดลุ ลากาซมิ 37. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ กฤษณะ จนั ทรโชติ

6. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พมิ พพ์ รรณ ปรืองาม 38. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ บรรพต กลุ สวุ รรณ

7. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.สิรนิ าฏ นอ้ ยพิทกั ษ์ 39. รองศาสตราจารย์ กนั ตธ์ กรณ์ เขาทอง

8. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อาทติ ย์ พวงสมบตั ิ 40. รองศาสตราจารย์ ดร.เบญญา กสานติกลุ

9. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.แกว้ กานต์ พวงสมบตั ิ 41. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรีดา ปรากฏมาก

10. รองศาสตราจารย์ ดร.บญั ชา ขวญั ยืน 42. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ณฐั ดนยั ตณั ฑวิรุฬห์

11. รองศาสตราจารย์ ดร.เอกสทิ ธิ์ โฆสติ สกลุ ชยั 43. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ธนา ชีพสมทรง

12. รองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย ดอนเจดีย์ 44. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ชนมน จนั ทนา

13. รองศาสตราจารย์ ดร.ชยั ศรี สขุ สาโรจน์ 45. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.หทยั เทพ วงศส์ วุ รรณ

14. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วิษุวฒั ก์ แตส้ มบตั ิ 46. ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.จีรชยั สภุ าสทุ ธากลู

[15]


Click to View FlipBook Version