ผลงานการวิจัยทางการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

เปรยี บเทยี บการปรับตาแหน่งอานจกั รยานทมี่ ผี ลตอ่ การใชก้ าลังเชิงกล
Comparison of bicycle saddle positions on mechanical power using

วรพงษ์ เดือนฉาย1 อภิชญา สอนวงค1์ ภาวศทุ ธิ์ สขุ น่มิ 1 อารยี า สนุ ทรพฤกษ์1
อิงครตั น์ วชั รพงศโ์ กสนิ 1 อารสิ ร์ กาญจนศิลานนท2์ ไพลนิ เผอื กประคอง2 วฒุ ิไกร นอ้ ยพนั ธ2์ *
Woraphong Dueanchai1, Apichaya Sornwong1, Pawasut Suknim1, Arreeya Soontornpuek1,
Ingkarat Vacharapongkosin1, Aris Kanjanasilanont2, Pailin Puagprakong2, and Wuttigrai Noipant2*

บทคดั ยอ่

การวิจยั ครงั้ นีม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือเปรียบเทียบการปรบั อานจกั รยาน 3 ตาแหน่ง ไดแ้ ก่ ตาแหน่งท่ี 1 คือ เลื่อน
อานไปทางดา้ นหลงั สดุ ตาแหน่งท่ี 2 คือ ตาแหน่งตรงกลางอาน และตาแหน่งท่ี 3 คือ เลื่อนอานไปทางดา้ นหนา้ สดุ ท่ีมีผล
ตอ่ การใชก้ าลงั เชิงกลในการป่ันจกั รยาน กลมุ่ ตวั อย่างท่เี ป็นนิสติ เพศชาย จานวน 24 คน ซง่ึ มีความสงู ท่เี หมาะสมกบั ขนาด
จักรยานท่ีนามาทดสอบ ทง้ั หมดถูกจบั ฉลากเขา้ กล่มุ การทดสอบจานวน 6 กล่มุ ๆ ละ 4 คน ซ่ึงแต่ละกล่มุ จะเรียงลาดบั
ตาแหน่งทดสอบดังนี้ กลุ่มท่ี 1: 1->2->3 กลุ่มท่ี 2: 1->3->2 กลุ่มท่ี 3: 2->1->3 กลุ่มท่ี 4: 2->3->1 กลุ่มท่ี 5: 3->1->2
และกล่มุ ท่ี 6: 3->2->1 ตามลาดบั ก่อนทดสอบ ทาการปรบั ความสงู ของอานใหเ้ หมาะสมกับความยาวขาดา้ นใน จากนน้ั
ป่ันจกั รยานดว้ ยท่าตงั้ ตรง เรม่ิ จาก อบอ่นุ รา่ งกาย 5 นาที ใชร้ อบการป่ัน 60 ± 5 รอบตอ่ นาที ตามดว้ ยทดสอบจรงิ 15 นาที
ใชร้ อบการป่ัน 90 ± 5 รอบต่อนาที และใหค้ ลายอ่นุ ร่างกาย 5 นาที ใชร้ อบการป่ันเท่ากบั อบอ่นุ รา่ งกาย จกั รยานจะติดตงั้
กบั เครือ่ งฝึกป่ันอยกู่ บั ท่ี โดยกาหนดความฝืดท่ีระดบั หนึง่ กบั แรงดนั ลมยาง 8 บาร์ ใชร้ ะบบเกียรจ์ านหนา้ ท่ี 2 และเฟืองทา้ ย
ท่ี 7 เท่ากันทกุ คน และสวมรองเท้าติดคลีทจกั รยานค่เู ดียวกนั ค่ากาลงั เชิงกลและความเรว็ รอบป่ันขณะป่ันจะถกู วดั และ
บนั ทึกขอ้ มลู ดว้ ยอปุ กรณ์ Cycling Power Meter ซ่งึ ถกู ติดตงั้ ท่ีบนั ไดจกั รยานขา้ งซา้ ย โดยส่งบลทู ธู ไปยงั อปุ กรณ์ POLAR
M460 ติดตั้งท่ีแฮนดจ์ ักรยาน จากน้ันอพั โหลดและดาวนโ์ หลดขอ้ มูลดิบและกราฟอีกครงั้ ผ่านเว็บไซตข์ อง Polar Flow
หลงั จากนีผ้ เู้ ขา้ ทดสอบจะถกู ใหพ้ กั ระหว่างตาแหน่งทดสอบอย่างนอ้ ย 1 วนั และใหง้ ดอาหารอย่างนอ้ ย 2 ช่วั โมงก่อนการ
ทดสอบ นาค่าเฉล่ียของกาลงั เชิงกลในช่วง 10 นาทีหลงั ของ 15 นาทีท่ีทดสอบไปวิเคราะหท์ างสถติ ิดว้ ยการทดสอบความ
แปรปรวนแบบวดั ซา้ มิติเดียว ผลการวิจยั พบว่า ค่าเฉลี่ยกาลงั เชิงกลของการปรบั ตาแหน่งอานจกั รยานในตาแหน่งท่ี 1 2
และ 3 เท่ากบั 143.31 ± 10.74 140.99 ± 13.60 และ 138.26 ± 12.16 วตั ต์ ตามลาดบั โดยค่ากาลงั เชิงกลของตาแหนง่ 1
และ 3 มคี วามแตกต่างกนั อย่างมีนยั สาคญั ทางสถติ ิท่รี ะดบั 0.05.

คาสาคัญ : ตาแหน่งอานจกั รยาน, เคร่อื งวดั กาลงั จกั รยาน, กาลงั เชงิ กล, ความยาวขาดา้ นใน

Abstract

The purpose of this study was to compare the three bicycling saddle positions, namely backward,
center and forward position, which effected on the using of the external mechanical power in bicycling. The
subjects were 24 male students bachelor’s degree, whose height were suitable for a same bicycle size. All of
them were drawn into 6 groups of 4 peoples, which each group was sorted the saddle positions as follows,
group 1: 1->2->3, group 2: 1->3->2, group 3: 2->1->3, group 4: 2->3->1, group 5: 3->1->2, and group 6: 3->2-

286

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

>1, respectively. Before the tests, adjusted the saddle height to fit the inseam of each subject. Then, all subjects
rode the same bike in the upright position, starting with a warm-up for 5 minutes with the cadence of 60 ± 5
revolution per minute, followed by the test of 15 minutes with 90 ± 5 revolution per minute, and a cool-down for
5 minutes. The road bike was mounted to a stationary bicycling trainer, and was set a same resistance level. All
tests were same, the tire was inflated at 8 bars, the gear system was set 2nd front and 7th rear derailleur, and
all subjects wore the same bicycle shoes that attached the cleats. Values of the external mechanical power and
the cadences were measured and recorded by the cycling power meter, where mounted on the left pedal, and
by sending the Bluetooth to the POLAR M460 device, where mounted on the bike handlebar. Signals of the raw
data were then uploaded and downloaded as the various graphs via the Polar Flow website. After this, the
subjects were allowed to recovery between tests at least 1 day and without food at least 2 hours previous the
tested day. The mean values of the external mechanical power in the last 10 minutes of 15 minutes were
statistically analyzed with one-way repeated measures ANOVA. Results showed that, the mean of the external
mechanical power for the backward, the center and the forward position were 143.31 ± 10.74, 140.99 ± 13.60,
and 138.26 ± 12.16 watts, respectively. Especially, the comparing between the backward and forward position
were significantly differences at 0.05 level.

Key words: Saddle Position, Power Meter, Mechanical Power, Inseam
* E-mail address: [email protected]

__________________________

1 คณะวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน จ.นครปฐม 73140
Faculty of Sports Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus, Nakhon Pathom 73140, Thailand.
2 ภาควิชาวทิ ยาศาสตรก์ ารฟื้นฟแู ละการเคลือ่ นไหว คณะวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน จ.นครปฐม
73140
Department of Athletic Training and Movement Science, Faculty of Sport Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen
Campus, Nakhon Pathom 73140, Thailand.

287

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

ความคาดหวงั และความพงึ พอใจในการรับชมการถ่ายทอดสดกฬี าโอลมิ ปิ ก 2020
Expectation and Satisfaction of Live Sport Event Streaming in OLYMPICS 2020

กิตตธิ ชั มาลาหอม1 ลลิลธร มะระกานนท2์
Kittitat Malahom1, and Lalinthorn Marakanon2

บทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือวิเคราะหค์ วามสมั พนั ธ์ของปัจจยั ความคาดหวงั และความพึงพอใจในการ
รบั ชมการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิก 2020 โดยอาศยั สถิติการทดสอบแบบที การทดสอบความแปรปรวนทางเดียว
และสหสมั พนั ธข์ องเพียรส์ นั ใชว้ ิธีการสมุ่ อย่างงา่ ยจากตวั อย่างท่เี คยรบั ชมการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิก 2020 ผ่าน
แพล็ตฟอรม์ ต่างๆ จานวนทั้งสิน้ 408 คน เก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์
ผลการวิจัยพบว่า เม่ือพิจารณาการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน พบว่า ปัจจัยความคาดหวัง มี
ความสมั พนั ธก์ บั ปัจจยั ความพงึ พอใจในการรบั ชมการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิก 2020 อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติท่ี
ระดบั .01 โดยมคี ่าสมั ประสิทธิส์ หสมั พนั ธ์ 0.737 ซง่ึ ถือวา่ มีความสมั พนั ธก์ นั ในระดบั สงู

คาสาคัญ : ความคาดหวงั ความพึงพอใจ โอลมิ ปิก การถ่ายทอดสด

Abstract
This research aims to analyze the relationship between expectation factor and satisfaction factor of
live sport event streaming in Olympic 2020. T-test, One-way ANOVA and Pearson Correlation were used to
analyze the data. The samples selected by using Sample Random Sampling method from the population in
Thailand. Data were obtained from 408 respondents who watched live sport event streaming in Olympic
2020. The research instruments are questionnaires that the samples fill in via online platform. In the
hypothesis testing, when considering correlation analysis it is found that expectation related to satisfaction
factor at a high level (r = 0.737), indicating statistical significant at .01 level.

Keywords : expectation, satisfaction, Olympics, live streaming
E-mail address : [email protected]

1 สาขาวิชาการจดั การธุรกิจและเทคโนโลยกี ีฬา คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก วิทยาเขตจกั รพงษภวู นารถ
Program in Sports Business and Technology Management, Faculty of Liberal Arts, Rajamangala University of Technology
Tawan-Ok : Chakrabongse Bhuvanarth Campus
2 สาขาวชิ าการจดั การอตุ สาหกรรม คณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี
Program in Industrial Management, Faculty of Industrial Technology, Thepsatri Rajabhat University

288

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

ความต้องการของการจัดการคณุ ภาพโดยรวมสาหรับสง่ เสริมนักกีฬาอาชพี ไทยเพอ่ื เข้าสอู่ ันดบั
1 ใน 100 ของโลก

THE NEED OF TOTAL QUALITY MANAGEMENT FOR PROMOTING THAI PROFESSIONAL
ATHLETES TO ENTER THE WORLD'S TOP 100

สุนันทา ศรีศิริ1 ถนอมศกั ด์ิ เสนาคา2 เกรกิ วทิ ย์ พงศศ์ รี2 ประสทิ ธิ์ ปีปทมุ 2 นชุ รี เสนาคา2 ชินะโอภาส สะพานทอง3
และดฏิ ฐชยั จนั ทรค์ ณุ า 4

Sununta Srisiri1, Tanormsak Senakham2, Krirkwit Phongsri 2 , Prasit Peepathum2 , Nutcharee Senakham2,
Chinaopas Sapanthong3 and Dittachai Chankuna4

บทคดั ย่อ
การวิจยั เชิงคณุ ภาพครงั้ นีม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือสารวจขอ้ มลู ความตอ้ งการของการจดั การคณุ ภาพโดยรวม
เพ่ือส่งเสริมนักกีฬาอาชีพไทยเพ่ือเขา้ สู่อันดับ 1 ใน 100 ของโลก ดาเนินการวิจัยโดยการสงั เคราะหข์ ้อมูลเชิง
เอกสารควบค่กู บั การสมั ภาษณเ์ ชิงลกึ ตรวจสอบความสอดคลอ้ งของบทสรุปกับของขอ้ มลู ทงั้ หมดดว้ ยวิธีสาม
เสา้ กล่มุ ตวั อย่างในการวิจยั ครงั้ นี้ คือ นกั กีฬาอาชีพ ผบู้ รหิ าร บคุ ลากรกีฬาอาชีพ และผเู้ ช่ียวชาญสาหรบั ชนิด
กีฬาอาชีพดว้ ยวิธีเลือกแบบเจาะจง จานวน 48 คน เครื่องมือท่ีใชค้ ือ แบบสมั ภาษณก์ ่ึงโครงสรา้ ง ผลการวิจัย
พบว่า ความตอ้ งการของการจดั การคณุ ภาพโดยรวม ประกอบดว้ ย 3 ดา้ น 9 ปัจจยั ดงั นี้ ก. ดา้ นภาวะผนู้ า การ
จดั การองคก์ รและนโยบาย ไดแ้ ก่ 1) ปัจจยั ดา้ นการเงินและงบประมาณ 2) นโยบาย การนาองคก์ รและการจดั การ
กีฬา ข. ดา้ นกระบวนการ ไดแ้ ก่ 3) การเพิ่มจานวนผูเ้ ขา้ ร่วมและนักกีฬาใหม่ 4) งานวิจยั ดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละ
นวตั กรรมดา้ นกีฬา 5) ศนู ยฝ์ ึกกีฬาเป็นเลิศและส่ิงอานวยความสะดวก และ 6) โอกาสในการเขา้ รว่ มการแข่งขัน
กีฬาแห่งชาติและหรือนานาชาติ ค. ดา้ นการพฒั นาศกั ยภาพ ไดแ้ ก่ 7) นกั กีฬาอาชีพและแนวทางในการพัฒนา
นกั กีฬาท่ีมีพรสวรรค์ 8) โคช้ กรรมการผตู้ ดั สินและการพฒั นา 9) การจดั การศกึ ษาและอาชพี หลงั การเป็นนกั กีฬา

คาสาคัญ : ความตอ้ งการ, การจดั การคณุ ภาพโดยรวม, การส่งเสรมิ นกั กฬี าอาชพี ไทย, อนั ดบั 1 ใน 100 ของโลก

1 ภาควชิ าสขุ ศกึ ษา คณะพลศกึ ษา มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ
Department of Health Education, Faculty of Physical Education, Srinakharinwirot University.
2 ภาควิชาวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า คณะพลศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ
Department of Sports Science, Faculty of Physical Education, Srinakharinwirot University..
3 ภาควิชาสนั ทนาการ คณะพลศกึ ษา มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ
Department of Recreation, Faculty of Physical Education, Srinakharinwirot University
4 สาขาการบริหารจดั การกีฬาและนนั ทนาการ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั การกฬี าแหง่ ชาติ วทิ ยาเขตชลบรุ ี
Field of Sport Management and Recreation, Faculty of Art, Thailand National Sports University Chonburi campus

289

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

Abstract
This qualitative research aimed to explore the information on the need for total quality
management to promote Thai professional athletes to enter the top 100 in the world. This research was
conducted by synthesizing documented data along with in-depth interviews. Then the consistency of all
data was tested through triangulation procedure and reprocess. The sample of this study was 48 key
informant persons by specific selection from professional athletes, executives’ board, professional
sports staff, and specialists’ professional sports. The instrument was semi-structured interview
questionnaire. The results revealed that the total quality management needs consisted of 3 aspects 9
factors as follows: a. Leadership, Organization Management, and Policy aspect were 1) Finance and
Budget Factors 2) Policy, Organizing, and Sports management; b. System Process aspect included 3)
Increasing the number of participants and new athletes 4) Research and innovation in sports science;
5) Excellent sports training facilities center; and 6) Opportunity to participate in national and/ or
international sports competitions; c. Effectively Development aspect were: 7) Athletes and guidelines for
developing talented athletes 8) Coaches, referees and development, and 9) Education and post athletes
career.

Keyword: Need, Total Quality Management, Promoting Thai Professional Athletes, The World's Top 100
E-mail address: [email protected]

290

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การปรับตัวของผฝู้ ึ กสอนออกกาลงั กายสว่ นบุคคลในสถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเชอื้
ไวรัสโคโรนา 2019: กรณีศกึ ษาเชงิ เปรยี บเทยี บระหว่างขนาดของฟิ ตเนสและพืน้ ทคี่ วบคุม
An adjustment of personal trainers in the situation of the coronavirus 2019 pandemic:
A comparative study between the fitness size and epidemic control areas.

ปิ่ นมนสั ปะพะลา1พรพจน์ ไชยนอก1ณฐั พล ผิวขำ2 ดิฏฐชยั จนั ทรค์ ณุ ำ3 ฐิตำภรณ์ สบ่มู ว่ ง1ศภุ กจิ พริ ยิ ะวิทยะ1
วงศธร วิมตุ ตำสี1

Pinmanus Papala1, Phornpot Chainok1Nattaphol Phewkham2, Dittachai Chankuna3, Titaporn, Saboomuang1,
Suppakit Piriyavittaya1, Wongsatorn Vimuttasi1,

บทคัดย่อ

กำรวิจัยครงั้ นีม้ ีวัตถปุ ระสงค์เพ่ือวิเครำะหค์ วำมแตกต่ำงระหว่ำงกำรปรบั ตวั ของผู้ฝึกสอนออกกำลังกำยส่วน
บคุ คล 3 ดำ้ นไดแ้ ก่ ดำ้ นควำมรู้ ดำ้ นทศั นคติและดำ้ นพฤติกรรม กบั ขนำดพืน้ ท่ีฟิ ตเนสและเขตพืน้ ท่ีกำรควบคุมกำรแพร่
ระบำด กลมุ่ ตวั อยำ่ ง คอื ผฝู้ ึกสอนออกกำลงั กำยส่วนบคุ คลรวม 350 คน เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นกำรวิจยั ครงั้ นคี้ ือ แบบสอบถำม
ท่ีผวู้ ิจยั สรำ้ งขนึ้ มคี วำมเช่ือม่ันเทำ่ กับ 0.96 วิเครำะหข์ อ้ มลู โดยใชส้ ถติ พิ ืน้ ฐำนและวเิ ครำะหค์ วำมแปรปรวนแบบทำงเดียว
ของพฤติกรรมและลักษณะกำรปรบั ตวั ผลกำรวิจยั พบว่ำผูฝ้ ึกสอนออกกำลงั กำยส่วนบุคคลท่ีทำงำนอยู่ในฟิ ตเนตเซ็น
เตอรท์ ่มี ีขนำดแตกตำ่ งกนั มีกำรปรบั ตวั ดำ้ นควำมรู้ ดำ้ นทศั นคติ และดำ้ นพฤตกิ รรม แตกต่ำงกนั อยำ่ งมีนยั สำคญั ทำงสถติ ิ
(p< 0.001) และผู้ฝึกสอนออกกำลังกำยส่วนบุคคลท่ีทำงำนอยู่ในเขตพืน้ ท่ีกำรควบคุมกำรแพร่ระบำดท่ีต่ำงกันมีกำร
ปรบั ตวั ดำ้ นพฤติกรรมแตกตำ่ งกนั อยำ่ งมนี ยั สำคญั ทำงสถิติ (p< 0.05)

คาสาคัญ: ผฝู้ ึกสอนสว่ นบคุ คล, โควิด 19, พฤติกรรมและกำรปรบั ตวั

ABSTRACT

The purpose of this research was to analyze differences between personal trainers adaptation in three
aspects, including knowledge, attitude and behavior, in difference fitness sizes and epidemic control areas.
The participants in this study were 350 personal trainers. The data were collected using a questionnaire
designed by the researcher, with a reliability of 0.96. Descriptive statistics was conducted and one way analysis
of variance (ANOVA) was used to determine whether there are any statistically significant differences between
the means of fitness sizes and epidemic control areas on behavior and adjustment of personal trainers. The
results were found that the behavior and adjustment of personal trainers regarding the knowledge, attitude and
behavior aspects were statistically significant among difference fitness size (p< 0.001). The behavior and
adjustment of personal trainers in the behavior aspect was statistically significant among the epidemic control
areas in accordance with government policy (p< 0.05).

Keywords: Personal trainer, Covid-19, Behavior and adjustment
E-mail address: [email protected]

_______________________________

1 คณะวทิ ยำศำสตรก์ ำรกฬี ำ มหำวทิ ยำลยั บรู พำ จ.ชลบรุ ี 20131
2 คณะสหเวชศำสตร์ มหำวิทยำลยั ธรรมศำสตร์ ศนู ยร์ งั สติ กรุงเทพมหำนคร 12120
3 คณะศลิ ปศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั กำรกฬี ำแหง่ ชำติ วทิ ยำเขตชลบรุ ี จ.ชลบรุ ี 20131

291

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

สื่ออนิ โฟกราฟิ กแนะนาชุดดนิ กบั การปลูกไมป้ ่ าของสถานีวนวฒั นวจิ ัยในชอ่ งจังหวดั กระบี่
Infographics introduce soil to the planting of forest research station in Krabi

นิธิพร วรรณโสภณ1 ภาณพุ งศ์ ทองสงค2์ และสาธิต ฤทธิอนิ ทร3์
Nitiporn Vonnasopon1 ,Panupong Thongsong2, and Satid Ridtiin3

บทคดั ย่อ

การวิจยั เร่ือง การพฒั นาส่ืออินโฟกราฟิ กแนะนาชุดดินกับการปลูกไมป้ ่ าของสถานีวนวฒั นวิจยั ในช่อง
จงั หวดั กระบี่ เพ่ือเผยแพรก่ ลมุ่ ชดุ ดินและพนั ธุไ์ มป้ ่ าของจงั หวดั กระบ่ี มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือ 1) ออกแบบและพฒั นา
ส่ืออินโฟกราฟิ ก แนะนาชดุ ดินกบั การปลกู ไมป้ ่าของสถานีวนวฒั นวิจยั ในช่อง จงั หวดั กระบี่ 2) ใหค้ วามรูเ้ ก่ียวกบั
ชุดดินและตน้ ไมป้ ่ าของจังหวัดกระบี่ 3) ศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างหลังรบั ชมส่ืออินโฟกราฟิ กท่ี
พฒั นาขึน้ 4) ศึกษาความพงึ พอใจของผเู้ ขา้ ชมส่ือมลั ติมีเดีย ผ่านส่ือสงั คมออนไลน์ กล่มุ ตวั อย่างท่ีใชใ้ นการวิจยั
ไดแ้ ก่ นกั ศกึ ษาท่วั ไปและผทู้ ่ีสนใจเรื่องราวของชดุ ดินและพนั ธุไ์ มป้ ่าของจงั หวดั กระบี่ ผู้เขา้ ชมส่ืออินโฟกราฟิกผ่าน
ส่ือสงั คมออนไลน์ จานวน 139 คน โดยวิธีการสมุ่ แบบบงั เอิญ เครื่องมือท่ีใชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ 1) ส่ืออินโฟกราฟิก
แนะนาชดุ ดินกบั การปลกู ไมป้ ่าของสถานีวนวฒั นวิจยั ในชอ่ งจงั หวดั กระบี่ 2) แบบประเมินคณุ ภาพส่ืออนิ โฟกราฟิก
3)แบบบประเมินความพึงพอใจท่ีมีต่อส่ืออินโฟกราฟิ ก 4) การเผยแพรส่ ่ือมลั ติมีเดียผ่านส่ือสงั คมออนไลน์ ทงั้ นี้
สถิติท่ีใชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มลู ไดแ้ ก่ รอ้ ยละ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการวิจยั พบว่า การพฒั นา
ส่ืออินโฟกราฟิ กแนะนาชดุ ดินกบั การปลกู ไมป้ ่ าของสถานีวนวฒั นวิจยั ในช่อง จงั หวดั กระบี่ มีคณุ ภาพโดยรวมอยู่
ในระดบั ดมี าก โดยกลมุ่ ตวั อยา่ ง 30 คน มคี วามพงึ พอใจโดยรวมอยใู่ นระดบั ดีมาก

คาสาคญั : มลั ติมีเดีย , อินโฟกราฟิก , ชดุ ดนิ ,พนั ธุไ์ มป้ ่า

Abstract

The Research development infographics introduce soil to the planting of forest research station in
Krabi. To publish a series of clusters and forests of Krabi. Objective 1) Design and develop infographics
introduce soil to the planting of forest research station in Krabi 2) Educate Soil and Forest Trees of Krabi
Province 3) Study the satisfaction of the samples after the development of infographics. 4) Study the
satisfaction of Developed multimedia visitors Via social media research samples general students and
those interested in the story soil and forest association of Krabi province. Visitors to Infographics Media
via social media number 139 people by accidental random method. Research tools 1) infographics
introduce soil to the planting of forest research station in Krabi. 2) Quality assessment form infographics.
3) Satisfaction Assessment Form infographics. 4) Multimedia publishing via social media. Statistics used
in data analysis include: Percentage, mean and standard deviation.

The research found that development infographics introduce soil to the planting of forest
research station in Krabi. The quality is very good. The samples were rated at a very good level.

Keyword: Multimedia , Infographics , Soil series , Wild plants

E-mail address : [email protected]

1 2 3 สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชยั (วข.นครศรธี รรมราช)
Information Technology , Faculty of Science and Technology , Rajamangala University of Technology Srivijaya Nakhon
Si Thammarat Saiyai Campus

292

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

ปฏสิ มั พันธข์ อง Burkholderia pseudomallei ไบโอฟิ ลม์ ฟี โนไทป์ กบั Acanthamoeba sp.
Interactions of Burkholderia pseudomallei biofilm phenotype with Acanthamoeba sp.

ชัยณรงค์ บุญมา1 โสรจั สิริ เจรญิ สดุ ใจ1* จฑุ ารพ เพชระบรู ณิน2 และ พฤมล นอ้ ยนรนิ ทร3์
Chainarong Bunma1, Sorujsiri Chareonsudjai1*, Jutarop Phetcharaburanin2, and Parumon Noinarin3

บทคัดย่อ

Burkholderia pseudomallei เป็นเชือ้ แบคทีเรยี สาเหตโุ รคเมลอิ อยด์ การสรา้ งไบโอฟิลม์ ของแบคทีเรียมี
ความสมั พนั ธก์ บั การตดิ เชือ้ เรอื้ รงั การดอื้ ยาปฏิชีวนะ และชว่ ยปอ้ งกนั แบคทีเรยี จากภมู ิคมุ้ กนั ของโฮสต์ การศกึ ษา
นี้ มีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือแสดงปฏิสมั พนั ธ์ระหว่าง B. pseudomallei ไบโอฟิ ลม์ ฟี โนไทป์ กบั การกวาดกินโดยอะมีบา
Acanthamoeba sp. ท่ีแยกจากดินท่ีตรวจพบ B. pseudomallei โดยนา B. pseudomallei สายพันธุ์ H777 ท่ี
สามารถสรา้ งไบโอฟิ ล์มบ่มผสมกับ Acanthamoeba sp. สัดส่วน 100:1 ในอาหาร Page’s modified-Neff’s
amoeba saline (PAS) แลว้ บ่มท่ีอณุ หภมู ิ 30°C เป็นเวลา 3 ช่วั โมง ทาการนับจานวนแบคทีเรียท่ีรอดชีวิตอยู่ใน
เซลล์อะมีบาด้วยวิธี drop plate technique นอกจากนีไ้ บโอฟิ ล์มของ B. pseudomallei ถูกบ่มร่วมกับเซลล์
อะมีบา (~103 cells/ml) เป็นเวลา 24 ช่ัวโมง จากนั้นวดั มวลไบโอฟิ ลม์ ภายใตก้ ลอ้ ง confocal laser scanning
microscopy (CLSM) และนับจานวนอะมีบา ผลการศึกษาพบว่า จานวนแบคทีเรียท่ีรอดชีวิตในเซลลอ์ ะมีบา
ลดลงอยา่ งมีนยั สาคญั (p < 0.001) จาก 3.61 ± 0.24 Log10CFU/ml ท่ี 0 ช่วั โมง เหลือ 2.10 ± 0.09 Log10CFU/ml
ณ 3 ช่ัวโมง นอกจากนีป้ ริมาณมวลไบโอฟิ ลม์ ของ B. pseudomallei หลงั จากบ่มร่วมกับอะมีบา ลดลงอย่างมี
นยั สาคญั (p < 0.001) เหลือ 1.39 ± 0.03 µm3/µm2 เม่ือเทียบกบั กลมุ่ ควบคมุ (1.05 ± 0.04 µm3/µm2) นอกจากนี้
ยังพบว่าจานวนอะมีบาเพ่ิมขึน้ เป็น 1.95 ± 0.14 x103 cells/ml ผลการทดลองนีช้ ีใ้ หเ้ ห็นถึงความสามารถของ
Acanthamoeba sp. ท่ีสามารถกวาดกิน B. pseudomallei ท่ีสร้างไบโอฟิ ล์ม และอะมีบาสามารถใช้ B.
pseudomallei เป็นอาหาร ทาใหอ้ ะมีบาเพ่มิ จานวนได้

คาสาคัญ : Burkholderia pseudomallei ไบโอฟิลม์ ฟีโนไทป์ Acanthamoeba sp.

1 ภาควิชาจลุ ชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
Department of Microbiology, Faculty of Medicine, Khon Kaen University, Khon Kaen 40002, Thailand
2 ภาควชิ าชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น
Department of Biochemistry, Faculty of Medicine, Khon Kaen University, Khon Kaen 40002, Thailand
3 ภาควชิ าอาชีวอนามยั และความปลอดภยั คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า
Department of Occupational Health and Safety, Faculty of Public Health, Nakhon Ratchasima Rajabhat University, Nakhon
Ratchasima 30000, Thailand

293

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การพฒั นาชวี ผลติ ภณั ฑเ์ พอื่ ย่อยสลายสารโลหะหนักตกค้างในดนิ ทางการเกษตร
Development of Bio-product for Degradation Heavy Metal Residue in Agricultural Soil

วิลาวรรณ์ เชือ้ บญุ 1*, พรชนก เดชมณี1, กมลนทั ธ์ ศรสี วุ รรณ และธนาพร สขุ นนั ท1์
Wilawan Chuaboon1*, Ponchanok Datmanee, Kamonnat Srisuwan, and Thanaporn Suknant 1

บทคดั ยอ่

ชีวผลิตภณั ฑส์ าหรบั ย่อยสลายสารโลหะหนกั ตกคา้ งในดินทางการเกษตรในรูปแบบหวั เชือ้ เพิ่มปริมาณ
โดยมีแบคทีเรียท่ีมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายสารโลหะหนกั ไดแ้ ก่ สายพนั ธุ์ SP-TU-63-56 นามาบรรจใุ นรูป
ของไมโครเอนแคปซูเลท เพ่ือใชเ้ ป็นหวั เชือ้ ในสูตรอาหารเพ่ิมปริมาณ โดยสูตรอาหารท่ีเหมาะสม สูตร TU-F3
สามารถเพิ่มปริมาณเชือ้ สายพนั ธุด์ งั กล่าว เฉล่ียเท่ากับ 3.38x1029 โคโลนีต่อมิลลิลิตร ระยะเวลาท่ีเหมาะสมใน
การเพิ่มปริมาณหวั เชือ้ แบคทีเรีย ตงั้ แต่ 6-24 ช่วั โมง หลงั เลีย้ งเชือ้ ชีวผลิตภณั ฑม์ ีประสิทธิภาพในการย่อยสลาย
สารหนแู ละแคดเมียม ไดด้ ีทงั้ ในหอ้ งปฏิบตั ิการและในดินจาลอง ชีวผลิตภณั ฑท์ ่ีพฒั นาขึน้ ยงั สามารถคงความมี
ชีวิตของแบคทีเรีย สายพนั ธุด์ งั กลา่ วไดด้ ีโดยพบวา่ หลงั การเก็บรกั ษาท่ีอณุ หภมู ิ 5±2 องศาเซลเซียส นาน 4 เดือน
ชวี ผลติ ภณั ฑย์ งั คงมีปรมิ าณแบคทีเรยี เฉล่ยี เท่ากบั 2.7x1029 โคโลนีตอ่ มลิ ลลิ ติ ร

คาสาคญั : ไมโครเอนแคปซเู ลท, ชีวผลิตภณั ฑ,์ สารหน,ู แคดเมียม

Abstract

Bioproducts for the degradation of heavy metal residues in agricultural soils. It contains bacteria
strain SP-TU-63-56 that is effective in degradation of heavy metals.The bacteria are storage in an
microencapsulate for using as leavening agent to increases the quantity in the appropriate formula. The
TU-F3 formula was able to increase the strain SP-TU-63-56 average 3.38x1029 cfu/ml. It was found that
the optimum time to increase the bacterial inoculum was 6-24 hours after cultured. The bio-product was
highly effective in degrading heavy metals such as arsenic and cadmium in laboratory and simulated
soil testing. The developed bio-product was able to maintain the viability of SP- TU- 63- 56 bacteria
(2.7x1029 cfu/ml) after storage at 5 ± 2 ° C for 4 months.

Key words: Microencapsulate, Bioproducts, Arsenic, Cadmium
*Corresponding author; email address: [email protected]

1 สาขาวิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ศนู ยร์ งั สติ
Department of Agricultural Technology, Faculty of Science and Technology, Thammasat University, Rangsit Center 12120

294

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การประเมินคุณภาพนา้ จดื สาหรับใช้ประโยชนใ์ นเขตตอนใตข้ องพนื้ ทเี่ กาะสชี ัง
Evaluation of freshwater quality for use in southern area of Koh Sichang

นัจภคั สุขสวัสด1ิ์ เชิดศกั ดิ์ คงขวญั 1 และ วรี ะวฒั น์ บญุ ย่งิ เหลอื 1
Najjapak Sooksawat1, Cherdsak Khongkwan1 and Weerawat Boonyinglua 1

บทคัดยอ่

คณุ ภาพนา้ ท่ีเหมาะสมในการใชป้ ระโยชนส์ ามารถตรวจวดั ไดจ้ ากดชั นีคณุ ภาพนา้ จืดทงั้ ส่ีดา้ น คือ ดชั นี
ทางดา้ นกายภาพ เคมี ชีวภาพและมลภาวะ งานวจิ ยั นีม้ ่งุ ศกึ ษาคณุ ภาพนา้ จืดในแอง่ เก็บนา้ ทางตอนใตข้ องเกาะสี
ชังเพ่ือใชป้ ระโยชน์ แอ่งนา้ แอ่งใหญ่ และแอ่งนา้ แอ่งเล็ก บริเวณแหลมงู และรวมถึงบ่อนา้ อีกสองบริเวณ คือ
บรเิ วณรีสอรท์ หาดถา้ พงั และบรเิ วณจดุ กรองนา้ เพ่ือการประเมินคณุ ภาพจืดสาหรบั การใชป้ ระโยชนใ์ นช่วงตลอด
ทงั้ ปีตงั้ แต่ตลุ าคม 2563 ถึง สิงหาคม 2564 ผลการวิจยั พบว่าแอ่งนา้ บรเิ วณแหลมงูมีนา้ กระดา้ งในฤดฝู น (เดือน
มิถุนายนถึงธันวาคม) และขาดแคลนนา้ ในช่วงฤดแู ลง้ (กุมภาพนั ธถ์ ึงเมษายน) ค่าความกระดา้ งทงั้ หมดของนา้
จากทงั้ สองแอ่ง มีค่า 116-636 mg/L ตลอดทงั้ ช่วงปี คณุ ภาพนา้ ในช่วงท่ีมีนา้ ฝนกักเก็บอยู่ในเกณฑด์ ี เม่ือนา้ มี
ระดบั ความลึกมากกว่า 100 เซนติเมตร จัดว่าอยู่ในระดบั แหล่งนา้ ผิวดินประเภทท่ี 3 และ 4 (บี โอ ดี อยู่ท่ี 2-3
mg/L) วิธีการปรบั ปรุงคณุ ภาพนา้ ไดแ้ ก่การใชส้ ารสม้ ตกตะกอนแรธ่ าตทุ ่ีละลาย หรือการกรองผ่านเรซิ่นอาจช่วย
ลดความกระดา้ งของนา้ ลงได้ก่อนการอปุ โภคและการเกษตร สาหรบั บ่อนา้ แหล่งอ่ืนๆมีคุณภาพนา้ แตกต่างกัน
ตามแหล่งท่ีมาของนา้ บ่อบริเวณจุดกรองนา้ รองนา้ ฝนมีนา้ ท่ีมีค่าการนาไฟฟ้า (0.17-0.18 mS/cm) เพราะมีแร่
ธาตเุ จือปนนอ้ ยกวา่ แอง่ นา้ บรเิ วณแหลมงู (0.70-4.04 mS/cm) สว่ นบอ่ นา้ รีสอรท์ ท่ีมีการไหลบา่ ของนา้ ชะจากดนิ
และหินตามเนินเขา พบว่ามีความข่นุ (28 NTU) มากกว่าแอ่งนา้ บริเวณแหลมงู (0.92-6.40 NTU) ส่วนดชั นีดา้ น
เคมีบง่ ชีว้ า่ แอง่ นา้ แอง่ ใหญ่มีแรธ่ าตแุ ละไอออนสว่ นใหญ่ ไดแ้ ก่ เหลก็ แมงกานีส สงั กะสี ไนเตรทและไนไตรทอ์ ย่ใู น
เกณฑม์ าตรฐานนา้ ประปา แต่มีฟลอู อไรด์ คลอไรด์ และทองแดงเกินค่ามาตรฐาน และดชั นีดา้ นชีวภาพ พบว่ามี
เชือ้ ก่อโรคท่ีตรวจพบตามธรรมชาติ ดงั นนั้ แหลง่ นา้ จืดนีส้ ามารถนามาใชป้ ระโยชนด์ า้ นการอปุ โภคและบรโิ ภคโดย
ตอ้ งผ่านการฆ่าเชือ้ โรคตามปกติก่อนและผ่านการปรบั ปรุงคณุ ภาพนา้ ก่อน และสามารถนามาใชท้ างการเกษตร
และ/หรอื ทางอตุ สาหกรรมได้ การปรบั ปรุงคณุ ภาพนา้ อาจมีวิธีการท่ีเหมาะสมแตกต่างกนั ขนึ้ กบั เปา้ หมายในการ
นานา้ ไปใชป้ ระโยชน์

คาสาคัญ: คณุ ภาพนา้ จืด เกาะสีชงั การเกษตร อปุ โภคและบริโภค

1 สาขาวชิ าวิศวกรรมเกษตรและเทคโนโลยี คณะเกษตรศาสตรแ์ ละทรพั ยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลตะวนั ออก วทิ ยาเขต
บางพระ จ.ชลบรุ ี 20110
Department of Agricultural and Engineering Technology, Faculty of Agriculture and Natural Resources, Rajamangala University
of Technology Tawan-ok, Bangpra Campus, Chonburi 20110, Thailand

295

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้ังที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

Abstract

Usable freshwater can be determined quality by physical, chemical, biological, and pollution
parameters. This research has been focused on southern area of Koh Sichang, especially two main
resources (large and small ponds) near Laem Ngu viewpoint, including other ponds in Tum Pang Beach
resort area and in drinking water filter point. Freshwater quality has been evaluated for usage throughout
a year from October, 2020 to August, 2021. The result showed that two resources near Laem Ngu
viewpoint had hard water in rainy season (June to December) and lack of water in dry season (February
to April). Total hardness of freshwater from both resources had a range of 116-636 mg/L throughout the
year. Better water quality had been found in both resources in rainy season with the depth of water over
100 centimeters. The water had been ranking surface water type of 3 and 4 according to biochemical
oxygen demand (BOD of 2-3 mg/L). The primary improvement of water quality can be using alum for
precipitation or using resin filtration for removal of some minerals dissolved in the water, thus reduces
water hardness. Freshwater in the other ponds contains water with different quality depending on route
of water. Two rain collecting ponds in the filter point had water with low electrical conductivity (0.17-0.18
mS/cm) indicating low mineral contamination in compared with those two resources near Laem Ngu
(0.70-4.04 mS/cm). A pond near the resort contained water runoff form land and hill and its quality was
with high turbidity of 28 NTU in compared with those two resources near Laem Ngu (0.92-6.40 NTU).
The chemical parameters of water quality had been shown that the large pond near Laem Ngu viewpoint
contained iron, manganese, zinc, nitrate, and nitrite in lower levels from the levels of National Standard
of Tap Water, but in higher levels of fluoride, chloride, and copper from the National Standard levels.
The biological parameters had also been shown the detection of natural pathogen in the water. Thus,
the improvement of different freshwater quality should be depended on different method with purpose
of use.

Keyword: Freshwater quality, Ko Sichang, agriculture, consumption
*Corresponding author; e-mail address: [email protected], [email protected]

296

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การออกแบบและประเมนิ พฤตกิ รรมทางความร้อนของบล็อกดนิ เผาความร้อนต่า
Design and evaluation of thermal behavior of Low-Heat Clay Block.

เนรมติ โรจนรุ่งทวี1 และ อรวลี อมรลีตระกลุ 1
Neramit Rojanarungthavee1 and Onvalee Amornleetrakul1

บทคดั ยอ่

บล็อกดินเผาความรอ้ นต่า (Low-Heat Clay Block: LHCB) มีการผนวกการระบายอากาศดา้ นใตแ้ ผ่น
ดว้ ยโครงสรา้ งทรงโคง้ และการเจาะรูในแนวตงั้ เพ่ือการระบายอากาศแนวตงั้ (Stack ventilation) จากการประเมนิ
ดว้ ยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ANSYS FLUENT จาลองการไหลของอากาศและอุณหภูมิ (Computational Fluid
Dynamics : CFD) พบว่าท่ีความเร็วลม 1.5 เมตร/วินาที อากาศสามารถไหลผ่านดา้ นใตข้ องบล็อก LHCB และ
ไหลผา่ นรูท่ีเจาะออกทางดา้ นบนได้ การทดสอบการเปล่ียนแปลงของอณุ หภมู ิของอากาศดา้ นใตบ้ ล็อค ท่ีอณุ หภมู ิ
31.5 องศาเซลเซยี ส ทาใหเ้ กิดความต่างของอณุ หภมู ิท่ีจะทาใหเ้ กิดการไหลของอากาศจากความตา่ งของอณุ หภมู ิ
ในแนวตงั้ ได้ (Stack Effect) สามารถลดอณุ หภมู ิผิวพืน้ ดา้ นใตท้ ่ีนาตวั บลอ็ กดนิ เผาไปวางไดป้ ระมาณ 6.65 องศา
เซลเซียส และการเจาะรูทาใหช้ ่วยลดความรอ้ นสะสมท่ีอย่ดู า้ นใตบ้ ล็อกได้ ผลการศึกษานีพ้ บว่า บล็อกดินเผานี้
เหมาะกบั การใชง้ านสาหรบั ปพู นื้ ผวิ ภายนอกอาคาร เพ่อื ชว่ ยลดความรอ้ นสะสมภายนอกอาคาร และดาดฟ้าได้

คาสาคัญ: การไหลของอากาศ บลอ็ กระบายอากาศ ดินเผา พนื้ การถ่ายเทความรอ้ น

Abstract

Low-Heat Clay Block (LHCB) combines underside ventilation with the arch structure and vertical
perforation for stack ventilation and evaporation effects. Assessment with computer program ANSYS
FLUENT simulates air flow and temperature. Computational Fluid Dynamics (CFD) found that at wind
speeds of 1.5 m/s, air can flow under the LHCB block and flow through holes drilled at the top. Testing
the different of vertical temperature caused by Stack Effect at the outdoor temperature of 31.5°C can
reduced the surface under which the LHCB block was placed by approximately 6.65°C, and the
perforation can reduce collected heat under the block. The results of this study found that the LHCB
block is suitable for outdoor paving applications to reduce collected heat outside and on the roof of
building.

Keyword: Air flow, Vent Block, Terracotta, Floor, Heat transfer
E-mail address: [email protected], [email protected]

1 ภาควชิ าสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ กรุงเทพมหานครฯ 10800
Department of Architecture, Faculty of Architecture and Design, King Mongkut’s University of Technology North Bangkok,
Bangkok 10800, Thailand.

297

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การออกแบบบล็อกชอ่ งลมแบบใหมเ่ พอื่ เพมิ่ ประสิทธภิ าพการลดอุณหภมู ดิ ว้ ยลมธรรมชาติ
New Vent Block design to optimize temperature reduction with natural airflow.

ณัฐชยา วงษเ์ บ้า1 และ อรวลี อมรลีตระกลุ 1
Natchaya Wongbao1 and Onvalee Amornleetrakul 1

บทคัดย่อ

บล็อกช่องลมแบบใหม่ (New Vent Block : NVB) ถูกออกแบบและทดสอบเปรียบเทียบรูปแบบช่อง
ระบายอากาศของบลอ็ กช่องลมท่ีมขี นาดชอ่ งทางลมเขา้ และลมออกแตกตา่ งกนั โดยใชโ้ ปรแกรมการวิเคราะหท์ าง
วิศวกรรมศาสตรข์ ั้นสูงท่ีเรียกว่า โปรแกรม Ansys พบว่ารูปแบบท่ีมีพืน้ ท่ีช่องลมออกเล็กกว่าช่องลมเขา้ 20%
สามารถเพิ่มความเร็วลมและลดอุณหภูมิไดด้ ีกว่า เม่ือเปรียบเทียบกับบล็อกท่ีมีช่องทางลมออกใหญ่กว่า หรือ
เท่ากันกับช่องทางลมเขา้ ท่ีความเร็วลมขนาด 1.50 เมตร/วินาที ซ่ึงเป็นความเร็วลมเฉล่ียในกรุงเทพมหานคร
พบวา่ NVB สามารถเพ่มิ ความเรว็ ลมได้ ไมว่ า่ จะวาง NVB ทามมุ กบั ทศิ ทางลม 30 45 60 และ 90 องศา โดย NVB
ท่ีทามุมกับทิศทางลม 90 องศา จะสามารถเร่งความเร็วลมไดถ้ ึง 0.30 เมตร/วินาที จาก 1.50 เมตร/วินาที เป็น
1.80 เมตร/วินาที ซง่ึ เป็นความเรว็ ลมท่ีสามารถลดอณุ หภมู ิวตั ถไุ ดถ้ ึง 5.76 องศาเซลเซียส ตามทฤษฎี

คาสาคญั : บลอ็ กช่องลม การระบายอากาศ การลดอณุ หภมู ิ ดินเผา

Abstract

In this research, The New Vent Block (NVB) was designed and evaluated by Ansys Program to
compare the ventilation behavior with different sizes of air inlet and outlet. It was found that designs with
20% smaller air outlet area than inlet airflows were able to increase airspeed and lower temperatures
compared with blocks with larger outlets or equal to the air inlet. At a wind speed of 1.50 m/s, the average
wind speed in Bangkok, Thailand. It was found that NVB can increase wind speed whether the vent
block is placed at an angle to the wind direction of 30, 45, 60 and 90 degrees. The NVB at a 90 degrees
angle face to the wind direction can accelerate the wind speed to 0.30 m/s from 1.50 m/s to 1.80 m/s
when going through the block which is the wind speed that can reduce the object temperature by 5.76oC
theoretically.

Keywords: Vent Block, Ventilation, Reduce temperature, Terracotta
E-mail address : [email protected], [email protected]

1 ภาควชิ าสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ กรุงเทพมหานครฯ 10800
Department of Architecture, Faculty of Architecture and Design, King Mongkut’s University of Technology North Bangkok, Bangkok
10800, Thailand.

298

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

คุณสมบัตเิ บอื้ งต้นของสารยับยัง้ จุลินทรียท์ สี่ ร้างโดยแบคทเี รียซึ่งคดั แยกไดจ้ ากพนื้ ทปี่ ่ าชายเลน
Preliminary Characteristics of Antimicrobial Compounds Produced by Bacteria Isolated from

Mangrove Forest Area

นงนภสั คะมณีวรรณ1 เปรมวดี เทพวงศ2์ และ พงษเ์ ทพ วิไลพนั ธ2์ ,3*
Nongnapat Kamaneewan1, Pramvadee Tepwong2, and Pongtep Wilaipun2,3*

บทคดั ยอ่

งานวิจยั นีม้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื คดั แยกแบคทีเรยี จากบรเิ วณพนื้ ท่ีป่าชายเลนท่ีสามารถสรา้ งสารยบั ยงั้
จลุ นิ ทรยี ์ และศกึ ษาคณุ สมบตั เิ บอื้ งตน้ ของสารยบั ยงั้ จลุ ินทรีย์ จากการทดลองพบวา่ สามารถคดั แยกแบคทีเรยี ท่ี
สรา้ งสารยบั ยงั้ จลุ นิ ทรยี ไ์ ดท้ งั้ หมด 15 ไอโซเลต โดยแบคทีเรยี หมายเลข SS01 สามารถยบั ยงั้ Bacillus cereus
JCM2152, Enterococcus faecalis ATCC19433, Micrococcus luteus IFO12708, Staphylococcus aureus
ATCC25923 และ Streptococcus agalactiae ไดด้ ีกวา่ ไอโซเลตอ่นื ๆ เม่อื ทดสอบดว้ ยวธิ ี Direct method
รวมถึงสรา้ งสารยบั ยงั้ จลุ ินทรียไ์ ดด้ ที ่ีสดุ เม่ือเจรญิ ในอาหารเหลว M17 ภายใตก้ ารบม่ แบบไมเ่ ขยา่ สารยบั ยงั้
จลุ ินทรียใ์ น CFNS ของแบคทีเรยี หมายเลข SS01 สามารถยบั ยงั้ M. luteus IFO12708 ไดด้ ีท่ีสดุ รวมถงึ มี
คณุ สมบตั เิ ป็นโปรตนี ซง่ึ สอดคลอ้ งกบั คณุ สมบตั ขิ องสารยบั ยงั้ จุลนิ ทรยี ใ์ นกลมุ่ แบคเทอรโิ อซนิ ทนตอ่ ความรอ้ น
และมคี วามคงตวั ไดน้ าน 12 วนั เม่ือเก็บรกั ษาท่ีอณุ หภมู ิ -20 องศาเซลเซียส แตอ่ ย่างไรก็ตามพบวา่ วตั ถเุ จือปน
อาหารท่ีอนญุ าตใหใ้ ชใ้ นประเทศไทยจานวน 10 ชนิด ท่ีใชใ้ นการทดลอง ไม่สามารถชว่ ยเพ่มิ ประสทิ ธิภาพของสาร
ยบั ยงั้ จลุ ินทรยี ใ์ นการยบั ยงั้ E. coli ATCC25922 Salmonella Enteritidis ATCC13076 และ Staphylococcus
aureus ATCC25923

คาสาคัญ : ป่าชายเลน แบคทีเรยี สารยบั ยงั้ จลุ ินทรยี ์

Abstract

This study aim to isolate antimicrobial producing bacteria from mangrove forest areas and
determine preliminary characteristics of producing antimicrobial compounds. Total 15 isolates of
antimicrobial producing bacteria were isolated. According to Direct method, isolate no. SS01 could
inhibit Bacillus cereus JCM2152, Enterococcus faecalis ATCC19433, Micrococcus luteus IFO12708,
Staphylococcus aureus ATCC25923 and Streptococcus agalactiae better than another isolates. Isolate
no. SS01 showed the highest antimicrobial production when cultured in M17 broth under static condition.
In the meantime, M. luteus IFO12708 was the most sensitive testing strain to antimicrobial compound in
CFNS of isolate no. SS01. Antimicrobial compound of isolate no. SS01 existed the protein property which
comply with key characteristic of bacteriocin. Meanwhile, antimicrobial activity was heat tolerance and
stable under -20 °C for 12 days. However, the 10 food additives that comply with Thailand food
regulation could not enhance the efficacy of antimicrobial compound of isolate no. SS01 on inhibiting E.
coli ATCC25922, Salmonella Enteritidis ATCC13076 and Staphylococcus aureus ATCC25923.

Keyword : Mangrove forests, Bacteria, Antimicrobial compound
* Corresponding author; e-mail address : [email protected]
1,2 ภาควชิ าผลิตภณั ฑป์ ระมง คณะประมง มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10900
3 ศนู ยว์ ทิ ยาการขนั้ สงู เพอื่ เกษตรและอาหาร มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10900
1,2 Department of Fishery Products, Faculty of Fisheries, Kasetsart University, Bangkok 10900
3 Center for Advanced Studies for Agriculture and Food (CASAF), Kasetsart University, Bangkok 10900

299

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

ประสทิ ธิภาพของสารสกัดหยาบจากวชั พชื รุกรานในการกาจัดยงุ ลายบา้ นพาหะนาโรคไข้เลือดออก
Insecticidal efficiency of invasive weed crude extracts against a dengue mosquito vector
(Aedes aegypti)

ธนาวดี มว่ งงาม1 นภสกร บวั ไสว1 และ สขุ ธนทั พรมจติ 1
Thanawadee Muangngam1, Naphasakon Buasawai1 and Sukthanut Promjit 1

บทคัดย่อ

งานวิจยั นีท้ าการทดสอบประสิทธิภาพของสารสกดั หยาบจากวชั พืชรุกรานดว้ ยตวั ทาละลายตา่ งกนั ตอ่ การกาจดั
ยงุ ลายบา้ น (A. aegypti) ระยะลกู นา้ และตวั โม่ง พบว่าสารสกดั ใบผกั เสีย้ น (Cleome gynandra) ดว้ ยเอทานอลท่ีความ
เขม้ ขน้ 500 และ 1,000 มลิ ลิกรมั ตอ่ ลิตร กาจดั ลกู นา้ ยงุ ลายไดด้ ีท่ีสดุ โดยมีรอ้ ยละการตายเป็น 97.78 และ 100 ตามลาดบั
และมีค่า LC50 ท่ี 24 และ 72 ช่ัวโมง คือ 182.842 และ 79.959 มิลลิกรมั ต่อลิตร ตามลาดับ รองลงมาคือ สารสกัดใบ
ผกากรอง (Lantana camara) ดว้ ยเฮกเซนท่ีความเขม้ ขน้ 500 และ 1,000 มิลลิกรมั ต่อลิตร มีประสิทธิภาพกาจัดลูกนา้
ยงุ ลายคดิ เป็นรอ้ ยละ 82.22 และ 100 ตามลาดบั และมีคา่ LC50 ท่ี 24 และ 72 ช่วั โมง คือ 549.261 และ155.669 มลิ ลิกรมั
ต่อลิตร ตามลาดบั สารสกดั ดอกผกากรองดว้ ยเอทานอลท่ีความเขม้ ขน้ 500 มิลลิกรมั ต่อลติ ร กาจดั ระยะตวั โม่งไดร้ อ้ ยละ
53.33 ส่วนสารสกดั ดอกผกากรองดว้ ยเฮกเซนสามารถยบั ยงั้ การเจริญเขา้ ส่รู ะยะตวั เต็มวยั ไดถ้ ึงรอ้ ยละ 62.22 สรุปไดว้ ่า
สารสกัดหยาบจากวชั พืชรุกรานดว้ ยตวั ทาละลายต่างกันมีประสิทธิภาพในการกาจัดลูกนา้ และมีฤทธิ์ยับยัง้ การเจริญ
พฒั นาเขา้ สรู่ ะยะตวั เตม็ วยั ของยงุ ลายบา้ น

คาสาคัญ: ยงุ ลายบา้ น วชั พชื รุกราน ผกั เสยี้ น ไมยราบ ผกากรอง

Abstract

This research examined the efficacy of invasive weed crude extracts in different solvents against
A. aegypti. The results showed that ethanol extract of C. gynandra leaves at concentrations of 500 and 1,000
ppm had the best elimination of mosquito larva with 97.78% and 100% mortality, respectively. This larvicidal
potential exhibiting LC50 value at 24 and 72 hours were 182.842 and 79.959 ppm, respectively. The hexane
extract of L. camara leaves at the same concentrations also caused 82.22% and 100% mortality respectively.
The LC50 value at 24 and 72 hours were 549.261 and 153.669 ppm, respectively. While the ethanol extract of L.
camara flower at a concentration of 500 ppm showed 53.33% pupacidal activities. Moreover, the hexane extract
of L. camara flower inhibited the adult development by 62.22%. It was concluded that invasive weeds crude
extracts showed both larvicidal and development-inhibiting activities against A. aegypti.

Key words: Aedes aegypti, Invasive species, Cleome gynandra, Mimosa pudica, Lantana camara
Email: [email protected]

1 โรงเรยี นเบญจมเทพอทุ ิศจงั หวดั เพชรบรุ ี จงั หวดั เพชรบรุ ี 76000
Benchamatheputit Phetchaburi School, Phetchaburi 76000, Thailand

300

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การสร้างเครือ่ งเคลือบสุญญากาศแบบสปัตเตอริงกระแสตรงและการวเิ คราะหฟ์ ิ ลม์ บาง
Construction of a DC sputtering vacuum coating and thin film analysis.

นพพร รัตนช่วง1
Nopporn Rattanachounge

บทคดั ย่อ

งานวจิ ยั นีเ้ ป็นการสรา้ งเครื่องเคลอื บสญุ ญากาศแบบสปัตเตอรงิ กระแสตรงและการวเิ คราะหฟ์ ิลม์ บาง ซง่ึ
เครอื่ งเคลือบสญุ ญากาศแบบสปัตเตอรงิ กระแสตรงท่ีสรา้ งประกอบดว้ ยแหลง่ จ่ายกาลงั ไฟฟา้ ศกั ยส์ งู ท่ีมีอตั ราสว่ น
ระหว่างจานวนรอบขดลวดปฐมภมู ิ NP ต่อจานวนรอบขดลวดทตุ ยิ ภมู ิ NS เท่ากบั 0.22 สามารถจ่ายศกั ยไ์ ฟฟ้าได้
ในชว่ ง 0 ถงึ 560 โวลต์ ควบคมุ กระแสไฟฟา้ ใหไ้ หลผา่ นขวั้ ไฟฟา้ คาโทดของเครอ่ื งเคลือบสุญญากาศแบบสปัตเตอ
ริงกระแสตรงท่ี 0.32 แอมแปร์ ประสิทธิภาพของแหล่งจ่ายกาลงั ไฟฟ้าศกั ยส์ ูงท่ีสรา้ งขึน้ เท่ากบั 59.6 เปอรเ์ ซ็นต์
สามารถนาแหล่งจ่ายกาลงั ไฟฟ้าศกั ยส์ งู มาทดลองกบั เครื่องเคลือบสญุ ญากาศแบบสปัตเตอริงกระแสตรงในการ
เคลือบสารฟิ ลม์ บางทองแดงไนเตรด์ เพ่ือนาไปวิเคราะหอ์ ตั ราการเคลือบพบว่าเม่ือใชเ้ วลาในการเคลือบ 1 ถึง 2
ช่วั โมง ทาใหม้ วลของฟิลม์ บางทองแดงไนเตรดต์ ่อพืน้ ท่ีเพ่มิ ขนึ้ สง่ ผลใหอ้ ตั ราการเคลอื บเฉล่ยี เทา่ กบั 63.32 x 10-9
เมตรต่อช่ัวโมง พบว่าอตั ราการเคลือบสูงขึน้ ตามช่วงเวลาท่ีเคลือบ ส่วนผลการวิเคราะหล์ กั ษณะสณั ฐานดว้ ย
กลอ้ งจลุ ทรรศนอ์ ิเล็คตรอนแบบส่องกราด เม่ือนาฟิ ลม์ บางท่ีใชเ้ วลาในการเคลือบหน่ึงช่วั โมงครง่ึ ท่ีอณุ หภมู ิ 220
องศาเซลเซียส พบวา่ มีการก่อตวั ของอนภุ าคทองแดง และท่ีอณุ หภมู ิ 330 องศาเซลเซียส พบว่าขนาดของอนภุ าค
มีขนาดใหญ่มีรูปรา่ งคลา้ ยดอกไม้

คาสาคญั การเคลอื บแบบสปัตเตอรงิ กระแส แหลง่ จา่ ยกาลงั ไฟฟา้ ศกั ยส์ งู ทองแดงไนเตรด์ เปา้ สารเคลอื บ

ABSTRACT

The purpose of this research was to construct a direct current sputtering vacuum coating
machine in order to investigate the effect of rotating support on copper nitride thin films. The DC
sputtering vacuum coating machine-generated utilizes a high-potential power supply with a ratio
of 0.22 between the primary coil (NP) and the secondary coil (NS). A potential range of 0 to 560
volts can be supplied, allowing current to flow at 0.32 amperes through the cathode electrodes
of a DC sputtering vacuum coating. The generated high-potential energy source is 59.6 percent
efficient. A DC sputtering vacuum coating machine for copper nitride thin-film coating can be
used to evaluate the high-potential power source. To analyze the coating rate, it was found that
after coating time of 1 to 2 hours, the mass of the copper nitride thin film per area increased. This
results in an average coating rate of 63.32 x10-9 meters per hour. It was found that the coating
rate was higher with the coating time. As for the morphological analysis by scanning electron
microscopy, an hour-and-a-half coating of thin film was applied at 220 °C showed that copper
particles were formed. And at 330 degrees Celsius, the particle size is large, shaped like a flower.
keywords : Keywords : DC sputtering coating , High voltage power supply, Copper Nitride, Coating target

1 โครงการจดั ตงั้ ภาควิชาฟิสกิ ส์ คณะศลิ ปศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน จ.นครปฐม 73140

Department of Physics, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University,Kamphaeng Saen Campus, Nakhon Pathom 73140,
Thailand.

301

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การพฒั นาวสั ดุบุผนังลดแรงกระแทกจากนา้ ยางธรรมชาตผิ สมฟางข้าว
Development of Shock Absorption Material from Natural Rubber latex Mixed With Rice Straw

ธเนศ วัฒนโสภา1, ณฏั รี ศรดี ารานนท1์ และ โสภา วิศิษฏศ์ กั ดิ1์ *
Thanes Wattanasopa1, Nattaree Sridaranon1 and Sopa Visitsak1*

บทคัดยอ่

ภาวะโลกรอ้ น (Global warming) และปัญหามลพิษทางอากาศ (Air Pollution) เป็นปัญหาสาคญั สง่ ผล
กระทบตอ่ สขุ ภาพของประชาชนในปัจจบุ นั สาเหตหุ นง่ึ ท่ีทาใหเ้ กิดภาวะโลกรอ้ น และมลพษิ ทางอากาศ คอื การเผา
ทาลายในภาคเกษตรกรรม เช่น การเผาฟางขา้ ว การวิจัยนีม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือการพฒั นาเป็นวสั ดุสาหรบั บุผนัง
ภายในอาคารเพ่ือลดแรงกระแทกท่ีมีส่วนผสมของฟางขา้ วและนา้ ยางพาราในอตั ราสว่ นต่างๆ และนาไปทดสอบ
คณุ สมบตั ิดา้ นความหนาแน่น, ความชืน้ , การพองตวั ตามความหนา และกาลงั ตา้ นทานแรงดดั ของแผ่นตวั อย่าง
จากผลการทดสอบ และดว้ ยลกั ษณะทางกายภาพของฟางขา้ วท่ีแตกต่างจากยางธรรมชาติ เม่ือผสมกนั แลว้ ทาให้
เกิดช่องว่างระหว่างเนือ้ วสั ดุ จึงมีความเป็นไปไดท้ ่ีจะนามาผลิตเป็นวสั ดบุ ุผนงั ลดแรงกระแทก ท่ีมีความยืดหยุ่น
และมีคณุ สมบตั ิในการดดู ซบั แรงกระแทกไดด้ ี ท่ีจะสง่ เสรมิ ใหม้ ีการใชท้ รพั ยากรธรรมชาตไิ ดอ้ ยา่ งคมุ้ คา่ ย่งั ยืน เพ่ือ
ความปลอดภยั ในการดาเนินชวี ติ และรองรบั การเปล่ยี นแปลงเพ่อื เขา้ สสู่ งั คมผสู้ งู อายุโดยสมบรู ณข์ องประเทศไทย

คาสาคัญ : ภาวะโลกรอ้ น, มลพิษทางอากาศ, สงั คมผสู้ งู อายุ , วสั ดสุ เี ขียว, เทคโนโลยีท่เี หมาะสม

ABSTRACT

Global warming and air pollution are major problem in livelihood, which affect the health of people
nowadays. One of the causes of global warming and air pollution is the incineration of agricultural sectors, such
as the burning of rice straw. This research aimes to develop the of shock absorption material produced from
natural rubber latex with rice straws. Using various mixing ratios and testing properties of density, moisture
content, thickness swelling and bending strength of the sample sheets. From the test results and the physical
characteristics of the rice straw, which was different from the natural rubber latex, which was flexible and good
for shock absorption. When they were mixed well, resulted in air gaps between these materials. Therefore, it is
possible to be used as a material for shock absorption wall coverings, which will promote sustainable use of
natural resources, life safety and support the complete change into Thailand's aging society.

Keyword : Global warming, Air pollution, Aging society, Green material, Appropriate technology
Corresponding author. E-mail address : [email protected]

1 ภาควิชานวตั กรรมอาคาร คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10900
1 Department of Building Innovation, Faculty of Architecture, Kasetsart University, Bangkhen Campus, Bangkok 10900, Thailand

302

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ผลกระทบของอลั คาลอยดล์ าเมลลารินต่อการตอบสนองความเครียดแบบองคร์ วมในเซลลม์ ะเรง็
Hexacyclic marine pyrrole alkaloids modulate integrated stress response (ISR) in cancer cells

ถริ วิทย์ มีรอด1, ภทั ราวธุ โสภา1.4, พนู ศกั ดิ์ พลอยประดิษฐ์2,3,4, สมศกั ดิ์ รุจริ วฒั น2์ ,3,4
Tirawit Meerod1, Pattarawut Sopha1,4, Poonsakdi Ploypradith2,3,4, and Somsak Ruchirawat2,3,4

บทคัดยอ่

การตอบสนองต่อความเครียดแบบองคร์ วม (Integrated Stress Response – ISR) ควบคุมการสังเคราะห์โปรตีน

ภายในเซลลจ์ ดั เป็นปัจจยั สาคญั เพ่ือใหเ้ ซลลม์ ะเรง็ สามารถอย่รู อดและปรบั ตวั ได้ การมีวิธีการหรอื สารประกอบท่ีสามารถ

เขา้ ไปแทรกแซง protumorigenic pathways สามารถช่วยเพ่ิมโอกาสการรอดชีวิตของผปู้ ่ วยมะเร็งไดอ้ ย่างมีนยั สาคญั
งานวิจยั นีไ้ ดท้ าการศึกษาผลของอลั คาลอยดล์ าเมลลารินต่อ ISR การศกึ ษาผลของลาเมลลาริน ดี (Lamellarin D หรือ
LamD) รวมถึงอนพุ นั ธข์ องลาเมลลารินท่ีมีการดดั เปล่ียนแลคโตนเป็นแลคตมั เอซาลาเมลลาริน ดี (Azalamellarin D
หรือ AzaD) และเอซาลาเมลลาริน ไค (Azalamellarin  หรือ AzaChi) ต่อการเติมฟอสเฟตบนโมเลกุล -subunit of
eukaryotic translational initiation factor 2 (eIF2) ซ่งึ จะนาไปสู่ translational attenuation ระดบั ฟอสฟอรเี ลชนั ข
อง eIF2 ซง่ึ เป็นโปรตีนศนู ยก์ ลางการควบคมุ ISR เม่ือมีการสะสม phospho-eIF2 ระดบั การสงั เคราะหโ์ ปรตีนภายใน

เซลลจ์ ะลดลงเพ่ือปรบั ตวั ต่อสภาพแวดลอ้ มท่ีไม่เหมาะสม ผลการศกึ ษาแสดงใหเ้ ห็นว่าลาเมลลารินสามารถกระตนุ้ การ

สะสมของ phospho-eIF2alpha ท่ี 4-8 ช่วั โมง ในเซลล์ HeLa และไม่ไดเ้ กิดจากผลกระทบของ PKR-like ER kinase
(PERK) ซ่งึ เป็นหน่ึงใน eIF2 kinase นอกจากนีย้ งั พบว่าลาเมลลาริน ดี สามารถกระตนุ้ การตายแบบอพอปโทซิสภาย
ในเซลลเ์ ทา่ นนั้ ดงั นนั้ จากผลการทดลองลาเมลลารนิ สามารถส่งผลกระทบตอ่ ISR และควรวเิ คราะห์ eIF2 kinase ชนดิ

อ่นื เพ่มิ เตมิ ในอนาคต การศกึ ษาสารประกอบชนิดนีเ้ พ่มิ เติมอาจทาใหค้ น้ พบสารตา้ นมะเรง็ ไดต้ อ่ ไปในอนาคต

คาสาคญั : ลาเมลลารนิ , การตอบสนองตอ่ ความเครยี ดโดยองคร์ วม, eIF2 ซบั ยนู ิต แอลฟา, การยบั ยงั้ การสงั เคราะหโ์ ปรตนี

Abstract

The Integrated Stress Response (ISR), controlling cellular protein translation, is considered as one of
the vital factors for the survival and adaptation of cancer cells. Obtaining methodologies or compounds
that can intervene in protumorigenic pathways will significantly enhance the chances of survival of
cancer patients. In this study, we evaluated the effects of the bioactive marine pyrrole alkaloids,
lamellarins, on ISR. Lamellarin D (LamD) and - (LamChi) as well as their derivatives containing lactone-
to-lactam modification, azalamellarin D (AzaD) and - (AzaChi), were evaluated for their capabilities in
conducting phosphorylation on -subunit of eukaryotic translational initiation factor 2 (eIF2), the
hallmark event for ISR leading to translational attenuation. Our data showed that treatment of lamellarins
in HeLa cells triggered the accumulation of phospho-eIF2 during 4 h to 8 h without affecting the
phosphorylation status on PKR-like ER Kinase (PERK), one of the eIF2 kinases. Moreover, AzaD solely
caused intrinsic apoptosis. Hence, our data suggested that the lamellarins can modulate the ISR, and
extensive analysis on the other eIF2 kinases will be investigated further. Further development of the
compounds might give a promising anti-cancer agent.

Keywords: Lamellarins, Integrated stress response (ISR), Eukaryotic translational Initiation Factor 2 subunit  (eIF2), Translational attenuation
E-mail address [email protected]
1Program in Applied Biological Sciences, Chulabhorn Graduate Institute, Lak-Si, Bangkok, Thailand
2Laboratory of Medicinal Chemistry, Chulabhorn Research Institute, Laksi, Bangkok, Thailand
3Program in Chemical Sciences, Chulabhorn Graduate Institute, Lak-Si, Bangkok, Thailand
4Center of Excellence on Environmental Health and Toxicology, Chulabhorn Graduate Institute, Lak-Si, Bangkok, Thailand

303

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

ผลของการใช้กากยสี ต์ และกากราเป็ นองคป์ ระกอบในอาหารเลีย้ งเชือ้ ต่อการผลติ
กรดไฮยาลูโรนิคจาก Streptococcus thermophilus TBRC4654

Effect of Residual Yeast and Residual Fungi Supplementation in the Medium on
Hyaluronic Acid Production by Streptococcus thermophilus TBRC4654

มรกต ทบั โพธิ์1 กมลทิพย์ ขตั ตยิ ะวงศ1์ * จินตนาถ วงศช์ วลติ 2 และ ธีระ รกั ความสขุ 3
Morakot Thabpho1, Kamontip Kuttiyawong1, Jintanand Wongchawalit2 and Theera Rukkwamsuk3

บทคดั ย่อ

กรดไฮยาลูโรนิค (HA) เป็นพอลิเมอรส์ ายตรงยาว ประกอบดว้ ยกรดกลคู ูโรนิค และเอ็นอะซิทิลกลโู คซามีน
สลับกันดว้ ยพันธะ ß-(1-3) และ ß-(1-4) ไกลโคซิดิก กรดไฮยาลูโรนิคนิยมนาไปใช้ทางด้านชีวภาพเป็นวงกวา้ ง
โดยเฉพาะด้านเคร่ืองสาอางและการแพทย์ งานวิจัยชิน้ นี้สนใจศึกษาการผลิตกรดไฮยาลูโรนิคท่ีผลิตได้จาก
Streptococcus thermophilus TBRC4654 โดยใชก้ ากยีสต์ และกากรา ท่ีเป็นของเหลือจากอตุ สาหกรรมมาเป็นสว่ น
หน่ึงของอาหารเลีย้ งเชื้อ เม่ือเทียบกับอาหารเลี้ยงเชื้อควบคุม กรดไฮยาลูโรนิคท่ีผลิตจาก S. thermophilus
TBRC4654 ท่ีเลีย้ งดว้ ยอาหารเลีย้ งเชือ้ ท่ีมีองคป์ ระกอบของกากยีสต์ และกากรา ในปริมาตรการเลีย้ งรอ้ ยละ 75 ใน
เวลา 24 ช่วั โมง เพ่ิมขึน้ รอ้ ยละ 122.68 และ 165.02 ตามลาดบั และสามารถผลิตกรดไฮยาลโู รนิคในวนั ท่ี 3 ไดส้ งู ถึง
86.82 และ 88.67 mg/L ตามลาดบั ดงั นนั้ กากยีสต์ และกากรา สามารถเติมในอาหารสาหรบั การผลิตกรดไฮยาลโู รนิค
จาก S. thermophilus TBRC4654 ได้

คาสาคัญ: กรดไฮยาลโู รนิค Streptococcus thermophilus กากยสี ต์ กากรา

Abstract

Hyaluronic acid (HA) is a linear polymer and comprises repeating units of glucuronic acid and
N-acetylglucosamine linked alternately by ß-(1-3) and ß-(1-4) glycosidic bonds. HA has been used
widely in biologicals, particularly cosmetics and medicines. This research investigated the production
of HA by Streptococcus thermophilus TBRC4654 using residual yeast and residual fungi as a part of
supplemented medium. When compared with the control medium, HA produced by S. thermophilus
TBRC4654 that were cultured on residual yeast and residual fungi supplemented medium at 75% of
working volume for 24 hours were increased about 122.68% and 165.02%, respectively. In addition, the
HA yields at day 4 of incubation were 86.82 mg/L for residual yeast and 88.67 mg/L for residual fungal
supplemented medium. In conclusion, the residual yeast and residual fungi could be used as
supplemented medium for HA production from S. thermophilus TBRC4654.

Keywords: Hyaluronic acid, Streptococcus thermophilus, Residual yeast, Residual fungi
*Corresponding author; email address: [email protected]

1 โครงการจดั ตงั้ ภาควชิ าเคมี คณะศลิ ปะศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน
Department of Chemistry, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus
2 โครงการจดั ตงั้ ภาควชิ าจลุ ชีววทิ ยา คณะศิลปะศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน
Department of Microbiology, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus
3 ภาควชิ าเวชศาสตรค์ ลินิกสตั วใ์ หญ่และสตั วป์ ่า คณะสตั วแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาแพงแสน
Department of Large Animal and Wildlife Clinical science, Faculty of Veterinary Medicine, Kasetsart University, Kamphaeng
Saen Campus

304

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การพัฒนาระบบฐานขอ้ มลู เชิงพนื้ ทรี่ ้านอาหารฮาลาลในภตั ตาคาร กรณีศกึ ษา จังหวดั สงขลา
The Development of Spatial Database System for A Halal Food Shop in Restaurant: A Case

Study of Songkhla Province

นรเทพ ศักดเิ์ พชร1 วเิ ลิศวฒั น์ หนแู สง2 โยษิตา พรามแผลง3
Norathep Sakphet1, Vilerswat Noosaeng1, and Yosita Pramplang1

บทคัดยอ่

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพ่ือจัดเก็บฐานข้อมูลเชิงพื้นท่ีร้านอาหารฮาลาลในภัตตาคาร
2) เพ่ือพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู เชิงพืน้ ท่ีรา้ นอาหารฮาลาลในภตั ตาคาร กรณีศึกษา จงั หวดั สงขลา ผลการศึกษา
พบว่า จงั หวดั สงขลา มีรา้ นอาหารฮาลาลในภัตตาคาร ทงั้ หมด 17 แห่ง แบ่งออกเป็น อาเภอหาดใหญ่ 15 แห่ง
อาเภอเมืองสงขลา 1 แห่ง และอาเภอสิงหนคร 1 แห่ง จากการพฒั นาระบบฐานขอ้ มลู เชิงพืน้ ท่ีรา้ นอาหารฮาลาล
ในภัตตาคาร โดยใชภ้ าษา PHP และฐานขอ้ มูล MySQL ส่วนการสรา้ งแผนท่ีโดยใช้ Google Maps API และ
พฒั นาระบบในรูปแบบ Web Application ซ่ึงผลการประเมินความพึงพอใจของผใู้ ชง้ าน โดยรวมอย่ใู นระดบั พึง
พอใจมาก ( ̅ =4.49, S.D.=0.70)

คาสาคัญ: การพฒั นาระบบ, ฐานขอ้ มลู เชิงพนื้ ท่ี, อาหารฮาลาล

Abstract

The objectives of this research study were 1) to create a spatial database of halal food shop in
restaurant and 2) to develop a database system of halal food shop in restaurant. The results of the study
showed that Songkhla Province had 17 of, 15 shops in Hat Yai District, 1 shop in Muang Songkhla District
and 1 shop Singhanakhon District. According to a database system of halal food shop in restaurant
development, PHP program, MySQL database and Google Maps API were employed to develop Web
Application. The satisfaction of users was at a good level ( ̅ = 4.49, S.D. = 0.70).

Keywords: System Development; Spatial Database; Halal Food Shop
E-mail address: [email protected]

1 วทิ ยาลยั นวตั กรรมและการจดั การ มหาวิทยาลยั ราชภฎั สงขลา
College of Innovation and Management, Songkhla Rajabhat University
2 บณั ฑติ วิทยาลยั รว่ มดา้ นพลงั งานและส่งิ แวดลอ้ ม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี
The Joint Graduate School of Energy and Environment, King Mongkut’s University of Technology Thonburi
3 คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั สงขลา
Faculty of Humanities and Social Sciences, Songkhla Rajabhat University

305

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

วสั ดุบผุ นังภายในอาคารจากเปลอื กมะพร้าวนา้ หอม
Interior wall covering material from aromatic coconut husk

จไุ รรัตน์ มีทรัพย1์ , ณฏั รี ศรดี ารานนท์ 1 และ โสภา วศิ ษิ ฏศ์ กั ดิ์1*
Jurairut Meesap1 , Nattaree Sridaranon1 and Sopa Visitsak1*

บทคดั ย่อ

งานวิจยั นี้ มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือพฒั นาวสั ดบุ ุผนงั ภายในอาคารจากเปลือกมะพรา้ วนา้ หอม โดยใชย้ างบงเป็นตวั
ผสาน เพ่ือใหไ้ ดว้ สั ดทุ ่ีเป็นมิตรต่อส่ิงแวดลอ้ มปราศจากสารระเหยท่ีเป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพผใู้ ชอ้ าคาร โดยทาการศึกษา
อตั ราส่วนผสมท่ีแตกต่างกันและนาไปขึน้ รูปแผ่นตวั อย่าง ขนาด 10x10x1.9 cm. ท่ีความหนาแน่น 400 kg/m3 ใชว้ ิธีอดั
รอ้ นท่ีอุณหภูมิ 100◦C แรงดนั 100 kg/cm2 เป็นเวลา 10 นาที ผลการทดสอบพบว่า แผ่นตัวอย่างท่ีใชอ้ ตั ราส่วน 70:30
(เปลือกมะพรา้ วนา้ หอม:ยางบง) และปริมาณนา้ 2 เท่าของยางบง โดยนา้ หนัก มีค่ากาลงั ตา้ นแรงทานดดั สูงท่ีสุด (1.6
Mpa) โดยมีค่าความหนาแนน่ คา่ ความชืน้ และค่าการพองตวั ตามความหนา อย่ใู นเกณฑม์ าตรฐาน (มอก.876-2547) จึงมี
ความเป็นไปไดท้ ่ีจะนามาผลิตเป็นวสั ดทุ ่ีใชส้ าหรบั บผุ นงั ท่ีมีพืน้ ผิวสวยงามตามธรรมชาติ ซ่งึ จะเป็นการเพิ่มมลู ค่าใหก้ บั
ขยะทางการเกษตรและมศี กั ยภาพสงู ในการพฒั นาเพ่ือความย่งั ยืนสเู่ ชงิ พาณิชย์

คาสาคัญ : วสั ดสุ เี ขียว กาวธรรมชาติ เศรษฐกิจหมนุ เวียนชีวภาพ ขยะทางการเกษตร เทคโนโลยที ่เี หมาะสม

ABSTRACT

The objective of this researchis to develop interior wall coveringmaterial from aromaticcoconut husk using
Yangbong as a binder in order to make an environmental friendly materials without volatile and innoxious substances
which are harmful to the health of building users. Various ratios of the mixtures were studied and then forming the
sample sheets size 10x10x1.9 cm. with the density of 400 kg/m3 using hot pressing method, pressing at 100◦C with
the pressure of 100 kg/cm2 for 10 minutes. The result showed that the sample sheet with the ratio by weight of 70:30
(aromatic coconut husk : Yangbong) and amount of water 2 times of Yangbong had the highest bending strengthat
1.6 Mpa. The density, humidity, and thickness swelling values were in the standard levels (TIS 876-2547) which
means that it is possibleto be used as interiorwall coveringmaterialthat has naturalappealingsurface.This product
also adds value to agricultural waste and has high potential to develop for sustainable commercialization.

Keyword : green material , natural binder , bio circular economy , argricultural waste , appropriate technology
* Corresponding author; email address: [email protected]

1 ภาควชิ านวตั กรรมอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตบางเขน จ.กรุงเทพมหานคร 10900
Department of Building Innovation and Technology , Faculty of Architecture, Kasetsart University, Bangkhen Campus, Bangkok

10900

306

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การใชโ้ พลสี ไตรีนโฟมและเถ้ากน้ เตาจากโรงไฟฟ้าเป็ นมวลรวมสาหรับคอนกรตี มวลเบา
Use of Expanded Polystyrene Foam and Power plant Bottom Ash as Aggregate for Lightweight

Concrete

นิพนธ์ ตันไพบูลยก์ ุล1 และ ธรพร บศุ ยน์ า้ เพชร1
Nipon Tanpaiboonkul1 and Tharaporn Budnumpetch1

บทคัดย่อ

งานวิจยั นีศ้ กึ ษาคณุ สมบตั ิของคอนกรีตมวลเบาท่ีทาจากเถา้ กน้ เตาท่ีใชแ้ ทนท่ีทราย 2.75 กิโลกรมั . และ
ใชโ้ ฟมปรบั สภาพดว้ ยความรอ้ น 140 องศาเซลเซียส เวลา 15 นาที เป็นมวลรวมหยาบแทนท่ีหิน 0, 0.1 และ 0.2
กิโลกรมั ลงในแบบทรงกระบอกเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 5 เซนติเมตร และสูง 10 เซนติเมตร ระยะเวลาบ่ม 7 และ 28
วนั ศึกษาสมบัติการรบั กาลงั อัด ความหนาแน่น และการดูดซึมนา้ ทดสอบปริมาณโลหะหนักของเถ้าก้นเตา
เพื่อตรวจสอบความเป็นอันตรายที่มาจากของเสียจากอุตสาหกรรม จากการศึกษาพบว่าเถา้ กน้ เตาจาก
โรงไฟฟ้า ไม่มีสมบัติอันตรายและสัดส่วนท่ีเหมาะสมของคอนกรีตมวลเบา คือ การใชน้ า้ ที่อตั ราส่วน (w/c)
เท่ากบั 1.4 เถา้ กน้ เตาจากโรงไฟฟ้า 2.55 กิโลกรมั . และ โฟมปรบั สภาพไดม้ ากถึง 0.2 กิโลกรมั . โดยมีค่ากาลงั
อดั ที่อายบุ ่ม 28 วนั เท่ากบั 2.81 เมกกะปาสคาล ผ่านเกณฑ์ มอก 58-2533 และ ASTM C 129 และความ
หนาแน่นสามารถลดนา้ หนกั ไดม้ ากถึง 35.6 เปอรเ์ ซนต์ จึงมีความเป็นไปไดต้ ่อการนาไปใชใ้ นการก่อสรา้ งผนงั
อาคารได้

คาสาคัญ : โพลีสไตรนี โฟม ขเี้ ถา้ กน้ เตา คอนกรตี มวลเบา

Abstract

This research examines the properties of lightweight concrete made from furnace bottom ash replaced
2.75 kg of sand. Heat-treated foam at 140 °C at 15 min as a coarse aggregate was applied to replace
0, 0.1 and 0.2 kg of rock. Both materials were solidified in a cylindrical mold with a diameter of 5 cm
and 10 cm height, with retention time of incubation at 7 and 28 days. The lightweight concrete has been
studied for compressive strength, density, and water absorption properties. The heavy metal content of
the furnace bottom ash was tested to determine the hazards associated with industrial waste. It was
found that the furnace bottom ash from Power Plant did not have any hazardous properties. The optimal
proportion of lightweight concrete is water consumption at a ratio (w/c) of 1.4, 2.55 kg of furnace bottom
ash, and up to 0.2 kg of pretreatment foam. It has a 2.81 MPa compressive strength at 28 days, which
meets TIS 58-2533 and ASTM C 129 criteria. Density reduces the weight of concrete by up to 35.6
percent. It is therefore possible to be used in the construction of building walls.

Keywords : Polystyrene foam/ Bottom ash/Concrete Lightweight
Email address : [email protected]

1 อาจารยห์ ลกั สตู ร วท.บ.เทคโนโลยีสิ่งแวดลอ้ ม, คณะส่ิงแวดลอ้ มและทรพั ยากรศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม อาเภอกนั ทรวิชยั จงั หวดั
มหาสารคาม 44150,
1 Lecturer, B.Sc. (Environmental Technology), Faculty of Environment and Recourse Studies , Mahasarakham University,
Kantharawichai District, Maha Sarakham Province, 44150,

307

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครั้งที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การพัฒนาวสั ดุดดู ซับเสยี งด้วยเส้นใยตน้ ธูปฤาษี
Development of Sound Absorbing Material Using Typha Fiber

สุวิทย์ แสนสุด1 และ อรวลี อมรลตี ระกลุ 1
Suwit Saensud1 and Onvalee Amornleetrakul1

บทคดั ย่อ

งานวิจยั นีเ้ ป็นการทดสอบวสั ดดุ ูดซบั เสียงท่ีเป็นวสั ดจุ ากธรรมชาติ โดยนาเอาวชั พืชเหลือทิง้ มาใชแ้ ทน
วสั ดสุ งั เคราะห์ โดยเลอื กใชต้ น้ ธูปฤาษี ซง่ึ ตน้ มลี กั ษณะเป็นรูพรุน การทดสอบแบง่ ออกเป็น 3 รูปแบบท่ีแตกต่างกนั
คอื รูปแบบท่ี 1 แบบเรียงชิน้ งานแนวตงั้ รูปแบบท่ี 2 แบบชิน้ งานบดละเอียด และรูปแบบท่ี 3 แบบชิน้ งานแบบห่นั
หยาบ ทงั้ หมดใชต้ วั ประสานเป็นแปง้ มนั สาปะหลงั โดยใชค้ วามหนาดงั นีค้ ือ 1.25, 2.5, 5 และ 10 เซนติเมตร แลว้
นามาทดสอบดว้ ยคล่ืนความถ่ีต่าท่ี 50 - 1600 เฮิรตซ์ และช่วงความถ่ีสงู 1000 - 6400 เฮิรตซ์ พบว่า แบบเรียง
ชิน้ งานแนวตงั้ สามารถดดู ซบั เสียงในช่วงความถ่ีสงู ไดด้ ที ่ีสดุ แบบชิน้ งานบดละเอยี ดดดู ซบั เสยี งไดด้ ใี นช่วงความถ่ี
ต่า สว่ นแบบชิน้ งานห่นั หยาบจะมีความผนั ผวน

คาสาคญั : วสั ดธุ รรมชาติ, ตน้ ธปู ฤาษี, วชั พชื , การดดู ซบั เสยี ง, เสยี ง

Abstract

This research is a test of natural sound-absorbing materials by using the waste weeds instead
of synthetic materials. The spongy cattail tree was chosen to test in three different specimens type A:
Vertical alignment type, B: Finely willed type, and C: Rough-cut type. All specimens use a binder as
tapioca starch. The thickness of specimens are as follows: 1.25, 2.5, 5, and 10 cm, which are evaluated
at low frequency 50 -1600 Hz and high frequency 1000-6400 Hz. If was found that vertical alignment
can absorb sound in the high-frequency range well. The finely milled specimens absorb sound well in
the low-frequency range and the rough-cut specimens were fluctuated.

Keyword: Natural material, Cattail tree, Weeds, Sound absorption, Acoustic
E-mail address: [email protected], [email protected]

1 ภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ พระนครเหนือ กรุงเทพมหานครฯ 10800
Department of Architecture, Faculty of Architecture and Design, King Mongkut’s University of Technology North Bangkok,
Bangkok 10800, Thailand.

308

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้ังที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การพฒั นาสูตรซุปจากกากถ่ัวดาวอินคาโดยการออกแบบการทดลองแบบผสม
Formulation development of soup from Sacha inchi residue using a mixture design

สุภสั สรา กติ ตพิ ทิ ยากุล1 และ วชิ มณี ยืนยงพทุ ธกาล1
Suphatsara Kittipittayakool1and Wichamanee Yuenyongputtakal1

บทคัดยอ่

กากถ่วั ดาวอินคาซง่ึ เป็นผลพลอยไดห้ ลงั การสกดั นา้ มนั มีศกั ยภาพในการนามาแปรรูปตอ่ เป็นผลิตภณั ฑ์
อาหารได้ แตก่ ็มขี อ้ จากดั ท่ีมีกลิ่นถ่วั เฉพาะตวั และมีรสขม ดงั นนั้ จงึ มแี นวคดิ ท่ีจะใชว้ ตั ถดุ บิ อ่นื รว่ มดว้ ย ไดแ้ ก่ เผือก
หอมและมันเทศสีม่วงท่ีช่วยเพ่ิมรสชาติและกล่ินรส รวมถึงลดความขมโดยใช้น้ามันมะกอก งานวิจัยนี้มี
วัตถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาผลของกากถ่ัวดาวอินคา (50-80%) พิวเร่เผือกหอมและมนั เทศสีม่วง (20-40%) และ
นา้ มนั มะกอก (0-10%) ต่อคณุ ภาพทางเคมีและกายภาพของผลิตภณั ฑซ์ ุปจากกากถ่วั ดาวอินคาโดยการจดั ส่ิง
ทดลองแบบ Mixture design ผลการทดลอง พบว่า สามารถสร้างสมการเพ่ือทานายความสัมพันธ์ท่ีมีความ
น่าเช่ือถือ (R2 95.08-99.98%) สตู รการผลิตซุปท่ีเหมาะสมประกอบดว้ ยการใชก้ ากถ่วั ดาวอินคาผง 50% พิวเร่
เผือกหอมและมนั เทศสีม่วง 40% และนา้ มนั มะกอก 10% โดยไดร้ บั คะแนนความชอบโดยรวมสงู ท่ีสดุ อย่ใู นระดบั
ชอบปานกลาง

คาสาคญั : ซุป ถ่วั ดาวอินคา เผอื กหอม มนั เทศ การออกการทดลองแบบสว่ นผสม

Abstract

Sacha inchi residue by-product obtained from oil extraction had shown the potential for the
further process of food products. However, there were limitations with its unique beany flavor and bitter
taste. Therefore, the idea of using together with other ingredients were carried out including dasheen
taro and purple sweet potatoes, to enhance the taste and flavor. Involve the bitterness reduction by
using olive oil. The objective of this research was to study the effects of Sacha inchi residue (50-80%),
taro purees and purple sweet potatoes (20-40%) and olive oil (0-10%) on chemical and physical quality
of soup from Sacha inchi residue by Mixture design experiments. It was found that the prediction
equations were satisfied (R2 95.08-99.98%). The optimum formulation of soup consisted of 50% Sacha
inchi residue, 40% dasheen taro and purple sweet potatoes puree, and 10% olive oil. The overall liking
score was highest in the moderate like level.

Keywords: Soup, Sacha inchi, Taro, Purple sweet potato, Mixture Design
*Corresponding author; e-mail: [email protected]

1 ภาควิชาวิทยาศาสตรก์ ารอาหาร คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั บรู พา อาเภอเมอื ง จงั หวดั ชลบรุ ี 20130
Department of Food science, Faculty of Science, Burapha University, Muang, Chonburi 20130, Thailand

309

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การศึกษาสมบัตเิ ชงิ หน้าทขี่ องเหด็ แครงและแนวทางการนาไปใช้
ในผลติ ภณั ฑท์ ดแทนเนือ้ สัตวส์ าหรับกลุ่มเบบบี้ ูม

Study of the functional properties of split gill and its utilization in
plant-based meat product for baby boom generation

ปณาลี พงษแ์ ดง และ สพุ ตั รา สภุ าวงค์
Panaree Pongdang and Supattra Supawong

บทคัดย่อ

งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษาสมบตั ิเชิงหนา้ ท่ีของเห็ดแครง พบวา่ เห็ดแครงมีปรมิ าณโปรตีน ไขมนั
เถา้ และคารโ์ บไฮเดรต รอ้ ยละ 20.99, 2.06, 4.58 และ 57.35 ตามลาดบั ค่าความหนืดของผงเห็ดแครงความ
เขม้ ขน้ 0.1 g/ml มีค่าเท่ากบั 64.63 mPa.s ค่าการละลายของโปรตีนสงู สดุ ท่ีพีเอช 9 มีค่ารอ้ ยละ 11.10 ค่าการ
พองตวั เท่ากับ 45.32 ml/g ค่าความสามารถในการจับนา้ และไขมนั เท่ากับ 8.30 g water/g และ 2.80 g oil/g
ตามลาดบั ค่าความสามารถในการเกิดอิมลั ชนั และค่าดชั นีความคงตวั ของอิมลั ชนั สงู สดุ มีค่าเท่ากบั 49.74 m2/g
และ 168.75 นาที ตามลาดับ และจากผลการศึกษาขอ้ มูลดา้ นทัศนคติเชิงลึกของผูบ้ ริโภคกลุ่มเบบีบ้ ูมท่ีมีต่อ
ผลิตภัณฑท์ ดแทนเนือ้ สัตว์เพ่ือเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทดแทนเนือ้ สัตว์จากเห็ดแครง โดยการ
สมั ภาษณแ์ บบเจาะลกึ พบว่าผตู้ อบแบบสอบถามกล่มุ เบบีบ้ มู มีความตอ้ งการผลิตภณั ฑท์ ดแทนเนือ้ สตั วใ์ นดา้ น
คณุ ลกั ษณะ (Attribute) จะเนน้ เร่อื งความปลอดภยั คณุ ค่าของสารอาหารท่ีครบถว้ น ดา้ นผลลพั ธข์ องการบริโภค
(Consequence) จะเนน้ เร่อื งอาหารไม่มีสารเคมีตกคา้ ง และเนน้ ผกั มากกว่าเนือ้ ดา้ นคณุ ค่า (Value) จะเนน้ เร่อื ง
สขุ ภาพ และมชี ีวิตท่ียาวนาน

คาสาคัญ : เหด็ แครง, กลมุ่ เบบบี้ มู , ผลติ ภณั ฑท์ ดแทนเนือ้ สตั ว์

Abstract

This research had the purpose of studying the functional properties of spit gill mushrooms. The
research used spit gill mushrooms, as an alternative to meat. The study showed that spit gill contains
20.99, 2.06, 4.58, and 57.35 percent of protein, fat, ash, and carbohydrate, respectively. Thickening of
spit gill powder at 0.1g/ml concentration was 64.63 mPa.s Solubility capacity of protein at pH 9 was
11.10%. Swelling capacity was 45.32 ml/g. Water and oil holding capacity was 8.30 g water/g and 2.80
g oil/g, respectively. The highest emulsifying ability and emulsion stability index were 49.74 m2/g and
168. 75 minutes, respectively. The result of the in-depth research on the attitude of baby boomer
consumers towards meat substitutes, which were to be used as guidance for the development of meat
substitutes from split gill mushrooms. The result showed that the needs of baby boomer respondents to
meat substitute products, in attribute aspect, focus on safety, complete nutrition; in consequence
aspect, focus on having no chemical residues and being vegetable oriented rather than meat oriented;
in value aspect, focus on health and prolonging life.

Keyword : Split gill, Baby boom generation, Plant-based meat product

310

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การจาแนกแหล่งทมี่ าและองคป์ ระกอบทางเคมขี องอนุภาคขนาดเล็กกว่า 0.1 ไมครอน
ระหวา่ งพนื้ ทเี่ มอื งและพนื้ ทช่ี นบท

The comparison between chemical compositions and source apportionment of particulate
matter with diameter less than 0.1 micrometer over urban and rural areas

วราทพิ ย์ คดิ ดจี ริง1 สโรชา โจมกยุ่ 1 จิตลดา ภ่พู จิ ติ ร1 ธนวรรณ รตั นโพธานนั ท1์ ณิชกานต์ ชา้ งพลาย1
จฑุ าภาส สายโอไห1้ ภาคภมู ิ ชมู ณี1* สรุ ตั น์ บวั เลิศ1 ธญั ภสั สร์ ทองเย็น2

Warathip Kiddeejing, Sarocha jomkui, Jitlada Phupijit1, Tanawan Rattanapotanan 1, Nitchakarn Changplaiy1,
Jutapas Saiohai1, Parkpoom Choomanee1*, Surat Bualert1, Thunyapat Thongyen2

บทคัดย่อ

ในการศึกษาครงั้ นีม้ ีวัตถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาองคป์ ระกอบคารบ์ อนของฝ่ ุนละอองขนาดตงั้ แต่ 10 µm
(PM10) ไปจนถึงขนาดเล็กกว่า 0.1 µm (PM0.1) ในพืน้ ท่ีเมือง(กรุงเทพมหานคร) และพืน้ ท่ีชนบท(จังหวดั ราชบุรี)
และจาแนกแหลง่ กาเนิดของ PM0.1 โดยการวิเคราะหอ์ ตั ราสว่ นระหวา่ ง OC/EC ซง่ึ การเก็บตวั อยา่ งฝ่นุ ละอองไดใ้ ช้
เครื่อง Nano sampler ในการเก็บอนุภาคระหว่าง PM10- PM0.1 และกาหนดอตั ราการไหลท่ี 40 L/min จากนนั้ จะ
นาไปวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบคารบ์ อนดว้ ยเคร่ือง OC EC Analyzer (Sunset Instruments Inc., Model 5L, USA)
และใชว้ ิธี IMPROVE Method จากการศกึ ษาพบว่าในคา่ ความเขม้ ขน้ ของ OC2 มีค่าโดดเด่นมากท่ีสดุ โดยเฉพาะ
PM0.1 และมีค่า OC2 ค่อนขา้ งสงู ทงั้ ในพืน้ ท่ีเมือง และพืน้ ท่ีชนบท เฉล่ีย 0.81 และ 0.50 µg/m3 ตามลาดบั และ
เป็นท่ีน่าสงั เกตว่าในบริเวณพืน้ ท่ีเมืองจะมีสดั ส่วนของ EC3 ท่ีเพิ่มอย่างเด่นชดั ซ่ึงมีแหล่งกาเนิดมาจากการเผา
ไหมข้ องเครื่องยนตแ์ ละชีวมวลดงั นนั้ ผลจากการวิจยั นี้ สามารถประยกุ ตใ์ ชเ้ ป็นแนวทางสาหรบั การจดั การระดบั
ความเขม้ ขน้ ของ PM0.1 ในสภาพแวดลอ้ มของเมืองขนาดใหญ่ได้

คาสาคัญ : คารบ์ อนอนิ ทรยี ์ (OC); ธาตคุ ารบ์ อน (EC); พืน้ ท่ีเมือง; ฝ่นุ ละอองขนาดเลก็ ; PM0.1

1 ภาควิชาวทิ ยาศาสตรส์ ่ิงแวดลอ้ ม คณะสงิ่ แวดลอ้ ม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร 10900
Department of Environmental Science, Faculty of Environment, Kasetsart University, Bangkok, 10900, Thailand.
2 ภาควชิ าเทคโนโลยีและการจดั การสิ่งแวดลอ้ ม คณะสงิ่ แวดลอ้ ม มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร 10900
Department of Environmental Technology and Management, Faculty of Environment, Kasetsart University, Bangkok, 10900,
Thailand

311

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

Abstract

The objective of this research is study carbonaceous aerosol in fine particulate matter, which
size less than 10 microns (PM 10) to 0.1 microns (PM 0.1) in urban area (Bangkok) and Ratchaburi
province. Fine particulate matter was source identified by organic carbon (OC) and elemental carbon
(EC) analysis. Fine particulate matter (PM10 to PM0.1) was collected by nano sampler, flow rate 40 L/min.
OC and EC were analyzed by OC&EC analyzer (Sunset Instruments Inc., Model 5L, USA) with
IMPROVE_TOR protocol. The result shown that, the highest concentrations was OC2. Especially, PM0.1
was OC2 average concentrations at urban and rural area were 0.81 and 0.50 µg/m3, respectively. Found
EC3 at urban area, PM0.1 was emitted from vehicle exhaust and biomass burning. Consequently, the
results could be applied in guidelines for monitoring fine particle concentrations in large urban
environments.

Keyword: Organic carbon (OC); Elemental carbon (EC); Urban area; Fine particulate matter; PM0.1
*Corresponding author; email address: [email protected]

312

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การประเมินศักยภาพการเป็ นแกนกล่ันตวั ของฝนของฝ่ ุนละอองขนาดเล็ก
ในบริเวณพนื้ ทเี่ ขตเมือง กรุงเทพมหานคร

Evaluation of Hygroscopic Potential of Fine Particulate Matter in Urban Area, Bangkok

ช่นื กมล สุทธา1 จนิ ดารตั น์ ปรโิ ยธร1 จติ ลดา ภ่พู จิ ติ ร1 ฐิตินนั ท์ อตุ ทะวงศ2์ สรณรชั ต์ กองแกว้ 1
ภาคภมู ิ ชมู ณี1* สรุ ตั น์ บวั เลิศ1 ธญั ภสั สร์ ทองเย็น1

Chuenkamon Sutta1, Jindarat Pariyothon1, Jitlada Phupijit1, Titinan Utavong2, Saranarat Kongkeaw1,
Parkpoom Choomanee1*, Surat Bualert1, Thunyapat Thongyen2

บทคัดยอ่

ปัจจบุ นั กรุงเทพมหานครกาลงั เผชิญกับปัญหาสิ่งแวดลอ้ มและการเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่าง
ต่อเน่ือง โดยเฉพาะอย่างย่ิงการเกิดฝน ซ่งึ ปัจจยั ท่ีมีบทบาทสาคญั ต่อกระบวนการเกิดเมฆและฝนคือ ฝ่นุ ละออง
ขนาดเล็กท่ีมีคณุ สมบตั ิการดดู ซบั นา้ (Hygroscopic Properties) ดงั นนั้ งานวิจยั นีเ้ พ่ือศึกษาสมบตั ิการดดู ซบั นา้
ของฝ่ ุนละอองขนาดเล็ก ในบริเวณพืน้ ท่ีเขตเมือง กรุงเทพมหานคร โดยวิเคราะห์คุณสมบัติการดูดซับน้า
(Hygroscopic growth factor: Gf) ของฝ่ นุ ละอองขนาดเล็ก 6 ขนาด ไดแ้ ก่ 30 50 100 150 200 และ 250 นาโน
เมตร ด้วย Hygroscopic Tandem Differential Mobility Analyzer (H-TDMA) ท่ีสภาวะแห้ง (<20 %RH) และ
สภาวะเปียก (>80 %RH) บริเวณพืน้ ท่ีเขตเมือง ณ สถานีตรวจติดตามลกั ษณะทางอตุ นุ ิยมวิทยาใกลผ้ ิวดินและ
มลสารทางอากาศสาหรบั ประเทศไทย (KU tower) และพืน้ ท่ีเกษตรกรรม จงั หวดั ราชบรุ ี ช่วงฤดฝู น (ระหว่างเดือน
กนั ยายน) ผลการศกึ ษาพบวา่ ศกั ยภาพการดดู ซบั นา้ ของฝ่นุ ละอองขนาดเล็กเฉล่ียของพืน้ ท่ีเขตเมือง และชนบทมี
ค่าเท่ากับ 1.020.04 และ 1.060.10 ตามลาดบั ซ่ึงในบริเวณพืน้ ท่ีเขตเมืองมี Gf ต่ากว่าพืน้ ท่ีชนบทเน่ืองจาก
พืน้ ท่ีเขตเมืองมีแหลง่ กาเนิดท่ีซบั ซอ่ น ปลดปลอ่ ยฝ่นุ ละอองขนาดเล็กทงั้ เชงิ ขนาด และจานวน สง่ ผลใหค้ ณุ สมบตั ิ
การดูดซบั นา้ ต่ากว่าพืน้ ท่ีชนบท แต่อย่างไรก็ตามทงั้ ศกั ยภาพการเป็นแกนกล่นั ตวั ของฝ่ ุนละอองขนาดเล็กยงั มี
คุณสมบัติเป็น more hygroscopic (Gf มากกว่า 1.01) ผลงานวิจัยนีส้ ามารถใชเ้ ป็นแนวทางการจัดการและ
ควบคมุ ฝ่นุ ละอองขนาดเล็กสาหรบั เฝา้ ระวงั การเปล่ยี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศในเขตพนื้ ท่ีเมืองไดอ้ ย่างย่งั ยืน

คาสาคัญ: ฝ่นุ ละอองขนาดเลก็ , คณุ สมบตั กิ ารดดู ซบั นา้ , พนื้ ท่ีเขตเมือง

1 ภาควชิ าวิทยาศาสตรส์ ่งิ แวดลอ้ ม คณะสงิ่ แวดลอ้ ม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร 10900
Department of Environmental Science, Faculty of Environment, Kasetsart University, Bangkok, 10900, Thailand.
2 ภาควชิ าเทคโนโลยีและการจดั การส่ิงแวดลอ้ ม คณะสิ่งแวดลอ้ ม มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร 10900
Department of Environmental Technology and Management, Faculty of Environment, Kasetsart University, Bangkok, 10900,
Thailand

313

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

Abstract

Currently, Bangkok is continuously facing many environmental problems and climate
change, especially in the occurrence of rainfall. Particulate matter with water-absorbing properties
(hygroscopic properties) plays an important role in could and rain formation. This research aims to study
the water-absorbing properties of fine particulate matter in the urban areas of Bangkok. Particulate
matters were collected at two different locations including an urban area at the KU tower, Bangkok and
agricultural area in Ratchaburi province. The water adsorption properties (hygroscopic growth factor:
Gf) of fine particulate matters with diameter of 30, 50, 100, 150, 200 and 250 nm were analyzed by using
the Hygroscopic Tandem Differential Mobility Analyzer (H-TDMA) under dry (RH < 20%) and wet (RH <
80%) conditions. The study showed that fine particulate matters were more hygroscopic with Gf greater
than 1.01. The GF values of fine particulate matters over the urban and the rural areas were 1.02±0. 04
and 1.06±0.10 respectively. Particulate matters over the urban area had lower GF values may be due to
complex emission sources in urban areas. The results from this study were useful for air quality
management and air quality control in urban areas.

Keyword : Fine particulate matter, Hygroscopic growth rate, Urban area
*Corresponding author; email address: [email protected]

314

การประชุมวิชาการระดับชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

ผลของความเร็วรถยนตต์ ่อแมลงในพนื้ ทอี่ ุทยานแหง่ ชาตเิ วยี งโกศยั จังหวัดแพร่

Effects of Speed Car on Insects in Wiang Kosai National Park, Phrae Province

จุฑารัตน์ ศรีเพช็ ร1 วฒั นชยั ตาเสน1
Chutharat Sripetch1 Wattanachai Tasan1

บทคัดย่อ

ผลของความเรว็ รถยนตต์ อ่ แมลงไดท้ าการศกึ ษาในพืน้ ท่ีของอทุ ยานแหง่ ชาติเวียงโกศยั จงั หวดั แพร่ โดยใชก้ บั
ดกั กาวเหนียวดกั แมลง (sticky traps) ตดิ ไวก้ บั กระจกหนา้ รถยนต์ และกาหนดความเรว็ ของรถออกเป็น 3 ระดบั คือ 30,
60, และ 80 กิโลเมตรต่อช่วั โมง ทาการเก็บขอ้ มลู ในช่วงเชา้ และเย็น เป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร ผลการศึกษาพบแมลง
จานวน 119 ชนิด 35 วงศ์ 10 อนั ดบั โดยแมลงท่ีพบจานวนชนิดมากท่ีสดุ เป็นแมลงในพวกดว้ งในอนั ดบั Coleoptera มี
จานวนชนิดมากท่ีสุด จานวน 31ชนิด รองลงมาเป็นพวกแมลงในอนั ดบั Diptera และอนั ดบั Hymenoptera ( 31, 28
และ 18 ชนิด ตามลาดบั ) ส่วนค่าดชั นีความหลากชนิด (H’) ท่ีความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อช่วั โมงสงู ท่ีสดุ (H' = 2.47) ค่า
ดัชนีความคลา้ ยคลึงของแมลงทั้งสองช่วงเวลามีความคลา้ ยคลึงกันท่ีรอ้ ยละ 67.92 เม่ือวิเคราะหท์ างสถิติ พบว่า
ความเรว็ ของรถยนตท์ ่ีความเรว็ ทงั้ 3 ระดบั เป็นอนั ตรายตอ่ แมลงไมแ่ ตกต่างกนั อย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั 0.05

คาสาคญั : แมลง ความหลากชนิด อทุ ยานแหง่ ชาติเวียงโกศยั

Abstract

Effects of speed car on insects was studied in Wiang Kosai National Park, Phrae Province. The determinants
of the abundance of insects using stickytraps on the windshield of cars and set the speed of the car into 3 levels: 30,
60, and 80 kilometers per hour,collect information in the morning and evening for a distance of 3 kilometers.Thefinding

revealedthat a total number ofinsectswere119species,35familiesand10orders,thehighestnumberofspecieswasinorderColeoptera folowed

byDipteraandHymenoptera (31, 28 and 18 species, respectively).The species diversity index (H’) at 60 km/h was highest
(H’=2.74).Thesimilarityindexoftheinsectsatbothperiodswas67.92%.Thespeedcar werenotstatisticallysignificant

differences (p>0.05).

Keyword : insect, diversity, Wiang Kosai National Park
E-mail address : [email protected]

1 คณะวนศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขต กทมฯ 10900
Faculty of Forestry, Kasetsart University, Bangkan , Bangkhen 10900

315

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การตัง้ ค่าการตรวจวเิ คราะหล์ ักษณะประชากรของทเี ซลลใ์ นผู้ป่ วยโรคสะเกด็ เงนิ
ด้วยวิธโี ฟลไซโทเมทรี

Flow cytometry optimization for phenotyping of predominant T cells population in psoriasis
patients

ชาคริต ทพั พนั ธ1์ ,2 คณิน ซาเหลา1,2* สธุ ีรพร เชาวว์ ฒั นาพานิช3 โสรจั สริ ิ เจรญิ สดุ ใจ1 สปุ ราณี พนั ธุธ์ นวบิ ลู ย1์
และ วิสฐิ ์ศกั ดิ์ โภคสวสั ดิ1์

Chakrit Thapphan1,2, Kanin Salao1,2*, Suteeraporn Chaowattanapanit2, Sorujsiri Chareonsudjai1
Supranee Phanthanawiboon1 and Wisitsak Phoksawat1

บทคัดยอ่

โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) เป็นโรคเรือ้ รงั ท่ีมีการอกั เสบบริเวณผิวหนงั ท่ีผ่านมาการศึกษาในเชิงวิทยา
ภมู ิคมุ้ กนั ของโรคสะเก็ดเงนิ ยงั มีนอ้ ย งานวิจยั นีจ้ งึ มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือจดั ตงั้ และหาคา่ ท่ีเหมาะสมท่ีสดุ ในการตงั้ ค่า
การตรวจวิเคราะหล์ กั ษณะการทางานของทีเซลลแ์ ละกลมุ่ ประชาการย่อย จากตวั อย่างเลอื ดของผปู้ ่วยโรคสะเก็ด
เงินเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมชาวไทยดว้ ยวิธีโฟลไซโทเมทรี จากการศึกษาสามารถจัดตัง้ การตรวจวัดการ
ทางานของเซลลไ์ ดส้ าเรจ็ โดยสกดั แยกเซลลเ์ ม็ดเลือดขาว peripheral blood mononuclear cells (PBMCs) จาก
ผปู้ ่วยแลว้ กระตนุ้ ดว้ ย 100 ng/mL PMA รว่ มกบั 1 µg/mL ionomycin calcium salt เพ่อื ใหส้ ามารถเหน็ การแสดง
ของการทางานของเซลลไ์ ดอ้ ย่างชดั เจนย่ิงขนึ้ และใช้ 3 µg/mL Brefeldin A เพ่ือยบั ยงั้ การหล่งั ของไซโตไคนอ์ อก
นอกเซลล์ กระตนุ้ เป็นเวลาเวลารวม 2 ช่วั โมง ก่อนนาไปยอ้ มดว้ ยแอนติบอดีท่ีจาเพาะ (specific antibodies) ท่ี
เช่ือมต่อกับสารเรืองแสงชนิดต่าง ๆ ไดแ้ ก่ CD45-eFluor® 450, CD3-APCeFluor® 780, CD4- eFluor® 450,
IFN-gamma- PE, FOXP3- PerCP-Cyanine5-5, IL-4- Alexa Fluor 488 และ IL-17-APC พบว่า T helper 2
(CD3+CD4+IL-4+) และ T helper 17 (CD3+CD4+IL-17+) ในกล่มุ ผปู้ ่ วยมีระดบั ท่ีสงู ขึน้ อย่างมีนยั สาคญั ทาง
สถิตเิ ม่ือเทียบกบั กลมุ่ ควบคมุ (p<0.01 และ p<0.05 ตามลาดบั ) และในกลมุ่ T helper 1 ในกลมุ่ ผปู้ ่วยมีระดบั ท่ี
ลดลงอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p<0.05) ในขณะท่ี regulatory T cell (CD3+CD4+FOXP3+) ไม่พบความ
แตกตา่ งอย่างไม่มีนยั สาคญั ทางสถิติ การศกึ ษานีอ้ าจเป็นแนวทางในการคน้ หาตวั บ่งชีท้ างภมู ิคมุ้ กนั ท่ีสมั พนั ธก์ บั
พยาธิกาเนิด การพฒั นาของโรค หรือระดบั อาการแสดงออกของผปู้ ่วยไดใ้ นอนาคต

คาสาคญั : โฟลไซโทเมทรี โรคสะเก็ดเงิน ทีเซลล์ ทเี ซลลเ์ ฮลเปอร์

1 ภาควชิ าจลุ ชีววทิ ยา คณะคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่
Department of Microbiology, Faculty of Medicine, Khon Kaen University, Khon Kaen 40002, Thailand
2 ศนู ยว์ ิจยั และบรกิ ารตรวจวินิจฉยั โรคตดิ เชือ้ ระบาดใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
Research and Diagnostic Center for Emerging Infectious Diseases (RCEID), Khon Kaen University, Khon Kaen, Thailand, 40002
3 ภาควชิ าอายรุ ศาสตร์ คณะคณะแพทยศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น
Department of Medicine, Faculty of Medicine, Khon Kaen University, Khon Kaen, 40002, Thailand

316

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

Abstract

Psoriasis is a chronic inflammatory disease of the skin that is often accompanied by itching.
Research on psoriasis is still lacking especially in the Asian cohort. This study, thereby, aims to optimize
the condition of flow cytometry to characterize and phenotype T cell subsets of psoriasis patients
compared to healthy population in Thai population. As a result of this study, T cell function
measurements were successfully set up. Peripheral blood mononuclear cells (PBMCs) were isolated
from patients and stimulated with 100 ng/mL PMA together with 1 µg/mL ionomycin calcium salt to be
able to observe the T cell function more clearly; 3 µg/mL Brefeldin A was used to inhibit the intracellular
cytokine transport processes. Stimulated for a total time of 2 hours before staining with specific
antibodies linked to different fluorescent agents including CD45-eFluor® 450, CD3-APCeFluor® 780,
CD4- eFluor® 450, IFN-gamma- PE, FOXP3- PerCP-Cyanine5-5, IL-4- Alexa Fluor 488 and IL-17-APC.
The results showed that numbers of T helper 2 (Th2) (CD3+CD4+IL-4+) and T helper 17 (Th17)
(CD3+CD4+IL-17+) cells were significantly higher than the healthy controls (p<0.01). In contrast,
number of T helper 1 (Th1) cells was lower in the healthy controls significantly (p<0.05). Although T
(Treg) (CD3+CD4+FOXP3+) cells was altered, but the level is statistically insignificant. Taken together,
the imbalance of these T cell subsets possibly contributes to the disease severity and its pathogenesis.
This study could be further investigated to determine the insight mechanism of disease pathology,
paving the way for a novel therapeutic treatment of this disease in the future.

Key words: Flow cytometry, Psoriasis, T cells, T helper cell
*Corresponding author; email address: [email protected]

317

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครงั้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การศึกษาความเป็ นไปไดใ้ นการลงทนุ โรงไฟฟ้าชวี มวล กรณีศกึ ษา ใช้เชือ้ เพลิงเหงา้ มันสาปะหลัง
ในจังหวดั นครราชสมี า

A Feasibility Study of Investment in Biomass Power Plant: A case study of use Cassava
rhizome as a fuel in Nakhon Ratchasima Province

ดนัย นวธนสกุล1, และ สมุ าลี พมุ่ ภิญโญ2
Danai Nawathanasakul1, and Sumalee Pumpinyo2

บทคดั ยอ่

การศกึ ษาครงั้ นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือวเิ คราะหค์ วามเป็นไปไดท้ างดา้ นเทคนิค และทางดา้ นการเงนิ ของการ
ลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล จากเหงา้ มนั สาปะหลงั ในจงั หวดั นครราชสีมา โดยการใชว้ ิธีวิเคราะหข์ อ้ มลู เชิงพรรณนา
และขอ้ มูลเชิงปริมาณ ในการวิเคราะหค์ วามคมุ้ ค่าของโครงการ ซ่ึงกาหนดเกณฑท์ ่ีใชใ้ นตดั สินใจในการลงทุน
ลงทุน คือ มูลค่าสุทธิปัจจุบันของโครงการ (NPV), อัตราผลตอบแทนภายในโครงการ (IRR) และอัตราส่วน
ผลประโยชนต์ อ่ ตน้ ทนุ (B/C ratio)

ผลการศกึ ษาพบวา่ โครงการมกี าลงั ผลิตขนาด 9.9 เมกะวตั ต์ และพืน้ ท่ีท่ีเหมาะสมในการดาเนินโครงการ
อย่ใู นตาบลจระเขห้ ิน อาเภอครบรุ ี มีมลู ค่าปัจจุบนั สทุ ธิ (NPV) เท่ากบั 432,666,062.73 บาท ท่ีอตั ราคิดลดรอ้ ย
ละ 6.6016 อตั ราผลตอบแทนภายในโครงการ (IRR) เท่ากบั รอ้ ยละ 15.09 อตั ราสว่ นตน้ ทนุ ตอ่ ผลประโยชน์ (B/C
Ratio) เท่ากบั 1.22 เท่า และมีระยะเวลาคนื ทนุ (PB) เท่ากบั 6.16 ปี ปัจจยั ท่ีสง่ ผลใหโ้ ครงการไม่มีความคมุ้ ค่าใน
การลงทนุ ถา้ หาก ราคาเหงา้ มนั สาปะหลงั เพม่ิ ขนึ้ เป็น 900 บาทต่อตนั , ตน้ ทนุ รวมของโครงการเพิ่มขนึ้ รอ้ ยละ 20
และประสิทธิภาพการผลติ ไฟฟ้าลดลงรอ้ ยละ 20

คาสาคัญ : พลงั งานทดแทน, มนั สาปะหลงั , โรงไฟฟ้าชีวมวล

Abstract

The objectives of this study are to examine the technical feasibility and financial feasibility of the
investment of Biomass Power Plant : A case study of use Cassava rhizome as a fuel in Nakhon
Ratchasima Province. This study used descriptive analysis and quantitative analysis for analyzing the
financial feasibility of this project. The main criteria, considered in making investment decision, consisted
of Net present value (NPV), Internal rate of return (IRR) and Benefit-Cost ratio (B/C Ratio).

The results of this project show that the appropriate location of this project is in Khon Buri district,
Chorakhe-hin subdistrict with capacity 9.9MW. A net present value (NPV) is 432,666,062.73baht at
discount rate 6.6016 percent, Internal rate of return (IRR) is 15.09 percent, Benefit-Cost ratio (B/C ratio)
is 1.22 time and Payback period would be 6.16 years. The sensitivity analysis of the project infeasible
if, 1) Increasing of fuel cost to 900 baht per ton 2) Increasing of total cost to 20 percent and 3) Reduction
of electrical generator at 20 percent.

Keyword : Renewable energy, Cassava rhizome, Biomass power plant
Corresponding author: E-mail address: [email protected]

1คณะเศรษฐศาสตร์ สาขาเศรษฐศาสตรธ์ รุ กิจ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขต บางเขน กรุงเทพฯ 10900
Master of Business Economics at Faculty of Economics, Kasetsart University, 50 Ngam Wong Wan Road, Bangkok, 10900
2ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขต บางเขน กรุงเทพฯ 10900
Asst. Prof. at Faculty of Economics, Kasetsart University, 50 Ngam Wong Wan Road, Bangkok, 10900

318

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การศกึ ษาพฤตกิ รรมผู้บรโิ ภคผลติ ภณั ฑส์ เปรดและองคป์ ระกอบทางเคมีของงาขีม้ ่อน

The study of consumer behavior on spread products and
chemical composition of Perilla frutescens

พัชรีภรณ์ เพง็ บุญ1 และ สพุ ตั รา สภุ าวงค2์
Patchareeporn Pengboon1 and Supattra Supawong2

บทคดั ย่อ

งานวิจยั นีม้ วี ตั ถปุ ระสงค์ (1) เพ่ือศกึ ษาพฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภคผลิตภณั ฑส์ เปรด (2) เพ่ือเสนอแนวทางในการ
พฒั นาผลิตภณั ฑส์ เปรดท่ีตรงกับความตอ้ งการผูบ้ ริโภค และ (3) เพ่ือศึกษาองคป์ ระกอบทางเคมีของงาขีม้ ่อน
ผลการตอบแบบสอบถามออนไลนจ์ ากผูบ้ ริโภค 250 คนพบว่า แยมไดร้ บั ความนิยมสูงสุด ผลการวิเคราะห์
แบบจาลองคาโนพบว่า ผลิตภณั ฑส์ เปรดท่ีมีไขมนั ดี มีสารตา้ นอนุมลู อิสระและเสริมพรีไบโอติกสส์ ามารถดึงดดู
ผบู้ ริโภคไดม้ ากขึน้ ดงั นนั้ ผวู้ ิจยั จึงเลือกงาขีม้ ่อนมาศึกษาคณุ สมบตั ิเพ่ือใชเ้ ป็นวตั ถุดิบผลิตภณั ฑส์ เปรด ผลการ
วิเคราะหพ์ บวา่ งาขีม้ อ่ นมีไขมนั สงู ถึง 36.8 % และในนา้ มนั มี PUFAs มากถึง 68.80% และมีกรดไขมนั Omega-3
(ALA) สงู ถงึ 56.394% ผลการวิเคราะหฤ์ ทธิ์ตา้ นอนมุ ลู อสิ ระดว้ ยวิธี DPPH มีคา่ 199.94 g Trolox/gงาขีม้ อ่ น และ
วิธี FRAP มีค่า 118.15 mg FeSO4·7H2O/gงาขีม้ ่อน แสดงใหเ้ ห็นว่าเมล็ดงาขีม้ ่อนจัดเป็น superfood ท่ีอดุ มไป
ดว้ ยสารอาหารสาคญั และสามารถนามาพฒั นาเป็นผลติ ภณั ฑส์ เปรดท่ีตรงกบั ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคได้

คาสาคัญ : พฤติกรรมผบู้ รโิ ภค, ผลติ ภณั ฑส์ เปรด, งาขมี้ อ่ น, โอเมกา้ -3, ฤทธิ์การตา้ นอนมุ ลู อสิ ระ

Abstract

The aims of this research were (1) to study the spread product consumer behavior, (2) to
propose a concept for the spread product that would match the consumer’s demands, and (3) to analyze
the chemical components of P. frutescens. From 250 respondents, the survey showed that the most
popular product was jam. The analysis of the Kano model revealed that the existence of PUFAs, an
antioxidant substance, and prebiotics could persuade the consumers to purchase the product. Thus,
the researchers choose P. frutescens to develop a spread product. The seed was composed of 36.80%
of lipids, the seed oil contained 68.80% of PUFAs, 56.39% of ALA. The DPPH value was 199.94 gTrolox/g.
seed, and FRAP value was 118.15 mgFeSO4·7H2O/g seed. Therefore, P. frutescens was considered as
a super food, which was rich in nutrients and could be used for the development of spread products.

Keyword: Consumer Behavior, Spread Product, Perilla frutescens, omega-3, Antioxidant Activity
E-mail address: [email protected]

1 สาขาวิชาการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยแ์ ละผลิตภณั ฑน์ วตั กรรมอาหาร คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตรศ์ นู ยร์ งั สิต
Department of Human Resources Development and Food Innovation Products, Faculty of Science and Technology,
Thammasat University,Rangsit Centre
2 สาขาวชิ าการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ยแ์ ละผลติ ภณั ฑน์ วตั กรรมอาหาร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตรศ์ นู ยร์ งั สติ
Department of Human Resources Development and Food Innovation Products, Faculty of Science and Technology,
Thammasat University,Rangsit Centre

319

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การพฒั นาผลิตภณั ฑผ์ งโรยข้าวจากกากงาดา
Product Develop of Rice Seasoning (Furikake) using Black Sesame Meal

วรรณวมิ ล พุ่มโพธิ์1, ซายากะ เนโมโต2, พงศกร นิวฒั ยานนท3์ และยยุ ธุ าน ต่นั ฟ่ นุ 4
Wanvimon Pumpho1, Sayaka Nemoto2, Phongsakron Niwatyanon3 and Yuyutan Tanfoon4

บทคัดยอ่

การศกึ ษาครงั้ นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื ใชก้ ากงาดาในการพฒั นาเป็นผลติ ภณั ฑผ์ งโรยขา้ ว โดยเป็นการนาวตั ถดุ บิ
เหลือทิง้ จากกระบวนการแปรรูปนา้ มนั งามาใชใ้ หเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ และเป็นการพฒั นาผลิตภณั ฑใ์ หม่สาหรบั
ผบู้ รโิ ภคท่ีตอ้ งการผลิตภณั ฑท์ ่ีมีความสะดวกสบายในการบรโิ ภค การทดลองมีการศกึ ษาอตั ราสว่ นของกากงาดา
ท่ีเหมาะสมเพ่อื เพ่มิ ปรมิ าณโปรตีน และศกึ ษาคณุ ภาพผลิตภณั ฑ์ ผลการศกึ ษาพบวา่ สตู รผงโรยขา้ วจากกากงาดา
ท่ีไดร้ บั การยอมรบั ของผบู้ ริโภคมีสว่ นผสมสตู รดงั นี้ คางกงุ้ รอ้ ยละ19.4 กากงาดารอ้ ยละ 32.1 ซอสปรุงรสรอ้ ยละ
47.2 ผักเคลรอ้ ยละ 1.5 และสาหร่ายรอ้ ยละ 1.3 ผลการศึกษาปริมาณกากงาดาท่ีเหมาะสม พบว่าการเพิ่ม
อตั ราส่วนของกากางาดามีผลต่อค่าสี (L*, a*, b*) และปรมิ าณนา้ อิสระ ปรมิ าณกากงาดาท่ีเหมาะสม คือรอ้ ยละ
100 และเม่ือวิเคราะหอ์ งคป์ ระกอบทางเคมีของผลิตภณั ฑ์ พบว่ามีค่าปริมาณความชืน้ เถา้ โปรตีน ไขมนั เสน้ ใย
และคารโ์ บไฮเดรตทงั้ หมดรอ้ ยละ 2.62 15.47 24.89 17.02 6.25 และ 81.45 ตามลาดบั ค่าพลงั งาน (Energy)
เท่ากับ 312.61 กิโลแคลอร่ี/100 กรมั ค่าวอเตอรแ์ อกทีวิตี้ (aw) เท่ากับ 0.45 ปริมาณจุลินทรียท์ ั้งหมดเท่ากับ
0.86×106 CFU/g คะแนนความชอบโดยรวมของผลิตภณั ฑส์ ดุ ทา้ ยท่ีไดเ้ ท่ากบั 7.70 กล่าวคือผทู้ ดสอบชิมใหก้ าร
ยอมรบั ผลิตภณั ฑผ์ งโรยขา้ วท่ีพฒั นาขนึ้ มา

Abstract

The aim of this research was investigated in black sesame residue for development of rice
seasoning product. For the maximum benefit, the raw materials residue from sesame oil processing
process was used to development of new product that made the comfortable of consume for consumers.
The experiment was investigated on suitable amount of black sesame that increased the protein content.
In addition, the quality of product was determined. The result of this study found that the consumer
accepted rice seasoning from black sesame residue. The rice seasoning formula contain with Shrimp
chin 19.4% Black sesame meal 32.1%, seasoning sauce 47.2%, kale 1.5% and seaweed 1.3%.

1, 2, 3, 4 สาขาวิชาธุรกิจอาหารและโภชนาการ สาขาอตุ สาหกรรมเกษตร คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการเกษตร มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยี
ราชมงคลลา้ นนา ตาก จ.ตาก 63000

Major of Food business and nutrition, Department of Agro-Industry, Faculty of sciences and Agricultural Technology, Rajamangala
University of Technology Lanna Tak, Tak 63000, Thailand

320

การประชมุ วิชาการระดับชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564
Moreover, the increasing of black sesame residue affected to value of color (L*, a*, b*) and free water.
And suitable content of black sesame residues were 100 percentage. After that, the chemical
compositions of product was analyzed and showed 2.62% moisture, 15.47% ash, 24.89% protein,
17.02% fat, 6.25% crude fiber and 81.45% total carbohydrates respectively. Besides, the energy value,
water activity and total microbial content were 312.61 Kcal/100g, 0.45 and 0.86×106 CFU/g, respectively.
Finally, the total score was 7.70 from assessment of consumer accepted the rice seasoning.

321

การประชุมวิชาการระดับชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การเปลีย่ นแปลงของผงฝ่ ุนเขมา่ ดา บริเวณพนื้ ทเี่ ขตเมอื ง กรุงเทพมหานคร
Variation of black carbon concentrations in urban areas, Bangkok

สริ วชิ ญ์ สังวรกาญจน1์ จิรศั ยา แจม่ ใส1 ภาคภมู ิ ชมู ณี1* ฐิติมา รุง่ รตั นาอบุ ล1 สรุ ตั น์ บวั เลศิ 1 ธญั ภสั สร์ ทองเย็น2

Siravit Sangvorakarn1, Chirasaya Chamsai1, Parkpoom Choomanee1*, Thitima Rungratanaubon1,
Surat Bualert1, Thunyapat Thongyen2

บทคัดย่อ

ผงฝ่นุ เขม่าดา (black carbon: BC) ถกู ปลดปลอ่ ยจากการเผาไหมท้ ่ีไม่สมบรู ณข์ องเศษวสั ดชุ ีวมวล การ
เผาไหมเ้ ครื่องยนตด์ ีเซล และการเผาไหมเ้ ชือ้ เพลิงฟอสซิล ซ่ึง BC เป็นสาเหตสุ าคญั ต่อการเปล่ียนแปลงสภาพ
ภมู ิอากาศเช่นเดียวกบั แก๊สเรือนกระจก ดงั นนั้ การศึกษานีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษาการเปล่ียนแปลงระดบั ความ
เขม้ ขน้ ของผงฝ่นุ เขม่าดาตาม บรเิ วณพืน้ ท่ีเขตเมือง กรุงเทพมหานคร ตอ่ การเปล่ียนแปลงสภาพภมู อิ ากาศใกลผ้ วิ
ดิน โดย BC และฝ่ ุนละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ถูกตรวจวัดอย่างต่อเน่ือง 24 ช่ัวโมง ดว้ ยเคร่ือง
Micro Aethalometer 51 และ Thermo Fisher Scientific 1405 TEOM™ Continuous Ambient Particulate
Monitor ตามลาดบั ท่ีระดบั ความสงู 30 เมตร ระหว่างวนั ท่ี 9 ถึง 22 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ผลการศึกษาพบว่า ใน
วนั ท่ี 18 สิงหาคม และวนั ท่ี 15 สิงหาคม ความเขม้ ขน้ ของผงฝ่นุ เขม่าดามีค่าสงู สดุ และต่าสดุ 1.56 มคก./ลบ.ม.
0.48 มคก./ลบ.ม. และ PM2.5 มคี า่ สงู สดุ และต่าสดุ 10.14 มคก./ลบ.ม. 4.21 มคก./ลบ.ม ตามลาดบั ความเขม้ ขน้
ของผงฝ่ ุนเขม่าดาและฝ่ ุนขนาดเล็ก (PM2.5) ในตอนกลางวนั มีค่าเฉล่ียสูงกว่าตอนกลางคืนเน่ืองจากมีปริมาณ
แหล่งกาเนิดต่างกัน ความเขม้ ขน้ ของผงฝ่ ุนเขม่าดามีค่าเฉล่ียสูงสุดในตอนเชา้ และตอนเย็น และต่าสดุ ในตอน
กลางวนั ซ่ึงผกผนั กับค่าความเขม้ ขน้ ของรงั สีคล่ืนสนั้ และความสมั พนั ธร์ ะหว่างความเขม้ ขน้ ผงฝ่ นุ เขม่าดาและ
รงั สีคล่ืนสนั้ มีค่าสมั ประสิทธิ์สหสมั พนั ธ์ (R2) เท่ากับ 0.44 ดังนั้นผลจากงานวิจัยนีส้ ามารถใชเ้ ป็นแนวทางการ
จดั การ BC ในพืน้ ท่ีเขตเมืองได้

คาสาคญั : ผงฝ่นุ เขมา่ ดา (BC); พืน้ ท่ีเมือง; PM2.5; สภาพภมู อิ ากาศบรเิ วณใกลผ้ วิ ดนิ

1 ภาควชิ าวิทยาศาสตรส์ ่งิ แวดลอ้ ม คณะส่ิงแวดลอ้ ม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร 10900
Department of Environmental Science, Faculty of Environment, Kasetsart University, Bangkok, 10900, Thailand.
2 ภาควชิ าเทคโนโลยแี ละการจดั การสิ่งแวดลอ้ ม คณะส่ิงแวดลอ้ ม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร 10900
Department of Environmental Technology and Management, Faculty of Environment, Kasetsart University, Bangkok, 10900,
Thailand

322

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

Abstract

Black carbon (BC) is emitted from non-completed combustion of biomass burning, diesel
vehicles and fossil fuel burning. Similar to greenhouse gases, BC is a major contributor to global climate
change. The objective of this study is to investigate the effects of BC concentration variations on near-
ground temperature variations in urban areas of Bangkok. During 9 to 22 August 2021, hourly BC and
particulate matter with diameter less than of 2.5 micron were collected at altitude of 30 m above ground
level by using the Micro Aethalometer 51 and Thermo Fisher Scientific 1405 TEOM™ Continuous
Ambient Particulate Monitor, respectively. The results showed that the maximum and minimum
concentrations of BC and PM2.5 were 1.56 µg/m3 and 0.48 µg/m3 and 10.15 µg/m3 and 4.21 µg/m3
respectively. In general, the concentrations of BC and PM2.5 during daytime were higher than during
nighttime owning to higher number of emission sources. The highest concentrations of PM2.5 usually
occurred during morning and evening; while the lowest of those were found in the afternoon. Shortwave
radiation and BC had an inverse relationship with R2 was about 0.44. The results from this study could
be applied to a BC management in urban areas.

Keyword: Black carbon (BC); Urban area; PM2.5; Microclimatology
E-mail address: [email protected]

323

การประชุมวิชาการระดับชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การศกึ ษาปรมิ าณนา้ ตาลกลูโคสทถี่ ูกยอ่ ยเร็วจากข้าวพนั ธุ์ กข 43 ข้าวนึ่งการค้า และขา้ วนึ่งพนั ธุ์
กข 43 ดว้ ยวธิ ีการเลยี นแบบการยอ่ ยนา้ ตาลในหลอดทดลอง

The Study of Rapidly Available Glucose Content from RD43 Rice, Commercial Parboiled Rice
and RD43 Parboiled Rice by in Vitro Glucose Digestion Mimic Method

คณาธิป คาเพราะ1* นฤมล บญุ กระจ่าง2 และ จตพุ ร เตียววณิชกลุ 3
Kanatip Kumproa1*, Narumon Bunkrajang2, and Jatuporn Thiawwanidchakul3

บทคดั ยอ่

วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ คือ การศึกษาปริมาณน้าตาลกลูโคสท่ีถูกย่อยเร็ว (Rapidly
available glucose, RAG) ของขา้ วพนั ธุ์ กข43 ขา้ วน่ึงการคา้ และขา้ วน่ึงพนั ธุ์ กข43 ดว้ ยวิธีการเลียนแบบการ
ย่อยนา้ ตาลในหลอดทดลองท่ีความเขม้ ขน้ ของเอนไซมแ์ อลฟ่ าอะไมเลส 5 10 และ 15% เป็นระยะเวลา 20 นาที
ศึกษาอิทธิพลของระยะเวลาตม้ (15 20 และ 30 นาที) และระยะเวลาแช่ (0 60 และ 90 นาที) ก่อนการน่ึงต่อ
ปรมิ าณ RAG ของขา้ วนง่ึ พนั ธุ์ กข43 โดยวิเคราะหป์ รมิ าณ RAG ดว้ ยเทคนิคยวู สี เปกโทรสโคปี จากผลการทดลอง
พบว่าปริมาณ RAG ท่ีเอนไซมท์ งั้ 3 ระดับความเขม้ ขน้ ของตัวอย่างขา้ วทงั้ 11 สภาวะ มีความแตกต่างอย่างมี
นัยสาคัญทางสถิติ (P<0.05) และระยะเวลาตม้ เท่านัน้ ท่ีมีอิทธิพลต่อปริมาณ RAG อย่างมีนัยสาคญั ทางสถิติ
(P<0.05)

คาสาคญั : ขา้ วพนั ธุ์ กข43 ขา้ วน่งึ การย่อยนา้ ตาล ปรมิ าณนา้ ตาลกลโู คสท่ีถกู ยอ่ ยเรว็ เทคนิคอตั ราไวโอเลตสเปกโทรสโคปี

Abstract

The objective of the research aims to study the rapidly available glucose content (RAG) from
RD43 rice, commercial parboiled rice and RD43 parboiled rice by in vitro glucose digestion mimic
method with 5, 10 and 15% of α-amylase. In addition, the research aims to study the effects of boiling
time (15, 20 and 30 min) and soaking time (0, 60 and 90 min) before parboiling on RAG content of RD43
parboiled rice. The RAG content was analyzed by UV spectroscopy. The results indicated that RAG
content of RD43 parboiled rice in 11 conditions had significantly differed from other rice (P<0.05).
Moreover, only boiling time had significantly affected on RAG content (P>0.05).

Keywords: RD43 Rice, Parboiled Rice, Glucose Digestion, Rapidly Available Glucose Content, UV Spectroscopy
*Corresponding auther; e-mail address: [email protected]

1 สาขาวชิ าวศิ วกรรมเกษตรและเทคโนโลยี คณะเกษตรศาสตรแ์ ละทรพั ยากรธรรมชาติ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลตะวนั ออก จ. ชลบรุ ี 20110
Division of Agricultural Engineering and Technology, Faculty of Agriculture and Natural Resources, Rajamangala University of
Technology Tawan-ok, Chonburi 20110, Thailand
2 สาขาวชิ าวิศวกรรมเกษตรและเทคโนโลยี คณะเกษตรศาสตรแ์ ละทรพั ยากรธรรมชาติ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก จ. ชลบรุ ี 20110
Division of Agricultural Engineering and Technology, Faculty of Agriculture and Natural Resources, Rajamangala University of
Technology Tawan-ok, Chonburi 20110, Thailand
3 สาขาวิชาวศิ วกรรมเกษตรและเทคโนโลยี คณะเกษตรศาสตรแ์ ละทรพั ยากรธรรมชาติ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก จ. ชลบรุ ี 20110
Division of Agricultural Engineering and Technology, Faculty of Agriculture and Natural Resources, Rajamangala University of
Technology Tawan-ok, Chonburi 20110, Thailand

324

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครงั้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การพยากรณย์ อดซือ้ สินคา้ ของลกู ค้าธุรกิจ : กรณศี ึกษาธุรกจิ เกษตรอุตสาหกรรม
Purchasing Forecast of Business Customers : Case Study of Agro-Industrial Business

เจนนรนิ อิงคนันท1์ ปิ ยะวรรณ วะนาพรม1 และ พรทพิ ย์ เดชพิชยั 1*
Jennarin Ingkanan1, Piyawan Wanaprom1, and Porntip Dechpichai1*

บทคัดย่อ

งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือสรา้ งตวั แบบพยากรณย์ อดซือ้ สินคา้ รายไตรมาสจากปัจจยั พฤติกรรมการซอื้
สนิ คา้ ของลกู คา้ ธรุ กิจของธุรกิจกรณีศกึ ษา โดยเก็บรวบรวมขอ้ มลู ยอดซือ้ สินคา้ ของลกู คา้ ธุรกิจปีค.ศ. 2020 และ
คดั เลือกลกู คา้ ธุรกิจในกล่มุ Farm และกล่มุ Agent ดว้ ยวิธีการพาเรโตไดล้ กู คา้ ตวั อย่าง จานวน 53 ราย และ 45
ราย ตามลาดบั โดยแบ่งลกู คา้ ตวั อย่างเป็นสองส่วน คือ ชดุ ฝึกสอน (Training Set) รอ้ ยละ 80 เพ่ือสรา้ งตวั แบบ
การวิเคราะหก์ ารถดถอยพหุคณู แบบลาดบั ขนั้ (SMR) และ เทคนิคซพั พอรต์ เวกเตอรร์ ีเกรสชัน (SVR) และ ชุด
ทดสอบ (Testing Set) ร้อยละ 20 สาหรับเปรียบเทียบเพ่ือหาตัวแบบท่ีดีท่ีสุดด้วยรากท่ีสองของค่าความ
คลาดเคล่ือนเฉล่ีย (RMSE) ผลการศกึ ษาพบว่าวิธี SVR มีประสิทธิภาพดีกว่าวิธี SMR และปัจจยั ท่ีส่งผลต่อยอด
ซือ้ สนิ คา้ ไตรมาสปัจจบุ นั คือ ยอดรวมท่ีลกู คา้ ซอื้ สินคา้ ตอ่ ไตรมาสยอ้ นหลงั 3 ไตรมาส (Mq−1, Mq−2, )Mq−3

คาสาคญั : การพยากรณ์ ซพั พอรต์ เวกเตอรร์ เี กรสชนั RFMLV

Abstract

The objective of this research is to construct purchasing forecasting model by purchasing
behavior factors of business customers of case study business. Purchasing amount of business
customers in 2020 has been collected. The pareto chart has been used to obtain samples in Agent and
Farm, 45 and 53 business customers respectively. The samples have been divided into 2 groups : the
former (80%) has been used to construct Stepwise Multiple Regression model (SMR) and Support
Vector Regression model (SVR) while the latter (20%) has been used to compare models by Root Mean
Square Error (RMSE). It can be concluded that the SMR outperforms than SVR. The factors effecting to
current quarterly purchases are quarterly purchases in lag 1, 2 and 3 (Mq−1, Mq−2, Mq−3).

Keyword : Forecasting, Support Vector Regression, RFMLV
E-mail address : [email protected]

1 ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี กรุงเทพมหานคร 10140

Department of Mathematics, Faculty of Science, King Mongkut's University of Technology Thonburi, Bangkok 10140, Thailand

325

การประชุมวิชาการระดับชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การควบคุมมลพษิ ทางเสยี งสาหรับสนามยงิ ปื นในร่ม
Noise Pollution Control for Indoor Shooting Range

เทอดศกั ดิ์ จุลวาท1ี * และ ภทั รนันท์ ทกั ขนนท2์
Therdsak Julwatee¹* and Pattaranan Takkanon²

บทคดั ยอ่

งานวิจยั ในครงั้ นีเ้ ป็นการวิจยั เพ่ือศึกษาและทดสอบเก่ียวกับความดงั เสียงท่ีเกิดขึน้ จากอาคารสนามยิง
ปืนในรม่ จากการสารวจและเก็บขอ้ มลู ปัจจบุ นั ภายในเขตพืน้ ท่ีกรุงเทพมหานครมีสนามย่ิงปืนมากถึง 23 สนาม
เป็นสนามยิงปืนท่ีอย่ภู ายใตก้ ารดแู ลของหนว่ ยงานรฐั ทงั้ หมด พืน้ ฐานในการก่อสรา้ งสนามยิงปืนจะเลือกทาเลใน
การก่อสรา้ งสนามยิงปืนใหอ้ ย่หู า่ งไกลจากแหลง่ ชมุ ชน เพ่อื ความปลอดภยั และลดมลพิษทางเสียง อาคารจะมีการ
ก่อสรา้ งผนงั อาคารโดยรอบ แตไ่ มม่ ีการสรา้ งหลงั คาปกคลมุ แนวยิง

จากการเติบโตของชมุ ชนเมือง มีการก่อสรา้ งอาคารท่ีพกั อาศยั รอบพืน้ ท่ีใกลเ้ คียงสนามยิงปืน สนามยิง
ปืนจึงส่งผลกระทบทางเสียงต่อส่ิงแวดลอ้ ม จากปัญหาท่ีไดก้ ล่าวมา วิทยานิพนธน์ ีไ้ ดท้ าการศึกษาขอ้ มลู เสียงท่ี
เกิดขึน้ จากสนามยิงปืน ความดงั เสียง ความถ่ีเสียงจากการยิงปืน โดยการตรวจวดั ภาคสนาม มีตวั แปรควบคมุ ท่ี
ใชใ้ นการทดสอบของสนามยิงปืนในรม่ ภายในพืน้ ท่ีกรุงเทพมหานคร ท่ีไดร้ บั การก่อสรา้ งปกคลมุ เพ่ือป้องกนั และ
ควบคมุ ความดงั เสียงทกุ ดา้ นของอาคารใหอ้ ย่ใู นพืน้ ท่ีจากดั การวดั ใชเ้ คร่ืองวดั ขอ้ มลู เสยี งวดั ค่าเสียงท่ีเกิดขนึ้ จาก
การยิงปืน หลังจากนั้นมีการศึกษา ทดสอบ และเปรียบเทียบคุณสมบัติของวัสดุในการกันเสียง ( Sound
Insulation) คา่ สมั ประสิทธิ์ในการกนั้ เสียง STC (Sound Transmission Class) เพ่ือนามาประยกุ ตท์ ่ีใชก้ บั อาคาร
สนามยงิ ปืนเพ่อื การปอ้ งกนั เสียงท่ีดที ่ีสดุ

ผลจากการศกึ ษาถกู นามาวิเคราะหแ์ ละสรุป เพ่ือหาวสั ดฉุ นวนกนั เสียงและรูปแบบอาคารสนามยิงปืนท่ี
เหมาะสมท่ีสดุ

คาสาคญั สนามยงิ ปืน , ความดงั เสียงปืน , การกนั้ เสียง

1 นสิ ิตปริญญาโท ภาควิชานวตั กรรมอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร
Lecturer in Department of Building Innovation, Faculty of Architecture, Kasetsart University, Bangkok, 10900
2 อาจารยป์ ระจา ภาควิชานวตั กรรมอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร
Graduate in Department of Building Innovation, Faculty of Architecture, Kasetsart University, Bangkok, 10900

326

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

Abstract

The purpose of this research is to study the noise control for indoor shooting range. Nowadays
there are 23 shooting ranges in the Bangkok area under the supervision of the government. Basically,
the shooting ranges were constructed far away from the urban area for safety mitigating noise pollution.
The buildings were built with walls without ceiling above the firing active range area. According to the
urban area growth, there are a lot of residential buildings around the shooting range which are affected
by the loud noise.

According to the mentioned problems, this research was carried out to collect data in terms of
loudness and noise frequency during field investigation. There were controlled variables for conducting
the measurement in the indoor shooting ranges in Bangkok which were constructed to prevent and
control outgoing noise from every side of the shooting ranges. The measurement was done using the
sound meter to measure sound level of shooting. Building materials were then tested and compared in
terms of their sound insulating properties and sound transmission class (STC), in order to apply with the
shooting range of best sound proof.

Results from the study were analysed and summarised to find appropriate sound insulating
material and shooting range building design

Keywords Shooting Range , Gunshot Noise , Sound Insulation , Sound Transmission
E-mail address : [email protected]

327

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

กมั มนั ตภาพรังสีธรรมชาตใิ นดนิ บริเวณเหมอื งเก่า (ภตู าจอ) และการได้รับปริมาณรังสี
ของประชาชน อาเภอกะปง จังหวดั พงั งา

Natural Radioactivity in Soil at Ex-Mining Area (Phu Tha Jo) and Consequent Population
Doses at Kapong District, Phangnga Province

สถาพร เรืองรุ่ง1 อดุ ร ยงั ชว่ ย2 และพวงทพิ ย์ แกว้ ทบั ทมิ 3
Sathaphorn Ruengrung1, Udorn Youngchuay 2 and Pungtip Kaewtubtim 3

บทคัดย่อ

นิวไคลดก์ ัมมนั ตรงั สีเป็นสารท่ีก่อใหเ้ กิดโรคมะเร็งซ่ึงมีแหล่งกาเนิดทงั้ ในธรรมชาติและมนุษยส์ รา้ งขึน้
สาหรบั นิวไคลดก์ ัมมนั ตรงั สีจากธรรมชาติพบมากในบริเวณเหมืองแร่ งานวิจยั นีจ้ ึงมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือวิเคราะห์
ค่ากัมมันตภาพจาเพาะของนิวไคลด์กัมมันตรังสีตามธรรมชาติ 226Ra, 232Th และ 40K และคานวณหาค่า
กมั มนั ตภาพรงั สีสมมลู เรเดียม (Raeq) ค่าดชั นีความเส่ียงจากการไดร้ บั รงั สีจากภายในรา่ งกาย (Hin) ค่าดชั นีความ
เส่ียงจากการไดร้ บั รงั สีจากภายนอกรา่ งกาย (Hex) ค่าอตั ราปริมาณรงั สีแกมมาดดู กลืน (D) และค่าปรมิ าณรงั สีท่ี
ไดร้ บั จากภายนอกร่างกายประจาปี (E) ในตวั อย่างดินจานวน 25 ตวั อย่างบรเิ วณเหมืองเก่า ภตู าจอ อาเภอกะปง
จงั หวดั พงั งา ดว้ ยวิธีวิเคราะหแ์ กมมาสเปกโตรเมตรี หวั วดั เจอรเ์ มเนียมบรสิ ทุ ธิ์สงู (HPGe) พบว่า คา่ กมั มนั ตภาพ
จาเพาะของนิวไคลดก์ มั มนั ตรงั สี 226Ra, 232Th และ 40K อย่ใู นช่วง 44.66 - 259.26 Bq/kg (ค่าเฉล่ีย 91.89 ± 0.76
Bq/kg), 71.53 - 250.02 Bq/kg (ค่าเฉล่ีย 111.96 ± 0.68 Bq/kg), และ 692.83 - 2012.04 Bq/kg (ค่าเฉล่ีย
1230.54 ± 0.79 Bq/kg) ตามลาดบั ดินหลายตวั อย่างมีค่ากมั มนั ตภาพจาเพาะของนิวไคลดก์ มั มนั ตรงั สีสงู กว่า
ค่าเฉล่ียของประเทศไทย และค่าเฉล่ียท่วั โลก นอกจากนีค้ ่าดชั นีความเส่ียงจากการไดร้ บั รงั สีจากภายในรา่ งกาย
(Hin) (ค่าเฉล่ีย 1.18 ± 0.45) และค่าอัตราปริมาณรังสีแกมมาดูดกลืน (D) (ค่าเฉล่ีย 161.30 ± 0.73 nGy/h)
สงู กวา่ เกณฑท์ ่ีกาหนดโดย UNSCEAR (2000)

คาสาคัญ: นวิ ไคลดก์ มั มนั ตรงั สี, เหมืองเก่า, ภตู าจอ, จงั หวดั พงั งา, หวั วดั เจอรเ์ มเนียมบรสิ ทุ ธิ์สงู

1 หลกั สตู รวิทยาศาสตรมหาบณั ฑติ (ฟิสิกสป์ ระยกุ ต)์ คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตปัตตานี 94000
1Master of Science (Applied Physics), Faculty of Science and Technology, Prince of Songkla University, Pattani Province 940002
2สถาบนั เทคโนโลยีนวิ เคลยี รแ์ หง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน) นครนายก 26120
2Nuclear Sciencetist, Institute of Nuclear Technology (TINT), Nakhon Nayok Province, 26120
3สาขาวชิ าวิทยาศาสตร์ คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วิทยาเขตปัตตานี 94000
3Department of Science, Faculty of Science and Technology, Prince of Songkla University, Pattani Province 94000

328

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

ฤทธิต์ า้ นจุลนิ ทรียข์ องฟิ ลม์ ไคโตซานทมี่ สี ารสกัดจากกากกาแฟ
Antimicrobial activity of spent coffee ground extract-incorporated chitosan film

สริ พฒั น์ มหาผล1 ภรณี ศรปี รีชาศกั ดิ์2 และ นิรมล ปัญญบ์ ศุ ยกลุ 1*
Sirapat Mahapol1, Paranee Sripreechasak2 and Niramol Punbusayakul1*

บทคดั ย่อ

งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือพฒั นาฟิลม์ ไคโตซานผสมสารสกดั จากกากกาแฟท่ีมีฤทธิ์ตา้ นจลุ ินทรีย์ โดย
เตรยี มฟิลม์ ไคโตซานท่ีมีสารสกดั กากกาแฟในปรมิ าณตา่ งๆ กนั (0 0.25 0.5 0.75 และ 1.0 % (w/v)) ไดเ้ ป็นฟิลม์
ไคโตซานท่ีมีสารสกดั กากกาแฟ (SCGE–CH) จึงศกึ ษาฤทธิ์ตา้ นจลุ ินทรียก์ ่อโรคในอาหาร ไดแ้ ก่ แบคทีเรียแกรม
บวก (Staphylococcus aureus TISTR2329 และ Bacillus subtilis TISTR1984) และแบคทีเรียแกรมลบ
(Escherichai coli TISTR527 และ Salmonella typhimurium TISTR2519) ดว้ ยวิธีการแพรบ่ นอาหารแข็ง (Disc
diffusion) และวิธีการหยดลงบนฟิ ลม์ (Drop test) จากผลการทดลองพบว่าฤทธิ์ตา้ นจลุ ินทรียข์ องฟิ ลม์ SCGE-
CH เพ่ิมขึน้ เม่ือความเขม้ ขน้ ของ SCGE ในฟิ ลม์ เพิ่มขึน้ เม่ือทดสอบดว้ ยวิธีหยดลงบนฟิ ลม์ และพบว่าแบคทีเรีย
แกรมบวกมีแนวโนม้ ไวต่อฤทธิ์ตา้ นจลุ ินทรียใ์ นฟิ ลม์ SCGE-CH มากกว่าแบคทีเรียแกรมลบ แสดงใหเ้ ห็นว่าฟิลม์
SCGE–CH มศี กั ยภาพในการใชเ้ ป็นบรรจภุ ณั ฑต์ า้ นจลุ นิ ทรยี ไ์ ด้

คาสาคัญ: วธิ ีการแพรบ่ นอาหารแขง็ วธิ ีการหยดลงบนฟิลม์ บรรจภุ ณั ฑอ์ าหาร

Abstract

This work aimed to develop spent coffee ground extract-incorporated chitosan (SCGE-CH)
antimicrobial film. Chitosan film with various concentrations of spent coffee ground extract (0 0.25 0.5
0.75 and 1.0 % w/v) was developed. Antimicrobial activity of the SCGE-CH films was evaluated by disk
diffusion and drop test methods against food pathogens, including Gram positive (Staphylococcus
aureus TISTR2329 and Bacillus subtilis TISTR1984) and Gram negative (Escherichai coli TISTR527
and Salmonella typhimurium TISTR2519) bacteria. It was found that the antimicrobial activity by the
drop test of the SCGE-CH film tended to increase with the increasing SCGE concentration. In addition,
the Gram positive bacteria were more susceptible to the film than the Gram negative bacteria. These
results suggested that SCGE-CH film exhibited as a potential antimicrobial packaging.

Keywords: Disc diffusion, Drop test, Food packaging
*E-mail address: [email protected], [email protected]

1 ภาควิชาวิทยาศาสตรก์ ารอาหาร คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา ชลบรุ ี 20131
Department of Food Science, Faculty of Science, Burapha University, Chonburi 20131 Thailand
2 ภาควชิ าเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั บรู พา ชลบรุ ี 20131
Department of Biotechnology, Faculty of Science, Burapha University, Chonburi 20131 Thailand

329

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

คุณภาพนา้ และธาตุอาหารในนา้ บางประการสาหรับถนิ่ อาศัยของนกชายเลนอพยพ
บริเวณพนื้ ทชี่ ุ่มนา้ ดอนหอยหลอด จังหวดั สมุทรสงคราม

Water Quality And Some Water Nutrients For Migratory Shorebirds’ Habitat At Don Hoi Lot
Wetland, Samut Songkhram Province

ธรี ธ์ วัช วงั บอน1 ประพฤติ เกิดสบื 1 ปิยะกาญจน์ เทยี้ ธิทรพั ย์ 1 และ สวุ ลยี ์ วรคณุ พิเศษ 2
Teetaawat Vangbon 1, Prapeut Kerdsueb 1, Piyakarn Teartisup 1 and Suwalee Worakhunpiset 2

บทคดั ย่อ

การศึกษาคณุ ภาพนา้ และธาตอุ าหารในนา้ บางประการ และศกึ ษาเปรียบเทียบคณุ ภาพนา้ บรเิ วณพืน้ ท่ี
ศกึ ษานาเกลือและสนั ดอนทราย พืน้ ท่ีช่มุ นา้ ดอนหอยหลอด จงั หวดั สมทุ รสงคราม พบว่า คณุ ภาพนา้ บรเิ วณพืน้ ท่ี
นาเกลือมีค่าเฉล่ียคุณภาพนา้ ส่วนใหญ่ไม่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพนา้ ทะเลเพ่ือการเพาะเลีย้ งสัตวน์ า้
ในขณะท่ีพืน้ ท่ีสนั ดอนทรายมีค่าคณุ ภาพนา้ ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพนา้ และพบว่าธาตอุ าหาร
ไนเตรทและฟอสเฟตในนา้ ของพืน้ ท่ีศึกษานาเกลือและสนั ดอนทรายส่วนใหญ่มีค่าเฉล่ียสงู กว่าเกณฑม์ าตรฐาน
คณุ ภาพนา้ บริเวณพืน้ ท่ีศกึ ษานาเกลือมีปรมิ าณธาตอุ าหารไนเตรทและฟอสเฟตในนา้ เฉล่ีย 484.25 และ 40.34
ไมโครกรมั ต่อลิตร ตามลาดบั บริเวณพืน้ ท่ีศึกษาสนั ดอนทรายมีปริมาณธาตุอาหารไนเตรทและฟอสเฟตในนา้
เฉล่ีย 114.92 และ 90.65 ไมโครกรมั ต่อลิตร ตามลาดบั พบว่าปัจจยั คณุ ภาพนา้ ท่ีมีความสมั พนั ธก์ บั ธาตอุ าหาร
ไนเตรทและฟอสเฟตในนา้ มากท่ีสดุ ไดแ้ ก่ ค่าความเค็ม และคา่ การนาไฟฟ้า ท่ีระดบั นยั สาคญั ทางสถิติ 0.05

คาสาคัญ : คณุ ภาพนา้ ธาตอุ าหารในนา้ นาเกลือ สนั ดอนทราย

Abstract

This research aims to 1) study water quality and some nutrients in water 2) compare the water
quality in the study area of salt pan and sandbar, Don Hoi Lot Wetland Samut Songkhram province. The
the water quality in the salt pan areas had average water quality, most of which were not in the seawater
quality standard for shore bird habitat. While most of the water quality values in the sandbar areas were
within the water quality standards. The nutrients, nitrates and phosphates in most salt pans and
sandbars were above average above quality standards. The nutrient content of nitrates and phosphates
in water were 484.25 and 40.34 µg/L, respectively. In the sandbar study area, the mean nitrate and
phosphate content in water were 114.92 and 90.65 µg/L, respectively. Salinity and electrical conductivity
were discovered to be the water quality factors most closely related to the nitrate and phosphate
nutrients in the water, at a level of statistical significance of 0.05.

Keywords : Water quality, Nutrient in water, Salt pan, Sandbar
e-mail address: [email protected]

1คณะสง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหิดล นครปฐม 73170
Faculty of Environment and Resource Studies, Mahidol University, Nakhon Pathom, 73170
2ภาควชิ าเวชศาสตรส์ งั คมและส่ิงแวดลอ้ ม คณะเวชศาสตรเ์ ขตรอ้ น มหาวทิ ยาลยั มหิดล กรุงเทพฯ 10400
Department of Social and Environmental Medicine, Faculty of Tropical Medicine, Mahidol University, Bangkok 10400

330

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

คุณสมบัตกิ ารต้านอนุมลู อสิ ระและปริมาณสารออกฤทธขิ์ องเพชรสังฆาตและขลู่
Antioxidant activity and phytochemical content of Cissus quadrangularis and Pluchea indica

ผกาทพิ ย์ พรหมเผา่ 1 และ พรศรี เจรญิ พานชิ 1
Phakatip Pomphao1 and Pornsri Charoenpanich1

บทคดั ยอ่

วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษานีเ้ พ่ือตรวจสอบฤทธิ์ตา้ นอนมุ ลู อิสระและสารออกฤทธิ์ของสารสกดั เอทานอล
และชาสมนุ ไพรท่ีไดจ้ ากเพชรสงั ฆาต (CQ), ขลู่ (PI), และเพชรสงั ฆาตผสมขลู่ (CP) ซ่งึ สารสกดั เอทานอลจาก CP
(CP-E) แสดงฤทธิ์ตา้ นอนุมูลอิสระสูงท่ีสุดดว้ ยการทดสอบทัง้ 3 วิธี ไดแ้ ก่ DPPH ABTS และ FRAP ในขณะท่ี
สารสกดั เอทานอลจากเพชรสงั ฆาต (CQ-E) แสดงปรมิ าณฟีนอลกิ และฟลาโวนอยดท์ งั้ หมดสงู ท่ีสดุ (65.17 ± 0.15
mg GAE/g และ 49.85 ± 1.26 mg CE/g ตามลาดบั ) พบว่า CP-E แสดงฤทธิ์ตา้ นอนุมูลอิสระและปริมาณสาร
ออกฤทธิ์สูงกว่าชา CP อย่างน้อย 200 เท่า นอกจากนี้พบว่า CQ-E และสารสกัดเอทานอลจาก PI (PI-E)
มีปรมิ าณฟี นอลิกและฟลาโวนอยดท์ งั้ หมดสงู กว่าชาอย่างมีนยั สาคญั ผลจากการศึกษาพบว่า CQ-E, PI-E, และ
CP-E สามารถใชเ้ ป็นสว่ นผสมท่ีสาคญั ซง่ึ เป็นการเพิ่มมลู คา่ ใหแ้ กก่ ารพฒั นาผลิตภณั ฑช์ าสมนุ ไพรเพ่อื สขุ ภาพ

คาสาคญั : เพชรสงั ฆาต, ขล,ู่ ฤทธิ์ตา้ นอนมุ ลู อิสระ, สารประกอบฟีนอลิก, สารประกอบฟลาโวนอยด์

Abstract

The purpose of this study was to determine the antioxidant activity and phytochemical
composition of an ethanolic extract and tea made from Cissus quadrangularis (CQ) and Pluchea indica
(PI), as well as their combination (CP). The CP ethanolic extract (CP-E) demonstrated the highest
antioxidant activity in all three assays, including DPPH, FRAP and ABTS. while the CQ ethanolic extract
(CQ-E) had the highest TPC and TFC (65.17 ± 0.15 mg GAE/g and 49.85 ± 1.26 CE mg/g, respectively).
CP-E was found to be at least 200 times more active against antioxidants and phytochemical
composition than the CP tea. CQ-E and PI ethanolic extract (PI-E) also contained significantly more TPC
and TFC than the corresponding teas. The results indicate that CQ-E, PI-E, and CP-E may be used as
active ingredients in the development of functional herbal tea products with a high added value.

Keyword : Cissus quadrangularis, Pluchea indica, antioxidant activity, Phenolic, Flavonoid
E-mail address : [email protected]

1 ภาควิชาเทคโนโลยอี าหาร คณะวศิ วกรรมศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร นครปฐม
Department of Food Technology, Faculty of Engineering and Industrial Technology, Silpakorn University, Nakhon Pathom

331

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

บราวนี่กรอบผสมไขน่ า้ (Wolffia globosa)
Wolffia (Wolffia globosa) Crispy Brownie

วันเพญ็ แสงทองพนิ ิจ1 สภุ ทั รา วฒั นกิจไพศาล1 กานตพ์ ชิ ชา ชาตสิ ทุ ธิ 1 สธุ รรมา พิสทุ ธิโสภณ 1
Wanpen Saengthongpinit 1 Supatthra Wattanakitpaisan 1 Kanpitcha Chartsutti 1 Sutrumma Pisuttisophon 1

บทคัดยอ่

งานวิจัยนีจ้ ุดประสงคเ์ พ่ือศึกษาปริมาณไข่นา้ ท่ีเหมาะสมในผลิตภณั ฑบ์ ราวน่ีกรอบ โดยศึกษาผลของ
ไข่นา้ ต่อคณุ สมบตั ิของแบทเทอรแ์ ละบราวน่ีกรอบ โดยใส่ไข่นา้ รอ้ ยละ 0, 30, 40, 50 และ 60 ของส่วนผสม จาก
ผลการทดลองพบว่า ปรมิ าณไข่นา้ มีผลต่อความหนืดความหนืดของแบทเทอร์ เม่ือใสไ่ ข่นา้ รอ้ ยละ 30 และ 40 ทา
ใหแ้ บทเทอรม์ ีความหนืดลดลง แต่เม่ือใสไ่ ข่นา้ ในปรมิ าณรอ้ ยละ 50 และ 60 แบทเทอรม์ ีความหนืดมากขนึ้ บราว
น่ีกรอบท่ีผสมไข่นา้ มีความแข็งและความเหนียวสูงกว่าสูตรมาตรฐาน ส่วนความกรอบไม่แตกต่างกัน ปริมาณ
ความชืน้ และโปรตีนเพ่ิมขึน้ ปริมาณคารโ์ บไฮเดรต ไขมนั เถา้ และเสน้ ใยไม่แตกต่างกันอย่างงมีนยั สาคญั ทาง
สถิติ (p>0.05) บราวน่ีกรอบสูตรท่ีใส่ไข่น้ามีค่าการยอมรับทางประสาทสัมผัสทุกด้านสูงกว่าสูตรควบคุม
โดยเฉพาะสตู รท่ีใสไ่ ข่นา้ รอ้ ยละ 30 มีคะแนนสงู ท่ีสดุ ทกุ ดา้ น ทงั้ นีค้ วามชอบโดยรวมไม่แตกต่างกบั สตู รท่ีใส่ไข่นา้
รอ้ ยละ 40 และ 50 อีกทงั้ สตู รท่ีใสไ่ ข่นา้ รอ้ ยละ 40 และ 50 คะแนนความชอบโดยรวมก็ไมแ่ ต่กตา่ งจากสูตรท่ีเสรมิ
ไข่นา้ รอ้ ยละ 60 ดงั นนั้ จึงเลือกสตู รท่ีใส่ไข่นา้ รอ้ ยละ 60 มาเป็นผลิตภณั ฑส์ ดุ ทา้ ย เน่ืองจากสามารถใส่ไข่นา้ ได้
มากท่ีสดุ และมีคณุ คา่ ทางโภชนาการดที ่ีสดุ

คาสาคัญ : บราวน่ีกรอบ, ไขน่ า้ , ผา, โปรตีนพืช

Abstract

The purpose of this research was to study the appropriate amount of wolffia in crispy brownie.
The effect of wolffia on properties of batter and crispy brownies was revealed. By adding wolffia 0, 30,
40, 50 and 60 % of batter. The amount of wolffia affects the viscosity of the batter. When adding 30%
and 40 %, the viscosity of the batter was reduced. But when adding 50 and 60 % of water eggs, the
batter was more viscous. Crispy brownies with wolffia were harder and tougher than the control recipe.
As for the crispness, there was no difference. Moisture and protein increased, while, carbohydrate, fat,
ash and fiber content were not significantly different (p>0.05). The crispy brownies with wolffia had
higher sensory acceptance values (p>0.05) in all parameters than the control. The 30% wolffia brownie
had the highest score. The overall preference was not different from 40 and 50 % wolffia. At the same
time, formulas with 40 and 50% wolffia were not different from those formulated with 60 %. Therefore
60 % wolffia was as the end product. Because it could add the highest wolffia amount and had the
highest nutritional value

Keyword : Crispy Brownie, Wolffia, Water meal, Plant base protein
E-mail address: [email protected]

1 สาขาวิชาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม
Food Science and Technology Division, Faculty of Science and Technology, Rajabhat Nakhon Pathom University

332

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การประเมนิ วัฏจกั รชวี ิตของการใช้นา้ ยางพาราสาหรับการสร้างถนนในประเทศไทย
Life Cycle Assessment of Latex Utilization for Road Construction in Thailand

ธนกฤต ก๊กั วชิ ัย1, นฐั ตยา หว้ ยลกึ 2,3, ปิยานนทน์ หาพทุ ธา1*
Thanakrit Kukvichai1, Nattaya Huailuek2 and Piyanon Haputta1*

บทคัดยอ่

เน่ืองจากปัจจุบันราคาของนา้ ยางพาราสดนั้นไม่มีเสถียรภาพส่งผลกระทบต่อรายไดข้ องเกษตรกร
ชาวสวนยาง รฐั บาลจงึ มีมาตรการช่วยเหลอื เกษตรกรชาวสวนยางโดยการสนบั สนนุ การนานา้ ยางพารามาใชเ้ ป็น
ส่วนผสมในการทาถนน ไดแ้ ก่ ถนนฉาบผิวแบบพาราสเลอร่ีซิล ถนนแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยนา้
ยางธรรมชาติ และการนานา้ ยางพารามาใชใ้ นการก่อสรา้ งชนั้ พืน้ ทางดินซีเมนต์ เพ่ือใหข้ อ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย
เก่ียวกับการใชน้ า้ ยางพาราและการพฒั นาอุตสาหกรรมยางพาราอย่างย่งั ยืนของประเทศไทย การศึกษานีจ้ ึงมี
วตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือประเมินผลกระทบทางสง่ิ แวดลอ้ มของการนายางพารามาใชเ้ ป็นสว่ นผสมในการทาถนนทงั้ สาม
รูปแบบ โดยอาศยั การประเมินวฏั จกั รชีวิต (Life Cycle Assessment) ของผลิตภัณฑ์ จากการศึกษาพบว่า เม่ือ
พจิ ารณาขนาดถนน 1 ตารางกิโลเมตร ผลกระทบดา้ นภาวะโลกรอ้ น ภาวะฝนกรด การเพ่มิ ขนึ้ ของแรธ่ าตอุ าหารใน
นา้ และฝ่นุ ละอองขนาดเล็ก ของโครงการถนนแอสฟัลตค์ อนกรีตปรบั ปรุงคณุ ภาพดว้ ยนา้ ยางธรรมชาติมีค่ามาก
ท่ีสดุ เม่ือเทียบกบั การทาถนนยางพารารูปแบบอ่นื ในขณะท่ีผลกระทบดา้ นการครอบครองท่ีดนิ ทางการเกษตรและ
การใชน้ า้ ของโครงการท่ีใชน้ า้ ยางพาราสาหรบั ก่อสรา้ งชนั้ พืน้ ทางดินซีเมนตค์ ่ามากท่ีสดุ เม่ือเทียบกบั การทาถนน
ยางพารารูปแบบอ่นื โดยผลกระทบตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มสว่ นใหญ่เกิดขนึ้ ในขนั้ ตอนการเพาะปลกู ยางพารา

คาสาคญั : การประเมนิ วฏั จกั รชีวิต ผลกระทบทางสิ่งแวดลอ้ ม ถนนยางพารา

1 สาขาวิชาวทิ ยาศาสตรส์ ่ิงแวดลอ้ ม คณะวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์
Department of Environmental Science, Faculty of Science and Technology, Thammasat University
2 บณั ฑติ วทิ ยาลยั รว่ มดา้ นพลงั งานและส่งิ แวดลอ้ ม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี
The Joint Graduate School of Energy and Environment, King Mongkut’s University of Technology Thonburi
3 ศนู ยค์ วามเป็นเลิศดา้ นเทคโนโลยพี ลงั งานและสง่ิ แวดลอ้ ม
Center of Excellence on Energy Technology and Environment, PERDO

333

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

Abstract

Due to the decreasing trend of latex price during the previous decade, the government has plan
to promote the use of latex for road construction. This would lead to higher latex demand and rubber
farmers’ income. To support the decision-making on latex promotion towards sustainable Thai para-
rubber industry, this study aims to estimate the environmental impacts of utilizing latex for road
construction using a life cycle assessment (LCA). Three types of rubber road construction, including
para slurry seal, natural rubber modified asphalt concrete, and para soil cement, are taken into account.
The results demonstrate that, considering a square kilometer of rubber road construction, natural rubber
modified asphalt concrete causes higher environmental impacts, e.g. global warming, acidification,
nutrient enrichment, and particulate matter formation, as compared to the other types of rubber road
construction. Conversely, para soil cement road causes larger land occupation and water depletion than
the other types of rubber road construction. Furthermore, the environmental impacts are mainly
contributed by the phase of rubber cultivation.

Keywords: Life Cycle Assessment, environmental impacts, rubber road
*Corresponding author, E-mail address: [email protected]

334

การประชมุ วิชาการระดับชาติ คร้ังที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การประยุกตใ์ ช้แผ่นโปร่งแสงร่วมกบั วสั ดุสารเรืองแสงเพอื่ ลดการถ่ายเทความร้อนและปริมาณ
แสงจ้าสาหรับช่องแสงอาคาร

Application of Translucent Sheet with Phosphorescent Pigment to Reduce Heat Transfer and
Glare for Building Openings

รัชกฤต โพธจิ ักร1 โสภา วศิ ิษฏศ์ กั ด1ิ์ *
Ratchakrit Pothijak1, Sopa Visitsak1*

บทคดั ย่อ

การออกแบบช่องแสงหรือหนา้ ต่างของอาคาร ควรมีการป้องกันความรอ้ นจากการแผ่รงั สีตรงจากดวง
อาทิตย์ ดว้ ยจากติดตงั้ อปุ กรณก์ ันแดดหรือแผงบงั แดด เพ่ือลดการถ่ายเทความรอ้ นและลดปรมิ าณแสงจา้ ในตวั
อาคาร และเพ่ือใหม้ ีประโยชนท์ งั้ กลางวนั และกลางคนื จึงได้ประยกุ ตใ์ ชแ้ ผ่นโปรง่ แสงโพลคี ารบ์ อเนตรว่ มกบั วสั ดุ
สารเรอื งแสง โดยใชพ้ ลงั งานท่ีสะสมอย่ใู นวสั ดกุ ระตนุ้ ปฏกิ ิรยิ าใหส้ ามารถเปลง่ แสงหรอื เรอื งแสงได้ จากการศกึ ษา
แผน่ โปรง่ เรืองแสงในช่วงเวลากลางวนั มีค่าเฉล่ียอณุ หภมู ิลดลง 1.1 องศาเซลเซียส และมีค่าเฉล่ียความสอ่ งสว่าง
ลดลง 52.1 % ซง่ึ ชว่ ยลดแสงจา้ ทาใหค้ ณุ ภาพแสงดีขึน้ สว่ นในชว่ งเวลากลางคืนสามารถเปลง่ แสงหรอื เรืองแสงได้
โดยมีค่าเฉล่ียความส่องสว่างตอนกลางคืน 13.0 Lux เพิ่มขึน้ จากกรณีไม่มีแผ่นโปร่งเรืองแสง 0.8 Lux และมี
คา่ เฉล่ยี ความสอ่ งสวา่ งต่าสดุ 11.8 Lux เพ่มิ ขนึ้ จากกรณีไม่มีแผ่นโปรง่ เรอื งแสง 5.7 Lux

คาสาคญั : แผ่นโปรง่ แสง, สารเรอื งแสง, การถา่ ยเทความรอ้ น, แสงจา้ , อปุ กรณก์ นั แดด

Abstract

The design of windows for buildings should be heat protection from direct solar radiation. By
installing a shading device to reduce heat transfer and glare in the building. Polycarbonate translucent
sheets are applied in combination with phosphor to be beneficial during the day and the night. It uses
the energy stored in the catalytic material to catalyze optical reactions to luminescence or glow in the
dark. According to the study, daytime can reduce the average temperature by 1.1 degrees Celsius. And
can reduce luminance by 52.1%, which reduces glare and improves light quality. During the night, it
can produce phosphorescence. The average night luminosity of 13.0 Lux, an increase of 0.8 Lux from
without phosphorescent translucent sheet. And a minimum average illuminance of 11.8 Lux, an increase
of 5.7 Lux from without phosphorescent translucent sheet.

Keyword: Translucent Sheet, Phosphor, Heat transfer, Glare, Shading device
*Corresponding author; email address: [email protected]

1 ภาควชิ านวตั กรรมอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตบางเขน จ.กรุงเทพมหานคร 10900
Department of Building Innovation and Technology, Faculty of Architecture, Kasetsart University, Bangkhen Campus, Bangkok

335