ผลงานการวิจัยทางการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การตดั สินใจใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางพิเศษอัตโนมัติของผ้ใู ช้บริการ
ทางยกระดับดอนเมือง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล

USERS’ DECISION TOWARDS EASYPASS SYSTEM OF DONMUEANG TOLLWAY OF
BANGKOK METROPOLITAN REGION

วสิ นั ต์ สกลุ เจริญ01 และ ช่ืนจิตต์ แจ้งเจนกิจ12
Visan Sakulcharoen1, and Chuenjit Changchenkit 2

บทคดั ย่อ
การศึกษาการตดั สินใจใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางพิเศษอตั โนมตั ิของผู้ใช้บริการทางยกระดบั ดอนเมือง ใน
เขตกรุงเทพและปริมณฑล มีวตั ถุประสงค์เพ่ือศึกษาลกั ษณะทางประชากรศาสตร์ ทศั นคติ และการยอมรับระบบ
เก็บค่าผ่านทางพิเศษอตั โนมตั ิของผ้ใู ช้บริการทางยกระดบั ดอนเมือง จากกลมุ่ ตวั อย่างผู้ท่ีใช้บริการทางยกระดบั
ดอนเมือง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จํานวน 400 ราย โดยใช้แบบสอบถาม ด้วยสถิติ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่า
เบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test One-Way ANOVA การวิเคราะห์สหสมั พนั ธ์ และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ที่
ระดบั นยั สําคญั ทางสถิติท่ี 0.05 พบว่า 1) ผ้ใู ช้บริการท่ีมีเพศ อายุ สถานภาพ ระดบั การศึกษา อาชีพ และรายได้
ตอ่ เดอื นแตกตา่ งกนั มีการยอมรับระบบเกบ็ ค่าผ่านทางพเิ ศษอตั โนมตั ทิ างยกระดบั ดอนเมืองแตกตา่ งกนั 2) ปัจจยั
ทศั นคติสง่ ผลต่อการยอมรับระบบเก็บค่าผา่ นทางพิเศษอตั โนมตั ิของผ้ใู ช้บริการทางยกระดบั ดอนเมอื ง

คําสาํ คัญ : ระบบเกบ็ ค่าผ่านทางพเิ ศษอตั โนมตั ิ ทางยกระดบั ดอนเมอื ง ปัจจยั ทศั นคติ การยอมรับระบบ

Abstract
The study of “Users’ Decision Towards Easypass System of Donmueange Tollway of Bangkok
Metropolitan Region” purpose to study the Demographic characteristics, Customer Attitude and
Acceptance of Use on the Donmueang Tollway’s user. Sample group consisted of 400 Donmueang
Tollway’s user in Bangkok and metropolitan region. The data collected by questionnaire and were
analyzed using percentage, mean, standard deviation, t-test, One-way ANOVA, Correlation analysis and
Multiple Linear Regression analysis with significant at 0.05 level. The result showed 1) the difference of
Demographic characteristics as gender, age, marital status, education, occupation, and monthly
income had significant influence on the difference of Acceptance of Use. 2) the Customer Attitude
influenced the Acceptance of Use of Easypass System of Donmueange Tollway.

Keyword : Easypass System, Donmueange Tollway, Customer Attitude, Acceptance of Use
E-mail address : [email protected]

1 สาขาบริหารธรุ กิจ คณะบริหารธรุ กจิ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
Business Administration, Faculty of Business Administration, Kasetsart University
2 ภาควชิ าการตลาด คณะบริหารธรุ กิจ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
Marketing, Faculty of Business Administration, Kasetsart University

234

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

P3CEL Model : แนวทางการนาํ องค์กรของโรงเรียนนายเรือต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โรคโควดิ 19 ตามแนวทางการพัฒนาคุณภาพการบริหารจดั การภาครัฐ

P3CEL Model : Guidelines for leading the organization of the Royal Thai Naval Academy to the
epidemic situation of COVID-19 in accordance with the guidelines for improving the quality of

government management.

อนชุ า ม่วงใหญ่01, พิพฒั พงษ์ คาํ พรัด12, มธุกร ลมิ ้ สกลุ 23, และจตรุ พธิ ภ่รู ะโหง34
Anuchar Muangyai1, Pipatpong kumprad 2, Matukorn Limsakul3, and Jaturapit Phurahong 4

บทคดั ย่อ
เน่อื งจากสถานการณ์การแพร่เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 ทําให้ทางโรงเรียนนายเรือซง่ึ เป็นสถาบนั การศกึ ษา
ระดบั อดุ มศกึ ษา ของกองทพั เรือ ออกนโยบายการปฏิบตั ใิ นการปอ้ งกนั และควบคมุ โรคติดตอ่ ของเชือ้ ไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ตามแนวทางการพฒั นาคณุ ภาพการบริหารจดั การภาครัฐ โดยมีการนําหลกั P3CEL Model
มาใช้ ซง่ึ ประกอบด้วยการสง่ เสริมความเป็นผ้นู าํ กลา่ วคือผ้นู าํ โรงเรียนนายเรือจะต้องวเิ คราะห์สถานการณ์ทกี่ ําลงั
จะเกิดขึน้ คอยติดตามความคืบหน้าและปรับปรุงวิธีการอยู่เสมอ และต้องดํารงไว้ซึ่งการสื่อสารท่ีมีประสิทธิภาพ
ซง่ึ ชว่ ยให้การแจ้งข้อมลู ข่าวสาร ทร่ี วดเร็วและถกู ต้องเพือ่ ให้บคุ ลากรเข้าใจถงึ สถานการณ์ท่ีเกิดขนึ ้ และควรทําการ
ตรวจเช็คเพื่อประเมินสถานการณ์ให้ครอบคลมุ เพ่ือนํามาใช้ในการวางแผน ปรับปรุงการดําเนนิ งาน เพื่อให้ทราบ
ความคืบหน้าในการปฏิบตั ิเพื่อให้เกิดความประสบความสําเร็จ อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทัง้ ควรมีการจัดอบรม
ความรู้และการป้องกันทถี่ ูกวธิ ี และควรต้องสร้างความมนั่ ใจให้กบั บคุ คลากรโดยการจดั หาวคั ซีนทม่ี ีประสทิ ธิภาพ
อย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยการสร้ างความเชื่อมั่นจากผู้นําในการฉีดวัคซีนและจัดลําคับการฉีดตาม
ความสําคญั ของบคุ คลากรของโรงเรียนนายเรือโดยมรี างวลั ให้กบั ผ้ทู ่ยี ินยอมรับวคั ซนี ท่ีจดั หาให้เพอ่ื แสดงถงึ ความ
ปลอดภยั ของบคุ คลากรอกี ทงั้ หลีกเลี่ยงการพบปะกนั โดยจดั สรรการทํางานแบบ WORK FORM HOME หรือหาก
มีการประชุมสามารถนําเทคโนโลยีมาช่วยได้ เช่น Google Meet , Cisco WebEx และ ทําการจัดตัง้
คณะกรรมการฯ และทําการส่งมอบงานตามกล่มุ โดยหวั หน้ากลุ่มทุกๆกล่มุ ต้องมีการรายงานผลการปฏิบัติอยู่
เสมอเพ่อื ให้ผ้นู าํ องค์กรสามารถตดั สินใจได้มีประสทิ ธิภาพมากยง่ิ ขนึ ้ ตามแนวทางการบริหารจดั การภาครัฐ ต่อไป

คาํ สาํ คัญ การนําองคก์ ร โรงเรียนนายเรือ การพฒั นาคณุ ภาพการบริหารจดั การภาครัฐ

1 น.อ.ผศ.ดร.อนชุ า มว่ งใหญ่, โรงเรียนนายเรือ
Capt.Asst.Prof.Dr. Anuchar Maunyai Rtn., Royal Thai Naval Academy
2 น.ท.พิพฒั พงษ์ คาํ พรัด, โรงเรียนนายเรือ
Cdr. Pipatpong kumprad Rtn., Royal Thai Naval Academy
3 น.อ.หญิง มธุกร ลมิ ้ สกลุ , โรงเรียนนายเรือ
Capt. Matukorn Limsakul, Royal Thai Naval Academy
4 นนร.จตรุ พิธ ภ่รู ะโหง, โรงเรียนนายเรือ
NC.Jaturapit Phurahong, Royal Thai Naval Academy

235

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
Abstract

Due to the coronavirus disease 2019 situation, the Royal Thai Naval Academy, which It is an
institution of higher education. of the navy Issuing a policy on the prevention and control of
communicable diseases of the coronavirus disease 2019 (COVID-19) in accordance with the
guidelines for improving the quality of government management. The principle of the P3CEL model
was adopted, which included leadership promotion. In other words, the Naval Academy leaders must
analyze the upcoming situation.Stay tuned and keep improving the method. and must maintain
effective communication which helps to keep informed quickly and accurately so that personnel
understand the situation and should be checked for comprehensive assessment of the situation to be
used in planning improve operations To know the progress in the practice to achieve success.
effectively In addition, there should be training, knowledge and proper prevention methods. and
should ensure personnel confidence by providing effective vaccines. legally by building confidence
from leaders in vaccination and arranging injections according to the importance of the staff of the
Naval Academy Awards are given to those who agree to receive the vaccines provided to
demonstrate the safety of the personnel. Also avoid meeting each other.By allocating work like WORK
FORM HOME or if there is a meeting can bring technology to help such as Google Meet , Cisco
WebEx and established the committee and deliver work by group The leader of every group must
always report on the performance. To enable organization leaders to make more effective decisions
according to Government management guidelines

Keywords: organization leadership, naval academy Development of the quality of public administration
Email address: [email protected]

236

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

ความตระหนักและความเต็มใจจ่ายในการจดั การฝ่ ุน PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร
Awareness and Willingness to Pay for PM2.5 Dust Management in Bangkok

พลวฒั น์ ธีระจรัสชยั 01, นภสม สนิ เพ่มิ สขุ สกลุ , และ กติ ตชิ ยั ดวงมาลย์
Pollawat Theerajaruschai , Nopasom Sinphurmsukskul, Kittichai Duangmal

บทคัดย่อ
การศึกษาครัง้ นีม้ ีวตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือประเมินภาพรวมทงั้ หมดเกี่ยวกับ PM 2.5 ทงั้ ในด้านความหมาย สาเหตุ
และผลกระทบ รวมถึงมาตรการในการจดั การแก้ไข PM 2.5 วิเคราะห์ความตระหนกั ของประชาชนในกรุงเทพมหานคร
เก่ียวกับฝุ่น PM2.5 และเพ่ือประเมินความเต็มใจจ่ายของประชาชนต่อ PM2.5 โดยสํารวจกลุ่มตวั อย่างจํานวน 400
คน ในทุกเขตของกรุงเทพมหานคร โดยใช้วิธีการประเมินมูลค่าภายใต้สถานการณ์สมมตุ ิ(CVM) โดยการตัง้ คําถาม
แบบปลายปิดโดยเสนอราคา 1 ครัง้ และประเมินความเตม็ ใจจ่ายด้วยแบบจาํ ลอง Logit Model ผลการศกึ ษา พบว่า
กลุ่มตวั อย่างรู้จกั แอพพลิเคชั่นสําหรับตรวจวดั ค่าฝุ่น PM2.5 เป็นจํานวนน้อย แต่ความรู้และความตระหนักเกี่ยวกับ
PM2.5 ถือวา่ มคี วามรู้เเละความตระหนกั มาก โดยประชากรสว่ นใหญ่เป็นผ้ทู ่ีมีความรู้เก่ียวกบั โรคระบบทางเดินหายใจ
ที่เกิดจากPM2.5 เเละมีการสนับสนุนให้มีการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับมลพิษทางอากาศตัง้ เเต่ยงั เด็ก ซ่ึงวิธีที่ทําการ
วิเคราะห์ได้เเก่ วิธีการประเมินค่าใช้จ่ายของบคุ คลเพ่ือลดผลกระทบ (Averting Behavior Method)มีค่าความเต็มใจ
จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือน 940.21 บาทต่อเดือน วิธีต่อมา คือ วิธี Non-Parametric Model มีค่าความเต็มใจจ่ายเฉล่ียต่อ
ครัวเรือนจะเท่ากบั 913.50 บาท/ครัวเรือน/เดือนเเละวิธีสดุ ท้าย คือ วธิ ี Binary Logistic Model มคี ่าความเต็มใจจา่ ย
เฉล่ียต่อครัวเรือน 569.79 บาท/ครัวเรือน/เดือน ซงึ่ ปัจจยั ทส่ี ่งผลต่อความเตม็ ใจจ่าย ได้แก่ จํานวนสมาชิกในครัวเรือน
(People) ความตะหนกั รู้เกี่ยวกบั ฝ่นุ PM2.5 (Awareness) และรายได้เฉลยี่ ตอ่ ครัวเรือน(Income)

1 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
Faculty of Economics ,Kasetsart University

237

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564
Abstract

The purpose of this study was to evaluate the significance, causes and impact of PM 2.5 including
measurement of manage PM 2.5 correction, analysis the awareness of people in Bangkok about PM2.5
dust, and to assess people's willingness to pay towards PM2.5. A sample of 400 people in each region of
Bangkok, using the Contingent Valuation Method (CVM), By asking closed-ended questions with one bid
and evaluating their willingness to pay by using the Logit Model. The study found that only the small
amount of population recognized the applications for measuring PM2.5 dust. But most of the population
recognized the knowledge and awareness about PM2.5 especially the respiratory diseases caused by
PM2.5. In addition, most of population promote the acknowledgement of the air pollution. The analyzing
method is Binary Logistic Model method and the results indicate that the average willingness to pay per
household was 569.79 Baht/household/month. The average willingness to pay by using Non-Parametic
model is 913.50 Baht/household/month. The last method is Averting Behavior Method, the average of
willingness to pay of this method is 940.21 Baht/month. The factors affecting willingness to pay include
number of household members, awareness of PM2.5 and average income per household.

Keyword : Willingness to pay, Awareness
e-mail : [email protected]

238

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครงั้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีสะกิดพฤตกิ รรมในการลดขยะอาหาร
The Application of Nudge Theory to Reduce Food Waste
ภมู ินทร ขวญั เกต0ุ1, นภสม สนิ เพมิ่ สขุ สกลุ 2, และ กติ ติชยั ดวงมาลย์ 3

Phumin Khwanket1, Nopasom Sinphurmsukskul2, and Kittichai Duangmal3

บทคดั ย่อ
ประเทศไทยประสบปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) มีปริมาณเพิ่มมากขึน้ ทุกๆปีเน่ืองจากยังขาด
เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการจัดการขยะอาหาร ซ่ึงพฤติกรรมการบริโภคเป็นสาเหตหุ ลกั การก่อให้เกิดขยะ
อาหาร จึงเป็นที่มาของงานวิจยั ท่ีสนใจหาเครื่องมือในการปรับเปรียบหรือสะกิดพฤติกรรม โดยเฉพาะในโรงเรียน
ซึ่งเป็นสถานที่ท่ีมีเยาวชนท่ีเป็นวยั ท่ีควรริเร่ิมดังนนั้ จึงเป็นที่มาของวตั ถุประสงค์การวิจยั ในครัง้ นี ้โดยใช้ทฤษฏี
เศรษฐศาสตร์การสะกิดพฤติกรรม (Nudge Theory) มาประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือในการสะกิดพฤติกรรม ศึกษา
ทัง้ หมด 3 โรงเรียน ให้ 1 โรงเรียนเป็นกลมุ่ ควบคมุ เพ่ือทําการเปรียบเทียบ ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการ
เก็บข้อมลู จํานวน 150 คน วิเคราะห์ข้อมลู โดยใช้สถติ ิเชิงพรรณาได้แก่ ความถ่ีร้อยละ
ผลการศึกษาพบว่านกั เรียนในโรงเรียนท่ีทําการสะกิดพฤติกรรม 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนอ่างทองปัทม
โรจน์วิทยาคม ท่ีใช้เคร่ืองมอื Make It Social มีปริมาณขยะอาหารลดลงเฉล่ยี 3.97 กรัมต่อคนตอ่ วนั และโรงเรียน
สตรีอ่างทอง ทใ่ี ช้เครื่องมอื Make It Attractive ปริมาณขยะอาหารลดลงเฉลี่ย 0.87 กรัมต่อคนตอ่ วนั ซง่ึ เครื่องมือ
สามารถลดปริมาณขยะอาหารได้ปริมาณมากที่สุดระหว่าง 2 โรงเรียนคือ โรงเรียนอ่างทองปัทมโรจน์วิทยาคม
Make It Social เนือ่ งจากวิธีดงั กลา่ วนกั เรียนให้เหตผุ ลวา่ เป็นการตกั เตอื นให้นกั เรียนเกดิ ความตระหนกั
คาํ สําคัญ: ขยะอาหาร, การสะกิดพฤตกิ รรม

1 นิสติ ภาควิชาการจดั การทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
Resource Management Program, Faculty of Economics, Kasetsart University,
2 อาจารย์ประจาํ ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
Department of Agricultural and Resource Economics, Faculty of Economics, Kasetsart University
3 อาจารย์ประจําภาควชิ าวทิ ยาศาสตร์ส่งิ แวดล้อม คณะสงิ่ แวดล้อม มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
Department of Environmental Science, Faculty of Environmentม Kasetsart University

239

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564
Abstract

Thailand is facing an increasing amount of food waste every year due to the lack of effective
tools to manage food waste. The consumption behavior is the main cause of food waste. Therefore, it is
the source of research that is interested in finding tools to adjust or provoke behavior. Especially in
schools, which are places where youth are the age that should be initiated, hence the origin of the
objectives of this research. By using the Nudge Theory as a tool to nudge behavior, all 3 schools were
given a control group for comparison. A questionnaire was used as a data collection tool for 90 people.
Data were analyzed using descriptive statistics, in analysis: percentage frequency
The results of the study revealed that the students in the two schools that nudge behavior were Angthong
Pattamaroj Wittayakom School. Using the Make It Social tool, the amount of food waste decreased by
an average of grams and Satri Angthong School. Using the Make It Attractive tool, the amount of food
waste was reduced by an average of grams. The tool was able to reduce the amount of food waste the
most between the two schools, Angthong Pattamaroj Wittayakom School, Make It Social.
Keyword: Food Waste, Nudge Theory

E-mail address: [email protected]

240

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครงั้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

แท่นรองรับรอยต่อสําหรับชนิ้ ส่วนทรงกระบอก
The connection joints support of the cylindrical

ศักด์ิสทิ ธ์ิ โสมนัส01, ชวลติ บรุ ินทราธิกลุ 2 และเหมอื นฝัน สขุ มนต์ 12
Saksit Somauat1, Chirality Burintarathikul2 and Moonful Summon 2

บทคัดย่อ
การใช้ไผ่ในงานสถาปัตยกรรมมีวธิ ีต่อยึดระหว่างชนิ ้ สว่ นได้หลายวิธีหากชนิ ้ สว่ นทมี่ ีขนาดใหญ่สามารถใช้
วิธีบากตดั เจาะใส่สลกั ได้ แต่หากเป็นชิน้ เล็กมกั ใช้การมดั ผูกชิน้ สว่ นเข้าด้วยกัน หรือในงานโครงสร้างไผ่ประยกุ ต์
เช่น บ้านไผ่สําเร็จรูปใช้เจาะยึดด้วยน็อต ซึ่งการต่อท่อนไผ่ที่มีลกั ษณะเป็นทรงกระบอกจะมีจุดสมั ผสั น้อยจึงทํา
การออกแบบแท่นรองรับรอยตอ่ สําหรับชนิ ้ สว่ นทรงกระบอกเพ่ือหาการรับโมเมนต์ดดั รอบจุดยึดต่อโดยทดสอบยึด
ท่ออลมู ิเนียมทรงกระบอกขนาด1นวิ ้ แบบทีใ่ ช้แท่นรองรับและไม่ใช้แท่นรองรับ พบว่าแบบทใี่ ช้แทน่ รองรับโมเมนต์
ดดั สงู สดุ เฉลี่ย 0.487 กิโลกรัม-เมตร แบบทีไ่ ม่มแี ท่นรองรับโมเมนต์ดดั สงู สดุ เฉล่ีย 0.074 กิโลกรัม-เมตร ดงั นนั้ จึง
มีความเป็นไปได้ในการประยกุ แท่นรองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับแรงดดั ท่ีจดุ ตอ่ สาํ หรับชิน้ สว่ นไผข่ นาดเลก็

คําสาํ คัญ : จดุ เช่ือมต่อ แทน่ รองรับ ทรงกระบอก

Abstract
There are several methods to use bamboo in architecture for fastening many elements. Large
elements can cut and drill into the latch, but small elements often tie them together. Moreover, there is
the applied bamboo structure, such as prefabricated bamboo houses joined on bamboo by bolts. The
joints of the cylindrical bamboos have a small touching point; therefore, the design of the support joints
for cylindrical elements has tested to indicate bending moment at the connecting point.The test results
for maximum tensile strength show that the model with support joint of maximum bending moment
reached 0.487 kg-m approximately and the model without support joint of maximum bending moment
reached 0.074 kg-m approximately. Therefore, support joints can increase the efficiency of bending
force at the small bamboo connecting point.

Keyword : Joints Support Cylindrical
*Corresponding author; email address: [email protected]

1 สาขาเทคโนโลยสี ถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี จงั หวดั ปทมุ ธานี
Division of Architectural Technology, Faculty of Architecture, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathum Thani
2 สาขาสถาปัตยกรรมภายใน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี จงั หวดั ปทมุ ธานี
Interion of Architectural, Faculty of Architecture, Rajamangala University of Technology Thanyaburi, Pathum Thani

241

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การสารวจกลุ่มคาปรากฏร่วมในข้อความบรรยายคณุ สมบัตขิ องผลติ ภณั ฑ์ยูเซอริน
A Survey of Collocation Occurrence in the Properties description of Eucerin

พณิ กนก ลเี กษม1, เชญิ โสมสอ่ ง เล็กชผู ล1, เข็มปภสั ร มานสะอาด1, และ ทวศี กั ด์ิ จนั ทร์ประดิษฐ2
Pinkanok Leekasem1,Chernsomsong Lekchoophol1,Khempaphatsorn Mansaard1,and Taweesak Chanpradit2

บทคัดย่อ
งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือ วตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษาเพ่ือจาแนกประเภทของการเรียงศพั ท์
และไวยากรณ์ที่ใช้ในข้อความบรรยายคุณสมบตั ิของผลิตภัณฑ์ยูเซอริน รวบรวมข้อมลู จากเว็บไซต์ยูเซอรินโดย
คดั เลือกคาบอกคณุ สมบตั ิจากผลิตภณั ฑ์ 136 คา 483 ประโยค วิเคราะห์ข้อมลู และแยกประเภทของคาปรากฏ
ร่วมโดยใช้กรอบแนวคิดของเบนสนั (Benson, 1986) ผลการวจิ ยั พบว่าการใช้คาปรากฎร่วมที่มากท่ีสดุ คือ การใช้
คาคณุ ศพั ท์ + คานาม (28.55%) รองลงมาคือ คานาม + คานาม (24.65%) และ คาบพุ บท + คานาม (14.86%)
ตามลาดบั สรุปได้ว่าการทใี่ ช้คาคณุ ศพั ท์ + คานาม เป็นที่นิยมมากท่ีสดุ เพราะเป็นประเภทคาปรากฏร่วมสามารถ
ให้ข้อมลู ของข้อเทจ็ จริงของผลิตภณั ฑ์ และข้อคิดเห็นได้อยา่ งอสิ ระ

คาสาคญั คาปรากฏร่วม, ผลิตภณั ฑ์ยเู ซอริน

Abstract
The purposes of this research were to explore the lexical and grammatical collocations used in
the properties of Eucerin products and to classify the types of lexical and grammatical collocations used
in the properties of Eucerin products. This research collected 136 words and 483 sentences used in the
Eucerin properties from the official website of Eucerin (https://int.eucerin.com/). Data were analyzed and
classified into the types of collocations, based on the framework of Benson (1986). The results showed
that the most occurrences of collocation patterns were adjective + noun (28.55%), noun1 + noun2
(24.65%), and preposition + noun (14.86%). From this, the most frequently used collocation pattern in
the properties of Eucerin products was adjective + noun since it was used to provide information in
advertisements, facts, and comments.

Keyword: Collocation, Eucerin product
E-mail address: [email protected]

1 หลกั สตู ร ศศ.บ. (ภาษาองั กฤษเพ่อื อตุ สาหกรรมบริการ) โครงการจดั ตงั้ ภาควชิ าอตุ สาหกรรมบริการและนวตั กรรมภาษา คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน
B.A. (English for Service Industry), Department of Service Industry and Language Innovation, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart
University, Kamphaeng Saen Campus
2 อาจารยป์ ระจาหลกั สตู รศลิ ปศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าภาษาองั กฤษเพ่อื อตุ สาหกรรมบริการ โครงการจดั ตงั้ ภาควชิ าอตุ สาหกรรมบริการและนวตั กรรมภาษา
คณะศลิ ปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน
Lecturer of B.A. (English for Service Industry), Department of Service Industry and Language Innovation, Faculty of Liberal Arts and Science,
Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus

242

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564
ปัจจัยด้านประชากรศาสตร์และส่วนประสมด้านผลิตภัณฑ์ท่ีมีผลต่อการตดั สินใจเลือกซอื้
ผลติ ภัณฑ์ชุมชนประเภทผ้าทอ ของผ้บู ริโภคในอาํ เภอเมอื ง จงั หวัดสงขลา
Demographic Factors and Product Mixtures Affecting Decision to Buy Woven Fabric
Community Products of consumers in Muang District, Songkhla Province

อภญิ ญา สะตียาม0ู1, จดิ าภา ศรีแถลง1, ชญั ญา เค่ยี มขาว1, ภทั ราภรณ์ ลิ่มเจริญ1, ศิริพงศ์ อศั จนั ทร์1, และสญั ชยั ลงั ้ แท้กลุ
2
1

Apinya Sateeyamu1, Jidapa Srithalaung1, Chanya Keamkao1, Patraporn Limcharoen1, Siriphong Oatsachan1,
and Sunchai Langthaekun2

บทคดั ย่อ
การวจิ ยั ครัง้ นมี ้ วี ตั ถปุ ระสงค์เพือ่ ศกึ ษาปัจจยั ด้านประชากรศาสตร์และปัจจยั สว่ นประสมด้านผลติ ภณั ฑ์ที่
มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซือ้ ผลิตภณั ฑ์ชมุ ชนประเภทผ้าทอ โดยรวบรวมข้อมลู จากผ้บู ริโภคที่ตดั สินใจเลือกซือ้
ผลิตภณั ฑ์ชมุ ชนประเภทผ้าทอท่ีอาศยั อย่ใู นอาํ เภอเมอื ง จงั หวดั สงขลา จาํ นวน 400 ตวั อยา่ ง ใช้แบบสอบถามเป็น
เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมลู ด้วยการส่มุ ตวั อย่าง ตวั อย่างบงั เอิญ (Accidental Sampling) สถิติท่ีใช้ในการ
ทดสอบสมมติฐาน ประกอบด้วย การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way Analysis of Variance: One-
way ANOVA) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุ (Multiple Regression Analysis) ผลการวิจัยพบว่า ปัจจยั ด้าน
ประชากรศาสตร์ทีม่ ีผลตอ่ การตดั สนิ ใจเลือกซือ้ ผ้าทอ ได้แก่ อายุ รายได้ต่อเดือน ณ ระดบั นยั สําคญั ทางสถิติ 0.05
และปัจจยั สว่ นประสมด้านผลติ ภณั ฑ์ทีม่ ีผลตอ่ การตดั สินใจเลอื กซือ้ ผ้าทอ ได้แก่ ด้านตราสนิ ค้า และด้านคณุ ภาพ
ณ ระดบั นยั สาํ คญั ทางสถิติ 0.05

คําสําคัญ : ปัจจยั ด้านประชากรศาสตร์, สว่ นประสมด้านผลติ ภณั ฑ์, ผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชนประเภทผ้าทอ, การตดั สินใจซือ้

1 หลกั สตู รบริหารธรุ กิจ นิสิตสาขาการประกอบการและการจดั การ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ
Bachelor of Business Administration Program in Entrepreneurship and Management Bachelor of Business Administration Thaksin University
2 ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. สาขาการประกอบการและการจดั การ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธรุ กิจ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ
Assistant Professor in Entrepreneurship and Management Bachelor of Business Administration Thaksin University

243

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อธุรกิจ SMEs ไทย: กรณีศึกษาร้านค้าผลติ ภณั ฑ์เพ่อื สุขภาพ
Impact of the COVID-19 Pandemic on Thai SMEs: A Case Study of Healthy Grocery Stores

ปัญชนิตย์ พวงเนตร01 และปรารถนา ปรารถนาดี1
Punchanit Puangnate1 and Parthana Parthanadee1

บทคดั ย่อ
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาพสงั คมและเศรษฐกิจของไทยอย่างมาก หลายธุรกิจ
จําเป็นต้องปรับตวั เพ่อื เอาตวั รอดในวกิ ฤตนี ้งานวิจยั นมี ้ ีจดุ ประสงค์เพือ่ ศกึ ษาและวิเคราะห์ผลกระทบจากการแพร่
ระบาดของโควิด-19 ต่อธุรกิจร้ านค้าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลสํารวจสถานประกอบการ 46 แห่งในเขต
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า สถานประกอบการท่ีให้ข้อมลู สว่ นใหญ่มากกวา่ ร้อยละ 90 ได้รับผลกระทบ
โดยสถานประกอบการสว่ นใหญ่ มยี อดขายโดยรวมลดลงในระลอกท่ี 1, 2 และ 3 และลดลงมากในชว่ งระลอกที่ 4
สถานประกอบการสว่ นใหญ่มีมาตรการรับมอื ตงั ้ แตร่ ะลอกแรก ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลหรือมีการจดั
โปรโมชนั หน้าร้าน มีแนวโน้มท่ีจะมยี อดขายเพิ่มขนึ ้

คาํ สาํ คัญ: โควิด-19, ผลกระทบ, ร้านค้าผลติ ภณั ฑ์เพอื่ สขุ ภาพ, โครงการของรัฐบาล

Abstract
The Covid-19 pandemic has greatly affected Thai society and economy. Many businesses must
adapt to survive during this crisis. This research aims to analyze the impact of Covid-19 on healthy
grocery stores in Thailand. The results from 46 stores collected in Bangkok metropolitan areas indicated
that more than 90% of the stores have been affected. Most stores had their total sales dropped during
the first, second and third waves, and the sales had plummeted in the fourth wave. Most of stores have
developed their own countermeasures since the first wave. The stores which participated in government
financial relief schemes or provided offline promotions tended to have increasing sales.
Keyword: COVID-19, impacts, healthy grocery stores, Impact, financial relief scheme

E-mail address: [email protected]

1 ภาควิชาเทคโนโลยีอตุ สาหกรรมเกษตร คณะอตุ สาหกรรมเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศา่ สตร์ กรุงเทพมหานคร
1 Department of Agro-Industrial Technology, Faculty of Agro-Industry, Kasetsart University, Bangkok

244

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564
Abstract

The purpose of this research was to study the demographic factors and product mix factors
affecting the purchasing decision of woven fabrics in the community. Collecting data from consumers
who decide to buy woven fabrics from the community, who live in Muang District, Songkhla, amounting
to 400 samples. A questionnaire was used as a tool to collect data. with sampling Accidental Sampling.
The statistics used for hypothesis testing consisted of One-way Analysis of Variance: One-way ANOVA
and Multiple Regression Analysis. The results showed that Demographic factors affecting the
purchasing decision of woven fabrics were age, monthly income at the statistical significance level of
0.05 and product mix factors affecting the decision to buy woven fabrics, namely brand aspect and
quality at the level of statistical significance 0.05

Keyword : Demographic factors, Product mix, Woven fabric community products, Purchase decision
E-mail address : [email protected]

245

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

ทศั นคตแิ ละความคาดหวงั ของประชาชนในพืน้ ท่ีเขตบางซ่อื ต่อบทบาท
หน้าท่ีของเจ้าหน้าท่ีตาํ รวจสถานีตาํ รวจนครบาลเตาปนู

ATTITUDE AND EXPECTATIONS OF PEOPLE IN BANG SUE AREA TOWARDS ROLES
AND DUTIES OF POLICE OFFICERS AT THE TAO POON POLICE STATION

ชาตชิ าย ถุงเงนิ 01 และ ธรรมวทิ ย์ เทอดอดุ มธรรม1
Chartchai Thungnguen1, and Thamavit Terdudomtham 1

บทคดั ย่อ
การวิจยั ครัง้ นีม้ ีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อศึกษาทศั นคติของประชาชนในพืน้ ท่ีเขตบางซ่ือต่อการปฏิบัติหน้าท่ี
ต่อบทบาทหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่ตํารวจสถานีตํารวจนครบาลเตาปูน 2.เพ่ือศึกษาความคาดหวงั ของประชาชนใน
พืน้ ที่เขตบางซื่อต่อบทบาทหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่ตํารวจสถานีตํารวจนครบาลเตาปูน 3.เพื่อหาแนวทางในการ
เสริมสร้างนโยบายมาตรฐานการทํางานของบทบาทหน้าท่ีของเจ้าหน้าท่ีตาํ รวจสถานีตาํ รวจนครบาลเตาปนู กล่มุ
ตวั อยา่ งท่ีใช้สาํ หรับการวจิ ยั เชงิ ปริมาณประชากรคอื ประชาชนที่อาศยั อยใู่ นพนื ้ ที่เขตบางซ่อื จาํ นวน 127,535 คน
และกลมุ่ ตวั อย่างคือ ประชาชนที่อาศยั อย่ใู นพืน้ ท่ีเขตบางซ่ือ จํานวน 400 คน ซงึ่ ได้จากการคํานวณตามสตู รของ
ยามาเน่ โดยกําหนดระดบั ค่าความเช่ือมน่ั ที่ .05 ผลการวิจยั พบว่าความคดิ เห็นต่อทศั นคติต่อการปฏิบตั ิหน้าท่ีต่อ
บทบาทหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่ตํารวจ โดยรวมอยู่ในระดับเห็นด้วยอย่างยิ่ง (M = 4.41, SD = 0.65) ด้านความ
คาดหวังของประชาชนต่อบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตํารวจ โดยรวมอยู่ในระดบั เห็นด้วยอย่างยิ่ง (M = 4.45,
SD = 0.63) และ กล่มุ ตวั อย่างที่ใช้ในการศึกษาเชิงคุณภาพ ซึ่งเลือกผู้ให้ข้อมลู สําคญั แบบเจาะจง (Purposive
Sampling) คือ การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก ผลการวิจัยสรุปได้ว่าในมุมมองของประชาชนมีความคาดหวังให้
ตํารวจให้บริการด้วยความยุติธรรมและเสมอภาค มีใจบริการ ไม่มีการทุจริตต่อหน้าท่ีหรือประพฤติตนไม่
เหมาะสม จากงานวิจยั สามารถเป็นแนวทางสร้างนโยบายการทํางานของบทบาทหน้าทข่ี องเจ้าหน้าท่ตี าํ รวจต่อไป

คําสาํ คัญ : ทศั นคติ, ความคาดหวงั , เจ้าหน้าท่ตี ํารวจ

Abstract
This research aims to 1. study the attitude of the people in Bang Sue District towards the
performance and duties of the police officers at the Tao Poon Metropolitan Police Station; 2. study the
expectations of the people in Bang Sue area towards the roles and duties of police officers at the Tao
Poon Metropolitan Police Station; and 3. find a way to strengthen the policy, working standards, roles
and duties of police officers at the Tao Poon Metropolitan Police Station. The samples used as
population for the quantitative research were representative 400 people living in the Bang Sue area
out of the total population of 127,535. The sample population was calculated according to the Yamane

1 สาขาวิชาอาชญาวทิ ยาและบริหารงานยตุ ิธรรม คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยตุ ิธรรม มหาวทิ ยาลยั รังสติ จงั หวดั ปทมุ ธานี
Criminology and Justice Administration, Faculty of Criminology and Justice Administration, Rangsit University, Pathum Thani Province

246

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564
formula with confidence level of .05. The results showed that the opinions on the attitude of the people
itowards the performance and duties of the police officers were at a highly agreeable level (M = 4.41,
SD = 0.65). Overall, the expectation of the people towards the roles and duties of police officers level
was at a highly agreeable level (M = 4.45, SD = 0.63). The samples used in the qualitative study were
selected for an in-depth interview (purposive sampling). Moreover, the qualitative studies showed that,
based on the view of the public, there was an expectation for the police officers to provide services
with no malpractice or misconduct, but with fairness, equality and service-mindedness. This research
can be used as a guideline to create a policy to establish roles of police officers in the future.

Keyword: Attitude, Expectation, Police officer
E-mail address: [email protected]

247

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

กลวธิ ีการแปลบทบรรยายภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเป็ นภาษาไทย: กรณีศกึ ษา ภาพยนตร์เร่ือง
Two Distant Strangers

The Translation Strategies of English Subtitle into Thai: A Case Study of Two Distant Strangers

บญุ สิตา เกียรติพรพทิ กั ษ์01, ปัณฑารีย์ ขจรมณี2, ภทั ราพร พิมพ์กา3, และนิติกร ฤทธิโคตร4
Boonsita Keatpornpituk1, Pantharee Khajornmanee2, Pattraporn Pimka3, and Nitikorn Rittikote4

บทคดั ย่อ
งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศึกษา 1) กลวิธีการแปลบทบรรยายภาพยนตร์ภาษาองั กฤษเป็นภาษาไทย
ของภาพยนตร์เร่ือง Two Distant Strangers และ 2) ภาพสะท้อนจากบทบรรยายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวต่อ
วฒั นธรรมอเมริกนั ในปัจจบุ นั เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ที่ในการวิจยั คอื ตารางลงรหสั ผลการวิจยั พบกลวธิ ีการแปลจํานวน 8
วิธี ดงั นี ้1) การแปลตรงตวั 2) การแปลรักษารูปความ 3) การแปลเชิงสื่อสาร 4) การแปลเชิงอรรถศาสตร์ 5) การ
แปลคําต่อคํา 6) การดดั แปลงในฉบบั แปล 7) การแปลเชิงสํานวน และ 8) การแปลเอาความ ตามลําดบั ในเรื่อง
ของภาพสะท้อนทางวัฒนธรรม พบว่า บทบรรยายภาพยนตร์ส่ือสารให้เห็นถึง วฒั นธรรมที่มองเห็นได้ยาก
มากกว่า วฒั นธรรมทีม่ องเห็นไดง้ า่ ย

คาํ สาํ คัญ: กลวธิ ีการแปล; บทบรรยายภาพยนตร์; วฒั นธรรมอเมริกนั

Abstract
The purposes of the research were to examine 1) the translation strategies from English
subtitle into Thai of the Two Distant Strangers, and 2) the reflections of American culture these days
through the subtitle. The tool was a coding sheet. The result found 8 translation strategies: 1) Literal, 2)
Faithful, 3) Communicative, 4) Semantic, 5) Word-for-word, 6) Adaptation, 7) Idiomatic, and 8) Free,
respectively. In terms of cultural reflections, difficult-to-see was more than easy-to-see.

Keywords: Translation strategies; Subtitle; American culture
Email address: [email protected]

1-3 หลกั สตู ร ศศ.บ. (ภาษาองั กฤษเพือ่ อตุ สาหกรรมบริการ) โครงการจดั ตงั ้ ภาควชิ าอตุ สาหกรรมบริการและนวตั กรรมภาษา คณะศลิ ปศาสตร์
และวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน
B.A. (English for Service Industry), Department of Service Industry and Language Innovation, Faculty of Liberal Arts and
Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus
4 อาจารย์ประจําหลกั สตู รศิลปศาสตรบณั ฑติ สาขาวิชาภาษาองั กฤษเพอื่ อตุ สาหกรรมบริการ โครงการจดั ตงั ้ ภาควชิ าอตุ สาหกรรมบริการและ
นวตั กรรมภาษา คณะศลิ ปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน
Lecturer of B.A. (English for Service Industry), Department of Service Industry and Language Innovation, Faculty of Liberal Arts
and Science, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus

248

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การพฒั นาศกั ยภาพของกลุ่มทอผ้าเพ่ือการพัฒนาผลิตภณั ฑ์เชิงสร้างสรรค์ในเทศบาลตาํ บลโพรง
มะเด่ือ อาํ เภอเมือง จงั หวดั นครปฐม

Potential Development of Weaving Group for Creative Product Development in the municipality
of Phrong Madua Subdistrict, Mueang District, Nakhon Pathom Province.

แพรภทั ร ยอดแก้ว01
Praepat Yodkaew 1,

บทคัดย่อ
การวจิ ยั นีเ้ป็นการวิจยั เชิงปฏิบตั ิการ มีวตั ถปุ ระสงค์เพ่อื ศกึ ษา 1. วิเคราะห์ศกั ยภาพของกลมุ่ ทอผ้าโพรง
มะเด่ือ โดยใช้แนวคิด SWOT Analysis 2. สะท้อนผลการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มทอผ้า เพ่ือการพัฒนา
ผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ในเทศบาลตําบลโพรงมะเด่ือ อําเภอเมือง จังหวดั นครปฐม โดยใช้วิธีการเลือกกลุ่ม
ตัวอย่างด้วยวิธีเลือกแบบเจาะจง คือ กลุ่มทอผ้าในเทศบาลตําบลโพรงมะเด่ือ อําเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
จํานวน 8 คน เคร่ืองมือในการศึกษา ได้แก่ แบบสมั ภาษณ์ก่ึงโครงสร้าง เก็บรวบรวมข้อมูลจากการถอดเทปและ
สรุปรายงานการประชมุ แล้วนํามาวิเคราะห์ผลการดําเนินงาน วธิ ีการตรวจสอบข้อมลู แบบสามเส้า ได้แก่ 1. การ
ตรวจสอบสามเส้าด้านข้อมลู 2. การตรวจสอบสามเส้าด้านรวบรวมข้อมลู 3. การสร้างบทสรุปและยืนยนั บทสรุป
วเิ คราะห์ข้อมลู ด้วยการวิเคราะห์เนือ้ หา
ผลการวจิ ยั พบวา่
1.จดุ แขง็ ของกล่มุ ทอผ้า คือ มีความชํานาญในการผลิตผ้าทอตีนจก ลายดอกมะเด่ือ แสดงให้เห็นถึงอตั
ลกั ษณ์ลวดลายผ้าทอท่มี ีความแตกตา่ งจากแหลง่ อนื่ สมาชกิ ภายในกลมุ่ มีความเข้มแข็ง สามคั คี จดุ ออ่ นของกลมุ่
ทอผ้า คือ ขาดแคลนชา่ งทอ ทําให้กําลงั การผลิตไม่พอตอ่ ความต้องการของผู้บริโภค และขาดเงินทนุ หมนุ เวียนใน
กล่มุ สว่ นโอกาส คือ กลมุ่ ทอผ้าเป็นแหลง่ ผลิตผ้าทอที่มีช่ือเสียงในการผลิตผ้าทอตีนจกในจงั หวดั นครปฐม ทงั้ นี ้
อาจมี อปุ สรรคบ้าง คอื เส้นฝา้ ย เส้นไหม ราคาแพงขนึ ้ สง่ ผลตอ่ ราคาสินค้า รวมทงั้ สถานการณ์โควดิ - 19 ทาํ ให้มี
นกั ท่องเท่ยี วจํานวนน้อยท่ีจะเข้ามาเท่ียวในชมุ ชนและเลือกซือ้ ผลิตภณั ฑ์ผ้าทอตีนจกของกลมุ่ ทอผ้า ทําให้ขายผ้า
ยากขนึ ้
2. ศกั ยภาพของกลุ่มทอผ้าที่มีการพัฒนาและเปล่ียนแปลงอย่างเด่นชดั คือ 1) ศักยภาพในการเรียนรู้
และ 2) ศักยภาพในการออกแบบลวดลายของผ้าทอ ผลการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มทอผ้า ส่งผลให้ได้แนว
ทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ 5 แนวทาง ได้แก่ 1) การเพ่ิมจํานวนลวดลายบนผืนผ้า 2) การปรับลด
จํานวนลวดลายบนผืนผ้า 3) การพฒั นาผ้าทอลวดลายใหม่ 4) การใช้เส้นไหมย้อมสีธรรมชาติ 5) การสร้างตรา
สญั ลกั ษณ์

คาํ สําคัญ: การพฒั นา,ศกั ยภาพ,กล่มุ ทอผ้า, การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์เชงิ สร้างสรรค์, จงั หวดั นครปฐม

1 คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครปฐม นครปฐม ประเทศไทย
Faculty of Humanities and Social Sciences, Nakhon Pathom Rajaphat University, Bangkok, Thailand

249

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

Abstract
This research is an action research. The objectives of this study were: 1. To analyze the
potential of the Phrong Madua weaver group by using the SWOT Analysis concept. Nakhon Pathom
Province 2. To reflect the development of the potential of the weaving group for the development of
creative products in Phrong Madua Subdistrict, Muang District, Nakhon Pathom Province. Samples
were selected using a specific method, namely the weaving group in Prong Ma Duea Sub-District
Municipality, Muang District, Nakhon Pathom Province, consisted of 8 people. Collect data from the
transcript and summary of meeting minutes and analyze the results of operations. Three-dimensional
data validation methods are: 1. Data triangulation 2. Data gathering triangulation 3. Conclusion and
confirmation of conclusions. Analyze data with content analysis.
The study revealed that
1.The strength of the weaving group is that they are proficient in producing woven fabric with
a fig flower pattern. Shows the identity of woven fabrics that are different from other sources. The
members of the group are strong and unity. The weakness of the weaving group is the shortage of
weavers. causing insufficient production capacity to meet consumer demand and lack of working
capital in the group. As for the opportunity, the weaving group is a famous textile producer in the
production of woven fabrics in Nakhon Pathom Province. However, there may be some obstacles,
namely, cotton and silk threads, which are more expensive, affecting product prices. Including the
situation of COVID-1 9 , there are few tourists who come to visit the community and buy the Tin Jok
woven products of the weaving group.
2. The potential of weaving groups that have been developed and changed significantly are 1)
learning potential and 2) design potential of woven fabrics. The development of the potential of the
weaving group as a result, 5 creative product development guidelines were obtained, namely 1 )
increasing the number of patterns on the fabric 2) reducing the number of patterns on the fabric 3 )
Development of new woven fabrics 4) Using natural dyed silk threads 5) Creating a logo.

Keywords: Development, Potential, Weaving group, Creative Product Development, Nakhon Pathom Province
E-mail address : [email protected], [email protected]

250

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564
ปัจจัยท่ีมีความสัมพนั ธ์กับความผกู พนั ของพนักงานในองค์กรด้านการท่มุ เทการทาํ งานของ
พนักงานในองค์กร บริษัท ไอเอสเอส ฟาซลิ ติ ี้ เซอร์วสิ จาํ กัด (ประเทศไทย)
Factors related to employee engagement in the organization regarding the dedication of
employees in the organization ISS Facilities Service Co., Ltd. (Thailand)
อธิษฐาน เส็งพรหม01 และ บรรดิษฐ พระประทานพร 2
Atitan Sengprom1 and Bandit Phaprathanporn 2
บทคดั ย่อ
การศึกษาปัจจยั ท่ีมีความสมั พนั ธ์กับความผูกพนั ของพนกั งานในองค์กรด้านการทุ่มเทการทํางานของ

พนกั งานในองค์กร บริษัท ไอเอสเอส ฟาซลิ ิตี ้เซอร์วสิ จํากดั (ประเทศไทย) มีวตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ศกึ ษาปัจจยั ท่สี ง่ ผล
ต่อความผูกพันธ์ ท่ีมีความสมั พนั ธ์ต่อระดบั ความผูกพันของพนักงานฝ่ายปฏิบตั ิการ บริษัท ไอเอสเอส ฟาซิลิตี ้
เซอร์วิส จํากัด (ประเทศไทย) ด้านการทุ่มเทการทํางานของพนักงานในองค์กร ใช้เครื่องมือเก็บข้อมูลด้วย
แบบสอบถาม กับกลุ่มตวั อย่าง คือ พนักงานฝ่ ายปฏิบตั ิการบริษัท ไอเอสเอส ฟาซิลิตี ้เซอร์วิส จํากัด (ประเทศ
ไทย) จํานวน 408 คน การวิเคราะห์ข้อมลู ใช้ค่าสมั ประสิทธ์ิสหสมั พนั ธ์ของเพียร์สนั ศกึ ษาปัจจยั ท่ีมีความสมั พนั ธ์
กับความผกู พนั ของพนกั งานในองค์กรด้านการทุ่มเทการทํางานของพนกั งานในองค์กร ผลการวิจยั พบว่า ปัจจยั
องค์กรด้านภาวะผ้นู ํา ปัจจยั องค์กรด้านด้านวฒั นธรรมหรือจดุ ม่งุ หมายขององค์กร ปัจจยั องค์กรด้านลกั ษณะงาน
ปัจจยั องค์กรด้านค่าตอบแทนโดยรวม ปัจจยั องค์กรด้านคณุ ภาพชวี ิต ปัจจยั องค์กรด้านโอกาสทีไ่ ด้รับ และปัจจยั
องค์กรด้านความสมั พนั ธ์ระหว่างผ้รู ่วมงาน มีความสมั พนั ธ์กบั ความผกู พนั ของพนกั งานฝ่ายปฏิบตั ิการ บริษัท ไอ
เอสเอส ฟาซิลิตี ้เซอร์วิส จํากดั (ประเทศไทย) ด้านการท่มุ เทการทํางาน ท่ีระดบั นยั สําคญั ทางสถิติ 0.01 โดยค่า
สมั ประสิทธ์ิสหสมั พนั ธ์ (r) มคี ่าเท่ากบั .604** ซงึ่ มีความสมั พนั ธ์ในทศิ ทางเดียวกนั ในระดบั สงู

คําสําคัญ : ความสมั พนั ธ์, ความผกู พนั , พนกั งานในองค์กร, การท่มุ เทการทาํ งาน

1 คณะบริหารธรุ กจิ มหาบณั ฑิต สาขาบริหารธุรกิจ บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
1 Master of Business Administration Business Administration graduate school Suan Sunandha Rajabhat University

251

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
Abstract

The study of factors related to employee engagement in the organization in terms of employee
dedication in the organization, ISS Facilities Service Co., Ltd. (Thailand) had the objective of to study
the factors affecting the relationship That is related to the level of engagement of the staff of the
operations department of ISS Facility Service Co., Ltd. (Thailand) in terms of the dedication of employees
in the organization. Use questionnaires to collect data. The sample group was 408 employees of ISS
Facilities Service Co., Ltd. (Thailand). The data were analyzed using Pearson's correlation coefficient.
Study the factors related to employee engagement in the organization in terms of employee dedication
in the organization. The results showed that Leadership Organizational Factors Organizational cultural
factors or organizational objectives Organizational factors in terms of job characteristics Overall
Compensation Organizational Factors Organizational factors for quality of life Opportunity organizational
factors and organizational factors in relation to co-workers There is a relationship with the engagement
of the staff of the Operations Department of ISS Facilities Service Co. , Ltd. ( Thailand) in terms of
dedication to work. At a statistically significant level of 0.01, the correlation coefficient (r) was .604**,
with a high degree of indirect correlation.

Keyword : relationships, engagement, employees in the organization, dedication to work
E-mail address : [email protected]

252

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครั้งที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

ความภกั ดีของผู้บริโภคในจงั หวัดสงขลาต่อผู้ให้บริการธุรกจิ วีดีโอสตรีมม่ิง: กรณีศึกษา Netflix
The Loyalty of Songkhla Customer to Video Streaming Service Providers:
A Case Study of Netflix

สุทธดิ า ชายสงค์1 วรรณภรณ์ บริพนั ธ์ 2 ณฐั ณิชา ปลดั สงคราม 1 นฤษา ชมุ นริ ัตน์ 1และ ภทั รวดี สวุ รรณจนิ ดา1
Sutthida Chaisong1, Wannaporn Boripunt 2, Nutnicha Palatsongkram 1 Naruesa Chumnirat 1
and Phattharawadi Suwanchinda 1

บทคดั ย่อ
การศึกษานีม้ ีวตั ถุประสงค์เพ่ือศึกษาระดับความภักดี และเพ่ือศึกษาปัจจยั ที่ส่งผลต่อระดับความภกั ดี
ของผู้บริโภคในจังหวัดสงขลาต่อผู้ให้บริการธุรกิจวีดีโอสตรีมม่ิง กรณีศึกษา Netflix เก็บรวบรวมข้อมูลโดย
แบบสอบถามจากผ้ใู ช้บริการหรือเคยใช้บริการ Video Streaming ของ Netflix ในจงั หวดั สงขลาจานวน 435 คน
วิเคราะห์ผลโดยค่าความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์การ
ถดถอยเชิงพหุคณู ท่ีระดบั นยั สาคญั 0.05 ผลการวิจยั พบว่า ผ้บู ริโภคส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายรุ ะหว่าง 16-25
ปี การศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี/เทียบเท่า อาชีพนกั เรียน/นิสิต/นกั ศึกษา รายได้ไม่เกิน 10,000 บาท/เดือน
กล่มุ ตัวอย่างมีความภักดีอยู่ในระดับมาก และผลจากการทดสอบสมมติฐานพบว่าปัจจยั ด้านรับรู้คุณค่า ด้าน
คณุ ภาพสนิ ค้าและบริการ และด้านความพงึ พอใจ มผี ลต่อความภกั ดขี องผ้บู ริโภค ตามลาดบั

คาสาคญั : ความภกั ดี, วดิ โี อสตรีมม่ิง, ความพงึ พอใจ, คณุ ภาพสินค้าและบริการ, การรับรู้คณุ ค่า

Abstract
The objectives of this study are to determine the level of loyalty and to examine factors affecting
the loyalty of Songkhla customer to video streaming service providers in a case study of Netflix. Data
were collected by 435 questionnaires from consumers who use or have used Netflix's Video Streaming
service in Songkhla and analyzed by frequency, percentage, mean, and standard deviation. Multiple
regression analysis was used for hypothesis testing at 0.05 significant level. The results showed that the
majority of the sample were female, aged 16-25 years. Most of them were student, studying in bachelor
degree and earning less than 10,000 baht per month. The level of loyalty was at high level and the
hypothesis testing results showed that customer perceived value, product and service quality, and
satisfaction affected the loyalty of Songkhla customer respectively.

Keywords: Loyalty, Video Streaming, Satisfaction, Product and Service Quality, Perceived Value
*Corresponding author; E-mail address: [email protected]

1 นกั ศึกษาปริญญาตรี หลกั สตู รบริหารธุรกจิ บณั ฑิต สาขาวชิ าการประกอบการและการจดั การ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธรุ กิจ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ

Undergraduate student, Bachelor of Business Administration (Entrepreneurship and Management), Faculty of Economics and Business Administration, Thaksin University

2 อาจารย์ประจา หลกั สตู รบริหารธรุ กจิ บณั ฑิต สาขาวชิ าการประกอบการและการจดั การ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธรุ กจิ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ

Lecturer, Bachelor of Business Administration (Entrepreneurship and Management), Faculty of Economics and Business Administration, Thaksin University

253

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การตดั สนิ ใจท่องเท่ียวจังหวัดภเู ก็ตของนักท่องเท่ยี วชาวไทย
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019
Thai Tourist Decision for Phuket Travelling During the Covid-19 Pandemic Situation

อรจริ า ดาแป้น1, วรรณภรณ์ บริพนั ธ์2, นสั ตญิ า ค้มุ บ้าน 1, บญุ ชยั พนู นาม 1, พชิ ยั ยทุ ธ์ จนั ทร์ทอง 1, และภารวี หยงสตาร์1
Onjira Dampaen1, Wannaporn Boripunt 2, Nastiya Kumban 1, Boonchai Poonnam 1, Pichaiyut Chanthong 1

and Parawee Yongsatar 1

บทคดั ย่อ
การศึกษานีม้ ีวตั ถุประสงค์เพ่ือศกึ ษาการตดั สินใจท่องเที่ยวจงั หวดั ภูเก็ต และเพื่อศึกษาปัจจยั ที่สง่ ผลตอ่
การตดั สินใจท่องเทยี่ วจงั หวดั ภเู กต็ ของนกั ทอ่ งเท่ียวชาวไทยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอื ้ ไวรัส
โคโรนา 2019 (Covid-19) ทาการเก็บข้อมูลโดยแบบสอบถามจากนักท่องเที่ยวชาวไทยท่ีเข้ามาท่องเท่ียวใน
จังหวัดภูเก็ตจานวน 400 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถ่ี ค่าร้ อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วน
เบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคณู (Multiple Regression) ที่ระดบั
นยั สาคญั 0.05 ผลการวิจยั พบว่า กลมุ่ ตวั อย่างสว่ นใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายนุ ้อยกว่า 24 ปี มีสถานภาพโสด มี
ระดบั การศึกษาปริญญาตรี/ปริญญาโท อาชีพนกั เรียน/นกั ศกึ ษา มีรายได้ต่อเดือน 10,001-30,000 บาท ผลการ
ทดสอบสมมติฐาน พบว่า ปัจจัยด้านการรับรู้ความเสี่ยง ส่งผลต่อการตัดสินใจท่องเท่ียวจังหวัดภูเก็ตของ
นกั ท่องเที่ยวชาวไทย ขณะทป่ี ัจจยั ด้านสถานท่ที อ่ งเทยี่ ว ด้านมาตรการรักษาความปลอดภยั นโยบายสง่ เสริมการ
ท่องเท่ียวจากภาครัฐ และด้านการส่งเสริมการตลาด ไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจท่องเท่ียวจังหวัดภูเก็ตของ
นกั ทอ่ งเท่ยี วชาวไทย ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชอื ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)

คาสาคัญ : การตดั สินใจทอ่ งเทย่ี ว, การรับรู้ความเสย่ี ง, การส่งเสริมการตลาด

Abstract
The Objectives of this study are to study the level of Phuket travelling decision and to examine
factors affecting Phuket travel decision of Thai tourists during the Covid-19 pandemic situation. Data
were collected by 400 questionnaires from Thai tourists travelling in Phuket. Data were analyzed by
frequency, percentage, mean, and standard deviation. Multiple regression analysis was used for
hypothesis testing at 0.05 significant level. The results showed that the majority of the sample were
female, aged less than 24 years and single. Most of them were student, studying in bachelor degree or
master degree and earning less than 10,001-30,000 baht per month. The level of Phuket travelling

1 นกั ศกึ ษาปริญญาตรี หลกั สตู รบริหารธรุ กิจบณั ฑติ สาขาวิชาการประกอบการและการจดั การ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ

Undergraduate student, Bachelor of Business Administration (Entrepreneurship and Management), Faculty of Economics and Business Administration, Thaksin University

2 อาจารย์ประจา หลกั สตู รบริหารธรุ กิจบณั ฑติ สาขาวิชาการประกอบการและการจดั การ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกจิ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ

Lecturer, Bachelor of Business Administration (Entrepreneurship and Management), Faculty of Economics and Business Administration, Thaksin University

254

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครงั้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564
decision was at high level and the hypothesis results showed that risk perception affected Phuket
travelling decision. However, place, safety, government policies, and promotion were not affected
Phuket travelling decision of Thai tourists during the Covid-19 pandemic situation.

Keywords: Travel Decision, Risk Perception, Promotion
E-mail address: [email protected]

255

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
ผลกระทบของการเปล่ียนแปลงทางประชากรศาสตร์ต่ออตั ราดอกเบยี้ ในกลุ่มประเทศอาเซียน
THE EFFECTS OF DEMOGRAPHIC CHANGE ON THE INTEREST RATE IN ASEAN COUNTRIES
สุกฤตา อดุ รจรัส01, โฮเฮ ฟิเดล บาราโฮนา คาเซอเรส12, วรรณวไิ ล จลุ พนั ธ์2, และ กนั ตพร ช่วงชดิ 2
Sukitta Udorncharat1, Jorge Fidel Barahona Caceres2, Wanvilai Chulaphan2, and Kantaporn Chuangchid2

Abstract
The aim of this we investigate how transitioning demographic changes in the ASEAN community
affects the interest rates using panel data of ASEAN countries including Indonesia, Malaysia,
Philippines, Singapore, and Thailand from 1986 to 2018. The data was analyzed using a panel estimated
generalized least squared (EGLS) method with cross section weight and explained based on IMF’s
External Balance Assessment (EBA) model. Our findings suggest that demographic changes have
relationships with interest rate, an increase in youth dependency and old-age dependency tends to
increase interest rate while aging speed reduce it. It also finds that capital account openness limits the
direct sensitivity of a country's interest rates to its own demographics. The policymakers can consider
the probability of monetary policy tools for stabilization of interest rate changes.

Keyword : Demographics, Interest Rate, ASEAN, Capital Account Openness
Corresponding author E-mail address: [email protected]

1 หลกั สตู รมหาบณั ฑติ สาขาเศรษฐศาสตร์ประยกุ ต์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ จงั หวดั เชยี งใหม่
Master of Economics in Applied Economics, Faculty of Economics, Maejo University, Chiang Mai
2 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ จงั หวดั เชียงใหม่
Faculty of Economics, Maejo University, Chiang Mai

256

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

คณุ ภาพการให้บริการและภาพลักษณ์องค์กร ท่สี ่งผลต่อความภักดขี องลูกค้า :
กรณีศึกษา บริษัทเคอร่ี เอ็กซ์เพรส ในเขตอาํ เภอเมืองสงขลา จังหวดั สงขลา
Service Quality and Corporate Image Affecting Customer’s Loyalty: A Case Study of

Kerry Express in Mueang District, Songkhla Province

ชญาตี โดนสวสั ด์ิ1 ชญานี ปี่แสงเงิน1 และอนวุ ตั สงสม2
Chayatee Donsawat1, Chayanee Peesangngoen1 and Anuwat Songsom2

บทคัดย่อ
งานวิจยั ฉบับนีม้ ีวตั ถุประสงค์เพ่ือพัฒนาแบบจําลองคุณภาพการให้บริการและภาพลกั ษณ์องค์กร ท่ี
ส่งผลต่อความภกั ดีของผู้ใช้บริการบริษัท เคอร่ี เอ็กซ์เพรส จํากัด ในเขตอําเภอเมือง จงั หวดั สงขลา กล่มุ ตวั อย่าง
คือลูกค้าจํานวน 250 ราย จากการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือการวิจัย การ
วิเคราะห์ข้อมูลพืน้ ฐานใช้สถิติเชิงพรรณนา และตรวจสอบความสอดคล้องของแบบจําลองด้วยการวิเคราะห์
แบบจําลองสมการโครงสร้าง ผลการวิจยั พบว่า แบบจําลองที่พฒั นาขึน้ มีความสอดคล้องกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์
(χ2 /df=1.87, CFI=0.99, RMSEA=0.058, SRMR=0.038) โดยพบว่า ปัจจัยด้ านคุณภาพการให้บริการ มี
อิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อภาพลกั ษณ์องค์กรและความภกั ดีของลกู ค้า ด้วยขนาดอิทธิพล เทา่ กบั 0.40 และ 0.57
ณ ระดบั นยั สําคญั ทางสถติ ิ .05 นอกจากนี ้ยงั พบว่า ภาพลกั ษณ์องค์กร มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อความภกั ดี
ของลกู ค้า ด้วยขนาดอทิ ธิพลเทา่ กบั 0.59 ณ ระดบั นยั สาํ คญั ทางสถติ ิ .05

คาํ สาํ คัญ: คณุ ภาพบริการ ภาพลกั ษณ์องค์กร ความภกั ดีของลกู ค้า

Abstract
The purpose of this research was to develop a causal relationship model between service
quality, corporate image and customer loyalty on Kerry Express’s services. The sample consisted of
220 customers in Mueang district, Songkhla province by purposive sampling. A set of questionnaires
was used as a research instrument. The primary data were analyzed by descriptive statistics and the
goodness of fit. It was found that the causal relationship model have a good fit with the empirical data
(χ2/df=1.87, CFI=0.99, RMSEA=0.058, SRMR=0.038). The service quality factors influence directly
towards corporate image and customers loyalty which an effect size of 0.40 and 0.57 at a significant
level of 0.05. Additionally, The corporate image positively affected customer loyalty with an effect size
of 0.59 at a significant level of 0.05

Keywords: Service Quality, Corporate Image, Customers Loyalty

1 สาขาวิชาการจดั การธุรกจิ การค้าสมยั ใหม่ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธรุ กจิ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ
Modern Trade Business Management Program, Faculty of Economics and Business Administration, Thaksin University
2 อาจารย์ทีป่ รึกษา คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกจิ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ
Advisor, Faculty of Economics and Business Administration, Thaksin University

257

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การตลาดเชิงประสบการณ์และคุณภาพความสัมพันธ์ท่มี ีอิทธิพลต่อความภกั ดี
ของลกู ค้าร้านขนมบ้านโกไข่ อาํ เภอหาดใหญ่ จงั หวัดสงขลา

Experiential Marketing and Relationship Quality Influence on Customer Loyalty of Baan Kokai
Bakery Shop in Hatyai District, Songkhla Province

รัตนา แซ่ล่มิ 01 อลษิ า คงเทพ11 และอนวุ ตั สงสม22*
Rattana Saelim1, Alisa Khongthep1 and Anuwat Songsom2*

บทคัดย่อ
งานวิจยั นีม้ ีวตั ถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์อิทธิพลระหว่างการตลาดเชิงประสบการณ์ คณุ ภาพความสมั พนั ธ์
และความภกั ดีของลกู ค้าทีม่ ีต่อร้านขนมบ้านโกไข่ อําเภอหาดใหญ่ จงั หวดั สงขลา กลมุ่ ตวั อย่างคือลกู ค้า 250 ราย
จากการสมุ่ ตวั อย่างแบบหลายขนั้ ตอน เคร่ืองมือการวิจยั เป็นแบบสอบถามออนไลน์ ซึ่งมีข้อคําถามแบบเลือกตอบ
และมาตรวัดประเมินค่า การวิเคราะห์ข้อมูลพืน้ ฐานโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และตรวจสอบความสอดคล้องของ
แบบจําลองด้วยการวิเคราะห์แบบจําลองสมการโครงสร้ าง ผลการวิจัยพบว่า แบบจําลองท่ีพัฒนาขึน้ มีความ
สอดคล้องกบั ข้อมลู เชิงประจกั ษ์ (X2/df = 1.60, CFI=0.97, RMSEA=0.011, SRMR= 0.033) โดยพบวา่ การตลาด
เชิงประสบการณ์ มีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อคุณภาพความสัมพันธ์ และความความภักดีของลูกค้ าด้ วยขนาด
อิทธิพล เท่ากับ 0.86 และ 0.39 ณ ระดับนัยสําคัญทางสถิติ .05 นอกจากนี ้ ยังพบว่า คุณภาพความสมั พันธ์มี
อทิ ธิพลทางตรงเชิงบวกต่อความภกั ดขี องลกู ค้า ด้วยขนาดอิทธิพลเท่ากบั 0.49 ณ ระดบั นยั สาํ คญั ทางสถิติ .05

คําสาํ คัญ: การตลาดเชงิ ประสบการณ์ คณุ ภาพความสมั พนั ธ์ ความภกั ดีของลกู ค้า

Abstract
The purpose of this research was to analyze the effect between experiential marketing,
relationship quality and customer loyalty to Baan Kokai Bakery in Hatyai District, Songkhla Province. The
samples consisted of 250 customers by multi-stage sampling. A set of online questionnaires was used
as a research instrument which measured on check list and five-point Likert scales. The primary data
were analyzed by descriptive statistics, and the goodness of fit of the model was assessed by using
structural equation modeling. The results showed that the developed model was consistent with the
empirical data (X2/df = 1.60, CFI=0.97, RMSEA=0.011, SRMR= 0.033). The experiential marketing factor
positively affected on relationship quality and customer loyalty with an effect size of 0.86 and 0.39 at
significance level of .05. Additionally, The relationship quality was also found to have a positive direct
effect on customer loyalty with an effect size of 0.49 at significant level of .05

Keywords: Experiential Marketing, Relationship quality, Customer loyalty

1 สาขาวชิ าการจดั การธุรกิจการค้าสมยั ใหม่ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกจิ มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ
1 Modern Trade Business Management program, Faculty of Economics and Business Administration, Thaksin University
2* อาจารย์ทปี่ รึกษา สงั กดั คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ
2* Advisor, Faculty of Economics and Business Administration, Thaksin University. Corresponding author

258

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

ความสมั พันธ์เชิงสาเหตุระหว่างแรงจงู ใจ ภาพลักษณ์แหล่งท่องเท่ยี ว และความภกั ดี
ของนักท่องเท่ยี วชาวไทยท่มี ตี ่อสวนสาธารณะหาดใหญ่ จังหวดั สงขลา

The causal relationship between motivation, tourist attraction and Thai’s tourists loyalty to Hat
Yai Public Park, Songkhla Province

นิภาพร ล่วนเตม็ 01 พติ านนั ท์ หงษ์วหิ ค11 และอนวุ ตั สงสม22*
Nipaporn Luantem1, Pitanan Hongwihok1 and Anuwat Songsom2*

บทคัดย่อ
งานวิจยั นีม้ ีวตั ถุประสงค์เพ่ือวิเคราะห์ความสมั พนั ธ์เชิงเหตรุ ะหว่างแรงจูงใจ ภาพลกั ษณ์ และความภกั ดี
ของนักท่องเที่ยวชาวไทยท่ีมีต่อสวนสาธารณะหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กลุ่มตัวอย่างเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย
จํานวน 220 ราย ซ่ึงได้สุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือการวิจยั คือแบบสอบถาม ซึ่งเป็นคําถามแบบเลือกตอบ
และมาตรวดั ประมาณค่า การวิเคราะห์ข้อมลู พนื ้ ฐานโดยใช้สถติ พิ รรณนา ขณะท่ีการตรวจสอบความสอดคล้องของ
โมเดลและการวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพล ใช้โปรแกรมสําเร็จรูป LISREL 10.20 student version ผลการวิจยั พบว่า
โมเดลสมการโครงสร้ างมีความสอดคล้ องกับข้ อมูลเชิงประจักษ์ (X2/df=1.63, CFI=0.99, RMSEA=0.051,
SRMR=0.030) โดยพบว่า ปัจจยั ด้านแรงจูงใจมีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อภาพลกั ษณ์แหล่งท่องเท่ียวและความ
ภักดีของนักท่องเท่ียว ด้วยสัมประสิทธิ์อิทธิพล เท่ากับ 0.79 และ 0.30 นอกจากนี ้ ยังพบว่า ภาพลักษณ์แหล่ง
ท่องเที่ยว มีอทิ ธิพลทางตรงเชิงบวกต่อ ความจงภกั ดีของนกั ท่องเที่ยว โดยมคี า่ สมั ประสิทธ์ิอิทธิพล เท่ากบั 0.52 ณ
ระดบั นยั สาํ คญั ทางสถิติ .05

คําสาํ คัญ: แรงจงู ใจ, ภาพลกั ษณ์แหล่งท่องเทย่ี ว, ความภกั ดขี องนกั ทอ่ งเท่ียว

Abstract
The objective of this research was to analyze the causal relationship between motivation, tourist
attraction and loyalty of Thai tourists to Hat Yai Park, Songkhla province. The sample consisted of 220
Thai tourists from purposive sampling. The research tool was a questionnaire which a multiple choice
question and rating scale. The primary data analysis using descriptive statistics, while the model
consistency and path analysis using the package of LISREL 10.20 student version. The results showed
that the structural equation model was consistent with the empirical data (X2/df=1.63, CFI=0.99,
RMSEA=0.051, SRMR=0.030). The motivation factor had positive direct effect on tourist attraction and
tourist loyalty with a coefficient of 0.79 and 0.30. In Addition, The tourist attraction had a positive direct
effect on tourist loyalty with a coefficient of 0.52 at the significance2level of .05.

Keywords: Motivation, Tourist attraction, Tourist loyalty

1 สาขาวชิ าการจดั การธรุ กิจการค้าสมยั ใหม่ คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธรุ กิจ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ
1 Modern Trade Business Management program, Faculty of Economics and Business Administration, Thaksin University
2* อาจารย์ทีป่ รึกษา สงั กดั คณะเศรษฐศาสตร์และบริหารธรุ กิจ มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ
2* Advisor, Faculty of Economics and Business Administration, Thaksin University, Corresponding author

259

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ คร้ังที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

แนวคิดสตรีนิยมและบทบาทของผู้นาสตรีในขบวนการเคล่ือนไหวทางสังคม:
กรณีศึกษาเครือข่ายปฏิรูปท่ีดินภาคอสี าน

Feminist Concept and Role of Female Leaders in Social Movements:
A Case Study of Esaan Land Reform Network

พมิ พ์ธรรม เอือ้ เฟื้อ1 ยภุ าพร ต๊ะรังษี1 และกฤช วีรกลุ 1
Pimtham Uafua1, Yupaporn Tarungsri1 and Krist Weerakun1

บทคดั ย่อ
บทความวิจยั ฉบบั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดของผ้นู าสตรีในการเคลื่อนไหวของเครือข่ายปฏิรูป
ที่ดินภาคอีสาน และสารวจบทบาทของผ้นู าสตรีในเครือข่ายปฏิรูปทีด่ ินภาคอีสานในการเคลอื่ นไหวเพ่ือเรียกร้อง
สิทธิในที่ดิน โดยใช้วิธีวิจยั เชิงคุณภาพในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการสมั ภาษณ์เชิงลึกผู้นาสตรีในเครือข่าย
ปฏิรูปท่ดี นิ ภาคอีสานและเอกสารทเี่ กี่ยวข้อง และวเิ คราะห์ข้อมลู ผา่ นกรอบแนวคดิ ขบวนการเคล่ือนไหวทางสงั คม
และแนวคิดสตรีนิยม
จากการศึกษาพบว่า ฐานคิดของผู้นาสตรีเครือข่ายปฏิรูปที่ดินอีสานมีความสอดคล้องกับแนวคิดสตรี
นิยมแนวนิเวศนิยม (Ecofeminism) ซ่ึงมีความผูกพนั กบั ธรรมชาติในฐานะท่ีเป็นแหลง่ อาหารและบ้านของผ้หู ญิง
เมื่อรัฐประกาศเขตพืน้ ท่ีอุทยานและให้สมั ปทานที่ดินกับบริษัทเอกชน ซ่งึ สง่ ผลกระทบต่อธรรมชาติ วิถีชีวิต และ
ระบบเศรษฐกิจของผู้หญิงและคนในชุมชน ส่ิงเหล่านีม้ ีส่วนผลกั ดันให้ผ้หู ญิงเข้าร่วมเครือข่ายปฏิรูปท่ีดินอีสาน
เพื่อเรียกร้ องสิทธิในท่ีดินทากินคืนจากรัฐ ส่วนบทบาทของผู้นาสตรีถูกหล่อหลอมจากระบบพ่ีเลีย้ ง การ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการทางานในเครือข่ายมีส่วนสาคญั ทาให้ผู้หญิงปรับเปลี่ยนและขยายบทบาทของตนเอง
จากภาระรับผิดชอบในพืน้ ที่ส่วนตัวมาสู่ภาระรับผิดชอบในพืน้ ที่สาธารณะด้วยการมีบทบาทนาในขบวนการ
เคล่ือนไหวมากย่งิ ขนึ ้

คาสาคญั : สตรีนิยม, ขบวนการเคลือ่ นไหวทางสงั คม, เครือข่ายปฏริ ูปทีด่ ินภาคอีสาน, สทิ ธิในทีด่ นิ

ABSTRACT
This research article aims to study the feminist concept employed by female leaders of the
Esaan Land Reform Network that influenced their approach to activism, and examine the role of female
leaders of the Esaan Land Reform Network in reclaiming land rights. This qualitative study is conducted
using in-depth interview with female leaders of the Esaan Land Reform Network and documentary

1 โครงการจดั ตงั้ ภาควชิ าสงั คมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน จงั หวดั นครปฐม
Department of Social Sciences, Faculty of Liberal Arts and Science, Kasetsart University, Kamphaeng San Campus, Nakhon Pathom

260

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564
research as methods of data collection, and employs the concepts of social movement and feminism to
analyze the collected data.

The study found that the feminist concept employed by female leaders of the Esaan Land
Reform Network is congruent with ecofeminism. The lives of women have been dependent on nature as
sources of food and a home in which they have settled in. The state’s announcement of national park
under its forest conservation policy intersecting the lands of existing community, and the state’s land
concession granted to private companies directly impacted the nature, and the livelihood and economic
system of women and other residents. Those women affected by such policy decided to join the Esaan
Land Reform Network in order to reclaim land rights. Moreover, the role of female leaders forged by the
mentoring system and knowledge sharing within the Esaan Land Reform Network significantly expanded
women’s sphere of responsibility. The role of women in the public sphere has been recognized through
their participation as leaders of the Esaan Land Reform Network.

Keywords: Feminism, Social Movement, Esaan Land Reform Network, Land Rights
E-mail address: [email protected]

261

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดท่มี อี ิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจซือ้ ผลติ ภัณฑ์ ผ่าน
เคร่ืองจาํ หน่ายสนิ ค้าอัตโนมตั ิ (Vending Machine) ของบริษัท ดอยคาํ ผลิตภัณฑ์อาหาร จาํ กัด

Marketing Mix Factors Affecting Purchasing Decision Process of Products Through
Automatic Vending Machine of Doi Kham Food Product Co., Ltd.

ธนิด แท่นศลิ า01, ชื่นจิตต์ แจ้งเจนกจิ 12
Thanid Tansila1, Chuenjit Changchenkit2

บทคดั ย่อ
การวิจยั นีม้ ีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจยั สว่ นประสมทางการตลาดท่มี ีอิทธิพลต่อกระบวนการตดั สนิ ใจซือ้
ผลิตภณั ฑ์ ผ่านเครื่องจําหน่ายสินค้าอตั โนมตั ิ ของบริษัท ดอยคําผลิตภณั ฑ์อาหาร จํากดั กลมุ่ ตวั อย่าง คือ ผู้ท่ีเคย
ซือ้ สินค้าดอยคํา และอาศยั หรือทํางาน ในกรุงเทพมหานคร จาํ นวน 400 ราย ใช้แบบสอบถามออนไลน์ และสถิติใน
การวิเคราะห์ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉล่ีย ค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน t-test F-test (One-way ANOVA) ค่าสมั ประสิทธ์ิ
สหสมั พนั ธ์ และวิเคราะห์ถดถอยพหุคณู ผลวิจัยพบว่า ปัจจัยส่วนประสมการตลาด มีระดับความสมั พันธ์สูง กับ
กระบวนการตดั สนิ ใจซือ้ และปัจจยั สว่ นประสมทางการตลาดทงั้ 4 ตวั ร่วมกนั อธิบายความผนั แปรของกระบวนการ
ตดั สินใจซือ้ ได้ร้อยละ 56.7 โดยพบว่า ปัจจยั ส่วนประสมทางการตลาดท่ีมีอิทธิพลต่อกระบวนการตดั สินใจซือ้ คือ
ผลติ ภณั ฑ์ ราคา ชอ่ งทางจดั จาํ หนา่ ย และสง่ เสริมการตลาด อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิตทิ ่ีระดบั .05

คําสําคัญ: สว่ นประสมทางการตลาด, กระบวนการตดั สินใจซือ้ , เครื่องจําหนา่ ยสนิ ค้าอตั โนมตั ิ

Abstract
The purpose of this research was to study Marketing Mix Factors Affecting Purchasing Decision Process of
Products Through Automatic Vending Machines of Doi Kham Food Product Co., Ltd. The sample group was
400 peoplewho had purchasedDoi Kham productsand lived or worked in Bangkokusing an onlinequestionnaire.
and the analysis statistics were frequency, percentage, mean, standard deviation, t-test, F-test (One-way ANOVA),
correlation coefficient. and multiple linear regression. The results of the research found that marketing
mix factor have a high level of relationship with the purchase decision process and the four marketing
mix factors together explained the variation of the purchasing decision process by 56.7%. It was found
that the marketing mix factors influencing the purchasing decision process were products, prices,
distribution channels. and promote marketing statistically significant at the .05

Keywords: Marketing Mix, Decision Making, Vending Machine
Email: [email protected]

1 สาขาบริหารธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
Business Administration, Faculty of Business Administration, Kasetsart University

2 ภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกจิ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
Department of Marketing, Faculty of Business Administration, Kasetsart University

262

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ผลกระทบของการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาทนุ ต่อการเจริญเติบโตของ
ผลติ ภาพการผลติ รวม กรณีศึกษาประเทศในภมู ภิ าคอาเซยี น

IMPACT OF RESEARCH AND DEVELOPMENT CAPITAL ON TFP GROWTH:
THE CASE OF ASEAN COUNTRIES

เฟ่ื องฟ้า เทพปิ ตพุ งศ์01, โฮเฮ ฟิเดล บาราโฮนา คาเซอเรส12, วรรณวิไล จลุ พนั ธ์2, และ กนั ตพร ช่วงชิด2
Fuangfa Theppitupong 1, Jorge Fidel Barahona Caceres2, Wanvilai Chulaphan2, and Kantaporn Chuangchid2

ABSTRACT
This paper provides empirical estimates for the impact of Research and Development (R&D)
capital on Total Factor Productivity (TFP) growth of six ASEAN countries over the period from 1991 to
2018. First, from the Production theory we measure TFP growth using Data Envelopment Analysis (DEA)
techniques based on Malmquist Productivity Index (MPI). The DEA result found that Singapore is the
leader country, which always has TFP growth through Technical Change (TC) progress while other
countries always lag behind due to the lack of technical capacities. Second, from the Solow Growth
Model, we estimated how R&D capital, FDI capital, and human capital impact TFP growth by the Panel
Estimated Generalized Least Squares (EGLS) method. The finding shows R&D capital and human
capital are positively impact on TFP, especially R&D capital is the main source of TFP growth through
improvement on technology and to catch up with the developed country in terms of TFP growth, ASEAN
countries should support more investment in R&D capital specially to technology and innovation
capacities.

Keywords: Total Factor Productivity, Data Envelopment Analysis, Malmquist Productivity Index, R&D expenditure
*Corresponding author E-mail address: [email protected]

1 หลกั สตู รมหาบณั ฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์ประยกุ ต์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ้ จงั หวดั เชียงใหม่
Master of Economics in Applied Economics, Faculty of Economics, Maejo University, Chiang Mai
2 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั แม่โจ้ จงั หวดั เชียงใหม่
Faculty of Economics, Maejo University, Chiang Mai

263

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564
การศกึ ษาปัจจยั ท่สี ่งผลต่อการเพ่มิ ขนึ้ อย่างสูงของเงนิ สาํ รองระหว่างประเทศในประเทศไทย
Investigating The Factors That Affect the Surge of Thailand's International Reserves
สมัชญ์ สุขใส01, โฮเฮ ฟิเดล บาราโฮนา คาเซอเรส12, วรรณวไิ ล จลุ พนั ธ์2, และ กนั ตพร ชว่ งชิด2
Samach Sooksai1, Jorge Fidel Barahona Caceres2, Wanvilai Chulaphan2, and Kantaporn Chuangchid2
ABSTRACT

The aim of this paper was to investigate economic factors contributing to the large increase in
Thailand's international reserves by using an Autoregressive Distribution Lag (ARDL) model. The data
used in this study is quarterly data from 1993 to 2019. The selection of explanatory variables was
based on the country’s precautionary and mercantilist motives to accumulation international reserves.
Our result confirms that trade openness, financial openness, exchange rate, real GDP per capita are
positive relationship with Thailand’s international reserves in the long-run period. However, inflation is
concerned to demand international reserves because we found an extremely negative effect on
international reserves in Thailand. Therefore, to keep international reserves at an adequacy level. The
policymaker should monitor the deflation and domestic currency appreciation because it leads to
continuously increase of international reserves in Thailand.

Keywords: International Reserves, Reserves
*Corresponding author E-mail address: [email protected]

1 หลกั สตู รมหาบณั ฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์ประยกุ ต์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ้ จงั หวดั เชียงใหม่
Master of Economics in Applied Economics, Faculty of Economics, Maejo University, Chiang Mai
2 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ จงั หวดั เชยี งใหม่
Faculty of Economics, Maejo University, Chiang Mai

266

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

ผลการจัดการเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหา DAPIC
ท่มี ีต่อทักษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เร่ือง ฟังก์ชันตรีโกณมิติ
ของนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5

The Results of the Active Learning with the DAPIC Problem Solving Process for
Mathematical Problem Solving Skills on Trigonometric Functions in Mathayomsuksa 5

วลิ าสนิ ี ส่งแสง1 , แสงเดอื น เจริญฉิม2 , พงศช์ าติ อม่ิ นกุ ลู กจิ 3 และ วทิ ยา ซมิ ้ เจริญ2
Wilasinee Songsang1 , Sangduan Charoenchim2 , Pongchat Imnukulkit3 and Wittaya Simcharoen2

บทคัดย่อ
การวิจัยครัง้ นีม้ ีวัตถุประสงค์เพ่ือ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง
ฟังก์ชนั ตรีโกณมิติ ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 โดยการจดั การเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับ
กระบวนการแก้ปัญหา DAPIC หลงั เรียนกบั เกณฑ์ร้อยละ 70 2) เปรียบเทยี บทกั ษะการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์
ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 โดยการจดั การเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกบั กระบวนการแก้ปัญหา
DAPIC ก่อนและหลังเรียน และหลังเรียนกับเกณฑ์คุณภาพ และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน
ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 ที่มีต่อการจดั การเรียนรู้ กล่มุ ตวั อย่างที่ใช้ คือ นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 จํานวน 35 คน
โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย จังหวัดนครปฐม ในภาคเรียนที่ 1 ซึ่งได้จากการสุ่มแบบกลุ่ม (cluster sampling)
โดยมีห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือท่ีใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบ แบบทดสอบ
วดั ทกั ษะการแก้ปัญหา และแบบสอบถามความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมลู โดยใช้ค่าสถิติ t - test ค่าเฉล่ีย และ
ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ผลการวิจยั พบว่า 1) ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เร่ือง ฟังก์ชันตรีโกณมิติ
ของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 โดยการจดั การเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกบั กระบวนการแก้ปัญหา
DAPIC หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้ อยละ 70 อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ทักษะการแก้ปัญหา
ทางคณิตศาสตร์ของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 โดยการจดั การเรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับ
กระบวนการแก้ปัญหา DAPIC หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 และหลัง
การจดั การเรียนรู้ภาพรวมอยู่ในระดบั ดีมาก และ 3) นกั เรียนชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 มีความพงึ พอใจต่อการจดั การ
เรียนรู้ด้วยกระบวนการเรียนรู้เชิงรุกร่วมกับกระบวนการแก้ปัญหา DAPIC ภาพรวมอยู่ในระดับความพึงพอใจ
มากท่สี ดุ

คําสาํ คัญ : กระบวนการเรียนรู้เชิงรุก, กระบวนการแก้ปัญหา DAPIC, ทกั ษะการแก้ปัญหาทางคณติ ศาสตร์
E-mail address : [email protected]

1 นสิ ติ หลกั สตู รศกึ ษาศาสตร์บณั ฑติ คณะศกึ ษาศาสตร์และพฒั นศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน
Bachelor of Education, Faculty of Education and Development Sciences, Kasetsart University Kamphaeng Saen Campus
2 คณะศกึ ษาศาสตร์และพฒั นศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน
Faculty of Education and Development Sciences; Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus
3 โรงเรียนสิรินธรราชวทิ ยาลยั
Princess Sirindhorn's College

267

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ คร้ังที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564
Abstract

This research objectives 1) To compare the learning achievement on Trigonometric functions of
Mathematics subject in Mathayomsuksa 5 by the Active Learning process with the DAPIC problem
solving process after studying with the 70 percent criterion. 2) To compare the problem solving skills
before and after using the DAPIC problem solving process. and after studying with the quality criteria
and 3) To study the student’s opinion. The sample group were 35 students in Mathayomsuksa 5 at
Princess Sirindhorn's College, Nakhon Pathom Province in the first semester, which were obtained
by cluster sampling as a random unit. The research intruments were learning management plans,
an achievement test, a problem solving skills test and a questionnaire. The statistics were analyzed
using t - test, mean and standard deviation.

The results of the research were as follows:
1) The mathematical learning achievement on Trigonometric Functions in Mathayomsuksa 5
by the Active Learning process with the DAPIC problem solving process has the post score which was
higher than the 70 percent criterion.
2) The problem solving skills in Mathayomsuksa 5 by the Active Learning Process with
the DAPIC problem solving process after was higher than before with statistical significance at .05 level
and after learning was a very good level.
3) The student’s opinion after using the Active Learning process with the DAPIC problem solving
process was the highest level.

Keyword : Active Learning process, DAPIC problem solving process, problem solving skills

268

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การวางแผนกลยทุ ธการส่ือสารทางการตลาดของศนู ย์การค้าแฟช่ันไอส์แลนด์ในยคุ โควดิ หลังฉีดวคั ซนี
Marketing Communication Strategy Planning for Fashion Island Shopping Mall after COVID-19 Vaccination

สายชล พิพทั ธกศุ ลกลุ 1 และ ไพฑรู ย์ เจตธำรงชยั 2
Saichon Phiphadkusolkul1 and Paitoon Chetthamrongchai

บทคัดย่อ
กำรศกึ ษำครัง้ นีม้ วี ตั ถปุ ระสงค์เพื่อศกึ ษำกำรวำงแผนกลยทุ ธกำรสอื่ สำรทำงกำรตลำดของศนู ย์กำรค้ำแฟชนั่ ไอส์
แลนด์ในยคุ โควิดหลงั ฉีดวคั ซนี กลมุ่ ตวั อย่ำงทใี่ ช้ในกำรศกึ ษำครัง้ นีค้ ือประชำกรทใี่ ช้บริกำรศนู ย์กำรค้ำแฟชน่ั ไอส์
แลนด์ จำนวน 400 รำย และใช้แบบสอบถำมด้วยตวั เองเป็นเครื่องมอื ในกำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู สถติ ิทน่ี ำมำใช้ใน
กำรศกึ ษำวเิ ครำะห์ได้แก่สถติ ิแบบพรรณนำ ด้วยกำรวเิ ครำะห์แจกแจงควำมถ่ี ร้อยละ คำ่ เฉล่ยี และคำ่ เบีย่ งเบน
มำตรฐำน t-test กำรวิเครำะห์ควำมแปรปรวนทำงเดียว (One-Way ANOVA) และ Chi-Square สำหรับวเิ ครำะห์
ควำมแตกต่ำงระหวำ่ งคำ่ เฉลย่ี ของตวั แปรมำกกว่ำ 2 กลมุ่ โดยกำหนดระดบั นยั สำคญั ทำงสถิติท่รี ะดบั 0.05
ผลกำรวิจยั พบว่ำปัจจยั สว่ นบคุ คลทีแ่ ตกต่ำงกนั ของผ้ใู ช้บริกำร ได้แก่ อำยแุ ละอำชพี มกี ำรตดั สินใจเลือกใช้บริกำร
ศนู ย์กำรค้ำแฟชนั่ ไอสแ์ ลนด์ในยคุ โควิดหลงั ฉีดวคั ซนี ทแ่ี ตกต่ำงกนั นอกจำกนยี ้ งั พบวำ่ ปัจจยั สว่ นบคุ คล ได้แก่ เพศ
อำยุ ระดบั กำรศกึ ษำ รำยได้เฉล่ียต่อเดือน และกำรฉีดวคั ซนี ปอ้ งกนั โรค Covid-19 มคี วำมสมั พนั ธ์กบั พฤตกิ รรม
กำรรับรู้สอื่ ของศนู ย์กำรค้ำแฟชน่ั ไอสแ์ ลนด์ในยคุ โควิดหลงั ฉีดวคั ซนี

คาสาคัญ: กลยทุ ธกำรส่อื สำรทำงกำรตลำด, ศนู ย์กำรค้ำ
Abstract

This study investigated the marketing communication strategy planning for Fashion Island Shopping mall
after COVID-19 vaccination. Data were obtained from a survey of Fashion Island shopping mall customers
(N = 400). The data were analyzed using descriptive statistic, t-tase One-Way ANOVA and Chi-Square.
Our survey result suggests that individual aspects such as age and occupation relate to customer decision
to come for service at Fashion Island. While gender, age, education background, average income, and
vaccination status describe behavior and awareness of customer for Fashion Island communication media
in this period.

Key words: Marketing Communication Strategy Planning, Shopping Mall
Email: [email protected]

1 คณะบริหำรธรุ กิจ มหำวิทยำลยั เกษตรศำสตร์
Faculty of Business Administration, Kasetsart University

2 ภำควชิ ำกำรตลำด คณะบริหำรธุรกิจ มหำวิทยำลยั เกษตรศำสตร์
Department of Marketing, Faculty of Business Administration, Kasetsart University

269

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ คร้ังที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
ปัจจยั ท่ีส่งผลกระทบมลู ค่าการส่งออกสนิ ค้าอตุ สาหกรรมและมูลค่าการส่งออกสนิ ค้าเกษตรของ

ประเทศไทยกบั ประเทศคู่ค้าหลัก
Factors that impact industrial and agricultural export value of Thailand with major trading partners

อรนิชา สงิ ห์ภกั ด0ี1, โฮเฮ ฟิเดล บาราโฮนา คาเซอเรส12, วรรณวไิ ล จลุ พนั ธ์2, และ กนั ตพร ชว่ งชดิ 2
Onnicha Singphakdee 1, Jorge Fidel Barahona Caceres2, Wanvilai Chulaphan2, and Kantaporn Chuangchid2

ABSTRACT
This study investigates the factors that impact exports of industrial and agricultural goods from
Thailand to major partners. We developed a regression analysis base on a gravity model using data
from 2002 to 2019. We find that export of both industries is impacted in a similar magnitude by
population, oil prices and exchange rate. However, the magnitude of the effect of real GDP of partner
country and total production in the sector are different. Because trade partners of industrial export and
trade partners of agricultural product are different. The export value of agriculture in Thailand by real
GDP of China more than other countries in major countries export of Thailand. In addition, the
manufacturing product of Thailand, US, Japan and China affect to the manufacturing product of
Thailand. The government and policymakers can use these results to consider for determine the policy
to stimulate more production of both sector for increase the opportunity for export to another countries.

Keyword: Export industry, Export agriculture, Gravity model
*Corresponding author; e-mail address: [email protected]

1 หลกั สตู รมหาบณั ฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์ประยกุ ต์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ้ จงั หวดั เชียงใหม่
Master of Economics in Applied Economics, Faculty of Economics, Maejo University, Chiang Mai
2 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ จงั หวดั เชยี งใหม่
Faculty of Economics, Maejo University, Chiang Mai

270

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
คุณภาพโดยเปรียบเทยี บของรัฐบาลส่งผลอย่างไรต่อการลงทุนโดยตรง
จากต่างประเทศในประเทศไทย

How Does The Relative Government Quality Affect to Foreign Direct Investment Inflow into Thailand

พุทธชิ า พริ ิยสถิต01, โฮเฮ ฟิเดล บาราโฮนา คาเซอเรส12, วรรณวิไล จลุ พนั ธ์2, และ กนั ตพร ช่วงชิด2
Putticha Piriyasathit1, Jorge Fidel Barahona Caceres2, Wanvilai Chulaphan2, and Kantaporn Chuangchid2

Abstract
This paper analyzes the impact of relative government quality on Foreign direct investment (FDI)
inflows from eleven source countries into Thailand over the period 2005 to 2019. To examine the gap of
relative in government quality indicators (political stability, government effectiveness, control of
corruption and rule of law) by using a panel Gravity model. The empirical results found two of four
indicators that refer relative quality of government between source countries and Thailand are relative
government effective and rule of law have positive impact on FDI inflow into Thailand. Based on our
study policy maker can launch policies to improve quality of government.

Keyword: Foreign Direct Investment, Government Quality, Gravity Model
Corresponding author E-mail address: [email protected]

1 หลกั สตู รมหาบณั ฑติ สาขาเศรษฐศาสตร์ประยกุ ต์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้ จงั หวดั เชยี งใหม่
Master of Economics in Applied Economics, Faculty of Economics, Maejo University, Chiang Mai
2 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลยั แม่โจ้ จงั หวดั เชยี งใหม่
Faculty of Economics, Maejo University, Chiang Mai

271

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การศกึ ษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านการแพทย์พนื้ บ้านในชุมชนลาวคร่ัง
จังหวดั นครปฐม เพ่ือการพฒั นาผลิตภัณฑ์เสริมสร้างสุขภาพเชิงสร้างสรรค์

A study of the intangible cultural heritage of folk medicine in Lao Khrang community
Nakhon Pathom Province for the development of creative health enhancing products.

แพรภทั ร ยอดแก้ว01 และ ภารณี นิลกรณ์12
Praepat Yodkaew 1and Paranee ninkorn 2

บทคัดย่อ
การวิจัยนีเ้ ป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษา 1. ภูมิปัญญาด้านการแพทย์พืน้ บ้านใน
ชมุ ชนลาวครั่ง จงั หวดั นครปฐม 2.ผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชนจากภมู ิปัญญาด้านการแพทย์พนื ้ บ้านในชมุ ชนลาวคร่ัง จงั หวดั
นครปฐม วิธีการเลือกกลมุ่ ตวั อย่างด้วยวิธีเลือกแบบเจาะจง คือ คนในชุมชนลาวคร่ัง 4 พืน้ ที่ในจงั หวดั นครปฐม
จํานวน 24 คน โดยใช้การวจิ ยั เชิงคณุ ภาพ ด้วยวธิ ีการสมั ภาษณ์เชิงลกึ และการอภปิ รายกลมุ่
ผลการวจิ ยั พบวา่
1. ภมู ิปัญญาการแพทย์พืน้ บ้านในชมุ ชนลาวคร่ัง จงั หวดั นครปฐม ได้สืบสานภมู ปิ ัญญาจากการสืบทอด
จากบรรพบรุ ุษลาวครั่งมาอย่างยาวนาน แพทย์พืน้ บ้านของชมุ ชนลาวครั่ง คือ หมอสมุนไพร หมอมนต์หรือหมอ
เป่ า หมอธรรม หมอสขู่ วญั หมอดแู ละหมอนวดแผนไทย ท่ีมีประสบการณ์ในการรักษามากกว่า 10 ปี แนวคิดใน
การดูแลสุขภาพของแพทย์พืน้ บ้านของชุมชนลาวครั่ง คือ การนําความรู้ด้านการแพทย์พืน้ บ้านและการใช้
สมุนไพรมาใช้ในการดแู ลตนเองและนําภูมิปัญญาท่ีมีไปใช้ในการทําผลิตภณั ฑ์เสริมสร้างสขุ ภาพ เพื่อแจกและ
จาํ หนา่ ยแกผ่ ้ทู สี่ นใจ ปัจจบุ นั ชมุ ชนลาวครั่งใช้ภมู ิปัญญาด้านการแพทย์พืน้ บ้านในการดแู ลรักษาสขุ ภาพทงั้ 4 มติ ิ
คอื 1.การสง่ เสริมสขุ ภาพ 2.การปอ้ งกนั โรค 3. การรักษาอาการเจ็บป่วย 4.การฟืน้ ฟสู ขุ ภาพ
2.ผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชนจากภมู ปิ ัญญาด้านการแพทย์พืน้ บ้านในชมุ ชนลาวคร่ัง จงั หวดั นครปฐม มี 4 กลมุ่ คอื
1.กลุ่มสมนุ ไพรสร้างเสริมสขุ ภาพ ได้แก่ ยาหม่องสตู รพืน้ บ้าน ยาดมสมนุ ไพร ลูกประคบสมนุ ไพร ยาสมนุ ไพรผี
บอก 2. กล่มุ อาหารพืน้ ถ่ิน ได้แก่ ปลาแดดเดียวสมนุ ไพร กุ้งครั่งอบสมนุ ไพร ข้าวเม่า นํา้ สมนุ ไพรว่านหางจระเข้
นํา้ สมนุ ไพรอญั ชนั มะนาว และนํา้ สมนุ ไพรมะม่วงหาวมะนาวโห่ 3.กลมุ่ อุปกรณ์ช่วยเหลือ ได้แก่ ต๊กุ ตาไม้ต๊กุ ติ๊ก
เสริมสร้างพฒั นาการเด็ก ยางยืดกระลาพาเพลนิ เครื่องช่วยเดินสี่ขาจากไม้ไผ่ 4. กล่มุ อุปกรณ์ฟืน้ ฟู ได้แก่ ไม้ตาล
ยดื เหยยี ด กระดานนวดเท้า หมอนสานไมไ่ ผเ่ พอื่ สขุ ภาพ ต๊กุ ตาผ้าคลายปวด และ กะลานวดเท้ามหศั จรรย์

คาํ สําคัญ: มรดกภมู ิปัญญาทางวฒั นธรรม, การแพทย์พืน้ บ้าน,ลาวคร่ัง, จงั หวดั นครปฐม

1 คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม นครปฐม ประเทศไทย
Faculty of Humanities and Social Sciences, Nakhon Pathom Rajaphat University, Bangkok, Thailand
2 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครปฐม นครปฐม ประเทศไทย
Faculty of Science and Technology, Nakhon Pathom Rajaphat University, Bangkok, Thailand

272

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

Abstract
This research is a qualitative research. The objectives of this study were to study 1. The wisdom
of folk medicine in Lao Krang community, Nakhon Pathom province. 2. Community products from folk
medicine wisdom in Lao Krang community, Nakhon Pathom province. The method of selecting the
sample by using the specific method was 24 people in Lao Khrang 4 community, Nakhon Pathom
province. The qualitative research was done by in-depth interview and group discussion.
The study revealed that
1. Folk Medicine Wisdom in Lao Khrang Community Nakhon Pathom Province has inherited the
wisdom from the ancestors of Lao Khrang for a long time.The folk medicine of the Lao Khrang community
are herbal healers, fairly magical healers, local theological healers, fortune tellers, and Thai traditional
masseuses. with more than 10 years of treatment experience. The concept of health care of indigenous
medicine of Lao Khrang community is to apply knowledge of traditional medicine and herbal use to take
care of oneself and to use wisdom to make health enhancing products. to distribute and distribute to
interested parties. At present, the Lao Khrang community uses the wisdom of folk medicine to take care
of health in all 4 dimensions: 1. Health promotion. 2. Disease prevention 3. Treatment of illness 4.
Restoration of health.
2. Community products from folk medicine wisdom in Lao Khrang community Nakhon Pathom
Province has 4 groups, which are: 1. Health-boosting herbs group, such as traditional herbal balm,
herbal inhalers, herbal compress and phi-bok herbal medicines 2. Local food groups, including herbed
sun-dried fish Roasted Shrimp with Herbs, Khao Mao, Aloe Vera Herbal Juice, Butterfly Pea Flower
herbal Juice with Lime, and Karanda Cranberry herbal juice 3. A group of assistive devices such as
wooden tuk-tik dolls to enhance children's development, elastic rubber bands and a four-legged walking
aid made of bamboo 4. Rehabilitation equipment group: stretching palm tree, foot massage board,
bamboo woven pillow for health, pain relief cloth doll and miraculous foot massage shell.

Keywords: intangible cultural heritage, folk medicine, Lao Khrang, Nakhon Pathom Province
E-mail address : [email protected], [email protected]

273

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
ศนู ย์การเรียนรู้ของกลุ่มชาตพิ นั ธ์ุลาวคร่ังกับการพัฒนาการท่องเท่ยี วนวตั วถิ ีในจังหวัดนครปฐม

Learning Center of Lao Khrang Ethnic Group and Nawat Withi Tourism Development
in Nakhon Pathom Province

ณรงค์วรรษ บญุ มา01
Narongwas Boonma1

บทคดั ย่อ
งานวิจยั นี ้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาศนู ย์การเรียนรู้ของกล่มุ ชาติพนั ธ์ุลาวคร่ังในจงั หวดั นครปฐม
2) ค้นหาศกั ยภาพศูนย์การเรียนรู้ของกลุ่มชาติพันธ์ุลาวครั่งนครปฐมเพ่ือพัฒนาการท่องเที่ยวนวตั วิถีในจังหวัด
นครปฐม โดยการศึกษาวจิ ยั จากเอกสาร (Documentary) และ การลงเก็บข้อมลู ภาคสนาม (Field Work) ในพนื ้ ที่
5 ตําบล ได้แก่ 1) โพรงมะเดื่อ 2) วงั นํา้ เขียว 3) ห้วยม่วง 4) ห้วยด้วน และ 5) ลําเหย ด้วยการเลือกเจาะจง
ผ้ใู ห้ข้อมลู สาํ คญั จากตวั แทนกล่มุ นกั ปราชญ์ 2 คน ผู้นําชมุ ชนในแต่ละตําบล 1 คน และ ชาวบ้าน 2 คน ตําบล
ละ 5 คน มี 5 ตําบลรวมทงั้ สิน้ 25 คน ผลการศกึ ษาพบว่า 1) ศนู ย์การเรียนรู้ของกล่มุ ชาติพนั ธ์ุลาวคร่ังในจงั หวดั
นครปฐม นนั้ เต็มไปด้วยภมู ิปัญญาที่ลํา้ ค่าสะท้อนผ่านผลิตภณั ฑ์ข้าวของเครื่องใช้ในการดํารงชีพ มีอตั ลกั ษณ์ท่ี
โดดเด่น ควรค่าแก่การอนุรักษ์ สืบสานให้ถึงอนุชนรุ่นหลงั ต่อไป และพบว่า 2) ศกั ยภาพของศูนย์การเรียนรู้ของ
กล่มุ ชาติพนั ธ์ุลาวครั่งนครปฐมนนั้ คือ การมีศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาในชุมชนอยู่แล้วและชุมชนเองก็พร้อมให้
ความร่วมมือนับว่าเป็นต้นทุนที่ดีต่อการส่งเสริมการท่องเท่ียวนวัตวิถีในจังหวัดนครปฐม ทัง้ นี ้ ต้องได้รับการ
สนบั สนนุ จากทกุ ภาคสว่ นโดยเฉพาะภาครัฐในการบริหารจดั การและการประชาสมั พนั ธ์

คําสาํ คัญ : ศนู ย์การเรียนรู้, ชาติพนั ธ์ลุ าวครั่ง, การพฒั นาการทอ่ งเท่ียวนวตั วิถี, จงั หวดั นครปฐม

1 (ภาษาไทย) สาขาวิชาสงั คมศกึ ษา คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์
(ภาษาองั กฤษ) Social Studies, Humanities and Social Sciences

274

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564
Abstract

This research aims 1) to study at the learning center of Lao Khrang ethnic group in Nakhon Pathom
and 2) to explore the potential of the Lao Khrang ethnic learning center in Nakhon Pathom for Nawatwithi
tourism development in Nakhon Pathom. By research studies from documents and field work in 5 sub-
districts, namely 1) Phrong Maduea 2) Wang Nam Khiao 3) Huai Muang 4) Huai Duan and 5) Lam Hai.
Selecting specific key informants from representatives; group of 2 scholars, 1 community leader in each sub-
district and 2 villagers, 5 people in each sub-district, there are 25 people in 5 sub-districts, totaling 25 people.
The results showed that 1) learning center of Lao Khrang Ethnic group in Nakhon Pathom, It is full of
invaluable wisdom reflected through the products of living appliances, a distinctive identity worthy of
conservation passed on to the next generation, and 2) The potential of the learning center of Lao Khrang
ethnic group in Nakhon Pathom is sufficient to promote Nawatwithi tourism in Nakhon Pathom, which requires
support from all sectors, especially the government, in management and public relations.

Keywords: Learning Center, Lao Khrang ethnic group, Nawat Withi Tourism Development, Nakhon Pathom Province
E-mail address: : [email protected]

275

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครงั้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

แนวทางการจดั การการท่องเท่ยี วทางวฒั นธรรมเพ่ือคนทงั้ มวล:
กรณีศึกษาเกาะเกร็ด อาเภอปากเกร็ด จังหวดั นนทบรุ ี

Ways To Cultural Tourism Management for All: Case Study of Koh Kret, Pak Kret, Nonthaburi

นภสร เวชพราหมณ์1
Napason Wetchapram1

บทคดั ย่อ
การวิจยั ครัง้ นีม้ ีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อศกึ ษาการจดั การการท่องเท่ียวทางวฒั นธรรมเพื่อคนทงั้ มวลของชุมชน
เกาะเกร็ด อาเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) มีการออก
ภาคสนามและการสมั ภาษณ์แบบเจาะจง (Purposive Sampling) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการท่องเที่ยว ทงั้ อดีต
ตัวแทนองค์การบริหารส่วนตาบลเกาะเกร็ด ผู้นาทางศาสนา ผู้มีความรู้และประสบการณ์ด้านวัฒนธรรม
ผ้ปู ระกอบการที่มีภูมิลาเนาอยู่ในพืน้ ท่ี ผู้ประกอบการจากภายนอก นกั ท่องเที่ยวที่มีอายุ 60 ปีขึน้ ไป ทงั้ เพศชาย
และเพศหญิง จานวน 10 คน รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจนาเที่ยวเพ่ือคนทงั้ มวล ผลการวิจยั พบว่า การจัดการการ
ท่องเท่ียวทางวัฒนธรรมเพ่ือคนทัง้ มวลของเกาะเกร็ด อาเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี มีกิจกรรมรองรับการ
ท่องเท่ียวทางวฒั นธรรมอย่างหลากหลาย ไมเ่ พียงแตเ่ ดนิ ชมเลอื กซือ้ สนิ ค้าดงั เชน่ สถานที่ท่องเท่ียวทวั่ ไป เช่น การ
สกั การะสิง่ ศกั ด์สิ ิทธิ์ประจาจงั หวดั นนทบรุ ี การนง่ั เรือชมวิถีชวี ิต การทดลองทาเครื่องปัน้ ดินเผา การสาธิตทาขนม
ไทยโบราณ หรือกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากท่ีสดุ คือ การเท่ียวชมโบราณสถานศิลปะไทยกรุงศรีอยุธยา-มอญ
เช่น เจดยี ์เอียงริมนา้ เจดย์มเุ ตา ได้ทงั้ ทางเท้าและตามเส้นทางธรรมชาติด้วยจกั รยาน แตเ่ กาะเกร็ดมจี ดุ อ่อนคือยงั
ขาดการบารุงรักษาสิ่งอานวยความสะดวกตามแนวคิดการท่องเท่ียวเพ่ือคนทงั้ มวลท่ีมีอยู่ เช่น ทางลาด ห้องนา้
รองรับรถเข็น รวมถึงอุปสรรคทางการเข้าถึง โดยมีปัจจยั สาคญั คือพืน้ ท่ีอนั จากดั การเข้าถึงเพียงทางนา้ และการ
ประชาสมั พนั ธ์เชญิ ชวนให้ผ้ทู ี่มีข้อจากดั ทางร่างกายแตม่ ตี ้นทนุ ทางเวลาและทนุ ทรพั ย์ เชน่ ผ้สู งู อายุ ท่มี พี ฤติกรรม
ทอ่ งเท่ยี วอย่างเนิบช้า ให้ทราบและเข้าใช้สง่ิ อานวยความสะดวกที่จดั เตรียมไว้ อยา่ งถกู จดุ ยิ่งขนึ ้

คาสาคัญ: การทอ่ งเทย่ี วทางวฒั นธรรม การทอ่ งเทีย่ วเพ่ือคนทงั้ มวล การจดั การการทอ่ งเท่ียว

Abstract
The purpose of this research was to study the management of cultural tourism for all at Koh Kret
community, Pakkret District, Nonthaburi Province. It is qualitative research with field trips and purposive
sampling of tourism stakeholders such as former representatives of the Koh Kret Subdistrict
Administrative Organization, religious leader, people with cultural knowledge and experienced

1 หลกั สตู รปริญญาศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการจดั การทรัพยากรวฒั นธรรม บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศิลปากร กรุงเทพมหานคร
Master of Arts Program in Program of (cultural resource management) Graduate School, Silpakorn University Bangkok 10220

276

การประชมุ วิชาการระดับชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
entrepreneurs who are domiciled in the area outside operator, Tourists aged 60 years and over, both
males and females, totaling 10 people, including tour operators which adapt tourism for all
management. The results showed that Cultural Tourism Management for All of Koh Kret, Pakkret District,
Nonthaburi Province has various cultural tourism activities. but still lack of maintenance of facilities
according to the concept of tourism for all. The main obstacle is the limited space, accessible only by
water and public relations inviting people who have physical limitations but have a cost of time and
money, such as the elderly who have slow travel behavior to know and use the facilities are not
thoroughly yet.

Keyword: Cultural tourism, Accessible tourism, Tourism management
E-mail address: [email protected]

277

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

แนวทางการอนุรักษ์ผ้าทอมือท่ีย้อมด้วยวสั ดจุ ากธรรมชาตขิ องกลุ่มชาตพิ ันธ์ุลาวคร่ัง
ชุมชนบ้านนา อาํ เภอเมือง จงั หวดั นครปฐม เพ่ือพัฒนาผลิตภณั ฑ์ผ้าทอมอื สีธรรมชาติ
Guidelines for conservation of hand-woven fabrics dyed with natural materials of Lao Khrang
ethnic group, Ban Na community, Muang district, Nakhon Pathom province for the development

of natural colored hand-woven fabrics.

แพรภทั ร ยอดแก้ว01 และ เกง่ กาจ ต้นทองคาํ 12
Praepat Yodkaew 1 and Kangkrad Tonthongkam2

บทคดั ย่อ
การวิจยั นีเ้ป็นการวิจยั เชิงคณุ ภาพ มวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือศกึ ษา 1.ภมู ิปัญญาการย้อมผ้าจากสีธรรมชาติของ
กลมุ่ ชาติพนั ธ์ุลาวคร่ัง ชุมชนบ้านนา 2. แนวทางการอนรุ ักษ์ผ้าทอมือท่ีย้อมด้วยวสั ดจุ ากธรรมชาติของกลุ่มชาติ
พนั ธ์ลุ าวคร่ัง ชมุ ชนบ้านนา วธิ ีการเลอื กกลมุ่ ตวั อยา่ งด้วยวิธีเลือกแบบเจาะจง คือ ช่างทอผ้าชมุ ชนบ้านนา จงั หวดั
นครปฐม จาํ นวน 20 คน โดยใช้การวิจยั เชงิ คณุ ภาพ ด้วยวธิ ีการสมั ภาษณ์เชงิ ลกึ และการอภิปรายกลมุ่
ผลการวิจยั พบวา่
1.ภูมิปัญญาการย้อมผ้าจากสีธรรมชาติของกลมุ่ ชาติพันธ์ุลาวคร่ัง ชุมชนบ้านนา มีกระบวนการย้อมสี
ธรรมชาติ โดยการสกัดสีจากพืชท้องถิ่นชนดิ ต่างๆในชุมชน ได้แก่ 1) คราม 2) มะพูด 3) ฝาง 4) หมาก 5) หกู วาง
6) สาละ 7) คร่ัง
2. แนวทางการอนรุ ักษ์ผ้าฝา้ ยทอมือท่ีย้อมด้วยวสั ดจุ ากธรรมชาติของกล่มุ ชาติพนั ธ์ุลาวครั่ง ชุมชนบ้าน
นา มี 2 แนวทาง คือ 1.การส่งเสริมกระบวนการผลิตผ้าทอมือสีธรรมชาติ ด้วยการจดั ให้มีการถ่ายทอดความรู้
เก่ียวกบั กระบวนการผลติ ผ้าทอมือสธี รรมชาติ โดยจดั โครงการอบรมเชิงปฏบิ ตั กิ ารด้านการทอผ้า การย้อมผ้าจาก
สีธรรมชาติ การออกแบบลวดลายผ้า การเตรียมเส้นไหมและเทคนิคการทอผ้า เป็นต้น 2.การถ่ายทอดภูมิปัญญา
การทอผ้าฝ้ายทอมือท่ีย้อมด้วยวัสดุจากธรรมชาติ ด้วยการจัดให้มีการเรียนการสอนในโรงเรียนตามหลกั สตู ร
ท้องถิ่น นอกจากนนั้ ภาครัฐควรจดั กิจกรรมสง่ เสริมการใช้ผ้าทอมืออย่างต่อเน่ือง รวมทงั้ ประชาสมั พนั ธ์ผ้าทอมือ
และสง่ เสริมการอนรุ ักษ์สบื ทอดภมู ปิ ัญญาการทอผ้าสธี รรมชาติอยา่ งยงั่ ยืน

คาํ สาํ คัญ: แนวทาง, การอนรุ ักษ์, ผ้าทอมือ, วสั ดจุ ากธรรมชาติ,กล่มุ ชาตพิ นั ธ์ุลาวคร่ัง, ชมุ ชนบ้านนา, จงั หวดั นครปฐม

1 คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม นครปฐม ประเทศไทย
Faculty of Humanities and Social Sciences, Nakhon Pathom Rajaphat University, Bangkok, Thailand
2 คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครปฐม นครปฐม ประเทศไทย
Faculty of Humanities and Social Sciences, Nakhon Pathom Rajaphat University, Bangkok, Thailand

278

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครั้งที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
Abstract

This research is a qualitative research. The objectives of this study were to study 1. Wisdom of
natural dyeing of Lao Khrang ethnic group, Ban Na community 2. Guidelines for the conservation of
hand-woven fabrics dyed with natural materials of the Lao Khrang ethnic group Ban Na community. The
method of selecting the sample by the specific selection method was Ban Na community weavers. in
Nakhon Pathom Province, 20 people. The qualitative research was done by in-depth interview and group
discussion.

The study revealed that
1. Wisdom of dyeing fabrics from natural colors of Lao Krang ethnic group, Ban Na community.
There is a natural dyeing process by extracting colors from various local plants in the community, namely
1) Indigo 2) Mapud (Garcinia) 3) Fang (Sappan) 4) Mak (Areca nut) 5) Malabar (Indian almond) 6) Sala
(Sal) 7) Krang (Lac)
2.Guidelines for the conservation of hand-woven cotton dyed with natural materials of the Lao
Khrang ethnic group, Ban Na community: There are 2 approaches: 1. Promotion of natural color hand-
woven fabric production process By providing knowledge about the production process of natural
colored hand-woven fabrics by organizing a workshop on weaving natural fabric dyeing fabric pattern
design Silk thread preparation and weaving techniques, etc. 2. To pass on the wisdom of hand-woven
cotton weaving dyed with natural materials by providing teaching and learning in schools according to
local curricula. In addition, the government should continue to organize activities to promote the use of
hand-woven fabrics. as well as publicize the hand-woven fabrics and promote the conservation of the
wisdom of sustainable natural color weaving.

Keywords: Guidelines, conservation, hand-woven cloth,natural materials, Lao Khrang ethnic group, Ban Na community Nakhon
Pathom province
E-mail address : [email protected]

279

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครงั้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การเปลย่ี นแปลงของคะแนน QuickDASH หลังไดร้ ับการจัดการทางกายภาพบาบดั
ในผู้ป่ วยขอ้ ไหล่ตดิ ทไ่ี วต่อการกระตนุ้ ระดบั สูง

Changes of QuickDASH scores followed physical therapy management
in patients with high irritability level adhesive capsulitis

ศศวิ รรณ สุชาติ1 ปิยศริ ิ งามเสง่ยี ม2 ธนวนั ต์ ทพิ ยาลยั 2 ทิพยว์ รรณ บตุ รละคร2 กฤตยิ าณี ดงั กลาง2 พนชั ญา สนทิ วงศ2์
และ นติ ยา วริ ยิ ะธารากิจ1*

Sasiwan Suchat1, Piyasiri Ngamsangiam2, Tanawan Tippayalai2,
Thippawan Boodlakorn2, Kittiyanee Dangklang2, Panatchaya Sanitwong2, and Nitaya Viriyatharakij1*

บทคัดยอ่
การศึกษานีม้ ีวัตถุประสงคเ์ พ่ือประเมินผลลพั ธ์การรกั ษาและเปรียบเทียบจานวนผูป้ ่ วยท่ีมีอาการดีขึน้
หลงั ไดร้ บั การจดั การทางกายภาพบาบดั ท่ีประยุกตต์ ามระดบั ความไวต่อการกระตนุ้ อาสาสมคั รท่ีมีภาวะขอ้ ไหล่
ติดมีความไวต่อการกระตนุ้ ในระดบั สงู จานวน 15 คน ใหค้ วามยินยอมเขา้ ร่วมการศกึ ษานี้ โดยไดร้ บั การประเมนิ
ความบกพร่องของแขนดว้ ยแบบสอบถาม QuickDASH ฉบบั ภาษาไทยและประเมินระดบั ความไวต่อการกระตนุ้
พบวา่ อาสาสมคั รจานวน 12 คน (รอ้ ยละ 80) มีการเปล่ยี นแปลงอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ (p <0.001) ของระดบั
ความไวต่อการกระตนุ้ จากระดบั สงู ไปเป็นระดบั ต่าและมีระดบั ความบกพรอ่ งของการใชแ้ ขนเป็นระดบั ต่า คือ ค่า
QuickDASH นอ้ ยกว่า 31.8 คะแนน เม่อื เปรยี บเทียบกบั อาสาสมคั รจานวน 3 คน (รอ้ ยละ 20) ท่คี งมีความไวต่อ
การกระตนุ้ หรอื มีระดบั ความบกพรอ่ งของการใชแ้ ขนเป็นระดบั สงู

คาสาคัญ: QuickDASH ขอ้ ไหลต่ ิด ไวตอ่ การกระตนุ้ ระดบั สงู การจดั การทางกายภาพบาบดั

Abstract
The purposes of this research were to evaluate the treatment outcome and to compare number
of the successful patients after being managed by physical therapy based-on irritability level. The fifteen
high irritability of adhesive capsulitis participants consented to this research. Their irritability level and
disability of shoulders were assessed. Disability was evaluated by Thai QuickDASH questionnaire. The
results showed that 12 participants (80%) had significantly (p <0.001) less irritability level and the
disability level of shoulders changed to low level (QuickDASH < 31.8). In contrast, 3 participants (20%)
continued to have irritability or disability of shoulders in high level.

Keywords: QuickDASH, Adhesive capsulitis, High irritability level, Physical therapy management
*Corresponding author; email address: [email protected]

1 คณะกายภาพบาบดั มหาวทิ ยาลยั ศรนี คริทรวิโรฒ จ.นครนายก 26120
Faculty of Physical Therapy, Srinakharinwirot University, Nakhon Nayok 26120, Thailand
2 หนว่ ยงานกายภาพบาบดั โรงพยาบาลเลดิ สิน
Physical Therapy Unit, Lerdsin Hospital, Bangkok 10500, Thailand

280

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ความรอบรู้ดา้ นสุขภาพของนักศึกษา มหาวิทยาลยั การกฬี าแห่งชาติ วทิ ยาเขตชุมพร
Health Literacy of Students in Thailand National Sports University, Chumphon Campus

นฤมล รอดเนียม1 และ ศิวะ พลนิล2
Narumon Rodniam1, and Siwa Polnil 2

บทคัดยอ่
การวิจัยครั้งนีม้ ีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาความรอบรูด้ า้ นสุขภาพของนักศึกษามหาวิทยาลยั การกีฬา
แห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร และเปรียบเทียบความรอบรูด้ า้ นสุขภาพของนักศึกษาตามเพศและช้ันปีท่ีศึกษา
กลมุ่ ตวั อย่างนกั ศกึ ษามหาวิทยาลยั การกีฬาแห่งชาติ วทิ ยาเขตชมุ พร ท่ศี กึ ษาอยใู่ นภาคปลาย ปีการศกึ ษา 2562
และสมคั รใจใหข้ อ้ มลู จานวน 253 คน เคร่ืองมือท่ใี ชใ้ นการวิจยั คือ แบบวดั ความรอบรูด้ า้ นสขุ ภาพของคนไทยท่ี
พัฒนาโดย อังศินนั ท์ (2560) วิเคราะหข์ อ้ มลู โดยสถิติสถิติเชิงพรรณาและเปรียบเทียบกลุ่มตวั อย่างสองกล่มุ ท่ี
เป็นอิสระกนั วิเคราะหค์ วามแปรปรวนทางเดียว ผลการวิจยั พบว่า 1)นักศึกษาส่วนใหญ่รอ้ ยละ 55.73 มีความ
รอบรูด้ า้ นสขุ ภาพอย่ใู นระดบั ดีมาก รองลงมารอ้ ยละ 40.71 อย่ใู นระดบั พอใชไ้ ด้ และมีเพียงรอ้ ยละ 3.56 อย่ใู น
ระดับไม่ดีพอ และ 2)นกั ศึกษาท่ีมีเพศ และ ช้ันปีท่ีศึกษาต่างกันมีระดบั ความรอบรูด้ า้ นสุขภาพทงั้ โดยรวม และ
รายองคป์ ระกอบไมแ่ ตกต่างกนั ท่นี ยั สาคญั ทางสถติ ิท่รี ะดบั 0.05

คาสาคญั : ความรอบรูด้ า้ นสขุ ภาพ, นกั ศกึ ษามหาวิทยาลยั การกีฬาแห่งชาติ วทิ ยาเขตชมุ พร

ABSTRACT
The purposes of this research were as follows: 1) to assess health literacy of students at Thailand
National Sports University, Chumphon Campus (TNSUCPN), and 2) to compare their health literacy
according to genders and years of study. Two hundred fifty-three students, who were studying at
TNSUCPN in their second semester of academic year 2019, voluntarily participated in this study. The
research instrument was Health Literacy assessment for Thai people, developed by Ungsinun.(2017). The
analysis data by descriptive statistics and compared by independent-samples t-test, One-way ANOVA
statistics. Research findings were as follows:1) most of students, 55.73 percent, had a very good level of
health literacy. Followed by 40.71 percent were at the fair level and only 3.56 percent were in bad enough
levels, and 2) TNSUCPN students with gender and year of study. They had different levels of overall health
literacy and each component had not significant at 0.05

Keyword: health literacy, the students of the Thailand National Sports University, Chumphon Campus
E-mail address: [email protected]

1. 2 คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั การกีฬาแหง่ ชาติ วิทยาเขตชมุ พร
1. 2 The Faculty of Education, Thailand Nation Sports University Chumphon Campus

281

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครั้งที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การศกึ ษาความสัมพนั ธร์ ะหว่างการเหน็ คุณคา่ ในตนเอง แรงสนับสนุนทางสังคม
กบั สุขภาวะทางจติ และแนวทางในการสร้างเสริมสุขภาวะทางจติ
สาหรับผู้สูงอายกุ ลุม่ ตดิ บ้าน ในเขตอาเภอเมือง จงั หวัดยะลา

A Study on Correlations between Self-esteem and Social support with Psychological Well–
Being and Guidelines for Promoting Psychological Well-Being
among the Homebound Elderly in Muang District, Yala Province

อบุ ลทพิ ย์ ไชยแสง1 อารยา ประเสรฐิ ชยั 2
Ubontip Chaisang 1, and Araya Prasertchai2

บทคดั ย่อ
การวิจัยแบบผสมผสานเพ่ือศึกษา (1) ระดับ และความสัมพันธ์ระหว่างการเห็นคุณค่าในตนเอง
แรงสนบั สนนุ ทางสงั คม กับสขุ ภาวะทางจิต และ (2) แนวทางในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะทางจิต ผลการวิจยั พบว่า
(1) ระดับสุขภาวะทางจิต และแรงสนบั สนุนทางสงั คมอยู่ในระดบั สงู การเห็นคุณค่าในตนเองอยู่ในระดับปาน
กลาง (2) การเห็นคุณค่าในตนเอง แรงสนับสนุนทางสังคม กับสุขภาวะทางจิต มีความสัมพันธ์ทางบวก
(3) แนวทางในการสรา้ งเสริมสุขภาวะทางจิตสาหรบั ผูส้ ูงอายุกล่มุ ติดบา้ น พบว่าสามารถดาเนินการไดด้ ว้ ยตัว
ผสู้ งู อายเุ องท่ีบา้ น เป็นกิจกรรมท่สี ง่ เสรมิ นนั ทนาการ และสามารถทารว่ มกบั สมาชิกในครอบครวั ได้

คาสาคัญ: สขุ ภาวะทางจติ การเหน็ คณุ ค่าในตนเอง แรงสนบั สนนุ ทางสงั คม แนวทางในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาวะทางจิต

Abstract
This study was a mixed method study aimed to (1) study the level of psychological well–being,
self-esteem and social support (2) study the relationship between self-esteem and social support with
the psychological well–being (3) study the guidelines for promoting psychological. The results showed
that (1) Level of psychological well–being and social support were high, self - esteem at moderate
(2) Self – esteem, social support with psychological well–being was a positive correlation, and
(3) Guidelines found that the participants could carry out such activities by themselves at home,
especially for promoting recreation, and together with family members.

Keywords: Psychological well-being, Self-esteem, Social support, Guidelines for promoting psychological well-being
E-mail address :[email protected]

1 วทิ ยาลยั การสาธารณสขุ สริ นิ ธร จงั หวดั ยะลา
Sirindhorn College of Public Health, Yala
2 มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
Sukhothai Thammathirat Open University

282

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

ปัจจยั ทสี่ ง่ ผลต่อความเครียดของนักกีฬาคนพกิ ารทีมชาติไทย
Factors Affecting to Stress of Thai National Athletes with Disabilities

ถวิชยั ย์ ขาวถน่ิ 1 พรเทพ ราชนาวี1 และ วรี พล จนั ธิมา1
Thawichai Khaothin1, Pornthep Rachnavy1, and Weerapol Chuntima1

บทคดั ย่อ
วตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษาวิจยั ครงั้ นีต้ อ้ งการประเมินปัจจยั ท่ีสง่ ผลต่อความเครียดของนกั กีฬาคนพิการ
ทีมชาติไทย กลมุ่ ตวั อย่างเป็นนกั กีฬาคนพิการทีมชาติไทยช่วงการเก็บตวั ฝึกซอ้ มเพ่ือเขา้ รว่ มการแข่งขนั ในระดับ
นานาชาติ จานวน 53 ราย ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา (5 ธันวาคม 2550) จังหวัดนครราชสีมา
ประเทศไทย เครื่องมือเป็นแบบสอบถามท่ตี อบดว้ ยตนเอง ประกอบดว้ ย 1) ลกั ษณะทางประชากรศาสตร์ และ 2)
แบบสอบถามปัจจยั ท่สี ง่ ผลตอ่ ความเครียด ขอ้ มลู ท่ีไดร้ บั แสดงใหเ้ หน็ ว่าปัจจยั ท่สี ง่ ผลต่อความเครียดของนกั กีฬา
ทีมชาติไทยท่ีมีความพิการสูงท่ีสดุ คือ ปัจจยั ดา้ นสถานภาพทางการเงิน ปัจจยั ท่ีส่งผลต่อความเครียดในระดบั
รองลงมา คือ ปัจจยั ดา้ นสขุ ภาพทางรา่ งกาย ดา้ นสขุ ภาพทางจิตใจ ดา้ นสถานภาพแวดลอ้ มทางสงั คมและชมุ ชน
และดา้ นครอบครวั ตามลาดบั

คาสาคัญ : ความเครยี ด ปัจจยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ ความเครยี ด นกั กฬี าคนพิการ

Abstract
The purpose of this study was to assess factors affecting the stress of Thai national athletes with
disabilities. Subjects were fifty-three disabilities athletes from Thai national team athletes with disabilities
during the training period to participate in the international competition at His Majesty the King’s 80th
Birthday Anniversary Stadium (5th December 2007), Nakhon Ratchasima, Thailand. The instruments
were a self- administered questionnaire that include 1) demographic characteristics and 2) factors
affecting to stress questionnaire. The data obtained showed that the factors affecting the stress of Thai
national athletes with disabilities highest are the financial status factor. Factors affecting the stress at
the secondary level are physical health, mental health, social and community environment, and family
factors respectively.

Keyword : Stress, Factors affecting to stress, Athletes with disabilities
E-mail address : [email protected]

1 สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตรก์ ารกฬี า สานกั วิชาวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีสรุ นารี
Scholl of Sports Science, Institute of Science, Suranaree University of Technology

283

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การวิเคราะหช์ วี กลศาสตรข์ องการพายเรอื กรรเชยี งคนพิการทม่ี ีระดบั ความพิการแตกต่างกนั
Biomechanical analysis of para rowing in different sport classes

พรเทพ ราชนาวี1 ถวชิ ยั ย์ ขาวถน่ิ 1 วีรพล จนั ธิมา1

Pornthep Rachnavy1, Thawichai Khaothin1 , Weerapon chuntima1

บทคัดยอ่
การศึกษาครงั้ นีม้ ีวัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษาชีวกลศาสตรข์ องการพายเรือกรรเชียงคนพิการท่ีมีระดบั ความ
พกิ ารแตกต่างกนั เพ่ือศกึ ษาถึงตวั แปรของการพายเรือ ประกอบดว้ ย อตั ราการพาย พลงั ในการพาย และเวลาของ
การพายเรอื ระยะทาง 2000 เมตร กลมุ่ ตวั อย่างคือนกั กีฬาเรอื กรรเชียงคนพิการจานวน 8 คน อายุ 18-55 ปี ไดม้ า
โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง แบ่งเป็น 3 กลมุ่ ตามระดบั ความพิการ ไดเ้ ป็น กลมุ่ ระดบั ความพิการ PR1 จานวน 2
คน กลุ่มระดับความพิการ PR2 จานวน 2 คน กลุ่มระดับความพิการ PR3 จานวน 4 คน กลุ่มตัวอย่างทาการ
ทดสอบพายเรือดว้ ยเคร่ืองกรรเชียงบกระยะทาง 2000 เมตร โดยทาการประเมิน อตั ราการพาย พลงั ในการพาย
และเวลาของการพายเรือ นาขอ้ มลู ท่ีไดม้ าวิเคราะหต์ ามวิธีทางสถิติ โดยหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ
เปอรเ์ ซ็นตค์ วามแตกต่าง ผลการวิจยั พบว่า อตั ราการพาย พลงั ในการพาย และเวลาของการพายเรือ มีความ
แตกต่างกันของแต่ละตวั แปรระหว่างกลมุ่ สมั พนั ธก์ ับระดบั ความพิการ นกั กีฬากลมุ่ ท่ีมีระดบั ความพิการต่าจะ
แสดงระความสามารถไดด้ ีกวา่ กลมุ่ ท่มี ีระดบั ความพิการสงู

คาสาคัญ: ชีวกลศาสตร,์ เรือกรรเชียง, คนพิการ

Abstract
The purpose of this study was to investigate the biomechanics of para-rowing with different
levels of disability to study the variables of rowing, including stroke rate, rowing power, and time for
2000 meters. The subjects consisted of 8 para-rowers aged 18-55 years with a sampling technique
using a purposive sampling technique. The subjects were divided into three groups according to the
level of disability, two rowers for the PR1 group, two rowers for the PR2 group, and four rowers for the
PR3 group. The subjects performed a rowing ergometer test for 2000 meters, whereby mean stroke rate,
mean power output, and time for 2000 meters was assessed. The data obtained were analyzed by
statistical methods by averaging standard deviation and percentage difference. The results of the
rowing stroke rate, rowing power, and time for 2000-meter show that there were differences in each
variable correlated with the level of disability. Athletes with a low level of disabilities showed better
performance than those with a high level of disabilities.

Keyword: Biomechanics, para rowing, class
E-mail address: [email protected]

1 สาขาวิชาวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา สานกั วิชาวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีสรุ นารี
Scholl of Sports Science, Institute of Science, Suranaree University of Technology

284

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครงั้ ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

ประสทิ ธิผลของการกลับตัวในการแข่งขนั เรือมงั กร
Effectiveness of a turning in a dragon boat race.

พรเทพ ราชนาวี1 ถวชิ ยั ย์ ขาวถน่ิ 1 วรี พล จนั ธิมา1

Pornthep Rachnavy1, Thawichai Khaothin1, Weerapol Cuntima1

บทคดั ย่อ
กีฬาเรือมงั กรเป็นกีฬาประเภททีมชนิดหน่งึ ท่มี ีการแขง่ ขนั หลายประเภทและมีการแข่งขนั หลายระยะทาง
โดยเฉพาะการแข่งขันระยะทาง 2000 เมตร ในบางรายการแข่งขันจะจัดการแข่งขนั โดยใหม้ ีการกลบั ตวั ทีมท่ี
สามารถกลบั ตวั ไดเ้ รว็ จะทาใหม้ ีโอกาสชนะการแขง่ ขนั ได้ ดงั นนั้ งานวิจยั นมี้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษาถึงประสทิ ธิผล
การกลบั ตวั ในกีฬาเรือมงั กร การศึกษาครงั้ นีใ้ ชเ้ คร่ืองวดั อตั ราการพาย ความเร็วเรือและระยะทางการเคล่ือนท่ี
ดว้ ยระบบ GPS เพ่อื บนั ทกึ ภาพถ่ายดาวเทียม อตั ราการพาย ความเรว็ เรอื และระยะทางการเคลอื่ นท่ขี องเรือ เพ่อื
นามาศกึ ษาการกลบั ตวั ท่เี หมาะสมของนกั กีฬาเรอื มงั กรทีมชาตไิ ทย ผลการศกึ ษาพบว่าปัจจยั ท่สี ง่ ผลตอ่ ความเร็ว
ของเรือในการกลบั ตวั คือ ความเร็ว อตั ราการพาย ระยะทางการกลบั ตวั รศั มีการกลบั ตวั ซ่งึ ตวั แปรดงั กล่าวจะมี
ความสมั พนั ธก์ นั ดงั นน้ั การกลบั ตวั ท่มี ีประสทิ ธิผลจะตอ้ งคานึงถงึ ตวั แปรเหลา่ นี้

คาสาคญั : ประสทิ ธิผล การกลบั ตวั เรือมงั กร

Abstract
Dragon boat sport is a team sport that involves many types of competitions and multiple
distance races, especially the 2000-meter race. In some events, the race will be organized with a turning
point. A team that can turn quickly gives them a chance to win the race. Therefore, this research aims
to study the effectiveness of turning in dragon boat sport. This study used a speed meter to record boat
speed and travel distance with GPS to record satellite images, stroke rate, boat speed, and boat
distance. To study the proper turning of the Thai national dragon boat team. The results showed that the
factors affecting the boat speed in the turning were boat speed, stroke rate, turning distance, turning
radius. These variables are related to each other. Therefore, an effective turning must take these
variables into account.

Keyword: Effective, Dragon Boat, Cornering
E-mail address: [email protected]

1 สาขาวิชาวิทยาศาสตรก์ ารกฬี า สานกั วิชาวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นารี
Scholl of Sports Science, Institute of Science, Suranaree University of Technology

285