ผลงานการวิจัยทางการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

อุปกรณส์ อ่ื การสอนในเร่อื งของโครงถกั ระนาบและการถา่ ยทอดแรงบดิ
Mechanical Kits on Plane Truss and Torsion Transmission

จรี ชัย สุภาสุทธากูล1
Jeerachai Supasuthakul1

บทคัดย่อ
งานวิจัยนีอ้ อกแบบ สรา้ ง และทดสอบอุปกรณ์ส่ือการสอนเกี่ยวกับโครงถักระนาบและการถ่ายทอด
แรงบิด โครงถักระนาบมีรูปทรงสามเหล่ียมคางหมซู ่ึงประกอบดว้ ยสามเหล่ียมดา้ นเท่าสามรูป แต่ละแขนกวา้ ง
38.1 มิลลเิ มตร ยาว 400 มิลลิเมตร หนา 6.35 มิลลิเมตร วสั ดขุ องแขนคืออลมู ิเนียมผสม AA6063-T5 งานวิจยั ใช้
Strain Gauge ในการวดั คา่ ของความเครยี ดท่เี กิดขึน้ บนแขนแลว้ สง่ ค่านไี้ ปยงั โปรแกรม LabVIEW เพ่อื จะแปลงไป
เป็นแรงภายในของแขน การทดสอบพบวา่ ความเครียดตงั้ ฉากมีความคลาดเคลื่อนเฉลีย่ จากการวเิ คราะหด์ ว้ ยมือ
ท่ีรอ้ ยละ 18.75 ในส่วนของอุปกรณส์ าหรบั การถ่ายทอดแรงบิดซ่ึงมีเพลา 2 ชิน้ เพลาขบั ใชเ้ ฟื องท่ีมีขนาด 2 นิว้
และเพลาตามใชเ้ ฟื องท่ีมีขนาด 5 นิว้ เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลางของแต่ละเพลาเทา่ กบั 25.4 มิลลิเมตร วสั ดขุ องเพลาคือ
อลมู ิเนียมผสม AA6061-T6 งานวิจยั ติดตงั้ เครื่องวดั แรงบิดบนเพลาตามโดยต่อเขา้ กับอุปกรณร์ บั สญั ญาณและ
อา่ นค่าของแรงบิดจากมลั ตมิ ิเตอร์ ตวั ตน้ กาลงั เป็นลกั ษณะของมือหมุนซ่งึ สง่ ผ่านการบิดดว้ ยมือไปยงั ชดุ ทดกาลงั
ท่ีมีอัตราทด 1:60 จากการหมุนมือหมุนท่ี 30, 60, 90, และ 120 องศา การทดสอบพบว่า แรงบิดท่ีวัดมีความ
คลาดเคลอ่ื นไม่เกินรอ้ ยละ 26.48

คาสาคญั : อปุ กรณส์ ่ือการสอน, โครงถกั ระนาบ, และการถ่ายทอดแรงบดิ

Abstract
This research designed, constructed, and tested two mechanical kits about the plane truss
and torsion transmission. The plane truss has a trapezoid shape comprising three triangles. Each arm
of the plane truss is 38.1-mm wide, 400-mm long, and 6.35-mm thick, made of AA6063-T5. Strain
gauges are used in measuring induced strains on the arms. Next, LabVIEW receives the strain values
and changes them into internal forces in the arms. The plane-truss tests find that there is 17.92-
percent difference in measured normal strains. In case of the kit for torsion transmission which
consists of two major shafts of 25.4-millimeters diameters connected, the drive shaft uses a gear of 2-
inches diameter, and the driven gear uses a gear of 5-inches diameters. The shafts are made of
AA6061-T6. A torque sensor is attached on the driven shaft, and is connected with a sensor receiver.
The kit for torsion transmission uses a hand wheel as the power unit, associated with torque multiplier
at the ratio of 1:60. From turning of the hand wheel at 30, 60, 90, and 120 degrees, the tests find that
there is 26.48-percent difference in torque.

Keyword : Mechanical Kits, Plane Truss, and Torsion Transmission
E-mail address : [email protected]

1 ภาควิชา วศิ วกรรมเคร่ืองกล คณะ วศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน 73140
Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering, Kasetsart University, Kamphaeng Saen Campus, 73140

81

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การศึกษาการเก็บเกย่ี วพลงั งานจากการเหน่ียวนาํ ให้เกิดการส่ันสะเทือนจากการไหลวนของนา้ํ
A Study of Energy Harvesting from Water Flow Induced Vibration

นวชั กร อภคิ มั ภรี 0์1และ ชวลติ กิตตชิ ยั การ2*
Nawatchakorn Apikrumpe1 and Chawalit Kittichaikarn2*

บทคัดยอ่

บทความนีน้ าํ เสนอการเก็บเก่ียวพลงั งานโดยใชก้ ารไหลวนของนา้ํ ทาํ ใหอ้ ปุ กรณเ์ กบ็ เก่ียวพลงั งานเกิดการ
ส่นั แลว้ แปลงพลงั งานจากการส่นั ใหเ้ ป็นกาํ ลงั ไฟฟ้า การทดลองจะกระทาํ ในอโุ มงคน์ า้ํ ท่ีนา้ํ มีความเรว็ อยทู่ ่ี 0.1 ถึง
0.6 m/s อปุ กรณ์เก็บเก่ียวพลงั งานท่ีไดอ้ อกแบบประกอบดว้ ยส่วนวตั ถุตา้ นนาํ้ (Bluff body) ซ่ึงถูกยึดไวท้ ่ีปลาย
ด้านหน่ึงของแผ่นเหล็กสปริง ขณะท่ีปลายอีกด้านหน่ึงติดตั้งแผ่นเพียโซอิเล็กทริกและถูกยึดแน่นอยู่กับท่ี
การศึกษาจะม่งุ เนน้ ไปท่ีอิทธิพลของรูปทรงของวตั ถุตา้ นนาํ้ ท่ีมีผลต่อการผลิตพลงั งานไฟฟ้า จากผลการศึกษา
พบวา่ อปุ กรณเ์ กบ็ เก่ียวพลงั งานนีค้ วรใชว้ ตั ถุตา้ นนาํ้ ท่ีมีรูปทรงเป็นรูปครง่ึ ทรงกระบอก เน่ืองจากสามารถสรา้ งแรง
ผลักและลดแรงตา้ นนาํ้ เน่ืองจากการเคล่ือนท่ีขวางการไหลไดเ้ ป็นอย่างดี ส่งผลใหส้ ามารถผลิตค่าความต่าง
ศกั ยไ์ ฟฟ้าไดส้ งู สดุ เท่ากบั 26.67 V และกาํ ลงั ไฟฟ้าสงู สดุ เท่ากบั 1.515 mW ซง่ึ สงู กวา่ รูปทรงชนิดอ่ืนหลายเท่า

คาํ หลกั : การไหลเหนี่ยวนาํ ใหเ้ กิดการส่นั ,อปุ กรณเ์ ก็บเก่ียวพลงั งาน,วตั ถตุ า้ นนา้ํ ,อโุ มงคน์ าํ้

Abstract

This paper presents a new design of energy harvester from the flow induced vibration to
generate the electricity. Experiment was performed in a water tunnel with flow velocity in the range of
0.1 – 0.6 m/s. This new design energy harvester comprises of a bluff body which is fixed at one end of
a steel cantilever beam and can vibrate freely. The piezoelectric pad is attached at the other end of
the beam where it is fixed to the test section floor. Based on the results obtained, to achieve a
maximum power output, semi cylinder bluff body should be used. This is because it can generate the
high force to push the bluff body to vibrate and reduce the water resistance. This new design energy
harvester can therefore generate a maximum voltage difference of 26.67 V and maximum power of
1.515 mW which are much higher than the other shapes considered here.

Keywords : flow induced vibration, energy harvester, bluff body, water tunnel
E-mail address: [email protected]

1,2 ภาควิชาวศิ วกรรมเครอื่ งกล คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตบางเขน กรุงเทพฯ
Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering, Kasetsart University, Bangkhen Campus, Bangkok, Thailand

82

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ คร้ังที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การศกึ ษาการส่ันอันเน่ืองมาจากการเหนี่ยวนาํ การไหล
ของวัตถุตา้ นลมรูปทรงกระบอกและทรงสี่เหลย่ี ม โดยใช้โปรแกรมพลศาสตรข์ องไหลเชิงคาํ นวณ

An Investigation on Flow Induced Vibration of Cylinder and Square Bluff bodies
Using Computational Fluid Dynamics Program

พชั รากร ศริ ิโยทยั 01 และ ชวลติ กิตตชิ ยั การ2
Patcharakon Siriyothai1 and Chawalit Kittichaikarn2

บทคัดย่อ
บทความนีน้ าํ เสนอการศกึ ษาพฤติกรรมการส่นั ของวตั ถุตา้ นลมท่ีเกิดจากการเหน่ียวนาํ ของการไหลวน
เพ่ือใชใ้ นการออกแบบอปุ กรณเ์ ก็บเก่ียวพลงั งาน ในการศกึ ษาจะทาํ การจาํ ลองลกั ษณะการไหลของอากาศผ่าน
วตั ถุตา้ นลมรูปทรงกระบอกและรูปทรงส่ีเหล่ียมโดยใชโ้ ปรแกรมสาํ เร็จรูปทางดา้ นพลศาสตรข์ องไหลเชิงคาํ นวณ
(Computational Fluid Dynamics, CFD) ซ่งึ มีการพฒั นาสมการการส่นั เพ่ิมเติมเขา้ ไปเพ่ือช่วยแกส้ มการ รวมถึง
ทาํ การทดลองในอโุ มงคล์ มเพ่ือสอบเทียบผล จากผลการศกึ ษาพบว่าวตั ถุตา้ นลมรูปทรงส่ีเหล่ียมจะมีพฤติกรรม
การส่นั เป็นแบบการส่นั ควบ (Galloping) ซง่ึ จะใหค้ ่าความตา่ งศกั ยเ์ พ่ือใชใ้ นการผลิตพลงั งานไฟฟา้ ไดส้ งู กวา่ วตั ถุ
ตา้ นลมรูปทรงกระบอกซง่ึ มพี ฤตกิ รรมการส่นั ท่ีเกิดจากการเหน่ียวนาํ ของการไหลวนดา้ นหลงั วตั ถตุ า้ นลม (Vortex
Induced Vibration, VIV) เน่ืองจากตาํ แหน่งการเกิดการแยกไหลท่ีผิวและขนาดของการไหลวน

คาํ สาํ คัญ: อปุ กรณเ์ ก็บเก่ียวพลงั งาน, การส่นั เน่ืองจากการเหนี่ยวนาํ ของของไหล, วตั ถตุ า้ นลม, การไหลวน

Abstract
This paper focuses on the behavior of bluff body vibration induced by vortex shedding for a
design of an energy harvester. In this study, an air flow over cylinder and square bluff bodies was
simulated using commercial Computational Fluid Dynamics program, CFD with a User Defined
Function added. Experiment was also carried out in the low wind speed wind tunnel for the result
validation. From the results obtained, it shows that the square bluff body undergoes galloping while
the cylinder bluff body vibrates as a result of the vortex shedding behind it. The vibration of the square
bluff body produces higher voltage for electricity generation than the cylinder bluff body due to
position of flow separation on the surface and size of the vortex.

Keyword: Energy Harvester, Flow induced vibration, Bluff body, Vortex shedding
E-mail address: [email protected]

1 ภาควิชาวิศวกรรมเครอื่ งกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน กรุงเทพฯ
Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering, Kasetsart University, Bangkhen Campus, Bangkok, Thailand

83

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การศกึ ษาและออกแบบระบบระบายอากาศภายในห้องทดลองเคร่อื งยนต์
A Study and Design of Ventilation System in Engine Room

ณัฐกานต์ ศรีสกลุ เตยี ว1 และ ชนิ ภทั ร ทิพโยภาส2
Nattakan Srisakultiew1, and Chinnapat Thipyopas2

บทคดั ย่อ
งานวิจยั นีเ้ ป็นการศกึ ษาทดลองและออกแบบปรบั ปรุงระบบระบายอากาศภายในหอ้ งทดลองเครื่องยนต์
โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือออกแบบระบบระบายอากาศแบบเฉพาะท่ีภายในหอ้ งทดลองเคร่ืองยนต์ และศกึ ษาขนาด
หน้าตัดท่อ และระยะห่างในการวางท่อ เพ่ือให้มีประสิทธิภาพมากท่ีสุด โดยในการศึกษาครงั้ นีจ้ าลองการ
ไหลเวียนของอากาศภายในหอ้ งทดสอบเครื่องยนต์ มตี วั แปรท่ศี ึกษา 2 ตวั แปร คือ 1) ขนาดหนา้ ตดั ท่อ ท่ีเสน้ ผา่ น
ศนู ยก์ ลาง 3, 4 และ 5 นิว้ และ 2) ระยะห่างระหว่างท่อ กับ ท่อไอเสีย จึงเกิดการจาลองทงั้ สิน้ 9 รูปแบบ โดยใช้
โปรแกรมทางพลศาสตรข์ องไหล (SolidWorks) เพ่ือตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบระบายอากาศว่าขณะ
พนกั งานปฏิบัติงานสามารถดูดอนุภาคแขวนลอยในอากาศไดห้ มดหรือไม่ จากผลการศกึ ษาพบว่าระบบระบาย
อากาศท่ีขนาดท่อเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิว้ และระยะห่าง 2.5 นิว้ สามารถลดอนุภาคในอากาศได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ

คาสาคญั : การระบายอากาศเฉพาะที่, การจาลอง, การออกแบบ

Abstract
This research is an experimental study and design to improve the ventilation system in the
engine room. The objective is to design a specific ventilation system in the engine room and study the
pipe cross-section size and the distance in the pipe used in ventilation systems to be as efficient as
possible. In this study There were 2 variables to be studied, 1) pipe cross-section in diameter 3, 4 and
5 inch and 2) the distance between the pipe and the exhaust pipe. A total of 9 simulations are
generated using a fluid dynamics program (SolidWorks) to check the efficiency of the ventilation
system that it absorbs all suspended particles in the air or not? The result show that the ventilation
system in diameter 5-inch pipe size and the distance in 2.5 inch can effectively reduce airborne
particles.

Keyword: Local exhaust ventilation, Simulation, Design
E-mail address: [email protected]

1 ภาควิชา วิศวกรรมความปลอดภยั คณะ วศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
Safety Engineering Faculty of Engineering Kasetsart University
2 ภาควชิ า วศิ วกรรมการบนิ และอวกาศ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์
Aerospace Engineering Faculty of Engineering Kasetsart University

84

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การวิเคราะหเ์ ปรียบเทยี บคุณภาพในการโดยสารระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระหว่างรถไฟฟ้าล้อ
ยางกับล้อเหล็ก

RIDE QUALITY ANALYSIS COMPARISONS BETWEEN RUBBER TIRE AND STEEL
WHEEL IN MASS TRANSIT SYSTEM

เถลิง งามขจรวิวฒั น1์ ,2 วิชยั ศวิ ะโกศิษฐ1 วิรุณศกั ดิ์ สนั ตเิ พช็ ร1์ *
Talerng Ngamkajornwiwat1,2 , Wichai Siwakosit1, and Wiroonsak Santipach1*

บทคัดยอ่
บทความนีแ้ สดงการศกึ ษาเปรียบเทียบคา่ คณุ ภาพความสบายในการโดยสารของรถไฟฟ้าลอ้ เหลก็ และ
ลอ้ ยาง ท่ีใหบ้ ริการบนเสน้ ทางรถไฟฟ้าบีทีเอสกบั รถไฟฟา้ สายสีทองในกรุงเทพมหานคร โดยการคาํ นวณคา่ เวอร์
ตงุ ชาลา (Wertungzahl)จากความเรง่ ของขบวนรถไฟในแนวยาว แนวด่ิง และแนวขวาง จากการเคล่อื นท่ีของ
รถไฟ จากนนั้ นาํ ผลลพั ธม์ าเปรียบเทียบกบั คา่ คณุ ภาพในการโดยสารตามมาตรฐาน ISO2631 โดยเบือ้ งตน้ มี
ความคาดหวงั จากคนท่วั ไปวา่ คา่ คณุ ภาพความสบายในการโดยสารรถไฟฟ้าลอ้ ยางท่ีมีความน่ิมกวา่ นา่ จะดกี วา่
รถไฟฟ้าลอ้ เหลก็ ท่ีมคี วามแข็งกวา่ ผลการทดสอบปรากฎวา่ รถไฟฟา้ ลอ้ เหลก็ มีความสบายมากกวา่ โดยใน
บางครงั้ มคี า่ ความแตกตา่ งกนั ถงึ 30%

Abstract
This paper presents a comparative study of ride quality between steel wheel and rubber tire
wheel on BTS Skytrain versus Gold Line APM, Bangkok, by using Wertungzahl values( ) which are
calculated from longitudinal, vertical, and lateral accelerations of the trains. The results are then
compared with ride quality values according to ISO2631 standard. There are different perceptions on
ride comfort comparison between these two different systems that tire is soft while steel is harder
hence lower ride comfort. The result shows differently that steel wheel is sometime, in some section is
about 30% better in ride comfort value.

Keywords : Train, APM, Railway, Transportation, Ride Quality, Steel Wheel
*Corresponding author: [email protected]

1 ศนู ยว์ ิศวกรรมระบบราง ภาควชิ าวศิ วกรรมเครอื่ งกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร 10900
1KURAIL, Faculty of Engineering, Kasetsart University, Thailand
2บรษิ ัท ทมี คอนซลั ติง้ เอนจิเนียรง่ิ แอนด์ แมเนจเมนท์ จาํ กดั (มหาชน) กรุงเทพมหานคร 10230
2TEAM CONSULTING ENGINEERING AND MANAGEMENT PLC.

85

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การออกแบบและพัฒนาหุ่นยนตแ์ ขนกลอุตสาหกรรมแบบสคาร่าเคลื่อนที่ 4 ดีกรีอิสระ
Design and Development of 4 Degrees of Freedom SCARA Industrial Arm Robot

ธีรพงษ์ ฉิมเพชร01 และ สมคิด สทุ ธิศกั ดิ์ 1
Teerapong Chimphet1 and Somkid Suttisak 1

บทคัดยอ่
งานวิจยั ฉบบั นีน้ าํ เสนอการออกแบบและพฒั นาหนุ่ ยนตแ์ ขนกลอตุ สาหกรรมแบบสคารา่ เคล่อื นท่ี 4 ดีกรี
อิสระ โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือทดสอบหาประสิทธิภาพในการเคล่ือนท่ีของห่นุ ยนต์ ชดุ ห่นุ ยนตแ์ ขนกลประกอบดว้ ย
แขนโลหะแบบขนาน 2 สว่ นท่ีถกู ขบั เคล่ือนดว้ ยสเตป็ ปิ้งมอเตอร์ สามารถหยิบจบั ชิน้ งานผิวเรียบไดด้ ว้ ยหลกั การ
ดดู แบบสุญญากาศ ควบคุมการเคล่ือนท่ีไดจ้ ากตัวควบคุมภายนอก เช่น พีแอลซี ชุดหุ่นยนตแ์ ขนกลสามารถ
เคล่ือนท่ีได้ 4 ดีกรีอิสระ มีระยะการเคล่ือนท่ีในแนวแกน X เท่ากับ 200 มิลลิเมตร และแกน Y เท่ากับ 400
มิลลิเมตร สามารถยกชิน้ งานไดไ้ ม่นอ้ ยกว่า 2 กิโลกรมั และมีระยะในการยกสงู สดุ เท่ากบั 200 มิลลิเมตร ผลการ
ทดสอบการเคล่ือนท่ีห่นุ ยนตแ์ ขนกลพบวา่ สามารถเคล่ือนท่ีดว้ ยความเร็วสงู สดุ 20 มิลลเิ มตรตอ่ วินาที และมรี ะยะ
ความผิดพลาดในการวางตาํ แหน่งชิน้ งานผิดพลาดน้อยกว่า ± 2 มิลลิเมตร สรุปได้ว่าชุดหุ่นยนตแ์ ขนกลมี
ประสทิ ธิภาพในการทาํ งานระดบั ดี และสามารถพฒั นาใหเ้ ป็นผลิตภณั ฑด์ า้ นส่ือการเรยี นการสอนตอ่ ไป

คาํ สาํ คัญ : หนุ่ ยนตแ์ ขนกล, พีแอลซ,ี สคารา่

Abstract
This research paper presents the design and development of 4 degrees of freedom SCARA
industrial arm robot. The purpose of this study was to test for the efficiency of the robot's movement.
The robot unit consists of two parallel metal arms driven by a stepping motor. This machine uses the
vacuum principle to handle flat surfaces and the movement of the object can be controlled from an
external controller such as PLC.The robotic arm can move in 4 d.f. with a distance of 200 mm in the
X-axis and 400 mm in the Y-axis and can be lift workpiece at least 2 kg with a maximum lifting
distance of 200 mm. The results of displacement testing showed that its can move at a maximum
speed of 20 millimeters per second with an error less than of ± 2 mm in the positioning of the
workpiece. In summary, this robot unit has good performance and can be developed into a product for
teaching materials in the future.

Keyword : SCARA arm robot, PLC, SCARA
E-mail address : [email protected]

1 สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟา้ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลศรวี ชิ ยั
Department of Electrical Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Srivijaya

86

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การออกแบบหวั ฉีดแบบลู่เข้าลู่ออกสาํ หรับเคร่อื งยนตจ์ รวดเชือ้ เพลงิ เหลวแบบคู่
A Convergent-Divergent Rocket Nozzle Design for Liquid Bi-Propellant Rocket Engine

นิธิวชั ร์ ศิวฒั นธ์ นสนิ 01* และ นรินทร์ เผือกหอม1
Nithiwat Siwattanasin1* and Narin Phueakhom1

บทคัดย่อ
งานวจิ ยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือออกแบบและศกึ ษาความเรว็ และอณุ หภมู กิ ารไหลของของไหลในหวั ฉีดลู่
เขา้ -ลอู่ อกโดยใชห้ ลกั หวั ฉีดเดลาวาลซง่ึ เป็นในในสว่ นสาํ คญั ของการออกแบบเคร่ืองยนตจ์ รวด โดยเลือกศกึ ษา
หวั ฉีดท่ีใชเ้ ชือ้ เพลงิ มเี ทนเหลวและออกซิเจนเหลวท่ีความดนั ในหอ้ งเผาไหมท้ ่ี 50 บาร์ แรงขบั 7,500 นิวตนั ท่ีมี
รศั มขี องพืน้ ท่ีหนา้ ตดั ท่ีแคบท่ีสดุ ท่ี 1.75 เซนตเิ มตร รฐั มขี องพืน้ ท่ีหนา้ ตดั ขาออกท่ี 4.93 เซนตเิ มตร ทงั้ แบบทรง
กรวยและแบบโคง้ โดยใชโ้ ปรแกรม ANSYS เพ่ือคาํ นวณหาพลศาสตรข์ องไหลเชิงคาํ นวณ จากการศกึ ษาพบวา่
เบือ้ งตน้ ความเรว็ การไหลของของไหลสมั พนั ธก์ บั อณุ หภมู ขิ องของไหลสอดคลอ้ งกนั ตามหลกั เดลาวาล และใน
สว่ นของหวั ฉีดแบบโคง้ จะสญู เสยี ประสทิ ธิภาพในการสรา้ งแรงขบั บางสว่ น สงั เกตไดจ้ ากการเคร่ืองท่ีของของไหล
ท่ีกระจายออกมากกวา่ แบบทรงกรวย

คาํ สาํ คัญ: เครอื่ งยนตจ์ รวด, พลศาสตรข์ องไหลเชงิ คาํ นวณ, หวั ฉีดแบบลเู่ ขา้ -ลอู่ อก

Abstract
The objectives of this research were to design and study velocity and temperature of fluid flow
in convergent-divergent nozzle using de Laval nozzle principle, which is an important part of rocket
engine designing. By the nozzle using liquid methane and liquid oxygen as rocket propellants for use
in 50 bar of combustion chamber with 7,500 newton of thrust, which has 1.75 centimeters of throat
radius, 4.93 centimeters of exit radius on both of conical and parabolic nozzle and use ANSYS for
computational fluid dynamics calculation. The initial research revealed that velocity of fluid flow is
related to temperature of the fluid corresponding to de Laval nozzle principle and in the part of
efficiency, parabolic nozzle lost efficiency of some of thrust by observed from flowing of fluid that
spared more than the conical.

Keywords: Rocket Engine, Computational Fluid Dynamics, Convergent-Divergent Nozzle
*Corresponding author; email address: [email protected]

1 โรงเรยี นสาธิตแหง่ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน ศนู ยว์ ิจยั และพฒั นาการศกึ ษา จ.นครปฐม 73140
Kasetsart University Laboratory School Kamphaeng Saen Campus Center for Educational Research and Development,
Nakhon Pathom 73140

89

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

เครือ่ งช่วยผู้สูงอายุและทุพพลภาพขึน้ ลงทางลาดชัน
Inclined Moving Facilitation Machine for Elderly and Handicapped People

สุรชัย วงษฟ์ เู กียรติ01,2* รฐั ศาสตร์ ลายกนก2 ธนษิ ฐา ยางแก3 และ กอบชยั รุมพรสระนอ้ ย3
Surachai Wongfookeat1,2*, Rattasat Laikanok2, Thanitta Yangkae3 and Kobchai Rumpronsanoi3

บทคัดยอ่
เพ่ืออาํ นวยความสะดวกแก่ผูส้ งู อายุและทพุ พลภาพในการขนึ้ -ลงทางลาดชนั จึงเกิดเป็นแนวคิดในการ
สรา้ งเคร่ืองชว่ ยผูส้ งู อายแุ ละทพุ พลภาพสาํ หรบั ขนึ้ -ลงทางลาดชนั ขนึ้ มา เพ่ือใหก้ ลมุ่ บคุ คลดงั กลา่ วขนึ้ -ลงทางลาด
ชนั อนั ไดแ้ ก่เนินเอียงและขนั้ บนั ไดไดด้ ว้ ยตวั เอง โดยเร่ิมจากการออกแบบโครงสร้างท่ีมีความแขง็ แรงและง่ายต่อ
การติดต้งั อีกท้งั ยงั เนน้ ความปลอดภยั ในส่วนโครงสร้างของฐานรองยืนเป็ นพิเศษ เมื่อประกอบเสร็จไดท้ าํ การ
ทดสอบระยะเวลาการตอบสนองท้งั แบบป่ ุมกดดว้ ยมือและแบบสั่งการผา่ นสมาร์ทโฟน และการทดสอบความเรว็
การเคล่ือนท่ีท่ีสัมพันธ์กับนํ้าหนักโหลด เพ่ือยืนยันเสถียรภาพการทาํ งานของเคร่ืองตน้ แบบ ซ่ึงจะเห็นไดว้ ่า
เคร่ืองช่วยผสู้ งู อายแุ ละทุพพลภาพขนึ้ ลงทางลาดชนั นีส้ ามารถใชง้ านงา่ ย บุคคลกล่มุ เป้าหมายสามารถใชง้ านได้
เองโดยไมต่ อ้ งพ่งึ พาผูช้ ่วยเหลือ อีกทัง้ ยงั สามารถส่งั การใหฐ้ านรองยืนมาอย่ใู นตาํ แหน่งรอการใชง้ านไดล้ ่วงหนา้
ผ่านทางสมารท์ โฟน เพ่ือท่ีผใู้ ชส้ ามารถใชง้ านไดท้ นั ทีเม่อื เดนิ ทางมาถงึ

คาํ สาํ คัญ: เครอื่ งขนึ้ -ลงทางลาดชนั ผสู้ งู อายุ บคุ คลทพุ พลภาพ อินเทอรเ์ น็ตของสรรพส่งิ

Abstract
In order to serve the elderly and handicapped people moving up and down along the inclined
footpath, the inclined moving facilitation machine creation idea has been initiated. The mentioned
people can move along the inclined path such as slope and staircase by themself. Starting from the
design of the structure that is strong and easy to install. There is also a special emphasis on safety in
the structure of the standing plate. After the assembling, the experiments have been done to confirm
the stability of the prototype consisting of the response time tests of both manual and smartphone-
operated push-bottoms, and the movement speed test related to the load weight. Hence, the target
people can activate the proposed machine by themself without any help. Moreover, the standing plate
can be early controlled to standby via a smartphone. The users can employ it immediately upon
arrival.

Keywords: Inclined moving machine, Elderly person, Handicapped person, Internet of things
*E-mail address: [email protected]

1,2,3 สาขาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกสแ์ ละโทคมนาคม คณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา เลขที่ 340 ถนนสรุ นารายณ์
ตาํ บลในเมอื ง อาํ เภอเมืองนครราชสีมา จงั หวดั นครราชสมี า 30000
Faculty of Industrial Technology, Nakhon Ratchasima Rajabhat University, Nakhon Ratchasima 30000, Thailand

90

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การศกึ ษาความเป็ นไปไดข้ องการพฒั นาป๊ัมความร้อนจากเครอ่ื งปรับอากาศเก่า
ทใี่ ช้สารทาํ ความเยน็ R-32

Feasibility study of heat pump development from old air conditioners
using R-32 refrigerant

สรวศิ สอนสารี01 เอกภมู ิ บญุ ธรรม1 พงศธร เต็มชาํ นาญ1 ธนภทั ร เขยี วหวาน1
ธวชั ชยั ไพรคาํ นาม1 ศภุ ณฐั ภทั รโรจนส์ ริ 1ิ วชั รพงษ์ สขุ ประเสรฐิ 1

Sorawit Sonsaree1, Eakpoom Buunthum1, Phongsathon Temchamnan1, Thanaphat Khiaowan1,
Thawatchai Phaikamnam1, Supanut Phatthararojsiri1, and Watcharaphong Sukprasert1

บทคัดยอ่
งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษาความเป็นไปไดส้ าํ หรบั การประยุกตใ์ ชเ้ คร่ืองปรบั อากาศแบบเก่าเป็น
ป๊ัมความรอ้ น การดาํ เนินงานไดด้ ดั แปลงเคร่ืองปรบั อากาศเก่าท่ีใชเ้ ป็นแบบแยกส่วนและมีพิกัดทาํ ความเย็น
18,000 Btu/hr และใชส้ ารทาํ ความเย็น R-32 ซง่ึ เคร่ืองปรบั อากาศนีถ้ กู ดดั แปลงและพฒั นาเป็นป๊ัมความรอ้ นเพ่ือ
ใชป้ ระโยชนพ์ ลงั งานความรอ้ นจากแหลง่ ความรอ้ นท่ีมีอณุ หภมู ิต่าํ อย่ใู นชว่ ง 30 และ 40 °C เป็นแหลง่ ความรอ้ นท่ี
มอี ณุ หภูมปิ านกลาง ผลการศกึ ษาพบวา่ เคร่ืองปรบั อากาศเก่าสามารถประยกุ ตใ์ ชเ้ ป็นป๊ัมความรอ้ นได้ ป๊ัมความ
รอ้ นดงั กล่าวนีส้ ามารถเพ่ิมอุณหภูมิของแหล่งความรอ้ นจากอุณหภูมิต่าํ ท่ีมีอุณหภูมิ 30 และ 40 °C เป็นแหล่ง
ความรอ้ นอณุ หภมู ิปานกลางซง่ึ มีอณุ หภูมิ 45 และ 50 °C ตามลาํ ดบั และค่าอตั ราสว่ นประสิทธิภาพพลงั งานของ
ป๊ัมความรอ้ นมีคา่ อยรู่ ะหวา่ ง 0.8 – 1.2

คาํ สาํ คัญ : เครอ่ื งปรบั อากาศ ป๊ัมความรอ้ น สารทาํ ความเยน็ R-32

Abstract
The objective of this research was to study the feasibility for using an old air conditioner as a
heat pump. The study was performed by modifying and developing the old air conditioner with the
capacity of 18,000 Btu/hr. This air conditioner used the R-32 as a refrigerant. The air conditioner was
modified as heat pump for increasing the temperature of low grade heat source, which has
temperature between 30 and 40 °C to be a medium temperature heat sink. The results showed that the
old air conditioner can be used as a heat pump. The heat pump can be able to increase the heat
potential from low temperature heat source with the temperatures of 30 and 40 °C to medium

1 สาขาวิชาวศิ วกรรมเครอ่ื งกล คณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั พิบลู สงคราม
Major of Mechanical Engineering, Faculty of Industrial Technology, Pibulsongkram Rajabhat University

91

การประชมุ วิชาการระดับชาติ คร้ังที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564
temperature heat sink with the temperature of 45 and 50 °C, respectively. In addition, the energy
efficiency ratio (EER) of the heat pump was in the range of 0.8 – 1.2

Keyword : Air conditioners, Heat pump, and R-32 refregerants
E-mail address : [email protected]

92

การประชมุ วชิ าการระดับชาติ ครงั้ ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การวิเคราะหค์ วามสามารถในการรับนาํ้ หนักขบวนรถไฟของโครงสร้างสะพานบางซอ่ื ของการ
รถไฟแห่งประเทศไทยโดยใช้ระเบียบวิธีไฟไนตอ์ ิลเิ มนต์

Analysis of Load Bearing Capability of the Bang Sue Bridge of the State Railway of Thailand
by Finite Element Method

พิเศษ สมุทรเก่า01 และ วชิ ยั ศิวะโกศษิ ฐ2
Piset Samutkow1 and Wichai Siwakosit2

บทคัดย่อ
การศกึ ษานีเ้ ป็นการศกึ ษาการพิจารณาเบือ้ งตน้ ของการรบั นาํ้ หนกั ขบวนรถไฟของโครงสรา้ งสะพานบางซ่อื ของ
การรถไฟแหง่ ประเทศไทยโดยใชร้ ะเบียบวธิ ีไฟไนตอ์ ิลิเมนต์ ขอ้ มลู ของสะพานบางซ่ือเบือ้ งตน้ ถกู วิเคราะหโ์ ดยใช้
โปรแกรม Ansys โดยวเิ คราะหจ์ ากโครงสรา้ งจรงิ ของสะพานท่ีเป็นโครงถกั ท่ีออกแบบนาํ้ หนกั กดเพลาของรถไฟท่ี
ออกแบบไว้ 15 ตนั ตอ่ เพลา เพ่ือเปรียบเทียบกบั โครงสรา้ งสะพานโดยการนาํ นา้ํ หนกั ของรถไฟปัจจบุ นั ท่ีออกแบบ
นาํ้ หนกั กดเพลาของรถไฟไวท้ ่ี 20 ตนั ตอ่ เพลา ผลการคาํ นวณแสดงใหเ้ ห็นวา่ โครงสรา้ งสะพานสามารถรองรบั
นาํ้ หนกั ท่นี าํ้ หนกั กดเพลา 20 ตนั /เพลา ไดค้ า่ Safety Factor เฉล่ียท่ี 14.977 ซง่ึ ผลของการวจิ ยั นีส้ ามารถนาํ ไปใช้
ในการปรบั ปรุงโครงสรา้ งสะพานใหม้ ีคา่ ความเคน้ ในโครงสรา้ งลดลงได้

คาํ สาํ คญั : สะพานรถไฟ, นา้ํ หนกั ของรถทท่ี บั อยบู่ นเพลา, ไฟไนตอ์ ิลเิ มนต์

Abstract
This study aims to study about Analysis of Load Bearing Capability of the Bang Sue bridge of
the State Railway of Thailand (SRT) by Finite Element Method. Data of the Bang Sue Bridge were
analyzed by using Ansys program. The actual structure of the bridge is a truss type designed for train
axle load weight of 15 tons per axle, while the current maximum axle load of SRT is 20 tons per axle.
The results show that the structure of the bridge can withstand the maximum axle load profile of SRT
with the factor of safety of 14.977, while the axial stress values in the structure can be improved with
structural modifications.

Key word: railway bridge, axle load, finite element
*Corresponding author; e-mail address: [email protected]

1 ศนู ยว์ ศิ วกรรมระบบราง ภาควชิ าวศิ วกรรมเครอื่ งกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร 10900

93

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การจาํ ลองการไหลของอนุภาคบนเครอ่ื งกระจายป๋ ุยแบบแรงเหว่ียงโดยใช้แบบจาํ ลอง DEM
Particle flow simulations on a centrifugal fertilizer spreader using DEM model
ธนากร เลก็ มาก01 ณฐั ดนยั ตณั ฑวริ ุฬห1์ และ ปรีดา ปรากฏมาก1
Tanakorn Lekmark1 Natdanai Tantawiroon1 and Preeda Prakotmak1

บทคัดย่อ
ในงานวิจยั นีไ้ ดม้ ีการสรา้ งแบบจาํ ลองเคร่ืองกระจายป๋ ยุ แบบแรงเหว่ียงโดยใช้ Rocky DEM โดย
การออกแบบจานกระจายและพืน้ ผิวรองรบั ต่างๆ เพ่ือควบคมุ ทิศทางการแพรก่ ระจายของเมด็ ป๋ ยุ 4 แบบ ดงั นี้ 1)
ใบหวา่ น 4 ใบตรงพืน้ ราบ 2) ใบหวา่ น 4 ใบตรงพืน้ เวา้ 3) ใบหวา่ น 4 ใบโคง้ พืน้ ราบ และ 4)ใบหวา่ น 4 ใบโคง้ พืน้
เวา้ ตามลาํ ดับ ระบบจานหว่านถูกบังคับทิศทางดว้ ยผนังสองประเภทคือผนังโคง้ 180 องศาและ 210 องศา
ตามลาํ ดับโมเดลนีถ้ ูกจาํ ลองท่ีความเร็วรอบ 300, 400 และ 500 รอบต่อนาที พบว่าใบหว่าน 4 ใบโคง้ ทาํ งาน
รว่ มกบั ผนงั โคง้ 180 องศาสามารถกระจายป๋ ยุ ไดอ้ ย่างสม่าํ เสมอท่ีสดุ

คาํ สาํ คญั : การหวา่ นแบบหนีศนู ย์ วิธีวเิ คราะอนภุ าคไมต่ อ่ เน่ือง เทคโนโลยกี ารเกษตร การกระจายตวั ของอนภุ าค

Abstract
In this research, a centrifugal fertilizer-spreader modal was created using the Rocky DEM by
designing different spreader discs and support surfaces to control the direction of spread the
movement of fertilizer granules of spread the movement of fertilizer granules of four types, as follows:
1) 4-flat blades on a flat surface; 2) 4-flat blades on a concave surface; 3) 4-concave blades on a flat
surface and 4) 4-concave blades on a concave surface, respectively. The spreader disc is covered by
two types of barriers: a 180-degree and a 210-degree hemispherical wall, respectively. These models
were simulated at rotational speed of 300, 400, and 500 rpm. It found that the 4-concave blades, can
distribute the fertilizer as evenly as possible.

Keyword: Centrifugal spreader, DEM, Agricultural technology, Particle distribution

1 ภาควชิ าวศิ วกรรมเครอ่ื งกล คณะวศิ กรรมศาสตร์ กาํ แพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน.
1Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering, Kasetsart University, Khamphengsean Campus

94

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครั้งที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การวิเคราะหส์ มรรถนะของระบบหัวกระจายนาํ้ ดับเพลงิ อัตโนมัตดิ ้วยแบบจาํ ลองพลศาสตร์
อัคคภี ยั กรณีศกึ ษา อาคารจัดเก็บพรม

Performance Analysis of Automation Sprinkler System by Fire Dynamics Simulator Case
Study; Mat Warehouse Building.

พนิตรดา คอนคาํ 01 สมภพ จรุงธรรมโชต2ิ และสุภทั ร พัฒนว์ ิชยั โชต3ิ
Panitrada Khonkham1, Sompop Jarungthammachote2and Supat Patvichaichod3

บทคัดย่อ
งานวิจยั นีเ้ ป็นการศกึ ษาสมรรถนะของระบบหวั กระจายนา้ํ ดบั เพลิงท่ีติดตงั้ ภายในอาคารจดั เก็บพรมของ
สถานประกอบการแห่งหน่ึงในจงั หวดั ชลบุรีซ่งึ โรงงานแห่งนีย้ ังไม่มีระบบดบั เพลิงและทางผูป้ ระกอบการเองมี
ความประสงคท์ ่ีจะทาํ การติดตัง้ ระบบดับเพลิง ดังนั้นผูว้ ิจัยจึงไดน้ าํ โปรแกรมคอมพิวเตอรม์ าใช้ในการสรา้ ง
แบบจาํ ลองเสมือนจริงทางพลศาสตรอ์ คั คีภัยมาทดสอบสมรรถนะของระบบหัวกระจายนา้ํ ดบั เพลิงโดยกาํ หนด
สถานการณ์การเกิดเพลิงไหมไ้ ว้ 3 สถานการณ์ซ่งึ แต่ละสถานการณท์ าํ การจาํ ลองใน 3 รูปแบบ คือ แบบไม่มี
ระบบดับเพลิง แบบท่ีมีระบบดบั เพลิงอตั โนมตั ิตามแนวหลงั คาและแบบท่ีมีระบบดบั เพลิงอตั โนมัติตามแนว
หลงั คาและในชนั้ วางสนิ คา้ เพ่ือนาํ ขอ้ มลู มาเปรียบเทียบใหเ้ ห็นถงึ ประสทิ ธิภาพของการดบั เพลิง จากผลการวจิ ยั
สถานการณ์การเกิดเพลิงไหมท้ ัง้ หมดพบว่าสมรรถนะของระบบหวั กระจายนา้ํ ดบั เพลิงท่ีติดตงั้ ในอาคารจัดเก็บ
พรมแห่งนีม้ ีแนวโนม้ ท่ีจะควบคุมการลุกลามของการเกิดเพลิงไหมแ้ ละยังสามารถควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน
อณุ หภมู ทิ นไฟของเหลก็ ท่ีใชเ้ ป็นคานรบั นา้ํ หนกั สว่ นบนของโรงงานตามมาตรฐาน ASTM E119

คาํ หลัก แบบจาํ ลองพลศาสตรอ์ คั คีภยั , การทดสอบสมรรถนะ, อาคารคลงั จดั เก็บพรม

Abstract
This research is to study the performance of the sprinkler system installed inside the carpet
storage building of an establishment in Chonburi province, which this plant does not have a fire
extinguishing system and the operator wishes to Install a fire suppression system. Therefore, the
researcher has used a computer program to create a realistic fire dynamics model to test the
performance of the fire sprinkler system by defining 3 fire situations, each of which is simulated in 3
different ways: without fire extinguishing system Model with automatic fire suppression system along
the roof and model with automatic fire suppression system along the roof and in the rack to bring the
data to compare the firefighting efficiency. Based on the results of all fire situation research, it was

1 สาขาวิศวกรรมความปลอดภยั และการจดั การสิ่งแวดลอ้ ม คณะวิศวกรรมศาสตรศ์ รรี าชา มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตศรรี าชา
Safety Engineering and Environmental Management, Faculty of Engineering at Sriracha, Kasetsart University Sriracha Campus
2ภาควิชาวศิ วกรรมเครอ่ื งกล คณะวศิ วกรรมศาสตรศ์ รรี าชา มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตศรรี าชา
Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering at Sriracha, Kasetsart University Sriracha Campus

95

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
found that the performance of the sprinkler systems installed in this carpet storage building tended to
control the spread of fire and was able to control the temperature. Do not exceed the refractory
temperature of steel used as factory upper beams in accordance with ASTM E119.

Keywords Fire dynamics model, Performance test, Carpet storage building
E-mail address: [email protected]

96

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ระบบแยกเพศเมล็ดกัญชาโดยใช้วธิ ีการเรียนรู้ของเคร่ือง
Gender Classification System of Cannabis Seeds by Using Machine Learning Process Methods

คมสัน นวลแกว้ 01 หทยั เทพ วงศส์ วุ รรณ และ วรพจน์ ศตเดชากลุ
Komsan Nualkaeo1 Hataitep Wongsuwarn and Worapot Satadaechakul

บทคัดย่อ
งานวจิ ยั นีไ้ ดศ้ กึ ษาเก่ียวกบั กระบวนการ Machine Learning เพ่ือทาํ การแยกเพศเมลด็ กญั ชา วิธีการและ
หลกั การแยกเพศของเมลด็ กญั ชา ทาํ โดยใชภ้ าพของเมลด็ กญั ชาเพศเมยี จาํ นวน 639 ภาพ และเพศผจู้ าํ นวน 447
ภาพ ไปทาํ กระบวนการ Feature Extraction เพ่ือใหไ้ ดค้ า่ HSV (Hue Saturation Value) และ YUV เพ่ือนาํ ค่าทงั้
4 คา่ ไปเป็นฐานขอ้ มลู เพ่ือเป็นอนิ พตุ สาํ หรบั กระบวนการ Machine Leaning สว่ นเอาตพ์ ตุ ท่ีแสดงจะเป็นเพศของ
เมลด็ กญั ชาวา่ เป็นเมล็ดเพศผหู้ รือเมลด็ เพศเมีย โดยวิเคราะหต์ ามแบบบจาํ ลองทงั้ 4 แบบ คือ KNN (K-Nearest
Neighbors), CART (Classification and Regression Trees), ก า ร วิ เค ร า ะ ห์ จํ า แ น ก เชิ ง เส้ น (Linear
Discriminant Analysis : LDA) และ Support Vector Machine (SVM) จากการศกึ ษาประสิทธิภาพและคา่ ความ
แม่นยาํ ของแบบจาํ ลอง LDA มีค่ามากท่ีสุด โดยมีค่า Accuracy เท่ากับ 95.87% ค่า Precision Score เท่ากับ
96.84% ค่า Recall เท่ากับ 95.93% และค่า F1 - Score เท่ากับ 96.83% ซ่ึงจากการศึกษาพบว่าแบบจาํ ลอง
LDA นนั้ มีความเหมาะสมกบั ขอ้ มลู ภาพเมล็ดกัญชาท่ีนาํ มาวิเคราะหม์ ากท่ีสดุ เน่ืองจากมีค่า Accuracy สงู สุด
สว่ นแบบจาํ ลอง CART, KNN, SVM มคี า่ Accuracy นอ้ ยลงมาตามลาํ ดบั

คาํ สาํ คัญ: เมล็ดกญั ชา การแยกเพศเมลด็ กญั ชา Machine Learning Linear Discriminant Analysis

Abstract
This research studied about Machine learning method to sex determination in cannabis Seed.
The method and principal of sex determination in cannabis seed we using photos of 639 female
cannabis seed and 447 male cannabis seed. The photos were then put through a feature extraction
method, that resulted in HSV (Hue saturation value) and YUV value input 4 values as a database for
the Machine learning method. In the output will show determine sex cannabis seed male or female by
analyzing 4 models is KNN (K-Nearest Neighbors), CART (Classification and Regression Trees), LDA
(Linear Discriminant Analysis) and SVM (Support Vector Machine). From studied found The LDA mode
had the highest efficiency and accuracy values, with Accuracy 95.87 %, Precision score 96.84 %,

1 ภาควชิ าวิศวกรรมเครอ่ื งกล คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาํ แพงแสน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน จ.นครปฐม 73140
Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering at Kamphaeng Saen, Kasetsart University, Kamphaeng Saen
Campus, Nakhon Pathom 73140, Thailand

97

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564
Recall 95.93 %, and F1-Score 96.83 %. According to the study, the LDA model was found to be the
most suited for the data from the photo analysis in the study cannabis seeds because it had the
maximum accuracy, whereas the CART, KNN, and SVM models had poor accuracy respectively.

Key words: Machine Learning Linear Discriminant Analysis Cannabis
*Corresponding author, e-mail address: [email protected]

98

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การศึกษาคุณภาพการโดยสารของรถโดยสารประจาํ ทางดว่ นพเิ ศษของกรุงเทพมหานคร
A Study on the Ride Quality of the Bus Rapid Transit of the Bangkok Metropolitan Authority

สันตศริ ิ ชว่ งบุญศรี1,2 ประพจน์ ขนุ ทอง1 และ วชิ ยั ศวิ ะโกศษิ ฐ01
Santasiri Chuangboonsri1,2, Prapot Kuntong1, and Wichai Siwakosit1

บทคัดย่อ
งานวิจยั นีม้ วี ตั ถุประสงคเ์ พ่ือศกึ ษาคณุ ภาพการโดยสารของรถโดยสารประจาํ ทางดว่ นพิเศษของกรุงเทพมหานคร
หรือ รถ BRT โดยทาํ การตรวจวดั ค่าความเรง่ ของรถ BRT ในแนวยาว แนวขวาง และแนวด่งิ ของตวั รถ BRT 2 คนั
ท่ีมีพนกั งานขบั รถท่ีแตกตา่ งกนั จากนนั้ ทาํ การคาํ นวณคา่ เวอรต์ งุ ซาลตามมาตรฐาน ISO 2631-1 (ISO 2631-1,
1997) เพ่ือกาํ หนดระดบั คณุ ภาพในการโดยสารในการเคล่ือนท่ีแต่ละแนว ผลการวิจยั แสดงใหเ้ ห็นวา่ โดยเฉล่ียรถ
BRT มีระดบั คณุ ภาพการโดยสารท่ีพอยอมรบั ได้ แตม่ คี า่ การส่นั สะเทือนท่ีมีระดบั สงู และพฤติกรรมของผูข้ บั ข่ีกบั
สภาพการจราจรมีผลต่อคณุ ภาพการโดยสารในแนวยาวและแนวขวาง ในขณะท่ีคุณภาพการโดยสารในแนวด่ิง
เป็นผลจากสภาพถนนตามแนวเสน้ ทางท่ีรถโดยสารว่งิ ผ่าน

คาํ สาํ คัญ : คณุ ภาพการโดยสาร เวอรต์ งุ ซาล รถ BRT

Abstract
This research is intended as a study on the ride quality of the bus rapid transit of the Bangkok
metropolitan authority or BRT by acceleration measurements in longitudinal, lateral, and vertical
directions of 2 BRT cars with different drivers. Wertungszahl values were calculated from these data in
accordance with ISO 2631-1 (ISO 2631-1, 1997) standard to indicate the ride quality for each
direction. The results showed that, on average, the 2 BRT cars had tolerable ride qualities but with
very strong vibration, and the drivers’ behaviors affected the ride qualities in longitudinal and lateral
directions, while the ride quality in vertical direction was a result of the road condition on the BRT
route.

Keywords : Ride Quality, Wertungszahl, BRT
Email address: [email protected]

1ศนู ยว์ ศิ วกรรมระบบรางมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ภาควิชาวศิ วกรรมเครอ่ื งกล คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มก.
1Kasetsart University Rail Engineering Center (KURAIL), Mechanical Engineering Department, Faculty of Engineering, KU
2บมจ. เอเอ็มอารเ์ อเชีย
2AMR Asia PLC.

99

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ระบบทำควำมเยน็ แบบระเหยชนิดใช้สำรดดู ควำมชนื้ เพอ่ื โรงเรอื นเพำะเหด็ ในสภำพอำกำศร้อนชนื้
Desiccant Evaporative Cooling for a Mushroom House in Hot and Humid Climate

นิพัทธ์ จริยปัญญำงำม1 เกียรตศิ ักดิ์ อนิ ทรก์ ลนิ่ 2 เอนก ไกรรอด3 และ ชนมน จนั ทนา4
Nipat jariyapanyangam1 Kiattisak Inklin2 Anek Krairod3 and CHanamon Chantana4

บทคัดย่อ
ระบบทาความเย็นแบบระเหยชนิดพดั ลมและแผงรงั ผึง้ ชนิดเซลลโู ลส ท่ีใชซ้ ิลิกาเจลเป็นสารดดู ความชืน้
ไดถ้ กู จดั สรา้ งและทดสอบ เพ่ือหาสมรรถนะของแผงสารดดู ความชืน้ ชนิดติดตงั้ อย่กู ับท่ี ประสิทธิภาพของคอยล์
เย็นท่ีใชร้ ่วมในระบบเพ่ือลดอุณหภมู ิอากาศทางออกจากแผงสารดูดความชืน้ รวมถึงประสิทธิภาพของแผงรงั ผึง้
โดยทาการทดสอบในเดือนตลุ าคม 2564 จงั หวดั นครปฐม ซง่ึ เป็นเขตพนื้ ท่ภี าคกลาง โดยผลจากการทดสอบนาไป
คานวณเพ่ือทานายอณุ หภมู อิ ากาศทางออกจากระบบในเดือนเมษายนซ่งึ เป็นเดือนท่ีมอี ุณหภมู ิอากาศสงู สดุ ผล
จากการทดสอบพบว่า สมรรถนะของแผงสารดดู ความชืน้ เฉลี่ยเท่ากับ 0.20 และประสิทธิภาพของคอยลเ์ ย็นและ
แผงรงั ผึง้ มีคา่ เท่ากับ 40 และ 80 เปอรเ์ ซ็นตต์ ามลาดบั ผลจากการทานายดว้ ยการคานวณจากขอ้ มลุ การทดสอบ
พบว่า ค่าอุณหภูมิทางออกจากระบบท่ีมีและไม่มีสารดูดความชื้นมีค่าเท่ากับ 28.87 C และ 30.91 C
ตามลาดบั ทงั้ นีก้ ารเพม่ิ ประสิทธิภาพอปุ กรณ์ เช่น แผงรงั ผึง้ จะชว่ ยลดอณุ หภมู ทิ างออกจากระบบลงไดอ้ กี

คำสำคัญ: สารดดู ความชนื้ , การทาความเยน็ ,การทาความเย็นแบบระเหย, โรงเรือน

Abstract
Desiccant evaporative cooling consisted of fan and pad and cooling coil was constructed and
tested to evaluate the fixed type desiccant panel effectiveness and the efficiency of cooling coil and
cellulose type pad. The test was conducted in October 2020 in Nakhon Pathom province which
located in central part of Thailand. The test results were used to predict the outlet air temperature from
the system compared with that from the evaporative cooling system without desiccant. The climate
data in April 2020 was used in the prediction since it had the average highest temperature in the year.
The results found that the desiccant effectiveness was 0.20, while the efficiency of the cooling coil and
cooling pad were 40% and 80% respectively. The predicted outlet air temperature were then at 28.87
C and 30.91 C for the system with and without desiccant respectively. However, the increasing of
equipment efficiency such as the cooling pad can lower the outlet air temperature.

Keyword: Desiccant, cooling, evaporative cooling, greenhouse
Email.com address: [email protected]

1 ภาควชิ าวิศวกรรมเครือ่ งกล คณะวศิ วกรรมศาสตรก์ าแพงแสน มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตก แพงแสน จ. นครปฐม 73140
Department of Mechanical Engineering, Faculty of Engineering at Kamphaeng Sean, Kasetsart University, Kamphaeng Sean
Campus, Nakhon Pathom 73140, Thailand

100

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การทดลองเปรียบเทยี บแผงโซลา่ เซลลป์ ระเภทโมโนคริสตัลไลนแ์ ละโพลคี ริสตลั ไลน์
Monocrystalline Silicon Solar Cells and Polycrystalline Silicon Solar Cells Comparison Test

นิพนธ์ ปรมิ าส1, ไกรสทิ ธิ์ มหิวรรณ2, อดิศร เจยี้ มดี3,
สรวชิ ญ์ ครี ีรตั น3์ , จารุวฒั น์ ต่นุ คา3, ณฐั กมล ชงิ ทอง3
Nipon Parimas1, Kraisit Mahiwan2, Adisorn Jiamdee3,
Sorawit Keereerath3, Jaruvat Tunkum3, Nutkamol Chingthong3

บทคดั ยอ่
เน่ืองจากปัจจบุ นั มีการตระหนกั ถงึ ปัญหาภาวะโลกรอ้ นจึงไดม้ ีการจดั หาพลงั งานทดแทน ซ่งึ ตวั เลอื กหน่ึง
ท่นี ยิ มมากในปัจจบุ นั คือ การใชพ้ ลงั งานทดแทนจากแสงอาทติ ยโ์ ดยการผลติ พลงั งานผ่านแผงโซลา่ เซลล์ สาหรบั
แผงโซล่าเซลลท์ ่ีนิยมนามาผลิตเป็นพลงั งานเพ่ือใชใ้ นบา้ นเรือนนนั้ มีอยู่ 2 ประเภท ไดแ้ ก่ แผงโซลา่ เซลลป์ ระเภท
โมโนคริสตลั ไลนแ์ ละแผงโซลา่ เซลลป์ ระเภทโพลีครสิ ตลั ไลน์ โดยแผงโซล่าเซลลท์ งั้ 2 ประเภทนี้ มีขอ้ ดีและขอ้ เสีย
แตกต่างกนั ออกไป ในประเทศไทยนนั้ ตาแหน่งท่ีเหมาะสมท่ีสดุ ในการติดตงั้ แผงโซลา่ เซลล์ คือ ติดตงั้ ใหห้ นา้ แผง
หนั ไปทางทิศใตแ้ ละทามมุ 15 องศากบั พนื้ โลก
การติดตงั้ แผงโซลา่ เซลลเ์ พ่อื ใชใ้ นบา้ นเรือนมกั จะทาการติดตงั้ บนหลงั คา หรือ Solar Rooftop เน่ืองจาก
หลงั คาบา้ นเป็นพนื้ ท่ที ่ไี ม่ไดใ้ ชป้ ระโยชนม์ ากนกั และสามารถรบั แสงแดดไดอ้ ย่างเต็มท่โี ดยไม่มเี งามาตกกระทบบน
หนา้ แผงโซลา่ เซลล์ (เม่ือมเี งามาตกกระทบท่หี นา้ แผงโซลาเซลลจ์ ะทาใหเ้ กดิ ความรอ้ นสงู และก่อใหเ้ กิดไฟไหมไ้ ด)้
ซ่ึงลักษณะหลังคาบา้ นในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นแบบทรงจ่วั และทรงปั้นหยา ทามุมโดยประมาณ 10 – 60
องศาขนึ้ อยกู่ บั การออกแบบ การตดิ ตงั้ แผงโซลา่ เซลลค์ วรติดตงั้ พรอ้ มกบั ขาปรบั ระดบั แผงโซลา่ เซลล์ เน่อื งจากมมุ
ของหลงั คานั้นมีผลต่อการผลิตพลงั งานของแผงโซลา่ เซลล์ ในโครงงานนีเ้ ป็นการเปรียบเทียบระหว่างแผงโซล่า
เซลลป์ ระเภทโมโนคริสตัลไลน์และประเภทโพลีคริสตัลไลน์ เพ่ือศึกษาว่าแผงโซล่าเซลลป์ ระเภทใดมีความ
เหมาะสมมากกว่าหากติดตงั้ ทางทศิ เหนอื และทามมุ 30 องศา

คาสาคญั : แผงโซลา่ เซลลป์ ระเภทโมโนครสิ ตลั ไลน์ แผงโซลา่ เซลลป์ ระเภทโพลีครสิ ตลั ไลน์ พลงั งานทดแทน

1 กองวชิ าวิศวกรรมเคร่อื งกลเรอื ฝ่ายศกึ ษา โรงเรยี นนายเรือ
Marine Engineering, Department Education Branch, Royal Thai Naval Academy
2กองวิชาวศิ วกรรมเครอ่ื งกลเรอื ฝ่ายศกึ ษา โรงเรียนนายเรือ
Marine Engineering, Department Education Branch, Royal Thai Naval Academy
3กองวิชาวิศวกรรมเครื่องกลเรือ ฝ่ายศกึ ษา โรงเรยี นนายเรือ
Marine Engineering, Department Education Branch, Royal Thai Naval Academy

101

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

Abstract
Due to global warming awareness, renewable energy is now available, with solar energy
produced from solar cells being one of the more popular options today. There are two popular
types of solar cells used to generate energy for use in homes: monocrystalline and
polycrystalline. These two types of solar cells have different advantages and disadvantages.
The most suitable location for installing solar cells in Thailand is to install it at an angle of 15
degrees facing south.
Most of the solar cells for home use are usually installed on the roof of the house, also
known as Solar Rooftop, because the roof of the house is an area that can receive the full sun
without any shadow on the solar cells. The roof of the most houses in Thailand is a gable and
hip shape. The angle of the roof is approximately 10-60 degrees, depending on the design. And
there will be a roof on one side facing north that is used to install solar cells. In case of not
installed, the solar cells leveling leg cannot be installed on the roof. The angle of the roof also
affects the solar cell’s energy production. In this project study, the comparison between
monocrystalline and polycrystalline was compared with which two types of solar cells were more
suitable for mounting. Set facing north at an angle of 30 degrees.

Keywords: monocrystalline polycrystalline solar cells
Email address: [email protected]

102

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การประเมินประสิทธิภาพการรู้จาํ ใบหน้าสาํ หรับระบบควบคุมการเข้าออก
Performance Evaluation of Face Recognition for Access Control System

รชานนท์ ภมู พิ ฒั น0์1 และ วีรพล จิรจรติ 1
Rachanon Phumipat1 and Weerapon Chiracharit1

บทคัดยอ่
ระบบรูจ้ าํ ใบหนา้ ดว้ ยการเรยี นรูเ้ ชิงลกึ ในสถานการณก์ ารใชง้ านจริงสาํ หรบั การระบุตวั บคุ คลซาํ้ ๆ อาจมี
ความผิดพลาดอนั เน่ืองมาจากความไมส่ ม่าํ เสมอของเง่ือนไขตา่ งๆของภาพใบหนา้ ทดสอบซง่ึ ไมส่ อดคลอ้ งกบั ภาพ
ในฐานขอ้ มูล ประสิทธิภาพของการรูจ้ าํ ใบหนา้ ขึน้ อยู่กบั ปัจจัยแวดลอ้ ม เช่น แสงสวา่ ง และภาพพืน้ หลงั ดงั นนั้
บทความนีน้ าํ เสนอการทดสอบเพ่ือหาผลกระทบและสาเหตุของความผิดพลาดของระบบรูจ้ าํ ใบหน้าระบบ
HIKVISION DS-K5671-3XF/Z จะถูกนาํ มาใชใ้ นการทดสอบและการศึกษานี้ จากการทดลองจะพบว่าความ
แตกตา่ งของภาพใบหนา้ ทดสอบและภาพแวดลอ้ มของใบหนา้ รวมไปถงึ ความเขม้ แสง เป็นปัจจยั ท่ีมีความสาํ คญั
ท่ีสุดต่อระบบรูจ้ าํ ใบหนา้ การเปล่ียนแปลงเพียงเล็กนอ้ ยของปัจจยั ดงั กล่าวเหล่านีจ้ ะทาํ ใหป้ ระสิทธิภาพลดลง
อยา่ งมนี ยั สาํ คญั

คาํ สาํ คญั : การเรยี นรูเ้ ชงิ ลกึ , การรูจ้ าํ ใบหนา้ , การประเมินประสทิ ธิภาพ, ระบบควบคมุ การเขา้ ออก, การประมวลผลภาพ

Abstract
Deep learning-based facial recognition system in real-world circumstances of repeated
authentication may result in mismatch due to inconsistencies in face image conditions that are
incompatible with database calls. Face recognition performance is influenced by environmental
factors such as light and local background images. As a result, this paper investigates the effects and
causes of failure of facial recognition system. The HIKVISION model and the algorithm of DS-K5671-
3XF/Z from the DS-K1T671T series were tested and studied. In the experiment, it was discovered that
irregularities in testing faces and face image circumstances, as well as light intensity, were the most
relevant factors affecting the facial recognition system. Minor changes of the certain factors may
degrade the performance significantly.

Keyword: Deep learning, Face recognition, Performance evaluation, Access control system, Image processing
E-mail address: [email protected]

1 ภาควิชาวศิ วกรรมอิเลก็ ทรอนิกสแ์ ละโทรคมนาคม คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี
Department of Electronic and Telecommunication Engineering,
Faculty of Engineering King Mongkut's University of Technology Thonburi

103

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การพัฒนาระบบควบคุมความชนื้ และอุณหภูมกิ ารปลูกผักกาดหอมผ่านอินเตอรเ์ น็ต
Development of a humidity and temperature Control System of Lettuce Planting via the Internet

ศกั ดน์ิ ิรันดร์ เกิดเจรญิ 01* และ ดวงอาทิตย์ ศรมี ลู 12
Sakniran Kerdcharoen1* and Duang-arthit Srimoon2

บทคัดย่อ
บทความนีน้ าํ เสนอระบบควบคมุ ความชืน้ และอณุ หภูมิการปลกู ผกั กาดหอมผ่านอินเตอรเ์ น็ต โดยสรา้ ง
แปลงปลกู ผกั กาดหอมขนาดเดยี วกนั 2 แปลง พืน้ ท่ี 3 x 4 m2 เพ่ือทดสอบเปรียบเทียบผล โดยแปลงหนง่ึ เป็นการ
เพาะปลูกผักกาดหอมตามวิธีของเกษตรกรท่ัวไป อีกแปลงหน่ึงปลูกและควบคุมโดยระบบท่ีไดพ้ ัฒนาขึน้ เพ่ือ
สงั เกตการณค์ วามชืน้ และอณุ หภมู ิอยา่ งใกลช้ ิด ผ่านหนา้ ตา่ งแอพพลเิ คชนั Blynk ท่ีสามารถแสดงผลและควบคมุ
ผ่านอินเตอรเ์ น็ตได้ โดยแอพพลิเคชันจะเช่ือมต่อไปยังบอรด์ ไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino ผ่านโมดูลไวไฟ
ESP8266 ท่ีติดตงั้ ไวก้ บั ตคู้ อนโทรลใกลแ้ ปลงปลกู ผกั กาดหอม และมีเซนเซอรต์ รวจจับความชืน้ และอณุ หภมู ิต่อ
อยู่กับไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino นีด้ ว้ ยเช่นกัน ทาํ ใหผ้ ูใ้ ชง้ านสามารถทราบค่าความชืน้ และอณุ หภูมิได้ ใน
กรณีท่ีความชืน้ ไม่เพียงพอ สามารถส่งั การออนไลนด์ ว้ ยมือถือผ่านอินเตอรเ์ น็ตใหร้ ะบบสปริงเกลอรพ์ ่นนา้ํ เพ่ือ
ปรบั ความชืน้ และอุณหภูมิ นอกจากนี้ ระบบยังสามารถทาํ งานในโหมดอัตโนมัติไดด้ ว้ ยการกาํ หนดช่วงค่า
ความชืน้ และอณุ หภมู ิท่ีเหมาะสมกบั ผกั กาดหอมได้ เม่ือคา่ จากเซนเซอรท์ ่ีตรวจจบั ไดเ้ ปรียบเทียบกบั ความชืน้ และ
อณุ หภูมิท่ีตงั้ ค่าไว้ มีค่ามากหรือนอ้ ยกว่าช่วงท่ีกาํ หนดไวแ้ ลว้ ไมโครคอนโทรลเลอรก์ ็จะส่งคาํ ส่งั ใหอ้ ุปกรณท์ ่ีติด
ตงั้ อยู่ในแปลงปลกู ทาํ งานเพ่ือปรบั ความชืน้ และอณุ หภูมิโดยอตั โนมตั ิ จากการทดสอบพบว่าระบบท่ีสรา้ งขึน้ นี้
สามารถช่วยใหผ้ กั กาดหอมมผี ลผลติ เพ่ิมขนึ้ 13% โดยนา้ํ หนกั เม่ือใบผกั กาดหอมมคี วามสมบรู ณด์ ี

คาํ สาํ คัญ: ความชนื้ , อณุ หภมู ิ, สงั เกตการณ,์ ผกั กาดหอม, เซนเซอร์

Abstract
This paper presents the humidity and temperature control system of lettuce planting via the
Internet by constructing 2 lettuce planting plots of the same size with an area of 3 x 4 m2 for
comparative testing. One was converted to lettuce planting according to the general farmer's method.

1 สาขาวชิ าวศิ วกรรมไฟฟา้ และคอมพิวเตอรม์ หาบณั ฑติ วิทยาลยั วศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รงั สติ 52/347 เมืองเอก ต.หลกั หก อ.เมือง
ปทมุ ธานี จ.ปทมุ ธานี 12000
Master Degree in Electrical and Computer Engineering, College of Engineering, Rangsit University, 52/347 Muang-ake,
Lakhok, Pathumthani, 12000, Thailand
2 ภาควชิ าวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ วทิ ยาลยั วศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รงั สติ 52/347 เมืองเอก ต.หลกั หก อ.เมืองปทมุ ธานี จ.ปทมุ ธานี
12000
Department of Computer Engineering, College of Engineering, Rangsit University, 52/347 Muang-ake, Lakhok, Pathumthani,
12000, Thailand

104

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ คร้ังที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564
The other plot was controlled by a developed system for observing the humidity and temperature
closely. It was monitored through a window user interface which created by the Blynk application that
can be displayed and controlled via the Internet. The application connects to the Arduino
microcontroller with the ESP8 2 6 6 Wi-Fi module that also attached to the lettuce planting control
cabinet. There are 2 humidity and temperature sensors connected to Arduino microcontroller as well,
allows users to know the value of humidity and temperature. If it does not meet the needs, users can
order online by mobile devices via Internet to spray water on lettuce for adjusting the humidity and
temperature. In addition, this system can work in automatic mode. That is, it can set the humidity and
temperature range suitable for lettuce. When the values from the detected sensors are compared with
the set humidity and temperature, if the value is greater or less than the specified range, the
microcontroller will send commands to the equipment in the plot to automatically adjust the humidity
and temperature. Form testing, It is showed that the developed system was able to increase the yield
of lettuce by 13% weight, when lettuce leaves are intact.

Keywords: humidity, temperature, observation, lettuce, sensor
*Corresponding author, e-mail address: [email protected]

105

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การวัดความเหมอื นของสัญลักษณบ์ นพืน้ ผิวลายนูน
Similarity Measurement of Symbols on Embossed Surfaces

ศุภกฤช สุขสวสั ดิ์01 และ วีรพล จิรจรติ 1
Supakit Suksawat1 and Werapon Chiracharit1

บทคัดย่อ
ปัจจุบันนีเ้ ป็นยุคอุตสาหกรรม 4.0 ท่ีซ่ึงเทคโนโลยีดิจิทัลไดถ้ ูกนาํ มาประยุกตใ์ ชง้ านดา้ นการควบคุม
คณุ ภาพการผลติ แบบอตั โนมตั ิ บทความนีน้ าํ เสนอการตรวจสอบชิน้ งานดว้ ยภาพสญั ลกั ษณท์ างอตุ สาหกรรมท่ีซ่งึ
ถกู พิมพน์ นู บนผิวชิน้ งาน โดยใชก้ ารประมวลผลภาพดว้ ยการวดั ค่าความเหมือนของภาพสญั ลกั ษณ์ ค่าอตั ราสว่ น
สญั ญาณสงู สดุ ต่อสญั ญาณรบกวน ค่าการวดั ดชั นีความเหมือนเชิงโครงสรา้ ง และค่าสมั ประสิทธิ์สหสมั พนั ธ์ จะ
ถกู คาํ นวณและเปรียบเทียบ ผลการทดลองแสดงใหเ้ ห็นว่าค่าดชั นีความเหมือนท่ีนาํ เสนอมีประสิทธิภาพเพียงพอ
สาํ หรบั การระบสุ ญั ลกั ษณบ์ นพืน้ ผิวลายนนู

คาํ สาํ คัญ: การวดั ความเหมอื น, สญั ลกั ษณพ์ ิมพน์ นู , การประมวลผลภาพ

Abstract
At present, in the age of Industry 4 .0 , digital technology has been applying for automated
quality control. This paper presents visual inspection on product surface embossed with industrial
symbols. Image processing-based measurements of similarity of the symbol images were proposed.
Peak signal-to-noise ratio (PSNR), the structural similarity index measure (SSIM), and correlation
coefficient were evaluated and compared. The experimental results show that the proposed similarity
indexes are efficiently enough to identify the symbols on embossed surfaces.

Keyword: Similarity measurement, Embossed symbol, Image processing
E-mail address: [email protected]

1 ภาควิชาวิศวกรรมอเิ ล็กทรอนิกสแ์ ละโทรคมนาคม คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี
Department of Electronic and Telecommunication Engineering, Faculty of Engineering King Mongkut's University of
Technology Thonburi

106

การประชุมวชิ าการระดับชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

โครงสร้างกลุม่ ดาวสาหรับฐานขอ้ มลู เชอื้ พนั ธุกรรมพชื
Galaxy Schema for Plant Germplasm Database

ธรี วัฒน์ หวายฤทธิ์ 1,2 วรญั ญา อรรถเสนา1,2,* บญุ รตั น์ เผดมิ รอด1 และอนมุ ตั ิ อิงคนนิ นั ท1์
Theerawat Whairit1,2, Varunya Attasena1,2,*, Boonyarat Phadermrod1, and Anumat Engkaninan1

บทคดั ย่อ

การเก็บรวบรวม อนรุ กั ษ์ และแลกเปล่ียนเชือ้ พนั ธุกรรม นาไปสคู่ วามม่นั คงทางอาหาร และการตอบสนองภยั
พิบตั ิต่างๆ ฐานขอ้ มลู และระบบสืบคน้ เชือ้ พนั ธุกรรมพืชไดถ้ ูกพฒั นาขึน้ ตามมาตรฐานสากลของแต่ละคาอธิบายพืช
เพ่ือตอบสนองการสืบคน้ และการจัดเก็บขอ้ มูลในหลายมิติ คือ ขอ้ มูลท่ัวไปของพืช ลกั ษณะทางสณั ฐานวิทยาพืช
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมพืช และขอ้ มลู การเก็บรกั ษาเชือ้ พนั ธุกรรมพืช การออกแบบฐานขอ้ มลู ผสานกบั การออกแบบ
คลงั ขอ้ มูลแบบโครงสรา้ งกลุ่มดาวส่งผลใหม้ ีการใชพ้ ืน้ ท่ีจัดเก็บขอ้ มูลเพียง 0.52 เท่าของขอ้ มูลตน้ ฉบบั และยงั ใช้
ทรพั ยากรในการสืบคน้ (หน่วยความจา ซีพีย)ู ท่ีค่อนขา้ งนอ้ ย รวมทงั้ สามารถตอบสนองการสืบคน้ ทนั ที โดยจากการ
ทดลองสืบคน้ ขอ้ มลู พบวา่ เวลาการสืบคน้ ทงั้ ฐานขอ้ มลู ใชเ้ วลาเพียง 0.2 วินาที

คาสาคัญ : คลงั ขอ้ มลู ; โครงสรา้ งกลมุ่ ดาว; ฐานขอ้ มลู เชือ้ พนั ธุกรรมพืช; โปรแกรมสืบคน้

Abstract

Collecting, preserving, and sharing plant germplasm play an important role in food security, and
sustainability. Plant germplasm database and search system was developed in line with the universal
standard of plant descriptor which provided multi-perspective and searchable plant germplasm data such
as general information, phenotypes, genotypes, and storage information of target plants. The Plant
germplasm database was designed as a combination of relational database and data warehousing called
galaxy schema which results in a storage utilization of only 0.52 times of the original data. It also consumes
computer resources such as memory, CPU relatively less while responding to queries instantly. The
experimental results showed that the response time for searching the entire database took only 0.2 seconds.

Keyword: Data warehouse; Galaxy Schema; Plant Germplasm Database; Search Engine
*Corresponding author; E-mail address: [email protected]

1 คณะวศิ วกรรมศาสตร์ กาแพงแสน มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน นครปฐม 73140
Faculty of Engineering at Kamphaeng Saen, Kasetsart University Kamphaeng Saen Campus, Nakhon Pathom 73140, Thailand

2 ศนู ยค์ วามเป็นเลิศดา้ นเทคโนโลยชี ีวภาพเกษตร สานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงการอดุ มศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม
กรุงเทพฯ 10900
Center of Excellence on Agricultural Biotechnology (AG-BIO/MHESI), Bangkok, 10900,Thailand.

107

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ ครงั้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การพัฒนาอากาศยานไร้คนขับสาํ หรับฟารม์ กวางอัจฉริยะในประเทศไทย
The Development of Unmanned Aerial Vehicle for Smart Deer Farms in Thailand

ปิ ยวทิ ย์ เหลืองอรา่ ม01
Piyavit Laungaram1

บทคัดย่อ
งานวิจยั นีเ้ ป็นการนาํ เสนอการพฒั นาอากาศยานไรค้ นขบั สาํ หรบั ฟารม์ กวางอจั ฉริยะในประเทศไทย โดย
งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือพฒั นาแพลตฟอรม์ สาํ หรบั ฮารด์ แวรข์ องอากาศยานไรค้ นขบั และพฒั นาแพลตฟอรม์
สาํ หรบั ซอฟตแ์ วรท์ ่ีใชบ้ ริหารจดั การและควบคมุ อากาศยานไรค้ นขบั สาํ หรบั ฟารม์ กวางอจั ฉรยิ ะในประเทศไทย
งานวิจัยนี้จะแบ่งออกเป็ นสองส่วน คือส่วนแรกเป็นแพลตฟอรม์ สาํ หรับฮารด์ แวร์ ส่วนท่ีสองเป็ น
แพลตฟอรม์ สาํ หรบั ซอฟตแ์ วร์ แพลตฟอรม์ ของอากาศยานไรค้ นขบั ท่ีถกู พฒั นาขนึ้ จะใหก้ ารสนบั สนุนการปฏิบตั ิ
ภารกิจท่ีมีความยืดหยุ่นสาํ หรบั ฟารม์ กวางอัจฉริยะ ผูค้ วบคุมอากาศยานไรค้ นขับสามารถกาํ หนดภารกิจและ
สภาพแวดลอ้ มในการทาํ งานผา่ นโปรแกรมกราฟิ กแบบโตต้ อบได้
ผลการทดสอบของแพลตฟอรม์ สาํ หรบั ฮารด์ แวรแ์ ละซอฟตแ์ วรข์ องอากาศยานไรค้ นขบั มีความเสถียรใน
การทาํ งาน และผลท่ีไดอ้ ยู่ในระดบั ท่ีน่าพอใจ ในการทดสอบแตล่ ะดา้ นสามารถทาํ งานตามภารกิจท่ีมอบหมาย
ไดเ้ ป็นอย่างดี

คาํ สาํ คัญ : อากาศยานไรค้ นขบั ฟารม์ กวางอจั ฉรยิ ะ แพลตฟอรม์

Abstract
This research presents the development of unmanned aerial vehicle( UAV) for smart deer
farms in Thailand. The research aims to develop the UAV hardware platform and UAV software
platform for smart deer farms in Thailand.
This research will be divided into two parts. The first part is the hardware platform. The
second part is the software platform. The UAV platform will be developed to support a flexible mission
for smart deer farms. UAV controllers can define a mission and operating environment through an
interactive graphic program.
The testing results of the UAV platform. Stable to work and the results were at a satisfactory
level. In the test, each side can work according to the intended mission very well.

Keywords : Unmanned Aerial Vehicle , Smart Deer Farm , Platform
E-mail address : [email protected]

1 สาขาวชิ าวศิ วกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั รามคาํ แหง กรุงเทพฯ 10240
Department of Computer Engineering, Faculty of Engineering, Ramkhamhaeng University, Bangkok 10240, Thailand

108

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

ปัจจัยทเ่ี หมาะสมในการปอกเปลอื กเผือก ดว้ ยเครอ่ื งปอกเปลอื กล้อรูพรุน
Factors suitable for peeling taro with perforated wheel peeler

สุริยา น้ําแกว้ 01 สวุ นิ ยั โสดาเจรญิ 12 ณฏั ฐ์ สริ วิ รรธนานนท3์
Suriy Namgaew1, Suvinai Sodajaroen2, and Natt Siriwattananon3

บทคัดย่อ
งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือการศกึ ษาการใชเ้ คร่อื งปอกเปลือกลอ้ รูพรุนปอกเปลือกเผือก เพ่ือช่วยแกไ้ ข
ปัญหาอนั ตรายจากมีดปอกเปลือกเผือกและยางท่ีเป็นกรดออกซาลิกขณะปอกเปลือกเผือกกบั ผปู้ อกเปลือกเผือก
และเพ่ิมประสทิ ธิการปอกเปลอื กเผือกใหก้ บั ชมุ ชนท่ีแปรรูปเผือก โดยการใชเ้ คร่ืองปอกเปลือกลอ้ รูพรุนปอกเปลอื ก
เผือก คือ ผูท้ าํ งานใส่หัวเผือกนา้ํ หนักโดยรวมไม่เกิน 2 กิโลกรมั ในช่องป้อนเขา้ เคร่ือง ภายในเคร่ืองมีลอ้ รูพรุน
จาํ นวน 5 ลอ้ จดั เรียงเพ่ือรองรบั หวั เผือกในขณะทาํ การปอกเปลือก เม่ือเคร่ืองทาํ งานลอ้ รูพรุนจะหมนุ อยกู่ บั ท่ี ทาํ
ใหห้ วั เผือกกลิง้ หมนุ ไป – มา ตามการหมนุ ของลอ้ รูพรุน เปลือกเผือกจะกะเทาะหลดุ ออกตามรูพรุนของลอ้ ท่ีหมนุ
และมีนา้ํ ชว่ ยในการปอกเปลือกเผือก ทาํ การทดลองความเร็วรอบลอ้ รูพรุน 357, 446 และ 595 รอบต่อนาที และ
เวลาปอกเปลือกเผือก 1, 2 และ 3 นาที และประเมินสมรรถนะการใชเ้ คร่อื งปอกเปลือกลอ้ รูพรุนปอกเปลือกเผือก
ผลการทดลอง พบว่า การใชค้ วามเรว็ รอบลอ้ รูพรุนทงั้ 3 ความเรว็ รอบ และเวลาท่ีใชป้ อกเปลือกเผือกทงั้
3 เวลา เคร่ืองปอกเปลอื กลอ้ รูพรุนสามารถปอกเปลือกเผือกไดเ้ ป็นอยา่ งดี แต่คา่ เฉล่ียเปอรเ์ ซน็ ตน์ าํ้ หนกั เผือกหลงั
การปอกมีค่าลดลงตามการใชค้ วามเร็วรอบลอ้ รูพรุน ไดแ้ ก่ 357, 446 และ 595 รอบต่อนาที ค่าเฉล่ียเปอรเ์ ซน็ ต์
นา้ํ หนักเผือกหลงั การปอก มีคา่ 83.73, 79.20 และ 73.52 เปอรเ์ ซน็ ต์ ตามลาํ ดบั และเวลาท่ีใชป้ อกเปลือกเผือก
1, 2 และ 3 นาที ค่าเฉล่ียเปอรเ์ ซ็นต์นา้ํ หนักเผือกหลังการปอก มีค่า 89.30, 80.34 และ 67.12 เปอรเ์ ซ็นต์
ตามลาํ ดบั จากผลการทดลอง พิจารณาจากค่าเฉล่ียเปอรเ์ ซ็นตน์ าํ้ หนกั เผือกหลงั การปอกท่ีมีค่าเหลือมากท่ีสดุ
เทา่ กบั 83.73 % ดว้ ยความเรว็ รอบลอ้ รูพรุน 357 รอบตอ่ นาที และเวลาในการปอกเปลือกเผือก 1 นาที มีคา่ เฉล่ีย
เปอรเ์ ซ็นตน์ า้ํ หนักเผือกหลังการปอกมีค่ามากท่ีสุด เท่ากับ 89.30 % และการแปรรูปเผือกของชุมชนใชเ้ ผือก
ประมาณ 35 กิโลกรัมต่อวัน เคร่ืองปอกเปลือกล้อรูพรุนใช้เวลาปอกเปลือกเผือก 17.5 นาที ช่วยลดเวลา
ปอกเปลือกเผือก 80.55 เปอรเ์ ซน็ ต์ คดิ เป็นคา่ ไฟฟ้า เทา่ กบั 0.5096 บาท หรือคิดเป็นเงิน 15.288 บาทตอ่ เดือน

คาํ สาํ คัญ : เผือก ปอกเปลือก ลอ้ รูพรุน แปรรูป

1,2 สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลสวุ รรณภมู ิ 450 ม.6 ตาํ บลยา่ นยาว อาํ เภอ
สามชกุ จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี 72130

1,2 Department of Industrial Engineering Faculty of Industrial Education Rajamangala University of Technology Suvarnabhumi
450 Village No. 6, Yan Yao Subdistrict, Sam Chuk District, Suphan Buri Province 72130
3 วิศวกรรมเครอ่ื งกล คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ 450 ม.6 ตาํ บลยา่ นยาว อาํ เภอสามชกุ
จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี 72130
3 Department of Mechanical Engineering Faculty of Industrial Education Rajamangala University of Technology
Suvarnabhumi450 Village No. 6, Yan Yao Subdistrict, Sam Chuk District, Suphan Buri Province 72130

109

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564
Abstract

The purpose of this research was to study the use of a porous wheel peeler to peel taro to
help solve the problem of taro peeling knife and oxalic acid when peeling taro with peelers. Taro and
taro peeling efficiency increased to communities that processed taro by using a porous wheel peeler.
The taro peeling machine was done by putting a taro head with a total weight of taro no more than 2
kg into the input port. The machine is equipped with 5 perforated wheels arranged to support the taro
head while peeling. When the machine is in operation, the perforated wheel rotates in place causing
the taro head to roll – following the rotation of the taro shell perforated wheel. The taro peeling speeds
of 357,446 and 595 rpm were conducted at the pore wheel speeds of 357,446 and 595 rpm and taro
peeling times of 1, 2 and 3 min were evaluated. Use a porous wheel peeler to peel the taro.

The results showed that using the 3 speeds of the porous wheels at all 3 speeds and the time
spent peeling the taro the porous wheel peeler can peel taro very well. However, the mean
percentage of taro weight after peeling was decreased according to the porous wheel speed, which
were 357, 446 and 595 rpm. And the time spent peeling taro for 1, 2 and 3 minutes, the mean
percentage of taro weight after peeling were 89.30, 80.34 and 67.12 percent, respectively. With a
porous wheel speed of 357 rpm and a 1-min peeling time of taro, the mean percentage of taro weight
after peeling was the highest at 89.30%. 35 kg per day, the perforated wheel peeler takes 17.5
minutes to peel taro, reducing the time of 80.55 percent of taro peeling time, equivalent to the
electricity cost of 0.5096 baht, or 15.288 baht per month.

Keyword : Taro, peeled, perforated wheel, processed
E-mail address [email protected]

110

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การวเิ คราะหต์ ้นทุนโลจิสตกิ สใ์ นการผลติ ครามด้วยระบบต้นทุนฐานกจิ กรรม
กรณีศึกษา: กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตคราม จังหวัดสกลนคร

Logistics Cost Analysis in the Production of Wet Indigo by Activity Based Costing
System: A Case Study Group of Farmers Produce Indigo Sakon Nakhon Province

ไพศาล เดชป้องหา01 หาญณรงค์ บาํ รุงศริ 2ิ และสาํ เนียง ไขม่ กุ ข3์
Paisan Dachpongha1 Hannarong Bumrungsiri2 and Samneang Khaimuk3

บทคัดยอ่
งานวิจยั นีม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาห่วงโซ่อุปทานและกิจกรรมโลจิสติกสใ์ นการผลิตครามตงั้ แต่ตน้ นา้ํ
จนถงึ ปลายนา้ํ รวมถงึ การวเิ คราะหต์ น้ ทนุ โลจิสติกสใ์ นการผลิตครามของกลมุ่ เกษตรกรผผู้ ลิตครามในเขตเทศบาล
ตาํ บลสามคั คีพฒั นา อาํ เภออากาศอาํ นวย จงั หวดั สกลนคร เพ่ือหาแนวทางลดตน้ ทนุ โลจิสติกสใ์ นการดาํ เนินงาน
วจิ ยั เร่ิมตน้ จากการเก็บขอ้ มลู ดว้ ยแบบสอบถามและการสมั ภาษณก์ ล่มุ เกษตรกรผูผ้ ลิตครามกล่มุ ตวั อย่างในเขต
เทศบาลตาํ บลสามคั คีพฒั นา อาํ เภออากาศอาํ นวย จงั หวดั สกลนคร จาํ นวน 3 หมบู่ า้ น ไดแ้ ก่ บา้ นสามคั คี บา้ น
ถา้ํ เต่า และบา้ นโนนจาํ ปา จาํ นวน 73 ราย เลือกกล่มุ ตวั อยา่ งจากตารางเครจซ่ีและมอรแ์ กนท่ีระดบั ความเช่ือม่นั
รอ้ ยละ 95 จากนนั้ ทาํ การจาํ แนกและวิเคราะหต์ น้ ทนุ โลจิสติกสป์ ระเภทตา่ งๆ ดว้ ยระบบตน้ ทุนฐานกิจกรรม เพ่ือ
หาตน้ ทุนเฉล่ียท่ีแทจ้ ริงก่อนท่ีจะเสนอแนวทางการลดตน้ ทุนโลจิสติกส์ ผลการศึกษาพบว่าตน้ ทุนโลจิสติกสท์ ่ี
เกิดขึน้ ในห่วงโซ่อปุ ทานในการผลิตครามไดแ้ ก่ ตน้ ทุนปริมาณการส่งั ซือ้ การขนส่ง คลงั สินคา้ และระบบขอ้ มูล
ข่าวสาร จากการวิเคราะหด์ ว้ ยระบบตน้ ทุนฐานกิจกรรมพบว่ากล่มุ เกษตรกรผูผ้ ลิตครามมีตน้ ทนุ โลจิสติกสเ์ ฉล่ีย
18,928 บาทต่อไร่ โดยมีตน้ ทุนปริมาณการส่งั ซือ้ มากท่ีสดุ ซ่งึ เป็นค่าใชจ้ ่ายในการจดั ซือ้ เคร่อื งมือ - อุปกรณท์ าง
การเกษตรและการผลิตเฉล่ีย 9,357 บาทต่อไร่ รองลงมาคือตน้ ทุนการจัดซือ้ วัตถุดิบเฉล่ีย 3,357บาท/ไร่ และ
ตน้ ทุนค่าใชจ้ ่ายในการดแู ลและบาํ รุงรกั ษาเฉล่ีย 2,558 บาท/ไร่ ดงั นั้นแนวทางในการลดตน้ ทุนโลจิสติกสค์ วร
ปรบั เปล่ยี นเคร่อื งมอื และอปุ กรณใ์ นการการแช่ครามใหเ้ หมาะสม

คาํ สาํ คัญ : คราม, ตน้ ทนุ โลจสิ ตกิ ส,์ ตน้ ทนุ ฐานกิจกรรม, สกลนคร

1 สาขาวชิ าเทคโนโลยอี ตุ สาหการ คณะเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั นครพนม 48000
Department of Industrial Technology, Faculty of Industrial Technology, NaKhon Phanom University 48000
2 สาขาวชิ าชา่ งเชอ่ื มโลหะ คณะเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั นครพนม 48000
Department of Welding, Faculty of Industrial Technology, NaKhon Phanom University 48000
3 สาขาวชิ าเทคโนโลยอี ตุ สาหการ คณะเทคโนโลยอี ตุ สาหกรรม มหาวทิ ยาลยั นครพนม 48000
Department of Industrial Technology, Faculty of Industrial Technology, NaKhon Phanom University 48000

111

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
Abstract

The objective of this research is to study the supply chain and logistics activities in indigo
production from upstream to downstream. This included an analyzing of the logistics costs of indigo
production by group of farmers produce Indigo in Akat Amnuai District, Sakon Nakhon Province and
finding ways to reduce logistics costs. The research was initiated by collecting data with
questionnaires and interviews with a group of farmers produce Indigo sample fabric products in
Samakkhi Phatthana Subdistrict Municipality, Akat Amnuai District. There are 3 villages in Sakon
Nakhon Province, namely Ban Samakkhi, Ban Tham Tao and Ban Non Champa, with 73 cases.
Samples were selected from Craigsie and Morgan tables at 95 percent confidence level, and then
Identify and analyze different types of logistics costs with an activity-based costing system to
determine the actual average cost before proposing a solution to reduce logistics costs. The results
showed that the logistics costs incurred in the supply chain in the production of indigo were as follows:
order volume costs, transportation, warehouse and information systems. From the analysis of activity
base costs, it was found that the group of farmers produce Indigo products had average logistics cost
of 18,928 Baht/rai. The highest order quantity cost which is the average cost of purchasing tools and
equipment at 9,357 Baht/rai, followed by an average cost of procurement of raw materials at 3,357
Baht/rai, and an average cost of maintenance and maintenance at 2,558 Baht/rai. To reduce logistics
costs, equipment and equipment for indigo soaking should be adjusted optimally.

Keyword: Indigo, Logistics Cost, Activity Based Costing, Sakon Nakhon
E-mail address: [email protected]

112

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การศึกษาระยะเวลาการเก็บไส้แบบ Shell Mold สาํ หรับผลติ ภัณฑเ์ หล็กหล่อเหนียว
The Study of Shelf Life of Mold Core for Ductile Cast Iron Products

ณัฐธิดา ฉิม01 ยุภา ผู้ใหญ่1 สทุ ธพิ งษ์ โสภา2 และปรชั ญา เพียสรุ ะ3
Natthida Chim.1, Yupa Pooyai1,Suthiphong Sopha2 and Prachya Peasura3

บทคัดย่อ
งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือศกึ ษาระยะเวลาในการเก็บไสแ้ บบ Shell Mold ท่ีเหมาะสมสาํ หรบั การผลิต
ชิน้ งานหล่อ(Gear ABC) ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานและไม่ส่งผลกระทบดา้ นตน้ ทุนการผลิตของโรงหล่อ
กรณีศกึ ษา ซง่ึ ทาํ การวิจยั โดยเกบ็ ตวั อย่างไสแ้ บบ Shell Mold (Gear ABC) ท่ีระยะเวลาการเกบ็ ไสแ้ บบ 4 สปั ดาห์
และ 8 สัปดาห์ จากนั้นทดสอบความชืน้ ของไสแ้ บบ ตามมาตรฐาน American Foundry Society (AFS) และ
ทดสอบคา่ ความสามารถในการรบั แรงของไสแ้ บบโดยใชแ้ รงกดอดั ตามมาตรฐาน ASTM E9 ผลการวิจยั พบวา่ ค่า
ความชืน้ ของไสแ้ บบท่ีระยะเวลาการเก็บไสแ้ บบ 4 สปั ดาห์ และ 8 สปั ดาห์ มีเปอรเ์ ซ็นตค์ วามชืน้ เท่ากบั 0.0201
และ 0.0315 และมคี า่ ความสามารถในการรบั แรงของไสแ้ บบโดยใชแ้ รงกดอดั เทา่ กบั 660.26 kgf และ705.25 kgf
ตามลาํ ดบั และผลจากการวิเคราะหท์ างสถิติ one-way ANOVA ท่ีระดบั ความเช่ือม่นั 95 % สรุปไดว้ า่ ระยะเวลา
การเก็บไสเ้ ป็นปัจจยั ท่ีส่งผลตอ่ ความชืน้ ของไสแ้ บบ Shell Mold ท่ีแตกต่างกนั อย่างมีนยั สาํ คญั ทางสถิติท่ีระดบั
0.05 จากการวจิ ยั สรุปไดว้ า่ ระยะเวลาท่ีเหมาะสมในการเกบ็ ไสแ้ บบคอื 4 สปั ดาห์

คาํ สาํ คัญ : คา่ ความชนื้ / คา่ ความสามารถในการรบั แรง/ ระยะเวลาในการเก็บ/ ไสแ้ บบ Shell Mold

Abstract
The aims of this research to study shelf life of a mold core for ductile cast iron products to
study shelf life of mold core is suitable. The experimental method is done by collecting samples shell
mold core (Gear ABC) with 4 and 8 -weeks shelf life. The filling is tested for humidity as standard
American Foundry Society (AFS) and compression testing as standard ASTM E9. The results showed
that the moisture content of the shelf life at the 4 and 8 -weeks shelf-life period had the moisture
percentage of 0.0201 and 0.0315 and load capacity of the core by using compression of 660.26 kgf.
and 705.25 kgf. respectively. The statistical analysis is one-way ANOVA results can conclude that
shelf life affects the moisture of the shell mold core with the statistical significance level at 0 .0 5 .
Results can conclude 4 week is suitable for shelf-life period of mold core.

Keyword :Load Capacity / Moisture / Shelf Life / Shell Mold Core
E-mail address : [email protected]

1 ภาควิชาครุศาสตรอ์ ตุ สาหการ คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี
Department of Production Technology Education, Faculty of Industrials Education and Technology
King Mongkut’s University of Technology Thonburi

113

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การปรับปรุงสายการประกอบ Glove Compartment ของรถยนตน์ ่ังขนาดเล็ก
Improving the Glove Compartment Assembly Line of Compact Cars

ทรรศชนก จินดาอย1ู่ ธนพร จงมสี ตั ย1์ ศภุ รชั ต์ จิตตธิ รรมวฒั น1์
ผกาวรรณ ชยั สวัสดิ์01 วนิสา สงั ขเ์ อยี ด1 ศรณั ญา ยอดสุรางค1์ ดลิ ก ศรปี ระไพ1 และ สมโชค สนธิแกว้ 1

Thadchanok Jindayu1, Thanaporn Jongmeesat1, Suparat Jittithammawat1,
Pakawan Chaisawat1, Wanisa Sangied1, Saranya Yodsurang1 , Dilok Sriprapai1 and Somchoke Sontikaew1

บทคัดย่อ
งานวิจัยนีม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือปรบั ปรุงประสิทธิภาพการทาํ งานของพนักงานใหเ้ พ่ิมขึน้ และทาํ การลด
ตน้ ทุนท่ีไมก่ อ่ ใหเ้ กิดมลู คา่ กบั ผลิตภณั ฑโ์ ดยการลดความสญู เปลา่ ในกระบวนการทาํ งานภายในสายการประกอบ
Glove Compartment ซ่ึงจากการศึกษากระบวนการทาํ งานและวิเคราะหข์ อ้ มูลดว้ ยหลักการวิเคราะหส์ ายธาร
คณุ คา่ (Value Stream Analysis) เพ่ือทาํ การระบคุ ณุ คา่ ของกิจกรรมแตล่ ะกิจกรรม โดยสามารถจาํ แนกกิจกรรมท่ี
ไมเ่ พ่ิมคณุ คา่ (NVA) ตามความสญู เปลา่ 7 ประการตามแนวคิดลีน (Lean Thinking) ไดแ้ ก่กระบวนการทาํ งานท่ี
ซา้ํ ซอ้ น (Processing) การเคล่ือนไหวหรือท่าทางท่ีไม่เหมาะสมของพนกั งาน (Motion) และการรอคอย (Delay)
ซ่งึ ความสูญเปล่าเหล่านีเ้ ป็นสาเหตุหลกั ท่ีทาํ ใหก้ ระบวนการทาํ งานของพนกั งานมีประสิทธิภาพการทาํ งานท่ีต่าํ
ดังนั้นจึงใชห้ ลักการวิเคราะห์ดว้ ย 5W1H ร่วมกับหลักการปรบั ปรุง ECRS เพ่ือหาแนวทางในการกาํ จัดและ
ปรบั ปรุงกิจกรรมท่ีไมเ่ พ่ิมคณุ คา่ (NVA) รวมถึงการหาแนวทางในการจดั สมดลุ ของสายการผลิต โดยหลงั จากการ
ปรบั ปรุงสามารถลดจาํ นวนพนกั งานจาก 3 คน ใหเ้ หลือ 2 คน ซ่งึ ส่งผลใหป้ ระสิทธิภาพการทาํ งานของพนกั งาน
เพ่ิมขนึ้ จากรอ้ ยละ 83.6 เป็นรอ้ ยละ 98.5 และสามารถลดตน้ ทนุ ผลิตภณั ฑต์ อ่ ชิน้ ไปทงั้ หมด 0.55 บาท

คาํ สาํ คัญ: การวเิ คราะหส์ ายธารคณุ คา่ กิจกรรมท่ีไมเ่ พ่ิมมลู คา่ แนวคิดลนี ประสิทธิภาพการทาํ งาน

Abstract
The purpose of this research is to improve employee efficiency and reduce costs that do not
add value to the product by reducing wastage in the process of working within the glove compartment
assembly line, which from the study of the work process and analyze the data using Value Stream
Analysis to identify the value of each activity. Non-Value Added Activities (NVA) can be classified
according to 7 wastes based on Lean Thinking: redundant work processes (Processing),
inappropriate movements or gestures of employees (Motion) and waiting (Delay) which these wastes
are the main reason that the work process of employees has low efficiency. Therefore, 5W 1H analysis

1 ภาควชิ าวศิ วกรรมเครอื่ งมือและวสั ดุ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกลา้ ธนบรุ ี
Department of Tool and Materials Engineering, Faculty of Engineering, King Mongkut’s University of Technology Thonburi.

114

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธันวาคม 2564
principles were applied together with the ECRS improvement principles to find ways to eliminate and
improve NVAs, as well as to find ways to balancing the line (Line Balancing). The improvement can
reduce the number of employees from 3 persons to 2 persons, which results in an increase employee
productivity from 83.6% to 98.5% and can reduce the total cost of products per piece of 0.55 baht.

Keywords: Efficiency/Lean Thinking/ Non-Value Added Activities/Value Stream Analysis

115

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การศกึ ษาและจาลองการระบายแก๊สชีวภาพเพ่อื ลดการใช้พลังงานในโรงเรอื นเลยี้ งสุกร
STUDY AND IMPROVE THE BIOGAS VENTILATION TO
REDUCE ENERGY USE IN SWINE FARM

ณัฐทยา สุภาเวท1 และ ชินภทั ร ทิพโยภาส2
Nattaya Supavet1 and Chinnapat Thipyopas2

บทคดั ยอ่
วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั ของการวจิ ยั เร่ืองนคี้ ือ เพ่อื ศกึ ษาพฤติกรรมการไหลของแก๊สไฮโดรเจนซลั ไฟด์ ตาแหน่ง
และจานวนการเปิ ดพัดลมระบายอากาศภายในโรงเรือนเลี้ยงสุกรโดยใช้วิธีคานวณพลศาสตรข์ องไหล
(Computational Fluid Dynamics , CFD) เพ่ือประยุกตใ์ ชใ้ นการออกแบบและลดการใชพ้ ลงั งานในระบบระบาย
อากาศท่ีเหมาะสม โดยโรงเรือนเลีย้ งสุกรมีขนาด 14 m × 80 m × 3 m มีพัดลมระบายอากาศทั้งหมด 7 ตัว
จานวนสกุ ร 800 ตวั ในช่วงอายุ 22-25 สปั ดาห์ โดยพิจารณาใหบ้ ริเวณรางสว้ มนา้ ทงั้ หมดเป็นแหล่งกาเนิดแก๊ส
ไฮโดรเจนซลั ไฟด์ภายในโรงเรือนเพ่ือทาการปรบั ตาแหน่งและจานวนการเปิดพัดลมระบายอากาศทั้งหมด 14
รูปแบบ จะถกู นามาวเิ คราะหก์ ารไหลของแก๊สไฮโดรเจนซลั ไฟด์ โดยผลจากการศกึ ษาโดยวิธี CFD พบว่า จานวน
พดั ลมเหมาะสมกบั การระบายแก๊สไฮโดรเจนซลั ไฟดท์ ่มี ีจานวนการใชพ้ ดั ลมนอ้ ยท่สี ดุ คอื แบบจาลองท่ี 8 มีการใช้
พดั ลม 4 ตวั จากทงั้ หมด 7 ตวั โดยลดการใชพ้ ดั ลมได้ 3 ตวั ทาใหค้ วามเขม้ ขน้ ไฮโดรเจนซลั ไฟดจ์ ดุ ท่ี 4 , 5 และ 6
อยทู่ ่ี 2 ถึง 4 ppm ซ่งึ นอ้ ยกวา่ มาตรฐานท่กี รมปศสุ ตั วก์ าหนด

คาสาคัญ: การระบายอากาศ / แก๊สไฮโดรเจนซลั ไฟด์ / โรงเรอื นเลยี้ งสกุ ร / การคานวณพลศาสตรข์ องไหล

Abstract
The main objective of this research is to investigate the airflow pattern, hydrogen sulfide (H2S)
gas in a swine farm. Location and estimation of ventilation fans in a swine farm in order to design an
appropriate ventilation system via Computational Fluid Dynamics (CFD) technique and for saving
energy. The swine farm has a dimension of 14 m (width) × 80 m (length) × 3 m (height), with a total of
7 ventilation fans, inside there are 800 pigs, age range is 22-25 weeks, simulated from the sources of
H2S in sewage rail. The 14 different ventilation system cases were analyzed for the hydrogen sulfide
gas flow. The results of the CFD Technique show that the number of fans is suitable for the exhaust
gas hydrogen sulfide with the least number of fans being used in model number 8, using 4 of the 7
fans, reduces the use of 3 fans, the hydrogen sulfide concentration at points 4, 5 and 6 was 2 - 4 ppm,
which was less than the standard set by the Department of Livestock Development.

Keyword: Air Ventilation / Hydrogen sulfide / Swine farm / Computational Fluid Dynamics
E-mail address: [email protected]

1 ภาตวชิ าวิศวกรรมความปลอดภยั คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ บางเขน
Department of Safety Engineering. Faculty of Engineering. Kasetsart University
2ภาควิชาวิศวกรรมการบนิ และอวกาศ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิยาลยั เกษตรศาสตร์
Department of Aerospace Engineering. Faculty of Engineering. Kasetsart University

116

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การประยุกตก์ ารเรียนรู้ของเครื่องในการพยากรณผ์ ลผลิตกล้วยไม้ในประเทศไทย
Application of Machine learning in Forecasting Orchid Product in Thailand

เยาวลักษณ์ เกดิ ปั้น01 และ สวุ รรณี อศั วกลุ ชยั 2*
Yaowalak Koetpan1 and Suwannee Adsavakulchai2*

บทคัดยอ่
บทความนีม้ ีวตั ถุประสงค์ เพ่ือการพยากรณ์ผลผลิตกลว้ ยไมใ้ นประเทศไทยดว้ ยการเรียนรูข้ องเคร่ือง
การศึกษาครั้งนี้ ใช้กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลมาตรฐาน เรียกว่า Cross - Industry Standard Process
(CRISP) ซง่ึ เทคนิคการวิเคราะหข์ อ้ มลู ประกอบดว้ ย 6 ขนั้ ตอน ไดแ้ ก่ เขา้ ใจปัญหาของธรุ กิจ เขา้ ใจขอ้ มลู เตรียม
ขอ้ มูล พัฒนาแบบจาํ ลอง การประเมิน และการนาํ ไปใชจ้ ริง ขอ้ มูลท่ีใชร้ วบรวมขอ้ มูลจากสาํ นักงานเศรษฐกิจ
การเกษตร (www.oae.go.th) และกรมการคา้ ต่างประเทศ (www.ditp.go.th) ในปี พ.ศ. 2559 - 2563 จาํ นวน 20
จังหวดั การเตรียมและคัดเลือกขอ้ มูลใหส้ มบูรณ์เหมาะสมสาํ หรับการทาํ เหมืองขอ้ มูลดว้ ยกระบวนการ ETL
(Extract-Transform-Load) จากนนั้ ทาํ การโอนยา้ ยขอ้ มลู การลดขนาดของขอ้ มลู และการทาํ ความสะอาดขอ้ มลู
ใชโ้ ปรแกรม Knime เป็นเคร่ืองมือ และวิเคราะหห์ าความสมั พันธ์ โดยใชอ้ ัลกอริทึมพยากรณ์ผลผลิตกลว้ ยไม้
จําน วน 3 อัล ก อ ริทึ ม ได้แก่ Regression, Gradient Boosted Tree แล ะ Random Forest ก ารท ด ส อ บ
ประสิทธิภาพอลั กอริทึมโดยการหาค่าสมั ประสิทธิ์แสดงการตดั สินใจ (Coefficient of Determination) หรือคา่ R2
(R-Squared) เพ่ือหาอลั กอรทิ ึมท่ีเหมาะสมท่ีสดุ และวดั ผล ผลการศกึ ษาพบว่า การพยากรณผ์ ลผลิตกลว้ ยไมใ้ น
ประเทศไทยจากอลั กอริทมึ Gradient Boosted Tree มีคา่ R2 ท่ีเหมาะสมท่ีสดุ คือ 0.975 เม่ือเทียบกบั อลั กอริทมึ
Regression และ Random Forest คือ 0.964 และ 0.928 ตามลาํ ดบั สามารถนาํ มาแสดงผลขอ้ มลู ดว้ ยภาพโดย
ใช้ Power BI ซง่ึ เป็นประโยชนใ์ นการวางแผนการผลิตเพ่ือเพ่ิมยอดขายไดเ้ ป็นอย่างดี

คาํ สาํ คัญ : การเรยี นรูข้ องเครอ่ื ง, ผลผลิตกลว้ ยไม,้ Knime, regression, gradient boosted tree, random forest

Abstract
This article aims to apply machine learning for forecasting orchid product in Thailand. The
data mining technique in this study is the Cross-Industry Standard Process (CRISP). There are six
processes that are business understanding, data understanding, data preparation, model
development, evaluation, and deployment. The data was collected from Office of Agricultural

1 หลกั สตู ร Non-Degree การประยกุ ตก์ ารเรยี นรูข้ องเครอื่ งเพือ่ ใชส้ นบั สนนุ การตดั สนิ ใจในธุรกิจ E-Commerce
Non-Degree Program in Machine learning Application for Decision Support System in E-commerce
2คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั หอการคา้ ไทย
School of Engineering, University of the Thai Chamber of Commerce

117

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ คร้ังท่ี 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
Economics ( www.oae.go.th) and Department of International Trade Promotion ( www.ditp.go.th) in
2016-2020 that consisted of 20 provinces. To do the data preparation, feature selection for data
mining i.e., data transfer, data reduction, data cleaning using Knime a tool. There are 3 algorithms for
forecasting orchid product that are regression, gradient boosted tree and random forest. Algorithm
performance is tested by using the coefficient of determination or R2 (R-Squared) for the best
algorithm. The results demonstrate that the most accuracy algorithm is gradient boosted tree with
accuracy 0.975 comparing with regression and gradient boosted tree with accuracy 0.964 and 0.928,
respectively. To do the data visualization using Power BI that is very beneficial for planning and leads
to higher sales.

Keywords : machine learning, orchid product, Knime, regression, gradient boosted tree, random forest
E-mail address : [email protected] and [email protected]*

118

การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ คร้งั ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ถงุ เทา้ ต้นแบบสาํ หรับผู้มอี าการแทรกซ้อนทเี่ กดิ กับระบบประสาท
The Prototype Sock for Diabetic Neuropathy

ปฤณ โสภาสพ01 ปิยนชุ จรงิ จิตร12* นที ศรสี วสั ดิ์ 3 ภทั รพ์ ล ศรฟี องจนั ทร์4

2

Prin Sophasop1, Piyanut Jingjit2*, Natee Srisawat 3 and Patpon Sriphongchan4

บทคัดยอ่
ผลงานวิจัยนี้เป็นส่วนหน่ึงของการเข้าร่วมโครงการพัฒนาตน้ แบบวัสดุเชิงเทคนิค เพ่ือการรองรับ
อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร วตั ถุประสงคเ์ พ่ือการพัฒนาผลิตภัณฑส์ ่ิงทอทางการแพทย์ ท่ีเป็นถุงเท้าท่ี
เหมาะสมกวา่ ถุงเทา้ ท่วั ไปท่ีไม่ไดอ้ อกแบบมาเพ่ือการใชง้ านเฉพาะสาํ หรบั ผปู้ ่ วยเบาหวาน เพราะตามคาํ แนะนาํ
ของแพทยท์ ่ีมีตอ่ ผปู้ ่ วยโรคเบาหวานท่ีมีภาวะเทา้ เบาหวานควรสวมใสถ่ งุ เทา้ ตลอดเวลา วธิ ีการทาํ วจิ ยั คือการผลิต
ถงุ เทา้ ตน้ แบบดว้ ยระบบ OEM วสั ดุท่ีใชเ้ ป็นผา้ ถกั จากเสน้ ใยผสมเสน้ ใยฝ้าย เสน้ ใยพอลิเอสเตอร์ และเสน้ ใยส
แปนเดก็ ซ์ คดิ เป็นรอ้ ยละ 64.69 34.51 และ 1.80 ตามลาํ ดบั คา่ ดชั นีการจดั การความชืน้ องคร์ วมอย่ใู นระดบั เกรด
1 เวลาการเปียกอย่ใู นระดบั ชา้ ถึงระดบั กลาง อตั ราการดดู ซมึ ชา้ มาก รศั มกี ารเปียกเป็นวงขนาดเลก็ สว่ นความเรว็
ในการแผช่ า้ มาก ซง่ึ เป็นสมบตั พิ งึ ประสงคส์ าํ หรบั ถงุ เทา้ ท่ีรกั ษาเทา้ ผมู้ ีภาวะเทา้ เบาหวานใหแ้ หง้ ตลอดเวลา

คาํ สาํ คัญ : สง่ิ ทอทางเทคนิค, ถงุ เทา้ , โรคระบบประสาทเบาหวาน, โรคเบาหวาน

Abstract
The research was a part of participating in a project to develop a technical material
prototypes, to support the comprehensive medical industry. This article summarized of the standard
test results of the material used and the prototype production trials, according to general doctor's
recommendations for diabetic patients with diabetic foot conditions to wear specific sock at all times,
rather than general commercial socks. The socks were produced by OEM system. The material used
was from blended yarns, with percentage of cotton, polyester, and spandex 63.69, 34.51 and 1.80,
respectively. The overall (liquid) moisture management index was at grade 1, the wetting time were
slow to medium, the absorption rate were very slow, the wetting radius were small and the spreading
speed were very slow. All in all, it is a desirable property for socks that keep feet dry at all time.

Keyword : Technical Textiles, Sock, Diabetic Neuropathy, Diabetes
* E-mail address: [email protected]

1 ภาควิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์
Department of Industrial Engineering, Faculty of Engineering(ภาษาองั กฤษ)
2,3 ภาควชิ าวศิ วกรรมส่ิงทอ คณะวิศวกรรมศาสตร์
Department of Textile Engineering, Faculty of Engineering(ภาษาองั กฤษ)
4 บรษิ ัท สเตปโซล จาํ กดั STEPSOLE Company Limited

119

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ผ้าต้นแบบทาํ ชุดสครับสาํ หรับแพทยใ์ นห้องฉุกเฉิน
The Prototype Fabric for Making Scrub Suit for Medical Doctor in Emergency Room

ปฤณ โสภาสพ01 ปิยนชุ จรงิ จิตร12* อทุ าร สตั ยารกั ษ์ 3 เศรฐพงศ์ ศรสี พุ ลวนิช 4

2

Prin Sophasop1, Piyanut Jingjit2*, Utharn Satayaraks 3 and Setthapong Srisuphonvanij4

บทคัดยอ่
บาทความนี้เป็นการนําผลการทดสอบการผลิตผ้าต้นแบบสาํ หรับการทําชุดสครบั เพ่ือพัฒนาให้
เหมาะสมกบั การใชง้ านในสถานการเฉพาะสาํ หรบั แพทยแ์ ผนกหอ้ งฉกุ เฉินมากกวา่ ชดุ เคร่ืองแบบท่ีสถานพยาบาล

จดั หาให้ โดยเป็นการนาํ เสนอผลของการทดสอบผา้ ตามสมบตั พิ ึงประสงค์ คือ สวมใสส่ บาย แขง็ แรงและทนทาน
ตอ่ แรงดงึ และเม่ือนาํ ไปซกั และตากแหง้ ผา้ จะไม่หดหรือยืดมากนกั ผลการทดสอบค่าความแข็งแรงของตะเข็บ
เท่ากับ 814.02 นิวตนั และตามแนวดา้ ยพุ่ง เท่ากับ 703.89 นิวตนั ซ่งึ สงู กว่าเกณฑท์ ่ีกาํ หนดมาก ค่าความรอ้ น
และเย็นของผา้ ดา้ นผ่านเกณฑก์ าํ หนด โดยหนา้ ผา้ เท่ากบั 0.21 W/cm2 และหลงั ผา้ เท่ากบั 0.23 W/cm2 ซ่งึ เป็น
เนือ้ ผา้ ท่ีสมั ผสั เย็นสบาย และไม่เก็บกกั ความรอ้ น และคา่ การเปล่ียนแปลงขนาดของผา้ หลกั การซกั ผา้ ตน้ แบบมี
คา่ การหดทงั้ ดา้ นดา้ ยยืนและดา้ ยพงุ่ เพียงเลก็ นอ้ ยเทา่ นนั้ คือดา้ นดา้ ยยืน 1.0% และผา้ หดดา้ นดา้ ยพงุ่ 0.6%

คาํ สาํ คัญ : สง่ิ ทอทางเทคนิค, ชดุ สครบั , แผนกหอ้ งฉกุ เฉิน, ส่งิ ทอทางการแพทย์

Abstract
The prototype fabrics for making scrub suits was developed for suitability in specific situations
in emergency room than the common uniform provided by the hospital. The standard test methods

were selected according to desirable properties, such as comfortable to wear, seam strength, and
dimensional stability. The test results for the seam strength in warp direction was 814.02 newton and
weft was 703.89 newton - considerably higher than the specified values. The touch feeling of warmth
or coolness test results passed the specified criteria, - 0.21 W/cm2 on the fabric face and 0.23 W/cm2

on the fabric back, indicate the comfort when wearer's skin touches the fabric and does not retain
heat. The fabric appeared to shrink 1.0% in warp direction and 0.6% in the weft direction that passed
all the set requirements.

Keywords : Technical Textiles, Scrub suit, Emergency Room, Medical Textiles
* E-mail address: [email protected]

1 ภาควชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์
Department of Industrial Engineering, Faculty of Engineering
2 ภาควชิ าวิศวกรรมสงิ่ ทอ คณะวิศวกรรมศาสตร์
Department of Textile Engineering, Faculty of Engineering
3 บรษิ ัท พรูเด็นเชียล แอมพลี (ไทยแลนด)์ จาํ กดั Prudential Ampri (Thailand) CO.,LTD.
4 บรษิ ัท เคเอน็ ซี เทก็ ซไ์ ทล์ จาํ กดั KNC TEXTILE CO.,LTD.

120

การประชุมวิชาการระดับชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

การออกแบบและสร้างเครื่องผลติ ถ่านแทง่ จากเศษวัสดุทเ่ี หลือจากการเผาถา่ นในชุมชน
Design and Construction of Charcoal Briquettes Machine

From Residual Materials Burning Charcoal in The Community

ธนโชติ พิมพช์ ายน้อย1* ธนวฒั น์ ทองที1 อรยิ ะวฒั น์ บวั ผนั 01 และ ภรู พิ สั แสนพงษ์2*
Thanachot Pimchainoi 1*, Tanawat Tongtee1 Ariyawat Buaphan1 and Bhuriphat Saenpong2*

บทคัดย่อ
งานวิจัยฉบบั นี้ มีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือออกแบบและสรา้ งเคร่ืองผลิตถ่านแท่ง จากเศษวสั ดุท่ีเหลือจาก
การเผาถา่ นในชมุ ชน และเพ่ือหาประสทิ ธิภาพของเคร่อื งผลิตถ่านแท่งท่ีสรา้ งขนึ้
จากการออกแบบและสรา้ งเคร่ืองผลิตถ่านแท่ง มีหลักการทํางานของเคร่ืองประกอบไปด้วย
ระบบย่อย ระบบลาํ เลียง ระบบผสม และระบบอดั ระบบการทาํ งานของเคร่ืองเป็นแบบก่ึงอัตโนมัติ มีวงจร
อิเลก็ ทรอนิกสค์ วบคมุ การทาํ งานของสว่ นตน้ กาํ ลงั ไปยงั ระบบต่างๆ ผลการดาํ เนินงาน ระบบย่อยมีประสทิ ธิภาพ
คิดเป็นรอ้ ยละ 95.17 จากการทดสอบเปรียบเทียบนา้ํ หนกั ก่อนและหลงั การย่อย ระบบลาํ เลยี งมปี ระสิทธิภาพการ
ลาํ เลียงคิดเป็นรอ้ ยละ 85.91 ระบบผสมมีระยะเวลาการกวนท่ีเหมาะสมท่ี 5 นาที จากนนั้ ทดสอบการอดั ถา่ นแท่ง
ดว้ ยอัตราส่วนผสมต่าง ๆ ระหว่าง เศษถ่าน แป้งมันสาํ ปะหลังและน้ํา พบว่าผลิตภัณฑ์อัดถ่านเม่ือผสม
องคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ตามอตั ราส่วนท่ีไดก้ าํ หนดไว้ เศษถ่าน แป้งมนั สาํ ปะหลงั และนา้ํ (3.4:0.8:1.8) มลี กั ษณะทาง
กายภาพท่ีมีรูปร่างตามท่ีตอ้ งการ เนือ้ ประสานกนั ดี ไมม่ ีรอยรา้ ว ทาํ ใหค้ วามสามารถในการอดั ถ่านแท่ง มีอตั รา
การผลิตถ่านแท่งอยู่ท่ี 58.22 กิโลกรมั /ช่วั โมง จากนนั้ ลดความชืน้ ดว้ ยวิธีการตากแดดเป็นเวลา 24 ช่วั โมง (แบ่ง
ตากวันละ 8 ช่ัวโมง) จากนั้นหาสมบัติทางกายภาพของถ่านอัดแท่ง โดยทดสอบค่าความจุความรอ้ น ตาม
มาตรฐาน ASTM D5865 โดยใชเ้ คร่ืองบอมบ์ แคลอริมิเตอร์ มีค่าความจุความรอ้ นท่ี 5,933.80 กิโลแคลอร่ี/
กิโลกรมั ทดสอบหาคา่ ความหนาแนน่ มคี า่ อย่ทู ่ี 0.564 กรมั /ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร และทดสอบค่าอตั ราการเผาไหม้
มีระยะการเผาไหมท้ ่ี 180 นาที/0.5 กิโลกรมั จะเห็นไดว้ ่าถ่านอดั แท่งมีค่าความจุความรอ้ นท่ีไดต้ ามมาตรฐาน
ผลิตภณั ฑช์ ุมชน (ถา่ นอดั แทง่ ) ท่ีไมค่ วรต่าํ กวา่ 5,000 กิโลแคลอร่ี/กิโลกรมั ซ่งึ เคร่ืองผลิตถา่ นแทง่ จากงานวจิ ยั ครงั้
นี้ สามารถผลิตถ่านแท่งไดต้ ามมาตรฐาน สามารถนาํ มาใชใ้ นการผลติ เพ่ือจาํ หน่าย และใชป้ ระโยชนใ์ นครวั เรอื น
ไดต้ อ่ ไป

คาํ สาํ คัญ: ถ่านอดั แทง่ , เครอ่ื งผลติ ถ่านอดั แทง่

1 ภาควิชาอตุ สาหการ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลอสี าน วิทยาเขตขอนแกน่ จ.ขอนแก่น 40000
Department of Industrial Engineering, Faculty of Engineering, Rajamangala University of Technology Isan Khonkaen Campus,
Khonkaen 40000, Thailand

121

การประชุมวิชาการระดบั ชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

Abstract
This research aims to design and build a charcoal briquette machine from scrap materials
left from the burning of charcoal in the community and to find the efficiency of the charcoal briquette
machine that the producer has made.

From designing and building a charcoal briquette machine. The working principle of
the machine consists of scrap materials' subsystem, conveying systems, mixing systems and
compacting systems. The system of the machine is semi-automatic. There is an electronic circuit to
control the operation of the power source to various systems. The scrap materials' subsystem was
95.17% efficient, in weight comparison before and after decompose. Conveying system has a
conveying efficiency of 85.91%. Mixing system has an optimal stirring time of 5 minutes. Then, test the
briquettes with different ratios between charcoal scraps, tapioca starch and water. It was found that
the charcoal briquettes when mixed with various components according to the specified ratios,
charcoal scraps, tapioca starch and water (3.4:0.8:1.8) exhibited the desired physical characteristics,
well coordinated, no cracks, making the ability to compress charcoal briquettes. The production rate
of charcoal sticks is 58.22 kg/hour. Then dehumidify by means of drying in the sun for 24 hours
(dividing airing for 8 hours per day). Then test the physical properties of charcoal briquettes. The heat
capacity was tested in accordance with ASTM D5865 using a bomb calorimeter. It has a heat capacity
of 5933.80 kcal/kg. Density test was 0.564 g/cubic centimeter and test the burn rate. It has a
combustion period of 180 minutes/0.5 kg. It can be seen that the charcoal briquette has a heat
capacity that meets the community product standard. (charcoal briquettes) that should not be less
than 5000 kilocalories/kg. Which the charcoal briquette machine from this research. Able to produce
charcoal briquettes as standard. It can be used in production for distribution and further use in the
household.

Key words: Biomass energy, Charcoal Briquette Making Machine
*Corresponding author; email address: [email protected]

122

การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ คร้ังที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วันท่ี 8-9 ธนั วาคม 2564

แบบจาํ ลองการเลอื กรูปแบบการเดนิ ทางของผู้สูงวัยเพอื่ ใช้บรกิ ารโรงพยาบาลและการ
ประยกุ ตใ์ ช้แบบจาํ ลองโลจติ

Modal Travel Choice for the Elderly Medical Treatments and Application to Logit Model

สิรวิชญ์ โอนสงู เนิน01 ฆนิศา รุง่ แจง้ 1* และ พงษศ์ กั ดิ์ สรุ ยิ วนากลุ
Sirawit Onsungnoen1, Kanisa Rungjang1*, and Pongsak Suriyavanagul

บทคัดยอ่
การปรบั ปรุงรูปแบบการขนสง่ เพ่ือเดินทางไปรบั บริการท่ีสถานพยาบาลจะส่งเสริมใหค้ ณุ ภาพชีวิตของผู้
สูงวยั ดีย่ิงขึน้ ผูส้ งู วยั มีความจาํ เป็นตอ้ งพ่ึงพาการขนส่งท่ีสะดวก ประหยดั ปลอดภัย ตรงเวลา เพ่ือสามารถไป
รกั ษาไดต้ ามแผนการรกั ษาใหส้ อดคลอ้ งกบั รายไดแ้ ละเหมาะกบั พฤติกรรมการเดินทาง งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงค์
เพ่ือจาํ ลองพฤติกรรมการเลือกรูปแบบการเดินทางไปโรงพยาบาลในเขตเมืองดว้ ยวิธีการสรา้ งแบบจาํ ลอง
ผลงานวิจยั แบบจาํ ลองพฤติกรรมเป็นโลจิตพหุแสดงปัจจยั ท่ีมีผลต่อการเลือกรูปแบบการเดินทาง ประกอบดว้ ย
อายุ รายไดค้ รวั เรือน ขนาดครวั เรือน ยานพาหนะในครอบครอง ค่าใชจ้ ่ายในการเดินทาง จาํ นวนท่ีน่ัง ส่ิงอาํ นวย
ความสะดวก เช่ือม่นั ไดอ้ ย่างมีนยั สาํ คญั งานวจิ ยั นีเ้ ป็นประโยชนต์ อ่ การพฒั นาระบบการขนสง่ มวลชนท่ีคาํ นึงถงึ
ผใู้ ชบ้ ริการท่ีเป็นผสู้ งู อายุ สาํ นกั งานนโยบายและแผนการขนสง่ จราจรสามารถสง่ เสริมการบริการรถโดยสารท่ีส่ิง
อาํ นวยความสะดวกสาํ หรบั ผสู้ งู อายโุ ดยกาํ หนดคา่ โดยสารไมใ่ หส้ งู เกินจนมีผลกระทบตอ่ ผทู้ ่ีมรี ายไดน้ อ้ ย

คาํ สาํ คญั : แบบจาํ ลองการเลอื กรูปแบบการเดนิ ทาง, แบบจาํ ลองโลจิตพห,ุ พฤติกรรมการเดินทางของผสู้ งู วยั

Abstract
Improving of medical transportation modes for elder will provide the quality of life of the elder.
The elder have to rely on convenience, affordability, safety, and arrive on time so that healthcare
access according to treatment plan that is consistent with income and traveler behavior. The main
purpose of this research was to model the behavior of travel choice to hospitals in urban areas using
logit model. According to the analysis of multinomial logit model, the affecting factors of the travel
choice are age, household income, household size, vehicle ownership, travel cost, number of seats,
and facilities. This research is useful to develop public transportation for elder. Office of Transport and
Traffic Policy and Planning should provide the bus that have facilities for the elder with reasonable
fares rate which is not affect low-income travelers.

Keyword: Modal Choice, Multinomial Logit Model, elderly travel behavior
*Corresponding author; E-mail address: [email protected]

1 ภาควิชาวศิ วกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร 10900
Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering, Kasetsart University, Bangkok 10900, Thailand

123

การประชุมวิชาการระดับชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การพัฒนากลยุทธใ์ นการบริการไปรษณียช์ ายแดนของบริษัท ไปรษณียไ์ ทย จาํ กัด
Strategic Development for Border Postal Services of Thailand Post Company Limited

ธีรภรณ์ มูลจันทร0์1 วนฐั ฌพงษ์ คงแกว้ 1 นิกร ศริ วิ งศไ์ พศาล1
Theeraporn Moonchan1, Wanatchapong Kongkaew1, and Nikorn Sirivongpaisal1

บทคัดยอ่
งานวิจยั นีม้ ีจุดประสงคเ์ พ่ือทาํ การรวบรวมและวิเคราะหข์ อ้ มูลท่ีเก่ียวขอ้ งกับการคา้ ชายแดนและเสนอ
แผนธุรกิจสาํ หรบั การบรกิ ารไปรษณียช์ ายแดนท่ีเหมาะสมแก่บริษัท ไปรษณียไ์ ทย จาํ กดั (ปณท.) เน่ืองจากธรุ กิจ
ดา้ นการขนสง่ เร่ิมมีค่แู ขง่ ซง่ึ เป็นไปรษณียเ์ อกชนเพ่ิมมากขึน้ ดงั นนั้ จงึ นาํ การจดั การกลยุทธ์ การวิเคราะห์ SWOT
และ TOWS Matrix มาประยุกตใ์ ชใ้ นการวิเคราะหแ์ ผนธุรกิจ ผลการศึกษาพบว่าแผนธุรกิจท่ีเหมาะสมคือการ
พฒั นาบรกิ ารขนสง่ โลจิสติกส์ และกระจายสินคา้ ขา้ มแดนและผ่านแดนระหวา่ งประเทศไทยกบั ประเทศเพ่ือนบา้ น
(มาเลเซีย) โดยใชผ้ ลไมส้ ดและผักสดเป็นสินคา้ ตัวอย่าง โดยแผนธุรกิจนีจ้ ะมีอัตราผลตอบแทนท่ีคาดว่าจะ
ได้รับ (Internal Rate of Return : IRR) อยู่ท่ี 85.74% มีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value : NPV) อยู่ท่ี
41,200,020 บาท และมรี ะยะเวลาคนื ทนุ (Payback Period) 2.12 ปี

คาํ สาํ คัญ : การจดั การกลยทุ ธ,์ แผนธรุ กิจ, การขนสง่ สนิ คา้

Abstract
The purposes of this research are to collect and analyze information related to border trade
and to propose a business plan of border postal services suitable to Thailand Post Co., Ltd. by using
strategic management, SWOT Analysis and TOWS Matrix to analyze the business plan. The conclusion
come out that the business plan that suitable is to development of logistics transportation services and
distribute goods across borders of Thailand and neighboring countries (Malaysia). In this work, the
fresh fruit and vegetable products are considered as goods due to the large amount of export product
across border. The results showed that this business plan obtains 85.74% for IRR, 41,200,020 for NPV
and the playback period is 2.12 years.

Keyword : strategic management, business plan, transportation
E-mail address : [email protected]

1 สาขาวชิ าวศิ วกรรมอตุ สาหการและการผลติ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
Department of Industrial and Manufacturing Engineering, Faculty of Engineering, Prince of Songkla University, Hat Yai
Campus, Songkhla, 90110, Thailand.

124

การประชมุ วิชาการระดับชาติ คร้ังที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธันวาคม 2564

การศกึ ษาเพอื่ เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพงานบริหารจัดการความปลอดภยั
งานตดิ ตัง้ ระบบไฟฟ้าและเครื่องกลโครงการรถไฟฟ้าสายสเี ขยี วเหนือ
A study of Efficiency Improvement of Safety Management in the Electrical
and Mechanical Systems Installation for The Green Line Extension North Project

เกษเกษร สุวะจนั ทร1์ , ชวเลข วณิชเวทนิ 2 และ ก่อโชค จนั ทวรางกรู 2
Keskesorn Suwajan1, Chavalek Vanichavetin2 and Korchoke Chantawarangkul2

บทคดั ยอ่

โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ เป็นโครงการขยายเสน้ ทางเดินรถไฟในเมือง ช่วง หมอชิต - สะพาน
ใหม่ – คูคต มีหนา้ ท่ีในการกระจายคนเขา้ ส่เู มืองชนั้ ในระหว่างท่ีพกั อาศยั กับแหล่งธุรกิจ ออฟฟิ ศต่างๆ ในการ
ใหบ้ ริการเดินรถไฟฟ้านั้น จาเป็นต้องติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (Electrical and Mechanical System:
E&M) ซ่งึ เป็นระบบสาคญั หลกั ของการเดินรถไฟฟ้าขา้ งตน้ ดงั นนั้ เพ่ือใหเ้ กิดความปลอดภยั จึงมีการนาแผนงาน
บริหารจดั การความปลอดภยั อาชีวอนามยั และส่ิงแวดลอ้ ม มาบงั คบั ใชใ้ นทกุ กิจกรรมงานติดตงั้ ระบบไฟฟ้าและ
เครอ่ื งกล การศกึ ษานีม้ จี ดุ มงุ่ หมายคือ ปรบั ปรุง แกไ้ ข และเพ่มิ ประสิทธิภาพแผนงานบรหิ ารจดั การความปลอดภยั
ฯใหด้ ีย่ิงขึน้ โดยใชก้ ิจกรรมการตรวจสอบคน้ หาและประเมินอนั ตราย เพ่ือช่วยลดความเส่ียงจากสภาพปัญหา
ความเป็นอนั ตราย ท่ีอาจสง่ ผลต่อการเกิดอบุ ตั เิ หตแุ ละลดอตั ราการเกิดใหน้ อ้ ยลงจนกระท่งั อบุ ตั เิ หตุเป็นศนู ย์ จาก
การศกึ ษาพบว่า เม่ือไดม้ ีการเขา้ ตรวจสอบ คน้ หา และประเมินอนั ตรายในพืน้ ท่ีปฏิบตั ิงานบ่อยขึน้ อย่างต่อเน่ือง
ทาใหพ้ บอันตรายเพ่ิมขึน้ โดยนาปัญหาท่ีไดจ้ ากการคน้ พบมาวิเคราะหส์ รุปผล ดาเนินการจัดการแก้ไขและ
ควบคมุ ความเส่ยี งจนสามารถลดอนั ตรายท่ีเป็นสาเหตขุ องการเกิดอบุ ตั ิลงได้

คาสาคญั : ประสิทธิภาพ งานบรหิ ารจดั การความปลอดภยั งานตดิ ตงั้ ระบบไฟฟา้ และเคร่อื งกล รถไฟฟ้า

Abstract

The Green Line Extension Northern Project is the Bangkok Skytrain transit system operating
from Mo Chit - Saphan Mai - Khu Khot serving commuter traffic between residential areas and
commercial and office centers in the inner city. To operate a rail transit service, the electrical and
mechanical systems (E&M) which are the main components must be installed. Safety management plan
was enforced to ensured safety for every activity involved in the E&M installation. This study aims to
improve the performance efficiency of safety management system of Occupational Health and
Environment in the worksites. The hazard identification and assessment approach were employed to
reduce the risk of accident occurrences from unsafe conditions and achieve zero accident target. The
study showed that with more frequent and continual inspections and assessment, more hazard
conditions were found. The findings were analyzed, risk control was applied. The unsafe conditions
which could lead to accidents were then fixed and zero accident goal was achieved.

Keyword: Efficiency, Safety Management, Electrical and Mechanical Installation, Skytrain
E-mail address: [email protected]

1 นสิ ติ ปรญิ ญาโท สาขาวิศวกรรมความปลอดภยั คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10900
Master's degree student Safety Engineering, Faculty of Engineering, Kasetsart University, Bangkok 10900
2 ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10900
Department of Civil Engineering, Faculty of Engineering, Kasetsart University, Bangkok 10900

125

การประชมุ วิชาการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

ปัจจัยในการคัดเลือกคลังสนิ ค้าจากการแปรสภาพกระดุมโลหะโดยกระบวนการวเิ คราะห์
ตามลาํ ดบั ชั้น

Factors Selection of Warehouses from Metal Button Transformation by Analytic Hierarchy
Process

บุษราคมั อุปรัง01 กิตติชยั อธิกลุ รตั น2์ อนชุ า หริ ญั วฒั น์ 3
Budsarakam Uparang1, Kittichai Athikulrat2, and Anuch Hirunwat 3

บทคัดยอ่
กระดุมโลหะมีความสาํ คัญต่ออุตสาหกรรมการเ์ มน้ ต์ ซ่ึงโดยส่วนใหญ่กระดุมโลหะจะถูกนาํ มาใชใ้ น
เคร่ืองนุ่งห่มอาทิเช่น เสือ้ ยีนส์ กางเกงยีนส์ และเสือ้ ผา้ เด็ก โดยวตั ถดุ ิบสาํ คญั ท่ีใชใ้ นการผลิตกระดมุ โลหะทาํ มา
จากทองเหลืองซ่งึ จะตอ้ งจดั เก็บในสภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสม โดยสภาพแวดลอ้ มในโรงงานผลิตไม่เหมาะสมต่อ
การจดั เก็บโลหะภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มท่ีอยใู่ กลก้ บั นา้ํ ทะเลสืบเน่ืองตอ่ การจดั เก็บท่ียาวนานเป็นผลทาํ ใหเ้ กิดสนิม
บริเวณโลหะ งานวิจยั นีม้ ีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือคดั เลือกปัจจยั ในการยา้ ยคลงั สินคา้ ดว้ ยการวเิ คราะหต์ ามลาํ ดบั ชนั้ ซง่ึ
จากผลการคาํ นวณการวิเคราะหต์ ามลาํ ดบั ชั้นไดเ้ กณฑห์ ลักท่ีมีค่านาํ้ หนักต่อการคดั เลือกคลังสินคา้ สูงสุด 3
อนั ดบั ไดแ้ ก่ ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การแปรสภาพ 0.603, สาธารณปู โภค 0.47 และการควบคมุ การจดั เก็บ 0.248

คาํ สาํ คัญ: การคดั เลือกคลงั สินคา้ การแปรสภาพของกระดมุ โลหะ กระบวนการลาํ ดบั ชนั้ เชงิ วเิ คราะห์ กระดมุ โลหะ ทองเหลอื ง

Abstract
Metal Buttons are significant garment products which is extensively used on items such as
jean shirts, jean pants, and children’s buttons. Metal buttons are essentially made from brass; the
brass should be in an appropriate environment. As a consequence of manufactory environment is not
suitable for storing metal under seawater surroundings for a long period, as this encourages corrosion
on metal. The object of this research was to select factors for warehouse relocation by using the
Analytic Hierarchy Process (AHP). Based on the results of Hierarchical Analysis in this study, there are
3 major criteria in warehouse selection as follows; First, Factors Affecting Product Quality 0.603
Second, Utility 0.47 Third, Storage Quality Control 0.248.

Keyword: Warehouses selection, Metal Button Transformation, Analytic Hierarchy Process, Metal Button, Brass
E-mail address: [email protected]

1,2,3 ภาควิชาวศิ วกรรมขนถา่ ยวสั ดแุ ละโลจิสติกส์ คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ พระนครเหนือ วทิ ยาเขตกรุงเทพ
จ.กรุงเทพ 10800
Department of Materials Handling & Logistics Engineering, Faculty of Engineering, King Mongkut’s University of Technology
North Bangkok, Bangkok Campus, Bangkok 10800

126

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครง้ั ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การคัดเลอื กซัพพลายเออรข์ องผู้ผลิตหม้อไอนาํ้ ด้วยกระบวนการลาํ ดบั ชั้นเชงิ วเิ คราะห์
Selection suppliers of boiler manufacturers by analytical hierarchical processes

เจษฎา แสงศรจี นั ทร0์1 ฉัตรพล พมิ พา1*
Jassada sangsrijun1 and Chatpon Phimpha1*

บทคัดย่อ
งานวิจัยนีม้ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือคดั เลือกซพั พลายเออรส์ าํ หรบั ผูผ้ ลิตหมอ้ ไอนา้ํ สาํ หรบั งานอตุ สาหกรรมท่ี
ตัง้ อยู่ในจังหวดั สมุทรปราการโดยใชว้ ิธีการลาํ ดบั ชั้นเชิงวิเคราะห์ การกาํ หนดเป้าหมายของการลาํ ดับชัน้ เชิง
วเิ คราะห์ คือการคดั เลือกซพั พลายเออรท์ ่ีสามารถตอบสนองตามเกณฑก์ ารตดั สินใจของผูผ้ ลิตหมอ้ ไอนาํ้ และใน
ส่วนของเกณฑก์ ารตดั สินใจนั้นในกระบวนการประเมินครงั้ นีม้ ีจาํ นวน 4 ปัจจยั ประกอบดว้ ย ราคา การส่งมอบ
คณุ ภาพสินคา้ และบริการหลงั การขาย สาํ หรบั ทางเลือกท่ีจะนาํ มาใชใ้ นการประเมินนนั้ มีจาํ นวน 3 บรษิ ัทซ่งึ เป็น
บรษิ ัทคา้ กบั ผปู้ ระกอบกิจการ ผลจากการวิเคราะหพ์ บว่าปัจจยั ท่ีมีความสาํ คญั สงู สดุ คอื คณุ ภาพของสินคา้ การ
ส่งมอบ การบริการหลังการขายและราคา ตามลาํ ดบั ในส่วนของความสาํ คัญของทางเลือกในการดาํ เนินการ
พบวา่ บริษัท A มีความสาํ คญั สงู สดุ จากนนั้ จงึ เป็นบรษิ ัท B และ C และผลการคาํ นวณคา่ เป้าหมายพบวา่ ผผู้ ลิต
หมอ้ ไอนาํ้ ควรเลอื กบริษัท A เป็นซพั พลายเออรห์ ลกั สาํ หรบั การทาํ งาน

คาํ สาํ คัญ: หมอ้ ไอนา้ํ , ซพั พลายเออร,์ วธิ ีการลาํ ดบั ชนั้ เชิงวิเคราะห์

Abstract
The research aims to select suppliers for industrial boiler manufacturers located in Samut
Prakan province using analytic hierarchy process. The goal of analytic hierarchy process is the
selection of suppliers that can meet the decision criteria of boiler manufacturers, and in terms of the
decision criteria, there are four factors: price, delivery, quality of goods and service. The alternative to
be used in the assessment are 3 companies that trade with manufacturers. The results of the analysis
showed that the most important factor was the quality, the delivery, service and price, respectively.
The importance of the alternative, it was found that company A was of the most importance, and then
company B and C. When calculating the goal, it was found that boiler manufacturers should choose
company A as the main supplier for work and the results of the goal calculation showed that boiler
manufacturers should choose company A as the primary supplier for work.

Keyword: Boiler, Suppliers, Analytic hierarchy process
*Corresponding author; E-mail address: [email protected]

1 สาขาวิชาวศิ วกรรมอตุ สาหการ คณะครุศาสตรอ์ ตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลสวุ รรณภมู ิ
Department of Industrial Engineering, Industrial Education, Rajamangala University Suwannabhumi

127

การประชุมวชิ าการระดับชาติ ครงั้ ท่ี 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การศกึ ษาผลการเปลย่ี นสขี องสตกิ เกอรเ์ ทอรโ์ มโครมิกเพอ่ื ชบี้ ่งความร้อนสะสมในปล๊ักพว่ งไฟฟ้า
Study of the Discoloration Effect of Thermochromic Stickers for Indication of Heat Build- up in

Power Strip

ยนื ยง เพียรสวสั ดิ0์1 นนั ทพร ภทั รพทุ ธ2 และศรรี ตั น์ ลอ้ มพงศ์ 2*
Yuenyong Phiansawat1 Nantaporn Phattaraphut 2 and Srirat Lormphongs2*

บทคัดยอ่
งานวิจัยก่ึงทดลองครงั้ นีม้ ีวัตถุประสงคเ์ พ่ือศึกษาความรอ้ นสะสมในปล๊กั พ่วงไฟฟ้า เพ่ือทดลองการ
เปล่ียนสีของสตกิ เกอรเ์ ทอรโ์ มโครมิก และเพ่ือศกึ ษาผลการเปล่ียนสีของสตกิ เกอรเ์ ทอรโ์ มโครมิกในปล๊กั พ่วงไฟฟ้า
ศกึ ษาในปล๊กั พ่วงไฟฟ้าท่ีไดม้ าตรฐานและไม่ไดม้ าตรฐานประเภทละ 3 ย่ีหอ้ โดยแบ่งการทดลองเป็น 3 ขัน้ ตอน
ตามวตั ถปุ ระสงค์ วิเคราะหข์ อ้ มลู ดว้ ยสถิติเชิงพรรณาและสถิตอิ นมุ าน ไดแ้ ก่ t-test และ One-way ANOVA
ผลการวิจยั พบว่า ท่ีรอ้ ยละ 100 ของความสามารถในการรบั กระแสไฟฟ้าของปล๊กั พ่วงไฟฟ้ามีความรอ้ น
สะสมเฉล่ยี สงู สดุ คือ ย่ีหอ้ E เท่ากบั 38.60 (SD±0.10) องศาเซลเซยี ส ผลการเปล่ยี นสขี องสติกเกอรเ์ ทอรโ์ มโครมิก
เม่ือความรอ้ นเพ่ิมขึน้ อุณหภูมิเฉล่ียเท่ากบั 31.54 (SD± 0.2) องศาเซลเซียสและผลการเปล่ียนสีของสติกเกอร์
เทอรโ์ มโครมิกในปล๊กั พ่วงไฟฟ้า จากการเปรียบเทียบค่าเฉล่ียของอณุ หภูมิและเวลา พบว่าทกุ ย่ีหอ้ มีค่าเฉล่ียของ
อณุ หภมู ิและเวลาแตกตา่ งกนั อยา่ งมีนยั สาํ คญั ทางสถิติ (p-value<0.05) ยกเวน้ ปล๊กั พ่วงไฟฟา้ ท่ีไดม้ าตรฐานย่ีหอ้
B กบั ปล๊กั พ่วงไฟฟา้ ท่ีไมไ่ ดม้ าตรฐาน ย่ีหอ้ E ท่ีคา่ เฉล่ยี ของอณุ หภมู ไิ มม่ ีความแตกตา่ งกนั

คาํ สาํ คัญ: : การเปลี่ยนสี เทอรโ์ มโครมิก ความรอ้ นสะสม ปล๊กั พว่ งไฟฟา้

Abstract
The purposes of this quasi-experimental research were to study the heat build-up in power
strips, to experiment with thermochromic sticker discoloration, and to study the effect of discoloration
of thermochromic stickers in power strips. The sample group comprised standard and non-standard
power strips 3 brands each type. Data were collected through 3 experiments. Data were analyzed by
using descriptive and inferential statistics, including paired sample t-test independent and One-way
ANOVA.

1 นิสติ ปรญิ ญาโท สาขาวิชาอาชีวอนามยั และความปลอดภยั คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา
Master’s degree student in M.Sc. Occupational Health and Safety Program, Faculty of Public Health, Burapha University
2ภาควิชาสขุ ศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมและความปลอดภยั คณะสาธารณสขุ ศาสตร์ มหาวิทยาลยั บรู พา
Department of Industrial Hygiene and Safety, Faculty of Public Health, Burapha University

128

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564
The results revealed at 100 percent of the electric current capacity of the power strip. Heat

build-up average was the highest for brand E at 38.60 (SD±0.10) degrees Celsius. The results of
experiment for thermochromic sticker discoloration using the heater temperature was the average was
31.54 (SD± 0.2). The results of the effect of discoloration for thermochromic stickers by comparing the
average temperature and time revealed that all brands decreased significantly (p-value<0.05) except
brand B and brand E, which showed the temperature average had no statistically significant
difference.

Key words: Discoloration Thermochromic Heat Build-up Power strip
*Corresponding author; e-mail address: [email protected]

129

การประชมุ วิชาการระดับชาติ คร้งั ที่ 18 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564

การจัดการโลจิสตกิ สส์ าํ หรับการจัดตง้ั สถานีขนถ่ายมูลฝอยในจังหวัดสงขลา
Logistics management for the establishment of solid waste transfer station in Songkhla

สุธิศา ทรงไกรศรี01 เสกสรร สธุ รรมานนท1์ วนฐั ฌพงษ์ คงแกว้ 1
Suthisa Songkraisri1, Sakesun Suthummanon1, and Wanatchapong Kongkaew1

บทคัดยอ่
งานวิจยั นีม้ ีวตั ถุประสงคใ์ นการศกึ ษาการจดั การขยะมลู ฝอยและคน้ หาตาํ แหน่งท่ีเหมาะสมสาํ หรบั การ
จดั สรา้ งสถานีขนถ่ายมูลฝอยตามโครงการจัดตงั้ โรงเตาเผาขยะผลิตกระแสไฟฟ้าในจังหวัดสงขลา เน่ืองดว้ ย
จงั หวดั สงขลาประสบปัญหาเร่อื งขยะตกคา้ งและพืน้ ท่ีฝังกลบขยะเดมิ ไมเ่ พียงพอ จงึ ไดร้ บั งบประมาณในการสรา้ ง
โรงเตาเผาขยะผลิตกระแสไฟฟ้าเพ่ือแกไ้ ขปัญหาดงั กลา่ ว แตเ่ น่ืองจากขยะตอ้ งรวบรวมจากหลายทอ้ งท่ี จงึ มีความ
จาํ เป็นท่ีจะตอ้ งสรา้ งสถานีขนถ่ายมลู ฝอยเป็นจดุ ศนู ยก์ ลางในการรวบรวมขยะของแตล่ ะทอ้ งท่ีก่อนนาํ สง่ ไปยงั โรง
เตาเผาขยะ การคน้ หาตาํ แหน่งท่ีเหมาะสมจึงนาํ ระบบ ArcGIS, Road Network, Google Map และการลงพืน้ ท่ี
สาํ รวจจริงมาพิจารณาร่วมกนั พบวา่ จงั หวดั สงขลามีพืน้ ท่ีท่ีสามารถสรา้ งสถานีขนถ่ายไดท้ ั้งหมด 3 แห่ง ไดแ้ ก่
เขตตาํ บลบ่อตรุ อาํ เภอระโนด, เขตตาํ บลสะกอม อาํ เภอจะนะ และเขตตาํ บลกาํ แพงเพชร อาํ เภอรตั ภมู ิ

คาํ สาํ คัญ: สถานีขนถา่ ยมลู ฝอย, การจดั การขยะมลู ฝอย

Abstract
The purposes of this research are for determining the appropriate location for new transfer
stations in Songkhla Province. The study is in line with local government’s project of turning waste into
energy to generate electricity, as well as reducing the overflowing amount of household waste and
replacing the traditional landfill method. The study aims to find the suitable locations for transfer station
that could support the Incinerator for electricity generation for disposal solid waste in Songkhla. Using
the study method are ArcGIS, Road Network, Google Map and explore the real area. The result
showed that Songkhla should built transfer station in 3 places that are in l Bo-tru subdistrict, Ranod
district, Sakom subdistrict, Chana district and Kamphaeng Phet subdistrict, Rattaphum district.

Keyword : transfer station, disposal solid waste
E-mail: [email protected]

1 สาขาวชิ าวิศวกรรมอตุ สาหการและการผลิต คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วทิ ยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
Department of Industrial and Manufacturing Engineering, Faculty of Engineering, Prince of Songkla University, Hat Yai
Campus, Songkhla, 90110, Thailand.

130

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 18 มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตกําแพงแสน วันที่ 8-9 ธนั วาคม 2564

การพัฒนาส่ือวดี ทิ ัศนว์ ชิ าพลศกึ ษา กฬี าวู้ดบอล ตามแนวคดิ หอ้ งเรยี นกลับด้าน
สาํ หรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 จังหวัดสุพรรณบุรี

Development of Video on Physical Education Course in Woodball Based on the Concept
of Flipped Classroom for Mattayom 3 Students in Suphan Buri Province

ชนิดา โพธิ์มงคล01 , อนชุ ิตร แทส้ งู เนนิ 12 , นภากร บญุ เสง็ 3

2

Chanida Pomongkon 1 , Anuchit Thaesungnern 2 , Napakorn Boonseng 3

บทคัดยอ่
การวิจยั ครงั้ นี้ มีวตั ถุประสงคเ์ พ่ือสรา้ งและหาประสิทธิภาพส่ือวีดิทศั นว์ ิชาพลศกึ ษา กีฬาวดู้ บอล และ
เพ่ือศกึ ษาความพึงพอใจของนกั เรียนท่ีมีต่อส่ือวีดิทศั นว์ ิชาพลศกึ ษา กีฬาวดู้ บอล ตามแนวคิดหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น
กลมุ่ ตวั อยา่ งเป็นนกั เรียน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี เลือกแบบเจาะจง จาํ นวน 30 คน เคร่อื งมอื ท่ีใช้
ในการวจิ ยั ไดแ้ ก่ ส่ือวีดทิ ศั นว์ ิชาพลศกึ ษา กีฬาวดู้ บอล มีคา่ ความเท่ียงตรงเชิงเนือ้ หาเท่ากบั 1.00 แบบทดสอบวดั
ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนสาํ หรบั การหาประสิทธิภาพส่ือเร่ือง กีฬาวดู้ บอล ตามแนวคิดหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น มีค่า
ความเท่ียงตรงเชิงเนือ้ หาอยู่ระหว่าง 0.67 ถึง 1.00 คา่ ความยากง่าย มีคา่ ระหว่าง 0.73-0.83 คา่ อาํ นาจจาํ แนก
มีค่าระหว่าง 0.37-0.46 ค่าความเช่ือม่นั เท่ากบั 0.89 และ แบบประเมินความพึงพอใจมีค่าความเท่ียงตรงเชิง
เนือ้ หาเท่ากบั 1.00 คา่ ความเช่ือม่นั เทา่ กบั 0.86 ผลการวิจยั พบวา่ ประสทิ ธิภาพส่ือวีดิทศั นว์ ิชาพลศกึ ษา กีฬาวดู้
บอล ตามแนวคิดหอ้ งเรียนกลบั ดา้ น มีค่า E1/E2 เท่ากบั 79.22/82.00 ซ่งึ สงู กว่าเกณฑท์ ่ีกาํ หนดไว้ 75/75 และ
นกั เรยี นมีความพงึ พอใจตอ่ ส่ือวีดิทศั นว์ ิชาพลศกึ ษา กีฬาวดู้ บอลภาพรวม อยู่ในระดบั มากท่ีสดุ (X = 4.61, S.D.
= 0.63)

คาํ สาํ คัญ: สอ่ื วดี ิทศั น์ พลศกึ ษากีฬาวดู้ บอล หอ้ งเรยี นกลบั ดา้ น

1 สาขาวชิ า พลศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั การกีฬาแหง่ ชาติ วิทยาเขตสพุ รรณบรุ ี จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี 72000
Physical Education Faculty of Education Thailand National Sports University Suphan Buri Campus. Suphan Buri 72000
2 สาขาวชิ า พลศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั การกีฬาแหง่ ชาติ วทิ ยาเขตสพุ รรณบรุ ี จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี 72000
Physical Education Faculty of Education Thailand National Sports University Suphan Buri Campus. Suphan Buri 72000
3 สาขาวชิ า พลศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั การกีฬาแหง่ ชาติ วิทยาเขตสพุ รรณบรุ ี จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี 72000
Physical Education Faculty of Education Thailand National Sports University Suphan Buri Campus. Suphan Buri 72000

131

การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ ครัง้ ที่ 18 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาํ แพงแสน วนั ท่ี 8-9 ธันวาคม 2564
Abstract

The objectives of this research were to construct and find the efficiency of video on physical education
course in woodball based on the concept of Flipped Classroom, and to study the students' satisfaction with the
constructed video. The samples were thirty students in Mathayom 3 in Suphan Buri Province by purposive
selection. The research instruments consisted of constructed video on physical education course in woodball, the
content validity of which was found at 1.00; a learning achievement test for finding the efficiency of the constructed
video, the content validity of which was found between 0.67 to 1.00, the difficulty of which was found between
0.73-0.83, the power of discrimination of which was found between 0.37-0.46, and the reliability of which was found
at 0.89; and the satisfaction questionnaire, the content validity of which was found at 1.00 and the reliability of which
was found at 0.86. The results showed that the efficiency of video on physical education course in woodball based on the
concept of Flipped Classroom was found at 79.22/82.00 (E1/E2), which was higher than the specified criteria of
75/75. And the student’s satisfaction with the constructed video that’s overall was found at a highest level. ( X
=4.61, S.D.= 0.63)

Keyword: Video media, Woodball sport in physical education subject, The Flipped Classroom.
E-mail address : [email protected]

132