The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-05-19 22:53:25

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

Keywords: เข้าสู่แดนนิพพาน,หลวงตามหาบัว

เขา สูแ ดนนิพพาน

โดย ทานอาจารยพ ระมหาบัว ญาณสมั ปนั โน

วัดปา บา นตาด

ทา่ นอาจารยพ์ ระมหาบวั ญาณสมั ปนั โน

สารบัญ

๑. ตามรอยแหงธรรม
๒. ธุดงควัตรเครอื่ งหามลอ กเิ ลส
๓. บอยกลางเรอื นของกเิ ลส
๔. เปด เผยโลกธาตุ
๕. ยอมตายกับความเพยี ร
๖. อริยสจั ๔
๗. รอู สุภะ รอู ยางไร
๘. ยาแกก เิ ลส
๙. คนจริงยอมถงึ ธรรมของจริง
๑๐. ยดึ แบบฉบบั ของผเู หน็ ภยั
๑๑. อบุ ายแกความกลัว
๑๒. การบวชเปนของยาก
๑๓. นอนใจ นอนจม
๑๔. อยา ประมาทนอนใจ
๑๕. กเิ ลสเปนภยั
๑๖. อยาฝนความจริง
๑๗. โอวาทปาฏโิ มกข
๑๘. ความเห็นแกตวั
๑๙. ความดีท่ตี องฝน
๒๐. ภูมิใจทกุ ขเ พราะความเพียร
๒๑. มหาวิทยาลยั สงฆ

๒๒. งานของสมณะ
๒๓. อุบายพน ทุกข
๒๔. โอชารสแหง ธรรม
๒๕. พระกรรมฐานตดิ ครอู าจารย
๒๖. พัฒนาจติ ใหพ น พลังดึงดดู ของกิเลส
๒๗. สนามรบของนักบวช
๒๘. ของจรงิ ลบลางของปลอม
๒๙. มหาภัทรกปั
๓๐. ศาสนาเจริญ ศาสนาเส่ือม
๓๑. ธรรมแทปรากฏทใ่ี จ

เทศนอ บรมพระ ณ วัดปาบานตาด
เมื่อวันที่ ๕ ธนั วาคม พุทธศักราช ๒๕๐๙

ตามรอยแหง ธรรม

เราเปน นกั ปฏบิ ตั ิ นอกจากเปนพระแลวยังเปนนักปฏิบัติ ซง่ึ เปน เพศและ
หนาท่ีทเ่ี ดนในสังคมแหง พระพทุ ธศาสนา ถาจะเทียบอยางทหารก็คือทหารผูออก
แนวรบแลว ทาํ หนา ทต่ี อ การรบทกุ ๆ ดา นและทกุ ๆ ประเภท ไมวาขาศึกจะมาทาง
ดา นใดมาดว ยกลอบุ ายใด มาบนบก มาใตน าํ้ มาเหนอื นาํ้ มาบนอากาศ มาเวลา
ไหนเปน หนา ทข่ี องทหารผกู า วเขา สสู งครามแลว จะตอ งทาํ หนา ทร่ี บใหเ ตม็ กาํ ลงั
ความสามารถขาดดน้ิ ในสงคราม หากวาชีวติ เหลือมาก็ใหมีชยั ชนะ ถาไมเหลือก็
มอบไวก บั ความกลา หาญ คอื ตายดว ยความกลา หาญชาญชยั เปน วรี บรุ ษุ ของชาติ
ฝากชื่อเสียงไวตลอดกาลนาน ไมทอถอยตอปจจามิตรที่มาจากจตุรทิศ นี่เรื่องของ
ทหารผรู กั ชาตทิ ท่ี าํ หนา ทใ่ี นแนวรบเปน อยา งน้ี ถาเปน ผขู ข้ี ลาดหวาดกลัวตอ ขา ศกึ
แลว อยางไรก็ตองจมเปนแนนอน ความชนะไมม หี วงั เลย

นกั ปฏบิ ัติยอมเปนเชน เดยี วกับทหารท่อี อกแนวรบแลว เวลานต้ี า งทา นตา ง
สละมาจากบา นจากเรอื น สละหมดทุกสิ่งทุกอยาง สง่ิ ทเ่ี ราสละทง้ั หมดนน้ั ลว นแลว
แตเปนของมีคุณคามากทั้งนั้น พอ-แม พี่นองแตละคน ๆ ก็มีคุณคามาก ญาติ
มติ รสหาย แตร ะรายกม็ คี ณุ คา มาก สมบัติเงินทองที่มีมากมีนอยก็มีคุณคามาก ทั้งที่
มอี ยแู ลว กม็ คี ณุ คา มาก จําตองรักสงวนกัน ทั้งที่ยังไมมีก็จําตองเสาะแสวงหามา ซึ่ง
พรอมที่จะเปนสมบัติอันมีคาในความคุมครองของตน

สิ่งที่กลาวทั้งนี้ เราสละมาโดยสน้ิ เชงิ ไมม สี ง่ิ ใดเหลอื หากวา เรายงั เปน อยู
ในฆราวาส โลกเขามอี ยา งใดเราจะตองมอี ยา งนัน้ ลูกก็ตองมีเพราะจะตองมีเมีย น่ี
เมยี เรากส็ ละคนื ใหโ ลกเขาเสยี ทานเสยี โดยสน้ิ เชงิ ลกู กเ็ ปนอันวา ทานไปดว ย
สมบัติสิ่งของเงินทองทุกสิ่งทุกอยางที่เปนของเคยหวงแหน และโลกเคยหวงแหน
มาประจาํ โลกนน้ั เราสละเสยี สน้ิ ไมม สี ง่ิ ใดเหลอื ภายในตวั เลย หากจะเหลือกค็ อื
ความอาลยั อาวรณซ ง่ึ เปน ของแกย าก เพราะเปน กเิ ลสทเ่ี ปน สง่ิ แกย ากอยแู ลว จึงได
มาถวายตวั เปน ศากยบตุ รผเู ปน นกั เสยี สละ ผูเปนนักตอสู ตดั ความอาลยั เสยี ดายไม
มหี ลงเหลอื ในพระทัย เรยี กวา เปน บตุ รของพระพทุ ธเจา ผูบริสุทธิ์ ผกู ลา หาญชาญ
ชยั ไดท าํ หนา ทก่ี ารรบกบั กเิ ลสตณั หาทกุ ประเภทดว ยพระองคเ อง ไมมีใครที่ชวย

เขา สแู ดนนพิ พาน ๑



เหลอื พระองคแ มแ ตร ายหนง่ึ นอกจากเขาใหท านไปตามธรรมดา ทเ่ี รยี กวา พอเปน
เสบยี งกรงั ทไ่ี ดอ าศยั ยงั ชวี ติ ใหเ ปน ไปในวนั หนง่ึ ๆ เพอ่ื รบสงครามภายในระหวา ง
กเิ ลสกบั ธรรมะ

พระพทุ ธเจา สามารถรบสง่ิ ทง้ั หลายเหลา นด้ี ว ยความกลา หาญชาญชยั เอา
เปน เอาตายจรงิ ๆ ผลปรากฏวา ขา ศกึ คอื กเิ ลสทง้ั มวลตายเรยี บ พระองคไดเปน
พระพุทธเจาขึ้นมา นน่ั แหละคอื ผลอนั ยง่ิ ยวด ไมมีสิ่งใดเทาเทียมเสมอได ถาเรียก
วา สมบตั กิ ค็ อื โลกตุ รสมบตั หิ รอื นพิ พานสมบตั ิ นเี้ กิดขน้ึ มาจากความกลาหาญของ
พระพทุ ธเจา ลวน ๆ ไมม ใี ครชว ยแบง หนกั แบง เบาแมแ ตน อ ยเลย เปน อตฺตา หิ
อตฺตโน นาโถ ของพระองคโดยแท

เราผูเปน ศษิ ยของพระตถาคต ปรากฏวา เปน ผสู าํ คญั คนหนง่ึ ไดม าบวชใน
พระพทุ ธศาสนาแลวยังไมแ ลว ยงั ไดออกแนวรบคอื การปฏิบตั ทิ ่เี ปนหลักสําคัญ
มาก การรบของเรานน้ั ไมไ ดห มายถงึ การรบปจ จามติ รภายนอกใด ๆ แตเ ปน การรบ
กับเรอื่ งของตัวเราเองที่เปน กิเลสอยูภายใน และเกย่ี วกบั สิง่ ภายนอกทผี่ า นไปมา
และคละเคลา กนั อยตู ลอดเวลา ไดแกทางรูป ทางเสยี ง ทางกลิ่น ทางรส เครอ่ื ง
สมั ผสั ทุกสิ่งทุกอยางจะผานเขามา สตปิ ญ ญาซง่ึ เปน ศาสตราอาวธุ อนั สาํ คญั ทพ่ี ระ
พทุ ธเจา ทรงมอบใหก บั เรานน้ั เราไดถ อื แนบสนทิ กบั ตวั หรอื ไม โปรดไดนํามา
พจิ ารณาและสาํ นกึ ตวั อยตู ลอดเวลาอยา ไดล ดละ นค้ี อื หนา ทข่ี องพระผกู า วเขา สู
สงครามภายในคอื กเิ ลสกบั ธรรมซง่ึ อยใู นใจเราเอง

หากเราเปน ผูมีความทอถอยดอยความเพยี รและสติปญญาแลว จะเอาตวั
ไปไมรอด อยูที่ไหนก็ยอมแพอยูตลอดเวลา คนที่แพไมวาแพอะไรยอมเปนคนหมด
สงา ราศี ถา คนชนะแลว อยทู ไ่ี หนกม็ คี วามองอาจกลา หาญสงา ผา เผย ไมอ บั เฉาเศรา
โศก นถ่ี า เราอยดู ว ยอริ ยิ าบถหรอื ความเคลอ่ื นไหวไปมาทกุ สง่ิ ทกุ อยา งดว ยความแพ
แลว ใชไมไดเลย ไมใชล กู ศษิ ยพระตถาคตผทู รงความอาจหาญใหโ ลกไดกราบไหว
บชู าและถอื เปน คตติ วั อยา งอนั เลศิ เรอ่ื ยมาเลย นา อบั อายแคไ หน เราเปน ลกู ศษิ ย
พระพุทธเจา แตกลับมาเปนคนทอแทออนแออยางนี้ไมสมควรอยางยิ่ง โปรดไดนํา
มาคิดใหสนิทติดใจของตน เรอ่ื งสติเรื่องปญญาเรอ่ื งความเพยี รน้เี ปนเครือ่ งมอื
สาํ หรบั รบ ความอาจหาญหรอื ความอดทนความอตุ สา หพ ยายามน้ี เปนกําลงั เครือ่ ง
สนบั สนนุ ในการรบของเราผเู ปน ทหารตอ สใู นแนวรบ อยา ไดล ดละปลอ ยวาง จงให
ติดแนบกับใจอยูเสมอ และอยาทาํ ความสนิทติดจมกับสงิ่ ใดในโลกสมมุตินิยม

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒



เรอ่ื งความเปน อยขู องเรา เปน อยกู ับศรทั ธาญาตโิ ยม ไปที่ไหนไมอดตาย
เราไมตองกลวั วาจะอดตาย หากวา เราเปน ผบู าํ เพญ็ ตนเพอ่ื ชาติ ศาสนา พระมหา
กษตั รยิ  รฐั ธรรมนญู อยูแลว จะไมม ีใครทอดทิ้งเรา โปรดไดมอบชีวิตจิตใจทุกสิ่งทุก
อยา ง บรรดาปจ จยั สท่ี เ่ี ปน เครอ่ื งอาศยั ของพระไวก บั ฆราวาสญาตโิ ยม แตห นา ท่ี
ของพระจริง ๆ คอื การทาํ ความพากเพยี ร ระมัดระวังตัวกลัวขาศึกคือกิเลสจะเขา
ทาํ ลายจติ ใจนน้ั จงผลิตจงฟตใหดีขึ้นทุกวันดวยความเพียร โดยทางสติโดยทาง
ปญญา น่ชี ื่อวาเปน ผูทําหนาที่อันถกู ตอ งและจะเปนผูไดรบั ชัยชนะเปน ลาํ ดบั ๆ ไป
การรบขา ศกึ ภายในนเ้ี ปน สง่ิ สาํ คญั มากกวา ขา ศกึ ใดในสากล

เราไมตองไปมองดูที่อื่น ใหดูความเคลอื่ นไหวของจิตท่ีเคลือ่ นไหวไปแต
ละครง้ั ๆ น้ี หาเรอ่ื งอะไรบา งมากอ ความราํ คาญ หรือมากอความเดือดรอนใหแก
เรา โดยมากจิตจะตองผลิตเรื่องเหลานี้ขึ้นมา ไมไดผลิตธรรมะ เรอ่ื งธรรมะนน้ั เปน
เรื่องที่เราจะตองตั้งใจผลิตขึ้นมา ดว ยความระมดั ระวงั ตง้ั ใจจรงิ ๆ จงึ จะปรากฏ
เปนธรรมะขน้ึ มา เชน สติคอยระมัดระวังสิ่งที่มาเกี่ยวของ นี่แสดงวาตั้งขึ้นมา
ปญญาตรวจตรองดูสิ่งที่มาเกี่ยวของเปนสิ่งที่ดีหรือชั่ว จะควรปลอยวางหรือละถอน
โดยประการใดบา ง ตอ งนาํ มาพนิ จิ พจิ ารณา แลว แกไ ขไปตามอาํ นาจแหง ความ
เพียรและสติปญญาที่ไมลดละของตน นน้ั แลจะเปน ผเู หน็ ผลโดยลาํ ดบั ไปสาํ หรบั
เราผเู ปน นกั บวช และเปน ผกู า วเขา สสู งครามทกุ ระยะกาลอยแู ลว

คาํ วา มรรคผลนพิ พานเราไมต อ งไปคาด ขอใหด าํ เนนิ หลกั แหง เหตอุ นั
เปน ไปเพ่ือมรรคผลนิพพานนใ้ี หถกู ตองเทาน้ัน เรื่องผลจะหนีไปไหนไมพน เหตุ
กับผลตองเปนของคูเคียงกันอยูเสมอไมวากาลไหนกาลใดมา เราไมตองไปคาดไป
หมาย ใหร ะมัดระวังต้ังตัวใหดดี ว ยสติ ปญญา โดยถอื จติ เปน สนามรบกบั กเิ ลสทง้ั
ปวง อยามองอยาสนใจที่อื่นยิ่งกวาที่ดังกลาวนี้ ความแพค วามชนะกเิ ลสและมรรค
ผลนิพพานจะปรากฏกนั ท่ตี รงนี้ ชีวิตจิตใจเราไมตองกลัวตาย

การนง่ั ภาวนา จงนง่ั ใหเ ปน ภาวนาจรงิ ๆ อยา นง่ั เพยี งสกั แตว า นง่ั อยา เดนิ
จงกรมเพียงสกั แตวาเดนิ ไปไหนมาไหนใหม ีสตสิ ตงั ระมดั ระวงั ตัวเสมอ เราจะเหน็
เรือ่ งของเราทกุ ๆ ระยะที่แสดงออกจากใจ และสิง่ ท่ีเขามาเกีย่ วของสมั ผสั กับใจ ก็
จะรบั ทราบวา เปน เรอ่ื งอะไร ควรจะแกไ ขกันโดยวธิ ีใดบาง ถาผมู ีสตเิ ปน อยเู ชนนี้จะ
เปน ผรู เู รอ่ื งผเู ขา ใจ และมีชัยชนะไปตามอิริยาบถทั้งสี่ไมขาดวรรคขาดตอน และจะ
กําชัยชนะอยางเอกไวไดในเงื้อมมือโดยไมตองสงสัย

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓



แตถ า เราจะอยดู ว ยวธิ แี พ คอื อยดู ว ยความเผอเรอ อยดู ว ยความนอนใจ
อยดู วยความออ นแอ อยูดวยความทอถอยกําลัง อยูดวยความขี้เกียจมักงาย อยู
ดว ยความเห็นแกปากแกทอง เหลา นจ้ี ะเปน ทางทแ่ี พเ รอ่ื ยไป มีแตแพไปเปนลําดับ
และนบั วนั อบั เฉาเศรา ใจเขา ทกุ วนั สดุ ทา ยกจ็ ม ไมเ ปน ประโยชนอ ะไรเลย โปรดพา
กันสนใจคิดเรื่องแพเรื่องขาดทุนสูญดอกใหถึงใจ และจงมคี วามเขม แขง็ เพอ่ื ธรรม
มงคลแกตน เพราะนกั บวชคอื พระเราแตล ะองค เมอ่ื บาํ เพญ็ ตนจนถงึ ความเจรญิ รงุ
เรอื งภายในใจโดยลาํ ดบั หรอื เจรญิ เตม็ ภมู แิ ลว นอกจากจะเปนหลักมั่นคงตายใจ
ของตัวเอง และเปน ความรม เยน็ ไมเ อนเอยี งโยกคลอนแลว ยังจะเปนหลักยึดอันมั่น
คงของโลก และทาํ ประโยชนแ กโ ลก ใหไ ดร บั ความสงบสขุ รม เยน็ อยา งมหาศาลไมม ี
ประมาณอกี ดวย ดงั พระพทุ ธเจา แลสาวกทา นเปน ตวั อยา ง มาสมยั ปจ จบุ นั กเ็ หน็
ประจักษตาอยูแลว เชน ทา นพระอาจารยม น่ั พระอาจารยเ สาร ตลอดครอู าจารยท ง้ั
หลายทเ่ี ปน ลกู ศษิ ยท า น และทานผูปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองคอื่น ๆ ซง่ึ ประชาชนชาว
พุทธ ยึดถือพึ่งเปนพึ่งตายถวายชีวิตตอทานเปนลําดับมา มีเปนจํานวนมากเทาไร ดู
เอากร็ เู อง

เพราะฉะนน้ั ศาสนธรรมกด็ ี ผูปฏิบัติธรรมก็ดี โลกจงึ กราบไหวบ ชู าเคารพ
นับถือเสมอมา ไมม วี นั เส่ือมคลาย จตุปจ จยั ไทยทานมีมากมีนอ ยใหม าเทา ไรเขาไม
มคี วามเสยี ดาย ใหม าดว ยความเสยี สละ ใหม าดว ยการบชู าธรรม ใหม าดว ยความ
เชอ่ื ความเลอ่ื มใส ใหม าดว ยความเคารพ ไมม ีความหวงใยเสียดายในวัตถุสิ่งของ
แมม รี าคามากเพยี งไรทเ่ี ขาใหท านมานน้ั

พระไปอยูที่ไหน ถา เปน นกั ปฏบิ ตั ธิ รรมะจรงิ ๆ แลว จะไมอดอยาก แมจ ะ
เกดิ ความอดอยากบา งเปน บางครง้ั บางคราว กใ็ หถือเสยี วา เร่อื งคติธรรมดา เรอ่ื ง
อนิจจังเปนของไมสม่ําเสมอตลอดมาตั้งแตกาลไหนกาลใด แมประชาชนเองก็มี
ความขาดแคลนเชน เรา หรอื ยง่ิ กวา เราในบางครง้ั บางราย อยา ไดค ดิ วา จะอดตาย
เฉพาะเราคนเดยี ว การจะมคี วามสมาํ่ เสมอในอาหารปจ จยั ทอ่ี ยอู าศยั ตา ง ๆ ตลอด
ไปนั้นยอมเปนไปไมได ตองมีขึ้น ๆ ลง ๆ เปน ธรรมดา ทส่ี าํ คญั ตามความมงุ หมาย
แทก็คือ เรอ่ื งความเพยี รของเรานน้ั อยา ใหข าดวรรคขาดตอน อยาใหดอยลงได ให
มีความขะมักเขมนเขมแข็งบึกบึนอยูเสมอไมวาอดหรืออิ่ม เพราะนั้นมันเรื่องของ
ปากทองธาตุขันธตางหากซึ่งเพียงอาศัยกันไปเทานั้น มิไดถือเปนจริงเปนจังเหมือน
ปฏปิ ทาทจ่ี ะพาเราใหห ลดุ พน อะไรนกั ผูไมบกพรองในปฏิปทาที่กลาวนี้ ช่ือวาผูไม
เสยี ที ผูไมแพ อยูที่ไหนก็มีชัยชนะเรื่อยไปจนถึงจุดที่หมายหายกังวล

เขา สแู ดนนพิ พาน ๔



การพจิ ารณาธรรมะอยา ควา โนน ควา น้ี เราจะตั้งหลักอันใดลงไป จะกาํ หนด
ลมหายใจเขา ออก กใ็ หท าํ ความเขา ใจกบั ลมของตนจรงิ ๆ ลมจะเขาออกยาวหรือ
สน้ั ขอใหท าํ การรับทราบอยเู สมอในขณะที่ลมออกหรือเขา นช่ี อ่ื วา เปน ผมู สี ติ ลม
ละเอียดเขาไปเทา ไร ๆ กใ็ หท ราบตามความละเอยี ดของลม อยาถอยความรูออกมา
และสงไปสูที่อื่น ๆ จะไมท ราบระยะความเขา ออกของลมและความสัน้ ยาวของลม
และจะไมท ราบคาํ วา ความขาดวรรคขาดตอนแหง ความเพยี รของตนในเวลานน้ั เรา
เผลอไปขณะใดชื่อวาความเพียรของเราไดขาดไปในขณะนั้น นแ่ี ลความเพยี รหมาย
ความอยา งนต้ี า งหาก มไิ ดห มายไปตามกริ ยิ าแหง การนง่ั การเดนิ ทไ่ี มม สี ตวิ า เปน
ความเพยี ร แตห มายถงึ ความเพยี รดว ยความมสี ตกิ าํ กบั งานภาวนาของตน

เดนิ จงกรม เดนิ ทง้ั วนั กต็ าม ถาไมมีสติก็ไมผิดแปลกอะไรกับที่เขาเดินกัน
ทวั่ โลก นง่ั กเ็ ชน เดยี วกนั ทุก ๆ อิริยาบถถาไมมีสติไมมีปญญากํากับ ไมมีความจง
ใจอยกู บั ความรสู กึ ตวั วา ทาํ งานอะไรอยเู วลาน้ี ไมจดั วาเปน ความเพียร โปรดทาํ
ความเขา ใจไวอ ยา งน้ี จะไมป ลอยใจใหสนุกเทย่ี วเพนพาน ทงั้ ท่กี าํ ลงั เพลนิ ลมื ตวั
สาํ คญั ตนวา นง่ั ทาํ ความเพยี ร เดินทําความเพียร ยนื ทาํ ความเพยี รในทา ตา ง ๆ

การกาํ หนดลมตามที่อธิบายมาน้ี อธบิ ายเพยี งยอ ๆ กาํ หนดจนกระทง่ั ลม
ละเอยี ดสดุ ปรากฏในความรสู ึกวา ลมไมมเี ลยกไ็ มตอ งกลวั ตาย ขณะที่ลมหายไป
นัน้ แลจิตย่งิ มีความละเอยี ดมาก บางครง้ั ลมไดห ายไปจรงิ ๆ ในความรูสกึ ของนัก
ภาวนา บางครง้ั ทเ่ี รากาํ หนดลมละเอยี ดเขา ไป ๆ ถึงกับปรากฏวา ลมไมม เี ลย
เหลอื แตค วามรลู ว น ๆ ถา เปน เชน นน้ั จติ กห็ ยดุ ปรงุ มคี วามสงบแนว แน ความสงบ
นน้ั แลเปน สง่ิ ทจ่ี ะทรงคณุ ภาพอนั แปลกประหลาด และอศั จรรยใ หเ ราเหน็ ในเวลาท่ี
จติ มีความสงบ และจิตตั้งตัวไดโดยลําพังตนเอง โดยไมตองอาศัยสิ่งอื่นใดมาเปน
อารมณ เชน ลมหายใจเปน ตน มีความสุขโดยความสงบของใจเอง

นีแ่ หละชื่อวา เปน ตัวของตวั ในขัน้ หน่งึ แตไมไดหมายถึงขั้นสุดยอด หมาย
ถึงขั้นตนอยางนี้เสียกอน อยางไรก็ขอใหทําไดอยางนี้ จะผกู ใจดว ยพทุ โธหรอื จะ
ตามลมหายใจดว ยพทุ โธกต็ าม เราจะตามดว ยพทุ โธ ๆ ทั้งระยะเขาและออก หรอื
จะตามดว ยพุท เขา โธ ออกก็ได ขอใหเปนความถนัดใจก็พอ ไมผิดทาง เปนอันถูก
ในหลกั ความเพยี รสาํ หรบั นสิ ยั ของแตล ะราย ๆ เราไมต อ งไปควา โนน ควา น้ี ไดย นิ
ทา นวา ทา นภาวนาอยา งนน้ั ไดผ ล ผนู น้ั ภาวนาอยา งนน้ั ไดผ ล เรากค็ วา โนน ปลอ ยน้ี
อยา งนน้ั เรยี กวา เปน คนหลกั ลอย เปน คนจบั จด โดยไมท ราบนสิ ยั ของตนวา จะควร
ปฏิบัติตอตนอยางไร อยางนี้ทําความเพียรไปเทาไรก็ไมคอยเห็นผล

เขา สแู ดนนพิ พาน ๕



หลกั สาํ คญั คอื ใหเ ปน คนจรงิ จะทาํ ความเพยี รดว ยธรรมบทใดหรอื
พจิ ารณาบรกิ รรมดว ยธรรมบทใด หรอื จะพจิ ารณาในแงใดอาการใด จงทาํ ใหจ รงิ
จนเหน็ ผลขน้ึ มา พรอมกับทราบชัดวา จริตของเราชอบกับสง่ิ นี้ หรอื ธรรมบทน้ี มี
ลมหายใจเปน ตน นแ้ี ลชอ่ื วา คดิ คน หาความเหมาะสมใหเ หน็ ชดั เจนในนสิ ยั ของตน
แลว ดาํ เนนิ ตอ ไปและทาํ ดว ยความจรงิ จงั ในเบื้องตนตองมีหลักยึดเชนนี้

ผกู าํ หนด พุทโธ โดยลําพังก็ เอา เดนิ ไปไหนอยา ใหเ ผลอคาํ วา พทุ โธ พุท
โธ ในเมอ่ื ไดน าํ มากาํ กบั ใจไมใ หข าดวรรคขาดตอนกบั ความรสู กึ ระหวา งจติ กบั พทุ
โธใหติดตอกันเปนสายไปอยูแลว คาํ วาพุทโธกบั ความรูน้นั จะคอยกลมกลืนเปนอนั
หนง่ึ อนั เดยี วกนั เขา เปน ลาํ ดบั ๆ จนกลายเปน วา คาํ วา พทุ โธกบั ความรนู น้ั เปน อนั
เดยี วกนั ทน่ี เ่ี ราจะบรกิ รรมหรอื ไมบ รกิ รรมกไ็ มเ ปน ปญ หาในขณะนน้ั เหลือแต
ความรลู ว นๆ ถึงเราจะนึกวาพุทโธ กค็ อื ความรูนัน้ แลเปนพุทโธ นี่ถาจะเทียบอุปมา
ก็ คาํ วา พทุ โธนี้เปรยี บเหมือนเราตามรอยเทาของโคเพ่ือจะจับตวั โคใหไ ด โคตวั นน้ั
ไปที่ไหนอยาปลอยรอย ใหต ามรอยโคตวั นน้ั ไปเปน ลาํ ดบั ๆ ไปที่ไหนตามไปเรื่อยๆ
จนถึงตัวโค เมื่อถึงตัวโคแลวเรื่องของรอยโคนั้นก็หมดปญหาเพราะไปถึงตัวโคแลว
ถา จะดรู อยโคก็ดูท่ีเทาโคก็ทราบ เพราะรอยทเ่ี หยยี บยาํ่ ไวใ นทต่ี า งๆ ก็ออกจากเทา
ของโคตัวทเ่ี ราจับไดน้ีแล

นี่คําวาพุทโธก็เปนรองรอยที่จะตามรูคําวาพุทธะ ซ่งึ เปน เหมือนกบั โคตวั
นน้ั หากเราไมป ลอ ย ตามพุทโธเขาไปทุกระยะๆ คําวาพุทโธกับจิตก็จะกลมกลืน
เปน อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั แลว กจ็ ะหมดปญ หาในคาํ วา พทุ โธในเวลาเชน นน้ั นี่จิตเมื่อ
ตง้ั ตวั ไดย อ มมคี วามสงบรม เยน็ เปน สขุ ในเวลานน้ั ไมส งสยั ไมถ ามใครใหเ สยี เวลา
และขายโง นผ่ี ลทเ่ี กดิ จากการบรกิ รรมพทุ โธ เพอ่ื เหน็ จดุ ผรู ทู เ่ี รยี กวา ดวงใจอนั แท
จรงิ

ผกู าํ หนดลมหายใจกเ็ ชน เดยี วกนั ลมหายใจกเ็ หมอื นกบั รอยโคอนั เดยี วกนั
เราจะพจิ ารณาอันใดกต็ ามเปน เรือ่ งของรอ งรอยที่จะเขาไปหาตัวจริงท้งั น้ัน จะ
พจิ ารณา ผม,ขน,เลบ็ ,ฟน,หนงั ,เน้ือ,เอ็น,กระดูกทุกๆ ชน้ิ เปน เรอ่ื งท่จี ิตมาคาด
มาหมายมาเหยยี บมายาํ่ มาอุปาทานยึดมั่นถือมั่นไวทั้งนั้น เมอ่ื เวลาเราแยกแยะ
ขยายออกใหเ หน็ ตามสว นแหง อาการนน้ั ๆ ใหเ หน็ ตามสว นแหง ธาตแุ หง ขนั ธน น้ั ๆ
แลว จติ เรากห็ ายสงสยั และยอนเขาไปๆ จนถึงธรรมชาติของตัวที่แทจริง คอื หยงั่
เขา สจู ติ และความสงบทเ่ี ปน อยกู บั จติ ดวงสงบ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๖



เราพจิ ารณาดอู าการใด เม่ือเห็นชดั แลวจะไปสงสัยอันใดเลา มันตองเขาไป
หาทจ่ี ติ จติ เปน ผมู ากอ ความราํ คาญ จติ เปนผมู ากอความรักความชงั จิตเปนผูมา
กอ ความหลงความหงึ หวงกบั สง่ิ เหลา นต้ี า งหาก ไมใ ชส ง่ิ เหลา นเ้ี ปน ความรกั ความ
ชงั ในตัวเอง ไมใ ชส ง่ิ เหลา นเ้ี ปน ความหงึ หวงในตวั เอง ไมใ ชส ง่ิ เหลา นเ้ี ปน ผมู คี วาม
หมายในตวั เอง แตเ ปน เรอ่ื งของจติ ไปใหค วามหมายวา สง่ิ นน้ั เปน นน้ั ๆ สง่ิ นน้ั นา รกั
สง่ิ นน้ี า ชงั แลว ก็ยึดม่นั ตามเรอื่ งแหง ความหมายที่ตนไปทาํ กรยุ ทาํ หมายเอาไว ซึ่ง
เปนการผูกมดั ตนใหต ดิ จมอยูใ นสง่ิ เหลา นนั้

แตก ารพิจารณาเพอ่ื จะแกจดุ ที่ตนผกู มัดตนน้นั แล ทานเรียกวาปญญา
เมอ่ื พจิ ารณาเหน็ ชดั ในสง่ิ ใดแลว จิตยอมปลอยไปเปนระยะๆ หากวา รรู อบคอบ
หมดในสว นแหง รา งกายน้ี จิตก็ปลอยไดโดยเด็ดขาด เรยี กวา หมดอปุ าทานในกาย
แลว ก็เขา ไปถงึ ตัวจติ น้ันอกี วา กายเหลา นไ้ี มม คี วามหมายในตวั เอง แตเ ปน เรอ่ื ง
ของจติ เปน ผไู ปใหค วามหมายในกายนว้ี า เปน อยา งนน้ั ๆ บดั นไ้ี ดร แู ลว วา กายเปน
สว นหนง่ึ ตา งหาก หรอื วาธาตุ สว นธาตดุ นิ นเ้ี ปน สว นหนง่ึ ตา งหาก จติ กเ็ ปนอนั หนง่ึ
ตา งหากจากสง่ิ เหลา น้ี หมดความสงสัยกังวลกันไปเปนพักๆ การพจิ ารณาเปน อยา ง
น้ี ขอใหพ จิ ารณาจรงิ ๆ ก็แลวกัน อยา ทาํ เลน ๆ ทาํ อะไรใหท าํ จรงิ ๆ จังๆ

การพิจารณากายน้ี จะพจิ ารณากายนอกกายในไมส าํ คัญ เพราะสมทุ ยั มไี ด
ทั้งภายนอกมีไดทั้งภายใน เมอ่ื เปน เชน นน้ั มรรคคอื ทางดําเนินเพื่อแกเพื่อปลด
เปล้อื งส่ิงท่ตี นไปเทีย่ วสําคญั มน่ั หมายไว ก็ยอมมีไดทั้งภายนอกทั้งภายใน เชน เรา
รกั รปู ความรกั รปู นน้ั เปน สมทุ ยั หมายรปู นอกนน้ั เปน สาํ คญั หมายรปู นน้ั นา รกั รปู
นน้ั นา กาํ หนดั ยนิ ดี แลว นาํ รปู นน้ั มาพจิ ารณาคลค่ี ลายดู ใหเ หน็ ชดั ตามหลกั ความ
จริงของรูปนัน้ วา มที ี่สาํ คญั ตรงไหนบา งพอทีจ่ ะใหเ กดิ ความรักความกําหนดั ยนิ ดี
เมื่อแยกออกทุกอาการแลวก็เห็นเปนเพียงสักแตวาธาตุ หรอื เหน็ แตเ พยี งของ
ปฏกิ ลู นา เกลยี ดไปเสยี สน้ิ หาสง่ิ ทน่ี า รกั นา กาํ หนดั ไมม เี ลย จิตก็ถอนความกังวล
ความรกั ในสง่ิ เหลา นน้ั เขา มาสตู วั เอง เห็นโทษของตวั เองวาเปนเพราะตวั เองไปทาํ
ความสาํ คญั มน่ั หมายในสง่ิ นน้ั ตา งหาก จงึ เกดิ ความรกั ความกําหนดั ยนิ ดนี ั้นขึ้นมา
นเ่ี รากไ็ ดเ หน็ โทษของเราดว ย เรากไ็ ดเ หน็ โทษในสง่ิ ทเ่ี ราไปสาํ คญั มน่ั หมาย วา นา
รกั นา กาํ หนดั ยนิ ดนี น้ั ดว ย จึงสามารถถอดถอนมาไดเปนระยะๆ อยา งน้ี

เพราะฉะนน้ั เรื่องของปญญาจึงเปนสิ่งที่ละเอียดมาก ปญญาในขั้นของ
ธาตุขันธยังมี ปญญาในข้ันของธาตุคือรูปธรรมนเี้ ปน ประเภทหนึง่ ปญญาในขั้นของ
นามธรรมเปนอกี ข้นั หน่ึง หากวา จติ ของเราตง้ั ตวั ไดด ว ยความสงบเพราะอาํ นาจ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๗



ของความเพยี รพยายาม โดยวธิ ภี าวนาดงั ทไ่ี ดก ลา วมาในเบอ้ื งตน นน้ั มีหลักฐานพอ
ทจ่ี ะพจิ ารณาไดแ ลว โปรดพิจารณาทางปญญา จะเปนเรื่องนอกก็ตาม จะเปน เรอ่ื ง
ในก็ตาม ใหแ ยกสว นแบง สว นดดู งั ทก่ี ลา วน้ี จติ ใจใหท าํ งานอยกู บั สง่ิ เหลา นน้ั ทง้ั วนั
ย่งิ เปน การดี เมอ่ื มคี วามเหนอ่ื ยภายในจติ ใจ กําหนดจิตใหเขาพกั ในความสงบเปน
สมาธิเยือกเย็นขึ้นมา พอถอนจากความสงบแลว ออกทาํ หนา ทก่ี ารงานของตน เคย
พิจารณาอะไรที่ยังไมชัด เอา..คล่คี ลายดูใหชดั ถืออันนั้นแลเปนงานของตน
พจิ ารณาจนรชู ดั ตามความเปน จรงิ แลว จิตนั้นจะปลอยงานประเภทนั้นโดยไมตอง
ไปบังคับ เพราะรรู อบคอบแลว จะถอื มน่ั ไวท าํ ไม นี่เปนเรื่องของจิตจะปลอยสิ่งที่
เคยเกยี่ วขอ งกบั ตวั นข่ี นั้ ของธาตุแตอธบิ ายอยางสรปุ ๆ

ขั้นของขันธนี้เปนอีกประเภทหนึ่ง ขันธในขันธสี่คือ เวทนา,สัญญา,สังขาร,
วญิ ญาณ อนั นเ้ี ปน สว นละเอยี ดมาก ละเอียดยิ่งกวารูปขันธ แตถึงจะละเอยี ดแค
ไหนก็ตามจะพนวิสัยของปญญาไปไมได ธาตทุ ้ังธาตหุ รอื วา รูปท้งั กองนีใ้ นสวนราง
กายของเรา ปญญายังสามารถสอดแทรกหรือแทงทะลุ ถอดถอนอุปาทานความยึด
มั่นถือมั่นในกายออกมาได เหตใุ ดจะไมส ามารถรเู ทา ทนั ใน เวทนา สัญญา สงั ขาร
วิญญาณได ตองไดไมสงสัย เมื่อสติปญญามีอยูและนํามาใชอยูแลว

คาํ วา เวทนา เวทนาทางกายประเภทหนง่ึ เวทนาทางใจประเภทหนง่ึ เวทนา
ทางใจนเ้ี ปน สว นละเอยี ดมาก โดยมากถา จติ ไดร บั ความสงบเยอื กเยน็ มาเปน ลาํ ดบั
แลว จะมแี ตส ขุ เวทนาปรากฏอยภู ายในใจ สขุ เวทนานก้ี ต็ อ งไดพ จิ ารณาถงึ กาลเวลา
ทค่ี วรจะพจิ ารณา จะปลอยทง้ิ ไวห รือนอนใจกบั สขุ เวทนานัน้ ไมไ ด เชน ผูต ิดสมาธิ
โดยมากติดสขุ เวทนา เมอ่ื เขา สมาธแิ ลว กแ็ นว แนเ ปน อารมณเ ดยี ว ไมอยากออกมา
คิดมาอานไตรตรองอะไรใหหนักอกหนักใจ ใหเ กดิ ความลาํ บากราํ คาญ อยูอยางนี้
สบายดี ทั้งวันทั้งคืนก็สบาย เมื่อถอยออกมากระทบกระเทือนรูป เสยี ง กลิ่น รส
เปนตน ก็รูสกึ ไมค อ ยสบาย ราํ คาญในจติ ในใจ แลว ยอ นเขา ไปอยใู นสมาธนิ น้ั เสยี
สบายดี นี่คือจิตติดสุขเวทนาในสมาธิ

เมอ่ื เปน เชน นน้ั เราก็ควรจะถอยออกมาพิจารณา เพราะการถอดถอนกเิ ลส
นี้ไมใชถอดถอนดวยสมาธินะ สมาธเิ ปน แตเ พยี งตน ทนุ ใหใ จไดร บั ความสงบเปน ชน้ั
หนง่ึ ตา งหาก แตการจะถอดถอนกิเลสทุกประเภทนั้นจะตองถอดถอนดวยปญญา
ไมว า สว นหยาบ ไมว า สว นกลาง สว นละเอยี ด จะตองถอดถอนดวยปญญาทั้งนั้น ถา
เพยี งแตสมาธหิ ากไมไ ดใ ชป ญ ญาพจิ ารณาเลย ก็จะอยูแตความสงบ หาปรากฏวา ได
ถอดถอนกิเลสตัวใดออกไดดวยอํานาจของสมาธิไม เหน็ แตค วามสงบ ถา เราปลอ ย

เขา สแู ดนนพิ พาน ๘



ไวบ า งหรอื มคี วามประมาทบา ง ไมคอยเขาสมาธิบอย ไมค อยทาํ ความเพียรโดย
สมาํ่ เสมอเพือ่ รักษาระดบั สมาธิไว จิตท่ีเคยเปนสมาธิกเ็ สื่อม กลายเปน จติ ทม่ี คี วาม
ฟงุ ซา นราํ คาญไปอกี เลยเขา สมาธไิ มไ ด นเ่ี รยี กวา สมาธเิ สอ่ื ม

ฉะนั้น เพอ่ื เปน ความเหมาะสมในเวลาจติ ทเ่ี ปน สมาธิ กใ็ หพ กั เสยี ไดต าม
กาลเวลาทต่ี องการ เมื่อถอนออกมาแลวใหพิจารณาดวยปญญาตามธาตุขันธ จะ
เปนขันธใดก็ตาม เวทนาขนั ธก พ็ จิ ารณาใหเ หน็ วา มนั เปน สว นหนง่ึ ตา งหาก ไมใชตัว
จิตอันดั้งเดิม พูดงาย ๆ ก็คือเปนสวนที่แฝงขึ้นมา จะเปนสุขก็แฝงขึ้นมา จะเปน
ทุกขก็แฝงขึ้นมา เพราะฉะนั้นสุขทุกขจึงเปนของที่เกิดและดับได ไมเปนของจีรัง
ถาวรและไมเ ปน สง่ิ คงท่ี สญั ญา สังขาร วิญญาณ เหลา นม้ี ลี กั ษณะทป่ี รากฏ
กระเพื่อมขึ้นมาแลวก็ดับไปเชนเดียวกัน

ทั้งเกิดและดับนี้เปนตามธรรมชาติของขันธ หากจิตจะหลงก็หลงไดอยางไม
มปี ญ หาเพราะเคยหลงมาแลว ถาพจิ ารณากร็ ฐู านทีเ่ กิดท่ดี บั ของเขาไดอ ยางชดั เจน
ไมยึดมั่นถือมั่นในกองแหงรูป ในกองแหงเวทนา ทั้งสุขทั้งทุกขทั้งเฉย ๆ ทั้งสัญญา
ความจาํ หมาย ทั้งสังขารความปรุงวา ดีวา ชัว่ วา สขุ วาทุกข ทง้ั วญิ ญาณทร่ี บั ทราบ อัน
เปน เพยี งปรากฏขน้ึ แลว ดบั ไป ๆ นค่ี อื ปญ ญาขน้ั ละเอยี ดทส่ี ามารถใหเ หน็ ตน เหตุ
หรอื เหน็ รากฐานของอาการทง้ั สท่ี ง้ั หา นว้ี า มันปรากฏตัวขึ้นมาไดอยางไร

รปู ทป่ี รากฏตวั ขน้ึ มาเปน กายน้ี กเ็ น่อื งจากหลกั ใหญทเ่ี รายังไมส ามารถคน
พบ เวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ นี้ก็ออกมาจากหลักใหญ ทเ่ี รายงั ไมส ามารถรู
ดวยปญญา แตเ มอื่ ใชปญญาพิจารณาเขาไปโดยไมห ยุดย้ังแลว รปู กเ็ หน็ ชดั วา เปน
อันหนงึ่ ตา งหากจากจิต เวทนา สัญญา สงั ขาร วิญญาณ แตล ะอยา ง ๆ ไมว า เวทนา
ประเภทใด ไมวาสัญญาจะหมายเรื่องอะไร ไมวาสังขารจะปรุงเรื่องอะไร จะเหน็
ความเกิดของสิง่ เหลา นม้ี าจากจิตและดบั ลงทจ่ี ติ และเปนธรรมชาตอิ ันหนง่ึ ตางหาก
จากจติ และยังจะไดเห็นตัวจิตที่มีธรรมชาติอันหนึ่งหุมหอไวอยางมิดชิด ธรรมชาติ
นน้ั เปน ผทู าํ หนา ทบ่ี งการ โดยมากในอริ ยิ าบถทั้งสีจ่ ะเปนเรอ่ื งของธรรมชาติน้ที ง้ั น้ัน
เปน ตวั เชดิ เปน ตวั พาใหค ดิ ใหอ า นใหป รงุ แตง ตา ง ๆ นท่ี า นเรยี กวา อวิชชา

อนั นเ้ี ปน สง่ิ ทส่ี นทิ ตดิ ใจกบั ใจราวกบั เปน อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั จนผปู ฏบิ ตั ิ
เมือ่ ถึงข้ันละเอยี ดน้ีแลว ไมสามารถจะทาํ ลายอวิชชาน้ี ไมส ามารถจะพจิ ารณาธรรม
ชาตินี้ได เนอ่ื งจากเขา ใจวา ธรรมชาตนิ แ้ี ลเปน ตน ตนคอื ธรรมชาตอิ นั น้ี รปู เวทนา
สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ ทัง้ หลายพรากไดหมดแลว แตธรรมชาตินี้พรากกันไมออก
เนอ่ื งจากเราเหน็ ธรรมชาตนิ ว้ี า เปน เรา ในขณะเดยี วกนั เรากค็ อื ธรรมชาตอิ นั น้ี เมื่อ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๙

๑๐

เปนเชนนี้ธรรมชาตินี้จะตองแสดงตัวอยูตลอดเวลา และแสดงอยา งอาจหาญดว ย
คือจิตที่เปนขั้นละเอียดนี้ จะมีแตเ รอื่ งความดีแทบทัง้ นัน้ แสดงตัว ความทว่ี า ดอี นั น้ี
แลทเ่ี รยี กวา อวชิ ชาอนั แทจ รงิ

หลอกทางชั่ว หลอกทางสว นหยาบกต็ ามกนั ทนั มาเปน ลาํ ดบั เมอ่ื แสดง
ความละเอียดถาปญญาไมสามารถก็จะแสดงตัวตลอดเวลา เชน ความผองใสก็คือ
ธรรมชาตนิ แ้ี ลแสดงตวั ความองอาจกลาหาญก็คือธรรมชาตินี้ ความสุขความสบาย
กค็ ือธรรมชาติน้ี เพราะธรรมชาตนิ ย้ี งั เปน ตวั สมมตุ อิ ยู สิ่งที่แสดงออกมาทั้งหมดจึง
เปนเรื่องของสมมุติทั้งนั้น

ถา เราไดท ราบ หรือไดยินไดฟงจากครูอาจารยที่ชี้ชองบอกทางไวแลวอยาง
น้ี เรามที างทีจ่ ะพิจารณาจดุ ทว่ี านีไ้ ดโดยไมม ีความสะทกสะทานลังเลใจ โดยไมมี
ความหงึ หวงในธรรมชาตนิ เ้ี ลย แตถาไมเคยไดยินไดฟงมากอนนั้น นากลัวจะติดอยู
เปน เวลานานหรอื อาจตดิ กนั ไปเลย เพราะไมสนใจจะถอน เน่ืองจากมีความรักมี
ความสงวน มคี วามรกั ชอบ มีความพอใจอยางยิ่ง แลว กย็ กธรรมชาตอิ นั นข้ี น้ึ วา เปน
ตน กดขี่สิ่งทั้งหลายวาทุกสิ่งทุกอยางเรารูหมดแลว ไมมีสงิ่ ใดเหลอื ในโลกนี้ เราเปน
ผบู รสิ ทุ ธแ ลว ทง้ั ทก่ี าํ ลงั หลง และยึดถือจิตอวิชชาอยูอยางภูมิใจไมรูสึกตัวบางเลย น่ี
แลเพลงกลอมของอวิชชาแท ทําใหสติปญญาหลับใหลไปไดโดยไมคาดฝน

เมื่อปญญามีกําลังพอที่จะพิจารณานี้ไดแลว ก็ยอนเขาไปดูจุดนี้ คือจุดแหง
ความผองใส จดุ แหง ความองอาจ จุดแหงความสุขอันละเอียดของอวิชชาที่อาศัยอยู
น้ี จะตองทลายตัวลงไปดวยอํานาจของปญญาที่ละเอียด เมอ่ื ธรรมชาตนิ ไ้ี ดส ลายตวั
ลงไปดว ยอํานาจของปญญาแลวนัน้ คาํ วา เรากด็ ี ส่งิ ทเี่ ราเคยสงวนก็ดี สง่ิ ทเ่ี ราเคย
รักเคยชอบมาก็ดี สิ่งที่องอาจกลาหาญอันเปนจุดเดียวกันนั้นก็ดี จะหมดปญหาไป
ทนั ทีไมมสี ิง่ ใดเหลอื อยูภายในนั้น ถาหากจะเทียบอุปมาแลว จดุ อนั นเ้ี ปน เชน เดยี ว
กบั บคุ คลทเ่ี ขา ไปในหอ งวา ง เม่ือเขาไปสูหองวางแลว ผูนั้นจะลืมตัวของตัวไปเสีย
แตจะไปชมวาหองนี้วางโลงโถงเต็มที่ ไมมีสิ่งใดอยูในหองนี้เลย หองนวี้ า งอยา งเต็ม
ที่ โดยไมท ราบวา ตวั คนเดยี วนน้ั แลไปทาํ การกดี ขวางหอ งอยใู นขณะนน้ั หองจึงยัง
ไมว า งเพราะยงั เหลอื คน ๆ หนึ่งไปทําการกีดขวางหองนั้นอยู

พอรสู กึ ตวั วา ออ หอ งนว้ี า งจรงิ แตที่หองนี้ยังไมวางเต็มที่ก็เนื่องจากเรา
มาอยใู นหอ งนค้ี นหนง่ึ ถาเราถอนตัวออกไปเสียจากหองนี้แลว หองน้จี ะวา งอยาง
เต็มที่ ขอ นอ้ี ุปมาฉันใด ทุกสิ่งทุกอยางวางปลอยวางกันไดหมด แตย งั เหลอื คาํ วา เรา
ซึ่งเปนตัวอวิชชาอันแทจริงอยูกับใจ นน่ั แหละอวชิ ชาลว น ๆ คอื เราตวั นน้ั แหละกดี

เขา สแู ดนนพิ พาน ๑๐

๑๑

ขวางตวั เองอยใู นเวลานน้ั ไมท ราบวาอวชิ ชาน้นั คืออะไร เราจงึ เหน็ สง่ิ ทง้ั หลายวา ง
หรอื วา เราวางสง่ิ ทง้ั หลายไดห มดไมม สี ง่ิ ใดเหลอื แตธ รรมชาติอันนัน้ ทําการกดี ขวาง
ตวั ของเราอยู เราเลยไมว า ง

พอปญญาไดหยั่งเขาไปสูจุดนี้แลว ธรรมชาตนิ ีก้ ็สลายตัวลงไป นน้ั แลภาย
นอกก็วา ง ภายในใจตวั เองกว็ า ง เชน เดียวกบั บุคคลถอนตัวออกมาจากหอ ง แลว
หองนั้นก็วางอยางเต็มที่ จิตรูท ุกสง่ิ ทุกอยางรอบดา นหมดแลว ดวย มารรู อบตวั เอง
ปลอ ยวางภายในตวั เองนด้ี ว ย ชอ่ื วา จิตนี้วางอยางเต็มที่ ไมมีสมมุติอันใดแฝงอยู
ภายในนน้ั เลย นช่ี อ่ื วา จติ วา งจรงิ จติ ปลอ ยวางจรงิ

ถาหากจิตยังไมรูตัวเอง ยังไมถอดถอนตัวเองตราบใด ถึงจติ จะวาส่ิงใดวาง
หรอื ปลอยวางสิ่งใดไดแ ลวกต็ าม จิตก็ยังไมวางในตัวเอง จิตยังไมปลอยวางตัวเอง
อยนู น้ั แล เมอ่ื เปน เชน นน้ั คาํ วา อวชิ ชากค็ อื จิตผูนั้นยังจะมีทางสืบตอไปไดอีก เมื่อ
ไดท ําลายพืชอันสําคัญหรือตัวอวิชชาอันแทจ รงิ น้ไี ดดว ยปญญาแลว น้ันแลช่ือวา
เปน ผวู า งเปน ผวู างอยา งเตม็ ภมู ิ ไมมีสมมุติอันใดเจือปน ความสงวนก็ไมมี ความ
รักก็ไมมี ความองอาจกลา หาญกไ็ มม ี ความที่จะขยาดหวาดกลัวเพื่ออะไรอีกก็ไมมี
เพราะสง่ิ ทง้ั น้เี ปนสมมุตทิ ้ังน้นั เนือ่ งจากอวชิ ชาซึง่ เปนรากแกวใหญอนั พาใหเ กิด
อาการเหลา นข้ี น้ึ มาไดส ลายลงไปแลว เหลอื แตธ รรมชาตลิ ว น ๆ

นจ่ี ดุ สดุ ทา ยแหง การปฏบิ ตั ธิ รรมะ หากเราไดป ฏบิ ตั อิ ยา งเอาจรงิ เอาจงั
ตามทอ่ี ธบิ ายมาแลว นน้ั จดุ น้หี รอื ผลสุดทา ยทีอ่ ธบิ ายมานีจ้ ะไมเปนสมบตั ิของใคร
แตจะเปน สมบัติของทานผูปฏบิ ตั ติ ามท่กี ลา วมานท้ี ้ังน้ัน เพราะความรอู นั นม้ี อี ยู
ตลอดเวลาหลบั หรอื ตน่ื ไมน ยิ ม แมแ ตห ลบั สนทิ กย็ งั ทราบวา หลบั สนทิ ตนไดถึง
ความบริสทุ ธิ์จะไมท ราบตนไดอยา งไร ตอ งทราบ ฉะนน้ั ทกุ ทา นโปรดไดท าํ ความ
พยายามผลติ พระของเรา สรา งพระของเราใหส มบรู ณเ พอ่ื ความเปน วสิ ทุ ธบิ คุ คล

เรื่องภายนอกจะขาดตกบกพรองไปบาง เปลย่ี นแปลงไปบา ง สมบรู ณบ า ง
ไดบางไมไดบาง อม่ิ บา งหวิ บา ง อยาไปทําความสําคญั ใหม ากไป จะเสยี หลกั ใหญ
คือพระของเราบกพรอง คําวาพระนห้ี มายถงึ จติ ที่บรสิ ุทธ์ิ ประเสรฐิ เตม็ ทน่ี น่ั เอง
เราพยายามปรบั ปรงุ กาย วาจา ใจ ของเราดวยขอ ปฏบิ ัติอันเปนธรรมะคาํ สั่งสอน
ของพระพุทธเจาใหกลมกลอมกับจิตใจของตน ใหม คี วามเจรญิ ดว ยศลี ใหม คี วาม
เจรญิ ดว ยสมาธิ ใหม คี วามเจรญิ ดว ยการสอดสอ งมองรเู หตกุ ารณต า ง ๆ ทง้ั ภาย
นอกทงั้ ภายในทเี่ รยี กวา ปญญา อยูตลอดเวลา นช่ี อ่ื วา เปน ผสู รา งพระขน้ึ ภายในตน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๑๑

๑๒

พระผูนั้นจะไมบกพรอง ทุกสิ่งทุกอยางจะบกพรองไมสําคัญ ขออยา ใหพ ระของเรา
บกพรองก็เปนที่พอใจและชอบธรรม

การสรา งพระนส้ี รา งยากมาก สรางวัตถุอะไร ๆ ไมย าก จะสรา งหา งสรา ง
หออะไร สรา งวดั สรา งวา สรา งโบสถส รา งวหิ าร ไมมีอะไรสําคัญ ไมมีอะไรหนักเทา
ไมม อี ะไรจะยากเทา การสรา งพระ คอื การสรา งตวั ของเราใหด แี ละดเี ดน เหน็
ประจักษใจ อนั นส้ี รา งยากมาก แตส รา งไดแ ลว มคี ณุ คา หาประมาณมไิ ด ทุกสิ่งทุก
อยา งสรางขนึ้ มา หมดเทาไรเขาก็ประมาณไดถูกตองหรือบอกไดถูกตอง วา สง่ิ นน้ั
สรา งหมดเทา นน้ั บาท เทา นน้ั แสน เทา นน้ั หมน่ื เทา นน้ั ลา น บอกกันได แตก ารสรา ง
จติ นห้ี มดไปเทา ไรไมค าํ นงึ นบั อา น เพราะเปน งานทเ่ี ลยการนบั การประมาณ เมื่อ
สรา งไดแ ลว จะมรี าคาคา งวดเทา ไร กไ็ มม กี ารจบั จา ยขายกนั ในตลาด จงึ วา เปน งานท่ี
ยาก ผลงานที่คาดไมได

ฉะนั้น ทุก ๆ ทานโปรดพากันสนใจสรางพระของตนใหเ ต็มท่ี อยา ไปสนใจ
ไยดีลืมตัวกับสิ่งภายนอก เจรญิ แคไ หนกเ็ สอ่ื มลงเทา กนั ไมม เี ศษมเี หลอื เลย ในโลก
นม้ี ันโลกวัตถุมนั โลกนิยม อะไร ๆ มีไมอดไมอยาก อยูที่ไหนก็สรางก็อยูกันไป
เพราะคนมชี วี ติ จติ ใจ จะไมม ีบานมีเรอื นมกี ุฏิศาลาอยูอาศยั ถา ไมสรา งจะอยทู ่ีไหน
แมแตกระรอกกระแตมันยังมีโพรงมีรัง พระเรากม็ ี แตใ หม เี ทา ทเ่ี หน็ วา จาํ เปน กบั
เหตผุ ลอรรถธรรมและธาตขุ นั ธ อยาไปทาํ ความกังวลขนทุกขใสต วั เพราะส่ิงเหลา
นั้นใหม ากไป จนลืมมองดูพระของตัว จงสรา งพระนใ้ี หไ ด เมอ่ื สรา งพระสมบรู ณ
แลว อยทู ไ่ี หนกส็ บาย อยูรมไมชายเขา อยใู นปา ในรก และอดบา งอม่ิ บา งกม็ คี วาม
สบายทง้ั นน้ั เพราะพระนส้ี มบรู ณแ บบแลว จงทําความสนใจอยางน้ี

ถาเปน ผูชอบยงุ กับสิ่งภายนอกแลว อยางไรพระตองดอยไปเปนลําดับ จน
หาพระภายในตวั ไมม เี ลย ทง้ั วนั ทง้ั คนื จะเปน แตส ญั ญาอารมณก บั เรอ่ื งนน้ั เรอ่ื งนย้ี งุ
ไปหมด ไปที่ไหนวุนไปที่นั่น สรา งนน้ั สรา งน้ี เดย๋ี วเกย่ี วกบั ศรทั ธาญาตโิ ยม บอก
บญุ คนนน้ั บอกบญุ คนน้ี ติดตอคนนั้นติดตอคนนี้ กลายเปนเร่ืองนอกเรื่องแหก
คอกแหวกแนวไปหมด หาเรื่องในของพระทจี่ ะใหเ ปน พระองคเจรญิ ๆ คงเสน คง
วาไมมี นี้ผิดกับหลักของพระผูตั้งหนาตั้งตาสละกิเลส ผิดกับหลักของผูปฏิบัติเพื่อ
ความเปน พระอนั สมบรู ณ กพ็ ระโสดา สกิทาคา อนาคา พระอรหันต อยา งไรละ

ฉะนน้ั งานเชน นน้ั กบั งานของพระตามหลกั นสิ สยั ๔ จึงตางกันมาก งานนน้ั
มอบใหญ าตใิ หโ ยมใหศ รทั ธาพจิ ารณากนั ไป แตเ รอ่ื งงานผลติ มรรคผลนพิ พานนใ้ี ห
เปน เรอ่ื งชา ง คอื เราเปน ชา งเอง ไดร บั โอวาทจากครบู าอาจารยม าเปน เครอ่ื งมอื แลว

เขา สแู ดนนพิ พาน ๑๒

๑๓

เอา ทาํ หนา ทล่ี งไป งานนี้จะใหคนอื่นทําแทนไมได การสรางพระตองตางองคตาง
สรา ง ตา งคนตา งสรา งตวั เอง เปน แตไ ดร บั อบุ ายจากครจู ากอาจารยห รอื หมเู พอ่ื น
มาเทา นน้ั การที่จะทาํ ลงไปนัน้ เปน เรอื่ งของเราโดยเฉพาะ ใครทาํ แทนไมไ ด เปน
สว นของใครของเรา

เดินจงกรมก็ใหมีสติ นง่ั ทไ่ี หนใหม สี ติ ไปไหนมาไหนอยาลืมคําวาพระตอง
ดแี ละสมบรู ณด ว ยการบาํ รงุ รกั ษา พระจะบกพรองไปที่ไหนบาง ใหพยายามแกไข
ดดั แปลงจนเปน พระทส่ี มบรู ณ นัง่ สมาธิก็เย็น เดนิ ไปไหนมาไหนกเ็ ยน็ พจิ ารณา
เรื่องปญญาก็ปลอดโปรงโลงโถง เหน็ อรรถเหน็ ธรรม เหน็ ความดคี วามชว่ั ชดั เจนอยู
ที่ใจของพระเรา มีทางออกทางเขา มีทางปลดเปลื้องตนเอง มที างหลบหลีกภัยได
อยา งสบาย ดว ยอาํ นาจปญ ญาของพระ อยทู ไี่ หนก็สบาย เยน็ ไปหมด ขา ศึกท่เี คย
กอ ความวนุ วายใหเ ราวนั ยงั คาํ่ คนื ยงั รงุ โดยไมมีวันหยุดยั้ง ก็ยุติกันลงดวยอํานาจ
แหงพระของเรามีเครื่องมือกําจัดและปองกันตัว มคี วามกลา หาญชาญชยั รบกบั
ขาศึกไมถอยทัพกลับแพ รดุ หนา เรอ่ื ยไป ควาหลักชัยที่รออยูชั่วเอื้อมมือดวยขอ
ปฏบิ ตั ิ

เรื่องภายนอกกไ็ มม าเกีย่ วขอ งใหเ ปนกงั วลภายในใจ เรอ่ื งใจกไ็ มเ สาะ
แสวงหา ไมฟุงเฟอเหอเหิมกับสิ่งภายนอกเพื่อกอไฟเผาตัว ตางอันตางอยูตางอัน
ตา งจรงิ พระกจ็ รงิ สาํ หรบั พระของเรา ไปทไ่ี หนกส็ บายหายหว ง เมื่อใจถึงความเปน
พระอันสมบูรณแลวอยูที่ไหนก็พอตัว ไมตองการอะไรทั้งนั้น อดก็พอตัว อิ่มก็พอ
ตวั อยูที่ไหนก็พอตัว สบายอยูหมดทุกแหงทุกหน ไมเลือกสถานทกี่ าลบุคคล มี
ความพอตัวอยูดวยจิตที่บริสุทธิ์เต็มที่หมดสิ่งเคลือบแฝง เรยี กวา พระสมบรู ณแ บบ
แลว ดว ยขอ ปฏบิ ตั ิ คอื ศีล สมาธิ ปญญา เนอ่ื งจากความเพยี รเปน เครอ่ื งสนบั สนนุ

นแ้ี ลทไ่ี ดอ ธบิ ายวา การรบขา ศกึ ภายในหมายถงึ กเิ ลส ซง่ึ ตวั ของเราเสยี เอง
เปน กเิ ลส และผรู บกค็ อื ตวั เราเองเปน ผรู บ เปนผูแกความผิดของตนที่มีอยูแงไหน
มุมใด รวมแลว เรยี กวา รบกบั กเิ ลส เมื่อรบใหถึงจุดหมายปลายของสิ่งที่เปนขาศึก
ขา ศกึ ไดส ลายยอมแพอ ยา งราบคาบแลว ก็เปนผูมีความองอาจกลาหาญ เหน็ รปู ก็
เห็นไดอยางเต็มตา ฟงไดอยางเต็มหู เสยี ง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส ทุกสิ่งทุกอยางที่
มาสมั ผสั รบั ทราบไดอ ยา งเตม็ ใจ ไมติดไมพันไมเปนกังวล ไมมีทามีทางวาจะตอง
ระมัดระวังซึ่งกันและกัน หรือไมมีทามีทางวาใจจะฟุงเฟอเหอเหิมไปตามสิ่งทั้ง
หลายนน้ั เพราะ ยถาภูตํ ญาณทสสฺ นํ เปน สง่ิ ทเ่ี หน็ แจง ชดั ตามความเปน จรงิ แลว

เขา สแู ดนนพิ พาน ๑๓

๑๔

ภายในใจ เรยี กวา สคุ โต อยูก็ สคุ โต คืออยูก็ดี ไปก็ไปดี คิดก็คิดดี อะไรมาสัมผัส
กลายเปน ธรรมะไปตาม ๆ กัน ไมเปนโทษไมเปนกิเลสดังที่เคยเปนมา

ถาจิตดีจติ หมดโทษเพียงดวงเดียว ไมมีอะไรจะเปนขาศึกในโลกนี้ ทเ่ี ปน
ขาศึกที่เปนความทุกขความเดือดรอน กเ็ นอ่ื งจากใจดวงเดยี วนแ้ี ล เสาะหาเรอ่ื งกอ
เรอื่ งใสตวั เองอยูไ มหยดุ เกิดเรื่องกับตัวเอง หาที่ปลดที่เปลื้อง หาทนายมาแกช ว ย
ไมได หาผูตัดสินหาผูพิพากษาไมได นอกจากเราจะเปนผูพิพากษา นอกจากเราจะ
เปน ผพู นิ จิ พจิ ารณาคคู วามระหวา งดกี บั ชว่ั และปลดเปลื้องกันลงไปเอง ดว ยสนทฺ ฏิ 
ฐิโก เหน็ เอง ไมตองใหผูอื่นผูใดมาเห็นได มาทาํ นายทายทกั ให เพราะคาํ วา สนทฺ ฏิ 
ฐิโก นี้พระพุทธเจามอบไวกับพุทธบริษัททุกรูปทุกนาม ผใู ดมขี อ ปฏบิ ตั สิ มควรจะรู
ตาม สันทิฏฐิกธรรม ก็ยอมมีสิทธิรูได ไมเ ลอื กวา เปน หญงิ เปน ชาย เปน นกั บวช
หรอื ฆราวาส สามารถรไู ดด ว ยกนั

ฉะนน้ั ในอวสานแหง ธรรมทแ่ี สดงมาน้ี ขอใหทานนักปฏิบัติทั้งหลายจงนํา
ไปพินิจพิจารณา แลวพยายามผลิตพระของตนใหม ีความศกั ดสิ์ ทิ ธิว์ เิ ศษข้ึนมาภาย
ในตนเอง แมจะไมศักดิ์สิทธิ์วิเศษไปทางไหนก็ตาม ก็ขอใหศักดิ์สิทธิ์วิเศษภายใน
ตวั ระหวา งสง่ิ ทม่ี าเกย่ี วขอ งกบั ใจอยา ใหอ าภพั กนั เทา นน้ั นช่ี อ่ื วา เปน ความศกั ด์ิ
สทิ ธิ์วิเศษไดอยา งภาคภมู ิ

จงึ ขอยตุ ธิ รรมเทศนาเพยี งเทา น้ี

<<สารบัญ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๑๔

๑๕

เทศนอบรมพระ ณ วดั ปา บา นตาด
เมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๐

ธุดงควัตรเครื่องหามลอกิเลส

ความสาํ คญั ของพระปฏบิ ตั กิ ค็ อื หลกั ใจ คาํ วา หลกั ใจกค็ อื สมาธเิ ปน ขน้ั ๆ ปญญา
เปนภูมิ ๆ ภายในใจจนถงึ อรหตั ภมู ิ เรยี กวา หลกั ใจของพระปฏบิ ตั ิ ถา หลกั ใจดแี ลว
หลกั การปฏบิ ตั ทิ กุ ดา นกด็ ไี ปตามกนั เพราะใจเปน ผบู งการ เราจึงเห็นใจเปนสําคัญ คน
ทม่ี หี ลกั ใจกบั คนไมม หี ลกั ใจปฏบิ ตั จิ งึ ผดิ กนั อยมู าก การลดหยอนผอ นผันตามเหตุ
การณใ นบางกาล สถานท่ี บคุ คล และการเครง ครดั ในเวลาปกตขิ องผมู หี ลกั ใจ มีเหตุมี
ผลตา งกนั กบั ผไู มม หี ลกั ใจ ซึ่งมีแตความมุงมั่นอยางเดียว ถึงจะเด็ดเดี่ยวอาจหาญกจ็ ริง
แตมันแฝงไปดวยความผิดพลาด และทฐิ มิ านะไมส มาํ่ เสมอเทา ทค่ี วรกบั ธดุ งควตั รอนั
เปนเครื่องชําระกิเลสทิฐิมานะที่หมักดองอยูภายใน เพราะธาตุขันธของเรามันเปนโลก
เหมอื นโลกทว่ั ไป จาํ ตอ งเกย่ี วขอ งกบั โลกทค่ี วรผอ นผนั สน้ั ยาวแกบ างคน บางสถานท่ี
บางเวลาอยโู ดยดี แตเ วลาจะควรลดหยอ นผอ นผนั กล็ ดหยอ นไมไ ด กลวั เสยี ความ
เครงครัดหรือเสียธุดงค แตเมื่อลดหยอนลงแลวก็เครงตึงขึ้นไมได เพราะมีทิฐิแทรกอยู
ทั้งสองดาน แลวกไ็ มพน การกระเทือนตนและผูอน่ื จนได ทั้งเวลาเครงครัดและเวลา
หยอ นยานไปตามเหตกุ ารณ

ผมู หี ลกั ใจเหน็ สมควรตามเหตผุ ลแลว เวลาจะลดหยอ นผอ นผนั กล็ ดหยอ นผอ น
ผนั ไปตามทเ่ี หน็ สมควรแกก าล สถานท่ี บคุ คล ซึ่งอาจมตี ามคราวตามสมยั พอหมด
หนา ทค่ี วามจาํ เปน นน้ั แลว ก็ดีดขึ้นและคงเสนคงวาตามเดิม โดยไมย ากแกก ารบงั คบั
บัญชา เพราะเหตุผลอรรถธรรมภายในใจบังคับภายในตัวอยูแลว จึงไมลําบากทั้งเวลา
จะลดหยอ นผอ นผนั และเวลาจะปฏิบัตติ ามธุดงควัตรอยางเครงครัดท่เี คยดาํ เนนิ มา

ทง้ั นเ้ี ราเคยปฏบิ ตั มิ าแลว ในสมยั อยกู บั ทา นอาจารยม น่ั ยกตวั อยา งเชน เรา
สมาทานธดุ งคขอ ใดขอ หนง่ึ หรือหลายขอเพ่อื ปฏิบัตเิ ปน วตั ร โดยไมเรียนใหทานทราบ
แตทานก็ทราบไดดีปดไมอยู เพราะความเคารพทานมากที่จําตองอนุโลมทั้งที่ขัดใจ(ขดั
กิเลสเรา)

ถา ธรรมดาแลว จะไมย อมลดหยอ นลงเลย….นั่น นค่ี อื ความรสู กึ มนั ขวางอยใู น
จติ เจา ของเอง เพราะเจตนาเรามุงเด็ดเดี่ยวอยางนั้นจริง ๆ ไมใหมีอะไรมาผานเอาให
ทะลุปรุโปรงไปดวยความตั้งใจอันนี้

พอไปอยกู บั ทา นปแ รกกเ็ หน็ ทา นพดู ถงึ เรอ่ื งธดุ งควตั ร เพราะทานเครงครัดใน
ธดุ งควตั รมากมาตามนสิ ยั มกี ารรับอาหารเทา ท่บี ณิ ฑบาตไดมาเปน ตน จากนน้ั มาเราก็

เขาสูแดนนิพพาน ๑๕

๑๖

สมาทานธุดงคเปนประจําในหนาพรรษา ไมเคยลดละเลย สมาทานธุดงคขอฉันของที่ได
มาในบาตรเทานั้น ใครจะเอาอาหารมาใสบาตรนอกจากอาหารในบาตรของตัวเเลว
เปนไมรับไมสนใจ ตงั้ แตบ ดั นนั้ มาเรือ่ ยไมเคยลดละ คนเดียวเราก็ทําของเราไมใหขาด
เมื่อถึงพรรษาเขามาแลว เราตอ งสมาทานธดุ งคข อ นเ้ี ปน หลกั เกณฑใ นจติ ใจไมใ หข าด
แมแตปเดียว

ปจําพรรษาบานนามน ทา นหดู ตี าดที า นฉลาด จอมปราชญในสมัยปจจุบันใคร
จะเกง ไปกวา ทา นอาจารยม น่ั เลา การสมาทานธดุ งคท า นกร็ วู า เราไมร บั อาหารทต่ี ามมาที
หลงั แตบทเวลาทานจะใสบาตรเรา ทานก็พูดเปนเชิงวา ขอใสบ าตรหนอ ยทา นมหา นี่
เปนสมณบริโภค ทา นวา อยา งนน้ั นี่เปนเครื่องบริโภคของสมณะขอนิมนตรับเถอะ ก็
หมายความวา ทา นเปน ผใู สเ องนน่ั แล

บางครง้ั กม็ คี ณะศรทั ธาทางจงั หวดั หนองคายบา ง และทส่ี กลนครบา ง ทอ่ี น่ื ๆ
บา งไปใสบ าตรทา นและพระในวดั บา นนามน อ.เมือง จ.สกลนคร นาน ๆ มีไปทีหนง่ึ
เพราะแตกอนรถราไมมี ตองเดินดวยเทา แตเขาไปดวยเกวียน จา งลอ จา งเกวยี นไป เขา
ไปพักเพียงคืนสองคืนและไมไดพักอยูในวัดกับพระทาน พากนั ไปพกั อยกู บั กระทอ มนา
ของโยมแพง ตอนเชา ทาํ อาหารบณิ ฑบาต เสร็จแลวก็มาถวายพระในวัดนั้น เขาไมไดไป
ดกั ใสบ าตรนอกวดั เรากไ็ มก ลา รบั กลวั ธดุ งคข าด เดนิ ผา นหนมี าเลย สาํ หรบั ทา นกร็ บั
ใหเพราะสงสารเขาเทาที่สังเกตดู

อาหารกเ็ หลอื จากใสบ าตรมากมาย นาํ ขน้ึ มาบนศาลาอยา งนน้ั แล เปนหมกเปน
หอและผลไมต า ง ๆ นะ เรากไ็ มร บั สงไปไหนก็หายเงยี บ ๆ ไมมีใครรับ จะมีรับบางก็
เพียงองคสององค ผิดสังเกตศรัทธาเขาไมนอย สว นเราไมก ลา รบั เพราะกลวั ธดุ งคข อ น้ี
ขาด หลายวันตอมาทานกข็ อใสบาตรเรา โดยบอกวา นเ้ี ปน สมณบรโิ ภค ขอใสบ าตร
หนอ ย แลว ทา นกใ็ สบ าตรเรา ทา นใสเ องนะ ถา ธรรมดาแลว โถ..ใครจะมาใสเราไดวะ
สําหรับเราเองกลัวธุดงคจะขาด หรอื อยา งนอ ยไมส มบรู ณ ความจรงิ ทา นคงเหน็ วา นม่ี นั
เปนทฐิ แิ ฝงอยูกบั ธดุ งคที่ตนสมาทานนัน้ ทา นจงึ ชว ยดดั เสยี บา งเพอ่ื ใหเ ปน ขอ คดิ หลาย
แงห ลายกระทง ไมเปนลักษณะเถรตรงไปถายเดียว ทา นจงึ หาอบุ ายตา ง ๆ สอนเราท้ัง
ทางออมและทางตรง

เฉพาะเราเถรตรง มีความคดิ ความมงุ หมายอยา งนน้ั จงึ ไมยอมใหใ ครมาใส
บาตร อนั เปน การทาํ ลายธดุ งคเราไดเ ลย นอกจากทา นอาจารยม น่ั ผทู เ่ี ราเคารพเลอ่ื มใส
เต็มหัวใจเทานั้น จงึ ยอมลงและยอมใหใ สบ าตรตามกาลอนั ควรของทา นเอง เราเองมี
ความหนกั แนน ในใจวา จะไมย อมใหธ ดุ งคน บ้ี กพรอ งแมน ดิ หนง่ึ ซึ่งเปนที่ระแคะ
ระคายภายในใจ ตองสมบูรณทั้งธุดงคที่เราไดทําลงไปและจิตใจที่มุงมั่นอยูแลว แต

เขาสูแดนนิพพาน ๑๖

๑๗

เพราะความเคารพเลื่อมใสทา นความรกั ทานท้งั ๆ ทไ่ี มส บายใจกย็ อมรบั นแ่ี ลทว่ี า หลกั
ใจกับหลักปฏิบัติ

กย็ อมรบั วา ถกู ในความจรงิ จงั ทป่ี ฏบิ ตั นิ ่ี แตม นั กไ็ มถ กู สาํ หรบั ธรรมทส่ี งู และ
ละเอยี ดกวา นน้ั เล็งดูเราเล็งดูทาน มองเราและมองทา นนน้ั ผดิ กนั อยมู าก อยา งทา น
อาจารยมน่ั ทา นมองอะไร ทา นมองตลอดทว่ั ถงึ และพอเหมาะพอสมทกุ อยา งภายในใจ
ไมเหมือนพวกเราที่มองหนาเดียวแงเดียวแบบโง ๆ ไมม องดว ยปญ ญาเหมอื นทา น เรา
จึงยอมรับตรงนั้น นพ้ี ดู การปฏบิ ตั ธิ รรมอยบู า นนามนกบั ทา นอาจารยม น่ั

ทนี พ้ี ดู ถงึ บา นหนองผอื นาใน เวลามาอยบู า นหนองผอื เราก็สมาทานธุดงควัตร
อยา งนน้ั อกี อยูท ่ไี หนก็ตามเรื่องธุดงควัตรน้ี เราจะตองเอาหัวชนอยางไมถอยเลย ยนื
กระตายขาเดียวไมยอมใหขาดไดเลย บณิ ฑบาตมาแลว กร็ บี จดั ปบุ ปบ จะเอาอะไรก็เอา
เสียนิด ๆ หนอ ย ๆ เพราะการฉันไมเคยฉันใหอิ่มในพรรษา ไมเ คยใหอิ่มเลย โดย
กาํ หนดใหต วั เองวา เอาเพยี งเทา นน้ั ๆ สกั ๖๐% หรือ ๗๐% เชนรอยเปอรเซ็นต เรา
หกั ไวเ สยี ๓๐% หรือ ๔๐% ซง่ึ คดิ วาพอดี เพราะอยกู บั หมเู พอ่ื นหลายองคด ว ยกนั ถา
จะอดกไ็ มส ะดวก เพราะการงานในวงหมคู ณะเกย่ี วขอ งกนั อยเู สมอ เราเองก็เหมือน
เปน ผใู หญค นหนง่ึ อยา งลบั ๆ ทั้งที่ไมแสดงตัว ทง้ั นเ้ี กย่ี วกบั การคอยสอดสอ งดแู ล
ความสงบเรยี บรอ ยของหมคู ณะภายในวดั พรรษาก็ไมมาก สบิ กวา พรรษาเทา นน้ั แหละ
แตร ูส ึกวา ทานอาจารยใหญทา นเมตตาไวใจในการชว ยดูแลพระเณรอยางลับ ๆ เชน กนั

เวลาเขาพรรษาก็ตางองคตางสมาทานธุดงคกันทั้งวัด ครน้ั สมาทานแลว ไมก ว่ี นั
มันก็ลมไป ๆ นก่ี ส็ อ แสดงใหเ หน็ ความจรงิ จงั หรอื ความลม เหลวของหมคู ณะ ก็ยง่ิ ทําให
เรามีความระมัดระวังและขะมักเขมนในหนาที่และธุดงคของเรามากขึ้น เมื่อไดเห็น
อาการของหมเู พอ่ื นเปน อยา งน้ี ทาํ ใหเ กดิ ความอดิ หนาระอาใจไปหลายแงห ลายทาง
เกย่ี วกบั หมคู ณะ จิตใจยิ่งฟตตัวเอง ปลกุ ใจตวั เองใหแ ขง็ ขนั และยอ นมาถามตวั เอง
บา ง วา ไงเราจะไมล ม ไมเ หลวไปละหรอื เมอ่ื เหตกุ ารณร อบขา งเปน ไปอยา งน้ี ก็ไดรับคํา
ตอบอยา งมน่ั ใจวา จะเอาอะไรมาใหลมใหเหลวไหลวะ กต็ ัวใครตัวเรานี่ ประกอบกบั
นสิ ยั เราเปน อยา งนม้ี าดง้ั เดมิ อยแู ลว ทําอะไรตองจริงทั้งนั้น ถา ลงไดท าํ แลว ตอ งจรงิ ทํา
เลนไมเปน เรานี่จะลมไมได นอกจากตายเสยี เทา นน้ั กส็ ดุ วสิ ยั ใครจะมาใสบ าตรเราไม
ไดเ ปน อนั ขาด ฟงซิวา “เปน อนั ขาด” ความรสู กึ เปน อยา งไรในเวลานน้ั

ฉะนน้ั ความเปลี่ยนแปลงของหมเู พื่อน จึงเปนราวกบั แสดงธรรมเทศนากัณฑ
หนง่ึ ใหเราฟง อยางถงึ ใจ จําไมลืมจนบัดนี้ พอบณิ ฑบาตกลบั มาแลว มอี ะไรกร็ บี จดั ๆ
ใสบาตรเสร็จ แลว กร็ บี ไปจดั อาหารเพอ่ื ใสบ าตรทา นอาจารย หอ นน้ั หรอื หอ นท้ี เ่ี หน็ วา
เคยถกู กบั ธาตขุ นั ธท า น เรารูและเขาใจก็รีบจัด ๆ อนั ไหนควรแยกออก อนั ไหนควรใส

เขาสูแดนนิพพาน ๑๗

๑๘

ก็จัด ๆ เสร็จแลวถึงจะมาที่นั่งของตน ตาคอยดู หคู อยสงั เกต ฟงทานจะวาอะไรบาง
ขณะกอ นลงมอื ฉนั

บาตรเราพอจัดเสร็จแลวก็เอาตั้งไวลับ ๆ ทางดา นหลงั ขางฝาติดกับตนเสาเอา
ฝาปดไวอยางดีดวย เอาผา อาบนาํ้ ปด อกี ชน้ั หนง่ึ ดว ย เพื่อไมใหใครไปยุงไปใสบาตรเรา
เวลานั้นใครจะมาใสบาตรเราไมได กาํ ชบั กาํ ชาไวอ ยา งเดด็ ขาด แตเวลาทานจะใสบาตร
เราทา นกม็ อี บุ ายของทา น เวลาเราจดั อะไรของทา นเสรจ็ เรยี บรอ ยแลว มานง่ั ประจาํ ท่ี ให
พรเสร็จ ตอนทาํ ความสงบพจิ ารณาปจ จเวกขณะนน้ั แล ทานจะเอาตอนเริ่มจะฉนั ทาน
เตรียมของใสบาตรไวแตเมื่อไรก็ไมรูแหละ แตท า นไมใ สซ าํ้ ๆ ซาก ๆ น่ี ทา นกร็ ู
เหมือนกันทานเห็นใจเรา บทเวลาทา นจะใสท า นพดู วา ทา นมหาขอใสบ าตรหนอ ย ๆ
ศรทั ธามาสาย ๆ ทา นวา อยา งนน้ั พอวา อยา งนน้ั มอื ทา นถงึ บาตรเราเลยนะ ตอนเราเอา
บาตรมาวางขา งหนา แลว กาํ ลงั พจิ ารณาอาหารนแ่ี หละ เราเองก็ไมทราบจะทําอยางไร
เพราะความเคารพ จาํ ตอ งปลอ ยตามความเมตตาของทา น เราใหใสเฉพาะทานเทานั้น
นาน ๆ ทานจะใสทีหนึ่ง ในพรรษาหนึ่ง ๆ จะมีเพียง ๓ ครั้งหรือ ๔ ครั้งเปนอยางมาก
ทา นไมใ สซ าํ้ ๆ ซาก ๆ เพราะทา นฉลาดมาก คาํ วา มชั ฌมิ าในทกุ ดา นจงึ ยกใหท า นโดย
หาที่ตองติไมได

นเ่ี รารกั ษาของเราอยา งนน้ั เรอ่ื ยมาจนกระทง่ั บดั น้ี สวนพระเณรไมไดเรื่องลม
เหลวไปหมด จึงทําใหคิด คดิ อยไู มห ยดุ เกย่ี วกบั หมคู ณะ เอ….จติ ใจมันเปนยังไงพระ
เรานี่ จึงหาหลักเกณฑไมได ลม เหลว ๆ ไปอยางนั้น จะเอาอะไรเปนหลักอนั มน่ั คงใน
อนาคต เม่อื ปจจบุ ันเปน ความลม เหลวอยูแลว ทาํ ใหค ดิ เรอ่ื งเหลา นภ้ี ายในใจอยไู มห ยดุ
จนถงึ หมคู ณะในปจ จบุ นั ทอ่ี ยกู บั เราเวลาน้ี

ฉะนน้ั หลกั ปฏบิ ตั ธิ ดุ งควตั รจงึ เปน สง่ิ สาํ คญั มาก การฉนั ในบาตร คนจาํ นวนมาก
ตลอดถึงพระเรายงั ไมเ หน็ คุณคาของการฉนั ในบาตร นอกจากไมเ หน็ คณุ คา ธดุ งคข อ น้ี
แลว ยังอาจเห็นไปวาไมเหมาะไมสวยงาม ทั้งในสวนเฉพาะและสังคมทั่วไป เนื่องจาก
อาหารตอ งรวมกนั ทง้ั คาวทง้ั หวานในบาตรใบเดยี ว และยงั อาจเหน็ เปน ของนา เกลยี ด
สกปรกมูมมามไปก็ได ซึ่งเปนความคิดเห็นของกิเลสลบลางธรรมของจริง ธุดงคทั้ง ๑๓
นผ้ี จู ะเหน็ คณุ คา มนี อ ย ทั้ง ๆ ที่ธุดงคทั้ง ๑๓ ขอเปนเครื่องชําระกิเลสของพระเราทั้ง
นน้ั นน่ั เอง นแ่ี ลขน้ึ ชอ่ื วา กเิ ลสกบั ธรรม ยอ มปน เกลยี วและลบลา งกนั เสมอแตไ หนแตไ ร
มา ผูจะพลีชีพพลีดวงใจเพื่อบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ ก็ปฏิบัติตามธรรมที่
ทรงสอนไว สวนผูจะพลชี าตพิ ลีดวงใจเพื่อบชู ากิเลสวัฏฏ กป็ ฏบิ ตั ติ ามความเหน็ ของ
กเิ ลส นี่พวกเราจะบูชาใครเวลานี้ รบี คดิ และตดั สนิ ใจอยา เนน่ิ นาน เดย๋ี วกเิ ลสเอาขน้ึ

เขาสูแดนนิพพาน ๑๘

๑๙

เขยี งจะวา ไมบ อก ธรรมทา นบอกสอนไวแ ลว รบี กา วเดนิ อยามัวกลัวไมทันสมัยจะกาว
ไมอ อก

ปส กุ ลู จวี รํ การถอื ผา บงั สกุ ลุ เปน วตั ร กเ็ พอ่ื ตดั ความมรี าคาํ่ ราคาโออ า ชะลา ใจ
ความฟุงเฟอเหอเหิม ความสวยงามแบบสง เสรมิ กเิ ลสและเหยยี บยาํ่ ธรรม ไมให
พะรุงพะรังภายในใจของนักปฏิบัติผูกําจัดกิเลสเพื่อสงเสริมธรรม บาํ รงุ ใจใหส งา งาม
เครื่องบริโภคใชสอยที่ไดจากบังสุกุลมาใช ยอมฆากิเลสตัวโลภโลเล ตวั ฟุงเฟอเหอ เหิม
ตวั รกั สวยรกั งาม ตวั เผยอเยอ หยง่ิ ออกไดเ ปน อยา งดี ปราชญทานจึงชมเชยและปฏิบัติ
กนั เรอ่ื ยมาจนถงึ ปจ จบุ นั ใหพวกเราพอไดเห็นรองรอยของทานท่ฆี ากเิ ลสดว ยวิธนี ้ีไว
เปนขวัญตาขวัญใจ ไมต ายเปลา ในชวี ติ นกั บวช

การบิณฑบาตเปนวัตร กใ็ หท าํ หนา ทข่ี องตนตาม ปณ ฑฺ ยิ าโลปโภชนฯํ ซึ่งพระ
องคป ระทานใหต ง้ั แตว นั บวช อยาขีเ้ กยี จขค้ี ราน อยาลืมตัวเพราะมีอติเรกลาภมากนอย
ใคร ๆ จะมาถวายก็ตาม พึงเห็นวาเปนของพิเศษหรือเปนของเหลือเฟอ ไมเปนของจํา
เปนยิ่งกวาที่เราบิณฑบาตหามาไดดวยปลีแขงของเรา ซึ่งเปนหนาที่ของพระ เปนงาน
ของพระซง่ึ ทาํ งานของตนโดยถูกตอ ง ไดมาโดยเหมาะสมจริง ๆ สมกบั ปณฺฑิยาโลป
โภชนฯํ ในอนศุ าสนท ท่ี า นสอนไว แนะฟงซิ….นเ่ี หมาะสม ทา นจงึ สอนใหบ ณิ ฑบาต ซึ่ง
เปนงานที่บริสุทธิ์อันดับหนึ่งของพระ

พระพทุ ธเจา กท็ รงบณิ ฑบาตตลอด จะทรงพักบางก็เวลาไปอยูในสถานที่ไม
เหมาะสมที่จะควรบิณฑบาตได เชน ทรงไปอยใู นปา เลไลยกก บั ชา ง ชางอุปถัมภ
อปุ ฏ ฐากดแู ลทา น เพราะไมม บี า นผูบานคน มีงดเวนบางเฉพาะเทานั้น ปพุ พฺ เณหฺ ปณ ฑฺ
ปาตจฺ ในพทุ ธกจิ หา ตอนเชาเสด็จออกบณิ ฑบาตโปรดสตั วโ ลกนน่ั ฟง ซิ สายเณหฺ
ธมมฺ เทสนํ ตอนบายสี่โมงก็ประทานพระโอวาทแกพุทธบริษัทฝายฆราวาส นบั แตพ ระ
ราชามหากษตั รยิ  เสนาบดี เศรษฐี กฏุ ม พี พอ คา ตลอดถึงประชาชนธรรมดาทั่วไป

ปโทเส ภกิ ขฺ โุ อวาทํ มืดไปแลวประทานพระโอวาทแกพระสงฆ นเ่ี ปน ขอ ทส่ี อง
ของพุทธกิจ เรียกวางานของพระพุทธเจา

อฑฺฒรตฺเต เทวปหฺ ากํ พอหกทมุ ลว งไปแลว แกปญ หาเทวดาและแสดงธรรม
โปรดพวกเทพชั้นตาง ๆ นบั แตภ มู ติ าํ่ ขน้ึ ไปจนถงึ ภมู สิ งู นเ่ี ปน ขอ สาม

ภพฺพาภพฺเพ วิโลกนํ ตั้งแตปจฉิมยามไปแลว ทรงเล็งญาณดูสัตวโลกผูใดจะ
ของตาขายคือ พระญาณของพระองค ซึ่งควรจะเสด็จไปโปรดกอน วา ผนู น้ั มนี สิ ยั และ
จะมีอันตรายแกชีวิตอยางรวดเร็ว ซึ่งไมอาจจะรออยูไดนาน ควรจะไปโปรดคนนั้นกอน
กเ็ สดจ็ ไปกอ น นี่เปนขอที่สี่

เขาสูแดนนิพพาน ๑๙

๒๐

ปพุ พฺ เณหฺ ปณ ฑฺ ปาตจฺ พอรุงเชาก็เสด็จออกบิณฑบาตมาเสวยเปนประจํา นี่
เรียกวาพุทธกิจหาของพระองค ปกติไมทรงลดละ จะลดละบางก็เปนกรณีพิเศษในบาง
ขอ เชน ปุพฺพเณฺห ปณ ฑฺ ปาตจฺ เวลาประทบั อยใู นปา เลไลยกเ สดจ็ บณิ ฑบาตไมไ ดก ็
ทรงงด นอกนน้ั ทรงถอื เปน ความจาํ เปน ในการบณิ ฑบาต จงึ ตอ งสอนพระใหถ อื วา การ
บณิ ฑบาตมาฉนั นน้ั เปน งานทช่ี อบ เปนงานที่เหมาะสมอยางยิ่ง สําหรับพระไมมีงานใด
ในการแสวงหาเลย้ี งชพี เหมาะสมยง่ิ กวา งานบณิ ฑบาต ใคร ๆ จะมีศรัทธามาถวายมาก
นอ ยใหถ อื เปน อตเิ รกลาภ สิ่งเหลือเฟอไปเสีย ไมถ อื เปน ความจาํ เปน ยง่ิ กวา อาหารทไ่ี ด
มาในบาตร เพอ่ื กนั ความลมื ตวั มว่ั สมุ กบั สง่ิ เหลา นน้ั

ทานสอนพระไมใหลืมตัว ไมใ หข เ้ี กยี จ เพราะกเิ ลสตวั ขเ้ี กยี จมนั สาํ คญั ตัวลืมตัว
นก้ี เ็ ลวไมย อ ย เพราะคนเราชอบเยอหยิ่งเวลามีคนนับถือมาก ๆ ย่งิ มีคนชน้ั สงู นับถอื
มากมีบริษัทบริวารมากยิ่งเบง ผึ่งผาย ลวดลายไมม กี เ็ สมอื นจะแตม ลวดลายขน้ึ เปน
พญาราชสหี อ วดศกั ดานภุ าพโนน แน มันของเลนเมื่อไร กเิ ลสของพระนะ ทานจึงสอน
ใหป ราบกิเลสตวั นา เกลียดในสงั คมชาวพทุ ธชาวพระเราไมใ หล มื ตัว ใครจะมานบั ถอื
มากนอยก็เปนเรื่องของเขา เรอ่ื งของเราอยาลมื หนา ท่ีของเรา อยาลืมเรื่องของพระเปน
เรื่องของพระ ความลืมตัวไมใชเรื่องของพระ แมแ ตฆ ราวาสผมู ีสตเิ ขายังไมล ืมตวั การ
วางตัวของเขาสม่ําเสมอ เราเปนพระและพระปฏิบัติดวยแลวก็ยิ่งละเอียดเขาไปอีก
ความมสี ตริ ะลกึ รอู ยกู บั ตวั ปญ ญาสอดสอ งเหตกุ ารณท ม่ี าเกย่ี วขอ งกบั ตวั อยเู สมอ ไม
ใหเ ผลอและหลวมตวั ไปกบั สง่ิ นน้ั ๆ นั่นคืองานของพระ นน่ั คอื ลวดลายของพระผเู หน็
ภัยในสิ่งที่เปนภัย

พระผอู อกจากศากยสกลุ คือตระกูลของพระพุทธเจา ผทู รงเฉลยี วฉลาดแหลม
คมยง่ิ กวา ใคร ๆ ในไตรโลกธาตุ เหตุใดจึงตองมาโงตอโลกามิสซึ่งมีเต็มแผนดิน ไมใช
ของหายากเหมือนธรรมเลย การลืมเนื้อลืมตัวผยองพองตัวเพราะอติเรกลาภ หรือ
ความนับถือของประชาชน เปนเกียรติยศอันชอบธรรมและนาภูมิใจของพระศากยบุตร
ดแี ลว หรอื นอกจากจะเหน็ ธรรมอนั ประเสรฐิ วา เปน ของตาํ่ กวา สง่ิ เหลา นเ้ี ทา นน้ั พระเรา
จึงจะไมคิดไมสาํ นกึ ตวั กลวั ภัยตามรอ งรอยศาสดา

สกกฺ าโร ปรุ สิ ํ หนตฺ ิ ปลาตายเพราะเหยอ่ื ลอ พระเราไมตายเพราะสิ่งเหลานี้จะ
ตายเพราะอะไร จงพากนั พจิ ารณาใหด ี วา ธรรมเหลา นท้ี า นสอนปลาตวั โง หรอื ทา นสอน
พระเราผกู าํ ลงั ขยบั ตวั เขา หาเบด็ อยเู วลาน้ี จงทราบวา ภายนอกนน้ั เปน เหยอ่ื แตภ ายใน
เหยื่อเขาไปนั้นคือเบ็ดนะ ถา ไมอ ยากฉบิ หายลม จมจงระวงั อยา งบั เบด็

การฉนั ในบาตรนเ่ี ปน กจิ สาํ คญั อยมู าก แตเ ราไมเ หน็ ความสาํ คญั ของการฉนั ใน
บาตร ธรรมดาพระผบู วชมาในศาสนาแลว ไมมีภาชนะใดที่เหมาะสมยิ่งกวาบาตร

เขาสูแดนนิพพาน ๒๐

๒๑

สาํ หรบั ใสอ าหาร จะเปน ถว ยชามนามกรอะไรกแ็ ลว แตเ ถอะ เปนภาชนะทองคํามาก็ไม
เหมาะสมยิ่งกวาบาตร บาตรนเ้ี ทา นน้ั เปน ภาชนะอนั เหมาะสมสาํ หรบั ขบฉนั ของพระ ไม
มอี นั ใดทีจ่ ะควรยิ่งกวา นี้ เหมาะสมยง่ิ กวา น้ี ดยี ง่ิ กวา น้ี มีบาตรใบเดียวเทานั้น มีอะไรก็
รวมลงที่นั้น พระพทุ ธเจา กท็ รงดาํ เนนิ เปน ตวั อยา งอนั แนบแนน มากอ นแลว

หรอื วา อาหารทร่ี วมลงไปแลว จะทาํ ใหท อ งเสยี ดงั ทส่ี ว นมากวา กนั ซง่ึ เคยไดย นิ
มาแลว ถา เชน นน้ั เวลารวมลงในทอ งแลว มันไมทําใหทองเสียหรือ ทองมีพุงอะไรบาง
มีกี่พุงมีกี่ไส มกี ภ่ี าชนะสาํ หรบั ใสอ าหาร แยกประเภทตาง ๆ นห้ี วานนค้ี าว นี้แกงเผ็ด
นแ้ี กงรอ น…มีไหม ภาชนะอะไรตาง ๆ ที่จะไวอาหารตางประเภทเปนแผนก ๆ เพอ่ื กนั
ทองเสียนะมีไหม เรามาเหน็ กนั แตร วมในบาตรวา ทอ งจะเสยี สวนรวมในทอ งไมเหน็ วา
ทองมันจะเสีย ความคดิ กลวั ทอ งเสยี เปน ตน นน้ั คือความคิดเพื่อสงเสริมลิ้น สงเสริมพุง
ไมใชความคิดที่สงเสริมใจสงเสริมธรรมดวยขอปฏิบัติตาง ๆ

ถา สง่ิ ทเ่ี ปน พษิ มอี ยใู นอาหารนน้ั แลว จะรวมหรือไมรวม เมื่อฉนั ลงไปรับ
ประทานลงไปในทอง มันก็ทาํ ใหทองเสยี ได โดยไมเกี่ยวกับเรื่องอาหารรวมหรือไมรวม
เลย เพราะความเปนพิษนั้นอยูกับสิ่งที่เปนพิษตางหาก ไมใ ชอ ยกู บั ความรวม เวลาฉนั
ลงไปมันก็เปนพิษ ถา อาหารไมเ ปน พษิ แลว รวมกันก็ไมเปนพิษ จะเอาอะไรมาเปนพิษ
เพราะสิ่งเหลานั้นเปนคุณ ไมมีโทษไมมีพิษภัยเจือปนอยูในนั้นเลย รวมลงในบาตรก็
เปน อาหาร ฉันลงไปในทอ งกเ็ ปนประโยชนแกธาตุขันธ

ฉะนน้ั เราซง่ึ เปน นกั บวชและนกั ปฏบิ ตั ิ จงสังเกตขอแตกตางระหวางธรรมกบั
อธรรมทค่ี อยลบลา งกนั อยเู สมอ ดังฉันในบาตรทองเสีย ฉนั นอกบาตรทอ งดี กเิ ลสอว น
พี แตธรรมหมอบเผยอไมขึ้นเพราะถูกอธรรมเหยียบ ๆ ในทาํ นองน้ี หลายดา นหลาย
ทางไมมีประมาณเรื่อยมา

ความจรงิ ในขณะท่ีอาหารรวมในบาตรกเ็ ปน เทศนาไดอยางดี กอ นฉนั กพ็ จิ ารณา
ในขณะทฉ่ี นั กก็ าํ หนดพจิ ารณาปจ จเวกขณะ โดยความเปนตา ง ๆ แหง อาหาร ยอมได
อบุ ายแปลก ๆ ขน้ึ มาจากอาหารผสมนน้ั เพราะเราไมไดฉันเพื่อความรื่นเริงบันเทิง ไม
ไดฉ นั เพอ่ื ความสวยงาม เพื่อความฟุงเฟอเหอเหิม เพ่อื ความคกึ คะนองอะไร ฉนั พอยงั
อัตภาพใหเปนไป เพื่อไดประพฤติพรหมจรรย ชําระกิเลสอาสวะซึ่งเปนตัวพิษรกรุงรัง
ฝง จมลกึ อยภู ายในใจนใ้ี หเ ตยี นโลง ออกจากใจ ดวยการพิจารณาโดยแยบคาย ซง่ึ อาศยั
ธุดงควัตรเหลานี้เปนเครื่องมือตางหาก

การหา มอาหารตามมานน้ั กเ็ พอ่ื กนั ความโลภและความลมื ตวั อกี เหมอื นกนั
อาหารมมี าก อาหารเหลอื เฟอ ความโลภนะมันไมมีเมืองพอ อนั นน้ั กด็ อี นั นก้ี ด็ ี อาหาร
มากเทา ไรปากยง่ิ กวา ง ลน้ิ ยง่ิ ยาว ทองยิ่งโต แซงหนา ธรรมไมม ถี อย อนั นน้ั หวานอนั น้ี

เขาสูแดนนิพพาน ๒๑

๒๒

หอมอนั นม้ี นั และดีไปเรื่อย ๆ ไมมีเบรกคือสติ หา มลอ ไวบ า งเลย ความจรงิ คาํ วา ดนี น้ั
เปน เรอ่ื งของกเิ ลสเสกสรรปน ยอขน้ึ ลบลา ง อัปปจฉตาธรรม สันโดษธรรมของนัก
ปฏิบัติโดยเจาตัวไมรู จึงมกั มวั เพลนิ ไปกับเพลงกลอมของมันจากคาํ วา ดตี ามกิเลส

สว นธรรมจะดีหรอื ไมด เี ปน อกี แงหน่ึง หวานกร็ ู หอมกร็ ู มนั กร็ ู จิตจะติดรสก็ให
รูใหระวัง และหกั หา มกเิ ลสตวั อยากไดม าก ฉนั มาก สว นธรรมใหเ อาแตพ อดี หรือเอา
แตน อ ยเหมาะกบั ธรรม และฉนั แตพ อดกี บั ธาตหุ รอื ฉนั แตน อ ย ไมโลภในอาหารปจจัย
บรโิ ภคใชส อย พอครองตัวไปได ไมอ ดื อาดเนอื ยนายหมายแตท ห่ี ลบั ทน่ี อน ยงิ่ กวา
หมายความพากเพียรเพื่อละกิเลส

พระเราเมื่อฉันมาก ๆ เพราะอติเรกลาภมาก ๆ ทาํ ใหธ าตขุ นั ธม กี าํ ลงั มากขน้ึ
แตจ ิตใจลืมเน้อื ลืมตวั ขี้เกียจภาวนา ไมเปนทาเปนทางอะไรเลย มแี ตอ าหารพอกพนู
ธาตขุ นั ธส กลกาย ไมไดพอกพูนจิตใจดวยอรรถดวยธรรม ใจหากเคยมีธรรมมาบางก็
นบั วนั เหย่ี วแหง แฟบลงไป ถายังไมมีธรรมเชนสมาธิธรรมเปนตนก็ยิ่งไปใหญ ไมมีจุดมี
หมายเอาเลย ธดุ งคจ งึ ตอ งหา มความโลเลในอาหาร เพื่อใหใจมีทางเดินโดยอรรถโดย
ธรรม กเิ ลสจะไดไ มต อ งพอกพนู มากมาย กายจะไดเบา ใจจะไดสงบเบาในเวลา
ประกอบความเพยี ร และสงบไดงายกวาเวลาที่พุงกําลังบรรจุอาหารเสียเต็มป นม่ี นั นา
อับอายขายหนา พระกรรมฐานจะตายไปที่เอาทอ งมาอวดโลก แทนทจ่ี ะนาํ ธรรมมาอวด
เขา

การอยปู า กบั อยบู า นผดิ กนั อยา งไร นต่ี อ งตา งกนั ทา นจงึ สอนใหอ ยปู า และการ
อยปู า ธรรมดากบั อยปู า เปลย่ี ว ความรูส กึ ของผูอ ยนู ั้นจะเปนอยางไรบาง ถาผูมุงอรรถ
มงุ ธรรมอยแู ลว การอยใู นปา และปา เปลย่ี วมคี วามรสู กึ ผดิ กนั อยมู าก ตลอดถงึ ความ
พากเพียรเพื่อความสงบทางใจ ใจสงบไดงายเพราะความไมประมาท ความระมดั ระวัง
ตน ความมสี ตอิ ยใู นสถานทใ่ี ดกเ็ ปน ความเพยี ร กเิ ลสกลวั คนผมู สี ติ คนระมัดระวังตัว
อยเู สมอ แตก เิ ลสไมกลวั คนที่ประมาท พระพุทธเจาเปดชองเปดทางดวยธุดงควัตร
เพอ่ื ตอ สเู อาชยั ชนะกบั กเิ ลสให ซึ่งเปนทางที่จะระงับดับกิเลสเทานั้น ไมใชเปดทางให
กเิ ลสเหยยี บยาํ่ ทาํ ลายจติ ใจเราดว ยธดุ งคเ หลา น้ี

ธุดงคเหลานี้เปนเครื่องปราบปรามกิเลสสําหรับผูปฏิบัติดําเนินตามทั้งนั้น เชน
เที่ยวอยูรุกขมูลรมไม ตามปา ตามเขาอนั เปน ทเ่ี หมาะสม พระพทุ ธเจา และสาวกทง้ั
หลายอบุ ตั ขิ น้ึ ดว ยความบรสิ ทุ ธจ์ิ ากสง่ิ นท้ี ง้ั นน้ั เราผูปฏิบัติจึงควรคํานึง อยา ลมื เนอ้ื ลมื
ตวั อะไรจะมมี ากนอ ยอยา ลมื เนอ้ื ลมื ตวั กบั สง่ิ เหลา นน้ั ไมใชทางพระผูตามรอยพระ
บาทของพระพุทธเจาและสาวกทาน

เขาสูแดนนิพพาน ๒๒

๒๓

มคี นนบั ถอื มากนอ ยนน่ั เปน เรอ่ื งของเขา ผูปฏิบัติธรรมควรระวังเพราะเปน
กงั วลวนุ วาย ไมส ะดวกแกค วามเพยี ร ไมควรยุงกับอะไร นอกจากธรรมกบั ใจสมั ผสั
สมั พนั ธก นั อยตู ลอดเวลาเทา นน้ั เปน ความเหมาะสม ถา จติ กลายเปน โลกสงสาร มันจะ
เลยโลกไปจนหาเขตหาแดน หากาํ หนดกฎเกณฑไ มไ ด มคี นนบั ถอื มากเทา ไร ใจพระ
ใจคนมกี เิ ลสคอยรบั กนั อยแู ลว มันก็ยิ่งฟุงเฟอเหอเหิม ลืมเนื้อลืมตัว เผยอเยอหยิง่ ยิ่ง
กวา นาํ้ ลน ฝง นน่ั แล เพราะมันเปนเรื่องของกิเลสไมใชเรื่องของธรรม เรื่องของธรรม
ตองสม่ําเสมอ ตองมีสติไมลืมตัวอยูเสมอ ทา นผปู ฏบิ ตั ยิ กตนพน ทกุ ขม าแลว ทา น
ดาํ เนนิ ดงั ทก่ี ลา วมานแ่ี ล ผตู อ งการพน ทกุ ขอ ยา งทา นกต็ อ งปฏบิ ตั แิ บบทา น หรอื แบบ
ศิษยมีครู ไมใ ชจ ะปฏบิ ตั แิ บบถลู ถู กู งั อวดตนวาเกงไมยอมฟงเสียงใคร นน่ั คอื การ
ปฏิบัติเพื่อขึ้นเขียง เพื่อหอมกระเทียม ไมใชเพื่อมรรคผลนิพพาน

เรื่องเหลานี้เราเคยมีความรูสึกตั้งแตเปนพระหนุมนอย จึงยึดมาเปนคติไดอยาง
ดี เราเคยเห็นคนมานับถือครูบาอาจารย มนั รูส ึกอะไร ๆ ในจติ ใจพกิ ล เปนความรูสึก
อยากจะใหเ ขามคี วามเคารพนบั ถอื ตนอยา งนน้ั นม่ี นั มขี น้ึ ภายในใจ แตต อนน้ันมันมี
ความรอู ยา งนน้ั และรวู า จติ เราหยาบมคี วามปรารถนาลามกขน้ึ มา เปนแตไมสงเสริม
คอยสกดั เอาไวแ ละรโู ทษของตวั อยเู สมอ

เวลามาปฏบิ ตั เิ ขาจริง ๆ แลว กย็ ง่ิ รชู ดั วา นน่ั เปน ความผดิ ความคิดเชนนั้นไมใช
ความถกู ตอ งเลย นน่ั คอื ความคดิ อง่ึ อา งกบั ววั นาํ ตวั เขา ไปเทยี บกบั ทา นโดยมใิ ชฐ านะ
ฐานะของทา นเปน ขนาดครอู าจารย ฐานะของเราเทา กับอง่ึ อางทีน่ อนจมอยูใ ตด ิน จะนํา
ตวั เขา ไปเทยี บกบั ววั ไดอ ยา งไร ถา ไมอ ยากทอ งแตกตายเหมอื นอง่ึ อา งกบั ววั ในนทิ าน
อสี ป นิทานนจี้ ึงเปนคตไิ ดด มี ากสาํ หรับพระผปู ฏบิ ตั ิเพอ่ื ความพน ทกุ ขโ ดยชอบธรรม

ธุดงคขอเยีย่ มปาชา การเยี่ยมปาชาไปเยี่ยมทําไม ความจริงคนเราตองเห็นสิ่งที่
เปนสักขีพยานมันถึงจะรูเนื้อรูตัว ถึงจะไดสติ การเยย่ี มปา ชา กไ็ ปเหน็ ความตายของคน
ปา ชา แตก อ นไมเ หมอื นทกุ วนั น้ี มปี า ชา ผดี บิ ทง้ิ เกลอ่ื นกนั อยใู นทน่ี น้ั ๆ ทง้ั ตายเกา ตาย
ใหมท ง้ิ เกลอ่ื นกนั อยเู หมอื นทอ นไม เมื่อไปดูแลวก็เห็นประจักษชัดเจนเปนสักขีพยาน

ทา นสอนไวใ นการไปดปู า ชา เยย่ี มปา ชา ใหไ ปทางเหนอื ลม ไมใหไ ปทางใตลม
ถา ซากอสภุ ทต่ี ายใหมก อ็ ยา ดว นเขา ไป ใหไ ปดซู ากอสภุ ทต่ี ายเกา กอ น พิจารณา
กรรมฐานเรื่อย ๆ และคอ ยขยบั เขา ไป ๆ จนรูวาใจเรามีสติปญญาสามารถพอจะ
พจิ ารณาซากอสภุ ทต่ี ายใหมไ ด คอ ยขยบั เขา ไปพจิ ารณาอสภุ ทต่ี ายใหม เพราะที่ตาย
ใหมมันยังมีรูปรางลักษณะปกติ ถา รปู รา งทต่ี ายใหมส วยงาม ความสวยงามอาจทาํ ให
ราคะกําเริบได และอาจเปนกรรมฐานแหวกแนวไปได จึงตองระวัง

เขาสูแดนนิพพาน ๒๓

๒๔

ทา นสอนใหเ ปน ระยะ ๆ การเยีย่ มปา ชาก็ใหไ ปตามระยะหรอื ข้นั ตอน และ
พิจารณาตามระยะที่เหมาะกับภูมิของตน ไมใชผลุนผลันก็จะเขาไปเยี่ยม ทาํ อยา งนน้ั ไม
เหมาะ ทา นสอนไวห มด ซากอสภุ อนั ใดที่ยังไมขาดไมว น่ิ ไมมอี ะไรกัดกิน เนื้อยังไมเนา
ไมพองยังใหม ๆ เอย่ี ม ๆ อยอู ยา เพง่ิ เขา ไป เฉพาะอยา งยง่ิ ภาพทเ่ี ปน เพศตรงกนั ขา ม
ใหร ะวงั …ทา นวา จนกระทั่งจติ ใจมีความสามารถพอจะพจิ ารณาไดแ ลวก็พิจารณาได
หมด

เมอ่ื พจิ ารณาความตายขา งนอกเปน สกั ขพี ยานแลว มนั กย็ อ นเขา มาพจิ ารณา
ความตายภายในกายของตน จนไดห ลกั ไดเ กณฑข น้ึ ภายในจติ แลว ปา ชา ภายนอกก็
คอ ย ๆ หมดความจําเปนไป เพราะไดห ลกั ขน้ึ ภายในตวั เราแลว ไมต อ งไปอาศยั ภาย
นอก พจิ ารณารา งกายของเราใหเ ปน ปา ชา เหมอื นปา ชา ภายนอก ทง้ั ความเปน อยแู ละ
ความตายไป เทยี บกนั ไดท กุ สดั ทกุ สว นกบั ภายนอกแลว ใจก็คอยหมดปญหาไปเอง

เนสชั ชิ การไมน อนเปน คนื ๆ ไป กเ็ พอ่ื การฝก การทรมานตนประกอบความ
พากเพยี รใหม ากนน่ั เอง แตไมไดหมายถึงไมนอนตลอดไป เราจะอธิษฐานเชนไมนอน
คืนนก้ี เ็ ปนเนสชั ชิ ธดุ งคข อ นเ้ี ปน กาลเปน เวลา เปนคราว ๆ ไป หรอื จะไมน อนสองคนื
สามคนื กแ็ ลว แตต ง้ั สจั อธษิ ฐานในธดุ งคข อ น้ี

เสนาสนะทท่ี า นจดั ใหอ ยา งไรกอ็ ยตู ามทท่ี า นจดั ให นเ่ี ปน ธดุ งคข อ หนง่ึ มีแต
เรื่องปราบกิเลสความลืมตัวของพระทั้งนั้น

ผูที่มีธุดงควัตรดี ผทู ห่ี นกั แนน ในธดุ งควตั ร กค็ อื ผหู นกั แนน ในขอ ปฏบิ ตั ิ คอื ผู
ตั้งใจเพื่ออรรถเพื่อธรรม เพื่อปราบปรามกิเลสอยางแทจริง ไมใ ชผ บู วชเขา มาอยเู ฉย ๆ
ลืมเนื้อลืมตัว ในธดุ งค ๑๓ นี้เปนเครื่องมือสําหรับปราบปรามกิเลสของผูปฏิบัติตามทั้ง
นน้ั ไมมีอะไรเปนขอตองติไดเลย นอกจากจาํ พวกเทวทตั เทา นน้ั จะตาํ หนไิ ดล งคอ

คนไมม ีธดุ งควัตรนนั้ แลคอื คนวตั รราง คนลมื เนอ้ื ลมื ตวั สักแตวาเพศของพระ
เฉย ๆ เอาผา เหลอื งมาหอ ตวั แลว กว็ า ตวั เปน พระแลว เยอ หยง่ิ ยิ่งตั้งยศถาบรรดาศักดิ์
ใหเปนปลัด ใหเ ปน สมหุ  ใหเปนพระครู ใหเปนเจาฟาเจาคุณ จนกระทั่งใหเปนสมเด็จ
ขึ้นไปดว ยแลว ….เอาเถอะ ถา ใจกาํ ลงั เหอ ๆ ในเรอ่ื งเหลา นน้ั อยแู ลว มันตองตื่นเงาตื่น
บา ขน้ึ มาเลย โดยไมตองมีปมีขลุยมีเครื่องดนตรีแตรวงมาสงเสริมแหละ ใจมนั หากสง
เสริมมันเอง ดว ยอาํ นาจดนิ เหนยี วตดิ หวั เขา ใจวา ตนมหี งอนไปทเี ดยี วแหละ ขน้ึ ชอ่ื วา
กเิ ลสนม้ี นั ยอมออ นขอ ตอ ใครเมอ่ื ไร

เรื่องของพระเลยลืมไปหมด กลายเปน โลกไปเลย เลยโลกไปอกี ท่ที า นตงั้ กเ็ พ่ือ
ใหการสงเสริมในการประพฤติปฏิบัติดี แตแ ทนทจ่ี ะเปน อยา งนน้ั จติ ใจเลยกลบั หยง่ิ
กลายเปน การทาํ ลายตวั เอง ฆา ตวั เองไปดว ยความสาํ คญั ตา ง ๆ ขน้ึ มา ทา นตงั้ ชื่อต้ัง

เขาสูแดนนิพพาน ๒๔

๒๕

นามใหว า เปน นน้ั เปน น้ี เรากส็ ําคัญวา เปน หงอนไปเสีย ความจริงมันดินเหนียวติดหัว
ตา งหาก ไมใชหงอนโดยหลักธรรมชาติ อยากใหเ ปน หลกั ธรรมชาตจิ รงิ ๆ ก็ปฏิบัติตัว
ใหด ซี ิ อะไรจะเลิศยิ่งกวาพระในหลักธรรมชาติละ คาํ วา พระกแ็ ปลวา ประเสรฐิ แลว นน่ั
จะหลงไปกบั ดนิ เหนยี วไปกบั ตกุ ตาอะไรอกี

พระไมใชประเสริฐแตชื่อ ตองประเสริฐดวยการประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรม
วนิ ยั มีธุดงควตั ร เปนตน มคี วามหนกั แนน ในธดุ งควตั ร จะคอยเปนผูประเสริฐขึ้นมา
โดยหลักการปฏิบัติของตน สดุ ทา ยกโ็ ดยหลกั ธรรมชาติ ประเสริฐโดยหลักธรรมชาติ
ของใจที่บริสุทธิ์หมดจดแลว ไมไดประเสริฐดวยชื่อดวยนามอะไร ตง้ั วนั ไหนกไ็ ด โนน
ตั้งขึ้นฟากฟาก็ไดเปนไรไป การตง้ั ชอ่ื กย็ กยอกนั ไปอยา งนน้ั แหละ นแ่ี หละโลกธรรม
เสกสรรปน ยอกนั ไป ผเู สกสรรปน ยอขน้ึ ทา นกม็ เี จตนาดี เราก็ใหสนองเจตนาของทาน
ดวยการตง้ั ใจประพฤตปิ ฏิบัติตามหลักธรรมหลกั วนิ ัย หนา ทข่ี องพระใหส มบรู ณแ บบ
มันก็สมกับทานตั้งชื่อตั้งนามเพื่อสงเสริมพระใหดี

อยา เอาการตง้ั ชอ่ื ตง้ั นาม เอาชอ่ื เหลา นน้ั มาทาํ ลายตวั เอง ดว ยความเยอ หยง่ิ
จองหองตาง ๆ กแ็ ลว กนั ฉะนั้นความสมบูรณที่สุดตามหลักธรรมชาติโดยไมตองเสก
สรร กค็ ือการปฏบิ ตั ติ ัวใหดี ศลี กร็ กั ษาใหด ี อยา ฝา ฝน ลว งเกนิ การภาวนากท็ าํ จติ ใหม ี
ความสงบรม เยน็ ดว ยจติ ตภาวนา จะกําหนดธรรมบทใดก็ใหมีความจริงจังตอธรรมบท
นน้ั ดว ยความมสี ติ เวลาพจิ ารณากพ็ จิ ารณาลงไปใหเ กดิ ความเฉลยี วฉลาด แยกธาตุ
แยกขนั ธอ ายตนะออกใหเ หน็ ตามความจรงิ ของมนั ดังที่เคยอธิบายใหฟ งหลายครง้ั
หลายหนแลว

ธาตคุ อื อะไร ธาตกุ ค็ อื ธาตสุ ่ี ดิน นาํ้ ลม ไฟ ซึ่งเปนธาตุเดิม เปนสิ่งดั้งเดิมมีอยู
ดั้งเดิม มาผสมกนั เขา มีจิตเปนตัวการเขามายึดเปนเจาของ ก็เลยเรียกวาเปนสัตวเปน
บคุ คลไป ทั้ง ๆ ทส่ี ว นนน้ั ๆ เปนธาตุอยูตามหลักธรรมชาติของเขา ใครจะเสกสรรปน
ยอวาเปน สตั วเปนบุคคลเปน อะไร ก็หาไดเปนไปตามไม คงเปนธาตนุ ้นั ๆ อยตู ามเดมิ
ของเขา เราก็ใหทราบดวยปญญาของเราโดยทางพิจารณา

อายตนะความสบื ตอ อายตนะภายในภายนอก ภายในคอื ตา หู จมูก ลน้ิ กาย
ใจ ภายนอกคือรูป เสยี ง กลน่ิ รส เครื่องสัมผัส ทเ่ี ขา มาสมั ผสั สมั พนั ธก บั อายตนะภาย
ใน เกิดความรูสกึ ข้นึ มา แลว เกดิ ความสาํ คญั ไปตา ง ๆ นานา สว นมากไปในทางทผ่ี ดิ
ใหแ ยกแยะดใู หด ี นท่ี า นเรยี กวา วปิ ส สนา วปิ ส สนาแปลวา ความเหน็ แจง รูแจงเห็นจริง
ไมร แู บบปลอม ๆ หลอก ๆ หลอน ๆ

จงทาํ หนา ทข่ี องตวั ใหถ กู ตอ งและสมบรู ณ จิตใจหวังพึ่งเราอยูเสมอ เพราะจิตใจ
ไมสามารถอยูโดยอิสระลําพังตัวเองได ถกู กดขบ่ี งั คบั จากความโลภ ความโกรธ ความ

เขาสูแดนนิพพาน ๒๕

๒๖

หลง ราคะตัณหาประเภทตาง ๆ อยเู รอื่ ยมา ใจจึงเรียกรองหาความชวยเหลือจากเราอยู
ตลอดเวลา เราจะเอาอะไรเขาชวยเหลือจิตใจที่ถูกกดขี่บังคับอยูตลอดเวลานั้นใหพน
จากภัยได ถา ไมเ อาขอ วัตรปฏิบตั คิ ือ สมาธิ ปญญา ศรัทธา ความเพียร เขา เปนเคร่อื ง
บกุ เบกิ เพกิ ถอน ชวยจิตใหพนภัยจากเครื่องบีบบังคับ

เวลานเ้ี รามาเปลอ้ื งภยั ทม่ี อี ยภู ายในใจ เราตองพยายามทําทุกวิถที างทจ่ี ะปลด
เปลื้องใหได หลกั ใหญข องการปฏบิ ตั กิ ค็ อื จงมคี วามหนกั แนน แกน นกั รบ หวงั จบชวี ติ
ในสงครามลา งโลกออกจากใจ ถา ไมช นะก็ตอ งตายถวายชวี ติ เปนพุทธบูชา ธรรมบูชา
สงั ฆบูชา ไปเลย อยา ถอยหลงั ดว ยความพา ยแพจ ะเสยี หนา และถกู กเิ ลสเยย หยนั ไป
นาน ทนความตาํ่ ตอ ยนอ ยหนา อบั อายกเิ ลสวฏั ฏไ มไ หว ไปโลกไหนจะมีแตกิเลสตามชี้
หนา วา มาเกดิ แบกกองทกุ ขห าสมบัตอิ ะไรไอค นไมเ ปน ทา รบกันทีไรแพเราหลุดลุยทุก
ที ไมเ คยมคี าํ วา “ชนะ” บางเลย นั่นฟงซิ พวกเราชาวนักรบเพื่ออยูจบพรหมจรรย คําชี้
หนา ดา ทอของกเิ ลสนะ มนั เจบ็ แสบไหม เราเองเจบ็ แสบลงถงึ ขว้ั หวั ใจแมต ายกไ็ มม วี นั
ลมื พวกเรามคี วามรสู กึ อยา งไรบา ง พอมแี กใ จฮดึ สกู บั มนั ดว ยการถวายหวั บา งไหม

พระพุทธเจาของเราเปนชาติแหงนักรบเต็มพระองค ทกุ พระอาการทเ่ี คลอ่ื นไหว
ลว นเปน ความหา วหาญชาญชยั ในการตอ สกู บั กเิ ลสไมท อ ถอยจนกเิ ลสบรรลยั กลาย
เปน ศาสดาขน้ึ มาใหโ ลกไดก ราบไหวบ ชู ามาจนบดั น้ี รองรอยที่ทรงดําเนินมายังสด ๆ
รอ น ๆ ดว ยสวากขาตธรรมทกุ บททกุ บาท ไมเ คลอ่ื นคลาดเลอ่ื นลอย จงยึดทานเปน
หลกั ใจหลกั ปฏบิ ตั ติ ลอดไปทกุ ลมหายใจขาดดน้ิ อยา ปลอ ยวาง

แดนชัยชนะเม่ือมวลกเิ ลสหงายตงึ ลงไปแลว ไมตองถามหากรูเอง ดว ยสนั ทฏิ
ฐิกธรรมของผูปฏิบัติทุก ๆ รายไป พระองคมิไดผูกขาดแตผูเดียว ทรงมอบไวก บั นกั
ปฏบิ ตั ทิ กุ ทา นไดค รองทว่ั หนา กนั อยา งสงา งามในทา มกลางแหง โลก อนิจฺจํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺ
ตา เมอ่ื ขนั ธห มดความสบื ตอ แลว กค็ รองอนปุ าทเิ สสนพิ พานโดยสมบรู ณห ายหว ง

ธรรมคือธรรมชาติที่เกษมสมบูรณ ฝายเหตุเปนธรรมเหมาะสมกับการแกการ
ถอดถอนกเิ ลสทกุ ประเภท ไมมีกิเลสตัวใดเหนือธรรมนี้ไปไดเลย พระองคตรัสไวชอบ
ทกุ สง่ิ ทกุ อยา งทกุ แงท กุ มมุ แลว ในการแกก เิ ลสทกุ ประเภท ไมมีอะไรเหนือธรรมนี้
เฉพาะอยางยิ่งมัชฌิมาธรรม มีศีล สมาธิ ปญญาเปนตน ที่ยน ยอเขา มาแลว นี่คอื ธรรม
ฝายเหตุ อบุ ายวธิ กี ารทจ่ี ะฝก ฝนอบรมอยา งไร พระองคทรงสอนไวอยางพรอมมูล สว น
ธรรมฝา ยผลกเ็ ปน ไปตามลาํ ดบั ชน้ั จิตมีความมั่นคงไมแสสายเอนเอียงไปตามอารมณ
จิตมีความสงบรมเย็น มีความสม่ําเสมอคือจิตเปนสมาธิ จติ มคี วามแกลว กลา สามารถ
มคี วามฉลาดรรู อบตวั ในสง่ิ ทม่ี าสมั ผสั เกย่ี วขอ งทง้ั ภายนอกภายใน นี่คอื จิตเปน ปญ ญา
และมีความเฉลียวฉลาดมากขึ้น ละเอยี ดยง่ิ กวา นน้ั จนฉลาดรอบตวั แลว กถ็ งึ ความหลดุ

เขาสูแดนนิพพาน ๒๖

๒๗

พน เปนธรรมทั้งดวง คอื จิตเปนธรรม ธรรมเปนจิต เปน เอกภี าพ ไมมีคูแขงแยงชิงดัง
แตก อ น

สาํ หรบั ในความรสู กึ ของผมเอง จะผิดหรือถูกก็กรุณาพิจารณาเอาเอง แตเปน
ความแนใจวาศาสนธรรมทีเ่ ปนคาํ ส่ังสอนของพระพุทธเจานนั้ ทา นพดู ไวส ว นมากเปน
ฝายเหตุ แสดงใหฟ ง เรอ่ื งเหตคุ อื การดาํ เนนิ เพอ่ื แกห รอื ถอดถอนกเิ ลส หรอื เพอ่ื
บาํ เพญ็ ความดที ง้ั หลาย ผลคอื ความสขุ นี้เปนแตแนวทางเปนเครื่องชี้ทางเทานั้น

สวนธรรมอันแทจริงที่จะเกิดขึ้นจากการปฏิบัตินั้น จะใหช อ่ื ไมใ หช อ่ื กต็ าม นน้ั
เปนธรรมในหลักธรรมชาติ ธรรมนน้ั เราไมส ามารถอาจเออ้ื มเขา ถงึ ไดอ ยา งงา ย ๆ
ธรรมนแ้ี ลทว่ี า มอี ยกู บั โลกตลอดกาล สวนธรรมที่เปนพระโอวาท มีการเส่ือมสูญ
อนั ตรธานไปในบางกาลบางสมัย ดังพระพุทธเจาทั้งหลายมาตรัสรูสืบทอดกันมาโดย
ลาํ ดบั นก่ี แ็ สดงความไมแ นน อนของศาสนธรรมใหเ หน็ ชดั อยแู ลว จึงไมเหมือนธรรมใน
หลักธรรมชาติที่มีอยูเปนอยูดั้งเดิม ไมมี อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เขาไปยุงเกี่ยวใหธรรม
นั้นมีข้นึ และใหธ รรมน้นั สน้ิ ไป

อุบายที่พระพุทธเจามาประทานแกโลกแตละพระองค ๆ นน้ั ทา นเรยี กวา ศาสน
ธรรม อันนี้ไมใชธรรมแท เปน อบุ ายเปน แขนงตา ง ๆ เปนกิริยาอาการของธรรมแทที่
แสดงออกของวธิ กี ารทจ่ี ะละหรอื ทจ่ี ะบาํ เพญ็ คอื สอนใหล ะสอนใหบ าํ เพญ็ ดว ยวธิ กี าร
ตา ง ๆ และผลจะเปนอยา งน้ัน ๆ

สว นธรรมทเ่ี ปน ฝา ยผลจรงิ ๆ ในหลักธรรมชาติ เปนสิ่งจะรูขึ้นภายในใจของผู
ปฏิบัติโดยเฉพาะ ธรรมนั้นพูดไมคอยถูกตองตามเปนจริงนัก พอเลียบ ๆ เคยี ง ๆ ไป
เทา นัน้ ยิ่งเปนวิมุตติหลุดพนดวยแลวพูดไมถูกเลย เพราะพน จากสมมตุ คิ วามคาด
หมายไปหมดแลว พูดไมถูก แมจะรูอยูอยางเต็มใจก็พูดไมไดพูดไมถูก เหมือนพูดเรื่อง
ความเอร็ดอรอย ความอม่ิ จากการรบั ประทานนน่ั แล แมจะอยูในวงสมมุติพอจะพูดถูก
ตามความจริงได และตางคนตางลิ้มรส ตา งคนตา งอม่ิ มาดว ยกนั แตก พ็ ดู กนั ไมถ กู กบั
ความจรงิ นน้ั เลย

ธรรมที่พูดไมไดนั้นแหละคือธรรมแท ไมม คี าํ วา เสอ่ื มสญู อนั ตรธาน เปน แตโ ลก
ไมส ามารถอาจเออ้ื มรธู รรมนน้ั สัมผสั ธรรมนัน้ ไดเ ทา นั้นเอง สวนจะใหธรรมสูญไปนั้น
สูญไมได เมื่อประพฤติปฏิบัติตามอุบายวิธีที่พระพุทธเจาแตละพระองคประทานไว ก็
จะสามารถสัมผัสรับรูธรรมนั้นได ใจกับธรรมก็กลายเปนความรับทราบ กลายเปน
ภาชนะเปนเครื่องรับรองธรรมไดอยางถูกตองเหมาะสม และไมมีภาชนะใดที่จะเหมาะ
สมในการรบั ธรรมทกุ ขน้ั ไดย ง่ิ กวา ใจ เมื่อเขาถึงธรรมเต็มขีดเต็มแดนแลว ธรรมกับใจก็

เขาสูแดนนิพพาน ๒๗

๒๘

เปน อนั เดยี วกนั จิตเปนธรรม ธรรมเปนจิต เอกีภาโว มคี วามเปน อนั เดยี วเทา นน้ั ไม
แยกเปน สองกบั สง่ิ อน่ื ใด

ธรรมที่เปนเอกีภาพนี้ ขน้ึ อยกู บั การปฏบิ ตั ขิ องแตล ะราย ๆ จะสามารถอาจ
เอื้อมรูเห็นได ไมข น้ึ อยกู บั กาลสถานท่ี เวลาํ่ เวลาและสง่ิ ใดบคุ คลใดเลย สาํ คญั อยกู บั
การปฏบิ ตั ใิ หถ กู ตอ งเหมาะสมเทา นน้ั จะเปนเครื่องสนับสนุนใหจิตสัมผัสรับรูธรรม
เปนขั้น ๆ ไปจนถึงข้นั สูงสุด เราจึงควรตั้งใจและมีความมุงมั่นเปนหลักดําเนิน

อยา ลมื คาํ วา พุทฺธํ สรณํ คจฉฺ ามิ ดงั ทเ่ี คยกลา วมาแลว ธมมฺ ํ สรณํ คจฺฉามิ ก็
ไดเ คยอธบิ ายแลว สงฺฆํ สรณํ คจฉฺ ามิ อยา ลมื วธิ ดี าํ เนนิ ของทา น ทานเปน ผูไดรับความ
สมบกุ สมบนั แทบลม แทบตายมาแลว แทบทง้ั นน้ั กอนที่จะไดเปน สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
ของพวกเรา ไมใชเปนผูลางมือเปบ แตพ วกเราทาํ ดว ยความยงุ ยากปากหมองลาํ บากลาํ
บนแทบเปน แทบตายถา ยเดยี ว…..ไมใชอ ยา งน้นั ทา นลาํ บากลาํ บนเชน เดยี วกบั เรา
หรอื ยง่ิ กวา พวกเราเปน ไหน ๆ กอนที่จะไดเปน สงฺฆํ สรณํ คจฉฺ ามิ เพราะพระสาวกทั้ง
หลายทเ่ี ปน สงฺฆํ สรณํ คจฉฺ ามิ น้ี มีชาติชั้นวรรณะตางกัน บางองคก ม็ าจากสกลุ พระ
ราชามหากษตั ริย เจาขุนมูลนาย ซึ่งมีความเปนอยูละเอียดสุขุม มียศเปนกษัตริย ราช
อาํ มาตย และเปนเศรษฐีกุฎมพี ลงมาจนถงึ พอ นาตาสตี าสาคนธรรมดาเรา

เมอ่ื คนมชี าติชนั้ วรรณะตางกัน และเคยไดร บั ความสะดวกสบายทางบา นเมอื ง
เหยา เรอื นมาแลว เวลาออกมาปฏบิ ตั ิ ตอ งฝก หดั ดดั กายวาจาใจใหเ ปน แบบเดยี วกนั ท่ี
เรยี กวา “แบบศากยบตุ ร” ทําไมทานจะไมขัดของ ทําไมทานจะไมลําบาก การขบการฉนั
การรบั ประทานอยใู นบา นเปน อยา งหนง่ึ เวลาออกมาเปน พระแลว อาศยั ขอทานเขากนิ
แทนท่จี ะไดฉันส่งิ น้กี ไ็ ดฉ นั ส่ิงน้ัน แทนทจ่ี ะไดฉ นั รอ นกลบั ไดฉ นั เยน็ แทนที่จะไดฉัน
มากกลบั ไดฉ นั นอ ย ไมส มใจทต่ี อ งการ เหลา นจ้ี ะไมเ ปน ความลาํ บากไดอ ยา งไร.ตอ ง
ลาํ บาก ฉนั แลว สง่ิ สาํ คญั กค็ อื การฝก ฝนทรมานจติ ใจปราบกเิ ลส กิเลสเปนขาศึกเปนคู
ตอสูธรรมภายในใจอยางยิ่งเรื่อยมา ไมมีขาศึกใดที่จะมีกําลังวังชาและมีความเฉลียว
ฉลาดแยบยลยง่ิ กวา กเิ ลส ทเ่ี คยครองอาํ นาจบนหวั ใจสตั วโ ลกมานาน

เพราะฉะนั้น จึงตองผลิตสติปญญา ศรทั ธา ความเพียร ขน้ึ ใหพ อกบั การปราบ
ปรามกิเลส ไมเชนนั้นกจ็ ะบกพรองในการรบ ความบกพรองในการรบไมใชของดี ตอ ง
ทําใหบกพรองในผลที่จะพึงไดรับดวย การผลิตสติ ปญญา ศรทั ธา ความเพียร ขึ้นให
เหมาะสมกับการปราบกิเลสทุกประเภทโดยลําดับ ๆ จึงเปนทางแหงชัยชนะของผู
บําเพ็ญจะพึงไดรับอยางสมบูรณ เปน อสิ รเสรใี นวนั หนง่ึ แนน อน

บรรดาสาวกทง้ั หลายทา นกป็ ฏบิ ตั มิ าอยา งนแ้ี ทบทง้ั นน้ั จนกระทั่งถึงความหลุด
พน ทานหลุดพนจากทุกขไปไดเพราะความตะเกียกตะกาย แลว กก็ ลายมาเปน สรณํ

เขาสูแดนนิพพาน ๒๘

๒๙

คจฉฺ ามิ ของพวกเรา จึงอยาลืม สรณะ สงฺฆํ สรณํ คจฉฺ ามิ ไมใชผูลางมือเปบ แตเปน

ผูต ะเกียกตะกายมาแทบลม แทบตายเชน เดยี วกบั เรา ๆ ทาน ๆ นแ้ี ล ใหคิดและยึด

ทา นเปน ตวั อยา ง อยา เอาเรอ่ื งขห้ี มรู าขห้ี มาแหง กลางบา นกลางเมอื ง ซึ่งไมมีคุณคาไมมี

ราคาหาหลกั เกณฑไ มไ ดม าเปน หลกั ใจ จะกลายเปน คนเหลวไหลเหลวแหลกแหวกแนว

หาความดี หาความพนทุกข หาความสุขความเจรญิ หาหลกั หาเกณฑไ มเ จอตลอดวนั

ตาย เมอ่ื เปน เชน นน้ั ความเอบิ อม่ิ ในงานและผลของงานกไ็ มม ภี ายในใจ ฉะนน้ั จงพากนั

ตั้งหนาตั้งตาประพฤติปฏิบัติ

พระธรรมของพระพุทธเจานั้นใหมเอี่ยมอยูเสมอ อยา ลืมวา ใหมเอ่ียมเสมอ

มัชฌิมาปฏปิ ทาคอื ธรรมใหมเ อี่ยม ไมอ บั เฉา ไมเ กา แกค ราํ่ ครา ชราเหมอื นวตั ถตุ า ง ๆ

ท่เี ราใชมานาน มชั ฌมิ าคอื ทา มกลาง ธรรมเปนที่เหมาะสมแกการแกกิเลสทุกประเภท

อยตู ลอดมา สดุ ทา ยกเ็ ปน มชั ฌมิ าในหลกั ธรรมชาติ เพราะการแกก เิ ลสหลดุ พน ไปแลว

ภายในจติ กลายเปน จติ มชั ฌมิ าคอื เสมอตวั ภายในใจตลอดไป

อยา เอาใครมาเปน แบบเปน ฉบบั ยง่ิ กวา พระพทุ ธเจา พระธรรม พระสงฆ สว น

มากจิตมกั จะเอาสิ่งที่ต่ํามาเปน แบบฉบับ นั่นละจึงตองพูดวา อยา เอาใครมาเปน แบบ

ฉบบั นอกจากพระพทุ ธเจา พระธรรม พระสงฆ ครบู าอาจารยท ท่ี า นพาดาํ เนนิ มาดว ย

ความดคี วามชอบ ดว ยความเหมาะสม อนั เปน คตติ วั อยา งดอี ยแู ลว สาํ หรบั เราผมู งุ หนา

ไปศกึ ษากบั ทา น ทา นกเ็ อามาจากวธิ กี ารของพระพทุ ธเจา พระธรรม พระสงฆ เหมือน

กนั

หากเกดิ ความทอ ถอยออ นแอขน้ึ มา ใหรําพึงถึงปาชาความเกิดตายที่จะเผาเรา

อยตู ลอดไป วา นเ้ี ปน ของดแี ลว หรอื การตะเกียกตะกายเพื่อความเพียรนนั้ แมจะมี

ความทกุ ขย ากกเ็ ปน การตดั ทอนภพชาตใิ หน อ ยลง มากกวา นน้ั กต็ ดั ภพชาตอิ นั เปน กอง

ทกุ ขท ใ่ี หญห ลวงออกไดจ ากจติ ใจ ผานพนไปไดโดยอิสรเสรี ไมมีกิเลสประเภทตาง ๆ

แมละเอียดสุดเขาย่ํายีบังคับจิตใจนั้น ชอ่ื วา เปนผมู อี ิสระเหนอื โลกสงสารอนั เปน สมมตุ ิ

โดยประการทั้งปวง ดว ยอาํ นาจแหง ความพากเพยี ร ดว ยอาํ นาจแหง ความ

ตะเกยี กตะกาย เพราะฉะนั้น จงถอื ความพากเพยี ร ความตะเกียกตะกาย ความอตุ สา ห

พยายาม นเ้ี ปน หลกั ชยั หรอื หลกั ดาํ เนนิ เราจะถงึ ความพน ทกุ ขใ นวนั ใดวนั หนง่ึ แนน อน

ใครไมม อี าํ นาจมาบงั คบั หรอื ใหค ะแนนเรา เราเปนผูใหคะแนนเราเอง

เอาละอธบิ ายเพยี งเทา น้ี

<<สารบัญ

เขาสูแดนนิพพาน ๒๙

๓๐

เทศนอบรมพระ ณ วดั ปา บา นตาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๓๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑

บอยกลางเรือนของกิเลส

เพื่อความเปนพระพุทธเจาสั่งสอนโลก ทรงทุมเทเสียสละไมมีใครเสมอเหมือน
ไดเรื่อยมาจนถึงวาระสุดทายแหงความเปนพระโพธิสัตว คือพระเวสสันดร กด็ ูเอาตาม
ตํารา กระเทือนทั่วโลก การเสยี สละสมบตั อิ นั มคี ณุ คา มหาศาลทง้ั มวล ก็เพราะพระ
เมตตานั่นเองที่ทําใหเปนไป ไมใชอะไร คือทรงใหทานดวยพระเมตตา เวลาเสด็จออก
ทรงผนวชกท็ รงเสยี สละทกุ สง่ิ ทกุ อยา งเพอ่ื โพธญิ าณ แมม คี วามลาํ บากลาํ บนแสนสาหสั
ก็ไมทรงทอถอย จนไดตรัสรูธรรมเปนศาสดาสมพระทัยหมาย แลว นาํ ธรรมออกสง่ั สอน
โลก โดยไมมีโลกามิสเจือปนในพระทัยเลย พระทัยเต็มไปดวยพระเมตตาลวน ๆ ตอ
สัตวโลกทั้งมวล

พอตรสั รแู ลวกท็ รงเล็งญาณดูสัตวโลกวา ใครจะไดบ รรลธุ รรมกอ น ก็ทรงทราบ
วา ดาบสทง้ั สองคอื อาฬารดาบสและอทุ กดาบสรามบตุ ร ควรจะบรรลุธรรมกอนใคร ๆ
แตก็ทรงทราบวา ดาบสทง้ั สองสน้ิ ชวี ติ เสยี แลว ตง้ั แตว านนน้ี า เสยี ดาย ก็ทรงเห็นปญจ
วัคคียทั้งหาวาจะไดบรรลุธรรมวิเศษในไมชา

นั่นฟงซิ พระองคทรงเล็งหัวใจคน ไมไดเล็งหาเงินหาทอง หาขาวหาของ หา
ความเคารพนบั ถอื หาลาภสกั การเหมอื นอยา งทก่ี าํ ลงั เปน ไปอยทู กุ วนั น้ี มนั ผดิ กนั ไหม
โลกสมยั โนน กบั โลกปจ จบุ นั ศาสนาแตก อ นกบั ศาสนาสมยั ทกุ วนั น้ี ผูปฏิบัติศาสนาแต
กอ นกบั พวกเราปฏบิ ตั ศิ าสนาทกุ วนั น้ี ศาสนธรรมเปนธรรมจริง ๆ ผูทรงธรรมทรงและ
เทิดทูนธรรมไวจริง ๆ ปฏิบัติธรรมจริง ๆ เจตนาเปนธรรม หัวใจเปนธรรม เกย่ี วขอ ง
กับผูใดเปนธรรมทั้งนั้น ไมมีโลกเขาเจือปน ผปู ฏบิ ตั ธิ รรมแทแ ละธรรมแทเ ปน อยา งนน้ั
ทา นปฏบิ ตั กิ นั มาอยา งนน้ั ในตํารับตํารามี เวลาอา นสงั เกตดว ยดถี า อยากพบอยากเหน็
อยากไดของดีของจริง อยา สกั แตอ า น สกั แตป ฏบิ ตั เิ หมอื นนกขนุ ทอง “แกว เจา ขา” เฉย


เพราะฉะนั้น พระสาวกไปที่ไหนจงึ ทาํ ความรม เย็นใหแกโลกไดมากมาย ไมไป
รบกวนสง่ิ ใดกบั ใคร ๆ กวนเรอ่ื งโลกามสิ ทานไมไดกวน มแี ตค วามสงเคราะหโ ลกดว ย
ความเมตตา ไมไดกวนโลก การกอ การสรา งอะไรกไ็ มห รหู รา ไมมีโลกเขาเจือปน พอ
อยพู ออาศยั พอเปน พอไป ทา นบอกไวใ นเวลาบวชกบ็ อก วา รกุ ขฺ มลู เสนาสนํ แนะฟงซิ
ไมไ ดบ อกใหส รา งหอปราสาทราชมนเทยี รอยสู ะดวกสบาย แบบโลกเขาทาํ เขาอยกู นั
รกุ ขฺ มลู เสนาสนํ ก็คือการเที่ยวอยูตามรุกขมูลรมไม ตามปาตามเขา ตามถาํ้ เงื้อมผา

เขาสูแดนนิพพาน ๓๐

๓๑

อนั เปน ทส่ี ะดวกในการประกอบความเพยี ร เพอ่ื ถอดถอนกเิ ลสตวั ยแุ หยก อ กวนทาํ ลาย
ออกจากใจ เพื่อความเห็นโทษเห็นภัยของวัฏสงสาร การปฏิบัติธรรมทุกดานจะไดเขม
แขง็ ความเปน อยใู ชส อยในปจ จยั สก่ี พ็ อยงั ชวี ติ อตั ภาพใหเ ปน ไปวนั หนง่ึ ๆ กพ็ อกบั
ความจาํ เปน เพื่อการปฏิบัติธรรมดวยความสะดวกราบรื่นตามความมุงหมายเปน
สาํ คญั

การสง สาวกออกประกาศพระศาสนากเ็ พอ่ื ธรรมลว น ๆ เพอ่ื หวั ใจคนโดยแท ไม
ไดเ พอ่ื โลกามสิ ใด ๆ เราลองเทยี บดซู คิ รงั้ พทุ ธกาลกับสมยั ปจ จุบัน เพราะมแี บบแผน
ตาํ รบั ตาํ ราอยแู ลว ใคร ๆ กเ็ หน็ ไมน า สงสยั ทา นอยกู นั ยงั ไง ทา นปฏบิ ตั กิ นั ยงั ไงหวั ใจ
เปนธรรมหรือเปนกิเลสก็พอทราบได แมแ ตบ ณิ ฑบาตกย็ งั มใี นตาํ ราบอกเตอื นไวเ พอ่ื
เปนคติตวั อยางอันดแี กพวกเรา มีพระในครั้งพุทธกาลทานเคยปฏิบัติตอทานมาแลว
ขณะไปบณิ ฑบาตจติ คดิ ปรงุ แยบ็ ออกไปถงึ เรอ่ื งอาหาร วนั นี้จะไดอ าหารดี ๆ อะไรมา
ฉนั บา งนา พอรสู กึ อยา งนน้ั ทา นหยดุ ทนั ที ไมไ ปบณิ ฑบาตเลยวนั นน้ั ก็มันไปเพื่อพุงนี่
ไมไดไปเพื่อธรรม ทานเลยหยุด ไมไปใหกิเลสใหพุงมันไดใจ นม่ี ใี นตาํ ราในคมั ภรี  นน้ั
แลทา นดดั สนั ดานกเิ ลสตวั โลภในโลกามสิ เพราะความเปนเชนนั้นเปนเรื่องของกิเลส
การแกก เิ ลสทา นยอ มเหน็ สง่ิ เหลา นเ้ี ปน ภยั ทานถึงไดเปนสรณะของพวกเรา สงฺฆํ สรณํ
คจฺฉามิ ของพวกเรา จะเปนใครที่ไหน ความโลภมนั เปน สรณะใหโ ลกรม เยน็ ไดเ มอ่ื ไร
พอจะ สรณํ คจฉฺ ามิ กบั มนั

เราทั้งหลายแมแตเปนสรณะของตัวเองก็ยังไมได จะไปเปน สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
แกประชาชนญาติโยมไดยังไง เปนสรณะเจาของก็ยังไมได ชวยตัวเองก็ยังไมไดมันผิด
กนั ศาสนาคอ ยเปลย่ี นแปลงมา ๆ ทั้ง ๆ ทค่ี มั ภรี ใ บลานกย็ งั มอี ยู แบบแผนตาํ รบั ตาํ รา
มอี ยอู ยา งสมบรู ณ แตก ารปฏบิ ตั ขิ องผถู อื กเิ ลสํ สรณํ คจฉฺ ามิ มนั กเ็ ปน ขา ศกึ ตอ ธรรม
และตอตัวเองอยูโดยดี การแสดงออกทางกายทางวาจาทางใจ กเ็ ปน ขา ศกึ แกต วั แก
ธรรมและแกมรรคผลนิพพาน เปน การเขา ฝา ยกเิ ลสอยเู สมอ จะเอามรรคผลนิพพานมา
จากไหน กิเลสไมเคยใหคนไดบรรลุมรรคผลนิพพาน นอกจากธรรมเครอ่ื งฆา กเิ ลส มี
ศลี สมาธิ ปญ ญา เปนตน เทา น้ัน ที่จะผลิตมรรคผลนิพพานแกผูปฏิบัติตาม ไมได
สําเร็จดวยการอนุโลมผอนผัน อนั เปน การคลอ ยตามกเิ ลสหรอื สง เสรมิ กเิ ลสทง้ั หลาย
แตอ ยา งใด ผูปฏิบัติธรรมจึงไมควรสนิทติดจมกับนิสัยเดิม อันเปน พื้นเพของกเิ ลสปู
ลาดเอาไว

ผปู ฏบิ ตั อิ ยา มองไปอน่ื ใหม อง พุทฺธํ ธมมฺ ํ สงฺฆํ สรณํ คจฉฺ ามิ เปน หลกั สาํ คญั
ความพง่ึ เปน พง่ึ ตายกบั ทา นภายในจติ ใจกพ็ ง่ึ อยแู ลว ความพง่ึ เปน พง่ึ ตายกบั ทา นดว ย

เขาสูแดนนิพพาน ๓๑

๓๒

ขอ ปฏิบตั ิท่ีทานชแ้ี จงแสดงไว ที่ทานพาปฏิบัติดําเนินมา จงยดึ ธรรมเหลา นน้ั เปน หลกั
ใจหลกั การปฏบิ ตั ิ อยา ปลอ ยมอื รามอื

โลกกอ็ ยา งทร่ี ทู เ่ี หน็ นแ้ี หละ เพราะเราแตละรายเปนโลกดวยกัน คอื โลกดว ยกนั
ใครจะเสกสรรปน ยอวา ดอี ยา งไรขนาดไหน กอ็ ยา งทร่ี ู ๆ เห็น ๆ นแ่ี หละ ไปตื่นอะไร
กนั คนนน้ั เปน น้ัน คนนเ้ี ปน น้ี กว็ า ไปอยา งนน้ั แล ใจคนปากคนเรามนั ชอบยอ ไดก นิ
แตล มกเ็ อา เขายกยองสรรเสริญวาเปนนั้นเปนนี้ ดอี ยา งนน้ั ดอี ยา งน้ี โฮย ผึ่งผาย สงา
ผาเผยราวกับจะเหาะจะบิน รางกายธรรมดาก็ปรากฏขยายตัวใหญโต หนา กส็ ห่ี นา หา
หนา ราวกบั ทา วมหาพรหมในเทวโลก พอตกอบั เปลย่ี นแปลงไปตามกฎ อนิจฺจํ ไมมีผู
นบั ถอื ไมมีใครเหลียวแล เอาแลว ทน่ี ่ี เกิดความโศกเศราเหงาหงอย เพราะคิดวาไมมี
ใครนบั ถอื ชหู นา ชตู าเหมอื นแตก อ นทเ่ี รอื งอาํ นาจวาสนา คดิ กอบโกยหาแตท กุ ขม าใส
ตวั บางกรณกี นิ ไมไ ดน อนไมห ลบั สลบั กนั ไปกบั โรคประสาท นน่ั พจิ ารณาซโิ ลกมนั เปน
อยา งนน้ั ฟขู น้ึ แลว กฟ็ บุ ลง ๆ อยอู ยา งนน้ั ทานจึงเรียกโลกธรรม หาความจริงจังแน
นอนกบั มนั ไมไ ด

โลกธรรมจะเปนอะไร ก็เปน เร่อื งของกิเลสนัน่ แล ผจู ะรโู ลกธรรมแกโ ลกธรรม
ไดก็ตองเปนผูเรียนธรรม ปฏิบัติธรรม ดังพระพุทธเจาแลสาวกเปนตัวอยาง ทานอยู
เหนอื โลกธรรมแลว แสนสบายหายวนุ พวกเรามันพวกเทิดทูนโลกธรรมไวบนศีรษะ จึง
พากนั แบกแตโ ลกธรรมหนกั อง้ึ ตลอดไป ไมมีเวลาสรางซาลงบางเลย

ฉะนน้ั จงยึด พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ เสมอ อยาไปมองอะไร อยา ไปตน่ื เตน กบั โลก
สงสารใหเ สยี การ เสยี เวลาและเสยี คนคอื เรา ใครจะอยูโ ลกใดทวปี ใดกต็ าม ความมั่งมี
ศรีสุขขนาดไหน เรยี นมามากนอ ย โงหรือฉลาดแหลมคมเพียงไร ถา ยงั อยใู ตอ าํ นาจ
ของกเิ ลสอยแู ลว สิ่งที่กลาวมาทั้งมวลถูกกิเลสเอาเปนเครื่องมือเครื่องใช เปน บอ ยกลาง
เรอื นอยา งคลอ งตวั นน้ั แล แลว จะหาความสขุ ทไ่ี หน ดใู นหนังสือพิมพนัน่ ซิ มนั นา ดไู หม
ละ เราดดู วยความคิดความพิจารณาไมล าํ เอียง ดหู าความจรงิ พิจารณาตามความจริง
และพูดตามเหตุการณที่เปนไป

ดเู ขาถา ยภาพในหนงั สอื พมิ พ ไมไ ดด แู บบโลก ๆ ดูเปนแบบธรรม ถึงจะดู
หนงั สอื พมิ พก ไ็ มเ ปน แบบโลก จติ หากเปน ของมนั เอง มีแงของมันจนได อา นไป
พิจารณาไป อานไปตรงไหนพิจารณาไปตาม เรื่องความเปนอยูของโลก ความวนุ วาย
ของโลก ความเปลี่ยนแปลงของโลก มันเปลี่ยนแปลงไปทางไหน มันวุน วายไปยังไง มัน
จะมีสาเหตุนํามาซึ่งความสุขหรือความทุกข ความมหี ลกั เกณฑห รอื ความเหลวไหลไร
สาระ ความแนน หนามน่ั คงหรอื ความลม ละลาย

เขาสูแดนนิพพาน ๓๒

๓๓

เวลาชมุ นมุ กถ็ า ยภาพมอื ถอื แกว แกว อะไรกไ็ มร แู หละ แกว เบยี ร แกว นาํ้ ชาหรอื
แกว เหลา อะไรกไ็ มร แู หละ ตา งคนตา งถอื แลว ยม้ิ แตทําทา นา รนื่ เรงิ เหมอื นมีความสุข
มาก ความจริงมันเปนเพียงกิริยาประดับหนารานเทานั้น เรอื่ งของโลกยอมมมี ายาแฝง
เสมอ ไมงั้นก็ไมเรียกวาโลก ภายในหวั ใจนน้ั ไมม คี วามสขุ เพยี งยม้ิ ออกมาแหง ๆ อยา ง
นน้ั แล แตม นั เปน ไฟไหมก องแกลบซง่ึ ตา งกร็ อ นสมุ อยใู นสว นลกึ ของหวั ใจ เพราะเหตุ
รอยแปดพรรณนาไมจบสิ้น การแสดงออกตอสังคมจึงมีทีทาราเริงประดับสังคมใหสวย
งาม เพราะการรองไหสังคมถือกัน

มนั ไมม ีใครไดความสขุ ชมุ เยน็ ภายในใจหรอกในโลกแหง ราคคฺคินา โทสคฺคิ
นา โมหคฺคินา หนาแนน น้ี อยา ไปสงสยั วา โลกจะมคี วามสขุ อนั ภูมิฐานดงั ที่ประมาณกนั
ใหค ะแนนกนั นิยมกัน ความจริงมนั เปนความฝนในมโนภาพมากกวาจะเปน ความจริง
อยา เขา ใจวา โลกคอื หมสู ตั ว มคี วามสุขเพราะโลภมาก เพราะราคะตัณหามาก เพราะเจา
อารมณม าก เพราะเลหเหลี่ยมมาก เพราะคดโกงมาก เพราะความเอารัดเอาเปรียบ
เพื่อนมนุษยมาก เพราะกอบโกยมาก เพราะอํานาจมาก เพราะคนนบั ถอื มาก เพราะมี
สมบัติเงินทองมาก แตความสุขเกิดมีเพราะการปฏิบัติตอตัวเองดวยธรรม รูจัก
ประมาณในสิ่งที่เกี่ยวกับตน ความมีธรรม ความรูธรรม เห็นธรรม แกส ง่ิ ทเ่ี ปน ขา ศกึ อยู
ภายในจติ ใจออก นแ้ี ลบอ แหง ความสขุ อยทู น่ี ่ี บอ แหง ความอบอนุ อยทู น่ี ่ี ความมหี ลกั
เกณฑอยทู ่นี ่ี บอ แหง ความไวว างใจอยทู น่ี ่ี บอ ปลดปลอ ยภาระทง้ั หลายกอ็ ยทู น่ี ่ี

จงทํางานของเราดวยธรรมใหสําเร็จ จะอยเู ปน สขุ ไปเปนสุข แมต ายกเ็ ปน สขุ
เพราะธรรมอยูที่ใจ สุขจึงอยูที่ใจ มไิ ดอ ยทู อ่ี น่ื และสง่ิ อน่ื สิ่งเหลานั้นเพียงอาศัยไปเปน
วนั ๆ เทานั้น อยา หลงอยา ภมู ใิ จ จะเสยี หลกั และเสยี ทา เวลาตายจะไมมีอะไรติดตัว
โลกคอื ความลกึ ลบั ในหวั ใจ รูไดยาก ปฏบิ ตั ติ อ มนั ยาก สว นมากมกั เสยี ทา เสยี ทใี หม นั
จึงเตือนไว ผใู ชค วามคดิ อาจไดส ารคณุ ตดิ ตวั ผูมัวเมาจะเสียทาตั้งแตยังไมตาย ฉะนน้ั
จงตรวจดคู วามบกพรอ งของตวั เสยี แตบ ดั น้ี ตายแลว มใิ ชฐ านะ อยา มวั ตน่ื ยศแหง ความ
เปนมนุษยอยูจะเสียการณ มารจะผจญ

นกั บวชและนกั ปฏบิ ตั จิ งรบี ทาํ งานของตนใหส าํ เรจ็ ในกาลอนั ควร งานคือ เกสา
โลมา นขา ทันตา ตโจ ตโจ ทันตา นขา โลมา เกสา นั่น นท่ี า นสอนเพยี งเอกเทศให
เอานี้เปนเคามูล แลว กระจายออกไปเปน เหมอื นแกก ระทู กระทกู แ็ ปลวา มดั คือมัดเขา
ไวเ ปน กลมุ ๆ เปนมัด ๆ แลว กค็ ลค่ี ลายออกไป กรรมฐานหา มอี ยทู ไ่ี หน มอี ยใู นกาย
กระจายออกไปจนกระทง่ั อาการ ๓๒ กระจายออกใหร แู จงเหน็ จรงิ ในอาการ ๓๒
กระจายออกไปและเทยี บเคยี งกนั ทว่ั โลกทว่ั สงสาร ไมว า ผหู ญงิ ผูชาย สัตวบคุ คลทว่ั

เขาสูแดนนิพพาน ๓๓

๓๔

โลก มันเหมือน ๆ กนั น้ี ไมมีอะไรผิดแปลกพอจะใหตื่นใหหลงใหยึด นแ่ี ลงานการรอ้ื
ภพรอ้ื ชาตริ อ้ื วฏั สงสารออกจากใจ รอ้ื กเิ ลสตณั หาออกจากใจ คอื งานนเ้ี อง

สถานทเ่ี ปน ทเ่ี หมาะสม พระองคก็ทรงแสดงไวหมดแลว รกุ ขฺ มลู เสนาสนํ ตาม
ปา ตามเขา ตามถาํ้ เงื้อมผา ทใ่ี ดเหมาะสมกบั การประกอบงานนท้ี า นกบ็ อกไวห มด
สถานทว่ี เิ วกสงดั เชน ในปา คือสถานท่เี หมาะสมสาํ หรับงานประเภทนี้ งานประเภทนี้
เหมาะในสถานทเ่ี ชน นน้ั มิไดเหมาะในตลาด สนามหลวง ทช่ี มุ นมุ ชนคนหนาแนน
อาหารหวานคาวหนาแนน กระดกู หมกู ระดกู ววั หนาแนน ใครตองการแมลงวนั ไป ใคร
ตองการธรรมความพนทุกข อยา ไปถา ไมอ ยากจมนะ

การขบการฉนั กไ็ มพ ะรงุ พะรงั ไมพร่ํา ๆ เพรื่อ ๆ เพราะจะเปนการกังวลกับ
เรอ่ื งการอยกู ารกนิ การภาวนาจะมนี อ ยหรอื ลม เหลวไป ฉันเสยี มอื้ เดียวเทานน้ั นพ่ี น้ื
เพดั้งเดิมจริง ๆ ทา นฉนั มอ้ื เดยี ว นอกจากนน้ั กม็ ดี ม่ื ขา วยาคบู า งถา มี แตไมถือเปน
ความจาํ เปน ยาคกู แ็ ปลวา ขา วตม นน่ั เอง ดม่ื นาํ้ ขา วตม กอ นบณิ ฑบาตได ทา นเพยี งบอก
วา ไดเทานั้นเองในตาํ รามี แตพวกเรานะ ซิ ฟาดกนั ไมมีอดั มีอนั้ ฟาดตอนเชา ตอนเพล
ดีไมดีฟาดตอนค่ําดวยใครจะไปรู เมอ่ื กเิ ลสตณั หาเตม็ หวั ใจลน หวั ใจแลว อาจขยนั กนิ ได
ทกุ เวลา เพราะกิเลสมันเกงทางนี้ แตถา ทางธรรมกเิ ลสไมเลน ดวย กิเลสมันจะไวห นา
ใครละ ไมเ คยเหน็ กเิ ลสไวห นา ใคร ทา นจงึ สอนใหล ะใหป ลอ ยมนั ก็เพราะไมใชของดีมี
คา นน่ั เอง แตพวกเรามันรักมนั สงวนมากไมอ ยากแตะตอ งมนั ขนื แตะตอ งกเ็ ทา กบั
ศีรษะขาดไปดวย

ทา นสอนไวห มด ไมใหสั่งสม ใหเ หมอื นกบั นก มแี ตป ก กบั หาง คลอ งแคลว ๆ
ไมพะรุงพะรังหวงหนาหวงหลัง การอยกู ารกนิ โลกเขาอยูไดก นิ ไดยังไง เรากเ็ ปนคน ๆ
หนง่ึ เขาเปนคน ๆ หนง่ึ เขากินได เรากก็ ินได การสมมตุ นิ ยิ มวา อาหารนน้ั ดี อาหารน้ี
ไมดี วา ไปอยา งนน้ั แหละ เรื่องธรรมแลวกินไดหมดถาไมผิดจากพระวินัยและธาตุขันธ
โรคภัย ทา นสอนใหเ ลย้ี งตวั งา ย ๆ เพอื่ ไมใหกงั วล วาเราเปนคนชั้นไหน คนชน้ั สงู ชน้ั
ตาํ่ คนสกลุ นน้ั สกลุ น้ี คนเมืองนัน้ เมอื งนีซ้ ง่ึ ตามหลักธรรมไมใ หมี มีแตน กั บวชอาศยั ขอ
ทานเขากนิ เขาใหอะไรมาก็กินตามเกิดตามมีไมทะเยอทะยาน ถา ไมผ ดิ กบั โรคกบั ภยั
ไมข ดั กบั ธาตกุ บั ขนั ธก บั พระวนิ ยั กก็ นิ ไป พอยังชวี ิตใหเปน ไปในวันหน่ึง ๆ เพอ่ื ความ
เพียรเทานั้น ทําความเพียรไมลดละ ไมถ อยหลงั ไมใ หง านอน่ื ใดมายงุ มีแตงานความ
เพียรอยางเดียว

พยายามสังเกตดูจิต จิตคิดอะไร เรอ่ื งราวทง้ั หลายทเ่ี ปน อารมณอ ยใู นจติ จิต
เปนผูผลิตขึ้นมาปรุงขึ้นมาใหพากันเขาใจ นไ่ี มอ วด เขาใจจริง ๆ เพราะไดเคยฟดกนั
มาแลว แทบไปแทบอยู แทบจะไมไ ดม าเหน็ หนา เพอ่ื นฝงู เวลาเขา สแู นวรบบนเวที

เขาสูแดนนิพพาน ๓๔

๓๕

อารมณน น้ั ไมใ ชอ ะไรนะ เรอ่ื งอารมณข องตัวเองน่ันแหละ จติ หลงอยกู บั อารมณข องตวั
เอง คอื จติ มนั ออกไปวาดภาพเรอ่ื งนน้ั ภาพเรอ่ื งนอ้ี ยตู ลอดเวลา ใหคิดเรื่องนั้นคิดเรื่อง
นี้เพราะจติ อยกู บั เรอื่ ง ถา ไมม สี ตปิ ญ ญาคอยสกดั ลดั กน้ั แลว มันจะคิดติดตอเกี่ยวเนื่อง
กนั ไปเปน ลูกโซโดยลําดบั ๆ ทานเรียกวาธรรมารมณ ทําเราใหหลงเพลินและเศราโศรก
ไปกบั เรอ่ื งกบั ราวของตวั ทว่ี าดขน้ึ มานน่ั แล

พอเวลาจิตสงบ เร่ืองเหลา นี้กไ็ มมี หายเงยี บ กบั เวลาทเ่ี ราทาํ หนา ทภ่ี าวนาของ
เรา จะพจิ ารณาอาการใดธรรมบทใดแงใ ดกต็ าม เราพิจารณาดวยความสนใจ อารมณ
ภายนอกจะไมเ กย่ี วขอ ง เพราะจิตไมออกไปเกี่ยวของ จิตไมปรุงเปนเรื่องภายนอกเขา
มาทําลายจิตใจ จติ ทาํ หนา ทเ่ี พอ่ื ถอดเพอ่ื ถอน ไมไดทําหนาที่เพื่อสั่งสมกิเลสโดยการ
คิดไปตามอารมณตาง ๆ ที่เรียกวาธรรมารมณ จิตก็สงบ เรียนอยางนั้นแหละเรียนวิชา
เรื่องจิต

ทีแรกกิเลสมันรวดเร็วเราไมทันมันแหละ เอะอะมันคิดไปแลว ๆ เมื่อเรียนเขา
ไปปฏิบัติเขาไป จิตละเอียดเขาไป สตปิ ญ ญาก็มีความแหลมคมขนึ้ คลอ งแคลว แกลว
กลา ขน้ึ โดยลาํ ดบั ทนี ก้ี ท็ นั กนั แยบ็ ออกไปเร่อื งอะไรกร็ ู นี้จิตคดิ ปรุงออกไปแลว พอ
ปรุงพับสติรูทัน มันก็ดับ ก็ไมมีเรื่องตอ จะปรุงเรื่องหญิงเรื่องชาย เรื่องดีเรื่องชั่ว เรื่อง
อดตี อนาคตอะไร กผ็ นู เ้ี ปน ผปู รงุ วาดภาพเรอ่ื งราวขน้ึ หลอกเจา ของ เหมือนกับเขาดู
หนงั ในจอผา นแ่ี หละ ในจอในแจน่นั เงาเฉย ๆ กเ็ ปน บา กนั ไปได กเ็ งา ๆ หลงหาอะไร
ตวั จรงิ มนั อยทู วปี ไหน ไปอยโู ลกไหนกไ็ มท ราบ มแี ตเ งาปรากฏในจอผา กต็ น่ื กนั พวก
เรามันพวกบาตื่นเงาไมมีเบื่อ นก้ี เ็ หมอื นกนั อารมณน ่ี เงาของจิต พจิ ารณาใหท นั มัน
อยา งนน้ั ซิ ทันขนาดที่วามันปรุงขึ้นแย็บเรื่องอะไร มันก็ดับเพราะสติทันมันก็รู ปรุงพับ
กด็ บั พรอ ม ๆ เมื่อไมปรุงก็รูอยูดวยสติ

พอพดู ถงึ เรอ่ื งนก้ี ท็ าํ ใหค ดิ ถงึ เวลาอยใู นปา เขา ตอนจติ เสอ่ื มกบั ตอนจติ เปน
สมาธกิ ต็ อ งอาศยั หลกั จติ บงั คบั จติ ไมใ หอ อกจากตวั เอง ใหร อู ยกู บั จติ กบั ตวั โดยเฉพาะ
อยางเขมงวดกวดขัน ไมงั้นมันจะวาดภาพเสือ วาดภาพอนั ตรายขน้ึ มาใหเ รากลวั เพราะ
ไปอยใู นสถานทก่ี ลวั ดว ย ในสถานทม่ี เี สอื จรงิ ๆ ดว ย ตอ งบงั คบั จติ ไมใ หส ง ออกไปภาย
นอกเลย ใหร อู ยกู บั ใจน้ี เปน กบั ตายกม็ อบอยกู บั น้ี จนกระทง่ั มนั มคี วามอาจหาญชาญ
ชยั ในที่สุดเสือจะเดินมาตอหนาตอตา มนั จะเดนิ เขา ไปลบู คลาํ หลงั เสอื ไดอ ยา งสบาย
เลยนะ ตามความรสู กึ มนั แนใ นใจยงั งน้ั ไมคิดวาเสือจะทําอะไรไดเลย นอ่ี าจเปน ความ
สําคัญผิดของตัวก็ได แตจ ะสาํ คญั ผดิ หรอื สาํ คญั ถกู กต็ าม เมอ่ื จติ ไดก ลา ถงึ ขนาดนน้ั
แลว มันเดินเขาไปลูบคลําหลังเสือไดจริง ๆ ดว ยจติ ใจออ นโยนเมตตาสงสาร ไมสะทก
สะทา นในเรอ่ื งวา จะกลวั ความกลวั กไ็ มม ี

เขาสูแดนนิพพาน ๓๕

๓๖

จติ มนั มกี าํ ลงั มากเวลานน้ั เพราะไมใหมันออกนอก กาํ หนดเขา เรอ่ื ย ๆ มันก็มี
กาํ ลงั จนแนน ปง เลย ขน้ึ ชอ่ื วา อนั ตรายอะไรกม็ าเถอะ วา อยา งนน้ั เลยนะ มันอาจหาญ
ขนาดนน้ั เสอื กม็ า ชางก็มา ไมห นวี า อยา งนน้ั เลยนะ คอื มนั เปนความอาจหาญของมนั
จริง ซึ่งเราก็ไมเคยเปนมากอน มาเปน เอาตอนฝก ดดั สนั ดานในขณะกลวั นน่ั แล ไมค ดิ
วา เสือหรอื ชางเปน ตน จะมาทําลายเราไดเลย จะเดนิ เขา ไปหามนั ไดอ ยา งสบาย แมมัน
จะทําเรา ฆา เราใหต ายในขณะนน้ั กร็ สู กึ วา จะตายไปดว ยความอาจหาญนน่ั เอง ใหต าย
ดวยความกลัวนี่คงเปนไปไมได เพราะเวลานัน้ จิตมนั มกี ําลังมาก นเ่ี ปน วธิ หี นง่ึ แหง การ
ระงบั ดบั ความกลวั แหง การระงบั ความฟงุ ซา น ความกอ กวนตวั เองดว ยอารมณต า ง ๆ
ระงบั กนั อยา งน้ี

ทง้ั นต้ี ามแตอ บุ ายแยบคายของแตล ะรายจะผลติ ขน้ึ มาใช เปลื้องตัวจากความจน
ตรอกในเวลานน้ั ๆ เพราะธรรมหรอื สตปิ ญญาไมส ้นิ สดุ อยูก ับผูใด สามารถทาํ ใหเ กดิ
ใหมีในแงต าง ๆ ไดดวยกัน ถา ไมข เ้ี กยี จคอยขน้ึ เขยี งใหก เิ ลสสบั ยาํ เสยี อยา งเดยี ว สว น
มากพระเรามักมีแตพระขึ้นเขียง สวรรคนิพพานทางมีไมยอมเดินไมยอมขึ้น คงคิดวา
ไปแลว ขน้ึ แลว ไมถ กู สบั ถกู ยาํ ไมส นกุ กเ็ ปน ได

พอกา วเขา สปู ญ ญาเกย่ี วกบั การระงบั ความกลวั เปน อกี แบบหนง่ึ เพราะปญญา
กบั สมาธนิ น้ั ผดิ กนั ในคน ๆ เดยี วกนั นน่ั แหละ เราเองเคยปฏิบตั มิ าอยางน้นั ไมมีใคร
บอกมนั หากรวู ธิ ปี ฏบิ ตั ติ อ ตวั เอง เชน เมอ่ื จติ อยใู นขน้ั สมาธิ กเ็ อาสมาธเิ ขา บงั คบั จติ ให
สงบจากความกลวั ไมใ หส ง ไปหาอารมณท ก่ี ลวั วา เสอื วา ชา งวา งวู า อะไรวา อนั ตรายตา ง
ๆ ก็ไมมีเรอื่ งกวนตวั เอง เพราะจิตไมออกไปวาดภาพหลอก พอจติ กา วเขา วปิ ส สนา พอ
จติ ปรงุ แยบ็ เรอ่ื งเสอื มนั กร็ ทู นั แลว นน่ี ะ เพียงแย็บปรุงถึงภาพเสือ สติปญ ญาก็ทนั แลว
วานี่มันปรุงภาพเสือ เอา แมจะทันก็ใหมันปรุง ใหเ ปน เสอื เขา มาแลว แยกธาตเุ สอื ทว่ี า
แยกธาตุเสือเพราะอะไร เพราะเราดาํ เนนิ ปญ ญาในการคลค่ี ลายแยกแยะอยแู ลว น่ี จะ
เอามาใชร ะงบั แบบสมาธมิ นั ไมเ หน็ ดว ย จิตมันไมถนัด ถนดั ในการแยก เอา เสือหรือ
กลวั มนั อะไร กลัวตรงไหน

คอื ตง้ั เปน ภาพเสอื ใหม นั เหน็ อยอู ยา งนน้ั แล ไมใหมันดับ เพราะเรารูอยูแลววา
ภาพของเราออกไปหลอกเจา ของน่ี เอาตง้ั ไวภ าพน้ี เอา กลวั อะไร สติปญญามันทัน
ความเคลอ่ื นไหวของจติ มนั ทนั เองนะ เมอ่ื มนั แกกลา เขา ไปมันทนั เองอยางน้ี นี่คือ
ความจริงที่พูดใหหมูเพื่อนฟง นว้ี ธิ กี ารฝก จติ ตวั เอง เมื่อมนั รวดเร็วแลว มนั ทนั ภาพ
ปรุงขึ้นเรื่องอะไรปบ มนั รวู า นแ้ี ยบ็ ออกไปแสดงทนั ที พอรูพับดับพรอม อันนี้เรายังไม
ใหด บั เราจะแยกมัน เพราะเปนอุบายของปญญาและเปนเครื่องหนุนจิตใจใหละเอียด
เขาไปอีก

เขาสูแดนนิพพาน ๓๖

๓๗

พอแยกธาตกุ าํ หนดดเู สอื กลวั อะไรมนั เอา ไลเบี้ยกันไป กลวั ตามนั รึ ตาเราก็มี
ไมเ หน็ กลวั นน่ั มนั แกก นั กลวั เลบ็ มนั รึ เล็บเรากม็ ีไมเห็นกลัว กลวั ขนมนั รึ ขนเราก็มีไม
เหน็ กลวั ถา กลวั ขนมนั กก็ ลวั ขนเราซิ ขนเราขนมนั ธาตอุ นั เดยี วกนั กลัวเขี้ยวมันรึ เขี้ยว
เราก็มี กลวั อะไร ไลหากันจนไมมีทางไป กระทั่งถึงหาง บทเวลาไลถ งึ หางนกึ วา มนั จะ
จนมนั กไ็ มจ นนะ ความจริงก็เราไมมีหางนี่ กลวั หางมนั เหรอ แมแตตัวมันเองยังไมกลัว
แลวเราจะไปกลัวหางมันหาประโยชนอะไร แนะ มนั แกก นั ทนั นะ

ตอ จากนน้ั กก็ าํ หนดทาํ ลายใหแ ตกกระจายละทน่ี ่ี การกาํ หนด ปญญามันรวดเร็ว
น่ี กาํ หนดใหแ ตกกระจายไปหมด อนั นน้ั กแ็ ตกกระจายลงไปถงึ ความเปน ธาตตุ า ง ๆ
ความปรุงของจิตออกไปก็รู คอื กาํ หนดไวเ มอ่ื เวลามนั ปรงุ ออกไปเปน ภาพเสอื ใหม นั
เปน ภาพเสอื เสยี กอ น จนพจิ ารณาไลไ ปทลี ะอาการ ๆ อยา งนน้ั แลว ทนี ก้ี าํ หนดใหม นั
กระจายไปเลย การกําหนดกระจายนี่ จิตก็แย็บปรุงเพราะเปนภาพของจิตเองนี่ สติ
ปญ ญามันทันเอง มนั ทาํ ลายกนั เอง โดยสมมุติวาเสือ เพราะสถานทเ่ี หลานัน้ มันมีเสอื
มนั กลวั เสอื กาํ หนดภาพเสอื ใหม นั ดเู สยี กอ น กําหนดกระจายลงไปมันก็หมด พอปรุง
ขึ้นพับภาพอะไรมันก็ดับไปพรอม ๆ ทนี ก้ี จ็ ะกลวั อะไร เพราะไมมีอะไรหลอกนี่ เปน
ภาพของตวั เองไปหลอกตวั เองตา งหาก

ไมว า เสอื วา ชา งวา งวู า อะไร เวลาเจอจริง ๆ มนั กเ็ ปน ธรรมชาตอิ นั หนง่ึ เราก็เปน
ธรรมชาตอิ ันหนง่ึ แนะ มันคิดไปอยางนั้นเสีย นน่ั กธ็ าตุ นก่ี ธ็ าตุ มนั พจิ ารณาไปอยา ง
นน้ั เสยี จิตมันพลิกตามอุบายปญญาไปเสีย ไมพ ลกิ ไปทางใหก ลวั มนั กไ็ มก ลวั จน
กระทั่งจิตวางไปหมด เม่ือมนั วางไปหมด อะไรแยบ็ ขน้ึ มามนั กเ็ หมอื นแสงหง่ิ หอ ย มัน
เปนของมันเอง แยบ็ ขน้ึ มาดบั พรอ ม ๆ มแี ตค วามวา งไปหมดแลว จะกลวั อะไร มีแตจิต
มนั ครอบรา งกายน้ี ทาํ ใหว า งไปหมดและครอบโลกธาตเุ สยี ดว ย แลว จะกลวั อะไร อบุ าย
วธิ รี ะงบั จติ เปน อยา งนน้ั ระงบั ความกลวั มันไมกลัว ตอ งใชอ บุ ายวธิ ตี ามขน้ั ของจติ ของ
สมาธแิ ละปญ ญา

สตปิ ญ ญาใหน าํ ออกใช อยา นง่ั เฝา อยเู ฉย ๆ คอยใหเ กิดปญญา ไมเกิดนะ อยา
วา ไมบ อก บอกมาหลายครง้ั หลายหนแลว สมาธิแคไหนปญญาก็จะตองใชไปตามขั้นภูมิ
กาํ หนดพจิ ารณาหาอบุ าย คนหาอุบายคิดพินจิ พจิ ารณาจนเกดิ ปญญาขึ้นมาเอง พอเกิด
ขน้ึ มาแลว กท็ าํ ใหเ ขา ใจ ๆ ทนี ก้ี เ็ หน็ คณุ คา ของปญ ญา จากน้ันก็เดินปญญาเรอ่ื ย ๆ ไป
ตามแตกรณี

ปญญาเปนเครื่องแกกิเลส สมาธเิ เตเ พยี งไลก เิ ลสเขา มารวมตวั ใหใ จสงบ ไมยุง
เหยงิ วนุ วายหรอื ไมฟ งุ ซา น จิตรวมตัว ปญญาเปนผูคลี่คลายเพื่อเหตุเพื่อผลในการแก
กเิ ลส เหตุผลพรอมที่ตรงไหนกิเลสหลุดลอยไปเรื่อย ๆ ใจกเ็ กดิ ความสะดวกสบาย

เขาสูแดนนิพพาน ๓๗

๓๘

เห็นคณุ คา ของปญญา สติปญญาเริ่มหมุนตัวเรื่อย ๆ ความเพยี รกก็ ลา แขง็ ถา ลงความ
เพยี รออกกา วเดนิ แลว ความขเ้ี กียจขี้ครานหายหนา ไปหมด ไปอยูไหนอยไู ดท้ังน้นั ไมว า
จะอยใู นปา ในเขา ไมว า อยสู ถานทเ่ี ชน ไร นา กลวั ไมน ากลวั จิตไมไปสําคัญ ไมส นใจเลย
สนใจแตก เิ ลสตวั ยงุ กวนนเ่ี ทา นน้ั

กลวั กค็ อื กเิ ลสเปน ผพู าใหก ลวั เปน ผหู ลอกใหก ลวั นน่ั เอง มันไมไดวาเสือเปน
สตั วน า กลวั เสอื เปน อนั ตรายนะ กเิ ลสตา งหากเปน สง่ิ นา กลวั พาใหก ลวั และเปน
อนั ตราย จติ ยอนเขามานี่ วา กลวั เสอื ความกลวั เปน กเิ ลสตวั เขยา ตา งหาก เสอื นน้ั อยกู บั
มนั ตางหาก ถาเราไมปรุงขึ้นวาเสือ ไมปรุงขึ้นวาอันตรายก็ไมเห็นอะไรมาเขยาจิตใจได
ก็คือความปรุงความแตงความเสกสรรของจิตนี้เอง มันเขยาตัวเองใหไดรับความทุกข
ความลาํ บาก เพราะฉะนั้น จติ จงึ แนใ จและปก ใจวา อนั นเ้ี ปน ภยั มนั เอาตรงนีว้ าเปนภัย
ไมเ หน็ วา ภายนอกเปน ภยั เมื่อเขาถึงขั้นความจริงแลวมีแตกิเลส ๆ เปน ภยั อยภู ายในน้ี
มนั รอู ยนู เ้ี หน็ อยนู ้ี แสดงขึ้นมาที่นี่ มันจะไปตะครุบเงาอยูนอก ๆ โนนทําไม ปญญาพอ
ถงึ ขน้ั นแ้ี ลว มนั หมนุ ต้วิ ๆ อยนู ้ี รอู ยนู ้ี เหน็ อยนู ้ี อะไรกระดกิ พลกิ แพลงข้ึนในจิตก็รูวา
เปนเรื่องของกิเลสทั้งเพ ขนึ้ ชือ่ วา เปนเรื่องของกิเลสแลวมันทันกัน ๆ เรื่อย ๆ นก่ี าร
ปฏิบัติธรรมะ

ผใู ดชอบคดิ ชอบพนิ จิ พจิ ารณา ผูนั้นละจะเขาใจไดดี เราจะวาเรามีสมาธิ ไมมี
สมาธิ ถงึ เวลาทค่ี วรจะพจิ ารณาใหพ จิ ารณา ความสงบกเ็ พอ่ื จติ สบาย การพจิ ารณาก็
เพอ่ื ถอดถอนกเิ ลสภายในจติ เพอ่ื ความสบายหายหว งของจติ จติ ปลอ ยกงั วลไดเ ปน
ลาํ ดบั อยาไปคาดวาเราไมมีภูมิสมาธิหรือเราไดภูมิสมาธิเพียงแคนี้เปนปญญาไปไมได
พิจารณาปญญาไปไมได อยา หาคาดหมาย กเิ ลสมนั มีขน้ั ทไ่ี หน มนั เกดิ กเิ ลสขน้ั ไหน
บา ง มันไมเห็นมาบอกเรา กิเลสแสดงขึ้นมาที่ไหนก็เปนกิเลสและเสียดแทงหัวใจเราได
ทุกประเภทของกิเลส ทกุ อาการของกเิ ลสทม่ี นั แสดง เราตอ งคิดเทียบอยางน้นั ซิ กเิ ลส
ไมเ หน็ วา มชี น้ั ไหนภมู ใิ ด ทําไมมันเปนกิเลสทุกระยะที่มันแสดงตัวออกมา เวลามีธรรม
เงื่อนใดที่เราจะพิจารณา ทําไมจะไมเปนธรรม ถึงวาระที่จะพิจารณาเราตองพิจารณา
เพราะการพิจารณาก็เพื่อแกกิเลส ทําไมจะไมเปนธรรม ปญ ญาตอ งหมนุ กนั อยา งนน้ั ซิ
ปญญาตองดักหนาดักหลังรอยสันพันคมไมงั้นไมทันนะ

ไดย นิ แตท า นวา มหาสติมหาปญญา เปนยังไง มหาสติมหาปญญา ทา นกลา วไว
แลว นน้ั จติ มนั คาดมนั หมายนะ ทา นวา พระโสดา พระสกิทาคา พระอนาคา พระอรหัต
บรรลุโสดา บรรลุสกิทาคา บรรลอุ นาคา บรรลุอรหัตอรหันต มนั กค็ าดหมายไปตาม
ความบรรลุ เราจะบรรลอุ ยา งนน้ั เราจะบรรลอุ ยา งนม้ี นั คาดไป แตค วามคาดเหลา นน้ั กบั
ความจริงที่เราปฏิบัติไปรูเห็นไปมันเปนคนละโลก ไมใชอ นั เดียวกนั หา งกนั คนละโลก

เขาสูแดนนิพพาน ๓๘

๓๙

เหมือนเราวาดภาพเมืองอเมริกาเปนตน เราไมเคยเห็นอเมริกา เชน กรุงวอชิงตนั
เปนตน หรอื เรอ่ื งอะไรกต็ าม มันจะวาดภาพขึ้นมาทันที เรากเ็ ชอ่ื วา มนั เปน อยา งนน้ั ๆ
พอไปเห็นเขาเทานั้น ภาพทว่ี าดไวน น้ั กบั ความจรงิ มนั เปน คนละโลกเลย

แตเรากไ็ มยอมเห็นโทษ วา ภาพทเ่ี ราวาดไวแ ตก อ นนน้ั คอื เครอ่ื งหลอกเรา เคย
หลอกมาตง้ั แตไ หนแตไ ร พดู ถงึ เรอ่ื งอะไรมนั กว็ าดภาพนน้ั ขน้ึ มา พูดเรื่องอะไรเรื่องคน
เรื่องสัตว เรื่องอะไรก็ตาม มันตอ งมีภาพข้นึ มาประกอบทุกสงิ่ ทกุ อยา งทกุ ครัง้ แตเวลา
ไปถึงความจริงแลว ภาพทวี่ าดเอาไวนนั้ ไมต รงกับความจริงนั้นเลย ควรจะเห็นโทษแต
เราก็ไมยอมเห็น

เพราะฉะนั้น จงึ วา กเิ ลสกลอ มคนใหห ลบั สนทิ ไดง า ยนดิ เดยี ว วาดภาพมรรคผล
นพิ พานกเ็ หมอื นกนั สําเร็จพระโสดาเห็นจะเปนอยางนั้น สาํ เรจ็ พระสกทิ าคา สําเร็จ
พระอนาคาเห็นจะเปนอยางนั้น สาํ เรจ็ อรหนั ตเ หน็ จะเปน อยา งนน้ั มนั วาดภาพของมนั
ไวอ ยา งพรอ มมลู และเปน เครอ่ื งหลอกอนั หนง่ึ ๆ ฉะน้ันจงึ ไมตองไปคาดไปหมาย ให
เดินตามปฏิปทาเครื่องดําเนิน ปจจุบันธรรมเปนหลักที่จะยังมรรคผลนิพพานใหเกิด
ภายในใจไมส งสยั

สตเิ ปน ของสาํ คญั ควบคมุ งานใหด ี ไมม สี ตมิ นั เถลไถล ตองมีสติควบคุมจิตทุก
อริ ยิ าบถราวกบั ควบคมุ ผตู อ งหานน่ั แล พอดกี บั กเิ ลสทม่ี นั ฉดุ ลากตวั ประกนั ไป สติ
ปญญา ตามฉดุ ลากตวั ประกนั กลบั คนื มา คาํ วา ทาํ งานจะไมท กุ ขย งั ไง งานประเภทไหน
งานนอกงานในมนั ตอ งมคี วามทกุ ขล าํ บากเปน ธรรมดา เพราะทํางานนี้ก็เราทํางานจิตต
ภาวนา สติจะตองเปนเครื่องบังคับกันเสมอ พิจารณาใหรูใหเห็นซิ เรื่องสัญญาอารมณ
มนั ผดิ กบั ความจรงิ มาก รเู หน็ ดว ยความจาํ กบั ความจรงิ เปน คนละโลก ดังเราเห็น
อเมรกิ าดว ยการวาดภาพ กับเห็นประจักษตายอมประจักษใจ ผดิ กบั การนึกคดิ ดว ยมโน
ภาพอยมู าก

ดงั ทว่ี า เหน็ กายดว ยความจรงิ กเ็ หมอื นกนั นผ่ี มเคยเหน็ มาแลว ทแี รกกอ็ าศยั คดิ
คาดไปเสียกอน หมายไปเสยี กอ น พิจารณาไป คิดคาดไป พอไดจังหวะจิตกําหนดติด
ปบ ๆ เขาไปในสว นหน่ึงของรางกาย เมื่อติดปบไดที่แลวจิตไมยอมปลอย พอจิตไม
ปลอยกเ็ หน็ ชัดเขา ๆ และเห็นชัดไปหมดทั่วรางกาย และกระจายเปน วงกวา งออกไป
เหมือนกระดาษซึม มันซึมไปหมดทั่วรางกาย จนกระทั่งรางกายตาย เนาพองและแตก
สลายกเ็ ปน ไปในขณะนน้ั ใหเราเห็นใหเราดูรางกายพังลงไป แตกกระจายลงไป เปอ ย
เนาลงไปใหเห็นอยางชัดเจน และเปนไปอยางรวดเร็วนะ ปุบปบ ๆ ยง่ิ เกดิ ความสลด
สังเวช ออ เหน็ อยา งนเ้ี หรอเหน็ กายนะ เหน็ อยา งนเ้ี หรอ มันชัดมากนะ

เขาสูแดนนิพพาน ๓๙

๔๐

นเ่ี รยี กวา ปจจฺ กขฺ ทฏิ ฐ ิ รูจําเพาะเห็นจําเพาะตน คือเห็นดวยตนเองจริง ๆ เห็น
เปนความจริงประจักษใจเปนอยางนี้ ผดิ กบั เหน็ ดว ยความจาํ ความคาดหมายอยมู าก
เมื่อเห็นชัดเขา ๆ อนั นน้ั ขาดออกอนั นห้ี ลดุ ลงไป โดยทเ่ี ราไมไ ดบ ังคับใหกาํ หนดให
ทาํ งานขณะนน้ั มันเปนขึ้นมาเองเมื่อกําหนดไดที่แลว เปน แตเพยี งเอาความรหู ยงั่ ไวใน
จดุ เดยี ว จากนน้ั กระแสจติ รศั มีของปญญาหากกระจายไปเองทัว่ รางกายของเราท้ังคน

ในขณะพจิ ารณารา งกายอยนู น้ั ปรากฏวา อวยั วะสว นนน้ั ขาดลง อนั นข้ี าดลง ตก
ลงไป ขณะพิจารณาเพลิน ๆ อยนู น้ั มนั ไมม คี วามรสู กึ วา กายมนี ะ มันหายเงียบไปหมด
ทั้ง ๆ ทพ่ี จิ ารณากายอยนู น้ั แล พิจารณาไปเรื่อยจนกระทั่งลงถึงที่มันแลว สว นดนิ กเ็ หน็
ไดชัด มันคอยกระจายไปเปนดิน สว นนาํ้ กซ็ มึ ลงไปในดนิ บา ง เปน ไอขน้ึ ไปบนอากาศ
บา ง ลม ไฟก็ไปตามสภาพของมัน ตอจากนั้นจิตก็วางเปลาไปหมด

ทเ่ี หน็ กายทแี รกเหน็ อยา งชดั เจนเหน็ ทว่ี ดั บา นหนองผอื นาในนะ ขณะที่กระดูก
กาํ ลงั กระจายกนั อยู จิตตะลอมคือรวมกระดูกเขามา นอกนั้นมันกระจายไปหมด มัน
กลายไปเปน นาํ้ กลายไปเปนดินไปหมด นํ้ากไ็ ปตามนาํ้ เหือดแหงไป สว นทเ่ี ปอ ยงา ย
มันก็เปนดินไปอยางรวดเร็ว สวนที่ไมเปอยงายเชนกระดูก มันก็ยังเหลือเรี่ยราดกันอยู
ขณะที่จิตเปนเชนนี้มันทํางานของมันเองนะ เหมอื นกบั มนั กวาดกระดกู เขา มา ตะลอ ม
เขามารวมกันเปนกอง แทนที่จะเอาไฟเผามันกลับไมเผา มันหากเปนของมันเอง จิต
เกดิ วติ กวา เอ รา งกายทง้ั รา งนม้ี นั กลายเปน อยา งนเ้ี อง เปน ธาตอุ ยา งนเ้ี อง มันรําพึงมัน
สลดสังเวชนะ รา งกายตวั เองถกู พจิ ารณาจนเปอ ยปรกั หกั พงั ลงไป ยังเหลือแตเพียง
กระดกู แหง ๆ ดูมนั โอ กระดกู กลายเปน ดนิ มนั เปน ไดอ ยา งนเ้ี อง

ขณะกาํ ลงั กาํ หนดพจิ ารณาอยใู นกองกระดกู นน้ั ไมท ราบแผน ดนิ มาจากทไ่ี หน
ปบ มาปด กองกระดกู อนั น้ี เหมอื นวา มากลบกองกระดกู ทเ่ี รากาํ ลงั กาํ หนดพจิ ารณาอยู
นน้ั ตอนนน้ั แผน ดนิ มาจากทไ่ี หนมากลบกนั ปบ เดยี ว น่ีก็เปนธรรมเทศนาอนั หนงึ่ พอ
ดนิ มากลบกองกระดกู ปก เดยี ว กระดกู กองนน้ั กก็ ลายเปน ดนิ ไปดว ยในขณะนน้ั ออ มัน
เปน ดนิ อยา งนเ้ี อง จากนน้ั จติ กว็ า งหมด วางหมดไมมีอะไรเหลือเลย จิตเงียบ โอโฮ ที่
จติ เงยี บอยนู น้ั นานเปน ชว่ั โมง ๆ หมดความสาํ คญั มน่ั หมายใด ๆ ทั้งสิ้น ไมท ราบอยสู งู
อยตู าํ่ อยทู ไ่ี หน นง่ั อยหู รอื นอนอยู อยกู ฏุ หิ รอื อยรู ม ไม หรอื อยทู ไ่ี หนไมส าํ คญั ทง้ั นน้ั มี
แตค วามวา ง ความรอู ยา งละเอยี ดสขุ มุ เปนความอัศจรรยก ับความรูอยเู ทา นนั้

จนกระทั่งไดจังหวะแลว จติ กค็ อ ยขยายตวั ออกมา ๆ จนเปนจิตธรรมดาตามขั้น
ภูมิของจิต จติ ยงั วา งอยเู ลย กาํ หนดดกู ฏุ หิ ลงั ไหน ดตู น ไมใ บหญา แถวบรเิ วณนน้ั กไ็ ม
เห็น มันวางไปหมด เพราะอาํ นาจแหง ความวา งภายในสมาธนิ น้ั มนั ยงั ไมจ างไป เนอ่ื ง
จากตอนนั้นจิตเรายังไมถึงขั้นวางตามภูมิจิตวางนี่นะ คาํ วา จติ วา งนน้ั มนั มาวา งตอนเรา

เขาสูแดนนิพพาน ๔๐

๔๑

พจิ ารณาขั้นปญญาแลวตา งหาก คนื นน้ั เกดิ อศั จรรยใ จอยา งบอกไมถ กู ศัพทท างโลกก็
วา ครม้ึ อม่ิ เอบิ อยา งละเอยี ดสขุ มุ พูดไมออกบอกไมถกู ตามความจรงิ ท่เี ปน นน่ั แลเหน็
รางกายเห็นชัดจริง ๆ ไมมีสงสัย ไดเ หน็ กายประจกั ษจ ากการภาวนาคนื นน้ั แหละ

วนั นอกนน้ั มากไ็ มไ ดเ ปน อยา งนน้ั อกี เหน็ กเ็ หน็ เหมอื นกนั แตม นั เปลย่ี นสภาพ
การเห็นไปเรื่อย ๆ แตเ รากไ็ มไ ดอ าลยั เสยี ดายวา อยากใหม นั เปน อยา งนน้ั อยา งน้ี มัน
เปนยังไงก็ใหเห็นใหเปนไปตามเรื่อง พิจารณาในวงปจจุบันไปเรื่อย ๆ ความเหน็ กเ็ หน็
ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกายหมดความหมาย หมดความจําเปน เมื่อจิตรูเทาทันหมดแลว
และกลายเปน อากาศธาตุ วางเปลาไปหมด จิตก็วางจะวาไง มนั รเู ทา กายดว ยและกว็ า ง
ไปดวย การพิจารณาเราไมสงสัยเพราะเปนกับเจาของเองอยางชัดเจน

สญั ญากบั สงั ขารนส่ี าํ คญั พจิ ารณากนั ปอ บแปบ ๆ อยอู ยา งนน้ั พิจารณาไป ๆ
จนเขาใจ จิตวางหมดเลยที่นี่ น่ีวางตามฐานของจติ อยเู ฉย ๆ กว็ า ง ไมไ ดภ าวนากว็ า ง
จะอยใู นอริ ยิ าบถใดกว็ า ง วา งหมด ตนไมภูเขามองเห็นอยูดวยตา อยา งศาลานม้ี องเหน็
อยดู ว ยตา แตใจมันทะลุไปหมด เห็นเปนเพียงเงา ๆ มันวางไปหมดเม่อื ถงึ ขนั้ วางแลว

พอพดู ถงึ ขน้ั นแ้ี ลว กท็ าํ ใหค ดิ ถงึ อนตั ตลกั ขณสตู ร จิตผมไมทราบเปนยังไง มัน
ขัด ๆ กนั อยนู ะกบั อนตั ตลกั ขณสตู รตอนปลาย ถามเจา คณุ ….ทา นกว็ า มันก็สมบูรณ
เตม็ ทแ่ี ลว ตามทท่ี า นเรยี นมานน้ั เสยี แตเ ราถามทา นดว ยความจรงิ ทางภาคปฏบิ ตั ติ า ง
หาก ผมกเ็ ลยไมถ ามตอ ไปอกี เพราะสูตรที่สมบูรณเต็มที่เราเห็นอยูนี่ ดังอาทิตต
ปริยายสูตร ลงถึงขั้น มนสมฺ ปึ  นิพฺพินฺทติ, ธมเฺ มสปุ  นิพฺพินฺทติ, มโนวิ ญฺ าเณป นพิ ฺ
พินฺทต,ิ มโนสมผฺ สเฺ สป นิพฺพินฺทติ, ยมปฺ ท ํ มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อปุ ปฺ ชชฺ ติ เวทยติ ํ, สุ
ขํ วา ทุกฺขํ วา อทกุ ขฺ มสขุ ํ วา, ตสมฺ ปึ  นิพฺพินฺทติ.

นน่ั มนั ถงึ ใจเหลอื เกนิ นะ อาทิตตปริยายสูตรนะ เบอ่ื หนา ยในรปู แลว กใ็ นเสยี ง
พรอมกัน เบือ่ หนา ยทั้งความสัมผัสรับรูที่เกิดข้นึ ระหวางตากบั รปู กระทบกัน เกิดสุขขึ้น
มากต็ าม ทกุ ขข น้ึ มากต็ าม สุขํ วา ทกุ ขฺ ํ วา อทกุ ขฺ มสขุ ํ วา รู ๆ ตสมฺ ปึ  นิพฺพินฺทติ คือ
เบอ่ื หนา ยในสง่ิ น้ี ทั้งตา ทั้งรูป ทั้งสิ่งที่เขามาเกี่ยวของ แลว เปน วญิ ญาณขนึ้ มา จนถึงกับ
เกิดเวทนา เบอ่ื หนา ยทง้ั หมด แลว กส็ รปุ ลง มนสมฺ ปึ  นิพฺพินฺทติ เบอ่ื หนา ยในจติ ใน
อารมณที่เกิดจากจิตทุกประเภท นเ่ี บอ่ื หนา ยครอบไปหมด และถอนกันทั้งรากไมมี
เหลืออะไรไวเ ลย กระทัง่ อวิชชากบั จติ ก็ทะลเุ ขา ไปหมดไมมีเกาะมีดอน

นี่เรามาเทียบเคียงกบั การปฏิบัตขิ องเรานะ มนสมฺ ปึ  นิพฺพินฺทติ เบอ่ื หนา ยในใจ
มน นน่ั ใจ เบอ่ื หนา ยในจติ ในใจ ธมเฺ มสปุ  นิพฺพินฺทติ เบอ่ื หนา ยในธรรมารมณท ง้ั
หลาย มโนวิ ญฺ าเณป นิพฺพินฺทติ เบ่อื หนายในความรูที่เกิดขึ้นจากจิต วญิ ญาณทร่ี บั
ทราบกบั อารมณแ หง ธรรม เปนอารมณแหงธรรม มโนสมผฺ สเฺ สป นิพฺพินฺทติ เบ่อื

เขาสูแดนนิพพาน ๔๑

๔๒

หนา ยทั้งความสมั ผัส ยมปฺ ท ํ มโนสมผฺ สสฺ ปจจฺ ยา อปุ ปฺ ชชฺ ติ เวทยติ ํ มนั เกดิ ขน้ึ ใหเ สวย
สขุ ํ วา ทุกฺขํ วา อทกุ ขฺ มสขุ ํ วา สขุ กต็ าม ทกุ ขก ต็ าม ไมใชสุขทุกขก็ตาม ตสมฺ ปึ  นพิ ฺ
พินฺทติ นน่ั เบอ่ื หนา ยทง้ั หมด นี่มันถึงใจจริง ๆ นะ พอ นิพฺพินฺทติ แลว ก็ นิพฺพินฺทํ
วิรชฺชติ ละที่นี่

เมอ่ื เบอ่ื หนา ยยอ มคลายกาํ หนดั วริ าคา วมิ จุ จฺ ต.ิ วมิ ตุ ตฺ สมฺ ึ วิมุตฺตมิติ ญาณํ
โหต,ิ ขณี า ชาต,ิ วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณยี ํ, นาปรํ อติ ถฺ ตตฺ ายาติ ปชานาตตี .ิ อิ
ทมโวจ ภควา. อตตฺ มนา เต ภิกขฺ ู ภควโต ภาสิตํ อภนิ นทฺ !. อมิ สมฺ ิ จฺ ปน เวยยฺ าก
รณสมฺ ึ ภญฺ มาเน, ตสฺส ภกิ ขฺ สุ หสสฺ สสฺ อนปุ าทาย, อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสูต.ิ

อตตฺ มนา เต ภกิ ขฺ ู ภควโต ภาสติ ํ อภนิ นทฺ ! ภิกษุทั้งหลายนั้นไดมีความรื่นเริง
ในธรรมทง้ั หลาย เมื่อพระองคไดตรัสธรรมะ เวยยฺ ากรณ ก็คือตรัสธรรมะที่ยอดเยี่ยม
เหลา นน้ั อยู จติ แหงภกิ ษหุ นงึ่ พนั ตสฺส ภกิ ขฺ สุ หสสฺ สสฺ นน้ั ไดพ น แลว จิตตฺ านิ วิมุจฺจึสูติ
จติ หลดุ พน แลว อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสูติ จติ หลดุ พน แลว จากอาสวะทง้ั ปวง นน่ั มนั
ถงึ ใจนะ

แตอ นตั ตลกั ขณสตู รไมเ ปน อยา งนน้ั เวลาปฏบิ ตั กิ ็ไมไ ดเ ปน อยา งนนั้ นี่ มนั แยง
กนั อยู เราเขา ใจวา เกจอิ าจารยท ท่ี า นแตง นท้ี า นจะตดั ออกนะ ถาไมตัด จติ จะตองอยูนัน้
แน ๆ เบอ่ื หนา ยในรปู เบอ่ื หนา ยในเวทนา เบอ่ื หนา ยในสญั ญา เบอ่ื หนา ยในสงั ขาร
เบอ่ื หนา ยในวญิ ญาณ รปู สมฺ ปึ  นิพฺพินฺทติ, เวทนายป นิพฺพินฺทติ, สญฺ ายป นิพฺพินฺท
ติ, สงขฺ าเรสปุ  นิพฺพินฺทติ, วิ ญฺ าณสมฺ ปึ  นิพฺพินฺทติ, นิพฺพินฺทํ วิรชฺชต.ิ วิราคา วิ
มุจฺจติ เมอ่ื เบอ่ื หนา ยในขนั ธท ง้ั หา จติ ยอ มคลายกาํ หนดั ไปเลย

เวลาปฏบิ ตั มิ นั ไมเ ปน อยา งนน้ั รูเ ทา เรอื่ งอาการทั้งหาน่ี เขาใจชดั ๆ ไมมีทางถือ
เอา จะใหพ จิ ารณาอะไรอกี กพ็ จิ ารณาหมดแลว น่ี รูป เวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณ ที่
มนั ปรากฏอยนู ้ี รูมันทั้งเกิดทั้งดับวาเปน อนตฺตา ลว น ๆ มันลง อนตฺตา นะสําหรับ
นิสัยของผม อนิจฺจํ ทกุ ขฺ ํ มนั ไมว าเสยี แลว มันลงเปน อนตฺตา ลว น ๆ รปู  อนตฺตา,
เวทนา อนตตฺ า, สญฺ า อนตฺตา,สงขฺ ารา อนตตฺ า, วิ ญฺ าณํ อนตฺตา. เวลาจะรวม
ยอดของมันมนั มแี ต ธมมฺ า อนตฺตา ทั้งนั้น รวมแลวเปน ธมมฺ า อนตฺตา ทง้ั หา อยา งน้ี
เปน ธมมฺ า อนตฺตา

แตม นั กไ็ มแ ลว นะ ขนั ธห า นเ่ี ปน อนตตฺ า มันไมแลวในจิตมันจะ นิพฺพินฺทํ
วิรชฺชติ ไดยังไง เมอ่ื เบอ่ื หนา ยยอ มคลายกาํ หนดั เม่อื คลายกาํ หนดั จติ ยอมหลุดพน
เมื่อจิตหลุดพน ญาณความรูแจงชัดวาจิตหลุดพนแลวเกิดขึ้น เรามันไมม ี เพียงแตรูเทา
ขนั ธห า เทา นน้ั มนั ไมเ บอ่ื หนา ย มนั ไมค ลายกาํ หนดั ทง้ั มวลไดถ า มนั ไมเ ขา ถงึ จติ เสยี กอ น
นน่ั พอทง้ั หา อาการนม้ี นั ปลอ ยหมดแลว มันก็ยังเหลือจิตดวงเดียวที่นี่ จิตก็เขา

เขาสูแดนนิพพาน ๔๒

๔๓

พจิ ารณานน้ั อกี เพราะจิตดวงนน้ั ตดั อาการออกหมดแลว สมนุ ของอวชิ ชา ทางเดนิ ของ

อวิชชา หรอื เครอ่ื งมอื ของอวชิ ชา ไดแกรูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ นม้ี นั ถกู ตดั

ออกหมดแลว คือเรารูเทาทันแลว ยงั เหลอื แตค วามรอู นั เดยี ว

เราไมปรากฏวาไดคลายกําหนัด หรอื ไดห ลดุ พน ในขณะทจ่ี ติ อยนู อกขนั ธห า นน้ั

เลย มนั ตอ งพจิ ารณาฟาดฟน จติ เสยี จนแหลก จนอนั นแ้ี ตกกระจายไปหมดแลว จากนน้ั

แลวจะวา นิพฺพินฺทํ วริ ชชฺ ต,ิ วิราคา วิมุจฺจต.ิ มันหมดปญหา ทค่ี า นกนั นน้ั มนั คา นกนั

อยา งน้ี มนั คา นในภาคปฏบิ ตั ิ สว นอาทติ ตปรยิ ายสตู ร เรายอมรับทนั ทีเลย คือปฏิบัติ

จนกระทั่งเขาถึงจิต เขา เบอ่ื หนา ยในจติ อกี ไมเ พยี งเบอ่ื หนา ยในสง่ิ ภายนอกเทา นน้ั ยงั

ตอ งเขา ไปเบอ่ื หนา ยในจติ อารมณที่เกิดจากจิต อะไร ๆ เลยเบอ่ื หนา ยในนน้ั เสรจ็ เลย

เบอ่ื หนา ยในธรรมารมณ เบอ่ื หนา ยในสง่ิ ทม่ี าสมั ผสั กบั จติ คอื ธรรมารมณ เปนสุขเปน

ทุกข เบ่อื หนายพรอ มทง้ั หมดเลย ตสมฺ ปึ  นิพฺพินฺทติ เลย นน่ั

ตสมฺ ปึ  หมายถงึ รวบเอาหมด ถา เปน ภาษาบาลกี ห็ มายถงึ วา ยกสรรพนามขน้ึ

ตสมฺ ปึ  คอื ไมต อ งพดู อกี หลายหน เชน ชอ่ื คนนน้ั ชอ่ื คนน้ี เอาเขาขึ้นเลย โส แปลวา

เขา เปนสรรพนามใชแทนตัวไดแลว โส แปลวา เขาวา มนั น่ี ตสมฺ ปึ  นิพฺพินฺทติ คือเบื่อ

หนา ยในสง่ิ นน้ั ทง้ั หมด นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ ไปตลอด

นจ่ี ติ กเ็ ปน เชน นน้ั เมอ่ื พิจารณาอนั น้ีเขา ใจแลว ก็ตามเขา ไปถงึ จติ อีก จนทะลุใน

จติ แลว มนั ถงึ ผา น พอพิจารณาขันธห าเขา ใจหมดแลวมนั ยังผา นไมไดน ่ี ถาไมเขาไปถึง

จติ เสยี กอ นมนั ผา นไมไ ด ปญ หานจ่ี งึ ขวางอยใู นหวั ใจเกย่ี วกบั อนัตตลักขณสูตร สว น

อาทิตตปริยายสูตรนั้นไมมีปญหาใด ๆ เลย สาํ หรบั คนจติ หยาบอยา งจติ ผมนะ ยอมรบั

อยา งหมอบราบ สว นอนตั ตลกั ขณสตู รกย็ กใหน กั ปราชญท า นเสยี กแ็ ลว กนั แตผูปฏิบัติ

ควรถือเปนขอคิดไว เวลาปฏิบัติไปเจอเขาจะไดมีทางคิดทางออก จะไมจนตรอก

ถา ยเดยี ว

<<สารบัญ เอาละจบ

เขาสูแดนนิพพาน ๔๓

๔๔

เทศนอ บรมพระ ณ วดั ปา บา นตาด
เมื่อวันที่ ๖ มถิ นุ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๑

เปด เผยโลกธาตุ

เราเปน หว งพระเณรทม่ี าอยอู าศยั กบั เรานย้ี ง่ิ กวา เราหว งเรา สาํ หรบั เราเอง ไม
เหน็ มีหว งอะไรหวงอะไรทงั้ น้ัน แตเ กย่ี วกบั พระเณรทม่ี าอาศยั อยกู บั เราแลว เราหว งเรา
หวงมาก คาํ วา หวงกค็ ือไมอ ยากใหค วามดที ี่มุง มารักษาและรักษาแลว น้ี เสอ่ื มลงไปหรอื
ผิดพลาดประการใดทั้งนั้น คาํ วา หว งกเ็ ปน อารมณเ กย่ี วกบั เรอ่ื งความผดิ พลาดของพระ
เณรซึ่งมักมีอยูเสมอ และกลวั จะไมเจริญทางจิตใจ เราไมเคยตายใจกับเพื่อนฝูงที่มาอยู
ดว ย เพราะเมอ่ื เรารบั เรารบั ดว ยเหตผุ ลทค่ี วรรบั เมื่อรับแลวก็ตองทําหนาที่ของตนให
สมบรู ณเ ตม็ กาํ ลงั ความสามารถ สว นจะสมบรู ณต ามหลกั ธรรมหลกั วนิ ยั หรอื ไมน น้ั เรา
ไมกลาอาจเอื้อม เพราะเปนความละเอียดของหลักธรรมหลักวินัยอาจจะไมรูทั่วถึงก็ได
แตเ รอ่ื งความรคู วามสามารถของเรามเี ทา ไร เราทุมเทลงเพื่อหมูเพื่อคณะตลอดมา ตง้ั
แตว ันเก่ียวของกับหมเู พอ่ื นในขั้นเรมิ่ แรกจนกระทงั่ บดั นี้ เปน เวลายส่ี บิ กวา ป

ปกติเราแตกอนไมคอยสนใจจะสอนใครนอกจากสอนเจาของเอง และไมนึก
ดวยวาจะมีหมูเพื่อนตลอดถึงประชาชน จะมาเก่ียวของกับเราถงึ ขนาดท่เี ปนอยูเวลานี้
เมอ่ื ความจาํ เปน มาเกย่ี วขอ ง จติ ทค่ี ดิ หรอื เปน ความรสู กึ มาดง้ั เดมิ ของเราทเ่ี รยี กวา นสิ ยั
ก็ตองเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณที่มาเกี่ยวของมากนอย เมอ่ื เปน เชน นน้ั ภาระกต็ อ ง
หนกั ผูใดมาเกี่ยวของกับเรา เรารบั แลว ดว ยเหตดุ ว ยผล เราจะตอ งดาํ เนนิ ตามหลกั
ธรรมทเ่ี ปนเหตอุ งคประกอบดวยเหตุผลลว นๆ รวมลงเปน ธรรม อยางเต็มสติกําลัง
ความสามารถของเราทุกแงทุกมุม แมจ ะมภี าระมาก ความเปนหวงที่จะตองอบรมสั่ง
สอนเรากเ็ ปน หว งอยตู ลอดเวลา เมื่อมีโอกาสก็ตองมาอบรมเสมอ

ฉะนั้น ขอใหทุกทา นท่ีมาอยูในสถานทนี่ เ่ี พ่อื การศกึ ษาอบรม จงรกั ษาเจตนา
ดั้งเดิมของตนไวใหสมบูรณ อยา ใหบ กพรอ ง ถาเจตนาอันนี้บกพรอง ความประพฤติ
การปฏิบัติตัวจะออนแอลงไปกลายเปนความทอถอย ความรูสกึ จะคิดไปในแงเ ปน
อกุศลและจะไมเปนมงคลแกตนและหมูเพื่อน ตลอดครบู าอาจารยท อ่ี ยรู ว มกนั

การปฏบิ ตั ติ ามหลกั ศาสนาหรอื หลกั แหง ความเปน พระของตนนน้ั ไมเหมือนกับ
การปฏิบตั ิตอโลก ซึ่งไมคอยมีขอบเขตเหตุผลหลักเกณฑอะไรมากนักก็อยูกันได แต
สาํ หรับเรือ่ งของพระแลว ตอ งมเี หตุมผี ล มหี ลกั ธรรมหลกั วนิ ยั เปน เครอ่ื งประกนั ในการ
อยรู ว มกนั วา ไมมีสิ่งใดที่เปนการขัดแยงกันโดยทิฐิมานะ โดยหลกั ธรรมหลกั วนิ ยั สอด

เขา สแู ดนนพิ พาน ๔๔

๔๕

คลองตองกันอยูเสมอดวยความประพฤติปฏิบัติ ตลอดความรคู วามเหน็ เฉพาะอยา ง
ยง่ิ เรอ่ื งการระแคะระคายระหองระแหง จนถงึ กบั ใหเ กดิ ความทะเลาะววิ าทขน้ึ มาเพราะ
ทิฐมิ านะ อนั เปน การสง่ั สมกเิ ลสหรอื ผลติ กเิ ลสขน้ึ มาอยา งนา อายนน้ั ขออยาใหเกิดขึ้น
ในวดั นเ้ี ปน อนั ขาด เพราะน้ันเปนเร่อื งของการคุยเขีย่ การขุดคนกิเลสประเภทตา งๆ ขน้ึ
มาเพอ่ื ทาํ ลายขายตัวเอง และทาํ หมูเ พอื่ นใหเ ดือดรอนเปอนเปรอะไปหมด ไมใ ชเปน
ส่ิงท่ีพระเราจะพึงคิดเลย อยาวาแตการแสดงออกมา

เพราะพระเรามหี นา ทช่ี าํ ระกเิ ลส ไมว า กเิ ลสประเภทใดทเ่ี กดิ ขน้ึ ภายในใจ ยงั
ตองพยายามระงับและกําจัดมันไป ไฉนจะปลอยใหมันระบายออกมา หรือพลุงออกมา
ทางกายทางวาจาอยา งน้ี ไมส มควรอยา งยง่ิ เพราะเปน การขายตวั มากมายสาํ หรบั พระ
อยาพูดถึงเรื่องวงปฏิบัติเลย เพยี งปรากฏขน้ึ ในใจเราโดยเฉพาะแตล ะราย กน็ า จะเหน็
โทษของมันพอตัวอยูแลว

คาํ วา พระแลว เปน ความเสมอภาค เปนลูกศิษยตถาคตดวยกันทั้งนั้น จึงไมขึ้น
อยูก บั คําวา พระบา น พระปา อันนี้แยกออกไปพอใหเขาใจตามความนิยมของโลก
เฉยๆ เรอ่ื งหลกั ธรรมหลักวนิ ยั ไมมีสวนใดมีน้าํ หนกั ตางกัน มนี าํ้ หนกั เทา กนั ในความ
เปน พระ ดวยเหตนุ ้ที ุกๆ ทานที่มาอบรมศึกษาจงตั้งจิตตั้งใจใหดี ใหม คี วามขยนั หมน่ั
เพียร พลิกจิตพลิกใจพลิกความรูสึกที่เคยเปนมาในฆราวาสอันดั้งเดิมนั้นออกโดย
ลาํ ดบั เพือ่ ใหเขา กลมกลนื กับหลกั ธรรมหลกั วนิ ัย หลักความประพฤติอันเปนเรื่องของ
พระโดยตรง ทั้งยังเกี่ยวของกับหมูเพื่อนพระสงฆดวยกันอีกดวย ซง่ึ เปน เรอ่ื งทเ่ี ราจะ
ตองพินิจพิจารณาสังเกตสอดรูใหรอบคอบ ในความคดิ ความเหน็ ความประพฤตขิ อง
เรา เพอื่ ใหม ีความกลมกลนื เปน อนั หน่งึ อนั เดียวประหนึ่งอวยั วะเดยี วกนั

พระเราอยดู ว ยกนั เปน เหมอื นอวยั วะเดยี วกนั เมอ่ื อวยั วะสว นใดสว นหนง่ึ ขดั
ของขึ้นมา กเ็ ปน เหตใุ หเ กดิ ความทกุ ขภ ายในรา งกายสว นอน่ื ๆ ไปดว ย ทั้งๆ ทส่ี ว น
เหลาน้ันไมไ ดวกิ ลวิการกท็ าํ ใหกระทบกระเทอื นถึงกันได นก่ี ารอยรู ว มกนั กเ็ ปน เชน นน้ั
รายใดกต็ ามทแ่ี สดงความไมเ หมาะสมข้นึ มาโดยทางกิริยามารยาท จะเปน ทางกายทาง
วาจากต็ าม เปน ส่ิงทไ่ี มสมควรอยางยิง่ เพราะเปนเหตุที่จะใหกระทบกระเทือนถึงหมู
คณะทอ่ี ยดู ว ยกนั ดว ยความรม เยน็ เปน สขุ ใหไ ดร บั ความเดอื ดรอ นวนุ วาย หรอื อยา ง
นอยเปนอารมณของใจตอกันไมดีเลย จงพากันระวังใหมากไมดอยกวาการรักษาใจตัว
คึกคะนองอยูเปนประจํา

การประพฤติปฏิบัติพระพุทธศาสนาตองมีความเขมแข็ง เปลย่ี นความรคู วาม
เห็นที่เคยเปนมาซึ่งฝงใจอยางลึกนั้นใหถอนตัวออกมาโดยลําดับ หมนุ จติ ใจเขา ไปสู
หลกั ธรรมหลกั วนิ ยั พึ่งเปนพึ่งตายกับพระพุทธเจา พระธรรม พระสงฆ ในขณะทบ่ี วช

เขา สแู ดนนพิ พาน ๔๕


Click to View FlipBook Version