The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-05-19 22:53:25

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

Keywords: เข้าสู่แดนนิพพาน,หลวงตามหาบัว

๒๙๖

เราผเู ปน ลกู ศษิ ยต ถาคต ลกู ศษิ ยม คี รู ธรรมะออกมาจากพระพุทธเจาที่สอนไว
แลวทุกแงทุกมุม เปน สวากขาตธรรม หาที่สงสัยไมไดแลว นิยยานิกธรรม พรอมทจี่ ะ
รอรบั อยเู สมอ คือ ธรรมนเ้ี ม่ือปฏบิ ัตแิ ลว ยอ มเปนเครอื่ งนาํ ออกทั้งนั้น ไมใชเครื่องนํา
เขา นาํ ออกจากความทกุ ขค วามยงุ เหยงิ วนุ วาย นําออกจากวัฏจักรซึ่งเปน เหมอื นคุก
เหมอื นตะราง ท่เี ราติดกันมาก่กี ัปกีก่ ัลปนับไมถวนแลวจนกระทงั่ ปจ จบุ ันนี้ เพราะเหตุ
แหง เชอ้ื คอื กเิ ลสนน้ั แลเปน สาเหตเุ ปน ตวั การ ทพ่ี าใหเ ราตดิ คุกติดตะราง เพราะเราอยู
ใตอํานาจของกิเลส

การอยกู ารบาํ เพญ็ ธรรม ถึงจะไมไดอยูดังที่ไดวาไวขางตนนั้น ก็ขอใหไดอยู
อยางสถานที่นี่ก็ยังพอเปนไป เพราะไมจ นุ จา นจนเกนิ ไป ความเพยี รเปน สง่ิ สาํ คญั อยา
ลดละ อยามีความทอถอย อยาระอา ถา ระอาตอ ความเพยี รแลว กเ็ ทา กบั ระอาตอ ธรรม
ระอาตอ ความสขุ ระอาตอ ความหลดุ พน จากบว งมารทง้ั หลาย เพราะความระอานเ้ี ปน
เรื่องของกิเลสทั้งมวล ไมใชเรื่องของธรรม ความเปนนักตอสู ความกลา หาญ ความอด
ความทน ความพนิ จิ พจิ ารณานค้ี อื ธรรม จงนาํ มาใช จะเปน เครอ่ื งสงั หารกเิ ลสไมส งสยั
สมกบั เปน ความเพยี รแท

ถา ไมพ จิ ารณาจรงิ ๆ จะไมทันกลมายาของกิเลส ทั้งๆ ท่ีปฏบิ ัติอยูน้ันแล มัน
สวมรอยไปโดยลาํ ดับลาํ ดา ทุกอากัปกิริยาที่แสดงออก มันเปนผูบงการใหแสดงออกมา
โดยทเ่ี รากไ็ มร ู นแ่ี หละจงึ วา มนั แหลมคมมาก ในเมอ่ื สตปิ ญ ญาในดา นธรรมะของเรา
ทื่อ มันตองแหลมคมอยางนั้น ตอเมื่อสติปญญาของเราแหลมคมขึ้นไป เรากเ็ หน็ กล
อบุ ายตา งๆ ของมัน และสามารถแกและถอดถอนกันไปไดโดยลําดับ ไมนอกเหนือจาก
ธรรมที่พระพุทธเจาทรงสั่งสอนนี้ไปไดเลย

ไดก ลา วเบอ้ื งตน วา หลกั วชิ าในมหาวทิ ยาลยั นน้ั คอื อะไร คอื อาการ ๓๒ นเ้ี ปน
หลักใหญ อาการ ๓๒ คืออะไร ผม ขน เลบ็ ฟน หนงั เน้ือ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก
มา ม หวั ใจ ตบั พังผืด ไต ปอด ไสใ หญ ไสนอย อาหารใหม อาหารเกา ฯ นเ่ี รยี กวา
อาการ ๓๒ ซง่ึ เปน หลกั ใหญส ว นใหญข องหลกั วชิ าทผ่ี ปู ฏบิ ตั จิ ะพงึ คลค่ี ลายใหเ หน็
ละเอยี ดท่ัวถึงในสิง่ เหลานี้ ที่กิเลสพาสมมุติใหเปนไปตามความตองการของมันมาเปน
เวลานาน วา เปน สตั วเ ปน บคุ คล เปน เราเปน เขา เปน หญิงเปนชาย เปน ของสดสวย
งดงาม เปนของจีรังยั่งยืน เปน ของทน่ี า เพลดิ เพลนิ รน่ื เรงิ เหลา นเ้ี ปน ความเสกสรรปน
ยอของกิเลสทั้งมวล

การพจิ ารณาคลค่ี ลายอาการ ๓๒ ทก่ี เิ ลสปก ปน เขตแดนเอาไวน อ้ี อกใหร ตู าม
หลักความจรงิ ของมนั นั้นไดแ กธรรม ผพู จิ ารณาเหน็ แจง เหน็ ชดั ตามหลกั ความจรงิ ถา
จะพูดถึงหลักของความเปนอสุภะอสุภัง รางกายของเรานี้ก็คือกองอสุภะ กองมูตร กอง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๙๖

๒๙๗

คถู ของเราโดยดี หรือซากผีดิบของแตละกองของแตละรายอยูโดยดี ถาจะพูดถึงความ
แปรกแ็ ปรสภาพรอบตัวทุกอาการ ไมมีอาการใดที่จะคงเสนคงวาอยูได ทกุ ขฺ ํ บบี บงั คบั
ไดทั้งนั้นทั่วทั้งสกลกาย บบี บงั คบั ตวั เราใหไ ดร บั ความทกุ ขค วามลาํ บากทง้ั มวล อนตฺตา
จะถอื เปน เราเปน ของเรา เปน สตั วเ ปน บคุ คลอนั แทจ รงิ หรือถือตามความเสกสรรของ
สมมุติแหงกิเลสปนยอเอาไวไดอยางไร เพราะกเิ ลสเปน ตวั จอมปลอม ของจริงตรงไหน
กเิ ลสจะเสกสรรปน ยอขึ้นมาใหมใ หก ลายเปน ของปลอมไปเสยี ท้งั สิน้ เราซง่ึ มกี เิ ลส
ครอบงําจึงตองเชื่อความจอมปลอมของมัน ไมเ ชอ่ื ธรรม เชอ่ื ธรรมไดย าก

ดวยเหตุนี้จึงตองอาศัยการขุดคน การพนิ จิ พจิ ารณาตามหลกั ธรรมใหเ ขา สคู วาม
จรงิ นับตั้งแตอสุภะอสุภังหมดทั้งเนื้อทั้งตัว เบอ้ื งบนเบอ้ื งลา ง ขางในขางนอก ไมม เี วน
วาไมมีอสุภะอสุภังปฏิกูลโสโครกไมแทรกอยูไมมีเลย มีเต็มไปหมดบรรดาของปฏิกูล
โสโครก ใหเ หน็ ชดั เจนอยา งนน้ั คาํ วา สตั วว า บคุ คล วา สวยวา งาม ก็จางไปๆ คําวา จาง
ไปๆ นั่นคือเรื่องจอมปลอมมันจางไป เพราะความจรงิ แทรกเขา ถงึ ถึงมากถึงนอยจาง
ไปมากไปนอยตามสวนของมัน เมื่อความจริงเขาถึงอยางเต็มที่แลวก็สลายไปหมด
ความจอมปลอมนั้นไมมี ทา นจงึ สอนใหพ จิ ารณา

นี่ไมใชเรื่องเล็กนอย งานนเ้ี ปน งานใหญโ ตมาก เพราะจติ ใจตดิ อยใู นสง่ิ เหลา น้ี
อยางฝงลึก ติดอันนี้แลวก็ไปติดอันนั้น ตดิ ภายในแลว กไ็ ปตดิ ภายนอก ถา รภู ายในตวั
เองแลว กร็ ภู ายนอก เพราะเปน เหมอื นกนั ในเรอ่ื งอสภุ ะอสภุ งั ปฏกิ ลู โสโครก อนจิ จฺ ํ
ความแปรสภาพ อนตฺตา ความไรส าระทว่ี า เปน เราเปน ของเราไมม ี เปน สภาพเหมือน
กันหมด เมื่อสติปญญาไดคุยเขี่ยขุดคนกลับไปกลับมา พลกิ แพลงเปลย่ี นแปลงตาม
อุบายของสติปญญาที่ควรจะคิดไดในแงใด จนรแู จง เหน็ ชดั ในสง่ิ เหลา นแ้ี ลว ความ
จอมปลอมทเ่ี คยเสกสรรปน ยอและเคยฝง ใจมาเปน เวลานานนน้ั จะถอดถอนตัวเอง
ออกโดยไมตองสงสัย เพราะอํานาจของสติปญญาหยั่งเขาถึงตรงไหน ยอ มทําลายความ
จอมปลอมตรงนั้นออกไปๆ จนกระทง่ั หมดไปโดยส้นิ เชงิ ในสว นนี้

คําวา เวทนา ความสุขความทุกข มีไดทั้งทางรางกายและจิตใจ การเจ็บไขได
ปวยเปนความทกุ ขท างรา งกาย ความกระวนกระวายไมอยากใหเ ปน และอยากใหห าย
ดน้ิ รนอยภู ายในจติ ใจนน้ั เปน ความทกุ ขท างใจ โดยอาศยั กายวกิ ลวกิ ารหรอื กายเปน
ทุกขขึ้นมา ใจก็มาหลงที่ตรงนี้ แลว กก็ อบโกยทกุ ขเขามาสูตนเพราะความสําคัญมั่น
หมาย และความตอ งการอยากใหห าย เมื่อไมหายหรือไมหายอยางทันใจหวังก็เปนทุกข
นน่ั เปน เวทนาทางใจ

ผปู ฏบิ ตั ใิ นเรอ่ื งกายวภิ าค จะตอ งซมึ ซาบเขาสูเวทนาซ่งึ เกยี่ วกับกายนโี้ ดยไม
ตองสงสัย แยกแยะกันออกโดยธรรมชาติของสติปญญาในขณะนั้นแล เพราะอยดู ว ยกนั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๙๗

๒๙๘

สว นจติ เวทนานน้ั เปน สว นละเอยี ดเขา ไปอกี นีเ่ ปน ขนั้ หนึ่งของการพจิ ารณา อธิบายให
ฟงเพียงเปนหัวขอๆ ใหทานผูปฏิบัตินําไปคลี่คลายขยายออกดวยสติปญญาของตนเอง
เปนอุบายของตนเอง นน้ั แหละช่ือวาเปนสมบตั ขิ องตน ครบู าอาจารยห ยบิ ยน่ื ใหน น้ั
เพียงเปนตนทุน ใหเ ราไดน ไ้ี วเ ปน หลกั ยดึ แลว คลค่ี ลายขยายออกไปใหเ หน็ ประโยชน
เกิดขน้ึ จากความแยบคายของเรา นน้ั เปน ความชอบธรรมแท และเปน สมบตั แิ ทข องเรา
ดว ย

สัญญา ความจาํ ฟงซิความจาํ ความสาํ คญั ตา งๆ ออกมาจากจิต เปนอาการของ
จิต ถาจติ มีกเิ ลสก็เปนเครอื่ งหลอกมาพรอ มเพราะกเิ ลสเปนตัวหลอก ผลักออกมาเปน
สัญญาก็หลอก เปน สงั ขารกห็ ลอก รบั ทราบทางวญิ ญาณกห็ ลอก เพราะกเิ ลสเปน ตวั
หลอกอยภู ายในจติ ใจ จะใหจริงไมไดตองหลอกเสมอไป ขึ้นชื่อวากิเลสเปนของปลอม
ตองปลอมเสมอ มีอยูภายในจิตก็ทําใหจิตปลอม จิตจริงเต็มสวนไมไดแสดงออกมาก็
ปลอม จึงตองใชปญญาพินิจพิจารณาแยกใหเห็นตามอาการของมัน

สัญญาหมายไปใกลไปไกล หมายไปแลว มนั ก็เปน เงาของจติ เพราะมอี วชิ ชาเปน
ตัวหนุน หมายไปไหนมนั ก็ดบั เกิดขึ้นก็ดับ เหมอื นเงาของเรานม้ี นั เกดิ จากตวั แตก็ตื่น
เงาตวั เอง นี่สัญญาก็เกิดจากใจแตก็ตื่นเงาของตัวเอง จนกลายเปน เรอ่ื งเปน ราวจรงิ ๆ
วนั หนง่ึ คนื หนง่ึ ในอริ ยิ าบถตา งๆ มแี ตเ รอ่ื งแตร าวเตม็ หวั ใจ กเ็ พราะเรอ่ื งสญั ญาเรอ่ื ง
สงั ขารนแ้ี ล มนั วาดภาพขน้ึ เหมอื นเขาดภู าพยนตรน น้ั แล เรอ่ื งเกา ผา นไปแลว เรื่องใหม
ผา นมา แลว กลบั เอาเรอ่ื งเกา มาครนุ มาคดิ มาพนิ จิ พจิ ารณา ดว ยความเพลดิ เพลนิ รน่ื
เรงิ ดว ยความเสยี อกเสยี ใจ ไมใชเพื่อความถอดความถอน ไมใ ชเ พอ่ื ความรแู จง เหน็
จรงิ ในสง่ิ เหลา น้ี แตเพื่อความหลงสนิทติดจมกับมันเรื่อยๆ ไป นเ่ี ปน อยา งน้ี เพราะ
เรอ่ื งมนั อยกู บั สญั ญากบั สงั ขารความปรงุ ความสาํ คญั

อดตี ทเ่ี คยผา นมาแลว ไดเ คยรเู คยเหน็ ไดเคยสัมผัสสัมพันธกับสิ่งใดกี่ปกี่เดือน
กี่วัน มนั นํามาปรุงไดอ ยางสดๆ รอ นๆ เจา ของไมร สู กึ ตวั วา สง่ิ เหลา นไ้ี ดผ า นไปแลว คดิ
ขึ้นมาทําไม มนั บดู มนั เสยี มนั เนา เฟะไปหมดแลว เอามาอนุ กนิ ทาํ ไม ไมมีสติพอที่จะคิด
ไดอ ยางน้ีเลย กลายเปนของสดๆ รอ นๆ ขึ้นมาในขณะนั้น แมเรื่องนั้นจะผานไปกี่ปกี่
เดอื นแลว กต็ าม เมอ่ื สญั ญา สงั ขารไดปรุงขึน้ มาแลว ตองกลายเปนของสดๆ รอ นๆ
โกหกไดตอหนาตอตานั้นแล นจ่ี งึ เรยี กวา สญั ญาเปน ตวั สาํ คญั สงั ขารเปน ตวั สาํ คญั ทท่ี าํ
ใหเ กดิ เรอ่ื งเกดิ ราวอยวู นั ยงั คาํ่ คนื ยงั รงุ ภายในจติ ใจของเราของทา นทกุ ๆ คน ถาเราไม
ใชป ญ ญาเขา ไปพนิ จิ พจิ ารณาแลว อยา งไรจะรมู นั ไมไ ดว า เรอ่ื งเหลา นม้ี นั เปน เรอ่ื งโกหก
มนั เปน เรอ่ื งลมๆ แลง ๆ ที่ออกมาจากจิตใจของตัวเอง แตก ลายเปน เรอ่ื งจรงิ ขน้ึ มาดว ย
ความเสกสรรปนยอของกิเลสและความเชื่อของตัวเอง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๙๘

๒๙๙

ถา ตามหลักความจริงแลว มนั มีอะไร ก็เรื่องที่สัมผัสสัมพันธมาแลวมันก็ผานไป
แลว มนั หายไปไหนกไ็ มร ู ก็คือเรื่องสัญญา สงั ขารนเ่ี อง มนั เปน เรอ่ื งขน้ึ มาจากผนู ต้ี า ง
หาก ไมไดเปนเร่ืองข้ึนมาจากสงิ่ น้ัน สง่ิ นน้ั ผา นไปแลว หายไปแลว เร่อื งอันแทจรงิ ท่จี ะ
ทาํ ใหล มุ หลง มันเปนขึ้นมาจากตัวเองปรุงขึ้นมา ปรงุ เรอ่ื งนน้ั เรอ่ื งน้ี เรอ่ื งหญงิ นน้ั ชายน้ี
เรื่องราวอดตี อนาคต เรื่องอะไรตออะไร เรอ่ื งไดเ รอ่ื งเสยี เร่อื งดีใจเสียใจ เรอ่ื งรน่ื เรงิ
บนั เทงิ เรอ่ื งเศรา โศกเสยี ใจมนั ปรงุ ขน้ึ มาในขณะนน้ั เปน เรอ่ื งสดๆ รอ นๆ ขน้ึ มา ก็ตื่น
มันอยูอยางนั้น น่ีเรียกวา ความหลงตามมนั ไมมวี ันอ่ิมพอ ไมรูจักจืดจาง ไมไดคํานึงวานี้
เปน อดตี ผา นไปแลว เทา นน้ั ปเ ทา นเ้ี ดอื น ไมไดสนใจ มีแตติดจมไปกับเรื่องนี้ทั้งนั้น ซึ่ง
เปนเรื่องของกิเลสทั้งมวล

สญั ญาเมอ่ื กเิ ลสยงั มอี ยภู ายในใจ สญั ญานก้ี เ็ ปน เครอ่ื งมอื ของกเิ ลสและกลาย
เปนกิเลสไปดวยกัน เพราะฉะนั้นปญญาจึงตองหยง่ั ลงไปใหทราบอาการเหลา น้ี มนั เกดิ
ขึ้นมันดับไป ดีเกิดขึ้นดับ ชั่วเกิดขึ้นดับ เรอ่ื งราวใดๆ เกิดขึ้นๆ ดับไปๆ ใจเปน ผปู รงุ
แตง ขน้ึ มาเปน เรอ่ื งเปน ราว ใจเปน ผรู บั ทราบ ใจเปน ผหู ลง สติปญญาเปน ผูต ามตอน
เปน ผพู นิ จิ พจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ใครค รวญโดยละเอยี ดชดั เจนแลว มนั เปน เพยี งเงาเทา นน้ั
เม่ือรูไดอยางชดั เจนแลว กป็ ลอ ยวาง น่แี หละถา เปนปญ ญา

ตื่นอะไรตื่นเงาเจาของ เดินไปไหนเงาก็ติดตัวไปนั้น กร็ อู ยวู า เปน เงาแลว ตน่ื หา
อะไร เรอ่ื งปญ ญาเมอ่ื ทราบชดั แลว กเ็ หมอื นกบั เราไมต น่ื เงาเรานน่ั แล เราเดนิ ไปไหน
เงาตดิ ตวั เราไป เรากไ็ มต น่ื มนั เพราะทราบแลว วา เปน เงา นี่เมื่อสติปญญามีกําลังพอตัว
แลวก็ทราบอาการของจิต เชน สัญญา สังขารเปนตน วา เปนเงาเหมอื นกันไมต ืน่ และ
ปลอยไดอยางสะดวกสบายไมไปกังวล เชน เดยี วกบั เราไมไ ปกงั วลกบั เงาของเรานน่ั แล

วิญญาณ คอื ความรบั ทราบกเ็ หมอื นกนั ความกระเพื่อมของจิตในขณะที่สิ่งภาย
นอกเขามาสัมผัส เชน รปู สัมผัสตา กร็ แู ยบ็ เสียงสมั ผสั หูไดย นิ รแู ยบ็ ๆ ไปตามสัมผัส
พออาการที่มาสัมผัสนั้นดับไป ความรูอันนี้ก็ดับไปพรอมๆ กัน แตอารมณที่นํามา
ครุนคิดนั้นซิมันไมดับ มนั สมุ อยภู ายในใจเพราะกเิ ลสมนั ไมด บั มนั มอี ยภู ายในใจ จงึ
ตองไดแยกไดแยะลงไป นับตัง้ แตข้นั กายท่ไี ดอ ธิบายมาแลว เมอ่ื รชู ดั ตามความเปน จรงิ
แลว เทา นน้ั มนั กป็ ลอ ย เรื่องอุปาทานความถือกายไมตองบอก ขอใหปญญาไดหยั่ง
ทราบโดยตลอดท่วั ถึงแลว เถิด อุปาทานเปนผลของความหลงตางหาก เมอ่ื ความรู
ปรากฏชัดเจนดวยปญ ญาของตนแลว ความยึดมั่นถือมั่นก็ปลอยก็ถอนตัวเขามา จะไป
ยึดมันอะไร เหมอื นตน่ื เงานน่ั เมื่อรูแลวจะไปตื่นอะไรเงา

เวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ กอ็ ธบิ ายเรยี งๆ ไปอยา งนน้ั แหละ ในขณะ
พจิ ารณาเราไมไ ดเ รยี งนะ ใครจะพจิ ารณารปู แลว จงึ จะพิจารณาเวทนา สัญญา สงั ขาร

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๙๙

๓๐๐

วญิ ญาณ นน้ั ผดิ ทง้ั เพ ไปเรียงลําดับลําดา มนั กลายเปน ปรยิ ตั ไิ ปเสยี การพิจารณาจึงไม
ไดคํานงึ คํานวณ ไมวาอะไรจะมากอนมาหลัง มนั เหมาะสมกบั กาลเวลาหรอื สถานการณ
ในเวลานน้ั ประการใดกต็ าม พจิ ารณาทนั ที แลวมันจะวิ่งถึงกันหมด เพราะอาการทง้ั หา
นี้อยูดวยกัน ไมไ ดเ รยี งรายไปไหน และเวลากเิ ลสเกดิ ขน้ึ ราคะกด็ ี โทสะกด็ ี โมหะก็ดี
ดงั ทก่ี ลา วมานม้ี นั เรยี งรายกนั ไหม อนั น้ีเกิดเสียกอ นอนั นนั้ จงึ เกิดทีหลงั อันนั้นจงึ เกดิ
ตามกันมา

มนั เปน กเิ ลสดว ยกนั ทง้ั ราคะ ทั้งโทสะ ทั้งโมหะ ความรกั ความชงั ความเกลยี ด
ความโกรธเปน กเิ ลสทง้ั นน้ั เกิดไดทุกขณะทุกเวล่ําเวลาโดยไมเลือกเกิดกอนหรือหลังซึ่ง
กนั และกนั เลย มนั เปนกิเลสดวยกนั ท้ังนนั้ และมนั ผูกมดั บบี ค้ันจิตใจเราไดดวยกัน การ
พจิ ารณาแกก เิ ลสประเภทตา งๆ จึงไมจําเปนจะตองไปเรียงขันธหาดังที่อธิบายใหฟงนี้
ไมใชเปนทางที่ถูก มันเหมาะสมเมื่อไรมันอยูดวยกัน เอาแยกแยะพจิ ารณา

ในขณะทพ่ี จิ ารณากายนน้ั เวทนาเกดิ ขน้ึ เอา แยกแยะดูทุกขเวทนาแยกดูกาย
มันเปนอันเดียวกันไหมและแยกดูใจ ทง้ั เวทนาสขุ ทุกข เฉยๆ ทง้ั ใจมนั เปน อนั เดยี วกัน
ไหม แยกตรงไหนจิตจอลงไป สติจอลงไป ปญญาคอยสอดแทรกดูตลอดจนกระทั่งหยั่ง
รูไดอยางชัดเจน วา กายกเ็ ปน กายเฉยๆ ตั้งแตทุกขยังไมเกิด ทุกขก็เพิ่งเกิดขึ้นมาใน
ขณะนี้ มันจะเปนอันเดียวกันไดยังไง ถา เปน อนั เดยี วกนั แลว ทุกขดับไป กายตองดับไป
ดวยซิ ถากายกับทุกขเปนอันเดียวกัน กายเกิดมาตั้งแตวันเกิด ทุกขประเภทนี้ทําไมจึง
เพง่ิ มาเกดิ เดยี๋ วน้ี และเกิดแลวก็จะดับไปไมชานี้ แตกายไมดับไปดวย ถาเปนอันเดียว
กนั ทาํ ไมจงึ เปน เชน นน้ั นม่ี นั ไมใ ชอ นั เดยี วกนั นน่ั แล

กายก็สักวา กายเปน ความจรงิ อนั หนง่ึ ของกาย เวทนา สขุ ทุกข เฉยๆ ก็เปน
อาการอันหน่ึงๆ ของมัน เปน ความจรงิ ของมนั ไมใชอ ันเดยี วกนั จติ กเ็ ปน แตผ รู บั ทราบ
เทา นน้ั ทุกขเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจากจิต แตก็ไมใชจิต เวลาทุกขดับไปจิตก็ไมดับ ทุกขยังไม
เกิดจิตก็รูอยูนั่น เวลาทุกขเกิดจิตก็รูอยู ทุกขดับไปจิตไมไดดับไปดวย ถาเปนอันเดียว
กันมันตองดับไปดวยกัน มันเปนอาการอนั หนึ่งๆ เทา นน้ั นแ่ี หละทว่ี า เวทนา

เวลาพจิ ารณา แยกแยะจนกระทง่ั รตู ามความเปนจรงิ ทั้งกายทง้ั เวทนาท้งั จติ ตา ง
อันตางจริงแลวอยูไมกระทบกระเทือนกัน นจ่ี งึ เรยี กวา รสู จั ธรรมรอู ยา งน้ี คือจริงอยางนี้
จรงิ ประจกั ษใ จ ถึงกับอุทานขึ้นมา โถอยา งนเ้ี หรอ วา สจั ธรรมเปน ของจรงิ จริงอยางนี้
เหรอๆ คือมันเห็นประจักษหาที่คานไมได หาที่แยงไมไดเพราะตางอันตางจรงิ จรงิ ๆ
แตต วั หลงนน่ั ไปเหมาเอาหมดวา กายกเ็ ปน เรา เวทนากเ็ ปน เรา สขุ ทุกข เฉยๆ อะไรก็
เปน เรา เรากลายเปน เวทนาอะไรตอ อะไรยงุ ไปหมด นน่ั แหละมนั นาํ มาคละเคลา กนั
และนาํ มาเผาตวั เองดว ยความลมุ หลงตวั เอง เมอ่ื แยกแยะดอู าการเหลา นใ้ี หเ หน็ ตาม

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๐๐

๓๐๑

ความจรงิ ดวยสติปญญาโดยชอบธรรมแลว ๑. ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นมากนอยดับไปใน
ขณะนั้น ๒. ทุกขเวทนาไมด ับแตต างอันตางจรงิ ไมกระเทอื นกันเราทราบไดเ ปนระยะๆ

การพิจารณาไตรตรองในขนั ธท้งั สี่ เมื่อถึงขั้นละเอียดที่จิตใจปลอยวางรางกาย
แลว จะมแี ตอ าการน้ีแหละที่เดน อยู สญั ญากบั สงั ขารนเ้ี ดน มากตามการพจิ ารณา ตาม
แตจริตนะอยามายึดทีเดียว ใหจ บั นน้ั พจิ ารณาแลว จะกระเทอื นกนั ไปหมด เมื่อ
พจิ ารณาหลายครง้ั หลายหน ทดสอบกันอยูไมหยุดไมถอยเพื่อความรูจริงเห็นจริง ทําไม
จะเห็นปลอมไปได ตองเห็นจริงไมเปนอยางอื่น และรไู ดช ดั วา อาการทง้ั หา นไ้ี มใ ชเ รา
ไมใชข องเรา ไมใชจิต นน่ั มนั รชู ดั

รปู กายกส็ กั แตว า รปู กายเปน เราไดอ ยา งไร มันรูถึงขนาดวาปลอยไดแลวนะไม
สงสัย เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ แตละอาการๆ ฟงแตวาอาการ มนั เปนส่งิ ทเี่ กดิ
ดับๆ มนั คงเสน คงวาทต่ี รงไหน จิตเปน สงิ่ ทีค่ งเสนคงวา แมจะมีกิเลสหุมหออยูจนมิด
ตวั กต็ าม มันก็คงเสนคงวาแหงความเปนจิต ไมมคี ําวาตาย รูอยูตลอด จิตนั้นรูอยู
ตลอด จะถกู กิเลสบบี คน้ั ขนาดไหนกร็ ู ปดไมอยู นน่ั คอื ตวั จติ แตอาการเปนสิ่งที่เกิดที่
ดบั อันนั้นไมไดดับ นเ่ี วลาพจิ ารณายอ นหนา ยอ นหลงั พลกิ ไปพลกิ มา หลาย
ตลบทบทวน นก่ี ารพดู นเ้ี รายน ยอ เขา มาเฉยๆ แตก ารพจิ ารณานน้ั ยากนะ ซาํ้ ๆ ซากๆ
ถือเอาอันนี้เปนงานเปนชีวิตจิตใจของตัวเอง ของผูบําเพ็ญจริงๆ จนกระทั่งมันพอตัว
เชน เดยี วกบั เรารบั ประทานอาหาร จะนานหรอื ไมน านไมส าํ คญั ขอใหพ อกบั ความ
ตองการของธาตุเทานั้น น้นั แหละทีนอี้ มิ่ อิ่มตัว

การพจิ ารณาเมอ่ื พอแกค วามตอ งการ รแู จง เหน็ ชดั ในทกุ สง่ิ ทกุ อยา งหายสงสยั
แลว มันปลอยวางของมันเอง และไมไดก าํ หนดกฎเกณฑว า ปลอ ยน้ันกอ นปลอยน้ีหลงั
เราจะทราบไดใ นภาคปฏบิ ตั ขิ น้ั ทันธาภิญญา อยา งพวกเรานน้ี ะ ทราบไดว า รา งกายน้ี
ปลอ ยเปน อันดบั หนง่ึ สัญญา สงั ขาร วิญญาณ ไมทราบวา มันปลอยอนั ดบั สอง อันดับ
สาม แตท ราบไดช ดั วา เหลา นม้ี แี ตอ าการทง้ั นน้ั ไมใ ชจ ติ ถาจะวาปลอยพรอมกันก็ถูก จะ
วาปลอยอะไรกอนอะไรหลังนี้พูดไมได สําหรับผมเองก็พูดไมไดทั้งๆ ที่ไดพิจารณาดังที่
ไดพูดมานี้ แลวปลอยอยางนเี้ หมือนกัน ไมใ ชม าพดู เฉยๆ แตก ็ไมทราบวาปลอยอะไร
กอนอะไรหลัง แตท ราบไดช ดั วา เหลา นเ้ี ปน อาการของจติ ทง้ั นน้ั รูไดอยางชัดเจนแลว
ปลอย ไมหลงมันพูดงายๆ รูเ ทามนั แยบ็ ขน้ึ มากร็ วู า มนั แยบ็ ขน้ึ มา ดับไปก็รูวาดับ เกิด
ดบั เปน ของคกู นั กบั อาการเหลา น้ี นี่คืออาการของขันธแตละขันธ

นแ่ี หละการพจิ ารณาทางภาคปฏบิ ตั ติ ามความจรงิ เปน อยา งน้ี ทีนีเ้ ม่อื รูชัดเจน
แลว ทาํ ไมวงจะไมแ คบเขา มาละ แตก อ นกเิ ลสมันแผอาํ นาจไปท่วั ขอบเขตจักรวาล มีแต
สายของกเิ ลสยาวเหยียดไปหมดครอบฟาดนิ แดน จนไมท ราบวา ใกลว า ไกลขนาดไหน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๐๑

๓๐๒

แตค รน้ั เวลาตเี ขา มาๆ แลว มันก็ปลอยเขามาดังที่วา พอรูเขามาๆ รูเขามาถึงไหนก็ตอง
ปลอยเขามาถึงนั้น จนกระทั่งถึงวงขันธหา

รปู ขนั ธก็ปลอยดวยความรเู ทาทัน ดว ยการพจิ ารณารรู อบขอบชดิ เตม็ ทแ่ี ลว
สัญญา สังขาร วญิ ญาณกไ็ มท ราบวา พจิ ารณากต่ี ลบทบทวนอยอู ยา งนน้ั เอานน้ั เปน งาน
เกิดก็รูดับก็รู มันเอาเรื่องอะไรขึ้นมาปรุงมาแตงดีชั่ว อดีตอนาคตอยางไรบาง ตามรู
ตามเห็นอยูตลอด นเ่ี รยี กวา การพจิ ารณา จนกระทง่ั เปน ทแ่ี นใ จวา เหลา นท้ี ง้ั มวลมนั เปน
อาการท้ังน้ัน ออกจากจิตทั้งสิ้น เมื่อมันออกจากจิต มันมีอะไรอยูในจิตจึงออกมาเปน
เรอ่ื งราวอยา งน้ี จงึ ทาํ ใหห ลงอยเู สมอ เมอ่ื สง่ิ เหลา นเ้ี ปน เพยี งเงาแลว มนั กป็ ลอ ย คอยดู
คอยจบั ในขณะทจี่ ิตมนั ปรงุ จากนั้นกย็ อ นเขาไปดูตัวจิต มันมีอะไรอยูในนี้ มันถึงไดเกิด
ไดดับทําใหห ลงอยูเรอ่ื ย ๆ

นน่ั แหละปญ ญา เปนเหมือนไฟไดเชื้อ เชื้อมีอยูที่ไหนไฟจะลุกลามเขาไปๆ ทีนี้
เชื้อกิเลสมีอยูที่จิต ปญญาจะเปนเหมือนไฟลุกลามเขาไปๆ หาตวั จติ พจิ ารณาตวั จติ จน
กระทั่งไหมหมด อวิชฺชาปจฺจยา สงขฺ ารา ทเ่ี คยเปน อนั หนง่ึ อนั เดยี วกบั ใจมานานแสน
นานนน้ั ไดถูกตปธรรมมีปญญาเปนสําคัญเผาเกลี้ยงไมมีเหลือ เอา ทีน้จี ิตดบั ไปไหม
ถา อาการทง้ั หา นเ้ี ปน เราและกเิ ลสเปน เราจรงิ ๆ แลว กเิ ลสดบั ไปโดยสน้ิ เชงิ ไมม ีเหลือ
แมภ ายในจติ แทๆ ซึ่งเคยเปนคลังของกิเลสมาแตกอน เวลากเิ ลสดบั ไปหมด ขาดพัง
ทลายไปหมดแลว แลว จติ ดบั ไปดว ยไหม นน่ั ออ สง่ิ เหลา นเ้ี ปน อยา งนๆ้ี ๆ มันก็รูได
ชัดซิ ทีนค้ี วามรูอนั นเ้ี ปนยังไง แตก อ นความรปู ระเภทนน้ั เปน อยา งนน้ั ความรขู น้ั นน้ั
เปน อยางน้ัน มาถงึ ความรขู ั้นอวชิ ชาเปนอยางนี้

ทีนี้พออวิชชาแตกกระจายออกไปหมดดวยอํานาจของปญญา ตปธรรมเผาลงไป
แลว ความรปู ระเภทนน้ั เปน อยา งไร นน่ั ความรปู ระเภทนเ้ี ปน ความรปู ระเภททอ่ี ศั จรรย
พูดไมถูกพูดไมได เพราะไมม ีอะไรเหมือนในโลกทั้งสามนี้ เนื่องจากในโลกทั้งสามนี้
เปนสมมุติทั้งมวล ธรรมชาตทิ ่รี ๆู ดว ยความบริสทุ ธิ์ของตนน้ันไมใชส มมตุ ิ จะมาพูดให
เปน สมมตุ ิ ใหเหมือนสมมุติไดยังไง แตป ฏเิ สธไมไ ดใ นความรใู นความบรสิ ทุ ธ์ิ ในความ
เดนอิสระของตนโดยลําพัง ไมเจือปนกับสมมุติใดๆ ทั้งสิน้ น้นั อันนี้ดับไหมที่นี่ หาย
สงสัย แมจะออกอุทานก็อุทานไดเต็มปากเต็มใจ ไมม กี เิ ลสตัวใดมาตานทานขัดแยง
แลว

นแ่ี หละทท่ี า นเรยี กวา เรยี นจบปรญิ ญาเอก เอโก ธมฺโม ธรรมแทงเดยี ว จิตคอื
ธรรม ธรรมคอื จติ เปน อนั เดยี วกนั อกาลิกจิต อกาลิกธรรม คอื ธรรมชาตนิ แ้ี ล นี่คือ
ปรญิ ญาเอกในครง้ั พทุ ธกาลทา นเรยี นจบปรญิ ญาเอก ไมเหมอื นพวกเราปรญิ ญาเอก

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๐๒

๓๐๓

เอกมีนัยนตาขางเดียวไมเปนทา ถาลงนัยนตาขางหนึ่งบอดไปอีกแลว เสรจ็ มนั เลยเอก

เปนอะไร มืดมิดปดทวาร

เอา นักปฏิบัติยึดใหดี หลกั ฐาน สถานท่ี หลกั วชิ า การดาํ เนนิ ทพ่ี ระพทุ ธเจา ทรง

พาดาํ เนนิ มาและทรงสอนดว ยวธิ กี ารใด ใหย ดึ หลกั นใ้ี หด ใี หเ หนยี วแนน มน่ั คง เรื่องติด

พันกับกิเลส กเิ ลสตดิ พนั กบั เรานน้ั มนั เคยเหนยี วแนน มน่ั คงมาเปน เวลานานแลว ควร

จะจดื จางหรอื ควรจะชนิ ชาตอ กนั บา งแลว ธรรมทก่ี ลา วเหลา นเ้ี รายงั ไมเ คย เราเพิ่งจะมา

เคยในเวลาทบ่ี วชประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ เอาใหจ รงิ ใหจ งั ใหเ หน็ ความจรงิ วา เปน ยงั ไง แลว จะ

เสยี ดายกิเลสตัวใดอกี ไหม

เอาลงใหจ ิตไดบ ริสุทธ์เิ ตม็ ที่แลวซิ เราจะยอ นกลบั มาเสยี ดายกเิ ลสตวั ใดบา ง

ไหม เราจะเสยี ดายโลกธาตนุ โ้ี ลกไหนบา งไหม กามโลก รปู โลก อรปู โลก สามโลก

กามภพ รูปภพ อรปู ภพ สมบตั ิทง้ั หลายทีเ่ กดิ อยูในแดนโลกธาตนุ ี้ เราจะยอ นกลบั มา

เสียดายมันอีกไหมเมื่อจิตไดผานพนไปแลว เอาซเิ อาใหจ รงิ นกั ปฏบิ ตั ิ ถาธรรมไมวิเศษ

จะเหนือสิง่ เหลาน้ไี ปไดอ ยา งไร แลว ใจทห่ี ลดุ พน ไปแลว จะยอ นมาเสยี ดายความเดน

ตายเสยี ดายปา ชา อะไรกนั อกี ความทเ่ี ราเสยี ดายเหลา นเ้ี ปน เรอ่ื งของกเิ ลสทง้ั มวล จง

ทราบไวใ หถ งึ ใจ เอาใหจ รงิ ใหจ งั

นแ่ี หละการปฏบิ ตั ิ ถาจริงตองเปนอยางนี้ไมเปนอยางอื่น สวากขาตธรรมนส้ี ดๆ

รอ นๆ ประหนง่ึ วา พระพทุ ธเจา ประทานอยปู จ จบุ นั น้ี อา นบทใดบาทใดคาถาใดเหมอื น

พระพุทธเจา ประทานพระโอวาทในขณะน้นั ๆ ดวยพระองคเอง ไมมีคําวาอดีตอนาคต

เพราะเปน ความจรงิ ลว นๆ ความถูกตองลวนๆ ในธรรมทแ่ี สดงไวแ ลว นน้ั จะเปนอดีต

ไกลๆ ที่ไหนกัน ธรรมของจริงตองเปนปจจบุ นั ทนั สมัยอยเู สมอ ผูนํามาประพฤติ

ปฏิบัติใหถูกตองจะไมมีขอของใจสงสัยใดๆ ผูปฏิบัติทั้งหลายจงตั้งอกตั้งใจดังที่ได

กลา วมาเมอ่ื สกั ครนู ้ี จิตจะกลับมาเสียดายอะไร เอา ใหร เู หน็ กบั ตวั เราเอง ธรรมของ

พระพุทธเจาเคยหลอกลวงโลกเมื่อไร รอ ยทง้ั รอ ยมแี ตเ ราหลอกเรา หรอื กเิ ลสหลอกเรา

ตา งหาก

ฉะนั้น จงเอาใหจ รงิ ถา อยากรเู หน็ ธรรมของจรงิ ประจกั ษใ จ ของจริงของวิเศษมี

อยกู บั ใจน้ี ใหก ิเลสมันเอาไปครองอยทู าํ ไม ใหก เิ ลสมนั เหยยี บยาํ่ ทาํ ลายเคย้ี วใหแ หลก

อยูตลอดเวลา และทนรบั ความทกุ ขค วามลาํ บากอยทู าํ ไม ธรรมมอี ยู เครอ่ื งสงั หารกเิ ลส

มีอยู เครื่องซักฟอกมีอยูนํามาใชซิ เราเปน มนษุ ยท ง้ั คนดว ย เปนพระทั้งองคดวย ทําไม

จะไมม คี วามสามารถ เมื่อไดร บั พระโอวาทจากพระพุทธเจาอยา งเต็มหัวใจแลว ตอ งเรา

เทานั้นจะปฏิบัติใหพนทุกขได คนอ่นื เปน เรอ่ื งของคนอ่นื อยานํามากวนใจ

เอาละเหน็ วา สมควร รสู กึ เหนอ่ื ยภายใน

<<สารบญั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๐๓

๓๐๔

เทศนอ บรมพระ ณ วดั ปา บา นตาด
เมื่อวันที่ ๑๓ กนั ยายน พุทธศักราช ๒๕๒๔

งานของสมณะ

การสรา งกนิ มที าํ เลทท่ี าํ งานเปน ประจาํ ทกุ สตั วท กุ บคุ คล จะอยูเฉยๆ ไมได
เพราะธาตขุ นั ธน ม้ี นั รบกวนวนุ วายอยตู ลอดเวลา ทง้ั ความหวิ ความกระหาย ทง้ั โรคภยั
ไขเ จบ็ มอี ยเู ปน ประจาํ ในขนั ธ จะเรียกวาขันธนี้หาความสงบพอตัวไมไดก็ไมผิด เพราะ
ขนั ธนี้เกิดข้ึนมาในทา มกลางแหง โลก อนจิ จฺ ํ ทุกฺขํ อนตฺตา จึงตองมีความบกพรอง
ตอ งการและแปรปรวนภายในตวั อยเู สมอ โลกจงึ ตอ งทาํ งานกนั ไมว า สตั วว า บคุ คล ตอง
ทํางานเพื่อปากเพื่อทองเพื่อความเปนอยู เพื่อชีวิตรอดไปเปนวันๆ จนถึงอวสานของ
ชวี ติ นน้ั ๆ โลกจึงเปนปกติสุขโดยไมตองขวนขวายอะไรไมได เมื่อเปนเชนนั้นโลกจึงมี
งานประจาํ ตน นอกจากมงี านประจาํ ตนแลว ยงั ตองมีสถานทท่ี าํ เลแหงการทาํ งานนน้ั ๆ

มนุษยเราอยูสถานที่ใดก็มีที่ทํางานเปนของตน และมโี รงงานเปน ทผ่ี ลติ เครอ่ื ง
อุปกรณตางๆ เพื่อธาตุเพื่อขันธ เพื่อความเปนอยูของมนุษยทั่วๆ ไป และงานที่โลกทํา
นน้ั ผลที่ถูกผลิตออกมาเปนความสําเร็จแกความตองการและธาตุขันธ ใหโลกเห็นอยู
อยางชัดเจน เชน โรงงานผลิตส่ิงน้นั สิ่งนั้นปรากฏขึ้นมา โรงงานนน้ั ผลติ สง่ิ นน้ั สง่ิ นน้ั
ปรากฏขน้ึ มาจากโรงงานนน้ั ๆ นเ่ี ปน ขอ เปรยี บเทยี บ

ที่นี่ทางพระพุทธศาสนาก็มีงานประจําตน มคี วามจาํ เปน สาํ หรบั ผทู ต่ี อ งการ
เยยี วยารกั ษาจติ ใจของตนใหม คี วามสงบรม เยน็ ไมร อ นเปน ฟน เปน ไฟเพราะขาดธรรม
อนั เปน อาหารทางใจ เฉพาะอยางยง่ิ นักบวชยอ มมีโรงงานเปนเน้ือเปน หนงั เปน
กิจจะลักษณะ เปนหลักฐานมั่นคง เปน กฎเปน เกณฑยงิ่ กวางานอน่ื ใดเพศอ่ืนใด ดว ย
เหตุนี้พระพุทธเจาจึงทรงสั่งสอน สถานทีท่ ํางานและงานอนั เปนความจาํ เปน ท่ีจะไดผ ล
เปนที่พอใจ และความประสงคของผูตองการผลอันเปนที่พึงหวัง เชน ทรงสั่งสอน
สถานที่ที่อยูอาศัย ทรงส่งั สอนงานท่ีทาํ ไมใหผิดพลาด ทรงสง่ั สอนวา ใหแ สวงหาอยใู น
สถานทส่ี งดั เชน ในปา รม ไม ชายเขา ตามถ้ํา เงื้อมผา ปาชา ปา ชฏั อันเปนที่สงัดไม
เปน ทพ่ี ลกุ พลา นดว ยสง่ิ รบกวนตา งๆ เพื่องานที่ทํานั้นจะไดเปนไปเพื่อความราบรื่นดี
งามสมความมงุ หมายไมล า ชา เนน่ิ นาน

งานทท่ี าํ กค็ อื การภาวนา พจิ ารณาตั้งแตข้ันสมถะคอื ความสงบเย็นใจ ดวยวิธี
การตา งๆ เชน สมถธรรม ๔๐ หองที่ทรงแสดงไว เพื่อความสงบระงับของจิตซึ่งเปนตัว
ฟงุ ซา นวนุ วาย ดว ยอาํ นาจแหง โรคภายใน ไดแกกิเลสตัณหาอาสวะเครื่องหมักดองอยู

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๐๔

๓๐๕

ภายในจติ ใจ ใหส งบตวั ลงไปดว ยอบุ ายวธิ แี หง ธรรมนน้ั ๆ เชน อานาปานสตเิ ปน ตน นี่
คืองานขั้นหน่ึงเปน ขนั้ เปน ตอนซึง่ พดู ในภาคท่วั ๆ ไป ในขณะทจ่ี ะสบั งานหรอื เปลย่ี น
งานในเวลาเชน นน้ั กม็ ี เชน วปิ ส สนาการพจิ ารณาแยกแยะอาการของกายสว นตา งๆ
ดวยอุบายของสตปิ ญญาอนั เปน ความฉลาดแหลมคม ใหร ตู ามความเปน จรงิ ในธาตใุ น
ขันธทั้งภายนอกภายใน ตลอดสิ่งทั่วๆ ไปซึ่งอยูในวงแหงการพิจารณาของปญญา จะพึง
รูรอบขอบชิดตามกําลังของตน

เฉพาะอยา งยง่ิ วดั ปา บา นตาดกเ็ ปรยี บเหมอื นกบั โรงงานอนั หนง่ึ ทเ่ี ราทง้ั หลาย
เปนผูมุงตองานและผลของงานคืออรรถธรรม ไดม าสสู ถานทน่ี ้ี หวั หนางานกไ็ ดแ กผ ู
เปน หวั หนา วดั ผทู าํ งานเพอ่ื เปน เนอ้ื เปน หนงั เปน สารคณุ จรงิ ๆ ก็คือตัวของเราแตละ
องคๆ ที่มาประพฤติปฏิบัติเพื่อกําจัดสิ่งไมดีทั้งหลายที่ฝงจมอยูภายในใจ วนั หนง่ึ ๆ
เราทาํ งานจากอบุ ายการแนะนาํ สง่ั สอนของหวั หนา งานอยา งไรบา ง อนั นเ้ี ปน สง่ิ ทค่ี วรคดิ
อยา งยง่ิ สาํ หรบั นกั บวชเราทม่ี งุ หนา มาศกึ ษาอบรม

งานทางโลกเขาทุกโรงงาน เมื่อต้งั โรงงานและผลติ งานน้นั ๆ ขน้ึ มา ผลของงาน
ยอมปรากฏขึ้นมาเปนชิ้นเปนอันอยางประจักษ แตโ รงงานของเราทเ่ี ตม็ ไปดว ยคนงาน
คือสมณเพศสมณกิจ ทาํ งานอยภู ายในวดั น้ี มีผลงานอยา งไรบางทปี่ รากฏขนึ้ มา พอ
เปน ความอบอนุ ภายในใจ ผลงาน เชน สมถธรรม คอื ความสงบเยน็ ใจเปน อยา งไรบา ง
วปิ ส สนาธรรม คอื ความรแู จง เปน ลาํ ดบั ในสภาวธรรมทง้ั หลายดว ยปญ ญาของตน
ปรากฏขน้ึ อยา งไรบา ง นี่เปนสิ่งที่เราจะตองคิดใหถึงใจทุกๆ รูปทุกๆ องค

สถานที่ทาํ งานก็คือสถานท่เี ดนิ จงกรม นง่ั สมาธภิ าวนา งานกค็ อื สมถกจิ
วปิ ส สนากจิ โลกเขาทาํ งานเขามผี ลของงานปรากฏขน้ึ มา นกั บวชเราทาํ งานมผี ลปรากฏ
อยา งไรบา ง ขอใหพากันคิดอยางถึงใจ ถา งานนไ้ี มป รากฏแกจ ติ ใจบา งเลยกแ็ สดงวา เรา
นี้เจงไปทุกวัน ทาํ งานไมเ หน็ ผลมปี ระโยชนอ ะไร ขายหนา เปลา ๆ โลกเขาตง้ั โรงงานขึ้น
มาส้นิ เปลืองเงนิ ไปกีล่ า น แตทาํ งานลงไปไมเหน็ ผลของงานเลย ทาํ ไมโรงงานนน้ั ๆ จะ
ไมล มจม ตองลมจมโดยไมตองสงสัย งานของพระปฏบิ ัตเิ รากต็ องลม จมแบบเดยี วกนั
น้ี ซง่ึ เปน เรอ่ื งทน่ี า ใจหายนา เสยี ดายยง่ิ กวา สง่ิ ใดในโลก

ทน่ี ก่ี เ็ ปน สถานทอ่ี บรมทเ่ี รยี กวา โรงงาน เราทง้ั หลายแตล ะทา นๆ เปน ผมู ุง
ทาํ งานในหนา ทข่ี องพระ มีศาสดาองคเอกเปนผูวางโครงการไวโดยถูกตองแมนยําดัง
ธรรมทา นวา สวากขาตธรรม ตรัสไวชอบแลวทุกสิ่งทุกอยาง นยิ ยานกิ ธรรม พรอมอยู
เสมอทจี่ ะยงั ผลใหผ ูปฏิบัตดิ ปี ฏิบัตชิ อบตามสวากขาตธรรม ไดรับผลเปนที่พอใจ

งานทง้ั สองประเภทคอื เหตุ ไดแ กก ารดาํ เนนิ และผลทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการดาํ เนนิ
ของเราในทางสมณกจิ สมณธรรมนเ้ี ปน อยา งไรบา ง หากยังไมปรากฏผลก็แสดงวา นเ่ี รา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๐๕

๓๐๖

เรม่ิ เหลวไหลไปโดยลาํ ดบั ทกุ รปู ทกุ นาม ดไี มด เี หลวไหลจนกระทง่ั หวั หนา งานวา การสง่ั
สอนธรรมะนน้ั เปน โมฆธรรม หาสาระไมได หากวาการสั่งสอนนั้นถูกตองตามแนวสมถ
วปิ ส สนาเปน ธรรมสาระ ผูปฏิบัติตามทําไมจึงไมเห็นผล มันตองสอแสดงมาถึงหัวหนา
จนได แตนี้ไดแนะนําสั่งสอนหมูเพื่อนอยางเต็มกําลังสติปญญาความสามารถที่มีอยู
และดวยความแนใจวาไมผิดจากวิธีการสั่งสอนทุกแงทุกมุมทั้งเหตุและผล เพราะได
ดาํ เนินมาแลวอยางโชกโชนไมสงสยั ทั้งการปฏิบัติก็ไดตะเกียกตะกายลมลุกคลุกคลาน
มาแลว ตั้งแตภาคปฏิบัติทุกขั้นทั้งถูกทั้งผิด อนั เปน ครเู ปน อาจารยส อนตนทง้ั สน้ิ

อันดับตอมาก็ไดมาแนะนําสั่งสอนหมูเพื่อนและประชาชน ตามวธิ ที ต่ี นดาํ เนนิ
มาแลว ผิดหรือถูกประการใดก็ถือเปนครูเปนอาจารยของตนมาทุกระยะแลว จึงนําการ
ปฏิบตั ทิ ัง้ เหตแุ ละผลนั้นมาส่ังสอนหมเู พอ่ื น เพราะฉะนั้นจึงไมสงสัยทั้งเหตุและผลที่
ตนไดดําเนินมา ดว ยเหตนุ ห้ี มเู พอ่ื นควรพจิ ารณาดว ยดแี ละมน่ั ใจในแนวทางทส่ี ง่ั สอน
วา จะไมท าํ ใหผ ดิ หวงั ถา ตงั้ ใจปฏบิ ัตติ ามจรงิ ๆ ไมเถลไถลไปทางอื่น

อยา สงสยั เรอ่ื งอะไรในโลก อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา อนั เต็มไปดว ยปา ชาความเกิด
ตาย และเต็มไปดวยกองทุกขคลุกเคลากันอยูนี้ ไมมีอะไรพิเศษนอกเหนือไปจากนี้ มี
เฉพาะอมตธรรมที่จะเกดิ ข้ึนจากผลของงานที่เราผูปฏิบัติอยเู วลาน้เี ปน สําคัญ ตองเอา
ใหง านนส้ี าํ เรจ็ จนไดแ มข น้ั ใดขน้ั หนง่ึ ถา งานนไ้ี มส าํ เรจ็ เลยตอ งถอื วา เหลวไหลนกั
ปฏบิ ตั เิ รา

เราพรอ มทกุ สง่ิ ทกุ อยา งแลว เวลาน้ี เพศกพ็ รอ มคอื เปน วตั ถสุ มบตั ภิ ายในตวั เรา
หากจะวบิ ตั ใิ นตวั เราเวลานก้ี ค็ อื สตวิ บิ ตั ิ ปญ ญาวบิ ตั ิสาํ หรบั การแกก ิเลสประเภทตา งๆ
เทา นน้ั แตเปนสิ่งที่ฟนไดอบรมใหเกิดใหมีได ดัดแปลงได ทาํ ใหฉ ลาดไดไ มส ดุ วสิ ยั
พระพทุ ธเจา จงึ สอนใหอ บรมใหเ หน็ ผลงานทป่ี ฏบิ ตั ิ การปฏบิ ตั งิ านไมเ หน็ ผลงานเลย
เรยี กวา เหลวไหลทส่ี ดุ นกั บวชเหลวไหลนด้ี ไู มไ ดน ะ เราแตล ะรายๆ เหลวไหลดไู ดอ ยา ง
ไร ไมอ บั อายเจา ของเหรอ และไมอ ายศรทั ธาผสู นบั สนนุ ดว ยปจ จยั สม่ี าแตว นั เรม่ิ บวช
ละเหรอ โลกเขายังรูจักอายกัน เราเปน พระแทๆ ทําไมจะไมรูจักอายเขา

เราปฏิบัติเพื่อความพนทุกขแทๆ ทก่ี า วเขา มาสวู งพระศาสนาดว ยความเปน พระ
ศากยบุตรองคอ าชาไนยผูชนะเลิศในไตรภพแทๆ ถอยไดอยางไร หนา ทก่ี ารงานของเรา
นเ้ี ปน งานทเ่ี ลศิ ประเสรฐิ ตามทางศาสดาโดยแทแ ลว ทาํ ไมจงึ จะกลายเปน งานเหลวไหล
พระเหลวไหล ผลไมป รากฏ ขดั กันกบั ธรรมขดั กนั กับหลักศาสนา นอกจากขัดกับหลัก
ศาสนาแลว ยังจะเปนขาศึกตอศาสนาและเปนขาศึกตอเราดวยอยางหลีกเลี่ยงไมได
ฉะนั้น จงพากันคดิ ใหด ี ตีกิเลสใหแ ตกพา ย คลายกเิ ลสใหห ลดุ ถึงวิมุตติธรรมภายใน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๐๖

๓๐๗

ปจ จบุ นั ชาตนิ ้ี อยาลังเลเลื่อนลอยถอยทัพกลับแพ จะแยไปตลอดกัปกัลปหาสิ่งประกัน
ตัวไมได

อนั ใดทถ่ี อื วา เปน สริ มิ งคลแกเ ราเวลาน้ี ก็คือการดําเนินตามหลักธรรมของ
ศาสดา เอา หาํ้ หน่ั กเิ ลสตวั มหาภยั ลงไป อยาออมแรง เปนกเ็ ปนตายกต็ าย ในโลกน้ีมี
ปา ชา เตม็ ไปหมดอยา วา แตเ ราอยา งเดยี วเลย โลกทั้งโลกข้นึ ชอื่ วา สตั วสงั ขารแลว ตองมี
การเกิดการดับการลมการตายเหมือนกันไมมีทางสงสัย ไปสถานที่ใดมีแตปาชาของ
สัตวของบุคคล กอ นจะตายกด็ น้ิ รนกระวนกระวาย จนกระทั่งไปไมไดแลวคอยยอมตาย
นี่ไมใชกองทุกขบีบบังคับจะเปนอะไร สงสัยหาอะไรกันอีก

เราสงสยั อะไรในโลกแหง กระทะทค่ี รอบศรี ษะเรา หรอื ทอดเราเหมอื นกบั เนอ้ื
กบั ปลาอยเู วลาน้ี ดว ยความทกุ ขท รมานตา งๆ เราสงสยั อะไรอยอู กี กม็ ีทางเดยี วทจี่ ะ
กระโดดใหรอดพนไปไดจากกองฟนกองไฟคือ ราคคคฺ นิ า โทสคฺคินา โมหคฺคินา
เปนตน ดว ยการปฏบิ ตั เิ พอ่ื เอาตวั รอดเปน ยอดเรา ยอดธรรมนเ้ี ทานั้น ซึ่งเปนทางอัน
เอกเปนสถานที่เกษม เปน ธรรมเลศิ ภายในใจทพ่ี าใหข า มพน ไปได ดว ยความปลอดภัย
ไรทุกขโดยประการทั้งปวง

ฉะนั้นจงพากันทําใหถึงใจ ในการประพฤติปฏิบัติอยาทอถอยออนแอนะ ไมมี
ผลประโยชนอะไรเกิดขึ้นจากความทอถอยออนแอ ความทอ แทเ หลวไหลเลย ผลจะเกิด
ขน้ึ เพราะความขยนั หมน่ั เพยี ร ความอตุ สา หพ ยายามตา งหาก เฉพาะอยา งยง่ิ อทิ ธบิ าท
ทั้ง ๔ คอื ฉนั ทะ พอใจในอรรถในธรรมเพอ่ื ความพน ทกุ ขน อ้ี ยา งเดยี วเทา นน้ั ไมพอใจ
กบั สิ่งอน่ื ใด วิริยะ เพียรเพื่อความพนทุกขถายเดียว เพราะเราเคยจมอยใู นทกุ ขม านาน
ไมเปนที่สงสัยและประจักษใจทุกคน จติ ตะ มีความรักความใฝใจในงานของตนอยู
เสมอไมจืดจาง วมิ งั สา ทําอะไรๆ ใหคิดอานไตรตรอง อยาสักแตวาทํา ใหม คี วามจงใจ
คือสติติดแนบไปดวย ปญ ญาพจิ ารณาใครค รวญเสมอ นี่คืองานเพื่อความหลุดพน อิทธิ
บาท แปลยอ วา แดนแหง ความสาํ เรจ็ ไมมีงานใดที่จะถูกตองและเหมาะสมยิ่งกวาอิทธิ
บาททง้ั ๔ อนั เปน แดนสาํ เรจ็ นไ้ี ปไดเ ลย

จงปลงใจลงในธรรมเหลานี้ ถาอยากหนีทุกขไมจมอยูกับมันตลอดไปนะ และจง
ทราบโดยทว่ั กนั ดว ยวา กิเลสทุกประเภทไมเคยสอนใหสัตวโลกเบื่อทุกขและหนีทุกข
นอกจากกลอมใหหลงเพลินลืมตัวและจมอยูในทุกขถายเดียว ไมหยิบยื่นอะไรมาผลัด
เปลย่ี นพอไดห ายใจคลายทกุ ขบ า งเลย มธี รรมเทา นน้ั สอนสตั วโ ลกใหเ บอ่ื หนา ยคลาย
ทุกข จนบรรลุถึงบรมสุขไมมีอะไรเปนคูแขงได

เมอ่ื ทราบตามความจรงิ นแ้ี ลว จงดูใจตัวเองและถามใจตัวเองวา จะยึดเอากิเลส
เปน ศาสดา สรณํ คจฉฺ ามิ หรอื จะยดึ เอาศาสดาและธรรมเปน สรณํ คจฉฺ ามิ และถาม

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๐๗

๓๐๘

ผลของการยดึ นน้ั ดว ยวา สตั วโ ลกทกุ ขเ พราะกเิ ลสหรอื ทกุ ขเ พราะธรรมอยา งจรงิ ใจ
อยาถามเลนๆ ทาํ เลน ๆ กเิ ลสจะหวั เราะเอาจะวา ไมบ อก เพราะเพลงของกเิ ลสไพเราะ
เพราะพริ้งและออยอิ่งสุดประมาณที่จะตามรูทัน ถาไมใชวิสัยของธรรมและผูมีธรรม จะ
ไมม วี ันคน พบตนสายปลายเพลงของมันไดเ ลย ถาอยากคนใหพบเพลงอันออยอิ่ง แต
แสนจอมปลอมของมัน ก็จงผลิตสติ ปญญา ศรัทธา ความเพยี รเขา ใหพ อตวั จะตอง
เจอรางยักษรา งผขี องมันท่ฝี ง จมอยูภายในใจชนดิ ใจหายใจควาํ่ เพราะความเห็นโทษ
ของมันประจักษใ นวนั หน่งึ แนน อน

<<สารบญั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๐๘

๓๐๙

เทศนอ บรมพระ ณ วดั ปา บา นตาด
เมือ่ วนั ที่ ๑๗ กนั ยายน พุทธศักราช ๒๕๒๔

อบุ ายพน ทกุ ข

หลักธรรมของพระพุทธเจามีหลายขั้นหลายตอน นบั แตข น้ั พน้ื ๆ จนถึงขั้นสูงสุด
แหง ธรรม ถา เปน รา นคา กเ็ ปน รา นสรรพสนิ คา ไมมีอัดมีอั้นในการจําหนายตอลูกคา หา
เลือกไดตามความชอบใจ ผมู ีทนุ ทรัพยมากนอ ยเลอื กซ้ือไดใ นหา งสรรพสินคา น้ัน เพราะ
มีพรอมสมบูรณทุกสิ่งทุกอยาง ตั้งแตเครื่องเลนของเด็กจนกระทั่งสินคาที่มีคาอันสูงสง
ศาสนธรรมกเ็ ปน เชน นน้ั เหมอื นกนั ไมว า จะเปน เดก็ เปน ผใู หญ ฆราวาส นกั บวชทจ่ี ะนํา
ธรรมะประเภทตา งๆ มาประพฤติปฏิบัติตอตัวเอง มอี ยา งพรอมมูลอยูแ ลวในศาสน
ธรรมของพระพุทธเจา

ธรรมะพรอมจะเปนสิริมงคล และเปน ประโยชนแ กผ สู นใจใครธ รรมนาํ ไปปฏบิ ตั ิ
อยูตลอดเวลา ธรรมะมหี ลากรสเกย่ี วกบั คนหลายเพศหลายวยั ไมบ กพรอ ง เพราะฉะนน้ั
ธรรมจึงเปนหลักปกครองโลกไดเปนอยางดีไมมีที่ตองติ นับแตเด็กขึ้นไปถึงผูใหญ นบั
แตร ายบคุ คลไปถงึ สว นรวมและทว่ั โลกดนิ แดน ถาตางคนตางมีความสนใจดังที่ตางคน
ตา งมคี วามมงุ หวงั ความสขุ ความเจรญิ อยแู ลว นน้ั ธรรมะจะเปน เครอ่ื งสนองความสม
หวังของคนใหสมความมุงหมายโดยไมมีทางสงสัย เพราะธรรมะเคยเปนท่ีฝากจติ ฝากใจ
พง่ึ เปน พง่ึ ตายของโลกมานานแสนนานแลว จงึ ไมส งสัยวา ผนู บั ถอื ธรรมปฏบิ ตั ธิ รรมจะ
เปน ผหู งอยเหงาเศรา ใจและฉบิ หายลม จม จนกระทง่ั ไมมีใครนับหนา ถอื ตาและสมาคม
ดว ย แตธ รรมะเปน จดุ รวมแหง ความดแี ละคนดที ง้ั หลาย ใหส นทิ ตดิ ใจกันอยา งจรี งั ถาวร

โลกทห่ี าความสงบรม เยน็ ไมไ ด เพราะอาํ นาจแหง ฝา ยตาํ่ ซง่ึ เปน ขา ศกึ กบั ธรรม
เขา ยาํ่ ยตี แี หลกภายในจติ ใจ โลกจงึ มคี วามโลภมากเปน ภยั มาก มีความโกรธมากเปนภัย
มาก มีความหลงมากเปนภัยมากตอตนและผูเกี่ยวของไมมีประมาณ ยง่ิ เปน ผมู อี าํ นาจ
ราชศักดิ์มากและนําขาศึกทั้งสามอยางนี้ออกใชดวยแลว ก็ยิ่งจะเพิ่มความเปนฟนเปนไฟ
ใหแ กส ว นรวมไดม าก อันสมบัติตางๆ ในแผน ดนิ นน้ั ยังมีอยูมากพอกับความจําเปน
ของมนุษย เชน เมอื งไทยเรานบั วา ยงั อดุ มสมบรู ณ ทค่ี นไทยเราเดอื ดรอ นนน้ั เพราะความ
โลภมาก ความเหน็ แกต วั มาก ความเอารดั เอาเปรยี บมากเพราะความกอบโกยมากของ
คนสว นยอ ยเปน ผทู าํ ลาย ความจาํ เปน จงึ หายหนา ไปเพราะความโลภมากเปน ตน เขา
ทาํ ลาย เนอ่ื งจากความโลภมากไมมคี าํ วาอะไรจําเปน อะไรไมจําเปน แตจะถอื วาจําเปน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๐๙

๓๑๐

ทง้ั สน้ิ ถา ความโลภจะมสี ว นดว ย ดงั นน้ั ความโลภมากจงึ พาไปในทางทุจริต เอารดั เอา
เปรยี บผอู ืน่ ไมม ีประมาณ

เวลานี้มีแตสิ่งที่เปนขาศึกตอความสงบสุขของบานเมืองออกเพนพาน และแผ
อํานาจทําหนาทีท่ ุกแหง ทุกหน ไมห ยดุ หยอ นผอ นคลายลงบา งเลย ดนู บั วนั จะหา งเหนิ
จากศีลธรรมอนั เปน ความรม เย็นออกไปทุกวนั ถา ขืนเปนอยา งนี้ไปเรื่อยๆ ตวั บคุ คลและ
สว นรวมกน็ บั วนั จะเดอื ดรอ นจนไมอ าจคาํ นวณได ไมวาสถานที่ใดดูรุมรอนกันไปหมด
ทั่วโลกดินแดน นับแตคนมั่งมี คนฉลาด ลงมาถึงคนจน คนโง ตาสตี าสา ความรมุ รอ น
ภายในนน้ั รสู กึ จะพอๆ กัน ดีไมดีคนที่สังคมยกยองวามั่งมีวาฉลาด วา มอี าํ นาจราชศกั ด์ิ
ยังอาจจะมีทุกขทางใจมากกวานายสานายมาอยูตามกระทอมนา ใครก็ไมอาจทราบได
ถา คนนน้ั ไมส นใจทราบตวั เอง ทง้ั นเ้ี พราะความหลงตวั เองตน่ื ตวั เองและความโลภ
เปน ตน ไมเ คยทาํ ผใู ดใหร ม เยน็ เปน สขุ จะสามารถทาํ โลกใหเ ปน สขุ รม เยน็ ไดอ ยา งไร โลก
จาํ ตอ งยอมรบั กนั ในเรอ่ื งความทกุ ขค วามลาํ บาก ทั้งๆ ทม่ี คี วามรแู ละสมบตั บิ รวิ ารมาก
แตก็หาความสุขไมได เพราะความรคู วามฉลาดนน้ั ไดกลายไปเปนเครื่องมือของสิ่งที่
เปนขาศึกตอความสงบสุขของโลกไปเสีย

นีแ่ ลการสงเสรมิ ส่งิ ทเี่ ปน ขา ศกึ แกตวั และสังคมทั่วๆ ไป จงึ เปน เหมอื นกบั การสง
เสรมิ ไฟใหลุกลามใหญโตมากขนึ้ โดยลําดับ จนหาขอบเขตหาประมาณไมไ ด ถา ยงั ฝนให
เปนอยางนั้นโดยไมเห็นโทษของมัน วาเปนขาศึกตอความสงบสุขของโลกอยูแลว โลก
ยอ มจะบรรลยั เพราะสง่ิ เหลา นโ้ี ดยไมต อ งสงสยั

นี่เราพูดถึงภาคทั่วไปแหงธรรมที่เปนเครื่องปกครองโลกไดเปนอยางดี ถา นําไป
ปฏิบัติ แตถ า ไมส นใจในธรรมเครอ่ื งปกครองใหเ กดิ ความสงบรม เยน็ นแ้ี ลว ก็ไมพนที่จะ
เจอฟนเจอไฟ เจอความเดอื ดรอ นอยรู ่ําไป ทกุ ชาตชิ น้ั วรรณะแหง มนษุ ยเ ราฐานะใดไม
สาํ คญั อนั นส้ี าํ คญั กวา มอี ํานาจกวาทกุ อยาง เมื่อสิ่งนี้บงการลงไปแลวยอมเปนไปตาม
ความบงการของสิ่งน้ี โดยหาทางคัดคา นตา นทานไมได เพราะความรคู วามฉลาด สง่ิ น้ี
เหนอื กวา อยแู ลว

ทน่ี ย่ี น เขา มาจากสว นใหญค อื โลก เขา มาสสู งั คม เขา มาสคู รอบครวั เขา มาสตู วั
ของเรา เมือ่ โลกเปน เร่อื งใหญโ ต ธรรมไมสามารถจะเขา ถงึ และไมม ผี สู ามารถแนะนาํ สง่ั
สอนโลกใหเ หน็ คณุ คา แหง ธรรม ยง่ิ กวา คณุ คา แหง ฟน ไฟทเ่ี ปน อยภู ายในจติ ใจแลว ก็
ตอ งยอ นเขามาสวู งแคบโดยลาํ ดบั จนกระท่งั ถงึ ตวั เรา โลกไมสามารถที่จะปกครองตนปก
ครองกนั ไดด ว ยความเปน ธรรม แตเ ราตอ งพยายามใหผ ดิ แปลกจากโลกทเ่ี ขาไมส ามารถ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๑๐

๓๑๑

กลายเปน ผสู ามารถขน้ึ มาปกครองตนดว ยธรรม เพอ่ื ความหลบซอ นผอ นคลายความ
ทุกขรอนไดพอประมาณ ไมรุมรอ นไปท้ังเขาทั้งเราโดยถายเดยี ว

เฉพาะอยางยิ่งคือนักบวช เปน ผพู รอ มแลว ในการปฏบิ ตั ธิ รรม ทุกอาการที่
เคลอ่ื นไหวไปมาและทกุ อริ ยิ าบถ ทุกสถานที่ เปน สถานทอ่ี ริ ยิ าบถทเ่ี หมาะสมตลอดเวลา
อยูแ ลว วนั หนง่ึ คนื หนง่ึ เจตนาของเราเองกท็ ราบชดั ภายในตวั วา เรามคี วามมงุ หวงั ตอ สง่ิ
ใด เราจงึ ไดย อมตนเขา มาบวชในพระพทุ ธศาสนา คอื เรามุงตอ ธรรมแดนแหงความสงบ
สขุ ภายในจติ ใจดว ยการปฏบิ ตั ธิ รรม จึงไดสละตนออกมาบวช ไมใชสักแตวาบวชโดยไม
คดิ สารคณุ ใดๆ ในการบวช

การบวชเปน การประกาศเพศของตนใหโ ลกทราบทว่ั ๆ ไป วา เปน ผพู รอ มแลว ท่ี
จะเปนคนดี ที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมอันเปนของดีใหดียิ่งขึ้นโดยลําดับ จนถึงขั้นดีเลิศ
เปน บคุ คลดเี ลศิ เปน พระดเี ลศิ โดยไมตองอาศัยผูห นึ่งผใู ดมาเสกสรรปน ยอวา ดี แต
เปน ความดีและเปนความดีเลิศอยดู วยการกระทําของตน นเ่ี ราทราบอยแู ลว เพราะ
ฉะนั้น จงนาํ ความทต่ี นทราบนอ้ี อกทาํ หนา ทใ่ี หเ ตม็ เมด็ เตม็ หนว ย อยาไดลดละทอถอย
คุณงามความดีอันจะพึงไดจากศาสนธรรมของพระพุทธเจา ขอใหเ ปน สมบตั หิ รอื มหา
สมบตั ขิ องเรา ไมใหหลุดมือของพระปฏิบัติคือเราไปได จะเปนที่ภาคภูมิใจตัวเองตลอด
กาลสถานทไี่ มเคลอื บแคลงสงสัย

ธรรมทุกขั้นทุกภูมิไมมีขอสงสัยแลว วาจะนําผูปฏิบัติตามใหตกทุกขไดยาก
ลาํ บากเขญ็ ใจ หรือตกนรกหมกไหมไดรับความทุกขทรมานลมจม เพราะการประพฤติ
ปฏบิ ตั ธิ รรม ไมมีขอสงสัยแมนิดหนึ่งเพราะเปน สวากขาตธรรม ตรัสไวชอบทุกแงทุกมุม
แลว ในบรรดาธรรมทง้ั หลายทพ่ี ระองคน าํ มาสง่ั สอนโลก ทรงคนอยูถึงหกพระพรรษาจึง
ไดต รสั รู เมอ่ื ไดผ ลเปน ทแ่ี นพ ระทยั สดุ สว นแลว จงึ นาํ ธรรมน้ันออกมาสั่งสอนโลก ธรรม
นน้ั จงึ เรยี กวา สวากขาตธรรม ตรัสไวชอบแลวไมมีขอบกพรอง และเปน นิยยานกิ ธรรม
นําผูประพฤติปฏิบัติใหหลุดพนจากสิ่งที่กีดขวางปดบัง สิ่งที่เปนพิษเปนภัยออกไดโดย
ลาํ ดบั ตามกําลังความสามารถของตน น่ีธรรมเปนอยา งนี้ไมเปนอยา งอืน่ พระองคทรง
รบั รองยนื ยนั เตม็ พระทยั แลว โดยถือพระองคเปนองคประกันในคุณภาพแหงธรรมทั้ง
หลาย ท่นี าํ มาประกาศสอนโลกนว้ี า ไมเ ปนอนื่ นอกเหนอื จากเปน ธรรมลว นๆ และเปน
ของประเสริฐเลิศยิ่งกวาโลกใดๆ สิ่งใดๆ

เราจึงไมตองกลวั วาจะเกิดความลมจม เพราะการทมุ เทกาํ ลงั ความสามารถลงใน
การประพฤตปิ ฏบิ ตั ธิ รรม เพอื่ การตอ สกู ิเลสอันเปนตวั พิษตัวภัยหรือเปน ขาศกึ อยภู าย

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๑๑

๓๑๒

ในจติ ใจมานาน ดว ยอรรถธรรมของพระพทุ ธเจา เปน เครอ่ื งกาํ ราบปราบปราม เพราะ
ธรรมเปน ทร่ี บั รองผลมาแลว จากพระพทุ ธเจา และสาวกทง้ั หลาย ถา เปน ยากเ็ รยี กวา ไดท าํ
การทดลองมาเต็มที่แลว เหน็ ผลเปน ทพ่ี อใจแลว จงึ นาํ มารกั ษาโรคแตล ะประเภทๆ โรค
เมอ่ื ตา นทานยาชนดิ น้ี หมอตองไดพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงหายาขนานใหมมาแก จน
กระทง่ั โรคไมส ามารถตา นทานยาไดแ ลว คนไขก ห็ ายจากโรค โรคภายในจติ ยอ มมกี าร
ตา นทานยาคอื ธรรมเหมอื นกนั ถา เราทาํ ดว ยอบุ ายนเ้ี ปน ความชนิ ชา กแ็ สดงวา กเิ ลสนน้ั
มคี วามตา นทานธรรม ตองพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงอุบายวิธีตางๆ จนสามารถระงบั ดบั
กเิ ลสประเภทนน้ั ๆ ลงไดด ว ยวธิ กี ารนน้ั ๆ เชน เดียวกับหมอพลกิ แพลงเปลย่ี นแปลงหา
ยาขนานใหม มาแกโ รคทต่ี า นทานยาจนหายไปไดฉ ะนน้ั

อุบายวิธีประพฤติปฏิบัติตน จึงขึ้นอยูกับความฉลาดแหลมคมของผูจะปราบ
กิเลสตัวฉลาดจอมไตรภพเชนเดยี วกนั ไมเชนนั้นแกกันไมลง แกกันไมตก ตองไดใช
อุบายพลิกแพลงอยูเสมอ อยาติดความสขุ ความสบายอนั เปน นสิ ยั นอนเน่อื งของกิเลสฝง
อยูอยางลึกลับ เราไมอ าจทราบไดว า ความนอนใจหรอื ความสบายอนั นเ้ี ปน ภยั ตอ ตวั เรา
เอง เราเหน็ วา ความทกุ ขเ พราะการประกอบความพากเพยี รเพอ่ื จะแกก เิ ลสเหลา นว้ี า เปน
ภยั เสยี อกี จึงไมอยากทาํ ดวยความสนทิ ตดิ ใจในความเพยี ร ถาอยางนั้นก็หาทางรอดไม
ได เพราะขดั จากความมุง หมายของธรรมวา วริ เิ ยน ทกุ ขฺ มจเฺ จติ คนจะหลุดพนจากทุกข
ไปไดเ พราะอาํ นาจแหง ความเพยี ร ธรรมทา นวา อยา งน้ี แตก เิ ลสวา ขเ้ี กยี จนน่ั แลดี มันไม
วาคนจะจมอยูในกองทุกขเพราะความขี้เกียจนี่

ในระหวา งการประกอบความเพยี รอยนู น้ั ความทุกขก็ตองเปนไปตามๆ กัน เปน
เกลยี วเดยี วกนั เหมอื นเชอื กนน่ั เอง จะไมไดรับทุกขไดอยางไร ผูมุงตออรรถตอธรรม
ยอมไมคํานึงถึงความทุกขที่เปนไปดวยการประกอบความพากเพียร ยง่ิ กวา การเหน็ ภยั
ของกเิ ลสซง่ึ เปน ขาศกึ อันใหญหลวงภายในจิตใจ นเ่ี ปน สง่ิ สาํ คญั มากทจ่ี ะควรคาํ นงึ
สาํ หรบั ผปู ฏบิ ตั เิ รา เผลอตัวเมอ่ื ไรเปนถกู ความข้ีเกียจออนแอลากลงใหกเิ ลสสับยําไม
สงสยั

เขาเขา ราํ่ เรยี นในมหาวทิ ยาลยั หรอื โรงราํ่ โรงเรยี นตา งๆ ไดความรูวิชาออกมา
แจก แบงกระจัดกระจายไปทุกแหงทุกหน จนกลายเปน ผมู คี วามรทู ว่ั ๆ ไป เพราะความรู
ทเ่ี ขาเรยี นมาจากโรงเรยี นหรอื มหาวทิ ยาลยั นน้ั ๆ เราเปน ผมู าศกึ ษาหาอรรถธรรมจากครู
จากอาจารยใ นสาํ นกั ตา งๆ กเ็ ชน เดยี วกบั เขา ศกึ ษาเลา เรยี นหาความรวู ชิ าจากโรงเรยี น
ตางๆ ของเด็กและของคนทั้งหลายนั่นแล เขาไดประพฤติปฏิบัติ เขาไดค วามรวู ชิ าไป

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๑๒

๓๑๓

แจกจายตลอดทั่วถึง เราทําไมแมจ ะแจกเรายงั ไมได มนั ไมเ ลวไปมากแลว เหรอ ถามตัว
เองซถิ าอยากทราบ

วชิ านเ้ี ปน วชิ าทส่ี าํ คญั ซง่ึ เรามงุ สละฆราวาสเหยา เรอื นชวี ติ จติ ใจสมบตั เิ งนิ ทอง
ทุกสิ่งทุกอยาง บรรดาทโ่ี ลกเหน็ วา เปน ของมคี ณุ คา นา ชอบใจ ออกมาสูความเปน พระ
เพื่ออรรถเพอ่ื ธรรม ซง่ึ เปน สง่ิ ทม่ี คี ณุ คา มากยง่ิ กวา นน้ั เปน ไหนๆ ทําไมจะไมมีกําลังใจที่
จะประพฤติปฏิบัติ ทาํ ไมจะฝา ฝน ความทกุ ขค วามยากความลาํ บากดว ยความพากเพยี รน้ี
ไปไมได พระพทุ ธเจาเปน คนเชนไร กเ็ ปน คนเหมอื นกนั กบั เรา สาวกเปน คนเชน เดยี วกบั
เรา ทานผูผานไปแลวไมมีภัยมีเวรไมมีทุกขทั้งหลายติดตัวติดองคทานไปเลย ทา นกเ็ คย
ผา นทกุ ขม าแลว ดว ยความพากเพยี รเชน เดยี วกนั เหตใุ ดเราจะผา นความทกุ ขเ หลา นไ้ี ป
กับความเพียรไมได ทําไมเราจะสนิทสนมกับความทุกขที่เคยทุกขเพื่อความเพียรไมได
ทาํ ไมเราจะเหน็ วา ความทกุ ขเ หลา นเ้ี ปน พษิ ภยั ตอ เรายง่ิ กวา กเิ ลสเปน ภยั ตอ เรา เราตอ ง
ยอ นหนา ยอ นหลงั พนิ จิ พจิ ารณาและถามตวั เองเสมอ อันเปนการฝกซอมปญญาใหกาว
เดินไปในตวั

ผูปฏิบัติเพื่อแกกิเลส ตองแทรกตองซอนอุบายวิธีการตางๆ อยูเสมอ เพื่อจะ
ปลดเปลอื้ งตนใหห ลุดพนจากกิเลสไปโดยลําดับ จงึ จดั วา เปน ผหู าความรคู วามฉลาดจาก
ครจู ากอาจารยจ ากอรรถจากธรรม ไมเชน นั้นจะไมม วี ันฉลาดผดิ กบั ทีเ่ ปนอยนู ้เี ลย การ
คิดใหเปนอรรถเปน ธรรมเพื่อเปลือ้ งตน คนเรายอมมที างคิดไดถา สนใจคิด ทา นวา ธรรม
มีอยูทั่วไปตลอดกาลสถานที่ อะไรเลาจะสัมผสั ธรรมเหลา น้นั ถา ไมใชจ ิตไมใชส ตปิ ญญา
กเิ ลสมนั ยังคดิ ใหเปนกิเลสข้นึ มาจากใจของเราได เราคิดธรรมขนึ้ มาในใจทําไมจะไมไ ด
เลา อุบายวิธีตางๆ ตองผลิตขึ้นมาเรื่อยๆ อยา รอใหเ สยี เวลาํ่ เวลา

ในขณะทจ่ี ะทาํ ความสงบแกจ ติ ใจดว ยสมถธรรม กใ็ หเ ปน ความจรงิ ความจงั ตอ
งานนน้ั จรงิ ๆ อยา ทาํ เหลาะแหละ ถอื เปน กจิ เปน การเปน งานอนั เดยี วเทา นน้ั ในโลกน้ี ไม
มีงานใดเขามาเจือปน ไมมีความคิดไมมีอารมณใดเขามาเจือปน มีแตอารมณที่เกี่ยวกับ
ธรรมซง่ึ ทาํ อยโู ดยเฉพาะในวงปจ จบุ นั นเ้ี ทา นน้ั เปน อารมณข องจติ โลกเปนเหมือนไมมี
นน่ั แหละชอ่ื วา เปน ผตู ง้ั หนา ตง้ั ตาเพอ่ื ความสงบใจดว ยสมถธรรมนน้ั จรงิ ๆ ผลจะเปนข้นึ
มาไดโดยไมตองสงสัย เพราะทา นทเ่ี ปน สรณะของพวกเรานน้ั ทา นไดผ า นไปแลว ดว ย
อบุ ายวธิ นี ้ี จึงไดสอนพวกเราไวโดยถูกตอง

ในขณะทจ่ี ะพจิ ารณาแยกแยะดสู ภาวธรรมทง้ั หลาย นับแตขันธทั้งหาคือกองรูป
ไดแกรางกายของเรา เวทนา สขุ ทุกข เฉยๆ ซึ่งมีอยูทั้งทางรางกายและจิตใจ สัญญา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๑๓

๓๑๔

สงั ขาร วญิ ญาณ แตละอยางๆ กแ็ ยกแยะพนิ ิจพจิ ารณาประสับประสานกนั ดว ยปญญา
เพอ่ื ความแจม แจง ชดั เจนภายในใจ ความจริงซึ่งเปนของมีอยูแลวในขันธนี้จะไมประกาศ
จะไมเปดเผยขึ้นมาใหสติปญญาของเรารับทราบกันอยางถึงใจไดอยางไร เพราะเปน สง่ิ ท่ี
รอรบั กนั อยแู ลว สิ่งเหลานี้เปนของจริงเปดเผยอยูดวยความจริงของตนไมไดมีอะไรลี้ลับ
นอกจากกิเลสเปนผูปดบงั จงึ กลายเปน ของลล้ี ับไปเทาน้ัน

ทเ่ี ราไมเ หน็ วา สง่ิ เหลา นเ้ี ปน ภยั วา สง่ิ เหลา นเ้ี ปน อนจิ จฺ ํ เปน ทกุ ขฺ ํ เปน อนตฺตา
เปน อสภุ ะอสภุ งั เปนของปฏิกูลโสโครก กเ็ พราะกเิ ลสตวั เดยี วเทา นน้ั เปน ผปู ด บงั ความ
จรงิ นไ้ี ว เอาความจอมปลอมเขามาฉาบทา และเสกสรรปน ยอหลอกลวงใจใหห ลงตาม
เทา นน้ั เราจึงไดหลงงุมงามตวมเตี้ยมไปกับมัน และเคยหลงกลหลอกลวงของมันมามาก
นอ ยเพียงไรแลว

อบุ ายวธิ ที ก่ี ลา วมาเหลา น้ี ก็เพื่อจะใหเห็นเรื่องความจอมปลอมของกิเลสที่ปดหู
ปดตาปดจมูกปดลิ้นปดกายของเราอยูทุกเวล่ําเวลา มแี ตม นั เปน ผเู ดนิ หนา อยา งกลา
หาญชาญชยั ไมสะทกสะทา นใครโดยถา ยเดยี ว ตาสมั ผสั รปู จะเปนรูปชนิดใดกต็ าม มี
แตก เิ ลสเปน ผทู าํ การทาํ งานเสยี เอง เสยี งกระทบหจู ะเปนเสยี งประเภทใดก็มีแตกเิ ลส
ออกทํางานเสียเอง กลิ่น รส เครื่องสัมผัสเขามาสัมผสั สมั พันธท างตา หู จมูก ลน้ิ กาย
ใจ กม็ ีแตเรอ่ื งของกิเลสเปนผทู าํ งานกอนหนาเราทง้ั สิน้ ธรรมออกหนาออกตาไมได
แสดงตัวไมได ถกู กเิ ลสเหยยี บยาํ่ ทาํ ลายหรอื ปด บงั หมุ หอ ไวห มด เมอ่ื เปน เชน นน้ั ความ
จริงจะเห็นไดท ่ไี หน มันก็มีแตของปลอมทั้งนั้นรุมลอมจิตใจเรา เพราะกเิ ลสตวั
จอมปลอมเปนผูทําหนาที่ของตนโดยตลอด ผลรายไดก็ตองเปนเรื่องของกิเลส คอื ให
ความรุมรอนแกจิตใจอยูโดยดี

เพื่อเปดของจอมปลอมนี้ออกดวยสติปญญา จงึ ตอ งพนิ จิ พจิ ารณาใหเ หน็ ตาม
ความจรงิ ดว ยธรรม โดยความต้งั สตใิ หดใี นจุดทต่ี นพจิ ารณา เพราะสง่ิ เหลา นไ้ี มไ ดป ด บงั
ตัวเอง เปนของเปดเผยความมีอยูดวยความจริงของตน สตปิ ญ ญากเ็ ปน ความจรงิ
ประเภทหนง่ึ ทม่ี อี ยแู ลว ภายในใจของผชู อบการคน ควา การพนิ จิ พจิ ารณา สติปญญาจะ
เกดิ เฉพาะบคุ คลทช่ี อบใครค รวญพนิ จิ พจิ ารณา แตไมเ กดิ สาํ หรบั คนข้เี กยี จไมช อบคิด
อานไตรตรองอะไร

เวลาจะพจิ ารณาทางดา นปญ ญากใ็ หพ จิ ารณาอยา งทก่ี ลา วน้ี รางกายไมว า ขางนอก
ขางใน พจิ ารณาใหเ ปน มรรค เพื่อความราบรน่ื เพ่อื ความปลดเปลอ้ื งไดเ หมอื นกนั หมด
เพราะจิตติดไดทั้งขางนอกขางใน รักได ชังได เกลียดได โกรธไดทั้งภายนอกภายใน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๑๔

๓๑๕

เปนกิเลสไดทั้งขางนอกขางใน จงึ พจิ ารณาไดท ง้ั ภายนอกภายใน ดังนั้นพระพุทธเจาจึง
สอนสาวกใหไ ปเยย่ี มปา ชา เพราะยังไมสามารถมองเห็นปาชาซึ่งมีอยูกับตัวทุกคนได ขั้น
เรม่ิ แรกการประพฤติปฏิบตั ิ จึงทรงสอนใหไปเยี่ยมปาชา ไปดูศพหญิงชายทั้งตายเกา
ตายใหมใ นปา ชา ผดี บิ เพราะสมัยกอนไมมีการเผาการฝงกัน ใครตายก็นําไปทิ้งเกลื่อน
อยตู ามปา ชา ท่ีเปนแดนปา ใหพ ระทา นไปพจิ ารณากรรมฐานใหเ หน็ เปน เรอ่ื งสลดสงั เวช
เพอ่ื ลบลา งคาํ วา สวยวา งาม เพราะคนตายแลว สว นมากไมน า จะมคี วามกาํ หนดั ยนิ ดี ไม
นา เพลดิ เพลนิ รน่ื เรงิ พอจะใหเ กดิ ความรกั ชอบกาํ หนดั ยนิ ดี ทา นจึงสอนใหไปเยย่ี มปาชา

ทา นสอนกําชบั ในการปฏิบัติตอซากศพประเภทน้นั เชนศพหญิงที่ตายใหมอยา
ดวนเขาไปเกี่ยวของ ใหไ ปพจิ ารณาดผู ตู ายเกา ไปโดยลาํ ดบั ทเ่ี ปน อสภุ ะอสภุ งั ซงึ่ เวลาพบ
แลว เหน็ แลว ใหเ กดิ ความสลดสงั เวชเกดิ ความเบอ่ื หนา ย อันเปนการปลดเปลอ้ื งความผูก
พนั ในรปู และหายความรกั ใครก งั วล การพจิ ารณาซากศพก็เพอื่ นอ มเขามาเทยี บเคยี งกับ
ตัวและโลกทั่วไป วา มสี ภาพเปน เชน นด้ี ว ยกนั ไมม ีอะไรวเิ ศษวโิ สในแดนปา ชา นอกจาก
เปน สถานทท่ี เ่ี ตม็ ไปดว ยความสลดสงั เวชหาคณุ คา มไิ ด และปลงอนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา
โดยถา ยเดยี ว แมตัวเองที่กําลังพิจารณาซากศพอยูในขณะนี้ ก็จะมสี ภาพเปน อยา งเดียว
กันตลอดโลกสงสาร ไมมีใครจะลวงพนไปได มัวเพลินอะไรอยูกับกองหนังหอกระดูก
เพยี งเทา น้ี ถาไมโงจนเกินไป

เมื่อสติปญญามีกําลังพอที่จะกาวเขาพิจารณาอสุภะอสุภังในซากศพที่ตายใหม ก็
ใหพ จิ ารณาคลค่ี ลายเชน เดยี วกบั ศพทต่ี ายเกา เพราะเปน สภาพเหมอื นกนั เปน แตเ พยี ง
ยังไมแตกไมสลายยังไมเนาไมพองขึ้นเต็มตัวของมันในขณะนั้นเทานั้น แตม ันก็ทํางาน
ของมันไปดวยความเนาพองหนองไหลและเปอยแตกกระจัดกระจายไป เชน เดยี วกบั
ซากศพทง้ั หลายทแ่ี ตกเรย่ี ราดกระจดั กระจายตามบรเิ วณปา ชา นน้ั อยแู ลว ทา นสอนให
พจิ ารณาเพอ่ื ใหเ หน็ สง่ิ เหลา นน้ั วา เปน ของไมจ รี งั ยง่ั ยนื แลว นอ มเขา มาสตู วั ของเราเองซง่ึ
จะตอ งเปนเชนนนั้ แมปกติภายในตัวก็เปนอยูแ ลว คือเปนของปฏิกูลโสโครกอยูแลว จติ
ยอ มไดคติเคร่อื งเตอื นใจจากการเยยี่ มปาชา น้ัน

ทา นจึงสอนใหไปเย่ยี มปาชา ในขน้ั เรม่ิ แรกทย่ี งั ไมไ ดห ลกั เกณฑใ นการพจิ ารณา
กายตวั เอง เมื่อไดหลักเกณฑแลว การไปเยี่ยมปาชาก็คอยหมดปญหาไป เพราะฉะนน้ั จงึ
มีในธุดงคขอหนึ่งวาดวยธุดงคขอเยี่ยมปาชา ปา ชา นอกแลว กเ็ ทยี บเขา มาสปู า ชา ในคอื ตวั
เราเอง พอไดห ลักไดเ กณฑจากปา ชาภายนอกแลวกย็ อ นเขา มาสภู ายใน พจิ ารณาปา ชา
ภายในนไ้ี ดห ลกั ไดเ กณฑแ ลว เปน อนั วา หายสงสยั ทง้ั ปา ชา นอกทง้ั ปา ชา ใน วิธีที่กลาวมา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๑๕

๓๑๖

น้เี ปน วธิ ีสอน เปนวธิ ปี ฏบิ ัติเพอ่ื เปด ของจริงข้นึ มาใหเหน็ ความจริงตามสภาพของสง่ิ
นน้ั ๆ ที่เปนอยู จนลงถึงธาตุ ธาตกุ ลายเปน ธาตสุ ่ี ดิน นาํ้ ลม ไฟ ไป คาํ วา อสุภะอสุภังก็
หมดไป อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา ก็คอยๆ หมดไปตามขั้นของจิตของธรรมที่ไดรูไดเห็น คํา
วา อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา ก็ละเอียดไปตามปญญาตามขั้นภูมิของสติปญญาที่พิจารณาได
และกลายเปน ขน้ั ธรรมละเอยี ดเขา ไปโดยลาํ ดบั จนถึงวิมุตติหลุดพนแลว คาํ วา อนจิ จฺ ํ
ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา ก็หมดปญหาไปเชนเดียวกับทางเดินของเราที่ไปสูจุดตางๆ เมื่อไปถึงที่
แลว ทางก็หมดปญหาไปในขณะที่กาวเขาถึงสถานที่ที่ตนตองการ

จติ ใจเมอ่ื กา วเขา สแู ดนแหง ความหลดุ พน โดยประการทง้ั ปวงแลว คาํ วา อนจิ จฺ ํ
ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา ซ่ึงเปน ทางเดนิ เพ่อื ความหลุดพน ก็หมดปญหากันไปเองโดยไมตองสลัด
ตองปดตองทิ้ง หากเปนไปดวยความเหมาะสมของจิตดวงนั้นเอง เชน เดยี วกบั เราเดนิ
ทางเขามาสูจดุ ที่ตอ งการแลว ทางกับเราก็ไมตองไปปลดไปเปลื้องซึ่งกันและกัน หาก
หมดปญ หากนั ไปในตวั นน่ั แล

การพจิ ารณาไมเ พยี งครง้ั หนง่ึ ครง้ั เดยี ว อยา เอาเวลาํ่ เวลาเอาการกาํ หนดนบั เทา
นน้ั เทา นไ้ี ปเปน กฎเปน เกณฑ ยง่ิ กวา การพจิ ารณาเหน็ แจง เหน็ จรงิ ในสง่ิ นน้ั ๆ พจิ ารณา
หลายครง้ั หลายหนหากคอ ยเขา ใจไปเองและชดั ขน้ึ โดยลาํ ดบั จนพอตวั เมอื่ พอแลวการ
ปลอยวางก็ไมตองบอก อุปาทานความยึดมน่ั นั้นเปน ผลของความลุมหลงของจติ เมอ่ื
พจิ ารณารแู จง เหน็ จรงิ ตามความเปน จรงิ แลว ความยึดมั่นถือมั่นก็ถอนตัวเขามาเอง ไม
ตองไปแยกไปถอนมันแหละ มันถอนของมันเอง การถอดถอนความยึดมั่นถือมั่นอัน
เปนเรื่องของกิเลสปกปนเขตแดน หรอื ตหี วั ตะปยู าํ้ เอาไวน น้ั ยอมถอนตัวเปนอิสระขึ้น
มาโดยลาํ ดบั พนจากความกดขี่บังคับของกิเลสมาเปนขั้นเปนตอน จนกระทั่งพนไปโดย
สน้ิ เชงิ

ความอยูใตอํานาจบังคับบัญชากดขี่ขมเหงของใครก็ตามมันดีเมื่อไร จะเปน ผใู ด
ก็ตามถูกกดขี่บังคับทรมาน ทั้งการอยูการกินการไปการมา การหลบั การนอน การใชก าร
สอย ตลอดอิริยาบถตางๆ อยใู ตอ าํ นาจแหง ความบงั คบั บญั ชา ความทรมานทง้ั นน้ั จะ
หาอสิ ระหาความสขุ ไดท ไ่ี หน เชน เขาติดคุกติดตะราง เปน คนทเ่ี สยี อสิ ระ หมดสงา ราศี
และถูกกดขี่บังคับตลอดกาลสถานที่ หาความสขุ สบายไดท ไ่ี หน คนธรรมดาทว่ั ๆ ไปจึง
ไมมีใครตองการอยากเปนคนคุกคนตะราง เพราะไมอ ยากอยูในความกดข่บี ังคับทรมาน
จากผหู นง่ึ ผใู ดนน่ั เอง เพียงเทานี้ก็พอทราบโทษแหงการอยูใตอํานาจของใครหรืออะไรก็
ตาม วาเปน สิ่งไมพ งึ ปรารถนากนั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๑๖

๓๑๗

จิตใจที่ถูกกิเลสอาสวะประเภทตางๆ กดข่บี งั คับอยูตลอดเวลาทาํ ไมเรากลับยินดี
ทั้งๆ ทเ่ี รายดึ ธรรม ประพฤติปฏิบัติธรรม วา เปน ของเลิศของประเสรฐิ กวา การกดขี่
บังคับของนายคุมนักโทษ คอื กเิ ลสเปน ไหนๆ อยแู ลว แตเ หตใุ ดเราจงึ กลบั ยนิ ดใี น
นโยบายของกเิ ลสมากยงิ่ กวา เร่ืองของธรรม ถาไมใชถูกกลอมจากกิเลสอยางแนบเนียน
ละเอียดลออออยอิ่งแลวจะเปนอะไรไป ตองเปนเพราะเพลงของกิเลสมันหอมหวนชวน
ใหช ม ชวนใหด ดู ใหด ม่ื ชวนใหค ิดชวนใหส ัมผสั สัมพนั ธไ มม วี ันอมิ่ พอนั่นแล สัตวโลกทั้ง
หลายจึงติดกัน เมื่อไมมีวันอิ่มพอกับกิเลส ก็เทากับไมอยากจากกิเลสไป เพราะความ
อาลยั เสยี ดายกเิ ลสประเภทออ ยอง่ิ เคลบิ เคลม้ิ หลบั ทง้ั ทล่ี มื ตานน่ั แล

เรามีเครือ่ งพิสูจนท ยี่ อดเยย่ี มไดแ กอรรถธรรมแลว ควรจะนาํ มาพสิ จู นใ หเ หน็
จรงิ เห็นจังกนั ดว ยการประพฤติปฏบิ ตั ิของเรา การปฏบิ ตั จิ ติ ตภาวนาคอื วธิ กี ารจะพสิ จู น
ใหเ หน็ ดาํ เหน็ แดง ใหเ หน็ เปน ความสตั ยค วามจรงิ ระหวา งธรรมกบั กเิ ลสวา ตา งกนั อยา ง
ไร ถาพูดถึงโทษกับคุณทั้งสองอยางนี้ตางกันอยางไร พดู ถึงเรอื่ งความวเิ ศษกับความเลว
รา ยระหวา งธรรมกบั กเิ ลสตา งกนั อยา งไร จะทราบในวงปฏบิ ตั จิ ติ ตภาวนา และจะทราบ
ภายในจติ ภายในขนั ธข องเราผปู ฏบิ ตั นิ แ่ี ล ผูไมปฏิบัติจะไมทราบได สนทฺ ฏิ ฐ โิ ก มอบให
เปนสิทธิ์ของผูปฏิบัติจะพึงรูเองเห็นเอง ระหวา งกเิ ลสกบั ธรรมทก่ี าํ ลงั ตอ สกู นั เวลานเ้ี ปน
อยางไร เรามชี ยั ชนะตรงไหนบา ง หรอื มแี ตค วามแพอ ยา งราบตลอดเวลา หากเปน เชน
นั้นก็ไมพนถูกกดขี่บังคับจากกิเลสตลอดไป ความแพเ ปน ของดแี ลว หรอื ตองคิดเพื่อแก
จดุ บกพรอ งใหส มบรู ณ ไมคิดไมไดนักปฏิบัตินะ

อุบายวธิ สี งั่ สอนตนตองพลิกแพลงเปล่ียนแปลงหลายตลบทบทวน รอ ยสนั พัน
คม จงึ จะทนั กบั กลมายาของกเิ ลสซง่ึ แหลมคมและรวดเรว็ มาก ผูไมเคยตอสูกับมันไมมี
ทางทราบไดตลอดไป ขณะพจิ ารณาทางดา นปญ ญาเอาใหจ รงิ ใหจ งั อยา งน้ี ปญ ญานน่ั แล
ที่จะพาใหจิตสงบเขามาอยางไมมีเยื่อใยกับสิ่งใดและตัดขาดไปดวย เมอ่ื พจิ ารณาเหน็ ชดั
เจนแลว กต็ ดั ขาดจากสง่ิ นน้ั เปน ลาํ ดบั แมจะยังไมขาดสะบั้นลงโดยสิ้นเชิงในขณะเดียวก็
ตาม แตก็ไมพนความเพียร พน สตปิ ญ ญาทพ่ี ยายามพจิ ารณาแยกแยะใหเ หน็ เปน วรรค
เปนตอน ขาดเปนวรรคเปน ตอนไปได

ธรรมทท่ี า นกลา วไวไ มใ ชก ลา วแบบโมฆะ มีแตชื่อแตเสียงมีแตตัวหนังสือ แตมี
ความจรงิ เตม็ เมด็ เตม็ หนว ย เต็มอรรถเต็มธรรมตามที่สอนไวไมมีบกพรองเลย ความบก
พรอ งจึงอยทู ่เี ราผนู ับถือศาสนา แตไ มไดปฏบิ ัตติ ามหลักศาสนาอยางแทจ ริงเทา นน้ั จะ
พดู วา เราชาวพทุ ธเรานกั ปฏบิ ตั ธิ รรม คือตัวการบกพรองก็ไมผิด

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๑๗

๓๑๘

ถา หากปฏบิ ตั ติ ามหลกั ศาสนธรรมอยา งแทจ รงิ เตม็ เมด็ เตม็ หนว ยแลว ผลท่ที าน
เคยไดเ คยเหน็ และประกาศสอนพวกเราไวแ ลว นน้ั จะมารวมอยูที่ใจของเราผูปฏิบัตินี้ไม
สงสัย เพราะไมม ีภาชนะใดส่งิ ใดทีจ่ ะเหมาะสมย่งิ กวาจิตใจ ดวงทค่ี อยรบั ทราบรบั รเู หน็
ธรรมทง้ั หลายอยแู ลว และเปนภาชนะอันเหมาะสมอยางยิ่งกับธรรมทุกขั้นทุกภูมิอยูแลว
ดงั ธรรมทา นกลา วไวว า มโนปุพพฺ งฺคมา ธมมฺ า มโนเสฏฐ า มโนมยา ธรรมทง้ั หลายมใี จ
ถึงกอน รูกอน สาํ เรจ็ แลว ดว ยใจ อยูที่ใจ ดีชั่วเกิดขึ้นที่ใจ อยูที่ใจ ใจเปน ผรู บั ทราบ ใจ
เปนผูสัมผัสสัมพันธ ใจเปน ผรู บั เสวยทง้ั ฝา ยดฝี า ยชว่ั อยูที่ใจนี้ ทา นไมไ ดบ อกวา ธรรม
ทั้งหลายอยูที่อื่นใด นอกจากจติ ดวงเหมาะสมกบั ธรรมทง้ั หลายนเ้ี ทา นน้ั

เมอ่ื ปฏบิ ตั เิ หน็ ตามความจรงิ ไปโดยลาํ ดบั เราจะปฏเิ สธไดอ ยา งไรวา ใจไมเ ปน ผู
รบั อรรถรบั ธรรมทง้ั หลาย แตก ลายเปน สง่ิ อน่ื ไปรบั อรรถรบั ธรรมแทนอยา งน้ี ตองเปน
ใจเทา นน้ั เปน ผรู บั ธรรมทง้ั หลาย ตา หู จมูก ลน้ิ กาย เปน ทางเดนิ เปน เครอ่ื งมอื สาํ หรบั
ประพฤติปฏิบัติธรรม และยงั ผลแหง ธรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ จากเครอ่ื งมอื เหลา นเ้ี ขา มาสใู จดวง
เดยี ว

สตเิ ปน สาํ คญั อยาทอถอยอยาออนแอ อยาอิดหนาระอาใจตอการตั้งสติ ถาไม
อิดหนาระอาใจตอมรรคผลนิพพาน ตอ ความสขุ อนั ประเสรฐิ เลศิ กวา โลกทง้ั หลายแลว
อยาอิดหนาระอาใจตอการตั้งสติ การพจิ ารณาดว ยปญ ญาและตอ ความเพยี รทกุ ดา นทกุ
แงทุกมุม ใหสติปญญาตั้งตัวอยูเสมอ เพราะเราเปน นกั ตอ สู เราเขา สแู นวรบกบั กเิ ลส
แลว เวลาน้ี ความทอแทอ อนแอเปนเร่ืองของกเิ ลสท้ังมวลทาํ งานอยูบนหวั ใจเรา จึงไม
ควรใหม นั มาแยง ชงิ เอาจติ ดวงเลศิ ดวงประเสรฐิ นไ้ี ปขยข้ี ยาํ ใหแ หลกเหลว ดังที่เคยเปน
มาแตส มยั ทเ่ี รายงั ไมเ คยรเู รอ่ื งรรู าวอะไรกบั ศาสนธรรม และไมเ คยปฏบิ ตั ธิ รรม เวลาน้ี
เราไดอ อกปฏบิ ัตธิ รรมแลว และเขา สแู นวรบตอ กรบนเวทคี อื ความเพยี รกบั กเิ ลสแลว จง
เอาใหจริงใหจังตอการปฏิบัติของตน เพ่ือชัยชนะอันเลศิ ทโ่ี ลกไมเคยมีในหวั ใจ ชยั ชนะนี้
ขอใหไ ดใ หม ใี นหวั ใจเรา อยาใหพลาดไปไดจากเพศนี้ จากความเพยี รน้ี

ทุกขก็ยอมรับ พระพุทธเจาก็พาทุกขมาแลว สาวกก็พาทุกขมาแลว ประกาศทั้ง
ทุกขท ัง้ สุขใหพวกเราไดรไู ดเ หน็ ประจกั ษในตํารับตาํ รา ครอู าจารยอ งคไ หนทว่ี า เปน ทน่ี บั
ถอื เคารพเล่ือมใสของประชาชนท้งั หลาย องคไหนก็องคนั้น อยากพูดวารอยทั้งรอยไมมี
องคที่ลางมือคอยเปบเลย นอกจากเปน ผเู ดนตายมาแลว จากความทกุ ขเ พราะความเพยี ร
กลา จงึ ไดเ หน็ ธรรมอนั เลศิ อนั ประเสรฐิ มาสอนพวกเรา แลว จะใหท า นสอนเราแบบอน่ื

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๑๘

๓๑๙

ทานจะสอนไดยังไง ทา นเคยดาํ เนนิ มาอยา งไรไดเ หน็ ผลมาเพราะวธิ กี ารใด ตองนําวิธี

การนน้ั มาสง่ั สอน

ดังศาสนธรรมท่ีพระพทุ ธเจา ประกาศไวน้ี ลว นแลว แตท รงประกาศจากการทเ่ี คย

ทรงดาํ เนนิ มาแลว ทง้ั เหตทุ ง้ั ผลนน้ั แลใหเ ราทง้ั หลายทราบ ใครจะไปฉลาดแหลมคมย่ิง

กวา พระพุทธเจาในโลกธาตนุ ี้ หากควรจะเปน ไปไดด ว ยวธิ กี ารใดแลว พระพุทธเจาไมมี

ใครยง่ิ กวา ในเรอ่ื งพระเมตตาสงสารสตั วโ ลก จะตองหาวิธีการทีส่ ะดวกสบายทสี่ ุด ให

สัตวโลกไดประพฤติปฏิบัติแลวหลุดพนไปจากทุกขอยางรวดเร็ว ไมใ หส ัตวโ ลกไดร ับ

ทกุ ขยากเหมือนพระองคใ นคราวบาํ เพญ็ แตนี่มันเปนไปไมได จงึ เหน็ วา เหมาะสมเฉพาะ

มัชฌิมาปฏิปทานเ้ี ทา นน้ั ทเี่ ปนทางดาํ เนนิ ราบร่นื ปลอดภยั ของพทุ ธบริษทั ยากลาํ บากก็

อยใู นความเหมาะสมกบั ธรรมน้ี ธรรมนเ้ี ปน ธรรมทอ่ี อกหนา ออกตาในการปราบปราม

กเิ ลสทง้ั หลายใหส้ินซากไปมากตอมากแลว ไมมีธรรมใดนอกเหนือไปจาก

มชั ฌมิ าปฏปิ ทานี้เลย ทา นจงึ ไดป ระกาศธรรมนไ้ี วใ หพ วกเราทง้ั หลาย ปฏบิ ัติกันเรอ่ื ยมา

จนถึงปจจุบัน

มชั ฌมิ าคอื ความเหมาะสมกบั การปราบกเิ ลส สรปุ ลงแลว คอื ศีล สมาธิ ปญ ญา

ศีลเราก็ไดรักษาอยูแลวโดยปกติ ไมม ีความระแคะระคายในศีลวา ดา งพรอ ยไดท ะลขุ าด

ไปที่ไหน สมาธิที่ยังไมมีเพราะอะไร เพราะกเิ ลสมันขยขี้ ยําจิตใจใหขุน มวั มั่วสมุ กบั มนั อยู

ตลอดเวลา จงึ หาความสวา งกระจา งแจง หรอื หาความสงบรม เยน็ ไมไ ด เรากร็ อู ยแู ลว จะ

ทําวิธีใดจึงจะทําใหจิตใจมีความสงบผองใสได เรากต็ อ งพยายามเอาวธิ นี น้ั มาใช ซึ่งเคย

อธบิ ายไวม ากแลว ยากลําบากก็ตองสูตองทนตองทํา ปญ ญายังไมเฉลียวฉลาดก็พยายาม

ทํา พยายามคดิ พนิ จิ พจิ ารณา

สจั ธรรมหรอื รปู ขนั ธ เวทนาขนั ธ สัญญาขันธ สงั ขารขนั ธ วญิ ญาณขนั ธเ หลา นแ้ี ล

เปน หนิ ลับของปญญาใหคมกลา ข้ึน ถา พจิ ารณาสง่ิ เหลา นต้ี อ งเปน หนิ ลบั ปญ ญาไดเ ปน

อยางดี ทุกขก็เปนหินลับปญญา สมุทัยมันสอดแทรกขึ้นมาตรงไหน ปญญาก็สอดแทรก

เขาไปทาํ ลายลงไป ไดอ บุ ายไปเรอ่ื ยๆ มคี วามฉลาดแหลมคมไปเรื่อยๆ เรยี กวา สมุทัย

เปน หินลบั ปญญาก็ได เพราะกลมายาของสมุทัยที่แสดงออกมาแตละอยางๆ นน้ั เปน

เรื่องที่จะใหปญญาไดพลิกตัวเองใหฉลาดแหลมคมยิ่งกวามันเขาไปโดยลําดับๆ มันมา

ไมนี้ก็สูไมนี้ มาไมนั้นสไู มนั้น สเู รอ่ื ย มนั มาหลายเหลย่ี มหลายสนั หลายคมกส็ กู นั แบบ

นัน้ กท็ นั กันและทาํ ลายมันได

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๑๙

๓๒๐

ปญญาไมไดคมกลาเพราะการอยูเฉยๆ ไมไดเกิดขึ้นเพราะการอยูเฉยๆ แตเกิด
ขน้ึ เพราะการพจิ ารณา และคมกลา ดว ยการพจิ ารณายอ นหนา ยอ นหลงั หลาย
ตลบทบทวน เกดิ ขนึ้ เพราะผูช อบคดิ และบํารุงสตปิ ญ ญา ดว ยการพนิ จิ พจิ ารณาอยโู ดย
สมาํ่ เสมอ ยอมมีสติปญญาแกกลาขึ้นโดยลําดับ สุดทายกิเลสก็ออนลงไปๆ จนกระทั่ง
ส้นิ ไปโดยส้ินเชิงไมมสี งิ่ ใดเหลือ นน่ั แหละทน่ี เ่ี รยี กวา อสิ รเสรเี ตม็ ทแ่ี ลว จิตที่ไมมีอะไร
กดถวงเลย อยูตามหลักธรรมชาติของตน ไมมีสมมุติแมนิดเขาไปขัดไปแยงไปกีดไป
ขวาง จะไมเปนจิตที่มีความสุขเกษมเต็มที่ยังไง

จิตที่อยูใตความกดขี่บังคับอยูตลอดเวลา ก็เชนเดียวกับนักโทษที่ถูกกดขี่บังคับ
อยูในทคี่ ุมขงั ตลอดเวลานัน่ แล แมแตนอนก็ยังตองถูกบังคับ จะหาความสขุ ทไ่ี หนจาก
ความเปน นกั โทษนน้ั จติ ท่กี าํ ลงั เปนนกั โทษเพราะอาํ นาจแหงกิเลสบังคับบญั ชาอยตู ลอด
เวลา จะหาความสขุ ความสบายทไ่ี หน ความสงบรม เยน็ บา งกไ็ มม ี เพราะกเิ ลสไมใหส งบ
มนั กวนตลอดเวลา ความเฉลียวฉลาดพอมีที่จะปลดเปลื้องกิเลส กเิ ลสกไ็ มใ หมเี สยี มัน
ปดกั้นไวหมด ไมใหคิดใหอานไตรตรองอะไรได พอเปน เหตเุ ปน ผลทจ่ี ะแกห รอื ปราบ
ปรามกิเลสได แลว จะหาความสขุ ความสบายความหลดุ พน ความเปน อสิ ระไดย งั ไง

เพราะฉะนน้ั นักปฏิบัติจึงตองคนควาจึงตองพินิจพิจารณาจึงตองฝน การตอสู
กันตองฝน ไมฝนไมเรยี กวาการตอ สู อยเู ฉยๆ จะเรียกวาตอสูไดยังไง การทาํ หนา ทต่ี อ สู
กันนั้นตองฝนทง้ั นัน้ แหละ ลาํ บากกฝ็ น ทุกขก็ฝน ขัดของขนาดไหนก็ฝน โงก็ฝนความโง
ใหเ ปน ความฉลาด แกค วามโงด วยความฝน เมอ่ื คดิ คน หาความฉลาด มันก็ฉลาดไดคน
เรา สุดทายก็ไมพนความพยายามไปได

จึงขอใหทุกๆ ทานนําไปประพฤติปฏิบัติ ใหเ หน็ ทท่ี า นวา แดนแหง ความเกษม
และแดนนน้ั อยทู ไ่ี หน เราอา นมาเสยี พอตามตาํ รบั ตาํ รา สมาธกิ อ็ า นเสยี จนนาํ้ ลายจะไมม ี
ในปากแลว วา ปญญากอ็ านเสียพอ วมิ ตุ ติหลดุ พนก็อา นกเ็ ห็นแตตวั หนังสอื ทีเ่ ขยี นเปน
ตวั ๆ ออกชื่อออกเสียงของบาปของบุญ ของนรกของสวรรค ของกเิ ลสตณั หาประเภท
ตางๆ ของมรรคผลนิพพาน แตกิเลสจรงิ ๆ ไมว าประเภทไหนไมมตี วั มตี นอยูในหนังสือ
นน้ั มีแตชื่อ สมาธิ ปญญา มรรคผลนิพพานกไ็ มมีตัวจรงิ ในหนงั สือน้ัน มีแตชื่อ ตวั จรงิ
ไมมี มีอยูที่ใจ อยากรูอยากเห็นธรรมดงั กลา วน้จี งปฏิบตั ิเอง จะรเู องเหน็ เอง ทใ่ี จเราผู
ปฏบิ ตั นิ น่ั แล ใจดวงอื่นๆ ถาไมไดปฏิบัติก็ไมอาจรูเห็น ใครปฏบิ ตั กิ ม็ ที างรเู หน็ ไดเ พราะ
ธรรมไมล าํ เอยี ง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๒๐

๓๒๑

ทา นสอนใหย อ นเขา มาดทู ใ่ี จ เขยี นไวใ นตาํ รากส็ อนเขา มาทน่ี ่ี กิเลสอยทู น่ี ่ี บาป
ธรรมอยทู น่ี ่ี ศีลอยูที่นี่ สมาธิอยูที่นี่ ปญญาอยูที่นี่ กเิ ลสทกุ ประเภทรวมอยทู ห่ี วั ใจน้ี
มรรคผลทกุ ประเภทรวมอยทู ห่ี วั ใจ ปราบปรามกเิ ลสกป็ ราบปรามกนั ทห่ี วั ใจ กเิ ลส
หมอบราบไปหมดไมม อี ะไรเหลือแลว ความหลุดพน ก็คอื ใจดวงนี้แล นส่ี รปุ ลงแลว อยทู ่ี
นี่ทั้งหมดไมอยูที่อื่นที่ใด ขอใหพากันลงใจในการประพฤติปฏิบัติ อยาไปคาดไปหมาย
มรรคผลนพิ พานวา อยทู น่ี น่ั ทน่ี ่ี นน่ั เหลวไหลตะครบุ เงา หาความจรงิ ไมได จะเหลวไหล
ตลอดไป

การแสดงธรรมกเ็ หน็ วา สมควรขอยตุ เิ พยี งแคน ้ี

<<สารบญั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๒๑

๓๒๒

เทศนอ บรมพระ ณ วดั ปา บา นตาด
เมื่อวันที่ ๑๓ ธนั วาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔

โอชารสแหง ธรรม

ใจที่ถูกบังคับบีบคั้นหรือกดถวงอยูตลอดเวลา กับใจที่หลุดพนจากสิ่งบังคับ
บีบคั้นกดถวงนีไ้ ปโดยสน้ิ เชงิ แลว ตา งกนั มาก โดยไมมีสมมุติใดจะเทียบได เพราะจติ
ประเภทนั้นไมไดอยูในวงสมมุติ พอจะมาเทียบใหถูกตองตามหลักความจริงของ
ธรรมชาตนิ น้ั ได แมจะมขี อ เปรียบเทยี บก็เทียบกันไปอยางนนั้ เอง ไมต รงตามความ
จริงที่เปนอยูของธรรมชาตินั้น เมื่อโลกมีสมมุติ มขี อ เปรยี บเทยี บ ก็จําตองนํามา
เปรยี บเทยี บกนั

เราดูนักโทษในเรือนจําที่ถูกกดขี่บังคับ เสยี ความอสิ ระอยตู ลอดเวลา ตั้งแต
วนั กา วเขา สคู วามเปน นกั โทษหรอื ตอ งโทษ จนกระทั่งวันออกหรือวันพนโทษ เขาจะมี
ความสขุ อยา งไรบา ง แมจ ะมกี ารหวั เราะกนั บา งดว ยเรอ่ื งราวตา ง ๆ ทท่ี าํ ใหห วั เราะ ก็
คอื นกั โทษหวั เราะอยนู น่ั เอง ฟงแตวานักโทษ ไมใ ชค ณุ พาหวั เราะ โทษพาหวั เราะ มัน
กดขี่บังคับอยูในนั้น หาความสขุ ความสบายทไ่ี หนมี

เทยี บเขา มาสภู ายในระหวา งจติ กบั กเิ ลส สง่ิ กดขบ่ี งั คบั ภายในจติ ใจของเรา มัน
กดขี่บังคับอยูตลอดเวลาทุกขณะจิต แมจะไมปรุงไมแตงก็ถูกกดขี่บังคับอยูอยางนั้น
ตามหลักธรรมชาติของมันเอง เมื่อเปนเชนนั้นจะหาความสุขอันแทจริงที่ไหนมี ความ
สขุ กเ็ ปน ความสขุ เหมอื นกบั อาหารทเ่ี ขานาํ ไปเลย้ี งนกั โทษในเรอื นจาํ นน่ั แล จะเปน
อาหารประเภทใดเลา เพราะอาหารของนกั โทษเรายอ มทราบดี แมจ ะไมเ คยเปน นกั
โทษเรากท็ ราบไดว า เปน อาหารประเภทใด เปนที่พึงพอใจไหม อาหารทเ่ี ขานาํ ไปเลย้ี ง
นักโทษนั้น

อาหารคอื เครอ่ื งลอ ทก่ี เิ ลสนาํ มาเลย้ี งจติ ใจเรา ถาพูดตามภาษาโลกก็วา พอไม
ใหต ายเหมอื นนกั โทษในเรอื นจาํ เพือ่ จะเอาการเอางานจากจติ ดวงน้ี เชน เดยี วกบั เขา
ตองการการงานจากนักโทษ ผลของงานจากนกั โทษนน้ั แล อาหารของจติ ที่กเิ ลสนาํ มา
เยยี วยาหรอื พอมาประทงั ชวี ติ เรา จงึ เปน อาหารประเภทเดยี วกนั กบั อาหารของนกั
โทษ ไมไดผิดอะไรกัน ถา เทยี บแลว เปน เชน นน้ั

แตนักโทษถาจะพูดในอีกแงหนึ่งยังดีกวาเรา คอื เขายงั รวู า อาหารนก้ี นิ ไปดว ย
จาํ เปน จาํ ใจเทา นน้ั ไมไดกินดวยความชอบพอในอาหาร รสอาหารอะไรเลย เพราะไม
เปน สง่ิ ทน่ี า ชอบใจเลยในอาหารประเภทตา งๆ ทเ่ี ขานาํ มาใหก นิ สาํ หรบั เราผเู ปน นกั
ปฏิบัติ ยังติดรสของโลกามิสดวยความพอใจ จงึ เรยี กวา ตดิ ติดรปู กม็ รี สอยใู นรูปนัน้

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๒๒

๓๒๓

แล ตดิ เสยี ง ติดกลิ่น ติดรส เครื่องสมั ผสั ตางๆ ลว นแลว แตม รี สอยภู ายในสง่ิ นน้ั ๆ
ดวยกนั ทงั้ น้ัน ไมใ ชจ ะมแี ตร สทว่ี า ลน้ิ ลม้ิ รสอยา งเดยี วเทา นน้ั รสทเี่ กิดจากการสัมผสั
ทางหู ทางตา ทางจมูก ทางลน้ิ ทางกาย ทางใจ มีดวยกัน และติดกันชนิดไมรูเนื้อรูตัว
วา ตดิ เรื่อยมาตั้งกัปตั้งกัลป

จิตใจมีความติด มคี วามผกู พนั รกั ชอบในสง่ิ เหลา น้ี โดยเจา ตวั ไมร สู กึ วา สง่ิ
เหลา นเ้ี ปน รสทท่ี าํ ความผกู มดั มันเปนเรื่องของกิเลส เปนรสของกิเลสทั้งมวล เราจงึ
ติดไมม วี นั ทีจ่ ะทราบโทษของรสเหลานไ้ี ดเลย ถา ไมใ ชส ตปิ ญ ญาพนิ จิ พจิ ารณาโดย
แยบคายไปตามลําดับ จะกี่กัปนับกัลปไมไดก็ตาม จะตอ งเปนผตู ดิ รส เพลดิ เพลนิ ใน
รสโดยไมรูเนื้อรูตัวตลอดไป นแ่ี หละความแยบคาย ความแหลมคมของกิเลส แยบ
คายแหลมคมขนาดไหน

ถาอยากทราบก็จงตั้งใจประพฤติปฏิบัติ และอยาลืมคําที่พูดนี้ หากจะ
ประจกั ษภ ายในใจในวนั หนง่ึ แนน อนจากการปฏบิ ตั จิ รงิ ของเรา จะไมพนไปได คําที่
ทา นวา “รสแหง ธรรม ชํานะซึ่งรสทั้งปวง” นั้นฟงใหดี รสแหง ธรรมเปน อยา งไรจงึ ตอ ง
ชํานะซึ่งรสทั้งปวง กร็ สเหลา นน้ั เปน รสอาหารของนกั โทษในเรอื นจาํ ที่ถูกคุมขังอยูใน
วฏั จกั รดว ยอาํ นาจของกเิ ลสทง้ั นน้ั ไมใ ชอ าหาร ไมใชรสที่พึงใจเปนลําดับ ไมใชรสที่
แทจรงิ ไมใ ชร สแหง ความจรงิ มนั รสแหง ความปลอมของกเิ ลสเสกสรรปน ยอหรอื
ปรุงแตงขึ้นมา ใหเราไดสัมผัสสัมพันธ หรอื ใหเ ราไดร บั ไดก นิ ตา งหาก ไมใ ชร สแหง
ธรรมแท

สว นรสแหง ธรรมจะเรม่ิ ปรากฏตง้ั แตจ ติ เปน สมาธิ พอจิตเริ่มสงบ ความสขุ
เรม่ิ เปน รสขน้ึ มาแลว ตามความสงบมากนอยในขั้นสมถะ คาํ วา ขน้ั สมถะน้ี อยาไปคิด
วา เปน ขน้ั เหมอื นบนั ได ทานพูดไวอ ยา งนนั้ เอง ความจริงยอมเชื่อมโยงไปตั้งแตความ
สุขของสมาธิขั้นพื้น ๆ ไปโดยลําดับ จนถึงขั้นของสมาธิอันละเอียด ความสขุ กม็ คี วาม
ละเอียดไปตาม ๆ กัน นก่ี จ็ ดั วา เปน รสแหง ธรรม คือ สมาธธิ รรม สันติธรรม ในขน้ั
แหงความสงบของจิต

พอจิตมอี าหารคอื ความสงบเปน เคร่ืองด่ืมเทา นัน้ จิตก็ปลอยวางความกังวล
เกย่ี วกบั รสตา ง ๆ ทางรปู ทางเสยี ง ทางกลิ่น ทางรส ทางกายสัมผัส มาโดยลาํ ดบั ลาํ
ดา เพราะรสนเ้ี รม่ิ เหนอื กวา แลว เพยี งเทา นก้ี เ็ รม่ิ เหนอื รสทง้ั หลายอยแู ลว ยิ่งจิตได
พจิ ารณาแยกแยะโดยทางปญ ญา กระจายออกตามหลักไตรลักษณ หรือหลักอสุภะอสุ
ภงั ปฏกิ ลู โสโครกแหง กรรมฐานกต็ าม เพราะในเบื้องตนมักจะเดินทางดานอสุภ
กรรมฐาน คลี่คลายดูสกลกายทุกสัดทุกสวนทั้งภายในภายนอกของตน และของ
บุคคลอืน่ สัตวอ ื่นตามแตความถนดั และเหมาะสมของการพิจารณา เพราะเปน สภาพ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๒๓

๓๒๔

เหมือนกนั ใหเหน็ อยางแจม แจงชัดเจนไปโดยลําดบั รสแหงธรรมก็จะเพิ่มขึ้นอีกเปน
รสแยบคาย นอกจากเปน รสแยบคายแลว ยังเปนรสที่เกิดขึ้นจากการปลอยวางไดดวย

ตามธรรมดาของจิต เมอ่ื พจิ ารณารแู จง เหน็ ชดั ในสง่ิ ใดแลว ยอ มปลอ ยวาง การ
ไมปลอยวาง การยึดถือไวนั้น เปนโซเ ปน ตรวนของกิเลสมนั มัดไว มนั เสกสรรปน ยอ
วา สง่ิ นน้ั ดสี ง่ิ นส้ี วยสง่ิ นน้ั งาม มันไมไดบอกวาสิ่งนั้นเปนของปฏิกูลเปนของโสโครก
เปน ของนา เกลยี ด เปน อนจิ จฺ ํ ของไมเที่ยง เปน ทกุ ขฺ ํ ความกดขี่บังคับหรือเปนทุกข
เปน อนตฺตา ไมใชเราไมใชเขา ไมใชของเขาของใคร กิเลสมันไมพูด มันไมบอก ไม
เสย้ี มสอนตามหลกั ความจรงิ น้ี แตม นั จะนาํ หลกั วชิ าของมนั เขา มาแทรกซอ นกบั ธรรม
หรอื แทรกแซงกบั ธรรมเขา ไปวา เปนสิ่งที่ตรงกันขาม คือวาเปนของสวยของงาม เปน
ของจีรงั ถาวร เปนของมีคุณคา ลบลางของจริงไปโดยลําดับ เพราะมนั มอี าํ นาจมาก
ดวยเหตุนี้จึงติดตามแกไข และถอดถอนกลมายาของมันดวยธรรม มสี ตธิ รรม ปญญา
ธรรมเปน ตน

โลกของเราเปนโลกที่ติดอยูในกลมายาของกิเลสนี้ทั้งมวล เมื่อปญญาได
พจิ ารณาเขา ไปตามหลกั ความจรงิ โดยทางอสภุ ะดงั ทก่ี ลา วแลว น้ี และโดยทางไตร
ลักษณ คือ อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตตฺ า แยกแยะขุดคน ยอ นหนา ยอ นหลงั ตลบทบทวน
หลายครง้ั หลายหนดว ยสตดิ ว ยปญ ญา เพือ่ หาความจริงท่ีถูกกิเลสปดบงั ไว เปด เผย
ขน้ึ มาตามหลกั ความจรงิ เพราะสง่ิ เหลา นเ้ี ปน ความจรงิ ลว น ๆ ไมใชเปนของปลอม
เรื่องของปลอม ความเหน็ ทป่ี ลอมนน้ั เปน เร่อื งของกเิ ลสตางหาก ไมใชเรื่องของ
ธรรม

เราจะเหน็ ตามความจรงิ โดยไมตองสงสยั เมื่อเปดของปลอมที่ปกคลุมหุมหอ
ไวออกได เชน ความสวยงามเปน ตน ความจรงิ แลว สวยงามทไ่ี หน เอาอะไรมาสวย
งาม คนทั้งคนดูไดเมือ่ ไรถาพดู ตามหลกั ธรรมชาติแหง ความจรงิ แลว มันมีตั้งแตของ
สกปรกเต็มไปหมดทั้งราง ไมว า ภายนอกภายใน จึงตองชะลางอยูตลอดเวลา แม
เคร่ืองนงุ หมใชสอยสงิ่ ที่รางกายนอี้ าศยั ตองสกปรกรกรุงรังไปตามกันหมด เนอ่ื งจาก
สว นใหญค อื รา งกายนเ้ี ปน บอ เกดิ แหง ความปฏกิ ลู อยแู ลว ทง้ั ภายนอกภายใน เมื่อ
สัมผสั สมั พนั ธหรอื คลุกเคลา กับสิง่ ใด ส่งิ น้นั จงึ กลายเปนของสกปรกโสโครกไปตาม
เชน สบง จวี ร เสื้อผา สถานทบ่ี า นเรอื นทอ่ี ยอู าศยั ที่หลับที่นอนหมอนมุง มนุษยไป
อยูที่ไหนสกปรกที่นั่น แตไมมองเห็นความจริง เพราะความไมส นใจมองนน่ั แลเปน
หลักใหญ

นกั ปฏบิ ตั คิ น ใหเ หน็ ตามความจรงิ น้ี อยา หนจี ากหลกั ความจรงิ นค่ี อื ความจรงิ
แท สง่ิ เหลา นน้ั ปลอมมนั หลอกวา สวยวา งาม เอา ดซู ใิ นตวั ของเราน้ี เอาชิ้นไหนมา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๒๔

๓๒๕

เปนของสวยของงาม มาแขงกับธรรมคือของจริง ลองดูซิ จะมีชนิ้ ใดบางมากลาแขง วา
เหนอื ธรรมและจรงิ ยง่ิ กวา ธรรม นอกจากปลอมยิ่งกวาธรรมเทานั้น

ทธ่ี รรมไมป รากฏภายในจติ ใจเรา เพราะเวลานค้ี วามปลอมมนั มอี าํ นาจเหนอื
กวา มันหนาแนน กวาและปด บังไวอ ยางมดิ ชดิ แมเ ปน ของปฏกิ ลู ทว่ั สรรพางคร า งกาย
ทง้ั ภายนอกภายใน ก็ยังเขาใจวาเปนของสดสวยงดงามเปนของจรี งั ถาวรไปได
ระหวางความจริงกับความปลอมมนั มอี ยใู นตัวของเรา มอี ยใู นจติ ของเรานแ้ี ล เพราะ
กิเลสแทอ ยูก บั จติ กระจายอาํ นาจออกมาสอู วยั วะสว นตา ง ๆ นอกจากนน้ั ยงั ระบาด
สาดกระจายไปทว่ั โลกสงสาร นน่ั เปน เรา นี่เปนของเรา อะไร ๆ เปน เราเปน ของเราไป
หมด กลายเปนของสวยของงามเปนของแนนหนาถาวร นากระหยิ่มยิ้มยองไปหมด
ลวนแลวแตเพลงของกิเลสตัวจอมปลอม มนั หลอกลวงจติ ใจเราใหว ง่ิ เตน เผน
กระโดด หมุนติ้วยิ่งกวาฟุตบอลเปนไหน ๆ หาความสขุ ความเจรญิ ใจทไ่ี หนจากการ
วิ่งเตนเผนกระโดดกับสิ่งหลอกลวงทั้งหลายดังกลาวมา

จนกระทั่งถึงบัดนี้ยังไมตื่นตัวตื่นใจ แลว จะตน่ื เวลาไหน สถานทใ่ี ด ถา ธรรม
ของพระพุทธเจาปลุกสัตวโลก เชน เราซึ่งเปนนกั ปฏิบัตนิ ย้ี งั ตืน่ ไมไ ดแ ลว ใครจะตน่ื
ไดในโลกน้ี คาํ วา สวฺ ากฺขาโต ภควตา ธมโฺ ม พระธรรมอนั พระผมู พี ระภาคตรสั ไว
ชอบแลว ชอบอยา งเห็นประจกั ษ ไมมีปดบังลี้ลับ ลล้ี บั ทไ่ี หนดทู ต่ี ากเ็ หน็ ดังที่กลาว
มาแลว น้ี

เอา ดเู ขา ไปซิ ตั้งแตผ ิวหนงั เขา ไป ขเี้ หง่อื ขไ้ี คลเปน ของดแี ลว เหรอ เปน ของ
สวยของงามของสะอาดเหรอ ถาเปนของสะอาดจะเรียกขี้ยังไง นั่น และดูเขา ไปจน
กระทั่งถึงภายใน ภายในทั้งหมดนี้มันมีชิ้นไหนที่จะมาแขงธรรมวาเปนของสวยของ
งาม ทั้ง ๆ ทธ่ี รรมบอกวา ไมไ ดส วยไดง าม เปนของปฏิกูล แลว มชี น้ิ ไหนท่ีจะมาแขง
ธรรมของพระพุทธเจาได ถาธรรมไมเปนของจริง ธรรมของพระพทุ ธเจา ไมต รสั ไว
ชอบ เอาอะไรมาแขง มาลบลา งซิ สิ่งที่ธรรมตําหนิทั้งมวล เมื่อไดหยั่งลงดวยปญญา
แลว เปน จรงิ อยา งนน้ั หาที่คานไมได

สิ่งท้ังปวงน้นั มันจรงิ อยแู ลว ตง้ั แตเรายังไมไ ดพจิ ารณา เปน แตว า เราถกู กเิ ลส
ปด ตาใจของเราไว ทั้ง ๆ ท่มี องเห็นอยมู นั กไ็ มเ ห็นไปตามความเปนจรงิ ปฏกิ ลู เตม็
เนื้อเต็มตัวมันก็มาลบลางไปหมด กลายเปน วา เปนของสวยของงามไปเสยี แลว กเ็ ชอ่ื
มัน โดยไมมองดูธรรมที่โบกมือคอยชวยเหลืออยูเรื่อยมา ประหนึ่งตะโกนเรยี กวา
เกาะซเิ กาะธรรม รบี เกาะจะพน ภยั รบี ปลอ ยกเิ ลส มนั เปน ไฟเผาอยนู น่ั นะ

จงฟาดฟนใหมันแตกกระจายไปนี้เปนอยางไร สจู นหมดลมหายใจ นัน้ แล
ธรรมจะแสดงอยา งเปด เผยทุกสัดทุกสวนใหเ หน็ ไดอยา งชดั เจน นี่วิธีขุดคนสิ่งปดบัง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๒๕

๓๒๖

เพอ่ื เหน็ ความจรงิ คอื ธรรมแท ถา เหน็ ความจรงิ กเ็ รม่ิ เหน็ ธรรมแทไ ปโดยลาํ ดบั เพยี ง
แตขั้นความสงบก็ไมยุงกับอะไรแลว เพราะเปน โอชารสแหง ธรรม ใจไดดื่มธรรมคือ
ความสงบเยน็ ใจ ใจยอมไมวิ่งเตนเผนกระโดด ไมฟุงเฟอเหอเหิม ไมดิ้นรนกวัดแกวง
ไปสูอารมณตางๆ เพราะไดอาหารอันพึงใจเปนเครอื่ งด่ืมเคร่ืองเสวย

เมอ่ื ไดใ ชป ญ ญาพนิ จิ พจิ ารณาทเ่ี รยี กวา ปรงุ อาหาร ใหล ะเอยี ดเขา ไปย่งิ กวา
อาหารทางสมถะนี้ เปน อาหารทางดา นปญ ญา น่นั ยิ่งเปน รสเปน ชาติทลี่ ะเอียดลออเขา
ไปไมมีสิ้นสุด โดยพจิ ารณาแยกแยะดสู กลกายทใ่ี หน ามวา กรรมฐาน หลักใหญของ
การแกการถอดถอนกิเลสอยูตรงนี้ ทานจึงสอนลงตรงนี้ สอนไปอื่นไมได เพราะสตั ว
โลกติดอยูตรงนี้เปนพื้นฐานเสียกอน แลวจึงไปติดภายนอก เมอ่ื พจิ ารณาใหเ หน็ ตาม
ความจรงิ นเ้ี ปน ลาํ ดบั ลาํ ดาไมห ยดุ ไมถ อยการพจิ ารณา จนกระทั่งเขาใจแจมแจงแลว
ความอิม่ พอแหงการพิจารณาและความปลอยวางแหง ความยึดม่นั ถือม่ัน จะกระเด็น
ออกไปเองดวยอํานาจของปญญา เปน ผูเพิกผถู อนส่ิงปดบงั ทัง้ หลาย หรอื ตดั ฟนรือ้
ถอนสิ่งทั้งหลายที่จอมปลอมนั้นออก เหน็ ความจรงิ อยา งประจกั ษใ จ ปญญาขั้นนี้ก็
หยุดไปเอง

เรื่องอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นไมตองบอก เพราะนน้ั เปน ผลแหง ความหลง
ตา งหาก เมื่อความรูหยั่งไปถึงไหน ความหลงจะถอนตัวออกทันที อุปาทานจะทนได
อยางไร ตองถอนตัวออกมาโดยไมตองสงสัย นก่ี ารพจิ ารณาปรงุ อาหาร คอื ธรรมารส
ขึ้นดวยอํานาจของสติอํานาจของปญญา พจิ ารณาคลค่ี ลายเหน็ สง่ิ เหลา นน้ั ชดั เจนตาม
ความจรงิ เทา ไร จติ ยง่ิ มคี วามเบาหววิ ๆ เกดิ ความสลดสงั เวช โอโฮ นี่เคยติดมาตั้งแต
เมื่อไร ทาํ ไมจงึ กลา มาเสกสรรปน ยอเอาอยา งหนา ดา นๆ เชน น้ี นน่ั คอื คาํ อทุ านวา เจา
ของเอง เพราะความจรงิ ไมไ ดเ ปน อยา งนน้ั เลย ทาํ ไมจงึ เสกสรรปนยอเอาไดอ ยางนัน้
เปน เพราะเหตไุ ร มันก็รูเรื่องจอมปลอมที่พาใหเปนไดในทันทีทันใดนั้นเอง เพราะ
ปญ ญาเปนผหู ย่งั ลงและเลอื กเฟน จะไมทราบของจริงของปลอมไดอยางไร เอา ถาจะ
แยกออกใหแตกกระจัดกระจายก็เห็นไดอยางชัดเจนวา คือกองปาชาผีดิบ ตายลงไปก็
เปนกองปาชาผีตาย ดูไดที่ไหน เอา ดูไปทวั่ โลกธาตุนี่ ทไี่ หนไมมปี า ชา สัตวบุคคลอยู
ที่ไหนมีปา ชา ผดี บิ ผตี ายอยทู ่นี ั่น

พจิ ารณาใหล งถงึ ความจรงิ ซิ ปญญามีไวตมแกงกินไดเหรอ สาํ หรบั มาใชเ พอ่ื
รื้อเพื่อถอนความลมจมของตัว ใหหลุดลอยออกมาจากความเปนนักโทษที่ถูกกิเลส
ควบคมุ ตา งหาก ทําไมจะทําไมได ธรรมะของพระพุทธเจาเหมาะสมอยางยิ่งแลวกับ
มนษุ ยเ รา จงึ ประทานพระโอวาทไวก บั แดนแหง มนษุ ย เหน็ วา เปน จดุ ศนู ยก ลางอยา ง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๒๖

๓๒๗

ยง่ิ เหมาะสมอยางยิ่ง ไมมใี ครฉลาดยงิ่ กวาพระพทุ ธเจาผเู ปน บรมศาสดา ประทาน
ธรรมะไวใ นจดุ ที่เหมาะสมอยา งยิง่ คอื มนุษยเ รา

เวลานเ้ี ราเปน อะไร เราเปน มนษุ ย เราแนใ จอยแู ลว วา เปน มนษุ ย นอกจากนั้น
ยงั เปน พระ ยังเปนผูปฏิบัติอีก ทาํ ไมจะไมส ามารถควา เอาของประเสรฐิ แหง ธรรมารส
ขึ้นมาชม ขึ้นมาเปนสมบัติของตนไดดวยขอปฏิบัติของตน ถา เราไมส ามารถใครจะ
สามารถในโลกน้ี มอบความสามารถนใ้ี หก บั ใคร เวลานท้ี กุ ขบ บี บงั คบั อยใู นหวั ใจใด
ไมใ ชบ บี อยใู นหวั ใจเรานเ้ี หรอ เราจะมอบความสามารถเปน ตน นไ้ี วก บั ใคร ภาระธรุ งั
ทั้งหมดเพื่อความปลดเปลื้องจะมอบใหใคร มอบใหทุกขเหรอ ทุกขก็มีอยูกับหัวใจนี้
แลว นอกจากจะถอนทุกขออกดวยความเพียรเทานั้น

เราเปน นกั ตอ สู ตองเปนนักทาทาย ไมมีคําวาถอย เอา ทุกขเถอะ ทุกขถึงไหน
ถึงกัน ทกุ ขดวยความเพียรไมล มจม ดยี ง่ิ กวา ทกุ ขท บ่ี บี คน้ั ตวั เราอยตู ลอดเวลา ซึ่งหา
ผลประโยชนอะไรไมไ ดเ ปนไหนๆ ขุดลงไปนักปฏิบัติ นข่ี น้ั หนง่ึ ของการพจิ ารณา

ทานสอนใหไปดูปาชา กเ็ พราะยงั ไมเ หน็ ปา ชา ภายใน ใหไ ปดปู า ชา ภายนอก
กอน เพอ่ื เปน บาทเปน ฐานเปน แนวทาง แลว ไดย อ นจติ เขา มาสปู า ชา ภายในของตน
มันมีมันเต็มไปหมด นอกจากรา งกายของเราเปน ปา ชา ผดี บิ แลว สตั วส าราสงิ ชนดิ
ตางๆ ยังเตม็ อยภู ายในทอ งเรานี้อกี ดวย มอี ะไรบา ง บรรจกุ นั มานานเทา ไร ปา ชา ตรง
นี้ทําไมไมดู ดใู หเ หน็ ชดั เจน ความเปน อสุภะอสุภงั ความเปน อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา
กองอยูในนี้หมด ไมนอกเหนอื ไปจากนีเ้ ลย

แยกไปทางความแปรปรวนคอื เปน อนจิ จฺ ํ มันก็เห็นอยูชัดๆ แปรสภาพอยู
ตลอดเวลาตงั้ แตว นั เกดิ จนกระท่งั วันตาย แมแตเวทนามันก็ยังแปรของมัน มสี ขุ มี
ทุกข มีเฉยๆ ทั้งรางกายและจิตใจ หมนุ ตวั อยอู ยา งนน้ั มเี วลาหยดุ ยง้ั ทไ่ี หน ถามีสติ
ปญญาทําไมจะไมเห็นสิ่งเหลานี้ทํางานของตัวโดยหลักธรรมชาติของเขา ดว ยสติ
ปญ ญาของเรา ตองรูตองเห็น ปดไมอยู ปดสติปญญาไมอยู ตองทะลุโดยไมสงสัย

ทกุ ขฺ ํ อวยั วะสว นไหนพาใหม คี วามสขุ ความสบายบา ง นอกจากทุกขเต็มตัว
ตองบําบัดรักษาอยูเรื่อยมา จึงพอรอดมาไดถึงวันนี้ ยงั พากนั เพลดิ เพลนิ กบั กองไฟ
อยหู รอื

อนตฺตา ทา นประกาศไวช ดั เจนแลว อยายงุ อนตฺตา เหมือนกับวาจะตีขอมือ
พวกเรานน่ั แหละ อยาไปเอื้อมอยาไปจับ อนั นน้ั เปน พษิ เปน ภยั อยา ไปเขา ใจวา เปน
ตนเปนของตน เปน เราเปน ของเรา น่นั คอื พิษคอื ภยั เมอ่ื วาเปน เราเปนของเราเม่ือไร
ความยดึ มน่ั ถอื ม่นั กเ็ หมอื นการจับไฟนั่นแล จงถอนตัวออกมาดวยปญญา ใหเ หน็ วา
ส่ิงน้เี ปน อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา โดยแท จิตจะไมไปอาจไปเอื้อมไปจับ ไมไปแตะไป

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๒๗

๓๒๘

ตอ งจะปลอ ยวางภาระธรุ งั คอื อุปาทานความยึดมั่นถือมั่น อนั เปน ภาระอนั หนกั นน้ั
ออกมาโดยลําดับ

เมื่อจิตถอนตัวออกจากอุปาทานความยึดมั่นถือมั่น จิตก็เบาขึ้นตามๆ กนั
สบายขน้ึ ตามๆ กัน โอชารสของธรรมจะแสดงขึ้นโดยลําดับ ละเอียดยิ่งกวาขั้นสมาธิ
เมอ่ื รสแหง ธรรมเหนอื รสของกเิ ลสประเภทนน้ั ๆ ก็ตองเหยยี บยํา่ กนั ไป ปลอยกันไป
เรอ่ื ยๆ

รปู ขนั ธเ ปน สาํ คญั ทําจิตใหกระทบกระเทือนมากทีเดียว รักก็เปนทุกข ชังก็
เปนทุกข เกลียดเปนทุกข โกรธเปนทุกข เกย่ี วกบั เรอ่ื งรปู ขนั ธน ส่ี าํ คญั มากกวา เพอ่ื น
ถา จติ ไมส งบกจ็ ะไมม สี ถานทบ่ี รรเทา ไมมสี ถานที่หลบซอ นตัวพอมีความสุขบา งเลย
พระเรา จงึ ตองพยายามทําจิตใหสงบ นาํ ธรรมเขา มาฟาดฟน หน่ั แหลกกนั ลงไป

อยา เสยี ดายเวลาํ่ เวลา อยา เสยี ดายวฏั สงสาร อยา เสยี ดายเรอื นจาํ อยา เสยี ดาย
ตะราง อยาเสียดายผคู มุ ขังผทู รมาน ผบู บี บงั คบั เราคอื ตวั กเิ ลสแตล ะประเภทๆ นี้คือ
ตวั ทรมานเราอยา งใหญห ลวงมาแตไ หนแตไ รนบั ไมไ ดก ต็ าม ใหถือเอาหลกั ปจ จุบนั นี้
เปน ตวั การสาํ คญั แลว จะกระจายไปหมด อดีตมีมานานเทาไรก็คือธรรมชาติแหงกอง
ทุกขดังที่เปนอยูนี้ หากปลดเปลื้องกันไมไดก็จะเปนอยางนี้ตลอดไป

อยาไปสนใจกับเรื่องอื่น ใหด เู รอ่ื งความเปน จรงิ ซง่ึ มอี ยใู นตวั ของเรา และ
ประกาศอยูตลอดเวลานีด้ ว ยสติ ปญญา ศรัทธา ความเพยี ร อยาลดละถอยหลัง อยา
เหน็ ส่ิงใดมีคุณคา ยงิ่ กวาความเพยี รทีจ่ ะรื้อถอนตนออกจากสิ่งบบี บงั คับน้ี ใหก ลาย
เปนตนผูวิเศษขึ้นมา ตนนจ้ี ะเสกสรรกต็ าม ไมเ สกสรรกต็ าม ไมต ดิ ไมเ ปน ภาระ ไม
เปนอปุ าทาน เอาตรงนใ้ี หไ ด นน่ั แหละทา นวา โอชารสอนั สงู สดุ อยตู รงนน้ั ใหถอดให
ถอนสิ่งที่เกี่ยวของพัวพันกันออกไปโดยลําดับ ถากถางเขาไปตั้งแตกองรูป ซง่ึ เปน
กําแพงอันหนึ่ง หรอื เปน สง่ิ หมุ หอ หนาแนน อนั หนง่ึ

พอผานกองรูป ทําลายกองรูปนี้ไปไดไมมีเยื่อใย รูชัดแจงดวยปญญาแลว
เหมือนกับเรามีตนทุนกอนใหญประจักษใจ แนใจในการทจ่ี ะกา วใหหลุดพนไดในชาติ
ปจ จบุ นั น้ี และในวนั ใดวนั หนง่ึ ไมไดคาดวา ปโนน ปนี้ ถาลงจิตไดถึงขั้นนี้แลวเปนที่
แนใ จ ความเพยี รมาเอง ความทกุ ขค วามยากความลาํ บากเพราะการประกอบความ
เพยี รนน้ั มนั ลบลา งกนั ไปเองเพราะอาํ นาจรสแหง ธรรมทไ่ี ดป รากฏ คือเปนผล
ปรากฏประจักษใจ เหนอื กวา ความทกุ ขเ พราะความพากเพยี รเปน ไหนๆ ใจมคี วาม
พอใจโดยหลักธรรมชาติขึ้นมา ความเพยี รหมนุ ตวั เปน เกลยี วในบคุ คลทเ่ี คยเกยี จ
ครา น

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๒๘

๓๒๙

ความเกยี จครา นเปน เรอ่ื งของกเิ ลสตา นทานธรรมตอ สธู รรม เราจะประกอบ

ความพากเพยี รความขเ้ี กยี จขค้ี รา น ความออนแอความทอแทเ หลวไหล ความทุกข

ความลําบากจึงประดังกนั เขามา บีบบงั คับใหก าวไปไมได สุดทายก็ลมตูม แสดงวา ถกู

ยิงแลว ไมตองซ้ําหลายนัด ตูมเดียวก็ลม ลมลงเสื่อลงหมอน หลบั ครอกๆ แครกๆ

ลวนแตถ ูกกเิ ลสมนั ยงิ เอาๆ ฟนเอาแหลกแตกกระจาย ความเพยี รไมเ ปน ทา ถา อยา ง

นแ้ี ลว ก็คือผทู ีจ่ ะจมอยใู นวฏั สงสาร จมอยใู นเรอื นจําคือวัฏจักรน้ีตลอดไป หาวนั หลดุ

พนไปไมได หาวนั เปน อสิ ระไมไ ด

เพราะฉะนน้ั จงฟาดฟนลงไปตามหลักธรรมที่ทานสอนไวนี้ไมเปนอื่น จะตอง

พนจากสิ่งที่บีบบังคับนี้โดยไมตองสงสัย สาํ คญั อยทู ค่ี วามเพยี ร ที่สติ ที่ปญญา ความ

อดความทน เอา ทนลงไป ทนเพื่อบึกบึนเปนอะไรไป อยางอื่นเรายังทนได ทุกขแทบ

ลม แทบตายในรา งกาย ไมม ใี ครมาอดมาทนใหเ รา เราจําตองอดตองทนมา เคยทนมา

แลว ไมใ ชเ หรอ สว นความอดความทนทกุ ขเพราะการประกอบความเพยี รน้ี ทาํ ไมจะ

ไมพออดพอทนได เพราะทนเพอ่ื จะประกอบความเพยี รรอ้ื ถอนตนใหพ น จากทกุ ข

ทําไมเราจะทนไมไดวะ เอาใหห นกั แนน ซหิ วั ใจของพระ หวั ใจนกั ปฏบิ ตั ิ ถา ลงเหน็ ภยั

ตามหลกั ธรรมแลว เหน็ คณุ กจ็ ะเหน็ ขน้ึ ในลาํ ดบั ตอ ไปดว ยความเพยี รของเรานน้ั แล

เบอ้ื งตน ใหฟ าดฟน ในเรอ่ื งกรรมฐานนใ้ี หม าก พอเปน ปากเปน ทาง ไดน เ้ี ปน

เหตเุ ปน ผลเปน ตน ทนุ แลว เรอ่ื งขนั ธส ่ี เวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณ มันก็เปนอัน

ทาํ งานดว ยกนั อยแู ลว เวทนากายกม็ ี เวทนาจิตกม็ ี เวลาพจิ ารณารา งกายนท้ี าํ ไมจะไม

วิ่งประสานกัน เพราะธรรมเหลา นเ้ี กย่ี วเนอ่ื งกนั ไมใ ชพ จิ ารณารา งกายเสรจ็ แลว จงึ ไป

พจิ ารณา เวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ อยาไปคาด อยางนั้นผิด ในหลักปฏบิ ัติหลัก

ความจรงิ แลว ไมเ ปน เชน นน้ั ทํางานจอลงจุดใดแลวมันจะกระเทือนกันไปหมด แต

เวลาเดน มนั ไปเดน ตอนทร่ี า งกายหมดความหมายไรค า ไปแลว จากธรรม แตก อ นเรา

เหน็ วา สง่ิ นม้ี คี วามหมายมคี ณุ คา มาก พอธรรมความจรงิ เขา ไปทาํ ลายความ

จอมปลอมของกิเลสตัณหาประเภทนี้แลว สง่ิ เหลา นน้ั กห็ มดความหมายไรค า ไป

ธรรมเปน ของมคี ณุ คา เหนอื นน้ั แลว อยา งเดน ชดั ทีน้พี วกเวทนา สญั ญา สังขาร

วญิ ญาณ นจ้ี ะเดน เพราะไดเปน ปากเปน ทางมาแตข น้ั รูปกายแลว

เวทนามีอะไร สว นมากจะเขา สจู ติ เวทนา เวทนาสว นรา งกายกเ็ คยไดอ ธบิ ายให

ฟงแลว แยกดูในขณะที่เจ็บไขไดปวย ในขณะที่นั่งนานๆ ก็รู ถา อยากรเู อาวนั นก้ี ร็ ู

เรื่องทุกขเวทนาดวยสติปญญา จะตองรเู ห็นกันชัดเจน ถาใชปญญา อยาอดทนเฉยๆ

การตอสูกับทุกขตองตอสูดวยปญญา ตอสูเฉยๆ อดทนเฉยๆ ไมจ ดั วา เปน มรรค

มรรค คอื สติปญญา ทุกขมีมากเพียงไรยิ่งหมุนติ้ว สติปญญาจะออกจากจุดนั้นไมได

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๒๙

๓๓๐

เอาใหเ หน็ ความจรงิ ภายในนน้ั เรอ่ื งรา งกายแตล ะชน้ิ ละสว นนน้ั จะเปน ความจรงิ ตาม
หลักธรรมชาตขิ องตนอยา งชดั เจนภายในจิต เพราะตามหลกั ธรรมชาติ เขากเ็ ปน
ความจริงของเขาอยางนน้ั อยูแ ลว

เวทนาจะเกดิ ขน้ึ มากนอ ยเพยี งไรภายในรา งกาย มนั กเ็ ปน ความจรงิ อนั หนง่ึ
ของตัวเอง มจี ติ เทา นน้ั เปน ผไู ปสาํ คญั มน่ั หมาย เมอ่ื จติ ไดพ จิ ารณารเู ทา ดว ยปญ ญา
แลว จิตก็ถอนตัวเขามาสูความจริงของตนในขั้นนี้ แลว กต็ า งอนั ตา งจรงิ เมื่อตางอัน
ตางจริงแลวเปนโทษตอกันที่ตรงไหน กระทบกระเทือนกันไดอยางไร ไมกระทบ
กระเทือนกัน กายก็เปนกาย ทุกขก็เปนทุกข ใจก็เปนใจ คือ จติ เปน จติ ตา งอนั ตา ง
จริงไมกระทบกัน แมทุกขเวทนาจะไมระงับดับไปก็ตามก็ไมกระทบกระเทือนกัน ไม
ทาํ ความกระทบกระเทอื นแกจ ติ ใหห วน่ั ไหวไดเ ลย นน่ั คอื เหน็ ความจรงิ หลายครง้ั
หลายหนก็สามารถถอดถอนอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นในสวนรางกายนี้ได เวทนา
ทางกายมันก็ผานไปดวยกัน เหลอื แตเ วทนาทางจติ

สัญญา สงั ขาร เปน สาํ คญั เวลาผา นจากกายนไ้ี ปแลว รปู ขนั ธน ไ้ี ปแลว มนั จะ
เดน เรอ่ื ง สญั ญา สงั ขารความคิดความปรงุ เพราะมนั หมดปญ หาทางรา งกายแลว จติ
ใจก็ไมยอมพิจารณา เหมอื นกบั เรารบั ประทานอม่ิ แลว อาหารประเภทน้ีอิม่ แลวก็
ปลอย อันใดที่ยังสัมผัสสัมพันธยังดูดดื่มก็รับประทานสิ่งนั้นๆ เรอ่ื ยไป จนกระทั่งอิ่ม
โดยประการทั้งปวงแลว ปลอยหมด ไมว า อาหารหวานคาวประเภทใด การพจิ ารณาก็
เหมือนกัน มันหากบอกอยูในตัวนั้นแล เมื่อใจอิ่มพอกับสิ่งใดยอมปลอยวางสิ่งนั้น
แลว หยดุ การพจิ ารณาในสง่ิ นน้ั พิจารณาสงิ่ อืน่ ตอ ไป เชน เดยี วกบั เรารบั ประทาน
อาหารประเภทน้ี เมอ่ื พอแลว กร็ บั อาหารประเภทอน่ื ไปเรอ่ื ยๆ จนกระทั่งอิ่มพอตัว
หมดแลว ปลอยหมดทุกประเภทของอาหาร การพิจารณานี้ก็เพื่อความอิ่มพอ แลว
ปลอ ยวางนน่ั แล

สงั ขารคอื ความคดิ ปรงุ อยภู ายในจติ ปรุงดีปรุงชั่ว เรอ่ื งนน้ั เรอ่ื งน้ี ปรุงอยู
ตลอดเวลา เราทกุ คนหลงเรอ่ื งของตวั ไมมีคนอื่นมาเกี่ยวของก็ตาม จิตจะตองวาด
ภาพ ความคิดความปรุง ทั้งอดีตทั้งอนาคตยุงไปหมดภายในจิตใจ หลงเพลินอยูกับ
อารมณน น้ั โศกเศรา อยกู บั เรอ่ื งนน้ั เรื่องผา นไปแลว กี่ปก เ่ี ดือนก็นาํ มาอนุ นาํ มาปรงุ
มาแตง ใหก วนใจ บบี บงั คบั ใจอยนู น้ั แล เพราะความหลง ไมทันกับกลมายาของกิเลส
ประเภทนจ้ี ึงตองพจิ ารณา จิตปรุงขึ้นมาเรื่องอะไร ดีก็ดับ ชั่วก็ดับ เอาสาระอะไรจาก
สง่ิ เหลา น้ี มันเกิดขึ้นมาที่ตรงไหนก็คนลงไปตรงนั้น

สญั ญาความสาํ คญั มน่ั หมาย มันก็หมายออกมาจากจิต จิตนี้เมื่อเขาถึงขั้น
ละเอยี ดเปนอยางนน้ั หากเปน หลกั ธรรมชาตขิ องการพจิ ารณาเองเปน เชน นน้ั ใครไม

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๓๐

๓๓๑

บอกก็เขาใจไปเอง สัมผัสสัมพันธที่ไหน สติปญญาจะหมุนติ้วๆ อยูตรงนั้น จนกระทั่ง
เขา ใจแลว ปลอ ย

เมื่อปญญาไดตัดสะพานทางรูปขันธ กเ็ ทากับตดั สะพานทางรูป เสยี ง กลิ่น รส
ภายนอกเขา มาเชน เดยี วกนั จะเหลอื อยภู ายในจติ กเ็ พยี ง เวทนา สัญญา สังขาร
วญิ ญาณ อนั นม้ี อี ยกู บั จติ ลว นๆ พจิ ารณาอยใู นจดุ นน้ั ดว ยปญ ญา ไมท าํ ความคนุ เคย
กบั อาการใดในสอ่ี าการ คือ เวทนา สุขเกิดขึ้นมาก็ดับ ทุกขเกิดขึ้นมาก็ดับภายในจิต
นน้ั ทา นจงึ เรยี กวา อนจิ จฺ า ๆ หรอื อนตฺตา ๆ มนั เปน สง่ิ เกดิ ดบั สัญญาก็ อนจิ จฺ ํ
ทกุ ขฺ ํ อนตตฺ า เหมือนกัน จะยึดอะไร มันกเ็ ปน เหมอื นกับรูปขันธน ้แี หละ คือเปนกอง
แหงไตรลักษณเหมือนกันทั้งสิ้น

เมอ่ื พจิ ารณาหลายครง้ั หลายหน อาการทั้งสี่นี้ก็หดตัวตะลอมเขาสูจิต นแ่ี ล
การไลกเิ ลส ตีตอนกิเลสตีเขาไปอยางนี้ มันไปหลบไปซอนอยูที่ไหน คลค่ี ลายขดุ คน
ตามไปดวยปญญา จนกระทง่ั รูชัดเหน็ ชดั แลว กเิ ลสหาทห่ี ลบซอ นไมไ ดว ง่ิ เขา มาสจู ติ
จากนัน้ สตปิ ญ ญากห็ มนุ ตว้ิ เขา สจู ติ มโน ทานก็ไมใหยึด ฟงซิ มโนก็เปน อนจิ จฺ ํ ทุกฺขํ
อนตฺตา นั่นฟงซิ มโนไมเปนไตรลักษณไดยังไงก็กิเลสอยูในนั้น เราจะถอื วา ใจเปน เรา
เปนของเราไดอยางไร เมื่อกิเลสทั้งกองทัพมันอยูภายในจิตใจ ถา เราไปถือวาจติ เปน
เราเปน ของเราแลว กเ็ ทา กบั ถอื กเิ ลสเปน เราเปน ของเราเขา อกี แลวจะพนไปไดยังไง
ลึกซึ้งมากธรรมะขอนี้ นใ่ี นขน้ั พจิ ารณา

จิตก็เปน อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตตฺ า ดวยกนั เพราะกเิ ลสมอี ยภู ายในนน้ั เอา ฟาด
ลงไปดวยการพิจารณา อะไรจะแหลกแตกกระจาย แมที่สุดจิตจะฉิบหายไปกับสิ่งทั้ง
หลาย ก็ใหเห็นประจักษดวยปญญาของเราเถอะ

ตอนกเิ ลสเปน ยอดวฏั จกั ร ทท่ี า นวา อวิชฺชาปจฺจยา สงขฺ ารา นน่ั ละเชอ้ื แหง
ภพแหงชาติมันฝงจมอยูภายในจิตดวงนี้ เมื่อถูกตัดสะพานออกหมดไมมีที่หากิน
ออกทางตาก็ถูกตัดออกแลว ทางหู ทางจมูก ทางลน้ิ ทางกาย ถูกตัดหมดดวยปญญา
กิเลสหาทางออกไมได จะไปรกั รปู รกั เสยี ง รักกลิ่น รกั รส เครื่องสัมผัส ก็ถูกตัด
สะพานหมดแลว รเู ทา ความเปน จรงิ หมดแลว มนั กว็ ง่ิ เขา สภู ายใน จะไปติดรูปขันธ นี้
กพ็ จิ ารณารูแลว ดว ยปญ ญา ปลอยวางไปแลว เวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ ก็
พจิ ารณาไลตะลอมเขา ไปโดยความเปนไตรลกั ษณ อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา ไปหมดแลว
มนั อยจู ดุ ไหนกเิ ลส มันก็ตองไปหลบซอนอยูในอุโมงคใหญคือจิต ปญญาก็ฟาดฟน
ลงไป

ทน่ี จ่ี ติ เปน เราเหรอ จิตเปนของเราเหรอ ฟนลงไป เอา อะไรจะฉิบหายก็ใหฉิบ
หายไปไมอ าลยั เสยี ดาย เราตอ งการความจรงิ เทา นน้ั แมจ ติ จะฉบิ หายกระจายไปหมด

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๓๑

๓๓๒

กับสิ่งทั้งหลายที่แตกกระจายไป กใ็ หร เู หน็ กบั การปฏบิ ตั นิ ้ี ฟาดฟนลงไป สุดทายสิ่งที่
จอมปลอมทั้งหลายก็แตกกระจาย ธรรมชาตขิ องจรงิ ลว นๆ ของจริงอันประเสริฐคือ
จิตทบ่ี ริสุทธ์ินนั้ ไมตาย ไมถูกทําลาย นน่ั เหน็ ไหม ทน่ี ่จี ะวา อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตตฺ า หรอื
ไมวาก็ตามเถอะ ขอใหจติ บริสุทธิเ์ สยี อยางเดียวเทานัน้ กพ็ น จากสมมุติไปหมดแลว
อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา นี้อยูในวงสมมุติ พอจิตไดหลุดพนจากนั้นไปแลว หมดคําที่จะ
พูดอะไรตอไปอีกแลว ทั้งๆ ทร่ี ๆู อยูนั้นแล สงสัยอะไรที่นี่

นี้แลคือการพนจากที่คุมขัง พน จากวฏั จกั ร คือที่คุมขังของสัตวทั้งหลายมีเรา
เปน สาํ คญั มใี จเราเปน สาํ คญั รื้อถอนออกที่ตรงนี้ ปลดเปลื้องออกที่ตรงนี้ เมื่อกิเลส
หลุดลอยออกไปจากใจโดยส้ินเชิงเสียเทา น้ัน จะไมมีอะไรเปนปญหาตอจิตใจอีกเลย
ทา นจงึ เรยี กวา อกาลิกจิต อกาลิกธรรม หากาลหาเวลาไมไ ด คือไมมีกาลไมมีเวลา
เปน ธรรมชาตทิ บ่ี รสิ ทุ ธ์ิ พุทโธ เต็มดวงอยูเชนนั้น

ทีนี้เราจะไมเห็นโทษของกิเลสชัดเจนไดอยางไร เมื่อสติปญญาเปนตนขึ้น
เหยียบหัวกิเลสใหแหลกแตกกระจายออกไปหมดแลว ทําไมจะไมเห็นโทษของมัน
อยางเต็มใจ ความสขุ ทก่ี เิ ลสนาํ มาปอ นเวลาเราจะตาย มนั เอามาเยยี วยาเราบา งพอ
ประทังชีวิตทําไมจะไมรู นค่ี วามสขุ เคลอื บนาํ้ ตาลทเ่ี กดิ ขน้ึ จากกเิ ลสปรงุ และนาํ มา
เยยี วยาเราพอประทงั ชวี ติ มนั เปน อยา งนน้ี แ่ี ลรสของกเิ ลส แตรสของธรรมกลบั ตรง
ขา มเปนอยางนี้ ทําไมจะไมรู

เมอ่ื สรปุ ความลงแลว จติ ทอ่ี ยูในอํานาจของวัฏจกั รคือกเิ ลสเปนเครื่องบีบ
บังคับ จึงไมผิดอะไรกับนักโทษที่ถูกคุมขังอยูในเรือนจํา เมื่อไดพนจากสิ่งคุมขังคือ
กเิ ลสนน้ั โดยสน้ิ เชงิ แลว จึงหาอะไรเทียบไมได แมเ ชน นน้ั ทา นกย็ งั ยกวา ประเสรฐิ ๆ
ซึ่งเปนสมมุติอันหนึ่งขึ้นมา ทไี่ มตรงกบั ความจรงิ อนั นั้นนักเลย ถึงไมตรงก็ใหเปนที่
แนใ จเถอะ ความตา งกนั เปน ดงั ทว่ี า นแ้ี ล ระหวา งจิตที่มีสง่ิ ควบคมุ กับจติ ทหี่ ลุดพน
แลว จากสง่ิ บงั คบั ทง้ั หลาย เปน อสิ รเสรเี ตม็ ทข่ี องตวั แลว ตา งกันดงั ทีก่ ลา วมาแลวน้ี
แล

ขอใหพากันตั้งอกตั้งใจ ตางมุงมาศึกษาหาสาระใสตน พจิ ารณาใหเ หน็ ชดั ตาม
หลกั อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา ดงั ทก่ี ลา วมาแลว น้ี เพราะทวั่ ไตรโลกธาตุเปน อยางน้ีทง้ั นัน้
ไมมีอะไรจะเปนของวิเศษพอใหอาลัยอาวรณกับมัน นอกจากการหลดุ พน เสยี เทา นน้ั
เปนของวิเศษ เปน ธรรมชาตทิ ว่ี เิ ศษแท ไมตองเสกสรรปนยอก็เปนธรรมชาติของตน
พอกับทุกสิ่งทุกอยาง นแ้ี ลทว่ี า รสแหง ธรรมชาํ นะซง่ึ รสทง้ั ปวง รสทเ่ี ราเคยผา นมาจะ
เปนรสชนิดใดก็ตาม รสแหงธรรมชนะทั้งหมด ปลอยทั้งหมด เพราะไมมีรสอะไร

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๓๒

๓๓๓

เสมอ แมรสนี้ก็ไมติด รสที่วา ประเสรฐิ น้กี ไ็ มตดิ ตัวเอง เปน หลกั ความจรงิ อนั หนง่ึ เทา
นน้ั

เอา เอาใหจริงนักปฏิบัติ อยาทอถอย เอา พลีชีพตอพระพุทธเจาเถอะ การ
พลชี พี ตอกเิ ลสนเี้ ราไมว า พลีกต็ าม เราเคยพลมี ามากและนานแสนนานแลว จนนบั ไม
ไดในภพชาติหนึ่งๆ ของแตละสัตวแตละบุคคล นับไมไดแลว เอาวงปจ จบุ นั ทเ่ี หน็ ๆ
เปน ๆ อยเู วลาน้ี ยอนหลังไปจนหาประมาณไมได เปน มาจากอวชิ ชฺ าปจจฺ ยา สงฺขารา
ทฝ่ี ง อยภู ายในใจนแ้ี ลเปน ภพๆ ชาติๆ สิง่ อนื่ ๆ ทว่ั ไตรภพ ไมมสี ่งิ ใดช้นิ ใดพาใหเ ปน
ภพเปน ชาติ และพาใหแบกกองทุกขทั้งมวล มอี วิชฺชาปจฺจยา สงขฺ ารานเ้ี ทา นน้ั

เพราะฉะนน้ั จติ เวลาคนตายแลว วา สญู มันสูญไปไหน เอาภาคปฏบิ ตั เิ ขา ไป
จับซิ อยาพูดตามกลมายาของกิเลสปดหูปดตาซิ กเิ ลสมนั บอกวา ตายแลว สญู นน่ั มัน
ปดไวอยางมิดชิดแลว กเิ ลสตวั พาใหส ตั วเ กดิ ตายนน้ั สญู ไปไหน ทําไมไมยอนศรแทง
มันบางถาอยากรูกลหลอกของมัน มนั พาสตั วโ ลกใหจ มอยใู นวฏั สงสารน้ี มันสูญไป
ไหนกเิ ลสนะ และกเิ ลสบังคบั อะไรถา ไมบ ังคับจติ จิตเมื่อมันสูญไปแลวกิเลสบังคับได
ยังไง มันไมสูญนะซิมันถึงบังคับใหเกิดแกเจ็บตายไดเรื่อยมาเรื่อยไปไมหยุดไมถอย
ทาํ ไมเราจะไปหลงกลมายาของกเิ ลสวา ตายแลว สญู ๆ ไมสะดุดใจเห็นโทษกลหลอก
ของมันบาง กเิ ลสตวั แสบนเ้ี คยหลอกสตั วโ ลกใหห ลงและงมทกุ ขม านานแสนนานแลว

พจิ ารณาใหถ งึ ความจรงิ ซิ อะไรสูญไมสูญก็ใหรู นจ่ี งึ เรยี กวา นกั ธรรมะ นกั คน
ควา พจิ ารณาใหถ งึ ความจรงิ ดงั พระพทุ ธเจา ทป่ี ระกาศสอนธรรม ทานประกาศสอน
ดว ยความจรงิ ทา นทรงปฏบิ ตั แิ ลว ทง้ั เหตุก็สมบูรณเตม็ ท่ี จึงไดผลเปนที่พอพระทัย
แลว นาํ ธรรมนอ้ี อกสอนโลก ทา นสอนไวท ต่ี รงไหนวา สตั วท ง้ั หลายตายแลว สญู อยูที่
ตรงไหน มแี ตว า เกดิ แกเ จบ็ ตายๆ อยูอยางนั้น ทา นสอนไวเ ปนอยา งน้ที ้ังนั้น พระ
พุทธเจา ทงั้ หลายไมค านกัน เพราะรอู ยา งเดยี วกนั เหน็ จรงิ อยา งเดยี วกนั ตามหลกั
ความจรงิ นน้ั ๆ จะลบใหส ญู ไดอ ยา งไรเมอ่ื เปน ความจรงิ เตม็ สว นอยแู ลว

การเกดิ การตาย เกดิ ตายไมห ยดุ ไมถอยเพราะอะไรเปนสาเหตุ ทา นกส็ อนไว
แลว วา อวิชชฺ าปจจฺ ยา สงขฺ ารา สงขฺ ารปจจฺ ยา วิ ญฺ าณํ เปนตน นเ่ี ปน สาเหตุ มัน
ฝง อยภู ายในจติ จึงพาใหเกิดอยูไมหยุดไมถอย พอทําลายอวิชฺชาปจฺจยา สงขฺ ารา ลง
ไปแลว เปน อยา งไร อวชิ ฺชายเตฺวว อเสสวริ าคนโิ รธา สงขฺ ารนโิ รโธ นน่ั พออวิชชา
ดบั จากใจเสยี เทา นน้ั ไมว า อะไรๆ ดับไปหมด นิโรโธ โหติ นน่ั จะวา ไง หรอื วา เอว
เมตสสฺ เกวลลฺส ทกุ ขฺ กขฺ นธฺ สสฺ นิโรโธ โหติ นน่ั พออวิชชาดับไปเทา น้ัน ทุกสิ่งทุก
อยางดับไปหมด แลว ผทู ร่ี วู า อวชิ ชาดบั นนั่ คอื ผูบริสุทธิ์ ผูบริสุทธิน์ น้ั ดับสูญไปได

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๓๓

๓๓๔

อยางไร ความจรงิ สดุ สว นเปน อยา งน้ี ดูเอา ฟงเอา ผูถือ พทุ ธฺ ํ ธมมฺ ํ สงฆฺ ํ สรณํ คจฺ
ฉามิ นะ ก็พวกเราชาวพุทธมิไดถือ กิเลสํ สรณํ คจฉฺ ามิ นว่ี ะ

เราเปน นกั ปฏบิ ตั ติ อ งคน ใหเ หน็ ความจรงิ ซิ ใครจะยกสามแดนโลกธาตมุ า
หลอกมาคานก็ไมหวั่น ถา ลงไดร เู หน็ ความจรงิ เตม็ หวั ใจแลว คา นไดย งั ไง เราคดิ ดู
พระพุทธเจาเพียงพระองคเดียวเทานั้น ทําไมจึงสามารถเปนครูเปนศาสดาของโลกได
ทง้ั สามโลก ถา ไมเ อาความจรงิ ทท่ี รงรทู รงเหน็ เตม็ พระทยั มาสอนเอาอะไรมาสอน
การสอนกส็ อนดว ยความอาจหาญไมม ใี ครเกนิ พระพทุ ธเจา ผเู ปน อาชาไนย ผนู าํ ความ
จรงิ ลว นๆ มาสอนโลก ไมไ ดเอาความปลอมความดนเดามาสอนนี่ การพูดออกมา
ดว ยความดนเดาเกาหมดั นน้ั เปนวิชาของอวชิ ชา เปนหลักวิชาของอวิชชาที่กลอมโลก
ใหลมจมไปตามมันตางหาก หลกั ธรรมแทๆ ไมไดสอนใหลมจม ถงึ เรยี กวา สง่ิ เหลา
นั้นเปนของปลอม ธรรมเปนของจริงที่พึ่งเปนพึ่งตายไดไมสงสัย

กิเลสมนั ปลอมทงั้ เพ รอยทั้งรอยปลอม ธรรมจรงิ รอยทง้ั รอยจริงหมด มัน
เดนิ สวนทางกนั ระหวา งกเิ ลสกบั ธรรม จึงตองเปนขาศึกกัน การปฏิบตั ิความ
พากเพยี รไมรบกับกิเลสจะรบกบั อะไร นี่คือขาศึก ไมรบกับอันนี้จะรบกับอะไร เวลานี้
กิเลสเปนขาศึกตอธรรม เปน ขา ศกึ ตอ เรา เราไมร บกบั กเิ ลสทเ่ี ปน ขา ศกึ ตอ เราและตอ
ธรรมจะรบกบั อะไร เม่อื รูเรอื่ งของกิเลสเสียท้ังมวลแลว จะสงสัยธรรมไปที่ไหนกันอีก
เฉพาะอยางยิ่งจิตสงสัยอะไร เรอ่ื งตายเกดิ ตายสญู สูญที่ไหนกใ็ หรูซินกั ปฏิบัติ ฟง
อะไรเสียงลมปากที่อมกิเลสตัวสกปรกพนออกมา ไมข เ้ี กยี จลา งหหู รอื จงฟงเสียง
ธรรมของศาสดาองคเอกนั่นซิ หจู ะไดส ะอาด ใจจะไดบ รสิ ทุ ธ์ิ

เอาใหจ รงิ ใหจ งั ทาํ ลมุ ๆ ดอนๆ เหลาะๆ แหละๆ เหน็ แกห ลบั แกน อน เหน็
แกป ากแกท อ งเหลา นเ้ี คยฝง ใจมานานแลว เปนเรื่องของกิเลสทั้งมวล จงพลิกแพลง
เปลีย่ นแปลงใหเปน เรอ่ื งของธรรมขนึ้ มา จะสมชื่อสมนามวาเปนลูกศิษยตถาคต ได
พลีตนออกมาบวชในพระพุทธศาสนา และดาํ เนนิ ตามหลกั ธรรมของพระพทุ ธเจา จะ
ไดมหาสมบตั ิอนั ลน คา มาครองใจ เมอ่ื ธรรมครองใจกบั กเิ ลสครองใจน้นั ตางกนั อยา ง
ไร นี่ก็ดังที่พูดแลว ธรรมครองใจประเสรฐิ เลศิ เลอ สงา ผา เผย มีอิสระเต็มตัวเต็มใจ
ไมไขวควา ไมหวิ โหย ไมเ สาะแสวง ไมหวังพึ่งอะไรเพราะธรรมเต็มใจแลวอิ่มพอ

พูดตอตอนทายแหงการแสดงธรรม
ระหวา งพระพทุ ธเจา แตล ะพระองคท จ่ี ะมาตรสั รเู รยี ก พทุ ธนั ดร ระหวา ง

พทุ ธนั ดรทว่ี า งจากศาสนานน้ั ไมไดยนิ คําวา บาป บญุ นรก สวรรค นพิ พานเลย
เพราะไมม ใี ครบอกวา ธรรมเปน ยงั ไง กเิ ลสเปนยงั ไง แลวจะมีทางเดินไดยังไง กห็ วั สมุ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๓๔

๓๓๕

กนั อยใู นเรอื นจาํ นน้ั นะ ซิ จะวาไง ในเรือนจํานั้นยังทําโทษตอกันในเรือนจําไดอีก ไม
เพียงแตวาเปนนักโทษแลวมันทําโทษอะไรไมไดนะ เปนนักโทษแลวมันก็ยังทําโทษได
อีก อยา งนกั โทษในเรอื นจาํ ฆา กนั เกง อยใู นเรอื นจาํ นน้ั

นี่ก็เหมือนกัน เมื่อไมมีอรรถมีธรรมอะไรมาชี้แจงแสดงบอกเหตุบอกผลดีชั่ว
ตางๆ แลว กม็ แี ตค วามชว่ั เตม็ หวั ใจสตั ว แลวจะไปเอาความดีทไี่ หนมาทํา เพราะมี
แตความชวั่ ถาพระพุทธเจาไมไดมาตรัสรูแตละพระองค ๆ และสั่งสอน ก็จมอยูใน
โลกันตสัตวนั้นตลอด พอพระพทุ ธเจา มาตรัสรู จึงไดยกอันนี้ขึ้นมา ยกอันนั้นขึ้นมา
ใหร ใู หเ หน็ กนั ทง้ั บญุ ทง้ั บาป ทง้ั นรกทง้ั สวรรคแ ละนพิ พาน ทั้งๆ ทส่ี ง่ิ เหลา นน้ั มอี ยู
ตดิ กบั ตวั เรานน่ั แหละ แตเจอไมได เห็นไมได เพราะไมมีผูบอก เจอตั้งแตทุกขที่
กิเลสบีบบังคับใหแสดงผลออกมา ตัวสาเหตุคอื กเิ ลสทีผ่ ลิตทกุ ขใหเรา บบี บงั คบั เรา
ใหเปนทุกขนั้น เรากไ็ มเ หน็ ทางที่จะออกจากกิเลสเราก็ไมรูไมเห็น เพราะไมม ีธรรม
แสดงทางออกพอไดขวนขวาย

นเ่ี ราพรอ มแลว ถึงพระพุทธเจาจะปรินิพพานไปนานสักเทาไร กส็ วากขาต
ธรรมนั้นแลคือองคศาสดา ดังที่พระองคตรัสกับพระอานนทนั่น แหมซึ้งมากนะ
“พระธรรมและวนิ ยั ทเ่ี ราแสดงไวแ ลว นแ้ี ล อานนท จะเปน ครู เปนศาสดาของเธอทั้ง
หลายแทนเราในกาลทเ่ี ราลว งไปแลว ” หมายถงึ พระสรรี ะพระองคล ว งไปเปน ธรรมดา
ของ อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา สว นธรรมของจรงิ นน้ั เปนศาสดาไปโดยตลอด ผเู คารพ
ธรรมวนิ ยั จงึ ชอ่ื วา เคารพศาสดา และเดินตามนี้จะไมไปไหน จะไปตรงที่พระพุทธเจา
ทรงสอนแลว นน้ั แล เหมือนพระพุทธเจายังทรงพระชนมอยูไมผิดอะไรกันเลย

สวากขาตธรรม ตรสั ไวช อบแลว ๆ ขอใหเดินตามหลักธรรมที่ชอบนั้นเถอะ จะ
เปนผูปฏิบัตชิ อบ ปฏิบัติดี ตรงก็อยูที่นั่น สุปฏิปนฺโน ก็อยูที่นั่น อุชุฯ ก็อยูที่นั่น
ญายฯ อยูที่นั่น สามจี ฯิ อยทู น่ี ัน่ สุดทายก็ เอส ภควโต สาวกสงโฺ ฆ เมอ่ื บรรลธุ รรม
เปน ขน้ั ๆ จนถงึ ความหลุดพน แลว นั้นแลคือสาวกของพระพุทธเจาอยูที่นั่น

ผทู รงหลกั ความจรงิ นน้ั แหละจะเปน ผไู มห วน่ั ไหว จะเปนผูเปนหลักของตัว
และของโลกไปได คือทรงความจริงไวไมหวั่น ถา มคี วามจรงิ อยภู ายในใจแลว ไมห วน่ั
การประพฤติปฏิบัติทุกอยางสม่ําเสมอ ไมเปนลุมๆ ดอนๆ สําคัญอยูที่จิต เพราะ
ฉะนั้น จึงตองสอนเนนลงที่จิต ใหหมูเพื่อนไดหลักไดเกณฑในการประพฤติปฏิบัติ
ทางดานจิตใจ ขอวัตรปฏิบตั ิ สิกขาบทวินัยอะไรจะเปนไปตามหลักของจิต เมื่อจิตได
นอ มลงสธู รรมแลว การดาํ เนนิ ทาํ ไมจะไมเ ปน ไปโดยความเปน ธรรมเปน วนิ ยั ตอง
เปน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๓๕

๓๓๖

ถา เพยี งแตค วามจาํ เฉยๆ มันไมไดเรื่องนา ผมไมไ ดป ระมาทธรรมของพระ
พุทธเจา เรยี นกเ็ รยี นเพอ่ื ความจาํ มแี ตค วามจาํ เฉยๆ ความจาํ อนั ไหนมาแกก เิ ลสไดม ี
เหรอ จําไดหมดพระไตรปฎก กิเลสก็เต็มตัวอยูนั้น ไมม ีกิเลสตวั ไหนทหี่ นังบางเอา
นักหนาพอผิวมันถลอกบาง หนงั มนั ถลกบา ง นอกจากจะเพม่ิ กเิ ลสขน้ึ มาใหห นงั หนา
เทา นน้ั ดว ยความสาํ คญั วา เราเรยี นมากรมู าก เคลื่อนที่ไปไหนไมได มนั หนกั ความรู
ความฉลาดของตนที่เรียนมามาก ความจริงมันหนักกิเลสความถือเนื้อถือตัว ความ
สาํ คญั มน่ั หมายวา ตวั รตู วั ฉลาดตา งหาก นน้ั แลกเิ ลสมนั แทรกอยา งนน้ั จงเขา ใจไว
ดวยดี อยา ลมื ตวั วา เรยี นมาก รมู าก ฉลาดมาก กเิ ลสนอ ยลง ถาไมไดลงมือปฏิบัติ
เพอ่ื ความจรงิ แหง ธรรมทง้ั หลาย จะไมม หี วงั เหน็ ธรรมของจรงิ ประจกั ษใ จตลอดไป

เอา ภาคปฏิบัติฟาดลงไป เราจะเหน็ เรอ่ื งเหลา นแ้ี ตกกระจายออกไปภายใน
จติ ใจของเรา ทเ่ี คยแบกเคยหามความรคู วามฉลาดอนั เปน กเิ ลสสาํ คญั นน้ั อยา ง
ประจักษไมสงสัย เพราะความจาํ กบั ความจรงิ นน้ั ตา งกนั ความจรงิ นล้ี งไดเ ขา ถงึ ไหน
กิเลสหลุดลอยไปถึงนั้น ความจํา จําไปถึงไหน กิเลสพองตัวขึ้นถึงนั้นแหละ นเ่ี ปน
ความจรงิ พดู ตามความจรงิ เรากเ็ คยเรยี นมา นถ่ี า หากวา เราไมเ รยี นมา ใครๆ เขาจะ
วา เรานป้ี ระมาทเอาเสยี จนสน้ิ ดี เราไมไ ดประมาท ในความรสู กึ ของเราไมเ คยมคี วาม
ประมาทธรรมพระพทุ ธเจา เลย

เรยี นเรากไ็ ดเ รยี น จาํ เรากไ็ ดจ าํ เรยี นนกั ธรรมตรี ไดค วามรนู กั ธรรมตรี ที่นี่
มันหมายออกไปแลวนะ โอ เรานม่ี คี วามรมู ากนะ ไดถึงนักธรรมตรี พอไดนักธรรมโท
ขยายออกไปอีกแลว แหม.เรามคี วามรมู ากถงึ นกั ธรรมชน้ั โทนะ เปน นักธรรมเอกขึน้
เปน มหาเปรยี ญ โอย ยิ่งจะกาวไมออก มนั หนกั ความรู มนั หนกั ความรตู ายอะไร มัน
หนักกิเลสทิฐิมานะ วา ตวั รตู วั ฉลาดตา งหาก น้ันละตวั โงทส่ี ุด มนั ไมไ ดเรียนเพอื่ ฉลาด
มนั เรยี นเพอ่ื โงถ า เปน อยา งนน้ั

ถา เรยี นเพอ่ื รหู ลกั ขอ ปฏบิ ตั แิ ลว จะไดด าํ เนนิ ตามนน้ั นน่ั ละเรยี นเพอ่ื ความ
ฉลาด การเรยี นนน้ั จะเปน ประโยชนย ง่ิ กวา การเรยี นแลว มาสาํ คญั ตวั และยึดเอา
สมบัติของพระพุทธเจาจากที่เรียนมาจําไดมานั้น มาเปนสมบัติของตนเปนไหนๆ
ความจาํ เปน สมบัติไดยงั ไง ความจรงิ ตางหากเปนสมบัติ เมอ่ื เรยี นแลว กป็ ฏบิ ตั ิ ทาน
จงึ วา ปริยัติ ปฏบิ ตั ิ ปฏิเวธ ฟงซิ ธรรมทั้งสามเปนธรรมเกี่ยวเนื่องกันแยกกันไมออก
ถา ผมู ุง ผลตามหลักความจรงิ ท่ีทรงสอนไวแ ลว ตอ งดาํ เนนิ ตามธรรมทง้ั สามประเภทน้ี
ปรยิ ตั เิ รยี นรแู ลว เอา ปฏบิ ตั ิ ทา นสอนวา ยงั ไง เชน เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ
เปนตน เปน เรอ่ื งเลก็ นอ ยหรอื ครอบโลกธาตอุ ยแู ลว น่ี

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๓๖

๓๓๗

ดังที่พูดตะกี้นี้อะไรรางกายมันเปนยังไง เกสา ดซู ิ โลมา ผม ขน เล็บ ฟน หนงั
แนะ คนเรามนั ดกู ันไดเพียงหนังหุมหอ อยเู ทา น้นั แหละ ผวิ บางๆ หลอกตาคนโงให
หลงกนั เสยี จนทว่ั ดนิ แดน ทา นจงึ สอนไวต รงนน้ั ตจปริยนฺโต มหี นงั หมุ หอ อยเู ทา นน้ั
นะจึงพอดูได กเิ ลสมนั ละเอยี ดแหลมคมมาก มนั ฉลาดมาก มันเอาหนังบางๆ มา
หลอกสตั ว หมุ ไวใ นรา งวา เปน สตั วเ ปน บคุ คล วา เปน หญงิ เปน ชาย วา เปน ของสวย
ของงาม ทําใหสตั วโ ลกฟงุ เฟอเหอเหิม ดนิ้ รนกวัดแกวงยง่ิ กวา สนุ ัขเดือนเกา เดือน
สบิ เสยี งเหา เสยี งหอนอกึ ทกึ เพราะอาํ นาจแหง ราคะตณั หามนั กาํ เรบิ มนั ดน้ิ รน นน้ั
อํานาจของหนังหอกระดูกมีอิทธิพลมากไหม พจิ ารณาดซู ิ มันดิ้นรนอะไร พจิ ารณาให
เหน็ ตามเปน จรงิ แลว มันจะไปดิ้นอะไร เพราะเหน็ ชดั ๆ อยแู ลว น่ี ตาก็เห็นอยูนี่ ชะ
ลางอยูทุกวัน ชะลางของสกปรกนั่นเอง สะอาดแลวไปชะลางกันทําไม ทานสอนมาถงึ
นซ้ี ง่ึ เปน สว นใหญแ ลว ทา นกห็ ยดุ เพราะเวลามนี อ ย ยังไมไดสอนใหมากกวานี้

ผพู ิจารณากพ็ จิ ารณากระจายออกไปถึงอาการ ๓๒ ผม ขน เลบ็ ฟน หนงั เนอ้ื
เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก มาม หวั ใจ ตบั พังผืด ไต ปอด ไสใ หญ ไสนอย อาหาร
ใหม อาหารเกา นน่ั หมดแลว ธาตดุ นิ ภายในรา งกาย ทน่ี เ่ี รากพ็ จิ ารณากระจายให
แหลกดว ยปญญาเปนไร มันจะหลงไปไหน กเิ ลสมนั หลบมนั ซอ นอยตู ามอาการเหลา
น้ี มนั เสกสรรปน ยออยตู ามน้ี ฟาดฟนลงไปใหถึงหลักความจริงดวยสติปญญา มนั จะ
ไปไหนกเิ ลส จะหาที่หลบซอนไดที่ไหนดังที่พูดแลว

ใครมาสอนอยางนี้ ไมใชพระพุทธเจาใครจะมาสอนอยางนี้ได เพราะไมมีใคร
เหน็ ใครรนู ่ี กิเลสปดหูปดตาโลกไวอยางมิดชิดทีเดียว เมอ่ื สตปิ ญ ญาอนั เปน ธรรม
เครอ่ื งประหารฟาดฟน เขา ไปตรงไหน มันแตกกระจายไปตรงนั้น เหน็ ความจรงิ ตรง
นน้ั ๆ ทีนี้มันก็ถอนตัวเขามาๆ ละซิ นค่ี อื ความจรงิ เขาถึงไหนแตกกระจายไปถึงนั้น
จติ เบาขน้ึ ๆ นนั่ คอื การถอดถอนกิเลสดวยความจาํ เพอ่ื การปฏิบตั เิ ปนอยา งนน้ั

เมื่อรูแลวก็ใหปฏิบัติดังที่รูมา เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ เปนตน นเ่ี ราจาํ
ไดแ ลว ในภาคปรยิ ตั ิ ทท่ี า นสอนกรรมฐานทแี รก นน้ั คอื ปรยิ ตั ิ เราไดเ รยี นแลว จาก
อปุ ช ฌายอ าจารยข องเรา จากนน้ั กเ็ ปน ภาคปฏบิ ตั ิ นาํ ไปคลค่ี ลายกระจายดใู หเ หน็
ตามหลกั ความจรงิ นค้ี อื ภาคปฏบิ ตั ิ เมื่อเห็นตามความจริงมากนอย ยอมถอดถอน
ตนออกมาๆ กิเลสคอยหลุดลอยไปๆ ทา นจงึ วา ปฏิเวธๆ ความรูแจงแทงตลอด คือ
แทงทะลุไปเรื่อยๆ จนแทงทะลปุ รโุ ปรง ไมม อี ะไรเหลอื เลย พนจากโลกพนที่ไหน ถา
ไมพนที่ใจซึ่งเคยถูกบีบบังคับอยูนี้จะไปพนกันที่ไหน ใครจะมจี รวดดาวเทยี มมาให
ขับขี่ใหขึ้นไปเพื่อพนโลก พนโลกอะไรอยางนั้น มันไปตายอยูบนอวกาศก็ยังมี มนั พน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๓๗

๓๓๘

ที่ไหนถึงไดตาย แตกิเลสที่ไมตายยังฝงอยูในจิตมันก็พามาเกิดอีกนั่นแล ใหพนที่จิต
นซ้ี ิ เพราะกเิ ลสตวั บบี บงั คบั อยทู จ่ี ติ น้ี มิไดอยูที่อวกาศ

ความเกดิ ความตาย จติ เปน ตวั การสาํ คญั ท่ียาพิษคอื กเิ ลสแทรกเขาไปใหหมุน
ตว้ิ ๆ ทั้งวันทั้งคืน ยนื เดินน่ังนอน และในภพนน้ั ภพน้ี ภพนอยภพใหญ ภพไหนมันก็
กองอยูกับใจดวงนี้ นักปฏิบัติธรรมสงสัยที่ตรงไหน สงสัยอะไรกัน เอาใหจ รงิ ซิ ถา ลง
ไดร วู วิ ฏั จติ นแ้ี ลว ไมตองบอกความพนทุกขหรือพระนิพพาน จิตรูเองเห็นเองพนทุกข
ถึงพระนิพพานเอง โดยไมส นใจกบั ใครจะมาบอกหรอื ตามสง เสยี แหละ เหมือนกับ
นักโทษนั่นแล พอถูกปลอยออกจากเรือนจําเทานั้น เขาไมถ ามวา บานของขาอยูที่
ไหน ขา ตดิ ตะรางมาหลายปแลว ขาจําบานไมได ไปสงขาดวย ดังนี้ไมมี มีแตเผนถึง
บา นทเี ดยี ว อยากใหม สี กั ๕ ขา หรอื ๑๐ ขาโนน จะไดเผนพรอมๆ กนั ใหถ งึ เรว็ ทนั
ใจ เพราะความอยากกลบั บา นกลบั เรอื น เพอ่ื เหน็ หนา ลกู หนา เมยี ญาตมิ ติ รเพอ่ื นฝงู
และกลบั ไปสคู วามเปน อสิ ระ อะไรจะมีกําลังมากยิ่งกวาหัวใจที่พองตัวเวลาพนจาก
โทษแลว วะ

นี่ก็เหมือนกัน เมื่อจิตหลุดลอยออกจากกิเลสแลว ไมต องถามหาละนพิ พาน
ถามหาทําไม ขอใหรูนิพพานประจักษใจเถอะจะไมตองถามใครทั้งสิ้น ทไ่ี มร นู ิพพาน
นน่ั ซิ ถึงถามกันใหยุงในชาวพุทธเรา ดีไมดียังทะเลาะกันดวยมวยฝปากไมยอมลงเวที
ซึ่งมีอยูเยอะ

นิพพานคืออะไร ขอจงทําใจใหบริสุทธิ์เถอะ จะหมดปญ หาโดยประการท้ังปวง
ขึ้นชื่อวาสมมุติจะไมมีเขาไปเกี่ยวของขัดแยงไดเลย นล่ี ะธรรมะพระพทุ ธเจา เปน
ธรรมสดๆ รอ นๆ อยูอยางนี้ มรรคผลนพิ พานทาํ ไมจะไมส ดๆ รอ นๆ กับผูปฏิบัติ
เลา เราไปควา หาอะไรลมๆ แลงๆ ตะครุบเงา ตะครุบไปทําไม เอาตวั จรงิ นน่ั ซิ จบั ตวั
ไดแ ลว กจ็ บั เงาไดเ ทา นน้ั แหละ เพราะเงานี้ออกไปจากตัว จบั ตวั ไดแลว ทาํ ไมจะจับเงา
ไมไดไมถูก การตะครบุ เงา เงามนั วง่ิ เรากว็ ง่ิ ทันเมื่อไร ความสาํ คญั มน่ั หมายหลอก
เราไปเรอ่ื ยๆ น้แี ลคือเงา จงจาํ ไวใหถึงใจจะถงึ ธรรมคอื ตัวจรงิ

ไมมีอะไรที่จะมากั้นกางมรรคผลนิพพาน มสี จั ธรรม ๒ ประการเทา นน้ั คือ
ทุกขกับสมุทัย เปนเครื่องปดบังจิตใจไมใหกาวเขาสูมรรคผลนิพพานได แลว อะไรจะ
เปนเครื่องบุกเบิกสิ่งที่ปดบังหุมหอทั้งสองประเภทนี้ ก็มรรคสัจ นโิ รธสจั นน่ั แล มีเทา
นี้เครื่องบุกเบิกที่จะใหถึงมรรคผลนิพพานมี มรรคสจั ไดแกขอปฏิบัติ คอื ศลี สมาธิ
ปญญา หรือสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป จนกระท่ังสัมมาสมาธเิ ปน ท่สี ดุ นี่คือเครื่องมือ
บกุ เบกิ ทจ่ี ะใหเ ขา สมู รรคผลนพิ พาน ปราบใหเ ตยี นโลง กเิ ลสไมม เี หลอื เพราะ
มัชฌิมาปฏิปทานี้แล มนั เพราะกาลสถานทท่ี ไ่ี หน มนั เพราะบคุ คลผใู ดมอี าํ นาจมากดี

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๓๘

๓๓๙

กนั บงั คบั คบั จติ ใจของเราไมใ หพ น จากกเิ ลส มันไมมีกาลสถานที่และสิ่งใดหรือบุคคล
ผูใดมากีดกันมรรคผลนิพพาน นอกจากเราเองทถี่ ูกกเิ ลสกลอ มเอาเทานัน้ มันถึงไป
ไมรอดและหลับครอกๆ อยดู ว ยความประมาทนอนใจเทา นน้ั มันเปนเรื่องของกิเลส
คือทุกขสมุทัยทั้งมวลที่ขับกลอม และกีดกนั สตั วโ ลกไมใ หถงึ มรรคผลนพิ พานนะ
มรรคผลนพิ พานจะไปลา สมยั ทไ่ี หน ถา ไมใ ชเ ราเปน คนลา สมยั เสยี เอง ถาอยากใหทัน
สมัยก็เอาซิ ปฏิบัติตามหลักธรรมพระพุทธเจาอยางแทจริงและถึงใจซิ คาํ วา ลา สมยั
อันเปนกลมายากดถวงของกิเลสจะสิ้นซากไปเอง

ธรรมะของพระพุทธเจาลาสมัยที่ตรงไหน มัชฌิมาๆ ฟงซิ พอเหมาะพอดีอยู
ตลอดเวลากบั การปราบกเิ ลสทกุ ประเภท อะไรจะเหมาะยิ่งกวามัชฌิมา ความพอ
เหมาะพอดกี บั การปราบกเิ ลสทกุ ประเภท กเิ ลสประเภทไหน เกงกลาใหผาดโผนออก
มาถาไมอยากพังทลายตายเกลื่อนนะ กิเลสประเภทนี้เกงใหออกมา มัชฌิมาปฏิปทา
เครื่องมือชนิดนี้ฟาดฟนขาดสะบั้นไปหมด เอา กิเลสประเภทไหนเกงใหออกมา ถา
สามารถใหออกมา มัชฌิมานี้เปนไมถอย ถา เราไดยดึ หลักมัชฌิมาใหด แี ลว กิเลสตอง
พังทลายๆ เปน ลาํ ดบั ลาํ ดา จนถงึ วาระสดุ ทา ย กิเลสละเอียดก็พังทลายดวยมัชฌิมา
ขั้นละเอียดแหลมคมไมมีเหลือซากอีกตอไป นี่อยูต รงน้ีมรรคผลนิพพาน อยา สงสยั
สงสัยไปทําไม ธรรมคอื ความจรงิ มอี ยู อยาถูกหลอกไปเรื่อยๆ เชอ่ื กเิ ลสเชอ่ื มานาน
และลม จมเพราะมนั มานานแลว ใหเ ช่อื ธรรมคือทางหลุดพน และความหลุดพน พระ
องคป ระทานไวห มดแลว รบี นาํ มาใชป ราบกเิ ลส อยาจดๆ จองๆ เลอ่ื น ๆ ลอย ๆ จะ
เสยี การณแ ละตายเปลา

มชั ฌมิ าปฏิปทานัน้ แล ธรรมเครอ่ื งบกุ เบกิ นโิ รธ ความดับทุกข นั่นเปนผล
ของมัชฌิมาปฏิปทาตางหาก มัชฌิมาทําหนาที่ไดมากนอยเพียงไร ความดับทุกขก็ดับ
ไปเรอ่ื ยๆ จนกระทั่งมัชฌิมาปฏิปทามีกําลังเต็มที่ ทาํ หนา ทโ่ี ดยสมบรู ณ นิโรธคอื
ความดับสนิทแหงกองทุกขทั้งหลายก็แสดงผลเต็มที่ ทุกขหมดไปโดยสิ้นเชิงไมมี
เหลอื แลว จะถามหามรรคผลนพิ พานทไ่ี หน ไมถาม เพราะรสู ดๆ รอ นๆ อยูกับตัว
ของเรา อยกู บั ใจของเราโดยสมบรู ณแ ลว

จงดูกลมายาของกิเลสใหดี ตัวปดตัวกั้น กัน้ ดว ยวิธใี ด อาการความคิดความ
ปรุงของจิตในแงตางๆ ลวนเปนอาการของกิเลสแสดงตัวนะถาสติไมทัน เมื่อสติทันก็
เหน็ ความเคลอ่ื นไหวของกเิ ลส โนนเขาถึงขั้นสติปญญาอัตโนมัติ หรอื มหาสติ มหา
ปญ ญาโนน ละถงึ จะรชู ดั เรอ่ื งความเคลอ่ื นไหวของกเิ ลสวา มนั รวดเรว็ ขนาดไหน แตก็สู
สติปญญาอัตโนมัติ หรือมหาสติมหาปญญาไปไมได พอกิเลสเคล่อื นพับ สติปญญา
ตื่นแลว ปญ ญาตามตอ นแลว เมื่อถึงขั้นนี้กิเลสตองหมอบ ความหมอบของกิเลสไมใช

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๓๙

๓๔๐

กเิ ลสกลวั ธรรมนะ น่นั เปนความฉลาดของกเิ ลสตางหากที่มนั หมอบหลบซอ นนะ สติ
ปญญาตองคุยเขี่ยขุดคนกันขึ้นมาทําลาย เอาจนกเิ ลสแหลกแตกกระจายไปหมด
ตลอดลูกเตาหลานเหลนของกิเลสก็ดับ และดบั เชอ้ื ไมม เี หลอื ภายในใจแลว นจิ ฉฺ าโต
ปรนิ พิ ฺพุโต ทา นวา ดบั ความหวิ กระหาย ไมมีอะไรดับสนิทยิ่งกวากิเลสดับจากใจ
แลวมีอะไรที่นี่ โลกสามโลกกเ็ หมือนไมมนี ่ันแล

มแี ตก เิ ลสเทา นน้ั รบรวนกวนใจ บบี คน้ั จติ ใจ เมื่อกิเลสหมดไปแลว ไมมีอะไร
มาบบี บงั คบั อกี ตนไมเปนตนไม ภเู ขาเปน ภเู ขา ดนิ ฟา อากาศเปน ดนิ ฟา อากาศ เขามี
มาตั้งแตไหนแตไร ไมเ หน็ มาบบี บงั คบั เรา ภูเขาทั้งลูกก็ไมไดมาบีบบังคับ กเิ ลสตา ง
หากบบี บงั คบั หวั ใจ ฟาดฟน กเิ ลสใหแ หลกตรงนแ้ี ลว อะไรไมม าบบี บงั คบั เเหละ

เอาใหร ใู หเ หน็ ซนิ กั ปฏบิ ตั ิ ใหเ หน็ กบั ตวั น่ี อยา ใหเ หน็ กบั ผใู ดวา ดยี ง่ิ กวา เหน็
กบั ตวั ของเรา ดว ยการปฏบิ ตั ขิ องเรา เอาใหจ รงิ จะรจู รงิ เหน็ จรงิ ตามหลกั แหง สวาก
ขาตธรรมไมสงสัย เพราะเปน ธรรมคาํ้ ประกนั โลกและมรรคผลนพิ พานมานานแสน
นานไมเ ปน อน่ื เรอ่ื ยมา

นก่ี ็ไดพ ยายามสอนหมสู อนเพอื่ นจนเต็มเหนยี่ ว ผมไมไดสงสาร ผมไมไ ดห ว ง
ใยผม ย่ิงกวา หวงหมหู ว งเพอ่ื นนะ จงเห็นใจ หมูเพื่อนนี่ผมเอาใจใสจริงๆ ในจิตของ
เราปฏิพัทธแ ละรักสงวนหมูเพ่อื นมาก ตาก็แหลมหกู ก็ างรับหมเู พือ่ นตลอดเวลา ไม
ใชอวดนะ พูดตามเจตนาความรูสึกของจิต พาใหตาแหลมตาสอดสอง หูก็แหลมไป
ตามกัน อะไรๆ วา แลว ดเุ ลา ๆ เพราะอนั นน้ั มนั ผดิ น่ี จะเปดโอกาสใหกิเลสมันเหยียบ
ยาํ่ ทําลายลูกศษิ ยเราอยูไ ดย ังไง เราเปน อาจารยก บ็ อกละซิ นั่นเหมือนกับวาชวยตบ
ออก ชวยตีออกปดปองใหดีซิ อยาเปดตรงนนั้ กิเลสจะตอยตรงนั้น อยาเปดตรงนี้
นั่นเหมือนนักมวยเขาฝกซอมมวยกัน ครูกับลูกศิษยฝกซอมมวยกัน ครูตองเตือน
เสมอวา อยาเปดตรงนั้นๆ พอครั้งที่สามครูก็เตะตูม พอเตะก็เตะ พอศอกก็ศอกเขา
ไป พอหมัดก็หมัดเขาไปพรอมกับคําเตือนวา อยา เปดตรงน้ัน ในเวลาฝกซอมกัน

ครมู วยตี ครูมวยตอย ครมู วยเตะ มันไมไดเจ็บเทาคูตอสูตบหรือตอย คูตอสู
ตอยดีไมดีตาย ครูนั้นตีบอกตีสอน เตะบอกเตะสอน แตถึงอยางนั้นก็ยังตองเตือน
ตองบอกฝกซอมกันไปๆ เตือนบอกกันไปวาอยาเปดตรงนั้น และเตะตอยที่เผลอ
พรอมบอกวา แนะ บอกแลว นะ ฝกซอมกันไปๆ อยาเปดตรงนั้น แลวฝกซอมกันไป
พอครั้งที่สามก็ตูมเขาไป อยาเปดตรงน้ัน

นม้ี นั กท็ าํ นองนน้ั แหละ ดุตรงนน้ั ดุตรงนี้ ดุองคนั้นดุองคนี้ ก็เหมือนกับอยา
เปด ตรงนั้นๆ นั่นเอง เพราะไหวพรบิ ปญ ญาของเรามนั ไมท นั กเิ ลส เหน็ แตก เิ ลสมนั
เหยยี บหวั เตะโนน เตะนี้ ทั้งศอกทั้งเขา เรากลิ้งไปกลิ้งมา ยงั เพลินหลับครอกๆ อยู

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๔๐

๓๔๑

ได ถูกกิเลสเตะเอาขนาดนั้น มนั กน็ า โมโหละซผิ เู ปน ครอู าจารยฝ ก อบรมนะ อยาเปด
ตรงนน้ั ๆ ก็ตองวาละซิ ทําไมองคนั้นเปนอยางนั้น ทาํ ไมองคนเี้ ปน อยางน้ี แนะ ก็
เหมอื นกบั วา อยา เปด ตรงนน้ั ๆ นั่นแล

เมอ่ื สติปญญาเหนือกิเลสอยแู ลว มนั จะอยใู นหวั ใจดวงใด จะแสดงออกมา
ดวยทาทางหรืออาการใด จะไมพนจากสติปญญาที่เหนือมันไปได ตองรูเ หน็ หมด
ทั้งๆ ที่ผูนั้นไมรู ถา ลงไดเ หนอื กเิ ลสแลว เปน อยา งนน้ั กเิ ลสมนั เคยอยใู นหวั ใจเรามา
นานเทา ไรแลว และเคยตอสูกับมนั ดว ยวิธกี ารตางๆ มาแลว เอา สมมตุ วิ า กเิ ลสพนิ าศ
ฉบิ หายไปจากหวั ใจนแ้ี ลว แมกิเลสอยูหัวใจอื่นทําไมจะไมรู เพราะมนั เปน เพลงเดยี ว
กัน วชิ าเดยี วกนั ทม่ี นั ไปเสย้ี มสอนสตั วโ ลก กลอ มสตั วโ ลก ทําไมจะไมรูกลมายาของ
มนั เลา พูดไป เตือนไป ดดุ า ไป ซง่ึ เปน เหมอื นคลงั กเิ ลสสาํ หรบั ผฟู ง ฟงเสียงเปรี้ยงๆ
ขณะพูดอรรถพูดธรรมใหหมูเพื่อนฟง ทั้งนี้ก็เพราะพูดดวยความตั้งใจ บอกสอนให
เห็นจุดบกพรองจริงๆ ผูฟงจะไดถึงใจไมผิดพลาดบอยๆ

เอาละพอวนั น้ี เหนอ่ื ยแลว

<<สารบญั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๔๑

๓๔๒

เทศนอ บรมพระ ณ วดั ปา บา นตาด
เมื่อวนั ที่ ๒๖ ธนั วาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔

พระกรรมฐานตดิ ครอู าจารย

การปฏบิ ตั จิ ติ ตภาวนา ตอ งอาศยั ครอู าจารยท ม่ี คี วามชาํ นชิ าํ นาญทางนม้ี า
แลว จึงจะสอนถูกตองแมนยาํ และเปน ไปเพ่อื ความราบรนื่ ดงี าม ไมใ หเกดิ ความสงสยั
ขัดของในปฏิปทาเครื่องดําเนินของตน ภาคปฏบิ ตั จิ งึ เปน สาํ คญั มาก ทางดานปริยัติ
เราเรยี นโดยลาํ พงั กไ็ ด อา นกเ็ ขา ใจ แตภ าคปฏบิ ตั นิ ้ี แมเ ราเรยี นมาแลว ทางดา น
ปรยิ ัติ จะนาํ มาเปน เครอ่ื งดาํ เนนิ ดว ยความสนทิ ใจหายสงสยั ไปโดยลาํ ดบั อยา งนน้ั ไม
ได เพราะการเรยี นมานน้ั เปน การจดจาํ ยอ มไมพ นจากความวาดภาพคิดคาดคะเนดน
เดาไปสุมสี่สุมหาซึ่งไมใชหลักความจริงไปได แตการปฏิบัตนิ เี้ พอื่ หลกั ความจริงโดย
ถา ยเดยี ว

พอเรม่ิ ปฏบิ ตั กิ จ็ ะเรม่ิ เหน็ ความจรงิ เขา ไป เพียงจอสติเขาสูจิตซึ่งเปนบอเกิด
แหง เรอ่ื งราวทง้ั หลาย กจ็ ะทราบเรอ่ื งราวทง้ั หลาย แมจะไมสามารถบังคับหรือถอด
ถอนเรอ่ื งราวอนั เปน สว นกเิ ลสนน้ั ไดก ต็ าม แตก ท็ ราบวา นีค่ อื ความจริงอนั หน่ึงที่
แสดงออกมาอยูไมหยุดหยอน ดว ยความคดิ ปรงุ เรอ่ื งราวตา ง ๆ ทั้งอดีตอนาคต
ปจจุบันยุงไปหมด เมื่อมีสติก็ทราบความจริงของสัจธรรมประเภทสมุทัยที่แสดงออก
ทางดานจิตใจได แมยังละไมได

แตเมื่อไมมีสติ ไมเ ปน ภาคภาวนา ยอ มไมท ราบไดว าจิตมอี ะไรบงั คับให
ทาํ งาน ในวนั หนง่ึ ๆ นน้ั มงี านอะไรบา ง ที่จิตตองหมุนตัวราวกับกงจักรอยูตลอดเวลา
โดยไมเปนตัวของตัวเลย มีแตถูกบังคับจากสิ่งที่มีอํานาจอยูเปนประจํา จนมองไม
เหน็ จติ ทั้ง ๆ ทร่ี ู ๆ อยูนี้คือจิต แตสงิ่ ทแี่ ฝงความรรู คู ือจิตนน้ั จิตไมสามารถมอง
เหน็ ไดเ ลย เพราะถูกสิ่งนั้นครอบงําหรือปดบังอยางมิดชิด เมื่อจอสติเขาไปก็ทราบ
การแสดงออกของสิ่งนั้น ๆ โดยลาํ ดบั และปฏบิ ตั ติ ามอบุ ายวธิ ที ค่ี รอู าจารยแ นะนาํ สง่ั
สอน เชน พยายามทาํ จติ ใหส งบดว ยจติ ตภาวนาในภาคสมถะเปน ตน นาํ ธรรมทท่ี า น
สอนนน้ั มาปฏบิ ตั บิ งั คบั จติ ใหอ ยใู นงานทท่ี าํ คอื บทธรรมทบ่ี รกิ รรมนน้ั โดยเฉพาะ จติ
จะเรม่ิ ปรากฏเปน ความสงบเยน็ ใจขน้ึ มา นี่กเ็ รยี กวา เปนความจรงิ อันหนงึ่ ท่ีจติ ไดทํา
หนาที่เอง และไดเ หน็ ผลท่ปี รากฏข้ึนจากงานประจกั ษใจโดยลาํ ดบั เมื่อปรากฏผลขึ้น
มาถายังไมเปน ท่ีแนใ จ กจ็ าํ ตองศึกษาไตถามครบู าอาจารยซึง่ เปนท่ีแนใ จ เพราะทา น

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๔๒

๓๔๓

เคยผา นมาแลว อยา งชาํ่ ชอง การแนะนาํ สง่ั สอนดว ยอบุ ายตา ง ๆ ก็ถูกตองแมนยําไม
ผิดพลาด ไมเ สยี เวลาํ่ เวลา และไมทําผูมาศึกษาไตถามและอบรมนั้น ๆ ใหผ ดิ และ
เสยี ไป

ดงั นน้ั ภาคปฏบิ ตั จิ งึ เปน ภาคจาํ เปน อยา งยง่ิ สาํ หรบั ผมู าศกึ ษาและปฏบิ ตั ิ จาํ
ตอ งเสาะแสวงหาครหู าอาจารยท ม่ี คี วามสามารถ และชาํ นชิ าํ นาญในดา นปฏบิ ตั ทิ ง้ั
เหตแุ ละผล ไมเหมือนดานปริยัติ

การสง่ั สอนดว ยความไมม น่ั ใจ กค็ อื ผสู ง่ั สอนนน้ั ไมม น่ั ใจในความรคู วามเขา
ใจซึ่งสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติของตน กําลังยังไมเพียงพอที่จะรูจะเห็นผลอันเปนสิ่ง
ที่ยืนยันได จงึ ไมส ามารถแนะนําสัง่ สอนคนอนื่ ดว ยความแนใ จของตน เมอ่ื เปน เชน
นั้นผูฟงก็ไมอาจแนใจไดหรือไมแนใจได ผลที่จะพึงเกิดก็มีนอย หรอื อาจทําผมู า
ศึกษาอบรมใหผิดไปดวยได ดว ยเหตนุ ก้ี ารปฏบิ ตั จิ งึ ตอ งอาศยั การศกึ ษาการอบรม
จากครจู ากอาจารยท ต่ี นเหน็ วา แนใ จ ดว ยการแนะนาํ พราํ่ สอนหรอื ดว ยการศกึ ษาไต
ถามการเทศนาวา การอยโู ดยสมาํ่ เสมอ ซ่ึงเทยี บไดกบั การรดนํ้าพรวนดนิ ตน ไมท ี่ปลกู
ใหมน น่ั แล

การที่ผูแนะนําสั่งสอนไดรูไดเห็นมาประจักษใจทุกขั้นทุกภูมิของธรรมนั้น จงึ
ไมม ปี ญ หาในการแนะนาํ สง่ั สอนบรรดาผมู าศกึ ษา ผูสั่งสอนไมมีอัดมีอั้น ไมมีสงสัย
สอนไดเ ต็มเม็ดเต็มหนวย พูดไดพูดไดเต็มอรรถเต็มธรรมเต็มขั้นเต็มภูมิของธรรม
ขน้ั นน้ั ๆ ทะลุปรุโปรงไปหมด ผูฟงก็ฟงไดอยางเต็มใจ โลง ใจหายสงสยั แมตนจะยัง
ไมร ไู มเ ขา ใจกห็ ายสงสยั ในธรรมทท่ี า นสง่ั สอนนน้ั ๆ เปน ทแ่ี นใ จ เพราะเขา ใจไปโดย
ลาํ ดบั จากการไดย นิ ไดฟ ง ทา นอธบิ ายในธรรมขน้ั ตา ง ๆ

พระกรรมฐานจึงตองติดครูติดอาจารย เพราะการอบรมสง่ั สอนเปน ลกั ษณะ
ถอดออกจากใจดวงหนึ่งสูใจอีกดวงหนึ่งโดยเฉพาะ ไมไ ดน าํ บทนน้ั บาทนม้ี าพราํ่ มา
สอนกนั แบบสมุ สส่ี มุ หา สอนเฉพาะจดุ สาํ คญั ๆ ของผูมาศึกษาอบรม ทค่ี วรจะไดร บั
ในเวลานน้ั เทา นน้ั ครั้งพุทธกาลทานสอนกันอยางนั้น ๑.พระพทุ ธเจา ประทานพระ
โอวาทดวยพระองคเอง ๒.พระสาวกทเ่ี ปน ครูเปน อาจารยข องพทุ ธบรษิ ทั ทา นสอน
ดว ยความแนใ จของทา น ออกมาจากใจจริง การสอนกเ็ ปนที่มั่นใจ เปน ทแ่ี นใ จสาํ หรบั
พุทธบริษัทผูมาศึกษา เพราะฉะนน้ั ผลจึงไดเต็มเม็ดเต็มหนวย หรือไดผลมากตางกัน
กับสมยั ปจจบุ ันน้ีจนเทียบกันไมได

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๔๓

๓๔๔

เทศนถึงโทษก็ใหเห็นอยางถึงใจตามหลักความจริงไมผิดเพี้ยน เพราะทา น
ไดรูโทษเห็นโทษมาอยางประจักษใจจริง ๆ เทศนเ รอ่ื งคณุ ทานก็เทศนไดอยางเต็ม
เมด็ เตม็ หนว ย ถึงบุญถึงคุณจริง ๆ อยางถึงใจทั้งผูเทศนและผูฟง เพราะทา นไดเ หน็
คุณมาอยางถึงใจ การเทศนใหเหน็ ทัง้ โทษท้งั คณุ อยางถงึ ใจนี้ จงึ เปนการเพิ่มกําลังใจ
ของผูมาศึกษาใหมีแกใจ และความกา วหนา ในทางความเพยี ร เมอื่ มีกําลังใจเพราะ
ความเชอ่ื ในโทษในคณุ นน้ั ๆ แลว ความอตุ สา หพ ยายาม ความพากความเพยี ร
ความอดความทนนน้ั มนั เก่ยี วโยงกนั ยอมเปนไปเอง หนุนกันไปเอง

คนเราเมื่อมีความเช่ือท้ังโทษท้งั คุณอยางเตม็ ใจแลว ความมุงมั่นที่จะสลัดทั้ง
โทษทเ่ี หน็ วา ไมดี และการกา วเขา ถงึ คณุ ยอมมีกําลังเต็มหัวใจดวยกัน เมื่อมีกําลังใจ
แลว ยอ มสามารถประกอบความพากเพยี รดว ยความเตม็ ใจ ไมว า หนกั วา เบา เพราะใจ
เปน สาํ คญั กําลังอยูที่ใจ จงึ ไมม อี ํานาจหรือกาํ ลงั ใดเสมอเหมอื นกาํ ลังใจน้เี ลย สิ่งใดก็
ตามเมื่อไดถึงใจแลว ยอมสามารถทําไดดวยกันทั้งฝายดีฝายชั่ว ใจจงึ เปน สง่ิ สาํ คญั
มากในตวั คน ทานจึงสอนใหอบรมใจในทางที่ถูกตองดีงาม ใจจะมกี ําลังทําประโยชน
อยา งมหาศาลไมมีประมาณ

การเทศนจะเทศนไปที่ใดก็ไมพนเรื่องจิตไปได เพราะจิตมีอยูกับทุกรูปทุก
นามอยา วา แตพ ระแตเ ณร และฆราวาสญาตโิ ยมเลย แมแ ตส ัตวเ ดรัจฉานก็ยังมีจิต จติ
แตล ะดวง ๆ ทเ่ี ปน ไปอยใู นสตั วใ นสงั ขารนน้ั ตน เหตทุ ใ่ี หเ ปน เชน นน้ั เปน มาจากอะไร
เปนมาจากสิ่งมืดมิดปดตาคือ อวชิ ชานน่ั แลเปน ตวั การ จะมีอะไรพาใหมืดใหบอดเลา
สง่ิ นไ้ี มม ใี ครหยง่ั ทราบสาเหตขุ องมนั ไดเ ลย แมจ ะพาใหส ตั วเ กดิ ตายในภพตา ง ๆ สงู
ๆ ต่ํา ๆ ลมุ ๆ ดอน ๆ และเปลย่ี นภพเปลย่ี นชาตใิ หเ ปน อยา งไรกไ็ มม ใี ครทราบได
เพราะจิตเปนสิ่งที่ละเอียดมากอยูแลวโดยปกติ สิ่งที่แทรกสิงอยูภายในจิตก็เปนสิ่งที่
ละเอียดมากพอ ๆ กัน จึงอยูดวยกันได บังคบั กันไดและยังมอี าํ นาจเหนือจติ อกี จงึ
สามารถบงั คบั จติ ใหเ ปน ตา ง ๆ ไดตามความตองการของมัน แมจิตกไ็ มสามารถ
ทราบโทษทราบคณุ แหง สง่ิ บงั คบั นน้ั ไดเ ลย จึงตองยอมจํานนและยอมทําตามสิ่งที่มี
อาํ นาจเหนอื จติ นน้ั เรอ่ื ยมาจนปจ จบุ นั น้ี สัตวโ ลกจึงยอมเกิดแกเ จ็บตาย ยอมรับทุกข
ทั้งมวลที่มันผลิตขึ้น และยอมเปนไปตามอํานาจของสิ่งลึกลับนั้น

ทา นกลา วไวช ดั ๆ สาํ หรบั ผรู แู ลว ดว ยกนั ยอ มเขา ใจทนั ที ผกู ลาวกก็ ลา ว
อยางชัดเจน ผูฟงก็เขาใจอยางชัดเจนไมมีขอสงสัย ไมมีขอโตแยง ไมมีที่คัดคาน คือ
อวิชฺชาปจฺจยา สงขฺ ารา เปน ตน น่ที า นพูดอยา งเปดเผยดว ยความรูอนั เปดเผยของ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๔๔

๓๔๕

ทา น ผูที่รูอยางเดียวกับทานก็ฟงอยางแจมแจงหาที่สงสัยไมได สิ่งนี้แลคือสิ่งที่มี
อาํ นาจมากครอบจติ สตั วโลกไวอยางสนทิ ตดิ จม ไมอาจรูโทษของมันไดแมแตนิดเลย
จะแสดงออกมาดวยอาการใดก็ตาม ไมเ คยสะดดุ ใจวา สง่ิ นเ้ี ปน ภยั และมอี าํ นาจบงั คบั
จติ ใจเรา เราตองตอสูขัดขวางมันดังนี้ นอกจากยอมจํานนไปโดยถายเดียว

ไมว า จะบงั คบั ใหค ดิ ใหท าํ ถาพูดถึงจิตแลวก็เรียกวา เจา อาํ นาจเหนอื หวั นน้ั
บงั คบั ใหท าํ คือบังคับใหคิดตามความตองการของตน จิตจึงตองคิดแลวคิดเลา หมุน
ไปเวยี นมา ของเกาของใหม ไมม คี าํ วา นเ่ี ปน เดนไปแลว เพราะเปน ความคดิ เกา คํา
พูดเกา การกระทาํ เกา ไมมีคําวาเอือมระอา ไมม คี าํ วา คดิ ซาํ้ ๆ ซากๆ ไมมคี าํ วา อิด
หนาระอาใจตอ ความคดิ นน้ั ๆ แมจะวกไปวนมากี่ตลบทบทวนก็ไมมีเบื่อหนายอิ่มพอ
ไมมีความรูสึกตัว เพราะอาํ นาจอนั นน้ั ลกึ ลบั เกนิ กวา จติ จะเหน็ โทษในการแสดงออก
ของมัน นี่สตั วโลกทเ่ี ปน มา มสี ิ่งน้ีครอบอยทู หี่ วั ใจ ไมมีผูหนง่ึ ผใู ดในสามแดน
โลกธาตุนี้ จะรูโทษของมันไดโดยลําพังตัวเอง

มพี ระพทุ ธเจา เทา นน้ั เปน พระองคแ รก ทรงพนิ จิ พจิ ารณาคน หาเหตหุ าผลหา
ตน หาปลายของความเกดิ ความตาย ดังที่มีในพระประวัติทานวา เมื่อมีมืดแลวก็ตองมี
แจงเปนคูกัน มีเกิดก็มีตายเปนคูกัน เมื่อมีเกิดมีตายความไมเกิดไมตายก็คงมี เปน
เหตุใหพ ระองคสนพระทัยพนิ ิจพจิ ารณา สรปุ ความวาระสดุ ทา ยกพ็ น พระพทุ ธเจา ซง่ึ
เปน นกั คน ควา หาเหตหุ าผลไปไมไ ด จนไดต รสั รธู รรมอศั จรรยข น้ึ มา ใหโลกไดก ราบ
ไหวบ ชู าเปน ขวญั ตาขวญั ใจมาจนบดั น้ี ดังนัน้ จงึ เปน พระพุทธเจา องคอ ัศจรรยเ หนอื
โลกแหงไตรภพไมมีใครเสมอเหมือน

คาํ วา ตรสั รธู รรมกค็ อื การทาํ ลายกองแหง วฏั ฏะ ซึ่งครอบหัวใจนั้นออกโดย
สน้ิ เชงิ นน่ั แล เมอ่ื ทรงทราบชดั วา ไดท าํ ลาย อวิชฺชาปจฺจยา สงขฺ ารา นี้ออกจากพระ
ทัยจนหมดสนิ้ ไปไมม เี หลือแลว จึงประกาศพระองควา ไดต รสั รแู ลว ไดถึงแดนแหง
ความพนทุกขแลว ดังธรรมในปฐมโพธิกาลทานแสดงไววา อเนกชาตสิ สํ ารํ สนธฺ าวสิ ฺ
สํ อนพิ พฺ สิ ํ เปน ตน ท่เี ราไดเคยทองเทยี่ วเกดิ ตายในภพนอยภพใหญ อยใู นหว งแหง
สงั สารจกั รนม้ี าจาํ นวนมาก จนไมส ามารถจะนบั อา นภพชาตไิ ดเ ลยกเ็ พราะอวชิ ชาน้ี
ทา นเทยี บไวว า ตณั หาเปน นายชา งเรอื น อะไรๆ ทา นกว็ า ไปตามตาํ รบั ตาํ รา อวิชชา
เปน รากฐานสาํ คญั พอถอดถอนรากฐานอันสําคัญแลว เรื่องทจี่ ะพาใหเกดิ ใหต ายใน
ภพนอยภพใหญ อันเปนกิ่งกานสาขาแผไปตามแขนงตางๆ ของกองทุกขนั้นก็หมด
สน้ิ ไปโดยสน้ิ เชงิ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๔๕


Click to View FlipBook Version