The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-05-19 22:53:25

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

Keywords: เข้าสู่แดนนิพพาน,หลวงตามหาบัว

๒๔๖

เปน เครอ่ื งบาํ รงุ จติ ใจ สนบั สนนุ จติ ใจ เปน เครอ่ื งเสวยของใจอยแู ลว อยสู บายทง้ั นน้ั
ความดีจึงไมลาสมัย ใหพ ากนั พยายามบาํ เพญ็

วาระนเ้ี ปน วาระทเ่ี หมาะสมมากสาํ หรบั เราทกุ ทา น หากชีวติ หาไมแ ลว กต็ องหยดุ
ชะงักในงานทั้งหลาย กาวไมออก เพราะคนตายแลว ไมม งี าน ทําไมเปน ขณะนี้ยังมีชีวิต
อยจู ะรบี เรง ขวนขวายสง่ิ ใดกร็ บี เรง เสยี สมบัติภายในก็ใหมีสมบัตภิ ายนอกก็ใหมี อยูก็
เปน สขุ ไปก็เปนสุข ไมขาดทุนสูญดอกทั้งอยูทั้งไป สาํ หรบั คนมธี รรมมบี ญุ กศุ ล อยูที่ใด
ไปที่ใด ไมอดไมจนในที่ทุกสถานตลอดกาลทุกเมื่อ

การแสดงธรรมกเ็ หน็ วา สมควรจงึ ขอยตุ เิ พยี งแคน ้ี

<<สารบญั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๔๖

๒๔๗

เทศนอ บรมพระ ณ วดั ปา บา นตาด
เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔

ความเหน็ แกต วั

ไมมีเพศใดยิ่งไปกวาเพศของนักบวชนี้ ในการพจิ ารณาไตรต รองเพอ่ื หาทาง
ออกจากทุกข เมื่อเพศนี้ไมคิดเพศไหนจะคิด เพศน้ไี มพ จิ ารณาเพศไหนจะมแี กใ จ
พจิ ารณา เพื่อปลดเปลื้องทุกขออกจากตนโดยชอบธรรมเลา นเ่ี คยคดิ มาแลว ถาไมคิด
ก็ไมกลานําสิ่งเหลานี้ออกมาพูดตอผูเกี่ยวของ เชน พระเณรและประชาชนผใู กลช ดิ
เปนตน เราเคยคดิ และแนใ จวา ไมผ ดิ เมอ่ื พจิ ารณาตามเหตตุ ามผลดว ยดแี ลว ถา เปน
ส่งิ ท่ีจะทําใหค นอนื่ คา นได เราตอ งคา นเราได เพราะไมไ ดพ ิจารณาเพอ่ื ความเหน็ แกตัว
หรอื เพอ่ื เขาขางตัว ความผิดถูกชั่วดีทั้งหลายจะนอกเหนือเหตุผลไปไหนได มันตอง
เปน ไปตามเหตผุ ลนน่ั แล วาถูกก็ตองถูก วาผิดก็ตองผิด เพราะเหตผุ ลเปน เครอ่ื งบงั คบั
อยูแลว

อนั ความเหน็ แกต วั นน้ั เปน เรอ่ื งของกเิ ลสพาใหเ ปน ไปทง้ั สน้ิ อยาคิดวาเปนของ
วเิ ศษมาจากโลกทพิ ยท่ีไหนเลย ที่สวนมากทะนงตัววาเจาของถูกเจาของดี กิริยาอาการ
ทุกสิ่งทุกอยางที่แสดงออก เจาของตองคิดวาถูกวาดีทั้งสิ้น นน้ั เปน การทะนงเพราะ
อํานาจของกิเลสตัวสกปรกทั้งมวล หาศักดิ์ศรีดีงามอะไรไมไดเลย นี่แลถา เปน เรื่องของ
กิเลสพาเดิน เดนิ อยา งน้ี เพราะเคยเปนมาอยา งนีต้ ง้ั แตกปั ไหนกัลปใดแลว ไมมีอะไร
มาคดั คา นมนั ไดเ ลย นอกจากธรรมอยา งเดยี วทเ่ี ปนขา ศึกกับมนั ถา นาํ มาใช เพื่อเปลื้อง
ตนออกจากทุกข กเิ ลสจงึ กลวั ธรรมอยา งเดยี ว นอกนั้นมันไมกลัวอะไรทั้งสิ้น

กเิ ลสตวั ใดจะไมเ หน็ แกต วั มเี หรอ ความเห็นแกตัวก็คือเรื่องของกิเลส คือตัว
กิเลสที่พาใหใจของสัตวโลกสกปรกและทําสกปรกไมหยุดหยอนนั่นแล เมื่อมีอยูในจิต
ใจของสัตวของบุคคล ทําไมสัตวบุคคลจะไมเห็นแกตัว ความเหน็ แกต วั ทําไมจะไมป ด
ใจใหมืดมิด เพราะกิเลสมนั ปด และพาแสดงออกเปนความเห็นแกต ัว มองเห็นแตผล
ประโยชนของตัวทั้งสิ้น เหมอื นคนและสตั วใ นโลกนไ้ี มม หี วั ใจ ไมมีคุณคาสาระใดๆ คน
ดว ยกนั เหน็ เขาเปน เศษเดนมนษุ ย หรอื เหน็ เปน คนประเภทหนง่ึ จากเราไปได เหน็ เรา
เปน คนพเิ ศษไปท้งั ทจี่ ติ ใจและการแสดงออกเลวกวาสตั ว ถาเปนพระก็เปนพระพิเศษ
ไปกวาพระของศาสดาองคผูประเสริฐ ชอบยกตนขม ทา นเปนสนั ดาน

งานของพระประเภทนี้คือการยกตนอวดตัวโดยวิธีปฏิบัติแบบแผลงๆ ขลังๆ
เพราะกเิ ลสตวั รอ ยเลห ร อ ยเหลย่ี มรอ ยสนั พนั กลนเ้ี องถลงุ ใจใหเ ปน ความเหน็ แกต วั คน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๔๗

๒๔๘

เหน็ แกต วั พระเห็นแกตัว จนเขากับใครไมไ ดเปนตน การแสดงออกก็คือความเห็นแก
ตัวในที่ทุกสถานตลอดกาลทั่วไป จึงมองหาความผิดของเจาของไมเจอ เพราะไมมอง
ถูกสิ่งนี้มันผลักดันออกไปใหมองแตขางนอก ไมใหมองยอนเขามาหาตัว แลว จะใหร ผู ดิ
ถูกไดยังไง ทั้งๆ ที่มีอยูเต็มหัวใจก็ไมรู เพราะไมด ู ถาเปนเรื่องของธรรมแลว ตองดู
และพจิ ารณารอบไปหมด ไมไ ดยกตนขนึ้ วาเปนผูพ ิเศษยิ่งกวาผูห นึ่งผูใดและสิง่ หนงึ่ สง่ิ
ใด ตองมองดูและพิจารณาตามทางเหตุผลลวนๆ

เอา ฟาดลงไปซิ ใหถ ึงข้นั จิตบรสิ ทุ ธ์ิ ถาจิตลงไดบรสิ ุทธิ์แลวจะมีอะไรแบบปา ๆ
เถือ่ นๆ ดังกลาวมาอยูที่นั่นไหม เฉพาะอยางยิ่งจะมีความเห็นแกตัวอยูที่นั่นอีกไหม ยนื
ยันไดอยางอาจหาญและพูดไดอยางเต็มปากไมกระดากอายเลยวาไมมี นอกจากธรรม
เสมอภาคลว นๆ อนั เปน ธรรมอศั จรรยส งา งามครองใจดวงนน้ั เทา นน้ั จึงเห็นไดชัดวา
กเิ ลสเทา นน้ั ที่สอแสดงออกมาทุกอากัปกิริยาใหเปนการกระทบกระเทือนทั้งแกตนเอง
และแกผูเกี่ยวของมากนอย หนาที่การงานที่เกี่ยวของกวางแคบกระเทือนไปหมด
เพราะความเหน็ แกต วั มนั เปน เรอ่ื งเลก็ นอ ยเหรอเรอ่ื งกเิ ลสนะ จงพากนั พจิ ารณาใหร ู
เหน็ แงห นกั เบาดกี บั ชว่ั ระหวางกิเลสกบั ธรรมวา ตา งกันอยา งไร ประจักษใจหายสงสยั

ถาจิตยังไมเหนือ สติปญญายังไมเหนือ ธรรมยังไมเ หนอื มนั กย็ งั ไมรเู หน็ มัน ที่
สลบั ซับซอนและละเอยี ดสุขมุ มากยิ่งกวา สิง่ ใดในโลกน้ี ก็คือกิเลสนี่เอง มันถึงไดครอง
โลก ความรคู วามเหน็ ความคดิ ตา งๆ ที่กิเลสผลิตขึ้นมาถือวาถูกหมดดีหมด ใครจะเปน
เทวดามาจากไหนก็ไมดี สูเจาของไมได แมแ ตค รบู าอาจารยท น่ี า เคารพนบั ถอื และเชอ่ื
ฟง กิเลสมันยังมีแงตอสูของมันอยูอยางลึกลับภายในใจ บางทียังกลาหาญแสดงออก
มาภายนอกได ดูซิ มันเคยลงกับธรรมเมือ่ ไร พระพุทธเจามันยงั คดั คานตา นทานจะวา
ไง กิเลสมันเปนขาศึกกับทุกสิ่งทุกอยางไป ขึ้นชื่อวาธรรมคือความถูกตองดีงามแลว มัน
ถือเปนขาศึกทั้งนั้น นล่ี ะจงึ ลาํ บากสาํ หรบั ผปู ฏบิ ตั ธิ รรมเพอ่ื สงั หารทาํ ลายมนั

ฉะนั้น จงยกศาสดาขน้ึ มาเปนหลักดําเนนิ ทกุ ดานอยางฝง ใจ พระองคท รงหา ม
และทรงอนุญาตสิ่งใด มีเหตุผลพรอมแลว ทรงบวกลบคณู หารโดยสมบรู ณด ว ยพระ
ปรชี าญาณแลว สวนไดมากไดนอย เสียมากเสยี นอย ทรงเทียบเคยี งทุกสัดทุกสวนแลว
ควรจะออกชองไหนที่มีสวนไดมากกวากัน ก็ทรงสอนใหออกชองนั้น สมมุติวาหลีกไม
ได กเ็ ลือกเอาท่มี ีผลไดมากกวา แลว ดําเนนิ ไปทางนั้น ใหไปเฉพาะทางได แตทางเสียไม
ยอมใหไป ไมท รงอนุญาตถา เปน ทางเสยี นล่ี ะศาสดาทรงดาํ เนนิ ตามเหตผุ ลอรรถธรรม
ลว นๆ มเี รามีเขาท่ไี หนพอจะสอนใหค นเหน็ แกตัว เห็นแกพวกพองของตัวและเหยียด
คนอน่ื เพราะมแี ตธ รรมลว นๆ ในพระทยั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๔๘

๒๔๙

เราไมเ คยเหน็ เราไมเ คยรจู ติ ประเภทนน้ั เปน ยงั ไง เราเคยประสบเคยพบเคย
เหน็ เคยคลกุ เคลา แตก บั สง่ิ สกปรกโสมม อนั เปน มตู รเปน คถู เตม็ หวั ใจเทา นน้ั คาํ วา
มูตรคูถถาไมใชกิเลสจะไดแกอะไร แลว เราจะไปเหน็ อะไรทแ่ี ปลกประหลาดและ
อศั จรรยย ง่ิ กวา น้ี กเ็ หน็ แตอ นั น้ี ไมมีอะไรดีกวานี้ จึงตองคลุกเคลากับอันนี้เรื่อยมาไมมี
วนั เบอ่ื หนา ยอม่ิ พอบา งเลยนน่ั แล เพราะความพออกพอใจกับมันทุกทา แสดงออกมา
ทาไหนพอใจทั้งนั้น เพราะการแสดงออกน้นั เปนทางเดินของกิเลสอยูแลว เราอยูใต
อํานาจของมันจะไมพอใจมันยังไงได เพราะเราไมฉ ลาดเหนอื กเิ ลสน่ี ถา มคี วามฉลาด
เหนอื กเิ ลสกท็ ราบกนั ทนั ทๆี

จึงไดก ลา วเสมอวา จงทําจิตของตนใหบริสุทธิ์ เพราะการปราบกเิ ลสซง่ึ เปน ตัว
รอ ยเลห ร อยเหลีย่ มรอยสันพันคมออกใหหมดจากจติ ใจซิ มันอยูในจิตใจของบุคคลแม
แตอ ยกู ับสตั วก ็รู ปดไมอยู วา กริ ยิ าทแ่ี สดงออกมานน้ั คอื กเิ ลสประเภทนน้ั ๆ ซึ่งเคย
ครอบหวั ใจเรา เหยยี บยาํ่ หวั ใจเรามาพอแลว แตถูกขับออกไปจนไมมีอะไรเหลือ แลว
ทําไมจะไมรูเมื่อมันยังอยูกับหัวใจของใคร เพราะมนั เหมอื นๆ กนั น่ี การแสดงออกมา
จะไมรูไดยังไง ตองรูไดอยางชัดๆ ซิเมอื่ เหนือมนั แลวตองรู ถา ไมเ หนอื ก็ไมรู จะอยูดวย
กันกี่กัปกี่กัลปก็ไมมีทางรูได ตองถูกหลอกถูกตมจากมันเรื่อยไปดังที่เปนมานี่เอง

พระพุทธเจาทรงอนุโลมผอ นผันสงเคราะหโ ลกสงสารไปตามข้ันภูมิอปุ นิสยั ก็
เพราะทรงเหน็ วา โลกคอื คนมหี วั ใจ สตั วม หี วั ใจ ที่จะทรงสงเคราะหไดขนาดใดก็
สงเคราะหไ ป เฉพาะอยางยิ่งภิกษุบริษัทของพระองค จึงตองทรงกลั่นกรองดวยหลัก
ธรรมหลักวินัยใหมีขอบมีเขตเปนเครื่องปกครองบังคับบัญชา คาํ วา บงั คบั บญั ชากค็ อื
บังคับบัญชาความชั่วที่จะออกทางทวารชองตางๆ นน้ั แหละ ทก่ี เิ ลสจะออกหากนิ หาราย
ไดข องมันมาเกบ็ สง่ั สมไวภ ายในใจ เมอ่ื กเิ ลสหารายไดเ พม่ิ เขา มาแลว กม็ าเหยยี บหวั ใจ
เรานน่ั แล เพราะฉะนั้น จงึ ตอ งใชห ลกั ธรรมหลกั วนิ ยั อนั เปน เครอ่ื งปราบปรามบงั คบั ไว
เพอ่ื ไมใ หก เิ ลสประเภทตา งๆ ออกเที่ยวหากิน หรอื ออกกวา นยาพษิ มาเผาใจเรา เมื่อ
สง่ิ เหลา นอ้ี ยกู บั เรามนั ตอ งบงั คบั เรา ไมบ งั คบั เราจะบังคับอะไร มันตอ งบงั คับเราอยู
ตลอดเวลานน่ั แล ผจู ะฆา กเิ ลสจงึ เปน ผหู นกั แนน ในธรรมในวนิ ยั ทป่ี ระทานใหโ ดย
สมบรู ณแ ลว จงฟงใหถึงใจ ปฏบิ ตั ใิ หถ งึ กเิ ลส แลวจะถงึ ธรรมไปเอง

ผูปฏิบัติจึงตองใชความละเอียดลออใหมาก อยา สกั แตว า อยู อยูเฉยๆ ไมคิดไม
อาน นส่ี อนหมเู พอ่ื นมาอยา งเตม็ เมด็ เตม็ หนว ยเตม็ สตกิ าํ ลงั ความสามารถ ไมใชมา
สอนแบบปาวๆ สอนไปแบบเฉยๆ เมยๆ รบั หมเู พอ่ื นไวร ายใดกร็ บั ไวเ พอ่ื อบรมสง่ั
สอนจรงิ ๆ ดว ยความเหน็ ใจซง่ึ กนั และกนั ดว ยความเมตตาสงสาร ดว ยความเหน็ ใจ
ทา นใจเรา เพราะเจตนาทเ่ี สาะแสวงหาครหู าอาจารย หาอรรถหาธรรมเปน ประเภท

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๔๙

๒๕๐

เดียวกัน หรอื เปน ชนดิ เดยี วกนั เปน เจตนาอนั เดยี วกนั กบั เราทเ่ี คยเปน มาแลว ควา เอา
หวั ใจเรานน้ั แหละออกเทยี บกบั หวั ใจหมเู พอ่ื น จึงพยายามถูไถกันไป หนกั บา งเบาบา ง
แบกหามกนั ไปอยา งนน้ั ตามความจาํ เปน

การสง่ั สอนทุกแงทกุ มุมจะดดุ าวา กลา วหนักเบาขนาดไหน ก็คือการตีการฆา
กิเลสของพระทั้งนั้น ไมใชตีพระฆาพระนี่ ถา มาหาความดงี ามมาหาธรรมอยา งใจจรงิ
แลว กท็ ราบเองวา ครอู าจารยท า นตที า นฆา อะไร ก็ตีกิเลส ฆา กเิ ลสทม่ี ันทาํ ลายพระนะซิ
บกพรองตรงไหนกิเลสตอยเอาๆ ครอู าจารยท า นมองเหน็ อยไู ดย นิ อยนู ่ี กริ ยิ าทแ่ี สดง
ออกทางหูทางตา คาํ พดู จา กิริยาอาการที่เคลื่อนไหวออกมา ออกมาจากอะไร ออกมา
จากความผิด ความผิดนั้นมันเปนอะไร มนั ดลี ะหรอื ถาไมเปนกิเลสมันจะเปนอะไร
เพราะมนั ฝง ลกึ ภายในใจในกายจนเปน อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั มานานแลว มนั จงึ เปน นสิ ยั
สันดานและแสดงออกมาจากอันนั้น จึงตีเขา ไปตรงนน้ั ใหถูกกเิ ลสตรงน้นั ผูตั้งใจหา
อรรถหาธรรมก็รูผิดถูกของตัวเอง และรูชองทางที่จะแกกันไปโดยลําดับนะซิ

ใครมานมิ นตพ ระวดั นไ้ี ปไหน เรากไ็ ดพดู เหตุพดู ผลใหเ ขาฟง เพราะเรารกั เรา
สงวนพระผมู งุ อรรถมงุ ธรรม ซ่ึงมาอาศัยและอยกู บั เราเพ่อื การศึกษาอบรมความดีทัง้
หลาย เราไมไ ดรกั สงวนอะไรบรรดาวตั ถยุ ง่ิ กวา พระในวดั เรา จตปุ จ จยั ไทยทานเปน
เครอ่ื งอาศยั เพยี งเลก็ นอ ยไปวนั หนง่ึ คนื หนง่ึ พอยังชีวิตใหเปนไปเพื่อการบําเพ็ญสมณ
ธรรมดว ยความสะดวกเทา นน้ั จงึ วา เคร่อื งอาศยั ๆ นสิ สยั ๔ ฟงซิ ทา นสอนไวแ ลว ตง้ั แต
วนั บวช สง่ิ อาศยั คอื ปจ จยั เครอ่ื งอดุ หนนุ เเกก ารบาํ เพญ็ สมณธรรม ความสงบเยน็ ใจ
เครื่องอุดหนุนเครื่องสบื ตอ กันไปแหง ชวี ิตธาตขุ ันธใ นวันหนึ่งๆ เทา นน้ั

ธรรมเปน เรอ่ื งใหญเ ปน หลกั เปน เกณฑ เปนแกนอันสาํ คญั ท่เี ราตอ งการ สว น
ปจ จยั สพ่ี อเปน ความสะดวกในการบาํ เพญ็ ธรรมเทา นน้ั ถา ไมฉ ลาดสง่ิ เหลา นน้ั กเ็ หยยี บ
ยาํ่ ทาํ ลายได เพราะตวั เราทพ่ี าใหไ ดใ หเ สยี พาใหเ ปน ไป พาใหขวนขวาย พาใหยินดี พา
ใหติดอันเปนเรื่องของกิเลสทั้งมวล จึงตองระวัง ไมใชเรื่องของธรรม ถา ธรรมแลว ไม
ตดิ ติดอะไรธรรม ทานสอนใหแกใหละใหถอดใหถอนทั้งนั้น ติดอะไร แตก เิ ลสมนั เปน
เรื่องใหติดอยูแลวโดยปกติ อยูโดยปกติมันก็ติด แสดงออกมันก็ติด กิรยิ าอาการทกุ ส่งิ
ทุกอยางติดทั้งนั้นถาเปนเรื่องของกิเลส จึงตองใชความพินิจพิจารณาอยูทุกระยะที่
เคลื่อนไหวของใจ กาย วาจา เพื่อสลัดปดทิ้งออกจากใจ ไหนจะสนใจเกยี่ วของพัวพนั
และเสาะแสวงจตปุ จ จยั ใหเ พม่ิ การทาํ ลายตวั เขา ไปอกี นั่นไมใชทาง จงึ ไมค วรสนใจใฝ
หา

ความตามสบายๆ อันใดกต็ ามใหพึงทราบวา น่ีแหละหลกั ใหญข องกเิ ลสทีฝ่ งจม
อยใู นนสิ ยั สนั ดานลกึ มากทเี ดยี ว อยา เขา ใจวา อยตู น้ื ๆ ผิวเผนิ ดงั ทค่ี นประมาทคิดกัน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๕๐

๒๕๑

ฉะนั้นจึงตองไดฝน ฝนทุกระยะ ผปู ฏบิ ตั ธิ รรมจะหาความอยสู บายแบบโลกๆ ไมได
เพราะตองตอสูกับกิเลส ฝนกับกิเลสอยูตลอด กเิ ลสหยาบฝน กนั อยา งหนกั ตอสูกัน
อยา งหนกั กิเลสละเอียดเขาไปก็ตอสูกันไปโดยลําดับๆ ประมาทนอนใจไมไ ด แลว จะ
หาความสบายมาจากไหนเมอ่ื ความจาํ เปน บงั คบั อยเู ชน น้ี

นกั มวยเมอ่ื อยบู นเวทจี ะหาความสบายมาจากไหน แมแ ตข ณะใหน าํ้ กห็ าความ
สบายไมได นเ่ี ราขน้ึ เวทแี ลว เปนผูตั้งใจประพฤติปฏิบัติอรรถธรรม การสละตนออกมา
บวชในพทุ ธศาสนา ก็คือเพศนักรบอยางเต็มตัวเต็มใจทุกอาการนั่นแล ยงั จะหาความ
สะดวกสบายไปตามกลมายาของกิเลส เรากไ็ มตองมาบวชกนั ไมตองมาฝนกันละซิ
ปลอยใหกิเลสเหยียบย่ําถูไถไปมาจนถลอกปอกเปก แขนขาขาดกระจุยกระจายไป
เหลอื เทา ไรคอ ยเอา สุดทายก็ไมมีอะไรเหลือ แหลกไปหมดท้งั รางจะวาไง กเิ ลสมนั เคย
เหน็ ใจไวห นา เมตตาใครทไ่ี หน พอจะตายใจกับมันได

การฝน คือ การฉุดการลากตัวออกใหพนภัยจากกิเลสตางหาก เพราะฉะนน้ั จงึ
ตองฝนกัน การประกอบความเพียรตองตั้งสติใหดี พินิจพิจารณาทางดานปญญา เพื่อ
ความเกรียงไกรรอบคอบ ทุกอาการมีแตทาตอสู มีแตทาปลดเปลื้อง กิริยาอาการแหง
การปลดเปลื้อง กริ ยิ าอาการแหง การตอ สทู ง้ั ปวง ก็ยอมรับกันวาตองทุกข แตผลที่ได
จากนี้ก็คือสันติธรรม อนั จะพาใหจ ติ ใจสงบสบายไปโดยลาํ ดบั เพยี งแตข ั้นเรม่ิ การตอสู
กบั ความฟุง ซา นรําคาญของจิต ทเ่ี ปน มาจากกเิ ลสเปน เจา เรอื นและบงการ ก็ยังตอง
ลาํ บากตามลาํ ดบั ของการตอสู กวา จะไดร บั ความสงบเยน็ ใจแตล ะครง้ั ละคราวในขน้ั เรม่ิ
แรกของการฝกจิตใจนั้น มนั ตอ งลาํ บากไมน อ ย

เพราะกิเลสมนั อยเู ปนสขุ ไมได มันตองดิ้นตองดีดของมัน และมนั อยใู นจติ จะ
ไมใหจิตดิ้นไปดวยยังไง จิตมีอะไรเกี่ยวโยงกันในตัวเราก็คือตา หู จมกู ลน้ิ กาย นั่นแล
เมื่อแสดงออกขางนอกก็ไปสัมผัสสัมพันธกับรูป เสยี ง กลน่ิ รส เครอ่ื งสมั ผสั และพวั พนั
กันไปเรอื่ ยๆ มันดิ้นมันดีดมันติดมันพันกันอยูอยางนั้น แลวผลที่ไดมามีอะไร ก็มีแต
ความทกุ ขค วามรอ นภายในใจโดยถา ยเดยี ว นอกนั้นยงั ระบาดไปถึงกาย ใหตองรับ
เคราะหก รรมจากจติ ไปดว ย

การตอสูเพื่อใหไดชัยชนะมคี วามสงบเยน็ ไปโดยลาํ ดับ ตอ งเขม ขน ทางความ
เพยี รโดยสม่ําเสมอไมล ดละ ธรรมถา เขาสูใ จมากนอ ย ยอ มแสดงผลคอื ความสงบเยน็
ใหเห็นประจักษใจ ความสงบ ความเยน็ ใจ สบายใจ นค้ี อื ธรรม การตอสกู บั ความฟุง
ซา นวนุ วายไดม ากนอ ย ผลกแ็ สดงความสงบเย็นซ่งึ เปนธรรมอันพงึ หวังขน้ึ มา ผลแหง
การตอ สเู ปน อยา งน้ี จากนั้นก็ขยับและขยายงานออกไปดวยปญญาเปนขั้นๆ ไลตีตอน
กเิ ลสใหเ ขา มาสจู ดุ รวม จติ สงบ กิเลสมันก็สงบตัว แตไมใชกิเลสตายนะ มันเพียงกมหัว

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๕๑

๒๕๒

หมอบหลบหมัดคือสติ ปญญา ศรทั ธา ความเพยี รเทา นน้ั ทก่ี ลาวน้ีเพียงข้นั สมาธิสงบ
ตวั เขา มา กิเลสสงบเพราะถูกตีถูกตอนเขามาดวยการตอสูกัน จากนั้นก็คลี่คลายออก
โดยทางปญญา กิเลสตัวไหนมันเกงไปทางไหน ทีนี้ปญญาตามคลี่คลายไลตอนกันไป

เอา จติ มันตดิ อะไรท่ีเดนทส่ี ุดภายในจิตน้ี เชน ราคะตณั หา เปน ตน มันติดอะไร
อันนั้นคืออะไร แยกแยะออกไป ดูที่มันติดเสียกอน มันติดอะไร มันรักชอบอะไร สิ่งที่
มันรักชอบนั้นคืออะไร คลี่คลายออกดูใหเห็นชัดเจนดวยปญญาเครื่องกลั่นกรองตัดสิน
กัน และพจิ ารณายอ นเขา มาดกู ายอนั นน้ั ดูรูปอันนั้น ดูรูปอันนี้โดยทางอสุภะหรือไตร
ลักษณไดทั้งสิ้น เพราะตามหลกั ความจรงิ มนั เหมอื นกนั เมื่อรูชัดดวยปญญาจิตก็ถอย
ตวั เขา มา จนสติปญ ญาพอตัวแลวกบั กเิ ลสประเภทนนั้ ๆ กส็ ลดั กันไดโ ดยลําดับ อยางนี้
เปนตนที่เกี่ยวกับปญญา

ราคะตณั หาสว นหยาบนเ้ี กย่ี วกบั เรอ่ื งกาย กายนอกกายใน เมอ่ื พจิ ารณาแยก
แยะใหเห็นความจรงิ ของมัน ทงั้ ดานนอกดานในไดเทาเทียมกันเสมอกนั แลว มันจะยดึ
จะถือจะรักจะชอบขามเมฆขามหมอกไปไหน มันก็หายสงสัยไปเอง นี่แหละปญญา
พจิ ารณาไปตรงไหนกเิ ลสจงึ ขาดไปเรอ่ื ยๆ ปญญามีเต็มที่ ตัดฟนกันขาดสะบั้นลงไปไม
มเี หลอื และขาดไปเปนขั้นๆ เปนตอนๆ จนขาดไปโดยสิ้นเชิง ไมนอกเหนือสติปญญา
ไปได ฉะนน้ั จงบาํ รงุ สตปิ ญ ญาใหแ กก ลา สามารถไปโดยลาํ ดบั อยาทอถอยปลอยวาง

นี่ก็ไมไดประชุมมานานเพราะสุขภาพไมคอยดี เพียงจะรักษาเจาของอยูโดย
ลาํ พงั ในวนั หนง่ึ ๆ กล็ าํ บาก บางวนั อยเู ฉยๆ โรคหวั ใจมนั กก็ าํ เรบิ โดยเฉพาะอากาศ
รอ นๆ มักเปนเสมอ ตองไดระมัดระวัง แตกอนที่สุขภาพยังดีก็ประชุมอยูเสมอๆ นี่
แหละการเปลี่ยนแปลงของธาตุขันธ เครื่องใชมันไมแนนอนเสมอไป เมอ่ื มนั ชาํ รดุ ทรดุ
โทรมก็ตองไดอนุโลมไปตาม หมูเพื่อนมาพึ่งพาอาศัยก็ทราบทําไมจะไมทราบ เพราะ
เคยอยกู บั หมกู บั เพอ่ื นมาเปน เวลานานแลว น่ี ท่อี อกมาจากปา จากเขามาสูสงั คมพระ
เณรและประชาชนกเ็ กอื บ ๓๐ ปแ ลว ทาํ ไมจะไมท ราบ เคยอบรมหมเู พ่ือนมามากเพียง
ไรกร็ กู ันอยูแลว แตเ วลาธาตขุ นั ธช าํ รดุ ทรดุ โทรม ก็จําตองพักผอนไปตามความจําเปน
ทั้งที่หวงใยหมูเพื่อน แมแตง านภายนอกถาไมจาํ เปน จรงิ ๆ กไ็ มอาจรับได ทั้งทเ่ี หน็ ใจผู
มาเกี่ยวของมากนอย

เพราะฉะนั้นหมูเพื่อนที่มาอบรมศึกษาจงพากันตั้งใจดวยดี ศกึ ษาอบรมอยา ง
จริงจัง อยาพากันนอนใจ จะไรคุณคาที่นาพึงใจทั้งปจจุบันและอนาคต อยูแบบหดตัว
เหมอื นคนสน้ิ ทา มนั นา ทเุ รศนะ ทั้งนี้เพราะกลมายาของกิเลสทุกอาการแหลมคมมาก
ดงั ทก่ี ลา วมานน้ั แหละ คอยแตจะถูกหลอกและลมจมไปกับมันอยูเรื่อยๆ โดยไมรูสึกตัว
นะ ทําอะไรพอไมสะดวกสบายบา ง เชน ประกอบความเพยี รบงั คบั จติ ใจ ฝน กนั บา ง ก็

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๕๒

๒๕๓

เห็นวาเปนทุกขไมอยากฝน สูนอนจมอยูกับกิเลสเปนกัปเปนกัลปไปดีกวา แลว แตม นั
จะเอาขนึ้ เขียงไหน จะสับจะฟนลงไปก็ใหเปนหนาที่ของมัน นน้ั เหน็ วา สบายดี

แตน ่นั มนั เพลงกลอ มของกเิ ลสทเ่ี คยฟง จมหูจมจิตใจมานานแสนนานแลว ถา
สบายจริงดังที่ถูกหลอก ใครๆ กต็ อ งการความสบายและกเ็ คยทาํ ตามกเิ ลสมาแลว ดว ย
กันท้งั นัน้ โลกอันนี้ แตไ มเ หน็ ไดร บั ความสบายตามใจทน่ี กึ ฝน กนั อยูที่ใดไปที่ใดเห็นแต
คนและสัตวต อ งโทษโดนทุกขท รมานเพราะกเิ ลสดดั สันดานท่ัวหนา กัน แตไมรจู ักเขด็
หลาบและแสวงหาทางออกกนั บา ง

พระพุทธเจาเสด็จออกทรงผนวชก็เพื่อความสุขอันไพบูลย โดยทรงเหน็ วา สง่ิ
เหลา นใ้ี หค วามสขุ ไดเ พยี งแคน น้ั มีความทุกขมาก ใหค วามสุขเพยี งเลก็ นอยพอเปน
เครอ่ื งหลอกผวิ เผนิ เทา นน้ั จงึ ตองทรงเสาะแสวงหาส่งิ ท่ีจรงิ จงั ไมหลอกลวง ไมมีพิษภัย
เคลอื บแฝง สิ่งที่ทรงแสวงหาอยางเต็มพระสติปญญา ถงึ กบั เอาพระชวี าเขา แลกนน้ั คอื
โมกขธรรม ไดแกธรรมแดนหลุดพน จนสมพระทยั หวงั และนาํ ธรรมนน้ั มาสอนโลกท่ี
ชาวพทุ ธเราไดก ราบไหวบ ชู า และปฏบิ ตั ติ ามอยนู แ่ี ล ทง้ั นเ้ี พราะทา นยอมรบั ทุกขโ ดย
ชอบธรรมทางการบาํ เพญ็

ถาไมใชสติปญญาใหมากๆ จะไมท นั กเิ ลสนะ แมแตเพียงใหจ ิตสงบก็สงบได
ยากหรือสงบไมได ถา ปราศจากความตง้ั ใจความจดจอ ดว ยสตแิ ลว ตอ งเหลวไหลไมเ ปน
ทา เพราะกิเลสมันไมมีเวลาออนขอยอหยอน แขง็ ปง อยอู ยา งนน้ั ตลอดเวลาในตวั เราจะ
วา ไง ย่งิ เราออ นเทาไรมันยิ่งแข็ง ถา เราแขง็ มนั กเ็ รม่ิ ออ นลง นแ่ี หละหลกั ใหญอ นั เปน
ความจรงิ อยตู รงน้ี จงพากนั พจิ ารณาใหด ี

ขั้นเริ่มตน ขั้นถูไถ ลม ลกุ คลกุ คลานนแ่ี หละ สวนมากผูปฏิบัติมักไปไมคอยรอด
จอดอยูกลางมหาสมมุติมหานิยมไปเสีย โลกเขานยิ มวาอะไรดกี ว็ า ดไี ปตามเสยี ลืมตัว
ไปเสยี แตธรรมที่ปราชญทานวาดีไมยอมฟง ความพนทุกขนักปราชญผูบริสุทธิ์ทานวาดี
ไมยอมฟง วาเปนสุขไมยอมฟงไมยอมเชื่อ มนั หากเปน อยใู นหวั ใจนน่ั แหละ ไมใ ชเ รา
ตั้งใจไมเชื่อ ไมใ ชเ ราตง้ั ใจคดั คา น แตมนั มีธรรมชาตทิ ่ีเปน ตวั ขาศึกตอธรรมชนดิ หน่ึง
ทีก่ ลอมหวั ใจอยูนน้ั พาไมใ หเ ชื่อ และใหฝ น ธรรม คดั คา นธรรม ตอ สธู รรม ดวยวิธี
ตางๆ แลว จะเจอความเกษมในธรรมทปี่ ราชญท า นแสดงไวไ ดย งั ไง เพราะทา นทาํ อยา ง
นั้นทานถึงไดรูอยางนั้น จึงไดพูดไดสอนอยางนั้น ทา นไมไ ดท าํ แบบเรา รแู บบเรา ทาน
จงึ ไมเ ปน อยา งเรา

รแู บบเรากบั รแู บบทา นมนั ผดิ กนั สขุ แบบเรากบั สขุ ของทา นมนั ผดิ กนั สุขแบบ
เรามนั อยปู ลายเบด็ นน้ั นะ สขุ ของเราเปน ความสขุ อยปู ลายเบด็ วา ไง ปลาตัวโงพองับ
เหยื่อที่ปลายเบ็ดเขาไปก็ติดเบ็ดพรอมกันเลย งับไปตรงไหนก็ติดเบ็ดตรงนั้น ขึ้นชื่อวา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๕๓

๒๕๔

โลกามิสที่เปนสิ่งเคลือบแฝงของกิเลสแลว มนั กเ็ ปน อยา งเบ็ดที่ติดเหยอ่ื ลอปลาน่ันแล
เหยอ่ื นไ้ี มใ ชอ าหารอนั แทจ รงิ แตเ หยอ่ื นเ้ี ปน เหยอ่ื ลอ สาํ หรบั หลอกคนโงโ ลเลใน
โลกามสิ ผูปฏิบัติเพื่อความฉลาดและหลุดพนจึงตองระวังกัน ผูปฏิบัติอยางแทจริงใน
ธรรมทั้งหลายเทาน้ันจงึ จะระวังได และละไดไมตดิ เบด็ คอื โลกามิสซงึ่ เปรียบเหมือน
เหยอ่ื ลอปลา ที่พออาศัยไปในวันหนึ่งๆ เทา นั้น ไมถือเปนจริงเปนจังเหมือนธรรมที่
กาํ ลงั บาํ เพญ็

กาํ ลงั วังชาของเราเคยทมุ เทในงานอนื่ ๆ เราทุมมามากพอแลว ความคิดความ
ปรุงอะไรก็เคยคิดเคยปรุงมาตั้งแตวันเกิดจนกระทั่งบัดนี้ กน็ า จะเบอ่ื หนา ยและนาํ มา
พนิ จิ พจิ ารณาทบทวนแยกแยะเทยี บเคยี งกนั ในแงห นกั เบา ดชี ว่ั ไดเ สยี ซึ่งพอจะหา
ชอ งทางออกในแงใ ดไดบ า งแลว ในการปฏบิ ตั ธิ รรมเพอ่ื ตวั เอง จะมัวเสียดายอะไรกันอยู
อีกนักหนา เรอ่ื งความเกดิ ตายนม้ี นั อยบู นเขยี งของกเิ ลสมาเปน ประจาํ ซง่ึ ควรเขด็ หลาบ
ไดแ ลว เพราะเคยโดนกนั มาแบบนท้ี กุ รายไมน า สงสยั แตใ จเราจะใหน อกจากเขยี งนม้ี นั
ไมอยากไป จึงถูกกลอมอยูนั้นแล เพราะเพลงลูกทงุ ลกู กรงุ มันเพราะพรงิ้ เกินกวาสติ
ธรรม ปญ ญาธรรม วริ ยิ ธรรมเปน ตน จะเขา ไปสอดแทรกได

เจา ของนน่ั แหละเปนผูจ ะฉดุ ลากเจาของ ครบู าอาจารยเ ปน แตผ ใู หอ บุ ายแนะนาํ
สง่ั สอนเทา นน้ั ตองหาอุบายพลิกแพลงในแงตางๆ เอาเอง ถาจิตออนแอตองพลิกหา
อบุ ายใหมๆ มาใชใ หทนั กับกลมายาของกเิ ลสตวั ปลน้ิ ปลอนหลอกลวงเกง ๆ การปฏิบัติ
ตวั เองจะคดิ วา วนั นไ้ี ดผ ลอยา งน้ี วนั วานไดผ ลอยา งนน้ั แลว จะเอาอบุ ายเกา นน้ั มาใช
ทั้งๆ ที่มันจืดชืดไปแลวนั้นไมไดผลนะ จงพลกิ หาอบุ ายใหมม าใช นั้นมันเปนอดีตไป
แลว จะไมท ันกบั กลลวงของกิเลสตวั ปจ จบุ นั อุบายใดที่จะฟตตัวเองใหขึงขังตึงตังขึ้นมา
ควรแกก ารฆา กิเลสชนดิ นน้ั ๆ ตอ งพลกิ หาอบุ ายนน้ั มาใชน ะ ไมงั้นไมทันกลมายาของ
กเิ ลส ใจก็ไมสงบ อบุ ายปญ ญาแหละสาํ คญั นเ่ี คยทาํ มาอยา งนน้ั

อยางนอยตองใหมีความสงบถึงจะมีโลกอยูพูดงายๆ ถาใจสงบเย็นพออยูได
มนษุ ยเ ราพระเรา ถาใจไมส งบเลยนี่รอ นเปน ฟนเปนไฟ ราวกบั จะหาโลกอยไู มไ ดน น่ั แล
เห็นอะไรกเ็ ปน ไฟไปดว ยเพราะกเิ ลสพาเปน ไฟ ใจจงึ เปน ไฟ หาที่ปลงจิตปลงใจไมได
เลยขณะนน้ั แมท ส่ี ดุ ครบู าอาจารยท เ่ี คารพเลอ่ื มใสกห็ มดความเคารพเลอ่ื มใส ใจเฉื่อย
ชาไปหมด นน่ั เหน็ ไหมละ เวลากเิ ลสมนั ทรยศนะ ใจมนั รจู กั เจา ของเมอ่ื ไร พอมคี วาม
สงบข้นึ ภายในจติ ซ่งึ มีคณุ คามากนอยตามข้ันของธรรม ทีนี้พอเปนที่ยับยั้งตั้งตัวได พอ
เปนที่อาศัยหายใจเต็มปอดไดบางละที่นี่ มองดูขางนอกก็เปนลักษณะเย็นตา เยน็ ใจเชน
เดียวกัน เหน็ หมเู พอ่ื นเปน หมเู พอ่ื น เหน็ ครเู หน็ อาจารยก เ็ ปน ทเ่ี คารพเลอ่ื มใสขน้ึ ไป
โดยลาํ ดบั ๆ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๕๔

๒๕๕

จติ ละเอยี ดเขา เทา ไร ความเคารพเชอ่ื ถอื ครบู าอาจารยย ง่ิ หนกั ขน้ึ ๆ ความหวงั
พึ่งพิงทานยิ่งมีกําลังมากขึ้นทุกที หายใจเขาหายใจออกเปนครูเปนอาจารย เปน อรรถ
เปน ธรรมไปตลอดกาลสถานท่ี ไมจ ดื จางเหมอื นแตก อ นทโ่ี รคบา กเิ ลสกาํ เรบิ รงั ควาน
แมที่สุดพระพุทธเจาปรินิพพานไปกี่พระองคและนานเทาไร จิตสามารถประมวลเขามา
สูจุดเดียวคือใจของตนไดหมด ใจยอมรบั ความจรงิ อยา งหมอบราบเลย นน่ั ใจถาไมมี
อะไรมาฝน มากน้ั ไวก ล็ งสูความจริงไดอยางราบคาบ จงึ ทราบไดว า ทเ่ี ปน ทัง้ นีม้ แี ตก เิ ลส
ทง้ั นน้ั ฝน ธรรม กีดกันธรรม ไมมีอะไรมาฝน

ฉะนน้ั จงพยายามทําใจใหส งบใหไ ด ตอ งบงั คบั ซถิ า อยากเปน คนดใี จวเิ ศษนะ
เม่อื มคี วามสงบไดแ ลวกจ็ งพจิ ารณาทางดา นปญ ญา สงบแคใดก็เปนบาทเปนฐานของ
ปญ ญาขน้ั นน้ั ๆ ได พอไดตนทุนคือสมาธิแลวก็เริ่มปญญา ใหเ ปน ตน ทนุ ทางดา น
ปญญาตอไปอีก ทีนี้ผลของจิตจะผิดกันไปโดยลําดับ ความดูดดื่มทางสมาธิเปนอยางนี้
ความดูดดมื่ ทางดานปญ ญาเปน อยา งน้ัน ผดิ แปลกกนั ไปเรื่อยๆ เพราะปญ ญานก้ี า ว
ออกไปเรื่อย กวางขวางออกไปเรื่อย ชาํ นชิ าํ นาญไปเรอ่ื ยๆ คลองตัวไปเรื่อยๆ จิตใจก็
ดีดขึ้นๆ รเู ห็นไดอยา งชดั เจนวา กิเลสตัวใดไดข าดไปดว ยปญญาประเภทใด เปน วรรค
เปนตอน กเิ ลสขาดไปเปน ลาํ ดบั ๆ รู

ทนี ้ีพอจิตปรากฏไดผ ลขนึ้ มาวาเปน สง่ิ ท่มี ีคณุ คา โดยลําดับแลว ทําไมจะไมขยับ
ขยัน ทาํ ไมจะไมมแี กใจคนเรา ตองมีแกใจโดยไมตองสงสัยเลย ความขยนั หมน่ั เพยี ร
เปน มาเอง ความคดิ วา ลาํ บากลาํ บนแตก อ นไมม ลี ะทน่ี ่ี มแี ตความหมนุ ตัวตวิ้ ๆ เรื่อยไป
พินิจพิจารณาเพื่อแกเพื่อถอดถอนกิเลสเรื่อยไป ไมมีคําวาทอถอยออนแอ สิ่งที่ไดแลว
มากนอยเพียงไรนั้นเปนเครื่องดูดดื่ม เปนที่ไวใจ เปนทอี่ บอุนใจ ไมเหมือนสิ่งที่อยูดวย
กันแตกอน ซึ่งเปนพิษเปนภัยมากนอยตามความมีอยูของมัน จากนั้นสติปญญาก็หมุน
ไปเลย เอาจนกระทง่ั ไดร ง้ั เอาไว

นนั่ แหละถึงข้ันธรรมมอี าํ นาจมากกวากเิ ลสตองไดรง้ั เอาไว ไมงั้นสติปญญาจะ
ทาํ งานเลยเถดิ เพราะความเพลดิ เพลนิ ในความเพียรเกนิ ไป ซึ่งไมใชมัชฌิมาความพอดี
เหมาะสม กิเลสทเี่ คยเพนพา นตองหมอบเหมอื นกบั หายหนาไปหมด ความจริงไมหมด
ใครจะฉลาดยง่ิ กวา กเิ ลสเลา มันตองหมอบหลบฉากละซิ เพราะถกู สตธิ รรม ปญญา
ธรรมฟาดกันลงไปไมยับยั้งนี่ นเ่ี ปน ธรรมฝา ยเหตุ สติปญญาแกกันลงไปๆ คยุ เขย่ี ขดุ
คน กิเลสขนึ้ มาอยูทไี่ หน สติปญญาก็เปนอัตโนมัติ ความเพยี รเปน อตั โนมตั ิ ความ
อุตสาหพยายามทุกดานกลายเปนอัตโนมัติไปตามกันหมด เหมอื นกบั เราไมม เี จตนานาํ
มาใชน ะคาํ วา อตุ สา หพ ยายาม เพราะเปน ไปเองเมอ่ื ถงึ ขน้ั เปน เองแลว

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๕๕

๒๕๖

คาํ วา อตุ สา หท ว่ั ๆ ไปนี้ไดแกการฝน เชน อุตสาหทําไปเถอะ อุตสาหฝนไปเถอะ
แลว จะเหน็ ผล ดังนี้ มีแต ฉันทะ วริ ยิ ะนว้ี ง่ิ ตามกนั ความพอใจในความเพยี รนก้ี ็
ละเอียดเขาไป มีกําลังมากเขาไปโดยลําดับ แลวจะนอนใจอยูไดยังไงเมื่อเปนอยางนั้น
ถาไมพุงใหทะลุเสียอยางเดียวแลวไมมีที่อยู ไมมีที่ปลงใจ ถอยไมได ก็ฟนไฟอันเปนผล
ของกิเลสชนิดตางๆ ไดเ คยเผาเรามาแลว ตง้ั แตก ปั ไหนกลั ปใ ด สุมอยทู ห่ี วั ใจน่ี ทาํ ไมจะ
ไมเห็นโทษของมันอยางถึงใจเลา เวลานเ้ี ราจะออกจากฟน จากไฟ ดับฟนดับไฟ กเิ ลส
เปนตวั ไฟ ราคคคฺ นิ า โทสคฺคินา โมหคฺคินา เปนไฟทั้งนั้น น้ําดับไฟไดแกสติปญญา
ศรทั ธา ความเพยี ร นเ้ี ปน นาํ้ ดบั ไฟ ดับลงไปๆ ใครจะโดดเขา ไปกองไฟอกี นอกจากดับ
ลงใหมันมอดไมมีเหลือ โลงไปหมดเทานั้น แลว อะไรละ ทน่ี จ่ี ะมายแุ หยก อ กวนยบิ ๆ
แยบ็ ๆ เหมือนแตกอน ไมมี เพราะไฟหมดหรอื ดบั โดยสน้ิ เชงิ แลว

ทีนี้ก็เห็นไดชัดวา มกี เิ ลสนเ้ี ทา นน้ั กอ กวนภายในจติ ใจ บบี คน้ั จติ ใจ พออันนี้
หมดไปแลว ไมเห็นมีอะไร วัตถุสิ่งของทั่วโลกธาตุก็ไมเห็นวามาเปนภัยอะไรกับเรา มี
แตกิเลสท่ที ําใหค ดิ ใหปรุงใหยึดใหถ อื และผูกมัดอยูภายในใจ บบี คน้ั อยภู ายในใจนเ้ี ทา
นน้ั เปน ตวั พษิ เปน ตวั ภยั พออันนี้หมดไปแลว ไมมีอะไรเปนตัวพิษ ภยั ไมม ี หมด นก่ี าร
ประกอบความเพียร ตองทําใหไดผลพึงใจดังนี้ซินักปฏิบัติเรานะ ทาํ เหยาะๆ แหยะๆ
พอใหกิเลสรําคาญหั่นหอมกระเทียมอยูทําไม ฟาดลงไปจนกิเลสแตกวงกินเลี้ยงกัน
โนน ซิ จะสมใจ สะใจท่ีเคยถูกมนั ดดั สนั ดานมานาน

ธรรมนจ้ี ะเดน อยทู ใ่ี จนะ ไมเดนอยูที่อื่น กเิ ลสอยตู รงไหนธรรมนเ้ี หมอื นกบั จม
มิด แตอยใู ตก ิเลส นน่ั แหละกเิ ลสครอบอยนู น้ั เพราะฉะนั้นจึงตองเปดออก เปดออก
ดว ยความเพยี ร เปดออกดวยอุบายวิธีของตน ใจที่เคยเปน ฟุตบอลใหก ิเลสมนั เตะไป
โนน ไปนก้ี ส็ งบตวั เขา มาได พอสงบไดก็เย็น พอเย็นแลว เอา ปญญาพิจารณาลงไป ขา ง
นอกก็ตาม ขา งในกต็ าม ติดตรงไหน สัมผัสสัมพันธกับอะไร พอใจกบั สง่ิ ใด เอานน้ั มา
พจิ ารณาใหเ ปน ทแ่ี นใ จ แนใ จแลว ปลอ ยเอง ลงปญญาไดเขาถึงแลวไมมีอะไรจะทนอยู
ได ปลอยท้งั น้นั ไมยึด

คิดดูตั้งแตธรรมยังไมเกิด ใจยึดแนนแกะไมออก พอธรรมเกดิ เตม็ ทแ่ี ลว ปลอ ย
เอง ไมยึดอะไรทั้งสิ้น เชน ผทู า นบรสิ ทุ ธแ์ิ ลว ทา นเอาอะไรไปยดึ ทานไมยึดอะไรนี่ แม
ความบรสิ ทุ ธก์ิ เ็ ปน ความบรสิ ทุ ธล์ิ ว นๆ จรงิ ลว นๆ ทา นไมย ดึ เรื่องยึดเปนเรื่องของ
กเิ ลสตา งหาก ธรรมไมย ดึ รตู ามเปน จรงิ แลว ตา งอนั ตา งจรงิ เทา นน้ั จะยกขน้ึ วา เราวเิ ศษ
วโิ สกว็ า กนั ไปอยา งนน้ั แหละ โลกมีสมมุติก็วากันไป วาไปทานก็ไมติด ไมตดิ คาํ วาวเิ ศษ
วิโส ไมต ิดคําวา บรสิ ทุ ธ์ิ ไมติดคําวาพนทุกข ทานไมติดทั้งนั้น ถาจะใหชื่อวาพอก็พอ
อิ่มตัวแลวที่นี่

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๕๖

๒๕๗

จิตอิ่มตัวเต็มที่แลว ดีกับชั่วเขา มาสัมผัสก็มนี ํ้าหนักเทากัน เพราะนเ้ี ปนสมมตุ ดิ ี
ชว่ั ปุฺญปาป ปหิน บญุ บาป ดีชั่ว สุขทุกข ละหมดแลว ไมม เี หลอื บรรดาสมมตุ จิ ะ
ละเอียดแคไหนก็ละหมด สบายเตม็ อตั ราแหง ใจทบ่ี รสิ ทุ ธแ์ิ ละเปน อสิ รเสรลี ะทน่ี ่ี ความ
เพยี รทเ่ี คยตะเกยี กตะกายมาแทบลม แทบตาย แบบสลบไสลเสอื กคลาน มาแสดงคุณ
คา ใหเ หน็ อยา งชดั เจนอยกู บั ผลแหง ธรรมทป่ี รากฏกบั ใจนน้ั แล คุมคา ลน คา ดว ย ถาไม
ทาํ อยา งนน้ั ไมตะเกียกตะกายอยางนั้น ไมย อมเสยี สละชวี ติ จติ ใจเพอ่ื ธรรมจรงิ ๆ ก็ไม
ปรากฏธรรมอยางน้ี เวลาพจิ ารณายอ นหลงั กภ็ มู ใิ จ

แตน พ่ี จิ ารณายอ นหนา ยอ นหลงั ไปไหนใกลห รอื ไกลในหรอื นอก ก็เห็นแตกิเลส
มัดคอพระนะซิ มนั นา โมโห นั่งอยูมันก็มัด นอนอยูมันก็มัด ขบฉันอยูมันก็มัด กริ ยิ าทา
ทางไหนเหน็ แตก เิ ลสมดั กิเลสตอยพระธุดงคกรรมฐานลมลุกคลุกคลาน นซ่ี มิ นั ทเุ รศ
นะ ยง่ิ ผเู ปน หวั หนา พาปราบกเิ ลสดว ยแลว บางทที าํ ใหห นกั ใจนะ ทาํ ใหเ กดิ ความระอา
ใจเหมือนกัน เอะ นี่มันยังไงกัน คือเวลาสอน สอนจริงๆ กิเลสอยูจุดไหนสอนเขาไป
ตรงนน้ั ตชี วยเขาไปตรงนั้น ผูฟงยังไมรู เอา ตอยอยางนั้นซิ ยังไมยอมตอย ใหก เิ ลส
ตอยเอาๆ นน่ั ซิ มนั นา โมโหนะ

มองที่ไหน ไมว า ทางหู ทางตา เหน็ แตเ รอ่ื งของกเิ ลสมนั เอารดั เอาเปรยี บหวั ใจ
พระอยูตลอด กิริยาอาการที่แสดงออกมานั้นเปนกิริยาอาการของกิเลสไดเปรียบเราอยู
เสมอ เราไมร รู อบมนั มีแตม ันมัดเราอยูท าเดยี ว อนั นซ้ี ทิ าํ ใหเ กดิ ความทอ ใจในบางครง้ั
เกย่ี วกบั การอบรมสง่ั สอนนะ เพราะเอาสมมุตมิ ารบั สมมุตินจี่ ะทํายงั ไง เพียงเทานี้ก็ไม
ไดความ เทา นก้ี ไ็ มเ ขา ใจ สิ่งละเอียดยิ่งไปกวานี้มีอยูมากมายจะเขาใจไดยังไง เรอ่ื ง
ความละเอียดของกิเลสแลวจะเอาอะไรไปรูมันได เพยี งหยาบๆ นย่ี งั ไมร ทู นั มนั อยแู ลว

จงพากนั ตง้ั ใจเอาจรงิ เอาจงั อยา หวังอะไรในโลกนี้ จงหวังธรรมเปนหลักยึดของ
ใจ ผใู ดเปน ผคู รองธรรมอนั เลศิ เลา พระพุทธเจา พระสาวกอรหันตทานทุกๆ พระองค
เปน ผคู รองธรรมนโ้ี ดยสมบรู ณด ว ยการปฏบิ ตั มิ าอยา งนน้ั ๆ เราจงยดึ ทา นเปน หลกั ใจ
ใหเ หนยี วแนน มน่ั คง ทั้งวธิ กี ารปฏิบัตขิ องทานเปน มาอยา งนน้ั ๆ ยึดทั้งผลที่ทานไดรับ
เพอ่ื เปน ความภาคภมู ใิ จเรา และเปนกําลังใจ เพม่ิ กาํ ลงั ใจเราในการบาํ เพญ็ เพยี รอยา ง
เขมแข็งแทงทะลุตอไป

อยา ยดึ อะไรมาเปน แบบเปน ฉบบั คนทม่ี กี เิ ลสเต็มหวั ใจเหมือนนาํ้ ทว มปอด จะ
ยดึ มาเปน แบบฉบับไดยงั ไง เขาก็จะเอากเิ ลสมาโปะเอาจนมองไมเ หน็ ตัวนะซิ เมื่อไปยึด
ก็เทากับเอากิเลสมาโปะเอาๆ และจมด่ิงไปเลยนัน่ แล ถา เอาทา นผบู รสิ ทุ ธม์ิ าเปน คตติ วั
อยาง มายึดมาฝากเปนฝากตาย ความยึดความพึ่งพิงทุกสิ่งทุกอยางกับทานซึ่งเปน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๕๗

๒๕๘

ธรรมอยูแลว ยอมเปน ธรรมตามทานไปในตวั จนกลายเปน ธรรมทง้ั ดวงขน้ึ ทใ่ี จเราโดย
สมบรู ณไ มส งสยั

ถาพูดตามความคาดหมายของสมมุติที่ธรรมไมเคยสัมผัสใจ แมแ ตค วามสนใจ
ในธรรมก็ไมกระดิกนั้น เหมือนอยูไกลแสนไกลนะมรรคผลนิพพาน เหมอื นสดุ เอื้อม
หมดหวัง ราวกับอา นแตช ือ่ ของมรรคผลนิพพาน ตัวจริงไมมี หากคดิ วา มกี อ็ ยคู นละ
โลกคนละทวปี ไมคดิ วา จะมอี ยกู บั ตัวกบั ใจของผอู านผูนบั ถือศาสนาน่ันเลย จิตคาดไป
เหมอื นสดุ เออ้ื มจรงิ ๆ เหมอื นหมดวาสนาบารมอี ะไรทาํ นองนน้ั หมดความสามารถทจ่ี ะ
เอื้อมถึง ทง้ั ทม่ี รรคผลนพิ พานมอี ยทู ห่ี วั ใจเรานแ่ี ทๆ อุบายวิธกี อ็ ยูก บั เราอกี ตามความ
จริงของหลักธรรมแลวไกลที่ไหน กก็ เิ ลสเอาเราเปน ทาสเปนบอยใชอยตู ลอดกาล กดขี่
เราอยทู กุ อริ ยิ าบถ เราไมเ หน็ คดิ กนั บา งวา มนั ไกลมนั ใกลท ไ่ี หนบา ง สว นกเิ ลสตวั เอารดั
เอาเปรยี บเราอยตู ลอดเวลาอกาลโิ กนน่ั ไมเ หน็ คดิ คาํ นงึ ถงึ มนั บา ง ลองเอามาเปรยี บ
เทียบกันบางเพื่อหาทางออก จะไมพอมีชองทางคิดกันไดบางหรือ

เวลานก้ี เิ ลสมันอยูท ่ไี หนถงึ แบกเอาจนหลงั หกั หลังโกงจนเงยหวั ไมขึน้ ไมมีเวลา
ปลงวางลงบา ง มนั อยูที่ไหน มนั อยทู ห่ี วั ใจน้ี จงสลัดอันนี้ออกดวยการปฏิบัติ มันอยูกับ
ตัวแทๆ สลัดออกไมไดหรือดวยขอปฏิบัติของเรานะ พระนิพพานจะสุดเอื้อมไปไหน
พระนิพพานอยูที่ไหน เปดกิเลสตัวมืดตื้อทั้งกลางวันกลางคืนออกจากใจใหหมดดูซิ จะ
รเู องเหน็ เองพระนพิ พานนะ จะไมตองถามใครละ เหมือนสถานท่ีรกรงุ รังอยตู รงไหน
ถากถางมันออก อะไรปกคลุมอยูมันจึงรกรุงรัง ถากถางสิ่งที่ปกคลุมนั้นออก ถา เปน ตน
ไมใบหญาก็ถากถางออก เอาไฟเผาเขา ไป ความเตียนโลง จะไปหาทไี่ หน มันสุดเอื้อม
หรอื ความเตยี นโลง นะ มนั ก็อยูใตค วามรกรุงรงั น้นั เอง พอเปดสิ่งปกปดออกหมดแลว
ความเตียนโลงก็อยูที่นั้นเองโดยไมทราบวามีอยูตั้งแตเมื่อไร

จิตที่เตียนโลงก็เหมือนกัน เวลานี้ถูกปกคลุมหุมหอดวยความรกรุงรังของกิเลส
ทง้ั หลายประเภทตา งๆ ตองใชค วามพยายาม เหมือนกับการถากถางสิ่งที่รกรุงรังออก
จากทร่ี กรงุ รงั นน้ั แล อบุ ายวธิ กี ารแหง ความเพยี รทกุ ประเภท เปนอุบายถากถาง เพื่อ
จิตจะไดเตียนโลงขึ้นมา จนกระทั่งจิตเตียนเต็มที่แลวมันจะสุดเอื้อมที่ไหน มันก็อยูที่
ตรงนน้ั เอง จะมีอยูที่ไหนกันอีก

อยา ไปคดิ เรอ่ื งกาลโนน สถานทน่ี น่ั ใหเ สยี เวลาํ่ เวลาและเหนอ่ื ยใจเปลา ๆ นน่ั คอื
การถูกหลอกถูกตมจากกิเลสใหมันลากออกจากความจริง ของจริง ของประเสรฐิ ทม่ี อี ยู
ภายในใจของเราตา งหาก วา มรรคผลนพิ พานมอี ยทู โ่ี นน บา ง มอี ยทู น่ี บ่ี า ง มรรคผล
นิพพานหมดเขตหมดสมัยบาง มันหลอกไป มรรคผลนพิ พานหมดสาํ หรบั โมฆบรุ ษุ ท่ี
ไมมีความสนใจ ไมม คี วามสามารถ มนั หมดอยูท ุกสมัยนัน่ แหละ อยา วา สมยั โนน สมยั น้ี

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๕๘

๒๕๙

เลย ปจจุบันมันก็หมดถาเจาของไมสนใจปฏิบัติเพื่อรื้อฟนเจาของ ใครจะมารอ้ื ฟน ให
มันทันสมัยได กเิ ลสมนั ทนั สมยั อยตู ลอดเวลาไมเ หน็ มนั ลา สมยั ไมเ หน็ ใครคดิ ทาํ ลาย
กเิ ลสใหม นั หมดสมยั เสยี บา ง ใจจะไดหมดขาศึก มีแตใหก เิ ลสหลอกเพอ่ื ทําลายธรรมที่
มีอยูกับตนตลอดกาล นจ่ี ะวา เราโงห รอื ฉลาดรบี พากนั คดิ เสยี บดั น้ี ธรรมเครอ่ื งสงั หาร
กเิ ลสใหม ว นเสอ่ื กลบั บา นมนั กม็ ี ทําไมจะลาสมัยไป ถา เราไมเ ปน คนลา สมยั เสยี เอง เอา
ลงตรงนี้ซิ

อุบายวิธีที่จะแกกิเลส การพลิกแพลงสติปญญาเพื่อตอสูกิเลสนั้น มันตองใชรอ ย
สันพันคมเหมือนกันนะ ไมงั้นไมทันกัน นเ่ี คยเปน มาแลว ความเชอ่ื ความเลอ่ื มใส
ศาสนา พอไดอา นอรรถธรรมตามตาํ ราก็เชือ่ ลงเปน ลําดับๆ สดุ ทา ยเวลาจะปฏบิ ตั อิ ยา ง
เอาจริงเอาจังมันยังตองสงสัยจนได ตองไดคิดถึงครูถึงอาจารยองคที่ทานมีความรูความ
สามารถทางดา นปฏบิ ตั แิ นะนาํ หรือบอกความจริงใหอยางถึงใจ จะกราบไหว ยอมตัว
ถวายตนเปน ลูกศิษยของทา นตลอดวันตายเลย และจะเอาใหเตม็ ท่ี

พอไปฟง ทา นอาจารยม่ันอธิบายแลว แหม มันถึงใจ จใุ จทเี่ ราคดิ ไวท ัง้ หมด จติ
ของทา นเปน เหมอื นเรดารน ่ี จบั เอาเรอ่ื งความคดิ ตา งๆ ของเราไวห มดเลย แลว นาํ เรอ่ื ง
ของเราออกมาแสดงใหเ ราฟงใหเ รารู วา นน่ี ะ ๆ สงสยั ไปไหนมรรคผลนพิ พานนะ มรรค
ผลนิพพานอยูที่ไหน อยทู ีน่ ่ๆี ย้ําลงๆ ก็หมดละซิความสงสัยทั้งหลาย จะฝนแบกหาม
ไปถึงไหนกันอีกเมื่อถึงเหตุผลที่ควรปลงวางไดแลว

นกี่ ารไดยินไดฟง จากผูร จู ริงเห็นจริงมีผลมากมกี าํ ลงั ใจมากนะ ผิดจากพูดแบบ
ดนๆ เดาๆ เกาหมดั เปน ไหนๆ เปนกาํ ลงั ทางจิตใจมาก และตัดความสงสัยไดอยางไม
มีปญหาใดๆ ตกคางเลย ดงั ทา นพระอาจารยม น่ั เปน ตวั อยา ง เราจึงกลาพูดอยางไม
สะทกสะทานวา ทา นพระอาจารยม น่ั เปน ปรมาจารยช น้ั เยย่ี มทางภาคปฏบิ ตั จิ ติ ตภาวนา
ในสมยั ปจจุบนั ดงั นน้ั การแสวงหาครอู าจารยท แ่ี มน ยาํ ทง้ั ภาคปฏบิ ตั แิ ละความรภู ายใน
ใจ จงึ เปน สง่ิ จาํ เปน มากสาํ หรบั ผปู ฏบิ ตั เิ พอ่ื มรรคผลนพิ พานในปจ จบุ นั ื ไมเ นน่ิ ชา หนา
ดา น ทนใหกิเลสทุบตีอยูตลอดภพชาติ ไมสนใจหาทางออกจากมันบางเลย

พวกเรามนั เปน พวกหนา ดา น แมถูกกิเลสดัดสันดานเทาไรก็ไมยอมเห็นโทษของ
มัน ยงั ซกุ หวั อยใู ตอ าํ นาจความเลวรา ยของมนั เรอ่ื ยมา แลว ยงั จะเรอ่ื ยไปไมม กี าํ หนด
ปลดปลอยเลย เอา ถา จะไมส มคั รตวั เปน พระหนา ดา นสนั ดานบอ ยของกเิ ลส ก็จงตั้งทา
ฝาฟนกับมันใหเห็นฤทธิ์ของพระลูกศิษยตถาคตจนปรากฏเดน และอศั จรรยใ นดวงใจ
ทคี่ วา ไดชยั ชนะจากกิเลสมาครองซิ คาํ วา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ทเ่ี คยเรยี กรอ งหาทา น
เรอ่ื ยมานน้ั จะรวมองคลงที่ใจบริสุทธิ์ดวงนี้ และหายสงสยั ในทนั ทที นั ใด คาํ วา ศาสนา
อยูที่ไหน ธรรมอยูที่ไหน มรรคผลนพิ พานอยทู ่ไี หน พระพทุ ธเจาทั้งหลาย ตลอดพระ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๕๙

๒๖๐

สาวกทั้งหลายของพระพุทธเจาแตละพระองคปรินิพพานแลวไปอยูกันที่ไหน เหลา นจ้ี ะ

หมดปญ หาโดยสน้ิ เชงิ ลงในใจดวงเปน คลงั แหง ธรรมลว นๆ แลว นน้ั คาํ ทก่ี ลา วเหลา น้ี

จรงิ หรอื เทจ็ นมิ นตท กุ ทา นนาํ ไปพสิ จู นด ว ยการปฏบิ ตั จิ ติ ตภาวนาอยา งเอาจรงิ เอาจงั

ธรรมทั้งมวลนี้จะโผลขึ้นกับใจดวงบริสุทธิ์นั้นโดยไมตองสงสัย เพราะเปน ความจรงิ

เสมอกัน

จึงขอยุติการแสดงเพียงเทานี้

<<สารบัญ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๖๐

๒๖๑

เทศนอ บรมพระ ณ วดั ปา บา นตาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔

ความดที ต่ี อ งฝน

จงพยายามดัดแปลงนิสัยของตน ซง่ึ เคยหมกั หมมอยตู ง้ั แตค ราวเปน ฆราวาส
ดวยสิ่งไมดีไมงามทั้งหลาย ใหเปนของดีขึ้นมาทางกายทางวาจาทางใจ การดัดแปลงสิ่ง
ใดไมเหมือนการดัดแปลงมนุษย คอื ตวั ของเราแตล ะรายๆ ดวยความถูกตองดีงาม คือ
อรรถธรรมนเ้ี ลย เพราะคุณคาของมนุษยซึ่งดัดแปลงใหเต็มภูมิหรือพอดูไดสมภูมิ
มนุษยนั้น สูงมากกวาทุกสิ่งทุกอยางตลอดสัตวทั้งหลาย สิ่งไมมีวิญญาณเขาก็ดัดแปลง
เอามาใชเ ปนประโยชน เชน ปลูกบานปลูกเรือนทําภาชนะเครอื่ งใชไ มส อยตา งๆ ไมมี
ประมาณ เกิดขึ้นจากการดัดแปลงเอาตามความตองการที่เห็นวาดี นอกจากนั้นยังตอง
เกย่ี วกบั ชา งผมู คี วามฉลาดในงานนน้ั ๆ อีกดวย

หลักความถูกตองดีงามทั้งหลาย ทจ่ี ะนาํ มาเปน ประโยชนส าํ หรบั มนษุ ยเ รานน้ั มี
มาก แตสิ่งที่กลาวมาทั้งมวลตลอดถึงสัตวดิรัจฉานประเภทตางๆ คณุ คาไมม มี าก
เหมอื นมนษุ ย เมื่อดัดแปลงดีแลวคุณคาของมนุษยเยี่ยมกวาคุณคาของสิ่งตางๆ ทดี่ ัด
แปลงแลว และหลักวิชาธรรมที่จะนํามาดัดแปลงมนุษยใหมีคุณคาสมภูมิของมนุษย
และใหมีคุณคาเยี่ยมยิ่งกวามนุษยสามัญธรรมดา ที่วาดีงามดวยศีลดวยธรรมนี้ขึ้นไปอีก
นน้ั ไมม ใี นทใ่ี ดและไมม ผี ใู ดจะสามารถรแู ละนาํ มาแนะนาํ ไดเ ลย มพี ระพุทธเจาเพียง
พระองคเ ดยี วเทา นน้ั ในขน้ั เรม่ิ แรก ทต่ี ั้งรากตงั้ ฐานศาสนธรรมลงในแดนมนษุ ย ตอจาก
นั้นมาก็มีพระสาวกที่ไดสดับฟงจากพระพุทธเจา แลวนําไปประพฤติปฏิบัติจนเกิดผล
เปนที่พอใจขึ้นมาเต็มภูมิของสาวก แลว นาํ มาชแ้ี จงแนะนาํ สง่ั สอนประชาชนพระเณรให
ไดเ ขาอกเขาใจเปน ลําดบั จนศาสนธรรมแผก ระจายกวา งขวางออกไป

แตเริ่มแรกวิชาธรรมนี้ออกจากพระพุทธเจาเพียงพระองคเดียว นอกนั้นไมมี
ใครสามารถรไู ดใ นหลกั ธรรมทศ่ี าสดาทรงรเู หน็ มา ธรรมนน้ั เหมาะสมอยา งยง่ิ ในการนาํ
มาดดั แปลงมนษุ ยใ หเ ปน มนษุ ยส มบรู ณแ บบ แตไมมผี ใู ดสามารถคน พบ แมว ธิ กี ารขดุ
คน ธรรมนน้ั กไ็ มม ใี ครรแู ละสนใจทจ่ี ะคน มีเฉพาะพระสิทธัตถราชกุมารพระองคเดียว
สละตนออกบวชและทรงคนเตม็ พระสตกิ าํ ลังความสามารถ จนไดต รสั รกู ลายเปน
ปราชญกระเทือนโลกทั้งสามขึ้นมาแตพระองคเดียว ดงั นน้ั คาํ วา พระพทุ ธเจา อบุ ตั แิ ละ
พระธรรมอุบัติขน้ึ ในโลก เพื่อรื้อขนสัตวโลกแตละครั้งแตละพระองค จงึ เปน เรอ่ื ง
อัศจรรยหาไมไดงายๆ เลย สง่ิ ทง้ั หลายในสากลโลกหาไมย าก แตความอุบัติของพระ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๖๑

๒๖๒

พุทธเจาและความอุบัติของพระธรรมนี้หาไดยากมาก เพราะเปน มหาสมบตั นิ อกโลก
สมมุติ

พระพุทธเจาของเราที่ปรินิพพานไปก็ ๒,๕๐๐ กวา ปน ้ี นี่คือจอมศาสดาผูมีหลัก
วชิ าธรรมชน้ั เอกมาสง่ั สอนบรรดาสตั ว สตั วโ ลกผคู วรรบั ธรรมของพระพทุ ธเจา กม็ นี อ ย
มากถา เทยี บกบั สตั วม นษุ ยท ว่ั โลก พวกเราทไ่ี ดม าบวชในพระพทุ ธศาสนาน้ี นบั วา เปน ผู
หนง่ึ ในจาํ นวนสตั วโ ลกผคู วรแกธ รรมของพระองค จงึ ควรภาคภมู ิใจในวาสนาและเพศ
ของตน วาเปน ผพู รอมแลวท่จี ะติดตาขา ยคือธรรม นบั แตส มถธรรมวปิ ส สนาธรรมจน
ถึงวิมุตติธรรม ดวยการปฏิบัติของตนแตละรายที่ไมทอถอยปลอยวาง เพราะธรรมดงั
กลา วเหลา น้ี อยูในเงื้อมมือของพระผูมีศรัทธา ผูมีวิริยะ ผูมีสติ ผมู สี มาธิ ผมู ปี ญญา
ประจําตน และพรอ มในการรบอยตู ลอดกาลสถานทอ่ี ริ ยิ าบถ ไมลดละธรรมดังกลาวที่
เปน เครอ่ื งมอื รบ มรรคนิพพานจะพนเงื้อมมือแหงการปฏิบัติของพระผูถืออาวุธ คือพล
ธรรมดังกลาวนี้ไปไมได

ตามปกตธิ รรมดาการบวชไมใ ชเ ปน ของงา ย โลกจึงไมคอยบวชและไมบวชกัน
เพราะการบวชนน้ั ยาก กอนที่จะไดบวชก็ยาก ไมไ ดเ หมอื นบวชกลว ย กอนจะบวชก็ตอง
เปนที่ลงใจของผูบวชและทําการฝกซอมกอน บวชดว ยความสมคั รใจ ไมม สี ง่ิ ใดเกาะ
เกย่ี ว แมมีก็พยายามปลดเปลื้องจนหมดปญหาไปกอนบวช จากนน้ั มากเ็ กย่ี วกบั เรอ่ื ง
อปุ ช ฌายอ าจารยใ นสถานทท่ี ต่ี นจะไปบวช เกี่ยวกับพระสงฆที่มานั่งหัตถบาส ประชมุ
ปรึกษาจนเปนที่ลงรอยกันแลวถึงจะบวชได และเปนพระเต็มภูมิที่สังคมสงฆยอมรับ

เวลาบวชแลว กต็ ง้ั ใจประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมหลกั วนิ ยั ไมฝาฝนลวงเกิน
สิกขาบทเล็กๆ นอยๆ ซึ่งเปนองคแทนศาสดา มีความเคารพทกุ ๆ สิกขาบทอนั เปน
องคแทนพระพุทธเจา ปฏิบัติใหถูกตองดีงามตอหลักธรรมหลักวินัยขอนั้นๆ ก็ชื่อวา
เปนผูปฏิบัติถูกตองดีงามและบูชาตอองคศาสดา ชอ่ื วา ผเู คารพพระศาสดา แม
ปรนิ พิ พานไปแลว กส็ กั แตว า พระสรรี ะรา งกายสลายไป อันเปนเหมือนกบั โลกท่ัวๆ ไป
เทา นน้ั สว นความเปน ศาสดาแทน น้ั ไดแ กว สิ ทุ ธจิ ติ วิสุทธิคุณ วสิ ทุ ธธิ รรม นี่คือองคพระ
ศาสดาแท ไมไดลวงลับดับไปดวยสิ่งใดๆ และไมมีสงิ่ ใดและผใู ดมาทําลายไดเลย

พระโอวาททีท่ รงส่ังสอนไวจงึ เปนองคแทนศาสดาอยา งเตม็ ภูมอิ รรถภมู ิธรรม ผู
เคารพพงึ ปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมหลักวนิ ัยสิกขาบทนอ ยใหญ ชือ่ วา เปนผเู คารพพระพุทธ
เจา ผลอนั เกดิ ขน้ึ จากการเคารพดว ยการปฏบิ ตั ติ ามนน้ั ยอมปรากฏขึ้นกับผูปฏิบัติกับผู
เคารพ พระพทุ ธเจา ไมท รงแบง สนั ปน สว นเอาอรรถเอาธรรม เอาคุณงามความดีเอา
ความสขุ ความเจรญิ ใดๆ แมแ ตน อ ยจากผปู ฏบิ ตั ดิ ว ยความเคารพพระองคน น้ั เลย ดงั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๖๒

๒๖๓

นน้ั การเคารพในศาสดาและปฏบิ ตั ดิ ปี ฏบิ ตั ชิ อบตามหลกั ธรรมหลกั วนิ ยั จงึ เปน ผลท่ี
ตนจะพงึ รบั แตผ เู ดยี ว

การบวช บวชเขา มาแลว จะทาํ เปน แบบฆราวาสหรอื ตามนสิ ยั ทเ่ี คยทํามาแลว นน้ั
ไมได ขัดตอหลักธรรมหลักวินัย ขดั ตอความถกู ตอ งดงี ามอันเปนทางดาํ เนินเพ่อื ความ
ราบรน่ื ชน่ื ใจ เพื่อความสุขความเจริญแกตน จงึ ชอ่ื วา เปน การลาํ บากประการหนง่ึ ตอง
ฝนอยูเสมอ ฝนอะไร ฝน สง่ิ ทเ่ี คยเปน ใหญเ ปน โตเปน เจา อาํ นาจวาสนาครอบงาํ หวั ใจ
เราอยไู ดแ กก เิ ลสนน่ั แล ในศพั ทข องธรรมะทา นวา กเิ ลส คือ เครอ่ื งเศรา หมอง มืดตื้อ
หรอื ยาพษิ ของใจ ยังผลใหเกิดทุกขแกผูเปนไปตามอํานาจของมัน เราตอ งการความสขุ
จึงตองฝาฝนหรือตอสูกับสิ่งที่มีอํานาจนั้น อยางนอยก็พอใหอยูเปนสุขได พอมีที่ปลง
วางใจไดบ า ง ดีกวาแบกไฟทั้งกองอยูบนหัวใจ

นกั บวชเก่ยี วกับเร่ืองพระวนิ ัย ตองปฏิบัติตามแบบฉบับของพระวินัยอยางคง
เสน คงวา ไมมีที่แจงที่ลับ มคี วามเคารพในสกิ ขาบทนน้ั ๆ อยเู สมอ อยาไดลวงเกินฝา
ฝน เปน อนั ขาดถา ไมอ ยากเปน พระหนา ดา นสนั ดานเลว นก่ี ย็ าก ตองฝนปฏิบัติตามพระ
ธรรมวนิ ยั เพราะเราอยากเปน คนดี ถา ศาสนาสอนคนและผปู ฏบิ ัติตามใหดไี มไดแ ลว ก็
ไมมีอะไรในโลกนี้จะทํามนุษยใหดี จะทําตัวของเราใหดีได เพราะศาสนาเปน เครอ่ื ง
หลอหลอมคนใหเปนคนดีไปตามขั้นภูมิของการปฏิบัติจนหาที่ตองติไมได จงึ เรยี กวา
สฺวากฺขาโต ภควตา ธมโฺ ม ธรรมอนั พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ไวช อบแลว นน่ั คาํ วา
ธรรมเปน คาํ รวมๆ ทั้งพระวินัย ท้งั พระธรรม รวมกนั เรยี กวา ศาสนธรรม ทง้ั พระ
สุตตันตปฎก ทั้งพระอภิธรรมปฎก และพระวนิ ยั ปฎ ก รวมกนั เรยี กวา ศาสนธรรม

น่ีเรามาฝน ส่ิงไมด ีที่เคยหมักหมมจมอยูภายในใจ ตองฝน ไมฝนไมได ถาไมฝน
จะหาความดีไมได ตองอดตองทน ขา วเราเคยรบั ประทานวนั หนง่ึ กม่ี อ้ื หาประมาณไมไ ด
ปกตนิ สิ ยั ฆราวาสเปน อยา งนน้ั เพราะไมด ดั ไมฝ น กนั บา ง ทานจบ๊ิ ๆ จบ๊ั ๆ นอกจากรบั
ประทานเปนมื้อๆ แลว ยงั มจี บ๊ิ ๆ จบั๊ ๆ อยูอยางนั้น ปากหาเวลาวา งไมไ ด ควา นน้ั ควา น้ี
มารบั ประทานจนเปน นสิ ยั ทองก็เล็กๆ นดิ เดยี ว แตค วามอยากความโลภภายในใจ
ความทะเยอทะยานภายในใจมมี าก จงึ ทาํ ใหห าความสงบสขุ ไมไ ด สง่ิ เหลา นเ้ี ปน นสิ ยั
ของเราทเ่ี คยเปน ฆราวาสมา ไมว า ใครๆ มกั เปน เหมอื นกนั เพราะไมมีขอบังคับ ไมมี
กฎเกณฑ ไมมีเหตุมีผล เนื่องจากไมสนใจสอนตนหักหามตนมาแตออนแตออก ปลอ ย
ใหเปนอยางนี้ทั่วดินแดน ปลอ ยใหเ ปน ไปตามความอยากความตอ งการ มากกวานั้นก็
เปนไปตามความทะเยอทะยาน ไมเพียงแตเปนไปดวยความจําเปนคือธาตุขันธตองการ
เทา นน้ั ยังแถมไปดวยความทะเยอทะยาน กลายเปนเรื่องของกิเลสไมมีความอิ่มพอ
โดยไมร สู ึกตวั ทัง้ เขาท้งั เรา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๖๓

๒๖๔

นก่ี ารมาบวช เราฉนั มอ้ื เดยี ว เคยฉันสองมื้อสามมื้อ จิบ๊ ๆ จั๊บๆ อาหารโวง
อาหารวา ง ไมม เี วลาวา งในปากเลย ปากตองทํางานไมไดหยุด หากเปนงานอื่นๆ ตอง
บน ใหญเ ชยี ว แตงานปากไมบ นแมเหน่ือยขากรรไกรก็ทนเอา ปากทองไมวาง ตอง
ทาํ งานเปน ประจาํ อยอู ยา งนน้ั เรอ่ื งของฆราวาสเรากเ็ คยเปน และเคยจบ๊ิ ๆ จบั๊ ๆ เสยี ยง่ิ
กวา เคย เวลาบวชแลว กง็ ดงานปากจบ๊ิ ๆ จ๊ับๆ นน้ั เสยี ฉันเพียงมื้อเดียว นี่ก็ยอมขัดของ
และฝน เปน ธรรมดา ฝนก็ฝนเพราะเราเคยทานเคยกินมากี่วันกี่มื้อกี่ปกี่เดือน กี่ครั้งกี่
คราวนบั ไมถ ว นมาแลว ผลประโยชนถ า จะไดเ พราะการกนิ เหลา นน้ั คนเรากค็ งวเิ ศษวิ
โสไปทว่ั หนา กนั ตลอดถงึ สัตวด ริ จั ฉานซ่ึงหาเวลา่ํ เวลาในการกนิ ไมได นก่ี เ็ ทา นน้ั เอง
กินเขาไปมากนอยก็ถายเทออกไปหมด ไมเ หน็ มอี ะไรเหลอื คา งวา เปน ความดอี ยเู ลย

แตการอดนี่คือความดี การอดใหก นิ เปน กฎเปน เกณฑเ ปน เวลาํ่ เวลานด้ี ี ไดทํา
มาแลว และไดท าํ เปน ประจาํ เพศอยแู ลว หวิ กท็ ราบวา หวิ ไมถึงกับจะทําใหลมใหตาย ถึง
เวลาก็ไดฉ นั แนะ เมอ่ื ฝน ไปนาน อดทนไปหลายวันกเ็ คยชนิ กันไป ความหวิ โหยเหลา น้ี
เมื่อไมไดตามความตองการมันก็คอยระงับดับตัวลงไป ความหวิ โหยก็ไมม ี ความอยาก
ความตองการภายในจิตใจก็ไมมีไมรบกวน พอฉนั เสรจ็ แลว กห็ ายหว งในทนั ทที นั ใด ไม
ไดคิดถึงเพลไมไดคิดถึงค่ํา อาหารคาํ่ อาหารเพลอาหารวา งทไ่ี หน หายเงียบไปเลยไมมี
กังวล นี่เพราะความฝกหัดดัดแปลงตนไดยอมหายกังวล เห็นไดอยางชัดๆ นกี่ ็เปน
กเิ ลสประเภทหนง่ึ เหมอื นกนั ที่รับประทานตามตองการ ตามความอยาก ความ
ทะเยอทะยาน แตมาฝกหัดดัดแปลงเสียใหม ใหรับประทานเทาที่จําเปนตอธาตุขันธ
และถูกตองเหมาะสมกบั หลกั ธรรมหลักวนิ ยั เทาน้นั กายก็เบา ใจก็ไมกังวล

หลกั วนิ ัยกต็ ง้ั แตเทีย่ งไปแลวหา มฉนั อามสิ อาหาร ถาหลักธรรมก็ มตฺตฺุตา
สทา สาธุ หรอื โภชเน มตฺตฺุตา รจู กั ประมาณในการฉนั แมแ ตฉ นั อยใู นกาลเวลา
ในกาลทค่ี วร กย็ งั ตอ งรจู กั เวลาํ่ เวลา รูจักความพอดีกับธาตุขันธ เหมาะสมกบั การ
ประกอบหรือประพฤติปฏิบัติธรรม ไมใ ชว า ตอนเชา เปน เวลาฉนั ไดแ ลว กจ็ ะฉนั ลงไป
จนกระทั่งพุงมันทะลุทะลักออกมาอยางนั้น เหลา นเ้ี ปน เรอ่ื งกงั วลวนุ วายผดิ ความพอดี
แตใ นขณะเดยี วกนั กท็ ราบแลว วา เราตัง้ ใจมาฝกฝนอบรมตน การทาํ อยา งนจ้ี งึ เรยี กวา
การฝกฝนการอบรม

คุณคาที่เกิดขึ้นจากการฝกฝนอบรมนี้ยอมเปนคนดี เปนพระดีไดไมสงสัย แม
จะสึกออกไปเปนฆราวาส เพราะทนกเิ ลสตณั หาฉดุ ลากไมไ หว สง่ิ ท่ีอยูในวิสัยของเรา
ควรจะทําตนใหเปน คนดเี หมอื นพลเมอื งดที ัง้ หลาย เรากท็ าํ ได ดว ยความเคยประพฤติ
ปฏิบัติ เคยฝกฝนอบรมมาแลว นชี่ ่อื วาเปนพุทธบรษิ ัทหรอื เปน ลกู ศิษยทม่ี ีครู ไมเตลิด
เปด เปง แหวกแนวไปเสยี เพราะอาํ นาจของกเิ ลสฉดุ ลากไป

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๖๔

๒๖๕

การอบรมพงึ ทราบวา ใจมีความคึกคะนองประจําตัวอยูตลอดเวลา ไมม อี ริ ยิ าบถ
ใดที่จิตจะพักสงบตัวได นอกจากเวลาหลบั สนทิ เทา นน้ั ธาตุขันธก็ระงับตัวลงไป จิตใจก็
ไดพักสงบตัว กเิ ลสกไ็ มอ อกเพน พา นในเวลานน้ั นน่ั ละเปน เวลาทม่ี นษุ ยเ รามคี วามสขุ
ไมว า จะเปน ชาตชิ น้ั วรรณะฐานะมจี น ความรคู วามฉลาดมากนอ ยเพยี งไร มคี วามสขุ
เสมอกันในขณะทีห่ ลบั สนิท เพราะสง่ิ รบกวนคอื กเิ ลสไมแ สดงตวั ความโลภกไ็ มแ สดง
เวลานน้ั เหมือนไมมีความโลภ ความโกรธก็ไมแสดงตัว ความหลงก็ไมแสดงตัว เหมอื น
ความโลภ โกรธ หลง ราคะตณั หาไมม เี มอ่ื หลบั สนทิ แลว นอกจากไมสนิทนั้นอาจ
ละเมอเพอฝนไปตามอุปาทาน สญั ญาความสาํ คญั มน่ั หมายในเรอ่ื งตา งๆ สว นมากใน
เรื่องช่วั ทเี่ คยฝง จมอยูภ ายในใจ หลับไปแลวก็ละเมอเพอฝนไปตามสัญญาอารมณอดีต
ของตน ถา หลบั สนทิ แลว เปน เหมอื นกบั ความโลภกไ็ มม ี เหมือนไมเคยโลภมาแตก ปั
ไหนกัลปใดเลย ความโกรธก็ไมมี ความหลงอะไรๆ ก็ไมมี ไมแสดงตัว เพราะขณะหลบั
กิเลสจิตพักตัว

เมอื่ กเิ ลสทั้งสามส่ีประเภทนพี้ กั ตวั เรากม็ ีความสขุ ในขณะท่ีหลบั จะหลับไปต้งั
กัปตั้งกัลปก็พอใจหลับทั้งนั้น ไมว า สตั วไ มว า บคุ คล เพราะเปน ความสงบสขุ ไมม ีอะไรๆ
กวนใจ กวนธาตกุ วนขนั ธใ นเวลาหลบั สนทิ จะเรียกวาพวกเราไดชมนิพพานทั้งเปนทั้งๆ
ที่มีกิเลสอยู ก็พอจะพูดได เทยี บได วาผูนี้ไดชมนิพพานทั้งๆ ที่มีกิเลสอยู ไดช มในขณะ
ทห่ี ลบั สนทิ เพราะเวลานน้ั ไมม สี ง่ิ ใดกวนใจเลย ความรักความชังก็ไมมี ความโกรธ
ความเกลียดก็ไมมี สมบตั บิ รวิ ารขา วของเงนิ ทองสมมตุ ติ า งๆ กวา งแคบ ลกึ ตน้ื หยาบ
ละเอียดไมมีรบกวน ใจสงบอยา งสนทิ นเ่ี ราจะเรยี กวา นิพพานของคนมีกิเลสและได
เสวยนพิ พานทงั้ ๆ ทม่ี กี ิเลส ก็พอจะพูดไดในขณะที่หลับสนิท

การหลบั สนทิ นเ้ี ปน เพยี งกเิ ลสสงบตวั เทา นน้ั แตจ ะพูดวาเปนนพิ พานจรงิ ๆ นน้ั
ไมได เพราะนพิ พานจรงิ ๆ นั้นไมมีกิเลส แมนิดหนึ่งก็ไมมี แมเปนตะกอนก็ไมมี แต
การหลบั สนทิ นย้ี งั มกี เิ ลสนอนเนอ่ื งอยภู ายใน เปน แตเ พยี งสงบตวั กิเลสสงบ ไมทํางาน
เรากม็ คี วามสขุ ขณะน้ี ลองพจิ ารณาซทิ า นผปู ฏบิ ตั เิ พอ่ื ความหลดุ พน จากกเิ ลส อนั เปน
สง่ิ กอ ทกุ ขท ง้ั หลายใหเ ราไดร บั ความทกุ ขท รมาน เพยี งกเิ ลสสงบลงไปในขณะทห่ี ลบั เทา
นน้ั เรากม็ คี วามสขุ จะหลับไปตั้งกัปตั้งกัลปก็พอใจหลับ ไมมีใครหวงใยถึงกาลสถานที่
สมบตั เิ งนิ ทอง ผวั เมยี ลกู เตา หลานเหลนอะไรๆ ไมม ใี นเวลานน้ั แมแตธาตุขันธของ
เจาของเอง รา งกายเจา ของเองกห็ มดความหวงความหว งความรบั ทราบทง้ั สน้ิ ไมมี
อะไรตดิ ใจเลยเวลาทห่ี ลบั สนทิ นน้ั เพยี งกเิ ลสสงบตวั ลงไปคนเรายงั มคี วามสขุ นต่ี า ง
คนตางเปนจึงไมมีใครสงสัยและถามกัน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๖๕

๒๖๖

ความสขุ ทง้ั โลกอนั นท้ี เ่ี ราเคยผา นมา ไมม คี วามสขุ ใดเสมอกบั เวลาหลบั สนทิ ถา
เทยี บแลว ไมม อี ะไรเสมอความสขุ ในการหลบั สนทิ แตล ะรายๆ ที่ผานมา ยิ่งฟาดฟน
กเิ ลสใหส น้ิ ซากไปจากใจเสยี เลยแลว จะเปน อยา งไร เราพอทราบไดอ ยา งชดั เจนวา
กเิ ลสเปน ตวั ภยั เชน พอตื่นขึ้นมากิเลสก็ออกทํางาน ทีนี้ยุงตลอด ไมว า ความโลภแสดง
ความโกรธแสดง ความเกลยี ดแสดง ความรกั ความชงั จะแสดงและกวนใจ มนั กวนทง้ั
นน้ั ไมว า เกลยี ดวา โกรธวา รกั วา ชงั เปนเรื่องทําจิตใจใหกระเพื่อมขุนมัวไปตามๆ กัน ใจ
หาความสงบเยน็ ไมไ ด เหมือนกับฟุตบอลที่ถูกเตะกลิ้งไปกลิ้งมาอยูนั้นแล

การทเ่ี รามาบวชเพอ่ื ฝก ฝนอบรมจติ ใจกห็ มายความวา จะชําระสะสางสิ่งที่กอ
กวนจิตใจนี้ใหคอยหมดไปทีละเล็กละนอย พอมคี วามสงบเยน็ ใจ อยางนอยใหมีสมาธิ
คอื ความสงบใจ จงบงั คบั จติ ใจของตนดว ยสติ ยากบา งลาํ บากบา งเปน ธรรมดาของการ
ประกอบการงาน คอื ความเพียรทางดานธรรมะเพือ่ ความสงบเย็นของใจ

ผกู าํ หนดอานาปานสติ ลมหายใจเขาออก ก็ใหพึงทําความรูไวกับลมของตน ลม
เขา กร็ อู ยูทล่ี มสมั ผสั มาก เชน ปลายจมกู ดั้งจมูก สมั ผสั เขา กร็ ู ออกก็รู รอู ยเู ทา นน้ั ไม
ตองคาดผลวาจะเกิดขึ้นมากนอย ความรคู วามฉลาดจะเกดิ ขน้ึ ในลกั ษณะใดแงใ ด จะ
พบจะเหน็ จะเจอสง่ิ ใดในขณะภาวนา ไมตองไปคิดไปคาดอันเปนการดนเดา เขยา ความ
เพยี รของเราซง่ึ มอี ยใู นปจ จบุ นั ใหล ม ละลายไป สตกิ ก็ ลายเปน ของเหลวไหลไปเสยี ใหร ู
อยูกับลมดวยสตินั้นเปนการถูกตอง

ผกู าํ หนดบรกิ รรมธรรมบทใด ก็ใหร ูอยกู บั ธรรมบทน้ัน สืบเน่อื งกันเปน ลําดับ
เมอ่ื ความรไู ดส บื เนอ่ื งกนั เปน ลาํ ดบั อยแู ลว จิตยอมไมมีโอกาสเล็ดลอดไปสูอารมณ
ตางๆ อนั เปน พษิ เปน ภยั ซง่ึ เคยเผาลนจติ ใจมานานใหเ ปน พษิ ภยั ขน้ึ ในขณะนน้ั จติ ยอ ม
สงบตัวได

ตองฝนบาง ไมฝนไมได กเิ ลสมนั สําคญั อยมู ากทีเดียว งานอะไรจะยากยิ่งกวา
งานแกกิเลส หนกั มากยงิ่ กวา งานแกก เิ ลสไมม ใี นโลกนี้ งานนเ้ี ปน งานทห่ี นกั มากทส่ี ดุ
เพราะกเิ ลสฉลาดมากทส่ี ดุ ทําทุกขใหสัตวโลกมากที่สุดไมมีอะไรเกินกิเลส เพราะฉะนน้ั
ผูตองการปราบสง่ิ ท่เี ปนขา ศึกภายในใจน้อี อก จําตองฝน จําตองทนทุกขหนักบางเบา
บา ง ใหถือเปนธรรมดา ไมถือมาเปนอุปสรรคเครื่องกีดขวางความพากเพียรไมให
ดาํ เนนิ เตม็ เมด็ เตม็ หนว ย เอาใหจริงใหจงั ตอหนา ที่ของตน ฝกฝนอบรมจิตใหไดรับ
ความสงบเยน็ ทาํ ไมศาสนธรรมซง่ึ เปน อบุ ายวธิ กี ารแกก ารปราบกเิ ลสทา นสอนไวแ ลว
เรากเ็ หน็ ในตํารบั ตาํ รา นอกจากน้นั ยังมคี รูมอี าจารยม าชแี้ จงแนะแนวทางใหโ ดยถูก
ตองแมนยําอีกดวย เราเพียงจะลางมือเปบเทานั้นทําไมจะเปนไปไมได จะประกอบ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๖๖

๒๖๗

ความพากเพยี รตามทท่ี า นแนะแนวใหไ มไ ด ก็จะตกหลุมพรางกิเลสลึกเขาไปอีกละซิ
เทาที่ตกอยูเวลานี้ก็ทุกขหนักพอแลวนี่

ทุกขยากลําบากอยาไปคํานึงคํานวณถึงมัน นั่นเปนอุบายของกิเลสกระซิบ
กระซาบใหท อ ถอยปลอ ยวางความเพียร อนั เปน การบงั คบั และปราบมนั เพราะความ
เพยี รเปน เครอ่ื งเผาผลาญกเิ ลสน่ี เมอ่ื ประกอบความพากเพยี รไดร ับความทกุ ขค วาม
ลาํ บากบา ง กเิ ลสกระซบิ แลว ทกุ ขย ากลาํ บากหนา ความเพยี รนะ แมแ ตย งั ไมประกอบ
มันก็ขี้เกียจไปกอนแลว ในขณะท่ปี ระกอบความพากเพียร มนั กค็ อยจะหาเหตหุ าเรอ่ื ง
ใหค วามเพยี รลม ละลาย หาวา มคี วามทกุ ขค วามลาํ บากบา ง ในการฝก ฝนทรมานใจ
การเจบ็ ปวดสกลกายเพราะการนง่ั นาน ยนื นาน เดนิ นานบา ง มนั หาเรอ่ื งหาราวอยู
ตลอดเวลาเพอ่ื ทาํ ลายความเพยี รของเรา จงพากนั ทาํ ความเขา ใจไว อยาใหมีชองโหว
กเิ ลสจะตอ ยเขา ชอ งนน้ั นะ จะวา ไมบ อก

เรื่องของกิเลสยอมเปนภัยตอธรรมเสมอ ในขณะเดยี วกนั ธรรมกเ็ ปน ภยั ตอ
กเิ ลส จึงตองตอสูกันในขันธในจติ เราน้ีแล เราจําตองยอมรับทุกขเพราะการประกอบ
ความเพยี ร แตเ รายอมรบั ความทกุ ขเ พราะอาํ นาจของกเิ ลสตณั หาประเภทตา งๆ สรา ง
ขึ้นมา เรายงั รบั มานมนาน ไมเ หน็ วา พอแลว ๆ กเิ ลสผลติ ไฟขน้ึ มาเผาเรานเ้ี ปน เวลา
นานแลว พอกนั เสียทีกบั กเิ ลสนี่ กับทุกขของกิเลสนี่ เราไมเ คยเหน็ ลงใจเพราะการ
พจิ ารณาแยบคายของเราเลย มีแตยอมรับๆ ไมค าํ นงึ ถงึ เวลาํ่ เวลาวา จะแบกหามกอง
ทกุ ขเพราะอํานาจของกเิ ลสเปน ผูสรา งขน้ึ นีไ้ ปอกี นานเทา ไร ทแ่ี บกมาแลว นานเทา ไร
ไมเ หน็ นาํ มาบวกลบคณู หารกนั บา งพอหาทางออกได

การมาประกอบความพากเพยี รเพอ่ื ความสงบเยน็ ใจ เวลากเิ ลสมนั กระซบิ
กระซาบขน้ึ มาวา ทกุ ขล าํ บากยากเยน็ เขญ็ ใจ อยใู นบา นในเรอื นเราสะดวกสบายดี อบุ าย
ฝา ยธรรมกส็ าํ ทบั เอาบา งวา แมอ ยใู นบา นในเรอื นมใี ครสะดวกสบายเพราะตา งกเ็ คยอยู
กนั มานานแลว มนั มแี ตไ ฟนรกเผากนั นน้ั แหละ แตล ะครอบครวั แตล ะบคุ คล นอกจาก
ไมพูดเฉยๆ สิ่งที่มันอัดอั้นตันใจอยูภายในใจนั้นเหมือนกับไฟไหมกองแกลบ มีอยู
แทบทกุ หวั ใจ เราจะนาํ มาระบายกนั ไดเ ฉพาะสง่ิ ทค่ี วรระบาย ที่มันไมอับอายขายหนา
ตวั เกนิ ไปเทา นน้ั แตส ่ิงทเี่ ปนความจรงิ มันฝงอยูภายในจิตใจ สุมอยูภายในจิตใจนั้นมี
มากดวยกันทุกคน หากพูดไมไดนี่ กเิ ลสจะไปควา ของเกา ทเ่ี ปน เดนเนา เฟะไปแลว มา
หลอกเราทาํ ไมวา สบายอยา งโนน อยา งน้ี อุบายหลอกใหมๆ เอี่ยมๆ กวา นไ้ี มม หี รอื พอ
เราจะไดถูกตมตุนจากกิเลสอีกตอไป เพราะอบุ ายใหมเ อย่ี มใหเ ราหลงเชอ่ื นอ่ี บุ าย
ปญญามีใหไดทาทายมันบางซินักธรรมะนะ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๖๗

๒๖๘

จงคิดใหถึงความจริงอยางนั้นซิผูปฏิบัติธรรมะ เพราะธรรมะเปน สง่ิ ทแ่ี หลมคม
มาก ความจริงมีอยูที่ไหนจะหยั่งเขาไปถึง อยา งทก่ี ลา วเหลา นเ้ี ปน ความจรงิ ของสตั ว
โลกที่เผชิญมาดวยกันทั้งนั้น มีอยูดวยกันไมวาคนมั่งคนมี ไมว า คนโงค นฉลาด ในฐานะ
ใดๆ ชาตชิ น้ั วรรณะใด มีดว ยกนั ทั้งนั้นสิ่งทกี่ ลา วนี้ สิ่งที่วาสุมๆ อยภู ายในจติ ใจ ถา เปน
ไฟก็มีแตถานแดงโรอยูภายใน จากน้นั กแ็ สดงเปลวออกมาเพ่ือการระบายทุกข ซง่ึ เปน
การเพิ่มทุกขเขาไปอีก มีอยูทุกหัวใจ นม่ี นั เคยเปน มานานเทา ไรเราไมไ ดค าํ นงึ คาํ นวณ
บวกลบคณู หารกนั บา งเหรอ พอจะมีทางดับไฟกองนี้ใหมีความสงบเย็นลงไปโดยลําดับ
ดว ยความพากเพยี รของเรา

เมอ่ื เกดิ ความทกุ ขค วามลาํ บาก ก็พึงระลึกถึงองคศาสดาผูเปนแบบฉบับทุกดาน
ทง้ั ปฏปิ ทาเครอ่ื งดาํ เนนิ กเ็ ปน แบบฉบบั ทง้ั ความรคู วามฉลาดสามารถปราบกเิ ลสทเ่ี ปน
ตวั ขาศกึ อนั ใหญห ลวง พระองคก็เปนครูมาหมดแลว เปน แบบเปน ฉบบั เตม็ ภมู ขิ อง
ศาสดาแลว เราผเู ปน ลกู ศษิ ยข องพระพทุ ธเจา มาบวชในศาสนา กค็ วรจะเอาเยย่ี งอยา ง
ของทานมาดําเนินมาประพฤติปฏิบัติ แมทุกขก็เดินตามรองรอยของพระพุทธเจาที่พา
ทุกขมาแลว สาวกทา นพาทุกขมาแลว เดินตามรองรอยของทานไปเพื่อเปนอรรถเปน
ธรรม เพื่อบุญเพื่อกุศลผลประโยชนอันดีงามแกตน ทําไมเราจะเดินไมได เราจะทนไม
ได ยอมรับความทกุ ขเพราะความเพยี รนีไ้ มได ถา เราเปน บรุ ษุ เปน พระองคห นง่ึ ๆ ตาม
ภูมิของพระที่เปนศากยบุตรของพระพุทธเจาแลว เราตองอดได ตองทนได ตองฝนได
พระพุทธเจาฝนได สาวกทง้ั หลายทา นฝน ได ทานมีธาตุขันธและจิตใจเหมือนกัน มีทุกข
เหมอื นกนั กบั พวกเรา ทา นทาํ ไมทา นฝนได พวกเราทําไมฝนไมได ไมต าํ่ ชา เลวทราม
มากไปแลว เหรอ พจิ ารณาซิ ธาตุขันธก็มีเหมือนกัน ทําไมใจออนเปยกเหมือนมะเขือ
เผา ไมเ ขา ขา ยธรรมเลย

ตองสู ตองอด ตองทน พยายามฝกหัด ฝก หดั จนมคี วามชาํ นชิ าํ นาญ ฝกหัดจน
เปน นสิ ยั ทางดา นธรรมะ อยา ใหเ ปน ดา นกเิ ลส เวลานเ้ี ปน นสิ ยั ของกเิ ลสเตม็ ตวั และนาํ
นิสัยของกิเลสออกแสดง ไมวาจะยืนจะเดินจะนั่งจะนอนจะพูดจะคิด กิริยาอาการทุก
อยาง มีแตกิเลสออกหนาออกตาทั้งนั้น เราเองไมร เู พราะกเิ ลสเหนอื เราจะรมู นั ไดอ ยา ง
ไร ตอ เมอ่ื ไดเ รยี นอรรถเรยี นธรรม ประพฤตปิ ฏบิ ตั อิ รรถธรรมขน้ึ ไปเรอ่ื ยๆ สติปญญา
มีภูมขิ นาดไหน ควรจะทราบควรจะละ ควรจะฟาดฟน กบั กเิ ลสประเภทใดได ตองรู
ตองทราบ ตองตอสูกัน ตองฟาดฟนกันไมถอย รูเรื่องของกันไปไดเปนลําดับ สติ
ปญญามีความสามารถมากนอย จะทราบเรอ่ื งของกเิ ลสตง้ั แตข น้ั หยาบๆ จนถึงขั้น
ละเอียดแหลมคมที่สุดของมัน และปราบใหเ รยี บราบไปจากจติ ใจไดโ ดยไมต อ งสงสยั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๖๘

๒๖๙

เพราะอาํ นาจแหง ความเพยี รเปน เครอ่ื งหนนุ สตปิ ญ ญา อนั เปน ผรู บผฟู าดฟน กเิ ลสทง้ั
หลาย

กริ ยิ าอาการใดทเ่ี ปน ฝา ยธรรม มักจะถูกคาน มักจะถูกขัดขวางจากกิเลสอยู
เสมอ ใหท ราบอยา งนน้ั ทกุ ระยะ ถาเปนฝายที่ชอบใจนั้นมักเปนเรื่องของกิเลส ถา เปน
ฝายที่ขัดใจไมอยากทํา นน่ั เปน เรอ่ื งของธรรม แตกเิ ลสขดั ขวางไมใหชอบฝา ยธรรม
เนอ่ื งจากเวลานก้ี เิ ลสมกี าํ ลงั มาก จึงขัดขวางธรรมไดอยางงายดาย สวนมากมักลม
ละลายไปตามมนั แทบทุกครัง้ แมแตนั่งสมาธิภาวนาก็ไมไดหนาไดหลังอะไร ถูกกิเลส
ทาํ ลายจนได ลม ทัง้ หงายไปเลย หาสติสตังไมได เหลอื แตล มหายใจ นไ่ี มเ รยี กวา กเิ ลส
มันเกงไดยังไง มันขัดมันขวางอยูตลอดเวลา เพราะมนั มกี าํ ลงั มากในขณะทเ่ี รายงั ไมม ี
กําลังของธรรมมากเทามัน จึงรูไมทันมัน และถูกมนั ทําลายทกุ ครัง้ ใหล มเหลวไปหมด
จึงตองพยายามฝกฝนอบรมตัว ใหห นกั แนน แมน ยาํ เขา ไปโดยลาํ ดบั วนั นเ้ี คลอ่ื นคลาด
ยังไง วนั นแ้ี พอ ะไรกบั กเิ ลสบา ง และวนั นจ้ี ะเอาชนะกบั กเิ ลสอยา งไรบา ง

เราตองมีกฎมีเกณฑมีความเขมแข็ง มคี วามหา วหาญ มคี วามพนิ จิ พจิ ารณา
ทดสอบระหวางกิเลสกบั ธรรมซงึ่ มอี ยูในใจวา วนั นเ้ี ปน อยา งไร วันที่ผานมาเปนอยางไร
ระหวา งธรรมกบั กเิ ลสซง่ึ อยใู นใจดวงเดยี วน้ี ใครไดเ ปรยี บใครเสยี เปรยี บ ถา หาก
พจิ ารณาทดสอบกนั อยูอยา งน้แี ลว อยางไรก็ตองทันกันดวยอุบายสติปญญาอยางใด
อยางหนึ่งแนนอน กเิ ลสกค็ อ ยหลดุ ลอยไปเปน ลาํ ดบั เพราะเราบกพรอ งตรงไหน เรา
ฟต เราซอ มขน้ึ เรอ่ื ยๆ ฝกซอมไปเรื่อยๆ จนมคี วามเกรยี งไกรชาํ นชิ าํ นาญแลว กต็ อ สกู นั
ได ผลสดุ ทา ยกเิ ลสตวั ไหนโผลห นา ออกมาไมไ ดเ ปน แหลกเชยี ว

นั่นถึงขั้นธรรมมีกําลัง กิเลสขัดขวางไมได ยิ่งอยากจะพบตัวกิเลสเมื่อถึงขั้น
ปญญาที่อยากพบแลว อยากพบกิเลสคือตัวขาศึก คนหาเพื่อจะพบ เพื่อจะฟาดฟนกัน
ใหแ หลกแตกกระจายในขณะนน้ั สติปญญาขั้นนี้กิเลสจะมาขัดมาขวางไมได มแี ตค วาม
ดูดดื่มในธรรมทั้งหลาย ความดูดดม่ื ในธรรมกับความเพยี รยอ มกลมกลืนเปนอนั หน่ึง
อันเดียวกัน อริ ยิ าบถทง้ั สเ่ี วน แตห ลบั เปน เรอ่ื งความดดู ดม่ื ในธรรม เปน เรอ่ื งการขดุ คน
หากเิ ลส เพอื่ จะทาํ ลายใหแหลกแตกกระจายจากใจไปโดยถายเดยี ว นี่ขณะที่ธรรมมี
กาํ ลงั มากยอ มเหน็ ไดช ดั ภายในใจเราเอง

ขณะทก่ี เิ ลสมกี าํ ลงั มาก โอย มันออนเปยกไปหมดนะ ขน้ึ ชอ่ื วา ดา นธรรมะมวี ริ ยิ
ธรรม สตธิ รรม เปนตน ออนเปยกไปหมด เผยอตัวไมขึ้น โงหัวไมขึ้น มแี ตก เิ ลสเหยยี บ
เอาๆ แตเราก็ฟตไมถอย พยายามอบรมและปลกุ ใจเราใหด ี ใหมีกําลังเขมแข็งขึ้นไมลด
ละ กิเลสก็คอยออนกําลังไปเอง จนกระทง่ั กเิ ลสไมก ลา โผลห นา ขน้ึ มาใหเ หน็ สุดทายก็
ไมพน ปญ ญาข้นั ฉลาดแหลมคมสงั หารจนไดไมม ีเหลอื เกล้ยี งไปภายในใจ เอาทนี ค้ี วาม

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๖๙

๒๗๐

สขุ เราจะหาทไ่ี หน ไมหาละที่นี่ อยูไหนก็ไมหา ความสุขพออยูกับใจดวงกิเลสหมดไป
แลว นน้ั

ความบกพรอ งหวิ โหยก็คือตัวกเิ ลสนัน่ เอง พอกเิ ลสหลุดลอยไปหมดเทานนั้
ความสมบรู ณข องจติ ความสมบูรณของธรรมไมตองไปหาที่ไหน ความสมบูรณของ
ความสุขก็มีขึ้นมาที่นั่นเอง เมอ่ื ธรรมเหลา นส้ี มบรู ณเ ตม็ ทภ่ี ายในใจแลว จะเสาะแสวง
หาอะไรอีก คาํ วา เรอ่ื งๆ ก็กิเลสเทานัน้ กอ ขนึ้ เมอ่ื กเิ ลสสน้ิ ซากไปแลว เรื่องก็หมดเทา
นน้ั เอง

นน่ั แหละทว่ี า ทา นไมห มายปา ชา ทา นไมห า หาอะไร พอแลวไมหา ไมมีอะไร
กวนใจอีก นน่ั แลทท่ี า นวา นพิ พฺ านํ ปรมํ สขุ ํ น่นั แลหลกั เกณฑของ ปรมํ สขุ ํ แท หลกั
ของนิพพานแท คอื วสิ ทุ ธจิ ติ นน่ั แล เอาอะไรมาเปนตัวตั้งตัวตี เอาอะไรมาเปน หลกั
เปน เกณฑถ า ไมเ อาใจดวงบรสิ ทุ ธน์ิ ้ี เอานาํ้ เปน นาํ้ เอาลมเปน ลม เอาไฟเปน ไฟ เอาดนิ
เปนดิน เอาอากาศธาตเุ ปน อากาศธาตุ ไมใชนิพพาน เอาจติ ดวงกเิ ลสเคยยาํ่ ยตี แี หลก
อยเู วลาน้ี ฟาดฟน กเิ ลสใหแ หลกแตกกระจายลงไปแลว นแ่ี ลเปน นพิ พาน ไมถามหา
นพิ พาน ถามหาทําไม ปรมํ สุขํ เยย่ี มหรอื ไมเ ยย่ี ม อยทู น่ี ั่นเอง สนทฺ ฏิ ฐ โิ ก รเู องเหน็
เอง

คําวา นพิ พานเทย่ี งนน้ั ก็จิตตายเมื่อไร แมแตก ิเลสครอบหัวอยูจติ ยงั ไมต าย
เทย่ี วกอ กาํ เนดิ เกดิ ทน่ี น่ั เขา รา งน่ี ออกรางนั่น สูงๆ ตาํ่ ๆ ลมุ ๆ ดอนๆ เพราะอาํ นาจ
ของวิบาก จิตยังไมยอมตายนี่ คําวา วบิ ากมาจาก อวิชฺชาปจฺจยา กเิ ลสเปน เหตใุ หท าํ
กรรม เมือ่ ทํากรรมแลวยอมเกิดผลของกรรม นท่ี า นเรยี กวา กเิ ลสวฏั ฏ สาม มันก็อยูที่
หวั ใจนแ่ี ล เมื่อกิเลสวัฏฏแตกกระจายไปหมดแลวก็ไมมีอะไรมากวน วัฏฏะ คือ หมุนก็
ไมมี

นผ่ี ลแหง การปฏบิ ตั ิ ตอ งผา นความยากความลาํ บาก ความบกึ บนึ ความอุตสาห
พยายามมาดวยกันทั้งนั้น ไมใชอยูๆ ก็จะไปควาเอานิพพานมาเต็มไมเต็มมือทีเดียว ถา
อยางนั้นธรรมของพระพุทธเจาก็ไมเปนของแปลกจากโลกเขา กิเลสก็ไมเปนของแกยาก
เพียงควา มอื เดยี วกพ็ งั เลย คาํ วา กเิ ลสแหลมคม กิเลสแกยากก็เปน โมฆะโกหกกนั เลน
เปลา ๆ ความจรงิ แลว เปน ยงั ไง กิเลสแกยากดังธรรมบอกไวไหม แกด ว ยหนงั สะตก๊ิ ยงิ
ปบ เดยี วรอ งเอง เหมอื นสนุ ขั แลว เผน แนบ เลยหรอื กเิ ลสนะ มรี ายใดปราบกเิ ลสดว ย
หนังสะติ๊กนะ ทพ่ี ระพทุ ธเจา สลบถงึ สามหนกเ็ พราะการตอ สกู บั กเิ ลสตวั เหนยี วแนน
แกน ฉลาดมใิ ชห รอื อะไรในโลกจะปราบกเิ ลสไดน อกจากธรรมอยางเดียว ทา นวา มรรค
ปฏิปทา เทา นน้ั ทก่ี เิ ลสยอมหมอบราบ ไมใชหนังสะติ๊ก ดงั นน้ั การประกอบความเพยี ร

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๗๐

๒๗๑

จงเอาจรงิ เอาจงั อยา ทาํ แบบหนงั สะตก๊ิ ยงิ สนุ ขั เดยี๋ วจะถกู กเิ ลสยงิ เอารองเอง จะวา ไม
บอกไมเตือน เหลา นค้ี อื คาํ บอกคาํ เตอื นทง้ั สน้ิ

อยาออนของอมืออยูเฉยๆ เราไมไดบวชเขามาออนของอมือหมอบราบตอกิเลส
เราเขา มาตอ สกู บั กเิ ลส ความโลภกเ็ ปน กเิ ลส ความโกรธเปน กิเลส ความหลงเปน กเิ ลส
ความขเ้ี กยี จขค้ี รา น ความออนแอเปน กิเลส ความไมเ อาไหนเปน กเิ ลส สง่ิ เหลา นเ้ี ปน
กิเลสทั้งมวลเต็มอยูที่หัวใจ เต็มอยูกับอาการที่แสดงออกทุกอาการ กเิ ลสเปน ผจู บั จอง
เปนเจาของของอาการนั้นๆ ทุกอาการ

เรยี นใหร อู าการของกเิ ลสทน่ี าํ กริ ยิ าของกายวาจาใจเราออกมาใช ออกมาแสดง
ไมว า จะแสดงภายในจติ ไมว าจะแสดงทางวาจา ไมว า จะแสดงทางกายทางความ
ประพฤติ มันมีแตเรื่องของกิเลสทั้งนั้น เมอ่ื เรียนรูกิเลสแลว มันตองรกู ลของกเิ ลส ถา
เรียนยังไมถึงก็ไมรูวาอะไรเปนอะไร เราเองกเ็ ขา กบั กเิ ลสไปหมด กเิ ลสกเ็ ปน เรา เปน
อันเดียวกันแยกกันไมออก เพราะถูกมันกลืน เมอ่ื แยกไดแ ลว กร็ วู า กเิ ลสกบั เรานน้ั ตา ง
กัน กิเลสกับธรรมจึงตางกัน เอาใหร ใู หเ หน็ ชดั เจนซิ สง่ิ เหลา นอ้ี ยกู บั ใจเราแทๆ บวชมา
ในศาสนาแลว ยงั แบกความแพถ อยหลงั กลบั ไปบา นใหเ ขาโหก นั ดไู ดเ หรอ

อะไรๆ กไ็ ดเ ทศนส อนมาเตม็ สตกิ าํ ลงั ความสามารถ ไมมีอะไรเหลือแลวในพุงนี่
เทศนส อนหมสู อนคณะก็สอนดว ยความเมตตาสงสาร ถึงจิตถึงใจทุกแงทุกมุม จนไมมี
อะไรเหลอื แลว ผูปฏิบัติตามถายังไมไดเรื่องไดราวอยูแลวก็หมดทาง จะทํายังไง เทศน
ดีก็เทศน เทศนดกุ ็เทศน ตามประเภทของกิเลสที่มีอยูภายในใจ และแสดงออกมาใหได
เทศนอ ยา งนน้ั ๆ

อยาคิดไปทางอื่น ความอยากใหตัวดีใหดูใจของตัว กริ ยิ ามารยาทอาการเคลอ่ื น
ไหวของตัว ฝกกันที่นี่ แกกันที่นี่ จะดีที่ตรงนี้ ไมไดดีอยูดินฟาอากาศ ตนไม ภเู ขาท่ี
ไหน จะดีอยูที่ตัวคน เพราะความชว่ั อยทู ใ่ี จ ชั่วอยูที่กายวาจาตน ชั่วอยูที่ความประพฤติ
ของตน แกต รงนใ้ี หเ หน็ ความดที น่ี ่ี พยายามแกทําไมจะไมดี ของดีมีอยูกับเรา

จิตฝกไมไดพระพุทธเจาไมสอน พระพุทธเจาไมฝกและไมสอนใหคนฝก และ
คนก็ไมดีดวย นี่พระพุทธเจาก็เอก สาวกทง้ั หลายกเ็ อก เอกจากการฝกฝนอบรมจิตใจ
เทา นน้ั กิเลสเปนของแกได ถาแกไมไดทานไมสอนใหแก ธรรมเปน ของเกดิ ไดม ไี ดภ าย
ในใจเรา ใจเทานนั้ เปน ภาชนะที่เหมาะสมอยา งยิง่ ตอ ธรรมทัง้ หลาย ไมมีสิ่งใดในโลกจะ
เหมาะสมในความเปน ภาชนะของธรรมได มใี จดวงเดยี วเปน ภาชนะอนั เหมาะสมอยา ง
ยง่ิ ในขณะเดยี วกนั ก็เปนภาชนะอันเหมาะสมของกเิ ลสมาแลว เพราะฉะนั้นกิเลสจึงอยู
ภายในใจได ธรรมเกิดข้ึนภายในใจไดเมื่อทําใหเกิด จะแกกิเลสใหหมดก็หมดไปได
เอาตรงน้ี อยา ไปคดิ นอกจากจดุ นใ้ี หเ สยี เวลาํ่ เวลา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๗๑

๒๗๒

การอยดู ว ยกนั หมมู ากกใ็ หพ งึ เลง็ ดใู จทา นใจเรา ใจมคี ณุ คา เทา กนั มคี วามรสู กึ
เหมือนกัน ใหร ะมดั ระวงั อยา ใหก ระทบกระเทอื นซงึ่ กนั และกัน ความกระทบกระเทอื น
น้ันเปนเรื่องของกเิ ลสไมใชเ ร่ืองของธรรม เรามาปฏบิ ตั ธิ รรมไมใ ชม าสง่ั สมสง เสรมิ
กเิ ลส อยา ใหม เี พราะอนั นเ้ี ปน ของหยาบโลนมากทเี ดยี ว ไมสมควรจะใหมีอยูในตัวของ
สมณะ ตวั ของพระของเณรในวดั เรา ใหเ หน็ วา เปน ของทห่ี ยาบโลนทส่ี ดุ ไมค วรเผลอตวั
ปลอยใหกิเลสตัวหยาบโลนออกแสดงในสังคมของพระธุดงคกรรมฐาน เปน เรอ่ื งขาย
หนา ทส่ี ดุ ไมม แี งท น่ี า เหน็ ใจและใหอ ภยั ไดเ ลย

มองกันใหมองในแงแหงความเมตตาและใหอภัยกันเสมอ อยาถือสีถือสาอยา
ถือทานถือเรา วา นน่ั สงู นต่ี าํ่ วา นน่ั โงน ฉ่ี ลาด นน่ั ฐานะสงู นี่ฐานะต่าํ จงถือโดยความเปน
ธรรม นั่นคือพระนี่คือพระดวยกัน ผไู ดร บั การตกั เตอื นสง่ั สอนจากหมเู พอ่ื นดว ยความ
เมตตาสงสาร ก็พึงรับดวยความเต็มอกเต็มใจ นําไปแกไขสิ่งที่ผิดของตน น่นั ชอ่ื วาถูก
ทั้งสองฝาย ผสู อนกส็ อนโดยธรรม ผรู บั กร็ บั โดยธรรม นําไปปฏิบัติก็เปนสิริมงคลแก
ตน การอยดู ว ยกนั เปน สาํ คญั มาก ใหระมดั ระวังเสมอ

ขอวัตรปฏิบัติอยาใหบกพรอง ใหถ อื วา เปน งานจาํ เปน ของเราแตล ะองคๆ
เพราะเหลา นเ้ี ปน กจิ วตั ร เพ่ือความสมบรู ณพนู ผลของเราดว ยกนั ไมใชทําเพื่อผูหนึ่งผู
ใด ผลประโยชนเ กิดข้นึ เพื่อผหู นึง่ ผใู ด ใหทําทุกคน ผลดเี กดิ ขน้ึ กบั ทกุ คนนน่ั แหละ
เปน สงฆฺ โสภณา รวมกลุมรวมคณะกันเปนพระเปนสงฆที่อยูดวยความสวยงามนาดู
นา เคารพเลอ่ื มใสภาคภมู ใิ จ มคี วามรม เยน็ ตอ กนั เหมอื นอวยั วะเดยี วกนั ไมมีคําวา
ทะเลาะเบาะแวง ระแคะระคายซง่ึ กนั และกนั เพราะสง่ิ เหลา นเ้ี ปน เรอ่ื งของกเิ ลสตวั
ทาํ ลาย อยา ใหเ ขา มาแทรกในวงของพระผูปฏบิ ัติ จงปราบทันที อยามองดูแตภายนอก
คอื มองดูคนอื่นมากกวามองดูตัว ในขณะเดียวกันเมื่อมองดูคนอื่นใหมองดูตัวดวย
ยอ นหนา ยอ นหลงั เทยี บใหไ ดส ดั ไดส ว นเพอ่ื อรรถเพอ่ื ธรรม แลว เฉลย่ี เผอ่ื แผค วาม
เหมาะสม คือความเปนธรรมใหแกกันและกัน เพือ่ ความผาสุกเยน็ ใจแกกนั หลักของ
การปฏบิ ตั ิทอ่ี ยูร ว มกันเปนอยา งนั้น

ผมู ธี รรมในใจยอ มไมมีการทะเลาะเบาะแวง ซ่ึงกันและกัน ไมม รี ะแคะระคายซง่ึ
กันและกัน นอกจากมีความจงรักภักดี มีความเมตตาสงสารใหอ ภยั ซึง่ กนั และกัน อนั
เปนเรื่องของธรรมโดยถายเดียว สมกบั ผมู าประพฤติปฏิบัตธิ รรม ความเยน็ อกเยน็ ใจ
จะมีไดทั้งผูใหญผูนอยในระหวางที่อยูรวมกัน จงพากนั นําไปปฏบิ ตั ิ ทานเรยี กวา สงฆฺ
โสภณา เปน พระสงฆท ง่ี ามเปน สงา ราศแี กว งคณะ เปนสงา ราศแี กป ระชาชนญาตโิ ยมท่ี
ไดเห็นไดฟง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๗๒

๒๗๓

พูดกันมีเหตุมีผล อยาพูดพลามๆ แบบหาเหตหุ าผลไมไ ด นน่ั เปน นสิ ยั สนั ดาน
จะพูดอะไรออกมาใหคิดเรียบรอย จะทําอะไรใหคิด ความคิดไดแกการใชปญญา
ไตรตรอง นสิ มมฺ กรณํ เสยฺโย ใครค รวญพนิ จิ พิจารณากอนจะทํากอ นจะพดู การแสดง
ออกจะไมคอยผิด ทั้งจะเปนนิสัยรอบคอบติดตัว

นักธรรมะตองดูตัวมากกวาดูคนอื่น ดูคนอน่ื ก็ดูโดยเหตผุ ลเพอื่ เปน อรรถเปน
ธรรม ดูตัวเองเพื่อแกเพื่อไขเพื่อถอดเพื่อถอนสิ่งไมดี เพอ่ื สง เสรมิ ในสง่ิ ทเ่ี หน็ วา ถกู
ตองแลว ปราบปรามแกไขในสิ่งที่ไมดีใหดีขึ้น นักธรรมะตองยอนความคิดอานเสมอ
โอปนยิโก นอมเขามา ไดเห็นไดยินไดฟงขางนอก กเ็ ทยี บเขา มาภายในเพอ่ื ใหเ ปน เหตุ
เปนผล เปน อรรถเปน ธรรมเปน ประโยชนแ กต น ไมใหขาดทุนสูญดอก

ใหตั้งใจปฏิบัติ อยางไรก็อยาขี้เกียจ เรอ่ื งภาวนา ผูยังไมสงบก็เอาใหสงบใหได
นน่ั แลสมบตั ขิ องพระเราตอ งภาวนา ผลคอื ความสงบเยน็ ใจ อยา งนอ ยใหใ จสงบเยน็
มากกวา นน้ั มคี วามเฉลยี วฉลาด ฉลาดทางดา นธรรมะ ปญญาทางดานธรรมะกับปญญา
ทางโลกนั้นตางกัน จติ สงบ ผลิตปญญาขึ้นมา เกดิ ความเฉลยี วฉลาดภายในใจ จติ สงบ
ยอ มทาํ ใจใหโ ลง ในการพจิ ารณา ถาไมสงบหาความโลงไมได เพราะฉะนน้ั ทา นจงึ วา
สมาธปิ รภิ าวติ า ปฺญา มหปผฺ ลา โหติ มหานสิ สํ า ปญ ญาทส่ี มาธหิ นนุ แลว ยอมได
ผลเปนที่พอใจ นี่แปลตามความจรงิ ไปเลย เพราะฉะนน้ั ทา นจงึ สอนใหท าํ จติ ใหส งบ
เพื่อเปนที่พักพิงของใจและเจริญปญญาไดสะดวกคลองตัว

เมื่อจิตสงบ จิตก็ไมหิวโหย พิจารณาอะไรก็คลองตัว ผดิ กบั จติ ทฟ่ี งุ ซา นราํ คาญ
เปนไหนๆ ปญญาทางดานธรรมะจึงมีความฉลาดแหลมคมมากกวาทางโลกเปนไหนๆ
เปน ปญญาท่สี ขุ มุ ลุม ลกึ ไปตามเหตผุ ลอรรถธรรม เพื่อถอดถอนสิ่งรกรุงรังภายในใจ
ตามกําลังปญญา นอกนั้นยังพิจารณาเหตุการณรอบตัวไดอยางถูกตอง ผิดกับปญญา
ธรรมดาอยมู าก ตามหลกั ธรรมทา นกลา วไว ปญญาเกิดไดสามทาง คอื สุตมยปญญา
ปญญาเกิดดวยการไดยินไดฟง จินตามยปญญา ปญญาเกิดจากการคิดอานธรรมดา
ทว่ั ๆ ไป ภาวนามยปญ ญา ปญ ญาเกดิ จากสมาธภิ าวนาลว นๆ

ภาวนามยปญ ญา คอื การพจิ ารณาอะไรเปน ปญ ญาความแยบคายขน้ึ มา ทาน
เรยี กวา ภาวนามยปญ ญา เกดิ ปญ ญาดว ยการภาวนา จินตามยปญญา พจิ ารณาคดิ อา น
ตามเรอ่ื งคนนน้ั คนนห้ี รอื ครอู าจารยน น่ั เปน ปญ ญาประเภทหนง่ึ ปญ ญาทางดา นภาวนา
นเ้ี ปนสําคัญมากกวา สุตมยปญญาและจินตามยปญ ญา ภาวนามยปญ ญานส้ี ามารถ
พิจารณาละเอียดไดถึงขั้นปญญาอัตโนมัติซึ่งเปนปญญาลวนๆ เห็นไดอยางประจักษชัด
เจนภายในจติ ใจ ไหลรนิ เหมอื นนาํ้ ซบั นาํ้ ซมึ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๗๓

๒๗๔

ปฺญาปริภาวิตํ จติ ตฺ ํ สมมฺ เทว อาสเวหิ วมิ จุ จฺ ติ จิตที่ปญญาเปนเครื่องซัก

ฟอกแกไขถอดถอนแลว ยอมหลุดพนจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบ คําวาโดยชอบก็คือไม

ผดิ ปญ ญาทางดา นธรรมะเปน เครอ่ื งปราบกเิ ลสทง้ั นน้ั ตรงกันขามกับปญญาทางโลกซึ่ง

มักสั่งสมกิเลส ปญ ญาทางดา นธรรมะจากผปู ฏบิ ตั ภิ าวนาลว นๆ เปนเคร่อื งฆากิเลส

ทาํ ลายกเิ ลสโดยถา ยเดยี ว ไมม คี ําวาสัง่ สมกิเลส ทา นจงึ เรยี กวา โลกยิ ปญ ญา โลกตุ ร

ปญญา ตางกัน

เอาละเทา นีพ้ อ

<<สารบญั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๗๔

๒๗๕

เทศนอ บรมพระ ณ วดั ปา บา นตาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔

ภมู ใิ จทกุ ขเ พราะความเพยี ร

การเรม่ิ ปฏบิ ตั ฝิ ก หดั ภาวนาเบอ้ื งตน ยอ มเตม็ ไปดว ยความลาํ บากลม ลกุ
คลกุ คลาน จะเรียกวามันมืดมิดปดตาจนหาทางออกทางเขาหาทางเดินไมไดก็ถูก
เพราะเปน งานทเ่ี ราไมเ คยทาํ ไมว า ซอกใดมมุ ใดรอบกายรอบใจของเรา มีแตสิ่งเปน
พษิ เปนภยั ซ่ึงคอยทําลายใจและธรรมของเราทัง้ สิน้ และมอี าํ นาจมากดว ย ถาเปนวัวก็
วัวที่อยูปากคอกตลอดเวลา พอแยมประตูออกนิดมันก็ออกกอนเพื่อนๆ เลย หลวม
ตัวมันก็ออกทันทีไมรีรอชักชา พอแยมปบมันก็ออกไดปุบเพราะมันคลองตัว นเ่ี ปน
หลักธรรมชาติของสิ่งที่เปนขาศึกตอใจตอธรรมที่ฝงอยูภายในใจ ทา นเรยี กวา กเิ ลส
มาร คอื สง่ิ ทร่ี งั ควานอรรถธรรมทาํ ลายอรรถธรรม มันมีอยูภายในจิตใจของสัตวของ
เราดว ยกนั

เพราะฉะนน้ั เราจงึ ไมเ คยคดิ เคยคาดฝน กนั วา ธรรมจะมอี ยภู ายในใจ เพราะ
ใจทั้งดวงในขณะที่ยังไมไดเรื่องไดราวเกี่ยวกับธรรมมันเปนกิเลสเสียทั้งสิ้น จงึ ลาํ บาก
ในการประพฤติปฏิบัติในเบื้องตน เชน จะทาํ ใหจ ติ สงบรม เยน็ บา ง โดยปราศจาก
ความคิดความยุงเหยิงอันเกิดจากความคิดของตนเกี่ยวกับเรื่องตางๆ ซง่ึ กเ็ ปน เรอ่ื ง
ของใจเปนผูปรุงขึ้นมาแตงขึ้นมา ก็ทง้ั ยากลําบากทรมาน เพราะมสี ง่ิ บงั คบั ใหป รงุ ให
คิดเรื่องนั้นๆ ไมใชเปนขันธลวนๆ ดังขันธของพระอรหันตผูมีใจบริสุทธิ์ลวนๆ แลว ท่ี
คดิ ปรงุ เปน ธรรมดาของตน ไมเ กิดเรอ่ื งเกิดราวอะไรกบั เจา ของ แตจ ติ สามญั ชนเรา
มันเต็มไปดวยพิษดวยภัยในขณะที่คิดออกแตละเรื่องละราว เพราะตวั พษิ บงั คบั ให
คิดใหปรุง มันจึงลําบากแกการดัดแปลงแกไขและถอดถอน

การปฏิบัติเบื้องตนจึงตองถอยหนาถอยหลังตั้งตัวไมติด เพราะยังไมมีหลักยึด
ทางใจ การถอยหนาถอยหลังก็คืออํานาจของส่ิงเหลานแ้ี ลพาใหเปนไป คาํ วา ถอยนน้ั
คือดอยทางความพากเพียรลงไป มคี วามสงสยั เปน กาํ ลงั ความดอยกําลังทางความ
เพียรลงก็ดี ความสงสัยทําใหเกิดความดอยกําลังลงไปก็ดี มันเปนเรื่องของกิเลสมาร
รงั ควานอยภู ายในใจทง้ั นน้ั จะคิดแยกออกตรงไหนที่สิ่งนี้ไมแทรกไมแซงไมเจอสิ่งนี้
อยากจะพดู วารอยทัง้ รอยเปอรเซ็นตเจอแตสง่ิ เหลา นี้ มันปดมันลอมมันอุดมันตันอยู
ทุกแงทุกมุม ไมวาจะเปนความคิดปรุงในแงใดมุมใด ในเบ้ืองตน เปน อยางนี้ดวยกัน
เพราะเรายงั หาทางออกไมได หาทางสูมันไมได เนอ่ื งจากสตปิ ญ ญาอนั เปน ฝา ยธรรม

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๗๕

๒๗๖

เพื่อตอสูยังไมมีหรือมีไมพอ ความเพยี รกไ็ มท ราบวา จะเพยี รอยา งไรถงึ จะถกู จิตซึ่ง
เปน เหมอื นกงั หันก็หมนุ ไมห ยุดเพราะผูบงั คบั ใหหมนุ มีอยู มนั ยากทต่ี รงนใ้ี นขน้ั เรม่ิ
แรกฝก อบรม

แตอยางไรก็ตามการกลาวทั้งนี้ ไมไดกลาวใหผูฟงและผปู ฏบิ ตั ิธรรมทัง้ หลาย
เกิดความทอถอยนอยเนื้อต่ําใจ เราพูดถึงเรื่องกลอุบายของสิ่งเปนมารที่เกิดหรือ
ปรากฏอยภู ายในใจ มันปดมันกั้นมันอุดมันตันไวหมด ทานจงึ เรยี กวา กเิ ลสมาร เพอ่ื
ทา นผฟู ง ทง้ั หลายไดท ราบไว พรอมทั้งอุบายตางๆ ในการตอ สปู ราบปราม ซึ่งได
อธิบายไปพรอมๆ กนั น้ี เพอ่ื รวู ธิ รี บั วธิ รี บวธิ ลี กุ วธิ หี ลบวธิ ปี ราบปรามมนั อยา งคลอ ง
แคลว แกลว กลา หนา นกั รบแบบมลี วดลาย

ความเพยี รพยายามนน่ั แลเปนทางทีจ่ ะบุกเบิกสงิ่ ท่ีเปน ขา ศึกทัง้ หลายออกไดท ี
ละเลก็ ละนอ ย เชน ใจไมเคยสงบ เมื่อพยายามหลายครั้งหลายหนตอสูกันไมหยุดไม
ถอยดวยจิตตภาวนา กต็ องปรากฏเปนความสงบข้นึ มาในขณะหรอื เวลาหนึ่งจนไดพอ
ใหเหน็ ชองทาง หรอื พอเปน เครอ่ื งสง เสรมิ ใจใหม กี าํ ลงั ขน้ึ เรอ่ื ยๆ

ในเบอ้ื งตน เราไมท ราบจรงิ ๆ วาอาการของจิตแตละอาการที่แสดงออกนั้น มี
อะไรเปนฉากหลังบังคับอยู ไมมีทางทราบได จงึ ถอื เอาความคดิ ความปรงุ ทง้ั หลาย
เหลา นน้ั วา เปน ของจรงิ เปนความเชื่อความดูดดื่มไปเสียทั้งมวล โดยไมไดคํานึงวา
เปน สิง่ ท่ีผดิ หรือถกู ประการใดบา ง เพราะใจกลมกลนื กนั ไปดว ยธรรมชาตนิ น้ั จนมอง
หาสง่ิ ทจ่ี ะแทรก สิ่งที่จะแขง สิ่งที่จะวัดตวงสิ่งที่จะตานทานกันไมเจอ ตอเมื่อไดฝกฝน
อบรมอยูไมหยุดไมถอย จติ ใจทไ่ี ดร บั การบาํ รงุ รกั ษากค็ อ ยเปด เผยตวั ออกใหเ หน็ เปน
ความสงบบา งเลก็ นอ ย และความสงบละเอยี ดเขา ไป เพราะเวลาจติ สงบนน้ั สง่ิ กวนใจ
ทั้งหลายไดแกความคิดปรุงตางๆ มนั สงบตวั ลง จติ กส็ งบเยน็ สบาย ยิ่งผูไมเคยพบ
เคยเหน็ ไมเ คยปรากฏมาเลยดว ยแลว กย็ ง่ิ เหน็ เปน ความอศั จรรยภ ายในใจอยา งยง่ิ ใน
ขณะที่จิตสงบนั้น ราวกบั จะเหาะจะบนิ เพราะความตน่ื เตน เพราะความปต มิ กี าํ ลงั มาก

ฉะนั้น การภาวนาขน้ั เรม่ิ แรก ทานจงึ สอนใหมธี รรมเปน เครือ่ งยึด เชน คาํ
บรกิ รรม พุทโธเปนตน บทใดก็ไดตามแตจริตชอบ ถาไมมีธรรมเปนเครื่องยึดจิตก็
ควาอะไรไมติด เพราะมีแตเรื่องของกิเลสทั้งมวลอยูภายในใจ จงึ ตองอาศัยธรรมบท
ใดก็ตามเปนที่ยึดของจิตในขั้นเริ่มตน เชน ทา นสอนใหบ รกิ รรมภาวนาธรรมทต่ี น
ชอบกบั จรติ นสิ ยั เปน เครอ่ื งกาํ กบั ใจ มสี ติคอยกาํ กบั อยูกับคําบริกรรมนน้ั ๆ ใหสบื ตอ
เนอ่ื งกนั เปน ลาํ ดบั ๆ ไมใ หเ ผลอ แตไมถึงกับตองเกร็งเนื้อเกร็งตัวจนเกินไปซึ่งเลย
ความปกติ ใหม คี วามรสู กึ อยกู บั คาํ บรกิ รรมภาวนาเทา นน้ั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๗๖

๒๗๗

ในขณะทท่ี าํ บรกิ รรมภาวนา ภาระทั้งหลายที่จิตมันคิดมันซานแผรัศมีออกไป
กวา งแคบดว ยความหลอกลวงตา งๆ นั้นใหปลดเปลื้องทั้งมวลอยายุงเกี่ยว ประหนง่ึ
วาโลกธาตุนี้ไมมีอะไรเลย ในจิตใหมเี ฉพาะคาํ บรกิ รรมกับความรูทีก่ ลมกลนื กันอยู
เทา นน้ั ไมตองคาดตองหมายถึงมรรคถึงผล จะเปน ผลของสมาธิข้ันใดภมู ิใด จะเปน
ความรแู ปลกประหลาดเหน็ เปรตเหน็ ผเี หน็ นรกอเวจี เหน็ เทวบตุ รเทวธดิ าใดๆ กต็ าม
ไมส นใจ คิดคาดทั้งมวล นอกจากคาํ บรกิ รรมทก่ี าํ ลงั ทาํ อยใู นเวลานน้ั เทา นน้ั น่วี ธิ ี
ภาวนาท่ีจะใหจติ สงบ ตองปลอยอารมณภายนอกใหหมด โลกธาตเุ หมอื นไมม ใี น
เวลานน้ั ไมเอนความรูสึกนี้ไปเกี่ยวของกับสิ่งใด นอกจากคําบริกรรมที่กําลังทําอยูเทา
นน้ั ใหร กู นั อยา งเตม็ เมด็ เตม็ หนว ยดว ยเจตนา นีแ่ หละอุบายทจี่ ะทําจติ ใหส งบตอ ง
สงบไดไมสงสัย

ผูกําหนดลมก็ตาม สตเิ ปน ของสาํ คญั มาก ใครจะภาวนาธรรมบทใดหรอื วธิ ี
การใดก็ตาม สตนิ เ้ี ปน พน้ื ฐานทจ่ี ะยดึ เหนย่ี วจติ ใจใหต ดิ แนบสนทิ กบั ธรรมทต่ี น
พจิ ารณานน้ั ไดเ ปน อยา งดี ถา ปราศจากสตเิ สยี เม่อื ไรงานกข็ าดวรรคขาดตอน ผลก็
ยอมเปนไปตามนั้น แลว ไมคอ ยไดผ ลเทาท่ีควรหรือไมไ ดผล เพราะความพลง้ั เผลอ
เขา ทาํ ลาย เราจะเอาแตผ ลอยา งเดยี วโดยไมค าํ นงึ ถงึ เหตุ คือการกระทําวา สบื ตอกนั
มากนอยเพียงไรหรือไมยอมไมถูก เพราะฉะนน้ั นักภาวนาที่ไมคอยไดผลหรือไมได
ผลในการภาวนานน้ั สวนมากมุงแตผลที่ตองการอยางเดียว ไมคาํ นงึ เหตุอนั เปน แดน
เกิดแหงผลทุกขั้นทุกภูมิ จงึ ไมส มหวงั

เรอ่ื งจะรจู ะเหน็ สง่ิ ใดนน้ั ไมต อ งไปคาด นั่นเปนเรื่องกอกวนจิตใจใหทํางานไม
สะดวกและไมเห็นผลเทาท่ตี นตองการ ใหม คี วามรอู ยกู บั งานทท่ี าํ เทา นน้ั ไมมีสิ่งใด
เขา มาเกย่ี วขอ งในเวลานน้ั เรอ่ื งความอยากรอู ยากเหน็ ไมม ปี ระมาณนน้ั มนั ผลกั ดนั ขน้ึ
มาตลอด ตองระวังดวยสติอยูเสมอ และจงทราบวา ความอยากนน้ั คอื ตวั กเิ ลส ตัวฉุด
ลากจิตออกนอกลูนอกทางโดยแท อยากคิดอยากปรุงเรื่องนั้นเรื่องนี้เกี่ยวโยงไป
ครอบโลกธาตุ ลว นแลวแตเ ร่ืองของกิเลสมันผลกั ดนั ความคดิ ออกมาวาดภาพหลอก
ตวั เราเองใหต น่ื เงา ตื่นมโนภาพที่มันหลอกออกมาไมมีวันจืดจางอิ่มพอเลย นเ่ี ปน
นสิ ัยหรอื งานของกิเลสท่ีหลอกลวงสตั วโลกเฉพาะอยา งย่งิ ผูภาวนา มนั เอาใหเ ขวจาก
หลกั ของภาวนาจนได จึงไมเกิดผลอะไรขึ้นมาดังที่หวัง

เพราะฉะนน้ั เราจงึ ควรทราบเลห เ หลย่ี มแงง อนของมนั ดังทก่ี ลา วมาโดยยน
ยอนี้ไวตั้งแตบัดนี้เปนตนไป การภาวนาจะเปน ไปเพอ่ื ความสงบรม เยน็ วธิ กี ารทก่ี ลา ว
มานท้ี า นเรยี กวา สมถะ เพื่อความสงบ สมถภาวนาตองเปนไปตามนี้ไมสงสัย ถา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๗๗

๒๗๘

ดาํ เนนิ ดังทไี่ ดอธิบายมานจ้ี ะเขา สคู วามสงบได จิตจะไมเหนือกําลังความพากเพียร
ของเราไปไดเ ลย จงเอาใหจ ติ ไดร บั ความสงบเยน็ ดว ยอบุ ายดงั กลา วมาจนได

อริ ยิ าบถตา งๆ ซง่ึ เหมาะสมกบั ตนในกาลใดเวลาใดกใ็ หท ราบภายในตวั เอง
และปฏิบัติตอตัวเองใหเหมาะ เชน นั่งภาวนาสัปหงกงกงนั กล็ งเดินจงกรมเปล่ียนทา
ทีเสียใหม อุบายท่จี ะแกสง่ิ ขัดของตอธรรมนน้ั แลเรียกวา ธรรม หรอื เรยี กวา มรรค
กเิ ลสเกิดข้ึนจากใจ มรรคคือธรรมที่เกิดขึ้นจากใจ ผลิตขึ้นมาได สงั ขารประเภทหนง่ึ
เปน สมุทัยคอื เครื่องผกู มัดจิตใจ สงั ขารประเภทหนง่ึ เปน มรรคเปน ฝา ยแกส มทุ ยั เปน
สังขารเหมือนกันแตแยกความหมายตางกัน ความรูสึกตางกันไป ความรสู ึกของความ
คดิ ปรงุ อันหน่ึงเปน กิเลส ความรูสึกอนั หน่ึงท่ีคดิ ปรุงขน้ึ มาเปนฝายแกกเิ ลส เกดิ ข้ึน
มาจากใจอันเดียวกันตามแตจะคิดจะปรุงฝายใดขึ้นมา

เบอ้ื งตน การจะตง้ั หลกั จติ ใจใหม คี วามสงบแนว แน ใหเ ปน พน้ื เปน ฐานหรอื
เปน ตนทุน เปน สง่ิ ทล่ี าํ บากอยเู ปน ธรรมดา แตอ ยา เอาความลาํ บากเขา มาเปน
อุปสรรคกีดขวางทางดําเนินของตน นน่ั ไมใ ชท าง น่ันเปน เร่ืองของกิเลสสมุทยั ฝายผกู
มัด ความอุตสาหพยายามจะเอาใหไดใหถึงตามที่ตนตองการ นั่นเปนความตองการ
หรอื เปน ความอยากทเ่ี ปน ฝา ยมรรคซง่ึ เปน ฝา ยแก ที่จะใหถึงจุดหมายปลายทางได
เพราะฉะนน้ั ความอยากจึงมีทั้งเปนฝายกิเลส มีทั้งเปนฝายมรรค ถาเปน ความอยาก
ที่จะสั่งสมกองทุกขขึ้นมาดวยอํานาจของกิเลส ความอยากประเภทนน้ั เปน กเิ ลสเปน
สมุทัย เชน อยากไดเห็น ไดฟง ดมกลิ่น ลม้ิ รส แบบโลกทว่ั ๆ ไป เปนเรื่องของกิเลส
สมุทัยฝายผูกมัด แตความอยากรูเทาทันอยากถอดอยากถอนสิ่งเหลานี้ออกจากใจ
ความอยากนี้เปนมรรคเปนฝายแกฝายปราบปรามถอดถอนกิเลสสมุทยั

การพจิ ารณาคลค่ี ลายใหเ หน็ เหตเุ หน็ ผลดว ยสตปิ ญ ญา เพื่อจิตจะถอดถอน
ตนออกมาจากความยดึ มน่ั ถอื มน่ั สง่ิ ทก่ี เิ ลสเสกสรรปน ยอนน้ั เรยี กวา มรรค ผลิตขึ้นได
ภายในใจของเรา เพราะธรรมมีอยูที่ใจเกิดขึ้นไดที่ใจสถิตอยูที่ใจ ไมมีที่อื่นใดเปนที่
เกิดขึ้นของธรรม เปนที่สถิตอยูของธรรม นบั แตธ รรมขน้ั หยาบจนถงึ ขน้ั สงู สดุ คอื
วิมุตติพระนิพพาน ไมนอกเหนือไปจากใจดวงที่รับสัมผัสสัมพันธ และเปน ภาชนะอนั
เหมาะสมแหง ธรรมขน้ั นน้ั ๆ ไดเลย มจี ติ ดวงเดยี วเทา นน้ั เปน ธรรมชาตทิ เ่ี หมาะ
สมอยา งยิ่งกบั ธรรมท้งั หลาย

ธรรมจงึ เกดิ ไดท ง้ั ฝา ยมรรคทง้ั ฝา ยผลถา เราทาํ ใหเ กดิ ถาไมทําใหเกิดจิตดวงนี้
ก็เปนภาชนะใสมูตรใสคูถไปดังที่เคยเปนมา คําวามูตรคูถไดแกอะไร ก็ไดแกขี้โลภ ขี้
โกรธ ขี้หลง ของต่ําชาเลวทรามอะไรจะไปเกินกิเลสไมมี สิ่งที่สะอาดหมดจดอัศจรรย
อยางยิ่งเกินโลกเกินสงสารก็ไมมีอะไรยิ่งกวาธรรม เพราะฉะนน้ั ทั้งสองประเภทนี้จึง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๗๘

๒๗๙

เปนขาศึกขัดแยงกันอยูเสมอ ไมเ คยลงรอยกนั เลยแตกาลไหนมาจะตลอดไปดวย
และสิง่ ทั้งสองน้มี ีอะไรเปน สถานทอ่ี ยเู ปนสนามรบกัน ก็คือใจ ถาไมมีธรรมมาขัดมา
แยง มาตา นทาน กเิ ลสซง่ึ กาํ อาํ นาจภายในใจมานาน ก็อยูอยางเรืองอํานาจสนุก
เพลดิ เพลนิ ดงั คนทไ่ี มเ คยสนใจอรรถธรรมเลยนน้ั จิตดวงนั้นก็คือคลังของกิเลสเต็ม
ดวงนน่ั แล

ผมู คี วามสนใจในอรรถในธรรม หวังบุญหวังกุศล มคี วามรกั ใครใฝอรรถใฝ
ธรรมใฝบุญใฝกุศลอยู ก็ยังพอมีการขัดการแยงกัน ยังมีการตอสูกันระหวางกิเลสกับ
ธรรม กิเลสก็ไมไดอยูอยางสะดวกสบายเต็มรอยเปอรเซ็นตเพราะถูกขัดถูกแยง ถูก
ทาํ ลายจากธรรมอยเู สมอ ดงั ทเ่ี ราเปน นกั ปฏบิ ตั นิ เ้ี รยี กวา ขน้ึ เวทแี ลว เพื่อตอกรกับ
กเิ ลส ไมวากิเลสประเภทใดจะตองแสดงออกเต็มลวดลายของมัน เรามีเครื่องตอสู
มากนอยเพียงไรก็จะตองแสดงออกอยางเต็มลวดลายของตน ไมเ ชน นน้ั กแ็ พม ันจน
ได แลวจะมใี ครประสงคอยากแพกเิ ลสเพราะการตอ สกู นั นอกจากหวงั เอาชนะ
ถา ยเดยี ว ฉะนน้ั จาํ ตอ งฝก เชงิ รบใหเ กรยี งไกรเพอ่ื หวงั ตายเอาดาบหนา

ในเบื้องตนยอมแพไปกอน แตไมใชยอมแพแบบถอยหลังกรูดๆ ไปอยางนั้น
แตยอมแพเพราะยังสูมันไมได ยอมตามเหตุการณที่กําลังยังไมพอกับมัน ดว ยความ
เคยี ดแคน แสนอาฆาตแบบนกั ธรรมะ (อาฆาตชนดิ นจ้ี ดั เปน มรรค) สวนกาํ ลังทกุ ดา น
จะตองผลิตขึ้นมาเรื่อยๆ ไมมีถอย ใหพอกบั กิเลสประเภทน้นั ๆ ไปโดยลําดับ จนถงึ
กิเลสประเภทละเอียดสุดยอด ธรรมเครอ่ื งลบลา งถากถางกเิ ลสกผ็ ลติ ขน้ึ มาเปน ธรรม
สุดยอดเหมือนกัน ดังที่กลาวไววา มหาสต-ิ มหาปญ ญา นน่ั แหละยอดเครอ่ื งมอื ธรรม
ฝายเหตุก็คือยอดธรรม ผา นจากนน้ั ไปแลว กเ็ ปน ผลเตม็ ตวั

ทีก่ ลา วมาทัง้ มวลนอี้ ยทู ่ใี จดวงเดยี วน้ี อยา เขา ใจวา ธรรมกด็ ี กิเลสก็ดี อยใู น
สถานที่อื่นใดนอกจากใจดวงนี้ นาํ้ เปน นาํ้ ลมเปน ลม ไฟเปนไฟ ดินเปนดิน อากาศ
ธาตุเปนอากาศธาตุ ทุกสิ่งทุกอยางที่นอกจากใจไปแลวยอมเปนดานวัตถุหรือ
นามธรรมไปตามธรรมชาตขิ องตนๆ ไมใชกิเลสไมใชมรรคไมใชผลไมใชสถานที่อยู
ของกิเลสและมรรคผลนิพพาน มีใจนี้เทานั้นเปนที่เกิดที่อยูอันเหมาะสมของทั้งสอง
อยา งคอื ฝา ยกิเลสและฝา ยธรรม กิเลสทกุ ประเภทอยกู ับใจไดสนิท ธรรมทกุ ประเภท
เกิดกับใจและอยูกับใจไดอยางสนิท เพราะฉะนั้นจึงตองไดแกกันที่ตรงนี้ เอาใหด ี ตอ
สอู ยา งมเี ลห เ หลย่ี มแบบรอ ยเลห พ นั นยั ไมงั้นไมทันมันและปราบมันไมอยู ตรงขาม
มนั จะปราบเราใหอ ยหู มดั บนหมอน นอนแบบขี้เกียจไมยอมตื่น

สตปิ ญ ญาพจิ ารณาอยา งไรเปน ธรรม พิจารณาอยางไรเปนเคร่ืองถอดถอนก็
เคยไดอ ธบิ ายใหฟ ง แลว หลายครง้ั หลายหนจนนบั ไมถ ว น ขณะจะทาํ สมาธภิ าวนาให

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๗๙

๒๘๐

ตั้งหนาตั้งตาทาํ เพ่อื ความสงบที่เรียกวาสมถะ ถามนั หาความสงบไมไดด วยอารมณ

ของสมถะ จะพจิ ารณาทางดา นปญ ญาเพอ่ื สกดั ลดั ตอ นกนั อยา งรนุ แรงแหลกเหลว ก็

ทุมกันลงดวยกําลังปญญา ตง้ั ใจทาํ หนาท่ีปญญากันอยางเผด็ รอ นจรงิ ๆ ก็ตองทํา

ตามแตจังหวะของการตอสูที่จะใหใชแบบใดวิธีใดที่กิเลสจะหมอบลงไป จนเหน็ ความ

สงบเย็นหรอื ความสวางกระจางแจงดวยอาํ นาจของปญญา อนั เปนผลเกิดข้นึ จาก
อบุ ายวธิ เี ชน นน้ั …เรากท็ าํ อยา ไปเลอื กกาลเลอื กเวลาํ่ เวลา ใหส งั เกตดคู วามเหมาะสม

ที่จะตอสูกันดวยวิธีการใด นี้เปนอุบายของผูฉลาดเพื่อแกความโงของตนออกจากใจ

ไปไดโดยลําดับ

จิตที่หาความสงบไมไดไมมีโลกอยูนะ จะวาไมบอกไมเตือน เพราะเราอยดู ว ย

จติ หวงั พ่งึ เปนพ่ึงตายกับจิตกับธรรม ไมไดหวังเอาความสุขจากสิ่งใด รปู เสยี ง กลน่ิ

รส เครอ่ื งสมั ผสั วัตถุสิ่งของตางๆ นั้นเปนเพียงเครื่องอาศัย ทา นเรยี กวา ปจ จยั เปน

เครอ่ื งสนบั สนนุ ใหเ ปน ไปในวนั หนง่ึ คนื หนง่ึ เดอื นหนง่ึ ปห นง่ึ เปน ระยะๆ ไปเทา นน้ั

สว นจะเอาดเี อาความวเิ ศษวโิ สจากสง่ิ เหลา นน้ี น้ั จรงิ ๆ ไมมีทางเปนไปไดตามใจหวัง

เพราะเปน เพยี งเครอ่ื งอาศยั เทา นน้ั ไมใชเปนของจริงจังอะไรพอที่จะไววางใจได ฝาก

เปน ฝากตายไดก บั สง่ิ เหลา นน้ั แตสิ่งที่เราจะฝากเปนฝากตายไดตลอดไปนั้นไดแก

ธรรม จึงตองอาศัยกุศลธรรม ไดแก ความฉลาด ฝกฝนอบรม เรม่ิ ตง้ั แตว ริ ยิ ธรรมคอื

ความพากเพียร ขนั ตธิ รรม ตองอดตองทนนักปฏิบัติ

ไมมีใครเกินพระพุทธเจา ขึ้นชื่อวาความอดความทนความพากเพียร ศาสดา

ของเราทา นเดนิ อยา งไร เราพยายามเดนิ ตามรอ งรอยของทา น อยาใหกเิ ลสมายั่วมายุ

มาหลอกมาหลอนใหทอถอยนอยใจ ในการตามเสด็จพระพุทธเจา ดว ยความ

พากเพียรอันจะเกิดผลแกตน แลว ใหก เิ ลสเอาไปกนิ เลย้ี งกนั เสยี อยางนั้นใชไมได นกั

ปฏบิ ตั ทิ เ่ี สยี เลห เ หลย่ี มใหก เิ ลส นาอับอายขายหนาตลอดอนันตกาล ไมม วี นั กเิ ลสจะ

ใหอภัย และปลดปลอยจากที่คุมขังคือวัฏจักรนั่นเลย

ความฉลาดพระพุทธเจาทรงสอนแลวทุกแงทุกมุม ซึ่งเปนผลเกิดจากพระองค

ทรงปราบกเิ ลสจนอยหู มดั มาแลวั จงึ ไดน าํ มาสอนโลก ทาํ ไมธรรมเปลา นน้ั ในเมอ่ื เรา

นาํ มาปราบกเิ ลส จะกลายเปน เรอ่ื งของกเิ ลสปราบเราและปราบธรรมไปเสยี ละ มันก็

ขัดกับการดําเนินเพื่อตามเสด็จพระพุทธเจาโดยไมตองสงสัย เพราะฉะนน้ั อุบายวิธีที่

จะเปนไปเพื่อการถอดถอนกิเลส จงนํามาใชเ ตม็ ความสามารถ ใหจ ติ เราไดม คี วาม

ผาสกุ เยน็ ใจเพราะมธี รรมะอารกั ขา สติอารักขา ปญ ญาเปน เครอ่ื งรกั ษาเปน เครอ่ื ง

ทําลายสิ่งที่เปนขาศึกตอจิตใจ การเพยี รกเ็ พยี รเพอ่ื รกั ษาใจ เพียรเพื่อถอดถอนกิเลส

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๘๐

๒๘๑

อดทนก็อดทนเพื่อการตอสูกับกิเลสซึ่งเปนความถูกตองชอบธรรมดวยกัน ไมม คี วาม
เสยี หายอะไร

ทกุ ขเ ราก็เคยทกุ ขม าแลว ต้ังแตวันเกิดจนถงึ บดั น้ี ทาํ ไมเวลาทกุ ขเพราะการ
ประกอบความเพียร เราจะถือวาเปนการกระเทือนกายกระเทือนใจ และเกิดความทอ
ถอย นั่นไมถูก ทุกขอยางอื่นเรายังยอมรับได ทกุ ขเ พราะความเพยี รอนั เปน ประโยค
พยายามทย่ี อดเยยี่ ม และเปน ยอดแหง การตอ สู ทาํ ไมเราจะไมย อมรบั ทาํ ไมจะเหน็
วาเปนทุกขแปลกประหลาด และเปนพิษภัยยิ่งกวาทุกขทั้งหลายที่เคยไดรับสัมผัส
สัมพันธมา ความทกุ ขเ พราะความเพยี รนแ่ี ล ทจ่ี ะเปน เครอ่ื งหนนุ ใหเ กดิ ความสงบสขุ
เยน็ ใจ จนกระทั่งถึงความสุขสุดยอด ไมพ นจากความทุกขอันนี้เปน เคร่ืองสนับสนุน
ไปไดเลย

ความทุกขอยางอื่นจะหวังเอาความดิบความดีกับมันไมได แตความทุกข
เพราะการพยายามตอ สกู บั กเิ ลสประเภทตา งๆ น้ี เปนความทุกขที่จะยังผลอันเปนที่
พึงใจใหเกิดขึ้นแกจิตใจของเราโดยลําดับ จนเปนที่พึงใจอยางเต็มที่ได จงึ ควรภมู ใิ จ
กับทกุ ขป ระเภทน้ี แมทุกขก็ยอมรับวาทุกขไปตามเหตุการณ ผูปฏบิ ตั เิ พือ่ จะกา วให
พนจากทุกขตองผานทุกขในการตอสูไปดวยกัน ไมม ใี ครไดเ ปรยี บเสยี เปรยี บกนั
เพราะธรรมไมม กี ารเอารดั เอาเปรยี บ นอกจากกเิ ลสอยา งเดยี วทค่ี อยเอาเปรยี บเราอยู
เสมอ เผลอไมไ ดต อ งเสยี เปรยี บใหม นั

โลกสมมุตินี้ไมมีสิ่งใดที่จะนาสงสัยแลว การเกดิ กเ็ คยเกดิ มานาน อยกู ับโลก
อนั นม้ี านาน ทุกขก็เคยทุกขมานาน สง่ิ ทเ่ี ราเคยสมั ผสั สมั พนั ธน เ้ี ราเคยสมั ผสั สมั พนั ธ
มามากตอมากแลว มีอะไรเปนสารคุณพอใหเปนทรี่ ะลึกเปนทว่ี างจติ วางใจ มอบชวี ติ
จิตใจไดดว ยความตายใจ ไมเ หน็ มพี อจะใหไ ดร บั ความสขุ แบบตายใจไดเ ลย นอกจาก
ทุกขมีมาก สขุ มนี อ ยประจาํ ความสมั ผสั และภพชาตนิ น้ั ๆ เปน เจา เรอื น มธี รรมเทา นน้ั
จะนําสัตวออกนอกทุกข นอกสมมุติ ถึงวิมุตติหลุดพนอยางภาคภูมิใจและตายใจได
ไมสงสัยถาปฏิบัติตาม

พระพทุ ธเจา กเ็ คยผา นโลกมาเชน เดยี วกบั พวกเรา ผา นวฏั วน วนเวยี นเกดิ ตาย
แบกหามกองทุกขมากนอยมาดวยกันกับสัตวโลก พระองคไมเคยประกาศพระองควา
เปน ผวู เิ ศษ และไมป รากฏวา พระองคว เิ ศษเพราะทกุ ขห นกั เบาขนาดใด เพราะภพใด
ชาติใดในการทองเที่ยว แตพ อจติ หลดุ พน จากกเิ ลสอนั เปน สาเหตใุ หเ กดิ แกเ จบ็ ตาย
เสยี ไดเ ทา นน้ั พระองคก็ทรงเปลงอุทานขึ้นมาทันทีวา วสุ ติ ํ พรฺ หมฺ จรยิ ,ํ กตํ กรณียํ
เสรจ็ แลว กจิ การงานทห่ี นกั หนว งทง้ั หลายซง่ึ เปน งานใหญโ ตมากในไตรภพ ไดแกการ
ตอสูกับกิเลสทุกประเภท งานชน้ั ยอดเยย่ี มงานใหญโ ตคอื งานปราบไตรภพภายในใจ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๘๑

๒๘๒

ไดจบสิ้นลงแลว เพราะกเิ ลสตายเรยี บ ไมมีกิเลสตัวใดเหลืออยูแลว กตํ กรณยี ํ กิจที่
ควรไดท าํ เสรจ็ แลว ที่ควรจะทําใหยิ่งกวานี้ไปอีกไมมีแลว นตถฺ ทิ านิ ปุนพฺภโว บัดนี้
ความเกดิ ความตายซาํ้ ๆ ซากๆ วกเวียนเปลยี่ นแปลงอยไู มห ยดุ ไมถอย จนหาทส่ี น้ิ
สุดยุติไมไดนั้นไดสิ้นสุดลงแลวในขณะที่กิเลสสิ้นไปจากใจ อคโฺ คหมสมฺ ิ โลกสฺส เรา
เปน ผปู ระเสรฐิ เหนอื โลกแลว บดั น้ี นี่พระองคประเสริฐตอนที่กิเลสหลุดลอยออกไป
จากใจ หลงั จากปราบกเิ ลสใหเ รยี บราบไปหมดแลว จึงไดทรงอทุ านข้ึนมาวา วเิ ศษ แต
กอนไมเห็นพระองคประกาศวาพระองควิเศษ

เราทง้ั หลายกไ็ ดเ คยสมั ผสั สมั พนั ธ คลุกเคลากับเรอ่ื งดังกลาวมามากมายอยู
แลว ไมอาจสงสยั จนไมม ีใครจะนํามาแขง ใครได ในเรอ่ื งการเวยี นวา ยตายเกดิ ทเ่ี ตม็
ไปดวยกองทุกขนั้นๆ แลวยังจะสงสัยอะไรกันอยูอีกไมเลิกแลวสักที ถาไมใชถูกกิเลส
กลอ มเสยี จนหลบั สนทิ ดว ยบทเพลงอนั นมุ นวลชวนใหเ คลบิ เคลม้ิ และหลบั สนทิ วา
สง่ิ นน้ั ดี อันนี้วิเศษ สิ่งนั้นหยดยอยไปตางๆ นานาเรอ่ื ยมา มีแตก เิ ลสมันพาเหอ พา
เหอ เสยี จนลมื เนอ้ื ลมื ตวั ลมื ตาย ตายไปแลว ยงั ตง้ั ความหวงั วา จะไดร บั ความสขุ ความ
สบายในทน่ี น้ั ๆ อกี ทั้งๆ ทีห่ ัวใจรอนเหมอื นฟน เหมือนไฟหาส่งิ พึงใจไมมีในนัน้ เลย
แลว จะเอาอะไรมาเปน ความสขุ ในภพนภ้ี พหนา

ถา ใจดวงเปน ตวั เหตตุ วั การตวั แกนอนั สาํ คญั นห้ี าความสขุ ไมไ ด มีแตฟนแต
ไฟอยูแลว เราจะไปเอาความสขุ มาจากอะไร จะเอาความสขุ มาจากดนิ มนั กเ็ ปน ดนิ
มนั เปนความสุขทีไ่ หน จากนาํ้ กเ็ ปน นาํ้ จากลมเปนลม จากไฟเปนไฟ จากวตั ถหุ รอื แร
ธาตุตางๆ ตลอดดินฟาอากาศ มันก็เปนธรรมธาตุ ธรรมฐิติของมันอยูอยางนั้นๆ มา
ดั้งเดิม จะเอาความสขุ ความเจรญิ อะไรมาใหเ ราไดช น่ื ชมบา งพอหวานใจ

ฉะนั้น ความถูกตองเพื่อสมหวังจึงตองแกลงที่จิตอันเต็มไปดวยยาพิษ ทเ่ี ผา
ผลาญใจใหห มดไปโดยลาํ ดบั จนหมดไปโดยสน้ิ เชงิ ภายในใจแลว นน้ั แล จะไมตอง
ถามหาความสขุ สถานท่ใี ด กาลใด เวลาใดไมถ าม ภพใดชาตใิ ดภพหนาชาติหลงั
อะไรไมถามตอไปใหเพิ่มความรําคาญ หมดปญหาที่จะถามเพราะพอตัวแลวทุกอยาง
ภายในจติ ไมม คี วามหวิ โหยโวยวายแลว จะไปถามหาอะไร จะไปสงสยั อะไรวาอันนน้ั
นา จะดอี นั นน้ี า จะดี เพราะมเี ตม็ หวั ใจแลว ในบรรดาความดคี วามสขุ อนั พงึ ใจ พอกับ
ความตองการ ไมบกพรองที่จะตองการตอไปอีกแลว นั่นแหละคือความพอของจิต
ของธรรม พออยูที่จิตอิ่มตัวอิ่มธรรมนั่นแล

ขอแตก เิ ลสตวั หวิ โหยโวยวาย กระเดน็ ออกไปจากใจเสยี อยา งเดยี วเทา นน้ั
ความหวิ โหยยงุ กวนจะไมม เี ลย อยูไหนอยูได ตายไหนตายได เพราะความสลายของ
ธาตขุ ันธท ี่เคยสลายมาแลว ต้งั แตเ รายังมืดมนอนธการ มนั กเ็ คยสลายเคยตายมาแลว

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๘๒

๒๘๓

เรากร็ แู จง เหน็ จรงิ ประจกั ษใ จแลว วา มนั เปน เพยี งธาตขุ นั ธ เชน ธาตุสี่ ดนิ นาํ้ ลม ไฟ
ผสมกนั มีจิตตัวหลงเขาไปสอดแทรกเปนตัวการใหกอกําเนิดเกิดขึ้นมา แลว กแ็ บก
หามสง่ิ เหลา นว้ี า เปน ตนเปน ของตน เปน เราเปน ของเราของเขาอยา งไมล ะอาย เพราะ
กเิ ลสมนั พาใหห นา ดา นเทา นน้ั เราจงึ ไมร วู า จะทนอายหรอื ไมทนอายอยา งไรดี เพราะ
ความยอมจํานนตอ มันโดยไมมีทางหลกี เลย่ี งนัน่ แล พาใหท นอายเอา อะไรๆ ก็จําทน
เอา

เม่ือสตปิ ญญาทําไดเ พยี งพอและทําลายส่ิงเหลานีล้ งแลว เราจงึ ไดเ หน็ ความ
ลามกของมัน ความหยาบชาความรอ ยเลหพนั เหลย่ี มรอยสนั พนั คมของมนั ประจกั ษ
ใจไมตองถามใครแมศาสดายังทรงพระชนมอยู ทีนี้แมจะยกเอาสามโลกธาตุมา
เปรยี บเทยี บมาเปน คแู ขง กบั จติ ดวงทบ่ี รสิ ทุ ธล์ิ ว นๆ น้ี สง่ิ เหลา นน้ั กส็ กั แตว า แรธ าตุ
สมมุติอันหนึ่งๆ เทา นน้ั หาเปน วิมุตตดิ งั จิตและธรรมท่บี ริสุทธน์ิ ้นั ไม เพราะสง่ิ เหลา
นน้ั มนั เปน โลกทเ่ี ราเคยเกดิ เคยตาย เคยทกุ ขทรมานมามากตอมากนานแสนนานมา
แลว จะมีสงสัยอะไรอยูอีกเลา ฉะนั้นระหวางแหงรสของธรรมกับรสของโลกามิสใน
โลกสมมุติ จงึ มีคุณคา และน้ําหนกั ตางกันอยูมาก จนเทียบกันไมไดดังธรรมทานกลาว
ไวน น่ั แล จะมีผดิ พลาดที่ตรงไหนในธรรมทว่ี า รสแหง ธรรมชาํ นะซง่ึ รสทง้ั ปวงนะ
ฉะนั้นจงฟงใหถึงใจปฏิบัติใหถึงธรรม คาํ วา รสแหง ธรรมนน้ั ใจจะเปน ผสู มั ผสั รบั
ทราบเอง ไมมีสิ่งใดในโลกจะมาสัมผัสแทนได

นล่ี ะศาสนธรรมของพระพทุ ธเจา สอนลงถึงเหตุถึงผลถึงความสัตยความจริง
ไมมีปลอมแมแตนิดหนึ่ง คาํ วา ปลอมใหพ งึ ทราบวา เปน กเิ ลสทง้ั มวล เพราะกเิ ลสมี
แตปลอมลวนๆ หาความจริงไมได ปลอมตลอดมาและเปนคูแขงกับความจริงคือ
ธรรมเรอ่ื ยมา ไมม ีคําวาเปนมติ ร เพราะฉะนั้นเรื่องของกิเลสจึงปลอมมาเรื่อยๆ
ปลอมมาแตลูกแตหลานแตเหลนแตป ูยา ตายายของมนั ปลอมมาหมด อาการใด
แสดงออกมาตองขัดกับธรรมทั้งนั้น การแกกิเลสจึงตองแกของปลอม เมื่อแกของ
ปลอมออกไดมากนอยก็เริ่มเห็นของจริงขึ้นมาที่ใจมากนอยตามลําดับ จนกระทง่ั จริง
เตม็ สว น

เมื่อจิตถึงธรรมของจริงเต็มสวนเพราะกิเลสตัวปลุกเสกเกงๆ สน้ิ ไปแลว สง่ิ
ภายนอกกจ็ รงิ ดนิ นาํ้ ลม ไฟ ฟาอากาศ ทุกส่ิงทกุ อยา งไมว า วตั ถไุ มว า นามธรรม
เปนของจริงตามธรรมชาติของตน เมื่อกิเลสไมมีมาหลอกวานน้ั เปนอยา งน้นั วา นเ้ี ปน
อยา งนเ้ี สยี อยา งเดยี ว ใจทร่ี รู อบขอบชดิ แลว ใจกจ็ รงิ เตม็ สว น เมื่อตางอันตางจริงแลว
ก็ไมกระทบกระเทือนกัน ถึงจะรอ นจะหนาวจะหิวจะกระหายกเ็ ปนธรรมดาของธาตุ
ของขันธ ใจจะรบั ทราบและรบั ผดิ ชอบกนั อยเู พยี งเทา นน้ั ทจ่ี ะใหค วามหวิ ความ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๘๓

๒๘๔

กระหายความทกุ ขค วามลาํ บากทางกาย แทรกเขา สภู ายในใหใ จเกดิ ทกุ ขเวทนาขน้ึ มา
นั้นไมมี เปน อนั วา เวทนาทง้ั สามขาดสะบน้ั ไปจากใจ นบั แตข ณะกเิ ลสแตกกระจาย
ออกจากใจ

เพราะฉะนน้ั พระอรหนั ตจ งึ ไมม เี วทนาภายในจติ นบั แตขณะบรรลุอรหตั ผล
จนกระทั่งวันนิพพาน ตลอดอนันตกาล เพราะสขุ เวทนา ทกุ ขเวทนา อุเปกขาเวทนา
เหลา นเ้ี ปน สมมตุ ทิ ง้ั มวล จิตวิมุตติกับสิ่งสมมุติจึงเขากันไมได ตา งอนั ตา งจรงิ ไปตาม
ธรรมชาติของตน คาํ ทว่ี า นพิ พฺ านํ ปรมํ สุขํ นน้ั เปน สขุ ตามหลกั ธรรมชาตขิ องความ
บรสิ ทุ ธต์ิ า งหาก ไมใ ชส ขุ เวทนา เพราะฉะน้นั จึงไมม คี าํ วา อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา เขา
ไปแทรกจิตที่บริสุทธิ์แลวไดเลยตลอดไป ฉะนั้น พระอรหันตทานจึงจะมีอิสระทางใจ
อยางเต็มตัว ไมกลัวไมกลากับสิ่งตางๆ ที่เขามาเก่ยี วขอ งสมั ผัส เพยี งรบั ทราบแลว ก็
ผา นไปๆ ตามหลกั ธรรมชาตไิ มบ ังคบั เสกสรร

ทง้ั นเ้ี หตุ คอื ความอตุ สา หพ ยายามเปน สาํ คญั ทุกข พระพุทธเจาก็ทรงเปน
พยานมาแลว ทรงเดินไปทามกลางกองทุกขกอนพวกเราใหเห็นประจักษอยูแลว พระ
องคท รงสลบสามหน…ฟงดูซิ ไปอานคัมภีรก่คี รงั้ ๆ กว็ า ทรงสลบสามหนอยนู น่ั แล จะ
ไมเจอคําวาพระองคลางมือคอยเปบ การดําเนินและคําสั่งสอนของพระองคที่
ประทานไวแกพวกเรา เปน ธรรมสดๆ รอ นๆ เหมอื นวา เดย๋ี วนๆ้ี จะไมชัดแจงยังไง
พระสาวกทงั้ หลายก็ทุกขลาํ บากเชนเดียวกัน เพราะไมใชม ีเพียงสกลุ หนึ่งสกุลเดยี ว มี
หลายสกลุ มหี ลายชาตชิ น้ั วรรณะ ที่สละความสุขทางโลกออกมาเพื่ออรรถเพื่อธรรม
ทา นไมเ หน็ แกค วามยากลาํ บาก

แมจ ะเคยอยใู นสกุลท่ลี ะเอียดออนเชน สกุลกษัตริยมาแลว แตเวลาเสด็จออก
มาบวชในพระพทุ ธศาสนา ทา นปฏบิ ัติตนแบบลกู ศษิ ยม ีครู ตามรอยพระบาทของ
พระพุทธเจา ยอมเปนทุกขดวยกัน ทา นยอมรบั ไมไดคํานึง ไมไดคิดถึงไมวุนวายกับ
สมบัติเงินทองที่มีมากนอยในสกุล สกุลสูงสกุลต่ําสกุลใดเหมือนกัน ทา นยอมรบั ตาม
หลักธรรม ทานจึงเพียรจึงอดทนจึงตองมีความทุกขความลําบากพอๆ กัน การแสวง
หาธรรมวเิ ศษ ถาจะไปยุง เก่ียวกับสง่ิ ภายนอกตามสมมตุ นิ ิยมซึง่ มีคณุ คา ตา่ํ กวาธรรม
อยูแลว จะหาความวิเศษเหนอื ส่ิงเหลาน้ันไปไมได ตอ งเปน ผูปฏิบตั ดิ วยความไมเกาะ
เกี่ยวของแวะกับสิ่งใดนอกจากธรรม ตั้งหนาบึกบึนฝน กระแสของโลกทีม่ ีอยูภายในใจ
ของตนตลอดเวลาและอิริยาบถไมลดละทอถอย ใจจึงจะมีกําลังผานไปได

การประพฤติปฏิบัติ เมอ่ื ใจมกี าํ ลงั มศี รทั ธาความเชอ่ื มน่ั ในมรรคในผลแลว
ความเพยี รก็มีมาตามๆ กนั ความอดความทนก็พออดพอทนไดคนเรา มันขึ้นอยูกับ
ใจดวงเดยี วนเ้ี ปน สาํ คญั ถาใจทอถอยออนแอเสียอยางเดียว อยูที่ไหนก็อยูไมได ทํา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๘๔

๒๘๕

อะไรก็ไมสําเร็จเพราะทนไมได คอยแตจะตาย ออนเปยกไปหมด กระทั่งกระดูกที่
เปน อวัยวะแข็งๆ ภายในรา งกาย ถากําลังใจมี กําลังศรัทธามี มันพออดพอทน ทําไม
จะอดทนไมได โลกเขาทาํ การทํางานเชน เดยี วกบั เราเขากท็ กุ ขเ หมือนกนั เขายังทนได
เราทาํ ความพากเพยี รเพอื่ ถอดถอนกิเลส ซง่ึ เปน เสย้ี นเปน หนามเปน หอกเปน หลาว
ทิม่ แทงอยภู ายในใจใหห มดสนิ้ ไปซ่งึ เปนงานอนั หนง่ึ ทําไมจะไมยอมรับทุกขประเภท
ท่จี ะใหถ ึงธรรมอนั วิเศษ เราตอ งยอมรบั ถาเชอื่ ธรรม ไมเชื่อกิเลส

นักปฏิบัติตองมีความเขมแข็งและมีความจริงจังตอทุกสิ่งทุกอยาง ดวยความมี
สติจดจอตอเนื่องกัน มเี จตนาประจาํ งานของตนไมเ หลาะแหละ ความเหลาะแหละไม
ใชนิสัยของผูจะครองธรรมสมบัติได จะกลายเปน เรอ่ื งกเิ ลสตวั วบิ ตั ไิ ปหมด กเิ ลสมนั
จะพาใหเปนสมบัติไดยังไง คาํ วา สมบตั กิ แ็ ปลวา ถงึ พรอ มหรอื สมบรู ณใ นสง่ิ พงึ หวงั
กิเลสมันเปนที่พึงหวังเมื่อไร และจะเปนสมบัติอันพึงใจไดยังไง นอกจากมันเปน
ขา ศกึ และพาใหว บิ ตั ไิ ปโดยลาํ ดบั เทา นน้ั

อยา ลมื คาํ วา สติ ผมเห็นคุณคาของสติมาก ปญญา สตเิ ปน สาํ คญั เพียรอยู
เสมอ ผูมสี ติอยูก ับตวั ชือ่ วาผมู คี วามเพยี ร ยนื เดนิ นั่ง นอน ขบฉนั ทาํ หนา ทก่ี ารงาน
ตางๆ อยางนอยใหมีสัมปชัญญะรูสึกตัว ถาไมมสี ตจิ ดจอ อยกู บั คําภาวนาก็ใหม คี วาม
รสู กึ ตวั อยภู ายในตวั เสมอ…ไมผิด เวลาจะนาํ เขา สกู ารสงู านจรงิ ๆ ยอมงาย เหมอื น
กับสัตวที่รักษาเลี้ยงดูมันอยู จะไลตอนเขาคอกเมื่อไรก็ได ไมเหมือนที่ปลอยไปตาม
ยถากรรมกวา จะตระเวนหาพบตวั กถ็ กู เขานาํ ขน้ึ เขยี งแลว จิตที่ระมัดระวังรักษาอยู
โดยสมาํ่ เสมอ เวลาจะใหเ ขา สคู วามสงบในองคภ าวนากไ็ ดต ามความตอ งการ ไมดื้อ
ดึงเหมอื นท่ปี ลอยใหเปน ไปตามยถากรรม

การระมัดระวังสติก็ตองฝน ฝน กเิ ลสนน่ั แหละ เพราะกเิ ลสเปน ผทู าํ ลายสติ
เปน ผทู าํ ลายปญ ญา เปนผูทําลายธรรมะทกุ ขนั้ กิเลสจะตองกีดตองขวางตองทําลาย
เสมอ เพราะฉะนั้น การประกอบความเพียรทุกทาจงึ เปน การฝนกเิ ลสการตอสูกิเลส
ไปในตัว ถาไมฝนก็เทากับยอมตามกิเลส ยอมจํานนกิเลส ก็หาทางออกทางพนจาก
กิเลสไมได ตองมัดกิเลสเขาไปตามวิธีดังกลาวนี่ จงึ เรยี กวา นกั รบดว ยสตปิ ญ ญา สติ
ปญญาตอ งใหแ หลมคมยิ่งกวา กิเลสจงึ จะปราบกเิ ลสได ถากิเลสยังแหลมคมกวาก็ไม
มีทางเอาชนะและหลุดพนจากอํานาจของมันไปได จึงตองบํารุงสติปญญาอยูเสมอไม
ลดละ

นกั บวชเรานบั วา สะดวกมากในการประกอบสมณกจิ สมณธรรม เพื่อความสงบ
เยน็ ใจ เราทาํ ไดส ะดวกทกุ เวลาเพราะไมม งี านอน่ื ๆ มายุงกวนเหมือนทางโลก มี
ศรทั ธาญาตโิ ยมมากมายท่ีคอยสนับสนุนดว ยปจจยั ส่ี และคอยอนุโมทนากับทานผูตั้ง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๘๕

๒๘๖

ใจประพฤติปฏิบัติ ไมตายไมอด นอกจากเราจะอดเพอ่ื ฆา กเิ ลส ที่จะอดตายเพราะไม
มผี มู าทําบุญใหท านน้นั เปนไปไมได เพราะคนบุญยงั มอี ยูมาก ในเมอื งไทยเราเปน
เมืองพุทธดวย คอยสนบั สนนุ และอนโุ มทนาอยเู สมอ อยากไดบุญไดกุศลดวย เราผู
จะเสาะแสวงหาบุญเพ่อื ตนและเพือ่ ผูอ น่ื ในอันดบั ตอไปนนั้ ตองตั้งหนาตั้งตา
ประพฤติปฏิบัติอยาลดละทอถอย เพื่อใหเห็นสมบัติอันพึงใจเกิดขึ้นที่ใจ

ใจเปน มหาสมบตั ิ ธรรมสมบตั อิ ยทู ใ่ี จ มหาสมบัติทั้งมวลอยูที่ใจ ลงใจกับ
ธรรมไดกลมกลนื เปน อันหน่งึ อันเดยี วกนั แลว นน้ั แหละคอื มหาสมบตั ิ เวลานี้มีแต
กเิ ลสมนั พนั หวั ใจ จึงตองไดแกไดถอนฟดเหวี่ยงกันอยูตลอดเวลา จะยากลาํ บากกท็ น
เอา จงึ จะสมนามศษิ ยมคี รคู ือศาสดาองคเ อกเปน ครสู อน

อะไรจะฝกฝนอบรมยาก ยิ่งกวาฝกฝนอบรมพระใหเปนพระอยางสมบูรณ
แบบใหเ ปน คนอยา งสมบรู ณแ บบไมม ี และไมมีการฝกอะไรยากยิ่งกวาฝกคนใหดีสม
ภูมิของคน คาํ วา คนกต็ อ งหมายเอาตวั ของเราเปน อนั ดบั แรก และการสอนก็ไมมีอะไร
สอนยากยง่ิ กวา สอนคน นก่ี ห็ มายถงึ เราเปน คนแรก เราสอนเรานน่ั แหละคอื สอนคน
เราฝก เรานน่ั แลคอื ฝก คน จึงตองยากทุกระยะๆ ไมมีอะไรที่จะยากยิ่งกวาการฝกคน
การทรมานคน การทาํ คนใหเ ปน คนดจี นถงึ ขน้ั วเิ ศษวโิ ส หมายเอาตวั ของเราเปน คนๆ
หนง่ึ คนอื่นนัน้ ไมมีปญ หายงุ ยากยิ่งกวาเราฝก เราใหเปน คนอยา งเตม็ ภูมิ เมื่อคนน้ี
สมบูรณแลวเรื่องประโยชนทางโลกนั้นแยกกันไมออก เพราะโลกกับธรรมอาศัยกันอยู
ชาวบานกับชาววัดก็แยกกันไมออก ตองอาศัยซึ่งกันและกัน มนั หากเปนไปเอง ดงั
พระพุทธเจา พระสาวก ตลอดครอู าจารยท ง้ั หลายเปน ตวั อยา งในการทาํ ประโยชนแ ก
โลก เพราะโลกกับธรรมเปนสิ่งเกี่ยงโยงกันแตไหนแตไรมาแยกกันไมออก

พระพุทธเจาเมื่อตรัสรูแลวเรื่องประโยชนของโลกก็ตามมาเอง ในขณะทท่ี รง
บาํ เพญ็ ไมส นพระทยั กบั ผหู นง่ึ ผใู ดเลย มีแตตั้งหนาประพฤติปฏิบัติกําจัดสิ่งที่มืดมน
อนธการอยภู ายในจติ ซึ่งไมมีอะไรที่จะมืดยิ่งกวากิเลสครอบหัวใจ สิ่งที่มีอยูมันก็ไม
เหน็ กไ็ มร ู เพราะกเิ ลสไมใ หเ หน็ กเิ ลสไมใ หร ู กเิ ลสไมใ หเ ชอ่ื กเิ ลสไมใ หทํา นแ่ี หละ
มนั จงึ ลาํ บาก กเิ ลสเปน ผคู ดั ผคู า นผขู ดั ผขู วางอยใู นหวั ใจนแ้ี หละ จึงรูไมไดเห็นไมได
ในสิ่งที่มี ซึ่งพระพุทธเจาทรงแสดงไวแลวทุกแงทุกมุม บาปกไ็ มท ราบวา เปน ยงั ไง บญุ
กไ็ มท ราบวา เปน ยงั ไง นรกไมท ราบวา เปน ยงั ไง สวรรคไ มท ราบวา เปน ยงั ไง พรหม
โลกไมทราบเปนยังไง นพิ พานไมท ราบเปน ยงั ไง ทั้งๆ ทใ่ี จนแ้ี หละจะเปน ผรู ู แตมนั รู
ไมไดในขณะที่ถูกกิเลสปดไวอยางมิดตัว

การประพฤติปฏิบัติดวยความพากเพียร เปนการเปดการเพิกถอนสิ่งที่หุมหอ
ใหมืดมิดปดตาภายในใจนี้ออกไปเปนลําดับ ใหไดเ ห็นส่งิ ท่มี อี ยทู ั้งหลายดงั กลา วแลว

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๘๖

๒๘๗

ตามเปน จรงิ ความสงบกใ็ หเ หน็ สมาธิก็จะไดรูไดเห็นขึ้นที่ใจ เมอ่ื ความวนุ วายอนั เปน
ตัวกิเลสจางลงไปๆ ปญญาความสอดสองก็มีทางออกและกาวเดินได เพราะกิเลสไม
กีดขวางปดกั้นไวเต็มที่เหมือนแตกอนที่ยังไมไดปฏิบัติ ปญญาก็พอจะกาวเดินไดหรือ
กาวเดินได และกา วเดินไดอ ยา งเต็มภมู เิ มอื่ จิตมีความสงบพอเปน บาทเปน ฐานแลว
ฉะนั้น คาํ วา สมาธคิ อื ความสงบใจจงึ เปน ธรรมจาํ เปน ที่จะหนุนปญญาใหกาวเดินได
อยางสะดวกคลองตัว ทั้งขั้นเริ่มแรกและขั้นตอไปของปญญา ผูปฏิบัติจึงไมควรมอง
ขา มสมาธิ อันเปนธรรมสั่งสมกําลังเพื่อปญญาทุกขั้นไป จนถงึ ความบรสิ ทุ ธห์ิ ลดุ พน
โดยชอบธรรม ดงั ทา นกลา วไวใ นอนศุ าสนต อนปลายวา ปญ ญาทไ่ี ดร บั การหนนุ จาก
สมาธิแลวยอมหลุดพนจากกิเลสทั้งปวงโดยชอบดังนี้

เมื่อปญญาไดเริ่มไหวตัวออกพิจารณาแลว ความรคู วามเหน็ ความเปน ตา งๆ
ทไ่ี มเ คยปรากฏขน้ึ ภายในใจ ยอ มปรากฏขน้ึ เรอ่ื ยๆ อบุ ายวิธีการตา งๆ ปรากฏขึ้น
เรอ่ื ยๆ ความจริงที่เคยมีอยูที่ไหนๆ มาดง้ั เดมิ แตเ ราไมร ไู มเ หน็ กก็ ลบั ใหร ใู หเ หน็ ขน้ึ
มาชดั ขน้ึ มาภายในใจ สุดทายใจก็เปดตัวเองขึ้นมาอยางเต็มที่เพราะไมมีอะไรปด
เนอ่ื งจากกเิ ลสสลายตัวลงไปหมดแลว เหลอื แตค วามรอู นั เปน ธรรมลว นๆ ทาํ ไมจะ
มองไมเ ห็นสง่ิ ทง้ั หลายตามเปนจริง

โลกวิทู รูแ จง โลกกร็ ูแจง ท่ใี จน้กี อนซิ เมอ่ื รแู จงท่ใี จแลวสิ่งตา งๆ ก็รูแจงไปเอง
ปดใจนี้ปดไมอยู มแี ตก เิ ลสเทา นน้ั แหละปด ใจ พอกเิ ลสสน้ิ ซากลงไปแลว อะไรจะปด
ใจไมอยูเลย จะรูอยางประจักษ เรารูประจกั ษเพียงคนเดยี วเทา น้นั สามารถพูดได
อยางเต็มปาก เพราะพดู ดว ยความรจู รงิ เหน็ จรงิ ในสง่ิ ทม่ี อี ยเู ปน อยกู บั ตนและเกย่ี ว
โยงกันทั่วไตรภพ ไมไดพูดดวยความดนเดาเกาหมัด คาํ วา โลกวทิ ู รแู จง โลกอนั เปน
คุณสมบัตขิ องสาวก ก็คือรูแจงในธาตุขันธและจิตใจของตนนี้กอนอื่น จากนั้นก็
กระจายออกไปสูโลกและธาตุขันธภายนอกไมมีประมาณ และประมวลมาเปน ความ
จริงอยางเดียวกัน

เราทราบแลว วา พระพทุ ธเจา เพยี งพระองคเ ดยี วเทา นน้ั สามารถเปน ศาสดา
สอนโลกทั้งสามได สตฺถา เทวมนสุ สฺ านํ ฟงซิ..ธรรมบทยอ ทา นแสดงไว ไมเพียงแต
เปนครขู องมนุษยเ ทา นน้ั ยังเปนครูของอินทรพรหมเทวดาทั้งหลายอีกดวย นน่ั แหละ
ความรูจริงสามารถพูดไดสอนไดไมมีอัดมีอั้น นําออกมาพูดไดทั้งนั้นเพราะออกมา
จากความรจู รงิ เหน็ จรงิ ไมงกๆงันๆ ไมลูบไมคลํา นเ่ี ราพยายามสอนเราเพยี งคน
เดียว ทั้งที่มีเครื่องมือหรือแนวทางคือโอวาทของพระพุทธเจา ตลอดอบุ ายตา งๆ ทรง
สอนไวหมดแลวก็ยังเปนไปไมได แลวจะหวังเอาผลเอาประโยชนจากอะไร

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๘๗

๒๘๘

ตายเกิดตายทุกขตายยากตายลาํ บากวกเวียนกันอยูไ มหยุดไมถอย มันไดผล
ประโยชนอะไร ไดความวิเศษวโิ สท่ีตรงไหน ภพใดภพนั้นกับภพนี้มันตางกันตรงไหน
ก็คอื ภพแหงความเกิดความตายความทกุ ขค วามทรมานเหมือนกัน ถาจะเอาความ
วเิ ศษวโิ สจากการเกดิ การตายนไ้ี ดจ รงิ โลกวิเศษวิโสกันไปหมดแลวในโลกธาตุนี้ไมมี
ใครยง่ิ หยอ นกวา กนั ความหลดุ พน จากสง่ิ เหลา นเ้ี พราะทาํ ลายเชอ้ื มนั หมดแลว เทา นน้ั
เปน ความประเสรฐิ เปน ผปู ระเสรฐิ หมดกังวลกันเพราะกิเลสขาดสะบั้นลงไปแลว นตฺ
ถทิ านิ ปุนพฺภโว บดั นค้ี วามเกดิ ความตายซาํ้ ๆ ซากๆ ดังที่เคยเปนมาของเราไมมี
แลว หมดแลว

นแ่ี หละการปฏบิ ตั ิ ถาลงไดจริงจังกับธรรมปฏิบัติแลว ผลจะตองปรากฏขึ้นไป
ตั้งแตขั้นของความสงบเย็นใจ ปญญาก็จะกาวออกเรื่อยๆ สิ่งที่ไมเคยรูก็จะรูขึ้นมา
ภายในจติ ใจ สิ่งที่ไมเคยละไดก็ละไดเปนลําดับ กเิ ลสประเภทตา งๆ ขาดหลุดลอยไป
และขาดทห่ี วั ใจอยา เขา ใจวา ขาดทไ่ี หนนะ เมอ่ื รแู จง ชดั เจนแลว กเิ ลสกข็ าดไปๆ เปน
ลาํ ดบั ลาํ ดา ไมใ ชข าดไปทเี ดยี วเรยี บวธุ ไปเลยนะ นอกจาก ขิปปาภิญญา ทบ่ี รรลุ
ธรรมไดอ ยา งรวดเรว็ เทา นน้ั จาํ พวก เนยยะ ซึ่งตองฝกทรมานตนดวยวิธีการตางๆ
กิเลสตอ งขาดไปโดยลําดับลาํ ดาตงั้ แตข น้ั หยาบ ขั้นกลาง ขั้นละเอียด คอยขาดไปๆ
บทสดุ ทา ยท่ีอวิชชาขาดจากใจนนั้ จงึ เปนขาดสะบ้นั จดุ นน้ั ขาดสะบน้ั เหมอื นกนั หมด
พอถึงจุดนั้นแลวก็เหมือนกับถอนรากแกวพรวดขึ้นมาพรวดเดียวเทานั้นก็หมด

นน่ั แหละการถอนรากแกว ของอวชิ ชาพรวดขน้ึ จากใจหนเดยี วเทา นน้ั ไมตอง
ไดถอนอีกแลวที่นี่ นเ้ี ปน อกุปปธรรมขั้นสุดยอด อกุปปธรรมขั้นโสดาฯ นน้ั เปน ขน้ั
หนง่ึ ขั้นสกิทาคาฯ เปน ขน้ั หนง่ึ ขน้ั พระอนาคาฯ เปน ขน้ั หนง่ึ ขน้ั อรหตั อรหนั ตเ ปน
ขน้ั หนง่ึ คาํ วา โสดาฯ เปน อกปุ ปธรรมหมายความวา ไมเสื่อมจากขั้นโสดาฯ นี้ลงไป
อีกแลว แตยังมีความเจริญความเสื่อมในขั้นที่ตนกําลังกาวกําลังปนขึ้นไปอยูยังไมได
ที่ยึดที่เกาะอยางเต็มที่ ปนขึ้นตกลงๆ อนั นน้ั ยงั มกี ารกาํ เรบิ สว นขน้ั ภมู ทิ ไ่ี ดแ ลว นน้ั
เปนอกุปปธรรมไมกําเริบ คือหมายความวา ไมเปน อื่น พอกาวขึ้นอีกพักหนึ่งเปนที่แน
ใจแลว นั่นเปนอกุปปะและกาวตอไป เชน พระสกทิ าคาฯ จะกา วสขู น้ั พระอนาคาฯ ก็
ตองกาวแลวตกลงๆ เรยี กวา เจรญิ แลว เสอ่ื มๆ เพราะยงั ไมช าํ นาญ จนกระทง่ั ชํานาญ
ถึงขั้นที่วาเกาะติดปบแลวก็เปนอกุปปะในขั้นนั้นๆ พอถึงขั้นอรหัตภูมิเต็มตัวแลว
หมดละที่นี่ ไมมีกาวไปไหนอีก จึงไมมีคําวาตกลง ไมม คี าํ วา เจรญิ แลว เสอ่ื มเพราะ
เจรญิ เตม็ ทถ่ี า วา เจรญิ เจรญิ เตม็ ทแ่ี ลว ถึงหลักธรรมชาติเปนอกุปปะขั้นสุดยอดแลว

ที่กลาวมาทั้งหมดนี้ไมใชอันใดสิ่งใดจะเปนผูสัมผัส จะเปน ผรู บั รจู ะเปน เจา
ของสมบัติดังกลาว นอกจากใจดวงเดยี วนี้ ธรรมทง้ั มวลมใี จดวงเดยี วนเ้ี ทา นน้ั จะเปน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๘๘

๒๘๙

ผรู บั สมั ผสั สมั พนั ธ จะเปน ผรู บั และบรรจไุ วใ นตนเปน มหาสมบตั ิ ขอใหท ุกทา น

พยายามใหเห็นของวเิ ศษภายในใจของตน จะหายกังวลในสิ่งทั้งหลายโดยไมตอง

สงสัย ขอแตก ารปฏบิ ตั เิ อาจรงิ เอาจงั ตามแนวสวากขาตธรรมเถิด ผนู แ้ี ลจะเปน เจา

ของมหาสมบัติคือมรรคผลนิพพาน โดยไมม กี าลสถานที่หรอื สิง่ หน่งึ สง่ิ ใดผูห นง่ึ ผูใด

มามอี ํานาจกีดขวางไดเลย มีทกุ ขก ับสมทุ ยั เทานั้นทําการกดี ขวาง และมนี โิ รธกบั มรรค

เทา นน้ั เปน ธรรมบกุ เบกิ เพกิ ถอนใหเ ตยี นโลง ภายในใจของผปู ฏบิ ตั ิ

ฉะนั้น จงเปน ทแ่ี นใ จในสจั ธรรมทง้ั ฝา ยละและฝา ยบาํ เพญ็ และปฏบิ ตั ใิ หเ ตม็

ตามหนาที่ทั้งสองฝาย คาํ วา มรรคผลนพิ พานจะเปน หนองออ ขน้ึ ทใ่ี จดวงเปน ภาชนะ
อันเหมาะสมแหงธรรมทุกขั้นไมสงสัย จะปรากฏหนองออวา ออ ธรรม…อยูที่นี่เอง

หรอื อยทู ใ่ี จนเ้ี องเหรอ ในวนั เวลาหนง่ึ แนน อนไมส งสยั

จึงขอยุติ

<<สารบญั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๘๙

๒๙๐

เทศนอ บรมพระ ณ วดั ปา บา นตาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔

มหาวทิ ยาลยั สงฆ

สถานทบี่ ําเพ็ญในครง้ั พุทธกาล ถา จะเทยี บกบั มหาวทิ ยาลยั สงฆอ ยา งสมยั
ปจ จบุ นั น้ี มหาวิทยาลัยของทานคือที่ปา ทเ่ี ขา ที่ถ้ํา เงื้อมผา ซอกเขา ไหลเ ขา ปา ชา ปา
รกชฏั ซง่ึ ลว นแตเ ปน สถานทส่ี งดั วเิ วกวงั เวง อนั เปน การสมั ผสั ในหลกั ธรรมชาตแิ ละ
ปลุกสติปญญา ศรทั ธา ความเพยี รใหตื่นอยตู ลอดเวลาไมป ระมาทนอนใจ และ
ปราศจากสิ่งพลุกพลานกอกวนตางๆ เปน สถานทีท่ ี่ใหความสงัดวเิ วกทางกาย และเปน
เครือ่ งหนุนความวเิ วกทางใจไดเปน อยา งดี ทกุ กาลสถานทแ่ี ละอริ ยิ าบถในการบาํ เพญ็
สมณธรรม นกั ศึกษาในครัง้ พทุ ธกาลท่ีเขาสูม หาวทิ ยาลัยเชนน้ันยอ มเปนผูพรอ มทุก
อยาง ศรัทธาความเชื่อตอมรรคตอผลก็พรอม วิรยิ ะคอื ความพากเพียรกพ็ รอม สติก็
พรอม สมาธกิ เ็ ตรยี มพรอม ปญญาก็กลมกลืนกันไปที่เรียกวาอินทรีย ๕ หรอื พละ ๕
ซึ่งเปนหลักวิชาและเครื่องมือของนักศึกษาและนักปฏิบัติในครั้งพุทธกาล ทา นดาํ เนนิ
กนั อยางนน้ั

หลักวิชาที่พระพุทธเจาทรงสั่งสอนในเบื้องตน เพอ่ื นาํ ไปบาํ เพญ็ ในสถานทเ่ี ชน
นั้นก็คือ อาการ ๓๒ ซงึ่ เปน หลกั วชิ าอนั ใหญโ ตมากที่พระผูมารับการอบรมศกึ ษาจะรับ
ไปประพฤติปฏิบัติจากพระพุทธเจา ซง่ึ เปน ศาสดาจารยอ งคเ ลศิ การปฏิบัติทุกแงทุก
มุมตลอดความเคลื่อนไหวในอาการตางๆ ลว นแตเ ปน ทา ของนกั รบผเู อาจรงิ เอาจงั ทง้ั
นน้ั เพ่อื ใหจบพรหมจรรยค ือความสิ้นสดุ วิมุตตพิ ระนพิ พาน สงั หารกเิ ลสใหข าดลอยไป
จากจิตใจ กลายเปน ผสู าํ เรจ็ ปรญิ ญาเอกขน้ึ มา ปรญิ ญาเอกครง้ั นน้ั ไดแ กก ารสาํ เรจ็
อรหตั บคุ คล ปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาโทกไ็ ดแ กส าํ เรจ็ พระโสดา พระสกิทาคา พระอนาคา
สว นปรญิ ญาเอกไดแ กพ ระอรหัตบุคคล

ผสู าํ เรจ็ ปรญิ ญาเอกแลว ชอ่ื วา เปน ผเู รยี นจบพรหมจรรยโ ดยสมบรู ณแ ลว ใน
มหาวทิ ยาลยั สงฆน น้ั ๆ ไมม คี าํ วา ใบประกาศนยี บตั รใดๆ มสี นทฺ ฏิ ฐ โิ กตามขั้นภูมิของ
จิตของธรรมที่รูเห็นเปนใบประกาศของทานแตละองคๆ คอื ความรเู องเหน็ เองจากการ
ปฏิบัติของตนที่ไดศึกษามาดวยดีแลวจากพระพุทธเจา เพราะคาํ วา สนทฺ ฏิ ฐ โิ กพระองค
ทรงมอบไวกับผูปฏิบัติทุกๆ รายไป ไมทรงผูกขาด ทรงมอบใหผ นู น้ั เปน ผรู ผู เู หน็ และผู
ยนื ยันความจริงขนึ้ มากับตนเอง เพราะความจริงมีอยูกับทุกคน นอกจากจิตที่ยังปลอม
อยูดวยกิเลสของจอมปลอมทั้งหลายเทานั้น จงึ ไมส ามารถจะทราบความจรงิ ซึ่งมีอยูกับ
ตนไดท ง้ั สว นหยาบสว นกลางสว นละเอยี ด ไมม ใี ครมาใหใ บรบั รอง สนั ทฏิ ฐกิ ธรรมเปน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๙๐

๒๙๑

เครื่องรับรองประจักษใจ หรอื ปจจฺ ตตฺ ํ เวทิตพฺโพ วิ ฺ หู ิ ทา นผรู ทู ง้ั หลายพงึ รจู าํ เพาะ
โดยการปฏิบัติของตน นเ่ี ปน ใบประกาศของทา นทค่ี น ควา และเสาะแสวงหาเองดว ย
ความชอบธรรม ไดแก สปุ ฏปิ นโฺ น อุชฯุ ญายฯ สามจี ปิ ฏปิ นโฺ น ผลที่ตกออกจากการ
ปฏบิ ตั นิ ี้กไ็ ดแกอ ริยบคุ คล คอื โสดา สกทิ าคา อนาคา อรหัตบุคคล

ในครั้งพุทธกาลทานเรียนอยา งนน้ั เรียนเพื่อประพฤติปฏิบัติ หาสถานทเ่ี หมาะ
สมเปนที่ฝกหัดอบรม เรยี นเพอ่ื ความรคู วามเขา ใจในสจั ธรรมคอื ความจรงิ ทง้ั หลาย ทั้ง
ฝายสมุทัย ทุกข ทั้งฝายนิโรธ มรรค แจง ประจกั ษก ับใจตัวเอง เพราะสจั ธรรมทง้ั สน่ี ม้ี ี
อยูดวยกันทุกคน ไมไดน อกเหนือไปจากกายกบั ใจนเ้ี ลย ทานจึงเปนสงฆฺ โสภณาเปน
ความงามแหง สงฆท บ่ี รสิ ทุ ธล์ิ ว นๆ ดวยความต้ังใจปฏบิ ัติอยางแทจ รงิ ธรรมท่ีทาน
บรรลเุ ปน ขน้ั ๆ เหลา นน้ั กเ็ ปน ธรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการปฏบิ ตั ิ ใจเทา นน้ั เปน ผจู ะรบั สมั ผสั
สัมพันธธรรมทั้งหลายทุกขั้นทุกภูมิไปจนกระทั่งถึงขั้นสูงสุด ไมม อี วยั วะสว นใดในรา ง
กายของเรานี้ที่จะสัมผัสสัมพันธธรรมทุกๆ ขั้นไดอยางประจักษชัดเจนเหมือนใจ

ใจจึงเปนสิ่งสําคัญมากที่ตองไดรับการศึกษาอบรมดวยดี เพอ่ื ความสมั ผสั ธรรม
ทุกขั้น ดวยการปฏิบัติอันถูกตองดีงามของตน ครง้ั พทุ ธกาลทา นดาํ เนนิ อยา งนน้ั เมื่อ
เขาสมาคมกันมีแตเรื่องอรรถเรื่องธรรมเรื่องขอวัตรปฏิบัติ สถานทเ่ี ปน ทบ่ี าํ เพญ็ วา มา
จากปาไหน เขาลกู ไหน ถาํ้ ใด เงื้อมผาใด ไปอยสู ถานทเ่ี ชน นน้ั การบาํ เพญ็ เปน อยา งไร
จติ ใจไดร บั ความสงบไดร บั ความแยบคาย มคี วามรคู วามฉลาดอยา งไรบา ง ผูใดไดรู
ธรรมในแงใ ดขน้ั ใด ภมู ใิ ด นาํ อรรถธรรมแงต า ง ๆ ซง่ึ ตนรตู นเหน็ มาสมั โมทนยี กถาซง่ึ
กันและกัน ใหเ ปน เครือ่ งรนื่ เริงและยึดเปน คตติ วั อยางจากกันและกนั ไปเปน สริ ิมงคล
แกตน

ไมม คี าํ วา การบา นการเมอื ง การไดก ารเสยี การซื้อการขาย เรอ่ื งหญงิ เรอ่ื งชาย
เรื่องรักเรื่องชอบ เรื่องการน้นั กจิ น้อี ันเปนเรือ่ งของโลกสงสาร ทา นไมน าํ เขา มาเกย่ี ว
ของกับวงของการปฏิบัติธรรม ราวกบั วา อยคู นละโลก ทั้งๆ ที่ทา นกอ็ าศยั อยูในโลกเรา
ดวยกันกับมนุษยท งั้ หลายนัน่ แล แตจิตใจและการประพฤติปฏิบัติของทานหมุนไปใน
ธรรมลว นๆ กิริยาที่แสดงออกจึงแสดงออกดวยความเปนธรรมทั้งนั้น ไมมีสิ่ง
จอมปลอมทั้งหลายเขาเคลือบแฝงเลย สรณะของพวกเราทา นดาํ เนนิ อยา งน้ี

พระพทุ ธเจา เรากเ็ คยเหน็ พระประวตั ขิ องทา นมาดว ยดดี ว ยกนั จะวาเราไดศึกษา
มาแลวทุกรูปก็ได เพราะตางองคตางก็ไดศึกษามาดวยกันแลวทั้งนั้น เราสงั เกตตาม
พระประวตั กิ ารดาํ เนนิ ของพระองค แมจ ะไมม คี รมู อี าจารยแ นะนาํ พราํ่ สอน แตว ธิ กี าร
ดาํ เนนิ ของทา นกเ็ ปน สรณะของพวกเราไดอ ยา งสมบรู ณ ในความสละทุกสิ่งทุกอยางซึ่ง
เปนความสุขของโลก ที่พระองคก็เปนผูหนึ่ง เนอ่ื งจากเคยเปน กษตั รยิ ม าแลว จะตอง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๙๑

๒๙๒

ไดค รอบครองความสขุ เหลา น้ี เกย่ี วขอ งกบั สง่ิ เหลา น้ี บรษิ ทั บรวิ ารสมบตั เิ งนิ ทองขา ว
ของ ไพรฟ า ประชาชมี ากนอ ยอยใู นพระราชอาณาจกั รของพระองค สง่ิ เหลานโ้ี ลกถือวา
เปนสมบัตอิ ันมคี ณุ คา เปนส่ิงทโี่ ลกปรารถนากันทง้ั นนั้ แตพระองคทําไมจึงทรงเสียสละ
ไดเ หมอื นหนง่ึ วา ไมม คี วามอาลยั เสยี ดาย

ทง้ั นเ้ี พราะความมงุ มน่ั ในพระทยั นน้ั หนกั แนน ในธรรมทง้ั หลาย เฉพาะอยางยิ่ง
ความพนทุกขและความเปนศาสดาของโลกเต็มพระทัย สง่ิ เหลา นน้ั จงึ ไมม นี าํ้ หนกั มาก
ยิ่งกวาความมุงมั่นของพระองค ทจ่ี ะใหส าํ เรจ็ ตามพระประสงค อนั น้เี ปนตน เหตทุ ่ีจะให
ทรงเสียสละทุกสิ่งทุกอยางตอไปไมลดละ แมสิ่งเหลานั้นจะมีคุณคาตามโลกนิยมสมมุติ
ก็ตาม แตถ า เทยี บกบั ธรรมแลว สง่ิ เหลา นน้ั มคี ณุ คา นอ ยนดิ เดยี ว ไมเปนสิ่งที่มีคุณคา
มหาศาลดงั ธรรมทไ่ี ดต รสั รแู ละความเปน ศาสดาสอนโลก เพื่อประโยชนแกโลกอยาง
มากมายนน้ั เลย จึงไดตัดพระทัยออกไป

การออกไปของพระองคนั้น มคี วามลาํ บากยากเยน็ เขญ็ ใจอยา งไมม ใี ครเสมอ
และไมมีใครเหมือน ไมมีใครเทียบ ไมม ีใครเปนคแู ขง พระองคไดใ นการเสยี สละก็ดี ใน
การประกอบความพากเพียรก็ดี ในความทุกขย ากความลาํ บากเพราะความเปน อยูใช
สอยตางๆ ก็ดี มีแตความทุกขบีบคั้นทั้งนั้น หาความสะดวกสบายไมไ ดเ ลย เพราะ
ความเปน กษตั รยิ  ทรงเสียสละพระองคลงมาสูค วามเปน คนอนาถา เทย่ี วเสาะแสวง
อาหารปจ จยั มาเสวยจากชาวบา นชาวเมอื งธรรมดาทว่ั ๆ ไป ซึ่งแตกอนพระองคไมทรง
เคยพบเคยเหน็ เลย แตก ็ไดท รงพบทรงเหน็ ในขณะท่ที รงเสียสละราชสมบัติออกทรง
ผนวชทเี ดยี ว

ความทุกขในการประกอบความพากเพียร พระองคก็ไมเคยไดรับทุกขถึงขนาด
นน้ั ความเปนอยูอยางทนทุกขทรมานทุกดานพระองคก็ไมเคยมากอน ประหนง่ึ วา
สวรรคของมนุษยพระองคไดอยูมาแลวตั้งแตวันประสูติ จนกระท่งั วันเสด็จออกทรง
ผนวช แลวไดทรงตกนรกท้ังเปน ในแดนมนษุ ยแหงความเปนคนขอทานเขากนิ กใ็ น
ขณะทพ่ี ระองคท รงเสยี สละจากปราสาทราชบรษิ ทั บรวิ าร ออกไปสูที่ซึ่งไมมีใคร
ปรารถนากนั โลกเขาเรยี กวา สถานทด่ี ดั สนั ดาน แตความจริงพระองคไปเพื่อดัดสันดาน
กเิ ลสตา งหาก

ความทกุ ขความทรมานทงั้ หลายรวมลงในสิทธัตถราชกุมาร ซึ่งยังไมไดเปนพระ
พุทธเจา ในขณะนั้นทง้ั สนิ้ แลว การประกอบความพากเพยี ร ก็ทรงตะเกียกตะกายเต็ม
พระสตกิ าํ ลงั ความสามารถ ถึงขนาดสลบไสลไปถึงสามครั้ง ทุกขมากนอยเพียงไร เหลา
นลี้ วนแลว แตเปน คติตัวอยา งของชาวพทุ ธเราไดเ ปน อยางดี สมความเปนศาสดาตั้งแต
ขั้นเริ่มแรกที่เสด็จออกทรงผนวชและบําเพ็ญตลอดมา จนกระทง่ั ไดต รสั รแู ละประทาน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๙๒

๒๙๓

พระโอวาทสง่ั สอนมวลสัตวเรื่อยมา เปน ศาสดามาโดยลาํ ดบั ลาํ ดา ควรยดึ เปน หลกั เปน
เกณฑ ควรยึดเปนคติตัวอยางไดอยางถึงใจไมมีขอสงสัยแมแงใดแงหนึ่งเลย

อันเรื่องที่พระองคทรงบําเพ็ญผิดพลาดไปบางนั้น เปนธรรมดาของผูไมมีครูมี
อาจารยแ นะนาํ สง่ั สอนในทางทถ่ี กู กย็ อ มมคี วามผิดพลาดคลาดเคลอ่ื นเปน ธรรมดา แต
พระวิริยะคือความพากเพียร และความอดทนทุกแงทุกมมุ ในการบาํ เพ็ญทั้งหลายน้นั
ยกใหเ ปน คตติ วั อยา งอนั เลศิ สาํ หรบั ชาวพทุ ธเราทง้ั หลาย จนกระทง่ั ไดต รสั รมู คี วาม
ลาํ บากมากนอ ยเพยี งไร เราจงึ ควรนอ มเอาเรอ่ื งราวของพระองคม าเปน คตติ วั อยา ง
เปนเครื่องยึดตอการประพฤติปฏิบัติของเรา เพอ่ื เปน กาํ ลงั ใจในการบาํ เพญ็ วา พระ
พทุ ธเจา มใิ ชเ พชฌฆาตจะนาํ พวกเราไปตาย เพราะความลาํ บากดว ยความเพยี รพยายาม
จงึ ไมค วรกลวั วา จะตายเพราะความเพยี รเพอ่ื ฆา กเิ ลสตวั ปลน หวั ใจอยตู ลอดมา

บรรดาสาวกก็ไมตองกลาวถึง บางองคก ล็ าํ บากลาํ บนเชน เดยี วกนั เพราะเคย
เปนกษัตริยมาดวยกัน มมี ากมายและเปน ลาํ ดบั ลาํ ดา เมื่อสรุปลงแลวไมวาจะออกมา
จากชาตชิ น้ั วรรณะใด ตองแบกหามกิเลสมาเต็มหัวใจดวยกัน กเิ ลสมอี ยใู นหวั ใจใด จะ
ไมย งั หวั ใจนน้ั ใหม คี วามสขุ ความสบายเปน อสิ รเสรไี ดเ ลย จะตอ งบบี บงั คบั ทรมานจติ
ใจ ใหเกิดความทุกขความเดือดรอนอยูเรื่อยมา การประกอบความพากเพียร เพื่อแก
เพื่อถอดถอนสิ่งที่เหนียวแนนแกนของวัฏวนนี้ออกจากใจ ตั้งแตขั้นเริ่มแรกถึงขั้นที่สุด
จดุ หมายปลายทางนน้ั แตละองคๆ นน้ั จะมคี วามยากความลําบากเพียงไร

ใหพ งึ ทราบวา กเิ ลสไมม กี เิ ลสตวั ใดทจ่ี ะขบเปราะๆ ฟนงายๆ ขาดงา ยๆ มีแตตัว
ทเ่ี หนยี วแนน มน่ั คง ตวั เฉลยี วฉลาด ตวั ละเอยี ดลออ กลอมมนุษยกลอมสัตวโลกให
เคลม้ิ หลบั ไมม วี นั ตน่ื ไดเ หมือนกนั หมด การปราบปรามถอดถอนมนั จะเอาความ
สะดวกสบายมาจากทไ่ี หน ตองทุกขตองลําบากดวยกันทั้งนั้นแหละ อยาพากนั สงสัย
หรอื ตง้ั ความหวงั กบั กเิ ลสวา จะพาใหเ ราสบายในการเขน ฆา มนั แมแตสัตวมันยังตอสู
เวลาเราจะฆา มนั กเิ ลสยง่ิ ตวั ฉลาดแหลมคมดว ยแลว มนั จะขน้ึ บนเขยี งคอยใหเ ราสบั ยาํ
อยา งงา ยดายเทยี วหรอื จงอยาพากันฝนลมๆ แลงๆ

เพราะฉะนน้ั การที่จะแกกิเลสซึ่งเปนธรรมชาติออยอิ่ง สาํ หรบั สตั วท โ่ี งเ ขลาทง้ั
หลายนน้ั จงึ เปน เรอ่ื งทย่ี ากเรอ่ื งทล่ี าํ บากมากมายมาแตก าลไหนๆ ไมใ ชเ ปน สง่ิ ดอ้ื ดา น
และแกยากฆายากเฉพาะกิเลสของเราคนเดียว เราประมวลเขา มาพจิ ารณาอยา งน้ี ใน
บรรดาสาวกทง้ั หลายทท่ี า นผา นพน นรกกเิ ลสตวั เคยเผาผลาญไปแลว อยา เขา ใจวา หวั ใจ
เราดวงนก้ี บั กเิ ลสทฝ่ี ง ใจเรานเ้ี ปน สง่ิ ทแ่ี กย ากเพยี งเราคนเดยี ว มันเปนสิ่งแกยากมา
ดวยกนั ทง้ั น้ัน ตองสุดฝมือเต็มสติกําลังความสามารถ ถึงขนาดสละชีวิตเลือดเนื้อจิตใจ
ตอการตอสูกับกิเลสนี้ มจี าํ นวนไมน อ ยในบรรดาพระสาวก นบั แตพระพุทธเจา ลงมา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๙๓

๒๙๔

ทรงสลบถึงสามครัง้ นน่ั คอื การเสยี สละ หากจะตายไปเลยพระองคก็ยอม จะไมเ รยี กวา
เสยี สละยงั ไง

ใหเราคิดอยางนี้ในการประพฤติปฏิบัติ จติ ใจจะไดม คี วามหา วหาญมกี าํ ลงั ใจใน
การตอสู วา พระพทุ ธเจา กด็ ี พระสาวกท้งั หลายทไ่ี ดเ ปนสรณะของพวกเรากด็ ี ไมใช
ทา นทล่ี า งมอื เปบ มาเลย แตท า นเปน ผเู คยเดนตายมาดว ยกนั แทบทง้ั นน้ั หรือจะพูดวา
๙๘% กไ็ มผ ดิ ในบรรดาทไ่ี ดร บั ความลาํ บากลาํ บนมาแลว สว น ๒% นน้ั กย็ กใหพ วก
สขุ า ปฏิปทา ขิปปฺ าภิ ญฺ า ปฏิบัติสะดวกทั้งรูไดเร็ว อนั นม้ี จี าํ นวนนอ ยมาก แต
จํานวนที่ถูไถกลิ้งไปกลิ้งมา ตะเกียกตะกายหกลม กมกราบน้ีมีจาํ นวนมาก เชน เราๆ
ทา นๆ นแ่ี ล เพราะกเิ ลสเปนจอมขาศกึ อยางสาํ คัญ การกลงิ้ ไปกลิง้ มาดว ยความเพยี ร
ทาตางๆ ก็คือวิธีการอันหนึ่งที่ตอสูกับกิเลส แทบสลบไสลกเ็ ปน วธิ กี ารอันหนงึ่ ที่ตอสู
กบั กิเลส

ทกุ ขย ากลาํ บากในการประกอบความเพยี รทา ใด ก็เปนความทุกขแตละอยางๆ
ที่เกิดจากการตอสูกับกิเลสทั้งมวลทําไมจะไมทุกข ตองทุกข เพราะกิเลสทุกประเภทมี
แตต วั เหนยี วแนน มน่ั คง ตัวฉลาดละเอียดลออสุขุมมากทั้งสิ้น ในสามโลกธาตุนี้ไมมี
อะไรเกินกเิ ลสทีม่ คี วามสขุ มุ มาก ถา เปน เหยอ่ื กเ็ ปน เหยอ่ื ทส่ี ตั วต ายใจอยา งสนทิ ไมค ิด
และไมท ราบวา เปน เหยอ่ื ลอ เลย เขาใจวาเปนอาหารอันโอชาซึ่งไมเคยไดร ับไดพ บได
เห็นตัง้ แตวันเกิดมา เมื่อเจอเขาทําไมจะไมงับเอาๆ ใหส มใจ และทําไมเบ็ดจะไมติด
เอาๆ เพราะเหยอ่ื ลอ กล็ อ เพอ่ื ใหต ดิ เบด็ กิเลสลอสัตวทั้งหลายก็เพื่อใหติดจมอยูในกอง
ทุกขนั่นแล

การที่จะแกกิเลสจึงตองใชอุบายวิธีตางๆ พรอมทั้งกําลังวังชาความอุตสาห
พยายาม นอกจากอุบายของสติปญญาแลว ยังตองอาศัยพลังคือกําลังแหงความ
พากเพียร กําลังแหงความอดทน กาํ ลงั แหง ความอตุ สา หพยายามบกึ บนึ กนั ไป เครอ่ื ง
มือก็ใชกันไปเรื่อยๆ สติปญญาซึ่งเปนเครื่องมืออันสําคัญ เราจะใชแ บบนสิ ยั เดมิ ซง่ึ เคย
มมี าแตฆ ราวาส จะนาํ มาใชแ กก เิ ลสตณั หาอาสวะในเพศของพระ ในกิริยาอาการตางๆ
ของพระ จะไมมีกิเลสตัวใดหลุดลอยไปเลย เพราะนสิ ยั นน้ั เปน เรอ่ื งของกเิ ลสโดยตรง
อยูแลว ไมใชเรื่องของธรรม

ความมักงาย ความสขุ เอาเผากนิ นี้เปนนิสัยของกิเลสทั้งมวล ความเบอ่ื ตอ ความ
พากเพยี ร ความเข็ดหลาบตอความทุกขในการประกอบความดี ลว นแลว แตเ ปน กล
อุบายของกิเลสทั้งมวล ความหนกั กเ็ อาเบากส็ ไู มล ดละทอ ถอยเพราะไดเ ชอ่ื ธรรมแลว วา
กเิ ลสนไ้ี ดเคยทาํ พษิ แกเ รามาเปน เวลานานแลว ทา นผรู คู อื ศาสดาไดส อนไวแ ลว โดยถกู
ตองแมนยํา วา กเิ ลสเปน ภยั ตอ สตั วโ ลก เม่อื เช่ืออยา งนแ้ี ลว ถึงเราจะยังไมรูฤทธิ์ของมัน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๙๔

๒๙๕

ดว ยปรชี าความสามารถของเรากต็ าม แตเ รากร็ ดู ว ยใจของปถุ ชุ นเรานแ่ี ล อาศัยศรัทธา
ความเช่ือตอพระโอวาททีพ่ ระศาสดาสอนไว ทําใหเกิดกําลังใจที่จะตอสูกับกิเลสมากขึ้น
โดยลาํ ดบั ๆ จนไดเห็นโทษของมันอยางแทจริงภายในจิตใจของตัวที่เรียกวา สนฺทิฏฐิ
โก และเหน็ คณุ คา ของธรรมในขณะเดยี วกนั ดว ยสนทฺ ฏิ ฐ โิ กเหมือนกัน

เมื่อไดเห็นทั้งโทษทั้งคุณประจักษกับใจตัวเอง คอื ระหวา งกเิ ลสกบั ธรรมมโี ทษ
และมีคณุ ตา งกนั อยางไรบางแลว เรือ่ งความพากเพียรหากหนุนกนั มาเอง เพราะความ
เช่อื ที่เกดิ จากความเหน็ ประจักษใ จเปน ส่งิ ที่มกี าํ ลังมาก และจะหนนุ กันมาเปน ลูกโซ
ความอดความทนความอุตสาหพยายามทุกแงทุกมุมไมตองบังคับ หมนุ กนั มาเองเพราะ
ความเหน็ โทษและความเหน็ คณุ ประจกั ษก บั ใจนน้ั มกี าํ ลงั มาก ถึงขนาดที่สละชีวิตจิตใจ
เพื่อความพากเพียรเพื่อการตอสู เพื่อการถอดถอนกิเลสซึ่งเปนตัวภัยนั้นออกไดโดยไม
ตองสงสัย นี่คือหลักของการปฏิบัติของผูจะพนจากคุกบางขวาง บางจนมองไมเ หน็ แต
ขวางใจอยูตลอดเวลา คอื กเิ ลสบางขวางนน่ั แล

อยางไรอยาลืมหลักของศาสดาที่พาดําเนินมา ตลอดสถานที่อยูที่อาศัย ปจจัย
เครื่องใชไมสอยตางๆ พระองคแ ละสาวกมีความฟุง เฟอ เหอ เหมิ กับส่ิงใดบาง ไมมีสิ่ง
ใดที่จะแซงพระองคและสาวกทั้งหลายไปได บรรดาโลกามิสถอื เปน เพยี งเครือ่ งอาศัยชั่ว
กาลชว่ั ระยะเวลาเทา นน้ั ไมถือสิ่งเหลานี้เปนเรื่องใหญโตพอจะเปนอุปสรรคขัดของกีด
ขวางตอ ความพากความเพยี รไดเ ลย สง่ิ ดงั กลา วกเิ ลสมนั เสกสรรขน้ึ ตา งหากเพอ่ื ลมุ
หลงไปตามมัน โดยเหน็ วา สง่ิ นน้ั บกพรอ งสง่ิ นไ้ี มส ะดวกสบาย จตุปจ จยั ไทยทานที่โลก
ใหมาน้ันไมเ พียงพอแกความตองการ เปน เหตใุ หข าดความเพยี รเพราะปจ จยั เครอ่ื ง
อุดหนุนไมเพียงพอ อยางนี้พึงทราบวาคือกลมายาแหงเพลงของจอมกษัตริยวัฏจักรทั้ง
มวล จงทาํ ความเขา ใจไวด ว ยดอี ยา หลงกลมนั เพราะไมเ คยมใี นปฏปิ ทาพระพทุ ธเจา
และสาวกองคใ ด ท่สี อนใหมขี ้นึ มาโดยสม่าํ เสมอหนุนกันไปโดยสมาํ่ เสมอ ก็คือความ
พากเพียรเพื่ออรรถเพื่อธรรมดังทานพาดําเนินมา

ทา นเพยี รเพอ่ื อรรถเพอ่ื ธรรม ทานไมไดเพียรเพื่อของแวะกับโลกามิสใดๆ นี่
ศาสดาและสาวกทา นดาํ เนนิ ทา นดาํ เนนิ อยา งน้ี เพราะฉะนั้นจึงตองระมัดระวังกัน ไม
ประมาทนอนใจกบั สง่ิ ใดบรรดาโลกามสิ และไดพ ยายามสง่ั สอนและใหอ บุ ายหมเู พอ่ื น
อยเู สมอเกย่ี วกบั เรอ่ื งเหลา น้ี ซึ่งเปนเครื่องอาศัยไปเปนวันๆ เทา นน้ั แตอ าจกลายเปน
เรอ่ื งใหญโ ตขน้ึ มาไดส าํ หรบั ผโู งเ ขลา ปฏบิ ตั ติ อ สง่ิ เหลา นไ้ี มร อบคอบ ตองกลับกลายมา
เปน ขาศึกเครอื่ งกดี ขวางธรรม ที่จะควรไดควรถึงของตนไดโดยไมตองสงสัย จงึ ตองได
ระมัดระวงั วา ศาสดาทา นสอนใหด าํ เนนิ อยา งน้ี ไมใหดําเนินอยางอื่น อนั จะผิดพลาด
จากแนวทางของความพนทุกขทั้งมวล

เขา สแู ดนนพิ พาน ๒๙๕


Click to View FlipBook Version