The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ืทีมงานกรุธรรม, 2022-05-19 22:53:25

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

เข้าสู่แดนนิพพาน หลวงตามหาบัว

Keywords: เข้าสู่แดนนิพพาน,หลวงตามหาบัว

๓๔๖

นี่คือพระพุทธเจาองคสยมั ภู ทรงรเู องเหน็ เอง ไมมีครูไมมีอาจารยไมมีใคร
มาบอกมาสอน แตทรงคน ควา รูเ ห็นไดโ ดยลาํ พังพระองค จงึ เรยี กวา สยมั ภู ทรงรูเอง
จากนน้ั กไ็ ดน าํ อบุ ายวธิ กี ารทท่ี รงปราบปรามสง่ิ ทม่ี อี าํ นาจเหนอื หวั ใจนใ้ี หแ กผ อู น่ื เชน
สาวกมเี บญจวคั คยี เ ปน ตน จนทา นเหลา นไ้ี ดเ ขา อกเขา ใจวธิ กี ารดาํ เนนิ และไดบ รรลุ
ธรรมตามพระพุทธเจาขึ้นมา นอกจากนนั้ ไมม ใี ครถาไมไ ดร ับการอบรมส่งั สอนเสยี
กอนจะรูไมได เพราะธรรมชาตนิ ล้ี กึ ลบั มากละเอยี ดมาก เกนิ กวาความรูท่ีไมม ีสติ
ปญญาอันเปนทางปลดเปลื้องจะรูได

ลําพังสติปญญาของโลกทั่วๆ ไปก็เปนเครื่องมือของมันเสีย เรยี นรมู คี วาม
ฉลาดมากเพียงไร ยิ่งทําความชั่วไดอยางคลองตัว ปญญาของสามัญชนที่ไมมีธรรม
เคลอื บแฝง มักเปนเครื่องมือของกิเลส ความโลภ โกรธ หลง ราคะตณั หา ไดเปน
อยางดี เจา ของเองกภ็ ูมใิ จวาตนฉลาด แตไมสะดุดใจวาตนคือ บอยคนโปรดของ
กเิ ลสประเภทตา ง ๆ

การพสิ จู นค วามรนู ใ้ี หเ หน็ ประจกั ษไ ปโดยลาํ ดบั จึงตองอาศัยภาคปฏิบัติเปน
สาํ คญั ดงั ในตาํ ราทา นวา ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏเิ วธ เกี่ยวโยงกันอยางแยกไมออก ถาไม
ปลอ ยใหก เิ ลสชว ยแยก โดยเห็นวา เพยี งอยางใดอยา งหนงึ่ ก็พอแลว ดีถมไปดังนี้
ปรยิ ตั คิ อื เราศกึ ษาเลา เรยี นจากตาํ รบั ตาํ ราแลว ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ เริ่มตั้งแตฝกหัด
ภาวนา ในขณะที่จิตมีความฟุงเฟอเหอเหิมไมรูเนื้อรูตัว รน่ื เรงิ บนั เทงิ และเศรา โศก
เสยี ใจไปตามอาํ นาจของกิเลส แตไ มท ราบวา กเิ ลสเปน ผทู าํ พษิ เปน ผบู งั คบั บญั ชาให
เปน เชน นน้ั ดงั นน้ั ทา นจงึ สอนใหภ าวนาอบรมจติ ใหม คี วามสงบเยน็ เพอ่ื เหน็ ผลเปน
ความสขุ

เมอื่ ไดอ บรมทางดา นจิตตภาวนาเขาไปตามหลกั ธรรมทที่ า นสอนไว ยอมจะ
ปรากฏเปน ความสงบขน้ึ มา เพยี งความสงบขน้ึ มาเทา นน้ั ก็เห็นเปนของแปลกแลว
สาํ หรบั จติ ใจของคนทไ่ี มเ คยภาวนา และไมเ คยสงบมาเลย เพราะใจเราเคยคลกุ เคลา
กับความสุขที่กเิ ลสมนั ปอนพอประทงั ชวี ิตใหเ ปนไปในวนั หนง่ึ ๆ จนจาํ เจแลว ไมเ หน็
ไดความวิเศษวิโสอะไร สุขเลยจากนั้นไปไมได มนั ไมใ หเ ลยไปกวา นน้ั พอประทังไว
เพียงใหม ีชีวติ ลมหายใจสืบตอภพตอ ชาตไิ ปในภพหนงึ่ ๆ เทา นน้ั แตเมื่อความสุขที่
เกดิ ขน้ึ จากความสงบปรากฏขน้ึ น้ี เปนส่ิงท่ีแปลกประหลาดกวา ความสุขทั้งหลายท่ี
เคยไดสมั ผสั สมั พันธมาอยมู าก ดว ยเหตนุ จ้ี งึ ทาํ ใหผ ไู ดร บั ผลแหง ความสงบนน้ั มี
ความสนใจใฝธ รรมเพอ่ื ความสงบยง่ิ ๆ ขึ้นไป ดวยความเขมงวดกวดขัน และ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๔๖

๓๔๗

พยายามทําจิตของตนใหมีความสงบละเอียดยิ่งขึ้น เมื่อจิตมคี วามสงบสมควรพอเปน
บาทเปน ฐานหรอื เปน ปากเปน ทางแลว ก็มีอุบายอีกแงหนึ่งที่พระพุทธเจาทรงสั่งสอน
ไว วา ใหใ ชป ญ ญาพนิ จิ พจิ ารณา เพอ่ื ความรคู วามฉลาดในสภาวธรรมใหก วา งขวาง
ออกไป

คาํ วาปญ ญา ไดแกความแยบคายของจิต อาการอนั แยบคายของจิต ความ
คดิ ความปรงุ อนั แยบคาย เพื่อแกกิเลสของจิตนั่นแล หากเปน ความแยบคายประเภท
หนึ่งที่เกิดขึ้นจากจิต ทา นเรยี กวา ปญญา เปนอาการท่เี กดิ ขึน้ จากจิต สติก็เปนอาการ
อันหนึ่งที่เกิดขึ้นจากจิต แตไมใชจิต หากนําไปใชเปนประโยชนแกจิตได และไดเต็ม
เมด็ เตม็ หนว ย ไดเ ตม็ ขั้นเต็มภมู จิ ากการใชปญ ญาพนิ ิจพิจารณา

การพจิ ารณากไ็ มไ ดพ จิ ารณาทไ่ี หน พิจารณาตรงที่กองทัพกิเลสมันสุมอยูนั้น
แหละ รูปูปาทานกฺขนฺโธ เวทนปู าทานกขฺ นโฺ ธ สฺ ูปาทานกขฺ นโฺ ธ สงขฺ ารู
ปาทานกฺขนฺโธ วญิ ญาปู าทานกขฺ นโฺ ธ ความยดึ มน่ั ถอื มน่ั ในขนั ธห า นล่ี ะเปน สาํ คญั
ทานจงึ สอนใหพ ิจารณาขันธห าขันธใดก็ไดตามแตถ นดั ในกองรูปคือรางกายของเรา
และของสัตวบุคคลทั่ว ๆ ไป ในเวทนา สขุ ทุกข เฉย ๆ ทั้งทางกายและทั้งทางใจ ใน
สัญญา ในสงั ขาร ในวญิ ญาณ โดยพจิ ารณาเปน อสภุ ะอสภุ งั ทกุ ขฺ ํ อนจิ จฺ ํ อนตฺตา
ทบไปทวนมาจนเขา ใจตามธรรมทท่ี า นสอนไว

เบอ้ื งตน ทา นใหค ยุ เขย่ี ขดุ คน ทางรปู คือ รปู กายนใ้ี หม าก เพราะกเิ ลสมนั
หนาแนน อยตู รงน้ี ถือเดนออกหนาออกตาอยูตรงนี้ ฉากในลกึ ๆ นั้นเรายังมองไม
เหน็ เพราะกเิ ลสประเภทนน้ั ฉลาดแหลมคมยง่ิ กวา ประเภททม่ี าจบั จอง มายึดมาถือ
มากาํ อาํ นาจในสกลกายนอ้ี ยมู าก เพยี งแตก เิ ลสประเภททม่ี ากมุ อาํ นาจอยภู ายในรา ง
กายของเราน้เี รายังไมสามารถมองเหน็ ได ทั้ง ๆ ทเ่ี หน็ ไดด ว ยตาเนอ้ื นแ้ี หละ แตต าใจ
ตาปญญาไมมีจึงไมสามารถมองเห็น เชน เกสา โลมา นขา ทนฺตา ตโจ เปน ตน มี
ใครบางที่เห็นผมอยางถึงที่ถึงฐานตามหลักความจริงของมันและของธรรม นอกจาก
เหน็ ไปตามกเิ ลสลว น ๆ รอ ยเปอรเ ซน็ ตเ ทา นน้ั ขน เลบ็ ก็เปนเหมือนกัน ฟน ก็
กระดกู ตามหลักความจรงิ แลว มันยังไมเห็น คอื ไมเ หน็ ตามอรรถตามธรรม

รวมรา งกายทั้งกอ นหรือทง้ั ทอนมอี ะไรบางอยภู ายในนี้ ลว นแตก เิ ลสกมุ
อาํ นาจไวหมดไมใหเ หน็ และเปดทางของมนั ไว วา นน่ั สวยนง่ี าม นน่ั นา รกั ใครน น่ี า ชอบ
ใจ นน่ั นา กาํ หนดั ยนิ ดี นน่ั เปน สง่ิ จรี งั ถาวร หรือไมไดคิดถึงความจีรังถาวรหรือไม
ถาวรบา งเลย มีแตติดมีแตรักใครชอบใจถายเดียว อันนี้จะแปรสภาพไปอยางไรไม

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๔๗

๓๔๘

คาํ นงึ เพียงความชอบใจความพอใจนี้ก็พอตัวแลว กิเลสมันหลอกเพียงแคนี้ก็ไดการ
และอยมู อื มนั แลว นกั ปฏบิ ตั เิ รา ไมสามารถจะคิดใหถ ึงความจรี งั ถาวร หรอื ไมจ รี งั
ถาวรของมนั ไดเลย เพราะถูกกลอมเสียออนปวกเปยกเรียกหากุสลา มาติกา เสียกอน
แลว แตไ มย อมเรยี กกสุ ลาธรรม คือ สติปญญาที่ติดแนบอยูกับใจซึ่งพรอมที่จะชวย
นน่ั บา งเลย ถาคิดถึงเรื่องความไมจีรังถาวร มนั จะมอี นั หนง่ึ แทรกขน้ึ มาวา จรี งั ถาวร
มันปดประตูไวไมใหคิดในทางที่ถูกเสีย

ทกุ ขฺ ํ บบี อยูทุกคนทัง้ รา งกายและจติ ใจ อยางมากก็บนเอา เหมอื นกบั วา เปน
ทางระบายออกแหงทุกข ความจริงไมใชเ ปนทางระบายออก เปน ทางเสรมิ สรา งของ
กเิ ลส เปน ทางของกเิ ลสเดนิ ตา งหาก ทบ่ี น เรอ่ื งนน้ั บน เรอ่ื งน้ี มนั ไมใ ชเ ปน การระบาย
ทุกข มนั เปน ทางเดนิ เสรมิ ทกุ ขเ สรมิ สมทุ ยั ตา งหาก นต่ี ามความจรงิ ทา นจงึ สอนให
พจิ ารณาทน่ี ่ี

อนตฺตา ก็เหมือนกัน วาเปนกอนเราทั้งกอน กค็ ือกเิ ลสน่ันแหละหลอกนะ
มันกอ นของกิเลสนัน่ แหละ อาํ นาจของกเิ ลสนน่ั แหละ ที่เปนทางออกมันปดไวหมด
บงั คบั อยา งไมร สู กึ ตวั เลยวา นเ้ี ปน เราเปน ของเรา เปน อตฺตาตัวตนทั้งนั้น จึงตองใช
ปญ ญาอนั เปน หลกั ความจรงิ ทจ่ี ะลบลา งความจอมปลอมทง้ั หลายนด้ี ว ยวธิ กี ารตา ง ๆ
นับตั้งแตเ กสา โลมา ไปโดยลําดับ จนกระท่งั สกลกายทั้งรา ง แยกแยะดทู ง้ั ภายในภาย
นอก คลค่ี ลายดซู าํ้ ๆ ซาก ๆ ถอื นเ้ี ปน งานสาํ คญั ประจาํ ชวี ติ จติ ใจและอริ ยิ าบถไมล ะ
ไมถอย

จงใชป ญ ญาพจิ ารณาคลค่ี ลายดดู ว ยดี เปน งานประจาํ ตวั ของพระ ประจาํ ตวั
ของผูปฏิบัติ เปน งานประจาํ จติ ของผูจะรื้อถอนตนออกจากทุกขเพราะความยึดมั่น
ถอื มน่ั สาํ คญั ผดิ ในสง่ิ เหลา น้ี ดว ยอาํ นาจของกเิ ลสหลอกลวง กเิ ลสบงั คบั ใหเ ปน ไป
เพื่อจะไดถอนตนออกจากสิ่งเหลานี้ จึงตองทําทั้งกลางวันกลางคืนยืนเดินนั่งนอนทุก
อริ ยิ าบถ ทุกอาการของจิตเคลื่อนไหว มีสติปญญาพิจารณาสอดสองอยูเสมอ ชื่อวา
ทาํ งานตามหลกั ธรรมโดยชอบธรรม

เมอ่ื พจิ ารณาตามหลกั ความจรงิ แลว หาทค่ี า นทไ่ี หนได มันเปนเรื่องของกิเลส
ตา งหาก มาเสกสรรความรคู วามเหน็ ความเขา ใจของเรา ใหว า นน้ั เปน นน้ั นเ้ี ปน น้ี นน้ั
เปน ของสวย นี้เปนของงาม นน้ั เปน สตั ว นเ้ี ปน บคุ คล นน้ั เปน หญงิ นเ้ี ปน ชาย

ความจริงแลว ถาจะพดู ถงึ เร่ืองหนงั หรือพูดถึงเรื่องผม-ขน ดูซิผม-ขนเปน
เสน ๆ เพียงตกลงในภาชนะเทา นน้ั กข็ ยะแขยงไมอยากรบั ประทานแลว ยิ่งตกเขาไป

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๔๘

๓๔๙

ในอาหารดว ยแลว จะอาเจยี นไปเสยี ดว ยซาํ้ เล็บของผูใดก็ตามปลอยใหหลุดลงไปใน
ภาชนะอาหารดซู ดิ ไู ดไ หม ฟนอยางนี้เหมือนกัน รวงลงไปในภาชนะดูไดไหม รบั
ประทานไดไหม นอกจากขยะแขยงกัน ดไี มด ใี นวงสาํ รบั แตกฮอื เลย รวมวงกนั อยู
มากนอยตองแตกศึกกัน

เรอ่ื งความจรงิ เปน อยา งนน้ั แตท ําไมจึงตองเสกสรรปนยอเอานกั หนา จนตดิ
แนน วา นเ้ี ปน เรานเ้ี ปน ของเรา นเ้ี ปน ของสวย นี้เปนของงาม ท้ังนีเ้ พราะกเิ ลสมัน
แหลมคมนน่ั แล ใจจึงไมสามารถมองดูหนามันได มันไมยอมใหมองดูหนามัน ใหกม
หนา ลงไปเหมอื นเขาปลน บา นปลน เรอื น จบั เจา ของมดั ไวใ หน อนควาํ่ หนา ไมใหมอง
ดหู นา ของโจรผรู า ยนน้ั เลย เพราะเขามอี าํ นาจ มองดูเขาก็ฆา กเิ ลสมอี าํ นาจกเ็ ชน เดยี ว
กันไมใหมองยอนหลังไปหามันเลย ใหมองสงไปทางอื่นตามความตองการของมัน ถูก
มันผลักมันไส ใหเปนไปตามอํานาจของมันอยูตลอดมา

เพราะฉะนน้ั เม่อื มโี อกาสมีวาสนาไดมาประพฤติปฏิบตั ิธรรม ไดศึกษาเลา
เรยี นหรอื ไดย นิ ไดฟ ง ธรรมจากครจู ากอาจารย และเกดิ ความเชือ่ ความเลอื่ มใส ได
ประพฤติปฏิบัติตน ในทางทก่ี เิ ลสจะถอยทพั กลบั แพด ว ยจติ ตภาวนาเปน สาํ คญั เชน น้ี
จงตง้ั หนา ฆา กเิ ลสใหส น้ิ ซากไป

อธบิ ายเขา สปู ญ ญาซง่ึ อธบิ ายยงั ไมจ บเวลาน้ี สว นสมาธกิ ไ็ ดเ รม่ิ ไปบา งแลว
ใหพ จิ ารณาอยา งทว่ี า น้ี กเิ ลสจบั จองไวท ไ่ี หนบา ง จงแทงทะลุเขาไปดวยปญญา แทง
เขา ไปในหนงั แทงเขาไปถึงเนื้อ ถึงเอ็น ถึงกระดูกทุกทอนที่มีอยูในรางกายนี้เนื้อเราดู
ไหมเปนยังไง เน้อื สตั วเ ปน ยังไง ทิ้งกองอยูตามตลาดมันผิดอะไรกับเนื้อคนทําไมจึง
เหน็ วา นเ้ี ปน คน อนั นน้ั เปน เนอ้ื นก้ี เ็ นอ้ื นน้ั กเ็ นอ้ื เอ็น กระดูกเหมือนกัน แลว ดเู สน
เอ็น ดูกระดูกทุกทอน ทั้งของเราของสัตวที่ทิ้งเกลื่อนอยูตามถนนหนทางมีคุณคา
อะไรบา ง ทําไมกระดูกอันนีจ้ ึงเสกสรรปนยอวา มคี ุณคา จนทบั หวั ใจเจา ของแทบจะ
ตายไมมีวันฟนอยูแ ลว

เมอ่ื พจิ ารณาสง่ิ เหลา นเ้ี หน็ ชดั ตามเปน จรงิ โดยลาํ ดบั จิตจะมีความดูดดื่ม
จติ จะมคี วามยมิ้ แยม แจม ใสความพากเพียรความอดทนจะมาเอง หมุนตัวไปตาม
อาการตา ง ๆ ของรางกาย พจิ ารณาเทา ไรยง่ิ แจง ยง่ิ ชดั ซาบซง้ึ ในโอวาทคาํ สั่งสอนของ
พระพุทธเจา พูดถึงเรื่อง อนจิ จฺ ํ ก็ซึ้ง ออ เปน อยา งนน้ั จรงิ ๆ มีทุกอาการของรางกาย
และจิตใจที่แสดงออกแตละอาการ ๆ ลว นแตเ ปน เรอ่ื ง อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ อนตฺตา บบี
บังคับอยูทุกสัดทุกสวนหาชองวางไมไดเลย แมแตนอนหลับอยูก็ยังตองบีบบังคับ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๔๙

๓๕๐

บางครั้งถึงตองสะดุงตื่นขึ้นมา เพราะความทุกขม นั บบี บังคับอยา งเต็มท่ี จะทนนอน
หลบั ครอก ๆ อยูไมได

ถาพูดถึงเรื่องอสุภะความปฏิกูลโสโครก ก็ไมมีอะไรเกินรางมนุษย ดใู หเ หน็
ชดั เจนอยา งน้นั ตามความจรงิ ทเ่ี ปน อยา งนน้ั จรงิ ๆ เมอ่ื เขา ใจนช้ี ดั เจน จิตจะฝงแนน
ดว ยอุปาทานขนาดไหนกต็ าม เพราะอาํ นาจของกเิ ลสเปน ผหู ลอกลวงใหยดึ ใหถือน้ัน
จะถอนตัวออกมาอยางที่ไมเคยพบเคยเห็น และประจักษกับใจไมสงสัย จิตถอน
อุปาทานจากรูปขันธ เพราะความเหน็ แจง ดว ยปญ ญาเปน อยา งน้ี

ทนี ม้ี แี ตห ลกั ธรรมชาตแิ หง ธรรมลว น ๆ เต็มดวงใจ เพราะเหน็ ตามเปน จรงิ
หาทค่ี านไมไ ด ทส่ี าํ คญั มน่ั หมายอยา งนน้ั ๆ มาแตกอนนั้น เปน เรอ่ื งของความ
จอมปลอมที่กเิ ลสมนั ปกเสยี บเอาไว ตามทาํ ลายหมด ตามรื้อถอนออกหมด ปลอย
วางลงสคู วามจรงิ ลว น ๆ อนาลโย หายหว ง หายความยดึ ถอื ในรา งอนั น้ี เพราะรตู าม
ความจริงเต็มสวนของมนั

ในขณะเดยี วกนั เวลาพจิ ารณากายน้ี เวทนาปรากฏขน้ึ มากก็ าํ หนดเชน เดยี ว
กัน เวทนากาย เวทนาจติ เมื่อเวทนาทางจิตเปนของละเอียด ยงั ไมส ามารถทราบได
ในวาระน้ี เรากพ็ จิ ารณาเวทนาทางกายดงั ทเ่ี คยอธบิ ายใหฟ ง แลว

ทก่ี ลา วมาแลว ทง้ั หมดนเ้ี ปน การคลค่ี ลายสง่ิ ทห่ี มุ หอ จติ ใจ อุปาทานในกายก็
คือกิเลสที่หุมหอจิตใจ เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ ทจ่ี ติ ไปหลงวา เปน เราเปน ของ
เรา ก็คือกิเลสเครื่องหุมหอจิตใจ เมอ่ื พจิ ารณารปู ขนั ธเ หน็ แจม แจง ชดั เจนแลว เครอ่ื ง
หมุ หอเหลานก้ี ็ขาดลงไป ยงั เหลือแตเ คร่ืองหมุ หอ อนั ละเอียด คือ เวทนา สัญญา
สงั ขาร วญิ ญาณ นเ่ี ราเปด สง่ิ ลล้ี บั ดว ยปญ ญาใหเ หน็ ตามเปน จรงิ ในสภาวธรรมอนั เปน
สว นขนั ธว า เปน อยา งไรกนั แตกอนไมรูวา อะไรเปน จิต รกู ร็ ทู ง้ั รา ง รูไปหมดทั่ว
สรรพางคร า งกาย แตจ ะยดึ จะจบั เอาจดุ ทว่ี า จติ น้ี จับไมได เพราะถกู สง่ิ เหลา นห้ี มุ หอ
ไวหมด แตะเขาตรงไหนเจอกิ่งกานสาขาของ อวิชฺชาปจฺจยา สงขฺ ารา,สงขฺ ารปจจฺ ยา
วิ ญฺ าณํ เต็มไปหมด แตะตรงนั้นถูกกิ่งของอวิชชา แตะตรงนั้นถูกกานของอวิชชา
ถูกรากฝอยของอวิชชา ถูกเปลือกถูกกระพี้ของอวิชชา

เมื่อใชปญญาถากถางเขาไป กิ่งก็ฟนเขาไป กา นฟน เขา ไป รากฝอยฟนเขาไป
เปลือกฟนเขาไป กระพี้ฟนเขาไป ตั้งแตรูปกายจนถึง เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ
เปน ชน้ั ๆ ของกิเลส ทีแ่ ทรกสงิ ยึดครองดว ยอาํ นาจของอวชิ ชาเปนหลกั ใหญพาใหแผ
กิ่งกานออกไป จนเขา ใจอยา งชดั เจน จติ เปด เผยตวั ขน้ึ มาโดยลาํ ดบั ลาํ ดา ความจริงก็

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๕๐

๓๕๑

เรม่ิ เหน็ จติ มาตง้ั แตข น้ั สมาธแิ ลว แตยงั ไมกระจางและขาดจากกันกับสิง่ เหลา น้ี เมอ่ื
ใชปญญาเปนเครื่องตัดฟนยอมขาดไปโดยลําดับลําดา จนเวทนา สัญญา สงั ขาร
วญิ ญาณ อันเปนสวนละเอียดก็ขาดไปดวยกัน หมดจากความเปน เราเปน ของเรา รูปก็
ดี เวทนาทงั้ สามก็ดี สัญญาก็ดี สังขารก็ดี วิญญาณก็ดี ขาดจากความเปน เราเปน ของ
เราอยา งเหน็ ไดช ัดดวยปญ ญา

น่ีแลวธิ เี ปดเครอื่ งหุมหอ ของจติ ใหเหน็ อยา งชดั เจน เปด ดวยภาคปฏบิ ัติจิตต
ภาวนาเปด เขา ไป ฟน เขา ไปกเิ ลสขาดสะบน้ั เขา ไปโดยลาํ ดบั ตัดสะพานของ อวิชฺ
ชาปจจฺ ยา ซึ่งออกเที่ยวหากิน จนไมมีทางออก ทางรูปก็ตัด ทางเวทนากต็ ดั สัญญา
สงั ขาร วิญญาณก็ตัด ทางตา หู จมูก ลน้ิ กาย ที่จะออกสูรูป เสยี ง กลิ่น รส เครอ่ื ง
สัมผสั น้นั ย่ิงหา งไกล ก็ถูกตัดเขามาจนขาดสะบั้นไปหมดแลว ยังเหลือเกาะเดียวดอน
เดยี ว อุโมงคเดียวคือจิต ซึ่งเปนที่ซุมซอนหมกตัวอยูของอวิชชาอันเปนกษัตริยวัฏ
จักร

สติปญญาเมื่อถึงขั้นนี้แลวยอมเกรียงไกร และฉลาดสามารถมากเกนิ กวา จะ
นาํ อะไรมาเทยี บมาเสมอเหมอื นได อยางไรก็ไมทนอยูได ถาลงสติปญญาประเภทที่
ฟน สะบน้ั หน่ั แหลกเขา ไปจนถงึ จดุ เดยี วแลว จุดนั้นจะไมถูกทําลายยอมเปนไปไมได
เพราะฉะนน้ั บรรดาพระอนาคามีทา นเมือ่ ถึงขัน้ นแี้ ลว จึงไมกลับมาเกิดอีก เพราะ
เปนอัตโนมัติของสติปญญาขั้นนั้นแลว ทา นกา วขน้ึ สสู ทุ ธาวาส ๕ ชั้น ตั้งแตชั้นตน อวิ
หา อตัปปา สทุ สั สา สทุ สั สี อกนิฏฐา แลว เลอ่ื นขน้ึ ไปโดยลาํ ดบั ไมกลับมาอีกเลย
จากอกนิฏฐาแลวก็นิพพาน นี่ก็เพราะอํานาจของจิตเปนอัตโนมัติ ทาํ งานในตวั เอง
โดยหลักธรรมชาติไมมีอะไรมาบังคับ หากหมุนไปโดยหลักธรรมชาติของตัวเอง

นี่จิตขั้นนี้ก็เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู ไมตองไปกลาวถึงสุทธาวาส ๕
ชน้ั แหละ กลาวถึงจิตกับสติปญญาที่รักษาตน และประหตั ประหารสง่ิ ทเ่ี ปน ขา ศกึ สิ่งที่
เปนเชอื้ จะพาใหเกดิ แก เจบ็ ตายตอไปอีก สุดทายก็ขาดสะบั้นลงไปจากจิต นน่ั แล
อวิชฺชาปจฺจยา สงขฺ ารา อยูที่จุดนั้น ตวั นแ้ี ลท่พี าสตั วท งั้ หลายไปเกิด ไมใชอะไรอื่น
เห็นไดชัดเมื่ออะไร ๆ ขาดไปหมดยังเหลือแตจิตที่กลมกลืนกับอวิชชา เพราะฉะนน้ั
จิตจึงตองมีภพ แตไมใชภพเหมือนภพทั้งหลาย เปน ภพในสทุ ธาวาส ๕ ชั้น จิตดวงนี้
บอกไดชัด ๆ อยูภ ายในจิตเอง จากนน้ั กก็ า วเขา สนู พิ พาน

ทีนี้เพื่อใหถึงนิพพานทั้งเปนสด ๆ รอน ๆ น้ี เอา สติปญญาฟาดลงไปในจุด
นน้ั ให อวิชฺชาปจฺจยา สงขฺ ารา ซึ่งฝงอยูภายในจิตนั้นแตกกระจายลงไปไมมีเหลือ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๕๑

๓๕๒

แลว นน้ั แลจะวา แดนแหง นพิ พานกแ็ ลว แตจ ะพดู ไมมีหิวโหยกับอะไรอีกแลว ไม
ตองการอะไรอีกแลว พอตัวแลว เอา เนน ลงไปวา จติ เปดเผยหรือไมเ ปดเผยทน่ี ี่ เมอ่ื
สง่ิ ทค่ี รอบหวั ใจมาเปน เวลานานไดข าดกระเดน็ ลงไปหมดแลว ที่นี่จิตจะไปเกิดที่ไหน
อีก แตกอนเกิดตาย ๆ เพราะเหตไุ ร เกิดตาย ๆ มากี่ภพกี่ชาติ เรากไ็ มร ูเพราะอะไร
พาใหเ กดิ ใหต าย เพราะอนั นแ้ี ล เหน็ ไดช ดั

พออวิชชาถูกทําลายลงไปแลวดวยสติปญญาอันแหลมคมก็หมดปญญา อดีต
ทีเ่ คยเปน มามากนอยไมตอ งไปนบั ไปอานใหเสยี เวลา เปน มาเพราะสาเหตอุ ะไรก็
บอกชัด ๆ อยแู ลว ภายในจติ อนาคตทีจ่ ะเปน ไปขา งหนา ถา อนั น้ียงั ครอบหวั ใจอยู
แลว จะตองเปนไปทํานองเดียวกันกับอดีตที่เคยเปนมาแลวไมสงสัย แตบ ดั นเ้ี ชอ้ื แหง
ภพไดขาดกระเด็นลงไปแลว ปจ จบุ นั กร็ เู ทา แลว ระหวางสมมตุ กิ ับวมิ ตุ ติขาดสะบ้นั
ออกจากกันทั้ง ๆ ที่ยังไมตาย ไดร ไู ดเ หน็ ชดั เจนแลว ถา คดิ เปน เปอรเ ซน็ ต รอย
เปอรเซ็นตก็รรู อยเตม็ รอย พันก็รูพันเต็มพัน ผูน้ีไดเ ปด เผยตัวเตม็ ที่แลว นแ่ี หละคอื
จิตแท ในขณะเดยี วกนั ก็น้แี ลคอื ธรรมแทอ ยูท ีต่ รงนี้ นแ้ี ลคอื บรมสขุ นแ้ี ลคอื นพิ พาน
การใสช อ่ื กใ็ สเ พอ่ื เปน เครอ่ื งหมายใหท ราบทางสมมตุ เิ ทา นน้ั เอง ลาํ พงั ทา นผรู ผู เู หน็
แลว ทา นไมจ าํ เปน รเู หน็ ประจกั ษใ จแลว กพ็ อ นแ่ี ลกเิ ลสอวชิ ชาและจติ จะละเอยี ดลกึ
ลับขนาดไหนก็เถอะ ถา ลงไดน าํ ธรรม มสี ตธิ รรม ปญญาธรรมเปนตน เขาไปถากถาง
ฟาดฟนกนั จริง ๆ แลวจะตองถึงรากแกวของกิเลสอวิชชา และถอนพรวดขึ้นมาอยาง
ไมตองสงสัย ขอสําคัญขออยาไดเชื่ออะไรยิ่งกวาเชื่อธรรมของพระพุทธเจา ก็เปนที่
มน่ั ใจและแนใ จ

ขอใหทุก ๆ ทา นนาํ ไปปฏบิ ตั ดิ ว ยความเอาจรงิ เอาจงั ดว ยความเหน็ โทษ
แหงความเปนมาของตนที่ถูกกิเลสย่ํายีมาตลอดเถิด ไมตองไปเชื่อผูอื่นผูใดใครที่
ไหนก็ได เพราะธรรมทุกแขนงพระพุทธเจา สอนไวห มดแลว ทกุ ขฺ ํ นตถฺ ิ อชาตสสฺ
ทุกขยอมไมมีแกผูไมเกิด นค่ี อื การตดั ขาดจาก อวิชฺชาปจฺจยา สงขฺ ารา ถึง ชาติป
ทกุ ขฺ า ชราป ทกุ ขฺ า,มรณมปฺ  ทกุ ขฺ ํ ซึ่งเปนกองทุกขทั้งมวล เมื่อเกิดมาก็ตองเปน
อยา งน้ี นอกจากไมเกิดก็ไมมีทุกขมาเกี่ยวของ

พระพุทธเจาสอนไวอยางไมมีผิดเพี้ยนไมมีทางสงสัย อวิชฺชาปจฺจยา นแ้ี ล
พาสตั วท ง้ั หลายใหไ ดร บั ความทกุ ขค วามลาํ บาก เพราะไมรูโทษของมัน เนื่องจากมัน
ไมยอมใหรู เพราะมนั อยเู หนอื สตั ว เมื่อสติปญญาทันแลวก็รูหมด เคยเปน มายังไง ๆ
รหู มด กเิ ลสประเภทตา ง ๆ มนั จะไปเปน อยูก ับหวั ใจใด กริ ยิ าอาการของสัตวตวั ใด

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๕๒

๓๕๓

บคุ คลผใู ดรหู มด เพราะมนั เคยอยใู นหวั ใจเราแลว น่ี เราเคยปราบมนั อยา งราบจน
แหลกละเอียดไปแลว ไมสามารถมาครอบงําหวั ใจเราไดอ กี เหมือนแตกอ น หรอื
เหมอื นหวั ใจใด ๆ แลว เพราะฉะนน้ั มนั มอี ยใู นหวั ใจใด แสดงอากัปกิริยาออกมา
อยางใดจึงทราบไดหมด เม่อื ไดทราบมันหมดแลว ปราบมนั หมดแลว จะวา เปน
โลกวิทู ตามหลักธรรมชาติก็ไมผิด ถึงจะไมเปนโลกวิทู รแู จง แทงทะลุเมด็ หินเม็ด
ทรายกระท่ังสตั วตัวนต้ี ายแลว ไปเกิดท่ไี หน ตัวน้ันตายแลวไปเกิดทไี่ หนกต็ าม แตก็รู
แจง โดยหลกั ธรรมชาตกิ เิ ลสขาดสะบน้ั จากใจอยา งนแ้ี ล โลกวิทู อยางนี้เปนคณุ สมบัติ
ของสาวก ทานไดโลกวิทูในลักษณะนี้ ตามนสิ ยั วาสนากวา งแคบตา งกนั ไมเหมือน
โลกวิทูของพระพุทธเจาซึ่งเปนพุทธวิสัย

นแ่ี หละการปฏบิ ตั ธิ รรม เพื่อรื้อถอนจิตซึ่งเปนตัวมหันตโทษมหันตทุกข ที่
ถูก อวิชฺชาปจฺจยา สงขฺ ารา เปน นายเหนอื หวั ครอบงาํ บงั คบั บญั ชากดขข่ี ม เหงมาเปน
เวลานานแสนนาน ทา นปฏิบตั ิกันดังท่ีกลา วมานี่แล เราสงสัยอะไรไมมีที่จะสงสัย ขอ
ใหย กหลกั ธรรมปจ จบุ นั คือ ศีล สมาธิ ปญญา คูปราบปรามกิเลสข้ึนประพฤติปฏบิ ัติ
กําจัดมันใหไดเถอะ พระพุทธเจานิพพานกี่รอยกี่พันองค นพิ พานไปนานแสนนาน
เทาไร จะไมมีปญหาโดยประการทั้งปวง จะรวมกันอยูท่ีปจจุบันจติ ปจจุบนั ธรรมซง่ึ
เปน ธรรมชาตทิ บ่ี รสิ ทุ ธล์ิ ว น ๆ นแ้ี หง เดยี วเทา นน้ั ไมมีทางอื่นจะเปนเครื่องพิสูจนไม
มที างอ่นื เปนเครือ่ งยนื ยัน มอี นั นเ้ี ทา นน้ั เปน เครอ่ื งยนื ยนั ดงั ธรรมทา นวา “ผใู ดเหน็
ธรรม ผนู น้ั เหน็ ตถาคต” กห็ มายเอาธรรมชาตทิ บ่ี รสิ ทุ ธน์ิ แ้ี ลเปน เครอ่ื งยนื ยนั เพราะ
พระพทุ ธเจาและสาวกท้งั หลายบรสิ ทุ ธอิ์ ยา งนเี้ หมอื นกันหมด เมอ่ื ยอมรบั อนั นแ้ี ลว ก็
ยอมรับพระพทุ ธเจา ทง้ั หลายในขณะเดียวกัน หาที่คานกันไมได

แตการที่จะปฏบิ ตั ิใหเปนไปตามธรรมดงั ทีว่ าน้ี ตองอาศัยความพากเพียร
เพราะกเิ ลสแตล ะประเภทนน้ั มเี ลห เ หลย่ี มแหลมคมมากทเี ดยี ว อยา เขา ใจวา มนั โงเ รา
ฉลาด ความจรงิ เราโงม าก กิเลสฉลาดมากและไมม อี ะไรฉลาดเหนือกิเลส นอกจาก
ธรรมเทา นน้ั วธิ กี ารตอสกู ับกเิ ลสน้นั จึงตองอาศัยความฉลาดแหลมคม มีสติปญญา
เปน สาํ คญั อาศยั ความบกึ บนึ อาศัยความอดความทน ความเอาจรงิ เอาจงั ทาํ เลน ๆ
เหลาะ ๆ แหละ ๆ ไมได ถาเราอยากจะพนจากทุกข แตถ าอยากจะเปน นกั
โทษมหันตทุกขอยูนี้ มันก็เคยเปนมาแลวนี่จะอยากไปอะไรอีก เพราะเคยเปน มาแลว
เราสงสยั ทต่ี รงไหน มีทางเดียวคือการรื้อถอนตนออกจากเปลวไฟอันใหญหลวงนี้ ให
ถงึ ความสวสั ดเี ปน บรมสขุ ตลอดอนนั ตกาลเทา นน้ั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๕๓

๓๕๔

จึงขอใหทุกทานฟงใหถึงใจ ปฏิบัติใหถึงธรรมดวยความพากเพียรของตน
เอง การแนะนําสั่งสอนก็ไดแนะนําสั่งสอนเต็มขั้นเต็มภูมิของผมเอง ไมมีสิ่งใดลี้ลับ
แกทานผูมาศึกษา เคยปฏิบัติไดรูอยางไรเห็นอยางไรก็พูดใหฟงหมดเปลือกแลว
ยอมรบั วา ไมม คี วามรมู ากกวา น้ี ขอใหฟงใหถึงใจและปฏิบัติใหถึงธรรม จะพน จาก
ทุกขอยางถึงใจในขณะที่มีชีวิตอยูนี้แล

พดู ทา ยเทศน
พระอยูดวยกันมาก ๆ มนั ก็เหมอื นรถบรรทุกของหนกั น่ันนะ มันอืดอาดมัน

เนอื ยนายมนั ชกั ชา ลา หลงั อยนู น่ั แหละ อะไร ๆ ก็ตองชา เพราะความเปน อยทู กุ ดา น
มันเกี่ยวโยงกันทั้งวัด ถา จะไปหาอยสู ะดวกสบายในการภาวนาน้ี ก็ตองเปนตาม
อัธยาศัยและกําลังใจของแตละรายที่แนใจตัวเอง เพราะผมเคยเปน มาแลว เวลาอยู
กบั ครบู าอาจารย มันเปนเหมือนแมเหล็กเครื่องดึงดูดและพยุงจิตใจไดดี แมจะยังไม
ไดห ลกั ไดเ กณฑท างดา นธรรมภายในใจ แตก ไ็ ดอ าศยั ครบู าอาจารยเ ปน หลกั เปน
เกณฑ ใหทา นเปนเหมอื นแมเ หลก็ เครื่องดงึ ดูดใหมคี วามชมุ ใจ เพราะความหวงั นน้ั
เปน สาํ คญั

พอออกจากทานไปทั้งที่จิตยังหาหลักยึดอะไรไมได มันอะไรบอกไมถูกผมนี่
เคยเปน มาแลว นะ เรากต็ ง้ั หนา ตง้ั ตาทาํ ความเพยี รอยเู ชน กนั แตมันไมไดเรื่องอะไร
นี่หมายถึงใจยังไมไดหลักทางสมาธินะ ภาวนานม่ี นั ไมไ ดเ รอ่ื งอะไรเลย จนงงในตัว
เองวา เอะ ทําไมเปนอยา งนี้ จติ ใจเราถา ฝน อยอู ยา งนไ้ี มน านจะจมแน ๆ ตองกลับ
เขา ไปหาครบู าอาจารย อยกู ับทา นความรูส กึ ก็เปนอกี อยา งหน่ึง แนะ มนั อยไู ดส บาย
ทั้ง ๆ ที่ก็ไมไดหลักไดเกณฑอะไรขณะอยูกับครูบาอาจารย แตมันไมเ ดอื ดรอนวุนวาย
เหมอื นอยคู นเดยี ว อาศยั ยดึ ทา นเปน หลกั ในทางจติ ใจ ก็พออยูไดสบาย ๆ นผ่ี มเคย
เปน มาแลว ทํายังไงมันก็ไมไดเรื่อง ภาวนาอยา งไรก็ไมไ ดเร่อื ง ใจเวลามนั ดอ้ื มนั ดอ้ื
ตอ หนา ตอ ตานน่ั แหละ จนกวามันไดห ลกั ไดเ กณฑแลว ทีนี้ไปไหนก็พอไป อยางนอย
จติ เปน สมาธเิ ปน หลกั เปน เกณฑแ ลว มันก็พอไปของมันพอสูของมัน คือตนทุนมันมี
ถึงความแยบคายทางดา นปญญาไมเกิด กอ็ าศยั สมาธเิ ปน หลกั เปน เกณฑ อยูไดดวย
สมาธคิ ือความสงบใจ ไมฟุงเฟอเหอเหิมเหมือนแตกอนที่มันไมมีหลักมีเกณฑ

นเ่ี หตหุ นง่ึ ที่ไมอาจขับไลไสสงใหหมูเพื่อนไปอยูที่นั่นที่นี่คนเดียว โดยเหน็
วา สบายดกี วา อยกู นั หลาย ๆ องค แตก็ไมแนใจในจิตใจของหมูเพื่อนวา จะมคี วาม

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๕๔

๓๕๕

ฉลาดแยบคายรักษาตวั ไดเพยี งไร แมแตอยูดวยกันนี้ก็ยังตองไดดุไดดากันอยูเสมอ
เพราะความบกพรอ งอนั เปน ชอ งโหวใ หก เิ ลสทาํ ลาย ตองไดชวยปดชวยกั้นอยูไมหยุด
เพราะความผดิ พลาด เพราะความไมค ิดไมอ า นมอี ยมู าก นเ่ี หตหุ นง่ึ การไปอยูคน
เดยี วจะฉลาดและจรงิ จงั แคไ หนเรากไ็ มแ นใ จนกั สุดทายก็ตองพะรุงพะรังกันอยูอยาง
นจ้ี ะวา ไง เพราะมันแกไมตก ถาไมชวยกันแกที่ตัวเอง ซง่ึ แสดงความบกพรอ งใหเ ห็น
อยูตลอดเวลา ดวยสติ ปญญา ศรัทธา ความเพยี ร ทค่ี รอู าจารยห ยบิ ยน่ื ใหใ นเวลาอยู
ศกึ ษาอบรมกับทาน

ตอนจิตไดห ลกั ไดเ กณฑพ อเปน บาทฐานแหง วิปสสนาแลว การกา วทาง
ปญญามันเปนอีกอยางหนึ่งนะ ทีแรกก็บังคับจิตออกพิจารณาทางดานปญญา พอจิต
เหน็ คณุ คา ทางปญ ญาแลว เปน อกี อยา งหนง่ึ จากนั้นจิตจะหมุนของมันไปเอง โดยไม
ตอ งบงั คบั เหมอื นขน้ั เรม่ิ แรกพจิ ารณา เมื่อเกิดขอของใจขึ้นมา เจาของแกไมไดก็มา
หาครบู าอาจารยเ พอ่ื ชว ยแกใ ห ไมใ หเ สยี เวลาไปนาน วง่ิ มาหาทา น เลา ถวายทา นจบ
ทา นใสเ ปรย้ี งเดยี วเทา นน้ั ส่ิงทเ่ี คยขดั ขอ งนัน้ ขาดสะบัน้ ไปเลยนะ เพราะทา นรตู ลอด
ทั่วถึงแลว เราไมร ู ไมรูทางออกทางเขา ไมรูวิธีปลดเปลื้อง จะปลดเปลื้องไดยังไง
เพราะปญ หาแตอ ยา ง ๆ ที่เกิดขึ้นมากนอย นน้ั กค็ อื สมทุ ยั เขา มาขวางธรรมนน่ั เอง
ปญญาเราไมสามารถแกได มนั กต็ อ งพจิ ารณาวกเวยี นพลกิ ไปพลกิ มาทาํ ใหเ สยี เวลา
พอมาเลา ถวายทา นแลว ทา นใสเ ปรย้ี งเดยี วเทา นน้ั กข็ าดสะบน้ั ไปเลย นน่ั มันตางกัน
อยา งน้นั ระหวา งครอู าจารยผ รู ผู า นไปแลว กบั เราทย่ี งั ไมร ไู มผ า น ผูปฏิบัติจึงตอง
อาศัยครูอาจารยชวยบอกแนะตลอดไปจนถึงจุดที่หมาย เมื่อถึงที่แลวปญหาทั้งมวลก็
สิ้นซากไปพรอมกับกิเลส

ถา หากไมม คี รมู อี าจารยช ว ยแนะจรงิ ๆ เราก็พยายามตะเกียกตะกายไปเอง
ดวยสติปญญาของตน แตม ันชา นะ ซิ เราเหน็ ไดช ดั เวลาพอ แมค รอู าจารยม น่ั ทา นลว ง
ลบั ไปแลว นน่ั ตองเตือนตัวเองใหตื่นตัวในการหวังพึ่งตัวเอง เอา ไมมีใครละที่นี่ เรา
คนเดยี วเปน กเ็ ปน ตายกต็ าย มันก็หมุนชวยตัวเองไปไดเหมือนกัน เปน แตช า บา งเทา
นน้ั ขั้นนี้ก็เปนความชวยตัวเองได เชน เดยี วกบั เวลาทเ่ี ราจนตรอกจนมมุ ดงั ทเ่ี คยเลา
ใหฟง มันก็ชวยตัวเองเต็มที่ไมยอมถอยหลัง เปน แตม นั ชา เทา นน้ั แหละ แตสติปญญา
ดิ้นดีดอยูไมหยุดไมถอยนะซิ เพราะปญญาขั้นน้ีไมถอยแหละ ชา หรอื เรว็ มนั กส็ กู นั อยู
อยา งนน้ั ก็ทะลุของมันไปได

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๕๕

๓๕๖

แตอยางไรก็ตาม เรอ่ื งครบู าอาจารยเ ปน สาํ คญั มาก ทําใหกะทัดรัดเขาไป
เรอ่ื ย ๆ รวดเรว็ ราบรน่ื ดกี วา ทาํ โดยลาํ พงั อยมู าก นแ่ี ลทางดา นจติ ตภาวนาจงึ สาํ คญั
มากสาํ หรบั ครอู าจารยผ คู อยใหอ บุ าย จะเอาธรรมสมุ สส่ี มุ หามาสอนกนั ไมไ ดนะ
เรียนจนพระไตรปฎกก็เถอะ นม่ี ไิ ดป ระมาทการเรยี น พดู ตามความจริง ถาลงจิตนี้ไม
ไดท รงอรรถทรงธรรมประจักษใ จจากการปฏบิ ตั ิแลว จะสอนไมถูกจุดที่จําเปน แมย ก
มาสอนทั้งพระไตรปฎกก็ไมถูกจุดที่ตองการ ถาไมรูทางจิตตภาวนามากอน ถา เปน ยา
กย็ กกนั ทง้ั หบี นน่ั แล ไมส ามารถหยบิ ยาขนานเฉพาะมารกั ษาคนไขไ ด หากเปน หมอ
เถื่อนซึ่งผิดกับหมอจริงอยูมาก คนไขรายใดมาก็จะยกยาทงั้ หีบทมุ ใส มันก็ตายเทา
นั้นละคนไข

ไมไดเหมือนหมอที่แทจริงนี่ หมอเขาไมจําเปนตองไปยกกันมาทั้งหีบทั้งตู
อะไร เพยี งถามอาการและตรวจดรู แู ลว วา เปน ยงั ไง แลว ควรฉดี กฉ็ ดี ควรใหย ารบั
ประทานกใ็ ห เทา ทเ่ี หน็ วา เหมาะสมกบั โรคประเภทนน้ั ๆ ครบู าอาจารยผ เู ชย่ี วชาญ
จติ ตภาวนาทค่ี อยใหอ บุ ายเรากส็ อนลงตรงจดุ สาํ คญั ทนั ที ๆ เลย การสง่ั สอนจงึ ตา ง
กันอยางนี้ ก็จิตสอนจิตนี่ พออาราธนาดว ยการเรยี นถามปญ หาตา ง ๆ ปบ ทา นรแู ลว
ทา นเคยผา นมาเทา ไรเปน มาเทา ไรแลว ทา นใสป บ เดยี วเทา นน้ั เปน กระจา งไปทนั ที
ทนั ใด นี่ซิที่ตางกันมากกับทั่ว ๆ ไป

อยากใหหมูเพื่อนไดกําลังทางดานจิตใจ ใหไดเห็นเรื่องโทษของกิเลส มันทํา
ใหแ สนทกุ ขแ สนทรมาน ไมมีอะไรเกินกิเลสในโลกทั้งสามนี้ หากแตม ันไมใ หเ ห็นโทษ
ของมัน มันปดเอาไวหมด อนั นซ้ี มิ นั ลาํ บากนะ แมอ ยกู บั ครบู าอาจารยท า นชว ยเปด
ชวยถอนให ก็ยังสูกิเลสรุมปดรุมลอมไมไดอยูนั่นแหละ การรื้อขนกิเลสออกจากใจจึง
เหมอื นกับขนจอกแหนขน้ึ จากน้ํา พอแหวกออกมันก็หุบเขามา แหวกออกก็ไหลเขา
มา หบุ เขา มาอยอู ยา งนน้ั เวลากําลังปญญายังไมพอกับมัน เมื่อถึงขั้นปญญาที่ควรตอ
สกู ับมันไดแ ลว ไมเพียงแหวกออกเทานั้น ยงั จบั โยนขน้ึ บนฝง เสยี เลย จบั โยนขน้ึ ๆ
มันจะมีจอกมีแหนอยูเทาไร ควา ปาขึ้นฝง ใหหมด เหลอื แตน าํ้ ใสสะอาดอาบดม่ื ใช
สอยสบาย นี่เมื่อขนกิเลสโยนทิง้ หมดแลว อยไู หนก็อยสู บายหายทกุ ขก งั วล ไมมี
ปญหาอะไรอีกแลว

ปญ หาทง้ั มวลเกดิ จากกเิ ลสอยา งเดยี วเทา นน้ั เมอ่ื กเิ ลสสน้ิ ซากไปจากใจแลว
อะไรจะมาเปนปญหาใหยุงยากไมมี โลกทั้งสามโลกธาตุนี้ก็เหมือนไมมี เพราะจิตไม
ไปยุง แมจิตเองก็พอตัวอยูแลวจะไปยุงกับอะไร แนะ ฟงซิ มันพอตัวอยูตลอดเวลาไม

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๕๖

๓๕๗

วา กาลนน้ั สถานทน่ี ้ี อริ ยิ าบถนน้ั อริ ยิ าบถน้ี กระทบนน้ั เปน อยา งนน้ั กระทบนเ้ี ปน
อยา งน้ี ๆ ไมมี กระทบอะไรก็มีเพียงสัมผัสกันแย็บ ๆ แลว ดบั ไป ๆ เทา นน้ั จติ รู
เรื่องของมันอยูแลวโดยหลักธรรมชาติ

เมื่อไมมีผูเปนเจาของเขาไปยึด ไมม เี จา อาํ นาจเขา ไปยดึ เสยี อยา งเดยี ว ขันธ
กเ็ ปน ขันธลว น ๆ แสดงอยูอยางนั้นตามหลักธรรมชาติของมัน แมตัวมันเองก็ไมมี
ความหมายในตวั มนั ใจรชู ดั ๆ วา เปน อยา งนน้ั ดังรางกายของเราที่นั่งอยูนี่ มันก็
เหมือนกับวัตถุทั้งหลายดี ๆ นน่ั เอง ไมไดผิดกันเลย เปน แตเ พยี งวา ความรไู ปเปน
เจาของเปน ผรู บั ผิดชอบขันธใชมนั อยูเ ทา นัน้ ใหม นั รอู ยา งนน้ั ตามหี นา ทเ่ี หน็ รปู หู
นน้ั มหี นา ทฟ่ี ง เสยี งเปน ตน ทางออกนี้ไปเจอนั้น ทางออกนั้นไปเจอนั้น ทางออกทาง
ตาไปเจอรปู ทางออกหูไปเจอเสียงเปนตน มันเปนทางออกของจิตไปเจอสิ่งตาง ๆ
เครอ่ื งมอื อนั นส้ี าํ หรบั อนั นน้ั เครอ่ื งมอื อนั นน้ั สาํ หรบั นน้ั ๆ เทา นน้ั กเ็ หมือนเคร่อื ง
มอื ทาํ งานสรา งบา นสรา งเรอื นนน่ั แล สว่ิ สาํ หรบั นน้ั ขวานสาํ หรบั นน้ั สวา นสาํ หรบั นน้ั
เลอ่ื ยสาํ หรบั นน้ั นําไปใชตามท่เี หน็ ควรและความตอ งการของชาง พอทิ้งไวเครื่องมือ
ก็เปนเหล็กอยูอยางน้ันเอง ไมวิเศษอะไรไปกวานั้น

ขันธหาก็เหมือนกัน ถา ลงความรเู ปน ความรู ไมไ ปสบั สนวนุ วายกบั สง่ิ ใด ไม
มอี ะไรมาสบั สนวนุ วายกบั ความรนู ้ี เปน ความรลู ว น ๆ มนั กเ็ ปน เหมอื นเคร่อื งมอื
ทาํ งานนน่ั เอง จะผิดอะไรกัน รางกายนี้กับทอนไมทอนฟนมันผิดกันอะไร ไมไดผิด
กัน เปน แตเ พยี งวา ความรนู ค้ี รอบครองขนั ธอ ยู รบั ผิดชอบอยู จึงมีการเคลอ่ื นไหวไป
มาได มตี า งกันเทา น้ัน เครื่องมือที่ยังใชไดก็ใชไป มเี ทา นน้ั พอความรูอันนี้ไมเกี่ยว
กับเรือ่ งอะไรแลว ก็เหมือนไมมีโลก เพราะไมม อี ยภู ายในใจ คาํ วา เย ธมมฺ า เห
ตุปฺปภวา เตสํ เหต!ุ ตถาคโต นี้ซึ้งมากนะ ก็พระอรหันตพูดนี่ พระอสั สชเิ ปน พระ
อรหันตทั้งองค เย ธมมฺ า เหตุปฺปภวา เตสํ เหต!ุ ตถาคโต เตสจฺ โย นิโรโธ จ เอวํ
วาที มหาสมโณ ธรรมทง้ั หลายเกดิ จากเหตุ เมื่อจะดับก็ตองดับเหตุกอน พระมหา
สมณะพูดอยางนี้ อะไรเปน เหตุ ก็จิตเปนมหาเหตุ ตัวที่อยูฉากหลังของจิตคืออะไร ก็
พูดแลวตะกี้นี้ คือ สมุทัย ทานสอนใหดบั เหตกุ อ น มหาสมณะคือศาสดาของเราสอน
อยา งนี้ ซึ้งมากทีเดียว

การตอสูกิเลสการถอดถอนกิเลส ตอ งถอื เปนงานสาํ คญั จาํ เปนตอ เราสุดชีวิต
พูดอยางอื่นผมไมสนิทใจ ถา วา เอาชวี ติ เขา แลกนน้ั ถงึ ใจนะ เพราะเคยเอาชวี ติ เขา แลก
มาแลว น่ี แมทุกขก็ยอมทุกข แตทุกขนี้มันคุมคานี่ ไมเ หมอื นทกุ ขท ค่ี น หาหวั หาทา ย

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๕๗

๓๕๘

ไมได หาตน หาปลายไมไ ด เหมือนทุกขที่กิเลสบีบบังคับใหเกิดทุกข นน่ั มนั หาตน หา
ปลายหาที่ยุติไมได ทุกขอยูตลอด ทุกขนี้มีตนมีปลายมีที่ยุติ เวลาขา ศกึ ยงั มีอยกู ็ฟาด
ฟนกันลงไป แมทุกขก็ไมถอยการสู พอขาศึกเกลี้ยงไปแลวจะมีทุกขมาจากไหน ทุกข
เพราะความเพยี รมนั มที ย่ี ตุ ิ ไมเหมือนทุกขที่ตายกองกันอยูในวัฏฏะ หาทางออกไม
ได ทุกขอันนี้พิลึก ไมม ีเง่อื นตนเงือ่ นปลายเลย ทกุ ขเ พราะความเพยี รนี้มีทย่ี ุติ จึงผิด
กันอยูมาก

เวลาถึงคราวถึงระยะของมันที่จะทุม จิตหากเปนของมันเอง ทุมลง ๆ ชีวิตก็
ไมไ ดอ าลยั เสยี ดาย มันทุมกันแบบถึงเปนถึงตายมาไมรูกี่ครั้ง เวลาเขาไปเจอขาศึกก็
ทุมทันทีไมยอมถอย ถา ไมตายก็ใหชนะเทา นั้น ถอยไมได นน่ั ซิ มันฟดกันตรงนั้นซิ
เขารบขา ศกึ เขากต็ อ งเอาชวี ติ เขา แลก นเ่ี รารบกเิ ลสซง่ึ เปน ขา ศกึ อนั ใหญห ลวงเราก็
ตองเอาชวี ติ เขา แลก ถึงวาระพอเจอกันเขากใ็ สก ันเลย จะตายกใ็ หร ู ไมตายก็ใหร ู สดุ
ทายอยากพูดเต็มปาก กเิ ลสมนั ตาย เราไมเ หน็ ตายวะ แนะ

พระพทุ ธเจา กก็ เิ ลสตาย พระองคเพียงสลบเทานน้ั สดุ ทา ยกเิ ลสตาย ที่ทาน
ยกองคเดน ๆ ในทางความเพยี รมาใหเ ปน ตวั อยา งแกพ วกเราไดเ หน็ ไดย นิ ก็เพื่อเปน
คตนิ น่ั เอง เชน พระโสณะ ทานกเ็ พียงฝา เทา แตก ทา นไมต ายแตก เิ ลสทง้ั มวลตาย
เรยี บ ทา นเตะกบั กเิ ลสฝา เทา แตกแตก เิ ลสตาย ทานเองไมตาย เราจะกลวั ตายทาํ ไม
พระจักขุบาลก็ฟดกันกับกิเลส จักษุแตก แตก เิ ลสตาย ทานเองไมตาย แตก ลายเปน ผู
วเิ ศษขน้ึ มาเปน สรณะของพวกเรา ไมไ ดย นิ วา ทา นเหลา นต้ี าย อยางมากก็เพียงฝาเทา
แตกเพราะความเพยี รกลา ก็เพียงจักษุแตกเพราะความเพียรกลา พระพุทธเจาก็เพียง
สลบ แตก เิ ลสมนั เลยสลบคอื ตายเรยี บ พระจักขุบาลก็เตะกิเลส จักษุแตกกิเลสตาย
พระโสณะเดนิ จงกรมจนฝา เทา แตก กเิ ลสตาย

การเดนิ จงกรมจนฝา เทา แตกน้ี ถา เราคดิ ทว่ั ๆ ไปคงคิดวา ความเพียรของ
ทา นเกง ดว ยความพยายาม เดนิ จงกรมจนฝา เทา แตก เกงจรงิ เรอื่ งความเพยี รของ
ทา น แตเปนความเพียรที่สัมปยุตไปดวยสติปญญาอัตโนมัติ ไมใ ชบ งั คบั กนั เดนิ เสยี
จนฝา เทา แตกนะตามความแนใจของผม เพราะเม่ือถึงขั้นน้ีแลวความเพียรยอมไมม ี
กลางวนั กลางคนื ไมมีอะไรเขามาเกี่ยวของ มีแตกิเลสกับจิตมันหมุนมันฟดกันอยูเชน
นน้ั จะมเี วลาํ่ เวลาและไปสนใจกบั เวลาํ่ เวลาความเจบ็ ปวดแสบรอ นอะไรทไ่ี หนกนั
เพราะใจไมค ดิ อยา งอื่นนอกวงความเพียรภายในไปน่ี

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๕๘

๓๕๙

เรากเ็ คยเปน เชน นน้ั มาแลว เหมอื นกนั จึงกลาพูดและพูดอยางอาจหาญ แน
ใจวา ไมผ ดิ ดว ย ฟงซิ ฉนั จงั หนั เสรจ็ แลว ไปเดนิ จงกรม นาํ้ ไมไ ดฉ นั เลยในเวลาจงกรม
อยูนั้น มันยังอยูไดไมหิวโหยกับอะไรทั้งสิ้น ฟงซิ มันไปสนใจอะไรกบั หมากพลูบหุ รี่
กบั นาํ้ กบั ทา มนั ไมไ ดส นใจเลย ฟดกันกับกิเลสอยูนั้น เรื่องอะไร ๆ มันลืมคิดไปหมด
กลางวนั แสก ๆ เดินจงกรมตากแดดไดอยางสบาย เดนิ จงกรมตากแดดอยนู นั้ แหละ
โดยไมร สู กึ รอ นเลย ทางจงกรมไมมีรมไมดวยนะ ฟดกันอยูนั้น มันลืมหมด อิดหิว
เมอื่ ยลาลมื หมด นาํ้ ทา มนั ไมไ ดส นใจเลย เพราะไมม ีเวลาจะออกมาสูภายนอก จิตนะ
มันหมุนของมันติ้ว ๆ อยภู ายใน

เดินจงกรมนี้ถาสมมุติมีคนมาดอมดูเรา เขาจะวา พระองคน เ้ี ปน บา หรอื ไง จงึ
เดนิ สะเปะสะปะราวกบั คนตาบอด ชนโนน โดนน้ี ไมไปตามทาง ทั้งนี้เพราะจิตมันไม
ออกจากกายจากใจนั่นเอง มันหมุนอยูขางในติ้ว ๆ ฉะน้ันมันจงึ เดินโซซดั โซเซเขา ปา
เขา รกเรอ่ื ย ๆ เดย๋ี วโครมครามเขา ปา เอา รสู กึ ตวั วา เขา ปา ถอยออกมาเดินไปอีก จติ
หมุนกันอยูนี้ เดี๋ยวเขาปา โนน อีกอยูอยางนน้ั มนั กเ็ ดนิ ไดท ้ังวันนะ เพราะเดนิ คนเดยี ว
น่ี ใครจะมาวา เปน บา เปน อะไรมนั ไมส นใจนว่ี ะ มนั โครมคราม ๆ ของมันอยูอยางนั้น
แตมันก็เดินของมันได บางทกี ห็ ยดุ ยนื เสยี ยนื เสียเปนชว่ั โมงก็ยืนได ถึงระยะที่จะยืน
มันหากเปนของมันเอง ยนื กาํ หนดพจิ ารณาจนไดถ อ ยไดค วามชดั เจนแลว มันถึงจะ
กาวเดินตอไปอีก เวลากา วเดนิ กอ็ ยา งนน้ั แหละ ชนปา ชนหนามไป มนั ไมท ราบวา ได
กาวไปทางไหน ขาก็ดี มันไมสนใจกับขา สนใจอะไรเร่ืองมันอยกู บั จิตนี่ มันจึงหมุน
อยูตรงนี้

ฉนั จังหนั อยู จิตก็ไมไดอยูกับอาหารนะ มนั อยกู บั การพจิ ารณาตา งหาก เมอ่ื
เวลาถงึ ขน้ั ตะลมุ บอนมนั เปน อยา งนน้ั นะ แลวจิตจะเผลอไปไหน นั่นฟงซิ จดั อาหาร
จัดอะไร ๆ ก็จัดซิ แตจิตไมลดละการพจิ ารณา มันหากหมุนของมันอยูอยางนั้น ขน้ั น้ี
เปนความเพยี รอัตโนมัติ เชน เดยี วกบั กเิ ลสเวลามนั หนาแนน อยภู ายในจติ ใจเรา ทํา
อะไรอยูก็ตาม มันก็คิดเปนเรื่องของกิเลสโดยอัตโนมัติ มันเปนอัตโนมัติของมันเอง
พอถึงขั้นอัตโนมัติของธรรมก็เปนอยางเดียวกัน ไมงั้นไมทันกัน

จึงกลาพูดไดวาตั้งแตตื่นนอนขึ้นมาจนกระทั่งถึงหลับ มันเผลอไปขณะไหน
ไมม เี ลย จะมีไดยังไงก็สติปญญาสืบตอดวยความเปนนักตอสูอยางนั้นอยูตลอดเวลา
โดยอัตโนมัติของมันเองไมตองบังคับ เมื่อถึงขั้นมันเปนของมันแลวตายก็ไมถอย คํา
วาแพมีไดยังไง มีไมได ตายเสยี เทา นน้ั ไมต ายกใ็ หร ทู า เดยี ว สติปญญาแข็งแกรงเกิน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๕๙

๓๖๐

กวาจะนํามาพูดใหถูกตองกับความจริงได สติปญญาเมื่อถึงขั้นสละตายแลว คําวาถอย
คําวาแพไมมี มีไมได นอกจากตายกบั รทู าเดยี ว

ทุกสิ่งมันขึ้นอยูกับจิตอะไรก็ตาม มันหิวมันโหยมันอะไร ๆ มันอยูกับจิต พอ
จิตเปนนกั ตอสแู ละเขาตะลุมบอนกนั แลว มันลืมไปหมดนะ ทีนี้เวลากลับมาที่พักพอ
มองเห็นกานํา้ ผมยังไมลืมนะเรื่องทํานองนี้ โอโฮ มนั จะโดดใสก านาํ้ เลย ก็มันจะตาย
รนิ นาํ้ ใสก ระปอ งนมเปลา เพราะใชก ระปอ งนมเปลา เปน ประจาํ แทนแกว นาํ้ แทบไม
ทนั นน่ั นะ พอใสเขาไป ดื่มสําลักกั๊ก ๆ ๆ จะตาย โอโฮ มนั หวิ ขนาดนน้ั นะ บทเวลามา
เหน็ กานาํ้ เขา มนั หวิ นาํ้ จะตาย แตเ วลาไปทาํ ความเพยี รอยคู นเดยี วไมเ หน็ สนใจอะไร
พอมาถึงที่พักมองเห็นกาน้ําเทานั้น มนั จะโดดเขา ใสเ ลย กม็ นั หวิ นาํ้ จะตายนะ พอดื่ม
นาํ้ เขา ไป มนั กลนื ดว ยความอยาก ความหวิ มาก เลยสาํ ลกั จะตาย กลืนลงไปแทบไม
ทันนะซิ สําลักดังกั๊ก ๆ ๆ จะตาย ไมล มื นะนนี่ ะ

เวลาความเพยี รเปน ไปเตม็ ท่ี พจิ ารณาไมห ยดุ มนั กว็ ติ กวจิ ารณ เอ เราคดิ ไว
วา จติ มคี วามละเอยี ดเขา ไปเทา ไร ความพากเพยี รกจ็ ะคอ ยสะดวกสบาย งานการกจ็ ะ
แคบเขา ไป ๆ สะดวกสบายเขา ไปเรอ่ื ย ๆ แตทําไมมันจึงเปนอยางนี้ ดซู คิ วามคาด
ความหมายไวแตกอน กบั ความจรงิ ทเ่ี ปน ขน้ึ กบั จติ มันเขากันไดเมื่อไร เราคาดวา
อยา งน้ัน เราคดิ วา อยา งนน้ั จติ มีความละเอียดเขา ไปเทาไรยง่ิ จะมคี วามสะดวกสบาย
เรอ่ื ยไปเลย แตค รน้ั แลว ไมเ ปน อยา งนน้ั น่ี จติ ละเอียดเขา ไปเทาไรมนั ยงิ่ หมนุ ในงาน
ของมัน หมนุ ติ้ว ๆ ๆ จนไดคิดวา เมื่อไรมันจึงจะยุติกันลงเสียที สะดวกสบายเสยี ที
นา ทําไมตั้งแตตื่นขึ้นมาจนกระทั่งหลับ มันหมุนกันติ้ว ๆ ไมยอมหยุดบางพอได
หายใจเต็มปอด

บางคนื นอนไมห ลบั เสยี ดว ยซาํ้ เพราะการพจิ ารณาไมห ยดุ ทั้งที่นอนเพื่อจะ
ใหห ลบั นน่ั แล มันทําไมจึงเปนอยางนี้ เม่อื ไรถึงจะมีความสะดวกสบายเสียทนี า จติ
ราํ พงึ ขน้ึ ชว่ั ขณะเทา นน้ั พอหยุดรําพึงมันก็หมุนติ้วอีกแลว ๆ นน่ั จนกระทั่งถีบตัวไป
หมดกําลังของมันแลว ไมตองบอกไมตองบังคับ ที่หมุนติ้ว ๆ นั้นมันหยุดของมันเอง
เร่ืองความเพียรอัตโนมัติเม่ือถึงข้ันควรเปนแลว มันเปนไปของมันเองดังที่เลามานี้แล

จากนน้ั กอ็ ยแู บบเซอ ๆ ซา ๆ ละทนี่ ี่ เอ ทาํ ไมเปนอยางน้ี หอื เปน อยา งน้ี
เหรอ ทน่ี ีส่ ติปญ ญาท่ีเคยหมนุ ตว้ิ ๆ หายไปไหนหมด หายหมด หายทั้งสองอยางนั้น
แหละ สิ่งท่ีตอ สกู ันกไ็ มทราบวาหายไปไหน คตู อ สูกไ็ มท ราบหายไปไหน ไปดวยกัน
ไปไหนก็ชางมันเถอะ เราเคยทกุ ขเ พราะสง่ิ เหลา นแ้ี หละ ขาศึกก็ทําใหทุกข การตอสูก็

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๖๐

๓๖๑

ทุกข เพราะขาศึกมาทําใหทุกข เดินจงกรมก็เซอ ๆ ซา ๆ ไป ไปเห็นกิ้งกาก็เลนกับ
กิ้งกาเสีย เหน็ นกกเ็ ลน กบั นกเสยี เหน็ สตั วต วั ไหนกเ็ ลน กบั มนั ไปเสยี เปนอยางนน้ั ไป
เสยี ไมใชเดินจงกรมอยางจริงจังเหมือนแตกอน

ไปก็ไปยืนดูสัตว พจิ ารณาสตั ว มันหากมีเรื่องของมันนะ ไมใ ชไ ปแบบเซอ ๆ
เสยี จรงิ ๆ มันดูจิตดวงนี้ มนั หยง่ั เขา จติ โนน นะ จิตนี้เปนไดทุกอยาง อาํ นาจของธรรม
ชาติอันนี้ไปฝงไวหมด ไปกําอํานาจไวหมดไมว าจิตสตั ว จิตบคุ คล สตั วน าํ้ สตั วบ ก
บนฟา อากาศ กายทิพย กายหยาบ กายละเอยี ด จติ มันละเอียดกวา นนั้ กเิ ลสมนั
ละเอยี ดกวา นน้ั มันติดพันกันไปได แนะ มันหากคิดของมันเองนะ

มเี ทา นต้ี วั มหาเหตใุ นไตรภพ พอนี้บรรลัยไปแลวไมมีอะไรมากอกวน ก็อยู
ไปอยางนั้น จะไดอะไรกับการอยู มืดแจงก็มีอยูตั้งแตเรายังไมเกิด ใครจะเอามืดเอา
แจงไปเปนสมบัติของตนได ใครจะเอาดนิ ฟา อากาศ แผน ฟา แผน ดนิ นไ้ี ปเปน สมบตั ิ
ของตนได วัตถทุ ้งั หลายท่มี องเห็นเกลอ่ื นอยเู ตม็ โลกเตม็ สงสารนี้ ใครจะเอาไปเปน
สมบัติของตนได มันตางอันตางมี ตางอันตางจริงอยูตามหลักธรรมชาติของมันอยาง
นน้ั มาแตไ หนแตไ ร ตั้งแตเรายังไมเกิด เกดิ มากม็ แี ตก เิ ลสนม้ี นั บงั คบั ใหอ นั นเ้ี ปน เรา
นน้ั เปน ของเรา กวาดตอนเขามา จะตายยังไมวานะ ถาเปนแบกกห็ ลงั หกั แลว ยังจะ
แบกตะพึดตะพือไมยอมวาหนัก กเิ ลสไมย อมใหว า หนกั มันบังคับเอา เพราะฉะนน้ั
มนุษยเราถึงโลภมากไมรูจักตายก็คือมนุษยนี่แล

ถาพูดตามโลกสมมุตินิยมทั่ว ๆ ไปเขาวา มนษุ ยน ฉ้ี ลาดกวา สตั ว ถาพูดตาม
หลกั ธรรมพระพทุ ธเจาอยา งแทจรงิ เพอ่ื จะปราบกเิ ลสแลว ไมเ ปน อยา งนน้ั มนุษยนี้
ใชไดคลองตัวที่สุด กิเลสใชไดคลองตัวที่สุด กเิ ลสเสย้ี มสอนไดง า ยกวา สตั วท ง้ั หลาย
มนษุ ยน โ้ี งก วา สตั วท ง้ั หลายมาก พลิกไปอยางนั้นเสีย ควรจะฉลาดแลว ยงั กลบั ใหม นั
เอาความฉลาดไปใชเ ปน ทาสของมนั เสยี สน้ิ ควรจะเอาความฉลาดของธรรมเขา ไป
แทรกในมนษุ ยน ้ี แตยังไมไดเรื่อง ตายทง้ิ เปลา ราวกบั สตั วท เ่ี ขาไมฉ ลาด สูสัตวก็ไมได
สตั วเ ขากอ็ ยตู ามประสปี ระสาเขากเ็ ปน อยา งหนง่ึ มนษุ ยน ค้ี วรจะมคี วามฉลาด เพราะ
ตามหลักธรรมชาติมนุษยก็ฉลาดอยูแลว ควรจะหาความฉลาดอนั แทจ ริงอันถกู ตอ ง
อนั เปน สารคณุ เขา มาแทรกหวั ใจบา ง อยา งนก้ี ลบั ไมแ ทรก กลบั เอาความฉลาดของ
กเิ ลสเขา มาครอบงาํ เสยี หมด เออ มนษุ ยน เ้ี ลยจะตายจมอยกู บั ความสาํ คญั วา ตน
ฉลาด ทั้งที่โง ถกู กิเลสจูงจมกู จนไมโ งหวั ขึ้นดูเดอื นดาวบางเลย

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๖๑

๓๖๒

โลภกโ็ ลภไมม ีใครเกนิ มนษุ ย โลภจนเจาของจะตายยงั ไมรู ตายแลวก็ไม
ทราบวา เอาอะไรไป พจิ ารณาซิ แมแ ตร า งกายนเ้ี วลาหมดลมหายใจแลว เขาจะเผาไม
เผาฝงไมฝง ทิ้งไวอยางนั้น มีแตแมลงวันจะมาไตมาตอมเทานั้น ไมมีทางที่จะไดติด
ตัวไป เมอ่ื พจิ ารณาใหถึงฐานแหงความจรงิ ของมันแลว โอโฮ ธรรมชาตนิ ม้ี นั ละเอยี ด
จรงิ ๆ ไมอ าจรมู ันไดเ ลย ถา ไมใ ชว ชิ าธรรม ไมเ หน็ มนั แน ๆ แมตายเกิดกี่กัปก็ไมมี
ทางทราบไดเ ลย มีวชิ าธรรมเทาน้นั ทจ่ี ะมองเขาไปเหน็ มนั ได และทําลายมนั ไดโ ดย
ลาํ ดบั จนกระทั่งสน้ิ ซากไป มธี รรมเทา นน้ั

การภาวนามนั กม็ เี รอ่ื งเกย่ี วขอ งหลายประการ ที่ใหความสะดวกก็มี ทใ่ี ห
ความขลุกขลักกาวไมออกก็มี จงึ ตอ งใชห ลายสนั หลายคมในทางอบุ ายเกย่ี วกบั หมกู บั
เพื่อน ไมเชน นน้ั กจ็ ะไมรเู ร่ืองรูร าวอะไร เชน วดั ปา บา นตาดน้ี รูส กึ จะอุดมสมบรู ณ
ดวยปจจัยทั้งสี่ เราจะวา อดุ มสมบรู ณน น้ั ไมผ ดิ เราพูดไดเตม็ ปากเพราะเคยไปท่ีตาง
ๆ มาแลว น่ี ถาไมเคย เรามาเจอแตน เ้ี สยี ทเี ดยี ว เรากย็ งั ไมก ลา พดู วา มนั สมบรู ณ น่ี
เราก็เปนนกั ทอ งเทยี่ ว เกือบพูดไดวาทั่วประเทศไทย และเคยอยกู บั ครบู าอาจารยท ่ี
ทา นพาปฏบิ ตั มิ าแลว

ยง่ิ พอ แมค รูอาจารยม น่ั ทา นชอบอยใู นปา ในเขา โอโฮ เวลาทา นเลา ใหฟ ง
มนั ไปสมั ผสั ทา นถงึ เลา นะ ไมใ ชท า นตง้ั ใจมาเลา เฉย ๆ เวลาพดู ไปสัมผัสทา นก็พดู ให
ฟง แตเ รามนั เกดิ ความสลดสงั เวช ไปบางแหง ฉนั จงั หนั ดว ยขา วเปลา ๆ ไมมีกับเลย
เปน เดอื นนะ ทา นวา เพราะเขาเขา ใจวา พระกรรมฐานนฉ้ี นั แตถ ว่ั แตง า ไมฉันเนื้อฉัน
ปลา เขาไมม ถี วั่ มีงาเขากเ็ อาขาวเปลา ๆ ใสบ าตรใหฉ นั เรากฉ็ นั อยา งนน้ั เพราะเราหา
อยา งนน้ั น่ี ทา นวา แตภ าวนาดี ตวั เบา มันจะกินไดมากอะไรมีแตขาวเปลา ๆ ทา นวา
อยางนั้น การเดนิ ธดุ งคก ล็ าํ บาก บางทเี ดนิ จากนไ้ี ปบา นนน้ั ไปหมูบานนั้นก็ไมถึง
เพราะหลงทาง โดนปาลึกเขาไปอีก

แตกอนหมูบานไมไดเปนอยางนี้ เดนิ ตง้ั วันก็ไมเ จอหมูบ า น หลงทางบอย
เพราะทางโขลงขางมีแยะ โอย นอนจมอยูในปา ทา นวาบางทไี มไดก นิ ขาวก็มี เราก็
เคยอดอยูแลว จะวิตกวจิ ารณอะไร เพราะเราไปหาภาวนานน่ี ะ เราไมไ ปหากงั วลน่ี
ทา นวา ความกังวลเปนเรื่องของกิเลส เราจะฆา กเิ ลส จะกังวลมันอะไร ไปอยูในปาใน
เขา อด ๆ อยาก ๆ ทง้ั นน้ั แหละ ทา นพูด ทนี ธ้ี รรมทา นซสิ มบรู ณภ ายในใจไมม เี วลา
บกพรอง ทา นภาวนาของทา นดว ยความสะดวกสบาย ไมเ กลอ่ื นกลน วนุ วายกบั ใคร ๆ
จติ ใจสงา ผา เผย ธรรมชอบเจรญิ ในทอ่ี ดอยากขาดแคลน ไมไดเจรญิ ในท่สี มบูรณพูน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๖๒

๓๖๓

ผลดว ยปจ จยั เครอ่ื งบาํ รงุ บาํ เรอ ซึ่งดีไมดีติดปจจัยสี่ ซึ่งเปนเพียงเครื่องอาศัยก็ไดถา
ลืมตัว เลยกลายเปน เนอ้ื เปน หนงั เปน ตวั เปน ตนขน้ึ มาแบบกาฝาก และทาํ ลายจติ ใจ
ใหแ หลกเหลวไปได

เพราะฉะนั้นการฝก ฝนอบรมเจา ของ จงึ ตอ งมคี วามลาํ บากลาํ บน ดวยที่อยูที่
อาศยั บา ง ดวยปจจัยตางๆ เครอ่ื งบรรเทาบา ง ดว ยความเพยี รบา ง บวกกันเขาก็ตอง
ทุกข เพราะจะหนีจากทุกข ตองเอาทุกขแกทุกขซิ ทุกขอันหนึ่งเปนทุกขเพราะกิเลส
สรางขน้ึ มา ทกุ ขอ นั หนง่ึ เปน ทกุ ขเ พราะการบาํ เพญ็ ธรรม ฝา ยหลงั นเ้ี ปน ผลดี เปน ทาง
ใหป ระเสรฐิ เปน ทางใหหลดุ พน ยอมรับทุกขทางนี้มากกวาจะยอมรับทุกขทางนั้น
อยางนั้นซิผูปฏิบัติ ตอ งคิดแยกคิดแยะหลายสันหลายคม จงึ เรยี กวา ปญญา ไมอยาง
นั้นหาทางออกไมไดนะ ปญ ญาเปน สาํ คญั พลกิ แพลงเปลย่ี นแปลงหลายตลบทบทวน
จนคลองตัว จึงจะทันกับกลของกิเลส ไมงั้นตายจมอยูในเงื้อมมือมัน

นี่ก็ยิ่งรอยหรอเขาไปๆ ทกุ วนั พระกรรมฐานเรา กาํ ลงั จะกลายเปน ปลาเนา
ไปขายอยใู นตลาดลาดเลในเมอื งใหญเมอื งหลวงไปแลว นะ เรื่องของกิเลสถามีอยูใน
จติ แลว มนั ลมื ตัวไดงายนะ เหน็ คนมานบั หนา ถอื ตาเคารพเลอ่ื มใสกล็ มื ตวั เสยี ละซิ
เหตทุ เ่ี ปน ปลาเนา กระจายเขา ตลาดนะ เพียงดนิ เหนียวตดิ หวั กว็ า ตัวมหี งอนไปแลว
นน่ั นล่ี ะกรรมฐานตาย ผเู หน็ ธรรมเปน ของแปลกประหลาดอศั จรรยภ ายในจติ อยู
แลว ทา นไมห ลงทา นไมต น่ื ดนิ เหนยี ว ทา นรู มแี ตห าวธิ หี ลบหลกี ปลกี ตวั เทา นน้ั จน
ผานพนไปไดแลว นั้นก็ยิ่งรอบคอบ ควรจะสงเคราะหใ ครมากนอ ยเพยี งไร ทา นกร็ ู
ประมาณของทานเอง ทานไมหลงทานไมตื่น

ผเู ชน นน้ั แลว ทา นเปน ผรู อบคอบ ทานรูจักประมาณความพอดีในการปฏบิ ตั ิ
ตอประชาชน หนกั เบามากนอ ยเพยี งไรทา นรขู องทา นเอง ทานไมถอื ใครเปน ประมาณ
ทา นถอื ธรรมเปน ประมาณ กําลังวังชาของทานเหมาะสมเพียงไรทานก็รูของทานเอง
เพราะทา นไมถ อื โลกามสิ มาเปน เจา อาํ นาจบงั คบั จติ ใจทา น ทา นไมม ีโลกามสิ ติดหัวใจ
ทา นมแี ตค วามเมตตาสงสารทจ่ี ะสงเคราะหส งหาไดม ากนอ ยเทา ไร ทานก็ทําไป ความ
รจู กั ประมาณทา นมอี ยปู ระจาํ ใจ ทานไมลืมตัวไมลืมธรรมจะไปลืมตัวอะไร คนลมื
ธรรมตางหากจงึ ลมื ตัวม่วั สมุ แบบไมมสี ถานีจอดแวะ

หาอบุ ายสงั เกตดเู จา ของใหด นี ะ สิ่งเกี่ยวของกับเรามีอะไรบางที่ทําใหอืดอาด
เนอื ยนาย ทาํ ใหล า ชา ทาํ ใหไ มส ะดวกสบายในจติ ตภาวนามอี ะไรบา ง ตองสังเกต
เสมอ ถึงจะทุกขก็ทนเอา เมอ่ื เจา ของรวู า สะดวกทางดา นจติ ตภาวนาในแงใ ด แมทุกข

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๖๓

๓๖๔

ก็ตองยอมทนเอา ไมอยางนั้นกาวไปไมได เพราะกเิ ลสมนั รงึ รดั รอบดา นในหวั ใจเรา

ขยับออกชองไหน สว นมากมแี ตก เิ ลสทง้ั นน้ั แหละ เมื่อสติปญญายังไมทัน มแี ตก ิเลส

ยดึ อาํ นาจเอาเราเปน เคร่ืองมอื ของมนั ทงั้ นัน้ แตเ ราไมร วู า มนั เปน กเิ ลสนะ ซิ ตอเมื่อ

สติปญญาทันมันถึงจะรูและรู แยบ็ มาตรงไหนรู ฟนกันแหลกๆ ไปเลย เมื่อถึงขั้นรู

แลวปดไมอยูจริงๆ นะ มันจะออกมาแงไหนมันรูกันทันทีๆ ฟดกันฟนกันแหลกๆ จน

กระทัง่ มนั หมอบอยางทว่ี า นน่ั แหละ หมอบแลวยงั ไมแ ลว ยังตองคุยเขี่ยหาอีกไมหยุด

ไมถอย กิเลสมันหมอบ การหมอบของกเิ ลสอยา เขา ใจวา มนั กลวั เรา มนั หมอบหลบ

ฉากตา งหาก อยา เขา ใจวา มนั กลวั เราเลย มนั หมอบหลบฉากดว ยลวดลายแหง ความ

ฉลาดของมัน ความฉลาดของกิเลสเปน อยางนัน้

ฉากของธรรมะความฉลาดของธรรมเปนยังไง ก็ตามขุดคนจนเจอกัน ฟดกัน

เรอ่ื ยๆ หลายครง้ั หลายหน สุดทายก็เจอปูยาตายายของมันจนได คือ อวิชฺชาปจฺจยา

สงขฺ ารา นก่ี เ็ อาแหลก เมอ่ื เจา โคตรมนั หมดแลว สงครามกห็ ยดุ รบลงทนั ที ฉะนน้ั จง

ฟาดฟน จนหมดเจาโคตร ถาโคตรยังอยูมันก็แตกลูกแตกหลานมาเรื่อย เพราะมนั มี

โคตรมแี ซน ว่ี ะ เอาจนแหลกทง้ั โคตรท้ังแซแลวหมดปญ หาลงทนั ที สบายแสนสบาย

สนุกดูกเิ ลสท่นี ี่ สมมตุ วิ า มนั ไมม ใี นหวั ใจเรา มนั กม็ ใี นสตั วใ นบคุ คล ไปไหน

มนั กเ็ หน็ หมด เกลอ่ื นอยนู ั่น มันแสดงกิริยาทาทางอะไรออกมา ปดไมอยู เหน็ หมดรู

หมด นอกจากจะพูดหรือไมพูดเทานั้น ทีนค้ี วามสงสารมนั กเ็ ปน ข้นึ มาพรอมกนั อีก

คนหนง่ึ ไมร ู คนหนง่ึ รมู นั ดกู นั งา ย คนไมรกู ็เหมอื นคนไปนอนอยูใ นถํา้ เสอื นั่นแล ได

ยนิ เสยี งเสอื คาํ ราม ฮึ่มๆ ยงั นกึ วาคนรองเพลงใหฟง ยังฟงเพลินอยูได ไมรูจักตาย

พวกเรามนั พวกไปนอนอยใู นถํา้ เสอื เสือคํารามจะกลืนหมดทั้งตัว ยงั ออ เพลงน้ี

ไพเราะเพราะพรง้ิ มากนะ แหม เพลงนม้ี าจากไหนนา เพลงอะไร เพลงลูกทุงหรือลูก

กรุงกนั นะ ถงึ ไดไ พเราะเสนาะโสตเอานกั หนา ไมคิดวา เสือมันกําลงั หน่ั หอมหั่น

กระเทียมอยูแลว เสียงกระหึ่มๆ ของมันหั่นหอมกระเทียม กําลงั จะขยําคลุกเคลา กับ

เนื้อมนษุ ยผ ูแ สนโงอ ยูประเดยี๋ วใจยังไมร ู ยงั เขา ใจวา เขารอ งเพลงใหฟ ง กเิ ลสมัน

กลอมคน กลอมอยางนั้นละ จงฟงใหถึงใจ บทเพลงของกิเลสกลอมพวกเรา และ

ปฏบิ ตั ใิ หถ งึ ธรรม ถาไมอยากถูกขยํากับหอมกระเทียมของมัน

เอาละ เลิกกันละทน่ี ี่

<<สารบญั

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๖๔

๓๖๕

เทศนอ บรมพระ ณ วัดปาบานตาด
เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๕

พฒั นาจติ ใหพ น พลงั ดงึ ดดู ของกเิ ลส

ในสามแดนโลกธาตุนี้ไมมีอะไรมีกําลังมากกวากิเลสไปได ดังที่กลาวเมื่อสัก
ครนู ว้ี า มันมีอํานาจดึงดูดตลอดเวลา เชน เดยี วกบั วตั ถตุ า ง ๆ ที่ถูกโลกดึงดูดตลอด
เวลานน่ั แล คําวาโลกดงึ ดดู นี้ วัตถุเล็กก็ดึงดูดตามความเล็ก วตั ถใุ หญกด็ งึ ดูดตาม
ความใหญของวตั ถุน้ัน ๆ วัตถุใหญเทาไรยิ่งดึงดูดมาก เรายกไมข น้ึ เพราะหนกั มาก
เกี่ยวกับความดึงดูดของโลก แมเข็มเลมหนึ่งมันก็ยังตองดึงดูด วัตถุตาง ๆ จงึ เตม็
อยกู บั พน้ื โลก จะเหาะลอยอยูบนอากาศไมไดเพราะถูกโลกดึงดูดลงมา

กเิ ลสสรา งพน้ื ฐาน สรา งอาํ นาจ สรางความดึงดูดไวภายในใจของสัตวโลกก็
เหมือนกัน ใจสตั วโ ลกจงึ เปน ฐานแหง ความดงึ ดดู ฐานแหงกําลังของกิเลสที่คอยดึง
ดดู สตั วโ ลกไมใหเ ผยอตวั ขึน้ ไดเลย ไมวาจะคิดอานไตรตรองทางใดขึ้นชื่อวาความดี
แลว ถกู มนั ดึงดดู หรือเหนี่ยวร้งั เอาไวจนได อํานาจของมนั รุนแรงมาก แตเราไม
ทราบวา สง่ิ เหลา นม้ี อี าํ นาจ เพราะยังไมมีคูแขง มันมีอันเดียว เกดิ มากเ็ พราะอาํ นาจ
ของกิเลสพาใหเกิด ความเปน อยู ความเคลอ่ื นไหวทกุ อยา งอยดู ว ยอาํ นาจแหง ความ
ดึงดูดของกิเลสทั้งมวล ไมมีสิ่งใดมามีอํานาจดึงดูดและแฝงเขามาเปนคูแขงกับสิ่งที่
กลา วน้ี สง่ิ นจ้ี งึ มอี าํ นาจทาํ หนา ทแ่ี ตผ เู ดยี วอยใู นหวั ใจสตั วโ ลก ทั้งที่สัตวโลกก็ไม
ทราบเลยวา อะไรเปน เครอ่ื งดงึ ดดู เปนเครื่องกดถวง หรือกดขบ่ี ังคบั อยเู วลานี้ ไมมี
ทางทราบได ไมว า จะเปน สตั วโ ลกรายใดหรอื ผใู ดภมู ใิ ด รวมหมดทง้ั สามแดน
โลกธาตุน้ี ไมม ผี หู นง่ึ รายใดทจ่ี ะสามารถทราบความดงึ ดดู หรือกําลังของกิเลสซึ่งฝง
อยูภายในจิตใจของตนนี้ได เพราะเปน ส่ิงทลี่ ะเอียดออนมากเกนิ กวาสามญั ชนเราจะ
ทราบไดในความเปนของมัน

ดว ยเหตนุ เ้ี ราจงึ เหน็ ความประเสรฐิ และอศั จรรยข องพระพทุ ธเจา ทแ่ี หวก
วา ยมาตรสั รใู นแดนแหง มหาอาํ นาจของวฏั จกั รน้ี ไดเปนพระพุทธเจาขึ้นมา และ
ปราบธรรมชาติทีม่ ีอาํ นาจกดถวงจิตใจ หรือดึงดูดจิตใจนี้ ใหหมดสิ้นไปจากพระทัย
ได นาํ อบุ ายวธิ ตี า ง ๆ ทั้งฝายโทษเพราะความกดขี่บังคับของกิเลส ทั้งฝายคุณคือ
ธรรมเครื่องชําระซักฟอก หรอื ปราบปรามกเิ ลสใหส ตั วโ ลกทง้ั หลายไดท ราบโดย
ลาํ ดบั มา ตั้งแตปฐมสาวกจนกระทั่งพุทธบริษัท หรือสัตวโลกทั่ว ๆ ไป อยา งกวา ง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๖๕

๓๖๖

ขวาง ไมมีใครเสมอเหมือนพระพุทธเจา ดว ยเหตนุ ค้ี าํ วา พระพทุ ธเจา เกดิ ขน้ึ แลว ใน
โลก จึงเปนสิ่งที่สะเทือนใจสัตวโลกผูกําลังตกทุกข และแสวงหาทางออกอยางมาก
มาย เพราะเปน ธรรมชาตทิ ห่ี ายาก นานแสนนานจะมสี กั ครง้ั หนง่ึ

เราคดิ ดวู า สตั วโ ลกทง้ั สามภพน้ี ไมม ผี หู นง่ึ ผใู ดรายใดจะแหวกวา ยโดย
ลําพังตนเอง ใหห ลดุ พน จากมหาอาํ นาจแหง วฏั จกั รนไ้ี ปไดแ มแ ตร ายเดยี ว มพี ระ
พทุ ธเจา เทา นน้ั เปน พระองคแ รก ที่ไดทรงพยายามมาโดยลําดับเต็มพระสติปญญาไม
ลดละทอถอยจนไดตรัสรู ดงั พระพทุ ธเจา ของเราองคป จ จบุ นั เปน ตวั อยา ง เพยี งพระ
ชาตปิ จ จบุ นั น้ี พระองคทรงตะเกียกตะกายไดรับความทุกขทรมานมากเพียงไร มใี คร
จะเปนคูแขงพระพุทธเจาไดไมปรากฏ เพราะการทรงเสยี สละทุกสงิ่ ทุกอยา ง ลว น
เปน สง่ิ ทเ่ี จา มหาอาํ นาจนย้ี ดึ ครองไวแ ลว อยา งเหนยี วแนน ทง้ั สน้ิ ไพรฟาประชาชี
บรษิ ทั บรวิ าร สมบัติพัสถาน ผูอยูในความปกครองที่ทรงรับผิดชอบ ลว นแตม หา
สมบตั ิ นถ้ี อื วา เปน สง่ิ ทม่ี คี ณุ คา มหาศาลทง้ั นน้ั เฉพาะอยา งยง่ิ พระชายากบั พระราช
โอรสซึ่งเปนสมบัติที่ใกลชิดติดพระองคยิ่งกวาสิ่งใด ๆ พระองคเสด็จพรากจากไปได
อยางไร ถาธรรมดาแลวยอ มเปนไปไมไ ด ไมมีใครกลาทําได แมแตสมบัติสิ่งของ
ธรรมดา ๆ ซึ่งมีคุณคานอยนิดเดียวยังไมอาจสละได

เวลาเสดจ็ ออกทรงผนวช นับแตขณะที่เสด็จออกไป ไดร บั ความทกุ ขค วาม
ทรมานแสนสาหสั ทง้ั ทางพระกายแลพระจติ เพราะการทรงฝก ทรงฝน ทรงทรมาน
พระองค จนถงึ ขน้ั สลบไสล จะเปน แหลจ ะตายแหล แลวก็ฟนพระองคกลับคืนได จน
ปราบมหาอาํ นาจทบ่ี บี บงั คบั และกดถว งอยภู ายในพระทยั ใหส น้ิ ซากลงไป กลายเปน
พระพุทธเจาขึ้นมาทั้งองค นย่ี ากขนาดใด เพียงพระชาติปจจุบันนี้ก็ไมมีใครจะกลา
แขงไดแลว พูดถึงเรื่องความพากเพียรความอดทน ความทุกขทรมานในการ
ตะเกียกตะกายทุกประโยค นบั แตส ถานทอ่ี ยู อาหารปจ จยั เครอ่ื งอาศยั ทเ่ี รยี กวา
ปจ จยั ส่ี ไมม คี วามสะดวกสบายในพระกายและพระทยั เลย เหตุใดจึงทรงฝาฝนมาได

การรบ รบอะไร การแกก ารตอ สู สอู ะไรทเ่ี ปน ภาระหนกั เปนของยากที่สุด
ยง่ิ กวา การสรู บการรบฟน หน่ั แหลกกบั กเิ ลสนไ้ี มม ใี นสามแดนโลกธาตนุ ้ี นี่พระพุทธ
เจาก็ไดทรงสละพระชนมชีพจนไดตรัสรูขึ้นมา ในการตอ สูก็ถึงขน้ั สลบ พระองคไม
ตายแตก เิ ลสตายเกลย้ี งไมม เี หลอื ภายในพระทยั ไดอบุ ัตขิ ึ้นมาเปน ศาสดาเอกในโลก
ทามกลางแหงวัฏจักรซึ่งหมุนอยูรอบตัว

นเ่ี ราไมเ หน็ พระพทุ ธเจา เปน ผปู ระเสรฐิ เปน ผอู ศั จรรยเ หนอื โลกแลว เราจะ
เหน็ อะไรวา ประเสรฐิ ยง่ิ กวา น้ี หากไมม พี ระพทุ ธเจา มาตรสั รแู ละทรงแสดงธรรมดว ย

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๖๖

๓๖๗

วธิ กี ารตา ง ๆ ทง้ั การละและการบาํ เพญ็ ทง้ั ฝา ยโทษและฝา ยคณุ ใหท ราบแลว แมจ ะ
มีหูกี่รอยกี่พันหูก็ไมเกิดผลเกิดประโยชนอันใด มีตากี่รอยกี่พันดวง มีจมูก มีลิ้น มี
กายกี่รอยกี่พันจมูกกี่พันลิ้นก็ไมเกิดประโยชนอะไร เพราะไมท ราบจะเอานาํ ไปใชก บั
สง่ิ ใดจงึ จะเหมาะสม เมื่อไมมีผูชี้แจงแสดงบอกใหรูในทางผิดทางถูกแลว กาย วาจา
ใจหรอื ตา หู จมูก เหลา นก้ี ไ็ มม คี วามหมายอนั ใด นี่พระพุทธเจาทรงชี้แจงไวหมด ให
รูการใชประโยชนทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ไมปลอยให
ตายและเนา เฟะทง้ิ เปลา ๆ ดงั ทเ่ี คยเปน มาแลว ทว่ั ดนิ แดน

ไมมีผูใดจะมีความฉลาดแหลมคมยิ่งกวาพระพุทธเจา ในการชแ้ี จงแสดง
บอกเครื่องใชเครื่องมือใหเกิดประโยชน สิง่ ใดท่ีจะเปนโทษกท็ รงสั่งสอนใหห กั หาม
ตัวเอง และทรงสั่งสอนหามไมใหทํา สง่ิ ใดทเ่ี ปน ผลเปน ประโยชนน บั ตง้ั แตข น้ั เรม่ิ
แรกแหง ประโยชนห รอื ประโยชนเ ปน พน้ื ๆ จนกระทั่งถึงประโยชนมหาศาล มพี ระ
พุทธเจาพระองคเดียวเทานั้นเปนผูชี้แจงแสดงทุกแงทุกมุม โดย สวากขาตธรรม
ตรสั ไวช อบ ไมม ผี ดิ มพี ลาดคลาดเคลอ่ื นแมแ ตน อ ยเลยในบรรดาศาสนธรรมทง้ั มวล
และเปน นิยยานิกธรรม เครื่องนําออกแกผูประพฤติปฏิบัติตามพระโอวาทที่ทรงสั่ง
สอนไวแ ลว นน้ั จนผานพนจากทุกขไปไดโดยสิ้นเชิง ไมมีใครเหนอื พระพุทธเจาท่ีทรง
แสดงไวแลวโดยถูกตองนี้ไดเลย

นเ่ี ราจะเหน็ ไดอ ยา งชดั เจนวา พระพทุ ธเจา ทรงมคี วามฉลาดเหนอื โลกขนาด
ใด โดยลาํ พงั เราทเ่ี กดิ ขน้ึ มาจะสมบรู ณด ว ยตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ ก็ตาม มันก็
สมบรู ณอ ยดู ว ยวฏั จกั ร อยูดวยความโงเขลามืดบอด ใหกิเลสครอบงําจนมดื มิดปด
ตา ทั้ง ๆ ที่มีตาก็นําไปใชประโยชนอะไรไมได มีหูก็ฟงเพื่อกิเลส มีตาก็ดูเพื่อกิเลส
จมกู ลน้ิ กาย ใจก็เพื่อกิเลสทั้งมวล ไมใชม เี พ่อื อรรถเพ่ือธรรม ถาพระพุทธเจาไม
ทรงสง่ั สอนใหร วู ธิ ใี ชอ ายตนะหรอื เครอ่ื งมอื เหลา น้ี เพื่อเปนประโยชนในทางที่ถูกที่
ควร

ทนี เ้ี ราทง้ั หลายไดย นิ ไดฟ ง มาแลว ในตาํ รบั ตาํ รากเ็ คยไดเ รยี นไดอ า น จดจํา
มาไดมากมาย แลว จะควรทาํ อยา งไรทค่ี วรจะเปน ประโยชนแ กเ รา หากพระพุทธเจา
ไมทรงสอนไวแลว เราจะไมมีทางออกเลย น่คี วามอัศจรรยข องพระพุทธเจาเปนอยา ง
น้ี ทั้ง ๆ ทเ่ี ราไดย นิ ไดฟ ง มาแลว ยังไมสามารถปฏิบัติใหเปนไปตามรองรอยไดแลว
เราจะเหน็ วา ผใู ดเปน ผสู ามารถ ใครเปน ผสู ามารถผนู น้ั กเ็ ปน ผหู ลดุ พน ไปได ถา เรา
ไมสามารถเราก็หลุดพนไปไมได ตายจมอยใู นวฏั วนนโ้ี ดยไมม กี าลมเี วลามานบั อา น

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๖๗

๓๖๘

เลย เรยี กวา อนันตกาล หาระหวางไมได หาความสน้ิ สดุ ยตุ ไิ มไ ด ถาปลอยใหเปนไป
ตามวฏั จกั รซง่ึ หมนุ อยภู ายในจติ น้ี

เฉพาะอยา งยง่ิ เราเปน นกั บวช มหี นา ทใ่ี ดเปน สาํ คญั ของนกั บวช ก็คือหนาที่
ปฏบิ ตั ิ ปริยัตไิ ดศ ึกษามาแลวพอสมควรจากอุปชฌายอ าจารย เรยี นมาตามตาํ รบั
ตาํ รา ทานชี้ชองบอกทางใหทุกแงทุกมุม แลวนํามาประพฤตปิ ฏิบัติ กําจัดสิ่งที่เปน
ขา ศกึ อยภู ายในใจของตนดว ยความอตุ สา หพ ยายาม ความขยนั หมน่ั เพยี ร จงึ จะเปน
การถูกตองตามเพศ และทางดาํ เนินของพระพุทธเจา และสาวกทงั้ หลายท่ีดาํ เนินมา
เพราะนี้คือทางเบิกทางถากถางกิเลส ซง่ึ เปน ตวั ภยั ภายในจติ ใจใหห มดสน้ิ ไปจากใจ

ศพั ทส มยั ปจ จบุ นั นเ้ี ขาเรยี กวา พฒั นาชมุ ชน,พฒั นาการ อะไรเปน สง่ิ ทค่ี วร
พฒั นากอ นอ่นื และเปน สิ่งทค่ี วรพัฒนาอยา งยงิ่ ก็คือใจ การพฒั นาจติ เปน สง่ิ สาํ คญั
ยิง่ กวา การพฒั นาส่งิ ใด ๆ ทง้ั สน้ิ หากไมไดพัฒนาจิตแลว สง่ิ ภายนอกจะหรหู ราสงา
งามขนาดใดก็ตาม มนั กส็ กั วา เปน แรธ าตุ เปนอฐิ เปน ปนู เปน หนิ เปน ทราย เปน
ถนนหนทาง ไปเพียงเทา นัน้ ผคู รองสง่ิ เหลา นก้ี ค็ อื ผทู ม่ี ไี ฟเผาผลาญอยภู ายในหวั ใจ
ตลอดเวลา จะหาความสขุ ความเจรญิ และความสงบรม เยน็ มาจากทไ่ี หน

ความสขุ ความเจรญิ ตอ งหมายถงึ จติ ใจเปน อนั ดบั แรก ความไมมีโรคภัยไข
เจบ็ การไปมาหาสดู ว ยความสะดวกสบายเปน อนั ดบั ตอ ไป การพัฒนาจิตใจเปนของ
สาํ คญั มาก ดังพระพุทธเจาทรงสั่งสอนโลกทั้งหลายมาก็คือการพัฒนาจิตใจ เมื่อ
พฒั นาจติ ใจใหด แี ลว สิ่งภายนอกยอมกลายเปนของดีงามไปตาม ๆ กัน มีคุณคา
เปน ประโยชนแ กผ พู ฒั นาโดยสมบรู ณ หากปราศจากการพัฒนาจิตแลวไซร จะไมมี
อะไรมคี ณุ คา เลยในโลกน้ี เพราะจติ เปน ตวั หมนุ เปน ตวั รบั สขุ รบั ทกุ ขร บั ความเสอ่ื ม
ความเจรญิ รับสัมผัสทุกสิ่งทุกอยางที่มากระทบกระเทือนอยูตลอดเวลา ถา ความ
รอบคอบของจิตไมมี สง่ิ เหลา นน้ั จะกลายเปน ภยั ตอ จติ ไมอ าจสงสยั

หากจติ ไดรบั การพัฒนาตนพอสมควร และพัฒนาใหม หี ลักมเี กณฑ จนถงึ
พัฒนาขั้นสุดยอด ถึงความบรสิ ุทธว์ิ ิมุตตหิ ลดุ พนภายในใจแลว อยทู ไ่ี หนกเ็ ปน การ
พัฒนา คอื เจรญิ รงุ เรอื งอยใู นตวั เอง แนะนาํ สง่ั สอนใครกเ็ ปน อรรถเปน ธรรม เปน
เหตเุ ปน ผล เปนความถูกตองลวน ๆ เพราะออกมาจากใจซึ่งพัฒนาดีแลว ฉะนั้น
การพัฒนาจิตจึงเปน ของสาํ คัญดังศาสนาสอนไว

จิตถูกอะไรหุมหอ ถูกอะไรเหยียบย่ําทําลายอยูทุกขณะจิต คิดปรุงออกเรื่อง
ใดมีแตเรื่องฟนเรื่องไฟ เรอ่ื งกเิ ลสตณั หา ความโกรธ ความหลง ลว นแตเ ปน ฟน เปน
ไฟอันออกมาจากเรื่องของกิเลสทั้งมวล หากไมแกไขดัดแปลง ไมช าํ ระลา งสง่ิ เหลา น้ี

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๖๘

๓๖๙

จะจัดวาเปนการพัฒนาจติ ใจไดอ ยา งไร ก็เปน การพัฒนากเิ ลสใหม ากมนู ขนึ้ โดย
ลาํ ดบั เทา นน้ั แลว หาผลประโยชนอ ะไรพอใหเ ปน ความอบอนุ ชน่ื ใจภายในตวั เราเอง
ทง้ั เวลาเปน อยแู ละตายไป เวลานจ้ี งึ ควรสรา งหลกั เกณฑค อื ศลี ธรรมใหม น่ั คงภายใน
ใจเสยี แตบ ดั น้ี

เฉพาะอยา งยง่ิ นกั บวช เปนผูทีต่ ้ังหนา ตง้ั ตาสรางหลกั ฐานมัน่ คงใหแกจิตใจ
ทเ่ี รยี กวา เรอื นใจ แตข ณะบวชแลว เปน ตน ไป เรม่ิ ตง้ั แตศ ลี ใหบ รสิ ทุ ธ์ิ อยาไดให
ตาํ หนวิ า ศลี ดา งพรอ ย ศลี ไมบ รสิ ทุ ธด์ิ ว ยเจตนา และมคี วามระมดั ระวงั เสมอ อยาให
ศีลดางพรอยหรือขาดทะลุไป เพราะความเผลอความไมม สี ตสิ ตงั และเริ่มทางสมาธิ
จิตไมมีความตั้งมั่น จิตวอกแวกคลอนแคลนเพราะอะไร ก็เพราะกเิ ลสหลอกหลอน
ยว่ั ยทุ าํ ใหว อกแวกคลอนแคลนในธรรม กิเลสเขยาจิตใหตั้งตัวไมได เรากท็ ราบอยู
แลว วา ที่จิตเขาสูค วามสงบไมไ ด เพราะความอยากหาประมาณไมได มันกวนอยู
ตลอดเวลา ใหค ิดใหป รงุ อยไู มห ยุด ซง่ึ แตล ะเรอ่ื งละราวลว นแตเ ปน ฟน เปน ไฟ ออก
มาจากสมุทัยแดนผลิตทุกขมาเผาลนตัวเอง แลว จะหาความสขุ ความสบายมาจากท่ี
ไหน จึงตองตอสูกัน หนักก็ตาม เบากต็ าม การตอสูตองไมคํานึงถึงความหนักเบา
นอกจากความชนะ ใหส มความมงุ มน่ั มงุ หมายตายเอาดาบหนา โดยถา ยเดยี ว

หนักก็ตองตอสูในขณะนั้น เชน เดยี วกบั นกั มวยเขาตอ ยกนั บนเวที ไมไดมา
คํานึงถึงเรื่องความหนักไปเบาไป ความเม่อื ยหวิ ออนเพลีย มงุ แตจะใหชนะโดย
ถา ยเดยี ว ผปู ฏบิ ตั กิ าํ จดั กเิ ลสซง่ึ เปน ตวั ขา ศกึ ภายในใจ ก็ตองมีความมุงมั่นเพื่อชัย
ชนะอยางแรงกลา ความทกุ ขค วามยากความลาํ บากในการตอ สู ตองถือเชนเดียวกับ
นกั มวยเขาตอ สกู นั บนเวที เวลาเสรจ็ สน้ิ ลงไปแลว เมื่อยหิวออนเพลียอะไรคอย
ปฏบิ ตั บิ าํ รงุ หรอื รกั ษากนั พกั ผอนหยอ นตวั กันในภายหลัง ในขณะที่ตอสูตองเอาจริง
เอาจังหวังชัยชนะทาเดียว

ขณะนี้ขาศึกอยรู อบดา น ฝง จมอยูภายในจติ แสดงออกมาทา ใดจึงเปนลวด
ลายของขาศึก ลวดลายแหง ธรรมไมป รากฏเลย เราจะหวงั พงึ่ อะไร พระพุทธเจาสั่ง
สอนสตั วโ ลก สั่งสอนลงที่จุดไหน เพราะคาํ วา โลกนน้ั กวา งขวางมากจนหาประมาณ
ไมได พระองคสอนลงที่จุดไหนเปนจุดสําคัญ ก็ลงที่ใจ เพราะใจเปน จดุ สาํ คญั ทร่ี อง
รบั สง่ิ ตา ง ๆ ทั้งดีและชั่ว สุขแลทุกข และเปน ทร่ี วมแหง ราคคฺคินา ไฟคือความ
กําหนัดยินดี โทสคฺคินา ไฟคือความโกรธความโมโหโทโส โมหคคฺ นิ า ไฟคือความ
ลมุ หลงงมงายแบบนอนไมร ูจกั ต่นื ฝงจมภายในใจแหงเดียวไมไดอยูที่อื่นใด ใจรอ น
กร็ อ นเพราะสง่ิ เหลา น้ี ไมไ ดร อ นเพราะธรรม รอ นเพราะกเิ ลสตา งหาก

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๖๙

๓๗๐

เพราะฉะนน้ั จงึ ตอ งอาศยั วริ ยิ ธรรม ขนั ตธิ รรม ความพากความเพียร ความ
อดความทน สตธิ รรมความระลกึ รตู วั อยเู สมอ ปญ ญาธรรม ความฉลาดรอบคอบใน
กิจนอกการใน ตลอดความคิดความปรุงของใจ ความคดิ ใดทเี่ ปนภยั ความคิดใดที่
เปนคณุ พนิ จิ พิจารณาไตรต รอง และตัดฟนคัดเลือกอยูโดยสม่ําเสมอ เรยี กวา เปน
ทาแหงความเพียรของผูม สี ตมิ ีปญ ญาประจาํ ตัวทุกอิรยิ าบถ การเคลอ่ื นไหวทางดา น
จิตใจตองคอยระวังและคอยทราบเสมอ ในอริ ยิ าบถตา ง ๆ ยนื เดนิ นง่ั นอน เวน แต
หลบั เรยี กวา เปน ความเพยี ร ทาตอสูของนักปฏิบัติเพื่อเอาตัวรอดเปนอยางนี้

จิตเปนสิ่งที่ฝกหัดหรือทรมานได พระพุทธเจาจึงทรงสอน ศีล สมาธิ ปญญา
เปน สิ่งท่ีทําใหเ กดิ ใหมีได ทา นจงึ สอนใหบ าํ เพญ็ ใหเ กดิ ใหม จี นถงึ ขน้ั สมบรู ณ และทาํ
ใหสมบรู ณไดทา นจึงสอน ความพากเพยี รเพื่อยังธรรมเหลา นใี้ หเ กดิ ใหเจริญยอมอยู
ในฐานะทค่ี วรเปน ไปได ไมเ ชน นน้ั ทา นไมส อน ใน สวากขาตธรรม ทง้ั มวลเปน ฐานะ
คือเปนไปไดทั้งนั้น ไมใชเปนอฐานะคือเปนไปไมได ทานเปน ไปไดแ ลว สาวกทุก
องคเปนไปไดแลวทั้งนั้น ธรรมนี้จึงเปนธรรมที่ออกมาจากฐานะที่เปนไปไดโดย
สมบรู ณท ง้ั ฝายเหตฝุ า ยผล เหตใุ ดเรานาํ มาประพฤติปฏบิ ตั ิจึงเปน ของไมมนี ํ้ายา
ธรรมกส็ กั แตว า ธรรม เมอ่ื เขา มาสตู วั เราแลว กก็ ลายเปน ธรรมไมม นี าํ้ ยา เพราะอะไร
เพราะถกู กเิ ลสตเี อาแหลก กลายเปน คนไมม นี าํ้ ยา ความเพยี รกเ็ ซอ ๆ ซา ๆ ไมมี
สตสิ ตงั เปน เคร่ืองระมดั ระวังจิตใจเลย ใจจะหาความสงบไดที่ไหน

ถา หากสงบเปน สมาธิไดด วยอาํ นาจของกเิ ลส แมส ตั วท กุ ประเภทในนาํ้ บน
บกบนอากาศ ใตด นิ เพราะสตั วก ม็ กี เิ ลส ตองได สมาธิ ปญญา วิมุตติ กันไปนาน
แลว อยา วา แตม นษุ ยเ ราจะทรงธรรมเหลา นจ้ี าํ พวกเดยี วเลย แตน ก่ี เ็ พราะกเิ ลสนน่ั
เองมนั ทาํ ลาย มันยุแหยกอกวน มนั มไิ ดส รา ง สมาธิ ปญญา วิมุตติ ใหใคร ๆ น่ี ใจ
เราถา เปน นาํ้ กห็ าเวลาสงบใสไมไ ด ยงั ไมท ราบวา กเิ ลสเปน ตวั มารคอยลา งผลาญอยู
หรอื ยงั นอนเพลินคอยเอา สมาธิ ปญ ญา วิมุตติ จากมันอยูหรือ ไมนานจะถูกมันจับ
โยนลงกน เหวเลยเทวทตั จะวาไมบอกไมเตือนนะ

ทา นผใู ดเคยใชธ รรมบทใดในขน้ั เรม่ิ แรกแหง การปฏบิ ตั ิ เหน็ วา ถกู จรติ นสิ ยั
ของตน กพ็ งึ นาํ ธรรมบทนน้ั มาใชม าบรกิ รรมอยา งเอาจรงิ เอาจงั ดวยความมีสติ ให
ถอื วา โลกนไ้ี มม แี ละไมม ใี นความรสู กึ เวลานน้ั มีเฉพาะงานทก่ี าํ ลังทาํ และรบั รกู ันอยูน้ี
เทา นน้ั บรกิ รรมธรรมบทใดกต็ าม เชน พุทโธ ๆ ในโลกนไ้ี มม อี นั ใดภายในใจ ใหมี
แตพุทโธที่สัมผัสสัมพันธกันกับใจอยูนี้เทานั้น ไมส นใจกับสิ่งใด ความคิดวาสิ่งนั้นมี
สิ่งนี้มี กาลนน้ั เปน อยา งนน้ั กาลนเ้ี ปน อยา งน้ี สถานทน่ี น้ั เปน อยา งน้ี อยา งนล้ี ว นแลว

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๗๐

๓๗๑

แตจิตแสดงตัวออกไปดวยความคึกคะนอง ไมคํานึงกับงานของตน ไมส นใจกบั งาน
ของตน จงึ ทาํ ใหเ รอ่ื งราวมนั ยงุ เหยงิ วนุ วายไปตลอด ทั้ง ๆ ที่จะทําจิตใหเปนสมาธิ
เลยไมเปนสมาธิได กลายเปนความลอยลมไป กเ็ พราะความปรงุ ความคดิ ของจติ ท่ี
ไปคดิ วาดภาพอนั นน้ั ภาพอนั น้ี เรอ่ื งนน้ั เรอ่ื งน้ี กอ กวนตวั เองนน่ั แล ฉะนั้นจึงใหมี
งานเดยี วคอื คาํ บรกิ รรมภาวนาเทา นน้ั เปนความถูกตองเหมาะสม ที่จะยังจิตใหสงบ
เยน็ เปน สมาธไิ ดไ มส งสยั

เรากําหนดอานาปานสติคือลมหายใจเขาออก ก็กําหนดตั้งแตไตรโลกธาตุ
เขา มาสวู งแหง กายเรา วาไมมีอะไร ปรากฏแตลมกบั ความรูท่ีสมั ผัสกนั เทา นนั้ ใหม ี
เทา นน้ั ในความรสู กึ นัน้ แลคอื ผูตั้งหนาตั้งตาทํางานในวงปจ จบุ นั ลมจะละเอียดลงไป
ๆ โดยลาํ ดบั เมื่อมีสติคอยจดจอตอเนื่องกันอยูไมขาดวรรคขาดตอน เพราะไดร บั
การควบคุม จติ ยอ มจะหยงั่ ตัวเขาสคู วามสงบได

ปกติของจิตอยากสงบตัวอยูแลว แตเ พราะอาํ นาจของกเิ ลสมนั ฉดุ มนั ลาก
มันถากมนั ฟน ใหหาความสงบตัวไมไ ด ใจเรยี กรอ งขอความชว ยเหลอื จากเจา ของอยู
แลว เจาของคืออะไร คอื สติ คือปญญา ศรัทธา ความเพยี ร แตล ม เหลวไปหมด จติ
ไดร บั ความทกุ ขร อ นแทบเปน แทบตาย เรยี กรอ งหาความชว ยเหลอื จากเจา ของกไ็ ม
เจอ เจอแตก เิ ลสตวั ทาํ ลายถา ยเดยี ว เพราะฉะนน้ั จึงหาความสงบไมไดภายในจิต นี่
ใหท ราบไวเ สยี แตบ ดั น้ี แลว พยายามทําดังท่ีกลา วมา จิตจะเหนืออํานาจของสติไปไม
ได ตองหยั่งเขาสูความสงบได

เม่ือจิตมีความสงบแลว เราจะเห็นทงั้ คณุ แหง ความสงบของจิต และเหน็ ทง้ั
โทษแหงความวุนวายที่ยังไมสงบแตกอนพรอม ๆ กนั ไปในขณะนน้ั จะหยง่ั ความเชอ่ื
ลงในผลทป่ี รากฏอยแู ลว นน้ั และจะหยง่ั ความเช่ือลงในผลทปี่ รากฏผา นไปแลว และ
ความเพยี รก็จะหนกั แนน ข้ึนโดยลาํ ดับไมอ าภัพเหมือนแตกอน สมาธิที่เคยไดยินแต
ชอ่ื ในตาํ รบั ตาํ รา ก็จะมาปรากฏขึ้นที่ใจดวงสงบตัว ดว ยอาํ นาจแหง สมาธภิ าวนาของ
เราทร่ี กั ษาดว ยดนี แ้ี ล

ฐานที่เกิดที่อยูที่เปนสมาธิคือใจ ไมใชที่ไหน ฐานที่เกิดแหงมรรคผล
นิพพานก็คือจิต สถานทอ่ี ยแู หง กเิ ลสตณั หาอาสวะ แหง วัฏจักรวัฏจติ กอ็ ยูท จี่ ิต ชําระ
ส่งิ ทเ่ี ปน ภยั ทพ่ี าใหหมุนเวยี นเกิดแกเจบ็ ตายออกหมดโดยสิ้นเชิงแลว ไมตองถามหา
พระนิพพาน ถามหาทําไม เวลาทุกขเ กิดข้นึ เรายังไมเหน็ ถามใคร เรายงั รู ทุกขเกิด
ข้ึนมากนอ ยเพราะอาํ นาจของกิเลสประเภทตา ง ๆ ยังประจักษกับใจเรา อะไรจะไปรู
ยง่ิ กวา ใจ ในโลกธาตุนี้ไมมีอะไรรูนอกจากจิตเทานั้น ซง่ึ เปน ผรู รู บั ทราบตลอดเวลา ที

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๗๑

๓๗๒

นี้เมื่อทุกขเกิดขึ้นใครจะไปถามวานี้คืออะไร แมแตสัตวก็ยังรอนลั่นกระเทือนปาไป
หมด เพราะทกุ ขเ บยี ดเบยี นบบี คน้ั เจบ็ ปวด ทนอยูไมไดจึงตองรอง รอ งจนหมดลม
หายใจและตายไป นเ่ี ขาไมเห็นถามวาทุกขเ ปนยังไง แลวทุกขท เี่ กดิ ภายในหวั ใจของ
เราเพราะอาํ นาจกเิ ลสมนั สรา งขน้ึ มา ทาํ ไมเราจะไมร ู เพราะมอี ยปู ระจาํ กายประจาํ จติ
อยแู ลว แตว นั เกดิ มาในชาตปิ จ จบุ นั น้ี ตางก็รูกันทั้งนั้น

จติ เปน ธรรมชาตทิ ร่ี เู ทา นน้ั มีหนาท่ที ร่ี โู ดยถา ยเดียว ทําไมจะไมรู ทีนี้เมื่อ
ชําระกเิ ลสออกจากจติ โดยสน้ิ เชงิ แลว ทาํ ไมจะไมร วู ากเิ ลสหมดไปแลว ส้นิ ไปแลว
ทุกขสิ้นไปแลว หมดไปแลวโดยประการทั้งปวง คาํ วา นพิ พฺ านํ ปรมํ สขุ ํ ถามหาที่
ไหนเมื่อจิตไดหลุดพนจากทุกขทั้งมวลแลว บรมสุขก็ไมตองถาม เปน ขน้ึ ภายในตวั
เองนน้ั แล เพราะจติ พรอ มทีจ่ ะเปน ความสุขอยูแลว ถา หากไดร บั ความชว ยเหลอื จาก
เจา ของพอประมาณ และไดรับความชว ยเหลือจากเจาของอยางเตม็ ทเี่ ตม็ ฐาน จติ จะ
แสดงความแปลกประหลาดอศั จรรยข น้ึ มาใหเ หน็ ประจกั ษ โดยไมมีสิ่งใดเสมอ
เหมอื นเลยในโลกทง้ั สามน้ี

พระพทุ ธเจาก็วเิ ศษเพราะจิตบรสิ ุทธ์ิ ดว ยการชาํ ระ พระสงฆส าวกวเิ ศษและ
เปนสรณะของพวกเราก็วิเศษ เพราะไดร บั การชาํ ระดว ยอรรถดว ยธรรมโดยถกู ตอ ง
สิ่งที่เปนสมมุติทั้งมวลอันกอใหเกิดเปนขาศึกอยูไมแลวไมเลา ไดกระจายฉิบหายไป
หมดภายในใจ ทา นเหลา นอ้ี งคไ หนทา นหานพิ พาน ทา นถามหานพิ พานมอี งคไ หน
นับตั้งแตพระพุทธเจาลงมาถึงสาวกองคสุดทาย ปรากฏในตาํ รบั ตาํ ราวา องคไ หนเมอ่ื
ถึงวิมุตติหลุดพนไปแลว ยังตองถามหานิพพานอยูอีก มีองคไหน ไมเ คยปรากฏ มี
แตบ รรลอุ รหตั ผล ๆ แลว เทา นน้ั ๆ ทานไมไปถามหาเร่ืองมรรคผลนิพพานทไี่ หน
มรรคผลนิพพานเปนยังไงอีก ก็มกี เิ ลสตัวเดยี วเทา นั้นที่เปน ขา ศกึ ตอ บรมสขุ อนั เปน
ที่พึงใจ พอกเิ ลสสน้ิ ไปจากใจแลว เทา นน้ั ความสขุ เปน ทพ่ี ง่ึ หวงั หรอื นพิ พฺ านํ ปรมํ
สขุ ํ ก็ปรากฏขึ้นในหลักธรรมชาติของตัวเอง ทใ่ี จดวงบรสิ ทุ ธน์ิ น้ั เทา นน้ั เอาลงตรงนี้ซิ
นกั ปฏบิ ตั ิ จนถึงขัน้ บรสิ ุทธเ์ิ ตม็ ท่ีแลว หากยังมีปญหาที่ตองถามหาพระนิพพานอยู
อีก ผมจะพาเดนิ ขบวนไปทลู ขอรอ งความเปน ธรรม คอื นพิ พานธรรม กับพระพุทธ
เจา เอง เอา จงแนใ จและพากันประกอบความเพยี ร จนถึงขั้นวมิ ตุ ตหิ ลดุ พน อยา งหาย
หว ง

ทําใหไดสมาธิ ถาจิตหาความสงบไมไดแลว อยา เขา ใจวา เราจะมหี วงั อะไร
เปน ความสขุ นะในโลกน้ี ดนิ เปน ดนิ นาํ้ เปน นาํ้ ลมเปน ลม ไฟเปนไฟ แรธ าตตุ า ง ๆ
เปน แรธ าตตุ า ง ๆ นั้นไมใชความสุข ไมใชสิ่งพึงหวัง ไมใ ชส ง่ิ จะมาใหค วามสขุ ความ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๗๒

๓๗๓

สบายความสมหวงั แกเ รา นอกจากจะแกส ิง่ ที่เปน ขา ศึกอยูภายในใจเรา และฝงจมอยู
ภายในใจเรานอ้ี อกใหห มด ดว ยอรรถดว ยธรรมเทา นน้ั เราจะเปนที่พึงพอใจโดย
ลาํ ดับไปตั้งแตข ั้นสมาธิ

สมาธกิ ม็ คี วามละเอยี ดโดยลําดบั ลาํ ดา ตั้งแตพื้น ๆ ของสมาธิ จนกระทั่ง
เปน สมาธิอันละเอยี ด ปญ ญากเ็ ชนเดียวกัน คาํ วา ปญ ญา ๆ เปน อยา งไร คอื ความ
เฉลยี วฉลาดความรอบรู ทา นบอกวา ความรอบรใู นกองสงั ขาร เรยี กวา ปญ ญา นท่ี า น
กลา วไวใ นปรยิ ตั ิ สงั ขารมสี งั ขารประเภทใดบา ง สังขารภายนอก สงั ขารภายใน คือ
สงั ขารทป่ี รงุ กบั ใจอยตู ลอดเวลานก้ี เ็ รยี กวา สงั ขาร อนั นเ้ี ปน สงั ขารทส่ี าํ คญั มาก
สงั ขารนเ้ี ปน สมทุ ยั สังขารภายนอกที่มีปจจัยปรุงแตงขึ้น เชน ตนไม ภเู ขา อะไรเหลา
น้ี ไมใชเปนสมุทัย ถาเราไมไปหมายไปยึดไปถือใหเปนความเขาใจผิดของจิตที่เปน
ตัวสมทุ ัยนีม้ า สง่ิ เหลา นน้ั จะไมเ ปน สมทุ ยั สง่ิ เหลา นน้ั จะนาํ มาซง่ึ ทกุ ขแ กเ รา นอก
จากใจดวงเดยี วนเ้ี ทา นน้ั เปน ผอู ตุ รคิ ดิ ไปในแงต า ง ๆ สาํ คญั มน่ั หมายผดิ วา ถกู ถูก
วา ผดิ ไป แลว กล็ บู คลาํ ไปสมุ สส่ี มุ หา ยึดเอาทั้งขวากทั้งหนามทั้งฟนทั้งไฟมาเผาลน
ตนเองนี้เทานั้นไมมีอะไร มีใจดวงเดียวนี้ ปญ ญาจึงตองใหเ ขาใจในสังขารความคิด
ความปรุงของตน ตวั นล้ี ะเปน เจา เรอ่ื ง

สญั ญากบั สงั ขารนส้ี าํ คญั มาก อยูโดยลําพังก็เปนได สว นวญิ ญาณยงั อาศยั
การรบั ทราบทางรปู เสยี ง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส ที่เขามาสัมผัสกับตา หู จมูก ลน้ิ
กาย จติ กร็ บั ทราบเปน ระยะ ๆ แลว สรา งมโนภาพเปน สงั ขาร เปนสัญญาขึ้นมา
ปญญาจึงใหรูรอบในกองสังขาร มันคิดมันปรุงอะไรตีกระจายใหแตกซิ พระพุทธเจา
ทานตีแตกหมดดวยปญญา เอาปญ ญามาแบกมาหามไวท าํ ไม หุงตมกินก็ไมได
ปญญาไมใชฐานะที่จะไปหุงตมแกงกิน เปนฐานะในการใช เพอ่ื ความพนิ จิ พจิ ารณา
ใหรูเร่อื งของตวั เฉพาะอยางยิ่งเรื่องของจิต คิดเรอื่ งอะไรบา ง ตา หู จมกู ลน้ิ กาย
สัมผัสสัมพันธกับสิ่งใด ดหี รอื ชว่ั ผิดหรือถูกประการใด ปญ ญาพนิ จิ พจิ ารณาใหเ หน็
ชดั เจน เฉพาะอยา งยิง่ ภายในรา งกายของเราดูใหดี ภเู ขาทง้ั ลกู เรายงั ดรู อบเดนิ รอบ
ทาํ ไมรา งกายชน้ิ เลก็ ๆ เทานี้ดูไมรอบ เดินไมรอบดวยปญญา เราจะแทงทะลปุ รุ
โปรงสิ่งที่ผูกพัน สงิ่ ที่สรา งวฏั จกั รวฏั จติ น้ีใหรรู อบขอบชดิ ไดอยา งไร ปญญาตอง
พจิ ารณา

ทา นวา รูป อนจิ จฺ ํ อะไรทคี่ งเสนคงวาอยภู ายในรางกายอนั น้ี และนอกไป
จากนย้ี งั สรา งความเปลย่ี นแปลงประจาํ ตวั เองอยตู ลอดเวลา ไมวาสิ่งใดขึ้นชื่อวา
สมมตุ แิ ลวตอ งมคี วามเปล่ยี นแปลง เปน แตเ พยี งวา ชา หรอื เรว็ ตา งกนั เทา นน้ั แต

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๗๓

๓๗๔

ความเปลี่ยนแปลงยอมเปนไปตามหลักธรรมชาติของมันเสมอ ทกุ ขฺ ํ ทเ่ี ปน อยใู นกาย
และในใจของเรานเ้ี ปน ยงั ไง เปน ของท่นี าชอบใจไหม นา พงึ หวงั ไหม เราดูซิ อนตฺตา
มอี ะไรทว่ี า เปน เราเปน ของเรา เราจึงไปยึดไปถือ ความยดึ ความถอื อะไรพาใหยึดให
ถือ ถาไมใ ชต วั กิเลสซึ่งเปน ตัวฉลาดแหลมคมมาก หลอกเราใหย ดึ ใหถ อื อะไรเปน
ของจริงกิเลสไมใหแตะ แตอะไรเปนของปลอม กเิ ลสชอบเสกสรรปน ยอขน้ึ มา
หลอกลวงพวกเราใหห ลงไปตาม วา อนั นน้ั สวยอนั นง้ี าม อนั นน้ั จรี งั ถาวร อนั นน้ั เปน
สขุ อันนั้นดี อนั นน้ั เลศิ อะไรมนั เลศิ ดินเปนดิน นาํ้ เปน นาํ้ ลมเปน ลม ไฟเปนไฟ มา
ตั้งแตดั้งเดิม มนั เอาความเลศิ มาจากทไ่ี หน นอกจากความเสกสรรปนยอของจิตที่
ออกมาจากกิเลสตัวหลอกลวงนี้บังคับเทานั้น หลอกใหเปนอยา งนน้ั หลอกใหเ ปน
อยา งน้ี

ธรรมเปน ของจรงิ แท ๆ นํามาแทรกลงไปซปิ ญ ญา มนั จรี งั ถาวรทต่ี รงไหน
นา สวยนา งามนา กาํ หนดั ยนิ ดที ต่ี รงไหน แทรกลงไปตั้งแตผิวหนังเขาไปถึงเนื้อ ถึง
เอ็น ถึงกระดูก ถงึ ภายในเทา ไร ยิ่งเต็มไปดวยของปฏิกูลโสโครก เต็มไปดวยปาชาผี
ดบิ อะไรมนั สวยมนั งาม มแี ตก เิ ลสมนั หลอกเราเฉย ๆ ความจรงิ มนั ไมไ ดเปนอยา ง
นน้ั เอาปญญาแทรกลงไป ๆ จะเห็นความจรงิ ไปโดยลําดบั เมอ่ื เหน็ แลว เหน็ เลา
หลายครง้ั หลายหนมนั จะทนไดเ หรอ ฟน แลว ฟน เลา ฟน หลายครง้ั หลายหนมนั กข็ าด
กระจายออกไปจากกันเทานั้นเอง ทีนี้ความยึดมั่นถือมั่นไมตองบอก เมื่อสติปญญา
ไดหยัง่ ทราบลงไปถงึ ฐานแหงความจรงิ ของสงิ่ เหลา น้แี ลว อุปาทานถอนตัว ๆ ไป
ตามลาํ ดับที่ปญญาเขาถงึ

การที่ยึดมนั่ ถอื มน่ั เพราะไมเขาใจ เพราะไมร ู เพราะสาํ คญั ผดิ ถูกกิเลส
หลอกลวงใหยึดใหถือมันก็ยึดก็ถือ เมื่อเขา ใจแลวดว ยปญญาซ่ึงเปน ของจรงิ ก็ถอน
ตัวออกมาได นท่ี า นเรยี กวา ปญ ญา พจิ ารณาซิ มีอยูกับทุกคนไมวาหญิงวาชาย นกั
บวชหรอื ฆราวาส พระพทุ ธเจา สอนธรรมเปน กลาง ๆ เราเปน เจา ของสมบตั เิ หลา นไ้ี ด
ดวยกันท้งั น้ัน นาํ ไปพนิ จิ พจิ ารณา นท่ี า นวา ปญ ญา

ปญ ญาขน้ั หยาบกพ็ จิ ารณาสง่ิ ทก่ี ลา วมาเหลา น้ี มีรปู กาย เปนตน ปญ ญาขน้ั
กลางขัน้ ละเอยี ดลงไปกพ็ จิ ารณานามขันธ พวกเวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณ แตย งั
ไงก็ตาม ตองพจิ ารณาสมั พนั ธเก่ยี วเนอ่ื งกันไปในขณะเดียวกนั น้นั แหละ เมื่อถึงขั้นที่
มีเฉพาะนามขันธ คอื พวกเวทนาภายในจติ สัญญา สังขาร วญิ ญาณ มันหากรูของ
มันไปเอง จนกระทง่ั รรู อบขอบชดิ เชน เดยี วกบั รเู รอ่ื งสว นรา งกายน้ี แลว อปุ าทาน
ความยึดมั่นถือมั่นในขันธทั้งสี่นี้จะมีไดอยางไร เพราะปญ ญาตีแตกกระจายไปหมด

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๗๔

๓๗๕

แลว คาํ วา สตั วว า บคุ คล วา เราวา เขา วาของเราของเขา ถูกปญญาทําลายไปหมดแลว
ก็มีสักแตวาเปนความจริง ๆ แตล ะอยา ง รปู กส็ กั แตว า เปน ความจรงิ เวทนาสกั แตว า
เปน ความจรงิ สัญญา สังขาร วิญญาณ แตล ะอยา ง ๆ สกั วา เปน ความจรงิ ประจาํ ตน
อยเู ทา นน้ั เม่ือความสาํ คญั มน่ั หมายทจ่ี ะใหย ึดใหถ อื ถูกปญญาทําลายแตกกระจาย
ไปหมดแลว จะสําคัญอะไรก็ไมมีอะไรจะสําคัญนี่

ในการพจิ ารณา พจิ ารณาซาํ้ ๆ ซากๆ หลายครง้ั หลายหนหลายตลบทบทวน
จนเปน ทเ่ี ขา ใจทแ่ี นใ จแลว ยอมปลอยเองวางเอง เราจะไปบงั คบั ใหป ลอ ยใหว างน้ี
เปนไปไมไดเมื่อไมพอ เชน เดยี วกบั เรารบั ประทานอาหาร เมื่อไมถึงกาลจะควรอิ่มก็
ไมอิ่ม รับประทานชอนหนึ่งสองชอนจะใหอิ่มเปนไปไมได ตอ งรบั ประทานเรอ่ื ย ๆ
ไป เมื่อถึงขั้นอิ่มแลวหยุดเอง พอเอง นก่ี ารพจิ ารณากเ็ หมอื นกนั เมอ่ื ถงึ ขน้ั รรู อบ
ขอบชิดแลวปลอยวางเอง ทั้งอุปทานในรูปขันธ ทง้ั อปุ าทานในเวทนา สญั ญา สงั ขาร
วิญญาณขันธ เขา ไปโดยลาํ ดบั จนกระทั่งแทงทะลุเขาไปถึงจิต อนั เปน ตวั วัฏจักรวฏั
จติ โดยแทน ้นั ดว ยปญ ญา จนขาดกระเดน็ ไปหมดไมม อี ะไรเหลอื แลว นน่ั ละทน่ี ่ี หมด
ปญ หาในเรอ่ื งการสกู ารรบฟน หน่ั แหลกกบั กเิ ลส ไปยุติกันที่ตรงนั้น ทนี ค้ี าํ วา อยาก
ไปนิพพาน ๆ ก็หมดความอยากที่ตรงนั้น

ความอยากไปนพิ พานนน้ั เปน มรรค ไมใชเปนตัณหา อยากพนทุกขเปน
มรรคไมใ ชเ ปน ตณั หา ความอยากมสี องประเภท อยากเปนโลก อยากเปน ธรรม
อยากเปน ตณั หา อยากเปน ธรรมอยากเปน มรรค ทีนี้ความอยากหลุดพนจากทุกข
ความอยากไปนิพพาน สรา งกาํ ลงั ทางดา นอรรถดา นธรรมใหม ากขน้ึ ภายในตนเอง
ความอุตสา หก ็เปน มรรค ความเพยี รเปน มรรค ความอดความทนเปน มรรค ความ
บึกบึนทุกแงทุกมุมเพื่อความพนทุกขเปนมรรคทั้งมวล เมื่อถึงที่ถึงฐานเต็มที่แลว
ความอยากกห็ ายไป นั่น ใครจะไปถามหานพิ พานทีไ่ หนอกี

ทาํ ลายตวั วฏั จกั รวฏั จติ นน้ั ออกโดยสน้ิ เชงิ แลว ไมม อี งคใ ดบรรดาผทู ท่ี าํ ลาย
วัฏจกั รวฏั จิตนี้ใหข าดกระเด็นออกไปจากใจ แลวจะอยากไปนิพพาน และถามหา
พระนพิ พานวา อยทู ่ีไหน คําวา นพิ พาน ๆ ก็คือชอื่ อันหนึ่งเทา น้นั หลกั ธรรมชาตทิ ่ี
แทจ ริงก็ไดเห็นอยูรูอยูภายในตวั เอง ครองอยูแลวสงสัยไปไหน

นล่ี ะการพฒั นาจติ พัฒนาตั้งแตตนจนกระทั่งถึงขั้นสุดยอดแหงการพัฒนา
จติ เอา ทีนี้อยูไหนก็อยูเถอะอยูอยางพอตัว จติ สรา งความพอตวั ใหต ัวเองโดย
สมบรู ณแ ลว อยไู หนสบายทง้ั นน้ั เรื่องธาตุเรื่องขันธจะเจ็บไขไดปวย เจบ็ หวั ตวั รอ น
หวิ กระหาย ก็ทราบตามเรื่องของธาตุของขันธ ซึ่งอยูในกฎแหง อนจิ จฺ ํ ทุกฺขํ อนตฺตา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๗๕

๓๗๖

ยอมมีความพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของมันอยูเสมอ แตไมหลง ขันธ
เปน ขนั ธ จิตที่บริสุทธิ์เปนจิตที่บริสุทธิ์โดยหลักธรรมชาติ ไมตอ งบงั คับบัญชาใหรูให
หลง เมอื่ ถึงข้ันเปน จรงิ โดยสมบูรณทกุ แงแลว อะไรก็เปนจริงทั้งนั้น ไมตําหนิไมติไม
ชมเพราะตางอนั ตา งจรงิ เอามากระทบกันทําไม ที่อันหนึ่งจริงอันหนึ่งไมจริงนั่นซิได
กระทบกนั และรบกนั อยูตลอดเวลา เพราะอนั หนง่ึ ปลอมอนั หน่งึ จรงิ เมื่อตางอันตาง
จริงแลวกไ็ มม ปี ญหา

พจิ ารณาจติ ใหถ งึ ขน้ั นน้ั ซิ ใหถึงขั้นตางอันตางจริง ยถาภตู ํ ญาณทสสฺ นํ จติ
รเู หน็ ตามเปน จรงิ ทง้ั ภายนอกภายในตลอดทว่ั ถงึ แลว อยู อยดู ว ยความบรสิ ทุ ธ์ิ จะวา
อยกู อ็ ยดู วยความบริสทุ ธิ์ คดิ อะไรก็สักแตวา ความคดิ ความปรงุ เทา นัน้ เรยี กวา เปน
ขนั ธล ว น ๆ ไมม กี เิ ลสตวั ใดมาเปน เจา ของบงการเรอ่ื งความคดิ ความปรงุ ความสาํ คญั
มน่ั หมายตา ง ๆ อกี มีแตขันธลวน ๆ ขันธไมมีกิเลสก็คือขันธของพระอรหันตนั่นเอง
หรอื ผทู ส่ี น้ิ กเิ ลสแลว นน้ั แล ดงั พระพทุ ธเจา และสาวกทง้ั หลาย รปู กส็ กั แตว า รปู
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็สักแตอาการแตละอยาง ๆ ใชไปพอถึงกาลถึงเวลา
ของมนั เทานั้น เมื่อหมดกําลังที่จะเปนไปไดแลว ก็ปลอยวางลงตามความจริงของมัน
ธรรมชาติที่จริงเตม็ สวนแหงความบรสิ ทุ ธข์ิ องตวั แลว กไ็ มม ีอะไรเปนปญหา ทานจึง
เรยี กวา ตา งอนั ตา งจรงิ นก่ี ารพฒั นาจรงิ เอาใหจ รงิ ใหจ งั จะเหน็ ความจรงิ เตม็ ใจ
ประจักษใจ

เวลานถ้ี กู กเิ ลสมนั ดงึ มนั ดดู มันกดมันถวงอยูตลอดเวลาอิริยาบถ นอนกจ็ ม
ไปดวยกิเลสมันดึงดูด ลุกไมขึ้น นน่ั ศีรษะติดกับหมอน กิเลสดูดใหติดกับหมอน
ภาวนากล็ กุ ข้นึ มาน่ังไมไ ด กิเลสมันดูดไวใหลุกขึ้นนั่งไมได ถานั่งก็สัปหงกงกงัน มัน
จบั หวั ฟด หวั แฟง ตีโนนตีนี้ มีแตกิเลสมันดัดมันแปลงเอาตามความตองการของมัน
ทง้ั นน้ั แหละ เรายงั ไมท ราบอยเู หรอวา เราเสยี เปรยี บกเิ ลส เดินจงกรมก็เดินไปเดินมา
เหมือนกับเศษพระเศษกรรมฐาน หาสติสตังประคองความเพียร รักษาตัวไมใ ห
แสดงตัวขึ้นมาตอสูเทานั้นก็ไมได เราจะหวงั เอาความสขุ ความเจรญิ ทไ่ี หนกนั

อาการใดที่ประกอบความพากเพียรมีแตกิริยา ผูทํางานจรงิ ๆ มแี ตเ รอ่ื ง
ของกิเลส ความเผอเรอ ความไมเ อาไหน ความไมฉ ลาด ความโงเ ขลาตอ ความคดิ
ความปรุงของตน ใหก เิ ลสมนั ฉดุ ลากไปไมท ราบวา กท่ี วปี สามแดนโลกธาตุซึง่ ไมเ คย
เหน็ จิตก็ถูกมันหลอกไปใหเห็นใหรูไปหมด รูดวยอารมณวาดภาพหลอกตัวเองไป
เรายังยอมเชอ่ื มนั ไดสนิทตดิ จมอยูเ หรอ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๗๖

๓๗๗

กิเลสหลอกคน หลอกขนาดไหน หลอกงา ยนดิ เดียว ธรรมเปน ของจรงิ ควร
จะเชื่อทําไมไมเชื่อ ถาเชื่อก็เชื่อความเพียรซิ ถาเชอ่ื ธรรมพระพทุ ธเจา ความเพยี ร
ยอ มเขม แขง็ คนเรา สติสตังยอมดี ปญญายอมเกิด ถา เชอ่ื ธรรม ถาเชื่อกิเลสมันไมได
เรอ่ื งทง้ั นน้ั แหละ นั่งภาวนาก็สัปหงกงกงัน ไดน าทีสองนาทกี เ็ หมอื นจะลม จะตายใน
หวั ใจครวญครางไปแลว ใหจมอยูกับหมอนนั้นถาไมหิวขาวแลวไมตื่น นน่ั เหน็ ไหม
กิเลสมันดึงมันดูดมันกดมันถวงมันบีบบังคับ จนกระทั่งกระดิกตัวหาความเพียรไม
ได เรายงั วา เราดอี ยเู หรอ

นักปฏิบัติไมคิดเรื่องเหลานี้จะคิดเรื่องอะไร ตอสูกับกิเลสตองตอสูอยางนี้ซิ
อุบายหลอกลวงดังกลาวมา เหลานเี้ ปนอุบายของกิเลสทั้งมวล เอา ถา ทา นทง้ั หลาย
อยากทราบ ใหเ รง ลงไป สติมี เอา ผลติ ข้ึนมาต้ังข้ึนมาบํารุงใหดี ปญ ญามหี ลายขน้ั
หลายภมู ทิ ท่ี า นแสดงไวใ นอรรถในธรรม จนกระทง่ั มหาสติ มหาปญญา จะไมพนจาก
จติ ดวงทไ่ี ดร บั การบาํ รงุ อยนู เ้ี ลย จะไมพนจากปญญาดวงที่คิดที่คนที่พินิจพิจารณา
อยนู ้ี จนมีความช่ําชองไปไดเลย จะปรากฏขึ้นมาทั้งสติปญญาธรรมดา ทั้งมหาสติ
มหาปญ ญา จนถึงขั้นวิมุตติหลุดพน ไมนอกเหนือไปจากจิตดวงนี้เลย เอาใหจ รงิ นกั
ปฏบิ ตั ิ

เราจมอยใู นวฏั สงสารน้ี ไมมีอะไรมีแตความเกิดแกเจ็บตาย ที่แบกหามทุกข
ไปทุกภพทุกชาติทุกขณะที่ไปเกิดที่ใดตายที่นั้น หาความสขุ ไดท ไ่ี หน ไวใจไดเมื่อไร
ความหวงั เราจะสรา งทไ่ี หนถา ไมส รา งขน้ึ ทน่ี ่ี เอาตรงนซ้ี ิ สรางความหวงั ใหไดเ ต็มภมู ิ
ภายในใจ ความหลดุ พน จากกเิ ลสอาสวะโดยประการทง้ั ปวงนเ้ี ทา นน้ั เปน ความ
ประเสรฐิ เลศิ โลกโดยหลกั ธรรมชาตเิ อง ไมตองมาเสกสรรกัน

เรอ่ื งความประเสรฐิ เพราะกเิ ลสมนั เสกสรรนน้ั มนั ไมไดว เิ ศษอะไรแหละ วา
กันไปอยางนัน้ ทงั้ เขาทง้ั เรา เพราะมนั มแี ตค วามรปู ระเภทเดยี วกนั มแี ตค วามรู
ประเภทหลอกตนเอง แลวก็ไปหลอกคนอื่น หลอกคนนั้นหลอกคนนี้ คนโงมันหลอก
ไดงา ย ๆ จะวาไง มนษุ ยเ ราสตั วเ รามนั โงจ ะตายไป กิเลสจะไมหลอกไดงาย ๆ ยังไง
มันหลอกยังไงก็เชื่อมันทั้งนั้น เชื่อมันมาตั้งกัปตั้งกัลปยังไมเห็นโทษของมันเลย

ฉะนั้นถาอยากจะเห็นโทษของมัน ใหสรางสติปญญา ศรัทธา ความเพยี ร ขน้ึ
ใหด ี แลวจะตามเห็นแงง อนของกเิ ลสทมี่ ันเคยหลอกลวงเรามา จะเขา ใจโดยลาํ ดบั
และแกกันไดปลดเปลื้องกันได ฆา กนั ไดเ ปน วรรคเปน ตอน จนถึงขั้นละเอียดสุดก็
ตามฆา กนั จนไมม อี ะไรเหลอื ภายในใจแลว เอา ทีนี้มันอยูในหัวใจดวงใดทําไมจะไมรู
กเิ ลสเหลา นม้ี นั เคยครองหวั ใจเรามานานแลว ไดถูกทําลายออกไปจากใจนี้แลว มัน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๗๗

๓๗๘

อยูในหัวใจใดทําไมจะไมรู นน่ั ละเพลงของธรรม ที่นก่ี เิ ลสอยไู หนรูห มด เพราะได
ทาํ ลายลงไปแลว ดว ยอาํ นาจแหง ธรรม

จงสรา งจติ นใ้ี หด ี พฒั นาจติ ใหบ รสิ ทุ ธ์ิ นล่ี ะความเลศิ ความประเสรฐิ อยตู รง
น้ี กุสลา ธมมฺ า อกุสลา ธมมฺ า ทา นสอนใหค นฉลาด สอนใหพ ระฉลาดในเวลาท่ี
ประพฤติปฏิบัติตัวอยูนี้ เวลาทม่ี ชี วี ติ อยนู ้ี ไมได กุสลา ธมมฺ า เวลาตายแลว จะไป
หวงั ผลประโยชนอ ะไรใน กสุ ลา ธมมฺ า สาํ หรบั บคุ คลทต่ี ายแลว นน้ั ในเวลามชี วี ติ อยู
นย้ี งั ไมฉ ลาด แลว เราจะเอาความฉลาดไปจาก กุสลา ธมมฺ า ที่สวดนั้นไดยังไง กุสลา
ธมมฺ า ทท่ี า นสวดนะ พระพุทธเจาทรงสอนใหฉลาดที่ตรงนี้ เอาใหจ รงิ ใหจ งั ซนิ กั
ปฏบิ ตั ิ

ที่พูดเมื่อกี้นี้ สมาธิ ปญญา ไมตองพูดวิมุตติก็ได ถา ลงปญ ญาเกรยี งไกร
เต็มที่ คาํ วา มหาสติ มหาปญ ญา นั้นก็คือสติปญญาอัตโนมัตินั่นเอง หมนุ ตวั เปน
เกลียวทงั้ วันทัง้ คืน ยืนเดินนัง่ นอน เวน แตห ลบั เทา นน้ั เปนในหลกั ธรรมชาตขิ องตน
เอง เพราะความสามารถความแกก ลา ของสตปิ ญ ญา ทีไ่ ดฝกมาอยา งเกรยี งไกรแลว
นน่ั ทา นวา มหาสติมหาปญญา กิเลสละเอียดขนาดไหนตามทันหมด จนกระทั่งไมมี
เชื้อของกิเลสเหลืออยูเลย นน้ั แหละสตปิ ญ ญานจ้ี งึ จะหมดหนา ทไ่ี ป จากนน้ั แลว จะวา
ทานเปน มหาสติทานเปน มหาปญญา ทานก็ไมไดวา

ทานผูถึงที่ถึงฐานพนจากสมมุติโดยประการทั้งปวงแลว ทานไมไดสําคัญ
ทา นวา ทา นวเิ ศษ หรอื ทา นเลวกวา ผหู นง่ึ ผใู ด เพราะฉะนน้ั แมส ตั วเ ดรจั ฉานจะตวั เลก็
ขนาดไหนก็ตาม ทานไมประมาท ทานถือเปนเพื่อนทุกขเกิดแกเจ็บตายดวยกันทั้ง
นน้ั เพราะธรรมเปนของออนโยน เมื่ออยูในจิตดวงใดจิตดวงนั้นยอมออนนิ่มไปหมด
เขาไดท ุกเม็ดหนิ เม็ดทราย เขา ไดก บั สตั วท กุ ประเภท ไมมีคําวาแข็งกระดาง นอกจาก
กเิ ลสเทา นน้ั มนั เปน ตวั แขง็ กระดา ง ตัวทิฐิมานะ ตัวเยอหยิ่งจองหอง ถา ธรรมแลว ไม
มี มีแตความออ นนุม น่ิมนวลดวยเมตตามหาคณุ แกโ ลกอยตู ลอดเวลาโดยถายเดียว

รสู กึ เหนอ่ื ยแลว เอาละแคน ้ี

<<สารบัญ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๗๘

๓๗๙

เทศนอ บรมพระ ณ วัดปาบานตาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ มิถุนายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๕

สนามรบของนกั บวช

พระพทุ ธเจา ทท่ี รงพระนามการเทดิ ทนู อยา งสงู จากบรรดาสตั วว า มหาการุ
ณิโก นาโถ หติ าย สพพฺ ปาณนิ ํ เปน ตน ทรงเปน ผูมมี หากรุณาธคิ ุณอนั ยิง่ ใหญแ ก
มวลสตั วน น้ั ออกมาจากความจริงสุดสวนที่เต็มเปยมในพระทัยของพระพุทธเจาทุก
ๆ พระองค บรรดาทเ่ี คยไดร บั ความทกุ ขท รมานอยใู นโลกนั ตวฏั ฏ คือวัฏวนที่เต็มไป
ดวยความมืดบอด จากสง่ิ ปกคลมุ อนั หนาแนน ทง้ั หลาย คือกิเลสประเภทตา ง ๆ แต
ละพระองคทรงผานพนจากนี้ขึ้นมาได ความทุกขความทรมานท้งั หลายจากส่งิ มดื ดาํ
ทั้งหลายปกปดกําบังนี้ พระองคไดเห็นโทษเต็มพระทัย เมอ่ื ไดแ หวกวา ยจากสง่ิ เหลา
นี้ออกมาไดโดยสิ้นเชิงแลว ทรงเห็นโทษอยางเต็มพระทัย และเหน็ คณุ คา แหง ธรรม
แดนแหง ความหลดุ พน เตม็ พระทยั เชน เดยี วกนั เมื่อโทษกับคุณก็ไดเห็นเต็มพระทัย
แลว การมองดูสรรพสัตวที่เหมือนนักโทษถูกคุมขังในเรือนจํา จงึ ทาํ ใหเ กดิ ความ
เมตตาสงสารอยางมากประทับพระทัยดวยกันทุกพระองค จึงทรงนิ่งนอนอยูโดย
ลําพังพระองคไมได

นบั ตงั้ แตว ันตรัสรทู ีแรกกท็ รงเลง็ ญาณดูสตั วโลกทันที ดวยพระจักษุญาณ
อันสวางครอบแดนโลกธาตุ เพราะความทกุ ขน เ้ี ปน สง่ิ ทบ่ี บี บงั คบั และทรมานมานาน
แกบ รรดาสตั วไ มเ วน แตล ะรายทอ่ี ยใู นแหลง แหง ไตรภพน้ี เพราะแหลง นเ้ี ปน แหลง ท่ี
ควบคมุ ของกิเลสซ่งึ เปน มหาอาํ นาจ ทําใหสัตวโลกมืดมิดปดตา ไมใหมองเห็นโทษ
ทกุ ขท่ีกเิ ลสผลิตข้ึนแกตนแมช ่ัวระยะแสงฟา แลบเลย

โทษทั้งมวลที่กิเลสผลิตขึ้นมา มีความปดบังสัตวโลกไปพรอม ๆ กัน ไมให
เหน็ โทษแหง ความทกุ ขท ง้ั หลาย ไมใ หเ หน็ โทษแหง การดน้ิ รนกวดั แกวง ทเ่ี ปน ไปตาม
อํานาจแหง กิเลสทง้ั หลาย คือไมใหเห็นโทษทั้งเหตุอันเปนแดนเกิดแหงทุกข คือ
กเิ ลสประเภทตา ง ๆ ท้งั ผลคือความทุกขความลาํ บากทรมานตาง ๆ ในภพชาตนิ น้ั
ๆ และไมเ คยมคี าํ วา กิเลสเปดชองเปดทางชวยหนุน ชวยผลักชวยดนั ใหสตั วโลกได
เล็ดลอดออกไปจากอํานาจของมัน นอกจากปดบังหุมหอและกีดกันไวโดยถายเดียว
เทา นน้ั ทุกฉากทุกแงทุกมุม ทุกอากัปกิริยาแหงความเคลื่อนไหวนับแตจิตออกมา มี

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๗๙

๓๘๐

แตถูกบังคับและปกปดกําบังไวตลอด ความปกปดกําบังนั้นก็เต็มไปดวยเพลงกลอม
ใหส ตั วโลกหลงเคลมิ้ ไปตาม จนมองไมเห็นทิศทางออกจากอํานาจของมันเลย

คาํ วา กเิ ลส ๆ จึงไมป รากฏแมน ดิ ในคณุ คา ที่จะเปดชองเปดทางใหสัตว
โลกไดอ ยสู บายหายหว ง นอกจากนน้ั มนั ตตี ะปใู หต ดิ แนบไวอ ยา งเหนยี วแนน ลกึ ลบั
จนมองไมเห็นเงื่อนตนเงื่อนปลาย

พระพุทธเจาเพียงพระองคเดียว ทส่ี ามารถผลบุ โผลข น้ึ มาไดจ ากความมดื
บอดทง้ั หลาย แลวจึงทรงมองยอนหลังดูความมืดดําทั้งหลาย ทเี่ ต็มไปดว ยมหาภยั
นานาประการ ดว ยพระทัยท่ีบรสิ ุทธิ์อนั เปนสง่ิ ที่มีคณุ คาหาประมาณไมไ ด ไมมีสิ่งใด
เปรยี บเทยี บไดใ นโลกทง้ั สาม เพราะเปน โลกตุ รธรรม เปน ธรรมเหนอื โลก จึงทําให
เกิดพระเมตตาคุณ พระกรณุ าคณุ ตอ สตั วโ ลก ราวทอ งฟา มหาสมทุ รสดุ สาคร นี้แลที่
วา มหาการณุ โิ ก นาโถ พระองคจึงไมทรงสั่งสอนโลกโดยถือวาเปนหนาที่และกิจจํา
เปน ธรรมดา ๆ แตทรงสั่งสอนชวยเหลือดวยพระทัยที่เต็มเปยมดวยพระเมตตา
กรณุ าอยา งแทจ รงิ ทุกพระอาการที่เคลื่อนไหวจึงเปนไปดวยพระเมตตาเต็มองค
ศาสดา ที่สัตวโลกควรยึดถือเปนคติตัวอยางอันดีเลิศจากพระองค

คาํ วา ศาสดาสง่ั สอนโลกนน้ั เปนศาสดาไดท กุ พระอาการท่ีเคล่ือนไหว ไม
เพยี งแตป ระทานพระโอวาทสง่ั สอนสตั วโ ลกแลว เรยี กวา ศาสดา ผแู นะนาํ แตพ ระ
อาการทุกสวนที่แสดงออกตอผูไปเกี่ยวของ ทุกขั้นทุกภูมิ ทุกเพศทุกวัย ทุกชาติชั้น
วรรณะ ยอมเปนศาสดา คอื ครผู สู ง่ั สอนโลกโดยสมบรู ณ ทรงเปนศาสดาเต็มภูมิทุก
พระอาการ กิริยาของโลกที่เคยใชแตกอนทรงปลอยไปตามโลกหมด มเี ฉพาะพระ
นสิ ยั ประจาํ องคศ าสดาลว น ๆ เทา นน้ั ทรงละไดท ง้ั นสิ ยั และวาสนา จึงมีเพียงพระ
พุทธเจาพระองคเดียว สว นสาวกทง้ั หลายยงั มกี ริ ยิ าของโลก เคยเปนนิสัยติดมา ยงั
ละไมได แตก็ไมเปนโทษเปนกรรมอะไร เปน เพยี งนสิ ยั ความเคยชนิ มาดง้ั เดมิ แตเ ปน
ฆราวาสเทา นน้ั

นแ่ี ลศาสดาของพวกเรา ไดทุมเทพระกําลังความสามารถลงอยางเต็มที่ นับ
ตง้ั แตเ รม่ิ แรกปรารถนาพระโพธญิ าณ ทรงบาํ เพญ็ ดว ยความเหนอ่ื ยยากมาโดยลาํ ดบั
จนเสดจ็ ออกทรงผนวช บาํ เพ็ญพรตเพอื่ รอ้ื ถอนกิเลสความมืดบอดอยูภ ายในพระ
ทยั ใหห มดสน้ิ โดยสน้ิ เชงิ แลว นาํ ธรรมอนั สวา งกระจา งแจง มาสง่ั สอนสตั วโ ลก จึงไม
ใชเปน เร่อื งเล็กนอย ความกระเทอื นเหมือนฟาดินถลม พระทัยจะหลุดลอยออกจาก
พระกาย เพราะความหวน่ั ไหวความสะเทอื นไปทว่ั โลกธาตุ ทง้ั การบาํ เพญ็ และการ
ตรสั รธู รรม

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๘๐

๓๘๑

กิริยาที่ทรงบําเพ็ญก็ไมมีอาการใดที่ทําดวยความทอถอยยอหยอน ทาํ เตม็
พระสตกิ าํ ลงั ความสามารถ ทุกพระอาการทุกประโยคพยายาม แมป ระโยคแหง ความ
เพยี รทไ่ี มส าํ เรจ็ ผลอนั ใด เชน การทรมานพระองคโ ดยวธิ กี ารตา ง ๆ มีการอดกระยา
หารเปน ตน ก็เปนความพากเพียรของผูอยากพนทุกข และเปนศาสดาของโลกอยาง
แทจ รงิ ควรนาํ มาเปน คตติ วั อยา งสาํ หรบั เรา ผูยึดถือพระองควา พทุ ธฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ
ถือพระองคเปนศาสดา เปน สรณะ เปนที่ยึดที่พึ่งของใจ และยดึ ปฏปิ ทามาเปน เครอ่ื ง
ดาํ เนนิ จะไมม ีสิง่ บกพรองมาทาํ ลายตวั เองดงั ท่ีเปนอยเู วลานี้

ศาสดาเหน็ โทษแหง สง่ิ ทเ่ี ปน โทษ ทรงเหน็ จรงิ ๆ ละสง่ิ ทเ่ี ปน ภยั ทรงละได
จรงิ ๆ ตดั วฏั จกั รวฏั จติ ทพ่ี าใหห มนุ เวยี นเกดิ แกเ จบ็ ตายอยใู นโลกสงสาร พระองค
ทรงถอดถอนและทรงละทรงตัดขาดจริง ๆ เปน ศาสดาอยา งเตม็ ภูมิ การสง่ั สอนสตั ว
โลกจึงไมมีแขนงใดใหเกิดขอของใจสงสัยสําหรับสัตวโลกทั่ว ๆ ไป

เราทง้ั หลายเปน ผลู า งมอื เปบ จากพระโอวาทที่ทรงสั่งสอนแลว จงึ ควรเหน็
พระทัยพระพุทธเจา ทนี่ าสงสารพระองคยงิ่ นักในการตะเกียกตะกาย เพื่อธรรมทั้ง
หลายทกุ ๆ ประโยคพยายาม การทเ่ี ราพยายามดาํ เนนิ ตามหลกั ธรรมทท่ี รงสอนไว
แลวโดยถูกตองนั้น จงึ ไมใชเปนเร่ืองหนกั หนาอะไรนักเลย ไมหนักเหมือนพระพุทธ
เจา ผนู าํ สตั วโ ลกทกุ กรณี ครอู าจารยผ แู นะนาํ สง่ั สอนกม็ ี แบบแผนตาํ รบั ตาํ รากม็ ี มี
พรอมแลวไมบกพรอง พวกเรามีเพยี งการลงมอื บาํ เพญ็ อยา งเดียว ยงั เหน็ วา หนกั
มากยากมาก ลาํ บากมากอยหู รอื จะนอนรอคอยใหพระพุทธเจา พระธรรม พระสงฆ
และครอู าจารยน าํ ธรรมมาปอ นเหมอื นปอ นขา วเดก็ นน่ั หรอื ถา ลงถงึ ขนาดน้ันแลว ก็
ควรเตรยี มโลงผไี วเ ลยจะรวดเรว็ กวา ทา นนาํ ธรรมมาปอ นใหถ งึ ปาก

ความรูส กึ ของนกั บวชเรากบั ความรสู กึ ของชาวพุทธท่วั ๆ ไป และโลกทว่ั ๆ
ไปนัน้ ตามหลักความจริงแลวตา งกันอยางมากมาย เพราะโลกเขามคี วามรสู กึ
ธรรมดาแบบโลกและทาํ อะไรแบบโลก สว นพระเราผบู วชมานน้ั เพอ่ื เหน็ ภยั เพื่อสลัด
ปดทิ้งสิ่งที่เปนฟนเปนไฟภายในใจ ไฟที่ฝงจมอยูภายในใจนี้ ไมเหมอื นไฟทัง้ หลาย
ภายนอก แตเปนไฟที่สุมอยูตลอดเวลา ถาไมมีวิธีการ ไมมีอุบาย ไมมีแนวทางเปน
เคร่ืองมอื ดบั แลว ไฟนี้จะไมดับเองเลยตลอดกัปกัลป และไมม เี บื้องตน เบอื้ งปลาย
เปนอยูอยางนั้นตลอดไป จึงตองไดใชอุบายวิธีการตาง ๆ ตามหลกั ธรรมท่ีทา น
ดําเนินไดผลมาแลว และช้แี จงไวแ ลวโดยถกู ตอ ง ซง่ึ ผเู ห็นภัยจะนํามาประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ
เพื่อกําจัดไฟคือกิเลสทั้งมวล

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๘๑

๓๘๒

การมาปฏบิ ตั ติ วั ในความเปน นกั บวชเชน น้ี จงึ เปน เหมอื นเขา สสู งครามและ
รบแบบตะลมุ บอน จะมานอนใจเอานสิ ยั ของกเิ ลสจากฆราวาสมาใชไ มเ ปน ผล นอก
จากจะเปน การเพม่ิ กเิ ลสใหพ อกพนู หนาแนน ขน้ึ ภายในใจเทา นน้ั ไมมีอะไรเปน
เครอ่ื งหมายของนกั รบแหง นกั บวชของเราเลย จึงตองใชความพยายามเต็มที่ ใน
อริ ยิ าบถตา ง ๆ ใหถ อื วา เราอยใู นแนวรบ อยูในวงลอมของกิเลสทั้งมวล การ
พิจารณาแกไขถอดถอนทุกวิธีการจึงเปนการตอสู เปน การแหวกวา ยหาทเ่ี ลด็ ลอด
ปลอดภยั จากกเิ ลสประเภทตา ง ๆ ดว ยความไมน อนใจ

ไมมีสิ่งใดที่จะใหความภาคภูมิใจตลอดไปไดในโลกอันนี้ ไมวาวัตถุไมวา
อารมณมันเปนเหยื่อลอของกิเลสทั้งมวล ไมใชเปนโอชารสที่ควรจะติดจะพัน จะ
เคลบิ เคลม้ิ หลงใหลไปตาม นอกจากรสแหง ธรรมเทา นน้ั จะเปน ทแ่ี นใ จตายใจแกผ ู
บาํ เพญ็ ทง้ั หลาย นบั แตค วามสงบเยน็ ใจไปโดยลาํ ดบั แตพ น้ื ๆ แหง ธรรม จนกระทั่ง
ถึงที่สุดวิมุตติหลุดพนไปโดยสิ้นเชิง มีธรรมทุกขั้นเปนที่ไวใจได เปน ธรรมชาตทิ ต่ี าย
ใจและฝากเปน ฝากตายไดโดยลําดับ ไมมีฉากหนาฉากหลังเหมือนกลมายาของกิเลส
ท่หี ลอกลวงสตั วโ ลกเร่ือยมา

การปฏิบัติตนตองใชสติปญญา พลิกแพลงเปลี่ยนแปลงอยูเสมออยานอนใจ
กเิ ลสเปน สง่ิ ทล่ี ะเอยี ดแหลมคมมากเกนิ กวา ความรธู รรมดาเราจะทนั มนั จะรูเทากล
ของมันได จึงตองฝกสติ ฝกปญญา ที่พอจะตามทันไดและตามทัน พรอมทั้งการแก
ไขถอดถอนไดเปนขั้นเปนตอน

ไมมีสิ่งใดเปนที่ภาคภูมิใจในโลกพอจะตั้งความหวังกับมัน หากเปนสิ่งที่
ภาคภมู ใิ จไดแ ลว พระพุทธเจาศาสดาองคเอกก็ไมสั่งสอนใหละ ใหป ลอ ยวางใหห ลดุ
พน ไปจากสง่ิ เหลา น้ี ใครเกดิ มากไ็ ดป ระสบพบเหน็ ก็ไดสัมผัสสัมพันธเหมือน ๆ กนั
มอี ะไรเปน เครอ่ื งสง เสรมิ ใหไ ดร บั ความสขุ ความเจรญิ และเปนความสขุ อันไพบลู ย
ไมมี นอกจากเปนสิ่งเกลี้ยกลอมจิตใจใหติดจมอยูกับมัน และนอนจมอยใู นวฏั วนน้ี
ไมมีเวลาเล็ดลอดออกไปได นอกจากการปฏบิ ัติธรรมใหผา นพน ไปถายเดียว ซง่ึ เปน
ความถูกตองชอบธรรมอยางยิ่ง

และคาํ วา ความมดื บอดนน้ั อยา พงึ เขา ใจวา เปน ดนิ ฟา อากาศ พระอาทิตย
พระจนั ทร พาใหม ดื บอดหรอื พาใหส วา ง แตพึงทราบวาความมดื บอดทง้ั มวลนคี้ ือ
กเิ ลส เปน เคร่ืองปกปด กาํ บงั จิตใจไวอยางแนบสนิทตดิ จม จนไมท ราบวา อะไรเปน
กเิ ลส อะไรเปนจิต มนั คลกุ เคลา เปน อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั ในเวลาทแ่ี ยกหรอื กาํ จดั ยงั
ไมได คาํ วา ความสวา งกค็ อื สตปิ ญ ญาทเ่ี รยี กวา ธรรม ทจ่ี ะสามารถรเู ทา ทนั และ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๘๒

๓๘๓

สามารถสอดสองมองเห็นทั้งโทษและคุณภายในใจที่เคยมืดบอดมา ใหก ลายเปน ใจท่ี
สวา งไสวขน้ึ มา

การเวยี นวา ยตายเกดิ ในวฏั สงสารน้ี พอตัวทุกราย พอตัวทุกคน ไมมีใครยิ่ง
หยอนกวาใคร พอจะมาแขงขันกันวาเปนของดีของวิเศษเลิศโลก ความเกดิ ความตาย
เปนเรื่องกองทุกขทั้งมวล ไมใชของดีมีสุขพอจะอยากมาเกิด กอนที่จะหลุดหรือเล็ด
ลอดออกมาจากชองแคบคือทองของแม กผ็ า นความสลบไสลมาแลว ดว ยกนั ออกมา
แลว แทนทจ่ี ะไดร บั ความสะดวกสบาย ก็ตองทนทุกขทรมานดวยธาตุดวยขันธ ดว ย
เยน็ รอ นออ นแขง็ ความหวิ ความกระหาย โรคภยั ไขเ จบ็ ตา ง ๆ ยาํ่ ยบี ฑี ามาตลอด จน
กระทั่งถึงวาระสุดทายไปไมรอดจริง ๆ ก็ตาย

ลวนแตก องทกุ ขท ีว่ างสายยาวเหยยี ดไปกบั การเกดิ ตาย นับแตเริ่มตกคลอด
จนถงึ วาระสดุ ทา ย คอื หมดลมหายใจทเ่ี รยี กวา ตาย มตี รงไหนทด่ี เี ดน วา ไดร บั ความ
สขุ ความสบาย นอกจากเดนชดั ดว ยความทกุ ขนานาประการ ทป่ี ระสบั ประสานกนั
เรอ่ื ยมา มีตรงไหนพอจะติดจะพัน พอจะเคลบิ เคลิ้มหลงใหลไปกับเร่อื งความเกดิ
เปน นน้ั เกดิ เปน นใ้ี นภพตา ง ๆ เลา ตองพจิ ารณาดวยดีนกั ปฏิบัติ

ทก่ี ลา วมานเ้ี ปน ผลของกเิ ลสทแ่ี นบแนน ละเอยี ดแหลมคมเกนิ สามญั
ธรรมดาจะคาดคดิ ซ่งึ ฝงจมอยภู ายในจติ เปน เชือ้ พาใหเกิด การแกจึงแกลงที่นั่น ไม
ใชแกที่อื่น

ผูยังไมเคยสงบก็พยายามทําใจของตนใหสงบ ดว ยบทธรรมใดก็ตามท่ีเหน็
วา ถกู จรติ เชน บรกิ รรม พุทฺโธ ธมฺโม หรือ สงโฺ ฆ หรอื อฏฐ ิ ทนฺตา อะไรก็ได ผม
ขน เลบ็ ฟน หนงั เหลา นเ้ี ปน คาํ บรกิ รรมไดท ง้ั นน้ั มลี มหายใจเปน สาํ คญั บทหนง่ึ
ตามแตความถนัด จบั จาํ เพาะวงปจ จบุ นั เชน การกาํ หนดบรกิ รรมคาํ ใด กใ็ หร ูอยูก บั
คาํ บรกิ รรมนน่ั เทา นน้ั ไมต อ งไปวาดภาพหอปราสาทวมิ านทไ่ี หน นอกจากเหตุที่ทํา
ถูกตองอยูในขณะนั้นเทานั้น การกาํ หนดลมก็ใหร อู ยทู ี่ลม ลมเขา ใหร ู ลมออกใหรู รู
อยกู บั ลมโดยเฉพาะ ใหค วามรนู น้ั จดจอ อยกู บั ลม ไมตองเกร็งตัวใหมาก บงั คบั ให
มากนัก เปน แตท าํ ความรใู หอ ยกู บั ลมทห่ี ายใจเขา หายใจออก ไมตองไปคาดอดีต
อนาคตใหน อกไปจากวงปจ จบุ ัน คือการกําหนดรูลมอยูโดยตลอด ลมนน้ั แลเปน
เครื่องเกาะเครื่องยึดของจิตเพื่อสงบตัวลงได

เวลาจะตง้ั รากตง้ั ฐานทแี รก จิตหาที่ยึดไมได จงึ ตอ งอาศยั ธรรมบทตา ง ๆ
เปน เครอ่ื งยดึ ทเ่ี รยี กวา บรกิ รรม บรกิ รรมธรรมบทใดกใ็ หอ ยกู บั ธรรมบทนน้ั ใหร อู ยู
กบั ธรรมบทนน้ั ผกู าํ หนดอานาปานสตกิ ใ็ หร อู ยกู บั ลม ซึ่งเปนเครื่องยึดของใจ ใจ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๘๓

๓๘๔

เมื่อมีความจดจอตอเนื่องอยูกับเครื่องยึดอยูแลว จะตะลอ มตวั เขา มาสคู วามสงบ ผู
กําหนดลม ลมก็จะละเอียดลงไป ลมที่ละเอียดนั้นก็เนื่องจากใจละเอียด ใจคอยสงบ
ตวั เขา มาจนละเอยี ดสดุ ถึงวาระสุดทายลมไดหายไปตอหนาตอตา ทั้ง ๆ ทร่ี อู ยวู า ลม
หยาบ ลมละเอยี ด ละเอียดสุด แลวหายเงียบไปกม็ ี จะอยางไรก็ตาม แมล มหายเงยี บ
ไปกอ็ ยา วติ กวจิ ารณแ ละกลวั ลม กลวั ตาย

นกั ภาวนาสว นมากมกั กลวั ตายอยา งนน้ั อยา งน้ี ไมตองไปกลัว ความรทู ร่ี วู า
ลมหายไปนั้นไมไดห ายไปไหน ความรูนน้ั แลเปนผคู รองรางอยจู ะไมตาย กเ็ ราไมไ ด
ภาวนาเอาลม เปนแตเพียงยึดลมเปนหลักในขณะที่จิตยังยึดตัวของตัวเปนหลักไมได
ตอ งอาศยั ลม ลมละเอยี ดลงไปกแ็ สดงวาจติ นีล้ ะเอียด พอที่จะพึ่งตนเองไดแลวตาม
หลกั ภาวนา แมล มหายใจนน้ั ไดห ายไป แตค วามรนู น้ั ไมห าย ใหอยูกับความรูที่ไม
หายนน้ั ไมตองไปกังวลกับลม จติ จะเขา สคู วามละเอยี ดแนบแนน และแสดงความ
แปลกประหลาดอศั จรรยข น้ึ มาใหเ จา ตวั รเู หน็ ในเวลานน้ั นค้ี อื การเรม่ิ แรกแหง การ
ภาวนา อยา ไดว ติ กวจิ ารณก บั ลมวา หายไปแลว ตนจะตาย มันไมตาย วิธีการของการ
ภาวนาเปน อยา งน้ี ไมใ ชว ิธกี ารฆา ตนเอง เปน วธิ กี ารของการภาวนาเพอ่ื ความเจรญิ
แหง ธรรมภายในใจตา งหาก

เบอ้ื งตน จะมคี วามอดึ อดั บา งสาํ หรบั ผเู จรญิ อานาปานสติ อึดอัดก็ใหรูวาอึด
อัด อยาปลอยลม จะอึดอัดไปไหนก็ใหรู ใจจะขาดในขณะภาวนากใ็ หร ู เพราะเราไม
ไดภ าวนาเพอ่ื ฆา ตวั เอง นน่ั เปน เรอ่ื งของกเิ ลส เปนกลมายาของกิเลสหลอกลวงให
ถอยหนาถอยหลัง ใหเกดิ ความสงสัยกลวั จะเปน จะตาย แลวทอถอยปลอยวางการ
ภาวนาไปเสยี ตา งหาก นน่ั แสดงวา กเิ ลสทาํ งานไดผ ลแลว เวลาจะทาํ กก็ ลวั แตจ ะลม จะ
ตาย ทั้ง ๆ ทค่ี วามลม ความตายมนั ไมไ ดม ใี นการภาวนา กิเลสมันก็หลอกใหมีจนได
น่กี ็กลมายาของกเิ ลสประเภทหน่งึ ใหพ ึงทราบไวดว ยกัน

นี่หลักของสมาธิของสมถะ สอนใหท ราบ ผูที่บวชใหมก็มี มาประพฤติ
ปฏิบัติใหมก็มี ใหมก บั เกา กอ็ นั เดยี วกนั นน่ั แหละ อยา เขา ใจวา ตนใหมต นเกา มนั จะ
เปนเรื่องของกิเลสแฝงขึ้นมา ถา เกา กใ็ หช าํ นชิ าํ นาญในเรอ่ื งภาวนาซิ ถาไมชํานิ
ชาํ นาญมนั ก็ ก.ไก. ก.กา อยนู น้ั แหละ ไมเ กดิ ประโยชนอ ะไรกบั คาํ วา บวชเกา บวช
ใหม สว นกเิ ลสนน้ั ไมม คี าํ วา เกา หรอื ใหม แตม นั อยใู นจติ เราดว ยกนั เพียงคาํ
บรกิ รรมกไ็ มไ ดเ รอ่ื งไดร าวจะเอาผลประโยชนม าจากทไ่ี หน

ฝกใหดี ทาํ ใหจ รงิ ใหจ งั ผกู าํ หนดหรอื บรกิ รรมธรรมบทใดกใ็ หอ ยกู บั ธรรม
บทนน้ั ใหร อู ยจู าํ เพาะ อยา คาดผลวา จะเกดิ ขน้ึ หรอื แสดงอาการอยา งไรบา ง อยาไป

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๘๔

๓๘๕

คาดจะเขวจากหลักปจจุบนั คืองานทก่ี าํ ลงั ทาํ อยู ผลจะไมเกิดขึ้นใหไดชม การภาวนา
สาํ คญั อยทู ป่ี จ จบุ นั การไมคาดไมห มายส่ิงใดนอกไปจากเหตทุ ีก่ าํ ลงั ดําเนนิ อยนู ้ัน
เปน ความถูกตองดงี ามสาํ หรับผปู ฏบิ ัติ จะตอ งปรากฏผลเปน ทแ่ี นใ จวนั ใดวาระหนง่ึ
จนไดไมสงสัย

การปฏิบตั ิกิจการงานใดก็ไมยากเหมือนการปฏิบัติเพอ่ื ฆากิเลส เพราะกเิ ลส
เปนผูแยงผูชิงผูกีดผูขวาง ผคู อยทําลายงานและผลงานของตวั อยเู สมอ งานนจ้ี งึ เปน
เหมอื นวา ยาก เพราะกเิ ลสพาใหย าก กเิ ลสหลอกวายากและกเิ ลสตอสู กเิ ลสขดั ขวาง
ไมใหทํา ซง่ึ เทา กบั การทาํ ลายมนั เราที่โงตอเพลงกลอมของกิเลสก็เชื่อและกลับไป
ตาํ หนธิ รรม ทง้ิ ใหธ รรมเสยี วา การบาํ เพญ็ ธรรมนน้ั ยาก ความจริงกิเลสมันหลอก
กเิ ลสพาใหย ากตา งหาก ธรรมไมไ ดพ าใหย าก จงพากันเขาใจจุดนี้ไวใหดีนักปฏิบัติ
ความทอแทออนแอเหลวไหลลวนแตเ ปน เรอ่ื งของกิเลสท้งั มวล อยา เขา ใจวา เปน
เรื่องของธรรม เวลานเ้ี ราเสาะแสวงหาธรรม ตองมีจริงมีจัง มีสติมีสตังและปญญา
เคลอื บแฝง มคี วามพากความเพยี ร มคี วามอตุ สา หพ ยายาม น่คี ือเรือ่ งของธรรม
เรื่องใดก็ตามอาการใดก็ตาม ทจ่ี ะมาทาํ ลายมากดี ขวางความพากความเพยี ร ความ
อตุ สา หพ ยายาม ความเขม แขง็ ความอดทนเพอ่ื อรรถเพอ่ื ธรรม ใหดอยและขาดไป
นน้ั ลวนแตเปน เร่อื งของกเิ ลส คือตัวมารทั้งนั้น อยา เขา ใจวา เปน สง่ิ อน่ื สง่ิ ใด

นแ่ี หละเร่อื งความละเอยี ดของกเิ ลสจงพากันจาํ ไว เอาใหเ หนอื กเิ ลสไปโดย
ลาํ ดบั แลวจะทราบกลมายาของมันทุกแงทุกมุม ทง้ั หยาบ ทง้ั กลาง ทั้งละเอียดและ
ละเอยี ดสดุ ไมนอกเหนือไปจากธรรมคือ สตธิ รรม ปญ ญาธรรม เปน ตน นไ้ี ด เพราะ
กเิ ลสไมเ หนอื ธรรม เมอ่ื ไดน าํ ธรรมมาใช นําธรรมมาปฏิบัตใิ หถ ูกตอ งเหมาะสมกบั
การปราบปรามกเิ ลสแลว จะไมมีกิเลสตัวใดตกคางอยูภายในใจไดเลย พระพุทธเจา
ชนะกเิ ลสกเ็ พราะธรรม มสี ตธิ รรม ปญ ญาธรรมเปน สาํ คญั ทแ่ี พก เ็ พราะไมม ธี รรม
เหลา น้ี ถกู กเิ ลสเหยยี บยาํ่ ทาํ ลายถา ยเดยี ว มรรคผลนิพพานจะมีเต็มหัวใจอยูก็เขาไม
ถึง เพราะกิเลสมันกีดมันกัน มันปดประตูไวทุกแงทุกมุมทุกดานทุกทางใหทําไมได
เขาไมถึง

เดินจงกรมมนั กล็ ากสตหิ นีไปทีอ่ ่ืนเสยี ลากจติ เขา ปา เขา รกไปเสยี ลากไป
ทางรปู ทางเสียง ทางกลิ่น ทางรสไปเสยี เพราะเครื่องหลอกลวงของมันมีเยอะ ทาง
รูปก็เต็มโลกธาตุ เสียงก็เต็มโลกธาตุ กลิ่น รส เครื่องสัมผัสก็เต็มโลกธาตุ ลว นเปน
เหยื่อที่มันปกเสียบไวทั้งนั้น ทาํ เปน เหยอ่ื ลอ ปลาไวห มด แตเ ราไมท ราบวา เปน เหยอ่ื
ลอ เพราะอุบายของมันแหลมคมมาก อุบายของเราไมทัน กระดิกออกไปตรงไหนมี

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๘๕

๓๘๖

แตกเิ ลสรุมลอมเอาหมด ไมม ธี รรมเปน เครอ่ื งรกั ษาบา งเลย ใจจึงหาความสงบไมได
หาความแยบคายไมไ ด หาความเฉลยี วฉลาดเพอ่ื แกก เิ ลสไมไ ด มีแตกิเลสผูกเอามดั
เอา แมเดินจงกรมอยูก็ถูกมันมัดแขงมัดขามัดหูมัดตาไวหมด ราวกับคนหูหนวกตา
บอด ใจวกิ ลวกิ าร งอยเปลีย้ อวัยวะในวงความเพยี รไปเสีย เหลือแตคลงั กเิ ลสเตม็ หัว
ใจ คลงั สตธิ รรม ปญ ญาธรรม วริ ยิ ธรรม ขนั ตธิ รรม สมาธธิ รรม ไมป รากฏ

นั่งสมาธิก็ไมมีสติ ไมมีปญญาที่จะพินิจพิจารณาธรรมของจริงซึ่งมีอยูกับใจ
ไมว า ความเพยี รในทา ใดอาการใด มแี ตก เิ ลสเขา ทาํ งานแทนเสยี สน้ิ แลวก็มาทวงผล
วา ทาํ ไมนง่ั ภาวนาตง้ั นานไมเ หน็ เกดิ ผลอะไร ก็จะเกิดผลอะไร เพราะเหตุกิเลสเอาไป
กนิ หมดแลว พาสง พาสายพาแสห าแตเ รื่องกเิ ลสไปหมด แมต าไมเห็นมันกเ็ ปน
ธรรมารมณใ นสง่ิ ทเ่ี คยรเู คยเหน็ เคยไดย นิ มาแลว เอามาครนุ มาคดิ มาอนุ กนิ อยอู ยา ง
นน้ั ไมเ คยคดิ วา อารมณเ หลา นเ้ี ปน ของเกา ลว งกาลผา นสมยั ลา สมยั ไปแลว เคยคดิ
มาแลวกีค่ รั้งกี่คราวกรี่ อ ยก่ีพันคร้ัง กเิ ลสไมใหคดิ วา เปน ของเกาของเดนเลย ใหค ดิ
วาเปนของใหมเอี่ยมทั้งนั้น จึงไดติดอารมณของมันเรื่อยมา

นี่แลเครื่องหลอกลวงของมัน ลึกซึ้งละเอียดขนาดนั้น จติ เราจงึ ไมทราบจงึ
ตองติดของเกาอารมณเกาที่เคยคิดมาแลว อตีตารมณ คอื อารมณท ผ่ี า นมาแลว ไม
วา ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลน้ิ ทางกาย เคยสมั ผสั สมั พนั ธม าแลว ผา นมาแลว ก็
ไมเ หน็ วา เปน ของเกา เปน เดนไปแลว ไมตองคิดซ้ํา ๆ ซาก ๆ เพราะสิง่ นเี้ คยคดิ มา
แลว เคยใหท กุ ขเ รามาแลว มันไมใหคิดอยางนั้น มีแตทําใหติดพันไปหมด เปน ของ
ใหมเอี่ยมไปหมด ถาเปนเรื่องของกิเลสตองใหมเอี่ยม ลน่ื ไปเลย ถา เปนธรรมแลว
มันขลุกขลัก ๆ กาวไมออก เพราะกเิ ลสดนั เอาไว กันเอาไว กีดขวางเอาไว ไมใ หเปน
ความสะดวก ถาเปนถนนมันก็ตัดไมมากั้นทางไวเสีย เต็มไปดวยกอนหิน ทอนไม รถ
วิ่งไมได ตดิ

เวลาเราจะดําเนนิ เพอ่ื ความราบรน่ื ในธรรม จึงตองถูกกิเลสกีดขวางลอลวง
ไวไ มใ หด าํ เนนิ ดว ยความสะดวก ใหพ งึ ทราบวา กเิ ลสเคยเปน อยา งนน้ั มาตลอด จงึ
ตอ งไดใ ชค วามพยายามเตม็ ท่ี การพยายามตอสูก็ตอสูกับสิ่งที่เปนขาศึก สิ่งที่กีด
ขวางนน้ั แลไมใ ชธ รรมมากดี ขวาง กเิ ลสตา งหากมากดี ขวาง กเิ ลสตา งหากทาํ ใหท อ
แทอ อ นแอ กเิ ลสตา งหากทาํ ใหข เ้ี กยี จขค้ี รา น กิเลสตางหากทําใหทอถอยออนแอ
และหยุดการงานทีจ่ ะเปน ประโยชนทัง้ มวล เพราะอาํ นาจของกเิ ลสมนั เหนอื ของธรรม
ในขน้ั เรม่ิ แรกแหง การบาํ เพญ็

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๘๖

๓๘๗

ตอไปเม่ือเราทาํ ความพยายามตอสอู ยเู สมอไมลดละความเพยี ร กเิ ลสกค็ อ ย
ออนกําลังลงไป สติไมมีพยายามตั้งขึ้นใหมี ปญญาไมมีพยายามคนคิดใหมี ธรรม
สอนไวแ ลว ทกุ อยา ง สจั ธรรมมอี ยอู ยา งสมบรู ณภ ายในกายในใจเรา นาํ มาใชไ ดทัง้ นัน้
ถาไมขี้เกียจเสียอยางเดียว ถา ลงไดเ หน็ วา กเิ ลสเปน ภยั แลว ความเพียรจะเปนมาเอง
สติปญญาก็จะมาพรอม ๆ กนั ทไ่ี มเ หน็ กเิ ลสเปน ภยั เพราะกเิ ลสกลอ มนน่ั ซสิ าํ คญั
เดนิ จงกรมก็บงั คับกนั ไปแทบลมแทบตาย บงั คบั ไปแลว กใ็ หก ิเลสมนั ถลุงเอาหมด
ไมม อี ะไรเปน เน้อื เปน หนังเปน ของตวั เลย เปน อาหารกเิ ลสเสยี ทง้ั มวล ในอริ ยิ าบถทง้ั
สแ่ี หง การประกอบความเพยี รนน้ั คอื ยนื เดนิ นั่ง นอน ทาํ ภาวนากก็ ลายเปน เรอ่ื ง
ของกิเลสพาวกพาวนไปหมด เปนเรื่องของกิเลสตอมหึ่ง ๆ ไปเสียหมด แลว ธรรมจะ
แทรกขึ้นไดที่ไหน ก็มีแตกิเลสพาแหไปแหมาจนไมมองเห็นตัวพระธุดงคกรรมฐาน
มองเหน็ แตก เิ ลสลอ มหนา ลอ มหลงั อยทู าํ นองนน้ั ในอริ ยิ าบถตา ง ๆ

เอา ถา อยากทราบเรอ่ื งกเิ ลสดงั ทก่ี ลา วมาน้ี จงฟาดฟนกันลงไปอยาทอถอย
ออนแอ ความทอถอยออนแอไมใชธรรม ไมใ ชท างจะใหเ หน็ ธรรม ไมใชอ บุ ายวิธจี ะ
ใหเ หน็ ธรรม ไมใ ชก ารดาํ เนนิ เพอ่ื ความเปน ธรรม นน่ั คือการเดินตามกนกิเลสจูงจมูก
ตา งหาก ทางถูกตองตามธรรมตองขุดคนขึ้นมาตอสูกัน จิตไมเคยสงบก็จะสงบไดไม
สงสยั ถา ดาํ เนนิ ตามวธิ ที ก่ี ลา วมา ปญ ญาพยายามคน คดิ อะไรสัมผัสสัมพันธทางตา
หู จมูก ลน้ิ กาย นาํ มาคดิ พจิ ารณาไตรต รอง แยกแยะยอนหนายอนหลังกลับไปกลับ
มา ทบทวนใหไ ดส ดั ไดส ว นตามเหตตุ ามผลจนเปน ทเ่ี ขา ใจ สิ่งที่เคยสงสัยก็จะคอย
หลุดลอยไป ๆ ดวยอํานาจของปญญาหนีไมพน

เฉพาะอยางยิ่ง จงถอื สกลกายเปน สนามรบเปนสถานท่คี ลี่คลาย เพราะจติ
ตดิ กายนม้ี ากกวา อน่ื บรรดาความตดิ ขน้ั หยาบ สว นลกึ ลบั ภายในใจนน้ั ยกไวก อ น
กายนี้ปดอยูชั้นนอกอยางเปดเผย พยายามคลค่ี ลายออกมา รูปกายนี้มีอะไร ดูตั้งแต
ผวิ หนงั เขา ไปตามความจรงิ ความจริงลวน ๆ ก็คือสิ่งปฏิกูลโสโครกเต็มอยูภายใน
รา งกาย นค้ี อื ความจรงิ ความวา สวยวา งามนา รกั ใครช อบใจนน้ั เปนเรื่องของกิเลส
หลอกลวง มนั เอามาฉาบทาไวท ง้ั ๆ ที่ไมจริง จงแยกแยะเขาไปถึงความแปรสภาพ
มันแปรอยูตลอดเวลา คิดดูตั้งแตวันเกิดมาจนถึงปานนี้เปนยังไงตัวของเรา แตกตาง
แตเ ปนเด็กไหม กายนแ้ี ปรสภาพมาเรอ่ื ย ๆ อยางนี้ หมดทง้ั รา งนแ้ี ปรสภาพทง้ั นน้ั
แมแตจิตใจก็ยังแปรสภาพไปตามขันธและความผลักดันของกิเลส

พจิ ารณาเขา ไป พยายามดใู หเ หน็ ตามความจรงิ ฝน กเิ ลสเขา ไป ตรงไหนมัน
วา งาม เอา แยกตรงนั้นออกมาดูใหเห็นประจักษตามันงามที่ตรงไหน กิเลสทําไมถึง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๘๗

๓๘๘

หลอกลวงวา สวยวา งามเอานกั หนา อะไรมันงามดูใหดีดวยปญญาของเรา เพราะสติ
ปญญาเรามีอยกู ับตัวดว ยกนั ทําไมจะยอมตีบตันอั้นตูใหกิเลสหลอกไดหลอกไปนัก
หนา คลค่ี ลายดู หนงั กเ็ หน็ ชดั ๆ อยแู ลวมันสวยมันงามทีไ่ หน ขี้เหงื่อขี้ไคลก็เปนขี้
ทัง้ นนั้ เต็มอยภู ายนอกผวิ หนัง ยง่ิ เขา ไปภายในดว ยแลว ดไู มไ ดเ ลย เยิม้ ไปดวย ปุพ
โพโลหติ นาํ้ เนา นาํ้ หนอง และยิ่งลึกเขาไปก็ยิ่งดูไมได คนเราถา ไมม หี นังหุมหอ ไวนี้ดู
กันไดเมื่อไร ดูไดแตพวกแมลงวันเทานั้นพากันตอมหึ่ง ๆ เวลาสตั วต ายเหน็ ไหม
แมลงวันมันชอบ

นจ่ี ติ ของเราเวลานเ้ี ปน เหมอื นแมลงวนั เที่ยวหาตอมสิ่งที่ปฏิกูลโสโครก
สกปรกนน้ั แหละ เสกเปา ลม ๆ แลงวาเปนของสวยของงาม ใจชนิดนี้ไมผิดอะไรกับ
แมลงวนั จิตของปุถุชนเรามันชอบตอมของสกปรกโสมม ของสะอาดคือศีลธรรมมัน
ไมชอบไมตอม เรื่องของกิเลสมันชอบอยางนั้น และเสกสรรขน้ึ มาปด ตาบรุ ษุ ตาฟาง
เอาไวว าเปนของสวยของงาม เปน ของจรี งั ถาวร เปน ของนา เพลดิ เพลนิ เจรญิ หเู จรญิ
ตาเจรญิ ใจ ไมมีวันเบื่อหนายอิ่มพอ

จงเอาปญ ญาหยง่ั ลงไปใหเ หน็ ชดั เจน ดูเขาไปจนกระทั่งถึงกระดูกทุกทอน
อวยั วะทกุ สว น ตับไตไสพุง อาหารใหมอ าหารเกา เต็มอยูนี้ มีอะไรเปนที่พึง
ปรารถนา ทง้ั เขาทง้ั เราเปน เหมอื นกนั ทว่ั โลกดนิ แดน สงสยั ทต่ี รงไหน นา ยดึ ทต่ี รง
ไหนวา เปน ของสวยของงาม จากนน้ั กพ็ จิ ารณากาํ หนดใหก ายนต้ี ายเนา เฟะไปหมด
ทง้ั รา ง แตกระเบิดออกไปถึงไหนอยูไดเมื่อไร คนมีจมูกอยูไมไดแตกฮือ ๆ ไปเลย
นน่ั เหรอของสวยของงาม คนแตกฮอื ๆ นน่ั เหรอ พจิ ารณาใหเ หน็ ชดั ซิ มันไปเสกไว
ทไ่ี หนกเิ ลสนะ สวยทต่ี รงไหน สวยที่คนแตกฮือ ๆ นน่ั เหรอ แมแตยังไมตายก็ยัง
ตองปฏิบัติรักษาความนาเกลียดของกายอยางเขมงวดกวดขันดวยกันเรื่อยมา นบั วา
เปน บอ กงั วลกบั รา งกายนไ้ี มเ บาเลย ยงั จะหลบั หหู ลบั ตาเสกสรรปน ยอไปถงึ ไหนกนั

เวลาตายมนั เนา มนั พอง แตกกระจัดกระจายลงไป แรงกาหมากิน ถาไมมี
คนรักษาแมลงวันเต็มโลกธาตุมาน้หี มดตอมหงึ่ ๆ ดไู ดไ หม น่นั หรือของสวยของงาม
จากนน้ั กส็ ลายลงไป ๆ จนกลายลงไปเปนธาตุดินตามเดิม สว นนาํ้ กไ็ ปเปน นาํ้ ตาม
เดมิ สวนธาตุไฟก็ไปเปนไฟตามเดิม สวนธาตลุ มกไ็ ปเปน ลมตามเดิม ไหนสตั ว
บุคคลสวยงามมอี ยูท ีต่ รงไหน อยทู ่ีดนิ ที่นา้ํ ท่ลี มที่ไฟนั่นเหรอ ดนิ ก็เปนดนิ สวยงามที่
ไหน นาํ้ เปน นาํ้ สวยงามทไ่ี หน เปน สตั วเ ปน บคุ คลทไ่ี หน ลมเปน ลม ไฟเปนไฟ เปน
สัตวเปนบุคคลเปนของสวยของงามที่ไหนกัน มามัวตื่นลมตื่นแลงกันอยูกับปาชาผี
ดบิ ผตี ายไมม วี นั ตน่ื หรอื พระปฏบิ ตั เิ รานะ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๘๘

๓๘๙

จงพิจารณาใหถึงสภาพความจริงของมันดวยหลักธรรมคือปญญา ถา อยาก
จะเหน็ ของจรงิ จิตมาพัวมาพันมาติดมาของอยูกับสิ่งเหลานี้ เพราะกเิ ลสมนั จบั ไส
กิเลสมันหลอกใหจิตหลงแลวก็ยึดมั่นถือมั่น มนั ตีตะปไู วอยา งเหนยี วแนน ดว ย
อุปาทานความยึดมั่นถือมั่นในธาตุในขันธ คือในธาตุสี่ ดิน นาํ้ ลม ไฟ วา เปน ตวั เปน
ตนอยางสนทิ ตดิ จม กิเลสมันหลอกมากี่กัปกี่กัลปแลวยังไมเบื่อไมอิ่มไมพอเหรอ เขา
กินขาวยงั รูจักเวลาอมิ่ พอ ทาํ ไมใจเรากบั อารมณท ก่ี เิ ลสหลอกลวงนจ้ี งึ ไมเ หน็ มวี นั อม่ิ
พอกัน มแี ตใ หมเ อย่ี มเรอ่ื ย กนิ เทา ไรไมห ายอยาก นอนมากไมรูตื่น นอนมากก็คือ
ความลมุ หลงงมงายนน่ั เอง ไมรูว นั ไหนจะตนื่ ถาไมเอาสติปญญาปลุกเขาไปตีเขาไป
กนิ หลายไมห ายอยาก ตามโบราณทา นวา ไว กนิ เทา ไรมนั ยง่ิ หวิ ยง่ิ โหย คิดไปตาม
อารมณข องกเิ ลสเทา ไรยง่ิ หวิ ยง่ิ โหย ไมมีคําวาอิ่มพอ นแ่ี ลคอื ความกนิ หลายไมห าย
อยาก ฉะนน้ั ทา นจงึ วา ตณั หาความหวิ โหย ใหก นิ เทา ไรยง่ิ หวิ จดั สตั วโ ลกจงึ ตายจงึ ลม
จมเพราะความหวิ ความกนิ

ความอิ่มพอมีอยูในธรรมะเทานั้น กิเลสไมเคยทําความอิ่มพอใหแกผูใด ไม
วา ความโลภ ไมว า ความโกรธ ไมว า ความหลง ไมว า ราคะตณั หาประเภทใด ถา เปน
เรื่องของกิเลสแลว จะไมใหมีความอิ่มพอแกสัตวเลย จะกินจะดื่มจะคิดจะพูดจะทํา
จะสัมผัสสัมพนั ธเทา ไร กย็ ง่ิ หวิ ยง่ิ โหยยง่ิ กระวนกระวาย จนกระทั่งวันตายก็ไมมี
ความอิ่มพอ เรายังจะหลงเพลินอยูกับความหิวโหยไมมีความอิ่มพอซึ่งเปนกองทุกข
นอ้ี ยเู หรอ ความอิ่มพอของกิเลสไมเคยมี ไมเคยใหผูใดอิ่มพอและสมหวัง ยังจะ
บึกบึนไปกับมันอะไรอยูอีกเลา ความอิ่มพออยูกับธรรมตางหากมิใชอยูกับกิเลส

จงพจิ ารณาแยกแยะหลายสนั หลายคมใหร รู อบขอบชดิ โดยถือเอารางกายนี้
เปน สนามรบ เปน เปา หมายแหง การพจิ ารณาในขน้ั แรก ใหเห็นอสุภะอสุภังประจักษ
ใจ เรอ่ื งความแตกความสลายความแปรสภาพ กใ็ หเ หน็ ชดั ดว ยปญ ญาของเรา จติ จะ
ยึดมั่นถือมั่นไปไหน เมือ่ รูเหน็ ตามเปนจริงแลวตอ งถอยตัวเขามา หดตวั เขา มาตาม
ลาํ ดบั แหง ความเขา ใจ

จิตนี้พรอมที่จะปลอยวางอยูแลว เปน แตเ พยี งวา ไมร อู บุ ายแหง การปลอ ย
วาง จติ จะปลอยวางไดยังไง เพราะถกู กเิ ลสตัณหาอาสวะมนั บบี บังคบั ใหยึดใหถ ือไป
ตามอํานาจของมัน มันสลับซับซอนมากเรื่องของกิเลสนี่ พจิ ารณาแลว พจิ ารณาเลา ให
เหน็ แจม แจง ชดั เจนลงไป นค่ี อื วิธกี ารถอดถอนกเิ ลสอนั เสียบแทงอยภู ายในจติ ใจ

รูปนอกรปู ในมันเหมอื นกัน เสียงนอกเสียงในเหมือนกนั เปน ลม ๆ ไป
อยา งนน้ั แหละ ตื่นอะไรต่ืนลม เสยี งหญิงเสยี งชายมแี ตเ สียงลมเทาน้นั ออกจากปาก

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๘๙

๓๙๐

ตื่นไปอะไรตื่นลม เคยไดเ หน็ ไดย นิ มาแตว นั เกดิ ตื่นอะไรอยูอีก นค่ี อื การพจิ ารณา
จนแตกกระจายหายหว งทกุ อยาง

การพจิ ารณาคลค่ี ลายนถ้ี อื เปน งานเปน การจรงิ ๆ พจิ ารณาแลว พจิ ารณาเลา
จนกระทั่งอิ่มพอ ถา เปน ธรรมแลว อม่ิ ถาเปนเรื่องของโลกของกิเลสไมมีวันอิ่มพอ
คิดไปเทาไรก็ยิ่งติดยิ่งพัน ยง่ิ เคลบิ เคลม้ิ หลงใหลไปเรอ่ื ย ๆ หนกั เขา ไปเรอ่ื ย ๆ จม
เสยี จนได แตถาเปนธรรมแลวมีความอิ่มพอ การพจิ ารณาสว นรา งกายใหเ หน็ ตามท่ี
กลาวมาแลวนี้จิตตองอิ่มตัว ความยึดมั่นถือมั่นก็ถอนตัว การพจิ ารณาอยา งทเ่ี คย
พจิ ารณามานน้ั กห็ ยดุ เอง พจิ ารณาไปอะไรเพราะรหู มดแลว ปลอยวางหมดแลว
พจิ ารณาหาอะไร รูเอง เหมอื นกบั เรารบั ประทานอาหาร จะมรี สเอรด็ อรอ ยขนาดไหน
ก็ตามเถอะ ถา ลงวาธาตุขนั ธเพียงพอกบั ความตองการแลวเปน ไมรบั อกี นี่ก็เหมือน
กัน เม่ือพิจารณาพอแลว ก็ปลอยวาง อิ่มตัวเปนขั้น ๆ ไป

อาการของจิตคิดไปในเรื่องใด เมื่อปญญาสวางกระจางแจงขึ้นมา เหน็ เรอ่ื ง
ธาตุเรื่องขันธของตนจนถึงขั้นปลอยวางกันได ผานกันไปไดแลว สิ่งใดที่จะนอกเหนือ
ปญ ญาไปมเี หรอ ไมมี ตองพิจารณาจนกระทั่งรูชัดทุกสิ่งทุกอยางโดยลําดับ เพราะ
สติปญญานี้พรอมที่จะรู พรอมที่จะพิจารณาทุกสัดทุกสวนทุกสิ่งทุกอยางที่ควรแก
การพิจารณา และรูไปโดยลําดับไมอับจน ที่สุดก็ยอนกลับมาเห็นอาการของจิตเทา
นน้ั เปน ตวั หลอกลวง สวนหยาบนอกนั้นถูกตัดออกหมดดวยปญญาแลว จะติดอะไร
กร็ เู สยี รปู เสยี ง กลิ่น รส อะไรก็รูเสยี ดว ยการประมวลเขา มาสสู ภาพเดยี วกนั กบั ตน
เทียบเคียงกันไดทุกสัดทุกสวน และปลอยวางลงสคู วามจริงแลวจะไปติดที่ไหน ไม
ตดิ เพยี งเทา นจ้ี ติ กส็ บายแลว

เมอ่ื จติ สบายแลว เปน ยงั ไง บดั นค้ี ณุ คา แหง ธรรมไดป รากฏเดน ขน้ึ แลว
ความเหน็ โทษแหง กเิ ลสทง้ั หลายไดเ หน็ มาโดยลาํ ดบั แลว ทีนี้ความเพียรไมตองบอก
คอยหมุนตัวไปเองโดยไมตองบังคับขับไสเหมือนแตกอน นค่ี อื ความเหน็ คณุ คา ของ
ธรรม ผลกป็ ระจกั ษอ ยภู ายในใจวา เปน ความสวา งกระจา งแจง ความเบาบางภายใน
จติ ใจ กิเลสหลุดลอยออกไปมากเทาไร จิตยิ่งดีดตัวขึ้นละเอียดขึ้น สขุ กเ็ บา เบาเขา
ไปละเอียดเขาไป ยิ่งเห็นโทษของกิเลสมากขึ้น ปญญาแยกแยะจนเหน็ เรอ่ื งของมนั
ถา ไมเ หน็ โทษกไ็ ปไมร อด ไปไมพน จมอยูกับมันตลอดไป

นแ่ี ลทางดาํ เนนิ เพอ่ื ความพน ทกุ ข ทุกขอยูที่ไหน ทุกขก็อยูที่ใจซึ่งถูกกิเลส
ปก เสยี บเอาไวอ ยา งแนน หนามน่ั คง ปดบังหุมหอเอาไวจนมองหาอะไรไมเจอขึ้นชื่อ
วา ของจรงิ เห็นแตของปลอมๆ และเขา ใจวา เปน ของจรงิ จึงติดมั่นพัวพันอยูในสิ่ง

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๙๐

๓๙๑

เหลา นน้ั แลวก็สรางแตความทุกขความทรมานใหแกตนหาทางออกไมได เมื่อสติ
ปญญาไดคลี่คลายออกดูอยางชัดเจนแลว สิ่งที่จอมปลอมทั้งหลายคอยหลุดลอยออก
ไป จิตกม็ ีความสวา งกระจา งแจง ข้นึ มาเรื่อย ๆ พรอมทั้งความเห็นโทษของกิเลส
ประเภทตา ง ๆ และเหน็ คณุ คา แหง ธรรมไปโดยลาํ ดบั

ความเพยี รกา วหนา ละทน่ี ่ี ความเพยี รกา วและความเพยี รกลา สละตายได
ถาลงยังติดคางอยูกับกิเลสตัวใด กเิ ลสตวั ใดยงั จะมาบบี บงั คบั เราอยไู ด เปนไมถอย
เปนไมยอมเด็ดขาด เอาใหต ายดว ยกนั เลย กเิ ลสไมต ายกเ็ ราตายเทา นน้ั คาํ วา แพ
กิเลสนี้จะมีไมได หรือเปนไปไมได หนกั เขา ๆ คาํ วา แพไ มม ี นน่ั ละทน่ี ค่ี วามเพยี รเกง
ไหม คณุ คาของธรรมเดน ข้นึ แลวภายในจติ ใจจะถอยไดอยางไร มีแตบุกและบุกใหญ
ทา เดยี วไมม กี ลางวนั กลางคนื รบตลอด ฟาดฟนกิเลสตลอด

คุณคาของกิเลสมีตรงไหน มอี ะไรบา ง น่ีเห็นแตคุณคาของธรรมเดน ๆ ใน
หวั ใจ ทีนี้รสของธรรมกับรสของกิเลสที่ไดเคยสัมผัสสัมพันธกันมา ทั้งสองอยางนี้รส
อะไรเปนอยางไร ดเี ลศิ ตา งกนั อยางไรบา ง กเ็ ดนชดั ในทางรสของธรรม รสของกเิ ลส
สูไมได เมอ่ื รสแหง ธรรมชนะรสกเิ ลสประเภทใดแลว รสกิเลสนั้นยอมหลุดลอยออก
ไป ๆ รสของธรรมกแ็ ซงหนา ขน้ึ เรอ่ื ย ๆ นล่ี ะการเหน็ โทษกบั เหน็ คณุ เหน็ ไปพรอ ม
ๆ กนั อยา งนใ้ี นวงปฏิบัตขิ องทานผูร ูผูเ ห็น ทา นรทู า นเหน็ อยา งน้ี จนกระทั่งกิเลส
หลุดลอยไปจากใจไมมีสงิ่ ใดเหลือเลย นน้ั แลทน่ี ร่ี สอมตธรรมเตม็ ดวงใจ

การพสิ จู นเ รอ่ื งความเกดิ ความตาย ไมต อ งไปพสิ จู นท ไ่ี หนใหเ สยี เวลาํ่ เวลา
มันพรอมอยูที่จิตดวงบริสุทธิ์นั้น แมแตยังไมบริสุทธิ์ จิตมีความสัมผสั สมั พนั ธกับ
อารมณใ ดทเ่ี ปน สว นละเอยี ด กบั กเิ ลสประเภทใดทเ่ี ปน สว นละเอยี ด มนั กร็ แู ละ
พยายามตัดพยายามฟน พยายามแกพยายามถอดถอน ดวยสติปญ ญาไมล ดละความ
พากเพียร สติปญญาแกขาดจากนั้นแกขาดจากนี้แลว กร็ อู ยภู ายในจติ ไมส งสยั จน
กระทั่งขาดไปโดยสิ้นเชิงไมมีสิ่งใดเหลือเลยขึ้นชื่อวาสมมุติ กเิ ลสท่ีเคยพัวพนั พาให
เกดิ ใหต าย รไู ดช ดั วา หมดแลว ทนี่ ่เี รอ่ื งเกิดเรอ่ื งตายหมดเทาน้นั หมดปญ หาโดย
ประการทง้ั ปวงแลวเพราะไมมเี ง่ือนตอ เหน็ สกั แตว า เหน็ ไดยนิ สักแตวา ไดย นิ ธาตุ
ขันธที่อยูดวยกันนี้ก็สักแตวาอยูดวยกัน แตข าดวรรคขาดตอนกนั แลว ในความสบื ตอ
ระหวา งจติ กบั ขนั ธเ หลา น้ี ระหวา งจติ กบั รปู เสยี ง กลน่ิ รส ระหวา งจติ กบั สภาวธรรม
ทง้ั หลาย ไดข าดจากกนั โดยสน้ิ เชงิ เหน็ ประจกั ษภ ายในใจ เหลอื แตค วามบรสิ ทุ ธล์ิ ว น


เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๙๑

๓๙๒

ความบรสิ ทุ ธล์ิ ว น ๆ นี้เหมือนอะไร เหมือนรูป เหมอื นเสยี ง เหมือนกลน่ิ
เหมอื นรส เหมือนเครื่องสัมผัสพันธ เหมอื นธาตเุ หมอื นขนั ธไ หม ไมไดเหมือน ไมได
เปนอนั เดยี วกัน อันหนึ่งสมมุติ อันหนึ่งวิมุตติ ตางอันตางมี ตางอันตางจริง ไมค ละ
เคลา กนั

เหตทุ พ่ี าใหเ กดิ แกเ จบ็ ตายเพราะอะไร กร็ ชู ดั เพราะ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขา
รา มันแทรกมนั ฝง อยภู ายในจติ พอนี้ถูกทําลายแตกกระจายออกไปจากใจไมมีอะไร
เหลอื แลว เหลอื แตค วามบรสิ ทุ ธล์ิ ว น ๆ ปญหาแหง การเกิดตายก็ดบั สนิทไมม เี หลอื
แลว ภายในใจ เหลือแตวิบากของกิเลส ผลของกิเลสทีเ่ ปนธาตเุ ปนขนั ธอ ยใู นปจ จบุ นั
น้ี ก็รับผิดชอบกันไปเพียงเทานั้น พาอยู พาไป พาหลบั พานอน พากิน พาขบั พา
ถาย ไปเทา นน้ั และไมเกิดโทษเกิดภัยตอจิตใจอีก เพราะไดข าดจากกนั โดยสน้ิ เชงิ
แลว เปน หลกั ธรรมชาติแลว เปนอัตโนมัติแลว ไมตองเสกสรรปน ยอ ไมตอง
ระมดั ระวงั วา ส่ิงเหลา นี้จะเปน ภัยตอ จิตใจอีกตอ ไป

กเิ ลสประเภทตา ง ๆ จะเปนภัยตอจิตใจอีกไมมี เพราะกิเลสทุกประเภทได
ถูกทําลายหมดแลว กเิ ลสจะมาจากไหน เหาะลอยมาจากไหนจะเขา มาแทรกจติ ใจได
อีก ไมมีกิเลสตัวใด นอกจากกิเลสทมี่ ันเปน สนิมเกิดอยูกับเหล็กและกดั เหลก็ ให
กรอ นไปจนกระทง่ั เหล็กเสียหายไปตามเทานน้ั กเิ ลสตวั นเ้ี ทา นน้ั คอื ตวั อวิชฺชาปจฺจ
ยา น่ี เมอ่ื ไดท าํ ลายลงไปเสียจนแหลกละเอยี ดแลว ทําไมจะไมรู

คาํ วา พระอรหนั ตท ง้ั หลายเปน แบบเดยี วกนั เปน ธรรมแทง เดยี วกนั ไม
สงสัยกัน แมทานจะนิพพานไปกี่กัปแลวโดยทางสมมุติ พระพุทธเจาทรงรูอยางไร
ทรงสอนอยางนั้น และประกาศธรรมกงั วานมาได ๒๕๐๐ กวา ปน แ้ี ลว ในพระพุทธ
เจา องคป จ จบุ นั ของเราวา สนทฺ ฏิ ฐ โิ ก ผปู ฏบิ ตั จิ ะพงึ เหน็ เองในความจรงิ ทง้ั หลาย
แนะ ปจจฺ ตตฺ ํ เวทิตพฺโพ วิ ฺ หู ิ ผรู จู ะรจู าํ เพาะตนเทา นน้ั ผรู กู ค็ อื ผปู ฏบิ ตั นิ น่ั แลจะ
รูจําเพาะตน จะเปนใครที่ไหนกัน

นก่ี ารทาํ ลายวฏั จกั รวฏั จติ ทาํ ลายทต่ี รงน้ี เมื่อขาดออกไปจากใจโดยสิ้นเชิง
แลวหมดปญหาโดยประการทงั้ ปวง โลกจะวามีก็มี ไมวาก็ไมมีอะไรเปนปญหา
เพราะจติ หมดปญ หาแลว จากสง่ิ ทง้ั หลาย ไมไดเปนปญหาอีกแลว คือไมเปนเรื่องติด
ตอพัวพันกันเหมือนอยางแตกอนมา เพราะเปน จติ ทบ่ี รสิ ทุ ธล์ิ ว น ๆ แลว

เม่อื รอู ยชู ัด ๆ วา บรสิ ทุ ธล์ิ ว น ๆ จะสูญไปไหน ถา สญู แลว บรสิ ทุ ธไ์ิ ดย งั ไง
เห็นประจักษ เมื่อกิเลสจอมหลอกลวงหมดไปแลว จติ กส็ นกุ รสู นกุ เหน็ นะ ซิ ไมมี
อะไรจะมาทําใหมัวหมองมาปดมากั้น จติ จึงไมเ ปน ลมุ ๆ ดอน ๆ เหมือนแตกอน

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๙๒

๓๙๓

กิเลสถูกเปดออกหมดแลว เมื่อเปนเชนนั้นทําไมจะไมเห็นโทษของกิเลส คอื ความมดื
บอดทป่ี ด หวั ใจนไ้ี วไ มใ หร ไู มใ หเ หน็ ในสง่ิ ทค่ี วรรคู วรเหน็ พอกิเลสทลายไปแลว สิ่งที่
ควรรูก ็ตองรู สิ่งท่คี วรเห็นก็ตอ งเหน็ เปน วสิ ยั ของใจลว น ๆ แลว ตองรูเต็มภูมิของ
ตน นแ่ี หละ โลกวิทู เมื่อทําลายกําแพงอันหนาแนนออกจากใจแลว ตาใจสวา ง
กระจางแจงมองทะลุปรุโปรงไปหมด นีผ่ ลของการปฏิบัตเิ ปนอยา งน้ี เหลา นม้ี ใิ ชผ ล
แหง ความเกยี จครา นเผอเรอนะ จงจาํ ไวอ ยา งถงึ ใจ น้คี ือผลแหง ความเปน นกั ตอสู
ตา งหาก

เราอยา นาํ ความขเ้ี กยี จขค้ี รา นออ นแอทอ แทเ หลวไหล อันเปนเรื่องของกิเลส
เขามาบบี ค้นั หัวใจจะไปไมร อดนกั ปฏบิ ตั ิ ใหเ ลง็ ถงึ พทุ ธฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ เสมอ พุทฺธํ
สรณํ คจฉฺ ามิ ไมใชผูลางมือเปบ ธมมฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ ไมไดเกิดขึ้นจากการลางมือ
เปบ สงฆฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ ทา นแทบตายมาดว ยกันทง้ั น้ัน เหตใุ ดเราจะมาลา งมือเปบ
มันก็เกงกวาครูไปละซิ ถา เกง กวา ครแู บบนก้ี ต็ อ งเลวลงโดยลาํ ดบั ใหเ กง ในทางความ
พากความเพยี ร เดนิ ตามครนู น้ั แหละ

ไมค วรจะสงสยั แลว โลกธาตนุ ี้มีเกิดกบั ตาย ๆ หาบหามกองทุกขในภพนอย
ภพใหญไ มม เี วลาปลงวางเลย ภพมนษุ ยเ รายงั ดยี งั เปน อสิ รเสรี แตภ พของสัตวเ รา
มองดแู ลวมันนา อยนู าอาศยั ที่ไหน มีแตบีบบี้สีไฟกัดฉีกกันกิน ดูซติ วั ไหนมอี ํานาจ
มากไลกัดไลฉีกกัน สัตวตอสัตว สตั วก นิ สตั ว ทาํ ลายสตั ว เบยี ดเบยี นสตั ว เรายงั ดนี ะ
ภพละเอียดยิ่งไปกวานั้น ซึ่งเปนของมีอยูตามหลักความจริงจะเปนยังไง มันผิดอะไร
กับมหันตทุกขอยูในเรือนจํา มันไมไดผิดอะไรกัน หวั เราะกเ็ หมอื นนกั โทษในเรอื นจาํ
นน่ั แล ถึงจะขับลาํ ทําเพลงกน็ กั โทษขบั ลาํ ทําเพลงอยใู นเรือนจาํ มันเอาดีกรีมาจาก
ไหน เอาความสขุ ความสบายมาจากไหน เอาใหไดขับกลอมอยูกับวิมุตติดูซิ ใหธ รรม
วิมุตติไดกลอมดูซิจะเปนอยางไร ตางกันอยางไรบางระหวางเพลงกลอมของกิเลสกับ
เพลงกลอ มของวิมตุ ติธรรม เอาใหเ หน็ ซนิ กั ปฏบิ ตั ิ

ผปู ฏบิ ตั นิ เ้ี ทา นน้ั จะเหน็ ความจรงิ ทง้ั หลายทก่ี ลา วมา นอกนั้นไมมีทาง จง
เอาใหจ รงิ ใหจ งั คณุ คา ราคาของเรานม้ี าก มบี ญุ วาสนาแลว จงึ ไดม าบวช ทง้ั เปน
มนุษยดวย แลวยังไดม าบวชเปน พระไดประพฤตปิ ฏิบัตธิ รรม อยา ใหแ คลว คลาด
จากธรรมทก่ี ลา วน้ี เอาใหไ ดม หาสมบตั มิ าครองหวั ใจเรา เราครองมหาสมบตั นิ น้ั จะ
เปนที่ตายใจตลอดไป เรื่องอดีต อนาคต สถานทต่ี า ง ๆ ตัดออกหมด ขาดสะบั้นไป
หมดแลว เพราะสง่ิ เหลา นเ้ี ปน เรอ่ื งของโลก ธรรมชาตนิ ้นั ไมใชโลก ทา นจงึ เรยี กวา

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๙๓

๓๙๔

โลกตุ รธรรม แปลวา ธรรมเหนอื โลก ไมเ หมอื นโลกจงึ เรยี กวา ธรรมเหนอื โลก จะเอา
อะไรไปเหมือน

การแสดงธรรมกเ็ หน็ วา สมควร ขอยุติเพียงเทานี้

<<สารบัญ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๙๔

๓๙๕

เทศนอ บรมพระ ณ วัดปาบานตาด
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๕

ของจรงิ ลบลา งของปลอม

คาํ วาพระพุทธเจา คอื ทา นผปู ราบไตรภพ เรยี นจบในสมมตุ ทิ ง้ั ปวงโดยสมบรู ณ
พระสาวกทดี่ ําเนนิ รอยตามพระพทุ ธเจา กเ็ ปน ผเู รยี นจบปราบไตรภพภายในจติ ใหส น้ิ ซาก
ไปเชน เดยี วกันกับพระศาสดา คาํ ทว่ี า พระพทุ ธเจา อบุ ตั ขิ น้ึ แลว ในโลก กบั คาํ ทว่ี า พระธรรม
ไดอ บุ ตั ิขนึ้ แลว ในโลกน้ัน อุบัติขึ้นมาในขณะเดียวกัน จากนั้นก็พระสงฆไดปรากฏขึ้นแลว
ในโลก นก่ี ลา วถงึ ผลแหง ความปรากฏของธรรม ที่มีพระพทุ ธเจา แลสาวกทรงนําออกมายนื
ยนั

เมือ่ กลาวถงึ เหตุ พระพทุ ธเจาทา นทรงดาํ เนินอยา งไร มคี วามยากเยน็ เขญ็ ใจ
ขนาดไหน พระสาวกทว่ี า สงฆฺ ํ สรณํ คจฉฺ ามิ นน้ั ทา นลาํ บากหรอื ไดร บั ความทกุ ขท รมาน
หนกั เบามากนอ ยเพยี งไร สว นมากมแี ตแ ทบเปน แทบตายดว ยกนั มจี าํ นวนนอ ยมากทเ่ี ปน
สขุ า ปฏิปทา ขิปฺปาภิฺญา ทั้งปฏิบัติสะดวกทั้งรูไดเร็ว นม้ี จี าํ นวนนอ ยมาก ทุกฺขา
ปฏิปทา ขิปฺปาภิฺญา ปฏบิ ตั ลิ าํ บากแตร ไู ดเ รว็ นก่ี ม็ จี าํ นวนมากขน้ึ พอประมาณในครง้ั
พระพุทธเจา สว น ทกุ ขฺ า ปฏิปทา ทนธฺ าภิ ญฺ า นร้ี ูสึกจะมาก คือทั้งปฏิบัติลําบากทั้งรูได
ชา นม่ี จี าํ นวนมาก ทา นกลา วไวส ป่ี ระเภทดว ยกนั สขุ า ปฏิปทา ขิปฺปาภิฺญา ทั้งปฏิบัติ
สะดวกทั้งรูไดเร็ว ทกุ ขฺ า ปฏิปทา ขิปฺปาภิฺญา ปฏบิ ตั ลิ าํ บากแตร ไู ดเ รว็ มตี า งกนั เปน
ลาํ ดบั ลาํ ดา สขุ า ปฏิปทา ทนฺธาภิ ฺญา ปฏิบัติสะดวกแตรูไดชาก็รูสึกมีนอยมาก สว นมาก
มกั จะปฏบิ ตั ลิ าํ บากกวา จะรจู ะเหน็ ธรรม

เพราะฉะนน้ั ทานผูเปนนักปฏิบัติ พึงดูใจของตัวเอง อยาไปดูผูอื่นที่ทานปฏิบัติ
สะดวกหรือปฏิบัติลาํ บาก และรเู รว็ หรอื ชา มากยง่ิ กวา ดตู วั เรา ทย่ี กมานเ้ี พอ่ื เปน แบบฉบบั
เพื่อไมใ หจติ คิดออกนอกลูนอกทางโดยเหน็ วาลําบากบา งเลก็ นอย แลวก็เถลไถลไปในทาง
เสยี หายและลม จมไปเสยี โดยไมร วู า นน้ั คอื ความลาํ บากอยา งมหนั ต

การปฏบิ ตั เิ ราพอทราบไดใ นนสิ ยั ของเรา เราฝก ทรมานจติ ใจเราหนกั แนน ขนาด
ไหน ไดร บั ผลปรากฏขน้ึ มาอยา งไรบา ง ก็เปน ทุกฺขา ปฏิปทา อยใู นนน้ั ถา ปฏบิ ตั แิ บบลม
หมอนนอนเสอ่ื ไมมวี ันลุกไมมีวันตน่ื เลยนนั้ นน่ั มนั เลย สขุ า ปฏิปทา จนกลายเปน ปฏปิ ทา
ที่เนาเฟะหมดทั้งตัวหมดทั้งใจ อันนี้ไมมีทางที่วาเปน สขุ า และทกุ ขฺ า ปฏิปทา ทนฺธาภิฺ

เขา สแู ดนนพิ พาน ๓๙๕


Click to View FlipBook Version