6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูและนกั เรียนกล่าวทกั ทายกนั
2. ทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั การทดลอง (experiments) ไดแ้ ก่ shake, open, add, drop, take, watch me
โดยการสุ่มเรียกนกั เรียน 1 คน ออกมาแสดงทา่ ทางใบค้ า ใหน้ กั เรียนทีเ่ หลือช่วยกนั บอกคาศพั ท์
3. ทบทวนคาศพั ทท์ ่ีข้ึนตน้ ดว้ ย dr โดยครูแสดงบตั รคาให้นกั เรียนดูคร้งั ละ 1 ใบ ให้นกั เรียนออกเสียง
พร้อมกนั ครูสังเกตวา่ นกั เรียนออกเสียงถูกตอ้ งหรือไม่ ถา้ ยงั ออกเสียงไมถ่ กู ตอ้ ง ครูออกเสียงให้
นกั เรียนฟังแลว้ ให้นกั เรียนมาฝึกออกเสียงให้ครูฟังนอกเวลาเรียน
4. ทบทวนโครงสร้างที่ใชข้ อและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั กิจกรรมท่ีทาในแต่ละช่วงเวลา โดยครูสุ่มถาม
นกั เรียน เช่น
T: What do you do in the morning?
S1: I brush my teeth.
T: How often do you brush your teeth?
S1: I brush my teeth in morning and before I go to bed.
T: Very good.
ข้นั Presentation
1. ครูเขียนประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน
I always have science on Mondays.
I never eat breakfast at noon.
She always has English on Fridays.
He never drinks cola in the morning.
จากน้นั ครูอธิบายว่า always และ never เป็นคากริยาวเิ ศษณ์บอกความถี่ (adverbs of frequency)
ซ่ึงใชบ้ อกความถข่ี องเหตุการณ์หรือการกระทา โดย always มีความหมายวา่ อยา่ งสม่าเสมอ
ส่วน never มีความหมายเชิงปฏิเสธ แปลว่า ไม่เคย ต่อมาให้นกั เรียนดูตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน
อกี คร้ัง แลว้ ใหน้ กั เรียนสังเกตตาแหน่งของกริยาวเิ ศษณ์ว่า จะวางไวก้ ่อนกริยาแท้ นอกจากน้ียงั มี
คากริยาวเิ ศษณ์อ่ืน ๆ เช่น sometimes (บางคร้ัง), usually (บ่อย ๆ) ซ่ึงมีหลกั การใชเ้ หมือนกนั
เมอ่ื นกั เรียนเขา้ ใจแลว้ ครูใหน้ กั เรียนลองแต่งประโยค 3-4 ประโยค เพื่อทดสอบความเขา้ ใจ เช่น
I always get up at 6 o’clock. I always have history on Wednesdays.
I sometimes play games. I usually eat at a school canteen.
I never go to school late.
296
ครูให้นกั เรียนไปเรียนรู้เกี่ยวกบั คากริยาวิเศษณ์บอกความถ่ี (adverbs of frequency)
เพ่มิ เติมจากเวบ็ ไซตต์ อ่ ไปน้ี
http://www.englishdd.org/adverbs-of-frequency-กริยาวิเศษณ์แสดงควา/
http://www.stou.ac.th/schools/sla/englishwriting/cd-rom/Module4/Presentations/
adverbs.htm
2. นาเสนอการใชค้ าบพุ บทบอกเวลา (prepositions of time) โดยครูเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน
We go to school in the morning.
We have science on Mondays.
We have lunch at noon.
จากน้นั ครูอธิบายคาท่ขี ดี เสน้ ใตว้ า่ เป็นคาบุพบทบอกเวลา
in ใชก้ บั ช่วงเวลา เช่น in the morning, in the afternoon, in the evening และใชก้ บั เดือน
เช่น in July, in January เป็นตน้ ยกเวน้ at night (กลางคืน), at noon (กลางวนั ) ซ่ึงเราจะใช้
คาบพุ บท at
on ใชก้ บั วนั เช่น on Monday, on Sundays หรือใชบ้ อกวนั ที่ เช่น on February 20th,
on October 5th เป็นตน้
at ใชบ้ อกเวลาท่ีเฉพาะเจาะจง เช่น at 6 o’clock, at 9 o’clock
เม่อื นกั เรียนเขา้ ใจหลกั การใชแ้ ลว้ ครูเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน ให้นกั เรียนช่วยกนั เตมิ
คาบุพบทบอกเวลาลงในช่องวา่ งใหถ้ ูกตอ้ ง
1. They watch a film ________ the evening.
2. He eats breakfast _________ 7 o’clock.
3. We go to bed _________ night.
4. She has science _________ the afternoon.
5. Halloween Festival takes place _________ October 31st every year.
คาตอบ: 1. in 2. at 3. at 4. in 5. on
สุดทา้ ย ให้นกั เรียนทบทวนหลกั การใชค้ ากริยาวเิ ศษณ์ในหนงั สือเรียน หน้า 43 กรอบ Grammar
Advanced class: สาหรับหอ้ งเดก็ เกง่ ครูแนะนาเวบ็ ไซตเ์ ก่ียวกบั คาบพุ บทบอกเวลา (adverbs of
time) ใหน้ กั เรียนไปศึกษากริยาวเิ ศษณ์บอกเวลาคาอ่ืน ๆ เพม่ิ เตมิ ดว้ ยตนเองจากเวบ็ ไซตต์ อ่ ไปน้ี
http://learnenglishkids.britishcouncil.org/en/grammar-practice/prepositions-time
297
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรยี น หน้า 43 Ex. 7 ครูอธิบายว่า ใหน้ กั เรียนอ่านขอ้ ความ a และ b ในขอ้ 1-4 จากน้นั ให้
นกั เรียนเลอื กว่า ประโยคใดถกู ตอ้ ง ครูนานกั เรียนทาขอ้ แรกพร้อมกนั โดยให้นกั เรียนอา่ นขอ้ a
และ b พร้อมกนั แลว้ ถามวา่ Which one is correct? a or b? เมอื่ นกั เรียนตอบว่า a ครูถามนกั เรียนว่า
ทาไมถึงตอบขอ้ a ให้นกั เรียนช่วยกนั อธิบาย ครูให้เวลานกั เรียนทาขอ้ ท่ีเหลือดว้ ยตนเอง เสร็จแลว้
ครูเฉลยคาตอบพร้อมกนั กบั นกั เรียน
1. a 2. b 3. b 4. a
2. หนังสือเรียน หน้า 43 Ex. 8 ครูใหน้ กั เรียนดตู วั อยา่ ง จากน้นั อธิบายว่า ให้นกั เรียนจบั คู่คาบุพบท
บอกเวลา (prepositions of time) กบั วนั หรือช่วงเวลาให้สัมพนั ธ์กนั กอ่ นใหน้ กั เรียนทากิจกรรม
ทเี่ หลอื ดว้ ยตนเอง ครูและนกั เรียนทบทวนการใชค้ าบพุ บทบอกเวลาพร้อมกนั ตอ่ มาครูใหเ้ วลา
นกั เรียนทากิจกรรม เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั ร 3 คน อา่ นประโยคของตนเอง ครูเขียนคาตอบ
ท่ถี กู ตอ้ งอกี คร้ังบนกระดาน
We eat breakfast in the morning.
We don’t go to school on Sundays.
We eat lunch at noon.
ครูดาวน์โหลดแบบฝึกหดั เรื่อง คาบุพบทบอกเวลาเพม่ิ เตมิ จากเวบ็ ไซตต์ อ่ ไปน้ี
http://learnenglishkids.britishcouncil.org/sites/kids/files/attachment/grammar-practice-
prepositions-of-time.pdf
เสร็จแลว้ ครูใหน้ กั เรียนสลบั กนั ตรวจกบั เพอ่ื นทน่ี งั่ ขา้ ง ๆ ตนเอง เสร็จแลว้ นาแบบฝึกหดั
มาส่งครู
298
3. หนังสือเรยี น หน้า 43 Ex. 9 ครูให้นกั เรียนดคู ากริยาวเิ ศษณบ์ อกความถีท่ ้งั 4 คา ไดแ้ ก่ always,
usually, sometimes และ never แลว้ บอกความหมาย จากน้นั ให้นกั เรียนดูกิจกรรมที่ Blake ทา
ถา้ มเี ครื่องหมาย ✓✓✓ ดา้ นหลงั หมายความวา่ Blake ทากิจกรรมน้นั ประจา เราจะใช้ always
ถา้ ✓✓ มีความหมายวา่ Blake ทากิจกรรมน้นั บ่อย ๆ เราใช้ usually ถา้ มเี คร่ืองหมาย ✓ อนั เดียว
หมายความว่า Blake ทากิจกรรมน้นั เป็นบางคร้งั ใหใ้ ช้ sometimes ถา้ เป็นเครื่องหมาย แปลว่า
Blake ไม่เคยทากิจกรรมน้นั เลย ให้ใช้ never
เมื่อนกั เรียนเขา้ ใจแลว้ ครูใหน้ กั เรียนพูดบอกความถข่ี องกิจกรรมที่ Blake ทา เช่นในตวั อยา่ ง Blake
always watches TV in the evening! ครูทากิจกรรมเช่นน้ีจนครบทกุ กิจกรรม ระหว่างท่ีนกั เรียนพดู
ครูสงั เกตการออกเสียงของนกั เรียนว่าถูกตอ้ งตามหลกั การออกเสียงหรือไม่ เสร็จแลว้ ครูเขียน
ประโยคทถ่ี ูกตอ้ งบนกระดานอีกคร้งั
(Suggested answers)
Blake sometimes brushes his hair in the evening!
Blake never goes to school on Saturdays!
Blake usually has a shower in the evening!
Blake always eats breakfast in the morning!
Blake never tidies his room in the evening!
Blake sometimes plays tennis in the afternoon!
Blake usually writes letters in the evening!
ข้นั Production
1. ครูอธิบายภาระงาน ให้นกั เรียนแตง่ ประโยคเพอ่ื บอกความถีเ่ ก่ียวกบั กิจกรรมท่ีตนเองทา โดยใช้
กริยาวิเศษณ์ always, usually, sometimes และ never อยา่ งละ 2 ประโยค ครูให้เวลานกั เรียนแต่ง
ประโยค เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน ออกมาอา่ นประโยคทต่ี นเองแตง่ ให้เพ่อื นฟัง เช่น
I always go to school at half past seven.
I always tidy my room on Saturdays.
I usually do homework after school.
I usually cook on Mondays.
299
I sometimes watch TV at night.
I sometimes play a computer game with my friend.
I never play the piano.
I never wash my hair on Thursdays.
2. ครูใหน้ กั เรียนคน้ หาคาศพั ทต์ ามหมวดที่เรียนในบทน้ีเพิ่มเตมิ อกี 4 คา และบอกความหมายดว้ ย
จากน้นั ใหน้ กั เรียนบนั ทึกคาศพั ทล์ งในสมดุ คาศพั ท์
3. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 37 Exs. 8-10 เป็นการบา้ น
Ex. 8 4. at 5. In
2. at 3. in 8. at 5. watches
6. in 7. at
Ex. 9 3. plays 4. has
2. eats 7. goes
6. visits
Ex. 10
2. Jerry always drinks milk in the morning.
3. Sue doesn’t usually watch TV in the evenings.
4. We sometimes visit our grandmother on Sundays.
5. We never go to bed late.
6. They always wake up early.
300
7. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์
แบบประเมนิ การพดู ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
วิธีการวดั
ประเมินการพดู ให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
ความถ่ีของการทากิจกรรมต่าง ๆ
สังเกตการใชค้ าบพุ บทบอกเวลา แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
ประเมินการแตง่ ประโยคเก่ียวกบั
กิจกรรมท่ที า แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจแบบฝึ กหัด แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรมบง่ ช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้ อนั พึงประสงค์
และมงุ่ มนั่ ในการทางาน
8. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.2 แบบฝึกหัด EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.3 อนิ เทอร์เน็ต
301
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 I don’t like science.
เวลา 1 ชั่วโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- อา่ นออกเสียง สะกดคา และบอกความหมายของคาศพั ทใ์ นเน้ือเร่ืองได้
- ตอบคาถามจากการฟังและการอ่านได้
- แสดงบทบาทสมมตไิ ด้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ฟี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมเี หตุผล
ตวั ชีว้ ัด
ต 1.1 ป. 5/3 ระบ/ุ วาดภาพสญั ลกั ษณ์ หรือเครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยค
และขอ้ ความส้ัน ๆ ท่ฟี ังหรืออา่ น
ต 1.1 ป. 5/4 บอกใจความสาคญั และตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา และนิทาน
ง่าย ๆ หรือเรื่องส้นั
มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตัวชี้วดั
ต 1.2 ป. 5/1 พูด/เขียนโตต้ อบในการสื่อสารระหว่างบคุ คล
ต 1.2 ป. 5/5 พูด/เขียนแสดงความรู้สึกของตนเองเก่ียวกบั เร่ืองตา่ ง ๆ ใกลต้ วั และกิจกรรมต่าง ๆ
พร้อมท้งั ให้เหตุผลส้ัน ๆ ประกอบ
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ
โดยการพดู และการเขยี น
ตวั ชีว้ ดั
ต 1.3 ป. 5/1 พดู /เขียนใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้
ได้อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
302
ตวั ชีว้ ดั
ต 2.1 ป. 5/1 ใชถ้ อ้ ยคา น้าเสียง และกิริยาท่าทางอยา่ งสุภาพ ตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรม
ของเจา้ ของภาษา
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ชีว้ ดั
ต 4.1 ป. 5/1 ฟัง/พดู และอ่าน/เขยี นในสถานการณต์ า่ ง ๆ ท่ีเกิดข้นึ ในห้องเรียนและสถานศึกษา
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมอื พื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ
และการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้กบั สังคมโลก
ตัวชี้วัด
ต 4.2 ป. 5/1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มลู ตา่ ง ๆ
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเขา้ ใจเกี่ยวกบั คาศพั ทแ์ ละสานวนภาษาเกี่ยวกบั วิชาเรียน โครงสร้างทีใ่ ชบ้ อกสิ่งทีช่ อบ
และไมช่ อบ ช่วยให้เขา้ ใจเรื่องทีฟ่ ังและอ่าน และเขียนสื่อสารในชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: shake, open, watch me, drop, take, add, experiment
Structure: We have Science on Mondays. I don’t like Science. Let’s do an
experiment. Shake the bottle. Then add five drops from the red bottle.
Pronunciation: Linking sounds
Function: Developing listening and reading comprehension skills
through a dialogue
2) Language Skills
Listening: ตอบคาถามจากการฟัง
Speaking: แสดงบทบาทสมมติ
Reading: ตอบคาถามจากการอา่ น
303
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.2 ความสามารถในการคดิ
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.2 มุง่ มนั่ ในการทางาน
5.1 ใฝ่ เรียนรู้
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูและนกั เรียนกล่าวทกั ทายกนั
2. ทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั วชิ าเรียนดว้ ยการใชบ้ ตั รภาพ โดยครูแสดงบตั รภาพใหน้ กั เรียนดทู ีละใบ
แลว้ ให้นกั เรียนพูดบอกชื่อวชิ า
ครูสามารถดาวนโ์ หลดบตั รภาพวิชาตา่ ง ๆ จากเวบ็ ไซตต์ ่อไปน้ี
http://learnenglishkids.britishcouncil.org/sites/kids/files/attachment/flashcards-
school-subjects.pdf
3. ทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั การทดลอง (experiment) ไดแ้ ก่ shake, drop, add, drop, take, open โดยครู
ถามวา่ Last time we talked about words about experiments. Can you tell me the words you
remember? ให้นกั เรียนบอกคาศพั ทแ์ ละความหมาย ครูเขยี นคาศพั ทท์ ี่นกั เรียนบอกบนกระดาน
4. ทบทวนการพดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั วิชาท่ีชอบและไม่ชอบ โดยครูสุ่มเรียกนกั เรียนถามคาถาม
เช่น
T: Do you like maths?
S1: No, I don’t like maths. It’s boring!
T: Do you like history?
S2: Yes, I like history. It’s interesting!
ครูทากิจกรรมเช่นเดียวกนั น้ีกบั นกั เรียนอกี 2-3 คน
5. ทบทวนการใชค้ ากริยาวเิ ศษณ์บอกความถ่ี (adverbs of frequency) โดยแบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่ม
กล่มุ ละประมาณ 5 คน จากน้นั ครูแจกบตั รคาให้แตล่ ะกลมุ่ ซ่ึงตดั มาจากประโยค เช่น
He always has breakfast at 7 o’clock.
304
They never do homework in the morning.
My brother sometimes watches TV on Fridays.
I usually visit my grandparents on Sundays.
จากน้นั ครูแจกชุดบตั รคาใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ช่วยกนั เรียงประโยคใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มส่ง
ตวั แทนออกมาอ่านประโยคใหก้ ลมุ่ อื่น ๆ ฟังทีห่ นา้ ช้นั
6. ทบทวนการออกเสียงคาทข่ี ้ึนตน้ ดว้ ยเสียงควบกล้า dr โดยให้นกั เรียนบอกคาศพั ทท์ ข่ี ้ึนตน้ ดว้ ยเสียง
ดงั กลา่ วทไี่ ดเ้ รียนรู้จากคาบท่แี ลว้ ครูเขยี นคาศพั ทท์ ี่นกั เรียนบอกบนกระดาน เช่น
drum drive drink drop
dry dream draw drip
จากน้นั ครูบอกวา่ ครูจะช้ีไปที่คาศพั ท์ ให้นกั เรียนออกเสียงคาศพั ทด์ งั กล่าวพร้อมกนั เพ่อื ให้
กิจกรรมน่าตนื่ เตน้ ยิ่งข้ึน ครูสุ่มนกั เรียน 1-2 คน ออกเสียงคาศพั ทบ์ นกระดาน โดยครูช้ีคาศพั ท์
สลบั ไปมาอยา่ งรวดเร็ว
ข้นั Presentation
1. นาเสนอเน้ือเร่ืองโดยครูแสดงภาพใหน้ กั เรียนดูทีละ 1 ช่อง แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั อธิบาย
ความหมาย จากน้นั ครูเขียนคาวา่ We have science on Mondays. แลว้ อธิบายว่า เวลาทเ่ี ราตอ้ งการ
บอกวา่ เราเรียนวิชา...ในวนั ต่าง ๆ เราจะใชโ้ ครงสร้าง I have + ชื่อวิชา. หรือเราอาจใชโ้ ครงสร้าง
I study + ช่ือวชิ า. กไ็ ด้ เช่น I study science on Mondays. ครูอธิบายเน้ือเรื่องจนครบ เสร็จแลว้ ครูเปิ ด
CD ใหน้ กั เรียนฟังเน้ือเรื่องและฝึกออกเสียงตามพร้อมกนั โดยครูเนน้ ให้นกั เรียนเช่ือมคา (linking
sounds) ในประโยคให้ถูกตอ้ ง เช่น
We have Science on Mondays.
We have Art on Mondays, too.
2. นาเสนอสานวนในเน้ือเร่ือง ไดแ้ ก่ Well done (ทาไดด้ ี) โดยครูอธิบายวา่ สานวน Well done ใชก้ ลา่ ว
ชมเชยบคุ คลทีท่ าสิ่งใดสิ่งหน่ึงไดด้ ี นอกจากสานวน Well done แลว้ ยงั มสี านวนอ่นื ๆ ท่ีใชก้ ลา่ ว
ชมเชยและมีความหมายคลา้ ยกนั เช่น Good job (ดีมาก), Excellent (ยอดเย่ยี ม)
305
ครูอธิบายความหมายของ Well done วา่ นอกจากจะใชก้ ลา่ วชมเชยบุคคลแลว้
เรายงั สามารถใช้ Well done ในการบอกระดบั ความสุกของอาหารประเภทสเต๊กดว้ ย
โดยจะหมายความว่า สุกทวั่ ถึง หากสุกระดบั ปานกลาง จะใชค้ าวา่ medium
ถา้ สุกเพียงขา้ งนอก เน้ือขา้ งในยงั เป็นสีชมพูอยู่ จะเรียกว่า rare
ท่ีมา: http://www.foodietaste.com/cookingtips_details.asp?id=88
3. ครูถา่ ยเอกสารเน้ือเรื่องในหนา้ 42-43 จากน้นั นามาตดั แบง่ เป็นฉาก ๆ แลว้ ติดลงบนกระดาษแข็ง
ต่อมาครูนาเสนอเน้ือเร่ือง โดยแสดงเน้ือเร่ืองทีละฉากให้นกั เรียนดแู ละให้นกั เรียนช่วยกนั อธิบายวา่
เกิดอะไรข้นึ ในแต่ละฉาก เช่น
T: Look at Page 42. What are they doing?
Ss: They are talking about the subject they like and the subject they don’t like.
T: Look at Page 43. What is Mr More going to do?
Ss: He is going to do an experiment.
T: Well done, everyone!
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 44 Ex. 10 ครูอธิบายคาส่งั ว่า นกั เรียนจะไดฟ้ ัง CD แลว้ เตมิ คาตอบลงในประโยค
ใหส้ มบรู ณแ์ ละถกู ตอ้ ง จากน้นั ให้นกั เรียนอา่ นประโยคทยี่ งั ไมส่ มบูรณ์พร้อมกนั แลว้ ถามวา่
นกั เรียนตอ้ งเตมิ ขอ้ มลู อะไรลงไป เมอ่ื ไดค้ าตอบว่า ชื่อของ Extra ในเรื่อง ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟัง
1 คร้ัง ครูให้เวลานกั เรียนตรวจคาตอบของตนเองให้เรียบร้อย เสร็จแลว้ ครูและนกั เรียนเฉลยคาตอบ
พร้อมกนั โดยครูถามนกั เรียนว่า คาตอบอยใู่ นฉากใด
Extra is Mr More.
2. ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็นกลุม่ จากน้นั ครูแจก Story Cutouts ท่ีถ่ายเอกสารมาจากแบบฝึกหัด หนา้ 82
โดยครูตดั แบง่ Story Cutouts เป็นช่อง ๆ แลว้ แจกให้นกั เรียนกลุ่มละ 1 ใบ ครูอธิบายว่า ใหแ้ ต่ละ
กลุ่มออกมาเรียงลาดบั เน้ือเรื่องใหถ้ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ใหแ้ ต่ละกลุม่ อา่ นประโยคในช่องท่ีไดร้ บั
มอบหมายเรียงต่อกนั ไปจนจบเร่ือง หากมีกลมุ่ ทยี่ งั อ่านไมถ่ ูก ใหน้ กั เรียนกลุ่มอืน่ ช่วยออกเสียงให้
นกั เรียนกลุม่ ดงั กลา่ วฟัง
306
3. ครูถา่ ยเอกสารเน้ือเรื่องจากหนงั สือเรียน หนา้ 44-45 แลว้ ตดั แบง่ เป็นช่อง ๆ ให้นกั เรียนจบั คูก่ นั ครู
แจกเน้ือเร่ืองใหน้ กั เรียน คู่ละ 1 ใบ ให้แต่ละคู่ฝึกพดู จนคลอ่ ง เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั ร 3-4 คู่
ออกมาสนทนาใหเ้ พ่อื นฟัง โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนแสดงสีหนา้ ทา่ ทางให้เหมาะสมกบั เน้ือเร่ือง
4. หนงั สือเรียน หน้า 45 Ex. 11 ใหน้ กั เรียนอ่านเน้ือเร่ืองอีกคร้ังแลว้ วงรอบคาตอบในขอ้ 1-4 ให้
ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั ร 4 คน เฉลยคาตอบใหน้ กั เรียนทเ่ี หลอื ฟัง โดยให้บอกดว้ ยว่า
คาตอบอยฉู่ ากใด
1. Mondays 2. art
3. history 4. science
ข้นั Production
1. ใหน้ กั เรียนจบั กลุ่มกนั แสดงบทบาทสมมติตามหนงั สือเรียน หนา้ 44-45 โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียน
แสดงสีหนา้ และทา่ ทางใหส้ อดคลอ้ งกบั เน้ือเร่ือง เสร็จแลว้ ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ ผลดั กนั ออกมาแสดง
บทบาทสมมตทิ ่ีหนา้ ช้นั
2. ใหน้ กั เรียนคน้ หาคาศพั ทต์ ามหมวดท่เี รียนในบทน้ีเพ่มิ เตมิ อีก 4 คา และบอกความหมายดว้ ย
จากน้นั ใหน้ กั เรียนบนั ทึกคาศพั ทล์ งในสมุดคาศพั ท์
3. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 38 Exs. 11-12 เป็นการบา้ น
Ex. 11 4. T
2. F 3. T
Ex. 12 b–3 c–4 d–1
3, 2, 4, 1
a–2
307
7. การวดั และประเมินผล
วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์
ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจการตอบคาถามจากการฟัง แบบฝึกหดั
ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
และอ่าน
ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
ประเมนิ การแสดงบทบาทสมมติ แบบประเมนิ การแสดงละคร/
ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
บทบาทสมมติ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
สังเกตการออกเสียงประโยค แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้
ในเน้ือเรื่อง
ตรวจแบบฝึ กหัด แบบฝึกหดั (Workbook)
สงั เกตพฤตกิ รรมบ่งช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ
และมงุ่ มนั่ ในการทางาน อนั พึงประสงค์
8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.3 Class Audio CD ประกอบสื่อฯ ชุด EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.4 บตั รภาพ/บตั รคา
8.5 บตั ร Story Cutouts
8.6 อินเทอร์เน็ต
308
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 I like Mondays!
เวลา 2 ช่ัวโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- อา่ นออกเสียง สะกดคา และบอกความหมายของคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั กิจวตั รประจาวนั ได้
- ตอบคาถามจากการฟังและอา่ น
- เขยี นใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั วนั ทตี่ นเองชอบและกิจวตั รประจาวนั ท่ีทาได้
- พดู ให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั วนั ท่ตี นเองชอบ พร้อมให้เหตุผลได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตผุ ล
ตวั ชี้วัด
ต 1.1 ป. 5/2 อ่านออกเสียงประโยค ขอ้ ความ และบทกลอนส้นั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอ่าน
ต 1.1 ป. 5/3 ระบุ/วาดภาพสญั ลกั ษณ์ หรือเครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยค
และขอ้ ความส้นั ๆ ท่ีฟังหรืออา่ น
ต 1.1 ป. 5/4 บอกใจความสาคญั และตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา และนิทาน
ง่าย ๆ หรือเร่ืองส้นั
มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก
และความคิดเห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ
ตวั ชี้วัด
ต 1.2 ป. 5/1 พดู /เขยี นโตต้ อบในการส่ือสารระหว่างบุคคล
ต 1.2 ป. 5/4 พูด/เขยี นเพอื่ ขอและใหข้ อ้ มูล เกี่ยวกบั ตนเอง เพอ่ื น ครอบครัว และเรื่องใกลต้ วั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ
โดยการพูดและการเขยี น
ตวั ชี้วัด
ต 1.3 ป. 5/1 พูด/เขียนใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองและเร่ืองใกลต้ วั
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้
ได้อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
309
ตัวชี้วัด
ต 2.1 ป. 5/1 ใชถ้ อ้ ยคา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางอยา่ งสุภาพ ตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรม
ของเจา้ ของภาษา
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชีว้ ดั
ต 4.1 ป. 5/1 ฟัง/พูดและอ่าน/เขยี นในสถานการณ์ต่าง ๆ ทเ่ี กิดข้นึ ในห้องเรียนและสถานศึกษา
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจเก่ียวกบั คาศพั ทแ์ ละโครงสร้างท่ใี ชใ้ ห้ขอ้ มูลเก่ียวกบั วนั ทต่ี นเองชอบ พร้อมให้
เหตผุ ล ช่วยให้พดู /อ่าน และเขียนสื่อสารในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: (Adjective) home-made
Structure: This is what I do on Mondays. I get up at quarter to eight, I eat my
breakfast and at half past eight I go to school.
Pronunciation: /f/, /v/ sounds
Function: Developing reading and writing skills
Giving information about daily routines
2) Language Skills
Listening: ตอบคาถามจากการฟัง
Speaking: พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั วนั ทตี่ นเองชอบ พร้อมให้เหตุผล
Reading: ตอบคาถามจากการอา่ น
Writing: เขยี นใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั วนั ท่ตี นเองชอบและกิจวตั รประจาวนั ทีท่ า
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 4.2 ความสามารถในการคิด
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
310
5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 5.2 มุ่งมน่ั ในการทางาน
5.1 ใฝ่ เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 1
ข้นั Warm Up
1. ครูและนกั เรียนกลา่ วทกั ทายกนั
2. ทบทวนวลเี กี่ยวกบั กิจกรรมตา่ ง ๆ เช่น ride a bike, watch TV, have breakfast, do homework,
get up, have English และ tidy a room ดว้ ยการใชบ้ ตั รภาพแลว้ ให้นกั เรียนพดู วลี
ครูสามารถดาวน์โหลดบตั รภาพกิจกรรมตา่ ง ๆ ไดจ้ ากเวบ็ ไซตต์ อ่ ไปน้ี
http://www.mes-english.com/flashcards/dailyroutines.php
http://learnenglishkids.britishcouncil.org/en/flashcards/daily-routines-flashcards
3. ทบทวนการให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั เวลา โดยครูเขียนเวลาต่าง ๆ บนกระดาน เช่น 2.30, 7.15, 6.30, 10.45,
4.45 และ 1.15 บนกระดาน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเขียนคาอา่ นบนกระดาน ดงั น้ี
2.30 It’s half past two.
7.15 It’s quarter past seven.
6.30 It’s half past six.
10.45 It’s quarter to eleven.
4.45 It’s quarter to five.
1.15 It’s quarter past one.
ครูแนะนาเวบ็ ไซตใ์ หน้ กั เรียนศึกษาการอ่านเวลาอื่น ๆ เพิม่ เตมิ ดงั น้ี
https://www.ecenglish.com/learnenglish/lessons/what-time-it
4. ทบทวนโครงสร้างที่ใชข้ อและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั เวลาท่ีทากิจกรรมตา่ ง ๆ โดยครูแสดงบตั รภาพ
ชุดเดิมในขอ้ 2 แลว้ สุ่มถามนกั เรียน เช่น
T: What time do you get up?
S1: I get up at 6 o’clock.
311
S2: I get up at half past five.
T: Do you go to school at 7 o’clock?
S1: Yes, I do.
S2: No, I don’t. I go to school at half past seven.
5. ทบทวนเน้ือเร่ืองในคาบทแี่ ลว้ โดยครูถามนกั เรียน เช่น
T: What subject do they study in the story?
Ss: They study science.
T: Excellent. Do you remember what they do in the lab?
Ss: They do an experiment.
T: Who is their teacher?
Ss: It’s Extra/Mr More.
ข้นั Pre-reading
1. ครูเขยี น My favourite day บนกระดาน จากน้นั ช้ีทต่ี นเองแลว้ พูดว่า My favourite day is Saturday.
This is what I do on Saturday. I get up at 7 o’clock. I take my dog out for a morning walk.
She loves it very much! ต่อมาครูบอกวา่ ถา้ เราตอ้ งการบอกกิจกรรมทเี่ ราทาในวนั น้นั ๆ เราจะใช้
โครงสร้าง This is what I do on + วนั . โดยเราเรียก what I do ว่า Wh- clause นอกจากน้ีเราสามารถ
ใช้ Wh- clauses เพ่ือบอกกิจกรรมอน่ื ๆ ไดด้ ว้ ย เช่น
This is what I like. This is what I don’t like.
This is what I study. This is what I have.
That is what I know. That is what I see.
ครูเขียนคาว่า favourite บนกระดาน แลว้ ออกเสียงคาดงั กลา่ วให้นกั เรียนฟังและออกเสียงตาม
แลว้ ครูอธิบายให้นกั เรียนฟังเพิ่มเตมิ ดงั น้ี
คาวา่ favourite ประกอบดว้ ยเสียง /f/ และเสียง /v/ ซ่ึงส่วนใหญไ่ ม่มปี ัญหาในการออกเสียง
/f/ เน่ืองจากมเี สียงคลา้ ยกบั เสียง “ฟ” ในภาษาไทย แตจ่ ะมปี ัญหาในการออกเสียง /v/
ซ่ึงเป็นเสียงทไี่ มป่ รากฏในภาษาไทย มกั จะออกเสียงผิดเป็นเสียง /f/ ซ่ึงไม่ถกู ตอ้ ง
ในการออกเสียงพยญั ชนะ /f/ และ /v/ ริมฝีปากลา่ งเคล่ือนข้นึ สมั ผสั กบั ขอบฟันบน
กระแสลมจากปอดจะเสียดแทรกผ่านช่องแคบ ๆ ระหวา่ งริมฝีปากลา่ งกบั ฟันบนออกมา
เสียง /f/ และ /v/ ตา่ งกนั ที่เสียง /f/ เป็นเสียงไม่กอ้ ง ส่วน /v/ เป็นเสียงกอ้ ง ดงั น้ี
312
/f/ /v/
fan van
fast vast
ferry very
life live
belief believe
ทีม่ า: ปรารมภ์รัตน์ โชติกเสถยี ร. การออกเสียงพยญั ชนะในภาษาอังกฤษ.
กรุงเทพ ฯ: โครงการตารา คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2537.
สาหรบั ห้องเรียนเดก็ เกง่ ครูอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกบั Wh-clauses เพมิ่ เติม โดยศึกษา
หลกั การใชจ้ ากเวบ็ ไซตต์ อ่ ไปน้ี
http://www.oxbridge.in.th/grammar-tips/noun-clauses-คืออะไร
http://learnenglish.britishcouncil.org/en/english-grammar/clause-phrase-and-sentence/
verb-patterns/wh-clauses
2. นาเสนอคาคณุ ศพั ทท์ ีใ่ ชบ้ รรยายวิชาทีช่ อบ โดยใหน้ กั เรียนผลดั กนั ออกมาเขียนคาคุณศพั ท์ที่
ตนเองรู้จกั เช่น interesting, fun, boring, exciting, funny จากน้นั ครูสุ่มถามนกั เรียน 1 คนวา่
What is your favourite day? ให้นกั เรียนตอบวนั ทตี่ นเองชอบ และบอกเหตุผล เช่น
T: What is your favourite day?
S1: I like Monday!
T: Why do you like Monday?
S1: Because I have English on Monday. It’s interesting!
ข้นั Reading
หนังสือเรยี น หน้า 46 Ex. 12 ครูอธิบายว่า นกั เรียนจะไดฟ้ ัง CD ให้นกั เรียนฟังและอ่านตามไปดว้ ย
จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านประโยค 1-5 ดา้ นลา่ งพร้อมกนั แลว้ บอกว่า ประโยคดงั กล่าวถกู ตอ้ งหรือไม่
ถา้ ถูกใหต้ อบวา่ Yes. ถา้ ไม่ถกู ให้ตอบว่า No. โดยให้นกั เรียนขีดเสน้ ใตค้ าสาคญั (keyword) ใน
ประโยคแตล่ ะขอ้ ดว้ ย ต่อมาครูเปิ ด CD และใหน้ กั เรียนเลอื กคาตอบ เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนเฉลย
1. yes 2. yes 3. no 4. no 5. no
313
ข้นั Post-reading
หนังสือเรียน หน้า 46 Ex. 13 ครูขออาสาสมคั ร 1 คน ออกมาอา่ นขอ้ ความในกรอบคาพดู ใหน้ กั เรียน
ในช้นั ฟัง จากน้นั ให้นกั เรียนแต่งประโยคเกี่ยวกบั วนั ท่ีตนเองชอบและกิจวตั รประจาวนั ที่ตนเองทา
ในวนั ดงั กล่าว โดยอาจใชข้ อ้ ความใน Ex. 12 เป็นตน้ แบบกไ็ ด้ เสร็จแลว้ ใหฝ้ ึกพดู จนคล่อง สุดทา้ ย
ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน ออกมาพูดที่หนา้ ช้นั เช่น
Saturday is my favourite day. This is what I do on Saturdays. I get up at 10 o’clock. I have
breakfast and at 11 o’clock, I go to the park and play football with my friends. At half past one
it’s lunchtime. At quarter to six I meet my friends and we ride our bikes. I go home at quarter past
eight and have dinner. I play computer games and at 11 o’clock I go to bed.
ชั่วโมงท่ี 2
ข้นั Warm Up
1. ครูและนกั เรียนกลา่ วทกั ทายกนั
2. หนังสือเรียน หน้า 47 Ex. 14 ครูบอกวา่ นกั เรียนจะไดเ้ ล่นเกม โดยให้นกั เรียนดภู าพในหนงั สือเรียน
แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกว่า บคุ คลในแต่ละภาพกาลงั ทาอะไร เช่น watch TV, play the guitar,
play tennis, listen to music ต่อมาครูอธิบายกติกาการเล่นเกมให้นกั เรียนฟังว่า ครูจะเลือกนกั เรียน
มา 1 คน ให้เป็น leader คนทเ่ี ป็น leader ตอ้ งเขียนวนั ท่ี Barry ชอบและกิจกรรมทเี่ ขาชอบทาใส่
กระดาษใบเล็ก และถามคาถาม What does Barry do on his favourite day? ใหน้ กั เรียนอีกคนหน่ึง
ทายกิจกรรมที่ Barry ทา คนที่ทายถูกจะเป็น leader ตอ่ ไป ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมเช่นน้ีไปเรื่อย ๆ
จนนกั เรียนพดู ถาม-ตอบไดค้ ลอ่ ง
ให้นกั เรียนจบั คู่ ผลดั กนั พูดถาม-ตอบเกี่ยวกบั วนั ทต่ี นเองชอบและกิจวตั รท่ตี นเองทาในวนั ดงั กลา่ ว
ครูให้เวลานกั เรียนฝึกพดู จนคล่อง เสร็จแลว้ ครูขออาสาสมคั รออกมาพูดถาม-ตอบทีห่ นา้ ช้นั
S1: What’s your favourite day?
S2: Saturday.
S1: What do you do on your favourite day?
S2: I go to see a film with my friends.
ข้นั Presentation
1. ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ เกี่ยวกบั การออกเสียงประโยคคาถาม และคาตอบวา่ จะออกเสียงดว้ ยเสียงต่า
314
ประโยคคาถามแบบ Wh-questions จะลงทา้ ยดว้ ยเสียงต่า และการตอบคาถาม
จะลงทา้ ยดว้ ยเสียงต่าดว้ ย เช่น
- What is your favourite day? I like Monday!
แลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คกู่ นั พดู ถาม-ตอบ โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนออกเสียงให้ถูกตอ้ ง
ข้นั Practice
หนังสือเรียน หน้า 47 Sound Spot ให้นกั เรียนฝึกออกเสียงเช่ือมระหว่างคา โดยครูเปิ ด CD
ใหน้ กั เรียนฟังประโยค และฝึกพูดตามจนคลอ่ ง
What time do you go to school?
I go to school at half past seven.
ข้นั Production
1. ครูอธิบายภาระงาน ใหน้ กั เรียนเขยี นเล่าวนั ทต่ี นเองชอบและกิจวตั รประจาวนั ดงั กลา่ ว โดยใช้
ขอ้ ความในหนงั สือเรียน หนา้ 46 Ex. 12 เป็นตน้ แบบ เม่ือเขียนเสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนตรวจความ
ถูกตอ้ งดา้ นต่าง ๆ เช่น ไวยากรณ์ เคร่ืองหมายวรรคตอน การสะกดคา เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนผลดั กนั
ออกมาอา่ นงานเขยี นของตนเองที่หนา้ ช้นั เช่น
(ตวั อยา่ งคาตอบ)
Saturday is my favourite day. This is what I do on Saturdays. I get up at 9
o’clock, I have breakfast and at half past ten I go shopping with my mum.
At half past one it’s lunchtime. At quarter to seven I go to the cinema with
my friends. I go home at quarter past nine and have dinner. I listen to music
and at 11 o’clock I go to bed.
315
2. ครูอธิบายภาระงาน ใหน้ กั เรียนทางานกลมุ่ คน้ ควา้ ในอนิ เทอร์เน็ตเกี่ยวกบั คาศพั ทท์ ข่ี ้นึ ตน้ ดว้ ยเสียง
/f/ และ /v/ มากลมุ่ ละ 10 คา จากน้นั ให้แตล่ ะกลมุ่ เขียนคาศพั ทท์ ้งั หมดลงในกระดาษแผน่ ใหญ่
พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงาม เสร็จแลว้ ให้แต่ละกลุม่ ผลดั กนั ออกมาพดู นาเสนอคาศพั ทท์ ี่หนา้ ช้นั
3. ครูใหน้ กั เรียนคน้ หาคาศพั ทต์ ามหมวดทเ่ี รียนในบทน้ีเพม่ิ เตมิ อกี 4 คา และบอกความหมายดว้ ย
จากน้นั ใหน้ กั เรียนบนั ทึกคาศพั ทล์ งในสมดุ คาศพั ท์
4. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 39 Exs. 13-14 เป็นการบา้ น
Ex. 13 4. D 5. B 6. E
2. C 3. F 4. no
Ex. 14
2. yes 3. no
7. การวดั และประเมนิ ผล
วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์
ตรวจคาตอบจากการฟังและอา่ น แบบฝึกหดั ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ประเมินการพดู ขอและให้ขอ้ มูล แบบประเมินการพดู ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
เกี่ยวกบั วนั ทต่ี นเองชอบ
พร้อมให้เหตุผล
ประเมินการเขียนบอกวนั ท่ีตนเอง แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
ชอบ และกิจวตั รประจาวนั ทีท่ า
ประเมนิ ช้ินงานคาศพั ทท์ ข่ี ้ึนตน้ ดว้ ย แบบประเมินชิ้นงาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
เสียง /f/ และ /v/
สังเกตการออกเสียงคาทขี่ ้ึนตน้ ดว้ ย แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
เสียง /f/ และ /v/
ตรวจแบบฝึ กหัด แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤติกรรมบง่ ช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
และมุ่งมนั่ ในการทางาน อนั พึงประสงค์
316
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.3 Class Audio CD ประกอบส่ือฯ ชุด EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.4 อนิ เทอร์เนต็
317
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 Let’s sing! เวลา 1 ช่ัวโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- อ่านออกเสียง สะกดคา และบอกความหมายของคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั เน้ือเพลงได้
- ตอบคาถามจากการอ่านได้
- แต่งเพลงตามที่กาหนดได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมเี หตผุ ล
ตวั ชี้วดั
ต 1.1 ป. 5/2 อา่ นออกเสียงประโยค ขอ้ ความ และบทกลอนส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน
ต 1.1 ป. 5/3 ระบ/ุ วาดภาพสัญลกั ษณ์ หรือเคร่ืองหมายตรงตามความหมายของประโยค
และขอ้ ความส้ัน ๆ ท่ีฟังหรืออา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความคิดเหน็
อย่างมปี ระสิทธิภาพ
ตวั ชี้วัด
ต 1.2 ป. 5/1 พดู /เขียน โตต้ อบในการส่ือสารระหว่างบคุ คล
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชี้วดั
ต 2.1 ป. 5/3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมที่เหมาะกบั วยั
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตัวชี้วดั
ต 4.1 ป. 5/1 ฟัง พูด และอา่ น/เขียนในสถานการณต์ ่าง ๆ ที่เกดิ ข้นึ ในหอ้ งเรียนและสถานศึกษา
318
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมือพน้ื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ
และการแลกเปลยี่ นเรียนรู้กับสังคมโลก
ตวั ชีว้ ดั
ต 4.2 ป. 5/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มูลต่าง ๆ
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจความหมายของคาศพั ทแ์ ละโครงสร้างประโยคเกี่ยวกบั กิจวตั รประจาวนั ช่วยให้ฟัง
พดู /เขียนส่ือสารและเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาไดถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสมตามกาลเทศะ
3. สาระการเรียนรู้
3.1ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: shake, open, watch me, drop, take, add, experiment
Structure: I go to school on Mondays. I have PE on Tuesdays.
Function: Developing listening comprehension skills through a song
2) Language Skills
Reading: ตอบคาถามจากการอา่ น
Writing: แตง่ เพลงตามทีก่ าหนด
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝ่เรียนรู้
5.2 ม่งุ มน่ั ในการทางาน
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูและนกั เรียนกล่าวทกั ทายกนั
319
2. ทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั วิชาเรียนดว้ ยการขออาสาสมคั ร 1 คน ออกมาวาดภาพบนกระดาน แลว้ ให้
นกั เรียนทเี่ หลือทายว่าเป็นวิชาอะไร เมอ่ื ตอบถกู แลว้ ให้นกั เรียนคนอ่ืนผลดั กนั ออกมาวาดบา้ ง
3. ทบทวนโครงสร้างที่ใชข้ อและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั วนั และวชิ าเรียนดว้ ยการเลน่ เกม โดยครูเตรียม
บตั รคาทตี่ ดั มาจากประโยค ดงั น้ี
I have maths on Tuesdays.
She has English on Mondays.
We have history every Friday.
He has PE at 1 o’clock.
They have art on Wednesdays.
จากน้นั ครูแจกบตั รคาท่ตี ดั ออกมาแลว้ แจกนกั เรียนคนละ 1 ใบ แลว้ ครูอธิบายกตกิ าว่า ครูจะพดู
ประโยค ใหน้ กั เรียนทีไ่ ดบ้ ตั รคาในประโยคดงั กลา่ ว ออกมายนื ท่หี นา้ ช้นั ถา้ มคี าท่ซี ้ากนั เช่น
has, have และ on ให้สิทธ์ิคนทวี่ ิง่ มาที่หนา้ ช้นั เร็วทส่ี ุด เม่อื นกั เรียนเรียงประโยคไดถ้ ูกตอ้ ง
ครูให้นกั เรียนกลบั ไปนงั่ ท่ี
4. ทบทวนโครงสร้างท่ีใชบ้ อกวนั ทช่ี อบและกิจวตั รประจาวนั ดงั กล่าว โดยครูสุ่มถามนกั เรียน 2-3 คน
เช่น T: What is your favourite day?
S1: I like Fridays!
T: Why?
S1: Because I have PE on Fridays. It’s very fun.
5. ทบทวนการออกเสียงคาทีข่ ้นึ ตน้ ดว้ ยเสียง /f/ และ /v/ โดยครูเขยี นคาศพั ทบ์ นกระดาน แลว้ ช้ีท่ี
คาศพั ทใ์ ห้นกั เรียนออกเสียงพร้อมกนั ดงั น้ี
fan van
ferry very
feel veil
fat vat
6. นาเขา้ สู่บทเรียนโดยใหน้ กั เรียนดภู าพในหนงั สือเรียน หนา้ 48 แลว้ ถามคาถามนกั เรียน เช่น
T: How many subjects are there in the picture?
Class: Two!
T: What are they?
Class: They are PE and art.
T: Good job!
320
ข้นั Presentation
1. ครูนาเน้ือเพลงในหนงั สือเรียน หนา้ 48 มาตดิ บนกระดาน จากน้นั ครูอา่ นเน้ือเพลงทีละทอ่ น แลว้ ให้
นกั เรียนออกเสียงตามพร้อมกนั แลว้ ครูอธิบายความหมายให้นกั เรียนฟัง ครูอธิบายเพิม่ เตมิ วา่ never
และ always เป็นกริยาวิเศษณ์บอกความถ่ี ครูทบทวนความรู้นกั เรียนโดยถามวา่ never และ always มี
ความหมายวา่ อยา่ งไร และวางไวท้ ตี่ าแหน่งใดในประโยค เมื่อไดค้ าตอบแลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียน
ฟังและดตู ามไปดว้ ย คร้ังที่ 2 ครูหยดุ เพลงทลี ะทอ่ นเพื่อใหน้ กั เรียนออกเสียงตาม
2. ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังอกี คร้ัง คร้ังน้ีใหด้ เู น้ือเพลง และร้องเพลงคลอตาม CD ดว้ ย
ข้นั Practice
1. หนงั สือเรียน หน้า 48 Ex. 15 ครูอ่านเน้ือเพลงให้นกั เรียนฟังและอ่านตามครูทีละทอ่ น จากน้นั ครู
แบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ฝั่ง แลว้ ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและดูเน้ือเพลงตามไปดว้ ย ต่อมาครูบอก
นกั เรียนวา่ ให้แตล่ ะกลุ่มฝึกร้องเพลงจนคล่อง พร้อมกบั คดิ ทา่ ทางประกอบ เสร็จแลว้ ให้แต่ละกลมุ่
ออกมาร้องเพลงและแสดงทา่ ทางทห่ี นา้ ช้นั
2. หนังสือเรียน หน้า 48 Ex. 16 ครูอธิบายวา่ ให้นกั เรียนอ่านประโยคในขอ้ 1-4 จากน้นั ให้นกั เรียน
ยอ้ นกลบั ไปอ่านเน้ือเพลงใน Ex. 15 แลว้ แกไ้ ขประโยคใหถ้ กู ตอ้ ง โดยครูและนกั เรียนทาขอ้ 1
พร้อมกนั กอ่ น เมือ่ นกั เรียนเขา้ ใจแลว้ ครูใหเ้ วลานกั เรียนทากิจกรรมดว้ ยตนเอง เสร็จแลว้ ครูสุ่ม
เรียกนกั เรียนบอกประโยคที่ตนเองแกไ้ ข
1. Lin never goes to school on Mondays.
Lin always goes to school on Mondays.
2. Lin has PE on Fridays.
Lin has PE on Tuesdays.
3. Lin always has Art on Tuesdays.
Lin never has Art on Fridays.
4. Lin always goes to school on Sundays.
Lin never goes to school on Sundays.
321
ข้นั Production
1. แบบฝึ กหัด หน้า 40 Ex. 16 ใหน้ กั เรียนทางานคู่ แตง่ เพลงเก่ียวกบั กิจวตั รประจาวนั ของตนเอง
โดยใชเ้ น้ือเพลงในหนงั สือเรียน หนา้ 48 Ex. 15 เป็นตน้ แบบ ระหวา่ งท่นี กั เรียนกาลงั ทางาน
ครูเดินสังเกตรอบ ๆ ห้อง เพือ่ ประเมินและใหค้ วามช่วยเหลือเทา่ ทจ่ี าเป็น จากน้นั ให้แตล่ ะคู่
ฝึกร้องเพลงจนคลอ่ ง เสร็จแลว้ ใหแ้ ต่ละคู่ผลดั กนั ออกมาร้องเพลงใหน้ กั เรียนทเ่ี หลอื ฟังทีห่ นา้ ช้นั
ครูกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนที่เหลือปรบมือเขา้ จงั หวะในขณะท่ีแตล่ ะคู่ร้องเพลงดว้ ย
(ตวั อยา่ ง)
I have history on Wednesdays,
On Wednesdays, on Wednesdays,
I have history on Wednesdays,
I always have history!
I play basketball on Saturdays,
On Saturdays, on Saturdays,
I play basketball on Sundays,
I always play basketball!
2. ครูให้นกั เรียนคน้ หาคาศพั ทต์ ามหมวดทเ่ี รียนในบทน้ีเพิ่มเติมอกี 4 คา และบอกความหมายดว้ ย
จากน้นั ใหน้ กั เรียนบนั ทกึ คาศพั ทล์ งในสมุดคาศพั ท์
3. ครูใหน้ กั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหัด หน้า 40 Ex. 15 เป็นการบา้ น
3, 2, 4, 1
322
7. การวัดและประเมินผล
วธิ ีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์
ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน แบบฝึกหดั ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ประเมินการแต่งเพลง แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตการออกเสียงคาศพั ท์ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
ตรวจแบบฝึ กหดั แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สงั เกตพฤติกรรมบง่ ช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
และมงุ่ มนั่ ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์
8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.2 แบบฝึกหัด EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.3 Class Audio CD ประกอบส่ือฯ ชุด EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.4 บตั รคา
323
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8 School in the UK เวลา 1 ชั่วโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- อ่านออกเสียง สะกด และบอกความหมายของคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั เน้ือเร่ืองได้
- ตอบคาถามจากการอ่านได้
- พดู ให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ระบบการศึกษาในประเทศของตนเองได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั
สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตุผล
ตวั ชีว้ ัด
ต 1.1 ป. 5/4 บอกใจความสาคญั และตอบคาถามจากการฟังและอา่ นบทสนทนา และนิทาน
ง่าย ๆ หรือเรื่องส้นั ๆ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความคิดเห็น
อย่างมปี ระสิทธิภาพ
ตัวชีว้ ัด
ต 1.2 ป. 5/4 พูด/เขียนเพ่ือขอและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพ่อื น และครอบครัว
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ
โดยการพดู และการเขยี น
ตัวชีว้ ัด
ต 1.3 ป. 5/1 พดู /เขยี นให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองและเรื่องใกลต้ วั
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชีว้ ดั
ต 2.1 ป. 5/2 ตอบคาถามเก่ียวกบั เทศกาล/วนั สาคญั /งานฉลองและวิถีชีวิตความเป็นอยงู่ ่าย ๆ
ของเจา้ ของภาษา
324
สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ชีว้ ดั
ต 4.1 ป. 5/1 ฟัง พูด และอ่าน/เขียนในสถานการณ์ต่าง ๆ ทีเ่ กดิ ข้ึนในหอ้ งเรียนและสถานศึกษา
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ทท์ เ่ี กี่ยวขอ้ งกบั บทอา่ น ช่วยให้เขา้ ใจเรื่องท่ีอา่ นไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม
3. สาระการเรียนรู้
3.1ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: (Education system) nursery, primary school, secondary school
(Verbs) attend, start, end
Structure: In the UK children start school when they are four years old. They attend
school from Monday to Friday and they don’t go to school on Saturday
and Sunday.
Functions: Reading and talking about schools in the UK
2) Language Skills
Speaking: พดู ให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ระบบการศึกษาในประเทศของตนเอง
Reading: ตอบคาถามจากการอา่ น
3) Culture การศกึ ษาในสหราชอาณาจกั ร
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.2 ความสามารถในการคดิ
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 5.2 มงุ่ มนั่ ในการทางาน
5.1 ใฝ่ เรียนรู้ 325
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูและนกั เรียนกลา่ วทกั ทายกนั
2. ทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั วชิ าเรียนดว้ ยการเล่นเกมใบค้ า โดยครูจะใบป้ ระโยคเกี่ยวกบั วิชาน้นั ๆ
แลว้ ใหน้ กั เรียนทายว่า เป็นวิชาอะไร เช่น
T: This subject is about numbers.
Class: Maths!
T: This subject is about drawing and painting.
Class: Art!
T: This subject is about singing and playing musical instruments.
Class: Music.
T: This subject is about sports.
Class: PE!
3. ทบทวนกริยาวิเศษณ์บอกความถ่ี (adverbs of frequency) ดว้ ยการให้นกั เรียนเลน่ เกม Noughts and
Crosses โดยแบ่งนกั เรียนเป็น 2 กลมุ่ จากน้นั ครูวาดตาราง 9 ช่อง บนกระดาน ครูอธิบายกติกาการ
เล่นเกมให้ฟังว่า ให้แตล่ ะกล่มุ ผลดั กนั แต่งประโยคบอกกิจวตั รประจาวนั โดยใชก้ ริยาวิเศษณ์ ไดแ้ ก่
always, usually, sometimes และ never เช่น I always have science on Tuesdays. I usually play
basketball on Sunday. กลุม่ ท่ีแต่งประโยคไดถ้ ูกตอ้ งจะมีสิทธ์ิทาเครื่องหมาย X หรือ O ในตาราง
กลมุ่ ใดท่ที าเครื่องหมายครบ 3 ช่องตดิ กนั ในแนวใดก็ได้ เป็นกลุ่มที่ชนะ
ข้นั Presentation
1. นาเสนอคาศพั ทท์ ่เี ก่ียวขอ้ งกบั บทอา่ น ไดแ้ ก่ attend (เขา้ เรียน), start (เริ่มตน้ ) และ end (สิ้นสุด)
โดยครูเขียนคาศพั ทด์ งั กล่าวบนกระดาน จากน้นั ช้ีทีค่ าศพั ท์ แลว้ สอนนกั เรียนลงเสียงหนกั ใน
คาศพั ทท์ มี่ มี ากกว่า 1 พยางคใ์ หถ้ กู ตอ้ ง คือ attend จากน้นั ให้นกั เรียนดูบทความ แลว้ คน้ หาประโยค
ทม่ี ีคาดงั กลา่ ว แลว้ อ่านประโยคใหค้ รูเขียนบนกระดาน ดงั น้ี They attend school from Monday to
Friday. School usually starts at nine o’clock in the morning and ends at about three in the
afternoon. ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ ว่า นอกจากเราจะใช้ end เพ่ือบอกว่าโรงเรียนเลิกแลว้ เรายงั ใชค้ าวา่
finish (จบ) ไดด้ ว้ ย เช่น The school finishes at four o’clock.
ครูเปิ ดคลิปวดิ ีโอชื่อ This is the UK - School ให้นกั เรียนทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั
ชีวติ ของนกั เรียนในสหราชอาณาจกั ร จากเวบ็ ไซตต์ อ่ ไปน้ี
https://www.youtube.com/watch?v=yMUJKH1fFF0
หรือครูเขา้ ไปท่ี www.youtube.com แลว้ พมิ พค์ าสาคญั เช่น the UK school จะปรากฏ
ผลการคน้ หา แลว้ คลกิ เลอื กคลปิ วิดีโอท่ตี อ้ งการ
326
2. นาเสนอระบบการศึกษาในสหราชอาณาจกั ร ไดแ้ ก่ nursery (ระดบั ช้นั อนุบาล), primary school
(ระดบั ช้นั ประถมศึกษา) และ secondary school (ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ) ดว้ ยการวาดแผนผงั
nursery primary school secondary school
(3-5 years old) (6-12 years old) (12-15 years old)
จากน้นั ครูถามนกั เรียนวา่ ระบบการศึกษาในสหราชอาณาจกั รเหมอื นกบั ประเทศไทยหรือไม่
ให้นกั เรียนช่วยกนั เปรียบเทียบ
สถานศกึ ษาทกุ ระดบั ในสหราชอาณาจกั ร จะเปิ ดภาคการศกึ ษาในช่วงเดือนกนั ยายน
จนถึงตน้ เดือนตลุ าคมของปี และสิ้นสุดภาคการศึกษาประมาณปลายเดือนมถิ ุนายน
จนถงึ ตน้ เดือนกรกฎาคมของปีถดั ไป โดยแบง่ ภาคการศกึ ษาดงั น้ี
ภาคต้น (Autumn term) ต้งั แต่ประมาณปลายเดือนกนั ยายนถึงเดือนธนั วาคม
ภาคกลาง (Spring term) ต้งั แต่ประมาณกลางเดือนมกราคมถึงปลายเดือนมีนาคม
ภาคปลาย (Summer term) ต้งั แต่ประมาณปลายเดือนเมษายนถึงตน้ เดือน
กรกฎาคม
ระบบการศกึ ษาของสหราชอาณาจกั รแบ่งเป็น ระดบั ประถมศึกษา ระดบั มธั ยมศึกษา
อาชีวศกึ ษา และอุดมศกึ ษา
การศกึ ษาภาคบงั คบั ของสหราชอาณาจกั รเร่ิมต้งั แตอ่ ายุ 5 ปี จนถงึ 16 ปี
โรงเรียนแบง่ เป็นโรงเรียนรฐั บาล (State school) และโรงเรียนเอกชน (Public หรือ
Independent school) โดยในช่วงเดก็ มีอายุ 3-4 ปี จะเขา้ เรียนในระดบั อนุบาลหรือ
โรงเรียนระดบั Nursery ซ่ึงมที ้งั โรงเรียนรฐั บาลและเอกชนเช่นกนั
ท่ีมา: http://www.oeauk.net/home/?page_id=669
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 49 Ex. 17 ครูอธิบายว่า ให้นกั เรียนอา่ นบทความ School in the UK แลว้ ตอบวา่
กิจกรรมดงั กลา่ วเกิดข้ึนเวลาใด โดยใหน้ กั เรียนขดี เส้นใตค้ าสาคญั เช่น start, end และ lunchtime
จากน้นั ใหเ้ วลานกั เรียนทากิจกรรมดว้ ยตนเอง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนตอบ ถา้ นกั เรียนตอบ
ไม่ถกู ใหน้ กั เรียนกลบั ไปอ่านบทความอกี คร้งั ครูทากิจกรรมเช่นเดียวกนั น้ีกบั ขอ้ อืน่ ดว้ ย เสร็จแลว้
ครูเฉลยคาตอบอกี คร้งั บนกระดาน
327
School starts: 9:00 School ends: 3:00 Lunchtime: 12:30
2. ใหน้ กั เรียนจบั คกู่ นั ฝึกพดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั โรงเรียนของตนเอง โดยครูอาจระบหุ ัวขอ้ เป็นแนวทาง
ใหน้ กั เรียน เช่น เวลาเขา้ เรียน เวลารบั ประทานอาหารเท่ียง เวลาเลิกเรียน ครูให้เวลานกั เรียนฝึกพูด
จนคล่อง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาพดู สนทนาที่หนา้ ช้นั เช่น
S1: When does the school start?
S2: It starts at half past eight.
S1: When is the lunchtime?
S2: Lunchtime is at half past eleven.
S1: When does the school finish?
S2: The school finishes at four o’clock.
ข้นั Production
1. แบบฝึ กหดั หน้า 41 Ex. 18 ครูอธิบายภาระงาน ใหน้ กั เรียนเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ระบบการศึกษา
ในประเทศของตนเอง โดยก่อนใหน้ กั เรียนเขียน ครูถามคาถาม เช่น
T: How old do we start school?
Class: We start school when we are six years old.
T: What days do we have to go to school?
Class: We go to school on Monday to Friday.
T: When does the school start?
Class: It starts at half past eight.
T: When does the school finish?
Class: It finishes at four o’clock.
2. ตอ่ มาใหเ้ วลานกั เรียนเขียนบรรยายดว้ ยตนเอง เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนสลบั งานเขยี นกบั เพ่ือน เพื่อให้
เพ่อื นช่วยตรวจสอบความถกู ตอ้ งดา้ นตา่ ง ๆ เช่น การสะกดคา เครื่องหมายวรรคตอน ไวยากรณ์
สุดทา้ ยครูสุ่มเรียกนกั เรียน 1-2 คน ออกมาอ่านงานเขียนของตนเองให้เพื่อนฟัง เช่น
328
In Thailand, Children start school when they are six years old. The school they
go on to is called primary school. When they are eleven/twelve, they go to
secondary school. They attend school from Monday to Friday and they don’t go
to school on Saturday and Sunday. School usually starts at half past eight in the
morning and ends at about four o’clock in the afternoon. Lunch is quarter to twelve.
3. ครูให้นกั เรียนบนั ทกึ คาศพั ทใ์ หม่ทเี่ รียนในชวั่ โมงน้ี พร้อมกบั บอกความหมายลงในสมุดคาศพั ท์
4. ใหน้ กั เรียนทากิจกรรมในแบบฝึ กหดั หน้า 41 Ex. 17 เป็นการบา้ น
1. b 2. b 3. a 4. b 5. a 6. a
7. การวดั และประเมนิ ผล
วิธกี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์
ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น แบบฝึกหดั ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ประเมินงานเขยี น แบบประเมินการเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
School in my country
ประเมนิ การพูดขอและใหข้ อ้ มลู แบบประเมินการพูด ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
เกี่ยวกบั ระบบการศกึ ษา
ในประเทศของตนเอง
สังเกตการออกเสียงคาศพั ท์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
และประโยคในบทความ
ตรวจแบบฝึ กหัด แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สังเกตพฤตกิ รรมบ่งช้ีดา้ นใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
และมุ่งมนั่ ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.2 แบบฝึกหัด EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.3 อินเทอร์เน็ต
329
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 We love science museums!
เวลา 2 ช่ัวโมง
จุดประสงค์ (Objectives)
- อ่านออกเสียง สะกดคา และบอกความหมายของคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เน้ือหาได้
- ตอบคาถามจากการอา่ นได้
- เขียนจดหมายถึงเพอ่ื นเก่ียวกบั พิพิธภณั ฑท์ ช่ี ื่นชอบได้
- เขียนบรรยายเก่ียวกบั วนั ทต่ี นเองชื่นชอบได้
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทีฟ่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็
อย่างมีเหตุผล
ตัวชี้วัด
ต 1.1 ป. 5/4 บอกใจความสาคญั และตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา และนิทาน
ง่าย ๆ หรือเร่ืองส้นั ๆ
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความคิดเห็น
อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตวั ชีว้ ัด
ต 1.2 ป. 5/1 พดู /เขยี นโตต้ อบในการส่ือสารระหว่างบคุ คล
ต 1.2 ป. 5/4 พูด/เขียนเพ่อื ขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เพื่อน และครอบครวั
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ
โดยการพดู และการเขยี น
ตัวชีว้ ดั
ต 1.3 ป. 5/1 พูด/เขยี นให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองและเรื่องใกลต้ วั
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของ
ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้ได้อย่างถกู ต้อง
ตวั ชีว้ ดั
330
ต 2.2 ป. 5/2 บอกความเหมอื น/ความแตกตา่ งระหวา่ งเทศกาลและงานฉลองตามวฒั นธรรม
ของเจา้ ของภาษากบั ของไทย
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม
ตวั ชี้วดั
ต 4.1 ป. 5/1 ฟัง พูด และอา่ น/เขียนในสถานการณต์ า่ ง ๆ ท่ีเกดิ ข้ึนในหอ้ งเรียนและสถานศกึ ษา
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเคร่ืองมอื พ้นื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ
และการแลกเปลยี่ นเรียนรู้กับสังคมโลก
ตัวชี้วดั
ต 4.2 ป. 5/1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการสืบคน้ และรวบรวมขอ้ มูลต่าง ๆ
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การรู้เกี่ยวกบั พิพิธภณั ฑว์ ทิ ยาศาสตร์ในภูมภิ าคอาเซียนและคาศพั ทท์ เ่ี ก่ียวขอ้ ง ช่วยให้เราเขา้ ใจ
แหลง่ การเรียนรู้ในประเทศภูมภิ าคอาเซียนมากข้นึ
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: (Nouns) exhibition, animated film, flying machine, experiment,
parents, aquarium, water animals
(Adjectives) permanent, temporary
(Adverb) daily
Structure: Tomorrow I will go to the ArtScience Museum at Marina Bay
Sands. The museum opens every day from 10 am to 7 pm. Here
you can learn about science and art.
I will go to Kuala Lumpur’s Science Museum. Some people call
it the National Science Centre.
Pronunciation: Word stress
Function: Reading and talking about museums
331
2) Language Skills ตอบคาถามจากการอ่าน
Reading: เขียนจดหมายถึงเพ่อื นเกี่ยวกบั พพิ ิธภณั ฑท์ ช่ี ื่นชอบ
Writing: เขยี นบรรยายเก่ียวกบั วนั ที่ตนเองชื่นชอบ
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 4.2 ความสามารถในการคิด
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 5.2 มงุ่ มนั่ ในการทางาน
5.1 ใฝ่เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงท่ี 1
ข้นั Warm Up
1. ครูและนกั เรียนกลา่ วทกั ทายกนั
2. ทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั กิจวตั รประจาวนั โดยครูเขยี น daily routines บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียน
ผลดั กนั ออกมาเขยี นกิจกรรมที่ตนเองทา เช่น
walk a
dog have
tidy a
room breakfast
do daily watch a
homework routines film
go to play
school basketbal
l
3. ทบทวนความรู้เก่ียวกบั การศกึ ษาในสหราชอาณาจกั ร โดยครูวาดแผนผงั ต่อไปน้ีบนกระดาน แลว้ ให้
นกั เรียนช่วยกนั กรอกขอ้ มูลในกรอบสี่เหลี่ยม
332
Nursery
4. นาเขา้ สู่บทเรียนโดยให้นกั เรียนอ่านหัวขอ้ We love science museums! พร้อมกนั แลว้ ให้นกั เรียน
ช่วยกนั แปลความหมาย จากน้นั ครูถามนกั เรียน เช่น
T: Do you like going to the museum?
Ss: Yes, I do. / No, I don’t.
T: All right. Who like going to the museum? Raise your hand, please.
Ss: (นกั เรียนชูมือข้ึน)
T: OK. What’s your favourite museum?
S1: I like Bangkok National Museum.
S2: I like Museum Siam.
S3: My favourite is the National Museum of Royal Barges.
T: That’s interesting!
เสร็จแลว้ ครูบอกวา่ ในคาบน้ีเราจะไปเท่ยี วพพิ ิธภณั ฑท์ ป่ี ระเทศเพอื่ นบา้ นเรา นน่ั คอื ArtScience
Museum ท่ปี ระเทศสิงคโปร์ และ Kuala Lumpur’s Science Museum ทป่ี ระเทศมาเลเซีย
พิพธิ ภณั ฑ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์ ประเทศสิงคโปร์ (ArtScience Museum)
ต้งั อยทู่ ่อี ่าวมารินา (Marina Bay) เป็นพพิ ธิ ภณั ฑท์ ี่จดั แสดงนิทรรศการผลงานทเี่ กี่ยวขอ้ ง
กบั ศลิ ปะและวทิ ยาศาสตร์มากมาย ท้งั นิทรรศการถาวรและชวั่ คราว เช่น นิทรรศการ-
ไดโนเสาร์ นิทรรศการสิ่งประดิษฐ์ทางประวตั ิศาสตร์จากยคุ สมยั เจงกิสขา่ น นิทรรศการ-
เส้ือผา้ และฉากท่ใี ชถ้ า่ ยทาภาพยนตร์เรื่อง Kungfu Panda เป็นตน้
พิพิธภณั ฑแ์ ห่งน้ีเปิ ดให้เขา้ ชมทกุ วนั ต้งั แตเ่ วลา 10.00-19.00 น.
พิพิธภณั ฑ์วทิ ยาศาสตร์แห่งกรุงกวั ลาร์ลมั เปอร์ (Kuala Lumpur’s Science Museum)
ต้งั อยใู่ นกรุงกวั ลาลมั เปอร์ ประเทศมาเลเซีย เป็นพิพธิ ภณั ฑท์ ่จี ดั แสดงผลงานทาง
วิทยาศาสตร์มากกว่า 1,000 ผลงาน และมีการแสดงการทดลองทางวิทยาศาสตร์
ใหช้ มดว้ ย นอกจากน้ียงั มสี ่วนท่จี ดั แสดงสัตวน์ ้า สวนน้า และสวนพฤกษศาสตร์
ให้เยาวชนไดเ้ ขา้ ชม พพิ ิธภณั ฑเ์ ปิ ดให้เขา้ ชมทกุ วนั ต้งั แตเ่ วลา 9.00-17.00 น.
ที่มา: http://www.marinabaysands.com/museum.html
https://www.malaysia-traveller.com/science-museum.html
333
ข้นั Pre-reading
1. นาเสนอคาศพั ทใ์ นบทอา่ น เช่น exhibition (นิทรรศการ), animated film (ภาพยนตร์แอนิเมชน่ั ),
flying machine (เคร่ืองยนตท์ ใ่ี ชใ้ นการบิน), experiment (การทดลอง), parents (พ่อแม,่ ผปู้ กครอง),
aquarium (พพิ ธิ ภณั ฑส์ ัตวน์ ้า) และ water animals (สตั วน์ ้า) โดยการเขียนคาศพั ทบ์ นกระดานและ
บอกความหมาย จากน้นั ให้นกั เรียนฝึกลงเสียงหนกั ในคาศพั ทท์ ่ีมีมากกวา่ 1 พยางคใ์ หถ้ ูกตอ้ ง ดงั น้ี
exhibition animated film flying machine experiment
parents aquarium water animals
2. นาเสนอคาคณุ ศพั ทท์ ่ีอยใู่ นบทอ่าน ไดแ้ ก่ permanent (ถาวร) และ temporary (ช่วั คราว) โดยครูเขียน
คาศพั ทบ์ นกระดาน แลว้ บอกความหมาย ครูอธิบายเพมิ่ เติมว่า permanent เป็นคาท่มี คี วามหมาย
ตรงกนั ขา้ ม (antonym) กบั คาวา่ temporary ครูเขียน antonym เพิม่ เติมใหน้ กั เรียนดบู นกระดาน ดงั น้ี
beautiful - ugly bad - good
alive - dead big - small
answer - question cold - hot
day - night hard - soft
เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนบอกคาตรงขา้ มทน่ี กั เรียนรู้จกั เพิ่มเติม ครูเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน
ครูแนะนาเวบ็ ไซตใ์ ห้นกั เรียนศกึ ษาคาทม่ี ีความหมายตรงกนั ขา้ ม (antonym) ดงั น้ี
http://www.enchantedlearning.com/wordlist/opposites.shtml
3. ครูนาเสนอกริยา fly โดยครูเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน แลว้ อธิบายวา่ คาว่า fly นอกจากเราจะใชก้ บั
นกหรือสัตวม์ ีปี กอน่ื ๆ แลว้ เช่น A bird can fly. เราสามารถใช้ fly กบั การเดินทางไดด้ ว้ ย โดยมี
ความหมายวา่ นงั่ เคร่ืองบิน เช่น
I’ll fly to Cambodia next month. (ฉนั จะนง่ั เครื่องบนิ ไปกมั พชู าเดือนหนา้ )
We will fly to Chiangmai today. (เราจะนง่ั เครื่องบินไปเชียงใหมว่ นั น้ี)
4. นาเสนอข้นั ตอนการเขยี นโปสตก์ าร์ด โดยให้นกั เรียนดตู วั อยา่ งโปสตก์ าร์ดในหนงั สือเรียน หนา้ 50
แลว้ อธิบายว่า เวลาทเี่ ราเขยี นโปสตก์ าร์ดหาเพอื่ นหรือสมาชิกในครอบครวั เราจะเร่ิมตน้ ดว้ ย
คาทกั ทาย (Greetings) เช่น Hi. Hello. จากน้นั จะเป็นรายละเอยี ด เช่น สถานทท่ี ี่นกั เรียนเดินทางไป
มกี ิจกรรมหรือนิทรรศการใดจดั แสดงบา้ ง ส่วนใดที่นกั เรียนชอบ จากน้นั จะเป็นขอ้ มลู ทว่ั ไป
เก่ียวกบั พพิ ธิ ภณั ฑ์ เช่น เวลาเปิ ดทาการ เป็นตน้ และก่อนจะจบจะใชข้ อ้ ความ Wish you could
come. หรือ Wish you were here. เพ่ือเป็นการบอกว่า อยากให้เพอ่ื นหรือครอบครวั มาอยดู่ ว้ ย
ณ ตอนน้นั ซ่ึงคากริยาท่ตี ามหลงั wish จะเป็นกริยาในรูป past simple เสมอ เช่น
334
I wish I were in Paris. (I’m not in Paris.)
I wish I had a lot of money. (I don’t have a lot of money.)
She wishes she knew him. (She doesn’t know him.)
They wish they would get presents. (They don’t get any present.)
สุดทา้ ยเป็นการลงชื่อผเู้ ขียน
ข้นั Reading
1. หนังสือเรยี น หน้า 50 Welcome to ASEAN countries 4 ให้นกั เรียนอา่ นเน้ือเร่ืองในหนา้ น้ี และทา
ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั เร่ืองทีอ่ ่าน
2. ครูถามคาถามเก่ียวกบั เร่ืองท่อี า่ นเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจ เช่น
- When does the ArtScience Museum open?
- When does the National Sciense Centre open?
ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตอบ
ข้นั Post-reading
1. ให้นกั เรียนอา่ นเน้ือเรื่องในหนงั สือเรียน หนา้ 50 อีกคร้งั จากน้นั ให้แตล่ ะคนแต่งประโยคเกี่ยวกบั
พิพธิ ภณั ฑท์ ่ีตนเองเคยไป พร้อมเขียนบรรยาย แลว้ ออกมาพูดให้เพือ่ นฟังท่ีหนา้ ช้นั
2. ครูใหน้ กั เรียนบนั ทกึ คาศพั ทใ์ หม่ทเี่ รียนในชว่ั โมงน้ี พร้อมกบั บอกความหมายลงในสมุดคาศพั ท์
ชั่วโมงท่ี 2
ข้นั Warm Up
ครูทกั ทายนกั เรียน จากน้นั ใหอ้ าสาสมคั รออกมาพดู ใหเ้ พ่ือนในช้นั ฟังเก่ียวกบั พพิ ธิ ภณั ฑท์ ่ตี นเอง
เคยไป โดยครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 คน ออกมาพูดหนา้ ช้นั
ข้นั Presentation
ครูเขียนประโยคถาม-ตอบเก่ียวกบั พพิ ิธภณั ฑท์ ่ตี นเองเคยไป ใหน้ กั เรียนดบู นกระดาน แลว้ ให้
นกั เรียน 1 คน ออกมาพดู ถาม-ตอบเป็นตวั อยา่ งให้เพื่อนในช้นั ฟัง เช่น
T: When does the ArtScience Museum open?
S1: It opens every day from 10 am to 7 pm.
ครูและนกั เรียนพดู สนทนาซ้า 2-3 คร้ัง ให้นกั เรียนในช้นั จบั คู่กนั สนทนาจนคลอ่ ง
335
ข้นั Practice
1. หนังสือเรียน หน้า 51 Ex. 1 ครูอธิบายงาน ใหน้ กั เรียนกลบั ไปอ่านบทความอกี คร้งั แลว้ ตอบคาถาม
ขอ้ 1-4 โดยก่อนให้นกั เรียนทากิจกรรมดว้ ยตนเอง ครูให้ขดี เส้นใตค้ าสาคญั จากน้นั ใหเ้ วลานกั เรียน
อ่านบทอา่ นอยา่ งรวดเร็วเพ่อื หาคาตอบทตี่ รงกบั คาท่ีขดี เส้นใตไ้ ว้ เมือ่ พบแลว้ ใหอ้ า่ นเฉพาะ
ประโยคทม่ี ีคาสาคญั หรืออ่านขอ้ ความแวดลอ้ มประมาณ 1-2 ประโยคกอ่ นหนา้ หรือถดั ไป
เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 4 คน ออกมาเฉลยคาตอบบนกระดาน
1. It opens from 10 am - 7 pm.
2. Exhibitions about science and art.
3. It opens from 9 am - 5 pm.
4. Exhibitions, science experiments, aquarium, water plaza and gardens.
2. ครูวาดตารางต่อไปน้ีบนกระดาน Opening hours What to see
Location
ArtScience Museum
the National
Science Centre
จากน้นั ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 กลมุ่ ใหแ้ ต่ละกล่มุ อ่านเน้ือเรื่องอกี คร้งั แลว้ นาขอ้ มลู ท่ไี ดม้ าเติม
ในตารางบนกระดาน
ข้นั Production
1. ครูอธิบายภาระงาน ให้นกั เรียนทางานกลุ่ม คน้ ควา้ ขอ้ มูลในอินเทอร์เนต็ หรือหนงั สือเก่ียวกบั
พพิ ิธภณั ฑว์ ิทยาศาสตร์ในประเทศของตนเองมากลมุ่ ละ 1 ท่ี โดยให้มขี อ้ มลู ตอ่ ไปน้ี
- Name of the museum
- Location
- Opening hours
- What to see
336
จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ เขียนขอ้ มูลดงั กล่าวลงในกระดาษแผ่นใหญ่ พร้อมติดภาพพิพธิ ภณั ฑน์ ้นั ดว้ ย
เสร็จแลว้ ใหต้ วั แทนแต่ละกลุ่มออกมาพดู นาเสนอทีห่ นา้ ช้นั เช่น
Planetarium is in Bangkok. It opens from Tuesday to Sunday at 9 am - 4.30 pm.
There are many exhibitions about planets, science, technology and health in the
planetarium. There are also science experiments here.
2. หนังสือเรียนหน้า 51 Ex. 2 ครูอธิบายภาระงาน ให้นกั เรียนเขียนจดหมายถงึ เพื่อนเพอ่ื เลา่ เกี่ยวกบั
พิพธิ ภณั ฑห์ รือแหลง่ การเรียนรู้ที่ตนเองชื่นชอบ โดยใหน้ กั เรียนใชต้ วั อยา่ งในหนงั สือเรียน
เป็นตน้ แบบ จากน้นั ให้นกั เรียนตรวจสอบความถูกตอ้ งของภาษาดา้ นตา่ ง ๆ เช่น การสะกดคา
ไวยากรณ์ เครื่องหมายวรรคตอน เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน ออกมาอ่านจดหมายของ
ตนเองทีห่ นา้ ช้นั
(ตวั อยา่ ง)
Hi Methinee,
It’s Wanida. I’m at the National Science Museum in Pathumthani, Thailand.
There are many people here. I like to see science film festival the most because
I love watching sci-fi movies. The museum opens from Tuesday to Sunday from
9 am - 5 pm.
You should come here one day!
See you later.
Wanida
3. หนังสือเรยี น หน้า 51 หัวข้อ Portfolio ครูอธิบายภาระงาน ใหน้ กั เรียนเขียนบรรยายเก่ียวกบั วนั ที่
ช่ืนชอบ พร้อมกบั บอกกิจวตั รประจาวนั ทที่ าในวนั ดงั กลา่ วดว้ ย จากน้นั ใหน้ กั เรียนตรวจทานความ
ถกู ตอ้ ง เช่น การสะกดคา ไวยากรณ์ เครื่องหมายวรรคตอน แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาอา่ น
งานเขียนของตนเองให้เพ่อื นฟัง เช่น
Saturday is my favourite day. This is what I do on Saturday. I get up at 6 o’clock.
I have breakfast at 7 o’clock. I walk the dog and help my mum cook lunch.
4. ครูใหน้ กั เรียนบนั ทึกคาศพั ทใ์ หม่ทีเ่ รียนในชว่ั โมงน้ี พร้อมกบั บอกความหมายลงในสมดุ คาศพั ท์
5. ให้นกั เรียนทากิจกรรมทบทวนคาศพั ทแ์ ละโครงสร้างในแบบฝึ กหัด หน้า 42-43 Exs. 1-7 หัวข้อ
Modular Revision and Assessment 4 พร้อมกนั
337
แบบฝึ กหัด หน้า 42 Ex. 6
Narrator: Listen and look. There is one example.
Female: What time do you get up, Danny?
Male: I get up at half past seven.
Female: At half past seven?
Male: Yes.
Narrator: Can you see the example? Now, you listen and draw the times.
One
Female: What time do you start school, Danny?
Male: At half past eight.
Female: At eight o’clock?
Male: No. I always start school at half past eight!
Two
Female: What time is your Science lesson, Danny?
Male: Our Science lesson is at quarter past nine.
Female: At quarter past nine?
Male: Yes. That’s right!
Three
Female: And what time do you have English? At one o’clock?
Male: No, we never have English at one o’clock. We always have English
at quarter to twelve.
Female: At quarter to twelve?
Male: Yes! Our English lesson is at quarter to twelve with Miss Smith!
338
Ex. 1
1. art 2. history 3. music 4. English 5. PE
Ex. 2 2. It’s seven o’clock.
1. It’s quarter past eight.
3. It’s quarter to five.
Ex. 3 2. washes 3. work 4. visit 5. teaches
1. tidy 7. don’t 8. Does 9. don’t 10. doesn’t
6. plays
Ex. 4
1. Bill doesn’t usually play football.
2. We always have PE on Mondays.
3. They sometimes play tennis.
4. He never eats lunch in the morning.
5. They don’t usually watch TV in the morning.
Ex. 5 2. Do you like history?
1. Yes, I like science! 4. It’s at quarter to three.
3. It’s boring.
Ex. 6
Ex. 7 3. o’clock 4. boring
1. at 2. past 339
5. afternoon
7. การวัดและประเมินผล เคร่ืองมือ เกณฑ์
แบบฝึ กหัด ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
วธิ กี ารวดั
ตรวจการตอบคาถามจาก แบบประเมินการพูด ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
การอ่าน
ประเมนิ การพูดนาเสนอ แบบประเมินการพดู ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
พิพธิ ภณั ฑใ์ นประเทศไทย
ประเมนิ การเขยี นจดหมายถึง แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
เพื่อนเกี่ยวกบั พิพิธภณั ฑท์ ่ชี อบ
ประเมินการเขยี นวนั ที่ตนเอง แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผ่านเกณฑ์
ช่ืนชอบ
สงั เกตการออกเสียงคาศพั ท์ แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
ตรวจแบบฝึ กหัด
สงั เกตพฤตกิ รรมบง่ ช้ีดา้ น แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ผา่ นเกณฑ์
ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมน่ั ในการ
ทางาน อนั พึงประสงค์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.2 แบบฝึกหดั EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.3 Class Audio CD ประกอบสื่อชุด EXTRA and Friends 5 ป. 5
8.4 อินเทอร์เนต็
340
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 10 CLIL 4 Art Styles เวลา 1 ชั่วโมง
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- อ่านออกเสียง สะกด และบอกความหมายของคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ภาพวาดได้
- พูดให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ภาพวาดได้
- วาดภาพตามท่กี าหนดได้
1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด
มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น
อย่างมีเหตุผล
ตัวชี้วดั
ต 1.1 ป. 5/1 ปฏิบตั ติ ามคาส่งั คาขอร้อง และคาแนะนาที่ฟังและอา่ น
ต 1.1 ป. 5/3 เลอื ก/ระบภุ าพ หรือสัญลกั ษณ์หรือเครื่องหมายตรงตามความหมายของประโยค
และขอ้ ความส้ัน ๆ ทีฟ่ ังหรืออา่ น
มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความคดิ เหน็
อย่างมปี ระสิทธภิ าพ
ตัวชี้วดั
ต 1.2 ป. 5/2 ใชค้ าสง่ั คาขอร้อง คาขออนญุ าต และใหค้ าแนะนางา่ ย ๆ
ต 1.2 ป. 5/4 พดู /เขยี นเพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง เพือ่ น ครอบครวั และเรื่องใกลต้ วั
ต 1.2 ป. 5/5 พดู แสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกบั เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั และกิจกรรมต่าง ๆ
ตามแบบทฟี่ ัง
มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ
โดยการพดู และการเขยี น
ตวั ชี้วัด
8 ต 1.3 ป. 5/2 เขยี นภาพ แผนผงั และแผนภมู แิ สดงขอ้ มูลตา่ ง ๆ ตามท่ีฟังหรืออ่าน
ต 1.3 ป. 5/3 พดู แสดงความคิดเห็นงา่ ย ๆ เกี่ยวกบั เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้
อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
341
ตัวชีว้ ดั
ต 2.1 ป. 5/3 เขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมทเ่ี หมาะกบั วยั
สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อ่ืน
มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น
พ้นื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน
ตัวชี้วดั
ต 3.1 ป. 5/1 คน้ ควา้ รวบรวมคาศพั ทท์ เ่ี กี่ยวขอ้ งกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อืน่ และนาเสนอดว้ ยการ
พดู /การเขยี น
2. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ภาพวาดและประเภทของภาพวาด ช่วยใหพ้ ูดขอและให้ขอ้ มูล
เกี่ยวกบั สาระการเรียนรู้อ่ืนได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Feathers and Functions
Vocabulary: (Paintings) abstract, portrait, landscape, still life
Structure: A still life shows things that do not move.
An abstract shows something that doesn’t look real.
A portrait shows a person.
A landscape shows things in the country.
Pronunciation: Word stress
Function: Learning about different art styles
2) Language Skills
Speaking: พดู ให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ภาพวาด
Writing: วาดภาพตามทีก่ าหนด
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 4.2 ความสามารถในการคดิ
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 342
4.3 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 5.2 มุง่ มน่ั ในการทางาน
5.1 ใฝ่ เรียนรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ข้นั Warm Up
1. ครูและนกั เรียนกลา่ วทกั ทายกนั
2. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรุปเน้ือหาท่ีไดเ้ รียนมาใน Module 4 โดยแบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 กลมุ่
ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ระดมความคิดเกี่ยวกบั ส่ิงทไ่ี ดเ้ รียนมาแลว้ ใน Module น้ี เสร็จแลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลุม่
ออกมานาเสนอท่หี นา้ ช้นั
3. นาเขา้ สู่บทเรียนโดยครูนาภาพวาดประเภทตา่ ง ๆ มาแสดง แลว้ ถามนกั เรียนว่า Do the paintings
look the same? เมื่อไดค้ าตอบว่า No, they don’t. ครูอธิบายว่า ภาพวาดจะแบ่งออกเป็นประเภท
ตา่ ง ๆ ซ่ึงในคาบน้ีเราจะไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั ประเภทของภาพวาด
ข้นั Presentation
นาเสนอคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั รูปแบบภาพวาด (Art styles) ไดแ้ ก่ abstract (ภาพวาดนามธรรม),
portrait (ภาพวาดบุคคล), landscape (ภาพวาดทศั นียภาพ), still life (ภาพน่ิง) โดยครูเขียนคาศพั ท์
บนกระดาน แลว้ พดู บอกนกั เรียน ดงั น้ี
An abstract shows something that doesn’t look real.
A portrait shows a person, e.g. man, woman.
A landscape shows things in the country, e.g. trees, rivers, mountains.
A still life shows things that do not move, e.g. f lowers in a vase, fruit, bottles.
จากน้นั ครูเขยี นคาวา่ abstract, portrait, landscape และ still life บนกระดาน แลว้ ออกเสียงแต่ละคา
ให้นกั เรียนฟัง เพือ่ ให้นกั เรียนฝึกออกเสียงตาม ดงั น้ี
abstract portrait landscape still life
ข้นั Practice
1. แบบฝึ กหดั หน้า 70 Ex. 1 ครูอธิบายคาสั่ง ให้นกั เรียนอา่ นขอ้ ความ แลว้ เติมคาใตภ้ าพแต่ละภาพ
ก่อนใหน้ กั เรียนเตมิ คา ครูทบทวนรูปแบบภาพวาดอกี คร้ังว่า แต่ละรูปแบบมีลกั ษณะอยา่ งไร ดงั น้ี
343
ภาพวาดแบบ abstract คอื ภาพวาดแนวนามธรรม เป็นภาพทีไ่ ม่เหมอื นจริง
เป็นสิ่งที่เราไมส่ ามารถจบั ตอ้ งได้
ภาพวาดแนว portrait เป็นภาพวาดบคุ คล
ภาพวาด landscape คือ ภาพวาดทศั นียภาพ ฉากธรรมชาติ
ภาพวาดแนว still life คือ ภาพวาดของสิ่งของตา่ ง ๆ
ตอ่ มาใหน้ กั เรียนดภู าพ Mona Lisa ในขอ้ 1 แลว้ ถามนกั เรียนวา่ เป็นภาพแนวใด เม่อื ไดค้ าตอบวา่
portrait ครูถามนกั เรียนเกี่ยวกบั ภาพวาดเพ่มิ เติม เช่น
T: Have you ever seen this painting before?
Ss: Yes, I have. / No, I haven’t.
T: Who is the woman in the portrait?
Ss: She’s Mona Lisa.
T: What does she look like?
Ss: She’s got long black hair.
T: Who painted this portrait?
Ss: Leonardo da Vinci.
ครูทากิจกรรมเช่นเดียวกนั น้ีกบั ภาพวาดอื่น ๆ ดว้ ย
1. portrait 2. abstract 3. landscape 4. still life
Leonardo da Vinci (15 April 1452 - 2 May 1519) เป็นชาวอติ าลี เขาเป็นท้งั นกั วาด
ภาพแนวเรอเนสซองส์ ปฏมิ ากร สถาปนิก นกั ดนตรี นกั กายวิภาคศาสตร์ ผคู้ ดิ คน้
วิศวกร และนกั เรขาคณิต ผลงานภาพวาดที่มชี ่ือเสียง ไดแ้ ก่ The Last Supper และ
Mona Lisa ดาวินชีใชเ้ วลาท้งั หมด 4 ปี ในการวาดภาพบุคคลของ Mona Lisa ซ่ึงเป็น
ภรรยาของพ่อคา้ นามวา่ Giocondo ปัจจบุ นั ภาพวาดน้ีไดร้ บั การจดั แสดงท่พี พิ ธิ ภณั ฑ์
ลฟู ร์ (Louvre) ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
344
Pablo Picasso (25 October 1881 - 8 April 1973) เป็นชาวสเปน เขาเป็นท้งั ศิลปิ น
นกั วาดภาพ และปฏมิ ากร เขาใชช้ ีวติ ส่วนใหญอ่ ยใู่ นประเทศฝรัง่ เศส เขาเป็นทร่ี ู้จกั
ในฐานะผูร้ ่วมริเร่ิมแนวคดิ บาศกนิยม (Cubist movement) ภาพวาดทมี่ ชี ่ือเสียงของเขา
คือภาพวาดท่ชี ่ือว่า Guernica ซ่ึงไดแ้ สดงให้เห็นถงึ การทิง้ ระเบิดของกองทพั เยอรมนี
ที่เมือง Guernica ในสงครามกลางเมืองทส่ี เปน
Claude Monet (14 November 1840 - 5 December 1926) เป็นศิลปิ นชาวฝรัง่ เศส
ภาพวาดของเขาจะมลี กั ษณะเป็นแนวลทั ธิประทบั ใจ (Impressionism) เขามกั จะวาดภาพ
ทศั นียภาพต่าง ๆ เช่น สวนของเขาในเมอื ง Giverny ทมี่ บี วั สาย บ่อน้า และสะพาน
แบบญป่ี ่ ุน ภาพวาดท่ีมชี ่ือเสียงของเขา ไดแ้ ก่ Water Lilies และ Haystacks
Vincent Van Gogh (30 March 1853 - 29 July 1890) เป็นศิลปิ นชาวดตั ช์ ซ่ึงเป็น
ท่รี ู้จกั จากผลงานแนวลทั ธิประทบั ใจยคุ หลงั (Post-impressionism) ซ่ึงภาพวาดแนวน้ี
จะใชส้ ีทฉี่ ูดฉาด เขาวาดภาพดอกไมม้ ากมาย เช่น ภาพวาด Irises และ Sunflowers
แต่ภาพน่ิงท่อี าจจะมีชื่อเสียงมากท่ีสุดของเขา คือ ภาพวาด Sunflowers
ท่มี า: https://en.wikipedia.org/wiki/Leonardo_da_Vinci
https://en.wikipedia.org/wiki/Pablo_Picasso
https://en.wikipedia.org/wiki/Claude_Monet
https://en.wikipedia.org/wiki/Vincent_van_Gogh
3. แบบฝึ กหัด หน้า 71 Ex. 2 ครูอธิบายคาสัง่ ให้นกั เรียนดูช่ือภาพ Starry Night, Four Dancers และ
Green Apples จากน้นั ให้นกั เรียนวาดภาพประกอบ ครูใหเ้ วลานกั เรียนวาดภาพและระบายสีตกแตง่
เสร็จแลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 คน ออกมานาเสนอผลงานภาพวาดของตนเอง
4. ครูใหน้ กั เรียนอา่ นคาสั่งดา้ นลา่ ง Now ask your teacher to show you the famous paintings. แลว้ ให้
นกั เรียนขอใหค้ รูแสดงภาพ โดยใชป้ ระโยคขอร้อง เช่น
Class: Can you show us the famous paintings, please?
T: Sure.
จากน้นั ครูนาภาพวาด Starry Night มาแสดงแลว้ ถามนกั เรียนวา่ What can you see in the painting?
ให้นกั เรียนบอกส่ิงทีเ่ ห็นในภาพ เช่น Stars in the sky, hills, a village, and a tall cypress tree on the
left แลว้ ครูถามนกั เรียนว่า What style of painting is it? เม่ือไดค้ าตอบวา่ landscape ครูถามนกั เรียน
ตอ่ วา่ ภาพดงั กล่าวเหมือนภาพทีน่ กั เรียนวาดหรือไม่ ครูทากิจกรรมเช่นเดียวกนั น้ีกบั ภาพ Four
Dancers และ Green Apples ดว้ ย สุดทา้ ยครูอธิบายขอ้ มูลเกี่ยวกบั ภาพวาดใหน้ กั เรียนฟัง
345