เลา่ จงึ จะเปน็ ทพ่ี อใจของนาง” “รอบสระนม้ี พี ญานก พญานกออกจึงปลอบเหยี่ยวว่า “อย่าวิตกไป
ออกอาศัยอยู่ทางทิศตะวันออก ราชสีห์อยู่ทางทิศ เลยเพื่อนเอ๋ย เราเป็นมิตรกันก็เพ่ือช่วยเหลือซ่ึงกัน
เหนือ เต่าอยู่กลางสระ ท่านต้องผูกไมตรีกับท่าน และกันเมอ่ื ยามทุกขย์ าก ข้าขอชว่ ยเหลอื ท่านจนสุด
พวกน้ไี ว้ เราจึงจะยอมอยูด่ ้วย” ความสามารถ เวลานพ้ี วกพรานเรมิ่ ปนี ตน้ ไมห้ รอื ยงั ”
เหย่ียวได้ฟังดังน้ันก็ดีใจ จึงไปท�าความสนิท “ยังเลย” เหย่ยี วตอบด้วยความดใี จ “ตอนน้ียงั ไมไ่ ด้
สนมกบั สัตว์ทง้ั สามน้ันทกุ วัน ไม่ช้าก็เกดิ ความสนิท ขึ้น กา� ลงั ผูกคบเพลิงอยู่” “ถา้ เช่นน้ัน ท่านจงรีบไป
สนมรกั ใครก่ นั นางเหยยี่ วจงึ ยอมเปน็ ภรรยา ทง้ั สอง กอ่ น จงปลอบแมเ่ หยยี่ วไวอ้ ยา่ ใหเ้ สยี ขวญั เราจะตาม
ช่วยกันสร้างรังอยู่บนต้นกระทุ่มในท่ีไม่ไกลจากสระ ไปทีหลัง”
นน้ั อยมู่ าไมน่ านกต็ กไข ่ แลว้ ออกลกู นอ้ ยสองตวั แต่ กล่าวแล้วก็ส่งพ่อเหย่ียวไป ตัวเองรีบบินไป
ขนปีกยังไม่งอก ทั้งสองจึงเล้ียงลูกเพื่อรอให้ขนปีก เกาะกงิ่ ไม้ต้นหนงึ่ มองดูทางข้นึ ของพรานป่า มองหา
งอกจะไดบ้ ินไปหากินได้ ทีหนีทีไล่แล้วคอยทีอยู่ พอพรานถือคบเพลิงปีนข้ึน
ครง้ั นนั้ พรานปา่ พวกนนั้ พากนั ตระเวนลา่ สตั ว์ ไปใกล้รัง พญานกออกบินลงไปในสระอมน้�าเต็ม
ตลอดวันก็ไม่ได้เน้ืออะไรเลย จึงปรึกษากันว่า กระพุง้ ปาก แล้วบินไปบว้ นลงตรงคบไฟพอดี พอไฟ
“ไหนๆ พวกเรากม็ าแลว้ จะกลบั บา้ นมอื เปลา่ กก็ ระไร ดบั พรานมองไม่เหน็ อะไร จะขนึ้ ไปมืด ๆ กก็ ลัวแม่
อย ู่ คืนน้พี ักแรมเสียในปา่ พรงุ่ นีจ้ งึ ตระเวนหาตอ่ ไป นกจะจกิ เอา จงึ ตอ้ งมาผกู คบเพลงิ ใหมแ่ ลว้ ปนี ขนึ้ ไป
อีก” ตกลงดงั นั้นแลว้ ก็พากนั ไปหาท่ีพกั โคนต้นกระ อีก พญานกออกกอ็ มนา้� มาดับอีก ทา� อยเู่ ชน่ น้ันจน
ทุม่ ซงึ่ เหยย่ี วท�ารังอยนู่ ั่นเอง ตอนพลบค่�าจงึ สมุ ไฟ ครงึ่ คนื แลว้ พญานกออกบนิ ไปมาอยหู่ ลายเทยี่ วกช็ กั
เพอ่ื ไลย่ งุ และปอ้ งกนั อนั ตรายจากสตั วป์ า่ ควนั ขนึ้ ไป จะหมดก�าลงั แมเ่ หย่ียวเห็นดงั นั้นจงึ กลา่ วกับสามี
รมลกู นกทง้ั สองบนยอดไม ้ ทา� ใหล้ กู นกรอ้ งขนึ้ พราน ว่า “นายจา๋ พญานกออกเหน็ดเหน่อื ยมากแล้ว เหน็
คนหน่งึ ไดย้ ินเสยี งลูกนกจึงร้องข้ึนวา่ “เฮย้ พวกเรา ทีจะเหลือก�าลังน้อย พ่ีไปหาพญาเต่าให้มาช่วยอีก
เสียงลูกนกร้องอยู่บนยอดไม้ เห็นจะพอเป็นอาหาร แรงเถิด จะไดใ้ ห้พญานกออกพักผ่อนบา้ ง”
มื้อค�่านไ้ี ด้ ช่วยกันทา� คบไฟหน่อย ขา้ จะขน้ึ ไปจับมา พ่อเหย่ียวฟังดังน้ัน จึงเข้าไปหาพญานกออก
ให้เอง” แล้วพูดว่า “ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านพญานกท่ีช่วย
แมน่ กไดย้ นิ ดงั นนั้ กต็ กใจ คดิ วา่ อนั ตรายคงมา เหลือเป็นสามารถ ข้าพเจ้าซาบซึ้งในไมตรีจิตของ
ถึงลูกแน่แล้ว จงึ พดู กับพ่อนกวา่ “พอ่ เอย๋ คนพวกน้ี ท่านยิ่งนักแล้ว โปรดถนอมก�าลังไว้เถิด แม้ลูก
ตอ้ งการจับลูกเราไปกิน พอ่ จงรีบไปหาพญานกออก ข้าพเจ้าจะตายไป ข้าพเจ้าคงมีได้อีก ส่วนมิตรเช่น
เพือ่ นเรา แจ้งภยั ที่จะเกิดขนึ้ ใหท้ ราบ แล้วขอความ ทา่ น ขา้ พเจา้ จะหาไดย้ ากอยา่ งยงิ่ โปรดพกั เสยี เถดิ ”
ช่วยเหลือจากเพื่อนเถิด” พ่อนกได้ฟังดังนั้นก็รีบไป พญานกออกตอบว่า “ถ้าข้าพเจ้าจะช่วยใคร
โดยเร็ว เม่อื ถึงจึงพูดกับพญานกออกวา่ “เพือ่ นเอ๋ย แลว้ กย็ นิ ดชี ว่ ยจนสดุ ชวี ติ แมร้ า่ งกายจะแตกดบั กห็ า
คนป่าพากันมัดคบไฟเพ่ือจะปีนไปจับลูกของเรากิน เสยี ดายไม ่ ทา่ นอยา่ หว่ งขา้ พเจ้าเลย”
ท่านเป็นนกมีปีกแขง็ แรง มีก�าลงั วงั ชามาก ขา้ พเจา้ พอ่ เหยย่ี วจึงรีบบินไปหาเต่า เลา่ เหตุการณ์ให้
ขอพึ่งก�าลังท่าน ช่วยป้องกันชีวิตลูกจากนายพราน ฟงั ทกุ ประการ แลว้ ขอรอ้ งวา่ “ทา่ นเตา่ ขา้ พเจา้ กา� ลงั
ด้วยเถิด” เดอื ดรอ้ นแสนสาหสั ขอไดโ้ ปรดชว่ ยอนเุ คราะหด์ ว้ ย
201
เถดิ ” เตา่ ไดฟ้ งั ดังนั้น จงึ กล่าวด้วยความภาคภูมวิ ่า “สหายเหยยี่ วเอ๋ย คน
ฉลาดย่อมใช้ทรัพย์ข้าวและก�าลังกายให้เป็นประโยชน์ในทางผูกมิตร
ข้าพเจา้ มเี พียงก�าลัง จึงจะขอใช้กา� ลังนบ้ี า� เพญ็ ประโยชนแ์ กท่ า่ นบา้ ง”
ลกู เตา่ ซง่ึ อยใู่ กลๆ้ ไดย้ นิ พอ่ พดู กบั เหยย่ี ว จงึ อาสาวา่ “พอ่ จา๋ พอ่ แก่
แล้ว ขอให้อยู่ท่ีนเ่ี ถิด ลูกโตพอจะช่วยท�ากจิ แทนพอ่ ได้แลว้ พ่ออนญุ าตให้
ลกู ไปช่วยลูกเหย่ยี วแทนพอ่ เถดิ ” “อย่าเลยลกู เอ๋ย” พ่อเต่าห้ามลกู “การ
ทอี่ าสาไปทา� งานแทนพอ่ เปน็ ความด ี พอ่ ขอบใจ แตง่ านคราวนเี้ ปน็ งานของ
พอ่ โดยตรง เหยย่ี วเหน็ พอ่ ร่างกายใหญพ่ อแกไ้ ขเหตุการณไ์ ด้จึงมาขอร้อง
ให้พอ่ ไปเองเถิด” ว่าแล้วก็ให้พอ่ เหยย่ี วล่วงหนา้ ไปกอ่ น ตัวเองค่อยโดดลง
ไปในน้�ากวาดสาหรา่ ยและใบหญ้าที่ติดตัวขน้ึ จากน้�า แล้วคอ่ ย ๆ คลานไป
ใกลก้ องไฟ พอไดท้ กี เ็ อากอหญา้ เปยี กทต่ี ดิ ตวั ไปโปะลงทกี่ องไฟ เอาตวั ขน้ึ
ทบั กองไฟดบั แลว้ รีบว่ิงลงสระ
พวกพรานเหน็ ดังน้ันจึงกลา่ ววา่ “เฮ้ย พวกเรา จะมวั ไปเอานกตวั
นดิ ใหล้ า� บากทา� ไม จบั เตา่ ใหญม่ ากนิ ไมอ่ มิ่ กวา่ หรอื ” วา่ แลว้ กว็ งิ่ กรตู ามเตา่
ไปทันเต่า เมอ่ื ถงึ ชายน้า� พอดี พรานชว่ ยกนั จบั คนละมือ นกึ จะห้ิวเต่าขน้ึ
บกก็หว้ิ ไมข่ น้ึ เต่าจึงพาพรานลงน้�าลึกลงไปทุกท ี จนกระทงั่ ถงึ ห้วงนา�้ ลึก
ก็ไม่สามารถจับเต่าได้ บางคนต้องส�าลักน้�าเสียหลายอึก จึงพากันมาน่ัง
หอบอยรู่ มิ ขอบสระนนั่ เอง จงึ ปรกึ ษากันวา่ จะปล�้าเอาเต่าคงไมไ่ ด้ ช่วยกัน
ก่อไฟใหม ่ พอรงุ่ เชา้ คอ่ ยจดั การกับเจา้ ลูกนก
ฝ่ายแม่เหย่ียวฟังค�าของนายพรานแล้ว จึงปรึกษากับพ่อเหยี่ยวว่า
“พอ่ เอ๋ย พวกนี้คงจัดการกับลูกเราแน ่ ไมเ่ วลาใดก็เวลาหน่งึ ทา่ นจงรบี ไป
หาราชสีห์สหายของเราเถดิ บางทจี ะมีทางช่วยเราได้บ้าง” พ่อนกจงึ บินไป
หาราชสหี ์ แจง้ เรอ่ื งตงั้ แตต่ น้ แลว้ ออ้ นวอนวา่ “ขา้ แตพ่ ญาราชสหี ผ์ จู้ อมสตั ว์
บตุ รของข้าพเจ้าก�าลงั จะถกู กิน ข้าพเจา้ จงึ บากหนา้ มาพึ่งทา่ น โปรดชว่ ย
ขา้ พเจา้ ดว้ ยเถดิ ”
พญาราชสีห์จงึ ปลอบวา่ “เหยี่ยวเอ๋ย อย่าวิตกไปเลย ตามธรรมดา
ผนู้ อ้ ยเมอื่ บากหนา้ มาขอความชว่ ยเหลอื แลว้ ผใู้ หญเ่ ชน่ เราเมอ่ื ชว่ ยไดไ้ หน
เลยจะเมินเฉยอยูไ่ ด ้ กลับไปปลอบลูกเมยี ไวอ้ ย่าใหต้ กใจ เราจะใชว้ ธิ กี าร
ของเราเอาชนะศตั รจู งได”้ วา่ แลว้ กเ็ ดนิ ตรงไปยงั กลมุ่ นายพราน เปลง่ เสยี ง
คา� รามสนั่นปา่
202
พวกพรานเมอื่ ไดย้ นิ เสยี งราชสหี ค์ า� รามกเ็ สยี ขวญั ปรกึ ษากนั วา่ “นก
ออกคอยดับไฟ เตา่ พาพวกเราจมน้�าแทบเอาตัวไม่รอด ขณะน้รี าชสหี ร์ ้าย
กา� ลงั มาเอาชวี ติ เรา อยา่ อยเู่ ลยหนเี อาตวั รอดดกี วา่ ” ตา่ งคนตา่ งหนกี ระเจงิ
ไป ราชสีห์ไปถึงโคนต้นกระทุ่ม ไม่พบนายพรานแม้แต่คนเดียว จึงเรียก
เหยยี่ วทงั้ สอง นกออก และเต่ามาแล้วปรารภวา่ “มิตรภาพที่มีอย่รู ะหว่าง
เราเปน็ เกราะปอ้ งกนั ภยั ตา่ งๆ ไดท้ วั่ สารทศิ พวกทา่ นจงอยา่ ทา� ลายมติ รภาพ
ระหวา่ งกนั เสีย จะอยดู่ ้วยความปลอดภยั ตลอดไป”
ครนั้ กลา่ วสอนพอสมควรแลว้ กห็ ลกี ไป ตา่ งคนตา่ งแยกยา้ ยไปอยตู่ าม
ท่ขี องตน เหยี่ยวทั้งสอง เม่อื ผ่านพ้นภยนั ตรายอันน่าหวาดเสียวมาได้ จึง
สนทนากันถึงอานสิ งสก์ ารผูกมิตรไมตร ี โดยแมเ่ หย่ยี วกล่าวขึน้ ว่า
“ชอื่ วา่ มติ รทด่ี คี วรคบไวใ้ หม้ ากเทา่ ทจ่ี ะมากได ้ ยงิ่ มมี ติ รมากเทา่ ใด ก็
เทา่ กบั ไดส้ รา้ งเกราะปอ้ งกนั ภยั ไวม้ ากเพยี งนนั้ เรารอดจากอนั ตรายไดค้ ราว
นกี้ เ็ พราะความสามคั คใี นหมมู่ ติ ร จงึ ไดบ้ นั เทงิ กบั หมลู่ กู ๆ ดว้ ยเหตนุ ฉี้ นั จงึ
ให้ผกู มติ รไว้ก่อนทจี่ ะอยดู่ ว้ ยกนั ” พอ่ เหยยี่ วกล่าวเสริมว่า “ฉันเหน็ ด้วยกับ
เธอในขอ้ ทว่ี า่ คนเราจะมสี ขุ มยี ศกเ็ พราะมมี ติ รสหาย พญาราชสหี เ์ ปน็ ราชา
สัตว ์ เตา่ เปน็ มิตรกลา้ หาญ พญานกออกมีความพยายาม เปน็ มิตรของเรา
จงึ ชว่ ยเราพ้นอันตรายได้ จึงควรผกู มิตรไว้กับคนสว่ นมาก”
แมน่ กจงึ กลา่ ววา่ “พอ่ เหยย่ี ว ไมตรนี นั้ แมผ้ ขู้ ดั สนกค็ วรผกู ไว ้ ผใู้ ดผกู
มิตรไวก้ ับผูก้ ลา้ หาญ ตอ้ งประสบสขุ ทุกเมอ่ื ไป” ครั้นสรรเสริญมติ รธรรมน้ี
แล้ว ตา่ งพากันผกู มิตรกบั สัตวใ์ กล้เคยี ง อยู่กันด้วยความผาสกุ ตลอดกาล
อวสานแห่งชีวิต
จากชาดกเรื่องน้ีช้ีให้เห็นคติธรรมข้อหน่ึงว่า คนเราจะอยู่ ณ ท่ีใด
ตอ้ งผกู มติ รไวใ้ หม้ าก อยา่ ทา� การทะเลาะววิ าทเปน็ ศตั รกู บั ใคร ซงึ่ เทา่ กบั
เป็นการล้อมก�าแพงแก้ว ป้องกันภัยไว้รอบด้าน ตรงกันข้ามถ้าเป็นคน
ปากเปราะเราะราย ทา� ลายมติ รกบั บา้ นใกลเ้ รอื นเคยี งเสยี แลว้ กเ็ ทา่ กบั ฝงั
ขวากหนามไวร้ อบบา้ นเพอ่ื ทา� อนั ตรายตวั เอง จะอยใู่ นหมคู่ นมากเพยี งใด
ก็คล้ายกับอยู่โดดเด่ียวเสมอ ดูนกเหย่ียวเพราะผูกไมตรีไว้กับคนรอบท่ี
อยู่ จงึ รอดพ้นอันตรายได้ จึงควรถอื เปน็ คติเตอื นใจต่อไป
(มหาอุกกุสชาดก อรรถกถา ขุททกนิกาย
ชาดก ปกณิ ณกนิบาต เลม่ ๓๓ หน้า ๒๙๑)
203
204
กรรมสนองกรรม
“ทา� ช่ัว ไดช้ ั่ว”
ในสมยั พทุ ธกาล เมื่อพระพทุ ธองค์ประทบั ณ เชตวนาราม ภกิ ษุ
ทั้งหลายที่เที่ยวเผยแผ่ศาสนาไปทั่วทิศานุทิศ เมื่อออกพรรษาต่างก็เดิน
ทางมาเพื่อเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อมีเรื่องอันใดท่ีสงสัยก็น�ามาทูล
ถามกันตามแต่เหตุการณ์ ได้ถือปฏิบัติเช่นนี้ตลอดมา มีภิกษุพวกหนึ่ง
เข้าไปบิณฑบาตในหมู่บา้ น รับนมิ นตฉ์ ันในบ้านของคหบดีผหู้ นึง่
ขณะกา� ลงั ฉนั ขา้ วยาคเู พอื่ รอเวลาบณิ ฑบาต เผอญิ เหน็ บา้ นหลงั หนงึ่
ในท่ีไม่ไกลถูกไฟไหม้ สาเหตุเกิดจากหญิงรับใช้ของบ้านนั้นจุดไฟหุงข้าว
แลว้ นง่ั หลบั ไฟลามลกุ เชอื้ เพลงิ ตดิ หลงั คา แลว้ ไหมอ้ ยา่ งรวดเรว็ ขณะไฟ
ไหม้ในบ้านน้ันเปลวไฟโหมหนัก ส่งเสวียนหม้อซ่ึงมีลักษณะเป็นวงกลม
ไฟตดิ ไหมโ้ ดยรอบพงุ่ ขนึ้ สอู่ ากาศ บงั เอญิ มกี าตวั หนง่ึ บนิ มาชนเสวยี นหมอ้
เอาคอสวมเขา้ ไปในวงเสวยี นพอด ี ไฟจงึ ไหมก้ าตวั นน้ั ตกลงมาตายไมไ่ กล
จากพระภิกษกุ ลุ่มนน้ั ภกิ ษุเหน็ ดงั น้ันก็เกดิ ความสังเวชใจ จึงพดู เปน็ เชิง
ปรารภกันว่า “ท่านทั้งหลายจงดูเถิด กาบินอยู่บนอากาศอันกว้างใหญ ่
ไพศาล บริเวณที่เสวียนพุ่งไปในอากาศนิดเดียวก็ยังเอาศีรษะลอดเข้าไป
ให้ไหม้จนได ้ นอกจากพระศาสดาคงไม่มีใครทราบปุพพกรรมอันน ี้ เม่ือ
เข้าเฝา้ กจ็ ะขอทลู ถามถึงปพุ พกรรมของกาใหจ้ งได้” แล้วเดินทางต่อไป
ครั้นได้เฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว จึงทูลเล่าพฤติการณ์ของกาเท่าที่เห็น
มา แลว้ ทลู ถามวา่ “กานน้ั ไดท้ า� กรรมอนั ใดไวจ้ งึ ประสบเคราะหก์ รรมเพยี ง
นี้พระเจ้าข้า” พระพุทธองค์จึงทรงตรัสพยากรณ์ว่า “ดูกรภิกษุท้ังหลาย
กาตัวน้ไี ด้เสวยผลกรรมทีต่ ัวก่อมาแตอ่ ดตี ชาต ิ มปี ระวัติโดยยอ่ ว่า
ในอดีตกาล กาตัวน้ีเกิดเป็นชาวนาผู้หน่ึงในกรุงพาราณสี เขา
พยายามฝกึ โคดอื้ เพอ่ื ไวใ้ ชง้ านไถ แมจ้ ะพยายามฝกึ เพยี งไรกไ็ มส่ า� เรจ็ โค
ไม่ยอมท�าตาม พอเดินลากไถไปหน่อยก็นอนเสีย ถูกเจ้าของตีและแทง
205
ด้วยปฏักก็ลุกไปหน่อยหนึ่งแล้วนอนตามเดิมอีก ชาวเรือจึงพากันจับนางเพ่ือโยนทะเล นางจึง
พราหมณ์พยายามอยู่หลายวนั กไ็ ม่ส�าเรจ็ ดว้ ยความ รอ้ งขอชวี ิตดว้ ยความกลัว นายเรือไดย้ ินเสยี งรอ้ งจึง
โกรธสุดขีด จึงมัดฟางให้เป็นวงกลมมัดใหญ่ สวม ใหห้ ยดุ แลว้ กลา่ ววา่ “ถา้ จะโยนนางทง้ั เครอื่ งอาภรณ์
เขา้ ไปในคอโค ปากกก็ ลา่ ววา่ “เอา้ เจา้ มนั อยากนอน เหล่านี้ ของมีค่าก็จะสูญเสียเปล่า จงเปล้ืองเครื่อง
นกั จงนอนใหส้ า� ราญเถดิ ” วา่ แล้วก็เอาไฟแหย่เข้าที่ ประดบั เสยี ใหห้ มด ใหน้ งุ่ ผา้ เกา่ แลว้ โยนลงไป แตเ่ รา
มดั ฟาง ไฟลกุ ไหมท้ ว่ มคอโคตวั นน้ั โคเกดิ ความรอ้ น ไม่อยากเห็นนางตกทะเลแล้วร้องขอความช่วยเหลือ
จึงว่งิ ไปเอาตัวไสกบั แผน่ ดนิ ก็ดบั ไม่ได้ จึงถูกไฟลวก พวกทา่ นจงเอาหมอ้ บรรจทุ รายใหเ้ ตม็ แลว้ ผกู คอนาง
ตายในที่นั้นเอง ด้วยผลกรรมของชาวนานั้น ตาย ไว ้ จะได้ถ่วงใหเ้ รว็ ข้ึน” สัง่ แลว้ เดินหลบไปเสยี ฝ่าย
แล้วไปเสวยกรรมอยู่เป็นเวลานาน เมื่อใช้กรรมสิ้น ชาวเรือจึงจับนางถ่วงติดกับหม้อทรายโยนลงทะเล
แล้วมาเกิดเป็นกา เอาศีรษะไปลอดเสวียนไฟไหม้ นางจมหายลงไปในนา�้ ทันท ี
ตายในอากาศน่ันเอง” ภกิ ษทุ อ่ี าศยั เรอื มาเหน็ ดงั นน้ั จงึ คดิ วา่ “เราจะ
ภิกษุทั้งหลายเม่ือได้ฟังดังนั้น ต่างปลงธรรม ต้องเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อทูลถามถึงปุพพกรรม
สังเวชโดยท่ัวกนั ยงั มีภกิ ษอุ กี พวกหนึ่ง เดินทางมา ของนางให้จงได”้ เม่ือไดเ้ ข้าเฝา้ พระพุทธองค์ จงึ ทูล
เฝ้าพระพุทธเจ้าโดยทางเรือ ในขณะเรือแล่นมาใน ถามถึงปุพพกรรม พระพุทธองค์ตรัสเล่าว่า “ดูกร
ระหว่างทาง เรือเกิดหยุดเสียกลางทะเลเฉยๆ แม้ ภกิ ษทุ งั้ หลาย ภรรยานายเรอื นน้ั ในอดตี ชาตเิ กดิ เปน็
นายเรือและลูกเรือพยายามแก้ไขอย่างไรก็ไม่ยอม ภรรยาคหบดีผูห้ นง่ึ ในกรุงพาราณสี ได้ทา� งานบ้าน
เขย้ือน มนุษย์ผู้เช่ือทางโชคลางต่างวิจารณ์กันว่า ด้วยตวั เองหมดทุกอย่าง ตั้งแต่ตักนา้� ตา� ขา้ ว ตลอด
“การทเ่ี รอื ไมแ่ ลน่ นเี้ ปน็ เพราะมคี นกาลกณิ อี ยใู่ นเรอื จนตัดฟืนในป่า นางมีสุนัขเลี้ยงตัวหน่ึง สุนัขนี้
หากกา� จัดคนนอี้ อกแล้วเรือก็จะแลน่ ไปได”้ ติดตามนางไปในท่ีทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเข้าป่าตัด
จึงปรกึ ษากันว่า “จะหาทางรผู้ ู้เปน็ กาลกิณีได้ ฟนื ไปท่าตกั นา�้ หรือออกไปนอกบ้าน เพอ่ื น�าข้าวไป
โดยวิธีใด” จึงตกลงให้มีการจับฉลากกันข้ึน หาก ให้สามีทปี่ ลายนากต็ าม พวกหนมุ่ ๆ ท้ังหลาย เมอื่
ฉลากตกกับผใู้ ด ก็แสดงว่าผนู้ น้ั เป็นตวั กาลกิณี ให้ เห็นนางไปกบั สนุ ัข จงึ พากนั ล้อเลียนว่า “เฮ้ย พวก
โยนถ่วงทะเลเสีย จึงตกลงจับฉลากกันทุกคน ผล เรา ดูพรานสุนัขซิออกมาอีกแล้ว วันนี้เราคงได้กิน
ปรากฏวา่ ฉลากกาลกณิ ี ไดแ้ กเ่ มยี สาวของกปั ตนั เรอื เนอ้ื บา้ งเปน็ แน”่ นางถูกลอ้ ดังนั้น จงึ เกิดความอาย
เอง จงึ ปรกึ ษากนั วา่ “การจบั ฉลากเพยี งครง้ั เดยี วอาจ ไมอ่ ยากให้สนุ ัขตามตวั ไป บางคราวใชก้ ้อนดนิ ขว้าง
ไมย่ ตุ ิธรรม ควรจบั ถงึ ๓ ครั้ง” จงึ ให้จับฉลากใหม ่ ปา แตส่ ุนัขก็ไม่ยอมลดละการติดตาม นานหนักเข้า
ฉลากกต็ กไปกับเมียสาวนายเรืออีกทงั้ ๓ คร้ัง ชาว นางโกรธเจา้ สนุ ขั นน้ั มาคดิ วา่ ตอ้ งหาทางฆา่ เจา้ สนุ ขั
เรือและผู้โดยสารจึงปรึกษากัปตันว่า “ท่านกัปตัน นี้ใหจ้ งได ้
ทา่ นจะใหพ้ วกเราท�าอยา่ งไร” กัปตันจึงกล่าววา่ “ถา้ วันหนง่ึ ขณะจะออกไปส่งขา้ วสามที ปี่ ลายนา
จะรกั ษาชวี ติ เมยี ขา้ พเจา้ ไว ้ พวกทา่ นทงั้ หลายกจ็ ะพา นางใสข่ า้ วเต็มหมอ้ แลว้ แอบซอ่ นเชอื กไปในตัวด้วย
กันตายไปหมด พร้อมทั้งเมียและข้าพเจ้าด้วย เมื่อสุนขั ตามไปจนถึงปลายนาแลว้ จงึ แกล้งพาสนุ ขั
ขา้ พเจา้ ไมเ่ หน็ แกต่ วั พอจะทา� เชน่ นน้ั ได ้ จงจดั การจบั เดนิ มาทางชายนา้� เอาทรายบรรจใุ ส ่ หมอ้ ขา้ วจนเตม็
นางโยนลงทะเลตามท่ตี กลงกนั ” เหลียวซ้ายขวาไม่เห็นใคร จึงเรียกสุนัขเข้ามาใกล ้
206
สุนัขนึกในใจว่า “นายสาวของเราเคยทารุณเอาก้อนดินบ้าง ท่อนไม้บ้าง
ขวา้ งปาเราเสมอ วนั นด้ี ใู จดเี รยี กเราเขา้ ไปหา” ดว้ ยความดใี จจงึ กระดกิ หาง
เดนิ เขา้ ไปหมอบแทบเทา้ ของนาง นางจงึ จบั คอสนุ ขั ไวแ้ นน่ แลว้ ผกู ดว้ ยปลาย
เชือกข้างหนึ่ง เอาปลายเชือกอีกข้างหน่ึงผูกกับปากหม้อทรายแล้วโยนลง
ไปในนา้� สนุ ขั ถกู หมอ้ ทรายดงึ จมลงไปในนา�้ ตายในทน่ี น้ั เอง ดว้ ยบาปกรรม
ทนี่ างจบั สนุ ขั ถว่ งทงั้ เปน็ จงึ ไปเกดิ เสวยกรรมอยชู่ ว่ั กาลนาน เศษกรรมทยี่ งั
ใช้ไม่หมดท�านางมาเกิดเป็นภรรยากัปตันเรือ และถูกจับถ่วงทะเลเช่น
เดยี วกัน นางจึงชื่อว่าตายเพราะผลกรรมทน่ี างทา� ไว้โดยแท”้
เมอื่ พระพทุ ธองคต์ รสั เล่าปุพพกรรมจบลง ภกิ ษทุ งั้ หลาย ตา่ งพากนั
ปลงธรรมสังเวชโดยท่ัวกัน ยังมีภิกษุอีกพวกหนึ่ง เดินทางมาเฝ้าพระ
ศาสดาโดยทางบก เม่ือเดินทางผ่านมาทางเขาลูกหน่ึง ณ เขาน้ีมีถ�้าเป็น
ท่ีพักสา� หรับภกิ ษผุ ู้เดนิ ทางมาจากทอ่ี ่ืน ในถ้�านน้ั มผี เู้ อาเตียงไปปปู ระจา� ไว ้
๗ เตยี ง ภิกษุเหลา่ น้นั จึงเข้าไปพักในถา�้ เม่อื ตกเวลาค�่ากม็ อี ันเป็นไป คือ
หนิ กอ้ นใหญไ่ ดเ้ ลอื่ นมาปดิ ปากถา�้ อยา่ งสนทิ พระอยขู่ า้ งในไมส่ ามารถออก
มาได้ แม้จะพยายามผลกั เทา่ ใดกไ็ มย่ อมเขยอ้ื น
ประชาชนทราบข่าวก็เกณฑ์กันมาช่วยเอาหินปากถ�้าออกก็ไม่ส�าเร็จ
พระทง้ั ๗ จงึ ตอ้ งอดอาหารรอความตายอยู่ในถ้า� นน้ั เอง ภกิ ษเุ หล่าน้ันอด
อาหารเปน็ เวลาถงึ ๗ วนั ตา่ งผา่ ยผอมหมดกา� ลงั ชาวบา้ นจงึ พากนั ประคอง
ออกจากถา้� ทะนุบ�ารุงให้กลบั ฟน้ื คืนกา� ลงั ดังเดิม เม่อื ฟ้นื ดีแล้วตง้ั ใจจะไป
เฝ้าพระพุทธเจา้ เพ่ือทลู ถามปพุ พกรรมของตนเอง เมอ่ื ถงึ จงึ ทลู เล่าความ
ทุกประการ และทูลถามวา่ เกิดแต่กรรมอันใด
พระพุทธองค์จงึ ทรงพยากรณ์ว่า “ดูกรภกิ ษุท้ังหลาย การทพ่ี วกเธอ
ตดิ อยูใ่ นถ�้าถงึ ๗ วัน ก็เพราะได้รบั ผลกรรมท่สี ร้างไวแ้ ตอ่ ดีต” จึงตรสั เลา่
ประวัตวิ า่ “ในกาลครงั้ ก่อน พวกเธอทัง้ ๗ เกดิ เป็นเด็กเลีย้ งโคท้งั ๗ คน
ไลโ่ คไปเลย้ี งชายดง พบเหย้ี ใหญต่ วั หนง่ึ ดว้ ยความคะนองจงึ พากนั วง่ิ ไลจ่ บั
เหยี้ ไมม่ ที างหนไี ปไหนจงึ วงิ่ เขา้ ไปซอ่ นตวั อยใู่ นจอมปลวกใหญ ่ ในจอมปลวก
นนั้ มปี ล่องออกอย ู่ ๗ ปลอ่ ง เดก็ ๆ เมื่อไมส่ ามารถจับตัวไดป้ ระกอบกับ
เวลาเย็นมาก จงึ ชว่ ยกันหาหญา้ และดนิ มาอดุ ช่องไวค้ นละปลอ่ งโดยนึกวา่
“พร่งุ นีค้ อ่ ยมาจับใหม”่ พากันไล่โคกลับบ้าน
207
คร้นั ถงึ บ้านกล็ มื เห้ียทีอ่ ดุ ไวใ้ นจอมปลวก รงุ่ เชา้ ไลโ่ คไปหากนิ ในถ่นิ
อืน่ เสีย ๗ วัน จึงกลบั มาเล้ยี งโคทเ่ี ดมิ อกี เมื่อเหน็ จอมปลวกนน้ั กน็ กึ ขึ้นได้
พากันไปเปดิ ปล่องทีต่ นปดิ ไว ้ เหย้ี อดอาหารถึง ๗ วัน จงึ ออ่ นเพลียเดนิ ไม่
ไหว ทา� ทีว่าจะตาย เดก็ เหล่านั้นเห็นเขา้ จึงสงสารหาน้�าข้าวมากรอกให้ ไม่
ช้าเห้ียนั้นจึงค่อยๆ ฟื้นจนแข็งแรงเป็นปกติ เด็กเหล่านั้นจึงปล่อยไปโดย
มไิ ดท้ า� อนั ตราย”
“ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ดว้ ยบาปกรรมทพ่ี วกเธอขงั เหย้ี ไวใ้ หอ้ ดขา้ วถงึ ๗ วนั
เมอ่ื เธอมาเกิดเปน็ ภิกษชุ าติน ี้ จึงถกู หินปดิ ปากถ�้าถงึ ๗ วัน แตอ่ าศยั ที่
พวกเธอมไิ ดท้ �าอันตรายเห้ียถึงตาย ช่วยเหลือให้ฟื้นในวนั ท่ี ๗ หินจึงเปิด
ออกเองในวันท่ี ๗ พวกเธอจึงรอดตายมาได”้
พระพุทธเจ้าคร้ันตรัสเล่ากรรมแต่อดีตชาติของคนทั้ง ๓ พวกแล้ว
ตรสั สอนวา่ “คนทา� กรรมแลว้ จะหนไี ปอยแู่ หง่ หนตา� บลใด จะเปน็ ในอากาศ
มหาสมุทร หรอื ซอกขนุ เขาก็ตาม การทจี่ ะพ้นจากผลกรรมนัน้ ไมม่ เี ลย ใน
โลกนี้ไมม่ ีท่ใี ดท่คี นอย่แู ลว้ จะพน้ จากกรรมได”้
เรอื่ งนมี้ คี ตสิ อนวา่ กรรมคอื การกระทา� ของคนเรานนั้ จะเปน็ กรรม
ดีหรือชั่วก็ตาม เม่ือท�าแล้วย่อมเป็นเงาตามบุคคลนั้นตลอดไป ตาม
ธรรมดาคนจะหนอี ะไรอาจหนไี ด้ แตจ่ ะหนเี งาของตวั เองนน้ั ไมม่ ใี ครอาจ
ทา� ได้ ไมว่ า่ จะอยใู่ นทะเล ปา่ เขา หรือทใี่ ดก็ตาม เงาจะตามเราไปเสมอ
เชน่ เดยี วกบั ความดีความชว่ั ที่ตวั ทา� ทา่ นเปรียบเหมือนเงาตามตวั ย่อม
ติดตามไปให้ผลในท่ีทุกหนทุกแห่ง จะช้าหรือเร็วก็อยู่ท่ีก�าลังของกรรม
ถา้ มกี า� ลงั แรงกม็ ผี ลเรว็ ถา้ กา� ลงั ออ่ นกม็ ผี ลชา้ เปรยี บเหมอื นสนุ ขั ไลเ่ นอื้
สุนัขตวั ใดก�าลังมากก็วง่ิ กัดเนือ้ เรว็ หนอ่ ย ถา้ มีกา� ลงั ออ่ นกไ็ ด้ช้า แต่ต้อง
ถึงเขา้ วันหนึ่งจนได้
ฉะนั้น เม่อื ท�ากรรมใดไว้ อย่านอนใจว่าจะไม่ใหผ้ ล เช่น ชน ๓
พวกดงั กล่าว ตอ้ งประสบผลกรรมเพราะความชั่วทที่ า� ไว้ จึงควรถือเป็น
คติเตอื นใจว่า กรรมยอ่ มสนองกรรม เสมอไป
(ตโยชนวตั ถุ อรรถกถา ขทุ ทกนิกาย
ธรรมบท ปาปวรรค เล่ม ๑๘ หนา้ ๔๑)
208
209
แรงพยาบาท
“เวรยอ่ มไม่ระงบั ดว้ ยการจองเวร”
ยังมีเศรษฐีผู้มั่งคั่งผู้หน่ึง มีบุตรชายคนเดียว เมื่อพ่อล่วงลับไป
ลกู ชายกร็ บั ภาระในการบรหิ ารทรพั ย ์ เลย้ี งดมู ารดาตลอดจนจดั การงาน
บา้ นดว้ ยตวั เองทกุ ประการ ความดที บ่ี ตุ รชายเศรษฐนี นั้ ปฏบิ ตั ติ อ่ แมแ่ ละ
ครอบครัว เป็นท่ีเลื่องลือไปท่ัวต�าบลนั้น ใครๆ ก็พากันอยากได้บุตร
เศรษฐนี น้ั ไวเ้ ป็นบตุ รเขย เพราะมีทั้งความรวยและความดีในตวั เอง แต่
บตุ รเศรษฐกี ม็ ไิ ดต้ กลงปลงใจกบั ผใู้ ด ยนิ ดใี นการเลยี้ งมารดาและทา� งาน
บา้ นดว้ ยตวั เองตลอดมา มารดาเหน็ ลกู ชายลา� บากมาก ไมม่ ผี ชู้ ว่ ยเหลอื
เชน่ น้นั ก็สงสาร
วันหน่งึ จึงเรียกบตุ รเขา้ มาหา แลว้ กลา่ วเปน็ เชงิ ปรึกษาว่า “ลกู
เอ๋ย เจา้ อยคู่ นเดยี ว ทา� ทง้ั งานในบ้านและนอกบ้านมิไดห้ ยุดหย่อน แม่
เหน็ ลกู เหน่ือยมากก็ไมส่ บายใจ แม่คดิ วา่ ลกู ควรมีครอบครัวได้แล้ว จะ
ไดม้ ีคนชว่ ยงานบา้ ง อนึง่ อายุของลูกก็สมควรมีได้แลว้ ”
“อย่าเลยแม่” บุตรได้กล่าวแย้งข้ึน “ให้ลูกได้อยู่ปฏิบัติแม่ไปจน
ส้ินลมเถิด ลกู ยังไมค่ ดิ จะมีค่คู รองหรอก” ถงึ ลูกจะปฏเิ สธอยา่ งไร แม่ก็
ไม่ล้มความต้ังใจ เซ้าซ้ีเร่ืองมีครอบครัวกับลูกอยู่ตลอดเวลา เมื่อบ่อย
ครงั้ เข้าลูกจึงรสู้ ึกเบ่ือหนา่ ย จึงน่งิ เฉยเสีย
วันหน่ึง มารดาได้คะย้ันคะยอบุตรเพ่ือให้แต่งงานตามเคย เห็น
บุตรเฉยไม่ว่ากระไร จึงออกจากบ้านหวังจะไปขอบุตรสาวตระกูลหน่ึง
ลกู ชายเหน็ แมเ่ ดนิ ออกไปเชน่ นนั้ กต็ กใจ เกรงจะไปขอบตุ รสาวทไี่ มพ่ อใจ
ตน จึงเรียกให้แม่กลับมา แล้วบอกใหไ้ ปขอบุตรสาวทพ่ี อใจไว้ก่อนแลว้
มารดาจึงไปยังตระกูลน้ัน ขอบุตรสาวและก�าหนดวันแต่งงานเป็นท่ี
เรยี บรอ้ ย เมอื่ ไดก้ า� หนดกไ็ ดจ้ ดั พธิ สี มรสอยา่ งมโหฬาร ทงั้ สองไดอ้ ยรู่ ว่ ม
กันด้วยความสงบสุขตลอดมา ทั้งสองอยู่ร่วมกันมาเป็นเวลาหลายปีก็
ไม่มลี กู ปรากฏว่าฝ่ายภรรยาเป็นหมัน
210
มารดาจงึ มาคดิ วา่ “ตระกลู ใดไมม่ บี ตุ รสบื ตอ่ เสมอมา
ยอ่ มถงึ ความพินาศ เพราะขาดผสู้ ืบตอ่ วงศ์ตระกูล อยู่มาไม่นาน หญงิ หมันเกิดความคิดขน้ึ วา่ “ถา้
ตอ่ ไป เราตอ้ งจดั การหาหญงิ ใหมม่ าใหล้ กู ชาย เพอ่ื เมยี นอ้ ยของสามเี กดิ มลี กู มาจรงิ ๆ จะเปน็ หญงิ หรอื ชาย
จะได้มบี ตุ รจนได”้ คดิ ดังนัน้ แลว้ จึงปรกึ ษาลูกชาย กต็ าม จะไดเ้ ปน็ เจา้ ของมรดกทัง้ หมด สว่ นเราจะมิได้
ว่า “ลูกเอย๋ ทีแ่ มจ่ ดั การใหล้ กู ไดม้ ีครอบครวั ก็โดย อะไรเลย ความรักของสามีก็จะทุ่มเทให้กับบุตรและ
หวงั จะได้หลานไวส้ บื วงศต์ ระกูลเรา แต่หญิงสะใภ้ เมยี นอ้ ยหมดเปน็ แน ่ เราตอ้ งหาทางขดั ไมใ่ หน้ างนมี้ ลี กู
เราก็เป็นหมันเสียอีก แม่เห็นจะต้องหาคนใหม่มา ให้จงได้”
ให้เจ้าอีกคน เพื่อจะได้มีลูก” “อย่าเลยแม่” บุตร วันหนึ่งเม่ือได้โอกาสจึงเข้าไปหาเมียน้อย แล้ว
ชายปฏเิ สธแขง็ ขนั “เพยี งคนเดยี วกพ็ ออยแู่ ลว้ ไมม่ ี ท�าทวี ่ารักใคร่และสนใจ เมื่อนางจะตั้งครรภ์ จึงสงั่ นาง
ลูกกช็ า่ งเถอะ” วา่ “นเี่ ธอ ถา้ รสู้ กึ วา่ จะตง้ั ครรภเ์ มอ่ื ใดละกต็ อ้ งรบี บอก
มารดาจงึ เซา้ ซบ้ี ตุ รเชน่ เคย เพอ่ื ใหร้ บั ภรรยา ฉนั นะ จะได้ให้ยาบา� รุงครรภ์ และชว่ ยทะนุถนอมให้มี
ไว้อีกคนหนึ่ง บุตรก็ปฏิเสธอยู่ตลอดเวลา ขณะท่ี ความสมบูรณ์ทั้งลูกและเธอ เวลาคลอดจะได้ลูกที่
แมล่ กู กา� ลงั สนทนากนั อยู่ ลูกสะใภแ้ อบได้ยิน จงึ สมบรู ณ”์ “จะ้ ” นางรบั คา� “ถา้ ฉนั ตง้ั ครรภเ์ มอื่ ใดจะรบี
คิดว่า “ตามธรรมดาลกู กับแมถ่ ึงจะปฏิเสธอย่างไร บอกทนั ท”ี
กค็ งใจอ่อนเขา้ หากนั สักวันหนง่ึ ถา้ เขาหาหญงิ ใหม่ อยู่มาไมช่ ้า นางชักเรม่ิ มีอาการของคนตงั้ ครรภ์
มาไดจ้ รงิ ๆ และมลี กู ดว้ ยกนั เรากจ็ ะตกอยใู่ นฐานะ เกดิ ขน้ึ ด้วยความซื่อจึงรีบไปบอกหญิงผูร้ ว่ มสาม ี นาง
ลา� บาก ถกู ใชแ้ บบทาส ถา้ กระไรเราตอ้ งหาหญงิ มา ได้ทราบดังน้ันจึงท�าทีเป็นดีใจที่จะได้ลูก กุลีกุจอหา
ใหเ้ สียเอง เพือ่ จะได้มีบุญคณุ ต่อกัน หญงิ นัน้ คงไม่ นา้� ท่าอาหารมาบา� รงุ บ�าเรอต่างๆ พอได้โอกาสจงึ แอบ
กลา้ ขม่ ขกู่ บั เราแบบทาสแน”่ ครนั้ คดิ ดงั นน้ั แลว้ จงึ ใสย่ าแทง้ ลกู ลงไปในของกนิ เมอื่ หญงิ มคี รรภก์ นิ เขา้ ไป
ไปหาตระกูลๆ หน่ึง บอกความประสงค์ว่า “น่ี ไม่นานก็แท้งลูกออกมา จึงเป็นอันว่าไม่ได้ลูกในคราว
แม่คุณ ฉันอยากจะขอบุตรของท่านไปเป็นภรรยา นน้ั
ของสามฉี นั ถา้ ทา่ นไมข่ ดั ขอ้ งฉนั จะไดจ้ ดั การใหเ้ ปน็ ครั้นอยูต่ อ่ มาอีกระยะหนึ่ง นางกเ็ ริม่ มคี รรภ์อีก
ไปตามประเพณที ุกประการ” จงึ บอกภรรยาเกา่ ตามเคย นางไดใ้ หย้ าแทง้ อกี จงึ ไมม่ ี
“นีน่ างผ้เู จริญ” บิดาของตระกลู น้นั ถามด้วย โอกาสได้ลูกเป็นคร้ังที่สอง คราวน้ีชาวบ้านและมิตร
ความสงสยั “ฉนั ไมเ่ คยไดย้ นิ มากอ่ นเลยวา่ ภรรยา สหายต่างพากันสงสัยว่า เหตุใดนางจึงแท้งลูกแล้วๆ
หาเมียใหม่ให้สามี นางเป็นบ้าไปเสียแล้วกระมัง” เลา่ ๆ ประกอบกบั สงสยั พฤตกิ รรมของเมยี หลวง จงึ พา
“ฉนั ไม่ได้บา้ ดอก ฉนั เปน็ หมนั แตง่ งานมาหลายปี กนั เข้าไปคุยและไต่ถามวา่ “สหายเอย๋ เหตุใดจึงแท้ง
ไม่มีบุตร ท่านก็ทราบแล้วว่าตระกูลท่ีไม่มีบุตรน้ัน ลกู ถงึ สองครง้ั เจา้ แทง้ ลกู เองหรอื มใี ครจงใจทา� ใหบ้ อก
จะเกิดอะไรขน้ึ ถา้ ลูกสาวท่านได้บตุ รข้ึนมากจ็ ะได้ มาเถดิ เราชว่ ยกันได้ก็จะช่วยทุกอยา่ ง”
รบั มรดกกอ้ นใหญจ่ ากสามฉี นั โปรดใหธ้ ดิ าของทา่ น “ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดฉันจึงแท้ง”
ไปเถิด” นางตอบพรอ้ มกับร้องไห ้ “หญิงที่รว่ มผัวกับเธอ ได้ท�า
พ่อแม่ของนางเม่ือไดฟ้ ังดังน้ันกเ็ หน็ ดว้ ย จงึ อะไรกับเธอบ้างหรือเปล่า” นางจึงเล่าพฤติกรรม
ยินดีมอบลูกสาวให้ไป นางจึงพาไปจัดการตกแต่ง ทงั้ หมดทเ่ี ขาไดท้ า� กบั เธอใหเ้ พอื่ นบา้ นฟงั เพอื่ นบา้ นทงั้
ให้สามีตามประเพณี และอยู่ร่วมกันโดยปกติสุข หลายพากันแน่ใจว่า การกระท�าครั้งน้ีเป็นน้�ามือของ
211
หญงิ รว่ มผวั แนน่ อน จงึ กลา่ วสอนนางวา่ “แมน่ างเอย๋ อาฆาต นางจงึ ไปเกดิ เปน็ นางแมว อยใู่ นบา้ นสามนี นั้
เจา้ มนั แสนโงเ่ สยี จรงิ ผรู้ ว่ มผวั กบั เธอกลวั วา่ เจา้ จะมี เอง เมอื่ สามที ราบขอ้ เทจ็ จริงว่า การตายของภรรยา
ลูก สมบตั จิ ะตกอยู่แก่เจ้าคนเดียว จงึ ไมอ่ ยากให้ม ี และลูกท้ังสาม เพราะนางเมียหลวงฆ่า จึงบันดาล
ได้ใช้ยาอย่างแรงแอบใส่ภาชนะน�้าด่ืม เม่ือเธอด่ืม โทสะอยา่ งแรง จบั มวยผมนางไดก้ ป็ ระเคนทงั้ มอื ไม้
แลว้ จงึ ทา� ใหเ้ ธอแทง้ ลกู ตอ่ ไปน ้ี เวลาตงั้ ครรภจ์ งอยา่ ศอกและเข่า อย่างไม่ปรานี แม้นางจะล้มลุกคลุก
บอกแกน่ างนนั้ โดยเดด็ ขาด มฉิ ะนนั้ เจา้ จะตอ้ งถงึ กบั คลานร้องขอชีวิตอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด โบยตีจน
ชีวิต” กระท่ังนางสลบไป นางจึงล้มเจ็บลงและมีอาการ
ตอ่ มาเมอื่ นางตงั้ ครรภ ์ จงึ พยายามปกปดิ มใิ ห้ เพียบลงทกุ ท ี จนกระทงั่ ตายไปในไมช่ า้
หญงิ รว่ มผวั ทราบโดยเดด็ ขาด นางจงึ ตง้ั ทอ้ งใหญข่ น้ึ ดว้ ยอกศุ ลกรรมทสี่ รา้ งไวท้ า� ใหน้ างเกดิ เปน็ ไก่
ทุกวนั ๆ จนกระท่งั มองเห็นชดั หญงิ ร่วมสามีจงึ ถาม ตัวเมีย ในบ้านสามีเก่านั้น อ�านาจการจองเวร
ว่า “น่ีเธอเธอตง้ั ครรภ์แลว้ หรอื เหตใุ ดเธอจงึ ไมบ่ อก บนั ดาลใหเ้ มยี นอ้ ยเกดิ เปน็ นางแมว ใหเ้ มยี หลวงเกดิ
เหมอื นคราวกอ่ นๆ เลา่ ” “เธอเปน็ หญงิ ใจรา้ ย ฆา่ ลกู เป็นนางไก่ อยู่อาศัยในบ้านเดียวกัน เมื่อนางไก่
ในทอ้ งฉนั ถงึ สองคน แลว้ เหตใุ ดจงึ จะบอกเธอในครง้ั เจรญิ วยั ออกไขอ่ อกลกู นอ้ ยมาหลายตวั นางแมวเหน็
นเ้ี ลา่ ” กล่าวแล้วรบี เดนิ หลีกไป ลกู ออ่ นไก ่ ก็ไลต่ ะปบกินวันละตัวสองตวั จนหมดไป
เมียหลวงคิดว่า “คราวน้ีเห็นจะไปไม่รอดแน่ คร้ันกินลูกไกจ่ นหมดแล้ว จงึ ใครอ่ ยากกนิ เนอื้ แม่ไก่
แลว้ ถงึ อย่างนั้น เรากจ็ ะพยายามให้ถงึ ที่สุด จะฆ่า อีก จงึ แอบเขา้ ไปในรงั ควา้ คอแมไ่ กไ่ ด้ พาออกไป
ลูกในท้องนางให้จงได้” ตั้งแต่น้ันมา ก็พยายามหา กลางทุ่ง แลว้ ฉีกเนื้อกินเสีย นางไก่เม่อื จวนจะตาย
โอกาส วนั หนึ่งนางสบโอกาสเหมาะ จงึ ประกอบยา ได้ตง้ั จติ อธษิ ฐานจองเวรในนางแมววา่ “นางแมวมนั
อยา่ งแรง แอบใสล่ งในภาชนะอาหารของเมยี นอ้ ยจน ใจร้าย กินลูกเราหมดท้ังครอก เท่านั้นยังมิหน�าใจ
ได้ เมียน้อยเม่ือได้รับอาหารเข้าไปไม่นาน ก็เกิด ยงั มากดั เรากนิ เปน็ อาหารอกี ถา้ ขา้ พเจา้ เกดิ อกี ชาติ
อาการปวดท้องทุรนทุราย ท�าอาการเหมือนคนจะ หนึ่ง ขอให้ได้มีโอกาสกินมนั พร้อมท้งั ลูกเป็นการแก้
คลอดบตุ ร แตไ่ มส่ ามารถคลอดออกมาได ้ เพราะเดก็ แค้นให้จงได”้
ได้ตายด้วยพิษยานอนขวางทางคลอดอยู่ หมอและ เมื่อเสร็จอธิษฐานก็สิ้นใจแล้วไปเกิดเป็นเสือ
ชาวบ้านได้ช่วยกนั จนสดุ ความสามารถ กไ็ มอ่ าจน�า เหลอื งอยู่ในปา่ อยู่มาไม่ช้านางแมวก็ตาย และเกดิ
บุตรออกจากท้องได้ นางปวดทุรนทุรายแสนสาหัส เป็นนางเน้ืออยูใ่ นปา่ ไม่ไกลจากนางเสอื เหลอื ง ดว้ ย
ไมอ่ าจทนความเจบ็ ปวดได ้ มอี าการรอ่ แรใ่ กลจ้ ะตาย อา� นาจเวรทีจ่ องกันไว้ เมอ่ื นางเน้ือออกลูกมาครง้ั ใด
กอ่ นตายนางไดอ้ ธษิ ฐานขอจองเวรแกน่ างเมยี ก็ถูกนางเสือเหลืองแอบมาลักเอาไปกินเสียทุกคร้ัง
หลวงวา่ “นางใจรา้ ยไดท้ า� ลายขา้ พเจา้ อยา่ งโหดเหยี้ ม จนกระทั่งวาระสุดท้าย นางเสือเหลืองมาไม่พบลูก
ท�าลายลกู เราตายในทอ้ งถงึ สามคน บดั นมี้ นั ท�าลาย จึงจบั ตัวนางเนอ้ื คาบเอาไป เมอ่ื จวนจะตาย นางเน้อื
แม้ตวั ข้าพเจา้ เอง ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้ามไิ ด้ท�าผิดคิดรา้ ย ไดต้ ้ังใจจองเวรไวว้ า่ “ขา้ พเจา้ มิได้ท�าผิดคิดรา้ ยใด ๆ
ต่อมันเลย เมื่อข้าพเจ้าสิ้นใจไปแล้ว ขอได้เกิดเป็น ตอ่ นางเสอื เหลอื งเลย นางมาจบั ลกู เราไปกนิ ยงั มพิ อ
นางยักษ ์ กลบั มากินลูกของมันใหส้ มแค้นบ้างเถดิ ” ยงั มาจบั เราไปกนิ อกี ขา้ พเจา้ ขอตง้ั ปฏญิ าณวา่ ถา้ เกดิ
เมอ่ื นางตงั้ อธษิ ฐานขอจองเวรตอ่ นางนนั้ จบลง ชาติตอ่ ไป ขอใหไ้ ด้มีโอกาสกินลูกของมันบา้ ง”
ก็สนิ้ ใจ ณ บัดนน้ั ดว้ ยอา� นาจจติ ประกอบด้วยความ เมื่ออธิษฐานเสร็จก็สิ้นใจแล้วไปเกิดเป็นนาง
212
ยกั ษ ์ ฝา่ ยนางเสอื เหลอื งตายไปในระยะใกล ้ ๆ กนั ไปในสระ ครน้ั เสร็จธรุ ะแล้วรับลกู รอสามีอยู่ขอบสระ
จึงไปเกิดเป็นธิดาแห่งตระกูลหน่ึงในกรุงสาวัตถ ี ใหส้ ามลี งอาบบา้ ง
เมอ่ื เจรญิ วัยก็ได้แต่งงานตามประเพณี และต่อมา ขณะที่นางยืนรอสามีให้ลูกดื่มนมอยู่ ก็เหลือบ
ไดม้ บี ตุ รคนหนงึ่ นางยกั ษท์ ราบวา่ นางนนั้ มลี กู แลว้ ไปเห็นนางยักษ์เดินรี่เข้ามาหา จึงตะโกนบอกสามีว่า
ด้วยอ�านาจเวรบันดาล ท�าให้นางปลอมเพศเป็น “นางยกั ษิณีมาแลว้ รีบขึน้ มาโดยเร็วเถดิ ” วา่ แล้วกอ็ ุ้ม
หญิงสหายรักเข้าไปเย่ียมเยือน ถามชาวบ้านว่า ลกู วงิ่ ตรงไปยงั มหาวหิ ารในทนั ท ี ขณะนนั้ พระพทุ ธองค์
“นางท่ีคลอดบุตรวันน้ีเป็นสหายกัน ฉันอยากจะ กา� ลงั แสดงธรรม ณ ท่ามกลางบริษทั นางวางบุตรลง
เข้าไปเย่ยี มสักหนอ่ ย ไม่ทราบว่าได้หญิงหรอื ชาย แทบเทา้ พระพทุ ธเจา้ แลว้ ทลู ออ้ นวอนวา่ “หมอ่ มฉนั ขอ
อยากเข้าไปเยีย่ มใหถ้ งึ ท่ี นางคลอดอยหู่ อ้ งไหน” ถวายบตุ รนแ้ี ดพ่ ระองค ์ ขอไดโ้ ปรดชว่ ยชวี ติ บตุ รหมอ่ ม
เมอ่ื คนในบา้ นชใี้ หด้ ู จงึ เดนิ เขา้ ไปยงั ทไี่ วเ้ ดก็ ฉนั ดว้ ยเถดิ พระเจา้ ขา้ ”
จบั ไดก้ ฉ็ กี เนอ้ื กนิ เสยี แลว้ รบี ซอ่ นตวั หนอี อกไปได ้ ขณะน้ัน นางยักษ์มาถึงประตูพระวิหาร ถูก
เม่ือนางคลอดวาระที่สอง นางยักษ์ก็ปลอมตัวมา เทพยดาผู้สิงท่ีประตูห้ามไว้ จึงไม่สามารถเข้าไปได้
ตามเคย จับฉีกเนอ้ื ลูกนางกนิ แล้วกห็ นไี ปอีก พอ พระศาสดาจงึ รบั สงั่ เรยี กพระอานนทเถระมา แลว้ ตรสั
ตั้งครรภ์จวนคลอดคร้ังที่สาม นางได้ปรึกษากับ ใหน้ า� นางยักษ์มาเฝ้า เม่อื นางยักษณิ ีนงั่ เฝา้ ณ สถาน
สามวี ่า “พอ่ จ๋า ฉนั คลอดบุตรที่น่ี ๒ ครัง้ มนี าง ทข่ี า้ งหนง่ึ พระองคจ์ งึ ตรสั ถามนางยกั ษว์ า่ “เหตไุ รเธอ
ยกั ษป์ ลอมตวั มากนิ ลกู เราไดท้ ง้ั ๒ ครงั้ คราวนถ้ี า้ จงึ ทา� อยา่ งน ้ี ถา้ พวกเธอมไิ ดม้ โี อกาสพบคนเชน่ เรา เวร
คลอดท่ีนี่อีกก็คงไม่พ้นเงื้อมมือของมัน ฉันอยาก ทผี่ กู กนั ไวจ้ ะยดื เยอ้ื ไปชวั่ กาลนาน เหมอื นงกู บั พงั พอน
จะไปคลอดเสียทบี่ า้ นแม ่ พีต่ ระเตรยี มการไว้ด้วย หมกี ับไมต้ ะคร้อ และกากบั นกเค้า ซง่ึ มเี วรต่อกันมา
เถิด” สามเี ห็นด้วย เม่ือใกล้คลอดจงึ พากันอพยพ ชวั่ กปั กลั ป ์ จงจา� ไวว้ า่ เวรนนั้ ยอ่ มไมส่ นิ้ สดุ ดว้ ยการจอง
ไปบา้ นฝ่ายภรรยา เวร แตเ่ วรจะสน้ิ สดุ ลงด้วยการไม่จองเวร”
ฝ่ายนางยักษ์เมื่อครบก�าหนดท่ีกะไว้ ก็รีบ แลว้ ตรสั อธิบายตอ่ ไปว่า “เม่ือคนหนึ่งผกู เวรไว้
มายังบ้านเดิม เพ่ือกินลกู นางอกี ครน้ั มาถึงไมพ่ บ กับอีกคนหนึ่งแล้ว ถ้าผู้นั้นไม่ระงับเสีย กลับจองเวร
จงึ ถามชาวบา้ นวา่ “สหายเราทอ่ี ยบู่ า้ นนไี้ ปไหนเสยี กนั ตอ่ ไปอีก เวรจะไมม่ ีวนั สิ้นสุด มแี ตท่ างขยายกวา้ ง
ขา้ พเจา้ มาเยยี่ มวนั นไ้ี มพ่ บ” “จะพบไดอ้ ยา่ งไรเลา่ ” ขวางยิ่งขึ้น เปรียบเหมือนต้องการล้างสถานท่ีเปรอะ
ชาวบา้ นตอบ “กน็ างนน้ั คลอดบตุ รทนี่ ส่ี องครง้ั ถกู ดว้ ยของไม่สะอาด เช่น น้�าลาย เสลด เปน็ ต้น แทนท่ี
นางยักษ์จบั ไปกินหมด คราวน้ีจึงตอ้ งหนีอพยพไป จะเอาของสะอาดไปช�าระ กลับเอาของสกปรกไปราด
คลอดบา้ นพอ่ เขา” รด แทนที่จะสะอาดกลับเหม็นหนักขึ้น ตรงกันข้าม
นางยกั ษค์ ดิ วา่ “ไมว่ า่ นางจะหนไี ปไหนกต็ าม เวรยอ่ มระงบั ดว้ ยการไมจ่ องเวร เปรยี บเหมอื นคนลา้ ง
เราจะตอ้ งตามจนพบจนได้” คดิ แลว้ รีบตดิ ตามไป ทอี่ นั สะอาดดว้ ยนา�้ หอมทจี่ ะบรสิ ทุ ธแิ์ ละมกี ลน่ิ หอมได ้
โดยเรว็ ขณะนน้ั นางคลอดลกู แล้ว ถึงกา� หนดวัน การระงับเวรด้วยการไม่จองเวร จึงเป็นวิธีท่ีบัณฑิตใช้
ต้ังช่ือก็ตั้งใจจะน�ากลับไปบ้านของตน สองสามี มาแต่โบราณกาลแลว้ ”
ภรรยาจึงออกเดินทางผ่านมาทางพระวิหารพระ เมอ่ื จบเทศนา นางยกั ษณิ ไี ดบ้ รรลโุ สดาปตั ตผิ ล
เชตวัน ถึงสระโบกขรณีเห็นน�้าใสสะอาดอยากลง หมดการจองเวรตอ่ ไป เมอ่ื ทรงเหน็ เชน่ นน้ั พระองคจ์ งึ
อาบลูบตัวให้สบาย ภรรยาจึงส่งลูกให้สามีแล้วลง ตรัสกับนางว่า “เธอจงส่งบุตรให้นางยักษิณีอุ้มเถิด”
213
“หมอ่ มฉนั กลวั ” นางตอบดว้ ยหนา้ ตาตน่ื กลวั “ไมต่ อ้ งกลวั ดอกนอ้ งหญงิ นางยกั ษณิ ี
เป็นคนไม่มีภัยต่อใครแล้ว” นางจึงส่งบุตรให้ นางยักษิณีรับบุตรแล้วจึงสวมกอด
แสดงความรกั คลา้ ยลูกของตวั ครั้นสง่ บตุ รคืนมารดาแล้วกร็ ้องไหส้ ะอกึ สะอ้นื อยู่
พระพุทธองค์จึงตรัสถามว่า “เป็นอะไรไปเล่า แม่ยักษิณี” นางกราบทูลว่า
“พระพทุ ธองคผ์ เู้ จรญิ เมอื่ กอ่ นหมอ่ มฉนั หากนิ ตามสบาย ยงั ไมไ่ ดอ้ าหารพอกนิ เตม็
ทอ้ งเลย ตอ่ ไปนจ้ี ะตอ้ งหากนิ ในวงจา� กดั จะมคิ บั แคน้ มากกวา่ นห้ี รอื หมอ่ มฉนั นกึ ถงึ
ข้อน้จี ึงร้องไห้” “อยา่ กลวั เลย แม่ยกั ษณิ ”ี พระพทุ ธองค์ทรงปลอบใจ แล้วตรสั กับ
หญงิ นนั้ วา่ “เธอจงนา� นางยกั ษณิ ไี ป แลว้ ใหอ้ ยใู่ นเรอื นเจา้ แลว้ ใหข้ า้ วนา�้ ตามสมควร
เถดิ ” หญิงนน้ั พานางยกั ษณิ ีไปอยทู่ บ่ี า้ น บา� รงุ ดว้ ยขา้ วนา�้ ตามกา� ลงั ส่วนนางยกั ษณิ ี
ก็มิได้นิ่งดูดาย พยายามช่วยเหลือท�าผลประโยชน์เป็นการตอบแทน อาศัยที่นางรู้
เร่อื งดนิ ฟ้าอากาศดี นางกบ็ อกฤดกู าลใหค้ รอบครวั ไดเ้ ตรียมการทา� นาทนั เวลา ปีใด
ฝนดีตน้ ปี ควรท�าแต่เน่นิ กบ็ อกเตือนใหท้ �าแต่เนนิ่
สองสามภี รรยาอาศยั การบอกของนางยกั ษณิ ี จงึ ทา� นาไดผ้ ลดกี วา่ เจา้ อนื่ และ
มง่ั ค่ังร่า� รวยในปตี ่อมา ได้เป็นอย่ตู ามสมควร จนถงึ กาลอวสานแห่งชวี ติ
ชาดกเรือ่ งนีม้ ีคติมุ่งสอนเรื่องเก่ียวกบั การจองเวรวา่ การจองเวรมุ่งแก้แค้น
ต่อกนั และกันนนั้ กม็ ิผิดอะไรกับการสาดน้า� รดกัน ฝา่ ยหน่งึ สาดมา อกี ฝ่ายหนงึ่
สาดตอบ ก็คงเปียกปอนด้วยกันทั้งสองฝ่าย เมื่อมนุษย์เรามุ่งท�าร้ายกัน มุ่งแก้
แค้นกันไปแลว้ ย่อมจะต้องกระท�าตอบตอ่ กนั ไม่มีทส่ี ิ้นสุด การจองเวรจงึ มิใชว่ ิธี
การลบลา้ งกนั อยา่ งทเี่ ราเขา้ ใจ แตเ่ ปน็ การชว่ ยกนั เพม่ิ ภาระในการแกแ้ คน้ กนั และ
กนั ทง้ั สองฝา่ ย ทา่ นเปรยี บเหมอื นการชา� ระลา้ งสถานทสี่ กปรกซง่ึ จะลา้ งใหส้ ะอาด
ตอ้ งใชข้ องสะอาดมาเช็ดจงึ จะได้ผล ถา้ ใช้ของสกปรกเหมอื นกนั ไปเช็ด ก็ยิง่ เพ่ิม
ความสกปรกใหม้ ากขนึ้ เปน็ ทวคี ณู เวรกเ็ ปน็ เหมอื นของสกปรก เพราะเปน็ มลทนิ
ของจติ ใจ ถา้ เอาการจองเวรไปแก้ กเ็ พม่ิ เวรมากขึ้น
พระพุทธองค์จึงตรัสสอนว่า “เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่เวรจะ
ระงบั ไดก้ ด็ ว้ ยการหยดุ ไม่จองเวรซง่ึ กนั และกนั ” จึงควรถอื เปน็ คตธิ รรม ประจ�า
ใจตอ่ ไป ดังภาษิตในโลกนติ ิผูกไวว้ า่
นา้� เหมน็ ลา้ งสงิ่ เหน้า ไฉนหยุด
มล้างอทุ กบริสทุ ธิ์ เส่อื มร้าย
คนเวรก่อเวรประทุษ ทวีโทษ
เอาอเวรระงับหงา้ ย อาจสิน้ สูญเวร
(กาลยี ักขนิ ิยา อุปปัตตวิ ัตถุ อรรถกถา ขทุ ทกนิกาย
ธรรมบท ยมกวรรค เลม่ ๑๗ หนา้ ๔๗)
214
215
อานภุ าพบุญ
“คนดตี กนา� ไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้”
นานมาแลว้ ในเมอื งโกสมั พ ี มบี รุ ษุ ผหู้ นง่ึ มอี าชพี ในทางรบั จา้ งเลย้ี งโค คน
มอี าชพี ประเภทนี้ เขาเรยี กวา่ นายโคบาล นายโคบาลผู้นเ้ี ป็นคนใจบญุ สนุ ทาน
แมจ้ ะมอี าชพี ทางรบั จา้ ง กย็ งั นมิ นตพ์ ระปจั เจกพทุ ธเจา้ มาฉนั ในบา้ นเปน็ ประจา�
ในบา้ นของนายโคบาลมสี ุนัขเล้ียงตัวหน่ึงเป็นตัวเมีย นางสุนัขออกลูกมา
ตัวหนึ่ง รปู รา่ งนา่ รกั มาก อาศยั ทน่ี ายโคบาลเปน็ คนใจเมตตาอารี มีเมตตาแม้
กบั สตั ว ์ จงึ เลย้ี งดลู ูกสุนขั อยา่ งด ี ใหน้ �า้ นมจากแมโ่ คกินเป็นประจ�า ลูกสนุ ัขจึง
เจริญเติบโตน่ารักย่ิงข้ึน ไม่ว่าเจ้าของจะไปไหน ลูกสุนัขมักตามไปด้วยเสมอ
ตามปกตนิ ายโคบาล เมอ่ื วา่ งงานกม็ กั ไปอาศรมพระปจั เจกพทุ ธเจา้ เพอื่ สนทนา
ธรรมสากจั ฉาเปน็ นติ ย ์ ทางทจ่ี ะไปหาพระปจั เจกพทุ ธเจา้ ตอ้ งผา่ นดง ซงึ่ เตม็ ไป
ดว้ ยสตั วร์ า้ ยนานาชนดิ เมอ่ื เดนิ ไปถงึ ดงทบึ กต็ อ้ งเอาไมฟ้ าดกอไมท้ า� เสยี ง “สสุ ”ุ
เพอื่ ไลส่ ตั วร์ า้ ยไปเสยี กอ่ น แลว้ จงึ เดนิ ผา่ นไป สนุ ขั นอ้ ยตามไปดว้ ยเสมอ มนั จงึ
เกิดความคุ้นเคยและรักใคร่ในพระปจั เจกพุทธเจา้ ยง่ิ นัก
วนั หนง่ึ นายโคบาลทลู พระปจั เจกพุทธเจา้ ว่า “ท่านขอรบั สุนขั นอ้ ยตัวนี้
มันแสนรู้ ใช้ได้ทุกอย่าง หากวันใดข้าพระพุทธเจ้าไม่ได้มาเพราะมีธุระจ�าเป็น
จะส่งสุนขั ตวั นม้ี ายังส�านัก ขอไดโ้ ปรดไปกบั สนุ ัขนเ้ี องเถดิ ” ตั้งแต่น้ันมา วนั ใด
ทน่ี ายโคบาลไมส่ ามารถไปเฝ้าพระปจั เจกพทุ ธเจ้าได้ ก็ส่งสนุ ขั ไป
ตา� นานเลา่ วา่ สนุ ขั ของนายโคบาลเปน็ สนุ ขั แสนร ู้ นอกจากจา� ทางไดอ้ ยา่ ง
แมน่ ย�าแล้ว ยังจา� กริ ิยาอาการทุกอย่างทีเ่ จ้าของทา� ในขณะเดินทางได้ดว้ ย เมอ่ื
เดินทางไปถึงทางมีไมห้ นาทึบ ซึง่ เจา้ ของเคยท�าเสยี ง “สุส”ุ เพื่อไลส่ ตั วร์ า้ ย มนั
จะเห่าข้นึ ๓ คร้ัง เหน็ สัตว์หนีแล้วจงึ เดนิ ต่อไป เม่ือถงึ อาศรมพระปจั เจกพทุ ธ
เจ้ากเ็ ห่าขึน้ ๓ คร้งั พระปจั เจกพุทธเจา้ ทราบจงึ เปิดประตรู บั ในเวลาเดนิ กลับ
บ้านมันจะวิ่งข้ึนหน้า บางคราวพระปัจเจกพุทธเจ้าต้องการทดลองความฉลาด
จึงแกล้งเดินผิดทางเสีย เจ้าสุนัขแสนรู้ก็รีบว่ิงไปขวางทางไม่ยอมให้ไป
พระปจั เจกพทุ ธเจา้ แกลง้ เขย่ี ใหห้ ลกี แลว้ เดนิ ตรงไปอกี สนุ ขั กว็ ง่ิ เขา้ งบั ชายจวี ร
แลว้ ดงึ ใหไ้ ปในทางทีถ่ กู จนได้
216
คราวหน่งึ จวี รของพระปจั เจกพทุ ธเจ้าเก่าใช้ สุนัขแสนรู้ของนายโคบาล รักและบูชา
ไมไ่ ดแ้ ลว้ จงึ ปรารภกบั นายโคบาลวา่ “อบุ าสก เวลา พระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยน�้าใจ ด้วยอานิสงส์เลื่อมใส
นี้จีวรอาตมาก็เก่าใช้ไม่ได้แล้ว จ�าเป็นต้องเปลี่ยน ในผู้มีศีลสูงสุด จึงบันดาลให้ไปเกิดในสุคติชั่วกาล
ใหม่ อาตมาตอ้ งลาไปเพ่อื หาจีวร ขอใหอ้ ยเู่ ป็นสุข นาน ครนั้ เสวยสขุ สมควรแลว้ จงึ จตุ ไิ ปเกดิ เปน็ มนษุ ย ์
เถิด” ด้วยเศษบาปอันมีอยู่ก่อนน้ัน จึงมาเกิดในท้องหญิง
โสเภณี ในกรุงโกสัมพี นับแต่มาบังเกิดในท้องนาง
นายโคบาลจึงทูลว่า “โปรดอย่าไปเลย ข้า โสเภณรี วมเวลาได ้ ๙ เดอื น จงึ คลอดออกมา พอนาง
พระพุทธเจ้าจะจัดทา� จวี รให ้ ณ ทน่ี ่แี หละ” “อย่า ทาสีบอกว่าเป็นชาย นางโสเภณีผู้มารดาเสียใจ
เลยอบุ าสก” พระปัจเจกพุทธเจ้าทัดทาน “การท�า เพราะตามธรรมดาหญิงโสเภณีต้องการแตบ่ ตุ รหญิง
จวี รเปน็ ของยาก ตอ้ งอาศยั กา� ลงั คนมาก อาตมาจะ จะได้สืบต่ออาชีพจากตนได้ เม่ือได้ลูกเป็นชายเกิด
ไปหาทสี่ ะดวกๆ แล้วจะกลับมาภายหลัง” “ถ้าเชน่ ความไมพ่ อใจ จงึ เรียกนางทาสีทีไ่ ว้ใจคนหนง่ึ แล้วสั่ง
นั้น โปรดอยา่ อยู ่ ณ ที่นัน้ เลย กลบั มาโดยเร็วเถดิ วา่ “แม่ ทาสี ลกู เราเปน็ ชาย ไม่มีประโยชนอ์ ะไรแก่
พระเจ้าข้า” แล้วจึงส่งพระปัจเจกพุทธเจ้ากลับไป เรา จงเอาลกู เราไปใสก่ ระดง้ เอาผา้ คลมุ แลว้ ไปทง้ิ เสยี
สุนัขหมอบอยู่ใกล้ๆ เห็นอาการของเจ้าของเศร้า ทกี่ องขยะเด๋ียวนี”้ นางทาสรี ับคา� แลว้ จดั แจงตามท่ี
และพระปัจเจกพุทธเจ้าก็หายไป มันจึงรู้ว่า นายบอก แล้วเอาไปทง้ิ ไวท้ ่กี องขยะ สุนัข กา และ
พระปจั เจกพทุ ธเจ้าจากไปเสียแลว้ ต้ังแตน่ ั้นก็เกิด สตั วอ์ นื่ ๆ ตา่ งพากันแวดลอ้ มทารกนน้ั โดยรอบ แต่
ความเสยี ใจไมเ่ ป็นอนั กนิ อนั นอน ประกอบกับโรค ไม่อาจท�าอันตรายได้ ทั้งนี้ด้วยอานิสงส์ที่ทารกเคย
สนุ ัขเกิดขน้ึ จึงตายในระยะน้ันเอง เป็นสุนัขและเห่าไล่สัตว์ร้ายให้พระปัจเจกพุทธเจ้า
กระท่ังมีชายผู้หน่ึงออกไปจากบ้าน ผ่านมาเห็นกา
โบราณกล่าวว่า ระหว่างใจของสัตว์และ และสุนัขแวดล้อมห่อผ้าก็เข้าไปดู เห็นเด็กทารกยัง
มนษุ ยน์ น้ั ถา้ มองในแงข่ องความซอ่ื ตรงแลว้ ใจสตั ว์ หายใจอย ู่ ดีใจวา่ เราไดล้ กู แลว้ จึงรีบอุ้มไปใหภ้ รรยา
ตรงกวา่ มนษุ ย ์ เพราะสตั วด์ ริ จั ฉานเมอื่ มอี ะไรอยใู่ น ท้ังสองผัวเมียเกิดความรักเหมือนลูกตัว ช่วยกัน
ใจกแ็ สดงให้เหน็ กันโตง้ ๆ ตรงไปตรงมา เช่น โกรธ ประคบประหงมจนปกตติ ่อมา
ก็แสดงอาการให้รู้ว่าโกรธทางท่าทางและน้�าเสียง
ถา้ รกั กแ็ สดงใหร้ วู้ า่ รกั การอา่ นนา้� ใจสตั วจ์ งึ งา่ ยกวา่ คร้งั น้ันมีเศรษฐกี รุงโกสมั พผี ู้หนง่ึ จะเดนิ ทาง
มนษุ ย์ เพราะมนุษยป์ ากพูดไปอย่างหน่ึง แตใ่ จคิด ไปราชส�านัก พบปุโรหิตาจารย์ในระหว่างทางขณะ
ไปเสียอีกอย่างหนึ่ง ท่ีเรียกกันว่า “ปากปราศรัย เดนิ ออกมาจากพระราชนเิ วศ จงึ ทกั ทายปราศรยั แลว้
หวั ใจเชอื ดคอ” หรอื ทีก่ ลา่ วกันวา่ “ปากอย่างหนง่ึ ถามว่า “ท่านอาจารย์วันนี้ตรวจดูฤกษ์ยามแล้วหรือ
ใจอย่างหน่ึง” ดังมีภาษิตในโลกนิติกล่าวเปรียบ จะมเี หตกุ ารณอ์ ะไรเกดิ ขนึ้ บา้ งไหม?” ปโุ รหติ จงึ ตอบ
เทียบว่า วา่ “ตรวจดเู รยี บรอ้ ยแลว้ ทา่ นเศรษฐ ี เหตกุ ารณว์ นั น้ี
ไม่เกี่ยวกับพวกเรา แต่เกี่ยวกับการบ้านเมือง คือ
มหาสมุทรสุดลึกล�้า คณนา ทารกท่ีเกิดในวันนี้ จะได้รับต�าแหน่งมหาเศรษฐี
สายดงิ่ ทิง้ ทอดมา หยงั่ ได้ ประจา� เมอื ง”
เขาสงู อาจวัดวา ก�าหนด
จติ มนุษย์นี้ไซร้ ยากแทห้ ย่ังถึง
217
เศรษฐนี กึ ขน้ึ ไดว้ า่ ภรรยาของตนกา� ลงั มคี รรภ์ เหยียบเด็กน้ีแหลกไป แล้วเจ้าต้องคอยเฝ้าดูจนวัว
แก่ อาจคลอดในวนั นกี้ ็ได ้ จงึ สง่ั ใหค้ นใช้รบี ไปเรอื น เหยียบตายสนิทแล้ว จงมาบอกแกเ่ รา” นางกาลกี ็
เพอื่ ดวู า่ ลกู ของตวั จะคลอดในวนั นห้ี รอื ไม ่ ถา้ คลอดก็ ท�าตามเศรษฐีสั่ง เอาเด็กไปวางไว้ปากคอกแต่เช้า
จะได้รับตา� แหนง่ มหาเศรษฐปี ระจ�าเมอื ง ครนั้ คนใช้ ตร ู่ แลว้ คอยแอบดอู ย ู่ ณ ทีซ่ ่อนแหง่ หนึง่
กลับมารายงานว่ายังไม่มีทีท่าว่าจะคลอดเลย นึก
เสยี ใจ รบี เขา้ เฝา้ พระราชาแลว้ กลบั บา้ นโดยเรว็ เรยี ก ตามปกตเิ มอ่ื ววั ออกจากคอกนั้น ววั ลกู ฝงู จะ
นางทาสีช่ือกาลีคนสนิทมาสั่งเป็นความลับว่า “แม่ ออกกอ่ น โคอุศภะซึ่งเป็นหัวหนา้ ฝูงจะออกมาภาย
กาลี เจ้าจงไปสืบดูให้ท่ัวเมืองว่ามีทารกใดบ้างท่ีเกิด หลงั ดว้ ยเดชะอา� นาจบญุ ของทารก วนั นน้ั โคหวั หนา้
ในวันน้ี พบแล้วจงทุ่มเงินซ้ือมาให้จงได้ และจงเก็บ ฝงู ออกก่อนโคตวั อื่น แล้วมายนื คร่อมเด็กไว ้ ปลอ่ ย
เร่ืองนเี้ ป็นความลับ” ใหโ้ คทง้ั หลายหลกี ออกไปโดยไมเ่ หยยี บเดก็ ครน้ั โค
ตัวอ่ืนผ่านไปหมดแล้ว จึงเดินตามไป คนเล้ียงโค
นางกาลรี บั มอบเงนิ แลว้ จงึ ออกสบื เสาะหาเดก็ สงสัยว่า “โคตัวนี้เคยออกทีหลังทุกวัน วันนี้ออก
เกิดในวันน้ี พอดีเข้าไปในบ้านของชายที่เก็บเด็กได ้ ก่อน แล้วไปยืนเฉยอยู่ไม่ยอมเดิน เกิดอะไรข้ึน
จึงเข้าไปถามว่า “น่ีแน่ะแม่คุณ เด็กของเธอคลอด หนอ” คดิ ดังนนั้ แล้ว จึงเดินไปยังทโ่ี คยนื อยู่ เหน็
ตง้ั แต่เม่อื ไร?” “คลอดเมือ่ วนั นี้เองจ้ะ พอ่ เขาเก็บมา เด็กทารกนอนอยู่ก็ดใี จว่า “เราไดบ้ ุตรแล้ว” จงึ อุม้
ได”้ หญงิ ภรรยาตอบ นางกาลจี งึ หว่านลอ้ มวา่ “เธอ เด็กนั้นข้ึนเรือน เรียกภรรยาให้มาเล้ียงดูประคบ
กฐ็ านะไม่คอ่ ยด ี ขืนเลย้ี งไปกจ็ ะล�าบาก เราอยากได้ ประหงมอย่างด ี มคี วามรกั เหมอื นลกู ในไส้
ลูก เธอเอาเงินไปดกี ว่าให้เดก็ คนนี้แกเ่ ราเถิด ฉันให้
เธอหนงึ่ พนั กหาปณะพอใจไหม?” ภรรยาบรุ ษุ นนั้ เหน็ ฝ่ายนางกาลีเห็นเหตุการณ์เช่นน้ัน จึงน�า
เงินพนั กหาปณะแลกกบั เด็กท่ตี นตอ้ งเป็นภาระเล้ียง ความไปแจง้ ใหเ้ ศรษฐที ราบ เศรษฐจี งึ มอบเงนิ ไปอกี
ด ู กร็ บี รบั เงินและมอบเด็กใหใ้ นทนั ท ี นางกาลจี งึ นา� หนงึ่ พัน เพ่ือเอาเดก็ นน้ั คนื มาให้ได้ นางกาลจี งึ นา�
ไปมอบให้เศรษฐ ี เงินไปขอซื้อคืนจากภรรยานายโคบาล แล้วน�ามา
มอบใหเ้ ศรษฐ ี อยมู่ าระยะหนงึ่ เศรษฐกี ลา่ วกบั นาง
เศรษฐีคิดว่า “เด็กคนน้ีเป็นชาย ถ้าลูกเรา กาลีว่า “เฮ้ย นางกาลี คราวนี้เจา้ อยา่ ใหพ้ ลาดได้
คลอดออกมาเป็นหญงิ เราจะใหแ้ ต่งงานกนั เสีย ลกู ในพระนครนม้ี กี องคาราวานกลมุ่ หนง่ึ ประกอบดว้ ย
เราก็จะได้เปน็ ภรรยามหาเศรษฐี แตถ่ ้าลูกเราคลอด เกวยี น ๕๐๐ เล่ม จะยกกองเกวียนไปค้าขายแต่
มาเปน็ ชาย เรากจ็ ะฆา่ เจา้ เดก็ นเ้ี สยี ” จงึ เลยี้ งดทู ารก เช้ามดื เจา้ น�าเดก็ น้ีไปนอนขวางทางเกวียน คราวน้ี
น้นั ด้วยดี หลงั จากน้นั ไม่กีว่ ัน ภรรยาเศรษฐีกค็ ลอด ไม่โคก็เกวียนคงเหยียบเด็กนี้ละเอียดแน่ เจ้าต้อง
ลูกออกมาเปน็ ชาย เศรษฐีจึงคิดว่า “เด็กคนนี้ไดร้ บั คอยดวู ่า เดก็ ถกู เหยยี บตายแนแ่ ล้วจงึ กลับมาบอก
ทา� นายวา่ จะไดเ้ ปน็ มหาเศรษฐ ี กถ็ า้ มนั ตายไปแลว้ ก็ เรา” นางกาลอี ้มุ เดก็ ไปยงั ทางเกวียน วางเด็กไว้ใน
เป็นเศรษฐีในเมืองผี เศรษฐีในเมืองโกสัมพีก็จะตก ระหว่างรอยเกวียน แล้วคอยเฝา้ ดูอยู ่
แกล่ กู ของเรา ถ้าเราจะฆ่าเอาซึ่งๆ หนา้ อาญาก็ตก
แกเ่ รา ตอ้ งหาวิธีใหเ้ ด็กน้ตี ายโดยอุบตั เิ หต”ุ ครน้ั คิด ขณะนั้นกองเกวียนเร่ิมเคลื่อนออกจากท่ีพัก
ดงั นน้ั แลว้ จงึ เรยี กนางกาลที าสใี จดา� มาแลว้ สง่ั วา่ “นี่ หัวหน้ากองคาราวานซึ่งขับเกวียนน�าขบวนไปน้ัน
นางกาล ี เจ้าจงเอาเดก็ นี้ไปวางไวป้ ากคอกววั ในเวลา เกดิ มอี นั เปน็ ไป คอื โคสองตวั ทเี่ ทยี มเกวยี น เมอื่ ถงึ ที่
ใกลร้ ่งุ อย่าให้ใครเหน็ เมอ่ื เวลาวัวออกจากคอกกจ็ ะ เด็กนอนอยู่ก็สลัดแอกท้ิง แล้วยืนนิ่งไม่ยอม
เคลือ่ นไหว แม้เจา้ ของจะจับเทียมแลว้ ลงปฏกั เพียง
218
ใด กไ็ มย่ อมขยบั พยายามอยเู่ ปน็ เวลานานกไ็ มส่ า� เรจ็ ก�าชับวา่ “นางกาลี เจา้ จงน�าเดก็ คนน้ีไปทภี่ เู ขาลูก
จนกระทงั่ ถงึ เวลารงุ่ อรณุ นายกองเกวยี นเขา้ ใจวา่ คง โนน้ ทเ่ี ขานนั้ มหี นา้ ผาสงู มาก เขาใชเ้ ปน็ เหวฆา่ โจร
มีอะไรสักอย่างหนึ่งขวางทางอยู่ จึงลงจากเกวียน เจ้าจงอุ้มเด็กน้ีไปโยนท้ิงในเหวน้ัน คราวน้ีเห็นจะ
ค้นหาดู ก็พบเด็กทารกนอนขวางทางเกวียน เกิด ตายแน่ มันตอ้ งตกไปกระทบหนิ กน้ เหวแหลก เจา้
ความเอน็ ดเู สมอื นไดล้ กู จงึ ประคองข้นึ ไปบนเกวียน จงรีบไปเด๋ยี วน้ี” นางกาลีรบั คา� แล้ว อุ้มเด็กมุ่งตรง
เพอ่ื เล้ยี งดตู อ่ ไป ไปยงั เหวนนั้ ครน้ั ถงึ จงึ ขนึ้ ไปยนื บนปากเหวแลว้ โยน
เดก็ ลงไป ฤดนู น้ั เปน็ ฤดูฝน ต้นกระพังโหม ภายใต้
ฝา่ ยนางกาลเี ฝ้าดเู หตอุ ย่ ู เห็นนายกองเกวยี น เหวนน้ั ขนึ้ อยหู่ นาทบึ ทารกตกลงไปคา้ งอยบู่ นกอก
น�าเด็กไป จึงรีบกลับไปบ้านมาเล่าเร่ืองให้เศรษฐีฟัง ระพงั โหม เหมอื นนอนอยู่ในเปล
ทกุ ประการ เศรษฐจี งึ มอบเงินใหน้ างกาลไี ปอีกหนึง่
พนั แลว้ กา� ชบั ใหไ้ ปซอื้ เดก็ นนั้ มา นางกาลนี า� เงนิ หนงึ่ ครั้งนัน้ มีนายชา่ งสานผหู้ นึ่ง เท่ียวหาหวาย
พนั ไปซอ้ื เดก็ จากพอ่ คา้ เกวยี นอกี ครน้ั เศรษฐไี ดท้ ารก อยู่แถวบริเวณก้นเหว เดินไปใกล้กอกระพังโหม
มาแลว้ กส็ งบอยพู่ กั หนง่ึ จงึ กา� ชบั นางกาลอี กี วา่ “นาง ไดย้ นิ เสยี งเดก็ รอ้ งจงึ ปนี ปา่ ยขน้ึ ไป เหน็ เดก็ นอนดนิ้
กาล ี ตราบใดทเี่ จา้ เดก็ นยี้ งั ไมต่ าย เรากย็ งั นอนตาไม่ อย่กู ็สงสาร เกดิ ความรักเหมือนบตุ ร จึงนา� กลับมา
หลบั อยู่ตราบนนั้ ไม่ไกลจากทน่ี ้ีมปี ่าช้าผดี บิ อย่แู หง่ เลย้ี งไวย้ งั บา้ นของตน นางกาลเี ฝา้ ดเู หตกุ ารณ ์ เหน็
หนง่ึ ทงั้ สตั วแ์ ละอมนษุ ยท์ ปี่ า่ ชา้ นนั้ มมี ากมาย เจา้ จง ดงั นนั้ จงึ กลบั ไปเลา่ ใหเ้ ศรษฐฟี งั เศรษฐใี หเ้ งนิ ไปซอ้ื
น�าทารกนไ้ี ปวางไว้ในป่าชา้ ไม่กา สุนขั หรือไมก่ ็ผี กลับมาจากนายช่างจักสานอีก เศรษฐพี ยายามอยู่
สางคงทา� อันตรายจนได”้ เชน่ นเ้ี ปน็ เวลาหลายป ี เดก็ กโ็ ตขนึ้ โดยลา� ดบั ตง้ั ชอ่ื
เด็กนัน้ วา่ “โฆสก” ยิ่งเจรญิ เตบิ โตข้ึนมากเพียงไร
นางกาลนี า� ทารกนนั้ ไปวางไวใ้ นปา่ ชา้ ผดี บิ ตาม ก็ยิ่งเป็นหนามแหลมทิ่มแทงหัวใจเศรษฐีมากเพียง
ค�าส่ังเศรษฐี แล้วแอบเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ท่ีแห่งหน่ึง นน้ั เศรษฐเี กลยี ดชงั จนกระทงั่ ไมอ่ าจมองเตม็ ตาได้
กา สนุ ขั และพวกอมนุษยท์ ั้งหลาย ไม่มีสัตว์ใด
กล้าเข้าใกล้เพราะอ�านาจบุญท่ีได้เคยป้องกัน คราวนั้น เศรษฐีคิดอบุ ายไดอ้ ย่างหนง่ึ จึงไป
พระปจั เจกพทุ ธเจ้า หานายช่างหม้อ ในเมืองนั้น แล้วถามว่า “สหาย
เอ๋ย” เธอจะสุมไฟเผาเคร่ืองปั้นเม่ือไร” “พรุ่งนี้
คราวน้ันมีคนเลี้ยงแพะผู้หน่ึง น�าแพะหลาย แหละท่าน” นายช่างหมอ้ กลา่ ว “วนั นีเ้ รียงไวแ้ ลว้
ร้อยตัวไปหากิน และต้อนแพะผ่านมาทางป่าช้าน้ัน พรงุ่ นจ้ี ะลงมอื เผาละ” “ถา้ เชน่ นนั้ ฉนั มงี านอยอู่ ยา่ ง
แม่แพะตัวหน่ึงกินหญ้าอยู่บริเวณนั้นเข้าไปในกอไม้ หนงึ่ ทจี่ ะตอ้ งอาศยั ทา่ น คอื บตุ รของฉนั คนหนง่ึ เปน็
พบเดก็ นอนอย ู่ กเ็ กดิ ความรกั เหมอื นลกู จงึ คกุ เขา่ ลง อวชาตบุตร เป็นอัปมงคลแก่ตระกูล ฉันจะส่งลูก
ให้เด็กด่ืมนม แม้เจ้าของผู้เล้ียงจะเรียกเท่าไรก็ไม่ น้ันมาในวันพรุ่งน้ี เม่ือมันมาถึงจงจับมันเข้าห้อง
ยอมออกมา จงึ เดนิ เขา้ ไปตงั้ ใจวา่ จะฟาดดว้ ยไมพ้ ลอง แล้วหัน่ ให้เปน็ ท่อนเลก็ ทอ่ นนอ้ ย ยดั ใสต่ ุ่มแล้วเผา
กพ็ บเดก็ กา� ลงั ดมื่ นมแพะอย ู่ เกดิ ความสงสารและรกั เสียในเตาไฟ นีเ่ งนิ พันหนึ่งเปน็ คา่ จ้างล่วงหน้า ถ้า
เหมอื นลกู จึงอุ้มเด็กนนั้ ไปเล้ยี งไวอ้ ีก ส�าเร็จแล้วก็จะเอามาให้อีกพันหนึ่ง” เศรษฐีกล่าว
แลว้ กส็ ง่ เงนิ ใหน้ ายชา่ งหมอ้ เปน็ คา่ จา้ งลว่ งหนา้ แลว้
ฝา่ ยนางกาลีเห็นดังนัน้ จึงกลับมาเล่าความให้ ลากลบั ไป
เศรษฐีฟัง เศรษฐีก็ให้เงินอีกหนึ่งพันเพ่ือซ้ือเด็กน้ัน
คนื มา คราวนเี้ ศรษฐนี กึ วธิ ฆี า่ อยา่ งเดด็ ขาดได ้ คอื ให้ วนั รงุ่ ขน้ึ เศรษฐจี งึ เรยี กโฆสกมาแลว้ กลา่ ววา่
นางกาลีเอาไปโยนท้ิงเหวเสีย จึงเรียกนางกาลีมา
219
“พ่อโฆสก เมื่อวานพ่อไปตกลงนัดหมายไว้กับนาย จะเอะอะโวยวายไปท�าไมเล่า” เศรษฐีได้ฟังดังน้ันก็
ชา่ งหมอ้ ลกู ไปหาเขาวนั น ี้ แลว้ บอกเขาวา่ ผมมาตาม ทรุดฮวบลงกับพื้น ร้องร�าพันโศกเศร้าแสนสาหัส
ทพี่ อ่ นดั ไวว้ านน ้ี แลว้ เขากจ็ ะจดั การเรอ่ื งพอ่ ใหส้ า� เรจ็ เหมอื นเอาภเู ขาแหง่ ความโทมนสั มาทบั ไวก้ ม็ ปิ าน น่ี
เอง” โฆสกรับค�าบิดาแล้วไปตามค�าสั่ง ระหวา่ งทาง แหละโบราณท่านจงึ สอนวา่
ทเ่ี ดนิ ไปนน้ั ผา่ นกลมุ่ เดก็ ซงึ่ กา� ลงั เลน่ กนั อย ู่ ลกู ทแ่ี ท้ คนใจบาป ชอบประทุษร้ายคนท่ีเขาไม่
ของเศรษฐีก�าลังเล่นสกากับเด็กอื่น เมื่อเห็นโฆสก ประทุษร้าย ย่อมแพ้ภัยตัวเอง และประสบบาป
เดินผ่านไปจึงร้องว่า “พ่ีจ๋า พี่ก�าลังจะไปไหนหรือ” เคราะห์ ๑๐ อย่าง ไมอ่ ย่างใดกอ็ ย่างหน่งึ คือ
“พอ่ ใหเ้ อาหนงั สอื ไปใหน้ ายชา่ งหมอ้ ” โฆสกตอบ “ให้ ๑. อาจไดร้ ับทกุ ขเวทนาอันเผด็ ร้อน
ฉนั ไปเอง ฉนั เลน่ สกาแพเ้ ดก็ พวกนเ้ี สยี เงนิ ไปมาก พ่ี ๒. อาจไดร้ บั อนั ตรายถึงชวี ติ
ช่วยเล่นคืนใหด้ ้วยเถดิ ” บุตรเศรษฐกี ล่าวพร้อมดว้ ย ๓. อาจประสบความเจบ็ ป่วยเพราะโรคร้าย
ดึงหนังสอื ไปไว้ในมอื ตน ๔. อาจถึงความบา้ คลงั่ เสยี จรติ
“ไม่ได้ดอกน้อง เด๋ียวพ่อจะว่าเอา” โฆสก ๕. อาจถกู ราชภยั คือถอดยศลดต�าแหน่ง
ปฏเิ สธ “ไมเ่ ปน็ ไรนะ่ พ ี่ ฉนั เอาหนงั สอื ไปสง่ ประเดย๋ี ว ๖. อาจประสบความยากจนอดอยากอย่าง
กก็ ลบั พอ่ ไมร่ ดู้ อก พชี่ ว่ ยเลน่ เอาชนะเดก็ พวกนใี้ หจ้ ง ทารณุ
ได้” กล่าวแล้วก็รีบว่ิงตรงไปยังบ้านนายช่างหม้อ ๗. อาจเปน็ คนไรญ้ าตขิ าดมิตรหมดทีพ่ ง่ึ
โฆสกจงึ ตอ้ งเลน่ สกาแทนนอ้ ง ๘. อาจประสบความพินาศแหง่ ทรพั ย์
ฝ่ายนายชา่ งหมอ้ เมอ่ื ไดร้ ับจดหมาย ตรงตาม ๙. อาจประสบอคั คีภัยจนส้นิ เนอ้ื ประดาตัว
นดั หมายทุกประการ จึงจดั การนา� ลกู เศรษฐเี ข้าหอ้ ง ๑๐. ตายไปแล้วไปสู่ทคุ ตินรกเปน็ ท่สี ดุ
ตัดเปน็ ทอ่ นเลก็ ทอ่ นนอ้ ย แลว้ ใสต่ ุ่มโยนเข้าเตาเผา เศรษฐีต้องเสียบุตรตัวเองไป ก็เพราะมีใจ
ไปตามค�าสัง่ ของเศรษฐี ฝา่ ยโฆสกเลน่ คอยนอ้ งอยู่ ประทษุ ร้ายตอ่ โฆสก ผู้ไมไ่ ด้คดิ ประทุษร้ายแตอ่ ย่าง
ทง้ั วนั ไมเ่ หน็ กลบั มากเ็ ขา้ ใจวา่ คงกลบั ไปบา้ นแลว้ จงึ ใด ย่ิงเสียลูกไปก็ยิ่งเกิดความแค้นยิ่งขึ้นคิดหาทาง
กลับบ้านในเวลาเย็น ฆ่าอยตู่ ลอดเวลา นึกขนึ้ มาได้ว่า “เรามนี ายอากรผู้
เศรษฐีเห็นเขา้ จึงถามวา่ “เอ้า พ่อโฆสก พ่อ เกบ็ คา่ ทอ่ี ยคู่ นหนง่ึ ถา้ เราขอยมื มอื นายอากรของเรา
ใชไ้ ปบ้านช่างหม้อ แล้วทา� ไมไมไ่ ปเล่า” โฆสกจึงเลา่ ฆ่าเด็กนี้ คงส�าเร็จ” คร้ันคิดดังนั้นแล้ว จึงเขียน
ความน้นั ใหฟ้ งั ทุกประการ เศรษฐไี ดฟ้ ังดงั นั้นกเ็ กดิ หนังสือฉบับหน่ึงว่า “เด็กท่ีถือจดหมายมาน้ีเป็นลูก
ความเร่าร้อน เสมือนเลือดในตัวก�าลังเดือดพล่าน ของเรา แต่เขาเป็นลูกท่ีเลว เม่ือมาถึงจงจับเขาฆ่า
ร้องตะโกนอยา่ งลืมตัววา่ “อย่าฆา่ อยา่ ฆา่ ” แลว้ วิง่ เสยี แลว้ หมกในหลุมคูถ หากเธอท�างานนส้ี า� เร็จเรา
โดดลงจากเรือนมุ่งไปยังร้านนายช่างหม้อ ปากก็ จะปูนรางวัลให้อย่างงดงามในภายหลัง” เขียนแล้ว
ตะโกนไปตลอดทางวา่ “อยา่ ฆา่ เขา อยา่ ฆา่ เขา” เมอ่ื พบั ใส่ซองแลว้ เรียกโฆสกมาสง่ั ว่า
ถงึ บา้ นนายชา่ งหมอ้ กว็ ง่ิ ประคองแขนตวั สน่ั เทา รอ้ ง “ลกู เอย๋ พอ่ มนี ายอากรเกบ็ คา่ ทดี่ นิ ของพอ่ อยู่
ตะโกนวา่ “ทา่ นนายชา่ งหมอ้ อยา่ ทา� ลายฉนั ทา่ นอยา่ คนหนึ่ง ณ เมืองโน้น เจ้าน�าจดหมายของพ่อนี้ไป
ท�าลายฉันเลย” นายช่างหม้อเห็นเศรษฐีมาด้วย มอบใหเ้ ขาทไี ดไ้ หม?” “ไดซ้ คิ ณุ พอ่ ” โฆสกตอบตาม
อาการโวยวายเช่นนั้น ก็วิ่งเข้าไปหากล่าวว่า “อย่า ซ่ือ “แตพ่ ่อตอ้ งเตรียมเสบียงเดนิ ทางให้ผมดว้ ย ผม
เอะอะไปซินาย งานท่ีท่านมอบหมายเรียบร้อยแล้ว จะออกเดินทางวันพรุ่งน้ี” “ไม่ต้องห่วงเสบียงดอก
220
พ่อมเี ศรษฐเี พอ่ื นเกา่ อยู่ในเมอื งระหว่างทาง เมอ่ื เจา้ ท�าโทษอย่างหนกั ” “อย่าโกรธฉนั เลยจ้ะนาย มีแขก
ไปถึงที่น้ันแล้ว เข้าไปหาเขาแล้วบอกว่าเป็นลูกพ่อ มาบ้านเราคนหน่ึง เป็นบุตรชายเศรษฐีชื่อโฆสก
เขาก็จะต้อนรับจัดอาหารให้เอง” “ถ้าเช่นนั้น เอา ดิฉนั มัวจดั หอ้ ง ทา� ความสะอาด ทานา้� มนั ตามค�า
หนงั สอื มาเถดิ ผมจะเดนิ ทางละ” วา่ แลว้ กน็ า� หนงั สอื สง่ั ทา่ นแมอ่ ยจู่ งึ มาลา่ ชา้ ไป ขอไดใ้ หอ้ ภยั แกด่ ฉิ นั ดว้ ย
มาจากบดิ าผกู ไวท้ ช่ี ายผา้ แลว้ ออกเดนิ ทางจากเมอื ง เถิด”
นั้นทันท ี พอได้ยินค�าว่า ลูกชายเศรษฐีช่ือโฆสก ยังมิ
อนจิ จา โฆสกหารไู้ มว่ า่ ตนเองกา� ลงั ถอื หนงั สอื ทนั เหน็ ตวั นางกเ็ กดิ เสนห่ าขนึ้ มาอยา่ งทว่ มใจ นยั วา่
ฆ่าตัวเองไว้ในตัว ท้ังนี้ก็เพราะโฆสกอ่านหนังสือไม่ ธดิ าเศรษฐนี ี้ ในชาติปางกอ่ นเคยเปน็ สามีภรรยากนั
ออก เขาจะอา่ นออกไดอ้ ยา่ งไร ในเมือ่ เศรษฐหี าทาง ความรักกันฝังลึกอยู่แต่ในชาติก่อนเกิดขึ้นท่วมท้น
ฆา่ มาตง้ั แตเ่ ลก็ จนโตแตย่ งั ไมส่ า� เรจ็ โฆสกมงุ่ หนา้ ไป หัวใจ สมดังภาษิตว่า บุพเพสนั นิวาส นางเกิดความ
ทางทศิ ทพี่ อ่ บอกในทนั ท ี ไมช่ า้ กถ็ งึ บา้ นเศรษฐเี พอื่ น รักทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นตัว จึงถามนางทาสีว่า “เขาอยู่
เก่าของบิดา จึงเข้าไปหา ภรรยาของเศรษฐีเห็นดัง ที่ไหนเล่า” “เขาก�าลังนอนหลับอยู่บนเตียงในห้อง
นั้นจึงไต่ถาม ได้ความว่าเป็นบุตรเพ่ือนเศรษฐีช่ือ แนะ่ เจา้ คะ่ ” นางทาสตี อบ “มอี ะไรตดิ ตวั มาบา้ ง เธอ
โฆสก ก็ชืน่ ชมยนิ ด ี เกิดความรักในโฆสกเสมอื นลกู ไดส้ งั เกตหรอื ไม”่ นายสาวซกั ต่อไป “มเี จา้ ค่ะ ดิฉนั
ของตน จงึ จัดการต้อนรบั เป็นอย่างดี เหน็ มหี อ่ หนงั สอื ตดิ ชายผา้ อย ู่ ไมท่ ราบวา่ เปน็ หนงั สอื
ในบา้ นเศรษฐผี นู้ มี้ ธี ดิ าสาวคนหนง่ึ มอี าย ุ ๑๖ อะไร” นางทาสีตอบ
ป ี มรี ปู รา่ งสวยงามสมเป็นลูกเศรษฐี บดิ ามารดารัก ธดิ าเศรษฐนี กึ สงสยั อยากรวู้ า่ ในหนงั สอื นน้ั มี
และทะนถุ นอมมาก ใหอ้ ยแู่ ตบ่ นปราสาทชนั้ ๗ โดย ว่าอย่างไร เมื่อโฆสกหลับสนิทเพราะเพลียจากการ
มอบสาวรบั ใชฉ้ ลาดและแคลว่ คลอ่ งใหค้ นหนงึ่ ขณะ เดนิ ทาง และไมเ่ หน็ มารดาบดิ าแถวนน้ั จงึ ยอ่ งเขา้ ไป
น้ันธิดาเศรษฐีใช้นางทาสีคนสนิทไปซื้อของท่ีตลาด ในหอ้ งทโ่ี ฆสกพกั อย ู่ หยบิ หอ่ หนงั สอื นน้ั มาแลว้ กลบั
และสง่ั ใหก้ ลบั มาโดยเรว็ นางทาสเี ดนิ ผา่ นประตบู า้ น มาในห้องตัวเอง เปิดหนังสือออกอ่านดู นางตกใจ
กพ็ บภรรยาทา่ นเศรษฐเี ขา้ ภรรยาเศรษฐจี งึ เรยี กนาง เมื่อได้อ่านทราบว่าหนังสือนั้นเป็นหนังสือฆ่าตัวเอง
ทาสนี น้ั มาหา ถามวา่ “นเี่ จา้ กา� ลงั จะไปไหน?” “นาย นางปลงสังเวชในใจวา่ “คนโง ่ ผกู หนังสือฆ่าตวั ไว้ที่
สาวท่านใช้ให้ไปตลาดเจ้าค่ะ” นางทาสีทรุดน่ังแล้ว ชายผ้าแล้วก็ยังไม่รู้ตัว ถ้าเราไม่พบก็คงตายเปล่า”
ตอบ “เธอมานี่ก่อนเถอะ มาจัดการปูลาดเตียงให้ อาศยั ทนี่ างเปน็ หญงิ ฉลาด จงึ จดั การปลอมแปลงโดย
ลกู ชายใหมเ่ รานอน แลว้ เอานา�้ มนั มานวดเทา้ ใหห้ าย เขียนเสียใหม่ว่า “เด็กถือจดหมายน้ีเป็นลูกเราชื่อ
เมื่อย ให้เขาได้พักผ่อนนอนหลับเสียก่อน แล้วจึง โฆสก ท่านได้รับจดหมายแล้ว จงน�าเครื่อง
ค่อยไปรับใช้นายสาวของเจ้า” ส่ังแล้วก็เดินออกไป บรรณาการจากรอ้ ยบา้ น แลว้ จดั การสขู่ อธดิ าเศรษฐี
นางทาสีไม่กล้าทัดทานค�าส่ังแต่อย่างใด จึงต้องจัด ในชนบทน ้ี แลว้ ประกอบพธิ สี มรสใหเ้ รยี บรอ้ ย เสรจ็
ห้อง ทา� ความสะอาด นวดเฟน้ ตามภรรยาเศรษฐีส่ัง แล้วให้สร้างบ้าน ๒ ช้ันขึ้นในระหว่างบ้านของท่าน
ทกุ ประการ เสร็จแลว้ จึงไปตลาดและกลบั มาหานาย แลว้ จดั การอารกั ขาทงั้ ดว้ ยกา� แพงและผคู้ นใหเ้ ขม้ แขง็
สาวลา่ ช้ามาก ธิดาเศรษฐีนึกโกรธ เขา้ ใจวา่ นางทาสี เสร็จแล้วให้แจ้งให้เราทราบ เราจะสนองคุณท่าน
ไปไถลอยู่จงึ ตะคอกเอาวา่ “น่ีแม่นาง ไปเถลไถลอยู่ อยา่ งสาสมในภายหลงั ” ครนั้ เขียนแล้วจึงพบั ใส่ซอง
ที่ใดนะ จงึ ล่าชา้ ถึงเพียงนี้ ถา้ วันหลังท�าเช่นนี้ จะถกู พนั ไวท้ ี่ชายผา้ แล้วนา� ไปเก็บไว้ดังเดิม
221
วันนั้น โฆสกหลับทั้งวัน ต่ืนข้ึนรับประทาน มหาเศรษฐีคอยบุตรไม่เห็นมา จึงมีอาการ
อาหารแล้วลาเศรษฐีเดินทางต่อไป รุ่งเช้าจึงถึงบ้าน ทรุ นทุรายมากเขา้ สง่ั ใหค้ นไปตามอกี ถงึ ๒-๓ คน
นายอากร เข้าไปหาแล้วบอกนายอากรว่า “คุณพ่อ ก็ไม่เห็นบตุ รมา อาการโรคหนักลงถึงขนาดอุจจาระ
ให้น�าหนงั สอื นมี้ าใหท้ ่าน “หนงั สอื อะไร ไหนขอดซู ิ” ปัสสาวะไมร่ ้ตู ัว ตัดอาหารหมดทกุ อย่าง ธิดาเศรษฐี
นายอากรรับหนังสืออ่านทราบความแล้วก็เกิดความ ทราบดังน้ันก็ทราบว่ามหาเศรษฐีอาการหนักมาก
ช่ืนชมยินดี นกึ ภมู ใิ จทเ่ี ศรษฐีรักและไว้ใจ ขนาดส่ง เหน็ วา่ ต้องตายแน่แลว้ จงึ บอกสามีว่า “พีจ่ า๋ คณุ พ่อ
ลูกมาให้จัดการเร่ืองแต่งงานให้ จึงเท่ียวคุยกับลูก ป่วยหนัก ส่งคนมาตามพี่ไป” บุตรเศรษฐีทราบดัง
บ้านวา่ “พ่อเอย๋ ดเู อาเถดิ ท่านเศรษฐีไวใ้ จและรกั นั้นก็ตกใจ จึงถามภรรยาว่า “เราควรท�าอย่างไรดี”
ใครเ่ รา ขนาดมอบลกู ชายใหเ้ ราจดั งานแทน พวกเรา ภรรยาจึงแนะว่า “จงเรี่ยไรเคร่ืองบรรณาการจาก
ช่วยกันคนละมือคนละไม้ จัดงานใหห้ รหู ราสมกบั ท่ี หมบู่ า้ น แลว้ บรรทกุ เกวยี นไปเปน็ ของขวญั คณุ พอ่ จงึ
เศรษฐีไว้ใจเถิด” แล้วจึงจัดการมงคลแก่โฆสกทุก จะควร” ว่าแล้วก็บอกกล่าวลูกบ้านเป็นอันมากน�า
ประการ เสร็จแล้วจึงส่งข่าวให้เศรษฐีทราบโดย ของขวญั ขน้ึ สเู่ กวยี นมงุ่ หนา้ ตรงไปยงั บา้ นมหาเศรษฐ ี
ละเอยี ด เมอ่ื ถึงครึง่ ทางนางกบ็ อกวา่ “พจี่ ๋า ถ้าเราขืนขนของ
เศรษฐีได้เห็นเหตุกลับด�าเป็นขาวเช่นน้ัน ก็ หนักไป คงไปไม่ทันเห็นใจพ่อ ให้เอาของนี้ขนไว้ท่ี
เศรา้ ใจเปน็ ท่ีสุด เสียใจว่า “ส่งิ ท่เี ราตอ้ งการไมเ่ ปน็ บา้ นเสยี แลว้ ไปตวั เปลา่ เถดิ จะไดเ้ รว็ ขน้ึ ” แลว้ ใหบ้ รุ ษุ
ไปตามน้ัน กลับเป็นในทางตรงกันข้ามทุกคร้ังไป” น�าของไว้ยังบ้านของนาง เดินทางต่อไปจนถึงบ้าน
ประกอบกบั ความเศรา้ ทต่ี ้องเสียบุตรที่รักไป จึงเกิด เศรษฐ ี เมอื่ จะเขา้ บา้ นนางจงึ บอกสามวี า่ “พจี่ า๋ เวลา
ความทุกข์ใจถึงล้มป่วยลง เศรษฐีคิดว่า “เราจะตัด เข้าไปหาพอ่ ละก็พ่อี ยทู่ างเท้านะ ฉนั จะอย่ทู างศรี ษะ
โฆสกผนู้ อ้ี อกจากสมบตั ขิ องเรากอ่ นทเ่ี ราจะตาย” จงึ เอง” เม่ือจะเดินเข้าไปจึงให้คนของนางเรียงราย
สั่งคนใช้คนสนิทผู้หนึ่งให้ถือหนังสือไปยังบ้านนาย ป้องกนั เหตุการณอ์ ยู่รอบบ้าน
อากร ในหนังสือนั้นมีใจความว่า “เราก�าลังป่วย ขณะนั้น เศรษฐีก�าลังนอนให้คนนวดเท้าอยู ่
อยากพบลกู ขอใหส้ ง่ ลกู ไปหาใหจ้ งได”้ ผถู้ อื จดหมาย เมื่อเห็นโฆสกเข้ามาพร้อมภรรยา ก็เรียกผู้จัดการ
มุ่งตรงไปยังบ้านน้ันทันที ธิดาเศรษฐีซ่ึงบัดนี้ได้ ทรัพยม์ าแลว้ ถามวา่ “ทรพั ย์ของเราในคลังท้งั หมดมี
แต่งงานเป็นภรรยาของโฆสกสั่งบริวารไว้ว่า “ถ้ามี เหลือประมาณเทา่ ไร?” “มปี ระมาณ ๔๐ โกฏิ ไม่
ใครมาจากบ้านเศรษฐีพ่อโฆสกให้มาหาเราก่อน” นับเคร่ืองอุปโภคบริโภค ตลอดจนอสังหาริมทรัพย์
เม่ือบุรุษน้ันถือจดหมายไป จึงถูกน�าตัวไปหาธิดา อื่นๆ ด้วย” ผู้จดั การสมบตั ิตอบ เศรษฐตี อ้ งการจะ
เศรษฐ ี นางถามว่า “มาธรุ ะอะไร” กไ็ ด้รบั ค�าตอบว่า พดู วา่ “เราไม่ตอ้ งการใหท้ รัพยเ์ หล่านแี้ ก่บุตร” แต่
“ขา้ แตแ่ ม่เจา้ เศรษฐไี มส่ บาย ใครจ่ ะพบลกู ของทา่ น ด้วยฤทธ์ิไข้ท�าให้พูดตก “ไม่” ไปกล่าวว่า “ให้”
โปรดบอกลูกเศรษฐดี ้วยเถดิ ” “เศรษฐีปว่ ยมากหรอื เศรษฐรี ตู้ วั วา่ พดู ผดิ ตอ้ งการจะพดู ใหม ่ ภรรยาโฆสก
น้อยเพียงไร” นางซักต่อไป “ป่วยมากเหมือนกัน อยทู่ างดา้ นศรี ษะเหน็ เชน่ นน้ั กร็ ทู้ นั จงึ คดิ วา่ “ปลอ่ ย
แหละ แต่ยังพอทานอาหารไดอ้ ย”ู่ ธิดาเศรษฐกี ม็ ิได้ ให้พูด คงพูดว่าไม่ให้” จงึ ท�าเปน็ รอ้ งไห้เสียใจทบ่ี ดิ า
ว่าประการใด แต่ไม่บอกให้โฆสกทราบ ให้รางวัล จะต้องตาย สยายผมร้องกลบเสียงเศรษฐีเสีย
เสอื้ ผา้ แกค่ นถอื สาสน์ พอสมควรแลว้ บอกวา่ “เธอลว่ ง คร่�าครวญว่า “พอแล้วคุณพ่อ พวกเราได้ยินค�าน้ัน
หนา้ กลบั ไปก่อนเถิด เราและสามีจะตามไป” ชดั เจนแลว้ ลกู มบี ญุ นอ้ ยมาพบพอ่ กเ็ กอื บสนิ้ บญุ เสยี
222
แล้ว” นางแสรง้ รอ้ งดงั หนกั ข้ึน ซบหนา้ ผากลงทอ่ี กเศรษฐี ท�าเป็นรอ้ งไห้เอาศรี ษะ
กระแทกอกเศรษฐีจนตาย โดยไมม่ โี อกาสพูดคา� วา่ “ไม่ให้” ตอ่ ไปอีกเลย
พระราชาทราบวา่ เศรษฐีตายแล้ว จงึ รบั ส่ังใหท้ �าฌาปนกิจตามประเพณ ี เมอ่ื
สอบสวนแลว้ ไมม่ ผี อู้ นื่ ไดร้ บั มรดกตอ่ ไป จงึ มอบตา� แหนง่ เศรษฐใี หโ้ ฆสกครองตลอด
มา แมโ้ ฆสกจะไดต้ า� แหนง่ เศรษฐปี ระจา� เมอื ง กม็ ไิ ดม้ คี วามเหอ่ เหมิ ลมื ตวั ภายหลงั
เมื่อทราบความเป็นมาของตัวเองก็เกิดความสลดใจ จึงหันมาบ�าเพ็ญทานศีลตาม
สมควร จนถงึ กาลอวสานแหง่ ชวี ิต
เรื่องน้ีมีคติสอนใจบทหน่ึงวา่ อานุภาพของบญุ หรือความดนี ัน้ เรามองไม่
เหน็ ตวั ตน ไมส่ ามารถนา� มาแสดงใหเ้ หน็ ได้ แตเ่ ปน็ อา� นาจทล่ี กึ ลบั แฝงอยใู่ นตวั ผู้
กระทา� ความดนี นั้ ตลอดไป เมอ่ื ถงึ คราวคบั ขนั ยอ่ มเปน็ เสมอื นหนงึ่ เกราะปอ้ งกนั
ตวั ตกนา�้ ไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ดตู วั อย่างเช่น โฆสกไดท้ า� บญุ ไว้ในสมยั เม่ือเกดิ
เป็นสุนัข ทา� ความดีเพยี งมีความจงรกั ภักดีต่อพระปัจเจกพทุ ธเจ้าผู้บรสิ ุทธิ์ ซงึ่ ก็
เป็นความดเี พยี งเลก็ น้อย แต่ทา� ดว้ ยจิตใจทีแ่ ทจ้ ริง บุญนั้นจึงกลบั มาสนองชว่ ย
ป้องกันภัย แมจ้ ะน�าไปทง้ิ ถึง ๗ ครั้ง กย็ ังไม่ประสบอันตราย จะป่วยกลา่ วไปไย
ถึงมนุษย์ ซึ่งอาจประกอบความดีได้มากกว่า ความดีนั้นจะเป็นเกราะป้องกัน
ภยนั ตรายตลอดไป จงึ ไมค่ วรดหู มน่ิ บญุ วา่ มปี ระมาณนอ้ ยจะไมใ่ หผ้ ล บญุ แมน้ อ้ ย
แตท่ า� ดว้ ยใจบรสิ ทุ ธิ์ ยอ่ มบงั เกดิ ผลดมี หาศาล ตรงกนั ขา้ ม บคุ คลใดจงใจทา� บาป
คือการกอ่ ทกุ ข์ใหแ้ กค่ นอื่น บาปน้นั ยอ่ มกลับมาสนองตวั เอง
โบราณจึงผูกเป็นภาษิตสอนว่า ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว อัน
หมายความว่า ถ้าเราปรารถนาก่อทกุ ข์ใหแ้ กค่ นอืน่ แล้ว ทุกข์นนั้ จะสะทอ้ นกลบั
มาสนองตวั เอง ดงั ตัวอย่างเช่น มหาเศรษฐมี ่งุ ฆา่ โฆสกผมู้ ไิ ดค้ ดิ ประทษุ รา้ ยตน
ตวั เองตอ้ งประสบผล คอื ตอ้ งเสยี ทรพั ยเ์ สยี ลกู และเสยี ชวี ติ เพราะมงุ่ จะกอ่ ทกุ ข์
แก่คนอืน่ เรอ่ื งนี้จงึ ควรถือเปน็ คติเตือนใจตลอดไป ดงั ภาษติ ในโลกนิติกลา่ วว่า
ท�าบุญบญุ แตง่ ให้ เหน็ ผล
คอื ด่ังเงาตามตน ตดิ แท้
ผู้ทา� ส่งิ อกุศล กรรมติด ตามนา
ดจุ ดัง่ เกวียนเวียนแล้ ไลต่ ้อนตนี โค
(สามาวตวี ัตถ ุ อรรถกถา ขทุ ทกนิกาย ธรรมบท
อัปปมาทวรรค เลม่ ๑๗ หน้า ๑๗๖)
223
224
นายพรานเบ็ดโลภมาก
“โลภานกั มักตวั ตาย”
ในอดตี กาล เมอื่ ครงั้ พระเจา้ พรหมทตั เสวยราชสมบตั อิ ยใู่ นพระนคร
พาราณสี พระโพธิสัตวเ์ สวยพระชาตเิ ปน็ รกุ ขเทวดา ในคร้ังนนั้ มพี ราน
เบด็ คนหนงึ่ พาลกู ชายไปตกเบด็ ทห่ี นองนา�้ แหง่ หนง่ึ เมอ่ื เขาทอดสายเบด็
ลงไปในน้�าสักพักหนึ่งแล้วลองขยับสายเบ็ดข้ึนดู ปรากฏว่าเบ็ดเกาะติด
อะไรกไ็ ม่ทราบ แต่ด้วยวิสัยความโลภความอยากอันใหญ่หลวง นาย
พรานเบด็ นกึ และเขา้ ใจดว้ ยอปุ าทานดว้ ยความยดึ มน่ั ถอื มน่ั วา่ สงิ่ ทตี่ ดิ เบด็
อยูใ่ ต้นา้� ซ่งึ เขามองไมเ่ ห็นนัน้ จะต้องเป็นปลาตวั ใหญ่แน่นอน
พอนึกด้วยอุปาทานซึ่งท�าให้ความโลภเข้ากุมจิตใจเช่นนั้น นาย
พรานเบ็ดก็นึกถึงเมียท่ีอยู่ทางบ้าน และนึกถึงภาพเพื่อนบ้านใกล้เรือน
เคียง
เขานกึ วาดมโนภาพดว้ ยความกลวั ตอ่ ไปวา่ ถา้ นา� ปลาตวั ใหญท่ ก่ี า� ลงั
ตดิ เบด็ ขน้ึ มาบนฝง่ั แลว้ ตนกบั ลกู ชายชว่ ยกนั แบกหามไปยงั บา้ นเรอื นของ
ตน ใครๆ ในหมู่บ้านกจ็ ะเห็น ก็จะมาขอสว่ นแบง่ ด้วยความกลวั เสยี ผล
ประโยชน ์ นายพรานเบ็ดจึงกระซบิ ส่งั ลกู ชายของเขาว่า
“เรามลี าภใหญแ่ ลว้ ลกู ปลาตดิ เบด็ ของเรา ตวั มนั คงใหญแ่ น ่ เจา้ รบี
ไปบอกแม่ว่า ถา้ พอ่ แบกปลาตัวใหญเ่ ขา้ หมู่บ้าน พวกชาวบา้ นก็จะมารุม
กันขอส่วนแบ่ง เจ้าอยา่ ลมื ไปบอกแมน่ ะลูกบอกให้แมเ่ ขาหาเร่อื งทะเลาะ
กับเพ่ือนบ้านเราทุกครัวเรือน มันจะได้ไม่แห่มาขอส่วนแบ่งปลาตัวใหญ่
ของเรา” นายพรานเบ็ดสงั่ กา� ชับกับลูก “ครับพอ่ ” ลกู ชายตอบรับทันท ี
เม่ือเมียนายพรานเบ็ดได้ทราบข่าวดีจากลูกชายตามค�าบอกเล่า
และคา� สงั่ ของสามีแล้ว นางก็รีบแต่งตัวประหลาดๆ โดยการใชใ้ บตาลทดั
หูข้างหนึ่ง ทาลูกตาดว้ ยเขม่าหม้อหุงข้าวข้างหนงึ่ อมุ้ ลกู คนเลก็ ใสส่ ะเอว
แล้วลงจากบ้านเรไ่ ปตามบ้านใกล้เรอื นเคียง
225
“เกดิ บา้ อะไรละ่ เธอ” สตรีเพอ่ื นบ้านคนหนงึ่ ร้องถาม “เอ็งดา่ ขา้ ว่าบา้ หรอื ”
เมียนายพรานเบด็ เรม่ิ หาเรอื่ ง แลว้ สตรที งั้ สองก็ทะเลาะกนั อย่างเอ็ดอึง ลุกลาม
ไปยงั เพอ่ื นบา้ นอนื่ ๆ ทอ่ี ยใู่ กลแ้ ละไกลแทบทงั้ หมบู่ า้ น เมยี นายพรานเบด็ หาวา่ สตรี
เพอื่ นบา้ นดหู มน่ิ เรอื่ งลกุ ลามจนเปน็ คดคี วามถงึ ผใู้ หญบ่ า้ น ผใู้ หญบ่ า้ นไดพ้ จิ ารณา
แล้วตดั สินวา่ เมยี นายพรานเบ็ดเปน็ ฝ่ายผิด ถกู ตดั สินให้แพ้ความและถกู ปรับเป็น
เงินจา� นวนมาก ฐานเป็นตน้ เหตกุ ่อการทะเลาะวิวาท มหิ นา� ซา้� เมยี นายพรานเบด็
ยงั ถกู ลงโทษโดยการเฆยี่ นหลงั อกี กระทงหนงึ่ ในฐานแกลง้ หาเรอื่ งทะเลาะกบั เพอื่ น
บา้ น
ฝา่ ยนายพรานเบด็ หลงั จากสงั่ ลกู ชายใหร้ บี วง่ิ ไปบอกภรรยาในหมบู่ า้ นแลว้ ก็
สลัดเส้อื ผา้ ออกมาวางไว้ริมฝัง่ แมน่ �า้ ผูกสายเบด็ เข้ากับตอไม้บนฝ่ังแล้วกก็ ระโจน
ลงนา�้ ดา� ลงไปใตน้ า�้ อยา่ งรวดเรว็ ใบหนา้ ของเขาพงุ่ เขา้ ชนตอไมท้ เี่ กาะเกย่ี วเบด็ ซง่ึ
นายพรานเขา้ ใจผิดคิดว่าเป็นปลาตวั ใหญต่ ดิ เบ็ด
ตอไมท้ แี่ หลมคมนน้ั ทมิ่ เขา้ ทลี่ กู ตาทง้ั สองขา้ ง ตาของเขาแตกเลอื ดไหล ทา� ให้
บอดสนิททัง้ สองข้าง มองอะไรไม่เหน็ ได้แตร่ อ้ งครวญคราง โผล่ข้นึ มาเหนอื ผิวน�้า
แล้วมะงุมมะงาหราคลานขน้ึ มาบนฝั่ง มอื ควานหาเสอ้ื ผ้า
นายพรานเบ็ดผู้น้ันนัยน์ตาแตกเลือดไหลเต็มใบหน้าควานหาเส้ือผ้าก็ไม่พบ
นน่ั ไมใ่ ชเ่ พราะตาท้งั สองข้างแตก แต่เป็นเพราะระหว่างที่เขาดา� ลงไปในน้า� เพื่อจบั
สง่ิ ทเ่ี ขาสา� คญั มนั่ หมายวา่ เปน็ ปลาตวั ใหญต่ ดิ เบด็ นนั้ ขโมยคนหนง่ึ ซง่ึ เดนิ ผา่ นทน่ี นั้
ไดร้ ีบฉกฉวยเอาเสือ้ ผ้าของเขาไปท้งั หมด
รุกขเทวดาโพธิสัตว์ผู้สิงสถิตอยู่ท่ีต้นไม้ริมฝั่งแม่น้�าน้ัน ได้เห็นเหตุการณ์ท่ี
เกดิ ขน้ึ ทงั้ หมดจงึ รา� พงึ ดว้ ยความสงั เวช กลา่ วตเิ ตยี นนายพรานเบด็ ผหู้ วงั จะคดิ หวง
ลาภก่อนได้ลาภว่า
ตาเจา้ บอดเสอื้ ผ้าเลา่ ของเจ้าหาย
เมียเจา้ กลายเปน็ ศัตรกู ับเพ่ือนบา้ น
ทางบกซา้� ทางน้า� เจ้าแหลกลาญ
เพราะสนั ดานละโมภโลภมากเอย
ชาดกเร่ืองนมี้ คี ติสอนว่า ความชัว่ ความไมด่ ตี า่ ง ๆ ทเี่ กดิ ขึ้น มรี ากเหง้า
อยู่ ๓ รากใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ โลภะ โทสะ และโมหะ เรยี กว่า อกุศลมลู แปล
226
ว่า รากเหงา้ แห่งความชว่ั อกศุ ลทง้ั ๓ ประการน้ี เมอื่ อกศุ ลอยา่ งใดอย่าง
หนง่ึ มอี ยู่ อกศุ ลอน่ื ความชวั่ อนื่ ทยี่ งั ไมเ่ กดิ กเ็ กดิ ขนึ้ ทเี่ กดิ แลว้ กเ็ จรญิ งอกงาม
ขึน้ ตวั อย่างเชน่
บางคนมคี วามโลภในทรพั ยส์ มบตั ิของคนอ่นื ๆ ไปลกั ทรพั ยส์ มบตั ิ
เขามา เจา้ ของทรัพย์สมบัตเิ หน็ ก็เกดิ การตอ่ สู้ ก็เกดิ ความโกรธข้นึ มาฆ่าเจ้า
ทรพั ยต์ าย นแ่ี สดงวา่ เรมิ่ ตน้ ดว้ ยความโลภ แตใ่ นทสี่ ดุ กลายเปน็ ความโกรธ
นายพรานเบด็ อยากไดป้ ลาตวั ใหญ่ น่นั เปน็ การกระทา� ไปดว้ ยความโลภ แต่
เพราะกลัวว่าคนอื่นเขาจะมาขอส่วนแบ่ง จึงสั่งภรรยาให้ไปชวนชาวบ้าน
ทะเลาะ นีเ่ ปน็ อาการของความหลง เมื่อคนอ่นื ๆ ไปวา่ กลา่ วตักเตือนกโ็ กรธ
ความหลงนีเ้ ป็นเหตใุ หเ้ กดิ ความโกรธ หมุนเวียนกนั อยู่อยา่ งน้ี
ความโลภเกนิ ขอบเขตเปน็ เหตุให้เกดิ ทกุ ขห์ นัก ตนเองทกุ ข์เพราะ
ความโลภอยากได้ แลว้ กแ็ ผค่ วามทกุ ขเ์ ดอื ดรอ้ นไปถงึ คนอน่ื อยา่ งไมม่ ที สี่ นิ้
สุด
คนโลภจดั มีความกระหายอย่างแรงกล้านัน้ ยอ่ มกระเสือกกระสน
อย่างไม่ค�านึงถึงผิดชอบช่ัวดีแต่อย่างใด เมื่อใดความมักมากเกิดขึ้น บาป
กรรมอน่ื ๆ ก็ตามมา เช่น ความรษิ ยา อาฆาต เคยี ดแค้น ชิงชัง ความโกหก
หลอกลวง ก็ตามมาด้วยเพราะไม่รู้จักพอ วิธีปฏิบัติท่านแนะน�าว่า ให้ลด
ความอยากลง ใหอ้ ยใู่ นระดับพอดีกบั ความสามารถของตน ท่านเปรียบไว้
วา่
“เหมอื นประตนู า้� เจา้ หนา้ ทจ่ี ะเปดิ ชอ่ งเลก็ ๆ ระบายใหร้ ะดบั นา้� ทง้ั สอง
ด้านเท่ากันเสียก่อน จึงเปิดประตูให้เรือผ่านไป แม้จะเสียเวลาก็ต้องยอม
เพราะถา้ ระดบั นา�้ ทง้ั สองตา่ งกนั มาก เปดิ ประตใู หเ้ รอื ผา่ นไป เรอื ตอ้ งลม่ ทกุ
ล�า” ประตูหัวใจก็เหมือนกัน ถ้าระดับความอยากกับความสามารถต่างกัน
และไมร่ จู้ กั ลดใหเ้ ทา่ กนั แลว้ นาวาชวี ติ อาจอบั ปางในทสี่ ดุ เหมอื นกบั นทิ าน
ชาดกเร่ืองนี้
(อภุ โตภัฏฐชาดก อรรถกถา ขุททกนกิ าย
ชาดก เอกนบิ าต เลม่ ๒๙ หนา้ ๔๒๔)
227
228
กา� เนดิ สุรา
“อันสุราเมรยั ใครเสพตดิ
พาชีวิตมืดมนจนฉบิ หาย”
ในสมัยที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นท้าวสักกะ ได้ประทาน
โอวาทแกพ่ ระเจา้ สรรพสามติ ร แหง่ พระนครสาวตั ถ ี ผกู้ า� ลงั เตรยี มการจะ
ด่ืมสรุ า ทรงช้ีแจงใหเ้ ห็นโทษของสุรา และทรงสอนใหต้ ง้ั อยู่ในโอวาทของ
พระองค์ เรือ่ งมดี งั ต่อไปน ้ี
ในอดตี กาล มพี รานปา่ คนหนงึ่ ชอ่ื วา่ สรุ ะ เทยี่ วลา่ สตั วท์ วั่ ไป วนั หนง่ึ
สงั เกตเห็นตน้ ไมต้ ้นหน่ึงมีลักษณะพเิ ศษกวา่ ตน้ อืน่ ๆ มีล�าตน้ ใหญ่ แตก
กง่ิ ก้านออกเป็น ๓ ก่งิ ระหวา่ งกิ่งมโี พรงใหญข่ นาดเทา่ ตมุ่ เป็นท่รี องรับ
น�้าฝนได้เป็นอย่างดี มีต้นสมอ ต้นมะขามป้อมและเถาพริกไทยข้ึนล้อม
รอบต้นไม้น้ัน นายพรานเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ ได้เห็นบรรดานกท้ังหลาย
บนิ มาเกาะทตี่ น้ ไมน้ น้ั คาบผลไมแ้ ละพนั ธพ์ุ ชื ตา่ งๆ มากนิ บางสว่ นไดร้ ว่ ง
หลน่ ลงในแอง่ นา�้ นน้ั ทกุ ๆ วนั จนกระทง่ั มปี รมิ าณเพม่ิ มากขนึ้ ทา� ใหน้ า�้ ใน
แอง่ นนั้ กลายเปน็ สแี ดง มกี ลนิ่ หอมนา่ ชวนดม่ื เมอื่ บรรดาสตั วท์ งั้ หลายได้
มาลิม้ รสน�า้ ประหลาดนัน้ หลงั จากดมื่ กนิ สกั พักหน่งึ ก็เร่มิ มอี าการมึนเมา
บางตวั เดินโซเซไปมา บางตัวพลัดตกลงไปทโ่ี คนตน้ ไม้ บางตัวก็มอ่ ยหลบั
ไปในท่ีนน้ั ส่งเสยี งร้องแล้วก็บนิ จากไป
นายพรานเหน็ ดังน้ันกเ็ กดิ สนใจ คดิ ว่า “ถา้ น้า� นีม้ พี ษิ สัตวเ์ หลา่ นั้น
คงตายไปแลว้ แตน่ มี่ นั หลบั ไปครหู่ นงึ่ กบ็ นิ ไปไดต้ ามปกต ิ นา�้ นคี้ งไมม่ พี ษิ
เปน็ แน”่ นายพรานจงึ ลองดม่ื เองกเ็ กดิ อาการมนึ เมา และเกดิ อาการอยาก
กินเนอ้ื สตั ว์ จงึ จับนกท่ีตกจากต้นไมม้ าย่างกินอย่างเอรด็ อรอ่ ย
ณ บรเิ วณใกลก้ นั นนั้ มดี าบสรปู หนง่ึ ชอื่ วรณุ นายพรานคดิ วา่ “เรา
จกั ดม่ื นา้� นร้ี ว่ มกบั ดาบส” นายพรานจงึ ตกั นา�้ นนั้ ใสก่ ระบอกไมไ้ ผท่ อ่ นหนงึ่
น�าไปถวายพระดาบสว่า “ทา่ นขอรบั ลองดืม่ น�้าน้ีดูเถดิ ” แล้วทงั้ สองกด็ ื่ม
ดว้ ยกัน ดว้ ยประการฉะน้ ี นา้� ดมื่ นน้ั จงึ ได้ชื่อว่า สุราบ้าง วรุณบี ้าง เพราะ
229
เหตุที่นายพรานสุระและวรุณดาบสพบเห็นเป็นคน เดิม พระราชาทรงรับส่ังให้นายทหารช่วยกันจัด
แรก ประดับพระนคร เพ่อื ทา� การเฉลมิ ฉลองครั้งใหญ่
ในกาลนน้ั นายพรานจงึ นา� นา้� เมานไี้ ปถวายแด่ ในกาลนัน้ เอง ท้าวสักกะทรงน่งั บ�าเพญ็ ฌาน
พระราชา เมอื่ พระราชาไดเ้ สวยจนกระทงั่ ทรงมนึ เมา อยู่ ทรงทอดพระเนตรพระราชาสรรพสามิตร ซ่ึง
และเร่ิมแสดงอากัปกิริยาร่ายร�าอย่างสนุกสนาน ก�าลังด่ืมน้�าเมาอยู่ ท้าวสักกะทรงด�าริว่า ถ้าพระ
ท�าใหถ้ กู พระราชหฤทัยยิง่ นัก จงึ ส่ังใหม้ อบรางวลั แก่ ราชาองคน์ ห้ี ลงใหลในนา�้ เมาจะทา� ใหพ้ ระนครแหง่ น้ี
นายพรานอยา่ งมากมาย และใหป้ รงุ สรุ านเี้ ปน็ เครอื่ ง ถึงความพินาศเป็นแน่แท้ จึงทรงจ�าแลงกายเป็น
ดื่มในพระนคร รวมท้ังให้อ�ามาตย์ราชบริพารและ นักบวชหนุ่ม เสด็จมายืนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
ประชาราษฎร์ร่วมดื่มฉลองกันอย่างเอิกเกริก นาน สรรพสามิตรในบัดนั้น พระราชาทรงตกพระทัย
วันเข้า พระนครก็เกิดปัญหาขึ้น เพราะประชาชนพา ตรัสถามว่า “ท่านเป็นใครจึงได้ส่องแสงสว่างงาม
กันด่ืมแต่น�้าเมา ไม่ท�ามาหากินเหมือนแต่ก่อน จึง ระยบั ประดจุ พระจนั ทรเ์ ตม็ ดวงฉะน ี้ ตวั ทา่ นมไิ ดย้ นื
เกิดความยากจน อดอยากไปตาม ๆ กัน อยบู่ นพน้ื ดิน แตล่ อยอยู่ในอากาศ ท่านคงเปน็ ผู้มี
นายพรานเห็นไม่ได้การแล้วจึงหนีออกจาก บญุ มาหาเราดว้ ยเหตอุ นั ใดหรอื ” พระราชาทรงตรสั
พระนครน้ันไป เม่ือมาถึงพระนครแห่งใหม่ นาย ถามแต่โดยดี “ท่านจงท�าลายตุ่มน้�าเมาเสียเถิด
พรานคนนน้ั ไดก้ ระทา� การเชน่ เดมิ คอื ถวายนา�้ เมาแด่ มหาบพิตร เพราะตุ่มน้�าเมานี้จะท�าให้ท่านพินาศ
พระราชาแห่งเมืองน้ัน ไม่นานนักพระนครใหม่ก็มี ด้วยอานุภาพของมันในเร็ววัน” ท้าวสักกะตรัสแก่
สภาพเหมอื นพระนครเก่าท่ผี ่านมา คือประชาชนพา พระราชา “เหตไุ ฉนทา่ นจงึ กลา่ วเชน่ น ้ี โปรดอธบิ าย
กนั ด่มื แตน่ ้�าเมา ผลาญทรัพยส์ มบตั ขิ องตนเอง ไมร่ ู้ ความให้เราเข้าใจอย่างถ่องแท้ด้วยเถิด” พระราชา
จกั ทา� มาหากนิ จงึ อดอยากยากเข็ญลงทุกวนั ๆ ทรงแปลกพระทยั และสงสยั ยง่ิ นกั “ทา่ นโปรดฟงั เรา
จนกระทงั่ วนั หนง่ึ นายพรานเดนิ มาถงึ พระนคร กลา่ ว อนั ตวั ทา่ นเปน็ พระราชาแหง่ นครทยี่ งิ่ ใหญ ่ จะ
สาวตั ถ ี และได้ถวายนา�้ เมาแดพ่ ระราชาเหมอื นอยา่ ง ถูกอานุภาพแห่งน้�าเมามาท�าลายในเร็ววันน้ีเป็น
ที่เคยท�ามา พระราชาแห่งเมืองสาวัตถีสั่งให้ปรุง แน่แท้ เพราะน�้าเมาน้ันไม่ใช่น�้าหวานเหมือนน�้าผ้ึง
นา้� เมาขนึ้ ในเมอื ง แตใ่ นครง้ั นนี้ น้ั ไดเ้ กดิ เหตกุ ารณข์ น้ึ แตม่ ันเป็นน�า้ เมาทใี่ ห้โทษนานัปการ เช่น
บางอย่าง คือในขณะท่ีปรุงน�้าเมาอยู่น้ัน ที่ตุ่มหมัก - ผใู้ ดดมื่ นา�้ เมาเชน่ นแ้ี ลว้ จะเกดิ ความมนึ เมา
น�้าเมา ได้มีแมวตัวหนึ่งมาแอบกินน้�าเมาจนกระทั่ง เดินโซซัดโซเซ ประเดี๋ยวล้มประเดี๋ยวยืน เหมือน
สลบไป แต่ทหารเวรทีเ่ หน็ เหตุการณเ์ ข้าใจว่า แมวท่ี มิใช่คน ทา่ นสมควรดมื่ หรือ
ดื่มน้�าเมาแล้วถึงแก่ความตายด้วยความเข้าใจผิด - ผู้ใดด่มื นา้� เมาเช่นนีแ้ ลว้ จะเกดิ ความหนา้
ทา� ใหท้ หารเวรตกใจจงึ ทลู ตอ่ พระราชาทนั ใด ดว้ ยเหตุ ด้าน เดินแก้ผ้าไปท่ัวพระนครโดยไม่ละอายแก่ใจ
นี้เองท่ีท�าให้นายพรานถูกลงโทษด้วยการประหาร ท่านสมควรดม่ื หรอื
ชีวิต ด้วยข้อหาปรุงยาพิษขึ้นภายในพระนคร หลัง - ผูใ้ ดดมื่ น้�าเมาเช่นนแี้ ลว้ จะกลา่ วคา� หยาบ
จากนั้น แมวที่สลบอยู่ได้ฟื้นขึ้นมา ท�าให้พระราชา นา� ความตายมาสู่ตัว กลา่ วค�าทีไ่ ม่ควรกล่าว ท�าให้
แปลกพระทัย จงึ ไดเ้ สวยน้�าเมาอกี คร้ังหนง่ึ ปรากฏ ผู้คนพากนั รังเกยี จ ทา่ นสมควรดมื่ หรือ
ว่าน�้าเมาที่ปรุงใหม่คร้ังน้ีมีรสอร่อยชวนให้น่าดื่มกว่า - ผใู้ ดดมื่ นา้� เมาเชน่ นแี้ ลว้ จะเกดิ ความบา้ บนิ่
230
มีใจฮึกเหมิ หาเรอ่ื งทะเลาะวิวาท หาภยั มาสู่ตวั มีศัตรูทั่วแผน่ ดนิ ท่านสมควรดม่ื
หรอื
- ผใู้ ดด่มื น�้าเมาเชน่ นีแ้ ลว้ จะเกดิ ความเกียจครา้ น ไมร่ ู้จกั ทา� มาหาเลย้ี งชีพ
จะอดอยากยากเขญ็ ไดร้ ับความทกุ ขอ์ ย่างแสนสาหัส ท่านสมควรดื่มหรอื
- ผ้ใู ดด่ืมน�้าเมาเช่นน้ีแล้ว จะเกดิ บาปติดตวั จะด่าพอ่ ดา่ แม ่ ไมน่ กึ ถึงลกู เขา
เมยี ใคร จะประพฤติผดิ ศลี ธรรมที่ช่ัวร้าย น�าอัปยศอดสูมาสู่ตัว ทา่ นสมควรด่มื หรือ
ดว้ ยเหตุทั้งหลายเหล่าน ี้ เราจงึ มาเตอื นมหาบพิตรใหท้ รงด�าร ิ ใหร้ แู้ จ้งถงึ ตุ่ม
น�้าเมาอันหาประโยชน์มิได้ จะดม่ื ทา� ไม จงท�าลายมัน”
หลังจากนนั้ มา พระเจา้ สรรพสามติ ร ราชาแห่งนครสาวตั ถี จงึ ทรงทา� ลายตุ่ม
นา�้ เมาตามคา� สอนของทา้ วสกั กะ และนา� พาประชาชนใหบ้ า� เพญ็ ทาน รกั ษาศลี เจรญิ
ภาวนา ประชาชนได้รับความสงบร่มเย็นตงั้ แต่บดั น้นั เปน็ ต้นมา
ชาดกเร่อื งนีม้ ีคติสอนวา่ เพือ่ ใหเ้ ห็นความแตกตา่ ง สรุ า เหล้า หรอื เรียกอกี
อยา่ งหนง่ึ วา่ น�า้ เปลยี่ นนิสยั ผูใ้ ดดื่มแล้วจะแสดงพฤติกรรมผดิ ปกติ ด่ืมแล้วจะ
เพมิ่ ความกา้ วรา้ ว อวดดี พดู จาหยาบคาย แสดงความเปน็ นกั เลงหวั ไม้ ชอบสรา้ ง
ศัตรู แม้แต่ลูกเมยี กเ็ หน็ เป็นศัตรูคู่อาฆาต บางคนตดิ สุรางอมแงมจนร่างกายซบู
ผอม เปน็ โรคพษิ สรุ าเรอื้ รงั เปน็ ทร่ี งั เกยี จของญาตมิ ติ ร เพอ่ื นฝงู และบคุ คลทวั่ ไป
ไมม่ ีใครปรารถนาจะคบหาสมาคมด้วย อบั จนปญั ญา หมดความอับอาย แม้แต่
รา่ งกายหรอื ของสงวนทพี่ งึ ปกปดิ กอ็ าจเปลอื ยกายเตน้ รา� ทา� เพลงในเวลาเมา ความ
ลับท่นี ่าอบั อายก็อาจนา� มาขยายไดเ้ ม่ือเมาเสียสติ
การดม่ื สรุ าเมรัยเปน็ บ่อเกิดของการสูญเสยี สขุ ภาพ บุคลกิ ภาพ คุณภาพ
และสวัสดิภาพ สมควรอย่างยิ่งท่ีจะเฝ้าเตือนบุตรหลานหรือผู้ท่ีเรารักให้งดเว้น
จากการดม่ื สรุ าเมรยั อนั จะนา� ไปถงึ ความเสอ่ื มในชวี ติ สรุ าเมรยั มโี ทษ ๖ ประการ
ดังท่ีท่านกลา่ วสอนไวว้ า่
อนั สรุ า เมรยั ใครเสพตดิ
พาชีวิต มืดมน จนฉิบหาย
หน่ึง สิน้ ทรพั ย์ ตนนน้ั พลนั วอดวาย
สอง อาจตาย ดว้ ยทะเลาะ เพราะความเมา
สาม ท�าใหเ้ กิด โรคา พยาธิ
ส่ี คนต�าหนิ นินทา พาอับเฉา
หา้ หน้าดา้ น นักหนา เวลาเมา
หก โงเ่ ขลา ปัญญาหด หมดสิ้นเอย
(กมุ ภชาดก อรรถกถา ขทุ ทกนกิ าย
ชาดก ตงิ สตนิ ิบาต เลม่ ๓๔ หนา้ ๑๙๕)
231
232
ลิงเฝา้ สวน
“ความโง่ทา� ใหเ้ สื่อม”
เม่อื ครัง้ พระเจ้าพรหมทตั ครองราชสมบัติอยู่ในเมอื งพาราณสี ทกุ ๆ
ปีท่ีเมืองน้ีจะมีการจัดงานนักขัตฤกษ์ ซ่ึงเป็นงานเทศกาลประจ�าปี โดยมี
มหรสพการละเลน่ รนื่ เรงิ ตา่ งๆ มากมาย สถานทจี่ ดั งานกค็ อื พระลานหลวง
ในกาลนน้ั พระโพธสิ ตั วเ์ สวยพระชาตเิ ปน็ บณั ฑติ เพอื่ นคนหนงึ่ ของ
ชายเจา้ ของสวนนน้ั เจา้ ของสวนไดป้ ลกู ตน้ ไมไ้ วใ้ นสวนเปน็ จา� นวนมาก ทง้ั
ไม้ดอก ไม้ประดับ และไมก้ ินใบกนิ ผล
วันหนึ่ง เขามองเห็นฝูงลิงฝูงหนึ่งที่อาศัยอยู่ในพระราชอุทยาน ซ่ึง
ตนเคยใหอ้ าหารเปน็ ประจา� จนคุ้นเคยกันดี จงึ คิดวา่ “เราจะอาศยั ลงิ เหลา่
น้ันแหละเฝา้ สวน อตุ สา่ ห์เลี้ยงดมู าตั้งนาน จะไดใ้ ชง้ านใช้การบ้างกค็ ราว
นแ้ี หละ” คดิ ดงั น้ันแลว้ เขากเ็ ดนิ ไปท่ฝี งู ลงิ แล้วกล่าวกับหัวหน้าลงิ ว่า “เจ้า
ลิงเอ๋ย สวนนี้นับว่ามีบุญคุณต่อเจ้าและพรรคพวกของเจ้ามากนัก เจ้าได้
อาศยั สวนนไ้ี ดก้ นิ ผลหมากรากไมแ้ ละใบออ่ นของตน้ ไมม้ ามใิ ชน่ อ้ ย ตอนนี้
เขามงี านเทศกาลกนั เราอยากจะไปเทยี่ วชมดสู กั หนอ่ ย แตต่ น้ ไมท้ เี่ พงิ่ ปลกู
ใหม่ยังไม่ได้รดน้�า เราอยากจะขอแรงพวกเจ้าช่วยกันรดน้�าในเย็นวันนี้จะ
ได้ไหม”
ลงิ ตัวหัวหนา้ รับวา่ “ได้ขอรับนาย กไ็ อ้แคร่ ดน�า้ มันจะยากเย็นอะไร
เชยี ว” คนเฝา้ สวนสบายใจทลี่ งิ รบั ปากจะดแู ลสวนและชว่ ยรดนา�้ ให ้ แตก่ อ่ น
จะไปเขาไดส้ ง่ั กา� ชบั ลงิ อยา่ งหนกั แนน่ อกี ครง้ั หนง่ึ วา่ “พวกเจา้ อยา่ ประมาท
เลินเล่อ ข้อส�าคัญต้องรู้จักประหยัดน�้า อย่ารดน�้ามากเกินไป” สั่งดังนั้น
แล้วเขาก็จดั เตรียมอุปกรณส์ �าหรับรดนา�้ มาวางไวใ้ หเ้ หน็ แล้วก็เดนิ ทางไป
งานมหรสพ
ตกเย็น หัวหน้าลิงเรียกลูกน้องถืออุปกรณ์รดน้�ามาให้พร้อม แล้ว
แนะน�าวิธีรดน้�าว่า “นี่พวกเจ้าทั้งหลาย เจ้านายของเราได้ก�าชับให้รดน�้า
233
ตน้ ไมด้ ว้ ยวธิ ปี ระหยดั เพอื่ ใหก้ ารใชน้ า้� ไดป้ ระโยชนส์ งู สดุ เวลารดเราตอ้ ง
รวู้ ่าตน้ ไม้ต้นนั้นมีความต้องการน�้าเทา่ ไร รากส้นั กต็ อ้ งการน้า� นอ้ ย ราก
ยาวกต็ อ้ งการนา้� มาก ดงั นนั้ เราตอ้ งถอนรากขนึ้ มาดกู อ่ น ตน้ ไหนรากยาว
ก็ให้รดน้�ามากๆ ต้นไหนรากส้ันก็ให้รดน้�าน้อยๆ ท�าอย่างนี้จึงจะช่ือว่า
เปน็ การประหยัดน้�าอยา่ งท่ีเจ้านายสง่ั ไว”้
พวกลิงท้ังหลายจึงพากันถอนต้นไม้ที่เพ่ิงปลูกใหม่ขึ้นมาดูทุกต้น
แล้วรดน�้ามากน้อยตามความส้ันยาวของราก แล้วฝังลงไปในดินใหม ่
ปรากฏวา่ ตน้ ไมเ้ หลา่ นน้ั เหยี่ วเฉากนั ไปหมด สรา้ งความเสยี หายใหแ้ กส่ วน
ต้นไมเ้ ปน็ อยา่ งมาก คร้นั ครบ ๗ วนั เจา้ ของสวนต้นไมก้ ลับมาถึง กไ็ ด้
เหน็ ตน้ ไม้ตายเกลี้ยงในบรเิ วณดงั กลา่ ว
บุรุษบณั ฑติ เพือ่ นบา้ นเจา้ ของสวนไดเ้ ข้าไปในสวน เห็นเหตกุ ารณ์
นั้นแล้ว ถามเจา้ ของสวนว่าท�าไมต้นไมจ้ งึ ตาย พอไดฟ้ งั เรื่องราวทงั้ หมด
จบ จึงพมึ พา� ด้วยธรรมสงั เวชว่า “พิโธ่เอย ไอ้ลิงโง ่ ชา่ งไม่รูอ้ ะไรเสยี เลย
คิดจะทา� ประโยชน์แตก่ ลบั ท�าสิ่งท่เี ป็นโทษเสียนี่” แล้วบุรษุ บัณฑติ กก็ ล่าว
เป็นภาษิตวา่ “คนไมฉ่ ลาด มงุ่ หวังทา� ประโยชน์ แตม่ ไิ ด้ขจัดความโง่เขลา
ในตวั เอง สิง่ ทที่ �าแทนที่จะเปน็ ประโยชน์กก็ ลบั เป็นโทษไปได ้ คนโง่เขลา
ย่อมทา� ประโยชน์ใหเ้ สยี หายไป เหมือนลงิ เฝ้าสวนนี่แหละ”
ชาดกเร่ืองนี้มีคติสอนว่า การใช้คนให้ท�างานนั้นต้องใช้คนให้
เหมาะกบั งาน ใชค้ นทมี่ คี วามรใู้ นเรอ่ื งนน้ั ดี ใชค้ นทฉ่ี ลาด สามารถ และ
มปี ระสบการณไ์ ปท�างาน ย่อมจะได้ผลงานตามที่ประสงค์ ตรงกันข้าม
ถ้าใช้คนไม่เหมาะกับงานหรือใช้คนที่ไม่ฉลาด ขาดประสบการณ์
นอกจากงานจะไม่ส�าเร็จตามประสงค์แล้ว ก็อาจท�าให้งานเสียหาย
อดื อาด ลา่ ชา้ ลว้ นแตเ่ ปน็ เรอ่ื งผดิ พลาดทเี่ กดิ จากการใชค้ นไมเ่ ปน็ และ
ไมร่ อบคอบทงั้ สิ้น
(อารามทูสกชาดก อรรถกถา ขทุ ทกนกิ าย
ชาดก เอกนบิ าต เล่ม ๒๙ หน้า ๒๖)
234
235
พระราชาผู้กตญั ญู
“เราดไี ปเขากใ็ หด้ มี าตอบ
เราไปชอบเขากต็ อบชอบมาหา”
ในอดีตกาล พระโพธสิ ัตว์เสวยพระชาตเิ ปน็ พระราชาในนครพาราณสี
ครองราชสมบตั ิโดยธรรม ทรงใหท้ าน รกั ษาศลี เป็นประจ�า
อยู่มาวันหน่ึง พระราชาแห่งนครพาราณสีได้เสด็จไปปราบโจรกบฏท่ี
ชายแดน พรอ้ มดว้ ยกา� ลงั ทหาร พระองคท์ รงพลาดทา่ พา่ ยแพ ้ จงึ เสดจ็ หนไี ป
อาศัยหมู่บ้านชายแดน ชาวบ้านเห็นพระองค์เข้าก็หวาดกลัว พากันหนีเข้า
บ้านกันหมด แต่มีชายคนหนึง่ ไม่ยอมหนีไปไหน ออกมา ตอ้ นรบั แลว้ ถามว่า
“ได้ขา่ ววา่ พระราชาเสด็จไปปราบโจรกบฏทช่ี ายแดน แล้วท่านเป็นใคร เป็น
ทหารหรือเปน็ นักจารกรรม”
พระราชาตรสั ตอบวา่ “สหาย เราเป็นทหาร” “ถ้าอยา่ งนั้น เชญิ ทา่ น
เขา้ ไปในบา้ นของเรากอ่ น” นายคนนนั้ กลา่ วเชอ้ื เชญิ แลว้ เรยี กภรรยาใหอ้ อก
มาลา้ งเทา้ พระราชา น�าอาหารมาให้ น�าเสอ่ื หมอนมาปูลาดให้น่ังพักนอนพกั
ไดส้ บายใจ พระราชาทรงเหนด็ เหนอ่ื ยจงึ บรรทมหลบั ไปหลายชว่ั โมง ชายคน
นัน้ ได้เปลอ้ื งเกราะม้าออก เพ่ือให้ม้าเดินได้ถนัด เอาน�า้ มาให้ดม่ื เอาน้า� มัน
มาทานวดเท้านวดขา แล้วตดั หญา้ ให้ม้ากิน
เขาและภรรยาไดด้ แู ลพระราชาโดยทไ่ี มร่ วู้ า่ เปน็ พระราชา และชว่ ยเลย้ี ง
ม้าให้อกี โดยไม่รูส้ ึกวา่ เป็นภาระอะไร ทา� อย่างนีอ้ ย ู่ ๓-๔ วัน จนสนทิ สนม
คบหากันแบบเพื่อน พระราชาจึงบอกเขาว่าจะกลับแลว้ ภรรยาของเขาจึงรีบ
น�าอาหารมาถวายพระราชา เขารีบเอาหญ้าและน้�ามาให้ม้ากินให้อิ่มอีกครั้ง
ก่อนจะเสดจ็ กลบั พระราชาตรสั บอกเขาวา่ “สหายเอย๋ เราขอขอบคุณท่าน
มากทใ่ี ห้ทพ่ี กั พงิ แกเ่ รา และดูแลเราอย่างดี หากเพอ่ื นมีธุระอะไรในเมือง ขอ
ให้เพื่อนไปหาเราได้ทุกเวลา เพียงถามนายประตูว่า บ้านของนายทหารม้า
ใหญ่อยู่ทไี่ หน เขากจ็ ะพาไปหาเราเอง เราจะไดม้ ีโอกาสตอบแทนเพอ่ื นบ้าง”
ตรัสดังน้ันแล้วก็เสด็จกลับไป ฝ่ายกองก�าลังทหารต้ังค่ายพักรอพระ
ราชาอยู่ ไม่รู้ว่าพระองค์เสด็จอยู่ท่ีไหน คร้ันเห็นเสด็จมาจึงเข้าถวายบังคม
แล้วพระราชาก็เสด็จน�าทัพกลับพระนคร คร้ันถึงพระราชวัง พระราชาตรัส
236
เรียกนายประตูมานัดแนะว่า หากชายบ้านนอก ตายไปแลว้ การท่พี อ่ ต้อนรบั เขา ดูแลเขา ใหเ้ กยี รติ
ลกั ษณะเชน่ นมี้ าถามหา กใ็ หร้ บี พาเขา้ ไปพบพระองค์ เขา เพยี งแคน่ ้ยี ังน้อยไปเสียอกี ลกู อย่าคดิ อะไรมาก
ทันทีไม่ต้องรีรอ พระราชาทรงรออยู่นาน กว่าชาย ไปเลย”
คนนั้นจะเข้าไปเฝ้าได้ และที่ไปเข้าเฝ้าก็เพราะพวก พระราชาทรงหยดุ นดิ หนงึ่ แลว้ ตรสั ตอ่ วา่ “ลกู
ชาวบ้านยุให้ไป ด้วยชาวบ้านมีเรื่องเดือดร้อนเก่ียว เอ๋ย ผใู้ ดใหแ้ กค่ นทไ่ี ม่ควรให้ แต่คนทีค่ วรให้กลบั
กับการเก็บส่วยของทางการ เม่ือจะไปเขาได้เตรียม ไมใ่ ห้ ผนู้ นั้ เมอื่ มภี ยั ไดท้ กุ ขย์ ากลา� เคญ็ ยอ่ มจะไมม่ ี
ของฝากไปด้วยมีเส้ือผ้า เคร่ืองประดับ และขนม ใครช่วยเหลือ ส่วนผู้ท่ีไม่ให้แก่คนที่ไม่ควรให้ ให้
จ�านวนมาก เขาได้รับการต้อนรับอย่างย่ิงใหญ่จาก เฉพาะแกค่ นทคี่ วรให้ เมอ่ื ตวั เองตกทกุ ขไ์ ดย้ ากขน้ึ
พระราชา พระราชาให้อัครมเหสีล้างเท้าให้เขา ทา มา ยอ่ มได้รับการชว่ ยเหลือ ดงั น้นั ลูกจงจ�าไวเ้ ถิด
น้�ามันหอมใหด้ ้วย แล้วทรงสวมใส่เสอ้ื ผา้ ทีเ่ ขานา� มา เกิดเป็นคนอย่าเป็นคนอกตัญญู พ่อแสดงความ
ฝากทั้งสองพระองค์ ทรงเสวยขนมและแบ่งให้ กตัญญูต่อเขาเช่นนี้ ทุกคนคงเข้าใจพ่อนะ” พระ
อา� มาตยไ์ ด้กนิ กนั จนท่วั มเหส ี พระราชโอรส และพระราชธดิ า ตา่ งซาบซง้ึ ใน
ต่อจากน้ัน พระราชาได้ปฏิบัติกตัญญู นา้� พระราชหฤทยั ของพระราชา ถงึ กบั สะอนื้ ไปตามๆ
กตเวทติ าธรรมแกช่ ายคนนน้ั อยา่ งทใี่ ครๆ คาดไมถ่ งึ กัน ทุกคนพอทราบเรื่องก็พากันแซ่ซ้องสรรเสริญ
คือทรงมอบราชสมบตั ิกึง่ หนง่ึ ใหเ้ ขา ทรงแต่งต้ังชาย พระเจ้าอยู่หัวของตนไม่ขาดปากว่า เป็นพระราชา
คนนั้นขึ้นเปน็ พระราชาปกครองเมืองพาราณส ี รว่ ม ยอดกตญั ญูโดยแท ้
กบั พระองค์ ทรงใหส้ ร้างพระราชนเิ วศน์ส�าหรับพระ ชาดกเรอ่ื งนม้ี ีคติสอนว่า อันความกตัญญนู ้ัน
ราชาองคใ์ หม ่ โปรดใหเ้ รยี กภรรยาและบตุ รของพระ เป็นนิมิตเป็นเครอ่ื งหมายของคนดี แตย่ อ่ มหายาก
ราชาองค์ใหม่มารับเกียรติยศ และมาอยู่ด้วยกันใน ในหมคู่ นไมด่ ี คนกตญั ญนู นั้ เขาไมม่ องถงึ ฐานะหรอื
พระราชวัง พื้นเพของผู้มีพระคุณแก่ตน จะเป็นใครก็ตามถ้า
พวกอา� มาตย์ไมร่ ้ตู ้นสายปลายเหตุ จึงเหน็ ว่า เขาท�าสงิ่ ทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ กต่ น ย่อมร้สู กึ ว่าผ้นู น้ั มี
พระองคท์ �าไม่สมควร จงึ ทูลใหพ้ ระราชโอรสท�าการ บุญคณุ แกต่ น เชน่ เจ้าของบา้ นทเี่ ป็นคนดี ย่อม
คัดค้าน แม้พระราชโอรสเองก็ทรงอึดอัดไม่น้อยท่ี รู้สึกว่าคนใช้ในบ้านมีบุญคุณแก่ตน หากไม่ได้เขา
ต้องมาดูแลชายผู้ไม่รู้จัก จึงเข้าไปเฝ้าพระราชบิดา ตนเองก็จะล�าบาก เจ้าของบริษัทท่ีเป็นคนดีก็รู้สึก
ถวายบังคมแล้วกราบทูลความสงสัยทั้งปวงให้ทรง ว่าคนงานในบริษัทมีบุญคุณแก่ตน ช่วยให้บริษัท
ทราบ ของตนเจรญิ กา้ วหนา้ และทา� ใหต้ วั เองมฐี านะดขี นึ้
พระราชาทรงสดบั แลว้ กท็ รงแยม้ พระโอษฐ ์ จงึ มาได้ คนดีคนกตัญญูรู้คุณคน เขาคิดกันอย่างน้ี
ตรสั เลา่ วา่ “ลกู พอ่ จา� ไดไ้ หมเมอื่ คราวทพ่ี อ่ ยกทพั ไป และหาโอกาสปฏิการคณุ ตามกาลอันควร
ปราบโจร พอ่ พา่ ยแพแ้ ตกทพั หนตี ายกนั ไปคนละทศิ
คนละทาง พอ่ หนไี ปทช่ี ายแดนหมบู่ า้ นแหง่ หนง่ึ ชาย (มหาอสั สาโรหชาดก อรรถกถา ขทุ ทกกิ าย
คนนแี้ หละทชี่ ว่ ยพอ่ เขาพาพอ่ ไปหลบอยใู่ นบา้ นของ ชาดก จตุกกนิบาต เลม่ ๓๑ หนา้ ๒๘๖)
เขา หงุ หาอาหารเลย้ี งพ่อ ใหบ้ ุตรภรรยามานวดเท้า
ใหพ้ อ่ เขาดแู ลพอ่ เปน็ อยา่ งด ี ถา้ พอ่ ไมไ่ ดเ้ ขา พอ่ อาจ
237
238
ราชสีหก์ บั เสือโครง่
“ยใุ หร้ า� ตา� ให้รวั่ ”
ในอดตี กาล ณ ปา่ แหง่ หนง่ึ อนั เปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั ของราชสหี ก์ บั เสอื โครง่
ทง้ั สองพกั อยรู่ ว่ มกนั ในถา�้ แหง่ หนง่ึ ของปา่ นน้ั โดยไมเ่ คยทะเลาะเบาะแวง้
กนั เลย ตา่ งกส็ นทิ สนมรกั ใครเ่ ปน็ มติ รทด่ี ตี อ่ กนั ในกาลนนั้ พระโพธสิ ตั ว์
เสวยพระชาตเิ ปน็ รุกขเทวดา ผ้สู งิ สถติ อย ู่ ณ ป่านน้ั ได้เห็นเหตกุ ารณท์ ี่
เกิดข้ึนโดยตลอด
วนั หน่งึ มีสุนขั จง้ิ จอกผา่ ยผอมตัวหน่ึงหวิ โซมา เท่ียวหาอาหารไม่
ได้เลย เมื่อมาพบซากสัตว์ท่ีเป็นอาหารเหลือเดนของราชสีห์กับเสือโคร่ง
แล้ว จึงได้อาศัยกินประทังชีวิตสืบไป มันจึงเกิดความคิดอย่างมักง่ายว่า
“ทา� ไมเราจะตอ้ งเทย่ี วหากนิ ใหม้ นั เหนอื่ ยยากลา� บากดว้ ยเลา่ หากเราคอย
ติดตามสัตว์ท้ังสองนี้ไว้ ย่อมมีเดนอาหารให้เราได้กินอย่างสบายไปจน
ตาย” คิดดังนนั้ สุนัขจงิ้ จอกจงึ เขา้ ไปอาสาคอยรับใชร้ าชสหี แ์ ละเสือโคร่ง
ได้กินเดนจากสัตว์ท้ังสองเสมอมา จนกระท่ังสุนัขจ้ิงจอกมีร่างกายอ้วน
ทว้ นสมบรู ณ์ เพราะไดก้ ินเนอ้ื สตั วน์ านาชนิดมากมาย ทา� ให้เกิดความละ
โมภ คิดอยูใ่ นใจวา่ “เนอ้ื ใดๆ เราก็เคยกนิ มามากแล้ว แต่เน้ือของราชสีห์
กับเสือโคร่ง เรายังไม่เคยได้ลิ้มลองเลย เราน่าจะท�าให้สัตว์ทั้งสองน้ี
ทะเลาะกนั แตกแยกกนั ฆา่ กนั เรากจ็ ะไดล้ ม้ิ รสเนอื้ ของสตั วท์ ง้ั สองแนๆ่ ”
คิดแล้วก็ออกอุบายไปหาราชสีห์ เอ่ยยั่วยุว่า “ข้าแต่นาย ท่านไปมีเวร
เกลียดชังอะไรกับเสือโคร่งบ้างหรือไม่” ราชสีห์ตอบอย่างสงสัยว่า “เวร
อะไรกันเล่า” “อ้าว! ข้าแต่ท่านผู้มีเขี้ยวงาม เสือโคร่งได้กล่าวดูหมิ่น
เหยยี ดหยามทา่ นวา่ ราชสหี ย์ อ่ มมลี กั ษณะสงู ใหญด่ อ้ ยกวา่ เรา และมกี า� ลงั
ความเพยี รดอ้ ยกวา่ เราเชน่ นแ้ี หละ” ราชสหี ไ์ ดย้ นิ คา� บอกเลา่ นนั้ มไิ ดม้ จี ติ
กระเพอื่ มอ่อนไหวแต่ประการใด เพยี งคา� รามวา่ “เจา้ จงไปเสยี เถดิ เสือ
โคร่งย่อมไม่กล่าวอย่างน”ี้
239
เมอ่ื แผนชว่ั ไมเ่ ปน็ ผล สนุ ขั จง้ิ จอกจงึ ไปลอ่ ลวงเสอื โครง่ บา้ งในลลี าทา� นอง
เดียวกัน พอเสือโคร่งได้ฟังดังนั้นแล้ว อดใจไว้ไม่ได้ จึงเผ่นโผนโจนทะยาน
เข้าไปหาราชสีห ์ แลว้ สอบถามว่า “เพื่อน จรงิ หรือท่ที ่านกลา่ วหมิน่ เราวา่ เสือ
โครง่ ยอ่ มมลี กั ษณะสงู ใหญด่ อ้ ยกวา่ เรา มผี วิ พรรณดอ้ ยกวา่ เรา มชี าตดิ อ้ ยกวา่
เรา มกี า� ลังกายดอ้ ยกว่าเรา และมีก�าลังความเพยี รด้อยกวา่ เรา”
ราชสีห์ฟังแล้วก็กล่าวตอบด้วยอาการสงบ แต่หนักแน่นจริงจังว่า
“แน่ะ! เพือ่ นรกั ถ้าทา่ นประทุษรา้ ยเราผู้อย่กู ับท่านมาเนน่ิ นานป ี อยา่ งนเ้ี ราก็
ไม่พึงยินดีอยู่ร่วมกับท่านต่อไป” “เพราะผู้ใดเชื่อฟังค�าของคนอ่ืนโดยถือเป็น
จรงิ ผนู้ น้ั ตอ้ งพลนั แตกแยกจากมติ ร และตอ้ งประสบเวรภยั เปน็ อนั มาก จะมงุ่
ความแตกรา้ ว คอยแต่จบั ผดิ ผนู้ ั้นไมช่ อ่ื วา่ เป็นมติ ร แต่ถา้ ผู้ใดไม่ประมาททุก
ขณะ คนอ่นื มายใุ หแ้ ตกกนั ไม่ได้ ไมม่ ีความระแวงกัน ไม่มคี วามรังเกียจมิตร
นอนอยรู่ ว่ มกนั อยา่ งปลอดภยั เสมอื นบตุ รนอนแนบอกมารดาฉะนนั้ ผนู้ น้ั นบั
ไดว้ า่ เปน็ มติ รแท”้ เมอื่ ราชสหี ก์ ลา่ วคณุ ของมติ ร และโทษของการหเู บาเชอ่ื งา่ ย
แล้ว เสอื โคร่งกไ็ ดส้ ตริ ตู้ วั หายระแวงแคลงใจ จึงทา� อาการคารวะ แกร่ าชสหี ์
แลว้ กลา่ ววา่ “เพอื่ นเอย๋ โทษผดิ นเ้ี ปน็ ของขา้ พเจา้ เอง ขอขมาตอ่ ทา่ นดว้ ยเถดิ ”
สตั วท์ งั้ สองจงึ ไดอ้ ยรู่ ว่ มกนั อยา่ งเปน็ สขุ มคี วามพรอ้ มเพยี งรกั ใครก่ นั ดงั
เดมิ สว่ นสนุ ขั จงิ้ จอกขโี้ ลภไดแ้ อบหลบหนไี ปอยทู่ อี่ น่ื แลว้ เมอื่ แผนรา้ ยไมส่ า� เรจ็
โดยไมก่ ลา้ กลับมาในท่นี อ้ี ีกเลย
ชาดกเรอื่ งนมี้ คี ตสิ อนวา่ คา� สอ่ เสยี ดหรอื คา� ยยุ งใหค้ นแตกแยกกนั เปน็
มหนั ตภยั ร้าย สา� หรบั คนที่อยู่ด้วยกัน หากไมร่ ะวงั หรอื รูเ้ ทา่ ไม่ทนั ก็จะแตก
กันโดยไม่ทราบสาเหตุท่ีแท้จริง เพราะผู้พูดส่อเสียดจะมีวิธีการท่ีแยบยล
ใครหูเบา ใครเชื่อคนง่าย ก็มักจะตกเป็นเหย่ือของคนส่อเสียดโดยไม่รู้ตัว
สามีภรรยาทีต่ อ้ งทะเลาะกนั เพื่อนฝงู ทแ่ี ตกคอกัน ผใู้ หญท่ ่ตี า่ งมองหนา้ ไม่
สนทิ สว่ นหน่งึ กม็ าจากสาเหตคุ อื ค�าส่อเสยี ดของพวกบ่างชา่ งยพุ วกนเ้ี อง
(วัณณาโรหชาดก อรรถกถา ขุททกนิกาย
ชาดก ปญั จกนิบาต เล่ม ๓๑ หนา้ ๕๖๓)
240
241
หงส์กบั เตา่
“จะเปน็ ตายรา้ ยดี อยทู่ ปี่ าก”
ในอดีตกาล มีพราหมณ์หนุ่มคนหนงึ่ เดนิ ทางไปศกึ ษาศลิ ปวิทยา
ทเ่ี มอื งตกั กศลิ า เมอ่ื ศกึ ษาจบแลว้ เดนิ ทางกลบั มาเฝา้ พระเจา้ พรหมทตั ท่ี
เมืองพาราณสี พระเจ้าพรหมทัตทรงโปรดปราน จึงแต่งตั้งเขาให้เป็น
ปุโรหิต มีหน้าที่ใหค้ า� ปรึกษา พร่�าสอนศลี ธรรมในราชส�านัก
ในกาลนนั้ พระโพธสิ ัตวเ์ สวยพระชาติเป็นปโุ รหิตนนั้ หลงั จากได้
รับการแตง่ ตง้ั เป็นปโุ รหติ แล้ว พราหมณห์ นมุ่ กต็ ัง้ ใจท�าหน้าทีข่ องตนเป็น
อยา่ งดี โดยถวายคา� ปรกึ ษาและคา� แนะนา� ตามทีพ่ ระเจา้ พรหมทตั ทรงขอ
ค�าปรึกษามา
พระเจา้ พรหมทตั มอี า� มาตยผ์ คู้ อยสนองงานอยคู่ นหนง่ึ เปน็ คนพดู
มากปากกลา้ ชอบพดู จาเสยี ดสผี อู้ นื่ อยเู่ ปน็ ประจา� พระองคค์ อยหาโอกาส
ทจ่ี ะปรามการพดู มากของอา� มาตยค์ นน ้ี จงึ คดิ ตรองหาอบุ ายสกั อยา่ งหนงึ่
อยู่มาวันหนงึ่ มหี งส ์ ๒ ตวั ได้ผูกสนิทชิดเชื้อกบั เตา่ ซ่ึงอาศยั อยู่
ในสระแห่งหนึง่ ได้พบไดเ้ หน็ เต่ามานาน จงึ ท�าใหส้ ตั วท์ ้ัง ๓ เป็นเพ่ือนรัก
กนั วนั หนง่ึ หงสพ์ ดู กบั เตา่ วา่ “เตา่ เพอ่ื นรกั ทภ่ี เู ขาจติ รกฏู ในปา่ หมิ พานต์
พวกเรามีถ้�าทองเป็นท่ีอาศัย เป็นสถานที่อยู่สบายมาก มีอาหารและน้�า
สมบูรณ ์ เชญิ เจ้าไปอยู่กับพวกเราซิ”
เต่าย้อนถามหงส์อย่างฉงนว่า “เราจะไปได้อย่างไร” หงส์ตอบว่า
“เราจะพาเจ้าไป หากเจ้ารักษาปากไว้ได้” เต่าคิดใคร่ครวญแล้วจึงตอบ
ตกลง หงส์ไดใ้ หเ้ ตา่ คาบไมต้ อนกลาง ส่วนพวกมนั ไดค้ าบไม้ตอนปลาย
ขา้ งละตวั พาเตา่ บนิ ไปในอากาศ ขณะทบ่ี นิ มาถงึ กลางเมอื งพาราณส ี ชาว
บ้านตา่ งพากันแตกตน่ื ด้วยเห็นเป็นของประหลาด และขณะเดียวกันนนั่
เองเด็กๆ พากนั ร้องบอกกนั วา่ “หงสห์ ามเตา่ ๆ”
ฝา่ ยเต่าได้ยนิ ดังนั้น กช็ กั ฉนุ ข้นึ มาในใจ มนั ตวาดออกมาทันทีว่า
“กงการอะไรของพวกเจา้ วะ่ ” และในขณะท่ีมันอ้าปากขึน้ พูดน่ันเอง ปาก
กห็ ลุดจากไม้ ตกลงมาแหลกเหลวทพ่ี ระลานหลวง ตายคาท่ี
ชาวบ้านต่างแตกตื่นพากันไปดูเป็นการใหญ่ พระเจ้าพรหมทัต
242
พรอ้ มดว้ ยอา� มาตยร์ าชบรพิ ารกไ็ ดเ้ สดจ็ ไปทอดพระเนตรดว้ ย พระองคท์ รงเหน็ โอกาส
ที่จะเตือนสติอ�ามาตย์ผู้มีปากพูดมาก จึงตรัสถามปุโรหิตท่ีปรึกษาของพระองค์ว่า
“เตา่ ตวั นีต้ กลงมาดบั ชพี ด้วยเหตใุ ด”
ปุโรหิตต้องการหาอุบายสอนธรรมแก่อ�ามาตย์ผู้น้ันอยู่แล้ว จึงกราบทูลว่า
“ขอเดชะ เห็นจะเป็นเพราะเต่าตัวน้ีคาบไม้ให้หงส์พามาแล้วอดพูดไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ปโุ รหติ นนั้ ทลู ทนั ท ี “พอมนั อา้ ปากพดู จงึ หลดุ จากไมต้ กลงมาตายเชน่ น ี้ มนั ตายเพราะ
ปากของมนั แทๆ้ พ่ะยะ่ คะ่ ”
อา� มาตยไ์ ดฟ้ งั เชน่ นน้ั กเ็ ขา้ ใจทนั ทวี า่ ปโุ รหติ ผนู้ น้ั สอนตน ตง้ั แตน่ นั้ มา จงึ สา� รวม
ปากไม่พดู มากปากกลา้ เหมอื นแต่กอ่ น
ชาดกเรอื่ งน้ีมคี ตสิ อนว่า ลกั ษณะคนท่ีพูดมากเกินไป คือ
- คนทแ่ี มไ้ ม่มีเรือ่ งอนั ควรจะพูดก็พูด
- คนท่ีหมดเรื่องอนั ควรจะพูดแล้ว กไ็ มห่ ยดุ พดู
สว่ นคนพดู นอ้ ยเกินไป คอื คนที่มีลักษณะอนั ตรงกันข้ามกับคนพดู มาก คือ
- คนทม่ี เี รอ่ื งอันควรจะพดู กไ็ มพ่ ูด
- ยังไมห่ มดเร่อื งอันควรจะพูดกห็ ยุดพดู เสยี
สว่ นคนพูดพอประมาณนน้ั คือ
- คนทม่ี เี รื่องอันควรจะพดู จึงพดู
- หมดเรอ่ื งทคี่ วรจะพดู แลว้ กห็ ยดุ พูด
คนพดู มากกบั คนพดู เกง่ นน้ั ไมเ่ หมอื นกนั คนพดู เกง่ คอื คนรจู้ กั พดู ใหถ้ กู กาละ
เทศะ บคุ คล และเรอื่ งราว ควรพูดก็พูด ควรฟังก็ฟัง พดู เปน็ ท่ีถกู หู ถูกใจของคนอน่ื
ส่วนคนพูดมากไมป่ ระกอบด้วยลกั ษณะนี้ เขาอยากจะพูด กพ็ ดู ไปเรือ่ ยๆ หาเรือ่ งมา
พดู ไดเ้ สมอ ไมส่ นใจวา่ ใครอยากจะฟงั หรอื ไมอ่ ยากฟงั เรอ่ื งทพี่ ดู นน้ั เปน็ ประโยชนแ์ ก่
ใครบ้างหรอื ไม่เป็น ผฟู้ งั มีความสุขจากการฟังเขาพดู หรอื ไม่ ไม่สา� คญั สา� คัญตรงท่ี
เขาได้พดู
อยา่ งทสี่ า� นวนไทยวา่ กนั วา่ “พดู นา�้ ทว่ มทงุ่ ” ไมม่ เี นอ้ื หาสาระอะไร คนจะเปน็
บัณฑติ เพราะเหตุท่ีพดู มากน้ันหามไิ ด้ มคี �าพดู สอนกนั ว่า
พูดดีมมี ติ ร
พูดโดยไม่คิดมิตรไม่มี
จงคิดทกุ คา� กอ่ นพูด
แตอ่ ย่าพดู ทุกค�าทคี่ ดิ
ถ้าพูดทุกค�าทีค่ ดิ
อาจตดิ คุกทุกคา� ทีพ่ ูด
(กัจฉปชาดก อรรถกถา ขุททกนิกาย
ชาดก ทุกนิบาต เล่ม ๓๐ หน้า ๒๗๓)
243
244
คา� สอนของพระราชา
“ประพฤตธิ รรมนา� สุขมาให้”
ในอดีตกาล มีทารกคนหนึ่งเกิดในตระกูลพราหมณ์ คร้ันเติบโต
เจริญวัยขึ้นก็ไปเรียนศิลปะทั้งปวงจนกระท่ังส�าเร็จ ต่อมาได้ออกบวชเป็น
พระดาบส บา� เพ็ญเพียร ท�าอภิญญาและสมาบัติใหบ้ ังเกิดแลว้ โดยอาศยั
รากไมแ้ ละผลไมใ้ นปา่ เปน็ อาหาร อาศยั อยใู่ นปา่ หมิ พานตอ์ นั เปน็ ทส่ี งบวเิ วก
ในกาลน้ัน พระโพธสิ ตั วเ์ สวยพระชาตเิ ปน็ ดาบสน้นั
เวลานั้นเอง พระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณส ี
พระองคท์ รงเป็นผ้รู ังเกยี จโทษคือความผิดอนั จะมีในตน ดงั น้ันจงึ ทรงด�าริ
วา่ “โทษคอื ความผดิ ของเรานน้ั ตอนนเ้ี รามองไมเ่ หน็ เลย กแ็ ลว้ ใครกนั เลา่
จะสามารถมองเห็นความผิดของเราได้ ผู้ท่ีจะกล่าวถึงความผิดของเราได ้
ยงั จะมอี ยหู่ รอื ไมห่ นอ” จงึ ทรงแสวงหา แตก่ ไ็ มพ่ บใครจะบอกความผดิ ของ
พระองค์ได้เลย ทง้ั คนสนิทใกล้ชดิ และคนไม่ค้นุ เคย ทั้งคนภายในพระนคร
และคนภายนอกพระนคร
เมอื่ เปน็ เชน่ นจ้ี งึ ทรงตดั สนิ พระทยั วา่ “เหน็ ทเี ราจะตอ้ งออกไปยงั บา้ น
ป่า ชาวชนบทคงต้องมีความคิดเห็นอย่างไรกับเราบ้างเป็นแน่” แล้วทรง
ปลอมพระองคเ์ สดจ็ เทยี่ วไปตามชนบทชายแดนตา่ งๆ แตแ่ มก้ ระนน้ั กต็ าม
กย็ งั ไมพ่ บใครกลา่ วถงึ ความผดิ ของพระองคเ์ ลย ทรงไดส้ ดบั แตค่ า� สรรเสรญิ
เทา่ น้นั จึงทรงตัดสินพระทัยยิ่งข้นึ กวา่ เดิมอกี “แม้ในปา่ หมิ พานต์ เราก็จะ
ตอ้ งทดลองไปดู เผอ่ื ว่ายงั จะพอมใี ครบอกความบกพรอ่ งของเราได”้ ทรง
ยอมลา� บากเสดจ็ เขา้ ปา่ หมิ พานต ์ ทอ่ งเทยี่ วไปจนกระทงั่ ถงึ อาศรมของพระ
ดาบสนน้ั เมอ่ื ไดพ้ บกบั พระดาบสแลว้ กท็ รงกราบและทรงกระทา� ปฏสิ นั ถาร
จากนนั้ กป็ ระทบั นัง่ ณ ทค่ี วรข้างหนึง่
ขณะน้ันพระดาบสเพ่ิงจะน�าผลไทรสุกกลับมา ซ่ึงผลไทรสุกเหล่านี้
มีรสหอมหวาน โอชะราวกับกอ้ นนา้� ตาลกรวด พระดาบสจงึ เชอ้ื เชญิ วา่
245
“ทา่ นผเู้ จรญิ เชญิ ทา่ นดมื่ นา�้ และผลไทรสกุ นเี้ ถดิ ” พระราชาทรงกระทา� ตาม
นน้ั พอได้เสวยผลไมเ้ ขา้ ไปแค่ค�าเดยี วเท่านน้ั จึงทรงอทุ านออกมา “พระคณุ เจ้า
ผ้เู จรญิ เพราะอะไรหนอ ผลไทรสุกถึงไดห้ วานอรอ่ ยดจี ริง ๆ”
พระดาบสย้ิมแล้วกล่าวว่า “น่ันเป็นเพราะพระราชาองค์น้ี ทรงปกครอง
ประชาราษฎรโ์ ดยธรรมอยเู่ สมอ จงึ เปน็ เหตใุ หผ้ ลไทรสกุ นห้ี อมหวานชวนกนิ ” พระ
ราชาทรงรบั ฟงั แลว้ กอ็ ดสงสยั ในพระทยั มไิ ด ้ จงึ ตรสั ถามออกไป “กแ็ ลว้ พระราชา
ไมด่ า� รงอยู่ในธรรม ผลไทรสุกจะไมห่ อมหวานเชยี วหรือ” “ใชแ่ ล้ว! ไมว่ า่ จะเปน็
พระราชาองค์ใด หากปกครองบา้ นเมืองของตนอยา่ งไม่เป็นธรรม แมน้ �้ามนั น�า้
ผงึ้ นา�้ ออ้ ย รากไม ้ หรอื ผลไมใ้ นปา่ กย็ อ่ มจะไมห่ อมหวาน หมดรสชาตไิ ปสน้ิ มใิ ช่
แคน่ ี้ แมแ้ ตร่ ฐั ทง้ั หมดทงั้ สน้ิ กจ็ ะหมดโอชะ ไรค้ ่า แตถ่ า้ หากพระราชาตง้ั มน่ั อยใู่ น
ธรรม ปกครองโดยธรรม ส่งิ ตา่ งๆ เหลา่ น้ันก็จะหอมหวาน มีรสอร่อย แม้รัฐทงั้
ปวงกย็ อ่ มมโี อชะดว้ ยเหมอื นกนั ” แมย้ งั สงสยั ไมเ่ ชอ่ื อยอู่ กี แตก่ ต็ รสั รบั คา� เพราะ
ไม่ปรารถนาจะใหร้ ้วู ่าพระองค์เป็นพระราชา แล้วทรงกราบลาพระดาบส เสด็จไป
ยงั พระนครพาราณสี
แตใ่ นระหวา่ งทางนนั้ เอง กท็ รงไมค่ ลายสงสยั ในคา� ทพี่ ระดาบสพดู ทรงดา� ริ
ว่า “เราจะต้องทดลองความจริงดู หากเราไม่ครองราชย์โดยธรรมแล้ว ส่ิงต่างๆ
นนั้ จะหมดส้ินรสชาตอิ ันโอชะไปจริงหรือ แลว้ ความจริงจะปรากฏในไมช่ า้ นี้” ทรง
ตัดสินพระทัยดังน้ีแล้ว จึงปกครองดูแลบ้านเมืองอย่างไม่เป็นธรรม ให้เวลาล่วง
เลยไประยะหน่งึ แลว้ เสดจ็ กลบั ไปหาพระดาบสที่อาศรมน้นั อกี ครัง้
ฝ่ายพระดาบสกย็ งั คงตอ้ นรับเช่นครัง้ กอ่ น เอานา�้ และผลไทรสุกใหแ้ กพ่ ระ
ราชาทรงปลอมพระองคม์ า คราวนเ้ี มอ่ื พระราชาไดเ้ สวยผลไทรสกุ แลว้ ถงึ กบั ตอ้ ง
รีบบว้ นท้งิ แลว้ ตรัสวา่ “ชา่ งขมจรงิ หนอพระคุณเจ้า ทา� ไมจงึ กลายเป็นอย่างนไ้ี ป
ได้”
พระดาบสส่ายหวั พรอ้ มกบั พูดด้วยอาการน่าเสยี ดายวา่ “ท่านผู้มีบญุ นี่
แหละแสดงว่าพระราชาองค์นไ้ี ม่ประพฤตธิ รรมเสียแล้ว ส่งิ ทัง้ ปวงจึงวิบตั ิ ผลไม้
จงึ ไร้รสหวาน ขาดโอชะไปสิ้น” พระดาบสโพธสิ ัตว์ไดถ้ วายโอวาทแด่พระราชาต่อ
ไปวา่ “เมอื่ ฝงู โคขา้ มนา�้ ไป ถา้ โคจา่ ฝงู ไปคดเคยี้ ว โคทงั้ ฝงู กไ็ ปคดเคย้ี วตามกนั ใน
หมมู่ นษุ ยก์ เ็ หมอื นกนั ผใู้ ดไดร้ บั แตง่ ตง้ั ใหเ้ ปน็ ใหญ ่ ถา้ ผนู้ นั้ ประพฤตไิ มเ่ ปน็ ธรรม
ไมต่ งั้ อยใู่ นธรรม ประชาชนชาวเมอื งนนั้ กจ็ ะประพฤตไิ มเ่ ปน็ ธรรมตามไปดว้ ย ทงั้
รฐั ก็ย่อมอยูไ่ ม่เป็นสขุ ท่ัวกนั
แต่ถา้ เม่อื ใดฝงู โคข้ามน�้าไป ถ้าโคจา่ ฝงู ไปตรง โคท้งั ฝูงก็ไปตรงตามกนั ใน
246
หม่มู นุษย์ก็เหมือนกนั ผู้ใดได้รบั แต่งต้ังให้เป็นใหญ่ ถ้าผูน้ ั้นประพฤตชิ อบธรรม ต้ัง
อยูใ่ นธรรม ประชาชนชาวเมืองนั้นกจ็ ะประพฤติชอบธรรมตามไปด้วย ท้ังรฐั ก็ยอ่ ม
อยู่เป็นสขุ โดยทวั่ กนั ”
พระเจ้าพรหมทัตทรงสดับธรรมของพระดาบสแล้ว ก็ทรงคลายพระทัยส้ิน
สงสัย ทรงเปิดเผยให้รู้ว่าพระองค์เป็นพระราชา แล้วทรงส�านึกในความผิดของ
พระองค์เอง จึงตรัสว่า “พระคณุ เจ้าผู้เจริญ ขา้ พเจา้ เองไดก้ ระท�าผดิ ไปด้วยความ
เขลาขาดสต ิ เพยี งเพราะปรารถนาพสิ จู นผ์ ลไทรสกุ ซงึ่ แสนหวานจะกลายเปน็ ขมขน่ื
ไดอ้ ยา่ งไร บดั นข้ี า้ พเจา้ สา� นกึ ซง้ึ แกใ่ จแลว้ ในผลกระทบเกยี่ วเนอ่ื งตอ่ กนั กจ็ ะกระทา�
คืนให้ผลไทรสุกนั้นหวานช่ืนดังเดิมอีก” แล้วทรงกราบพระดาบสด้วยความเคารพ
เลอื่ มใส จากนน้ั กเ็ สดจ็ กลบั พระนคร ทรงปกครองแผน่ ดนิ โดยธรรม ทา� ใหส้ รรพสงิ่
ท้งั ปวงในรฐั กลบั คนื สคู่ วามมโี อชะเหมอื นอยา่ งเดิม
ชาดกเรอ่ื งนมี้ คี ตสิ อนวา่ ผนู้ า� หรอื ผบู้ รหิ าร หากบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ตาม
อ�าเภอใจ จะก่อให้เกิดหายนะแก่ประเทศชาติและประชาชนได้อย่างกว้างขวาง
ดังน้ันการบริหารราชการแผ่นดินของผู้น�า จึงต้องมีเครื่องมือมาถ่วงดุลให้การ
บรหิ ารน้นั เกดิ ประสทิ ธภิ าพสงู สุด มีประโยชน์มากที่สุด
เครอ่ื งมอื นกี้ ค็ อื “ธรรมะ” ในรปู แบบตา่ งๆ และดงั นน้ั แทนทผ่ี นู้ า� จะบรหิ าร
ตามอา� เภอใจ ก็เปลี่ยนมาบริหารตามธรรมโดยการถอื “ธรรม” เปน็ “อ�านาจ”
ไม่ใช่ “อ�านาจ” เป็น “ธรรม” ธรรมท่ีผู้น�าต้องยึดม่ันเป็นหลักในการบริหาร
ราชการแผน่ ดิน กลา่ วโดยสรุปก็คอื
๑. ยุตธิ รรม ธรรมคอื ความถูกตอ้ ง
๒. นิติธรรม ธรรมคือ กฎหมาย
๓. เนติธรรม ธรรมคอื ราชประเพณี กฎมณเฑียรบาล
๔. พทุ ธธรรม ธรรมคอื ศีล สมาธิ ปัญญา
หากจะมคี นถามวา่ ทา� ไมคนไทยจงึ รกั ในหลวง หลายคนอาจตอบไปคนละ
ทิศคนละทาง แต่หากจะตอบให้ถูกหลักธรรมควรตอบว่า ท่ีคนไทยรักในหลวง
เพราะในหลวงทรง “ครองธรรม” พรอ้ มๆ กบั ทที่ รง “ครองราชย”์ แตถ่ า้ จะถาม
ตอ่ ไปวา่ ธรรมอะไรทท่ี รงครอง กค็ วรจะตอบวา่ “ทศพธิ ราชธรรม” นนั่ เอง ผนู้ า�
ที่ครองธรรมย่อมชนะใจประชาชน ส่วนผู้น�าท่ีไร้ธรรมย่อมถูกประชาชนเกลียด
ชงั ตรรกะง่ายๆ อยา่ งน้ี ไมใ่ ชผ่ นู้ า� ทั่วไปไมร่ ู้ แตโ่ ดยมากรู้แลว้ มกั ไมท่ �า เมือ่ ไม่
ทา� พอข้นึ ครองอ�านาจกเ็ ร่มิ ย่างก้าวเขา้ สู่ความเสอ่ื มจากอ�านาจทนั ที
(ราโชวาทชาดก อรรถกถา ขุททกนิกาย
ชาดก จตกุ กนิบาต เล่ม ๓๑ หน้า ๔๔๑)
247
248
ตน้ ไทรวิเศษ
“โลภมาก มักลาภหาย”
ในอดตี กาล ณ เมอื งพาราณส ี พระโพธสิ ตั วเ์ สวยพระชาตเิ ปน็ พอ่ คา้
โดยได้เป็นหัวหน้าพาพ่อค้าทั้งหลายน�าสินค้าไปขายยังต่างเมือง ครั้งหน่ึง
พระโพธิสตั วไ์ ด้พาพ่อค้าที่มาจากถ่ินตา่ งๆ ประมาณ ๕๐๐ คน น�าเกวียน
ขนสินค้าไปขายยังถิน่ ท่ีอยู่ห่างไกลออกไป การเดินทางในครั้งน้นั ได้เกดิ
ความผดิ พลาดข้ึน จนหลงทางเขา้ ไปในถิน่ กันดาร
ตอ่ มา พวกพอ่ คา้ เหล่านัน้ ไดพ้ บต้นไทรใหญ่ ซึง่ พญานาคอาศัยอยู่
จงึ ชวนคณะหยุดพกั ใต้ตน้ ไทรนนั้ ปลดววั ออกจากเกวียนปล่อยให้กินหญ้า
กินน้�า ส่วนพ่อค้าก็พักตามสุมทุมพุ่มไม้ ต้ังกองเกวียนรายเรียงล้อมรอบ
แล้วชวนกนั เข้าไปนั่งนอนพกั อยใู่ ตต้ ้นไทรด้วยความส�าราญเบกิ บาน
ใจต้นไทรต้นน้ลี า� ตน้ ใหญม่ าก ไมใ่ ช่ใหญ่อย่างธรรมดา แตใ่ หญ่มาก
เปน็ พเิ ศษ แผก่ งิ่ กา้ นออกไปจากตน้ ถงึ ขนาดสามารถใหค้ วามรม่ เยน็ แกค่ น
จา� นวน ๕๐๐ คนได้อยา่ งทั่วถงึ
พญานาคพรอ้ มด้วยบริวารจ�านวนมากไดม้ าอาศัยอยทู่ ต่ี น้ ไทร เหน็
พวกพอ่ คา้ มาพกั อาศยั กร็ สู้ กึ สงสาร คดิ จะดลบนั ดาลสงิ่ ตา่ งๆ ใหพ้ วกพอ่ คา้
ไดม้ คี วามสขุ เมอ่ื พวกพอ่ คา้ คลายเหนอ่ื ย ตา่ งคนตา่ งกย็ ดื เสน้ ยดื สาย รสู้ กึ
กระหายนา้� เตม็ แก ่ พอ่ คา้ จา� นวนหนงึ่ จงึ ชวนกนั ตดั กง่ิ ไทรเผอ่ื วา่ จะมนี า้� จะ
ได้ด่ืมแก้กระหาย เพราะน�้าทเ่ี ตรยี มกนั มาหมดเสยี แล้ว พวกพ่อคา้ ตดั กิง่
ไทรท่อี ยทู่ างทิศตะวันออก พญานาคก็ดลบนั ดาลให้มีน้า� ไหลออกมา ไมใ่ ช่
เปน็ การไหลแบบธรรมดา แตไ่ ดไ้ หลออกมาอยา่ งไมห่ ยดุ จนพวกพอ่ คา้ ดมื่
กนิ กนั ไม่หวาดไม่ไหว พวกพอ่ คา้ ครั้นเห็นอัศจรรยเ์ ชน่ นน้ั ก็ลองตดั ก่ิงไทร
ท่อี ยดู่ า้ นทศิ ใต้ดูบ้างว่าจะเป็นอย่างไร พอตดั ฉับลงไป ผลไมต้ ่างๆ กไ็ หล
พรั่งพรูออกมาด้วยอานุภาพของพญานาค ใหพ้ วกพอ่ คา้ ได้กินกันอยา่ งอิ่ม
หน�าส�าราญ
249
พวกพอ่ คา้ พากนั กา� เรบิ เสบิ สาน คดิ อยากไดอ้ ะไร ๆ อกี จงึ ชว่ ยกนั ตดั กงิ่ ดา้ น
ทิศตะวันตก พอก่ิงหัก พญานาคก็บันดาลให้มีหญิงสาวแสนสวยจ�านวนมากมา
ปรนเปรอให้ความสุขส�าราญแก่พวกพ่อค้าครบทุกคน ยกเว้นพระโพธิสัตว์ที่ไม่
ตอ้ งการ เทา่ นัน้ ยังไมเ่ พียงพอส�าหรบั ความต้องการของพวกพ่อคา้ ที่โลภมาก พวก
เขายงั ชว่ ยกนั ตดั กงิ่ ทอี่ ยดู่ า้ นเหนอื อกี กงิ่ หนงึ่ พอตดั เสรจ็ กม็ เี พชรนลิ จนิ ดาหลงั่ ไหล
ออกมาดว้ ยอานุภาพของพญานาคเหมือนเคย
พวกพอ่ ค้าพากนั เกบ็ ของมคี ่าเหลา่ นน้ั จนเต็มเกวียน ๕๐๐ เล่ม แมว้ ่าพวก
พ่อคา้ จะได้ของทุกส่ิงทกุ อยา่ งซงึ่ ลว้ นแลว้ แตเ่ ป็นของดๆี ทงั้ ส้ินไปด้วยความไม่คาด
ฝนั กย็ งั ไมพ่ อแคน่ น้ั พวกเขายงั ปรกึ ษากนั อกี วา่ “นแี่ คต่ ดั กง่ิ กย็ งั ไดข้ องดตี งั้ มากมาย
แต่ถ้าพวกเราโค่นต้นลงมา มันจะขนาดไหนล่ะพวก” ในท่ีสุดทุกคนก็มีมติเป็น
เอกฉันท์ใหโ้ คน่ ตน้ ไทร เผอ่ื จะได้ทรัพย์สมบัตเิ พ่มิ อกี ความอยากของมนุษยไ์ มม่ ีที่
สน้ิ สดุ
พระโพธสิ ตั วห์ ัวหนา้ พ่อคา้ เหน็ ว่ามนั เกินไปแล้ว จึงเขา้ ไปขอร้องว่า “พวกเรา
ไดม้ าอาศยั ร่มเงาต้นไทรนีจ้ นมีความสุขสบายท่ัวกัน แต่พวกเราจะตัดต้นท้งิ เสยี มนั
จะถูกหรอื ธรรมดาว่าผทู้ ไ่ี ด้อาศยั รม่ ไม ้ ไดส้ ดู ลมหายใจด้วยอากาศบริสุทธ ์ิ ไดน้ ่ัง
ได้นอนกันอย่างมีความสุขส�าราญ ไม่ควรท�าอย่างนั้นเลย” แม้พระโพธิสัตว์จะ
พยายามพูดโน้มน้าวจิตใจพวกพ่อค้า แต่ก็ไม่มีใครเช่ือฟัง ต่างคนต่างจับเคร่ืองไม้
เครอื่ งมือเตรียมจะโคน่ ต้นไทรท่าเดยี ว
พญานาคเห็นพวกพ่อค้าเหล่าน้ันเลวเกินไป โลภไม่มีที่ส้ินสุด ให้กิ่งก้านไป
แล้วยังไม่รู้จักพอ น่ีถึงขนาดจะโค่นต้นซึ่งเราอาศัยอยู่ มันจะเกินไปแล้ว จึงส่ังให้
บรวิ ารฆา่ พวกพอ่ คา้ ทง้ั หมด ยกเว้นพระโพธิสัตวเ์ พราะเปน็ คนดีมศี ีลธรรม มนี �า้ ใจ
กตญั ญแู มก้ ระทง้ั แกต่ น้ ไม ้ ไมเ่ พยี งแตไ่ วช้ วี ติ พระโพธสิ ตั วเ์ ทา่ นนั้ พญานาคยงั สง่ั ให้
บรวิ ารขนทรัพยส์ มบัติทง้ั หมดใส่เกวยี นทัง้ ๕๐๐ เล่มแล้วมอบให้พระโพธิสตั วแ์ ต่
เพยี งผเู้ ดยี ว ตนเองและบรวิ ารก็ไดช้ ่วยกันไปส่งจนถงึ บา้ น ในเมอื งพาราณสี
ชาดกเร่ืองนี้มีคติสอนว่า การตัดต้นไม้ท�าลายป่า ก่อให้เกิดโทษแก่มวล
มนุษย์อย่างแสนสาหัส เพราะต้นไม้คือชีวิต ต้นไม้คือบ่อเกิดแห่งชีวิต เป็นบ่อ
เกิดแหง่ สายฝน เป็นต้นน้า� ลา� ธาร และเปน็ บ่อเกิดแห่งพืชพนั ธธุ์ ัญญาหาร ซ่งึ ได้
หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์และสัตว์บนพ้ืนพิภพให้ด�ารงอยู่ได้ ต้นไม้ ภูเขา แม่น้�า
ลา� คลอง ทอ่ี ยอู่ าศยั ลว้ นเปน็ องคป์ ระกอบของชวี ติ ส่งผลให้ชวี ิตทกุ ชีวิตสดชน่ื
มคี วามสขุ สบายอยา่ งทวั่ ถงึ ถา้ มนษุ ยย์ งั เหน็ แกต่ วั ยงั มนี สิ ยั มกั งา่ ยทา� ลาย
ธรรมชาติ และสิง่ แวดลอ้ มอย่อู ย่างทกุ วันนี้ ต่อไปในภายภาคหนา้ มนษุ ยเ์ รากจ็ ะ
ยง่ิ เดือดรอ้ นมากย่งิ ขึน้ ถงึ วันนนั้ คงโทษใครไม่ได้
(มหาวาณชิ ชาดก อรรถกถา ขุททกนกิ าย
ชาดก ปกิณณกนบิ าต เล่ม ๓๓ หน้า ๓๘๐)
250