สําหรบั พนักงานเจา หนา ท่ี
สรุปหลักเกณฑ
การขอหนงั สือรับรองรา_ค_า_ป_ร_ะ_เ_ม_ิน__ท_ุน_ท__ร_พั _ย_ที่ดนิ พรอมสง่ิ ปลกู สรา ง
การขอหนงั สือรบั รองราคาประเมินทุนทรพั ยท ่ดี นิ พรอมส่งิ ปลกู สราง ตามระเบียบ
กรมที่ดินวาดวยการประเมินราคาทุนทรัพยเพ่ือเรียกเก็บคาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิ
และนิตกิ รรม และการขอหนงั สือรบั รองราคาประเมนิ ทุนทรัพยที่ดินและอสงั หาริมทรัพยอยางอ่ืน
พ.ศ. ๒๕๕๖ มหี ลักเกณฑก ารดาํ เนินการของพนักงานเจา หนา ท่ี สรุปไดด ังนี้
๑. การขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพยเฉพาะสิ่งปลูกสรางเพียง
อยา งเดียว ไมส ามารถดําเนนิ การได จะตอ งเปน การขอหนงั สือรับรองราคาประเมนิ ทนุ ทรพั ย
ท่ีดินพรอมสิ่งปลูกสรางซึ่งผูขอเปนเจาของที่ดินและส่ิงปลูกสรางทั้งสองอยางเทานั้น โดยสิ่งปลูก
สรางนั้น ตง้ั อยบู นท่ีดินแปลงทขี่ อหนงั สอื รับรองราคาประเมินทุนทรพั ย
๒. กรณีที่ดินและสิ่งปลูกสรางท่ีขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย ไดมา
พรอมกนั ตองมีหลักฐานการไดม าซึง่ กรรมสทิ ธ์ิในทดี่ นิ และสิง่ ปลกู สรา งน้นั โดยการจดทะเบยี น
ตอพนักงานเจาหนา ท่ี (เชน หลักฐานสญั ญาขายทด่ี นิ พรอ มสิ่งปลกู สราง เปนตน) หรอื
๓. กรณีที่ดินและส่ิงปลูกสรางท่ีขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย ไดมา
ไมพรอมกัน
๓.๑ ตองมหี ลักฐานแสดงวาผูขอเปนเจา ของส่ิงปลูกสรา งนน้ั โดยจดทะเบียน
ตอพนกั งานเจาหนา ที่ และสง่ิ ปลกู สรางนัน้ ตั้งอยูบนทีด่ ินของผขู อแปลงที่ขอหนังสือรับรองราคา
ประเมนิ ทนุ ทรพั ย หรือ
๓.๒ กรณสี ง่ิ ปลกู สรา งทปี่ ลกู สรา งขึน้ ภายหลงั ตองปรากฏหลกั ฐานวา ผขู อเปน
ผูขออนญุ าตปลูกสรา งบนทด่ี นิ ท่ซี ่ึงมชี ื่อผขู อเปนเจาของท่ีดนิ
๔. สิ่งปลูกสรางตองเปนประเภทท่ีกําหนดไวในบัญชีกําหนดราคาประเมินทุนทรัพย
โรงเรอื น สงิ่ ปลกู สรางในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับอสังหาริมทรพั ย ท่ีสามารถ
นําไปใชในการคํานวณทุนทรัพยได และตองมีหมายเลขประจําบาน หรือหมายเลขที่ของ
สง่ิ ปลกู สรา ง พรอ มท้งั รายละเอียดประเภทสง่ิ ปลกู สรา ง จํานวนเน้ือที่ ปท ี่ปลูกสรา ง หรอื ปลกู สรา ง
มาแลวเปน เวลากีป่ โดยใหผูขอรบั รองรายละเอยี ดเกย่ี วกับสงิ่ ปลกู สรา งท่ีใหไวว าเปน ความจริง
ตามท่ีใหถ อ ยคาํ ทุกประการ
๕. การออกหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพยท่ีดินพรอมสิ่งปลูกสราง ใหแยก
ราคาประเมินทุนทรัพยท่ีดินและสิ่งปลูกสรางเปนสองราคาแยกจากกัน เพื่อความสะดวกแก
หนว ยงานท่ีไดรับหนงั สือรบั รองราคาประเมินทุนทรัพยท ่จี ะพจิ ารณาใชข อมูลดังกลาว
๔๙๗
๖. กรณีมีเหตุสงสัยวาสิ่งปลูกสรางที่ขอออกหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย
พรอ มทด่ี นิ นน้ั เปนสิง่ ปลกู สรางประเภทใด หรือมีขนาดเนอื้ ที่เทา ใด หรือมขี อสงสัยประการอื่นใด
เกี่ยวกับท่ีดินหรือสิ่งปลูกสรางนั้น พนักงานเจาหนาท่ีสามารถออกไปตรวจสอบขอเท็จจริงได
โดยใหผขู อเปนผูนาํ ตรวจและเสยี คา พาหนะในการออกไปตรวจสอบ
๗. ในการออกหนังสือรบั รองราคาประเมนิ ทุนทรพั ยท ดี่ นิ พรอมสิ่งปลกู สราง ใหม ีผล
ใชไดภ ายในป พ.ศ. ท่อี อกหนังสือรบั รองเทา นนั้ เนอ่ื งจากราคาประเมนิ ทนุ ทรัพยส ิ่งปลูกสรางอาจ
มกี ารเปลย่ี นแปลง ซ่ึงเกดิ จากการคํานวณราคาประเมินทนุ ทรพั ยส งิ่ ปลูกสรางท่มี กี ารหักคาเส่อื ม
ราคาตามอตั ราทก่ี าํ หนดไวเปนรายป
๘. กรณสี ิ่งปลูกสรา งอื่นๆ ที่ไมม หี ลักฐานแสดงหมายเลขประจําบานหรือหมายเลขที่
หรือรายละเอยี ดของส่งิ ปลูกสรา ง และไมป รากฏหลักฐานการจดทะเบยี นตอ พนกั งานเจา หนา ที่
ใหอ อกหนงั สือรับรองราคาประเมินทนุ ทรพั ยเฉพาะทด่ี นิ เทา น้ันใหแกผขู อ และใหผ ูข อคัดสาํ เนา
บัญชีกําหนดราคาประเมินทุนทรัพยโรงเรือนส่ิงปลูกสรางในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
เกีย่ วกับอสังหารมิ ทรพั ยท ่ีใชในพนื้ ที่นนั้ ๆ ไปแสดงตอ หนวยงานทผ่ี ขู อตดิ ตอ โดยผูขอเปนผใู ห
ถอ ยคาํ รบั รองตอ หนว ยงานนั้นเองวา เปนสิง่ ปลกู สรางประเภทใด และมรี าคาประเมนิ เทา ใด ตาม
บัญชีกําหนดราคาประเมินทุนทรัพยโรงเรือนส่ิงปลูกสรางในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
เก่ยี วกบั อสงั หาริมทรพั ย
๙. การขอหนงั สอื รับรองราคาประเมนิ ทุนทรพั ยทีด่ นิ พรอมสงิ่ ปลกู สรา ง สามารถยนื่
คําขอตา งสํานักงานทีด่ นิ ได
๑๐. คา ธรรมเนียมการขอหนงั สอื รบั รองราคาประเมนิ ทุนทรัพย
๑๐.๑ โฉนดทด่ี นิ หรอื หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน ใหเ รยี กเกบ็ คา ธรรมเนยี ม
คําขอ แปลงละ ๕ บาท และคาธรรมเนยี มหนังสอื รับรองราคาประเมินทุนทรพั ย ฉบบั ละ ๑๐ บาท
(ตามกฎกระทรวงซงึ่ ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายท่ดี ิน พ.ศ.๒๔๙๗)
๑๐.๒ หองชดุ ใหเรยี กเก็บคา ธรรมเนยี มคาํ ขอ หองชดุ ละ ๒๐ บาท และ
คา ธรรมเนียมหนงั สอื รบั รองราคาประเมินทนุ ทรพั ย ฉบบั ละ ๑๐ บาท
(ตามกฎกระทรวงกาํ หนดคา ธรรมเนียมและคาใชจา ยเกย่ี วกับอาคารชดุ )
หมายเหตุ
ในกรณีที่ผูขอยืนยันจะย่ืนคําขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพยเฉพาะ
ส่ิงปลกู สรา งเพยี งอยา งเดียว ใหพนกั งานเจา หนาท่สี ่งั ไมรับดาํ เนนิ การตามคําขอ พรอมแจง
เหตุผลและสทิ ธกิ ารอทุ ธรณต ามกฎหมายวา ดวยวธิ ปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครองใหผ ูขอทราบดวย
–––––––––––––––––––
๔๙๘
สาํ หรบั ประชาสัมพันธ
สรปุ หลกั เกณฑ
การขอหนงั สือรบั รองราคาประเมนิ ทุนทรัพยท ี่ดนิ พรอ มสิ่งปลกู สราง
_________________
กรณที ี่เจาของท่ดี นิ ทีม่ ีอาคารสิ่งปลูกสรา งตง้ั อยบู นท่ดี ินของตนเอง หากประสงค
จะขอหนังสือรับรองราคาประเมนิ ทุนทรพั ย เพอื่ นําไปใชเ ปน หลกั ฐานประกอบคาํ ขอทาํ ธุรกรรม
กับหนวยงานตางๆ ไดแ ก การขอสินเช่ือกบั สถาบันการเงิน หรอื ใชเปน หลกั ประกนั ตวั ผูต อ งหา
ซึ่งจะตองเปนการขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพยที่ดินและส่ิงปลูกสรางที่ปลูกอยูบนท่ีดิน
น้ันไปในคราวเดยี วกนั โดยพนกั งานเจา หนาท่จี ะออกหนังสอื รับรองราคาประเมินทุนทรัพยท ดี่ ิน
พรอ มสงิ่ ปลูกสรา ง จะไมด ําเนินการออกหนังสอื รับรองราคาประเมินทนุ ทรัพยเ ฉพาะสิ่งปลกู สรา ง
เพียงอยางเดียว ทง้ั น้ี ผขู อสามารถดําเนนิ การได ดังนี้
๑. เจาของท่ีดินและสิ่งปลูกสรางหรือผูท่ีไดรับมอบอํานาจย่ืนคําขอตอพนักงาน
เจาหนา ท่ี ณ สาํ นักงานที่ดินทอ งทซี่ ึง่ ท่ีดินต้ังอยู พรอ มดว ยโฉนดทด่ี ินหรือหนงั สอื รับรองการทํา
ประโยชน บตั รประจาํ ตวั ประชาชน สาํ เนาทะเบยี นบา น และหลักฐานทเี่ กย่ี วกับรายละเอยี ด
ส่ิงปลูกสราง ไดแก
๑.๑ หลักฐานแสดงวาผูขอเปนเจาของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสรางที่
ไดม าพรอ มกันโดยจดทะเบยี นตอพนกั งานเจาหนา ท่ี (เชน หลักฐานสัญญาซือ้ ขายท่ดี นิ พรอม
ส่ิงปลูกสรา ง เปน ตน ) หรือ
๑.๒ หลักฐานที่แสดงวาผูขอเปนเจาของส่ิงปลูกสรางโดยมีการจดทะเบียนตอ
พนกั งานเจาหนาที่ กรณีท่ีสิง่ ปลูกสรางไดม าไมพรอ มกับทด่ี นิ และสง่ิ ปลูกสรา งน้นั ต้ังอยบู นทดี่ ิน
แปลงทข่ี อออกหนังสอื รบั รองราคาประเมินทนุ ทรัพย (กรณไี ดท ีด่ ินกับสิ่งปลูกสรางมาไมพรอมกนั
เชน ผูขอเปน เจาของทีด่ ินอยกู อ นแลว ตอมาภายหลงั จดทะเบียนรับโอนมรดกสงิ่ ปลูกสราง หรือ
ขอปลูกสรางส่ิงปลกู สรางนัน้ ขึน้ ภายหลัง เปนตน )
๑.๓ หลกั ฐานหมายเลขประจาํ ตวั หรอื หมายเลขทข่ี องสง่ิ ปลกู สรา ง การขออนญุ าต
ปลกู สรางทม่ี ชี ือ่ ผขู อเปน ผูขออนุญาต พรอ มดว ยรายละเอียดประเภทสง่ิ ปลูกสราง จาํ นวนเนือ้ ที่
และปที่ปลูกสราง
๒. กรณผี ขู อประสงคจ ะขอหนงั สอื รบั รองราคาประเมนิ ทนุ ทรพั ยท ด่ี นิ พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง
ตา งสํานักงานทด่ี นิ ผูข อสามารถยน่ื คําขอตอ พนักงานเจาหนาท่ี ณ สํานกั งานท่ดี ินจงั หวดั
สํานกั งานทด่ี ินสาขา สาํ นักงานที่ดนิ สวนแยก หรือสํานกั งานท่ีดนิ อาํ เภอแหง ใดแหงหนง่ึ ได พรอม
ดวยโฉนดท่ดี นิ หรอื หนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน และเอกสารหลักฐานอนื่ ที่เกยี่ วของ เชนเดยี ว
กับ ขอ ๑
๔๙๙
๓. คาธรรมเนียมการขอหนงั สือรับรองราคาประเมนิ ทนุ ทรพั ย
๓.๑ โฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ใหเรียกเก็บคาธรรมเนียม
คาํ ขอ แปลงละ ๕ บาท และคา ธรรมเนียมหนงั สือรับรองราคาประเมินทุนทรัพย ฉบับละ ๑๐ บาท
(ตามกฎกระทรวงซงึ่ ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายท่ีดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗)
๓.๒ หองชุด ใหเรียกเก็บคาธรรมเนียมคําขอ หองชุดละ ๒๐ บาท และ
คา ธรรมเนียมหนงั สือรบั รองราคาประเมินทุนทรพั ย ฉบับละ ๑๐ บาท (ตามกฎกระทรวงกาํ หนด
คาธรรมเนียมและคา ใชจ ายเกย่ี วกบั อาคารชุด)
–––––––––––––––––––
๕๐๐
ดว นทส่ี ุด (สาํ เนา)
ที่ มท ๐๕๑๕.๑ / ว ๓๒๒๓๖ กรมทดี่ นิ
ศูนยราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรฐั ประศาสนภกั ดี ถนนแจง วัฒนะ
แขวงทงุ สองหอ ง เขตหลกั สี่ กรงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐
๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖
เร่ือง มาตรการปรับปรงุ บญั ชอี ัตราภาษีเงินไดส ําหรบั บุคคลธรรมดา
เรยี น ผวู า ราชการจงั หวดั ทกุ จงั หวัด
ส่ิงทส่ี ง มาดวย ๑. สาํ เนาพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร วา ดว ยการลดอัตรา
รษั ฎากร (ฉบบั ท่ี ๕๗๕) พ.ศ.๒๕๕๖
๒. ตารางเปรยี บเทียบอตั ราภาษีเงินไดบคุ คลธรรมดาเดิม และอตั ราภาษเี งินได
บุคคลธรรมดาใหม
กรมทด่ี นิ ขอสง สาํ เนาพระราชกฤษฎกี าออกตามความในประมวลรษั ฎากร วา ดว ย
การลดอัตรารษั ฎากร (ฉบับท่ี ๕๗๕) พ.ศ.๒๕๕๖ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎกี า
เลม ๑๓๐ ตอนที่ ๑๒๓ ก วันท่ี ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ มีผลใชบังคับต้งั แตวันถัดจากวันประกาศ
ในราชกิจจานุเบกษาเปนตนไป (วนั ท่ี ๒๔ ธนั วาคม ๒๕๕๖) มสี าระสาํ คญั เปนการปรบั ปรงุ อตั รา
ภาษเี งนิ ไดบ คุ คลธรรมดาสําหรบั คํานวณเงนิ ไดส ทุ ธจิ าก ๕ ขนั้ อตั รา เปน ๗ ขั้นอตั รา และลดอตั รา
ภาษเี งินไดบ คุ คลธรรมดาจากอัตราสงู สดุ รอยละ ๓๗ เปน รอ ยละ ๓๕ มผี ลใชบ งั คับสําหรบั เงนิ ได
ที่ไดรับในป พ.ศ.๒๕๕๖ และป พ.ศ.๒๕๕๗ มาเพอ่ื โปรดทราบและแจง ใหพ นกั งานเจา หนาที่
ทราบและถือปฏบิ ตั ิตอไป
ขอแสดงความนบั ถอื
(ลงชอ่ื ) พินจิ หาญพาณชิ ย
(นายพินจิ หาญพาณชิ ย)
อธบิ ดกี รมท่ดี นิ
สํานักมาตรฐานการทะเบยี นที่ดนิ
สวนมาตรฐานการจดทะเบียนสิทธิและนติ กิ รรม
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๗๖๑ - ๒
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๒๔
๕๐๑
(สําเนา) สงิ่ ท่ีสง มาดว ย ๑
พระราชกฤษฎกี า
ออกตามความในประมวลรัษฎากร
วา ดวยการลดอตั รารัษฎากร (ฉบบั ท่ี ๕๗๕)
___พ_._ศ_._๒_๕_๕__๖___
ภูมิพลอดลุ ยเดช ป.ร.
ใหไว ณ วนั ที่ ๘ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เปน ปท ่ี ๖๘ ในรชั กาลปจจบุ นั
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา ฯ
ใหป ระกาศวา
โดยทีเ่ ปนการสมควรลดอตั ราภาษีเงนิ ไดสาํ หรับบคุ คลธรรมดา
อาศัยอาํ นาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนญู แหงราชอาณาจักรไทย
และมาตรา ๓ (๑) แหง ประมวลรัษฎากร ซง่ึ แกไ ขเพิม่ เติมโดยพระราชบัญญัติแกไขเพ่ิมเติม
ประมวลรษั ฎากร (ฉบับท่ี ๑๐) พ.ศ.๒๔๙๖ อนั เปนกฎหมายทมี่ บี ทบัญญัตบิ างประการเกยี่ วกับ
การจาํ กดั สิทธิและเสรภี าพของบคุ คล ซ่ึงมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ และมาตรา ๔๑
ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติ
แหงกฎหมาย จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ ใหตราพระราชกฤษฎีกาข้นึ ไว ดงั ตอ ไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานเี้ รียกวา “พระราชกฤษฎกี าออกตามความในประมวล
รัษฎากร วาดวยการลดอัตรารษั ฎากร (ฉบับท่ี ๕๗๕) พ.ศ. ๒๕๕๖”
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ใหใชบังคับต้ังแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา
นเุ บกษาเปนตน ไป
มาตรา ๓ ใหลดอัตราภาษเี งินไดต าม (๑) สําหรบั บคุ คลธรรมดา ของบัญชอี ัตรา
ภาษเี งนิ ไดท า ยหมวด ๓ ในลักษณะ ๒ แหงประมวลรัษฎากร ซึ่งแกไขเพิ่มเตมิ โดยพระราชกําหนด
แกไ ขเพม่ิ เตมิ ประมวลรษั ฎากร (ฉบบั ท่ี ๑๖) พ.ศ.๒๕๓๔ สาํ หรบั เงนิ ไดส ทุ ธทิ ไ่ี ดร บั ในป พ.ศ.๒๕๕๖
และป พ.ศ.๒๕๕๗ ดังตอ ไปนี้
(๑) เงนิ ไดสุทธไิ มเกินหน่งึ แสนบาท ใหค งจัดเก็บในอัตรารอยละหา
(๒) เงนิ ไดส ุทธเิ ฉพาะสวนที่เกินหนงึ่ แสนบาท แตไมเ กินสามแสนบาท ใหจดั เก็บ
ในอตั ราลดลง จากรอ ยละสบิ ใหเ หลือรอ ยละหา สําหรบั เงินไดส ทุ ธิสว นท่เี กินสามแสนบาท
แตไมเกนิ หาแสนบาท ใหค งจัดเกบ็ ในอัตรารอยละสิบ
๕๐๒
(๓) เงินไดสุทธิเฉพาะสวนท่ีเกินหาแสนบาท แตไมเกินเจ็ดแสนหาหมื่นบาท
ใหจ ัดเก็บในอตั ราลดลงจากรอ ยละย่ีสบิ ใหเ หลอื รอ ยละสบิ หา สาํ หรบั เงนิ ไดส ทุ ธิสว นที่เกนิ
เจ็ดแสนหาหมื่นบาท แตไ มเกินหนึ่งลา นบาท ใหคงจดั เกบ็ ในอตั รารอ ยละยี่สิบ
(๔) เงนิ ไดส ทุ ธิเฉพาะสว นทีเ่ กนิ หนึง่ ลานบาท แตไ มเกนิ สองลานบาท ใหจ ัดเก็บใน
อตั ราลดลงจากรอยละสามสิบ ใหเหลือรอยละยีส่ บิ หา สาํ หรบั เงนิ ไดส ุทธสิ วนท่เี กนิ สองลา นบาท
แตไมเกินส่ลี านบาท ใหค งจัดเก็บในอตั รารอ ยละสามสิบ
(๕) เงินไดส ุทธิสว นท่ีเกินสล่ี า นบาท ใหจดั เก็บในอตั ราลดลงจากรอยละสามสิบเจ็ด
ใหเหลือรอยละสามสิบหา
มาตรา ๔ ใหรฐั มนตรวี า การกระทรวงการคลงั รักษาการตามพระราชกฤษฎกี าน้ี
ผรู บั สนองพระบรมราชโองการ
ยิ่งลกั ษณ ชนิ วัตร
นายกรัฐมนตรี
______________________________________________________________________________
หมายเหตุ :– เหตุผลในการประกาศใชพระราชกฤษฎกี าฉบบั นี้ คือ เนอ่ื งจากรัฐบาลมีนโยบาย
ในการบรรเทาภาระภาษีใหแกผูมีเงินไดเพ่ือสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแขงขันของ
ประเทศ สรา งความเปนธรรมในสงั คม และเสรมิ สรางความมัน่ คงทางเศรษฐกิจ สมควรลดอตั รา
ภาษเี งนิ ไดส ําหรับบคุ คลธรรมดาท่ีกาํ หนดไวใ นบัญชีอตั ราภาษเี งนิ ไดท ายหมวด ๓ ในลักษณะ
๒ แหงประมวลรษั ฎากร สาํ หรับเงินไดสุทธทิ ีไ่ ดร ับในป พ.ศ.๒๕๕๖ และป พ.ศ.๒๕๕๗ จงึ จําเปน
ตองตราพระราชกฤษฎกี านี้
๕๐๓
สง่ิ ท่สี งมาดว ย ๒
ตารางเปรียบเทียบอตั ราภาษเี งินไดบ ุคคลธรรมดาเดิม และอตั ราภาษีเงนิ ไดบ ุคคลธรรมดาใหม
อัตราภาษีเงินไดบุคคลธรรมดาเดมิ อัตราภาษเี งินไดบคุ คลธรรมดาใหม
ตามพระราชกําหนดแกไขเพิ่มเตมิ ประมวลรัษฎากร ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
(ฉบบั ท่ี ๑๖) พ.ศ. ๒๕๓๔ วาดวยการลดอตั รารษั ฎากร
(ฉบบั ท่ี ๕๗๕) พ.ศ. ๒๕๕๖
เฉพาะใน ป พ.ศ. ๒๕๕๖ และป พ.ศ. ๒๕๕๗
(ใชบ ังคับตัง้ แตวันท่ี ๒๔ ธนั วาคม ๒๕๕๖ เปนตน ไป)
เงินไดสุทธติ ้งั แต อัตราภาษี เงินไดสทุ ธติ งั้ แต อัตราภาษี
(บาท) (รอยละ) (บาท) (รอ ยละ)
๐ – ๑๐๐,๐๐๐ ๕ ๐ – ๑๐๐,๐๐๐ ๕
๑๐๐,๐๐๑ – ๕๐๐,๐๐๐ ๑๐ ๑๐๐,๐๐๑ – ๓๐๐,๐๐๐ ๕
๓๐๐,๐๐๑ – ๕๐๐,๐๐๐ ๑๐
๕๐๐,๐๐๑ – ๑,๐๐๐,๐๐๐ ๒๐ ๕๐๐,๐๐๑ – ๗๕๐,๐๐๐ ๑๕
๗๕๐,๐๐๑ – ๑,๐๐๐,๐๐๐ ๒๐
๑,๐๐๐,๐๐๑ – ๔,๐๐๐,๐๐๐ ๓๐ ๑,๐๐๐,๐๐๑ – ๒,๐๐๐,๐๐๐ ๒๕
๒,๐๐๐,๐๐๑ – ๔,๐๐๐,๐๐๐ ๓๐
๔,๐๐๐,๐๐๑ ขึ้นไป ๓๗
๔,๐๐๐,๐๐๑ ขนึ้ ไป ๓๕
๕๐๔
อัตราภาษีเงนิ ไดบคุ คลธรรมดาใหม
ตามพระราชกฤษฎกี าออกตามความในประมวลรษั ฎากร วาดวยการลดอัตรารษั ฎากร
(ฉบับที่ ๕๗๕) พ.ศ. ๒๕๕๖
เฉพาะใน ป พ.ศ. ๒๕๕๖ และป พ.ศ. ๒๕๕๗
(ใชบ งั คบั ตั้งแตวนั ท่ี ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ เปน ตน ไป)
เงนิ ไดส ุทธติ งั้ แต เงนิ ไดแตล ะข้ัน อัตราภาษี เงนิ ไดแ ตละขัน้ ภาษีสะสม
(บาท) (รอยละ)
๑๐๐,๐๐๐ ๕,๐๐๐ ๕,๐๐๐
๐ – ๑๐๐,๐๐๐ ๒๐๐,๐๐๐ ๕ ๑๐,๐๐๐ ๑๕,๐๐๐
๑๐๐,๐๐๑ – ๓๐๐,๐๐๐ ๒๐๐,๐๐๐ ๕ ๒๐,๐๐๐ ๓๕,๐๐๐
๓๐๐,๐๐๑ – ๕๐๐,๐๐๐ ๒๕๐,๐๐๐ ๑๐ ๓๗,๕๐๐ ๗๒,๕๐๐
๕๐๐,๐๐๑ – ๗๕๐,๐๐๐ ๒๕๐,๐๐๐ ๑๕ ๕๐,๐๐๐ ๑๒๒,๕๐๐
๗๕๐,๐๐๑ – ๑,๐๐๐,๐๐๐ ๑,๐๐๐,๐๐๐ ๒๐ ๒๕๐,๐๐๐ ๓๗๒,๕๐๐
๑,๐๐๐,๐๐๑ – ๒,๐๐๐,๐๐๐ ๒,๐๐๐,๐๐๐ ๒๕ ๖๐๐,๐๐๐ ๙๗๒,๕๐๐
๒,๐๐๐,๐๐๑ – ๔,๐๐๐,๐๐๐ ๓๐
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
๔,๐๐๐,๐๐๑ ขนึ้ ไป ๓๕
๕๐๕
ดวนท่ีสุด (สาํ เนา)
ที่ มท ๐๕๑๕.๑ / ว ๓๒๓๔๗ กรมทดี่ ิน
ศนู ยร าชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรัฐประศาสนภักดี ถนนแจงวัฒนะ
แขวงทงุ สองหอ ง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๖
เรื่อง การจดทะเบียนสิทธแิ ละนิตกิ รรมเก่ียวกบั ทรัพยสินของบรรษทั บรหิ ารสินทรัพยไทย (บสท.)
เรียน ผูวา ราชการจงั หวดั ทุกจังหวัด
อา งถึง หนงั สือกรมท่ดี ิน ที่ มท ๐๕๑๕.๑/ว ๑๘๙๑๑ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔
สงิ่ ท่ีสง มาดวย ๑. สําเนาบันทึกสาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่ือง การชาํ ระบญั ชีบรรษทั
บรหิ ารสินทรัพยไทย (เรอื่ งเสร็จท่ี ๕๘๓/๒๕๕๖)
๒. สาํ เนาคาํ สั่งกระทรวงการคลงั ท่ี ๘๔๑/๒๕๕๖ ลงวันท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖
เรอื่ ง การมอบหมายและมอบอํานาจใหป ลดั กระทรวงการคลงั ปฏบิ ตั ริ าชการ
แทนรัฐมนตรีวาการกระทรวงการคลัง
๓. สําเนาคําสัง่ กระทรวงการคลังท่ี ๘๔๒/๒๕๕๖ ลงวนั ท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖
เรอื่ ง การมอบหมายและมอบอํานาจทปี่ ลัดกระทรวงการคลงั ไดรบั มอบอํานาจ
จากรฐั มนตรวี าการกระทรวงการคลังใหแ กอธิบดีกรมบญั ชกี ลาง
ตามหนังสือที่อางถึง กรมท่ีดินไดสงสําเนาพระราชกฤษฎีกาวาดวยการชําระ
บญั ชบี รรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทย พ.ศ. ๒๕๕๔ เพอ่ื ใหเ จา หนา ทท่ี ด่ี นิ ศกึ ษาทาํ ความเขา ใจเกย่ี วกบั
การยกเวนคาธรรมเนยี ม และภาษีอากรตามมาตรา ๑๗ แหงพระราชกฤษฎีกาฯ พรอ มทั้ง
ถือปฏิบัตใิ นสว นทเี่ กี่ยวขอ ง นั้น
บดั นี้ กรมบัญชีกลางไดแ จง ใหกรมทีด่ ินทราบวา ปจจุบันคณะกรรมการชําระ
บัญชี บสท. ที่ตั้งข้ึนตามพระราชกฤษฎีกาวาดวยการชําระบัญชีบรรษัทบริหารสินทรัพยไทย
พ.ศ. ๒๕๕๔ ไดสง มอบสินทรัพย หนี้สิน และทรพั ยส ินคงเหลือ สมดุ บญั ชี รวมทงั้ เอกสาร
ท้งั หมดใหแ กก ระทรวงการคลงั เปน ผูดาํ เนนิ การ บรหิ ารจดั การภารกิจคงคา งของ บสท. และ
กรมบญั ชีกลางเปนผูรบั มอบอํานาจจากกระทรวงการคลังในการดําเนนิ การตางๆ ท่ีเกย่ี วขอ งกบั
บสท. แลว ดังนน้ั จงึ แจง ใหเ จาหนา ท่ที ่ดี นิ ทราบไวเ ปน ขอ มลู และถือปฏบิ ตั ใิ นสวนทเี่ ก่ียวของ ดงั น้ี
๕๐๖
๑. พระราชกาํ หนดบรรษัทบรหิ ารสินทรพั ยไ ทย พ.ศ. ๒๕๔๔ ไดสนิ้ สดุ การบังคบั
ใชแลว แตว นั ที่ ๘ มิถนุ ายน ๒๕๕๖ ตามนัยมาตรา ๙๕ แหง พระราชกาํ หนดบรรษทั บริหาร
สนิ ทรพั ยไทย พ.ศ. ๒๕๔๔ ซ่ึงมผี ลทําใหบรรษทั บริหารสนิ ทรัพยไ ทย (บสท.) ไดย ุบเลกิ แลว
๒. การชาํ ระบญั ชขี องบรรษทั บริหารสินทรพั ยไทย (บสท.) ซึ่งไดม ีการแตง ต้งั
คณะกรรมการชําระบญั ชีเปน ผูดําเนนิ การกจิ การตางๆ แทน บสท. ตามพระราชกฤษฎกี าวาดวย
การชาํ ระบัญชีบรรษทั บรหิ ารสินทรพั ยไ ทย พ.ศ.๒๕๕๔ และอํานาจของคณะกรรมการชําระบญั ชี
ดงั กลาวไดสน้ิ สดุ ลงแลว (ภายในวนั ที่ ๘ มิถนุ ายน ๒๕๕๖) จงึ ไมอ าจดําเนนิ การจดทะเบียนสทิ ธิ
และนิตกิ รรมในนามของ บสท. ไดแ ตอ ยางใด ทั้งนี้ ตามบนั ทึกสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
เร่ือง การชําระบัญชบี รรษัทบรหิ ารสนิ ทรัพยไ ทย เรือ่ งเสรจ็ ท่ี ๕๘๓/๒๕๕๖ ตามสิ่งท่สี ง มาดว ย ๑.
และขณะน้คี ณะกรรมการชําระบัญชี บสท. ไดสง มอบสินทรพั ย หนีส้ ิน และทรพั ยสนิ คงเหลอื
สมดุ บัญชี รวมทง้ั เอกสารทง้ั หมดใหแ กก ระทรวงการคลังเพื่อเปนผูดาํ เนินการบริหารจัดการ
ภารกจิ คงคา งของ บสท. เรียบรอ ยแลว ดงั นั้น หากปรากฏวามผี มู ายื่นคําขอจดทะเบียนสิทธแิ ละ
นิตกิ รรมเกย่ี วกบั ทรัพยส นิ ของ บสท. ใหแ กผูรบั โอนทม่ี ิใชกระทรวงการคลงั และผูโอนมใิ ชผูรบั
มอบอํานาจจากกรมบญั ชกี ลาง พนักงานเจาหนาทีย่ อ มไมอ าจรบั จดทะเบียนใหไดตามเหตุผล
ดังกลา วขา งตน และใหพ นักงานเจา หนาทแ่ี จงใหค ูกรณที ราบและประสานงานกบั กรมบัญชีกลาง
ซ่งึ เปน ผรู ับมอบอาํ นาจจากกระทรวงการคลงั ในการดําเนนิ การตางๆ ทีเ่ กี่ยวของกบั บสท. กอน
ตามสิง่ ที่สง มาดวย ๒. และ ๓.
๓. สําหรับการดําเนินการเพ่ือเปล่ียนแปลงทางทะเบียนในท่ีดินและ
อสงั หารมิ ทรัพยอ ยา งอนื่ จากชอื่ ของ บสท. ในฐานะผถู อื กรรมสิทธิห์ รอื ผูท รงบุริมสิทธิม์ าเปนของ
กระทรวงการคลัง นนั้ อธิบดีกรมบัญชีกลางในฐานะผูร บั มอบอํานาจจากกระทรวงการคลังเปน
ผูดําเนินการแทนปลัดกระทรวงการคลังเพียงฝายเดียวสามารถ ย่ืนคําขอจดทะเบียนโอน
กรรมสทิ ธิ์หรอื สทิ ธคิ รอบครองในอสงั หารมิ ทรพั ยของ บสท. ใหแกก ระทรวงการคลงั ไดในประเภท
“โอนตามกฎหมาย (ตามมาตรา ๑๙ แหงพระราชกฤษฎีกาวา ดวยการชําระบญั ชบี รรษทั บรหิ าร
สินทรัพยไทย พ.ศ. ๒๕๕๔)” แตหากเปน กรณีทม่ี ีการยนื่ คาํ ขอจดทะเบยี นโอนสิทธิตา งๆ เชน
บุริมสิทธ,ิ์ จาํ นอง เปนตน การเขยี นชอ่ื ประเภทการจดทะเบยี นใหปรบั ไปตามประเภทการ
จดทะเบยี นน้นั ๆ เชน โอนบุริมสทิ ธิต์ ามกฎหมายหรอื โอนสทิ ธิการรับจํานองตามกฎหมาย (ตาม
มาตรา ๑๙ แหง พระราชกฤษฎีกา วา ดวยการชาํ ระบัญชีบรรษัทบริหารสนิ ทรพั ยไทย พ.ศ.๒๕๕๔)
เปน ตน และเพือ่ ใหรูว าทรัพยส ินดงั กลา วเปนทรพั ยสนิ ของ บสท. ที่กระทรวงการคลงั รับโอนมา
และตองมกี ารบริหารจดั การสินทรพั ย หนส้ี นิ ใหเสรจ็ ส้ินตอไป ในสารบญั จดทะเบียนชองผูรับ
สัญญาจงึ ใหลงชื่อ “กระทรวงการคลัง (เพ่ือการบริหารจัดการสนิ ทรพั ย หนี้สิน และทรพั ยส ินท่ี
คงเหลือของ บสท.)” และหากไมม กี ฎหมายอ่นื บญั ญตั ยิ กเวน คา ธรรมเนยี มไว กรณนี ี้ จะเรียก
เกบ็ คา ธรรมเนยี มประเภทไมมีทุนทรัพยแ ปลงละ ๕๐บาท ตามขอ ๒ (๗) (ฑ) แหงกฎกระทรวง
๕๐๗
ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗
จึงเรียนมาเพ่ือโปรดทราบ และแจงใหพนักงานเจาหนาที่ทราบและถือปฏิบัติ
ตอ ไป
ขอแสดงความนบั ถือ
(ลงชื่อ) พนิ จิ หาญพาณิชย
(นายพินิจ หาญพาณชิ ย)
อธบิ ดกี รมท่ีดิน
สํานักมาตรฐานการทะเบยี นทด่ี นิ
สว นมาตรฐานการจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนิติกรรม
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๗๖๑ - ๒
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๒๔
๕๐๘
ส่ิงทีส่ ง มาดว ย ๑
เร่ืองเสรจ็ ท่ี ๕๘๓/๒๕๕๖
บันทกึ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
เรอ่ื ง การชาํ ระบ__ัญ_ช__บี _ร_ร_ษ_ัท__บ_ร_ิห_ารสนิ ทรัพยไ ทย
บรรษทั บริหารสินทรพั ยไ ทยไดม หี นังสอื ดว นทีส่ ดุ ท่ี ๑/๒๕๕๖ ลงวนั ที่ ๑๗
เมษายน ๒๕๕๖ ถงึ สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า สรุปความไดวา ตามท่ไี ดมกี ารตรา
พระราชกฤษฎีกาเพื่อชําระบัญชีบรรษัทบริหารสินทรัพยไทย (บสท.) และรัฐมนตรีไดแตงตั้ง
คณะกรรมการชาํ ระบญั ชเี พอ่ื ดาํ เนนิ การชาํ ระบญั ชี บสท. ใหแ ลว เสรจ็ ในเวลาไมช า กวา ปท ส่ี บิ สอง
นับต้งั แตว นั ท่ีพระราชกําหนดบรรษัทบริหารสินทรพั ยไทย พ.ศ.๒๕๔๔ ใชบงั คับ ซ่ึงจะครบกําหนด
ในวันท่ี ๘ มถิ นุ ายน ๒๕๕๖ ตามนัยมาตรา ๙๕ แหงพระราชกาํ หนดบรรษัทบริหารสินทรพั ย
ไทย พ.ศ.๒๕๔๔ ประกอบมาตรา ๙ แหง พระราชกฤษฎกี าวา ดว ยการชาํ ระบญั ชบี รรษทั บรหิ าร
สินทรัพยไทย พ.ศ.๒๕๕๔ แตการดาํ เนนิ การชําระบญั ชขี องคณะกรรมการชาํ ระบัญชยี ังมีภารกจิ
คา งอยู เชน การคาํ นวณผลกําไรหรือขาดทนุ เพื่อแบง ปน ผลกําไรหรอื รบั ผดิ ชอบในผลขาดทุนกบั
สถาบนั การเงนิ หรือบริษทั บริหารสนิ ทรัพยทโี่ อนสนิ ทรัพยใหแก บสท. และยงั มกี รณีคดที ่ี บสท.
เปนโจทกฟองลูกหน้ีและบุคคลภายนอกในคดีแพง และคดลี ม ละลาย และคดที ่ี บสท. ถูกฟอ งเปน
จําเลยในคดแี พง และคดีอาญา ซง่ึ ยงั อยูร ะหวางการพจิ ารณาของศาล เปนเหตุใหไมอาจชาํ ระ
บัญชีใหแ ลว เสร็จภายในระยะเวลาทีก่ ฎหมายกาํ หนด ดังนัน้ จงึ ขอหารือประเด็นขอกฎหมายวา
เม่ือครบกาํ หนดท่ีกฎหมายใหช าํ ระบัญชีใหแ ลว เสร็จภายในวันท่ี ๘ มิถนุ ายน ๒๕๕๖ แตไมอ าจ
ชําระบัญชีไดเสร็จสิ้น คณะกรรมการชําระบัญชียังจะมีอํานาจหนาที่ดําเนินการชําระบัญชีได
ตอ ไปอกี หรือไม และหากไมมอี าํ นาจ บสท. ตอ งปฏิบัตอิ ยางไร
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะท่ี ๓) ไดพิจารณาขอหารือของบรรษัทบริหาร
สนิ ทรัพยไ ทย โดยรบั ฟง คาํ ชแ้ี จงจากผแู ทนกระทรวงการคลัง (สาํ นกั งานเศรษฐกิจการคลัง) และ
ผแู ทนบรรษทั บริหารสินทรัพยไ ทยแลว ปรากฏขอ เทจ็ จรงิ เพมิ่ เตมิ วา ในปจ จุบนั บรรษัทบริหาร
สนิ ทรพั ยไทย (บสท.) ไดย ุบเลิกแลว และอยูในระหวางการชาํ ระบัญชี โดยมภี ารกิจสําคัญท่ยี งั
ดาํ เนนิ การไมแ ลว เสร็จ คือ การคํานวณผลกาํ ไรหรือขาดทนุ เพอื่ แบง ปนผลกําไรหรอื รับผดิ ชอบ
ในผลขาดทุนกบั สถาบันการเงนิ หรอื บริษัทบริหารสนิ ทรพั ยท ีโ่ อนสินทรพั ยใหแ ก บสท. เนอ่ื งจาก
ยังมสี นิ ทรัพยและทรัพยสนิ บางสวนอยูระหวางการพิจารณาคดขี องศาล และการดําเนนิ คดีความ
ในศาลทัง้ ในคดที ี่ บสท. เปน โจทกฟอ งลูกหนีแ้ ละบคุ คลภายนอก และในคดที ่ี บสท. ถกู ฟอ งเปน
จําเลย นอกจากนี้ กระทรวงการคลงั ไดม กี ารเตรียมการรองรบั การส้นิ สดุ การชําระบญั ชี บสท. แลว
__________________________
สง พรอ มหนงั สือ ดว นทีส่ ุด ที่ นร ๐๙๐๑/๐๘๐๑ ลงวนั ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ซ่ึงสํานกั งาน
คณะกรรมการกฤษฎกี ามถี ึงสํานกั เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี
๕๐๙
โดยรัฐมนตรีวาการกระทรวงการคลังไดมอบหมายใหสํานักงานคณะกรรมการนโยบาย
รัฐวสิ าหกิจ เปนผูรับโอนทรัพยสนิ ท่ีคงเหลือ สมุด บญั ชี และเอกสารทั้งหมดของ บสท. ตอไป
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๓) ไดพ จิ ารณาขอหารือดังกลาว ประกอบกับ
ขอ เทจ็ จรงิ เพิ่มเตมิ แลว มคี วามเหน็ ดังน้ี
ประเดน็ ทห่ี นง่ึ เมอ่ื ครบกาํ หนดระยะเวลาการชาํ ระบญั ชบี รรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทย
ใหแลว เสร็จ ตามมาตรา ๙๕ แหงพระราชกาํ หนดบรรษัทบริหารสนิ ทรพั ยไทย พ.ศ.๒๕๔๔ แลว
อํานาจหนาที่ในการชําะระบัญชีของคณะกรรมการชําระบัญชีบรรษัทบริหารสินทรัพยไทยจะ
ส้ินสุดลงหรือไม นน้ั เหน็ วา พระราชกาํ หนดบรรษัทบรหิ ารสินทรัพยไทยฯ เปนกฎหมายที่มี
วัตถุประสงคเฉพาะเพื่อแกไขปญหาในสภาวะท่ีประเทศไทยประสบปญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ
อยางรา ยแรง โดยการจดั ตง้ั บรรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทย (บสท.) ทาํ หนา ที่แกไ ขปญ หาการคาง
ชําระหนข้ี องลกู หนข้ี องสถาบนั การเงินของรฐั และเอกชนใหเปนไปอยา งรวดเรว็ เพ่อื แกไขปญ หา
ทในาชงเว ศงรรษะยฐะกเจิ วลเปาทน ่ีจกาํากรเดั ฉพโดายะตกาจิ มทมั้งานต้ี รกาฎ๙ห๕มา๑ยแกหาํ หง พนรดะใรหา ชบกสาํ ทห.นมดอี บํารนรษาจทั หบนราหิ ทา่ดีรสาํ นิเนทินรกัพายรไเทพยยี ฯง
บัญญัติให บสท. ตองยุบเลิกเมื่อสิ้นปที่สิบนับแตวันที่กฎหมายใชบังคับ (พระราชกําหนดฯ
ใชบงั คับในวนั ท่ี ๙ มถิ นุ ายน ๒๕๔๔ และการยบุ เลกิ บสท. มีผลในวนั ท่ี ๘ มิถนุ ายน ๒๕๕๔) และ
ชาํ ระบญั ชีใหแลวเสรจ็ ในเวลาไมช า กวาปทส่ี ิบสองนบั แตวนั ทีก่ ฎหมายใชบ งั คับ (ภายในวนั ที่ ๘
มถิ ุนายน ๒๕๕๖) และใหพ ระราชกําหนดน้ีเปน อันยกเลิกเม่ือครบสิบสองปน ับแตวนั ทีก่ ฎหมาย
ใชบ ังคบั โดยในสว นการชาํ ระบญั ชี บสท. ใหม ีการแตง ตัง้ คณะกรรมการชาํ ระบญั ชี วธิ ีการชําระ
บญั ชี ระยะเวลาการชาํ ระบญั ชี เง่อื นไขในการโอนทรพั ยส นิ และหนี้สนิ ของ บสท. และมเี งอ่ื นไข
อ่นื ใดตามทก่ี ําหนดในพระราชกฤษฎีกา ซงึ่ ตราโดยอาศยั อํานาจตามมาตรา ๙๕ วรรคสอง
ประกอบมาตรา ๙๓๒ แหงพระราชกาํ หนดบรรษัทบรหิ ารสนิ ทรพั ยไทยฯ และในปจ จุบันไดมีการ
ตราพระราชกฤษฎีกาดังกลาวแลว คอื พระราชกฤษฎกี าวาดวยการชําระบญั ชบี รรษัทบริหาร
สินทรัพยไทย พ.ศ.๒๕๕๔
เม่ือพิจารณาเจตนารมณของมาตรา ๙๕ แหงพระราชกําหนดบรรษัทบริหาร
สินทรพั ยไทย พ.ศ. ๒๕๔๔ ทก่ี าํ หนดระยะเวลาการชําระบญั ชี บสท. ใหแ ลวเสรจ็ ในเวลาไมชา
_____________๑__ม_า_ต__รา___๙_๕___เมอ่ื ครบเจด็ ปนบั แตว นั ทพี่ ระราชกาํ หนดนี้ใชบ งั คับ ให บสท. เตรยี มการเพอ่ื
เลกิ ดาํ เนินกิจการโดยใหยบุ เลิก บสท. เม่อื สิ้นปทสี่ ิบ และชําระบญั ชีใหแ ลวเสรจ็ ในเวลาไมช ากวา ปทสี่ บิ สอง
นับแตวันท่ีพระราชกําหนดนี้ใชบังคับ และใหพระราชกําหนดน้ีเปนอันยกเลิกเม่ือครบสิบสองปนับแตวันท่ี
พระราชกําหนดนี้ใชบังคับ แตทั้งนี้ ไมเปนการลบลางความผิดตามพระราชกําหนดนี้ที่ไดกระทํากอนวันที่
พระราชกําหนดนี้ถกู ยกเลกิ
ใหนําบทบญั ญัตมิ าตรา ๙๓ และมาตรา ๙๔ มาใชบ งั คบั แกก ารชําระบัญชตี ามวรรคหนึ่ง
โดยอนุโลม ๒ มาตรา ๙๓ เมื่อคณะรฐั มนตรีมมี ติใหย บุ เลิก บสท. ตามมาตรา ๙๑ หรือตามมาตรา ๙๒
ใหกาํ หนดการแตง ตงั้ คณะกรรมการชําระบัญชี วธิ กี ารชําระบัญชี ระยะเวลาการชําระบญั ชี เงือ่ นไขในการโอน
ทรพั ยสนิ และหน้ีสินของ บสท. และเง่อื นไขอนื่ ใดทจี่ าํ เปน โดยการตราเปน พระราชกฤษฎีกา
๕๑๐
กวาปท่ีสิบสองนับแตวันท่ีพระราชกําหนดใชบังคับ และกําหนดระยะเวลาใหพระราชกําหนด
ดังกลาวเปนอันยกเลิกเมื่อครบสิบสองปนับแตวันท่ีพระราชกําหนดใชบังคับแลว เห็นไดวา
กรอบระยะเวลาในการชําระบัญชี บสท. ใหแลวเสร็จ เปนกําหนดเวลาเดียวกับการยกเลิก
พระราชกําหนดฯ ดงั นนั้ การชําระบญั ชี บสท. จึงตองดําเนินการใหแ ลวเสร็จภายในกรอบระยะ
เวลาดังกลาวอยางเครง ครัด เนอ่ื งจากเม่อื ถึงกาํ หนดระยะเวลาทพี่ ระราชกาํ หนดบรรษัทบริหาร
สินทรพั ยไ ทยฯ สน้ิ สุดการมีผลใชบ ังคบั อาํ นาจหนาที่ของคณะกรรมการชาํ ระบญั ชีในการชําระ
บญั ชี บสท. ตามทก่ี าํ หนดไวใ นพระราชกฤษฎกี าวา ดว ยการชาํ ระบญั ชบี รรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทยฯ
อันเปนกฎหมายอนุบัญญัติ ยอ มตอ งส้ินสุดลงไปดวย
ประเดน็ ที่สอง หากอํานาจหนา ทีใ่ นการชาํ ระบัญชีของคณะกรรมการชาํ ระบญั ชี
บรรษัทบริหารสินทรัพยไทยสิ้นสุดลง การดําเนินการเกย่ี วกบั ภารกิจของบรรษัทบริหารสินทรัพย
ไทย ทค่ี า งอยู ตอ งปฏบิ ตั ิอยา งไร นนั้ เห็นวา เน่อื งจากไมมบี ทบญั ญตั ใิ นกฎหมายท่ีกาํ หนดเรือ่ ง
การดาํ เนนิ การเกย่ี วกับทรัพยสินและหนสี้ นิ ของ บสท. หากการชาํ ระบญั ชียงั ไมแลว เสรจ็ ตาม
กรอบระยะเวลาที่กําหนด คงมแี ตเพียงบทบญั ญตั ิในมาตรา ๑๙๓ แหง พระราชกฤษฎกี าวาดว ย
การชําระบัญชีบรรษัทบรหิ ารสนิ ทรพั ยไทย พ.ศ.๒๕๕๔ ซึ่งเปนขัน้ ตอนการปฏบิ ัติเมือ่ การชําระ
บญั ชีเสร็จส้ินแลว ดงั นั้น การดําเนนิ การในกรณีท่ีการชําระบญั ชียังไมแลว เสร็จ แตอํานาจหนาที่
ของคณะกรรมการชาํ ระบญั ชีสนิ้ สดุ ลง จึงตองพจิ ารณาโดยเทยี บเคยี งกบั มาตรา ๑๙ แหง พระราช
กฤษฎกี าวาดวยการชาํ ระบัญชบี รรษัทบรหิ ารสนิ ทรัพยไ ทยฯ โดยคณะกรรมการชาํ ระบญั ชตี อ ง
ดาํ เนนิ การเสนอรายงานการชาํ ระบัญชีตอ รฐั มนตรีวาการกระทรวงการคลงั และใหโอนทรัพยส นิ
ท่ีคงเหลือและหน้สี ินรวมทั้งมอบสมดุ บญั ชี และเอกสารทัง้ หมดของ บสท. ใหแกกระทรวง
การคลงั ซึ่งเปนหนว ยงานของรฐั ท่ีกํากับดแู ล บสท. เปนผูดําเนนิ การตอ ไป
(นายอัชพร จารจุ นิ ดา)
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎกี า
สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า
พฤษภาคม ๒๕๕๖
_____________๑__ม_า_ต__รา__๑_๙___เ_มอ่ื เสรจ็ การชําระบญั ชแี ลว ใหค ณะกรรมการชาํ ระบญั ชีดําเนนิ การดงั ตอไปนี้
(๑) เสนอรายงานการชําระบัญชีตอรัฐมนตรีภายในสิบสี่วันนับแตวันท่ีเสร็จการชําระบัญชี
เพ่ือรายงานตอคณะรฐั มนตรี และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ท้งั น้ี ใหถือวาวันทปี่ ระกาศในราชกิจจา
นเุ บกษาเปนวนั ถึงท่ีสดุ แหง การชําระบัญชี
(๒) ใหโอนทรัพยสินท่ีคงเหลือใหแกกระทรวงการคลังภายในหกสิบวันนับแตวันถึงท่ีสุดแหง
การชาํ ระบญั ชี
(๓) มอบสมดุ บญั ชี และเอกสารทง้ั หมดของบรรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทยใหแ กก ระทรวง
การคลังภายในสิบส่วี ันนับแตวนั ถึงท่สี ดุ แหงการชําระบัญชี
๕๑๑
ส่งิ ท่สี งมาดว ย ๒
(สําเนา)
คําสั่งกระทรวงการคลงั
ท่ี ๘๔๑ / ๒๕๕๖
เรื่อง การมอบหมายและมอบอาํ นาจใหป ลดั กระทรวงการคลงั
ปฏบิ ัติราชการแทนรัฐมนตรวี า การกระทรวงการคลัง
______________
ดว ยกระทรวงการคลัง ไดรบั มอบสินทรัพย หนีส้ นิ และทรัพยส ินท่ีคงเหลือของบรรษทั
บริหารสินทรัพยไ ทย (บสท.) และยงั มภี าระงานคงคางท่ีตองดาํ เนนิ การอกี เปน จํานวนมาก ดงั นน้ั
เพื่อใหการบริหารจัดการในเรื่องดังกลาวเปนไปดวยความเรียบรอย รัฐมนตรีวาการกระทรวง
การคลงั อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๒๐ มาตรา ๓๘ และมาตรา ๓๙ แหงพระราชบัญญัติ
ระเบยี บบรหิ ารราชการแผน ดิน พ.ศ.๒๕๓๔ ซง่ึ แกไขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญัติระเบยี บบริหาร
ราชการแผน ดนิ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ.๒๕๔๕ และพระราชบญั ญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการแผน ดิน
(ฉบับท่ี ๗) พ.ศ.๒๕๕๐ จึงมอบหมายและมอบอาํ นาจใหปลดั กระทรวงการคลงั ส่ังและปฏบิ ัติ
ราชการแทนรัฐมนตรวี าการกระทรวงการคลัง ในเรอ่ื งการดาํ เนินการเกี่ยวกับสนิ ทรัพย หน้ีสิน
และทรัพยส นิ ทไี่ ดรบั โอนจาก บสท. ดงั ตอไปนี้
๑. การบรหิ ารจัดการสนิ ทรพั ย หนสี้ ิน และทรัพยส นิ ทีค่ งเหลอื ของ บสท. ในทุก
ประการ ใหเปนไปตามกฎหมาย ระเบยี บหรือขอบงั คับทเ่ี กย่ี วขอ ง
๒. การแตงตัง้ ทนายความ หรือพนกั งานอัยการ หรือบุคคลอื่น เพ่ือฟองหรือแกต าง
คดใี นคดีตา งๆ รวมทงั้ คดีปกครองแลว แตกรณี ตลอดจนดําเนินการในช้นั บังคับคดจี นเสร็จการ
เชน การโตแ ยง สิทธิ การขบั ไล การรับ–จา ยเงินคาเชาและคา ธรรมเนียม คาเสยี หาย คาดอกเบีย้
คาทนายความ การรบั เงินใดๆ ทั้งในศาลและนอกศาล หรอื ทเ่ี กิดจากการบงั คบั คดี การยึดทรพั ย
การรอ งขัดทรัพย รวมถงึ การมอบอํานาจใหท นายความมีอํานาจในการดําเนินกระบวนพิจารณา
ใดๆ ไปในทางจําหนายสทิ ธิ เชน การยอมรบั ตามท่ีคูความอกี ฝา ยหนึ่งเรียกรอ ง การถอนฟอ ง
การประนีประนอมยอมความ การสละสทิ ธิหรือใชส ทิ ธิในการอทุ ธรณ ฎกี า หรือการขอใหพ จิ ารณา
คดีใหม รวมท้ังดําเนนิ การท้งั ปวงเกย่ี วกบั การดาํ เนนิ คดปี กครอง รวมถึงการสวมสิทธิทางคดี
๓. การดําเนินการอื่นใด นอกจากทกี่ ลาวตน ท่ีเกย่ี วกบั การบรหิ ารจัดการสนิ ทรพั ย
หนีส้ ิน และทรัพยสินที่คงเหลือของ บสท.
การมอบอํานาจตามขอ ๑ – ขอ ๓ ดงั กลาว ใหผรู ับมอบอํานาจ มอบอาํ นาจใหแก
อธิบดี กรมบญั ชกี ลาง หรือผดู ํารงตาํ แหนง อื่น ปฏบิ ัติราชการแทนตอ ไปไดท ้ังหมดหรือบางสว น
ตามความเหมาะสม
๕๑๒
บรรดาระเบยี บและคําสง่ั ใดในสวนท่กี าํ หนดไวแ ลวในคาํ สงั่ น้ี หรือขัดหรอื แยง กบั
คาํ ส่งั นี้ ใหใ ชค ําสงั่ นแ้ี ทน
ทัง้ นี้ ตั้งแตว นั ท่ี ๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ เปนตนไป
สง่ั ณ วันท่ี ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
(ลงชอื่ ) กติ ตริ ตั น ณ ระนอง
(นายกติ ติรตั น ณ ระนอง)
รฐั มนตรวี า การกระทรวงการคลัง
๕๑๓
ส่ิงทส่ี ง มาดวย ๓
(สําเนา)
คาํ สง่ั กระทรวงการคลัง
ที่ ๘๔๒ / ๒๕๕๖
เรือ่ ง การมอบหมายและมอบอาํ นาจท่ปี ลัดกระทรวงการคลงั ไดร บั มอบอํานาจ
จากรฐั มนตรวี าการกระทรวงการคลัง ใหแกอ ธบิ ดกี รมบญั ชกี ลาง
______________
ตามท่ีปลัดกระทรวงการคลัง ไดรับมอบหมายและมอบอาํ นาจจากรฐั มนตรวี าการ
กระทรวงคลงั ในเร่ืองการดําเนินการเกีย่ วกับสินทรัพย หนีส้ ิน และทรพั ยส ินทไ่ี ดร ับโอนจาก
บรรษัทบรหิ ารสินทรัพยไ ทย (บสท.) โดยรฐั มนตรวี าการกระทรวงการคลงั ใหผูรับมอบอํานาจ
มอบอาํ นาจใหแ กอ ธิบดีกรมบัญชีกลาง หรอื ผูดํารงตาํ แหนงอ่ืนปฏิบัติราชการแทนตอไปทงั้ หมด
หรอื บางสวนตามความเหมาะสม นั้น
เพือ่ ใหก ารดาํ เนนิ การในเร่อื งตามที่ปลัดกระทรวงการคลังไดรับมอบอาํ นาจนน้ั เปน
ไปดวยความเรยี บรอยและคลอ งตัว ปลัดกระทรวงการคลัง อาศยั อํานาจตาม มาตรา ๓๘ และ
มาตรา ๓๙ แหง พระราชบญั ญัตริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผนดิน พ.ศ.๒๕๓๔ ซงึ่ แกไ ขเพ่ิมเติมโดย
พระราชบัญญัติระเบยี บบรหิ ารราชการแผนดิน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ.๒๕๕๐ จงึ มอบหมายและมอบอาํ
นาจใหอ ธิบดกี รมบญั ชีกลาง ส่งั และปฏิบัตริ าชการแทนปลัดกระทรวงการคลงั ตอไป ในเรือ่ งการ
ดําเนินการเก่ียวกับสินทรพั ย หนี้สนิ และทรพั ยส ินทีไ่ ดร ับโอนจาก บสท. ดังตอ ไปน้ี
๑. การบรหิ ารจดั การสนิ ทรัพย หนส้ี นิ และทรัพยสินท่ีคงเหลอื ของ บสท. ในทกุ
ประการ ใหเ ปน ไปตามกฎหมาย ระเบยี บหรือขอบงั คับทเ่ี กย่ี วของ
๒. การแตงตงั้ ทนายความ หรือพนักงานอยั การ หรอื บุคคลอ่นื เพื่อฟองหรอื แกต า ง
คดีในคดตี า งๆ รวมทั้งคดปี กครองแลว แตก รณี ตลอดจนดาํ เนินการในช้นั บังคบั คดีจนเสรจ็ การ
เชน การโตแ ยงสทิ ธิ การขับไล การรับ–จา ยเงินคา เชา และคาธรรมเนยี ม คาเสยี หาย คาดอกเบี้ย
คาทนายความ การรบั เงินใดๆ ทง้ั ในศาลและนอกศาล หรอื ทเ่ี กดิ จากการบงั คับคดี การยึดทรัพย
การรองขดั ทรพั ย รวมถงึ การมอบอํานาจใหท นายความมีอํานาจในการดาํ เนนิ กระบวนพจิ ารณา
ใดๆ ไปในทางจําหนา ยสทิ ธิ เชน การยอมรบั ตามท่ีคูค วามอกี ฝายหนง่ึ เรียกรอง การถอนฟอ ง
การประนีประนอมยอมความ การสละสิทธิหรือใชส ิทธิในการอุทธรณ ฎีกา หรือการขอใหพจิ ารณา
คดใี หม รวมทัง้ ดําเนนิ การทั้งปวงเกีย่ วกับการดําเนินคดปี กครอง รวมถงึ การสวมสิทธทิ างคดี
๓. การดาํ เนนิ การอน่ื ใด นอกจากทีก่ ลาวตน ท่เี กีย่ วกับการบริหารจัดการสินทรพั ย
หนส้ี นิ และทรพั ยสนิ ทีค่ งเหลอื ของ บสท.
๕๑๔
บรรดาระเบยี บและคําสงั่ ใดในสว นทีก่ าํ หนดไวแลว ในคําสัง่ น้ี หรอื ขดั หรือแยงกบั
คาํ ส่งั นี้ ใหใ ชค าํ สงั่ น้แี ทน
ทั้งน้ี ตั้งแตวันที่ ๗ มถิ นุ ายน ๒๕๕๖ เปนตน ไป
ส่ัง ณ วนั ที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
(ลงช่ือ) อารีพงศ ภูชอมุ
(นายอารีพงศ ภชู อุม)
ปลัดกระทรวงการคลัง
๕๑๕
๕๑๖
บญั ชรี ายช่ือหนงั สือเวียน ระเบยี บ และคําสง่ั ตางๆ
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
ประจาํ ป พ.ศ. ๒๕๕๖
๑. เลขที่หนังสือเวียน ชื่อเร่ือง หนา
ลาํ ดบั ท่ี ระเบยี บ คําส่งั
๒. ลงวัน เดือน ป
๑. ดว นท่ีสุด
ที่ มท ๐๕๑๖.๒(๑) / ว ๓๖๑๖๓ การทําความเห็นเสนอตอ ศาล ตามมาตรา ๘ ๘๘๘
ลว. ๒๖ ธ.ค. ๕๖ แหง พระราชบัญญตั แิ กไขเพ่ิมเติมประมวล
กฎหมายท่ีดนิ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
๒. ที่ มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๓๖๗๗๒ การออกโฉนดที่ดนิ หรอื หนงั สอื รับรอง ๘๘๘
ลว. ๒๘ ธ.ค. ๕๖ การทําประโยชนเ ปนการเฉพาะราย
กรณไี ดเนอ้ื ที่เกินจากหลักฐานทีด่ ินเดิม
๓. ท่ี มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๓๖๗๗๖ การเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินกรณไี ดเนอ้ื ท่ี
ลว. ๒๘ ธ.ค. ๕๖ เกนิ จากหลักฐานท่ดี ินเดิม
๔. ที่ มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๒๓๙๑ การหารอื ขอ ราชการ
ลว. ๒๘ ม.ค. ๕๖
๕. ที่ มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๔๔๗๐ การสง่ั ยกเลิกคาํ ขอออกโฉนดทีด่ นิ
ลว. ๑๘ ก.พ. ๕๖
๖. ท่ี มท ๐๕๑๖.๒(๑) / ว ๖๑๑๖ การขอขยายระยะเวลาตอศาล ตามมาตรา ๘
ลว. ๗ มี.ค. ๕๖ แหง พระราชบญั ญตั แิ กไขเพ่ิมเตมิ ประมวล
กฎหมายท่ีดิน (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
๗. ท่ี มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๑๒๖๔๖ หารอื กรณีผมู สี ิทธิจดทะเบยี นภาระจํายอม
ลว. ๑๖ พ.ค. ๕๖ ตามคาํ พพิ ากษาขอออกใบแทน
๕๑๗
บญั ชีรายชื่อหนังสอื เวยี น ระเบียบ และคําสง่ั ตางๆ
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๖
๑. เลขทหี่ นังสือเวยี น ชื่อเร่ือง หนา
ลาํ ดบั ท่ี ระเบยี บ คาํ สง่ั ๘๘๘
๒. ลงวนั เดือน ป
๘. ที่ มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๑๘๘๘๕ หารือกรณีการขอออกโฉนดทีด่ ินในเขต
ลว. ๒๔ ก.ค. ๕๖ นิคมสหกรณโคกขาม
๙. ที่ มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๒๒๓๔๐ ซอ มความเขา ใจแนวทางปฏบิ ตั กิ ารดาํ เนินการ ๘๘๘
ลว. ๒๗ ส.ค. ๕๖ ของคณะกรรมการตรวจพสิ ูจนท่ีดนิ ตาม
กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบัญญตั ิ
ใหใชประมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ.๒๔๙๗
๑๐. ที่ มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๒๖๐๓๒ โครงการเรง รัดการออกโฉนดทด่ี นิ หรอื
ลว. ๗ ต.ค. ๕๖ หนงั สอื รบั รองการทําประโยชนจ ากหลักฐาน
ส.ค. ๑ สําหรบั คาํ ขอที่อยูระหวางดาํ เนินการ
ทสี่ ํารวจ ณ วันที่ ๘ กุมภาพนั ธ ๒๕๕๓
ปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ – พ.ศ. ๒๕๕๖
๕๑๘
ดวนทีส่ ุด (สําเนา)
ท่ี มท ๐๕๑๖.๒ (๑) / ว ๓๖๑๖๓
กรมที่ดนิ
ศูนยราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรัฐประศาสนภกั ดี ถนนแจงวัฒนะ
แขวงทงุ สองหอง เขตหลกั สี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๒๖ ธนั วาคม ๒๕๕๕
เร่ือง การทาํ ความเหน็ เสนอตอศาล ตามมาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญัติแกไขเพมิ่ เติม
ประมวลกฎหมายทด่ี นิ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
เรยี น ผูว าราชการจงั หวัดทกุ จงั หวัด
อางถงึ หนังสือกรมที่ดิน ดวนที่สดุ ที่ มท ๐๕๑๖.๒ (๑)/ว ๑๔๗๘๙ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓
ตามที่กรมที่ดินไดแจงแนวทางปฏิบัติ กรณี มีผูนําหลักฐานแบบแจงการ
ครอบครองท่ีดนิ (ส.ค. ๑) มายน่ื ขอออกโฉนดทดี่ ินหรอื หนงั สอื รับรองการทําประโยชนภายหลงั
วนั ท่ี ๘ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๓ วา พนกั งานเจา หนาทส่ี ามารถรับคาํ ขอออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือ
รับรองการทาํ ประโยชนไ ด แลวดาํ เนนิ การรังวดั ไปตามระเบยี บและวธิ กี ารจนครบขัน้ ตอน รวมทั้ง
กรมทด่ี นิ ไดม อบอาํ นาจใหเ จา พนกั งานทด่ี นิ จงั หวดั เจา พนกั งานทด่ี นิ จงั หวดั สาขา เจา พนกั งานทด่ี นิ
หวั หนา สวนแยก เจา พนกั งานท่ดี ินอําเภอในสํานกั งานทด่ี นิ ทอ งทท่ี ่ีท่ดี ินน้นั ต้งั อยเู ปนผดู าํ เนินการ
ตามคาํ สัง่ ศาล ในเรือ่ งการตรวจสอบเอกสารเกีย่ วกบั แปลงทดี่ นิ การตรวจสอบตาํ แหนงทีด่ ิน
และใหเจาพนักงานท่ีดินจังหวัดในทองท่ีเปนผูทําความเห็นเสนอตอศาลตามคําสั่งกรมที่ดิน
ที่ ๒๒๗/๒๕๕๓ ลงวันท่ี ๒๗ มกราคม ๒๕๕๓ และหากมกี รณีทไี่ มส ามารถจดั ทาํ ความเห็นเสนอ
ตอ ศาลไดทนั ภายในระยะเวลาทก่ี ฎหมายกาํ หนด กรมทด่ี นิ ไดม ีคําส่งั กรมที่ดนิ ท่ี ๖๒๐/๒๕๕๓
ลงวนั ท่ี ๓ มีนาคม ๒๕๕๓ มอบอํานาจใหบ ุคคลตามคาํ สัง่ ท่ี ๒๒๗/๒๕๕๓ ลงวนั ท่ี ๒๗ มกราคม
๒๕๕๓ เปนผูขอขยายระยะเวลาตอ ศาล ความละเอียดแจงแลว นน้ั
กรมทดี่ ินขอเรียนวา นับตงั้ แตกรมที่ดนิ ไดแ จง แนวทางปฏบิ ตั เิ พือ่ ดาํ เนนิ การตาม
มาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญตั ิแกไ ขเพมิ่ เติมประมวลกฎหมายทด่ี ิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
ภายหลงั วนั ที่ ๘ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๓ (แกไ ขเพมิ่ เติม) ใหทุกจังหวัดทราบและถือปฏิบัตมิ าเปน
ระยะเวลากวา ๒ ป พบวาการทาํ ความเหน็ เสนอตอ ศาลมหี ลายจังหวัดศาลไดท วงถามการจัดทาํ
ความเหน็ ไปยงั กรมที่ดินบอ ยคร้งั วา ศาลยงั ไมไดรบั รายงานการจัดทําความเห็นเสนอตอศาลตาม
วัน เวลา ทีศ่ าลจะทาํ การไตส วนคาํ รอ ง ท้ังๆ ท่ีระยะเวลาดังกลา วเปน ระยะเวลาตามกฎหมาย
๕๑๙
ที่เจาพนักงานที่ดินจะตองปฏิบัติโดยเครงครัด ดังนั้น หากไมสามารถจัดทําความเห็นเสนอ
ตอศาลไดภ ายในระยะเวลาทก่ี ฎหมายกําหนด ขอใหจ งั หวดั กาํ ชับใหบุคคลตามคําสั่งกรมท่ีดิน
ท่ี ๒๒๗/๒๕๕๓ ลงวนั ที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๓ ขอขยายระยะเวลาตอ ศาล และกาํ ชบั ใหพนกั งาน
เจาหนาที่เรงตรวจสอบเกี่ยวกับแปลงที่ดิน ตําแหนงที่ดินและการเสนอความเห็นเบื้องตนให
เจา พนักงานทด่ี ินจงั หวดั เพ่อื ประกอบการพจิ ารณาจัดทาํ ความเห็นตอศาลภายในกาํ หนดระยะ
เวลาทก่ี ฎหมายกาํ หนดดวย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอไดแจงใหพนักงานเจาหนาท่ีทราบและ
ถอื ปฏิบัติโดยเครง ครัด
ขอแสดงความนับถือ
(ลงช่อื ) บุญเชิด คดิ เหน็
(นายบุญเชดิ คิดเห็น)
อธบิ ดีกรมทดี่ นิ
สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
โทร. ๐ ๒๕๐๓ ๓๙๖๐
โทรสาร ๐ ๒๕๐๓ ๓๙๖๐
๕๒๐
ท่ี มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๓๖๗๗๒ (สําเนา)
กรมทีด่ ิน
ศูนยราชการเฉลมิ พระเกยี รติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรฐั ประศาสนภกั ดี ถนนแจงวัฒนะ
แขวงทงุ สองหอ ง เขตหลกั ส่ี กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๕
เร่อื ง การออกโฉนดที่ดนิ หรอื หนงั สือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะราย กรณีไดเ นือ้ ท่ี
เกนิ จากหลกั ฐานทด่ี ินเดิม
เรยี น ผูวา ราชการจังหวดั ทุกจังหวดั
อา งถึง ๑. หนังสือกรมทีด่ ิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๑๘๐๘๓ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔
๒. คําส่งั กรมที่ดิน ที่ ๑๖๖๑ / ๒๕๕๔ ลงวนั ที่ ๓๐ มถิ ุนายน ๒๕๕๔
สิง่ ทส่ี ง มาดว ย ๑. สําเนาคําสัง่ กรมท่ดี นิ ท่ี ๔๘๒๙/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒๘ ธนั วาคม ๒๕๕๕
เรอื่ ง แตง ตัง้ คณะกรรมการตรวจสอบการออกโฉนดทด่ี นิ หรือหนงั สอื รับรอง
การทาํ ประโยชนเ ปนการเฉพาะราย กรณีไดเนือ้ ท่เี กนิ จากหลกั ฐานท่ีดนิ เดมิ
จํานวน ๑ ฉบบั
๒. ตวั อยา งรายงานการประชุม และหนังสือแจง ผขู อ จาํ นวน ๓ ฉบับ
ตามหนงั สอื ทอ่ี า งถึง กรมท่ดี นิ ไดว างแนวทางปฏิบัติเก่ียวกับการออกโฉนดทีด่ นิ
หรอื หนงั สือรบั รองการทาํ ประโยชนเ ปน การเฉพาะราย กรณีไดเนื้อทเ่ี กนิ จากหลกั ฐานทดี่ นิ เดิม
ตั้งแต ๑๐ หรือ ๒๐ เปอรเซ็นตขึ้นไป แลวแตกรณี โดยใหเจาพนักงานที่ดินสงเรื่องให
คณะกรรมการตรวจสอบการออกโฉนดทด่ี นิ หรอื หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนเ ปน การเฉพาะราย
ตามคาํ สัง่ กรมทด่ี นิ ท่ี ๑๖๖๑/๒๕๕๔ ลงวันท่ี ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ เร่ือง แตง ตัง้ คณะกรรมการ
ตรวจสอบการออกโฉนดที่ดนิ หรอื หนงั สือรบั รองการทําประโยชนเ ปนการเฉพาะราย กรณีไดเ นื้อท่ี
เกนิ จากหลกั ฐานที่ดินเดิม พจิ ารณาทุกเร่อื งวา เปน การนําทีด่ ินนอกหลักฐานมารวมออกโฉนด
ทีด่ ิน หรอื หนงั สือรบั รองการทาํ ประโยชนโ ดยไมชอบดวยกฎหมายหรือไม อยางไร เพือ่ ใหก ารออก
โฉนดที่ดินหรอื หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน กรณเี นอ้ื ท่ีเกินจากหลกั ฐานทีด่ ินเดิมเปนไปโดย
รอบคอบ และปองกันการออกโฉนดทดี่ นิ หรอื หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนไปโดยไมชอบดว ย
กฎหมาย น้นั
โดยทป่ี รากฏวา แนวทางปฏบิ ตั ิตามหนังสอื กรมทดี่ นิ ดงั กลาวสงผลกระทบตอ
การปฏบิ ตั งิ านของเจา หนา ทใ่ี นสว นองคป ระกอบของคณะกรรมการและเกณฑจ าํ นวนเนอ้ื ทท่ี ก่ี าํ หนด
ในคําสัง่ จงึ ใหย กเลกิ หนังสือกรมทด่ี นิ และคําส่งั กรมที่ดนิ ที่อา งถึง และใหถ ือปฏิบตั ดิ งั นี้
๕๒๑
๑. การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะราย
กรณีไดเน้อื ทเ่ี กนิ จากหลกั ฐานท่ดี นิ เดิม ใหเ จาพนักงานท่ีดินสงเรื่องใหคณะกรรมการตรวจสอบ
การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะราย ตามคําส่ังกรมที่ดิน
ที่ ๔๘๒๙/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ เรื่อง แตงตง้ั คณะกรรมการตรวจสอบการออก
โฉนดท่ดี ินหรือหนงั สอื รบั รองการทําประโยชนเปนการเฉพาะราย กรณีไดเ นือ้ ทเี่ กนิ จากหลกั ฐาน
ท่ดี ินเดิม พิจารณาทุกเรอ่ื ง ในกรณีดังนี้
๑.๑ กรณีหลักฐานเดิมเปนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.)
หนังสือแสดงการทําประโยชนใ นเขตนิคมสรางตนเอง (น.ค. ๓) หนงั สือแสดงการทาํ ประโยชนใน
เขตนิคมสหกรณ (ก.ส.น. ๕) และกรณีการรงั วัดเพื่อเปลยี่ นโฉนดตราจอง โฉนดแผนท่ี หรอื
ตราจองทต่ี ราวา “ไดทําประโยชนแ ลว” เปนโฉนดทด่ี นิ ผลการรังวัดออกโฉนดทด่ี นิ หรือหนงั สือ
รับรองการทําประโยชนไดเ น้อื ทเี่ กนิ ต้ังแต ๑๐ เปอรเ ซน็ ต ขึ้นไป
๑.๒ กรณหี ลักฐานเดิมเปนแบบแจงการครอบครองที่ดนิ (ส.ค. ๑) ใบจอง
(น.ส. ๒) หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓, น.ส. ๓ ข.) ผลการรงั วดั ออกโฉนดท่ดี ินหรอื
หนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชนไ ดเ น้อื ท่ีเกินตั้งแต ๒๐ เปอรเซ็นตข ้ึนไป
๒. เมอื่ คณะกรรมการฯ พจิ ารณาเสร็จแลว ใหทาํ บนั ทึกรายงานการประชมุ
การตรวจสอบแลวลงนามรวมกันเปนหลักฐานรวมไวในเรื่องการรังวัดออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือ
รบั รองการทําประโยชนท กุ เรื่อง และหากผลการพจิ ารณาเปนไปในทางใดทางหน่งึ ใหดําเนินการ
ดงั น้ี
๒.๑ กรณีท่ีคณะกรรมการฯ พจิ ารณาแลวเห็นวา มไิ ดเปน การนาํ ท่ีดินนอก
หลักฐานมารวมออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนโดยไมชอบดวยกฎหมาย
ใหคณะกรรมการฯ ทาํ บนั ทึกรายงานการประชุมตามวรรคหนง่ึ แลวแจง ใหเจา พนักงานทด่ี นิ
ดาํ เนินการใหผขู อตอ ไป
๒.๒ กรณที ค่ี ณะกรรมการฯ พจิ ารณาแลว เหน็ วา เปน การนาํ ทด่ี นิ นอกหลกั ฐาน
มารวมออกโฉนดทด่ี นิ หรอื หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนโ ดยไมช อบดว ยกฎหมาย ใหค ณะกรรมการฯ
ทําบันทึกรายงานการประชุมตามวรรคหนึ่ง แลวแจงใหเจาพนักงานท่ีดินแจงผูขอทราบเพื่อ
กันเขตท่ดี ินดงั กลาวออก หากผขู อไมยนิ ยอม ใหเจา พนกั งานทดี่ นิ งดดําเนินการสาํ หรับท่ีดิน
แปลงนน้ั แลว แจงเหตุที่ไมอาจออกโฉนดทด่ี ินหรือหนงั สือรบั รองการทําประโยชนใหกับผูข อได
พรอ มท้งั แจงสทิ ธอิ ุทธรณตามพระราชบัญญตั วิ ธิ ปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซ่ึงหาก
ผูข อมไิ ดอ ทุ ธรณภายในกาํ หนดระยะเวลาตามกฎหมายดังกลา ว ใหเจา พนกั งานทดี่ นิ ส่งั ยกเลกิ
คําขอตอไป
๓. หากตรวจสอบพบวาท่ีดินแปลงใดไดรังวัดออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง
การทําประโยชนไดเน้ือที่เกินจากหลักฐานเดิมตามหลักเกณฑขอ ๑ โดยนําท่ีดินนอกหลักฐาน
๕๒๒
รวมเขาไปดวย โดยท่ีพนักงานเจา หนา ที่ไมปฏิบตั ิตามกฎหมาย ระเบยี บและคําสั่งที่เก่ยี วขอ ง
กรมที่ดินจะถอื วา พนกั งานเจา หนา ท่ีผนู ั้นจงใจไมป ฏิบัติตามกฎหมายและระเบยี บคาํ สัง่ ของทาง
ราชการ ซ่งึ นอกจากจะตอ งไดรบั โทษทางวนิ ัยแลว จะตอ งรับผิดทง้ั ทางแพง และทางอาญาดว ย
และหากเร่ืองใดคณะกรรมการฯ พิจารณาใหความเห็นชอบไปโดยไมชอบดวยระเบียบและ
กฎหมาย กรรมการเฉพาะบุคคลท่มี ีความเหน็ ไมถกู ตอ งก็จะอยูใ นขา ยบกพรองตอหนา ที่ หรือ
ปฏิบัตหิ นาทโ่ี ดยมิชอบ ซ่งึ ถือเปน ความผิดวินัยตามควรแกก รณีดว ย
อน่ึง การที่กรมที่ดินไดวางแนวทางปฏิบัติตามหนังสือฉบับนี้ มิไดเปนการ
สั่งหามมิใหออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน กรณีเน้ือที่เกินจากหลักฐาน
ท่ีดนิ เดิมตัง้ แต ๑๐ หรอื ๒๐ เปอรเซ็นตข ึ้นไป แลว แตก รณี แตมีวัตถุประสงคเพื่อใหการออก
โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน กรณีเน้ือที่เกินจากหลักฐานเดิมเปนไปโดย
รอบคอบ และปองกนั การออกโฉนดที่ดนิ หรอื หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชนไ ปโดยไมชอบดว ย
กฎหมาย จงึ หา มมิใหนํากรณีดงั กลา วไปสรางเง่อื นไขหรือนําเปน ขอตอรองกับผูขอออกโฉนดทด่ี นิ
หรอื หนังสือรบั รองการทําประโยชนโดยเด็ดขาด
จึงเรยี นมาเพอื่ โปรดทราบ และแจง ใหพ นักงานเจาหนา ทีถ่ ือปฏบิ ัตโิ ดยเครงครัด
ตอไป
ขอแสดงความนบั ถอื
(ลงช่ือ) บุญเชดิ คิดเห็น
(นายบุญเชิด คดิ เหน็ )
อธบิ ดกี รมท่ีดนิ
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
โทร. ๐ ๒๕๐๓ ๓๙๖๐
โทรสาร ๐ ๒๕๐๓ ๓๙๖๐
๕๒๓
(สําเนา)
คําสงั่ กรมทดี่ ิน
ท่ี ๔๘๒๙ / ๒๕๕๕
เรอ่ื ง แตง ตง้ั คณะกรรมการตรวจสอบการออกโฉนดทด่ี นิ หรอื หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน
เปน การเฉพาะราย กรณีไดเ นื้อทเ่ี กินจากหลักฐานทด่ี นิ เดิม
–––––––––––––––––––––––
ตามคาํ สัง่ กรมทีด่ นิ ท่ี ๑๖๖๑ / ๒๕๕๔ ลงวันท่ี ๓๐ มถิ นุ ายน ๒๕๕๔ เร่ือง แตงต้ัง
คณะกรรมการตรวจสอบการออกโฉนดทด่ี นิ หรอื หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนเ ปน การเฉพาะราย
กรณีไดเนื้อที่เกินจากหลักฐานท่ีดินเดิม ไดกําหนดหลักเกณฑและแนวทางปฏิบัติเก่ียวกับ
การออกโฉนดทีด่ ินหรือหนงั สือรับรองการทําประโยชน กรณีไดเ นอ้ื ทเี่ กินจากหลกั ฐานท่ดี นิ เดมิ
ตัง้ แต ๑๐ หรอื ๒๐ เปอรเซ็นต ข้ึนไป แลวแตก รณี โดยใหม คี ณะกรรมการตรวจสอบการ
ดําเนนิ การดงั กลา วกอ นออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นที่ดินใหก ับผขู อ เพอ่ื ใหการออกโฉนดทด่ี ินหรือ
หนังสือรับรองการทําประโยชนเปนไปตามกฎหมายและระเบียบท่ีเก่ียวของและสามารถปองกัน
มิใหมีการออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนโดยนําท่ีดินนอกหลักฐานรวมเขาไป
ดวยโดยไมช อบดวยกฎหมายไดอยา งมปี ระสิทธภิ าพ นน้ั
กรมท่ดี นิ ไดพจิ ารณาแลวเห็นวา คาํ สั่งกรมที่ดนิ ที่ ๑๖๖๑ / ๒๕๕๔ ลงวันที่ ๓๐
มถิ ุนายน ๒๕๕๔ ดังกลา วสงผลกระทบตอ การปฏิบัติงานของเจา หนา ทใี่ นสว นองคป ระกอบ
ของคณะกรรมการและเกณฑจ ํานวนเนื้อทท่ี ี่กาํ หนดในคาํ สัง่ ฉะนนั้ อาศยั อาํ นาจตามความใน
มาตรา ๓๒ แหงพระราชบัญญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการแผน ดิน พ.ศ.๒๕๓๔ แกไ ขเพ่มิ เติมโดย
พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบบริหารราชการแผนดนิ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ.๒๕๔๕ ประกอบกบั ขอ ๒ (๑)
(๔) และขอ ๒๐ (๑) แหง กฎกระทรวง แบงสว นราชการกรมท่ดี นิ กระทรวงมหาดไทย พ.ศ.๒๕๕๓
จงึ ใหย กเลิกคําสัง่ ดังกลา ว และแตงตัง้ คณะกรรมการตรวจสอบการออกโฉนดทดี่ นิ หรอื หนังสือ
รับรองการทําประโยชนเปนการเฉพาะราย กรณีไดเนื้อท่ีเกินจากหลักฐานที่ดินเดิมเสียใหม
ดงั ตอ ไปน้ี
องคประกอบ
๑. การออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนในพื้นท่ีรับผิดชอบของ
สํานักงานทด่ี ินจงั หวดั ประกอบดวย
(๑) เจาพนักงานท่ดี ินจังหวดั เปน ประธานคณะกรรมการ
(๒) หวั หนาฝายทะเบยี น เปนกรรมการ
(๓) หวั หนาฝายรงั วัด เปนกรรมการ
(๔) หวั หนางานนติ ิกรรม ๒ เปนกรรมการและเลขานกุ าร
(๕) ชางรังวัดผูทาํ การรงั วัด เปนกรรมการและผชู วยเลขานกุ าร
๕๒๔
๒. การออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนในพ้ืนท่ีรับผิดชอบของ
สาํ นกั งานทีด่ นิ จังหวัดสาขา หรอื สวนแยก ประกอบดวย
(๑) เจา พนักงานท่ดี นิ จังหวัดสาขาหรอื หัวหนา สว นแยก เปน ประธาน
คณะกรรมการ
(๒) หัวหนา ฝายทะเบียนหรอื ผทู ําหนาท่หี ัวหนา ฝายทะเบียน เปน กรรมการ
ในสาขาหรือสว นแยก
(๓) หัวหนา ฝา ยรงั วดั หรอื ผทู าํ หนาที่หวั หนา ฝายรังวัด เปน กรรมการ
ในสาขาหรือสวนแยก
(๔) หวั หนา งานนติ กิ รรม ๒ หรอื ผทู าํ หนาทห่ี ัวหนา เปนกรรมการและ
งานนติ กิ รรม ๒ ในสาขาหรือสวนแยก เลขานกุ าร
(๕) ชา งรงั วัดผูท ําการรังวดั เปนกรรมการและ
ผชู วยเลขานุการ
อํานาจหนาท่ี
๑. ใหค ณะกรรมการฯ มีอาํ นาจหนาที่รว มกนั ตรวจสอบเรือ่ งราวการรังวดั ออกโฉนด
ที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนซึ่งมีผลการรังวัดไดเนื้อท่ีมากกวาหลักฐานที่ดินเดิม
ทุกเรอ่ื งในกรณีดังนี้
๑.๑ กรณีหลกั ฐานเดิมเปน หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส.๓ ก.) หนังสือ
แสดงการทําประโยชนใ นเขตนิคมสรางตนเอง (น.ค.๓) หนงั สือแสดงการทําประโยชนใ นเขต
นคิ มสหกรณ (ก.ส.น.๕) และกรณีการรงั วดั เพ่ือเปลี่ยนโฉนดตราจอง โฉนดแผนท่ี หรอื ตราจอง
ท่ตี ราวา “ไดทาํ ประโยชนแลว ” เปน โฉนดทด่ี ิน ผลการรงั วัดออกโฉนดทดี่ ินหรือหนงั สอื รบั รอง
การทําประโยชนไดเ นอื้ ท่ีเกนิ จากหลกั ฐานเดิมต้ังแต ๑๐ เปอรเซนตขึน้ ไป
๑.๒ กรณหี ลกั ฐานเดมิ เปน แบบแจง การครอบครองทด่ี นิ (ส.ค.๑) ใบจอง (น.ส.๒)
หนงั สือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓, น.ส. ๓ ข.) ผลการรังวดั ออกโฉนดทดี่ ินหรือหนงั สือรบั รอง
การทาํ ประโยชนไดเน้ือท่เี กนิ จากหลักฐานเดิมตง้ั แต ๒๐ เปอรเ ซ็นตข ึ้นไป
โดยพจิ ารณาวา เปนการนําทดี่ ินนอกหลักฐานมารวมออกโฉนดทีด่ ินหรือหนงั สอื
รบั รองการทําประโยชนโดยไมช อบดว ยกฎหมายหรอื ไม อยางไร โดยใหค วามเห็นและจดั ทํา
รายงานการประชุมไวเปน หลักฐาน มรี ายละเอยี ดการพิจารณาแตละแปลง พรอมท้ังระบเุ หตุผล
ใหชัดเจน แลวเกบ็ รายงานการประชุมรวมไวใ นสารบบเรื่องราวการออกโฉนดท่ีดนิ หรือหนงั สอื
รับรองการทาํ ประโยชน
๒. กรณคี ณะกรรมการฯ มไี มครบตามท่ีแตง ตั้ง ใหค ณะกรรมการฯ เทา ทีม่ อี ยู
พิจารณาดาํ เนนิ การตอไปได
๕๒๕
๓. ใหค ณะกรรมการฯ ตรวจสอบการดําเนนิ การดังกลาวใหเ ปนไปตามกฎหมาย
ระเบียบ คาํ ส่งั ของทางราชการอยางเครงครดั และพิจารณาดําเนินการใหแลวเสร็จภายใน ๑๕ วนั
นบั แตว ันท่ฝี ายทะเบียนรับเรอ่ื งจากฝา ยรังวัด
ทัง้ น้ี ตั้งแตบ ดั นเ้ี ปนตน ไป
ส่งั ณ วันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
(ลงชอื่ ) บุญเชดิ คดิ เห็น
(นายบญุ เชิด คดิ เห็น)
อธิบดีกรมท่ีดนิ
๕๒๖
ตัวอยา ง (กรณนี าํ ทด่ี นิ นอกหลกั ฐานรวมเขา ไปดว ย)
รายงานการประชุม
คณะกรรมการตรวจสอบกรณกี ารออกโฉนดทด่ี ินหรอื หนังสือรบั รองการทําประโยชนเ ปนการเฉพาะราย
กรณไี ดเน้อื ที่เกนิ จากหลักฐานทดี่ นิ เดิม
สาํ นกั งานท่ีดินจงั หวดั /สาขา/สว นแยก............................
เมอื่ วันท.ี่ ............................
ณ ............................................
––––––––––––––––––
ผูเ ขาประชมุ
๑. ..........................................เจาพนกั งานที่ดนิ .............. ประธานกรรมการ
๒. ..........................................หัวหนา ฝายทะเบยี น กรรมการ
๓. ..........................................หัวหนา ฝา ยรังวดั กรรมการ
๔. ..........................................หวั หนา งานนติ ิกรรม ๒ กรรมการและเลขานุการ
๕. ..........................................ชา งรงั วดั ผูทาํ การรังวัด กรรมการและผชู ว ยเลขานกุ าร
ระเบยี บวาระที่ ๑ เรือ่ งท่ปี ระธานแจงใหทปี่ ระชมุ ทราบ
ระเบียบวาระท่ี ๒ เรอ่ื ง รบั รองรายงานการประชมุ
ระเบยี บวาระท่ี ๓ เร่อื ง พิจารณา
๓.๑ การรงั วดั ออกโฉนดท่ดี นิ /หนงั สือรับรองการทําประโยชน กรณเี น้ือท่มี ากกวา
หลักฐานเดมิ ราย..............................................................
นาย/นาง/นางสาว....................................ไดขอรังวัดออกโฉนดทด่ี ิน/หนังสือรบั รอง
การทาํ ประโยชน (น.ส.๓/น.ส.๓ ก.) จากหลกั ฐาน....................เลขที่.........หมูท่.ี ......ตาํ บล...................
อาํ เภอ.......................จังหวัด......................เนอ้ื ท.ี่ ..........ไร...........งาน..........ตารางวา ซ่งึ ผลการรังวดั
ไดเ นอื้ ท.่ี ..........ไร..........งาน.........ตารางวา มากกวา หลกั ฐานเดิม..........ไร. ..........งาน..........ตารางวา
คดิ เปน ..................เปอรเ ซน็ ต คณะกรรมการฯ ไดรว มกันตรวจสอบแลว มีความเห็นวา เปน การนําทด่ี นิ
นอกหลักฐานมารวมออกโฉนดท่ีดนิ /หนงั สือรบั รองการทาํ ประโยชนโ ดยไมช อบดว ยกฎหมาย เนอื่ งจาก
......................................................................................เหน็ ควรตดั ระยะดานทิศ......................ออก
...............(ชื่อ, ตาํ แหนง)...........มคี วามเห็นแยงวา ไมเ ปนการนาํ ทดี่ ินนอกหลกั ฐาน
มารวมออกโฉนดทด่ี นิ /หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนโ ดยไมช อบดว ยกฎหมายแตอ ยา งใด เหตทุ ไ่ี ดเ นอ้ื ท่ี
เพ่มิ ข้นึ เนอ่ื งจาก....................โดยไดตรวจสอบจากหลักฐาน...................ประกอบแลว เหน็ วา การรังวัด
ออกหลกั ฐาน.......................เดิม มีความคลาดเคล่อื นดวยเหตดุ ังกลาวจริง เหน็ ควรใหอ อกโฉนดที่ดนิ /
หนงั สือรบั รองการทาํ ประโยชน ตามผลการรงั วดั คร้ังน้ี
๕๒๗
มติท่ีประชมุ ท่ีประชุมเสียงสวนใหญเห็นวาการรังวัดออกโฉนดท่ีดิน/หนังสือรับรองการทําประโยชน
แปลงนี้ มกี ารนําท่ดี ินนอกหลกั ฐานมารวมเขา ไปดว ย เห็นควรใหเจา หนา ทีแ่ จงใหผขู อทราบ เพอื่ กันเขต
เนื้อท่สี ว นทเ่ี กินจากหลกั ฐานเดมิ ออกใหถูกตอ งตามขอ เทจ็ จรงิ พรอ มทั้งแจงสิทธอิ ทุ ธรณแ ละสิทธใิ น
การฟองคดีปกครองใหผ ขู อทราบตามพระราชบัญญัตวิ ธิ ปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ ดว ย
๓.๒ .........................ฯลฯ......................
ระเบยี บวาระที่ ๔ เรื่อง อ่นื ๆ
................................................ ผจู ดรายงานการประชุม
................................................ ผูตรวจรายงานการประชุม
๕๒๘
ตวั อยา ง (กรณมี ไิ ดน าํ ทด่ี นิ นอกหลกั ฐานรวมเขา ไปดว ย)
รายงานการประชุม
คณะกรรมการตรวจสอบกรณกี ารออกโฉนดท่ดี นิ หรือหนงั สอื รับรองการทําประโยชนเ ปน การเฉพาะราย
กรณีไดเนื้อทีเ่ กนิ จากหลักฐานท่ดี ินเดมิ
สํานักงานที่ดินจังหวดั /สาขา/สวนแยก............................
ครั้งที.่ ............/..............
เมอื่ วนั ที.่ ............................
ณ ............................................
––––––––––––––––––
ผูเ ขาประชุม
๑. ..........................................เจาพนกั งานทด่ี นิ .............. ประธานกรรมการ
๒. ..........................................หวั หนา ฝายทะเบียน กรรมการ
๓. ..........................................หวั หนา ฝา ยรงั วดั กรรมการ
๔. ..........................................หวั หนา งานนติ ิกรรม ๒ กรรมการและเลขานุการ
๕. ..........................................ชางรังวัดผทู ําการรังวดั กรรมการและผชู ว ยเลขานุการ
ระเบียบวาระท่ี ๑ เรอ่ื งท่ปี ระธานแจงใหท ่ปี ระชุมทราบ
ระเบียบวาระที่ ๒ เรื่อง รับรองรายงานการประชุม
ระเบยี บวาระที่ ๓ เรอ่ื ง พจิ ารณา
๓.๑ การรงั วดั ออกโฉนดทด่ี นิ หรอื หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน กรณเี นอ้ื ทม่ี ากกวา
หลักฐานเดมิ ราย..............................................................
ผลการพจิ ารณา นาย/นาง/นางสาว.......................ไดยืน่ คาํ ขอรังวัดออกโฉนดท่ดี นิ /
หนังสอื รบั รองการทําประโยชน (น.ส.๓/น.ส.๓ ก.) จากหลักฐาน........................เลขที่............หมทู .ี่ ......
ตาํ บล.....................อาํ เภอ...................จังหวัด.................เนอ้ื ท่.ี ...........ไร............งาน..........ตารางวา
ซง่ึ ผลการรังวัดออกโฉนดทด่ี นิ /หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน ไดเ น้อื ท่.ี ........ไร. ........งาน........ตารางวา
มากกวาหลกั ฐานเดิม...............ไร................งาน..............ตารางวา คิดเปน........................เปอรเซ็นต
คณะกรรมการฯ ไดรวมกนั ตรวจสอบแลว เห็นวา ไมม ีการนาํ ทดี่ นิ นอกหลักฐานมารวมออกโฉนดท่ดี ิน
โดยไมชอบดวยกฎหมายแตอ ยางใด เหตทุ ไี่ ดเ นื้อทเี่ พ่ิมข้นึ เนือ่ งจาก..................................................
......................................................................................................................................................
ซึง่ ไดต รวจสอบจากหลักฐาน..............................ประกอบแลว เห็นวา ตามหลกั ฐาน......................เดิม
มีความคลาดเคลื่อนดวยเหตุดังกลาวจริง เห็นควรใหออกโฉนดที่ดิน/หนังสือรับรองการทําประโยชน
ตามผลการรงั วดั ครง้ั น้ี
นาย.........(ชื่อ, ตําแหนง ).........มีความเห็นแยง โดยมเี หตุผลวา ..............................
๓.๒ .........................ฯลฯ......................
ระเบยี บวาระท่ี ๔ เรื่อง อนื่ ๆ
................................................ ผจู ดรายงานการประชมุ
................................................ ผูตรวจรายงานการประชุม
๕๒๙
ตัวอยางหนังสือแจงผขู อ
ท่ี................................ สํานกั งานทดี่ นิ ..............................
...................................................
วนั ที.่ .......................................
เร่อื ง การขอรงั วดั ออกโฉนดทีด่ ิน/หรอื หนังสือรับรองการทําประโยชน
เรยี น ............................................................
ตามคาํ ขอรังวัดของทานเมอ่ื วันท.ี่ ....................พ.ศ...............เพื่อออกโฉนดทดี่ ิน/หนงั สอื
รบั รองการทําประโยชน จากหลกั ฐาน...........................เลขท.ี่ ............หมทู ี่.........ตาํ บล.......................
อําเภอ...........................จังหวดั .......................เน้ือท.่ี ..........ไร. ..........งาน..........ตารางวา น้นั
สํานกั งานทีด่ นิ ......................................ขอเรียนวาผลการรังวดั ออกโฉนดทีด่ ินปรากฏวา
ไดเ นือ้ ที่..........ไร...........งาน.........ตารางวา มากกวา หลกั ฐานเดิม..........ไร. .........งาน..........ตารางวา
มากกวาเดิมคดิ เปน............................เปอรเ ซน็ ต และคณะกรรมการตรวจสอบการออกโฉนดท่ีดินหรือ
หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชนเ ปนการเฉพาะราย กรณไี ดเน้อื ท่ีเกินจากหลักฐานที่ดนิ เดมิ ตามคาํ สง่ั
กรมทด่ี ิน ท.ี่ ...๔..๘...๒...๙..../๒๕๕๕ ลงวันที่...๒...๘...ธันวาคม ๒๕๕๕ มีความเห็นวา กรณีดงั กลา วเปน การ
นาํ ท่ีดนิ นอกหลักฐานทางดานทิศ................................มารวมดว ย ทาํ ใหไดเนอ้ื ท่ีเพิ่มขนึ้
ดังนั้น เจาพนักงานที่ดินพิจารณาแลวเห็นวา การรังวัดออกโฉนดที่ดิน/หนังสือรับรอง
การทําประโยชนของทานตามนัยดังกลา วขา งตน เปนการนาํ ท่ดี ินนอกหลักฐานมารังวดั รวมเขา ไปดว ย
โดยไมชอบดวยกฎหมาย ซึ่งไมอยูในหลักเกณฑที่จะดําเนินการออกโฉนดที่ดิน/หนังสือรับรองการทํา
ประโยชนใหไ ด จึงขอใหท า นไปพบพนกั งานเจา หนา ที่ ณ สํานักงานทีด่ นิ ..........................................
ในวนั ที่...........................เพื่อกันเขตสวนทีด่ นิ ซึ่งเปน ทน่ี อกหลกั ฐานออกใหถ กู ตองตามขอ เท็จจรงิ ตอ ไป
หากทา นมิไดไปตามกาํ หนดดังกลา ว ถอื วา ทา นไมป ระสงคจ ะดาํ เนนิ การตามคาํ ขอรงั วดั เพอื่ ออกโฉนด
ทดี่ ิน/หนงั สอื รับรองการทําประโยชนต อ ไป จะส่ังยกเลิกเร่อื ง
อนึง่ โดยท่ีคาํ ส่ังไมอ อกโฉนดทด่ี นิ /หนังสอื รบั รองการทําประโยชนน ้ีเปน คําสง่ั ทางปกครอง
อนั อาจอทุ ธรณต อไปได หากทานไมเหน็ ดวยและประสงคจะอุทธรณห รอื โตแยง คาํ สง่ั นี้ ใหย่นื อทุ ธรณ
ตอ เจา พนักงานทดี่ นิ ผอู อกคําส่ัง ณ สาํ นักงานท่ดี นิ ..................................ภายใน ๑๕ วนั นบั แตวนั ท่ี
ไดร บั แจง ตามมาตรา ๔๔ แหง พระราชบญั ญตั วิ ธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ ในกรณที ม่ี ี
การอทุ ธรณ หากครบกาํ หนดระยะเวลาในการพจิ ารณาของผมู อี าํ นาจพจิ ารณาอทุ ธรณ ตามมาตรา ๔๕
แหงพระราชบญั ญตั ิวธิ ปี ฏิบัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบกบั กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔
(พ.ศ.๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ดิ งั กลา วแลว ไมว า จะมคี าํ วนิ จิ ฉยั ของผมู อี าํ นาจพจิ ารณา
อุทธรณห รอื ไมก ็ตาม ทา นสามารถทจี่ ะยน่ื คาํ ขอฟอ งตอ ศาลปกครองภายในระยะเวลา ๙๐ วัน นบั แต
วนั ท่ีรหู รอื ควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี ตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบญั ญตั ิจดั ตงั้ ศาลปกครองและ
วธิ ีพจิ ารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒
จึงเรียนมาเพ่อื ทราบ
ขอแสดงความนับถอื
เจาพนกั งานทดี่ ิน............................
โทร......................... ๕๓๐
ท่ี มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๓๖๗๗๖ (สําเนา)
กรมท่ดี ิน
ศูนยร าชการเฉลิมพระเกยี รติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรัฐประศาสนภักดี ถนนแจงวัฒนะ
แขวงทงุ สองหอง เขตหลกั ส่ี กรงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐
๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๕
เรอื่ ง การเดินสํารวจออกโฉนดทีด่ นิ กรณีไดเนือ้ ทเ่ี กนิ จากหลักฐานทีด่ นิ เดิม
เรียน ผูวาราชการจงั หวัดทุกจงั หวัด
อางถึง ๑. หนงั สอื กรมทด่ี นิ ดว นท่สี ดุ ท่ี มท ๐๕๑๖.๒ (๑) / ว ๓๗๙๗๖ ลงวันท่ี
๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓
๒. คําส่งั กรมทดี่ นิ ท่ี ๓๒๗๓ / ๒๕๕๓ ลงวันที่ ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓
สงิ่ ทีส่ งมาดว ย ๑. สาํ เนาคําสัง่ กรมทีด่ ิน ท่ี ๔๘๓๐/๒๕๕๕ ลงวันท่ี ๒๘ ธนั วาคม ๒๕๕๕
เรือ่ ง แตงต้งั คณะกรรมการตรวจสอบการเดนิ สํารวจออกโฉนดท่ดี นิ
กรณีไดเ น้อื ที่เกนิ จากหลกั ฐานที่ดินเดมิ จาํ นวน ๑ ฉบับ
๒. ตัวอยางรายงานการประชมุ และหนงั สือแจง ผูขอ จาํ นวน ๔ ฉบบั
ตามหนังสือที่อางถึง กรมท่ีดินไดวางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเดินสํารวจ
ออกโฉนดที่ดนิ จากหลกั ฐานหนังสอื รบั รองการทําประโยชน กรณีไดเ นือ้ ทเ่ี กนิ จากหลักฐานทีด่ นิ
เดิมต้ังแต ๑๐ เปอรเซน็ ต ขนึ้ ไป โดยใหพ นกั งานเจาหนา ทส่ี ง เร่ืองใหค ณะกรรมการตรวจสอบ
กรณีการเดินสาํ รวจออกโฉนดทดี่ นิ จากหลกั ฐานหรอื หนงั สือรับรองการทาํ ประโยชน ตามคําส่ัง
กรมทด่ี นิ ที่ ๓๒๗๓/๒๕๕๓ ลงวนั ที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ พจิ ารณาทกุ เร่ืองวา เปน การนาํ
ที่ดนิ นอกหลักฐานมารวมออกโฉนดทีด่ นิ โดยไมชอบดว ยกฎหมายหรอื ไม อยางไร เพอื่ ใหก ารเดนิ
สํารวจออกโฉนดที่ดินกรณีเน้ือท่ีเกินจากหลักฐานที่ดินเดิมเปนไปโดยรอบคอบ และปองกัน
การเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินไปโดยไมชอบดวยกฎหมาย ซ่ึงปรากฏมีขาวทางสื่อมวลชน
แขนงตา งๆ ในทางท่เี กดิ ความเสียหายกับกรมทดี่ นิ อยเู นืองๆ น้นั
กรมท่ดี ินพิจารณาแลวเหน็ วา ตามหนงั สือกรมทด่ี ินและคําสั่งกรมทด่ี นิ ที่อา งถึง
ยังไมครอบคลุมถึงการเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดินโดยอาศัยหลักฐานเดิมบางประเภทและเกณฑ
การกาํ หนดเน้ือทีย่ งั ไมเหมาะสมกับสถานการณปจ จบุ นั ดงั นั้น เพ่ือใหการเดินสาํ รวจออกโฉนด
ท่ดี ินจากหลกั ฐานเดิมทุกประเภทเปน ไปดว ยความรอบคอบ และปองกนั การเดนิ สาํ รวจออกโฉนด
ทด่ี นิ ไปโดยไมช อบดว ยกฎหมาย จงึ ใหยกเลิกหนงั สือกรมทดี่ ินและคําสัง่ กรมทด่ี ินท่อี า งถงึ และ
ใหถ ือปฏิบัติดงั นี้
๕๓๑
๑. การเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินกรณีไดเน้ือท่ีเกินจากหลักฐานที่ดินเดิม
ใหพนักงานเจาหนาที่สงเรื่องใหคณะกรรมการตรวจสอบการเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดินกรณี
ไดเ นื้อท่ีเกนิ จากหลักฐานทดี่ นิ เดมิ ตามคําส่งั กรมท่ีดิน ที่ ๔๘๓๐/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒๘ ธนั วาคม
๒๕๕๕ เร่ือง แตงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดที่ดินกรณไี ดเ นอื้ ทเ่ี กนิ จาก
หลักฐานท่ีดินเดิม พจิ ารณาทุกเรื่อง ในกรณดี ังน้ี
๑.๑ กรณีหลักฐานเดิมเปนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.)
หนงั สือแสดงการทาํ ประโยชนในเขตนิคมสรา งตนเอง (น.ค. ๓) หนังสอื แสดงการทําประโยชนใ น
เขตนคิ มสหกรณ (ก.ส.น. ๕) และกรณกี ารรงั วดั เพอื่ เปลีย่ นโฉนดตราจอง โฉนดแผนที่ หรอื
ตราจองทต่ี ราวา “ไดท ําประโยชนแลว ” เปน โฉนดทด่ี ิน ผลการรังวดั ออกโฉนดที่ดินไดเนื้อทเ่ี กนิ
ต้ังแต ๑๐ เปอรเ ซน็ ต ข้ึนไป
๑.๒ กรณหี ลกั ฐานเดิมเปน แบบแจงการครอบครองทดี่ ิน (ส.ค.๑) ใบจอง
(น.ส.๒) หนังสือรบั รองการทําประโยชน (น.ส.๓, น.ส.๓ ข.) ผลการรงั วัดออกโฉนดท่ดี นิ ไดเ น้อื ท่ี
เกินต้ังแต ๒๐ เปอรเซน็ ตขน้ึ ไป
โดยใหชางเดินสํารวจและเจาหนาท่ีสอบสวนสิทธิตรวจสอบสาเหตุท่ีไดเน้ือที่
มากกวาหลกั ฐานเดิม หากเห็นวา ผูนําเดินสํารวจไดน าํ ที่ดนิ นอกหลกั ฐานมารวมออกโฉนดท่ดี ิน
ใหบนั ทึกเสนอคณะกรรมการฯ
๒. หากคณะกรรมการฯ เหน็ วา ถกู ตอง เหมาะสม ก็ใหเ สนอผอู ํานวยการศูนยฯ
ลงนามออกโฉนดท่ีดินตอไป หากเห็นวา ไมเหมาะสม จงึ ใหเ จาหนา ทีส่ อบสวนสิทธแิ จง ใหผูนํา
ทําการเดนิ สาํ รวจหรือผแู ทนทราบ ถา ผูนาํ ทาํ การเดินสํารวจหรือผแู ทนยนิ ยอมใหกันเขตเนื้อท่ี
สวนทเ่ี กินจากหลกั ฐานเดิม ใหบันทึกถอ ยคาํ ไวเ ปน หลักฐาน แลวใหเ จา หนาทเี่ ดินสาํ รวจออกไป
ทําการรังวัดกันเขตใหถูกตองตรงกับหลักฐานเดิมเสร็จแลวเสนอใหผูอํานวยการศูนยฯ ลงนาม
ออกโฉนดทีด่ นิ ตอ ไป แตถา ผูนาํ เดินสํารวจไมยินยอมใหก ันเขตเนอื้ ท่ีสว นทเ่ี กนิ จากหลักฐานเดมิ
ใหบันทึกถอยคําไวเปนหลักฐาน แลวรายงานผูบังคับบัญชาเหนือข้ึนไปตามลําดับทราบ
หากผูอํานวยการศูนยฯ พิจารณาแลวเหน็ วา ผูนําทําการเดินสาํ รวจนาํ ทด่ี นิ นอกหลกั ฐานมา
รวมจริง กใ็ หส ง่ั งดการเดนิ สาํ รวจทด่ี นิ แปลงนน้ั แลว แจง ผนู าํ ทาํ การเดนิ สาํ รวจทราบพรอ มแจง
สิทธิอุทธรณใหผูนําทําการเดินสํารวจทราบตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙
๓. ในการประชุมคณะกรรมการฯ ใหคณะกรรมการฯ รว มกนั ตรวจสอบวา ท่ดี ิน
แปลงนั้นมีการนําท่ีดินนอกหลักฐานมารวมออกโฉนดท่ีดินโดยไมชอบดวยกฎหมายหรือไม
อยางไร สาเหตุที่ทาํ ใหไดเนอื้ ทเ่ี พ่ิมขึ้นเพราะเหตใุ ด เสร็จแลวใหจัดทาํ รายงานการประชุมตาม
ตัวอยางรายงานการประชุมที่แนบมาพรอมน้ีไวเปนหลักฐาน ในกรณีที่ดินท่ีมีเน้ือท่ีเกินจาก
หลกั ฐานเดมิ ๑๐–๒๐ เปอรเซ็นต ข้นึ ไป แลวแตก รณี จํานวนหลายแปลง กใ็ หน ําเร่ืองราวการ
๕๓๒
เดินสํารวจฯ เขา ทป่ี ระชุมในคราวเดียวกันได โดยในบันทกึ รายงานการประชุมใหมีรายละเอยี ด
การพจิ ารณาแตละแปลง โดยระบเุ หตผุ ลใหชัดเจนและเสนอเรอื่ งราวการเดินสํารวจใหผ อู ํานวย
การศูนยฯ พจิ ารณาพรอ มกับรายงานการประชุม เม่อื ผอู ํานวยการศนู ยฯ ลงนามในโฉนดทดี่ นิ
แลวใหสําเนารายงานการประชุมดังกลาวเก็บไวในสารบบเร่ืองราวการเดินสํารวจของทุกแปลงท่ี
มกี ารพจิ ารณา
๔. กอนลงนามในโฉนดที่ดนิ ใหผ อู ํานวยการศนู ยฯ บนั ทึกใหปรากฏในดานหนา
มมุ บนดา นขวาของใบไตสวน (น.ส.๕) วา เห็นดวยกับผลการประชมุ ของคณะกรรมการฯ และ
ลงนามในโฉนดทีด่ นิ ตอ ไป
๕. ในกรณีท่ีผูอํานวยการศูนยฯ ยังมิไดลงนามในโฉนดท่ีดินเน่ืองจากส้ินสุด
โครงการในปน้ันกอนท่ีศูนยอํานวยการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินจะสงมอบเรื่องราวการเดิน
สาํ รวจทีค่ างลงนามใหกับสาํ นกั งานทีด่ ินจงั หวดั หรอื สาขา หรือสวนแยก ใหผ อู ํานวยการศนู ยฯ
ดําเนินการประชุมคณะกรรมการฯ ใหแ ลว เสร็จ และใหผูอาํ นวยการศนู ยฯ ใหค วามเหน็ ไวใน
ใบไตสวนดวย
๖. หากมกี ารตรวจสอบพบในภายหลงั วา ท่ดี นิ แปลงใดไดเ ดินสาํ รวจออกโฉนด
ท่ีดินจากหลักฐานเดิมแลวไดเนื้อที่เกินจากหลักฐานเดิมโดยไมชอบดวยกฎหมาย กรมที่ดิน
จะถือวาเปนความบกพรองของเจาหนาท่ีที่เก่ียวของทุกราย และหากรายใดไดพิจารณาผาน
ความเหน็ ของคณะกรรมการฯ โดยไมช อบดวยกฎหมาย ระเบียบ กรรมการบคุ คลที่มคี วามเห็น
ไมถูกตอ งก็จะอยใู นขายบกพรองตอหนา ที่ หรือปฏบิ ตั ิหนาท่โี ดยไมช อบ ซง่ึ ถอื เปน ความผิดวินยั
ตามแตกรณี และจะพจิ ารณาโทษเจาหนาทท่ี เ่ี กี่ยวของกบั การออกโฉนดท่ีดินแปลงนั้นทกุ คน
จึงเรียนมาเพอื่ โปรดทราบ และแจงใหศนู ยอาํ นวยการเดนิ สํารวจออกโฉนดทด่ี ิน
ในจงั หวดั นถี้ ือปฏิบัติโดยเครงครดั ดวย
ขอแสดงความนบั ถือ
(ลงชือ่ ) บุญเชิด คดิ เห็น
(นายบุญเชิด คิดเห็น)
อธบิ ดกี รมทีด่ ิน
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
โทร. ๐ ๒๕๐๓ ๓๙๖๐
โทรสาร ๐ ๒๕๐๓ ๓๙๖๐
๕๓๓
(สาํ เนา)
คาํ ส่ังกรมทีด่ นิ
ท่ี ๔๘๓๐ / ๒๕๕๕
เรอ่ื ง แตง ตง้ั คณะกรรมการตรวจสอบการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดทด่ี นิ
กรณีไดเ นอื้ ท่ีเกนิ จากหลักฐานทด่ี ินเดมิ
––––––––––––––––––––
ตามคําสงั่ กรมที่ดนิ ที่ ๓๒๗๓ / ๒๕๕๓ ลงวนั ที่ ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓ เรอ่ื ง
แตงต้ังคณะกรรมการตรวจสอบกรณีการเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดินจากหลักฐานหนังสือรับรอง
การทาํ ประโยชน ไดกําหนดหลักเกณฑแ ละแนวทางปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกบั การเดนิ สาํ รวจออกโฉนดทด่ี นิ
จากหลกั ฐานหนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนแ ลว ไดเ นอ้ื ทม่ี ากกวา หลกั ฐานเดมิ เพอ่ื ปอ งกนั มใิ ห
มีการเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดินจากหลักฐานหนังสือรับรองการทําประโยชนโดยการนําท่ีดินนอก
หลกั ฐานมารวมโดยไมช อบดว ยกฎหมาย นน้ั
กรมท่ดี นิ ไดพ ิจารณาแลว เหน็ วา คาํ ส่ังกรมทดี่ ิน ที่ ๓๒๗๓ / ๒๕๕๓ ลงวันท่ี ๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ยงั ไมครอบคลมุ ถึงการเดนิ สํารวจออกโฉนดทีด่ นิ โดยอาศัยหลกั ฐานเดมิ
บางประเภทและเกณฑก ารกาํ หนดเนื้อท่ียังไมเหมาะสม จึงใหย กเลิกคาํ ส่งั ดังกลาวและแตงต้งั
คณะกรรมการตรวจสอบการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดทด่ี นิ ประกอบดว ยบคุ คลดงั ตอ ไปนี้
๑. ผูอ าํ นวยการศนู ยเดินสาํ รวจออกโฉนดทด่ี นิ เปนประธานกรรมการ
๒. ผกู าํ กบั การเดินสํารวจทุกคนในศูนย เปน กรรมการ
๓. ผกู ํากบั การรงั วดั ทุกคนในศนู ย เปนกรรมการ
๔. ผูก ํากบั การเดนิ สาํ รวจซึ่งผูอ าํ นวยการศนู ยฯ มอบหมาย เปนเลขานกุ าร
ใหคณะกรรมการฯ รวมกันตรวจสอบเร่ืองราวการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินจาก
หลักฐานเดิมซึ่งมีผลการรังวัดไดเนื้อท่เี กนิ จากหลกั ฐานเดมิ ทุกเร่อื งในกรณีดงั นี้
– กรณีหลกั ฐานเดิมเปนหนงั สือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) หนังสอื แสดง
การทําประโยชนใ นเขตนคิ มสรา งตนเอง (น.ค. ๓) หนงั สอื แสดงการทาํ ประโยชนในเขตนคิ ม
สหกรณ (ก.ส.น. ๕) และกรณีการรงั วัดเพ่ือเปลีย่ นโฉนดตราจอง โฉนดแผนที่ หรือตราจองท่ีตรา
วา “ไดท ําประโยชนแลว ” เปน โฉนดท่ีดิน ผลการรังวดั ออกโฉนดท่ดี นิ ไดเนอ้ื ทีเ่ กนิ จากหลกั ฐานเดมิ
ตงั้ แต ๑๐ เปอรเ ซน็ ต ขึ้นไป
– กรณหี ลักฐานเดมิ เปน แบบแจง การครอบครองท่ดี ิน (ส.ค.๑) ใบจอง (น.ส.๒)
หนงั สือรับรองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓, น.ส.๓ ข.) ผลการรังวดั ออกโฉนดทด่ี นิ ไดเ นอ้ื ทเ่ี กินจาก
หลกั ฐานเดิมตั้งแต ๒๐ เปอรเ ซ็นตขนึ้ ไป
๕๓๔
โดยใหพ ิจารณาตรวจสอบสาเหตุทท่ี าํ ใหไ ดเน้อื ท่เี พมิ่ ขึน้ วา เปนการนาํ ท่ีดนิ นอก
หลกั ฐานมารวมออกโฉนดท่ดี ินโดยไมชอบดว ยกฎหมายหรอื ไม อยางไร และใหจ ดั ทํารายงาน
การประชมุ ไวเปน หลักฐาน โดยมรี ายละเอียดการพจิ ารณาแตล ะแปลง โดยระบุเหตุผลใหชัดเจน
แลวเก็บรายงานการประชุมรวมไวในสารบบเรอ่ื งราวการเดนิ สํารวจ
ทัง้ น้ี ต้งั แตบ ดั นเี้ ปนตนไป
ส่ัง ณ วันท่ี ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
(ลงชื่อ) บญุ เชิด คดิ เห็น
(นายบุญเชดิ คดิ เห็น)
อธิบดีกรมท่ดี นิ
๕๓๕
ตวั อยาง (กรณกี รรมการทกุ คนเหน็ วา ชอบ)
รายงานการประชมุ
คณะกรรมการตรวจสอบการเดินสาํ รวจออกโฉนดทดี่ ิน กรณไี ดเนือ้ ท่ีเกนิ จากหลักฐานท่ีดนิ เดมิ
จงั หวดั ...............................
คร้ังท.่ี ............/..............เมอ่ื วนั ท่ี................................
ณ ...................................................
––––––––––––––––––
ผเู ขารว มประชมุ
๑. ...........................ผูอํานวยการศนู ยเดินสาํ รวจจังหวัด................ ประธานกรรมการ
๒. ...........................ผูกํากบั การเดนิ สํารวจ กรรมการ
๓. ...........................ผูกาํ กบั การรงั วดั กรรมการ
๔. ...........................ผูกํากบั การเดนิ สํารวจซ่ึงผอู าํ นวยการศนู ยฯ มอบหมาย เลขานกุ าร
ระเบยี บวาระท่ี ๑ เร่อื งทป่ี ระธานแจงใหทปี่ ระชุมทราบ
ระเบียบวาระที่ ๒ เรือ่ ง รบั รองรายงานการประชุม
ระเบียบวาระท่ี ๓ เร่อื ง พิจารณา
๓.๑ เรอ่ื ง การเดนิ สาํ รวจออกโฉนดทด่ี นิ จากหลกั ฐาน.............................................
กรณเี นอ้ื ทม่ี ากกวา หลกั ฐานเดมิ ราย..............................................................
ผลการพิจารณา นาย/นาง/นางสาว.........................ไดนาํ เดนิ สาํ รวจออกโฉนดที่ดิน
จากหลกั ฐาน......................เลขที.่ ........หมทู .่ี ......ตําบล..................อําเภอ.................จงั หวดั ..............
เนอื้ ที่............ไร. ...........งาน..........ตารางวา ซึ่งผลการรงั วัดไดเ นอ้ื ที.่ ..........ไร. ........งาน.........ตารางวา
มากกวา หลักฐานเดิม...............ไร. ...............งาน..............ตารางวา คดิ เปน........................เปอรเ ซ็นต
คณะกรรมการฯ ไดรว มกนั ตรวจสอบแลว เห็นวา ไมม กี ารนําท่ดี ินนอกหลกั ฐานมารวมออกโฉนดท่ีดนิ
โดยไมช อบดวยกฎหมายแตอยางใด เหตุที่ไดเนอ้ื ท่เี พมิ่ ขึ้น เน่อื งจาก..................................................
ระเบยี บวาระท่ี ๔ เรือ่ ง อ่ืนๆ
................................................ ผจู ดรายงานการประชุม
................................................ ผตู รวจรายงานการประชมุ
๕๓๖
ตัวอยาง (กรณกี รรมการเหน็ ตางกัน)
รายงานการประชุม
คณะกรรมการตรวจสอบการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดนิ กรณไี ดเ นือ้ ทีเ่ กนิ จากหลักฐานที่ดินเดิม
จงั หวัด...............................
ครั้งที่............./..............เม่ือวันท.่ี ...............................
ณ ...................................................
––––––––––––––––––
ผเู ขา รวมประชุม
๑. ...........................ผอู ํานวยการศนู ยเดินสํารวจจังหวดั ................ ประธานกรรมการ
๒. ...........................ผกู าํ กับการเดนิ สํารวจ กรรมการ
๓. ...........................ผูก ํากับการรังวัด กรรมการ
๔. ...........................ผูกํากับการเดนิ สํารวจซงึ่ ผอู าํ นวยการศนู ยฯ มอบหมาย เลขานุการ
ระเบยี บวาระที่ ๑ เรื่องที่ประธานแจงใหท ่ีประชมุ ทราบ
ระเบียบวาระที่ ๒ เรือ่ ง รบั รองรายงานการประชุม
ระเบยี บวาระท่ี ๓ เรื่อง พจิ ารณา
๓.๑ เรอ่ื ง การเดนิ สาํ รวจออกโฉนดทด่ี นิ จากหลกั ฐาน.............................................
กรณเี นอ้ื ทม่ี ากกวา หลกั ฐานเดิม ราย..............................................................
ผลการพิจารณา นาย/นาง/นางสาว.........................ไดน าํ เดนิ สาํ รวจออกโฉนดท่ดี นิ
จากหลักฐาน......................เลขท.ี่ ........หมูที.่ ......ตาํ บล..................อําเภอ.................จังหวัด..............
เนอ้ื ที่............ไร............งาน..........ตารางวา ซ่ึงผลการรังวัดไดเน้ือท.ี่ ..........ไร.........งาน.........ตารางวา
มากกวาหลกั ฐานเดิม...............ไร................งาน..............ตารางวา คดิ เปน........................เปอรเ ซ็นต
คณะกรรมการฯ ไดร ว มกนั ตรวจสอบแลวมีความเหน็ แตกตา งกนั ดังน้ี
(๑) ...............(ช่ือ, ตาํ แหนง)...............เห็นวา ไมมกี ารนําที่ดินนอกหลกั ฐานมารวม
ออกโฉนดท่ีดินโดยไมช อบดว ยกฎหมายแตอยางใด เหตทุ ไ่ี ดเนอื้ ทเี่ พมิ่ ข้ึน เนื่องจาก..............................
โดยไดต รวจสอบจากหลักฐาน......................ประกอบแลว เห็นวาการรงั วดั ออกหลักฐาน................เดมิ
มคี วามคลาดเคลอ่ื นดว ยเหตุดังกลา วจริง เห็นควรใหออกโฉนดทด่ี นิ ตามผลการรังวัดครั้งน้ี
(๒) ............(ชอื่ , ตําแหนง)...........มคี วามเห็นแยงวา เปน การนาํ ท่ีดนิ นอกหลักฐาน
มารวมออกโฉนดที่ดินโดยไมชอบดวยกฎหมาย เนื่องจาก..................................................................
เหน็ ควรตัดระยะดา นทศิ ..........................................ออก
มติท่ีประชมุ ท่ีประชุมเสียงสวนใหญเห็นวาการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินแปลงนี้ไมเหมาะสม
เนือ่ งจากมีการนําท่ดี ินนอกหลักฐานมารวมเขา ไปดว ย เห็นควรใหเจา หนา ท่ีสอบสวนสทิ ธแิ จง ใหผ ูนาํ
ทาํ การเดินสาํ รวจหรอื ผแู ทนทราบ ถา ผนู ําเดินสํารวจยนิ ยอมใหกันเขตเนอ้ื ทีส่ ว นทีเ่ กนิ จากหลกั ฐานเดิม
ใหเจาหนา ที่เดนิ สาํ รวจออกไปทําการกันเขตใหถ ูกตอ งตามหลกั ฐานเดมิ แลวเสนอใหผอู าํ นวยการศนู ยฯ
ลงนามออกโฉนดทด่ี ินตอไป แตถ าผูนาํ เดนิ สํารวจไมย นิ ยอมใหกนั เขตเน้อื ทีส่ วนท่เี กนิ จากหลักฐานเดิม
กใ็ หง ดการเดินสาํ รวจทด่ี นิ แปลงนน้ั แลว แจง ใหผูน าํ เดนิ สํารวจทราบพรอมแจงสทิ ธิอทุ ธรณใ หผูนําเดนิ
สาํ รวจทราบตามพระราชบัญญตั วิ ธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
................................................ ผจู ดรายงานการประชมุ
................................................ ผูตรวจรายงานการประชุม
๕๓๗
ตัวอยางหนงั สือแจง ผนู ําเดนิ สาํ รวจ (กรณีผนู ําเดินสาํ รวจไมย อมใหก ันเขต)
ท.่ี ............................... ศนู ยอํานวยการเดินสํารวจ.......................
วนั ท่.ี .......................................
เรอื่ ง การเดนิ สาํ รวจออกโฉนดท่ดี ิน
เรียน ............................................................
อางถงึ หนังสือศูนยอ าํ นวยการเดนิ สํารวจออกโฉนดที่ดนิ ....................ท.่ี ......../........ลงวนั ท.่ี ...............
ตามที่ศนู ยอํานวยการเดินสาํ รวจออกโฉนดทด่ี ิน...........................................ไดมหี นงั สือ
แจง ใหท า นไปพบพนกั งานเจา หนา ทเ่ี พอ่ื นาํ เจา หนา ทเ่ี ดนิ สาํ รวจไปทาํ การรงั วดั กนั เขตทด่ี นิ สว นทเ่ี กนิ จาก
หลกั ฐานเดมิ กรณีทา นไดน ําเดนิ สํารวจออกโฉนดทีด่ นิ จากหลักฐาน....................เลขท่.ี .........หมูที่.......
ตาํ บล.......................อําเภอ....................จังหวดั ...................เนื้อที่..........ไร. .........งาน.........ตารางวา
โดยทา นไดน ําชี้ที่ดนิ ตามหลักฐาน..................................ดงั กลาว ผลการรังวดั ออกโฉนดที่ดนิ ปรากฏวา
ไดเนอ้ื ท่.ี .........ไร. ..........งาน.........ตารางวา มากกวาหลกั ฐานเดิม..........ไร. .........งาน..........ตารางวา
คดิ เปน............................เปอรเซน็ ต ศูนยอํานวยการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดทีด่ นิ จงั หวดั .........................
ไดน าํ เรอื่ งเดินสาํ รวจแปลงนใี้ หคณะกรรมการตรวจสอบการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดที่ดิน กรณีไดเน้ือทเ่ี กิน
จากหลกั ฐานทีด่ นิ เดมิ ตามคําส่งั กรมทดี่ ิน ท่.ี ....๔...๘...๓..๐...../..๒...๕...๕...๕.....ลงวนั ท.ี่ ..๒...๘.......ธนั วาคม ๒๕๕๕
พิจารณาแลว คณะกรรมการฯ มีมติวา เปนการนําทดี่ ินนอกหลักฐาน.....................ทางดา นทิศ............
มารวมดว ย ทําใหไดเนอื้ ทีเ่ พ่มิ ขึ้น และใหศ นู ยอ ํานวยการเดนิ สํารวจฯ แจงใหท า นทราบ เพ่อื ทําการรงั วดั
กันเขตเนื้อที่สวนท่ีเกินจากหลักฐานเดิมออกใหถูกตองตามหลักฐานเดิม ซ่ึงทานไดไปพบพนักงาน
เจาหนาทแี่ ลว แตไ มย ินยอมใหกนั เขตเนอื้ ทสี่ ว นทเี่ กนิ ออกจากหลักฐานเดิม นนั้
ศนู ยอ ํานวยการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินจังหวัด.............................พิจารณาแลวเหน็ วา
การนําเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดินของทานเปนการนําที่ดินนอกหลักฐาน...............มารวมออกโฉนดที่ดิน
โดยไมชอบดวยกฎหมาย พนักงานเจา หนาทจ่ี งึ ไมอาจออกโฉนดที่ดนิ ใหแ กท านตามท่ไี ดนาํ ทําการรงั วดั
ไวได จึงงดดาํ เนนิ การออกโฉนดท่ดี ินใหแกท าน และเนื่องจากการไมออกโฉนดท่ีดนิ ใหแกทา นเปน คาํ ส่ัง
ทางปกครองอนั อาจอุทธรณตอ ไปได หากทา นประสงคจะอุทธรณหรือโตแยงคําสัง่ นี้ ใหย ่ืนอุทธรณตอ
ผอู ํานวยการเดินสาํ รวจออกโฉนดที่ดนิ จังหวัด..........................ภายใน ๑๕ วนั นบั แตวนั ไดรบั แจงคําสัง่
ตามนัยมาตรา ๔๔ แหง พระราชบัญญตั วิ ธิ ปี ฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบกับ
กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิดังกลา วแลว ไมวา จะมี
คําวนิ จิ ฉยั ของผมู อี ํานาจพิจารณาอทุ ธรณห รอื ไมก ต็ าม ทา นสามารถท่จี ะยน่ื คาํ ฟอ งตอศาลปกครอง
ช้นั ตน ท่ที านมภี ูมลิ าํ เนา หรอื ทม่ี ลู คดเี กิดขึ้นในเขตศาลปกครองชน้ั ตนนนั้ หรือสงคําฟองทางไปรษณีย
ลงทะเบียนไปยงั ศาลปกครองดงั กลา วภายในระยะเวลา ๙๐ วัน นับแตวันทรี่ ูหรือควรรถู งึ เหตุแหง
การฟองคดี ตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ.๒๕๔๒
จงึ เรยี นมาเพ่ือทราบ
ขอแสดงความนบั ถือ
ผูอ าํ นวยการศูนยเ ดนิ สํารวจ............................
๕๓๘
ตวั อยางหนงั สือแจง ผูนําเดนิ สาํ รวจ
ท่ี................................ ศนู ยอํานวยการเดินสํารวจ.......................
วันที่........................................
เรือ่ ง การเดินสํารวจออกโฉนดที่ดิน
เรยี น ............................................................
ตามที่ทา นไดนําเดนิ สาํ รวจออกโฉนดท่ดี ินจากหลักฐาน................เลขที่..........หมูที่........
ตําบล.......................อาํ เภอ.....................จงั หวดั ...................โดยทา นนาํ ชี้ทีด่ นิ ตามหลักฐานดังกลาว
ผลการรังวดั ออกโฉนดท่ีดินปรากฏวา ไดเ นอ้ื ท่ี........ไร. .........งาน..........ตารางวา มากกวา หลักฐานเดมิ
..........ไร. .........งาน..........ตารางวา คิดเปน............................เปอรเซน็ ต
ศูนยอํานวยการเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดินจังหวัด.........................ไดนําเรื่องเดินสํารวจ
แปลงนใ้ี หค ณะกรรมการตรวจสอบการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดทด่ี นิ กรณไี ดเ นอ้ื ทเ่ี กนิ จากหลกั ฐานทด่ี นิ เดมิ
ตามคําสงั่ กรมท่ดี นิ ท่ี........๔...๘...๓..๐......./....๒...๕...๕...๕......... ลงวนั ท.่ี ...๒...๘......ธันวาคม ๒๕๕๕ พิจารณาแลว
คณะกรรมการฯ มีมติวา เปนการนาํ ที่ดินนอกหลกั ฐาน.............................ทางดานทศิ .....................
มารวมดวย ทําใหไ ดเ นื้อทเี่ พ่มิ ข้นึ และใหศนู ยอํานวยการเดนิ สาํ รวจฯ แจง ใหท านทราบ เพอ่ื ทําการรงั วดั
กันเขตเนื้อทสี่ วนทีเ่ กินจากหลกั ฐานเดิมออกใหถ กู ตองตามหลกั ฐานเดมิ
จึงเรียนมาเพื่อทราบ และขอใหทานไปพบพนักงานเจาหนาที่ ณ ศูนยอํานวยการ
เดินสํารวจออกโฉนดที่ดินจังหวัด..................ในวันท่ี..............เพื่อนําเจาหนาที่เดินสํารวจไปทําการ
รงั วัดกนั เขตสวนทเี่ กินจากหลกั ฐานเดมิ ออกใหถ ูกตอ งตอ ไป
ขอแสดงความนับถอื
ผูอ าํ นวยการศนู ยเ ดินสาํ รวจ............................
โทร. ..........................
๕๓๙
ที่ มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๒๓๙๑ (สาํ เนา)
กรมท่ีดิน
ศนู ยราชการเฉลมิ พระเกยี รติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรฐั ประศาสนภักดี ถนนแจงวัฒนะ
แขวงทุงสองหอ ง เขตหลักส่ี กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๒๘ มกราคม ๒๕๕๖
เร่อื ง การหารอื ขอ ราชการ
เรยี น ผูวา ราชการจังหวัดทุกจังหวดั
อา งถึง ๑. หนังสอื กรมทดี่ ิน ท่ี มท ๐๖๑๐ / ว ๑๓๑๑๒ ลงวนั ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๓๖ เร่ือง
การหารอื ขอ ราชการ
๒. หนงั สอื กรมทด่ี ิน ท่ี ๐๗๑๙ / ๒๑๕๔๐ ลงวนั ท่ี ๓๐ มถิ นุ ายน ๒๕๔๒ เร่อื ง
การออกโฉนดท่ดี นิ โดยอาศัยหลักฐานหนังสอื รบั รองการทําประโยชน
๓. หนังสอื กรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๐๑.๒/ว ๒๖๔๖๑ ลงวนั ที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๔๖ เรอื่ ง
การหารอื ขอราชการ
๔. หนงั สอื กรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๕/ว ๒๓๔๘๔ ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๐ เร่อื ง
การหารอื ขอราชการและการบริการประชาชน
ตามท่กี รมที่ดินไดว างแนวทางปฏิบตั ิในการหารือขอ ราชการตามหนังสือทีอ่ า งถงึ
และกาํ ชับเก่ยี วกับการสงเรอ่ื งหารือขอ ราชการ โดยใหเ จา หนาทห่ี มัน่ ศึกษา คน ควา ระเบยี บ
กฎหมายทเี่ กย่ี วขอ ง พยายามใชด ุลยพินิจแกป ญหาที่เกดิ ขึ้นใหร อบคอบ เพ่อื ใหการบรกิ าร
ประชาชนเปนไปอยา งคลองตวั สะดวก รวดเร็ว มใิ หส งเร่ืองหารอื ไปกรมท่ีดนิ โดยไมจ าํ เปน
โดยเฉพาะอยางยิ่งเรื่องท่ีมีกฎหมาย ระเบียบปฏบิ ตั ชิ ดั เจนแลว หากปรากฏวา ยงั มกี ารสงเร่อื ง
ที่ไมสมควรหารือไปอกี กรมที่ดินจะพิจารณาสมรรถภาพของผบู ริหารของสํานักงานทด่ี นิ ท่หี ารอื
ดวย น้ัน
กรมที่ดนิ ขอเรยี นวา การสงเรื่องหารอื ขอ ราชการท่ผี า นมาพบวา เร่ืองหารือ
ขอราชการสวนใหญเปนปญหาขอเท็จจริง หรือเรื่องที่กรมท่ีดินไดวางแนวทางปฏิบัติไวโดย
ชดั เจนแลว ซง่ึ อยใู นดลุ ยพนิ จิ ของเจา พนกั งานทีด่ นิ ท่ีจะพจิ ารณาตดั สินใจได ไมใชเ รอ่ื งทก่ี รมทด่ี ิน
ไมไ ดวางแนวทางปฏิบัติไว หรอื เกิดปญหาสืบเนื่องจากแนวทางปฏิบตั ิท่ีกรมทด่ี นิ วางไวไ มช ัดเจน
สาเหตหุ นงึ่ สืบเนอ่ื งจากเจาหนา ที่ไมแสวงหาขอเท็จจริงใหเปน ทีย่ ตุ ิ หรือไมศกึ ษาระเบียบคําส่ังท่ี
เกีย่ วของในเรือ่ งนัน้ ๆ และเจา พนกั งานทีด่ ินไมก ลาตดั สนิ ใจท้งั ทมี่ ีขอ เทจ็ จรงิ และแนวทางปฏบิ ตั ิ
๕๔๐
ทีช่ ดั เจนอยแู ลว ทําใหมีการสงเรอ่ื งหารอื ขอราชการเปนจาํ นวนมาก การท่ีกรมทด่ี นิ ตอ งตอบ
ขอหารือของสํานักงานที่ดินในเรื่องที่ไมสมควรหารือ จึงเปนการสิ้นเปลืองทรัพยากรและเวลา
ท้ังทาํ ใหก ารใหบ ริการประชาชนเกดิ ความลาชา ไมสอดคลองกบั นโยบายการบริการประชาชน
และการเรงรัดงาน ดังน้ัน ขอใหจังหวัดไดโปรดแจงใหเจาหนาท่ีในสังกัดกรมท่ีดินทราบวา
การหารอื ขอราชการใหถอื ปฏบิ ัติตามนัยหนงั สือกรมทด่ี นิ ดงั กลา วโดยเครง ครัด หากยงั มกี ารหารอื
ขอราชการโดยไมจําเปนกรมที่ดินจะไดพิจารณาถึงสมรรถภาพของผูบริหารสํานักงานที่ดินอยาง
เด็ดขาดตอ ไป
จงึ เรียนมาเพอื่ โปรดทราบและแจง ใหเ จาหนาท่ีในสงั กดั กรมที่ดนิ ทราบตอไป
ขอแสดงความนับถอื
(ลงชือ่ ) บญุ เชดิ คิดเห็น
(นายบญุ เชดิ คดิ เหน็ )
อธิบดกี รมทด่ี ิน
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
โทร. ๐ ๒๕๐๓ ๓๘๑๒
โทรสาร ๐ ๒๕๐๓ ๓๓๙๘
๕๔๑
ท่ี มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๔๔๗๐ (สําเนา)
กรมท่ดี ิน
ศนู ยราชการเฉลิมพระเกยี รติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรฐั ประศาสนภกั ดี ถนนแจง วัฒนะ
แขวงทงุ สองหอง เขตหลักสี่ กรงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐
๑๘ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๖
เร่อื ง การส่ังยกเลกิ คาํ ขอออกโฉนดทดี่ ิน
เรียน ผูวาราชการจังหวดั ทกุ จงั หวัด
ดวยปรากฏวาในปจจุบันไดมีราษฎรรองเรียนวาเจาหนาที่ไมออกโฉนดท่ีดินให
ทง้ั การรองเรยี นไปยงั กรมท่ีดนิ และหนวยงานทีเ่ กีย่ วขอ ง ตลอดจนมีการฟอ งคดตี อ ศาลปกครอง
วาเจาหนาท่ีละเลยการปฏิบัติหนาท่ีไมออกโฉนดที่ดินใหหรือปฏิบัติหนาที่ลาชา ซึ่งเมื่อมีการ
ตรวจสอบแลวพบวา เปนเรื่องท่ีไมสามารถดําเนินการออกโฉนดที่ดินใหไดเน่ืองจากไมอยูใน
หลักเกณฑท่จี ะออกโฉนดที่ดินได แตเจาพนักงานที่ดินจังหวัด เจา พนกั งานท่ดี ินจังหวัดสาขา หรือ
เจาพนักงานท่ีดินหัวหนาสวนแยกไมดําเนินการส่ังยกเลิกเรื่องและแจงผูขอทราบเพ่ือใหเปนไป
ตามพระราชบัญญตั วิ ิธีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แตกลบั เกบ็ เร่ืองไวโ ดยไมม กี าร
ดําเนินการใดๆ เมอื่ ผูข อมาตามเรือ่ งจงึ ไมส ามารถช้ีแจงใหผ ขู อทราบได ทาํ ใหเกิดภาพลกั ษณ
ในทางทีเ่ สยี หายตอกรมทีด่ ินอยูเนืองๆ อีกทัง้ บางกรณี ผขู อไดฟ อ งคดตี อ ศาลปกครองและเรียก
คาเสียหายจากการละเลยการปฏบิ ัติหนาท่ีของเจาหนา ทห่ี รอื ปฏิบตั ิหนา ที่ลา ชา และกรมทีด่ ิน
ตอ งแพค ดี เนอื่ งมาจากเหตุดงั กลาว ทําใหเกิดความเสียหายตอ ทางราชการเปนอยางมาก
กรมท่ีดินพจิ ารณาแลว เห็นวา การละเลยไมด ําเนนิ การใดๆ ของเจาหนาที่ใน
ลกั ษณะดงั กลาว อาจกอใหเกดิ ความเสียหายตอทางราชการ ฉะนัน้ เพ่อื ปองกันความเสยี หายอนั
อาจจะเกิดขนึ้ จงึ วางแนวทางปฏบิ ตั ใิ หเจา หนา ทีถ่ อื ปฏบิ ัติ ดงั น้ี
๑. กรณีผูขอมาย่ืนคําขอออกโฉนดท่ีดินโดยพนักงานเจาหนาท่ีไดทําการรังวัด
และประกาศครบกําหนดแลว และไมม ีเหตขุ ดั ขอ งอ่นื ใหเ จา พนกั งานทดี่ ินจังหวัด เจา พนักงาน
ทดี่ นิ จังหวดั สาขา หรือเจา พนักงานท่ดี ินหวั หนาสวนแยก ดาํ เนนิ การออกโฉนดทีด่ นิ ใหแ กผ ูขอ
และเรยี กผขู อมารบั โฉนดทดี่ ินโดยเร็ว
๒. กรณีเรื่องอยูระหวางดําเนินการที่อยูในหลักเกณฑที่จะออกโฉนดท่ีดินได
แตย งั ไมส ามารถออกโฉนดทด่ี นิ ไดเ นอ่ื งจากอยรู ะหวา งการดาํ เนนิ การตรวจสอบของหนว ยงานอน่ื
ถายังไมไดรับแจงผลจากหนวยงานนั้น ใหมีหนังสือขอทราบผลจากหนวยงานนั้นเปนระยะๆ
๕๔๒
เพ่อื เปน หลักฐานวาเจา หนาทไ่ี มไ ดเ กบ็ เร่อื งไวโดยไมไ ดด าํ เนินการใดๆ อันจะเปนมลู เหตใุ หผูขอ
ฟอ งคดีตอ ศาลปกครองวา เจา หนาที่ละเลยไมป ฏิบัติหนาที่หรอื ปฏิบัตหิ นา ทล่ี าชา และเกดิ ความ
เสียหายตอ ผูขอ
๓. กรณเี รอ่ื งใดทไ่ี มอ ยใู นหลกั เกณฑท จ่ี ะออกโฉนดทด่ี นิ ใหผ ขู อได ใหเ จา พนกั งาน
ทีด่ ินสั่งยกเลกิ คาํ ขอและแจง ผูขอทราบ เพ่ือใชสทิ ธอิ ุทธรณตามพระราชบญั ญัติวธิ ีปฏิบตั ริ าชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยเร็ว หากพิจารณาแลวเห็นวาไมสามารถออกโฉนดที่ดินได
หา มมใิ หเ กบ็ เรอ่ื งไวโ ดยไมส ง่ั ยกเลกิ คาํ ขอและแจง ผขู อทราบโดยเดด็ ขาด หากปรากฏวา มกี าร
รอ งเรยี นวา เจา หนา ทไ่ี มอ อกโฉนดทด่ี นิ ใหแ ละเปน กรณที ไ่ี มอ ยใู นหลกั เกณฑท จ่ี ะออกโฉนดทด่ี นิ ได
แตเจาพนักงานท่ีดินไมไดส่ังยิกเลิกคําขอในเร่ืองน้ัน กรมที่ดินจะไดพิจารณาสมรรถนะของ
เจาพนกั งานที่ดินตามควรแกก รณตี อ ไป
จึงเรียนมาเพ่ือโปรดทราบ และแจงใหพนักงานเจาหนาที่ทราบและถือปฏิบัติ
ตอ ไป
ขอแสดงความนบั ถอื
(ลงชือ่ ) บุญเชิด คิดเห็น
(นายบุญเชดิ คิดเหน็ )
อธิบดกี รมที่ดิน
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคญั
โทร. / โทรสาร ๐ ๒๕๐๓ ๓๙๕๒
๕๔๓
ที่ มท ๐๕๑๖.๒ (๑) / ว ๖๑๑๖ (สําเนา)
กรมที่ดนิ
ศูนยร าชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรัฐประศาสนภักดี ถนนแจง วฒั นะ
แขวงทงุ สองหอ ง เขตหลักสี่ กรงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐
๗ มีนาคม ๒๕๕๖
เร่อื ง การขอขยายระยะเวลาตอ ศาล ตามมาตรา ๘ แหง พระราชบัญญตั แิ กไ ขเพม่ิ เตมิ
ประมวลกฎหมายทีด่ นิ (ฉบบั ที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
เรยี น ผวู าราชการจังหวัดทุกจงั หวดั
อางถึง หนงั สือกรมท่ีดิน ดวนทสี่ ุด ที่ มท ๐๕๑๖.๒(๑)/ว ๑๔๗๘๙ ลงวนั ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓
ตามที่กรมท่ีดินไดแจงแนวทางปฏิบัติ กรณี มีผูนําหลักฐานแบบแจงการ
ครอบครองท่ดี ิน (ส.ค. ๑) มายนื่ ขอออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนภ ายหลงั
วันที่ ๘ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๓ วา พนกั งานเจาหนา ท่สี ามารถรบั คําขอออกโฉนดทีด่ นิ หรอื หนังสือ
รบั รองการทําประโยชน และดาํ เนนิ การรงั วัดและสอบสวนสทิ ธิตามระเบียบและวธิ ีการจนครบ
ขน้ั ตอน โดยพนกั งานเจา หนา ทจ่ี ะออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ ใหไ ด ตอ เมอ่ื ศาลไดม คี าํ พพิ ากษา
หรือคําสั่งถึงท่ีสุดวาผูน้ันเปนผูครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินโดยชอบดวยกฎหมายกอน
ประมวลกฎหมายทด่ี นิ ใชบ ังคับเทานนั้ ทงั้ นีก้ รมทีด่ ินไดมคี ําสั่ง ที่ ๒๒๗/๒๕๕๓ ลงวนั ท่ี ๒๗
มกราคม ๒๕๕๓ มอบอํานาจใหเจาพนักงานที่ดินจังหวัด เจาพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา
เจา พนกั งานทด่ี นิ หัวหนา สว นแยก เจา พนกั งานท่ีดินอาํ เภอในสาํ นกั งานท่ีดินทอ งทท่ี ที่ ด่ี นิ ต้งั อยู
เปน ผูด าํ เนนิ การตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญตั แิ กไ ขเพม่ิ เติมประมวลกฎหมายท่ีดนิ (ฉบับ
ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ แทนกรมที่ดนิ รวมทง้ั ไดมคี ําส่งั กรมทด่ี ิน ท่ี ๖๒๐/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๓ มีนาคม
๒๕๕๓ มอบอํานาจใหบ คุ คลตามคาํ สงั่ กรมทีด่ นิ ท่ี ๒๒๗/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๓
เปน ผขู อขยายระยะเวลาตอ ศาล ในกรณไี มส ามารถเสนอความเหน็ ตอ ศาลไดภ ายในระยะเวลาที่
กฎหมายกําหนดและในการไปใหถอยคําตอศาลกรณีท่ีศาลมีหมายเรียกใหไปเปนพยานหรือให
ขอ มูลเกีย่ วกบั การตรวจสอบท่ดี นิ แปลงท่มี กี ารย่นื คาํ รองตอศาล ความละเอียดแจงแลว นั้น
กรมทดี่ ินขอเรียนวา เนอ่ื งจากในปจ จุบันมปี ญ หาในทางปฏบิ ตั เิ ก่ียวกับการขอ
ขยายระยะเวลาตอศาลในกรณีที่ไมสามารถเสนอความเห็นตอศาลไดภายในระยะเวลาตามท่ี
กฎหมายกาํ หนด กลา วคอื สาํ นักงานท่ีดินจังหวดั และสํานักงานทดี่ ินจงั หวดั สาขาในแตละจงั หวดั
๕๔๔
ยังปฏิบัติไมเหมือนกันบางจังหวัดเจาพนักงานที่ดินจังหวัดเปนผูขอขยายระยะเวลาตอศาล
แตบางจังหวัดเจา พนักงานที่ดนิ จงั หวัดสาขา เปนผขู อขยายระยะเวลาตอ ศาล จึงทําใหการปฏิบตั ิ
ในเรอื่ งดังกลาวไมเปนไปในแนวทางเดยี วกนั กรมท่ีดนิ พจิ ารณาแลว เห็นวา ตามคาํ สง่ั กรมทด่ี ิน
ที่ ๒๒๗/๒๕๕๓ ลงวนั ที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๓ กรมทด่ี นิ ไดม อบอํานาจในการดาํ เนนิ การตาม
มาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญัติแกไขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายทดี่ นิ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
ใหเจาพนักงานทีด่ นิ จังหวัด เจา พนกั งานทดี่ ินจงั หวัดสาขา เจา พนักงานที่ดินหัวหนา สวนแยก
เจาพนกั งานทด่ี ินอําเภอ เปนผดู ําเนนิ การตามคําสงั่ ศาลในเรอื่ งการตรวจสอบเอกสารเกย่ี วกับ
ทด่ี ินแปลงทมี่ ีผูยืน่ คํารองตอ ศาล ตามมาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญตั แิ กไ ขเพ่มิ เติมประมวล
กฎหมายที่ดิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ.๒๕๕๑ การตรวจสอบตําแหนง ของที่ดนิ และการดําเนินการอน่ื ๆ
ตามทีศ่ าลมคี ําสงั่ ตลอดจนการเสนอความเหน็ เบื้องตนตอเจาพนักงานท่ดี ินจังหวัดวาผูร อ งฯ
ไดครอบครองหรือทําประโยชนในท่ีดินโดยชอบดวยกฎหมายกอนวันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดิน
ใชบังคับหรือไมและใหเจาพนักงานท่ีดินจังหวัดเปนผูทําความเห็นเสนอตอศาลเก่ียวกับท่ีดินที่มี
การรองตอ ศาลในเขตจงั หวัดตามมาตรา ๘ วรรคส่ี แหงพระราชบัญญตั ิแกไขเพิ่มเตมิ ประมวล
กฎหมายทด่ี นิ (ฉบับที่ ๑๑ ) พ.ศ. ๒๕๕๑ วา ผรู องฯ ไดค รอบครองหรือทําประโยชนในทด่ี ิน
แปลงใดในเขตจังหวัดนั้นโดยชอบดวยกฎหมายกอนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับหรือไม
ดังนั้น หากมีกรณีท่ีมีเหตุขัดของไมสามารถจัดทําความเห็นเสนอตอศาลไดภายในระยะเวลา
ที่กฎหมายกําหนด และจําเปนตองขอขยายระยะเวลาตอศาลก็ขอใหเจาพนักงานท่ีดินจังหวัด
ซงึ่ เปน บคุ คลทีไ่ ดรบั มอบอํานาจจากกรมที่ดินตามคาํ สั่งกรมทด่ี นิ ที่ ๒๒๗/๒๕๕๓ ลงวนั ที่ ๒๗
มกราคม ๒๕๕๓ ขอ ๒ เปน ผขู อขยายระยะเวลาตอศาล
จึงเรียนมาเพ่ือโปรดทราบ และขอไดแจงใหพนักงานเจาหนาที่ทราบและ
ถอื ปฏิบัติโดยเครงครัด
ขอแสดงความนับถอื
(ลงชื่อ) บญุ เชดิ คิดเห็น
(นายบญุ เชดิ คดิ เห็น)
อธิบดกี รมท่ดี นิ
สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
โทร. ๐ ๒๕๐๓ ๓๙๖๐
โทรสาร ๐ ๒๕๐๓ ๓๙๖๐
๕๔๕
ท่ี มท ๐๕๑๖.๕ / ว ๑๒๖๔๖ (สําเนา)
กรมที่ดิน
ศูนยราชการเฉลิมพระเกยี รติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรฐั ประศาสนภักดี ถนนแจง วัฒนะ
แขวงทุงสองหอง เขตหลกั สี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖
เรื่อง หารอื กรณีผมู ีสิทธจิ ดทะเบยี นภาระจาํ ยอมตามคําพพิ ากษาขอออกใบแทน
เรยี น ผวู าราชการจงั หวัดทกุ จังหวดั
ส่งิ ท่สี ง มาดว ย สําเนาหนงั สือสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ นร ๐๙๐๑/๐๒๙๑ ลงวนั ที่ ๑๒
กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๖ เร่ือง หารอื กรณผี ูม ีสิทธจิ ดทะเบียนภาระจาํ ยอมตามคําพิพากษา
ขอออกใบแทน
ดว ยกระทรวงมหาดไทยไดห ารอื คณะกรรมการกฤษฎกี าในปญ หาขอ กฎหมายวา
ผูม สี ทิ ธิจดทะเบยี นตามคาํ พพิ ากษาของศาลตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗) ออกตาม
ความในพระราชบัญญตั ใิ หใชประมวลกฎหมายท่ีดนิ พ.ศ.๒๔๙๗ ขอ ๑๗ (๓) หมายความเฉพาะ
สทิ ธใิ นความเปน เจา ของทด่ี นิ เพยี งประการเดยี วเทา นน้ั หรอื หมายความรวมถงึ สทิ ธอิ น่ื ๆ โดยไมต อ ง
เปนเจาของท่ีดนิ ดว ย
คณะกรรมการกฤษฎกี า (คณะท่ี ๗) ไดพ จิ ารณาแลว เหน็ วา คณะกรรมการวนิ จิ ฉยั
รองทกุ ขไดเคยวนิ จิ ฉยั ในคาํ วนิ จิ ฉยั ของคณะกรรมการวินจิ ฉัยรอ งทกุ ข ที่ ๔๘/๒๕๒๙ วา ในกรณี
ท่ผี ูร อ งทุกขไดนาํ คาํ พิพากษาของศาล พรอ มท้งั ใบสําคัญคดถี ึงท่ีสุดไปแสดงตอพนักงานท่ีดิน
เพื่อใหจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยใหถือเอาคําพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจําเลย
เนื่องจากไมสามารถนําโฉนดที่ดินของจําเลยมาโอนกรรมสิทธิ์ได เพราะจําเลยไดหลบหนีไป
ใหถือวาเปนกรณีโฉนดที่ดินสูญหาย เม่ือผูรองทุกขไปยื่นคําขอออกใบแทนโฉนดที่ดินตอ
เจาพนักงานทด่ี นิ เจา พนักงานท่ีดนิ ตองออกใบแทนโฉนดท่ีดนิ ดังกลา วแกผ ูข อ และกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน
พ.ศ.๒๔๙๗ กําหนดขึน้ โดยมเี จตนารมณป ระการหนง่ึ ในการปรับปรุงแบบ หลกั เกณฑ และวิธกี าร
ออกโฉนดที่ดิน รวมทั้งใบแทนโฉนดที่ดิน เพื่อใหเจาพนักงานที่ดินสามารถปฏิบัติการตาม
ประมวลกฎหมายที่ดนิ ได เมอ่ื พิจารณาประกอบกบั บทบัญญัติในเรื่องการออกใบแทนโฉนดทดี่ นิ
ทกี่ าํ หนดไวใ นขอ ๑๗ แหง กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗)ฯ โดยขอ ๑๗ (๑) และ (๒)
กาํ หนดใหเ จาของที่ดนิ เปน ผมู ีสิทธยิ นื่ คําขอออกใบแทนโฉนดทด่ี นิ กรณที ีโ่ ฉนดทดี่ นิ เปนอนั ตราย
๕๔๖