ส่ิงที่สง มาดว ย ๒
(สาํ เนา)
พระราชบัญญตั ิ
ปองกนั และปราบปรามการสนบั สนนุ ทางการเงนิ แกก ารกอ การราย
___พ_._ศ_._๒_๕__๕_๖___
ภมู พิ ลอดลุ ยเดช ป.ร.
ใหไ ว ณ วันที่ ๑ กมุ ภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๖
เปน ปท ี่ ๖๘ ในรชั กาลปจจบุ นั
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา ฯ
ใหป ระกาศวา
โดยท่ีเปนการสมควรใหมีกฎหมายวาดวยการปองกันและปราบปรามการสนับสนุน
ทางการเงินแกก ารกอ การราย
พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพ
ของบุคคล ซ่งึ มาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ และ
มาตรา ๔๓ ของรฐั ธรรมนญู แหง ราชอาณาจักรไทย บัญญตั ใิ หกระทําไดโ ดยอาศัยอํานาจตาม
บทบญั ญัติแหง กฎหมาย
จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ ใหต ราพระราชบญั ญตั ขิ น้ึ ไวโ ดยคาํ แนะนาํ และยนิ ยอม
ของรฐั สภา ดังตอ ไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินเ้ี รียกวา “พระราชบัญญตั ิปองกันและปราบปรามการ
สนบั สนนุ ทางการเงนิ แกก ารกอการราย พ.ศ. ๒๕๕๖”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ใหใชบังคับนับแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา
นุเบกษา เปนตนไป
มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญัตินี้
“ทรัพยสิน” หมายความวา เงนิ ทรัพย หรอื วตั ถไุ มมรี ปู รา งซงึ่ อาจมีราคาและอาจ
ถอื เอาไดรวมทง้ั ดอกผลของเงิน ทรัพย หรอื วตั ถุดังกลาว เอกสารทางกฎหมาย หรือตราสารใน
รปู แบบใดๆ ทง้ั ทปี่ รากฏในส่ืออนื่ ใด กระดาษ หรอื รปู แบบอิเล็กทรอนกิ ส ท่ีเปน หลกั ฐานแสดง
กรรมสิทธ์ิ สิทธิครอบครอง สทิ ธเิ รียกรอง หรือประโยชนอ่ืนใดในทรัพยส นิ นน้ั
“การกอ การรา ย” หมายความวา การกระทําท่เี ปน ความผดิ เกีย่ วกับการกอการรา ย
ตามประมวลกฎหมายอาญา หรือการกระทาํ ท่เี ปนความผิดตามกฎหมายซง่ึ อยภู ายใตขอบเขต
ของอนสุ ญั ญาและพธิ สี ารระหวา งประเทศเกย่ี วกบั การกอ การรา ยทป่ี ระเทศไทยเปน ภาคหี รอื รบั รอง
ท้ังนี้ ไมวาการกระทาํ ทเ่ี ปนความผดิ นน้ั ไดกระทําขน้ึ ในราชอาณาจกั รหรอื นอกราชอาณาจักร
๓๙๗
“บคุ คลท่ีถูกกาํ หนด” หมายความวา บคุ คล คณะบคุ คล นิติบุคคล หรือองคกรตาม
รายช่ือซ่ึงมีมติของหรือประกาศภายใตคณะมนตรีความมั่นคงแหงสหประชาชาติกําหนดใหเปน
ผูทม่ี กี ระทาํ อนั เปน การกอการรา ย หรือบุคคล คณะบุคคล นิตบิ คุ คล หรอื องคกรตามรายช่อื
ท่ีศาลไดพ จิ ารณาและมคี ําส่ังใหเปน บุคคลทถ่ี ูกกาํ หนดตามพระราชบญั ญตั นิ ี้
“ผูม ีหนา ท่รี ายงาน” หมายความวา ผมู ีหนา ท่ีรายงานการทําธุรกรรมตามกฎหมาย
วาดว ยการปอ งกันและปราบปรามการฟอกเงนิ
“ระงับการดาํ เนินการกับทรัพยสิน” หมายความวา การหามโอน ขาย ยกั ยอก หรือ
จําหนายซ่งึ ทรพั ยสินหรือเปลย่ี นสภาพใชประโยชนห รอื กระทําการใดๆ ตอทรพั ยส นิ อันจะสง ผล
เปลยี่ นแปลงตอ จํานวน มูลคา ปริมาณ ทาํ เลทตี่ ง้ั หรือลักษณะของทรพั ยสินน้ัน
“คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการปอ งกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ตามกฎหมายวาดว ยการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
“คณะกรรมการธรุ กรรม” หมายความวา คณะกรรมการธรุ กรรมตามกฎหมายวาดวย
การปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงิน
“สาํ นกั งาน” หมายความวา สํานกั งานปองกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
มาตรา ๔ ในกรณีที่มีมติของหรือประกาศภายใตคณะมนตรีความม่ันคงแหง
สหประชาชาติ กาํ หนดรายชอ่ื บคุ คล คณะบคุ คล นติ ิบุคคล หรอื องคกรใดเปนผทู มี่ กี ารกระทํา
อนั เปน การกอการรา ย ใหส าํ นกั งานเสนอรายชอ่ื ดงั กลาวไปยังรัฐมนตรวี าการกระทรวงยตุ ิธรรม
เพอ่ื มคี าํ ส่งั ประกาศรายชอื่ เปน บุคคลทถี่ ูกกําหนดโดยไมชักชา ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑแ ละวธิ กี าร
ท่กี ําหนดในกฎกระทรวง
การเพิกถอนรายชื่อของบุคคลท่ีถกู กาํ หนดตามวรรคหนงึ่ ใหกระทาํ ไดเมือ่ มมี ติของ
หรือประกาศภายใตคณะมนตรีความม่ันคงแหงสหประชาชาติอันเปนผลใหตองเพิกถอนรายช่ือ
ผูนั้นออกจากรายช่ือบคุ คลที่ถกู กาํ หนดแลว
มาตรา ๕ ในกรณที ม่ี เี หตอุ นั ควรสงสยั วา ผใู ดมพี ฤตกิ ารณเ กย่ี วขอ งกบั การกอ การรา ย
หรอื การสนับสนนุ ทางการเงินแกก ารกอการราย หรือดําเนินการแทนหรอื ตามคาํ สัง่ หรือภายใต
การควบคมุ ของบุคคลน้ัน ใหส าํ นกั งานโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรรมการธรุ กรรมพจิ ารณา
สงรายช่ือผูน้ันใหพนักงานอัยการพิจารณาย่ืนคํารองฝายเดียวขอใหศาลมีคําสั่งเปนบุคคลที่ถูก
กาํ หนด และถา ปรากฏแกศ าลวา มพี ยานหลกั ฐานอนั ควรเชอ่ื ไดด งั ตอ ไปน้ี ใหศ าลมคี าํ สง่ั ตามทข่ี อ
(๑) ผูน้ันมีพฤติการณเก่ียวของกับการกอการรายหรือการสนับสนุนทางการเงินแก
การกอการราย หรือ
(๒) ผูน้ันดําเนินการแทนหรือตามคําสั่งหรือภายใตการควบคุมของบุคคลท่ีถูก
กาํ หนดตาม (๑) หรอื ตามมาตรา ๔
๓๙๘
ทง้ั น้ี พฤตกิ ารณเ กี่ยวขอ งกับการกอ การรา ยหรอื การสนบั สนนุ ทางการเงนิ แกการ
กอการรายหรือการดําเนินการแทนหรือตามคําส่ังหรือภายใตการควบคุมดังกลาวตามวรรคหน่ึง
ตองมอี ยใู นวันท่ีศาลมีคาํ ส่ังเปน บุคคลทถ่ี กู กาํ หนด
ใหส าํ นกั งานทบทวนรายชื่อบคุ คลทถ่ี ูกกําหนดตามวรรคหน่ึง ถา เหน็ วามพี ฤติการณ
เปล่ียนแปลงไป ใหสํานักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาสงเร่ือง
ใหพนักงานอัยการพิจารณาย่ืนคํารองฝายเดียวขอใหศาลมีคําส่ังเพิกถอนรายช่ือผูน้ันออกจาก
รายชอ่ื บคุ คลทถี่ กู กําหนด
หลักเกณฑและวิธีการพิจารณาของสํานักงานและคณะกรรมการธุรกรรมตาม
วรรคหน่ึง และวรรคสามใหเปน ไปตามทก่ี าํ หนดในกฎกระทรวง โดยในกฎกระทรวงดังกลา ว
ที่เกี่ยวกับการพิจารณาของสํานักงานใหสํานักงานแตงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งเพ่ือ
พิจารณารายช่อื กอนสง เรอ่ื งใหคณะกรรมการธรุ กรรมพิจารณาใหความเห็นชอบ
ใหสาํ นกั งาน คณะกรรมการธรุ กรรม พนกั งานอัยการ และศาล ดําเนินการตาม
มาตรานี้โดยไมช กั ชา
มาตรา ๖ ใหสํานักงานประกาศรายช่ือบุคคลท่ีถูกกําหนดตามมาตรา ๔ และ
มาตรา ๕ พรอมท้ังแจงใหบุคคลท่ีถูกกําหนดและผูมีหนาท่ีรายงานหรือบุคคลท่ีครอบครอง
ทรพั ยสนิ ของบคุ คลท่ถี กู กาํ หนดดําเนินการดงั ตอ ไปนโ้ี ดยไมช ักชา
(๑) ระงับการดาํ เนินการกับทรัพยส นิ ของบุคคลท่ีถกู กาํ หนด หรือของผูกระทาํ การ
แทน หรอื ตามคําสั่งของผนู ้ัน หรอื ของกิจการภายใตการควบคุมของผนู ้ัน
(๒) แจงขอ มลู เก่ียวกับทรพั ยสนิ ท่ีถูกระงับการดําเนินการใหสํานักงานทราบ
(๓) แจงใหสํานักงานทราบเก่ียวกับผูท่ีเปนหรือเคยเปนลูกคาซ่ึงอยูในรายชื่อบุคคล
ทีถ่ ูกกําหนด หรอื ผูท่มี หี รือเคยมีการทําธรุ กรรมกับผนู น้ั
หลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารประกาศและแจง รายชื่อไปยังบุคคลตามวรรคหนึ่ง รวมท้ัง
การดาํ เนนิ การตาม (๑) (๒) และ (๓) ใหเ ปนไปตามระเบยี บทค่ี ณะกรรมการประกาศกาํ หนด
ใหผ มู หี นา ทร่ี ายงานกาํ หนดนโยบายในการประเมนิ ความเสย่ี งหรอื แนวทางปฏบิ ตั ใิ ดๆ
เพอื่ ปองกันมใิ หม กี ารสนับสนนุ ทางการเงินแกก ารกอการราย หรอื กาํ หนดมาตรการอ่นื ใดทีจ่ ําเปน
เพ่อื ปฏบิ ตั ใิ หเ ปนไปตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี ทงั้ น้ี ตามหลกั เกณฑและวธิ ีการที่คณะกรรมการ
ประกาศกําหนด
มาตรา ๗ การเก็บรักษาและการบริหารจัดการทรัพยสินที่ถูกระงับการดําเนินการ
กบั ทรพั ยสนิ ใหเปน ไปตามระเบียบท่ีคณะกรรมการประกาศกําหนด
มาตรา ๘ ผูซึ่งไดดําเนินการตามมาตรา ๖ โดยสุจริตไมตองรับผิดแมกอใหเกิด
ความเสยี หายแกบ ุคคลใด เวนแตจะพสิ จู นไ ดว า เปน การกระทําโดยประมาทเลนิ เลอ อยา งรา ยแรง
๓๙๙
มาตรา ๙ บคุ คลทถี่ ูกกาํ หนดตามมาตรา ๕ หรอื ผซู งึ่ ถกู ระงับการดําเนินการกบั
ทรพั ยส นิ ตามมาตรา ๖ อันเนอ่ื งมาจากมีการกาํ หนดการเปนบุคคลท่ีถกู กาํ หนดตามมาตรา ๕
อาจยืน่ คาํ รองตอศาลเพอ่ื ใหพจิ ารณาในเร่ืองดังตอ ไปนี้
(๑) ขอใหด าํ เนนิ การเพิกถอนรายชื่อออกจากรายชือ่ บคุ คลทถ่ี กู กําหนด
(๒) ขอใหเพกิ ถอนการระงับการดําเนนิ การกบั ทรัพยสิน
(๓) ขอใหม ีคาํ สัง่ อนญุ าตใหดาํ เนนิ การใดๆ กับทรพั ยสินท่ีถูกระงับการดําเนินการ
กับทรพั ยสนิ
กรณมี ีคําสั่งอนุญาตตาม (๓) ศาลอาจกําหนดเงอื่ นไขใดๆ ท่ีจําเปนเพ่อื ปองกนั มิให
มกี ารนําทรัพยสนิ ไปใชในการสนบั สนนุ ทางการเงนิ แกการกอ การรา ยดวยกไ็ ด และหากปรากฏ
ขอ เทจ็ จรงิ วา การอนญุ าตดงั กลา วอาจเปน ชอ งทางใหน าํ ทรพั ยส นิ ไปใชใ นการสนบั สนนุ ทางการเงนิ
แกการกอการรา ย ศาลจะกําหนดเงื่อนไขใดๆ เพม่ิ เตมิ หรอื จะเพิกถอนการอนุญาตนัน้ เสียกไ็ ด
มาตรา ๑๐ บุคคลอนื่ นอกจากบุคคลท่ีถูกกาํ หนดตามมาตรา ๔ หรอื มาตรา ๕
อาจยนื่ คาํ รอ งตอศาลเพอ่ื ใหม คี าํ สั่งอนญุ าต ดงั ตอไปนี้
(๑) เปนการชําระหน้ีที่ถึงกําหนดชําระแกผูที่ถูกระงับการดําเนินการกับทรัพยสิน
ตามมาตรา ๖ ซึ่งสัญญาหรือขอผูกพันนั้นไดทําข้ึนหรือเกิดขึ้นกอนวันท่ีบัญชีน้ันถูกระงับการ
ดาํ เนนิ การกบั ทรพั ยส ิน
(๒) เปนการชําระดอกเบี้ยหรือดอกผลและเปนกรณีจําเปนท่ีตองชําระเงินเขาบัญชี
ของผทู ถ่ี ูกระงับการดําเนนิ การกับทรพั ยสนิ ตามมาตรา ๖
(๓) เปนการชําระหน้ีซึ่งศาลมีคําพิพากษาถึงท่ีสุดใหผูที่ถูกระงับการดําเนินการกับ
ทรพั ยส ินอันเน่อื งมาจากเปนบคุ คลทีถ่ กู กําหนดตามมาตรา ๕ เปน ผทู ่ีตองชาํ ระหนี้
(๔) ใหดําเนินการใดๆ กบั ทรัพยสนิ ท่ถี กู ระงบั การดําเนินการกับทรพั ยสินอนั เนือ่ งมา
จากเปนบคุ คลทีถ่ กู กําหนดตามมาตรา ๕
กรณมี คี าํ สง่ั อนญุ าตตามวรรคหนง่ึ ถา ตอ งมกี ารชาํ ระหนห้ี รอื โอนเงนิ เขา หรอื ออกจาก
บัญชขี องผทู ่ถี ูกระงบั การดําเนินการกบั ทรัพยสินตามมาตรา ๖ ศาลอาจกําหนดเง่อื นไขตามทีเ่ ห็น
สมควรเพ่อื ปองกนั มใิ หนําทรัพยสินไปใชใ นการสนบั สนุนทางการเงนิ แกก ารกอการรา ยก็ได
มาตรา ๑๑ การดําเนนิ การทางศาลตามมาตรา ๕ มาตรา ๙ และมาตรา ๑๐ ใหยื่น
ตอศาลแพง และใหน ําประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพงมาใชบังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๑๒ เพ่อื ประโยชนใ นการปฏบิ ัติตามพระราชบัญญัตินี้ ใหคณะกรรมการมี
อํานาจหนา ที่ดังตอไปน้ี
(๑) กําหนดหลักเกณฑ ระเบียบ และประกาศตามพระราชบญั ญัตินี้
(๒) กาํ หนดแนวทางในการกาํ กบั ดแู ล ตรวจสอบ ตดิ ตาม และประเมนิ ผล ใหเปน ไป
ตามพระราชบญั ญัตนิ ้ี
๔๐๐
(๓) กําหนดแนวทางปฏิบัติที่จําเปนเพื่อใหผูมีหนาที่ทํารายงานหรือบุคคลอื่นใด
ดําเนนิ การใหเ ปน ไปตามพระราชบญั ญัติน้ี
(๔) ติดตามและประเมินผลการปฏิบตั ิตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๓ เพอ่ื ประโยชนใ นการปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ใหส าํ นกั งานมอี าํ นาจ
หนาที่ดงั ตอ ไปน้ี
(๑) ใหคําแนะนําหรือชี้แจงแนวทางปฏิบัติแกผูมีหนาที่ตองปฏิบัติใหเปนไปตาม
พระราชบญั ญตั ิน้ี
(๒) ตดิ ตาม ประเมนิ ผล ตรวจสอบ และกํากบั ดูแลใหเปนไปตามพระราชบญั ญตั นิ ี้
รวมถงึ การดําเนินคดกี ับผทู ี่ฝา ฝนหรอื ไมป ฏิบัติตามบทบัญญตั แิ หงพระราชบัญญตั ิน้ี
(๓) รับหรือสงรายงานหรือขอมูลที่จะเปนประโยชนในการปฏิบัติการตามพระราช
บญั ญัตนิ ี้ หรอื ตามกฎหมายอน่ื
(๔) เก็บรวบรวมขอมูลและพยานหลักฐานเพื่อดําเนินการเก่ียวกับการยึด อายัด
หรอื ริบทรัพยส ินตามพระราชบัญญัตนิ ้หี รอื ตามกฎหมายอน่ื
มาตรา ๑๔ ผใู ดฝาฝนหรือไมป ฏบิ ัตติ ามมาตรา ๖ (๑) หรอื (๒) ตองระวางโทษ
จําคุกไมเ กนิ สามป หรอื ปรับไมเ กินสามแสนบาท หรือท้งั จําทัง้ ปรบั
ผูมีหนาที่รายงานผูใ ดฝา ฝนหรือไมปฏบิ ัติตามมาตรา ๖ (๑) หรอื (๒) ตอ งระวางโทษ
ปรบั ไมเกนิ หน่ึงลา นบาท และปรบั อีกวนั ละหน่งึ หม่ืนบาทตลอดเวลาที่ยงั ฝา ฝนอยู หรอื จนกวาจะ
ไดปฏิบัติใหถ กู ตอ ง
ในกรณีท่ีการกระทําความผิดตามวรรคสองเกิดจากการสั่งการหรือการกระทําของ
บคุ คลใด หรือไมส่งั การ หรือไมกระทาํ การอนั เปนหนา ทท่ี ่ีตอ งกระทาํ ของกรรมการ ผจู ดั การ หรอื
บคุ คลใด ซ่งึ รับผดิ ชอบในการดาํ เนนิ งานของนิตบิ ุคคลนน้ั บคุ คลดงั กลา วตองระวางโทษจําคกุ
ไมเกินสามป หรือปรับไมเ กนิ สามแสนบาท หรอื ท้ังจาํ ท้งั ปรับ
มาตรา ๑๕ ผูมีหนาทีร่ ายงานผูใดฝาฝน หรือไมป ฏิบัติตามมาตรา ๖ (๓) ตองระวาง
โทษปรบั ไมเกินหา แสนบาท และปรับอกี วันละหา พันบาทตลอดเวลาทย่ี งั ฝา ฝนอยู หรือจนกวา จะ
ไดปฏิบัติใหถูกตอง
ในกรณีที่การกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเกิดจากการสั่งการหรือการกระทําของ
บคุ คลใดหรอื ไมส่งั การ หรือไมก ระทาํ การอันเปน หนา ทท่ี ีต่ อ งกระทําของกรรมการ ผจู ดั การ หรอื
บุคคลใดซ่ึงรับผิดชอบในการดําเนินงานของนิติบุคคลนั้น บุคคลดังกลาวตองระวางโทษจําคุก
ไมเ กินหน่ึงปหรือปรบั ไมเ กนิ หนึ่งแสนบาท หรอื ท้งั จาํ ทง้ั ปรบั
มาตรา ๑๖ ผูใ ดจัดหา รวบรวม หรือดําเนนิ การทางการเงินหรอื ทรพั ยสินหรอื
ดําเนินการดว ยประการใดๆ โดยรูอยูแลว วา ผไู ดรบั ประโยชนท างการเงนิ หรอื ทรพั ยสินหรือจาก
การดาํ เนนิ การนน้ั เปน บคุ คลทถ่ี กู กาํ หนด หรอื โดยเจตนาใหเ งนิ หรอื ทรพั ยส นิ หรอื การดาํ เนนิ การนน้ั
๔๐๑
ถกู นาํ ไปใชเ พอ่ื สนบั สนนุ การดาํ เนนิ กจิ กรรมใดๆ ของบคุ คลทถ่ี กู กาํ หนดหรอื ของบคุ คลหรอื องคก ร
ทีเ่ กย่ี วของกบั การกอ การรา ย ผูน้นั กระทําความผดิ ฐานสนับสนุนทางการเงินแกก ารกอการราย
ตองระวางโทษคําคกุ ตัง้ แตสองปถ ึงสิบป และปรบั ตง้ั แตส่ีหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือท้ังจาํ
ทงั้ ปรับ
ผใู ดเปน ผูใ ชหรือผูส นับสนุน หรอื สมคบกันในการกระทาํ ความผดิ ตามวรรคหนงึ่ ตอ ง
ระวางโทษเชนเดียวกบั ตัวการในการกระทําความผดิ นน้ั
ผใู ดพยายามกระทําความผดิ ตามวรรคหนึ่ง ผูนั้นตองระวางโทษสองในสามสวนของ
โทษท่ีไดก าํ หนดไวส ําหรบั ความผดิ นนั้
นิติบุคคลใดกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง หรอื วรรคสามตอ งระวางโทษ
ปรับตั้งแตหาแสนบาทถึงสองลานบาท
ในกรณีท่ีการกระทําความผิดของนิติบุคคลตามวรรคสี่เกิดจากการส่ังการหรือการ
กระทาํ ของบคุ คลใด หรือไมส งั่ การ หรอื ไมก ระทําการอันเปน หนาที่ท่ีตอ งกระทาํ ของกรรมการ
ผจู ดั การ หรือบคุ คลใดซงึ่ มีอํานาจตามกฎหมายในการดําเนินงานของนิตบิ คุ คลน้นั บุคคล
ดงั กลาวตอ งระวางโทษจําคกุ ตงั้ แตสองปถ ึงสบิ ป หรอื ปรับตงั้ แตส ี่หมนื่ บาทถึงสองแสนบาท หรอื
ทงั้ จําท้งั ปรับ
ใหค วามผิดตามมาตรานี้ เปนความผดิ มูลฐานตามกฎหมายวาดว ยการปองกนั และ
ปราบปรามการฟอกเงิน
มาตรา ๑๗ ใหนายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัติน้ึี และใหมีอํานาจ
ออกกฎกระทรวงเพอ่ื ปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนน้ั เม่ือประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลวใหใ ชบงั คับได
ผรู บั สนองพระบรมราชโองการ
ย่ิงลกั ษณ ชนิ วัตร
นายกรฐั มนตรี
๔๐๒
หมายเหตุ :– เหตุผลในการประกาศใชพ ระราชบญั ญัตฉิ บบั นี้ คือ โดยทปี่ จจบุ นั ความผดิ เกี่ยวกบั
การกอการรายไดสงผลกระทบตอ ความมนั่ คงของประเทศตางๆ เปน อยางมาก ถงึ แมประเทศไทย
จะมีการกําหนดความผิดฐานกอการรายไวในประมวลกฎหมายอาญา และกําหนดใหเปน
ความผิดมูลฐานตามกฎหมายวาดว ยการปองกันและปราบปรามการฟอกเงินแลวกต็ าม แตยงั คง
ไมมีมาตรการปองกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแกการกอการรายและการเขาถึง
เงินทุนของผูกอการราย ดังน้ัน จึงมีความจําเปนตองกําหนดมาตรการในการปองกันและ
ปราบปรามเรอื่ งดงั กลา ว โดยใหม ีการจดั ทํารายชื่อบุคคลท่ีถูกกาํ หนด การระงับการดําเนนิ การ
กับทรัพยส นิ ของผมู ีช่ืออยใู นรายชื่อบคุ คลท่ีถกู กําหนด การกําหนดใหผูมีหนา ทร่ี ายงานการทํา
ธุรกรรมตามกฎหมายวาดวยการปองกันและปราบปรามการฟอกเงินระงับการดําเนินการกับ
ทรพั ยส นิ ของผูม ีชอ่ื อยใู นรายชือ่ บุคคลทถ่ี ูกกําหนด การกําหนดอาํ นาจหนาทีข่ องคณะกรรมการ
ปองกันและปราบปรามการฟอกเงินและสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินให
สอดคลองกับการปฏิบัติหนาที่ในเร่ืองดังกลา วขา งตน ตลอดจนการกาํ หนดโทษสาํ หรับการฝาฝน
หรือไมปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ เพื่อใหการปฏิบัติงานเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ
ซึ่งสอดคลองกับมาตรฐานสากลในการรวมมือกันเพ่ือปองกันและปราบปรามการกระทําใดท่ี
เปน การกอการรา ย ซึ่งรวมถึงการสนบั สนุนทางการเงนิ ทรัพยส นิ หรอื กรณีอ่ืนใดท่มี วี ตั ถปุ ระสงค
จะนําไปใชใ นการกอการราย จงึ จําเปน ตองตราพระราชบญั ญตั นิ ี้
๔๐๓
สิง่ ท่ีสงมาดวย ๓
(สําเนา)
กฎกระทรวง
การกาํ หนดใหผ ทู ่ีมกี ารกระทาํ อันเปนการกอ การรา ยตามมติของหรือประกาศภายใต
คณะมนตรคี วามม่ันคงแหงสหประชาชาติเปน บคุ คลทถ่ี กู กําหนด
____พ_._ศ_._๒_๕_๕__๖____
อาศัยอาํ นาจตามความในมาตรา ๔ และมาตรา ๑๗ วรรคหน่งึ แหง พระราช
บัญญัตปิ องกันและปราบปรามการสนบั สนุนทางการเงนิ แกก ารกอ การราย พ.ศ.๒๕๕๖ อนั เปน
กฎหมายทม่ี ีบทบญั ญตั บิ างประการเกย่ี วกับการจาํ กัดสิทธแิ ละเสรภี าพของบุคคล ซง่ึ มาตรา ๒๙
ประกอบกบั มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนญู
แหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
นายกรฐั มนตรีออกกฎกระทรวงไว ดังตอไปนี้
ขอ ๑ ในกฎกระทรวงน้ี
“เลขาธิการ” หมายความวา เลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปราม
การฟอกเงนิ
“พนักงานเจาหนาท่ี” หมายความวา พนักงานเจาหนาที่ตามกฎหมายวาดวย
การปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงิน
ขอ ๒ เมอ่ื กระทรวงการตางประเทศไดร ับรายช่ือบุคคล คณะบคุ คล นติ ิบุคคล หรอื
องคก ร ซ่งึ เปน ผทู ม่ี ีการกระทาํ อันเปน การกอการรา ยตามมตขิ องหรือประกาศภายใตค ณะมนตรี
ความมัน่ คงแหงสหประชาชาติ ใหกระทรวงการตางประเทศตรวจสอบความถูกตอ งของขอ มลู หรอื
หลกั ฐานท่ไี ดรบั จากสหประชาชาติแลวดําเนนิ การสงรายช่อื ดงั กลา วไปยังสาํ นักงานโดยไมชักชา
ขอ ๓ เมื่อสํานักงานไดรับรายชื่อจากกระทรวงการตางประเทศ ใหสํานักงาน
ตรวจสอบความถูกตองแลวเสนอรายชื่อดังกลาวไปยังรัฐมนตรีวาการกระทรวงยุติธรรมเพ่ือใหมี
คาํ ส่งั ประกาศเปน บคุ คลทถ่ี กู กาํ หนดโดยไมช กั ชา
ขอ ๔ ในกรณีท่ีไดรับแจงจากกระทรวงการตางประเทศหรือจากบุคคลที่ถูกกําหนด
ซง่ึ ไดม ีการประกาศตามขอ ๓ หรอื ปรากฏขอ เท็จจริงจากการตรวจสอบของสาํ นักงานวา ไดม ีมติ
ของหรอื ประกาศภายใตค ณะมนตรคี วามมน่ั คงแหง สหประชาชาตใิ หเ พกิ ถอนรายชอื่ ผใู ดออกจาก
๔๐๔
รายชื่อผูทมี่ กี ารกระทาํ อันเปนการกอการรา ย ใหส าํ นักงานตรวจสอบความถูกตองแลวเสนอเรือ่ ง
ไปยังรัฐมนตรีวาการกระทรวงยุติธรรมเพ่ือมีคําสั่งเพิกถอนรายชื่อผูน้ันออกจากรายช่ือบุคคลที่ถูก
กาํ หนดโดยไมช ักชา
ใหไว ณ วันท่ี ๕ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ย่ิงลักษณ ชินวตั ร
นายกรัฐมนตรี
______________________________________________________________________
หมายเหตุ :– เหตผุ ลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบบั น้ี คือ โดยทีม่ าตรา ๔ แหง พระราช
บญั ญตั ิปองกนั และปราบปรามการสนบั สนนุ ทางการเงินแกก ารกอการรา ย พ.ศ. ๒๕๕๖ บัญญัติ
ใหในกรณีท่ีมีมติของหรือประกาศภายใตคณะมนตรีความม่ันคงแหงสหประชาชาติกําหนด
รายชอ่ื บุคคล คณะบคุ คล นติ บิ คุ คล หรอื องคกรใดเปนผูทม่ี กี ารกระทาํ อนั เปน การกอการรา ย
ใหสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอรายช่ือดังกลาวไปยังรัฐมนตรีวาการ
กระทรวงยตุ ธิ รรมเพอ่ื มคี าํ สง่ั ประกาศรายชอ่ื เปน บคุ คลทถ่ี กู กาํ หนด ทง้ั นใ้ี หเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ
และวิธีการท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง นอกจากน้ี การเพกิ ถอนรายชอื่ ดังกลาวใหกระทําไดเมอื่ มี
มตขิ องหรือประกาศภายใตค ณะมนตรีความม่ันคงแหงสหประชาชาตดิ วย จึงจําเปนตอ งออก
กฎกระทรวงนี้
๔๐๕
สงิ่ ท่ีสง มาดว ย ๔
(สาํ เนา)
กฎกระทรวง
การพิจารณารายช่ือและการทบทวนรายช่ือบคุ คลทถี่ ูกกาํ หนด
ของสาํ นกั งานปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ และคณะกรรมการธรุ กรรม
____พ_._ศ_._๒_๕_๕__๖____
อาศัยอาํ นาจตามความในมาตรา ๕ และมาตรา ๑๗ วรรคหน่ึง แหง พระราช
บัญญตั ิปองกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงนิ แกการกอ การราย พ.ศ.๒๕๕๖ อันเปน
กฎหมายท่มี บี ทบญั ญัติบางประการเกย่ี วกับการจาํ กดั สิทธิและเสรภี าพของบคุ คล ซ่งึ มาตรา ๒๙
ประกอบกบั มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรฐั ธรรมนญู
แหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
นายกรฐั มนตรีออกกฎกระทรวงไว ดังตอ ไปนี้
ขอ ๑ ในกฎกระทรวงนี้
“เลขาธิการ” หมายความวา เลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปราม
การฟอกเงิน
“พนักงานเจาหนาท่ี” หมายความวา พนักงานเจาหนาท่ีตามกฎหมายวาดวย
การปองกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
ขอ ๒ เมื่อสํานักงานไดรับคํารองขอหรือจากการตรวจสอบของสํานักงานแลวมีเหตุ
อันควรสงสัยวาผูใดมีพฤติการณเก่ยี วของกบั การกอการรา ย หรือการสนับสนุนทางการเงนิ แก
การกอการราย หรือดําเนินการแทนหรือตามคําสั่งหรือภายใตการควบคุมของบุคคลดังกลาว
ใหสํานักงานเสนอเรื่องใหคณะกรรมการตามขอ ๓ พิจารณารายชื่อผูนั้นกอนเสนอตอคณะ
กรรมการธุรกรรมเพ่ือพิจารณาใหความเห็นชอบใหสํานักงานสงรายช่ือผูน้ันใหพนักงานอัยการ
พิจารณายนื่ คํารอ งฝา ยเดียวขอใหศาลมคี ําส่งั เปน บคุ คลทีถ่ ูกกําหนดโดยไมชกั ชา
การเสนอเรือ่ งของสํานกั งานตามวรรคหนง่ึ ควรตองมีขอ มูลหรอื หลกั ฐาน ดังตอไปนี้
(๑) กรณีเปนบุคคลธรรมดา
(ก) ชื่อและนามสกลุ (ใหระบชุ ือ่ อืน่ ดว ยทุกชอื่ (ถาม)ี ) และถามีชอ่ื เปนภาษา
ตา งประเทศใหร ะบดุ วย
(ข) คํานําหนาช่ือ ยศหรือตาํ แหนง
(ค) อาชพี
(ง) เพศ
๔๐๖
(จ) วนั เดือน ปเ กดิ
(ฉ) สถานท่ีเกดิ
(ช) สัญชาติ (ใหร ะบสุ ัญชาติเดิม (ถา มี) และสัญชาติปจ จบุ นั )
(ซ) เลขประจาํ ตวั ประชาชน และในกรณที เ่ี ปนคนตางดาว ใหแสดงเลข
หนงั สอื เดินทาง หรือเลขใบสําคญั ประจาํ ตวั คนตางดา ว หรือเลขเอกสารหลกั ฐานแสดงตนอน่ื ท่ี
ออกหรอื รับรองโดยหนว ยงานหรอื องคกรทีน่ าเชอ่ื ถือ
(ฌ) ทอ่ี ยูตามทะเบียนบา น หรือที่อยทู ี่ติดตอได
(๒) กรณเี ปนนิตบิ คุ คลหรอื คณะบุคคล
(ก) ช่ือเตม็ (ใหระบุชอ่ื อนื่ ดว ยทกุ ชอ่ื (ถาม)ี ) และถา มชี อื่ เปนภาษาตางประเทศ
ใหระบดุ วย
(ข) เลขทะเบียนนิติบคุ คล
(ค) เลขประจําตัวผูเ สยี ภาษี
(ง) สถานท่ตี ั้ง หรือสาขา หรือสถานที่ติดตอ
(๓) ขอ มูลหรอื พยานหลักฐานใดๆ ท่ที าํ ใหม ีเหตุอันควรสงสัยวา ผนู ัน้ มีพฤตกิ ารณ
เก่ยี วขอ งกบั การกอการราย หรอื การสนบั สนนุ ทางการเงินแกก ารกอการรา ย หรือดําเนนิ การแทน
หรอื ตามคาํ สงั่ หรือภายใตการควบคุมของบุคคลน้ัน เชน ขอมลู การสบื สวนสอบสวน หมายจบั
หรอื คําพพิ ากษาของศาล
(๔) ขอมูลอื่นใดท่ีเห็นวาจะเปนประโยชนในการพิจารณากําหนดรายชื่อผูน้ันเปน
บคุ คลท่ถี ูกกาํ หนด
ขอ ๓ ใหมคี ณะกรรมการพจิ ารณากาํ หนดรายช่อื คณะหนึ่ง ประกอบดว ยเลขาธิการ
เปน ประธานกรรมการ ผแู ทนสํานกั ขา วกรองแหงชาติ ผแู ทนสภาความมั่นคงแหงชาติ ผูแทนกรม
องคก ารระหวางประเทศ ผแู ทนกรมการปกครอง ผูแ ทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผูแทนสํานักงาน
ตํารวจแหงชาติ ผูแทนสํานักงาน ปปง. และผูแทนกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายใน
ราชอาณาจกั รเปน กรรมการ
ใหเลขาธิการแตงต้ังขาราชการในสํานักงานเปนกรรมการและเลขานุการจํานวน
หนึง่ คนและผชู ว ยเลขานุการอกี ไมเ กนิ สองคน
ขอ ๔ การประชุมของคณะกรรมการตามขอ ๓ ตองมีกรรมการมาประชุมไมน อย
กวา กงึ่ หน่ึงของจาํ นวนกรรมการทั้งหมดจงึ จะเปน องคประชุม ถา ประธานกรรมการไมอาจรวม
ประชมุ ได ใหทปี่ ระชมุ เลอื กกรรมการคนหนึ่งเปน ประธานทป่ี ระชุม
การวินจิ ฉัยชี้ขาดของที่ประชุมใหถ ือเสยี งขา งมาก กรรมการคนหนึง่ ใหม เี สยี งหนึง่ ใน
การลงคะแนน ถา คะแนนเสียงเทากนั ใหป ระธานท่ีประชมุ ออกเสยี งเพมิ่ ขึน้ อีกเสียงหนง่ึ เปน เสียง
ช้ขี าด
๔๐๗
ขอ ๕ ในการพจิ ารณาของคณะกรรมการตามขอ ๓ หรือคณะกรรมการธรุ กรรม
แลวแตกรณี ถาเห็นวารายชื่อบุคคลท่ีสํานักงานเสนอใหพิจารณายังมีขอมูลหรือหลักฐาน
ไมเพียงพอใหควรเชื่อไดว า ผใู ดมพี ฤตกิ ารณเ ก่ียวขอ งกับการกอ การรา ย หรือการสนับสนุนทาง
การเงนิ แกก ารกอ การรา ย หรอื ดาํ เนนิ การแทนหรอื ตามคาํ สง่ั หรอื ภายใตก ารควบคมุ ของบคุ คลนน้ั
ใหค ณะกรรมการตามขอ ๓ หรือคณะกรรมการธุรกรรม แลว แตก รณี แจง ใหส าํ นักงานดําเนินการ
เพ่ือใหไ ดม าซ่งึ ขอมลู หรอื หลักฐานดงั กลาว
ในการดําเนินการของสํานักงานเพื่อใหไดมาซ่ึงขอมูลหรือหลักฐานตามวรรคหนึ่ง
เลขาธิการอาจมอบหมายพนกั งานเจา หนาที่เพอื่ ใหดําเนินการดังกลา วกไ็ ด
ขอ ๖ เม่ือปรากฏพยานหลักฐานอันควรเชื่อไดวาผูใดมีพฤติการณเก่ียวของกับการ
กอการรายหรอื การสนับสนุนทางการเงินแกก ารกอ การราย หรอื ดาํ เนนิ การแทนหรือตามคาํ ส่งั
หรือภายใตการควบคุมของบุคคลน้ัน ใหคณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบใหสํานักงาน
ดาํ เนนิ การใหเปน ไปตามขอ ๒ โดยไมช ักชาตอ ไป
ขอ ๗ เมื่อศาลมีคําส่ังใหผูใดเปนบุคคลท่ีถูกกําหนดแลว ใหสํานักงานทบทวน
รายชือ่ ดงั กลาว ถา เหน็ วามพี ฤติการณเ ปลี่ยนแปลงไป ใหสาํ นักงานเสนอเรื่องใหค ณะกรรมการ
ตามขอ ๓ พจิ ารณารายชอ่ื ผนู น้ั กอ นเสนอตอ คณะกรรมการธรุ กรรมเพอ่ื พจิ ารณาใหค วามเหน็ ชอบ
ใหสํานักงานสงรายช่ือผูน้ันใหพนักงานอัยการพิจารณายื่นคํารองใหศาลมีคําส่ังเพิกถอนรายชื่อ
ผูน ้ันออกจากรายชื่อบคุ คลทถี่ กู กาํ หนดโดยไมช กั ชา
ใหไว ณ วนั ท่ี ๕ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ยงิ่ ลักษณ ชนิ วัตร
นายกรัฐมนตรี
______________________________________________________________________
หมายเหตุ :– เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๕ วรรคสี่
แหง พระราชบญั ญตั ปิ อ งกนั และปราบปรามการสนบั สนนุ ทางการเงนิ แกก ารกอ การรา ย พ.ศ. ๒๕๕๖
บัญญัติใหการพิจารณารายชื่อของสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินและ
คณะกรรมการธุรกรรมเพื่อดําเนินการเสนอใหศาลมีคําส่ังใหเปนบุคคลที่ถูกกําหนดใหเปนไปตาม
หลกั เกณฑและวิธกี ารที่กาํ หนดในกฎกระทรวง จึงจาํ เปนตอ งออกกฎกระทรวงนี้
๔๐๘
ส่ิงทีส่ งมาดวย ๕
(สาํ เนา)
ระเบยี บคณะกรรมการปอ งกันและปราบปรามการฟอกเงนิ
วา ดวยการประกาศและการแจง รายช่อื บุคคลทถ่ี กู กําหนด
และการดําเนนิ การตามมาตรา ๖ (๑) (๒) และ (๓)
____พ_._ศ_._๒_๕_๕__๖____
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ วรรคสอง และมาตรา ๑๒ (๑) แหงพระราช
บัญญัติปอ งกันและปราบปรามการสนับสนนุ ทางการเงินแกก ารกอ การราย พ.ศ. ๒๕๕๖ อันเปน
กฎหมายทมี่ ีบทบญั ญตั บิ างประการเกย่ี วกับการจาํ กัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซงึ่ มาตรา ๒๙
ประกอบกบั มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรฐั ธรรมนูญ
แหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการฟอกเงนิ จึงออกระเบยี บไว ดงั ตอ ไปน้ี
ขอ ๑ ระเบียบน้ีเรียกวา “ระเบียบคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการ
ฟอกเงิน วาดวยประกาศและการแจง รายช่อื บุคคลท่ถี กู กําหนด และการดําเนนิ การตามมาตรา ๖
(๑) (๒) และ (๓) พ.ศ. ๒๕๕๖”
ขอ ๒ ระเบียบนี้ใหใชบังคับตั้งแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปน ตน ไป
ขอ ๓ ในระเบยี บน้ี
“เลขาธิการ” หมายความวา เลขาธกิ ารคณะกรรมการปอ งกันและปราบปราม
การฟอกเงนิ
“พนกั งานเจาหนาท่ี” หมายความวา พนักงานเจา หนาที่ตามกฎหมายวาดวยการ
ปองกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ขอ ๔ เมอ่ื มคี าํ สง่ั ของรฐั มนตรวี า การกระทรวงยตุ ธิ รรมหรอื ศาลใหผ ใู ดเปน บคุ คลทถ่ี กู
กําหนดใหสํานักงานประกาศรายชอื่ บุคคลทถ่ี ูกกาํ หนดดังกลาวในระบบสารสนเทศของสาํ นักงาน
เพื่อเผยแพรรายช่ือสูสาธารณะ พรอมทั้งแจงรายช่ือดังกลาวไปยังบุคคลที่ถูกกําหนดและผูมี
หนาที่รายงานหรือบุคคลที่ครอบครองทรัพยสินของบุคคลที่ถูกกําหนดเพื่อใหทราบถึงการกําหนด
รายชื่อนน้ั โดยไมช ักชา
การแจง รายชื่อบคุ คลทถ่ี กู กําหนดตามวรรคหน่งึ ใหดําเนนิ การดงั ตอ ไปนี้
(๑) ในกรณแี จงผมู หี นา ที่รายงาน ใหส าํ นักงานแจงเปนขอ มลู อเิ ล็กทรอนิกสต าม
กฎหมายวา ดว ยธุรกรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส
๔๐๙
(๒) ในกรณีแจงบุคคลที่ถูกกําหนดและบุคคลที่ครอบครองทรัพยสินของบุคคลที่ถูก
กําหนดใหสาํ นักงานแจง เปนหนงั สอื หรอื เปนขอมูลอิเล็กทรอนกิ ส โดยตอ งระบุขอ เทจ็ จริงทเี่ ปน
มูลเหตุของการกาํ หนดรายชือ่ รวมทั้งสิทธิของบุคคลดังกลาวดวย
ทง้ั น้ี การแจงไปยงั ผูมีหนาที่รายงานตาม (๑) ท่ีมีสถานประกอบกิจการหลายแหง
หากสาํ นกั งานไดแจงรายชอ่ื ดงั กลาวไปยังสํานกั งานใหญ หรือกรณีทีไ่ มม ีสํานักงานใหญห าก
สํานักงานไดแจงรายช่ือไปยังสถานท่ีท่ีผูมีหนาที่รายงานเลือกเปนสถานประกอบกิจการประจํา
แลว กใ็ หถ อื วามผี ลเปน การแจงรายชอ่ื ดงั กลาวใหท ราบแลว
ขอ ๕ วธิ กี ารแจงตามขอ ๔ หากแจง เปนหนังสอื ใหสํานักงานดาํ เนนิ การ ดังตอ ไปนี้
(๑) กรณบี คุ คลซงึ่ มภี ูมิลาํ เนาอยูในราชอาณาจักร
(ก) กรณีแจงเปนหนงั สือใหส ง หนงั สือแจงไปยงั ภูมิลําเนาของผูนัน้ โดยใหถ ือ
วาบุคคลดงั กลา วไดรบั แจงตัง้ แตใ นขณะที่หนังสอื ไปถงึ หรือ
(ข) กรณแี จง โดยวธิ ีสงทางไปรษณยี ต อบรับ ใหถ ือวา ผนู ัน้ ไดรบั แจงเมอ่ื ครบกํา
หนดสบิ หาวนั นับแตวนั สง
(๒) กรณบี คุ คลซง่ึ มีภูมิลาํ เนาอยนู อกราชอาณาจกั ร
(ก) การแจงบุคคลท่ีถูกกําหนดตามคําสั่งของศาลซ่ึงมีคํารองขอจากตาง
ประเทศ ใหสง หนังสอื แจง ไปยังหนว ยงานตา งประเทศที่ไดส งคํารอ งขอน้นั เพื่อใหดาํ เนินการแจง
ใหทราบถงึ การถูกกาํ หนดรายชอ่ื
(ข) การแจงบุคคลที่ถูกกําหนดตามคําส่ังศาลซ่ึงมิไดมีคํารองขอจากหนวยงาน
ตา งประเทศ หรอื บคุ คลที่ถกู กาํ หนดตามคาํ สง่ั ของรฐั มนตรีวาการกระทรวงยุตธิ รรม ใหสงเร่อื งไป
ยังกระทรวงการตางประเทศเพอ่ื ประสานไปยังรัฐบาลตา งประเทศทผี่ ูน้นั ถือสัญชาติ หรอื ท่ีนาเชื่อ
วาผูนัน้ มถี ่ินที่อยูเพ่ือแจง ใหทราบถึงการถกู กาํ หนดรายชอื่
การแจงบุคคลทถ่ี ูกกาํ หนดตาม (๑) หากไมส ามารถกระทาํ ไดเ นื่องจากไมม ีผรู บั การ
แจง จะกระทาํ โดยการปด ประกาศคําส่งั การเปน บคุ คลทถี่ ูกกําหนดไว ณ สถานตี ํารวจแหง ทองที่
ท่ผี ูนน้ั มีภมู ิลาํ เนา หรอื ในกรณที ไ่ี มรภู ูมลิ ําเนาของบุคคลท่ีถูกกาํ หนด การแจง จะกระทําโดยการ
ประกาศในหนังสอื พิมพร ายวนั ท่แี พรห ลาย ในกรณนี ี้ใหถือวา บุคคลที่ถูกกําหนดไดร บั แจง เม่อื
ลวงพนระยะเวลาสบิ หาวนั นบั แตวนั ท่ไี ดแจง โดยวิธดี งั กลา ว
ขอ ๖ เมอ่ื ไดท ราบขอ มลู รายชือ่ บุคคลทีถ่ ูกกาํ หนดแลว ใหบ คุ คลที่ถกู กําหนด ผมู ี
หนาท่ีรายงาน หรอื บคุ คลที่ครอบครองทรัพยสนิ ของบคุ คลที่ถูกกาํ หนดดาํ เนนิ การดังตอ ไปนโี้ ดย
ไมช ักชา
(๑) ระงบั การดําเนนิ การกับทรัพยสนิ ของบคุ คลทถี่ กู กาํ หนด รวมท้ังของผูก ระทาํ
การแทน หรือตามคําสงั่ ของผูน น้ั หรือของกจิ การภายใตการควบคุมของผูน นั้
๔๑๐
(๒) แจง ขอ มลู เกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ ทถ่ี กู ระงบั การดาํ เนนิ การตาม (๑) ใหส าํ นกั งานทราบ
ภายในสามวนั ทาํ การนับแตว นั ท่ีไดร ะงับการดาํ เนินการกับทรัพยสนิ น้นั
(๓) แจงใหสํานักงานทราบเกี่ยวกับผูที่เปนหรือเคยเปนลูกคาซึ่งอยูในรายชื่อบุคคล
ท่ถี กู กาํ หนดหรือผทู ี่มีหรือเคยมีการทาํ ธรุ กรรมกบั ผูน ้ัน ทงั้ น้ี ภายในสามวนั ทําการนบั แตวนั ท่ี
ไดพบขอ มูลนนั้
การตรวจสอบขอ มูลตาม (๓) ใหตรวจสอบยอนหลงั ภายในกาํ หนดหา ปกอ นวนั ท่ี
ไดมคี าํ ส่งั ใหผใู ดเปน บคุ คลที่ถูกกําหนด
ขอ ๗ หลกั เกณฑและวธิ กี ารแจง ขอ มูลตามขอ ๖ ใหเปน ไปตามแบบที่สํานักงาน
ประกาศกาํ หนด
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๒ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๖
รอ ยตํารวจเอก เฉลิม อยบู ํารงุ
ประธานกรรมการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
๔๑๑
(สาํ เนา)
ที่ มท ๐๕๑๕.๑ / ว ๒๐๔๗๙ กรมทดี่ ิน
ศนู ยร าชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรัฐประศาสนภกั ดี ถนนแจงวัฒนะ
แขวงทงุ สองหอง เขตหลักสี่ กรงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐
๗ สงิ หาคม ๒๕๕๖
เรื่อง การประเมินราคาทุนทรพั ยท ่ีดินโดยนาํ ราคาประเมนิ ทนุ ทรัพยข องท่ีดินแปลงใกลเคียง
มาเทยี บเคยี ง
เรียน ผูวา ราชการจงั หวดั ทุกจงั หวดั
อา งถึง หนงั สอื กรมที่ดนิ ดว นที่สดุ ท่ี มท ๐๕๑๕.๑/ว ๒๗๔๗๐ ลงวันที่ ๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๒
ส่ิงทส่ี งมาดว ย ตวั อยา งแบบรายงานขอมลู การประเมนิ ราคาทนุ ทรัพยท ่ีดินโดยนําราคาประเมนิ
ทนุ ทรัพยข องทด่ี นิ แปลงใกลเคยี งมาเทียบเคยี ง จํานวน ๑ ฉบบั
ตามหนงั สอื ทอ่ี า งถงึ กรมทด่ี นิ ไดแ จง ทางปฏบิ ตั ใิ นการประเมนิ ราคาทนุ ทรพั ยท ด่ี นิ
โดยนําราคาประเมนิ ทุนทรัพยของที่ดนิ แปลงใกลเคยี งมาเทยี บเคยี ง และเม่อื มกี ารจดทะเบียน
สทิ ธิและนติ ิกรรมท่ดี นิ โดยมีการประเมินราคาเทยี บเคยี งกับทีด่ นิ แปลงใกลเ คยี งแลว ใหแ จง
ธนารักษพ ืน้ ที่ทราบเพ่อื กาํ หนดราคาประเมนิ ทุนทรัพยของทีด่ นิ พรอ มทั้งรายงานกรมท่ีดินทราบ
ภายในวันที่ ๕ ของเดอื นตอ ไป เพอ่ื แจงกรมธนารกั ษต ิดตามการกาํ หนดราคาประเมินของ
ธนารักษพ้ืนที่ น้นั
กรมทด่ี นิ พจิ ารณาแลว เหน็ วา เพอ่ื ใหก ารรายงานขอ มลู การประเมนิ ราคาทนุ ทรพั ย
ทด่ี นิ โดยนาํ ราคาประเมนิ ทนุ ทรพั ยข องทด่ี นิ แปลงใกลเ คยี งมาเทยี บเคยี งเปน ไปในแนวทางเดยี วกนั
และมขี อ มลู ครบถว นเพอื่ สงใหกบั กรมธนารักษ จึงขอสง ตวั อยางแบบรายงานตามสิ่งทีส่ งมาดวย
มาเพ่อื ใหพนักงานเจา หนาทีไ่ ดถ ือปฏิบัตแิ ละในการรายงานขอมูล ขอใหจังหวัดกาํ ชบั สาํ นักงาน
ที่ดินใหตรวจสอบขอมูลใหครบถวนกอนรายงานธนารักษพื้นท่ีและกรมที่ดินดวย เพื่อปองกัน
ความผิดพลาดคลาดเคลอื่ นของขอมลู
จงึ เรยี นมาเพอ่ื โปรดทราบ และแจง พนกั งานเจา หนา ทท่ี ราบและถอื ปฏบิ ตั ติ อ ไป
ขอแสดงความนับถือ
(ลงชือ่ ) บญุ เชดิ คิดเหน็
(นายบญุ เชิด คิดเหน็ )
อธิบดกี รมท่ดี ิน
สํานกั มาตรฐานการทะเบียนท่ีดนิ
สว นมาตรฐานการจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ กิ รรม
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๗๖๐ โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๒๔
๔๑๒
– ตัวอยา ง –
แบบรายงานขอ มูลการประเมินราคาทนุ ทรพั ยท ดี่ ินโดยนําราคาประเมนิ ทนุ ทรพั ยของท่ดี ินแปลงใกลเ คียงมาเทียบเคยี งของจงั หวดั ................
เดอื น.......................... พ.ศ. ....................
ลาํ ดบั ช่ือเจาของท่ีดนิ ตําแหนงท่ีดินแปลงแยกใหม ตาํ บล อําเภอ เนอ้ื ที่ ราคาประเมนิ ที่ดนิ ราคาประเมนิ ท่ีดิน เลขทด่ี นิ หมายเลขระวาง
โฉนดเลขท่ี หนา สาํ รวจ เลขทดี่ นิ หมระาวยาเลง ข กอนแบงแยก แปลงเทียบเคียง แปลงเทียบเคยี ง แปลงเทยี บเคียง
๔๑๓
ที่ มท ๐๕๑๕.๒ / ว ๒๑๒๔๔ (สาํ เนา)
กรมทดี่ นิ
ศนู ยราชการเฉลิมพระเกยี รติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรัฐประศาสนภกั ดี ถนนแจง วฒั นะ
แขวงทงุ สองหอ ง เขตหลกั ส่ี กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๖
เร่ือง กําชับการนาํ แบบแจงการครอบครองทด่ี นิ (ส.ค.๑) เพ่ิมลงในทะเบยี นการครอบครองทด่ี นิ
เรียน ผูว า ราชการจังหวดั ทกุ จังหวัด
อา งถงึ ๑. หนังสอื กรมที่ดนิ ที่ ๑๑๙/๒๕๐๒ ลงวันท่ี ๗ มกราคม ๒๕๐๒
๒. หนงั สอื กรมทด่ี นิ ที่ มท ๐๖๑๐/ว ๔๗๐ ลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๑๔
ตามหนังสือที่อางถึง ๑. กรมที่ดินวางแนวทางปฏิบัติใหจังหวัดรายงานการ
เปลย่ี นแปลงทะเบียนการครอบครองที่ดนิ กรณี เมื่อผูว าราชการจังหวดั สงั่ ผอนผนั ใหร บั แจงการ
ครอบครองทด่ี ิน มกี ารออกใบจองใหเ พิ่มเติมหรือแกไขเปลย่ี นแปลงอยางหน่ึงอยางใด มีการ
ออกหนงั สือรับรองการทําประโยชนหรือแจกใบไตส วน มีการแบง แยก โดยเม่ือไดแ กหรือแจง
รายการทะเบียนการครอบครองที่ดินทางอําเภอเรียบรอยแลว ใหรายงานการเปล่ียนแปลง
ทะเบียนการครอบครองที่ดินไปยังกรมที่ดิน เพื่อจดแจงรายการทะเบียนการครอบครองที่ดิน
ทเี่ กบ็ รกั ษาอยทู างสว นกลางใหถกู ตอ งตรงกนั และตามหนังสือท่อี า งถึง ๒. ไดวางแนวทางปฏบิ ัติ
กรณีทผ่ี แู จง การครอบครองท่ีดนิ ไดแจง การครอบครองทีด่ นิ (ส.ค. ๑) ไวแ ลว ภายในระยะเวลา
ทก่ี ฎหมายกําหนด แตม ไิ ดม ีการนํามาลงทะเบียนการครอบครองที่ดินตามระเบยี บ จึงมิใชเ ปน
กรณีการแจงการครอบครองที่ดินผิดพลาดคลาดเคล่ือนท่ีใหผูวาราชการจังหวัดเปนผูมีอํานาจ
สง่ั แกไ ข ตามคาํ สั่งกระทรวงมหาดไทย ท่ี ๑๒๔๔/๒๔๙๗ ลงวนั ที่ ๙ พฤศจกิ ายน ๒๔๙๗ แตเปน
เรื่องการนํา ส.ค.๑ มาลงทะเบียนใหม เพอื่ ปอ งกันความเสยี หายท่อี าจจะเกดิ ขน้ึ จากกรณีดงั กลาว
ใหจังหวัดสอบสวนขอเท็จจริงและจัดสงเอกสารประกอบการพิจารณาแลวสงเรื่องไปใหกรมที่ดิน
พจิ ารณาส่งั การกอ น นนั้
กรมทีด่ ินพจิ ารณาแลวเห็นวา เนือ่ งจากมสี ํานกั งานท่ีดินบางแหงไมไดป ฏิบตั ิ
ตามแนวทางท่ีวางไว กลา วคอื เมื่อมีผูน ําแบบแจงการครอบครองทดี่ ิน (ส.ค. ๑) มายื่นคําขอ
ออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินและพนักงานเจาหนาท่ีตรวจสอบแลวปรากฏวาแบบแจงการ
ครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) เลขท่ีดังกลาวไมมีในเลมทะเบยี นการครอบครองทีด่ ิน หรือตรวจสอบ
จากขอมูลทะเบียนการครอบครองที่ดินทางสวนกลาง ท่ีกรมท่ีดินไดถายเอกสารในลักษณะ
๔๑๔
Portable Document Format (PDF) มาใหเพอ่ื ใชต รวจสอบทะเบยี นการครอบครองทดี่ นิ แลว
ไมป รากฏในเลม ทะเบยี นการครอบครองที่ดิน แตพ นักงานเจาหนา ที่ยงั คงดาํ เนนิ การออกหนงั สอื
แสดงสิทธใิ นท่ดี ิน โดยใชห ลกั ฐาน ส.ค. ๑ ดังกลาวตอไปจนเสรจ็ สน้ิ แลวจงึ รายงานเปลย่ี นแปลง
ทะเบียนการครอบครองท่ีดินไปยังกรมที่ดินโดยมิไดมีการดําเนินการสงเร่ืองการขอเพิ่มแบบ
แจง การครอบครองท่ดี ิน (ส.ค. ๑) ไปใหกรมทดี่ ินพิจารณาส่งั การกอน ตามหนังสอื ท่อี างถงึ ๒.
ดังนั้นเพ่ือปองกันไมใหเกิดปญหาเกี่ยวกับหลักฐานเดิมที่ใชในการขอออกหนังสือแสดงสิทธิใน
ที่ดนิ จึงขอซอ มความเขา ใจแนวทางปฏิบัติ กรณีตรวจสอบไมพ บเลขที่แบบแจงการครอบครอง
ทดี่ ิน (ส.ค. ๑) ทใ่ี ชย ืน่ คาํ ขอในเลม ทะเบยี นการครอบครองทด่ี นิ กอ นทพ่ี นักงานเจา หนา ทีจ่ ะนํา
แบบแจงการครอบครองทด่ี นิ (ส.ค. ๑) เพ่มิ ลงในทะเบียนการครอบครองท่ดี ิน ตองดาํ เนินการ
สอบสวนขอ เท็จจรงิ ใหเ ปนทยี่ ตุ เิ สียกอ นวา แบบแจงการครอบครองท่ดี นิ (ส.ค. ๑) ดังกลา ว ไดมี
การแจง การครอบครองทีด่ ินโดยชอบดว ยกฎหมาย ตามมาตรา ๕ แหง พระราชบญั ญตั ิใหใช
ประมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ หรือไม หากเปนการแจงการครอบครองทด่ี นิ โดยชอบแลว
ก็ดาํ เนินการสรุปความเห็นและจดั สง เอกสารทเ่ี กี่ยวขอ งใหกรมท่ีดนิ พิจารณากอ น เมือ่ กรมท่ดี ิน
พิจารณาแลวอนุญาตใหลงเพ่ิมในทะเบียนการครอบครองที่ดิน ก็ใหนําเพ่ิมลงในทะเบียน
การครอบครองท่ีดินได พรอ มน้ีสามารถศกึ ษาแนวทางปฏิบัติเก่ยี วกับ ส.ค.๑ เพิ่มเติมไดท เ่ี ว็บไซต
ของกรมที่ดิน www.dol.go.th โดยเลือก เว็บไซตห นว ยงานภายใน หนวยงานสวนกลาง
สาํ นกั มาตรฐานการทะเบียนทีด่ นิ สวนกาํ หนดสิทธิในท่ดี ินและควบคมุ ทะเบยี นทีด่ ิน
หลกั เกณฑการตรวจสอบและควบคมุ ทะเบียนทด่ี ิน หวั ขอ หนังสือเวียน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและแจงใหพนักงานเจาหนาที่ทราบและถือปฏิบัติ
ตอไป
ขอแสดงความนบั ถือ
(ลงชอ่ื ) ธรรมศกั ดิ์ ชนะ
(นายธรรมศักด์ิ ชนะ)
รองอธิบดี รกั ษาราชการแทน
อธิบดกี รมท่ดี นิ
สํานักมาตรฐานการทะเบยี นทด่ี นิ
สวนกําหนดสิทธิในท่ีดินและควบคุมทะเบียนทีด่ นิ
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๗๗๕ – ๗
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๒๘
๔๑๕
ท่ี มท ๐๕๑๕.๑ / ว ๒๑๗๖๓ (สําเนา)
กรมที่ดนิ
ศูนยร าชการเฉลิมพระเกยี รติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรฐั ประศาสนภักดี ถนนแจง วัฒนะ
แขวงทุงสองหอ ง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๒๑ สงิ หาคม ๒๕๕๖
เร่ือง การจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ ิกรรมกรณคี ูสมรสขอซ้ืออสังหารมิ ทรพั ยในระหวางสมรส
เพียงฝา ยเดยี ว
เรียน ผวู า ราชการจงั หวดั ทกุ จังหวดั
อา งถึง หนงั สือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๖๑๐/ว ๒๔๖๓๕ ลงวันที่ ๒๓ กนั ยายน ๒๕๓๙
ส่ิงท่สี ง มาดวย ตัวอยา งบันทกึ ถอยคําและหนังสอื ยนิ ยอมของคสู มรส จาํ นวน ๑ ฉบับ
ตามหนังสือท่ีอางถึง กรมท่ีดินไดวางทางปฏิบัติในการจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมเกย่ี วกบั อสงั หารมิ ทรพั ย กรณผี ูทท่ี าํ การสมรสแลวเปนผูซอื้ อสงั หารมิ ทรพั ยใ นระหวาง
สมรส ใหพนักงานเจา หนาทีส่ อบสวนบันทกึ ถอยคาํ ผซู ้ือใหไ ดขอ เทจ็ จรงิ วา มีสญั ญากอ นสมรส
กําหนดในเรื่องทรพั ยสนิ ไวห รอื ไม อยางไร กอ นจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ ิกรรม เนื่องจากกฎหมาย
มิไดบญั ญัตบิ ังคบั ใหใ นการซ้อื อสงั หารมิ ทรพั ย สามีและภรยิ าจะตองจดั การรวมกัน หรือไดรับ
ความยินยอมจากอีกฝายหน่งึ ดังน้ัน กรณีท่ไี มมสี ัญญากอ นสมรสกําหนดในเร่ืองทรพั ยส นิ ไวเปน
อยางอืน่ ใหพ นักงานเจา หนา ท่ีรับจดทะเบยี นไดโ ดยไมต องใหคสู มรสอกี ฝา ยหนง่ึ ใหความยนิ ยอม
นั้น
ปรากฎวา ในการปฏิบัติงานของพนกั งานเจา หนา ท่ี บางสํานกั งานท่ดี ินไมไ ด
ปฏิบัติตามแนวทางที่กรมที่ดินไดวางไว กลาวคือ พนักงานเจาหนาที่แจงใหฝายผูซื้อตองนํา
คสู มรสไปใหถ อ ยคาํ ยนิ ยอม หรอื นาํ หนงั สอื ยนิ ยอมของคสู มรสฝา ยผซู อ้ื ไปประกอบการจดทะเบยี น
หรอื บนั ทกึ ถอ ยคาํ ของคกู รณที ง้ั สองฝา ยเพอ่ื ยนื ยนั ใหจ ดทะเบยี นทกุ กรณี โดยไมไ ดม กี ารสอบสวน
ใหเปนทยี่ ุติกอ นวาผูซ้ือทีท่ ําการสมรสแลว มสี ัญญากอนสมรสกําหนดในเรอ่ื งทรัพยส นิ ไวหรอื ไม
อยา งไร ตามแนวทางปฏบิ ตั ทิ ่ีวางไว ฉะนน้ั เพ่อื ใหพ นกั งานเจา หนา ทผ่ี สู อบสวนและจดทะเบยี น
เกี่ยวกับกรณีดังกลาวปฏิบัติโดยถูกตองตามบทบัญญัติของกฎหมายและเปนไปในแนวทาง
เดียวกัน จึงขอซอ มความเขาใจใหพ นักงานเจาหนา ทถี่ อื ปฏบิ ัติ ดังน้ี
๑. ในการจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ กิ รรมเกีย่ วกับอสงั หารมิ ทรัพย กรณผี ทู ีท่ าํ การ
สมรสแลว เปนผูซื้ออสังหาริมทรพั ยใ นระหวา งสมรสเพยี งฝา ยเดียว ใหพ นักงานเจาหนาที่สอบสวน
และบันทึกถอยคาํ ผซู ือ้ ใหไดขอเท็จจรงิ วา มสี ัญญากอ นสมรสกาํ หนดในเรื่องทรัพยสนิ ไวหรอื ไม
อยา งไร ตามแบบบนั ทกึ ถอยคาํ ทา ยหนงั สอื นี้ (ตัวอยา งที่ ๑ และตัวอยางที่ ๒)
๔๑๖
๒. กรณไี มมีสัญญากอนสมรสกาํ หนดในเรอ่ื งทรพั ยส ินไว ใหพนักงานเจาหนาท่ี
รับจดทะเบียนไดโดยไมตองใหคูสมรสอีกฝายหนึ่งใหความยินยอม เนื่องจากเรื่องการจัดการ
สนิ สมรสของคูสมรสนนั้ มาตรา ๑๔๗๖ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มิไดบัญญตั ิ
บังคบั วาในการซอื้ อสงั หาริมทรพั ย คสู มรสทง้ั สองฝา ยจะตองจัดการรว มกัน หรือไดรับความ
ยินยอมจากอีกฝายหน่ึงแตอยางใด เวนแตคูสมรสจะไดทําสัญญากอนสมรสในเร่ืองทรัพยสิน
กนั ไวเ ปนอยา งอนื่ ตามนัยมาตรา ๑๔๖๕ แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย เทา น้นั
๓. กรณีมีสัญญากอนสมรสกําหนดใหสามีหรือภริยาเปนผูจัดการสินสมรส
เพียงฝายเดียว เมื่อสามีหรือภริยาฝายท่ีมีอํานาจจัดการมาขอทํานิติกรรมซื้ออสังหาริมทรัพย
ใหพนักงานเจา หนาท่รี ับจดทะเบยี นไดโดยไมต อ งใหค ูสมรสอกี ฝา ยหนึง่ ใหความยินยอม แตถา
สามีหรือภริยาฝายที่ไมมีอํานาจจัดการเปนผูขอทํานิติกรรมซ้ืออสังหาริมทรัพยตองใหคูสมรสอีก
ฝายหน่ึงใหความยินยอมกอ น ตามแบบบนั ทึกถอ ยคํายนิ ยอมหรือหนังสือยินยอมทายหนังสอื น้ี
(ตัวอยางท่ี ๓ และตัวอยางที่ ๔)
๔. กรณีมีสัญญากอนสมรสตกลงกําหนดใหสามีและภริยาตองจัดการสินสมรส
โดยซื้ออสังหาริมทรัพยรวมกันเพิ่มจากกรณีที่กฎหมายไดบัญญัติไวเปนการเฉพาะกรณีตาม
มาตรา ๑๔๗๖ แหงประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย เมื่อสามีหรือภริยาฝายใดฝายหน่ึงมาขอ
ทํานติ กิ รรมซื้ออสังหารมิ ทรพั ย ตองใหค ูส มรสอกี ฝายหนงึ่ ใหความยนิ ยอมกอน ตามแบบบนั ทึก
ถอ ยคํายินยอมหรือหนงั สือยินยอมทายหนงั สอื น้ี (ตวั อยา งท่ี ๓ และตวั อยางท่ี ๔)
๕. การใหความยินยอมตามขอ ๓ และ ๔ ตองทาํ เปนหนังสอื ถาไมมีความ
ยนิ ยอมเปน หนงั สือหรอื ไมมคี าํ ส่งั ของศาลอนุญาตแทนตามมาตรา ๑๔๗๘ แหงประมวลกฎหมาย
แพง และพาณิชย แตคกู รณที ั้งสองฝายยืนยันใหจดทะเบียน ใหพ นกั งานเจาหนา ทีบ่ ันทึกถอ ยคาํ
ของคกู รณไี วเปน หลักฐาน แลวจดทะเบียนตอไปไดโ ดยใหบ นั ทึกถอ ยคาํ คูกรณีทัง้ ผูขายและผูซ้อื
ตามแบบบันทกึ ถอยคาํ ทายหนงั สอื น้ี (ตวั อยางท่ี ๕)
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และแจงใหพนักงานเจาหนาท่ีทราบเพ่ือถือปฏิบัติ
โดยเครงครัดตอไป ขอแสดงความนบั ถือ
(ลงชื่อ) ธรรมศักดิ์ ชนะ
(นายธรรมศักด์ิ ชนะ)
รองอธบิ ดี รกั ษาราชการแทน
อธบิ ดีกรมทีด่ นิ
สาํ นกั มาตรฐานการทะเบียนท่ดี นิ
สวนมาตรฐานการจดทะเบยี นสิทธแิ ละนิติกรรม
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๗๖๐
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๒๔
๔๑๗
ตวั อยา งบนั ทกึ ถอ ยคําและหนังสือยินยอมของคูสมรส
ตัวอยา งที่ ๑ บันทกึ ถอยคาํ ผูซือ้ กรณีไมม ีสญั ญากอ นสมรสกําหนดไว ใหบ นั ทึกวา
“ขา พเจา (นาย/นาง)...............................................ผซู ื้อ ขอใหถ อยคาํ รบั รองวา
ในการสมรสของขา พเจา กับ (นาย/นาง)..........................ไมมีสัญญากอ นสมรส
กําหนดในเรือ่ งการจัดการสินสมรสไวแตอยางใด
ลงชอ่ื .....................................ผใู หถ อ ยคาํ
ลงช่อื .....................................พนกั งานเจา หนาที่
ลงชื่อ.....................................พยาน
ลงชื่อ.....................................พยาน”
ตัวอยางท่ี ๒ บนั ทึกถอ ยคาํ ผูซ้อื กรณมี สี ญั ญากอนสมรสกาํ หนดไว ใหบ นั ทึกวา
“ขาพเจา (นาย/นาง)...............................................ผูซ้ือ ขอใหถ อ ยคํารับรองวา
ในการสมรสของขา พเจา กบั (นาย/นาง)..............................มสี ัญญากอ นสมรส
กาํ หนดในเรื่องการจัดการสินสมรสไวต ามบันทกึ แนบทายทะเบียนสมรสวา........
....................................................................................................................
ลงชอ่ื .....................................ผูใหถอ ยคาํ
ลงช่อื .....................................พนักงานเจาหนาที่
ลงช่อื .....................................พยาน
ลงชื่อ.....................................พยาน”
ตัวอยางที่ ๓ บนั ทกึ ถอยคาํ ยนิ ยอมของคูสมรส (กรณีทค่ี สู มรสมาบนั ทกึ ถอ ยคาํ ตอพนักงาน
เจา หนาที)่ ใหบ นั ทกึ วา
“ขาพเจา (นาย/นาง)......................................................ขอใหถ อยคํารับรองวา
ในการสมรสของขาพเจา กับ (นาย/นาง)..............................มสี ญั ญากอ นสมรส
กําหนดในเรื่องการจัดการสินสมรสไวตามบนั ทกึ แนบทายทะเบียนสมรสวา
( ) ใหส ามี/ภริยา เปน ผจู ดั การสินสมรสฝา ยเดยี ว
( ) สามแี ละภรยิ า ตอ งจัดการสินสมรสโดยซื้ออสงั หาริมทรพั ยรวมกนั
( ) กรณอี น่ื .........................................................................................
๔๑๘
ขา พเจา ขอใหถ อ ยคํายินยอมใหนาย/นาง........................................ทํานติ ิกรรม
ซอื้ อสังหาริมทรัพย หรือลงชื่อเปนผถู ือกรรมสทิ ธ์ิ หรือสทิ ธคิ รอบครองใน
อสังหารมิ ทรัพยเ พยี งคนเดียวได
ลงชื่อ.....................................ผูใ หถอยคํายินยอม (คสู มรส)
ลงชอื่ .....................................พนกั งานเจา หนา ที่
ลงชอ่ื .....................................พยาน
ลงช่ือ.....................................พยาน”
ตวั อยา งท่ี ๔
หนงั สอื ยินยอมคูสมรส
เขียนที่.....................................
วันท.ี่ ........เดอื น.........................พ.ศ. ..............
ขาพเจา (นาย/นาง)............................................................ขอใหถอ ยคํารบั รองวา
ในการสมรสของขา พเจา กับ (นาย/นาง)......................................................มสี ัญญากอนสมรส
กาํ หนดในเรอื่ งการจดั การสินสมรสไวตามบนั ทกึ แนบทายทะเบียนสมรสวา
( ) ใหส าม/ี ภริยา เปนผจู ดั การสนิ สมรสฝายเดียว
( ) สามีและภริยา ตอ งจดั การสินสมรสโดยซอื้ อสงั หาริมทรัพยรวมกัน
( ) กรณอี ่นื ..................................................................................................
ขาพเจา ขอใหถอ ยคํายินยอมใหน าย/นาง.............................................ทํานติ กิ รรม
ซ้ืออสงั หาริมทรัพย หรอื ลงชื่อเปน ผูถอื กรรมสทิ ธิ์ หรอื สิทธิครอบครองในอสงั หาริมทรัพยเพยี ง
คนเดียวได โดยไดล งลายมือชอ่ื ไวต อหนา คสู มรสของขาพเจา และพยาน
ลงช่อื .....................................ผใู หถ อยคาํ ยนิ ยอม
ลงชือ่ .....................................คสู มรสอกี ฝา ยรับรอง
ลงชอื่ .....................................พยาน
ลงชอื่ .....................................พยาน
๔๑๙
ตวั อยา งที่ ๕ บันทกึ ถอยคาํ ยนื ยนั ใหจ ดทะเบยี นของคกู รณที ้งั ฝายผูขายและผูซ้ือ ใหบนั ทึกวา
“ขา พเจา (นาย/นาง)........................................................................ผซู ื้อ และ
(นาย/นาง).......................................ผูขาย ขอใหถอยคาํ รับรองวาในการซ้อื ขาย
อสงั หาริมทรพั ยครง้ั นี้ ผซู ้ือไดม ีการทาํ สญั ญากอนสมรสกําหนดไววา.................
....................................................................................................................
โดยผซู ือ้ ไมไ ดร ับความยินยอมจากคูส มรสอกี ฝา ยหน่ึง แตผ ูข ายและผูซ อื้ ยืนยนั
ใหจ ดทะเบยี น หากเกดิ ความเสยี หายใดๆ ขน้ึ ในภายหลงั คกู รณยี นิ ยอมรบั ผดิ ชอบ
ทุกประการ
ลงชื่อ..........................................ผูซื้อ
ลงชอ่ื ..........................................ผูขาย
ลงชอ่ื ..........................................พนกั งานเจา หนา ท่ี
ลงชื่อ..........................................พยาน
ลงชอ่ื ..........................................พยาน”
๔๒๐
ที่ มท ๐๕๑๕.๑ / ว ๒๒๒๕๐ (สําเนา)
กรมทด่ี นิ
ศูนยร าชการเฉลมิ พระเกียรติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรัฐประศาสนภกั ดี ถนนแจงวัฒนะ
แขวงทงุ สองหอ ง เขตหลกั ส่ี กรงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐
๒๗ สงิ หาคม ๒๕๕๖
เรือ่ ง แจง รายชอื่ บริษทั บริหารสินทรพั ยรายใหม
เรียน ผูวาราชการจังหวัดทกุ จังหวดั
อา งถึง ๑. หนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๗๑๐/ว ๐๖๘๔๑ ลงวนั ท่ี ๓ มนี าคม ๒๕๔๒
๒. หนงั สือกรมทด่ี นิ ท่ี มท ๐๕๑๕/ว ๓๘๔๗ ลงวนั ที่ ๑๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๑
๓. หนังสอื กรมท่ีดิน ดวนท่สี ดุ ท่ี มท ๐๕๑๕/ว ๑๙๖๕๘ ลงวันท่ี ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๑
สิ่งท่สี ง มาดวย ภาพถา ยใบทะเบียนบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรัพยของบริษัท บริหารสนิ ทรัพย ไนท คลับ
แคปปตอล จาํ กดั ฉบบั ท่ี ๐๐๘/๒๕๕๖ ลงวนั ที่ ๘ สงิ หาคม ๒๕๕๖
ตามหนังสือที่อางถึง ๑. กรมท่ีดินไดแจงทางปฏิบัติในการจดทะเบียนขาย
หรือโอนอสังหาริมทรัพยอันเปนสินทรัพยดอยคุณภาพจากสถาบันการเงินไปใหบริษัทบริหาร
สินทรพั ยว า นอกจากหลกั ฐานอ่ืนท่ผี ขู อจดทะเบยี นตอ งนาํ มาแสดงแลว ใหพนกั งานเจาหนาที่
เรียกใบทะเบียนบริษัทบริหารสินทรัพยตามสําเนาตัวอยางที่สงมา เพื่อเปนหลักฐานแสดงการ
จดทะเบยี นเปน บริษัทบรหิ ารสินทรพั ย และเปนหลกั ฐานประกอบการขอรบั สทิ ธปิ ระโยชนต างๆ
ตามพระราชกําหนดบริษัทบริหารสินทรัพย พ.ศ. ๒๕๔๑ และตอมาไดมีหนังสือที่อางถึง ๒.
สง พระราชบญั ญัติแกไ ขเพ่มิ เติมพระราชกาํ หนดบริษทั บริหารสนิ ทรัพย พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. ๒๕๕๐
มาเพือ่ ทราบและถอื ปฏบิ ตั ิในสว นท่เี ก่ยี วของ โดยในกรณีบรษิ ัทบริหารสินทรพั ยขอไดมาซง่ึ ทดี่ นิ
หรือหอ งชุดใหพนกั งานเจา หนา ท่ีถือปฏิบัติตามหนงั สือทอี่ า งถึง ๓. นน้ั
บดั น้ี ธนาคารแหง ประเทศไทยแจง วา บรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย ไนท คลบั
แคปปต อล จาํ กดั ไดจดทะเบียนเปนบริษัทบริหารสินทรัพยกับธนาคารแหงประเทศไทยแลว
ทั้งนี้ ตามหลักฐานภาพถายใบทะเบียนบรษิ ทั บรหิ ารสินทรัพยของบริษัท บรหิ ารสนิ ทรัพย ไนท
คลับ แคปปต อล จํากัด ฉบบั ท่ี ๐๐๘/๒๕๕๖ ลงวันท่ี ๘ สงิ หาคม ๒๕๕๖
๔๒๑
กรมทด่ี ินจงึ ขอสง ภาพถา ยใบทะเบยี นบรษิ ทั บรหิ ารสินทรพั ยของบรษิ ัท บรหิ าร
สินทรัพย ไนท คลับ แคปปตอล จํากัด มาเพ่ือโปรดทราบและแจงใหพ นักงานเจาหนา ทที่ ราบ
และถือปฏบิ ัตติ อ ไป
ขอแสดงความนบั ถือ
(ลงช่ือ) ธรรมศักดิ์ ชนะ
(นายธรรมศักดิ์ ชนะ)
รองอธิบดี ปฏบิ ัติราชการแทน
อธิบดีกรมทด่ี นิ
สาํ นักมาตรฐานการทะเบยี นท่ดี ิน
สว นมาตรฐานการจดทะเบยี นสิทธแิ ละนิติกรรม
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๗๖๐
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๒๔
๔๒๒
๔๒๓
ที่ มท ๐๕๑๕.๑ / ว ๒๔๐๓๐ (สําเนา)
กรมที่ดิน
ศนู ยราชการเฉลิมพระเกยี รติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรัฐประศาสนภักดี ถนนแจง วัฒนะ
แขวงทงุ สองหอ ง เขตหลักส่ี กรงุ เทพฯ ๑๐๒๑๐
๑๓ กันยายน ๒๕๕๖
เรอ่ื ง ระเบยี บกรมทด่ี นิ วา ดว ยการตรวจหลักฐานทะเบียนท่ีดิน การขอคดั ขอถา ยสาํ เนาเอกสาร
และการตรวจสอบหลกั ทรพั ย พ.ศ. ๒๕๕๖
เรียน ผวู า ราชการจังหวดั ทกุ จังหวดั
ส่ิงท่สี ง มาดวย ระเบียบกรมทีด่ ิน วา ดว ยการตรวจหลกั ฐานทะเบยี นที่ดิน การขอคัด ขอถายสาํ เนา
เอกสาร และการตรวจสอบหลักทรัพย พ.ศ. ๒๕๕๖
ดวยกรมทีด่ นิ ไดออกระเบยี บกรมทดี่ ิน วา ดวยการตรวจหลกั ฐานทะเบยี นท่ีดนิ
การขอคัด ขอถายสําเนาเอกสาร และการตรวจสอบหลักทรพั ย พ.ศ. ๒๕๕๖ เพ่อื ใหพนักงาน
เจา หนา ทใี่ ชในการปฏบิ ัติงานไดอ ยางสะดวก รวดเรว็ ถกู ตอ ง และเปน มาตรฐานเดียวกัน
รายละเอยี ดปรากฏตามระเบยี บกรมทีด่ ิน วา ดว ยการตรวจหลักฐานทะเบียนทดี่ ิน การขอคดั
ขอถา ยสาํ เนาเอกสาร และการตรวจสอบหลักทรพั ย พ.ศ. ๒๕๕๖ ทสี่ ง มาพรอมนี้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และแจงใหพนักงานเจาหนาท่ีทราบและถือเปน
แนวทางปฏิบัติ พรอมทงั้ นาํ ระเบียบกรมท่ดี นิ ดงั กลา วไปเพ่มิ เตมิ ในหนังสอื รวมระเบยี บ คาํ สั่ง
เกย่ี วกับการจดทะเบยี นสิทธแิ ละนิตกิ รรม เพอื่ ใหสามารถใชอ างอิงไดอยา งถูกตอง สะดวก รวดเรว็
ตอไป
ขอแสดงความนับถือ
(ลงชื่อ) บญุ เชดิ คิดเห็น
(นายบุญเชิด คดิ เห็น)
อธิบดกี รมทด่ี ิน
สํานักมาตรฐานการทะเบยี นท่ีดนิ
สว นมาตรฐานการจดทะเบียนสิทธแิ ละนติ กิ รรม
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๗๕๙, ๐ ๒๑๔๑ ๕๗๖๕
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๒๔
๔๒๔
(สาํ เนา)
ระเบยี บกรมทด่ี ิน
วา ดว ยการตรวจหลกั ฐานทะเบียนทด่ี นิ การขอคดั ขอถา ยสําเนาเอกสาร
และการตรวจสอบหลกั ทรัพย
____พ_._ศ_._๒_๕_๕__๖____
โดยทเ่ี หน็ เปน การสมควรใหม กี ารรวบรวมปรบั ปรงุ หลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารตรวจหลกั ฐาน
ทะเบียนทด่ี นิ การขอคดั ขอถายสาํ เนาเอกสารและการตรวจสอบหลักทรพั ย เพ่อื ใหพ นกั งาน
เจาหนาทส่ี ามารถปฏบิ ัติงานไดอ ยา งถกู ตอง สะดวก รวดเร็ว และเปน มาตรฐานเดยี วกัน
อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๓๒ แหงพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บบรหิ ารราชการ
แผนดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ ซง่ึ แกไ ขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผนดิน (ฉบับ
ที่ ๕) พ.ศ.๒๕๔๕ ประกอบกบั ขอ ๒ (๑) (๔) และขอ ๑๙ (๑) แหง กฎกระทรวงแบง สว นราชการ
กรมที่ดนิ กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๓ ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบยี บบรหิ าร
ราชการแผน ดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ อธบิ ดกี รมที่ดนิ จึงวางระเบียบไวดงั ตอไปนี้
ขอ ๑ ระเบียบนีเ้ รยี กวา “ระเบียบกรมท่ดี นิ วาดวยการตรวจหลกั ฐานทะเบียน
ทีด่ นิ การขอคัด ขอถา ยสําเนาเอกสาร และการตรวจสอบหลักทรพั ย พ.ศ. ๒๕๕๖”
ขอ ๒ ระเบยี บนีใ้ หใ ชบังคบั ต้งั แตบัดน้ีเปน ตน ไป
ขอ ๓ ใหยกเลกิ
(๑) หนงั สือกรมทะเบียนทด่ี ิน กระทรวงเกษตราธิการ ลงวนั ท่ี ๓๑ สิงหาคม พระพทุ ธ
ศกั ราช ๒๔๕๗
(๒) คําส่ังกรมที่ดนิ ท่ี ๔/๒๕๐๐ ลงวันท่ี ๒๕ มีนาคม ๒๕๐๐
(๓) หนังสือกรมท่ดี ิน ที่ ๒๓๘๙/๒๕๐๐ ลงวนั ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๐๐
(๔) หนงั สือกรมทด่ี นิ ท่ี มท ๐๖๐๘/ว ๒๐๖๘๓ ลงวนั ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๑๔
(๕) หนงั สอื กรมทีด่ ิน ที่ มท ๐๖๐๘/ว ๓๑๐๐๐ ลงวนั ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๑๔
(๖) ระเบียบกรมท่ีดิน วาดวยการตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดินทางไปรษณีย
พ.ศ. ๒๕๒๕
(๗) หนงั สือกรมทีด่ ิน ท่ี มท ๐๖๑๒/๑/ว ๒๙๗๗๐ ลงวันท่ี ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๒๕
(๘) หนงั สอื กรมที่ดนิ ท่ี มท ๐๖๑๐/ว ๓๗๘๖๗ ลงวนั ท่ี ๑๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๕
(๙) หนงั สอื กรมทด่ี ิน ท่ี มท ๐๖๑๐/ว ๘๙๖๗ ลงวันท่ี ๑๘ เมษายน ๒๕๓๘
(๑๐) หนังสือกรมท่ดี นิ ที่ มท ๐๖๑๐/ว ๑๒๔๘๖ ลงวนั ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๓๙
(๑๑) หนงั สือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๖๑๐/ว ๑๘๓๘๒ ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๙
๔๒๕
(๑๒) หนังสอื กรมท่ดี นิ ท่ี มท ๐๗๑๐/ว ๐๙๓๗๓ ลงวนั ที่ ๒๗ มนี าคม ๒๕๔๐
(๑๓) หนงั สอื กรมทีด่ นิ ที่ มท ๐๕๑๕/ว ๑๗๑๖๓ ลงวันท่ี ๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๗
(๑๔) หนังสือกรมทดี่ ิน ที่ มท ๐๕๑๕/ว ๒๗๘๗๐ ลงวนั ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๔๙
(๑๕) หนงั สือกรมที่ดนิ ท่ี มท ๐๕๑๕/ว ๑๒๓๐๙ ลงวันท่ี ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
(๑๖) หนงั สอื กรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๕/ว ๑๔๐๒๔ ลงวนั ท่ี ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑
(๑๗) หนงั สอื กรมทด่ี ิน ที่ มท ๐๕๑๕.๒/ว ๑๔๑๔๔ ลงวนั ท่ี ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๓
(๑๘) หนังสือกรมทด่ี ิน ที่ มท ๐๕๑๕.๑/ว ๑๑๓๗๘ ลงวันท่ี ๑๘ เมษายน ๒๕๕๕
ขอ ๔ บรรดาระเบยี บ ขอกําหนด หรอื คําสงั่ อน่ื ใดทก่ี าํ หนดไวแ ลว ในระเบียบนี้
หรือซ่งึ ขดั หรือแยงกับระเบียบน้ี ใหใชร ะเบยี บนีแ้ ทน
ขอ ๕ ในระเบียบนี้
“หลักฐานทะเบยี นที่ดนิ ” หมายความวา เอกสารเกี่ยวกับทีด่ นิ ซ่ึงเจาหนา ท่ขี อง
รัฐไดจัดทําขึ้นไวเ ปนหลกั ฐาน และเอกสารทเ่ี กี่ยวกับทดี่ ินท่ีเก็บไวเปนหลักฐาน ตลอดจนให
หมายความรวมถงึ เอกสารตา งๆ ของอาคารชุดและหอ งชดุ ดว ย
“การตรวจหลกั ฐานทะเบยี นทด่ี นิ ” หมายความวา การขอตรวจหลกั ฐานทะเบยี นทด่ี นิ
ท่ีผูข อทราบเลขทีห่ นังสือแสดงสิทธใิ นท่ดี นิ เครื่องหมายท่ีดิน หรือทีผ่ ูข อสามารถระบุทตี่ ัง้ ของทีด่ ิน
ไดชัดเจนวาอยูที่ใดโดยผูขอตองการทราบวาท่ีดินดังกลาวปจจุบันมีชื่อบุคคลใดเปนผูมีสิทธิใน
ท่ดี ิน ไดท ดี่ นิ มาอยา งไร เม่ือใด มภี าระผูกพนั หรือไม มีการยดึ หรืออายดั ตามกฎหมายใดหรอื ไม
และไดมกี ารออกใบแทนไปแลวหรือไม เมอ่ื ใด รวมท้ังขอทราบเกยี่ วกับเอกสารหลกั ฐานทะเบียน
ทดี่ ินท่ีเกีย่ วของ
“การตรวจสอบหลักทรัพย” หมายความวา การตรวจหลกั ฐานทะเบียนทดี่ นิ ที่ผขู อ
ทราบเฉพาะชอ่ื บุคคลหรือนติ ิบคุ คล แตไมท ราบรายละเอียดหรอื เลขทห่ี นงั สอื แสดงสทิ ธใิ นทีด่ ิน
โดยผูขอตองการทราบวา บุคคลหรือนติ ิบุคคลใด เปน ผูถอื กรรมสทิ ธห์ิ รือสทิ ธคิ รอบครองในที่ดนิ
แปลงใด และใหหมายความรวมถงึ หองชดุ ดว ย
“หนว ยงานของรัฐ” หมายความวา กระทรวง ทบวง กรม หรอื สวนราชการทเี่ รยี กช่ือ
อยา งอน่ื และมีฐานะเปนกรม ราชการสว นภมู ภิ าค ราชการสว นทองถ่นิ และรฐั วิสาหกจิ ทต่ี ัง้ ขึน้
โดยพระราชบัญญัตหิ รอื พระราชกฤษฎกี า ยกเวน รฐั วสิ าหกจิ ประเภทธนาคาร และใหหมายความ
รวมถงึ หนวยงานอน่ื ของรัฐท่ีกฎหมายกาํ หนดใหเปน หนวยงานของรฐั
ขอ ๖ ใหผูอํานวยการสํานักมาตรฐานการทะเบียนที่ดินเปนผูรักษาการตาม
ระเบยี บน้ี
๔๒๖
หมวด ๑
การตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดนิ การขอคดั ขอถายสาํ เนาเอกสาร
______________
สวนที่ ๑
การขอตรวจหลักฐานทะเบียนท่ดี ิน การขอคัด ขอถายสําเนาเอกสาร
______________
ขอ ๗ ผูใ ดมีความประสงคขอตรวจหลกั ฐานทะเบียนทีด่ นิ ขอคดั หรอื ขอถา ย
สําเนาเอกสารเกี่ยวกับหลกั ฐานทะเบยี นทด่ี นิ แปลงใด ใหย ืน่ คาํ ขอตามแบบ ท.ด. ๙ ตอ พนกั งาน
เจาหนา ที่ ณ สาํ นักงานทดี่ นิ ทองทซี่ ่งึ ที่ดินต้งั อยู และแจงเหตุผลท่ีขอคัดหรอื ถา ยสําเนาเอกสาร
พรอมทั้งเครื่องหมายที่ดินหรือขอความเทาที่ผูขอสามารถแจงใหทราบถึงที่ตั้งของที่ดินแปลงนั้น
มีความประสงคจ ะขอตรวจหลักฐานทะเบยี นท่ีดิน หรอื ขอคัด หรอื ถา ยสาํ เนาเอกสารใด เพ่ือ
ประโยชนอะไร และจะใหรบั รองเอกสารดว ยหรอื ไม
ขอ ๘ ใหพนกั งานเจา หนา ท่ีสอบสวนใหไดความวา ผขู อตองการขอตรวจหลักฐาน
ทะเบยี นทด่ี นิ ของทด่ี นิ แปลงใด เพอ่ื ตอ งการทราบเกย่ี วกบั เรอ่ื งใด หรอื คดั หรอื ถา ยสาํ เนาเอกสารใด
เพ่อื ประโยชนอ ะไร แลวพิจารณาเปด เผยหลักฐานทะเบียนทดี่ นิ โดยปฏิบตั ิตามหลกั เกณฑของ
พระราชบญั ญัติขอ มูลขาวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
กรณีขอตรวจหลกั ฐานทะเบียนทดี่ ิน หากตรวจพบวาหลักฐานหนังสือแสดงสิทธใิ น
ท่ดี ินไดมีการออกเปนหนังสอื แสดงสิทธใิ นทดี่ ินประเภทอนื่ ไปแลว เชน ส.ค. ๑ ออกเปนหนงั สอื
รับรองการทําประโยชน หรือหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน ออกเปน โฉนดท่ดี ิน ไปแลว เปน ตน
ใหพนักงานเจา หนา ทแ่ี จงใหผขู อทราบดวย
หากสอบสวนแลวเห็นวาไมอาจเปดเผยหลักฐานทะเบียนที่ดินใหแกผูขอได หรือ
เปนเรื่องที่ไมมีกฎหมายใหกระทําไดแลว ใหพนักงานเจาหนาท่ีส่ังไมรับดําเนินการตามคําขอ
พรอ มแจง เหตผุ ลและสทิ ธกิ ารอทุ ธรณต ามพระราชบญั ญตั ขิ อ มลู ขา วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ใหผูข อทราบ
การสงั่ การเกีย่ วกับการตรวจหลักฐานทะเบยี นทดี่ ิน การขอคัด ขอถายสําเนาเอกสาร
ใหหวั หนาฝายทะเบยี น หรอื ผูท่ีไดรับมอบหมาย หรอื เจา พนกั งานทด่ี ินอําเภอ แลว แตก รณี
เปน ผมู อี าํ นาจส่ังการ
ขอ ๙ หามพนกั งานเจาหนา ทดี่ ําเนนิ การตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน หรือคัดหรอื
ถา ยสาํ เนาเอกสารใหแกผใู ดโดยไมมคี าํ ขอ
ขอ ๑๐ การขอตรวจสอบหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นที่ดินซึ่งเปนเอกสารมหาชน บุคคล
ท่ัวไปขอตรวจสอบไดต ามพระราชบญั ญัตขิ อมลู ขาวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยใหระบุ
๔๒๗
หมายเลขหนังสือแสดงสทิ ธิในทีด่ นิ ทีจ่ ะขอตรวจสอบใหชัดเจน หากไมสามารถระบุใหช ัดเจนได
กไ็ มอ าจใหตรวจสอบได
ขอ ๑๑ การขอตรวจ ขอคัด หรือขอถายสําเนาเอกสารตางๆ หากเปนเอกสาร
ทเ่ี กย่ี วขอ งกบั ประชาชนและไมต อ งหา มตามพระราชบญั ญตั ขิ อ มลู ขา วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
หรอื เปน เอกสารทม่ี ลี ายมอื ชอ่ื ของเจา ของทด่ี นิ หรอื คกู รณี ใหอ ยใู นดลุ ยพนิ จิ ของพนกั งานเจา หนา ท่ี
ถา มีเหตผุ ลอนั สมควรในการขอดาํ เนนิ การ พนักงานเจาหนา ท่สี ามารถอนญุ าตผขู อใหข อตรวจ
ขอคดั หรือขอถายสําเนาเอกสารน้ันไดท ง้ั หมดหรือบางสว นตามท่เี ห็นสมควร โดยผูขอไมจ ําเปน
ตอ งเปนตองเปน ผมู ีสวนไดเ สยี ในทด่ี ินหรือเอกสารนัน้
กรณีขอถา ยสาํ เนาหนังสอื มอบอาํ นาจ ซึ่งมรี ายละเอยี ดการมอบอาํ นาจ ลายมอื ช่อื
ผมู อบอาํ นาจและความเหน็ ของพนกั งานเจา หนา ทเ่ี กย่ี วกบั หนงั สอื มอบอาํ นาจไมถ อื เปน ความลบั
ใหถ า ยและรับรองสําเนาเอกสารหนงั สือมอบอาํ นาจนั้นได ในกรณีพนกั งานเจา หนา ทเี่ ห็นวา อาจ
จะกอ ใหเ กิดความเสยี หาย ใหใ ชด ลุ ยพินจิ สง่ั การตามท่เี ห็นสมควรภายใตพ ระราชบัญญตั ขิ อ มูล
ขาวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ขอ ๑๒ กรณขี อถา ยหลกั ฐานสาํ เนาทะเบยี นบา น หรอื สาํ เนาบตั รประจาํ ตวั ประชาชน
ที่เก็บไวในสารบบ ใหแจงผูขอไปดําเนินการขอถายสําเนาเอกสารจากหนวยงานซ่ึงเปนผูออก
เอกสารน้ันโดยตรง เวนแตเปน กรณจี ําเปนที่ตองใชสําเนาหลกั ฐานดงั กลาว เชน ผขู ออา งวามีการ
ปลอมแปลงเอกสารหลักฐาน เปน ตน
ขอ ๑๓ กรณีที่สํานักงานท่ีดินไมมีเคร่ืองถายเอกสารไวบริการสําหรับประชาชน
ในสํานักงานท่ีดิน ใหผูขอที่จะขอถายเอกสารพรอมกับพนักงานเจาหนาท่ีของสํานักงานที่ดิน
นําเอกสารไปถายสําเนานอกสํานักงานท่ีดินได โดยตองไดรับอนุญาตจากเจาพนักงานท่ีดิน
จงั หวัด เจา พนกั งานทดี่ ินจังหวดั สาขา เจาพนักงานท่ีดินหัวหนา สวนแยก หรือเจา พนักงานทด่ี นิ
อําเภอ แลวแตก รณี และใหผขู อเปน ผชู าํ ระคา ใชจายและคา ถา ยสําเนาเอกสารเอง
ขอ ๑๔ กรณที ผ่ี ูขอประสงคใหพนักงานเจาหนาที่รบั รองสําเนาเอกสาร กอ นท่ีจะ
รับรองสาํ เนาเอกสาร ใหพนกั งานเจาหนาทตี่ รวจสอบสาํ เนาเอกสารวา มีความชดั เจนครบถว น
ถูกตอ งตรงกบั เอกสารทีข่ อใหร ับรองหรอื ไม
การรับรองสําเนาเอกสารใหพนักงานเจาหนา ท่ลี งนามรบั รองสาํ เนาถูกตอง พรอ ม
ระบชุ ือ่ ตําแหนง และวัน เดอื น ป ทุกแผนทุกหนา
ขอ ๑๕ กรณีการขอตรวจหลักฐานทะเบยี นท่ดี นิ การขอคัด หรือขอถายสาํ เนา
เอกสารและสาํ เนาจากส่ือบนั ทึกขอ มูลทางคอมพวิ เตอร หรอื สื่ออิเลก็ ทรอนิกสอ ่ืน ใหเรยี กเก็บ
คา ธรรมเนยี มและคา ใชจาย ตามหมวด ๔ ของระเบยี บน้ี
๔๒๘
สว นที่ ๒
หนวยงานของรฐั ขอตรวจหลักฐานทะเบียนทด่ี นิ ขอคัด ขอถายสําเนาเอกสาร
______________
ขอ ๑๖ กรณหี นวยงานของรัฐซ่งึ อาศัยอํานาจตามกฎหมาย แจงใหต รวจหลักฐาน
ทะเบียนท่ีดินและจัดสงเอกสารเก่ียวกับท่ีดิน ในกรณีที่ตรวจพบใหจัดสงแตสําเนาเอกสาร
ซงึ่ พนกั งานเจาหนาท่ีลงนามรบั รองสําเนาวาถกู ตอ งตรงกับตน ฉบับ เวน แตเ ร่ืองใดท่รี ะบคุ วาม
จําเปน ชดั แจง วา ตอ งการตน ฉบับ จึงใหส งตน ฉบับเฉพาะในกรณที ี่มีความจําเปนเทานนั้ การสง
เอกสารตนฉบับใหกําหนดเวลาการสงคืน โดยใหพนักงานเจาหนาที่ถายสําเนาเอกสารหรือ
สารบบนั้นไว พรอมทั้งทําบัญชีไวเปนหลักฐานและใหถือเปนเร่ืองสําคัญท่ีพนักงานเจาหนาท่ี
จะตองเอาใจใสและคอยระมดั ระวงั เรียกเอกสารกลับคนื
ขอ ๑๗ กรณีท่ีหนวยงานของรัฐมีหนังสือขอตรวจหลักฐานทะเบียนท่ีดิน ขอถาย
สาํ เนาเอกสารและใหจ ัดสง เอกสารโดยมไิ ดส ง เจาหนา ที่มาดาํ เนนิ การ ใหแ จงหนว ยงานของรัฐ
นั้นทราบวาการขอตรวจหลักฐานทะเบียนท่ีดิน ขอถายสําเนาเอกสารน้ันมีคาธรรมเนียมและ
คาใชจายการถายสําเนาเอกสาร และใหแนะนําหนวยงานของรัฐนั้นมอบหมายเจาหนาท่ีไป
ดาํ เนินการขอตรวจหลักฐานทะเบยี นท่ดี ิน และถายสําเนาเอกสารจากสาํ นักงานทีด่ ินโดยตรง
เม่อื ไดร ับการตดิ ตอ จากหนวยงานนนั้ ๆ แลว ใหด าํ เนนิ การใหตามขอ ๑๙ (๑) (๒) (๓) แลวแตก รณี
กรณหี นว ยงานของรฐั ขอตรวจหลกั ฐานทะเบยี นทด่ี นิ ใหพ นกั งานเจา หนา ทด่ี าํ เนนิ การ
ตรวจจากสื่อบนั ทึกขอมลู ทางคอมพวิ เตอร หรอื สื่ออิเล็กทรอนิกสอ ื่น หากหลักฐานทะเบียนที่ดนิ
ทีข่ อตรวจสอบยังสามารถตรวจสอบไดดวยมือ และหนวยงานดังกลาวมีความประสงคที่จะดาํ เนนิ
การตรวจสอบดว ยมือ โดยไดส ง เจาหนา ทข่ี องหนวยงานนัน้ มาเปนผูดําเนินการ ในกรณีเชนนี้ให
พนักงานเจา หนาท่ีดาํ เนินการใหแกหนว ยงานนัน้ ตามความประสงค
ขอ ๑๘ กรณศี าลมีคาํ สง่ั เรยี กพยานเอกสารประกอบคดตี ามทค่ี คู วามรองขอ โดยท่ี
คูค วามไมม ายืน่ ขอคัด หรือขอถา ยสําเนาเอกสารดว ยตนเอง แตเ ปนกรณีทีข่ อใหศาลมหี มายเรียก
สําเนาเอกสารมายงั สํานักงานทีด่ นิ โดยตรง ใหพนกั งานเจาหนา ที่จัดสง สาํ เนาเอกสารใหแ กศาล
ตามหมายเรยี ก แลวใหเรียกเก็บคา ธรรมเนียมและคา ใชจ า ยเปนคาคดั หรอื ถายสําเนาเอกสาร
และคา รับรองเอกสาร ตามหมวด ๔ ของระเบยี บน้ี โดยใหพ นกั งานเจาหนา ทีแ่ จง ศาลขอใหเ รียก
เกบ็ คา ธรรมเนยี มและคาใชจ า ยดงั กลาวจากคูค วามผูอางเอกสารน้นั แลว จัดสง ใหสาํ นักงานท่ีดนิ
เวน แตกรณีเปน คดที ี่มีกฎหมายใหยกเวน คา ธรรมเนยี ม สว นคาคําขอไมต องเรียกเกบ็ เพราะคาํ ส่งั
เรยี กพยานเอกสารของศาลมใิ ชค ําขอ
กรณีท่ีคูความนาํ หมายศาลมาดาํ เนินการดวยตนเอง ใหพ นักงานเจา หนาท่เี รียกเกบ็
คาธรรมเนียมและคาใชจ า ยจากคูความ เปนคาคดั หรือถา ยสาํ เนาเอกสารและคา รับรองเอกสาร
ตามหมวด ๔ ของระเบียบน้ี สวนคาคําขอไมตอ งเรียกเก็บ และใหพนักงานเจาหนา ท่ที าํ หนงั สือ
๔๒๙
แจงใหศาลทราบโดยระบุในหนังสือแจงศาลดวยวาผูขอเปนผูรับสําเนาเอกสารไปดวยตนเอง
ในกรณที ม่ี เี หตขุ ดั ขอ งไมส ามารถดาํ เนนิ การใหค คู วามรบั สาํ เนาเอกสารไปได ใหพ นกั งานเจา หนา ท่ี
จดั สงสาํ เนาเอกสารใหแ กศาลโดยอนุโลมดําเนินการตามวรรคหน่ึง
ขอ ๑๙ กรณหี นวยงานของรฐั ขอตรวจหลักฐานทะเบยี นทีด่ นิ ขอคดั หรือขอถาย
สําเนาเอกสารใหพิจารณาเปดเผยหลักฐานทะเบียนท่ีดินตามหลักเกณฑของพระราชบัญญัติ
ขอ มูลขาวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ และใหด าํ เนนิ การ ดงั น้ี
(๑) กรณีย่ืนคําขอตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน ขอคัดหรือขอถายสําเนาเอกสาร
ดวยมอื เปน กรณีที่พนักงานเจาหนาที่ของสํานกั งานทีด่ นิ ตอ งเปนผดู าํ เนนิ การให ถงึ แมหนว ยงาน
นนั้ จะสงเจาหนาทมี่ าคดั หรือถายสําเนาเอกสารดว ยตนเอง ก็ไมอาจใหด ําเนินการเองได เน่อื งจาก
การยื่นคําขอ (ท.ด. ๙) เปน การแสดงความประสงคท ี่จะใหพนักงานเจาหนาทีข่ องสํานกั งานที่ดิน
ดาํ เนินการให จงึ เปนกรณที ่ีตอ งเรียกเกบ็ คาธรรมเนียมและคา ใชจา ย ตามขอ ๓๑ ขอ ๓๔ และ
ขอ ๓๙ ของระเบยี บนี้
(๒) กรณีมหี นังสือแจง ขอความรวมมอื ขอตรวจหลักฐานทะเบียนทีด่ นิ ขอคัดหรอื
ขอถายสําเนาเอกสารดวยมือ โดยสงเจา หนาที่ของหนว ยงานน้ันมาคดั หรือถา ยสาํ เนาเอกสารเอง
พนักงานเจาหนาที่ของสํานักงานท่ีดินมีเพียงหนาที่เพียงแตอํานวยความสะดวกดานขอมูลเทาน้ัน
ไมตองเรียกเก็บคาธรรมเนียมเน่ืองจากเปนการประสานงานระหวางหนวยงาน มิใชกรณีตาม
มาตรา ๑๐๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณมี หี นังสอื แจงขอความรว มมอื ขอตรวจหลกั ฐานทะเบยี นทด่ี ิน ขอคัดหรือ
ขอถา ยสําเนาเอกสารดวยมือ โดยไมไ ดส งเจาหนา ทขี่ องหนว ยงานนน้ั มา หรอื สงมาแตไมไ ดเปน
ผดู ําเนนิ การคดั หรอื ถายสาํ เนาเอกสารเอง เปน กรณีที่พนักงานเจา หนาท่ีของสาํ นักงานทีด่ นิ เปน
ผดู ําเนนิ การ ในกรณีเชน น้ีใหเรยี กเก็บคา ธรรมเนยี มและคา ใชจาย ตามขอ ๓๑ ขอ ๓๔ และ
ขอ ๓๕ ของระเบยี บน้ี
การดาํ เนนิ การคดั หรอื ถา ยสาํ เนาเอกสารตามวรรคหนง่ึ ใหอ ยภู ายใตก ารควบคมุ
ดูแลของพนกั งานเจาหนา ที่ โดยใหพ นกั งานเจาหนา ท่อี ํานวยความสะดวกตามความเหมาะสม
และระมัดระวังความชํารุดเสียหาย กรณีที่เปนเอกสารสําคัญที่ตองระวังความชํารุดเสียหาย
ใหพนักงานเจา หนาทเ่ี ปน ผคู ดั หรอื ถายสาํ เนาเอกสารให
(๓) กรณียื่นคําขอหรือมีหนังสือแจงขอความรวมมือขอตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน
และขอสาํ เนาจากส่ือบนั ทกึ ขอมูลทางคอมพิวเตอร หรือส่ืออเิ ลก็ ทรอนกิ สอน่ื เชน การขอขอมลู
แปลงท่ีดินทางระบบ Land Information System (LIS) เปนตน และใหพนกั งานเจา หนาทข่ี อง
สาํ นักงานทดี่ นิ เปนผูด ําเนนิ การ เนื่องจากมรี ะบบรกั ษาความปลอดภัยทีจ่ ะเขา ถงึ ฐานขอ มูล และ
ใหเ รียกเกบ็ คา ธรรมเนียม ตามขอ ๓๑ และขอ ๓๕ ของระเบียบน้ี
๔๓๐
(๔) กรณีขอใหพนักงานเจาหนาที่รับรองเอกสารท่ีคัดหรือถายสําเนาเอกสาร
ใหเ รียกเก็บคาธรรมเนียมการรับรองเอกสารท่ีคัดหรือถา ยสําเนาเอกสารตามขอ ๓๖ ของระเบียบ
นี้ เวนแตก รณีที่มีกฎหมายกาํ หนดใหยกเวน
การขอตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน ขอคัดหรอื ขอถา ยสาํ เนาเอกสาร เม่ือพนักงาน
เจา หนาทีด่ าํ เนนิ การแลว ใหผูขอหรือเจา หนา ที่ของหนว ยงานนั้นลงนามรบั รองไวเปน หลกั ฐานวา
ไดตรวจหลักฐานทะเบียนท่ดี นิ หรือคัดหรือถา ยสําเนาเอกสารแลว แตเม่ือใด
ขอ ๒๐ กรณที ่ีหนว ยงานของรฐั ซึง่ อาศยั อํานาจตามกฎหมาย เชน มาตรา ๑๒ ตรี
แหง ประมวลรษั ฎากรมาตรา ๑๔ แหง พระราชบญั ญตั ปิ อ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ พ.ศ. ๒๕๑๙
มาตรา ๒๕ แหงพระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา ดวยการปองกันและปราบปรามการทจุ ริต
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๘ แหง พระราชบญั ญตั ิปองกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๔๒ แหง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญวาดวยการตรวจเงินแผน ดนิ พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๒๔ แหงพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ และมาตรา ๑๘
แหง พระราชบญั ญตั มิ าตรการของฝา ยบรหิ ารในการปอ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ.๒๕๕๑
เปนตน ขอตรวจหลกั ฐานทะเบียนท่ีดนิ ขอคดั หรอื ขอถายสําเนาเอกสาร ในกรณเี ชนนีถ้ อื วา เปน
หนา ท่ีท่พี นกั งานเจา หนาท่ตี องปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย ไมต อ งเรยี กเก็บคาธรรมเนยี มในการตรวจ
หลักฐานทะเบยี นทดี่ ิน การคดั หรือถายสาํ เนาเอกสารหรือคา รบั รองเอกสารเพอ่ื สงสําเนาเอกสาร
ใหแ กหนว ยงานตามท่ีกฎหมายกําหนด แมจ ะเปน การตรวจหลักฐานทะเบยี นทด่ี ิน การคดั หรือ
สําเนาจากสอ่ื บนั ทึกขอมูลทางคอมพิวเตอร หรือส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกสอ ืน่
ขอ ๒๑ กรณหี นวยงานของรัฐวาจางบุคคลหรอื นิติบคุ คลใหดาํ เนนิ การเรื่องใด แลว
ผูรบั จางน้นั มายื่นคําขอตรวจหลกั ฐานทะเบยี นท่ดี นิ ขอคัด หรือขอถา ยสาํ เนาเอกสาร โดยมใิ ช
กรณีหนว ยงานของรัฐขอความรว มมือและมาดาํ เนินการเอง ใหพ นักงานเจาหนา ที่สอบสวนและ
บนั ทกึ เหตผุ ลในคาํ ขอวา ขอไปเพอ่ื เหตใุ ด พรอ มทง้ั ระบเุ ลขทห่ี นงั สอื แสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ ทข่ี อใหช ดั เจน
และใหเ รยี กเกบ็ คาธรรมเนียม ตามขอ ๓๑ ขอ ๓๔ และขอ ๓๕ ของระเบียบนี้
หมวด ๒
การตรวจหลักฐานทะเบียนท่ีดินทางไปรษณยี
______________
ขอ ๒๒ การตรวจหลกั ฐานทะเบียนที่ดนิ ทางไปรษณยี กรณีเปนที่ดนิ ใหขอตรวจได
เฉพาะทีด่ ินทม่ี ีโฉนดทด่ี นิ หรือหนงั สอื รบั รองการทําประโยชน และกรณีเปน อาคารชดุ ใหขอตรวจ
ไดเฉพาะหนงั สอื กรรมสิทธ์หิ อ งชุด โดยไมร วมถึงการตรวจสอบหลักทรัพย การขอคัด และขอถา ย
สําเนาเอกสาร
การขอตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดินทางไปรษณียใหตรวจไดเฉพาะหลักฐาน
ดงั ตอไปนี้
๔๓๑
(๑) ทด่ี นิ มชี อื่ บุคคลใดเปนผูมีสทิ ธใิ นที่ดนิ หรอื หอ งชุด ไดมาอยา งไร เมื่อใด มีภาระ
ผูกพนั หรือไม อยางไร
(๒) ทีด่ ินมีการยึดหรืออายัดตามกฎหมาย หรือไม
(๓) ไดมีการออกใบแทนไปแลว หรอื ไม เมอื่ ใด
กรณผี ขู อ ขอตรวจหลกั ฐานทะเบียนทดี่ ินและขอคัดหรือขอถา ยสาํ เนาเอกสารดวย
ใหพนักงานเจาหนาทด่ี ําเนินการใหเ ฉพาะการตรวจหลักฐานทะเบียนทด่ี ินตาม (๑) – (๓) เทา น้นั
สว นอ่นื ๆ ใหแจงผูขอทราบวา ไมอ ยูในหลกั เกณฑที่จะขอดาํ เนนิ การทางไปรษณยี ไ ด
ขอ ๒๓ กรณีบุคคลใดมีหนังสือขอตรวจหลักฐานทะเบียนท่ีดินทางไปรษณีย
ใหพนกั งานเจา หนา ทีด่ ําเนนิ การ ดังน้ี
(๑) ใหต รวจสอบเอกสารหลักฐานทผ่ี ขู อสง มา แลวจัดทําบญั ชคี ุมเร่ืองการขอตรวจ
หลักฐานทะเบยี นท่ดี นิ ทางไปรษณีย โดยบนั ทึกขอมลู รายละเอยี ดชื่อ ท่ีอยขู องผขู อ เลขทีโ่ ฉนด
ที่ดนิ หรือหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน หรอื หนงั สือกรรมสิทธ์ิหอ งชุด รายละเอียดตาํ แหนง ท่ดี นิ
ความประสงคในการขอตรวจหลักฐานทะเบียนท่ีดินเพื่อประโยชนใด และไดสงคาธรรมเนียม
ถกู ตองหรือไม
กรณีที่ผขู อไมไดสง เงนิ คาธรรมเนยี มมา หรือสงมาแตไ มถกู ตอง ใหแจง ผูขอดาํ เนิน
การสง เงินคาธรรมเนยี มใหถ ูกตองครบถว นเสยี กอ น ตามแบบทา ยระเบยี บนี้
(๒) ในกรณีที่ตรวจสอบแลวสามารถดําเนินการได ใหลงบัญชีรับทําการโดยถือ
หนังสือขอตรวจหลกั ฐานทะเบียนทีด่ ินทางไปรษณยี เปน คําขอ แลวเรยี กเก็บคา ธรรมเนียมตาม
ขอ ๓๑ ของระเบียบนี้
(๓) เมอ่ื ทําการตรวจสอบแลว ใหทาํ หนังสอื แจง ผลการตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน
ใหผูข อทราบภายใน ๗ วันทําการนบั แตวนั ท่ีไดรับคําขอ ตามแบบทา ยระเบียบนี้ ถา มเี งนิ เหลอื พอ
สาํ หรบั การสง เงนิ คนื ใหจ ดั สง พรอ มทง้ั สง ใบเสรจ็ รบั เงนิ คา ธรรมเนยี มไปดว ย หากมเี งนิ เหลอื ไมพ อ
สําหรับสงคืน ใหแ จงผขู อรับเงินที่เหลอื คืนโดยดวนภายใน ๓๐ วนั โดยใหดาํ เนนิ การฝากเก็บ
เงนิ เหลอื ดังกลาวไวท ํานองเดียวกบั เงนิ คาใชจายมัดจาํ รังวัด
(๔) กรณีท่ีไมอาจดําเนินการใหผูขอได ใหแจงผูขอทราบถึงขอขัดของน้ันพรอม
สง เงินคืนใหแกผูข อภายใน ๗ วนั ทําการนบั แตวันที่ไดร ับคําขอ หากกรณมี ขี อขดั ของเน่ืองจาก
เอกสารหรอื คา ธรรมเนยี มไมค รบถว น หรอื อน่ื ๆ ใหแ จง ผขู อดาํ เนนิ การเพม่ิ เตมิ ใหค รบถว นเสยี กอ น
ตามแบบทา ยระเบียบนี้ แลว ดําเนินการใหแกผูขอตอไป
(๕) เม่อื ดําเนินการตาม (๓) หรือ (๔) แลว แตกรณี ใหพนักงานเจาหนาทีห่ มายเหตุ
ในบัญชีคมุ เรือ่ ง การขอตรวจหลักฐานทะเบียนท่ดี นิ ทางไปรษณีย ลงชื่อพนกั งานเจาหนาท่ี พรอ ม
วัน เดือน ป ที่ดําเนนิ การแลวเสรจ็ และเกบ็ เร่ืองรวมเขา สารบบทดี่ นิ ตามระเบียบ
ขอ ๒๔ ใหส าํ นกั งานทด่ี นิ ประชาสมั พนั ธใ หป ระชาชนไดท ราบหลกั เกณฑแ ละวธิ กี าร
ขอตรวจสอบหลักฐานทะเบยี นทด่ี ินทางไปรษณยี วา สามารถขอตรวจหลกั ฐานทะเบยี นที่ดนิ ได
๔๓๒
เฉพาะการตรวจหลกั ฐานตามขอ ๒๒ เทา นน้ั ไมรวมถึงการตรวจสอบหลักทรัพย การขอคัดหรือ
ขอถา ยสําเนาเอกสาร โดยผูข อตองสงเงินคา ธรรมเนยี มคาํ ขอ และคาตรวจหลกั ฐานทะเบยี นท่ีดนิ
โดยเช็คไปรษณยี ห รือธนาณตั ิ หรือวิธีการอ่ืนตามทีก่ รมท่ีดินกําหนด พรอมสง ซองจดหมายปด
แสตมปจ า หนาซองถึงตัวผูขอ โดยระบทุ อี่ ยูใหช ัดเจนเพื่อจะไดแจง ผลการตรวจสอบหรอื ขดั ของ
ใหทราบ
หมวด ๓
การขอตรวจสอบหลักทรัพย
______________
ขอ ๒๕ ผูใดมีความประสงคขอใหพนักงานเจาหนาที่ตรวจสอบหลักทรัพยของ
บคุ คลหรือนติ ิบคุ คลใด เพ่อื ใหทราบวา บคุ คลหรือนติ บิ ุคคลน้นั มีชอ่ื เปนผถู ือกรรมสิทธิห์ รอื สิทธิ
ครอบครองในทด่ี ินแปลงใดหรอื อสังหาริมทรพั ยอืน่ ใด ใหยืน่ คําขอตามแบบ ท.ด. ๙ ตอพนักงาน
เจา หนา ท่ี ณ สํานักงานทดี่ นิ ทอ งท่ีซง่ึ ทด่ี นิ หรอื อสงั หาริมทรพั ยน้ันตั้งอยู พรอ มหลักฐานท่แี สดงวา
มสี ิทธิตรวจสอบหลกั ทรัพยไ ดต ามกฎหมาย และแจง ความประสงคว า ขอตรวจสอบเพ่ือประโยชน
อยางไร
ขอ ๒๖ ใหพ นกั งานเจา หนา ทส่ี อบสวนใหไ ดค วามวา เปน การขอตรวจสอบหลกั ทรพั ย
ของบุคคลหรือนิตบิ คุ คลใด เพือ่ ตอ งการทราบวา บคุ คลหรอื นติ ิบคุ คลนั้น เปน ผูถอื กรรมสิทธ์ิหรือ
สิทธิครอบครองในทดี่ ินแปลงใด หรืออสงั หาริมทรพั ยอ ่ืนใด เพื่อประโยชนอ ยางไร แลวพิจารณา
เปด เผยหลักฐานทะเบยี นทดี่ นิ โดยปฏิบตั ิตามหลกั เกณฑข องพระราชบัญญตั ขิ อ มูลขาวสารของ
ราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ขอ ๒๗ กรณหี นว ยงานของรฐั หรือเอกชนผูม สี ทิ ธติ ามกฎหมาย เชน เจา หนีต้ าม
คําพิพากษาหรอื คาํ ส่ังศาลถงึ ท่สี ดุ หรือทนายความรไู ดร บั มอบอาํ นาจจากเจาหนด้ี งั กลาว ซึง่ เปน
ผูม สี ิทธติ ามมาตรา ๒๔ (๘) แหงพระราชบัญญตั ิขอ มูลขา วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ขอตรวจ
สอบหลักทรัพยของลูกหน้ีตามคําพิพากษาหรือคําสั่งศาลน้ัน ใหย่ืนคําขอตอพนักงานเจาหนาท่ี
พรอมดวยคําพิพากษาหรือคําส่ังศาลถึงที่สุดแสดงวาตนมีสิทธิขอตรวจสอบหลักทรัพย และให
เรียกเก็บคาธรรมเนยี มตามขอ ๓๒ ของระเบยี บนี้
กรณคี ดที ย่ี งั ไมม คี าํ พพิ ากษาหรอื คาํ สง่ั ศาลถงึ ทส่ี ดุ คคู วามในคดดี งั กลา วยงั ไมถ อื วา
เปนผมู ีสทิ ธติ ามมาตรา ๒๔ (๘) แหงพระราชบญั ญัตขิ อมลู ขาวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐
ใหพนักงานเจาหนาที่ส่ังไมรับดําเนินการตามคําขอ พรอมแจงเหตุผลและสิทธิการอุทธรณตาม
พระราชบญั ญัตขิ อมูลขาวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ใหผูขอทราบ
ขอ ๒๘ กรณีหนวยงานของรัฐท่ีมีอํานาจตรวจสอบหลักทรัพยตามกฎหมาย
ขอตรวจสอบหลักทรัพยของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลใหหนวยงานน้ันระบุเลขประจําตัว
ประชาชน (เลข ๑๓ หลกั ) หรอื เลขทะเบียนนิตบิ คุ คล (เลข ๑๓ หลกั ) ของผถู ูกตรวจสอบ
๔๓๓
หลักทรพั ยดวย หากตรวจพบรายช่ือทขี่ อตรวจสอบหลกั ทรพั ย ใหพนักงานเจาหนาท่ตี รวจสอบวา
เปนบคุ คลหรือนิตบิ ุคคลเดยี วกับผทู ่หี นวยงานนนั้ ระบุเลขประจําตัวประชาชน หรือเลขทะเบยี น
นิติบุคคลไวในคําขอหรือไม
กรณีหนวยงานดังกลาวไมไดระบุเลขประจําตัวประชาชนหรือเลขทะเบียนนิติบุคคล
ของผูถูกตรวจสอบมาดวย และพนักงานเจาหนาท่ีตรวจพบวาผูถูกตรวจสอบหลักทรัพยเปน
ผูถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย ในการแจงผลการตรวจสอบหลักทรัพย
ใหพนกั งานเจาหนาทร่ี ะบเุ ลขประจาํ ตวั ประชาชน พรอมแจงชือ่ บิดา มารดา และอายุของบุคคล
หรือเลขทะเบียนนิติบุคคลและที่ต้ังสํานักงานแหงใหญของนิติบุคคลผูถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ
ครอบครองในอสังหารมิ ทรัพยน ้นั ไปดวย เพื่อใหผ ูขอตรวจสอบหลกั ทรพั ยไดตรวจสอบขอมลู วา
เปนบุคคลหรอื นติ ิบุคคลเดยี วกับทีต่ อ งการตรวจสอบหรือไม
กรณีที่หนวยงานของรัฐไดขอตรวจสอบหลักทรัพยและขออายัดอสังหาริมทรัพยน้ัน
โดยใชอํานาจตามกฎหมายท่ีใหอ าํ นาจไวมาพรอมกนั ใหพ นกั งานเจาหนา ที่แจงหนวยงานนนั้
ทราบดวยวา ถา ปรากฏวาไมใ ชบ คุ คลหรือนิติบคุ คลเดยี วกับผูท่ีขอตรวจสอบหลักทรัพย ขอใหแ จง
สาํ นกั งานที่ดินทราบโดยดว น เพอื่ ยกเลิกการอายดั อสงั หารมิ ทรัพยข องผูทไี่ มเกยี่ วของน้นั
ขอ ๒๙ กรณเี อกชนผมู สี ทิ ธติ ามกฎหมายขอตรวจสอบหลกั ทรพั ยข องบคุ คลธรรมดา
หรอื นติ บิ ุคคลตามขอ ๒๗ ใหผขู อระบเุ ลขประจําตัวประชาชน (เลข ๑๓ หลัก) หรอื เลขทะเบียน
นิตบิ คุ คล (เลข ๑๓ หลกั ) ของผถู กู ตรวจสอบหลักทรพั ยดวย หากตรวจพบรายชื่อทขี่ อตรวจสอบ
หลกั ทรัพย ใหพ นักงานเจา หนา ทีต่ รวจสอบวาเปน บุคคลหรอื นิติบคุ คลเดียวกบั ผทู ่หี นวยงานน้นั
ระบเุ ลขประจําตวั ประชาชนหรอื เลขทะเบียนนติ ิบคุ คลไวใ นคําขอหรือไม
กรณที ่ีผขู อไมส ามารถระบเุ ลขประจาํ ตวั ประชาชน หรือเลขทะเบียนนิติบคุ คลของ
ผูถ ูกตรวจสอบได และพนกั งานเจา หนา ท่ีตรวจพบวา ผถู ูกตรวจสอบหลกั ทรพั ยเปนผถู อื กรรมสิทธิ์
หรอื สทิ ธคิ รอบครองในอสงั หารมิ ทรพั ยใ นการแจง ผลการตรวจสอบหลกั ทรพั ย ใหพ นกั งานเจา หนา ท่ี
ระบเุ ลขประจาํ ตัวประชาชน พรอมแจงชอ่ื บิดา มารดา และอายุของบคุ คล หรือเลขทะเบียน
นิติบุคคลและท่ีตั้งสํานักงานแหงใหญของนิติบุคคลผูถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองใน
อสังหาริมทรัพยน้ันไปดวย เพื่อใหผขู อตรวจสอบหลักทรพั ยไดตรวจสอบขอ มูลวาเปนบุคคลหรือ
นิตบิ คุ คลเดียวกบั ท่ตี อ งการตรวจสอบหรือไม
ขอ ๓๐ กรณีทห่ี นว ยงานของรฐั ซ่ึงอาศยั อาํ นาจตามกฎหมาย เชน มาตรา ๑๒ ตรี
แหงประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๔ แหงพระราชบัญญัติปองกันและปราบปรามยาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๑๙ มาตรา ๒๕ แหง พระราชบัญญัตปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วาดว ยการปอ งกันและปราบ
ปรามการทจุ รติ พ.ศ.๒๕๔๒ มาตรา ๓๘ แหงพระราชบญั ญตั ปิ องกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๒ แหง พระราชบัญญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนญู วาดว ยการตรวจเงินแผนดนิ
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๔ แหง พระราชบัญญตั ิการสอบสวนคดพี ิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ และมาตรา ๑๘
๔๓๔
แหง พระราชบญั ญตั มิ าตรการของฝา ยบรหิ ารในการปอ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ พ.ศ.๒๕๕๑
เปน ตน ขอตรวจสอบหลักทรัพยของบคุ คลหรอื นติ ิบุคคลใด ถือวา เปนหนา ท่ที พ่ี นกั งานเจาหนาที่
ตองปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย ไมตอ งเรยี กเก็บคา ธรรมเนียมในการตรวจสอบการคัดหรือถา ยสาํ เนา
เอกสารหรือคารับรองเอกสารเพื่อสงสําเนาเอกสารใหแกหนวยงานตามท่ีกฎหมายกําหนดแม
จะเปนการตรวจสอบการคัดหรือสําเนาเอกสารจากส่ือบันทึกขอมูลทางคอมพิวเตอรหรือส่ือ
อเิ ลก็ ทรอนิกสอืน่
หมวด ๔
คา ธรรมเนียม
______________
สว นที่ ๑
คา ธรรมเนยี มการตรวจหลกั ฐานทะเบียนท่ีดิน
______________
ขอ ๓๑ คาธรรมเนียมตรวจหลักฐานทะเบยี นที่ดิน ณ สํานักงานทดี่ นิ และทาง
ไปรษณีย ใหเรยี กเก็บ ดงั นี้
(๑) คาคําขอใหเรียกเก็บแปลงละ ๕ บาท ตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๗
(พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซง่ึ แกไ ข
เพิ่มเตมิ โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๓ (พ.ศ. ๒๕๔๙) ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ หใช
ประมวลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๒ (๑๐) (ก)
(๒) คาตรวจหลกั ฐานทะเบยี นที่ดิน ใหเ รียกเก็บ ดังนี้
(๒.๑) กรณีตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดินจากส่ือบันทึกขอมูลทางคอมพิวเตอร
หรอื สอ่ื อิเลก็ ทรอนิกสอ ื่น รวมทั้งขอ มูลแปลงท่ดี นิ ทางระบบ Land Information System (LIS) ให
เรียกเกบ็ ครัง้ ละ ๑๐๐ บาท (คาํ ขอละ) ตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ.๒๕๕๑) ออกตามความ
ในพระราชบัญญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซงึ่ แกไ ขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง
ฉบบั ท่ี ๕๓ (พ.ศ. ๒๕๔๙) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ.๒๔๙๗
ขอ ๒ (๑๐) (ญ)
(๒.๒) กรณีตรวจหลักฐานทะเบยี นทด่ี ินดวยมือ ใหเรยี กเก็บเปนรายแปลงๆ ละ
๑๐ บาท ตามกฎกระทรวงฉบบั ท่ี๔๗ (พ.ศ.๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวล
กฎหมายทีด่ ิน พ.ศ.๒๔๙๗ ซึ่งแกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๓ (พ.ศ.๒๕๔๙) ออกตาม
ความในพระราชบญั ญัตใิ หใชป ระมวลกฎหมายทดี่ นิ พ.ศ.๒๔๙๗ ขอ ๒ (๑๐) (ง)
๔๓๕
สวนท่ี ๒
คา ธรรมเนยี มการตรวจสอบหลกั ทรัพย
______________
ขอ ๓๒ คา ธรรมเนียมตรวจสอบหลกั ทรัพย ใหเ รียกเกบ็ ดงั น้ี
(๑) คาคําขอใหเรียกเก็บตามจํานวนรายลูกหนี้ท่ีขอตรวจสอบ รายละ ๕ บาท
อนโุ ลมตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิใหใช
ประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซ่งึ แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๕๓ (พ.ศ. ๒๕๔๙)
ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชป ระมวลกฎหมายท่ีดนิ พ.ศ.๒๔๙๗ ขอ ๒ (๑๐) (ก) เชน
ขอตรวจสอบหลกั ทรัพยข องลกู หนต้ี ามคําพิพากษาถึงทส่ี ุด จํานวน ๒ ราย ในคาํ ขอเดียวกนั ให
เรียกเกบ็ คา คําขอ รายละ ๕ บาท รวมเปน ๑๐ บาท เปน ตน
(๒) คา ตรวจสอบหลกั ทรัพย ใหเ รียกเกบ็ ดงั นี้
(๒.๑) กรณีตรวจจากสื่อบนั ทึกขอมูลทางคอมพิวเตอร หรอื ส่ืออเิ ล็กทรอนกิ สอ่ืน
ใหเ รยี กเกบ็ คา ตรวจสอบ ครั้งละ ๑๐๐ บาท (คาํ ขอละ) ตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๗ (พ.ศ.๒๕๔๑)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติใหใ ชป ระมวลกฎหมายท่ีดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึง่ แกไขเพมิ่ เตมิ โดย
กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๕๓ (พ.ศ. ๒๕๔๙) ออกตามความในพระราชบญั ญัติใหใชประมวลกฎหมาย
ทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๒ (๑๐) (ญ) ไมวา ในคาํ ขอนัน้ จะขอตรวจสอบรายชือ่ ก่รี ายก็ตาม เชน
ยน่ื คาํ ขอตรวจสอบ จํานวน ๑๒ ราย ในคําขอฉบบั เดยี วกัน ใหพ นกั งานเจาหนาท่ีเรยี กเกบ็
คาตรวจสอบตามจาํ นวนคาํ ขอ คาํ ขอละ ๑๐๐ บาท แมวา ในคําขอฉบับเดียวจะขอตรวจสอบ
รายชอ่ื จาํ นวน ๑๒ ราย ก็ตาม
(๒.๒) กรณีท่ีไมสามารถตรวจจากสื่อบันทึกขอมูลทางคอมพิวเตอร หรือส่ือ
อเิ ล็กทรอนิกสอ ่ืนได และหากสามารถตรวจสอบไดดวยมอื ใหเรียกเกบ็ เปน รายแปลงทด่ี นิ ตาม
ทต่ี รวจสอบพบ แปลงละ ๑๐ บาท ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความ
ในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง
ฉบบั ท่ี ๕๓ (พ.ศ. ๒๕๔๙) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗
ขอ ๒ (๑๐) (ง) หากตรวจไมพบไมต องเรยี กเก็บคาตรวจสอบ
สว นที่ ๓
คาธรรมเนียมการขอถายเอกสารรปู แผนที่จากระวางแผนที่
______________
ขอ ๓๓ คาธรรมเนียมคําขอถายเอกสารรูปแผนท่ีจากระวางแผนท่ี ใหคิดเปน
รายแปลงตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญัติใหใช
ประมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึง่ แกไ ขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๓ (พ.ศ. ๒๕๔๙)
๔๓๖
ออกตามความในพระราชบญั ญัตใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๒ (๑๐) (ก)
แปลงละ ๕ บาท เชน ขอถา ยเอกสารรูปแผนที่จากระวางแผนท่ีโดยระบจุ ํานวนแปลงทข่ี อถาย
๕ แปลง คดิ คา ธรรมเนยี มคาคาํ ขอ ๕ แปลงๆ ละ ๕ บาท รวมเปน เงนิ ๒๕ บาท
การขอถา ยเอกสารรปู แผนที่จากระวางแผนที่ จาํ นวน ๑ ระวาง ใหค ดิ คาคําขอตาม
จํานวนแปลงที่ปรากฏในระวางแผนที่นนั้ เชน ในระวางแผนท่ี มรี ปู แผนท่ีจํานวน ๕๐ แปลง ใหคิด
คาคาํ ขอ ๕๐ แปลง
สว นท่ี ๔
คาธรรมเนยี มและคาใชจ า ย การคัด การถา ยสาํ เนาเอกสาร
และสาํ เนาจากสอ่ื บนั ทึกขอ มลู ทางคอมพวิ เตอรห รือสือ่ อเิ ล็กทรอนกิ สอ ่ืน
______________
ขอ ๓๔ คา คดั สําเนาเอกสารตางๆ รวมท้งั คาคัดสําเนาเอกสารเปน พยานในคดีแพง
โดยพนักงานเจาหนา ที่เปนผูคดั ใหเรียกเกบ็ ตามกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออก
ตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดย
กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๕๓ (พ.ศ.๒๕๔๙) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมาย
ทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๒ (๑๐) (ข)
ขอ ๓๕ คาถา ยสําเนาเอกสาร และคา สําเนาจากสือ่ บนั ทึกขอมลู ทางคอมพิวเตอร
หรือสอื่ อเิ ล็กทรอนิกสอ ืน่ ใหเรียกเกบ็ ดงั นี้
(๑) กรณเี ปน การจัดทําสาํ เนาโดยเครอ่ื งถายเอกสารของทางราชการ ใหเ รียกเกบ็
คา ถายสาํ เนาเอกสารโดยเคร่ืองถายเอกสารคดิ ตามขนาดกระดาษ ตามประกาศคณะกรรมการ
ขอมูลขาวสารของราชการและประกาศกรมที่ดินเกี่ยวกับการเรียกเก็บคาธรรมเนียมการขอสําเนา
หรือขอสาํ เนาทีม่ ีคาํ รบั รองถูกตองของขอ มูลขา วสารของราชการ
(๒) กรณีเปนการจัดทําสําเนากระดาษ จากสื่อบันทึกขอมูลทางคอมพิวเตอร
หรอื ส่อื อิเล็กทรอนกิ สอ ื่น ใหเรยี กเก็บคา ธรรมเนียม แผน ละ ๕๐ บาท (ไมร วมกรณี CD–ROM /
Diskette) ตามกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ช
ประมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซง่ึ แกไ ขเพิม่ เติมโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๕๓ (พ.ศ. ๒๕๔๙)
ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๒ (๑๐) (ฎ)
สวนท่ี ๕
คาธรรมเนยี มการรบั รองสาํ เนาเอกสาร
______________
ขอ ๓๖ คา ธรรมเนยี มการใหค าํ รับรองถกู ตองของสําเนาเอกสารทะเบยี นทด่ี ิน และ
หนังสอื แสดงสทิ ธิในทดี่ นิ ใหเรียกเก็บคา ธรรมเนียมการรบั รอง ฉบบั ละ ๑๐ บาท ตามกฎกระทรวง
๔๓๗
ฉบบั ท่ี ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗
ซึ่งแกไขเพิม่ เติมโดยกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๕๓ (พ.ศ. ๒๕๔๙) ออกตามความในพระราชบญั ญัติ
ใหใชป ระมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๒ (๑๐) (ค)
การรบั รองสําเนาเอกสาร ใหเ รยี กเกบ็ เปน รายฉบับ ฉบับละ ๑๐ บาท แมว าเอกสาร
ทข่ี อรับรองสาํ เนาฉบบั หนง่ึ ๆ จะมีหลายหนาตอ งถือวา เปน ๑ ฉบบั เชน ขอถายสําเนาโฉนดที่ดนิ
๑ ฉบับ ซง่ึ มี ๓ หนา ใหเรียกเกบ็ คา รับรอง ๑๐ บาท
สวนที่ ๖
คาพยาน
______________
ขอ ๓๗ คาํ ขอตรวจหลกั ฐานทะเบียนท่ีดิน ขอคดั ขอถา ยสาํ เนาเอกสาร และขอ
ตรวจสอบหลกั ทรัพย หามพนักงานเจาหนาทเ่ี รยี กเกบ็ คาพยานในคําขอ เวนแตผขู อประสงคจ ะ
ใหพนกั งานเจาหนา ทล่ี งนามในฐานะพยานไวเปน หลักฐานในคาํ ขอ กใ็ หผขู อแสดงความประสงค
ไวในคําขอนน้ั ๆ พนักงานเจา หนา ที่จึงจะลงนามเปน พยาน และใหเ รยี กเกบ็ คา พยาน คนละ ๑๐
บาท ตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวล
กฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแกไ ขเพมิ่ เติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๘ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตาม
ความในพระราชบัญญตั ิ ใหใชป ระมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๔ (๖)
สว นที่ ๗
คาธรรมเนียมและคา ใชจายเก่ยี วกบั อาคารชุดและหองชดุ
______________
ขอ ๓๘ คาธรรมเนียมการตรวจหลักฐานทะเบียนและคาธรรมเนียมการตรวจสอบ
หลกั ทรัพยเกี่ยวกับอาคารชดุ และหอ งชุด ไดแ ก คา คําขอ คาตรวจสอบ คาถา ยสาํ เนาเอกสาร
หรอื คาสําเนาจากสื่อบันทึกขอ มูลทางคอมพิวเตอร หรือสอ่ื อิเล็กทรอนกิ สอ น่ื หรอื สําเนาขอ มูลอื่น
และคา รับรองเอกสาร ใหเ รยี กเก็บตามกฎกระทรวงกาํ หนดคาธรรมเนียมและคา ใชจ า ยเกี่ยวกับ
อาคารชดุ พ.ศ. ๒๕๕๓ ขอ ๑ (๘) และหามพนักงานเจาหนาทเี่ รยี กเกบ็ คาพยานในคําขอ เวนแต
ผูขอประสงคจะใหพนักงานเจาหนาท่ีลงนามในฐานะพยานไวเปนหลักฐานในคําขอ ก็ใหผูขอ
แสดงความประสงคไ วในคาํ ขอน้นั ๆ พนักงานเจาหนาท่ีจงึ จะลงนามเปนพยานและใหเ รียกเกบ็
คา พยาน คนละ ๒๐ บาท ตามกฎกระทรวงกําหนดคา ธรรมเนียมและคาใชจา ยเกยี่ วกับอาคารชุด
พ.ศ. ๒๕๕๓ ขอ ๒ (๒)
ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖
(ลงชอ่ื ) บญุ เชิด คิดเห็น
(นายบุญเชิด คดิ เห็น)
อธบิ ดีกรมท่ีดิน
๔๓๘
แบบหนงั สือแจงผลการตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดินทางไปรษณยี ตามขอ ๒๓ (๓)
ท่ี................/................ สาํ นกั งานท่ีดนิ .........................
วันท.่ี .........เดอื น....................พ.ศ. ..........
เรื่อง แจง ผลการตรวจหลักฐานทะเบยี นทดี่ ินทางไปรษณีย
เรียน ............................................................
อา งถงึ หนงั สือ.....................ลงวนั ที.่ .......เดือน.....................พ.ศ. ....
ตามทข่ี อตรวจหลกั ฐานทะเบยี นท่ีดนิ และสง เงนิ คา ธรรมเนียมไป จาํ นวน..................บาท
เพอ่ื ขอตรวจหลักฐานทะเบียนทีด่ นิ
■ โฉนดที่ดิน/หนังสอื รบั รองการทําประโยชน เลขที่...............................หมูที่................
ตําบล..............................อําเภอ..............................จงั หวดั ..............................
■ หนงั สอื กรรมสทิ ธ์ิหองชดุ เลขที่.....................ชัน้ ท.ี่ ...........อาคารเลขท.่ี .....................
ช่ืออาคารชุด..............................ทะเบยี นอาคารชุดเลขท.่ี ..............ตั้งอยบู นโฉนดที่ดินเลขท.่ี ...............
ตาํ บล..............................อําเภอ..............................จังหวดั ..............................นัน้
บดั นี้ สํานกั งานที่ดนิ ....................ไดต รวจสอบแลวเมอ่ื วันท่.ี ........เดอื น.............พ.ศ. ....
เวลา...................น. ขอเรยี นดงั นี้
๑. ชือ่ ผูถ ือกรรมสทิ ธิ์/สทิ ธิครอบครองปจจบุ นั คือ.........(ใสช ื่อผูถือกรรมสิทธทิ์ กุ คน)........
ไดที่ดนิ มาโดย.............................................................เม่อื วันท.ี่ ..........เดือน.........................พ.ศ. ....
๒. ผลการตรวจภาระผูกพัน/การอายัด/การออกใบแทน
■ ไมม ีภาระผกู พัน ■ มีภาระผกู พัน คือ.........................................
■ ไมมีการยดึ หรืออายดั ■ มีการยดึ หรืออายัด ตาม...............................
■ หนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ /กรรมสทิ ธห์ิ อ งชดุ ฉบบั เจา ของทด่ี นิ ไมม กี ารออกใบแทน
■ หนงั สือแสดงสิทธใิ นท่ดี ิน/กรรมสิทธห์ิ องชุด ฉบบั เจาของทีด่ นิ ปจ จุบันเปน ใบแทน
ออกให เมอื่ วนั ที.่ ..........เดอื น..........................พ.ศ. ....
๓. เงินคาธรรมเนียมเหลือคืน จํานวน.................บาท (สง คนื โดยเชค็ ไปรษณีย/ ธนาณัติ/
หรอื ใหไ ปรับคนื ณ สํานักงานที่ดนิ ภายใน ๓๐วนั )
ทั้งนี้ สาํ นกั งานที่ดนิ ........................ไดเรียกเก็บคา ธรรมเนยี มเปน คา คาํ ขอ............แปลง
เปน เงิน..................................บาท คาตรวจหลักฐานทะเบียนทีด่ ิน/หองชุด.........................แปลง/หอ ง
เปนเงิน..................................บาท รวมเปน เงนิ .................................บาท
อน่งึ ผลการตรวจหลกั ฐานทะเบียนที่ดินทแ่ี จงมาใหทราบนี้ อาจมีการเปลีย่ นแปลงไป
หลังจากวนั เวลา ท่ีไดต รวจสอบ ฉะนั้น กรณที ่ีผขู อประสงคจ ะนําไปใชเพือ่ อา งอิงขอมลู ใดๆ ควรย่นื ขอ
ตรวจหลักฐานทะเบียนทดี่ ิน ณ สํานกั งานท่ดี ินทองท่ซี งึ่ ท่ดี นิ ตง้ั อยูอีกครัง้ หนง่ึ
..................................... ขอแสดงความนับถอื
โทร. ............................. ลงชอื่ ..........................................
(........................................)
ตําแหนง ...........................................
๔๓๙
แบบหนังสือแจง ขอขัดของ ตามขอ ๒๓ (๑) และ (๔)
ท.่ี .............../................ สาํ นกั งานทดี่ นิ .........................
วันที.่ .........เดอื น....................พ.ศ. ..........
เร่อื ง แจง ขอ ขดั ขอ งการตรวจหลกั ฐานทะเบียนทีด่ ินทางไปรษณยี
เรยี น ............................................................
อางถงึ หนังสือ.....................ลงวนั ท่.ี .......เดือน.....................พ.ศ. ....
ตามทีข่ อตรวจหลักฐานทะเบียนทด่ี นิ และสง เงนิ คา ธรรมเนียมไป จาํ นวน..................บาท
เพื่อขอตรวจหลกั ฐานทะเบยี นทดี่ นิ
■ โฉนดทีด่ นิ /หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน เลขที่...............................หมทู ี่................
ตาํ บล..............................อําเภอ..............................จงั หวดั ..............................
■ หนงั สอื กรรมสทิ ธิห์ อ งชุด เลขท.่ี ....................ชั้นท่.ี ...........อาคารเลขท่.ี .....................
ชือ่ อาคารชดุ ..............................ทะเบียนอาคารชุดเลขท.่ี ..............ต้งั อยบู นโฉนดที่ดินเลขที่................
ตําบล..............................อําเภอ..............................จงั หวดั ..............................นั้น
สาํ นกั งานทด่ี นิ ..............................ไดต รวจสอบแลว ไมส ามารถดาํ เนนิ การตรวจหลกั ฐาน
ทะเบยี นทด่ี นิ (โฉนดทด่ี นิ /หนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน/ หนงั สอื กรรมสทิ ธห์ิ อ งชดุ ) ดงั กลา วได เนอ่ื งจาก
■ ไมพบหลกั ฐาน (โฉนดทีด่ ิน/หนงั สือรบั รองการทําประโยชน/หนงั สอื กรรมสิทธห์ิ องชุด)
ทท่ี า นขอตรวจสอบ จงึ ไมอ าจดาํ เนนิ การตรวจหลกั ฐานทะเบยี นทด่ี นิ ใหท า นได และไดส ง เงนิ คา ธรรมเนยี ม
จาํ นวน...............................บาท คนื มาโดย...............(เชค็ ไปรษณยี / ธนาณตั )ิ ................
■ ใหน าํ สง เอกสารเพ่ิมเติม.........................................................................................
หรอื นําสงคา ธรรมเนียม เพ่มิ อีก จํานวน......................................บาท
■ อนื่ ๆ......................................................................................................................
ดังน้ัน จึงขอใหทานนําสงเอกสารเอกสารหลักฐาน/เงินคาธรรมเนียม ดังกลาวขางตน
ไปยงั สํานักงานที่ดนิ ..............................โดยดว น และสง ซองจดหมายปดแสตมปจ าหนาซองถึงตัวทา น
เพ่ือจะไดแ จง ผลการตรวจสอบใหทราบตอไป
ขอแสดงความนับถือ
ลงชอื่ ..........................................
(........................................)
ตําแหนง ...........................................
.....................................
โทร. .............................
๔๔๐
ที่ มท ๐๕๑๕.๑ / ว ๒๕๒๒๘ (สําเนา)
กรมทด่ี นิ
ศูนยร าชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรฐั ประศาสนภักดี ถนนแจงวัฒนะ
แขวงทุงสองหอง เขตหลกั ส่ี กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๒๗ กันยายน ๒๕๕๖
เร่อื ง การรับคาํ ขอและการจดทะเบียนตางสํานกั งานที่ดนิ
เรยี น ผวู า ราชการจังหวดั ทกุ จงั หวดั
อา งถึง ๑. ระเบียบกรมทีด่ นิ วา ดว ยการรบั คาํ ขอจดทะเบยี นสทิ ธิและนิตกิ รรมเกย่ี วกบั
อสงั หารมิ ทรัพยส าํ หรับทด่ี นิ ทมี่ โี ฉนดทดี่ นิ ใบไตสวน หรือหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน
ณ สาํ นักงานทด่ี ินแหง ใดแหง หนึ่ง พ.ศ.๒๕๕๔
๒. หนงั สือกรมทีด่ ิน ที่ มท ๐๕๑๕/ว ๑๙๘๑๘ ลงวันท่ี ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๑
ดวยปรากฏวา มสี าํ นักงานท่ดี ินแหงหนง่ึ รับคําขอจดทะเบียนตา งสาํ นักงานท่ดี ิน
ตามระเบยี บกรมทีด่ นิ วา ดว ยการรับคาํ ขอจดทะเบยี นสิทธแิ ละนิติกรรมเกี่ยวกบั อสงั หาริมทรัพย
สาํ หรบั ทด่ี นิ ท่มี โี ฉนดทดี่ ิน ใบไตสวน หรือหนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชน ณ สาํ นักงานทดี่ ิน
แหงใดแหงหน่ึง พ.ศ. ๒๕๕๔ แตไดสงเอกสารเร่ืองราวการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให
สํานักงานท่ีดินทองท่ีเพื่อดําเนินการจดทะเบียนลาชากวาระยะเวลาที่ระเบียบกรมที่ดินกําหนด
ซงึ่ ตอมาปรากฏวา ผูถอื กรรมสทิ ธิใ์ นโฉนดท่ดี ินดงั กลา วซึ่งเปนบคุ คลธรรมดาไดเ สยี ชีวิตไปกอ น
ที่พนกั งานเจา หนา ที่ ณ สํานักงานทีด่ ินทองท่ีจะจดทะเบยี น เปน เหตใุ หการจดทะเบียนสิทธิและ
นิตกิ รรมไมช อบดวยกฎหมาย ซึ่งจะตอ งดาํ เนินการตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
กรมท่ีดินพิจารณาแลวเห็นวา ตามระเบียบกรมที่ดินที่อางถึง ๑. ไดกําหนด
ใหสํานักงานที่ดินท่ีรับคําขอและสํานักงานท่ีดินทองท่ีท่ีมีหนาท่ีจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
ตอ งดําเนินการใหแลวเสรจ็ ภายในระยะเวลาทก่ี าํ หนดไว กลาวคอื ภายใน ๓ วันทาํ การและ
๕ วันทําการตามลําดับ แตเนื่องจากการจดทะเบียนกรณีดังกลาวเปนการจดทะเบียนตาง
สํานกั งานท่ีดิน ซ่งึ มีชว งระยะเวลาในการสง เอกสารระหวางสาํ นกั งานทด่ี ิน และชวงระยะเวลา
ดําเนนิ การในสว นทีเ่ ก่ยี วขอ ง แมระเบียบกรมที่ดนิ จะกําหนดเวลาใหด าํ เนินการแลว เสรจ็ ไว และ
แมว าพนกั งานเจา หนาท่ีจะไดป ฏิบตั ิตามระเบียบดงั กลา วโดยเครงครดั ก็ตาม ในชว งระยะเวลา
ระหวางการสงเอกสารและดําเนินการในสวนท่ีเกี่ยวของก็อาจเกิดเหตุการณกรณีดังกลาวข้ึนได
ดังน้ันเพื่อเปนการปองกันปญหากรณีดังกลาว จึงขอใหกําชับแกพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการ
ดังน้ี
๔๔๑
๑. สํานักงานที่ดินท่ีรับคําขอ ใหพนักงานเจาหนาท่ีเรงรัดดําเนินการภายใน
กําหนดระยะเวลาตามระเบยี บกรมทีด่ นิ ดงั กลาวโดยเครง ครดั และใหบ นั ทึกคูกรณรี ับทราบถึง
ผลตามกฎหมายของการย่ืนคําขอและการจดทะเบียนไวดานหลังสัญญาหรือบันทึกขอตกลง
ดวยวา การย่นื คาํ ขอจดทะเบียนตา งสํานักงานทีด่ นิ จะมผี ลสมบรู ณต ามกฎหมายเม่อื พนักงาน
เจา หนาที่ ณ สํานกั งานท่ดี นิ ทอ งท่ีไดจ ดทะเบียนแลว
๒. สาํ นกั งานทีด่ นิ ทองที่ ใหพนกั งานเจา หนา ทเ่ี รงรัดดําเนินการภายในกําหนด
ระยะเวลาตามระเบยี บกรมทด่ี ินดังกลาวโดยเครงครัด และในการตรวจสอบสภาพบคุ คลของผูขอ
กรณเี ปน บคุ คลธรรมดา ใหด าํ เนินการ ดงั นี้
๒.๑ กรณีสํานักงานท่ีดินที่ใชระบบคอมพิวเตอรเพ่ือการจดทะเบียนสิทธิและ
นติ กิ รรมแลว กอ นจดทะเบียนใหพนักงานเจาหนาทต่ี รวจสอบขอมลู ของผขู อท้งั สองฝา ยจากฐาน
ขอมลู ทะเบียนกลาง เพอื่ การปฏบิ ตั ิงานเกี่ยวกับการจดทะเบยี นสทิ ธิและนติ ิกรรมใหทราบวาผูข อ
ยังมีสภาพบุคคลอยูหรือไม ทั้งนี้ตามบันทึกขอตกลงวาดวยการขอใชประโยชนขอมูลทะเบียน
ประวัติราษฎรจากฐานขอมูลทะเบียนกลางดวยระบบคอมพิวเตอรโดยวิธีการ COUNTER
SERVICE ระหวา ง สาํ นักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กบั กรมทีด่ ิน ตามหนงั สอื ท่ีอางถงึ ๒.
๒.๒ กรณีสํานักงานที่ดินที่ไมไดใชระบบคอมพิวเตอรเพ่ือการจดทะเบียน
สิทธิและนิติกรรมใหพนักงานเจาหนาที่ทําหนังสือหรือประสานงานดวยวิธีอื่น ขอความรวมมือ
ตรวจสอบขอ มลู ของผูข อทั้งสองฝายกับนายทะเบียนทองถน่ิ เปน กรณีเรง ดว น เพื่อใหทราบวา ผูขอ
มสี ภาพบคุ คลอยหู รอื ไม ทง้ั น้ี ใหเ รง ดาํ เนนิ การใหแ ลว เสรจ็ ภายในกาํ หนดเวลาไมเ กนิ ๕ วนั ทาํ การ
นับแตว นั ท่ีไดรบั เรอ่ื งตามระเบยี บกรมทีด่ นิ ดงั กลาวดว ย
จึงเรียนมาเพ่ือโปรดทราบ และแจงพนักงานเจาหนาท่ีทราบและถือปฏิบัติ
โดยเครง ครัดตอ ไป
ขอแสดงความนบั ถือ
(ลงชอ่ื ) บญุ เชิด คิดเห็น
(นายบญุ เชิด คดิ เหน็ )
อธิบดกี รมท่ดี นิ
สํานักมาตรฐานการทะเบียนท่ีดนิ
สว นมาตรฐานการจดทะเบียนสิทธแิ ละนติ ิกรรม
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๗๕๙
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๒๔
๔๔๒
ที่ มท ๐๕๑๕.๑ / ว ๒๕๒๖๐ (สาํ เนา)
กรมทด่ี ิน
ศูนยราชการเฉลิมพระเกยี รติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรฐั ประศาสนภกั ดี ถนนแจง วฒั นะ
แขวงทุงสองหอง เขตหลักส่ี กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๒๗ กันยายน ๒๕๕๖
เร่อื ง ระเบียบกรมท่ีดนิ วาดว ยการประเมินราคาทุนทรพั ยเ พอ่ื เรยี กเกบ็ คา ธรรมเนยี มในการ
จดทะเบยี นสิทธิและนติ กิ รรม และการขอหนังสือรับรองราคาประเมินทนุ ทรัพยท ีด่ ินและ
อสงั หาริมทรพั ยอ ยางอืน่ พ.ศ. ๒๕๕๖
เรยี น ผวู า ราชการจังหวดั ทกุ จังหวัด
ส่ิงท่ีสง มาดวย ระเบยี บกรมที่ดิน วา ดว ยการประเมนิ ราคาทนุ ทรพั ยเ พอ่ื เรยี กเก็บคา ธรรมเนยี ม
ในการจดทะเบียนสทิ ธิและนติ กิ รรม และการขอหนังสอื รบั รองราคาประเมิน
ทนุ ทรพั ยท ่ีดินและอสงั หารมิ ทรัพยอ ยา งอืน่ พ.ศ. ๒๕๕๖
ดวยกรมที่ดินไดออกระเบียบกรมท่ีดิน วาดวยการประเมินราคาทุนทรัพย
เพ่ือเรียกเก็บคาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และการขอหนังสือรับรองราคา
ประเมินทุนทรัพยที่ดินและอสังหาริมทรัพยอยางอ่ืน พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อใหพนักงานเจาหนาที่
ใชใ นการปฏบิ ัติงานไดอยา งถกู ตอ ง สะดวก รวดเร็วและเปนมาตรฐานเดยี วกัน โดยไดร วบรวม
ระเบียบ หนังสอื เวียน และหนงั สอื ตอบขอ หารือเกี่ยวกบั การประเมินราคาทุนทรพั ยเ พื่อเรียกเก็บ
คาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และการขอหนังสือรับรองราคาประเมิน
ทุนทรัพยท ี่ดินและอสังหาริมทรพั ยอยา งอื่น นาํ เน้ือหามาปรบั ปรุงและรวบรวมไวใ นระเบียบนเ้ี พอ่ื
ใหเหมาะสมกับสถานการณในปจจุบัน และเปนไปตามกฎหมายวาดวยวิธีปฏิบัติราชการทาง
ปกครอง พระราชบัญญัตขิ อมลู ขา วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ และกฎหมายอ่นื ท่ีเก่ยี วของ
โดยไดยกเลิกหนังสือเวียนเกี่ยวกับการประเมินราคาทุนทรัพยท่ีเก่ียวของและระเบียบกรมที่ดิน
วา ดว ยการขอทราบราคาประเมินทด่ี นิ ทางไปรษณยี พ.ศ. ๒๕๔๐ รวมท้งั ไดก ําหนดหลกั การใหม
โดยใหพนักงานเจาหนาที่สามารถออกหนังสือรับรองราคาประเมินท่ีดินพรอมสิ่งปลูกสรางกรณี
ที่ผูขอเปนเจาของที่ดินและสิ่งปลูกสรางได รายละเอียดปรากฏตามระเบียบกรมที่ดิน วาดวย
การประเมินราคาทุนทรัพยเพ่ือเรียกเก็บคาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และ
การขอหนังสือรับรองราคาประเมินทุนทรัพยที่ดินและอสังหาริมทรัพยอยางอ่ืน พ.ศ. ๒๕๕๖
ตามสง่ิ ท่สี ง มาดวย
๔๔๓
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และแจงใหพนักงานเจาหนาท่ีทราบและถือปฏิบัติ
พรอมท้ังนําระเบียบกรมท่ีดินดังกลาวไปเพิ่มเติมในหนังสือรวมระเบียบ คําสั่ง เกี่ยวกับการ
จดทะเบยี นสิทธแิ ละนิตกิ รรม เพื่อใหส ามารถใชอางองิ ไดอยางถกู ตอง สะดวก และรวดเรว็ ตอ ไป
ขอแสดงความนับถอื
(ลงช่อื ) บุญเชิด คดิ เหน็
(นายบุญเชิด คดิ เหน็ )
อธิบดีกรมท่ีดนิ
สาํ นักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน
สว นมาตรฐานการจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิติกรรม
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๗๕๙, ๐ ๒๑๔๑ ๕๗๖๕
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๑๒๔
๔๔๔
(สําเนา)
ระเบียบกรมทด่ี นิ
วา ดว ยการประเมนิ ราคาทนุ ทรพั ยเ พอ่ื เรยี กเกบ็ คา ธรรมเนยี มในการจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ กิ รรม
และการขอหนงั สอื รับรองราคาประเมนิ ทนุ ทรัพยทด่ี ินและอสงั หาริมทรพั ยอยา งอ่นื
____พ_._ศ_._๒_๕_๕__๖____
โดยท่ีเห็นเปนการสมควรใหมีการรวบรวมปรับปรุงหลักเกณฑและวิธีการเกี่ยวกับ
การประเมนิ ราคาทนุ ทรพั ย เพอ่ื เรียกเก็บคาธรรมเนยี มในการจดทะเบียนสิทธแิ ละนติ ิกรรม และ
การขอหนงั สอื รบั รองราคาประเมนิ ทนุ ทรพั ยท ่ีดินและอสงั หาริมทรพั ยอยา งอื่น เพอื่ ใหพนักงาน
เจา หนาท่ีใชในการปฏบิ ัตงิ านไดอยางถกู ตอง สะดวก รวดเร็ว และเปนมาตรฐานเดยี วกนั
อาศยั อํานาจตามความในมาตรา ๓๒ แหงพระราชบัญญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการ
แผนดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซงึ่ แกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติระเบยี บบริหารราชการแผน ดิน (ฉบบั
ที่ ๕) พ.ศ.๒๕๔๕ ประกอบกบั ขอ ๒ (๑) (๔) และขอ ๑๙ (๑) แหง กฎกระทรวงแบง สว นราชการ
กรมทดี่ ิน กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. ๒๕๕๓ ออกตามความในพระราชบญั ญัติระเบยี บบรหิ าร
ราชการแผนดนิ พ.ศ. ๒๕๓๔ อธิบดีกรมท่ดี ินจึงวางระเบยี บไวดังตอไปน้ี
ขอ ๑ ระเบียบนเ้ี รยี กวา “ระเบียบกรมท่ีดิน วา ดวยการประเมนิ ราคาทุนทรัพย
เพื่อเรียกเก็บคาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและการขอหนังสือรับรองราคา
ประเมนิ ทนุ ทรพั ยที่ดินและอสงั หารมิ ทรัพยอ ยา งอ่ืน พ.ศ. ๒๕๕๖”
ขอ ๒ ระเบยี บน้ีใหใ ชบ งั คับตัง้ แตบ ัดน้ีเปนตนไป
ขอ ๓ ใหยกเลิก
(๑) หนงั สือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๖๑๒/๑/ว ๑๓๘๘๒ ลงวนั ที่ ๒๗ มถิ นุ ายน ๒๕๒๖
(๒) หนงั สอื กรมท่ีดนิ ดว นมาก ท่ี มท ๐๗๑๓/ว ๑๐๖๗๙ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม
๒๕๒๘
(๓) หนงั สอื กรมท่ีดนิ ดว นทส่ี ุด ท่ี มท ๐๗๑๔/ว ๘๒๔ ลงวนั ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๓๑
(๔) หนงั สือกรมทด่ี ิน ที่ มท ๐๗๑๔/ว ๗๙๔๓ ลงวนั ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๓๑
(๕) หนังสอื กรมทด่ี นิ ท่ี มท ๐๖๒๐/๑๓๓๑๒ ลงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๓๕
(๖) หนังสือกรมทด่ี ิน ท่ี มท ๐๖๑๐/ว ๑๐๒๘๐ ลงวันท่ี ๑๖ เมษายน ๒๕๓๖
(๗) ระเบยี บกรมที่ดนิ วา ดวยการใหใ ชบ ันทึกการประเมินราคาทรัพยส ิน (ท.ด. ๘๖)
พ.ศ. ๒๕๓๖
(๘) หนังสอื กรมที่ดิน ที่ มท ๐๗๒๐/ว ๑๖๑๒๕ ลงวนั ท่ี ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๔๐
(๙) ระเบยี บกรมทด่ี นิ วา ดว ยการขอทราบราคาประเมนิ ทด่ี นิ ทางไปรษณยี พ.ศ.๒๕๔๐
๔๔๕
(๑๐) หนังสอื กรมทีด่ นิ ดวนทีส่ ุด ท่ี มท ๐๗๒๐.๑/ว ๓๓๓๘๒ ลงวนั ที่ ๑๘ พฤศจิกายน
๒๕๔๑
(๑๑) หนงั สือกรมท่ีดนิ ดวนทสี่ ดุ ท่ี มท ๐๗๒๐.๑/ว ๓๘๓๓๑ ลงวันท่ี ๒๙ ธนั วาคม
๒๕๔๑
(๑๒) หนังสือกรมทดี่ ิน ที่ มท ๐๗๒๐.๑/ว ๒๖๕๕๒ ลงวันท่ี ๖ สงิ หาคม ๒๕๔๒
(๑๓) หนังสอื กรมท่ดี ิน ท่ี มท ๐๗๒๐.๑/ว ๒๗๗๓๑ ลงวันท่ี ๑๒ กนั ยายน ๒๕๔๓
(๑๔) หนงั สือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๗๒๗/ว ๓๘๙๔๐ ลงวนั ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๓
(๑๕) หนงั สอื กรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๗๒๗.๑/ว ๐๙๓๙๘ ลงวันท่ี ๑๒ เมษายน ๒๕๔๔
(๑๖) หนงั สอื กรมที่ดิน ท่ี มท ๐๗๒๗.๑/ว ๑๗๘๗๕ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๔๔
(๑๗) หนังสือกรมทด่ี ิน ที่ มท ๐๗๒๘/ว ๑๑๘๑๗ ลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๔๕
(๑๘) หนังสือกรมที่ดนิ ดว นทส่ี ุด ที่ มท ๐๕๑๕/ว ๓๕๔๔๗ ลงวันท่ี ๒๖ พฤศจกิ ายน
๒๕๔๕
(๑๙) หนังสอื กรมท่ดี นิ ที่ มท ๐๕๑๕/ว ๒๖๕๘๖ ลงวนั ที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๔๖
(๒๐) หนงั สือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๕๑๕/ว ๑๖๓๐๙ ลงวนั ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๔๗
(๒๑) หนังสือกรมทด่ี ิน ที่ มท ๐๕๑๕/ว ๑๖๒๓๖ ลงวนั ที่ ๑ มถิ ุนายน ๒๕๔๘
(๒๒) หนงั สอื กรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๕๑๕/ว ๒๕๔๖๐ ลงวันท่ี ๑๙ กันยายน ๒๕๕๑
(๒๓) หนังสือกรมทดี่ ิน ท่ี มท ๐๕๑๕/ว ๑๕๐๘๘ ลงวนั ท่ี ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒
(๒๔) หนงั สอื กรมทดี่ นิ ที่ มท ๐๕๑๕.๑/ว ๑๑๐๒๑ ลงวันท่ี ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔
(๒๕) หนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๕.๑/ว ๒๐๔๗๙ ลงวันท่ี ๗ สงิ หาคม ๒๕๕๖
ขอ ๔ บรรดาระเบยี บ ขอ กาํ หนด หรอื คาํ ส่ังอื่นใดท่ีกาํ หนดไวแ ลว ในระเบยี บนี้ หรอื
ซง่ึ ขัด หรือแยง กบั ระเบียบนี้ ใหใ ชระเบยี บนี้แทน
ขอ ๕ ใหผูอํานวยการสํานักมาตรฐานการทะเบียนท่ีดินเปนผูรักษาการตาม
ระเบียบน้ี
หมวด ๑
การประเมนิ ราคาทนุ ทรพั ยทด่ี นิ และทดี่ นิ พรอมส่ิงปลกู สราง
______________
สว นที่ ๑
การประเมนิ ราคาทนุ ทรพั ยเ พอ่ื เรยี กเกบ็ คา ธรรมเนยี มในการจดทะเบยี นสทิ ธแิ ละนติ กิ รรม
______________
ขอ ๖ การประเมินราคาทุนทรัพยของพนักงานเจาหนาท่ีเพ่ือเรียกเก็บคาธรรมเนียม
ภาษีเงนิ ไดห กั ณ ทจ่ี า ย ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป ในการจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนติ กิ รรม
เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยประเภทท่ีพนักงานเจาหนาท่ีตองประเมินราคาทุนทรัพย ใหพนักงาน
๔๔๖