“ “ธรุ กรรมทม่ี เี หตุอันควรสงสยั ” หมายความวา ธุรกรรมทมี่ ีเหตุอนั ควรเช่อื ไดวา
กระทําขึ้นเพอื่ หลกี เลีย่ งมใิ หต องตกอยูภ ายใตบงั คบั แหงพระราชบัญญตั ิน้ี หรือธุรกรรมท่เี ก่ียวของ
หรืออาจเกี่ยวของกับการกระทําความผิดมูลฐานหรือการสนับสนุนทางการเงินแกการกอการราย
ทัง้ น้ี ไมวา จะเปน การทําธรุ กรรมเพยี งคร้ังเดียวหรือหลายครงั้ และใหห มายความรวมถงึ การ
พยายามกระทาํ ธรุ กรรมดังกลา วดว ย”
มาตรา ๖ ใหย กเลกิ ความใน (๑) ของบทนยิ ามคาํ วา “ทรพั ยส นิ ทเ่ี กย่ี วกบั การกระทาํ
ความผิด” ในมาตรา ๓ แหง พระราชบญั ญัตปิ องกันและปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๒
ซ่ึงแกไ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญตั ิปองกันและปราบปรามการฟอกเงนิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
และใหใ ชค วามตอ ไปนแี้ ทน
“(๑) เงินหรือทรัพยสินท่ีไดมาจากการกระทําซ่ึงเปนความผิดมูลฐานหรือความผิด
ฐานฟอกเงนิ หรือจากการสนับสนุนหรือชวยเหลือการกระทําซึ่งเปนความผิดมูลฐาน หรอื ความผดิ
ฐานฟอกเงิน และใหรวมถึงเงินหรือทรัพยสินท่ีไดใชหรือมีไวเพ่ือใชหรือสนับสนุนการกระทํา
ความผดิ มลู ฐานตาม (๘) ของบทนยิ ามคาํ วา “ความผดิ มูลฐาน” หรอื การกระทําความผิดฐาน
สนับสนุนทางการเงินแกการกอการรายตามกฎหมายวาดวยการปองกันและปราบปรามการ
สนับสนนุ ทางการเงินแกก ารกอการรา ยดวย”
มาตรา ๗ ใหเ พมิ่ ความตอไปน้เี ปน (๑/๑) ของมาตรา ๒๕ แหงพระราชบญั ญัติ
ปองกันและปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึง่ แกไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญตั ปิ อ งกนั
และปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
“(๑/๑) กาํ หนดหลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารในการประเมนิ ความเสย่ี งทเ่ี กย่ี วกบั การฟอกเงนิ
ท่ีอาจเกิดจากการทําธุรกรรมของหนวยงานของรัฐหรือกิจการบางประเภทที่ไมตองรายงานการทํา
ธุรกรรมตามพระราชบญั ญัติน้ี และเสนอแนะแนวทางปฏิบัตเิ พื่อปอ งกันความเส่ยี งดงั กลาว”
มาตรา ๘ ใหเ พม่ิ ความตอ ไปนีเ้ ปน มาตรา ๓๗/๑ แหงพระราชบัญญัติปอ งกันและ
ปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๒
“มาตรา ๓๗/๑ ในกรณที ค่ี ณะกรรมการธรุ กรรมเหน็ วา คดใี ดสมควรจดั ใหม มี าตรการ
คุมครองชวยเหลือแกผูใหถอยคํา หรือผูที่แจงเบาะแสหรือขอมูลใดอันเปนประโยชนตอการ
ดาํ เนนิ การตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ใหค ณะกรรมการธรุ กรรมแจง หนว ยงานทเ่ี กย่ี วขอ งเพอ่ื ดาํ เนนิ การ
ใหม มี าตรการในการคมุ ครองบคุ คลดงั กลา ว โดยใหถ อื วาบุคคลดังกลา วเปนพยานทม่ี สี ิทธไิ ดรับ
ความคุมครองตามกฎหมายวา ดว ยการคุมครองพยานในคดีอาญา ทัง้ นี้ ใหค ณะกรรมการธุรกรรม
เสนอความเห็นดวยวาสมควรใชมาตรการท่ัวไปหรือมาตรการพิเศษตามกฎหมายดังกลาวสําหรับ
บคุ คลเหลา นน้ั ดว ย
ในกรณีเกดิ ความเสียหายแกชวี ติ รางกาย อนามยั ชอ่ื เสยี ง ทรัพยสนิ หรอื สทิ ธิ
อยางหนง่ึ อยางใดของบุคคลตามวรรคหนึ่ง หรือสามี ภรยิ า ผบู ุพการี ผสู บื สันดาน หรือบุคคลอ่ืน
๙๗
ท่ีมีความสัมพันธใกลชิดกับบุคคลดังกลาว เพราะมีการกระทําผิดอาญาโดยเจตนาเนื่องจาก
การดําเนินการหรือการใหถอยคาํ หรอื แจง เบาะแสหรอื ขอ มลู ตอพนกั งานเจาหนา ท่ี ใหบ คุ คลน้ัน
มีสิทธิยื่นคํารองตอหนวยงานท่ีรับผิดชอบเพ่ือขอรับคาตอบแทนเทาที่จําเปนและสมควรตาม
กฎหมายวาดวยการคุมครองพยานในคดีอาญาดวย
สํานักงานอาจจัดใหม ีคาตอบแทนหรอื ประโยชนอ ืน่ ใดแกบคุ คลตามวรรคหนึง่ ทั้งนี้
ตามระเบยี บที่คณะกรรมการประกาศกําหนด”
มาตรา ๙ ใหย กเลกิ ความใน (๓) และ (๔) ของมาตรา ๔๐ แหง พระราชบญั ญัติ
ปอ งกันและปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซงึ่ แกไขเพิม่ เตมิ โดยพระราชบญั ญัติปอ งกนั
และปราบปรามการฟอกเงนิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และใหใชค วามตอไปนแ้ี ทน
“(๓) รบั หรอื สง รายงานหรอื ขอ มลู เพอ่ื ปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ห้ี รอื กฎหมายอน่ื
หรอื ตามขอ ตกลงทไี่ ดจ ัดทําขน้ึ ระหวา งหนว ยงานในประเทศหรือตา งประเทศ
(๔) เกบ็ รวบรวมขอ มูล สถติ ิ ตรวจสอบ และติดตามประเมนิ ผลการดําเนินการ
ตามพระราชบัญญตั ินี้ และวเิ คราะหร ายงานหรือขอ มูลตางๆ เกีย่ วกบั การทาํ ธุรกรรม และประเมิน
ความเสี่ยงที่เก่ียวกบั การฟอกเงินหรือการสนนั สนนุ ทางการเงนิ แกการกอ การรา ย”
มาตรา ๑๐ ใหเ พมิ่ ความตอ ไปน้ีเปน (๓/๑) ของมาตรา ๔๐ แหงพระราชบญั ญตั ิ
ปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซง่ึ แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญตั ิปอ งกนั
และปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
“(๓/๑) กาํ หนดแนวทางปฏบิ ตั ิ กํากับ ตรวจสอบ และประเมนิ ผลการปฏิบตั ิตาม
พระราชบญั ญตั ิน้ีของผมู ีหนาท่ีรายงานการทาํ ธุรกรรมตอ สํานักงานตามหลกั เกณฑ วธิ ีการ และ
แนวปฏบิ ัตติ ามระเบียบที่คณะกรรมการกาํ หนด”
มาตรา ๑๑ ใหเ พม่ิ ความตอไปนีเ้ ปนวรรคสามของมาตรา ๔๔ แหง พระราชบญั ญัติ
ปอ งกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึง่ แกไ ขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ปิ อ งกนั
และปราบปรามการฟอกเงนิ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
“ใหขาราชการของสํานักงานซึ่งไดรับแตงต้ังเปนพนักงานเจาหนาที่เปนตําแหนงที่
มเี หตุพิเศษตามกฎหมายวา ดวยระเบยี บขาราชการพลเรอื น และในการกําหนดใหไ ดรบั เงนิ เพิม่
สาํ หรับตําแหนง ท่ีมีเหตพุ เิ ศษตอ งคาํ นงึ ถงึ ภาระหนา ท่ี คุณภาพของงาน และการดาํ รงตนอยูใ น
ความยุติธรรมโดยเปรียบเทียบกับคาตอบแทนของผูปฏิบัติงานอื่นในกระบวนการยุติธรรมดวย
ทงั้ น้ี ใหเ ปน ไปตามระเบยี บคณะกรรมการ โดยไดรบั ความเหน็ ชอบจากกระทรวงการคลัง”
มาตรา ๑๒ใหเ พมิ่ ความตอไปน้เี ปน มาตรา ๔๖/๑ แหงพระราชบญั ญตั ปิ องกนั และ
ปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๒
“มาตรา ๔๖/๑ ในกรณีจําเปนเพื่อประโยชนในการรวบรวมพยานหลักฐานตาม
พระราชบญั ญตั ิน้ี เมอ่ื สํานกั งานรองขอใหกรมสอบสวนคดีพเิ ศษใชอํานาจสบื สวน สอบสวนและ
๙๘
รวบรวมพยานหลักฐานตามกฎหมายวาดวยการสอบสวนคดีพิเศษเพ่ือดําเนินคดีกับผูกระทํา
ความผิดตามพระราชบัญญัติน้ีหรือเพื่อดําเนินการกับทรัพยสินท่ีเก่ียวกับการกระทําความผิดให
กรมสวบสวนคดีพิเศษมีอํานาจดําเนินการตามอํานาจหนาท่ีเพ่ือสนับสนุนการดําเนินการของ
สํานักงาน
เพอ่ื ประโยชนในการปฏบิ ตั กิ ารตามวรรคหนึง่ อธบิ ดีกรมสอบสวนคดีพเิ ศษโดยการ
เสนอแนะของเลขาธิการอาจมีคําสั่งแตงต้ังผูปฏิบัติงานในสํานักงานผูหน่ึงผูใดเปนพนักงาน
สอบสวนคดพี ิเศษ เพอ่ื ปฏิบตั งิ านทเ่ี ก่ียวกบั การสบื สวน การสอบสวน และการรวบรวมพยาน
หลักฐานตามกฎหมายวาดวยการสอบสวนคดีพิเศษในสวนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหนาที่ตาม
พระราชบญั ญตั ินี้ได
ในการปฏิบัติการตามวรรคหน่ึงและวรรคสอง ใหเปนไปตามระเบียบที่อธิบดี
กรมสอบสวนคดีพิเศษและเลขาธกิ ารรวมกนั กําหนด”
มาตรา ๑๓ ใหเ พ่ิมความตอ ไปนี้เปน มาตรา ๖๔/๑ และมาตรา ๖๔/๒ แหงพระราช
บญั ญตั ิปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒
“มาตรา ๖๔/๑ ความผิดตามมาตรา ๖๒ มาตรา ๖๓ และมาตรา ๖๔ ใหค ณะ
กรรมการเปรยี บเทยี บทีค่ ณะกรรมการแตง ต้งั มอี ํานาจเปรยี บเทียบได
คณะกรรมการเปรยี บเทยี บใหมีจํานวนหา คน ประกอบดว ยเลขาธิการเปน ประธาน
กรรมการ ผูแ ทนหนวยงานภาครฐั ท่ีเก่ียวขอ งสองคน พนกั งานสอบสวนตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญาหนึ่งคน โดยมีขาราชการในสํานักงานท่ีเลขาธิการมอบหมายเปน
กรรมการและเลขานุการ
ใหเ ลขาธกิ ารแตง ตง้ั ขา ราชการในสาํ นกั งานจาํ นวนไมเ กนิ สองคนเปน ผชู ว ยเลขานกุ าร
เมือ่ คณะกรรมการเปรยี บเทียบไดทาํ การเปรยี บเทยี บ และผตู องหาไดช ําระคาปรบั
ตามจาํ นวนและภายในระยะเวลาทีค่ ณะกรรมการเปรียบเทียบกําหนดแลว ใหถ อื วา คดเี ลิกกัน
ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา
มาตรา ๖๔/๒ ความผิดท่เี ปรียบเทยี บไดตามมาตรา ๖๒ ถา มไิ ดฟ องตอ ศาลหรือ
มิไดม ีการเปรียบเทียบตามมาตรา ๖๔/๑ ภายในสองปนับแตว นั ท่ีพนักงานเจา หนา ทีต่ รวจพบ
การกระทาํ ความผดิ และรายงานใหเลขาธิการทราบ หรอื ภายในหา ปน ับแตว ันกระทาํ ความผิด
เปน อนั ขาดอายคุ วาม”
ผรู บั สนองพระบรมราชโองการ
ยิ่งลกั ษณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี
๙๙
หมายเหตุ :– เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัตฉิ บับน้ี คอื โดยที่พระราชบญั ญัติปองกัน
และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ไมไ ดกาํ หนดใหก ารกระทาํ ความผิดอาญารายแรงบาง
ฐานความผิดเปนความผดิ มลู ฐาน สงผลใหผ ูกระทาํ ความผิดสามารถนําเงินและทรพั ยส ินทไ่ี ด
จากการกระทําความผิดมาใชสนับสนนุ การกระทําความผดิ อาญาไดอ ีก จึงเห็นควรกาํ หนดความ
ผิดมลู ฐานเพิม่ เตมิ และกําหนดกรอบของความผดิ มูลฐานใหชัดเจน เพ่ือเปนการคุม ครองสิทธิ
และเสรีภาพของประชาชน นอกจากนี้ ไดกําหนดอาํ นาจหนา ท่ขี องคณะกรรมการปอ งกันและ
ปราบปรามการฟอกเงินและสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินที่จะกําหนดนโยบาย
ในการประเมินความเส่ียงเก่ียวกับการฟอกเงินและเสนอแนะแนวทางเพื่อปองกันความเสี่ยง
กําหนดเรือ่ งมาตรการคุมครองพยาน เรือ่ งตําแหนงทีม่ เี หตพุ ิเศษท่ีจะไดร ับเงินเพ่ิมตามกฎหมาย
วาดวยระเบียบขาราชการพลเรือน และใหกรมสอบสวนคดีพิเศษสนับสนุนการดําเนินคดีกับ
ผกู ระทําความผิดหรือการดาํ เนินการกับทรพั ยสนิ เกีย่ วกบั การกระทาํ ความผดิ รวมทัง้ กําหนด
ใหม ีคณะกรรมการเปรยี บเทียบปรับ ทงั้ น้ี เพ่อื ใหการปฏบิ ตั ิงานเปนไปอยางมีประสทิ ธภิ าพซงึ่
สอดคลอ งกบั มาตรฐานสากล จงึ จําเปนตอ งตราพระราชบญั ญตั ิน้ี
๑๐๐
(สําเนา)
พระราชบญั ญัติ
ปองกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงนิ แกก ารกอการรา ย
___พ__.ศ__. ๒__๕_๕_๖____
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ใหไว ณ วนั ท่ี ๑ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖
เปน ปท่ี ๖๘ ในรชั กาลปจจบุ นั
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา ฯ
ใหประกาศวา
โดยที่เปนการสมควรใหมีกฎหมายวาดวยการปองกันและปราบปรามการสนับสนุน
ทางการเงนิ แกก ารกอการรา ย
พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของ
บุคคล ซ่ึงมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓
ของรฐั ธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย บัญญัตใิ หกระทําไดโ ดยอาศัยอาํ นาจตามบทบญั ญตั ิแหง
กฎหมาย
จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา ฯ ใหต ราพระราชบญั ญตั ขิ น้ึ ไวโ ดยคาํ แนะนาํ และยนิ ยอม
ของรฐั สภา ดงั ตอไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกวา “พระราชบัญญัติปองกันและปราบปราม
การสนับสนุนทางการเงนิ แกการกอการราย พ.ศ. ๒๕๕๖”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีใหใชบังคับนับแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา
นุเบกษาเปนตนไป
มาตรา ๓ ในพระราชบญั ญตั นิ ี้
“ทรพั ยสนิ ” หมายความวา เงนิ ทรพั ย หรือวตั ถไุ มมรี ปู รา งซึ่งอาจมีราคาและอาจ
ถอื เอาได รวมท้งั ดอกผลของเงิน ทรพั ย หรือวัตถดุ ังกลา ว เอกสารทางกฎหมาย หรือตราสารใน
รปู แบบใดๆ ทั้งทีป่ รากฏในสือ่ อื่นใด กระดาษ หรือรูปแบบอิเลก็ ทรอนิกส ท่ีเปน หลกั ฐานแสดง
กรรมสิทธ์ิ สิทธิครอบครอง สทิ ธิเรยี กรอง หรอื ประโยชนอ ืน่ ใดในทรัพยส นิ นน้ั
“การกอ การรา ย” หมายความวา การกระทาํ ท่เี ปนความผิดเก่ยี วกับการกอการราย
ตามประมวลกฎหมายอาญา หรอื การกระทาํ ทเี่ ปน ความผดิ ตามกฎหมายซง่ึ อยูภายใตข อบเขต
ของอนสุ ญั ญาและพธิ สี ารระหวา งประเทศเกย่ี วกบั การกอ การรา ยทป่ี ระเทศไทยเปน ภาคหี รอื รบั รอง
ทง้ั นี้ ไมวา การกระทําที่เปน ความผดิ นน้ั ไดกระทาํ ข้นึ ในราชอาณาจกั รหรือนอกราชอาณาจักร
๑๐๑
“บคุ คลทีถ่ กู กําหนด” หมายความวา บคุ คล คณะบุคคล นติ บิ คุ คล หรือองคกรตาม
รายช่ือซ่ึงมีมติของหรือประกาศภายใตคณะมนตรีความมั่นคงแหงสหประชาชาติกําหนดใหเปน
ผูที่มีการกระทําอนั เปนการกอ การราย หรือบคุ คล คณะบคุ คล นติ บิ ุคคล หรอื องคกรตามรายชอ่ื ท่ี
ศาลไดพ จิ ารณาและมีคาํ ส่งั ใหเ ปนบุคคลท่ีถกู กาํ หนดตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี
“ผมู หี นา ท่ีรายงาน” หมายความวา ผมู หี นา ที่รายงานการทําธรุ กรรมตามกฎหมาย
วาดว ยการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
“ระงบั การดําเนินการกบั ทรพั ยสิน” หมายความวา การหา มโอน ขาย ยักยอก หรือ
จาํ หนา ย ซง่ึ ทรัพยสนิ หรอื เปลีย่ นสภาพใชป ระโยชนห รอื การกระทาํ การใดๆ ตอ ทรัพยสินอันจะ
สง ผลเปลย่ี นแปลงตอ จํานวน มูลคา ปรมิ าณ ทําเลทต่ี ้งั หรือลักษณะของทรัพยสนิ น้นั
“คณะกรรมการ” หมายความวา คณะกรรมการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
ตามกฎหมายวาดว ยการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
“คณะกรรมการธรุ กรรม” หมายความวา คณะกรรมการธรุ กรรมตามกฎหมายวาดว ย
การปอ งกันและปราบปรามการฟอกเงิน
“สาํ นกั งาน” หมายความวา สํานกั งานปองกนั และปราบปรามการฟอกเงิน
มาตรา ๔ ในกรณีที่มีมติของหรือประกาศภายใตคณะมนตรีความมั่นคงแหง
สหประชาชาติ กาํ หนดรายชอื่ บคุ คล คณะบุคคล นิติบคุ คล หรอื องคก รใดเปน ผูท ี่มีการกระทาํ
อันเปนการกอการรายใหสํานักงานเสนอรายช่ือดังกลาวไปยังรัฐมนตรีวาการกระทรวงยุติธรรม
เพื่อมีคาํ สั่งประกาศรายช่ือเปน บคุ คลทีถ่ กู กาํ หนดโดยไมช ักชา ทงั้ นี้ ตามหลักเกณฑแ ละวิธกี ารที่
กาํ หนดในกฎกระทรวง
การเพิกถอนรายช่ือของบุคคลทถี่ ูกกําหนดตามวรรคหน่งึ ใหกระทําไดเ มอ่ื มีมตขิ อง
หรือประกาศภายใตคณะมนตรีความมั่นคงแหงสหประชาชาติอันเปนผลใหตองเพิกถอนรายช่ือ
ผนู นั้ ออกจากรายชอ่ื บุคคลท่ถี ูกกาํ หนดแลว
มาตรา ๕ ในกรณีท่ีมีเหตุอันควรสงสัยวาผูใดมีพฤติการณเก่ียวของกับการกอ
การรา ยหรือการสนับสนุนทางการเงนิ แกก ารกอการราย หรือดําเนินการแทนหรอื ตามคําส่งั หรอื
ภายใตการควบคุมของบุคคลนั้น ใหสํานักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการธุรกรรม
พิจารณาสงรายช่ือผูนั้นใหพนักงานอัยการพิจารณายื่นคํารองฝายเดียวขอใหศาลมีคําสั่งเปน
บคุ คลท่ีถกู กําหนด และถา ปรากฏแกศ าลวา มีพยานหลกั ฐานอนั ควรเชือ่ ไดดังตอไปน้ี ใหศ าลมี
คาํ สัง่ ตามทีข่ อ
(๑) ผูนั้นมีพฤติการณเก่ียวของกับการกอการรายหรือการสนับสนุนทางการเงินแก
การกอการรา ย หรอื
(๒) ผูน้ันดําเนินการแทนหรือตามคําส่ังหรือภายใตการควบคุมของบุคคลท่ีถูก
กาํ หนดตาม (๑) หรือ ตามมาตรา ๔
๑๐๒
ท้ังนี้ พฤติการณเกี่ยวของกับการกอการรายหรือการสนับสนุนทางการเงินแก
การกอการราย หรือการดําเนินการแทนหรือตามคําส่ังหรือภายใตการควบคุมดังกลาวตาม
วรรคหน่งึ ตองมอี ยใู นวนั ทศี่ าลมีคําสัง่ เปน บคุ คลทถ่ี ูกกาํ หนด
ใหสํานกั งานทบทวนรายช่อื บุคคลทถ่ี ูกกาํ หนดตามวรรคหนงึ่ ถา เหน็ วามพี ฤติการณ
เปลี่ยนแปลงไป ใหสํานักงานโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาสงเร่ือง
ใหพนักงานอัยการพิจารณาย่ืนคํารองฝายเดียวขอใหศาลมีคําสั่งเพิกถอนรายช่ือผูน้ันออกจาก
รายชอ่ื บคุ คลทถ่ี ูกกาํ หนด
หลักเกณฑและวิธีการพิจารณาของสํานักงานและคณะกรรมการธุรกรรมตาม
วรรคหนง่ึ และวรรคสาม ใหเปน ไปตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวง โดยในกฎกระทรวงดงั กลาว
ท่ีเกี่ยวกับการพิจารณาของสํานักงาน ใหสํานักงานแตงต้ังคณะกรรมการขึ้นมาคณะหน่ึงเพ่ือ
พจิ ารณารายช่ือกอ นสงเร่อื งใหคณะกรรมการธรุ กรรมพิจารณาใหค วามเหน็ ชอบ
ใหส าํ นกั งาน คณะกรรมการธรุ กรรม พนักงานอยั การ และศาล ดําเนินการตาม
มาตรานโ้ี ดยไมช กั ชา
มาตรา ๖ ใหสํานักงานประกาศรายช่ือบุคคลที่ถูกกําหนดตามมาตรา ๔ และ
มาตรา ๕ พรอมทั้งแจงใหบุคคลท่ีถูกกําหนดและผูมีหนาที่รายงานหรือบุคคลท่ีครอบครอง
ทรัพยส นิ ของบุคคลท่ีถูกกาํ หนดดําเนนิ การดังตอ ไปนโ้ี ดยไมชักชา
(๑) ระงับการดําเนินการกับทรัพยสินของบุคคลที่ถูกกําหนด หรือของผูกระทํา
การแทนหรอื ตามคาํ สัง่ ของผนู ้นั หรือของกิจการภายใตการควบคุมของผนู ้นั
(๒) แจง ขอมลู เก่ยี วกับทรัพยส ินท่ถี ูกระงบั การดาํ เนินการใหส าํ นกั งานทราบ
(๓) แจงใหสํานักงานทราบเกี่ยวกับผูที่เปนหรือเคยเปนลูกคาซึ่งอยูในรายชื่อบุคคล
ทถ่ี กู กําหนด หรือผทู ่ีมหี รอื เคยมกี ารทาํ ธุรกรรมกับผนู น้ั
หลักเกณฑและวิธีการประกาศและแจงรายชื่อไปยังบุคคลตามวรรคหน่ึง รวมทั้ง
การดาํ เนินการตาม (๑) (๒) และ (๓) ใหเ ปนไปตามระเบียบท่คี ณะกรรมการประกาศกําหนด
ใหผ มู หี นา ทร่ี ายงานกาํ หนดนโยบายในการประเมนิ ความเสย่ี งหรอื แนวทางปฏบิ ตั ใิ ดๆ
เพอื่ ปอ งกนั มใิ หมกี ารสนับสนนุ ทางการเงินแกก ารกอการรา ย หรือกําหนดมาตรการอน่ื ใดที่จาํ เปน
เพ่อื ปฏบิ ัติใหเปน ไปตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ทงั้ น้ี ตามหลักเกณฑแ ละวิธีการท่คี ณะกรรมการ
ประกาศกาํ หนด
มาตรา ๗ การเก็บรักษาและการบริหารจัดการทรัพยสินที่ถูกระงับการดําเนินการ
กับทรัพยสินใหเ ปนไปตามระเบียบทีค่ ณะกรรมการประกาศกาํ หนด
มาตรา ๘ ผูซ่ึงไดดําเนินการตามมาตรา ๖ โดยสุจริตไมตองรับผิดแมกอใหเกิด
ความเสยี หายแกบุคคลใด เวนแตจะพสิ ูจนไ ดวาเปนการกระทําโดยประมาทเลนิ เลออยา งรา ยแรง
๑๐๓
มาตรา ๙ บุคคลที่ถกู กําหนดตามมาตรา ๕ หรอื ผซู ่ึงถกู ระงบั การดาํ เนนิ การกับ
ทรพั ยส ินตามมาตรา ๖ อันเนื่องมาจากมกี ารกาํ หนดการเปนบุคคลที่ถูกกาํ หนดตามมาตรา ๕
อาจย่ืนคาํ รอ งตอ ศาลเพื่อใหพ จิ ารณาในเร่ืองดงั ตอไปนี้
(๑) ขอใหดําเนนิ การเพิกถอนรายชอ่ื ออกจากรายช่อื บุคคลทถี่ กู กาํ หนด
(๒) ขอใหเพิกถอนการระงบั การดําเนนิ การกับทรัพยส นิ
(๓) ขอใหม ีคาํ ส่ังอนุญาตใหด าํ เนินการใดๆ กับทรพั ยสนิ ทถี่ ูกระงับการดําเนินการ
กบั ทรพั ยสิน
กรณมี ีคําสงั่ อนุญาตตาม (๓) ศาลอาจกาํ หนดเงอ่ื นไขใดๆ ท่ีจาํ เปน เพอ่ื ปองกนั มิให
มีการนาํ ทรพั ยสินไปใชใ นการสนับสนนุ ทางการเงินแกก ารกอ การรา ยดว ยก็ได และหากปรากฏ
ขอ เทจ็ จรงิ วา การอนญุ าตดงั กลา วอาจเปน ชอ งทางใหน าํ ทรพั ยส นิ ไปใชใ นการสนบั สนนุ ทางการเงนิ
แกก ารกอการราย ศาลจะกาํ หนดเงอ่ื นไขใดๆ เพิ่มเตมิ หรือจะเพกิ ถอนการอนญุ าตนัน้ เสยี กไ็ ด
มาตรา ๑๐ บุคคลอื่นนอกจากบุคคลที่ถูกกาํ หนดตามมาตรา ๔ หรอื มาตรา ๕
อาจยืน่ คาํ รองตอศาลเพ่อื ใหมคี ําสง่ั อนุญาต ดงั ตอ ไปนี้
(๑) เปนการชําระหน้ีท่ีถึงกําหนดชําระแกผูท่ีถูกระงับการดําเนินการกับทรัพยสิน
ตามมาตรา ๖ ซึ่งสัญญาหรือขอผูกพันน้ันไดทําขึ้นหรือเกิดข้ึนกอนวันท่ีบัญชีนั้นถูกระงับ
การดาํ เนินการกบั ทรพั ยสิน
(๒) เปนการชําระดอกเบ้ียหรือดอกผลและเปนกรณีจําเปนที่ตองชําระเงินเขาบัญชี
ของผูท่ถี ูกระงบั การดาํ เนนิ การกบั ทรัพยสินตามมาตรา ๖
(๓) เปนการชําระหนี้ซ่ึงศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุดใหผูที่ถูกระงับการดําเนินการกับ
ทรัพยส ินอันเน่อื งมาจากเปนบุคคลที่ถกู กาํ หนดตามมาตรา ๕ เปน ผูทตี่ อ งชาํ ระหนี้
(๔) ใหดําเนินการใดๆ กบั ทรัพยส นิ ท่ถี กู ระงับการดําเนนิ การกบั ทรัพยส ินอันเนื่อง
มาจากเปน บุคคลทถี่ กู กําหนดตามมาตรา ๕
กรณมี ีคําสั่งอนญุ าตตามวรรคหน่งึ ถาตองมกี ารชําระหนห้ี รือโอนเงนิ เขา หรือออก
จากบัญชขี องผูท ีถ่ กู ระงบั การดาํ เนนิ การกับทรพั ยสนิ ตามมาตรา ๖ ศาลอาจกาํ หนดเงอื่ นไขตามท่ี
เห็นสมควรเพือ่ ปองกนั มใิ หน ําทรัพยสินไปใชในการสนบั สนุนทางการเงนิ แกก ารกอการรา ยกไ็ ด
มาตรา ๑๑ การดาํ เนนิ การทางศาลตามมาตรา ๕ มาตรา ๙ และมาตรา ๑๐ ใหย ่ืน
ตอศาลแพง และใหนําประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความแพง มาใชบังคับโดยอนโุ ลม
มาตรา ๑๒ เพ่ือประโยชนใ นการปฏิบตั ิตามพระราชบัญญตั ิน้ี ใหค ณะกรรมการมี
อาํ นาจหนา ทดี่ ังตอ ไปน้ี
(๑) กาํ หนดหลกั เกณฑ ระเบยี บ และประกาศตามพระราชบญั ญัตินี้
(๒) กาํ หนดแนวทางในการกาํ กบั ดแู ล ตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผล ใหเ ปนไป
ตามพระราชบญั ญัตินี้
๑๐๔
(๓) กําหนดแนวทางปฏิบัติท่ีจําเปนเพ่ือใหผูมีหนาที่ทํารายงานหรือบุคคลอ่ืนใด
ดาํ เนินการใหเ ปน ไปตามพระราชบญั ญัตนิ ี้
(๔) ติดตามและประเมินผลการปฏบิ ัติตามพระราชบญั ญัตินี้
มาตรา ๑๓ เพอ่ื ประโยชนใ นการปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ใหส าํ นกั งานมอี าํ นาจ
หนา ที่ดงั ตอไปนี้
(๑) ใหคําแนะนําหรือชี้แจงแนวทางการปฏิบัติแกผูมีหนาที่ตองปฏิบัติใหเปนไป
ตามพระราชบญั ญัตินี้
(๒) ตดิ ตาม ประเมนิ ผล ตรวจสอบ และกํากบั ดแู ลใหเปน ไปตามพระราชบัญญตั ิน้ี
รวมถงึ การดาํ เนนิ คดีกบั ผูที่ฝา ฝน หรอื ไมป ฏบิ ัตติ ามบทบัญญตั ิแหงพระราชบญั ญตั นิ ี้
(๓) รับหรือสงรายงานหรือขอมูลท่ีจะเปนประโยชนในการปฏิบัติการตามพระราช
บัญญัตินี้ หรอื ตามกฎหมายอน่ื
(๔) เก็บรวบรวมขอมูลและพยานหลักฐานเพ่ือดําเนินการเก่ียวกับการยึด อายัด
หรอื รบิ ทรัพยส ินตามพระราชบัญญตั ินห้ี รือตามกฎหมายอืน่
มาตรา ๑๔ ผูใดฝาฝนหรือไมป ฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๖ (๑) หรือ (๒) ตอ งระวางโทษ
จาํ คุกไมเ กินสามป หรือปรับไมเ กนิ สามแสนบาท หรือท้ังจําทง้ั ปรับ
ผูมีหนาที่รายงานผใู ดฝาฝน หรือไมป ฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๖ (๑) หรอื (๒) ตอ งระวางโทษ
ปรับไมเกนิ หนึ่งลานบาท และปรับอกี วนั ละหน่ึงหม่ืนบาทตลอดเวลาท่ยี งั ฝาฝน อยู หรอื จนกวา
จะไดป ฏิบตั ิใหถกู ตอง
ในกรณีท่ีการกระทําความผิดตามวรรคสองเกิดจากการสั่งการหรือการกระทําของ
บุคคลใด หรือไมส ่ังการ หรือไมก ระทาํ การอนั เปนหนาทีท่ ีต่ องกระทําของกรรมการ ผูจดั การ หรอื
บุคคลใดซง่ึ รบั ผดิ ชอบในการดาํ เนนิ งานของนติ ิบุคคลนั้น บุคคลดังกลา วตองระวางโทษจาํ คุก
ไมเ กนิ สามป หรอื ปรบั ไมเ กินสามแสนบาท หรือทั้งจาํ ทั้งปรบั
มาตรา ๑๕ ผมู หี นา ทร่ี ายงานผใู ดฝาฝน หรือไมปฏิบัตติ ามมาตรา ๖ (๓) ตอ งระวาง
โทษปรบั ไมเกนิ หาแสนบาท และปรับอกี วนั ละหา พนั บาทตลอดเวลาทยี่ งั ฝา ฝนอยู หรอื จนกวา
จะไดปฏิบัติใหถกู ตอง
ในกรณีท่ีการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่งเกิดจากการสั่งการหรือการกระทําของ
บคุ คลใด หรือไมส่งั การ หรือไมกระทาํ การอันเปนหนาทที่ ต่ี องกระทําของกรรมการ ผูจดั การ หรือ
บุคคลใด ซงึ่ รบั ผดิ ชอบในการดาํ เนนิ งานของนติ บิ ุคคลนัน้ บคุ คลดงั กลาวตอ งระวางโทษจําคุก
ไมเ กนิ หนง่ึ ปหรือปรับไมเ กินหน่ึงแสนบาท หรอื ทัง้ จาํ ทัง้ ปรับ
มาตรา ๑๖ ผใู ดจดั หา รวบรวม หรอื ดาํ เนินการทางการเงนิ หรอื ทรพั ยส ินหรือ
ดําเนินการดวยประการใดๆ โดยรูอยูแลววาผูไดรับประโยชนทางการเงินหรือทรัพยสินหรือ
จากการดาํ เนนิ การนน้ั เปน บคุ คลทถ่ี กู กาํ หนด หรอื โดยเจตนาใหเ งนิ หรอื ทรพั ยส นิ หรอื การดาํ เนนิ การนน้ั
๑๐๕
ถูกนําไปใชเพื่อสนับสนุนการดําเนินกิจกรรมใดๆ ของบุคคลที่ถูกกําหนดหรือของบุคคลหรือ
องคกรที่เกี่ยวของกับการกอการราย ผูนั้นกระทําความผิดฐานสนับสนุนทางการเงินแกการกอ
การราย ตอ งระวางโทษจําคุกตง้ั แตสองปถงึ สิบป และปรบั ตัง้ แตสีห่ ม่ืนบาทถงึ สองแสนบาท หรือ
ทง้ั จาํ ท้งั ปรบั
ผูใ ดเปนผใู ชห รอื ผูสนบั สนนุ หรือสมคบกันในการกระทําความผิดตามวรรคหนง่ึ
ตอ งระวางโทษเชน เดยี วกบั ตัวการในการกระทาํ ความผดิ น้นั
ผูใดพยายามกระทําความผดิ ตามวรรคหนง่ึ ผูนน้ั ตองระวางโทษสองในสามสวนของ
โทษทีไ่ ดกาํ หนดไวส ําหรบั ความผดิ น้นั
นติ ิบุคคลใดกระทําความผดิ ตามวรรคหน่ึง วรรคสอง หรอื วรรคสามตองระวางโทษ
ปรับตง้ั แตหา แสนบาทถึงสองลานบาท
ในกรณีที่การกระทําความผิดของนิติบุคคลตามวรรคสี่เกิดจากการส่ังการหรือ
การกระทาํ ของบุคคลใด หรอื ไมสงั่ การ หรือไมก ระทําการอันเปน หนา ทที่ ่ีตองกระทําของกรรมการ
ผจู ัดการ หรือบุคคลใดซึ่งมีอาํ นาจตามกฎหมายในการดาํ เนนิ งานของนติ ิบุคคลนน้ั บุคคล
ดงั กลาวตอ งระวางโทษจาํ คกุ ตั้งแตสองปถ งึ สิบป หรอื ปรบั ตง้ั แตส ีห่ มนื่ บาทถึงสองแสนบาท หรอื
ทง้ั จําทงั้ ปรับ
ใหค วามผดิ ตามมาตราน้ี เปน ความผดิ มูลฐานตามกฎหมายวาดวยการปองกันและ
ปราบปรามการฟอกเงิน
มาตรา ๑๗ ใหนายกรฐั มนตรรี ักษาการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี และใหม ีอาํ นาจออก
กฎกระทรวงเพ่ือปฏบิ ตั ิการตามพระราชบัญญัตนิ ้ี
กฎกระทรวงน้ัน เมื่อประกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลวใหใชบังคับได
ผรู บั สนองพระบรมราชโองการ
ย่ิงลักษณ ชินวตั ร
นายกรฐั มนตรี
๑๐๖
หมายเหตุ :– เหตผุ ลในการประกาศใชพ ระราชบญั ญัตนิ ี้ คือ โดยที่ปจ จบุ นั ความผดิ เกี่ยวกับ
การกอการรายไดสงผลกระทบตอ ความมน่ั คงของประเทศตางๆ เปน อยา งมาก ถึงแมประเทศไทย
จะมกี ารกาํ หนดความผดิ ฐานกอ การรา ยไวใ นประมวลกฎหมายอาญา และกาํ หนดใหเ ปน ความผดิ
มูลฐานตามกฎหมายวาดวยการปองกันและปราบปรามการฟอกเงินแลวก็ตาม แตยังคงไมมี
มาตรการปอ งกนั และปราบปรามการสนบั สนนุ ทางการเงนิ แกก ารกอ การรา ยและการเขา ถงึ เงนิ ทนุ
ของผูกอการราย ดังนั้น จึงมีความจําเปนตองกําหนดมาตรการในการปองกันและปราบปราม
เรือ่ งดังกลา ว โดยใหม กี ารจดั ทํารายชอื่ บคุ คลท่ถี ูกกาํ หนด การระงับการดําเนนิ การกับทรัพยสนิ
ของผมู ีช่ืออยใู นรายชื่อบุคคลที่ถูกกําหนด การกําหนดใหผูมีหนา ทรี่ ายงานการทําธรุ กรรมตาม
กฎหมายวาดวยการปองกันและปราบปรามการฟอกเงินระงับการดําเนินการกับทรัพยสินของ
ผูมชี ือ่ อยใู นรายช่ือบคุ คลที่ถกู กาํ หนด การกําหนดอาํ นาจหนา ที่ของคณะกรรมการปอ งกันและ
ปราบปรามการฟอกเงินและสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินใหสอดคลองกับการ
ปฏิบัติหนาท่ีในเรื่องดังกลาวขางตน ตลอดจนการกําหนดโทษสําหรับการฝาฝนหรือไมปฏิบัติ
ตามพระราชบญั ญัตินี้ ท้งั นี้ เพอ่ื ใหการปฏิบัติงานเปน ไปอยา งมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคลองกับ
มาตรฐานสากลในการรวมมือกันเพื่อปองกันและปราบรามการกระทําใดที่เปนการกอการราย
ซงึ่ รวมถึงการสนับสนนุ ทางการเงิน ทรพั ยสิน หรอื กรณอี น่ื ใดทีม่ ีวัตถุประสงคจ ะนาํ ไปใชในการ
กอการราย จงึ จาํ เปนตองตราพระราชบัญญตั ินี้
๑๐๗
(สาํ เนา)
กฎกระทรวง
การกาํ หนดใหผ ูที่มกี ารกระทาํ อันเปน การกอ การรา ยตามมตขิ องหรือประกาศภายใต
คณะมนตรคี วามมนั่ คงแหง สหประชาชาติเปนบุคคลทถี่ กู กาํ หนด
___พ__.ศ__. ๒__๕_๕_๖____
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔ และมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติ
ปองกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงนิ แกการกอการรา ย พ.ศ.๒๕๕๖ อันเปน กฎหมาย
ที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจาํ กดั สทิ ธิและเสรภี าพของบุคคล ซ่ึงมาตรา ๒๙ ประกอบ
กับมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรฐั ธรรมนูญแหง
ราชอาณาจักรไทย บญั ญัติใหกระทําไดโ ดยอาศยั อํานาจตามบทบัญญัตแิ หงกฎหมาย นายก
รัฐมนตรอี อกกฎกระทรวงไว ดงั ตอ ไปนี้
ขอ ๑ ในกฎกระทรวงน้ี
“เลขาธิการ” หมายความวา เลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปราม
การฟอกเงนิ
“พนักงานเจาหนาท่ี” หมายความวา พนักงานเจาหนาที่ตามกฎหมายวาดวย
การปอ งกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ขอ ๒ เม่อื กระทรวงการตางประเทศไดรบั รายช่อื บุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรอื
องคกรซึ่งเปนผูที่มีการกระทําอันเปนการกอการรายตามมติของหรือประกาศภายใตคณะมนตรี
ความมั่นคงแหง สหประชาชาติ ใหกระทรวงการตางประเทศตรวจสอบความถูกตอ งของขอมูลหรือ
หลักฐานท่ไี ดร ับจากสหประชาชาติแลวดําเนินการสงรายชื่อดงั กลาวไปยังสาํ นกั งานโดยไมช กั ชา
ขอ ๓ เม่ือสํานักงานไดรับรายชื่อจากกระทรวงการตางประเทศ ใหสํานักงาน
ตรวจสอบความถูกตองแลวเสนอรายชื่อดังกลาวไปยังรัฐมนตรีวาการกระทรวงยุติธรรมเพ่ือใหมี
คําส่งั ประกาศเปนบุคคลทถ่ี ูกกาํ หนดโดยไมช ักชา
ขอ ๔ ในกรณีที่ไดรับแจงจากกระทรวงการตางประเทศหรือจากบุคคลที่ถูกกําหนด
ซึง่ ไดมีการประกาศตามขอ ๓ หรือปรากฏขอเทจ็ จรงิ จากการตรวจสอบของสาํ นกั งานวา ไดมีมติ
ของหรือประกาศภายใตคณะมนตรีความม่ันคงแหงสหประชาชาติใหเพิกถอนรายช่ือผูใดออก
จากรายชือ่ ผูทม่ี กี ารกระทาํ อนั เปน การกอ การราย ใหส ํานกั งานตรวจสอบความถกู ตอ งแลว เสนอ
เรื่องไปยังรัฐมนตรีวาการกระทรวงยุติธรรมเพ่ือมีคําสั่งเพิกถอนรายช่ือผูนั้นออกจากรายช่ือบุคคล
ทถี่ ูกกาํ หนดโดยไมชักชา
ใหไว ณ วนั ท่ี ๕ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ย่ิงลกั ษณ ชินวตั ร
นายกรัฐมนตรี
๑๐๘
หมายเหตุ :– เหตผุ ลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบบั นี้ คอื โดยท่ีมาตรา ๔ แหงพระราช
บัญญัตปิ องกันและปราบปรามการสนับสนนุ ทางการเงินแกการกอ การราย พ.ศ.๒๕๕๖ บัญญัติ
ใหในกรณีท่ีมีมติของหรือประกาศภายใตคณะมนตรีความม่ันคงแหงสหประชาชาติกําหนด
รายชือ่ บคุ คล คณะบคุ คล นิติบุคคล หรือองคกรใดเปนผูท่มี กี ารกระทาํ อันเปนการกอการราย
ใหสํานักงานปองกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอรายชื่อดังกลาวไปยังรัฐมนตรีวาการ
กระทรวงยตุ ธิ รรมเพอ่ื มคี าํ สง่ั ประกาศรายชอ่ื เปน บคุ คลทถ่ี กู กาํ หนด ทง้ั นใ้ี หเ ปน ไปตามหลกั เกณฑ
และวธิ กี ารท่กี าํ หนดในกฎกระทรวง นอกจากนี้ การเพิกถอนรายชอ่ื ดงั กลา วใหกระทําไดเ มื่อมี
มติของหรือประกาศภายใตคณะมนตรีความม่ันคงแหง สหประชาชาตดิ ว ย จึงจาํ เปน ตอ งออก
กฎกระทรวงนี้
๑๐๙
(สําเนา)
กฎกระทรวง
การพจิ ารณารายช่ือและการทบทวนรายชื่อบคุ คลท่ถี ูกกําหนด
ของสํานักงานปอ งกันและปราบปรามการฟอกเงนิ และคณะกรรมการธรุ กรรม
___พ__.ศ__. ๒__๕_๕_๖____
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสี่ และมาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง
แหง พระราชบญั ญตั ปิ อ งกนั และปราบปรามการสนบั สนนุ ทางการเงนิ แกก ารกอ การรา ย พ.ศ. ๒๕๕๖
อันเปนกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซ่ึงมาตรา ๒๙ ประกอบกบั มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓
ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติ
แหง กฎหมาย นายกรฐั มนตรีออกกฎกระทรวงไว ดังตอไปน้ี
ขอ ๑ ในกฎกระทรวงนี้
“เลขาธิการ” หมายความวา เลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปราม
การฟอกเงิน
“พนักงานเจาหนาท่ี” หมายความวา พนักงานเจาหนาที่ตามกฎหมายวาดวย
การปอ งกันและปราบปรามการฟอกเงนิ
ขอ ๒ เมื่อสํานักงานไดรับคํารองขอหรือจากการตรวจสอบของสํานักงานแลวมีเหตุ
อันควรสงสัยวาผูใดมีพฤติการณเกี่ยวของกับการกอการราย หรือการสนับสนุนทางการเงิน
แกก ารกอการราย หรอื ดําเนนิ การแทนหรอื ตามคําสัง่ หรอื ภายใตการควบคุมของบคุ คลดงั กลา ว
ใหสํานักงานเสนอเร่ืองใหคณะกรรมการตามขอ ๓ พิจารณารายชื่อผูนั้นกอนเสนอตอคณะ
กรรมการธุรกรรมเพ่ือพิจารณาใหความเห็นชอบใหสํานักงานสงรายชื่อผูน้ันใหพนักงานอัยการ
พิจารณายืน่ คาํ รองฝา ยเดยี วขอใหศาลมีคาํ สั่งเปนบคุ คลท่ถี ูกกาํ หนดโดยไมช กั ชา
การเสนอเร่ืองของสาํ นกั งานตามวรรคหนึ่ง ควรตองมีขอ มูลหรือหลกั ฐาน ดังตอ ไปนี้
(๑) กรณีเปน บุคคลธรรมดา
(ก) ชื่อและนามสกุล (ใหร ะบุชือ่ อนื่ ดวยทุกชอ่ื (ถามี)) และถา มชี ่อื เปน ภาษา
ตา งประเทศใหร ะบดุ ว ย
(ข) คํานาํ หนาช่อื ยศหรือตําแหนง
(ค) อาชพี
(ง) เพศ
(จ) วนั เดือน ปเกดิ
(ฉ) สถานทีเ่ กิด
๑๑๐
(ช) สัญชาติ (ใหร ะบุสญั ชาติเดิม (ถาม)ี และสญั ชาติปจ จบุ ัน)
(ซ) เลขประจําตัวประชาชน และในกรณีท่ีเปนคนตางดาว ใหแสดงเลข
หนังสือเดนิ ทาง หรอื เลขใบสําคญั ประจําตวั คนตางดา ว หรอื เลขเอกสารหลักฐานแสดงตนอนื่
ท่อี อกหรือรับรองโดยหนวยงานหรอื องคกรทนี่ า เช่อื ถือ
(ฌ)ทีอ่ ยูตามทะเบียนบาน หรอื ที่อยูท ่ตี ิดตอ ได
(๒) กรณีเปน นติ บิ คุ คลหรือคณะบคุ คล
(ก) ช่ือเต็ม (ใหระบชุ ื่ออื่นดว ยทกุ ช่อื (ถามี)) และถา มีชื่อเปน ภาษาตางประเทศ
ใหระบดุ ว ย
(ข) เลขทะเบยี นนิตบิ ุคคล
(ค) เลขประจําตัวผูเสียภาษี
(ง) สถานท่ตี ัง้ หรือสาขา หรอื สถานที่ตดิ ตอ
(๓) ขอมูลหรอื พยานหลักฐานใดๆ ท่ที าํ ใหมีเหตุอันควรสงสยั วา ผนู ้นั มีพฤติการณ
เกี่ยวขอ งกบั การกอการราย หรือการสนับสนุนทางการเงนิ แกการกอ การราย หรอื ดาํ เนินการแทน
หรือตามคาํ สง่ั หรอื ภายใตการควบคุมของบุคคลนั้น เชน ขอมลู การสบื สวนสอบสวน หมายจับ
หรือคําพพิ ากษาของศาล
(๔) ขอมูลอ่ืนใดที่เห็นวาจะเปนประโยชนในการพิจารณากําหนดรายชื่อผูนั้นเปน
บคุ คลทถ่ี ูกกําหนด
ขอ ๓ ใหม ีคณะกรรมการพิจารณากาํ หนดรายชอื่ คณะหน่งึ ประกอบดว ยเลขาธกิ าร
เปน ประธานกรรมการ ผูแ ทนสาํ นกั ขาวกรองแหงชาติ ผแู ทนสภาความมั่นคงแหงชาติ ผแู ทน
กรมองคการระหวา งประเทศ ผแู ทนกรมการปกครอง ผแู ทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผแู ทน
สํานกั งานตาํ รวจแหง ชาติ ผูแทนสาํ นกั งาน ปปง. และผูแทนกองอาํ นวยการรกั ษาความมน่ั คง
ภายในราชอาณาจักรเปนกรรมการ
ใหเลขาธิการแตงต้ังขาราชการในสํานักงานเปนกรรมการและเลขานุการจํานวน
หนงึ่ คน และผชู วยเลขานกุ ารอกี ไมเกนิ สองคน
ขอ ๔ การประชุมของคณะกรรมการตามขอ ๓ ตอ งมีกรรมการมาประชมุ ไมนอย
กวา กงึ่ หนง่ึ ของจํานวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเปนองคป ระชุม ถา ประธานกรรมการไมอ าจรว ม
ประชุมได ใหท ่ปี ระชมุ เลือกกรรมการคนหน่ึงเปนประธานทป่ี ระชมุ
การวนิ จิ ฉยั ช้ขี าดของทีป่ ระชมุ ใหถอื เสยี งขางมาก กรรมการคนหนง่ึ ใหม เี สยี งหน่งึ ใน
การลงคะแนน ถา คะแนนเสยี งเทา กัน ใหป ระธานที่ประชุมออกเสียงเพ่มิ ขน้ึ อกี เสียงหนงึ่ เปนเสยี ง
ชีข้ าด
ขอ ๕ ในการพิจารณาของคณะกรรมการตามขอ ๓ หรอื คณะกรรมการธุรกรรม
แลว แตก รณี ถา เหน็ วา รายชอ่ื บคุ คลทส่ี าํ นกั งานเสนอใหพ จิ ารณายงั มขี อ มลู หรอื หลกั ฐานไมเ พยี งพอ
๑๑๑
ใหควรเช่ือไดวาผูใดมีพฤติการณเกี่ยวของกับการกอการราย หรือการสนับสนุนทางการเงิน
แกการกอการราย หรือดําเนินการแทนหรือตามคําสั่งหรือภายใตการควบคุมของบุคคลน้ัน
ใหค ณะกรรมการตามขอ ๓ หรือคณะกรรมการธุรกรรม แลวแตก รณี แจงใหส าํ นกั งานดาํ เนนิ การ
เพื่อใหไ ดมาซึง่ ขอมูลหรอื หลักฐานดังกลาว
ในการดําเนินการของสํานักงานเพ่ือใหไดมาซ่ึงขอมูลหรือหลักฐานตามวรรคหน่ึง
เลขาธิการอาจมอบหมายพนักงานเจา หนา ที่เพ่ือใหด ําเนินการดังกลาวก็ได
ขอ ๖ เม่ือปรากฏพยานหลักฐานอันควรเชื่อไดวาผูใดมีพฤติการณเก่ียวของกับ
การกอ การรา ย หรือการสนับสนนุ ทางการเงินแกการกอ การรา ย หรอื ดาํ เนนิ การแทนหรือตาม
คาํ สัง่ หรือภายใตการควบคมุ ของบุคคลนน้ั ใหคณะกรรมการธุรกรรมมมี ติเหน็ ชอบใหสํานกั งาน
ดาํ เนนิ การใหเ ปนไปตามขอ ๒ โดยไมช ักชาตอไป
ขอ ๗ เม่ือศาลมีคําสั่งใหผูใดเปนบุคคลท่ีถูกกําหนดแลว ใหสํานักงานทบทวน
รายชือ่ ดังกลา ว ถา เหน็ วา มีพฤตกิ ารณเปลยี่ นแปลงไป ใหส าํ นกั งานเสนอเร่อื งใหค ณะกรรมการ
ตามขอ ๓ พจิ ารณารายชอ่ื ผนู น้ั กอ นเสนอตอ คณะกรรมการธรุ กรรมเพอ่ื พจิ ารณาใหค วามเหน็ ชอบ
ใหสํานักงานสงรายช่ือผูนั้นใหพนักงานอัยการพิจารณาย่ืนคํารองใหศาลมีคําส่ังเพิกถอนรายช่ือ
ผูน ้ันออกจากรายชอ่ื บุคคลที่ถูกกาํ หนดโดยไมชกั ชา
ใหไ ว ณ วันท่ี ๕ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ยง่ิ ลักษณ ชนิ วัตร
นายกรฐั มนตรี
๑๑๒
หมายเหตุ :– เหตุผลในการประกาศใชกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๕ วรรคสี่
แหง พระราชบญั ญตั ปิ อ งกนั และปราบปรามการสนบั สนนุ ทางการเงนิ แกก ารกอ การรา ย พ.ศ. ๒๕๕๖
บญั ญตั ใิ หก ารพจิ ารณารายชอ่ื ของสาํ นกั งานปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ และคณะกรรมการ
ธุรกรรมเพ่ือดําเนินการเสนอใหศาลมีคําส่ังใหเปนบุคคลท่ีถูกกําหนดใหเปนไปตามหลักเกณฑ
และวธิ ีการท่ีกาํ หนดในกฎกระทรวง จึงจาํ เปน ตอ งออกกฎกระทรวงน้ี
๑๑๓
(สาํ เนา)
ระเบยี บคณะกรรมการปอ งกันและปราบปรามการฟอกเงนิ
วา ดวยการประกาศและการแจง รายชอ่ื บคุ คลที่ถกู กําหนด
และการดําเนินการตามมาตรา ๖ (๑) (๒) และ (๓)
___พ__.ศ__. ๒__๕_๕_๖____
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ วรรคสอง และมาตรา ๑๒ (๑) แหงพระราช
บัญญัติปองกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแกการกอ การรา ย พ.ศ. ๒๕๕๖ อันเปน
กฎหมายทมี่ ีบทบัญญตั บิ างประการเกย่ี วกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙
ประกอบกบั มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนญู
แหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
คณะกรรมการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ จึงออกระเบยี บไว ดงั ตอไปนี้
ขอ ๑ ระเบยี บนเ้ี รยี กวา “ระเบยี บคณะกรรมการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
วา ดวยประกาศและการแจง รายชื่อบคุ คลทถ่ี ูกกําหนด และการดาํ เนนิ การตามมาตรา ๖ (๑) (๒)
และ (๓) พ.ศ. ๒๕๕๖”
ขอ ๒ ระเบียบน้ีใหใชบังคับต้ังแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปนตนไป
ขอ ๓ ในระเบยี บนี้
“เลขาธิการ” หมายความวา เลขาธิการคณะกรรมการปอ งกนั และปราบปราม
การฟอกเงนิ
“พนักงานเจาหนาท่ี” หมายความวา พนักงานเจาหนาท่ีตามกฎหมายวาดวย
การปอ งกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ขอ ๔ เมื่อมีคําสั่งของรัฐมนตรีวาการกระทรวงยุติธรรมหรือศาลใหผูใดเปนบุคคล
ที่ถูกกําหนดใหสํานักงานประกาศรายชื่อบุคคลท่ีถูกกําหนดดังกลาวในระบบสารสนเทศของ
สาํ นักงานเพือ่ เผยแพรรายชอ่ื สูส าธารณะ พรอมท้งั แจงรายชอ่ื ดงั กลา วไปยังบคุ คลที่ถกู กาํ หนด
และผูมีหนาที่รายงานหรือบุคคลท่ีครอบครองทรัพยสินของบุคคลท่ีถูกกําหนดเพื่อใหทราบถึงการ
กาํ หนดรายช่อื น้ันโดยไมช กั ชา
การแจง รายชอื่ บุคคลท่ถี ูกกําหนดตามวรรคหนึ่ง ใหด ําเนนิ การดังตอไปน้ี
(๑) ในกรณีแจง ผูม ีหนาทีร่ ายงาน ใหส าํ นักงานแจงเปนขอ มลู อเิ ลก็ ทรอนกิ สตาม
กฎหมายวาดวยธรุ กรรมทางอิเลก็ ทรอนิกส
(๒) ในกรณีแจงบุคคลที่ถูกกําหนดและบุคคลที่ครอบครองทรัพยสินของบุคคลที่ถูก
กําหนด ใหสาํ นกั งานแจง เปน หนงั สอื หรือเปนขอมูลอเิ ล็กทรอนกิ ส โดยตอ งระบุขอ เทจ็ จริงท่ีเปน
มลู เหตุของการกาํ หนดรายชอื่ รวมทงั้ สิทธิของบคุ คลดังกลา วดวย
๑๑๔
ท้งั น้ี การแจง ไปยังผมู ีหนา ท่ีรายงานตาม (๑) ที่มสี ถานประกอบกิจการหลายแหง
หากสํานักงานไดแจงรายช่ือดังกลาวไปยังสํานักงานใหญ หรือกรณีที่ไมมีสํานักงานใหญ
หากสํานักงานไดแจงรายช่ือไปยังสถานท่ีท่ีผูมีหนาที่รายงานเลือกเปนสถานประกอบกิจการ
ประจําแลว กใ็ หถ ือวา มีผลเปน การแจงรายชื่อดังกลา วใหทราบแลว
ขอ ๕ วธิ ีการแจงตามขอ ๔ หากแจงเปนหนงั สือ ใหสํานกั งานดําเนนิ การ ดงั ตอไปน้ี
(๑) กรณบี คุ คลซึง่ มภี มู ิลําเนาอยใู นราชอาณาจักร
(ก) กรณีแจง เปนหนังสือใหส ง หนังสอื แจง ไปยังภมู ลิ ําเนาของผูน ัน้ โดยใหถอื วา
บุคคลดงั กลา วไดร บั แจง ตั้งแตในขณะท่หี นงั สือไปถงึ หรือ
(ข) กรณแี จง โดยวิธีสง ทางไปรษณยี ตอบรบั ใหถอื วา ผนู ้ันไดร ับแจงเม่ือครบ
กาํ หนดสิบหา วันนบั แตวนั สง
(๒) กรณบี ุคคลซง่ึ มีภูมิลาํ เนาอยูนอกราชอาณาจักร
(ก) การแจง บคุ คลทถ่ี กู กาํ หนดตามคาํ สง่ั ของศาลซง่ึ มคี าํ รอ งขอจากตา งประเทศ
ใหส ง หนงั สือแจงไปยงั หนว ยงานตา งประเทศทไ่ี ดส งคํารองขอนน้ั เพ่ือใหด ําเนินการแจง ใหท ราบ
ถงึ การถกู กาํ หนดรายช่อื
(ข) การแจงบุคคลที่ถูกกําหนดตามคําสั่งศาลซึ่งมิไดมีคํารองขอจากหนวยงาน
ตางประเทศ หรอื บุคคลท่ถี ูกกาํ หนดตามคําส่ังของรัฐมนตรวี าการกระทรวงยตุ ิธรรม ใหสง เรือ่ ง
ไปยังกระทรวงการตางประเทศเพ่ือประสานไปยังรัฐบาลตางประเทศท่ีผูน้ันถือสัญชาติ หรือ
ทนี่ า เชอ่ื วาผูน้ันมีถิน่ ที่อยเู พ่อื แจง ใหท ราบถงึ การถูกกาํ หนดรายชือ่
การแจงบคุ คลที่ถกู กาํ หนดตาม (๑) หากไมส ามารถกระทาํ ไดเ นื่องจากไมม ีผรู ับ
การแจงจะกระทําโดยการปดประกาศคําส่ังการเปนบุคคลทีถ่ กู กําหนดไว ณ สถานีตาํ รวจแหง
ทองท่ที ีผ่ ูนัน้ มีภูมลิ ําเนา หรือในกรณีทไ่ี มรภู ูมิลําเนาของบุคคลที่ถกู กําหนด การแจง จะกระทาํ
โดยการประกาศในหนงั สือพมิ พรายวันท่ีแพรห ลาย ในกรณนี ีใ้ หถ ือวา บุคคลที่ถูกกาํ หนดไดร ับ
แจง เมอ่ื ลว งพนระยะเวลาสิบหา วนั นบั แตวนั ท่ีไดแ จงโดยวิธดี งั กลาว
ขอ ๖ เมือ่ ไดท ราบขอ มูลรายชอื่ บคุ คลทีถ่ ูกกําหนดแลว ใหบคุ คลท่ถี ูกกาํ หนด ผูมี
หนาท่ีรายงาน หรือบุคคลทค่ี รอบครองทรพั ยสินของบุคคลท่ีถูกกาํ หนดดําเนินการดงั ตอ ไปนโี้ ดย
ไมชักชา
(๑) ระงับการดาํ เนนิ การกบั ทรพั ยส ินของบุคคลทีถ่ กู กําหนด รวมทง้ั ของผูก ระทาํ
การแทน หรือตามคําส่ังของผนู น้ั หรือของกจิ การภายใตก ารควบคุมของผูน น้ั
(๒) แจง ขอ มลู เกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ ทถ่ี กู ระงบั การดาํ เนนิ การตาม (๑) ใหส าํ นกั งานทราบ
ภายในสามวันทําการนบั แตว ันทีไ่ ดร ะงบั การดําเนนิ การกบั ทรัพยส นิ น้ัน
(๓) แจงใหสํานักงานทราบเกี่ยวกับผูท่ีเปนหรือเคยเปนลูกคาซึ่งอยูในรายชื่อบุคคล
ท่ีถูกกําหนดหรือผทู ่มี หี รอื เคยมีการทําธรุ กรรมกบั ผูนนั้ ทัง้ น้ี ภายในสามวันทาํ การนบั แตวันทไี่ ด
พบขอมลู นั้น
๑๑๕
การตรวจสอบขอ มลู ตาม (๓) ใหตรวจสอบยอ นหลังภายในกําหนดหา ปก อนวันที่ได
มคี ําสั่งใหผูใดเปน บุคคลท่ถี ูกกําหนด
ขอ ๗ หลกั เกณฑแ ละวิธีการแจง ขอ มลู ตามขอ ๖ ใหเ ปนไปตามแบบทีส่ ํานกั งาน
ประกาศกาํ หนด
ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กมุ ภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๖
รอ ยตํารวจเอก เฉลมิ อยูบ าํ รงุ
ประธานกรรมการปองกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
๑๑๖
(สาํ เนา)
ระเบยี บคณะกรรมการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงิน
วาดว ยการกาํ หนดนโยบายในการประเมนิ ความเสย่ี ง การกําหนดแนวทางปฏบิ ัติ
หรอื มาตรการอืน่ ใด เพือ่ ปองกนั มิใหมีการสนับสนนุ ทางการเงินแกก ารกอ การรา ย
___พ__.ศ__. ๒__๕_๕_๖____
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖ วรรคสาม และมาตรา ๑๒ (๑) แหงพระราช
บัญญัติปองกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแกก ารกอการรา ย พ.ศ. ๒๕๕๖ อันเปน
กฎหมายที่มีบทบัญญัตบิ างประการเกย่ี วกบั การจาํ กดั สทิ ธิและเสรีภาพของบุคคล ซงึ่ มาตรา ๒๙
ประกอบกบั มาตรา ๓๓ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญ
แหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
คณะกรรมการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ จงึ ออกระเบยี บไว ดังตอไปน้ี
ขอ ๑ ระเบยี บนเ้ี รยี กวา “ระเบยี บคณะกรรมการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
วา ดว ยการกาํ หนดนโยบายในการประเมินความเส่ียง การกาํ หนดแนวทางปฏิบัตหิ รอื มาตรการ
อ่ืนใดเพอ่ื ปอ งกนั มิใหมีการสนับสนนุ ทางการเงินแกการกอการราย พ.ศ. ๒๕๕๖”
ขอ ๒ ระเบียบน้ีใหใชบังคับตั้งแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปนตนไป
ขอ ๓ ใหผูมีหนาท่ีรายงานกําหนดนโยบายในการประเมินความเส่ียงหรือแนวทาง
ปฏิบตั ใิ ดๆ เก่ียวกับการปองกันมิใหม ีการสนับสนนุ ทางการเงินแกการกอ การรา ยเปนลายลักษณ
อักษรโดยอยางนอยใหม สี าระสาํ คญั ดังตอ ไปนี้
(๑) กรณผี ลิตภณั ฑห รือบริการตางๆ ของผูมีหนาท่ีรายงาน ใหผมู หี นา ทรี่ ายงาน
กาํ หนดนโยบายหรอื แนวทางปฏบิ ัติ เพือ่ มั่นใจไดว า ผลติ ภัณฑหรอื บรกิ ารดงั กลาวจะไมถ ูกใชเ ปน
ชองทางในการสนับสนุนทางการเงินแกก ารกอ การรา ย และหากเกดิ กรณีดงั กลาวขนึ้ ผมู ีหนา ท่ี
รายงานตองกําหนดมาตรการที่จะทําใหตรวจพบไดอยางรวดเร็วและมาตรการในการดําเนินการ
เพอ่ื บรรเทาความเสียหายใหไ ดมากทีส่ ดุ
(๒) กรณลี ูกคาของผูมีหนา ทีร่ ายงาน
(ก) ใหผูมีหนาที่รายงานกําหนดมาตรการเกี่ยวกับขั้นตอนในการอนุมัติการรับ
ลกู คา อยา งเครง ครดั และใหน าํ หลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารตามกฎกระทรวงวา ดว ยการกาํ หนดหลกั เกณฑ
และวธิ กี ารในการตรวจสอบเพ่อื ทราบขอเทจ็ จริงเกี่ยวกบั ลูกคามากาํ หนดดวยโดยอนุโลม
(ข) ใหผ มู หี นา ทร่ี ายงานกาํ หนดมาตรการเกย่ี วกบั การดาํ เนนิ การใหข อ มลู รายชอ่ื
บคุ คลทีถ่ ูกกําหนดทไี่ ดร บั จากสํานกั งานใหเ ปนปจจบุ นั อยเู สมอ และการใชขอ มลู ดงั กลาวเพ่ือ
ตรวจสอบลกู คา ท้ังหมดอยางสมาํ่ เสมอจนกวา จะยุติความสมั พันธกับลกู คา รวมถึงตรวจสอบกบั
๑๑๗
บุคคลที่ขอทําธุรกรรมแบบคร้ังคราว และใหนําหลักเกณฑและวิธีการตามกฎกระทรวงวาดวย
การกาํ หนดหลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารในการตรวจสอบเพอ่ื ทราบขอ เทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั ลกู คา มากาํ หนดดว ย
โดยอนุโลม
(ค) ใหผูมีหนาท่ีรายงานกําหนดมาตรการเกี่ยวกับการปฏิเสธการสราง
ความสมั พันธทางธรุ กจิ การไมทําธุรกรรม รวมทัง้ การระงับการดําเนนิ การกับทรัพยสนิ ตาม
กฎหมายวาดว ยการปองกนั และปราบปรามการสนับสนนุ ทางการเงินแกการกอการรา ย
(๓) กรณีธุรกรรมทุกประเภท ใหผูมีหนาที่รายงานกําหนดมาตรการเก่ียวกับ
การตรวจสอบธุรกรรมทั้งหมดของลูกคาและบุคคลท่ีขอทําธุรกรรมแบบครั้งคราววาเก่ียวของหรือ
อาจเกยี่ วของกับการสนับสนนุ ทางการเงนิ แกก ารกอการรา ยหรือไม แมวาลูกคา หรอื บุคคลท่ขี อ
ทาํ ธุรกรรมแบบครั้งคราว แตล ะรายจะมขี อมลู ไมต รงกบั ขอ มลู รายช่ือบุคคลทถี่ ูกกาํ หนดกต็ าม
และมาตรการในการรายงานธุรกรรมท่ีมเี หตอุ นั ควรสงสัยตอสํานักงาน ในกรณที ่ีพบวาธรุ กรรมใด
อาจเกี่ยวของหรือมีเหตุอันควรเชื่อไดวามีความเกี่ยวของกับการสนับสนุนทางการเงินแกการกอ
การรายหรอื เปนธุรกรรมทกี่ ระทาํ กับหรือเพ่อื ประโยชนของบคุ คลทถี่ ูกกําหนด
ใหผูมหี นา ท่ีรายงานจดั ใหนโยบายหรอื แนวทางปฏบิ ัติตามขอนี้ เปนสวนหนึง่ ใน
กระบวนการตรวจสอบเพื่อทราบขอเท็จจริงเกี่ยวกับลูกคาตามกฎกระทรวงวาดวยการกําหนด
หลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารในการตรวจสอบเพอื่ ทราบขอ เท็จจรงิ เกี่ยวกับลูกคา
ขอ ๔ ใหผูมีหนาที่รายงานกําหนดมาตรการอ่ืนใดที่จําเปนนอกจากที่กําหนดไวใน
ขอ ๓ เพ่ือปฏิบัติใหเปนไปตามกฎหมายวาดวยการปองกันและปราบปรามการสนับสนุนทาง
การเงินแกการกอการราย
ขอ ๕ ใหผ ูมหี นาทีร่ ายงานกําหนดใหนโยบาย แนวทางปฏบิ ตั ิ หรือมาตรการอื่นใด
ตามขอ ๓ และขอ ๔ เปน เรอื่ งทีม่ ีความสาํ คัญในระดับสูงสุด และตองไดร ับการปฏบิ ัตอิ ยา ง
เครงครัด โดยตอ งไดร บั การอนุมตั จิ ากคณะกรรมการหรือผูบริหารซงึ่ มีอํานาจระดบั สูงสดุ ของผมู ี
หนาที่รายงาน
ขอ ๖ ใหผ มู ีหนา ทีร่ ายงานจัดทําแนวทางปฏิบตั ิ วิธปี ฏิบตั ิ หรือคูมือปฏิบัติ เพือ่ ให
บคุ ลากรสามารถปฏบิ ตั ใิ หบ รรลุผลไดอ ยา งมีประสทิ ธภิ าพ
ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖
รอ ยตาํ รวจเอก เฉลิม อยูบํารงุ
ประธานกรรมการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
๑๑๘
(สําเนา)
ระเบยี บคณะกรรมการปองกนั และปราบปรามการฟอกเงิน
วาดวยการเกบ็ รักษาและการบริหารจัดการทรพั ยส นิ ทถ่ี ูกระงบั การดาํ เนินการกบั ทรัพยสิน
___พ__.ศ__. ๒__๕_๕_๖____
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๗ และมาตรา ๑๒ (๑) แหงพระราชบัญญัติ
ปองกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงนิ แกการกอ การราย พ.ศ. ๒๕๕๖ อันเปน กฎหมาย
ที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙
ประกอบกับมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๕ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญ
แหงราชอาณาจักรไทย บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
คณะกรรมการปองกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ จงึ ออกระเบยี บไว ดังตอ ไปน้ี
ขอ ๑ ระเบยี บนเ้ี รยี กวา “ระเบยี บคณะกรรมการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
วาดวยการเก็บรักษาและการบริหารจัดการทรัพยสินท่ีถูกระงับการดําเนินการกับทรัพยสิน
พ.ศ. ๒๕๕๖”
ขอ ๒ ระเบียบนี้ใหใชบังคับตั้งแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปน ตนไป
ขอ ๓ ในระเบียบน้ี
“เลขาธิการ” หมายความวา เลขาธิการคณะกรรมการปองกันและปราบปราม
การฟอกเงิน
“พนักงานเจาหนาที่” หมายความวา พนักงานเจาหนาท่ีตามกฎหมายวาดวย
การปองกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ขอ ๔ เม่ือสํานักงานไดรับแจงขอมูลการระงับการดําเนินการกับทรัพยสินตาม
มาตรา ๖ (๒) ใหพ นักงานเจาหนา ท่ีซ่ึงไดรบั มอบหมายจากเลขาธิการแจง ขอ มูลดงั กลา วพรอ มทัง้
สงมอบเอกสารที่เก่ียวของเทาท่ีมีอยูใหผูอํานวยการกองบริหารจัดการทรัพยสินทราบโดยเร็วเพื่อ
ดําเนินการตามขอ ๕
ขอ ๕ การเก็บรักษาและการบริหารจัดการทรัพยสินท่ีถูกระงับการดําเนินการกับ
ทรัพยส ิน ใหน ําระเบยี บคณะกรรมการปองกันและปราบปรามการฟอกเงินเกยี่ วกบั การเก็บรักษา
และการบรหิ ารจดั การทรพั ยส นิ ทถ่ี กู ยดึ หรอื อายดั ตามกฎหมายวา ดว ยการปอ งกนั และปราบปราม
การฟอกเงนิ มาใชบังคับโดยอนุโลม
ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ กุมภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖
รอยตํารวจเอก เฉลมิ อยูบ ํารุง
ประธานกรรมการปอ งกนั และปราบปรามการฟอกเงนิ
๑๑๙
(สาํ เนา)
บันทึกขอ ความ
สว นราชการ สํานักกฎหมาย โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๖๘๙ โทรสาร. ๐ ๒๑๔๑ ๙๐๖๒
ที่ มท ๐๕๐๕.๔ / ว ๓๒๗ วันท่ี ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๖
เรื่อง การเขียนสวนลงทายในหนังสือราชการถึงจังหวัด
เรยี น อธิบดี
๑. เร่อื งเดิม
ในการประชุมกรมที่ดิน ครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ ๒๕๕๖
ที่ประชุมมีมติ/ขอสั่งการในประเด็นที่ ๙ การเขียนสวนลงทายในหนังสือราชการถึงจังหวัด
ใหสํานักงานเลขานุการกรมประสานกับสํานักกฎหมายพิจารณา กรณี การทําหนังสือเวียน
แนวทางการเขียนสวนลงทายในหนังสือราชการถึงจังหวัดวาจะใชรูปแบบใด เพื่อใหสํานัก/กอง
ถือปฏิบัติใหเปนไปในทิศทางเดียวกัน
๒. ขอ เทจ็ จรงิ
สํานักงานเลขานุการกรมมีบันทึก ที่ มท ๐๕๐๑.๒ (๒)/๑๗๖๖ ลงวันที่ ๑๔
มีนาคม ๒๕๕๖ แจงสํานักกฎหมายวา มติที่ประชุมกรมที่ดิน ครั้งที่ ๒/๒๕๕๖ ใหสํานักงาน
เลขานุการกรมประสานกับสํานักกฎหมายในการทําหนังสือเวียนแนวทางการเขียนสวนลงทาย
ในหนังสือราชการถึงจังหวัดวาจะใชรูปแบบใด เพื่อใหสํานัก/กอง ถือเปนแนวทางปฏิบัติ
โดยสํานักงานเลขานุการกรมเห็นวา ควรวางรูปแบบการเขียนสวนลงทายใหเปนไปในทิศทาง
เดียวกัน ดังนี้
(๑) หนังสือแจงเพื่อทราบ ใชคําวา จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และแจง
ใหเจาหนาที่ในสังกัดกรมที่ดิน ทราบดวย
(๒) หนังสือแจงเพื่อดําเนินการ ใชคําวา จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และแจง
ใหเจาหนาที่ในสังกัดกรมที่ดิน ทราบและดําเนินการในสวนที่เกี่ยวของตอไป
(๓) หนังสือแจงเพื่อใหถือปฏิบัติ ใชคําวา จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และแจง
ใหเจาหนาที่ในสังกัดกรมที่ดินทราบ และถือปฏิบัติตอไป
๓. ขอกฎหมาย
๓.๑ ประมวลกฎหมายที่ดิน
๓.๒ ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
๓.๓ พระราชบัญญัติวาดวยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย พ.ศ.๒๔๙๗
๓.๔ คําสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ ๒๗๗/๒๔๙๘ ลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม
๒๔๙๘
๓.๕ คําสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ ๖๖/๒๕๕๒ ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ ๒๕๕๒
๑๒๐
๔. ความเหน็
สํานักกฎหมายพิจารณาแลวมีความเห็นดังนี้
๔.๑ ตามมาตรา ๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดินไดบัญญัตินิยามคําวา
“พนักงานเจาหนาที่” หมายความวา “เจาพนักงานซึ่งเปนผูปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายนี้
และพนักงานอื่นซึ่งรัฐมนตรีแตงตั้งใหปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายนี้” พนักงานเจาหนาที่จึงมี
๒ ประเภท คือ ๑. เจาพนักงานซึ่งเปนผูปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายที่ดิน เชน ตามมาตรา
๗๑ บัญญัติวา “ใหเจาพนักงานที่ดินเปนพนักงานเจาหนาที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับ
อสังหาริมทรัพยตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย สําหรับอสังหาริมทรัพยที่อยูในเขตทองที่
สํานักงานที่ดินจังหวัดหรือสํานักงานที่ดินสาขานั้น” เจาพนักงานที่ดินซึ่งรัฐมนตรีวาการกระทรวง
มหาดไทยไดแตงตั้งตามมาตรา ๑๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗
จึงเปนพนักงานเจาหนาที่ตามคํานิยามดังกลาว ๒. พนักงานอื่นซึ่งรัฐมนตรีวาการกระทรวง
มหาดไทยแตงตั้งใหปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายที่ดิน เชน คําสั่งกระทรวงมหาดไทย
ที่ ๔๗๗/๒๔๙๘ ลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๔๙๘ เรื่อง แตงตั้งพนักงานเจาหนาที่ตามความใน
มาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕
แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย
แตงตั้งนายอําเภอหรือปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจํากิ่งอําเภอทองที่ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยูเปน
พนักงานเจาหนาที่ออกใบจองตามความในมาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๓ แหงประมวลกฎหมาย
ที่ดิน ดังนั้น พนักงานเจาหนาที่ที่รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยแตงตั้งฯ ยอมเปนพนักงาน
เจาหนาที่ตามคํานิยามในมาตรา ๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน แตคําวา “พนักงานเจาหนาที่
ที่ดิน” นั้น ประมวลกฎหมายที่ดินไมไดบัญญัติคํานิยามไวแตอยางใด จึงไมควรใชคําวา “พนักงาน
เจาหนาที่ที่ดิน”
๔.๒ สําหรับ “เจาพนักงานท่ีดิน” นั้น ตามมาตรา ๑๕ แหงพระราชบัญญัติ
ใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ บัญญัติวา “ใหรัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย
รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และตามประมวลกฎหมายที่ดินและใหมีอํานาจแตงตั้ง
เจา พนกั งานที่ดนิ และพนักงานเจาหนา ท่ีกบั ออกกฎกระทรวงเพ่ือปฏิบตั ิการใหเปน ไปตามพระราช
บัญญัตินี้และประมวลกฎหมายที่ดิน” เจาพนักงานที่ดินจึงเปนตําแหนงที่รัฐมนตรีวาการกระทรวง
มหาดไทยมีอํานาจแตงตั้งขึ้น เพื่อปฏิบัติการใหเปนไปตามพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมาย
ที่ดิน พ.ศ.๒๔๙๗ และประมวลกฎหมายที่ดิน เชน ตามมาตรา ๖๐ ประมวลกฎหมายที่ดิน
ใหเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจทําการสอบสวนเปรียบเทียบในการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง
การทําประโยชน ถามีผูโตแยงสิทธิกัน หรือตามมาตรา ๖๙ ทวิ ผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะขอ
สอบเขตโฉนดที่ดินเฉพาะรายของตน ใหยื่นคําขอพรอมดวยโฉนดที่ดินนั้นตอเจาพนักงานที่ดิน
และคําสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ ๖๖/๒๕๕๒ ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ ๒๕๕๒ เรื่อง แตงตั้ง
เจาพนักงานที่ดิน ขอ ๒ แตงตั้งใหผูดํารงตําแหนงดังตอไปนี้ในสํานักงานที่ดินจังหวัด และ
สํานักงานที่ดินสาขาเปนเจาพนกั งานที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน ในสํานักงานที่ดินจังหวัด
๑๒๑
และสํานักงานที่ดินสาขานั้นๆ คือ (๑) เจาพนักงานที่ดินจังหวัด หรือเจาพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา
(๒) นักวิชาการที่ดินตั้งแตระดับปฏิบัติการขึ้นไปในฝายทะเบียน (๓) เจาพนักงานที่ดิน ตั้งแตระดับ
ปฏิบัติงานขึ้นไปในฝายทะเบียน (๔) นายชางรังวัด ตั้งแตระดับชํานาญงานขึ้นไปในฝายรังวัด (๕)
ขาราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการตั้งแตระดับปฏิบัติการขึ้นไป หรือประเภททั่วไปตั้งแต
ระดับปฏิบัติงานขึ้นไป ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินแตงตั้งใหทําหนาที่ในตําแหนงตาม (๒) (๓) และ (๔)
เปนการชั่วคราว
๔.๓ คําวา “เจาหนาที่” ประมวลกฎหมายที่ดินไมไดบัญญัติคํานิยามไว
จึงตองอาศัยการตีความตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๔ วรรคหนึ่ง บัญญัติ
วา “กฎหมายนั้นตองใชในบรรดากรณีซึ่งตองดวยบทบัญญัติใดๆ แหงกฎหมายตามตัวอักษร
หรือตามความมุงหมายของบทบัญญัตินั้นๆ” วรรคสอง บัญญัติวา “เมื่อไมมีบทกฎหมายที่จะ
ยกมาปรับคดีได ใหวินิจฉัยคดีนั้นตามจารีตประเพณีแหงทองถิ่น ถาไมมีจารีตประเพณีเชนวานั้น
ใหวินิจฉัยคดีอาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกลเคียงอยางยิ่ง และถาบทกฎหมายเชนนั้นก็ไมมีดวย
ใหวินิจฉัยตามหลักกฎหมายทั่วไป” ในกรณีนี้จึงตองวินิจฉัยเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกลเคียง
อยางยิ่ง ซึ่งไดแกพระราชบัญญัติวาดวยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย พ.ศ.๒๔๙๗ ที่ประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๔๙๗ มีผลใชบังคับในวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ ๒๔๙๗
ไดบัญญัติใหนิยามคําวา “เจาหนา ท”ี่ ไวหมายความวา “กระทรวง ทบวง กรมในรัฐบาล หรือ
ทบวงการเมืองอื่น หรือบุคคลผูกระทําการเพื่อประโยชนของรัฐ ซึ่งมีอํานาจที่จะกระทําการใดๆ
ที่ไดรับอํานาจใหกระทําหรือควบคุมการเวนคืนอสังหาริมทรัพยได” เมื่อเทียบเคียงตามกฎหมาย
ใกลเคียงอยางยิ่งแลวคําวา “เจา หนาท”่ี ตามประมวลกฎหมายที่ดินจึงมีความหมายวา บุคคล
ผูกระทําการเพื่อประโยชนของกรมที่ดิน ซึ่งมีอํานาจที่จะกระทําการใดๆ ที่ไดรับอํานาจใหกระทํา
หรือควบคุมตามประมวลกฎหมายที่ดินหรือกฎหมายอื่นที่อยูในอํานาจหนาที่ของกรมที่ดินได
สวนคําวา “เจาหนาที่ที่ดิน” ก็มีความหมายเชนเดียวกับคําวา “เจาหนาที่” แตเปนเจาหนาที่ใน
สังกัดหนวยงานของกรมที่ดิน
โดยสรุป การเขียนสวนลงทายในหนังสือราชการถึงจังหวัดสามารถใชคําวา
“เจาหนาที่” “พนักงานเจาหนาที่” หรือ “เจาพนักงานที่ดิน” โดยพิจารณาตามวัตถุประสงคของ
หนังสือนั้นวาจะใหครอบคลุมถึงบุคคลใดใหไดทราบและถือปฏิบัติตามหนังสือนั้นบาง สําหรับ
ความเห็นของสํานักงานเลขานุการกรม ตาม ๒. เปนการกําหนดแนวทางปฏิบัติซึ่งสามารถนําผล
การพิจารณาของสํานักกฎหมายตาม ๔. ไปประกอบการพิจารณากําหนดแนวทางปฏิบัติใหเปน
ไปในแนวทางเดียวกันได
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา หากเห็นชอบ จะไดแจงใหสํานักงานเลขานุการ
กรมดําเนินการตอไป
(ลงชื่อ) ประภสั สร สบื เหลารบ
(นายประภัสสร สืบเหลารบ)
ผูอํานวยการสํานักกฎหมาย
๑๒๒
ดวนทสี่ ุด (สาํ เนา)
ที่ มท ๐๕๐๕.๒ / ว ๗๒๐๙ กรมทีด่ นิ
ศนู ยร าชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรัฐประศาสนภกั ดี ถนนแจงวฒั นะ
แขวงทุง สองหอง เขตหลกั ส่ี กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖
เร่อื ง ซักซอ มความเขาใจเกยี่ วกบั แนวทางในการดาํ เนินคดปี กครอง
เรียน ผูว าราชการจังหวดั ทกุ จังหวดั
อางถึง หนงั สอื กรมทด่ี นิ ที่ มท ๐๗๑๒/ว ๑๑๘๗๘ ลงวันท่ี ๑๑ เมษายน ๒๕๔๕
สง่ิ ท่สี ง มาดวย สําเนาหนังสอื กรมทดี่ ิน ที่ มท ๐๗๑๒/ว ๑๑๘๗๘ ลงวนั ท่ี ๑๑ เมษายน ๒๕๔๕
ตามท่ีกรมท่ีดินไดวางแนวทางปฏิบัติเก่ียวกับการดําเนินคดีปกครอง กรณี
มอบอํานาจใหพนักงานอัยการเปนผูที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในทางคดี แตเน่ืองจากวา
มีบางจังหวัดยังเขาใจผิด หรือมีความสับสนในการมอบอํานาจใหพนักงานอัยการดําเนินคดี
ปกครองแทน ความแจง แลว นั้น
กรมทด่ี นิ พิจารณาแลวเหน็ วา แนวทางในการดําเนินคดปี กครองสําหรบั กรณี
ดังกลา วเปน เรอื่ งสาํ คญั เพอื่ ประโยชนข องทางราชการ ซง่ึ สว นราชการจะตอ งถอื ปฏบิ ัตเิ ปน ไป
แนวทางเดยี วกัน จึงขอกาํ ชับและทาํ ความเขา ใจ ดังตอไปนี้
กรณตี ามขอ ๑ ในคดีพพิ าทเก่ยี วกับการทําละเมดิ หรอื ความรับผิดอยา งอ่ืนตาม
มาตรา ๙ (๓) แหง พระราชบัญญัตจิ ัดต้งั ศาลปกครองและวิธีพจิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ.๒๕๔๒
ซ่ึงมูลคดีเกิดจากเจาหนาที่ปฏิบัติหนาท่ีราชการและผูฟองคดีขอใหชดใชคาเสียหาย
ใหมอบอาํ นาจใหพ นกั งานอัยการเปน ผูท ม่ี คี วามเชี่ยวชาญเฉพาะในทางคดี โดยใหจ งั หวัดช้แี จง
ขอเท็จจริงและขอกฎหมาย พรอมจัดสงเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวของ และแตงต้ังเจาหนาที่
ผูรูเ ร่อื งดี สามารถอธิบายเรื่องราวของมูลเหตแุ หง ขอ พิพาท ขอกฎหมาย และระเบยี บท่ีเกี่ยวของ
เปนผูติดตอประสานงานกับพนักงานอัยการ ในการดําเนินคดีปกครองดวย ตองเปนกรณีที่มี
ขอพิพาทเกีย่ วกับการทําละเมดิ หรอื ความรบั ผิดอยา งอ่ืนตามมาตรา ๙ (๓) แหงพระราชบญั ญตั ิ
ดังกลาว ซ่ึงมูลคดีเกิดจากเจาหนาท่ีปฏิบัติหนาท่ีราชการและผูฟองคดีขอใหชดใชคาเสียหาย
เทาน้นั
๑๒๓
สวนกรณตี ามขอ ๒ เปนกรณที ี่มีขอ พพิ าทเก่ียวกบั คดีปกครองอ่ืน อนั มขี อ พพิ าท
นอกเหนอื จาก มาตรา ๙ (๓) แหง พระราชบญั ญัตจิ ัดต้ังศาลปกครองและวิธพี จิ ารณาคดี
ปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ ใหเ จา หนาที่ทําคาํ ใหการเอง โดยไมตอ งขอใหพ นักงานอัยการดําเนนิ
คดีปกครองแทน
จึงเรียนมาเพ่ือโปรดทราบและแจงใหเจาหนาท่ีที่เกี่ยวของและหนวยงานใน
สังกดั ทราบ และถอื ปฏบิ ตั โิ ดยเครง ครดั ตอไป
ขอแสดงความนับถอื
(ลงชอ่ื ) สจุ ติ จงประเสริฐ
(นายสจุ ิต จงประเสริฐ)
รองอธบิ ดีกรมทด่ี นิ ปฏิบตั ริ าชการแทน
อธบิ ดกี รมท่ดี ิน
สํานกั กฎหมาย
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๖๙๔
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๐๖๓
๑๒๔
ที่ มท ๐๗๑๒ / ว ๑๑๘๗๘ (สาํ เนา) กรมท่ดี นิ
ถนนพระพพิ ธิ กทม. ๑๐๒๐๐
๑๑ เมษายน ๒๕๔๕
เร่ือง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดําเนนิ คดีปกครอง
เรยี น ผวู าราชการจังหวัดทุกจงั หวดั
ส่ิงท่ีสงมาดวย ตวั อยา งแบบคําใหการ
ดวยปจจุบนั มีคดีปกครองข้ึนสูศาลปกครองทีก่ รมทด่ี ิน เจา หนา ทแี่ ละหนว ยงาน
ในสังกัดกรมท่ดี นิ เปน ผถู ูกฟอ งคดเี ปนจํานวนมาก กรมทีด่ นิ จงึ ไดก ําหนดแนวทางในการดําเนิน
คดปี กครองดังกลา ว ดังนี้
๑. ในคดีพพิ าทเกีย่ วกับการทาํ ละเมิดหรอื ความรับผดิ อยางอ่นื ตามมาตรา ๙
(๓) แหงพระราชบญั ญตั จิ ดั ตงั้ ศาลปกครองและวธิ พี จิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ.๒๕๔๒ ซึ่งมูลคดี
เกิดจากเจาหนา ท่ีปฏิบตั ิหนา ทรี่ าชการ และผูฟองคดีขอใหช ดใชค าเสยี หายใหม อบอาํ นาจให
พนกั งานอัยการดําเนินคดีปกครองแทน เน่ืองจากพนักงานอยั การเปน ผูทม่ี ีความเช่ียวชาญเฉพาะ
ในทางคดี
การสงเร่ืองและเอกสารท่ีเก่ียวของกับคดีใหพนักงานอัยการดังกลาว ขอให
จังหวัดชี้แจงขอเท็จจริง ขอกฎหมายและระเบียบปฏิบัติของกรมที่ดินหรือสวนราชการอื่นท่ี
เก่ียวของกับคดีใหพนักงานอัยการทราบพรอมท้ังแตงตั้งเจาหนาที่ผูรูเร่ืองดี สามารถอธิบาย
เร่ืองราวของมูลเหตุแหงขอพิพาท ขอกฎหมาย และระเบียบท่ีเก่ียวของ เปนผูประสานงาน
เกย่ี วกับคดีดว ย
๒. คดีนอกจากขอ ๑ ใหเจาหนาทท่ี ําคําใหการแกคําฟอ งเอง โดยไมตองขอให
พนกั งานอัยการดําเนนิ คดปี กครองแทน การทําคําใหก ารใหพ ิจารณาดําเนนิ การดงั น้ี
๒.๑ ตรวจคําฟองและพิจารณาทําความเขาใจใหถองแทเกี่ยวกับประเด็น
ขอ พพิ าทหรอื ขอ โตแยงแหง คดี
๒.๒ จัดทําคําใหการหรือคําช้ีแจงเปนหนังสือราชการหรือหนังสือตามแบบ
ของศาล โดยทําคําใหการใหชัดแจง แสดงการปฏเิ สธ หรอื การยอมรบั ขอ หาที่ปรากฏในคําฟอง
และคาํ ขอทา ยฟอง ช้ีแจงขอ เท็จจรงิ ขอกฎหมาย ระเบียบปฏิบัตหิ รือคําสั่งของทางราชการ
พรอมแสดงหลกั ฐานประกอบ กรณีทศี่ าลใหไ ปชี้แจงดวยวาจาตอหนาศาลไมตองทาํ คําช้แี จงเปน
หนังสือ
๑๒๕
๒.๓ หากมกี รณไี มสามารถยน่ื คําใหการหรอื ชแี้ จงขอเทจ็ จริงตอ ศาล ภายใน
เวลาท่ีศาลกําหนดได ใหย่ืนคําขอตอศาลเพ่ือขอขยายระยะเวลาตามความจําเปนกอนครบ
กําหนดเวลาตามคําสง่ั ศาล
๒.๔ การยืน่ คาํ ใหการ คําช้แี จงขอ เท็จจริง หรือพยานหลกั ฐานตางๆ จะยนื่
ดวยตนเองหรือมอบฉันทะใหผูอ่ืนไปย่ืนตอศาลหรือตอพนักงานเจาหนาที่ของศาลหรือจะทํา
โดยวิธสี งทางไปรษณยี ล งทะเบยี นกไ็ ด ในกรณีท่ีสงทางไปรษณียลงทะเบยี นใหถือวนั ที่ยื่นสง แก
เจา พนักงานไปรษณยี เ ปนวนั ท่ยี ่ืนตอศาล
๒.๕ ในกรณีท่ีศาลสงสําเนาคําคัดคานคําใหการของผูฟองคดีมาเพ่ือใหจัด
ทาํ คําใหการเพิม่ เติมแกคาํ คดั คานคาํ ใหการ ขอใหจ ัดทาํ คาํ ใหการเพ่มิ เตมิ ตามประเด็นทผี่ ฟู อ งคดี
คดั คา น โดยจดั ทําลักษณะเดยี วกนั กบั การจดั ทาํ คําใหก ารครง้ั แรก หากไมมีประเด็นท่ตี องทํา
คาํ ใหก ารเพม่ิ เตมิ ใหแจง ใหศ าลทราบ
๓. ในกรณีที่กรมท่ีดินเปนผูถูกฟองคดี หรือศาลปกครองมีคําส่ังใหกรมที่ดิน
จดั ทาํ คาํ ใหก ารแกค าํ ฟอ งหรอื ชแ้ี จงขอ เทจ็ จรงิ และกรมทด่ี นิ มคี วามจาํ เปน ตอ งขอทราบขอ เทจ็ จรงิ
และหลกั ฐานตางๆ จากจังหวดั ซึ่งเปน มลู เหตุแหง ขอพพิ าท ขอใหจ ังหวดั สรุปขอเทจ็ จริงพรอมท้งั
รวบรวมพยานหลกั ฐานตา งๆ ทีเ่ กีย่ วขอ งกับคดี จัดสง ใหก รมท่ีดินภายในเวลาทกี่ ําหนดโดยดวน
หากเจา พนกั งานทีด่ นิ จงั หวัดหรือสาขา เปนผูถกู ฟอ งคดีรวม ขอใหจัดสงสาํ เนาคําใหการของ
เจา พนกั งานที่ดนิ จังหวดั หรือสาขาไปใหก รมท่ีดินดวย
๔. ในการดําเนินคดีปกครองขอใหเจาหนาที่รีบดําเนินการภายในกําหนดระยะ
เวลาท่ีศาลกาํ หนด การประวงิ คดีใหลาชา อาจถกู ลงโทษทางวนิ ัยหรอื มคี วามผดิ ฐานละเมดิ
อาํ นาจศาลได
๕. เม่ือเจาหนาที่หรือหนวยงานในสังกัดกรมที่ดินเปนผูถูกฟองในคดีปกครอง
หรือศาลปกครองมีคําพิพากษาเกี่ยวกับคดีประการใด ขอใหจังหวัดรายงานและจัดสงสําเนา
คาํ ฟองหรือคาํ พิพากษาของศาลไปใหกรมทีด่ ินทราบดว ย
จึงเรียนมาเพอื่ โปรดทราบและแจง ใหเจา หนา ที่ถอื เปน แนวทางปฏิบตั ิตอไป
ขอแสดงความนบั ถอื
(ลงชื่อ) อรรถพร ทองประไพ
(นายอรรถพร ทองประไพ)
รองอธบิ ดี รักษาราชการแทน
อธิบดกี รมท่ีดนิ
กองนติ กิ าร
โทร. ๐ ๒๒๒๓ ๒๔๐๒ โทรสาร ๐ ๒๒๒๒ ๓๘๑๗
๑๒๖
(สาํ เนา)
ดวนมาก
ท่ี มท ๐๕๐๕.๔ / ว ๘๐๓๖
ถึง จังหวดั ทกุ จงั หวัด
กรมทีด่ ินขอสงสําเนาประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื ง ต้งั สํานกั งานท่ดี ินสาขา
ในจังหวดั นครราชสมี า จงั หวดั นครศรีธรรมราช จงั หวดั นครสวรรค จังหวัดนาน จงั หวัดยโสธร
จังหวดั ราชบรุ ี และจงั หวัดสมทุ รปราการ สําเนาประกาศกระทรวงมหาดไทย เรอื่ ง ยกเลกิ อํานาจ
หนา ทข่ี องนายอาํ เภอเกยี่ วกับการปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายท่ดี ิน (ฉบบั ที่ ๕๑) และสาํ เนา
ประกาศกรมทีด่ ิน เร่ือง ตัง้ สํานักงานทด่ี ินสว นแยก (ฉบับที่ ๒๕) ซงึ่ ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา
ฉบับประกาศท่ัวไป เลม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๓๗ ง ลงวนั ที่ ๒๒ มนี าคม ๒๕๕๖ มาเพือ่ โปรดทราบ
กรมท่ีดนิ
๒๕ มนี าคม ๒๕๕๖
สาํ นักกฎหมาย
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๖๘๗
โทรสาร. ๐ ๒๑๔๓ ๙๐๖๒
๑๒๗
(สาํ เนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง ตัง้ สาํ นกั งา_น_ท__ีด่ _นิ _ส_า_ข__า_ใน__จ_งั _หวัดนครราชสีมา
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ตั้งสํานักงานท่ีดินสาขาในจังหวัดนครราชสีมา
ลงวันท่ี ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ต้งั สาํ นักงานที่ดินจังหวัดนครราชสมี า สาขาโนนสูง และสาขา
ขามสะแกแสง นัน้
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นสมควรจัดตั้งสํานักงานท่ีดินสาขาในจังหวัด
นครราชสีมา เพิ่มเติม และเปลี่ยนแปลงเขตพ้ืนท่ีความรับผิดชอบของสํานักงานที่ดินจังหวัด
นครราชสมี า สาขาสงู เนนิ เสียใหม เพ่ือดาํ เนนิ การออกโฉนดท่ีดนิ การรงั วัดท่ดี นิ การจดทะเบยี น
สทิ ธแิ ละนติ ิกรรม การทาํ ธุระอื่นๆ ตลอดจนการดําเนนิ การใดเกย่ี วกับอสังหาริมทรัพยต าม
บทบัญญตั แิ หงประมวลกฎหมายทดี่ ิน
อาศัยอาํ นาจตามความในมาตรา ๑๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดนิ จึงใหต ง้ั สํานกั งาน
ที่ดินสาขาขึ้นและเปลี่ยนแปลงเขตพ้ืนที่ความรับผิดชอบของสํานักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา
สาขาสูงเนนิ ใหม ีเขตดําเนนิ การ ดงั น้ี
๑. สาํ นักงานที่ดนิ จังหวัดนครราชสมี า สาขาขามทะเลสอ มีเขตดาํ เนินการในทองท่ี
อําเภอขามทะเลสอ
๒. สาํ นักงานทด่ี ินจงั หวัดนครราชสีมา สาขาสงู เนิน มีเขตดําเนนิ การในทอ งทีอ่ าํ เภอ
สูงเนิน
ทงั้ น้ี ตัง้ แตว ันท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน ตน ไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กุมภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชา ประสพดี
รัฐมนตรชี ว ยวาการกระทรวงมหาดไทย ปฏบิ ตั ริ าชการแทน
รัฐมนตรีวา การกระทรวงมหาดไทย
๑๒๘
(สาํ เนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรอ่ื ง ต้ังสํานักงาน_ท_่ดี _นิ__ส_า_ข_า_ใ_น_จ_ัง_ห__วดั นครศรธี รรมราช
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ตั้งสาํ นกั งานท่ดี ินสาขาในจงั หวดั นครศรีธรรมราช
ลงวนั ที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ตงั้ สํานกั งานทดี่ ินจังหวัดนครศรธี รรมราช สาขาทาศาลา นัน้
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นสมควรจัดต้ังสํานักงานที่ดินสาขาในจังหวัด
นครศรีธรรมราช เพิ่มเติม และเปล่ียนแปลงเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสํานักงานที่ดิน
จังหวัดนครศรีธรรมราช สาขาทุงสง เสียใหม เพอื่ ดําเนินการออกโฉนดท่ดี นิ การรังวัดทด่ี นิ
การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม การทําธุระอ่ืนๆ ตลอดจนการดําเนินการใดเกี่ยวกับ
อสังหาริมทรพั ยต ามบทบัญญตั ิแหง ประมวลกฎหมายทด่ี นิ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน จึงใหตั้ง
สํานักงานท่ีดินสาขาขึ้นและเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสํานักงานที่ดินจังหวัด
นครศรธี รรมราช สาขาทงุ สง ใหม เี ขตดําเนนิ การ ดงั นี้
๑. สํานักงานที่ดนิ จงั หวัดนครศรีธรรมราช สาขาทุงใหญ มีเขตดาํ เนินการในทองท่ี
อาํ เภอทงุ ใหญ
๒. สาํ นักงานที่ดนิ จงั หวัดนครศรีธรรมราช สาขาทุงสง มีเขตดาํ เนนิ การในทอ งท่ี
อําเภอทงุ สง อําเภอรอ นพบิ ลู ย อําเภอนาบอน อําเภอบางขนั และอาํ เภอจฬุ าภรณ
ทง้ั น้ี ตัง้ แตวันท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เปนตน ไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชา ประสพดี
รัฐมนตรีชว ยวา การกระทรวงมหาดไทย ปฏบิ ตั ิราชการแทน
รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย
๑๒๙
(สําเนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เร่อื ง ตัง้ สาํ นักง_า_น_ท_่ีด__ิน_ส_า_ข_า_ใ_น_จ_ัง_หวดั นครสวรรค
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ตั้งสํานักงานที่ดินสาขาในจังหวัดนครสวรรค
ลงวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ตง้ั สาํ นกั งานท่ดี นิ จงั หวัดนครสวรรค สาขาหนองบัว และ
เปลีย่ นแปลงเขตพน้ื ที่ความรับผิดชอบของสาํ นักงานท่ดี นิ จังหวดั นครสวรรค สาขาชุมแสง นั้น
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นสมควรจัดตั้งสํานักงานท่ีดินสาขาในจังหวัด
นครสวรรค เพ่ิมเติม และเปล่ียนแปลงเขตพ้ืนท่ีความรับผิดชอบของสํานักงานที่ดินจังหวัด
นครสวรรค สาขาตาคลี เสียใหม เพอ่ื ดาํ เนินการออกโฉนดที่ดิน การรงั วัดทีด่ นิ การจดทะเบยี น
สิทธิและนิติกรรม การทําธุระอื่นๆ ตลอดจนการดําเนินการใดเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยตาม
บทบญั ญัติแหงประมวลกฎหมายที่ดิน
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน จึงใหตั้ง
สํานักงานที่ดินสาขาขึ้นและเปลี่ยนแปลงเขตพ้ืนท่ีความรับผิดชอบของสํานักงานท่ีดินจังหวัด
นครสวรรค สาขาตาคลี ใหมเี ขตดาํ เนนิ การ ดังน้ี
๑. สาํ นักงานที่ดนิ จงั หวดั นครสวรรค สาขาตากฟา มเี ขตดาํ เนินการในทอ งทอี่ ําเภอ
ตากฟา
๒. สาํ นักงานท่ดี นิ จงั หวดั นครสวรรค สาขาตาคลี มีเขตดําเนนิ การในทอ งทีอ่ ําเภอ
ตาคลี
ทัง้ นี้ ตงั้ แตวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน ตน ไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กุมภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชา ประสพดี
รฐั มนตรีชวยวาการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัตริ าชการแทน
รฐั มนตรวี า การกระทรวงมหาดไทย
๑๓๐
(สําเนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง ต้งั สําน_ัก_ง_า_น__ท_่ดี _นิ __ส_า_ข_า_ใ_นจังหวดั นา น
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันท่ี ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๗ เปลย่ี นแปลง
เขตพ้นื ที่ความรบั ผิดชอบของสาํ นักงานท่ดี ินจังหวัดนา น สาขาทาวงั ผา นัน้
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นสมควรจัดตั้งสํานักงานที่ดินสาขาในจังหวัดนาน
เพิ่มเตมิ และเปลย่ี นแปลงเขตพื้นทคี่ วามรบั ผิดชอบของสํานักงานทด่ี ินจงั หวดั นาน สาขาปว
เสียใหม เพือ่ ดาํ เนนิ การออกโฉนดทด่ี นิ การรังวดั ทีด่ ิน การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม การทาํ
ธุระอื่นๆ ตลอดจนการดําเนินการใดเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยตามบทบัญญัติแหงประมวล
กฎหมายที่ดนิ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน จึงใหตั้ง
สํานักงานที่ดินสาขาขึ้นและเปล่ียนแปลงเขตพ้ืนท่ีความรับผิดชอบของสํานักงานท่ีดินจังหวัดนาน
สาขาปว ใหม เี ขตดําเนินการ ดงั นี้
๑. สาํ นกั งานท่ดี นิ จงั หวัดนาน สาขาเชยี งกลาง มเี ขตดําเนนิ การในทอ งท่ีอาํ เภอ
เชียงกลาง อาํ เภอทุงชา ง และอาํ เภอเฉลมิ พระเกียรติ
๒. สาํ นักงานที่ดินจงั หวัดนา น สาขาปว มีเขตดาํ เนนิ การในทองทีอ่ ําเภอปว และ
อาํ เภอบอเกลือ
ทง้ั นี้ ต้ังแตวนั ท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน ตนไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชา ประสพดี
รฐั มนตรชี วยวาการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทน
รฐั มนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย
๑๓๑
(สําเนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรอ่ื ง ตั้งสําน_ัก_ง_าน__ท_ด่ี _นิ__ส_า_ข_า_ใ_น_จงั หวดั ยโสธร
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ต้ังสํานกั งานที่ดนิ สาขาในจังหวดั ยโสธร ลงวันที่
๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๖ ตง้ั สาํ นกั งานท่ีดนิ จงั หวดั ยโสธร สาขาคําเขอื่ นแกว สาขา
มหาชนะชัย และสาขาเลงิ นกทา น้ัน
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นสมควรจัดตั้งสํานักงานที่ดินสาขาในจังหวัดยโสธร
เพิ่มเติม และเปล่ียนแปลงเขตพ้ืนท่ีความรับผิดชอบของสํานักงานที่ดินจังหวัดยโสธร สาขา
เลงิ นกทา เสยี ใหม เพือ่ ดําเนนิ การออกโฉนดท่ดี ิน การรังวัดทดี่ นิ การจดทะเบียนสทิ ธิและ
นิติกรรม การทําธุระอ่ืนๆ ตลอดจนการดําเนินการใดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยตามบทบัญญัติ
แหงประมวลกฎหมายทีด่ นิ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน จึงใหต้ัง
สํานักงานที่ดินสาขาขึ้นและเปล่ียนแปลงเขตพ้ืนที่ความรับผิดชอบของสํานักงานท่ีดินจังหวัด
ยโสธร สาขาเลิงนกทา ใหมีเขตดําเนนิ การ ดังน้ี
๑. สาํ นกั งานท่ดี นิ จงั หวดั ยโสธร สาขากดุ ชมุ มีเขตดาํ เนินการในทองท่อี าํ เภอกดุ ชุม
และอําเภอไทยเจริญ
๒. สาํ นักงานท่ดี ินจังหวัดยโสธร สาขาเลงิ นกทา มเี ขตดําเนนิ การในทองทอ่ี ําเภอ
เลงิ นกทา
ทั้งน้ี ต้ังแตว นั ท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน ตน ไป
ประกาศ ณ วันท่ี ๑๙ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชา ประสพดี
รฐั มนตรีชวยวาการกระทรวงมหาดไทย ปฏบิ ัตริ าชการแทน
รัฐมนตรีวา การกระทรวงมหาดไทย
๑๓๒
(สาํ เนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง ตงั้ สํานกั_ง_า_น__ท_่ดี _ิน__ส_า_ข_า_ใ_น_จังหวดั ราชบรุ ี
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ตงั้ สาํ นกั งานท่ดี ินสาขาในจงั หวัดราชบรุ ี ลงวนั ที่
๑๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ตงั้ สํานักงานทด่ี ินจงั หวัดราชบุรี สาขาจอมบงึ และสาขาโพธาราม
นน้ั
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นสมควรจัดตั้งสํานักงานที่ดินสาขาในจังหวัดราชบุรี
เพิ่มเติม และเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสํานักงานที่ดินจังหวัดราชบุรี สาขา
จอมบึง เสียใหม เพอื่ ดําเนินการออกโฉนดทีด่ ิน การรงั วดั ที่ดิน การจดทะเบยี นสิทธิและนิตกิ รรม
การทําธุระอื่นๆ ตลอดจนการดําเนินการใดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยตามบทบัญญัติแหง
ประมวลกฎหมายทด่ี ิน
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน จึงใหตั้ง
สํานักงานท่ีดินสาขาขึ้นและเปลี่ยนแปลงเขตพ้ืนที่ความรับผิดชอบของสํานักงานท่ีดินจังหวัด
ราชบุรี สาขาจอมบึง ใหม เี ขตดาํ เนนิ การ ดังน้ี
๑. สาํ นักงานทดี่ ินจงั หวัดราชบรุ ี สาขาสวนผ้งึ มีเขตดําเนินการในทอ งที่อาํ เภอ
สวนผึง้ และอําเภอบานคา
๒. สํานักงานทดี่ นิ จงั หวดั ราชบรุ ี สาขาจอมบึง มีเขตดําเนนิ การในทอ งท่อี าํ เภอ
จอมบึง
ทั้งน้ี ตง้ั แตวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เปนตนไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชา ประสพดี
รัฐมนตรีชว ยวาการกระทรวงมหาดไทย ปฏบิ ตั ริ าชการแทน
รฐั มนตรีวา การกระทรวงมหาดไทย
๑๓๓
(สาํ เนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เร่อื ง ต้งั สาํ นกั งา_น_ท_ด่ี _นิ__ส_า_ข_า_ใ_น_จ_งั_ห_วัดสมุทรปราการ
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ตง้ั สาํ นกั งานที่ดนิ สาขาในจังหวัดสมุทรปราการ
ลงวันท่ี ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ตง้ั สาํ นกั งานที่ดนิ จังหวัดสมทุ รปราการ สาขาพระประแดง นนั้
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นสมควรจัดตั้งสํานักงานท่ีดินสาขาในจังหวัด
สมทุ รปราการ เพิ่มเตมิ เพื่อดาํ เนนิ การออกโฉนดทด่ี นิ การรังวัดที่ดิน การจดทะเบียนสทิ ธิ
และนิติกรรม การทําธุระอื่นๆ ตลอดจนการดําเนินการใดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยตาม
บทบญั ญตั แิ หง ประมวลกฎหมายที่ดนิ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๓ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน จึงใหตั้ง
สํานักงานที่ดนิ จงั หวัดสมุทรปราการ สาขาพระสมทุ รเจดีย มีเขตดําเนนิ การในทองท่อี ําเภอ
พระสมุทรเจดยี
ท้ังน้ี ตง้ั แตวนั ที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน ตน ไป
ประกาศ ณ วนั ที่ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชา ประสพดี
รัฐมนตรชี ว ยวาการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบตั ิราชการแทน
รฐั มนตรีวา การกระทรวงมหาดไทย
๑๓๔
(สําเนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรอื่ ง ยกเลกิ อํานาจหนาท่ีของนายอาํ เภอเกยี่ วกบั การปฏบิ ัตกิ าร
ตามประมว_ล__ก_ฎ_ห_ม__า_ย_ท_ด่ี _นิ__(_ฉบบั ที่ ๕๑)
โดยที่มาตรา ๑๙ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายท่ีดิน
(ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ บญั ญตั ใิ หก ารปฏิบตั กิ ารตามประมวลกฎหมายทีด่ นิ ซ่ึงเปน อํานาจ
หนาทข่ี องหัวหนา เขต นายอําเภอ หรอื ปลดั อาํ เภอผูเปนหวั หนาประจํากิง่ อาํ เภออยกู อนวันท่ี
พระราชบญั ญตั นิ ้ีใชบังคับ ใหผดู ํารงตาํ แหนงดงั กลา วปฏิบัตติ อไปพลางกอ น จนกวารฐั มนตรี
จะไดประกาศยกเลิกในราชกิจจานุเบกษาเปนทองที่ไป บัดน้ี กระทรวงมหาดไทยพิจารณา
เห็นควรใหพ นักงานเจา หนาทีต่ ามประมวลกฎหมายท่ดี ินเปน ผูป ฏบิ ตั ิตอไป
อาศัยอาํ นาจตามความในมาตรา ๑๙ แหง พระราชบญั ญัตแิ กไขเพิม่ เติมประมวล
กฎหมายท่ดี ิน (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๒๘ จึงใหยกเลกิ อํานาจหนา ท่ขี องนายอาํ เภอเกยี่ วกบั
การปฏิบัตกิ ารตามประมวลกฎหมายท่ีดนิ ในทองทีด่ ังตอ ไปน้ี
๑. อําเภอสิเกา จังหวดั ตรงั
๒. อาํ เภอคูเมอื ง จังหวัดบุรรี ัมย
๓. อําเภอกสุ มุ าลย จงั หวัดสกลนคร
๔. อาํ เภอสําโรงทาบ จังหวัดสุรนิ ทร
๕. อาํ เภอพระสมุทรเจดีย จงั หวัดสมุทรปราการ
ทัง้ นี้ ตั้งแตวันท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน ตน ไป
ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชา ประสพดี
รัฐมนตรชี ว ยวา การกระทรวงมหาดไทย ปฏิบตั ริ าชการแทน
รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย
(ราชกิจจานเุ บกษา ฉบบั ประกาศทั่วไป เลม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๓๗ ง วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๖)
๑๓๕
(สําเนา)
ประกาศกรมท่ดี นิ
เรอื่ ง ตัง้ สาํ น_ัก_ง_า_น_ท_ี่ด_นิ__ส_ว _น_แ__ย_ก (ฉบบั ท่ี ๒๕)
ตามประกาศกรมทดี่ ิน เร่อื ง เปลย่ี นแปลงเขตทองที่ความรบั ผดิ ชอบของสํานักงาน
ทีด่ นิ จงั หวัดเชยี งใหม สาขาจอมทอง สว นแยกแมแ จม และสํานักงานที่ดนิ จังหวัดเชียงใหม สาขา
แมร ิม สวนแยกสะเมิง (ฉบับที่ ๒๔) ลงวนั ท่ี ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ นน้ั
กรมทดี่ นิ พิจารณาเห็นสมควรจัดตั้งสํานกั งานทดี่ นิ สวนแยกเพม่ิ เติม เพ่อื ดาํ เนนิ การ
ออกโฉนดทดี่ นิ การรังวดั ทด่ี ิน การจดทะเบยี นสิทธแิ ละนิติกรรม การทําธรุ ะอ่นื ๆ ตลอดจน
การดาํ เนินการใดเกยี่ วกบั อสังหาริมทรพั ย ตามบทบญั ญัติแหง ประมวลกฎหมายทด่ี ิน ดงั น้ี
๑. สํานักงานทีด่ นิ จังหวดั ตรงั สวนแยกสิเกา มีเขตดาํ เนนิ การในทองท่ีอําเภอสเิ กา
และอาํ เภอวงั วิเศษ
๒. สํานักงานท่ดี นิ จังหวดั บุรรี ัมย สาขาสตกึ สวนแยกคเู มอื ง มีเขตดําเนนิ การใน
ทอ งทอ่ี าํ เภอคูเมอื ง
๓. สาํ นกั งานทดี่ นิ จังหวดั สกลนคร สวนแยกกสุ มุ าลย มีเขตดําเนินการในทองท่ี
อําเภอกุสุมาลย
๔. สาํ นักงานทดี่ ินจงั หวัดสรุ ินทร สาขาศีขรภูมิ สวนแยกสําโรงทาบ มเี ขตดําเนินการ
ในทอ งทอ่ี าํ เภอสาํ โรงทาบ
ท้งั น้ี ต้ังแตว ันท่ี ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน ตน ไป
ประกาศ ณ วนั ที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖
บุญเชิด คดิ เหน็
อธิบดกี รมท่ดี ิน
๑๓๖
ดว นท่สี ุด (สําเนา)
ท่ี มท ๐๕๐๕.๔ / ว ๙๔๕๖ กรมทีด่ นิ
ศูนยร าชการเฉลมิ พระเกยี รติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรัฐประศาสนภักดี ถนนแจง วฒั นะ
แขวงทุง สองหอ ง เขตหลกั สี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๙ เมษายน ๒๕๕๖
เร่ือง กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๕๕ (พ.ศ. ๒๕๕๖) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิใหใ ชป ระมวล
กฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ (มาตรการภาษีและคา ธรรมเนยี มของกองทนุ รวมโครงสรา ง
พ้นื ฐาน (Infrastructure Fund))
เรียน ผวู า ราชการจงั หวัดทกุ จงั หวดั
สิ่งท่สี ง มาดวย กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๕๕ (พ.ศ. ๒๕๕๖) ออกตามความในพระราชบญั ญัติใหใ ช
ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ (มาตรการภาษีและคาธรรมเนียมของ
กองทุนรวมโครงสรา งพ้นื ฐาน (Infrastructure Fund))
ดว ยกระทรวงมหาดไทยไดออกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๕ (พ.ศ. ๒๕๕๖) ออกตาม
ความในพระราชบัญญัตใิ หใชป ระมวลกฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ เพ่ือกาํ หนดคา ธรรมเนียม
การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยของกองทุนรวมโครงสรางพ้ืนฐาน
(Infrastructure Fund) ในกรณที ี่กองทนุ รวมโครงสรา งพื้นฐานเปนผูข อจดทะเบียนเปนผโู อนหรอื
ผูร บั โอน การจดทะเบยี นการจาํ นอง และการจดทะเบยี นการเชาในกรณีกองทนุ รวมโครงสรา ง
พื้นฐานเปนผูเชา ผูเชาชวง ผูใหเชา หรือผูใหเชาชวง โดยใหเรียกเก็บคาธรรมเนียมในอัตรา
รอยละ ๐.๐๑ แตอ ยา งสูงไมเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งน้ี เพ่อื ใหส อดคลองกบั การพัฒนากิจการ
โครงสรางพ้ืนฐานและเพื่อใหเปนไปตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย (๒๕๕๓ – ๒๕๕๗) และ
การพัฒนาผลติ ภณั ฑท างการเงิน ซ่ึงไดป ระกาศในราชกิจจานเุ บกษา ฉบับกฤษฎีกา เลม ๑๓๐
ตอนท่ี ๓๐ ก วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๖ แลว
จงึ เรยี นมาเพอ่ื โปรดทราบและแจง ใหพ นกั งานเจา หนา ทท่ี ราบและถอื ปฏบิ ตั ติ อ ไป
ขอแสดงความนับถอื
(ลงช่อื ) บญุ เชดิ คดิ เหน็
(นายบุญเชดิ คิดเหน็ )
อธบิ ดีกรมทดี่ นิ
สาํ นกั กฎหมาย
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๖๘๗ โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๐๖๒
๑๓๗
(สําเนา)
กฎกระทรวง
ฉบบั ที่ ๕๕ (พ.ศ. ๒๕๕๖)
ออกตามความในพระราชบัญ__ญ__ตั _ิใ_ห_ใ_ช_ป__ร_ะ_ม_ว_ลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗
อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๑๕ แหง พระราชบญั ญตั ิใหใชป ระมวลกฎหมาย
ท่ดี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และมาตรา ๑๐๓ วรรคหนง่ึ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน ซงึ่ แกไ ขเพิ่มเตมิ โดย
พระราชบัญญตั แิ กไขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายทดี่ นิ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๑ อันเปน กฎหมาย
ท่มี บี ทบญั ญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสทิ ธิและเสรีภาพของบคุ คล ซึง่ มาตรา ๒๙ ประกอบ
กับมาตรา ๓๓ มาตรา ๓๔ มาตรา ๔๑ และมาตรา ๔๓ ของรฐั ธรรมนูญแหง ราชอาณาจักรไทย
บัญญัติใหกระทําไดโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย รัฐมนตรีวาการกระทรวง
มหาดไทยออกฎกระทรวงไว ดงั ตอ ไปนี้
ขอ ๑ ใหเ พม่ิ ความตอ ไปนเ้ี ปน (ข/๑) ของ (๗) ในขอ ๒ แหง กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๗
(พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิใหใชป ระมวลกฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗
“(ข/๑) คา จดทะเบียนโอนอสังหารมิ ทรพั ย เฉพาะในกรณีที่
กองทนุ รวมโครงสรา งพื้นฐานทจี่ ดั ตงั้ ข้นึ
ตามกฎหมายวาดวยหลกั ทรัพยและตลาดหลกั ทรพั ย
เปน ผูรับโอนหรือผโู อนอสังหาริมทรัพย ท้งั นี้
โดยมสี ญั ญาการรบั โอนอสงั หารมิ ทรัพยนัน้
กลบั คืนจากกองทุนรวมโครงสรางพืน้ ฐาน
หรือมีสญั ญาการโอนอสังหาริมทรัพยน ัน้
ตอใหส วนราชการหรอื องคก ารของรฐั บาล
ตามประมวลรษั ฎากร ใหเ รยี กตามราคา
ประเมินทุนทรพั ยต ามทีค่ ณะกรรมการ
กาํ หนดราคาประเมินทุนทรพั ยกาํ หนด รอยละ ๐.๐๑
แตอ ยางสูงไมเกนิ ๑๐๐,๐๐๐ บาท”
ขอ ๒ ใหเ พม่ิ ความตอ ไปนเ้ี ปน (ช/๑) ของ (๗) ในขอ ๒ แหง กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๗
(พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗
“(ช/๑) คาจดทะเบียนการจาํ นอง เฉพาะในกรณีที่
กองทุนรวมโครงสรา งพ้นื ฐานท่จี ัดต้งั ขน้ึ
ตามกฎหมายวาดวยหลักทรพั ยและตลาดหลักทรัพย
เปนผูข อจดทะเบยี น รอยละ ๐.๐๑
แตอ ยา งสงู ไมเ กิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท”
๑๓๘
ขอ ๓ ใหย กเลกิ ความใน (ฏ) ของ (๗) ในขอ ๒ แหง กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๗
(พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัตใิ หใชป ระมวลกฎหมายท่ีดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗
ซ่งึ แกไ ขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๕๑ (พ.ศ. ๒๕๔๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
ใหใ ชประมวลกฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และใหใชความตอไปนีแ้ ทน
“(ฏ) คา จดทะเบียนทรพั ยสทิ ธิท่ีมคี าตอบแทน
ยกเวน การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
ทม่ี ที ุนทรพั ยตาม
(ก) (ข) (ข/๑) (ค) (ง) (จ) (ฎ) และ (ฎ/๑) รอยละ ๑”
ขอ ๔ ใหเ พม่ิ ความตอ ไปนเ้ี ปน (ฐ/๑) ของ (๗) ในขอ ๒ แหง กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๗
(พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิใหใชป ระมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗
“(ฐ/๑) คาจดทะเบียนการเชา เฉพาะในกรณที ่ี
กองทุนรวมโครงสรางพนื้ ฐานที่จัดตงั้ ข้นึ
ตามกฎหมายวาดว ยหลักทรัพยและตลาดหลักทรพั ย
เปนผูเชา ผูเ ชา ชวง ผใู หเชา หรือผใู หเชาชว ง รอยละ ๐.๐๑
แตอ ยา งสูงไมเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท”
ใหไว ณ วนั ท่ี ๒๐ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชา ประสพดี
รัฐมนตรชี ว ยวาการกระทรวงมหาดไทย ปฏบิ ตั ิราชการแทน
รฐั มนตรีวา การกระทรวงมหาดไทย
______________________________________________________________________________
หมายเหตุ :– เหตุผลในการประกาศใชก ฎกระทรวงฉบบั นี้ คอื โดยทีร่ ฐั บาลมนี โยบายสนับสนนุ
ใหมีการจัดต้ังกองทุนรวมโครงสรางพื้นฐานตามกฎหมายวาดวยหลักทรัพยและตลาดหลักทรัพย
เพื่อเปนชองทางระดมทุนสําหรับกิจการโครงสรางพื้นฐานที่มีความจําเปนตอการพัฒนาประเทศ
สมควรกําหนดคาธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยท่ีกองทุน
รวมโครงสรางพื้นฐานเปนผูขอจดทะเบียนเปนกรณีพิเศษเพ่ือลดภาระคาใชจายในการดําเนินการ
ของกองทนุ รวมโครงสรางพนื้ ฐาน อันเปนการสรา งแรงจงู ใจใหมีการจดั ตง้ั กองทุนรวมดังกลา ว
ในประเทศไทย จงึ จาํ เปนตอ งออกกฎกระทรวงน้ี
๑๓๙
(สาํ เนา)
ดวนมาก
ท่ี มท ๐๕๐๕.๔ / ว ๑๗๗๓๐
ถงึ จงั หวัดทุกจงั หวดั
กรมท่ดี ินขอสง สําเนาประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่อื ง เปลย่ี นแปลงเขตพน้ื ที่
ความรบั ผดิ ชอบของสํานักงานท่ีดนิ จังหวัดบุรีรมั ย สาขานางรอง ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรอื่ ง เปลี่ยนแปลงเขตพน้ื ที่ความรบั ผดิ ชอบของสํานกั งานท่ดี ินจังหวัดนครศรีธรรมราช สาขา
ทุงสง ซึง่ ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา ฉบบั ประกาศทวั่ ไป เลม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๗๔ ง ลงวนั ที่
๒๑ มถิ ุนายน ๒๕๕๖ และสําเนาประกาศกรมที่ดนิ เร่ือง เปลยี่ นแปลงเขตทองที่ความรับผิดชอบ
ของสํานกั งานท่ดี ินจงั หวัดบุรรี ัมย สาขานางรอง สวนแยกละหานทราย (ฉบับที่ ๒๖) ซง่ึ ประกาศ
ในราชกิจจานเุ บกษา ฉบับประกาศทั่วไป เลม ๑๓๐ ตอนพเิ ศษ ๘๒ ง ลงวนั ท่ี ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖
มาเพ่ือโปรดทราบ
กรมท่ีดิน
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖
สํานักกฎหมาย
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๖๘๗
โทรสาร. ๐ ๒๑๔๓ ๙๐๖๒
๑๔๐
(สาํ เนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง เปล่ียนแปลงเขตพนื้ ท่คี วามรบั ผิดชอบของ
สาํ นกั งานที่ดนิ จ_ัง_ห_ว_ัด_น__ค_ร_ศ_ร_ธี _ร_ร_ม_ราช สาขาทงุ สง
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตัง้ สํานักงาน
ทด่ี ินสาขาในจังหวดั นครศรีธรรมราช และเปลย่ี นแปลงเขตพนื้ ทคี่ วามรบั ผิดชอบของสาํ นกั งาน
ทดี่ นิ จังหวดั นครศรีธรรมราช สาขาทงุ สง นนั้
กระทรวงมหาดไทยพจิ ารณาเห็นวา ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรือ่ ง ตง้ั สาํ นกั งาน
ท่ดี นิ สาขาในจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงวันที่ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖ ทีใ่ หเ ปลย่ี นแปลงเขต
พืน้ ทค่ี วามรับผิดชอบของสาํ นกั งานทีด่ นิ จังหวัดนครศรธี รรมราช สาขาทงุ สง ใหม เี ขตดาํ เนนิ การ
ในทองที่อาํ เภอทงุ สง อาํ เภอรอนพิบลู ย อาํ เภอนาบอน อาํ เภอบางขนั และอาํ เภอจุฬาภรณ
แตเนอื่ งจากอาํ เภอรอ นพบิ ูลย และอําเภอจุฬาภรณ ไดมกี ารแยกออกไปจัดตง้ั เปน สาํ นกั งาน
ทดี่ ินจงั หวัดนครศรีธรรมราช สาขารอนพิบลู ย มเี ขตดําเนนิ การในทองท่ีอําเภอรอ นพบิ ลู ย และ
อาํ เภอจฬุ าภรณ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ือง ต้ังสํานกั งานที่ดินสาขาในจังหวัด
นครศรธี รรมราช ลงวนั ท่ี ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ แลว ดงั นัน้ เพอ่ื ใหเ ขตทองทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ
ของสาํ นกั งานที่ดินจังหวัดนครศรธี รรมราช สาขาทงุ สง มีเขตดําเนนิ การในทองทส่ี อดคลองกบั
ทอ งท่ีความรบั ผิดชอบในปจ จุบนั ควรเปลย่ี นแปลงเขตพืน้ ท่ีความรับผิดชอบของสาํ นกั งานทด่ี ิน
จังหวดั นครศรธี รรมราช สาขาทุงสง โดยใหต ัดอําเภอรอ นพบิ ูลย และอาํ เภอจฬุ าภรณอ อกจาก
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ือง ต้ังสาํ นกั งานที่ดินสาขาในจงั หวดั นครศรีธรรมราช ลงวนั ท่ี
๑๙ กุมภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพือ่ ดําเนนิ การออกโฉนดท่ีดนิ การรังวัดทด่ี นิ การจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรม การทําธุระอื่นๆ ตลอดจนการดําเนินการใดเกย่ี วกับอสงั หารมิ ทรพั ยต ามบทบัญญัติ
แหง ประมวลกฎหมายทดี่ นิ
อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๑๓ แหง ประมวลกฎหมายทด่ี นิ จงึ ใหเ ปลย่ี นแปลง
เขตพื้นท่คี วามรบั ผดิ ชอบของสํานักงานท่ดี นิ จังหวัดนครศรีธรรมราช สาขาทงุ สง ตามประกาศ
กระทรวงมหาดไทย เร่อื ง ตั้งสาํ นักงานทดี่ ินสาขาในจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงวนั ท่ี ๑๙
กุมภาพันธ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยใหตัดอาํ เภอรอ นพบิ ูลย และอาํ เภอจุฬาภรณ ออกจากเขตพนื้ ที่
ความรับผิดชอบ
ทั้งนี้ ตั้งแตวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เปนตน ไป
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชา ประสพดี
รัฐมนตรีชวยวา การกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัตริ าชการแทน
รัฐมนตรวี าการกระทรวงมหาดไทย
๑๔๑
(สาํ เนา)
ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง เปล่ยี นแปลงเขตพื้นท่ีความรบั ผิดชอบของ
สํานักงานท่ดี _นิ _จ__งั _ห_ว_ัด_บ_รุ_รี_ัม__ย_ _สาขานางรอง
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวนั ท่ี ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เปล่ยี นแปลง
เขตพน้ื ทค่ี วามรับผิดชอบของสาํ นักงานทดี่ ินจงั หวัดบรุ ีรมั ย สํานกั งานทีด่ นิ จังหวัดบุรรี มั ย สาขา
สตึก สํานกั งานทด่ี ินจังหวัดบุรีรัมย สาขานางรอง และสํานกั งานที่ดินจงั หวัดบรุ รี มั ย สาขา
ลําปลายมาศ น้ัน
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเห็นสมควรเปลี่ยนแปลงเขตพ้ืนที่ความรับผิดชอบของ
สํานักงานท่ีดนิ จงั หวดั บรุ รี มั ย สาขานางรอง เสียใหม เนือ่ งจากระเบียบกรมทีด่ ินวา ดว ยการจดั ตงั้
และปฏบิ ตั ิงานในสาํ นกั งานทดี่ นิ จงั หวดั หรือสาํ นักงานที่ดนิ สาขาสว นแยก พ.ศ.๒๕๔๖ กําหนด
ใหส าํ นักงานท่ดี ินสวนแยก หมายความถึง สวนหน่งึ ของสาํ นักงานทด่ี ินจังหวัดหรอื สาํ นักงานทด่ี ิน
สาขา ซึ่งกรมทดี่ นิ ไดประกาศใหแยกสว นออกไปใหม สี ถานทต่ี ้ังและเขตดาํ เนนิ การในพนื้ ที่ตามที่
กรมท่ดี ินกําหนด ดังนัน้ สาํ นักงานท่ีดนิ จังหวัดบรุ รี ัมย สาขานางรอง จงึ ตอ งมเี ขตพนื้ ทีด่ าํ เนนิ การ
ใหมคี วามครอบคลมุ ในทองท่ีของสํานกั งานที่ดนิ สวนแยก จึงตอ งประกาศเปลย่ี นแปลงเขตทองท่ี
ความรบั ผดิ ชอบของสาํ นักงานท่ีดินจงั หวดั บุรีรัมย สาขานางรอง โดยใหม ีเขตทองทร่ี ับผิดชอบ
ในอําเภอนางรอง อําเภอหนองกี่ อําเภอโนนสุวรรณ อําเภอเฉลิมพระเกียรติ อําเภอปะคํา
อาํ เภอละหานทราย และอาํ เภอโนนดนิ แดง เพอ่ื ใหส อดคลอ งกบั ความหมายของสาํ นกั งานทด่ี นิ
สวนแยกเสียกอน แลวกรมที่ดินจะประกาศแยกสวนออกไป เพื่อดําเนินการออกโฉนดที่ดิน
การรังวัดที่ดนิ การจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนติ ิกรรม การทาํ ธรุ ะอน่ื ๆ ตลอดจนการดาํ เนินการใด
เก่ยี วกับอสังหาริมทรัพยต ามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายที่ดิน
อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๑๓ แหง ประมวลกฎหมายทด่ี นิ จงึ ใหเ ปลย่ี นแปลง
เขตทอ งที่ความรับผิดชอบของสาํ นกั งานทีด่ ินจังหวดั บรุ รี ัมย สาขานางรอง มีเขตดําเนนิ การ
ในทอ งท่ีอาํ เภอนางรอง อาํ เภอเฉลมิ พระเกยี รติ อําเภอโนนสวุ รรณ อําเภอหนองก่ี อาํ เภอปะคาํ
อําเภอละหานทราย และอาํ เภอโนนดนิ แดง
ท้ังนี้ ตงั้ แตว ันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เปนตนไป
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
ประชา ประสพดี
รัฐมนตรชี วยวาการกระทรวงมหาดไทย ปฏบิ ตั ิราชการแทน
รัฐมนตรวี าการกระทรวงมหาดไทย
๑๔๒
(สาํ เนา)
ประกาศกรมทดี่ นิ
เร่ือง เปลยี่ นแปลงเขตทองทค่ี วามรับผิดชอบของสาํ นกั งานท่ดี ิน
จงั หวดั บรุ ีรัมย สาขานางรอง สวนแยกละหานทราย
___(_ฉ_บ_บั__ท_่ี _๒_๖_)___
ตามประกาศกรมท่ดี นิ เรือ่ ง ตัง้ สาํ นักงานทีด่ นิ สวนแยก (ฉบับที่ ๒๕) ลงวนั ที่
๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ต้งั สํานักงานท่ดี ินสวนแยก จํานวน ๔ แหง น้นั
กรมที่ดินพิจารณาแลวเห็นควรประกาศเปลี่ยนแปลงเขตทองท่ีความรับผิดชอบของ
สํานักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย สาขานางรอง สวนแยกละหานทราย ในการออกโฉนดที่ดิน
การรังวดั ทด่ี นิ การจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนติ กิ รรม การทาํ ธุระอื่นๆ ตลอดจนการดาํ เนินการใด
เก่ียวกบั อสังหารมิ ทรพั ยต ามบทบญั ญตั แิ หงประมวลกฎหมายท่ีดนิ เพื่ออํานวยความสะดวกให
แกประชาชนในการติดตอทําธรุ ะกรรมเกีย่ วกบั ทด่ี ิน และสามารถรองรับการใหบ ริการประชาชน
ไดอยางสะดวก รวดเรว็ จงึ เปลีย่ นแปลงเขตทอ งทีค่ วามรับผิดชอบของสาํ นกั งานทดี่ ินจังหวดั
บรุ ีรัมย สาขานางรอง สว นแยกละหานทราย ใหมเี ขตดาํ เนนิ การในทอ งท่อี าํ เภอละหานทราย
อาํ เภอโนนดนิ แดง และอําเภอปะคาํ
ทัง้ นี้ ตง้ั แตวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เปนตน ไป
ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖
บญุ เชิด คดิ เห็น
อธิบดกี รมท่ีดิน
๑๔๓
ท่ี มท ๐๕๐๕.๔ / ว ๒๑๐๔๙ (สําเนา)
กรมที่ดิน
ศูนยร าชการเฉลิมพระเกยี รติ ๘๐ พรรษาฯ
อาคารรฐั ประศาสนภักดี ถนนแจงวัฒนะ
แขวงทงุ สองหอ ง เขตหลกั สี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐
๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖
เร่ือง การเตรียมความพรอมของหนว ยงานในการรองรับการประกาศกฎหมายเกี่ยวกบั
สง่ิ แวดลอมภายใตร ะเบยี บสาํ นกั นายกรัฐมนตรีวา ดวยการประสานงานเพอ่ื บังคบั ใช
กฎหมายเกี่ยวกบั สิง่ แวดลอ ม พ.ศ. ๒๕๕๐
เรยี น ผวู าราชการจังหวัดทุกจังหวดั
สง่ิ ที่สง มาดวย ๑. สาํ เนาระเบยี บสํานักนายกรัฐมนตรีวาดว ยการประสานงานเพอ่ื บงั คับใช
กฎหมายเกีย่ วกับสิ่งแวดลอ ม พ.ศ. ๒๕๕๐
๒. สําเนาคําสัง่ กรมควบคุมมลพิษที่ ๑๘๗/๒๕๕๕ ลงวันท่ี ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕
เร่ือง จดั ตัง้ ศูนยขอ มูลประสานงานเพื่อบงั คับใชกฎหมายเกย่ี วกบั สิง่ แวดลอม
๓. สําเนารางประกาศคณะกรรมการวาดว ยการประสานงานเพื่อบงั คบั ใช
กฎหมายเกย่ี วกับส่ิงแวดลอม เรื่อง กาํ หนดกฎหมายเกีย่ วกับการสง เสริม
และรกั ษาคุณภาพสง่ิ แวดลอ ม
ดวยกรมควบคุมมลพิษไดประชุมเตรียมความพรอมของหนวยงานในการรองรับ
การประกาศกฎหมายเก่ียวกับสิ่งแวดลอม ตามท่ีคณะกรรมการวาดวยการประสานงานเพ่ือ
บังคับใชกฎหมายเกี่ยวกบั ส่ิงแวดลอ ม (กป.วล.) ไดมีมติเห็นชอบในหลักการของรา งประกาศ
คณะกรรมการวา ดวยการประสานงานเพอื่ บงั คับใชก ฎหมายเก่ยี วกับสงิ่ แวดลอ ม เร่ือง กาํ หนด
กฎหมายเก่ียวกับการสงเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวดลอม โดยกําหนดกฎหมายเกี่ยวกับ
การสง เสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดลอม จํานวน ๖ ฉบับ ไดแก (๑) พระราชบญั ญัตสิ งเสริม
และรกั ษาคุณภาพสงิ่ แวดลอมแหงชาติ พ.ศ.๒๕๓๕ (๒) พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.๒๕๓๕
(๓) พระราชบัญญัตวิ ตั ถุอนั ตราย พ.ศ.๒๕๓๕ (๔) พระราชบัญญัติการนิคมอตุ สาหกรรม
แหง ประเทศไทย พ.ศ.๒๕๒๒ (๕) พระราชบญั ญัตกิ ารสาธารณสขุ พ.ศ.๒๕๓๕ และ (๖) พระราช
บญั ญตั ิการจดั สรรทีด่ นิ พ.ศ.๒๕๔๓ เพื่อใหเ ปน ไปตามคาํ จํากดั ความของ “กฎหมายเก่ยี วกบั
ส่ิงแวดลอม” ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยการประสานงานเพ่ือบังคับใชกฎหมาย
เกีย่ วกับส่งิ แวดลอม พ.ศ.๒๕๕๐ ขอ ๔
๑๔๔
กรมท่ดี นิ พิจารณาแลว เหน็ วา กฎหมายเกย่ี วกับการสงเสริมและรกั ษาคณุ ภาพ
ส่ิงแวดลอม จาํ นวน ๖ ฉบับท่ี กป.วล. กําหนดน้นั มีกฎหมายท่ีอยใู นความรบั ผดิ ชอบของ
กรมทด่ี นิ ไดแ ก พระราชบัญญัติการจดั สรรท่ีดนิ พ.ศ. ๒๕๔๓ ซง่ึ จะตองมกี ารเตรยี มการ
ดําเนินงาน เชน ประชาสมั พันธใหผ ทู ่เี กี่ยวขอ งทราบ ตลอดจนรวบรวมเรอ่ื งรอ งทกุ ข รองเรยี น
ดานส่ิงแวดลอ ม และผลการดาํ เนนิ การ เปน ตน โดยถอื ปฏบิ ัตติ ามกรอบแนวปฏบิ ัติเพือ่ รองรบั
การดาํ เนนิ การตามระเบียบสาํ นักนายกรฐั มนตรฯี ขอ ๑๐ (๒) (๔) (๕) และ (๖) ซึง่ ขณะน้อี ยู
ระหวางนําเสนอทีป่ ระชมุ กป.วล. เพอ่ื ใหความเหน็ ชอบและกําหนดวันใชบังคับ ดังนั้น เพื่อให
การดําเนินการตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยการประสานงานเพ่ือบังคับใชกฎหมาย
เก่ียวกับสิ่งแวดลอม พ.ศ. ๒๕๕๐ ในสวนของกรมท่ีดินโดยเฉพาะเพื่อใหพนักงานเจาหนาที่
สามารถดําเนินการไดอยางรวดเร็วและทันกําหนดระยะเวลาตามที่ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีฯ
กาํ หนดไว จงึ ขอสงสาํ เนาระเบยี บสํานกั นายกรฐั มนตรีฯ และเอกสารทเ่ี ก่ียวของมาเพ่ือให
พนักงานเจาหนาทศ่ี ึกษาทาํ ความเขาใจระเบยี บสาํ นกั นายกรัฐมนตรีฯ ดังกลาว และกฎหมายที่
เก่ียวขอ งเปน การลว งหนา เพ่ือเปนการเตรียมความพรอมของกรมท่ดี ินในการรองรับการประกาศ
กฎหมายเกยี่ วกบั ส่งิ แวดลอ มไดอ ยา งทันทว งทีเมือ่ กฎหมายมผี ลบงั คับใช
จงึ เรยี นมาเพอ่ื โปรดทราบและแจง ใหพ นกั งานเจา หนา ทท่ี ราบและถอื ปฏบิ ตั ติ อ ไป
ขอแสดงความนับถือ
(ลงชอื่ ) บญุ เชิด คิดเห็น
(นายบุญเชดิ คิดเหน็ )
อธิบดกี รมทดี่ ิน
สาํ นกั กฎหมาย
โทร. ๐ ๒๑๔๑ ๕๖๘๗
โทรสาร ๐ ๒๑๔๓ ๙๐๖๒
๑๔๕
(สําเนา)
ระเบยี บสาํ นักนายกรฐั มนตรี
วา ดว ยการประสานงานเพอ่ื บงั คบั ใชกฎหมายเก่ียวกับส่ิงแวดลอ ม
____พ_.ศ__. _๒_๕_๕_๐____
โดยที่สมควรใหมีระเบียบกําหนดมาตรการและวิธีการประสานงานระหวาง
หนวยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนท่ีเก่ียวของโดยตรงกับการบังคับใชกฎหมายเกี่ยวกับ
สิ่งแวดลอม เพื่อใหการปองกันและปราบปรามการละเมิดกฎหมายและการแกไขเยียวยา
ความเสยี หายเกดิ ประสทิ ธภิ าพยิง่ ขึ้น
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) แหง พระราชบญั ญัตริ ะเบียบบริหาร
ราชการแผน ดนิ พ.ศ.๒๕๓๔ นายกรฐั มนตรโี ดยความเหน็ ชอบของคณะรฐั มนตรี จงึ วางระเบยี บไว
ดังตอไปน้ี
ขอ ๑ ระเบยี บน้ีเรียกวา “ระเบียบสาํ นกั นายกรัฐมนตรี วาดวยการประสานงานเพอื่
บังคับใชก ฎหมายเกี่ยวกบั ส่งิ แวดลอ ม พ.ศ.๒๕๕๐”
ขอ ๒ ระเบียบนี้ใหใชบังคับต้ังแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปนตน ไป
ขอ ๓ ใหน ายกรฐั มนตรเี ปน ผูร ักษาการตามระเบยี บน้ี
หมวด ๑
_ข_อ__ค_ว_า_ม_ท__ว่ั _ไป__
ขอ ๔ ในระเบียบน้ี
“สิง่ แวดลอม” หมายความวา ส่ิงตา งๆ ทม่ี ลี ักษณะทางกายภาพและชวี ภาพท่ีอยู
รอบตวั มนุษย ซึ่งเกดิ ข้ึนโดยธรรมชาติและสงิ่ ทมี่ นุษยไ ดทาํ ขน้ึ
“มลพษิ ” หมายความวา ของเสยี วตั ถอุ ันตราย และมลสารอนื่ ๆ รวมทัง้ กาก ตะกอน
หรือสิ่งตกคางจากส่ิงเหลานั้นท่ีถูกปลอยท้ิงจากแหลงกําเนิดมลพิษ หรือท่ีมีอยูในสิ่งแวดลอม
ตามธรรมชาติ ซงึ่ กอใหเกิด หรอื อาจกอใหเกดิ ผลกระทบตอ คณุ ภาพส่ิงแวดลอมหรือภาวะทเี่ ปน
พษิ ภยั อนั ตรายตอ สขุ ภาพอนามยั ของประชาชนได และใหหมายความรวมถึง รงั สี ความรอน
แสง เสียง กลนิ่ ความสน่ั สะเทือน หรอื เหตรุ าํ คาญอื่นๆ ทเี่ กิดหรอื ถกู ปลอยออกจากแหลงกาํ เนิด
มลพษิ ดวย
“แหลง กําเนิดมลพษิ ” หมายความวา ชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม อาคาร สง่ิ กอ สรา ง
ยานพาหนะ สถานที่ประกอบกิจการใดๆ หรือสง่ิ อ่ืนใด ซงึ่ เปน แหลง ทมี่ าของมลพษิ
๑๔๖