แผนการจดั การเรยี นรู
วิชา วทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว13101 (เลม 2)
ตามมาตรฐานการเรยี นรแู ละตัวชวี้ ัด
กลมุ สาระการเรียนรวู ทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560)
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551
ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที่ 3
นางสาวฤทยั รงค ศรแี กว
ตําแหนง ครผู ูชวย
โรงเรียนบา นบาตนั (ฟลอยดร อสอนสุ รณ)
สาํ นักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษายะลา เขต 1
สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน
แผนการจดั การเรยี นรู
วชิ า วทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี รหสั วิชา ว13101 (เลม 2)
ตามมาตรฐานการเรียนรแู ละตวั ชี้วัด
กลุม สาระการเรียนรูว ทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560)
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551
ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปท่ี 3
นางสาวฤทยั รงค ศรแี กว
ตาํ แหนง ครผู ชู ว ย
โรงเรยี นบานบาตัน (ฟลอยดร อสอนสุ รณ)
สํานักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษายะลา เขต 1
สาํ นกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน
คาํ นํา
แผนการจัดการเรยี นรู วิชา วทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี เลม 2 ของระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที่ 3 นี้
ประกอบดว ย 3 หนวย การเรยี นรู ไดแก ดวงอาทติ ย อากาศและการเกดิ ลม และพลังงานไฟฟา ซง่ึ แตละหนวยการ
เรยี นรูจะมุงเนนใหผ เู รียนไดเ รยี นรวู ิทยาศาสตรผานการทาํ กจิ กรรมดวยการลงมอื ปฏิบัติ เพอ่ื ใหผูเรียนไดใ ชท กั ษะ
กระบวนการทางเทคโนโลยี นาํ ความรูท่ีไดไ ปใชใ นการดาํ ารงชวี ติ และรูเ ทาทันการเปลี่ยนแปลงของโลกได
ผูจดั ทาํ หวงั เปนอยางยิง่ วาแผนการจดั การเรียนรูวิชาวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี เลม 2 ของ
ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 3 นี้ จะเปนประโยชนตอครผู ูสอนในการนาํ ไปใชจดั การเรยี นรูใหกับนักเรยี น
เพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพการจดั การเรียนรขู องครูและการเรยี นรขู องนกั เรยี นใหส งู ขึน้ ตอ ไป
ขอบคณุ ผูท รงคณุ วุฒิ ผูบริหารสถานศกึ ษา ศกึ ษานเิ ทศก ครู อาจารย และทุกทานท่ีมสี วนเกี่ยวขอ งกบั
การจดั ทาํ เอกสารมา ณ โอกาสนี้
ฤทัยรงค ศรแี กว
ผูจดั ทํา
สารบญั
หนา้
คําแนะนาํ สาํ หรบั ครูผ้สู อน........................................................................................................................................๑
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ .......................................................................................................................๕
โครงสรา้ งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๓........๘
แนวทางการจดั หน่วยการเรียนรู้...............................................................................................................................๙
โครงสร้างรายวชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๓........................................................ ๑๐
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๔ ดวงอาทิตย์........................................................................................................................ ๑๔
มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวช้วี ัด........................................................................................................................ ๑๕
ลําดบั การนําเสนอแนวคิดหลกั .......................................................................................................................... ๑๖
โครงสร้างของแผนการจัดการเรยี นรู้ ................................................................................................................. ๑๗
หน่วยย่อยที่ ๑ ปรากฏการณท์ เี่ ก่ยี วขอ้ งกบั ดวงอาทติ ย์ ................................................................................ ๑๘
สาระสาํ คัญ มาตรฐานและตัวช้วี ัดของหน่วยยอ่ ยท่ี ๑ ปรากฏการณท์ ี่เกีย่ วขอ้ งกับดวงอาทิตย์................... ๑๙
ลาํ ดับการนาํ เสนอแนวคดิ หลกั ของหนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ ปรากฏการณ์ท่ีเก่ยี วข้องกบั ดวงอาทิตย.์ ........................ ๒๐
คําชี้แจงประกอบแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑.๑ การเกดิ กลางวนั กลางคนื ................................................... ๒๑
แนวการจดั กิจกรรมการเรยี นรูข้ องแผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑.๑ การเกิดกลางวัน กลางคนื ........................ ๒๔
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑.๑ การเกดิ กลางวนั กลางคนื ............................................................................... ๒๕
เฉลยใบงาน .................................................................................................................................................. ๓๙
คาํ ชแี้ จงประกอบแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑.๒ การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ ........................................... ๕๐
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรูข้ องแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑.๒ การข้ึนและตกของดวงอาทติ ย์................. ๕๓
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑.๒ การข้ึนและตกของดวงอาทิตย์ ....................................................................... ๕๔
เฉลยใบงาน .................................................................................................................................................. ๖๕
คาํ ชี้แจงประกอบแผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑.๓ การกําหนดทิศ .................................................................... ๗๔
แนวการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ของแผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๓ การกําหนดทศิ ......................................... ๗๗
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๓ การกาํ หนดทศิ ................................................................................................ ๗๘
เฉลยใบงาน .................................................................................................................................................. ๙๑
หนว่ ยยอ่ ยที่ ๒ ประโยชนข์ องดวงอาทติ ย์ .................................................................................................. ๑๐๐
สาระสําคัญ มาตรฐานและตัวช้วี ัดของหนว่ ยย่อยท่ี ๒ ประโยชน์ของดวงอาทติ ย์...................................... ๑๐๑
ลาํ ดับการนําเสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยย่อยที่ ๒ ประโยชน์ของดวงอาทติ ย์........................................... ๑๐๒
คําชี้แจงประกอบแผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๒ ประโยชนข์ องดวงอาทิตย์ต่อสงิ่ มีชวี ติ .................................. ๑๐๓
แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๒ ประโยชนข์ องดวงอาทติ ยต์ ่อส่งิ มีชวี ติ ....... ๑๐๖
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๒ ประโยชนข์ องดวงอาทิตย์ต่อส่งิ มีชีวิต ............................................................. ๑๐๗
เฉลยใบงาน ............................................................................................................................................... ๑๑๘
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ อากาศและการเกดิ ลม .................................................................................................. ๑๓๐
มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชี้วัด.................................................................................................................... ๑๓๑
ลาํ ดบั การนาํ เสนอแนวคิดหลัก...................................................................................................................... ๑๓๒
โครงสรา้ งของแผนการจัดการเรยี นรู้............................................................................................................. ๑๓๓
หนว่ ยย่อยท่ี ๑ อากาศ................................................................................................................................. ๑๓๔
สาระสาํ คัญ มาตรฐานและตัวชวี้ ดั ของหน่วยยอ่ ยท่ี ๑ อากาศ................................................................... ๑๓๕
ลําดับการนําเสนอแนวคดิ หลกั ของหน่วยย่อยท่ี ๑ อากาศ ........................................................................ ๑๓๖
คาํ ชี้แจงประกอบแผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑.๑ ส่วนประกอบของอากาศ ................................................ ๑๓๗
แนวการจัดกิจกรรมการเรียนร้ขู องแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑.๑ สว่ นประกอบของอากาศ ..................... ๑๔๐
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑.๑ สว่ นประกอบของอากาศ ............................................................................ ๑๔๑
เฉลยใบงาน ............................................................................................................................................... ๑๕๓
คําช้ีแจงประกอบแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑.๒ ความสาํ คญั ของอากาศ.................................................... ๑๖๒
แนวการจดั กิจกรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๑.๒ ความสาํ คญั ของอากาศ......................... ๑๖๔
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ ๑.๒ ความสาํ คัญของอากาศ................................................................................ ๑๖๕
เฉลยใบงาน ............................................................................................................................................... ๑๗๓
คําชีแ้ จงประกอบแผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๑.๓ มลพษิ ทางอากาศ............................................................. ๑๗๙
แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรขู้ องแผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๑.๓ มลพษิ ทางอากาศ.................................. ๑๘๒
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๑.๓ มลพษิ ทางอากาศ ........................................................................................ ๑๘๓
เฉลยใบงาน ............................................................................................................................................... ๑๙๗
หนว่ ยย่อยท่ี ๒ การเกดิ ลม................................................................................................................................ ๒๑๐
สาระสําคญั มาตรฐานและตวั ชวี้ ดั ของหน่วยย่อยท่ี ๒ การเกดิ ลม............................................................. ๒๑๑
ลาํ ดบั การนาํ เสนอแนวคิดหลักของหน่วยยอ่ ยที่ ๒ การเกดิ ลม.................................................................. ๒๑๒
คําชีแ้ จงประกอบแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒.๑ การเกดิ ลม ....................................................................... ๒๑๓
แนวการจดั กิจกรรมการเรียนรขู้ องแผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี ๒.๑ การเกดิ ลม ............................................ ๒๑๖
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๒.๑ การเกิดลม................................................................................................... ๒๑๗
เฉลยใบงาน ............................................................................................................................................... ๒๓๕
คาํ ชีแ้ จงประกอบแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๒.๒ ประโยชนแ์ ละโทษของลม................................................ ๒๔๘
แนวการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ของแผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ ๒.๒ ประโยชน์และโทษของลม..................... ๒๕๐
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๒.๒ ประโยชนแ์ ละโทษของลม ........................................................................... ๒๕๑
เฉลยใบงาน ............................................................................................................................................... ๒๕๘
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๖ พลงั งานไฟฟ้า ................................................................................................................ ๒๖๕
มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชว้ี ดั ..................................................................................................................... ๒๖๖
ลําดบั การนําเสนอแนวคิดหลกั ....................................................................................................................... ๒๖๗
โครงสรา้ งของแผนการจดั การเรียนรู้.............................................................................................................. ๒๖๘
หนว่ ยย่อยท่ี ๑ พลงั งานไฟฟา้ และการผลติ ไฟฟา้ ....................................................................................... ๒๖๘
สาระสําคญั มาตรฐานและตวั ชวี้ ัดของหนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ พลงั งานไฟฟ้าและการผลติ ไฟฟ้า.......................... ๒๗๐
ลาํ ดับการนําเสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยย่อยที่ ๑ พลงั งานไฟฟา้ และการผลติ ไฟฟา้ ................................ ๒๗๑
คาํ ชแ้ี จงประกอบแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑.๑ พลังงานไฟฟา้ และการผลติ ไฟฟา้ ..................................... ๒๗๓
แนวการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ของแผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๑.๑ พลงั งานไฟฟ้าและการผลิตไฟฟ้า.......... ๒๗๖
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑.๑ พลังงานไฟฟา้ และการผลิตไฟฟ้า ................................................................ ๒๗๗
เฉลยใบงาน ............................................................................................................................................... ๒๙๓
คาํ ชแี้ จงประกอบแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑.๒ การผลติ ไฟฟ้า .................................................................. ๓๐๕
แนวการจัดกจิ กรรมการเรยี นรขู้ องแผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ การผลติ ไฟฟ้า....................................... ๓๐๙
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑.๒ การผลติ ไฟฟา้ .............................................................................................. ๓๑๐
เฉลยใบงาน ............................................................................................................................................... ๓๒๖
คําชแี้ จงประกอบแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑.๓ การใช้ไฟฟ้าใหป้ ระหยัดและปลอดภัย ............................. ๓๓๕
แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรูข้ องแผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๑.๓
การใช้ไฟฟา้ ใหป้ ระหยดั และปลอดภัย........................................................................................................ ๓๓๘
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑.๓ การใชไ้ ฟฟา้ ใหป้ ระหยดั และปลอดภยั ......................................................... ๓๓๙
เฉลยใบงาน ............................................................................................................................................... ๓๕๖
เฉลยแบบทดสอบ ............................................................................................................................................. ๓๗๐
บรรณานกุ รม ..................................................................................................................................................... ๓๗๘
๑ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครูผูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3 (ฉบับปรบั ปรุง)
คําแนะนําสําหรบั ครผู ้สู อน
๑. แนวคดิ หลกั
การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งให้ผู้เรียนมีความสามารถเข้าใจเน้ือหาสาระวิทยาศาสตร์และ
นําความรู้ไปอธิบายหรือประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวันได้ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะต่าง ๆ เช่น
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ทักษะการคิดสร้างสรรค์ ทักษะ
การแก้ปัญหา ทักษะการเขียน ทักษะการอ่าน นอกจากน้ีในการจัดกิจกรรมยังมุ่งเน้นการเรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม
ซ่ึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ร่วมกันคิด ปรึกษาหารือ อภิปราย แก้ปัญหา แสดงความคิดเห็น สะท้อน
ความคิด และได้นําเสนอผลการทํากิจกรรม ซ่ึงช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาท้ังความรู้ ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์และทักษะอ่ืน ๆ รวมท้ังคุณธรรม จริยธรรมอีกด้วย ในการจัดกลุ่มอาจจัดเป็นกลุ่ม ๒ คน
หรือกลุ่ม ๔-๖ คน หรืออาจจัดกิจกรรมร่วมกันทั้งช้ันทั้งน้ีข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
นัน้ ๆ
ในการดําเนินกิจกรรมการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ สิ่งสําคัญที่ผู้สอนควรคํานึงถึงเป็นอันดับแรกคือ
ความรู้พื้นฐานของผู้เรียน ผู้สอนอาจทบทวนหรือตรวจสอบความรู้เดิมของผู้เรียนโดยใช้คําถามหรือกลวิธี
ต่าง ๆ ที่กระตุ้นความสนใจของผู้เรียนและนําไปสู่การเรียนรู้เนื้อหาใหม ขั้นการสอนเน้ือหาใหม่ ผู้สอนอาจ
กําหนดสถานการณท์ ่ีเชื่อมโยงกบั เร่ืองราวในขั้นทบทวนความร้หู รือมคี ําถาม และมกี ิจกรรมใหน้ ักเรียนได้ลงมือ
ปฏิบัติด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (inquiry) ในการค้นหาคําตอบที่สงสัยด้วยตนเอง ผู้สอนมีบทบาท
เป็นผู้ให้อิสระทางความคิดกับผู้เรียน คอยสังเกต ตรวจสอบความเข้าใจและคอยให้ความช่วยเหลือและ
คาํ แนะนําอย่างใกลช้ ดิ
ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ผู้สอนควรให้ผู้เรียนแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มได้นําเสนอแนวคิด
เพราะผู้เรียนมีโอกาสแสดงแนวคิดเพิ่มเติมร่วมกนั ซักถาม อภิปรายข้อขดั แย้งด้วยเหตุและผล ผู้สอนมโี อกาส
เสริมความรู้ ขยายความรู้หรือสรุปประเด็นสําคัญของสาระที่นําเสนอนั้น ทําให้การเรียนรู้ขยายวงกว้างและ
ลึกมากข้ึน สามารถนําไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ นอกจากนี้ยังทําให้ผู้เรียนเกิดเจตคติท่ีดี มีความภูมิใจ
ในผลงาน เกิดความรู้สึกอยากทํา กล้าแสดงออก และจดจําสาระท่ีตนเองได้ออกมานําเสนอได้นาน รวมท้ัง
ฝกึ การเปน็ ผู้นํา ผูต้ าม รับฟังความคดิ เห็นของผู้อืน่
๒. กระบวนการจดั การเรยี นรู้
การนาํ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรไู้ ปใช้ ครคู วรเตรียมตวั ลว่ งหน้า ดังนี้
๑. ศึกษาโครงสร้างชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เพื่อให้ทราบวา่ ตลอดทั้งปกี ารศึกษา นักเรยี นตอ้ ง
เรียนรทู้ ง้ั หมดก่หี น่วย แต่ละหนว่ ยมหี น่วยย่อยอะไรบ้าง ใช้เวลาสอนกีช่ ่ัวโมง และมีกแ่ี ผน
๒ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรียนที่ 2 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 (ฉบบั ปรับปรุง)
๒. ศึกษาโครงสร้างหน่วยการเรียนรู้ ว่าแต่ละหน่วยการเรียนรู้มีเน้ือหาอะไรบ้าง เนื้อหาละก่ีชั่วโมง
ซงึ่ จะช่วยใหค้ รผู ้สู อนมองเหน็ ภาพรวมของการสอนในหน่วยดงั กลา่ วไดอ้ ยา่ งชดั เจน
๓. ศึกษาแนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ซ่ึงอยู่หน้าแผนแต่ละแผน เป็นการสรุปแนวการจัดกิจกรรม
ในแต่ละข้นั ตอนการสอน ทําให้ครมู องเห็นภาพรวมของการจัดการเรียนรูใ้ นช่วั โมงนัน้ ๆ
๔. ศกึ ษาแผนการจดั การเรยี นรู้ ตามหัวข้อตอ่ ไปนี้
๔.๑ ขอบเขตเน้อื หา เป็นเนอื้ หาทนี่ ักเรียนตอ้ งเรยี นรใู้ นแผนทีก่ าํ ลงั ศึกษา
๔.๒ สาระสําคัญ เป็นความคดิ รวบยอดหรือหลกั การท่นี ักเรยี นควรจะได้หลังจากไดเ้ รยี นร้ตู ามแผน
ท่ีกําหนด
๔.๓ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ แบ่งเปน็ ดา้ นความรู้ ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และด้าน
คุณธรรม
๔.๔ กิจกรรมการเรียนรู้ แบ่งเป็น ขั้นนํา ขั้นสอน และขั้นสรุป ซึ่งแต่ละขั้นครูผู้สอนควรศึกษา
ทําความเข้าใจอย่างละเอียด นอกจากน้ีครูควรพิจารณาด้วยว่า ในแต่ละข้ันตอนการสอน ครูจะต้องศึกษาว่ามี
ส่อื /อุปกรณอ์ ะไรบา้ ง
๔.๕ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ เป็นการบอกรายการส่ือ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ท่ีต้องใช้ในการจัด
กจิ กรรมการเรยี นรใู้ นช่ัวโมงนน้ั
๔.๖ การประเมิน เป็นการบอกท้ังวิธีการ เคร่ืองมือ และเกณฑ์การประเมิน สําหรับเคร่ืองมือ
การประเมินในชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ฯ นี้ ได้จดั เตรียมไวใ้ หค้ รูผสู้ อนเรยี บรอ้ ยแลว้
๓. ส่ือการจัดการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
สื่อการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๓
ประกอบดว้ ย
๓.๑ แผนการจดั การเรยี นรู้ สําหรบั ครูใชเ้ ป็นแนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรใู้ ห้กับนักเรียน
๓.๒ ใบกิจกรรม สําหรับนักเรียนใช้ฝึกทักษะปฏิบัติ หรือสร้างความคิดรวบยอดในบทเรียน โดย
ในใบกิจกรรมจะประกอบด้วยใบงาน ให้นักเรียนได้บันทึกผลการทํากิจกรรม การตอบคําถามหลังจาก
ทํากิจกรรมเพ่ือทบทวนสิ่งท่ีได้เรียนรู้จากการทํากิจกรรม และมีแบบฝึกหัดเพ่ือประเมินการเรียนรู้หลังจาก
เรยี นจบในแต่ละกิจกรรม
๓.๓ แบบทดสอบ เป็นการวัดความรคู้ วามเขา้ ใจตามตวั ช้ีวัดทีก่ ําหนดไว้ในหลกั สูตร
๓ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาํ หรับครผู ู้สอน) กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร)์ ภาคเรยี นท่ี 2 ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3 (ฉบบั ปรับปรุง)
ใบกิจกรรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๓ ได้มีการกําหนดสัญลักษณ์รูปดาว ๕ แฉก จํานวน
๓ ดวง และแถบสีเขียว โดย
บ. หมายถึง ใบกิจกรรม
ผ. หมายถึง แผนการจัดการเรียนรู้
เช่น
บ. ๑.๑ / ผ. ๑.๑-๐๑
ระดบั ชนั้
ใบกิจกรรม
หน่วยท่ี
หนว่ ยยอ่ ยที่
แผนที่
ใบงานท่ี
หมายเหตุ เลขแสดงลําดับของแผนการจัดการเรียนรู้จะเรียงต่อกันจนครบทุกแผนในแต่ละหน่วยย่อย
และใบงานจะเรยี งเลขต่อกันในแต่ละแผน เมื่อข้นึ หน่วยใหม่ การแสดงลําดับเลขของทงั้ หนว่ ยย่อย
แผน และใบงานจะเริม่ ต้นใหม่
๔. ลกั ษณะชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษา
ปที ่ี ๓
ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓
จดั ทําเปน็ หน่วยการเรียนรู้ (Learning Unit) ซง่ึ ได้จากการวิเคราะหห์ ลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
และได้จัดแบ่งหนว่ ยการเรยี นรใู้ นชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้นี้ออกเปน็ ๒ เล่ม ดงั นี้
๔ ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 (ฉบบั ปรับปรุง)
เล่ม ๑ ประกอบด้วย หนว่ ยการเรียนรู้ ๓ หนว่ ย ดงั น้ี
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ ชีวติ สัตว์
หน่วยย่อยที่ ๑ ปัจจัยท่ีจําเป็นต่อการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิตของสัตว์และ
มนษุ ย์
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒ วฏั จกั รชีวิตของสัตว์
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๒ การเปลี่ยนแปลงของวัตถแุ ละวัสดุ
หน่วยยอ่ ยที่ ๑ สว่ นประกอบของวตั ถุและวสั ดุ
หน่วยยอ่ ยที่ ๒ การเปล่ยี นแปลงของวตั ถุ
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๓ แรง
หน่วยยอ่ ยที่ ๑ การดงึ การผลกั และผลของการออกแรงที่มีตอ่ การเคล่ือนที่ของวัตถุ
หนว่ ยย่อยท่ี ๒ แรงแม่เหลก็
เล่ม ๒ ประกอบดว้ ยหนว่ ยการเรียนรู้ ๓ หน่วย ดงั น้ี
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๔ ดวงอาทติ ย์
หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ ปรากฏการณท์ ี่เก่ยี วกบั ดวงอาทิตย์
หน่วยย่อยที่ ๒ ประโยชน์ของดวงอาทติ ย์
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๕ อากาศและการเกดิ ลม
หนว่ ยย่อยท่ี ๑ อากาศ
หน่วยยอ่ ยที่ ๒ การเกิดลม
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๖ พลงั งานไฟฟา้
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ พลังงานไฟฟา้ และการผลติ ไฟฟ้ า้
๕. แผนการจดั การเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๓
การจัดทําแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษา
ปีท่ี ๓ กําหนดให้ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้หลายแผน โดยแผนการจัด
การเรียนรู้แต่ละแผน ประกอบด้วย สาระสําคัญ ขอบเขตเนื้อหา จุดประสงค์การเรียนรู้ซ่ึงมีท้ังด้านความรู้
ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และด้านคุณธรรม กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ และการวัด
และประเมิน และทุกแผนการจัดการเรียนรู้จะมีแนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อยู่หน้าแผน ซ่ึงเป็นการสรุป
ภาพรวมของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในชั่วโมงน้ัน ๆ ในทุกขั้นตอนการสอนตั้งแต่ขั้นนํา ข้ันสอน ข้ันสรุป
และการประเมินผล นอกจากนย้ี งั มเี ฉลยคาํ ตอบในใบงาน และเฉลยแบบทดสอบด้วย
๕ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นท่ี 2 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 3 (ฉบบั ปรับปรุง)
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
(Science Process Skills)
การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์จําเป็นต้องใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพ่ือนําไปสู่
การสืบเสาะค้นหาผ่านการสังเกต ทดลอง สร้างแบบจําลอง และวิธีการอื่น ๆ เพ่ือนําข้อมูลสารสนเทศและ
หลักฐานเชิงประจักษ์มาสร้างคําอธิบายเก่ียวกับแนวคิดหรือองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ ประกอบดว้ ย
ทักษะการสังเกต (Observing) เป็นความสามารถในการใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึ่งหรือ
หลายอย่าง สํารวจวัตถุหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในธรรมชาติหรือจากการทดลอง โดยไม่ลงความคิดเห็นของ
ผสู้ งั เกตลงไปด้วย ประสาทสัมผัสทง้ั ๕ อย่าง ได้แก่ การดู การฟังเสียง การดมกล่นิ การชิมรส และการสัมผสั
ทักษะการวัด (Measuring) เป็นความสามารถในการเลือกใช้เคร่ืองมือในการวัดปริมาณต่าง ๆ
ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงความสามารถในการหาปริมาณของสิ่งต่าง ๆ จากเคร่ืองมือท่ีเลือกใช้ออกมาเป็น
ตวั เลขไดถ้ ูกต้องและรวดเร็ว พรอ้ มระบหุ นว่ ยของการวดั ได้อยา่ งถูกต้อง
ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) เป็นความสามารถในการคาดการณ์อย่างมี
หลักการเก่ียวกับเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ โดยใช้ข้อมูล (Data) หรือสารสนเทศ (Information) ที่เคยเก็บ
รวบรวมไว้ในอดตี
ทกั ษะการจําแนกประเภท (Classifying) เป็นความสามารถในการแยกแยะ จัดพวกหรือจัดกลุ่ม
สิ่งต่าง ๆ ที่สนใจ เช่น วัตถุ สิ่งมีชีวิต ดาว และเทหะวัตถุต่าง ๆ หรือปรากฏการณ์ที่ต้องการศึกษาออกเป็น
หมวดหมู่ นอกจากนี้ยังหมายถึงความสามารถในการเลือกและระบุเกณฑ์หรือลักษณะร่วมลักษณะใดลักษณะ
หนึ่งของสง่ิ ต่าง ๆ ท่ตี อ้ งการจําแนก
ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ (Relationship between Space and
Space) และทักษะการความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับเวลา (Relationship between Space and
Time)
สเปซ (Space) คือ พื้นที่ที่วัตถุครอบครอง ในที่นี้อาจเป็นตําแหน่ง รูปร่าง รูปทรงของวัตถุ
ส่ิงเหล่านอี้ าจมีความสมั พันธก์ ัน ดังน้ี
๖ ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร)์ ภาคเรยี นท่ี 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ทักษะการหาความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสเปซ เป็นความสามารถในการหาความเก่ียวข้อง
กับสเปซ (Relationship between Space สัมพันธ์กันระหว่างพ้ืนที่หรือตําแหน่งท่ีวัตถุ
and Space) ต่าง ๆ ครอบครอง
ทักษะการหาความสมั พันธ์ระหว่างสเปซกับ เป็นความสามารถในการหาความเกี่ยวข้อง
เวลา (Relationship between Space and สัมพันธ์กันระหว่างพื้นที่หรือตําแหน่งที่วัตถุ
Time) ครอบครองเม่ือเวลาผ่านไป
ทักษะการใช้จํานวน (Using Number) เป็นความสามารถในการใช้ความรู้สึกเชิงจํานวน
และการคาํ นวณเพื่อบรรยายหรือระบรุ ายละเอยี ดเชงิ ปรมิ าณของส่ิงทส่ี งั เกตหรอื ทดลอง
ทักษะการจัดกระทําและส่ือความหมายข้อมูล (Organizing and Communicating Data)
เป็นความสามารถในการนําผลการสังเกต การวัด การทดลอง จากแหล่งต่าง ๆ มาจัดกระทําให้อยู่ในรูปแบบ
ที่มีความหมายหรือมีความสัมพันธ์กันมากขึ้น จนง่ายต่อการทําความเข้าใจหรือเห็นแบบรูปของข้อมูล
นอกจากน้ียังรวมถึงความสามารถในการนําข้อมูลมาจัดทําในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ตาราง แผนภูมิ แผนภาพ
วงจร กราฟ สมการ การเขียนบรรยาย เพื่อสอื่ สารใหผ้ ้อู ่นื เข้าใจความหมายของขอ้ มูลมากขน้ึ
ทักษะการพยากรณ์ (Predicting) เป็นความสามารถในบอกผลลัพธ์ของปรากฏการณ์ สถานการณ์
การสังเกต การทดลองที่ได้จากการสังเกตแบบรูปของหลักฐาน (Pattern of Evidence) การพยากรณ์
ที่แม่นยําจึงเป็นผลมาจากการสังเกตที่รอบคอบ การวัดท่ีถูกต้อง การบันทึก และการจัดกระทํากับข้อมูล
อย่างเหมาะสม
ทักษะการตั้งสมมติฐาน (Formulating Hypotheses) เป็นความสามารถในการอธิบายถึง
เหตผุ ลของสงิ่ ท่จี ะเกิดขึ้นก่อนจะทําการทดลอง โดยอาศยั การสงั เกต ความรู้ ประสบการณ์เดมิ เป็นพ้ืนฐานของ
คาํ อธบิ ายลว่ งหนา้ เกยี่ วกับสง่ิ ทยี่ งั ไม่รู้มากอ่ น หรือยังไม่เปน็ หลกั การ กฎ หรอื ทฤษฎีมาก่อน การต้ังสมมตฐิ าน
หรือคําอธิบายที่คิดไว้ล่วงหน้า มักกล่าวไว้เป็นข้อความที่บอกความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต้น (สิ่งท่ีเป็น
ต้นเหต)ุ กับตัวแปรตาม (ส่ิงทเี่ ปน็ ผลจากต้นเหตุ) ซึง่ อาจเป็นไปตามทค่ี าดการณไ์ ว้หรือไมก่ ไ็ ด้
ทักษะการกําหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ (Defining Operationally) เป็นความสามารถในการ
กําหนดความหมายและขอบเขตของส่ิงต่าง ๆ ทอ่ี ยูใ่ นสมมติฐานของการทดลอง หรือที่เกี่ยวข้องกบั การทดลอง
ให้เข้าใจตรงกนั และสามารถสงั เกตหรือวัดได้
ทักษะการกําหนดและควบคุมตัวแปร (Controlling Variables) เป็นความสามารถในการ
กําหนดตัวแปรต่าง ๆ ทั้งตัวแปรต้น และตัวแปรตาม ให้สอดคล้องกับสมมติฐานของการทดลอง รวมถึง
ความสามารถในการระบุและควบคุมตัวแปรอื่น ๆ นอกเหนือจากตัวแปรต้น แต่อาจส่งผลต่อผลการทดลอง
๗ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 (ฉบับปรับปรุง)
หากไม่ควบคุมให้เหมือนกันหรือเท่ากัน ตัวแปรที่เก่ียวข้องกับการทดลอง ได้แก่ ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และ
ตัวแปรท่ีต้องควบคุมให้คงท่ี ซึง่ ลว้ นเป็นปัจจยั ทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั การทดลอง ดงั น้ี
ตัวแปรตน้ สิ่งท่ีเป็นต้นเหตุทําให้เกิดการเปล่ียนแปลง จึงต้องจัด
(Independent Variable) สถานการณใ์ หม้ ีส่ิงนี้แตกต่างกัน
ตวั แปรตาม สิ่งที่เป็นผลจากการจัดสถานการณ์บางอย่างให้แตกต่างกัน
(Dependent Variable) และเราต้องสงั เกต วัด หรอื ติดตามดู
ตวั แปรทีต่ อ้ งควบคุมใหค้ งที่ ส่ิงต่าง ๆ ท่ีอาจส่งผลต่อการจัดสถานการณ์ จึงต้องจัด
(Controlled Variable) สิ่งเหล่าน้ีให้เหมือนกันหรือเท่ากัน เพื่อให้มั่นใจว่า
ผลจากการจัดสถานการณ์เกิดจากตวั แปรต้นเทา่ น้นั
ทักษะการทดลอง (Experimenting) การทดลองประกอบด้วย ๓ ขั้นตอน คือ การออกแบบ
การทดลอง การปฏบิ ัติการทดลอง และการบันทกึ ผลการทดลอง ทกั ษะการทดลองจงึ เปน็ ความสามารถในการ
ออกแบบและวางแผนการทดลองได้อย่างรอบคอบ และสอดคล้องกับคําถามการทดลองและสมมติฐาน
รวมถึงความสามารถในการดําเนินการทดลองได้ตามแผน และความสามารถในการบันทึกผลการทดลองได้
ละเอียด ครบถว้ น และเทย่ี งตรง
ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป (Interpreting and Making Conclusion)
ความสามารถในการแปลความหมาย หรือการบรรยาย ลักษณะและสมบัติของข้อมูลท่ีมีอยู่ จนสามารถสรุป
ความสมั พันธข์ องข้อมูลทง้ั หมด
ทักษะการสร้างแบบจําลอง (Formulating Models) ความสามารถในการสร้างและใช้สิ่งท่ีทํา
ข้ึนมา เพื่อเลียนแบบหรืออธิบายปรากฏการณ์ท่ีศึกษาหรือสนใจ เช่น กราฟ สมการ แผนภูมิ รูปภาพ
ภาพเคลื่อนไหว รวมถึงความสามารถในการใช้แบบจําลองนําเสนอปรากฏการณ์ อธิบายความสัมพันธ์
ของแต่ละองค์ประกอบในแบบจําลอง และอธิบายแนวคิดรวบยอดเก่ียวกับปรากฏการณ์ของแบบจําลอง
แบบต่าง ๆ
๘ ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร)์ ภาคเรียนท่ี 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 (ฉบบั ปรับปรงุ )
โครงสร้างของชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒
ชวี ิตสตั ว์ การเปลีย่ นแปลงของวตั ถุและวัสดุ
(๑๐ ช่ัวโมง)
(๙ ชวั่ โมง)
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๖ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๓
พลงั งานไฟฟ้า และเทคโนโลยี แรง
(๑๒ ช่ัวโมง) (๘๐ ช่วั โมง/ปี)
(๒๑ ชั่วโมง)
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕
อากาศและการเกดิ ลม หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๔
ดวงอาทติ ย์
(๑๕ ชั่วโมง) (๑๓ ช่ัวโมง)
๙ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครผู ูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 3 (ฉบบั ปรับปรงุ )
แนวทางการจัดหนว่ ยการเรียนรู้
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
เล่ม ๑ (ภาคเรยี นท่ี ๑) เลม่ ๒ (ภาคเรยี นที่ ๒)
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ ชีวิตสตั ว์ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ ดวงอาทิตย์
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๒ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๕
อากาศและการเกดิ ลม
การเปล่ียนแปลงของวตั ถุและวสั ดุ
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๓ แรง หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ พลังงานไฟฟ้า
๑๐ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรับครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรยี นที่ 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง)
โครงสรา้ งรายวิชาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๓
หน่วยการเรยี นร/ู้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
เวลาทใี่ ช้ (ชม.) ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ ว ๑.๒ ป. ๓/๑ บรรยายสง่ิ ที่จาํ เป็น มนษุ ย์และสตั ว์ต้องการอาหาร นา้ํ และ
ชวี ติ สัตว/์ ๑๐ ชวั่ โมง ตอ่ การดาํ รงชีวิต และการ อากาศเพื่อการดาํ รงชวี ิตและการเจรญิ เตบิ โต
เจริญเติบโตของมนษุ ยแ์ ละสัตว์ อาหารช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและเจริญเตบิ โต
โดยใชข้ ้อมลู ทร่ี วบรวมได้ น้ําช่วยใหร้ ่างกายทาํ งานไดอ้ ย่างปกติ
ว ๑.๒ ป. ๓/๒ ตระหนักถงึ อากาศใช้ในการหายใจ
ประโยชนข์ องอาหาร นาํ้ และ
อากาศ โดยการดแู ลตนเองและ
สตั ว์ให้ได้รบั สิ่งเหลา่ นี้อย่าง
เหมาะสม
ว ๑.๒ ป.๓/๓ สร้างแบบจําลองที่ สัตวเ์ มอื่ เป็นตัวเต็มวยั จะสืบพนั ธ์ุ มีลกู
บรรยายวัฏจกั รชีวิตของสตั ว์และ เมือ่ ลูกเจริญเตบิ โตเปน็ ตวั เตม็ วัยกส็ ืบพันธุ์
เปรยี บเทียบวัฏจักรชีวติ ของสัตว์ มีลูกต่อไปได้อีก หมุนเวียนตอ่ เนอ่ื งเป็น
บางชนดิ วัฏจักรชีวิตของสัตว์ ซ่งึ สตั ว์แตล่ ะชนิด เชน่
ว ๑.๒ ป.๓/๔ ตระหนักถงึ คณุ คา่ ผีเสือ้ กบ ไก่ มนุษย์ จะมีวฏั จักรชีวติ ท่ี
ของชวี ิตสตั ว์ โดยไมท่ ําให้วัฏจักร เฉพาะและแตกต่างกนั
ชวี ติ ของสตั ว์เปล่ยี นแปลง
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ ว ๒.๑/ป.๓/๑ อธบิ ายว่าวัตถุ วตั ถอุ าจทาํ จากช้นิ สว่ นย่อย ๆ ซง่ึ แต่ละชิ้นมี
การเปลยี่ นแปลงของ ประกอบข้นึ จากชิ้นส่วนยอ่ ย ๆ ลกั ษณะเหมือนกนั มาประกอบเขา้ ดว้ ยกนั
วัตถุและวัสด/ุ ๙ ช่ัวโมง ซ่งึ สามารถแยกออกจากกันไดแ้ ละ เมอื่ แยกช้นิ สว่ นยอ่ ย ๆ แตล่ ะชิ้นของวัตถุ
ประกอบกันเป็นวัตถชุ น้ิ ใหม่ได้ ออกจากกันสามารถนําชนิ้ ส่วนเหลา่ นนั้ มา
โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ประกอบเปน็ วัตถุชิ้นใหม่ได้ เช่น กาํ แพง
บ้านมีก้อนอิฐหลาย ๆ ก้อนประกอบเขา้
ดว้ ยกนั และสามารถนาํ กอ้ นอิฐจากกาํ แพง
บ้านมาประกอบเป็นพ้ืนทางเดินได้
ว ๒.๑ ป ๓/๒ อธิบายการ เม่ือให้ความรอ้ นหรือทาํ ใหว้ ัสดรุ ้อนขน้ึ และ
เปลยี่ นแปลงของวัสดุเมือ่ ทําให้ เมื่อลดความรอ้ นหรอื ทําให้วัสดเุ ย็นลง วสั ดุจะ
รอ้ นขึ้นหรือทําให้เย็นลง โดยใช้ เกิดการเปล่ียนแปลงได้ เช่น สเี ปลย่ี น รปู ร่าง
หลักฐานเชิงประจกั ษ์ เปลี่ยน
๑๑ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สําหรับครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรียนท่ี 2 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
หน่วยการเรยี นร/ู้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
เวลาที่ใช้ (ชม.) ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๓ ว ๒.๒/ป.๓/๑ ระบุผลของแรงท่มี ี การดึงหรอื การผลกั เปน็ การออกแรงกระทํา
แรง /๒๑ ชัว่ โมง ต่อการเปลยี่ นแปลงการเคลอ่ื นที่ ตอ่ วตั ถุ แรงมผี ลต่อการเคลอ่ื นทข่ี องวตั ถุ
ของวตั ถจุ ากหลักฐานเชิงประจักษ์ แรงอาจทําให้วตั ถุเกิดการเคลื่อนท่โี ดย
เปลยี่ นตําแหนง่ จากทห่ี นง่ึ ไปยงั อกี ท่ีหนึง่
การเปล่ียนแปลงการเคลอื่ นที่ของวตั ถุ ได้แก่
วัตถุทอ่ี ยนู่ ิ่งเปล่ยี นเป็นเคลอื่ นท่ี วัตถทุ กี่ ําลงั
เคลอ่ื นทเ่ี ปลยี่ นเปน็ เคล่อื นท่เี ร็วข้ึนหรือช้าลง
หรือหยดุ นง่ิ หรือเปล่ียนทศิ ทางการเคลื่อนที่
ว ๒.๒/ป.๓/๒ เปรยี บเทียบและ การดงึ หรือการผลกั เปน็ การออกแรงที่เกดิ
ยกตวั อยา่ งแรงสมั ผัสและแรงไม่ จากวตั ถหุ น่ึงกระทํากบั อกี วตั ถหุ น่ึง โดยวตั ถุ
สัมผสั ทม่ี ผี ลตอ่ การเคลอื่ นทข่ี อง ทั้งสองอาจสมั ผัสหรือไม่ตอ้ งสัมผสั กนั เช่น
วัตถุโดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจักษ์ การออกแรงโดยใช้มอื ดงึ หรือการผลักโต๊ะให้
เคล่ือนทเ่ี ป็นการออกแรงที่วตั ถุต้องสัมผัสกนั
แรงนจ้ี ึงเปน็ แรงสมั ผสั สว่ นการทแ่ี ม่เหลก็
ดงึ ดดู หรือผลักระหว่างแม่เหล็กเปน็ แรงท่ี
เกิดขนึ้ โดยแมเ่ หลก็ ไมจ่ ําเป็นตอ้ งสัมผสั กนั
แรงแมเ่ หลก็ นจ้ี งึ เปน็ แรงไม่สัมผสั
ว ๒.๒/ป.๓/๓ จําแนกวัตถุโดยใช้ แม่เหลก็ สามารถดึงดูดสารแมเ่ หล็กได้
การดงึ ดดู กบั แม่เหลก็ เปน็ เกณฑ์
จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
ว ๒.๒/ป.๓/๔ ระบขุ วั้ แมเ่ หลก็ และ แรงแม่เหลก็ เป็นแรงท่ีเกิดข้ึนระหว่าง
พยากรณผ์ ลทีเ่ กิดขึ้นระหวา่ ง แมเ่ หล็กกบั สารแม่เหลก็ หรอื แม่เหลก็ กับ
ขัว้ แมเ่ หล็กเมอื่ นาํ มาเขา้ ใกลก้ นั แม่เหลก็ แม่เหลก็ มี ๒ ขวั้ คือ ขวั้ เหนือและ
จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ข้ัวใต้ ขวั้ แม่เหล็กชนดิ เดียวกันจะผลักกัน
ตา่ งชนิดกันจะดึงดดู กัน
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๔ ว ๓.๑/ป.๓.๑ อธิบายแบบรูป คนบนโลกมองเห็นดวงอาทติ ย์ปรากฏขนึ้
ดวงอาทิตย/์ ๑๓ ช่วั โมง เสน้ ทางการขึ้นและตกของ ทางดา้ นหนึง่ และตกทางอีกด้านหนงึ่ ทุกวนั
หมุนเวยี นเปน็ แบบรูปซาํ้ ๆ
ดวงอาทิตย์โดยใช้หลักฐาน
เชงิ ประจกั ษ์
๑๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนที่ 2 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 (ฉบบั ปรับปรงุ )
หนว่ ยการเรยี นร/ู้ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๓
เวลาท่ใี ช้ (ชม.)
ตวั ชวี้ ดั สาระการเรียนรู้
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๕
อากาศและการเกิด ว ๓.๑/ป.๓.๒ อธบิ ายสาเหตุการ โลกกลมและหมนุ รอบตัวเองขณะโคจรรอบ
ลม/๑๕ ชัว่ โมง เกิดปรากฏการณ์การขนึ้ และตก ดวงอาทติ ย์ ทําใหบ้ รเิ วณของโลกได้รับ
ของดวงอาทิตย์ การเกดิ กลางวนั แสงอาทิตย์ไมพ่ รอ้ มกัน โลกด้านท่ีไดร้ บั แสง
กลางคนื และการกําหนดทศิ โดยใช้ จากดวงอาทติ ย์จะเปน็ กลางวัน สว่ นด้าน
แบบจาํ ลอง ตรงข้ามท่ีไม่ได้รบั แสงจะเป็นกลางคืน
ว ๓.๑/ป.๓.๓ ตระหนกั ถึง นอกจากนค้ี นบนโลกจะมองเหน็ ดวงอาทิตย์
ความสาํ คัญของดวงอาทติ ย์ โดย ปรากฏขึน้ ทางดา้ นหน่งึ ซ่ึงกําหนดให้เปน็ ทศิ
บรรยายประโยชนข์ องดวงอาทิตย์ ตะวนั ออก และมองเหน็ ดวงอาทิตยต์ กทาง
ตอ่ สงิ่ มชี ีวติ อกี ดา้ นหนึ่ง ซ่ึงกําหนดให้เป็นทิศตะวนั ตก
และเมื่อให้ด้านขวามืออยทู่ างทศิ ตะวนั ออก
ดา้ นซ้ายมืออยู่ทางทศิ ตะวันตก ด้านหน้าจะ
เปน็ ทศิ เหนือ และด้านหลังจะเปน็ ทิศใต้
ในเวลากลางวันโลกจะได้รบั พลังงานแสงและ
พลังงานความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ ทําให้
สง่ิ มีชีวิตดํารงชีวิตอย่ไู ด้
ว ๓.๒/ป.๓.๑ ระบุสว่ นประกอบ อากาศโดยท่ัวไปไม่มสี ี ไม่มกี ลนิ่ ประกอบดว้ ย
ของอากาศ บรรยายความสําคัญ แกส๊ ไนโตรเจน แกส๊ ออกซิเจน
ของอากาศ และผลกระทบของ แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ แกส๊ อนื่ ๆ รวมทั้ง
มลพิษทางอากาศตอ่ ส่ิงมีชวี ติ ไอนาํ้ และฝ่นุ ละออง อากาศ มีความสําคญั
จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ ต่อสงิ่ มชี วี ิต หากส่วนประกอบของอากาศ
ว ๓.๒/ป.๓.๒ ตระหนกั ถึง ไมเ่ หมาะสม เนอื่ งจากมแี กส๊ บางชนดิ หรอื
ความสาํ คญั ของอากาศ โดย ฝ่นุ ละอองในปริมาณมาก อาจเปน็ อันตราย
นาํ เสนอแนวทางการปฏบิ ัตติ น ต่อสิง่ มีชวี ติ ชนิดตา่ ง ๆ จดั เป็นมลพษิ ทางอากาศ
ในการลดการเกิดมลพิษทางอากาศ
แนวทางการปฏบิ ตั ิตนเพอ่ื ลดการปล่อย
มลพษิ ทางอากาศ เชน่ ใช้พาหนะรว่ มกัน
หรอื เลอื กใชเ้ ทคโนโลยที ลี่ ดมลพิษทางอากาศ
ว ๓.๒/ป.๓.๓ อธิบายการเกิดลม ลม คอื อากาศท่ีเคล่ือนทเ่ี กดิ จากความ
จากหลกั ฐานเชิงประจักษ์ แตกต่างกนั ของอุณหภมู ิอากาศบรเิ วณทีอ่ ยู่
ใกลก้ ัน โดยอากาศบรเิ วณทม่ี ีอุณหภูมสิ ูงจะ
ลอยตัวสงู ขน้ึ และอากาศ บรเิ วณทม่ี อี ุณหภูมิ
ต่ํากว่าจะเคลื่อนเข้าไปแทนท่ี
๑๓ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรบั ครูผสู้ อน) กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 (ฉบบั ปรับปรุง)
หนว่ ยการเรียนร/ู้ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๓
เวลาที่ใช้ (ชม.)
ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖
พลังงานไฟฟ้า/๑๒ ว ๓.๒/ป.๓.๔ บรรยายประโยชน์ ลมสามารถนํามาใช้เปน็ แหลง่ พลังงาน
ชว่ั โมง และโทษของลม จากข้อมูลที่ ทดแทนในการผลติ ไฟฟ้า และนาํ ไปใช้
รวบรวมได้ ประโยชน์ในการทํากิจกรรมตา่ ง ๆ ของ
มนษุ ย์ หากลมเคล่อื นท่ีด้วยความเรว็ สงู อาจ
ทําใหเ้ กิดอันตรายและความเสียหายต่อชวี ติ
และทรัพยส์ นิ ได้
ว ๒.๓/ป.๓/๑ ยกตัวอย่างการเปล่ียน พลงั งานเปน็ ปริมาณท่แี สดงถงึ ความสามารถ
พลังงานหนึง่ ไปเปน็ อีกพลังงานหนงึ่ ในการทํางาน พลังงานมหี ลายแบบ เช่น
จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ พลังงานกล พลงั งานไฟฟา้ พลงั งานแสง
พลงั งานเสยี ง และพลงั งานความร้อน โดย
พลงั งานสามารถเปลี่ยนจากพลงั งานหนง่ึ
ไปเป็นอกี พลงั งานหนึ่งได้ เช่น การถมู อื จน
รู้สึกร้อน เป็นการเปลี่ยนพลังงานกลเป็น
พลังงานความร้อนแผงเซลลส์ รุ ยิ ะเปลย่ี น
พลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้า หรือ
เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ เปลย่ี นพลงั งานไฟฟ้าเปน็
พลงั งานอนื่
ว ๒.๓/ป.๓/๒ บรรยายการทาํ งาน ไฟฟ้าผลิตจากเครอื่ งกําเนิดไฟฟ้าซึง่ ใช้
ของเครอื่ งกําเนดิ ไฟฟ้าและระบุ พลงั งานจากแหล่งพลงั งานธรรมชาตหิ ลาย
แหล่งพลงั งานในการผลติ ไฟฟา้ จาก แหล่ง เชน่ พลงั งานจากลม พลงั งานจากน้าํ
ข้อมลู ท่รี วบรวมได้ พลงั งานจากแก๊สธรรมชาติ
ว ๒.๓/ป.๓/๓ ตระหนกั ใน พลังงานไฟฟ้ามคี วามสําคญั ต่อชีวิตประจาํ วัน
ประโยชน์และโทษของไฟฟ้า โดย การใช้ไฟฟา้ นอกจากตอ้ งใช้อยา่ งถกู วิธี
นาํ เสนอวิธกี ารใช้ไฟฟา้ อยา่ ง ประหยดั และคมุ้ ค่าแลว้ ยังตอ้ งคาํ นึงถึง
ประหยัดและปลอดภัย ความปลอดภยั ดว้ ย
๑๔ ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรยี นที่ 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๔
ดวงอาทติ ย์
๑๕ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรบั ครผู ู้สอน) กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง)
มาตรฐานการเรยี นร้แู ละตัวชวี้ ดั ของหน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๔
ดวงอาทติ ย์ (จํานวน ๑๓ ชว่ั โมง)
มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชวี้ ดั
มาตรฐาน ว ๓.๑
เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ
ระบบสุริยะ รวมท้งั ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุรยิ ะท่ีส่งผลตอ่ สิ่งมีชีวติ และการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ
ตัวช้ีวัด
ว ๓.๑ ป. ๓/๑ อธิบายแบบรปู เส้นทางการขึ้นและตกของดวงอาทติ ย์ โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
ว ๓.๑ ป. ๓/๒ อธิบายสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ การเกิดกลางวัน
กลางคืน และการกําหนดทศิ โดยใชแ้ บบจําลอง
ว ๓.๑ ป.๓/๓ ตระหนักถึงความสําคัญของดวงอาทิตย์ โดยบรรยายประโยชน์ของดวงอาทิตย์
ต่อสงิ่ มชี วี ิต
๑๖ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู (สําหรับครูผูสอน) กลมุ สาระการเรยี นรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร) ภาคเรยี นท่ี 2 ชน้ั ประถมศึกษาปท ่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
ลําดบั การนาํ เสนอแนวคดิ หลกั ของหนว ยการเรียนรูท ี่ ๔ ดวงอาทติ ย
โลกเปนทรงกลม หมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเขม็ นาฬกิ าเม่ือมองจากบรเิ วณเหนือข้ัวโลกเหนอื
ขณะโคจรรอบดวงอาทิตย
การหมนุ รอบตัวเองของโลกทาํ ใหเกิดกลางวนั กลางคนื โดยโลกดา นทไ่ี ดรับแสงจากดวงอาทิตย
จะเปน เวลากลางวัน สว นดา นตรงขามท่ีไมไ ดร ับแสงจะเปน เวลากลางคืน หมนุ เวียนเปนแบบรูปซ้าํ ๆ
เปน วฏั จักร
นอกจากนก้ี ารหมนุ รอบตัวเองของโลกยังทําใหเ กิดปรากฏการณก ารข้นึ และตกของดวงอาทติ ย โดยคนบนโลก
จะมองเหน็ ดวงอาทติ ยป รากฏข้ึนทางขอบฟาดานหน่ึงและตกลับทางขอบฟาอกี ดา นหน่ึงทุกวัน หมุนเวียนเปน
แบบรูปซาํ้ ๆ เปน วฏั จกั ร
การที่คนบนโลกมองเหน็ ดวงอาทติ ยป รากฏขนึ้ ทางดา นหนงึ่ จงึ มีการกําหนดใหเปนทศิ ตะวนั ออก
และการมองเห็นดวงอาทติ ยตกลบั อีกทางดานหนึง่ มีการกําหนดใหเ ปนทิศตะวันตก
โดยเม่อื ดานขวามืออยูท างทิศตะวันออก ดานซา ยมือจะเปน ทางทศิ ตะวันตก ดา นหนา จะเปน ทศิ เหนอื
ดา นหลังจะเปนทิศใต
ในเวลากลางวัน โลกจะไดรบั ทั้งพลงั งานแสงและพลงั งานความรอนจากดวงอาทติ ย ซงึ่ มีประโยชน
ตอ การดํารงชีวติ ของสิ่งมีชวี ิต
๑๗ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรับครูผสู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรียนที่ 2 ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 (ฉบับปรับปรุง)
โครงสร้างแผนการจดั การเรียนรหู้ น่วยการเรียนรทู้ ี่ ๔ ดวงอาทิตย์
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๑.๑ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑.๒ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ ๑.๓
(การเกดิ กลางวัน กลางคืน) (การขึ้นและตกของ (การกําหนดทศิ )
ดวงอาทิตย)์ (๓ ชั่วโมง)
(๔ ช่ัวโมง) (๓ ชัว่ โมง)
หนว่ ยย่อยที่ ๑
(ปรากฏการณท์ ่ีเกี่ยวข้องกบั
ดวงอาทิตย)์
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๔
ดวงอาทิตย์
(๑๓ ชั่วโมง)
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒
(ประโยชน์ของดวงอาทิตย)์
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๒
(ประโยชนข์ องดวงอาทติ ย์ต่อส่งิ มีชีวิต)
(๓ ช่วั โมง)
๑๘ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 (ฉบบั ปรับปรงุ )
หนว่ ยย่อยท่ี ๑
ปรากฏการณ์ทเ่ี กย่ี วข้องกบั ดวงอาทติ ย์
๑๙ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรบั ครผู ู้สอน) กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรยี นท่ี 2 ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบับปรับปรุง)
หน่วยยอ่ ยท่ี ๑ ปรากฏการณท์ ี่เก่ียวข้องกบั ดวงอาทติ ย์
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๔ ช่ือหนว่ ย ดวงอาทติ ย์
จาํ นวนเวลาเรยี น ๑๓ ช่วั โมง จํานวนแผนการจดั การเรยี นรู้ ๓ แผน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระสาํ คญั ของหนว่ ย
โลกมีลักษณะคล้ายทรงกลม หมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเม่ือมองจากบริเวณเหนือ
ข้ัวโลกเหนือขณะที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ในทิศทางเดียวกัน การหมุนรอบตัวเองของโลกทําให้เกิดกลางวัน
กลางคืน โดยโลกด้านที่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์จะเป็นเวลากลางวัน ส่วนด้านตรงข้ามท่ีไม่ได้รับแสงจะเป็น
เวลากลางคืน และยังทําให้เกิดปรากฏการณ์การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ โดยคนบนโลกจะมองเห็น
ดวงอาทิตย์ปรากฏข้ึนทางขอบฟ้าด้านหนึ่งและตกลับทางขอบฟ้าอีกด้านหน่ึงทุกวัน ซึ่งการเกิดกลางวัน
กลางคืน และการข้ึนและตกของดวงอาทิตย์เป็นปรากฏการณ์ที่หมุนเวียนเป็นแบบรูปซ้ํา ๆ เป็นวัฏจักร
นอกจากนี้การหมุนรอบตัวเองของโลกยังทําให้เกิดการกําหนดทิศ โดยคนบนโลกกําหนดให้ด้านที่มองเห็น
ดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นทางขอบฟ้าด้านหน่ึงเป็นทิศตะวันออก และด้านท่ีมองเห็นดวงอาทิตย์ตกลับทางขอบฟ้า
อกี ด้านหนึง่ เป็นทศิ ตะวนั ตก เมอื่ ให้ดา้ นขวามอื เป็นทศิ ตะวันออก ดา้ นซ้ายมือเป็นทศิ ตะวนั ตก ด้านหน้าจะเป็น
ทศิ เหนอื และดา้ นหลงั จะเป็นทศิ ใต้
มาตรฐานและตัวชีว้ ัด
มาตรฐาน ว ๓.๑
เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ
ระบบสุรยิ ะ รวมท้ังปฏิสัมพนั ธภ์ ายในระบบสุรยิ ะท่ีส่งผลตอ่ ส่ิงมีชีวติ และการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ
ตัวช้วี ัด
ว ๓.๑ ป. ๓/๑ อธบิ ายแบบรูปเสน้ ทางการขน้ึ และตกของดวงอาทติ ย์ โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์
ว ๓.๑ ป. ๓/๒ อธิบายสาเหตุการเกดิ ปรากฏการณ์การขึน้ และตกของดวงอาทติ ย์ การเกดิ กลางวนั
กลางคนื และการกาํ หนดทิศ โดยใช้แบบจําลอง
๒๐ ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สําหรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรยี นท่ี 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบบั ปรับปรุง)
ลําดับการนาํ เสนอแนวคิดหลักของหนว่ ยยอ่ ยที่ ๑
ปรากฏการณท์ เ่ี กีย่ วข้องกบั ดวงอาทติ ย์
โลกมลี ักษณะคล้ายทรงกลม หมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็มนาฬกิ าเมื่อมองจากบรเิ วณเหนือ
ข้วั โลกเหนือ ขณะโคจรรอบดวงอาทติ ย์
การหมนุ รอบตัวเองของโลกทําให้เกดิ กลางวัน กลางคนื โดยโลกด้านทีไ่ ดร้ ับแสงจากดวงอาทติ ย์
จะเป็นเวลากลางวนั สว่ นด้านตรงขา้ มทีไ่ มไ่ ด้รับแสงจะเปน็ เวลากลางคืน หมนุ เวียนเปน็ แบบรูปซา้ํ ๆ
เปน็ วฏั จกั ร
นอกจากนีก้ ารหมุนรอบตวั เองของโลกยงั ทาํ ให้เกิดปรากฏการณก์ ารขึน้ และตกของดวงอาทติ ย์ โดยคนบนโลก
จะมองเหน็ ดวงอาทติ ย์ปรากฏข้นึ ทางด้านหน่ึงและตกลับอีกด้านหนง่ึ ทุกวัน หมนุ เวียนเปน็ แบบรปู ซํ้า ๆ
เป็นวัฏจักร
การทีค่ นบนโลกมองเห็นดวงอาทิตย์ปรากฏขึน้ ทางดา้ นหนึ่ง จงึ มีการกาํ หนดให้เปน็ ทศิ ตะวนั ออก
และการมองเหน็ ดวงอาทติ ย์ตกลบั อีกทางด้านหน่ึง มกี ารกําหนดใหเ้ ป็นทิศตะวนั ตก
โดยเมอ่ื ดา้ นขวามอื อยู่ทางทศิ ตะวนั ออก ด้านซ้ายมอื จะเป็นทางทิศตะวนั ตก ดา้ นหน้าจะเปน็ ทิศเหนอื
ดา้ นหลงั จะเป็นทศิ ใต้
โครงสร้างของหนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ ปรากฏการณ์ทเี่ ก่ยี วกบั ดวงอาทิตย์
หน่วยการเรยี นรู้ ช่อื หนว่ ยยอ่ ย จาํ นวนแผน ช่ือแผนการจดั การเรยี นรู้ จํานวนชั่วโมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๔ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ ๓ ๑.๑ การเกิดกลางวัน ๔
ปรากฏการณท์ ่ี กลางคนื ๓
เกยี่ วข้องกบั ๓
ดวงอาทิตย์ ๑.๒ การขึน้ และตกของ
ดวงอาทติ ย์
๑.๓ การกําหนดทิศ
๒๑ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรับครผู ูส้ อน) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรยี นท่ี 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง)
คาํ ช้ีแจงประกอบแผนจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๔
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑.๑ การเกดิ กลางวนั กลางคืน เวลา ๔ ชวั่ โมง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
๑. สาระสาํ คญั ของแผน
โลกมีลักษณะคล้ายทรงกลม หมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากบริเวณเหนือ
ข้ัวโลกเหนือขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ ซ่ึงการหมุนรอบตัวเองของโลกทําให้เกิดกลางวัน กลางคืน หมุนเวียน
เปน็ แบบรปู ซาํ้ ๆ เปน็ วฏั จกั ร
๒. ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเติมในการนําไปใช้ (ให้ระบสุ ิ่งทีต่ อ้ งการเน้นหรือข้อสงั เกต ขอ้ เสนอแนะ คําแนะนาํ )
ในเร่อื งต่อไปนี้ คอื
๒.๑ ขอบขา่ ยเน้ือหา
โลกมีลักษณะคล้ายทรงกลม หมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเม่ือมองจากบริเวณเหนือ
ขั้วโลกเหนือขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งการหมุนรอบตัวเองของโลกทําให้เกิดกลางวัน กลางคืน โดยโลก
ด้านที่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์จะเป็นเวลากลางวัน ส่วนด้านตรงข้ามที่ไม่ได้รับแสงจะเป็นเวลากลางคืน
เกิดหมุนเวียนเปน็ แบบรูปซ้าํ ๆ เป็นวัฏจกั ร
๒.๒ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ (ความรู้ ทักษะ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม ค่านยิ ม) (ถ้าม)ี
จดุ ประสงค์ดา้ นความรู้
๑. ระบกุ ารหมุนรอบตัวเองของโลก
๒. อธบิ ายการเกิดกลางวนั กลางคืน
จุดประสงคด์ า้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
๑. การสงั เกต
๒. การจัดกระทําและสื่อความหมายขอ้ มลู
๓. การลงความเหน็ จากขอ้ มลู
๔. การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป
๕. การสรา้ งแบบจาํ ลอง
จดุ ประสงค์ดา้ นคณุ ธรรม
๑. ใฝ่เรยี นรู้
๒. มุ่งม่ันในการทาํ งาน
๒.๓ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
๑) การเตรยี มตวั ของครู นักเรียน (การจัดกล่มุ ) (ถ้ามี)
๑.๑ การจัดกลุม่ โดยแบ่งนกั เรยี นออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ ๔ คน
๒๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สําหรับครูผูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรยี นที่ 2 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
๑.๒ ครูอาจศึกษาวีดิทศั นเ์ ร่อื งกลางวัน กลางคืน เกิดขนึ้ ไดอ้ ยา่ งไร เพื่อเตรียมการจดั การเรยี น
การสอน โดยสแกน QR Code นี้
หรอื เขา้ ท่ี http://ipst.me/8040
๒) การเตรียมส่ือ วสั ดอุ ุปกรณ์ ของครู นักเรยี น (ถา้ มี)
ส่งิ ทคี่ รูต้องเตรยี ม คอื
๒.๑ ลูกโลก ๑ ใบ/กล่มุ
๒.๒ วดี ทิ ศั นแ์ สดงการหมุนรอบตัวเองของโลก ๑ เรื่อง/หอ้ ง
๒.๓ ไฟฉาย ๑ อนั /กลมุ่
ครูควรเตรียมสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต สําหรับสแกน QR code หรือพิมพ์
http://ipst/me/11805 หนา้ ๓ เพอื่ ให้นักเรียนสงั เกตการหมนุ รอบตวั เองของโลกจากวดี ทิ ศั น์
รวมทั้งเตรียมดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ช่ือ “AR สสวท. วิทย์ประถม” เพื่อใช้ดูภาพเสมือนจริง
สามมิติ (AR) เก่ียวกับการเกิดกลางวัน กลางคืน ในหน้า ๑๑ เมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแล้ว
ให้กดเข้าแอปพลิเคชันดังกล่าว เลือกคําว่า “สแกน AR” และเลือกระดับช้ัน “ป.3” จากนั้น
นําไปส่องท่ีรูปหน้า ๑๑ ท่ีมีสัญลักษณ์ AR และจะปรากฏภาพเสมือนจริงสามมิติ การเกิด
กลางวัน กลางคืนในสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ท้ังนี้ครูสามารถศึกษาวิธีการใช้งาน AR ได้ โดย
เข้าไปยงั แอปพลิเคชนั เดิม และเลอื กคาํ วา่ “วธิ ใี ช้งาน” ซึง่ ก็จะมีข้อความแสดงวิธใี ชง้ านบอกไว้
ส่ิงทน่ี ักเรยี นตอ้ งเตรียม คอื
-
๓) เตรียมใบงาน ใบความรู้ ใบกจิ กรรม (ถ้าม)ี
๓.๑ ใบงาน ๐๑ การหมุนรอบตัวเองของโลก
๓.๒ ใบความรู้ เร่ือง การเกดิ กลางวัน กลางคนื
๓.๓ ใบงาน ๐๒ การเกิดกลางวัน กลางคนื
๓.๔ ใบความรู้ เรือ่ ง การหมนุ รอบตัวเองของโลก
๓.๕ ใบงาน ๐๓ แบบฝกึ หดั เร่อื ง การเกดิ กลางวัน กลางคนื
๒.๔ วัดผลประเมนิ ผล (ถ้าม)ี
๑) วธิ กี ารวัดผลประเมินผลการเรยี นรู้
๑.๑ การตอบคาํ ถามในใบงาน
๑.๒ สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการทาํ กจิ กรรม
๑.๓ สังเกตพฤตกิ รรมด้านคณุ ธรรมขณะทาํ กจิ กรรม
๒๓ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครูผ้สู อน) กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรียนท่ี 2 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง)
๒) วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์
๒.๑ เคร่ืองมอื และเกณฑใ์ นการประเมนิ ด้านความรู้
ตรวจให้คะแนนจากการตอบคําถามในใบงาน แลว้ ใช้เกณฑใ์ นการใหค้ ะแนน ดงั นี้
- มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ต่าํ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๒.๒ เคร่ืองมอื และเกณฑใ์ นการประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
สังเกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมินทักษะกระบวนการ
ทางวทิ ยาศาสตร์ (ดังแนบ) นําคะแนนมารวมกนั แล้วใช้เกณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดงั น้ี
- มากกวา่ ๘๐% ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐% - ๗๙% ได้ ๒ คะแนน
- ต่าํ กวา่ ๕๐% ได้ ๑ คะแนน
๒.๓ เคร่ืองมอื และเกณฑใ์ นการประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม
สงั เกตพฤตกิ รรมด้านคุณธรรมโดยใชแ้ บบประเมนิ ดา้ นคุณธรรม (ดังแนบ) นาํ คะแนน
มารวมกัน แลว้ ใช้เกณฑ์ในการให้คะแนน ดงั นี้
- มากกว่า ๘๐% ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐% - ๗๙% ได้ ๒ คะแนน
- ตํ่ากว่า ๕๐% ได้ ๑ คะแนน
๓) การทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน แบบฝกึ หดั ก่อนเรยี น หลงั เรยี น
ทําแบบฝกึ หดั ในใบงานหลังเรียน
๓. อืน่ ๆ
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
๒๔ ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรขู้
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ ดวงอาทติ ย์ เรอื่ ง การเกิดกล
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาส
ข้นั นาํ แนวการจัดกจิ
ขั้นสอน
ตรวจสอบความร้เู ดิมเกี่ยวกบั การหมุน
ขัน้ สรปุ
ข้ันประเมนิ ผล ทาํ ใบกิจกรรมท่ี ๑ โลกหมนุ รอบตวั เอ
สังเกตการหมุนรอบตวั เองของโลก
ทาํ ใบงาน ๐๑ การหมนุ รอบตวั เองขอ
ทําใบกจิ กรรมท่ี ๒ กลางวนั กลางคืน
ทาํ ใบงาน ๐๒ การเกดิ กลางวัน กลาง
กลางวัน กลางคนื
อภปิ รายและลงขอ้ สรุปเกย่ี วกับการห
ทําใบงาน ๐๓ แบบฝึกหัด เรอื่ งการเก
ประเมนิ จากการตอบคาํ ถาม
ประเมนิ จากการทํากิจกรรมในช้ันเรีย
ประเมนิ จากการทาํ แบบฝกึ หดั
(สาํ หรับครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร)์ ภาคเรยี นท่ี 2 ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 (ฉบับปรบั ปรุง)
ของแผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑.๑ เวลา ๔ ช่วั โมง
ลางวนั กลางคนื ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๓
สตรแ์ ละเทคโนโลยี
จกรรมการเรยี นรู้
นรอบตัวเองของโลกและการเกิดกลางวัน กลางคนื
องอยา่ งไร โดยสังเกตลกู โลกและรปู ภาพโลกเพือ่ ระบลุ ักษณะของโลก และไดด้ ูวดี ทิ ศั น์
องโลก และอ่านใบความรู้เรอ่ื ง การหมุนรอบตวั เองของโลก
น เกดิ ขึ้นได้อย่างไร โดยออกแบบและสร้างแบบจาํ ลองการเกิดกลางวัน กลางคนื
งคืน อ่านใบความรู้ เรอื่ ง การเกิดกลางวนั กลางคืน และเขยี นผงั มโนทศั นก์ ารเกดิ
หมนุ รอบตัวเองของโลก และการเกิดกลางวัน กลางคนื
กิดกลางวัน กลางคนื
ยน
ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรียนที่ 2 ชั้นประถมศึก
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑.๑
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ ดวงอาทิตย์ หน่วยย่อยที่ ๑ ปรากฏการ
กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาส
ขอบเขตเนอื้ หา กิจกรรมการเรยี นรู้ (๔ ช่วั โมง)
โลกมีลักษณะคล้าย ช่วั โมงที่ ๑
ทรงกลม หมุนรอบตัวเอง ข้นั นํา (๑๐ นาท)ี
ในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา ๑. ครูทบทวนความรู้เก่ียวกับลักษณะของโลกและตรวจส
เม่ือมองจากบริเวณเหนือ โดยใช้คาํ ถามอภิปราย ดังน้ี
ข้ัวโลกเหนือขณะโคจรรอบ ๑.๑ นักเรียนเคยเห็นแบบจําลองลูกโลกหรือไม
ดวงอาทติ ย์ ซ่ึงการหมุนรอบ จากน้นั ครูหยิบแบบจําลองลูกโลกมาให้นักเรยี นส
ตัวเองของโลกทําให้เกิด ๑.๒ แบบจําลองลูกโลกกับโลกในธรรมชาติ มอี ะไรท่ีเห
กลางวัน กลางคืน โดยโลก ตอบได้ว่า แบบจําลองลูกโลกเป็นทรงกลมเหมือ
ด้ า น ที่ ไ ด้ รั บ แ ส ง จ า ก โลกในธรรมชาติมีขนาดใหญ่มากกว่าแบบจําลอง
ด ว ง อ า ทิ ต ย์ จ ะ เ ป็ น เ ว ล า ลูกโลกไม่มี) ครูแจ้งนักเรียนว่าวันนี้จะได้ไปห
กลางวัน ส่วนด้านตรงข้ามที่ ที่เหมือนหรือแตกต่างกันอีกบา้ ง
ไม่ได้รับแสงจะเป็นเวลา ครใู หน้ กั เรียนสังเกตแบบจาํ ลองลกู โลกและรูปโลก แล
กลางคืน เกิดหมุนเวียนเป็น ๑.๓ โลกมลี กั ษณะอยา่ งไร (คลา้ ยทรงกลม)
แบบรปู ซ้าํ ๆ เป็นวฏั จักร ๑.๔ รูปโลกมีสว่ นประกอบใดทแ่ี ตกต่างจากลูกโลก (ร
ดา้ มจับและฐานรองลูกโลก ข้วั โลกเหนือ ขว้ั โลก
ลูกโลก) ครใู หน้ ักเรียนสงั เกตและเปรียบเทียบอีก
กษาปที ่ี 3 (ฉบับปรบั ปรุง) ๒๕
๑ การเกิดกลางวัน กลางคืน
รณท์ เ่ี กีย่ วขอ้ งกบั ดวงอาทติ ย์ เวลา ๔ ช่ัวโมง
สตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๓
ส่ือ / แหลง่ เรยี นรู้
๑. ลูกโลก
๒. วดี ิทศั นแ์ สดงการหมุน
สอบความรู้เดิมเกี่ยวกับการหมุนรอบตัวเองของโลก รอบตัวเองของโลก
๓. ไฟฉาย
ม่ (นักเรียนอาจจะมีทั้งเคยเห็นและไม่เคยเห็น)
สงั เกตแล้วถามคําถามต่อว่า ภาระงาน / ชนิ้ งาน
หมือนกันและมีอะไรท่แี ตกตา่ งกันบ้าง (นักเรยี นอาจ ๑. การบันทึกผลการทํา
อนกับรูปทรงของโลกในธรรมชาติ แต่สิ่งที่ต่างกันคือ กจิ กรรมในใบกจิ กรรม
งลูกโลกมาก โลกในธรรมชาติมีส่ิงมีชีวิตอาศัยอยู่แต่ ๒. การทาํ แบบฝกึ หดั
หาคําตอบอีกว่าโลกในธรรมชาติและลูกโลกมีอะไร
วธิ ีการประเมนิ
ลว้ ถามวา่ ๑. การตอบคาํ ถามใน
แบบฝกึ หดั
รูปโลกไม่มี ๒. สงั เกตทกั ษะกระบวนการ
กใต้เหมือน ทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการ
กครง้ั แล้ว ทาํ กจิ กรรม
๒๖ ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑.๑
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๔ ดวงอาทติ ย์ หนว่ ยย่อยที่ ๑ ปรากฏการ
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาส
จุดประสงค์ดา้ นความรู้ ช้ีใหน้ ักเรียนเห็นตาํ แหนง่ ของขั้วโลกเหนอื และขว้ั
๑. ระบุการหมนุ รอบตวั เอง ศูนย์สูตรบนลูกโลกและรูปโลก และอธิบายเพ่ิม
ของโลก สตู รเหมอื นกนั ซ่ึงเป็นส่ิงท่ีสมมตขิ ้นึ เท่าน้นั โลกใ
๒. อธบิ ายการเกิดกลางวนั ๑.๕ นักเรยี นคดิ ว่าโลกมกี ารเคล่ือนที่หรือไม่ อยา่ งไร (
กลางคืน ครูจดคาํ ตอบของนกั เรียนไว้โดยยังไม่เฉลยคําตอ
มาถามนักเรยี นอกี คร้งั
จดุ ประสงค์ดา้ นทักษะ ๒. ครูเช่ือมโยงความรู้เดิมของนักเรียนสู่การเรียนเร่ืองการ
กระบวนการทาง
รอบตัวเองอย่างไร เราจะได้ไปเรียนร้กู นั ในกจิ กรรม
วิทยาศาสตร์
ข้นั สอน (๔๕ นาท)ี
๑. การจัดกระทาํ และ
สื่อความหมายข้อมลู ๓. ครูชวนนักเรียนหาคําตอบท่ีถูกต้องโดยเริ่มทํากิจกรร
นกั เรียนอ่านชือ่ กจิ กรรมและจุดประสงค์ จากนนั้ ใช้คําถ
๒. การลงความเหน็ จาก ๓.๑ กจิ กรรมนี้นกั เรียนจะได้เรียนเรอื่ งอะไร (การหมุน
ข้อมลู
๓. การตคี วามหมายขอ้ มูล ๓.๒ นักเรยี นจะเรียนเร่อื งนด้ี ว้ ยวธิ ีใด (การสงั เกต)
๓.๓ เม่อื เรียนแลว้ นกั เรยี นจะทําอะไรได้ (ระบกุ ารหมุน
และลงข้อสรปุ
๔. การสรา้ งแบบจําลอง ๔. ครูให้นักเรียนอ่านวัสดุ-อุปกรณ์ และวิธีทําในใบกิจกร
ข้ันตอนการทํากจิ กรรม โดยใชค้ ําถามดงั ตอ่ ไปนี้
๔.๑ นกั เรียนจะได้ดวู ีดทิ ศั น์และสงั เกตอะไรในวดี ิทัศน
(สําหรบั ครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นท่ี 2 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 (ฉบับปรบั ปรุง)
๑ การเกิดกลางวนั กลางคืน
รณ์ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับดวงอาทติ ย์ เวลา ๔ ช่ัวโมง
สตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๓
วโลกใต้บนรปู โลกในธรรมชาติ และแกนโลกและเส้น ๓. สงั เกตพฤติกรรม
มเติมว่าลูกโลกและรูปโลกจะมีแกนโลกและเส้นศูนย์ ดา้ นคณุ ธรรม
ในธรรมชาติจรงิ จะไม่มีเสน้ เหลา่ นี้ ขณะทํากิจกรรม
(นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง) เกณฑ์การประเมิน
อบท่ถี ูกต้อง และเมื่อเรียนจบแลว้ ครูนาํ คาํ ถามเหล่านี้ ๑. การตอบคําถามในแบบฝึกหดั
ได้ถกู ตอ้ งด้วยตนเอง
รหมุนรอบตัวเองของโลก โดยใช้คําถามว่า โลกหมุน - มากกวา่ ๘๐% ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐% - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ํ กว่า ๕๐% ได้ ๑ คะแนน
รมที่ ๑ โลกหมุนรอบตัวเองอย่างไร หน้า ๓ โดยให้ ๒. มที ักษะกระบวนการทาง
ถามต่อไปน้ี วทิ ยาศาสตร์ขณะทํากิจกรรม
นรอบตวั เองของโลก) - มากกว่า ๘๐% ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐% - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
นรอบตัวเองของโลก) - ตาํ่ กวา่ ๕๐% ได้ ๑ คะแนน
รรมที่ ๑ ข้อ ๑-๒ หน้า ๓ จากน้ันร่วมกันอภิปราย ๓. มีคุณลกั ษณะดา้ นคณุ ธรรม
- มากกว่า ๘๐% ได้ ๓ คะแนน
น์ (สงั เกตการหมนุ รอบตัวเองของโลก) - ๕๐% - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน
ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรับครผู ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร)์ ภาคเรยี นท่ี 2 ชั้นประถมศึก
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑.๑
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๔ ดวงอาทิตย์ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ ปรากฏการ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาส
จดุ ประสงค์ด้านคุณธรรม ๔.๒ นักเรียนต้องอ่านใบความรู้เรื่องอะไร และเม
๑. ใฝ่เรยี นรู้ การหมนุ รอบตวั เองของโลก แลว้ รว่ มกันอภิปราย
๒. มงุ่ มั่นในการทํางาน ๕. ครูให้นักเรียนดูวีดิทัศน์แสดงการหมุนรอบตัวเองขอ
http://ipst.me/11805 ในหน้า ๓ และบันทึกผลลงใ
จากน้ันให้นักเรียนอ่านใบความรู้เร่ืองการหมุนรอบตัวเ
การหมนุ รอบตวั เองของโลกอกี ครัง้
๖. หลงั จากทํากิจกรรมเสร็จ ครใู ห้นกั เรียนร่วมกนั อภปิ ราย
๖.๑ โลกหมุนรอบตัวเองอย่างไร (โลกหมุนรอบตัวเอง
ขว้ั โลกเหนอื )
ครูอาจให้นักเรียนออกมาสาธิตการหมุนรอบตัว
หมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา และค
บรเิ วณเหนอื ขั้วโลกเหนือโดยใช้ลูกโลก
๖.๒ นอกจากโลกจะหมุนรอบตัวเองแล้ว ยังมกี ารเคล่ือ
ทวนเขม็ นาฬกิ า)
๖.๓ การหมุนและการโคจรแตกต่างกันอย่างไร (การห
เคล่อื นทีร่ อบสิง่ อน่ื )
กษาปที ี่ 3 (ฉบับปรบั ปรุง) ๒๗
๑ การเกิดกลางวนั กลางคนื
รณท์ เ่ี กี่ยวขอ้ งกบั ดวงอาทติ ย์ เวลา ๔ ชั่วโมง
สตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓
มื่ออ่านแล้วต้องทําอย่างไร (อ่านใบความรู้ เรื่อง - ตํา่ กว่า ๕๐% ได้ ๑ คะแนน
ยและสรุปเกย่ี วกับการหมนุ รอบตัวเองของโลก)
องโลกโดยสแกน QR Code หรือเข้าดูในเว็บไซต์
ในใบงาน ๐๑ การหมุนรอบตัวเองของโลก หน้า ๔
เองของโลก หน้า ๕–๖ แล้วตรวจสอบผลการบันทึก
ยผลการทาํ กจิ กรรม โดยใชค้ ําถามดังน้ี
งในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเม่ือมองจากบริเวณเหนือ
วเองของโลก โดยสมมติให้ตัวนักเรียนเป็นโลกแล้ว
ครูสาธิตการมองเห็นโลกหมุนรอบตัวเองเม่ือมองจาก
อนท่ีอย่างไรอีก (โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในทศิ ทาง
หมุนเป็นการเคล่ือนท่ีรอบตัวเอง การโคจรเป็นการ
๒๘ ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑.๑
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๔ ดวงอาทิตย์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ ปรากฏการ
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาส
ครูอาจให้นักเรียน ๒ คน ออกมาสาธิตการหมุนร
นักเรียนคนหน่ึงเป็นโลก สว่ นอีกคนหน่ึงเป็นดวงอาทิต
เคลื่อนท่ีไปรอบ ๆ นักเรียนอีกคนท่ีเป็นดวงอาทิตย์ ซ
สว่ นการโคจร คือ การเคลอ่ื นท่ีของโลกรอบดวงอาทติ ย
๗. ครใู ห้นักเรยี นตอบคาํ ถามหลงั จากทาํ กจิ กรรม หนา้ ๗
ขน้ั สรุป (๕ นาที)
๘. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปแนวคิดหรือส่ิงท่ีได้เรียนร
ของโลก
๙. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า โลก
ข้ัวโลกใต้ โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็มนาฬิก
รอบดวงอาทติ ยใ์ นทิศทางเดียวกัน
๑๐. ครูแจง้ ว่าในชวั่ โมงถัดไปนกั เรยี นจะได้ทํากจิ กรรมท่ี ๑
ชว่ั โมงที่ ๒
ขน้ั นาํ (๕ นาที)
๑๑. ครูทบทวนความรู้ของนักเรียนจากช่ัวโมงท่ีผ่านมา โด
ตัวเองในทิศทางทวนเขม็ นาฬกิ าเมื่อมองจากบรเิ วณเห
๑๒. ครูทบทวนความรู้เก่ียวกับส่ิงท่ีมองเห็นในเวลากลาง
เป็นเวลากลางคืนมาให้นักเรียนสังเกต และใช้คําถา
(สาํ หรบั ครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นท่ี 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 (ฉบับปรบั ปรุง)
๑ การเกิดกลางวัน กลางคืน เวลา ๔ ช่ัวโมง
รณท์ เ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั ดวงอาทติ ย์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๓
สตร์และเทคโนโลยี
รอบตัวเองของโลกขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยให้
ตย์ จากนั้นให้คนท่ีเป็นโลกหมุนรอบตัวเอง พร้อมกับ
ซึ่งการหมุนของโลก คือ การหมุนรอบตัวเองของโลก
ย์
พร้อมเฉลยคาํ ตอบใหแ้ ก่นักเรียน
รู้ในชั่วโมงนี้ด้วยตนเองเก่ียวกับการหมุนรอบตัวเอง
กมีลักษณะคล้ายทรงกลม ประกอบด้วยขั้วโลกเหนือ
กา เม่ือมองจากบริเวณเหนือขั้วโลกเหนือ และโคจร
๑ กลางวัน กลางคืนเกดิ ข้ึนได้อย่างไร
ดยใช้คําถามว่า โลกเคลื่อนท่ีอย่างไร (โลกหมุนรอบ
หนอื ขว้ั โลกเหนอื ขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์)
งวันและกลางคืน โดยนํารูปที่เป็นเวลากลางวันและ
ามว่า จากรูป รูปใดเป็นเวลากลางวัน และรูปใดเป็น
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สําหรับครผู ู้สอน) กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร)์ ภาคเรียนที่ 2 ช้ันประถมศกึ
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑.๑
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๔ ดวงอาทติ ย์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ ปรากฏการ
กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาส
เวลากลางคืน เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามท่ีส
ดวงอาทิตย์ มแี สงสว่าง รปู ที่ ๒ เปน็ เวลากลางคืน เพ
๑๓. ครตู รวจสอบความร้เู ดิมเก่ียวกบั การเกดิ กลางวัน กลา
๑๓.๑ นักเรียนคิดว่าโลกของเราได้รับแสงจากดวงอา
ความเข้าใจของตนเอง)
๑๓.๒ การเกิดกลางวัน กลางคืนเกีย่ วข้องกับอะไรบา้
๑๔. ครูเชื่อมโยงความรู้เดิมของนักเรียนสู่การเรียนเร่ืองก
กลางคนื เกดิ ขึ้นได้อยา่ งไร เราจะได้ไปเรยี นรู้กันในกิจ
ขัน้ สอน (๕๐ นาท)ี
๑๕. ครใู ห้นักเรียนอ่านชือ่ กจิ กรรมและจุดประสงค์ จากนัน้
๑๕.๑ กจิ กรรมน้ีนักเรียนจะไดเ้ รยี นเรอ่ื งอะไร (การเก
๑๕.๒ นักเรยี นจะเรยี นเรือ่ งน้ีด้วยวิธีใด (การสรา้ งแบ
๑๕.๓ เม่ือเรียนแลว้ นักเรยี นจะทาํ อะไรได้ (อธบิ ายกา
๑๖. ครูสรุปจุดประสงค์ในวันน้ีให้แก่นักเรียนอีกครั้งว่า ทํา
กลางวนั กลางคนื
๑๗. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีทําในใบกิจกรรมท่ี ๒ หน้า ๘
กจิ กรรม โดยครใู ชค้ ําถามดังนี้
กษาปที ี่ 3 (ฉบับปรับปรุง) ๒๙
๑ การเกิดกลางวนั กลางคนื เวลา ๔ ชัว่ โมง
รณท์ เ่ี ก่ียวขอ้ งกบั ดวงอาทติ ย์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๓
สตรแ์ ละเทคโนโลยี
สังเกตได้ เช่น รูปท่ี ๑ เป็นเวลากลางวัน เพราะมี
พราะมืด มีดวงจนั ทร์และดาว)
างคนื โดยใช้คําถามดงั นี้
าทิตย์ตลอดเวลาหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตาม
าง (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
การเกิดกลางวัน กลางคืน โดยใช้คําถามว่า กลางวัน
จกรรม
นใช้คําถามตอ่ ไปนี้
กิดกลางวัน กลางคืน)
บบจําลอง)
ารเกดิ กลางวนั กลางคนื )
ากิจกรรมน้ีเพ่ือสร้างแบบจําลองและอธิบายการเกิด
๘ ข้อ ๑-๒ จากนั้นร่วมกันอภิปรายข้ันตอนการทํา
๓๐ ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑.๑
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ ดวงอาทติ ย์ หน่วยย่อยท่ี ๑ ปรากฏการ
กลุม่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาส
๑๗.๑ กิจกรรมนี้นักเรียนต้องทําอะไรเป็นอันดับแร
โดยใชอ้ ุปกรณท์ ค่ี รูเตรียมให้ วาดรูปแบบจําลอ
ในธรรมชาต)ิ
๑๗.๒ เมื่อนักเรียนวาดรูปแบบร่างแบบจําลองแล้ว
อธบิ ายการเกิดกลางวัน กลางคืน)
ครูอธิบายเพิ่มเติมวา่ เม่ือนักเรียนออกแบบแบบร่างเส
กลางวนั กลางคนื ดว้ ยวสั ดุอปุ กรณ์ตามแบบรา่ งนัน้
๑๘. เม่ือนักเรียนเข้าใจวิธีการทาํ กจิ กรรมแล้ว ครูใหน้ กั เรยี
แบบร่างแบบจําลองการเกิดกลางวัน กลางคืน แล
ธรรมชาติ ลงในใบงาน ๐๒ การเกิดกลางวนั กลางคนื
๑๙. หลังจากทํากิจกรรมเสรจ็ ครใู หน้ ักเรยี นรว่ มกนั อภปิ ร
๑๙.๑ ผลการออกแบบแบบจาํ ลองของนกั เรียนเป็นอย่าง
๑๙.๒ นักเรียนเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์อะไร และวัสดุอุป
ตามผลการออกแบบของตนเอง เช่น เลือ
ใชไ้ ฟฉายแทนดวงอาทิตย)์
๒๐. ครูสุ่มนักเรียนออกมานําเสนอรูปแบบจําลองที่ออกแ
ตามแบบร่างมาสร้างแบบจาํ ลอง และอธบิ ายการเกิด
(สาํ หรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นท่ี 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
๑ การเกดิ กลางวนั กลางคืน เวลา ๔ ชัว่ โมง
รณ์ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ดวงอาทติ ย์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
สตรแ์ ละเทคโนโลยี
รก (ออกแบบแบบจําลองการเกิดกลางวัน กลางคืน
องและเขียนบอกวา่ วัสดุอปุ กรณท์ ่ีเลอื กใช้แทนส่งิ ใด
ต้องทําอะไรต่อ (นําเสนอแบบร่างแบบจําลอง และ
สร็จแล้ว ให้นักเรียนสร้างแบบจําลองอธิบายการเกิด
ยนเรม่ิ ปฏบิ ัติตามข้นั ตอนของกิจกรรม โดยออกแบบ
ะเขียนบอกว่า วัสดุอุปกรณ์ท่ีเลือกใช้แทนส่ิงใดใน
น หนา้ ๙
รายผลการออกแบบ โดยใช้คาํ ถามดังน้ี
งไรบ้าง (นักเรยี นตอบตามผลการออกแบบของตนเอง)
ปกรณ์ท่ีใช้แทนส่ิงใดในธรรมชาติบ้าง (นักเรียนตอบ
อกใช้ลูกโลกและไฟฉาย โดยใช้ลูกโลกแทนโลก
แบบ โดยให้นําเสนอแบบร่าง พร้อมนําวัสดุอุปกรณ์
ดกลางวนั กลางคนื จากแบบร่าง
ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรบั ครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร)์ ภาคเรียนท่ี 2 ชั้นประถมศึก
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑.๑
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๔ ดวงอาทติ ย์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ ปรากฏการ
กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาส
ขั้นสรปุ (๕ นาท)ี
๒๑. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ในชั่วโม
ออกแบบไว้
๒๒. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่า แบบจําลองการเกิด
ในธรรมชาติบา้ ง แล้วอธบิ ายการเกิดกลางวัน กลางค
๒๓. ครูแจ้งว่าในช่ัวโมงถัดไป นักเรียนจะได้ทํากิจกรร
นกั เรยี นสามารถอธบิ ายการเกิดกลางวนั กลางคนื ตาม
ชวั่ โมงที่ ๓
ขน้ั นํา (๕ นาที)
๒๔. ครใู ชร้ ูปแบบรา่ งแบบจําลองการเกิดกลางวนั กลางคืน
๒๔.๑ แบบจําลองที่นักเรียนออกแบบไว้ใช้อะไรบ้าง
ตามผลการออกแบบแบบจาํ ลองของตนเอง)
๒๔.๒ จากแบบจําลองท่ีได้ออกแบบ สามารถอธิบาย
ตามความเขา้ ใจของตนเอง)
๒๔.๓ การเกิดกลางวัน กลางคืนเก่ียวข้องกับการ
ความเข้าใจของตนเอง)
ขัน้ สอน (๕๐ นาที)
๒๕. ครูช้ีแจงช้ีแจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของชั่วโมงนี้ใ
แบบจําลองและอธบิ ายการเกดิ กลางวนั กลางคืน
กษาปที ี่ 3 (ฉบับปรับปรงุ ) ๓๑
๑ การเกิดกลางวัน กลางคืน เวลา ๔ ชัว่ โมง
รณ์ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั ดวงอาทติ ย์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๓
สตร์และเทคโนโลยี
มงนี้ด้วยตนเองเกี่ยวกับการสร้างแบบจําลองที่ได้
ดกลางวัน กลางคืน ใช้วัสดุอุปกรณ์อะไรแทนส่ิงใด
คนื ตามความเข้าใจของนกั เรยี นไดว้ า่ อยา่ งไรบา้ ง
มที่ ๒ ข้อ ๓-๔ เพ่ือตรวจสอบว่าแบบจําลองของ
มธรรมชาติไดถ้ ูกตอ้ งหรือไม่
นท่นี ักเรียนได้ออกแบบไว้แลว้ โดยถามคําถามดังน้ี
ง และใช้อะไรแทนสิ่งใดในธรรมชาติ (นักเรียนตอบ
ยการเกิดกลางวัน กลางคืนได้อย่างไร (นักเรียนตอบ
รหมุนของโลกหรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบตาม
ให้นักเรียนทราบอีกครั้งว่า ทํากิจกรรมน้ีเพื่อสร้าง
๓๒ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑.๑
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๔ ดวงอาทิตย์ หน่วยย่อยที่ ๑ ปรากฏการ
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาส
๒๖. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีทําในใบกิจกรรมท่ี ๒ หน้า
ทาํ กิจกรรม โดยครูใชค้ าํ ถามดังนี้
๒๖.๑ นกั เรยี นตอ้ งอ่านใบความรเู้ รือ่ งอะไร (เรื่องการ
๒๖.๒ เมื่ออ่านใบความรู้แล้วต้องทําอะไรต่อ (อภิปร
ใหส้ ามารถอธิบายการเกิดกลางวนั กลางคนื ได
๒๖.๓ จากน้ันต้องทําอะไรต่อ (สร้างแบบจําลองตา
กลางคืน)
๒๗. เมื่อเข้าใจข้ันตอนการทํากิจกรรมแล้ว ครูให้นักเรียนอ
วิธีการอ่านตามความเหมาะสมกับความสามารถของ
ใช้คาํ ถามดังนี้
๒๗.๑ โลกมีลกั ษณะอย่างไร (โลกมีลักษณะคลา้ ยทรง
๒๗.๒ การเกิดกลางวนั กลางคนื เกย่ี วข้องกับอะไรบ้า
๒๗.๓ โลกได้รับแสงจากดวงอาทิตย์อยา่ งไร (โลกไดร้
๒๗.๔ การเกิดกลางวัน กลางคืนเกิดขึ้นได้อย่างไร (ก
ทําให้ด้านหนึ่งของโลกได้รับแสงจากดวงอาท
ด้านหนึ่งไม่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ด้านน้ัน
ตัวเองอย่างต่อเน่อื งทําใหด้ ้านทเี่ คยไดร้ ับแสงเ
กลางวันเป็นเวลากลางคืน ในทางกลับกันด้าน
จะเปลยี่ นจากเวลากลางคืนเปน็ เวลากลางวัน)
(สําหรับครูผสู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นท่ี 2 ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง)
๑ การเกิดกลางวัน กลางคนื เวลา ๔ ชั่วโมง
รณ์ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ดวงอาทติ ย์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
สตรแ์ ละเทคโนโลยี
๘ ข้อ ๓-๔ จากน้ันร่วมกันอภิปรายขั้นตอนการ
รเกดิ กลางวนั กลางคนื )
รายเพ่ือปรับปรุงแบบร่างแบบจําลองที่ได้ออกแบบไว้
ด้ บนั ทึกผล)
ามท่ีปรับปรุง นําเสนอ และอธิบายการเกิดกลางวัน
อ่านใบความรู้เร่ืองการเกิดกลางวัน กลางคืน โดยใช้
งนักเรียน จากนั้นนําอภิปรายข้อมูลในใบความรู้ โดย
งกลม)
าง (โลกและดวงอาทิตย)์
รบั แสงจากดวงอาทติ ยค์ รึง่ ดวง)
กลางวัน กลางคืนเกิดจากการท่ีโลกหมุนรอบตัวเอง
ทิตย์ ด้านน้ันจะสว่าง จึงเป็นเวลากลางวัน ส่วนอีก
นจะมืด จึงเป็นเวลากลางคืน และการท่ีโลกหมุนรอบ
เปลยี่ นเป็นไมไ่ ด้รับแสง ด้านน้ันก็จะเปลี่ยนจากเวลา
นท่ีไม่เคยได้รับแสงจะเปล่ียนเป็นได้รับแสง ด้านน้ัน
)
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สําหรบั ครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรียนท่ี 2 ช้นั ประถมศึก
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑.๑
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๔ ดวงอาทิตย์ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ ปรากฏการ
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาส
๒๗.๕ การเกิดกลางวัน กลางคืนเป็นวัฏจักรหรือไม
อย่างต่อเนื่อง ทําให้โลกแต่ละด้านเกิดกลางว
เปน็ แบบรปู ซา้ํ ๆ เป็นวฏั จักร)
๒๘. ครูให้นักเรียนปรับปรุงรูปแบบจําลองที่ได้ออกแบบ
สามารถอธิบายการเกิดกลางวัน กลางคืนได้ และบัน
กลางคนื จากแบบจาํ ลอง
๒๙. ครูให้นักเรียนสังเกตการเกิดกลางวัน กลางคืนเพ่ิม
เสมอื นจรงิ สามมิติ (AR) ในหน้า ๑๐ เป็นสื่อเสรมิ ประ
๓๐. หลังจากทํากิจกรรมแล้ว ครูให้นักเรียนร่วมกันอภ
นักเรียนมีการปรับปรุงแบบร่างแบบจําลองหรือไม่
ตนเอง)
ขัน้ สรปุ (๕ นาที)
๓๑. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปแนวคิดหรือสิ่งที่ได้เรีย
กลางคนื
๓๒. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า กา
ตวั เองขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ ซง่ึ จะหมุนเวยี นเป็น
๓๓. ครูแจง้ วา่ ในช่วั โมงถดั ไป นกั เรียนจะได้ทํากจิ กรรมที่
กษาปีที่ 3 (ฉบบั ปรับปรุง) ๓๓
๑ การเกิดกลางวนั กลางคืน เวลา ๔ ช่ัวโมง
รณ์ทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับดวงอาทติ ย์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
สตรแ์ ละเทคโนโลยี
ม่ อย่างไร (เป็นวัฏจักร เพราะโลกหมุนรอบตัวเอง
วัน กลางคืนสลับกันไปมาอย่างต่อเนื่อง หมุนเวียน
บไว้โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการอ่านใบความรู้ เพ่ือให้
นทึกผล รวมท้ังนําเสนอและอธิบายการเกิดกลางวัน
มเติม โดยใช้แอปพลิเคชันสําหรับการสังเกตภาพ
ะกอบเพ่มิ เตมิ เพือ่ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมากขนึ้
ภิปรายโดยใช้คําถามว่าหลังจากอ่านใบความรู้แล้ว
อย่างไร (นักเรียนตอบตามผลการทํากิจกรรมของ
ยนรู้ในชั่วโมงนี้ด้วยตนเองเกี่ยวกับการเกิดกลางวัน
ารเกิดกลางวัน กลางคืนเกิดจากการที่โลกหมุนรอบ
นแบบรปู ซ้าํ ๆ เปน็ วฏั จักร
๒ ขอ้ ๕ ตอ่ ไป