สําหรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นที่ 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบับปรบั ปรงุ )
นรูท้ ี่ ๒.๑ การเกดิ ลม
ท่ี ๒ การเกิดลม เวลา ๕ ชั่วโมง
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
าง ๆ โดยใช้คําถาม ดงั น้ี
หน้าโรงเรียน) กับบริเวณในร่ม (เช่น ใต้อาคารเรียน)
ตุใด (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง เช่น
แดดมากจึงมีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณในร่มที่ไม่ได้โดน
กดิ อะไรข้ึน (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง
ยนทราบอีกครั้งว่า ทํากิจกรรมนี้เพื่อสังเกต วัด และ
ตและบันทึกอุณหภูมิของอากาศและสภาพแวดล้อม
อกแบบไว้พร้อมผลการบันทึกลงบนกระดานหรือ
ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สําหรับครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนที่ 2 ชน้ั ประถมศกึ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ อากาศและการเกิดลม แผนการจดั การเรยี น
กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี หนว่ ยยอ่ ยท
รายวชิ าวทิ ยา
๑๔. นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายผลการทาํ กจิ กรรม โดยครูใช
๑๔.๑ อุณหภูมิของอากาศในบริเวณต่าง ๆ ในเวลา
เช่น บรเิ วณใต้ต้นไมจ้ ะมอี ณุ หภมู ิของอากาศต
๑๔.๒ เพราะเหตุใดสถานที่ต่างกัน จึงมีอุณหภูมิแ
แตกต่างกนั เช่น บริเวณใต้ตน้ ไมจ้ ะร่ม ได้รับค
บรเิ วณทีโ่ ลง่ แจ้งซ่ึงไดร้ ับความร้อนจากดวงอา
๑๕. ครใู ห้นกั เรียนตอบคําถามหลังจากทํากิจกรรม หนา้ ๑
ข้ันสรุป (๕ นาท)ี
๑๖. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปแนวคิดหรือสิ่งท่ีได้เรียน
ในบรเิ วณต่าง ๆ
๑๗. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า ใน
เนอ่ื งจากสภาพแวดล้อมมีความแตกต่างกนั
๑๘. ครแู จง้ วา่ ในชวั่ โมงถดั ไป นกั เรยี นจะได้ทํากิจกรรมที่
กษาปที ่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๒๒๑
นรู้ที่ ๒.๑ การเกดิ ลม
ท่ี ๒ การเกดิ ลม
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา ๕ ช่วั โมง
ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๓
ช้คาํ ถามนาํ อภิปรายดังน้ี
าเดียวกัน แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร (แตกต่างกัน
ตาํ่ กวา่ บรเิ วณกลางสนามหน้าโรงเรยี น)
แตกต่างกัน (เพราะแต่ละสถานที่มีสภาพแวดล้อม
ความรอ้ นจากดวงอาทิตยน์ อ้ ยทําให้มีอณุ หภมู ิตํ่ากว่า
าทิตย์มากกวา่ )
๑๐๒-๑๐๓ และรว่ มกนั เฉลยคาํ ตอบ
นรู้ในช่ัวโมงนี้ด้วยตนเองเก่ียวกับอุณหภูมิของอากาศ
บริเวณต่าง ๆ จะมีอุณหภูมิของอากาศแตกต่างกัน
๒ ลมเกิดขน้ึ ได้อยา่ งไร ตอ่ ไป
๒๒๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ส
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๕ อากาศและการเกดิ ลม แผนการจดั การเรียน
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี หน่วยยอ่ ยท
รายวิชาวทิ ยา
ชว่ั โมงท่ี ๓
ข้นั นํา (๕ นาที)
๑๙. ครูทบทวนความรู้จากสิ่งท่ีได้เรียนในชั่วโมงที่ผ่านมา
ตรวจสอบความรูเ้ ดิมเกย่ี วกบั การเกดิ ลม โดยใชค้ ําถา
๑๙.๑ ในบริเวณต่าง ๆ อุณหภูมิของอากาศเหมือนห
สภาพแวดลอ้ มในแต่ละบรเิ วณแตกตา่ งกนั )
๑๙.๒ ถ้าอณุ หภูมิของอากาศ ๒ บริเวณแตกต่างกัน
ตอบตามความเข้าใจของตนเอง)
ขั้นสอน (๕๐ นาท)ี
๒๐. ครูให้นักเรียนเริ่มทํากิจกรรมที่ ๒ ลมเกิดข้ึนได้อย่าง
หนา้ ๑๐๔ จากนนั้ ใชค้ ําถามต่อไปน้ี
๒๐.๑ กิจกรรมนนี้ ักเรียนจะไดเ้ รยี นเร่ืองอะไร (การเก
๒๐.๒ นกั เรียนจะเรยี นเร่อื งนีด้ ้วยวธิ ีใด (การสร้างแบ
๒๐.๓ เมื่อเรียนแลว้ นกั เรียนจะทําอะไรได้ (อธิบายกา
๒๑. ครูแจ้งจุดประสงค์ให้นักเรียนทราบอีกครั้งว่า ในช่ัว
อธบิ ายเร่อื งการเกิดลมเทา่ น้ัน
สาํ หรับครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นที่ 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 (ฉบับปรับปรงุ )
นร้ทู ่ี ๒.๑ การเกิดลม
ที่ ๒ การเกิดลม เวลา ๕ ชว่ั โมง
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓
าเกี่ยวกับอุณหภูมิของอากาศในบริเวณต่าง ๆ และ
าม ดังน้ี
หรือแตกต่างกัน เพราะเหตุใด (แตกต่างกัน เพราะ
จะเก่ียวข้องกับการเกิดลมหรือไม่ อย่างไร (นักเรียน
งไร โดยให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และจุดประสงค์
กดิ ลม)
บบจาํ ลอง)
ารเกิดลม)
วโมงนี้นักเรียนจะได้สร้างแบบจําลองเพื่อจะนําไป
ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรบั ครผู ู้สอน) กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ชั้นประถมศกึ
แผนการจดั การเรียน
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๕ อากาศและการเกดิ ลม หน่วยยอ่ ยท
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยา
๒๒. ครูให้นักเรียนวิธีการทํากิจกรรมที่ ๒ ลมเกิดขึ้นได้อย
นักเรียนว่าในข้อ ๑ นี้ ให้นักเรียนทําอะไร (อภิปรา
จะเกีย่ วขอ้ งกับการเกดิ ลมหรือไม่ อย่างไร)
๒๓. เมื่อนักเรียนเข้าใจข้ันตอนการทํากิจกรรมแล้ว ให
การเกิดลม หน้า ๑๐๖
๒๔. ครูสุ่มนักเรียนนําเสนอผลการอภิปรายว่า ถ้าอุณหภูม
การเกิดลมหรือไม่ อย่างไร ครูรับฟังโดยยังไม่เฉลยค
การทํากจิ กรรมตอ่ ไป
๒๕. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีการทํากิจกรรมท่ี ๒ ลมเกดิ ขึ้นไ
อภปิ รายขน้ั ตอนการทาํ กจิ กรรม โดยครูใช้คําถาม ดงั
๒๕.๑ กิจกรรมน้ีนกั เรียนตอ้ งสร้างแบบจาํ ลองเก่ยี วก
๒๕.๒ แบบจําลองนใ้ี ช้ขวดกใ่ี บ และขนาดใดบ้าง (ใช
๒๕.๓ นักเรียนจะนําขวดท้ังสองใบมาประกอบกันดัง
กากบาทท่ีขวดใบใหญ่บริเวณท่ีปากขวดใบเล
เครอื่ งหมายกากบาท แล้วเสยี บขวดใบเลก็ เขา้
ข้อเสนอแนะ : เพ่ือความปลอดภัยในการใช้ม
เตรียมไว้ พร้อมท้ังเจาะขวดใบใหญ่ให้ล่วงหน้า จ
เพอื่ เสยี บปากขวดใบเล็กเข้าไปในขวดใบใหญ่ได้
กษาปีท่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๒๒๓
นรู้ที่ ๒.๑ การเกิดลม
ท่ี ๒ การเกิดลม
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา ๕ ชวั่ โมง
ย่างไร ข้อ ๑ หน้า ๑๐๔ จากนั้นร่วมกันอภิปรายกับ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
ายว่า ถ้าอุณหภูมิของอากาศ ๒ บริเวณแตกต่างกัน
ห้นักเรียนอภิปรายแล้วบันทึกผลลงในใบงาน ๐๒
มิของอากาศ ๒ บริเวณแตกต่างกัน จะเก่ียวข้องกับ
คําตอบ และครูชักชวนนักเรียนให้ไปหาคําตอบจาก
ได้อยา่ งไร ข้อ ๒-๔ หน้า ๑๐๔-๑๐๕ จากนั้นร่วมกัน
งน้ี
กบั อะไร (การเกิดลม)
ชข้ วด ๒ ใบ ขนาดใหญ่ ๑ ใบ ขนาดเลก็ ๑ ใบ)
งรูปได้อย่างไร (ตัดก้นขวดท้ังสองใบ ทําเครื่องหมาย
ล็กสัมผัสกับขวดใบใหญ่ กรีดขวดใบใหญ่บริเวณที่ทํา
าไปใหแ้ น่น)
มีดตัดก้นขวด ครูอาจตัดก้นขวดทั้งใบใหญ่และใบเล็ก
จากน้ันนักเรียนใช้กรรไกรตัดขยายให้ช่องใหญ่ขึ้น
๒๒๔ ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (ส
แผนการจดั การเรียน
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ อากาศและการเกิดลม หนว่ ยย่อยท
กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยา
๒๕.๔ เมื่อเตรียมขวดได้ดังรูปแล้ว ต้องทําอะไรต่อ (น
เทา่ กับปากขวดใบเลก็ )
๒๕.๕ นักเรียนต้องวัดอุณหภูมิของอากาศที่ตําแห
ปลายขวดแนวนอน)
๒๕.๖ เม่ือจุดธูปจนเกิดควันจ่อท่ีปลายขวดแนวนอ
อยา่ งไร (สังเกตการเคล่อื นที่ของควนั ธูป บันท
โดยเขียนหัวลูกศรให้ช้ีทิศทางที่ควันธูปเคลื่อ
ครูควรช้ีแนะการบันทกึ ผลให้แกน่ ักเรียนก่อนล
ครูควรแนะนําเพ่ิมเติมว่า ควรใช้ดินนํ้ามันหร
ลงบนโตะ๊ และการดบั ไฟจากไม้ขดี ไฟให้ปลอดภัยทําไ
๒๖. หลังจากเข้าใจขั้นตอนการทํากิจกรรมแล้ว ครูให้นัก
๐๒ การเกิดลม ในตารางผลการวดั อุณหภูมกิ อ่ นจุดเท
๒๗. ครอู าจสุ่มนักเรียนนาํ เสนอผลการวัดอุณหภูมขิ องอาก
แบบจาํ ลองและผลสงั เกตการเคล่อื นทีข่ องควันธปู โด
๒๗.๑ อุณหภูมขิ องอากาศเหนือปากขวดแนวนอนแล
๒๗.๒ เมื่อจ่อควันธูปที่ปลายขวดแนวนอน ควันธูปม
เป็นตรงท่ีปลายขวดแนวนอน ไม่เคลือ่ นที่เขา้ ไป
สาํ หรบั ครูผ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรยี นที่ 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 (ฉบบั ปรับปรุง)
นรทู้ ี่ ๒.๑ การเกิดลม
ที่ ๒ การเกดิ ลม เวลา ๕ ชว่ั โมง
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
นําขวดใบใหญ่วางตั้งรอบเทียนไข โดยให้ไส้เทียนสูง
หน่งใดบ้าง (วัดอุณหภูมิเหนือปากขวดแนวตั้งและ
อนแล้ว นักเรียนต้องสังเกตสิ่งใด และจะบันทึกผล
ทกึ โดยวาดรูปลกู ศรแสดงทศิ ทางท่ีควนั ธปู เคล่อื นท่ีไป
อนท่ีไป) ถ้านักเรียนไม่สามารถบอกการบันทึกผลได้
ลงมือทาํ กิจกรรม
รือฝาขวดรองฐานเทียนไข เพ่ือไม่ให้นํ้าตาเทียนหยด
ได้โดยปักไมข้ ดี ไฟลงในกระปอ๋ งบรรจทุ ราย
กเรียนทํากิจกรรมข้อ ๒-๔ และบันทึกผลในใบงาน
ทียนไข หนา้ ๑๐๗
กาศเหนือปากขวดแนวนอนและปากขวดแนวตง้ั ของ
ดยครใู ชค้ ําถามดังนี้
ละปากขวดแนวต้งั เปน็ อยา่ งไร (มีค่าใกล้เคียงกัน)
มีการเคลื่อนที่หรือไม่ อย่างไร (ควันธูปเคลื่อนท่ีข้ึน
ปในขวดแนวนอน)
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรียนที่ 2 ชน้ั ประถมศึก
แผนการจดั การเรยี น
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๕ อากาศและการเกิดลม หนว่ ยยอ่ ยท
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยา
๒๗.๓ เพราะเหตุใดควันธูปจึงไม่เคลื่อนเข้าไปในข
นกั เรียน)
๒๘. ครูแจง้ ให้นกั เรียนทราบว่า นักเรียนจะได้ไปหาคําตอบ
การเกิดลมในช่ัวโมงต่อไป
ข้ันสรปุ (๕ นาที)
๒๙. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายว่าได้ทําอะไรบ้างใน
ปากขวดแนวนอนและแนวตง้ั มีคา่ ใกลเ้ คียงกัน และค
๓๐. ครเู ก็บแบบจาํ ลองและวัสดุ อุปกรณต์ า่ ง ๆ เพอ่ื นําไป
ช่ัวโมงที่ ๔
ขั้นนาํ (๕ นาที)
๓๑. ครูทบทวนผลการทาํ กิจกรรมในชั่วโมงท่ีแล้วเกยี่ วกับ
และแนวต้ังของแบบจําลอง และการเคล่ือนท่ีของคว
เทียนไข อุณหภูมิของอากาศเหนือปลายขวดแนวนอ
และอุณหภูมิของอากาศเหนือขวดแนวนอนและแ
อยา่ งไร (นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจของนกั เรียน)
กษาปที ี่ 3 (ฉบับปรับปรุง) ๒๒๕
นรู้ท่ี ๒.๑ การเกดิ ลม
ที่ ๒ การเกิดลม
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา ๕ ช่ัวโมง
ขวดแนวนอน (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๓
บนี้จากการทํากิจกรรมเกี่ยวกบั การสรา้ งแบบจาํ ลอง
นช่ัวโมงนี้ และสรุปว่า อุณหภูมิของอากาศเหนือ
ควันธูปจะไม่เคลอ่ื นท่เี ขา้ ไปในขวดแนวนอน
ปใช้ต่อในชวั่ โมงตอ่ ไป
บการวัดอุณหภมู ิของอากาศเหนือปลายขวดแนวนอน
วันธูปก่อนจุดเทียนไข และถามนักเรียนว่า ถ้าเราจุด
อนและแนวตั้งจะใกล้เคียงกันหรือไม่ เพราะเหตุใด
แนวตั้งจะมีผลต่อการเคลื่อนท่ีของควันธูปหรือไม่
๒๒๖ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ส
แผนการจัดการเรียน
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๕ อากาศและการเกดิ ลม หน่วยยอ่ ยท
กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยา
ขนั้ สอน (๕๐ นาท)ี
๓๒. ครูแจ้งจุดประสงค์ให้นักเรียนทราบว่า ในช่ัวโมงน้ีนกั
ของอากาศ
๓๓. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีการทํากิจกรรมท่ี ๒ ลมเกิดข
อภปิ รายขน้ั ตอนการทํากจิ กรรม โดยครใู ช้คาํ ถาม ดัง
๓๓.๑ นักเรียนต้องพยากรณ์และบันทึกสิ่งใด (พยาก
เทียนไขแลว้ นาํ ธปู ที่มคี วันจอ่ ท่ีปลายขวดแนวน
๓๓.๒ เม่ือพยากรณ์และบันทึกผลแล้ว ส่ิงท่ีต้องทําต่อ
วดั อุณหภมู ิของอากาศเหนือปากขวดแนวตง้ั แล
๓๓.๓ นักเรียนตอ้ งร่วมกันอภิปรายและบนั ทึกผลเกย่ี
๓๔. เม่ือนักเรียนเข้าใจขั้นตอนการทํากิจกรรมแล้ว ครูใ
อยา่ งไร ถ้าจุดเทยี นไขแลว้ นาํ ธูปท่ีมีควันจอ่ ที่ปลายขว
ในตารางช่องการพยากรณ์ หน้า ๑๐๘
๓๕. จากนั้นครูนักเรียนทํากิจกรรมเพ่ือตรวจสอบการพย
และปลายขวดแนวนอน บันทึกผลในใบงาน ๐๒ กา
สงั เกตการเคลื่อนท่ขี องควันเมื่อจอ่ ธปู ท่ีปลายขวดแน
ชอ่ งผลการสังเกต หนา้ ๑๐๘
๓๖. นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายว่า ควันธปู เคล่ือนทีไ่ ด้อย่างไร
สําหรับครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นที่ 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบับปรบั ปรงุ )
นรู้ท่ี ๒.๑ การเกดิ ลม
ที่ ๒ การเกิดลม เวลา ๕ ชัว่ โมง
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๓
กเรียนจะได้สร้างแบบจาํ ลองและอธิบายการเคลือ่ นท่ี
ข้ึนได้อย่างไร ข้อ ๕-๗ หน้า ๑๐๕ จากน้ันร่วมกัน
งนี้
กรณ์และบันทึกว่า ควันธูปจะเคล่ือนที่อย่างไรถ้าจุด
นอน)
อไปคืออะไร (ตรวจสอบการพยากรณ์ โดยจุดเทียนไข
ละแนวนอน และสงั เกตการเคลอื่ นทีข่ องควนั ธปู )
ยวกบั เรื่องอะไร (การเคล่ือนทีข่ องควันธปู )
ให้นักเรียนร่วมกันพยากรณ์ว่า ควันธูปจะเคล่ือนที่
วดแนวนอน และบันทึกผลในใบงาน ๐๒ การเกิดลม
ยากรณ์ วัดอุณหภูมิของอากาศเหนือปากขวดแนวต้ัง
ารเกิดลม ในตารางหลังจุดเทียนไข หน้า ๑๐๗ และ
นวนอน บันทึกผลในใบงาน ๐๒ การเกิดลม ในตาราง
ร และบันทึกผลในใบงาน ๐๒ การเกดิ ลม หน้า ๑๐๘
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ช้นั ประถมศึก
แผนการจดั การเรยี น
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ อากาศและการเกิดลม หน่วยย่อยท
กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยา
๓๗. เมอ่ื นกั เรียนทํากิจกรรมเสร็จแล้ว ใหน้ ักเรียนร่วมกนั อ
๓๗.๑ อุณหภูมิของอากาศเหนือปากขวดแนวตั้งแ
จุดเขียนไขแตกต่างหรือไม่ อย่างไร (แตกต่าง
ปากขวดแนวตั้งและปลายขวดแนวนอนเท่า
อณุ หภูมขิ องอากาศเหนอื ปากขวดแนวตงั้ จะม
๓๗.๒ ผลการพยากรณ์การเคลื่อนที่ของควันธูปก่อน
เม่ือทํากิจกรรมอย่างไร (ผลการสังเกตจะได้
แนวนอนไปข้างในจนถึงบริเวณก้นขวดแนว
เหมือนหรือแตกต่างจากผลการพยากรณ์ของน
๓๗.๓ การเคล่ือนที่ของควันธูปก่อนจุดเทียนไขแ
(ก่อนจุดเทียนไข ควันธูปไม่เข้าไปในขวดแนว
ในขวดแนวนอน แลว้ เคลอื่ นที่สูงข้นึ ออกไปทา
๓๗.๔ ควันธูปเคล่ือนท่ีได้อย่างไร (นักเรียนตอบตาม
อากาศเคล่ือนที่จึงทําให้ควนั ธปู เคลอ่ื นท)่ี
๓๗.๕ จากแบบจําลอง อากาศเคลื่อนท่ีจากบริเวณใด
จากปลายขวดแนวนอนไปยังขวดแนวต้ัง แล
แผนภาพประกอบการอธบิ ายว่า
กษาปีที่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง) ๒๒๗
นรูท้ ่ี ๒.๑ การเกดิ ลม
ท่ี ๒ การเกดิ ลม
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา ๕ ชว่ั โมง
อภิปรายโดยครใู ชค้ ําถาม ดังนี้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓
และปลายขวดแนวนอนก่อนจุดเทียนไขและหลัง
งกัน โดยก่อนจุดเทียนไข อุณหภูมิของอากาศเหนือ
ากันหรือใกล้เคียงกัน แต่หลังจากจุดเขียนไขแล้ว
มากกวา่ อุณหภูมขิ องอากาศท่ีปลายขวดแนวนอน)
นทํากิจกรรมเหมือนหรือแตกต่างจากผลการสังเกต
ดว่า เมื่อจุดเทียนไข ควันธูปเคลื่อนที่จากปลายขวด
วต้ัง แล้วเคลื่อนที่ขึ้นไปทางปากขวดแนวตั้ง ซ่ึงจะ
นกั เรยี น ข้นึ อยู่กบั ผลการทํากิจกรรมของนักเรียน)
และหลังจุดเทียนไขแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
วนอน แต่เมื่อจุดเทียนไขแล้ว ควันธูปเคล่ือนที่เข้าไป
างปากขวดแนวตง้ั )
มผลการอภิปราย ซึ่งนักเรียนควรตอบได้ว่า เพราะ
ดไปบริเวณใด (นักเรียนอาจตอบว่า อากาศเคลื่อนท่ี
ล้วเคลื่อนที่สูงข้ึนในแนวตั้ง) ครูอธิบายพร้อมเขียน
๒๒๘ ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (ส
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๕ อากาศและการเกิดลม แผนการจัดการเรยี น
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หน่วยยอ่ ยท
รายวชิ าวิทยา
ก่อนจุดไฟ ภายในขวดแนวนอนและ เม่ือจดุ ไฟ
แนวตั้งมอี ากาศบรรจุอยู่ภายในและ สูงขึ้นแล
อากาศทกุ บริเวณในขวดมีอณุ หภมู ิ บริเวณข
เทา่ กนั หรอื ใกลเ้ คียง อากาศบ
แนวนอน
พรอ้ มท้ัง
๓๗.๖ อากาศเคลื่อนท่ีในขวดได้ เพราะเหตุใด (อุณห
แนวนอนไมเ่ ทา่ กัน)
ขน้ั สรปุ (๕ นาที)
๓๘. ครเู ปดิ โอกาสให้นักเรียนสรุปแนวคดิ หรือส่ิงท่ีไดเ้ รียน
๓๙. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปว่า อากาศมีก
โดยอากาศจะเคลอื่ นทีจ่ ากปลายขวดแนวนอนไปยังข
สําหรับครูผู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร)์ ภาคเรยี นที่ 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
นรู้ท่ี ๒.๑ การเกิดลม
ที่ ๒ การเกดิ ลม เวลา ๕ ชัว่ โมง
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓
๑
๒
ฟ อากาศใกล้ ๆ เปลวไฟจะร้อนขึ้นและเคลอื่ นท่ี
ละออกจากปากขวดแนวตั้ง ทําให้อากาศที่อยู่
ขวดแนวนอนเคลื่อนที่ในแนวราบไปแทนที่
บริเวณใกล้เปลวไฟ อากาศที่อยู่นอกปลายขวด
น กเ็ คล่ือนเขา้ ไปแทนทีอ่ ากาศในขวดแนวนอน
งพาควันธูปเขา้ ไปด้วย
หภูมิของอากาศเหนือปากขวดแนวต้ังและปลายขวด
นรู้ในช่วั โมงนี้เก่ียวกับการเคลือ่ นทขี่ องอากาศ
การเคล่ือนที่โดยสังเกตจากการเคล่ือนที่ของควันธูป
ขวดแนวตัง้ แล้วจะเคล่อื นทส่ี ูงข้นึ ในแนวต้ัง
ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรบั ครผู ู้สอน) กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรยี นท่ี 2 ชนั้ ประถมศกึ
แผนการจัดการเรียน
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๕ อากาศและการเกิดลม หน่วยยอ่ ยท
กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยา
ชั่วโมงที่ ๕
ขนั้ นาํ (๕ นาที)
๔๐. ครูทบทวนความรู้จากส่ิงท่ีได้เรียนในช่ัวโมงท่ีผ่านม
ใบงาน ๐๒ ประกอบการใชค้ ําถามอภปิ รายดังนี้
๔๐.๑ เม่ือจุดเทียนไขอุณหภูมิของอากาศเหนือปาก
อย่างไร (ไม่เท่ากัน อุณหภูมิของอากาศเหน
ท่ีปลายขวดแนวนอน)
๔๐.๒ ทิศทางการคเลื่อนท่ีของอากาศเป็นอย่างไร
แนวตั้ง แลว้ เคล่อื นท่สี ูงขน้ึ ในแนวตั้ง)
๔๑. ครูตรวจสอบความรู้เดิมเก่ียวกับการเกิดลม โดยใช
แบบจําลองน้ีอย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจ
การทาํ กิจกรรม)
ขน้ั สอน (๕๐ นาที)
๔๒. ครูช้ีแจงจุดประสงค์การเรียนรู้ของชั่วโมงน้ีให้นักเรีย
การเกดิ ลม
กษาปที ี่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๒๒๙
นรูท้ ี่ ๒.๑ การเกิดลม
ท่ี ๒ การเกิดลม
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา ๕ ช่ัวโมง
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
มาเกี่ยวกับการเคล่ือนที่ของอากาศ โดยใช้รูปจาก
กขวดแนวตั้งและปลายขวดแนวนอนเท่ากันหรือไม่
นือปากขวดแนวตั้งจะมากกว่าอุณหภูมิของอากาศ
(อากาศเคลื่อนที่จากปลายขวดแนวนอนไปยังขวด
ช้คําถามว่า ลมเกิดข้ึนได้อย่างไร และเกี่ยวข้องกับ
จของตนเอง ซึ่งครูชักชวนนักเรียนไปหาคําตอบจาก
ยนทราบว่า นักเรียนจะได้อ่านใบความรู้และอธิบาย
๒๓๐ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ส
แผนการจัดการเรียน
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๕ อากาศและการเกิดลม หนว่ ยย่อยท
กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยา
๔๓. ครูให้นักเรียนอ่านวิธีการทํากิจกรรมท่ี ๒ ลมเกิดขึ้นไ
ใช้คําถามว่า นักเรียนต้องอ่านใบความรู้เรื่องอะไร แ
การเกิดลม และร่วมกันอภปิ รายการเกดิ ลมในแบบจาํ
๔๔. เมื่อนกั เรียนเข้าใจขน้ั ตอนการทํากจิ กรรมแล้ว ครใู หน้ ัก
จากนน้ั ร่วมกนั อภิปรายขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการอ่านใบควา
๔๔.๑ ลมเกิดขึ้นได้อย่างไร (ลมเกิดจากความแต
๒ บริเวณ โดยอากาศในบริเวณที่ร้อนกว่าหรือ
อากาศบริเวณท่ีเย็นกว่าหรือมอี ุณหภมู ติ ํา่ กว่าเ
๔๔.๒ ถ้าบริเวณที่มีอากาศร้อนและเย็นอยู่ใกล้กันมา
ดว้ ยความเร็วสูงหรอื พาย)ุ
๔๕. หลังจากน้ันครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายการเกิดลม
ผลการอภปิ รายในใบงาน หนา้ ๑๑๑-๑๑๒ จากน้นั ค
๔๕.๑ ข้อมูลจากแบบจําลองและจากการอ่านใบควา
เมือ่ มีความแตกตา่ งของอณุ หภูมิของอากาศ ๒
๔๕.๒ จากการอ่านใบความรู้ทําให้ทราบข้อมูลใดเพิ่ม
ท่ีอย่ใู กล้กนั มีอุณหภูมิไม่เท่ากัน อากาศที่มีอุณ
ทม่ี ีอุณหภูมิต่ํากว่าจะเคล่ือนท่ีในแนวราบเข้าไ
ลม)
สําหรับครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรยี นที่ 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 (ฉบับปรับปรุง)
นรูท้ ่ี ๒.๑ การเกดิ ลม
ที่ ๒ การเกิดลม เวลา ๕ ช่วั โมง
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
ได้อย่างไร ข้อ ๘ หน้า ๑๐๕ จากน้ันนําอภิปรายโดย
และเมื่ออ่านแล้วต้องทําอะไรต่อ (อ่านใบความรู้เร่ือง
าลองโดยใชข้ ้อมลู ตามใบความรู้)
กเรียนอา่ นใบความร้เู ร่อื งการเกดิ ลม หนา้ ๑๐๙-๑๑๐
ามรู้โดยครูใชค้ ําถาม ดังนี้
กต่างของอุณหภูมิของอากาศท่ีอยู่บริเวณใกล้กัน
อมีอุณหภูมิสูงกว่าจะเคลื่อนที่สูงขึ้นในแนวตั้ง ทําให้
เคลือ่ นท่ีในแนวราบไปแทนท่ี)
ากและมีอุณหภูมิต่างกันมากจะเกิดส่ิงใด (เกิดลมพัด
มในแบบจําลองโดยใช้ข้อมูลในใบความรู้ และบันทึก
ครใู ชค้ ําถามดงั น้ี
ามรู้มีส่ิงใดที่เหมือนกัน (อากาศสามารถเคลื่อนท่ีได้
๒ บริเวณ)
มเติมเกี่ยวกับการเกิดลมบ้าง (เม่ืออากาศ ๒ บริเวณ
ณหภูมิสงู กว่าจะเคลื่อนท่ีสงู ขึ้นในแนวต้ัง และอากาศ
ไปแทนที่ ทําให้เกิดการเคลื่อนที่ของอากาศ เรียกว่า
ชุดการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ช้นั ประถมศกึ
แผนการจดั การเรียน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ อากาศและการเกดิ ลม หน่วยย่อยท
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยา
๔๕.๓ แบบจําลองน้ีเหมือนและแตกต่างจากการเก
การเคลื่อนที่ของอากาศจาก ๒ บริเวณท่ีมีอุณ
มีขนาดเล็กกว่าการเกิดลมในธรรมชาติ และ
แตใ่ นธรรมชาตแิ หล่งที่ใหค้ วามร้อน คอื ดวงอ
๔๖. ครใู ห้นกั เรียนกลับไปทบทวนคาํ ตอบท่ีไดต้ อบไว้ในใบ
๔๗. ครูชวนนักเรียนตอบคําถามหลังจากทํากิจกรรมในห
นกั เรยี นไปบันทึกลงในใบงานเปน็ การบ้าน
ข้นั สรุป (๕ นาท)ี
๔๘. ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นสรปุ แนวคดิ หรือส่งิ ท่ไี ดเ้ รยี น
๔๙. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปว่า ลมเกิดจาก
โดยอากาศในบริเวณท่มี ีอุณหภูมิสงู กวา่ จะเคล่ือนทส่ี ูง
จะเคล่ือนท่ีในแนวราบไปแทนท่ี
๕๐. ครใู ห้นักเรียนทาํ ใบงาน ๐๓ แบบฝึกหัด เร่ืองการเกิด
กษาปที ่ี 3 (ฉบับปรบั ปรุง) ๒๓๑
นรู้ท่ี ๒.๑ การเกิดลม เวลา ๕ ชั่วโมง
ที่ ๒ การเกิดลม ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓
าศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
กิดลมในธรรมชาติอย่างไร (ส่ิงที่เหมือนกัน คือ เกิด
ณหภูมิแตกต่างกัน สิ่งท่ีแตกต่างกัน คือ แบบจําลอง
ะในแบบจําลองแหล่งท่ีให้ความร้อน คือ เทียนไข
อาทติ ย)์
บงาน หนา้ ๑๐๖ แลว้ แก้ไขหรือปรับปรุงให้สมบรู ณ์
หน้า ๑๑๓-๑๑๔ และร่วมกันเฉลยคําตอบ และให้
นรใู้ นชว่ั โมงนเ้ี ก่ียวกับการเกดิ ลม
กความแตกต่างของอุณหภูมิ ๒ บริเวณ ท่ีอยู่ใกล้กัน
งขน้ึ ในแนวต้งั และอากาศบรเิ วณที่มอี ุณหภูมิต่ํากว่า
ดลม หน้า ๑๑๕-๑๑๖ เป็นการบา้ น
๒๓๒ ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรยี นที่ 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 (ฉบับปรบั ปรุง)
แบบประเมนิ ด้านคณุ ธรรม
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๒.๑ การเกดิ ลม
ช่ือผ้ปู ระเมนิ /กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………………..
ชอื่ กล่มุ รับการประเมิน…………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมนิ ผลครง้ั ท่ี………………….... วนั ที่ ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่ือง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ที่ ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบ่งชี้ ระดบั พฤตกิ รรม คะแนนท่ไี ด้
เกิด = ๑ ไม่เกิด = ๐
๑. ใฝ่เรยี นรู้
๒. ม่งุ มนั่ ในการทาํ งาน
รวมคะแนนท่ไี ด้ทัง้ หมด = …………… คะแนน
คณุ ลักษณะตามจดุ ประสงคด์ า้ นคณุ ธรรม
- มากกวา่ ๘๐% ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐% - ๗๙% ได้ ๒ คะแนน
- ต่าํ กว่า ๕๐% ได้ ๑ คะแนน
ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ (สาํ หรบั ครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรียนท่ี 2 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 (ฉบับปรับปรุง) ๒๓๓
แบบประเมนิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการทาํ กจิ กรรม
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒.๑ การเกดิ ลม
เกณฑก์ ารประเมิน มดี งั น้ี
๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง
ส่ิงท่ปี ระเมิน คะแนน
การสงั เกต
การวดั
การพยากรณ์
การลงความเห็นจากขอ้ มลู
การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุป
การสร้างแบบจําลอง
รวมคะแนน
เกณฑ์การประเมิน
ทักษะกระบวนการ ระดับความสามารถ
พอใช้ (๒)
ทางวิทยาศาสตร์ ดี (๓) ควรปรบั ปรงุ (๑)
สามารถใช้ประสาทสัมผัส สามารถใชป้ ระสาทสมั ผสั เกบ็
การสงั เกต สามารถใช้ประสาทสัมผสั เกบ็ เก็บรายละเอียดเก่ียวกับ รายละเอยี ดเกี่ยวกบั ลกั ษณะ
ลักษณะสภาพแวดล้อมใน สภาพแวดล้อมในบริเวณทจี่ ะ
รายละเอียดเกี่ยวกบั ลกั ษณะ บริเวณท่ีจะวัดอุณหภูมิของ วดั อุณหภูมิของอากาศ และ
อากาศ และการเคลื่อนท่ีของ การเคลือ่ นท่ีของควนั ธูปจาก
สภาพแวดล้อมในบริเวณทจ่ี ะ ควันธูปจากแบบจําลองการ แบบจาํ ลองการเกิดลมได้เพียง
เกิดลมได้ โดยการช้ีแนะของ บางสว่ น แม้จะได้รับคําแนะนํา
วัดอณุ หภมู ิของอากาศ และ ครูหรือผู้อื่น จากครหู รือผอู้ น่ื
การเคลือ่ นท่ีของควันธูปจาก สามารถใช้เทอร์มอมิเตอร์วัด สามารถใช้เทอรม์ อมเิ ตอรว์ ัด
อุณหภูมิของอากาศได้ด้วย อุณหภูมขิ องอากาศได้ดว้ ย
แบบจําลองการเกดิ ลมไดด้ ้วย วิธีการท่ีถูกต้อง และบอก วธิ กี ารท่ถี กู ต้อง และบอก
หน่วยของอุณหภูมิได้ โดย หนว่ ยของอุณหภูมไิ ด้เพยี ง
ตนเอง โดยไม่เพ่มิ ความ การชี้แนะของครูหรือผู้อื่น บางส่วน แมจ้ ะได้รบั คาํ แนะนาํ
จากครูหรอื ผู้อนื่
คิดเห็น
การวดั สามารถใชเ้ ทอรม์ อมเิ ตอร์วัด
อุณหภูมิของอากาศได้ด้วย
วธิ ีการที่ถกู ตอ้ ง และบอก
หน่วยของอุณหภมู ไิ ดถ้ กู ตอ้ ง
ด้วยตนเอง
๒๓๔ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครูผสู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรยี นที่ 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 (ฉบับปรบั ปรุง)
ทกั ษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ
ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรงุ (๑)
การพยากรณ์ สามารถพยากรณก์ ารเคล่ือนที่ สามารถพยากรณก์ ารเคลื่อนที่ สามารถพยากรณ์การเคลอ่ื นท่ี
ของควนั ธูปจากแบบจําลอง ของควันธูปจากแบบจําลอง ของควันธูปจากแบบจําลอง
การเกิดลม เมอ่ื จดุ เทียนไข การเกิดลม เม่ือจุดเทียนไข การเกดิ ลม เมอื่ จุดเทียนไข
ในขวดแนวตงั้ ไดอ้ ย่าง ในขวดแนวตั้งได้อย่าง ในขวดแนวตงั้ ได้โดยไม่
สมเหตสุ มผลดว้ ยตนเอง สมเหตุสมผลโดยการชี้แนะ สมเหตุสมผล แมจ้ ะได้รับ
โดยควนั ธปู จะเคล่ือนท่จี าก ของครูหรือผู้อ่ืน โดยควันธูป คําแนะนําจากครูหรอื ผอู้ ่ืนโดย
บริเวณปลายขวดแนวนอน จะเคล่ือนท่ีจากบริเวณ ควนั ธปู จะเคลื่อนทีจ่ ากบรเิ วณ
ไปยังขวดแนวต้งั โดยอาศยั ปลายขวดแนวนอนไปยัง ปลายขวดแนวนอนไปยงั ขวด
ข้อมูลจากการสังเกตแบบจําลอง ขวดแนวต้ัง โดยอาศัยข้อมูล แนวตงั้ โดยอาศยั ข้อมูลจาก
จากการสังเกตแบบจาํ ลอง การสังเกตแบบจําลอง
การลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จากขอ้ มลู สามารถลงความเหน็ จากข้อมลู สามารถลงความเหน็ จากข้อมลู
ข้อมลู ได้ว่า อากาศในแต่ละบรเิ วณ ไดว้ ่า อากาศในแตล่ ะบรเิ วณ ไดว้ ่า อากาศในแต่ละบริเวณ
ในเวลาเดยี วกันอาจแตกต่างกัน ในเวลาเดยี วกนั อาจแตกต่าง ในเวลาเดยี วกนั อาจแตกตา่ งกนั
ไดด้ ว้ ยตนเอง กันได้ โดยอาศยั คําแนะนําของ ได้เพยี งบางสว่ น แมจ้ ะได้รบั
ครูหรอื ผู้อื่น คาํ แนะนําจากครหู รือผอู้ ่นื
การตีความหมาย สามารถตคี วามหมายข้อมลู ท่ี สามารถตีความหมายข้อมูลท่ี สามารถตีความหมายข้อมูลท่ี
ขอ้ มูลและลงข้อสรุป ไดจ้ ากการสร้างแบบจําลอง ไดจ้ ากการสร้างแบบจาํ ลอง ไดจ้ ากการสร้างแบบจาํ ลอง
และการสืบคน้ ข้อมูล และ และการสบื คน้ ขอ้ มลู และลง และการสบื ค้นขอ้ มลู และ
ลงขอ้ สรุปและบอกเหตุผล ขอ้ สรุปและบอกเหตผุ ล ลงข้อสรุปและบอกเหตผุ ลได้
ไดถ้ กู ตอ้ งวา่ ลมเกิดจาก ได้ถกู ต้องว่า ลมเกดิ จาก ถูกตอ้ งว่า ลมเกดิ จากความ
ความแตกตา่ งของอุณหภูมิ ความแตกตา่ งของอุณหภมู ิ แตกตา่ งของอุณหภมู ขิ อง
ของอากาศทีอ่ ยบู่ รเิ วณใกล้กนั ของอากาศท่ีอยูบ่ รเิ วณใกล้กนั อากาศที่อยบู่ ริเวณใกล้กนั
๒ บรเิ วณ ซ่ึงลมมที ง้ั ประโยชน์ ๒ บรเิ วณ ซ่ึงลมมที ัง้ ประโยชน์ ๒ บรเิ วณ ซงึ่ ลมมที ง้ั ประโยชน์
และโทษต่อสง่ิ มชี วี ิตไดด้ ้วย และโทษตอ่ สงิ่ มชี วี ติ ได้ และโทษต่อสง่ิ มชี ีวิตได้เพียง
ตนเอง โดยอาศัยคําแนะนาํ ของครู บางส่วน แม้จะได้รับคาํ แนะนาํ
หรือผ้อู ื่น จากครูหรอื ผู้อนื่
การสรา้ งแบบจาํ ลอง สามารถสรา้ งแบบจําลองและ สามารถสร้างแบบจาํ ลอง สามารถสรา้ งแบบจําลองและ
ใช้แบบจาํ ลองอธิบายการเกิด และใช้แบบจําลองอธิบาย ใช้แบบจําลองอธบิ ายการเกิด
ลม โดยใช้ลกู ศรแสดงทศิ ทาง การเกดิ ลม โดยใช้ลกู ศร ลม โดยใชล้ ูกศรแสดงทิศทาง
ของลมในแบบจาํ ลองได้ แสดงทศิ ทางของลมใน ของลมในแบบจาํ ลองได้
ถูกตอ้ งด้วยตนเอง แบบจาํ ลองไดถ้ ูกตอ้ ง ถูกต้องบางส่วน แมว้ ่าจะได้รบั
โดยการชแี้ นะของครูหรือผอู้ ื่น การชแี้ นะจากครหู รอื ผอู้ นื่
๒๓๕ชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรบั ครผู สู้ อน) กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรยี นที่ 2 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง)
เฉลยใบงาน
๒๓๖ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาํ หรับครูผู้สอน) กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรยี นที่ 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง)
นักเรียนออกตารางบนั ทึกผลตามแผนท่ีวางไว้ เชน่
หมายหตุ : ผลการบนั ทึกขน้ึ อยูก่ ับการทาํ กจิ กรรมของนกั เรยี น
ซงึ่ คําตอบอาจแตกตา่ งไปจากตวั อยา่ ง
๒๓๗ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรับครผู ู้สอน) กล่มุ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรยี นท่ี 2 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 3 (ฉบบั ปรับปรงุ )
คาํ ตอบขึ้นอยกู่ ับผลการทํากิจกรรมของนกั เรียน เชน่ แตกตา่ งกัน โดยบรเิ วณ
สนามหนา้ โรงเรียนมีอณุ หภูมิสงู กว่าบรเิ วณใตต้ ้นไม้
อุณหภมู ิของอากาศในแต่ละบรเิ วณเกยี่ วกบั สภาพแวดลอ้ ม โดยบริเวณท่ีโลง่
ซ่ึงไดร้ บั แสงแดดมากกว่า จะมีอุณหภูมิสงู กว่าบรเิ วณทรี่ ม่ ซึง่ ไดร้ บั แสงแดดนอ้ ยกวา่
๒๓๘ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรับครผู ู้สอน) กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรียนท่ี 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 (ฉบับปรับปรุง)
อุณหภูมขิ องอากาศในเวลาเดียวกัน ในบรเิ วณตา่ งกนั ซ่งึ มสี ภาพแวดลอ้ มต่างกนั
จะมอี ุณหภมู แิ ตกต่างกัน
๒๓๙ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรับครผู สู้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 (ฉบับปรับปรงุ )
√ คําตอบขน้ึ กบั ผลการอภิปรายของนกั เรียน เช่น
ในบรเิ วณที่อากาศมอี ณุ หภมู สิ ูงกว่าจะเคลอื่ นทส่ี ูงข้ึน สว่ นอากาศในบรเิ วณท่ีมี
อุณหภมู ติ ่ํากว่าจะเคลอ่ื นทเ่ี ขา้ ไปแทนท่ี ทาํ ให้เกิดลม
๒๔๐ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรบั ครูผสู้ อน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรยี นที่ 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 (ฉบบั ปรบั ปรุง)
คําตอบขึน้ อยกู่ บั ผลการทํากิจกรรมของนกั เรียน
๒๔๑ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรับครผู ูส้ อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร)์ ภาคเรียนท่ี 2 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 3 (ฉบับปรับปรุง)
คาํ ตอบขึ้นอยกู่ ับผลการพยากรณ์
ของนกั เรียน
อุณหภมู ิของอากาศในขวดแนวต้ัง
สูงกวา่ อณุ หภมู ขิ องอากาศทขี่ วดแนวนอน
ควนั จึงเคลอ่ื นที่เขา้ ไปในขวดแนวต้งั
แลว้ เคล่ือนทสี่ ูงขนึ้ สปู่ ากขวดแนวตั้ง
อากาศมีการเคลอ่ื นที่ จงึ พาควันธูปเคลื่อนท่ไี ปด้วย
๒๔๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สําหรับครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรยี นท่ี 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 (ฉบับปรับปรงุ )
อากาศ
ไมเ่ คลอ่ื นทเี่ ขา้ ไปในขวด
ควนั ธปู เคล่อื นท่ขี นึ้ ไปตรง ๆ
อากาศบริเวณปลายขวดแนวนอนมีอุณหภมุ เิ ทา่ หรอื ใกลเ้ คียงกบั อากาศ
บริเวณขวดแนวต้ัง อากาศจึงไมเ่ คล่อื นทเ่ี ขา้ ไปในขวดแนวนอน
เคลื่อนทเ่ี ขา้ ไปในขวดแนวนอน
ควนั ธปู เคลือ่ นทีเ่ ข้าไปในขวดแนวนอน
อากาศบรเิ วณขวดแนวตงั้ มอี ณุ หภมู ิสงู กวา่ อากาศบรเิ วณปลายขวดแนวนอน
อากาศจงึ เคลอ่ื นทเ่ี ขา้ ไปในขวดแนวนอน และเคล่ือนทส่ี งู ขนึ้ สปู่ ากขวดแนวตง้ั
๒๔๓ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรับครผู ู้สอน) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนที่ 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 (ฉบบั ปรับปรงุ )
เคลื่อนทข่ี น้ึ ไปด้านบน
เคล่อื นทใ่ี นแนวราบไปยงั ขวดแนวตัง้
การเคล่ือนท่ีของควันธปู
อากาศในขวดแนวตัง้ มีอณุ หภมู สิ งู กว่า ทําให้อากาศบรเิ วณปลายขวด
แนวนอนซึ่งมอี ณุ หภมู ติ ํ่ากวา่ เคลื่อนท่ีเขา้ มาแทนท่ี
๒๔๔ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครผู สู้ อน) กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นท่ี 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 (ฉบับปรับปรงุ )
อากาศในแบบจําลองมีการเคลื่อนท่ี รไู้ ดจ้ ากควันธปู มกี ารเคลื่อนท่ี
อากาศในแบบจาํ ลองก่อนจดุ เทียนไขและหลังจดุ เทยี นไขมกี ารเคล่อื นที่ แตเ่ คล่ือนท่ี
แตกตา่ งกนั โดยกอ่ นจุดเทยี นไข อากาศจะไม่เคล่ือนทเ่ี ขา้ ไปในขวดแนวนอน
แต่เมื่อจดุ เทยี นไข อากาศในขวดแนวตงั้ เคลือ่ นท่ีออก อากาศในขวดแนวนอนและ
นอกขวดแนวนอนเคล่อื นที่ไปแทนที่อากาศในขวดแนวต้งั แล้วเคลอ่ื นทีส่ งู ขน้ึ
ในแนวตง้ั
๒๔๕ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สําหรับครผู ูส้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบับปรบั ปรุง)
การเคลอื่ นท่ขี องอากาศเก่ยี วขอ้ งกับอณุ หภมู ิของอากาศ โดยในบรเิ วณที่มอี ณุ หภมู ิ
ของอากาศสงู กวา่ อากาศจะเคลอ่ื นทีส่ งู ขน้ึ และอากาศจากบริเวณทม่ี อี ณุ หภมู ิ
ตาํ่ กวา่ จะเคลอ่ื นท่ีเขา้ ไปแทนที่
ลมเกิดจากความแตกตา่ งของอณุ หภูมิของอากาศ ๒ บริเวณที่อยู่ใกลเ้ คียงกัน
โดยอากาศบรเิ วณทมี่ ีอุณหภมู สิ งู กว่าจะเคลอ่ื นทข่ี นึ้ ไปในแนวต้ัง อากาศท่มี ี
อณุ หภูมติ ํา่ กว่าจะเคลอื่ นที่ในแนวราบเขา้ ไปแทนที่
๒๔๖ ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรบั ครผู ู้สอน) กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นที่ 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
๒๔๗ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (สําหรับครูผ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นท่ี 2 ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3 (ฉบับปรับปรงุ )
√
√
๒๔๘ ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สาํ หรับครูผู้สอน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรียนที่ 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
คาํ ชแ้ี จงประกอบแผนจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๕
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๒.๒ ประโยชนแ์ ละโทษของลม เวลา ๒ ชัว่ โมง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
๑. สาระสาํ คญั ของแผน
ลมมที ัง้ ประโยชน์และโทษตอ่ สิง่ มชี วี ติ
๒. ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมในการนําไปใช้ (ให้ระบสุ งิ่ ที่ตอ้ งการเน้นหรือขอ้ สงั เกต ข้อเสนอแนะ คาํ แนะนาํ )
ในเร่ืองต่อไปน้ี คอื
๒.๑ ขอบขา่ ยเนอ้ื หา
ลมมีท้ังประโยชน์และโทษต่อสิ่งมีชีวิต โดยใช้เป็นแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้า และใช้ในการทํา
กิจกรรมต่าง ๆ หากลมเคล่ือนที่ด้วยความเร็วสูงอาจทําให้เกิดอันตรายและความเสียหายต่อชีวิตและ
ทรพั ยส์ นิ ได้
๒.๒ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (ความรู้ ทกั ษะ คณุ ธรรมจริยธรรม ค่านยิ ม) (ถา้ ม)ี
จุดประสงค์ดา้ นความรู้
บรรยายประโยชน์และโทษของลม
จดุ ประสงค์ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
๑. การจัดกระทาํ และสือ่ ความหมายขอ้ มลู
๒. การลงความเห็นจากข้อมลู
๓. การตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ
จดุ ประสงคด์ า้ นคุณธรรม
๑. ใฝเ่ รียนรู้
๒. มุ่งม่ันในการทาํ งาน
๒.๓ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
๑) การเตรยี มตัวของครู นักเรียน (การจัดกลมุ่ ) (ถ้าม)ี
การจัดกล่มุ โดยแบง่ นกั เรียนออกเปน็ กลมุ่ ละ ๔-๖ คน
๒) การเตรียมส่อื วสั ดุอุปกรณ์ ของครู นักเรยี น (ถ้าม)ี
สงิ่ ทคี่ รตู อ้ งเตรยี ม คือ
-
ส่งิ ทนี่ กั เรยี นตอ้ งเตรยี ม คอื
-
๓) เตรยี มใบงาน ใบความรู้ ใบกจิ กรรม (ถ้าม)ี
๓.๑ ใบกิจกรรมที่ ๑ ลมมีประโยชน์และโทษอะไรบา้ ง
๓.๒ ใบความรู้ เร่อื งประโยชนแ์ ละโทษของลม
๒๔๙ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สําหรบั ครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร)์ ภาคเรยี นที่ 2 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ )
๓.๓ ใบงาน ๐๑ ประโยชนแ์ ละโทษของลม
๓.๓ ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หดั เร่ืองประโยชน์และโทษของลม
๒.๔ วดั ผลประเมินผล (ถา้ ม)ี
๑) วธิ กี ารวดั ผลประเมนิ ผลการเรยี นรู้
๑.๑ การตอบคําถามในใบงาน
๑.๒ สงั เกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการทาํ กิจกรรม
๑.๓ สังเกตพฤตกิ รรมด้านคุณธรรมขณะทาํ กจิ กรรม
๒) วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ์
๒.๑ เครือ่ งมอื และเกณฑ์ในการประเมนิ ดา้ นความรู้
ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคําถามในใบงาน แล้วใช้เกณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังน้ี
- มากกว่า ๘๐% ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐% - ๗๙% ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ํ กวา่ ๕๐% ได้ ๑ คะแนน
๒.๒ เครอ่ื งมอื และเกณฑใ์ นการประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
สังเกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมินทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ (ดงั แนบ) นําคะแนนมารวมกนั แลว้ ใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดังนี้
- มากกว่า ๘๐% ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐% - ๗๙% ได้ ๒ คะแนน
- ตํ่ากวา่ ๕๐% ได้ ๑ คะแนน
๒.๓ เครื่องมอื และเกณฑ์ในการประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม
สังเกตพฤติกรรมด้านคณุ ธรรมโดยใช้แบบประเมินดา้ นคณุ ธรรม (ดังแนบ) นําคะแนน
มารวมกนั แลว้ ใช้เกณฑ์ในการใหค้ ะแนนดงั น้ี
- มากกว่า ๘๐% ได้ ๓ คะแนน
- ๕๐% - ๗๙% ได้ ๒ คะแนน
- ตา่ํ กว่า ๕๐% ได้ ๑ คะแนน
๓) การทดสอบกอ่ นเรยี น หลังเรยี น แบบฝกึ หดั กอ่ นเรยี น หลงั เรียน
ทําแบบฝึกหัดในใบงานหลงั เรยี น
๓. อ่นื ๆ
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
๒๕๐ ชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นร้ขู
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๕ อากาศและการเกดิ ลม เรอ่ื ง ประโยชน
กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศา
ขน้ั นาํ แนวการจดั กจิ
ข้นั สอน
ขน้ั สรุป ทบทวนความรู้พื้นฐานเก่ียวกับการเก
ขน้ั ประเมนิ ผล ตรวจสอบความรเู้ ดมิ เกีย่ วกับประโยช
ทํากจิ กรรมที่ ๑ ลมมปี ระโยชนแ์ ละโท
สรุปประโยชนแ์ ละโทษของลม
ทําใบงาน ๐๑ ประโยชนแ์ ละโทษของ
รว่ มกันสรปุ เกย่ี วกบั ประโยชนแ์ ละโท
ทาํ ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เรอื่ ง ประโ
ประเมินจากการตอบคําถาม
ประเมินจากการทาํ กจิ กรรมในชน้ั เรยี
ประเมนิ จากการทาํ แบบฝกึ หดั
(สําหรับครผู สู้ อน) กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรยี นที่ 2 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 (ฉบับปรบั ปรุง)
ของแผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๒.๒
น์และโทษของลม เวลา ๒ ชว่ั โมง
าสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๓
จกรรมการเรียนรู้
กดิ ลม
ชนแ์ ละโทษของลม
ทษอะไรบา้ ง โดยอา่ นใบความรู้ เรอื่ ง ประโยชนแ์ ละโทษของลม และเขยี นผังความคิด
งลม
ทษของลม
โยชนแ์ ละโทษของลม
ยน
ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (สําหรบั ครูผสู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร)์ ภาคเรียนท่ี 2 ชน้ั ประถมศกึ
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๒.๒
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๕ อากาศและการเกิดลม หนว่ ยยอ่ ยท
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศา
ขอบเขตเนอ้ื หา กจิ กรรมการเรียนรู้ (๒ ชว่ั โมง)
ลมมีทง้ั ประโยชน์และ ชวั่ โมงที่ ๑
โทษต่อสิ่งมชี วี ิต โดยใช้เปน็ ข้ันนาํ (๕ นาท)ี
แหลง่ พลงั งานในการผลติ ๑. ครูทบทวนความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเกิดลม โดยค
ไฟฟา้ และใช้ในการทาํ แตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น สวนสาธารณะมีต้นไม้
กจิ กรรมตา่ ง ๆ หากลม ว่า อากาศบริเวณนี้มีอุณหภูมิสูงกว่า และอากาศบริเ
เคลือ่ นทีด่ ว้ ยความเร็วสงู เขียนลูกศรแสดงการเคลื่อนท่ีของอากาศลงในรูป แล
อาจทําใหเ้ กิดอันตรายและ ๒. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับประโยช
ความเสยี หายต่อชวี ติ และ ๒.๑ ในชีวิตประจําวันนักเรียนใช้ประโยชน์อะไรบ้าง
ทรพั ยส์ ินได้ เช่น ใช้ในการเล่นว่าว ช่วยให้ร่างกายเย็นสบาย)
๒.๒ นอกจากลมจะมีประโยชน์กับชีวิตประจําวันข
อย่างไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอ
จุดประสงคด์ า้ นความรู้ ๓. ครูเชื่อมโยงความรู้เดิมของนักเรียนสู่การเรียนเรื่องป
บรรยายประโยชนแ์ ละ ประโยชน์และโทษอย่างไรบ้าง เราจะได้ไปเรียนรู้กันใ
โทษของลม ข้ันสอน (๕๐ นาท)ี
๔. ครูให้นักเรียนอ่านช่ือกิจกรรมและจุดประสงค์ในใบ
หนา้ ๑๑๘ จากนั้นครถู ามคาํ ถามดงั ตอ่ ไปน้ี
๔.๑ นกั เรียนจะเรียนเรอ่ื งอะไร (ประโยชน์และโทษขอ
กษาปีที่ 3 (ฉบบั ปรับปรุง) ๒๕๑
๒ ประโยชน์และโทษของลม
ท่ี ๒ การเกดิ ลม
าสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา ๒ ชว่ั โมง
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๓
สอื่ / แหลง่ เรยี นรู้
-
ครูอาจหารูปหรือวาดรูปสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อม ภาระงาน / ชนิ้ งาน
ข้าง ๆ มีถนน แล้วกํากับข้อความแต่ละบริเวณไว้ ๑. การบนั ทึกผลการทาํ กจิ กรรม
เวณนี้มีอุณหภูมิตํ่ากว่า จากนั้นให้นักเรียนออกมา ในใบกิจกรรม
ละให้นักเรียนอธิบายการเกิดลม ๒. การทาํ แบบฝึกหดั
ชน์และโทษของลม โดยใช้คาํ ถาม ดังน้ี
งจากลม (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง วธิ กี ารประเมนิ
) ๑. การตอบคาํ ถามในแบบฝกึ หัด
ของเราแล้ว นักเรียนคิดว่าลมมีโทษกับเราหรือไม่ ๒. สงั เกตทักษะกระบวนการ
อง เช่น มี พัดพากล่ินเหม็นมาสู่มนุษย์) ทางวิทยาศาสตร์ในการทํา
ประโยชน์และโทษของลม โดยใช้คําถามว่า ลมมี กิจกรรม
ในกิจกรรม ๓. สงั เกตพฤตกิ รรมด้าน
คณุ ธรรมขณะทาํ กจิ กรรม
บกิจกรรมท่ี ๑ ลมมีประโยชน์และโทษอะไรบ้าง
องลม)
๒๕๒ ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู
แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๒.๒
หนว ยการเรียนรทู ี่ ๕ อากาศและการเกดิ ลม หนวยยอยท
กลมุ สาระการเรยี นรูว ิทยาศาสตรและเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศา
จุดประสงคดา นทักษะ ๔.๒ นักเรียนจะเรยี นดว ยวธิ ีการใด (การอานขอมลู )
กระบวนการ ๔.๓ เมื่อเรยี นจบแลว นกั เรยี นจะทาํ อะไรได (บรรยายป
ทางวิทยาศาสตร ๕. ครูสรุปจุดประสงคในวันน้ีใหแกนักเรียนอีกคร้ังวา ทําก
๑. การจัดกระทําและสือ่ โทษของลม
ความหมายขอมูล ๖. ครูใหนักเรียนอานวิธีทําในใบกิจกรรมท่ี ๑ ขอ ๑-๒ ห
๒. การลงความเห็นจาก กิจกรรม โดยครูใชค าํ ถาม ดังนี้
ขอมูล ๖.๑ นักเรยี นตอ งอานใบความรูเ ร่ืองอะไร (ประโยชนแ
๓. การตคี วามหมายขอมลู ๖.๒ เม่ืออานใบความรูจบแลว นักเรียนตองทําอะไรตอ
และลงขอสรปุ โทษของลม นาํ เสนอ)
๗. เมื่อนักเรียนเขาใจขั้นตอนของกิจกรรมแลว ใหนักเร
จุดประสงคดานคณุ ธรรม หนา ๑๑๙-๑๒๐ จากน้ันใหนักเรียนรวมกันอภิปราย
๑. ใฝเรียนรู ๗.๑ จากการอานใบความรู ตัวอยางประโยชนของล
๒. มงุ ม่นั ในการทาํ งาน ชวยใหสิ่งตาง ๆ เคลื่อนที่ได เชน ใชแลนเรือ
ระหัดวิดน้ํา ชวยพัดพาเมล็ดพืชใหกระจาย
ตําแหนงเดิม นําลมไปใชในยานพาหนะเพ่ือใหย
๗.๒ จากการอานใบความรู ตัวอยางโทษของลมมีอ
หรือกลิ่นเหม็นเขาสูบานเรือน ถาเปนลมท
ความเสียหายตอชีวิตและทรัพยสิน)
(สําหรับครูผูสอน) กลุมสาระการเรยี นรวู ิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (วิทยาศาสตร) ภาคเรียนท่ี 2 ช้ันประถมศกึ ษาปท ่ี 3 (ฉบับปรับปรุง)
๒ ประโยชนและโทษของลม
ที่ ๒ การเกิดลม เวลา ๒ ช่วั โมง
าสตรและเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปท่ี ๓
เกณฑการประเมนิ
ประโยชนแ ละโทษของลมได) ๑. การตอบคําถามในแบบฝกหัด
กิจกรรมนี้เพื่ออานขอมูลและบรรยายประโยชนและ ไดถูกตองดว ยตนเอง
- มากกวา ๘๐ % ได ๓ คะแนน
หนา ๑๑๘ จากน้ันรวมกันอภิปรายข้ันตอนการทํา - ๕๐% - ๗๙ % ได ๒ คะแนน
- ตํ่ากวา ๕๐% ได ๑ คะแนน
และโทษของลม) ๒. มที กั ษะกระบวนการทาง
อ (อภิปรายและเขียนผงั ความคิดสรุปประโยชนและ วทิ ยาศาสตรข ณะทาํ กจิ กรรม
- มากกวา ๘๐ % ได ๓ คะแนน
รียนอานใบความรู เรอื่ ง ประโยชนและโทษของลม - ๕๐% - ๗๙ % ได ๒ คะแนน
ย โดยครูใชคําถาม ดังนี้ - ตํ่ากวา ๕๐% ได ๑ คะแนน
ลมมีอะไรบาง (ประโยชนของลม เชน พลังงานลม ๓. มีคุณลักษณะดานคุณธรรม
อใบ ใชในการหมุนกังหันลมผลิตไฟฟาหรือหมุน - มากกวา ๘๐ % ได ๓ คะแนน
ชวยพัดพาตะกอนบนผิวโลกใหเคลื่อนที่ไปจาก - ๕๐% - ๗๙ % ได ๒ คะแนน
ยานพาหนะเคลื่อนท่ี) - ตํ่ากวา ๕๐% ได ๑ คะแนน
อะไรบาง (โทษของลม เชน ลมพัดพาฝุนละออง
ที ่เ ค ลื ่อ น ที ่ด ว ย ค ว า ม เ ร ็ว ส ูง ห ร ือ พ า ย ุทํ า ใ ห เ ก ิ ด
ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาํ หรับครผู สู้ อน) กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (วทิ ยาศาสตร์) ภาคเรียนท่ี 2 ช้ันประถมศกึ
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๒.๒
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ อากาศและการเกดิ ลม หนว่ ยย่อยท
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศา
๘. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและเขียนผังความคิด
ประโยชน์และโทษของลม หน้า ๑๒๑ และให้นักเรีย
ขั้นสรปุ (๕ นาที)
๙. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสรุปแนวคิดหรือสิ่งท่ีได้เรียน
ของลม
๑๐. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า ลม
ลม เช่น ใช้เป็นแหล่งพลังงานผลิตไฟฟ้า ใช้ในการท
ด้วยความเร็วสงู จะทําให้เกิดความเสยี หายตอ่ ชีวติ และ
๑๑. ครูอาจให้นักเรียนไปสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับประโยชน
ใบความรเู้ ป็นการบา้ น
ชวั่ โมงที่ ๒
ข้นั นาํ (๑๐ นาท)ี
๑๒. ครูทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรมในชั่วโมงที่ผ
เขียนประโยชน์และโทษของลมลงในกระดาษโด
เพิ่มเติมมาจากบ้าน
กษาปีท่ี 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๒๕๓
๒ ประโยชนแ์ ละโทษของลม
ท่ี ๒ การเกดิ ลม
าสตรแ์ ละเทคโนโลยี เวลา ๒ ชัว่ โมง
ดสรุปประโยชน์และโทษของลม ลงในใบงาน ๐๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๓
ยนออกมานาํ เสนอ
นรู้ในช่ัวโมงน้ีด้วยตนเองเกี่ยวกับประโยชน์และโทษ
มมีท้ังประโยชน์และโทษต่อสิ่งมีชีวิต ประโยชน์ของ
ทํากิจกรรมต่าง ๆ โทษของลม เช่น หากลมเคล่ือนที่
ะทรัพย์สิน
น์และโทษของลมนอกเหนือจากตัวอย่างท่ีได้จากใน
ผ่านมา โดยแจกกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ให้นักเรียน
ดยใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาแล้วหรือไปสืบค้นข้อมูล
๒๕๔ ชุดการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๒.๒
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๕ อากาศและการเกดิ ลม หน่วยยอ่ ยท
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศา
ข้ันสอน (๔๕ นาท)ี
๑๓. ครูแจ้งจุดประสงค์ให้นักเรียนทราบว่าช่ัวโมงนี้ นัก
อกี คร้งั และตอบคําถามเพือ่ ทบทวนสิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้
๑๔. ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายและสรุปเก่ียวกบั ประ
๑๕. ครูใหน้ กั เรียนตอบคําถามหลังจากทํากจิ กรรม หน้า ๑
๑๖. ครูให้นักเรียนทําใบงาน ๐๒ แบบฝึกหัด เร่ืองประโย
คําตอบร่วมกับนักเรียน
ขั้นสรุป (๕ นาท)ี
๑๗. ครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรียนสรุปแนวคดิ หรอื ส่ิงที่ได้เรยี น
ของลม
๑๘. ครใู หน้ กั เรยี นรว่ มกันสรุปเก่ียวกับหน่วยย่อยท่ี ๒ การ