The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนฐิติยาตาพัชญาพร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wirada70, 2021-05-27 10:03:35

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนฐิติยาตาพัชญาพร

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนฐิติยาตาพัชญาพร

ตาพัชญาพร ระดับมธั ยมศึกษา - การนำความรู้เก่ยี วกบั ๘
ปริมาตรของปรซิ ึมและ
นำความรเู้ กยี่ วกบั ปรมิ าตร ทรงกระบอก ไปใช้ในการ
รซิ มึ และทรงกระบอก ไปใช้ แก้ปญ� หา
รแกป้ ญ� หา
การสร้างทางเรขาคณิต
ร้างทางเรขาคณติ - การนำความรูเ้ กีย่ วกับการ
นำความรเู้ ก่ยี วกบั การสรา้ ง สรา้ งทางเรขาคณิตไปใช้ใน
รขาคณิตไปใช้ในชีวติ จริง ชีวติ จรงิ

นาน เส้นขนาน ๑๑
ติเก่ยี วกบั เส้นขนานและรปู - สมบัติเกยี่ วกับเสน้ ขนาน ๑๐
หลีย่ ม และรูปสามเหลย่ี ม

ปลงทางเรขาคณิต การแปลงทางเรขาคณติ
เล่อื นขนาน - การเลื่อนขนาน
สะท้อน - การสะท้อน
หมุน - การหมนุ

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)



หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นฐติ ิยาต

คณติ ศาสตร์และป�ญหาใน - การน

ชวี ิตจริง ทางเร

แกป้ �ญ

๔. เข้าใจและใชส้ มบัติของ ความเ

รูปสามเหล่ยี มท่ีเทา่ กันทุก - ความ

ประการในการแกป้ �ญหา สามเห

คณติ ศาสตรแ์ ละปญ� หาใน - การน

ชวี ติ จรงิ เทา่ กัน

แก้ป�ญ

๕. เข้าใจและใช้ทฤษฎบี ทพี ทฤษฎ

ทาโกรสั และบทกลบั ในการ - ทฤษ

แก้ป�ญหาคณิตศาสตรแ์ ละ - การน

ป�ญหาในชวี ิตจรงิ พีทาโก

จรงิ

สาระท่ี ๓ มาตรฐาน ค ๓.๑ เข้าใจ ๑. เขา้ ใจและใชค้ วามรทู้ าง สถติ ิ
สถติ แิ ละ
ความน่าจะ กระบวนการทางสถติ ิ และใช้ สถติ ใิ นการนำเสนอขอ้ มูล - การน
เป�น
ความรู้ทางสถิตใิ นการ และวิเคราะห์ข้อมลู จาก O แผ

แก้ปญ� หา แผนภาพจากแผนภาพต้น- O แผ

ใบ ฮิสโทแกรม และคา่ กลาง O ฮสิ

ของข้อมลู และแปล O คา่

ความหมายผลลัพธร์ วมท้ัง - การแ

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นฐติ ยิ าตาพชั ญาพร ระดับมธั ยมศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศัก



ตาพชั ญาพร ระดับมัธยมศึกษา - การนำความร้เู กย่ี วกับการ ๙
แปลงทางเรขาคณติ ไปใชใ้ น ๑๒
นำความร้เู กย่ี วกับการแปลง การแก้ปญ� หา ๑๒
รขาคณิตไปใชใ้ นการ
ญหา ความเท่ากันทุกประการ
เทา่ กนั ทุกประการ - ความเท่ากันทกุ ประการ
มเท่ากันทุกประการของรปู ของรปู สามเหลี่ยม
หลี่ยม - การนำความรเู้ กยี่ วกบั
นำความรเู้ ก่ียวกบั ความ ความเท่ากนั ทุกประการไป
นทกุ ประการไปใชใ้ นการ ใชใ้ นการแกป้ ญ� หา
ญหา
ฎบี ทพที าโกรัส ทฤษฎบี ทพที าโกรัส
ษฎบี ทพีทาโกรัสและบทกลับ - ทฤษฎบี ทพีทาโกรัสและ
นำความรเู้ ก่ยี วกบั ทฤษฎีบท บทกลบั
กรัสและบทกลับไปใช้ในชวี ิต - การนำความร้เู ก่ยี วกบั
ทฤษฎีบทพีทาโกรัสและบท
นำเสนอและวิเคราะหข์ ้อมลู กลบั ไปใช้ในชวี ิตจรงิ
ผนภาพจุด
ผนภาพต้น-ใบ สถิติ
สโตแกรม - การนำเสนอและวิเคราะห์
ากลางของข้อมูล ข้อมลู
แปลความหมายผลลพั ธ์ O แผนภาพจุด
O แผนภาพต้น-ใบ
O ฮิสโตแกรม
O ค่ากลางของขอ้ มลู

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)

๕๖

หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนฐติ ิยาต

นำซื้อติดไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ - การน
โดยใช้เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม

คะแนนสอบกลา
คะแนนสอบปลา
คะแนนข้อสอบกลาง/ส่วนกล

รวมทงั้ สิน้ ตล

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนฐิติยาตาพชั ญาพร ระดับมธั ยมศกึ ษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั

๕๗

ตาพชั ญาพร ระดับมธั ยมศกึ ษา - การแปลความหมาย
ผลลพั ธ์
นำสถิตไิ ปใชใ้ นชีวติ จริง - การนำสถติ ไิ ปใช้ในชวี ิต
จริง
างภาค
ายภาค ๑๐๐
ลางกำหนด ๒๐ %
ลอดป�

กราช 2551(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)



หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนฐติ ิยาต

ระดบั ชน้ั มธั ยม

กลุ่มสาระการเรียนร.ู้ ..................คณติ

จำนวนมาตรฐาน....๓.....มาตรฐาน และจ

สาระ มาตรฐาน ตวั ชว้ี ัด สา

สาระท่ี ๑ มาตรฐาน ค ๑.๒ เข้าใจและ ๑. เข้าใจและใชก้ ารแยกตวั การ
จำนวนและ
พชี คณิต วิเคราะห์แบบรปู ประกอบของพหนุ ามที่มดี กี รสี งู นาม

ความสมั พันธ์ ฟง� กช์ นั ลำดับ กวา่ สองในการแก้ป�ญหา -ก
และอนกุ รม และนำไปใช้ คณติ ศาสตร์ พห

มาตรฐาน ค ๑.๓ ใชน้ พิ จน์ ๒. เขา้ ใจและใช้ความรู้เกยี่ วกบั ฟ�ง
สมการ และอสมการ อธบิ าย ฟ�งก์ชนั กำลังสองในการแกป้ ญ� หา -ก
ความสมั พันธ์หรอื ชว่ ย คณติ ศาสตร์ สอ
แก้ปญ� หาท่กี ำหนดให้ -ก
๑. เขา้ ใจและใชส้ มบตั ิของการไม่ ฟ�ง
เท่ากันเพอ่ื วิเคราะห์และ กา
แก้ป�ญหา โดยใช้อดั สมการเชงิ
เสน้ ตัวแปรเดยี ว อส
เดีย
-อ
เดยี
-ก
แป

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นฐติ ยิ าตาพัชญาพร ระดับมัธยมศกึ ษา ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศัก

๕๘

ตาพชั ญาพร ระดับมธั ยมศกึ ษา

มศกึ ษาปท� ี่ ๓
ตศาสตร.์ ................ชัน้ ......ม.๓............
จำนวนตวั ชีว้ ัด......๑๒..........ตัวชี้วัด ต่อป�
าระการเรยี นรแู้ กนกลาง* หนว่ ยการเรียนรู้/เนื้อหาทส่ี อน ช่วั โมง คะแนน

รแยกตวั ประกอบของพหุ การแยกตวั ประกอบของพหุนาม ๑๒
ม - การแยกตัวประกอบของพหุ
การแยกตัวประกอบของ นามดีกรีสูงกว่าสอง

หุนามดกี รสี งู กว่าสอง

งก์ชนั กำลังสอง ฟ�งกช์ นั กำลงั สอง ๑๐
กราฟของฟ�งกช์ นั กำลงั - กราฟของฟ�งกช์ นั กำลังสอง ๑๒
อง - การนำความรู้เกยี่ วกบั ฟง� ก์ชนั
การนำความรเู้ กีย่ วกบั กำลังสองไปใชใ้ นการแกป้ �ญหา
งก์ชันกำลังสองไปใชใ้ น
ารแกป้ �ญหา อสมการเชิงเสน้ ตวั แปรเดยี ว
- อสมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี ว
สมการเชิงเสน้ ตวั แปร - การแกส้ มการเชิงเส้นตวั แปร
ยว เดยี ว
อสมการเชิงเสน้ ตวั แปร - การนำความร้เู ก่ยี วกบั การแก้
ยว อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียวไป
การแกส้ มการเชงิ เส้นตัว ใชใ้ นการแกป้ ญ� หา
ปรเดียว

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)



หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนฐิติยาต

-ก

แก

เดยี

๒. ประยุกตใ์ ช้สมการกำลังสอง สม

ตวั แปรเดียวในการแกป้ �ญหา เดีย
คณติ ศาสตร์ -ส
เดีย

-ก

ตวั

-ก

แก

เดีย

๓. ประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบสมการเชิง ระบ

เส้นสองตวั แปรในการแกป้ ญ� หา - ระ

คณิตศาสตร์ ตวั แ

-ก

เส้น

-ก

แก้ร

ตวั แ

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนฐิติยาตาพชั ญาพร ระดบั มัธยมศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั

๕๙

ตาพัชญาพร ระดบั มธั ยมศึกษา

การนำความรูเ้ กี่ยวกับการ

ก้อสมการเชิงเสน้ ตัวแปร

ยวไปใช้ในการแกป้ �ญหา

มการกำลังสองตวั แปร สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ๑๒
๑๒
ยว - สมการกำลงั สองตวั แปรเดียว

สมการกำลังสองตัวแปร - การแกส้ มการกำลงั สองตวั แปร

ยว เดียว

การแกส้ มการกำลงั สอง - การนำความรู้เก่ียวกับการแก้

วแปรเดยี ว สมการกำลังสองตัวแปรเดยี วไป

การนำความร้เู ก่ียวกบั การ ใชใ้ นการแก้ปญ� หา

กส้ มการกำลงั สองตัวแปร

ยวไปใช้ในการแก้ป�ญหา

บบสมการ ระบบสมการ

ะบบสมการเชงิ เส้นสอง - ระบบสมการเชงิ เสน้ สองตัว

แปร - การแก้ระบบสมการเชิงเสน้ สอง

การแกร้ ะบบสมการเชงิ ตวั แปร

นสองตัวแปร - การนำความรเู้ กยี่ วกบั การแก้

การนำความรู้เกยี่ วกบั การ ระบบสมการเชงิ เสน้ สองตัวแปร

ระบบสมการเชิงเสน้ สอง ไปใช้ในการแกป้ �ญหา

แปรไปใช้ในการแก้ป�ญหา

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)



หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนฐิติยาต

สาระท่ี ๒ มาตรฐาน ค ๒.๑ เข้าใจ ๑.ประยกุ ต์ใช้ความรเู้ ร่อื งพื้นทผี่ วิ พืน้
การวัดและ
เรขาคณิต พืน้ ฐานเก่ยี วกับการวดั วัด ของพีระมิด กรวย และทรงกลม - ก

และคาดคะเนขนาดของสง่ิ ที่ ในการแก้ป�ญหาคณิตศาสตรแ์ ละ กรว

ต้องการวัดและนำไปใช้ ปญ� หาในชวี ิตจรงิ -ก

พ้นื

และ

แก้ป

๒.ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้เรื่อง ปรมิ

ปรมิ าตรของพีระมดิ กรวย และ - ก

ทรงกลมในการแก้ป�ญหา พรี ะ

คณติ ศาสตรแ์ ละป�ญหาในชีวติ - ก

จรงิ ปริม

และ

แกป้

มาตรฐาน ค ๒.๒ เข้าใจและ ๑. เขา้ ใจและใชส้ มบัตขิ องรูป ควา

วิเคราะหร์ ปู เรขาคณติ สมบัติ สามเหลีย่ มทีค่ ลา้ ยกนั ในการ - รูป

ของรปู เรขาคณิต แกป้ ญ� หาคณิตศาสตร์และปญ� หา - ก

ความสมั พันธ์ระหวา่ งรูป ในชวี ิตจริง ควา

เรขาคณิต และทฤษฎบี ททาง แกป้

เรขาคณิต และนำไปใช้

๒. เข้าใจและใชค้ วามร้เู กย่ี วกับ อตั

อัตราสว่ นตรโี กณมติ ใิ นการ - อ

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนฐติ ิยาตาพัชญาพร ระดบั มัธยมศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศัก



ตาพชั ญาพร ระดบั มธั ยมศกึ ษา

นที่ผวิ พ้ืนท่ีผิว ๑๐
๑๐
การหาพ้นื ทผี่ ิวของพีระมดิ - การหาพน้ื ทผี่ วิ ของพีระมิด ๑๐
๑๐
วย และทรงกลม กรวย และทรงกลม

การนำความรู้เกยี่ วกับ - การนำความรูเ้ กย่ี วกับพืน้ ท่ีผวิ

นท่ีผิวของพีระมดิ กรวย ของพีระมดิ กรวย และทรงกลม

ะทรงกลม ไปใชใ้ นการ ไปใช้ในการแกป้ ญ� หา

ปญ� หา

มาตร ปริมาตร

การหาปรมิ าตรของ - การหาปรมิ าตรของพรี ะมิด

ะมิด กรวย และทรงกลม กรวย และทรงกลม

การนำความรเู้ กย่ี วกับ - การนำความร้เู กยี่ วกับปริมาตร

มาตรของพีระมิดกรวย ของพรี ะมดิ กรวย และทรงกลม

ะทรงกลม ไปใช้ในการ ไปใช้ในการแกป้ �ญหา

ป�ญหา

ามคลา้ ย ความคลา้ ย

ปสามเหลี่ยมทค่ี ล้ายกัน - รูปสามเหล่ยี มทีค่ ลา้ ยกัน

การนำความรูเ้ กย่ี วกับ - การนำความรเู้ กี่ยวกบั ความ

ามคล้ายไปใชใ้ นการ คล้ายไปใช้ในการแกป้ ญ� หา

ปญ� หา

ตราส่วนตรโี กณมิติ อตั ราสว่ นตรโี กณมติ ิ
อตั ราส่วนตรีโกณมิติ - อัตราส่วนตรีโกณมติ ิ

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)



หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นฐติ ิยาต

แกป้ �ญหาคณติ ศาสตร์และปญ� หา - ก

ในชีวิตจรงิ ตรีโ

๓๐

๖๐

แกป้

๓. เข้าใจและใชท้ ฤษฎีบท วงก

เกี่ยวกบั วงกลมในการแกป้ ญ� หา - วง

คณติ ศาสตร์ สัม

-ท

สาระที่ ๓ มาตรฐาน ค ๓.๑ เข้าใจ ๑. เขา้ ใจและใชค้ วามรทู้ างสถิติ สถติ
สถิติและ
ความนา่ จะ กระบวนการทางสถติ ิ และใช้ ในการนำเสนอและวิเคราะห์ - ข
เป�น
ความรูท้ างสถิตใิ นการ ข้อมูลจากแผนภาพกล่องและ ขอ้ ม

แกป้ ญ� หา แปลความหมายผลลัพธร์ วมทงั้ นำ O

เซนป�นไปใชใ้ นชีวิตจริงโดยใช้ - ก

เทคโนโลยีที่เหมาะสม ผลล

-ก

จรงิ

มาตรฐาน ค ๓.๒ เข้าใจ ๑. เข้าใจเกี่ยวกบั การทดลองสุม่ ควา

หลักการนบั เบอื้ งต้น ความ และนำผลทไี่ ดไ้ ปหาความนา่ จะ - เห

น่าจะเป�น และนำไปใช้ เป�นของเหตกุ ารณ์ สุ่ม

-ค

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นฐิตยิ าตาพัชญาพร ระดับมัธยมศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศัก



ตาพชั ญาพร ระดบั มธั ยมศึกษา

การนำคา่ อัตราสว่ น - การนำค่าอตั ราสว่ นตรีโกณมิติ

โกณมติ ขิ องมมุ ของมมุ

๐ องศา ๔๕ องศาและ ๓๐ องศา ๔๕ องศาและ ๖๐

๐ องศาไปใชใ้ นการ องศาไปใช้ในการแกป้ �ญหา

ปญ� หา

กลม วงกลม ๖

งกลม คอรด์ และเส้น - วงกลม คอรด์ และเสน้ สมั ผสั

มผสั - ทฤษฎบี ทเก่ยี วกับวงกลม

ทฤษฎบี ทเก่ียวกบั วงกลม

ติ สถติ ิ

ขอ้ มลู และการวเิ คราะห์ - ขอ้ มลู และการวเิ คราะหข์ ้อมลู

มูล O แผนภาพกลอ่ ง

O แผนภาพกลอ่ ง - การแปลความหมายผลลัพธ์

การแปลความหมาย - การนำสถิติไปใชใ้ นชวี ติ จริง

ลัพธ์

การนำสถติ ไิ ปใช้ในชวี ติ



ามนา่ จะเป�น ความน่าจะเป�น

หตุการณ์จากการทดลอง - เหตุการณ์จากการทดลองสุ่ม

ม - ความน่าจะเป�น

ความนา่ จะเปน� - การนำความรู้เกี่ยวกบั ความ

นา่ จะเป�นไปใช้ในชีวิตจรงิ

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)



หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนฐิติยาต

-ก
ควา
จริง
คะแนนสอบกลา
คะแนนสอบปลา
คะแนนข้อสอบกลาง/ส่วนกล
รวมท้ังสน้ิ ตล

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นฐิติยาตาพัชญาพร ระดับมธั ยมศึกษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศัก

๖๒

ตาพชั ญาพร ระดับมธั ยมศึกษา ๑๐๐

การนำความรู้เก่ยี วกับ
ามน่าจะเป�นไปใชใ้ นชีวติ

างภาค

ายภาค

ลางกำหนด ๒๐ %

ลอดป�

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)



หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นฐิติยาต

กลมุ่ สาระการเรีย

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนฐติ ยิ าตาพชั ญาพร ระดบั มัธยมศึกษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศัก

๖๓

ตาพัชญาพร ระดบั มธั ยมศึกษา

ยนรวู้ ิทยาศาสตร์

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)



สาระ มาตรฐาน หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนฐิติยาต

สาระท่ี ๑ ชนั้ มัธยมศ
วิทยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นร.ู้ ..................วิทยา
ชีวภาพ จำนวนมาตรฐาน......๗.....มาตรฐาน และจ

ตวั ชี้วัด สาร

มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจ ๑. เปรยี บเทียบรูปรา่ ง - เซลลเ์ ป�นห
สมบัตขิ องสิ่งมีชีวิต หน่วย ลกั ษณะ และโครงสรา้ ง ของ ส่ิงมีชีวิต บา
พ้ืนฐานของสงิ่ มีชีวิต การ เซลลพ์ ชื และเซลลส์ ตั ว์ เชน่ อะมีบา
ลำเลยี งสารเข้า และออก รวมทัง้ บรรยายหนา้ ท่ี ของ หลายเซลล์ เ
จากเซลล์ ความสัมพนั ธ์ ผนงั เซลล์ เย่อื หุม้ เซลล์ ไซ
ของโครงสรา้ งและหนา้ ที่ โทพลาซึม - โครงสร้างพ
ของระบบต่าง ๆ ของสตั ว์ เซลลส์ ตั ว์ แล
และมนษุ ยท์ ่ที ำงาน นวิ เคลยี ส แวควิ โอล ไมโท จลุ ทรรศนใ์ ช
สมั พันธก์ ันความสัมพนั ธ์ คอนเดรีย โทพลาซมึ แ
ของโครงสร้างและหน้าที่ เซลลพ์ ืชแต่ไ
ของอวยั วะต่าง ๆ ของพชื และคลอโรพลาสต์ เซลลแ์ ละคล
ที่ทำงานสัมพันธ์กนั
รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ ๒. ใชก้ ล้องจลุ ทรรศนใ์ ช้แสง - โครงสรา้ งต
ประโยชน์ ศึกษาเซลล์ และ โครงสรา้ ง แตกตา่ งกนั
ตา่ ง ๆ ภายในเซลล์
- ผนงั เซลล์ ท
เซลล์

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นฐติ ยิ าตาพัชญาพร ระดับมธั ยมศกึ ษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั

๖๔

ตาพัชญาพร ระดับมธั ยมศกึ ษา

ศึกษาปท� ี่ ๑

าศาสตร.์ ................ชัน้ ......ม.๑............

จำนวนตัวชวี้ ดั .......๕๒...........ตัวช้วี ดั ตอ่ ป�

ระการเรียนรแู้ กนกลาง* หน่วยการเรียนรู/้ เวลา คะแนนเกบ็
(ชวั่ โมง)
เน้ือหา/กจิ กรรม
๑๒
หนว่ ยพื้นฐานของสิ่งมีชวี ิต หนว่ ยของส่งิ มชี ีวิต

างชนิดมีเซลล์เพยี งเซลลเ์ ดยี ว ๑. เซลลข์ องสง่ิ มชี ีวติ
พารามเี ซยี ม ยสี ต์ บางชนิดมี -ประเภทของสงิ่ มชี วี ิต
เชน่ พชื สตั ว์

พนื้ ฐานท่พี บทั้งในเซลล์พืชและ -กล้องจลุ ทรรศน์

ละสามารถสังเกตได้ดว้ ยกล้อง -โครงสรา้ งของเซลล์

ช้แสง ได้แก่ เยือ่ หมุ้ เซลล์ ไซ ๒. การลำเลยี งสารเข้า
และนิวเคลียส โครงสร้างที่พบใน และออกจากเซลล์
ไมพ่ บในเซลลส์ ัตว์ ไดแ้ ก่ ผนัง
-การแพร่
ลอโรพลาสต์

ต่าง ๆ ของเซลลม์ ีหนา้ ท่ี -การออสโมซสิ

ทำหนา้ ท่ใี หค้ วามแข็งแรงแก่

กราช 2551(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)



หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นฐิติยาต

- เย่อื หุ้มเซล
ควบคมุ การ
เซลล์

- นิวเคลยี ส
ของเซลล์

- ไซโทพลาซ
แตกตา่ งกัน

- แวควิ โอล ท

- ไมโทคอนเ
สลายสาร

อาหารเพ่อื ให

- คลอโรพลา
สังเคราะห์ ด

๓. อธิบายความสัมพนั ธ์ - เซลล์ของส
ระหวา่ งรูปรา่ ง กบั การทำ หลากหลาย
หนา้ ท่ีของเซลล์ ของเซลล์นนั้
เสน้ ใยประสา
ประสาทไปย

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนฐติ ยิ าตาพัชญาพร ระดับมัธยมศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศัก

๖๕

ตาพชั ญาพร ระดับมัธยมศึกษา

ลล์ ทำหนา้ ท่ีห่อหุม้ เซลล์และ
รลำเลยี งสารเข้าและออกจาก

ทำหนา้ ท่ีควบคมุ การทำงาน

ซึม มอี อร์แกเนลล์ทีท่ ำหน้าที่

ทำหน้าทีเ่ ก็บนำ้ และสารตา่ ง ๆ
เดรยี ทำหน้าทเี่ กี่ยวกับการ

หไ้ ดพ้ ลงั งานแก่เซลล์
าสต์ เปน� แหลง่ ท่เี กิดการ
ดว้ ยแสง
ส่ิงมชี วี ิตมรี ปู ร่าง ลักษณะ ท่ี
และมคี วามเหมาะสมกบั หนา้ ท่ี
น เช่น เซลลป์ ระสาทสว่ นใหญ่ มี
าทเปน� แขนงยาว นำกระแส
ยังเซลลอ์ นื่ ๆ ที่ อยูไ่ กลออกไป

กราช 2551(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)



หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นฐิติยาต

เซลลข์ นราก
เซลลแ์ ละเยือ่
ลกั ษณะคล้า
ใน การดดู น้ำ

๔. อธบิ ายการจัดระบบของ - พชื และสตั
สงิ่ มชี วี ิต โดยเรม่ิ จาก เซลล์ จดั ระบบ โด
เนอ้ื เย่อื อวัยวะ ระบบอวัยวะ อวัยวะ ระบบ
จนเปน� สง่ิ มีชวี ิต ตามลำดับ เซ
เน้ือเย่ือ เน้อื
ทำงานรว่ มก
ทำงานร่วมก
อวยั วะ ทกุ ร

๕. อธบิ ายกระบวน การแพร่ - เซลล์มกี าร
และออสโมซสิ จาก หลักฐาน กระบวนการ
เชงิ ประจักษ์ และยกตัวอยา่ ง ขจดั สารบาง
การแพร่ และออสโมซิสใน นอกเซลล์ ก
ชีวิตประจำวนั เซลลม์ หี ลาย
เคลือ่ นทีข่ อง
เข้มขน้ ของส
เขม้ ข้น ของส

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนฐติ ิยาตาพัชญาพร ระดบั มธั ยมศกึ ษา ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั



ตาพชั ญาพร ระดบั มธั ยมศึกษา

ก เปน� เซลลผ์ ิวของราก ท่ีมีผนัง
อหุ้มเซลล์ยื่นยาวออกมา
ายขนเส้นเลก็ ๆ เพอื่ เพิ่มพน้ื ที่ผวิ
ำและธาตุอาหาร

ตว์เปน� ส่งิ มชี วี ติ หลายเซลลม์ ีการ
ดยเร่มิ จากเซลลไ์ ปเป�นเนือ้ เยอ่ื
บอวัยวะ และส่ิงมีชีวิต
ซลลห์ ลาย เซลลม์ ารวมกันเป�น
อเยื่อหลายชนิดมา รวมกนั และ
กันเปน� อวัยวะ อวัยวะต่าง ๆ
กนั เปน� ระบบอวัยวะ ระบบ
ระบบทำงานรว่ มกันเปน� สงิ่ มชี ีวิต

รนำสารเข้าสู่เซลล์ เพื่อใช้ใน
ร ต่าง ๆ ของเซลล์ และมีการ
งอย่าง ท่เี ซลลไ์ มต่ อ้ งการออก
การนำสารเข้า และออกจาก
ยวธิ ี เช่น การแพร่ เปน� การ
งสารจากบรเิ วณท่ีมีความ
สารสูงไปส่บู ริเวณท่ีมีความ
สารตำ่ ส่วนออสโมซสิ เปน� การ

กราช 2551(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)



หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นฐิติยาต

แพร่ของนำ้

ความเขม้ ขน้

มคี วามเข้มข

๖. ระบุป�จจยั ที่จำเป�นในการ - กระบวนกา
สังเคราะห์ด้วยแสง และ เกดิ ขึน้ ใน
ผลผลติ ท่ีเกิดขนึ้ จากการ
สังเคราะห์ด้วยแสง โดยใช้ คลอโรพลาส
หลักฐานเชิงประจักษ์ คารบ์ อนไดอ
ผลผลิตทไ่ี ด้จ
ได้แก่ นำ้ ตาล

๗. อธิบายความสำคัญของ - การสงั เครา
การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง ของ สำคัญ ต่อส่ิง
พชื ตอ่ สงิ่ มีชวี ิตและ เดยี ว ทส่ี ามา
ส่งิ แวดล้อม เปลีย่ นเปน� พ
อินทรยี แ์ ละเ
๘. ตระหนักในคณุ ค่าของพืช โครงสร้างขอ
ที่มีตอ่ ส่ิงมชี วี ิตและ และพลังงาน
สิง่ แวดลอ้ ม โดยการรว่ มกัน นอกจากนี้ ก

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นฐิตยิ าตาพัชญาพร ระดับมธั ยมศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั

๖๗

ตาพัชญาพร ระดบั มัธยมศกึ ษา

ผา่ นเยื่อหมุ้ เซลล์ จากดา้ นทีม่ ี

นของ สารละลายตำ่ ไปยังด้านท่ี

ขน้ ของ สารละลายสูงกวา่

ารสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื ท่ี การดำรงชีวิตของพืช ๒๒

สต์ จำเปน� ตอ้ งใช้แสง แกส๊ ๑. การสงั เคราะห์ดว้ ย
ออกไซด์ คลอโรฟล� ล์ และนำ้ แสง
จาก การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง
ลและ แกส๊ ออกซเิ จน -กระบวนการ
สงั เคราะห์ดว้ ยแสง

-ป�จจัยท่สี ำคญั ตอ่
กระบวนการสังเคราะห์
ด้วยแสง

าะหด์ ว้ ยแสง เปน� กระบวนการที่ ๒. การลำเลียงสารในพืช

งมชี ีวิต เพราะเป�นกระบวนการ -การลำเลยี งนำ้ และแร่
ารถนำพลงั งานแสงมา ธาตุ
พลงั งาน ในรูปสารประกอบ
เกบ็ สะสมในรปู แบบ ต่าง ๆ ใน -การลำเลยี งอาหาร

องพชื พชื จึงเป�นแหลง่ อาหาร ๓. การเจรญิ เติบโตของ

นที่สำคญั ของสง่ิ มชี ีวติ อ่นื พืช

กระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)



หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนฐิติยาต

ปลกู และดูแลรกั ษา ตน้ ไม้ใน ยงั เป�น กระบ

โรงเรียนและชมุ ชน ออกซิเจนให

อืน่ ใช้ในกระ

๙. บรรยายลักษณะและ - พชื มไี ซเลม็

หน้าทีข่ องไซเล็มและ โฟลเอม็ มีลกั ษณะคล

๑๐. เขยี นแผนภาพท่บี รรยาย เฉพาะท่ี โดย

ทศิ ทาง ธาตอุ าหาร ม

การลำเลยี งสารในไซเลม็ ต้น ใบ และ
และโฟลเอม็ ของพืช การสงั เคราะ
อื่นๆ สว่ นโฟ

ทไี่ ดจ้ ากการ

ลำเลียงจากบ

แสงไปสู่ส่วน

๑๑. อธบิ ายการสืบพันธุแ์ บบ - พืชดอกทกุ
อาศัยเพศ และ ไมอ่ าศัยเพศ เพศได้ และบ
ของพชื ดอก อาศยั เพศได

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นฐิตยิ าตาพัชญาพร ระดบั มัธยมศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศัก

๖๘

ตาพัชญาพร ระดับมัธยมศึกษา ๔. การสืบพนั ธ์ขุ องพืช

บวน การหลกั ในการสร้างแกส๊ -การสืบพันธุ์แบบไม่
อาศัยเพศของพชื
ห้กบั บรรยากาศ เพ่ือใหส้ ่งิ มีชีวติ

ะบวนการ หายใจ

-การสืบพันธุ์แบบ
อาศัยเพศของพืช

มและโฟลเอ็ม ซงึ่ เป�นเนือ้ เยือ่

ล้ายทอ่ เรียงตัวกันเป�นกลุม่
ยไซเลม็ ทำหนา้ ทลี่ ำเลียงนำ้ และ
มีทศิ ทางลำเลยี งจากรากไปสลู่ ำ
สว่ นตา่ ง ๆ ของพืช เพือ่ ใช้ใน
ะห์ด้วยแสง รวมถงึ กระบวนการ
ฟลเอม็ ทำหน้าท่ี ลำเลยี งอาหาร
รสังเคราะห์ด้วยแสง มที ิศทาง
บริเวณท่ีมกี ารสังเคราะห์ดว้ ย
นตา่ งๆ ของพืช

กชนิดสามารถสบื พนั ธแุ์ บบอาศัย
บางชนดิ สามารถสืบพนั ธุ์แบบไม่
ด้

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)



หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนฐิติยาต

๑๒. อธิบายลกั ษณะ

โครงสร้างของดอกทม่ี สี ่วน ทำ

ใหเ้ กดิ การถ่ายเรณู รวมท้งั - การสบื พนั
บรรยาย การปฏสิ นธขิ องพชื สืบพันธ์ทุ ่ีมีก
ดอก การเกิดผลและเมล็ด ไข่ การสืบพนั
เกดิ ขนึ้ ทีด่ อก
การกระจายเมลด็ และการ เกสรเพศผู้มีเ
งอกของเมลด็

ภายในออวลุ

เอ็มบรโิ อ ทำ

-การสืบพันธ
สืบพันธุท์ พ่ี ืช
ปฏิสนธริ ะหว
จากสว่ นตา่ ง
มกี ารเจรญิ เต
ใหมไ่ ด้

๑๓. ตระหนกั ถึงความสำคญั -การถ่ายเรณ

ของสตั วท์ ีช่ ่วยในการ ถา่ ยเรณู จากอบั เรณูไ

ของพชื ดอก โดยการไม่ เกี่ยวข้องกบั

ดอก เชน่ สีข

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นฐติ ยิ าตาพชั ญาพร ระดับมธั ยมศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศัก

๖๙

ตาพัชญาพร ระดบั มธั ยมศึกษา

นธแุ์ บบอาศัยเพศเปน� การ
การ ผสมกนั ของสเปร� ม์ กบั เซลล์
พนธ์ุ แบบอาศัยเพศของพชื ดอก
ก โดยภายใน อับเรณูของส่วน
เรณู ซงึ่ ทำหนา้ ท่ี สรา้ งสเปร� ์ม
ลของส่วนเกสรเพศเมีย มถี งุ
ำหนา้ ที่สร้างเซลลไ์ ข่

ธ์ุแบบไมอ่ าศัยเพศ เปน� การ
ช ต้นใหมไ่ มไ่ ดเ้ กดิ จากการ
วา่ งสเป�รม์ กบั เซลล์ไข่ แตเ่ กิด
งๆ ของพืช เชน่ ราก ลำตน้ ใบ
ตบิ โตและพฒั นาขน้ึ มา เปน� ต้น

ณู คือ การเคลอ่ื นยา้ ยของเรณู
ไปยงั ยอดเกสรเพศเมยี ซึ่ง
บ ลักษณะและโครงสร้างของ
ของกลบี ดอก ตำแหนง่ ของเกสร

กราช 2551(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)



หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนฐติ ิยาต

ทำลายชีวิต ของสัตว์ทีช่ ว่ ยใน เพศผูแ้ ละเก

การถ่ายเรณู การถ่ายเรณ

- การถา่ ยเรณ
เกดิ ขนึ้ ที่ ถุงเ
ปฏสิ นธิจะได

เอนโดสเป�รม์
เอ็มบรโิ อ ออ
ไข่ พฒั นาไป

-ผลและเมล็ด
โดย วธิ ีการต
สภาพแวดลอ้
ของเมล็ด โด
เจริญออกมา
ท่สี ะสมภายใ
พัฒนา จนสา
เตม็ ที่ และส

๑๔. อธิบายความ สำคญั ของ - พืชต้องการ

ธาตุอาหาร ในการ เจรญิ

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนฐิติยาตาพชั ญาพร ระดับมธั ยมศกึ ษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศัก



ตาพชั ญาพร ระดบั มธั ยมศกึ ษา

กสรเพศ เมีย โดยมีสงิ่ ทชี่ ่วยใน
ณู เช่น แมลง ลม

ณจู ะนำไปสู่การปฏสิ นธิ ซ่ึงจะ
เอ็มบริโอภายในออวุล หลังการ
ด้ ไซโกต และ

ม ไซโกตจะพัฒนาตอ่ ไป เปน�
อวุลพฒั นาไปเปน� เมลด็ และรงั
ปเปน� ผล

ดมกี ารกระจายออกจากต้นเดิม
ตา่ งๆ เมือ่ เมลด็ ไปตกใน
อมท่ี เหมาะสมจะเกิดการงอก
ดยเอ็มบรโิ อ ภายในเมล็ดจะ
า โดยระยะแรก จะอาศัยอาหาร
ในเมล็ด จนกระทงั่ ใบแท้
ามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้
สรา้ งอาหารไดเ้ องตามปกติ

รธาตอุ าหารท่จี ำเปน� หลายชนดิ
ญเตบิ โตและการดำรงชีวิต

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)

๗๐

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นฐติ ิยาต

บางชนิดทมี่ ีผลตอ่ การ -พชื ตอ้ งการ

เจริญเติบโต และการ มาก ไดแ้ ก่ ไ

ดำรงชวี ิตของพืช โพแทสเซียม

กำมะถนั ซ่งึ

๑๕. เลอื กใช้ปยุ๋ ที่มีธาตอุ าหาร การเจรญิ เติบ

เหมาะสมกับพืชใน อาหารในรูป

สถานการณท์ กี่ ำหนด

๑๖. เลอื กวิธกี ารขยายพันธ์ุ - มนษุ ยส์ าม
พืชให้เหมาะสมกับ ความ แบบอาศยั เพ
ต้องการของมนษุ ย์ โดยใช้ ขยายพันธเุ์ พ
ความรู้ เกย่ี วกบั การสบื พันธ์ุ เมล็ด ท่ีไดจ้ า
ของพชื เพาะเลย้ี ง ว
แต่อาจมีลกั ษ
๑๗. อธิบายความ สำคัญของ ส่วนการตอน
เทคโนโลยี ติดตา การท
เปน� การนำค
การเพาะเลย้ี งเนื้อเย่ือพชื ใน อาศัยเพศขอ
การใช้ประโยชน์ ดา้ นตา่ ง ๆ เพอื่ ใหไ้ ดพ้ ืช
การขยายพนั
๑๘. ตระหนักถงึ ประโยชน์ กนั จึงควรเล
ของการขยายพันธุพ์ ืช โดย

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นฐติ ยิ าตาพชั ญาพร ระดบั มัธยมศกึ ษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศัก



ตาพัชญาพร ระดับมธั ยมศกึ ษา

รธาตอุ าหารบางชนิดในปริมาณ
ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส
ม แคลเซยี ม แมกนเี ซียม และ
งในดินอาจมีไมเ่ พียงพอ สำหรับ

บโตของพืช จงึ ต้องมีการให้ ธาตุ
ปของป๋ยุ กบั พืชอย่างเหมาะสม

มารถนำความรูเ้ รอ่ื งการสบื พันธุ์
พศและไม่อาศยั เพศ มาใช้ในการ
พ่ือเพ่มิ จำนวนพชื เชน่ การใช้
ากการสบื พันธแ์ุ บบอาศัยเพศมา
วธิ ีการน้จี ะได้พืชในปริมาณมาก
ษณะ ทแ่ี ตกต่างไปจากพอ่ แม่
นก่งิ การปก� ชำ การตอ่ กงิ่ การ
ทาบกง่ิ การเพาะเลี้ยง เนอ้ื เย่ือ
ความรู้เร่อื งการสบื พนั ธ์ุแบบ ไม่
องพชื มาใช้ในการขยายพันธ์ุ
ชท่มี ีลกั ษณะเหมอื นต้นเดมิ ซง่ึ
นธุ์ แต่ละวิธี มขี ้ันตอนแตกต่าง
ลอื กให้ เหมาะสมกับความ

กราช 2551(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)

๗๑

หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนฐติ ิยาต

การนำความรู้ไปใช้ใน ต้องการของ

ชวี ิตประจำวัน ของพชื และล

- เทคโนโลยกี
การนำ ความ
การเจรญิ เติบ
จำนวนพืช แ
เจริญเตบิ โตไ
จำนวนมากใ
เทคโนโลยกี า

เพ่อื การอนรุ
พืช ท่ีมีความ

สำคัญทางเศ
สาระสำคญั ใ

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนฐติ ยิ าตาพชั ญาพร ระดบั มธั ยมศกึ ษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั

๗๒

ตาพชั ญาพร ระดบั มัธยมศึกษา

งมนษุ ย์ โดยต้อง คำนงึ ถึงชนิด
ลกั ษณะการสบื พนั ธ์ขุ องพืช
การเพาะเล้ียงเน้ือเย่อื พืช เปน�
มรเู้ กย่ี วกับป�จจยั ที่จำเปน� ต่อ
บโต ของพชื มาใช้ในการเพ่มิ
และทำใหพ้ ืช สามารถ
ได้ในหลอดทดลอง ซึง่ จะได้ พชื
ในระยะเวลาสั้น และสามารถนำ
ารเพาะเลยี้ งเนอื้ เยื่อมาประยุกต์
รักษ์พันธุกรรมพืช ปรับปรุงพนั ธุ์

ศรษฐกิจ การผลติ ยาและ
ในพชื และอ่ืน ๆ

กราช 2551(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)



หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นฐติ ิยาต

สาระที่ ๒ วิทยา- มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจ ๑. อธบิ ายสมบตั ทิ างกายภาพ - ธาตแุ ต่ละช
ศาสตรก์ ายภาพ สมบัตขิ องสสาร องค์
บางประการของ ธาตโุ ลหะ สมบตั ิ ทางก
ประกอบของสสาร
ความสัมพันธร์ ะหว่าง อโลหะ และกงึ่ โลหะ โดยใช้ และ บางปร
สมบัตขิ องสสารกบั
โครงสร้างและแรงยดึ หลกั ฐาน เชิงประจักษ์ทไ่ี ด้ จดั กล่มุ ธาตุ
เหนีย่ วระหวา่ งอนุภาค
หลักและธรรมชาติ ของ จากการสังเกตและการทด ธาตุโลหะมีจ
การเปลยี่ นแปลงสถานะ
ของสสาร การเกดิ สอบ และใช้สารสน เทศทไี่ ด้ มนั วาว นำค
สารละลาย และการ
เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี จากแหลง่ ข้อมลู ตา่ ง ๆ หรือตีเปน� แผ

รวมท้งั จัดกลมุ่ ธาตุเป�นโลหะ หนาแนน่ ทง้ั ส

อโลหะ และ กง่ึ โลหะ เดือด จดุ หล

นำความรอ้ น

งา่ ย และมีคว

สมบัติ บางป

บางประการ

๒. วิเคราะหผ์ ลจากการใช้ธาตุ - ธาตโุ ลหะ อ
โลหะอโลหะ กง่ึ โลหะ และ แผร่ งั สีได้ จดั
ธาตุกมั มนั ตรังสี ที่มตี อ่
ส่ิงมีชีวิตสิ่งแวดลอ้ มเศรษฐกจิ

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนฐิติยาตาพัชญาพร ระดบั มธั ยมศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศัก

๗๓

ตาพัชญาพร ระดับมัธยมศึกษา

ชนดิ มสี มบตั เิ ฉพาะตัวและมี สารรอบตัว ๒๖

กายภาพบางประการเหมือนกัน ๑. สารและการจำแนก
ระการตา่ งกนั ซึ่งสามารถนำมา สาร
เป�นโลหะ อโลหะ และกง่ึ โลหะ
จดุ เดือด จดุ หลอมเหลวสูง มีผวิ -สมบตั ขิ องสาร

ความร้อน นำไฟฟ้า ดึงเป�นเสน้ -การจำแนกสาร

ผ่นบาง ๆ ได้ และ มคี วาม ๒. การเปล่ียนแปลงของ
สงู และตำ่ ธาตอุ โลหะ มจี ดุ สาร
ลอมเหลวต่ำ มีผวิ ไมม่ นั วาว ไม่
น ไม่นำไฟฟา้ เปราะ แตกหัก ๓. สารบรสิ ทุ ธิแ์ ละสาร
วามหนาแนน่ ต่ำ ธาตกุ ึ่งโลหะมี ผสม

ประการเหมอื นโลหะ และสมบัติ -สารบริสุทธ์ิ
ร เหมอื นอโลหะ
-สารผสม

-สมบัติของสารบรสิ ทุ ธ์ิ
และสารผสม

อโลหะ และก่ึงโลหะ ท่ีสามารถ
ดเป�นธาตกุ มั มันตรังสี

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)



หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนฐติ ิยาต

และสังคม จากข้อมูลที่

รวบรวมได้

๓. ตระหนกั ถงึ คณุ ค่าของการ - ธาตมุ ีทงั้ ปร
ใช้ธาตุโลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ โลหะ
ธาตุกัมมันตรงั สี โดยเสนอ
แนวทาง การใช้ธาตุอย่าง
ปลอดภยั ค้มุ คา่

อโลหะ กึ่งโล
คำนงึ ถงึ ผลก
เศรษฐกิจ แล

๔. เปรยี บเทียบจุดเดอื ด จดุ - สารบรสิ ทุ ธ
หลอมเหลวของสารบริสทุ ธ์ิ เดียว ส่วนสา
และสารผสม โดยการวดั ๒ ชนดิ ขน้ึ ไป
อุณหภูมิ เขยี นกราฟ แปล สมบตั ิบางปร
ความหมายขอ้ มูลจากกราฟ จุดเดือดและ
หรอื สารสนเทศ ผสมมจี ุดเดือ
ขึน้ อยู่กบั ชน
ดว้ ยกัน

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนฐิติยาตาพชั ญาพร ระดบั มธั ยมศกึ ษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศัก

๗๔

ตาพัชญาพร ระดับมัธยมศกึ ษา

ระโยชนแ์ ละโทษ การใชธ้ าตุ

ลหะ ธาตกุ มั มันตรังสี ควร
กระทบตอ่ ส่ิงมีชีวิต ส่ิงแวดล้อม
ละสงั คม
ธ์ิประกอบดว้ ยสารเพียงชนิด
ารผสมประกอบด้วยสารตั้งแต่
ป สารบริสุทธแิ์ ตล่ ะชนิดมี
ระการ ท่ีเป�นค่าเฉพาะตัว เชน่
ะ จุดหลอมเหลวคงที่ แตส่ าร
อด และจดุ หลอมเหลวไมค่ งที่
นิดและ สัดส่วนของสารทผี่ สมอยู่

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)



หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นฐิติยาต

๕. อธิบายและเปรยี บเทียบ - สารบรสิ ุทธ

ความหนาแน่นของ สาร หรอื มวลตอ่

บรสิ ุทธ์ิและสารผสม เฉพาะ ของส

๖. ใชเ้ ครอ่ื งมือเพือ่ วดั มวล หนึง่ แตส่ าร
และปริมาตรของ สารบรสิ ทุ ธิ์ ขึน้ อยกู่ ับชน
และสารผสม ด้วยกนั

สาระ มาตรฐาน ตวั ชวี้ ัด สาร

๗. อธิบายเกี่ยวกับ -สารบรสิ ุทธ
ความสัมพันธ์ระหว่างอะตอม สารประกอบ
ธาตุ และสารประกอบ โดยใช้ เล็กท่ีสดุ ทีย่ ัง
แบบจำลอง และสารสนเทศ เรยี กว่า อะต
ประกอบด้วย
สามารถแยก
เคมี ธาตุเขยี
สารประกอบ
๒ ชนดิ ข้ึนไป
อตั ราสว่ นคง
เปน� องค์ประ

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นฐติ ยิ าตาพชั ญาพร ระดับมธั ยมศกึ ษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศัก

๗๕

ตาพัชญาพร ระดบั มธั ยมศกึ ษา

ธิ์แต่ละชนิดมคี วามหนาแนน่
อหนึ่งหน่วยปริมาตรคงที่ เปน� ค่า
สารนั้น ณ สถานะและอุณหภูมิ
รผสมมีความหนาแน่นไม่คงที่
นดิ และสดั สว่ นของสารที่ผสมอยู่

ระการเรียนรแู้ กนกลาง* หนว่ ยการเรียนร/ู้ เวลา คะแนนเก็บ
เน้อื หา/กจิ กรรม (ชว่ั โมง)
ธแิ์ บง่ ออกเป�นธาตแุ ละ
บ ธาตุประกอบด้วยอนุภาคท่ี
งแสดง สมบัตขิ องธาตุน้ัน
ตอม ธาตแุ ตล่ ะชนิด
ยอะตอมเพยี งชนิดเดียวและไม่
กสลายเป�นสารอ่นื ไดด้ ว้ ยวิธที าง
ยนแทนด้วยสัญลกั ษณ์ธาตุ
บ เกิดจากอะตอมของธาตุตั้งแต่
ป รวมตัวกันทางเคมใี น
งที่ มีสมบัติ แตกตา่ งจากธาตทุ ี่
ะกอบ สามารถ แยกเป�นธาตุได้

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)



หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นฐติ ิยาต

ดว้ ยวธิ ที างเค

สามารถเขียน

๘. อธิบายโครงสรา้ งอะตอมที่ -อะตอมประ

ประกอบดว้ ย โปรตอน และ อเิ ลก็ ตร

นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอน โดย ธาตุ ชนดิ เดยี

ใช้ แบบจำลอง และเป�น ค่าเ

กลางทางไฟฟ

ไฟฟ้าลบ เมื่อ

เทา่ กบั จำนว

ไฟฟ้า โปรตอ

กลางอะตอม

อิเล็กตรอนเค

นวิ เคลยี ส

๙. อธบิ ายและเปรียบเทยี บ -สสารทกุ ชน
การจัดเรียงอนุภาค แรงยึด ชนิดเดียวกนั
เหน่ียวระหวา่ งอนภุ าค และ แก๊ส จะมกี า
การเคลอ่ื นที่ ของอนุภาคของ ระหว่าง อนุภ
สสารชนิดเดยี วกนั ในสถานะ แตกตา่ งกัน
ของสสาร

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นฐิติยาตาพชั ญาพร ระดบั มัธยมศกึ ษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศัก



ตาพัชญาพร ระดับมัธยมศึกษา

คมี ธาตแุ ละสารประกอบ
นแทนได้ดว้ ยสตู รเคมี

ะกอบดว้ ยโปรตอน นวิ ตรอน
รอน โปรตอนมปี ระจไุ ฟฟา้ บวก
ยวกันมจี ำนวนโปรตอนเท่ากัน
เฉพาะของธาตุนั้น นวิ ตรอนเป�น
ฟ้า สว่ นอิเลก็ ตรอนมปี ระจุ
ออะตอม มจี ำนวนโปรตอน
วนอเิ ลก็ ตรอน จะเปน� กลางทาง
อนและนิวตรอน รวมกนั ตรง
มเรียกวา่ นวิ เคลียส สว่ น
คลื่อนท่ีอยู่ในทวี่ า่ งรอบ

นิดประกอบดว้ ยอนุภาค โดยสาร
นท่ีมีสถานะของแขง็ ของเหลว
ารจดั เรียงอนุภาค แรงยดึ เหน่ยี ว
ภาค การเคล่ือนที่ของอนภุ าค
ซึ่งมีผลต่อรปู รา่ งและปรมิ าตร

กราช 2551(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)

๗๖

หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนฐติ ิยาต

ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส - อนุภาคขอ

โดยใช้แบบจำลอง เหนี่ยว ระหว

อยู่กบั ท่ี ทำใ

-อนุภาคของ
เหนย่ี ว ระหว
มากกว่าแก๊ส
อิสระเท่าแก
ปริมาตรคงท

-อนภุ าคของ
เหนี่ยว ระหว
เคลือ่ นท่ีได้ อ
รูปรา่ งและป

๑๐. อธิบายความสัมพนั ธ์ -ความร้อนม
ระหว่าง สสาร เมอ่ื ให
ของของแขง็
พลังงานความรอ้ นกบั การ เพ่ิมขนึ้ จนถึง
เปล่ยี นสถานะ ของสสาร โดย ความร้อนใน
ใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์และ ของเหลว เร
แบบจำลอง สถานะจากข

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนฐติ ยิ าตาพชั ญาพร ระดับมธั ยมศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศกั

๗๗

ตาพัชญาพร ระดบั มัธยมศกึ ษา

องของแข็งเรยี งชิดกัน มีแรงยดึ
วา่ งอนุภาคมากท่สี ดุ อนุภาคสั่น
ใหม้ ีรูปร่างและปรมิ าตรคงท่ี

งของเหลวอยใู่ กล้กัน มีแรงยึด
ว่างอนภุ าคน้อยกว่าของแข็งแต่
ส อนภุ าคเคลือ่ นทไี่ ดแ้ ตไ่ ม่เปน�
กส๊ ทำให้ มรี ปู รา่ งไมค่ งท่ี แต่
ที่

งแกส๊ อยู่ห่างกนั มาก มีแรงยดึ
วา่ งอนภุ าคน้อยทสี่ ดุ อนุภาค
อยา่ งอิสระทกุ ทิศทาง ทำให้มี
ปริมาตร ไมค่ งท่ี

มผี ลต่อการเปล่ยี นสถานะของ
ห้ความร้อนแก่ของแข็ง อนุภาค
ง จะมีพลังงานและอณุ หภูมิ
งระดบั หนึ่ง ซง่ึ ของแข็งจะใช้
นการเปลย่ี นสถานะ เปน�
รียกความร้อนท่ีใชใ้ นการเปลย่ี น
ของแขง็ เปน� ของเหลวว่า ความ

กราช 2551(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)



หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนฐิติยาต

รอ้ นแฝง ขอ
ขณะเปลย่ี นส
วา่ จดุ หลอม

- เมือ่ ใหค้ วา
ของเหลว จะ
จนถงึ ระดบั ห
ร้อนในการเป
ความรอ้ นท่ใี
ของเหลวเป�น
กลายเปน� ไอ
สถานะ จะค

- เมอื่ ทำใหอ้
ระดบั หนงึ่ แ
ของเหลว เร
ซ่ึงมีอุณหภมู
นนั้

- เม่ือทำใหอ้
จนถึง

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นฐติ ิยาตาพชั ญาพร ระดบั มธั ยมศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศัก

๗๘

ตาพัชญาพร ระดบั มัธยมศกึ ษา

องการหลอมเหลว และอณุ หภมู ิ
สถานะจะคงที่ เรียกอณุ หภูมิน้ี
มเหลว

ามร้อนแกข่ องเหลว อนุภาคของ
ะมีพลังงานและอณุ หภมู ิเพม่ิ ขึ้น
หน่ึง ซึง่ ของเหลวจะใชค้ วาม
ปลย่ี นสถานะ เปน� แก๊ส เรยี ก
ใช้ในการเปลี่ยนสถานะ จาก
นแกส๊ วา่ ความรอ้ นแฝงของการ
อ และอุณหภมู ิขณะเปลี่ยน
คงทีเ่ รียกอณุ หภูมิน้ีว่า จดุ เดอื ด

อณุ หภูมขิ องแก๊สลดลงจนถึง
แก๊สจะเปลย่ี นสถานะเป�น
รียกอุณหภมู ิ นีว้ า่ จดุ ควบแนน่
มิเดยี วกับจดุ เดอื ด ของของเหลว

อณุ หภูมิของของเหลวลดลง

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)



หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนฐติ ิยาต

ระดบั หนึ่ง ข
ของแข็ง เรีย
มีอุณหภูมิ เด
ของแขง็ นนั้

สาระท่ี ๒ มาตรฐาน ว ๒.๒ เขา้ ใจ ๑. สร้างแบบจำลองท่อี ธิบาย - เมอ่ื วัตถอุ ย
วทิ ยาศาสตร์ ธรรมชาติของแรงใน ความ สัมพนั ธร์ ะหวา่ ง ความ กระทำต่อ ว
กายภาพ ชีวิตประจำวัน ผลของแรง ดันอากาศกับความสูงจากพน้ื กระทำต่อวตั
ท่กี ระทำต่อวัตถุ โลก น้นั แรงที่อา
ตอ่ หนึ่งหน่วย
ลกั ษณะการเคลอื่ นท่แี บบ
ต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทั้ง -ความดนั อา
นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
จากพื้นโลก
ไป

อากาศเบาบ
ดนั อากาศก

มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจ ๑. วเิ คราะห์ แปลความหมาย -เมอื่ สสารได
ความหมายของพลังงาน ข้อมูล และคำนวณ ปริมาณ ทำให้ สสารเ
การเปลี่ยนแปลงและการ ความร้อนที่ทำใหส้ สารเปลีย่ น หรือเปลย่ี น
ถา่ ยโอนพลงั งาน

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นฐติ ิยาตาพชั ญาพร ระดบั มธั ยมศกึ ษา ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศกั

๗๙

ตาพัชญาพร ระดบั มธั ยมศึกษา

ของเหลวจะเปลยี่ นสถานะเปน�

ยกอณุ หภมู ินี้วา่ จุดเยือกแข็ง ซ่ึง

ดียวกับจุดหลอมเหลวของ

ยู่ในอากาศจะมแี รงที่อากาศ บรรยากาศ
วัตถุในทกุ ทศิ ทาง แรงทอ่ี ากาศ (หน่วยเดียวกบั สาระท่ี
ตถุ ขึ้นอยูก่ ับขนาดพน้ื ทีข่ องวตั ถุ ๓ มาตรฐาน ว ๓.๒)
ากาศ กระทำตั้งฉากกบั ผวิ วัตถุ
ยพ้นื ที่ เรียกวา่ ความดันอากาศ

ากาศมีความสมั พนั ธก์ ับความสูง

โดยบรเิ วณท่ีสูงจากพืน้ โลกขึ้น

บางลง มวลอากาศนอ้ ยลง ความ
กจ็ ะลดลง

ดร้ บั หรอื สูญเสยี ความร้อนอาจ พลงั งานความร้อน ๒๑
เปลีย่ นอณุ หภมู ิ เปลยี่ นสถานะ ๑. อุณหภูมิและการวดั
รปู รา่ ง
- เคร่ืองมอื วดั อณุ หภมู ิ

กราช 2551(ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)



หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนฐิติยาต

ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหว่างสสาร อุณหภูมิ และเปลี่ยนสถานะ -ปรมิ าณควา
และพลังงาน พลังงานใน
ชวี ติ ประจำวันธรรมชาติ โดยใช้สมการ อุณหภูมิ ข้ึน
ของคลน่ื ปรากฏการณท์ ี่
เกี่ยวขอ้ งกับเสียง แสง Q = mc∆t และ อณุ หภมู ิ ท่เี ป
และคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟา้
รวมทงั้ นำความร้ไู ปใช้ Q = mL -ปรมิ าณควา
ประโยชน์
๒. ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการวัด สถานะ

อุณหภูมขิ องสสาร ข้นึ กบั มวลแล

ขณะที่ สสาร

เปล่ียนแปลง

๓. สรา้ งแบบจำลองทีอ่ ธบิ าย - ความรอ้ นท
การขยายตวั หรอื หดตัวของ ได้
สสารเนอื่ งจากได้รบั หรือ
สูญเสยี ความรอ้ น เนื่องจากเมือ่

๔. ตระหนกั ถึงประโยชนข์ อง อนภุ าคเคลอ่ื
ความรขู้ องการหด และ ขยายตวั แตเ่
ขยายตวั ของสสารเน่ืองจาก อนุภาค เคล
ความรอ้ น โดยวเิ คราะห์
-ความรเู้ รอื่ ง

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนฐิติยาตาพชั ญาพร ระดบั มธั ยมศกึ ษา ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั


Click to View FlipBook Version