The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือบุหลันวรรณกรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

หนังสือบุหลันวรรณกรรม

หนังสือบุหลันวรรณกรรม

Keywords: บุหลันวรรณกรรม,วรรณกรรม

Kumpulan cerpen dan puisi karya penulis
Thailand dan Indonesia

รวมเรื่องสั้นและบทกวีจากนักเขียนไทยและอินโดนีเซีย

Short Stories and Poems by Thai and Indonesian Writers



Kumpulan cerpen dan puisi karya penulis
Thailand dan Indonesia

รวมเรื่องสั้นและบทกวีจากนักเขียนไทยและอินโดนีเซีย

Short Stories and Poems by Thai and Indonesian Writers



บุหลนั วรรณกรรม

ISBN 978-616-543-403-4
สงวนลขิ สิทธิผ์ ลงานแปล โดยส�ำนักงานศลิ ปวัฒนธรรมรว่ มสมัย กระทรวงวัฒนธรรม

ท่ีปรึกษา ผอู้ ำ� นวยการส�ำนักงานศิลปวฒั นธรรมรว่ มสมยั
ชาย นครชัย ผู้เชยี่ วชาญเฉพาะดา้ นส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย (วรรณศิลป์)
นาถนศิ า สุขจติ ต์ ผอู้ ำ� นวยการศูนย์เครอื ข่ายสัมพนั ธ์และแหล่งทุน
บุญเลศิ ค�ำด ี

บรรณาธกิ ารภาษาไทย
ขจรฤทธ์ิ รักษา

บรรณาธกิ ารภาษาอังกฤษ
มารเ์ ซล บารังค์

บรรณาธิการภาษาอินโดนเี ซยี
เพญ็ ศรี พานชิ , ฮามมั สุปรยี าด,ี ส่าหรี สฮุ ารโ์ ย

กองบรรณาธกิ าร รวีวรรณ เปล่ยี นพุ่ม
แสงทวิ า นราพชิ ญ์ ปนัดดา นมิ่ นวล
วจั ณยี ์ สุขสันทดั ชาระที เมอื งอยู่
อมรรตั น์ สมิ ะไพศาล

คณะอนุกรรมการคัดสรรเร่อื งสนั้ ไทย
กนกวลี กันไทยราษฎร์, ขจรฤทธิ์ รักษา, จรญู พร ปรปักษป์ ระลยั

คณะอนกุ รรมการคดั สรรบทกวีไทย
ยทุ ธ โตอดเิ ทพย,์ พนิ จิ นิลรัตน,์ โชคชยั บณั ฑิตศลิ ะศักดิ์

ออกแบบปก
ธันยช์ นก ยาวิลาศ

ภาพประกอบ
ปฐวี จนั ทาพรหม

ขอขอบคุณคำ� แนะน�ำในการเรยี บเรียงผลงานจากอนิ โดนีเซยี
ยศยอด คลังสมบตั ,ิ อรองค์ ชาคร, ซะการยี ์ยา อมตยา

จดั ท�ำโดย
สำ� นักงานศิลปวฒั นธรรมรว่ มสมยั กระทรวงวัฒนธรรม
666 ชั้น 17 อาคารธนาลงกรณ์ ถนนบรมราชชนนี แขวงบางบำ� หรุ
เขตบางพลัด กรงุ เทพฯ 10700
โทรศัพท์ 02 422 8828 โทรสาร 02 446 8446 www.ocac.go.th

พิมพ์ครง้ั ท่ี 1 พทุ ธศกั ราช 2559

จำ� นวนพิมพ์ 1,500 เล่ม

พิมพ์ที่ สำ� นกั งานกจิ การโรงพมิ พ์องค์การสงเคราะห์ทหารผา่ นศกึ ในพระบรมราชูปถมั ภ์

Bulan Sastra

ISBN 978-616-543-403-4
Copyright 2016 by Office of Contemporary Art and Culture, Ministry of Culture

Advisor
Chai Nakhonchai
Director-General, Office of Contemporary Art and Culture

Nardnisa Sukchit
Expert on Comtemporary Art Promotion (Literature)

Boonlert Khamdee
Director, Resource and Funding Centre

Thai-language Editor
Kajohnrit Ragsa

English-language Editor
Marcel Barang

Indonesian-language Editor
Pensri Panich, Hamam Supriyadi, Sari Suharyo

Editorial Staff
Saengthiwa Narapit Raweewan Preanpoom
Wajanee Socksuntad Panatda Nimnual
Amornrat Simapaisan Charathee Muangyoo

Selection Board – Committee for Thai Short Stories
Kanokwalee Kanthairat, Kajohnrit Ragsa, Jaroonporn Porapakpralai

Selection Board – Committee for Thai Poems
Yoot Tohadiphaet, Pinit Nilrat, Chokchai Bunditsilasak

Cover Graphic Designer
Tunchanok Yavilas

Illustrator
Patawee Chantaprom

Special Thanks for their Advice
Yothyod Klangsombud, Ora-ong Chakorn, Zakariya Amataya

Publisher
Office of Contemporary Art and Culture
Ministry of Culture
666 Thanalongkorn Tower 17th floor Bangbamru, Bangplad, Bangkok 10700 Thailand
Tel. +662 422 8828 Fax. +662 446 8446
www.ocac.go.th

First Edition 2016 : 1,500 copies

Printed by The War Veterans Organization of Thailand
Under Royal Patronage of His MIVajesty The King

ค�ำ น�ำ

ในยุคแห่งการพัฒนาที่แต่ละประเทศในแถบอาเซียน ต่างเปิด
ประเทศเพื่อต้อนรับความเป็นเพ่ือนบ้านระหว่างกันและกัน นอกจาก
ความต้องการพัฒนาด้านเศรษฐกิจแล้ว เร่ืองของวัฒนธรรม นับเป็น
ความส�ำคัญท่ียิ่งใหญ่ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจ�ำเป็นต้องมีความเข้าใจซ่ึง
กันและกัน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมท่ีมีความแตกต่าง
อาจจะทำ� ให้ “เรา” มองเหน็ จดุ รว่ มทคี่ ล้ายคลงึ กนั
ส�ำนักงานศิลปวฒั นธรรมรว่ มสมยั ได้เลง็ ถึงประโยชน์ของงาน
วรรณกรรมในการท�ำหน้าท่ีเสมือนส่ือเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ
ระหวา่ งประเทศอาเซยี น เนอื่ งจากผลงานวรรณกรรมเปน็ สว่ นหนงึ่ ของ
วฒั นธรรมทส่ี ามารถบอกเลา่ เรอื่ งราว ชว่ ยในการปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั
และกนั นำ� ไปสกู่ ารรเู้ ขารเู้ รา โดยไมต่ อ้ งเจรจา
“บุหลันวรรณกรรม” เป็นหนังสือในรูปแบบวรรณมาลัย
(Anthology) ท่ีเกิดจากการด�ำเนินโครงการวรรณกรรมสัมพันธ์ไทย-
อินโดนีเซียในพุทธศักราช 2557 เป็นการคัดสรรเรื่องสั้นและบทกวีทั้ง
ของไทยและอินโดนีเซียที่มีเนื้อหาเผยแพร่เรื่องราวของวิถีชีวิต

i

ความคดิ ความเชอื่ ระหวา่ งกนั อย่างไรพ้ รมแดน ส่งเสริมความสัมพนั ธ์
และความเข้าใจอันดีในหมู่นักเขียนและประชาชนในกลุ่มประเทศ
อาเซียน ผ่านพื้นท่ีทางวรรณกรรม น�ำมาแปลเป็น 3 ภาษาคือ
ภาษาไทย ภาษาอินโดนีเซีย และภาษาอังกฤษ จัดพิมพ์เผยแพร่ใน
เล่มเดียวกัน คณะกรรมการคัดสรรของไทย ประกอบด้วย กนกวลี
กนั ไทยราษฎร์ ขจรฤทธิ์ รักษา จรญู พร ปรปกั ษป์ ระลัย ยทุ ธ โตอดิเทพย์
พินิจ นิลรัตน์ และโชคชัย บัณฑิตศิละศักด์ิ ในส่วนการคัดสรรของ
อนิ โดนเี ซียนน้ั ได้รับความร่วมมอื จากสภาศลิ ปะแหง่ จาการ์ตา
ส�ำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมท�ำให้หนังสือเล่มน้ีประสบความส�ำเร็จ
ดว้ ยดี ท้ังนไ้ี ดร้ ับเกยี รตจิ ากศลิ ปนิ แห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประภัสสร
เสวิกุล เป็นผู้มอบชื่ออันไพเราะส�ำหรับหนังสือเล่มน้ีว่า “บุหลัน
วรรณกรรม”
(นายชาย นครชัย)
ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งานศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมยั

Foreword

In an era when each ASEAN member is more willing to welcome
its neighbours, the cultural aspect, aside from economic development,
is undeniably of great importance and each nation has to understand
the others in this regard. Cultural exchange is a way to enable us to
see our regional common ground.
The Office of Contemporary Art & Culture (OCAC) of the
Thai Ministry of Culture considers literature as a means to promote
understanding and knowledge among member countries, because
literary work is an integral part of culture in the way that it tells
stories, allowing us to interact and gain insight towards one another
without having to utter any words.
“Shimmering Words – บุหลันวรรณกรรม - Bulan Sastra”
is an anthology resulting from the Thai – Indonesian Literature
Relations project of 2014. It is a selection of short stories and poems
by Thai and Indonesian writers whose tales revolve around the way
of life, wisdom and beliefs, some of which connect boundlessly and

iii

promote inter – relations and better understanding among ASEAN
writers and peoples. Their inter – connection is through literary
means, with selected stories presented in three languages in the same
book: Thai, Indonesian and English. Thailand’s selecting committee
consisted of Kanokwalee Kanthairat, Kajohnrit Ragsa, Jaroonporn
Porapakpralai, Yoot Tohadiphaet, Pinit Nilrat and Chokchai
Bunditsilasak, while the Indonesian selection is a result of the
cooperation with the Jakarta Art Council.
OCAC would like to thank all parties concerned
for making possible and successful this project whose
sweet-sounding Thai title, บุหลันวรรณกรรม, was coined by
Prabhassorn Sevikul, the renowned national artist in literature.



Mr Chai Nakhonchai
Director-General

Office of Contemporary Art and Culture

คำ�นำ�จากสมาคมนกั เขยี นแหง่ ประเทศไทย

ประเทศไทยและอินโดนีเซียมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน
โดยเฉพาะความสมั พนั ธอ์ นั ลกึ ซง้ึ กบั ชาวชวา การแลกเปลย่ี นวฒั นธรรม
ต่างๆ เกิดขึ้นมายาวนาน คนไทยน�ำเคร่ืองดนตรี เช่น ปี่ชวา มาใช้
ในการบรรเลงเพลงไทย นกเขาชวามีชื่อเสียงในเร่ืองส�ำเนียงขัน
อันไพเราะ เป็นนกท่ีนิยมใช้แข่งขันประชันเสียง ขณะท่ีไก่ชนไทย
เป็นท่ีนยิ มมากในแผน่ ดนิ อนิ โดนเี ซยี
มีหลักฐานเรื่องการอพยพของคนอินโดนีเซียมายังประเทศไทย
พืน้ ทที่ ี่คนอินโดนเี ซยี พำ� นักคอื “บางกอก –มกั กะสนั ” หรือ “มักกะสัน”
ในเขตกรงุ เทพมหานครในปจั จบุ ัน มกั กะสันมาจากค�ำว่า “มาการซาร์”
โดยชาวมาการซาร์แต่เดิมอาศัยอยู่บนเกาะมากาสการ์หรือมากัสซาร์
หรือเมืองสุราเวสี หรืออูจูปันดัง ในหมู่เกาะโมลุกะ ตอนใต้ของเกาะ
เซลเี บส ประเทศอนิ โดนเี ซยี นบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม เมอ่ื ถกู ฮอลนั ดาโจมตี
ระหว่าง พ.ศ. 2159 ถึง พ.ศ. 2210 คนเหล่าน้อี พยพออกนอกประเทศ
กระจัดกระจายกันอยู่แถบหมู่เกาะอินเดียตะวันออก มลายู รวมทั้งเข้า
มายงั อาณาจกั รไทยในสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยาดว้ ย

v

การรู้จักคนมักกะสันของคนไทยตามค�ำบอกเล่าน้ัน กล่าวว่า
เป็นคนรูปร่างใหญ่โตน่ากลัว กล้าหาญ มีนิสัยดุร้ายไม่กลัวตาย ชอบ
เสพกญั ชายาฝน่ิ มหี อกซดั มไี มซ้ างเปา่ ลกู ดอกทำ� จากกา้ งปลาอาบยาพษิ
เปน็ อาวุธ ผู้ทถ่ี ูกยิงดว้ ยลกู ดอกอาบยาพษิ จะตายภายใน 3 ชว่ั โมง มกี รชิ
เปน็ อาวุธประจำ� กาย ภาพคนอินโดนีเซียทีด่ ุรา้ ยดงั กลา่ วอาจมีท่มี าจาก
กรณีเกิดกบฏมักกะสัน ในสมัยอยุธยาตรงกับสมัยสมเด็จพระนารายณ์
มหาราช ในปี 2229 ท�ำให้บทบาทของคนอินโดนีเซียและคนมุสลิม
ทกุ กลุ่มถกู กดใหล้ ดบทบาทลง กระทงั่ มาฟื้นคนื ในสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์
โดยเฉพาะในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 5 ท่ีได้เสด็จพระราชด�ำเนินเยือนอินโดนีเซียถึง 3 ครา
ในปี 2414, 2439 และ 2444 ไดพ้ ระราชทานรปู ปัน้ คชสารเอาไวเ้ ป็นท่ี
ระลกึ ปจั จบุ ันตั้งอยูห่ น้าพิพธิ ภัณฑ์ กลางกรงุ จาการต์ า
การสถาปนาความสมั พนั ธท์ างการทตู ในยคุ ปจั จบุ นั เรม่ิ ขนึ้ ตงั้ แต่
ปี 2493 ดังน้ัน ในปี 2558 นอกจากประเทศไทยและอินโดนีเซยี จะเขา้
ร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) แล้ว ยังเป็นปีแห่งการฉลอง
55 ปีแห่งความสมั พันธไ์ ทย–อินโดนีเซยี ในยุคใหมอ่ ีกด้วย
ประชาคมอาเซียนที่มีเสาหลัก 3 เสาหลัก คือ ความม่ันคง
เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม หากไม่มีวัฒนธรรมหรือประชาชนเสีย
อย่างเดียวจะถือเป็นประชาคมมิได้ การเรียนรู้และสัมพันธ์ระหว่างกัน
จะเปน็ เครอ่ื งมอื ในการสรา้ งใหป้ ระชาคมอาเซยี นแขง็ แรง การทผ่ี คู้ นทงั้
2 ประเทศไดร้ จู้ กั กนั โดยผา่ นทางวฒั นธรรมหรอื ตวั วรรณกรรมยอ่ มทำ� ให้
เราเข้าใจกันได้มากขึ้นและรวดเร็วข้ึน การฟื้นฟูภาพชีวิตผู้คนด้วย
วรรณกรรม อันจะน�ำมาซึ่งความเขา้ ใจกนั และกัน จึงเปน็ เร่อื งสำ� คญั ยิง่
ดังนน้ั ในวันอังคารท่ี 15 กรกฎาคม 2557 สมาคมนกั เขียนแหง่
ประเทศไทย โดย นายเจน สงสมพันธุ์ นายกสมาคมนักเขียน
แห่งประเทศไทย และสภาศิลปะแห่งจาการ์ตา โดย นายอิราวัน

vi

การเ์ ซโน ประธานสภาศลิ ปะแหง่ จาการต์ า ไดบ้ รรลขุ อ้ ตกลงแลกเปลยี่ น
ทางวรรณกรรมร่วมกัน ในการจัดท�ำวรรณมาลัย 3 ภาษา คือ ไทย
อนิ โดนเี ซีย และองั กฤษ คัดสรรเรือ่ งสนั้ ฝ่ายละ 5 เรื่อง บทกวฝี า่ ยละ
10 บท โดยทางฝ่ายไทย ไดร้ ับความร่วมมอื อย่างดียงิ่ จากสำ� นักงานศิลป
วฒั นธรรมรว่ มสมยั เปน็ ผดู้ ำ� เนนิ การจดั พมิ พ์ เผยแพร่ และจะจดั งานเปดิ
ตัวหนังสือดังกล่าวในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ณ ศูนย์การประชุม
แห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร และส่งมอบหนังสือดังกล่าว
ให้กับสภาศิลปะแห่งจาการ์ตาไดเ้ ผยแพรใ่ นประเทศอนิ โดนีเซยี ต่อไป
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยหวังว่า วรรณมาลัยไทย-
อนิ โดนเี ซยี ฉบบั นจ้ี ะนำ� มาซง่ึ ความเขา้ ใจกนั อยา่ งแนน่ แฟน้ ระหวา่ งคนใน
แผ่นดินใหญ่อย่างประเทศไทย และคนในดินแดนท่ีมีหมู่เกาะมากมาย
อยา่ งอนิ โดนเี ซยี ใหเ้ หน็ ถงึ ความหลากหลายทเ่ี หมอื นสสี นั แหง่ ดอกไมบ้ าน
อันจะนำ� มาซึ่งความรัก ความเข้าใจ และสันติภาพในบ้นั ปลาย

สมาคมนักเขยี นแห่งประเทศไทย

Message from the Writers’ Association of Thailand


Thailand and Indonesia share a long history of interrelations, especially
through the Thai-Javanese links. Our cultural exchanges go back a
long way. The Thais have adopted Indonesian musical instruments
such as the Javanese flute and have used them in music composition
and performance. Javanese doves are renowned for their sweet
cooing and have pride of place in bird singing competitions in
Southern Thailand while Thai fighting cocks are very popular in
Indonesia.
There are indications of a great migration of Indonesians to
Thailand in olden times. It is assumed that the area of Indonesian
relocation was “Bangkok-Makkasan”, i.e. today’s Makkasan in the
City of Angels. The word makkasan derives from the Indonesian term
makassar. Originally, Makassar people resided on the island of
Makaskar or Makassar, now called Sulawesi, and in the Maluku
Islands, i.e. the Moluccas, south of the Celebes Islands. They were
Muslims who, following the Dutch invasion between 1616 and 1667,
migrated overseas, relocating in the East Indies, the Malay
kingdom and the kingdom of Siam during the Ayutthaya period.

viii

Legend has it that Makassar people were of scarily great
stature, brave, savage and daring. They loved weeds and opium,
carried as weapons a short spear and pampas grass with poisoned
darts made from fish bones that would kill you within three hours.
They also hid a dagger as a secret weapon. The assumed image of
Indonesians as savages probably resulted from the Makkasan Rebel
incident in the Ayutthaya period during the reign of King Narai in
1686. Because of it, the role of Indonesians and Muslims was curtailed
until the Rattanakosin Dynasty, especially during the reign of King
Rama V. His Majesty made three official visits to Indonesia, in 1871,
1896 and 1901, and left as a souvenir the elephant statue now kept in
the Jakarta Museum.
Current diplomatic relations were established in 1950.
Consequently, the year 2015, apart from marking the birth of the
ASEAN Economic Community, will see Thailand and Indonesia
celebrating the fifty-fifth anniversary of their relationship in the
modern era.
The AEC emphasises cooperation in the three pillars,
namely security, economy and culture. Learning and interrelationship
are tools to strengthen the community, and getting to know each
other through cultural or literary channels will enable Indonesia and
Thailand to understand each other better. Revitalising the image of
people’s lives by means of literary works is essential to bring about
the better understanding we seek.
Therefore, on 15 July 2014, Mr Irawan Karseno, President of
the Jakarta Art Council, and I, on behalf of the Writers Association
of Thailand, agreed in principle to support the two nations’ literary
exchange that has led to the present three-language anthology.

ix

The book comprises five short stories and ten poems from
each country. Thailand, supported by the Office of Contemporary Art
and Culture (OCAC), was to be responsible for printing, distribution,
and organising the launch event during the Bangkok International
Book Fair at Queen Sirikit National Convention Center, and copies
of the book would be delivered to the Jakarta Art Council for
distribution in Indonesia.
On behalf of the Writers’ Association of Thailand, I hope
that this Thai-Indonesian anthology will bring about better and
stronger ties between Thai mainlanders and Indonesian islanders so
that they deem diversity as valuable as the colours of flowers in
bloom; hence love, understanding and peace in the end.

The Writers’ Association of Thailand

คำ�นำ�จากประธานสภาศลิ ปะแห่งจาการ์ตา



การจัดพิมพ์หนังสือวรรณมาลัย วรรณกรรมสัมพันธ์ไทย–
อินโดนีเซีย ริเร่ิมข้ึนโดย สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ส�ำนักงาน
ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ประเทศไทย และสภา
ศิลปะแห่งจาการ์ตา วรรณมาลัยนี้เป็นความพยายามคร้ังย่ิงใหญ่ใน
ความรว่ มมอื ดา้ นศิลปะ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงด้านวรรณศลิ ป์ เราหวงั ทจ่ี ะ
สานตอ่ สง่ิ ดงี ามเชน่ น้ี เนอื่ งจากทง้ั ประเทศอนิ โดนเี ซยี และประเทศไทย
ต่างอยู่ในทวีปเอเชีย และมีกลุ่มชาติพันธุ์ท่ีมาจากมาเลย์เช่นเดียวกัน
เราจึงมีความคล้ายคลึงในด้านภาษาและวัฒนธรรมเฉกเช่นเดียวกัน
เราคัดเลอื กบทกวี 10 ชนิ้ และเรอ่ื งสน้ั 5 เรอ่ื งจากนักเขียนและกวีท่ดี ี
ที่สุดของยุคน้ี บทกวีท้ัง 10 ช้ินท่ีได้รับการคัดเลือก ได้แก่ สวนน้�ำ
โดย เราดัล ตันจุง บานัว ไข่เค็ม โดย มาร์ดี ลูฮุง เงาจักรเย็บผ้า
โดย อาฟรีซัล มัลนา จดหมายศิลา โดย โจโก ปินูรโบ โบรชัวร์
น�ำเที่ยว ชอ็ ปปง้ิ เมอื งบนั ดงุ โดย อะฮด์ า อมิ รอน จดหมายแด่วรี บรุ ษุ :
เป็ดปกั กง่ิ โดย ฮนั นา ฟรานซซิ กา ระหวา่ งเสยี งไอระงม เธออยแู่ ห่งใด

xi

โดย อซิ วาดี ปราตามา อะ เทน็ เพน็ นี โพรเพท โดย เอม็ อาอนั มนั ชรู ์
ฉันคือโสเภณีของเหล่าเทวา โดย ปรานีตา เดวี ช่างท�ำแผนที่
โดย เซน เฮ และเรื่องสั้น 5 เรือ่ ง ไดแ้ ก่ ชมรมหญงิ หม้ายสามสี าบสญู
โดย อินตัน ปารามาดีตา บันทึกเก่ียวกับลูตา, มนุษย์ผู้เป็นอมตะ
โดย ลินดา คริสตันตี ลาลูบา โดย นูกีลา อามัล เอเดเวสไปงานศพ
ที่จิปุตัต โดย ยูซี อาเวียนโต ปาเรยานม อัตชีวประวัติของกลอเรีย
โดย อา เอซ็ ลกั ษณา
ขอขอบคุณนักเขียน กวี นักแปลทุกคน ตลอดจนสมาคม
นกั เขยี นแห่งประเทศไทย ส�ำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมยั กระทรวง
วฒั นธรรม ของประเทศไทย ท่มี ีสว่ นเกยี่ วข้องในการจดั ทำ� วรรณมาลัย
เล่มนี้ ความรว่ มมือครง้ั นจ้ี ะกอ่ ให้เกิดความพยายามร่วมกันในการสรา้ ง
โลกที่ดีกว่า เพ่ือสร้างสรรค์ “ห้องสมุดร่วม” สถานที่ซึ่งเราท้ังหลาย
สามารถมีปฏิสัมพันธ์และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เราหวังว่าจะมีความ
ร่วมมือระหว่างประเทศอินโดนีเซีย และประเทศไทยมากย่ิงขึ้นอีกใน
อนาคต ไมใ่ ชแ่ คว่ รรณศลิ ปเ์ ท่านน้ั แตใ่ นศิลปะแขนงอื่นๆ ดว้ ย



อริ าวนั การ์เซโน
ประธานสภาศลิ ปะแห่งจาการต์ า

Pengantar dari Ketua Pengurus Harian
Dewan Kesenian Jakarta

Penerbitan buku Antologi Wanna Malai Sastra
Thailand-Indonesia diprakarsai oleh Asosiasi Penulis Thailand,
Departemen Budaya dan Seni Kontemporer, Kementerian Budaya,
Thailand, dan Dewan Kesenian Jakarta. Buku antologi ini adalah
sebuah kerjasama di bidang kesenian, khususnya sastra, yang sangat
menggembirakan. Semoga upaya ini dapat berlanjut, karena jika
dirunut dari letak geografis, Indonesia dan Thailand masih dalam satu
wilayah Asia dan berumpun Melayu yang memiliki beberapa
kemiripan dalam hal bahasa dan budaya.
Kami memilih 10 puisi dan lima cerpen dari 15 sastrawan
terbaik Indonesia saat ini. Karya mereka adalah cerminan dari sastra
kontemporer dan gambaran sosial budaya kami. Sepuluh puisi itu
adalah: “Brosur Wisata Belanja Kota Bandung ” karya Ahda Imran,
“Surat Buat Pahlawan: Bebek Peking” karya Hanna Francisca,
“Di Antara Batuk-Batuk, Di Mana Kamu” karya Iswadi Pratama,
“Ten Penny Prophet” karya M. Aan Mansyur, “Pelacur Para Dewa”
karya Pranita Dewi, “Taman Rawa” karya Raudal Tanjung Banua,

xiii

“Juru Peta” karya Zen Hae, “Surat Batu, Surat Kau, Surat Kopi”
karya Joko Pinurbo, “Mesin Jahit Bayangan” karya Afrizal Malna,
dan “Telur Asin” karya Mardi Luhung. Lima cerita pendek dengan
judul, “Otobiografi Gloria” karya A.S. Laksana, “Laluba” karya
Nukila Amal, dan “Edelweiss Melayat ke Ciputat” karya Yusi
Avianto Pareanom, “Klub Solidaritas Suami Hilang” karya Intan
Paramaditha, dan “Catatan tentang Luta: Manusia yang Hidup
Abadi” karya Linda Christanty.
Kami mengucapkan terima kasih kepada seluruh penulis dan
penyair yang terlibat dalam antologi ini, para penerjemah, Asosiasi
Penulis Thailand, dan Departemen Budaya dan Seni Kontemporer,
Kementerian Budaya, Thailand. Kerja sama ini dapat mendukung
upaya bersama untuk membangun dunia yang lebih baik,
menciptakan ‘pustaka bersama’ yang menjadi wadah kita untuk saling
berinteraksi dan belajar. Semoga semakin banyak program kerjasama
antara Indonesia dan Thailand di masa depan, tidak hanya dalam
bidang karya sastra saja, tetapi juga karya seni lainnya.

Irawan Karseno
Ketua Pengurus Harian Dewan Kesenian Jakarta

Message from the Chairman of
the Jakarta Arts Council

The publication of the Wanna Malai Anthology of Thai-Indonesian
Literature was initiated by the Writers Association of Thailand, Office
of Contemporary Art and Culture (OCAC), Ministry of Culture,
Thailand, and  the Jakarta Arts Council. The anthology is really
a great effort of collaboration in the arts, particularly in literature.
We hope to continue such good gesture, since Indonesia and Thailand
are both located in Asia and, having come from the same ethnic
group of Malay, we do share similar traits in language and culture.
We had curated ten poems and five short stories from among
the best Indonesian writers and poets of this era. The ten poems
selected are: “Bandung’s Shopping Tour Brochure” by Ahda 
Imran, “Letter to a Hero: Peking Duck” by Hanna Francisca, “Between
the Coughs, Where Are You” by Iswadi Pratama, “Ten Penny
Prophet” by M. Aan Mansyur, “I Am a Harlot of the Gods”
by Pranita Dewi, “Marsh Garden” by Raudal Tanjung  Banua,

xv

“The Mapmaker” by Zen Hae, “Letter of a Rock” by Joko Pinurbo,
“Shadow Sewing Machine” by Afrizal Malna, and “Salted Egg”
by Mardi Luhung. The five short stories are “Gloria’s Autobiography”
by A.S. Laksana, “Laluba” by Nukila Amal, “Edelweiss Mourns in
Ciputat” by Yusi Avianto Pareanom “The Solidarity Club of the
Missing Husbands”, by Intan Paramaditha, and “A Note on Luta: An
Immortal Man” by Linda Christanty.
Our gratitude to all writers and poets who are involved in
this anthology, the translators, the Writers Association of Thailand,
and the Office of Contemporary Art and Culture (OCAC), Ministry
of Culture, Thailand. This collaboration could contribute
immensely to our joint effort in building a better world, to create a
“mutual library”, a place where we all can interact and learn from
each other. We hope there will be more collaboration between
Indonesia and Thailand in the future, not only in literature, but also
in other art forms.

Irawan Karseno
Chairman of the Jakarta Arts Council

Period of 2013-15

คำ�น�ำ สารบญั
ภาคภาษาไทย
เร่อื งส้ันไทย หน้า

• สายลมแหง่ ความคดิ i
พิเชษฐศ์ ักดิ์ โพธ์พิ ยคั ฆ์
• แมม่ ดบนตึก 3
ปรทิ รรศ หุตางกูร 41
• เจา้ ท ี่ 54
มาลา คำ�จันทร์ 59
• ความทรงจำ�บางอยา่ งชา่ งรางเลอื น 84
รชั ศักด์ิ จริ วฒั น์
• เด็กสาวกบั ชุดนักเรียน 99
กลา้ สมุทวณชิ 108
118
เรอื่ งส้นั อินโดนีเซีย 129

• ชมรมหญิงหมา้ ยสามสี าบสญู
อินตัน ปารามาดตี า
• บันทกึ เกย่ี วกับลูตา, มนุษย์ผเู้ ปน็ อมตะ
ลนิ ดา ครสิ ตนั ตี
• ลาลบู า
นกู ลี า อามัล
• เอเดลเวสไปงานศพที่จปิ ุตตั
ยูซี อาเวียนโต ปาเรยานม

• อัตชวี ประวตั ิของกลอเรีย สารบญั
อา เอซ็ ลักษณา
หนา้
บทกวีไทย 140

• เขาเปน็ พทุ ธ - ข้าพเจา้ มุสลมิ 148
ปราชญ์ อันดามัน 150
• โดราเอมอ่ น เจ้าแมวจมนำ้� 152
กอนกยู 155
• หอมรักแม่ 157
กร ศิริวฒั โณ 160
• เพียงอาลยั ? 162
กงั วาลไพร นามฯ 165
• โรฮงิ ญา : วงหนา้ ของมนษุ ยธรรม 170
วนั รวี รุง่ แสง 172
• คนตอ่ เรือ
ประพนธ์ เรืองณรงค์
• อาผู้หญิงทง้ั สาม
รมณา โรชา
• สอ่ื
ธญั ญา ธัญญามาศ
• จกั รวาลในถว้ ยชา
ว.วชริ เมธี
• คำ�ขวญั วนั แม่
ภิญโญ ศรีจำ�ลอง

บทกวีอนิ โดนเี ซยี สารบญั

• สวนน้�ำ หนา้
เราดัล ตนั จุง บานัว
• ไขเ่ ค็ม 174
มารด์ ี ลฮู งุ 177
• เงาจกั รเย็บผ้า 178
อาฟรซี ัล มัลนา 180
• จดหมายศิลา 182
โจโก ปินรู โบ 184
• โบรชัวร์นำ�เท่ยี ว ชอ็ ปป้ิงเมืองบนั ดงุ 189
อะฮ์ดา อิมรอน 191
• จดหมายแดว่ รี บรุ ษุ : เปด็ ปกั กง่ิ 192
ฮันนา ฟรันซิซกา 194
• ระหว่างเสยี งไอระงม เธออยู่แหง่ ใด
อซิ วาดี ปราตามา
• อะ เทน็ เพ็นนี โพรเพท
เอม็ อาอนั มนั ชรู ์
• ฉนั คือโสเภณีของเหลา่ เทวา
ปรานตี า เดวี
• ช่างทำ�แผนท่ี
เซน เฮ

สารบญั

Bagian Bahasa Indonesia หนา้

Cerpen Thai 201
246
• Hembusan Pikiran 262
Pichedsak Popayak 267
• Nenek Sihir di Atas Gedung 300
Paretas Hutanggura
• Roh Penunggu
Mala Kamchan
• Beberapa Kenangan yang Kabur
Rachasak Jirawat
• Gadis dengan Seragam
Kla Samudavanija

Cerpen Indonesia 318
328
• Klub Solidaritas Suami Hilang 340
Intan Paramaditha 352
• Catatan tentang Luta, Manusia yang Hidup Abadi 364
Linda Christanty
• Laluba
Nukila Amal
• Edelweiss Melayat ke Ciputat
Yusi Avianto Pareanom
• Otobiografi Gloria
A.S. Laksana

Puisi Thai สารบัญ

• Dia Orang Buddha – Saya Muslim หนา้
Prach Andaman
• Doraemon Kucing Tenggelam 375
Kornkue 377
• Cinta Ibu 379
Korn Siriwatthano 382
• Hanya Merindukan? 385
Kangwanprai Nam 388
• Rohingya : Wajah Kemanusiaan 390
Wanrawee Rungsaeng 393
• Orang yang Ciptakan Kapal 397
Praphon Ruangnarong 399
• Ketiga Tante
Romana Rocha
• Media
Thanya Thanyamas
• Alam Semesta di dalam Cangkir Teh
W. Vajiramedhi
• Pantun Hari Ibu

Pinyo Srichumlong

Puisi Indonesia สารบัญ

• Taman Rawa หนา้
Raudal Tanjung Banua
• Telur Asin 401
Mardi Luhung 404
• Mesin Jahit Bayangan 405
Afrizal Malna 407
• Surat Batu 409
Joko Pinurbo 411
• Brosur Wisata Belanja Kota Bandung 415
Ahda Imran 417
• Surat Buat Pahlawan : Bebek Peking 419
Hanna Francisca 421
• Di Antara Batuk-Batuk, Di Mana Kamu
Iswadi Pratama
• A Ten Penny Prophet
M. Aan Mansyur
• Aku Pelacur Para Dewa
Pranita Dewi
• Juru Peta
Zen Hae

English Section

Thai short stories สารบัญ
• The wind of thought
หนา้
Pichedsak   Popayak 427
• The witch in the building 466
Paretas   Hutanggura​ 480
• The guardian spirit 485
Mala Khamchan 507
• Some memories are so hazy
Rachasak Jirawat 523
• The girl and the school uniform 533
Kla Samudavanija 543
554
Indonesian short stories 566
• The Missing Husbands Solidarity Club

Intan  Paramaditha
• A note on Luta, an immortal man
Linda Christanty
• Laluba
Nukila Amal
• Edelweiss mourns in Ciputat
Yusi  Avianto Pareanom
• Gloria’s autobiography
A.S. Laksana

Thai Poems สารบัญ
• He’s Buddhist, I’m a Muslim
Prach Andaman  หน้า
• Doraemon, the drowned cat 575
Kornkue 578
• The sweet scent of Mother’s love 580
Korn Siriwatthano 583
• Only regrets? 586
Kangwanprai Nam 589
• The Rohingya : the face of humanity 591
Wanrawee Rungsaeng 594
• The boat builder 598
Praphon ​ Ruangnarong 600
• The three aunts
Romana Rocha
• Medium
Thanya Thanyamas
• The universe in a tea cup
W. Vajiramedhi
• Mother’s Day slogan
Pinyo  Srichumlong

Indonesian Poems สารบญั
• Marsh garden
Raudal Tanjung Banua หน้า
• The salted egg 602
Mardi Luhung 605
• The shadow sewing machine 606
Afrizal Malna 608
• Letter of a rock 610
Joko Pinurbo 612
• Bandung’s shopping tour brochure 616
Ahda Imran 618
• Letter to a hero: the Peking duck 619
Hanna Francisca 621
• Between the coughs, where are you?
Iswadi Pratama 625
• A tuppeny - ha’penny prophet
M. Aan Mansyur
• I am a harlot of the gods
Pranita Dewi
• The mapmaker: Jorge Luis Borges
Zen Hae

ประวตั ินักเขยี น
Profififi les of the Writers

xxvi

ภาคภาษาไทย

บหุ ลันวรรณกรรม 1

เร่อื งสัน้ ไทย

2 Bulan Sastra

สายลมแหง่ ความคิด

พเิ ชษฐศ์ กั ดิ์ โพธ์ิพยคั ฆ์

ในสมองเก่าผุ เหมือนมีดสนิมเขรอะ ที่เคาะเพียงแผ่วเบากับท่อนไม้
ก็น่าจะแตกหกั
มนั ตอ้ งเปน็ ปอบแน่ๆ ปอบอย่างไมต่ อ้ งสงสัย คนดี ๆ ทไี่ หนจะ
อยู่ในบา้ นทีร่ กเหมอื นดงเสืออย่างนั้นได้ หรือมันจะเป็นสมงิ แต่เสือสมงิ
กส็ าบสญู ไปพรอ้ มปา่ ตงั้ แตร่ นุ่ พอ่ เราโนน่ อกี รนุ่ เรานไ่ี ดฟ้ งั แตน่ ทิ าน หรอื
มนั จะไดว้ ชิ ามาตง้ั แตต่ อนเดนิ ทางทอ่ งเทย่ี วตามปา่ เขาไดย้ นิ พวกลกู หลาน
พดู กนั วา่ ไอห้ มอน่ีเคยไปมารอ้ ยเอด็ เจ็ดย่านนำ�้
พวกลกู หลานนี่กอ็ กี คนดี ๆ ไม่อยากคบ ทีคนแบบน้ีอยากร้เู รื่อง
มันเสยี จริง
มคี นเขา้ ไปในเรอื นมนั อยากจะดใู หห้ ายสงสยั วา่ กนิ อยอู่ ยา่ งไรแน่
แตก่ ไ็ มพ่ บสงิ่ ใดทผ่ี ดิ ประหลาดหรอื ผดิ กฎหมาย นอกจากรปู วาดทด่ี ไู มร่ เู้ รอ่ื ง
แขวนไว้กับผนังบ้าง วางซ้อนทับกันไว้แล้วหุ้มห่อด้วยแผ่นพลาสติกบ้าง
บ้านของมันนั้น หากไม่นับรูปท่ีดูไม่รู้เรื่อง ทุกท่ีก็สะอาดสะอ้านน่าน่ัง
นา่ นอนไปเสยี ทงั้ สน้ิ ไมเ่ วน้ แมแ้ ตส่ วนทเี่ ขาวา่ มนั ใชไ้ มก้ วาดทางมะพรา้ ว

บุหลนั วรรณกรรม 3

กวาดเสียเร่ียมเร้ น่าอยู่ยังกับลานวัด ท้ังหมดนี้ค้านกับรูปกายภายนอก
ของมันที่ผมเผ้ายาวพะรุงพะรังซ�้ำยังไว้หนวดเครารกครึ้ม ทว่าแม ้
จะปัดกวาดจนดูสะอาดสะอ้านเพียงใด แต่ด้วยปริมาณต้นไม้ที่ขึ้น
แน่นขนัด ทำ� ใหบ้ ้านของมันยงั รกจนดเู หมือนดงเสืออยู่ดี
ว่ากันว่าหากมันตัดผมตัดเผ้าโกนหนวดโกนเคราเสียหน่อย
จะดูเปน็ ผู้เปน็ คน ถึงขัน้ หน้าตาใช้ได้ทเี ดยี ว จริงหรือไมน่ ั้น เฒา่ ไม่อยาก
สรุปอีกอย่างหน่ึงคือ ไม่ชอบข้ีหน้ามันถึงขั้นระแวงสงสัยเสียแล้ว
เฒ่าจึงไม่อยากมองมนั ในแง่ดีเทา่ ไร
ส่วนพวกรูปภาพท่ีมีอยู่ล้นบ้านนั้น คนท่ีเห็นเขาเล่าว่าไม่รู้มัน
เขียนถึงสิ่งใดกันแน่เป็นกลุ่มสีที่แสนพิสดาร พิสดารอย่างไร เฒ่าก็ไม่รู้
เพราะฟังเขามาแค่นั้น คนเข้าไปดู ก็ไม่ดูให้รู้แน่ เรื่องท่ีเล่าจึงล่องลอย
จบั ตอ้ งไม่ได้ เหมอื นกลมุ่ หมอกลอยออ้ ยอ่ิงในยามเชา้ วัตถอุ ีกอย่างหนงึ่
ท่ีเห็นในบ้านมันคือบ้องกัญชา แต่ไม่มีร่องรอยการสูบมานานแล้ว
ของพรรคอ์ ยา่ งนี้แม้จะผิดกฎหมายแต่ใครกม็ ีไวด้ ูเลน่ ได้ แต่ โอ...ไม่ใช่สิ
บา้ หรือเปลา่ คนจะมีบอ้ งกัญชาไว้ดูเลน่ ไปท�ำไม หรือมนั จะเปน็ บา้ จรงิ ๆ
อันน้ีก็น่าคิด ดูสารรูปรกรุงรังของมันและความเงียบใบ้ชนิดเอาหินถ่วง
ตดิ รมิ ฝปี าก ทำ� ใหไ้ ม่ค่อยมใี ครไดย้ นิ มันพดู นกั แต่คนท่เี คยคุยกบั มนั เขา
เล่าว่า มันก็พูดจาสุภาพเรียบร้อยดีอยู่นี่นา เพียงแต่ต้องพูดกับมันก่อน
ยุ่งจริงโวย้ ท�ำราวกับตัวเองเปน็ บคุ คลส�ำคัญชั้นฟ้า เขา้ ต�ำราคนหย่ิงยโส
เขาว่ามันเคยร�่ำเรียนมาสูง แต่จะส�ำเร็จหรือไม่ เฒ่าก็ไม่รู้อีก มันคง
ไมส่ ำ� เรจ็ นน่ั แหละ ไมเ่ ชน่ นน้ั จะมามชี วี ติ อยอู่ ยา่ งนไี้ ปทำ� ไม ครมู นี ก่ี แ็ ปลก
ให้คนเช่าบ้านช่างไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างเลย แต่ครูมีน่ันหรือไม่ใช่มนุษย์
แปลกประหลาดอีกคนหนึ่ง เท่ียวได้นั่งดูแดดดูฝนเป็นช่ัวโมง ๆ
พูดจาอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง ดีหน่อยก็ตรงแกเป็นคนมีน�้ำใจ เอย่ ปากขอ
ร้องเรือ่ งใด ไม่เคยขัดขอ้ ง เดก็ นกั เรยี นนน้ั ก็รักแกหนักหนา แมท้ กุ คนลง

4 Bulan Sastra

ความเห็นร่วมกันว่าเข้าใจโลกยังจะง่ายกว่าเข้าใจครูมี ครูแบบไหนกัน
เสอื้ แสงไม่เคยรดี ให้มนั เรยี บร้อยหวั หดู ูไมไ่ ด้ ผมเผา้ ไมเ่ คยได้เจอหวี และ
เหมอื นกนั กบั หมอนอี่ ยอู่ ย่างคือ ความเป็นคนปากหนกั แม้ครมู จี ะยิ้มง่าย
อัธยาศัยดีกับทุกคน แต่แกก็เป็นคนประเภทถามค�ำตอบค�ำ เขาว่าเป็น
อย่างนแี้ หละพวกครวู าดเขียน ไมบ่ ้าอยา่ งหนงึ่ ก็ต้องบ้าอีกอย่างหนงึ่ แต่
เวลาสอนนกั เรียน ครูมีกลับไมเ่ งียบขรมึ เหมือนที่ใครเคยคุ้น แกกลับพดู
จนคดิ ไมอ่ อกวา่ สรรหาถอ้ ยคำ� มาจากไหน นกั เรยี นฮากนั ครนื ๆ ทำ� ใหว้ ชิ า
วาดเขียนท่ีน่าเบื่อหน่ายส�ำหรับคนไม่มีหวั ดา้ นน้ี กลายเปน็ ชัว่ โมงอันนา่
อภิรมย์ข้นึ มา อย่างนีไ้ งเลา่ นกั เรยี นถงึ ได้รกั แกทุกคน
เพราะอย่างนี้ครูมีถึงได้ไปรู้จักเจ้าคนแปลก ๆ น่ัน เป็นพวก
วาดเขยี นเหมอื นกันนี่ ตอนน้ีเห็นว่าครูมแี กไปเรยี นตอ่ อะไรในตัวจงั หวัด
นาน ๆ ครง้ั ถึงกลับมาบ้านหลงั ทใี่ ห้ไอห้ นุ่มน่ีเชา่ อย่สู กั คร้ัง
และกม็ คี นเลา่ ถงึ พรรคพวกของมนั ทเี่ ฮโลกนั มาเทย่ี วหาเหน็ วา่ อยู่
โยงคุยกันจนถึงรุ่งสาง เอ หรือมันจะเป็นพวกภัยสังคม อันนี้น่าคิด
ในวนั ทไ่ี มม่ ใี ครยอมใครเชน่ นี้ เฒ่าผา่ นวนั เวลามาจนคิดว่าตนเทา่ ทันโลก
พอสมควร แต่แกยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า หนุ่มนั่นมันมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
ดูเหมือนมันไม่ใช่คนอย่างเรา ๆ แต่มันก็ไม่ใช่เทวดา เทวดาต้องอย่าง
เฒ่าพรมน่ัน เฒ่าพรมน่ันแหละ เทวดาตัวจริง เทวดาผู้ปัดเป่าโรคภัย
อ�ำนวยอวยพรให้ทุกคนสุขสวัสดี แต่เฒ่าไม่ได้เช่ือในตัวตาแก่พรม
เฒ่าเช่ือในเทวดาท่ีมาลงทรงในร่างเฒ่าพรมต่างหาก หากไม่มีเทวดา
เฒ่าพรมก็เป็นได้เพียงแค่คนเฒ่าขาเกรอวันลงโลง แต่เวลาเทพลง
เฒ่ากลับเดินเหินเป็นปกติ อยา่ งน่าอัศจรรย์
ยามเย็นไอ้หนุ่มนั่นจะปั่นจักรยานลัดเลาะไปตามท้องทุ่งทาง
เกวยี นเกา่ แก่ นอ้ ยนกั หนาจะขน้ึ มารว่ มทางกบั เหลา่ ชาวบา้ น นอกจากวนั

บหุ ลนั วรรณกรรม 5

ใดที่ต้องเข้าเมืองเท่านั้น เฒ่าโสไม่ได้ตั้งใจสังเกตอะไรมันหรอก แต่ใน
หมบู่ า้ นอนั เงยี บเชยี บกระจอ้ ยรอ่ ยนี้ ใครทำ� ตวั แปลก ๆ มนั ยอ่ มเดน่ สะดดุ
ตาโดยไม่ต้องโฆษณา หรือตั้งใจมองอยู่แล้ว ไอ้หนุ่มน่ีเหมือนมันหลุดมา
จากดวงดาวแปลกประหลาดบนฟากฟ้า หรือมันจะเป็นมนุษย์ต่างดาว
ไมใ่ ช่ มันเป็นปอบนั่นแหละ
เฒ่าคิดไปเร่ือยเปื่อย ท้ังสงสัยในตัวเองว่าเหตุใดถึงต้องเก็บ
เรอ่ื งชาวบา้ นมาใสใ่ จใหม้ ากมายเพยี งน้ี หรอื งานเลยี้ งววั ควาย มนั วา่ งเกนิ
ไปจนพอเกบ็ ทกุ เร่ืองราว มาจบั แพะชนแกะแตม้ แต่งสีสนั ป้ันจนิ ตนาการ
เป็นเร่ืองใหม่ได้ตามใจชอบ เฒ่าคิดว่าหากเป็นคืนวันเก่าก่อน ใครท�ำ
ผดิ แผกจากคนอนื่ เชน่ นย้ี อ่ มถกู ขบั ออกจากหมบู่ า้ นดว้ ยขอ้ หาปอบอยา่ งไม่
ต้องสงสยั
เฒา่ นกึ ไปถงึ ครง้ั นางลำ� ไย วนั ทแี่ กยงั เปน็ ทโมนไพร เทย่ี วควบขบั
อยกู่ บั เหลา่ เพอ่ื นตามยอดไม ้ กระทงั่ ฟดั กอดปลำ�้ เหวย่ี งเกลอื กกลง้ิ ไปตาม
ดินดอน ตอนน้นั ยงั ไมม่ ีรถยนตว์ ่งิ ผ่านหมบู่ ้านสักคัน แม้แตร่ ถเครื่องเฒา่
ก็ไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า สมองมันเหมือนมีดเก่า ๆ ท่ีถูกสนิมยึดเกาะท้ัง
เล่ม อย่าว่าแต่จะไปถากถางอะไรเลย แม้เพียงเคาะเบา ๆ กับท่อนไม้
ก็พร้อมจะพงั ผุหลดุ ออกเปน็ ชิ้นเล็กชนิ้ นอ้ ยแลว้
นางล�ำไยน้ันเปน็ คนประหลาดมาแตค่ รงั้ ยังเด็ก คอื อยู่ ๆ จะลม้
ชักไม่มีปี่มีขลุ่ย ชักน้�ำลายฟูมปากดั่งคนกินยาเบื่อเข้าไปหน่ึงขันใหญ ่
เมอ่ื เฒา่ รคู้ วามนางลำ� ไยกเ็ ปน็ สาวใหญอ่ ายเุ กอื บสามสบิ แลว้ ซงึ่ ในวนั นน้ั
นับว่าเป็นสาวแก่เตม็ ที ใครเล่าจะเอาไปทำ� เมียในเมื่อแกเป็นลมบา้ หมตู อ่
เนื่องยาวนานตั้งแต่เด็กจนล่วงเลยเข้าวัยกลางคนเช่นน้ี ทั้งท่ีเจ็บป่วย
เรอ้ื รงั นานเพยี งนน้ั แตแ่ กกลบั เปน็ คนสวย สวยเหมอื นนางไม้ เดนิ ออกมา
จากปา่ ดง ปากแดงดงั แต้มสี ผมยาวสลวยเลอื้ ยเลยเอว และใครแตะตอ้ ง

6 Bulan Sastra

ผมยาวแกไม่ได้ด้วยสิ และเพียงต้ังท่าจะตัด ลมบ้าหมูก็พลันก�ำเริบ
เวลาลมชักโหมรุนแรงน้ัน ดวงหน้าแกเปล่ียนเป็นคนละคน น่ีคือพูดให้
ดดู แี ลว้ ความจรงิ ตอ้ งพดู วา่ เปลยี่ นจากคนเปน็ ปศี าจ ผมยาวสลวยดำ� ราว
นิลกลายเป็นแห้งกรอบหงิกงอ ดวงหน้าเคยผุดผาดด่ังจันทร์เพ็ญ
กลายเปน็ เคียดขง้ึ ถมงึ ทึง สองคว้ิ ยน่ เขา้ หากนั ดงั่ รปู ป้นั ยกั ษเ์ ฝา้ หน้าโบสถ์
เสน้ เลอื ดสเี ขยี วปดู โปนเทา่ นวิ้ กอ้ ยควัน่ เกลยี วดง่ั เถาวัลยเ์ ส้นหนา ลากรวิ้
รอยไปทั่วร่าง จ�ำเพาะเจาะจงว่ามันมาขมวดเป็นปุ่มปมบนดวงหน้าราว
ผโี ขมด เสน้ เลอื ดสเี ขยี วเขม้ นนั้ มองอยา่ งไรกค็ ลา้ ยตวั ขอมโบราณ ดวงตา
แดงก่�ำราวลูกไฟหรือตาสัตว์ร้ายยามค�่ำคืน เมื่อแกชักชั่วระยะหนึ่ง
กะประมาณว่าสักครึง่ กะลาสงั เวยี นไก่ชน กพ็ ลันลุกข้ึนน่งั น่งิ ขึงจ้องเขม็ง
ไปเบือ้ งหนา้ ไมม่ องใครเป็นพเิ ศษ ความจรงิ ยามนางล�ำไยของข้ึน เดก็ ๆ
ไม่มีโอกาสน่ังจ้องมองหรอก เด็กจะถูกห้ามเด็ดขาดไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวด้วย
เพราะผใู้ หญห่ วาดกลวั ผปี อบมนั จะหมายมงุ่ พงุ่ เขา้ หาเดก็ แทน อยา่ งนอ้ ย
ก็จกกินตับไต แต่ท่ีเฒ่าโสในวัยเด็กเห็นเหตุการณ์น่าพร่ันพรึงนี้
อย่างนอ้ ย ๆ ก็ส่ีหา้ ครงั้ จนจ�ำไดข้ น้ึ ใจ นัน่ เพราะเมื่อมเี สียงหวดี รอ้ งของ
นางลำ� ไย เสยี งคนในเรอื นนางตะโกนเรยี กเพอื่ นบา้ นใหไ้ ปชว่ ยจบั นางตรงึ
ไมใ่ หเ้ ผน่ โผนโจนทะยานแลน่ ลงจากเรอื น หรอื ชว่ ยกนั งา้ งปากเอาผา้ หรอื
เปลือกมะพร้าวแหง้ ยดั กันแกกดั ล้นิ ตวั เองขาดคาท่ี
ยามนางล�ำไยของขึ้นน้ันชายก�ำย�ำล่�ำสันหกเจ็ดคน ถึงจะร้ังแกอยู่
กระน้ันก็มีบ้างที่ถูกเหวี่ยงกระเด็นราวเด็กเล็ก หรือส่ิงของแสนเบาหวิว
เม่ือนั้นแหละเม่ือมีเสียงหวีดร้องก้องกู่ตะโกนเรียกคนให้มาช่วยกัน
จับนางล�ำไย เฒ่ากับเพื่อนชื่อหยองจะพากันปีนป่าย ข้ึนไปบนกิ่งก้าน
ยางใหญ่ท่ีอยู่ห่างเรือนนางราวสามสิบเมตร แอบบังในพุ่มไม้ใบหนา
ช่วงเวลาโกลาหลอยา่ งนน้ั ใครจะคอยสังเกต
ในวันวานมหรสพไม่ได้มีให้ดูมากมายเหมือนวันนี้ เหตุร้ายไม่ได้

บหุ ลันวรรณกรรม 7

เกดิ ขน้ึ รายวนั เหมอื นเดย๋ี วนี้ นางลำ� ไยกไ็ มไ่ ดข้ องขน้ึ บอ่ ย ๆ ปหี นง่ึ แคส่ อง
สามครงั้ พอเกดิ อาเพศครงั้ ใดเหตกุ ารณจ์ ะถกู เลา่ ลอื ไปเปน็ ครงึ่ ปี พอเสยี ง
แซซ่ อ้ งคลายจาง อาการนางลำ� ไยกก็ ำ� เรบิ ขนึ้ มาอกี ราวจงใจแสดงใหเ้ ปน็
มหรสพแหง่ ความพรนั่ พรึงของชาวหม่บู า้ น
เฒ่าโสกับหยองผู้ตายไปก่อนจะมีค�ำน�ำหน้าว่าเฒ่าน้ัน นับว่า
ห่ามหาญเอาการถึงกล้าปีนป่ายไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มพฤกษ์ต้นยางใหญ่
ต้นยางใหญน่ ี่ หาใช่อะไรอ่นื นอกจากบา้ นผหี ลวง ผีผูเ้ ฒา่ เกา่ แก่ที่ดลใจ
ใหค้ นกล่มุ แรกของหม่บู ้านมาลงหลกั ปักแหลง่ เฒ่าโสจ�ำไดว้ ่า ความกลัว
จนข้ขี ึ้นสมองนัน้ กม็ ีเหมอื นกัน แตค่ วามอยากดมู ีมากกว่า ต้นยางใหญน่ ้ี
เป็นสถานท่ีต้องห้ามยิ่งกว่าการดูปอบลงนางล�ำไยเสียอีก ดังน้ันเกลอ
ทั้งสองจึงใหค้ ำ� ม่ันสญั ญาว่า มันจะเปน็ ความลับไปตลอดกาล เพราะหาก
แพร่งพราย ก็หมายถึงไม้เรียวจะหวดลงจนลายพร้อยไปทั้งตัว โทษฐาน
อตุ รเิ กนิ เหตุ แตน่ น่ั มนั กก็ ลายมาเปน็ เรอ่ื งเลา่ ขำ� ขนั ปนฉงนสนเทห่ ใ์ นเวลา
ต่อมาของเฒา่ โส
ยามน้ีเฒ่าอายุแปดสิบเจ็ดยังแข็งแรงปราดเปรียวกว่าอาย ุ
อยา่ งนา่ อศั จรรย์ ผหี ลวงผรี า้ ยคงไมถ่ อื สาอยากไดเ้ ฒา่ ไปอยรู่ ว่ มเปน็ เพอ่ื น
เมืองผี
แต่ยามนั้นเฒ่าอายุห้าสิบ เพราะความต้องการไม้มาท�ำศาลา
ประชาคมกลางหมู่บ้าน คนรุ่นลูกจึงมีมติ ให้โค่นฟันต้นยางใหญ่ผีหลวง
เอาเนื้อไม้มาท�ำเคร่ืองโครงกระดานและฝา ท่ามกลางความประหว่ัน
พรนั่ พรงึ ของคนรนุ่ เฒา่ โสซงึ่ คดั คา้ นจนหนา้ ดำ� หนา้ แดงแตค่ นรนุ่ ลกู ทเ่ี ปน็
เรี่ยวแรงในหมู่บ้านหายอมฟังไม่ อ้างค�ำที่ท�ำให้คนรุ่นผู้เฒ่าต้องชะงักงัน
ไม่กล้าต่อปากต่อค�ำถกเถียงต่อไปว่ามันต้องเป็นไปตามน้ีเพราะนี่คือ
ค�ำสง่ั หลวง

8 Bulan Sastra

เปน็ ไปตามคาดเพยี งฉบั แรกทล่ี ดิ กา้ นกง่ิ ปลายไมก้ ด็ ดี ผวั ะเขา้ หนา้
ทิดแป้น จนมันหงายหลังผึง ลงมาจุกแอ้กกับพื้น แม้ไม่เป็นอะไรมาก
แตก่ ท็ ำ� ใหผ้ คู้ นครนั่ ครา้ ม จนตอ้ งหยดุ พกั งานทง้ั ตงั้ วงประชมุ กนั วา่ สมควร
ท�ำตามแผนที่ตกลงกันไว้หรือไม่ ท่ามกลางการกระหยิ่มย้ิมอยู่ในอกของ
คนรุ่นเฒ่าโสที่มองว่าผีหลวงนั้น อย่างไรก็ต้องสถิตอยู่ในต้นยางใหญ่
หาได้ชอบใจบ้านไม้ทรงไทยหลังเล็ก และเหล่าตุ๊กตาช้างม้าข้าทาส
ทชี่ าวบ้านสร้างท�ำใหส้ ิงสถิตอยไู่ ม่
จากน้ันปัญหาจุกจิกก็ตามมา จนพวกรับงานตัดต้นยางผีหลวง
ทดท้อ หัวหมูหมดไปหน่ึงหัว แต่ทุกครั้งเม่ือลงมือท�ำงานต้องมีอุปสรรค
เสมอ บางครั้งก็เห็นกับตาว่า ขวานที่ฝนมาคมกริบกลับกระดอนดีดด่ัง
ฟนั ลงไปบนแผน่ ยางรถยนต์ เลอ่ื ยนน้ั หมดคมลงในบดั ดล ทง้ั ทผี่ า่ นการฝน
มาหยก ๆ
อันท่ีจริงเรื่องมันก็ไม่น่ายุ่งยากถึงปานน้ันหากเจ้าผู้ใหญ่ไหว
กับพวกพ้องกรรมการหมู่บ้าน คนรุ่นใหม่ของมันจะไม่อยากสร้าง
ศาลาประชาคมหลังใหญ่เบ้อเร่อเบ้อร่าราวบ้านเศรษฐีหรือสถานีอนามัย
ประจ�ำต�ำบล ที่เป็นเช่นนี้เพราะทิดไหวมันอยากเป็นก�ำนัน อะไร ๆ
ตอ้ งทำ� ใหญเ่ อาไวก้ อ่ น ดงั นน้ั ตน้ ยางใหญผ่ หี ลวง จงึ ถกู คดิ ถงึ เปน็ ลำ� ดบั แรก
พวกมันไมค่ ่อยนบั ถือสง่ิ ล้ลี ับซ่อนรา่ งมองไม่เห็นตัวนัก ทัง้ คดิ อะไรหยาบ ๆ
ตามประสามันว่า สร้างศาลเพียงตาให้ท่านอยู่ คงไม่เป็นไรแล้ว แต่ก็
อยา่ งวา่ นบั แตป่ า่ แปนไปคนรนุ่ หลงั ไมค่ อ่ ยเคารพสง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธเิ์ ชน่ กาลกอ่ น
ความจรงิ หากมนั จะสรา้ งศาลาประชาคมหลงั เลก็ ๆ พอไปพอมาชาวบา้ น
ก็มีไม้ช่วยกันบริจาคได้สบายทั้งไม้เลื่อยแล้วหรือจะตัดเอาตามสวน
ตามนาก็ยังไหว แต่เพ่ือความสะดวกทุกอย่าง ท้ังการขนย้าย ทั้งจะได ้
ไม้ตรงยาวสวยงามแทบไม่มีร่องรอยตัดต่อและเพียงต้นเดียวก็เอาอยู่
ส�ำหรับเรือนใหญ่ทั้งหลัง ก็เห็นจะมีแต่ต้นยางใหญ่ผีหลวงเหยียดยอด
มาหลายร้อยปเี ทา่ น้นั

บหุ ลนั วรรณกรรม 9

น่ันจึงเป็นการถือก�ำเนิดของเฒ่าพรมหมอเทวดา เฒ่าพรมท่ีใน
เวลานั้นยังไม่เฒ่าชะแรแก่ชราเหมือนวันนี้ วันท่ีแกปลดตัวเองจากงาน
หนกั มาเปน็ เฒ่าเลยี้ งวัว พอได้อยไู่ ด้กนิ กับลกู สาวลูกเขย
กอ่ นเทพลงนนั้ เฒา่ พรมกไ็ มใ่ ชเ่ ปน็ คนมกั ใหญใ่ ฝโ่ ตในเรอ่ื งเงนิ ทอง
แตอ่ ยา่ งใด ถา้ หากจะคดิ วา่ จู่ ๆ แกกอ็ ยากตง้ั ตนเปน็ เจา้ หวงั ลาภยศสกั การ
กระทั่งหลังเป็นเทวดา เฒ่าก็ไม่ได้ดีเด่อะไรขึ้นมา นอกจากเดินเหิน
ตรงแน่ว ราวไม่ใช่คนขาเกขณะประทับร่างทรงยังไม่นับการที่แกกระดก
เหล้าสองครั้งต่อหนึ่งขวด ไม่ใช่ขวดเดียวเสียด้วย ท่ีรินไหลผ่านล�ำคอ
โดยปราศจากความเมามาย
ท้ังสองรู้จักกันมาตั้งแต่เกิดท�ำให้เฒ่าโสไม่เช่ือว่าถ้อยค�ำโอ่อ่า
ราวหลุดออกมาจากปากเจ้านายน้ันจะหล่นออกมาจากสมองผุ ๆ ของ
เฒ่าพรม คนไมร่ หู้ นังสอื หนา้ กระดาษส�ำหรบั แกนัน้ มคี ่าเพียงอย่างเดยี ว
คือ ฉีกแล้วน�ำมาพันยาสูบ เฒ่ายังเล่าให้ใครต่อใครฟังด้วยว่า กระดาษ
หนังสือพิมพ์ที่สูบได้อร่อยสุดคือหนังสือพิมพ์สีเขียว ส่วนสีบานเย็นนั้น
รสมันเล่ียน หนังสือพิมพ์สีส้มรสมันก็ออกเปรี้ยว พอแกเล่าต่อว่า
หนงั สอื พมิ พส์ แี ดงรสออกเผด็ รอ้ นคนเขากส็ า่ ยหนา้ คดิ วา่ เฒา่ โกหกพกลม
ไปตามเรื่องเสียแล้ว แต่มันก็น่าจะมีมูลความจริงอยู่บ้าง เพราะเฒ่าแก
เท่ียวเสาะหาแต่หนังสือพิมพ์หัวเขียว มาไว้มวนยาสูบเม่ือยามกระดาษ
ตราไก่หมดหรือเจียนใบตองไว้ใช้ไม่ทัน แต่ตอนองค์ลงน้ัน ทุกคนก็เห็น
กับตาได้ยินกับหูว่า เฒ่าพรมพูดจาอย่างคนในโทรทัศน์ ฉาดฉานได้น้�ำ
ไดเ้ นอ้ื มเี หตผุ ลรองรบั ครบครนั และสบู ยาซอง  ใครถามอะไรมากต็ อบไดห้ มด
ใครใหร้ ักษาโรคอะไร ก็ไม่ขัดข้อง คิดค่ายกครูแคบ่ าทเดียว เงินบาทเดียว
มันไม่ได้ท�ำให้ม้าทรงของเทพมีชีวิตดีข้ึนมากมาย นอกจากยามท่านเทพ
เสด็จกลับสรวงสวรรค์แล้ว ม้าทรงตัวโปรดจะมีเงินซ้ือเหล้าขาวด่ืมได้

10 Bulan Sastra

โดยไม่ต้องแปะโป้งไว้จนน้ิวหัวแม่มือแทบสึกเหมือนดังคร้ังเก่าก่อน
ทว่าแม้เฒ่าพรมไม่ซื้อเหล้าเองแกก็ไม่เดือดร้อนเหมือนเก่า องค์เทพ
ของชุมชน ชาวบ้านจะปล่อยให้ยากไรอ้ นาถาไดอ้ ยา่ งไร
วนั ทคี่ มขวานวาววบั กระเดง้ กลบั เมอ่ื ลำ� ขอ้ แขง็ แกรง่ ของคนหนมุ่
หวงั จะโคน่ ลม้ เรอื นผหี ลวงเอาไปทำ� ศาลาประชาคม กง่ิ กา้ นและลำ� ตน้ ของ
ยางใหญ่กลายเป็นยางรถยนต์ไปเสียแล้ว กระทั่งคมเลื่อยท่ีฝนมาขาว
วาววับอย่างฟันจระเข้ กลบั ท�ำไดแ้ คถ่ ากผิวต้นใหเ้ ปน็ รอยแดง คล้ายใคร
เอาปากกาไปขดี แตม้ ไวจ้ นทกุ คนทดท้อใจอยากละท้ิงต้นยางใหญ่ท่ีเทวดา
ท่านหวง คิดหาทางใหมใ่ หไ้ ดศ้ าลาประชาคมข้ึนมา
ตอนนี้เองพวกคนรุ่นเฒ่าโส ก็ก�ำลังรวมกลุ่มประชุมกันโดย
ท่คี นรุ่นลกู ไมร่ ู้ หน่งึ ในข้อเสนอของคนรนุ่ เฒา่ คือ เม่ือพวกมันใช้ก�ำลังกับ
บ้านผีหลวงได้ ขณะพวกเราท้ังห้ามปรามท้ังอ้อนวอนท้ังสาปแช่ง
แลว้ มนั ยงั ดอื้ ดงึ เรากน็ า่ จะใชก้ ำ� ลงั กบั มนั ไดเ้ หมอื นกนั ถา้ พดู แลว้ ไมฟ่ งั นกั
เอาเลอื ดหวั คนรุน่ ลกู ออกมาดบู า้ งจะเป็นไรไปนกั หนา ผูก้ ระเหย้ี นกระหือ
เอาจรงิ เอาจงั มากที่สดุ คอื เฒา่ สุ่นนักเลงเก่า เมือ่ ยส่ี บิ สามสิบปีท่แี ล้วทีช่ ่อื
ยงั ขายไดอ้ ยเู่ สมอในแวดวงนกั เลงละแวกบางตำ� บล เฒา่ สนุ่ ไมค่ อ่ ยเอย่ ปาก
พดู อะไรนกั ถา้ หากพออดทนได้ ครงั้ นเ้ี ฒา่ นา่ จะทนจนถงึ ทสี่ ดุ แลว้ และลง
ว่าเฒ่าสุ่นได้พูดอะไรออกมาแล้ว ฟ้าจะขวางแผ่นดินจะก้ันทุกคนก็รู้ว่า
เฒ่านั้นไม่หวั่นโดยเด็ดขาด คนรุ่นเดียวกันเคยเห็นฤทธ์ิเดชมา
แต่ครั้งหนุ่มแน่น รู้ว่าความตายนั้นเฒ่าสุ่นไม่แยแส นับประสาอะไรกับ
การเอาเลอื ดหวั คนรนุ่ ลกู ออกมาดเู ลน่ บา้ งสกั ที แตก่ อ่ นทที่ กุ สงิ่ จะเลยเถดิ
ไปกันใหญ่ ทันใดน้ันเฒ่าพรมขาเก พลันชักกระตุกส่ันเท้ิมไปทั้งร่าง
เส้นเลือดเขียวขอดปูดโปนปรากฏชัดบนเรือนกายและมามุ่นขอดบน
ดวงหน้า เหมอื นนางลำ� ไยที่เฒา่ เคยเห็นเมื่อครัง้ ยังเดก็ ไมม่ ผี ดิ เฒา่ พรม

บุหลนั วรรณกรรม 11

ขาเกเดนิ ไปกระชากขวานจากทดิ มน่ั ทา่ มกลางการตกตะลงึ จนสดุ หยงั่ ของ
ทกุ คน กระท่งั ลมื สังเกตขาขวาหักเกของเฒ่านัน้ กลบั เดนิ เหินไดเ้ ป็นปกติ
ซำ้� คลอ่ งแคลว่ ยง่ิ กวา่ คนธรรมดาถงึ สองสามเทา่ แกรอ้ งคำ� รามดจุ อสรู กาย
แล้วก็ยกด้ามขวานใหญ่ขาววาววับสูงสู่ฟ้า ในท่าเตรียมพร้อม ฟาดฟัน
ทุกสิ่งให้พินาศเป็นจุณ เท่าน้ีทุกคนก็โกยอ้าว แม้แต่ชายหนุ่มกลุ่มที่
ห้าวหาญสุดเพราะไม่มีใครรู้ว่าก�ำลังผจญกับส่ิงใด สัญชาตญาณเอาตัว
รอดส�ำแดงตนออกมาเต็มที่ห้อเหยียดเอาไว้ก่อน แต่ทันใดน้ันทุกคนกลับ
น่ิงจังงังก้าวขาไม่ออก ดุจดอกตะปูตอกตรึงไว้บนฝ่าตีนทั้งสองข้าง
เม่ือเฒ่าพรมขาเก ผู้กุมขวานเล่มใหญ่ กระโดดแผล็วเดียวดุจแมวหนุ่ม
พุ่งตะกายไต่ต้นไม้ข้ึนไปเหยียบยืนบนคาคบใหญ่กระโดดโลดเต้นขย่ม
ราวเป็นพญาวานร แกเปล่งเสียงดุจฟ้าค�ำรามกึกก้องแต่แหบเครือ
เหมอื นเสียงท่ีสง่ ข้นึ มาจากโพรงลึกทีฝ่ ังอย่ใู ต้แผ่นดนิ แมจ้ ะจำ� ไดไ้ ม่หมด
ทกุ ค�ำแตถ่ ้อยความทีเ่ ฒา่ พรมพูดในวนั นนั้ น่าจะมีใจความประมาณว่า
“สเู จา้ กลา้ ดยี งั ไง ถงึ ไดม้ าทำ� ลายปราสาทราชวงั ของขา้ บรรพบรุ ษุ
ผู้ปกป้องพวกสูมาเนิ่นนาน กูผู้ดลใจให้ทวดของทวดสูหอบลูกจูงหลาน
ดนั้ ดน้ ขา้ มภเู ขามาตง้ั บา้ นเรอื นทน่ี ่ี ดลบนั ดาลฟา้ ฝนใหต้ กตอ้ งตามฤดกู าล
ให้นาไร่มึงได้ไถหว่านและต้นข้าวผลิดอกออกรวง น่ีรึส่ิงท่ีมึงตอบแทนกู
พวกลกู หลานจญั ไร มงึ จะโคน่ บา้ นกไู ปทำ� อะไรนะ ทถ่ี กเถยี งหา่ เหวประชมุ
บ้านประชุมเมืองอะไรของมึง พอเจ้านายเขาบัญชาลงมามึงต้องท�ำตาม
ทุกอย่างเลยรึ เจ้านายพวกน้ันเคยให้อะไรมึงบ้าง นอกจากมาเอาไป
เขาชซี้ า้ ยหนั ขวาหนั พวกมงึ กพ็ ร้อมท่จี ะเดนิ ตามคำ� สง่ั อย่างนัน้ รึ เขาขดี
เสน้ รอบวงให้พวกมงึ เดิน มงึ ก็พรอ้ มจะเดนิ ตามเขาส่ังอย่างน้ันรึ เจ้านาย
พวกน้ันเคยมาร่วมทุกข์สุข ขับไล่ความโศกเศร้าไปจากบ้านเรือนมึงไหม
แตก่ นู ่ี กตู า่ งหาก ที่อยกู่ ับพวกมึงตลอด ปกป้องตัง้ แตท่ วดของทวด จนถงึ
หลานเหลน ทง้ั จะดแู ลตอ่ ไป ตราบเทา่ ทเี่ วรกรรมของกยู งั ไมเ่ คลอ่ื นเปลยี่ น
ไปสู่ที่อื่น มึงท�ำกับกูอย่างน้ีได้ยังไงวะ ท�ำกับบรรพบุรุษผู้น�ำวิญญาณมึง

12 Bulan Sastra

มาเกดิ ดแู ลขณะมงึ มชี วี ติ เมอ่ื มงึ ตายกยู งั ตอ้ งฝากวญิ ญาณมงึ กบั ยมทตู อกี
มึงเชื่อหรือว่ารัฐบาลห่าน่ันจะให้อะไรมึงได้เท่ากู ถึงขนาดต้องโค่น
บ้านเรือนกู เอาไปสรา้ งเปน็ ท่ถี กเถยี ง รบั ค�ำบญั ชาจากมัน กูล่ะเหนอื่ ยใจ
ในความโงข่ องมึงจรงิ ๆ เปน็ ความผดิ กูเองท่ีไม่ก�ำราบเสยี บ้าง ปลอ่ ยให้
พวกมงึ ไดใ้ จจนบา้ บอคอแตกกันไปได้ถงึ เพยี งนี้” บัดนัน้ ฟา้ ร้องโครมครนื
ฝนเร่ิมโปรยสาย แดดเปร้ียงเที่ยงวันกลับกลายเป็นฟ้ามืดคลุ้มคลั่งด้วย
เมฆฝน ประกายแสงแปลบปลาบปรากฏบนเรือนฟ้าทุกด้าน ความมืดด�ำ
คลค่ี ลมุ ดงั่ หมบู่ า้ นถกู ตดั ขาดออกจากแผน่ ดนิ สว่ นอน่ื ของโลก เหลอื ชมุ ชน
เดียวตั้งโด่เด่ ด่ังเส้ือคลุมปีศาจโอบล้อม ไม่ให้ชีวิตใดเล็ดลอดออกไปได้
เทพเจ้าในร่างเฒ่าพรม ย่ิงสาดความหวาดกลัวให้แผ่กระจายสู่ดวงใจ
ชาวบ้านมากข้ึนด้วยการเปล่งเสียงหัวเราะสะท้านสะเทือนจนก้องกลบ
เสยี งพายไุ ดอ้ ยา่ งนา่ อศั จรรย์ ทกุ คนหมอบราบคาบกบั พน้ื ราวลงั เลวา่ หาก
ลุกขึ้นว่ิงไม่รู้ว่าส่ิงใดจะเกิดข้ึนกับตน กระท่ังอาจหวาดกลัวจนไม่กล้า
กระดกุ กระดกิ เฒา่ พรมขาเกผกู้ ลายเปน็ เทพข้ึนมาดื้อ ๆ ทั้งยังท�ำอภินิหาร
ต่าง ๆ ให้ผิดประหลาดมากขึ้นไปอีก ทง้ั นา่ กลวั แกมพิศวง จนขนลุกซู ่
ทง้ั รา่ ง เชน่ อยดู่ ี ๆ เฒา่ ก็เผน่ โผนไปกง่ิ นนั้ กง่ิ นรี้ าววญิ ญาณหนมุ านเขา้ สงิ
บางคนยังจ�ำได้อีกว่าเหมือนหัวเฒ่าจะขยายใหญ่ราวโอ่งมังกรลูกย่อม
บางคร้ังก็คล้ายมีภาพซ้อนจนเหมือนเฒ่ามีส่ีหน้า แขนเฒ่านั้นบางคน
บอกวา่ กลายเปน็ สแี่ ขนสม่ี อื ไปเสยี แลว้ เมอื่ ทกุ คนรจู้ กั เหลา้ แมโ่ ขงในเวลา
ต่อมา หลายคนจึงสรุปตรงกันว่าร่างเฒ่าพรมวันท่ีเทพลงครั้งแรกน้ัน
เหมือนเทวดาสี่กรท่ีอยู่ข้างขวดแม่โขงน่ีแหละ จากนั้นวงพูดคุยก็ยืดยาว
ต่อไปอีกว่า เหตุอันใดเล่าแกถึงชื่อว่าพรม น่าจะมีส่ิงดลใจให้พ่อแม่แก
ตงั้ ชอื่ ลกู วา่ พรม สง่ิ ดลใจกต็ อ้ งเปน็ พระพรหมอยา่ งไมต่ อ้ งสงสยั ทา่ นดลใจ
เพราะรูว้ า่ เดก็ คนน้ีในอนาคต จะมีฐานะเป็นรา่ งทรงของทา่ น แลว้ ทเ่ี ฒา่
ขาเกนนั้ ยิ่งไมต่ ้องสงสยั ใหญ่ ใครมีความพเิ ศษอยู่ในตัวย่อมต้องมีส่ิงแลก
เปลย่ี นตามธรรมชาติ ดอู ยา่ งพวกชำ� นาญการดนตรนี นั่ ปะไร สว่ นมากหาก

บหุ ลันวรรณกรรม 13

ไม่ตาบอดก็แขนขาพิกลพิการเฉพาะพวกตาบอดนั้น เขาว่าหูมันแน่นัก
ฟงั เพลงเพียงครงั้ สองครงั้ ก็สามารถเลน่ ตามไดเ้ ร็วกว่าคนตาดีเสยี อกี
ฝุ่นดนิ หมนุ วนคละคลงุ้ พายุดุรา้ ยเกดิ ข้นึ กะทันหนั ยอดสูงยงู ยาง
อ่อนระเนนเอนระนาดส่ันไหวไร้ทางทิศ ร่างเฒ่าพรมที่เทพสิงสถิตบัดนี้
เปลี่ยนไป กลายเป็นวิปลาสน่าหวาดหว่ันเหลือคณานับ บวกรวมกับ
ความคุคลั่งของธรรมชาติ คนขวัญอ่อนถึงกับเป็นลมล้มพับ ดวงตาเฒ่า
พรมประเดี๋ยวแดงกำ่� ประเดี๋ยวเหลอื กคา้ ง เหน็ แตต่ าขาว รา่ งนั้นโอนเอน
คลา้ ยจะหลุดร่วงจากก่ิงก้านยางใหญ่ แต่ตนี กลบั เหนยี วหนบึ ดจุ ดง่ั ตุก๊ แก
เฒ่าโสสาบานว่าเห็นล�ำตัวเฒ่าพรมเอนเอียง แทบขนานพื้นดิน แต่ตีน
เปล่าเปลือยหนาเตอะหลับไม่หลุดลู่จากก่ิงยางใหญ่ ฟ้าทุกด้านมืดมิดบีบ
อัดเข้ามา เหมือนฝ่าตีนยักษ์พร้อมจะกระทืบทุกสิ่งให้แบนราบติดผืนดิน
ในเสียงอื้ออึงของพายุน้ันคล้ายเสียดแทรกด้วยเสียงสะอ้ืนไห้ของเหล่า
ภูติพรายนบั ลา้ น ๆ มาร่วมชุมนุม หรือฟงั ดูอกี ที ก็เหมอื นเสียงวู่หววิ ของ
ปีศาจท่ีส่งมาจากดินแดนแสนไกล จนกระทั่งบัดนี้ เฒ่าก็ไม่เคยเห็นพายุ
ท่งุ ดุรา้ ยเชน่ น้นั อกี เลย
แม้ว่ามันจะน่ากลัวเปี่ยมภยันตรายเพียงใด แต่ช่างต่ืนตาตรึงใจ
ราวเราหลดุ เข้าไปในดินแดนความฝัน
จนถึงวันน้ีโค้งสุดท้ายของชีวิต ความชืดชาเกาะกุมทั้งดวงใจ
เฒ่าจึงไดก้ ลบั มาเพอ้ ถงึ ความหลัง ที่ทำ� ใหเ้ ลือดลมฉดี แรง จนหัวใจหนุม่
กลบั มาลกุ โชนอกี ครัง้
ขณะพายพุ ัดคคุ ลง่ั แทบลืมตาไมข่ ้นึ นนั้ พลนั บังเกดิ สิ่งมหศั จรรย์
แทรกซ้อนเข้ามาในเรื่องราวน่าพิศวงราวโลกจะทลายนี้ เมื่อรถยักษ ์
คันหนึ่ง ว่ิงพ้นเนินดินขึ้นมา รถยักษ์น้ันดูไม่หว่ันไหวกับมหาวายุนี้เลย

14 Bulan Sastra

มนั แลน่ มาอยา่ งสงา่ ทระนงไมไ่ ยดสี ง่ิ ใด มคี นหกเจด็ คน เบยี ดชดิ กนั ในเกง๋
ด้วยท่าทางหวาดผวาต่อความวิปริตแปรปรวน ไม่แพ้ชาวบ้านท่ีหมอบ
ราบคาบกบั ผนื ดินรายรอบต้นยางใหญ่
หน่ึงในนั้นคือทิดไหวผู้ใหญ่บ้านรุ่นลูก ที่บัดนี้กราบลาโลกมนุษย์
ดิง่ สูข่ มุ นรก หรือไปส่สู วรรค์ชน้ั ไหนแลว้ ก็ไม่รู้ นงั่ เบียดอัดกับเขามาด้วย
(รถยักษ์ซึ่งเฒ่ามานับภายหลังว่า มันมีสิบล้อ เมื่อนับจนถ้วนถ่ีแล้ว
เฒา่ กอ็ ศั จรรยใ์ จวา่ ฝรง่ั มนั ชา่ งสรา้ งไดท้ กุ สงิ่ ราวใชเ้ วทมนตรค์ าถาเสกขน้ึ
มาอยา่ งงา่ ยดาย เฒ่ามารภู้ ายหลงั จากนั้นอีกนานวา่ รถนนั้ ไมใ่ ชฝ่ รัง่ สรา้ ง
คนทสี่ ร้างเป็นพวกญป่ี ุ่น พวกญป่ี นุ่ นกี้ เ็ ปน็ คนผิวเหลอื งหัวด�ำเหมอื นเฒา่
นแ่ี หละ พวกญปี่ นุ่ คอื คนทที่ ำ� ใหเ้ ฒา่ ตอ้ งวง่ิ ลงหลมุ หลบภยั วนั ละหลายหน
ในคราวสงครามโลก แม้จะได้ยินแต่เสียงเครื่องบิน ไม่เคยมีระเบิด
มาท้ิงลงที่หมู่บ้านสักคราว เขาบอกว่ามันบินเลยหายไปท่ีเมืองกอก
เมืองแกว้ โนน่ )
รถยักษ์คันน้ัน ค่อยเคล่ือนข้ึนเนินสูงอย่างแช่มช้าเด่นเป็นสง่า
ไม่เกรงกลัวส่ิงใดในโลกน้ี ก็แน่อยู่หรอก เรือนร่างมหึมาปานน้ัน ทุกคน
เผลอนั่งอ้าปากค้างมองรถยักษ์เคลื่อนมาอย่างทรงศักดิ์ดุจเคยเหยียบ
ทุกอย่างราบเรียบมาแล้วด้วยอุ้งตีน อาจเป็นไปได้ที่ขณะนั้นทุกคน
จะคิดว่า นคี่ ือประดษิ ฐกรรมชนิ้ ส�ำคญั สุดของโลก ไมร่ ูใ้ ครรู้ว่า ผูใ้ หญไ่ หว
พารถยักษ์กับพวกหกเจ็ดคนมาท�ำไม ขณะนั้นเฒ่าโสคิดว่า ส่ิงก่อสร้าง
ย่ิงใหญ่อลังการท่ีพอเทียบกับรถยักษ์ได้ คงจะมีเพียงพระธาตุพนม
กับโบสถ์วิหารวัดพระแก้วที่เฒ่าเคยรอนแรมไปเห็นยังเมืองล่างเมืองลุ่ม
แต่ครั้งยังหนุ่มแน่นเท่านั้น วูบส้ันแห่งกาลเวลา แต่ทอดยาวกลางความ
คิดค�ำนึงนั้น เฒ่าโสพลันตระหนักและตระหนก จนฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
เอามาเปรียบเทียบกัน มันจะถูกหรือ พระธาตุพนมเป็นสุดยอดบูชาของ
มวลมนุษย์ แค่ได้ไปกราบไหว้สักคร้ัง ผลบุญนั้นจะน�ำพาให้ล่องลอย

บุหลนั วรรณกรรม 15

สสู่ รวงสวรรค์ วัดพระแกว้ นัน้ ใชอ่ ะไรอืน่ นอกจากท่ีจ�ำลองสรวงสวรรค์
ของทวยเทพ พระแก้วมรกตกไ็ มด่ ้อยค่าไปกว่าพระธาตุพนม ไดก้ ราบไหว้
เพียงคร้ังก็จะได้ไปเสวยสุขบนสรวงสวรรค์ เฒ่าเคยไปกราบส่ิงศักด์ิสิทธิ์
ทั้งสองมาแล้ว หากชีวิตลาลับไปจากโลก ดวงวิญญาณเฒ่าคงลิ่วลอย
สสู่ รวงสวรรคอ์ ยา่ งไมต่ อ้ งสงสยั เจา้ รถคนั ยกั ษน์ มี่ นั กน็ า่ เปน็ สงิ่ มหศั จรรย์
ได้เช่นเดียวกัน มหัศจรรย์รถ มหัศจรรย์เครื่องจักร มหัศจรรย์วัดวา
อย่างไหนจะเป็นที่สุดความมหัศจรรย์ หรือเราต้องแยกเป็นสองฝ่าย
ฝ่ายโลกกับฝ่ายธรรมอย่างพระท่านบอก แต่ไม่ทันท่ีความคิดเฒ่าจะแยก
ย่อยละเอยี ด จนบงั เกดิ ความเข้าใจในตน หรอื อย่างน้อยกเ็ พื่อจะยอมรบั
โดยดษุ ณวี า่ ตวั เองมดื ตบึ้ จนปญั ญากบั ปญั หาบา้ บอนี้ บดั นน้ั เฒา่ กลบั ตอ้ ง
เบิกตากว้าง เมื่อเจ้ารถยักษ์หักเลี้ยวหันด้านข้างมาเผชิญหน้ากับกลุ่มคน
ที่หมอบราบคาบแก้วหวาดกลัวฤทธ์ิเดชท่านเทพท่ีสถิตในร่างเฒ่าพรม
ผู้เหาะเหินขึ้นไปอยู่เหนือคาคบยางใหญ่ รถยักษ์น่ันมันบรรทุกอะไร
มาอีกล่ะ มันเป็นปีศาจชนิดไหน มันมีมือมองดูเหมือนฝาหอยหรือ
มองอีกทีก็เหมือนปุ้งกี๋ขนาดใหญ่ เจ้าปุ้งก๋ีนั่นมันต่อเชื่อมกับเหล็กหักงอ
คลา้ ยลำ� แขน มตี นี เปน็ เหลก็ โตเทา่ เรอื ขดุ ลำ� ใหญ่ ตนี เหลก็ ของมนั ประกอบ
กันข้ึนมาอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าสลับซับซ้อน ท่อนนั้นผูกโยงกับท่อนน ี้
ท่อนนี้ยึดโยงกับท่อนโน้น ยากระบุรูปทรงแน่นอนแจ่มชัด เป็นไปได้ว่า
พอคนบังคับ มันจะลุกข้ึนเดินโดยส่วนขาอาจจะยืดยาวโผล่ออกมา
จากทไ่ี หนสกั แหง่ ซง่ึ เฒา่ กจ็ นปญั ญาคดิ ชาวบา้ นทกุ คนดเู หมอื นตกอยใู่ น
สภาพต่ืนตะลึงเสยี จนไมก่ ล้าขยับตัว
เมอ่ื รถยกั ษจ์ อดสนทิ รงั สคี วามเหยี้ มโหดยงั ฉายโชนคกุ รนุ่ ออกมา
จากเรือนร่าง ผู้ชายหกเจ็ดคนที่เบียดกันอยู่ในเก๋ง ก้าวลงมาสะบัดแข้ง
สะบัดขา บดิ ไหล่คลายหลัง ไลค่ วามเมือ่ ยขบ ปดั ฝนุ่ ฝอยแดงเขม้ ท่ีเกาะ
จับแน่นบนเน้ือผ้าคลุ้งไปท่ัว แต่ส่วนหลอมปนผสมผสานไปกับน�้ำฝนน้ัน
ฝงั ลกึ ในเนอ้ื ผา้ จนกลายเปน็ สอี ฐิ เมอ่ื นน้ั แหละชาวบา้ นจงึ เขา้ ไปหอ้ มลอ้ ม

16 Bulan Sastra

ทิดไหว ถามท่ีมาที่ไปเจ้ารถยักษ์และสิ่งแปลกประหลาดท่ีบรรทุกมา
บนหลงั มัน ทิดไหวนนั้ น่าจะอวดโอช่ าวบา้ น ด้วยถ้อยคำ� ในทำ� นองวา่
“ทีนี้แหละอย่าว่าแต่ต้นยางเลยต่อให้มันใหญ่กว่านี้สิบเท่า
รถตกั เราจะทลายมนั ให้ราบเรยี บเปน็ หนา้ กลอง” จากนั้นเป็นเวลาอกี หลายปี
ทช่ี าวบ้านเรยี กรถยักษ์คอยาวน้วี า่ รถตัก จนใครไม่ร้มู าบอกว่าแท้จรงิ แล้ว
รถท่ีทลายทุกสิ่งได้สมจริงตามค�ำโฆษณานี้ เขาเรียกว่ารถแบคโฮ
นัน่ แหละชาวบ้านจึงพร้อมใจเรียกมันมาจนถงึ บัดน้ีว่า รถแม็คโคร
“และนี่” ทิดไหวผายมือไปยังเจ้าตัวเล็กเหมือนเคร่ืองสูบน�้ำ
ห้าตัวทีร่ อ้ ยด้วยโซล่ ่นั กุญแจแน่นหนาคลอ้ งกับโครงเหล็กรถ เจ้าเครื่องนี้
มใี บเหมือนคมเล่ือยขาววาววับทีด่ ูเหมอื นกับจะตดั หัน่ ได้ทกุ สรรพส่ิง
“เลอื่ ยยนต”์ ทดิ ไหวบอกด้วยดวงหนา้ ภาคภมู ใิ จ
“ถา้ ไดเ้ หน็ มนั ตดั ไมน้ ะ ปา้ ดๆๆ แผลบ็ เดยี วซงุ ทอ่ นใหญก่ ร็ าบเรยี บ
กลายเป็นเสาเป็นกระดานหมด” เสียงโฮอย่างทึ่งดังข้ึนจากฝูงชนที่รุม
รายรอบต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปเท่าภูมิความรู้ตน ซึ่งไม่มากมายไปกว่า
การพดู ถงึ รปู ร่างรถตักรถสิบล้อและเลือ่ ยยนต์ แลว้ ทิดไหวก็ว่าตอ่ ไป
“ใหม้ นั รไู้ ปสวิ า่ ยางตน้ นจี้ ะทนแรงรถตกั และเหนยี วเกนิ คมเลอ่ื ย
ยนต์ได้ เราเห็นกันเองกับตาก็คราวนี้แหละพี่น้องเอ๊ย” เขาพูดพร้อมทั้ง
แสดงท่าทางมันเข้ียว ฝูงชนส่งเสียงร้องฮือ เฒ่าโสได้แต่หวาดเสียวแทน
ดทู ดิ ไหวมนั ชา่ งไมเ่ กรงกลวั ผรี า้ ยผหี ลวงผปี ผู่ ยี า่ เอาเสยี เลย ดู ๆ ไปกเ็ หมอื น
มันเพีย้ นบ้าอยากเอาชนะบางสิง่ ทั้งท่มี นั ก็ไม่ร้ดู ้วยซ�้ำว่าจะเอาชนะอะไร
และชนะไปเพ่ืออะไร นอกเหนือจากการสร้างศาลาประชาคมซ่ึงตอนน้ี
กด็ ูเปน็ เร่ืองรองไปเสียแลว้ เรอ่ื งท่ที ิดไหวพดู บอ่ ยสุดนัน้ กลับกลายเปน็ วา่
ท�ำอย่างไรจะโค่นล้มต้นยางใหญ่ผีหลวงลงได้เท่านั้น แล้วมันก็หน้าตื่น
หนั ไปถามเอากับคนใกลต้ ัวสดุ
“เออ แล้วไหงเกิดพายุบ้าอะไรเกิดขึ้นมากลางหน้าแล้งนี่ล่ะ”
เขาทำ� หนา้ เหลอหลา และบดั นน้ั ราวสมองทกุ คนกลบั เชอื่ มตอ่ กบั เรอ่ื งราว

บุหลันวรรณกรรม 17

นา่ หวาดหวัน่ พรั่นพรึงท่เี กิดขน้ึ ก่อนรถสิบลอ้ จะเคลือ่ นขึน้ มาจอดงามสงา่
ไม่มีใครคิดออกแลว้ วา่ มหาวายุมนั สงบลงตอนไหน ทกุ คนหนั หลังกลบั ไป
มองตน้ ยางแทบพรอ้ มกนั ทปี่ รากฏตอ่ สายตาคอื รา่ งเฒา่ พรมนอนแอง้ แมง้
เหยียดยาวอยู่บนพื้น รายล้อมด้วยตอซังข้าว ใต้ความทึบทะมึนของ
ยางใหญ่ ท้ังที่เม่อื ครู่ทา่ มกลางพายุแกกลับเผ่นโผนอยู่บนฟ้า ราววง่ิ เลน่
บนพื้นดิน เหมือนทุกคนจะจดจ�ำขึ้นมาได้พร้อมกันว่าก่อนหน้าความ
มหัศจรรย์แห่งเครื่องกลจะปรากฏ พวกเขาก�ำลังเผชิญอิทธิฤทธ์ิร้อนแรง
แห่งท่านทวยเทพ บัดน้ันเสียงโจษจันฟังไม่ได้ศัพท์พลันเซ็งแซ่ขึ้นอีก
แตร่ วมความไดว้ า่ ลว้ นมแี ตค่ วามสบั สนเมอ่ื พยายามคดิ ถงึ ชว่ งเรม่ิ แรกของ
เหตุการณ์อันสับสนอลหม่าน ส่วนตอนจบน้ันคือพอเหลียวกลับมาอีกที
ก็เห็นร่างเฒ่าพรมนอนสิ้นสติ อยู่กับพื้นนาตอซังข้าวแล้ว ตอนน้ันเวลา
ก็บ่ายแก่ จวนเย็นย่�ำเต็มที ท้องฟ้าทุกด้านเปิดแจ่มใส ข้ีเมฆลอยระเรี่ย
ระบายความงดงาม เหมอื นโลกเรมิ่ งานเทศกาลความสขุ สนั ตช์ า่ งแตกตา่ ง
กับไม่กี่ช่ัวโมงที่ผ่านมา ช่วงที่หมู่บ้านเหมือนถูกตัดขาดจากโลกส่วนอ่ืน
โดยส้ินเชิง คนหนุ่มสามส่ีคนช่วยกันยกร่างเฒ่าพรมใส่รถเข็นกลับไป
ยังเรอื นแก
พายุยงั ไม่สงบ แต่หาใชพ่ ายุจากท่ีอน่ื ใดไม่ เป็นพายทุ ่คี คุ ลั่งอยู่ใน
ตัวเฒ่าพรมนั่นเอง ท่ีแท้ท่านเทพ ยังไม่เสด็จไปไหน ท่านยังสถิตในร่าง
เฒ่าพรม เพียงแต่ล่วงมาถึงบัดนี้ ร่างทรงของท่านกลับส่ันเท้ิมราวเป็น
ไขป้ า่ มอี าการหวาดกลวั คลา้ ยเขด็ หลาบกบั บางสง่ิ พรำ่� เพอ้ พดู ไมไ่ ดส้ ตดิ ว้ ย
เสยี งสน่ั พรา่ ซำ้� ๆ “เอามนั ออกไป ๆ ” และนาน ๆ ครง้ั กพ็ ดู ประโยคยดื ยาว
พอจบั ใจความไดท้ ำ� นองวา่
“ไอ้พวกลูกหลานจญั ไร มันสฤู้ ทธ์เิ ดชกูไมไ่ ด้ มนั กลบั ไปตามยกั ษ์
มาจับกกู ิน พวกมงึ จะเจริญไดย้ งั ไงวะ แมแ้ ตบ่ รรพบรุ ุษมึงแท้ ๆ ยังตาม

18 Bulan Sastra


Click to View FlipBook Version