The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1 คู่มือปฏิบัติราชการของตุลาการ 2562 ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง เล่มที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aram.du, 2021-10-11 00:13:32

1 คู่มือปฏิบัติราชการของตุลาการ 2562 ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง เล่มที่ 1

1 คู่มือปฏิบัติราชการของตุลาการ 2562 ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง เล่มที่ 1

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๗๓

“อนุญาตให้... เสนอบันทึกถ้อยคาแทนการซักถามพยาน โดยให้ ส่ ง
บันทึกถ้อยคาต่อศาลพร้ อมส่งสาเนาให้คู่ความอีกฝ่ ายทราบก่อนวันสืบพยานปากน้ันๆ ไม่น้อย
กว่า ๗ วัน”

ข้อสังเกต
การส่งสาเนาบนั ทึกถอ้ ยคาให้คู่ความอีกฝ่ ายหน่ึง เป็ นหน้าที่ของคู่ความซ่ึงอา้ ง
พยานบคุ คลท่ีบนั ทึกถอ้ ยคา โดยใชว้ ิธีการส่งตาม ป.ว.ิ พ. มาตรา ๗๒ วรรคสาม

ท้งั น้ี หากศาลเห็นว่าการให้พยานเสนอบนั ทึกถอ้ ยคาจะเป็ นประโยชน์แก่การ
พิจารณาแมไ้ ม่มีผใู้ ดยืน่ คาร้องขอเสนอบนั ทึกถอ้ ยคา ศาลอาจให้คาแนะนาแก่คู่ความ ถา้ คู่ความ
เห็นพอ้ งดว้ ย กใ็ หจ้ ดรายงานกระบวนพิจารณาวา่

“คู่ความประสงค์จะยื่นบันทึกถ้อยคาแทนการซักถามพยาน ให้ส่งบันทึกถ้อยคา
ต่อศาลพร้อมส่งสาเนาให้คู่ความอีกฝ่ ายทราบก่อนวันสืบพยานปากนั้น ๆไม่น้อยกว่า ๗ วัน”

เม่ือผขู้ อย่นื คาร้องหรือคาแถลงส่งบนั ทึกถอ้ ยคาและบนั ทึกถอ้ ยคาต่อศาลภายใน
เวลาที่กาหนด ใหส้ ง่ั ในคาร้องหรือคาแถลงวา่

“รับบันทึกถ้อยคา แยกเกบ็ นารวมสานวนเม่ือสืบพยาน”

พยานผู้ทาบันทกึ ถ้อยคาต้องมาศาลเพ่ือตอบคาถามค้านและคาถามติง

เมื่อผใู้ หถ้ อ้ ยคามาศาล หลงั จากพยานสาบานหรือปฏิญาณตนและตอบศาลเกี่ยวกบั ขอ้ มูล
ของพยานเช่นเดียวกบั การบนั ทึกคาให้การพยานทว่ั ไปแลว้ ตอ้ งให้ผูใ้ ห้ถอ้ ยคารับรองความ
ถูกตอ้ งแทจ้ ริงของขอ้ ความในบนั ทึกถอ้ ยคา จึงจะถือวา่ บนั ทึกถอ้ ยคาเป็ นส่วนหน่ึงของคาเบิกความ
ตอบคาซกั ถามของผขู้ อ ใหศ้ าลบนั ทึกในตอนตน้ ของคาใหก้ ารพยานวา่

“พยานเบิกความต่อจากบันทึกถ้อยคาฉบับวันที่..... ซึ่งพยานรับรองแล้ว
ตอบทนาย.....ถามค้าน”
หลงั จากพยานเบิกความเสร็จส่งั ในบนั ทึกถอ้ ยคาของพยานวา่
“รับเป็นบันทึกถ้อยคาของ (ชื่อ – นามสกลุ ของพยาน) รวมสานวนไว้กบั บนั ทึกคาให้การ
พยาน”
ข้อสังเกต
๑. ก่อนสืบพยานที่ทาบนั ทึกถอ้ ยคา ศาลควรศึกษาขอ้ ความในบนั ทึกถอ้ ยคาน้นั ลว่ งหนา้
เพ่ือให้สามารถเขา้ ใจขอ้ เท็จจริงท่ีจะมีการซกั ถามเพิ่มเติมหรือถามคา้ น และทราบว่าขอ้ ซกั ถาม
เพม่ิ เติมหรือถามคา้ นน้นั พยานไดใ้ หข้ อ้ เทจ็ จริงไวใ้ นบนั ทึกถอ้ ยคาแลว้ หรือไม่ อยา่ งไร

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๗๔

๒. บนั ทึกถอ้ ยคายืนยนั ขอ้ เท็จจริงของพยานไม่จาเป็ นตอ้ งมีรายการขอ้ ความของการ
สาบานหรือปฏิญาณตนของพยาน หรือลายมือช่ือของบุคคลผรู้ ับการสาบานหรือปฏิญาณลงไว้
เพราะกฎหมายมิไดบ้ ญั ญตั ิให้ตอ้ งมีรายการเช่นน้ัน เพียงแต่เม่ือผูใ้ ห้ถอ้ ยคาน้นั มาศาลเพ่ือตอบ
คาถามคา้ นและคาถามติงของคู่ความ จึงจะตอ้ งสาบานหรือปฏิญาณตนก่อนเบิกความ (ฎีกาท่ี
๔๓๒๓/๒๕๔๖)

กรณีพยานที่ทาบนั ทกึ ถ้อยคาไม่มาศาล
- หากพยานไม่มาเบิกความ ศาลต้องส่ังไม่รับฟังบันทึกถ้อยคาของพยานปากน้ัน
เป็นพยานหลกั ฐานในคดี เวน้ แต่ศาลเห็นวา่ เป็ นกรณีจาเป็ นหรือมีเหตุสุดวสิ ัยท่ีพยานไม่สามารถ
มาเบิกความได้ และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จะรับฟังบนั ทึกถอ้ ยคาดงั กล่าวประกอบ
พยานหลกั ฐานอ่ืนกไ็ ด้
- ในกรณีที่คู่ความตกลงกันให้ผูใ้ ห้ถอ้ ยคาไม่ต้องมาศาล หรือคู่ความอีกฝ่ ายยินยอม
หรือไมต่ ิดใจถามคา้ น ใหศ้ าลรับฟังบนั ทึกถอ้ ยคาดงั กล่าวเป็นพยานหลกั ฐานในคดีได้

๓.๑.๒ กรณีคาร้องขอเสนอบันทึกถ้อยคาแทนการซักถามพยานไม่เป็ นไปตาม
กาหนดเวลาตามกฎหมาย และ/หรือไม่ระบุเหตุผล หากคู่ความอีกฝ่ ายไม่คดั คา้ น ศาลอาจส่ัง
อนุญาตได้

กรณียงั พอมีเวลาให้คู่ความอกี ฝ่ ายได้ศึกษาข้อความในบนั ทกึ ถ้อยคา
กรณีท่ีคู่ความยื่นคาร้องขอเสนอบันทึกถ้อยคาภายหลังวนั ช้ีสองสถานหรือภายหลงั
วนั สืบพยานในกรณีท่ีไม่มีการช้ีสองสถาน ให้ศาลใช้ดุลพินิจเบ้ืองต้นว่าระยะเวลาก่อนถึง
วนั สืบพยานปากน้ันเพียงพอที่จะส่ังให้ส่งบนั ทึกถ้อยคาล่วงหน้าหรือไม่ หากเห็นว่ายงั มีระยะ
เวลาเพยี งพอใหค้ ู่ความอีกฝ่ ายศึกษาขอ้ ความในบนั ทึกถอ้ ยคาได้ ใหส้ ง่ั ในคาร้องวา่
“ให้ส่งบันทึกถ้อยคาต่อศาลพร้ อมส่งสาเนาให้คู่ความอีกฝ่ ายทราบก่อนวันสืบพยาน
ไม่น้อยกว่า ๗ วนั รอไว้สอบคู่ความอีกฝ่ ายในวันนัด จึงจะมคี าส่ังต่อไป”
เมื่อถึงวนั นดั ให้สอบคู่ความอีกฝ่ ายว่า ไดร้ ับบนั ทึกถอ้ ยคาของพยานแลว้ หรือไม่ เมื่อใด
และคดั คา้ นการเสนอบนั ทึกถอ้ ยคาดงั กล่าวหรือไม่ หากคู่ความอีกฝ่ ายไม่คดั คา้ น ให้จดรายงาน
กระบวนพจิ ารณา หรือสั่งในคาร้องเพ่มิ เติมวา่
“สอบ......(คู่ความอีกฝ่ าย) แล้ว แถลงไม่คัดค้านการยื่นบันทึกถ้อยคาของพยาน
จึงอนญุ าตให้.....(คู่ความฝ่ ายที่ขอ) ใช้บนั ทึกถ้อยคาของพยานแทนการซักถาม”

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๗๕

กรณีไม่มเี วลาพอให้คู่ความอกี ฝ่ ายได้ศึกษาบนั ทึกถ้อยคา
กรณีที่ผูข้ อยน่ื คาร้องพร้อมบนั ทึกถอ้ ยคากระช้นั ชิดหรือในวนั นดั สืบพยาน ไม่เป็ นเหตุให้
ศาลต้องส่ังเลื่อนคดี ให้ส่ังคาร้องว่า “สาเนาให้ คู่ความอีกฝ่ าย รอไว้ส่ังในวันนัด (หรื อสั่ง
ในรายงาน)”
ในวนั นัดเมื่อสอบคู่ความอีกฝ่ ายหน่ึงแลว้ ไม่คดั คา้ น ก็สั่งอนุญาตให้เสนอบนั ทึกถอ้ ยคา
แทนการซักถามพยานได้ แต่หากคัดคา้ น อาจให้เวลาคู่ความอีกฝ่ ายน้ันอ่านบันทึกถ้อยคา
ของพยานก่อน เม่ือพร้อมแลว้ จึงค่อยสืบพยาน ถา้ คู่ความอีกฝ่ ายไม่สามารถอ่านบนั ทึกถอ้ ยคา
ในระยะเวลาอนั จากดั หรือศาลเห็นวา่ ตามรูปคดีไม่สมควรใหส้ ่งบนั ทึกถอ้ ยคา เพราะอาจมีผลตอ่
การวินิจฉัยชง่ั น้าหนกั พยานหลกั ฐาน และอาจทาให้เสียความยตุ ิธรรม ก็ส่ังยกคาร้อง และส่ังไม่
รับบันทึกถ้อยคาของพยาน ให้นาพยานเขา้ เบิกความด้วยวาจาไปตามปกติไดท้ ันที ไม่ควร
อนุญาตใหเ้ ลื่อนคดีโดยอา้ งวา่ ใหค้ ู่ความปฏิบตั ิตามมาตรา ๑๒๐/๑ ก่อน
การที่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามคาส่ังศาล ในเร่ืองการย่ืนบันทึกถ้อยคาของพยานบุคคล
ต่อศาลพร้อมท้งั ส่งสาเนาบันทึกถ้อยคาน้ันให้จาเลยก่อนวนั นัดพิจารณาไม่น้อยกว่า ๗ วนั
ย่อมทาให้โจทก์มิไดร้ ับประโยชน์ในกระบวนการพิจารณาส่วนน้ีตามที่โจทก์ร้องขอ ศาลชอบ
ท่ีจะไม่ยอมรับบนั ทึกถอ้ ยคาของพยานโจทก์น้นั เป็ นพยานหลกั ฐานในคดีแทนการซกั ถามพยาน
โจทก์ แต่ศาลยงั จะต้องดาเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เม่ือโจทก์ได้นาพยานบุคคลมาศาล
ด้วยแล้ว ศาลชอบที่จะสืบพยานโจทก์และจาเลยในวันนัดพิจารณาตามที่นัดไว้ (ฎีกาท่ี
๓๒๘๕/๒๕๔๕)

๓.๒ การตรวจบันทึกถ้อยคา ต้องมีรายการครบถ้วนตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๒๐/๓
คือ ชื่อศาลและเลขคดี วนั เดือนปี และสถานท่ีที่ทาบนั ทึกถอ้ ยคา ช่ือและสกลุ ของคูค่ วาม ช่ือ สกุล
อายุ และอาชีพของผูใ้ ห้ถอ้ ยคา ความเก่ียวพนั กบั คู่ความ รายละเอียดขอ้ เท็จจริงหรือความเห็น
ของผใู้ หถ้ อ้ ยคา ลายมือชื่อของผใู้ หถ้ อ้ ยคาและคูค่ วามฝ่ ายผเู้ สนอบนั ทึกถอ้ ยคา

สาหรับลายมือช่ือของผูใ้ ห้ถอ้ ยคาและคู่ความฝ่ ายผูเ้ สนอบนั ทึกถอ้ ยคาน้นั หากผใู้ ห้
ถอ้ ยคาและคู่ความฝ่ ายผูเ้ สนอบนั ทึกถอ้ ยคายื่นคาร้องขอส่งบนั ทึกถอ้ ยคา โดยยงั ไม่มีลายมือช่ือ
ของบุคคลท้งั สองหรือบุคคลใดบุคคลหน่ึง ให้พิจารณาเหตุผลตามคาร้อง หากมีเหตุอนั สมควร
ศาลอนุญาตตามคาร้องได้ เช่น พยานให้ขอ้ เท็จจริงต่อทนายความไวแ้ ลว้ ทนายความเป็ นผูเ้ รียบ
เรียงเป็นลายลกั ษณ์อกั ษร แต่พยานติดภารกิจเดินทางไปต่างจงั หวดั ไม่สามารถลงลายมือช่ือใน
บนั ทึกถอ้ ยคาเพ่ือยน่ื ตอ่ ศาลภายในเวลาที่กาหนดได้ จึงขอลงลายมือช่ือในวนั มาเบิกความต่อศาล

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๗๖

เม่ือยืน่ บนั ทึกถอ้ ยคาไวแ้ ลว้ ตามมาตรา ๑๒๐/๓ วรรคสอง ห้ามแกไ้ ขเพ่ิมเติมบนั ทึก
ถอ้ ยคา เวน้ แต่เป็ นการแก้ไขขอ้ ผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อย และผูข้ อไม่อาจขอถอนบนั ทึก
ถอ้ ยคาได้ (มาตรา ๑๒๐/๑ วรรคสอง)

๓.๓ เม่ือคู่ความย่ืนคาร้องร่ วมกันขออนุญาตเสนอบันทึกถ้อยคาของพยานซ่ึงอยู่
ต่างประเทศต่อศาลแทนการนาพยานมาเบิกความ หากศาลเห็นสมควร อาจอนุญาตโดยให้เจา้
พนักงานท่ีมีอานาจในประเทศน้ันหรือโนตารีปับลิกรับรองการลงลายมือช่ือของพยาน ท้งั น้ี
ผูใ้ ห้ถอ้ ยคาซ่ึงมีถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศน้ันจะมาศาลเพื่อให้การเพ่ิมเติมได้ (มาตรา ๑๒๐/๒
ประกอบมาตรา ๔๗ วรรคสาม)

๓.๔ กรณีพยานให้ถอ้ ยคาประกอบเอกสาร ควรให้ผูข้ อส่งพยานเอกสารดงั กล่าวเพื่อให้
ศาลหมายเอกสารก่อน เพือ่ ความสะดวกในการใหถ้ อ้ ยคาและสืบพยานต่อไป

๓.๕ ศาลไม่ตอ้ งอ่านบนั ทึกถ้อยคาให้พยานฟัง แต่หากพยานเบิกความตอบคาซักถาม
เพ่ิมเติม คาถามคา้ น และคาถามติง ก็ให้อ่านเฉพาะในส่วนคาเบิกความดังกล่าวให้พยานฟัง
(มาตรา ๑๒๑)

๔. การสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ

กรณีท่ีพยานบุคคลไม่สามารถเดินทางมาศาลที่มีเขตอานาจพิจารณาคดี หรือไม่สะดวก
อย่างย่ิงท่ีจะมาเบิกความในศาลน้นั การสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพเป็ น
การนาเทคโนโลยีเขา้ มาช่วยแกป้ ัญหา เพ่ือให้องคค์ ณะผพู้ ิพากษาซ่ึงเป็ นผพู้ ิจารณาพิพากษาคดี
สามารถดาเนินการสืบพยานได้ โดยไม่จาเป็ นตอ้ งส่งประเด็นไปให้ศาลอ่ืนสืบพยานให้ อนั จะ
เป็ นประโยชน์สาหรับการใชด้ ุลพินิจในการรับฟังพยานหลกั ฐาน จากการไดส้ ังเกตอากปั กิริยา
และการรับฟังถอ้ ยคาของพยานดว้ ยตนเอง

๔.๑ หลกั เกณฑ์การขอสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ
ศาลจะอนุญาตให้ทาการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพตาม ป.วิ.พ.

มาตรา ๑๒๐/๔ ประกอบด้วยข้อกาหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยแนวทางการนาสืบ
พ ย า น ห ลัก ฐ า น แ ล ะ ก า ร สื บ พ ย า น บุ ค ค ล ท่ี อ ยู่น อ ก ศ า ล โ ด ย ร ะ บ บ ก า ร ป ร ะ ชุ ม ท า ง จ อ ภ า พ
พ.ศ. ๒๕๕๖ (ต่อไปในหัวข้อน้ีจะเรียกโดยย่อว่า ขอ้ กาหนดฯ) ขอ้ ๗ ได้ เม่ือเป็ นไปตาม
หลกั เกณฑ์ ดงั น้ี

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๗๗

๔.๑.๑ คู่ความตอ้ งร้องขอ
คู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงหรือท้งั สองฝ่ ายท่ีอา้ งบุคคลท่ีอยู่นอกศาลเป็ นพยาน

มีสิทธิร้องขอให้ศาลทาการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ โดยอาจทาคาร้อง
ขอเป็นหนงั สือหรือแถลงดว้ ยวาจาก็ได้

กรณีที่ศาลพิจารณาแลว้ เห็นวา่ พยานท่ีอยนู่ อกศาลซ่ึงไมส่ ามารถเดินทางมา
ศาลได้น้ันเป็ นพยานสาคัญ แต่คู่ความไม่ได้ร้องขอให้ทาการสืบพยานบุคคลโดยระบบ
การประชุมทางจอภาพ ศาลอาจแนะนาใหค้ ูค่ วามใชว้ ธิ ีการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุม
ทางจอภาพ หากคู่ความไมข่ ดั ขอ้ ง กใ็ หค้ ู่ความปฏิบตั ิตามหลกั เกณฑข์ องกฎหมายต่อไป

๔.๑.๒ ผรู้ ้องขอตอ้ งใหเ้ หตผุ ลความจาเป็น
คู่ความที่ร้องขอต้องให้เหตุผลความจาเป็ นท่ีไม่สามารถนาพยานมา

เบิกความที่ศาลซ่ึงมีอานาจพิจารณาคดีได้ เช่น พยานเจ็บป่ วย พยานมีสภาพร่างกายท่ีไมส่ ามารถ
เดินทางระยะไกล พยานอยรู่ ะหวา่ งปฏิบตั ิหนา้ ท่ีไม่สามารถเดินทางออกนอกพ้นื ท่ีได้ หรือมีเหตุ
จาเป็นอ่ืนอนั มิอาจกา้ วล่วง

อย่างไรก็ตาม ศาลควรคานึงถึงการสืบพยานในศาลก่อนเป็ นอนั ดับแรก
จึงอาจไมอ่ นุญาตตามคาร้องขอของคูค่ วาม หากพิจารณาแลว้ เห็นวา่ คูค่ วามอยใู่ นวสิ ัยท่ีสามารถ
นาพยานมาเบิกความในศาลได้ เช่น แมว้ ่าพยานจะมีภูมิลาเนาอยู่ต่างจงั หวดั ตอ้ งเสียค่าใชจ้ ่าย
ในการเดินทาง แต่กส็ ามารถเดินทางมาเบิกความในศาลได้ เพราะการคมนาคมสะดวก

๔.๑.๓ กาหนดเวลาการร้องขอ
แม้ว่า ป.วิ.พ. มาตรา ๑๒๐/๔ วรรคหน่ึง จะบัญญัติให้คู่ความสามารถ

ร้องขอให้ศาลทาการสืบพยานบุคคลที่อยนู่ อกศาลโดยระบบการประชุมทางจอภาพได้ โดยไม่มี
กาหนดระยะเวลาการร้องขอ แต่ในวนั นัดพร้อมหรือนดั ช้ีสองสถานในการประชุมคดี ศาลอาจ
สอบถามคู่ความดว้ ยว่ามีพยานบุคคลที่อยูน่ อกศาลหรือไม่ ตามขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๗ เพราะหากมี
พยานบุคคลท่ีอยนู่ อกศาลและคู่ความฝ่ ายที่อา้ งพยานร้องขอใหศ้ าลทาการสืบพยานน้นั โดยระบบ
การประชุมทางจอภาพ ถา้ ศาลเห็นสมควรอนุญาต จะสามารถกาหนดแนวทางการดาเนินคดี
เพื่อไมใ่ หเ้ กิดความขดั ขอ้ งแก่การพิจารณาคดีตอ่ เน่ืองได้

๔.๒ การดาเนนิ กระบวนพจิ ารณาก่อนวันสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ

๔.๒.๑ ขอ้ พิจารณาของศาล
ตามข้อกาหนดฯ ข้อ ๗ ศาลอาจอนุญาตให้ดาเนินการสืบพยานบุคคล

โดยระบบการประชุมทางจอภาพตามที่คูค่ วามร้องขอ เม่ือพิจารณาแลว้ เห็นวา่

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๗๘

๔.๒.๑.๑ เพอ่ื ประโยชนแ์ ห่งความยตุ ิธรรม และ
๔.๒.๑.๒ การสืบพยานไมย่ งุ่ ยากจนเกินไป โดยคานึงถึง

(๑) เอกสารรวมท้งั วตั ถุพยานท่ีเก่ียวขอ้ ง และ
(๒) สถานที่ที่จะให้พยานไปเบิกความโดยระบบการประชุม
ทางจอภาพไดจ้ ดั วางระบบรองรับไวแ้ ลว้ โดยสถานท่ีดงั กลา่ วอาจไมใ่ ช่ที่ทาการศาลกไ็ ด้

๔.๒.๒ คาส่งั ศาล
๔.๒.๒.๑ กรณีมีคาสั่งยกคาร้องขอ
หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลความจาเป็ น

ให้สมควรสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ หรือการสืบพยานโดยวิธีดงั กล่าว
จะยงุ่ ยากเกินไป อาจสง่ั คาร้องขอของคู่ความวา่

“ตามคาร้องขอของโจทก์/จาเลย ให้เหตุผลการขอสืบพยาน
บุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพเพียงว่า พยานมีภูมิลาเนาอยตู่ ่างจงั หวดั ตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่าย
ในการเดินทางจานวนมาก เห็นว่า การเสียค่าใชจ้ ่ายสูงเป็ นเรื่องปกติของการเดินทางระยะไกล
ซ่ึงโจทก์/จาเลยยงั สามารถจดั การใหพ้ ยานเดินทางมาเบิกความท่ีศาลน้ีได้ เม่ือพิจารณาถึงความ
ยุง่ ยากในการดาเนินกระบวนพิจารณาดว้ ยวิธีดงั กล่าวแลว้ เหตุที่อา้ งยงั ไม่มีเหตุผลความจาเป็น
ใหส้ มควรสืบพยานโดยวิธีดงั กลา่ ว ยกคาร้อง”

๔.๒.๒.๒ กรณีมีคาสั่งอนุญาต
ห า ก ศ า ล อ นุ ญ า ต ใ ห้ ท า ก า ร สื บ พ ย า น บุ ค ค ล โ ด ย ร ะ บ บ ก า ร

ประชุมทางจอภาพ ตอ้ งมีการกาหนดวนั เวลา และสถานท่ีท่ีจะใหพ้ ยานไปเบิกความใหช้ ดั เจน

ตวั อย่างรายงานกระบวนพจิ ารณากรณีท่ีศาลมคี าส่ังอนุญาต
“นดั ช้ีสองสถาน/นดั พร้อม ทนายโจทกแ์ ละทนายจาเลยมาศาล
................................................................................................
ศาลสอบถามคูค่ วามท้งั สองฝ่ ายวา่ มีพยานบคุ คลท่ีอยนู่ อกศาลหรือไม่
ทนายโจทก์/ทนายจาเลย แถลงว่า ... พยานอนั ดบั ... ตามบญั ชีระบุพยานโจทก์/จาเลย

ลงวันที่ ... มีภูมิลาเนาอยู่จังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันป่ วยเป็ นโรคกระดูกสันหลัง
ทบั เสน้ ประสาท ไม่สามารถเดินไดต้ ามปกติ ตอ้ งนง่ั รถเขน็ และมีผดู้ ูแล พยานยงั มีสติสัมปชญั ญะ
และสามารถเบิกความได้ แต่ไม่สะดวกอยา่ งย่ิงที่จะเดินทางไกล จึงประสงคจ์ ะขอให้พยานไป
เบิกความท่ีศาลจงั หวดั นครราชสีมา และขอใหศ้ าลทาการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุม

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๗๙

ทางจอภาพ ในการสืบพยานดงั กล่าวมีเอกสารที่เก่ียวขอ้ งและพยานทราบขอ้ เทจ็ จริงรวม ๕ ฉบบั
ไดแ้ ก่ พยานอนั ดบั ... ตามบญั ชีระบุพยานโจทก/์ จาเลย

ลงวนั ที่ ...
ทนายจาเลย/ทนายโจทกแ์ ถลงไมค่ ดั คา้ น
พิจารณาแล้ว เห็นว่าทนายโจทก์/ทนายจาเลยมีเหตุผลความจาเป็ นท่ีไม่สามารถ
นาพยานมาเบิกความท่ีศาลน้ีได้ ประกอบกบั พยานเอกสารท่ีจะตอ้ งจดั ส่งไปให้พยานตรวจดู
ประกอบการเบิกความมีจานวนไม่มาก ไม่ทาให้เกิดความยุ่งยากในการสืบพยาน ท้งั สถานที่
ที่พยานจะไปเบิกความมีการจัดวางระบบรองรับการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุม
ทางจอภาพไว้แล้ว เพ่ือประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงอนุญาตให้สืบพยานโจทก์/จาเลย
ปากดังกล่าวโดยระบบการประชุมทางจอภาพได้ โดยให้พยานไปเบิกความที่ศาลจังหวดั
นครราชสีมาตามขอ ส่วนคู่ความและทนายความใหม้ าพร้อมกนั ท่ีศาลน้ี (เวน้ แต่ศาลอนุญาตให้
คูค่ วามไปทาการสืบพยานที่ศาลที่พยานไปเบิกความตามขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๑๒ วรรคหน่ึง)
ให้โจทก์/จาเลยส่งตน้ ฉบบั เอกสาร... พยานอนั ดบั ... ตามบญั ชีระบุพยานโจทก์/จาเลย
ลงวนั ท่ี ... พร้อมสาเนารับรองความถูกตอ้ งท่ีจะจดั ส่งให้พยานตรวจดูภายในวนั ท่ี ... และหาก
โจทก์/จาเลยประสงค์จะขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานบุคคล ให้ดาเนินการย่ืนคาขอภายใน
วนั เดียวกนั
มีหนังสือถึงศาลจงั หวดั นครราชสีมา ส่งหมายเรียกพยานบุคคล(หากมี) เพ่ือสลกั หลงั
และส่งหมาย พร้อมสาเนาเอกสารดงั กลา่ วขา้ งตน้ เพ่ือใหพ้ ยานตรวจดูในวนั เบิกความ
การกาหนดวนั นัดสืบพยาน การวางเงินค่าใช้จ่าย การออกหมายเรียกพยาน ตลอดจน
การดาเนินการอย่างอ่ืนท่ีเกี่ยวข้อง ให้ปฏิบตั ิตามระเบียบสานักงานศาลยุติธรรม ว่าดว้ ยวิธี
ปฏิบตั ิงานดา้ นธุรการในการสืบพยานบคุ คลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๗”

๔.๒.๓ เอกสารหรือวตั ถุพยานท่ีจะตอ้ งสืบประกอบคาเบิกความของพยานบคุ คล
ถา้ มีเอกสารหรือวตั ถุพยานที่จะตอ้ งสืบประกอบคาเบิกความของพยาน

บุคคล ศาลอาจกระทาโดยระบบการประชุมทางจอภาพ หรือส่งสาเนาเอกสารหรือภาพถ่ายวตั ถุ
พยานท่ีคู่ความทุกฝ่ ายรับรองแล้วไปให้พยานตรวจดูประกอบการเบิกความ เวน้ แต่มีความ
จาเป็นตอ้ งให้พยานยืนยนั ความถูกตอ้ งแทจ้ ริงของเอกสารท่ีจะให้พยานเบิกความประกอบก็ให้
ส่งตน้ ฉบบั เอกสารน้นั ไป (ขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๙)

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๘๐

๔.๒.๔ การวางเงินคา่ ใชจ้ ่าย
คู่ความฝ่ ายท่ีอา้ งพยานและขอให้สืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทาง

จอภาพต้องเป็ นผูร้ ับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามขอ้ บงั คบั ของประธานศาลฎีกา ว่าดว้ ยการ
กาหนดค่าใชจ้ ่ายในการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพในคดีแพ่ง พ.ศ.๒๕๕๗
(ต่อไปในหัวขอ้ น้ีจะเรียกโดยย่อว่า ขอ้ บงั คบั ฯ) ขอ้ ๓ ซ่ึงศาลตอ้ งมีคาสั่งให้คู่ความวางเงิน
ลว่ งหนา้ ค่าใชจ้ ่ายดงั กล่าวไดแ้ ก่

๑. ค่าใช้จ่ายในการใช้ระบบ ชาระแก่ศาลที่พิจารณาคดีเพียงแห่งเดียว
ในอตั ราวนั ละ ๒,๐๐๐ บาท โดยไม่คานึงถึงจานวนชว่ั โมงท่ีใช้ ถา้ พยานไปเบิกความ ณ สถานที่อื่น
ซ่ึงไม่ใช่ที่ทาการศาล และสถานท่ีดงั กล่าวมีการเรียกเก็บค่าใชจ้ ่าย ให้ชาระเงินตามจานวนที่มี
การเรียกเก็บ

๒. ค่าใช้จ่ายแก่สักขีพยาน ชาระในอตั ราวนั ละ ๕๐๐ บาท สาหรับการ
สืบพยานในประเทศ

๓. ค่าป่ วยการ ค่าพาหนะและค่าเช่าที่พกั ของพยาน ให้ชาระตามที่ศาล
กาหนดตามตาราง ๔ ทา้ ย ป.ว.ิ พ.

สาหรับค่าใชจ้ ่ายในการใชร้ ะบบน้ัน หากคู่ความซ่ึงมีหน้าที่ชาระค่าใชจ้ ่าย
มีเหตุผลสมควรท่ีไม่สามารถชาระได้ เช่น เป็ นผูไ้ ดร้ ับยกเวน้ ค่าธรรมเนียมศาลอยูแ่ ลว้ หรืออยู่
ระหวา่ งถูกดาเนินคดีลม้ ละลาย หรือเป็ นผูม้ ีฐานะยากจน ศาลอาจมีคาสั่งยกเวน้ คา่ ใชจ้ ่ายในส่วน
น้ีหรือเรียกเก็บเฉพาะบางส่วนไดต้ ามขอ้ บงั คบั ฯ ขอ้ ๓ (๑)

ส่วนค่าใชจ้ ่ายแก่สักขีพยาน กบั ค่าป่ วยการ ค่าพาหนะและค่าเช่าที่พกั ของ
พยาน ไม่มีขอ้ บงั คบั ใหย้ กเวน้ ได้

หากศาลเห็นสมควรยกเวน้ หรือเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการใช้ระบบเฉพาะ
บางส่วน ควรมีคาสัง่ เก่ียวกบั การวางเงินค่าใชจ้ ่ายใหช้ ดั เจนวา่

“ทนายโจทก์/ทนายจาเลย แถลงขอยกเว้นค่าใช้จ่ายในการใช้ระบบ
เนื่องจากโจทก์/จาเลย มีฐานะยากจน หรือไดร้ ับอนุญาตให้ดาเนินคดีโดยยกเวน้ ค่าธรรมเนียม
ศาลอยแู่ ลว้

พิจารณาแล้ว เห็นว่าโจทก์/จาเลย มีเหตุผลสมควรท่ีไม่สามารถชาระ
ค่าใชจ้ ่ายในการใชร้ ะบบได้ จึงใหย้ กเวน้ ค่าใชจ้ ่ายดงั กล่าว ใหว้ างเงินเฉพาะสาหรับค่าใชจ้ ่ายแก่
สักขีพยานวนั ละ ๕๐๐ บาท ค่าป่ วยการ ค่าพาหนะและค่าเช่าท่ีพกั ของพยานตามที่เจา้ หนา้ ท่ีศาล
กะประมาณ การกาหนดวนั นัดสืบพยาน การออกหมายเรียกพยาน ตลอดจนการดาเนินการ

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๘๑

อยา่ งอื่นท่ีเกี่ยวขอ้ ง ใหป้ ฏิบตั ิตามระเบียบสานกั งานศาลยตุ ิธรรม วา่ ดว้ ยวธิ ีปฏิบตั ิงานดา้ นธุรการ
ในการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๗”

หากคู่ความฝ่ ายที่ร้องขอสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ
ไม่วางเงินค่าใช้จ่ายภายในเวลาท่ีกาหนดโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เมื่อเจ้าหน้าที่ศาล
รายงานให้ทราบ ให้ศาลมีคาส่ังงดการสืบพยานดงั กล่าว และดาเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
ตามที่เห็นสมควร ตามขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๘

ข้อสังเกต

๑. ค่าใช้จ่ายในการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพไม่ถือเป็ น
ค่าฤชาธรรมเนียมในการดาเนินคดี (ป.วิ.พ. มาตรา ๑๒๐/๔ วรรคหน่ึง) ที่คู่ความจะขอยกเวน้
ค่าฤชาธรรมเนียม และศาลไม่อาจพิพากษาให้คู่ความฝ่ ายที่แพค้ ดีเป็ นผู้รับผิดในช้ันท่ีสุด
แก่คูค่ วามฝ่ ายท่ีชนะคดีตาม ป.ว.ิ พ. มาตรา ๑๖๑ ได้

๒. กรณีมีเหตุจาเป็ นหรือสมควรให้ศาลท่ีพิจารณาคดีไปดาเนินการสืบพยานบุคคล
โดยระบบการประชุมทางจอภาพนอกศาล ถือเป็ นการสืบพยานหลักฐานนอกศาล ซ่ึงต้อง
มีการจ่ายคา่ ป่ วยการใหผ้ พู้ ิพากษาและเจา้ พนกั งานศาลตามตาราง ๓ ทา้ ย ป.วิ.พ. ดว้ ย

๔.๓ การดาเนินกระบวนพจิ ารณาในวนั สืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ
๔.๓.๑ การดาเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทาง

จอภาพองคค์ ณะผพู้ ิพากษา คู่ความ และทนายความทุกฝ่ ายทาการสืบพยานในหอ้ งพิจารณาของ
ศาลท่ีพิจารณาคดีซ่ึงไดจ้ ดั วางระบบการประชุมทางจอภาพเช่ือมโยงกบั ระบบของศาลที่พยาน
ไปเบิกความ ท้งั น้ี หากคู่ความหรือทนายความฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงหรือท้งั สองฝ่ ายมีคาขอ และศาล
เห็นสมควร ศาลอาจอนุญาตให้คู่ความหรือทนายความน้ันไปทาการสืบพยานท่ีศาลท่ีพยานไป
เบิกความก็ได้ (ขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๑๒ วรรคหน่ึง)

การเบิกความโดยระบบการประชุมทางจอภาพถือเสมือนวา่ พยานเบิกความ
ในห้องพิจารณาของศาล (ป.วิ.พ. มาตรา ๑๒๐/๔ วรรคสอง) แมพ้ ยานจะไปเบิกความโดยระบบ
การประชุมทางจอภาพในศาลหรือสถานท่ีอ่ืน หากพยานหรือบุคคลภายนอกไม่ปฏิบัติตาม
ขอ้ กาหนดของศาลเพื่อรักษาความเรียบร้อยและเพื่อให้กระบวนพิจารณาดาเนินไปตามเที่ยง
ธรรมและรวดเร็ว กระทาการอนั เป็นการขดั ขวางการดาเนินกระบวนพิจารณา หรือประพฤติตน
ไม่เรียบร้อยในศาลหรือสถานท่ีดงั กลา่ ว ก็ถือไดว้ า่ เป็นการกระทาในศาลจึงเป็นการละเมิดอานาจ
ศาลท่ีพิจารณาคดี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๓๐ และ ๓๑ แลว้ แต่กรณี

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๘๒

๔.๓.๒ ในการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ ให้ศาลที่พยาน
ไปเบิกความมอบหมายให้เจ้าพนักงานศาลอยู่เป็ นสักขีพยานตลอดการสืบพยานน้ัน
(ขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๑๒ วรรคสาม) นอกจากสักขีพยานตอ้ งปฏิบตั ิหน้าที่ตามระเบียบสานักงาน
ศาลยุติธรรม ว่าด้วยวิธีปฏิบตั ิงานด้านธุรการในการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุม
ทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๗ (ต่อไปในหวั ขอ้ น้ีจะเรียกโดยยอ่ วา่ ระเบียบฯ) ขอ้ ๑๓ แลว้ สักขีพยาน
ยงั ตอ้ งดูแลความเรียบร้อยในห้องพิจารณา เพ่ือให้พยานสามารถเบิกความไดต้ ามความจริง
หากสงั เกตพบความผิดปกติจากตวั พยานหรือบคุ คลท่ีเขา้ ฟังการพิจารณา ใหร้ ายงานใหศ้ าลทราบ

ก่อนทาการสืบพยาน ให้เจา้ พนักงานศาลซ่ึงไดร้ ับมอบหมายให้เป็ นสักขี
พยานนาพยานสาบานตนหรือกล่าวคาปฏิญาณต่อหนา้ ศาลที่พิจารณาคดีโดยระบบการประชุม
ทางจอภาพ(ขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๑๒ วรรคสอง)

๔.๓.๓ กรณีศาลท่ีพิจารณาคดีส่งต้นฉบบั หรือสาเนาเอกสารหรือภาพถ่ายวตั ถุ
พยานที่คู่ความรับรองแล้วไปให้พยานตรวจดูประกอบการเบิกความ ก่อนเร่ิมสืบพยานศาล
ที่พิจารณาคดีควรเรียกสักขีพยานมาสอบถามการจดั เตรียมพยานเอกสารหรือพยานวตั ถุน้ัน
พร้อมในหอ้ งพจิ ารณา เพอื่ ไม่ตอ้ งหยดุ การพจิ ารณาเพราะรอเบิกพยานหลกั ฐาน

๔.๓.๔ ตามข้อกาหนดฯ ข้อ ๑๓ เม่ือพยานเบิกความเสร็จแล้ว ให้องค์คณะ
ผพู้ ิพากษาอา่ นบนั ทึกคาเบิกความพยานใหค้ ู่ความที่อยใู่ นห้องพิจารณาฟัง แลว้ ใหผ้ พู้ พิ ากษาและ
คู่ความทุกฝ่ ายลงลายมือชื่อในบนั ทึกคาเบิกความพยาน ท้งั น้ี คาเบิกความพยานต้องบนั ทึก
ให้ปรากฏขอ้ ความดว้ ยว่าพยานเบิกความโดยระบบการประชุมทางจอภาพ เช่น ระบุขอ้ ความ
ตอนตน้ ของคาเบิกความพยานวา่

“พยานเบิกความโดยระบบการประชุมทางจอภาพ ผ่านสัญญาณ
โทรคมนาคมระหวา่ งศาลแพ่งกบั ศาลจงั หวดั นครราชสีมา”

เมื่อการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพเสร็จส้ินลงแลว้
ศาลท่ีพิจารณาคดีต้องจดรายงานกระบวนพิจารณาให้ปรากฏขอ้ ความดว้ ยว่าเป็ นการดาเนิน
กระบวนพิจารณาโดยระบบการประชุมทางจอภาพ และมีคาสั่งให้เจา้ หน้าที่ของท้งั สองศาล
ดาเนินการตา่ งๆตอ่ ไป

ให้เจา้ พนกั งานศาลซ่ึงเป็นสักขีพยานจดั ทารายงานการสืบพยานโดยระบบ
การประชุมทางจอภาพ โดยให้ศาลท่ีพยานไปเบิกความลงลายมือชื่อไวใ้ นรายงานดงั กล่าวดว้ ย
(ขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๑๔)

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๘๓

ตัวอย่างรายงานกระบวนพจิ ารณา สาหรับศาลทพ่ี จิ ารณาคดี

นดั สืบพยานโจทก์/จาเลย โดยระบบการประชุมทางจอภาพวนั น้ี ทนายโจทก์และทนาย
จาเลยมาศาล และอยู่ท่ีห้องพิจารณาคดีศาลแพ่ง ส่วนนาย... พยานโจทก์/จาเลย และนาย...
เจา้ พนกั งานศาลซ่ึงเป็นสกั ขีพยานอยทู่ ่ีหอ้ งพจิ ารณาคดีศาลจงั หวดั นครราชสีมา

เจ้าพนักงานศาลตรวจสอบหลกั ฐานบตั รประจาตวั ประชาชนของพยานโจทก์/จาเลย
และจดั ทาสาเนาใหพ้ ยานลงลายมือช่ือรับรองไวเ้ ป็นหลกั ฐานแลว้

ทนายโจทก์/จาเลยนานาย... เขา้ เบิกความจนจบปาก ระหว่างสืบพยานอา้ งส่งเอกสาร
เป็นพยาน ... ฉบบั ศาลหมาย... ถึง... เอกสารใหแ้ ยกเก็บ

ทนายโจทก/์ จาเลยแถลง ...
จ่ายค่าป่ วยการและค่าพาหนะแก่พยาน ... บาท จ่ายค่าใช้จ่ายแก่สักขีพยาน ... บาท
จากเงินที่โจทก/์ จาเลยวางไว้ ตามระเบียบสานกั งานศาลยตุ ิธรรม วา่ ดว้ ยวิธีปฏิบตั ิงานดา้ นธุรการ
ในการสืบพยานบคุ คลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๗
ให้เจา้ พนกั งานศาลจงั หวดั นครราชสีมารวบรวมเอกสารและสานวนความที่เก่ียวกบั การ
สืบพยานบคุ คลโดยระบบการประชุมทางจอภาพส่งคืนศาลน้ี
นดั ... ตามที่นดั ไวแ้ ลว้

............................................... ...............................................
ผพู้ ิพากษา ผพู้ ิพากษา

.............................................. ทนายโจทก์
.............................................. ทนายจาเลย
....................................... เจา้ พนกั งานศาล

ตัวอย่างรายงานการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพซ่ึงจัดทาโดยสักขีพยาน
สาหรับศาลทพี่ ยานไปเบิกความ

ขา้ พเจา้ ... ตาแหน่ง ... ไดร้ ับมอบหมายให้เป็ นสักขีพยานในการสืบพยานโดยระบบ
การประชุมทางจอภาพในคดีหมายเลขดาที่ ปภ ... ของศาลจงั หวดั นครราชสีมาขอเสนอรายงาน
ต่อทา่ นผพู้ พิ ากษามีขอ้ ความท่ีจะกล่าวต่อไปน้ี

นัดสืบพยานโจทก์/จาเลยโดยระบบการประชุมทางจอภาพในคดีหมายเลขดาท่ี ...ของ
ศาลแพ่งวนั น้ี นาย... พยานโจทก/์ จาเลย และสักขีพยานอยทู่ ่ีศาลจงั หวดั นครราชสีมา

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๘๔

ขา้ พเจา้ ตรวจสอบหลกั ฐานบตั รประจาตวั ประชาชนของพยานโจทก์/จาเลย และจดั ทา
สาเนาให้พยานลงลายมือชื่อรับรองไวเ้ ป็ นหลกั ฐานแล้ว และได้อยู่เป็ นสักขีพยานตลอดการ
สืบพยาน จนเสร็จการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ

ศาลแพ่งสืบพยานโจทก์/จาเลยจนจบปาก และมีคาสั่งให้จ่ายค่าป่ วยการและค่าพาหนะ
แก่พยาน จ่ายค่าใชจ้ ่ายแก่สกั ขีพยาน

จึงเรี ยนมาเพ่ือโปรดมีคาส่ังให้เจ้าหน้าที่ ศาลน้ ี ดาเนิ นการตามคาสั่งศาลแพ่งดังกล่าว
และส่งเงินค่าใชจ้ ่ายส่วนท่ีเหลือ รวมท้งั เอกสารสานวนความท่ีเกี่ยวขอ้ งท้งั หมดไปยงั ศาลแพ่ง
โดยถ่ายสาเนาไวใ้ นสานวนท่ีศาลน้ี

(ถา้ เงินค่าใชจ้ ่ายที่ส่งมาไม่เพียงพอ ให้ทารายงานส่วนน้ีเสนอศาลตามระเบียบฯ ขอ้ ๑๕
วรรคหน่ึง วา่

“จึงเรียนมาเพ่ือโปรดมีคาส่ังให้เจา้ หน้าท่ีศาลน้ีดาเนินการตามคาส่ังศาลแพ่งดังกล่าว
แต่เนื่องจากเงินค่าใช้จ่ายที่ศาลแพ่งส่งมาไม่เพียงพอ จึงขออนุญาตให้สารองจ่ายจากเงินกลาง
ของศาลน้ี แลว้ มีหนังสือแจง้ ศาลแพ่งให้ส่งเงินค่าใชจ้ ่ายมาเพ่ิมเติมให้ครบถ้วน พร้อมกบั ส่ง
เอกสารสานวนความที่เก่ียวขอ้ งท้งั หมดไปยงั ศาลแพง่ โดยถา่ ยสาเนาไวใ้ นสานวนท่ีศาลน้ี”)

...................................................................... พยาน
.............................. เจา้ พนกั งานศาลและสกั ขีพยาน

เม่ือเจา้ พนกั งานศาลซ่ึงเป็ นสักขีพยานเสนอรายงานดงั กล่าวต่อศาลที่พยานไปเบิกความ
ให้ศาลตรวจดูความถูกต้องของรายงาน หากถูกตอ้ งทาคาส่ังว่า “ดาเนินการตามเสนอ” แลว้
ลงลายมือช่ือไวใ้ นรายงานน้นั

๔.๔ กรณสี ถานทท่ี าการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพเป็ นสถานท่ีอ่ืน

ให้ศาลที่พิจารณาคดีจดรายงานกระบวนพิจารณา และสักขีพยานจดั ทารายงาน
รูปแบบเดียวกนั กบั กรณีทาการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพในศาล โดยระบุ
ขอ้ ความใหช้ ดั เจนวา่ ทาการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ ณ สถานท่ีใด

ตวั อย่างรายงานกระบวนพจิ ารณา สาหรับศาลท่ีพจิ ารณาคดี

นัดสืบพยานโจทก์/จาเลย โดยระบบการประชุมทางจอภาพวนั น้ี ทนายโจทก์และทนาย
จาเลยมาศาล และอยู่ท่ีห้องพิจารณาคดีศาลแพ่ง ส่วนนาย... พยานโจทก์/จาเลย และนาย...

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๘๕

เจา้ พนกั งานศาลจงั หวดั ฮอด ซ่ึงเป็นสกั ขีพยานอยทู่ ี่ศนู ยโ์ ทรคมนาคม บริษทั โทรศพั ทไ์ ทย จากดั
สาขาอาเภอฮอด จงั หวดั เชียงใหม่

เจา้ พนักงานศาลตรวจสอบหลกั ฐานบตั รประจาตวั ประชาชนของพยานโจทก์/จาเลย
และจดั ทาสาเนาใหพ้ ยานลงลายมือชื่อรับรองไวเ้ ป็นหลกั ฐานแลว้

โจทก์/จาเลยนานาย... เขา้ เบิกความจนจบปาก ระหว่างสืบพยานอา้ งส่งเอกสารเป็นพยาน
... ฉบบั ศาลหมาย... ถึง... เอกสารใหแ้ ยกเกบ็

โจทก/์ จาเลยแถลง ...
จ่ายค่าป่ วยการและคา่ พาหนะแก่พยาน ... บาท ตามระเบียบฯ
ใหเ้ จา้ พนกั งานศาลจงั หวดั ฮอดรวบรวมเอกสารและสานวนความที่เก่ียวกบั การสืบพยาน
บุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพส่งคืนศาลน้ี
นดั ... ตามท่ีนดั ไวแ้ ลว้

ตัวอย่างรายงานการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพซึ่งจัดทาโดยสักขีพยาน
สาหรับศาลทีม่ ีเขตอานาจเหนือสถานทท่ี ่ีพยานไปเบิกความ

ขา้ พเจา้ ... ตาแหน่ง ... ไดร้ ับมอบหมายให้เป็ นสักขีพยานในการสืบพยานโดยระบบ
การประชุมทางจอภาพในคดีหมายเลขดาท่ี ปภ ... ของศาลจังหวดั ฮอด ขอเสนอรายงานต่อ
ทา่ นผพู้ ิพากษามีขอ้ ความท่ีจะกลา่ วต่อไปน้ี

นัดสืบพยานโจทก์/จาเลยโดยระบบการประชุมทางจอภาพในคดีหมายเลขดาท่ี ...ของ
ศาลแพ่งวนั น้ี นาย... พยานโจทก์/จาเลย และสักขีพยานอยูท่ ่ีศูนยโ์ ทรคมนาคม บริษทั โทรศพั ท์
ไทย จากดั สาขาอาเภอฮอด จงั หวดั เชียงใหม่

ขา้ พเจา้ ตรวจสอบหลกั ฐานบตั รประจาตวั ประชาชนของพยานโจทก์/จาเลย และจดั ทา
สาเนาให้พยานลงลายมือช่ือรับรองไวเ้ ป็ นหลกั ฐานแลว้ และไดอ้ ยู่เป็ นสักขีพยานตลอดการ
สืบพยาน จนเสร็จการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ

ศาลแพ่งสืบพยานโจทก์/จาเลยจนจบปาก และมีคาสั่งให้จ่ายค่าป่ วยการและค่าพาหนะ
แก่พยาน ... บาท ตามระเบียบฯ

จึงเรียนมาเพื่อโปรดมีคาส่ังให้เจา้ หน้าที่ศาลน้ีดาเนินการตามคาสั่งศาลแพ่งดงั กล่าว
และส่งเอกสารสานวนความที่เก่ียวขอ้ งท้งั หมดไปยงั ศาลแพ่ง โดยถา่ ยสาเนาไวใ้ นสานวนที่ศาลน้ี

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๘๖

๔.๕ การสื บพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพกรณีพยานบุคคลอยู่ใน
ต่างประเทศ

๔.๕.๑ การจดั หาสถานท่ีท่ีพยานจะไปเบิกความ
คู่ ค ว า ม ซ่ึ ง ร้ อ ง ข อ ใ ห้ สื บ พ ย า น บุ ค ค ล ที่ อ ยู่ ใ น ต่ า ง ป ร ะ เ ท ศ โ ด ย ร ะ บ บ

การประชุมทางจอภาพมีหนา้ ที่ติดต่อประสานงานเบ้ืองตน้ จดั หาสถานที่ที่เหมาะสมใหพ้ ยานไป
เบิกความได้ในประเทศน้ัน ๆ เม่ือศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้สืบพยานบุคคลโดยระบบ
การประชุมทางจอภาพหากสถานที่ดงั กล่าวเป็ นศาลในต่างประเทศ ตอ้ งดาเนินการตามขอ้ ตกลง
ระหว่างกนั หรือธรรมเนียมปฏิบตั ิระหว่างประเทศ (ขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๑๗ วรรคสอง) ถา้ ระบบ
สัญญาณโทรคมนาคมของศาลกับสถานท่ีท่ีพยานจะไปเบิกความไม่สามารถเช่ือมต่อกันได้
คู่ความตอ้ งจดั หาสถานท่ีใหม่ หรือศาลอาจไปดาเนินการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุม
ทางจอภาพนอกศาลก็ได้

๔.๕.๒ การเตรียมการและดาเนินการ
การเตรียมการและดาเนินการในวนั สืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุม

ทางจอภาพปฏิบตั ิเช่นเดียวกบั การสืบพยานโดยวิธีดงั กล่าวในประเทศ โดยขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๑๗
วรรคหน่ึง ใหน้ าความในขอ้ ๗ ถึง ขอ้ ๑๕ มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม

ข้อสังเกต
ตามขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๑๔ ซ่ึงให้เจา้ พนักงานศาลซ่ึงเป็ นสักขีพยานจดั ทารายงาน
การสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ ให้ศาลที่พยานไปเบิกความลงลายมือชื่อไวใ้ น
รายงานดงั กลา่ วดว้ ยน้นั การจดั ทารายงานใหศ้ าลตา่ งประเทศที่มีเขตอานาจเหนือสถานท่ีท่ีพยาน
ไปเบิกความลงลายมือชื่อไวใ้ นรายงานดว้ ย ยงั ไม่มีขอ้ ตกลงหรือความร่วมมือระหว่างประเทศ
ใหส้ ามารถทาได้ กรณีเช่นน้ีจึงอนุโลมใหส้ ักขีพยานและพยานที่ไปเบิกความลงลายมือช่ือไวใ้ น
รายงานก็เพียงพอแลว้ โดยก่อนวนั สืบพยานตอ้ งมีการประสานงานกบั สักขีพยาน ให้เขา้ ใจถึง
ภาระหน้าท่ีและแนวทางปฏิบตั ิ โดยส่งตวั อย่างรายงานการสืบพยานโดยระบบการประชุม
ทางจอภาพท่ีสักขีพยานตอ้ งจดั ทา ใหศ้ ึกษาและเตรียมการไวล้ ว่ งหนา้

๔.๕.๓ สักขีพยาน
กรณีพยานบุคคลอยู่ในต่างประเทศ บุคคลที่เป็ นสักขีพยานไม่จาเป็ นตอ้ ง

เป็ นเจา้ พนักงานศาล (ขอ้ กาหนดฯ ขอ้ ๑๗ วรรคหน่ึง) คู่ความอาจตกลงกนั ขอให้ศาลแต่งต้งั
บุคคลใดเป็ นสักขีพยานก็ได้ หรือศาลอาจขอความร่วมมือไปยงั บุคคลท่ีมีความน่าเช่ือถือ หรือ
หน่วยงานราชการของไทยในประเทศน้นั ใหช้ ่วยจดั หาบุคคลทาหนา้ ที่สักขีพยานก็ได้

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๘๗

๔.๕.๔ คา่ ใชจ้ ่าย
ค่าใช้จ่ายสาหรับการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ

กรณีท่ีพยานอยใู่ นตา่ งประเทศ ไดแ้ ก่
๑. ค่าใชจ้ ่ายในการใชร้ ะบบ ใหช้ าระตามจานวนท่ีมีการเรียกเก็บ
๒. ค่าใช้จ่ายแก่สักขีพยาน ให้ศาลที่พิจารณาคดีกาหนดตามที่เห็นสมควร

โดยคานึงถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางของสักขีพยานและระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่
ประกอบดว้ ย

๓. ค่าป่ วยการ ค่าพาหนะและค่าเช่าที่พกั ของพยานให้ชาระตามที่ศาล
กาหนดตามตาราง ๔ ทา้ ย ป.ว.ิ พ.

เม่ือศาลมีคาส่ังอนุญาตให้สืบพยานโดยวิธีดงั กล่าวแลว้ ให้เจา้ หน้าที่ศาล
ประมาณค่าใช้จ่ายตามอตั ราท่ีกาหนดไวใ้ นขอ้ บงั คบั ฯ ขอ้ ๓ โดยปฏิบตั ิตามคาสั่งศาล และ
สอบถามขอ้ มูลจากคู่ความ เช่นเดียวกบั การสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ
ในประเทศ แลว้ แจง้ จานวนให้คู่ความฝ่ ายที่ร้องขอวางเงินภายในเวลาท่ีกาหนด ซ่ึงตอ้ งไม่เกิน
๑๐,๐๐๐ บาท ตอ่ การสืบพยาน ๑ คร้ัง สาหรับการสืบพยานที่อยใู่ นตา่ งประเทศ เวน้ แตเ่ ป็นที่เห็น
ไดช้ ดั เจนวา่ ค่าใชจ้ ่ายท่ีจะตอ้ งชาระสูงกวา่ จานวนดงั กล่าว ก็อาจใหค้ ู่ความน้นั วางเพิ่มไดไ้ ม่เกิน
จานวนที่คาดว่าจะต้องจ่ายจริง ถ้าคู่ความไม่ปฏิบัติตามให้รายงานศาลเพ่ือมีคาสั่งต่อไป
(ระเบียบฯ ขอ้ ๖)

กรณีมีเหตุจาเป็ นหรือสมควรให้ศาลที่พิจารณาคดีไปดาเนินการสืบพยาน
บุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพนอกศาล ถือเป็นการสืบพยานหลกั ฐานนอกศาล ซ่ึงตอ้ ง
มีการจ่ายคา่ ป่ วยการใหผ้ พู้ ิพากษาและเจา้ พนกั งานศาลตามตาราง ๓ ทา้ ย ป.วิ.พ. ดว้ ย

การดาเนินการส่งเงินค่าใชจ้ ่ายให้แก่ผูม้ ีสิทธิไดร้ ับซ่ึงอยูต่ ่างประเทศ ศาล
อาจมีคาสั่งให้คู่ความฝ่ ายที่มีหน้าที่ชาระค่าใช้จ่ายเป็ นผูด้ าเนินการ หรือถ้าไม่สามารถทาได้
ใหศ้ าลจดั ส่งโดยทาเป็ นตว๋ั แลกเงินหรือโอนเงินผ่านทางธนาคารไปใหแ้ ก่ผูม้ ีสิทธิไดร้ ับ โดยให้
คู่ความน้นั เป็นผรู้ ับผิดชอบคา่ ใชจ้ ่าย (ขอ้ บงั คบั ฯ ขอ้ ๔)

ตวั อย่างรายงานกระบวนพจิ ารณา สาหรับศาลที่พจิ ารณาคดี

นดั สืบพยานโจทก/์ จาเลย โดยระบบการประชุมทางจอภาพระหวา่ งศาลแพง่ ประเทศไทย
กบั ศูนยโ์ ทรคมนาคม เมืองโอซากา้ ประเทศญี่ป่ ุน ทนายโจทกแ์ ละทนายจาเลยมาศาล และอยูท่ ี่
ห้องพิจารณาคดีศาลแพ่ง ส่วนนาย... พยานโจทก์/จาเลย และนาย... นกั ศึกษาระดบั ปริญญาโท

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๘๘

สาขาวิชากฎหมาย ที่มหาวิทยาลยั โอซากา้ ประเทศญ่ีป่ ุน ซ่ึงคู่ความตกลงกนั ให้ทาหน้าที่สักขี

พยาน อยทู่ ี่หอ้ งประชุมทางจอภาพ ศูนยโ์ ทรคมนาคม เมืองโอซากา้ ประเทศญี่ป่ นุ

สักขีพยานตรวจสอบหลักฐานบัตรประจาตัวประชาชนของพยานโจทก์/จาเลย

และจดั ทาสาเนาใหพ้ ยานลงลายมือชื่อรับรองไวเ้ ป็นหลกั ฐานแลว้

ทนายโจทก์/จาเลยนานาย... เขา้ เบิกความจนจบปาก ระหวา่ งสืบพยานอา้ งส่งเอกสารเป็น

พยาน ... ฉบบั ศาลหมาย... ถึง... เอกสารใหแ้ ยกเก็บ

ทนายโจทก/์ จาเลยแถลง ...

จ่ายค่าป่ วยการและค่าพาหนะแก่พยาน ... บาท จ่ายค่าใชจ้ ่ายแก่สักขีพยาน ... บาท และ

ชาระค่าใชจ้ ่ายในการใชร้ ะบบ ... บาท จากเงินที่โจทก์/จาเลยวางไว้ ตามระเบียบสานกั งานศาล

ยตุ ิธรรม วา่ ดว้ ยวธิ ีปฏิบตั ิงานดา้ นธุรการในการสืบพยานบคุ คลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ

พ.ศ. ๒๕๕๗

ใ ห้ สั ก ขี พ ย า น ร ว บ ร ว ม เ อ ก ส า ร แ ล ะ ส า น ว น ค ว า ม ท่ี เ กี่ ย ว กับ ก า ร สื บ พ ย า น บุ ค ค ล

โดยระบบการประชุมทางจอภาพส่งคืนศาลน้ี

นดั ... ตามที่นดั ไวแ้ ลว้

............................................... ...............................................

ผพู้ พิ ากษา ผพู้ ิพากษา

............................................... ทนายโจทก์

.............................................. ทนายจาเลย

....................................... เจา้ พนกั งานศาล

ตัวอย่างรายงานการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพซึ่งจัดทาโดยสักขีพยาน
กรณพี ยานบุคคลอยู่ในต่างประเทศ

ขา้ พเจา้ ... ตาแหน่ง ... ไดร้ ับมอบหมายให้เป็ นสักขีพยานในการสืบพยานโดยระบบการ
ประชุมทางจอภาพในคดีหมายเลขดาที่ ... ของศาลแพ่ง ประเทศไทย ขอเสนอรายงานต่อท่าน
ผพู้ พิ ากษามีขอ้ ความที่จะกล่าวต่อไปน้ี

นัดสืบพยานโจทก์/จาเลยโดยระบบการประชุมทางจอภาพในคดีหมายเลขดาท่ี ...ของ
ศาลแพ่ง ประเทศไทย นาย... พยานโจทก์/จาเลย และสักขีพยานอยู่ท่ีห้องประชุมทางจอภาพ
ศนู ยโ์ ทรคมนาคม เมืองโอซากา้ ประเทศญ่ีป่ นุ

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๘๙

ขา้ พเจา้ ตรวจสอบหลกั ฐานบตั รประจาตวั ประชาชนของพยานโจทก์/จาเลย และจดั ทา
สาเนาให้พยานลงลายมือชื่อรับรองไวเ้ ป็ นหลกั ฐานแล้ว และได้อยู่เป็ นสักขีพยานตลอดการ
สืบพยาน จนเสร็จการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ

ศาลแพ่งสื บพยานโจทก์/จาเลยจนจบปาก และมีคาส่ังให้จ่ายค่าป่ วยการและ
ค่าพาหนะแก่พยาน จ่ายค่าใช้จ่ายแก่สักขีพยาน และชาระค่าใช้จ่ายในการใช้ระบบ กับให้
รวบรวมเอกสารและสานวนความท่ีเกี่ยวกบั การสืบพยานบคุ คลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ
ส่งคืน

..................................................... พยาน
............................................... สกั ขีพยาน

๔.๖ การสื บพยานบุคคลโดยระบบการประชุ มทางจอภาพตามความประสงค์
ของศาลต่างประเทศกรณพี ยานบุคคลอยู่ในประเทศไทย

การสืบพยานบุคคลที่อยใู่ นประเทศไทยโดยระบบการประชุมทางจอภาพตามความ
ประสงคข์ องศาลต่างประเทศ ไม่อยใู่ นบงั คบั ของบทบญั ญตั ิตามขอ้ กาหนดฯ แต่ศาลไทยอาจให้
ความอนุเคราะห์แก่ศาลต่างประเทศท่ีมีความประสงค์จะสืบพยานบุคคลโดยวิธีดังกล่าวได้
ตามขอ้ ตกลงระหวา่ งกนั หรือธรรมเนียมปฏิบตั ิระหวา่ งประเทศ

ท้งั น้ี หากมีแนวปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลงหรือความร่วมมือระหว่างประเทศ ก็ให้ศาล
ดาเนินการตามแนวปฏิบตั ิน้นั และหากศาลต่างประเทศไดร้ ะบุในหนังสือร้องขอโดยชดั แจง้ ว่า
ขอให้ทาการสืบพยานตามวิธีการอย่างใดอยา่ งหน่ึงของกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่งประเทศ
ท่ีร้องขอ ศาลไทยดาเนินการให้ตามความประสงค์ได้ ถา้ วิธีการน้ันไม่ตอ้ งห้ามตามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความของไทยและไม่ขดั ต่อความสงบเรียบร้อย กรณีไม่มีแนวปฏิบัติ
ระหวา่ งศาลไทยกบั ศาลของประเทศท่ีร้องขอ และไม่มีการร้องขอเป็ นพิเศษ ศาลอาจดาเนินการ
ไปในลกั ษณะเดียวกนั กบั ศาลท่ีพยานไปเบิกความโดยระบบการประชุมทางจอภาพในกรณีศาล
ท่ีพิจารณาคดีเป็ นศาลไทย กล่าวคือ เม่ือไดร้ ับการประสานงานจากศาลต่างประเทศขอสืบพยาน
บุคคลดว้ ยวธิ ีดงั กลา่ ว หากศาลพจิ ารณาแลว้ เห็นสมควรใหค้ วามอนุเคราะห์ ควรดาเนินการดงั น้ี

๔.๖.๑ จดั ทาสานวนคดีเฉพาะส่วนการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ
ข้ึนโดยใชอ้ กั ษรยอ่ “ปภต” นาหนา้ หมายเลขคดี และให้ระบุช่ือศาลที่ขอให้สืบพยานโดยระบบ
การประชุมทางจอภาพใหป้ รากฏท่ีปกหนา้ สานวน

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๙๐

๔.๖.๒ แจ้งศาลต่างประเทศที่ร้องขอให้สืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุม
ทางจอภาพ ใหแ้ จง้ แก่คูค่ วามชาระคา่ ใชจ้ ่ายในการใชร้ ะบบ โดยเทียบเคียงตามระเบียบสานกั งาน
ศาลยุติธรรม ว่าดว้ ยวิธีปฏิบตั ิงานดา้ นธุรการในการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ
พ.ศ. ๒๕๕๗

๔.๖.๓ ในการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ ให้ศาลมอบหมาย
ให้เจา้ พนักงานศาลเป็ นผูด้ ูแลตลอดการสืบพยานน้ัน โดยศาลไม่ตอ้ งออกนั่งพิจารณาคดีดว้ ย
แตอ่ ยา่ งใด

๔.๖.๔ เม่ือการสื บพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพเสร็ จสิ้ นลงให้
เจา้ พนกั งานศาลซ่ึงเป็นผดู้ ูแลจดั ทารายงานการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพเสนอ
ต่อศาลเพอื่ ทราบ

ตัวอย่างรายงานการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพซึ่งจัดทาโดยเจ้าพนักงาน
ศาลซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็ นผู้ดแู ล สาหรับศาลที่พยานไปเบิกความตามความประสงค์ของศาล
ต่างประเทศ

ข้าพเจ้า ... ตาแหน่ง ... ได้รับมอบหมายให้เป็ นผู้ดูแลในการสืบพยานโดยระบบ
การประชุมทางจอภาพในคดีหมายเลขดาท่ี ปภต ... ของศาลจังหวดั ... ขอเสนอรายงานต่อ
ท่านผพู้ ิพากษามีขอ้ ความที่จะกลา่ วต่อไปน้ี

นัดสืบพยานโจทก์/จาเลยโดยระบบการประชุมทางจอภาพตามคาร้องขอของศาล...
ประเทศ... ในคดีหมายเลขท่ี ... นาย... พยานโจทก/์ จาเลย และขา้ พเจา้ อยทู่ ่ีศาลจงั หวดั ...

ขา้ พเจา้ ตรวจสอบหลกั ฐานบตั รประจาตวั ประชาชนของพยานโจทก์/จาเลย และจดั ทา
สาเนาใหพ้ ยานลงลายมือช่ือรับรองไวเ้ ป็นหลกั ฐานแลว้

ศาล... ประเทศ ... สืบพยานโจทก/์ จาเลยจนจบปาก
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

..................................................... พยาน
............................................... สักขีพยาน
๔.๗ การดาเนินงานด้านธุรการ

เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ ายสามารถดาเนินการสืบพยานโดยระบบการประชุม
ทางจอภาพได้เรียบร้อยในวนั นัด ให้ศาลมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ปฏิบตั ิตามระเบียบสานักงา
ศาลยุติธรรม ว่าดว้ ยวิธีปฏิบตั ิงานดา้ นธุรการในการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ
พ.ศ. ๒๕๕๗ ดงั น้ี

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๙๑

ระเบยี บสานักงานศาลยตุ ธิ รรม
ว่าด้วยวิธีปฏิบตั ิงานด้านธุรการในการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ

พ.ศ. ๒๕๕๗
____________________
ดว้ ยขอ้ กาหนดของประธานศาลฎีกา ว่าดว้ ยแนวทางการนาสืบพยานหลกั ฐาน
และการสืบพยานบุคคลท่ีอยู่นอกศาลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ
ขอ้ บงั คบั ของประธานศาลฎีกา ว่าดว้ ยการสืบพยานคดีอาญาในลกั ษณะการประชุมทางจอภาพ
พ.ศ. ๒๕๕๖ ไดว้ างหลกั เกณฑใ์ นการสืบพยานบุคคลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ ซ่ึงศาล
ต่าง ๆ มีหน้าท่ีต้องประสานงานกันทุกข้นั ตอนต้ังแต่การกาหนดวนั นัดสืบพยานไปจนถึง
สืบพยานเสร็จ ดงั น้นั เพ่ือให้การปฏิบตั ิตามขอ้ กาหนดของประธานศาลฎีกาและขอ้ บงั คบั ของ
ประธานศาลฎีกาดงั กล่าวเป็ นไปโดยเรียบร้อย จึงเห็นควรออกระเบียบเกี่ยวกับวิธีปฏิบตั ิงาน
ดา้ นธุรการในกรณีที่ตอ้ งสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี

ขอ้ ๑ ระเบียบน้ีใหใ้ ชบ้ งั คบั ต้งั แตว่ นั ประกาศเป็นตน้ ไป

ขอ้ ๒ ให้ส่วนหรือกลุ่มช่วยพิจารณาคดีของแต่ละศาลหรือกลุ่มงานอื่นท่ีศาล
ก า ห น ด มี ห น้า ที่ รั บ ผิ ด ช อ บ ง า น ด้า น ธุ ร ก า ร ท่ี เ ก่ี ย ว ข้อ ง กับ ก า ร สื บ พ ย า น บุ ค ค ล โ ด ย ร ะ บ บ
การประชุมทางจอภาพ ดงั น้ี

(๑) จดั ทาตารางนดั การใชห้ อ้ งสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ
เพอื่ ความสะดวกแก่การนดั ความกบั ศาลอ่ืน

(๒) ประสานงานกับศาลอื่นหรือสถานที่ท่ีพยานจะไปเบิกความเพื่อ
กาหนดวนั นดั สืบพยานและแจง้ ใหง้ านสารบรรณทราบ

(๓) ประสานงานกบั งานการเงินและบญั ชีในการรับและส่งเงินค่าใชจ้ ่าย
ท่ีคู่ความวางไวใ้ นคดีแพ่งไปให้ศาลที่พยานไปเบิกความหรือศาลท่ีมีเขตอานาจเหนือสถานที่
เบิกความ

(๔) ดาเนินการหรื อประสานงานกับกลุ่มงานอ่ืนเก่ียวกับการออก
การสลกั หลงั และการส่งหมายเรียกให้แก่พยาน รวมท้งั การประสานงานกบั คู่ความและพยาน
ก่อนถึงวนั นดั

 ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๘ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๗

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๙๒

(๕) จดั ทาสานวนคดีเฉพาะส่วนการสืบพยานโดยระบบการประชุมทาง
จอภาพในศาลที่พยานไปเบิกความหรือศาลท่ีมีเขตอานาจเหนือสถานที่เบิกความเพ่อื เก็บรวบรวม
เอกสารและพยานหลกั ฐานที่เก่ียวขอ้ งท้งั หมดไวใ้ นสานวน

(๖) ปฏิบตั ิหนา้ ที่ทางธุรการอยา่ งอ่ืนตามท่ีกาหนดไวใ้ นระเบียบน้ี

การกาหนดวนั นัดสืบพยาน

ขอ้ ๓ เมื่อศาลมีคาสั่งให้สืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ ให้เจา้ หนา้ ที่
ของศาลท่ีพิจารณาคดีประสานงานไปยงั เจา้ หนา้ ที่ของศาลหรือของสถานท่ีท่ีพยานจะไปเบิก
ความเพ่ือสอบถามวนั วา่ งของหอ้ งสืบพยานและกาหนดวนั นดั กบั คูค่ วาม เมื่อนดั ไดแ้ ลว้ ใหล้ งนดั
ในตารางนดั และใหค้ ู่ความลงลายมือชื่อรับทราบวนั นดั ไวพ้ ร้อมท้งั รายงานให้ศาลทราบ ในส่วน
ของศาลที่พยานจะไปเบิกความให้เจา้ หน้าท่ีลงนัดในตารางนดั ของศาลดงั กล่าวดว้ ย และถา้ ใน
ภายหลงั มีความจาเป็นตอ้ งเปล่ียนแปลงวนั นดั กใ็ หป้ ฏิบตั ิในลกั ษณะอยา่ งเดียวกนั

ขอ้ ๔ เพ่ือความสะดวกรวดเร็ว การประสานงานเพ่ือหาวนั นัด การแจง้ ขอ้ ความ
หรือการส่งเอกสารระหว่างศาลดว้ ยกนั หรือระหว่างศาลกบั คู่ความหรือผทู้ ี่เกี่ยวขอ้ ง อาจกระทา
โดยทางโทรศพั ท์ โทรสาร หรือสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์อยา่ งอื่นกไ็ ด้

การวางเงิน

ขอ้ ๕ ในคดีแพ่ง คู่ความฝ่ ายท่ีร้องขอสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพ
มีหน้าท่ีชาระค่าใช้จ่ายตามขอ้ บงั คบั ของประธานศาลฎีกา ว่าดว้ ยการกาหนดค่าใช้จ่ายในการ
สืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพในคดีแพ่ง พ.ศ. ๒๕๕๗

ขอ้ ๖ การวางเงินค่าใชจ้ ่ายตามขอ้ ๕ หากศาลไมม่ ีคาส่งั เป็นอยา่ งอื่น ใหเ้ จา้ หนา้ ท่ี
ของศาลท่ีพิจารณาคดีกะประมาณค่าใช้จ่ายตามอตั ราที่กาหนดไวใ้ นขอ้ บงั คบั ของประธาน
ศาลฎีกาตามขอ้ ๕ และแจง้ ให้คู่ความฝ่ ายที่ร้องขอวางเงินภายในเวลาท่ีกาหนดซ่ึงตอ้ งไม่เกิน
๕,๐๐๐ บาท สาหรับการสืบพยานในประเทศ หรือไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท สาหรับการสืบพยาน
ท่ีอยใู่ นต่างประเทศ ต่อการสืบพยานหน่ึงคร้ัง เวน้ แต่เป็ นที่เห็นไดช้ ดั เจนว่าค่าใช้จ่ายท่ีจะตอ้ ง
ชาระสูงกวา่ จานวนเงินดงั กลา่ ว ก็อาจใหค้ ูค่ วามน้นั วางเพม่ิ ไดไ้ มเ่ กินจานวนท่ีคาดวา่ จะตอ้ งจ่ายจริง

ถา้ คู่ความฝ่ ายน้นั ไมป่ ฏิบตั ิตามใหร้ ายงานศาลเพื่อมีคาสั่งตอ่ ไป

การออกหมายเรียกพยาน

ขอ้ ๗ หากศาลไม่มีคาสง่ั เป็นอยา่ งอ่ืน ใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีของศาลท่ีพิจารณาคดีสอบถาม
คู่ความว่าประสงค์จะขอหมายเรียกพยานและให้ศาลท่ีพยานอยู่ในเขตอานาจสลกั หลงั หมาย

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๙๓

หรือไม่ หากต้องการ ก็ให้ยื่นคาขอเสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อดาเนินการจดั ส่งหมายเรียกดงั กล่าวไป
พร้อมกบั หนงั สือแจง้ ยนื ยนั วนั เวลานดั ตามขอ้ ๙

การส่งหมายเรี ยกให้แก่พยานยังคงเป็ นหน้าท่ีของคู่ความฝ่ ายที่อ้างพยาน
แตห่ ากมีเหตจุ าเป็นตอ้ งใหเ้ จา้ พนกั งานของศาลน้นั เป็นผสู้ ่งและปิ ดหมาย กใ็ หร้ ะบมุ าในคาขอให้
ชัดแจ้ง และถ้าเป็ นคดีแพ่งต้องชาระค่าธรรมเนียมในการส่งมาให้ถูกตอ้ งดว้ ย กรณีเช่นว่าน้ี
เมื่อเจา้ พนกั งานศาลไดส้ ่งหมายเรียกให้แก่พยานแลว้ ให้รายงานผลการส่งไปยงั ศาลท่ีพิจารณา
คดีก่อนถึงวนั นดั

ขอ้ ๘ คู่ความฝ่ ายที่อา้ งพยานมีหนา้ ที่ติดตามพยานให้ไปศาลตามกาหนดนัดโดย
ประสานงานกบั เจา้ หน้าที่ท้งั ของศาลที่พิจารณาคดีและศาลที่พยานจะไปเบิกความหรือศาลท่ีมี
เขตอานาจเหนือสถานท่ีเบิกความ

ถา้ คู่ความฝ่ ายท่ีอา้ งพยานเป็ นพนกั งานอยั การและมีการมอบหมายให้พนักงาน
อยั การในทอ้ งท่ีซ่ึงพยานจะไปเบิกความเป็ นผูป้ ระสานงาน ให้เจา้ หนา้ ท่ีของศาลที่พิจารณาคดี
สอบถามช่ือและหมายเลขโทรศพั ท์ของผูป้ ระสานงานแลว้ แจง้ ให้ศาลที่พยานจะไปเบิกความ
หรือศาลท่ีมีเขตอานาจเหนือสถานที่เบิกความทราบ

การแจ้งยืนยันวนั เวลานดั สืบพยาน

ขอ้ ๙ ให้งานสารบรรณของศาลท่ีพิจารณาคดีมีหนังสือแจ้งยืนยนั วนั เวลานัด
สืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพไปยังศาลหรื อผู้มีอานาจหน้าที่ดูแลสถานท่ี
ท่ีพยานจะไปเบิกความ

ในกรณีที่พยานจะไปเบิกความ ณ สถานที่อ่ืนซ่ึงมิใช่ท่ีทาการศาล ให้มีหนังสือ
แจง้ ยนื ยนั วนั เวลานดั สืบพยานไปยงั ศาลที่มีเขตอานาจเหนือสถานท่ีน้นั ดว้ ย

ข้อ ๑๐ ในคดีแพ่ง ถ้าเป็ นการสืบพยานในประเทศ ให้ศาลท่ีพิจารณาคดี
ส่งเงินคา่ ใชจ้ ่ายที่คูค่ วามวางไวต้ ามขอ้ ๖ เฉพาะส่วนที่ตอ้ งจ่ายแก่พยานและสักขีพยานไปให้ศาล
ที่พยานจะไปเบิกความหรือศาลท่ีมีเขตอานาจเหนือสถานที่เบิกความพร้อมกบั หนงั สือแจง้ ยนื ยนั
วนั เวลานดั ตามขอ้ ๙ ดว้ ย

ขอ้ ๑๑ ถา้ จะตอ้ งให้ศาลที่พยานอยใู่ นเขตอานาจสลกั หลงั หมายเรียกพยานหรือ
ถา้ ศาลมีคาสง่ั ใหส้ ่งเอกสาร ภาพถา่ ยหรือวตั ถุพยานไปใหพ้ ยานตรวจดูขณะเบิกความ กใ็ หจ้ ดั ส่ง
หมายเรียกพยาน เอกสารหรือส่ิงของต่าง ๆ เหล่าน้นั ไปให้ศาลท่ีเก่ียวขอ้ งพร้อมกบั หนังสือแจง้
ยนื ยนั วนั เวลานดั ตามขอ้ ๙

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๙๔

การสืบพยาน

ขอ้ ๑๒ ใหเ้ จา้ หนา้ ท่ีของศาลที่ไดร้ ับหนงั สือแจง้ ยนื ยนั วนั เวลานดั ตามขอ้ ๙ จดั ทา
สานวนคดีเฉพาะส่วนการสืบพยานโดยระบบการประชุมทางจอภาพข้ึนโดยใชอ้ กั ษรยอ่ “ปภ”
นาหนา้ หมายเลขคดี และใหร้ ะบชุ ่ือศาลที่มีคาส่งั ใหส้ ืบพยานโดยวิธีการดงั กล่าวรวมท้งั หมายเลข
คดีของศาลน้นั ใหป้ รากฏท่ีปกหนา้ สานวน

ขอ้ ๑๓ ในวนั สืบพยาน ให้เจา้ พนักงานศาลท่ีไดร้ ับมอบหมายให้เป็ นสักขีพยาน
ดาเนินการดงั น้ี

(๑) ตรวจสอบหลักฐานบัตรประจาตัวที่ปรากฏภาพถ่ายของพยาน
ที่ทางราชการออกให้หรือหลักฐานแสดงตวั บุคคลที่มีลักษณะอย่างเดียวกันและทาสาเนา
ใหพ้ ยานรับรองเก็บไวใ้ นสานวน

(๒) นาพยานสาบานตนหรือกล่าวคาปฏิญาณต่อหนา้ ศาล
(๓) จัดทารายงานให้พยานและผู้พิพากษาของศาลท่ีเกี่ยวข้องลงชื่อ
หลงั จากสืบพยานเสร็จ
(๔) จดั เตรียมพยานเอกสารหรือพยานวตั ถุท่ีมีการจดั ส่งมาเพ่ือให้พยาน
ตรวจดู เม่ือพยานตรวจดูระหว่างสืบพยาน หากตอ้ งหมายเอกสารให้ดาเนินการตามคาส่ังศาล
ที่พจิ ารณาคดี ภายหลงั สืบพยานเสร็จใหร้ วบรวมจดั เรียงพยานเอกสารและพยานวตั ถุเพือ่ ส่งกลบั
คืนศาลที่พจิ ารณาคดี และ
(๕) อยู่เป็ นสักขีพยานตลอดการสืบพยานและปฏิบตั ิตามคาสั่งของศาล
ท่ีพิจารณาคดี รวมท้งั ลงช่ือในรายงานหลงั จากสืบพยานเสร็จ

การชาระค่าใช้จ่าย

ข้อ ๑๔ ในคดีแพ่ง การชาระค่าใช้จ่ายในการใช้ระบบ ถ้าพยานเบิกความ
ณ ท่ีทาการศาล ใหช้ าระแก่ศาลท่ีพิจารณาคดีเพยี งแห่งเดียว แต่ถา้ เบิกความ ณ สถานท่ีอ่ืนซ่ึงมิใช่
ที่ทาการศาลและสถานที่ดังกล่าวมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายก็ให้ชาระแก่ผูม้ ีอานาจหน้าที่ดูแล
สถานที่น้ันดว้ ย โดยวิธีหักชาระจากเงินที่วางไวต้ ามขอ้ ๖ ภายหลงั เสร็จส้ินการสืบพยานโดย
ระบบการประชุมทางจอภาพ

ขอ้ ๑๕ ในคดีแพ่ง การจ่ายเงินแก่พยานและสักขีพยาน ให้เจา้ หน้าท่ีของศาล
ท่ีเกี่ยวข้องจ่ายตามคาสั่งของศาลท่ีพิจารณาคดีจากเงินท่ีส่งมาตามขอ้ ๑๐ หากมีเงินเหลือ

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๙๕

ให้ส่งคืนแต่ถา้ เงินท่ีส่งมาไม่เพียงพอก็ให้สารองจ่ายจากเงินกลางของศาลไปก่อนแลว้ แจง้ ให้
ศาลที่พจิ ารณาคดีส่งมาเพ่มิ ใหค้ รบถว้ น

ในคดีอาญา การจ่ายค่าพาหนะ ค่าป่ วยการ และค่าเช่าที่พกั แก่พยานและล่าม
และค่าตอบแทนแก่นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ ให้จ่ายตามคาส่ังศาลที่พิจารณาคดี
จากเงินงบประมาณของศาลที่พยานไปเบิกความหรือศาลที่มีเขตอานาจเหนือสถานที่เบิกความ
โดยจดั ทาใบรับเก็บไวเ้ ป็นหลกั ฐาน

ขอ้ ๑๖ ในกรณีสืบพยานท่ีอยใู่ นต่างประเทศ การส่งเงินใหแ้ ก่ผมู้ ีสิทธิไดร้ ับซ่ึงอยู่
ต่างประเทศ ให้เจา้ หน้าที่ของศาลที่พิจารณาคดีดาเนินการตามวิธีการที่กาหนดไวใ้ นขอ้ บงั คบั
ของประธานศาลฎีกา ว่าดว้ ยการกาหนดค่าใช้จ่ายในการสืบพยานโดยระบบการประชุมทาง
จอภาพในคดีแพ่ง พ.ศ. ๒๕๕๗

ขอ้ ๑๗ เมื่อไดช้ าระค่าใช้จ่ายท้งั ปวงแล้ว หากเงินค่าใช้จ่ายที่วางไวต้ ามขอ้ ๖
มีเหลืออยู่เพียงใด ให้คืนแก่คู่ความฝ่ ายที่วางเงิน แต่ถ้ามีไม่พอชาระ ให้เจ้าหน้าท่ีรายงาน
ใหศ้ าลทราบเพ่อื มีคาสง่ั ใหค้ ูค่ วามฝ่ ายท่ีตอ้ งรับผิดชาระเพ่มิ ใหค้ รบถว้ น

การส่งคืนเอกสารสานวนความ

ขอ้ ๑๘ เมื่อสืบพยานเสร็จ ให้ศาลที่พยานไปเบิกความหรือศาลที่มีเขตอานาจ
เหนือสถานที่เบิกความรวบรวมเอกสารและส่ิงของท้งั หมดในสานวนความส่งคืนศาลท่ีพิจารณาคดี
โดยจดั ทาสาเนาเก็บไวเ้ ป็นหลกั ฐานหน่ึงชุด

ในคดีแพ่ง ให้จดั ทาสรุปค่าใชจ้ ่ายท่ีเกิดข้ึนแจง้ ไปยงั ศาลที่พิจารณาคดีพร้อมกบั
การส่งสานวนคืนตามวรรคหน่ึงดว้ ย

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๙๖

บทที่ ๑๓
การออกหมายจับพยาน

๑. การออกหมายจบั พยานมาเบิกความ

จะกระทาไดต้ อ้ งปรากฏขอ้ เทจ็ จริง ตามมาตรา ๑๑๑ วา่
๑.๑ พยานไดร้ ับหมายเรียกโดยชอบแลว้ จงใจไม่มาศาลหรือสถานท่ีตามวนั เวลาที่กาหนดไว้ หรือ
ไดร้ ับคาสง่ั จากศาลใหร้ อคอยอยแู่ ลว้ จงใจหลบเสีย และ
๑.๒ ศาลเห็นวา่ คาเบิกความของพยานท่ีไม่มาศาลเป็นขอ้ สาคญั ในการวินิจฉยั ช้ีขาดคดี

๒. การออกหมายจับพยาน

โดยทว่ั ไปคู่ความฝ่ ายท่ีอา้ งเป็ นผขู้ อให้ออกหมายจบั แต่ศาลจะออกหมายจบั เองโดยไม่มี
ฝ่ ายใดขอก็ได้ (ฎีกาที่ ๙๑๘/๒๕๐๓) ก่อนออกหมายจับควรปรึกษาผูพ้ ิพากษาหัวหน้าศาล
หรือรองอธิบดีฯ หรืออธิบดีฯ ก่อน

จดรายงานกระบวนพจิ ารณาวา่
“นัดสืบพยานจาเลย ทนายโจทก์และทนายจาเลยมาศาล
ทนายจาเลยแถลงว่า คดีนีจ้ าเลยยังติดใจสืบพยานอีก ๑ ปาก คือ นาย . . . .ซึ่งได้รับหมาย
โดยชอบแล้วแต่ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง พยานปากนีเ้ ป็นพยานสาคัญในคดี เพราะเป็น
ผู้รู้เห็นและลงช่ือเป็ นพยานในเอกสารสัญญากู้ตามที่โจทก์ฟ้องจาเป็นต้องนาสืบ ช้ันนีข้ อเลื่อนคดี
ไปก่อน
ทนายโจทก์ไม่คัดค้าน
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เป็นกรณีจาเป็นจึงอนุญาต ให้เลื่อนไปนดั สืบพยานจาเลย วนั ท่ี . . . .
อน่ึง ปรากฏว่านาย . . . . พยานจาเลยในข้อสาคัญแห่งคดี ได้รับหมายเรียกโดยชอบแล้ว
ไม่มาศาล ท้ังไม่แจ้งเหตุขัดข้องถึง ๒ คร้ังแล้ว ตามพฤติการณ์เช่ือว่าจงใจหลีกเล่ียงไม่มาศาล
ตามหมายเรียก จึงให้ออกหมายจับ . . . . .พยานมากักขงั ไว้จนกว่าจะได้เบิกความต่อไป”

๓. คาสั่งต่อเนื่องหลงั จากศาลออกหมายจับแล้ว

๓.๑ พยานท่ีถูกออกหมายจับน้ันย่ืนคาร้องว่า มาศาลช้าไปเพียงเล็กน้อยหรือมีเหตุ
ขดั ขอ้ งอื่น ๆ มิไดจ้ งใจขดั ขืนไม่มาศาล ดงั น้ี ถา้ เชื่อไดต้ ามคาร้องก็ส่ังให้งดออกหมายจบั หรือ
ถา้ ออกหมายจบั ไปแลว้ ก็ใหเ้ พกิ ถอนหมายจบั และใหพ้ ยานลงชื่อทราบนดั ไว้

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๙๗

๓.๒ ถา้ มีหนงั สือของเจา้ พนักงานผูจ้ บั แจง้ ว่าไดจ้ บั ตวั พยานมาส่งศาลแลว้ ก็ส่ังให้ออก
หมายกกั ขงั ไวแ้ ละใหเ้ บิกตวั มาในวนั นดั เมื่อถึงวนั นดั พยานเบิกความแลว้ ก็ส่ังใหป้ ลอ่ ยตวั ไปได้

อน่ึง ระหว่างที่ถูกกักขังพยานอาจร้องขอประกันตัวได้โดยศาลอาจใช้ดุลพินิจ
ในการอนุญาตโดยมีหลกั ประกนั หรือไมม่ ีหลกั ประกนั กไ็ ด้

๓.๓ สาหรับหมายกักขงั พยานให้ใช้หมายขงั ระหว่างพิจารณา โดยส่งตวั ไปกกั ขงั ไว้
ในสถานที่กกั ขงั ซ่ึงกาหนดไวอ้ นั มิใช่เรือนจา สถานีตารวจ หรือสถานท่ีควบคุมผูต้ อ้ งหาของ
พนกั งานสอบสวน

ถา้ ศาลเห็นเป็นการสมควร จะส่ังใหก้ กั ขงั พยานไวใ้ นที่อาศยั ของผนู้ ้นั เอง หรือของ
ผอู้ ่ืนท่ียินยอมรับผนู้ ้นั ไว้ หรือสถานท่ีอ่ืนท่ีอาจกกั ขงั ได้ เพื่อให้เหมาะสมกบั ประเภทหรือสภาพ
ของพยานก็ได้

ถา้ ความปรากฏแก่ศาลวา่ การกกั ขงั พยานไวใ้ นสถานที่กกั ขงั ดงั กลา่ ว อาจก่อใหเ้ กิด
อนั ตรายตอ่ ผนู้ ้นั หรือทาใหผ้ ซู้ ่ึงตอ้ งพ่ึงพาพยานในการดารงชีพไดร้ ับความเดือดร้อนเกินสมควร
หรือมีพฤติการณ์พิเศษประการอ่ืนที่แสดงให้เห็นว่าไม่สมควรกกั ขงั พยานในสถานท่ีดงั กล่าว
ศาลจะมีคาสั่งให้กกั ขงั พยานสถานที่อ่ืน ซ่ึงมิใช่ท่ีอยอู่ าศยั ของผูน้ ้นั เองโดยไดร้ ับความยินยอม
จากเจา้ ของหรือผคู้ รอบครองสถานท่ีกไ็ ด้ กรณีเช่นวา่ มาน้ี ศาลมีอานาจกาหนดเงื่อนไขอยา่ งหน่ึง
อย่างใดให้พยานปฏิบตั ิและหากเจา้ ของหรือผูค้ รอบครองสถานที่ดงั กล่าวยินยอม ศาลอาจมีคาสั่ง
แตง่ ต้งั ผนู้ ้นั เป็นผคู้ วบคุมดูแล

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๙๘

บทท่ี ๑๔

การสืบพยานบุคคลหรือสาเนาแทนเอกสาร

ตามมาตรา ๙๓ บญั ญตั ิว่า “การอ้างเอกสารเป็ นพยานหลักฐานให้ยอมรับฟังได้เฉพาะ
ต้นฉบบั เอกสารเท่านน้ั เว้นแต่

(๑) เมื่อคู่ความที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ ายตกลงกันว่าสาเนาเอกสารน้ันถูกต้องแล้ว ให้ ศาล
ยอมรับฟังสาเนาเช่นว่าน้นั เป็นพยานหลกั ฐาน

(๒) ถ้าต้นฉบับเอกสาร นามาไม่ได้ เพราะถูกทาลายโดยเหตุสุดวิสัย หรื อสูญหาย
หรื อไม่สามารถนามาได้โดยประการอื่นอันมิใช่เกิดจากพฤติการณ์ ที่ผู้อ้างต้องรับผิดชอบ
หรือเม่ือศาลเห็นว่าเป็ นกรณีจาเป็ นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมท่ีจะต้องสืบสาเนา
เอกสารหรื อพยานบุคคลแทนต้นฉบับเอกสารท่ีนามาไม่ได้น้ัน ศาลจะอนุญาตให้นาสาเนา
หรือพยานบุคคลมาสืบกไ็ ด้

(๓) ต้นฉบับเอกสารที่อยู่ในความอารักขาหรื อในความควบคุมของทางราชการน้ัน
จะนามาแสดงได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากทางราชการที่เกี่ยวข้องเสียก่อน อนึ่ง สาเนาเอกสารซึ่ง
ผู้มีอานาจหน้าท่ี ได้รับรองว่าถูกต้องแล้ว ให้ ถือว่าเป็ นอันเพียงพอในการท่ีจะนามาแสดง
เว้นแต่ศาลจะได้กาหนดเป็ นอย่างอ่ืน

(๔) เม่ือคู่ความฝ่ ายท่ีถูกคู่ความอีกฝ่ ายหน่ึงอ้างอิงเอกสารมาเป็ นพยานหลักฐานยันตน
มิได้คัดค้าน การนาเอกสารน้ันมาสืบตามมาตรา ๑๒๕ ให้ศาลรับฟังสาเนาเอกสาร เช่นว่านั้น
เป็นพยานหลักฐานได้ แต่ทั้งนไี้ ม่ตัดอานาจศาลตามมาตรา ๑๒๕ วรรคสาม”

ข้อสังเกต
๑. เอกสารมหาชนซ่ึงพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ไดท้ าข้ึนหรือรับรอง หรือสาเนาที่รับรองถูกตอ้ ง
แห่งเอกสารน้ันตามมาตรา ๑๒๗ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็ นเอกสารแท้จริงและถูกตอ้ ง
เป็ นหนา้ ที่ของฝ่ ายที่ถูกอา้ งเอกสารน้ันมายนั ตอ้ งนาสืบความไม่บริสุทธ์ิหรือความไม่ถูกตอ้ ง
แห่งเอกสารน้นั (ฎีกาที่ ๑๙๒๘ - ๑๙๓๐/๒๕๒๘)
๒. เอกสารที่อา้ งส่งศาลแมจ้ ะเป็ นสาเนา แต่ถา้ ไดส้ ่งตน้ ฉบบั ให้ศาลตรวจดูแลว้ และศาล
อนุญาตใหส้ ่งสาเนาแทน สาเนาเอกสารรับฟังเป็นพยานได้ (ฎีกาที่ ๖๓๗/๒๕๒๔)
๓. โจทก์นาสืบเอกสารโดยส่งต้นฉบบั ต่อศาลและขอรับคืนไปและส่งสาเนาไวแ้ ทน
เมื่อจาเลยไม่คดั คา้ นตอ้ งฟังวา่ ตน้ ฉบบั เอกสารน้นั มีอยจู่ ริง (ฎีกาท่ี ๑๗๓๓/๒๕๒๙)
๔. การทาสัญญาโดยใช้กระดาษคาร์บอนคั่นกลางเมื่อเขียนและลงลายมือชื่อแล้ว
ถือเป็นคู่ฉบบั ซ่ึงมีผลเท่ากบั เป็นตน้ ฉบบั มิใช่สาเนาเอกสาร (ฎีกาที่ ๔๕๒๙/๒๕๔๑)

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๑๙๙

เอกสารมหาชน ได้แก่ ทะเบียนสมรส (ฎีกาท่ี ๑๔๒๖/๒๔๙๗) สาเนาแผนที่ระวาง
ซ่ึงพนักงานเจา้ หน้าที่ทาข้ึน (ฎีกาที่ ๑๒๐/๒๔๙๙) ส.ค.๑ (ฎีกาท่ี ๙๐๔/๒๕๐๙) บญั ชีบนั ทึก
คาร้องทกุ ข์ ของประชาชนและคาเปรียบเทียบของพนกั งานผมู้ ีหนา้ ที่เป็นหลกั ฐานเก็บไวท้ ี่อาเภอ
(ฎีกาท่ี ๑๖๔๗/๒๕๐๙) ทะเบียนที่ราชพสั ดุ (ฎีกาท่ี ๗๗๐/๒๕๑๑) สาเนาทะเบียนบา้ น (ฎีกาท่ี
๒๒๕/๒๕๑๘, ๔๙๔/๒๕๒๔, ๑๗๒๖/๒๕๓๖, ๗๖๐/๒๕๓๘) หนงั สือรับรองของนายทะเบียน
หอทะเบียนหุน้ ส่วนบริษทั กลาง กรมทะเบียนการคา้ (ฎีกาที่ ๑๗๕๒/๒๕๒๐, ๓๘๔๗/๒๕๒๕,
๒๘๐๙/๒๕๓๖) โฉนดที่ดิน (ฎีกาท่ี ๑๖๑๖/๒๕๒๒) สาเนาโฉนดท่ีดิน ซ่ึงเจา้ หน้าที่รับรอง
ความถูกตอ้ ง (ฎีกาท่ี ๓๖๖๖/๒๕๓๓, ๓๖๗๐/๒๕๓๓) แบบบนั ทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจน์
การทาประโยชน์และหนังรับรองการทาประโยชน์ (น.ส.๓ ก.) (ฎีกาที่ ๙๓๙/๒๕๒๓)
ใบมรณบตั ร สูติบตั ร (ฎีกาท่ี ๒๑๒๐/๒๕๒๙, ๑๒๗/ ๒๕๓๗) ทะเบียนรับบุตรบุญธรรม
(ฎีกาที่ ๒๗๕๙/๒๕๓๐, ๔๒๔๐/๒๕๓๐) บญั ชีผถู้ ือหุ้นของบริษทั จากดั (ฎีกาที่ ๘๔๘/๒๕๓๔)
สาเนารายงานการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและคาขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการ
ซ่ึงเจา้ หน้าที่รับรองความถูกตอ้ ง (ฎีกาท่ี ๑๔๓๐/๒๕๓๗) ทะเบียนหย่าและบนั ทึกตกลงทา้ ย
ทะเบียนหย่า (ฎีกาท่ี ๓๕๙/ ๒๕๓๘) หนงั สือสัญญาจานอง (ฎีกาท่ี ๕๔๑๑/๒๕๓๘) สานวน
ความของศาล (ฎีกาที่ ๗๔๐๔ - ๗๔๐๕/๒๕๓๘)

ตวั อย่าง
จาเลยยื่นคาร้องว่า จาเลยอ้างหนังสือยินยอมเลิกสัญญาเช่าเหมืองของโจทก์ซ่ึงอยู่ท่ี
นายไพศาล ไดข้ อหมายเรียกเอกสารดงั กล่าวแลว้ แต่นายไพศาลอา้ งว่า เอกสารดงั กล่าวไม่อยู่ท่ีตนและ
ไม่ทราบวา่ อยทู่ ่ีใด จาเลยไม่สามารถนาเอกสารดงั กลา่ วมาสืบได้ ขออนุญาตนาพยานบุคคลเขา้ สืบแทน
สัง่ วา่ “สาเนาให้โจทก์ สั่งในรายงานกระบวนพิจารณา”
โจทกร์ ับสาเนาแลว้ ย่นื คาแถลงคดั คา้ นวา่ ไม่ควรอนุญาต เพราะการเช่าเหมืองเป็ นการเช่า
อสงั หาริมทรัพยต์ อ้ งมีหลกั ฐานเป็นหนงั สือ ฯลฯ
ส่ังวา่ “สาเนาให้จาเลย รอฟังคาส่ังวันนเี้ วลา ๑๕ น.”
แลว้ มีคาสั่งว่า “พิเคราะห์คาร้ องของจาเลยและคาแถลงคัดค้านของโจทก์แล้ว เห็นว่า
ปรากฏตามคาร้ องของจาเลยเองว่าเอกสารดังกล่าวยังมีคู่ฉบับอยู่ท่ีฝ่ ายโจทก์ จึงไม่อนุญาต
ให้ ยกคาร้ อง”
ต่อมาจาเลยย่ืนคาร้องต่อศาลอีกว่า ไดข้ อหมายเรียกเอกสารจากนายไพศาล นายไพศาล
แจง้ ว่าเอกสารไม่อยู่กบั ตนและไม่ทราบว่าอยู่ท่ีผูใ้ ด จาเลยจึงขอหมายเรียกเอกสารฉบบั ของโจทก์
โจทกก์ ไ็ มส่ ่งศาลโดยอา้ งวา่ ไมม่ ีอยทู่ ี่โจทก์ จึงขออนุญาตใหจ้ าเลยนาพยานบุคคลเขา้ สืบ
สั่งวา่ “สาเนาให้โจทก์ ส่ังในรายงานกระบวนพิจารณา”

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๐๐

จดรายงานกระบวนพจิ ารณาวา่
“นัดสืบพยานจาเลย ทนายโจทก์และทนายจาเลยมาศาล
จาเลยย่ืนคาร้องขอสืบพยานบุคคลแทนเอกสาร รายละเอียดปรากฏตามคาร้อง สอบโจทก์
โจทก์แถลงคัดค้านว่าไม่ควรอนญุ าต โดยอาศยั เหตุผลตามที่เคยคัดค้านไว้
สอบจาเลย จาเลยแถลงว่า เอกสารสัญญาเลิกเช่าดังกล่าว จาเลยได้ต่อสู้ไว้ตามคาให้การ
ข้อ ๓ ได้ทากันไว้ ๒ ฉบับ โดยยึดถือไว้ฝ่ ายละฉบบั ฉบับของจาเลยมอบให้นายไพศาล ที่ปรึกษา
กฎหมายเพื่อทาการเรียกร้ องเงินมัดจาจากโจทก์ แต่ปรากฏว่าหายไป คงหาพบแต่ใบรับมัดจา
ตามท่ีส่ งศาลแล้ว
สอบโจทก์ โจทก์ยืนยนั ว่าเอกสารดังกล่าวไม่มีอย่ทู ี่โจทก์ เพราะไม่มีการทาสัญญาเลิกเช่ากนั
เม่ือต่างฝ่ ายต่างโต้เถียงกันเช่นนี้ จึงให้รอฟังคาส่ังวันนเี้ วลา ๑๖ น.”
คาส่ัง “พิเคราะห์คาร้องและคาแถลงของคู่ความแล้ว เห็นว่า จาเลยไม่สามารถนาต้นฉบับ
สัญญาเลิกเช่ามาอ้างประกอบคาให้การต่อสู้คดีว่ามีการทาสัญญาเลิกเช่ากัน จึงอนุญาตให้จาเลย
นาพยานบคุ คลเข้าสืบได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๙๓ (๒)”

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๐๑

บทท่ี ๑๕

การส่งเอกสารไปให้ผู้เช่ียวชาญตรวจพสิ ูจน์

ในกรณีท่ีคู่ความโต้เถียงกันถึงความแทจ้ ริงของเอกสารหรือความถูกตอ้ งแห่งสาเนา
เอกสาร และศาลไม่อาจวินิจฉัยความแทจ้ ริงหรือความถูกตอ้ งของเอกสารที่ถูกคดั คา้ นน้นั ไดเ้ อง
จากการตรวจสอบตวั เอกสารน้ันเปรียบเทียบกบั เอกสารอ่ืนที่มิไดถ้ ูกคดั คา้ น ก็จาเป็ นตอ้ งส่ง
เอกสารท่ีถูกคดั คา้ นไปให้ผูเ้ ชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ เกี่ยวกบั ลายมือเขียน ลายมือช่ือ ลายพิมพ์
นิ้วมือ ข้อความและตัวเลข น้ าหมึกท่ีใช้เขียนหรื อพิมพ์ หรื อเน้ือกระดาษ แล้วแต่กรณี
ท้งั น้ี ตามมาตรา ๑๒๖ (๓)

ศาลควรสอบถามคู่ความและดาเนินการส่งเอกสารไปให้ผูเ้ ช่ียวชาญตรวจพิสูจน์ต้งั แต่
ในช้ันช้ีสองสถานเพื่อให้ได้รับรายงานผลการตรวจพิสูจน์ก่อนวนั นัดสืบพยานตามระบบ
การนงั่ พิจารณาคดีครบองคค์ ณะและต่อเนื่อง

การจดรายงานกระบวนพจิ ารณา
ตัวอย่างที่ ๑
“นัดชีส้ องสถาน โจทก์ ทนายโจทก์ จาเลย และทนายจาเลยมาศาล
..........................................................................................................................................
โจทก์แถลงว่า เน่ืองจากจาเลยให้ การว่า จาเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ สัญญากู้ท่ีโจทก์

นามาฟ้องเป็ นเอกสารปลอมเพราะลายพิมพ์นิ้วมือผู้กู้ไม่ใช่ลายพิมพ์นิว้ มือของจาเลย จึงขอให้
ศาลส่งสัญญากู้เอกสารหมาย จ. ๑ ไปให้ผู้เช่ียวชาญตรวจพิสูจน์ว่า ลายพิมพ์นิว้ มือผู้กู้ในเอกสาร
ดังกล่าวเป็นลายพิมพ์นิว้ มือของจาเลยหรือไม่ โดยโจทก์ยินยอมเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์

สอบทนายจาเลยแล้วแถลงไม่ค้าน
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เม่ือจาเลยซึ่งเป็ นคู่ความที่ถูกอีกฝ่ ายหนึ่งอ้างอิงเอกสารมาเป็ น
พยานหลักฐานยันแก่ตนปฏิเสธความแท้จริงของเอกสาร และกรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาต
ให้ ส่ งสัญญากู้เอกสารหมาย จ. ๑ไปให้ ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ตามขอ โดยให้ จาเลยพิมพ์
ลายนิ้วหัวแม่มือซ้ ายและนิ้วหัวแม่มือขวาข้างละ ๕ ลายนิ้วมือ ในกระดาษแบบ ๔๐ ก.
๒ แผ่น ศาลหมาย จ.๖ และ จ.๗
ให้ มีหนังสือส่ งเอกสารหมาย จ. ๑, จ. ๖ และ จ. ๗ ไปยังกองพิสูจน์หลักฐานกลาง
สานักงานตารวจแห่งชาติ เพ่ือให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ว่า ลายพิมพ์นิว้ มือผู้กู้ในเอกสารหมาย
จ. ๑ และลายพิมพ์นิ้วมือของจาเลยในเอกสารหมาย จ. ๖ หรื อ จ. ๗ เป็ นลายพิมพ์นิ้วมือ

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๐๒

ของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่ โดยให้ถ่ายสาเนาเอกสารดังกล่าวแยกเก็บไว้ก่อนส่งไปตรวจ
พิสูจน์

สาหรับการสืบพยานคดีนี้ ให้นัดสืบพยานโจทก์...นัด และนัดสืบพยานจาเลย...นัด
.........................”

ตัวอย่างท่ี ๒
“นัดชีส้ องสถาน โจทก์ ทนายโจทก์ จาเลย และทนายจาเลยมาศาล
..........................................................................................................................................
ทนายจาเลยแถลงว่า เน่ืองจากศาลกาหนดประเด็นข้อพิพาทว่า พินัยกรรมพิพาท
เป็ นพินัยกรรมปลอมหรือไม่ จึงขอให้ศาลส่งพินัยกรรมเอกสารหมาย ล. ๑ ไปให้ผู้เช่ียวชาญ
ตรวจพิสูจน์ว่า ลายมือช่ือผู้ทาพินัยกรรมในเอกสารดังกล่าวเป็ นลายมือช่ือของนาย....ผู้ตาย
หรือไม่ โดยจาเลยยินยอมเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์
สอบทนายโจทก์แล้วแถลงไม่ค้าน
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เมื่อโจทก์ซึ่งเป็ นคู่ความที่ถูกอีกฝ่ ายหน่ึงอ้างอิงเอกสารมาเป็ น
พยานหลกั ฐานยนั แก่ตนปฏิเสธความแท้จริงของเอกสาร และกรณีมเี หตุสมควร จึงอนญุ าตให้ส่ง
พินัยกรรม เอกสารหมาย ล. ๑ ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ตามขอ โดยให้โจทก์และจาเลย
จัดหาตัวอย่างลายมือช่ือของผู้ตายท่ีลงไว้ในเอกสารต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ทา
พินัยกรรมพิพาทมาส่งศาลภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันนี้ เพ่ือส่งไปตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับ
พินัยกรรมพิพาท
ให้นัดพร้อมเพื่อตรวจสอบเอกสารส่งตรวจพิสูจน์และกาหนดวนั สืบพยานในวนั ท่ี....”
เมื่อถึงวันนดั จดรายงานกระบวนพิจารณาว่า
“นัดพร้ อมเพื่อตรวจสอบเอกสารส่งตรวจพิสูจน์และกาหนดวันสืบพยาน ทนายโจทก์
และทนายจาเลยมาศาล
ทนายโจทก์แถลงขอส่งคาขอเปิ ดบัญชีเงินฝาก สัญญากู้ สัญญาจานอง และสัญญา
ซื้อขายที่ดิน รวม ๔ ฉบับ ศาลหมาย จ. ๑๐ ถึง จ.๑๓ ทนายจาเลยแถลงขอส่งใบถอนเงินฝาก
เช็ค และจดหมาย รวม ๘ ฉบับ ศาลหมาย ล. ๔ ถึง ล. ๑๑ โดยคู่ความตรวจดูเอกสารท่ีแต่ละฝ่ าย
ส่งศาลแล้ว แถลงรับว่า ลายมือช่ือผ้ทู าเอกสารดังกล่าวทกุ ฉบับเป็นลายมือชื่อของผู้ตาย
ให้มีหนงั สือส่งเอกสารหมาย จ. ๑๐ ถึง จ. ๑๓ , ล. ๑ และ ล. ๔ ถึง ล. ๑๑ ไปยงั สถาบนั นิติ
วิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ผู้เช่ียวชาญตรวจพิสูจน์ว่าลายมือชื่อผู้ทาพินัยกรรมใน
เอกสารหมาย ล. ๑ และลายมือช่ือตัวอย่างของผู้ตายในเอกสารหมาย จ. ๑๐ ถึง จ. ๑๓ และ ล. ๔

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๐๓

ถึง ล. ๑๑ เป็ นลายมือช่ือของบุคคลคนเดียวกันหรื อไม่ โดยให้ ถ่ ายสาเนาเอกสารดังกล่าว
แยกเกบ็ ไว้ก่อนส่งไปตรวจพิสูจน์

สาหรับการสืบพยานคดีนี้ ให้นัดสืบพยานโจทก์.... นัด และนัดสืบพยานจาเลย...นัด
.....................................

ข้อสังเกต
๑. ภาพถ่ายเอกสารใชต้ รวจพิสูจนไ์ ม่ได้
๒. ถา้ เป็ นการตรวจพิสูจน์ลายมือช่ือของคู่ความ ตอ้ งให้คู่ความลงลายมือช่ือตวั อย่าง
ในกระดาษแบบ ๔๐ ก. ประมาณ ๒ แผ่น แผ่นละประมาณ ๒๐ ลายมือชื่อและให้คู่ความจดั หา
เอกสารต่าง ๆ ท่ีตนลงลายมือช่ือไวใ้ นช่วงเวลาเดียวกนั กบั การลงลายมือช่ือในเอกสารพิพาท
ใหไ้ ดม้ ากที่สุด เพื่อส่งไปตรวจเปรียบเทียบกบั ลายมือช่ือในเอกสารพพิ าท
๓. ในหนังสือส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์ให้แจง้ ทุนทรัพยใ์ นคดีไปดว้ ย โดยผูเ้ ช่ียวชาญ
จะคิดค่าใชจ้ ่ายในการตรวจพิสูจนเ์ อกสารตามทนุ ทรัพย์
๔. การส่งเอกสารไปให้ผูเ้ ช่ียวชาญตรวจพิสูจน์น้นั ศาลจะมีคาสั่งให้ส่งไปยงั กองพิสูจน์
หลักฐานกลาง สานักงานพิสูจน์หลักฐานตารวจ สานักงานตารวจแห่งชาติ หรือสถาบัน
นิติวทิ ยาศาสตร์ กระทรวงยตุ ิธรรม หน่วยงานใดหน่วยงานหน่ึงก็ได้
๕. ศาลควรสั่งให้คู่ความนาเงินค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ตามจานวนที่ผูเ้ ช่ียวชาญ
แจง้ มาวางศาลก่อนแจง้ ผลการตรวจพิสูจนใ์ หค้ ูค่ วามทราบ
๖. ความเห็นของผูเ้ ชี่ยวชาญจัดเป็ นความเห็นอันหน่ึงเท่าน้ัน หาเป็ นการผูกมดั ศาล
ให้ตอ้ งส่งเรื่องราวไปตรวจพิสูจน์เสมอไปไม่ เมื่อศาลช้นั ตน้ เห็นวา่ ลายมือช่ือของจาเลยเท่าท่ี
ปรากฏเพยี งพอท่ีจะวินิจฉยั คดีได้ จึงปฏิเสธไม่ส่งลายมือช่ือของจาเลยไปตรวจพิสูจน์ยอ่ มอยใู่ น
ดุลพินิจของศาลช้นั ตน้ ตามที่เห็นสมควร การท่ีศาลช้นั ตน้ วินิจฉยั คดีไปโดยไม่ไดส้ ่งลายมือช่ือ
ของจาเลยไปตรวจพิสูจน์จึงชอบแลว้ (ฎีกาที่ ๘๙๕๘/๒๕๕๐)
๗. การท่ีศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลกั ฐานของฝ่ ายโจทก์และฝ่ ายจาเลยแลว้ รับฟังว่า
หนงั สือมอบอานาจ เอกสารหมาย จ. ๕ ไม่ใช่เอกสารปลอม โดยวนิ ิจฉยั ไวด้ ว้ ยวา่ ความเห็นของ
ผเู้ ชี่ยวชาญที่วา่ ลายมือช่ือผมู้ อบอานาจในหนงั สือมอบอานาจ เอกสารหมาย จ. ๕ เปรียบเทียบกบั
ลายมือช่ือของโจทก์แลว้ ไม่ใช่ลายมือช่ือของบุคคลคนเดียวกนั คงเป็ นเพียงหลกั ฐานที่จะรับฟัง
ประกอบดุลพินิจในการชง่ั น้าหนกั พยานหลกั ฐานเท่าน้นั มิใช่วา่ ผเู้ ช่ียวชาญให้ความเห็นอยา่ งไร
ศาลต้องรับฟังตามน้ันเสมอไป ศาลฎีกาเห็นว่า หากได้พิจารณาพยานหลกั ฐานของท้งั สอง
ฝ่ ายแล้ว พยานหลักฐานของจาเลยมีน้ าหนักดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ ฟังได้ว่า
โจทกม์ อบอานาจใหจ้ าเลยตามหนงั สือมอบอานาจดงั กล่าว ความเห็นของผเู้ ชี่ยวชาญซ่ึงเป็นเพียง

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๐๔

พยานความเห็นมิใช่ประจกั ษ์พยานไม่มีน้าหนักหักลา้ งพยานหลกั ฐานฝ่ ายจาเลยได้ (ฎีกาที่
๒๔๓๘/๒๕๔๐)

๘. กรณีท่ีมีผลการตรวจพสิ ูจน์ของผเู้ ช่ียวชาญจากหลายหน่วยงานและผลการตรวจพิสูจน์
ดงั กล่าวแตกต่างกนั ศาลตอ้ งใช้ดุลพินิจชง่ั น้าหนักความเห็นของผูเ้ ช่ียวชาญแต่ละหน่วยงาน
และพยานหลกั ฐานอื่นประกอบกัน โดยความเห็นของผูเ้ ช่ียวชาญที่ทาการตรวจพิสูจน์และ
ให้ความเห็นตามหลกั วิชาสมเหตุสมผลและปราศจากขอ้ โตแ้ ยง้ ย่อมมีน้าหนักในการรับฟัง
มากกว่าความเห็นของผูเ้ ช่ียวชาญที่มีข้อสงสัยว่าจะถูกต้องและเป็ นธรรมหรื อไม่ (เทียบ
ฎีกาท่ี ๗๖๓๔/๒๕๕๔)

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๐๕

บทท่ี ๑๕/๑

การส่ังให้ตรวจพสิ ูจน์บุคคล วตั ถุ หรือเอกสารโดยวธิ ีการ

ทางวทิ ยาศาสตร์

ในกรณีที่จาเป็ นตอ้ งใช้พยานหลกั ฐานทางวิทยาศาสตร์เพ่ือพิสูจน์ขอ้ เท็จจริงใดที่เป็ น
ประเด็นสาคญั แห่งคดี เมื่อศาลเห็นสมควรหรือเม่ือคู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงร้องขอ ศาลมีอานาจ
ส่ังให้ทาการตรวจพิสูจน์บุคคล วตั ถุ หรือเอกสารใดโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ไดต้ ามมาตรา
๑๒๘/๑ วรรคหน่ึง เช่น การสั่งให้ตรวจดีเอ็นเอ ซ่ึงเป็ นสารพนั ธุกรรมของบุคคลเพื่อพิสูจน์
เอกลกั ษณ์หรือความเกี่ยวพนั ทางสายโลหิต การส่ังให้ตรวจพิสูจน์น้าในแหล่งน้าสาธารณะ
เพ่ือหาสารพิษปนเป้ื อน การส่ังให้ตรวจพิสูจน์สินคา้ พิพาทว่ามีส่วนประกอบหรือคุณสมบัติ
ตามสญั ญาหรือไม่

ศาลควรสอบถามคู่ความและดาเนินการสั่งให้ตรวจพิสูจน์บุคคล วตั ถุหรือเอกสาร
โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ต้งั แต่ในช้นั ช้ีสองสถานเพ่ือให้ไดร้ ับรายงานผลการตรวจพิสูจน์
ก่อนวนั นัดสืบพยานตามระบบการน่ังพิจารณาคดีครบองค์คณะและต่อเน่ืองและตามมาตรา
๑๒๘/๑ วรรคสอง

ในกรณีท่ีพยานหลกั ฐานทางวิทยาศาสตร์จะสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงขอ้ เทจ็ จริงที่ทาให้
ศาลวินิจฉยั ช้ีขาดคดีไดโ้ ดยไม่ตอ้ งสืบพยานหลกั ฐานอื่นอีก ศาลอาจส่ังใหต้ รวจพิสูจน์และนดั
พร้อมเพอื่ ฟังผลการตรวจพิสูจน์ โดยยงั ไมต่ อ้ งกาหนดวนั นดั สืบพยาน และหากไดร้ ับรายงานผล
การตรวจพิสูจนแ์ ลว้ เห็นวา่ คดีพอวนิ ิจฉยั ได้ ก็สัง่ ใหง้ ดสืบพยานและนดั ฟังคาพิพากษาตอ่ ไป

ถา้ การตรวจพิสูจน์จาเป็นตอ้ งเก็บตวั อยา่ งเลือด เน้ือเยอ่ื ผวิ หนงั เส้นผมหรือขน ปัสสาวะ
อุจจาระ น้าลายหรือสารคดั หลงั่ อื่น สารพนั ธุกรรม หรือส่วนประกอบอ่ืนของร่างกาย หรือสิ่งท่ี
อยู่ในร่างกายจากคู่ความหรือบุคคลใด ศาลอาจให้คู่ความหรือบุคคลน้ันรับการตรวจพิสูจน์
จากแพทยห์ รือผูเ้ ช่ียวชาญอ่ืนได้ แต่ท้งั น้ีการเก็บตวั อย่างดงั กล่าวจะต้องได้รับความยินยอม
จากคู่ความหรือบคุ คลน้นั ก่อนตามมาตรา ๑๒๘/๑ วรรคสาม

ในกรณีท่ีคู่ความฝ่ ายใดไม่ยินยอมหรือไม่ให้ความร่วมมือต่อการตรวจพิสูจน์หรือไม่ให้
ความยินยอมหรื อกระทาการขัดขวา งมิ ให้บุคคลท่ี เก่ี ยวข้องให้ความ ยิน ยอม ต่อกา รตร วจ
เก็บตวั อย่างดังกล่าว ก็ให้สันนิษฐานไวก้ ่อนว่า ขอ้ เท็จจริงเป็ นไปตามท่ีคู่ความฝ่ ายตรงขา้ ม
กลา่ วอา้ งตามมาตรา ๑๒๘/๑ วรรคสี่

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๐๖

สาหรับค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ ตามมาตรา ๑๒๘/๑ วรรคห้า ให้คู่ความฝ่ ายท่ี
ร้องขอให้ตรวจพิสูจน์เป็ นผูร้ ับผิดชอบ โดยให้ถือว่าเป็ นส่วนหน่ึงของค่าฤชาธรรมเนียม แต่ถา้
ผูร้ ้องขอไม่สามารถเสียค่าใชจ้ ่ายได้ หรือเป็ นกรณีท่ีศาลเป็ นผูส้ ั่งให้ตรวจพิสูจน์เอง ให้ศาล
ส่ั ง จ่ า ย จ า ก ง บ ป ร ะ ม า ณ ข อ ง ศ า ล ต า ม ห ลัก เ ก ณ ฑ์ แ ล ะ วิ ธี ก า ร ที่ ก า ห น ด ใ น ร ะ เ บี ย บ ค ณ ะ
กรรมการบริหารศาลยตุ ิธรรม วา่ ดว้ ยคา่ ใชจ้ ่ายในการตรวจพิสูจนพ์ ยานหลกั ฐานทางวิทยาศาสตร์
ตามป.วิ.พ. มาตรา ๑๒๘/๑ พ.ศ. ๒๕๕๔ ส่วนความรับผิดในค่าใชจ้ ่ายดงั กล่าวให้เป็ นไปตาม
มาตรา ๑๕๘ หรือมาตรา ๑๖๑

การจดรายงานกระบวนพจิ ารณา
ตวั อย่างที่ ๑

“นัดชีส้ องสถาน โจทก์ ทนายโจทก์ จาเลยท้ังสอง และทนายจาเลยท้ังสองมาศาล
.........................................................................................................................................
ทนายโจทก์แถลงว่า เน่ืองจากศาลกาหนดประเดน็ ข้อพิพาทว่า จาเลยที่ ๒ เป็นบิดาของ
จาเลยท่ี ๑ และต้องร่วมรับผิดกับจาเลยท่ี ๑ หรือไม่ จึงขอให้ศาลสั่งให้ทาการตรวจพิสูจน์บุคคล
โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยให้แพทย์โรงพยาบาล.... ตรวจดีเอ็นเอหรือสารพันธุกรรม
ของจาเลยท้ังสอง
สอบจาเลยท้ังสอง และทนายจาเลยท้ังสองแล้วแถลงไม่ค้าน โดยจาเลยท้ังสองยินยอม
ให้ แพทย์เก็บตัวอย่างเลือด เนื้อเยื่อ ส่ วนประกอบอ่ืนของร่ างกาย หรื อส่ิงที่อยู่ในร่ างกาย
ตามท่ีจาเป็ นและสมควรเพ่ือทาการตรวจพิสูจน์ได้
พิเคราะห์ แล้ว เห็นว่า กรณีมีความจาเป็ นต้องใช้ พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
เพ่ือพิสูจน์ข้อเท็จจริ งท่ีเป็ นประเด็นสาคัญแห่ งคดีและจาเลยท้ังสองให้ ความยินยอมแล้ว
จึงอนุญาตให้แพทย์ทาการตรวจพิสูจน์ ดีเอน็ เอ ของจาเลยทั้งสองได้ตามขอ
ศาลสอบถามโจทก์เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์แล้ว โจทก์แถลงว่าโจทก์เป็นคน
ยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าใช้ จ่ ายในการตรวจพิสูจน์ เดิมโจทก์ประกอบอาชีพ
ขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง หลังจากถูกจาเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ชนได้รับบาดเจ็บก็ไม่สามารถ
ขับรถจักรยานยนต์ ได้ อีกต้ องรั บการช่ วยเหลือในการประกอบกิจวัตรประจาวันจากบิดามารดา
และโจทก์ฟ้องคดีนโี้ ดยศาลอนุญาตให้โจทก์ได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์ไม่สามารถเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ได้ จึงให้เบิกจ่าย
ค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ทั้งหมดจากงบประมาณของศาล และศาลจะได้มีคาสั่งเก่ียวกับความ
รับผิดในค่าใช้จ่ายดังกล่าวในคาพิพากษา

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๐๗

ให้ มีหนังสือถึงโรงพยาบาล.... ขอให้ แพทย์ทาการตรวจ ดีเอ็นเอ ของจาเลยท้ังสอง
เพื่อพิสูจน์ว่า จาเลยที่ ๒ เป็นบิดาของจาเลยท่ี ๑ หรือไม่ เสร็จแล้วขอให้แจ้งผลการตรวจพิสูจน์
และค่ าใช้ จ่ ายให้ ศาลทราบเพื่อจะได้ เบิกจ่ ายให้ ต่ อไป

ให้โจทก์มารับหนังสือจากศาลภายใน ๓ วัน นับแต่วันนีแ้ ละนาไปติดต่อโรงพยาบาล...
ในวันที่...เวลา...มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจให้ตรวจพิสูจน์ และให้จาเลยทั้งสองนาหลักฐานแสดงตน
ไปท่ีโรงพยาบาลดังกล่าวในวันเวลาเดียวกันเพื่อให้แพทย์ทาการตรวจ ดีเอ็นเอ ตามคาสั่งศาล
หากจาเลยทั้งสองไม่ไปหรือไม่ให้ความร่วมมือทาให้ไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ ให้สันนิษฐานไว้
ก่อนว่า ข้อเทจ็ จริงเป็นไปตามที่โจทก์กล่าวอ้างตามป.วิ.พ. มาตรา ๑๒๘/๑ วรรคสี่

สาหรับการสืบพยานคดีนี้ ให้นัดสืบพยานโจทก์...นัด และนัดสืบพยานจาเลย...นัด
.......................................”
ตัวอย่างที่ ๒

“นดั ชีส้ องสถาน ทนายโจทก์ และทนายจาเลยมาศาล
ศาลตรวจดคู าฟ้องและคาให้การแล้ว เห็นว่า คดีมีประเดน็ ข้อพิพาทดังนี้
๑. จาเลยบุกรุกเข้าไปในห้องพกั ของโจทก์และข่มขืนกระทาชาเราโจทก์หรือไม่
๒. โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ เพยี งใด
๓. ฟ้องโจทก์ขาดอายคุ วามหรือไม่
ประเด็นท้ังสามข้อ โจทก์กล่าวอ้าง จาเลยให้การปฏิเสธ ภาระการพิสูจน์ในประเด็น
ดงั กล่าวจึงตกแก่โจทก์
ศาลสอบถามคู่ความเก่ียวกับพยานหลักฐานท่ีจะนาสืบแล้ว ทนายโจทก์แถลงประสงค์
จะสืบพยาน....ปาก....โดยโจทก์ขอส่งเส้นขนและคราบอสุจิที่ปรากฏบนผ้าปูที่นอนเป็ นวัตถุ
พยาน ศาลหมาย วจ. ๑ และ วจ. ๒ ให้แยกเกบ็
ทนายจาเลยแถลงประสงค์จะสืบพยาน.... ปาก ... สาหรับวัตถุพยานหมาย วจ. ๑
และ วจ. ๒ จาเลยขอปฏิเสธว่าไม่ใช่เส้นขนและคราบอสุจิของจาเลย
พิเคราะห์คาฟ้อง คาให้การ ประกอบกับคาแถลงของทนายโจทก์และทนายจาเลยแล้ว
เห็นว่ า คดีนี้โจทก์ อ้ างส่ งเส้ นขนและคราบอสุจิของจา เลยเป็ นวัตถุพยาน ซ่ึ งหากใช้
พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพ่ือพิสูจน์ข้อเท็จจริงในประเดน็ ข้อพิพาทข้อแรกท่ีว่า จาเลย
บุกรุกเข้าไปในห้ องพักของโจทก์และข่มขืนกระทาชาเราโจทก์ หรื อไม่ ก็น่าจะทาให้ การ
วินิจฉัยชีข้ าดข้อสาคัญแห่งประเดน็ ดังกล่าวเป็นไปโดยเที่ยงธรรม จึงมีความจาเป็นและสมควรท่ี
จะทาการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยให้ผู้เช่ียวชาญของโรงพยาบาล....

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๐๘

ทาการเก็บตัวอย่างเส้ นขนและเลือดจากจาเลยไปตรวจพิสูจน์เปรียบเที ยบกับวัตถุพยาน
หมาย วจ. ๑ และ วจ. ๒ ว่าเป็นของบคุ คลคนเดียวกันหรือไม่

สอบทนายจาเลยแล้ว แถลงว่า ผลการตรวจพิสูจน์เส้ นขนและเลือดน่าจะยังสามารถ
โต้แย้งได้ ประกอบกับจาเลยเดินทางไปทางานต่างประเทศ จึงไม่ประสงค์ให้ตรวจเส้นขน
และเลือดของจาเลย

พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เมื่อจาเลยไม่ยินยอมให้เก็บตัวอย่างเส้นขนและเลือดจากจาเลย
จึงไม่อาจให้ผู้เช่ียวชาญทาการตรวจพิสูจน์เส้นขนและสารพันธุกรรมได้ และกรณีต้องด้วย
ป.วิ.พ. มาตรา ๑๒๘/๑ วรรคสี่ ท่ีให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ข้อเท็จจริงในประเดน็ ข้อแรกเป็นไป
ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง เม่ือโจทก์ได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานนี้ จึงให้กาหนดภาระการ
พิสูจน์เฉพาะประเด็นข้อแรกเสียใหม่เป็ นว่า ภาระการพิสูจน์ในประเดน็ ดังกล่าวตกแก่จาเลย
และเม่ือประเดน็ ข้อแรกเป็ นประเดน็ สาคัญ จึงกาหนดให้จาเลยนาพยานหลักฐานมาสืบก่อนใน
ทุกประเดน็ เสร็จแล้วให้โจทก์สืบแก้ โดยให้นัดสืบพยานจาเลย...นัด และนัดสืบพยานโจทก์....
นัด......................................”

ข้อสังเกต
๑. แม้ว่าตามมาตรา ๑๒๘/๑ วรรคสาม คู่ความหรือบุคคลท่ีจะรับการตรวจพิสูจน์
มีสิทธิที่จะยินยอมให้เก็บตวั อย่างส่วนประกอบของร่างกายหรือไม่ก็ได้ แต่ในการสอบถาม
ความยินยอม ศาลควรแจง้ ให้คู่ความฝ่ ายน้ันทราบถึงผลแห่งการไม่ให้ความยินยอมตามมาตรา
๑๒๘/๑ วรรคส่ี ดว้ ย
๒. เม่ือคูค่ วามฝ่ายหน่ึงไดย้ นื่ คาร้องขอให้ศาลสั่งใหท้ าการตรวจพิสูจน์บคุ คลโดยวิธีการ
ทางวิทยาศาสตร์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๒๘/๑ ศาลจะต้องใช้ดุลพินิจโดยพิจารณา
จากพยานหลกั ฐานที่คู่ความนาสืบและขอ้ เทจ็ จริงแวดลอ้ มว่ามีความจาเป็ นและสมควรที่จะตอ้ ง
ทาการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ตามคาร้องหรือไม่ หากคู่ความอีกฝ่ ายหน่ึง
คดั คา้ นไม่ยินยอมให้ทาการตรวจพิสูจน์ และศาลส่ังยกคาร้อง คาสั่งศาลในกรณีดงั กล่าวจึงเป็ น
กรณีที่ศาลไม่อนุญาตใหท้ าการตรวจพิสูจน์บุคคลตามมาตรา ๑๒๘/๑ ซ่ึงเป็ นดุลพินิจของศาล
กรณีดังกล่าวจึงมิใช่การที่ศาลเห็นสมควรให้ทาการตรวจพิสูจน์บุคคลตามมาตรา ๑๒๘/๑
วรรคหน่ึงและวรรคสอง การท่ีคูค่ วามอีกฝ่ ายหน่ึงไม่ยนิ ยอมหรือไมใ่ หค้ วามร่วมมือในการตรวจ
พิสูจน์ดงั กล่าว จึงไม่เขา้ ขอ้ สันนิษฐานตามมาตรา ๑๒๘/๑ วรรคส่ี ที่ให้สันนิษฐานไวก้ ่อนว่า
ขอ้ เทจ็ จริงเป็นไปตามท่ีคูค่ วามอีกฝ่ ายกลา่ วอา้ ง (ฎีกาท่ี ๑๓๖๘๙/๒๕๕๕)

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๐๙

บทท่ี ๑๖

การทาแผนท่พี พิ าท

การทาแผนที่พิพาท ถา้ เป็นท่ีดินมีโฉนดหรือหนงั สือรับรองการทาประโยชน์ (น.ส. ๓
หรือ น.ส. ๓ ก.) ควรใหเ้ จา้ พนกั งานที่ดินจดั ทา นอกน้นั ใหเ้ จา้ พนกั งานของศาลจดั ทาเพ่ือความสะดวก
แก่การพจิ ารณา

จดรายงานกระบวนพิจารณาวา่

ตัวอย่างท่ี ๑
“นดั ชีส้ องสถานวันนี้ โจทก์ จาเลย และทนายท้ังสองฝ่ ายมาศาล
คู่ความแถลงร่ วมกันว่า เพ่ือความสะดวกในการดาเนินกระบวนการพิจารณาพิพากษา
และบงั คับคดี ขอให้ทาแผนที่พิพาทคดนี ีก้ ่อน โดยคู่ความตกลงกันยอมออกค่าใช้จ่ายฝ่ ายละคร่ึง
ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า มีเหตุสมควร จึงให้ผู้อานวยการ ฯไปทาแผนที่พิพาทตามท่ี
คู่ความนาชี้ ในแผนที่ให้ ปรากฏเขตที่ดินของโจทก์และเขตที่ดินของจาเลยกับบริ เวณที่ดิน
ที่พิพาท นอกจากนีห้ ากปรากฏสิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ หรือส่ิงอื่นใดบนท่ีดิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์
ในการพิจารณาคดกี ใ็ ห้ระบุไว้ด้วย ให้คู่ความนาค่าใช้จ่ายตามท่ีผู้อานวยการฯ กาหนดมาวางศาล
ภายใน . . . .วัน ในการทาแผนท่ีพิพาท ถ้าคู่ความฝ่ ายหนึ่งฝ่ ายใดไม่ไปตามนัดให้ถือว่าไม่ติดใจ
นาชี้
ให้เล่ือนการชีส้ องสถานเพื่อรอฟังผลการทาแผนท่ีพิพาทก่อน นัดพร้อมเพ่ือตรวจแผนที่
(หรือนดั ช้ีสองสถาน) วันที่ . . . . เวลา . . . น.”

ตัวอย่างที่ ๒
“นัดสืบพยานโจทก์วันนี้ โจทก์ ทนายโจทก์และทนายจาเลยมาศาล
ทนายโจทก์แถลงขอให้ มีการทาแผนท่ีพิพาทก่อนที่จะสืบพยานเนื่องจากจะเป็ นการสะดวก
แก่การพิจารณาพิพากษาและบงั คับคดตี ่อไป
ทนายจาเลยแถลงว่า ฝ่ ายจาเลยไม่ต้องการทา เพราะโจทก์เป็นฝ่ ายฟ้องคดี กใ็ ห้ดาเนินการ
ไปเอง ฝ่ ายจาเลยไม่ขอออกค่าใช้จ่ายด้วย
ทนายโจทก์แถลงว่า ฝ่ ายโจทก์จะรับออกค่าใช้จ่ายท้ังหมดไปก่อน
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดนี พี้ ิพาทกนั เกี่ยวกับที่ดินบางส่วน ดังนั้น เพื่อความสะดวกและ
ความถูกต้องในการพิจารณา พิพากษาและบงั คับคดีต่อไป จึงสมควรให้มีการทาแผนที่พิพาทขึ้น
โดยให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเกต็ เป็นผู้จัดทาในแผนท่ีให้ปรากฏเขตท่ีดินโจทก์ ท่ีดินจาเลย

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๑๐

และแนวเขตท่ีดินพิพาท รวมทั้งส่ิงปลูกสร้าง ต้นไม้ หรือสิ่งอื่นใดบนที่ดินตามที่คู่ความท้ังสอง
ฝ่ ายจะนาชี้ โดยให้ฝ่ ายโจทก์มารับหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจากศาลไปส่ งและให้คู่ความ
ทั้งสองฝ่ ายไปนัดวันรังวัดกับเจ้าพนักงานท่ีดินภายใน ๑๐วันนับแต่วันนี้ ในวันรังวัดหากฝ่ ายใด
ไม่ไปให้ถือว่าไม่ติดใจนาชี้ ให้ฝ่ ายโจทก์ออกค่าใช้จ่ายไปก่อน โดยให้ถือว่าค่าใช้จ่ายนีเ้ ป็ น
ค่าฤชาธรรมเนยี มท่ีฝ่ ายแพ้คดจี ะต้องรับผิดชอบชดใช้ต่อไปเมื่อมีคาพิพากษาแล้ว

ให้เลื่อนไปนดั ตรวจแผนที่พิพาทและนดั สืบพยานโจทก์ในวนั ท่ี . . . . เวลา . . . น.”

ตวั อย่างท่ี ๓
“นดั สืบพยานโจทก์วนั นี้ โจทก์ ทนายโจทก์ จาเลยและทนายจาเลยมาศาล
ศาลได้ไกล่เกลี่ยแล้วคู่ความแถลงร่ วมกันว่า คดีนีพ้ ิพาทกันเร่ืองแนวเขตท่ีดินระหว่าง
ท่ีดินของโจทก์กับท่ีดินของจาเลย ซึ่งต่างเป็นที่ดินมีโฉนดท้ังสองฝ่ าย แต่หมดุ หลักเขตหายไป
จึงขอให้มีการรังวัดทาแผนที่พิพาทด้วยวิธีปูโฉนดตามหลักวิชาการว่าแนวเขตท่ีดินอย่บู ริเวณใด
หากเจ้าพนักงานท่ีดินรังวัดตามหลักวิชาการแล้วได้แนวเขตที่ดินอย่างไร คู่ความก็ยอมรับ
ถือเอาตามนั้น โดยยินดอี อกค่าใช้จ่ายฝ่ ายละคร่ึง
พิเคราะห์แลว้ เห็นว่า การทาแผนท่ีพิพาทดว้ ยวิธีการปูโฉนดตามหลกั วิชาการตามท่ี
คู่ความแถลงขอจะเป็ นประโยชน์แก่การพิจารณาพิพากษาและบงั คบั คดีต่อไป จึงให้เจา้ พนักงาน
ท่ีดินจงั หวดั ภูเก็ต ออกไปรังวดั ทาแผนที่พิพาทดว้ ยวิธีการปูโฉนดตามหลกั วิชาการในแผนท่ี
ให้ปรากฏแนวเขตท่ีดินของโจทก์และจาเลยและส่ิงอื่นที่เป็ นประโยชน์แก่การพิจารณา โดยให้คู่ความ
ท้งั สองฝ่ าย รับหนังสือจากศาลไปส่งและให้ชาระค่าใชจ้ ่ายฝ่ ายละคร่ึงตลอดจนให้ความร่วมมือแก่
เจา้ พนกั งานท่ีดินตามท่ีเจา้ พนกั งานท่ีดินร้องขอ แลว้ ใหเ้ จา้ พนกั งานที่ดินทาแผนที่และความเห็น
ส่งศาลโดยเร็ว
ให้เลื่อนไปนัดตรวจแผนที่พิพาท และสืบพยานโจทก์ในวันท่ี . . . . เวลา . . . น.”
ข้อสังเกต
๑. ศาลอาจจะไม่ตอ้ งรอช้ีสองสถานก็ได้ หากศาลเห็นว่าพิจารณาจากคาฟ้องและคาให้การ
ของคูค่ วามแลว้ ประเด็นจะไมเ่ ปล่ียนแปลงไปกไ็ ม่ตอ้ งรอฟังผลการทาแผนท่ีพิพาทก่อน
๒. ในกรณีท่ีพิพาทเกี่ยวกบั อสังหาริมทรัพย์ ท่ีดินหรือการครอบครองปรปักษศ์ าลควร
ส่ังให้ทาแผนที่พิพาททุกคร้ัง เพ่ือความสะดวกในการพิจารณาพิพากษาคดีในช้นั อุทธรณ์ ฎีกา
และการบังคับคดี เว้นแต่เป็ นคดีพิพาทกันท้ังแปลงหรื อแนวเขตท่ีดินชัดแจ้งอยู่แล้ว
๓. การท่ีโจทกไ์ ม่ไปนาช้ีในการทาแผนท่ีพิพาทตามท่ีนดั ไวไ้ ด้ กรณีไม่เป็นอุปสรรคต่อ
การทาแผนท่ีพิพาท ถือไม่ไดว้ ่าเป็ นการทิ้งฟ้องท่ีศาลจะสั่งจาหน่ายคดีตาม ป.วิ.พ. ๑๗๔ (๒)
(ฎีกาที่ ๓๖๐๓/๒๕๒๘)

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๑๑

บทที่ ๑๗
คาท้า

๑. ความหมายของคาท้า

คาท้า คือ การแถลงร่วมกันของคู่ความ ให้ศาลตดั สินช้ีขาดคดีตามท่ีตกลงกันอันเป็ นข้อแพ้
ขอ้ ชนะ เช่น

๑.๑ ตกลงกนั ให้โจทก์สาบานว่า จาเลยเป็ นหน้ีโจทก์ ถา้ โจทกส์ าบานได้ โจทกเ์ ป็ นฝ่ ายชนะ
แต่ถา้ โจทก์ไม่สาบาน จาเลยเป็ นฝ่ ายชนะ เม่ือถึงเวลานดั โจทก์ไม่ยอมสาบาน ศาลจะตอ้ งพิพากษา
ยกฟ้องโจทก์ (ฎีกาท่ี ๓๙๙/๒๔๙๒)

๑.๒ ผเู้ สียหายเป็ นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง แลว้ โจทก์จาเลยตกลงกนั ให้ศาล
ถือเอาผลของคาพิพากษาคดีอาญาว่าโจทก์ถูกกระสุนปื นของจาเลยหรือไม่ ถา้ ถูกกระสุนปื น
ท่ีจาเลยยิง จาเลยยอมแพ้ หากตรงกนั ขา้ มโจทก์ยอมแพ้ ต่อมาศาลในคดีอาญาฟังว่า โจทก์ถูก
กระสุนปื นที่จาเลยยิง ดังน้ี จาเลยย่อมต้องแพ้ ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ตามฟ้อง
แม้จะปรากฏตามคาพิพากษาในคดีอาญาว่า จาเลยกระทาการป้องกันตวั พอสมควรแก่เหตุ
ไม่มีความผิดตามฟ้องก็ตาม ก็เป็ นเร่ืองนอกเหนือคาท้า ไม่มีประเด็นท่ีจะวินิจฉัยได้ (ฎีกาท่ี
๗๓๖/๒๕๐๗)

๑.๓ ผูท้ รงเช็คเงินสดฟ้องผูส้ ่ังจ่ายมีอายุความ ๑ ปี นับต้งั แต่วนั ท่ีลงในเช็คตามป.พ.พ.
มาตรา ๑๐๐๒ โจทกจ์ าเลยขอให้ศาลพิจารณาประเด็นเร่ืองอายคุ วามขอ้ เดียว ไม่ติดใจสืบพยาน
ขอใหว้ นิ ิจฉยั จากคาฟ้องและคาใหก้ าร เม่ือยงั ไมพ่ อฟังวา่ โจทกไ์ ดร้ ับสลกั หลงั ไลเ่ บ้ียกนั เอง ตาม
มาตรา ๑๐๐๓ คดีจึงขาดอายคุ วาม (ฎีกาท่ี ๕๔๕/๒๕๒๑)

๑.๔ ศาลช้ีสองสถานกะประเด็นไว้ ๒ ขอ้ ว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องให้เพิกถอนการอายดั ที่ดิน
หรือไม่ และฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ แลว้ โจทกจ์ าเลยแถลงรับขอ้ เท็จจริงกนั และตกลงให้ศาล
ช้ีขาดประเด็นเดียวว่าจาเลยมีสิทธิที่จะไปขออายดั ท่ีดินหรือไม่ ถือว่าสละประเด็นขอ้ พิพาทที่
ศาลกะไวเ้ ดิม เม่ือจาเลยมีส่วนไดเ้ สียในท่ีดินโดยอา้ งว่าโจทก์ปลอมหนังสือมอบอานาจของ
จาเลยโอนขายที่ดินแก่โจทก์ จาเลยจึงอายดั ท่ีดินได้ตาม ป. ที่ดิน มาตรา ๘๓ (ฎีกาที่ ๖๔๐/
๒๕๒๒)

๑.๕ น. เป็ นผูป้ ลูกสร้างอาคารในท่ีดินของจาเลยโดยจาเลยยินยอม แต่ไม่ปรากฏว่า น.
มีสิทธิในที่ดินของจาเลยที่จะใชส้ ิทธิปลูกสร้างอาคารลงในท่ีดินของจาเลย ตามที่บญั ญตั ิไวใ้ น

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๑๒

ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๙ (มาตรา ๑๔๖ ท่ีแกไ้ ขใหม่) แต่ประการใด ลกั ษณะเป็ นเร่ืองที่ น. ทาการ
แทนจาเลย จาเลยจึงเป็นเจา้ ของอาคารดงั กลา่ ว และตอ้ งรับผดิ ในกรณีที่อาคารปลูกสร้างรุกล้าท่ี
โจทก์ โจทกจ์ ึงมีอานาจฟ้องจาเลยได้ การท่ีศาลวนิ ิจฉยั คดีเช่นน้ีก็โดยอาศยั หลกั กฎหมายในเร่ือง
ส่วนควบ ซ่ึงปรากฏจากหลกั ฐานเอกสารท่ีโจทก์จาเลยส่งอ้าง ย่อมไม่เป็ นการวินิจฉัยคดี
นอกคาทา้ ท่ีว่าโจทก์มีอานาจฟ้อง จาเลยยอมแพ้ จาเลยจึงตอ้ งแพค้ ดีตามคาทา้ (ฎีกาที่ ๙๔๑/
๒๕๒๒)

๑.๖ คู่ความตกลงทา้ แพช้ นะกนั วา่ ถา้ คดีแพ่งอีกเรื่องหน่ึงของศาลช้นั ตน้ เดียวกนั ถึงที่สุด
โดยพิพากษาว่าที่ดินเป็ นของ ช. โจทก์ยอมแพ้ ถา้ คดีถึงท่ีสุดว่าท่ีดินเป็ นของโจทก์ จาเลยและ
จาเลยร่วมยอมแพ้ จาเลยและจาเลยร่วมยอมออกจากที่ดิน เช่นน้ี เมื่อปรากฏวา่ คดีแพ่งอีกเร่ือง หน่ึง
น้นั ถึงท่ีสุดโดยพพิ ากษาวา่ ที่ดินเป็นของโจทก์ จาเลยและจาเลยร่วมจึงตอ้ งเป็ นฝ่ ายแพค้ ดีตามคา
ทา้ (ฎีกาที่ ๔๘๓/๒๕๒๕)

๑.๗ ขอ้ ตกลงของโจทก์จาเลยต่อหนา้ ศาลที่มีขอ้ ความว่า หากเจา้ พนกั งานที่ดินเบิกความ
ว่าจาเลยชาระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ให้แก่ บ. ต่อหนา้ เจา้ พนกั งานที่สานกั งานที่ดินเพื่อไถ่ถอนจานอง
โจทกจ์ ะยอมแพค้ ดี แต่หากเจา้ พนกั งานที่ดินเบิกความว่า ไม่มีการชาระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท น้นั
จาเลยยอมแพค้ ดี ใหศ้ าลวินิจฉยั ขอ้ เทจ็ จริงจากคาเบิกความของเจา้ พนกั งานท่ีดินน้นั เป็นขอ้ ตกลง
ใหศ้ าลช้นั ตน้ สืบพยานท่ีเป็นเจา้ พนกั งานท่ีดินในประเด็นขอ้ เดียววา่ จาเลยไดช้ าระเงิน ๑๐๐,๐๐๐
บาท ใหแ้ ก่ บ. เพ่ือไถ่ถอนจานองต่อหนา้ เจา้ พนกั งานท่ีดินที่สานกั งานท่ีดินจงั หวดั หรือไม่ แลว้
ให้วินิจฉัยขอ้ เท็จจริงน้ีนามาเป็ นขอ้ แพช้ นะ ขอ้ ตกลงดงั น้ีจึงเป็ นคาทา้ ของคู่ความ คาเบิกความ
ของเจา้ พนกั งานท่ีดินปรากฏว่าไม่มีผใู้ ดเห็นการชาระเงินตามคาทา้ จึงฟังไม่ไดว้ ่าจาเลยไดช้ าระ
เงินใหแ้ ก่ บ. ตอ่ หนา้ เจา้ พนกั งานท่ีดิน และสมประสงคข์ า้ งฝ่ ายโจทก์ จาเลยจึงตอ้ งแพค้ ดี (ฎีกาท่ี
๑๐๖๕/๒๕๒๖)

๑.๘ โจทก์จาเลยท้ากันให้พิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของ ค. ภรรยาของจาเลยในเอกสาร
ใบมอบอานาจวา่ ถา้ เป็นลายพิมพน์ ิ้วมือของ ค. จริง จาเลยยอมแพ้ ถา้ ไมใ่ ช่โจทกย์ อมแพ้ โจทก์
และจาเลยต่างสละขอ้ ต่อสู้อื่นท้งั หมด และในวนั เดียวกนั น้ันเองศาลช้ันตน้ ส่ังให้โจทก์และ
จาเลยวางเงินค่าตรวจพิสูจน์ฝ่ ายละ ๒,๐๐๐ บาท ภายใน ๒๐ วัน นับแต่วันสั่ง ถ้าฝ่ ายใด
ไมว่ างเงินภายในกาหนดเวลาก็ใหถ้ ือวา่ ฝ่ ายน้นั เป็นฝ่ ายแพค้ ดี ดงั น้ี แมจ้ าเลยมิไดว้ างเงินดงั กล่าว
ภายในกาหนดก็หามีผลทาให้จาเลยตกเป็ นฝ่ ายแพค้ ดีเพราะการไม่วางเงินตามคาส่ังศาลช้นั ตน้ ไม่
เพราะการท่ีฝ่ ายใดไม่วางเงินให้ถือว่าฝ่ ายน้ันเป็ นฝ่ ายแพค้ ดีน้ันเป็ นเร่ืองนอกเหนือที่คู่ความทา้
กนั ศาลช้นั ตน้ จะนามาเป็ นเหตุวินิจฉัยให้จาเลยแพค้ ดีหาไดไ้ ม่ คาทา้ ยงั มีผลบงั คบั ไดต้ ่อไป

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๑๓

เม่ือกองพิสูจน์หลกั ฐาน สานักงานตารวจแห่งชาติ ไดต้ รวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือน้ันว่าไม่ใช่
ลายพมิ พน์ ิ้วมือของ ค.โจทกจ์ ึงตอ้ งตกเป็นฝ่ ายแพค้ ดีตามคาทา้ (ฎีกา ๒๓๐๔/๒๕๒๗)

๑.๙ การทา้ เป็ นเร่ืองเกี่ยวกบั การดาเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาลท่ีคู่ความตกลงกนั ให้
ศาลวินิจฉัยช้ีขาดในประเด็นที่คู่ความทา้ กนั เป็ นขอ้ แพช้ นะมิไดม้ ุ่งโดยตรงตอ่ การผูกนิติสมั พนั ธ์
ข้ึนระหว่างบุคคล เพ่ือจะก่อ เปล่ียนแปลง โอน สงวนหรือระงบั ซ่ึงสิทธิตามความหมายของ
ป.พ.พ. มาตรา ๑๑๒ เดิม จึงไม่เป็ นนิติกรรมท่ีโจทก์ที่ ๒ ซ่ึงเป็ นผูใ้ ช้อานาจปกครองฟ้องคดี
ตอ่ ศาลแทนโจทกท์ ่ี ๑ ซ่ึงเป็นผเู้ ยาวจ์ ะตอ้ งไดร้ ับอนุญาตจากศาลตามมาตรา ๑๕๗๔ เสียก่อน

เมื่อโจทกแ์ พค้ ดีตามคาทา้ จาเลยท่ี ๑ ยอ่ มบงั คบั ตามฟ้องแยง้ ไดโ้ ดยไมต่ อ้ งพิจารณาวา่
ข้อเท็จจริงตามฟ้องแยง้ เป็ นสัญญาต่างตอบแทนย่ิงกว่าสัญญาเช่าหรือไม่เพราะเป็ นเร่ื อง
นอกเหนือคาทา้ และไม่ถือว่าอย่ใู นบงั คบั ป.พ.พ. มาตรา๕๓๘ แต่เมื่อจาเลยที่ ๑ เป็ นผูฟ้ ้องแยง้
และจาเลยที่ ๒ เป็ นเพียงผูอ้ าศยั การพิพากษาใหโ้ จทก์ท้งั สองไปจดทะเบียนการเช่าให้แก่จาเลย
ที่ ๒ เป็ นเรื่องนอกเหนือไปจากคาขอตามฟ้องแยง้ จึงไม่ชอบ และปัญหาน้ีเก่ียวดว้ ยความสงบ
เรียบร้อยของประชาชน (ฎีกาท่ี ๓๕๙๐/๒๕๓๘)

๑.๑๐ คู่ความตกลงทา้ กนั ว่าหากโจทก์เบิกความว่าไดม้ อบอานาจให้ อ. ฟ้องคดีน้ีจาเลย
ยอมแพ้ แต่หากโจทก์เบิกความว่าไม่ไดม้ อบอานาจให้ อ. ฟ้องคดีน้ีโจทก์ยอมแพ้ โดยคู่ความ
ไม่ติดใจสืบพยานหลกั ฐานอ่ืน เม่ือโจทก์ไดเ้ บิกความตอบศาลวา่ “ข้าพเจ้าได้มอบอานาจให้ อ.
ฟ้องคดีนจี้ ริง” ซ่ึงตรงตามคาทา้ กนั แลว้ จาเลยตอ้ งเป็ นฝ่ ายแพค้ ดีตามคาทา้ (ฎีกาที่ ๔๔๔๔/๒๕๓๙)

อน่ึง การทา้ กนั ใหศ้ าลวินิจฉยั ในขอ้ กฎหมายอยา่ งหน่ึงอยา่ งใดเป็ นขอ้ แพช้ นะก็ยอ่ ม
กระทาได้ ไม่เป็ นการพนันขันต่อ ศาลมีอานาจตัดสิ นไปตามน้ันได้ (ฎีกาท่ี ๑๔๑๓/๒๔๙๔)
และเมื่อศาลตดั สินช้ีขาดประการใดแล้ว คู่ความก็ย่อมอุทธรณ์ฎีกาต่อไปได้ (ฎีกาที่ ๗๔๒/
๒๔๙๐ ประชุมใหญ)่

๒. คาท้าต้องเกย่ี วเน่ืองกบั กระบวนพจิ ารณา

คู่ความจะตกลงกนั โดยอาศยั เหตุการณ์ในอนาคตท่ีเป็ นการพนนั ขนั ต่อ หรือการเสี่ยงโชค
เป็นขอ้ แพช้ นะมิได้ เง่ือนไขแห่งขอ้ ตกลงตอ้ งเป็นเรื่องเก่ียวกบั การดาเนินกระบวนพิจารณา เช่น
การถือเอาผลการแข่งขนั ฟตุ บอลพรีเมียร์ลีก เป็นขอ้ แพช้ นะ หรือการถือเอาผลแห่งการดาน้า ลุยไฟ
ของคู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงเป็ นขอ้ แพช้ นะเช่นน้ี เป็ นขอ้ ท่ีไม่เก่ียวกบั การดาเนินกระบวนพิจารณา
ส่วนการที่ตกลงทา้ สาบานก็ดี การท่ีถือเอาผลแห่งคาเบิกความของบุคคลใดบุคคลหน่ึงเป็ นขอ้ แพ้
ชนะตามตวั อย่างดังกล่าวมาแล้วขา้ งต้นก็ดี ถือไดว้ ่าเป็ นเรื่องท่ีเก่ียวกับการดาเนินกระบวน

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๑๔

พิจารณา กล่าวคือ ในเร่ืองทา้ สาบานน้นั เท่ากบั โจทก์ จาเลยตกลงกนั ว่า ถา้ โจทก์กลา้ เบิกความ
ยืนยนั ว่าจาเลยเป็ นหน้ี จาเลยยอมแพ้ ถา้ โจทก์ไม่กลา้ สาบานโจทก์ยอมแพ้ จึงเป็ นขอ้ ตกลง
ที่ให้สืบตวั โจทก์เป็ นพยานปากเดียวเป็ นแต่เพียงว่าก่อนที่โจทกจ์ ะเบิกความโจทก์จะตอ้ งสาบาน
ซ่ึงการสาบานกเ็ ป็นส่วนหน่ึงของการดาเนินกระบวนพิจารณาและมีกฎหมายบงั คบั ใหพ้ ยานตอ้ ง
สาบานตวั อยู่แลว้ (มาตรา ๑๑๒) หรือกรณีท่ีตกลงกนั ให้ถือเอาผลการรังวดั ของเจา้ พนักงาน
ที่ดินเป็ นขอ้ แพช้ นะก็เท่ากับคู่ความอ้างเจ้าพนักงาน ท่ีดินเป็ นพยานร่วมปากเดียว ไม่ติดใจ
สืบพยานอื่น ๆ ตอ่ ไป

๒.๑ กรณีทีถ่ ือว่าเป็ นคาท้า

๒.๑.๑ คู่ความแถลงร่วมกันว่าคดีน้ีเกี่ยวเนื่องกับคดีแพ่งอีกคดีหน่ึงโดย จ. เป็ นโจทก์
ฟ้องโจทก์คดีน้ีและ พ. เป็ นจาเลย และจาเลยร่วมคดีน้ีเป็ นโจทกร์ ่วม อา้ งว่าที่ดินพิพาทเป็ นที่ดิน
ของราชพสั ดุ ขอ้ เท็จจริงอย่างเดียวกนั หากผลของคดีดงั กล่าวปรากฏว่า จ. เป็ นฝ่ ายชนะคดี
โจทก์จะถอนฟ้องจาเลยคดีน้ี เป็ นคาแถลงท่ีไม่ฝ่ าฝื นต่อกฎหมาย คู่ความจึงตอ้ งผูกพนั ตาม
คาแถลงดงั กล่าว ถือไดว้ ่าเป็ นคาทา้ ว่าหาก จ. ชนะคดีโจทก์ในคดีน้นั โจทก์ก็จะถอนฟ้องคดีน้ี
เม่ือคดีดงั กล่าวถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้ จ. ชนะคดี โจทกย์ งั แถลงขอถอนขอ้ หาส่วนอาญา
ให้ตัดสินตามคาท้าโดยมิได้ยกข้ึนกล่าวอ้างว่า คาพิพากษาของศาลฎีกาในคดีดงั กล่าวมิได้
ครอบคลมุ ถึงที่พพิ าทในคดีน้ีท้งั หมด โจทกจ์ ึงตอ้ งแพค้ ดีตามคาทา้ (ฎีกาท่ี ๕๑๗๓/๒๕๓๑)

๒.๑.๒ ในกรณีที่โจทก์จาเลยตกลงทา้ กนั ว่า ถา้ ก. กบั พ. สาบานตวั ตามท่ีจาเลย
ท้งั สองเป็ นผูก้ ล่าวนาสาบานตามคาทา้ ได้ จาเลยท้งั สองยอมแพ้ ถา้ ไม่กลา้ สาบานโจทกย์ อมแพ้
การสาบานของคนท้งั สองจึงเป็ นเง่ือนไขที่คู่กรณีกาหนดข้ึนเพ่ือใหศ้ าลวนิ ิจฉัยขอ้ แพช้ นะในคดี
แม้ ก. และ พ. จะมิใช่โจทก์ แต่เป็ นบุคคลที่จาเลยอา้ งว่าเป็ นผูร้ ับชาระหน้ีจากจาเลย ขอ้ ตกลง
ดงั กล่าวจึงมีผลบงั คบั ระหวา่ งคูค่ วาม (ฎีกาท่ี ๑๑๘๖/๒๕๓๓)

๒.๑.๓ โจทก์ฟ้องขบั ไล่จาเลยให้ร้ือถอนบา้ นพิพาทออกจากท่ีดินตามฟ้อง จาเลย
ให้การว่า บา้ นพิพาทปลูกอยู่บนท่ีสาธารณะชายทะเลห่างจากแนวเขตที่ดินตามฟ้องประมาณ
๑๐ วา โจทก์จาเลยตกลงทา้ กนั ว่า ให้เจา้ พนกั งานท่ีดินไปรังวดั แนวเขตที่ดินตามฟ้อง หากปรากฏว่า
บ้านพิพาทอยู่ในแนวเขตท่ีดินดงั กล่าว จาเลยยอมแพ้ หากอยู่นอกเขตโจทก์ยอมแพ้ ต่อมา
เจา้ พนกั งานที่ดินไดร้ ังวดั และทาแผนท่ีพิพาทตามที่โจทกจ์ าเลยนาช้ีแนวเขตท่ีดินตามฟ้องตรงกนั
โดยมีเจ้าของท่ีดินข้างเคียงยืนยันแนวเขตถูกต้อง ได้ความว่าบ้านพิพาทอยู่ในที่ดินตามฟ้อง
จึงทาหนงั สือพร้อมแนบแผนท่ีพิพาทส่งศาลช้นั ตน้ ศาลช้นั ตน้ ส่ังให้โจทก์จาเลยตรวจดู จาเลย
ตรวจดูเอกสารดงั กล่าวแลว้ ลงลายมือชื่อ โดยไมไ่ ดโ้ ตแ้ ยง้ ขอ้ ความในหนงั สือและแผนที่พิพาทวา่

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๑๕

ไม่ถูกตอ้ ง ถือไดว้ ่าจาเลยยอมรับว่าแผนท่ีพิพาทที่เจา้ พนกั งานท่ีดินทาข้ึนน้ันถูกตอ้ ง อนั เป็นการ
ปฏิบตั ิตามเง่ือนไขที่คู่ความตกลงทา้ กนั ครบถว้ นแลว้ ศาลตอ้ งพิพากษาคดีไปตามขอ้ เท็จจริง
ท่ีปรากฏน้ัน จาเลยจะอา้ งว่าเน้ือที่ดินที่เจา้ พนักงานท่ีดินรังวดั น้ันเกินไปกว่าจานวนท่ีดินจริง
ตาม น.ส.๓ ก. ของท่ีดินตามฟ้องหาไดไ้ ม่ เพราะ น.ส. ๓ ก. ของที่ดินตามฟ้องมีเน้ือท่ีเท่าใด
ไม่เป็ นประเด็นในคาทา้ เมื่อปรากฏว่าบา้ นพิพาทอยู่ในเขตที่ดินตามฟ้อง จาเลยจึงตอ้ งแพค้ ดี
(ฎีกาที่ ๙๕๒/๒๕๓๗)

๒.๒ กรณไี ม่ถือว่าเป็ นคาท้า
ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลช้นั ตน้ โจทก์ฝ่ ายเดียวเป็ นผูแ้ ถลงขอส่งแผ่นป้าย

ท่ีสุ่มตวั อย่างไปตรวจพิสูจน์ และฝ่ ายจาเลยก็มิไดร้ ับคาทา้ พิสูจน์ของโจทก์ แต่กลบั ปรากฏวา่
จาเลยไดแ้ ถลงโตแ้ ยง้ ไวช้ ดั เจนว่า แผน่ ป้ายของโจทก์ไดร้ ับการตรวจพิสูจน์จากคณะกรรมการ
ของจาเลยแลว้ ว่ามีคุณภาพไม่ตรงตามสัญญา จาเลยจะขอสืบพยาน กรณีจึงไม่ใช่เร่ืองจาเลย
ยอมรับคาทา้ ของโจทก์โจทก์ยงั คงมีภาระการพิสูจน์ว่าแผ่นป้ายสินคา้ ของโจทก์มีคุณลกั ษณะเฉพาะ
ตรงตามท่ีกาหนดไวใ้ นสัญญาซ้ือขายหรือไม่ เมื่อขอ้ เทจ็ จริงรับฟังไดว้ า่ แผน่ ป้ายสินคา้ ของโจทก์
ที่ส่งไปให้จาเลยไม่มีคุณลกั ษณะเฉพาะการงานท่ีกาหนดไวใ้ นสัญญาซ้ือขาย และตามขอ้ กาหนด
อันเป็ นสาระสาคัญในการทาสัญญาซ้ือขาย โจทก์จึงเป็ นฝ่ ายผิดสัญญาซ้ื อขาย จาเลยมีสิ ทธิ
เลิกสญั ญาไดต้ าม ป.พ.พ. มาตรา ๓๘๖ (ฎีกาท่ี ๕๙๘/๒๕๓๔)

๓. ผลของการท้า

๓.๑ ข้อเทจ็ จริงตามคาท้าฟังได้สมฝ่ ายใด
๓.๑.๑ โจทก์ฟ้องขบั ไล่จาเลยออกจากที่พิพาท ช้นั พิจารณาโจทก์จาเลยทา้ กนั ว่า

หากเจา้ พนกั งานท่ีดินทาการรังวดั แล้วปักหลกั เขตในที่พิพาทตรงจุดใด คู่ความยอมรับวา่ จุดน้นั
เป็นเขตที่ดินและยอมให้ศาลพิพากษาไปตามที่เจา้ พนกั งานรังวดั มาน้นั ต่อมาเจา้ พนกั งานท่ีดิน
ทาการรังวัดและปักเขตตรงเส้นท่ีโจทก์นาช้ีไว้พอดี ตอ้ งถือว่าตรงน้ันเป็ นเขตที่ดิน ที่พิพาท
ท้งั หมดจึงเป็นของโจทก์ จาเลยตอ้ งแพค้ ดีไปตามคาทา้ (ฎีกาที่ ๑๓๗๙/๒๕๒๕)

๓.๑.๒ คูค่ วามทา้ กนั โดยตกลงเอาการสาบานของจาเลยและ ส. เป็นเง่ือนไขกล่าวคือ
ถา้ บุคคลท้งั สองยอมสาบาน โจทก์ก็ยอมรับตามขอ้ อา้ งของจาเลยและยอมแพค้ ดี แต่ถา้ บุคคล
ท้งั สองไม่ยอมสาบานจาเลยก็เป็ นฝ่ ายแพค้ ดี ขอ้ ตกลงดงั กล่าวมีผลบงั คบั ระหว่างคู่ความได้
ส่วนการสาบานตนของ ส. เป็ นเพียงเง่ือนไขท่ีคู่กรณีกาหนดข้ึน การท่ี ส. ไม่ไดร้ ู้เห็นยินยอม
ในการตกลงน้นั หาทาให้ขอ้ ตกลงดงั กล่าวเป็ นการไม่ชอบดว้ ยกฎหมายไม่ เม่ือจาเลยและ ส.

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๑๖

ไปยงั สถานท่ีกาหนดแลว้ แต่บุคคลท้งั สองไม่ยอมสาบาน จาเลยจึงตอ้ งแพค้ ดีตามคาทา้ (ฎีกาที่
๑๓๓๓/๒๕๓๐)

๓.๑.๓ ระหว่างพิจารณา คู่ความทา้ กนั วา่ หากโจทก์นาใบอนุญาตของทางราชการ
ท่ีอนุญาตให้โจทก์ก่อสร้าง ดดั แปลง ต่อเติมอาคารพิพาทตามแบบแปลนเอกสารหมาย ล. ๙
มาแสดงต่อศาลและจาเลยท้งั สามวา่ เจา้ พนกั งานอนุญาตให้โจทก์ต่อเติมอาคารตามแบบแปลน
เอกสารหมาย ล. ๙ จริง จาเลยท้งั สามยอมแพแ้ ละจะคืนเงินประกนั ให้แก่โจทก์ แต่หากโจทก์
ไม่สามารถนาหลกั ฐานใบอนุญาตดงั กล่าวมาแสดง โจทก์ยอมแพ้ ดงั น้ี เมื่อโจทกน์ าใบอนุญาต
ก่อสร้าง ดดั แปลง ต่อเติมอาคารท่ีออกโดยองคก์ ารบริหารส่วนตาบลซ่ึงเป็นใบอนุญาตของทาง
ราชการท่ีอนุญาตใหด้ ดั แปลง ต่อเติมอาคารพพิ าทมาแสดงต่อศาลช้นั ตน้ จึงเป็นไปตามคาทา้ แลว้
การที่ใบอนุญาตระบุชื่อจาเลยที่ ๑ ซ่ึงเป็ นเจ้าของอาคารพิพาทย่อมชอบด้วยกฎหมายแล้ว
เพราะโจทก์ไม่ใช่เจา้ ของอาคารพิพาทเป็ นเพียงผเู้ ช่า ใบอนุญาตจึงไม่ไดอ้ อกในนามของโจทก์
ส่วนรายละเอียดที่แตกตา่ งไปจากแบบแปลนเอกสารหมาย ล.๙ บา้ งน้นั ลว้ นเป็นเพยี งรายละเอียด
ในการที่จะทาการดัดแปลง ต่อเติมในการก่อสร้าง ไม่ใช่สาระสาคญั ของคาท้า เพราะคาทา้
ยอ่ มมุ่งหมายถึงว่าในการดดั แปลง ต่อเติมอาคารพิพาท โจทก์ตอ้ งไดร้ ับอนุญาตไม่ใช่ไม่ไดร้ ับ
อนุญาต อนั จะทาให้การกระทาการดดั แปลง ต่อเติมอาคารพพิ าทของโจทก์ไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย
เมื่อโจทกไ์ ดป้ ฏิบตั ิสมคาทา้ แลว้ จาเลยท้งั สามจึงแพค้ ดี (ฎีกาท่ี ๕๗/๒๕๕๖)

๓.๑.๔ การท่ีคู่ความตกลงนาสืบพยานกนั เฉพาะประเด็นตามคาทา้ วา่ ขณะเกิดเหตุ
ส. ผขู้ บั รถจาเลยที่ ๑ คนั ท่ีเอาประกนั ภยั กบั โจทก์มีใบอนุญาตขบั รถยนตโ์ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย
หรือไม่น้ัน ย่อมหมายถึงชอบดว้ ยกฎหมายตามกรมธรรม์ประกันภยั รายพิพาทหรือไม่ การวินิจฉัย
ย่อมต้องพิจารณาถึงเง่ือนไขในกรมธรรม์ประกันภยั ประกอบ เมื่อปรากฏว่าตามเงื่อนไขใน
กรมธรรมม์ ีไวเ้ พื่อไม่ให้ผูท้ ่ีขบั รถยนต์ไม่เป็ นหรือไม่ไดร้ ับใบอนุญาตขบั รถยนต์มาขบั รถยนต์
คนั ท่ีเอาประกนั ภยั การที่ ส. มีใบอนุญาตขบั รถยนตม์ าก่อนเกิดเหตุเพยี งแต่ขาดต่ออายรุ ะหวา่ ง
เกิดเหตุ หาไดห้ มายความว่า ความสามารถในการขบั รถยนตข์ อง ส. บกพร่องไปไม่ จึงถือไดว้ า่
ส. มีใบอนุญาตขบั รถยนต์โดยชอบดว้ ยกฎหมายตามคาทา้ ของโจทก์และจาเลยท่ี ๑ โจทก์ตอ้ ง
เป็นฝ่ายแพค้ ดี (ฎีกาท่ี ๒๒๙๐/๒๕๓๐)

๓.๑.๕ โจทก์จาเลยท้ากนั ให้ผูเ้ ช่ียวชาญพิสูจน์ลายมือชื่อในช่องผูก้ ูใ้ นสัญญาว่า
เป็นลายมือของจาเลยหรือไม่ ถา้ เป็ นลายมือชื่อของจาเลย จาเลยยอมแพค้ ดี ผูเ้ ชี่ยวชาญไดต้ รวจ
พิสูจน์ลายมือชื่อจาเลยและลายมือชื่อผูก้ ู้ในสัญญากู้แล้วมีความเห็นว่าน่าจะเป็ นลายมือชื่อ
ของบุคคลเดียวกนั ดงั น้ี ถือไดว้ า่ ผเู้ ชี่ยวชาญมีความเห็นว่า ลายมือชื่อในสัญญากูเ้ ป็ นลายมือช่ือ
ของจาเลยตรงตามคาทา้ อนั เป็นเหตุใหจ้ าเลยแพค้ ดีตามคาทา้ แลว้ หาจาตอ้ งนาเอาขอ้ เท็จจริงอ่ืน

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตุลาการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๑๗

มาฟังประกอบอีกไม่ ดงั น้นั ปัญหาที่ว่าศาลอุทธรณ์นาคารับในคาใหก้ ารของจาเลยมาวินิจฉัยร่วมกบั
ผลการตรวจพิสูจน์ของผูเ้ ชี่ยวชาญให้จาเลยแพค้ ดีเป็ นการชอบหรือไม่ จึงไม่จาเป็ นต่อรูปคดี
ท่ีศาลฎีกาตอ้ งวนิ ิจฉยั อีกต่อไป (ฎีกาที่ ๑๑๐๐/๒๕๓๑)

๓.๒ ข้อเทจ็ จริงตามคาท้าฟังได้ไม่สมฝ่ ายใดเลย
จะตอ้ งดาเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเสมือนหน่ึงไม่มีคาทา้ หรือตดั สินช้ีขาดคดี

เสมือนหน่ึงคู่ความท้งั สองฝ่ ายไมส่ ืบพยาน (แลว้ แต่กรณีตามขอ้ ตกลงในคาทา้ ) เช่น
๓.๒.๑ คู่ความทา้ กนั ใหผ้ ูเ้ ชี่ยวชาญพิสูจน์ลายมือชื่อและลายพิมพน์ ิ้วมือในสัญญากู้

และสัญญาค้าประกนั เป็ นขอ้ แพช้ นะ เม่ือผูเ้ ช่ียวชาญตรวจแลว้ รายงานต่อศาลว่าลายมือชื่อ
ในสัญญากูม้ ีลกั ษณะเชื่อไดว้ ่าไม่ใช่ของจาเลย และลายพิมพน์ ิ้วมือในสัญญาค้าประกนั เลอะ
ไม่ชดั พอที่จะตรวจได้ ดงั น้ี ถือวา่ ผลการตรวจพิสูจนไ์ ม่ครบถว้ นตามคาทา้ จะพิพากษาให้โจทก์
แพค้ ดีไมไ่ ด้ ตอ้ งพิจารณาคดีต่อไปเสมือนหน่ึงไม่มีการทา้ (ฎีกาท่ี ๖๒/๒๔๙๙, ๔๑๕/๒๕๐๗)

๓.๒.๒ คู่ความตกลงให้สืบพยานร่วมคนเดียว พยานเบิกความอย่างไร ก็ให้ศาล
พพิ ากษาไปตามคาพยาน ไมส่ ืบพยานอ่ืนตอ่ ไป เมื่อศาลช้นั ตน้ สืบพยานร่วมน้นั แลว้ แมค้ าพยาน
รับฟังสมฝ่ ายใดไม่ได้ ก็ไม่จาตอ้ งสืบพยานต่อไป ควรพิจารณาไปตามประเด็นแห่งคดีเหมือน
ไมม่ ีการสืบพยาน เพราะคูค่ วามแถลงไม่ติดใจสืบพยานไวแ้ ลว้ (ฎีกาที่ ๖๓๓/๒๔๙๒)

๓.๒.๓ โจทก์จาเลยทา้ กนั เป็ นขอ้ แพช้ นะโดยกาหนดจานวนเน้ือที่ดินของแต่ละ
ฝ่ ายไว้ แลว้ ใหเ้ จา้ พนกั งานท่ีดินไปรังวดั ตามท่ีเป็ นจริง ถา้ ฝ่ ายใดเกินอีกฝ่ ายหน่ึงขาดฝ่ ายที่เกิน
ยอมแพ้ แต่ปรากฏจากการรังวดั วา่ เน้ือที่ดินของจาเลยนอ้ ยกวา่ จานวนท่ีทา้ กนั ถึงเกือบหน่ึงในห้า
เห็นได้ว่าเน้ือที่ดินอนั เป็ นตวั ต้งั เพ่ือหาสัดส่วนเน้ือท่ีดินของท้งั สองฝ่ ายตามคาท้าผิดไปมาก
และไม่ตรงตามคาท้า ศาลย่อมไม่สามารถที่จะวินิจฉัยช้ีขาดคดีไปตามคาทา้ ได้ คาทา้ ของโจทก์
จาเลยจึงตกไป ชอบท่ีจะต้องดาเนินกระบวนพิจารณาตามประเด็นขอ้ พิพาทต่อไป (ฎีกาท่ี
๑๗๒๖/๒๕๒๘)

๓.๒.๔ โจทกฟ์ ้องว่า จาเลยปลูกสร้างบา้ นและร้ัวบนท่ีดินสาธารณะปิ ดหน้าที่ดิน
ของโจทก์ จาเลยให้การว่า บ้านและร้ัวต้งั อยู่บนที่ดินท่ีติดกับท่ีดินของจาเลย มิได้อยู่ใน
เขตโฉนดที่ดินของจาเลย คู่ความทา้ กนั ให้เจา้ พนักงานที่ดินไปรังวดั สอบเขตท่ีดินของจาเลย
หากไดค้ วามว่าที่พิพาทอยู่ในเขตโฉนดที่ดินของจาเลยและไม่ใช่ท่ีสาธารณะโจทก์ยอมแพค้ ดี
หากที่พิพาทอยนู่ อกเขตโฉนดที่ดินของจาเลยและเป็ นที่สาธารณะ จาเลยยอมแพค้ ดี ปรากฏว่า
เจ้าพนักงานท่ีดินมิได้รังวัดสอบเขตตามคาท้า แต่กลับรังวดั ทาแผนที่พิพาทไปตามเขตที่
ครอบครองซ่ึงโจทก์จาเลยนาช้ี โดยจาเลยนาช้ีว่าที่พิพาท อยใู่ นเขตโฉนดที่ดินของตนซ่ึงนอก

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๑๘

คาให้การดงั กล่าวขา้ งตน้ แผนที่พิพาทจึงไม่ไดเ้ กิดจากการที่เจา้ พนักงานที่ดินสอบเขตที่ดิน
ตามคาทา้ ฉะน้นั แนวเขตเส้นสีแดงในแผนท่ีพิพาทจึงถือไม่ไดว้ า่ เป็ นแนวเขตที่ดินตามโฉนด
ของจาเลย ท้งั ตามหนังสือนาส่งแผนที่พิพาทของเจา้ พนักงานท่ีดินก็มีขอ้ ความว่า ไม่สามารถ
ระบุไดว้ า่ ท่ีพิพาทอยใู่ นเขตท่ีดินสาธารณประโยชน์หรือไม่ เน่ืองจากผแู้ ทนประธานสุขาภิบาล
ไม่สามารถช้ีเขตท่ีดินสาธารณะที่แน่นอนได้ แสดงว่าไม่สามารถปฏิบตั ิตามคาทา้ ท่ีว่าท่ีพิพาท
เป็นท่ีสาธารณะหรือไม่ จึงไม่อาจนาแผนที่พิพาทมาใชเ้ ป็ นหลกั ฐานในการวนิ ิจฉยั ตามคาทา้ ได้
จะตอ้ งดาเนินกระบวนพจิ ารณาตอ่ ไป (ฎีกาที่ ๓๑๔๕/๒๕๓๒)

๓.๒.๕ ตามรายงานกระบวนพิจารณาปรากฏว่า จาเลยท่ี ๒ แต่ฝ่ ายเดียวเป็ น ผูแ้ ถลง
รับและต่อสู้ตลอดจนยอมรับข้อเท็จจริ งที่ผู้เช่ียวชาญตรวจพิสูจน์ได้ว่าผลเป็ นอย่างไร
ตนยอมรับตามน้ัน โจทก์เพียงแต่แถลงไม่คา้ น ซ่ึงหมายความเพียงว่าไม่คา้ นการท่ีศาลจะส่ง
เอกสารต่าง ๆ ไปให้ผูเ้ ชี่ยวชาญทาการตรวจพิสูจน์เท่าน้ัน โจทก์หาได้ยอมรับผลการตรวจ
พิสูจน์เป็ นขอ้ แพช้ นะตามท่ีจาเลยที่ ๒ แถลงดว้ ยแต่อย่างใดไม่ รายงานการตรวจพิสูจน์ของ
ผูเ้ ชี่ยวชาญที่ระบุว่า ไม่อาจจะลงความเห็นให้เป็ นหลกั ฐานอย่างหน่ึงอยา่ งใดไดน้ ้นั แสดงให้
เห็นว่าผลการตรวจพิสูจน์ดงั กล่าวศาลไม่อาจวินิจฉัยช้ีขาดได้ จึงตอ้ งรับฟังพยานหลกั ฐานอ่ืน
ต่อไป (ฎีกาที่๒๒๗๔/๒๕๓๗)

๓.๒.๖ โจทก์จาเลยทา้ กนั ว่า หากคดีอาญาซ่ึงจาเลยถูกฟ้องเป็ นจาเลย ศาลมีคาพิพากษา
ถึงท่ีสุดวา่ จาเลยมีความผิดตามฟ้อง จาเลยยอมแพ้ แตห่ ากศาลมีคาพิพากษาถึงท่ีสุดวา่ จาเลยไม่มี
ความผิด โจทก์ยอมแพ้ และคู่ความแถลงไม่ติดใจสืบพยาน เมื่อคดีอาญาดังกล่าวได้มีคา
พิพากษาถึงท่ีสุด โดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเพราะฟ้องโจทก์ขาดอายุความ เท่ากบั ศาลมิได้
พิพากษาว่าจาเลยมีความผิดหรือไม่มีความผิดตามฟ้อง ศาลก็ไม่อาจวินิจฉัยช้ีขาดให้ฝ่ ายหน่ึง
ฝ่ ายใดชนะหรือแพค้ ดีตามคาทา้ ได้ ชอบท่ีศาลจะตอ้ งรับฟังพยานหลกั ฐานอ่ืนของโจทก์จาเลย
ต่อไป แม้ข้อความคาท้าตามรายงานกระบวนพิจารณาจะระบุว่าคู่ความไม่ติดใจสืบพยาน
ก็มีความหมายเพียงว่าหากคาพิพากษาคดีอาญาถึงท่ีสุดอย่างหน่ึงอย่างใดตามคาท้าแล้ว คู่ความ
จะไม่ติดใจสืบพยาน จะถือวา่ ในกรณีคาพพิ ากษาคดีอาญาอนั ถึงที่สุดไมช่ ้ีขาดวา่ จาเลยมีความผิด
หรือไม่ คูค่ วามกไ็ มต่ ิดใจสืบพยานหาไดไ้ ม่ (ฎีกาที่ ๔๘๕๘/๒๕๓๗)

๓.๒.๗ คู่ความท้ากันและขอให้ศาลพิพากษาตามคาท้า แต่ขอ้ เท็จจริงที่ปรากฏ
ไม่อาจพิพากษาให้เป็ นไปตามขอ้ ตกลงตามคาทา้ ได้ โจทก์เป็ นผกู้ ล่าวอา้ ง จาเลยปฏิเสธ โจทก์
จึงมีหน้าที่นาสืบ เม่ือโจทก์แถลงต่อศาลขอให้ศาลพิพากษาตามรูปคดีถือว่าไม่ติดใจสืบพยาน
ต่อไป โจทก์ไม่นาพยานเขา้ สืบตามประเด็นที่มีหน้าที่นาสืบย่อมต้องแพค้ ดีในประเด็นน้ัน
(ฎีกาท่ี ๓๔๑๒/๒๕๓๘)

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๑๙

๓.๓ การถอนคาทา้ จะทาไม่ได้ เวน้ แตอ่ ีกฝ่ ายหน่ึงยนิ ยอม
๓.๓.๑ คู่ความตกลงกันขอ้ เดียวว่า ให้ฟังความเห็นของเจ้าพนักงานบังคบั คดี

ท่ีออกไปรังวดั ที่พิพาทว่า ท่ีพิพาทอยใู่ นเขตท่ีดินท่ีศาลไดข้ ายทอดตลาดหรือไม่ ถา้ อยูใ่ นเขต
ที่ศาลขายใหโ้ จทก์ จาเลยยอมแพ้ หากอยนู่ อกเขต โจทกย์ อมแพ้ ฉะน้นั เม่ือเจา้ พนกั งานบงั คบั คดี
ไปทาการรังวดั และรายงานสมขา้ งฝ่ ายโจทก์ ศาลก็ตอ้ งพิพากษาให้โจทก์ชนะ จาเลยจะร้องขอ
ถอนคาทา้ โดยอา้ งเหตุว่าจาเลยเขา้ ใจผิดเรื่องเส้นทางสายโทรเลขเก่าวา่ อยทู่ ิศใดของที่พิพาทหาไดไ้ ม่
เพราะไม่มีประเดน็ น้ีในคาทา้ และขอ้ เทจ็ จริงแห่งคดีไดย้ ตุ ิไปตามคาทา้ แลว้ (ฎีกาที่ ๓๗๙/๒๕๐๙)

๓.๓.๒ กรณีโจทกจ์ าเลยทา้ สาบานในขอ้ ๑.๑ ถา้ โจทก์ไม่ยอมสาบานและจะขอให้
พิจารณาคดีต่อไป โดยอ้างว่าเขา้ ใจผิดในขอ้ ความที่สาบาน ศาลไม่รับฟังขอ้ แก้ตวั จะต้อง
พิพากษายกฟ้องโจทก์ (ฎีกาที่ ๓๙๙/๒๔๙๒)

๓.๓.๓ คู่ความท้งั สองฝ่ ายทา้ กนั ให้ไปด่ืมน้าสาบานโดยโจทก์ท้งั สองกับจาเลยท้งั ส่ี
จะตอ้ งสาบานตวั ทุกคนตามท่ีกาหนด หากเป็ นไปดงั คาทา้ ท้งั สองฝ่ ายจะแบ่งที่ดิน น.ส. ๓
ท่ีพิพาทกนั ฝ่ ายละก่ึงหน่ึงไม่ติดใจเรียกร้องอะไรกนั อีก แต่หากฝ่ ายใดฝ่ ายหน่ึงไม่กลา้ สาบาน
หรือสาบานตวั ไม่ครบทุกคน ถือว่าฝ่ ายน้ันแพค้ ดี ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องอะไรในท่ีพิพาทอีก
ในวนั นัดพร้อมเพื่อไปสาบานตัว โจทก์ท้งั สองและทนายกับจาเลยท้ังส่ีและทนายมาศาล
จาเลย ที่ ๑ ที่ ๒ ท่ี ๔ แถลงวา่ วนั ท่ีตกลงทา้ กนั ตนไม่ไดม้ าศาล มิไดย้ นิ ยอมดว้ ย ขอใหศ้ าลช้นั ตน้
ดาเนินกระบวนพิจารณาต่อไป เป็นกระบวนพิจารณาที่จาเลยที่ ๑ ท่ี ๒ ท่ี ๔ กระทาต่อศาลหาใช่
กรณีจาเลยท่ี ๑ ท่ี ๒ ที่ ๔ ตกลงขอยกเลิกคาทา้ ต่อโจทก์ท้งั สองเปลี่ยนเป็ นให้ดาเนินกระบวน
พิจารณาอย่างธรรมดาไม่ การท่ีทนายโจทก์แถลงไม่คดั คา้ นคาแถลงของจาเลยที่ ๑ ที่ ๒ ท่ี ๔
กเ็ นื่องจากขอ้ เทจ็ จริงที่จาเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ แถลงเป็นความจริงไม่มีอะไรจะตอ้ งคดั คา้ น ท่ีศาลช้นั ตน้
เห็นว่า คาทา้ ไม่มีผลบงั คบั จึงให้ดาเนินกระบวนพิจารณานัดสืบพยานโจทก์ต่อไป ไม่ไดใ้ ห้
คู่ความปฏิบตั ิตามคาท้า เป็ นกรณีที่ศาลช้ันต้นดาเนินกระบวนพิจารณาไม่ถูกต้อง การท่ีฝ่ ายโจทก์
ไม่คดั คา้ นจะถือว่าตกลงยินยอมยกเลิกคาทา้ กบั จาเลยท่ี ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ หาไดไ้ ม่ คาทา้ ยงั มีผล
ผูกพนั คู่ความอยู่ เม่ือขอ้ เท็จจริงปรากฏว่า คู่ความยงั มิไดป้ ฏิบตั ิตามคาทา้ สมควรที่จะตอ้ งยก
คาพิพากษาและคาสั่งศาลช้ันต้นที่ให้ดาเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วกาหนดให้ศาลช้นั ตน้
ดาเนินกระบวนพจิ ารณาใหมใ่ หเ้ ป็นไปตามคาทา้ และพพิ ากษาคดีไปตามน้นั (ฎีกาที่ ๑๓๒๕/๒๕๓๕)

๓.๓.๔ แมภ้ ายหลงั ส. และ ว. จะถกู ถอดถอนไมไ่ ดเ้ ป็นทนายความใหจ้ าเลยท้งั สี่ก็ตาม
แต่คาทา้ สาบานซ่ึงถือวา่ เป็ นการยอมรับตามท่ีคู่ความอีกฝ่ ายหน่ึงเรียกร้องซ่ึง ส. และ ว. มีอานาจ
ทาไดต้ ามอานาจหนา้ ท่ีที่ไดร้ ับมอบหมายจากจาเลยท้งั สี่ตามที่ระบุในใบแต่งทนายความก็มีผล
บงั คบั ไดต้ ามกฎหมาย จาเลยท้งั สี่จึงมิอาจถอนคาทา้ ไดแ้ มจ้ ะไดถ้ อดถอน ส. และ ว. จากการ

ค่มู ือปฏิบัติราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๒๐

เป็นทนายความก่อนถึงวนั นดั ทา้ สาบานก็ตาม เม่ือโจทกส์ าบานไดต้ ามคาทา้ จาเลยท้งั ส่ีจึงตอ้ ง
แพค้ ดี (ฎีกาท่ี ๒๔๗๐/๒๕๓๘)

๓.๓.๕ คู่ความตกลงทา้ กนั ใหส้ ืบ ท. พยานคนกลางต่อหนา้ ศาลดว้ ยความสมคั รใจ
คาท้าดังกล่าวเป็ นการที่คู่ความสละประเด็นขอ้ พิพาทอ่ืนโดยยึดเอาผลตามคาท้าเป็ นขอ้ ยุติ
ถา้ จะใหค้ ูค่ วามแตล่ ะฝ่ ายมีสิทธิถอนคาทา้ ซ่ึงตนเองไดต้ กลงไวโ้ ดยชอบดว้ ยกฎหมายเพียง เพราะ
เกรงวา่ พยานคนกลางจะเบิกความเขา้ ขา้ งอีกฝ่ ายหน่ึงเทา่ น้นั โดยไมม่ ีเหตุผลอื่นตามกฎหมายท่ี
จะอ้างได้ ย่อมเป็ นการไม่ชอบเพราะมิฉะน้ันคาทา้ ที่ตกลงกนั ต่อหน้าศาลก็จะไม่เกิดประโยชน์
จาเลยจึงไม่มีสิทธิถอนคาทา้ (ฎีกาที่ ๗๕/ ๒๕๔๐)

๓.๔ การตคี วามหมายของคาท้า
๓.๔.๑ ขอ้ เท็จจริงท่ีนาสืบตามคาทา้ คลาดเคล่ือนเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่สมคาทา้

ของอีกฝ่ ายก็ใหฝ้ ่ ายน้นั ชนะได้ เช่น โจทก์ฟ้องจาเลยตอกเสาเข็มทาให้เรือนโจทก์ทรุด จาเลย
ปฏิเสธว่ามิไดท้ าให้เรือนทรุด ในการพิจารณาจาเลยแถลงว่ามิไดต้ อกเสาเข็มเลย โจทก์จาเลย
จึงทา้ กนั ใหข้ ดุ ดินพสิ ูจน์วา่ มีเสาเขม็ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐ ตน้ แตล่ ะตน้ ยาวไม่นอ้ ยกวา่ ๒ เมตรหรือไม่
ถา้ มีจาเลยยอมแพ้ ถา้ ไม่มีโจทกย์ อมแพ้ แตเ่ มื่อขดุ ดินแลว้ ปรากฏวา่ มีเสาเขม็ ๑๓ ตน้ ยาว ๑.๘๕
เมตร ๕ ตน้ นอกน้นั ยาว ๑ เมตรเศษ ดงั น้ี ความยาว ๒ เมตรหรือไม่ไม่สาคญั จาเลยตอ้ งแพต้ าม
คาทา้ (ฎีกาท่ี ๗๖๒/๒๕๐๙)

๓.๔.๒ กรณีศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาไวไ้ ม่ชัดเจน เช่น ตามรายงาน
กระบวนพิจารณาของศาลช้นั ตน้ ไดจ้ ดวนั นดั สาบานไวส้ องวนั แต่มิไดก้ าหนดว่าจะตอ้ งทาให้
เสร็จตามวนั เวลานัดท้งั สองวนั น้นั อนั จะถือว่าเป็ นขอ้ แพช้ นะกนั ขอ้ ที่จะถือให้เป็ นขอ้ แพช้ นะ
น้ันเป็ นเร่ืองข้อความที่จะต้องสาบานและวดั ที่กาหนดไว้ ดังน้ัน การที่ศาลช้ันต้นอนุญาต
ใหเ้ ล่ือนสาบานไปหลงั จากวนั ที่กาหนด โดยไมใ่ ช่เกิดจากความผิดของฝ่ ายโจทก์ จะถือวา่ โจทก์
เป็ นฝ่ ายผิดขอ้ ตกลงหาไดไ้ ม่ ไม่ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่า มีขอ้ ตกลง
จะต้องสาบานตามประเพณีท้องถิ่นคือโจทก์นาสาบานและให้เจ้าอาวาสเป็ นผู้ทาพิธีและ
ดื่มน้าสาบาน ขอ้ ตกลงทา้ กนั มีเพียงว่าให้สาบานต่อหน้าวดั ท้งั เจ็ดวดั เท่าน้ันเมื่อโจทก์ได้ไป
สาบานต่อหน้าวัดจนครบทุกวดั ตามที่กาหนดไวแ้ ล้ว ถือได้ว่าฝ่ ายโจทก์ปฏิบัติตามคาท้า
ครบถว้ นแลว้ จาเลยจึงตอ้ งเป็นฝ่ายแพค้ ดีตามคาทา้ (ฎีกาท่ี ๙๐/๒๕๓๔)

๓.๔.๓ ในวนั นัดสืบพยานโจทก์คู่ความตกลงท้ากันว่า ขอให้ส่งหนังสือสัญญา
ซ้ือขายไปตรวจพสิ ูจน์วา่ ลายมือชื่อในช่องผขู้ ายเป็นลายมือช่ือท่ีแทจ้ ริงของ ส. หรือไม่ หากเป็น
ลายมือช่ือท่ีแทจ้ ริงฝ่ ายจาเลยยอมแพ้ ถา้ หากไม่ใช่ลายมือชื่อที่แทจ้ ริงโจทกย์ อมแพ้ ท้งั สองฝ่ าย

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๒๑

จะออกค่าใช้จ่ายคนละคร่ึง หากฝ่ ายใดไม่ยินยอมออกค่าใช้จ่ายให้ถือว่าฝ่ ายน้ันยอมแพโ้ ดย
ไม่จาเป็ นตอ้ งตรวจพิสูจน์และศาลช้นั ตน้ อนุญาตให้เป็ นไปตามท่ีคู่ความทา้ กนั และมีคาสั่งให้
โจทกจ์ าเลยนาเงินคา่ ตรวจพสิ ูจน์มาวางตอ่ ศาลภายในวนั ท่ี ๒๑ ธนั วาคม ๒๕๓๒ หากไมน่ ามา
ศาลจะถือวา่ ฝ่ ายน้นั ยอมแพต้ ามรายงานกระบวนพิจารณาท่ีคูค่ วามทา้ กนั คร้ันถึงกาหนดจาเลยได้
นาเงินค่าตรวจพิสูจน์มาวางต่อศาลช้นั ตน้ เพียงฝ่ ายเดียว ดงั น้ี ในวนั ดงั กล่าวศาลช้นั ตน้ ยงั ไม่ได้
ส่งเอกสารไปตรวจพิสู จน์ ท้ังยังไม่ทราบค่าตรวจพิสู จน์ว่าเป็ นจานวนเท่าใด การท่ีโจทก์
ยงั ไม่ได้วางเงินค่าตรวจพิสูจน์ต่อศาลช้ันต้นจึงมิใช่ข้อท่ีบ่งช้ีว่าโจทก์เป็ นฝ่ ายผิดข้อตกลง
โดยผิดเงื่อนไขตามคาท้า แต่เป็ นกรณีที่ยงั ไม่ถึงข้ันตอนที่จะต้องวางเงินค่าตรวจพิสูจน์
การท่ีศาลช้นั ตน้ ด่วนงดการส่งเอกสารไปตรวจพิสูจน์และวินิจฉัยว่าโจทกแ์ พค้ ดีตามคาทา้ น้นั
จึงไม่ชอบ (ฎีกาท่ี ๒๖๓๒/๒๕๓๗)

๓.๕ กรณยี งั ไม่ได้ปฏิบตั ติ ามคาท้า หรือปฏิบัติไม่ถูกต้องครบถ้วน
๓.๕.๑ คู่ความตกลงท้ากันให้ถือเอาผลของคาพิพากษาคดีอาญาของศาลแขวง

สงขลา ที่โจทก์ฟ้องจาเลยในขอ้ หาปลอมและใช้พินัยกรรมปลอมเป็ นขอ้ วินิจฉัยประเด็น
ขอ้ พิพาทในคดีน้ีว่าพินัยกรรมฉบบั พิพาทเป็ นพินัยกรรมปลอมหรือไม่ ย่อมมีความหมายว่า
คู่ความประสงค์ให้ถือเอาผลของคาพิพากษาที่ถึงที่สุดเป็ นขอ้ แพช้ นะกนั ในประเด็นดงั กล่าว
เม่ือคดีอาญายงั ไม่ถึงท่ีสุดและไม่ปรากฏว่าคู่ความไดย้ กเลิกคาทา้ ศาลจึงตอ้ งรอฟังผลของ
คาพพิ ากษาคดีอาญาท่ีถึงท่ีสุดเป็นหลกั ในการวนิ ิจฉยั ตามที่คู่ความทา้ กนั (ฎีกาที่ ๖๕/๒๕๓๕)

๓.๕.๒ คู่ความท้ากนั ให้เจ้าพนักงานที่ดินไปรังวดั สอบเขตตามโฉนดที่ดินของ
แต่ละฝ่ ายโดยใหถ้ ือแผนที่หลงั โฉนดเป็ นหลกั แลว้ ทาแผนที่พิพาทแสดงอาณาเขตใหช้ ดั เจนว่า
อาคารในท่ีดินของแต่ละฝ่ ายมีการรุกล้าเขา้ ไปในท่ีดินของอีกฝ่ ายหรือไม่ เพียงใด เช่นน้ีย่อม
กระทาไดโ้ ดยชอบและอยใู่ นวิสยั ที่เจา้ พนกั งานที่ดินจะปฏิบตั ิได้ หากเจา้ พนกั งานท่ีดินยงั ทามา
ไม่ถูกตอ้ งครบถว้ นอยา่ งไรก็ชอบที่ศาลช้นั ตน้ จะส่ังให้ทามาใหมใ่ หถ้ ูกตอ้ ง แลว้ ช้ีขาดตดั สินคดี
ไปตามน้นั (ฎีกาท่ี ๑๒๖๘/๒๕๒๗)

๓.๕.๓ คู่ความทา้ กนั ขอใหถ้ ือเอาผลการรังวดั ที่ดินของเจา้ พนกั งานที่ดิน แต่ไม่อาจ
รังวดั ไดเ้ พราะจาเลยที่ ๑ ไม่ยอมให้เขา้ ไปในท่ีดินเพื่อรังวดั เม่ือคาทา้ มิไดก้ าหนดให้จาเลยที่ ๑
แพค้ ดีในกรณีน้ีศาลจึงไม่อาจช้ีขาดตามคาทา้ ได้ แต่ศาลชอบที่จะสั่งใหช้ ่างรังวดั ทาการรังวดั ใหม่
และหา้ มจาเลยที่ ๑ ขดั ขวางการรังวดั ได้ (ฎีกาที่ ๑๕๘๐/๒๕๓๗)

๓.๕.๔ คู่ความทา้ กนั ๒ ประการ แต่หนังสือของศาลช้นั ตน้ คงขอให้ผูเ้ ช่ียวชาญ
ทาการตรวจพสิ ูจน์ปัญหาประการแรกวา่ ตวั เลข ๒ ไดเ้ ขียนข้ึนในคราวเดียวกนั หรือเขียนเติมข้ึน

ค่มู ือปฏิบตั ิราชการของตลุ าการ ส่วนวิธีพิจารณาความแพ่ง ๒๒๒

ในภายหลงั เท่าน้ัน ปัญหาประการท่ีสองท่ีว่าตวั เลข ๒ เขียนดว้ ยหมึกจากปากกาคนละดา้ ม
กนั หรือไม่ ศาลช้นั ตน้ ไม่ไดข้ อให้ผเู้ ช่ียวชาญตรวจพิสูจน์ จึงยงั ไม่เป็ นไปตามคาทา้ ท่ีจะถือวา่
โจทก์แพ้คดีได้ กรณีเป็ นเรื่ องศาลช้ันต้นมิได้ดาเนินการให้เป็ นไปตามคาท้าของคู่ความ
ให้ครบถว้ นเป็ นการดาเนินกระบวนการพิจารณาท่ีผิดระเบียบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗ (ฎีกาท่ี
๕๒๘๕/๒๕๓๗)

๓.๕.๕ โจทก์และจาเลยแถลงต่อศาลช้ันตน้ ขอให้สั่งพนักงานเจา้ หน้าที่ไปรังวดั
ทาแผนที่พิพาท หากพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ทาแผนท่ีพิพาทแลว้ ปรากฏว่าท่ีพิพาทอยูใ่ นเขตที่ดิน
โฉนดเลขท่ี ๘๐๔๙ หรือนอกเขตที่ดินโฉนดเลขท่ี ๘๐๓๓ แลว้ โจทก์ยอมแพ้ แต่ถา้ หากท่ีพิพาท
อยู่ในเขตท่ีดินโฉนดเลขที่ ๘๐๓๓แลว้ จาเลยยอมแพ้โดยคู่ความท้งั สองฝ่ ายไม่ติดใจสืบพยานหลกั ฐาน
ต่อไป ต่อมาเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ทาแผนท่ีพิพาทเสร็จแล้วไม่สามารถให้ความเห็นได้ว่า
ที่พิพาทจะอยใู่ นเขตโฉนดที่ดินแปลงใด เน่ืองจากไม่สามารถรังวดั ปูโฉนดไดเ้ พราะที่ดินตาม
โฉนดเดิมไม่มีระวางโยงยึดและหมุดหลักที่แน่นอน จึงยงั ถือไม่ได้ว่าพนักงานเจ้าหน้าที่มี
ความเห็นวา่ ท่ีพิพาทอยใู่ นเขตโฉนดของฝ่ ายใด ศาลจึงยงั ไม่อาจวินิจฉัยช้ีขาดคดีให้เป็ นไปตาม
คาทา้ ของโจทก์และจาเลยได้ ดงั น้ัน การท่ีศาลช้ันต้นตรวจดูแผนที่พิพาทและระวางแผนท่ี
อีกคร้ังหน่ึงแลว้ เห็นวา่ คดีพอวินิจฉัยไดแ้ ลว้ ใหง้ ดช้ีสองสถานแลว้ พิพากษาโดยนาตาแหน่งของ
ที่พิพาทมาเปรียบเทียบกบั ระวางแผนท่ีแลว้ วินิจฉยั ว่าที่พิพาทอยใู่ นเขตที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๐๓๓
ให้จาเลยแพค้ ดีตามคาทา้ จึงเป็ นการไม่ชอบเพราะไม่ตรงตามคาทา้ ของโจทกแ์ ละจาเลยท่ีตกลง
กนั กรณีเช่นน้ีถือไดว้ ่าคาท้าของโจทก์จาเลยย่อมเป็ นอนั ตกไป ศาลช้ันตน้ ชอบท่ีจะดาเนินการ
ช้ีสองสถาน หากจาเป็นตอ้ งฟังขอ้ เทจ็ จริงกต็ อ้ งดาเนินกระบวนพิจารณาตอ่ ไป (ฎีกาท่ี ๑๑๒๔/๒๕๔๐)

๔. รายงานกระบวนพจิ ารณาเกยี่ วกบั คาท้า

ตรวจใบแตง่ ทนายความวา่ ตวั ความไดม้ อบหมายใหท้ นายความมีอานาจดาเนินกระบวนพจิ ารณา
การจดรายงานกระบวนพิจารณา ควรจดให้ชัดแจ้งในเร่ืองโจทก์หรือจาเลยยอมรับ
ขอ้ เทจ็ จริงของแต่ละฝ่ าย
จดรายงานกระบวนพจิ ารณาวา่

ตวั อย่างท่ี ๑
“นดั สืบพยานโจทก์วนั นี้ โจทก์ จาเลยและทนายของท้ังสองฝ่ ายมาศาล
คู่ความทั้งสองฝ่ ายตกลงท้ากันว่า ถ้าโจทก์ยอมสาบานต่อ . . .อันเป็ นสิ่งศักด์ิสิทธิ์ว่าโจทก์
ได้ให้จาเลยกู้เงินไปจริงตามฟ้อง จาเลยขอรับข้อเท็จจริงว่าเป็ นดังที่โจทก์ฟ้อง จาเลยยอมแพ้
ถ้าโจทก์ไม่ยอมสาบานถือว่าโจทก์ยอมรับข้อเทจ็ จริงตามคาให้การจาเลย โจทก์ยอมแพ้


Click to View FlipBook Version