The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by eengteepakorn, 2022-05-07 00:03:51

พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู

พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู

Keywords: พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู,อันดากู

387

จตรุ ทศิ เจดยี ์ หนิ อันดากู สูง 8 นวิ้ ประกอบดว้ ย 2 ชิ้นสว่ น จตรุ ทิศเจดยี ์ หนิ อันดากู สงู 4 น้วิ สะสมโดยพรศิวะ
สะสมโดยเซียนปอ๊ บ รงั สิต
388

...สถูปู พระเจ้้า เงาศาสดา
สาดแสงแจ่ม่ ฟ้้า....ธานีี
...ตัักศิิลา แห่่งนาคนาคีี
ป๋ก๋ ป้้องจากผี.ี ..จากมาร
...เป๋๋นดั่�งวััชระ ป้้นวััฏสงสาร
บ่า่ เคร่ง่ หรือื ยาน...หว่่านบุุญ
...ร่า่ ยสดโดยท่า่ น กันั แห่ง่ คนเมือื ง ล้า้ นนา

389

ส่ที ศิ สูแ่ หล่งหล้า.........เจดีย์
เจา้ ทลิ โลเมนโลพลี.......สั่งสร้าง
พระเจา้ สิบสององคม์ ี.....สาวกแปดเอย
เศยี รนาคหกร้อยอ้าง....สลา่ เนอ้ ด่งั อินทร์ทรงเจ้าเฮย
....แต่งโดยกวีลา้ นนา อาจารย์ นิคม พรหมมาเทพย์

390

พระพทุ ธบาท

391

รอยพระพุทธบาทนัน้ เป็นสัญลักษณแ์ ทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันที่จริงมีมา
ก่อนที่จะมีการสร้างพระพุทธรูปไว้แทนพระพุทธองค์มาตั้งแต่สมัยอินเดียโบราณและยัง
คงสบื เน่อื งเรือ่ ยมาจนปจั จุบัน

ถึงแม้ว่าจะมีการสร้างพระพุทธรูปแล้วก็ตามทว่าความหมายแห่งการบูชาได้
เปลี่ยนไปจากเดิมท่ีเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์ก่อนการสร้างพระพุทธรูป ในภาย
หลังที่ปรากฎพระพุทธรูปแล้วรอยพระพุทธบาทได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สาคัญเพ่ือ
แสดงถงึ ว่าเป็นดนิ แดนที่พระพุทธองค์ได้ดาเนินไปถึงเป็นสิริมงคล ซ่ึงตามตานานอ้างไว้
ว่า รอยพระพุทธบาทซึ่งพระพุทธองคไ์ ด้เสด็จประทบั ไว้ 5 แห่ง ได้แก่ เขาสุวรรณมาลิก,
เขาสุวรรณบรรพต, เขาสุมนกูฏ, เมอื งโยนกบรุ ีและหาดทรายในลาน้านัมมทานที

ตามคติการบูชารอยพระพุทธบาทนั้น เชื่อว่ารอยพระพุทธบาท ท่ีเขาสุมนกูฏได้
แพร่หลายเข้ามาในดินแดนสุวรรณภูมิเมื่อครั้งท่ีพระพุทธศาสนาจากลังกาเผยแผ่เข้ามา
ยังประเทศไทย และมีการกล่าวถึงการจาลองรอยพระพุทธบาทจากลังกามาประดิษฐาน
ไว้เช่นกัน ซึ่งปรากฏอยู่ในศิลาจารึกหลายหลัก เช่น ศิลาจารึกนครชุม สาหรับหลักฐาน
ทเี่ ก่าท่สี ุดที่พบในประเทศไทยนน้ั คอื การพบรอยพระพุทธบาทคู่ท่ีเมืองโบราณศรีมโหสถ
วัดสระมรกต อาเภอโคกปีบ จังหวัดปราจีนบุรี อันเป็นร่องรอยในอารยธรรมทวารวดี
กาหนดอายุน่าจะอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 11-13 ซึ่งสลักจากศิลาแลง ความกว้างทั้งคู่
ประมาณ 3.10 เมตร ตรงกลางฝ่าพระบาทน้ันสลักนูนเป็นรูปธรรมจักรขนาดเส้นผ่าน
ศนู ยก์ ลาง 1.10 เมตร นับว่าเป็นรอยพระพทุ ธบาทที่มีขนาด ใหญ่ที่สุดก็ว่าได้

ในช่วงแรก ๆ ของการสร้างรอยพระพุทธบาท จะมีการสลักเป็นแบบตาม
ธรรมชาติ แต่สลักลวด ลายวงกลมเป็นรูปพระธรรมจักรซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะแสดงให้
ทราบว่าเป็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์ สร้างข้ึนเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งการเสด็จ
มาเพ่ือบาเพ็ญพุทธกิจ จากน้ันไม่พบหลักฐานการสร้างรอยพระพุทธบาท จนกระทั่ง
พุทธศตวรรษท่ี 19 ด้วยอิทธิพลของพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ ทาให้มีการประดับลวด
ลายบนฝ่าพระพุทธบาทมากข้ึนตามลาดับ นอกเหนือไปจากลายวงล้อพระธรรมจักร ซึ่ง
ไดแ้ ก่ลายมงคล 108 ประการ อนั เปน็ หน่งึ ในสัญลกั ษณแ์ ห่งมหาบุรษุ ลกั ษณะ

392

สัญลกั ษณม์ งคล 108 ในพระพทุ ธบาทอันดากู ประกอบด้วย

1.ภาพพระแสงหอก 23.ถาดมนี ้าเต็ม
2.แวน่ ส่องพระพักตร์ 24.มหาสมุทรทั้งสี่
3.ดอกพดุ ซอ้ น 25.จักรวาล
4.สายสร้อย 26.ปา่ หิมพานต์
5.ต่างหู 27.ภูเขาสิเนรุ
6.ถ้วยภาชนะ 28.ดวงอาทติ ย์
7.พระแทน่ ทป่ี ระทับ 29.ดวงจันทร์
8.ปราสาท 30.ดวงดาว
9.ขอชา้ ง 31.ทวปี ใหญ่ 4 ทวปี
10.ซุ้มประตู 32.ทวปี น้อยสองพันเป็นบรวิ าร
11.เศวตฉตั ร 33.พระเจ้าจกั รพรรดพิ ร้อมดว้ ยข้าราชบรพิ าร
12.พระขรรคแ์ ก้ว 34.สงั ข์ขาวทักษิณาวัฏ
13.กาหางนกยูง 35.ปลาทองคู่
14.พระมงกฎุ 36.กงจกั รคู่
15.พัดวาลวชี นี 37.แม่น้าใหญ่ 7 สาย
16.พวงดอกมะลิ 38.สระใหญ่ 7 สระ
17.เถาวัลย์แก้ว 39.ภเู ขาใหญ่ 7 เทือก
18.ดอกบัวแดง 40.พญาครฑุ
19.ดอกบัวขาว 41.พญาจระเข้
20.ดอกบวั หลวงชมพู 42.ธงชยั ธงแผน่ ผ้า
21.ดอกบวั หลวงขาว 43.พระเก้าอแ้ี กว้
22.กระออมมนี า้ เต็ม

393

44.พดั โบกทอง 64.แม่โคลกู ออ่ น
45.ภเู ขาไกรลาส 65.กินนร
46.พญาราชสีห์ 66.กินนรี
47.พญาเสือโครง่ 67.นกการเวก
48.พญาเสือเหลือง 68.พญานกยงู
49.พญามา้ พลาหก 69.พญานกกระเรยี น
50.พญาชา้ งอโุ บสถ 70.พญานกจากพราก
51.พญาชา้ งฉทั ทนั ต์ 71.พญานกพรกิ
52.พญานาควาสกุ รี 72.-78. ภาพเทวโลกชน้ั กามาวจร 6 ชนั้
53.พญาหงส์ คือ ปรนมิ มิตวสวตั ตี นมิ มานรดี ดสุ ติ ยา
54.พญาไก่เถ่ือน มา ดาวดงึ ส์ จาตมุ หาราช
55.พญาโคอสุ ภราช 79.-104. ภาพพรหมโลก 16 ชน้ั
56.พญาชา้ งเอราวณั ประกอบดว้ ย อกนิฏฐา สทุ สั สี สทุ สั สา
57.มงั กรทอง อตปั ปา อวิหา เวหปั ผลา อสญั ญีสตั ต
58.แมลงภ่ทู อง พรหม สภุ กิณหา อปั ปมาณสภุ า ปรติ ต
59.ทา้ วมหาพรหมส่ีพกั ตร์ สภุ า อาภสั สรา อปั ปมาณาภา ปรติ ตาภา
60.เรอื ทอง มหาพรหมา พรหมปโุ รหติ า พรหมปารสิ ชั
61.บลั ลงั กแ์ กว้ ชา
62.พดั ใบตาล 105.-108. ทวีปทง้ั 4 ทวีป
63.เต่าทอง

394

รอยพระพุทธบาทซา้ ย และขวา หากสงั เกตใหด้ ี
จะเห็นว่ารอยพระพทุ ธบาทซ้ายและขวาจะ mirror กนั พอดี
395

รอยพระพุทธบาท ยาว 133 ซม. กวา้ ง 84 ซม. ชาวเมยี นมาร์ ขุดคน้ พบรอยพระบาท ยคุ สมยั รตั นปรุ ะองั วะ
สะสมโดยพรศวิ ะ อายุมากกว่า 600 ปี ที่เจ้าปะตองซิตี้ ใกล้ ๆ เมอื งมัณฑะเลย์

396

ปางเปดิ โลก

397

ปางเปดิ โลก
ปางเปดิ โลก เป็นพระพุทธรปู อยู่ในอริ ยิ าบถยืนอยบู่ นดอกบวั พระหตั ถท์ ้ังสองห้อยลงขา้ งพระวรกาย แบฝ่าพระหตั ถ์ทั้งสองออกไปขา้ งหน้า

เปน็ กิริยาทรงเปดิ โลกบางแบบยกฝ่าพระหัตถ์ทงั้ สองขน้ึ มีพระอนิ ทร์ พระพรหม อยู่ฝง่ั ซ้ายและขวา และมี พระโมคคัลลานะ พระสารบี ุตร ทากริยา
กราบพระองค์อยู่

ประวัติ

เมื่อครบกาหนด 3 เดือน ที่
พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปจาพรรษา
โปรดพุทธมารดา จึงเสด็จลงจาก
สวรรค์ช้ันดาวดึงส์ พระพุทธองค์ทรง
ทาโลกวิวรณปาฏิหาริย์ คือ ทรงเปิด
โลกทั้ง 3 อันได้แก่ เทวโลก ยมโลก
และมนุษย์โลก ให้มองเห็นถึงกันหมด
ด้วยพุทธานุภาพ เหล่าเทวดาใน
สวรรค์มองเห็นมนุษย์และสัตว์นรก
มนุษย์มองเห็นเทวดาและสัตว์นรก
สัตว์นรกมองเห็นมนุษย์และเทวดา
แล้วจึงเสด็จลีลาลงจากสวรรค์ช้ัน
ดาวดึงส์สู่สังกัสสนคร ในวันมหา
ปวารณา (วันขึน้ 15 คา่ เดอื น 11)

398

พระพุทธปฏิมาหินสลัก "อันดากู“ ปางเปิดโลก ณ สวรรค์ช้ันดาวดึงส์ ประกอบข้ึนด้วย 4 ช้ินส่วน แล้วประดับด้วยอัญมณีทับทิมที่
เจียรนยั โบราณ 6 เมด็ สงู 20 นิ้ว นาออกมาจากมหาวิหาร Ananda Temple Bagan ในรชั สมยั Kyansittha King สะสมโดยอาจารยป์ ระสงค์ ลือเมอื ง
399

อัศจรรยเ์ นอยง่ิ แท้.........พิไล
จิตมนั่ แกะด้วยใจ....ห่อนล้า
ศรัทธาธรรมผ่องใส.....เพียรยิง่ เพยี รนา
เกิดพุทธศลิ ป์เจิดจา้ ......อ่อนช้อยเอาใจเจา้ เฮย
บทกวีโดย อาจารย์นคิ ม พรหมมาเทพย์

400

ปางไสยาสน์

401

ปางไสยาสน์ หรือ ปางสหี ไสยาสน์ เปน็ ชอ่ื เรียกโดยทัว่ ไป ของลักษณะของรูปสมมุติของพระพุทธเจ้า (พุทธลักษณะ) ในอิริยาบถบรรทม 402
(นอน) ซึง่ แตเ่ ดมิ น้นั หมายถงึ เฉพาะปางปรินิพพาน แต่ในประเทศไทยไดม้ กี ารปรับเปล่ียนคตนิ อกเหนอื ไปจากปางปรินิพพาน โดยอาจจาแนก
อย่างไมเ่ ป็นทางการ เป็น 9 ปาง ตามรายละเอียดในพุทธประวตั ิ ดังน้ี
❖ ปางทรงพระสุบิน ประทับนอนตะแคงขวา พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไว้กับพระวรกาย พระพาหาขวาแนบพื้น งอหลังพระหัตถ์ขวาแนบกับ

พระปราง หลับพระเนตร พระเศยี รหนุนพระเขนย
❖ ปางทรงพกั ผ่อนปรกติ ประทบั นอน มีพระอานนท์เป็นพุทธอุปัฏฐาก คอยนวดเฟ้นอยู่ด้านหลัง หลับพระเนตร ซ่ึงเป็นอากัปกิริยาของการ

พกั ผ่อนโดยทัว่ ไป หรอื สาราญพระอริ ิยาบถของพระพุทธองค์
❖ ปางโปรดอสรุ นิ ทราหู ประทับนอน พระกจั ฉะ (รกั แร)้ ทบั พระเขนย และพระหตั ถ์ยกขนึ้ ประคองพระเศียร
❖ ปางทรงพยากรณ์พระอานนท์ ประทับนอนตะแคงขวา ลืมพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทาบบนพระวรกายเบ้ืองซ้าย

พระหัตถข์ วายกข้ึนวางระหวา่ งพระนาภี
❖ ปางโปรดสุภัททปริพาชก ประทับนอนตะแคงขวา ลืมพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระวรกายเบ้ือง

ซา้ ย พระหตั ถข์ วายกต้งั ขึ้น จบี นิว้ พระหตั ถ์เสมอระหว่างพระองั สา เปน็ กริ ิยาขณะทรงแสดงธรรม
❖ ปางปัจฉิมโอวาท ประทับนอน และมีลักษณะพิเศษ คือ พระหัตถ์ขวายกต้ังข้ึนจีบพระองคุลี (จีบน้ิวหัวแม่มือจดข้อน้ิวมือแรกของนิ้วช้ี)

เสมอพระอุระ

ปางปรินพิ พาน ประกอบด้วย 3 ปาง
▪ ปางท่ี 1 ประทับนอนตะแคงขวา หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบพระวรกายเบ้ืองซ้าย พระหัตถ์ขวา
หงายอย่ทู ่ีพืน้ ขนาบพระเขนย เป็นพระอิรยิ าบถขณะเสด็จดับขนั ธปรินพิ พาน
▪ ปางที่ 2 ประทับนอนหงาย พระบาทเหยียดเสมอกัน พระหัตถ์วางทับซ้อนกันบนพระอุระ บ้างก็ว่าทับซ้อนบนพระนาภี เป็นพระ
อริ ิยาบถหลงั จากเสดจ็ ดบั ขันธปรนิ พิ พาน
▪ ปางที่ 3 ประทับนอนหงาย พระบาทเหยียดเสมอกัน พระหัตถ์วางทาบยาวขนาบพระวรกาย พระมหากัสสปะยืนถวายบังคมอยู่เบื้อง
พระบาท เป็นพระอริ ยิ าบถหลงั จากเสด็จดับขนั ธปรนิ พิ พาน

ท้งั นี้ การจาแนกพทุ ธลกั ษณะว่าเปน็ ปางใดนน้ั ต้องพิจารณาทิศเบื้องพระเศยี ร ประวัตแิ ละคตคิ วามเช่อื ขณะทีส่ รา้ งพุทธลกั ษณะนน้ั ๆ ดว้ ย
อนงึ่ ปางไสยาสนท์ น่ี ิยมสร้างเปน็ พระพุทธรปู ในไทย คอื ปางโปรดอสรุ นิ ทราหู และปางปรนิ ิพพาน ส่วนปางอน่ื ๆ มักปรากฏเปน็ ภาพวาด
403

ปางไสยาสน์ในทางสากล กล่าวคอื ในวฒั นธรรมต้นทางที่อินเดียและดินแดนโดยรอบ หมายถึง พุทธลักษณะขณะปรินิพพาน โดยแสดง
ภาพพระพุทธองค์นอนตะแคงเบ้ืองขวา หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาวาง
หงายอยู่ข้างพระเขนย พระบาทซ้ายทับซ้อนพระบาทขวา หลักฐานสาคัญ เช่น ถ้าอชันตาในประเทศอินเดีย ซากพุทธสถานแห่งตัขต์ภาอีและ
ซากนครใกลเ้ คียงทีซ่ าหร์ ีบาห์ลอลในอดีตแควน้ คนั ธาระในประเทศปากสี ถานในปจั จุบนั และนครโบราณโปโลนนรวุ ะในศรีลังกา เป็นต้น

การสร้างพุทธปฏิมาไสยาสน์ได้รับความนิยมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ พระพุทธรูปไสยาสน์ขนาดใหญ่ในประเทศ
พม่า (พระนอนชเวตาลยอง และพระนอนตาหวาน) พระพุทธรูปหินที่ปราสาทบาปวน ประเทศกัมพูชา และวัดไชยมังคลาราม ประเทศ
มาเลเซยี เปน็ ตน้

404

ในประเทศไทยปรากฏหลักฐานพุทธลักษณะปางไสยาสน์ในดินแดนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบันต้ังแต่คร้ังวัฒนธรรมทวารวดี ได้แก่ ภาพ
สลักหินนูนต่าท่ถี ้าฝาโถ เขางู จงั หวัดราชบรุ ี องคพ์ ระมีความยาว 8.75 เมตร สูง 1.85 เมตร หันพระเศียรไปทางปากถ้า มีอายุราวพุทธศตวรรษที่
11-16 พบบริบทประกอบอย่างชัดเจนว่าเป็นปางปรินิพพาน และพระพุทธรูปปางไสยาสน์วัดธรรมจักรเสมาราม สลักจากหินทราย ยาว 13.3
เมตร สูง 2.8 เมตร ทอ่ี าเภอสงู เนนิ จังหวดั นครราชสีมา

ในสมัยสุโขทัย พบพุทธปฏิมาไสยาสน์ที่ปรากฏอยู่ในกลุ่มพระสี่อิริยาบถ คือ อิริยาบถ นั่ง นอน ยืน เดิน ท่ีวัดพระส่ีอิริยาบถและวัดพระ
แก้วในอทุ ยานประวตั ศิ าสตรก์ าแพงเพชร คาดว่าสื่อความหมายว่าพุทธองค์ทรงสาราญอิริยาบถไสยาสน์ ขณะท่ีทรงดารงพระชนม์ชีพอยู่ตามพระ
อรรถกถาแหง่ กลสิ ตู ร

ในสมยั อยธุ ยาตอนปลายเร่ือยมาจนถงึ กรงุ รตั นโกสินทรต์ อนต้น เปน็ ช่วงเวลาท่มี ีความนยิ มการสร้างพทุ ธปฏิมาไสยาสน์ท่ีมีขนาดใหญ่ และ
ปรากฎให้เห็นอย่างแพร่หลาย เช่น พระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี, พระพุทธไสยาสน์ที่วัดขุนอิทรประมูล และวัดป่าโมก จังหวัดอ่างทอง และ
พระพทุ ธไสยาสน์ วดั พระเชตพุ นฯ กรงุ เทพมหานคร

การสร้างพุทธปฏิมาไสยาสน์ขนาดใหญ่หลัง พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา ปรากฏคติความเช่ือในการสร้างพุทธปฏิมาไสยาสน์ขนาดใหญ่ว่าเป็น
ปางโปรดอสุรินทราหู อย่างไรก็ตาม ปางนี้ไม่ปรากฏอยู่ในตาราพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ตามมติ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิต
ชิโนรส ด้วยตาราดังกล่าวได้มีการรวบรวมปางพระพุทธรูปที่ทรงคิดจากเรื่องราวในพุทธประวัติรวมท้ังสิ้น 40 ปาง ซ่ึงถือเป็นต้นแบบของปาง
พระพทุ ธรูปในสมัยรัตนโกสินทร์ แต่ปรากฏอย่ใู นหนงั สือตานานพระพุทธรูปปางตา่ ง ๆ ท่ีเขียนขน้ึ ราว พ.ศ. 2505 โดยพระธรรมโกศาจารย์
405

พระพุทธศิลป์อนั ดากปู างไสยาสนด์ ับขรรค์ปรินพิ พาน 406
ศิลปะปาละ สกลุ ชา่ งหลวงแหง่ อนิ เดยี บรรจกุ รุท่พี ุกาม พันปี กว้าง 12 น้ิว

ปางไสยาสนน์ าคปรกของทา่ นอาจารย์คงกฤตย ประเสรฐิ

อันดากูปางปรินิพพาน
สะสมโดยพระอาจารยธ์ รรมกะ บญุ ญพลงั

อนั ดากูปางปรินิพพาน
สะสมโดยท่านอาจารย์ ดร.บวรศกั ด์ิ อุวรรณโณ
407

ถงึ กาลแนแ่ ลว้ .........ไสยยาสน์
เนาพักสถติ บนอาสน์.......แท่นแกว้
ฉวีใสผุดผ่องผาด........เนาแนบ พน้ื เอย
ปางนี้คนชอบแล้ว......เกดิ เจา้ อังคารวารเจ้าเฮย......

รา่ ยโดยกวลี า้ นนาอาจารย์ นคิ ม พรหมมาเทพย์

408

409

410

อนั ดากแู บบวจิ ิตรพิสดาร

สุดุ อลัังการงานสร้า้ งพุทุ ธศิลิ ป์์เหนืือโลกปางเปิดิ โลกนาค ปรก พร้อ้ มเหล่่าพุทุ ธสาวก
เพื่�่อให้้ โลกได้้รู้�ว่ามีีพุุทธศิิลป์์โบราณเหนืือ โลกมรดกโลกมรดกแผ่่นดิินนี้้�มีีอยู่� ปรากฏเป็็น
มิ่่�งขวััญเป็็นมหามงคล แด่่สยามประเทศสืืบไป พระพุุทธปฏิิมาหิินสลัักอัันดากููปางเปิิดโลก
ณ สวรรค์์ชั้�นดาวดึึงส์์องค์์นี้้�ประกอบขึ้้�นด้้วย 4 ชิ้�น ส่่วนสููง 20 นิ้้�ว นำมาจากมหาวิิหาร
Ananda Temple Bagan ในรัชั สมััย Kyansittha King

พุทุ ธศิิลป์น์ ี้้�สะสมโดยท่่�า่ น
อาจารย์ป์ ระสงค์์ ลืือเมืือง

พระพุุทธศิิลป์์”อัันดากูู”ปางวัันพุุธ อุ้้�มบาตร สููง 10 นิ้้�ว สกุุลช่่างหลวงอิินเดีีย
แปลกดีีตรงที่�่เศีียรและพระหััตถ์์ของสองอัคั รสาวกเอีียงเข้้าหาองค์์พระศาสดา รายล้้อมด้ว้ ย
นาคนาคาแห่่งนาคพิภิ พ งดงามเหนืือคำบรรยาย
411

อาจารย์ประสงค์ ลอื เมือง กบั พุทธศิลปเ์ หนอื โลก ภาพวาดท่อี าจารยป์ ระสงค์ ลือเมอื ง นามาแลกกับพระอนั ดากู
อันดากูปางเปดิ โลก นาคปรก พรอ้ มเหลา่ พทุ ธสาวก
412

พระพทุ ธศลิ ปห์ นิ แรส่ ลกั พนั ปี

ANDAGU ศิลปะปาละ

สกลุ ชา่ งอนิ เดีย
องคน์ ส้ี ูง 11.5 นวิ้
ประกอบขึน้ ด้วย 2 ชน้ิ สว่ น

วตั ถโุ บราณ World Class
ชิน้ นสี้ ะสมโดย เซยี นเกลีย้ ง เชียงใหม่

413

พระปฏิมาหินสลักอันดากู ปางปฐม “งามอศั จรรยจ์ ริง เกนิ กวา่ สติปัญญาของ พระพุทธศิลป์พันปี "อันดากู" สูง
เทศนา พระองค์ประทับนั่งบนใบบัว อัน คนปจั จุบนั จะคดิ สรา้ งสรรค์” 2 นว้ิ ปางเสดจ็ กลับจากดาวดึงส์หลังจาก
หมายถึงพระองค์ ได้หมดส้ินแล้วซ่ึงอาสว ทรงโปรดพระมารดา "กตัญญูกตเวทิตา
กิเลสเหมือนน้าบนใบบัว น้าที่เป็นเสมือน อ.ชัยวัฒน์ วรรณานนท์ เป็นธรรมอันเลิศในหมู่มวลเทวดา และ
กเิ ลสทั้งปวง ย่อมไม่สามารถซึมเข้าไปบนใบ มนุษย์โลกทง้ั หลาย"
บวั ได้ ส่วนช้างท้งั หา้ หมายถึง พระมหาปัญจ
วั ค คี ย์ ท่ี ย อ ม ศิ โ ร ร า บ เ ป็ น ท่ี ป ร ะ ทั บ ข อ ง 414
พระองค์ สงู 2 นิ้ว

THE ANDAGU

นี่คือพระพุทธปฏิมาหินสลัก"อันดากู" พระพุทธศิลป์อศั จรรย์ ที่งดงามท่ีสุดในโลกแล้ว สูง 10 น้ิว พร่ัง
พร้อมไปด้วยอัครสาวก 29 องค์ มีส่วนประกอบท้ังหมด 5 ชิ้น ด้วยความภาคภูมิใจที่ได้นาเข้ามาเป็นมิ่ง
มงคลสู่สยามประเทศ

สะสมโดยท่านปรีชา เลาหะพงศช์ นะ

415

416

เปิดใจพรศิวะ เป็นบุญอย่างมากสาหรับผมและทุก ๆ ท่าน ที่ได้ครอบครองพระอันดากูที่มีศิลปะสวยงดงามวิจิตรพิสดารท่ีมีอายุ
รว่ มพนั ปี เปน็ บญุ อยา่ งยง่ิ ทไี่ ด้เกิดมาในชาตินแ้ี ล้วได้พบเหน็ พระอันดากู พระอันดากูเปรียบเสมือนไขข่ องพญางูจงอางที่ใครจะไปแตะต้อง
ไม่ไดเ้ ลย นับว่าเปน็ ความโชคดีของพวกเราทพี่ รศิวะมโี อกาสไดน้ าเขา้ ส่งิ ท่เี หนอื โลกน้นี ามาได้ชนื่ ชมกันครบั

องค์นีค้ รอบครองโดยทา่ นพระอาจารยธ์ รรมกะ บุญญพลัง
417

ปางเสดจ็ กลับจากดาวดึงส์ สูง 10 นิ้ว ปางโปรดพระมารดา ณ สวรรค์ดาวดึงส์ ด่ัง
สะสมโดยท่านปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ ธรรมะที่ว่า "กตัญญูกตเวทิตา เป็นธรรมอันเลิศในหมู่
มวลเทวดา และมนุษย์โลกทั้งหลาย" แม้แต่พระพุทธ
องค์กท็ รงปฏบิ ัติธรรมอันเลศิ น้ี สะสมโดยพรศิวะ

418

องค์พระสงู รวม 7 น้วิ เทา่ นน้ั ประกอบด้วย 3 ชน้ิ สว่ น มเี หลา่ อัครสาวก 22 องค์
419

ยิ่งใหญ่ อลังการ พุทธศิลป์เหนือคาบรรยาย แค่การออกแบบองค์ประกอบยังยากแล้ว แต่การลงมือแกะยากย่ิงกว่า มหัศจรรย์
“อันดาก”ู พระพุทธศลิ ปห์ ินแรส่ ลักจากพกุ าม (PAGAN) จากมหาโพธิเจดยี ใ์ นรัชสมัยของพระเจา้ กษัตริย์ฉัตรต้ัง “ติโลมินโล” ค.ศ.1211-
1234 กว่า 800 ปีล่วงมาแล้ว เป็นศิลปะปาละ สายมหายาน สูง 7 นิ้ว กว้าง 3.2 น้ิว ประกอบขึ้นด้วย 3 ช้ินส่วน เหล่าอัครสาวก 22 องค์
ทวยเทพเทวา 6 องค์ สลกั จารทีด่ ้านหลังและฐานเปน็ ภาษาอนิ เดียโบราณ “เตลูก”ู สะสมโดย พรศิวะ

420

ปฐมเทศนา
อนิ เดยี ปาละ & พกุ าม ปาละ
อนั ดากสู ะสมโดยท่านปรชี า เลาหะพงศช์ นะ

421

อลังการงานสร้าง ไม่มีพระพุทธรูปใด ๆ
ที่จะงดงามมหัศจรรย์เท่าแล้ว THE ANDAGU
องค์นี้นาออกมาจากมหาโพธิเจดีย์ท่ีสร้างขึ้นใน
รัชสมัยพระเจ้าติโลมินโลแห่งพุกามประเทศ
ค.ศ.1211–1234 “พระเจ้านรปตีซีตู” รัชกาล
ที่ 6 แห่งราชวงศ์พุกาม พระองค์ได้ทรงสร้าง
เจดีย์จุฬามณี เป็นอารามหลวงประจารัชกาล
คร้ังถึงวาระแต่งตั้งองค์รัชทายาทโปรดฯ ให้ใช้
ฉัตรเสี่ยงทาย ถ้าพระราชโอรสองค์ใดใน 5
พระองค์มีบุญบารมีจะเป็นกษัตริย์ก็ขอให้ฉัตร
โน้มไปทางพระองค์นั้น ปรากฏว่าฉัตรโน้มไป
ทางเจ้าชายชัยสิงห์ ซึ่งต่อมาได้เป็นกษัตริย์
พระนาม “นาตองมยา” หรือ “พระเจ้าติโลมิน
โล” ซ่ึงแปลว่า “กษัตริย์ฉัตรต้ัง” เป็นรัชกาลที่
7 แห่งราชวงศ์พกุ าม

422

พระพุทธศิลป์หินแร่สลัก"อันดากู" องค์นี้สูง 8 นิ้ว เป็นปาง อันดากปู างมารวชิ ยั องค์พระสงู 10 น้ิว พร้อมด้วยอัคร
“โปรดพระมารดา” ที่สวรรค์ช้ันดาวดึงส์ ศิลปะปาละ สายมหายาน สาวก ซา้ ยขวา พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร
พันปีจากพุกาม (Pagan) ประกอบไปด้วยปางดับขรรค์ปรินิพพาน
ปฐมเทศนาและปางอุม้ บาตรรับสัตตูก้อน สัตตูผง หลังจากพระองค์
ทรงตรัสรู้ พระอัครสาวกซ้ายขวา พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร
สกลุ ช่างหลวงแหง่ อนิ เดีย สะสมโดยพรศิวะ
423

พระพทุ ธศิลปอ์ นั ดากู สลักเปน็ รปู องค์พระ "โพธสิ ัตว์ สงู 5 นว้ิ ปาละมหายานพนั ปพี กุ าม (Pagan)
ครอบครองโดยทา่ นเจา้ อาวาทวดั เขาหลาว จงั หวัดราชบรุ ี

424

ปางเสดจ็ กลบั จากดาวดึงส์หลังจากทรงโปรดพระมารดา สูง 2 นิ้ว ศาสตร์และศิลปแ์ ผ่นดินพกุ าม เลศิ ล้างามเลอค่าวิจิตรศลิ ป์
โดยมพี ระพรหมกางรม่ ฉัตร และองค์พระอนิ ทรอ์ ุม้ บาตรถวาย สลกั เสลาตราตรงึ พง่ึ ศรัทธาจินต์ สูงสุดสนิ ลา้ คา่ “พระอนั ดากู”
ฐิติ เกตุธรรม ๔ ตุลาคม ๕๙
425

พระพทุ ธบาทเบื้องซา้ ย วัตถโุ บราณช้ินเยย่ี มของพรศิวะพนั ปี จากพุกาม ทมี่ ขี นาดที่ใหญ่ท่สี ุด
สงู 9 นว้ิ ด้านหลังสลกั เปน็ ดอกจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ของสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์

426

สงู 7 นิว้ ศิลปะปาละ สกุลชา่ งอินเดยี พกุ าม (Pagan) พระพทุ ธศิลป์หินแร่ ANDAGU จากมหาโพธิเจดีย์
427 ที่พุกาม (PAGAN) สร้างในรัชสมัยของพระเจ้าติโลเมนโล
ท่านครองราชยเ์ ม่ือ ค.ศ 1211-1234 ผ่านพ้นมากว่า 800
ปีแล้ว สลักเป็นเร่ืองราวพุทธประวัติตอนเสด็จกลับจาก
ทพิ ยว์ ิมานแหง่ สรวงสวรรค์ ชน้ั ดาวดงึ ส์ พร้อมอัครสาวก
เบื้องซ้ายเบ้ืองขวา และเหล่าสาวกท่ีมาเฝ้ารับเสด็จ

สะสมโดยท่านปรชี า เลาหะพงศ์ชนะ

พระพุทธรูปหินแกะมหาอันดากู
อายุ 800 กว่าปี ปางสมาธิเพชรหรือปาง
ตรัสรูซึ่งเป็นปฐมปางก็ว่าได้ ท้ังสัดส่วนและ
องค์พระไม่มีที่ติ ซ่ึงในส่วนตัวบอกได้เลยว่า
เป็นพระพุทธรูปท่ีสวยงามมากที่สุดในโลก
แล้ว แกะได้วิจิตรบรรจง ไม่รู้จะบรรยาย
ยังไง ตอนได้องค์นี้ซึ่งเป็นองค์แรกในชีวิต
ของพรศิวะ ท่ีได้สัมผัส พรศิวะรู้สึก
ประทับใจอย่างที่สุดเลยก็ว่าได้ ดูแล้วดูอีก
ไม่มีเบื่อเลย...... พรศิวะคิดว่าจะตั้งใจเก็บ
ไปเร่ือย ๆ ตามกาลังท่ีพรศิวะจะเก็บได้
เพื่อให้พุทธศิลป์มหัศจรรย์แบบนี้คงอยู่คู่
พระพทุ ธศาสนาสบื ไป

428

อันดากปู างเสดจ็ กลบั จากดาวดงึ ส์หลงั จากทรงโปรดพระมารดาสูง 2 น้วิ อนั ดากูศิลปะปาละท่ีมีจนิ ตนาการพลว้ิ ไหวอ่อนช้อยสูง 8 นว้ิ
429

อนั ดากูปางลลี า สูง 5 น้วิ สะสมโดย ทา่ นจารพุ งศ์ เรอื งสวุ รรณ พระหนิ แกะสลักอนั ดากูสูงเพียง 3 นิว้
สะสมโดย อารต์ ตสิ พิกลุ ทอง เวยี งนิล

430

อันดากพู ทุ ธศิลปพ์ ันปี ศลิ ปะปาละ สงู 6 นวิ้ กว้าง 3 นว้ิ สะสมโดยพรศวิ ะ
431

อนั ดากูพทุ ธศลิ ป์พนั ปี ศลิ ปะปาละ สูง 6 น้วิ กว้าง 3 น้วิ สะสมโดยพรศวิ ะ

432

พระหนิ แกะสลักอันดากู สงู 11 นิว้ ประกอบด้วย 3 ช้นิ ส่วน
สะสมโดยทา่ นปรชี า เลาหะพงศ์ชนะ

433

“พระพุทธรูปแสดงภูมิสปรศมุทรา หรือ ปางอ้างพระแม่ธรณี
เป็นพยาน บ้างก็เรียกปางมารวิชัย” ตามความพุทธประวัติ ขณะที่
พระมหาบุรุษบาเพ็ญสมาธิเสด็จข้ึนประทับบนรัตนบัลลังก์ หันพระ
ปฤษฎางค์เข้าข้างต้นโพธิพฤกษ์บ่ายพระพักตร์สู่ทิศตะวันออก
พยายามให้บรรลุเสวยพุทธาภิเษกสมบัติให้จนได้ดั่งพระทัยม่ันหมาย
พระสัพพัญญุตญาณ เม่ือพญามารวัสวดีทราบจึงได้ส่งกองทัพมา
คุกคามให้พลเสนามารพร้อมด้วยสรรพาวุธและสรรพวาหนะอันแรง
ร้ายเหลือท่ีประมาณ พร้อมกองทัพมารอันแสนร้ายเหาะมาโดย
นภาลัยประเทศ เข้าล้อมเขตบัลลังก์รัตน์ของพระมหาบุรุษไว้อย่าง
แน่นหนา พระองค์จึงเรียกพระแม่ธรณีข้ึนมาเพื่อเป็นพยานว่า
พระองค์ได้สง่ั สมบาเพญ็ บารมีในชาติก่อน ๆ มาเพียงพอท่ีจะตรัสรู้ใน
ชาตินี้แล้ว ลาดับน้ัน นางวสุนธรา เจ้าแม่ธรณีก็ปรากฏกายทาอัญชลี
ถวายอภิวาทแล้วเปล่งวาจาประกาศให้พญามารทราบว่า พระมหา
บุรุษได้บาเพ็ญบุญกุศลมามากมายเหลือท่ีจะนับ แม้แต่เพียงน้ากรวด
ที่ข้าพเจ้าเอามวยผมรองรับไว้บนเศียรเกล้า ก็มีมากพอจะถือเอาเป็น
หลักฐานได้ นางวสนุ ธรากล่าวแลว้ ก็บรรจงหัตถ์อันงามปล่อยมวยผม
บีบน้ากรวดที่สะสมไว้ แต่เอนกชาติ ให้ไหลออกมาเป็นทะเลหลวง
ท่วมทับเสนามารทั้งปวงให้จมลงวอดวาย คร้ังนั้นพญามารตกตะลึง
เห็นเป็นอัศจรรย์ ด้วยมิเคยเห็นมาแต่กาลก่อน ก็ประนมหัตถ์ถวาย
มนัสการ ยอมปราชัยพ่ายแพ้บุญบารมีของพระมหาบุรุษแล้วก็
อนั ตรธานหนไี ป ให้พระมหาบรุ ุษทรงมารวิชัย กาจัดมารให้พ่ายแพ้ได้
เด็ดขาด ตั้งแต่เวลาเย็นพระอาทิตย์ยังมิทันอัสดงคต .... (ที่มาส่วน
หน่ึงจาก ตานานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม
ราชบัณฑติ และ windows on the world พม่า ปี 2546 )

อันดากดู าน้ีสะสมโดย เซยี นปอ๊ บ รังสติ
434

“อนั ดากู” เป็นพระแกะหนิ ชนดิ หน่งึ ทชี่ ่างไดส้ รรค์สร้างไว้อยา่ งพิสดารแตล่ ะองค์ลว้ นงดงามไมซ่ า้ แบบกัน นอกจาก
กระบวนการทางทักษะเชงิ ชา่ งท่สี ูงแล้วนน้ั ทน่ี า่ สนใจอีกอย่างหน่ึงคอื ความคิดสรา้ งสรรค์ท่เี ปน็ เอกลักษณไ์ มเ่ หมอื นใคร มีความแปลก
ผกู โยงเร่ืองราวถา่ ยทอดไดอ้ ย่างเขา้ ใจในหลักพุทธศาสนา และงดงาม

ประทับ เวียงนิล Pratab Wiangnil
435

พระปฏมิ าหินสลกั อนั ดากู ปางป่าลไิ ลยก์ สงู 2 นวิ้
สะสมโดยคณุ แนน กทม.

436


Click to View FlipBook Version