The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by eengteepakorn, 2022-05-07 00:03:51

พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู

พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู

Keywords: พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู,อันดากู

137 อันดากบู อกเล่าเรอ่ื งราวเหตกุ ารณท์ ีพ่ ระพุทธเจ้าประทับในนาคพภิ พ

ภาพอกั ษรเตลกู ูจารกึ ด้านหลงั พระอนั ดากู พรอ้ มซ้มุ นาคปรก 138

ดินรกั ษาอันดากู

139

ดอกเตอร์ Claudine Bautze – Picron ได้สรุปให้ท่านอาจารย์
บวรศักด์ิฯ ฟังว่าสาเหตุท่ีทาให้พระอันดากู สมบูรณ์ ไม่มีแตกไม่มีหักเลย
เพราะว่าดินรักษา ดินรักษาอันดากูจริง ๆ “ดินรักษา” พระอันดากูทุก ๆ
องค์ จะถูกห่อหุ้มด้วยดินเหนียวท่ีผสมกับเปลือกข้าวหรือแกลบ แล้วบรรจุ
ลงในช่องกรุอีกชั้นหนึ่ง พระทุก ๆ องค์จึงอยู่รอดปลอดภัยเหนือกาลเวลามา
นับพันปี แล้วยังคงความสมบูรณ์ นับว่าเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณอย่าง
แท้จริงทมี่ องเห็นถึงอนาคต คือ มีดินเหนียวพอกเป็นก้อนดิน แล้วก็ภายในก็
จะมีแกลบตามภาพประกอบ น่ันก็คือดินรักษาพระอันดากูจึงได้สมบูรณ์
แบบและสวยไมม่ ที ต่ี ิเชน่ นี้

140

สมบูรณ์แบบท่ีสุดเลย ไม่มีแตกไม่มีหักใด ๆ ท้ังสิ้น
ที่แตกที่หัก เรามาทาแตกทีหลังอย่างเช่นทาตกทาหล่นบ้าง
กเ็ ลยมแี ตกบา้ งนิดหน่อย ภูมปิ ัญญาของคนโบราณสมัยก่อน
เมื่อ 800 ปีล่วงมาแล้วในการเก็บรักษา อนุรักษ์พระพุทธ
ปฏิมามหาอันดากู โดยนาเอาดินเหนียวผสมคลุกเคล้ากับ
แกลบเปลือกข้าวแล้วนามาห่อหุ้มองค์พระ แล้วจึงนาไป
บรรจุในช่องกรุอีกชั้นหนึ่ง เมื่อแกลบผสมกับดินเหนียวเป็น
การป้องกันการจับตัวกลายเป็นหินเมื่อเวลาล่วงไปอีกเป็น
ร้อยเป็นพันปีเพราะแกลบจะมีช่องอากาศแฝงอยู่ เป็นตัว
กนั ไมใ่ ห้ดินเหนียวเซ็ตตัวกลายเป็นหิน คนในโลกปัจจุบันจึง
นาออกมาล้างทาความสะอาดไดโ้ ดยง่าย
141

142

143

144

145

พุทธศลิ ป์ มหัศจรรย์ อนั ดากู
บรรจอุ ยู่ กรุพุกาม นามเมียนมาร์
ชา่ งหลวงแกะ สลกั ไว้ ให้ตรึงตรา
ชา่ งเทวดา ฝากผลงาน สะทา้ นเทอื น

อัศจรรย์ เหนอื คา พรรณนา
ศลิ ปพ์ ทุ ธา สลักไว้ หาใดเทยี ม
พุทธประวัติ มมิ ี ท่ีผดิ เพย้ี น
แม้กาลเปล่ยี น ดินรักษา อนั ดากู

……..นายชา่ งเนย…์ …..

146

ภาษาเตลูกู

147

ภาษาเตลกู ู (తెలుగు) อยูใ่ นตระกูลภาษาดราวเิ ดียน แต่มอี ิทธิ
พลพอสมควรจากภาษากลุ่มอินโด-อารยันภายใต้ตระกูลอินโด–ยุโรเปียน
และเป็นภาษาราชการของรัฐอานธรประเทศ (Andhra Pradesh) ของอิน
เดีย ภาษาเตลูกูเป็นตระกูลภาษาดราวิเดียนที่มีผู้พูดมากท่ีสุด เป็นภาษาที่
พูดเป็นอันดับ 2 รองจากภาษาฮินดีและเป็นหนึ่งใน 22 ภาษาราชการของ
อินเดียเขยี นดว้ ยอักษรเตลกู ู ชาวอังกฤษในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 19 เรียกภาษา
เตลูกูว่าภาษาอิตาลีของโลกตะวันออก (Italian of the East) เน่ืองจาก
ทุกคาในภาษาเตลูกูลงท้ายด้วยเสียงสระ แต่เชื่อว่านักสารวจชาว
อิตาลี นิกโกเลาะ ดา กอนตี (Niccolò Da Conti) ได้คิดวลีน้ีใน
คริสตศ์ ตวรรษท่ี 15

จุดกำเนิด

ภาษาเตลูกูมีจุดกาเนิดจากภาษาดราวิเดียนด้ังเดิมและอยู่ใน
กลุ่มดราวิเดียนกลาง - ใต้ โดยผู้พูดมีจุดกาเนิดมาจากกลุ่มชนที่อยู่
ตอนกลางของที่ราบสูงเดกคาน และได้รับอิทธิพลจากภาษาสันสกฤต
มาก จารึกภาษาเตลูกูมีอายุย้อนหลังไปได้ถึง พ.ศ. 143 พบที่ตาบล
กูร์นูล

148

รำกศพั ท์

รากศัพท์ท่ีแน่นอนของคาว่า “เตลูกู” หรือ “เตลุคุ” ยังไม่ทราบแน่ชัด
โดยท่ัวไปอธิบายว่ามาจากคาว่าไตรลิงกะ ในไตรลิงกะ เทศา ในศาสนาฮินดูคาว่า
ไตรลิงกะ เทศา หมายถึงดินแดนที่อยู่ระหว่างวิหารของพระศิวะ 3 แห่ง คือ กาละ
หัตถี ศรีศัยลัม และทรกั ศรมมั ไตรลงิ กะ เทศานี้อยู่ที่แนวชายแดนด้ังเดิมของบริเวณ
เตลูกู รูปแบบอ่ืน ๆ ของคาน้ี เช่น เตลุงกะ เตลิงคะ เตลังกนะ และเตนุงกะพบได้
เช่นกัน มีคากล่าวว่าไตรลิงกะในรูปของไตรลิกกอนปรากฏในงานของปโตเลมีใน
ฐานะชื่อของดินแดนท่ีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้าคงคา นักวิชาการอื่น ๆเปรียบ
เทียบไตรลิงคะกับชื่อพ้ืนเมืองอ่ืน ๆ ที่กาหนดโดยพลินี เช่น โบลิงเก มักโดคาลิงเก
และโมโด กาลิงกัม โดยช่ือหลังน้ันระบุว่าเป็นเกาะในแม่น้าคงคา A.D. Campbell
ได้กล่าวไว้ในบทนาของตาราไวยากรณ์ภาษาเตลูกูของเขาว่าโมโด กาลิงกัมอาจจะ
อธิบายได้ด้วยการแปลภาษาเตลูกูคาว่าตรีสินงกัมและเปรียบเทียบส่วนแรกของคา
โมโด กับมุดุกะซ่ึงเป็นรูปคาที่ใช้ในวรรณคดีภาษาเตลูกู โดยมุดุแปลว่าสาม Bishop
Caldwell อธบิ ายวา่ โมโด กาลงิ กมั มาจากภาษาเตลูกู มุดุ กาลิงกัมหมายถึงกาลิงกัส
ท้ังสามซึ่งเป็นชื่อพ้องกับที่พบในจารึกภาษาสันสกฤต และกาลิงกะปรากฏในจารึก
พระเจา้ อโศกมหาราชและเริ่มปรากฏรูปคาว่ากลิงก์ซึ่งกลายเป็นคาท่ีใช้เรียกคนที่มา
จากอินเดียตอนใต้ในมาเลเซีย K.L. Ranjanam เห็นว่าคาว่ากลิงก์มาจากตะละดิง
ซึ่งเป็นผู้นาสูงสุดของเขตอันธระ M.R. Shastri เห็นว่ามาจากคาว่าเตลุงคะท่ีมาจาก
ภาษาโกณฑี เตลู แปลว่าขาว แล้วทาให้อยู่ในรูปพหูพจน์โดยเดิม –unga ซ่ึงอาจจะ
เป็นการอ้างอิงถึงคนผิวขาว G.J. Sumayaji อธิบายว่า ten- หมายถึงใต้ ในภาษา
ดราวิเดยี นดั้งเดิม และอาจจะมาจากเตนงุ กู หมายถึงผู้คนทางใต้ ชื่อเดิมของแผ่นดิน
เตลูกูคือเตลิงกะ/เตลงิ กะเทศะ ซึ่งดคู ลา้ ยกับว่ามาจากรากศัพท์ เตลิ- และเติม –nga
ซึง่ เป็นหนว่ ยสร้างคาท่ัวไปในภาษาตระกูลดราวเิ ดียน คาว่าเตลิปรากฏในภาษาเตลูกู
แปลวา่ สว่าง คาวา่ กลงิ กอ์ าจจะมีพ้ืนฐานเดียวกับคาในภาษาเตลูกู กาลูกูตะหมายถึง
อย่รู อดและมชี วี ติ และความหมายโดยนัยคือความเป็นคน

149

ประวัติ 150

แบ่งยคุ ในประวตั ศิ าสตรข์ องภาษาเตลูกอู อกเป็น 4 ยคุ ดงั นี้
พ.ศ. 943–1053 การค้นพบป้ายจารึกอักษรพราหมณ์อ่านว่า ทัมภยา ธานัม พบบนหินสบู่เม่ือ 1,457

ปีก่อนพุทธศักราช ซึ่งเป็นหลักฐานท่ีพิสูจน์ว่าภาษาเตลูกูเป็นท่ีรู้จักก่อนแนวคิดท่ีรับรู้กันท่ัวไปในรัฐ
อันธรประเทศ หลักฐานปฐมภูมิคือจารึกภาษาสันสกฤต/ปรากฤตท่ีพบในบริเวณนั้นซึ่งมีชื่อบุคคลและ
สถานที่เป็นภาษาเตลูกูแทรกอยู่ในยุคนี้ ซ่ึงมีการใช้ภาษาเตลูกูในสมัยท่ีมีการปกครองของราชวงศ์ศตวหนะ
ซ่ึงพูดภาษาปรากฤต คาในภาษาเตลูกูปรากฏในบทกวีภาษามหาราษฎร์ที่เป็นภาษาปรากฤตท่ีรวบรวมเมื่อ
457 ปีกอ่ นพุทธศกั ราช โดยกษัตรยิ ท์ ละในราชวงศ์ศตวหนะ ผู้พูดภาษาเตลูกูอาจจะเป็นกลุม่ คนท่เี ก่าแก่ที่สุด
ทีอ่ าศัยในแผน่ ดนิ บรเิ วณแม่นา้ กฤษณาและโคทาวารี

พ.ศ. 1053- 1643 จารกึ ช้ินแรกท่ใี ช้ภาษาเตลกู ทู ้งั หมดพบในชว่ งท่ีสองของประวัติศาสตร์เตลูกู จารึก
นม้ี ีอายุราว พ.ศ.1118 พบที่ตาบลกจปะ กุร์โนล และตาบลใกล้เคียง โดยใช้ภาษาสันสกฤตควบคู่ไปกับภาษา
ท้องถ่ิน ในอีก 50 ปีต่อมา พบจารึกภาษาเตลูกูในอนันตปุรัมและบริเวณใกล้เคียง จารึกภาษาเตลูกูล้วนชิ้น
แรกพบท่ีชายฝ่ังของรัฐอันธรประเทศ อายุราว พ.ศ. 1176 ในช่วงเวลาเดียวกัน กษัตริย์จาลุกยะแห่งเตลังก
นะเนิม่ ใช้ภาษาเตลูกู โดยภาษาเตลูกูในยุคนไี้ ดร้ บั อิทธพิ ลจากภาษาสันสกฤตมาก และเป็นยุคที่เริ่มมีวรรณคดี
ภาษาเตลูกู ยคุ น้ยี งั พบการเปลีย่ นแปลงทางดา้ นภาษาศาสตรข์ องภาษาพดู ด้วย

พ.ศ. 1643 – 1943 เป็นยุคท่ีวรรณกรรมมีความก้าวหน้ามากขึ้น และเริ่มนาคาท่ีเป็นภาษาพูดเข้าไป
ใช้ในบทกวี ยคุ นีย้ งั เปน็ ยุคท่ีศาสนาอิสลามแผ่มาถงึ เตลงั กนะและเกดิ อักษรเตลกู -ู กนั นาดาขน้ึ

พ.ศ. 1943 – 2443 ในยุคนภี้ าษาเตลูกมู กี ารเปลยี่ นแปลงมาก ภาษาในเตลังกนะเริ่มแตกเป็นสาเนียง
ตา่ ง ๆ ซึง่ เปน็ ผลมาจากบทบาทของศาสนาอสิ ลามจากการถูกปกครองโดยสุลตา่ นราชวงศ์ตุกลิกท่ีก่อต้ังขึ้นใน
เดกคานตอนเหนือราวพุทธศตวรรษที่ 19 อย่างไรก็ตาม จักรวรรดิวิชัยนครมีความโดดเด่นใน พ.ศ. 1875
จนถึงราว พ.ศ. 2143 ทาให้เกิดยุคทองของวรรณคดีเตลูกูเม่ือถึงพุทธศตวรรษท่ี 22 การปกครองของมุสลิม
เริม่ ขยายตวั ลงทางใต้จนเกิดการก่อตงั้ ราชรฐั ไฮเดอราบัดโดยราชวงศอ์ าซาฟ ยะห์ ใน พ.ศ. 2267 ทาให้ภาษา
เตลกู ไู ด้รบั อิทธพิ ลจากภาษาเปอร์เซียและภาษาอาหรับมากในยุคน้ี

พ.ศ. 2443 – ปัจจุบัน ยุคนี้เป็นยุคท่ีได้รับอิทธิพลจากภาษาอังกฤษ การสื่อสารสมัยใหม่ ส่ือส่ิงพิมพ์
ซ่ึงเป็นผลมาจากการปกครองของอังกฤษ เร่ิมมีสื่อสมัยใหม่เช่นโทรทัศน์ วิทยุและส่ือส่ิงพิมพ์ตั้งแต่
พ.ศ. 2483 มกี ารกาหนดรูปแบบมาตรฐานของภาษาเพือ่ การสอนในโรงเรยี น

อันดากู ปางประทานพร ในดินแดนนาคพภิ พ โดยมภี าษาเตลูกโู บราณ สลักไว้ดา้ นหลงั
151

อนั ดากดู า กบั ภาษาที่จารลงบนพระอนั ดากเู ป็นภาษา"เตลูก"ู เป็นภาษาโบราณของอินเดยี

152

พระพทุ ธศิลป์หนิ สลกั อันดากูนั้น เป็นศลิ ปะปาละสลักมานับพนั ปีโดยช่างชาวอินเดยี ภาษาทีส่ ลักจารน้นั เปน็
ภาษาอนิ เดยี โบราณ “เตลกู ”ู บรรจุกรทุ ี่พกุ าม(ทะเลเจดยี ์) ประเทศพมา่ เปน็ พระพทุ ธรูปตน้ แบบเป็นพระแม่พิมพ์ เปน็
พระตน้ กาเนดิ ของพระทง้ั ปวงทัง้ หมดท้งั สิ้น
153

พระพุทธศิลป์พันปีอันดากูนั้นช่างอินเดียปาละได้บรรจงสลัก
ล้วนแล้วเป็นหน่ึงเดียวล้วนแล้วถูกต้องตามพระพุทธประวัติตาม
พระไตรปิฎก เป็นช่างหลวงของพระเจ้าแผ่นดิน เป็นศิลปะท่ีครบถ้วน
สมมาตรหาที่ติไม่ไดเ้ ลย

.....กะโลงล้านนาฮ่าพระเจา้ ....ดังนี้

"นาคาขนดม้วน........แผพ่ าน

พศิ ดังคหู าโอฬาร.......ห่มไซร้

พระเจ้าสถิตวิมาน.......หนิ แกร่ง นลิ เอย

เตลกู ูจารเลา่ ไว้........ศลิ ป์น้ีจากพกุ ามเจ้าเฮย"

คา่ วฮา่ ....

"พระเจ้างาม ต๋ามจา๋ รบอกไว้

พกุ ามเน่อไซร้ หนิ แกร่งนักหนา

ยามผ่อคลอ้ ย ดังลอยเวหา

พุทธศลิ ปา เนานาโลกกว้าง

สลา่ แกะเหลา งามเงาสะหลา้ ง กศุ ลบญุ ทานสาธุ.....สาธุเจ้า....

.....บทกลอนนี้ร่ายโดยอาจารย์ นิคม พรหมมาเทพย์ 154

พระพทุ ธศิลป์หินศิลาสลัก อนั ดากู ปางประสานบาตร

พทุ ธศลิ ปห์ นิ สลกั แท.้ .......อันดากู

ศลิ ปะปาละดู........ชดั แท้

สลา่ อินเดียช้นั ครู.....เกลาแกะไวเ้ อย

กรพุ ุกามบรรจุแล.้ ....สอื ไวภ้ าษาเตลกู เู จ้าเฮย..

155 ตน้ แบบพระพมิ พ์เน่อน.ี้ .....เบา้ แบบเดิมบ่งช.้ี ......ต้นเดมิ พระทัง้ ปวงบารนี
บทกวีโดยอาจารยน์ คิ ม พรหมมาเทพย์

ภาษาที่จารลงบนพระอันดากเู ป็นภาษา “เตลกู ”ู เปน็ ภาษาโบราณของอินเดีย 156
ดังนัน้ เราจงึ สรุปไดว้ ่าพระอันดากูเปน็ ศลิ ปป์ าละแกะสลกั ข้นึ โดยช่างชาวอนิ เดยี

แมอ้ งคพ์ ระจะเล็กแคไ่ หน แต่คนโบราณยังสามารถจารกึ อกั ขระโบราณภาษาเตลกู ู ลงไปได้แสดงความความเป็นอจั ฉรยิ ะภาพดา้ นปฏมิ ากรรม
157

THE ANDAGU องคน์ ส้ี งู เพียงแค่ 1.5 นิ้ว ด้านหลงั สลักจารเปน็ ภาษาอินเดียโบราณ “เตลูก”ู มอี ายุการสร้างมากว่า 800 ปี 158
นาออกมาจาก มหาโพธิเจดีย์ พกุ าม PAGAN ทสี่ รา้ งในรชั สมัยพระเจ้า กษตั รยิ ฉ์ ัตรตั้ง ติโลมินโล เมือ่ ค.ศ. 1211 - 1234

สิง่ ทีจ่ ะบอกความเปน็ มาในอดตี ของพระอันดากู กค็ อื ภาษาเตลกู ู ทีส่ ลักไว้ด้านหลงั ขององค์พระ ซ่งึ ตอ้ งรอการพิสูจน์ตอ่ ไป
159

มรดกโลก มรดกแผน่ ดนิ พระองคน์ ้มี พี ิเศษท่รี อบฐานช้นั ลา่ งสดุ สลกั จารกึ ไวด้ ว้ ยภาษาอนิ เดียโบราณเตลกู ู ท่ไี มส่ ามารถมองเหน็ ด้วยตาเปล่าได้
160

พระพุทธศิลปอ์ ัศจรรยอ์ ันดากู เป็นงานจิวเวลรส่ี ลักหนิ ทแ่ี ต่ละช้ินงานลว้ นแลว้ แต่มีเพียงหน่ึงเดยี ว ไม่ซา้ กันเลย
161 องค์นมี้ ขี นาดเลก็ ทห่ี อ้ ยคอได้ การวางเฟรมนาคท่ีกอดเกยี้ วเล้ียวรดั ไดล้ งตวั งดงาม พรอ้ มทั้งยงั มสี ลักจารกึ ภาษาเตลกู ไู วด้ ้วย

ภาษาที่สลกั จารึกบนพระอันดากเู ปน็ ภาษาอินเดยี โบราณ “เตลูก”ู 162

พระพทุ ธศิลป์อศั จรรย์ หนิ สลัก"อนั ดากู"สูง 4 นวิ้ ปางสมาธิ พรั่งพรอ้ มด้วยเหล่า 10 อัครสาวก ภกิ ษุ ภกิ ษุณี
163 ดา้ นหลงั สลกั จารเปน็ ภาษาอินเดียโบราณ “เตลกู ู” ท่ามกลางหมมู่ วลนาคาแห่งนาคพภิ พ

พระพุทุ ธศิิลป์อ์ ัศั จรรย์์ “อัันดากูู” ปางปราบพยศช้า้ งนาฬาคิริ ีี สูงู 4 นิ้้�ว ประกอบด้ว้ ย 10 อัคั รสาวก 164
ดา้ นหลังสลกั จารึกเปน็ ภาษาอินเดยี โบราณ “เตลกู ”ู ทา่ มกลางหมู่มวลนาคาแหง่ นาคพภิ พ ใตฐ้ านสลักจารเป็นรูปดอกจันทร์

165

166

167 เรยี บงา่ ยแต่งดงาม มีภาษาเตลูกู สลกั จารึกอยูท่ ฐี่ านองค์พระ

THE ANDAGU พระหินแกะสลักอันดากู (เป็นภาษาพม่าแปลว่าหินแร่ท่ีมีสีขาวขุ่น
คล้ายงาช้าง) เป็นพระศิลปะปาละสายมหายานที่นิยมสร้างพระปางทรงเครื่องใหญ่ บรรจุกรุไว้
ทดี่ ินแดนแหง่ หมืน่ เจดีย์พกุ าม (Pagan) สกุลช่างอินเดียตอนใต้ (ทราบได้จากภาษาเตลูกูที่สลัก
จารึกบนพระอันดากู ที่เป็นภาษาอินเดียโบราณทางตอนใต้ของอินเดีย) พระอันดากูที่เป็นปาง
นาคล้อมอย่างเช่นองค์น้ีได้ถูกนาออกมาจากมหาโพธิเจดีย์พุกามท่ีสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระ
เจา้ ทิลโลเมนโล ค.ศ. 1211 - 1234 เมือ่ 800 ปีล่วงมาแล้ว

168

องค์นส้ี งู 4 น้ิว ดา้ นหลังจารเป็นภาษาเตลกู ซู ึง่ เป็นภาษาอนิ เดียโบราณ
169 มีเรือ่ งแปลกเก่ียวกับพระอนั ดากูท่ีอยากจะบอกเล่าประการหนง่ึ คือไมว่ า่ พญานาคจะมกี เี่ ศียรก็ตามหางพญานาคก็จะมคี รบตามนน้ั

170

171

172

น่ีคือพระอันดากูสีดา
ที่บอกเล่าเรื่องราว 18
พุทธประวัติที่สาคัญตาม
พระไตรปิฎก พระองค์นี้
สูง 10 นิ้วสลักขึ้นจากหิน
แบล็คโคโรไลท์ที่มีความ
แข็งมากกว่าหินอันดากูสี
ขาว จะเห็นได้ว่า ศิลปะ
จะด้อยความอ่อนช้อยกว่า
สีขาวก็คงเป็นเพราะความ
แข็งของหินนั่นเอง แต่
พระอันดากูสีดานั้นจะมี
น้อยมาก มีเพียง 1% ของ
พระอนั ดากทู ้งั หมด

173

อันดากูดาพระหินแบล็ค
โคโรไลท์สลักองค์น้ี ด้านหลัง
สลักเป็นนาคมานพสุนันทา
ผคู้ ้าจุนพระศาสนา วันทาบูชา
พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า ด้ ว ย ด อ ก บั ว
ด้า น ล่า ง สลั ก เป็ น รูป ข อ ง
ด อ ก จั น ท ร์ อั น ห ม า ย ถึ ง
สถาบันพระมหากษตั รยิ ์

พระพุทธศิลป์หินแร่สลัก
"อันดากูดา"สลักขึ้นจากแร่หิน
แบล็คโคโรไลท์ พบน้อยมาก
ทางด้านหลังขององค์พระสลัก
จารเป็นภาษา"เตลูกู"ที่เป็น
ภาษาโบราณของอินเดีย ดา
เข้ม ขลัง อลงั การ

174

พระอันดากูดา สลัก
ขึ้นจากหินแบล็คโคโรไลท์
ป า ง โ ป ร ด อ ง คุ ลี ม า ล โ จ ร
สีดานี้จะพบน้อยมาก แค่
หน่ึ ง ใ นร้ อ ยข อง สีข า ว
เ ท่ า น้ั น อ า ยุ นั บ พั น ปี
ศิลปะปาละ แกะสลักโดย
ช่างหลวงอินเดีย แห่ง
ราชอาณาจกั รพุกาม

175

พบเพียงองค์เดียวเท่าน้ัน
พระอันดากูดาท่ีลงรักชาด
ปัจจุบันไปประดิษฐานท่ีบ้าน
ท่าน ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรม
ทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออก
ข้าวไทย

176

พระพุทธศิลป์หนิ แร่
สลัก"อันดากูดา"สลักขึ้น
จากแรห่ ินแบล็คโคโรไลท์
พบน้อยมากมีเพียงร้อย
ละหน่ึงเดียวของพระอัน
ดากูสีขาว ทางด้านหลัง
ขององค์พระสลักจะเป็น
ภาษา "เตลูกู“ ที่เป็น
ภาษาโบราณของอินเดีย
เน้ือหินมีสีดา แลดูเข้ม
ขลัง อลังการ สะสมโดย
อาจารย์ประทบั เวยี งนลิ

177

เข้ม ขลัง อลังการ
The Black
ANDAGU
"อนั ดากูดา"

พนั ปี ปาละ มหายาน
India To Burma

178

The Black Andagu

อันดากูดา สูง 2.5 น้ิว
กว้าง 2 น้ิว อายุนับพันปี
ศิลปะปาละ สกุลช่าง
หลวงอนิ เดีย ปางทุกรกิริยา
บาเพ็ญเพียร ก่อนท่ีจะ
ทรงเห็นว่าไม่ใช่หนทางท่ี
ถกู ต้อง จึงหยดุ

179

The Black Andagu

พ ร ะ พุ ท ธ บ า ท อั น ด า กู ด า
ค้นพบเพยี งหนง่ึ เดยี วเทา่ นนั้
สะสมโดย คุณแนน กรุงเทพฯ

180

" พระพทุ ธรูปแสดงภูมสิ ปรศมทุ รา หรอื ปางอ้างพระแม่ธรณีเป็นพยาน บ้างก็เรียกปางมารวิชัย "
ตามความพุทธประวัติ ขณะท่ีพระมหาบุรุษบาเพ็ญสมาธิเสด็จขึ้นประทับบนรัตนะบัลลังก์ หันพระ
ปฤษฎางค์เขา้ ข้างตน้ โพธิพฤกษ์ บ่ายพระพกั ตรส์ ูท่ ศิ ตะวันออก พยายามใหบ้ รรลุเสวยพุทธาภิเษกสมบัติให้
จนได้ดั่งพระทัยมั่นหมายพระสัพพัญญุตญาณ เม่ือพญามารวัสวดีทราบจึงได้ส่งกองทัพมาคุกคาม ให้พล
เสนามารพร้อมด้วยสรรพาวุธและสรรพวาหนะอนั แรงร้ายเหลือที่ประมาณ พร้อมกองทัพมารอันแสนร้าย
เหาะมาโดยนภาลัยประเทศ เข้าล้อมเขตบัลลังก์รัตนะของพระมหาบุรุษไว้อย่างแน่นหนา พระองค์จึง
เรียกพระแม่ธรณีข้นึ มาเพอ่ื เป็นพยานว่า พระองค์ได้ส่ังสมบาเพญ็ บารมีในชาติก่อน ๆ มาเพียงพอที่จะตรัส
รู้ในชาตินี้แล้ว ลาดับนั้น นางวสุนธรา เจ้าแม่ธรณีก็ปรากฏกายทาอัญชลีถวายอภิวาทแล้วเปล่งวาจา
ประกาศให้พญามารทราบวา่ พระมหาบุรษุ ได้บาเพ็ญบญุ กุศลมามากมายเหลอื ท่จี ะนับ แม้แต่เพียงน้ากรวด
ที่ข้าพเจา้ เอามวยผมรองรับไว้บนเศียรเกล้า ก็มีมากพอจะถือเอาเป็นหลักฐานได้ นางวสุนธรากล่าวแล้ว ก็
บรรจงหัตถ์อันงามปล่อยมวยผม บีบน้ากรวดท่ีสะสมไว้ แต่เอนกชาติ ให้ไหลออกมาเป็นทะเลหลวง ท่วม
ทับเสนามารท้ังปวงให้จมลงวอดวาย ครั้งน้ันพญามารตกตะลึงเห็นเป็นอัศจรรย์ ด้วยมิเคยเห็นมาแต่กาล
กอ่ น ก็ประนมหตั ถ์ถวายมนัสการ ยอมปราชัยพ่ายแพบ้ ุญบารมีของพระมหาบุรุษแล้วก็อันตรธานหนีไป ให้
พระมหาบุรุษทรงมารวิชัย กาจัดมารให้พ่ายแพ้ได้เด็ดขาด ต้ังแต่เวลาเย็นพระอาทิตย์ยังมิทันอัสดงคต ....
(ที่มาส่วนหน่ึงจาก ตานานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ" นิพนธ์ของ พระพมิ ลธรรม ราชบัณฑิต และ windows
on the world พม่า ปี 2546 )

181

เหลือท่จี ะนบั แมแ้ ต่เพยี งนา้ กรวด

พระพรหม อันดากดู า พบเจอเพยี งหน่งึ เดียว
สะสมโดยพระอาจารยผ์ ล เวียงคูไวย์
182

183

184

185

186


Click to View FlipBook Version