The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by eengteepakorn, 2022-05-07 00:03:51

พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู

พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู

Keywords: พุทธศิลป์มหัศจรรย์อันดากู,อันดากู

นาฬาคิริ ีรี ่่ำร้อ้ ง..........คำรณ แตกตื่นพาผ้คู น.........พ่านผา้ ย

เจ้าพระสะกด-ดล....โอนอ่อน ยอมเนอ ปางปราบมารชา้ งร้าย......น่เี นอ้ บารมเี จ้าเฮย... สาธเุ จา้

287

พระมารดาโปรดแลว้ ..........หวนคนื
กลับสโู่ ลกยงั่ ยนื ........ผ่องแผ้ว
เพือ่ โผดผายแผ่ผืน.....สัตว์โลก เราเอย
ต๋าวะติ๋งสาดาวแก้ว.....ลว่ งแลว้ เลยลาเจา้ เฮย

288

ปางน้ีปกห่มเจ้า.........ปีกนุ ทรงช่วยพมิ พิสารการณุ .....เพ่อื หา้ ม

มหาชมพอู ากูร......ว้าวุ่น วายเอย ให้หลุดพน้ ห่วงขา้ ม.....กเิ ลสร้าย สูบ่ ุญเจา้ เฮย

พุทธศลิ ป์พลิ าศ ฝหี ัตถ์ปราชญ์เกรยี งไกร.....แกะหินแกร่งไว้ได้....โลกน้ี สกั เสริญ บารนี

289

...ลลี างามอ่อนชอ้ ย........ร่ายรา้
หินแกร่งจารึกจ้า.........หลกั หลา้
โพธิสตั วร์ ูปงามข้า......ชอ้ ยอ่อน งามเเอ่
พุทธศลิ ป์จรสั จา้ .........โลกนน้ี ิรันดร์.....เจา้ เฮย

290

"พญาครุฑยดุ นาค" สงู 2.5 น้ิว
สองชีพสองตวั ตน.......ไขวค่ วา้
สศู้ ึกกลางเวหา..........เช่ียวฤทธ์ิ แสดงเอย
291 นาคนกตา่ งเก่งกลา้ .......เรื่องน้ใี นนทิ าน เจา้ เฮย...

แค่ไ่ ด้เ้ ห็น็ ก็เ็ ป็น็ บุุญตา 292
มีโี อกาส คว้า้ มา เป็็นบุุญใจ
อันั ดากูู พุุทธศิลิ ป์์ อัันยิ่�งใหญ่่
จากพุุกาม สู่�ไทย ให้้ครอบครอง
..........นายช่า่ งเนย์์..........

.......อตั ต๋ะพุทธา
สง่าแต้ใบ้
เยน็ อ๋กเย็นใจ.๋ ..ผู้ขา้

...พระพทุ ธองค์
ทรงเปล่งวาจา๋
นา้ ตั๋วผู้ข้า
สอ่ งผญ๋าเจา้

...ทรงแสดงธมั ม์
ดงั่ คา้ บเ่ สา้
ห้อื ตน๋ หม่เู ฮา...ไดค๊ ิด

...ฝึกปฎบิ ัติ
สลดั ใจ๋จิต
อตั ตา๋ มืดมิด
หอื้ ปิดหอื้ วาง...สรา้ งธมั ม์
....กัน คนเมอื ง ลา้ นนา....

293

พทุ ธศลิ ป์ ถนิ่ ไกล พาหลงไหล
สวยหยาดฟา้ นภาลัย ไฉนน้อ
แตล่ ะองค์ ชา่ งงดงาม ละเอยี ดลออ
บรรจงยอ ยกจากฟ้า สถิตดนิ
ทะลทุ ะลวง ปานวาด ฝันจนิ ตนา
ปฏิมา สลกั ลง บนก้อนหิน
สร้างด้วยใจ ด้วยศรทั ธา เป็นอาจิณ
ก่อเป็นศิลป์ ชั้นครู คู่บัลลงั ก์
อันดากู หินงาม ตามศรัทธา
ด้วยคุณคา่ พุทธศลิ ป์ อันเขม้ ขลงั
กอ่ ก้าเนดิ ต้นแบบ อยา่ งจรี งั
คงเข้มขลัง สลักมนต์ พ้นภพภมู ิ

....กนั ล้านนา เคร่ืองราง....

294

...สถปู พระเจ้า
เงาศาสดา
สาดแสงแจ่มฟา้ ....ธานี
...ตักศลิ า
แห่งนาคนาคี
ป๋กปอ้ งจากผี...จากมาร
...เป๋นดัง่ วัชระ
ปน้ วฏั สงสาร
บ่าเคร่งหรอื ยาน...หว่านบุญ

... โดย กัน คนเมือง ลา้ นนา

295

อนั ดากปู างนั่งอ้มุ บาตร สะสมโดย กนั แหง่ คนเมอื ง ลา้ นนา

296

...ศลิ ปินสรรสร้างศลิ ปะ
ด้วยพุทธะบารมที ี่ผสม
ด้วยจติ ที่บรสิ ทุ ธิเ์ ฉกพระพรหม
เกดิ เป็นองค์โคตะมะชนะมาร

....สลักใจลงไปในกอ้ นหิน
ชีพชีวินลอ่ งไปด้วยใจหาญ
ไม่เกรงกลัวเหลา่ ยกั ษ์และหมู่มาร
ท่ีมาผลาญกา้ ลงั ใจใหถ้ อยลง

....บรรจงรา่ ยด้วยกายแห่งพทุ ธะ
เปรยี บเหมอื นด่งั วัชระทีย่ ืนยง
สรรและสรา้ งดว้ ยจิตท่ีมัน่ คง
กอ่ เกดิ องคอ์ ันดากคู ่แู ผน่ ดนิ

....บทกลอนโดย อาจารย์ กัน แหง่ คนเมอื ง ลา้ นนา
พระพุทธศลิ ป์หนิ ศิลาสลกั อนั ดากู สูง 7 น้วิ

297

พุทธศิลป์ มหศั จรรย์ อันดากู
บรรจอุ ยู่ กรุพุกาม นามเมยี นมาร์
ชา่ งหลวงแกะ สลกั ไว้ ใหต้ รึงตรา
ชา่ งเทวดา ฝากผลงาน สะท้านเทือน

อัศจรรย์ เหนือคา้ พรรณนา
ศิลป์พทุ ธา สลักไว้ หาใดเทียม
พุทธประวัติ มิมี ที่ผดิ เพย้ี น
แมก้ าลเปล่ียน ดินรักษา อันดากู

........นายช่างเนย.์ .........

298

ปางทุกรกริ ยิ า


299

ปางบาเพ็ญทุกรกิรยิ า
ปางบาเพ็ญทุกรกริ ิยา เปน็ พระพุทธรูปในลักษณะอิริยาบถนัง่ ขดั สมาธิ พระหตั ถท์ ง้ั สองซอ้ นกนั บนพระเพลา (ตัก) พระหตั ถ์ขวาทับพระ

หัตถซ์ ้าย มองเหน็ พระวรกายซูบผอมจนพระอฐั ิ (กระดูก) และพระนหารุ (เส้นเอน็ ) ปรากฏ ลกั ษณะพระวรกายผา่ ยผอมเหน็ หนังติดกระดูก
ประวัติ
การบาเพ็ญทุกรกริยา ( กิริยาที่ทาได้โดยยาก ได้แก่การบาเพ็ญเพียรเพ่ือ
บรรลุธรรมวิเศษ ด้วยวิธีการทรมานตนด้วยวิธีต่าง ๆ เป็นวิธีของโยคี ) หลังจากที่
พระบรมโพธสิ ตั ว์ (พระพทุ ธเจ้าก่อนบรรลุธรรม) เมื่อพระองค์ทรงศึกษาจนสาเร็จ
สมาบัติ 7 จากสานักอาฬารดาบส กาลามโคตร และสมาบัติ 8 จากสานักอุทก
ดาบส รามบุตร และอุทกดาบสไดต้ ง้ั พระบรมโพธิสัตว์ไว้ในตาแหน่งอาจารย์เสมอ
ด้วยตนเอง แตพ่ ระบรมโพธสิ ตั ว์เหน็ ว่าวชิ าทีศ่ ึกษามายังมิใช่หนทางแห่งโพธิญาณ
จึงอาลาออกจากสานัก ทรงแสวงหาหนทาง ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ณ ตาบลอุรุ
เวลาเสนานิคม มีปัญจวัคคีย์ ท้ัง 5 ได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ
อัสสชิ เป็นอุปัฏฐาก พระบรมโพธิสัตว์ทรงกระทาทุกรกิริยา เช่น ลดอาหารลงที
ละน้อยจนถึงงดเสวย ร่างกายซูบผอม พระโลมา (ขน) มีรากเน่าหลุดออกมา แล
เหน็ พระอัฐิได้ชดั เจน ไปทว่ั พระวรกาย การกลั้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ทรงบาเพ็ญ
ทุกรกิริยาติดต่อกันเป็นเวลา 6 ปี จนมีพระวรกายผ่ายผอมแต่ก็ยังคงไม่ได้พบ
หนทางหลุดพ้นจากทุกข์ได้เพราะเป็นการปฏิบัติฝ่ายอัตตกิลมถานุโยค ต่อมาเมื่อ
พระบรมโพธิสัตว์ได้ทรงสดับเสียงพิณและพิจารณาตามเสียงพิณว่า สายพิณเส้น
หนึ่งถา้ ปล่อยใหห้ ย่อนลง ถา้ เลน่ ไปเสยี งจะผิดเพ้ียนไม่ไพเราะ อีกสายพิณอีกหน่ึง
ท่ตี ัง้ ขึงถ้าบดิ มากไป ถ้าเลน่ ไปสายจะขาดได้ เส้นสายพิณท่อี ยู่ตรงกลางที่ไม่หย่อน
ไม่ตึงเสียงจะไพเราะ ทางสายกลางต่างหากท่ีเป็นทางถูกต้อง ในท่ีสุดพระองค์จึง
ทรงเลิกการบาเพ็ญทกุ รกริ ยิ าหนั มาเสวยพระกระยาหาร เป็นเหตุให้ปัญจวัคคีย์ ท้ัง
5 เส่ือมความศรัทธา ว่าพระบรมโพธิสัตว์กลายเป็นคนมักมาก จึงพากันละท้ิงไป
อยปู่ า่ อิสิปตนมฤคทายวันทาให้พระบรมโพธสิ ัตวต์ ้องบาเพญ็ เพยี รตามลาพังตอ่ ไป

300

เม่ือครัง้ ทรงเรม่ิ บาเพญ็ เพยี รทุกรกิริยาซง่ึ เปน็ วธิ ที นี่ ยิ มกันว่าจะเป็นหนทาง
ที่ทาให้ตรัสรูโ้ ดย

• กดพระทนต์ดว้ ยพระทนต์
• กดพระตาลุ (เพดานปาก) ดว้ ยพระชิวหา (ลิ้น)
• ทรงผอ่ นกลัน้ ลมอสั สาสะปสั สาสะ
• ทรงอดพระกระยาหารจนพระวรกายเหยี่ วแหง้
• พระฉวี (ผวิ พรรณ) เศร้าหมอง
• มพี ระอาการประชวร อดิ โรย จนหมดสติลม้ ลง

แล้วเม่ือฟน้ื คนื สติทรงเห็นวา่ “ผทู้ ่ที าความเพยี รดว้ ยการทรมานร่างกายยิ่ง
กว่าเราน้ันไม่มี เราปฏิบัติถึงขนาดนี้แล้ว ยังไม่สามารถจะบรรลุพระโพธิญาณได้
ชะรอยหนทางแห่งการตรัสรู้คงจะเป็นหนทางอื่นมิใช่ทางน้ีเป็นแน่” ขณะน้ันเอง
พระอินทร์ทรงทราบความปริวิตกของพระมหาบุรุษ จึงนา “พิณทิพย์สามสาย”
มาดีดถวายให้สดับรับฟัง เม่ือพระองค์ได้สดับเสียงพิณแล้วก็ทรงเปรียบเทียบการ
ปฏบิ ัตกิ บั พณิ สามสายนนั้ วา่

• สายหน่งึ ตงึ นักพอดดี ไปหนอ่ ยก็ขาด
• สายหน่งึ หย่อนนกั ดีดไมม่ เี สยี ง
• สว่ นอกี สายหนงึ่ ไมต่ งึ นักไม่หย่อนพอปานกลางคงมีเสยี งดงั ไพเราะ

พระโพธิสัตว์ทรงถือเอาเสียงพิณน้ันเป็นนิมิตหมาย พิจารณาเห็นแจ้งว่า
มัชฌิมาปฏิปทา คือ การปฏิบัติเป็นกลางๆ ไม่ตึงนักไม่หย่อนนักคงจะเป็นหนทาง
แห่งการตรสั รแู้ น่นอน

จากบทความนี้ นค่ี อื เหตผุ ลท่ีในพระปฏิมาพุทธประวัติทั้งหมด จะมีปาง
ทกุ รกิริยาเพียงปางเดียวทีไ่ ม่มโี พธิบลั ลงั กร์ องรบั เพราะไม่ใชห่ นทางแหง่ พทุ ธะ
301

พระหนิ แกะสลกั อันดากู จากพุกาม(Pagan)พม่า ปางทกุ รกริ ิยา สูง 10 น้วิ สกลุ ชา่ งอนิ เดยี เมื่อ 800 ปลี ่วงมาแลว้

ภาพวาดปางทุกรกิรยิ าของคุณ ดุสติ ใจบาน

302

พุทธศลิ ป์ หินแร่สลกั "อันดาก"ู ปาง "ทกุ รกริ ยิ า บาเพญ็ เพียร" พนั ปี พกุ าม
Pagan สูง 4 นว้ิ อยากใหช้ มตรงท่ีพระเนตรเบื้องขวาของพระองคท์ ี่เปน็ เสน้ ยาวทบี่ ่ง
บอกไดว้ า่ "อนั ธรรมชาตขิ องพระอนั ดากูนน้ั จะตอ้ งมีเปลอื กข้าวปรากฏอยู่ ไม่มากก็
นอ้ ย และดนิ ท่ใี ชพ้ อกองค์พระตดิ อย่เู ท่าน้ัน" เปลอื กขา้ วโบราณนี้สามารถนาไป
ตรวจสอบพิสจู น์อายไุ ดต้ ามหลักวทิ ยาศาสตร์ ดว้ ยวธิ ชี ีวภาพ

303

ปางทกุ รกิรยิ า ภาพจากพกุ ามมิวเซยี ม

304

พระพทุ ธศิลปห์ ินสลกั Andagu ปางทุกรกิรยิ า สงู 4 นว้ิ
สทิ ธัตถะเพง่ แท.้ .....กริ ยิ า
ฉศกบาเพ็ญมา......ห่อนพ้น

ยงั อยใู่ นวัฏสังขารา.....จนซูบผอมเอย่
ประวัติจารเลศิ ล้น......สลกั ไว้ในอันดากู
อนั ดากผู ูกเล่าไว้........ด้วยพุทธศลิ ป์

เพ่ือชาวโลกไดย้ ลยิน......พร่ังพร้อม
สล่าเกลากลอ่ มหิน........ดว้ ยจิตกศุ ลเอย่
ยามพินจิ ใฝ่ใจคอ้ ม......ชื่นดว้ ยบารมเี จา้ เฮย

อ.นคิ ม พรหมมาเทพย์

305

ความเชื่อและคตินยิ ม : การสรา้ งพระพทุ ธรปู ลักษณะปางทกุ รกริ ิยาน้เี พื่อแสดงให้เหน็ ถงึ ความเพยี รท่ปี ฏบิ ัตไิ ดย้ ากย่งิ หาที่เปรยี บมิได้

306

ทกุ รกิรยิ า & พณิ สามสาย
ร่ายบทกลอนโดยท่านอาจารย์ ชยั วฒั น์ วรรณานนท์
ผมู้ ผี ลงานดีเดน่ รางวลั พระสทิ ธธิ าดาทองคาพระราชทาน
The andagu ปางทุกรกริ ิยา สะสมโดย ท่าน ดอน ลาพนู
307

พระพทุ ธรูปปางทกุ รกิรยิ าศลิ ป์คนั ธาราฐจากอฟั กานสิ ถาน อนั ดากูดา ปางทกุ รกริ ยิ า

308

The Black ANDAGU ปางทกุ รกริ ิยา บาเพ็ญเพยี ร ศิลปะปาละ สกุลช่างหลวงแห่งอนิ เดีย India To Bagan ดา้ นลา่ งสดุ จะเปน็
เบญจวคั คี ทง้ั 5 สลักขึน้ จากแร่ แบลค็ โคโรไลท์ สงู 10 นิว้ ดว้ ยความภาคภูมิใจ พรศวิ ะ แอนทิค

309

ปางทุกรกิรยิ า หินแรแ่ บลค็ โคโรไลท์ พันปี ศิลปะปาละ
สกุลชา่ งอนิ เดียสงู 3 นิว้ กวา้ ง 2 นิ้ว สะสมโดยพรศิวะ

310

อนั ดากดู าปางทกุ รกิรยิ า หินแรแ่ บลค็ โคโรไลท์ อนั ดากเู ลก็ ขนาดหอ้ ยคอ
311 สะสมโดยนายชา่ งเนย์

312

ปางมารวิชัย

313

ประวัติ พระบรมโพธิสัตว์ (พระพุทธเจ้าก่อนบรรลุธรรม) ได้เสด็จไป

ประทบั ใตต้ น้ พระศรมี หาโพธ์ใิ นเวลาเยน็ และนัง่ สมาธิก่าหนดจิตเจริญ
สมาธิภาวนา ท้าววสวัตตีซึ่งคอยติดตามพระองค์อยู่ จึงเข้าขัดขวาง
โดยข่ีช้างคิรเี มขละ นา่ เหลา่ เสนามารจ่านวนมากเข้ามารบกวน หวังให้
พระองค์เกรงกลัวจะได้ลุกข้ึนเสด็จหนีไป แต่พระองค์ก็ยังประทับน่ิง
มารวิชัย (มาระวิชัย) หรือ ชนะมาร หรือ มารสะดุ้ง เป็นพระพุทธรูป เป็นปกติโดยมิได้ทรงหวั่นไหว มารจึงโกรธมาก สั่งให้เสนามารกลุ้มรุม
ปางหน่ึง อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา กันประหารพระองค์ พระองค์จงึ ทรงนึกถึงบารมี 10 ทัศ ที่ทรงบ่าเพ็ญ
พระหัตถข์ วาวางคว่าลงทีพ่ ระชานุ นิว้ พระหตั ถช์ ล้ี งที่พืน้ ธรณีในคราวที่พระองค์ ส่ังสมมาทุกชาติ โดยทรงเหยียดพระหัตถ์ออกจากภายในกลีบจีวร
ทรงเอาชนะมารได้ แลว้ ทรงชแี้ ผ่นดินด้วยพระดรรชนี (นวิ้ มอื ) จนทา่ ให้เกิดแผ่นดนิ ไหว ใน

ทส่ี ดุ พญามารยอมแพ้หนไี ป 314

" พระพุทธรูปแสดงภูมิสปรศมุทรา หรือ ปางอ้างพระแม่ธรณีเป็นพยาน บ้างก็เรียกปางมารวิชัย " ตามความพุทธประวัติ ขณะท่ีพระมหาบุรุษบ่าเพ็ญสมาธิเสด็จ
ข้นึ ประทับบนรตั นบลั ลงั ก์ หันพระปฤษฎางคเ์ ขา้ ข้างตน้ โพธพิ ฤกษ์บ่ายพระพักตร์สู่ทิศตะวันออก พยายามให้บรรลุเสวยพุทธาภิเษกสมบัติให้จนได้ดั่งพระทัยม่ัน
หมายพระสัพพัญญุตญาณ เมื่อพญามารวัสวดีทราบจึงได้ส่งกองทัพมาคุกคามให้พลเสนามารพร้อมด้วยสรรพาวุธและสรรพวาหนะอันแรงร้ายเหลือที่ประมาณ
พร้อมกองทพั มารอนั แสนร้ายเหาะมาโดยนภาลยั ประเทศ เข้าลอ้ มเขตบัลลงั ก์รัตนข์ องพระมหาบรุ ษุ ไว้อย่างแน่นหนา พระองคจ์ งึ เรยี กพระแม่ธรณีขึ้นมาเพ่ือเป็น
พยานวา่ พระองค์ได้สั่งสมบ่าเพ็ญบารมีในชาติก่อนๆมาเพียงพอที่จะตรัสรู้ในชาตินี้แล้ว ล่าดับนั้น นางวสุนธรา เจ้าแม่ธรณีก็ปรากฏกายท่าอัญชลีถวายอภิวาท
แล้วเปล่งวาจาประกาศใหพ้ ญามารทราบว่า พระมหาบุรุษได้บ่าเพ็ญบุญกุศลมามากมายเหลอื ที่จะนบั แมแ้ ต่เพยี งน้า่ กรวดที่ข้าพเจ้าเอามวยผมรองรับไว้บนเศียร
เกล้า กม็ ีมากพอจะถือเอาเป็นหลกั ฐานได้ นางวสนุ ธรากลา่ วแล้ว ก็บรรจงหตั ถอ์ ันงามปลอ่ ยมวยผม บีบน้า่ กรวดที่สะสมไว้ แต่เอนกชาติ ให้ไหลออกมาเป็นทะเล
หลวง ท่วมทับเสนามารท้ังปวงให้จมลงวอดวาย ครั้งนั้นพญามารตกตะลึงเห็นเป็นอัศจรรย์ ด้วยมิเคยเห็นมาแต่กาลก่อน ก็ประนมหัตถ์ถวายมนัสการ ยอม
ปราชยั พ่ายแพ้บุญบารมขี องพระมหาบุรุษแลว้ ก็อนั ตรธานหนีไป ให้พระมหาบรุ ษุ ทรงมารวิชยั กา่ จัดมารให้พ่ายแพ้ได้เดด็ ขาด ตั้งแต่เวลาเย็นพระอาทิตย์ยังมิทัน
อสั ดงคต .... (ท่ีมาสว่ นหน่งึ จาก ตา่ นานพระพุทธรปู ปางตา่ ง ๆ" นิพนธ์ของ พระพมิ ลธรรม ราชบณั ฑติ และ windows on the world พมา่ ปี 2546 )
315

316

ปางมารวิชยั ท่ามกลางหมมู่ วลนาคาแหง่ นาคพภิ พ ถือได้ว่าเป็นอัญมณี จวิ เวลรีแ่ ห่งพระพทุ ธศลิ ป์
ชา่ งได้รงั สรรคอ์ อกแบบเพยี งหนึ่งเดยี วไมซ่ ้า่ กันเลย องคน์ ้ีมขี นาดเลก็ สูงเพียงนิว้ กว่าๆ เท่าน้นั เอง
317

เฝา้ เพียรเฝ้าปลกุ ปล้า.......วญิ ญู 318
มารหมู่พาบา้ ร.ู ......เหมิ่ ร้าย

ทส่ี ุดเหลา่ ศัตร.ู ......บ้าราศ ไปนา
วิชยั มารแตกผา้ ย.....ตรัสรู้ สู่ด้าวอรหันต์เจ้าเฮย..
มารวิชยั บอกอี.......ขดั สมาธิเพชรปางน.ี ...นิวชพี สธุ า บารนี......
แต่งโดยกวลี ้านนาอาจารย์ นคิ ม พรหมมาเทพย์

ปางมารวิชยั ภมู ิสปรศมทุ รา อา้ งพระธรณีเป็นพยาน
มหาอนั ดากู ปางมารวชิ ัย บนฐานบัว พร้อมพระโพธิสัตว์
ขนาบขา้ งซา้ ยขวา โดยมีพระแม่ธรณีอยูใ่ ตฐ้ าน

The Andagu นาคา 9 เศยี ร ปางตรสั รมู้ ารวิชยั
319

มหาอนั ดากู ปางมารวชิ ัย พรอ้ มเหลา่ อัครสาวก 14 พระองค์

320

ปางปฐมเทศนา

321

ปางปฐมเทศนา
ปางปฐมเทศนา เป็นพระพุทธรูปลักษณะประทับ(น่ัง)

ขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายทาประคองพระหัตถ์ขวา วางบนพระ
เพลา (ตัก) หรือถือชายจีวร พระหัตถ์ขวายกข้ึนเสมอพระอุระ (อก)
จีบน้ิวพระหัตถ์ เป็นเครื่องหมายว่าพระธรรมจักร มีเครื่องประกอบ
ทาเป็นรปู วงล้อ (ธรรมจักร) กับรูปกวางไว้ตรงพุทธบัลลังก์ และบาง
ทีมปี ัญจวัคคยี พ์ นมมอื ด้วย (พระพุทธรูปปางนี้ที่ไทยเราเอามาสมมุติ
เรียกวา่ พระคนั ธารราฐสาหรับขอฝน)

ประวัติ
ในวันข้ึน 15 ค่า เดือน 8 หรือวันเพ็ญเดือนอาสาฬหปุณมี

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
อนั เป็นปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ มีใจความสาคัญดังน้ี คือ ทรงให้
งดเว้นทางสุดโต่ง 2 สาย คือ กามสุขขัลลิกานุโยค ได้แก่ การ
ประกอบตนให้หมกมุ่นในกาม และ อัตตกิลมถานุโยค คือ
ทาตนเองให้ลาบาก ทรงแสดงมัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง
ได้แก่ มรรคมีองค์ 8 อันเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงทางดับทุกข์และ
อริยสัจ 4 หรือความจริงอันประเสริฐได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ
มรรค และเมื่อแสดงธรรมจบลง โกณฑัญญพราหมณ์ (พระอัญญา
โกณฑัญญะ) หน่ึงในปัญจวัคคีย์ได้ดวงตาเห็นธรรม (สาเร็จเป็นพระ
โสดาบัน) ในวันน้ัน เป็นบุคคลแรกในพุทธศาสนาท่ีได้สาเร็จเป็น
อริยบุคคล

322

323

ทฐ่ี านของพระพทุ ธรูปจะมีสัญลกั ษณ์กงลอ้ พระธรรมจักรที่หมุน พระอันดากปู างปฐมเทศนา อาสาฬหบชู า องคน์ ้สี ะสมโดยพรศวิ ะ
ไปขา้ งหนา้ แสดงถงึ ความพรอ้ มเกิดข้ึนแลว้ แหง่ พระพุทธ 324

พระธรรม พระสงฆ์ พระอันดากปู างปฐมเทศนาอาสาฬหบูชา
องค์นีส้ งู 6 น้ิว

อนั ดากอู งคน์ ้ีสาคญั มาก เป็นปางปฐมเทศนาโปรดปัญจวคั คีย์
เปน็ วันที่มพี ระรัตนตรัยครบในวันอาสาฬหบชู า พระพทุ ธรปู องคน์ ้สี ูง 7 นิว้
325

326

อันดากปู างแสดงธรรมโปรดพระมารดา ณ สวรรคช์ น้ั ดาวดงึ ส์ มีนาคปรก สูง 8 นวิ้
327

อนั ดากูปางแสดงธรรมโปรดพระมารดา ณ สวรรคช์ ั้นดาวดึงส์

328

ปางสมาธิ

329

ปางสมาธิ
ปางสมาธิ เปน็ พระพุทธรูปลักษณะน่ังสมาธิ น่ังลาพระองค์ตั้งตรง

พระบาท(เท้า) ทั้งสองซ้อนกัน โดยพระบาทขวาซ้อนทับอยู่บนพระบาท
ซา้ ย พระหตั ถ์ท้งั สองวางซ้อนหงายกันบนพระเพลา(ตัก) โดยวางพระหัตถ์
ขวาซ้อนหงายอย่บู นพระหัตถซ์ ้าย (ทา่ สมาธริ าบขาขวาทับขาซ้าย) จัดเป็น
ปฐมปาง หรือปางที่ให้กาเนิดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วย
พระองค์ทรงอยู่ในพระอิริยาบถนี้ในคืนวันตรัสรู้ เรียกได้อีกอย่างว่าปาง
ตรสั รู้หรอื เป็นพระพุทธรปู ในอิริยาบถประทับนั่งสมาธิ โดยใช้ข้อพระบาท
ท้ังสองข้างขัดกนั ซึ่งเรยี กว่า “ปางขัดสมาธิเพชร”

ประวัติ
เป็นทา่ นัง่ สมาธิหลงั จากพระพุทธเจา้ ทรงกาจัดพระยามารและเสนามารให้ปราชัย

ไปแล้ว ด้วยพระบารมีตั้งแต่เวลาเย็นก่อนพระอาทิตย์ตก(ปางมารวิชัย) ทรงเจริญสมาธิ
ภาวนาด้วยท่านั่งสมาธิน้ี จนทาจิตให้ปราศจากอุปกิเลส บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติย
ฌาน และจตุถฌาน ซึ่งเป็นส่วนของรูปสมาบัติ ท่ีเรียกว่า “เข้าฌานสมาบัติ” จากน้ันก็ใช้
ฌานสมาธิที่แน่วแน่น้ัน เจริญปัญญาหรือองค์วิปัสสนาจนได้บรรลุ “ญาณ” (คือ ความรู้
แจ้ง) ที่เรียกว่า “อภิญญาญาณ” (ความรู้แจ้งอันประเสริฐสุด) ทั้งสามประการคือ
ทรงบรรลุญาณท่ีหนึ่ง ในตอนปฐมยาม (ประมาณ 3 ทุ่ม) ญาณนี้เรียกว่า
“บุพเพนิวาสานุสติญาณ” หมายถึง ความรู้แจ้งถึงอดีตชาติหนหลังท้ังของตนและ
ของคนอ่ืน พอถึงมัชฌิมยาม (ประมาณเที่ยงคืน) ก็ได้บรรลุญาณท่ีสอง ท่ีเรียกว่า
“จุตูปปาตญาณ” หมายถึง ความรู้แจ้งถึงความจุติ คือ ดับและเกิดของสัตว์โลกตลอดจน
ถึงความต่างกันที่เรียกว่า “กรรม” พอถึงปัจฉิมยาม (หลังเท่ียงคืนล่วงแล้ว) ทรงบรรลุ
ญาณท่ีสาม คือ “อาสวักขยญาณ” หมายถึง ความรู้แจ้งถึงความสิ้นไปของกิเลส และ
อริยสัจสี่ คือความทุกข์ (ทุกข์) เหตุเกิดของความทุกข์ (สมุทัย) ความดับทุกข์ (นิโรธ) วิธี
ดบั ทุกข์ (มรรค) และกาจดั อวชิ ชาไปจนสิน้ จากกมลสนั ดาน

330

ปางสมาธิ
หลังจากท่ีพระบรมโพธิสัตว์มีชัยชนะเหนือ
พญามารแล้ว ทรงบาเพ็ญสมาธิต่อไป เมื่อจิตตั้งม่ัน
บริสุทธ์ิผ่องใสปราศจากอุปกิเลสแล้ว ในปฐมยามทรง
บรรลุปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ระลึกชาติได้หลาย
ช า ติ ไ ม่ มี ที่ สิ้ น สุ ด ใ น มั ช ฉิ ม ย า ม ท ร ง บ ร ร ลุ
จุตูปปาตญาณ คือ สามารถหยั่งรู้การเวียนว่ายตาย
เกิดของสรรพสัตว์ว่า สัตว์ท้ังหลายเกิดมาแล้วตายไป
ประสบสุขและทุกข์ตามกรรมที่ทาไว้ และในปัจฉิม
ยามพระองค์ทรงบรรลุอากาสวักขยญาณ ทรงทา
อาสวกิเลสทั้งหลายให้ดับสิ้นไป จนได้บรรลุอนุตร
สัมมาสมั โพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใน
เวลารุ่งอรุโณทัย ตรงกับวันเพ็ญเดือน 5 หรือข้ึน 15
ค่า เดือน 6 (วันวิสาขบูชา) สถานท่ีตรัสรู้ของพระ
สัมมาสัมพุทธเจ้า ปัจจุบันอยู่ในตาบลพุทธคยา
ประเทศอินเดีย

331

พระพทุ ธศลิ ป์ อศั จรรย์ หนิ สลกั "อนั ดาก“ู สงู 4 นวิ้ ปางสมาธิ พร่งั พรอ้ มดว้ ยเหลา่ 10 อคั รสาวก ภกิ ษุ ภกิ ษุณี
ดา้ นหลงั สลกั จารเป็นภาษาอินเดียโบราณเตลกู ู ทา่ มกลางหมมู่ วลนาคาแหง่ นาคพภิ พ

332

พระพุุทธศิิลป์์ศิิลาสลัักจากพุุกาม ANDAGU
ปางสมาธิพิ ร้อ้ มด้ว้ ยอัคั รสาวก ซ้า้ ย(พระโมคคัลั ลานะ)
ขวา(พระสารีีบุตุ ร)
333

พระพุทธศลิ ป์หินแรส่ ลัก “ANDAGU” สงู 3 นิว้ ปางสมาธิพรั่งพรอ้ มด้วยจานวน 10 อัครสาวก อุบาสก อุบาสิกา ดา้ นหลงั
มีพญาช้าง 2 เชอื ก ท่ามกลางหมูม่ วลนาคพภิ พเปน็ อัศจรรย์ ขอ้ สังเกต พระหนิ สลัก “อันดากู” น้ันแต่ละองค์ไดอ้ อกแบบศลิ ปโ์ ดย
ไม่ซา้ กนั เลย ล้วนแลว้ มเี พียงหนึ่งเดียวเทา่ นน้ั

334

พระพุทธศิลป์หนิ แร่สลกั อัศจรรย์อนั ดากู ANDAGU ปางสมาธสิ ูง 3 น้วิ พรัง่ พร้อมดว้ ยเหล่าอคั รสาวก 9 องค์
สลักขึ้นในรัชสมัยพระเจ้า ตโิ ลมินโล เม่อื ค.ศ. 1211 - 1234 บรรจุกรไุ วท้ ่ี พกุ ามประเทศ Pagan ณ มหาเจดยี ์กพู่ ญา "มหาโพธิเจดีย์"
335

336


Click to View FlipBook Version