ปางอมุ้ บาตร
337
ปางอมุ้ บาตร
ปางอมุ้ บาตร เปน็ ชอื่ เรยี กของพทุ ธลกั ษณะของพระพทุ ธรปู ทำ
นง่ั ขัดสมำธิอยำ่ งปำงสมำธิ หรือยืน แต่พระหัตถท์ ง้ั สองประคองถอื บำตร
ประวัติ
เม่ือพระพุทธเจ้ำได้แสดงเวสสันดรชำดกโปรดพระประยูรญำติแล้ว
พระประยูรญำติต่ำงถวำยนมัสกำรทูลลำกลับสู่พระรำชสถำนท่ีพักของตน
แต่ไม่มีใครทูลนิมนต์พระพุทธองค์ให้รับภัตตำหำรเช้ำเลย โดยเข้ำใจเอำเอง
ว่ำ คงเสด็จไปเสวยภัตตำหำรในพระรำชนิเวศน์ ในวันรุ่งข้ึนพระพุทธองค์
ทรงทรำบด้วยพระญำณว่ำพระพุทธเจ้ำในอดีตเมื่อเสด็จมำประทับ ณ พระ
นครของพุทธบิดำ ตำมพุทธประเพณีได้เสด็จบิณฑบำตเพื่อโปรดมหำชน
พระพุทธองค์จึงเสด็จออกบิณฑบำตตำมพุทธประเพณี และมีควำมปิติยินดี
ประณมหัตถ์นมัสกำร นับเป็นครั้งแรกที่ชำวเมืองกบิลพัสด์ุได้เห็น พระบรม
ศำสดำทรงอุ้มบำตร เสด็จพระพุทธลีลำโปรดประชำสัตว์ เป็นกำรเพ่ิมพูน
ควำมปีติ โสมนัส พระพุทธจริยำตอนนี้เป็นเหตุให้พุทธบริษัทสร้ำง
พระพทุ ธรปู เรียกวำ่ ปำงอุ้มบำตร
อันดากู ปำงอมุ้ บำตร
องคน์ ี้ใหด้ ูกำรแกะสลักทช่ี ำยจวี รใหล้ อยออกมำ
338
อนั ดำกูปำงอุม้ บำตร อนั ดำกปู ำงอุ้มบำตร
สะสมโดยนำยช่ำงเนย์ สะสมโดยทำ่ นพระอำจำรย์ธรรมกะ บญุ ญพลัง
339
The Andagu ปำงวนั พธุ อ้มุ บำตร สูง 7 น้วิ พญำนำค 32 เศยี ร พนั ปีศลิ ปะปำละสกุลชำ่ งอินเดยี บรรจุกรทุ ี่พกุ ำม (Pagan)
สะสมโดยเซียนป๊อบ รงั สิต
340
341
342
343
344
ปางรบั สตั ตูก้อนสัตตผู ง
345
ปางรบั สัตตกู ้อนสตั ตผู ง
ปางรบั สตั ตกู ้อนสตั ตูผง เปน็ พระพทุ ธรูปอยใู่ นอิริยาบถ
ประทบั (น่ัง) ขดั สมาธิ พระหตั ถท์ ง้ั สองประคองบาตรซงึ่ วางอย่บู น
พระเพลา (ตกั ) ทอดพระเนตรลงต่า เป็นกิรยิ าทรงรบั ขา้ วสัตตูกอ้ น
สตั ตผู งด้วยบาตร
ประวตั ิ
พระพทุ ธเจ้าทรงรับขา้ วสัตตกู ้อนสัตตูผงจากตปสุ สะและภกั
ลกิ ะ พอ่ ค้าสองพีน่ ้องชาวอุกกละชนบท ที่ได้นา่ มาถวายด้วยความ
เลือ่ มใส เมอื่ ทรงท่าภตั กิจเสร็จแลว้ พอ่ ค้าทง้ั สองประกาศตนเปน็
อุบาสกทร่ี ับเขา้ ถงึ พระพุทธ และพระธรรมเปน็ ท่พี งึ่ นับถอื สงู สดุ ใน
ชวี ติ เพราะขณะนนั้ ยังไมม่ พี ระสงฆ์บงั เกดิ ขนึ้ ถอื เป็นเทววาจิก
อุบาสก นบั เปน็ อบุ าสกคแู่ รกในโลก
อันดากู ปางรบั สตั ตกู อ้ นสตั ตูผง ขนาดหน้าตกั ประมาณ 3 นิ้ว
สะสมโดยท่านพระอาจารยธ์ รรมกะ บุญญพลัง
346
อันดากปู างรับสัตตูกอ้ นสัตตผู ง ขนาดความสูง 6 นวิ้ สถิต ณ วัดเขาหลาว จังหวดั ราชบุรี
347
พระพทุ ธศลิ ปพ์ ันป"ี อนั ดาก"ู สูง 6 น้วิ ปาละมหายาน ปาง"ทรงรบั สตั ตกู ้อน สตั ตูผง"สะสมโดยทา่ นพระอาจารยธ์ รรมกะ บญุ ญพลงั 348
พระพุทธศิลป์พันปีอันดากู สูง 6 น้ิว ปาละมหายาน
สกุลช่างหลวงอินเดีย พุกาม Pagan ปาง"ทรงรับสัตตูก้อน
สัตตูผง"พระองค์ทรงทอดพระเนตรลงต่าแสดงพระอิริยาบถ
รบั สัตตกู ้อน สัตตผู งดว้ ยบาตร หลังจากท่ีพระพทุ ธองค์ตรัสรู้
ทรงประสานบาตรหินทั้งสจ่ี ากท้าวจตุโลกบาลรวมเป็นบาตร
ใบเดียว แลว้ จึงทรงรับการถวายสัตตูก้อน สัตตูผงจากพ่อค้า
สองพ่ีน้อง คือ ตปุสสะ และ ภัลลิกะ สะสมโดยท่านพระ
อาจารย์ธรรมกะ บญุ ญพลัง
349
พระพทุ ธศลิ ปพ์ ันปอี นั ดากู สงู 2 นิว้ ปาละมหายาน ปางทรงรบั สัตตกู อ้ นสัตตผู ง
สะสมโดยพรศวิ ะ
350
351
พระปฏมิ าหนิ สลกั อนั ดากปู างสตั ตกู อ้ นสตั ตผู ง 352
สะสมโดยพระศวิ ะ
ปางห้ามแกน่ จนั ทร์
ปางห้ามแก่นจนั ทร์ เปน็ พระพทุ ธรูปอยูใ่ นพระอิรยิ าบถยืน ห้อยพระหตั ถข์ วาลงขา้ งพระวรกาย
ฝา่ พระหตั ถซ์ ้ายยกขึ้นเสมอพระอรุ ะ(อก) และย่ืนออกไปขา้ งหน้าเป็นกริ ยิ าทรงหา้ ม
353
อันดากปู างหา้ มแก่นจนั ทร์ สะสมโดย ดร.เจรญิ เหล่าธรรมทัศน์
ประวตั ิ
ตามคัมภีร์อรรถกถา (คมั ภีร์ชั้นหลังพระไตรปิฎก) กล่าวว่าเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จจาพรรษา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์น้ัน มีตานาน
กลา่ ววา่ พระเจา้ ปเสนทิโกศล กษตั รยิ ์แห่งนครสาวัตถีทรงราลกึ ถงึ พระพทุ ธองคม์ าก ด้วยความเคารพรักและศรัทธาจึงสั่งให้ช่างหลวงทาพระพุทธรูป
ลักษณะคลา้ ยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจา้ ดว้ ยไม้แกน่ จนั ทรห์ อมอยา่ งดี ประดิษฐานไว้ในพระราชนเิ วศนเ์ พ่อื สกั การบูชา พระไม้แก่นจันทร์องค์นี้ถือว่า
เป็นพระพุทธรูปองค์แรกในพระพุทธศาสนา เม่ือพระพุทธเจ้าเสด็จกลับมา และได้มาทรงเยี่ยมพระเจ้าปเสนทิโกศล พระพุทธรูปไม้แก่นจันทร์องค์
ดงั กล่าวกไ็ ดแ้ สดงปาฏหิ ารยิ ์ ลอยจากพระแทน่ เพอื่ ใหอ้ งคพ์ ระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ ประทบั องคพ์ ระสมั มาสมั พุทธเจา้ จงึ ได้ทรงห้ามรูปเปรียบพระองค์
ไม่ให้ลอยไปทอี่ นื่ และยงั ไดท้ รงบอกถงึ อานสิ งค์ในการสร้างรูปเปรียบของพระองคใ์ หพ้ ระเจา้ ปเสนทโิ กศลรับฟงั อกี ด้วย
354
พระพุทธรูปสาริดโบราณ ปางห้ามแก่นจันทร์ ถูกเก็บรักษาในกรุในถ้ามานับพันปี จากสนิมเขียวกลายเป็นสนิมสีน้าเงิน แล้วแปร
เปล่ยี นเป็นสีนา้ ตาลเข้มจากนัน้ จะเซ็ตตวั กลายเปน็ แผน่ เหมอื นเปลอื กไข่แล้วรอ่ นหลุดออกมา ทุกข้ันตอนนี้ได้เกิดข้ึนกับพระพุทธรูปปากันพันปีองค์น้ีอันสืบ
เนอ่ื งมาจากเช้ือรา ปางหา้ มแก่นจันทร์ มคี วามสูง 14 นิว้ ทงี่ ดงาม ลลี าอ่อนชอ้ ย จากท้องพระคลงั หลวงรตั นะปรุ ะอังวะ
355
356
ปางหา้ มสมทุ ร
357
ปางหา้ มสมทุ ร
ปางห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถยืน
ยกพระหัตถ์ทั้งสองแบบตั้งขึ้น ยื่นออกไปข้างหน้าเสมอ
พระอุระ (อก) เป็นกิริยาห้าม บางแบบเป็นพระทรงเคร่ือง มี
ลกั ษณะคล้ายกันกับปางหา้ มญาติ
ประวัติ
ในครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปประกาศพระศาสนายัง
ตาบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ ของพระเจ้าพิมพิสาร ทรง
ขอประทับแรมอยใู่ นสานกั ของอุรเุ วลกัสสปะผู้เป็นหัวหน้าชฎิล
(ฤษี ผู้บูชาไฟ) ซ่ึงเป็นท่ีเล่ือมใสของประชาชนในแคว้นมคธ
ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์นานัปการ เพ่ือทรมานฤษีอุรุเวลกัสส
ปะ ให้คลายความพยศลง ในคร้ังที่น้าท่วมพระองค์ทรงทา
ปาฏิหาริย์ ห้ามน้าที่ไหลบ่ามาจากทุกสารทิศมิให้เข้ามาในท่ี
ประทับ และเสด็จจงกรมภายในวงล้อมที่มีน้าเป็นกาแพง พวก
เหลา่ ชฎิลพายเรือมาดู เห็นเปน็ อศั จรรย์ จึงยอมรับในอานุภาพ
ของพระพุทธองค์ และขออุปสมบทเป็นพระภิกษุ
พระหินแกะสลักอนั ดากูสูงเพยี ง 3 นว้ิ 358
สะสมโดย อาร์ตติส พิกุลทอง เวยี งนิล
ปางเสดจ็ ลงจากดาวดึงสห์ รอื ปางลีลา
359
ปางเสด็จลงจากดาวดงึ ส์
ปางเสด็จลงจากดาวดึงส์ ทำเป็นพระพุทธรูปปำงลีลำ ทำเป็นพระยืน มีรูปพระพรหม และพระอินทร์อยู่ 2 ข้ำงเป็นเคร่ือง
ประกอบ หรอื ทำเป็นพระพทุ ธรูปอยูใ่ นอริ ิยำบถประทับยนื พระหัตถท์ ง้ั สองยกขึ้นเสมอพระอรุ ะ (อก) จีบน้ิวพระหัตถท์ ง้ั สอง เปน็ กริ ิยำทรงแสดงธรรม
ประวตั ิ
เม่อื พระบรมศำสดำ ไดเ้ สด็จจำพรรษำตลอดไตร
มำสในวัสสำคำรบ 7 เพ่ือโปรดพระพุทธมำรดำและท้ำว
สักกเทวรำชพร้อมท้ังเหล่ำเทวดำ คร้ันถึงวันปุรณมีแห่ง
อัสสยุชมำสเพ็ญเดือน 11 พระผู้มีพระภำคเจ้ำทรง
ปวำรณำพระวัสสำแล้ว ทรงรับสั่งแก่ท้ำวสักกเทวรำชว่ำ
ตถำคตจะลงไปสู่มนุษยโลกในวันน้ี เม่ือท้ำวโกลีย์ทรำบ
พระ พุทธประสงค์แล้ว จึงเนรมิตบันไ ดทิพย์ 3
บันได สำหรับพระพุทธดำเนินเสด็จลงสูม่ นษุ ยโลก บนั ได
แก้วอยู่กลำง บันไดทองอยู่ข้ำงขวำ บันได้เงินอยู่ข้ำง
ซ้ำย เชิงบันได้ท้ัง 3 น้ัน ประดิษฐำนอยู่ภำคพื้นปฐพีที่
ใกลป้ ระตูเมืองสงั กสั สนคร ศีรษะบันไดเบ้ืองบน จดยอด
ภูเขำสเิ นรุรำช บันได้แกว้ นน้ั เปน็ ทีพ่ ระผูม้ ีพระภำคเจ้ำ
เสด็จลงบันไดทองเป็นที่เทพยดำทั้งหลำยตำมส่งเสด็จ บันไดเงินเป็นท่ีพรหมทั้งหลำยตำมส่งเสด็จ ขณะน้ันเทพยดำและพรหมทั้งหลำย ได้ประชุม
พร้อมกนั บชู ำพระผู้มพี ระภำคเจำ้ ทั่วจักรวำล
เมอื่ ไดเ้ วลำเสด็จ พระผู้มพี ระภำคเจ้ำก็เสด็จมำประทับยืนที่ฐำนศีรษะบันได ในท่ำมกลำงเทพพรหมบริษัทซึ่งแวดล้อมเป็นบริวำรจึงได้ทรงทำ
โลกวิวรณปำฏิหำริย์เปิดโลก โดยพระอำกำรทอดพระเนตรไปในทิศต่ำง ๆ รวมท้ังเบ้ืองบนและเบื้องล่ำงรวม 10 ทิศด้วยกัน และด้วยพุทธำนุภำพ
ในทันใดน้ัน ทุกทิศทุกทำงจะแลโล่งตลอดหมดไม่มีส่ิงอันใดกีดกัน เทวดำในสวรรค์จะมองเห็นมนุษย์ เห็นยมโลก เห็นนรกและมนุษย์ก็มองเห็น
เทวดำ เห็นสัตว์นรก แม้สัตว์นรกก็มองเห็นตลอดเทวดำในสวรรค์ ไม่มีสิ่งใดปิดบัง พระผู้มีพระภำคเจ้ำทรงสำแดงปำฏิหำริย์เปิดโลก พร้อมกับเปล่ง
ฉัพพรรณรงั สพี ระรศั มี 6 ประกำร เปน็ มหัศจรรย์
คร้ังน้ันเทพยดำในหมื่นจักรวำลได้มำประชุมกันในจักรวำลนี้ เพ่ือชื่นชมพระผู้มีพระภำคเจ้ำทรงทำปำฏิหำริย์ พร้อมกับทำกำรสักกำรบูชำ
สมโภชพระผมู้ ีพระภำคเจ้ำด้วยทพิ ย์บุบผำมำลัยเป็นอเนกประกำร
360
ปำงเสดจ็ กลบั จำกดำวดงึ ส์ ครอบครองโดยเซียนเกลี้ยง เชียงใหม่ ปำงเสด็จกลบั จำกดำวดึงส์ จำกมิวเซยี มพุกำม
พระผู้มีพระภำคเจ้ำได้เย้ืองย่ำงลีลำเสด็จลงจำกดำวดึงส์ โดยบันได้แก้วมณีมัย แม้แต่พระสำรีบุตรพุทธสำวกยังได้กล่ำวคำถำ
ทำ่ มกลำงเทพยดำในหม่ืนจักรวำลมีท้ำวสักกะ เป็นต้น โดยบันไดทองสุวรรณมัยในเบ้ือง
ขวำ ท้ำวสหัมบดีพรหมเป็นอันมำกลงโดยบันได้เงินหิรัญญมัยในเบื้องซ้ำย ปัญจสิขร สรรเสรญิ ดว้ ยควำมยนิ ดีว่ำ น เม ทิฏฺโฐ อิโต ปุพฺเพ เป็น
คนธรรมพ์เทพบุตร ทรงพิณมีสีดังผลมะตูมสุกดีดขับร้องด้วยมธุรเสียงอันไพเรำะมำใน อำทิ ควำมว่ำขำ้ พระองคไ์ ม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินมำก่อน
เบ้อื งหน้ำพระบรมศำสดำ ท้ำวสันดุสิตเทวรำชกับท้ำวสุยำมเทวรำชทรงทิพย์จำมรถวำย เลยว่ำ พระผู้มีพระภำคเจ้ำซ่ึงงำมด้วยศิริโสภำคย่ิงกว่ำ
พระบรมศำสดำทั้ง 2 ข้ำง ท้ำวมหำพรหมปชำบดีทรงทิพย์เศวตฉัตรกั้นถวำยพระบรม เทพเจ้ำทั้งมวล มีพระสุระเสียงอันไพเรำะอย่ำงนี้ เสด็จ
ศำสดำเสดจ็ เปน็ มัคคเุ ทศกน์ ำพระบรมศำสดำลงมำ ในท่ำมกลำงทวยเทพยดำและพรหม ลงมำจำกสวรรค์
ท้ังหลำยพำกันแวดล้อมแหห่ อ้ มเป็นบรวิ ำร
เม่ือพระผู้มีพระภำคเจ้ำเสด็จลีลำลงจำกดำวดึงส์สวรรค์โดยบันได้แก้วลงมำถึง
เชิงบันได มหำชนท้ังหลำยได้เห็นพระรูปพระโฉมของพระผู้มีพระภำคเจ้ำ ได้เห็นกำร
เสด็จลีลำลงจำกสวรรค์ ในท่ำมกลำงเทพยดำและพรหมเป็นอันมำก คร้ังน้ันงำมจับอก
จบั ใจอยำ่ งไม่เคยคิดเคยเห็นมำแตก่ ่อน กพ็ ำกนั ลิงโลดแซซ่ ้องสำธุกำรเสยี งสน่ันหวนั่ ไหว
361
ปำงเสด็จกลบั จำกดำวดึงส์ จำกมิวเซยี มพกุ ำม ภำพออกพรรษำ โดย อ. ทะนงศกั ดิ์ ปำกหวำน พระพทุ ธ
ขณะนั้นพระบรมศำสดำซ่ึงมีพระทัยมำกด้วยพระมหำกรุณำมุ่ง องค์ทรงเสดจ็ กลับจำกสวรรค์ชน้ั ดำวดงึ ส์ หลงั จำกทรง
หิตำนุหิตประโยชน์สุข จึงได้แสดงธรรมโปรดพุทธบริษัทผู้กำลังมีควำม โปรดพระมำรดำ ควำมกตัญญกู ตเวทิตำ เปน็ ธรรมอนั เลศิ
โสมนัส พึงตำพึงใจในพระรูปโฉมอยู่ในท่ำมกลำงเทพเจ้ำและหมู่พรหม ที่
พร้อมกันถวำยสักกำระบูชำด้วยทิพยบุบผำนำนำวรำมิส ให้เกิดกุศลจิต ในหม่มู วลเทวดำ และมนษุ ยโ์ ลกทัง้ หลำย
สัมปยุตด้วยปรีชำญำณ หยั่งรู้ในเทศนำบรรหำรตำมควรแก่อุปนิสัย เม่ือจบ 362
เทศนำนัยธรรมำนุสนธ์ ต่ำงก็ได้บรรลุอริยมรรคอริยผลต้ังแต่เบื้องต้นจนถึง
เบ้อื งปลำย ตำมอปุ นิสัยท่ไี ด้สงั่ สมมำ
พระพุทธจริยำตอนเสด็จลงมำจำกสวรรค์ช้ันดำวดึงส์โดยบันได้แก้ว
น่นั เองเป็นเหตุใหส้ รำ้ งพระพทุ ธรูปทีเ่ รยี กวำ่ “ปางเสด็จลงจากดาวดงึ ส์”
ปำงเสดจ็ กลบั จำกสวรรค์ชนั้ ดำวดึงส์เป็นหินทรำยสลัก ปำงเสด็จกลับจำกสวรรค์ชน้ั ดำวดึงสเ์ ปน็ หินอนั ดำกสู ลกั
363 จำกมหำวิหำรอนนั ดำ ในมิวเซียมพกุ ำม
ท่ำนอำจำรย์นิคม พรหมมำเทพย์ ได้ร่ำยบทกลอนถึงพระพุทธศิลป์หินสลักอันดำกูองค์ปำง “เสด็จกลับจำกดำวดึงส์
หลงั จำกทรงโปรดพระมำรดำ” กะโลงส่ลี ้ำนนำ กลบทกุญชรย้ำยบำท ฮ่ำพระพุทธเจ้ำเสด็จไปโปรดพุทธมำรดำท่ีสวรรค์ช้ันต๋ำวะต๋ิงสำหรือ
ดำวดงึ ส์แลว้ หวนกลบั สโู่ ลกเมืองมนษุ ำลมุ่ ใต้....ดงั น้ี
พระมารดาโปรดแลว้ ........หวนคืน กลบั สโู่ ลกยั่งยนื ..........ผ่องแผว้
เพือ่ โผดผายแผ่ผืน......สัตวโ์ ลก เราเอย่ ตา๋ วะติง๋ สาดาวแกว้ .......ลว่ งแลว้ เลยลาเจ้าเฮย.
364
365
366
ปางหา้ มญาติ
367
ปางห้ามญาติ
ปางหา้ มญาติ เป็นพระพุทธรปู อยใู่ นอริยาบถ
ยนื ยกพระหัตถข์ วาข้ึนเสมอพระอรุ ะ (อก) ตั้งฝา่ พระ
หตั ถย์ ื่นออกไปขา้ งหนา้ เปน็ กริ ยิ าหา้ ม มลี ักษณะ
คล้ายกันกบั ปางห้ามพยาธิและปางห้ามสมุทร
ประวัติ
คร้ังหน่ึงเม่ือเหล่ากษัตริย์ตระกูล ศาก
ยวงศ์ พระญาติฝ่ายพุทธบิดา และเหล่ากษัตริย์
ตระกูลโกลิยวงศ์ พระญาติฝ่ายพุทธมารดา เกิดการ
ทะเลาะวิวาทกันเพราะเรื่องแย่งน้าในแม่น้าโรหิณี
เน่ืองจากฝนแล้ง น้าไม่เพียงพอ ท้าให้การทะเลาะ
วิวาทลุกลามไป จนเกือบกลายเป็นศึกสงคราม
ระหว่างกัน พระพุทธเจ้าทรงทราบเหตุด้วยพระ
ญาณ จึงเสด็จไปห้ามสงคราม โดยตรัสให้เห็นถึง
ความไม่สมควรทก่ี ษตั ริย์ต้องมาฆ่าฟันกันด้วยสาเหตุ
เพียงแค่การแย่งน้าเข้านา และได้ตรัสเตือนสติว่า
ระหว่างน้ากับความเป็นพี่นอ้ ง อะไรส้าคัญยิ่งกว่ากัน
ท้ังสองฝ่ายจึงได้สติ คืนดีกัน และขอพระราชทาน
อภยั โทษตอ่ เบอ้ื งพระพกั ตร์พระพทุ ธองค์
368
369
370
พระทปี งั กรพทุ ธเจา้
371
พระปฏิมาหิน“อันดากู” สลักองค์ของท่านอาจารย์อนันต์
ราชวังอินทร์ บอกเล่าพระพุทธประวัติตอน"พระพุทธองค์ทรงโปรด
ทปี ังกรโพธิสัตว์"
ในสมัยพระทีปังกรพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ของเราทรงถือ
กาเนิดในตระกูลพราหมณ์ มีชื่อว่า สุเมธ เป็นผู้คงแก่เรียนเชี่ยวชาญ
ในศาสตร์ทั้งหลายท่ีมีอยู่ในศาสนาพราหมณ์ เม่ือบิดามารดาละโลก
ไปแล้ว ทรงเบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิด จึงสละทรัพย์ถวาย
พระราชาใช้บารุงบ้านเมือง แล้วออกบวชเป็นดาบสอยู่ในป่า
หิมพานต์ ทาความเพียรอยู่ 7 วัน บรรลุฌาน อภิญญา 5 สมาบัติ 8
มีความสุขในการเข้าฌาน วันหนึ่งท่านสุเมธดาบสออกจากฌาน
สมาบตั ิ เหาะไปในอากาศ เห็นชาวเมืองช่วยกันแผ้วถางหนทาง และ
ปรบั พน้ื ทใ่ี ห้เปน็ ทางเดินกันอยู่มากมาย จึงลงจากอากาศไปสอบถาม
ได้รับคาตอบว่าเตรียมหนทางให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วย
เหล่าภิกษุสงฆ์อรหันตสาวก 4 แสนรูป เสด็จบิณฑบาตตามที่
ชาวเมืองทลู อาราธนาไว้ เม่ือสุเมธดาบสได้ยินคาว่า พุทธะ ก็มีความ
ปิติตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างย่ิง จึงขอมีส่วนร่วมในการทาทางบ้าง
ชาวเมืองแบ่งสว่ นที่เป็นโคลนตมให้ เพราะเห็นว่าเป็นผ้มู ีฤทธ์ิเหาะได้
แต่สุเมธดาบสต้องการให้ได้บุญกุศลมาก จึงกระทาด้วย
เรี่ยวแรงของตนเองไม่ยอมใช้ฤทธิ์ พยายามขนดินมาถมทาง ในขณะ
ทางานก็เปล่งคาว่า "พุทโธ พุทโธ" ด้วยความปิติตลอดเวลา
จนกระทง่ั ถงึ เวลาพระบรมศาสดาเสด็จมาถึง หนทางส่วนที่เป็นของ
สเุ มธดาบสยงั ทาไม่เสรจ็ เปน็ ที่โคลนตมเฉอะแฉะอยู่เท่าชว่ งตัว
372
สุเมธดาบสตัดสินใจใช้ร่างกายของตนเองนอนบนเลนทอดร่างต่างสะพาน มองดูพระพุทธลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ พร้อมด้วย
อนพุ ยัญชนะ(สว่ นปลีกยอ่ ย) 80 พระบรมศาสดามีพระรปู โฉมงดงามยิง่ นัก พระสรรี ะล้อมรอบดว้ ยพระรัศมีแปลบปลาบประดุจสายฟ้า เหล่ามนุษย์
และเทพยดาต่างพากันแซ่ซ้องสาธุการ ตามเสด็จพระองค์มามากมายเหลือคณานับ ดาบสเห็นแล้วพลันปรารถนาจะเป็นเช่นองค์พระบรมศาสดา
ไม่ต้องการเป็นพระอรหันต์ซ่ึงสามารถเป็นได้ในชาตินี้ จึงอธิษฐานจิตขออานาจบุญกุศลที่ตนใช้ร่างกายต่างสะพานให้พระ สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จ
ผา่ นพร้อมพระขณี าสพอีก 4 แสนรปู บนั ดาลใหไ้ ดบ้ รรลุพระสพั พัญญุตญาณ เปน็ พระพุทธเจา้ พระองคห์ น่ึงในอนาคต พระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสดจ็ มาถงึ ประทับยืนอยู่ชิดศีรษะสุเมธดาบส ทรงทราบว่า ดาบสโพธิสัตว์กาลังกระทาอธิษฐานอยู่ พร้อมท้ังเปล่งวาจาปรารถนาพุทธภูมิ พระองค์
ทรงตรวจไปในอนาคตตังสญาณว่า ดาบสผู้นีจ้ ะสมปรารถนา จงึ ตรสั พยากรณว์ า่ “นับแต่นีต้ อ่ ไปเป็นเวลา 4 อสงไขยแสนกัป สุเมธดาบสผู้น้ีจะได้เป็น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หน่ึง ทรงพระนามว่า พระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า” นับแต่เวียนว่ายตายเกิดสร้างบารมีมานับชาติไม่ถ้วน ชาติน้ีเป็น
ชาติแรกท่ีพระโพธิสัตว์ของเรา ได้รับพุทธพยากรณ์ สุเมธดาบสดีใจเป็นล้นพ้น เพราะเป็นท่ีทราบกันดีอยู่แล้วว่า พระพุทธเจ้าตรัสคาใดต้ องเป็นไป
ตามน้นั เหล่าเทวดาและมนษุ ย์ทัง้ หลายไดย้ ินพระพทุ ธพยากรณ์น้ัน ก็พากันดีใจถ้วนหน้าว่าถ้าหากพวกตนยังไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานใน
ชาตินี้ กจ็ ะไม่ทอ้ ถอย จะเรง่ สร้างบารมเี รอ่ื ยไปทกุ ภพทุกชาติ แล้วจะไดไ้ ปบรรลธุ รรมในชาติที่สุเมธดาบสบงั เกิด
373
พระปฏมิ าหนิ “อันดากูสลกั พระทปี งั กรพุทธเจา้ ”
สะสมโดยอาจารย์ อนนั ต์ ราชวังอินทร์
374
จตุรทิศเจดีย์
พระหนิ สลกั อนั ดากูองคพ์ ญานาค 600 เศียร ประกอบดว้ ย 5 ชนิ้ ส่วน ท่พี รศิวะตงั้ รางวัลไว้ หนงึ่ ล้านบาท
ถา้ ผูใ้ ดแกะสลกั เลยี นแบบได้ องคพ์ ระสงู 7 นิ้วครับ ไมม่ ีกาหนดเวลา
375
งานของอาจารยท์ รงเดชทพิ ย์ ทพิ ยท์ อง เทียบกบั จตรุ ทศิ เจดียห์ ินสลกั อนั ดากสู งู 3 นวิ้ 376
ประวัติความเป็นมาของพระพุทธศิลป์อันดากู ท่ีมีนาคล้อม
นาคพิภพที่เป็นพระพุทธศิลป์แปลกประหลาดมหัศจรรย์ ที่มีแห่งเดียวในโลก
อันดากูสลักเป็นรูปจตุรทิศเจดีย์ส่ีทิศ ประกอบขึ้นด้วยพระพุทธรูปสี่ปางส่ีทิศ
พร่ังพร้อมด้วยเหล่าอัครสาวกอีก 16 พระองค์ มีความสูง 3 นิ้ว นาออกมา
จากมหาโพธิเจดีย์แห่งพุกามประเทศ ท่ีสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าติโลมินโล
ค.ศ.1211–1234 “พระเจ้านรปตีซีตู” รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์พุกาม
พระองค์ได้ทรงสร้างเจดีย์จุฬามณี เป็นอารามหลวงประจารัชกาล คร้ังถึง
วาระแตง่ ต้งั องค์รชั ทายาท โปรดฯ ให้ใช้ฉตั รเส่ียงทาย ถ้าพระราชโอรสองค์ใด
ใน 5 พระองค์มีบุญบารมีจะเป็นกษัตริย์ก็ขอให้ฉัตรโน้มไปทางพระองค์นั้น
ปรากฏว่าฉัตรโน้มไปทางเจ้าชายชัยสิงห์ ซ่ึงต่อมาได้เป็นกษัตริย์พระนาม
“นาตองมยา” หรือ “พระเจ้าติโลมินโล” ซึ่งแปลว่า “กษัตริย์ฉัตรต้ัง” เป็น
รัชกาลท่ี 7 แหง่ ราชวงศ์พุกาม
จตรุ ทศิ เจดีย์ หินอันดากู สงู 3 น้ิว จตรุ ทศิ เจดียห์ นิ อนั ดากอู งคน์ ีส้ งู 5 นวิ้
ประกอบดว้ ย 2 ช้นิ สว่ นสะสมโดยเซียนปอ๊ บ รงั สิต สะสมโดยคณุ เลก็ และคณุ หน่อย จงั หวดั มกุ ดาหาร
377
มหศั จรรยจ์ ตรุ ทิศเจดีย์ ขนาดจ๋วิ เล็กนิดเดียว โดยมี สงู 4 ซม. กวา้ ง 1.5 ซม. มีพระพทุ ธรูป 4 ปาง งดงามจบั ใจ ศิลปะปาละ มีอายนุ บั
พนั ปี สกลุ ช่างหลวงอินเดีย นาออกมาจากดินแดนทะเลเจดียก์ รุพกุ าม สะสมโดยครูบาโต วดั พระธาตุสนุ นั ทา ตาบลแม่หอพระ อาเภอแม่ริม
จงั หวดั เชียงใหม่
378
งานภาพวาดของ Praiwan Dakliang เทยี บเคยี งกับ จตรุ ทิศเจดีย์ หนิ สลกั แร่แบล็คโคโลไลท์ สงู 18 น้วิ
สมบัติของท่านเจ้าสัวปรีชา เลาหพงศช์ นะ
379
จตรุ ทิศเจดยี ์ อนั ดากูดา
380
เจดยี ์อนั ดากูดาองคน์ ส้ี ะสมโดยสะสมโดยนายปรชี า เลาหพงศช์ นะ ประธานกรรมการ บรษิ ัท กรงุ ไทย แลนด์ ดีวีลอปเมนท์ จากัด อดีตรัฐมนตรี
ชว่ ยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงการตา่ งประเทศ และรัฐมนตรีชว่ ยว่าการกระทรวงอตุ สาหกรรม
381
จตรุ ทศิ เจดยี อ์ นั ดากดู า หนิ สลกั แรแ่ บล็คโคโลไลท์ สงู 18 น้วิ มอี งคป์ ระกอบทั้งหมด 3 ชน้ิ 382
The Andagu จตุรทศิ เจดยี ์ น่ีคอื พระพทุ ธปฏมิ าหนิ สลกั "อันดากู" พระพุทธศิลป์มหศั จรรย์ สูง 7 น้ิว สลักเป็นรูปมหาจตุรทิศเจดีย์ 4 ปาง
ประกอบด้วย ปางมารวิชัย ปางประทานพร ปางสมาธิ และปางปฐมเทศนา ประกอบข้ึนด้วยช้ินส่วนทั้งหมด 2 ช้ิน ด้วยความภาคภูมิใจท่ีได้
นาเข้ามาเปน็ มงิ่ มงคลสสู่ ยามประเทศ สะสมโดยปอ๊ บ รงั สติ
383
384
พระปฏมิ าหินสลักมหาอันดากอู งค์ “ซมุ้ พญานาค 600 เศียร”พระองค์น้ีเป็นสมบัติของพระอาจารย์วิชาญ พระปลัดวิชาญ ปวโร จาก
จังหวัดสุพรรณบุรี องค์พระสูง 7 น้ิว ประกอบข้ึนด้วย 5 ช้ินส่วน เป็นจตุรทิศเจดีย์มีพระพุทธรูปปางต่างๆ 12 องค์ และอัครสาวกอีก
9 องค์ เป็นพระองค์ท่ีพรศิวะทึงงงงวยเป็นท่ีสุดแห่งความมหัศจรรย์ ที่สมบูรณ์ที่สุดไม่มีชารุดหาท่ีติไม่ได้เป็นองค์ท่ีเห็นแล้วต้องคิดว่า ช่าง
แกะได้อย่างไร คิด ออกแบบได้อย่างไร ช่างสมมาตรได้สัดส่วน ที่สุดของท่ีสุดแล้ว เป็นองค์ท่ีทาให้หมดสิ้นความสงสัย ความกลัว ความกังวล
ต่อพระอันดากูอย่างสน้ิ เชิง สมกบั คาวา่ “ช่างเทวดา ช่างของเจา้ ฟา้ เจา้ แผน่ ดิน”
385
จตรุ ทศิ เจดยี อ์ ันดากสู ะสมโดยทา่ นพระอาจารยว์ ชิ าญ ปวโร เจ้าอาวาสวัดสระแกว้ ศรสี รรเพชญ ตาบลสระแกว้ อาเภอเมือง จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี
386