19
ตวั แปรอิสระ ได้แก่ เพศ การศึ กษา และอาชีพ
ตวั แปรตาม คือ การมสี ่วนร่วมของประชาชน มี 4 ดา้ น
ได้แก่
1. การมีส่วนรว่ มในการศึ กษาและให้ข้อมลู
2. การมีส่วนร่วมในการวางแผน
3. การมสี ่วนรว่ มในการปฏิบตั หิ รือดาํ เนินงาน
4. การมีส่วนรว่ มในการติดตามและประเมนิ ผล
20
กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
หมายถึงการระบุความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรชุดตา่ งๆเป็น
อย่างไร กรอบแนวคิดในการวิจัยจึงแตกต่างจากขอบเขตของ
การวิจยั มี 4 รูปแบบดงั น้ี
1.การนํ าเสนอเชิงบรรยาย
2. การนําเสนอเชิงคุณภาพ
3.การนํ าเสนอแบบจําลองคณิ ตศาสตร์
4.การนํ าเสนอแบบผสม
ตวั อย่าง 21
การวจิ ยั เรอื่ ง คุณภาพชีวติ การทาํ งานของพนักงานขับ
รถโดยสารประจาํ ทางองค์การขนส่งมวลชน กรุงเทพ
กรอบแนวคิดของการวจิ ยั องค์ประกอบของคุณภาพชีวิตการทํา
งานของพนักงานขับรถโดยสารประจาํ ทาง องค์การขนส่งมวล
ชนกรุงเทพ ตามแนวคิดของวอลตนั (Wolton. 1973 : 12 – 16) มี
8 ดา้ น ส่วน ปัจจัยท่เี ก่ยี วข้องกับคุณภาพชีวิตการทาํ งาน จากการ
ศึ กษาเอกสารและงานวิจัยท่เี ก่ียวข้อง พบวา่ มี 2 ปัจจัย คือ ปัจจัย
บคุ คล ไดแ้ ก่ อายุ ระดบั การศึ กษา สถานภาพสมรส ตาํ แหน่ง และ
อายกุ าร ทาํ งาน และปัจจยั การปฏิบตั งิ าน ได้แก่ ลักษณะงาน การ
ปกครองบงั คับบัญชา และสัมพันธภาพ ในการทํางาน สรุปดงั
ภาพ
22
23
24
25
สมมติฐานการวจิ ัย (ถ้าม)ี
สมมติฐานการวจิ ัยเป็นข้อความท่ีคาดคะเนคําตอบของ
ปัญหาการวจิ ยั ไวล้ ่วงหน้า หน่วยการคาดคะเนอย่างมเี หตุผลบน
พ้ืนฐานของทฤษฎี ประสบการณ์หรือความเชื่อต่างๆของผูว้ ิจัย
การสมมติฐานท่ีดตี อ้ งประกอบดว้ ยหลักเกณฑ์ 2 ประการคือ
เป็นข้อความท่ีแสดงถึงความสัมพันธ์ระหวา่ งตัวแปร และมี
ความชัดเจนท่ีสามารถทดสอบความสัมพันธ์ดังกลา่ วได้
26
หลกั เกณฑ์การเขียนสมมตฐิ านการวิจัย
1.ต้องสอดคลอ้ งกบั วัตถุประสงค์ของการวิจัยและตอบ
ปัญหาการวจิ ัยได้
2.สามารถทดสอบดว้ ยข้อมูลและหลกั ฐานต่างๆได้
3.มีความชัดเจนและเฉพาะเจาะจง
4.ตงั้ สมมตฐิ านจากหลักฐานตามทฤษฎี
5.เขียนเป็นประโยคบอกเลา่ ท่ีระบุความสัมพันธร์ ะหวา่ ง
ตัวแปรระบุทศิ ทางของความสัมพันธ์หรือความแตกตา่ ง
ระหวา่ งตัวแปร
27
ตวั อย่าง ชื่อสมุตฐิ านการวิจยั
(1) วัตถุประสงค์ของการวจิ ยั : เพื่อเปรียบเทยี บความเข้าใจเก่ยี วกับ
ระเบยี บวิธวี ิจยั ระหว่างนิสิตท่ีมปี ระสบการณ์ทาํ งานแตกตา่ งกนั
สมมตฐิ านการวจิ ยั : นิสิตท่มี ปี ระสบการณ์ทํางานแตกตา่ งกนั มีค
วามเข้าใจเก่ียวกบั ระเบียบวธิ วี ิจัยแตกตา่ งกนั
(2) วัตถุประสงค์ของการวจิ ัย : เพ่ือศึ กษาความสัมพันธร์ ะหว่างความ
ถนัดทางตวั เลขกับผลการเรียนวชิ าสถิตขิ องนิสิตระดับบัณฑิตศึ กษา
สมมตฐิ านการวิจัย : ความถนัดทางตวั เลขกับผลการเรยี นวชิ าสถิติ
ของนิสิตระดับบัณฑิตศึ กษา มคี วามสัมพันธก์ ันทางบวก
28
29
การเขียนเค้าโครงวจิ ยั บทท่ี 2
ในบทน้ีกําหนดให้แบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบดว้ ย
แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ท่ีเก่ียวข้อง เป็นการเขียนรายงานผล
การศึ กษาเอกสารและงานวจิ ัยท่ีเก่ียวข้องโดยมวี ัตถุประสงค์
เพ่ือให้เห็นว่างานวจิ ัยเรอื่ งน้ี มีแนวคิด ทฤษฎีหรือผลงานวจิ ัยอน่ื ๆ
นอกเหนื อจากจะช้ีให้เห็นแนวคิด
การเขียนเค้าโครงวิจยั บทท่ี 3 30
ในบทน้ีเป็นการนําเสนอวิธีดําเนินการวิจัย เพ่ือให้สามารถเชื่อมโยง
จากบทท่ี 1 และ 2 เพ่ือเช่ือมเร่ืองราวและลําดบั เหตผุ ลเข้าด้วยกันกับ
หัวข้อท่ีผู้วจิ ัยจะนําเสนอซ่ึง ประกอบดว้ ย 6 หัวข้อดังน้ี
-แบบของการวจิ ยั
-ประชากรและหน่วยวเิ คราะห์
-การเลอื กกล่มุ ตวั อยา่ งและแผนการส่มุ ตวั อย่าง
-เครือ่ งมอื ท่ีใช้ในการวิจยั
-การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
-การวเิ คราะห์ข้อมูล
แบบของการวิจยั 31
การเขียนแบบของการวิจยั ให้เขียนบรรยายในเชิงเกร่ินนํา และ
ระบุแบบการวจิ ยั เช่น การวจิ ัยเชิงสํารวจ การวิจัยเชิงทดลอง การ
วิจยั เชิงคุณภาพ การวจิ ยั เชิงเปรียบเทยี บ ฯลฯ เป็นต้น
ประชากรและหน่วยวเิ คราะห์
1. ประชากร ประชากร (Population) หมายถึงหน่วยตา่ งๆ
ท่ีผ้วู ิจยั ทาํ การศึ กษา หน่วยท่ีนํามา ศึ กษาผวู้ จิ ัยต้องระบุเจาะจง
ให้ชัดเจน
32
ตวั อยา่ ง ประชากร
1 เรอื่ ง “ลักษณะและสาเหตุความยากจนในครวั เรือนชนบท”
ประชากรคือครอบครัวยากจนในชนบทซ่ึงระบทุ ัง้ หน่วย
ประชากรและพื้นท่ีคือชนบท
1.2 เรือ่ ง “การใช้สิทธขิ องผู้ตอ้ งหาในการแตง่ ตงั้ ทนายเข้า
รบั ฟังในกระบวนการสอบสวนเบือ้ งตน้ ตามรัฐธรรมนูญราช
อาณาจักรไทย พ.ศ. 2540” ประชากรคือ ผตู้ อ้ งหาท่ผี า่ นการ
สอบสวนของพนักงานเจา้ หน้าท่แี ล้ว
2. หน่วยวิเคราะห์ 33
หน่วยวิเคราะห์ (Unit of analysis) หมายถึงหน่วยท่ีผู้วจิ ัยจะนํา
มาใช้ในการวเิ คราะห์ กรณีต้องการวิเคราะห์ในภาพรวม คุณสมบตั ิ
หน่วยวิเคราะห์ซ่ึงเป็นคุณสมบัตริ วมของหน่วยนั้น
ตัวอยา่ งหน่วยวเิ คราะห์และคุณสมบัติ
เร่ือง “ลักษณะและสาเหตุความยากจนในครัวเรอื นชนบท”
หน่วยวิเคราะห์ คือ ครัวเรอื นยากจน คุณสมบัตหิ น่วยวิเคราะห์
คือ ขนาดของครัวเรอื น รายไดค้ รัวเรือน จํานวน สมาชิก อาชีพ
ครัวเรอื น ระดบั การศึ กษาโดยเฉล่ียของแตล่ ะบุคคลของ
ครวั เรอื น ฯลฯ
34
การเลือกกลมุ่ ตวั อยา่ งและแผนการส่มุ ตวั อยา่ ง
1. การเลือกกลุ่มตวั อย่าง
การพิจารณาเลือกกลุ่มตวั อยา่ งต้องคงไว้ซ่ึงความเป็นตวั แทนของ
ประชากร คือ
1.1 คุณสมบตั แิ ละคุณลกั ษณะของความเป็นตัวแทน
1.2 ขนาดของกลมุ่ ตวั อยา่ งท่ีเหมาะสม กลมุ่ ตัวอย่างควรมี
จํานวนเท่าใดจงึ จะถือวา่ เป็นตวั แทนท่ีดีท่ีสุด โดยมคี วาม
คลาดเคล่อื นผลการทาํ นายน้อยท่ีสุด
35
2. การสุ่มตวั อยา่ งและแผนการส่มุ การศึ กษาจากประชากรเป็น
เรือ่ งยาก ดงั้ นั้นผู้วจิ ยั จึงต้องเลือกกล่มุ ตัวอยา่ งมา ทาํ การศึ กษา
แทน
3. ขนาดของกลุ่มตัวอย่างท่ีเหมาะสม การระบุขนาดกลมุ่
ตวั อย่างโดยทัว่ ไปใช้การกาํ หนดและการเปิดตารางสําเร็จรูป Taro
Yamane หรือ ตารางกําหนดกลุ่มตวั อยา่ งของ Krejci and Morgan
หรอื วิธีอ่ืน ๆ
36
เครอื่ งมือท่ีใช้ในการวิจยั
การเขียนรายละเอยี ดเก่ียวกบั เคร่ืองมอื ท่ีใช้ในการวจิ ัยจะต้อง
ระบวุ ่ามีอะไรบา้ ง พรอ้ มทงั้ บอกลักษณะและคุณภาพของเคร่ืองมอื
หลักเกณฑ์การระบเุ ครือ่ งมือท่ใี ช้ในการวจิ ยั
กรณีท่ี 1 การนําเครอ่ื งมอื ท่ีมผี ู้สรา้ งไว้มาใช้ในการวจิ ัย ควร
เขียนดงั น้ี
1. ให้ระบวุ ่าเป็นเคร่อื งมือของใคร สร้างเมื่อใดและมีค่าสถิติ
แสดงคุณภาพด้วย
2. ให้ระบุเหตผุ ล และความสมเหตสุ มผลท่ีจะใช้เคร่อื งมอื นั้น ๆ
ในการวิจยั
37
กรณีท่ี 2 ผูว้ จิ ยั สรา้ งเครื่องมอื เองหรือพัฒนาและปรบั จาก
เครื่องมือของผอู้ ืน่ ควรเขียนดังน้ี
1. อธบิ ายขั้นตอนในการสร้างเครื่องมอื ตามหลกั การและวธิ ีการ
สรา้ งอยา่ งชัดเจน
2. ให้ระบุช่ือหรือแหลง่ ท่ีมาของข้อมลู พ้ืนฐานประกอบการยก
รา่ งข้อคําถาม อาทิ หลักสตู ร คู่มือเทคนิคการเขียนคําถาม ตลอดจน
ตัวเครือ่ งมอื ของบคุ คลอ่นื ท่ีสร้างไว้
3. ระบุรายละเอยี ดการตรวจสอบคุณภาพของเคร่ืองมอื
4. ถ้าเป็นการวจิ ัยเชิงทดลองให้ผู้วิจัย จําแนกเป็น 2 หัวข้อยอ่ ย
คือ เครือ่ งมือท่ีใช้ใน การทดลอง และเครือ่ งมอื ท่ีใช้ในการเก็บ
รวบรวมข้อมลู
การเก็บรวบรวมข้อมูล 38
ให้ระบวุ ธิ ีการเก็บรวบรวมขอม้ ลู ว่ามขี ั้นตอนและวิธกี ารเกบ็
รวบรวมข้อมลู อย่างไร ใช้วธิ กี ารใดและเคร่ืองมืออะไร
หลกั เกณฑก์ ารระบกุ ารเกบ็ รวบรวมข้อมูล
1. ระบุขั้นตอนและวธิ กี ารท่ีจะเกบ็ รวบรวมข้อมูลและระบุเหตผุ ลท่ี
เลอื กใช้วธิ กี ารนั้น ๆ
2. ระบวุ ิธีการตรวจสอบตดิ ตาม และควบคุมคุณภาพข้อมูลและ
เหตุผลท่ีเลอื กใช้วิธนี ั้น
3. ระบุช่วงเวลาการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
4. กรณีการวจิ ยั เชิงทดลอง ให้ระบเุ ป็นหัวข้อการดาํ เนิน
การทดลองและเกบ็ รวบรวมข้อมลู
การวิเคราะห์ข้อมูล 39
1. กรณีข้อมลู เชิงปริมาณ ให้ระบวุ ิธีการวเิ คราะห์ และสถิติท่ีใช้
ในการวเิ คราะห์ข้อมลู
2. กรณีข้อมูลเชิงคุณภาพ ให้ระบวุ ธิ กี ารวเิ คราะห์เน้ือหาเรือ่ งราว
โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง เก่ียวกบั รูปแบบ (pattern) ประเดน็ (theme) และ
ส่ิงท่ีจะใชเ้ชื่อมโยงเรื่องราวเข้าดว้ ยกนั
หลกั เกณฑก์ ารระบกุ ารวิเคราะห์ข้อมูล
1. ระบวุ ิธกี ารวิเคราะห์ข้อมูลโดยบรรยายแยกตามลักษณะข้อมูล
และตวั แปรแตล่ ะตัว
2. สถิตทิ ่ีใช้ในการวิเคราะห์ ให้ระบวุ า่ ใช้สูตรอะไร ในกรณีท่ี
แสดงรายละเอยี ดของ สูตรให้อ้างอิงแหลง่ ท่ีมาด้วย
40
สถิตทิ ่ใี ช้ในการวจิ ัย
ส่วนท่ี 1 สถิติบรรยาย (descriptive statistics)
ส่วนท่ี 2 สถิติอ้างอิง (inferential statistics)
บรรณานุกรม
เค้าโครงวิจยั ต้องมบี รรณานกุ รม เพ่ือแสดงให้เห็นวา่ ผวู้ จิ ัยไดม้ ี
การศึ กษาค้นควา้ เอกสารต่าง ๆ มาพอสมควรในระดบั หน่ึง แตม่ ิได้
หมายความว่า มีเอกสารเพียงเท่าท่ีเสนอผู้วจิ ัย เขียนเพ่ิมเติมไดอ้ กี
เมือ่ ได้ศึ กษาค้นคว้าเพ่ิมเตมิ
41
ภาคผนวก
ภาคผนวกในเค้าโครงวิทยานิพนธแ์ ละการค้นควา้ อสิ ระ
ควรมีส่ิ งต่อไปน้ี
1. ตัวอย่างเครอ่ื งมอื วิจัย
2. ระยะเวลาดาํ เนินการวิจัย (Research timeline)
3. แผนการจดั การทรัพยส์ ินทางปัญญา (ถ้าม)ี
4. แผนการใช้งบประมาณในการวจิ ัย
5. อ่ืน ๆ (ถ้ามี)
THANK YOU
รายงาน
เรือ่ ง วิจยั การพัฒนากจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง การทำขนมมัฟฟินรสชาตติ ่างๆ กล่มุ สาระการ
เรยี นรกู้ ารงานอาชีพ ชั้นมธั ยมศึกษาชั้นปที ่ี 2 โรงเรียนสกลราชวทิ ยานุกลู
จดั ทำโดย
1. นายดนุนนั ท์ มาปนั รหสั นักศึกษา 62115267204
2. นายพงษศ์ ธร กษณะสาย รหสั นักศกึ ษา 62115267209
3. นางสาวผกาสนิ ี อนุ่ วเิ ศษ รหัสนกั ศกึ ษา 62115267210
เสนอ
รองศาสตราจารย์ ดร. ธนานันต์ กลุ ไพบุตร
รายงายเร่อื งน้ีเป็นส่วนหนึ่งของรายวชิ า การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพอื่ พฒั นาผ้เู รียน
(21043701) ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
ก
คำนำ
รายงานการวิจัยในชน้ั เรียน เรอ่ื ง การพฒั นากจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง การทำขนมมัฟฟินรสชาติตา่ งๆ เพื่อ
พัฒนาทกั ษะการแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 2 นี้ เปน็ การรายงานผลการใช้จดุ
ส่งเสรมิ การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง พฒั นาทกั ษะการแสวงหาความรขู้ องนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรยี นสกลราช
วิทยานกุ ูล อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 40 คน ซงึ่ เปน็ การสง่ เสริมให้
นักเรยี นเกิดทักษะการแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง เพื่อสง่ เสรมิ และสนบั สนนุ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี สาระที่ 1 การดำรงชวี ติ และครอบครวั
การใชช้ ุดส่งเสรมิ การเรียนรดู้ ้วยตนเองระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ครงั้ น้ี ประสบความสำเรจ็ ตาม
วตั ถปุ ระสงค์ทกุ ประการทุกประการ คณะผ้จู ัดทำจึงไดจ้ ัดทำรายงานการวิจัยในช้นั เรยี นฉบับนี้ข้นึ เพื่อรายงานผล
และใช้เปน็ แนวทางในการพฒั นาทกั ษะการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ของนกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ใน ปี
การศึกษาต่อไป รวมทั้งเพื่อจะนำเผยแพร่แก่ผทู้ ส่ี นใจทัว่ ไป
คณะผู้จดั ทำ
สารบญั ข
เรอื่ ง หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข-ค
บทที่ 1 บทนำ
1
1.1 ความสำคัญและท่ีมา 1-2
1.2 คำถามวจิ ยั 2
1.3 ความมุ่งหมายของการวิจัย 2
1.4 ประโยชนข์ องการวิจยั 2
1.5 ขอบเขตของการวจิ ยั 2-3
1.6 ตัวแปรทีใ่ ช้ในการวิจัย 3
1.7 นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ 3-4
1.8 กรอบแนวคิดในการวจิ ยั 4
1.9 สมมตฐิ านของการวจิ ยั
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ที่เกีย่ วขอ้ ง 6-7
2.1 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 7-8
2.2 ตวั ช้วี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง 8-9
2.3 คุณภาพผเู้ รยี น 9-10
10
2.3.1 ความหมายของชุดการสอน 10-12
2.3.2 องค์ประกอบของชดุ การสอน 12-14
2.3.3 ประเภทของชุดการสอน 14-20
2.3.4 ประโยชนข์ องชดุ การสอน 20-21
2.3.5 การสร้างชุดการสอน 21-26
2.3.6 ลักษณะของชุดการสอนทีด่ ี 27
2.3.7 สว่ นประกอบและวธิ ีใช้ชุดการสอน 27-28
2.3.8 ข้อจำกัดในการใช้ชดุ การสอน
2.3.9 แนวคดิ หลักการ และทฤษฎีที่เก่ียวขอ้ งกับชุดการสอน
สารบัญ (ตอ่ ) ค
เรื่อง หน้า
บทท่ี 3 วิธกี ารดำเนินการวิจัย 29
3.1 ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง 29-30
3.2 เครือ่ งมือที่ใชใ้ นการวจิ ยั 30-33
3.3 การสร้างและหาคณุ ภาพของเคร่อื งมือ 33-37
3.4 คะแนนความเหมาะสม 37-39
3.5 วิธดี ำเนนิ การวจิ ยั 39-42
3.6 สถติ ทิ ่ีใช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล 43
บรรณานกุ รม
1
ชอื่ รายงานวจิ ัย การพัฒนากิจกรรมการเรยี นรู้ เร่ือง การทำขนมมัฟฟนิ รสชาตติ ่างๆ กลมุ่ สาระ
การเรยี นรู้การงานอาชีพ ช้นั มธั ยมศกึ ษาชนั้ ปีท่ี 2 โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล
บทที่ 1
บทนำ
ความสำคัญและท่ีมาของปัญหา
ขนมปัง เป็นอาหารท่ีทำจากแปง้ สาลที ี่ผสมกับนำ้ และยีสต์ (yeast) หรือ ผงฟู นอกจากน้ียังมีการใช้
สว่ นผสมอื่นๆ เพือ่ แต่งสี รสชาตแิ ละกล่ิน แตกต่างกนั ไปตามแตล่ ะประเภทของขนมปงั และแต่ละประเทศทที่ ำ
โดยนำสว่ นผสมมาตใี หเ้ ข้ากันและนำไปอบ ขนมปังมีหลายประเภท เช่น ขนมปงั ฝร่ังเศส ขนมปังแซนดว์ ชิ ขนมปัง
หวาน ขนมปังไรน์ หรือแม้กระทงั่ เพรทเซล (Pretzel) ของขนึ้ ช่ือประเทศเยอรมนี เป็นต้น (พงศ์ปภาพ กองแก้ว
และ คมชาญ นามธง, 2555)
มัฟฟนิ ขนมหวานรูปถ้วยหน้าตาคลา้ ยคัพเค้ก แตม่ ีเนื้อสัมผัสทตี่ ่างออกไป คำว่า มัฟฟิน (Muffin) มาจาก
ภาษาฝร่งั เศสวา่ Moufflet ขนมชนดิ น้มี ีความเป็นมาเนิน่ นานตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 และ 11 ในแคว้นเวลส์ ประเทศ
อังกฤษ แรกนน้ั มัฟฟนิ เปน็ อาหารของทาสในสังคมองั กฤษยุควิกตอเรียน พวกเขาจะนำเศษขนมปงั แป้งบิสกิตที่
เหลอื และมนั ฝรั่งบด มารวมกันนวดเปน็ แปง้ และนำไปปรงุ สกุ บนกระทะกน้ แบน มลี ักษณะแบนคลา้ ยกับขนมปัง
กอ้ นกลมขนาดเล็ก (มติชนอคาเดม,ี่ ม.ป.ป.) ในการวิจยั ครัง้ นี้จงึ มีแนวทางในการนำขนมมัฟฟนิ มาเสรมิ สรา้ ง
พฒั นากจิ กรรมการเรียนรู้ของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี เพือ่ พัฒนาการเรยี นรูผ้ ูเ้ รียนในบทเรียนการทำเบ
เกอรี่ ใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากขึ้น
จากเหตุผลดังกลา่ วน้ผี ูท้ ำการวจิ ยั จึงมีความสนใจในการคดิ ที่จะพัฒนากิจกรรมการเรียนรูใ้ นเรื่อง การทำ
ขนมมัฟฟนิ รสชาติตา่ งๆ ให้มีความนา่ สนใจและเพ่ือพฒั นาผู้เรียนอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
คำถามวิจยั
ในการวจิ ัยคร้งั นผี้ ูว้ ิจัยได้กำหนดคำถามวิจยั ไวด้ งั น้ี
1. หากพฒั นารสชาตมิ ัฟฟินเปน็ รสชาตชิ าเขียว ชาไทย และช็อคโกแลต เปน็ ต้น ทแ่ี ตกต่างจาก
รสชาตดิ ั่งเดิม ผ้เู รยี นจะมคี วามสนใจมากข้ึนหรอื ไม่
2. เนือ้ สัมผัสขนมมัฟฟนิ รสชาติใหม่จะมคี วามแตกตา่ งไปจากเน้ือสมั ผสั รสชาติด่งั เดิมหรือไม่
2
3. ผู้เรยี นจะมีความพงึ พอใจต่อการเรียนทำขนมมฟั ฟนิ รสชาติใหมห่ รือไม่
ความมุ่งหมายของการวิจยั
ในการวิจยั ครัง้ น้ีผู้วิจยั ได้กำหนดความมุ่งหมายของการวจิ ยั ไว้ดังน้ี
1. ผ้เู รยี นมีความสนใจในการทำขนมมฟั ฟินรสชาติชาเขียว ชาไทย และช็อคโกแลต เปน็ ต้น
2. เนอื้ สมั ผสั ขนมมัฟฟินรสชาติใหมไ่ มม่ คี วามแตกต่างไปจากเดิมมาก
3. ผู้เรยี นมีความพึงพอใจตอ่ การเรียนทำขนมมฟั ฟินรสชาตใิ หมๆ่
ประโยชน์ของการวิจัย
ในการวิจยั คร้งั น้ีผูว้ ิจยั ได้กำหนดความมุง่ หมายของการวิจยั ไว้ดังนี้
1. ผู้เรยี นมคี วามเขา้ ใจและได้รับความร้ใู นการเรยี นทำขนมมัฟฟนิ รสชาตติ ่างๆ
2. ผู้เรียนสามารถนำวธิ กี ารทำขนมมัฟฟนิ รสชาตติ ่างๆไปพัฒนาใหม้ ีความชำนาญและสามารถ
สรา้ งรายได้ได้
ขอบเขตของการวจิ ัย
การวิจัยในคร้งั นเ้ี ป็นการพัฒนากจิ กรรมการเรียนรูเ้ รื่อง การทำขนมมัฟฟนิ รสชาตติ า่ งๆ ของนกั เรยี น
โรงเรยี นสกลราชวทิ ยานกุ ลู ชนั้ มธั ยมศกึ ษาชัน้ ปที ี่ 2 จำนวน 40 คน
ตัวแปรท่ใี ช้ในการวิจยั
การศกึ ปัจจยั ทีส่ ง่ ผลตอ่ ประสิทธภิ าพในการพฒั นากิจกรรมการเรียนรูเ้ รอ่ื ง ขนมมัฟฟนิ รสชาตติ ่างๆ มีตัว
แปรดงั น้ี
1. ตัวแปรอิสระ (Independent Variables) ปจั จยั ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั ประสทิ ธิภาพในการพัฒนากจิ กรรมการ
เรียนรู้ ไดแ้ ก่ ชุดการสอนทักษะปฏบิ ัตกิ ารทำเบเกอรี่ เรื่อง การทำขนมมัฟฟนิ รสชาตติ ่างๆ
2. ตวั แปรตาม (Dependent Variables) ประสทิ ธิภาพในการปฏบิ ัติงานในการพัฒนากิจกรรมการเรยี นรู้
ได้แก่
2.1 ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น
3
2.2 ทักษะปฏิบตั งิ านในการทำเบเกอร่ี ขนมมฟั ฟินรสชาตติ า่ งๆ
2.3 ความพึงพอใจของนักเรียน
นิยามศัพท์เฉพาะ
ขนมมัฟฟิน (Muffin) หมายถึง เปน็ เคก้ ชนดิ หน่ึงที่สามารถทานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ขนาดชิน้ เลก็ บาง
ช้นิ อาจจะดคู ล้ายกับคัพเค้ก รสชาติมีหลากหลาย เช่น ชอ็ กโกแลตชพิ บลูเบอร์ร่ี ราสเบอรร์ ี่ ชนิ นามอน กลว้ ย สม้
เป็นต้น มัฟฟินทำจากสว่ นผสม คือ แป้งสาลี น้ำตาล ผง ฟู ไขไ่ ก่ นม เนย เป็นตน้ แล้วใส่ ผลไม้หรอื ชอ็ กโกแลตลง
ไป (Brand Buffet – Team, 2560)
กรอบแนวคิดในการวจิ ยั
ในการวจิ ัย ผูว้ จิ ยั ไดศ้ ึกษาและยึดหลกั แนวคดิ ของการพัฒนากิจกรรมการเรียนรทู้ เี่ น้นทักษะการปฏบิ ตั ิ
ตามแนวคิดของดี เชคโค (De Cecco. 1974: 272-279) ซึ่งไดเ้ สนอขั้นตอนการสอนเพ่ือใหเ้ กิดทักษะไว้ 5 ขั้นตอน
คอื
1. วิเคราะห์ทกั ษะทจี่ ะสอน เป็นขัน้ แรกของการสอนทกั ษะ โดยท่ีผสู้ อนจะต้องวิเคราะห์งานที่จะให้
ผเู้ รียนปฏบิ ตั กิ อ่ นว่า งานน้นั ประกอบดว้ ยทักษะย่อยอะไรบา้ ง
2. ประเมนิ ความสามารถเบื้องตน้ ของผเู้ รียน วา่ ผู้เรียนมคี วามรคู้ วามสามารถพน้ื ฐานเพียงพอทีจ่ ะ เรียน
ทกั ษะใหมห่ รือไม่ ถา้ ยังขาดความรู้ความสามารถท่จี ำเป็นต่อการเรียนทักษะน้ันก็ต้องเรยี นเสรมิ ให้มพี น้ื
ฐานความรู้เพยี งพอเสียกอ่ น
3. จัดขน้ั ตอนการฝึกใหเ้ ปน็ ไปตามลำดับข้ันจากง่ายไปยาก จากทักษะพื้นฐานไปสทู่ ักษะที่มีความ
สลบั ซับซอ้ น จัดให้มีการฝกึ ทักษะย่อยเสียก่อน แล้วฝึกรวมทง้ั หมด
4. สาธติ และอธบิ ายแนะนำ เป็นข้ันให้ผูเ้ รียนได้เหน็ ลำดับขั้นตอนการปฏบิ ตั ิจากตวั อย่างท่ีผสู้ อนสาธติ ใหด้ ู
หรือจากภาพยนตร์ จากวีดีทัศน์ ซ่งึ จะทำให้ผูเ้ รยี นเห็นรายละเอียดการปฏบิ ัติในขน้ั ตอนต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
5. จัดให้ผเู้ รยี นได้ฝกึ ปฏิบัตจิ ริงจากแนวคิดน้ี ผวู้ ิจัยได้สงั เคราะห์จากเอกสารและกำหนดกรอบแนวคิดใน
การพัฒนากิจกรรมการเรยี นรู้ เร่อื ง การทำขนมมฟั ฟนิ รสชาติตา่ งๆ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ชนั้
มธั ยมศกึ ษาช้ันปีท่ี 2 โรงเรียนสกลราชวทิ ยานกุ ูล
ตัวแปรตน้ 4
ชดุ การสอนทักษะปฏบิ ัตกิ ารทำเบเกอรี่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น
เร่ือง การทำขนมมฟั ฟินรสชาติตา่ งๆ
- ความรคู้ วามสามารถในการเรียนของนักเรียนทเ่ี รยี นโดยใช้ชุดการ
ชดุ การสอนทักษะปฏิบตั กิ าร สอนทกั ษะปฏบิ ัตเิ รื่องงานการทำขนมมัฟฟนิ รสชาตติ า่ งๆ ทเ่ี ปน็
ทำเบเกอรี่ เร่อื ง การทำ เอกลักษณ์ไทยประเภทงานใบตองโดยวัดไดจ้ ากคะแนนการทำ
ขนมมัฟฟินรสชาติตา่ งๆ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลงั เรยี นทผ่ี ู้วิจยั ไดพ้ ฒั นาขน้ึ
ทักษะปฏบิ ตั ิ
- ส่ิงทีไ่ ด้จากการประเมินความสามารถในการปฏบิ ตั ิงานความถูกต้อง
ในกระบวนการเรอ่ื งงานการทำขนมมัฟฟินรสชาติต่างๆ ใชว้ ธิ กี าร
ประเมินดา้ นวธิ ีการและประเมนิ ผลงานโดยการสังเกตและตรวจ
ผลงาน
ความพงึ พอใจของนักเรียนทม่ี ีตอ่ การเรยี นดว้ ยส่ือประกอบการเรียน
การสอนเรื่อง การทำขนมมฟั ฟนิ รสชาติตา่ งๆ ช้นั มธั ยมศึกษาชั้นปที ี่ 2
สมมติฐานของการวจิ ัย
ในการวจิ ัยครง้ั น้ผี วู้ จิ ยั ได้กำหนดสมมติฐานของการวจิ ัย ไว้ดงั นี้
1. ผ้เู รยี นมคี วามสนใจในการทำขนมมัฟฟนิ รสชาตติ ่างๆ
2. สูตรข้ันพน้ื ฐานท่ตี ่างกันทำให้เน้ือสัมผัสมีความแตกตา่ งกันเลก็ นอ้ ย
3. ผูเ้ รียนมีความพึงพอใจต่อการเรยี นทำขนมมฟั ฟินรสชาตใิ หม่ๆ
5
บทท่ี 2
ในการวจิ ยั การพฒั นากิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง การทำขนมมฟั ฟนิ รสชาตติ ่างๆ กล่มุ สาระการเรียนรู้การ
งานอาชพี ชัน้ มัธยมศกึ ษาชน้ั ปีที่ 2 โรงเรยี นสกลราชวิทยานกุ ูล ครั้งนี้ผ้วู ิจยั ได้ศึกษาเอกสารแนวคดิ หลักการ
ทฤษฎี ตลอดจนงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ งตามลำดบั ดงั นี้
1. หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี
2. ชดุ การสอน
3. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น
4. ทักษะปฏบิ ัติงานประดษิ ฐ์
5. แผนการจัดการเรยี นรู้
6. การหาประสทิ ธภิ าพ
7. ดัชนีประสทิ ธิผล
8. ความพึงพอใจ
9. บริบทโรงเรยี นสกลราชวทิ ยานุกูล
10. งานวิจัยท่ีเกย่ี วข้อง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 กลมุ่ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี
กล่มุ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี
เป็นกลมุ่ สาระที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรยี นมคี วามรู้ความเข้าใจมีทักษะพนื้ ฐานที่จำเป็นตอ่ การดำรงชีวิต และ
รู้เท่าทนั การเปลยี่ นแปลง สามารถนำความรูเ้ กย่ี วกับการดำรงชวี ิต การอาชพี และเทคโนโลยมี าใชป้ ระโยชนใ์ นการ
ทำงาน อยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ และแขง่ ขันในสังคมไทยและสากลเหน็ แนวทางในการประกอบอาชีพ รกั การ
ทำงาน และมเี จตคติที่ดตี ่อการทำงาน สามารถดำรงชวี ิตอยู่ในสงั คมได้อยา่ งพอเพยี งและมคี วามสขุ
6
1. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี 1 การดำรงชวี ิตและครอบครัว
การดำรงชีวติ เปน็ การทำงานในชวี ิตประจำวนั เพือ่ ช่วยเหลือตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และสงั คมทวี่ ่าดว้ ย
งานบา้ น งานเกษตร งานชา่ งงานประดษิ ฐ์ งานธุรกจิ และงานอ่นื ๆ
มาตรฐาน ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มคี วามคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทกั ษะการ
จัดการทกั ษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานรว่ มกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ มคี ณุ ธรรม และ
ลกั ษณะนสิ ยั ในการทำงาน มีจิตสำนึกในการใช้พลงั งาน ทรพั ยากรและสง่ิ แวดล้อม เพื่อการดำรงชีวติ และ
ครอบครัว
สาระที่ 2 การออกแบบและเทคโนโลยี
การออกแบบและเทคโนโลยี เป็นการเรยี นร้เู พื่อพฒั นาความสามารถของมนุษย์ในการแก้ปญั หาและสนอง
ความตอ้ งการอยา่ งสร้างสรรค์ โดยนำความรูม้ าใชก้ ับกระบวนการเทคโนโลยสี รา้ งสิ่งของเครื่องใช้ วธิ ีการหรือเพม่ิ
ประสิทธิภาพในการดำรงชีวติ และกจิ กรรมตา่ งๆ ของมนษุ ย์
มาตรฐาน ง 2.1 เขา้ ใจเทคโนโลยีและกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสรา้ งสงิ่ ของเคร่อื งใช้
หรือวธิ ีการตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างมคี วามคิดสร้างสรรค์ เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีในทางสร้างสรรคต์ ่อชีวิต
สังคมส่ิงแวดล้อมและมีส่วนร่วมในการจัดการเทคโนโลยีที่ยัง่ ยนื
สาระที่ 3 เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร
เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร เป็นการนำวิทยาการทก่ี ้าวหนา้ ดา้ นคอมพิวเตอร์และการส่อื สาร มา
สรา้ งมูลคา่ เพ่ิมให้กับสารสนเทศ ทำให้สารสนเทศมปี ระโยชน์ และใชง้ านได้กวา้ งขวางมากขน้ึ เทคโนโลยี
สารสนเทศรวมถงึ การใช้เทคโนโลยีดา้ นต่างๆ ในการรวบรวมจัดเก็บ ใชง้ านส่งต่อ หรอื ส่ือสารระหวา่ งกนั เทคโนโลยี
สารสนเทศและการสือ่ สารเก่ียวขอ้ งโดยตรงกับ 2 ส่ิง คอื
1. เครอื่ งมือเครื่องใช้ในการจัดการสารสนเทศ เช่น เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ อปุ กรณร์ อบข้างและ
อปุ กรณ์สื่อสารและการโทรคมนาคม
2. ข้ันตอนวธิ ีการดำเนินการซึ่งเก่ียวข้องกับซอฟตแ์ วร์ ข้อมูลบุคลากร และบุคลากร และกรรมวิธี
การดำเนนิ งาน เพอื่ ใหข้ ้อมูลนนั้ เกิดประโยชนม์ ากที่สดุ
มาตรฐาน ง 3.1 เข้าใจ เห็นคุณค่า และใช้กระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศ
ในการสืบคน้ ข้อมูล การเรียนรู้ การสือ่ สารการแก้ปัญหาการทำงานและอาชพี อย่างมปี ระสิทธิภาพ ประสทิ ธผิ ลและ
มีคุณธรรม
7
สาระที่ 4 การอาชีพ
เปน็ สาระทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ทักษะทจ่ี ำเปน็ ต่ออาชีพ เหน็ ความสำคญั ของคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติทดี่ ี
ตอ่ อาชีพใชเ้ ทคโนโลยีไดเ้ หมาะสม เห็นคณุ คา่ ของอาชีพสจุ ริต และเหน็ แนวทางในการประกอบอาชีพ
มาตรฐาน ง 4.1 เข้าใจ มที ักษะทจี่ ำเปน็ มีประสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชีพใชเ้ ทคโนโลยี
เพื่อพัฒนาอาชพี มีคณุ ธรรม และมเี จตคติทด่ี ตี ่ออาชพี
2. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนร้แู กนกลาง
สาระท่ี 1 การดำรงชวี ติ และครอบครัว
มาตรฐานง 1.1 เขา้ ใจการทำงาน มีความคิดสรา้ งสรรค์ มที ักษะกระบวนการทำงาน ทักษะการ
จัดการทักษะกระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการทำงานร่วมกนั และทักษะ การแสวงหาความรูม้ คี ุณธรรม และ
ลกั ษณะนิสยั ในการทำงาน มีจิตสำนึก ในการใช้พลงั งาน ทรพั ยากร และส่ิงแวดล้อม เพื่อการดำรงชีวติ และ
ครอบครวั
สาระที่ 2 การออกแบบและเทคโนโลยี
มาตรฐาน ง 2.1 เข้าใจเทคโนโลยีและกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสร้างสิง่ ของเครื่องใช้
หรือวิธีการ ตามกระบวนการเทคโนโลยอี ยา่ งมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ เลือกใชเ้ ทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ตอ่ ชีวติ
สังคมสิง่ แวดลอ้ มและมีส่วนรว่ มในการจดั การเทคโนโลยีที่ย่งั ยนื
สาระที่ 3 เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร
มาตรฐาน ง 3.1 เขา้ ใจ เห็นคุณคา่ และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นขอ้ มลู
การเรยี นรู้ การสอ่ื สารการแก้ปัญหา การทำงานและอาชพี อย่างมปี ระสิทธิภาพ ประสทิ ธผิ ล มีคุณธรรม
สาระท่ี 4 การงานอาชีพ
มาตรฐาน ง 4.1 เข้าใจ มีทักษะท่จี ำเปน็ มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชพี ใชเ้ ทคโนโลยี
เพื่อพฒั นาอาชพี มีคณุ ธรรม และมีเจตคตทิ ี่ดตี ่ออาชพี
ในการวิจัยเร่อื ง การทำขนมมัฟฟนิ รสชาตติ ่างๆ กลุม่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ ชั้นมัธยมศกึ ษาช้นั ปที ่ี
2 โรงเรียนสกลราชวทิ ยานุกูล โดยใชช้ ดุ การสอน เปน็ เนอื้ หาในสาระที่ 1 การดำรงชีวติ และครอบครวั มาตรฐาน ง
1.1 เขา้ ใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจัดการ ทกั ษะกระบวนการ
แก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกนั และทักษะการแสวงหาความรมู้ ีคุณธรรม และลกั ษณะนิสยั ในการทำงาน มี
8
จิตสำนกึ ในการใช้พลังงาน ทรพั ยากรและสงิ่ แวดล้อม เพื่อการดำรงชีวิตและครอบครัว และสาระที่ 4 การอาชีพ
มาตรฐาน ง 4.1 เข้าใจ มีทักษะทจ่ี ำเปน็ มปี ระสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชพี ใช้เทคโนโลยี เพ่อื พัฒนาอาชีพ
มคี ณุ ธรรม และมเี จตคติทดี่ ีต่ออาชีพ
3. คณุ ภาพผู้เรียน
เพื่อใหก้ ารศึกษากล่มุ สาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยีบรรลผุ ลตามเป้าหมายที่วางไว้ สำนัก
วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ. 2551 : 3 - 4) จึงไดก้ ำหนดคณุ ภาพของผู้เรียน กลุม่ สาระ
การเรียนร้กู ารงานอาชพี และเทคโนโลยีทีจ่ บการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ไว้ดังนี้
3.1 เข้าใจการทำงานและปรับปรงุ การทำงานแต่ละขนั้ ตอน มีทักษะการจดั การ ทักษะการทำงาน ร่วมกนั
ทำงานอย่างเป็นระบบและมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ มลี กั ษณะนสิ ยั การทำงานทีข่ ยัน อดทน รบั ผดิ ชอบ ซอื่ สตั ย์ มี
มารยาท และมจี ิตสำนึกในการใชน้ ้ำ ไฟฟ้าอย่างประหยัดและคมุ้ คา่
3.2 เขา้ ใจความหมาย ววิ ัฒนาการของเทคโนโลยี และสว่ นประกอบของระบบเทคโนโลยี มีความคดิ ใน
การแกป้ ัญหาหรอื สนองความต้องการอย่างหลากหลาย นำความรู้และทักษะการสร้างชิ้นงานไป ประยุกต์ในการ
สรา้ งสิ่งของเครอื่ งใช้ตามความสนใจอยา่ งปลอดภยั โดยใชก้ ระบวนการเทคโนโลยี ได้แก่ กำหนดปัญหาหรอื ความ
ตอ้ งการรวบรวมข้อมูลออกแบบโดยถา่ ยทอดความคิดเป็นภาพรา่ ง 3 มติ ิ หรอื แผนท่ี ความคดิ ลงมือสร้าง และ
ประเมนิ ผล เลอื กใช้เทคโนโลยใี นชีวติ ประจำวนั อยา่ งสรา้ งสรรคต์ อ่ ชวี ติ สังคม และมีการจัดการเทคโนโลยีด้วยการ
แปรรูปแล้วนำกลบั มาใช้ใหม่
3.3 เข้าใจหลกั การแก้ปัญหาเบ้อื งต้น มที ักษะการใช้คอมพิวเตอรใ์ นการค้นหาข้อมลู เก็บรกั ษา ข้อมลู
สรา้ งภาพกราฟฟิก สรา้ งงานเอกสาร นำเสนอขอ้ มลู และสรา้ งช้นิ งานอย่างมีจติ สำนกึ และรับผิดชอบ
3.4 รแู้ ละเขา้ ใจเก่ยี วกบั อาชีพ รวมทง้ั มีความรู้ ความสามารถและคุณธรรมทส่ี ัมพันธก์ บั อาชพี สำหรับ
เจตนารมณข์ องหลกั สูตร เพื่อใหศ้ กึ ษาเรียนรู้ ให้มคี วามรู้ความเข้าใจเบื้องต้น และปลกู ฝงั ในเรื่องของ หลักการ
ทำงานเพื่อการดำรงชีวิต หลักการการทำงานให้ประสบความสำเรจ็ ทกั ษะในการทำงาน คุณธรรม จรยิ ธรรม และ
ลกั ษณะนสิ ยั ท่ดี ใี นการทำงาน การใชพ้ ลงั งานและทรัพยากรอยา่ งคุ้มค่าและยัง่ ยืน ใหม้ ีทักษะในการใช้อปุ กรณ์
เครอ่ื งมอื ตา่ งๆ รู้จักพงึ่ ตนเองตลอดเวลา มีความคิดริเร่มิ สร้างสรรค์ ผลติ ชนิ้ งานใหม่หรือ ปรบั ปรุงผลงานและ
กระบวนการทำงานใหด้ ีข้ึน (ค่มู ือครรู ายวชิ าพนื้ ฐาน การงานอาชพี และเทคโนโลยี. 2555 : 1-14 ) ชดุ การสอนชุด
การสอน คือ การนำเอาระบบสอ่ื ประสม (Multi-Media) ท่ีสอดคลอ้ งกับเน้ือหาวิชา และประสบการณ์ของแตล่ ะ
หน่วย มาชว่ ยในการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ ใหเ้ ป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพย่งิ ขน้ึ ชดุ การสอนนิยมจัดไว้
9
ในกล่อง หรือซองเปน็ หมวดๆ ภายในชุดการสอน ประกอบดว้ ยคู่มอื การใชช้ ุดการสอน ส่ือการสอนทสี่ อดคลอ้ งกบั
เนือ้ หา และประสบการณ์ อาทิเชน่ รูปภาพ สไลด์ เทป แผ่นคำบรรยาย ฯลฯ ในการสรา้ งชุดการสอนน้จี ะใช้วิธี
ระบบเป็นหลักสำคัญดว้ ย จงึ ทำใหม้ ่ันใจไดว้ า่ ชดุ การสอนจะสามารถชว่ ยให้ ผู้เรยี นได้รบั ความรูอ้ ย่างมี
ประสิทธิภาพ และยังช่วยใหผ้ ้สู อนเกดิ ความมั่นใจพรอ้ มท่จี ะสอนอีกด้วย
1. ความหมายของชุดการสอน
ได้มนี ักการศึกษาหลายทา่ น ใหค้ ำจำกัดความเก่ยี วกบั ชดุ การสอนไว้ ซงึ่ สรปุ ได้ดังนี้
บุญเกือ้ ควรหาเวช (2543 : 91) ได้กลา่ วถงึ ชุดการสอนไวว้ า่ ชุดการสอนเป็นสือ่ การสอนชนดิ หนึ่ง ซึ่งเปน็ ชดุ ของ
สื่อประสม (Multi-Media) ที่จัดขน้ึ สำหรบั หน่วยการเรียนตามหัวข้อ เน้ือหาและประสบการณ์ของแต่ละหนว่ ยท่ี
ต้องการจะใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับ โดยจดั เอาไวเ้ ป็นชุดๆ บรรจุอย่ใู นซอง กล่อง หรอื กระเปา๋ ซึ่งแลว้ แต่ผูส้ รา้ งจะสรา้ งขน้ึ
จติ ตพนั ธ์ แสนเมอื ง (2544 : 8) ได้ให้ความหมายของชดุ การสอนไวว้ ่าชุดการสอน หมายถึง สอ่ื ประสมทีส่ ร้างขน้ึ
และได้รับการจดั อย่างเปน็ ระบบ เพอ่ื ใช้สอนเนือ้ หาวชิ าใดวิชาหนึ่งแกน่ ักเรียน ซึ่งประกอบดว้ ย ความมุ่งหมาย
กิจกรรมการเรียนการสอนและผู้สอน เพ่ือใหผ้ ู้เรียนสามารถเรยี นรไู้ ดง้ า่ ย สะดวก รวดเร็ว และเกิดประสทิ ธภิ าพ
ตามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีกำหนดไว้ กศุ ยา แสงเดช (2545 : 5) ได้กล่าววา่ ชดุ การสอน หมายถงึ สอ่ื การเรียนการสอนท่ี
จัดอยา่ งมรี ะบบให้สอดคล้องกับเนอ้ื หากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ และประสบการณ์ ทจี่ ดั ไว้ในแตล่ ะหนว่ ย เพ่ือช่วยให้
เกิดการเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ชุดการสอนจัดไว้ในกลอ่ งหรือซอง เปน็ หมวดๆ ภายในชดุ การสอน
ประกอบดว้ ยคู่มือการใชช้ ุดการสอน สอื่ การเรียนทีส่ อดคล้องกับเนื้อหา พร้อม ท้งั การมอบหมายงานให้ผ้เู รียนได้
ปฏิบัตกิ ิจกรรมค้นคว้าหาคำตอบดว้ ยตนเองกรมวิชาการ (2545 : 36) ได้กล่าวถึง การผลิตสือ่ และจดั ทำส่อื การ
เรียนรู้ไว้ว่า ชดุ การเรียนการสอน ประกอบดว้ ย ส่อื หลายๆ ชนิด จดั รวมไว้เปน็ ชดุ เชน่ คมู่ อื แนะนำการใช้ ชดุ การ
เรยี นการสอน หนังสือเรียน หนงั สืออา้ งองิ ใบงานแบบฝึกหัด/แบบฝึกกิจกรรม บทเรยี นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
สไลด์ วัสดอุ ุปกรณ์ตา่ งๆ ในการทำชดุ การเรยี นการสอน อาจจัดทำในรูปแบบทีจ่ ะสามารถบูรณาการภายในกลุม่
หรือระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ ตลอดจนบรู ณาการ 14 กระบวนการใชส้ ือ่ แต่ละชนิดในชดุ ให้เหมาะสมกับ
กาลเวลาและสภาพแวดลอ้ มท่ีเปล่ยี นแปลงสวุ ทิ ย์ มูลค่า และ สนุ นั ทา สนุ ทรประเสริฐ (2550 : 99) ให้ความหมาย
ของชดุ การสอนวา่ เปน็ การจัดประสบการณ์การ เรยี นรู้ให้กบั ผู้เรียนอยา่ งเปน็ ระบบโดยใช้สื่อประเภทต่างๆ ที่
สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาและกิจกรรมมาชว่ ยในการเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนให้บรรลจุ ุดมุ่งหมายจาก
ความหมายที่กล่าวมาขา้ งต้นพอสรปุ ได้ว่า ชุดการสอน หมายถงึ ส่อื ที่ใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยมี
กระบวนการใหผ้ เู้ รยี นศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง มีขัน้ ตอนที่จัดไวเ้ ป็นระบบ และใชส้ อ่ื หลายชนิดมาใช้ในการจดั
10
กิจกรรม ครัง้ หนึ่งมีเนื้อหาเป็นเรือ่ งเฉพาะมีรายละเอียด และขั้นตอนการจัดกิจกรรม การเรียนการสอน รวมท้ังส่ือ
ประกอบบรรจไุ ว้ในกล่องให้นักเรียน สามารถศึกษาไดห้ รือปฏิบตั กิ ิจกรรมตามท่รี ะบไุ วไ้ ด้
2. องคป์ ระกอบของชดุ การสอน
2.1 คมู่ อื การใชช้ ุดการสอน เป็นคมู่ อื หรือแผนการสอนสำหรบั ผ้สู อนใชศ้ กึ ษาและปฏิบัติตาม
ขน้ั ตอนตา่ งๆ ซึ่งมรี ายละเอียดช้แี จงไว้อยา่ งชัดเจน ลกั ษณะของคู่มอื อาจจัดทำเป็นเล่มหรือแผ่นพบั ก็ได้
2.2 บัตรคำสัง่ หรอื บัตรงาน เป็นเอกสารท่ีบอกใหผ้ ูเ้ รียนประกอบกิจกรรมแต่ละอยา่ งตามขัน้ ตอน
ท่กี ำหนดไว้ บรรจอุ ยู่ในชุดการสอน บัตรคำสัง่ หรือบัตรงานจะมคี รบตามจำนวนกลมุ่ หรือจำนวนผู้เรียน ซึง่ จะ
ประกอบด้วย คำอธิบายในเร่ืองที่จะศึกษา คำสั่งให้ผเู้ รียนประกอบกจิ กรรมและการสรุปบทเรียน
2.3 เน้อื หาสาระและสอื่ การเรียนประเภทต่างๆ จดั ไว้ในรูปของสื่อการสอนท่หี ลากหลายอาจแบง่
ไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ดังน้ี
2.3.1 ประเภทเอกสารส่ิงพิมพ์ เชน่ หนงั สอื วารสาร บทความ ใบความรขู้ องเน้ือหา
เฉพาะ เรอื่ ง บทเรียนโปรแกรม เปน็ ตน้
2.3.2 ประเภทโสตทศั นปู กรณ์ เชน่ รูปภาพ แผนภาพ แผนภูมิ สมดุ ภาพ เทปโทรทัศน์
เทป บนั ทกึ - เสยี ง สไลด์ วีดีทัศน์ ซีดรี อม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชว่ ยสอน เป็นตน้
2.3.4 แบบประเมินผล เปน็ แบบทดสอบที่ใชว้ ัดและประเมินความรู้ดว้ ยตนเองทง้ั ก่อน
เรยี น และหลังเรียน อาจจะเปน็ แบบทดสอบชนิดจบั คู่ เลือกตอบ หรือกาเคร่อื งหมายถูกผิดกไ็ ด้
3. ประเภทของชุดการสอน
อำนวย เดชชัยศรี (2542 : 37) ไดจ้ ดั ประเภทของชดุ การเรียนรอู้ อกเปน็ 3 ประเภทดว้ ยกนั คอื
1. ชุดการเรยี นร้รู ายบคุ คลให้ผู้เรยี นเรียนดว้ ยตนเองภายในชดุ การเรียนรู้จะมีบทเรียนสำเรจ็ รปู แบบ ประเมินผล
และสอื่ การศกึ ษา
2. ชุดการเรียนรปู้ ระกอบการบรรยายของครจู ะมกี ิจกรรมที่กำหนดไว้ภายในชดุ การเรียนรูแ้ ต่ตอ้ งอาศัยครูหรอื ผูใ้ ช้
ชุดเปน็ ผู้ดำเนินการในการสอนกลมุ่ ใหญ่ผู้เรียนได้ประสบการณพ์ ร้อมๆ กนั ในเวลาท่กี ำหนด
11
3. ชดุ การเรยี นรูส้ ำหรับเรียนเป็นกลุ่มหรอื เรียกวา่ ชุดการเรียนรู้แบบศูนยก์ ารเรียนซงึ่ ผเู้ รียนจะตอ้ ง ปฏิบัติกจิ กรรม
เปน็ กล่มุ ตามประสบการณท์ ีจ่ ัดไว้ใหแ้ ล้วในบัตรคำสัง่ ววิ รรธน์ จนั ทร์เทพย์ (2542 : 254 - 255) ไดจ้ ัดประเภท
ของชุดการเรียนรูอ้ อกเป็น 3 ประเภท เชน่ กัน คือ
1. ชุดการเรียนรปู้ ระกอบคำบรรยายเปน็ ชดุ การเรียนร้สู ำหรบั ให้ครใู ชป้ ระกอบการบรรยายเพอื่ สอน
ผเู้ รยี นเป็นกลมุ่ ใหญป่ ระกอบดว้ ยส่ือการเรียนตา่ งๆ เชน่ สไลด์ฟิลม์ สตรปิ ภาพยนตร์รปู ภาพแผนภมู ิแผนท่บี างทกี ็
เรียกว่าชุดการเรยี นรสู้ ำหรบั ครู
2. ชุดการเรยี นรแู้ บบกล่มุ เลก็ หรือชุดการเรียนรแู้ บบศนู ย์การเรียนใช้ประกอบกิจกรรมของผู้เรยี น กลมุ่
เลก็ ๆ เช่น ในศนู ยก์ ารเรยี นชุดการเรียนรู้แบบน้จี ะมีสอ่ื ต่างๆ ไวใ้ ห้สมาชิกในกลุ่มได้ประกอบกิจกรรมตามบัตร
คำสัง่
3. ชุดการเรยี นรรู้ ายบคุ คลใช้สำหรบั ใหผ้ ู้เรยี นเรยี นด้วยตนเองตามความสะดวกและความสนใจของ เขาจึง
นยิ มเรียกวา่ "ชดุ การเรยี น" จะเห็นได้ว่าประเภทของชุดการเรียนรู้มี 3 ประเภทใหญๆ่ คือ ชุดการเรยี นรู้
ประกอบการบรรยายสำหรบั ครู ชดุ การเรียนรู้สำหรับผู้เรียน และชุดการเรยี นรู้รายบคุ คลท่วั ไป สามารถเรียนได้
ด้วยตนเอง ซ่ึงชุดการเรยี นรู้แตล่ ะประเภทนัน้ มุ่งเพ่ือประสิทธิภาพทางการเรยี นการสอน ที่เน้นผลประโยชน์ของ
ผ้เู รยี นเป็นสำคญั ชดุ การเรยี นทผ่ี วู้ จิ ยั ได้พฒั นาขึ้นมาเปน็ ชุดวิจัยสำหรับครผู ูส้ อนใช้ในการประกอบการจัดกจิ กรรม
การเรยี นรู้ เพ่ือสะดวกรวดเร็วและเปน็ ไปตามกระบวนการและผเู้ รียนสามารถเรยี นไดด้ ้วยตนเอง ตามความ
ตอ้ งการอีกดว้ ย บญุ เก้ือ ควรหาเวช (2543 : 94 - 95) ได้แบง่ ชดุ การสอนท่ีใชก้ ันอยเู่ ปน็ 3 ประเภทใหญๆ่ คอื
1. ชดุ การสอนประกอบการบรรยาย เปน็ ชุดการสอนสำหรับครูผู้สอนจะใชส้ อนผเู้ รียนเป็นกลุ่มใหญ่ หรอื
เป็นการสอนที่ตอ้ งการปูพ้นื ฐานให้ผูเ้ รยี นสว่ นใหญร่ ู้ และเข้าใจในเวลาเดยี วกนั มุง่ ในการขยาย เนอื้ หาสาระให้
ชัดเจนย่ิงข้นึ ชุดการสอนแบบนจ้ี ะชว่ ยให้ผสู้ อนลดการพูดน้อยลงและใชส้ ่ือการสอนท่มี ีพรอ้ ม อยู่ในชุดการสอน ใน
การเสนอเนื้อหามากขึ้น สอื่ ที่ใช้อาจได้แก่ รูปภาพ แผนภมู ิ สไลด์ ฟลิ ม์ สตริป ภาพยนตร์ เทปบนั ทกึ เสยี ง หรือ
กิจกรรมที่กำหนดไว้ ขอ้ สำคัญกค็ ือส่ือท่จี ะนำมาใช้น้ีจะต้องให้ผเู้ รียนได้เห็นอยา่ งชัดเจนทกุ คน ชุดการสอนชนิดนี้
บาง คนอาจจะเรียกว่าชดุ การสอนสำหรบั ครู
2. ชุดการสอนแบบกล่มุ กิจกรรม เป็นชดุ การสอนสำหรบั ให้ผู้เรยี นเรยี นร่วมกนั เป็นกลมุ่ เลก็ ๆ ประมาณ 5-
7 คน โดยใชส้ อ่ื การสอนทบ่ี รรจไุ วใ้ นชดุ การสอนแตล่ ะชดุ เพือ่ มุ่งท่ฝี กึ ทักษะในเน้ือหาวิชาที่เรยี น และใหผ้ เู้ รยี นมี
โอกาสทำงานร่วมกัน เปน็ ต้น
12
3. ชุดการสอนแบบรายบคุ คล หรอื ชดุ การสอนตามเอกตั ภาพ เปน็ ชดุ การสอนสำหรับเรยี นด้วยตนเอง
อาจจะเรยี นทีโ่ รงเรยี นหรือท่ีบา้ นกไ็ ด้ ส่วนมากมกั จะม่งุ ให้ผู้เรียนได้ทำความเข้าใจในเนื้อหาวิชาทเ่ี รยี น เพม่ิ เติม
ผู้เรยี นสามารถที่จะประเมนิ ผลการเรียนด้วยตนเองไดด้ ้วย ชดุ การสอนชนดิ นีอ้ าจจะจัดในลักษณะของ 16 หนว่ ย
การสอนย่อยหรอื โมดูลก็ได้ กุศยา แสงเดช (2545 : 5) ไดแ้ บง่ ประเภทของชดุ การสอนตามลกั ษณะการใชอ้ อกเปน็
3 ประเภท คือ
1. ชุดการสอนสำหรบั ครเู ปน็ ชุดการสอนประกอบคำบรรยายของครู เพ่ืออำนวยความสะดวกแกค่ รู ใน
การสอน
2. ชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนใช้สำหรบั การเรียนแบบกิจกรรมกลุ่ม นอกจากจะใหป้ ระสบการณ์ การ
เรียนรู้โดยการศกึ ษาคน้ คว้าด้วยตนเองแลว้ ยังสง่ เสรมิ ให้นักเรยี นมคี วามซอ่ื สตั ย์สามัคคี เอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผใ่ นหมคู่ ณะ
ตลอดจนเสริมสร้างวินยั และประชาธิปไตยในระบบกลุ่มด้วย
3. ชดุ การสอนรายบุคคลสำหรบั นักเรียนใช้ศึกษาค้นคว้าเป็นรายบุคคล จากแนวคิดหลายๆ ประการ ดงั ที่
ได้กลา่ วมาแล้วนนี้ บั เปน็ จุดสำคัญท่ีทำให้ชุดการสอน เร่ิมเป็นที่สนใจและหันมาใช้การเรียนการสอนโดยใช้ชดุ การ
สอนกนั แพร่หลายมากขึน้ และการผลติ ก็จะยดึ ถอื แนวคิดนเี้ ปน็ หลกั ใหญ่โดยการนำมาผสมผสานกับสภาพแวดล้อม
และวยั ของผ้เู รียนเป็นหลักสำคัญจากแนวคิดของการผลิตชุดการสอนข้างต้นนี้ ผูศ้ กึ ษาจงึ ได้ผลติ ชดุ การสอน เพอ่ื
ใชเ้ ปน็ ส่อื การสอนกลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยมี ุ่งเน้นใหผ้ เู้ รียนมีความรู้มีทักษะกระบวนการมี
คุณธรรมจรยิ ธรรมค่านยิ มท่พี ึงประสงค์รวมทั้งได้แสดงบทบาท และความรับผิดชอบท้งั ต่อตนเองต่อผู้อืน่ และต่อ
สภาพแวดลอ้ มโดยครูจะตอ้ งประมวลความรู้เนื้อหาสาระสำคัญมาจัดการเรยี นการสอนใหเ้ ปน็ ทกั ษะกระบวนการ
โดยมุ่งให้ผู้เรยี นมกี ารคิดการเลือกการตดั สินใจและการแก้ปญั หาเพ่ือให้ใชเ้ ป็นเครื่องมือในการดำรงชีวติ ใหด้ ขี น้ึ
4. ประโยชน์ของชุดการสอน
กศุ ยา แสงเดช (2545 : 10) ได้กลา่ วถึงประโยชน์ของชดุ การสอนวา่
1. ชุดการสอนจะช่วยทำให้กระบวนการเรียนรมู้ ีประสิทธภิ าพ เพราะ ชดุ การสอนผลิตขึ้นจากกล่มุ บุคคลท่ี
มีความรู้ความชำนาญหลายด้าน และมีการทดลองใชจ้ นแน่ใจวา่ มผี ลดีจึงนำออกมาใชท้ ว่ั ไป
2. ชดุ การสอนจะช่วยลดภาระของผูส้ อน เม่ือมีชุดการสอนสำเร็จรูป ผู้สอนจะดำเนนิ การตาม คำแนะนำที่
กำหนดให้ใชช้ ุดการสอนตามลำดบั ขั้นแต่ละขนั้ จะมอี ุปกรณ์กจิ กรรมตลอดจนขอ้ แนะนำไวใ้ ห้พร้อม ผสู้ อนไม่
จำเป็นต้องทำใหม่หรือทำเพ่มิ นำไปใช้ได้ทนั ที
13
3. ชุดการสอนยงั ชว่ ยให้เกิดความรูใ้ นแนวเดยี วกัน เดมิ การสอนเมือ่ มีผสู้ อนหลายคนในวิชาเดียวกนั ก็อาจ
เกิดความแตกต่างกันในด้านประสทิ ธภิ าพของการสอนการมีชดุ การสอนจะชว่ ยแกป้ ัญหาในเรื่องน้ีได้
4. ชดุ การสอนมจี ดุ ม่งุ หมายท่ีชัดเจนมขี ้อแนะนำในการจดั กิจกรรม มกี ารใช้ส่ือการสอนและมขี ้อทดสอบ
ประเมินผลพฤติกรรมของผู้เรียนไดอ้ ย่างพร้อมมูลประการ
5. ชุดการสอนทำใหผ้ ู้เรยี นสามารถทดสอบดว้ ยตนเองหลังเรยี นผู้เรียนจะทดสอบผลสำเร็จของตนเอง ว่า
บรรลจุ ุดมุง่ หมายทีต่ ง้ั ไวโ้ ดยการทำข้อสอบหลงั เรียนแลว้ ตรวจคำตอบด้วยตนเอง
ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2545 : 121) ไดส้ รปุ คุณค่าของชดุ การสอน
1. ช่วยให้ผู้สอนถ่ายทอดเน้ือหาและประสบการณใ์ ห้มีลกั ษณะเปน็ นามธรรมซ่งึ ผ้สู อนไม่สามารถถ่ายทอด
ดว้ ยการบรรยายไดด้ ี
2. เร้าความสนใจของผ้เู รยี นต่อสงิ่ ที่กาลงั ศึกษาเพราะชุดกิจกรรมจะเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรยี นมีส่วนรว่ มในการ
เรยี นด้วยตนเองและสังคม
3. เปิดโอกาสให้ผเู้ รยี นแสดงความคิดเห็นฝกึ การตดั สนิ ใจแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง และรับผดิ ชอบต่อ
ตนเองและสงั คม
4. เป็นการสรา้ งความพรอ้ มและมัน่ ใจแกผ่ ู้เรียนเพราะชุดกิจกรรมผลติ ไว้เป็นหมวดหมูส่ ามารถหยิบมา
ใช้ไดท้ นั ที
5. ทำใหก้ ารเรยี นของผเู้ รยี นเปน็ อสิ ระจากอารมณ์ของผู้สอนชดุ กจิ กรรมสามารถทำให้ผเู้ รยี นได้เรยี นอยู่
ตลอดเวลา ไมว่ า่ ผสู้ อนจะมีสภาพหรือความขดั แย้งทางอารมณม์ ากน้อยเพียงใด
6. ช่วยให้ผูเ้ รยี นเปน็ อสิ ระจากบคุ ลิกภาพของผูส้ อน เน่ืองจากชุดกิจกรรมทำหนา้ ท่ีถ่ายทอดความรู้ แทน
ผู้สอน แม้ผ้สู อนจะพดู หรือสอนไมเ่ ก่ง ผู้เรยี นก็สามารถเรียนไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ จากชุดกิจกรรมทผ่ี า่ น การ
ทดสอบประสิทธิภาพมาแล้ว
7. กรณีท่คี รูประจาวชิ าไมส่ ามารถเข้าสอนได้ตามปกติ ครูคนอนื่ ก็สามารถสอนแทนโดยใช้ชุดกจิ กรรมได้
มิใชเ่ ข้าไปคมุ ชัน้ เรียนและปล่อยใหน้ ักเรียนอยู่เฉยๆ เพราะเน้อื หาอยู่ในชดุ กิจกรรมเรยี บร้อยแลว้ ครผู ู้สอนไม่ต้อง
เตรียมพร้อมมาก จากการศึกษาประโยชน์ และคุณค่าของชุดการสอนพอสรุปวา่ ชุดการสอนช่วยใหผ้ ้เู รียนมีสว่ น
รว่ ม ในการเรยี นการสอนมากท่ีสดุ ถงึ แมว้ ่าครูจะพูดหรอื สอนไม่เก่งกต็ าม และยงั สามารถชว่ ยแกป้ ัญหาการขาด
แคลนครู เพราะผู้เรยี นสามารถศึกษาดว้ ยตนเองได้ ชดุ การสอนจะเพ่ิมประสิทธภิ าพในการสอนของครู ชว่ ยเพ่มิ
14
ประสทิ ธิภาพในการเรียนของนักเรยี น เปน็ แหล่งความรู้ที่ทันสมยั คำนงึ ถึงจิตวิทยาการเรียนรู้ ผู้เรยี นสามารถเรียน
ไดด้ ว้ ยตนเอง จึงเหมาะสมที่จะนำไปใช้ในการเรียนการสอน จะสง่ ผลต่อการพัฒนาทักษะปฏบิ ัตงิ านการทำเบเกอรี่
โดยใช้ชดุ การสอนสำหรับนักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ในกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
5. การสรา้ งชดุ การสอน
กศุ ยา แสงเดช (2545 :12 -13) ได้กล่าวถึงการสร้างชุดการสอน ซงึ่ มีขนั้ ตอนรายละเอียด ดังน้ี
1. ศกึ ษาเน้ือหาสาระของเรอ่ื งทัง้ หมดอยา่ งละเอยี ดวา่ สิ่งทเี่ ราจะนำมาทำเป็นชดุ การสอน มุ่งเน้นใหเ้ กิด
หลกั การของการเรียนรอู้ ะไรบา้ ง แลว้ วเิ คราะหแ์ บ่งออกเป็นหนว่ ยของการเรยี นการสอน ในแต่ละหน่วย น้นั จะมี
หวั ข้อย่อยๆ รวมอยู่อีก การแบง่ หนว่ ยยอ่ ยควรคำนงึ ถึงเน้ือหากอ่ นหลงั และเรียงลำดับตามขน้ั ตอนความรู้ และ
ธรรมชาติของเร่ืองนั้น
2. กำหนดหน่วยการเรียนการสอน โดยคำนึงถึงเวลา ความสนกุ นา่ เรียนของเนื้อหา และวิเคราะห์
ความคิดรวบยอดของหน่วยการเรยี น ตลอดจนแบ่งหัวข้อย่อยวา่ มีอะไรบ้าง แลว้ ดึงเอาสาระของเร่อื งออกมา ใหไ้ ด้
3. กำหนดความคิดรวบยอดให้สอดคล้องกับหน่วยและหัวเร่ือง ซ่งึ จะเป็นเกณฑส์ ำคัญเพื่อเป็นแนวทางใน
การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน
4. กำหนดจดุ ประสงค์การเรยี นให้สอดคล้องกบั ความคดิ รวบยอด น่นั คือกำหนดจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ให้
ผเู้ รยี นสามารถแสดงออกมาใหผ้ ู้สอนวัดได้ และต้องเป็นจุดประสงคท์ ี่ครอบคลมุ เน้ือหาสาระของการเรียนรู้
5. นำจุดประสงค์การเรยี นแต่ละขอ้ มาวิเคราะหห์ ากจิ กรรมการเรยี นการสอน แลว้ จัดลำดับกจิ กรรมการ
เรยี นให้เหมาะสมถูกต้องสอดคลอ้ งกับจุดประสงค์ท่กี ำหนดไว้
6. เรยี นรู้ ถ้าตอ้ งมีการเตรยี มเพอ่ื การเรียนล่วงหนา้ ก่อนใช้ชดุ การสอน เช่น เครื่องฉายสไลด์ จะต้องเขยี น
บอกไว้ใหช้ ัดเจนในคู่มือครู
7. เม่ือเรยี นจบแลว้ ต้องมีการประเมนิ ผลหลังเรยี น เพื่อดูว่านักเรียนไดเ้ ปลย่ี นแปลงพฤติกรรม ตามที่
จุดประสงค์กำหนดไว้หรือไม่ การประเมินผลนจ้ี ะใชว้ ธิ ีการใดกไ็ ด้แตต่ อ้ งสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนทเี่ ราตั้ง
ไว้
8. ทดลองใชช้ ุดการสอนเพื่อหาประสทิ ธิภาพ โดยนำไปทดลองกับกลมุ่ เดก็ เล็กดกู ่อน เพื่อตรวจสอบหา
ข้อบกพร่องและแก้ไขปรบั ปรุงอยา่ งดี แล้วจึงนำไปทดลองใชก้ ับเดก็ ทงั้ ช้ัน หทัย ตันหยง (อา้ งถึงใน เอมอร จนั ทร
เสาวพักตร.์ 2547 : 30- 31) ไดล้ ำดับขัน้ ตอนของการผลิตชุดการสอนไว้ ดงั น้ี
15
ข้ันท่ี 1 ศึกษาเนื้อหาสาระของบทเรียน
1. จดุ มงุ่ เน้นการเรียนรู้
2. จดั แบบเรยี นเปน็ หน่วยย่อย
3. กำหนดลำดับขน้ั ตอน
ขั้นท่ี 2 การเลือกรูปแบบของชุดการสอน โดยคำนึงถึง
1. ผ้เู รยี น
2. ผ้เู รยี นจะได้เรยี นร้อู ะไร
3. กจิ กรรมอย่างไร
4. จะดำเนินกิจกรรมอยา่ งไร
ขั้นที่ 3 กำหนดหนว่ ยการเรียนการสอน
1. กำหนดเน้อื หาและแกนของความรู้
2. กำหนดคาบเวลาเรยี น
3. การวางแนวมโนทัศน์
ขนั้ ท่ี 4 กำหนดมโนทศั น์
1. มโนทศั น์ (Concept)
2. หลกั การสรปุ
ขั้นท่ี 5 กำหนดจุดประสงค์ในการเรียน
1. จดุ ประสงคท์ ่วั ไป
2. จุดประสงคเ์ ฉพาะ
3. พฤตกิ รรมที่คาดหวงั เง่ือนไข และเกณฑ์
16
ข้ันที่ 6 การวเิ คราะหง์ าน (กจิ กรรม)
1. วเิ คราะหก์ จิ กรรม
2. จดั ลำดับกิจกรรม
3. หลอมรวมรายการกิจกรรม
ขน้ั ที่ 7 กำหนดส่ือการเรียนการสอน
1. ประเภทของส่ือ
2. จุดประสงคข์ องการใชส้ ื่อแตล่ ะประเภท
3. จัดลำดบั ขน้ั ตอนการใช้ส่อื
ขนั้ ท่ี 8 การประเมินผลโดยใช้แบบสอบเกณฑ์ (Criterion Test)
1. ตรวจสอบการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมของผเู้ รียน
2. การประเมินผลและการพจิ ารณาใหพ้ ฤติกรรมผา่ นการพิจารณา
ขั้นที่ 9 การทดลองใช้ชดุ การสอนโดยนำไปตรวจสอบว่า
1. ความตอ่ เนื่องกับประสบการณ์เดิมของผู้เรยี น
2. ความเหมาะสมตอ่ การนำเขา้ ส่บู ทเรียน
3. ความเป็นระเบยี บเรียบร้อยของการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม
4. ความสมบูรณข์ องมโนทัศน์และหลกั การสรปุ
5. การประเมนิ ผลหลังการเรียนโดยตรวจดพู ฤติกรรมท่ผี เู้ รียนเปลยี่ นไป
สุวทิ ย์ มูลค่า และอรทัย มูลค่า (2545 : 53-55) ได้กล่าวถงึ ข้นั ตอนในการผลติ ชดุ การสอน ดงั น้ี
1. กำหนดเรอื่ งเพื่อทำชดุ การสอน อาจกำหนดตามเรื่องในหลักสตู ร หรอื กำหนดเร่ืองขึ้นมากไ็ ด้ การ
จัดแบง่ เร่ืองย่อยจะข้ึนอยกู่ ับลกั ษณะของเนื้อหาและลักษณะการใช้ชดุ การสอนนน้ั ๆ การแบ่งเน้ือเร่ืองเพือ่ ทำชุด
การสอนในแตล่ ะระดบั ยอ่ มไมเ่ หมอื นกนั
17
2. กำหนดหมวดหมู่ เน้ือหาและประสบการณ์ อาจกำหนดเปน็ หมวดวิชา หรอื บูรณาการแบบสหวิทยาการ
ไดต้ ามความเหมาะสม
3. จดั เป็นหน่วยการสอน จะแบ่งเป็นกห่ี นว่ ย หนว่ ยหนง่ึ จะใช้เวลานานเท่าใดควรพิจารณาให้ เหมาะสม
กบั วยั และระดบั ช้นั ผ้เู รยี น
4. กำหนดหวั เรอ่ื ง จัดแบง่ หน่วยการสอนเป็นหัวข้อย่อยๆ เพื่อสะดวกแก่การเรียนรู้ แต่ละหน่วยควร
ประกอบด้วยหวั ข้อย่อย หรือประสบการณ์ในการเรยี นรูป้ ระมาณ 4 - 6 หัวข้อ
5. กำหนดความคิดรวบยอดหรือหลกั การ ต้องกำหนดใหช้ ดั เจนวา่ จะใหผ้ ้เู รียนเกดิ ความคิดรวบยอด หรือ
สามารถสรปุ หลกั การ แนวคิดอะไร ถ้าผสู้ อนเองยังไมช่ ดั เจนว่าจะใหผ้ เู้ รียนเกดิ การเรียนรอู้ ะไรบ้าง การกำหนด
กรอบความคิด หรือหลักการกจ็ ะไมช่ ดั เจนซึง่ จะรวมไปถงึ การจดั กิจกรรม เน้อื หาสาระ สอ่ื และสว่ นประกอบอ่นื ๆ
ก็จะไม่ชดั เจนตามไปด้วย
6. กำหนดจุดประสงค์การสอน หมายถึง จดุ ประสงค์ทวั่ ไปและจุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม รวมท้งั การ
กำหนดเกณฑ์การตดั สนิ ผลสมั ฤทธ์ิการเรยี นรู้ไว้ใหช้ ดั เจน
7. กำหนดกจิ กรรมการเรยี น ตอ้ งกำหนดใหส้ อดคลอ้ งกับวัตถปุ ระสงค์เชงิ พฤติกรรม ซ่ึงจะเป็นแนวทางใน
การเลือกและผลิตส่ือการสอน กิจกรรมการเรยี น หมายถึง กจิ กรรมทุกอย่างท่ีผูเ้ รยี นปฏิบัติ เชน่ การอ่าน การทำ
กิจกรรมตามบตั รคำส่งั การตอบคำถาม การเขยี นภาพ การทดลอง การเล่นเกม การแสดง ความคดิ เหน็ การ
ทดสอบ เป็นต้น
8. กำหนดแบบประเมินผล ต้องออกแบบประเมนิ ผลใหต้ รงกับจดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม โดยการใช้การ
สอบแบบอิงเกณฑ์ เพื่อให้ผสู้ อนทราบว่าหลังจากผา่ นกจิ กรรมมาเรยี บรอ้ ยแลว้ ผ้เู รยี นไดเ้ ปลี่ยนพฤติกรรม การ
เรยี นร้ตู ามวัตถุประสงค์ทต่ี ั้งไวม้ ากนอ้ ยเพยี งใด
9. เลือกและผลติ สอื่ การสอน วสั ดุอุปกรณ์และวิธกี ารทีผ่ สู้ อนใช้ถอื เป็นสอื่ การสอนทง้ั ส้ิน เมอ่ื ผลติ สือ่ การ
สอนในแต่ละหวั เรื่องเรียบร้อยแลว้ ควรจดั สื่อการสอนเหล่านัน้ แยกออกเป็นหมวดหมู่ในกลอ่ ง/แฟ้มท่เี ตรียมไว้
กอ่ นนำไปหาประสิทธิภาพเพ่ือหาความตรงความเทย่ี งก่อนนำไปใช้ เรยี กส่ือการสอนแบบนี้วา่ ชดุ การสอนโดยปกติ
รูปแบบของชุดการสอนทด่ี คี วรมีขนาดมาตรฐาน เพ่ือความสะดวกในการใช้และความเป็น ระเบียบเรยี บร้อยในการ
เกบ็ รกั ษา โดยพจิ ารณาในดา้ นตา่ งๆ เชน่ การใช้ประโยชน์ ความประหยัด ความคงทนถาวร ความนา่ สนใจ ความ
ทนั สมัย ทนั เหตุการณ์ ความสวยงาม เป็นต้น
18
10. สร้างข้อสอบก่อนและหลังเรยี นพรอ้ มท้งั เฉลย การสร้างขอ้ สอบเพ่ือทดสอบก่อนและหลังเรยี น ควร
สร้างใหค้ รอบคลมุ เนื้อหาและกจิ กรรมท่ีกำหนดใหเ้ กดิ การเรียนรู้ โดยพิจารณาจากจุดประสงค์การเรียนรู้ เป็น
สำคญั ขอ้ สอบไม่ควรมากเกินไปแตค่ วรเน้นกรอบความรสู้ ำคญั ในประเด็นหลกั มากกวา่ รายละเอยี ด ปลกี ย่อยหรือ
ถามเพอื่ ความจำเพยี งอยา่ งเดียว และเมื่อสร้างเสร็จแล้วควรทำเฉลยไว้ให้พรอ้ มก่อนส่งไปหาประสิทธิภาพของชุด
การสอน
11. หาประสิทธิภาพของชุดการสอน เมื่อสรา้ งชดุ การสอนเสร็จเรียบรอ้ ยแล้ว ต้องนำชุดการสอนนั้นๆ ไป
ทดสอบโดยวิธีการตา่ งๆ กอ่ นนำไปใชจ้ รงิ เช่น ทดลองใชเ้ พื่อปรบั ปรงุ แกไ้ ข ให้ผเู้ ช่ียวชาญตรวจสอบ ความถูกต้อง
ความครอบคลุมและความตรงของเนื้อเปน็ ตน้
ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2526 : 455) ไดเ้ สนอขนั้ ตอนของการผลิตชุดการสอนไว้สรปุ ได้ ดังนี้
1. การกำหนดเรื่อง เพ่ือทำชุดการสอนอาจกำหนดเรื่องในหลกั สตู ร หรอื กำหนดเรื่องใหม่ตามความ
เหมาะสมก็ได้จะจดั แบ่งเนอ้ื หา เพ่ือทำชดุ การสอนในแต่ละระดบั ย่อมไม่เหมือนกัน แต่ควรใหค้ รอบคลมุ
จดุ ประสงค์ของหลักสูตรแตล่ ะเรอ่ื ง
2. จัดหมวดหม่เู น้อื หาและประสบการณ์แล้วแตค่ วามต้องการและความเหมาะสม
3. จัดเป็นหนว่ ยการเรยี นจะแบง่ กีห่ นว่ ยหน่วยหนึง่ ควรใช้เวลานานเทา่ ใดแบ่งเนือ้ หาออกเป็นหนว่ ย การ
สอนโดยประมาณเน้ือหาให้ครสู ามารถสอน 1 หรอื 2 ชั่วโมง ควรใช้เวลาเรยี นเปน็ คาบ ตามความเหมาะสม กับวยั
และระดับของผู้เรยี น ท้ังนโี้ ดยคำนึงถงึ จติ วทิ ยาพัฒนาการของผเู้ รียน
4. กำหนดหัวเรอื่ งจดั แบ่งหน่วยการเรียนเปน็ หวั ข้อย่อยๆ เพ่ือสะดวกแกก่ ารเรียนรูแ้ ตล่ ะหนว่ ย
ประกอบด้วยประสบการณ์ในการเรยี นรอู้ ะไรบ้าง ก็กำหนดหวั ขอ้ แตล่ ะหน่วยนั้นขึ้น
5. กำหนดความคดิ รวบยอดหรือหลักการต้องกำหนดชัดเจน วา่ จะใหผ้ เู้ รยี นมคี วามคิดรวบยอดหรือ
หลักการอะไร ถ้าผ้สู อนยงั ไม่ชดั เจนวา่ จะเกดิ อะไรในการเรียนรู้ การกำหนดจดุ ประสงค์ก็ไมช่ ดั เจน ฉะน้นั การ
พิจารณากำหนดความคดิ รวบยอดหรอื หลักการให้ชัดเจนจงึ เป็นสง่ิ จำเป็น
6. กำหนดจุดประสงค์ใหส้ อดคลอ้ งกับเนือ้ หา โดยติดเปน็ จุดประสงคท์ ั่วไปก่อนแล้วจึงเขียนเปน็
พฤติกรรม มเี กณฑ์การตัดสินใจผลสัมฤทธิข์ องการเรยี นให้ชดั เจน
7. การวิเคราะหง์ านโดยการนำเอาจดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรมแตล่ ะขอ้ มาวเิ คราะห์กจิ กรรมว่าควรจะทำ
อะไรก่อนหลงั แล้วจึงจดั ลำดับกจิ กรรมการเรยี นใหเ้ หมาะสมสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ที่วางไว้
19
8. จัดลำดบั กิจกรรมการเรยี นหลังจากพจิ ารณาจดุ ประสงค์แต่ละข้อ ว่าจะจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ อยา่ งไร
จึงจะบรรลจุ ุดประสงคท์ ี่กำหนดไว้ จะตอ้ งพจิ ารณากจิ กรรมพิเศษต่างๆ ท่ีจะเสรมิ ความสนใจ และความสามารถ
ของผเู้ รยี นด้วย
9. กำหนดรปู แบบการงวัดผลและการประเมนิ ผลครู ต้องพิจารณาวิธีการในการประเมินผลจะมีวิธีการ
อยา่ งไร จงึ จะประเมนิ ผลได้อยา่ งแนน่ อนตามจุดประสงค์ที่กำหนด
10. เลอื กและผลติ สอื่ การสอนโดยพจิ ารณาจากจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อทราบวา่ จะใช้สอ่ื การสอน
อะไรบา้ งแลว้ จึงจัดหาและผลติ เพื่อให้ไดต้ ามความต้องการจดั เป็นหมวดหมู่เพื่อความสะดวกแก่การใช้
11. หาประสิทธิภาพของชุดการสอนเมื่อสรา้ งเสร็จเรยี บร้อยแล้วโดยใช้การทดลองใช้เพือ่ ปรบั ปรุง แก้ไข
กอ่ นไปใชจ้ รงิ
12. กรณีชดุ การสอนเป็นกลมุ่ จำเป็นต้องมีกิจกรรมสำรองจะตอ้ งเตรยี มไวเ้ สริมสำหรบั นกั เรยี นท่เี รยี น เรว็
หรอื กลุ่มท่ีทำกิจกรรมเสรจ็ ก่อนจะไดม้ ีกิจกรรมทำเป็นการส่งเสริมความรใู้ ห้กว้างขวาง อาจจะเป็นกิจกรรม ท่ีมี
เนื้อหาสาระสอดคล้องกบั เรื่องท่เี รยี นแต่กิจกรรมอาจจะลึกซ้งึ ทา้ ทายต่อการเรยี นให้อยากทำกจิ กรรม
13. สร้างข้อสอบก่อนเรียนและหลังเรียนพร้อมทั้งเฉลย
14. ขนาดรปู แบบของชุดการสอนทดี่ คี วรมีขนาดมาตรฐาน ม่งุ เพื่อความสะดวกในการใช้และความ เป็น
ระเบยี บเรยี บรอ้ ยในการเก็บรักษา โดยพจิ ารณาในดา้ นประโยชนป์ ระหยดั และความคงทนถาวรพร้อมท้งั ความ
สวยงาม
15. ใชช้ ุดการสอนใช้ตามประเภทและจดุ ประสงค์ที่ทำขึน้ นอกจากนัน้ จะต้องใชใ้ หเ้ ปน็ ตามข้อต่างๆ ทวี่ าง
ไว้ เก่ยี วกับชุดการใชช้ ุดการสอนนัน้ ๆ โดยการสอนจะมีท้ังคมู่ ือครูและวิธกี ารทผี่ ู้เรยี นจะต้องปฏิบัตเิ พอื่ ใชช้ ุดการ
สอน
16. การใชช้ ดุ การสอนมีขัน้ ตอนดงั น้ี
16.1 ใหผ้ เู้ รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพอ่ื พิจารณาพ้นื ฐานความร้เู ดิมของผู้เรียน (ใช้เวลา
ประมาณ 10 – 15 นาที)
16.2 ข้นั นำเขา้ ส่บู ทเรยี นเพ่ือสรา้ งแรงจูงใจใหผ้ ู้เรยี นกระตือรอื ร้น
20
16.3 ขัน้ ประกอบกจิ กรรมการเรยี น (ข้ันสอน) ผู้สอนบรรยายหรอื ใช้แบ่งกลุ่มประกอบ กิจกรรม
การเรียน
16.4 ขน้ั สรุปผลการเรยี นเพ่ือสรุปหลกั การและแนวคิดที่สำคญั
16.5 ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เพอ่ื ดูพฤติกรรมที่เปลยี่ นแปลงของผเู้ รยี นหลงั จากท่เี รียนดว้ ย ชดุ
การสอนแลว้ จากการศกึ ษาการสรา้ งชุดการสอนพอสรุปได้วา่ ควรกำหนดเรอ่ื งเพ่ือทำชุดการสอน กำหนด
หมวดหมู่ จัดเป็นหนว่ ยการสอน กำหนดหวั เรอ่ื ง กำหนดความคิดรวบยอดหรือหลกั การ กำหนดจุดประสงค์ การ
สอน กำหนดกจิ กรรมการเรยี น กำหนดแบบประเมนิ ผล เลอื กและผลิตสือ่ การสอน สร้างข้อสอบก่อนและ หลงั
เรียนพรอ้ มทัง้ เฉลย หาประสทิ ธิภาพของชดุ การสอน ขนาดรปู แบบของชุดการสอนที่ดคี วรมีขนาดมาตรฐาน มงุ่
เพอ่ื ความสะดวกในการใชแ้ ละความเปน็ ระเบียบเรยี บร้อยในการเกบ็ รักษา โดยพจิ ารณาในดา้ นประโยชน์ประหยดั
และความคงทนถาวร พร้อมท้ังความสวยงามใช้ชดุ การสอน ใช้ตามประเภทและจุดประสงค์ท่ที ำนอกจากนน้ั
จะตอ้ งใชใ้ หเ้ ปน็ ตามขอ้ ต่างๆ ท่ีวางไวเ้ กย่ี วกบั ชุดการใช้ชดุ การสอนนั้นๆ โดยการสอนจะมีท้งั คู่มือ ครูและวิธกี ารที่
ผูเ้ รยี นจะตอ้ งปฏบิ ัติ
6. ลักษณะของชุดการสอนท่ีดี
นิพนธ์ ศุขปรีดี (อา้ งถึงใน เอมอร จนั ทรเสาวพักตร์.2547 : 31) ได้กล่าวถึง ชุดการสอนที่ดีควรมี
ลกั ษณะดังต่อไปนี้
1. เปน็ ชดุ การสอนที่เหมาะสมตรงตามจดุ มุ่งหมายทีต่ ้ังไวม้ ากท่ีสุด
2. เหมาะสมกับประสบการณ์เดมิ ของผเู้ รียน
3. สือ่ ท่ีใช้สามารถเรา้ ความสนใจของผู้เรยี นได้ดี
4. มีคำแนะนำและวธิ ใี ชอ้ ยา่ งละเอยี ด ง่ายต่อการใช้
5. มวี ัสดุ อปุ กรณท์ ่ีกำหนดไว้อยา่ งครบถ้วนในบทเรียน
6. ไดป้ รบั ปรงุ และทดสอบให้ทันต่อเหตุการณ์อยู่เสมอ
7. มคี วามคงทนตอ่ การใช้ สะดวกในการเก็บ
ระมดิ ฝายรีย์ (อ้างถึงใน เอมอร จันทรเสาวพกั ตร์. 2547 : 31) ไดเ้ สนอชุดการสอนทด่ี ี
ประกอบด้วย
21
1. มคี วามสะดวกในการใช้
2. มีการตรวจสอบและพัฒนาแล้ว
3. มคี รบตามจำนวนผเู้ รยี น
4. เคยทดลองใช้มานานหลายครัง้
5. สามารถยดื หยุ่นได้
6. ส่งเสรมิ ความแตกต่างระหว่างบุคคล
7. ใชส้ อื่ การสอนหลายอย่างสอดคล้องกบั เน้ือหา
8. จัดและประเมินผลองิ เกณฑ์ หรือตามจุดประสงค์การเรียนรู้
สรุปไดว้ า่ ชดุ การสอนท่ีดี เป็นชดุ การสอนทีเ่ หมาะสมตรงตามจุดมุง่ หมายท่ตี งั้ ไว้มากที่สดุ เหมาะสมกับ
ประสบการณ์เดมิ ของผู้เรียน สื่อทใ่ี ช้สามารถเร้าความสนใจของผเู้ รยี นไดด้ ใี ชส้ อื่ การสอนหลายอยา่ งสอดคลอ้ ง กบั
เนอื้ หา มคี ำแนะนำและวิธใี ชอ้ ย่างละเอยี ด ง่ายต่อการใชม้ ีวสั ดุ อุปกรณ์ที่กำหนดไว้อยา่ งครบถว้ นใน บทเรยี นได้
ปรับปรงุ และทดสอบให้ทนั ต่อเหตุการณ์อยเู่ สมอ มคี วามคงทนตอ่ การใช้ สะดวกในการเก็บ
7. สว่ นประกอบและวิธีใช้ชุดการสอน
กุศยา แสงเดช (2545 : 5-8) ได้กล่าวถึงส่วนประกอบ และวิธีการใช้ชุดการสอนท้งั 3 ประเภทวา่
มี ส่วนประกอบ และวิธีการใช้ท่แี ตกตา่ งกันบา้ ง ดังน้ี
1. ชุดการสอนสำหรับครู
1.1 สว่ นประกอบ
1.1.1 กลอ่ ง กระเปา๋ ซองสำหรบั บรรจชุ ดุ การสอนสำหรบั ครู
1.1.2 คู่มือครู มรี ายละเอียด ดังน้ี
1) คำช้ีแจงการใช้ชุดการสอน
2) จดุ ประสงค์ เนื้อหา
3) กิจกรรมการเรยี นการสอน การจัดชน้ั เรยี นให้สอดคล้องกบั กิจกรรม
22
4) รายช่ือส่ือ
5) แบบวธิ กี ารวดั และประเมินผล
1.1.3 ส่ือการเรยี นการสอนตามรายช่อื ทีร่ ะบไุ วใ้ นคมู่ อื
1.1.4 แบบประเมนิ ผล ซ่ึงสอดคล้องกบั วิธีการที่ระบุไวใ้ นคู่มือ
1.2 การใช้
1.2.1 ครผู ูส้ อนนำมาใช้เม่ือถึงบทเรียนตามท่รี ะบุไว้ในชุดการสอน
1.2.2 ในกรณที ี่ครผู สู้ อนไม่อยู่ ผทู้ ี่ทำการสอนแทนสามารถนำชุดการสอนนไี้ ป สอนไดโ้ ดยสะดวก
ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมการสอนมากและนักเรยี นได้รับประสบการณ์ไม่นอ้ ยกวา่ เรียนกบั ครูทีส่ อนประจ า 2. ชดุ การ
สอนแบบศูนย์การเรยี น
2.1 ส่วนประกอบ
2.1.1 กล่อง กระเป๋าสำหรับบรรจชุ ุดการสอน
2.1.2 คูม่ ือครู มรี ายละเอียด ดงั นี้
1) คำช้แี จงการใชช้ ดุ การสอน
2) สงิ่ ท่ีครูต้องเตรยี ม
3) แผนผังการจดั ชนั้ เรียน
4) แผนการสอน กิจกรรมการเรียนของแต่ละศูนย์
5) สอ่ื
6) การประเมินผล
7) แบบทดสอบก่อนเรียน – หลงั เรยี น
2.1.3 ซองกิจกรรมของแต่ละศนู ยย์ ่อย ประกอบดว้ ย
1) เน้ือหา ประสบการณ์ ซึ่งจัดไว้ในสื่อแบบต่างๆ ตามความเหมาะสม อาจจะเป็นวดี ีโอเทป สไลด์ รปู ภาพ หนังสอื
ฯลฯ