(๔๘)
เลขคาํ
เรือ่ ง กฎหมาย มาตรา/ขอ พพิ ากษา หนา
/คําสัง่
๔.๖๐ ฟองขอใหชดใชคาเสียหาย กรณีเจาพนักงานที่ดิน พ.ร.บ. ความรบั ผดิ มาตรา ๕
ออกคําส่ังสอบสวนเปรียบเทียบการโตแยงสิทธิในที่ดิน ทางละเมิดของ วรรคหนง่ึ
ทขี่ อรังวัดออกโฉนดที่ดินโดยไมช อบดว ยกฎหมาย (ตอ ) เจาหนา ท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
๔.๖๑ ฟองขอใหชดใชคาเสียหายจากการเขารวมประมูล ประมวลกฎหมายแพง มาตรา ๔๒๐ อ.๗๕๕ ๔๑๕
รถจกั รยานยนต และพาณชิ ย
ระเบยี บการไฟฟา ฝา ย ขอ ๑๙๘
ผลติ แหงประเทศไทย
ฉบับท่ี ๒๖ วา ดวย
การพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๔๖
๔.๖๒ ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน ประมวลกฎหมายแพง มาตรา ๔๒๐ อ.๗๕๖ ๔๑๕
และใหชดใชคาใชจายในการดําเนินคดี กรณีไมดําเนินการ และพาณิชย
เพื่อความปลอดภยั ของผูใ ชเสนทางเปน เหตใุ หเ กดิ อุบัตเิ หตุ ประมวลกฎหมายวธิ ี มาตรา ๕๗
พจิ ารณาความแพง วรรคหน่งึ (๓)
พ.ร.บ. ความรับผิด มาตรา ๘
ทางละเมิดของ และมาตรา ๑๒
เจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
พ.ร.บ. วธิ ปี ฏบิ ัตริ าชการ มาตรา ๑๓ (๑)
ทางปกครองพ.ศ.๒๕๓๙ และมาตรา ๑๖
ระเบียบสาํ นกั นายกรัฐมนตรี ขอ ๗๒
วาดว ยการพสั ดุ
พ.ศ. ๒๕๓๕
ระเบยี บสาํ นกั นายกรัฐมนตรี ขอ ๑๗
วาดวยหลกั เกณฑก าร และขอ ๑๘
ปฏบิ ัตเิ กีย่ วกับความ
รับผดิ ทางละเมิดของ
เจา หนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
๔.๖๓ ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน ประมวลกฎหมายแพง มาตรา ๔๒๐ อ.๗๕๗ ๔๑๕
กรณีการยกเลิกประกวดราคาและการประกวดราคาใหม และพาณิชย และมาตรา ๔๔๘
โดยไมช อบดวยกฎหมาย พ.ร.บ. ความรบั ผดิ มาตรา ๘
ทางละเมิดของ มาตรา ๑๐
เจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ และมาตรา ๑๒
พ.ร.บ. วธิ ีปฏิบตั ริ าชการ มาตรา ๕
ทางปกครองพ.ศ.๒๕๓๙ มาตรา ๑๓ (๑)
มาตรา ๓๐
(๔๙)
เลขคาํ
เรื่อง กฎหมาย มาตรา/ขอ พพิ ากษา หนา
/คาํ สงั่
๔.๖๓ ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน พ.ร.บ. วิธีปฏบิ ัติราชการ และมาตรา ๓๗
กรณีการยกเลิกประกวดราคาและการประกวดราคาใหม ทางปกครองพ.ศ.๒๕๓๙ วรรคหนงึ่
โดยไมชอบดวยกฎหมาย (ตอ ) (๑) และ (๒)
ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ขอ ๔๓ (๑)
วาดว ยการพัสดขุ อง ขอ ๔๔
หนว ยการบริหาร ขอ ๔๕
ราชการสวนทอ งถ่ิน และขอ ๔๖
พ.ศ. ๒๕๓๕
ระเบยี บสํานักนายกรัฐมนตรี ขอ ๘
วาดวยหลกั เกณฑก าร และขอ ๑๕
ปฏิบัติเกยี่ วกับความ
รับผดิ ทางละเมิดของ
เจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
๔.๖๔ ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน ประมวลกฎหมายแพง มาตรา ๔๒๐ อ.๗๕๘ ๔๑๙
จากการยกเลิกการประกวดราคา และพาณิชย และมาตรา ๔๔๘
วรรคหนง่ึ
พ.ร.บ. ความรับผิด มาตรา ๘
ทางละเมิดของ และมาตรา ๑๐
เจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
๑
ละเมดิ
เขตอํานาจศาล
กรณีเปนหนว ยงานทางปกครอง
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ. ๔๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดีท้ังเจ็ดฟองวา ผูฟองคดีที่ ๑ เปนผูมีสิทธิเชาชวงและครอบครองอาคาร
พาณิชย ๔ ช้ัน เลขที่ ๑๑๗/๕ และเลขที่ ๑๑๗/๖ ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย เขตพระนคร
กรุงเทพมหานคร ผูฟองคดีท่ี ๒ เปนนิติบุคคลประเภทบริษัทจํากัด สํานักงานแหงใหญตั้งอยูที่
อาคารพาณิชยดังกลาว มีวัตถุประสงคเพ่ือประกอบกิจการคาวัสดุกอสราง เครื่องจักรกล
เครื่องยนตตางๆ โดยมีผูฟองคดีท่ี ๑ เปนกรรมการผูมีอํานาจทําการแทน สวนผูฟองคดีที่ ๓ ถึงที่ ๗
เปนผูพักอาศัยรวมกับผูฟองคดีที่ ๑ ในอาคารพาณิชยดังกลาว อาคารพาณิชยท้ังสองหองอยูติดกับ
บริเวณท่ีมีการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีนํ้าเงิน สวนตอขยายหัวลําโพง – บางแค และบางซ่ือ –
แยกทาพระ สัญญาที่ ๑ งานกอสรางโครงสรางใตดิน ชวงหัวลําโพง – แยกสนามไชย (สถานีวังบูรพา)
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (การรถไฟฟาขนสงมวลชลแหงประเทศไทย) ซึ่งวาจางใหผูถูกฟองคดีที่ ๓
(บริษัท อ.) เปนผูดําเนินการกอสราง ปรากฏวา ผูถูกฟองคดีที่ ๓ กอสรางอุโมงคใตดินและ
สถานีรถไฟฟาไมเปนไปตามแบบการกอสรางและวิธีการกอสรางท่ีไดตกลงไวกับผูถูกฟองคดีที่ ๑
โดยขดุ เจาะดินเพ่อื กอ สรา งโครงสรา งช้ันพื้นฐานรากไมถ กู ตองตามหลักวิศวกรรมศาสตร และไมได
ใชความระมัดระวังดังเชนผูมีวิชาชีพในการกอสรางจักตองมีตามวิสัยและพฤติการณ อันเปน
การกระทําดวยความประมาทเลินเลอ ทําใหดินมีการเคล่ือนตัวในระหวางขุดเจาะพื้นถนนบริเวณ
ท่ีกอสรางสถานีรถไฟฟาเกิดการทรุดตัวและทําใหฐานรากของอาคารพาณิชยทั้งสองหองเกิดการ
เคลื่อนที่ไปจากตําแหนงเดิมจนเอียงตัว กอใหเกิดความเสียหายเปนอยางมาก จึงเปนเหตุใหการ
ใชสอยอาคารไมเ กดิ ประโยชนตามวัตถุประสงคข องผูฟอ งคดีที่ ๑ และเกิดผลเสียตอการประกอบธุรกิจ
ของผูฟองคดีที่ ๒ อันเปนผลโดยตรงจากการกระทําของผูถูกฟองคดีทั้งเจ็ด (ผูวาการการรถไฟฟา
ขนสงมวลชนแหงประเทศไทย ที่ ๒ นาย ป. ที่ ๔ นาง น. ท่ี ๕ นาย ผ. ท่ี ๖ นาย ธ. ท่ี ๗)
ผูฟองคดีที่ ๑ จึงมีหนังสือลงวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ แจงความเสียหายใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ทราบ
พรอมท้ังเรียกรองคาเสียหายท่ีเกิดจากการกอสรางสถานีรถไฟฟาใตดินดังกลาว ซ่ึงผูถูกฟองคดีที่ ๓
มาทาํ การซอมแซมความเสียหายใหเ พยี งบางสวน แตต วั อาคารยังคงเอียงอยู ทําใหผูฟองคดีทั้งเจ็ด
ไมสามารถใชประโยชนในการพักอาศัยและประกอบกิจการคาไดดังเดิมต้ังแตเดือนมีนาคม ๒๕๖๐
ผูฟองคดีท้ังเจ็ดจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งเจ็ดรวมกัน
หรอื แทนกนั ใชคา เสียหายใหแ กผูฟอ งคดีท้งั เจ็ด
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนนิติบุคคลมีวัตถุประสงค
ดําเนินกิจการรถไฟฟาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามมาตรา ๗ (๑) แหง พ.ร.บ.
การรถไฟฟาขนสงมวลชนแหงประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงเปนหนวยงาน
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒
ทางปกครองตามมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดวาจางให
ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ดําเนินการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีน้ําเงินฯ โดยอยูภายใตการควบคุม
ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ คดีน้ีจึงเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครอง
หรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓)
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคําส่ังของศาลปกครอง
เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ภายหลังจากท่ีผูฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐
แจงผลกระทบจากการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีน้ําเงินฯ ใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ทราบ พรอมท้ัง
เรียกรองใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีท้ังเจ็ดแลว ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ยังคง
ดําเนินการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีนํ้าเงินฯ (ในชวงบริเวณอาคารพาณิชยของผูฟองคดี)
ตอเน่ืองเรื่อยมา และไดกอสรางแลวเสร็จเม่ือวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ดังน้ัน เหตุแหงความ
เสียหายซ่ึงถือเปนการกระทําละเมิดที่ผูฟองคดีทั้งเจ็ดอางวาไดรับจากการกอสรางโครงการ
รถไฟฟาสายสีนํ้าเงินฯ ยอมเกิดข้ึนติดตอกันตลอดมาจนถึงวันท่ีการกอสรางแลวเสร็จ คือ วันท่ี
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ผฟู องคดีทง้ั เจด็ จงึ ชอบทีจ่ ะนาํ คดมี าฟองตอศาลเพ่ือเรียกรองคาเสียหายได
ภายใน ๑ ป นับแตวันท่ี ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ท้ังน้ี ตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดต้ัง
ศาลปกครองฯ อยางไรก็ดี คดีนี้ขอเท็จจริงปรากฏตอมาวา ภายหลังจากท่ีการกอสรางโครงการ
รถไฟฟาสายสีน้ําเงินฯ (ในชวงบริเวณอาคารพาณิชยของผูฟองคดี) แลวเสร็จ ผูถูกฟองคดีที่ ๑
ผถู ูกฟอ งคดีที่ ๓ และผูแทนอาคารพาณิชยข องผฟู อ งคดที ่ี ๑ ไดมีการประชุมหารือรวมกันเกี่ยวกับ
ความเสียหายท่ีเกิดขึ้นกับอาคารพาณิชยเม่ือวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๑ และไดขอสรุปวาให
ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ เขาตรวจสอบความเสียหายของอาคารพาณิชย ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๓
จึงไดรวมกันตรวจสอบสภาพของอาคารพาณิชยเม่ือวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ หลังจากนั้น
ผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๓ ไดม ีหนงั สือลงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑ แจงใหผูฟองคดีท่ี ๑ ทราบวาผูถูกฟองคดีที่ ๓
ตกลงที่จะเขาดําเนินการซอมแซมอาคารพาณิชยของผูฟองคดีที่ ๑ โดยจะเร่ิมดําเนินการซอมแซม
ภายนอกอาคารกอน สวนการซอมแซมภายในอาคาร ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ จะเขาดําเนินการหลังจาก
ตกลงแผนงานกับผูฟองคดีท่ี ๑ แลว จึงเปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๓ ไดกระทําการใดๆ
อันปราศจากขอสงสัยแสดงใหเปนปริยายวายอมรับสภาพหน้ีตามสิทธิเรียกรองในมูลหนี้ละเมิด
ท่ีทําใหผูฟองคดีทั้งเจ็ดไดรับความเสียหายตามฟองแลวตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๑) แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย ซ่ึงมีผลทําใหอายุความสะดุดหยุดลงนับแตวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑
ระยะเวลาที่ลวงไปกอนน้ันไมนับเขาในอายุความและเริ่มนับอายุความใหมตั้งแตวันท่ีเหตุท่ีทําให
อายคุ วามสะดุดหยดุ ลงสิ้นสุดลงตามนัยมาตรา ๑๙๓/๑๕ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว และเม่ือ
ขอเท็จจริงรับฟงไดวาภายหลังจากท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑
แจงใหผูฟองคดีที่ ๑ ทราบวาผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ตกลงที่จะเขาดําเนินการซอมแซมอาคารพาณิชย
ของผูฟองคดีที่ ๑ แลว แตผูถูกฟองคดีท่ี ๓ กลับเขาดําเนินการซอมแซมอาคารพาณิชยของ
ผูฟองคดีท่ี ๑ เพียงบางสวน โดยไมไดซอมแซมตามขอเรียกรองของผูฟองคดีที่ ๑ ท้ังหมด
และผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือการรถไฟฟาขนสงมวลชนแหงประเทศไทย ลงวันท่ี
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓
๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ถึงผูถูกฟองคดีที่ ๔ แจงวา ตามที่มีผูรองเรียนวาไดรับผลกระทบจาก
การกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีน้ําเงินฯ ซ่ึงรวมถึงอาคารพาณิชยของผูฟองคดีท่ี ๑ ดวยนั้น
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ พบวา ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ยังคงไมสามารถดําเนินการแกไขปญหา รวมถึงเจรจาและ
เยียวยาผูไดรับผลกระทบจนไดขอยุติ จึงขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๓ เรงรัดดําเนินการแกไขปญหา
รวมทั้งเจรจาและเยียวยาผูไดร ับผลกระทบเพ่อื ใหไ ดข อยุตโิ ดยเรงดว น แตห ลงั จากนั้น ผูถูกฟองคดี
ท่ี ๓ ก็ยังไมสามารถดําเนินการแกไขปญหาตามขอเรียกรองของผูฟองคดีท่ี ๑ ได จากขอเท็จจริง
ดังกลาวแสดงใหเห็นวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๓ ไมสามารถแกไขปญหาความเสียหายที่เกิดข้ึนกับ
อาคารพาณิชยของผูฟองคดีที่ ๑ จึงถือวาผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๓ ไดปฏิเสธความรับผิดตอผูฟองคดี
ท้ังเจ็ดแลว ผฟู องคดีท้ังเจ็ดจึงสามารถนําคดีมาฟองตอศาลได ดังนั้น การที่ผูฟองคดีทั้งเจ็ดนําคดี
นี้มาฟองตอศาลเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ จึงเปนการใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนจาก
ผูถูกฟองคดีทั้งเจ็ดภายในกําหนดอายุความหน่ึงปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ท้ังนี้ ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟอง
ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ คืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมดใหแกผูฟองคดี
ทงั้ เจ็ด นนั้ ศาลปกครองสูงสดุ ไมเห็นพองดวย
จึงมคี าํ สั่งกลับ เปน ใหร ับคําฟอ งไวพิจารณา
คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ. ๔๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดีท้ังสี่ฟองวา ผูฟองคดีท่ี ๑ เปนผูมีสิทธิเชาชวงและครอบครองอาคาร
พาณิชย ๔ ช้ัน เลขท่ี ๑๑๗ เลขที่ ๑๑๗/๑ เลขท่ี ๑๑๗/๒ เลขที่ ๔๗๔ เลขท่ี ๔๗๖ เลขที่ ๔๗๘
และเลขท่ี ๔๘๐ ซึง่ เปนอาคารภายในโครงการสามยอดพลาซา ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย
เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร ผูฟองคดีท่ี ๒ เปนนิติบุคคลประเภทหางหุนสวนจํากัด มีสํานักงาน
สาขาตั้งอยูเลขท่ี ๑๑๗ เลขที่ ๑๑๗/๑ และเลขท่ี ๑๑๗/๒ ดังกลาว มีวัตถุประสงคเพื่อประกอบ
กิจการคาวัสดุกอสราง เครื่องจักรกล เคร่ืองยนตตางๆ โดยมีผูฟองคดีที่ ๑ เปนหุนสวนผูจัดการ
ผูมีอํานาจกระทําการแทนผูฟองคดีที่ ๒ สวนผูฟองคดีที่ ๓ เปนนองสาวของผูฟองคดีท่ี ๑
และเปนหุนสวนของผูฟองคดีที่ ๒ และผูฟองคดีท่ี ๔ เปนมารดาของผูฟองคดีที่ ๑ และที่ ๓
ซึ่งอาคารพาณิชยท้ังเจ็ดหองอยูติดกับบริเวณที่มีการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีน้ําเงิน
สวนตอขยาย หัวลําโพง – บางแค และบางซื่อ – แยกทาพระ สัญญาที่ ๑ งานกอสราง
โครงสรางใตดิน ชวงหัวลําโพง – แยกสนามไชย (สถานีวังบูรพา) ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(การรถไฟฟาขนสงมวลชนแหงประเทศไทย) ซ่ึงวาจางผูถูกฟองคดีท่ี ๓ (บริษัท อ.)
เปนผูดําเนินการกอสราง ตอมา ผูฟองคดีท่ี ๑ เห็นวา การกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีนํ้าเงิน
(ในชวงบริเวณอาคารพาณิชยของผูฟองคดีท้ังส่ี) ทําใหเกิดการทรุดตัวของพ้ืนถนนท่ีกอสราง
ซึ่งสงผลทําใหฐานรากของอาคารพาณิชยเกิดความเสียหาย ไมปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสิน
แกผูอยูอาศัย และสงผลกระทบตอการประกอบธุรกิจของผูฟองคดีที่ ๒ ผูฟองคดีท่ี ๑
จึงไดมหี นังสือลงวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ แจงเร่ืองผลกระทบจากการกอสรางโครงการรถไฟฟา
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔
สายสีน้ําเงินฯ ใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ (ผูวาการการรถไฟฟาขนสงมวลชนแหงประเทศไทย) ทราบ
พรอมท้ังเรียกรองใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีท้ังส่ี แตไมมีการชดใช
คาเสียหายตามท่ีเรียกรอง ผูฟองคดีทั้งส่ีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให
ผูถูกฟองคดีท้ังเจ็ด (นาย ป. ที่ ๔ นาง น. ที่ ๕ นาง ผ. ที่ ๖ นาย ธ. ท่ี ๗) รวมกันหรือแทนกัน
ใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีท้ังส่ีรวมเปนเงินจํานวน ๑๑๘,๔๔๐,๐๐๐ บาท และเปนเงินเดือนละ
๑,๓๙๐,๐๐๐ บาท นบั ถัดจากวันฟอ งเปน ตน ไปจนกวา จะชําระเสรจ็
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เปนนิติบุคคลมีวัตถุประสงค
ดําเนินกิจการรถไฟฟาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามมาตรา ๗ (๑) แหง พ.ร.บ.
การรถไฟฟาขนสงมวลชนแหงประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงเปนหนวยงาน
ทางปกครองตามมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดวาจาง
ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ใหเปนผูดําเนินการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีน้ําเงินฯ โดยยังอยูภายใต
การควบคุมของผูถูกฟองคดีที่ ๑ คดีนี้จึงเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงาน
ทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓)
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคําสั่งของศาลปกครอง
ซ่ึงการฟองคดีดังกลาวตอศาลปกครองนั้น ผูฟองคดีท้ังส่ีตองย่ืนคําฟองภายในระยะเวลาท่ีกําหนดไว
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ภายหลังจากที่ผูฟองคดีที่ ๑
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ แจงผลกระทบจากการกอสรางโครงการรถไฟฟา
สายสีน้ําเงินฯ ใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ทราบ พรอมท้ังเรียกรองใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาเสียหาย
แลว ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ยังคงดําเนินการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีน้ําเงินฯ (ในชวงบริเวณ
อาคารพาณิชยของผูฟองคดีทั้งสี่) ตอเนื่องเร่ือยมา และไดกอสรางแลวเสร็จเมื่อวันท่ี
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ดังนั้น เหตุแหงความเสียหายซ่ึงถือเปนการกระทําละเมิดยอมเกิดข้ึน
ติดตอกันตลอดมาจนถึงวันท่ีการกอสรางแลวเสร็จ คือ วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ผูฟองคดีท้ังส่ีจึงชอบท่ีจะนําคดีมาฟองตอศาลเพื่อเรียกรองคาเสียหายไดภายใน ๑ ป นับแตวันที่
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ท้ังนี้ ตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ อยางไรก็ดี
คดีนี้ขอเท็จจริงปรากฏตอมาวา ภายหลังจากที่การกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีนํ้าเงินฯ
(ในชวงบริเวณอาคารพาณิชยของผูฟองคดีท้ังสี่) แลวเสร็จ ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท่ี ๓ และผูฟองคดีท่ี ๑
ไดมีการประชุมหารือรวมกันเก่ียวกับความเสียหายท่ีเกิดข้ึนกับอาคารพาณิชยเม่ือวันที่
๑๙ มกราคม ๒๕๖๑ และผถู ูกฟอ งคดีที่ ๑ และที่ ๓ ไดร วมกนั ตรวจสอบสภาพของอาคารพาณิชย
เม่ือวันท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ หลังจากนั้น ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๘ มิถุนายน ๒๕๖๑
แจงใหผูฟองคดีที่ ๑ ทราบวา ผูถูกฟองคดีที่ ๓ จะเปนผูชดเชยคาใชจายที่เกิดข้ึนจริง
ตามความเหมาะสม สวนของความเสียหายทางจิตใจและการขาดประโยชนจากการใชอาคาร
เพ่ือการคาและอยูอาศัย นั้น ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ เห็นวา ผูฟองคดีท่ี ๑ เรียกรองคาชดเชยเปน
จํานวนเงินท่ีสูงมาก ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ จําเปนตองพิจารณาถึงความเสียหายดังกลาวโดยละเอียด
โดยจะขอหารือกับผูฟองคดีที่ ๑ เพิ่มเติม จึงเปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๓ ไดกระทําการใดๆ
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๕
อันปราศจากขอสงสัยแสดงใหเห็นเปนปริยายวายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกรองในมูลหน้ีละเมิด
ที่ทําใหผูฟองคดีทั้งสี่ไดรับความเสียหายตามฟองแลว ตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๑) แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย ซ่ึงมีผลทําใหอายุความสะดุดหยุดลงนับแตวันท่ี ๘ มิถุนายน ๒๕๖๑
ระยะเวลาท่ีลวงไปกอนน้ันไมนับเขาในอายุความ และเริ่มนับอายุความใหมตั้งแตวันที่เหตุท่ี
ทําใหอายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดลงตามนัยมาตรา ๑๙๓/๑๕ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว
และแมภายหลังจากที่ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ดังกลาวแลว
ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดดําเนินการเพ่ือใหการซอมแซมอาคารพาณิชยเปนไปตามขอตกลง
ท่ีไดเสนอตอผูฟองคดีที่ ๑ โดยมีหนังสือลงวันท่ี ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๑ เสนอรายช่ือ
สถาบันการศึกษาดานวิศวกรรมที่ผูฟองคดีท่ี ๑ ยอมรับ เพื่อดําเนินการวิเคราะหเสถียรภาพ
ของโครงสรางอาคารเพิ่มเติม และมีหนังสือลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เพื่อนําสงสําเนา
กรมกรรมประกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสินตอบุคคลท่ี ๓ และมีหนังสือลงวันท่ี
๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เสนอแนวทางการแกไขปญหาความเสียหายของอาคารพาณิชย
เลขท่ี ๑๑๗ เลขท่ี ๑๑๗/๑ และเลขที่ ๑๑๗/๒ เพ่ิมเติม แลวก็ตาม แตจนถึงวันท่ีผูฟองคดีทั้งสี่
นําคดีมาฟองตอศาลปกครองช้ันตน ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ก็ยังมิไดดําเนินการซอมแซมอาคารพาณิชย
ใหแลวเสร็จตามขอเรียกรองของผูฟองคดีที่ ๑ ท้ังหมด จากขอเท็จจริงดังกลาวแสดงใหเห็นวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๓ ยังไมสามารถแกไขปญหาความเสียหายที่เกิดข้ึนกับอาคารพาณิชย
ของผูฟองคดีที่ ๑ จึงถือวาผูถูกฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๓ ไดปฏิเสธความรับผิดตอผูฟองคดีท้ังส่ีแลว
ดังน้ัน การท่ีผูฟองคดีทั้งส่ีนําคดีน้ีมาฟองตอศาลเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ จึงเปนการใชสิทธิ
เรียกรองคาสินไหมทดแทนจากผูถูกฟองคดีท้ังเจ็ดภายในกําหนดอายุความหน่ึงปนับแตวันท่ีรู
หรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี ทั้งน้ี ตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ แลว
ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
คนื คาธรรมเนยี มศาลท้ังหมดใหแกผูฟ อ งคดที ง้ั ส่ี นนั้ ศาลปกครองสงู สุดไมเ ห็นพองดว ย
จึงมคี าํ สงั่ กลบั เปน ใหร บั คําฟอ งไวพิจารณา
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ. ๔๘/๒๕๖๓
ผูฟ อ งคดที งั้ หาฟองวา ผูฟอ งคดที ี่ ๑ เปนผูมีสิทธิเชาชวงและครอบครองอาคารพาณิชย
๔ ชั้น จํานวน ๒ หอง ผูฟองคดีท่ี ๒ เปนนิติบุคคลประเภทหางหุนสวนจํากัด สํานักงานแหงใหญ
ต้ังอยูท่ีอาคารพาณิชยด งั กลาว โดยมีผูฟองคดีท่ี ๑ เปนหุนสวนผูจัดการผูมีอํานาจกระทําการแทน
สวนผูฟ อ งคดีท่ี ๓ ถึงที่ ๕ เปนผพู กั อาศัยรวมกับผูฟองคดีท่ี ๑ ในอาคารพาณิชยดังกลาว อาคารพาณิชย
ท้ังสองหองอยูติดกับบริเวณที่มีการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีน้ําเงินของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(การรถไฟฟาขนสงมวลชนแหงประเทศไทย) ซ่ึงวาจางผูถูกฟองคดีท่ี ๓ (บริษัท อ.) เปนผูดําเนินการ
กอสราง ปรากฏวา ผูถูกฟองคดีที่ ๓ กอสรางอุโมงคใตดินและสถานีรถไฟฟาไมเปนไปตามแบบ
การกอ สรางและวธิ ีการกอสรา งท่ีไดตกลงกับผูถกู ฟองคดที ี่ ๑ ทาํ ใหเกิดการทรุดตัวของพื้นถนนบริเวณ
ท่ีกอ สรางสถานีรถไฟฟา และทําใหฐานรากของอาคารพาณิชยทั้งสองหองเกิดการเคล่ือนท่ีไปจาก
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๖
ตําแหนงเดิมจนเอียงตัวกอใหเกิดความเสียหายอยางมาก ผูฟองคดีที่ ๑ จึงมีหนังสือลงวันท่ี
๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ แจงความเสียหายใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาการการรถไฟฟาขนสงมวลชน
แหง ประเทศไทย) ทราบพรอ มทั้งเรยี กรองคาเสยี หายทเี่ กิดจากการกอ สรา งสถานีรถไฟฟา ใตดนิ ดงั กลา ว
ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดทําการซอมแซมความเสียหายใหเพียงบางสวน แตตัวอาคารยังคงเอียงอยู
ทําใหผฟู อ งคดีทงั้ หา ไมสามารถใชประโยชนในการพักอาศัยและประกอบกิจการคาไดดังเดิมตั้งแต
เดอื นมนี าคม ๒๕๖๐ ผูฟองคดีท้ังหาจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ถงึ ท่ี ๗ (นาย ป. ท่ี ๔ นาง น. ท่ี ๕ นาย ผ. ท่ี ๖ นาย ธ. ที่ ๗) รวมกันหรือแทนกันใชคาเสียหายใหแก
ผูฟองคดีทั้งหารวมเปนเงินจํานวน ๕๖,๔๖๐,๐๐๐ บาท และใหผูถูกฟองคดีทั้งเจ็ดรวมกัน
หรอื แทนกนั ใชค า เสยี หายใหแกผฟู องคดีท้ังหารวมเปนเงนิ เดอื นละ ๙๔๐,๐๐๐ บาท นบั ถัดจากวันฟอง
เปนตนไปจนกวาจะชาํ ระเสร็จ เหน็ วา เมือ่ ผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๑ เปน นติ บิ คุ คลมีวตั ถุประสงคดําเนนิ กจิ การ
รถไฟฟาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามมาตรา ๗ (๑) แหง พ.ร.บ. การรถไฟฟาขนสงมวลชน
แหงประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงเปนหนวยงานทางปกครองตามมาตรา ๓
แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดวาจางผูถูกฟองคดีที่ ๓ ใหเปนผูดําเนินการ
กอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีนํ้าเงินฯ โดยยังอยูภายใตการควบคุมของผูถูกฟองคดีที่ ๑ คดีน้ี
จงึ เปน คดพี พิ าทเกย่ี วกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจาก
การใชอ าํ นาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อขอเท็จจริง
ปรากฏวา ภายหลังจากท่ีผูฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ แจงผลกระทบ
จากการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีน้ําเงินฯ ใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ทราบ พรอมท้ังเรียกรองให
ผูถ ูกฟอ งคดีที่ ๒ ชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีทั้งหาแลว ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ยังคงดําเนินการกอสราง
โครงการรถไฟฟาสายสีนํา้ เงนิ ฯ (ในชวงบรเิ วณอาคารพาณิชยของผูฟองคดีท้ังหา) ตอเนื่องเรื่อยมา
และไดกอสรางแลวเสร็จเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ดังน้ัน เหตุแหงความเสียหายซ่ึงถือเปน
การกระทําละเมิดที่ผูฟองคดีทั้งหาอางวาไดรับจากการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีนํ้าเงินฯ
ยอมเกิดขึ้นติดตอกันตลอดมาจนถึงวันที่การกอสรางแลวเสร็จ คือ วันท่ี ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ผูฟองคดที ้งั หาจงึ ชอบท่จี ะนาํ คดมี าฟองตอศาลเพื่อเรียกรองคาเสียหายไดภายใน ๑ ป นับแตวันที่
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ทง้ั นี้ ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัตเิ ดยี วกัน อยา งไรก็ดี คดนี ้ีขอเท็จจริง
ปรากฏตอมาวา ภายหลังจากทกี่ ารกอ สรา งโครงการรถไฟฟา สายสีน้าํ เงนิ ฯ (ในชวงบริเวณอาคารพาณิชย
ของผูฟองคดีทั้งหา) แลวเสร็จ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ที่ ๓ และผูแทนอาคารพาณิชยของผูฟองคดีที่ ๑
ไดม ีการประชมุ หารือรว มกนั เกย่ี วกบั ความเสียหายที่เกิดข้ึนกับอาคารพาณิชยเมื่อวันท่ี ๑๙ มกราคม ๒๕๖๑
และไดขอสรปุ วา ใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ เขาตรวจสอบความเสียหายของอาคารพาณิชย ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
และท่ี ๓ จึงไดรวมกันตรวจสอบสภาพของอาคารพาณิชยเม่ือวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ หลังจากน้ัน
ผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๓ ไดม ีหนงั สือลงวนั ท่ี ๙ มนี าคม ๒๕๖๑ แจงใหผ ูฟอ งคดที ี่ ๑ ทราบวา ผูถูกฟองคดีที่ ๓
ตกลงที่จะเขาดําเนินการซอมแซมอาคารพาณิชยของผูฟองคดีที่ ๑ จึงเปนกรณีที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑
และท่ี ๓ ไดก ระทําการใดๆ อันปราศจากขอสงสัยแสดงใหเห็นเปนปริยายวายอมรับสภาพหน้ีตามสิทธิ
เรียกรอ งในมูลหน้ีละเมดิ ท่ที ําใหผ ูฟอ งคดที ง้ั หา ไดรับความเสียหายตามฟองแลวตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๑)
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๗
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ซ่ึงมีผลทําใหอายุความสะดุดหยุดลงนับแตวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑
ระยะเวลาท่ีลวงไปกอนน้ันไมนับเขาในอายุความ และเริ่มนับอายุความใหมตั้งแตวันท่ีเหตุที่ทําให
อายคุ วามสะดุดหยดุ ลงสน้ิ สดุ ลงตามนัยมาตรา ๑๙๓/๑๕ แหง ประมวลกฎหมายดงั กลาว และเม่ือ
ขอเท็จจริงรับฟงไดวาภายหลังจากที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๑
แจงใหผูฟองคดีท่ี ๑ ทราบวาผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ตกลงท่ีจะเขาดําเนินการซอมแซมอาคารพาณิชย
ของผฟู องคดที ี่ ๑ แลว แตผ ูถ ูกฟองคดที ่ี ๓ กลับเขาดําเนินการซอมแซมอาคารพาณิชยของผูฟองคดีที่ ๑
เพียงบางสวน โดยไมไดซอมแซมตามขอเรียกรองของผูฟองคดีท่ี ๑ ท้ังหมด และผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไดมหี นงั สอื ลงวนั ที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๔ แจงวา ตามที่มีผูรองเรียนวาไดรับ
ผลกระทบจากการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีนํ้าเงินฯ ซ่ึงรวมถึงอาคารพาณิชยของผูฟองคดีท่ี ๑
ดวยน้นั ผถู กู ฟองคดีที่ ๑ พบวาผูถูกฟองคดที ่ี ๓ ยังคงไมสามารถดําเนินการแกไขปญหา รวมถึงเจรจา
และเยียวยาผูไดรับผลกระทบจนไดขอยุติ จึงขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๓ เรงรัดดําเนินการแกไขปญหา
รวมท้ังเจรจาและเยยี วยาผไู ดร ับผลกระทบเพอื่ ใหไดขอยุตโิ ดยเรง ดว น แตห ลงั จากน้ัน ผูถูกฟองคดีที่ ๓
ก็ยังไมสามารถดําเนินการแกไขปญหาตามขอเรียกรองของผูฟองคดีที่ ๑ ได จากขอเท็จจริงดังกลาว
แสดงใหเหน็ วา ผถู ูกฟอ งคดีที่ ๑ และที่ ๓ ไมสามารถแกไขปญหาความเสียหายท่ีเกิดขึ้นกับอาคารพาณิชย
ของผูฟองคดีที่ ๑ จึงถือวาผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๓ ไดปฏิเสธความรับผิดตอผูฟองคดีทั้งหาแลว
ดงั น้นั การท่ผี ูฟ อ งคดที งั้ หา นาํ คดนี ม้ี าฟอ งตอ ศาลเมื่อวนั ท่ี ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ จึงเปนการใชสิทธิ
เรียกรองคาสินไหมทดแทนจากผูถูกฟองคดีท้ังเจ็ดภายในกําหนดอายุความหน่ึงปนับแตวันท่ีรูหรือควรรู
ถึงเหตุแหงการฟองคดี ท้ังนี้ ตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ท่ีศาลปกครองช้ันตน
มคี ําสงั่ ไมรบั คําฟองนไี้ วพ ิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ คืนคาธรรมเนยี มศาลทง้ั หมด
ใหแกผ ฟู อ งคดที ั้งหา นั้น ศาลปกครองสูงสดุ ไมเ ห็นพอ งดวย
จงึ มคี าํ ส่งั กลับ เปนใหร บั คําฟอ งไวพจิ ารณา
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ. ๔๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีทั้งสิบเอ็ดฟองวา ผูฟองคดีที่ ๑ เปนนิติบุคคลประเภทบริษัทจํากัด
มีวัตถุประสงคเพ่ือประกอบกิจการจําหนายทองรูปพรรณทุกชนิด โดยมีผูฟองคดีท่ี ๒ และที่ ๓
เปนกรรมการผูมีอํานาจทําการแทน โดยผูฟองคดีท่ี ๑ เปนผูเชาและครอบครองตึกแถว ๒ ช้ัน
เลขท่ี ๑๔๔ เลขที่ ๑๔๖ และเลขท่ี ๑๔๘ ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
เพอ่ื ใชป ระกอบกิจการดังกลาว ผูฟองคดีท่ี ๔ เปนนิติบุคคลประเภทหางหุนสวนจํากัด มีวัตถุประสงค
เพ่ือประกอบกิจการจําหนายอัญมณีและเครื่องประดับรูปพรรณทุกชนิด และเปนผูเชาและครอบครอง
ตึกแถว ๒ ช้ัน เลขที่ ๑๓๘ เลขท่ี ๑๔๐ และเลขที่ ๑๔๒ ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย เขตพระนคร
กรุงเทพมหานคร เพื่อใชประกอบกิจการดังกลาว และผูฟองคดีท่ี ๑ ที่ ๓ และท่ี ๕ ถึงท่ี ๘
เปนเจาของที่ดินท่ีตั้งอาคารพักอาศัยคอนกรีตเสริมเหล็ก ๔ ช้ัน เลขที่ ๕๖๘ และเลขที่ ๕๗๐
ถนนมหาไชย แขวงวังบูรพาภิรมย เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร และผูฟองคดีที่ ๒ และท่ี ๖
เปนเจาของกรรมสิทธิ์รวมและผูครอบครองอาคารดังกลาว และผูฟองคดีท่ี ๒ และที่ ๑๑
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๘
เปนผูพักอาศัยรวมในอาคารเลขที่ ๕๖๘ และผูฟองคดีที่ ๙ และที่ ๑๐ เปนผูพักอาศัยรวมในอาคาร
เลขท่ี ๕๗๐ ซ่งึ ตกึ แถวทั้งหกหองและอาคารพักอาศัยทั้งสองหองอยูใกลกับบริเวณท่ีมีการกอสราง
โครงการรถไฟฟา สายสนี ํา้ เงนิ สว นตอ ขยายหัวลําโพง – บางแค และบางซื่อ – แยกทาพระ สัญญาที่ ๑
งานกอสรางโครงสรางใตดิน ชวงหัวลําโพง – แยกสนามไชย (สถานีวังบูรพา) ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(การรถไฟฟาขนสงมวลชนแหงประเทศไทย) ซ่ึงวาจางใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ (บริษัท อ.)
เปนผูดําเนินการกอสราง ตอมา ผูฟองคดีท่ี ๒ และท่ี ๕ เห็นวา การกอสรางโครงการรถไฟฟา
สายสีน้ําเงินฯ (ในชวงบริเวณตึกแถวและอาคารพาณิชยของผูฟองคดี) ทําใหพ้ืนถนนท่ีกอสราง
เกิดการทรุดตัว ซ่ึงสงผลทําใหฐานรากของตึกแถวและอาคารพาณิชยเกิดความเสียหาย
ไมปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสินแกผูอยูอาศัย และสงผลกระทบตอการประกอบธุรกิจของ
ผูฟอ งคดที ่ี ๑ และของผูฟองคดที ี่ ๔ ผฟู องคดีท่ี ๒ และท่ี ๕ จงึ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗
วันท่ี ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ และวันท่ี ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙ แจงผลกระทบจากการกอสราง
โครงการรถไฟฟาสายสีน้ําเงินฯ ใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ทราบ พรอมท้ังเรียกรองใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓
ซอมแซมความเสียหายท่ีเกิดจากการกอสรางดังกลาว แตผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไมไดซอมแซม
ความเสียหายตามขอรองเรียน ผูฟองคดีทั้งสิบเอ็ดเห็นวาการกอสรางโครงการรถไฟฟาดังกลาว
ทําใหไดรับความเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังเจ็ด
(ผูวาการการรถไฟฟาขนสงมวลชนแหงประเทศไทย ท่ี ๒ นาย บ. ที่ ๔ นาง น. ท่ี ๕ นาย ผ. ท่ี ๖
นาย ธ. ท่ี ๗) รวมกนั หรอื แทนกันใชคา เสียหายใหแ กผ ูฟ องคดีท่ี ๒ ถงึ ที่ ๖ และที่ ๙ ถงึ ท่ี ๑๑
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนนิติบุคคลมีวัตถุประสงค
ดําเนินกิจการรถไฟฟาในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลตามมาตรา ๗ (๑) แหง พ.ร.บ.
การรถไฟฟาขนสงมวลชนแหงประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงเปนหนวยงาน
ทางปกครองตามมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดวาจาง
ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ เปนผูดําเนินการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีนํ้าเงินฯ โดยยังอยูภายใต
การควบคุมของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ คดีน้ีจึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงาน
ทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ภายหลังจากท่ีผูฟองคดีท่ี ๒ และท่ี ๕
ไดม ีหนังสือลงวันท่ี ๕ สงิ หาคม ๒๕๕๗ วันท่ี ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ และวันท่ี ๙ ธันวาคม ๒๕๕๙
แจงผลกระทบจากการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีน้ําเงินฯ ใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ทราบ
แตผถู ูกฟอ งคดีที่ ๓ ยงั คงดาํ เนนิ การกอ สรางโครงการรถไฟฟา สายสีน้ําเงินฯ (ในชว งบริเวณตึกแถว
และอาคารพาณิชยของผูฟองคดี) ตอเน่ืองเรื่อยมาและไดกอสรางแลวเสร็จเม่ือวันท่ี
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ดังนั้น เหตุแหงความเสียหายซึ่งถือเปนการกระทําละเมิดท่ีผูฟองคดีทั้งสิบเอ็ด
อางวาไดรับจากการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีน้ําเงินฯ ยอมเกิดข้ึนติดตอกันตลอดมา
จนถึงวันท่ีการกอสรางแลวเสร็จ คือ วันท่ี ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ผูฟองคดีท้ังสิบเอ็ดจึงสามารถ
ใชสิทธินําคดีมาฟองตอศาลปกครองเพื่อเรียกรองคาเสียหายจากการกระทําละเมิดดังกลาวได
อยางชาท่ีสุดภายใน ๑ ป นับแตวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ คือ ภายในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๙
ทั้งนี้ ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน อยางไรก็ดี ขอเท็จจริงปรากฏตอมาวา
กอนท่ีผูฟองคดีทั้งสิบเอ็ดจะนําคดีนี้มาฟองตอศาลปกครองเพ่ือเรียกรองคาเสียหายน้ัน ผูฟองคดีที่ ๑
ถึงที่ ๖ ไดเปนโจทกย่ืนฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๓ เปนจําเลยตอศาลแพงเม่ือวันท่ี
๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยที่คําฟองอางมูลเหตุแหงการกระทําละเมิดเชนเดียวกับคดีน้ีและยังมี
คําขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๓ ชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีที่ ๑ ถึงที่ ๖ รวมท้ัง
บรรดาเจาของกรรมสิทธิ์รวม ตลอดท้ังบริวารผูพักอาศัยดวย แตในระหวางการพิจารณาคดี
ของศาลแพง ผูฟองคดีท่ี ๑ ถึงท่ี ๖ เห็นวาคดีอยูในอํานาจของศาลปกครอง จึงย่ืนคํารองขอถอน
ฟองตอศาลแพงเพื่อนําคดีมาฟองตอศาลปกครอง และศาลแพงไดมีคําส่ังอนุญาตใหถอนฟอง
เม่ือวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ดังน้ัน การท่ีผูฟองคดีท่ี ๑ ถึงที่ ๖ ย่ืนฟองคดีตอศาลแพง
ในขณะท่ียังไมพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีตอศาลปกครอง และตอมา ไดถอนฟองคดี
ตอศาลแพงเพื่อนําคดีมาฟองตอศาลปกครองยอมทําใหกําหนดระยะเวลาการฟองคดีน้ีสะดุดหยุดอยู
เทาระยะเวลาตั้งแตวันที่ผูฟองคดีที่ ๑ ถึงท่ี ๖ ย่ืนคําฟองตอศาลแพงคือต้ังแตวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐
จนถึงวันที่คดีของศาลแพงน้ันถึงที่สุดคือถึงวันท่ีศาลแพงมีคําส่ังอนุญาตใหถอนฟองวันท่ี
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามขอ ๓๑ แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓ การนับระยะเวลาการฟองคดีของผูฟองคดีทั้งสิบเอ็ดจึงตองเริ่มนับตอต้ังแตวันท่ี
๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ เม่ือผูฟองคดีท้ังสิบเอ็ดนําคดีน้ีมาฟองตอศาลปกครองในวันท่ี ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒
จึงเปนการยื่นคําฟองภายในระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ประกอบกบั ขอ ๓๑ แหง ระเบียบของทีป่ ระชุมใหญฯ วาดว ยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ แลว
สําหรับคําฟองในสวนของผูฟองคดีที่ ๑ ที่ ๗ และที่ ๘ นั้น ไดรับความเสียหาย
จากการกอสรางโครงการรถไฟฟาสายสีนํ้าเงินฯ แตไมไดมีคําขอบังคับใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งอยางไร จึงเปนคําฟองที่ไมสมบูรณตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาล
ปกครองฯ แตขอท่ีไมสมบูรณครบถวนเชนวาน้ีเปนกรณีที่อาจแกไขใหถูกตองได ศาลปกครองชั้นตน
จึงชอบท่ีจะอาศัยอํานาจในขอ ๓๗ วรรคสอง แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ มีคําส่ังใหผูฟองคดีที่ ๑ ที่ ๗ และท่ี ๘ แกไขคําฟองใหถูกตองโดยให
ระบุวาประสงคจะขอใหศาลปกครองมีคําพิพากษาหรือมีคําส่ังอยางไรเสียกอน และศาลปกครองชั้นตน
จะรับคําฟองในสวนของผูฟองคดีที่ ๑ ที่ ๗ และท่ี ๘ ไวพิจารณาไดก็ตอเม่ือไดมีการแกไขคําฟอง
ใหถูกตองเปนไปตามเง่ือนไขการฟองคดีตามบทบัญญัติดังกลาว แลว การที่ศาลปกครองชั้นตน
มีคําส่ังไมร ับคําฟอ งนี้ไวพ จิ ารณาและใหจ าํ หนายคดอี อกจากสารบบความ คืนคา ธรรมเนยี มศาลทัง้ หมด
ใหแกผ ฟู องคดที ี่ ๒ ถึงท่ี ๖ และที่ ๙ ถงึ ที่ ๑๑ นั้น ศาลปกครองสูงสุดไมเ หน็ พองดว ย
จึงมคี ําสงั่ กลับเปนใหรบั คําฟองในสวนของผฟู องคดีที่ ๒ ถึงท่ี ๖ และท่ี ๙ ถึงท่ี ๑๑
ไวพิจารณา สวนคําฟองในสวนของผูฟองคดีท่ี ๑ ท่ี ๗ และท่ี ๘ นั้น ใหศาลปกครองช้ันตน
ดําเนินการใหมีการแกไขคําฟองใหสมบูรณครบถวน และมีคําส่ังในสวนคําฟองของผูฟองคดีท่ี ๑
ที่ ๗ และที่ ๘ ตอ ไป
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๐
คําสั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ. ๖๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (การทาเรือแหงประเทศไทย) ฟองวา ผูถูกฟองคดีไมปฏิบัติตนใหอยู
ในระเบียบวินัยและไดอาศัยโอกาสในการปฏิบัติหนาที่ตามที่ไดรับมอบหมายจากผูอํานวยการ
ทาเรือแหลมฉบัง แสวงหาประโยชนอันมิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย โดยปฏิบัติหรือละเวน
การปฏิบัติอยางใด ในพฤติการณที่อาจทําใหผูอ่ืนเชื่อวาตนมีตําแหนงหรือหนาท่ีการบริหารงาน
และควบคุมการดําเนินการของทาเรือแหลมฉบัง รวมท้ังอนุมัติอนุญาตสั่งการในนามของผูอํานวยการ
ทาเรือแหลมฉบัง อนุญาตหรือปลอยปละละเลยใหบริษัท ป. เขาไปขุดทรายของการทาเรือแหลมฉบัง
ไปขาย ทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหายคิดเปนเงินจํานวน ๖๔,๗๗๘,๙๕๗.๓๒ บาท ผูฟองคดี
มีคําส่ังลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๓ ตามความเห็นของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดเรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๖๔,๗๗๘,๙๕๗.๓๒ บาท
ใหแกผูฟองคดีภายในเจ็ดวันนับแตไดรับหนังสือ แตผูถูกฟองคดีเพิกเฉย จึงนําคดีมาฟองตอศาล
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชําระเงินจํานวน ๑๐๗,๐๗๔,๒๑๘.๒๐ บาท
พรอมดอกเบีย้ ในอตั รารอ ยละ ๗.๕ ตอ ป ของตน เงนิ จาํ นวน ๖๔,๗๗๘,๙๕๗.๓๒ บาท นับถัดจากวันฟอง
จนกวา จะชําระเสรจ็ ส้ินใหแ กผ ฟู อ งคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา กรณีน้ีผูฟองคดีเปนรัฐวิสาหกิจตาม พ.ร.บ. การทาเรือ
แหงประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ จึงเปนหนวยงานทางปกครองตามมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ผูฟองคดีไดอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๐ ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ออกคําส่ังเรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน
๖๔,๗๗๘,๙๕๗.๓๒ บาท ใหแกผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีเพิกเฉย จึงนําคดีมาฟองตอศาลขอให
ผูถูกฟองคดีชําระเงินพรอมดอกเบ้ีย นั้น กรณีเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของเจาหนาท่ี
อันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
แตโดยที่มาตรา ๖ แหง พ.ร.บ. แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ พ.ศ. ๒๕๔๓ กําหนดบทนิยามคําวา “ลูกจาง”
หมายความวา ผูซ่ึงตกลงทํางานใหแกนายจางเพื่อรับคาจาง และคําวา “นายจาง” หมายความวา รัฐวิสาหกิจ
ซึ่งตกลงรับลูกจางเขา ทํางานโดยจายคา จางให เมอื่ ผูถูกฟองคดีเปนพนักงานในสังกัดของผูฟองคดี
ซ่ึงเปนรัฐวิสาหกิจ นิติสัมพันธระหวางผูฟองคดีกับผูถูกฟองคดีจึงอยูในฐานะลูกจางกับนายจาง
ตามพระราชบัญญัติดังกลาว ภายใตขอบังคับและระเบียบที่กําหนดความสัมพันธหรือสภาพการจาง
ระหวางกัน การขอใหผูถูกฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี จึงเปนขอพิพาท
เกี่ยวกับสิทธิหรือหนาที่ตามสัญญาจางแรงงานหรือขอตกลงเกี่ยวกับสภาพการจาง รวมท้ังเปนคดี
ที่เกิดแตมลู ละเมิดจากการปฏบิ ตั ิหนา ทข่ี องผูถกู ฟอ งคดี และโดยที่ไมมีพระราชกฤษฎกี าหรือบทบัญญัติ
แหงกฎหมายใดยกเวน ใหการจา งตามสัญญาจางแรงงานระหวางผถู กู ฟอ งคดีและผูฟองคดีไมอยูในบังคับ
แหงกฎหมายวาดวยการคุมครองแรงงานและกฎหมายวาดวยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ คดีน้ี
จึงเปนคดีท่ีอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานตามนัยมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง (๕)
แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ ประกอบกับมาตรา ๙
วรรคสอง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ บัญญัติใหเปนคดีท่ีไมอยูในอํานาจศาลปกครอง
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๑
ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
กับใหค นื คา ธรรมเนยี มศาลทงั้ หมดแกผ ูฟองคดี นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพอ งดว ย
จึงมีคําสั่งยืนตามคําสง่ั ของศาลปกครองช้นั ตน
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ. ๘๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เม่ือวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผูฟองคดีไดเขาใชบริการท่ีคลินิก
ทันตกรรมพิเศษ โรงพยาบาลทนั ตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ (มหาวิทยาลัยมหิดล)
เพื่อทําฟนปลอม ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ทันตแพทยหญิง ภ.) ไดตรวจผูฟองคดีเบ้ืองตน โดยใหอาปาก
แตมิไดมีการเอกซเรยสภาพฟนของผูฟองคดี และวินิจฉัยวาตองถอนฟนของผูฟองคดี เมื่อผูฟองคดี
ไมเห็นดวย ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงปฏิเสธการรักษาผูฟองคดี ตอมา เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๐
ผฟู อ งคดีไดไปใชบรกิ ารทค่ี ณะทนั ตแพทยศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ซ่ึงทันตแพทยผูใหการรักษา
ระบุวา ผูฟ อ งคดสี ามารถทาํ ฟนปลอมไดโดยไมมีความจําเปนตองถอนฟน หลังจากน้ัน ผูฟองคดีไดรองเรียน
ตอผถู กู ฟอ งคดีที่ ๑ ผานผอู ํานวยการโรงพยาบาลทันตกรรม คณะทนั ตแพทยศาสตร กรณีไมพอใจ
การใหบริการของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร
มีหนังสือลงวันท่ี ๗ มิถุนายน ๒๕๖๑ แจงผูฟองคดีวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดใหขอมูลตอการรักษา
ทางดานทันตกรรมประดิษฐในเบื้องตนและปฏิบัติตอผูปวยตามมาตรฐานของการดูแลผูปวย
และตามมาตรฐานการประกอบวิชาชีพทันตกรรมแลว ผูฟองคดีเห็นวา ผูถูกฟองคดีท้ังสองละเลย
ตอหนาที่ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ เปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย เนื่องจาก
การปฏิเสธการรักษาพยาบาลผูฟองคดีเปนการเลือกปฏิบัติที่ไมเปนธรรม ละเมิดสิทธิข้ันพ้ืนฐาน
และศักด์ิศรีความเปนมนุษยของผูฟองคดี อันเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีทั้งสองชดใชคาสินไหมทดแทนจากการกระทําละเมิด
ใหแ กผ ฟู องคดี เปนเงนิ จาํ นวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยตามกฎหมายนับถัดจากวันฟองเปนตนไป
จนกวา จะชาํ ระเสรจ็
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา แมผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนนิติบุคคลท่ีโรงพยาบาล
ทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร อยูในสังกัด มีฐานะเปนหนวยงานของรัฐตามมาตรา ๔
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ และเปนหนวยงานทางปกครอง
ตามมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ สวนผูถูกฟองคดีที่ ๒ ซ่ึงเปนทันตแพทย
ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลดังกลาว เปนเจาหนาที่ตามมาตรา ๔ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ และเปนเจาหนาที่ของรัฐตามมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
ก็ตาม แตขอพิพาทในคดีน้ีเกิดจากการที่ผูฟองคดีไปพบผูถูกฟองคดีที่ ๒ เพื่อทําฟนปลอม
เม่ือผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตรวจอาการของผูฟองคดีแลววินิจฉัยวาการทําฟนปลอมในรายผูฟองคดี
จําเปนตองมีการถอนฟนเดิมออก แตผูฟองคดีไมประสงคใหมีการถอนฟนเดิมออก ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
จึงไมไดดําเนินการรักษาพยาบาลผูฟองคดีตอโดยปลอยใหผูฟองคดีนั่งรอเปนเวลาหลายชั่วโมง
ภายหลงั ผฟู องคดีไดไ ปรับการรกั ษาท่อี ื่น และไดมกี ารวินจิ ฉยั ของทนั ตแพทยรายอ่ืนท่ีแตกตางจาก
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๒
การวินจิ ฉัยของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งพฤติการณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ท้ังการวินิจฉัยอาการและข้ันตอน
ในการพิจารณาทําฟนปลอมหรือการใชดุลพินิจของทันตแพทยวา กรณีของผูฟองคดีจําเปนตอง
ถอนฟนเดิมออกกอนการทําฟนปลอมหรือไม อยางไร ที่แตกตางจากความเห็นของทันตแพทยรายอ่ืน
ท่ีผูฟองคดีไปรับการตรวจรักษาภายหลัง น้ัน ลวนเปนข้ันตอนทั่วไปในการรักษาของทันตแพทย
ท่ีจําตองอาศัยความรูความชํานาญในวิชาชีพเฉพาะ อันเปนเพียงการปฏิบัติหนาที่ตามปกติท่ัวไป
ของทันตแพทยในการตรวจรกั ษาพยาบาลผปู วย มใิ ชเปน การกระทําท่ีเกิดจากการใชอํานาจทางปกครอง
หรือการใชอํานาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คําส่ังทางปกครอง หรือคําส่ังอ่ืน หรือจากการละเลย
ตอ หนาท่ีทางปกครองตามทกี่ ฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ หรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร
การที่ผูฟองคดีฟองเรียกใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกันรับผิดในทางละเมิดอันเนื่องมาจาก
การปฏิบัติหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดังกลาว จึงมิใชคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของ
หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ
คาํ สั่งทางปกครองหรือคําสั่งอ่ืน หรือจากการละเลยตอหนาที่ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
หรือปฏบิ ัตหิ นา ทดี่ งั กลาวลาชาเกินสมควร ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ท่ีจะอยใู นอาํ นาจพิจารณาพพิ ากษาของศาลปกครอง ที่ศาลปกครองชั้นตน มคี ําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา
และใหจําหนา ยคดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพอ งดว ย
จึงมีคําสงั่ ยืนตามคําส่งั ของศาลปกครองช้นั ตน
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ คร. ๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดข้ึนทะเบียนเปนผูคาตราสารหนี้กับผูถูกฟองคดี
(สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย) ตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๕๓ และเสียคาใชจายในการข้ึนทะเบียนเปนเงิน
จํานวน ๑๐,๐๐๐ บาท ผูฟอ งคดไี ดเ ขารับการอบรมทบทวนความรูดานตราสารหน้ีท้ังหมด ๓ คร้ัง
ในป พ.ศ. ๒๕๕๗ ป พ.ศ. ๒๕๕๘ และป พ.ศ. ๒๕๕๙ ตอมา ในการอบรมทบทวนความรู
ในป พ.ศ. ๒๕๖๐ ผูถูกฟองคดีไดจัดใหมีการอบรมในวันท่ี ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยผูฟองคดี
ไมไดรับแจงกําหนดการอบรมทางจดหมายอิเล็กทรอนิกสอยางในปท่ีผานๆ มา ตอมา ผูฟองคดี
ไดทราบกําหนดการอบรมดังกลาว จึงไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ แจงวาผูฟองคดี
ไมสามารถเขารวมอบรมในวันดังกลาวได ซึ่งในวันท่ี ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เจาหนาที่ของ
ผูถูกฟองคดีไดโทรศัพทแจงผูฟองคดีวา ผูฟองคดีตองเขาอบรมในวันท่ี ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐
มิฉะน้ันจะถูกคัดช่ือออกจากการเปนผูคาตราสารหน้ีข้ึนทะเบียนของผูถูกฟองคดี และยังแจงดวย
วา ไดแจงกําหนดการอบรมใหผ ูฟองคดีทราบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกสแ ลว ผฟู องคดีเห็นวาการท่ี
ผูถูกฟองคดีคัดชื่อผูฟองคดีออกจากการเปนผูคาตราสารหน้ีขึ้นทะเบียนของผูถูกฟองคดี เปนการ
กระทาํ ละเมิด ทําใหผ ฟู อ งคดไี ดรบั ความเสยี หายเปน คาใชจา ยที่ตอ งเสียไปเพ่ือใหมีสถานะเปนผูคา
ตราสารหน้ีขึ้นทะเบียนของผูถูกฟองคดี จึงนําคดีมาฟองตอศาลขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
ใหผูถูกฟองคดีชดใชเงินแกผูฟองคดี เปนเงินจํานวน ๔๓,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ีย เห็นวา
ผูถูกฟองคดีเปนสมาคมที่เกี่ยวเน่ืองกับธุรกิจหลักทรัพย โดยไดรับใบอนุญาตและจดทะเบียนกับ
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๓
สํานักงาน ก.ล.ต. มีหนาท่ีสวนหนึ่งในการจัดทดสอบความรูเพ่ือข้ึนทะเบียนเปนผูคาตราสารหน้ี
และจัดสงทะเบียนผูคาตราสารหน้ีใหสํานักงาน ก.ล.ต. ทุกครึ่งป รวมถึงการกําหนดบทลงโทษ
ผูคาตราสารหนี้ อันเปนการใชอาํ นาจทางปกครองหรือดาํ เนินกิจการทางปกครอง ผลของการใชอํานาจ
ของผูถูกฟองคดีจึงมีผลกระทบตอสิทธิการเปนผูคาตราสารหนี้ ดังนั้น ผูถูกฟองคดีจึงเปน
หนวยงานท่ีไดรับมอบหมายใหใชอํานาจทางปกครองหรือใหดําเนินกิจการทางปกครอง อันเปน
หนวยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ คดีนี้จึงเปนคดีพิพาท
เกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย
ท่ีอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตาม มาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓)
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะ
เดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดจากการกระทําดังกลาวของผูถูกฟองคดี ตามมาตรา ๔๒
วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ซ่ึงศาลสามารถออกคําบังคับโดยส่ังใหใชเงินหรือสงมอบ
ทรัพยสิน ตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และกรณีนี้ไมมีกฎหมาย
กําหนดข้ันตอนหรอื วธิ กี ารสาํ หรบั แกไ ขความเดอื ดรอ นหรอื เสียหายไวโดยเฉพาะกอนนําคดีมาฟอง
ตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน อยางไรก็ตาม เมื่อการแจงกําหนดการ
อบรมทบทวนความรูดานตราสารหน้ีใหแกผูฟองคดีน้ัน เปนกระบวนการภายในของผูถูกฟองคดี
หากผูฟองคดีไมไดเขารับการอบรมดังกลาวก็ยังไมมีผลทําใหตองถูกคัดชื่อออกจากทะเบียนผูคา
ตราสารหน้ีแตอยางใด การที่ตอมาผูถูกฟองคดีไดนํารายชื่อผูฟองคดีออกจากทะเบียนผูคาตราสารหนี้
โดยอางวาผูฟองคดีไมไดเขาอบรมในวันท่ีกําหนด และไมปรากฏรายชื่อผูฟองคดีในทะเบียน
ผูคาตราสารหน้ีของผูถูกฟองคดี ตั้งแตวันท่ี ๑ มกราคม ๒๕๖๑ กรณีดังกลาวมีผลทําใหบริษัท
หลักทรัพยที่กฎหมายบังคับใหตองเปนสมาชิกของผูถูกฟองคดีไมสามารถแตงตั้งผูฟองคดีใหเปน
ผูรับผิดชอบซื้อขายตราสารหน้ีได หรือหากแตงต้ังแลวก็ตองยกเลิกการแตงตั้ง วันดังกลาวจึงเปน
วันทก่ี ระทบสทิ ธิตามกฎหมายของผูฟองคดีอันเปนเหตุแหงการฟองคดีนี้ และถือวาเปนวันท่ีผูฟองคดี
ไดร ูห รือควรรูถ ึงการกระทาํ อนั เปนเหตุแหง การฟองคดี ผฟู อ งคดีจึงมสี ทิ ธินาํ คดมี าฟองภายใน ๑ ป
นับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี ตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
กลาวคือ ตองย่ืนฟองคดีภายในวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ แตเน่ืองจากวันดังกลาว
เปนวันหยุดราชการ ผูฟองคดีจึงสามารถนําคดีมาฟองตอศาลในวันเร่ิมทําการใหมตอจากวันท่ี
หยดุ ทาํ การได ตามมาตรา ๑๙๓/๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ดังนั้น การที่ผูฟองคดี
นําคดีมาฟองตอศาลในวันท่ี ๒ มกราคม ๒๕๖๒ จึงเปนการยื่นฟองภายในกําหนดระยะเวลา
การฟองคดี การท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับคําฟองไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจาก
สารบบความ นนั้ ศาลปกครองสูงสดุ ไมเห็นพอ งดวย
จงึ มคี ําสง่ั กลับ เปนใหร ับคําฟองของผูฟองคดไี วพิจารณา
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๔
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ คร. ๙๐/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (องคการบริหารสวนตําบลบัวขาว) ฟองวา ผูฟองคดีเปนราชการบริหาร
สว นทองถ่ิน มฐี านะเปน นิติบุคคล มีอาํ นาจหนาท่ใี นการจัดทําบริการสาธารณะในเขตพ้ืนที่ตําบลบัวขาว
อําเภอกุฉินารายณ จงั หวดั กาฬสนิ ธุ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๔๐
ตอมา เมื่อป พ.ศ. ๒๕๖๑ หางหุนสวนจํากัด อ. ไดกอสรางอาคารใชเปนโชวรูมขายสินคารถแทรกเตอร
พรอมอุปกรณตอพวงตางๆ ในที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๒๖๕๖ และเลขที่ ๒๓๑๗๓ ตําบลบัวขาว
อําเภอกุฉินารายณ จังหวัดกาฬสินธุ ซึ่งท่ีดินทั้งสองแปลงติดกันเปนผืนเดียวตั้งอยูในเขตพื้นที่
การปกครองของบานบุงคลา หางหุนสว นดังกลาวจงึ ตองขออนญุ าตกอ สรางอาคาร ยนื่ แบบแสดงรายการ
เพ่ือเสยี ภาษีโรงเรือนและที่ดิน และย่ืนแบบแสดงรายการภาษีปายตอผูฟองคดี แตหางหุนสวนดังกลาว
ไดขอออกบานเลขที่ตอนายทะเบียนอําเภอกุฉินารายณ โดยขออนุญาตกอสรางอาคาร และไดยื่น
แบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและท่ีดิน รวมท้ังแบบแสดงรายการภาษีปาย ประจําป ๒๕๖๑
ตอผถู ูกฟองคดี (องคการบรหิ ารสว นตําบลสมสะอาด) ผฟู อ งคดีจึงมีหนังสือแจงหางหุนสวนจํากัด อ. วา
การขออนุญาตกอสรางอาคารดังกลาวตอผูถูกฟองคดีน้ันไมถูกตอง จึงขอใหยื่นคําขออนุญาต
กอสรางอาคารตอผูฟองคดีภายในวันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ แตหางหุนสวนจํากัด อ. เพิกเฉย
ผูฟองคดีเห็นวา ที่ดินตามโฉนดท่ีดินทั้งสองแปลงดังกลาวตั้งอยูในเขตตําบลบัวขาว แตเนื่องจาก
มีการปกปายแสดงแนวเขตระหวางตําบลบัวขาวกับตําบลสมสะอาดไมถูกตองตามแนวเขตที่แทจริง
ทําใหประชาชนหรือบุคคลทั่วไปเกิดความเขาใจผิดเก่ียวกับการย่ืนชําระภาษีหรือจัดเก็บภาษีโรงเรือน
และท่ีดิน และภาษีปายไมถูกตอง การที่ผูถูกฟองคดีจัดเก็บภาษีกับหางหุนสวนจํากัด อ. ที่ตั้งอยู
ในเขตพื้นทข่ี องผูฟอ งคดี จงึ เปนการกระทาํ ทไ่ี มช อบดว ยกฎหมาย กอใหเกิดความเสียหายแกผูฟองคดี
ผูฟองคดีจึงนําคดีมายื่นฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหาย
ท่ีผูฟองคดีควรจะไดรับเปนเงินภาษี และใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายจากการกระทําละเมิด
และคาใชจายในการดําเนินคดี เห็นวา ผูฟองคดีและผูถูกฟองคดีเปนราชการสวนทองถิ่นที่จัดต้ังขึ้น
ตาม พ.ร.บ. สภาตําบลและองคการบริหารสวนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ จึงเปนหนวยงานทางปกครอง
ตามมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ และระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยการพิจารณา
ช้ีขาดการยุติขอพิพาทระหวางหนวยงานของรัฐและการดําเนินคดี พ.ศ. ๒๕๖๑ ท่ีออกโดยอาศัยอํานาจ
ตามมาตรา ๑๑ วรรคหน่ึง (๘) แหง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผนดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
เปนการที่นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ใชอํานาจตามกฎหมายออกระเบียบดังกลาว
เพอ่ื วางระเบียบปฏิบัติราชการในกรณีมีขอพิพาทระหวางหนวยงานของรัฐ หรือระหวางหนวยงานของรัฐ
กับเอกชน ระเบียบดังกลาวจึงมีสถานะเปนกฎที่มีผลผูกพันหนวยงานของรัฐ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๓
แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เม่ือคดีน้ีเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงาน
ทางปกครองอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว โดยผูฟองคดีและผูถูกฟองคดี
เปนหนวยงานของรัฐ ไดมีขอโตแยงที่เกิดข้ึนเก่ียวกับสิทธิและหนาที่ตามกฎหมายในการจัดเก็บ
หรือรบั ชําระภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีปายของหางหุนสวนจํากัด อ. อันเปนขอพิพาท ตามขอ ๓
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๕
ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยการพิจารณาช้ีขาดการยุติขอพิพาทระหวางหนวยงานของรัฐ
และการดําเนินคดี พ.ศ. ๒๕๖๑ ผูฟองคดีจึงตองแจงขอเรียกรองไปยังผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนคูกรณี
ฝายท่ีถูกเรียกรอง โดยระบุใหทราบถึงขอเท็จจริงและขอเรียกรอง และหากผูถูกฟองคดีปฏิเสธ
หรือไมยอมชําระหน้ี ผูฟองคดีตองเสนอขอพิพาทไปยังสํานักงานอัยการสูงสุดภายในอายุความ
หรือกําหนดระยะเวลาการฟองคดีเพ่ือพิจารณาวินิจฉัยช้ีขาดตอไปตามขอ ๑๑ และขอ ๑๒ วรรคหนึ่ง
ของระเบยี บสํานักนายกรัฐมนตรดี งั กลา ว อันเปนขั้นตอนและวิธีการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหาย
ที่มีกฎหมายกําหนดไวในการดําเนินการยุติขอพิพาทระหวางหนวยงานของรัฐโดยเฉพาะ เมื่อไมปรากฏ
ขอเท็จจริงวา ผูฟองคดีไดดําเนินการตามข้ันตอนและวิธีการดังกลาว จึงเปนกรณีที่ผูฟองคดี
ยังไมไดด ําเนนิ การแกไ ขความเดอื ดรอนหรอื เสยี หายในเร่ืองดังกลาวตามขั้นตอนหรือวิธีการที่กฎหมาย
กําหนดไวกอนยื่นฟองคดี ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองน้ีไวพิจารณาพิพากษาได ท้ังน้ี
ตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับ
คําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ คืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมด
แกผ ฟู องคดี นน้ั ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดว ย
จึงมคี าํ สง่ั ยนื ตามคําสั่งของศาลปกครองชั้นตน
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คร. ๙๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๑๔
กรณีเปนเจาหนา ทีข่ องรฐั
คําส่ังศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ. ๗๖/๒๕๖๓
ผูฟ อ งคดีฟองวา ผูฟ องคดีมหี นังสือลงวนั ที่ ๒๖ กมุ ภาพันธ ๒๕๖๒ ถึงผูถูกฟองคดี
(นาย ม.) เพื่อขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหายในมูลละเมิด เปนเงินจํานวน ๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท
สืบเนื่องจากกรณีที่ผูถูกฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๓ มกราคม ๒๕๖๒ ถึงผูฟองคดี เพื่อสงสําเนา
ขอ บงั คบั สหกรณออมทรพั ยตํารวจภธู ร ภาค ๔ จํากัด ฉบับที่ ๑ ถึงฉบับที่ ๓ ตามท่ีผูฟองคดีขอคัดสําเนา
ผูฟองคดีเห็นวาการท่ีผูถูกฟองคดีเปนเจาหนาที่ของรัฐในสังกัดของสหกรณจังหวัดขอนแกน
ซ่ึงเปนหนวยงานสังกัดกรมสงเสริมสหกรณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ ลงนามในเอกสาร
ทมี่ ีนยั ไมถ กู ตอ ง เปนการกระทําละเมิดตอผูฟอ งคดี และการท่ีผูถูกฟองคดีเพิกเฉยไมนําเงินจํานวนดังกลาว
ชําระใหแกผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรอื คาํ สงั่ ใหผถู ูกฟอ งคดีชดใชคาความเสียหายใหแ กผูฟ อ งคดี เปน เงินจาํ นวน ๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท
ศาลปกครองสงู สุดวนิ ิจฉัยวา คดนี ี้เปน คดีพิพาทเก่ยี วกับการกระทําละเมิดอันเกิดจาก
การใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ซึง่ ผฟู องคดีกลาวอางวาผูถูกฟองคดีซึ่งเปนเจาหนาที่ของรัฐตามมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
กระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาท่ีโดยการลงนามในเอกสารท่ีมีนัยไมถูกตอง ซึ่งตามมาตรา ๕ วรรคหน่ึง
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ บัญญัติวา หนวยงานของรัฐตองรับผิด
ตอผูเสียหายในผลแหงละเมิดที่เจาหนาที่ของตนไดกระทําในการปฏิบัติหนาที่ ในกรณีนี้ผูเสียหาย
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๖
อาจฟองหนวยงานของรัฐดังกลาวไดโดยตรง แตจะฟองเจาหนาท่ีไมได เม่ือศาลปกครองชั้นตน
ไดมีคําส่ังใหผูฟองคดีชี้แจงและแกไขตัวผูถูกฟองคดีใหถูกตองตามที่กฎหมายกําหนด แตผูฟองคดี
ยืนยันความประสงคท่ีจะฟองผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาที่ของรัฐใหรับผิดในผลแหงละเมิด
เปน การสว นตัว โดยไมป ระสงคจ ะฟองหนว ยงานของรฐั ตน สังกัดของผูถ ูกฟองคดีซึง่ เปนเจา หนา ท่ีของรัฐ
ตอศาลปกครองไดตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ท่ีศาลปกครองช้ันตน
มีคําส่ังไมร ับคําฟองนไ้ี วพจิ ารณา และใหจ าํ หนา ยคดีออกจากสารบบความ น้ัน ศาลปกครองสูงสุด
เหน็ พองดว ย
จงึ มีคาํ สง่ั ยืน
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ. ๘๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีมีหนังสือลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ ถึงผูถูกฟองคดี
(นาง ก.) เพอื่ ขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหายในมูลละเมิดเปนเงินจํานวน ๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท
เนื่องจากผูฟองคดีซึ่งเปนสมาชิกสหกรณออมทรัพยตํารวจภูธร ภาค ๔ จํากัด ไดติดตอขอคัด
เอกสารสําเนาขอ บงั คับสหกรณออมทรัพยตํารวจภูธร ภาค ๔ จํากัด ฉบับที่ ๑ – ๓ โดยไดเจรจากับ
ผูถูกฟองคดีซึ่งเปนเจาหนาที่ของรัฐสังกัดสํานักงานสหกรณจังหวัดขอนแกน จนไดรับเอกสาร
ทมี่ นี ยั ทไ่ี มถูกตอง ซึ่งผูฟองคดีเห็นวาเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือ
ของผูฟองคดีแลวแตเพิกเฉยไมนําเงินจํานวนดังกลาวชําระใหแกผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไดรับ
ความเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหาย
ใหแ กผ ูฟอ งคดเี ปน เงนิ จาํ นวน ๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท
ศาลปกครองสงู สดุ วนิ จิ ฉัยวา คดีนเ้ี ปน พพิ าทเก่ยี วกบั การกระทําละเมิดของเจาหนาท่ี
ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ โดยผูฟองคดีกลาวอางวาผูถูกฟองคดีซ่ึงเปน
เจาหนาที่ของรัฐตามมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว กระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาท่ีโดยเปน
ผูรับเร่ืองการขอคัดเอกสารดังกลาวจากผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไดรับเอกสารที่มีนัยไมถูกตอง
เม่ือคดีนี้ ศาลปกครองช้ันตนไดมีคําสั่งใหผูฟองคดีช้ีแจงและแกไขตัวผูถูกฟองคดีใหถูกตองตามท่ี
กฎหมายกําหนด แตผูฟองคดียืนยันความประสงคที่จะฟองผูถูกฟองคดีซึ่งเปนเจาหนาที่ใหรับผิดในผล
แหงละเมิดเปนการสวนตัว โดยไมประสงคจะฟองหนวยงานของรัฐตนสังกัดของผูถูกฟองคดี ผูฟองคดี
จึงไมอาจฟองผูถูกฟองคดีซึ่งเปนเจาหนาท่ีของรัฐตอศาลปกครองไดตามมาตรา ๕ แหง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ศาลจึงไมอาจรับคําฟองน้ีไวพิจารณาได
ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ น้ัน
ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พองดว ย
จงึ มีคาํ สัง่ ยืนตามคําส่ังของศาลปกครองช้ันตน
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ. ๘๙/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๑
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๗
กรณเี ปนคดีพพิ าทตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑)
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ. ๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดนําเงินจํานวน ๑๑๗,๑๙๓.๔๕ บาท ไปชําระคาสินไหมทดแทน
และดอกเบี้ยใหแกกรมศุลกากรครบถวนตามที่ผูถูกฟองคดี (อธิบดีกรมศุลกากร) มีคําส่ังลงวันที่
๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีผูฟองคดีในขณะท่ีปฏิบัติหนาท่ี
เปนนายตรวจศุลกากร ๖ ว สังกัดกรมศุลกากร ปฏิบัติหนาที่โดยประมาทเลินเลออยางรายแรง
ทาํ ใหมสี นิ คาของกลางขาดหายไประหวางการสง มอบและเกบ็ รกั ษาของเจา หนา ท่คี ลงั ของกลางท่ี ๒ แลว
ตอมา ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๑ แจงคําส่ังกรมศุลกากร ใหผูฟองคดี
ทราบวา เม่ือกรมศุลกากรไดดําเนินการใชมาตรการบังคับทางปกครอง และไดรับชําระเงิน
คาสินไหมทดแทนรวมท้ังดอกเบ้ียจากผูฟองคดีครบถวนแลว จึงมีคําส่ังใหเพิกถอนคําสั่ง
กรมศุลกากรท่ีใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยวิธีการยึดหรืออายัดทรัพยสินของเจาหนาท่ีราย
ผูฟองคดี ตามคําสั่งลงวันท่ี ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ โดยใหมีผลนับแตวันถัดจากวันท่ีกรมศุลกากร
ไดรับชําระเงินคาสินไหมทดแทนและดอกเบี้ยครบถวน ผูฟองคดีอุทธรณคําส่ังดังกลาวตอ
ผูถูกฟองคดี และเห็นวา การสอบขอเท็จจริงไมตรงกับความจริง การต้ังขอกลาวหาไมตรงกับ
ความเปน จริง ทาํ ใหผ ูฟองคดไี มไดรับความเปนธรรม ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําส่ังเรียกพยานเอกสารเร่ืองรายงานของกลางหายและรายงานผลการตรวจสอบพบของกลางขาด
ของหัวหนาคลังของกลางที่ ๒ ซึ่งอยูในความครอบครองของผูถูกฟองคดีมาตรวจสอบขอเท็จจริง
เรียกพยานบุคคลที่เก่ียวของมาทําการไตสวน และใหพิจารณาพิพากษาวา ผูฟองคดีไดกระทํา
ความผิดตามท่ีกลาวหาหรือไม ถาไมไดกระทําความผิดก็ใหคืนสิทธิและทรัพยสินแกผูฟองคดี เห็นวา
ผฟู องคดีมีความประสงคจ ะใหศ าลพจิ ารณาวา คําส่ังของผูถูกฟองคดีตามคําส่ังลงวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๕
ท่ีสั่งใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกทางราชการ เปนเงินจํานวน ๑๑๗,๑๙๓.๔๕ บาท
เปนคําส่ังที่ไมชอบดวยกฎหมาย เนื่องจากผูฟองคดีไมไดปฏิบัติหนาท่ีดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง และขอใหศาลเพิกถอนคําส่ังดังกลาว แลวใหผูถูกฟองคดีคืนเงินหรือทรัพยสินใหแก
ผฟู องคดี โดยใหศาลเรียกพยานเอกสารและพยานบุคคลมาไตสวนเพื่อประกอบการพิจารณาคดีนี้
จึงเปนคดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๑) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ เมื่อขอเท็จจริง
ปรากฏวา หลังจากผูถูกฟองคดีไดมีคําสั่งลงวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ผูถูกฟองคดีไดแจงสิทธิอุทธรณ
คําสง่ั ดงั กลาวใหผ ฟู องคดที ราบ แตผูฟอ งคดีไมไ ดใ ชส ิทธอิ ทุ ธรณและไมไดใชสิทธิฟองคดีตอศาลปกครอง
รวมทั้งไมไดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกทางราชการตามคําสั่งดังกลาว ผูถูกฟองคดีจึงไดมีคําสั่ง
เรื่อง ใหอายัดทรัพยสินของเจาหนาท่ี ลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ และแจงไปยังธนาคาร อ. ใหอายัด
บัญชเี งินฝากของผฟู องคดี และไดม ีคําสัง่ และประกาศใหย ึดทรัพยส นิ ของผูฟองคดี โดยไดแจงสิทธิ
อุทธรณแ ละสิทธฟิ องคดตี อ ศาลใหผูฟองคดีทราบดวย ซ่ึงผูฟองคดีไดย่ืนคําอุทธรณตอผูถูกฟองคดี
และไดนําคดีมาฟองตอศาลปกครองช้ันตน ขอใหเพิกถอนคําส่ังและประกาศ รวมท้ังหนังสือที่เก่ียวของ
กับการอายัดและยึดทรัพยสินของผูฟองคดี และตอมาศาลปกครองช้ันตนไดมีคําสั่งไมรับคําฟอง
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๘
ไวพ ิจารณาโดยเหน็ วาผูฟอ งคดีย่ืนฟองคดีเมื่อพนระยะเวลาการฟองคดีแลว ผูฟองคดีไดยื่นคํารอง
อทุ ธรณคําส่งั ของศาลปกครองชนั้ ตน ตอมา ศาลปกครองสูงสุดไดม ีคาํ สงั่ ที่ ๕๐๘/๒๕๕๙ ยนื ตามคาํ สัง่
ศาลปกครองชน้ั ตนทีไ่ มรบั คําฟองไวพ ิจารณา ดังนั้น การท่ีผูฟองคดีนําคดีมาฟองเปนคดีน้ี ขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ โดยผูฟองคดีไมไดยื่นอุทธรณคําส่ัง
ดังกลาวมาต้ังแตตน จึงเปนกรณีที่ผูฟองคดีไมไดดําเนินการตามขั้นตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไข
ความเดือดรอนหรือเสียหายตามท่ีกฎหมายกําหนด ศาลจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดีตามคําขอ
ดังกลาวไวพิจารณาพิพากษาหรือมีคําสั่งไดตามนัยมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
สว นกรณที ่ผี ูฟ อ งคดมี ีคาํ ขอใหผ ูถกู ฟอ งคดีคนื เงินหรือทรัพยสนิ ใหแกผูฟองคดีนั้น ขอเท็จจริงปรากฏวา
ผูฟองคดีเคยย่ืนคํารองลงวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙ ตอผูถูกฟองคดี ขอใหพิจารณาคําสั่งทางปกครอง
ท่ีพนกําหนดอทุ ธรณใหม โดยผูฟองคดีเห็นวา มีพยานหลักฐานและขอเท็จจริงใหมเกี่ยวของโดยตรงกับ
กรณีท่ีของกลางขาดหายไป ซ่ึงผูฟองคดีไมเคยทราบมากอนโดยไมใชความผิดของผูฟองคดี
และผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ แจงผลการพิจารณาใหผูฟองคดีทราบวา
ขอ เท็จจรงิ และพยานหลกั ฐานท่ีผูฟองคดีกลาวอางไมใชพยานหลักฐานใหม กรณีไมเขาหลักเกณฑ
การขอใหพิจารณาคําสั่งทางปกครองใหม จึงไมรับพิจารณา ผูฟองคดีไดอุทธรณคําสั่งดังกลาว
แตไ มไดร ับแจง ผลการพิจารณาอทุ ธรณ จึงนาํ คดีมาฟองตอศาลปกครองชั้นตนเปนคดีหมายเลขดํา
ที่ ๑๘๕๙/๒๕๕๙ ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีรับพิจารณาอุทธรณคํารอง
ขอใหพ จิ ารณาคาํ สง่ั ทางปกครองทพ่ี น กําหนดอุทธรณใหม ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งใหรับคําฟอง
ไวพิจารณา ตอมา ในระหวางการพิจารณาของศาลปกครองชั้นตนคดีดังกลาว ผูฟองคดีไดยื่นคําฟอง
เพมิ่ เตมิ วา มีขอเท็จจริงที่เปล่ียนแปลงไปไมตรงกับขอเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคาํ สงั่ เพ่ิมเตมิ ซง่ึ ศาลปกครองชั้นตน พิจารณาแลวเห็นวา สาระคําฟองเพิ่มเติมและคําขอเพิ่มเติม
มีขอเท็จจริงเชนเดียวกับขอเท็จจริงในคําส่ังศาลปกครองสูงสุดท่ี ๕๐๘/๒๕๕๙ ซ่ึงถึงที่สุดแลว
ตามมาตรา ๗๓ วรรคส่ี แหง พ.ร.บ. จดั ตั้งศาลปกครองฯ โดยประเดน็ ขอ พพิ าทท่ขี อใหศาลวินิจฉัย
ยังคงเปนมูลเหตุเดียวกันกับคดีกอนซ่ึงถึงที่สุดไปแลว กรณีจึงเปนการท่ีคูกรณีเดียวกันฟองคดี
ในประเดน็ ทไ่ี ดว ินจิ ฉยั โดยอาศยั เหตุอยางเดียวกันซึ่งศาลไดมีคําส่ังชี้ขาดคดีถึงท่ีสุดแลว จึงถือเปน
ฟองซํ้า ตอ งหา มตามขอ ๙๗ แหงระเบยี บของที่ประชมุ ใหญฯ วา ดวยวิธีพจิ ารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓
ศาลปกครองช้ันตน จึงมีคาํ สั่งลงวนั ท่ี ๒๙ มนี าคม ๒๕๖๐ ไมรบั คําฟองเพิ่มเติมไวพิจารณา โดยผูฟองคดี
ไมไดยื่นคํารองอุทธรณคําสั่งศาลปกครองชั้นตนดังกลาวแตอยางใด ดังน้ัน การท่ีผูฟองคดีย่ืนฟอง
ผูถูกฟองคดีอีกคร้ังเปนคดีน้ี โดยขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังวาผูฟองคดีไดกระทําความผิด
ตามท่กี ลา วหาหรือไม ถาไมไดกระทําความผิดก็ใหคืนสิทธิและทรัพยสินใหแกผูฟองคดี โดยอาศัยเหตุ
แหง การฟอ งคดอี ยา งเดยี วกนั กบั คาํ ฟอ งในคดีศาลปกครองสูงสุดคําส่ังท่ี ๕๐๘/๒๕๕๙ และคําฟองเพ่ิมเติม
ในคดีหมายเลขดําที่ ๑๘๕๙/๒๕๕๙ ของศาลปกครองชั้นตน ท่ีศาลปกครองไดมีคําสั่งชี้ขาดคดี
ถึงที่สุดแลว จึงเปนกรณีท่ีคูกรณีเดียวกันฟองกันอีกในประเด็นที่ไดวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอยางเดียวกัน
อันเปนการฟอ งซํา้ ซงึ่ ตอ งหา มตามขอ ๙๗ แหงระเบียบดังกลาว ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟอง
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๙
ของผฟู อ งคดีไวพิจารณาได ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณา และใหจําหนายคดี
ออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดวย
จึงมคี ําสัง่ ยนื ตามคําสง่ั ของศาลปกครองช้ันตน
คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ. ๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เดิมผูฟองคดีดํารงตําแหนงพนักงานบัญชี สถานธนานุบาล
เทศบาลเมืองวารินชําราบ ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(ผูวาราชการจังหวัดอุบลราชธานี) มีคําสั่งจังหวัดอุบลราชธานี ลงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๑
เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนความรับผิดทางละเมิด กรณีการทุจริตการจําหนาย
ทรัพยหลุดจํานําของสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองวารินชําราบ ผูฟองคดีไมเห็นดวยจึงไดมีหนังสือ
อุทธรณคําส่ังดังกลาวตอผูถูกฟองคดี โดยผูถูกฟองคดีไดรับหนังสืออุทธรณดังกลาวในวันที่
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย) ยังไมพิจารณา
อุทธรณของผูฟองคดีใหแลวเสร็จภายใน ๖๐ วัน ผูฟองคดีเห็นวาคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ไมชอบดวยกฎหมาย สวนการกําหนดคาเสียหาย น้ัน เน่ืองจากความเสียหายคิดเปนเงินทั้งส้ิน
จํานวน ๓,๓๒๘,๙๙๕ บาท นาง ส. ไดชดใชคาเสียหายคืนแกเทศบาลวารินชําราบ เปนเงินจํานวน
๑,๖๒๓,๕๐๐.๖๙ บาท ความเสียหายจึงคงเหลือเปนเงินจํานวน ๑,๗๐๕,๔๙๔.๓๑ บาท
การที่คณะกรรมการสอบความรับผิดทางละเมิดยังคงใหเจาหนาท่ีรับผิดทางละเมิดเปนเงินทั้งส้ิน
๓,๓๒๘,๙๙๕ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ัง
เพิกถอนคําส่ังจังหวัดอุบลราชธานี เร่ือง เรียกใหเจาหนาท่ีชดใชคาสินไหมทดแทนความรับผิด
ทางละเมดิ กรณีการทุจริตการจาํ หนายทรัพยหลุดจํานําของสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองวารินชําราบ
ลงวันท่ี ๑๘ เมษายน ๒๕๖๑ ใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ พิจารณาอุทธรณภายในระยะเวลาที่กฎหมาย
กาํ หนด และเพกิ ถอนหนงั สอื จงั หวัดอุบลราชธานี เรื่อง การสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี กรณีการทุจริตการจําหนายทรัพยหลุดจํานําของสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองวารินชําราบ
ลงวันท่ี ๑๘ เมษายน ๒๕๖๑ เห็นวา กรณีเปนคดีพิพาทตามนัยมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๑) และ (๒)
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ เมื่อผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังจังหวัดอุบลราชธานี ลงวันท่ี
๑๘ เมษายน ๒๕๖๑ ดังกลาว ผูฟองคดีจึงไดใชสิทธิอุทธรณตามนัยมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับคําอุทธรณ
ของผูฟองคดีเม่ือวันท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ซ่ึงตามมาตรา ๔๕ วรรคหน่ึงและวรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ไดกําหนดใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ในฐานะเปนเจาหนาท่ีผูทําคําส่ัง
ทางปกครอง และผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ในฐานะเปนผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณตามขอ ๒ (๑๑)
ของกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความใน พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ จะตองพิจารณาอุทธรณใหแลวเสร็จภายในหกสิบวันนับแตวันท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
ในฐานะเจา หนา ทผ่ี ทู ําคําสั่งทางปกครองไดรับคําอุทธรณ คือ จะตองพิจารณาอุทธรณใหแลวเสร็จ
ภายในวนั ท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และหากมีเหตุจําเปนไมอาจพิจารณาใหแลวเสร็จภายในกําหนด
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๐
ระยะเวลาดังกลาว ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งเปนผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณตองมีหนังสือแจงให
ผูอุทธรณทราบกอนครบกําหนดหกสิบวัน ระยะเวลาการพิจารณาอุทธรณจึงจะขยายออกไปอีก
สามสิบวันนับแตวันท่ีครบหกสิบวัน และเมื่อไมปรากฏขอเท็จจริงวา ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดมีการขยาย
ระยะเวลาการพิจารณาอุทธรณคําสั่งทางปกครองดังกลาว กรณีจึงตองถือวาวันที่ครบหกสิบวัน คือ
วันท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เปนวันท่ีผูฟองคดีไดดําเนินการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหาย
ครบตามขั้นตอนหรือวิธีการท่ีกฎหมายกําหนดไวแลวและสามารถใชสิทธิฟองคดีไดตามมาตรา ๔๒
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยถือวาวันถัดจากวันท่ีครบกําหนดหกสิบวัน คือ
วนั ท่ี ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เปน วันท่ีผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีและนับเปนวันแรก
ท่ีเร่ิมใชสิทธิฟองคดีขอใหศาลเพิกถอนคําสั่งจังหวัดอุบลราชธานี เรื่อง เรียกใหเจาหนาที่ชดใช
คาสินไหมทดแทนความรับผิดทางละเมิด กรณีการทุจริตการจําหนายทรัพยหลุดจํานําของ
สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองวารินชําราบ ลงวันท่ี ๑๘ เมษายน ๒๕๖๑ ซ่ึงตองยื่นฟองภายใน
เกาสิบวันนับแตวันดังกลาว คือ ภายในวันท่ี ๗ ตุลาคม ๒๕๖๑ แตวันดังกลาวเปนวันอาทิตยซ่ึงเปน
วันหยุดทําการ ผูฟองคดีจึงตองนําคดีมาฟองตอศาลปกครองภายในวันจันทรที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑
ซ่งึ เปน วันทําการใหมต อ จากวันหยดุ ทําการน้ัน ตามนัยมาตรา ๑๙๓/๘ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย การที่ผูฟองคดีนําคดีมาย่ืนฟองขอใหศาลเพิกถอนคําสั่งดังกลาวเมื่อวันท่ี
๒๖ เมษายน ๒๕๖๒ จึงเปนการย่ืนฟองเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๔๙
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ สวนกรณีที่ผูฟองคดีมีคําขอใหเพิกถอนหนังสือจังหวัด
อุบลราชธานี เรื่อง การสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี กรณีการทุจริต
การจําหนายทรัพยหลุดจํานําของของสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองวารินชําราบ ลงวันท่ี
๑๘ เมษายน ๒๕๖๑ น้ัน หนังสือดังกลาวเปนเพียงหนังสือแจงคําสั่งเรียกใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชในมูลละเมิดและแจงสิทธิอุทธรณคําส่ังดังกลาวเทานั้น มิใชคําส่ังทางปกครอง
ท่ีมีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาท่ีของผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงไมไดรับความเดือดรอน
หรือเสียหายจากหนังสือดังกลาวที่จะมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง
แหงพระราชบญั ญตั ิเดยี วกนั ทศี่ าลปกครองชน้ั ตนมคี ําสัง่ ไมร ับคําฟอ งนไี้ วพจิ ารณาและใหจําหนาย
คดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พอ งดวย
จงึ มีคําสง่ั ยนื ตามคําสง่ั ของศาลปกครองชัน้ ตน
คําส่งั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ. ๑๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเคยดํารงตําแหนงเจาพนักงานการคลัง สังกัดองคการ
บริหารสวนจังหวัดพะเยา ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑
(นายกองคการบริหารสวนจังหวัดพะเยา) ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนใหกับทางราชการ กรณีการเบิกจายเงินเปนคาใชจายในโครงการแขงขัน
กีฬาทองถ่ินสัมพันธรวมพลังไทยขจัดภัยยาเสพติด ป ๒๕๕๔ โดยขณะที่ผูฟองคดีดํารงตําแหนง
ดังกลาว ผูฟองคดีไดลงนามในฐานะผูตรวจสอบเอกสารประกอบฎีกาเบิกเงินจายเปนคาเล้ียง
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๑
รับรองอาหารเย็น การแขงขันกีฬาทองถ่ินสัมพันธรวมพลังไทยขจัดภัยยาเสพติด ป ๒๕๕๔
จํานวน ๑,๒๐๐ คน โดยรับรองวา ไดตรวจสอบเอกสารประกอบฎีกาครบถวนถูกตองแลว ตอมา
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดออกคําส่ังแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
และตอมา ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหกับ
องคการบริหารสวนจังหวัดพะเยา เปนเงิน ๑๘,๐๐๐ บาท ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ อุทธรณคําสั่งตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (ผูวาราชการ
จังหวัดพะเยา) ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ แจงผูฟองคดีทราบการขยายระยะเวลา
การพิจารณาอุทธรณ จากน้ันผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
แจง ผลการพิจารณาอุทธรณ โดยวินิจฉยั ยกอุทธรณของผฟู อ งคดี ผูฟองคดีไมเห็นดวย จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมคี าํ พพิ ากษาหรอื คาํ สั่งเพิกถอนคาํ ส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑
และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ เห็นวา เม่ือผูฟองคดีฟองวา องคการบริหาร
สวนจงั หวดั พะเยาโดยผูถกู ฟองคดที ่ี ๑ มคี าํ สั่งลงวนั ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ เรียกใหผูฟองคดีชดใช
คา สนิ ไหมทดแทนใหกบั องคการบรหิ ารสวนจังหวัดพะเยา ผูถ ูกฟอ งคดีท่ี ๒ มีคําวินิจฉัยยกอุทธรณ
ของผูฟองคดี โดยไมชอบดวยกฎหมาย ขอใหศาลเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และ
คําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดังกลาว กรณีจึงเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการที่หนวยงาน
ทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐออกคําส่ังโดยไมชอบดวยกฎหมาย ซึ่งอยูในอํานาจพิจารณา
พิพากษาของศาลตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๑) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ แตโดยท่ี พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ไมไดบัญญัติขั้นตอนและวิธีการในการใชสิทธิ
อุทธรณคําส่ังใหชดใชเงินซ่ึงเปนคําสั่งทางปกครองไวเปนการเฉพาะ ผูฟองคดีจึงตองใชสิทธิ
อุทธรณตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง และ
วรรคสอง ซึ่งระยะเวลาในการพิจารณาอุทธรณคําสั่งทางปกครองมีกําหนดระยะเวลาไมเกินหกสิบวัน
นับแตวันที่เจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครองไดรับคําอุทธรณ หากมีเหตุจําเปนไมอาจพิจารณา
ใหแลวเสร็จภายในกําหนดระยะเวลาดังกลาวได ผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณตองมีหนังสือแจงให
ผูอทุ ธรณท ราบกอนครบกําหนดหกสิบวัน ระยะเวลาพิจารณาอุทธรณจึงจะขยายออกไปอีกไมเกิน
สามสิบวันนับแตวันท่ีครบกําหนดหกสิบวัน ดังน้ัน ในกรณีท่ีผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณ
ไดมีหนังสือแจงเหตุจําเปนตองขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณใหผูอุทธรณทราบกอนครบหกสิบวัน
นบั แตวนั ทเ่ี จา หนาท่ีผูทําคําสั่งทางปกครองไดรับคําอุทธรณ ตองถือวาวันที่ครบเกาสิบวันดังกลาว
เปนวันท่ีผูอุทธรณไดดําเนินการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายครบตามข้ันตอนหรือวิธีการท่ี
กฎหมายกําหนดไวแลว และสามารถใชสิทธิฟองคดีไดตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยถือวาวันถัดจากวันครบกําหนดเกาสิบวัน คือ วันที่เกาสิบเอ็ดเปนวันท่ี
ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี และนับเปนวันแรกที่เริ่มใชสิทธิฟองคดีไดตามมาตรา ๔๙
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน เมื่อไมปรากฏวา ผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑
ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหกับทางราชการในวันใด แตผูฟองคด/ีแไลดะวมิธีีพหิจนารังณสา.ื.อ.
ลงวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ อุทธรณคําส่ังดังกลาวตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซึ่งเปนเจาหนาที่ผูทําคําส่ัง
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๒
ทางปกครอง และขอเท็จจริงปรากฏในเอกสารประกอบการแจงผลการพิจารณาอุทธรณคําส่ัง
ทางปกครองของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ วาผูฟองคดีย่ืนอุทธรณภายในกําหนดระยะเวลา จึงรับอุทธรณ
ไวพิจารณา กรณีจึงตองถือวาผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนอยางชาที่สุด
ในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ และผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับคําอุทธรณของผูฟองคดีในวันเดียวกัน
แตผูถูกฟองคดีท่ี ๑ พิจารณาแลวไมเห็นดวยกับอุทธรณของผูฟองคดีดังกลาวจึงไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ รายงานความเห็นตอผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๒ ในฐานะผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณ
ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๒ พิจารณาแลวเห็นวาระยะเวลาในการพิจารณาอุทธรณไมเพียงพอ
จึงมีหนังสือลงวันท่ี ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ แจงเหตุจําเปนตองขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณ
ออกไปอีก ๓๐ วัน นับแตวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ ใหผูฟองคดีทราบ ดังน้ัน ระยะเวลาในการ
พิจารณาอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงขยายออกไปตามที่บัญญัติไวในมาตรา ๔๕ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ กรณีจึงครบกําหนดระยะเวลาท่ี
ผูถ ูกฟอ งคดีที่ ๒ จะตอ งพจิ ารณาอุทธรณใหแลว เสร็จภายในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และถือวาวัน
ดังกลาวเปนวันที่ผูฟองคดีไดดําเนินการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายครบตามขั้นตอน
หรือวิธีการที่กฎหมายกําหนดไวแลว และสามารถใชสิทธิฟองคดีไดตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ โดยถือวาวันถัดจากวันครบกําหนดดังกลาว คือ วันท่ี
๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เปนวันที่ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี และนับเปนวันแรก
ที่เรมิ่ ใชส ทิ ธิฟอ งคดขี อใหศาลเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนใหกับทางราชการ ซ่ึงตองยื่นฟองภายในเกาสิบวันนับแตวันดังกลาว คือ ภายใน
วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ โดยไมตองรอคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ซึ่งเปนผูมีอํานาจ
พิจารณาอุทธรณอีกตอไป การท่ีผูฟองคดีนําคดีมาย่ืนฟองตอศาลขอใหเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี
๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหกับทางราชการ เมื่อวันที่
๗ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ จึงเปนการยื่นฟองเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๔๙
แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว และคําฟองนี้เปนการฟองคดีเพ่ือประโยชนสวนตัวของผูฟองคดี
เทานั้น รวมท้ังมิไดมีเหตุจําเปนอ่ืนที่ศาลจะรับคําฟองนี้ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ประกอบกับขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ
วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองในขอหา
ท่ฟี อ งขอใหเ พิกถอนคาํ สั่งของผูถกู ฟองคดีที่ ๑ ตามคาํ ส่งั ลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ ไวพิจารณา
น้ัน ศาลปกครองสูงสุดเห็นพอ งดว ย
จงึ มคี าํ สั่งยืนตามคําสั่งของศาลปกครองชนั้ ตน
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๑๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนจากการท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
(นายกองคการบรหิ ารสวนจงั หวัดพะเยา) ไดมีคําสั่งลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ เรียกใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแกอ งคก ารบริหารสวนจังหวัดพะเยา เปนเงินจาํ นวน ๒๓,๔๓๗.๕๐ บาท
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๓
ตามผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบขอ เท็จจรงิ ความรบั ผิดทางละเมิดท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แตงต้ัง
ซึง่ มคี วามเหน็ วา ผูฟองคดีกระทําโดยจงใจไมปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยวาดวยการรับเงิน
การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงินและการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน
พ.ศ. ๒๕๔๗ ประกอบกับระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วาดวยคาใชจายในการฝกอบรมขององคกรปกครอง
สวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๙ ใหผูฟองคดีรวมรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในกลุมการเบิกจายเงิน
ซึ่งมีผตู องรบั ผดิ ในกลุมนี้จํานวน ๔ คน รบั ผิดในอตั รารอ ยละ ๓๐ ของคาเสยี หายจํานวน ๓๑๒,๕๐๐ บาท
เปนเงินคนละ ๒๓,๔๓๗.๕๐ บาท ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีคําสั่งลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑
แกไขเพิม่ เติมคําสั่งลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ เปลี่ยนแปลงจํานวนความรับผิด เปนใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน เปนเงินจํานวน ๓๑,๒๕๐ บาท ตามผลการพิจารณาของกระทรวงการคลัง
ซึ่งมีความเห็นวา ผูฟองคดีไมปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ พฤติการณถือเปน
การกระทําโดยประมาทเลินเลอ อยางรา ยแรง จึงใหผ ูฟองคดีและนาย จ. รับผิดในอัตรารอยละ ๒๐
ของความเสียหายจํานวน ๓๑๒,๕๐๐ บาท เปนเงินจํานวน ๖๒,๕๐๐ บาท โดยใหรับผิดคนละสวนเทาๆ กัน
คิดเปนเงินคนละ ๓๑,๒๕๐ บาท ผูฟองคดีไดม หี นังสือลงวันท่ี ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ อุทธรณคําสั่ง
ลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ และหนังสือลงวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ อุทธรณคําสั่งลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ตอผถู ูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งผูถูกฟองคดีที่ ๑ พิจารณาแลวยืนยันความเห็นเดิม
และสงคําอุทธรณของผูฟองคดีใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดพะเยา) พิจารณา ตอมา
ผูถกู ฟองคดีท่ี ๒ ไดมหี นังสือจงั หวดั พะเยา ลงวนั ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ถึงผูฟองคดี แจงขยายระยะเวลา
การพิจารณาอุทธรณออกไปอีก ๓๐ วัน นับแตวันท่ี ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ จากนั้น ไดมีหนังสือ
จังหวดั พะเยา ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ แจงผลการพิจารณายกอุทธรณใหผูฟองคดีทราบทางไปรษณีย
ลงทะเบียนเมื่อวันท่ี ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ผูฟองคดีเห็นวาคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และคําวินิจฉัย
อุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําส่ังลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ ซึ่งไดแกไขเพ่ิมเติมโดยคําสั่งลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑
และเพิกถอนผลการพิจารณาอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือจังหวัดพะเยา ลงวันท่ี
๑๗ ธนั วาคม ๒๕๖๑ เฉพาะสวนของผูฟองคดี เห็นวา กรณีเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการท่ีหนวยงาน
ทางปกครองหรอื เจาหนา ท่ขี องรัฐออกคาํ สงั่ โดยไมช อบดว ยกฎหมาย ซึ่งอยใู นอาํ นาจพิจารณาพิพากษา
ของศาลตามมาตรา ๙ วรรคหน่งึ (๑) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ผูฟองคดีเปนผูอยูในบังคับ
ของคาํ สั่งดงั กลาว จึงเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายอันเน่ืองจากการกระทําของผูถูกฟองคดีทั้งสอง
และการแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอนหรือเสียหายของผูฟองคดี โดยขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคาํ ส่ังเพิกถอนคาํ สั่งที่เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนและเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณ
เปนคําขอท่ีศาลมีอํานาจกําหนดคําบังคับใหได ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครอง
ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน คดีน้ีภายหลังจากที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหกับองคการบริหาร
สวนจังหวัดพะเยา เปนเงินจํานวน ๒๓,๔๓๗.๕๐ บาท แลว ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีคําส่ังลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ แกไขเปลี่ยนแปลงจํานวนคาสินไหมทดแทนโดยใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๔
คา สนิ ไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนเงินจํานวน ๓๑,๒๕๐ บาท กรณีจึงถือไดวาคําส่ังลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เปนคําส่ังใหมที่ออกมาแทนที่คําส่ังลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ ซ่ึงเปนคําสั่งเดิม
แมไมปรากฏขอเท็จจริงวาผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ ท่ีใหผูฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนใหกับองคการบริหารสวนจังหวัดพะเยา เปนเงินจํานวน ๒๓,๔๓๗.๕๐ บาท
และคําสั่งลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เมื่อใด แตการที่ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑
อุทธรณคําส่ังลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ท่ีแกไขเปล่ียนแปลงจํานวนคาสินไหมทดแทนตามคําส่ัง
ลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ กรณีจึงถือไดวาผูฟองคดีไดรับแจงคําสั่งลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑
อยางชาสุดในวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ และผูฟองคดียื่นอุทธรณคําสั่งภายในระยะเวลาสิบหาวัน
นับแตวันทีไ่ ดร บั แจง คําส่ัง เมอ่ื คดนี ไ้ี มปรากฏขอเท็จจริงวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับหนังสืออุทธรณ
ของผูฟองคดีดังกลาวเม่ือใด และผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดรับรายงานความเห็นพรอมเหตุผลจาก
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ที่ไมเห็นดวยกับคําอุทธรณของผูฟองคดีเมื่อใด แตเมื่อพิจารณาวันที่ที่ผูฟองคดี
มีหนังสืออุทธรณคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ คือ วันท่ี ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ และวันท่ีท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ไดม ีหนงั สือจังหวัดพะเยา ลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ แจงการขยายระยะเวลาการพิจารณาอุทธรณ
ใหผูฟองคดีทราบ โดยระบุวาอาศัยอํานาจตามมาตรา ๔๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ขยายระยะเวลาการพิจารณาอุทธรณออกไปอีก ๓๐ วัน นับแตวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๑
เปน ตนไป จึงเห็นไดวา ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดแจงใหผูฟองคดีทราบแลววาจะพิจารณาอุทธรณของผูฟองคดี
ใหเสร็จภายในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ กรณีจึงตองถือวาวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เปนวันที่
ผูฟองคดีไดดําเนินการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายครบตามข้ันตอนหรือวิธีการที่กฎหมาย
กําหนดไวแลว และสามารถใชสิทธิฟองคดีไดตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
โดยถือวาวันถัดจากวันครบกําหนดดังกลาว คือวันท่ี ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เปนวันที่ผูฟองคดีรู
หรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี และนับเปนวันแรกท่ีเริ่มใชสิทธิฟองคดีขอใหเพิกถอนคําส่ังของ
ผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๑ ดงั กลา ว โดยตอ งย่ืนฟอ งภายในระยะเวลาเกา สบิ วนั นับแตวันดังกลาว คือ ภายใน
วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน โดยไมตองรอคําวินิจฉัย
อุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดังน้ัน การท่ีผูฟองคดีนําคดีมาฟองขอใหศาลเพิกถอนคําส่ังของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ดังกลาวโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนเมื่อวันท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๒ จึงเปน
การย่ืนฟอ งเมื่อพนกาํ หนดระยะเวลาการฟอ งคดีตามมาตรา ๔๙ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ศาลจึงไมอาจรับคาํ ฟอ งในขอหาที่ผฟู องคดีมคี าํ ขอใหเ พิกถอนคาํ สั่งของผูถ กู ฟองคดีท่ี ๑ ตามคําสั่ง
ลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ และคําสั่งลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ที่ใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนใหกับองคการบริหารสวนจังหวัดพะเยา เปนเงินจํานวน ๓๑,๒๕๐ บาท ไวพิจารณาได
แมตอมาผูถกู ฟอ งคดที ี่ ๒ จะไดวนิ ิจฉยั อุทธรณของผูฟ อ งคดี และไดแจงผลการพจิ ารณาอุทธรณให
ผูฟองคดีทราบตามหนังสือจังหวัดพะเยา ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑ พรอมท้ังแจงสิทธิการฟองคดี
ตอศาลปกครองภายในเกาสิบวันนับแตวันท่ีไดรับแจงคําวินิจฉัยอุทธรณใหผูฟองคดีทราบดวยก็ตาม
แตการดังกลาวก็ไมเปนเหตุใหวันเริ่มนับระยะเวลาการฟองคดีเพ่ือขอใหศาลเพิกถอนคําส่ังของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตองขยายออกไปเปนวันท่ีผูฟองคดีไดรับแจงผลคําวินิจฉัยอุทธรณของ
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๕
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ แตอยางใด ท้ังคําฟองขอหานี้เปนการฟองคดีเพ่ือประโยชนสวนตัวของผูฟองคดี
เทานั้น มิใชการฟองคดีท่ีเก่ียวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคลที่จะย่ืนฟองคดี
เม่ือใดก็ได รวมท้ังการฟองคดีมิไดเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอ่ืนท่ีศาลจะรับคําฟองน้ี
ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ประกอบกับขอ ๓๐ วรรคสอง
แหง ระเบียบของท่ปี ระชุมใหญฯ วาดวยวธิ พี ิจารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่ีศาลปกครองชั้นตน
มีคาํ สง่ั ไมร บั คําฟองในสวนของคําขอทายฟองของผูฟองคดีท่ีขอใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ตามคําส่ังลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ และคําสั่งลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ที่ใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกองคการบริหารสวนจังหวัดพะเยา เปนเงินจํานวน ๓๑,๒๕๐ บาท
ไวพ จิ ารณา น้นั ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดวยในผล
จึงมคี ําส่ังยืนตามคําสงั่ ของศาลปกครองชั้นตน
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๒๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เดิมผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนตําบล
หวยเหนือ ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ (นายกองคการบริหาร
สวนตําบลหวยเหนือ) ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนใหกับผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (องคการบริหารสวนตําบลหวยเหนือ) รวมเปนเงินท้ังสิ้น
๑,๗๒๖,๒๒๔ บาท กรณีท่ีผูฟองคดีขณะดํารงตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนตําบลหวยเหนือ
ถูกกลาวหาวาไดรวมกันทุจริตเก่ียวกับการดําเนินโครงการในงบลงทุนที่ดินและส่ิงปลูกสราง
ตามขอบัญญัติงบประมาณรายจายประจําป พ.ศ. ๒๕๕๘ และงบประมาณที่ใชจายจากเงินสะสม
ของผูถูกฟองคดีที่ ๒ จํานวน ๕ โครงการ โดยดําเนินการเบิกจายเงินคาจางใหแกผูรับจาง
ท้ังท่ียังไมไดดําเนินการกอสรางตามโครงการ จํานวน ๔ โครงการ และดําเนินการเบิกจายเงิน
คาจางใหแกผูรับจางโดยที่งานกอสรางยังไมเสร็จเรียบรอยอีกจํานวน ๑ โครงการ เปนเหตุให
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดรับความเสียหายเปนเงินจํานวน ๔,๔๖๔,๘๐๐ บาท ผูถูกฟองคดีทั้งสอง
ไมแจงคําสั่งดังกลาวใหผูฟองคดีทราบ ไมแจงสิทธิรองทุกขหรือฟองคดีตอศาลปกครอง ตอมา
เม่ือวันท่ี ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ ผูฟองคดีไดทราบโดยบังเอิญจากการที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ แจงตอ
ศาลปกครองอุบลราชธานี ในคดีหมายเลขดําท่ี บ. ๘๓/๒๕๖๑ วา ผูถูกฟองคดีที่ ๑
มีคําส่ังดังกลาว โดยมีหนังสือลงวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ แจงคําสั่งเรียกใหชดใชเงินดังกลาว
ใหผูฟองคดีทราบ และมีหนังสือลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ แจงใหผูฟองคดีชดใช
คา สินไหมทดแทนอีกครงั้ หนึง่ หากไมช าํ ระภายในเวลาท่ีกําหนดจะใชมาตรการบังคับทางปกครอง
กับผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ อุทธรณคําส่ังใหชดใชเงิน
ตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ พิจารณาแลวมีหนังสือลงวันท่ี ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒
แจงคําส่ังไมรับอทุ ธรณข องผฟู อ งคดีไวพจิ ารณา เนอ่ื งจากผูฟองคดีย่ืนอุทธรณคําส่ังเม่ือพนกําหนด
ระยะเวลาอทุ ธรณ ผูฟอ งคดเี หน็ วาไมไ ดร บั ความเปนธรรม จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําส่ังเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๖
ใหก บั ผถู ูกฟองคดีที่ ๒ และใหเ พกิ ถอนหนังสือลงวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ เรื่อง แจงคําส่ังใหชดใช
คาสินไหมทดแทนใหกับผูถูกฟองคดีที่ ๒ เนื่องจากการกระทําละเมิดตอหนวยงานของรัฐ และ
เพิกถอนหนังสือลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เรื่อง แจงใหชดใชคาสินไหมทดแทนให
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีวันละ ๕๐๐ บาท ตั้งแตวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒
จนถึงวันฟองคดี รวมเปนเงินจํานวน ๓๓,๐๐๐ บาท และนับแตวันถัดจากวันฟองจนถึงวันที่
หยุดการกระทําละเมิด พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป จนกวาจะชําระเสร็จ เห็นวา
คดีนี้เปนคดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
โดยคําสงั่ ลงวันท่ี ๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ ทเ่ี รยี กใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนนั้น ออกโดยอาศัยอํานาจ
ตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ซ่ึงเปนการใชอํานาจ
ตามกฎหมายของเจาหนาท่ีท่ีมีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาที่ของผูฟองคดี
จึงเปนคําส่ังทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
และผูฟองคดีเปนคูกรณีในคําส่ังทางปกครองดังกลาว ผูฟองคดีจึงอยูในบังคับท่ีจะตองอุทธรณ
คําสั่งภายในสิบหาวันนับแตวันไดรับแจงคําสั่งดังกลาว ตามนัยมาตรา ๓ ประกอบมาตรา ๔๔
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน เพื่อแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายกอนนําคดีมาฟองตอศาล
ตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยขอเท็จจริงปรากฏวาภายหลัง
จากท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คา สินไหมทดแทนใหกับผูถูกฟองคดีที่ ๒ ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑
แจง คําสั่งทางปกครองดงั กลาวและแจงสิทธิการอทุ ธรณโ ตแยง คาํ สัง่ ภายในสบิ หาวันนับแตวันไดรับ
แจงคําสั่งใหผูฟองคดีทราบทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับไปยังภูมิลําเนาของผูฟองคดีที่แจงไว
กับผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และปรากฏในใบตอบรับของไปรษณียวา มีผูลงลายมือชื่อเปนผูรับ
โดยมีความเกี่ยวพันเปนหลานของผูฟองคดีเมื่อวันท่ี ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ แตผูฟองคดีไดโตแยง
มาในคํารองอุทธรณวา ผูฟองคดีไมมีหลานอยูในจังหวัดศรีสะเกษและไมทราบวาผูที่ลงลายมือชื่อ
เปนผูรับหนังสือดังกลาวเปนผูใด การแจงคําส่ังดังกลาวใหแกผูฟองคดีเปนความบกพรอง
ของพนักงานไปรษณีย อยางไรก็ดี ผูฟองคดีไดยอมรับมาในคําฟองวาผูฟองคดีไดรับทราบคําสั่ง
เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหกับผูถูกฟองคดีท่ี ๒ โดยบังเอิญเมื่อวันท่ี
๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ จึงถือไดวาผูฟองคดีไดรับแจงคําสั่งดังกลาวอยางชาท่ีสุดเม่ือวันท่ี
๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งในกรณีน้ีผูฟองคดีตองอุทธรณโตแยงคําสั่งตอผูฟองคดีที่ ๑ ภายใน
สิบหาวันนับแตวันดังกลาว คือ วันที่ ๕ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ เม่ือผูฟองคดีมีหนังสือลงวันที่
๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ย่ืนอุทธรณคําสั่งตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงเปนการย่ืนอุทธรณเม่ือพนกําหนด
ระยะเวลาอุทธรณแลว กรณีจึงถือวา ผูฟองคดีไมไดดําเนินการตามข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับ
การแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายตามที่กฎหมายกําหนดกอนนําคดีมาฟองตอศาล
ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองในสวนที่ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๒ สิงหาคม ๒๕๖๑
เร่ือง เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหกับผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไวพิจารณาได
ตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ และไมอาจรับคําฟองในสวนท่ี
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๗
ฟองขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาเสียหายจากการกระทําละเมิดอันเกิดจากคําสั่งทางปกครอง
ดังกลาวไดเชนกัน สวนกรณีหนังสือลงวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ เรื่อง แจงคําส่ังใหชดใชคาสินไหม
ทดแทนใหกับผูถูกฟองคดีที่ ๒ เน่ืองจากกระทําละเมิดตอหนวยงานของรัฐ และหนังสือลงวันที่
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เรื่อง แจงใหชดใชคาสินไหมทดแทน น้ัน หนังสือทั้งสองฉบับดังกลาว
เปน เพียงการแจงคําสั่งลงวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ เร่ือง เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหกับผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ใหผูฟองคดีทราบ และแจงเตือนใหผูฟองคดีปฏิบัติตามคําสั่งทางปกครอง
ดังกลาวเทาน้ัน ไมไดมีผลเปนการกระทบสิทธิหรือหนาที่ของผูฟองคดีแตอยางใด ผูฟองคดีจึงไมใช
ผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายหรืออาจจะไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจ
หลีกเล่ียงไดอันเนื่องมาจากหนังสือทั้งสองฉบับดังกลาว ผูฟองคดีจึงไมมีสิทธิฟองขอใหเพิกถอน
หนังสือท้ังสองฉบับดังกลาว ทั้งน้ี ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
และคืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผ ูฟอ งคดี น้นั ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พองดว ย
จงึ มคี ําสงั่ ยืนตามคาํ ส่ังของศาลปกครองช้นั ตน
คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๕๐/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนพนักงานเทศบาล สังกัดผูถูกฟองคดีที่ ๑ (เทศบาล
ตําบลศาลายา) ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๑
กันยายน ๒๕๖๐ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน จํานวน ๗๑,๙๑๘.๔๐ บาท กรณีที่
สํานักงานการตรวจเงินแผนดินไดเขาตรวจสอบงบการเงิน แลวพบวานาง อ. เจาหนาท่ีจัดเก็บ
รายได จัดเก็บเงินคาภาษีปาย คาภาษีโรงเรือนและที่ดิน แลวไมนําสงผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท้ังจํานวน
หรอื นาํ สง ต่าํ กวา จํานวนทีร่ บั จรงิ อันเปน การทุจริตตอหนาท่ีราชการ ความเสียหายเปนเงินจํานวน
๕๙๑,๗๔๓ บาท ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําสั่งลงวันท่ี ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ ใหนาง อ.
และผูบังคับบัญชาท่ีเก่ียวของตามลําดับรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน โดยผูฟองคดีตองชดใช
คาสินไหมทดแทนจํานวน ๕,๖๗๐.๖๔ บาท เนื่องจากเปนผูบังคับบัญชาของนาง อ. ทั้งน้ี
ผฟู องคดีไดช ดใชเ งินจํานวน ๕,๖๗๐.๖๔ บาท แลว เพอื่ ใหประเด็นดังกลาวยุติ ตอมา ผูถูกฟองคดี
ท่ี ๑ ไดรับหนังสือแจงผลการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (นายกเทศมนตรีตําบลศาลายา) จึงมีคําสั่งลงวันท่ี ๑ กันยายน ๒๕๖๐ แกไข
คําสัง่ ลงวนั ท่ี ๒๗ ธนั วาคม ๒๕๕๓ ใหผ ฟู อ งคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๗๑,๙๑๘.๔๐ บาท
ตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง ผูฟองคดีเห็นวาคําส่ังดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย จึงมีหนังสือ
ลงวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ และลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ อุทธรณตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ซ่ึงผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๐ แจงผลการพิจารณาอุทธรณวา
ใหยกอุทธรณ และไดจัดสงคําอุทธรณของผูฟองคดีไปใหผูวาราชการจังหวัดนครปฐมพิจารณา
ตอไป แตผูวาราชการจังหวัดนครปฐมยังพิจารณาอุทธรณไมแลวเสร็จ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหเพิกถอนคําส่ังเทศบาลตําบลศาลายา ลงวันท่ี ๑ กันยายน
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๘
๒๕๖๐ และคําสั่งอ่ืนท่ีใหผูฟองคดีตองชดใชคาสินไหมทดแทน และขอใหศาลกําหนดมาตรการ
หรือวิธีการใดๆ เพื่อบรรเทาทุกขใหแกผูฟองคดีกอนการพิพากษาคดี โดยขอใหศาลมีคําสั่งให
ผูถูกฟองคดที งั้ สองระงับการบังคบั ใหใ ชคาสินไหมทดแทนตามคาํ สัง่ เทศบาลตําบลศาลายา ลงวันที่
๑ กนั ยายน ๒๕๖๐ เหน็ วา กรณีเปน คดพี ิพาทเก่ยี วกับการที่หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ี
ของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหง พ.ร.บ. จัดต้ัง
ศาลปกครองฯ และศาลมีอํานาจกําหนดคําบังคับใหเพิกถอนคําส่ังดังกลาวทั้งหมดหรือบางสวนได
ตามมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๑) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว แตเมื่อปรากฏวา ผูวาราชการจังหวัด
นครปฐมไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๒ มกราคม ๒๕๖๑ แจงผลการพิจารณาอุทธรณถึงผูฟองคดี
และหนังสือลงวันท่ี ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ท่ีแจงตอนายอําเภอพุทธมณฑล สรุปความไดวา
คําสั่งเทศบาลตําบลศาลายา ลงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๐ ขาดอายุความสิทธิเรียกรอง คําส่ัง
ดังกลาวจึงเสยี ไปท้งั หมด ตอ งบงั คบั ตามคาํ สั่งเทศบาลตาํ บลศาลายา ลงวันท่ี ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๓
และใหผ ถู ูกฟองคดีท่ี ๑ ดาํ เนนิ การหาตวั ผตู อ งรับผิดท่ที ําใหสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนไมอาจ
เรียกรองไดเพราะขาดอายุความ ดังน้ัน คําวินิจฉัยอุทธรณของผูวาราชการจังหวัดนครปฐม
ดังกลาว จึงเปนกรณีที่ผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณไดมีคําวินิจฉัยใหเพิกถอนคําส่ังเทศบาลตําบล
ศาลายา ลงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๐ อันเปนคําส่ังพิพาทในคดีนี้แลว เหตุแหงการฟองคดีนี้
ตามคําสั่งเทศบาลตําบลศาลายา ลงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๐ จึงหมดสิ้นไป ศาลจึงไมจําตอง
พจิ ารณาพิพากษาคดีเพอ่ื กําหนดคําบังคับใหเพิกถอนคําส่ังดังกลาวตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑)
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาหนังสือลงวันท่ี ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๐
ซ่ึงเปนหนังสือแจงผลคําวินิจฉัยอุทธรณของผูวาราชการจังหวัดนครปฐม โดยขอความตอนทาย
ของหนังสือดังกลา วไดมีคําสั่งใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ดําเนินการแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดเพื่อหาตัวผูตองรับผิดในกรณีที่ทําใหสิทธิเรียกรองขาดอายุความ
เพื่อมิใหเกิดความเสียหายแกทางราชการ ยอมมีความหมายวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไมอาจเรียกให
เจาหนาที่ในสังกัดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เชน ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนไดครบจํานวน
ความเสียหายของผูถ ูกฟอ งคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตองแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ีใหมอีกกรณีหน่ึงวามีบุคคลใดบางที่เปนเหตุทําใหเกิดความลาชา
จนการใชสิทธิเรียกรองไมสามารถดําเนินการไดทันภายในกําหนดอายุความ มิใชใหแตงต้ัง
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ีเพื่อหาตัวผูตองรับผิดทางละเมิด
จากเจาหนาที่ชุดเดิม ตอมาปรากฏวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ ๒๕๖๑
แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ีเพ่ือหาตัวผูตองรับผิด
ชดใชค าสนิ ไหมทดแทน แตคําสั่งดังกลาวไมไดระบุชัดเจนวา เปนการสอบขอเท็จจริงเพ่ือหาผูตอง
รับผิดชุดเดิมที่ทําใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหาย หรือหาผูตองรับผิดกรณีท่ีทําใหสิทธิ
เรียกรองขาดอายุความและทําใหคําส่ังเทศบาลตําบลศาลายา ลงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๐ เสียไป
ทั้งหมด ซ่ึงเปนคนละสวนกัน หลังจากน้ัน ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม
๒๕๖๑ แจงใหผูฟองคดีทราบ แตมิไดระบุรายละเอียดดังกลาว ทําใหผูฟองคดีเขาใจวา ผูถูกฟองคดี
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๙
ทงั้ สองจะสอบขอ เท็จจริงความรบั ผดิ ทางละเมดิ กับผูฟอ งคดีใหมอ ีกคร้ัง ซึ่งไมแนชัดวาผูถูกฟองคดี
ท้ังสองจะดําเนินการสอบขอเท็จจริงใหมไปในทางใด อยางไรก็ตาม การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ออกคําส่ังแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเพื่อหาผูตองรับผิดในครั้งใหม
รวมทง้ั กระบวนการตางๆ ท่เี ก่ียวเน่อื ง เปนการเตรยี มการและการดําเนินการภายในของเจาหนาที่
เพื่อจัดใหมีคําส่ังทางปกครองตอไป กลาวอีกนัยหนึ่ง คือ เปนข้ันตอนการพิจารณาทางปกครอง
เพ่ือเสนอความเห็นใหผูสั่งแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของ
เจาหนาที่พิจารณาสั่งการ คําสั่งแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของ
เจาหนาที่ตามคําส่ังเทศบาลตําบลศาลายา ลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ จึงไมใชคําสั่ง
ทางปกครอง อันจะมีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาที่ของผูฟองคดีตามมาตรา ๕
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีจึงมิใชผูไดรับความเดือดรอน
หรือเสียหายหรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายจากคําส่ังดังกลาว อยางไรก็ตาม หากตอมา
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยที่ ๒ มีคําส่ังใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนอีกคร้ังตามมูลเหตุแหง
การฟอ งคดนี อี้ ีก กรณีถอื วา เปน คําส่ังทางปกครองใหมท มี่ ีผลกระทบตอ สิทธิของผูฟอ งคดี ผูฟองคดี
ก็ชอบท่จี ะอุทธรณคาํ สั่งดังกลาวตอ ผทู มี่ อี าํ นาจพิจารณาอุทธรณ หากผูพิจารณาอุทธรณไมวินิจฉัย
อุทธรณหรือวนิ จิ ฉยั อุทธรณภายในระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดแลวผูฟองคดีไมเห็นดวย ผูฟองคดี
ยอมมีสิทธินําคดมี าฟอ งตอศาลปกครองเพ่ือขอใหศาลพิพากษาเพิกถอนคําส่ังใหมของผูถูกฟองคดี
ท่ี ๑ และหรือคําวินิจฉัยอุทธรณภายในระยะเวลาการฟองคดีตามท่ีกฎหมายกําหนดตอไป
ทศี่ าลปกครองชน้ั ตนมคี ําสั่งจําหนายคดอี อกจากสารบบความ นน้ั ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พองดวย
จึงมคี ําสง่ั ยนื ตามคําสงั่ ของศาลปกครองชัน้ ตน
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๕๔/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ในขณะที่ผูฟองคดีดํารงตําแหนงหัวหนาวิทยาศาสตรรากฐาน
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.) ไดรับมอบหมายใหจัดทําหนังสือเรียน
รายวิชาเพิ่มเติม โลก ดาราศาสตร และอวกาศ เลม ๓ กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร
ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี ๔ – ๖ โดย สสวท. ไดวาจางนาย ช. ยกรางหนังสือเรียนจํานวน ๖ บท
และคณะกรรมการไดอนุมัติจายเงินคาจางและสงมอบใหองคการคาของสํานักงานคณะกรรมการ
สงเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) พิมพหนังสือออกจําหนาย
แลวบางสวน แตตอมาพบวา นาย ช. ไดแปลเนื้อหาและใชรูปภาพจากหนังสือตางประเทศ
ซ่ึงมีลิขสิทธ์ิโดยมิไดรับอนุญาต สสวท. จึงไดมีการปรับปรุงหนังสือดังกลาวโดยตองเสียคาใชจาย
เปนเงิน ๑,๐๒๙,๑๙๙.๒๔ บาท ผูถูกฟองคดี (ผูอํานวยการสถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร
และเทคโนโลยี) จึงมีคําส่ังแตงต้ังคณะกรรมการสอบหาขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี และผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๙ กันยายน ๒๕๕๙ แจงผูฟองคดีวา
ผลการสอบสวนฟงไดวา ผูฟองคดีเปนผูรับผิดชอบโดยตรงซึ่งตองควบคุมดูแลกระบวนการผลิต
ทั้งหมด แตกลับไมควบคุมดูแลใหการจัดทําหนังสือเปนไปตามระเบียบและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวของ
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๐
เปนเหตุใหเกิดความเสียหายตอ สสวท. ผูฟองคดีจึงผิดสัญญาและกระทําละเมิดตอ สสวท. จึงให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแก สสวท. เปนเงิน ๓๖๐,๕๐๐ บาท ภายในกําหนด ๗ วัน
นับแตวันที่ไดรับหนังสือ ผูฟองคดีไมเห็นดวย จึงไดมีหนังสือลงวันท่ี ๕ ตุลาคม ๒๕๕๙
ถึงคณะกรรมการอุทธรณและรองทุกข แตคณะกรรมการชุดดังกลาวเห็นวา เรื่องน้ีเปนอํานาจ
หนาท่ขี องกระทรวงการคลงั จงึ อยูนอกเหนอื อํานาจหนา ทขี่ องคณะกรรมการอุทธรณและรองทุกข
จะวนิ จิ ฉยั ผูฟอ งคดีจึงมหี นังสือลงวันท่ี ๑๓ กันยายน ๒๕๖๐ อุทธรณคําส่ังดังกลาวตอผูถูกฟองคดี
อีกคร้ัง แตผูฟองคดียังไมไดรับแจงผลการวินิจฉัยอุทธรณ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนตามหนังสือลงวันท่ี
๒๙ กนั ยายน ๒๕๕๙ และใหสัดสว นความรับผิดกรณีพิพาทนี้เปนไปตามหนังสือกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๒๕ กนั ยายน ๒๕๕๐
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา แมการใชสิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีชําระเงิน
ตามหนังสือลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๙ ไดระบุวา ผูถูกฟองคดีอาศัยอํานาจตามความในขอ ๗
ของสัญญาจางพนักงานระหวาง สสวท. กับผูฟองคดีก็ตาม แตเมื่อพิจารณาการดําเนินการของ
ผูถ กู ฟอ งคดเี พือ่ ทราบถงึ คา ความเสียหายและเจา หนาทีผ่ ูตองรับผิดชดใชค าสินไหมทดแทน รวมถึง
การพิจารณารายงานผลการสอบสวนของผูถูกฟองคดีในฐานะผูส่ังแตงต้ังคณะกรรมการ
สอบหาขอเท็จจริงความรบั ผิดทางละเมิดของเจา หนา ที่ และการเรียกใหผ ฟู อ งคดีชดใชค าสนิ ไหมทดแทน
เปนการออกคําสั่งใหเจาหนาที่ผูทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกหนวยงานของรัฐที่ไดรับ
ความเสยี หายตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เนื่องจาก
เจาหนาท่ีกระทําละเมิดตอหนวยงานของรัฐตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๘
วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อผูฟองคดีเห็นวาคําส่ังใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนคําสั่งที่ไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งดังกลาว คดีนี้จึงมีลักษณะ
เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการท่ีหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยไมชอบ
ดวยกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนง่ึ (๑) แหง พ.ร.บ. จดั ตั้งศาลปกครองฯ มใิ ชคดีพิพาทเกี่ยวกับ
สัญญาทางปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๔) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อผูฟองคดี
อยูในบังคับใหตองชําระเงินคาสินไหมทดแทนแก สสวท. ผูฟองคดีจึงเปนผูไดรับความเดือดรอน
หรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดอันเน่ืองจากคําส่ังท่ีพิพาท
และศาลปกครองมีอํานาจกําหนดคําบังคับใหเพิกถอนคําส่ังท่ีพิพาทไดตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑)
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒
วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ สวนการที่ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๕ ตุลาคม ๒๕๕๙
อุทธรณคําส่ังท่ีพิพาทตอคณะกรรมการอุทธรณและรองทุกขนั้น แมการย่ืนอุทธรณดังกลาว
มิใชการอุทธรณตอเจาหนาท่ีผูทําคําสั่งทางปกครองตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ.
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และไมมีการสงคําอุทธรณใหผูถูกฟองคดี
ซ่ึงเปนเจาหนาที่ผูทําคําส่ังทางปกครองเพ่ือพิจารณาตอไปก็ตาม แตเม่ือคําสั่งท่ีพิพาทมิไดระบุ
กรณีท่ีอาจอุทธรณ การยื่นคําอุทธรณ และระยะเวลาสําหรับการยื่นอุทธรณไวในคําสั่งดังกลาว
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๑
และผูถูกฟองคดีมิไดแจงหลักเกณฑการยื่นอุทธรณขางตนใหผูฟองคดีทราบอีกครั้ง จึงมีผลให
ระยะเวลาการย่ืนอุทธรณขยายเปนหน่ึงปนับแตวันที่ผูฟองคดีไดรับคําส่ังที่พิพาทตามมาตรา ๔๐
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว โดยเม่ือไมปรากฏวาผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังที่พิพาทเมื่อใด
แตปรากฏวาผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ อุทธรณตอคณะกรรมการอุทธรณ
และรองทุกข กรณีจึงถือไดวาผูฟองคดีไดรับแจงคําสั่งท่ีพิพาทอยางชาท่ีสุดในวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๙
การที่ตอ มาผฟู องคดไี ดมีหนงั สือลงวนั ท่ี ๑๓ กันยายน ๒๕๖๐ อทุ ธรณคาํ ส่งั ที่พิพาทตอผูถูกฟองคดี
ซงึ่ ปรากฏวา มกี ารลงลายมือช่ือของเจาหนาท่ีรับหนังสืออุทธรณของผูฟองคดีในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๐
จึงถือวาผูฟองคดีไดย่ืนอุทธรณตอผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาท่ีผูทําคําส่ังทางปกครอง
ภายในระยะเวลาหนึ่งปนับแตวันที่ไดรับคําสั่งทางปกครองตามมาตรา ๔๐ วรรคสอง แหง
พระราชบัญญัตเิ ดยี วกนั เมือ่ ผถู กู ฟองคดไี ดรับหนงั สืออุทธรณของผูฟองคดีเม่ือวันท่ี ๑๓ กันยายน ๒๕๖๐
และผูถกู ฟองคดีไมมหี นงั สือแจง เหตุจําเปนตองขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณใหผูฟองคดีทราบ
ผูถูกฟองคดีและผูมีอํานาจพิจารณาคําอุทธรณยอมมีหนาท่ีพิจารณาอุทธรณใหแลวเสร็จภายใน
หกสิบวันนับแตวันดังกลาว คือ ภายในวันท่ี ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ จึงตองถือวาวันท่ีถัดจากวัน
ดังกลา ว คอื วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ เปนวันท่ีผูฟองคดีไดรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
และเปนวันแรกที่เริ่มใชสิทธิฟองคดีตอศาลขอใหเพิกถอนคําส่ังท่ีพิพาทได เมื่อผูฟองคดีตองย่ืน
ฟองคดีตอศาลภายในวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ แตวันดังกลาวเปนวันเสาร ซ่ึงเปนวันหยุดทําการ
ผูฟองคดีจึงตองนําคดีมาฟองตอศาลปกครองภายในวันจันทรท่ี ๑๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ ซึ่งเปน
วันทําการใหมตอจากวันหยุดทําการน้ันตามนัยมาตรา ๑๙๓/๘ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณชิ ย โดยไมต อ งรอคําวนิ ิจฉยั อุทธรณของผูมีอํานาจพิจารณาคําอุทธรณอีกตอไป เมื่อผูฟองคดี
ไดดําเนินการตามข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายตามที่กฎหมาย
กําหนดไวโดยเฉพาะแลวกอนนําคดีมาฟองตอศาลตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ.
จัดตั้งศาลปกครองฯ และนําคดีน้ีมายื่นฟองตอศาลในวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ จึงเปนการย่ืนฟองคดี
ภายในกําหนดระยะเวลาตามมาตรา ๔๙ แหง พระราชบัญญัตดิ ังกลาวแลว จึงชอบทีศ่ าลปกครองช้ันตน
จะรับคําฟองในสวนท่ีขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ไวพิจารณาพิพากษาตอไป สําหรับคําขอใหศาลกําหนดสัดสวนความรับผิดใหเปนไปตามหนังสือ
กระทรวงการคลัง ลงวันท่ี ๒๕ กันยายน ๒๕๕๐ น้ัน เม่ือคําขอดังกลาวเปนเพียงขออางประการหนึ่ง
ซ่ึงผูฟองคดีอางวาเปนเหตุแหงความไมชอบดวยกฎหมายของคําส่ังที่พิพาท ซึ่งศาลปกครองสูงสุด
ไดวินิจฉัยแลววาสามารถรับคําขอดังกลาวไวพิจารณาได กรณีจึงไมจําเปนตองวินิจฉัยคําขอให
ศาลกาํ หนดสัดสวนความรับผิดใหเปนไปตามหนังสือกระทรวงการคลังดังกลาวอีก ท่ีศาลปกครองชั้นตน
มีคําส่ังไมรับคําฟองคดีน้ีไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความน้ัน ศาลปกครองสูงสุด
ไมเ ห็นพอ งดวย
จึงมีคําสั่งกลับ เปนใหรับคําฟองในสวนที่ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
เพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีตามหนังสือลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๙ ท่ีใหผูฟองคดีชดใช
คา สนิ ไหมทดแทนเปนเงิน ๓๖๐,๕๐๐ บาท ไวพิจารณาตอไปตามรปู คดี
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๒
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ. ๖๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดีทั้งหกฟองวา ผูฟองคดีที่ ๑ ถึงท่ี ๖ ดํารงตําแหนงปลัดเทศบาล หัวหนา
สํานักปลัดเทศบาล ผูอํานวยการกองคลัง หัวหนาฝายบริหารงานคลัง นักวิชาการเงินและบัญชี
และนักวิชาการพัสดุ ตามลําดับ สังกัดผูถูกฟองคดี (เทศบาลตําบลภูเรือ) ไดรับความเดือดรอน
เสยี หายจากการทผ่ี ถู กู ฟองคดีมีคาํ ส่งั ลงวนั ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เรียกเงินคืนจากผูฟองคดีท้ังหก
กรณีเบิกจายคาจางเหมาประกอบอาหารและเครื่องด่ืมสําหรับอาสาสมัครปองกันภัยฝายพลเรือน
(อปพร.) ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยไมชอบ ผูฟองคดีท้ังหกเห็นวาคําสั่งเรียกเงินคืนดังกลาว
ไมถูกตองตามระเบียบและหนังสือส่ังการของกระทรวงมหาดไทย จึงไดมีหนังสือลงวันท่ี
๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ อุทธรณคําส่ังดังกลาว และไดรับแจงการพิจารณาอุทธรณจากจังหวัดเลย
ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑ ผูฟองคดีทั้งหกไมเห็นดวยกับการพิจารณาวินิจฉัย
อุทธรณของผูวาราชการจังหวัดเลย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ัง
ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ และเพิกถอนการวินิจฉยั อุทธรณต ามหนงั สอื ลงวนั ที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑
ศาลปกครองสงู สดุ วินิจฉัยวา เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ผูถูกฟองคดีโดยผูฟองคดีที่ ๑
รกั ษาราชการแทนนายกเทศมนตรีตําบลภูเรือ มีคําส่ังลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ใหเรียกเงินคืนจาก
เจา หนาทีร่ วม ๗ ราย ประกอบดวย นาย ภ. ตําแหนงนายกเทศมนตรีตําบลภูเรือ และผูฟองคดีท้ังหก
รวมเปนเงินจํานวน ๑๗,๘๕๖ บาท กรณีเบิกจายเงินคาจางเหมาประกอบอาหารและเคร่ืองดื่ม
สาํ หรับอาสาสมัครปองกันภัยฝา ยพลเรือน (อปพร.) ประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยไมชอบ
ดวยระเบียบและหนังสือส่ังการของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งผูฟองคดีทั้งหกอางวา คําส่ังของ
ผถู ูกฟอ งคดีไมชอบดวยกฎหมาย ขอใหศาลมีคําพิพากษาเพิกถอนคําส่ังดังกลาว คดีนี้จึงมีลักษณะ
เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการท่ีหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐกระทําการโดยไมชอบ
ดวยกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๑) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ผูฟองคดีที่ ๑ และ
ในฐานะผูร ับมอบอํานาจใหอทุ ธรณจากผฟู อ งคดที ี่ ๒ ถงึ ที่ ๖ ไดมหี นงั สอื ลงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑
ยื่นอุทธรณคําสั่งพิพาทตอนายกเทศมนตรีตําบลภูเรือ ตอมา ผูวาราชการจังหวัดเลยในฐานะ
ผูมอี ํานาจพิจารณาอทุ ธรณตามกฎหมายพจิ ารณาแลวเหน็ วา คาํ สั่งลงวนั ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑
ท่ีใหเรียกเงินคืนจากนาย ภ. และผูฟองคดีทั้งหกเปนคําสั่งท่ีไมชอบดวยกฎหมาย เน่ืองจาก
ไมถูกตองตามรูปแบบที่กฎหมายกําหนด และเปนการออกคําส่ังโดยเจาหนาที่ที่ไมมีอํานาจ
ตามมาตรา ๓๗ วรรคหนง่ึ ประกอบกับมาตรา ๑๓ (๑) แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูวาราชการจังหวัดเลยจึงมีหนังสือจังหวัดเลย ลงวันท่ี ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑
ถึงนายอําเภอภูเรือ เพ่ือแจงใหผูถูกฟองคดีเพิกถอนคําสั่งพิพาท และหากความเสียหายที่เกิดขึ้น
มีเหตุอันควรเชื่อวาเกิดจากการกระทาํ ของเจาหนาท่ี ใหผูถูกฟองคดีดําเนินการแตงตั้งคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑ
การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เพ่ือหาผูตองรับผิดชดใช
คา สินไหมทดแทนใหแ กทางราชการตอไป เห็นไดวา ตามหนังสือจังหวัดเลยดังกลาว ผูวาราชการ
จังหวัดเลยยังมิไดพิจารณาอุทธรณเกี่ยวกับความชอบดวยกฎหมายในเน้ือหาของคําสั่งพิพาท
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๓
แตอยางใด คําวินิจฉัยอุทธรณของผูวาราชการจังหวัดเลยมีสาระสําคัญวา คําสั่งพิพาทเปนคําส่ัง
ท่ีไมชอบดวยกฎหมาย เน่ืองจากไมถูกตองตามรูปแบบตามท่ีกฎหมายกําหนด เชน ไมมีขอสนับสนุน
การใชดุลพินิจในการออกคําสั่ง และผูออกคําส่ังพิพาท คือ ผูฟองคดีที่ ๑ เปนผูไมมีอํานาจออกคําส่ัง
เพราะตองอยูในบังคับถูกเรียกเงินคืนดวย ซ่ึงผูวาราชการจังหวัดเลยไมไดสั่งใหเพิกถอน
คําสั่งพิพาทเอง แตสั่งใหผูถูกฟองคดีไปดําเนินการเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑
และคําส่ังอ่ืนๆ พรอมกับแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
เพ่ือหาผูตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกทางราชการตอไป ซ่ึงหมายความวาผูถูกฟองคดี
ตองมีคําสั่งเพิกถอนคําส่ังพิพาทและดําเนินการแตงต้ังคณะกรรมการดังกลาวตอไป ตอมา
นายอําเภอภูเรือไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ แจงใหผูถูกฟองคดีดําเนินการ
ตามหนังสือจังหวัดเลยขางตน แตขอเท็จจริงรับฟงไดวา ผูถูกฟองคดียังไมไดเพิกถอนคําส่ังพิพาท
และไมไดดําเนินการแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามหนังสือ
จงั หวัดเลยดังกลาว กรณีจึงไมอาจถือไดวาคําสั่งพิพาทถูกยกเลิกหรือเพิกถอนแลวตามมาตรา ๔๖ แหง
พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ คําสั่งลงวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑
ซึ่งเปนมูลเหตุพิพาทในคดีน้ีจึงยังคงมีผลอยูตอไป ตราบเทาที่ยังไมมีการเพิกถอนหรือสิ้นผลลงโดย
เง่ือนเวลาหรือโดยเหตุอ่ืนตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และไมวาคําสั่ง
ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ จะเปนคําส่ังทางปกครองที่ชอบดวยกฎหมายหรือไมก็ตาม
ผูถูกฟองคดีอาจใชมาตรการบังคับทางปกครองตามคําสั่งพิพาทกับผูฟองคดีทั้งหกใหชําระเงิน
ใหครบถวนได ดังน้ัน ผูฟองคดีท้ังหกจึงเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรือ
อาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล่ียงไดอันเน่ืองจากคําสั่งดังกลาว และศาลปกครอง
มีอํานาจกําหนดคําบังคับใหเพิกถอนคําส่ังพิพาทไดตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑) แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ ผูฟองคดีทั้งหกจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒
วรรคหน่ึง แหง พระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบกับผูฟองคดีท้ังหกไดดําเนินการตามขั้นตอนหรือ
วิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายตามที่กฎหมายกําหนดไวโดยเฉพาะแลว
กอนนําคดีมาฟองตอศาลตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน จึงชอบที่
ศาลปกครองช้ันตนจะรับคําฟองคดีนี้ไวพิจารณาพิพากษาตอไป ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ัง
ไมรับคําฟองคดีน้ีไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ น้ัน ศาลปกครองสูงสุด
ไมเ ห็นพองดวย
จงึ มีคาํ ส่ังกลับเปน ใหรับคําฟองคดนี ้ีไวพจิ ารณาตอไปตามรปู คดี
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๙๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดีทั้งหกฟองวา ผูฟองคดีที่ ๑ ถึงท่ี ๖ ดํารงตําแหนงปลัดเทศบาล
หัวหนาฝายสงเสริมและสวัสดิการสังคม ผูอํานวยการกองคลัง หัวหนาฝายบริหารงานคลัง
นักวิชาการเงินและบัญชี และนักวิชาการพัสดุ ตามลําดับ ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการที่
ผูถูกฟองคดี (เทศบาลตําบลภูเรือ) ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เรียกเงินคืนจาก
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๔
ผฟู อ งคดที งั้ หก กรณีเบกิ จา ยเงนิ อุดหนุนใหกลุมหรือชุมชนดําเนินการเองในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑
ถึง พ.ศ. ๒๕๕๒ เปนเงินจํานวน ๓๔๐,๐๐๐ บาท ผูฟองคดีทั้งหกไมเห็นดวยจึงไดมีหนังสือลงวันที่
๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ อุทธรณคําสั่งพิพาทตอนายกเทศมนตรีตําบลภูเรือ ตอมา ผูฟองคดีท้ังหก
ไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณจากผูวาราชการจังหวัดเลย ตามหนังสือลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑
วาคําส่ังเรียกเงินคืนดังกลาวเปนคําสั่งท่ีออกโดยไมถูกตองตามรูปแบบที่กฎหมายกําหนด
และเปนการออกคําส่ังโดยเจาหนาท่ีท่ีไมมีอํานาจ และใหผูถูกฟองคดีเพิกถอนคําสั่งดังกลาว
ผูฟองคดีท้ังหกเห็นวา ผูฟองคดีที่ ๑ ลงนามในคําสั่งแทนนายกเทศมนตรีตําบลภูเรือ จึงไมใช
คูกรณีในการออกคําสั่งพิพาท และผูฟองคดีทั้งหกเชื่อโดยสุจริตวาสามารถเบิกจายเงินอุดหนุน
ดังกลา วได และไมเหน็ ดวยกับคาํ สัง่ ดังกลาว จงึ นาํ คดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอน
คําส่ังลงวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ท่ีใหเรียกเงินคืนจากผูฟองคดีทั้งหก และเพิกถอนคําวินิจฉัย
อทุ ธรณข องผวู า ราชการจงั หวดั เลย ตามหนังสือลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีมีลักษณะเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการท่ี
หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมายตามมาตรา ๙
วรรคหน่ึง (๑) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เมื่อผูวาราชการจังหวัดเลยในฐานะผูมีอํานาจ
พิจารณาอุทธรณตามกฎหมายพิจารณาแลวเห็นวา คําส่ังเรียกเงินคืนของผูถูกฟองคดีที่ให
เรียกเงินคืนจากผูฟองคดีท้ังหกเปนคําสั่งท่ีไมชอบดวยกฎหมาย เน่ืองจากไมถูกตองตามรูปแบบ
ท่ีกฎหมายกําหนด และเปนการออกคําส่ังโดยเจาหนาที่ท่ีไมมีอํานาจตามมาตรา ๓๗ วรรคหน่ึง
ประกอบกับมาตรา ๑๓ (๑) แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูวาราชการ
จังหวัดเลยจึงมีหนังสือลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๑ ถึงนายอําเภอภูเรือเพื่อแจงใหผูถูกฟองคดี
เพิกถอนคําสั่งพิพาท และหากความเสียหายท่ีเกิดข้ึนจากกรณีพิพาทมีเหตุอันควรเชื่อวา
เกิดจากการกระทําของเจาหนาท่ี ใหผูถูกฟองคดีดําเนินการแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผดิ ทางละเมดิ ตามกฎหมายเพื่อหาผูตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกทางราชการตอไป
จึงเหน็ ไดว า ตามหนงั สือดงั กลาวผูวาราชการจังหวัดเลยยังมิไดพิจารณาอุทธรณเก่ียวกับความชอบ
ดวยกฎหมายในเนื้อหาของคําส่ังพิพาทแตอยางใด เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา ผูถูกฟองคดียังไมได
เพิกถอนคําส่ังพิพาทและไมไดดําเนินการแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดตามหนังสอื จงั หวดั เลยดังกลาวแตอ ยา งใด กรณีจึงไมอ าจถือไดวาคาํ สงั่ พพิ าทถูกยกเลิก
หรือเพิกถอนแลวตามมาตรา ๔๖ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
คําสั่งลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ซ่ึงเปนมูลเหตุพิพาทในคดีนี้จึงยังคงมีผลอยูตอไป
ตราบเทาที่ยังไมมีการเพิกถอนหรือสิ้นผลลงโดยเง่ือนเวลาหรือโดยเหตุอ่ืนตามมาตรา ๔๒
วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และไมวาคําส่ังลงวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ จะเปนคําส่ัง
ทางปกครองท่ีชอบดวยกฎหมายหรือไมก็ตาม ผูถูกฟองคดีก็อาจใชมาตรการบังคับทางปกครอง
ตามคําสั่งดังกลาวกับผูฟองคดีทั้งหกใหชําระเงินใหครบถวนได ดังนั้น ผูฟองคดีท้ังหกจึงเปน
ผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได
อันเน่ืองจากคําสั่งพิพาท และศาลปกครองมีอํานาจกําหนดคําบังคับใหเพิกถอนคําส่ังดังกลาวได
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๕
ตามมาตรา ๗๒ วรรคหนงึ่ (๑) แหง พ.ร.บ. จัดตง้ั ศาลปกครองฯ ผูฟองคดีท้ังหกจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดี
ตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหงพระราชบญั ญตั ดิ ังกลา ว ประกอบกับผูฟองคดีท้ังหก
ไดดําเนินการตามขั้นตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายตามท่ีกฎหมาย
กําหนดไวโดยเฉพาะแลวกอนนําคดีมาฟองตอศาลตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติ
เดยี วกนั จึงชอบทศ่ี าลปกครองชัน้ ตนจะรบั คําฟองคดีนี้ไวพ จิ ารณาพิพากษาตอไป ที่ศาลปกครองชั้นตน
มีคําสงั่ ไมร บั คาํ ฟอ งคดีนี้ไวพจิ ารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ น้ัน ศาลปกครองสูงสุด
ไมเห็นพอ งดว ย
จงึ มีคําสง่ั กลบั เปน ใหรับคําฟองคดีน้ไี วพิจารณาตอไปตามรูปคดี
คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๑๔/๒๕๖๓
ผฟู องคดีฟอ งวา ผูฟ องคดีไดร ับความเดือดรอนเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(เลขาธิการคุรุสภา) มีคําสั่งแตงตั้งผูถูกฟองคดีที่ ๒ (คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิด) สืบเน่ืองจากสํานักงานการตรวจเงินแผนดินแจงใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ สอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิด กรณีการดําเนินโครงการยกยองเชิดชูเกียรติผูทําคุณประโยชนตอคุรุสภา
ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยผูฟองคดีไดรับหนังสือเรียกใหผูฟองคดีชดใช
คา สินไหมทดแทนตามคําสั่งลงวันท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ เปนเงิน ๑๓,๙๕๐ บาท ผูฟองคดีจึงมี
หนังสือลงวันท่ี ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ อุทธรณคําส่ังดังกลาวตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตอมา ผูฟองคดี
ไดรับหนังสือแจงคําสั่งลงวันท่ี ๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ ซ่ึงแกไขเพ่ิมเติมคําส่ังลงวันท่ี ๑๒ กรกฎาคม
๒๕๖๒ โดยแจงใหผูฟองคดีใชคาสินไหมทดแทน เปนเงิน ๒๔,๘๐๐ บาท ตามความเห็น
ของกรมบัญชีกลาง ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ อุทธรณคําสั่งดังกลาวตอ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ และนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําสั่งแตงตั้ง
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ คําสั่งเรียกใหชดใชคาสินไหมทดแทน ลงวันท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ และคําส่ัง
เรยี กใหชดใชค าสนิ ไหมทดแทน ลงวันท่ี ๖ สิงหาคม ๒๕๖๒
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา กรณีที่ผูฟองคดีฟองขอใหเพิกถอนคําส่ัง
แตง ตง้ั ผูถกู ฟอ งคดีที่ ๒ นั้น เม่ือคําส่ังแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
เปน เพียงข้นั ตอนภายในของฝายปกครองเพ่ือดําเนินการแสวงหาขอเท็จจริงและพยานหลักฐานใน
เบ้ืองตนเกี่ยวกับบุคคลท่ีเก่ียวของในกรณีความรับผิดทางละเมิดในการดําเนินโครงการยกยอง
เชิดชูเกียรติผูทําคุณประโยชนตอคุรุสภา ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามขอ ๘
วรรคหนง่ึ ของระเบยี บสํานักนายกรฐั มนตรี วาดวยหลกั เกณฑการปฏิบัติเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิด
ของเจา หนา ท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ คําสัง่ ดงั กลาวจึงยังไมมีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธหิ รือหนาที่ของ
บุคคลทจ่ี ะถอื เปนคําสัง่ ทางปกครองตามนัยมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.
๒๕๓๙ อันจะทําใหผูฟองคดีเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือ
เสยี หายโดยมิอาจหลีกเลย่ี งได ผูฟอ งคดจี งึ ไมมีสทิ ธฟิ อ งขอใหศาลปกครองเพกิ ถอนคําสั่งดังกลา ว สว น
ท่ีผูฟองคดีฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งท่ีใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนตามคําสั่งลงวันท่ี
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๖
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ และคําส่ังลงวันท่ี ๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ นั้น เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา
กรมบัญชีกลางไดพิจารณากรณีที่สํานักงานการตรวจเงินแผนดินแจงใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ สอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดกรณีดําเนินโครงการยกยองเชิดชูเกียรติผูทําคุณประโยชนตอคุรุสภา
ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และ พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งปรากฏความเสียหายและมีผูตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนเพ่ิมขึ้นตางไปจากที่สํานักงานเลขาธิการคุรุสภาสงใหกระทรวงการคลังตรวจสอบ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงไดมีคําส่ังลงวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ ใหยกเลิกในสวนท่ีใหผูฟองคดีรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนจากเดิมจํานวน ๑๓,๙๕๐ บาท เปนใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
จาํ นวน ๒๔,๘๐๐ บาท จึงตองถือวา คําส่ังลงวันที่ ๖ สงิ หาคม ๒๕๖๒ มีผลใชบังคับแทนท่ีคําส่ังลงวันที่
๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ แลว ดังน้ัน คําสั่งลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ท่ีเปนเหตุแหงการฟองคดี
ในกรณีนี้จึงไมมีผลใชบังคับแลวในขณะที่มีการฟองคดีตอศาล ซึ่งในสวนของคําส่ังลงวันที่
๖ สิงหาคม ๒๕๖๒ น้ัน เม่ือผูฟองคดีฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังดังกลาว กรณีจึงเปนคดีพิพาทเก่ียวกับ
การทเี่ จาหนา ทข่ี องรฐั กระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมายอันอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคําสั่ง
ของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๑) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ และผูฟองคดี
เปนผูอยูในบังคับของคําสั่งดังกลาวซึ่งเปนคําสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟ องคดียอมเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอน
หรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล่ียงไดอันเน่ืองจากการกระทําของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามมาตรา ๔๒
วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ และศาลปกครองมีอํานาจกําหนดคําบังคับได
ตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึง่ (๑) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว อยางไรก็ดี เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา
ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ อุทธรณคําส่ังดังกลาวตอผูถูกฟองคดีที่ ๑
แมจะไมปรากฏหลกั ฐานวา เจา หนาทีท่ ่ีเก่ยี วของไดร ับอทุ ธรณข องผฟู องคดเี ม่ือใด แตอยางเร็วท่ีสุด
ที่เจาหนาที่ท่ีเก่ียวของจะไดรับหนังสืออุทธรณของผูฟองคดี คือ วันท่ี ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๒
ซ่ึงจะครบระยะเวลาที่กฎหมายกําหนดใหผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณจะตองพิจารณาอุทธรณ
ใหแลวเสร็จ คือ วันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๒ ตามมาตรา ๔๕ วรรคหน่ึงและวรรคสอง แหง พ.ร.บ.
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาลปกครองเม่ือวันท่ี
๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ โดยที่ยังไมไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณและยังไมพนระยะเวลาที่กฎหมาย
กําหนดดังกลาว กรณีจึงตองถือวาผูฟองคดียังมิไดดําเนินการตามขั้นตอนและวิธีการสําหรับ
การแกไ ขความเดือดรอ นหรือเสยี หายในเรือ่ งดังกลาวและไดมีการสั่งการตามกฎหมายน้ันหรือมิได
มีการส่ังการภายในเวลาที่กฎหมายนั้นกําหนด ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดี
ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ที่ศาลปกครองชั้นตน
มีคําสั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ น้ัน
ศาลปกครองสงู สุดเห็นพอ งดว ยในผล
จงึ มีคําส่ังยนื ตามคําส่งั ของศาลปกครองช้นั ตน
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๗
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๔๔/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนตําบลเมืองหมี
อําเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๒
(นายอําเภอโพธ์ิตาก) มีคําสั่งลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
แกองคการบริหารสวนตําบลดานศรีสุข เปนเงิน ๕๒,๙๒๑.๖๐ บาท จากกรณีเมื่อครั้งผูฟองคดี
ดํารงตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนตําบลดานศรีสุข ในฐานะเปนผูบังคับบัญชาชั้นกลางและ
ผูผานงาน ในการดําเนินโครงการซอมแซมถนนลูกรังสายบานศูนยกลาง - ปูดดู กรณีกําหนด
ปริมาณลูกรังไมสอดคลองกับการคํานวณปริมาณลูกรังของคณะกรรมการกําหนดราคากลาง
เปนผลใหองคการบริหารสวนตําบลดานศรีสุขไดรับความเสียหาย ผูฟองคดีเห็นวา การปฏิบัติหนาท่ี
ของผูฟ อ งคดไี มถ ือวา เปน การประมาทเลินเลออยางรายแรง และการกําหนดจํานวนเงินคาสินไหมทดแทน
ไมถูกตองและไมเ ปนธรรม และผถู ูกฟอ งคดที ่ี ๒ ไมใชหัวหนาหนวยงานของรัฐที่เสียหายจึงไมมีอํานาจ
ออกคําสั่งใหผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทน คําส่ังพิพาทจึงเปนคําสั่งที่ออกโดยไมถูกตอง
ตามรูปแบบ ขน้ั ตอน หรือวิธีการอันเปนสาระสําคัญกฎหมาย นอกจากน้ี ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๗ เมษายน ๒๕๖๐ อุทธรณคําส่ังตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ แตไมไดรับแจงผลการพิจารณา
อุทธรณ ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ ถึงผูถูกฟองคดีท้ังสอง (ผูวาราชการ
จังหวัดหนองคาย ที่ ๑) ขอทราบผลการพิจารณาอุทธรณ แตจนถึงวันฟองคดีก็ยังไมไดรับแจงผล
การพิจารณาอุทธรณ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําสั่ง
ลงวันท่ี ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน
๕๒,๙๒๑.๖๐ บาท และใหผถู ูกฟอ งคดที ั้งสองพิจารณาอทุ ธรณใ หแ ลวเสรจ็ ภายใน ๓๐ วัน
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้ผูฟองคดีฟองและมีคําขอรวม ๒ ขอหา คือ
ขอหาท่ีหนึ่ง ผูฟองคดีฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
ท่ีใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีจึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการท่ีเจาหนาที่ของรัฐ
ออกคําสั่งโดยไมช อบดว ยกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
และเมื่อคําสั่งท่ีใหชดใชคาสินไหมทดแทนมีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิของผูฟองคดี
อันเปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหาย
โดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดจากคําสั่งพิพาท และการแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอนหรือเสียหาย
ดังกลาว ตองมีคําบังคับของศาลปกครอง โดยการสั่งเพิกถอนคําส่ังดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปน
ผูมีสิทธิฟองในขอหาน้ีตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ซึ่งคําส่ังพิพาท
เปนการใชอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
แตพระราชบัญญัติดังกลาวไมไดกําหนดข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอน
หรือเสียหายไวโดยเฉพาะ ผูฟองคดีจึงตองดําเนินการอุทธรณคําสั่งดังกลาว ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดี
ไดรับแจงคําส่ังดังกลาวตามหนังสือลงวันท่ี ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๐ จากนั้น ผูฟองคดีไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๗ เมษายน ๒๕๖๐ อุทธรณคําสั่งตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๒
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๘
ไดรับอุทธรณดังกลาวเม่ือวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๐ และเมื่อครบกําหนดหกสิบวัน คือ วันท่ี
๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ ไมปรากฏวาผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณไดแจงผลการพิจารณาอุทธรณ
หรือมีหนังสือแจงการขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณใหแกผูฟองคดีทราบแตอยางใด ท้ังนี้
ตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่งและวรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว กรณียอมถือวาวันท่ี
๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ เปนวันท่ีผูฟองคดีไดดําเนินการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายครบ
ตามข้ันตอนหรือวิธีการท่ีกฎหมายกําหนดไวแลว และผูฟองคดีสามารถใชสิทธิฟองคดีขอให
ศาลปกครองมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ได ท้ังน้ี ตามมาตรา ๔๒
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ วันถัดมา คือ วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ จึงเปนวันที่
ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี และนับเปนวันแรกท่ีเริ่มใชสิทธิในการฟองคดี
เพ่ือขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําสั่งดังกลาว โดยจะตองยื่นฟองคดีภายในกําหนด
เกา สบิ วันนับแตวนั ดงั กลา ว ทงั้ นี้ ตามมาตรา ๔๙ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ โดยไมจําตอง
รอผลคําวินิจฉัยอุทธรณของผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณอีกตอไป ดังน้ัน การท่ีผูฟองคดีนําคดี
มายื่นฟองในขอหานี้ เม่ือวันท่ี ๑๘ เมษายน ๒๕๖๒ จึงเปนการย่ืนฟองเม่ือพนกําหนดระยะเวลา
การฟองคดี และคําฟองน้ีเปนการฟองคดีเพ่ือขอใหเพิกถอนคําสั่งทางปกครองที่เรียกใหผูฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนอันเปนประโยชนสวนตัวของผูฟองคดีเทานั้น รวมทั้งมิไดมีเหตุจําเปนอื่น
ท่ีศาลจะรับคําฟองนี้ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ศาลปกครอง
จึงไมอ าจรับคาํ ฟอ งขอ หานีไ้ วพิจารณาพพิ ากษาได
ขอหาที่สอง ผูฟองคดีฟองขอใหผูถูกฟองคดีท้ังสองพิจารณาอุทธรณใหแลวเสร็จ
ภายในสามสิบวัน เปนกรณีที่ผูฟองคดีประสงคขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ในฐานะเจา หนาทผ่ี ูท าํ คําส่ังทางปกครอง และผูถ กู ฟอ งคดที ี่ ๑ ในฐานะผมู อี ํานาจพิจารณาอุทธรณ
ปฏิบัติหนาที่วินิจฉัยอุทธรณของผูฟองคดีใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาที่กําหนด กรณีจึงเปน
คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจาหนาท่ีของรัฐละเลยตอหนาที่ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
หรอื ปฏบิ ัติหนาทีด่ งั กลา วลา ชาเกนิ สมควรตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๒) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
และการท่ีผมู อี ํานาจพจิ ารณาอุทธรณไ มไดแจงผลการพิจารณาอุทธรณหรือมีหนังสือแจงการขยาย
ระยะเวลาพิจารณาอุทธรณใหแกผูฟองคดีทราบภายในหกสิบวันนับแตวันท่ีเจาหนาที่ของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดรับอุทธรณ ผูฟองคดีจึงเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะ
เดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดจากการกระทําของผูถูกฟองคดีท้ังสอง และ
เปนผูมีสิทธิฟองคดีในขอหานี้ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อ
ขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีไมไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณภายในหกสิบวันนับแตวันที่
เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดรับอุทธรณเมื่อวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๐ คือ ภายในวันที่
๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ วันถัดจากวันดังกลาว คือ วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ จึงเปนวันท่ีผูฟองคดีรู
หรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีวาผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ละเลยไมพิจารณาอุทธรณของผูฟองคดี
หรือพิจารณาอุทธรณดังกลาวลาชาเกินสมควร และสามารถใชสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองได
ภายในเกาสิบวันนับแตวันดังกลาว ทั้งน้ี ตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ดังนั้น
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๙
การท่ีผูฟองคดีนําคดีมายื่นฟองเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๒ ในขอหานี้จึงเปนการยื่นฟองคดี
เมื่อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองขอหาน้ีไวพิจารณาพิพากษาได
สวนการที่ผูฟองคดีไดมีหนังสือหนังสือลงวันท่ี ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ ขอทราบผลการพิจารณา
อุทธรณของผูฟองคดี นั้น เปนเพียงหนังสือสอบถามความคืบหนาการพิจารณาอุทธรณคําอุทธรณ
จึงไมเปนเหตุใหการนับระยะเวลาการฟองคดีตองเร่ิมนับใหมหรือเปนการขยายกําหนดระยะเวลา
การฟองคดีที่เร่ิมนับไปแลวแตอยางใด ที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณา และ
ใหจ ําหนายคดอี อกจากสารบบความ น้นั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพอ งดวย
จึงมคี าํ สง่ั ยืนตามคําสงั่ ของศาลปกครองชั้นตน
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๔๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเคยดํารงตําแหนงผูอํานวยการสวนบริหารการคลัง
สังกัดสํานักการคลัง เทศบาลนครปากเกร็ด ผูฟองคดีไดรับคําส่ังของผูถูกฟองคดี (ผูวาราชการ
จังหวัดนนทบุรี) ตามคําส่งั ลงวันที่ ๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ เรยี กใหผ ูฟองคดชี ดใชคาสินไหมทดแทน
จํานวน ๒๗,๘๔๘.๐๘ บาท ใหแกเ ทศบาลนครปากเกร็ด ผฟู องคดมี หี นังสอื ลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน
๒๕๖๑ อุทธรณคําสั่งดังกลาวตอผูถูกฟองคดี ซ่ึงผูถูกฟองคดีไดรับเม่ือวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน
๒๕๖๑ แตผูฟองคดียังไมไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณ ผูฟองคดีเห็นวาคําสั่งของผูถูกฟองคดี
ไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังลงวันที่
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ในสวนท่ีใหผูฟองคดชี ดใชค าสนิ ไหมทดแทน เปน เงนิ จาํ นวน ๒๗,๘๔๘.๐๘ บาท
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา กรณีเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการท่ีเจาหนาที่ของรัฐ
ออกคําส่ังโดยไมชอบดวยกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ซ่ึงศาลปกครองช้ันตนไดมีคําส่ังรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณาเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๒
ตอมา ในระหวางการพิจารณาคดีของศาลปกครองชั้นตน ความปรากฏวา กรมบัญชีกลาง
ไดตรวจสอบสํานวนการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกรณีดังกลาวแลว ผลการพิจารณา
ความรับผดิ ทางละเมิดของเจาหนาที่ ซ่ึงทําใหความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ีเปล่ียนแปลงไป
จากเดิม โดยในสวนของผูฟองคดี กรมบัญชีกลางมีความเห็นใหผูฟองคดีกับพวกรับผิดชดใช
คาสนิ ไหมทดแทนใหแกเ ทศบาลนครปากเกรด็ เฉพาะสว นของตนในอัตรารอยละ ๒๐ ของความเสียหาย
จํานวน ๑,๖๔๕,๔๕๙.๐๖ บาท ผูถูกฟองคดีจึงมีคําสั่งลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ลงวันท่ี
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนสิ้นผลบังคับลง และแมคําส่ัง
ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ มิไดระบุใหการยกเลิกคําส่ังลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
มีผลยอนหลังไปถึงวันที่ออกคําสั่งก็ตาม แตเมื่อไมปรากฏวากอนท่ีผูถูกฟองคดีจะมีคําส่ังลงวันที่
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ผูถูกฟองคดีไดใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพยสิน
ของผูฟองคดีและขายทอดตลาดเพ่ือชําระเงินคาสินไหมทดแทนแตอยางใด และเม่ือคําสั่งลงวันท่ี
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ถูกยกเลิก ก็ยอมไมสามารถใชมาตรการบังคับทางปกครองตามคําส่ังดังกลาว
ทีส่ ้นิ ผลลงแลว ไดอกี ตอ ไป จึงเหน็ วา แมคาํ ส่ังจังหวัดนนทบุรี เร่ือง ใหเจาหนาที่เทศบาลนครปากเกร็ด
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๐
ชดใชคาสินไหมทดแทน ลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ จะเปนคําสั่งทางปกครองท่ีชอบหรือไม
ชอบดวยกฎหมายก็ตาม แตเมื่อไมปรากฏขอเท็จจริงวามีการใชมาตรการบังคับทางปกครอง
ตามคําสั่งดังกลาว กรณีจึงเปนการเพียงพอแลวท่ีผูถูกฟองคดีมีคําสั่งลงวันท่ี ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
โดยมิไดระบุใหมีผลยอนหลังไปถึงวันออกคําสั่งลงวันท่ี ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เมื่อคําส่ังลงวันท่ี
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน ท่ีกอความเดือดรอนหรือ
ความเสียหายแกผูฟองคดีและที่เปนเหตุแหงการฟองคดีนี้สิ้นผลบังคับลงแลว กรณีจึงไมมีประโยชน
ท่ีศาลจะพิจารณาคดีนี้และมีคําพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งดังกลาวอีกตอไป การที่ศาลปกครองชั้นตน
มีคาํ สง่ั จาํ หนายคดีออกจากสารบบความ น้นั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย
จึงมคี ําสัง่ ยืนตามคําสงั่ ของศาลปกครองชน้ั ตน
คาํ ส่ังศาลปกครองสูงสดุ ที่ คร.๑๐/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เมื่อประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ ผูฟองคดีไดเขารับการรักษา
ตุมหนองท่ีเหงือกท่ีคลินิกพิเศษ คณะทันตแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยมหิดล โดยทันตแพทย
ไดทําการรักษาดวยวิธีการถอนฟนและรับประทานยาฆาเช้ือ พรอมทั้งไดรับเอกสารคําแนะนํา
การดูแลชองปากหลังการถอนฟน ภายหลังจากผูฟองคดีบวนปากดวยน้ํายาบวนปากทําใหเกิด
อาการอักเสบอยางรุนแรง ผูฟองคดีจึงมีหนังสือรองเรียนตอนายกทันตแพทยสภา ตอมา
ทันตแพทยสภาไดมีคําสั่งลงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๗ โดยมีมติยกขอกลาวหาทันตแพทย
ผูทําการรักษา ผูฟองคดีจึงมีหนังสือถึงสํานักงานเลขาธิการทันตแพทยสภาเพื่อขอสํานวน
การสืบสวนพรอมพยานหลักฐานทั้งหมด และคําวินิจฉัยของทันตแพทยสภาในคดีหมายเลขดํา
ที่ ๑๐/๒๕๕๔ ซ่งึ จากการตรวจสอบพบวา กระบวนการสืบสวนและการวินิจฉัยยังมีความขัดแยงกันอยู
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองตอศาลขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ัง ดังน้ี ๑) ชี้ขาดวากระบวนการ
พิจารณาคดีของทันตแพทยสภา ในคดีหมายเลขดําท่ี ๑๐/๒๕๕๔ เปนไปตามขั้นตอน
ของกระบวนการยุติธรรมและชอบดวยกฎหมายหรือไม ๒) ช้ีขาดวากระบวนการพิจารณาคดี
ของทันตแพทยสภา คดีหมายเลขดําท่ี ๑๐/๒๕๕๔ มีการเอื้อประโยชนตอพวกพองละเมิดสิทธิ
และหลอกลวงประชาชนวา ไมมีการตัดกระดูกรองรับรากฟนหรือไม ๓) ขอใหเพิกถอนคําตัดสิน
ของทันตแพทยสภา ในคดีหมายเลขดําที่ ๑๐/๒๕๕๔ และ ๔) ใหกระทรวงศึกษาธิการ
อันเปนหนวยงานตนสังกัดของคณะทันตแพทยมหาวิทยาลัยมหิดล เยียวยาและชดใชคาเสียหาย
จนเสียโอกาสในการทํารากฟนเทียม เนื่องจากการปฏิบัติตามเอกสารคําแนะนําภายหลังการถอนฟน
ท่ีไมถูกตอง เห็นวา คําฟองตามคําขอท่ี ๓ เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการที่หนวยงานทางปกครอง
หรือเจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหง พ.ร.บ.
จัดตั้งศาลปกครองฯ ภายหลังจากผูฟองคดีไดรับแจงผลการพิจารณาตามคําส่ังทันตแพทยสภา
ลงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๗ แลว ผูฟองคดีไดมีหนังสือคัดคานคําสั่งดังกลาว และไดย่ืนฟองคดี
ตอศาลปกครองชั้นตนเพ่ือขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดี
ตอมาศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๑
ตามคดีหมายเลขแดงที่ ๑๒๐๙/๒๕๕๗ เน่ืองจากผูฟองคดียื่นฟองเมื่อพนกําหนดระยะเวลา
การฟองคดี และโดยท่ีผูฟองคดีมิไดยื่นคํารองอุทธรณคําสั่งของศาลปกครองช้ันตนภายในกําหนด
สามสิบวันนับแตวันที่ศาลไดมีคําส่ังดังกลาว คดีจึงเปนอันถึงท่ีสุด ตามมาตรา ๗๓ วรรคหน่ึง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อผูฟองคดีนําคดีมาฟองเปนคดีนี้ โดยมีคําขอใหเพิกถอนคําตัดสิน
ของทันตแพทยสภาคดีหมายเลขดําท่ี ๑๐/๒๕๕๔ ซ่ึงหมายถึงคําชี้ขาดตามคําส่ังทันตแพทยสภา
ลงวันท่ี ๒๙ มกราคม ๒๕๕๗ ที่ผูฟองคดีมีคําขอใหเพิกถอนในคดีกอน จึงมีวัตถุแหงคดี
อยา งเดยี วกับคดกี อน สว นกรณีตามคาํ ขอขอ ๑) และ ๒) น้ัน เปนกรณีท่ีผูฟองคดีโตแยงกระบวนการ
พจิ ารณาเรื่องรอ งเรียนของคณะอนกุ รรมการจรรยาบรรณทนั ตกรรมแพทยสภา ในคดีหมายเลขดํา
ท่ี ๑๐/๒๕๕๔ ซ่ึงความเห็นของคณะอนุกรรมดังกลาวเปนเพียงข้ันตอนการเตรียมการและ
การดําเนินการของเจาหนาที่เพื่อจัดใหมีคําสั่งทางปกครอง คือ คําส่ังทันตแพทยสภา ลงวันที่
๒๙ มกราคม ๒๕๕๗ เทาน้ัน ความเห็นของคณะอนุกรรมการดังกลาวจึงเปนเพียงการพิจารณา
ทางปกครองกอนมีคําส่ังทางปกครอง ซ่ึงผูฟองคดีสามารถยกกรณีดังกลาวข้ึนวากลาว
ในคดีหมายเลขแดงท่ี ๑๒๐๙/๒๕๕๗ การท่ีผูฟองคดียื่นฟองคดีนี้ จึงเปนการนําคดีซึ่งศาลไดมี
คําสั่งชี้ขาดคดีถึงท่ีสุดแลวมาฟองกันอีกในประเด็นที่ศาลไดวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอยางเดียวกัน
อนั เปน การฟอ งซํ้าตองหามตามขอ ๙๗ แหงระเบยี บของทปี่ ระชมุ ใหญฯ วา ดว ยวธิ ีพจิ ารณาคดปี กครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓ สําหรับกรณีที่ผูฟองคดีมีคําขอทายฟองขอท่ี ๔ ขอใหกระทรวงศึกษาธิการอันเปน
หนวยงานตนสังกัดของคณะทันตแพทยศาสตร มหาวิทยาลัยมหิดลเยียวยาและชดใชคาเสียหาย
จนเสียโอกาสในการทํารากฟนเทียม เนื่องจากการปฏิบัติตามเอกสารคําแนะนําภายหลัง
จากการถอนฟนที่ไมถูกตอง น้ัน เห็นวา คําฟองและคําขอของผูฟองคดีในขอหาน้ีเปนคดีพิพาท
เกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการใช
อํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
เมื่อทันตแพทยสภามีหนังสือลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ ๒๕๕๗ ถึงผูฟองคดีเพื่อแจงคําส่ัง
ทันตแพทยสภา ลงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๗ โดยในทายคําสั่งดังกลาวไดมีการแจงสิทธิ
การฟองคดีตอศาลใหผูฟองคดีทราบ แมไมปรากฏวาผูฟองคดีไดรับทราบคําส่ังดังกลาวในวันใด
แตอยางชาที่สุดไมเกินวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ ๒๕๕๗ ซ่ึงเปนวันท่ีผูฟองคดีมีหนังสือคัดคานคําสั่ง
ของทนั ตแพทยสภาไปยงั สาํ นกั นายกรัฐมนตรี อันถือไดวาวันดังกลาวเปนวันที่ผูฟองคดีรูหรือควรรู
ถงึ เหตุแหง การฟองคดี และผฟู อ งคดีตอ งยื่นฟอ งขอใหก ระทรวงศกึ ษาธิการชดใชคาเสียหายภายใน
หนึ่งปนับแตวันท่ี ๑๒ กุมภาพันธ ๒๕๕๗ เปนตนไป ซึ่งตองไมเกินวันท่ี ๑๒ กุมภาพันธ ๒๕๕๘
การท่ีผูฟองคดีย่ืนฟองคดีโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียน เมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๒
จึงเปนการฟองคดีเม่ือพนกําหนดหนึ่งป นับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี ตามมาตรา
๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ทั้งการฟองคดีเพ่ือประโยชนของผูฟองคดีโดยเฉพาะ
กรณีจึงมิใชเปนการฟองคดีเก่ียวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคล
ท่ีจะย่ืนฟองคดีเม่ือใดก็ได นอกจากน้ี คดีน้ีไมไดเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีขอเท็จจริง
ที่ทําใหผูฟองคดีไมอาจยื่นคําฟองภายในระยะเวลาตามท่ีกฎหมายกําหนด อันถือเปนเหตุจําเปนอื่น
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๒
ท่ีศาลจะมีคําสั่งใหรับคําฟองไวพิจารณาได ตามมาตรา ๕๒ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
ประกอบขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓ ทศ่ี าลปกครองชนั้ ตนมคี ําสั่งไมรับคําฟองคดีนี้ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจาก
สารบบความ นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พอ งดวย
จงึ มคี ําสั่งยืนตามคําส่ังของศาลปกครองชน้ั ตน
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ คร.๑๔๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนขาราชการบํานาญ สังกัดกรมขาวทหารอากาศ
เม่ือคร้ังผูฟองคดีชั้นยศพันจาอากาศเอก ไดไปปฏิบัติหนาที่ราชการประจําอยูในตางประเทศ
ตําแหนงเสมียนประจําสํานักงานผูชวยทูตฝายทหารอากาศไทย และทําหนาท่ีเสมียนประจํา
สํานักงานผูชวยทูตฝายทหารไทย ประจําสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ
ราชอาณาจักรกัมพูชา ตั้งแตวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๕๑ โดยไดรับเงินเพิ่มพิเศษสําหรับขาราชการ
ซ่ึงมีตําแหนงหนาที่ประจําอยูในตางประเทศ (พ.ข.ต.) ในอัตราที่เทียบเทากับขาราชการพลเรือน
ประเภทท่ัวไป ระดับปฏิบัติงาน ตามบัญชีการเทียบตําแหนงขาราชการทหารและขาราชการ
ตํารวจกับตําแหนงขาราชการพลเรือนตามระบบจําแนกตําแหนงใหม เพ่ือประโยชนในการเบิก
พ.ข.ต. และบัญชีอัตรา พ.ข.ต. ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ลงวันท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๕๒
และหนังสือลงวันท่ี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ตอมา กระทรวงการคลังโดยผูถูกฟองคดี (กรมบัญชีกลาง)
มหี นังสอื ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงปลัดกระทรวงกลาโหม แจงยกเลิกบัญชีการเทียบตําแหนงฯ
ตามทายหนังสือลงวันท่ี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ และใหใชการเทียบตําแหนงขาราชการทหาร
กับตําแหนงขาราชการพลเรือนเพื่อประโยชนในการเบิก พ.ข.ต. ใหม โดยในสวนของผูฟองคดี
ซงึ่ เดิมกาํ หนดใหเ ทยี บเทากบั ขา ราชการพลเรือน ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ไดมีการกําหนดใหม
ใหเทียบเทากับขาราชการพลเรือน ประเภทท่ัวไป ระดับชํานาญงาน ทั้งน้ี ใหมีผลบังคับใชต้ังแต
วันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เปนตนไป ผูฟองคดีเห็นวา การท่ีผูถูกฟองคดีไดกําหนดหลักเกณฑ
การเทียบตําแหนงฯ ทายหนังสือลงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๒ และลงวันท่ี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔
เปนการกําหนดหลักเกณฑที่ไมสอดคลองกับความเปนจริงและไมเปนไปตามหลักเกณฑ
และเงื่อนไขการเทียบตําแหนงอยางอ่ืนเทากับการดํารงตําแหนงของขาราชการพลเรือนสามัญ
จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดียกเลิกการเทียบตําแหนง
ขาราชการทหารกับตําแหนงขาราชการพลเรือน เพื่อประโยชนในการเบิก พ.ข.ต. ตามหนังสือ
กระทรวงการคลังลงวันท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๕๒ และลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ใหผูถูกฟองคดี
แกไขการเทียบตําแหนงขาราชการทหารกับตําแหนงฯ ตามหนังสือดังกลาวใหสอดคลองกับ
ความเปนจริง และเปนไปตามหลักเกณฑและเง่ือนไขการเทียบตําแหนงอยางอื่นเทากับ
การดํารงตําแหนงขาราชการพลเรือนสามัญของ ก.พ. และใหผูถูกฟองคดีชดใชสวนตาง
ของเงินเพ่ิมพิเศษสําหรับขาราชการซ่ึงมีตําแหนงหนาที่ประจําอยูในตางประเทศ (พ.ข.ต.)
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๓
ตั้งแตวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ จํานวน ๔๕ เดือน ๒๑ วัน และ
สว นตางคา ใชจา ยในการยายถ่ินที่อยู (เทย่ี วกลบั ) ของขา ราชการและคูสมรส
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา โดยท่ีการเทียบตําแหนงขาราชการทหาร
กับตําแหนงขาราชการพลเรือน เพื่อประโยชนในการเบิกจาย พ.ข.ต. ตามหนังสือ
กระทรวงการคลังฉบับพิพาทมีผลบังคับเปนการทั่วไปโดยไมมุงหมายใหใชบังคับแกกรณีใด
หรือบุคคลใดเปนการเฉพาะ จึงอยใู นความหมายเปนกฎตามมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
และมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งหากผูฟองคดีเห็นวา
ตนไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากหลักเกณฑการเทียบตําแหนงของกฎตามหนังสือ
กระทรวงการคลงั ลงวนั ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๒ และลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ท่ีมีความไมชอบ
ดวยกฎหมาย กอใหเกิดความเสียหายแกผูฟองคดีโดยไดรับ พ.ข.ต. ในจํานวนที่นอยกวา
ความเปนจริงอันเปนการละเมิดตอผูฟองคดีอยางไร และผูฟองคดีประสงคจะฟองขอใหศาล
เพิกถอนกฎตามหนังสือท้ังสองดังกลาว และใหหนวยงานทางปกครองท่ีเก่ียวของชดใชคาสินไหมทดแทน
ความเสียหายแกผฟู อ งคดี อันเปนการฟองในขอหาคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หนวยงานทางปกครอง
กระทาํ การ (ออกกฎ) โดยไมชอบดวยกฎหมาย และการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครอง
อนั เกดิ จากกฎ ตาม พ.ร.บ. จัดตง้ั ศาลปกครองฯ มาตรา ๙ วรรคหนงึ่ (๑) และ (๓) ตามลําดับ โดย
คําฟองในขอหาตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๑) น้ัน เห็นวา แมภายหลังจากมีการใชกฎตามหนังสือ
กระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๒ แลว ตอมา ทางราชการจักไดมีกฎใหม
ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ออกมาใชบังคับ อันมีลักษณะเปนการยกเลิกกฎ
ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๕๒ และหลังจากน้ัน ยังไดมีกฎตามหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ ออกมาใชบังคับอีก อันมีลักษณะเปนการยกเลิกกฎตามหนังสือ
ลงวันท่ี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ แลว กต็ าม แตก ารยกเลิกกฎเดมิ ของหนงั สือลงวนั ที่ ๑๗ มถิ นุ ายน ๒๕๕๔
และลงวันท่ี ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ ดังกลาว มิไดเปนการยกเลิกกฎเดิมโดยใหมีผลยอนหลังไปถึง
วันใชบังคับของกฎตามหนังสือกระทรวงการคลังฉบับเดิมที่ถูกยกเลิกแตอยางใดไม ดังนั้น
ความเดือดรอนหรือเสียหายอันเกิดจากฎตามหนังสือกระทรวงการคลังฉบับเดิมกอนหนาน้ันของ
ผูฟองคดีจึงยังคงมีอยู หาไดถูกยกเลิกไปดวยไม ผูฟองคดีจึงเปนผูไดรับความเดือดรอน
หรือเสียหายท่ีมีสิทธิฟองตามขอหาน้ีได โดยผูฟองคดีจะตองนําคดีมาฟองตอศาลปกครองชั้นตน
ภายในเกาสิบวันนับแตวันทีร่ ูห รอื ควรรูถงึ เหตแุ หงการฟองคดีตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติ
ดังกลาว ซึ่งวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี คือ วันที่รูถึงการออกกฎตามหนังสือลงวันที่
๑๕ มกราคม ๒๕๕๒ ที่มีผลใชบังคับต้ังแตวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ เปนตนไป และกฎ
ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ท่ีมีผลใชบังคับต้ังแตวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ เปนตนไป
ซึ่งอยางชาที่สุดก็ในวันส้ินเดือนมกราคม ๒๕๕๒ สําหรับกฎตามหนังสือลงวันท่ี ๑๕ มกราคม
๒๕๕๒ และวันส้ินเดือนมิถุนายน ๒๕๕๔ สําหรับกฎตามหนังสือลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔
อันเปนวันส้ินเดือนแรกที่ผูฟองคดีไดรับ พ.ข.ต. ตามกฎของหนังสือกระทรวงการคลังแตละฉบับ
ดังกลาว เม่ือนับแตวันดังกลาวจนถึงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๒ อันเปนวันยื่นฟองคดีตามขอหาน้ี
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๔
เปนเวลาเกินกวาเกาสิบวันนับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีแลวตามมาตรา ๔๙ แหง
พ.ร.บ. จัดต้งั ศาลปกครองฯ ไมอยูในเงอ่ื นไขการฟอ งคดีทศี่ าลปกครองช้ันตน จะรบั ไวพิจารณาได
สําหรับคําฟองในขอหาตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ัง
ศาลปกครองฯ ซ่ึงจะตองย่ืนฟองภายในหน่ึงปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน น้ัน เห็นวา เนื่องจากความเดือดรอนหรือเสียหาย
ของผูฟองคดีท่ีไดรับ พ.ข.ต. ในแตละเดือนนอยกวาจํานวนความเปนจริงตามท่ีผูฟองคดีกลาวอาง
เร่มิ กอตง้ั ขึน้ นับแตวันทก่ี ระทรวงการคลงั ไดอ อกกฎตามหนังสือลงวันท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๕๒ และ
ลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ เกี่ยวเนื่องกันมาจนสําเร็จผลในวันที่ผูฟองคดีมีสิทธิไดรับ พ.ข.ต.
ในแตละเดือน จึงตองถือวาวันที่ผูฟองคดีมีสิทธิไดรับ พ.ข.ต. ในแตละเดือนดังกลาวเปนวันท่ี
ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีตามขอหานี้ เมื่อผูฟองคดีมีสิทธิไดรับ พ.ข.ต.
เดือนสุดทายในวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ดังน้ัน แมจะนับแตวันดังกลาวซึ่งเปนวันที่ผูฟองคดีรู
หรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีในเดือนท่ีมีสิทธิไดรับ พ.ข.ต. คร้ังหลังสุด จนถึงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๒
อันเปนวันย่ืนฟองคดีนี้ เปนเวลาเกินกวาหนึ่งปนับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ไมอยูในเง่ือนไขการฟองคดีท่ีศาลปกครองช้ันตน
จะรับไวพ ิจารณาไดเชน กัน
สวนที่ผูถกู ฟอ งคดีมีหนังสอื ลงวนั ท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ถึงปลัดกระทรวงกลาโหม น้ัน
เปนเพียงการแจงยืนยันใหทราบวา การเทียบตําแหนงตามหนังสือลงวันท่ี ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๘
โดยใหมีผลบังคับใชตั้งแตวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ มิไดมีผลบังคับใชยอนหลังไปนับแตวันที่
๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๑ ตามท่ีสํานักงานปลัดกระทรวงกลาโหมขอใหพิจารณาแกไขปญหาดังกลาวเทาน้ัน
หาไดทําใหเปนการขยายกําหนดเวลาการฟองคดีของผูฟองคดีออกไปโดยนับแตวันท่ีไดรับแจง
หนังสือของผูถูกฟองคดีดังกลาวแตอยางใดไม และตามคําฟองนี้เปนการฟองเพ่ือประโยชนของ
ผูฟองคดีกับพวกท่ีฟองในลักษณะเดียวกันนี้ หาไดเกี่ยวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือ
จะเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอื่นที่ทําใหตองย่ืนฟองคดีเมื่อพนกําหนดเวลา
การฟอ งคดี อกี ทงั้ จาํ นวนคา สนิ ไหมทดแทนตามที่ผูฟ องคดีเรียกรองเพิ่มข้ึนจากทางราชการถาหากมี น้ัน
เปน เพียงสิทธิเรียกรองซึ่งทางราชการยังไมไดโอนกรรมสิทธ์ิในทรัพยสินดังกลาวใหแกผูฟองคดี ดังนั้น
ผูฟองคดีจึงไมอยูในฐานะเปนเจาของทรัพยสินท่ีมีสิทธิติดตามเอาคืนซ่ึงทรัพยสินของตนจากบุคคล
ผูไมมีสิทธิจะยึดถือไว ซึ่งจะทําใหผูฟองคดีมีสิทธิฟองคดีในขอหาตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง
พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ โดยไมมีกําหนดอายุความตามมาตรา ๑๓๓๖ แหงประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย ตามท่ีผูฟองคดีกลาวอาง ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองไวพิจารณา
และใหจ ําหนายคดีออกจากสารบบความ นัน้ ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พอ งดวยในผล
จงึ มคี ําสงั่ ยืนตามคําส่ังของศาลปกครองชั้นตน
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๕
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๒๖๙/๒๕๖๓
ผฟู อ งคดฟี อ งวา ผฟู อ งคดีดาํ รงตําแหนง ปลัดเทศบาลตําบลบา นใหม ไดรับการแตงต้ัง
จากผูถูกฟองคดีที่ ๑ (คณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดพิษณุโลก) ใหเปนผูอํานวยการ
การเลือกต้ังประจําเทศบาลตําบลบานใหม เพื่อจัดการเลือกต้ังนายกเทศมนตรีและสมาชิก
สภาเทศบาลตําบลบานใหม ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๑
ใหผ ูฟอ งคดพี นจากตาํ แหนง ผูอาํ นวยการการเลือกตั้งประจําเทศบาลตําบลบานใหม และแตงต้ังให
นาย ว. ใหดํารงตําแหนงดังกลาวแทน ผูฟองคดีเห็นวาคําสั่งดังกลาวทําใหผูฟองคดีไดรับความ
เสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ
๒๕๕๑ ที่ส่ังใหผูฟองคดีพนจากตําแหนงผูอํานวยการการเลือกตั้งประจําเทศบาลตําบลบานใหม
และแตงต้ังผูดํารงตําแหนงแทน และใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (สํานักงานคณะกรรมการการเลือกต้ัง)
ชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหายที่เกิดจากคําสั่งเปนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับตั้งแตวันฟองไปจนกวาจะชําระเสร็จสิ้น เห็นวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑
มีคําส่ังลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ ใหผูฟองคดีพนจากตําแหนงผูอํานวยการการเลือกตั้ง
ประจําเทศบาลตําบลบานใหม อันเปนการใชอํานาจทางปกครอง ไมไดมีลักษณะเปนการใช
อํานาจวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งเปนการใชอํานาจโดยตรงตามรัฐธรรมนูญ
เม่ือผูฟองคดีอางวาคําสั่งดังกลาวโดยไมชอบดวยกฎหมาย และขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
เพิกถอนคําส่ังดังกลาวพรอมใหชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี จึงเปนคดีพิพาทเก่ียวกับ
การท่ีหนว ยงานทางปกครองหรือเจาหนาทข่ี องรฐั ออกคาํ สั่งโดยไมชอบดวยกฎหมายและคดีพิพาท
เกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากคําสั่ง
ทางปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๑) และ (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เม่ือคําสั่ง
ดังกลาวมีผลกระทบตอสิทธิและหนาที่ของผูฟองคดีในฐานะที่ผูฟองคดีที่เปนผูอํานวยการ
การเลือกตั้งประจําเทศบาลตําบลบานใหม และทําใหผูฟองคดีเสียสิทธิท่ีจะไดรับคาตอบแทน
และผลประโยชนอันพึงมีพึงไดจากการทําหนาที่ดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูท่ีไดรับความเดือดรอน
เสยี หายจากคําสั่งดังกลาว และเปน คําขอที่ศาลอาจกาํ หนดคําบังคบั ได ทงั้ นี้ ตามมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง
(๑) และ (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครอง
ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ซึ่งกรณีที่ตองมีการเลือกตั้งสมาชิก
สภาทองถิ่นหรือผูบริหารทองถ่ินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง
ประจําจังหวัดมีอํานาจในการแตงตั้งหัวหนาพนักงานสวนทองถิ่นเปนผูอํานวยการการเลือกตั้ง
ประจําองคกรปกครองสวนทองถ่ิน ตามมาตรา ๑๙ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิก
สภาทองถ่ินและผูบริหารทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๕ และในกรณีท่ีคณะกรรมการการเลือกต้ังประจําจังหวัด
เห็นวา ผูอํานวยการการเลือกตั้งประจําองคกรปกครองสวนทองถ่ินกระทําการอยางหนึ่งอยางใด
อันอาจเกิดความเสียหายแกการจัดการเลือกตั้งหรืออาจทําใหการเลือกตั้งดังกลาวไมสุจริต
หรือเที่ยงธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดอาจมีคําสั่งใหผูอํานวยการการเลือกต้ัง
ประจําองคกรปกครองสวนทองถิ่นยุติการกระทําดังกลาวไวเปนการช่ัวคราวได ตามมาตรา ๑๐๗
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๖
วรรคหนง่ึ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และเปนอํานาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่จะส่ังให
ผูอํานวยการการเลือกตั้งประจําองคกรปกครองสวนทองถ่ินพนจากหนาที่และแตงต้ังผูอื่นเขาปฏิบัติ
หนาที่แทนได ตามมาตรา ๑๐๗ วรรคสอง แหง พระราชบญั ญัติเดียวกัน ดังน้ัน เมื่อผูถูกฟองคดีท่ี ๑
เปนคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัด ไมใชคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยอมไมมีอํานาจ
ในการสั่งใหผูฟองคดีพนจากตําแหนงผูอํานวยการการเลือกต้ังประจําเทศบาลตําบลบานใหม
การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่งลงวันท่ี ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ ใหผูฟองคดีพนจากตําแหนง
ผูอ ํานวยการการเลือกต้ังประจําเทศบาลตําบลบานใหมและแตงตั้งใหนาย ว. ทําหนาท่ีแทนผูฟองคดี
จงึ เปนกรณีทผ่ี ูถกู ฟอ งคดที ่ี ๑ กระทําไปโดยปราศจากอํานาจ คําสง่ั ดังกลา วจงึ ไมชอบดวยกฎหมาย
และเมื่อคําสั่งดังกลาวเปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย จึงเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย เมื่อผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซ่ึงเปนคณะบุคคล
ที่ไดรับการแตงตั้งใหทําหนาท่ีในการจัดการเลือกตั้ง ยอมตองเปนผูท่ีมีความรูความเขาใจเก่ียวกับ
กฎหมายที่เก่ียวของกับการจัดการเลือกตั้งเปนอยางดี ซึ่งบทบัญญัติแหงกฎหมายที่เกี่ยวของ
ไมไดมีลักษณะเปนปญหาขอกฎหมายท่ีตองมีการตีความหรือมีความสลับซับซอนอันจะทําให
ผถู ูกฟอ งคดีที่ ๑ สับสนในอํานาจหนาที่ดังกลาวได กรณีจึงไมอาจฟงไดวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ทําหนาที่
โดยสุจริต เม่ือการกระทําละเมิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เปนการกระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ในฐานะท่ีเปนหนวยงานตนสังกัดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงตองรับผิดตอผูฟองคดี
ในผลแหงละเมิดดังกลา วตามนัยมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมดิ ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
ดวยเหตุผลดังกลาว ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๑
เฉพาะในสวนที่สั่งใหผูฟองคดีพนจากตําแหนงผูอํานวยการการเลือกต้ังประจําเทศบาลตําบลบานใหม
โดยใหมผี ลยอ นหลังไปตั้งแตวันท่ีออกคําสั่ง แตมิใหกระทบกระเทือนตอการปฏิบัติหนาที่ของนาย ว.
ท่ีปฏิบัติหนาที่โดยชอบในตําแหนงดังกลาวแทน และใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงิน ๒,๒๘๐.๓๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับตั้งแตวันฟองเปนตนไปจนกวา
จะชําระเสร็จส้ินแกผูฟองคดี ภายในหกสิบวันนับแตวันท่ีศาลมีคําพิพากษา คืนคาธรรมเนียมศาล
ตามสวนของการชนะคดแี กผ ฟู องคดี นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย
พิพากษายนื
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๖๓๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ขณะผูฟองคดีดํารงตําแหนงหัวหนากลุมงานขอมูลสารสนเทศ
และการสื่อสาร สังกัดสํานักงานจังหวัดพิษณุโลก สํานักงานจังหวัดพิษณุโลกมีความจําเปน
ท่จี ะตองดาํ เนินการจัดซื้อเคร่ืองตรวจคนยาเสพติดดวยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(ผูวาราชการจังหวัดพิษณุโลก) ไดใหความเห็นชอบในการจัดซื้อเครื่องมือดังกลาวโดยวิธีพิเศษ
สํานักงานจังหวัดพิษณุโลกจึงแตงต้ังคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ มีผูฟองคดีเปนประธาน
กรรมการดังกลา ว คณะกรรมการจัดซอ้ื ฯ ไดศึกษารวบรวมขอมูล ทาํ รายงานผลการพิจารณาเสนอ
ตอผูถ ูกฟองคดีท่ี ๑ เพ่ือพิจารณาตามข้ันตอน และไดรับความเห็นชอบแลว หลังจากน้ัน เม่ือวันท่ี
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๗
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๑ สํานักงานจังหวัดพิษณุโลกไดทําสัญญาซ้ือขายเคร่ืองตรวจหาทิศทาง
สารเสพติดและวัตถุระเบิด ราคา ๑,๖๔๗,๘๐๐ บาท จากบริษัท อ. ตอมา สํานักงานการตรวจเงิน
แผนดินภูมิภาคท่ี ๑๐ จังหวัดพิษณุโลก ไดมีหนังสือลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ แจงรายงาน
การสืบสวนกรณีการรองเรียนวา โครงการยุทธศาสตรของศูนยปฏิบัติการตอสูเพื่อเอาชนะยาเสพติด
ของสํานักงานจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งไดรับการสนับสนุนงบประมาณจากองคการบริหารสวน
จังหวัดพิษณุโลก ใหซื้อเครื่องตรวจคนยาเสพติด จํานวน ๓ เครื่อง วงเงิน ๑,๖๕๐,๐๐๐ บาท
แตสาํ นกั งานจังหวัดพิษณโุ ลกจัดซ้ือเครื่องตรวจหาทิศทางสารเสพติดและวัตถุระเบิด โดยวิธีพิเศษ
เพียง ๑ เครื่อง วงเงิน ๑,๖๔๗,๘๐๐ บาท ท้ังที่ตนทุนตอเคร่ืองราคาเพียง ๗๐๐,๐๐๐ บาท
และผูใชไ มม คี วามรูค วามชาํ นาญ อกี ทง้ั เคร่อื งตรวจหาทศิ ทางสารเสพติดและวัตถุระเบิดดังกลาว
ใชการไมได ซึ่งผลการตรวจสอบนาเช่ือวา มีการกระทําในลักษณะดังกลาวจริง เปนเหตุ
ใหทางราชการไดรับความเสียหายเปนเงินจํานวน ๑,๖๔๗,๘๐๐ บาท ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําสั่ง
แตง ต้งั ผูถกู ฟองคดีท่ี ๒ (คณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด) เพ่ือตรวจสอบ
กรณีดังกลาว ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ พิจารณาแลวเห็นวา ผูฟองคดีกระทําผิดเล็กนอย เห็นควรใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชเงินรอยละ ๕ คิดเปนเงิน ๘๒,๓๙๐ บาท แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ กลับมีคําส่ังลงวันที่
๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ เรียกใหผฟู องคดีชดใชคา สินไหมทดแทนจาํ นวน ๘๒๓,๙๐๐ บาท ตามความเห็น
ของกรมบัญชีกลาง ผูฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๘ มีนาคม ๒๕๕๖ อุทธรณคําสั่งดังกลาว ตอมา
ผถู ูกฟอ งคดที ี่ ๑ ไดมหี นังสือลงวนั ท่ี ๑๕ มนี าคม ๒๕๕๖ วินจิ ฉยั ยืนตามคาํ สง่ั ที่เรียกใหผฟู องคดีชดใช
คาสินไหมทดแทน ผูฟองคดีทราบผลการพิจารณาอุทธรณเมื่อวันท่ี ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ จึงนําคดี
มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ที่เรียกให
ผฟู องคดีชดใชค า สินไหมทดแทนจํานวน ๘๒๓,๙๐๐ บาท ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟอง
ของผูฟ องคดีในสว นทฟ่ี องผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๒ ไวพิจารณา
ศาลปกครองสูงสุดวนิ จิ ฉัยวา กรณเี ปนคดีพิพาทเก่ียวกับการท่ีหนวยงานทางปกครอง
หรือเจาหนาที่ของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) แหง
พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ผูฟองคดีเปนผูอยูในบังคับของคําส่ังท่ีพิพาท จึงเปนผูไดรับ
ความเดือดรอนหรือเสียหายอันเน่ืองจากการกระทําของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และคําขอของผูฟองคดี
เปน คําขอทศี่ าลมีอํานาจกาํ หนดคําบังคับใหไดตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑) แหงพระราชบัญญัติ
ดงั กลา ว ผูฟ อ งคดจี งึ มีสิทธฟิ องคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติ
เดียวกัน และโดยที่คําส่ังท่ีพิพาทออกโดยอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ และเปนคําสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ.
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่ง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ มิไดกําหนดข้ันตอนหรือวิธีการอุทธรณไวเปนการเฉพาะ ผูฟองคดีจึงตองดําเนินการ
ตามขั้นตอนและวิธีการท่ีกําหนดไวใน พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ตามมาตรา ๔๔ วรรคหนึ่ง ประกอบกับขอ ๒ (๑๑) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๐)
ออกตามความใน พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๘
ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๖ อุทธรณคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ แจงตามคําส่ัง
ลงวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครอง
โดยเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับคําอุทธรณไวในวันเดียวกัน ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จะตอง
พิจารณาอุทธรณของผูฟองคดีใหแลวเสร็จภายในสามสิบวันนับแตวันที่ไดรับอุทธรณ และหาก
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไมเ ห็นดวยกบั คาํ อุทธรณตองรายงานความเห็นพรอมเหตุผลไปยังรัฐมนตรีวาการ
กระทรวงมหาดไทยซึ่งเปนผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณตามขอ ๒ (๑๑) ของกฎกระทรวงดังกลาว
และรัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยตองพิจารณาคําอุทธรณใหแลวเสร็จภายในสามสิบวัน
นับแตวันที่ตนไดรับรายงานจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซึ่งถามีเหตุจําเปนไมอาจพิจารณาใหแลวเสร็จ
ภายในกําหนดเวลาดังกลาวได รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยตองมีหนังสือแจงใหผูฟองคดี
ทราบกอนครบกําหนดเวลาดังกลาว ใหขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณออกไปไดไมเกินสามสิบวัน
นบั แตว นั ทีค่ รบกําหนดเวลาดังกลาว ดังนนั้ จะตองมีการพจิ ารณาอุทธรณของผูฟองคดีใหแลวเสร็จ
ภายในหกสิบวันนับแตวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๕๖ คือ ภายในวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และ
เม่ือไมปรากฏวามีการแจงขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณใหผูฟองคดีทราบตองถือวาวันท่ี
ครบกําหนดระยะเวลาหกสิบวันดังกลาวเปนวันที่ผูฟองคดีไดดําเนินการแกไขความเดือดรอน
หรือเสียหายตามขั้นตอนหรือวิธีการที่กฎหมายกําหนดตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยถือวาวันถัดจากวันครบกําหนดเวลาดังกลาว คือวันท่ี ๗ พฤษภาคม
๒๕๕๖ เปนวันท่ีผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี และเปนวันแรกที่เร่ิมใชสิทธิฟองคดี
ขอใหเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ โดยตองย่ืนฟองภายในระยะเวลาเกาสิบวัน
นับแตวันดังกลาว คือ ภายในวันท่ี ๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามมาตรา ๔๙ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาล
ปกครองฯ เมื่อผูฟองคดีย่ืนฟองคดีนี้ในวันท่ี ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ จึงเปนการย่ืนฟองคดี
เม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และปญหาวา
ผูฟองคดีย่ืนฟองคดีภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนดหรือไม เปนปญหาอันเกี่ยวดวย
ความสงบเรียบรอยของประชาชน แมคูกรณีไมไดยกข้ึนกลาวอาง ศาลมีอํานาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัย
ไดตามขอ ๙๒ แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓
แมตอมาผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีหนังสือลงวันท่ี ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖ พิจารณาคําอุทธรณโดยยืน
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง พรอมท้ังแจงสิทธิการฟองคดีตอศาลปกครองภายใน
เกาสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจงคําวินิจฉัยอุทธรณใหผูฟองคดีทราบดวย ซ่ึงผูฟองคดีทราบผล
การพิจารณาอุทธรณเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ก็ไมไดมีผลทําใหกําหนดระยะเวลาการฟองคดี
ขอใหเ พกิ ถอนคาํ สงั่ ของผูถกู ฟอ งคดที ี่ ๑ ตามคาํ ส่งั ลงวนั ที่ ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ตองเริ่มนับใหม
นับแตวันท่ีผูฟองคดีไดรับหนังสือแจงผลการพิจารณาอุทธรณดังกลาว ศาลจึงไมอาจรับคําฟอง
ในสว นท่ีขอใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามคําส่ังลงวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ท่ีเรียกให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนไวพิจารณาได แตโดยที่หนังสือวันท่ี ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖ แจงผล
พิจารณาอุทธรณใหผูฟองคดีทราบวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ยืนตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ซง่ึ คาํ วนิ จิ ฉัยดงั กลาวเปน คาํ สัง่ ทางปกครองทเ่ี กิดขึ้นใหมและมีผลเปนการยืนยันคําส่ังผูถูกฟองคดีที่ ๑
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓