๙๙
ในคํารองอุทธรณวาไดรูถึงเหตุแหงการกระทําอันไมเปนธรรมในวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๖๑ อันแสดงวา
ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงการไดรับความเสียหายในวันดังกลาว และเกิดสิทธิที่ผูฟองคดีจะฟองเรียก
คาเสียหายไดไมวาจะฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๑ หรือท่ี ๒ แตไมไดดําเนินการ โดยผูฟองคดีไดยื่นฟองคดีน้ี
โดยมีคําขอใหเพิกถอนมติของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดีเทาน้ัน อันเปนการฟองคดี
ในขอหาหนวยงานทางปกครองหรอื เจา หนา ท่ขี องรฐั กระทาํ การโดยไมชอบดวยกฎหมาย ตามมาตรา ๙
วรรคหน่ึง (๑) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เม่ือผูฟองคดีขอแกไขเพิ่มเติมคําฟอง
โดยมีคําขอใหผูถูกฟองคดีทั้งสองชดใชคาเสียหายเปนการเสนอขอหาตอศาล อันเปนคําฟอง
ในขอหาการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจ
ตามกฎหมาย หรือจากคําสั่งทางปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
ซ่ึงเปนขอหาท่ีเพ่ิมเติมจากขอหาเดิม ดังน้ัน การที่ผูฟองคดีย่ืนคําฟองในขอหานี้ในวันที่
๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒ จึงเปนการย่ืนฟองเม่ือพนกําหนดหนึ่งปนับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหง
การฟอ งคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พระราชบัญญตั ิดังกลาว ทศี่ าลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับคํารอง
ขอแกไขเพิ่มเติมคําขอทายฟอง ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒ ของผูฟองคดีไวพิจารณา และ
คนื คา ธรรมเนียมศาลทงั้ หมดใหแกผ ฟู องคดี นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพอ งดวย
จงึ มคี าํ สง่ั ยนื ตามคําสัง่ ของศาลปกครองชน้ั ตน
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ คร.๑๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๔๐
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คร.๙๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๔
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ คร.๑๔๕/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๔๒
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ. ๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของผูครอบครองรถยนตโดยสารปรับอากาศ
หมายเลขทะเบียน ๑๐ - ๒๐๐๘ ลําปาง ไดรับความเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดี (กรมทางหลวง)
กระทําการประมาทในการดูแลรักษาตนไมในเขตทางหลวงสายถนนพหลโยธิน เปนเหตุใหตนไม
ขนาดใหญซ่ึงอยูขางทาง บริเวณรองกลางถนน หักโคนลมขวางหนารถยนตโดยสารปรับอากาศ
ของผูฟองคดีที่กําลังแลนอยูบนเสนทางดังกลาวมุงหนาสูจังหวัดเชียงใหม ในระยะ ๑๐ เมตร
โดยพนักงานขับรถยนตของผูฟองคดีตองหามลอในระยะกระชั้นชิด ทําใหรถยนตโดยสารของ
ผูฟองคดีเสียหลักพุงตกลงขางทาง เปนเหตุใหรถยนตของผูฟองคดีไดรับความเสียหาย โดยผูฟองคดี
ไดทวงถามใหผูถูกฟองคดีรับผิดชดใชคาเสียหายแลว แตผูถูกฟองคดีเพิกเฉย ผูฟองคดีจึงนําคดี
มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายจากการซอมแซมรถยนต
โดยสารเปนเงนิ ๒๑๑,๐๐๐ บาท คาขาดประโยชนเปนเวลา ๓๐ วัน วันละ ๕,๐๐๐ บาท เปนเงิน
๑๕๐,๐๐๐ บาท รวมเปนเงิน ๓๖๑,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงิน
๓๖๑,๐๐๐ บาท นับตั้งแตวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๑ เปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ เห็นวา
ขอเท็จจริงปรากฏวา คดีนี้เหตุละเมิดเกิดข้ึนเมื่อวันท่ี ๘ กันยายน ๒๕๕๑ ผูฟองคดีไดฟองคดี
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๐๐
ตอศาลแพง เม่ือวันท่ี ๔ กนั ยายน ๒๕๕๒ จงึ เปน การฟองคดีภายในหนง่ึ ปน บั แตวนั ทรี่ ูหรือควรรูถึง
เหตุแหงการฟองคดีแตไมเกินสิบปนับแตวันที่มีเหตุแหงการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ แตโดยท่ีในระหวางพิจารณาคดีของศาลแพง ผูถูกฟองคดีย่ืนคํารองโตแยง
เขตอํานาจศาลวา คดอี ยูใ นอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง หลังจากน้ัน ศาลแพงไดสง
ความเหน็ โตแยงเขตอํานาจศาลเพ่ือใหศาลปกครองเชียงใหมทําความเห็น ตอมา ศาลปกครองเชียงใหม
พิจารณาแลวเห็นพองดวยกับความเห็นของศาลแพงวา คดีน้ีเขาลักษณะเปนคดีพิพาทเก่ียวกับ
การกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ี
ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ ซ่ึงอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙
วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ จึงไดสงความเห็นเกี่ยวกับอํานาจหนาท่ีระหวาง
ศาลใหศาลแพงทราบ ตอมา ศาลแพงมีคําส่ังลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ใหจําหนายคดี
ออกจากสารบบความเพื่อใหคูความไปฟองคดีใหมตอศาลที่มีเขตอํานาจ ซ่ึงการที่ผูฟองคดีนําคดี
มาฟองใหมตอศาลปกครองเชยี งใหม เมื่อวันท่ี ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๓ นน้ั เปน การฟอ งคดีภายในหกสิบวัน
นับแตวันท่ีศาลแพงมีคําสั่งใหจําหนายคดีตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง (๒) ประกอบขอ ๑๓ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. วาดวยการวินิจฉัยช้ีขาดอํานาจหนาท่ีระหวางศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ในสวนเน้ือหาแหงคดีน้ัน
ภารกิจเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสรางพ้ืนฐานดานทางหลวง การกอสรางและบํารุงรักษาทางหลวง
รวมถึงการดูแลรักษาพืชพันธุตนไมท่ีอยูในเขตทางหลวง และปองกันอุบัติเหตุท่ีอาจเกิดข้ึนในเขต
ทางตลอดจนการบรรเทาสาธารณภัยที่เกิดข้ึนในเขตทางจึงเปนอํานาจหนาที่ตามกฎหมายของ
ผูถูกฟองคดีตามมาตรา ๔ และมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ ประกอบขอ ๑
ของกฎกระทรวงแบงสวนราชการกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ซึ่งเปนกฎกระทรวง
ฉบับท่ีใชบังคับอยูในขณะนั้น เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา แมในวันเกิดเหตุจะมีพายุฝนฟาคะนอง
และลมกระโชกแรง แตปจจัยท่ีทําใหตนไมหักโคนลงจนทําใหเกิดอุบัติเหตุในบริเวณดังกลาว เกิดจาก
ฝนที่ตกตดิ ตอกันเปน เวลาหลายวันทําใหมีปริมาณนํ้าขังสะสมอยูบริเวณรองกลางถนนเปนจํานวนมาก
จนดินออนตวั ลงรากของตนไมไ มสามารถยึดเกาะดินไวได เมื่อมีลมกระโชกแรงตนไมจึงหักโคนลม
ลงไปบริเวณผิวทางจราจรทั้งสองดานในระยะกระช้ันชิด จนเปนเหตุทําใหรถยนตโดยสารปรับอากาศ
ของผูฟองคดีเสียหลักพุงลงขางทางไดรับความเสียหาย ซ่ึงกรณีดังกลาวผูถูกฟองคดีสามารถ
ระวังปองกันภัยไดโดยการจัดใหมีการตัดแตงก่ิงตนไมและคํ้าจุนตนไม หรือตัดทําลายตนไมท่ีมีสภาพ
ไมม่ันคงแข็งแรงใหอยูในสภาพปลอดภัยในชวงฤดูฝน เหตุละเมิดที่เกิดขึ้นจึงมิใชเหตุอันจะใหผลพิบัติ
ท่ีไมสามารถปองกันได อันถือเปนเหตุสุดวิสัยตามมาตรา ๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ที่ผูถูกฟองคดีไมตองรับผิดแตอยางใด แมผูถูกฟองคดีจะอางวาไดจึงตองตรวจตราและบํารุงรักษา
ตน ไมร วมท้งั สภาพของดนิ เปนพิเศษแลว แตเ หน็ ไดชัดวายังหาเพียงพอท่ีจะปองกันมิใหเกิดอันตราย
แกผูฟองคดีและผูใชทางหลวงอื่นไม เหตุละเมิดท่ีเกิดข้ึนจึงถือวาผูถูกฟองคดีละเลยตอหนาที่
ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติในการดูแลบํารุงรักษาตนไมในเขตทางหลวง เปนเหตุทําให
ผูฟองคดีไดรับความเสียหาย อันเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีที่ผูถูกฟองคดีตองรับผิดใช
คา สินไหมทดแทนใหแ กผ ฟู อ งคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว เมื่อขอเท็จจริง
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๐๑
ปรากฏวา ภายหลังเกิดเหตุผูฟองคดีซ่ึงเปนเจาของผูครอบครองเสียคาซอมแซมรถยนตเปนเงิน
๒๑๑,๐๐๐ บาท และในช้ันการฟองคดี ผูฟองคดีขอใหศาลส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชคาขาดประโยชน
จากการขาดรายไดในกรณีที่ไมสามารถใชรถรับสงผูโดยสารไดในระหวางการซอมเปนเวลา ๓๐ วัน
วันละ ๕,๐๐๐ บาท เปนเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท คาเสียหายในสวนน้ีจึงเปนคาสินไหมทดแทนอันจะพึง
บงั คับใหผูถกู ฟองคดใี ชเพื่อความเสยี หายอยางใดๆ อันผูถูกฟองคดีไดกอข้ึนนั้นไดตามมาตรา ๔๓๘
วรรคสอง แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย นอกจากนี้ ผูฟองคดีมีสิทธิไดดอกเบี้ยในจํานวนเงิน
ที่ผูถูกฟองคดีตองใชอีกสวนหนึ่งไดตามมาตรา ๒๐๖ ประกอบมาตรา ๒๒๔ วรรคหน่ึง แหงประมวล
กฎหมายเดียวกัน แตอยางไรก็ตาม เม่ือขณะเกิดเหตุมีฝนตกและมีลมกระโชกแรง อีกท้ังจากที่ปรากฏ
มตี น ไมอน่ื ลมดว ย แสดงวาฝนและลมมคี วามรุนแรงในระดับท่พี นักงานขบั รถสมควรตองใชความระมัดระวัง
เปน พเิ ศษทีจ่ ะหยุดรถไดทนั เมื่อเกิดอุบัติภัย แตพนักงานขับรถยนตของผูฟองคดีไดขับรถยนตโดยสาร
มาในชอ งทางดานขวาอันเปนการฝาฝน มาตรา ๓๕ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
ที่บัญญัติใหผูขับข่ีรถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถจักรยานยนตในทางเดินรถซ่ึงไดแบงชองเดินรถ
ในทิศทางเดียวกันไวต้ังแตสองชองข้ึนไปหรือไดจัดชองเดินรถประจําทางดานซายไวโดยเฉพาะ
ตองขับรถในชองเดินรถดานซายสุดหรือใกลเคียงกับชองเดินรถประจําทางแลวแตกรณี เมื่อมาถึง
ท่เี กิดเหตุตน ไมไมไ ดลม ตดั หนา รถยนตใ นระยะกระชัน้ ชดิ แตตนไมไดลมอยูกอนแลวในชองทางเดินรถ
ดา นขวา หากพนกั งานขับรถยนตไ ดใ ชความเรว็ ท่ีเหมาะสมแกสภาพการณในขณะน้ัน พนักงานขับรถยนต
สามารถเปล่ียนชองทางเดินรถจากชองขวามายังชองซาย ซ่ึงไมมีตนไมลมขวางอยูไดทัน การท่ี
พนกั งานขบั รถยนตไมสามารถเปลีย่ นชอ งทางเดินรถดงั กลา วได แตไดห กั หลบจนเสียหลกั ตกลงขางทาง
แสดงวาพนักงานขับรถยนตของผูฟองคดีไดใชความเร็วมากเกินกวาสภาวะท่ีสมควรในขณะนั้น
จึงฟงไดวา ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีสวนความผิดของฝายผูฟองคดีประกอบดวย ซ่ึงการพิจารณา
คาสินไหมทดแทนตองอาศัยพฤติการณเปนประมาณตามมาตรา ๔๔๒ ประกอบมาตรา ๒๒๓
วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย การที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหผูถูกฟองคดี
รับผิดในคาซอมแซมรถยนตโดยสารปรับอากาศตามท่ีผูฟองคดีเรียกรองเปนเงิน ๒๑๑,๐๐๐ บาท
เต็มตามคําขอแตลดสวนคาขาดประโยชนในการใชรถคันดังกลาว รับสงผูโดยสารลงกึ่งหน่ึงเปนวันละ
๒,๕๐๐ บาท รวม ๓๐ วัน คิดเปนเงิน ๗๕,๐๐๐ บาท รวมเปนเงินคาเสียหายจํานวนทั้งส้ิน
๒๘๖,๐๐๐ บาท และรับผดิ ในดอกเบี้ยผิดนัดอีกรอยละ ๗.๕ ตอปของตนเงินดังกลาวนั้น จึงสูงเกินสวน
สมควรลดคาเสียหายลงอีกรอยละ ๒๐ คิดเปนคาเสียหายจํานวน ๒๒๘,๘๐๐ บาท ท่ีศาลปกครองช้ันตน
พิพากษาใหผูถูกฟองคดีรับผิดชดใชเงินคาเสียหาย เปนเงินจํานวน ๒๘๖,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาวนับแตวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๑ เปนตนไปจนกวา
จะไดช ําระเสรจ็ ส้นิ ใหแ กผูฟองคดีและใหคืนคาธรรมเนียมศาลตามสวนแหงการชนะคดีใหแกผูฟองคดี
สว นคําขออ่ืน นอกจากนี้ใหย ก น้นั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวยบางสวน
พิพากษาแก เปนใหผูถูกฟองคดีรับผิดชดใชเงินคาเสียหาย เปนเงินจํานวน
๒๒๘,๘๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาวนับแตวันท่ี
๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๑ เปนตนไปจนกวาจะไดชําระเสร็จส้ินใหแกผูฟองคดี ทั้งน้ี ภายใน ๖๐ วัน
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๐๒
นับแตวันท่ีศาลมีคําพิพากษาคืนคาธรรมเนียมศาลในศาลปกครองช้ันตนตามสวนแหงการชนะคดี
ใหแกผ ฟู องคดี และคืนคาธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณตามสวนแหงการชนะคดีใหแกผูถูกฟองคดี
นอกจากทแ่ี กใหเปนไปตามคําพพิ ากษาของศาลปกครองช้ันตน
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๒๒๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (มหาวิทยาลัยนเรศวร) ฟองวา เม่ือป พ.ศ. ๒๕๕๒ คณะสังคมศาสตร
มหาวิทยาลัยนเรศวร ไดรับการรองเรียนจากนิสิตคณะสังคมศาสตรผูมีสิทธิไดรับทุนการศึกษาวา
ไมไดรับเงินทุนการศึกษา คณบดีคณะสังคมศาสตรจึงมีคําส่ังลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ ๒๕๕๒
แตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริง ผลการสอบสวนขอเท็จจริงพบวา ผูถูกฟองคดีในฐานะ
รองคณบดีฝา ยกิจการนิสิต คณะสังคมศาสตร ไมไดจายเงินทุนการศึกษาใหแกนิสิตอยางครบถวน
แตไดนําเงินทุนบางสวนไปใชสวนตัวตั้งแตปการศึกษา ๒๕๔๙ ถึงปการศึกษา ๒๕๕๑ ผูฟองคดี
โดยอธิการบดีจึงมีคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยผูถูกฟองคดี ตอมา ไดมีการกลาวหา
ผูถูกฟองคดีเพ่ิมเติมอีก ๒ กรณี ไดแก กรณีไมปฏิบัติตามระเบียบในเร่ืองการยืมเงินทดรองราชการ
ไมคืนเงินยืมทดรองราชการเพ่ือจัดทําโครงการจัดสรางวัตถุมงคลคณะสังคมศาสตรเม่ือป พ.ศ. ๒๕๕๐
และกรณีมปี ญหาเกี่ยวกบั การรับจายเงนิ นอกงบประมาณของสาขาวิชาประวัติศาสตร ผูฟองคดีจึงมีคําส่ัง
แตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยใหสอบสวนเพ่ิมเติมตามขอกลาวหาดังกลาว คณะกรรมการสอบสวน
วินัยไดสอบสวนพิจารณาแลวไดรายงานผลการสอบสวนวา ผูถูกฟองคดีไดทุจริตตอหนาที่ราชการ
และทําผิดตามท่ีถูกกลาวหาจริง เห็นควรใหลงโทษปลดผูถูกฟองคดีออกจากงาน รวมท้ังใหดําเนินการ
หาผูรับผิดทางละเมิด ผูฟองคดีจึงมีคําส่ังลงวันท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓ แตงตั้งคณะกรรมการสอบ
ขอ เทจ็ จรงิ ความรบั ผิดทางละเมิด จากนั้นคณะกรรมการดังกลาวมีหนังสือลงวันท่ี ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๓
รายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด โดยแยกพิจารณาเปน ๓ กรณี ดังนี้
(๑) กรณีนิสิตไมไดรับเงินทุนการศึกษา ยังคงเหลือเงินที่ถูกเบียดบังไปอีก ๓๒๗,๕๐๐ บาท
จงึ สมควรใหผูถูกฟองคดีชดใชเงินจํานวนท่ียังคางอยูดังกลาวใหแกทางราชการ พรอมดอกเบ้ียผิดนัด
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๒ เปนตนไป จนกวาจะชําระเสร็จ
(๒) กรณีไมคืนเงินทดรองราชการ ทางราชการยังคงเสียหายคิดเปนเงิน ๑,๒๘๑,๔๔๔.๑๖ บาท
จึงสมควรใหผูถูกฟองคดีชดใชเงินดังกลาว พรอมดอกเบ้ียตามอัตราดอกเบ้ียเงินฝากประจํา
ประเภท ๑๒ เดือน ท่ีธนาคารแหง ประเทศไทยกาํ หนดนบั แตว นั ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ เปนตนไป
จนกวาจะชําระเสร็จ และ (๓) กรณีการบริหารเงินสาขาประวัติศาสตร เน่ืองจากมิใชเงินของทางราชการ
หรือของหนวยงานของรัฐ จึงยุติเร่ือง ผูฟองคดีโดยอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวรไดรับทราบ
รายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดแลว ไดรายงานใหกระทรวงการคลังเพ่ือพิจารณา
แตกระทรวงการคลังยังไมแจงผลการพิจารณา และเพื่อมิใหคดีขาดอายุความ อธิการบดีมหาวิทยาลัย
นเรศวรจึงมีคําสั่งลงวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ เรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชเงินพรอมดอกเบี้ย
ตามผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดดังกลาว โดยมีหนังสือลงวันท่ี ๑๘ กันยายน ๒๕๕๕
สงคําส่ังพรอมท้ังแจงใหผูถูกฟองคดีชําระเงินภายใน ๓๐ วัน นับแตรับทราบคําสั่ง ผูถูกฟองคดี
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๐๓
ไดรับหนังสือดังกลาวทางไปรษณียลงทะเบียนดวนพิเศษ เม่ือวันท่ี ๒๐ กันยายน ๒๕๕๕ แตไมนําเงิน
มาชําระคืนใหแกทางราชการภายในเวลาท่ีกําหนด ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือมคี ําสง่ั ใหผถู กู ฟอ งคดีชดใชเงินจํานวน ๓๒๗,๕๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
นับแตวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๒ ถึงวันฟองคดีเปนเงิน ๙๖,๒๙๘.๔๖ บาท และดอกเบี้ยในอัตรารอยละ
๗.๕ ตอป ของตนเงิน ๓๒๗,๕๐๐ บาท นับถัดจากวันฟองจนกวาผูถูกฟองคดีจะชําระเสร็จ
และใหชดใชเงินจํานวน ๑,๒๘๑,๔๔๔.๑๖ บาท พรอมดอกเบ้ียตามอัตราดอกเบ้ียเงินฝากประจํา
๑๒ เดือน ที่ธนาคารแหงประเทศไทยกําหนด ณ วันฟอง นับแตวันท่ี ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓
ถึงวันฟองคดีเปนเงิน ๙๗,๗๘๔.๗๒ บาท และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจํา ๑๒ เดือน ที่ธนาคาร
แหง ประเทศไทยกําหนด ณ วันชําระเงินจากตนเงิน ๑,๒๘๑,๔๔๔.๑๖ บาท นับแตวันฟองจนกวา
ผูถูกฟองคดีจะชําระเสร็จ เห็นวา การกระทําตามกรณีท่ีมีคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชเงินนั้น
เปนการกระทาํ ในฐานะเปนเจา หนาท่ีของผูฟองคดีท้ังในสวนเก่ียวกับเงินทุนการศึกษา และการยืมเงิน
ทดรองราชการเพ่ือใชในโครงการจัดสรางวัตถุมงคลของคณะสังคมศาสตร กรณีจึงเปนการกระทํา
ในการปฏบิ ัตหิ นา ที่ การเรียกใหรับผิดชดใชเงินยอมอยูในบังคับมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือผูฟองคดีโดยอธิการบดีมหาวิทยาลัย
นเรศวรไดม ีคาํ สั่งลงวันท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิด และคณะกรรมการดังกลาวเห็นวา ผูถูกฟองคดีจงใจทําใหทางราชการเสียหายทั้งสอง
กรณี นาย ช. รักษาการในตําแหนงหัวหนางานวินัยจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๓๑ มกราคม ๒๕๕๔
เสนอรายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตออธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร
และตอมา มหาวิทยาลัยนเรศวรไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๔ รายงานผลการสอบสวน
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไปยังกรมบัญชีกลางเพื่อพิจารณา โดยมีรองอธิการบดี ปฏิบัติหนาที่
แทนอธิการบดีเปนผูลงนามในหนังสือดังกลาว ถึงแมตอมา จะปรากฏขอเท็จจริงวา อธิการบดี
มหาวิทยาลัยนเรศวรไดลงนามในรายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเม่ือวันที่
๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔ โดยเปนการลงนามเพ่ือใหมีการนําเขาวาระการประชุมกรรมการบริหาร
มหาวิทยาลัย กรณีจึงตองถือวา วันที่รองอธิการบดีไดลงนามในหนังสือถึงกรมบัญชีกลางเปนวันท่ี
อยางชาที่สุดที่ผูฟองคดีไดรูหรือควรรูถึงการกระทําละเมิดและรูตัวเจาหนาที่ผูพึงจะตองใช
คาสินไหมทดแทน เม่ือตอมา ผูฟองคดีโดยอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวรมีคําสั่งลงวันที่
๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ เรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชเงินพรอมดอกเบ้ียตามผลการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดดังกลาว โดยมีหนังสือลงวันท่ี ๑๘ กันยายน ๒๕๕๕ สงคําส่ังพรอมแจงให
ผูถูกฟองคดีชําระเงินภายใน ๓๐ วัน นับแตรับทราบคําสั่ง ผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือดังกลาว
โดยชอบแลว เม่อื วันที่ ๒๐ กนั ยายน ๒๕๕๕ แตไมไ ดน าํ เงินไปชําระภายในกําหนด คือ ภายในวันที่
๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ จึงเปนกรณีท่ีผูฟองคดีไดมีคําส่ังใหผูถูกฟองคดีรับผิดภายในระยะเวลาสองป
ตามนัยมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว อันเปนผลใหอายุความสะดุดหยุดลง
ตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และเม่ือตอมาปรากฏขอเท็จจริงวา
หลังจากพนวันที่ครบกําหนดเรียกใหผูถูกฟองคดีชําระหนี้แลว แตผูถูกฟองคดีไมชําระ ผูฟองคดี
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๐๔
จึงไดนําคดีมาย่ืนฟองตอศาลปกครองชั้นตน อันเปนกรณีที่ผูฟองคดีแสดงออกวา ผูฟองคดี
ไดมีอุปสรรคหรือขอขัดของท่ีจะบังคับตามคําสั่งเรียกใหชดใชเงินดังกลาวนับแตวันที่ครบกําหนด
ใหผูถูกฟองคดีชําระหน้ี โดยไดยื่นฟองคดีตอศาลเม่ือวันท่ี ๓๑ มกราคม ๒๕๕๖ กรณีจึงเปน
การยื่นฟองเปนคดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ภายใน
กําหนดอายุความหนึ่งปตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว การท่ีผูถูกฟองคดีอางวา
ผูฟอ งคดรี ถู ึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาท่ีผูพึงตองใชคาสินไหมทดแทนเม่ือวันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๕๓
อนั เปนวนั ท่ีมีการประชุมคณะกรรมการบรหิ ารมหาวทิ ยาลัย หรอื รถู งึ การละเมิดและรูตัวเจาหนาที่
ผูพึงตองใชคาสินไหมทดแทนเม่ือวันที่คณะกรรมการสอบสวนหาขอเท็จจริงตามคําสั่งคณะสังคมศาสตร
ไดรายงานผลการสอบสวนตออธิการบดีตามหนังสือลงวันท่ี – มิถุนายน ๒๕๕๒ ฝายกฎหมาย
ของสํานักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร รับไวเมื่อวันท่ี ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๒ หรือวันที่
รายงานการสอบสวน (แบบ สว. ๖) ของคณะกรรมการสอบสวนที่มีถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร
ตามคาํ สงั่ ลงวันท่ี ๒๙ มถิ ุนายน ๒๕๕๒ และคําส่ังลงวันท่ี ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๒ ประธานคณะกรรมการฯ
ดังกลา วทราบคําสั่งเม่ือวันท่ี ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ หรือตามคําส่ังลงวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ น้ัน
การดําเนินการดังกลาวเปนการดําเนินการในข้ันตอนการสอบสวนขอเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดทางวินัย
ไมใ ชการพจิ ารณาในสว นของความรับผดิ ทางละเมิดของเจาหนาที่ตามกฎหมายวาดวยความรับผิด
ทางละเมิด ดังน้ัน กรณีจึงไมอาจนํามากลาวอางวา ผูฟองคดีไดรูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาที่
ผูพึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนนับต้ังแตวันดังกลาวไดแตอยางใด และเมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา
กรณีเงินทุนการศึกษา นาย ว. และนางสาว ร. เปนเพียงเจาหนาที่ไดปฏิบัติหนาที่ตามคําสั่ง
จากผฟู องคดซี งึ่ เปนผูบังคับบัญชาโดยตรง อันเปนการกระทําตามหนาที่ที่ไดรับมอบหมายและตามคําส่ัง
ของผูบงั คับบญั ชา กับทัง้ ไมปรากฏวาบุคคลท้ังสองไดมีสวนเก่ียวของหรือมีสวนไดรับผลประโยชน
ตอบแทนโดยมิชอบดวยกฎหมายจากผูฟอ งคดี สวนกรณียมื เงนิ ทดรองราชการนั้น ถึงแมวานาย ช.
จะเปนผูลงนามในสัญญายืมเงินดังกลาวจริงตามที่ผูถูกฟองคดีกลาวอางก็ตาม แตเนื่องจาก
โครงการจัดทําวัตถุมงคลคณะสังคมศาสตร เปนโครงการที่อยูในความรับผิดชอบของผูถูกฟองคดี
โดยตรง และผูถูกฟองคดีก็ลงนามเปนผูรับเงินดวยตนเอง เมื่อผูถูกฟองคดีรับเงินมาแลว
กลับไมนําเอาเงินดังกลาวไปใชตามวัตถุประสงคของโครงการ ความเสียหายท่ีเกิดข้ึนจึงเปนผล
โดยตรงจากการกระทําของผูถูกฟองคดี เม่ือขอเท็จจริงเก่ียวกับการกระทําละเมิดรับฟงไดตอไปวา
กรณีการทุจริตเงินทุนการศึกษาของนิสิตคณะสังคมศาสตร น้ัน ผูถูกฟองคดีในฐานะรองคณบดี
ฝายกิจการนิสิต คณะสังคมศาสตร และประธานคณะกรรมการกองทุนสงเสริมการศึกษา
ประจําคณะสังคมศาสตร มีหนาท่ีรับผิดชอบในการดําเนินการของกองทุนสงเสริมการศึกษา
คณะสงั คมศาสตร ภายหลังจากท่ีไดรบั การจัดสรรเงนิ แลว ผูถูกฟองคดไี มไ ดนําไปจัดสรรใหแ กนิสิต
ที่ไดรับทุนใหครบถวน โดยนําเงินท่ีไดรับมาโอนเขาบัญชีสวนตัวของผูถูกฟองคดีและเบียดบังเงิน
บางสวนไปใชประโยชนสวนตัว ตั้งแตปการศึกษา ๒๕๔๙ ถึงปการศึกษา ๒๕๕๑ เปนเงิน
ทุนการศึกษาของนิสิตท่ีมีสิทธิไดรับทุนท้ังหมด ๕๓ คน เปนเงินทั้งส้ินจํานวน ๑,๑๔๐,๐๐๐ บาท
ผูถูกฟองคดีนําไปจายใหแกนิสิตเพียง ๓๒ คน เปนเงินจํานวน ๓๗๒,๕๐๐ บาท ภายหลัง
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๐๕
นาํ มาคืนใหจ ํานวน ๔๔๐,๐๐๐ บาท จึงยังคงเหลือเงินท่ีถูกเบียดบังไปอีกจํานวน ๓๒๗,๕๐๐ บาท
สวนกรณีการใชเงินโครงการสรางวัตถุมงคล คณะสังคมศาสตรไมเปนไปตามวัตถุประสงค นั้น
ผูถูกฟองคดีเปนผูรับผิดชอบจัดทําโครงการดังกลาว แตเมื่อไดรับอนุมัติเงินทดรองราชการ
จากผูฟองคดีจํานวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท แลว ไมไดนําไปดําเนินการใหเปนไปตามวัตถุประสงค
ของโครงการ หลังจากท่ีครบกําหนดการยืมเงินทดรองราชการ ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือขอขยาย
ระยะเวลาการคืนเงินออกไปจํานวนหลายครั้ง ซ่ึงครั้งสุดทายผูฟองคดีอนุมัติใหขยายระยะเวลา
การคืนออกไปจนถึงวันท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ แตเมื่อครบกําหนด ผูถูกฟองคดีก็ยังมิได
นําเงินมาคืน ผูฟองคดีไดใชมาตรการหักเงินเดือนของผูถูกฟองคดีมาชําระคาเสียหายตั้งแต
เดอื นสงิ หาคม ๒๕๕๒ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๓ เปนเวลา ๑๔ เดือน เปนเงินจํานวน ๒๗๖,๐๑๒ บาท
เม่ือนําเงินที่หักจากเงินเดือนของผูถูกฟองคดีหักออกจากความเสียหายแลว ผูฟองคดียังคงไดรับ
ความเสียหายอีกเปนเงินจํานวน ๑,๒๘๑,๔๔๔.๑๖ บาท กรณีจึงเห็นไดวา ผูถูกฟองคดีไดกระทําการ
อันผิดตอกฎหมาย โดยจงใจเบียดบังเงินของทางราชการและทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย
อันเปนความเสียหายโดยตรงจากการกระทําดังกลาว จึงเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี
เมือ่ พิจารณาถงึ ความเสียหายท่ีเกิดข้ึนแกผูฟองคดีและพิจารณาถึงระดับความรายแรงแหงการกระทํา
และความเปนธรรม ตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ เห็นไดวา พฤติการณของผูถูกฟองคดีเปนการกระทําที่มีความรายแรง ผูถูกฟองคดี
จึงตองรับผิดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีเต็มตามจํานวนความเสียหาย อีกท้ังไมปรากฏวา
การละเมิดสวนหนึ่งเกิดจากความผิดหรือความบกพรองของหนวยงานของรัฐหรือจากระบบ
การดาํ เนินงานสวนรวม จงึ ไมม ีกรณที ี่ตองหกั สวนความรบั ผิดดังกลาวออกตามมาตรา ๘ วรรคสาม
แหง พระราชบญั ญัตดิ ังกลาว ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหผูถูกฟองคดีชดใชเงินคาสินไหมทดแทน
กรณีทุจริตเงินทุนการศึกษาใหแกผูฟองคดี จํานวน ๓๒๗,๕๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละ
๗.๕ ตอป นับแตวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๒ เปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ และชดใชเงินกรณี
ไมจายคืนเงินยืมทดรองราชการใหแกผูฟองคดี จํานวน ๑,๒๘๑,๔๔๔.๑๖ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจํา ๑๒ เดือน ท่ีธนาคารแหงประเทศไทยกําหนด ณ วันที่
ชําระเงิน นับแตวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ เปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ และใหคืนคาธรรมเนียมศาล
ทั้งหมดแกผูฟองคดี น้ัน ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย อยางไรก็ดี โดยท่ีศาลปกครองช้ันตน
มิไดกําหนดระยะเวลาการปฏิบัติตามคําพิพากษาตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดตั้งศาลปกครองฯ ไว อาจเปนเหตุใหการปฏิบัติตามคําพิพากษาไมเปนผลหรือเน่ินชาออกไป
ซ่ึงถือไดวาปญหาการปฏิบัติตามคําพิพากษาของศาลเปนปญหาอันเก่ียวดวยความสงบเรียบรอย
ของประชาชนตามขอ ๙๒ แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓ ศาลปกครองสงู สุดจึงยกขึ้นวินิจฉัยและกําหนดระยะเวลาการปฏิบัติตามคําพิพากษา
ดังกลาวไดต ามขอ กฎหมายดังกลา ว
พิพากษาแก เปนใหผูถูกฟองคดีชดใชเงินคาสินไหมทดแทนกรณีทุจริต
เงินทุนการศึกษาจํานวน ๓๒๗,๕๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันท่ี
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๐๖
๓ มีนาคม ๒๕๕๒ เปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ และชดใชเงินกรณีไมจายคืนเงินยืมทดรอง
ราชการจํานวน ๑,๒๘๑,๔๔๔.๑๖ บาท พรอมดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบ้ียเงินฝากประเภท
ฝากประจํา ๑๒ เดือน ที่ธนาคารแหงประเทศไทยกําหนด ณ วันที่ชําระเงิน นับแตวันท่ี
๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ เปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ ใหแกผูฟองคดีภายใน ๖๐ วัน นับแตวันที่
ศาลมีคําพพิ ากษา นอกจากที่แกใหเ ปนไปตามคาํ พพิ ากษาของศาลปกครองช้นั ตน
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๒๖๙/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๔๕
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๔๔๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๒๙๔๓๓
ตําบลหนองขวาว อําเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร เน้ือท่ี ๙๖ ตารางวา รับโอนมรดกท่ีดินพิพาท
มาจากนาย ม. บิดาของผูฟองคดี เมื่อวันท่ี ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตอมา ประมาณเดือนเมษายน ๒๕๕๘
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ถึงที่ ๓ (กํานันตําบลหนองขวาว ที่ ๑ ผูใหญบาน บานหนองน้ําขุน หมูที่ ๖
ตําบลหนองขวาว ที่ ๒ องคการบริหารสวนจังหวัดสุรินทร ท่ี ๓) ไดดําเนินการกอสรางถนนคอนกรีต
เสรมิ เหล็กทับท่ดี ินพิพาทของผูฟองคดีเกือบทั้งแปลง ผูฟองคดีเห็นวากอนดําเนินการกอสรางถนนคอนกรีต
เสริมเหล็กทบั ท่ดี ินพิพาทของผฟู องคดี ผูถ ูกฟองคดที ่ี ๑ ถึงท่ี ๓ ไมไดตรวจสอบวาท่ีดินพิพาทมีเอกสาร
แสดงสทิ ธิในท่ีดนิ หรือไม และไมไดสรางทางสาธารณประโยชนตามทางเดิมท่ีมีอยูแลว เปนเหตุให
ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ถึงที่ ๔ (องคการบริหารสวนตําบลหนองขวาว) ร้ือถอนถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก
และขนยายออกไปจากทีด่ นิ ตามโฉนดท่ดี นิ เลขท่ี ๒๙๔๓๓ ของผฟู อ งคดใี หหมดส้ินภายใน ๓๐ วัน
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา นาย ม. บิดาผูฟองคดีไดอุทิศที่ดินพิพาทใหเปน
ทางสาธารณประโยชนเพ่ือใหประชาชนในหมูบานใชสัญจรรวมกันต้ังแตป ๒๕๒๒ โดยประชาชน
รวมกันขุดดินทําทางสาธารณะดังกลาวและใชสัญจรต้ังแตน้ันเปนตนมา ตอมา ในป ๒๕๓๗
ไดมกี ารลงหินคลุก และในป ๒๕๔๙ ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดทําการกอสรางใหถนนดังกลาวเปนถนนคอนกรีต
เสริมเหล็กขึ้น ประกอบกับเมื่อไดพิจารณาแผนที่พิพาทที่สํานักงานท่ีดินจังหวัดสุรินทร สาขาศีขรภูมิ
สงตอศาลแลว ปรากฏวา ตําแหนงทางพิพาทสามารถเห็นไดอยางชัดเจนวาแตกตางจากแนวเขต
ทางสาธารณะเดิม เนื่องจากทางสาธารณะเดิมมีตําแหนงอยูที่แนวเขตที่ดินดานทิศเหนือของท่ีดิน
ผูฟองคดี แตตําแหนงทางพิพาทมีลักษณะโคงเขาไปในที่ดินของผูฟองคดี ทําใหที่ดินของผูฟองคดี
แยกออกเปนสองแปลง ตําแหนงทางพิพาทจึงมีลักษณะแตกตางจากทางสาธารณะเดิมอยางชัดเจน
และเม่ือพจิ ารณาภาพถายบริเวณท่ีพิพาทปรากฏวา ทางพิพาทโคงเขาไปในท่ีดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๙๔๓๓
ของผูฟองคดี ทําใหบานของบิดาผูฟองคดีอยูใกลทางพิพาทสามารถเขาออกทางพิพาทไดสะดวกกวา
ทางสาธารณะเดิมอีกดวย การที่ทางพิพาทมีตําแหนงแตกตางจากทางสาธารณะเดิมจนสามารถ
เห็นไดอยางชัดเจน อีกท้ังทางพิพาทก็อยูใกลบานพักอาศัยของบิดาผูฟองคดี บิดาผูฟองคดียอมตองรู
ถึงตําแหนงทางพิพาทดังกลาวแลว แตก็ไมปรากฏหลักฐานใดที่แสดงใหเห็นวาบิดาผูฟองคดี
หรือผคู รอบครองที่ดนิ ตอ มาไดค ัดคานหวงหา มหรอื สงวนสิทธมิ ใิ หบุคคลท่ัวไปใชที่ดนิ บริเวณพิพาท
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๐๗
ในการสญั จรเปน ทางสาธารณะแตป ระการใด เมื่อเจาของที่ดินในขณะน้ันไดมีการอุทิศที่ดินใหเปน
ทางสาธารณประโยชนโ ดยปรยิ ายไปแลว กรณีจึงถือไดวา ท่ีดินในสวนพิพาทจึงตกเปนท่ีดินของรัฐ
หรือสาธารณสมบัติของแผนดินประเภททรัพยสินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน ตามมาตรา ๑๓๐๔ (๒)
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๓ มีอํานาจหนาท่ีในการจัดใหมีและ
บํารุงรักษาทางบกรวมกับองคกรปกครองสวนทองถิ่นอื่น ตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง (๘) แหง พ.ร.บ.
องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ ประกอบกับกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความใน
พ.ร.บ. องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และผูถูกฟองคดีท่ี ๔ มีอํานาจหนาที่ในการจัด
ใหมแี ละบํารุงรกั ษาทางบก ตามมาตรา ๑๖ (๒) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและข้ันตอนการกระจายอํานาจ
ใหแกองคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ และมาตรา ๖๗ (๑) แหง พ.ร.บ. สภาตําบล
และองคการบริหารสวนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ จึงยอมมีอํานาจหนาท่ีตามกฎหมายในกรณีการดําเนินการ
กอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กสายบานสําโรง ตําบลระแงง เช่ือมตอบานหนองน้ําขุน ตําบลหนองขวาว
ซ่ึงอยูในเขตการปกครองของผูถูกฟองคดีที่ ๓ และที่ ๔ โดยสามารถดําเนินการผานที่ดินโฉนดที่ดิน
เลขท่ี ๒๙๔๓๓ ซึ่งเปนท่ีดินพิพาทในคดีนี้บางสวนในสวนท่ีเปนทางสาธารณะสําหรับพลเมืองใชรวมกันได
การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๓ กอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กทับเขาไปในที่ดินโฉนดเลขท่ี ๒๙๔๓๓
ของผูฟองคดีบางสวนเนื้อท่ี ๓๒ ตารางวา จึงเปนการกอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กโดยที่มีอํานาจ
ตามกฎหมายใหส ามารถกระทําได จึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี ตามประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย มาตรา ๔๒๐ ผูถูกฟองคดีที่ ๓ จึงไมตองรับผิดหรือตองกระทําการแกไข
ความเดือดรอนเสียหายใหแกผูฟองคดีดวยการรื้อถอนถนนคอนกรีตเสริมเหล็กในสวนที่กอสราง
ผานท่ีดนิ พิพาทแตอยางใด
สําหรับกรณีท่ีผูฟองคดีใชสิทธิยื่นฟองเม่ือพนระยะเวลาหรือไม นั้น เม่ือผูฟองคดี
ฟองวา ผูถกู ฟอ งคดที ่ี ๓ กอสรา งถนนคอนกรีตเสริมเหลก็ ทับที่ดินของตน ขอใหมีการร้ือถอนถนนคอนกรีต
ดงั กลาวออกไปจากทดี่ ิน จึงเปนการฟองคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานของรัฐ
อันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
เม่ือที่ดินพิพาทท่ีผูฟองคดีรับโอนมานั้นเปนการไดมาในทางมรดกจากบิดาซึ่งเปนผูมีสิทธิ
ครอบครองท่ีดินดังกลาวอยูเดิม และไดใหประชาชนทั่วไปใชที่ดินบางสวนเปนทางสาธารณประโยชน
ตอเนือ่ งตลอดมา โดยทีม่ ิไดคดั คา นหวงกนั หรือสงวนสิทธิไว ที่ดินสวนดังกลาวจึงตกเปนที่สาธารณสมบัติ
ของแผนดินท่ีพลเมืองใชรวมกันแลว และขณะท่ีมีการกอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กผานบนที่ดินพิพาท
บคุ คลทีเ่ ปนเจาของเดิมและผทู คี่ รอบครองตอมารับทราบถึงการกอสรางถนนดังกลาวแลวแตไมได
โตแยงคัดคาน จึงไมอาจยกขออางถึงการพรากเอาทรัพยไปแลวใชสิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพยดังกลาวได
เม่อื ผูฟอ งคดีในฐานะเจาของท่ีดินคนปจจุบันเปนเพียงผูรับโอนท่ีดินจากเจามรดก สิทธิท่ีผูฟองคดี
มอี ยูใ นฐานะผรู ับโอนยอมตอ งไมมีสทิ ธดิ ไี ปกวา ผูโอน ผูฟองคดีจึงไมอาจอางสิทธิเพื่อติดตามเอาทรัพย
ของตนคืนตามหลักกรรมสิทธ์ิไดเชนกัน ดังน้ัน การฟองคดีน้ีจึงมิใชเปนการฟองเพื่อติดตามเอาทรัพยคืน
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๓๖ อันจะทําใหคดีไมมีอายุความ ระยะเวลา
การฟองคดีนี้จึงตองนับแตมีการกอสรางถนนผานท่ีดินพิพาทแลว การรังวัดสอบเขตท่ีดินจึงไมใช
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๐๘
เปนเหตุท่ีจะใหเริ่มนับระยะเวลาการฟองคดีน้ีได เม่ือถนนคอนกรีตเสริมเหล็กดังกลาวไดดําเนินการ
กอสรางแลวเสร็จและสงมอบเม่ือวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๙ การที่ผูฟองคดีนําคดีมาย่ืนฟองตอ
ศาลปกครองช้ันตนเม่ือวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จึงเปนการยื่นฟองคดีเม่ือพนระยะเวลา
การฟองคดแี ลว ท่ีศาลปกครองชนั้ ตน พพิ ากษาใหผถู ูกฟองคดีที่ ๓ และที่ ๔ รื้อถอนถนนคอนกรีต
เสริมเหล็กในสวนท่ีกอสรางผานท่ีดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๙๔๓๓ เนื้อที่ประมาณ ๓๒ ตารางวา
ตามแนวเสนสเี ขียวในรูปแผนทีพ่ พิ าท (ร.ว.๙) และดาํ เนนิ การปรบั สภาพที่ดินแปลงดังกลาวใหเปน
เชน เดมิ ทงั้ น้ี ภายในหกสิบวันนบั แตว นั ที่คดีถึงท่ีสดุ นัน้ ศาลปกครองสูงสุดไมเ หน็ พอ งดว ย
พิพากษากลบั เปนใหย กฟอ ง
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๖๖๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูมีชื่อถือสิทธิครอบครองที่ดินตามหลักฐาน
หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ตําบลวังแดง อําเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ จํานวน
๒๒ แปลง โดยซ้อื มาจากนาง ส. ซง่ึ ซือ้ ตอ มาจากผูถูกฟองคดีที่ ๕ (นาย น.) และนาง ข. โดยสุจริต
เสียคาตอบแทน และจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาท่ีอยางถูกตอง แตภายหลังจากที่ผูฟองคดี
รับโอนท่ีดินตาม น.ส. ๓ ก. ท่ีพิพาททั้ง ๒๒ แปลงแลว ผูฟองคดีไดรับแจงการเพิกถอน น.ส. ๓ ก.
ท้ัง ๒๒ ฉบับดังกลาว โดยอางวาที่ดินทั้ง ๒๒ แปลง เปนท่ีดินที่แบงแยกมาจาก น.ส. ๓ ท่ีออก
โดยไมชอบดวยกฎหมาย เน่ืองจากเปน น.ส. ๓ ที่มีการปลอมแปลงข้ึนและออกในเขตที่ดิน
ปาสงวนแหงชาติ ปาดงชางดี ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (กรมที่ดิน) จึงมีคําส่ังลงวันท่ี ๑ กันยายน ๒๕๔๘
ใหเพิกถอน น.ส. ๓ ก. ทั้ง ๒๒ ฉบับของผูฟองคดี ผูฟองคดีเห็นวา การกระทําดังกลาวเกิดจาก
การทุจริตของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ (นาย ส.) และผูถูกฟองคดีที่ ๕ รวมกันปลอมแปลงหนังสือ
รบั รองการทําประโยชนแ ละเอกสารตางๆ ที่เกี่ยวของ และรวมกันออกหนังสือรับรองการทําประโยชน
ในเขตปาสงวนแหงชาติ ทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหายท่ีตองเสียรายไดจากการนําที่ดิน
ดังกลาวไปจําหนาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังหา
(กรมการปกครอง ที่ ๑ นาย ม. ที่ ๔) รวมกันหรือแทนกันชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีเปนเงิน
๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท
นบั ถดั จากวันฟอ งคดีเปน ตนไปจนกวา จะชําระเสร็จ
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาลแพงเปน
คดีหมายเลขดําที่ ๔๓๙๐/๒๕๔๙ แตผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ถึงท่ี ๓ ในฐานะจําเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓
ในคดีดังกลาวย่ืนคํารองตอศาลแพงวา คําฟองของผูฟองคดีเปนคดีพิพาทท่ีอยูในอํานาจ
การพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง และขอใหศาลแพงดําเนินการตามมาตรา ๑๐
แหง พ.ร.บ. วาดวยการวินิจฉัยชี้ขาดอํานาจหนาท่ีระหวางศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งศาลแพงและ
ศาลปกครองกลางมีความเห็นพองกันวา กรณีเปนขอพิพาทที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษา
ของศาลปกครอง ศาลแพงจึงมีคําส่ัง ลงวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๕๐ ใหจําหนายคดีออกจาก
สารบบความ และผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาลปกครองช้ันตน (ศาลปกครองกลาง) เปนคดีนี้
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๐๙
โดยผูฟองคดีฟองวา การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๒ มีคําส่ังลงวันท่ี ๑ กันยายน ๒๕๔๘ เพิกถอน
น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๓๐๘๘ ถึงเลขที่ ๓๕๘๙ ตําบลวังแดง อําเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ
ซ่ึงรวมถึงท่ีดินของผูฟองคดีท้ัง ๒๒ แปลงดวย ทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย ขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีทั้งหารวมกันหรือแทนกันชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี
เปนเงิน ๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาว
กรณีจึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐ
อันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
ซึ่งมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน บัญญัติใหคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิด
ของหนว ยงานทางปกครองหรือเจา หนาทขี่ องรัฐมีระยะเวลาการฟองคดีภายในหนึ่งป นับแตวันที่รู
หรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี ดังน้ัน เมื่อผูฟองคดีไดรับแจงคําสั่งลงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๔๘
ซ่ึงเปนคําส่ังทางปกครองท่ีเปนเหตุแหงการฟองคดีน้ีเม่ือวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๘ ปรากฏ
ตามหลักฐานใบตอบรับไปรษณียลงทะเบียน วันดังกลาวจึงเปนวันท่ีผูฟองคดีรูหรือควรรู
ถึงเหตุแหงการฟองคดี ผูฟองคดีจึงตองใชสิทธิฟองคดีตอศาลภายในหนึ่งปนับแตวันดังกลาว
คือ ภายในวันท่ี ๑๓ กันยายน ๒๕๔๙ เม่ือผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาลแพงเปนคดีหมายเลขดํา
ท่ี ๔๓๙๐/๒๕๔๙ เม่ือวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๔๙ กรณีจึงเปนการยื่นฟองเมื่อพนกําหนดหน่ึงป
นับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
ประกอบกบั คดนี เี้ ปนการฟองเรยี กใหผ ถู กู ฟองคดีทั้งหา รวมกันหรอื แทนกนั ชําระคา สินไหมทดแทน
ในมูลละเมิด จึงเปนไปเพื่อประโยชนของผูฟองคดีโดยตรง มิใชเปนการฟองคดีท่ีเปนประโยชน
แกประชาชนท่ัวไปอันจะถือเปนประโยชนแกสวนรวม อีกทั้งไมปรากฏวามีเหตุจําเปนอ่ืน
ที่เปนอุปสรรคขัดขวางทําใหผูฟองคดีไมอาจยื่นฟองคดีตอศาลภายในกําหนดเวลาดังกลาว
ท่ีจะทําใหศาลมีอํานาจรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณาได ศาลปกครองจึงไมอาจใชดุลพินิจ
รับคําฟองท่ียื่นเมื่อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีไวพิจารณาพิพากษาไดตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ อยางไรก็ตาม ขอเท็จจริงปรากฏในระหวางการพิจารณาคดี
ของศาลปกครองช้ันตนวาผูถูกฟองคดีที่ ๓ ถึงแกความตายในระหวางการพิจารณาของ
ศาลปกครองชั้นตนซ่ึงเปนกรณีท่ีศาลปกครองชั้นตนจะตองรอการพิจารณาไวจนกวาทายาท
ผูจัดการมรดก ผูปกครองทรัพยมรดก หรือผูสืบสิทธิของผูถูกฟองคดีที่ ๓ จะมีคําขอเขามาแทนท่ี
คูกรณีผูถึงแกความตาย ตามมาตรา ๕๓ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ การท่ีศาลปกครอง
ช้ันตน ดําเนินกระบวนพิจารณาตอ มาโดยทมี่ ไิ ดรอการพจิ ารณาไว จึงเปน กรณีท่ีศาลปกครองช้ันตน
มิไดปฏิบัติตามบทบัญญัติแหงกฎหมายหรือระเบียบในสวนท่ีวาดวยการแสวงหาขอเท็จจริง
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดอาจมีคําสั่งยกคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน แลวกําหนดให
ศาลปกครองชั้นตนพิจารณาคดีนี้ใหมทั้งหมดหรือบางสวนและพิพากษาใหมไดตามขอ ๑๑๒ (๒)
แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ แตเม่ือขอเท็จจริง
รับฟงไดวาผูถูกฟองคดีท่ี ๓ กระทําการตามท่ีถูกกลาวหาวาเปนการละเมิดผูฟองคดีในการปฏิบัติ
หนาท่ี และคดีน้ีเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๑๐
ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติ
เดียวกัน ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ จึงไมอาจถูกฟองในคดีน้ีได ทั้งนี้ ตามมาตรา ๕ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ กรณีจึงไมมีเหตุอันสมควรที่จะยกคําพิพากษา
ของศาลปกครองชั้นตน เพื่อใหพิจารณาคดีน้ีใหมตามขอ ๑๑๒ (๒) แหงระเบียบขางตน เน่ืองจาก
ไมทําใหผลแหงคดีเปล่ียนแปลงไป ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําพิพากษายกฟองและใหคืน
คาธรรมเนยี มศาลท้งั หมดใหแ กผฟู อ งคดี ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พอ งดวย
พพิ ากษายนื
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๗๓๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนนักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชา
ผูนําทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง ของผูถูกฟองคดี (มหาวิทยาลัยรังสิต) ไดรับความเดือดรอน
เสียหายเนื่องจากในระหวางศึกษา ผูฟองคดีถูกกลั่นแกลงโดยผูชวยศาสตราจารย ป.
ซ่ึงเปนผูอํานวยการหลักสูตรดังกลาว เปนเหตุใหไมไดสอบวัดคุณสมบัติ โดยตองสอบซอม ๒ วิชา
และมีวิธีการสอบซอมไมเปนมาตรฐานเดียวกันกับนักศึกษารายอ่ืน ตอมา ผูฟองคดีไดสอบซอม
และไดสอบผานในการวัดคุณสมบัติดังกลาวแลว แตเมื่อผูฟองคดีไดตรวจสอบผลการเรียน
เมือ่ วนั ท่ี ๒๗ ธนั วาคม ๒๕๕๓ ปรากฏวา ผูฟอ งคดีไดแตมระดับขน้ั เฉลยี่ สะสม ๒.๙๐ ซ่ึงไมถูกตอง
เพราะผูท่ีจะมีสิทธิสอบวัดคุณสมบัติได จะตองมีแตมระดับขั้นเฉลี่ยสะสม ๓.๐๐ ข้ึนไป ผูฟองคดี
จึงขอใหแกไขผลการเรียนใหถูกตอง จากนั้น ประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ ผูฟองคดี
ไดตรวจสอบผลการเรียนอีกครั้งหนึ่ง พบวามีการแกไขผลการเรียนจากแตมระดับขั้นเฉล่ียสะสม
๒.๙๐ เปน ๒.๙๑ ซึ่งผูฟองคดีเห็นวายังไมถูกตอง ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๒๗ พฤษภาคม
๒๕๕๔ ถึงผูชวยศาสตราจารย ป. ขอใหชวยเหลือเพื่อใหผูฟองคดีไดแตมระดับข้ันเฉลี่ยสะสม
๓.๐๐ ขึ้นไป แตผูชวยศาสตราจารย ป. กลับสั่งใหผูฟองคดีดําเนินการซอมดวยวิธีการเดิมท่ีได
ทําไปแลว ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ รองเรียนไปยังเลขาธิการ
คณะกรรมการการอุดมศึกษา ซ่ึงผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือช้ีแจงวา ผูถูกฟองคดีจะไมแกไข
แตมระดับข้ันเฉล่ียสะสมของผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงรองเรียนตอคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม
พรอมท้ังขอใหชดเชยคาเสียหาย เพราะลวงเลยกําหนดเวลาที่ผูฟองคดีจะนําผลการสอบผาน
วัดคุณสมบัติไปใชที่สถาบันอ่ืนได จากนั้น ผูถูกฟองคดีไดลงโทษผูชวยศาสตราจารย ป.
ดวยการปลดออกจากตําแหนงผูอํานวยการหลักสูตร ผูฟองคดีเห็นวา ตนเองไดรับความเสียหาย
จากการกระทาํ ของผชู ว ยศาสตราจารย ป. จงึ นาํ คดมี าฟองขอใหศ าลพิพากษาใหผูถูกฟองคดีชดใช
คาเสียหายแกผฟู อ งคดี รวมเปน เงนิ ทั้งสิ้น ๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนนักศึกษาหลักสูตร
ปรัชญาดุษฎีบณั ฑติ ไดรับความเดอื ดรอนหรอื เสยี หายอนั เน่อื งจากการกระทําของผชู วยศาสตราจารย ป.
ซึ่งเปนอาจารยประจําของผูถูกฟองคดี ท่ีไมแกไขผลการเรียนของผูฟองคดีใหมีแตมระดับขั้น
เฉล่ียสะสม ๓.๐๐ ขึ้นไป ทําใหผูฟองคดีไมสามารถเสนอหัวขอเพ่ือทําดุษฎีนิพนธและสําเร็จ
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๑๑
การศึกษาได ขอใหศ าลพพิ ากษาใหผถู ูกฟองคดชี ดใชค าสินไหมทดแทนเปน เงิน ๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท
แกผูฟองคดี จึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองอันเกิดจาก
การใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
โดยเม่ือผูฟองคดีไดกลาวอางวา เมื่อประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ ผูฟองคดีไดตรวจสอบ
ผลการเรยี นทางอินเทอรเน็ตภายหลังจากไดแจงใหผูถูกฟองคดีแกไข ปรากฏวาไดมีการแกไขแตม
ระดับข้ันเฉล่ียสะสมเปน ๒.๙๑ ซ่ึงผูฟองคดีเห็นวายังไมถูกตอง ดังนั้น วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔
จงึ เปนวันทผ่ี ูฟ อ งคดรี ูหรอื ควรรถู ึงเหตุแหงการฟองคดีนี้อยางชาที่สุด ผูฟองคดีจึงตองย่ืนฟองคดีน้ี
ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ การที่ผูฟองคดียื่นฟองคดีนี้ตอศาลปกครองชั้นตนเมื่อวันที่
๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ จึงเปนการย่ืนฟองคดีเมื่อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๕๑
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และคดีน้ีมิใชเปนการฟองคดีปกครองที่เกี่ยวกับการคุมครอง
ประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคลที่จะยื่นฟองคดีเมื่อใดก็ได อีกทั้ง การฟองคดีนี้
เปนประโยชนแกเฉพาะผูฟองคดีเทาน้ัน มิใชคดีท่ีเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอ่ืนที่
ศาลจะรับไวพ จิ ารณาไดตามนัยมาตรา ๕๒ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ศาลจึงไมอาจรับคําฟอง
นี้ไวพิจารณาได และปญหาวาคําฟองคดีนี้อยูในเง่ือนไขเกี่ยวกับระยะเวลาการฟองคดีหรือไม
เปนปญหาขอกฎหมายอนั เกยี่ วดว ยความสงบเรียบรอยของประชาชน แมคูกรณีไมไดยกข้ึนกลาวอาง
ในช้ันอุทธรณ แตศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจยกปญหาดังกลาวข้ึนวินิจฉัยแลวพิพากษาหรือมีคําส่ัง
ไดตามขอ ๙๒ ประกอบขอ ๑๑๖ แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓ เม่ือศาลไมอาจรับคําฟองนี้ไวพิจารณาได จึงไมจําตองวินิจฉัยวาผูถูกฟองคดีกระทํา
ละเมิดตอผูฟองคดีหรือไม และเมื่อคดีน้ีศาลไมสามารถรับคําฟองไวพิจารณาได จึงใหคืน
คาธรรมเนียมศาลท้ังหมดทั้งสองช้ันศาลแกผูฟองคดี ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษายกฟอง น้ัน
ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พองดว ยในผล
พพิ ากษายืน และใหค นื คาธรรมเนียมศาลท้ังหมดทั้งสองชน้ั ศาลแกผ ูฟอ งคดี
กรณไี มเปน คดพี พิ าทตามมาตรา ๙ วรรคหนึง่
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ ๓๓๐/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๖๒
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๒๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (เทศบาลตําบลพระบุ) ฟองวา ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๔ กันยายน
๒๕๖๒ ขอใหผูถูกฟองคดี (กรมบัญชีกลาง) ซ่ึงเปนหนวยงานท่ีกํากับดูแลคณะกรรมการพิจารณา
อุทธรณและขอรองเรียน ตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจางและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐
ชดใชคาเสียหายจากการกระทําละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหนาท่ีลาชาเกินสมควรจากกรณีผูฟองคดี
ไดมปี ระกาศประกวดราคาอเิ ล็กทรอนกิ ส (e-bidding) โครงการซอมสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก
จํานวนสองโครงการ บริษัท ล. เปนผูชนะการประกวดราคาทั้งสองโครงการ ตอมา
หางหุนสวนจํากัด ท. ซ่ึงยื่นเสนอราคาและไมชนะการประกวดราคาฯ ทั้งสองโครงการดังกลาว
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๑๒
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ อุทธรณประกาศผลการจัดซื้อจัดจางทั้งสองโครงการ
โดยอางวาตนเสนอราคาต่ํากวาผูชนะการประกวดราคาฯ ผูฟองคดีพิจารณาอุทธรณแลวเห็นวา
เหตุผลฟงไมขึ้น จึงไดมีหนังสือลงวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒ รายงานความเห็นไปยังคณะกรรมการ
พิจารณาอุทธรณและขอรองเรียน สังกัดผูถูกฟองคดี ตอมา เมื่อวันท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒
ผูฟองคดีไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณจากคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณและขอรองเรียน
ท้ังสองโครงการวา การตัดสิทธิผูเสนอราคารายผูรอง (หางหุนสวนจํากัด ท.) ไมถูกตอง
ใหผูฟองคดีกลับไปดําเนินการในข้ันตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผูย่ืนขอเสนอราคา
ใหถูกตอง ผูฟองคดีจึงประกาศยกเลิกประกาศรายชื่อผูชนะการเสนอราคาเดิม ตามประกาศ
ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒ และคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาฯ เสนอความเห็น
ใหประกาศใหหางหุนสวนจํากัด ท. ผูรองเปนผูชนะการเสนอราคา โดยมีบริษัท ล. เปนผูไดรับ
คัดเลือกเปนลําดับที่ ๒ และเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ซ่ึงเปนวันที่ลวงพนระยะเวลา
ใหผ เู สนอราคาย่ืนอทุ ธรณป ระกาศผลการประกวดราคาแลว ไมมผี ใู ดอทุ ธรณ ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒ แจงใหหางหุนสวนจํากัด ท. ซ่ึงเปนผูชนะการประกวดราคา
เขาทําสัญญาจางกับผูฟองคดีภายในเวลาท่ีกําหนด แตหางหุนสวนจํากัด ท. เพิกเฉยไมยอม
เขาทําสัญญาภายในเวลาที่กําหนดโดยไมแจงเหตุขัดของใดเปนหนังสือ คณะกรรมการพิจารณา
ผลการประกวดราคา จึงเรียกผูเสนอราคาที่ไดรับคัดเลือกลําดับถัดไปมาทําสัญญา ผูฟองคดี
จึงแจงใหบริษัท ล. ซ่ึงเปนผูไดรับคัดเลือกลําดับถัดไปมาทําสัญญา ถือวาหางหุนสวนจํากัด ท.
กระทาํ ผิดสญั ญาประกวดราคาไมทําสัญญากับผูฟองคดีภายในเวลาท่ีกําหนด เปนเหตุใหผูฟองคดี
ตองทําสัญญาจางกับผูเสนอราคารายอื่นแทน ซ่ึงมีวงเงินที่เปนราคาจางท่ีสูงกวาวงเงิน
ที่หางหุนสวนจํากัด ท. เสนอไว เปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย ผูฟองคดีเห็นวา
เหตุท่ีหางหุนสวนจํากัด ท. ไมเขาทําสัญญาตามกําหนดเวลาที่ผูฟองคดีกําหนด เน่ืองจาก
คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณและขอ รอ งเรียน ไดพิจารณาอุทธรณเกินกวาระยะเวลาท่ีกฎหมาย
กําหนด และเกินกําหนดระยะเวลายืนราคาท่ีผูฟองคดีไดกําหนดไว ๑๒๐ วัน ขอใหผูถูกฟองคดี
ชดใชคา เสียหายเปนเงินจํานวน ๑,๖๒๓,๙๓๑.๙๔ บาท ใหแกผูฟองคดีภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่
ไดรับหนังสือลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ ผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือดังกลาวเมื่อวันท่ี ๒๖
กันยายน ๒๕๖๒ ผูถูกฟองคดีจึงตองออกใบรับคําขอใหแกผูฟองคดี แตจนถึงวันฟองคดี
ผูถูกฟองคดียังไมดําเนินการแตอยางใด จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให
ผูถูกฟองคดีออกใบรับคําขอใหแกผูฟองคดี ตามมาตรา ๑๑ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมดิ ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ภายใน ๗ วัน นับแตว นั ทศี่ าลมคี าํ พิพากษาหรอื คําส่ัง
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ไดบัญญัติหลักการเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ไว ๒ กรณี ไดแก
กรณีเจาหนาที่กระทําละเมิดตอหนวยงานของรัฐ และกรณีที่เจาหนาท่ีกระทําละเมิดตอผูไดรับ
ความเสียหายที่เปนบุคคลภายนอก โดยหลักเกณฑการยื่นคําขอตอหนวยงานของรัฐใหเจาหนาท่ี
ผูกระทําละเมิดสังกัดอยูใหพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายท่ีเกิดข้ึนแกตน
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๑๓
ตามมาตรา ๑๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูเสียหายท่ีจะมีสิทธิยื่นคําขอตอหนวยงานของรัฐ นั้น
หมายถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่เปนบุคคลภายนอกท่ีไดรับความเสียหายจากการกระทํา
ละเมิดของเจาหนาที่ของรัฐเทานั้น ไมหมายรวมถึงหนวยงานของรัฐดวยกันเองตามมาตรา ๔
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน เม่ือปรากฏวา ผูฟองคดีเปนราชการสวนทองถิ่นและเปนหนวยงาน
ของรัฐตามมาตรา ๔ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว อางวาไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการ
กระทําของเจาหนาที่ในสังกัดของผูถูกฟองคดี ซึ่งเปนหนวยงานของรัฐเชนเดียวกัน และขอพิพาท
อันเกิดจากการที่เจาหนาท่ีกระทําละเมิดตอผูฟองคดีซ่ึงเปนหนวยงานของรัฐ ผูฟองคดีจึงหาใช
ผูเสียหายที่จะย่ืนคําขอตอหนวยงานของรัฐใหพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๑
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน กรณีจึงไมมีขอพิพาทท่ีจะเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการที่หนวยงาน
ทางปกครองละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ หรือปฏิบัติหนาท่ีดังกลาวลาชา
เกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๒) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ที่ศาลปกครองชั้นตน
มีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ น้ัน ศาลปกครองสูงสุด
เหน็ พองดวย
จึงมีคําส่งั ยืนตามคําส่งั ของศาลปกครองชนั้ ตน
คําสั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๕๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเขารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลผูถูกฟองคดีที่ ๑
(โรงพยาบาลพระมงกุฎเกลา) ดวยอาการปสสาวะบอย แพทยของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ วินิจฉัยวา
ผฟู อ งคดปี วยดวยอาการตอมลูกหมากโตและทําการรักษาโดยใหยานํากลับมาทานท่ีบาน แตไมได
สงตัวไปเอกซเรยหรือตรวจดวยเคร่ืองมือทางการแพทยที่ทันสมัย และมีการเปลี่ยนตัวแพทย
ผูรักษาตลอดระยะเวลาท่ีผูฟองคดีเขารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลผูถูกฟองคดีที่ ๑ จนถึงปจจุบัน
ซึ่งเปนระยะเวลาประมาณ ๖ ป ถึง ๗ ป จนกระท่ังในเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑
แพทยผูรักษาคนปจจุบันไดแนะนําใหผูฟองคดีตรวจรางกายดวยการเอกซเรยหรือตรวจดวยเครื่องมือ
ทางการแพทยท่ีทันสมัย โดยสงตัวผูฟองคดีไปตรวจรางกายที่โรงพยาบาลทหารผานศึกและสงผล
การตรวจใหแ พทยข องผถู กู ฟอ งคดีที่ ๑ วนิ ิจฉยั ผลปรากฏวาผูฟอ งคดปี วยเปนโรคมะเร็งตอมลูกหมาก
ตองเขารบั การรกั ษาตวั ดว ยการฉีดยาและสารอาหารเขาทางเสนเลือดรวมถึงการฉายรังสี ซึ่งทําให
ผูฟอ งคดตี องมีคาใชจายเพิ่มขึ้นอีกประมาณ ๒๗๐,๐๐๐ บาท ประกอบดวยคาใชจายในการฉีดยา
และสารอาหารเขาทางเสนเลือด ประมาณ ๘,๕๐๐ บาทตอคร้ัง จํานวน ๑๒ ครั้ง คาใชจายในการฉายรังสี
ประมาณ ๔,๐๐๐ บาทตอครง้ั จํานวน ๓๙ ครงั้ และคา ใชจ ายในการเริ่มตน รักษาโรคมะเรง็ อกี ประมาณ
๑๗,๐๐๐ บาท ผูฟองคดีเห็นวา ความเดือดรอนเสียหายอันเกิดจากคาใชจายในการรักษาโรคมะเร็ง
ที่มีคาใชจายจํานวนมากในปจจุบันเชนน้ีเกิดจากความบกพรองในการรักษาพยาบาลโดยแพทย
ของผถู ูกฟองคดีท่ี ๑ ทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายอยางมาก จึงนําคดีมาฟองขอให
ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังสอง (ผูอํานวยการโรงพยาลพระมงกุฏเกลา ที่ ๒)
ชดใชคาเสียหายแกผูฟองคดีเปนเงินตามที่ศาลเห็นสมควร เห็นวา แมความเสียหายของผูฟองคดี
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๑๔
ที่เปนเหตุใหฟองคดีนี้ เกิดจากการกระทําของแพทยของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซ่ึงเปนโรงพยาบาลของรัฐ
แตการปฏิบัติหนาท่ีของแพทยในการตรวจรักษาโรคเปนเพียงการปฏิบัติหนาที่ปกติทั่วไป มิใช
การกระทําท่ีเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายหรือจากกฎ คําสั่งทางปกครอง หรือคําส่ังอื่น
หรือจากการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชา
เกินสมควรแตอ ยา งใด กรณีจึงมิใชคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครอง
หรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คําส่ังทางปกครอง
หรือคําสั่งอ่ืน หรือจากการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาท่ี
ดังกลาวลาชาเกินสมควร คดีดังกลาวจึงไมอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ แตเปนคดีพิพาทที่อยูในอํานาจ
พิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม ซึ่งผูฟองคดีสามารถย่ืนฟองคดีใหมตอศาลยุติธรรมไดภายใน
ระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนด ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดี
ออกจากสารบบความ นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดวย
จงึ มคี าํ สัง่ ยนื ตามคาํ ส่งั ของศาลปกครองชน้ั ตน
คําสั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๘๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๑
คําสั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คร.๑๑๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดฟี อ งวา ผฟู อ งคดีเปนผูถือกรรมสิทธ์ิในบานเลขที่ ๙/๒๖๕ หมูบานแสงธรรม
แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ตอมา ผูถูกฟองคดี (ผูชวยผูอํานวยการฝายบริหาร NPA
ธนาคารอาคารสงเคราะห) ไดมอบอํานาจใหนางสาว พ. ดําเนินการขอคัดสําเนาทะเบียนบาน
พรอ มลงชือ่ เปนเจาบา นดังกลาวแทนผถู กู ฟอ งคดี ตามหนังสือมอบอํานาจ ลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๑
ผฟู อ งคดีเหน็ วา การกระทาํ ดังกลาวเปนการสวมสิทธิเปนเจา บานโดยผิดกฎหมาย และใหผูฟองคดี
เปนผูอาศัยโดยที่ผูฟองคดีไมไดยินยอม จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งลงโทษ
ผูถูกฟองคดีกรณีปฏบิ ตั หิ นาท่โี ดยมิชอบ และใหผถู ูกฟอ งคดชี ดใชคาสนิ ไหมทดแทนกรณีกระทาํ ละเมิด
เปนเงินจํานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เห็นวา การกระทําของผูถูกฟองคดีเปนการดําเนินการ
ตามปกติของพนักงานธนาคารเพ่ือประกอบธุรกิจของธนาคารอาคารสงเคราะห ขอพิพาทในคดี
จึงไมเก่ียวกับการใชอํานาจทางปกครองหรือดําเนินกิจการทางปกครอง ตามนัยมาตรา ๑๙๗
วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และไมใชคดีพิพาท
ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองน้ี
ไวพิจารณาพิพากษาได ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดี
ออกจากสารบบความ น้นั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพอ งดวย
จึงมีคําสัง่ ยนื ตามคําส่ังของศาลปกครองชั้นตน
กรณเี ปน คดที ไี่ มอ ยใู นอาํ นาจศาลปกครอง
คําส่ังศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๖๘/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๐
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๑๕
คําส่งั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๑๑๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๐
เง่ือนไขการฟองคดี
ผูม สี ิทธิฟอ งคดี
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๖๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๕
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๓๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๐
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๓๓๐/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๖๒
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๒๒
คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๒๔/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๖๙
คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๗๒
คําส่งั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๔๔/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๗๔
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๕๑/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๗๖
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๕๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๒๙
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๖๖/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๓๒
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๗๒/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๒
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๘๖/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๘๓
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๙๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๓๓
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๐๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๖
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๑๔/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๓๕
คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๒๔/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๙๓
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๑๔๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๓๗
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คร.๑/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๒
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๑๙๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (องคการบริหารสวนตําบลบานใหมไชยมงคล) ฟองวา ผูฟองคดีไดรับ
เร่ืองรองเรียนการปฏิบัติหนาท่ีของนาย ส. ผูถูกฟองคดีที่ ๕ ที่ ๖ และที่ ๗ ขณะดํารงตําแหนง
นายกองคการบริหารสวนตําบลบานใหมไชยมงคล ปลัดองคการบริหารสวนตําบลบานใหมไชยมงคล
หวั หนาสว นโยธา และหวั หนา สวนการคลังของผฟู องคดี ตามลําดับ นายอําเภอทุงเสลี่ยมจึงมีคําส่ัง
แตง ตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยผลการสอบสวน ปรากฏวา นาย ส. ปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบและ
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๑๖
มีพฤติกรรมในทางทุจริต ผูฟองคดีมีคําส่ังแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมดิ ซึง่ ผลการสอบสวนปรากฏวา ระหวางวนั ที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๔๔ ถึงวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๔๗
นาย ส. เปนผูลงนามอนุมัติการเบิกจายและลงนามในเช็คโดยมิไดขีดฆาคําวา “หรือผูถือ” ออก
และเม่ือเบิกเงินมาแลวกลับมิไดนําไปจายใหแกผูมีสิทธิ รวมท้ังจัดทําหลักฐานการเบิกเงินเปนเท็จ
โดยมีผูถูกฟองคดีท่ี ๕ เปนผูรวมทําหลักฐานเท็จและรวมลงนามในเช็ค ผูถูกฟองคดีท่ี ๖
ตรวจงานจางท้ังๆ ท่ีไมมีการจางงานจริง และขณะทําหนาท่ีหัวหนาสวนการคลังเปนผูรวบรวม
หลักฐานเพ่ือเบิกเงิน เมื่อเบิกเงินแลวก็มิไดนําไปหักออกจากการจายเงิน อีกทั้งมีการจัดทํา
หลักฐานการเบิกเงินเปนเท็จข้ึนเพ่ือขอเบิกเงิน และผูถูกฟองคดีที่ ๗ เขียนเช็คส่ังจายใหผูมีสิทธิ
โดยมิไดขีดฆาคําวา “หรือผูถือ” ออก จัดทําหลักฐานการเบิกเปนเท็จ และนําเช็คไปเบิกเงินสด
โดยไมปรากฏวานําไปจายใหแกผูมีสิทธิ คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงมีมติเห็นควรเรียก
คาเสียหายจากนาย ส. และผูถูกฟองคดีท่ี ๕ ถึงท่ี ๗ เปนเงินท้ังสิ้น ๑๗,๓๐๘,๐๔๙.๗๑ บาท
ผูฟองคดีเห็นดวยกับความเห็นดังกลาว และสงสํานวนใหกระทรวงการคลังตรวจสอบ
ซึ่งกระทรวงการคลังพิจารณาแลวเห็นควรใหนาย ส. และผูถูกฟองคดีที่ ๕ ถึงท่ี ๗ เปนเงินทั้งสิ้น
๑๗,๓๐๘,๐๔๙.๗๑ บาท ผูฟองคดีจึงมีคําส่ังลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๘ ใหผูที่เกี่ยวของรวมกัน
ชดใชเงินคืนแกผูฟองคดี และแจงคําสั่งดังกลาวใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ซ่ึงเปนบุตรนาย ส.
ซึง่ ถึงแกค วามตาย และผูถกู ฟอ งคดีที่ ๕ ถึงท่ี ๗ ทราบแลว จึงนาํ คดมี าฟอ งขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคาํ สงั่ ใหผูถูกฟอ งคดที ้งั เจ็ดรวมกันคืนหรือใชเงินจํานวน ๑๗,๓๐๘,๐๔๙.๗๑ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของเงินตนดังกลาวแกผูฟองคดีนับแตวันฟองจนกวาจะชําระแกผูฟองคดี
เห็นวา เมื่อนาย ส. ผูตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเสียชีวิตกอนท่ีผูฟองคดีจะออกคําสั่ง
ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๘ สั่งใหนาย ส. และผูถูกฟองคดีท่ี ๕ ถึงท่ี ๗ รวมกันรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๑๗,๓๐๘,๐๔๙.๗๑ บาท ทําใหผูฟองคดีไมสามารถใชวิธีการ
ออกคําสั่งเรียกใหชําระเงินเพ่ือชดใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ และไมสามารถใชมาตรการบังคับทางปกครองตามมาตรา ๕๗
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ได ผูฟองคดีจึงตองฟองคดีเพื่อบังคับ
ตามสิทธิเรียกรองตอศาลซ่ึงมีมูลเหตุแหงการฟองคดีเปนเร่ืองเดียวกันกับผูถูกฟองคดีที่ ๕ ถึงที่ ๗
และการแกไขเยียวยาความเดือดรอนเสียหายของผูฟองคดีศาลมีอํานาจกําหนดคําบังคับให
ผูถูกฟองคดีท้ังเจ็ดใหชดใชเงินดังกลาวไดตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้ง
ศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ แหงพระราชบัญญัติ
ดังกลาว เมื่อคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดรายงานผลการสอบ
ขอ เท็จจริงใหนายกองคก ารบรหิ ารสวนตาํ บลบา นใหมไชยมงคลทราบเม่ือวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๔๘
จึงถือวาผูฟองคดีรูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาที่เมื่อวันดังกลาว ผูฟองคดีจึงตองย่ืนฟอง
ตอศาลปกครองภายในสองปนับแตวันดังกลาว คือ ภายในวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๐ แตผูฟองคดี
กลับเปนโจทกย่ืนฟองผูถูกฟองคดีทั้งเจ็ดเปนจําเลยตอศาลจังหวัดสวรรคโลกเมื่อวันที่
๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๘ ซึ่งขณะนั้นกําหนดระยะเวลาการฟองคดียังคงเหลือเม่ือนับตั้งแตวันที่
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๑๗
๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๐ อีกเปนจํานวน ๓๖๘ วัน โดยท่ีศาลจังหวัดสวรรคโลก
มีคําส่ังจําหนายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากคดีอยูในอํานาจของศาลปกครอง ผูฟองคดี
ในฐานะโจทกมิไดอุทธรณคําสั่ง ทําใหคดีถึงที่สุดเม่ือวันท่ี ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ ตามความใน
มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๒๗ และมาตรา ๒๒๙ แหงประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพง จึงเปนกรณีที่มีการฟองคดีตอศาลอ่ืนซึ่งมิใชศาลปกครองและศาลสั่ง
ไมรับคําฟองไวพิจารณาเพราะไมมีอํานาจพิจารณาคดีน้ัน กําหนดระยะเวลาการฟองคดี
จงึ สะดดุ หยดุ อยตู ง้ั แตวันท่ี ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๘ ซงึ่ เปนวันย่ืนคําฟองจนถึงวันท่ีคําสั่งไมรับคําฟอง
ไวพจิ ารณาของศาลจังหวัดสวรรคโลกถงึ ทส่ี ดุ ตามขอ ๓๑ แหง ระเบียบของทป่ี ระชุมใหญฯ วาดวย
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ หากผูฟองคดีจะนําคดีมาฟองตอศาลปกครองจะตองย่ืนคําฟอง
ภายใน ๓๖๘ วัน ตามระยะเวลาการฟองคดีที่ยังคงเหลือ โดยเร่ิมนับต้ังแตวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๙
ผูฟองคดีจึงสามารถนําคดีมาฟองตอศาลปกครองไดตั้งแตวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๙ ถึงวันที่
๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองผูถูกฟองคดีทั้งเจ็ดตอศาลปกครองเมื่อวันที่
๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๙ จึงเปนการย่ืนฟองภายในสองปนับแตวันท่ีรูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาที่
ผูจะพึงตองใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบขอ ๓๑ แหงระเบียบดังกลาว เมื่อระหวางวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๔๕
ถึงวันท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๔๗ ผูฟองคดีไดรับความเสียหายจากการเบิกจายเงินงบประมาณ
โดยไมมีหลักฐานการจาย หรือมีการทําหลักฐานการเบิกจายเงินเปนเท็จหลายรายการ
ซึ่งในชวงเวลาดังกลาว นาย ส. ดํารงตําแหนงนายกองคการบริหารสวนตําบลบานใหมไชยมงคล
เปนผูรับผิดชอบในการบริหารราชการของผูฟองคดีใหเปนไปตามกฎหมาย ระเบียบและขอบังคับ
ของทางราชการ เปนผูสั่ง อนุญาต และอนุมัติเก่ียวกับราชการขององคการบริหารสวนตําบล
โดยเปนผูลงนามอนุมัติการเบิกจายเงินของผูฟองคดี ลงนามในเช็คโดยไมไดขีดฆาคําวา
“หรือผูถือ” ออก มีการจัดทําหลักฐานการเบิกเงินเปนเท็จขึ้นมาเพื่อเบิกจายเงินของผูฟองคดี
ไปเปนประโยชนสวนตนหรือของผูอ่ืน ผูถูกฟองคดีท่ี ๕ ดํารงตําแหนงปลัดองคการบริหาร
สวนตําบลบานใหมไชยมงคล เปนผูลงนามในฎีกาเบิกเงินและใบสําคัญตางๆ เพื่อเสนอนายก
องคก ารบริหารสวนตําบลบา นใหมไ ชยมงคลอนมุ ัติใหเบิกจายเงิน มีการจัดทําหลักฐานการเบิกเงิน
เปนเท็จขึ้นมาและรวมลงนามในเช็คโดยไมไดขีดฆาคําวา “หรือผูถือ” ออก และผูถูกฟองคดีท่ี ๗
ดํารงตําแหนงหัวหนาสวนการคลัง มีหนาที่เขียนเช็คส่ังจายใหผูมีสิทธิโดยไมไดขีดฆาคําวา
“หรือผูถือ” ออก เปนการไมปฏิบัติตามหลักเกณฑวาดวยการรับเงินเปนเช็คหรือตั๋วแลกเงิน
วิธีการเขียนเช็คส่ังจายเงิน และการมอบฉันทะในการรับเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ และเปน ผูน ําเช็คไปเบิกเงนิ สดโดยไมปรากฏหลักฐานวาเมื่อเบิกเงินสดมาแลวไดนําไปจาย
ใหผูมีสิทธิผูใดหรือไม พฤติการณและการกระทําของนาย ส. ผูถูกฟองคดีที่ ๕ และที่ ๗
ดังกลาวเปนการจงใจไมปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยวาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน
การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๑
ซ่ึงมีผลใชบังคับอยูในขณะน้ัน และระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการพัสดุของสภาตําบล
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๑๘
พ.ศ. ๒๕๓๘ และมีพฤติการณรวมกันกระทําการโดยทุจริตเปนเหตุใหทรัพยสินของผูฟองคดี
ไดรับความเสียหาย การกระทําของนาย ส. ผูถูกฟองคดีท่ี ๕ และที่ ๗ จึงเปนการกระทําละเมิด
ตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ สวนกรณีของผูถูกฟองคดีที่ ๖ ไมปรากฏ
ขอเท็จจริงหรือพฤติการณอ่ืนใดท่ีแสดงใหเห็นวาผูถูกฟองคดีท่ี ๖ มีพฤติการณรวมกับนาย ส.
ผูถูกฟองคดีที่ ๕ และท่ี ๗ กระทําการทุจริตเบียดบังยักยอกเงินของทางราชการแตอยางใด
แตอยางไรก็ตาม เมื่อผูถูกฟองคดีท่ี ๖ ไดรับแตงต้ังใหทําหนาท่ีหัวหนาสวนการคลังอีกตําแหนงหน่ึง
มีหนาท่ีรวบรวมหลักฐานเพื่อเบิกจายเงิน เม่ือเบิกเงินแลวกลับมิไดนําหลักฐานมาหักลาง
การจายเงิน การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๖ รับผิดชอบงานคลังของผูฟองคดียอมตองมีหนาท่ีตรวจสอบ
การเบิกจายเงินของผูฟองคดีใหถูกตองตามระเบียบหรือหลักเกณฑที่ทางราชการกําหนด
แตกลับละเลยตอหนาท่ีในการตรวจสอบการลงนามเบิกจายเงินหรือส่ังจายเช็ความีการสั่งจาย
ใหแ กผ ูใ ด และมรี ายจา ยเกดิ ข้นึ จริงหรือไม อนั เปนชองทางกอ ใหเกิดการทจุ รติ เบียดบังเงินของทาง
ราชการทาํ ใหทางราชการเสียหาย ซึง่ หากผถู กู ฟองคดที ี่ ๖ ใชค วามระมัดระวังเพียงเล็กนอยในการ
ตรวจสอบหลักฐานการเบิกจายเงิน ความเสียหายของผูฟองคดียอมจะไมเกิดขึ้น การกระทําของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๖ จึงเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหผูฟองคดี
ไดรับความเสียหายอันเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย และตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง
ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรบั ผดิ ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ อยางไรก็ตาม
จากการตรวจสอบเอกสารการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ในสวนของบัญชีสรุป
ความเสียหายดานการเงินของผูฟองคดีปรากฏวา รายการความเสียหายบางรายการเปนรายจาย
ที่เชื่อไดว า มกี ารจายจริง ประกอบกับบางรายการมีหลักฐานการสั่งจายเช็คธนาคาร พ. ซ่ึงเปนเช็ค
ขีดครอมเขาบัญชีผูรับเงินเทานั้น หรือมีหลักฐานการจายหรือรับเงินเปนใบเสร็จรับเงิน ใบสงของ
หรือหลักฐานใบสําคัญรับเงิน และไมปรากฏวาบุคคลหรือหนวยงานเหลานั้นไมไดรับเงินตาม
รายการดังกลาว จึงเชื่อไดวาผูฟองคดีไมไดรับความเสียหายรวมจํานวน ๕๙ รายการ เปนเงิน
ทั้งสิ้น ๕,๕๙๒,๑๐๗.๒๒ บาท ดังน้ัน จึงตองนําจํานวนเงินดังกลาวมาหักออกจากยอด
ความเสียหายของผูฟองคดีตามที่คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
และกระทรวงการคลังท่ีเห็นวา นาย ส. และผูถูกฟองคดีที่ ๕ ถึงที่ ๗ ตองรับผิดรวมกันชดใช
คาเสียหายแกผูฟองคดีเปนเงินท้ังสิ้น ๑๗,๓๐๘,๐๔๙.๗๑ บาท คงเหลือจํานวนเงินท่ีผูฟองคดี
ไดรับความเสียหายเปนเงิน ๑๑,๗๑๕,๙๔๒.๔๙ บาท เมื่อนาย ส. ผูถูกฟองคดีท่ี ๕ และท่ี ๗
มีพฤติการณรวมกันกระทําการเบียดบังยักยอกเงินงบประมาณของผูฟองคดีไปโดยทุจริต จึงตอง
รับผิดเต็มจํานวนความเสียหาย จึงแบงสวนความรับผิดชอบใหนาย ส. ผูถูกฟองคดีที่ ๕ และที่ ๗
รับผิดชดใชคาเสียหายทดแทนเปนเงินคนละ ๓,๙๐๕,๓๑๔.๑๖ บาท พรอมดอกเบ้ียของตนเงิน
ที่ตองรับผิดดังกลาวในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จตามคําขอของ
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๑๙
ผูฟองคดี ตามมาตรา ๒๒๔ ประกอบกับมาตรา ๒๐๖ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
เม่ือนาย ส. เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๔๘ ความรับผิดของนาย ส. ตอผูฟองคดียอมเปน
มรดกตกทอดแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ถึงท่ี ๔ ซึ่งเปนทายาทโดยธรรม ตามมาตรา ๑๕๙๙ วรรคหน่ึง
และมาตรา ๑๖๐๐ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ถึงท่ี ๔ จึงตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนในสวนของนาย ส. จํานวน ๓,๙๐๕,๓๑๔.๑๖ บาท แตไมจําตองรับผิดเกินกวา
ทรัพยม รดกทต่ี กทอดไดแกตน ตามมาตรา ๑๖๐๑ แหงประมวลกฎหมายเดียวกัน สวนผูถูกฟองคดีที่ ๖
ซึง่ ไมไ ดรวมกระทาํ ทุจรติ ดว ย แตเปน การกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหผูฟองคดี
ไดรับความเสียหาย จึงเปนความรับผิดในการปฏิบัติหนาท่ีตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของ
เจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งจากการตรวจสอบตารางสรุปความเสียหายดานการเงินของผูฟองคดี
(เช็ค ๗๖ ฉบบั ) ท่ผี ฟู องคดกี าํ หนดใหผูถูกฟองคดที ี่ ๖ ตองรับผิดเพราะดํารงตําแหนงหัวหนาสวนโยธา
โดยมียอดรวมเปนเงิน ๒,๗๑๐,๕๓๖.๐๘ บาท ซึ่งรายการความเสียหายตามเอกสารหมาย ฟ. ๑
ลําดับท่ี ๒ ท่ี ๕ ท่ี ๘ และที่ ๙ รวมจํานวน ๒,๒๔๕,๗๖๗ บาท นั้น ผูฟองคดีไมเสียหาย
แตหักคาเสียหายสวนนี้ไวแลว จึงตองหักความเสียหายท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๖ ในสวนน้ีเพียง
๔๖๔,๗๖๙.๐๘ บาท คงเหลือความเสียหายที่ผูฟองคดีไดรับจากการกระทําของผูถูกฟองคดีท่ี ๖
ในการเบิกจายเงินท่ีไมถูกตองตามท่ีกลาวไวขางตนเปนเงิน ๑๑,๒๕๑,๑๗๓.๔๑ บาท และเม่ือ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๖ ไมไดกระทําการทุจริตรวมกับนาย ส. ผูถูกฟองคดีที่ ๕ และท่ี ๗ จึงไมจําตอง
รับผิดเต็มจํานวนความเสียหาย แตตองรับผิดดวยเหตุกระทําการดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง เมื่อคํานึงถึงความรายแรงและความเปนธรรมในกรณีน้ีแลว ผูถูกฟองคดีท่ี ๖
สมควรรับผิดเพียง ๑ ใน ๑๐ สวนของความเสียหายท่ีผูฟองคดีไดรับจากตนเงิน
๑๑,๒๕๑,๑๗๓.๔๑ บาท คิดเปนเงิน ๑,๑๒๕,๑๑๗.๓๔ บาท และเม่ือพิจารณาการปฏิบัติงาน
ในหนวยงานของผูฟองคดี ซ่ึงดํารงตําแหนงหัวหนาสวนโยธาและรักษาการแทนหัวหนาสวนการคลัง
อีกตําแหนงหนึ่ง โดยปฏิบัติหนาท่ีเกี่ยวกับการเงินการบัญชี กรณีจึงเห็นไดวาผูถูกฟองคดีท่ี ๖
ไมมีความรูความสามารถในดานการเงินการบัญชีและกฎหมายท่ีเกี่ยวของในการปฏิบัติหนาที่
หัวหนาสวนการคลัง เนื่องจากไมตรงตามวุฒิการศึกษาที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๖ ใชในการสมัคร
เขาทํางานในหนวยงานของผูฟองคดี ประกอบกับเม่ือผูฟองคดีมีคําส่ังใหผูถูกฟองคดีที่ ๖
รกั ษาการในตําแหนง หวั หนา งานการเงิน ผูฟอ งคดียังคงปลอ ยใหผ ูถูกฟองคดีท่ี ๗ ซึ่งสํานักงานการ
ตรวจเงินแผนดินมีหนังสือทักทวงไมใหผูถูกฟองคดีที่ ๗ ปฏิบัติหนาที่ในดานการเงินของผูฟองคดี
ดังนั้น การที่นาย ส. ผูถูกฟองคดีที่ ๕ และท่ี ๗ รวมกันกระทําการทุจริตเงินงบประมาณของผูฟองคดี
สาเหตุสวนหนึ่งเกิดจากผูฟองคดีไดจัดเจาหนาที่ท่ีไมมีความรูความสามารถตรงตามตําแหนง
สายงานท่ีรับผิดชอบ จึงสมควรหักสวนความรับผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๖ เนื่องจากความบกพรอง
หรือระบบการดําเนินงานโดยสวนรวมของผูฟองคดีออกรอยละ ๕๐ ของความเสียหายในสวนท่ี
ผูถูกฟองคดีท่ี ๖ ตองรับผิดเปนเงิน ๕๖๒,๕๕๘.๖๗ บาท ตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ คงเหลือจํานวนเงินที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๖
ตองรับผดิ เปนเงนิ ๕๖๒,๕๕๘.๖๗ บาท ที่ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ถึงท่ี ๔
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๒๐
รวมกันรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงิน ๔,๓๒๗,๐๑๒.๔๓ บาท โดยผูถูกฟองคดี
ทั้งส่ีไมจําตองรับผิดในคาสินไหมทดแทนเกินกวาทรัพยมรดกท่ีตกทอดไดแกตน สวนผูถูกฟองคดีท่ี ๕
ใหรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๔,๓๒๗,๐๑๒.๔๓ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๖ รับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๔,๓๒๗,๐๑๒.๔๓ บาท และผูถูกฟองคดีที่ ๗ รับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนเปนเงิน ๔,๓๒๗,๐๑๒.๔๓ บาท ท้ังน้ี ใหชําระดอกเบี้ยของเงินจํานวนดังกลาวในอัตรา
รอยละ๗.๕ ตอป นับแตวันฟองคดีเปนตนไปจนถึงวันที่ชําระเสร็จสิ้นใหแกผูฟองคดี โดยใหชําระ
ใหแลวเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแตวันที่คดีถึงท่ีสุด คําขออื่นนอกจากนี้ใหยกและใหคืน
คา ธรรมเนียมศาลทัง้ หมดใหแ กผูฟอ งคดี น้นั ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดว ยบางสวน
พิพากษาแก เปนใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ถึงท่ี ๔ ในฐานะทายาทโดยธรรมของนาย ส.
รวมกันหรือแทนกันชําระเงินจํานวน ๓,๙๐๕,๓๑๔.๑๖ บาท โดยใหรับผิดชําระเงินไมเกินกวา
ทรัพยมรดกที่แตละคนไดรับจากกองทรัพยสินของนาย ส. และใหผูถูกฟองคดีท่ี ๕ ชําระเงิน
จํานวน ๓,๙๐๕,๓๑๔.๑๖ บาท ผูถูกฟองคดีที่ ๖ ชําระเงิน จํานวน ๕๖๒,๕๕๘.๖๗ บาท และ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๗ ชําระเงินจํานวน ๓,๙๐๕,๓๑๔.๑๖ บาท แกผูฟองคดี พรอมดวยดอกเบี้ย
ของตนเงินที่ตองรับผิดดังกลาวในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระ
เสร็จส้ิน และคนื คาธรรมเนียมศาลใหแกผ ูฟองคดีตามสวนของการชนะคดี นอกจากท่ีแกใหเปนไป
ตามคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน โดยมีขอสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดําเนินการ
ใหเปนไปตามคําพิพากษาวา หากผูฟองคดีไดรับชําระหน้ีจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ถึงท่ี ๕ และที่ ๗
ครบถวนแลว ใหค นื เงินสว นที่ผถู กู ฟองคดีที่ ๖ ตองรบั ผิดชดใชค า เสียหายใหแกผ ูฟอ งคดตี อไป
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. ๒๖๙/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๔๕
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๔๕๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีท้ังสองฟองวา ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (เลขาธิการคณะกรรมการการ
อุดมศึกษา) มีคําส่ังแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กรณีการกําหนด
คาปรับในสัญญาจางกอสรางอาคารอเนกประสงคไมตรงกับเง่ือนไขในเอกสารประกวดราคา และ
คณะกรรมการดงั กลา วสอบสวนแลวไดเสนอความเห็นตอผูถูกฟองคดีที่ ๒ วา เจาหนาท่ีไมไดจงใจ
หรือประมาทเลินเลออยางรายแรง ไมมีผูใดตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกทางราชการ
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ เห็นดวย จึงไดมีหนังสือสงสํานวนสอบสวนไปใหผูถูกฟองคดีท่ี ๔
(กระทรวงการคลัง) ตรวจสอบ ผูถูกฟองคดีท่ี ๔ โดยกรมบัญชีกลาง เห็นวา ผูฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒
ตองรับผิด และมีหนังสือลงวันที่ ๑๙พฤศจิกายน ๒๕๕๐ แจงผลการพิจารณาใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ทราบ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงมีคําสั่งลงวันท่ี ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ ใหผูฟองคดีทั้งสองรับผิดชดใชเงิน
คนละ ๑๕๑,๒๘๘ บาท ตามความเห็นของผูถูกฟองคดีที่ ๔ ผูฟองคดีทั้งสองไดย่ืนอุทธรณคําสั่ง
ดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๓ (รัฐมนตรีวาการกระทรวงศึกษาธิการ) ไดวินิจฉัยยกอุทธรณของ
ผูฟองคดีทั้งสอง และมีหนังสือลงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๑ แจงผลการพิจารณาอุทธรณให
ผูฟองคดีทั้งสองทราบ ผูฟองคดีท้ังสองจึงฟองคดีขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ัง
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๒๑
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ลงวันท่ี ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ และหนังสือกรมบัญชีกลาง ลงวันที่
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ เห็นวา เมื่อหนวยงานของรัฐสงสํานวนการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดไปใหผ ูถกู ฟองคดีท่ี ๔ พิจารณาตามขอ ๑๗ วรรคสอง ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ และ
ผูถูกฟองคดีที่ ๔ พิจารณามีความเห็นเชนใดแลว หนวยงานของรัฐตองมีคําส่ังตามความเห็นของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๔ ตามขอ ๑๘ วรรคหน่ึง ของระเบียบดังกลาว ความเห็นของผูถูกฟองคดีที่ ๔
จึงเปนสาเหตุโดยตรงท่ีทําใหผูฟองคดีทั้งสองไดรับความเสียหาย ผูฟองคดีท้ังสองจึงมีสิทธิฟอง
ผูถกู ฟองคดีท่ี ๔ ตอ ศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึง่ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
เมื่อเอกสารประกวดราคาจาง สถาบันราชภัฏรอยเอ็ด ลงวันท่ี ๙ เมษายน ๒๕๔๗
ท่ีผูฟองคดีที่ ๑ เปนผูจัดทํา และผูฟองคดีที่ ๒ เปนผูพิจารณาใหความเห็นชอบ ไดกําหนดอัตรา
คาปรับไวในขอ ๙ ของเอกสารประกวดราคาจางดังกลาววา คาปรับตามแบบสัญญาจางขอ ๑๕
จะตองกําหนดในอัตรารอยละ ๐.๑ ของคาจางตามสัญญาตอวัน ดังนั้น อัตราคาปรับดังกลาว
จึงมีผลผูกพันผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๒ ในการจัดทําสัญญาจางกับผูชนะการประกวดราคา อีกทั้ง
ยังเปนเงื่อนไขที่ตองประกาศใหผูประสงคจะเขาประกวดราคาไดทราบกอนเขาประกวดราคาวา
หากผูเขาประกวดราคารายใดเปนผูชนะการประกวดราคาจะตองเขาทําสัญญากับทางราชการ
ตามเงื่อนไขคาปรับอัตรารอยละ ๐.๑ ของอัตราคาจางตามสัญญาตอวัน ดังนั้น การท่ีกําหนด
คาปรับในสัญญาใหถูกตองตรงตามท่ีระบุไวในเอกสารประกวดราคาจาง จึงถือเปนสาระสําคัญ
ของสัญญา เมื่อผูฟองคดีที่ ๑ จัดทําสัญญาจาง ใหผูฟองคดีที่ ๒ พิจารณาลงนามกับผูรับจาง
โดยกาํ หนดคาปรับในขอ ๑๕ ของสัญญาจางดังกลาววา ในกรณีผูรับจางไมสามารถทํางานใหแลวเสร็จ
ตามเวลาที่กําหนดไวในสัญญา ผูรับจางจะตองชําระคาปรับในอัตราวันละ ๖๔๘ บาท ซ่ึงเทากับ
อัตรารอยละ ๐.๐๑ ของคาจางตามสัญญา (คาจางตามสัญญา เปนเงิน ๖,๔๗๒,๙๐๐ บาท)
และนอยกวาท่ีกําหนดในเอกสารประกวดราคา เปนเหตุใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ (สํานักงาน
คณะกรรมการการอุดมศึกษา) ซ่งึ เปนผูวาจางไดรับความเสียหายจากการท่ีผูรับจางทํางานไมแลวเสร็จ
ตามเวลาที่กําหนดในสัญญาและไมอาจปรับผูรับจางในอัตรารอยละ ๐.๑ ของคาจางตามสัญญาตอวัน
หรือวันละ ๖,๔๗๓ บาท ไดตามท่ีกําหนดในเอกสารประกวดราคา การกระทําดังกลาวของ
ผูฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ จึงเปนการกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง เพราะหากผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๒ ไดใชความระมัดระวังแตเพียงเล็กนอยดวย
การตรวจสอบดูวาอัตราคาปรับท่ีกําหนดในขอ ๑๕ ของสัญญาจาง ถูกตองตรงกันกับท่ีกําหนด
ในขอ ๙ ของเอกสารประกวดราคาจางหรือไม ก็จะไมเกิดความเสียหายดังกลาว สวนที่ผูฟองคดีที่ ๑
อางวา ไมเคยไดรบั มอบหมายใหเ ปน ผดู ําเนินการจดั ซอื้ จัดจางของสวนราชการมากอน ขาดความรู
และประสบการณเกี่ยวกับงานพัสดุ สวนผูฟองคดีที่ ๒ มีภาระงานมาก ไมสามารถตรวจสอบ
เอกสารไดหมดทุกหนากระดาษและทุกตัวอักษร น้ัน ผูฟองคดีที่ ๑ ก็เพียงแตกําหนดใหถูกตอง
ตรงกันกับอัตราที่กําหนดในเอกสารประกวดราคาจางเทานั้น ซ่ึงไมตองอาศัยความรูหรือ
ประสบการณพเิ ศษแตอยา งใด เพยี งแตใชค วามระมัดระวังเพยี งเล็กนอยก็จะไมเกิดขอผิดพลาดข้ึน
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๒๒
สวนผูฟองคดีที่ ๒ แมจะอางวามีภาระงานมาก ไมอาจตรวจเอกสารไดทุกหนากระดาษและ
ตัวอักษรก็ตาม แตผูฟองคดีท่ี ๒ ก็สามารถตรวจสอบเฉพาะสวนท่ีเปนสาระสําคัญของสัญญาจาง
ซ่ึงมีอยูไมม ากได เชน อัตราคา จา ง กาํ หนดเวลาจา ง อัตราคา ปรับ เปนตน โดยเฉพาะอัตราคาปรับ
ตองตรวจสอบวาในสัญญาจางถูกตองตรงกันกับที่กําหนดในเอกสารประกวดราคาจางหรือไม
ซึ่งไมตองใชความรูความสามารถพิเศษหรือประสบการณในการจัดซื้อจัดจาง และไมตองตรวจ
เอกสารสัญญาจางทุกหนากระดาษและทุกตัวอักษรแตอยางใด โดยใชแตเพียงความระมัดระวัง
และเวลาเพียงเล็กนอยก็สามารถตรวจสอบได และแมวาการกําหนดคาปรับในสัญญาจางในอัตรา
รอยละ ๐.๐๑ ของราคาจางตอวัน จะไมขัดตอขอ ๑๓๔ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวย
การพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ก็ตาม แตการกําหนดอัตราคาปรับดังกลาวจะตองตรงกันกับที่กําหนดไว
ในเอกสารการประกวดราคาจาง การกําหนดคาปรับในสัญญาจางในภายหลังใหต่ํากวาอัตรา
คาปรับท่ีกําหนดในเอกสารประกวดราคาจางที่ไดประกาศใหผูเขาประกวดราคาทราบโดยท่ัวกันแลว
ยอมทาํ ใหผ รู บั จางไดป ระโยชน และผูถ ูกฟอ งคดที ่ี ๑ ซึง่ เปนผวู า จางตองเสียประโยชนดังท่ีวินิจฉัยไวแลว
ซึ่งไมอาจกระทําได แตเม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ในชวงการจัดจางกอสรางอาคารอเนกประสงค
ดังกลาวเปนชวงท่ีมีการปรับเปลี่ยนโครงสรางของทางราชการ โดยที่เดิมสถาบันราชภัฏรอยเอ็ด
เปนเพียงสวนราชการภายในสํานักงานสภาสถาบันราชภัฏ ไมเคยมีเจาหนาที่พัสดุและไมเคย
มีประสบการณในการจัดซื้อจัดจางพัสดุมากอน การจัดจางกอสรางอาคารอเนกประสงค
เปนโครงการแรกที่มหาวิทยาลัยราชภัฏรอยเอ็ดจะตองดําเนินการเองทั้งหมดทุกข้ันตอน
พฤติการณดังกลาวถือเปนความบกพรองของหนวยงานของรัฐและระบบการดําเนินงานสวนรวมดวย
ซึ่งผูถูกฟองคดีที่ ๔ โดยกรมบัญชีกลาง ไดหักสวนความรับผิดของหนวยงานออกรอยละ ๕๐
ของความเสียหายท้ังหมดแลว คงเหลือความรับผิดจํานวน ๓๐๒,๕๗๖ บาท ท้ังน้ี ตามมาตรา ๘
วรรคสาม แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ อยางไรก็ตาม
เมอื่ พิจารณาถงึ ระดับความรา ยแรงแหง การกระทําและความเปนธรรมในกรณีของผูฟองคดีทั้งสองแลว
เห็นวา ผูฟองคดีที่ ๑ เปนอาจารยอัตราจาง โปรแกรมวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มีหนาท่ี
สอนหนงั สือ ไมใชเ จา หนา ท่พี สั ดุโดยตรง และไมเ คยไดรบั มอบหมายใหเ ปน ผดู าํ เนนิ การจดั ซ้อื จดั จา งมา
กอน แตไดรับมอบหมายจากมหาวิทยาลัยราชภัฏรอยเอ็ดใหเปนเจาหนาท่ีดูแลงานดานพัสดุของ
มหาวิทยาลัยและรับผิดชอบในการจัดทําสัญญาจางดังกลาว จึงเปนกรณีท่ีผูฟองคดีที่ ๑ จะตอง
ปฏิบัติหนาที่ท่ีไดรับมอบหมายท้ังที่ตนเองมิไดมีหนาท่ีโดยตรงและมิไดมีความรูความชํานาญใน
หนาท่ีท่ีไดรับมอบหมาย โดยมิอาจหลีกเล่ียงได สวนผูฟองคดีท่ี ๒ ซ่ึงดํารงตําแหนงอธิการบดี
มหาวิทยาลัยราชภัฏรอยเอ็ด ในขณะที่มหาวิทยาลัยราชภัฏรอยเอ็ดมีรองอธิการบดี
เพียงคนเดียว และอยูในระหวางการถายโอนงานจากสถาบันราชภัฏรอยเอ็ดมาเปนงานของ
มหาวทิ ยาลัยราชภฎั รอ ยเอ็ดจงึ มีภาระงานท่ีตองรับผิดชอบจํานวนมาก ประกอบกับความเสียหาย
ที่เกิดขึ้นแกมหาวิทยาลัยราชภัฏรอยเอ็ดจากการกระทําของผูฟองคดีท้ังสองก็มีเพียงแตความเสียหาย
ท่ีเกิดจากมหาวิทยาลัยราชภัฏรอยเอ็ดไดรับคาปรับจากผูรับจางนอยกวาที่ควรจะเปนเทาน้ัน
และวงเงินคาปรับดังกลาวก็อยูในกรอบท่ีกําหนดไวในขอ ๑๓๔ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๒๓
วา ดว ยการพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ อกี ทัง้ การกระทาํ ละเมดิ ดังกลาวมิไดเกิดจากการทุจริตของผูฟองคดี
ท้ังสอง ดังนั้น เม่ือคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมตามมาตรา ๘
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว จึงเปนกรณีท่ี
ผฟู อ งคดีท่ี ๑ ควรรับผิดชดใชค าสินไหมทดแทนเพียงรอยละ ๕ ของคาเสียหายจํานวน ๓๐๒,๕๗๖ บาท
เปนเงิน ๑๕,๑๒๘.๘๐ บาท สวนผูฟองคดีท่ี ๒ ควรรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนรอยละ ๑๐
ของคาเสียหายจํานวน ๓๐๒,๕๗๖ บาท เปนเงิน ๓๐,๒๕๗.๖๐ บาท การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑
โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ออกคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีท้ังสองรับผิดชดใชเงินคนละ ๑๕๑,๒๘๘ บาท
ตามความเห็นของผูถูกฟองคดีที่ ๔ จึงเปนการออกคําส่ังเรียกใหเจาหนาท่ีของรัฐชดใชคาสินไหม
ทดแทนโดยไมคาํ นึงถึงระดบั ความรา ยแรงแหงการกระทําและความเปน ธรรมแกก รณีของผูฟองคดี
ทัง้ สอง ซ่งึ ไมช อบดวยมาตรา ๘ วรรคสอง แหง พระราชบญั ญัติดังกลาว และศาลมีอํานาจเพิกถอน
คําส่ังดังกลาวในสวนที่ใหผูฟองคดีที่ ๑ รับผิดเกินกวา ๑๕,๑๒๘.๘๐ บาท และในสวนท่ีให
ผูฟองคดีท่ี ๒ รับผิดเกินกวา ๓๐,๒๕๗.๖๐ บาท ไดตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑) แหง พ.ร.บ.
จดั ต้งั ศาลปกครองฯ ทศี่ าลปกครองช้ันตน พพิ ากษายกฟอ ง นัน้ ศาลปกครองสูงสุดไมเห็นพองดว ย
พิพากษากลับ เปนใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒
ตามคําสั่งลงวันท่ี ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ ในสวนที่เรียกใหผูฟองคดีที่ ๑ รับผิดชดใชคาเสียหาย
เปนเงินเกินกวาจํานวน ๑๕,๑๒๘.๘๐ บาท และในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีท่ี ๒ รับผิดชดใช
คาเสียหายเปนเงินเกินกวาจํานวน ๓๐,๒๕๗.๖๐ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปนับแตวันท่ี
ผถู กู ฟอ งคดีที่ ๑ ออกคําสงั่ ดังกลาว
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ. ๖๓๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๔๖
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ. ๗๕๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เม่ือวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ผูฟองคดีไดลงทะเบียนเปนผูเขารวม
ประมูลรถจักรยานยนตตามเอกสารชักชวนของผูถูกฟองคดี (การไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย)
ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ ผูฟองคดีประสงคเขารวมประมูลรายการที่ ๑๗ รถจักรยานยนต
ยห่ี อคาวาซากิ (KAWASAKI) เคร่อื งยนตเ บนซนิ ทะเบียน นบ. กจง ๒๑๙ กฟผ. ๐๔ – ๐๓๒๔ รป.
ป พ.ศ. ๒๕๔๒ รายการเดยี ว ผูฟอ งคดีทราบภายหลังจากการประมูลเสร็จส้ินลงวา ผูท่ีลงทะเบียน
เขารวมประมูลรถจักรยานยนตมีเพียง ๒ คน แตคณะกรรมการกําหนดราคาขายและพิจารณา
ผลการประมูล กลับยินยอมใหบุคคลซ่ึงมิไดลงทะเบียนเพ่ือประมูลรถจักรยานยนตเขารวมประมูล
ซ่งึ บคุ คลดงั กลาวไดย กปายเสนอราคาทใี่ ชสําหรับการประมูลรถยนตเพื่อประกอบการขานราคาประมูล
รถจักรยานยนตคันพิพาทอยางตอเน่ืองจนชนะราคา ผูฟองคดีเห็นวาพฤติการณและการกระทําดังกลาว
ของคณะกรรมการฯ เปนการกระทําโดยไมสุจริต มีลักษณะเปนการเลือกปฏิบัติโดยไมเปนธรรม
และฝา ฝนตอ ขอ กาํ หนดทค่ี ณะกรรมการฯ กําหนด จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให
ผูถกู ฟอ งคดีชดใชค า เสียหาย พรอมดอกเบ้ีย
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๒๔
ศาลปกครองสูงสดุ วนิ ิจฉัยวา ผูถ ูกฟอ งคดไี ดจ ัดใหมีการจําหนายพัสดุประเภทรถยนต
รถจักรยานยนต และเครือ่ งจักรกลทีใ่ ชง านแลวจํานวน ๑๘ รายการ ซงึ่ ชาํ รดุ และไมไดใ ชงานแกผูท่ีสนใจ
ดวยวิธีการแขงขนั เสนอราคาดวยวาจา ตามประกาศการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย ประกาศ
ณ วันที่ ๒๐ มถิ ุนายน ๒๕๕๖ ในเอกสารประกาศประมูลราคาดังกลาวกําหนดใหมีการลงทะเบียน
เขารวมประมูลราคาในวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ปรากฏวามีผูสนใจมาลงทะเบียนประมูลราคา
รถจักรยานยนต ๒ คน ไดแก ผูถือปายเสนอราคาหมายเลข ๑ และผูฟองคดีเปนผูถือปายเสนอราคา
หมายเลข ๒ แตเม่อื ถึงเวลาประมลู รถจักรยานยนตไดม ีผทู ่ีลงทะเบยี นประมูลรถยนตแ ตม ิไดล งทะเบียน
ประมูลรถจักรยานยนตเขารวมยกปายเสนอราคารถจักรยานยนตเพ่ิมขึ้นอีก ๓ คน ประกอบดวย
ผูถือปายเสนอราคาหมายเลข ๕ หมายเลข ๓๑ และหมายเลข ๕๑ รวมท้ังหมด ๕ คน โดยผูฟองคดี
มิไดโตแยงหรือคัดคาน คณะกรรมการกําหนดราคาขายและพิจารณาผลการประมูลจึงดําเนินการ
จําหนา ยพสั ดดุ งั กลาวดวยวิธีการแขงขนั เสนอราคาดวยวาจาตอไป ปรากฏวา ผูเขารวมประมูลทั้งหมด
ไดยกปา ยเสนอราคารวม ๑๑ คร้ัง ในสวนของผฟู องคดีไดย กปา ยเสนอราคารวม ๓ ครั้ง โดยคร้ังสุดทาย
ผูฟองคดียกปายเสนอราคา ๕,๘๐๐ บาท หลังจากนั้น ไดมีผูถือปายเสนอราคารายอื่น
ยกปา ยเสนอราคาอกี โดยผถู อื ปา ยเสนอราคาหมายเลข ๑ ไดยกปายเสนอราคาครั้งที่ ๑๐ เปนเงิน
๖,๘๐๐ บาท และผูถือปายเสนอราคาหมายเลข ๕ ไดยกปายเสนอราคาครั้งท่ี ๑๑ เปนเงิน
๗,๐๐๐ บาท ซ่ึงเปนคร้ังสุดทายของการเสนอราคาประมูลรถจักรยานยนตและเปนราคาท่ีสูงสุด
ของการประมูลคร้งั นี้ กรณีจึงเห็นไดวา การท่คี ณะกรรมการกําหนดราคาขายและพิจารณาผลการประมูล
ของผูถูกฟองคดีมีคําสั่งรับคําเสนอซ้ือรถจักรยานยนต ยี่หอคาวาซากิ เคร่ืองยนตเบนซิน
ทะเบียน นบ. กจง ๒๑๙ กฟผ. ๐๔ – ๐๓๒๔ รป. จากผูถอื ปายเสนอราคาหมายเลข ๕ ซง่ึ มิไดล งทะเบียน
เปนผูเขารวมประมูลราคารถจักรยานยนต จึงเปนการกระทําท่ีไมชอบเน่ืองจากเปนการฝาฝนเง่ือนไข
การประมลู ขอ ๒.๑ ของเงื่อนไขและหลักประกันการประมูลทายประกาศการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย
แตโดยท่ีขอเท็จจริงปรากฏวา ภายหลังการประมูลราคาเสร็จสิ้น ผูฟองคดีไดโตแยงตอคณะกรรมการ
กําหนดราคาขายและพิจารณาผลการประมูลวา การประมูลพัสดุรายการรถจักรยานยนตครั้งนี้ดําเนินการ
ผิดเง่ือนไขการประมูลท่ีผูถูกฟองคดีกําหนดไว ซึ่งคณะกรรมการฯ ไดพิจารณาคําโตแยงคัดคาน
ของผูฟองคดีแลวเห็นพองดวย และในที่สุด ผูถูกฟองคดีไดยกเลิกการประมูลครั้งนี้ โดยอาศัยอํานาจ
ตามขอ ๑๙๘ ของระเบียบการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย ฉบับที่ ๒๖ วาดวยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๔๖
ท่ีกําหนดวา ในกรณีไมมีผูเขาประมูลหรือกรณีท่ีคณะกรรมการกําหนดราคาขายและพิจารณา
ผลการประมูลเห็นสมควรยกเลิกการประมูลครั้งนั้น ใหคณะกรรมการดังกลาวเสนอขอยกเลิก
การประมูลคร้งั นั้นเพื่อดาํ เนนิ การใหม เม่อื ผลการประมลู รถจกั รยานยนตค รั้งนีป้ รากฏวา ผูฟองคดี
ยกปายเสนอราคาเพยี ง ๓ ครง้ั โดยครั้งที่ ๕ ผูฟองคดียกปายเสนอราคาท่ี ๕,๘๐๐ บาท ขณะที่ผูถือปาย
เสนอราคาหมายเลข ๑ ซงึ่ เปน ผูเขา รวมประมลู รถจกั รยานยนตโ ดยถูกตองเชนเดียวกับผูฟองคดีไดยกปาย
เสนอราคาครัง้ ท่ี ๑๐ เปนเงิน ๖,๘๐๐ บาท ซึ่งแมผลการประมูลจะปรากฏวา ผูถือปายเสนอราคาหมายเลข ๕
ซ่งึ มิไดลงทะเบยี นเขา รว มประมลู รถจกั รยานยนตไ ดย กปายเสนอราคาที่ ๗,๐๐๐ บาท ซ่ึงเปนราคาที่สูงท่ีสุด
ของการประมูลรถจักรยานยนตในคร้ังน้ี แตผูที่ไดรับความเสียหายจากการดําเนินการประมูลรถจักรยานยนต
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๒๕
ท่ไี มถูกตองของคณะกรรมการกาํ หนดราคาขายและพจิ ารณาผลการประมูลของผูถูกฟองคดี ยอมไดแก
ผูถือปายเสนอราคาหมายเลข ๑ ซ่ึงเปนผูลงทะเบียนประมูลราคาจักรยานยนตอยางถูกตอง
และเปนผูเสนอราคา ๖,๘๐๐ บาท อันเปนราคาที่สูงสุดรองจากผูถือปายเสนอราคาหมายเลข ๕
ซ่ึงชนะการประมลู สว นผูฟองคดีที่เสนอราคาสุดทายที่ ๕,๐๐๐ บาท น้ัน แมจะเปนผูไดรับความเดือดรอน
หรอื เสยี หายจากการท่คี ณะกรรมการกาํ หนดราคาขายและพจิ ารณาผลการประมูลของผูถูกฟองคดี
ดําเนินการประมูลราคารถจักรยานยนตโดยไมชอบ จึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ก็ตาม แตการที่ผูฟองคดีจะมีสิทธิไดรับการชดใชคาสินไหมทดแทน
จากการกระทําละเมิด จะตองปรากฏวาผูฟองคดีเปนผูไดรับความเสียหายจากการกระทํา
โดยไมชอบดวยกฎหมายของคณะกรรมการกําหนดราคาขายและพิจารณาผลการประมูล
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย แตเม่ือผูฟองคดีมิใชผูมีโอกาสชนะ
การประมูลรถจักรยานยนตคันพิพาท ผูฟองคดีจึงมิใชผูไดรับความเสียหายจากการท่ีคณะกรรมการ
กําหนดราคาขายและพิจารณาผลการประมูลดําเนินการประมูลจักรยานยนตคันท่ีพิพาทโดยไมชอบ
เน่ืองจากเปนการฝาฝน เง่อื นไขการประมูล ขอ ๒.๑ ของเงื่อนไขและหลักเกณฑการประมูลทายประกาศ
การไฟฟา ฝายผลติ แหงประเทศไทยดงั กลา ว จงึ ถือไมไดว าคณะกรรมการกําหนดราคาขายและพิจารณา
ผลการประมูล ซ่ึงเปนเจาหนาที่ในสังกัดของผูถูกฟองคดีกระทําละเมิดตอผูฟองคดี ผูถูกฟองคดี
จงึ ไมต องรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษายกฟอง นั้น
ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พอ งดว ย
พิพากษายืน
คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๖๗/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๖
คาํ ส่ังศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๑๔๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีทั้งส่ีฟองวา ผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๒ เปนบุตรของนาย ป. สวนผูฟองคดีที่ ๓
และที่ ๔ เปนหลานของนาย ป. เม่ือครั้งนาย ป. มีที่ดินจํานวน ๒ แปลง อยูท่ีตําบลตรึม
อําเภอศขี รภมู ิ จังหวัดสุรินทร ซ่งึ ไดแ จงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) ไวกับพนักงานเจาหนาท่ีแลว
ตอมาเม่ือป พ.ศ. ๒๕๒๓ นาย ป. ไดเสียชีวิตลงโดยมิไดมอบท่ีดินดังกลาวใหแกผูใด แตนาย ป.
ไดสัง่ เสยี กบั ผูฟอ งคดที ี่ ๑ และที่ ๒ วา ใหผ ฟู อ งคดีท่ี ๑ และที่ ๒ นํามาแบงปนใหกับพี่นองทุกคนตาม
แตปรากฏวานาง ค. บุตรของนาย ป. ไดนําที่ดินทั้งสองแปลงไปออกหนังสือรับรองการทําประโยชน
(น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๕๕๗๓ และเลขที่ ๕๖๒๗ โดยผถู กู ฟอ งคดีที่ ๑ เจาพนักงานท่ีดินจังหวัดสุรินทร
สาขาศีขรภูมิ) มิไดปฏิบัติหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนดในการสอบสวนสิทธิท่ีดินท้ังสองแปลง
ใหถูกตองวานาย ป. ไดยกที่ดินใหแกนาง ค. เพียงคนเดียว จริงหรือไม รวมทั้งมีการปลอมลายมือช่ือ
ผูปกครองทองที่อีกดวย เปนเหตุใหนาง ค. ไดรับที่ดินท้ังสองแปลงไปเปนของตัวเองเพียงคนเดียว
โดยทีน่ าย ป. และทายาทไมเคยทราบเรื่องมากอน ผูฟองคดีทั้งสี่จึงนําคดีมาฟองตอศาลขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําสั่ง ใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ รวมกันหรือแทนกันกับผูถูกฟองคดีที่ ๒
ชดใชคาเสียหายเปนเงิน ๑,๒๗๕,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ีย เห็นวา นาง ค. ไดนําท่ีดินตามแบบแจง
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๒๖
การครอบครองทด่ี ิน (ส.ค. ๑) ที่นาย ป. เปนผูแจงการครอบครอง จํานวน ๒ แปลง ไปยื่นขอออก
หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) โดยนาง ค. แจงตอเจาหนาที่วาไดที่ดินดังกลาว
โดยการรับใหจากนาย ป. ผูเปนบิดา และพนักงานเจาหนาที่ไดออก น.ส. ๓ ก. ใหแกนาง ค.
ตั้งแตวันท่ี ๑๐ กันยายน ๒๕๑๘ แลว ดังน้ัน หากนาย ป. เห็นวาการออก น.ส. ๓ ก. ทั้งสองฉบับ
ใหแกนาง ค. ไมชอบดวยกฎหมายในขั้นตอนใดก็ควรที่จะโตแยงตอผูถูกฟองคดีทั้งสองหรือนําคดี
มาฟองตอศาล ซึ่งขณะนั้น ศาลปกครองยังไมเปดทําการ นาย ป. สามารถใชสิทธิทางศาล
โดยยน่ื ฟองคดตี อ ศาลยุติธรรม แตไมปรากฏขอเท็จจริงวานาย ป. ไดยื่นฟองโตแยงการออก น.ส. ๓ ก.
ทั้งสองฉบับดังกลาวแตอยางใด ดังน้ัน เมื่อนาย ป. ไดถึงแกความตายเมื่อป พ.ศ. ๒๕๒๓
ที่ดินตาม น.ส. ๓ ก ทั้งสองฉบับจึงไมไดเปนทรัพยสินของนาย ป. ในขณะท่ีนาย ป. ถึงแกความตาย
ท่ีดินพิพาทจึงไมไดเปนทรัพยมรดกของนาย ป. ตามมาตรา ๑๖๐๐ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย ผูฟองคดีท้ังสี่ในฐานะทายาทของนาย ป. จึงไมไดเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย
หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล่ียงไดอันเนื่องจากการออก น.ส. ๓ ก. ดังกลาว
ผูฟองคดีทั้งสี่จึงไมมีสิทธิฟองคดีนี้ตอศาลปกครอง ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. จัดตั้ง
ศาลปกครองฯ สวนคํารอง ลงวันท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ พรอมพยานหลักฐานของผูฟองคดี
ทั้งส่ีท่ีย่ืนตอศาลปกครองสูงสุดขอเพ่ิมเติมคํารองอุทธรณคําส่ังของศาลปกครองช้ันตนที่ไมรับคําฟอง
ไวพิจารณา เพื่อใหศาลปกครองสงู สุดรบั ไวพ จิ ารณาพรอ มกบั คํารองอทุ ธรณค ําสั่งของศาลปกครอง
ช้ันตนท่ีไดยื่นไวกอนหนาท่ีแลว น้ัน เม่ือผูฟองคดีทั้งส่ีไดรับแจงคําสั่งของศาลปกครองช้ันตน
ลงวนั ท่ี ๒๓ เมษายน ๒๕๖๒ ท่ีไมรับคําฟองของผูฟองคดีทั้งส่ีไวพิจารณาเม่ือวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๒
ดังน้ัน การที่ผูฟองคดีทั้งส่ีย่ืนคํารอง ลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ พรอมพยานหลักฐาน
ทางไปรษณียล งทะเบียนตอศาลปกครองสูงสุดเม่ือวันท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ จึงเปนการย่ืนคํารอง
อุทธรณคําส่ังของศาลปกครองช้ันตนเพิ่มเติมเมื่อพนกําหนดระยะเวลาสามสิบวันนับแตวันที่
ไดรับแจงคําสั่งของศาลปกครองชั้นตนตามขอ ๔๙/๑ แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวย
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ จึงไมอาจรับคํารอง ลงวันท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
พรอมพยานหลักฐาน ของผูฟองคดีทั้งส่ีไวพิจารณาได ที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟอง
ของผูฟองคดีทั้งส่ีไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เหน็ พอ งดวยในผล
จึงมีคําสั่งยืนตามคําส่ังของศาลปกครองช้ันตน และไมรับคํารองอุทธรณคําสั่ง
เพ่ิมเตมิ ของผฟู อ งคดที ั้งสี่ไวพจิ ารณา
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คบ.๙๕/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕๔
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ขณะผูฟองคดีรับราชการตํารวจ ขาราชการตํารวจ
ผูใตบังคับบัญชาของผูถูกฟองคดีที่ ๔ (กองบังคับการตํารวจทางหลวง) ไดรวมกันจัดทําหนังสือ
รอ งเรยี น (บัตรสนเทห) ท่ีมีขอความหม่ินประมาทผูฟองคดีในฐานะผูบังคับบัญชา สงไปยังสถานที่
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๒๗
ตางๆ ในสังกัดของผูถูกฟองคดีที่ ๑ (สํานักงานตํารวจแหงชาติ) และสงไปยังผูถูกฟองคดีท่ี ๒
(กองบังคับการตํารวจทางหลวง) ทาง Gmail ผูถูกฟองคดีที่ ๒ จึงมีบันทึกขอความลงวันที่
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ แจงใหผูถูกฟองคดีที่ ๓ (กองกํากับการ ๗ กองบังคับการตํารวจทางหลวง
สถานีตํารวจทางหลวง ๔ กองกํากับการ ๗) ตรวจสอบขอเท็จจริงในกรณีดังกลาวแลวรายงาน
ผลการดําเนินการใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ทราบ ซึ่งตอมาพันตํารวจโท ธ. ผูไดรับมอบหมายให
ตรวจสอบขอเท็จจริงในกรณีดังกลาวไดมีบันทึกขอความลงวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ รายงาน
ผลการตรวจสอบขอเทจ็ จรงิ ใหผ ูถูกฟอ งคดีที่ ๓ ทราบโดยเห็นวา ขอกลาวหาตามหนังสือรองเรียน
ไมมีมูลความผิด เห็นควรยุติเรื่อง ผูฟองคดีเห็นวา พฤติการณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ที่ ๓
และขาราชการตํารวจผูใตบังคับบัญชาของผูถูกฟองคดีที่ ๔ เปนการรวมกันสรางเร่ืองเท็จข้ึนมา
กลั่นแกลงใสความผูฟองคดี และรวมกันใชอํานาจนําหนังสือรองเรียนกลาวโทษผูฟองคดีท่ีมี
ขอความเท็จไปตรวจสอบขอเท็จจริงแลวดําเนินการทางวินัยกับผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ รองขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ในฐานะหนวยงานตนสังกัดของ
ผถู กู ฟองคดีท่ี ๒ ท่ี ๓ และขาราชการตํารวจผูใตบังคับบัญชาของผูถูกฟองคดีท่ี ๔ ผูกระทําละเมิด
ท่ีนําหนังสือรองเรียนที่มีขอความเท็จไปกลาวหาใสความหมิ่นประมาทผูฟองคดี ชดใชคาสินไหม
ทดแทนใหแ กผูฟอ งคดเี ปนเงนิ ๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท พรอ มดอกเบี้ยในอตั รารอยละ ๑๕ ตอป ภายใน
๑๕ วัน นับแตไดรับหนังสือ แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ เพิกเฉย ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ชดใชคาเสียหายแกผูฟองคดีเปนเงิน ๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท
นับแตวันทําละเมิดจนถึงวันยื่นฟอง พรอมดอกเบี้ยรอยละ ๗.๕ ตอป จนกวาจะชําระเสร็จ
แกผูฟองคดี เห็นวา การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดมีบันทึกขอความลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
แจงใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ตรวจสอบขอเท็จจริงในกรณีท่ีมีหนังสือรองเรียนทาง Gmail เกี่ยวกับ
ผูฟองคดีและการที่พันตํารวจโท ธ. ไดมีบันทึกขอความลงวันท่ี ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ รายงาน
ผลการตรวจสอบขอเท็จจริงใหผ ูถูกฟอ งคดีที่ ๓ ทราบโดยเห็นวา ขอกลาวหาตามหนังสือรองเรียน
ไมม ีมูลความผิด เห็นควรยุติเร่ือง น้ัน เปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๒ ถึงท่ี ๔ ไดดําเนินการตรวจสอบ
ขอเทจ็ จรงิ เพอื่ ใหไดขอเท็จจริงในเบื้องตนวา บคุ คลท่ีถูกรองเรียนไดกระทําผิดวินัยหรือไม อยางไร
ซึ่งเปนเพียงขั้นตอนของการพิจารณาภายในฝายปกครองในการเตรียมการและดําเนินการ
ของเจาหนาทเี่ พ่ือจดั ใหมคี ําสง่ั ทางปกครอง เม่ือผลการตรวจสอบขอ เท็จจริงปรากฏวา ขอกลาวหา
ไมมีมูลความผิด กรณีจึงไมมีการดําเนินการทางวินัยในประเด็นดังกลาวกับผูฟองคดี ผูฟองคดี
จงึ มิใชผไู ดรับความเดอื ดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจ
หลีกเล่ียงได อันเนื่องมาจากการกระทําหรือการงดเวนการกระทําของผูถูกฟองคดีทั้งสี่ที่จะมีสิทธิ
ฟองคดีตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ัง
ไมรับคําฟองคดีนี้ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เหน็ พอ งดวยในผล
จึงมีคาํ สงั่ ยนื ตามคาํ ส่ังของศาลปกครองชั้นตน
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๙/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๑๙
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๒๘
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๒๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๒๕
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๓๓/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (นายกเทศมนตรีนครนครสวรรค) มีคําส่ังลงวันที่
๑๑ เมษายน ๒๕๕๑ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๕,๙๓๕,๓๒๐.๕๘ บาท
ผูฟองคดีเห็นวาคําสั่งดังกลาวไมชอบดวยกฎหมายจึงนําคดีมาฟองตอศาล ซ่ึงศาลปกครองสูงสุด
มีคําพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งดังกลาวและคําวินิจฉัยอุทธรณเฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๕๙๓,๕๓๒.๐๖ บาท ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีหนังสือลงวันท่ี
๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ แจงใหผูฟองคดีนําเงินจํานวน ๕๙๓,๕๓๒.๐๖ บาท พรอมดอกเบ้ียรอยละ
๗.๕ ตอป นับแตวันท่ีผิดนัด ไปชําระใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (เทศบาลนครนครสวรรค) ภายในสิบหาวัน
นับแตวันที่ไดรับหนังสือ พรอมท้ังแจงดวยวาหากพนกําหนดเวลา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จะดําเนินการ
ตามขน้ั ตอนของกฎหมายตอ ไป ผูฟอ งคดจี ึงมีหนงั สือลงวันท่ี ๕ มีนาคม ๒๕๖๑ อุทธรณการปฏิบัติ
ตามหนังสือฉบับดังกลาวตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีหนังสือลงวันที่
๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ แจงผูฟองคดีวา หนังสือแจงใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนการดําเนินการบังคับคดีตามคําพิพากษา ไมทําใหผูฟองคดีเกิดสิทธิอุทธรณ ผูฟองคดีเห็นวา
หลังจากศาลปกครองสูงสุดพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเฉพาะ
สวนที่เกินกวาจํานวน ๕๙๓,๕๓๒.๐๖ บาท ผูถูกฟองคดีทั้งสองยังไมมีคําส่ังใดๆ ท่ีเปนการเพิกถอนคําส่ัง
ดังกลาว อันจะถือไดวาเปนการปฏิบัติตามคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ดังน้ัน หนังสือลงวันที่
๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ จึงยังไมมีผลตามกฎหมายท่ีจะนํามาใชบังคับกับผูฟองคดี และไมอาจอางไดวา
เปนการบังคับคดีตามคําพิพากษา ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ัง
เพิกถอนหนังสือลงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ ท่ีแจงใหผูฟองคดีนําเงินจํานวน ๕๙๓,๕๓๒.๐๖ บาท
ไปชําระใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และหนังสือลงวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ ท่ีไมรับคําอุทธรณของ
ผูฟ องคดไี วพจิ ารณา
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา แมวาในคดีน้ีผูฟองคดีจะเปนผูอยูภายใตบังคับของ
หนังสือลงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ ที่แจงใหผูฟองคดีนําเงินจํานวน ๕๙๓,๕๓๒.๐๖ บาท ไปชําระ
ใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๒ และหนังสือท่ีไมรับคําอุทธรณของผูฟองคดีไวพิจารณาก็ตาม แตการท่ี
หนงั สือทงั้ สองฉบับออกโดยอาศัยผลบังคับผูกพันตามคําพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๘๔๗/๒๕๕๙
ที่ศาลปกครองสูงสุดไดกําหนดคําบังคับใหเพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๑ ที่ใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทน และคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามหนังสือลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๑
ที่ใหยกอุทธรณของผูฟองคดี เฉพาะในสวนที่เกินกวาจํานวนเงิน ๕๙๓,๕๓๒.๐๖ บาท ซึ่งคําพิพากษา
ของศาลปกครองสูงสุดดังกลาวมีผลเปนการเพิกถอนคําส่ังทางปกครองบางสวนในทันที
โดยท่ีผูถูกฟองคดีทั้งสองไมจําตองออกคําส่ังทางปกครองใหมเพ่ือเรียกใหผูฟองคดีชําระเงิน
ตามคําพิพากษาของศาลแตอยางใด และผูถูกฟองคดีทั้งสองชอบท่ีจะอาศัยผลบังคับผูกพัน
ของคําพิพากษาดําเนินการบังคับใหเปนไปตามคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนไดในทันที การที่
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๒๙
ผูถูกฟองคดีทั้งสองมีหนังสือลงวันท่ี ๑๘ เมษายน ๒๕๖๐ แจงใหผูฟองคดีนําเงินจํานวน ๕๙๓,๕๓๒.๐๖ บาท
ไปชําระใหแ กผ ูถ กู ฟองคดที ี่ ๒ และหนังสอื ลงวนั ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ ท่ีไมรับคําอุทธรณของผูฟองคดี
ไวพิจารณา จึงเปนเพียงการท่ีผูถูกฟองคดีทั้งสองแจงใหผูฟองคดีนําคาสินไหมทดแทนมาชําระ
ดวยความสมัครใจ กอนที่จะมีการดําเนินการบังคับใหเปนไปตามคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน
ตอไปเทานั้น ดังนั้น หนังสือทั้งสองฉบับดังกลาวจึงไมมีสภาพบังคับท่ีมีผลกระทบตอสิทธิเสรีภาพ
ของผูฟองคดีแตอยางใด ผูฟองคดีจึงมิใชผูที่ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอน
หรอื เสียหายโดยมอิ าจหลกี เลี่ยงไดอนั เนอ่ื งจากหนงั สือทั้งสองฉบับดังกลาวตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงมิใชผูมีสิทธิฟองคดี การที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ัง
ไมรับคําฟองคดีน้ีไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ น้ัน ศาลปกครองสูงสุด
เหน็ พองดวย
จึงมีคําส่งั ยืนตามคาํ ส่ังของศาลปกครองชน้ั ตน
คําส่ังศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๔๔/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๗๔
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๑๑๗/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๙๐
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ คร.๑๓๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีถูกคนรายใชเครื่องมือส่ือสารติดตามตัวระยะไกล
ปลอยคล่ืนแมเหล็กไฟฟาโดยสงผานคล่ืนความถี่ต่ํามารบกวนและทํารายผูฟองคดี ผูฟองคดี
จึงแจงเร่ืองรองเรียนไปยังสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศนและกิจการ
โทรคมนาคมแหงชาติ เขต ๑๓ (สํานักงาน กสทช. เขต ๑๓ (สุพรรณบุรี)) และผูถูกฟองคดี
(สํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศนและกิจการโทรคมนาคมแหงชาติ
(สํานักงาน กสทช.)) ขอใหดําเนินการตรวจสอบคล่ืนความถี่ดังกลาว และแกไขความเดือดรอน
ใหแกผูฟองคดี แตยังไมไดรับการแกไขปญหาความเดือดรอนจากคลื่นความถ่ีดังกลาว ผูฟองคดี
เห็นวา ผูถูกฟองคดีมีอํานาจหนาที่ตามกฎหมายในเร่ืองดังกลาว แตละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมาย
กําหนดใหตอ งปฏิบตั ิ จึงนาํ คดมี าฟอ ง ขอใหศ าลมีคําพพิ ากษาหรือคาํ ส่งั ใหผ ูถ ูกฟองคดใี ชอ ํานาจหนา ที่
ตามกฎหมายไปดาํ เนนิ การตรวจเชค็ รางกายของผูฟองคดีวาคล่ืนความถ่ีที่เกาะตัวผูฟองคดีเปนคล่ืนความถี่
ของหนวยงานใด และนําผูฟองคดีไปตรวจคลื่นสมองผานเคร่ืองมือ EEG ท่ีมหาวิทยาลัยมหิดล
และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุรี รวมทั้งใหชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี
จาํ นวน ๑๕๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา กอนฟองคดีน้ี ผูฟองคดีไดรองเรียนตอสํานักงาน
กสทช. เขต ๑๓ (สุพรรณบุรี) ซึ่งเปนหนวยงานในสังกัดของผูถูกฟองคดี และหนวยงานดังกลาว
ไดด าํ เนนิ การตรวจสอบการใชงานคลนื่ ความถี่ที่บานเลขท่ี ๔๓๙ หมูที่ ๒ ตําบลตล่ิงชัน อําเภอเมืองสุพรรณบุรี
จงั หวดั สุพรรณบุรี ซึ่งเปนพ้ืนท่ีประสบเหตุตามที่ผูฟองคดีอางในหนังสือรองเรียน โดยใชเคร่ืองมือ
ตรวจสอบหาทิศความถ่ีวิทยุตราอักษร Rohde & Schwarz รุน DF – ๕๕๐ และเครื่องมือตรวจสอบ
Spectrum Analyzer ตราอักษร Rohde & Schwarz รุน FSH๘ ตรวจสอบการใชงานความถ่ี
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๓๐
ที่ ๙ – ๕๐ KHz ผลการตรวจสอบไมพบการใชงานความถ่ีดังกลาวแตอยางใด และไดตรวจสอบ
ยานความถี่ ๒๐ – ๓๐๐ MHz มีการใชงานตามปกติ ซ่ึงสํานักงาน กสทช. เขต ๑๓ (สุพรรณบุรี)
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ แจงผลการตรวจสอบดังกลาวใหผูฟองคดีทราบแลว
กอนท่ีผูฟองคดีจะนําคดีนี้มาฟองตอศาลปกครอง อันเปนการดําเนินการตามคํารองเรียน
ตามอํานาจหนา ท่ีแลว ผฟู อ งคดจี ึงไมอาจอางไดว า ไดรบั ความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอน
หรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดอันเน่ืองจากการกระทําหรือการงดเวนการกระทําของผูถูกฟองคดี
หรือ กสทช. ที่จะมีสิทธิฟองคดีน้ีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดี
ออกจากสารบบความ นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพอ งดว ย
จึงมีคาํ ส่ังยืนตามคาํ ส่ังของศาลปกครองชัน้ ตน
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๙๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีทั้งเกาฟองวา ผูฟองคดีท้ังเกาเปนคณะกรรมการชุมชนพอเพียง
บานหนองขาม หมูที่ ๙ ตําบลบานเปด อําเภอเมืองขอนแกน จังหวัดขอนแกน ผูฟองคดีท่ี ๑
ในฐานะประธานกรรมการดังกลาวไดจัดทําโครงการเล้ียงโค โดยขอรับการจัดสรรงบประมาณ
ตามระเบียบคณะกรรมการบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน วาดวย
แนวทางการดาํ เนนิ งานตามโครงการเศรษฐกจิ พอเพียงเพือ่ ยกระดับชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๓ และไดรับ
อนุมตั เิ งินตามโครงการเปนเงิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท โดยผูฟองคดีท่ี ๑ ไดดําเนินการจัดซ้ือโคเพศเมีย
จํานวน ๓๓ ตัว ตอมา ผูฟองคดีที่ ๑ ไดประชุมประชาคมหมูบานเรื่องใหราษฎรรับโคไปเล้ียง
ครอบครัวละ ๑ ตัว แตในระหวางนั้นปรากฏวาโคบางตัวปวย ทําใหโคตายไป ๓ ตัว เมื่อราษฎร
ทราบวาโคปวยก็เกรงวาจะเปนโรคติดตอรายแรง จึงบอกเลิกการรับเล้ียงโค ทําใหไมมีราษฎร
คนใดรับโคไปเล้ียง ผูฟองคดีทั้งเกาจึงมีมติที่ประชุมขายโคที่เหลือไปในราคา ๒๙๐,๐๐๐ บาท
หักคาใชจาย เปนเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท คงเหลือเงิน ๒๕๐,๐๐๐ บาท แตผูถูกฟองคดี (สํานักงาน
ปลัดสาํ นกั นายกรฐั มนตรี) ไดมหี นงั สือลงวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ แจงวา ผูฟองคดีทั้งเกาบริหาร
จัดการโครงการขัดตอแนวทางการดําเนินงานตามโครงการชุมชนพอเพียงหรือโดยไมชอบดวย
กฎหมาย อาจกอใหเ กิดความเสียหายตอประโยชนสวนรวมของประชาชนในชุมชน จึงใหผูฟองคดี
ทั้งเกาชดใชเงินจํานวน ๖๐๐,๐๐๐ บาท แตเน่ืองจากไดมีการขายโคไปแลว จึงใหผูฟองคดีท้ังเกา
ชดใชเงินจํานวน ๓๕๐,๐๐๐ บาท ผูฟองคดีท้ังเกามีหนังสืออุทธรณคําส่ังดังกลาว แตไดรับแจงวา
ใหยกอุทธรณ ผูฟองคดีท้ังเกาจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือมีคําสั่งเพิกถอนคําสั่ง
ของผูถูกฟองคดีตามหนังสือลงวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ และหนังสือแจงผลอุทธรณ และมีคําส่ัง
ใหผูฟองคดีทั้งเกาไมตองชดใชเงินจํานวน ๓๕๐,๐๐๐ บาท คืนใหแกบานหนองขาม เห็นวา
เม่ือมูลเหตุแหงคดีเกิดจากการที่ผูถูกฟองคดีอาศัยอํานาจตามขอ ๒๔ และขอ ๒๖ ของระเบียบ
คณะกรรมการบริหารโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือยกระดับชุมชน วาดวยแนวทาง
การดําเนินงานตามโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือยกระดับชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๓ มีหนังสือลงวันที่
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๓๑
๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ แจงใหผูฟองคดีท้ังเกาชดใชเงินคืนใหแกบานหนองขามจํานวน ๓๕๐,๐๐๐ บาท
หากไมดําเนินการ ผูถูกฟองคดีจะดําเนินการท้ังทางอาญาและทางแพงตอไป โดยมิไดมุงท่ีจะใช
มาตรการบังคับทางปกครองตามกฎหมายตอไป จึงเห็นไดวา หนังสือของผูถูกฟองคดีดังกลาว
มิใชคําส่ังทางปกครอง ตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
หรือคําสั่งอื่นใดท่ีจะมีผลในทางกฎหมายใหผูฟองคดีทั้งเกาตองปฏิบัติตามได หนังสือดังกลาว
จึงมีผลเทากับเปนการแจงใหผูฟองคดีทั้งเกาคืนเงินเทานั้น หากผูฟองคดีทั้งเกาไมปฏิบัติตาม
ก็ไมสามารถนําไปสูการใชมาตรการบังคับทางปกครอง และผูถูกฟองคดีตองใชสิทธิทางศาล
เพ่ือใหศาลมีคําบังคับแกผูฟองคดีท้ังเกาตอไป ซ่ึงก็ไมปรากฏวาผูถูกฟองคดีไดใชสิทธิฟองแยงแก
ผฟู องคดที ั้งเกาในคดีนี้แตอยางใด เมือ่ หนังสือลงวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ มิใชคําส่ังทางปกครอง
การที่ผูฟองคดีทั้งเกามีหนังสืออุทธรณ จึงเปนหนังสือเพื่อรองขอความเปนธรรม และการที่
ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือแจงผลวินิจฉัยการรองขอความเปนธรรมใหแกผูฟองคดีทั้งเกา จึงมิใช
คําวินิจฉัยคําอุทธรณตามมาตรา ๔๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
แตเปนเพียงหนังสือยืนยันใหผูฟองคดีทั้งเกานําเงินจํานวน ๓๕๐,๐๐๐ บาท ชดใชคืนแก
บานหนองขาม ซึ่งมิใชคําส่ังทางปกครองตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติดังกลาวเชนเดียวกัน
ดังน้ัน หากผูฟองคดีทั้งเกาเห็นวา ผูถูกฟองคดีไมมีสิทธิเรียกรองเงินจากผูฟองคดีท้ังเกา ผูฟองคดี
ทั้งเกาก็ชอบที่จะปฏิเสธไมคืนเงินตามที่ผูถูกฟองคดีทวงถาม โดยไมอาจยื่นฟองคดีตอศาลขอใหมี
คาํ พพิ ากษาหรอื คําสงั่ เพิกถอนหนงั สอื ลงวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ และหนังสือแจงผลการรองขอ
ความเปนธรรมแตอยางใด ผูฟองคดีจึงมิใชผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายหรืออาจจะ
เดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดที่จะมีสิทธิฟองคดีน้ีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒
วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ และโดยท่ีปญหาเก่ียวกับความเปนผูมีสิทธิฟองคดี
ตอศาลเปนปญหาเกี่ยวกับเงื่อนไขแหงการฟองคดี ซ่ึงเปนปญหาขอกฎหมายอันเกี่ยวดวย
ความสงบเรียบรอยของประชาชน แมไมมีคูกรณีฝายใดยกขึ้นวากลาวในชั้นอุทธรณ ศาลปกครอง
สูงสุดก็มีอํานาจยกปญหาขอกฎหมายดังกลาวขึ้นวินิจฉัย แลวพิพากษาหรือมีคําส่ังไดตามขอ ๙๒
ประกอบขอ ๑๑๖ แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓
เมื่อศาลไดวินิจฉัยแลววา ผูฟองคดีไมมีสิทธิฟองคดีนี้ตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ศาลจึงไมอาจรับคําฟองนี้ไวพิจารณาได กรณีไมจําตองวินิจฉัย
ประเด็นอืน่ ที่ศาลปกครองชั้นตน พพิ ากษายกฟอง น้ัน ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพอ งดว ยในผล
พพิ ากษายนื
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๔๒๑/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ)
ผูฟองคดีทั้งสองฟองวา ผูฟองคดีท้ังสองรับราชการสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(กรมศุลกากร) ตําแหนงนายตรวจศลุ กากร มหี นา ท่ีตรวจสอบความสมบูรณข องใบขนสินคาขาออก
และเอกสารประกอบของบริษัทผูสงออก ตรวจสอบสินคาใหตรงกับท่ีสําแดงไวในใบขนสินคา
โดยเปดตรวจตามอัตราที่กําหนดไว สลักการตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๓๒
ผูฟองคดีทั้งสองไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (อธิบดีกรมศุลกากร)
ไดมีคําสั่งเม่ือวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๗ ใหผูฟองคดีท้ังสองชดใชคาสินไหมทดแทน ตามหนังสือ
ฝายวนิ ยั ลงวันที่ ๑๕ ธนั วาคม ๒๕๔๗ เร่อื ง รายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
รายบริษัท ท. กระทําการทุจริตในการขอรับเงินชดเชยคาภาษี รวมเปนเงิน ๒,๔๖๓,๗๑๕.๓๖ บาท
โดยผูฟองคดีทั้งสองตองรวมรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะลูกหน้ีรวม ซ่ึงผูอํานวยการ
สํานักบริหารและพัฒนาบุคคลไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๘ มกราคม ๒๕๔๘ แจงใหผูฟองคดีทั้งสอง
ไปชดใชค า สนิ ไหมทดแทนภายใน ๑๕ วัน นบั แตว นั ท่ีไดรับหนงั สือดังกลาว ผูฟองคดีทั้งสองเห็นวา
ผูฟองคดีทั้งสองมิไดเปนผูกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๒ การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีคําส่ังให
ผูฟอ งคดีท้ังสองชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวเปนการออกคําสั่งทางปกครองที่ไมชอบดวยกฎหมาย
จึงมีหนังสือลงวันที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ อุทธรณตอผูถูกฟองคดีที่ ๒ แตตอมาผูถูกฟองคดีที่ ๒
กลับออกคําส่ังลงวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๔๘ สั่งใหผูฟองคดีท้ังสองชดใชคาสินไหมทดแทน
ตามคาํ ส่ังเดิมทุกประการ ผูฟอ งคดีท้ังสองทราบคาํ ส่ังเม่อื วนั ที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๘ จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมคี ําพพิ ากษาหรอื คาํ ส่ังเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ ตามหนังสือลงวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๗ และคําส่ังลงวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ที่ใหผูฟองคดีท้ังสองชดใชคาสินไหมทดแทน
กับเพิกถอนความเห็นของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ โดยกรมบัญชีกลางท่ีใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ออกคําสั่งใหผูฟองคดีทั้งสองชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ศาลปกครองสูงสุด
โดยมติที่ประชุมใหญพิเคราะหแลว เห็นวา คําวินิจฉัยสั่งการท่ีผูแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดวินิจฉัยส่ังการวา มีเจาหนาท่ีผูใดตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนหรือไม
และเปนจํานวนเทาใดตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับ
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ขอ ๑๗ วรรคหน่ึง ก็ดี ขอ ๑๘ วรรคหน่ึงทั้งฉบับเกา
และฉบับแกไขปรับปรุง ก็ดี มิไดมีฐานะทางกฎหมายเปนคําส่ังทางปกครองใหเจาหนาที่ชําระเงิน
คาสินไหมทดแทนตามนัยมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
แตอยางใด ดังนนั้ คาํ วนิ ิจฉัยส่งั การดงั กลา วไมวา จะไดม กี ารแจงใหเ จาหนา ท่ีทถี่ ูกวินิจฉัยวาตองรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนอันเน่ืองจากการกระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาท่ีหรือไมก็ตาม ก็ไมมีสถานะ
เปนคําสง่ั ทางปกครองทม่ี ีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนา ทีข่ องเจาหนา ทท่ี จ่ี ะทาํ ใหเจา หนาท่ี
ผนู ้นั มสี ทิ ธิฟองคดตี อ ศาลปกครองเพ่อื ขอใหศ าลปกครองมีคําพิพากษาเพิกถอนคําวินิจฉัยสั่งการดังกลาว
แตอยางใด การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีคําส่ังลงวันท่ี ๓ กันยายน ๒๕๔๗ แตงต้ัง
คณะกรรมการสอบขอเทจ็ จรงิ ความรบั ผดิ ทางละเมิดกรณีดังกลาว ซึ่งคณะกรรมการฯ มีความเห็นวา
ผฟู องคดีทง้ั สองปฏบิ ัติหนาท่ียังไมถงึ ขนาดเปนการจงใจหรอื ประมาทเลนิ เลอ อนั จะทําใหผูถูกฟองคดีที่ ๑
เสียหาย แตฝายวินัยและจริยธรรม สํานักบริหารและพัฒนาบุคคล ซึ่งไดรับมอบหมายใหตรวจ
พิจารณารายงานการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดดังกลาว ไดเสนอความเห็นตอรอง
อธิบดีกลุมภารกิจดานยุทธศาสตรปฏิบัติราชการแทนผูถูกฟองคดีท่ี ๒ วา การปฏิบัติหนาท่ี
ของผูฟองคดีท้ังสองและศุลการักษ เปนการกระทําโดยประมาทเลินเลอกอใหเกิดความเสียหาย
แกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ผูฟองคดีท้ังสองและศุลการักษตองรวมกันรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๓๓
โดยรองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดวินิจฉัยสั่งการเม่ือวันท่ี ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๗
ทายหนังสือลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๗ วา หากเปนไปตามแนวทางท่ีกรมเคยสั่งการไว ดําเนินการ
ตามเสนอ ซึ่งกรณีดังกลาวน้ัน มีความหมายเพียงวา ผูแตงต้ังคณะกรรมการฯ ไดมีคําวินิจฉัยสั่งการ
ใหผูฟองคดีท้ังสองรวมรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนตามความเห็นที่ฝายวินัยฯ เสนอ คําวินิจฉัย
สั่งการของผูถูกฟองคดีที่ ๒ จึงไมมีลักษณะเปนคําส่ังทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ.
วธิ ีปฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แมจะปรากฏขอเท็จจริงดวยวา ผูอํานวยการสํานักเทคโนโลยีฯ
รักษาราชการแทนผูอํานวยการสํานักบริหารและพัฒนาบุคคลไดมีบันทึกขอความ ลงวันท่ี ๑๘ มกราคม ๒๕๔๘
ซึ่งเปนการนําเอาผลการวินิจฉัยส่ังการของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไปขอใหผูอํานวยการ สอย. แจงให
ผูฟองคดีทั้งสองทราบและใหไปติดตอขอชดใชคาสินไหมทดแทนกับนิติกร ฝายวินัย ภายใน ๑๕ วัน
นับแตวันที่ไดรับหนังสือ พรอมแจงสิทธิอุทธรณและสิทธิฟองคดีตอศาลปกครอง ผูฟองคดีทั้งสอง
ไดล งช่อื รับทราบในหนังสอื ดงั กลาวแลวก็ตาม แตก ็ยังเปน การแจงใหผ ฟู องคดีท้งั สองไดรับทราบถึง
ผลการวินิจฉัยส่ังการของหัวหนาหนวยงานท่ีมีความเห็นวาผูฟองคดีทั้งสองตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนเทานั้น ไมมีลักษณะเปนคําสั่งทางปกครองเชนกัน ผูฟองคดีทั้งสองจึงมิใชผูไดรับ
ความเดอื ดรอนหรอื เสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล่ียงไดอันเนื่องจาก
การกระทาํ หรอื การงดเวน การกระทาํ ของผูถูกฟองคดที ี่ ๒ ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดต้ัง
ศาลปกครองฯ ผูฟองคดีทั้งสองจึงไมมีสิทธิฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังดังกลาว สําหรับคําสั่งลงวันท่ี
๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ที่เรียกใหผูฟองคดีทั้งสองชดใชคาสินไหมทดแทนนั้น เมื่อในขณะเกิดเหตุ
ผูฟองคดีท้ังสองดํารงตําแหนงนายตรวจศุลกากร ไดรับมอบหมายใหเปนผูทําหนาท่ีตรวจปลอย
และควบคุมการบรรจุสนิ คาตามใบขนสินคา ขาออกของบริษทั ท. เขาคอนเทนเนอรตามที่กําหนดไว
ผูฟองคดีท้ังสองจึงมีหนาท่ีโดยตรงในการตรวจสินคาตามขอ ๐๘ ๐๕ ๐๑ (๑) (๓) ขอ ๐๘ ๐๕ ๐๔
ขอ ๐๘ ๐๕ ๐๕ และขอ ๐๘ ๑๑ ๑๔ (๓) ของประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับท่ีแกไขเพ่ิมเติมตามคําส่ังท่ัวไปกรมศุลกากร ที่ ๕๑/๒๕๓๑ ลงวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๓๑
และขอ ๒ ของคําส่ังกองตรวจสินคาขาออก ที่ ๑๓/๒๕๓๐ ลงวันท่ี ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ เร่ือง การตรวจ
และบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรที่กําหนดใหผูฟองคดีท้ังสองตองตรวจสอบความสมบูรณของ
ใบขนสินคาขาออกและเอกสารประกอบการสง ออกทเ่ี กย่ี วขอ งรวมทั้งของท่ีจะสงออก โดยการเปด
ตรวจตามอัตราที่กําหนดไววามีของตรงตามท่ีสําแดงหรือไม ซึ่งหากผูฟองคดีทั้งสองปฏิบัติหนาท่ี
ตามทรี่ ะเบยี บขอบังคับท่ีเก่ยี วของกาํ หนดไวอ ยา งครบถวน โอกาสทผ่ี สู ง ออกจะทําการทุจริตขอรับ
เงินชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออกโดยการแอบอางหมายเลขคอนเทนเนอรของผูสงออกรายอ่ืน
ยอมไมอ าจเกิดข้นึ ได แตคดีนีผ้ ูฟองคดีทัง้ สองรับวา สาเหตทุ ขี่ อ เทจ็ จรงิ ที่สาํ แดงไวใ นใบขนสนิ คาขาออก
ของบริษัท ท. ไมตรงกับขอเท็จจริงที่สําแดงไวในบัญชีสินคาสําหรับเรือ เน่ืองจากรัฐบาลในขณะนั้น
และผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีนโยบายสงเสริมการสงออกโดยเนนการอํานวยความสะดวกดานพิธีการ
ศุลกากรเพ่ือใหผูสงออกไดรับความสะดวกทําใหปริมาณการสงออกเพิ่มมากขึ้น ผูฟองคดีทั้งสอง
จงึ ใชว ธิ สี ุมตรวจสินคา ตามใบขนสินคาขาออกเพียงบางฉบบั โดยจะเลอื กตรวจเฉพาะสินคาท่ีมูลคา
การสง ออกสูง การสงออกถ่ี สินคาที่มีอัตราเงินชดเชยสูง หรือสินคาที่ผูสงออกมีรายช่ืออยูในบัญชี
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๓๔
ผสู งออกทม่ี พี ฤติกรรมนาสงสัย โดยที่ผูฟองคดีทั้งสองซึ่งดํารงตําแหนงนายตรวจศุลกากรยอมตอง
ทราบดีวาไมมีระเบียบขอบังคับใดท่ีเก่ียวกับการปฏิบัติหนาที่ในเรื่องดังกลาวอนุญาตใหใชวิธีการ
สุมตรวจได เม่ือบริษัท ท. มิไดสงสินคาออกไปนอกราชอาณาจักรจริงตามท่ีสําแดงไวในใบขนสินคาขาออก
แตผูฟองคดีทั้งสองกลับลงนามในใบขนสินคาขาออกของบริษัทดังกลาวเพ่ือรับรองวาไดตรวจปลอย
และควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรแลว จึงเช่ือไดวา ผูฟองคดีทั้งสองไมไดปฏิบัติหนาท่ี
ในตําแหนงนายตรวจศุลกากรใหเปนไปตามท่ีประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ และ
ระเบียบขอบังคับที่เกี่ยวของกําหนดไว เปนเหตุใหบริษัทดังกลาวอาศัยเอกสารที่ผูฟองคดีท้ังสอง
รับรองในการปฏิบัติหนาท่ีกระทําการทุจริตขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑
การกระทําของผฟู องคดที ้งั สองจงึ ถอื เปนการปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง
ทําใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซ่ึงเปนหนวยงานของรัฐที่ผูฟองคดีทั้งสองสังกัดไดรับความเสียหาย จึงเปน
การกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
เมอื่ วันวางฎีกาซ่ึงเปนวันท่กี ระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ เกิดข้ึนกอน พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซ่ึงมีผลใชบังคับในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ หลักเกณฑในสวนที่
เปนสารบัญญัติ จึงตองเปนไปตามหลักเกณฑในประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย เม่ือความเสียหาย
ดังกลาวท่ีเกิดจากความผิดหรือความบกพรองของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เชนกัน เน่ืองจากท่ีไมไดจัดสรร
อตั รากําลงั เจา หนา ที่ในตําแหนงนายตรวจศุลกากรหรือสารวัตรศุลกากร และศุลการักษในข้ันตอน
การตรวจปลอยสินคา เพ่ือใหมีจํานวนเพียงพอกับปริมาณงานการตรวจปลอยสินคาท่ีบรรจุเขาคอนเทนเนอร
เพิ่มมากขึ้น อันเปนผลสืบเนื่องจากนโยบายการสงเสริมการสงสินคาออกของรัฐบาลในเวลานั้น
ประกอบกบั หลักเกณฑของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท่ีกําหนดใหผูสงออกใชใบขนสินคาขาออกฉบับมุมนํ้าเงิน
พรอมกับเอกสารท่ีเก่ียวของมาเปนหลักฐานในการย่ืนคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร โดยไมมีการนําบัญชี
สินคาสําหรับเรือมาพิจารณาประกอบในการจายบัตรภาษีใหแกผูสงออก ซ่ึงหากไดกําหนดใหใช
บัญชีสินคา สาํ หรบั เรอื มาตรวจสอบในการพิจารณาคําขอดงั กลา วแลว ก็จะเปนการปองกันหรือลดทอน
ความเสยี หายท่เี กดิ ขึ้นจากกรณีดงั กลาวได อีกทัง้ ไมป รากฏขอ เทจ็ จริงวาเจาหนาที่ของผูถูกฟอ งคดีท่ี ๑
ทุจริตหรอื มสี ว นรว มทจุ ริตกบั ผูสงสินคาออกดวยแตอยางใด เม่ือคํานึงถึงความบกพรองและระบบ
การดาํ เนินงานสว นรวมของผูถูกฟอ งคดที ่ี ๑ มสี ว นทําความผิดอยางใดอยางหนึ่งประกอบดวยแลว
ตามมาตรา ๔๔๒ ประกอบมาตรา ๒๒๓ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย จึงเห็นควร
ใหหักสวนความรับผิดในอัตรารอยละ ๕๐ ของความเสียหายทั้งหมด คงเหลือสวนความรับผิด
ของเจาหนาที่รอยละ ๕๐ และเนื่องจากการกระทําละเมิดดังกลาวเกิดจากเจาหนาท่ีหลายคน
ซ่ึงพจิ ารณาถึงพฤตกิ ารณแ หง การกระทําและอํานาจหนาที่และความรับผิดชอบของเจาหนาที่แลว
นายตรวจศุลกากรและศุลการักษมีหนาท่ีความรับผิดชอบท่ีแตกตางกัน คือ นายตรวจศุลกากร
มีหนาที่โดยตรงในการตรวจสอบสินคาและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร รวมท้ัง
ควบคุมศุลการักษประทับดวงตราหรือรอยแถบเหล็กที่คอนเทนเนอร สวนศุลการักษมีหนาท่ีชวย
การปฏิบัติงานของนายตรวจศุลกากรในการตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร และประทับ
ดวงตราหรือรอยแถบเหลก็ ท่คี อนเทนเนอร นายตรวจศลุ กากรจึงมีหนาท่หี ลักในการตรวจสอบและ
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๓๕
ควบคุมความถูกตองของสินคาท่ีบรรจุเขาคอนเทนเนอร พฤติการณและความรายแรงแหงละเมิด
ของนายตรวจศุลกากรและศุลการกั ษจ งึ แตกตางกัน ความรับผิดของนายตรวจศุลกากรจึงสามารถ
แบงแยกไดจากความรับผิดของศุลการกั ษ ซึ่งเมื่อพจิ ารณาจากพฤติการณและความรายแรงแหงละเมิด
ตามมาตรา ๔๓๘ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย จึงใหแบงสวนแหงความรับผิด
ใหแกผูฟองคดีท้ังสองในฐานะนายตรวจศุลกากร โดยใหรับผิดในสัดสวนรอยละ ๗๐ ของจํานวนเงิน
ที่ตองรับผิดรวมกับศุลการักษ หลังจากหักสวนแหงความรับผิดของหนวยงานของรัฐรอยละ ๕๐
ออกแลว เมือ่ ความเสยี หายท่ผี ถู กู ฟอ งคดีที่ ๑ ไดรับโดยมีผูฟองคดีทั้งสองเขาไปเก่ียวของมีจํานวน
๒,๔๖๓,๗๑๕.๓๖ บาท ผฟู อ งคดที ี่ ๑ ตองรบั ผดิ ตามคําสั่งของผถู กู ฟอ งคดที ี่ ๑ ตามใบขนสินคาขาออก
จํานวน ๗ ฉบับ ซึ่งไดนําไปวางฎีกาแลวเปนเงินจํานวน ๒๒๔,๕๘๖.๐๓ บาท สวนผูฟองคดีท่ี ๒
ตองรบั ผิดตามใบขนสินคาขาออก จํานวน ๘๓ ฉบบั โดยมกี ารนําใบขนสนิ คาขาออกฉบับมุมน้ําเงิน
ไปขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรและไดออกบัตรภาษีแลวจํานวน ๒,๒๓๙,๑๒๙.๓๓ บาท แตไมมี
การนําบัตรภาษีไปใชเปนเงินจํานวน ๓๒,๐๐๐ บาท กรณีจึงถือไดวาการออกบัตรภาษีดังกลาว
ยังไมก อ ใหเกดิ ความเสยี หายข้ึน จึงตอ งหกั ความเสยี หายในสวนนี้ออกดวย จึงคงเหลือมูลคาความเสียหาย
ท่ผี ฟู องคดที ่ี ๒ ตอ งรับผดิ ดว ยเปนเงินจาํ นวน ๒,๒๐๗,๑๒๙.๓๓ บาท เมอ่ื การกระทําของผูฟองคดีท่ี ๑
เปนเหตุใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหายตามใบขนสินคาขาออกท่ีไดวางฎีกาแลวเปนเงิน
๒๒๔,๕๘๖.๐๓ บาท การกระทําของผูฟอ งคดที ี่ ๒ เปนเหตใุ หผถู ูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหาย
ตามใบขนสนิ คาขาออกที่ไดวางฎีกาแลวเปนเงิน ๒,๒๐๗,๑๒๙.๓๓ บาท เม่ือหักสวนแหงความรับผิด
ดังกลาวออกรอยละ ๕๐ และผูฟองคดีทั้งสองตองรับผิดในอัตรารอยละ ๗๐ ของเงินจํานวนหลังจาก
หักสว นความรบั ผดิ ดังกลา ว ผูฟองคดีท่ี ๑ จึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
เปนเงนิ ๗๘,๖๐๕.๑๑ บาท ผฟู องคดีที่ ๒ ตอ งรบั ผิดชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแ กผูถูกฟองคดีท่ี ๑
เปนเงิน ๗๗๒,๔๙๕.๒๗ บาท การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ มีคําส่ังลงวันท่ี ๙ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ในสวนท่ี
ใหผูฟองคดีท้ังสองชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะลูกหน้ีรวมและเกินจํานวนดังกลาว คําส่ัง
ในสวนดังกลาวจึงไมชอบดวยกฎหมาย ที่ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ที่ส่ังตามหนังสือลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๗ และคําสั่งลงวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๔๘
เฉพาะสวนที่เรียกใหผูฟองคดีทั้งสองชดใชคาสินไหมทดแทนโดยรับผิดรวมกันกับเจาหนาที่อื่น
ที่เก่ียวขอ งในลักษณะลกู หนรี้ ว ม ตามทรี่ ะบใุ นคาํ สัง่ ดังกลา ว และในสว นของจํานวนเงินคาสินไหมทดแทน
ที่ผถู กู ฟองคดที ี่ ๒ กําหนดใหผูฟองคดีท่ี ๑ รับผิดชดใชเกินกวา ๘๙,๘๓๔.๔๑ บาท และผูฟองคดีที่ ๒
รับผิดชดใชเกินกวา ๘๙๕,๖๕๑.๗๓ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปนับแตวันที่ออกคําส่ัง คําขออ่ืน
นอกจากน้ี ใหยก น้ัน ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พอ งดว ยบางสวน
พพิ ากษาแก เปนใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๒ตามคําส่ังลงวันท่ี ๙พฤษภาคม๒๕๔๘
เฉพาะสว นที่สั่งใหผูฟองคดีที่ ๑ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๗๘,๖๐๕.๑๑ บาท
และเฉพาะสวนทสี่ ่งั ใหผ ฟู อ งคดที ่ี ๒ รบั ผดิ ชดใชคา สินไหมทดแทนเกนิ กวา จาํ นวน ๗๗๒,๔๙๕.๒๗ บาท
โดยใหมีผลยอนหลังไปนับแตวันที่ออกคําสั่ง คําขออื่นนอกจากนี้ใหยก โดยมีขอสังเกตเก่ียวกับ
แนวทางหรือวิธีการดําเนินการใหเปนไปตามคําพิพากษาวา หากผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับชําระหน้ี
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๓๖
หรือสามารถบังคับชําระหนี้เงินชดเชยคาภาษีอากรอันเน่ืองจากใบขนสินคาขาออกที่พิพาทดังกลาว
จากบริษัท ท. หรือผูรับโอนบัตรภาษีแลว ใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ หักสวนที่ผูฟองคดีท้ังสองตองชดใช
คา สินไหมทดแทนหรือใหคืนเงินที่ผูฟองคดีท้ังสองไดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวตามสวนของ
ความเสยี หายจริงแกผ ฟู อ งคดีท้งั สอง
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๗๕๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดีท้ังส่ีฟองวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ (กรมทางหลวง) ทําสัญญาจางเหมา
หางหุนสวนจํากัด บ. ทําการกอสรางทางหลวงหมายเลข ๑๑๕ สายแยกทางหลวงหมายเลข ๑๑๗ –
เทศบาลพิจิตร โดยไดมีคําส่ังแตงต้ังผูฟองคดีที่ ๑ เปนนายชางโครงการ (Project Engineer)
ซึ่งเปนกรรมการตรวจการจางโดยตําแหนง และแตงต้ังผูฟองคดีที่ ๒ เปนผูชวยนายชางโครงการ
ผูฟองคดีท่ี ๓ และท่ี ๔ เปนชางควบคุมงาน ตอมา ผูฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือแจงใหผูรับจาง
ดําเนินการติดต้ังไฟฟาแสงสวางบริเวณสองฝงคอสะพานท่ีกอสราง เนื่องจากเปนบริเวณท่ีอาจ
เกิดความไมปลอดภัยแกผูขับขี่ยวดยาน โดยผูฟองคดีที่ ๑ ไดออกคําสั่งแตงต้ังผูฟองคดีท่ี ๒ ที่ ๓
และท่ี ๔ ใหมหี นาทค่ี วบคมุ ดูแลการติดต้ังปายเตือน ปายจราจร ไฟฟาแสงสวางบริเวณคอสะพาน
และทางเบี่ยงท่ีอยูระหวางการกอสราง ใหอยูในสภาพใชงานไดดี ตอมา บริษัท ว. ผูรับประกันภัย
รถยนตในฐานะผูรับชวงสิทธิ ไดเปนโจทกยื่นฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เปนจําเลย ฐานความผิดละเมิด
โดยฟองวา นาย ฐ. ไดขับรถยนตถึงบริเวณที่เกิดเหตุซ่ึงเปนทางที่อยูระหวางการกอสรางและ
เปนทางเบ่ียงไปทางขวา ประสบอุบัติเหตุรถยนตเสียหลักตกถนนไดรับความเสียหาย และนาย ฐ.
เสียชีวิต ขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ใหชดใชคาเสียหาย ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยสํานักกอสรางทางท่ี ๑
จึงมีคําส่ังแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ตอมา คณะกรรมการฯ
ไดเสนอรายงานผลการสอบสวนวา อุบัติเหตุท่ีเกิดข้ึนเกิดจากความประมาทปราศจากความ
ระมัดระวังของผูขับขี่ เปนเหตุใหทรัพยสินเสียหาย ไมไดมีสวนท่ีเกิดขึ้นจากการกระทําโดยจงใจ
หรือประมาทเลินเลอของเจาหนาท่ี เจาหนาท่ีจึงไมตองรับผิด แตศาลแพงไดมีคําพิพากษา
ในคดีหมายเลขแดงที่ ๓๐๒๕/๒๕๕๐ ใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ในฐานะนายจางตองรับผิด
โดยกําหนดใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ชดใชคาสินไหมทดแทนสองในสามสวนของคาเสียหายทั้งหมด
เปนเงิน ๖๗๙,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับถัดจากวันฟองจนกวา
จะชําระเสร็จ ซ่ึงตอมา ศาลอุทธรณไดมีคําพิพากษาถึงท่ีสุดแลว โดยพิพากษายืนตามคําพิพากษา
ของศาลช้นั ตน แตผ ถู ูกฟองคดที ่ี ๑ พจิ ารณาแลว เห็นวา อุบัติเหตุไมไดเกิดจากการกระทําโดยจงใจ
หรือประมาทเลินเลออยางรายแรงของเจาหนาท่ี ตามความเห็นคณะกรรมการฯ จึงมีหนังสือ
รายงานผลการสอบสวนและความเห็นตอผูถูกฟองคดีท่ี ๔ (กระทรวงการคลัง) ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๓
(กรมบัญชีกลาง) ไดแจงผลการพิจารณาวา ผูฟองคดีทั้งสี่ละเวนการปฏิบัติหนาที่ตามกฎหมาย
ถือเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
โดยใหชดใชในอัตรารอยละ ๗๕ ของความเสียหาย คิดเปนเงิน ๕๐๙,๒๕๐ บาท รับผิดเปนสวนๆ
เทากัน เปนเงินคนละ ๑๒๗,๓๑๒.๕๐ บาท และใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ เรียกใหผูรับจางชดใช
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๓๗
คาเสียหายเนื่องจากตองรับผิดตามสัญญา โดยเมื่อไดรับการชดใชคาเสียหายจากผูรับจางแลว
ใหน าํ มารวมกับจาํ นวนเงนิ ท่ีผูฟองคดีท้ังส่ีชดใชไว หากมีจํานวนเงินเกิน ใหคืนสวนที่ไดรับชําระไวเกิน
ใหแกผูฟองคดีทั้งสี่ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เรียกให
ผูฟองคดีทั้งส่ีชดใชคาเสียหาย และมีหนังสือลงวันท่ี ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ ติดตามเรงรัดให
ผูฟองคดีทั้งส่ีนําเงินไปชําระ ผูฟองคดีทั้งส่ีจึงมีหนังสืออุทธรณคําสั่งพิพาท โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒
(กระทรวงคมนาคม) มีคําสั่งใหยกอุทธรณ ผูฟองคดีท้ังสี่เห็นวา การออกคําส่ังพิพาทเปนการ
ใชดุลพินิจที่ไมถูกตองกับขอเท็จจริง พฤติการณการกระทําของผูฟองคดีท้ังสี่ จึงไมใชการกระทํา
โดยจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรง ผูฟองคดีท้ังสี่จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามหนังสือลงวันท่ี ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
และหนังสือลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ ที่มีคําส่ังใหผูฟองคดีท้ังส่ีชดใชคาเสียหาย และให
ผูถูกฟองคดีท้ังส่ีรวมกันชดใชคาใชจายในการดําเนินคดีใหแกผูฟองคดีทั้งส่ีเปนคาพาหนะ
คาน้ํามันเช้ือเพลิงในการเดินทาง คาถายเอกสารและคาอากรแสตมป คาปรึกษาทนาย
รวมเปน เงินทง้ั สนิ้ ๖๐,๐๐๐ บาท
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ในการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่กรณีที่นาย ฐ. ประสบอุบัติเหตุจากการใชถนนท่ีอยูระหวาง
กอสราง น้ัน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําส่ังแตงต้ังใหนาย ธ. ซ่ึงเปนกรรมการตรวจการจาง
เปนประธานคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดดังกลาว ซึ่งเม่ือพิจารณา
จากคูมือนายชางโครงการ พ.ศ.๒๕๔๖ และคําสั่งโครงการฯ เรื่อง กําหนดหนาที่และ
ความรับผิดชอบโครงการ เห็นไดวา การที่นาย ฐ. ประสบอุบัติเหตุดังกลาวเกิดจากการที่ไมมีการ
ควบคุมใหมีการติดต้ังสัญญาณไฟกระพริบ หรือจัดใหจัดมีแสงสวางใหเห็นปายทางเบ่ียง
อยางชัดเจน อยูในอํานาจหนาท่ีของผูฟองคดีท้ังสี่โดยตรง และไมปรากฏวา ผูฟองคดีทั้งสี่
ไดรายงานปญหาอุปสรรคเก่ียวกับการติดต้ังปายจราจร หรือสัญญาณไฟใหคณะกรรมการตรวจ
การจางท่ีมีนาย ธ. รวมเปนกรรมการอยูดวยพิจารณา ซ่ึงคณะกรรมการตรวจการจางมีอํานาจ
หนาท่ีตามท่ีกําหนดไวในขอ ๗๒ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยการพัสดุ พ.ศ.๒๕๓๕
ประกอบกับการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดตองอยูภายใตการพิจารณาตรวจสอบของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ตามขอ ๑๗ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติ
เกีย่ วกับความรับผดิ ทางละเมดิ ของเจา หนา ท่ี พ.ศ.๒๕๓๙ อกี ชั้นหนึ่ง ซ่ึงกรณดี ังกลาว ผูถูกฟองคดีที่ ๔
ในฐานะผูรับมอบอํานาจของผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดพิจารณารายงานผลการสอบขอเท็จจริง
ที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ สงมาใหพิจารณา ก็มิไดมีความเห็นใหนาย ธ. ในฐานะกรรมการตรวจการจาง
ตองรับผิดในความเสียหายดังกลาวดวยแตอยางใด นาย ธ. จึงมิใชผูมีสวนไดเสียท่ีจะตองรับผิด
ชดใชคาเสียหายจากกรณีดังกลาว จึงมิใชคูกรณีเองตามมาตรา ๑๓ (๑) แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติ
ราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ นอกจากนี้ คณะกรรมการสอบขอ เท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ที่มีนาย ธ. รวมเปนกรรมการไดมีรายงานผลการสอบขอเท็จจริงและความเห็นวา
ไมมีเจาหนาที่ผูใดปฏิบัติหนาที่โดยจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรง จึงไมมีเจาหนาท่ีผูใด
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๓๘
ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งเปนคุณกับผูฟองคดีท้ังสี่ การกระทํา
ของนาย ธ. มไิ ดมพี ฤตกิ ารณอ ันมสี ภาพรายแรงอนั อาจทําใหการพจิ ารณาทางปกครองไมเปนกลาง
ตามมาตรา ๑๖ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว การสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของ
เจาหนา ท่ีจึงชอบดว ยกฎหมายแลว เมอื่ ขอเท็จจริงปรากฏวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดทําสัญญาจางพิพาท
โดยอธิบดีกรมทางหลวงไดมีคําส่ังแตงตั้งใหผูฟองคดีท่ี ๑ เปนนายชางโครงการ ผูฟองคดีที่ ๒
ซึ่งเปนผูชวยนายชางโครงการ ผูฟองคดีท่ี ๓ และท่ี ๔ เปนผูควบคุมงาน มีหนาที่สําคัญประการหน่ึง
คือ ตรวจสอบใหมีปายจราจร เคร่ืองหมาย และสัญญาณไฟจราจรใหถูกตอง ไฟฟาสวาง
เพ่ือปองกันอุบัติเหตุ ตรวจสอบดูแลรักษาทางใหมีจราจรผานไดสะดวกและปลอดภัยแกผูใชทาง
ในระหวางกอสรางตามที่กําหนดไวในคูมือนายชางโครงการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และคําสั่งโครงการฯ
เรอื่ ง กําหนดหนาท่ีและความรับผิดชอบโครงการ เมื่อพิจารณาจากตามคําพิพากษาของศาลแพง
ในคดีหมายเลขแดงท่ี ๓๐๒๕/๒๕๕๐ และศาลอุทธรณ บันทึกการสอบสวนของคณะกรรมการ
สอบสวนความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ เห็นไดวา สภาพถนนบริเวณท่ีเกิดเหตุเปนถนน
ที่มีสภาพผิวถนนเปนทางลูกรังอยูระหวางกอสราง และเปนทางเบ่ียงเพ่ือเปล่ียนชองจราจร
เปดใหใชทางไดเพียงไดดานเดียวและรถยนตตองว่ิงสวนทางกัน การติดตั้งปายเครื่องหมายและ
สัญญาณไฟจรจรจึงตองคํานึงถึงความปลอดภัยเปนพิเศษ โดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่ทัศนวิสัย
การมองเห็นของผูขับขี่ลดลง จึงเปนกรณีที่จําเปนตองจัดใหมีสัญญาณไฟกระพริบ หรือไฟแสงสวาง
เพ่ือใหผูใชทางใหมองเห็นทางเบี่ยงและปายเคร่ืองหมายทางเบ่ียงและลดความเร็วลงได
ในระยะไกลตามขอ ๑๑ และขอ ๑๔.๓ ของคูมือนายชางโครงการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และเมื่อพิจารณา
แบบรายงานผลการปฏิบัติงานประจําวันท่ีผูฟองคดีท่ี ๓ และท่ี ๔ เสนอตอผูฟองคดีท่ี ๑
ผานผูฟองคดีท่ี ๒ และบันทึกสรุปรายงานผลการปฏิบัติงานประจําสัปดาหของผูฟองคดีที่ ๑
เสนอตอประธานกรรมการตรวจการจาง เห็นไดวา ชวงกอนเกิดอุบัติเหตุ ผูฟองคดีทั้งส่ี
ไมไดติดตามกําชับแจงใหผูรับจางดําเนินการติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบและไฟสองสวางในท่ีบริเวณ
ที่เกิดเหตุ จึงฟงไมไดวาผูฟองคดีท้ังสี่ปฏิบัติหนาที่กํากับดูแลการติดปายสัญญาณเตือน
สัญญาณไฟจราจร แสงไฟฟาสวางเพื่อใหเกิดความปลอดภัยอยางเพียงพอ อันเปนการละเลย
ไมปฏิบัติตามขอ ๑๑ และขอ ๑๔.๓ ของคูมือนายชางโครงการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และเปนการ
ไมตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสินของผูใชเสนทางในชวงเวลากลางคืน จึงถือวา
เปนปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง และการที่นาย ฐ. ไดขับรถยนต
ประสบอุบัติเหตุ เปนเหตุใหนาย ฐ. เสียชีวิตและรถยนตไดรับความเสียหายดังกลาว จึงเปนผล
จากการละเลยตอ หนาที่ดังกลาวของผูฟองคดีทั้งส่ี การกระทําของผูฟองคดีทั้งสี่จึงเปนการกระทํา
ละเมดิ ตอ นาย ฐ. ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไดวางเงนิ ชาํ ระหนคี้ าเสยี หายใหแกบรษิ ัท ว. ผรู ับชว งสทิ ธผิ เู สียหายในฐานะผรู บั ประกันภัยรถยนต
ตามคําพิพากษาของศาลแพงในคดีหมายเลขแดงท่ี ๓๐๒๕/๒๕๕๐ แลว ผูฟองคดีทั้งสี่จึงตองรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ อยางไรก็ตาม เม่ือสัญญาจางทําการกอสรางพิพาทไดกําหนดใหผูรับจาง
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๓๙
เปน ผมู หี นาที่จัดหาและตดิ ตงั้ ปายเครื่องหมาย สญั ญาณจราจร และสัญญาไฟจราจร เพื่อความปลอดภัย
ในบริเวณพ้ืนที่กอสราง รวมท้ังตองรับผิดตออุบัติเหตุความเสียหาย หรือภยันตรายใดๆ
อันเกิดจากการปฏิบัติงานของผูรับจาง อันเปนการกําหนดใหผูรับจางรับผิดในความเสียหาย
จากการไมดําเนินการดังกลาว ผูฟองคดีทั้งส่ีจึงไมใชผูมีหนาท่ีรับผิดชอบในเร่ืองดังกลาวโดยตรง
ดังนั้น เม่ือพิจารณาถึงพฤติการณและระดับความรายแรงแหงการกระทํารวมท้ังความเหมาะสม
และเปน ธรรมกรณีแลว ตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ เห็นวา การท่ีศาลปกครองช้ันตนกําหนดใหผูฟองคดีทั้งส่ีรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนในอัตราสวนรอยละ ๒๕ ของความเสียหายคิดเปนเงินคนละ ๔๒,๔๓๗.๕๐ บาท นั้น
เหมาะสมและเปน ธรรมกบั ผูฟอ งคดีแลว ดังน้ัน คําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ สวนที่เรียกใหผูฟองคดี
ท้ังสีร่ ับผดิ ชดใชคา สนิ ไหมทดแทนในกรณีดังกลาวเกินกวาจํานวนดังกลาว จึงไมชอบดวยกฎหมาย
และคาํ วินิจฉยั อุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดีท้ังสี่จึงไมชอบดวยกฎหมาย
เชนกัน เม่ือผูถกู ฟองคดีที่ ๑ ไดช ดใชคา เสยี หายใหก บั ผเู สยี หายแลว ยอมมีสิทธิเรียกรองไลเบี้ยให
ผูรับจางใหรับผิดตามสัญญาจางและมีสิทธิไลเบ้ียจากผูฟองคดีทั้งสี่ใหชดใชคาสินไหมทดแทนได
และแมผูถูกฟองคดีที่ ๑ มิไดขอใหศาลเรียกใหหางหุนสวนจํากัด บ. ผูรับจางเขาเปนจําเลยรวม
ในคดแี พง ดังกลาวตามตามมาตรา ๕๗ วรรคหนง่ึ (๓) แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง
ก็ตาม แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ ยังสามารถใชสิทธิเรียกรองโดยฟองคดีผูรับจางใหรับผิดตามสัญญา
ภายในอายคุ วามไดเ ม่อื ผูถกู ฟอ งคดีที่ ๑ ยงั มไิ ดรับชาํ ระหนี้จากผูรับจาง ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีสิทธิ
ออกคําสั่งเรียกใหผูฟองคดีท้ังส่ีชดใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๒ ประกอบมาตรา ๘ วรรคหน่ึง
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ และหากไดรับชดใชคาเสียหาย
จากผูรับจางแลว เมื่อนํามารวมกับจํานวนเงินที่ผูฟองคดีทั้งส่ีชดใชไวเกินจํานวนความเสียหาย
ใหคืนเงินสวนท่ีไดรับชําระไวเกินใหแกผูฟองคดีทั้งส่ีตอไป ท้ังนี้ การพิจารณาและความเห็นของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๔ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดดําเนินการตามขอ ๑๗ และขอ ๑๘ ของระเบียบสํานัก
นายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ เปนเพยี งข้นั ตอนการดาํ เนนิ การภายในของหนว ยงานทางปกครองท่ียังไมมีผลกระทบ
ตอ สิทธิและหนา ทข่ี องผฟู อ งคดที งั้ สี่ ประกอบกบั เมอื่ ศาลไดวินจิ ฉยั ขางตนแลววาการท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
มีคําสั่งเรียกใหผูฟองคดีท้ังสี่ชดใชคาสินไหมทดแทน ซึ่งส่ังตามความเห็นของผูถูกฟองคดีที่ ๔
ไมชอบดวยกฎหมาย ถือไดวาศาลไดวินิจฉัยเก่ียวกับความชอบดวยกฎหมายของความเห็นของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๔ ดวยแลว และไมมีความจําเปนตองมีคําบังคับใหเพิกถอนความเห็นดังกลาว
ผูฟองคดีท้ังสี่จึงมิใชผูมีสิทธิฟองคดีกับผูถูกฟองคดีท่ี ๓ และที่ ๔ ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ สวนท่ีผูฟองคดีทั้งส่ีมีคําขอใหผูถูกฟองคดีท้ังส่ีชดใชคาใชจาย
ในการดําเนินคดีใหแกผูฟองคดีทั้งสี่ น้ัน เม่ือการดําเนินการในการออกคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีท้ังส่ี
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนของผูถูกฟองคดีท้ังส่ีเปนไปโดยชอบดวยกฎหมาย และการท่ี
ผูฟองคดีทั้งส่ีไดใชสิทธิโตแยงความชอบดวยกฎหมายของคําสั่งดังกลาว ก็เปนไปเพื่อประโยชน
ของผูฟองคดีท้ังสี่ คาใชจายของผูฟองคดีทั้งส่ีในการดําเนินการดังกลาว ไมวาจะเปนคาพาหนะ
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๔๐
และคา นํ้ามันเชื้อเพลงิ ในการเดินทาง คาถายเอกสารและคาอากรแสตมป คาปรึกษาทนาย จึงมิใช
เปนความเสียหายที่เกิดจากการกระทําของผูถูกฟองคดีทั้งส่ีโดยตรง การกระทําของผูถูกฟองคดีท้ังส่ี
จึงไมเปนการละเมิดตอผูฟองคดีทั้งสี่ ผูถูกฟองคดีท้ังส่ีจึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแก
ผูฟองคดีทั้งสี่ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ท้ังนี้ คําส่ังที่กระทบตอสิทธิ
ของผูฟองคดีท้ังสี่ยอมเปนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทนตามหนังสือลงวันท่ี ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
สวนคําสั่งตามหนังสือลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ เปนแตเพียงการเรงรัดติดตามใหชําระเงิน
ตามคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนเทานั้นมิไดกระทบตอสิทธิผูฟองคดีท้ังส่ีแตอยางใด
ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามหนังสือลงวันท่ี
๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เฉพาะสวนท่ีส่ังใหผูฟองคดีท้ังส่ีรับผิดชดใชคาเสียหายเกินกวาคนละ
๔๒,๔๓๗.๕๐ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปถงึ วันทอี่ อกคาํ ส่ัง ทง้ั นี้ นบั แตวนั ที่คดีถึงท่สี ุด และใหยกฟอง
ผูถกู ฟอ งคดที ี่ ๓ และท่ี ๔ คําขออื่นนอกจากนี้ ใหยก นน้ั ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พอ งดวย
พพิ ากษายนื
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๘๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๘๕
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๘๙/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๑๑
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๕๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๗
คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๕๔/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๙
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๖๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๓๒
คําสั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๙๖/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๓๓
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๑๔/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๓๕
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๒๖๙/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๔๕
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๔๕๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเง่อื นไขการฟองคดี หนา ๑๒๐
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๖๓๘/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๔๖
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๖๑/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕๕
คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ ๒๓๗/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๐
คําสั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี ๓๓๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๖๒
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๒๔/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๖๙
คาํ ส่ังศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๒๘/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๗๐
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๓๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๗๒
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๗๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๘๒
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๔๑
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๘๖/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๘๓
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๐๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๘๖
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๒๔/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๓
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ คร.๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๒
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๑๙๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เงอ่ื นไขการฟองคดี หนา ๑๑๕
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๒๖๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๔๕
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๖๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๕๖
คําส่ังศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๔๔/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๗๔
คําส่ังศาลปกครองสงู สุดท่ี คบ.๙๕/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๔
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๕๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๒๗
การดาํ เนินการตามขัน้ ตอนหรือวิธีการสําหรบั การแกไ ขความเดอื ดรอนหรือเสยี หายกอ นฟองคดี
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๙/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๙
คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๖/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๒๐
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๒๒
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๔๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เดิมผูฟองคดีเปนหนึ่งในคณะกรรมการกําหนดราคากลาง
ในการดําเนนิ โครงการจางกอสรางถนนลาดยางแอสฟลทต ิกคอนกรีต บริเวณทางเขาพรุจิก ตําบลไมขาว
อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ของหนวยงานผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (องคการบริหารสวนตําบลไมขาว)
ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีในฐานะ
คณะกรรมการกําหนดราคากลาง และในฐานะหัวหนาสวนโยธา ชดใชคาสินไหมทดแทนใหกับ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนจํานวนเงิน ๖๔๐,๗๘๐ บาท และ ๔๕๗,๗๐๐ บาท ตามลําดับ จากกรณีที่
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (อําเภอกลาง) ไดแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
แลวพบวา ผฟู องคดีไดกําหนดราคากลางโดยใชประมาณราคากอสรางโดยไมมีการประมาณราคากลาง
ตามความเปนจริง อันเปนการไมปฏิบัติตามหนังสือสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปนเหตุใหราชการ
ไดรับความเสียหายเปนจํานวนเงิน ๔,๕๗๗,๐๐๐ บาท ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําสั่งดังกลาว
จึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ อุทธรณคําสั่งตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ไดรบั คาํ อทุ ธรณของผฟู องคดีไวภายในวันเดียวกัน แตนับจนถึงวันที่ย่ืนฟองคดีน้ี ผูฟองคดียังไมได
รับแจงผลการพิจารณาอุทธรณ จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําสั่ง
ดังกลาว เห็นวา ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ อุทธรณคําส่ังเรียกให
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๔๒
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับคําอุทธรณของผูฟองคดีไวภายใน
วันเดียวกัน หลังจากนั้น ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ถึงผูถูกฟองคดีที่ ๒
เพื่อสงคําอุทธรณของผูฟองคดีใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ พิจารณา และผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ถึงผูวาราชการจังหวัดภูเก็ต เพ่ือพิจารณาดําเนินการวินิจฉัยอุทธรณ
ของผฟู อ งคดี โดยไมปรากฏขอเท็จจริงวา ผูวาราชการจังหวัดภูเก็ตซึ่งเปนผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณ
ตามมาตรา ๔๕ วรรคสาม แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบกับ
ขอ ๒ (๑๐) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความใน พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ไดมีการแจงเหตุจําเปนเพ่ือขยายระยะเวลาพิจารณาอุทธรณใหผูฟองคดีทราบ
กรณจี งึ ถือวาไมม ีการขยายระยะเวลาการพิจารณาอุทธรณตามมาตรา ๔๕ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติ
ดังกลาว ผูวาราชการจังหวัดภูเก็ตจึงตองพิจารณาอุทธรณของผูฟองคดีใหแลวเสร็จภายในหกสิบวัน
นับแตว นั ท่ผี ถู กู ฟองคดีที่ ๑ ไดร บั อุทธรณ คือ ภายในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ จึงตองถือวาวันที่
ครบหกสิบวันดังกลาว เปนวันท่ีผูฟองคดีไดดําเนินการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหาย
ครบตามข้ันตอนหรือวิธีการท่ีกฎหมายกําหนดไวแลว และสามารถใชสิทธิฟองคดีไดตามมาตรา ๔๒
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ และถือวาวันถัดจากวันครบกําหนดหกสิบวัน คือ
วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ เปนวันท่ีผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี และนับเปน
วันแรกท่ีเร่ิมใชสิทธิฟองคดีขอใหศาลเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ท่ีใหผูฟองคดีรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวได ซ่ึงผูฟองคดีตองยื่นฟองภายในเกาสิบวันนับแตวันดังกลาว
คือ ภายในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
การที่ผูฟองคดีนําคดีมายื่นฟองตอศาลปกครองช้ันตนเม่ือวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๒ จึงเปน
การยื่นฟองคดีเมื่อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน
และการฟองคดีน้ีเปนประโยชนสวนตัวของผูฟองคดีเทาน้ัน รวมทั้งมิไดมีเหตุจําเปนอื่นท่ีศาล
จะรับคําฟองน้ีไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ศาลจึงไมอาจรับ
คําฟองคดีนี้ไวพิจารณาได การท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณาและใหจําหนาย
คดอี อกจากสารบบความ นัน้ ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดว ย
จึงมีคาํ สง่ั ยืนตามคําสัง่ ของศาลปกครองชน้ั ตน
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๕๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๒๙
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๖๖/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๓๒
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๖๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ขณะท่ีผูฟองคดีเปนพนักงานจางตามภารกิจในตําแหนงผูชวยชางโยธา
สังกัดองคการบริหารสวนตําบลทายเหมือง อําเภอทายเหมือง จังหวัดพังงา ผูฟองคดีไดรับการ
แตงต้ังจากองคการบริหารสวนตําบลทายเหมืองใหเปนผูชวยชางโยธาควบคุมงานจางโครงการ
กอสรา งระบบไฟฟา สองสวางสาธารณะขององคการบริหารสวนตําบลทายเหมืองจํานวน ๓ โครงการ
ตอมา สํานักตรวจสอบพิเศษภาค ๑๓ ไดตรวจสอบกรณีรองเรียนเก่ียวกับงานกอสรางดังกลาววา
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๔๓
มีการกําหนดราคากลางสูงกวาท่ีควรจะเปน และการกอสรางไมเปนไปตามรูปแบบรายการ
ซึ่งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกรณีดังกลาวไดรายงานผลการสอบ
ขอเท็จจริงวา ผูฟองคดีประมาทเลินเลออยางรายแรงในการปฏิบัติหนาที่ในฐานะผูควบคุม
งานกอสรางท้ังสามโครงการเปนเหตุใหทางราชการไดรับความเสียหาย เห็นควรใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๓๔๕,๔๖๑.๐๑ บาท ผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒
(อธบิ ดกี รมสงเสรมิ การปกครองทองถิ่นท่ี ๑ และนายกองคการบริหารสวนตําบลทายเหมือง ที่ ๒)
ไดรวมกันมีคําสั่งลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ใหผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริม
การปกครองทองถิ่นเปนเงิน ๓๔๕,๔๖๑.๐๑ บาท ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม
๒๕๖๐ อุทธรณคําสั่งดังกลาวตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่
๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ แจงผลการพิจารณาอุทธรณใหผูฟองคดีทราบวา ผูถูกฟองคดีที่ ๓
(รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหนากลุมภารกิจดานการพัฒนาชุมชนและสงเสริมการปกครอง
สวนทองถิ่น) ไดมีคําส่ังใหยกอุทธรณ ผูฟองคดีเห็นวา คําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒
ตามคําส่ังลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน และคําวินิจฉัย
ของผูถูกฟองคดีที่ ๓ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดีดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ที่ใหผูฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมการปกครองทองถ่ิน เปนเงินจํานวน ๓๔๕,๔๖๑.๐๑ บาท
และคําวนิ ิจฉัยอทุ ธรณ
ศาลปกครองสูงสุดวนิ จิ ฉยั วา เมอ่ื ผฟู องคดไี ดร ับแจง คําส่ังลงวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐
ใหชาํ ระคา สนิ ไหมทดแทนใหแ กก รมสงเสริมการปกครองทองถ่ินเปนเงินจํานวน ๓๔๕,๔๖๑.๐๑ บาท
เม่ือวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตอ มา ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ อุทธรณคําสั่ง
ดังกลาว โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับหนังสืออุทธรณของผูฟองคดีในวันท่ี ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ดังนั้น ผูถูกฟองคดีที่ ๓ จึงตองพิจารณาคําอุทธรณของผูฟองคดีใหแลวเสร็จภายในหกสิบวัน
นบั แตวันทีผ่ ูถ กู ฟอ งคดที ่ี ๑ ไดรับคาํ อุทธรณของผูฟองคดีตามมาตรา ๔๕ วรรคหน่ึงและวรรคสอง
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ คือ ภายในวันท่ี ๑๕ กันยายน ๒๕๖๐
และเมื่อไมปรากฏขอเท็จจริงวาผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดมีหนังสือแจงเหตุจําเปนที่ทําใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓
ไมอาจพิจารณาอุทธรณใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาดังกลาว จึงถือวาวันดังกลาวเปนวันท่ีผูฟองคดี
ไดด ําเนนิ การแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายครบตามข้ันตอนหรือวิธีการที่กฎหมายกําหนดไวแลว
และสามารถใชสิทธิฟองคดีไดตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ โดยถือวา
วันท่ี ๑๖ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งเปนวันถัดจากวันที่ครบกําหนดหกสิบวันเปนวันที่ผูฟองคดีรู
หรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้ และนับเปนวันแรกที่เร่ิมใชสิทธิฟองคดีเพื่อขอใหศาล
เพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ซึ่งผูฟองคดีตองย่ืนฟองตอศาลภายในเกาสิบวัน
นับแตวันดังกลาว ตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ดังนั้น ผูฟองคดีชอบที่จะย่ืนฟอง
คดีขอใหเพกิ ถอนคําส่งั ลงวนั ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ตอศาลภายในระยะเวลาเกาสิบวันนับแตวันท่ี
๑๖ กันยายน ๒๕๖๐ กลาวคือ ตองยื่นฟองภายในวันท่ี ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยมิตองรอคําวินิจฉัย
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๔๔
อุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ อีกตอไป การท่ีผูฟองคดียื่นฟองคดีตอศาลขอใหเพิกถอนคําส่ัง
ดังกลาวโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนเมื่อวันท่ี ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ จึงเปนการยื่นฟองคดี
เม่ือพนกําหนดระยะเวลาเกาสิบวันนับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีตามมาตรา ๔๙
แหงพระราชบัญญัติเดียวกันทั้งคําฟองในขอหานี้เปนการฟองคดีเพื่อประโยชนสวนตัวของผูฟองคดี
เทานั้น มใิ ชการฟอ งคดีเกย่ี วกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคลที่จะย่ืนฟองคดี
เมอ่ื ใดก็ได รวมทงั้ มิไดม ีเหตุจาํ เปน อืน่ ที่ศาลจะรับคําฟองนี้ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ แหง พ.ร.บ.
จัดตั้งศาลปกครองฯ ประกอบกับขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวย
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ศาลจึงไมอาจรับคําฟองในขอหาท่ีผูฟองคดีมีคําขอให
เพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ไวพิจารณาได และเม่ือศาลไมอาจรับคําฟองในขอหา
ดังกลาวไวพิจารณาดวยเหตุดังกลาว ศาลจึงไมอาจรับคําฟองในสวนท่ีฟองผูถูกฟองคดีที่ ๑
และที่ ๒ ซ่ึงเปนผูออกคําสั่งดังกลาวไวพิจารณาไดเชนกัน ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับ
คําฟองในขอหาที่ผูฟองคดีมีคําขอใหเพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ท่ีใหผูฟองคดี
ชดใชสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมการปกครองทองถ่ินเปนเงินจํานวน ๓๔๕,๔๖๑.๐๑ บาท
รวมทัง้ ในสวนทีฟ่ องผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๑ และท่ี ๒ ไวพิจารณา นนั้ ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พอ งดวย
จึงมคี าํ สงั่ ยนื
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๗๐/๒๕๖๓
ผูฟ องคดีฟองวา ขณะท่ีผูฟ อ งคดีรบั ราชการในตําแหนงวิศวกรโยธา สังกัดองคการ
บริหารสวนตําบลทายเหมือง ไดรับการแตงต้ังจากองคการบริหารสวนตําบลทายเหมืองใหเปน
ผูควบคุมงานจางโครงการกอสรางระบบไฟฟาสองสวางสาธารณะ ตามสัญญาจางลงวันที่
๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๑๔ ธนั วาคม ๒๕๕๒ และลงวนั ที่ ๑๖ ธนั วาคม ๒๕๕๒ ขององคการ
บรหิ ารสว นตําบลทา ยเหมือง ซงึ่ ไดร บั การจัดสรรงบประมาณเงินอดุ หนุนเฉพาะกจิ จากกรมสงเสริม
การปกครองทองถ่ิน หลังจากท่ีไดดําเนินการกอสรางท้ังสามโครงการเสร็จแลว สํานักงานการตรวจเงินแผนดิน
โดยสํานักตรวจสอบพิเศษภาค ๑๓ ไดตรวจสอบพบงานกอสรางท้ังสามโครงการมีการกําหนด
ราคากลางสูงกวาท่ีควรจะเปน และการกอสรางไมเปนไปตามรูปแบบรายการ รวมความเสียหาย
เปนเงินท้ังส้ิน ๗,๑๒๓,๗๓๙.๘๔ บาท ผูถูกฟองคดีที่ ๑ (อธิบดีกรมสงเสริมการปกครองทองถิ่น)
จึงมอบอํานาจใหผูวาราชการจังหวัดพังงารวมกับองคการบริหารสวนตําบลที่เกี่ยวของแตงตั้ง
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกรณีดังกลาว ซ่ึงคณะกรรมการดังกลาว
ไดรายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดวา มีผูเกี่ยวของตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
หลายคน โดยในสวนของผูฟองคดี คณะกรรมการมีความเห็นวา ผูฟองคดีประมาทเลินเลออยางรายแรง
ในการปฏิบัติหนาท่ีในฐานะผูควบคุมงานกอสรางทั้งสามโครงการ เปนเหตุใหทางราชการไดรับ
ความเสียหาย เห็นควรเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๓๔๕,๔๖๑.๐๑ บาท
ซ่ึงผูแตงต้ังเห็นดวยกับความเห็นของคณะกรรมการดังกลาวและไดสงสํานวนการสอบขอเท็จจริง
ความรบั ผดิ ทางละเมดิ ไปใหกระทรวงการคลังตรวจสอบ แตกระทรวงการคลังไมไดแจงผลการตรวจสอบ
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๔๕
ใหผูแตงต้ังทราบภายในเวลาท่ีกําหนดตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติ
เกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ กรมสงเสริมการปกครองทองถ่ิน
โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๒ (นายกองคการบริหารสวนตําบลทายเหมือง) จึงไดรวมกันมีคําส่ัง
ลงวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ใหผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมการปกครองทองถ่ิน
เปนเงิน ๓๔๕,๔๖๑.๐๑ บาท ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ อุทธรณคําส่ัง
ดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑ แจงผลการพิจารณา
อุทธรณใหผูฟองคดีทราบวา ผูถูกฟองคดีที่ ๓ (รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหนากลุมภารกิจ
ดานการพัฒนาชุมชนและสงเสริมการปกครองทองถ่ิน) ไดมีคําสั่งใหยกอุทธรณ ผูฟองคดีจึงนําคดี
มาฟอ งขอใหศ าลมคี าํ พพิ ากษาหรือคําสัง่ เพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ที่ใหผูฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมการปกครองทองถิ่น เปนเงินจํานวน ๓๔๕,๔๖๑.๐๑ บาท
และเพกิ ถอนคาํ วินิจฉัยอทุ ธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ แจงตามหนังสือลงวันท่ี ๑๐ มกราคม ๒๕๖๑
ท่ีใหย กอุทธรณของผูฟ อ งคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา ผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ัง
ลงวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ที่แจงใหผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนใหแกกรมสงเสริมการปกครอง
ทองถ่ินเปนเงินจํานวน ๓๔๕,๔๖๑.๐๑ บาท เม่ือวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตอมา ผูฟองคดีไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ อุทธรณคําส่ังดังกลาว โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับหนังสืออุทธรณของ
ผูฟองคดีในวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ดังนั้น ผูถูกฟองคดีที่ ๓ จึงตองพิจารณาคําอุทธรณของ
ผูฟองคดีใหแลวเสร็จภายในหกสิบวันนับแตวันที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับคําอุทธรณของผูฟองคดี
ตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่งและวรรคสอง แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
คือ ภายในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๐ และเมื่อไมปรากฏขอเท็จจริงวาผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดมีหนังสือ
แจงเหตุจําเปนที่ทําใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไมอาจพิจารณาอุทธรณใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาดังกลาว
จึงถือวาวันดังกลาวเปนวันท่ีผูฟองคดีไดดําเนินการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายครบตามขั้นตอน
หรือวิธีการที่กฎหมายกําหนดไวแลว และสามารถใชสิทธิฟองคดีไดตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยถือวาวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งเปนวันถัดจากวันที่
ครบกําหนดหกสิบวัน เปนวันท่ีผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้ และนับเปนวันแรก
ที่เร่ิมใชสิทธิฟองคดีเพ่ือขอใหศาลเพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ซ่ึงผูฟองคดี
ตองยื่นฟองตอศาลภายในเกาสิบวันนับแตวันดังกลาวตามนัยมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
ดังนั้น ผูฟองคดีชอบที่จะยื่นฟองคดีขอใหเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ตอศาล
ภายในระยะเวลาเกาสิบวันนับแตวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๐ กลาวคือ ตองยื่นฟองภายในวันที่
๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ โดยมพิ ักตองรอคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ อีกตอไป การที่ผูฟองคดี
ยื่นฟองคดีตอศาลขอใหเพิกถอนคําส่ังดังกลาวโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนเม่ือวันที่
๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ จึงเปนการยื่นฟองคดีเม่ือพนกําหนดระยะเวลาเกาสิบวันนับแตวันท่ีรูหรือ
ควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ท้ังคําฟองในขอหานี้
เปนการฟองคดีเพื่อประโยชนสวนตัวของผูฟองคดีเทาน้ัน มิใชการฟองคดีเก่ียวกับการคุมครอง
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๔๖
ประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคลที่จะย่ืนฟองคดีเมื่อใดก็ได รวมท้ังมิไดมีเหตุจําเปนอ่ืน
ที่ศาลจะรับคําฟองนี้ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ประกอบกับ
ขอ ๓๐ แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ศาลจึงไมอาจ
รับคําฟอ งในขอหาที่ผูฟองคดีมีคําขอใหเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ไวพิจารณาได
และเม่ือศาลไมอาจรับคําฟองในขอหาดังกลาวไวพิจารณาดวยเหตุดังกลาว ศาลจึงไมอาจรับคําฟอง
ในสวนที่ฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ซ่ึงเปนผูออกคําสั่งดังกลาวไวพิจารณาไดเชนกัน
การท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองในขอหาท่ีผูฟองคดีมีคําขอใหเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี
๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ท่ีใหผูฟองคดีชดใชสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมการปกครองทองถิ่น
เปนเงินจํานวน ๓๔๕,๔๖๑.๐๑ บาท รวมท้ังในสวนที่ฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๒ ไวพิจารณา
เม่ือศาลมีคําส่ังไมรับคําฟองในขอหานี้ไวพิจารณาแลว จึงไมจําตองพิจารณาคําขอเกี่ยวกับวิธีการช่ัวคราว
ของผฟู อ งคดที ข่ี อใหท ุเลาการบังคับตามคําสัง่ ลงวนั ท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพองดวย
จงึ มคี าํ สง่ั ยืนตามคําสงั่ ของศาลปกครองชั้นตน
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๙๖/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๓๓
คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๔๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๓๗
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๔๙๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เม่ือคร้ังที่ผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดเทศบาลเมืองนครนายก
ผูฟองคดีเปนผูพิจารณางบประมาณรายจายหมวดเงินอุดหนุนสําหรับดําเนินโครงการรักษา
ความสะอาด ตัดหญา และตัดแตงก่ิงไม ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึง พ.ศ. ๒๕๕๐ เสนอ
ตอนายกเทศมนตรีเมืองนครนายก เพื่อพิจารณาขออนุมัติเบิกจายเงินอุดหนุนใหกับชุมชน
ซึ่งนายกเทศมนตรีเมืองนครนายกไดพิจารณาอนุมัติใหมีการเบิกจายเงินตามโครงการดังกลาว
หลังจากนั้น สํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๑ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาไดมีหนังสือ
ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๑ แจงผลการตรวจสอบการเบิกจายเงินอุดหนุนโครงการดังกลาววา
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ต้ังงบประมาณไมเปนไปตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๔๗
สง ผลใหก ารเบิกจายเงินอุดหนุนไมชอบดวยกฎหมาย หลังจากน้ัน ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (ผูวาราชการ
จงั หวดั นครนายก) ไดมคี าํ สั่งลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๒ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดในกรณีดังกลาว ประธานคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงไดมีหนังสือลงวันท่ี
๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๒ แจงผูฟองคดีใหไปถอยคําซึ่งผูฟองคดีไดไปใหถอยคําแลว หลังจากน้ัน
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงไดจัดทํารายงานผลการสอบสวน ลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๒
ตอผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๒ วา ยงั ไมปรากฏความชัดเจนเพียงพอท่ีจะชี้ชัดไดวาการกระทําของผูเกี่ยวของ
กอใหเกดิ ความเสยี หายแกท างราชการ จงึ ไมมีผตู อ งรับผิดชอบทางละเมิด คงมีเพียงความบกพรอง
ของเจา หนา ที่และผูบังคับบญั ชาที่เกยี่ วของซ่งึ ผถู ูกฟองคดีท่ี ๑ (เทศบาลเมืองนครนายก) จะตองพิจารณา
ดําเนินการทางวินัยตามควรแกกรณีตอไป ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการ
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๔๗
สอบขอเท็จจริง จึงไดมีหนังสือลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๒ สงสํานวนการสอบขอเท็จจริง
ใหกระทรวงการคลังตรวจสอบ ตอมา กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางไดมีหนังสือลงวันท่ี
๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๓ แจงผูถูกฟองคดีที่ ๒ วา ผูฟองคดีซึ่งดํารงตําแหนงปลัดเทศบาลเมืองนครนายก
ในขณะน้ัน ในฐานะผูพิจารณาโครงการเงินอุดหนุนดังกลาว กระทําขัดตอหลักเกณฑของทางราชการ
และเปนการเบิกจายเงินอุดหนุนท่ีมีจํานวนสูงกวาจํานวนคาดูแลรักษาความสะอาดท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
เคยจางเอกชนดําเนินการในป พ.ศ. ๒๕๔๘ พฤติการณดังกลาวถือไดวา เปนการปฏิบัติหนาที่
ดวยความประมาทเลินเลออยา งรา ยแรง เปนเหตุใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหาย ผูฟองคดี
จึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ในอัตรารอยละ ๒๕ ของคาเสียหาย
จํานวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๓๗๕,๐๐๐ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ แจงผลการสอบสวนของกรมบัญชีกลางใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ทราบ
ผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๑ จึงไดมคี าํ สัง่ ลงวันท่ี ๑ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๔ เรยี กใหผ ฟู อ งคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามความเห็นของกรมบัญชีกลางดังกลาว และมีหนังสือลงวันท่ี ๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๔
แจงคําส่ังดังกลาวใหผูฟองคดีทราบ ซึ่งผูฟองคดีไดรับคําสั่งเม่ือวันที่ ๗ กุมภาพันธ ๒๕๕๔
จึงมีหนังสือลงวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ ๒๕๕๔ อุทธรณคําสั่งดังกลาวตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตอมา
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีความเห็นยืนยันตามคําสั่งเดิม และไดรายงานความเห็นไปยังผูถูกฟองคดีที่ ๒
ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เห็นดวยกับผลการพิจารณาอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามหนังสือลงวันที่
๑๒ เมษายน ๒๕๕๔ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ แจงผล
การพิจารณาวินิจฉัยคําอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใหผูฟองคดีทราบ ผูฟองคดีไมเห็นพองดวย
จึงฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่ง เร่ือง ใหชดใชคาสินไหมทดแทน ลงวันที่
๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๔ เฉพาะในสวนท่ีใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน เปนเงินจํานวน
๓๗๕,๐๐๐ บาท และใหเพิกถอนผลการวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือลงวันที่
๑๒ เมษายน ๒๕๕๔
ศาลปกครองสูงสุดวนิ จิ ฉัยวา ผูถกู ฟอ งคดีท่ี ๑ ไดมคี ําส่ังลงวนั ที่ ๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๔
เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน อันเปนคําสั่งที่อาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ และถือเปนคําสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซ่ึงผูฟองคดีตองอุทธรณคําส่ังดังกลาว
ตามมาตรา ๔๔ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังดังกลาวเมื่อวันที่
๗ กุมภาพันธ ๒๕๕๔ และไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๗ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ อุทธรณคําส่ังตอผูถูกฟองคดีที่ ๑
โดยเจา หนา ทขี่ องผูถูกฟอ งคดีที่ ๑ ไดรบั คําอุทธรณของผูฟองคดีไวในวันท่ี ๒๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๔
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีหนังสือลงวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔ แจงใหผูฟองคดีทราบวาไมเห็นดวยกับ
คําอุทธรณของผูฟองคดีและไดสงเร่ืองใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ พิจารณา ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๒
ไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔ แจงไปยังผูถูกฟองคดีที่ ๑ เพ่ือใหแจงผูฟองคดีวา
มีคําวินจิ ฉัยยืนยนั ตามคาํ สัง่ ของผูถกู ฟอ งคดีที่ ๑ ผถู ูกฟอ งคดที ี่ ๑ ไดม หี นังสือลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔
แจงใหผูฟองคดีทราบ ซึ่งเม่ือพิจารณาตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง แหงพระราชบัญญัติ
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๔๘
เดียวกันแลวน้ัน ไมปรากฏขอเท็จจริงวาผูถูกฟองคดีที่ ๒ ซ่ึงเปนผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณ
ตามมาตรา ๔๕ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติขางตนประกอบกับขอ ๒ (๑๐) ของกฎกระทรวง
ฉบับท่ี ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความใน พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ไดแจง เหตุจําเปน ตอ งขยายระยะเวลาพิจารณาอทุ ธรณใ หผ ูฟองคดที ราบ จงึ ตอ งถือวา วันท่ีครบหกสิบวัน
คือ วันท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๕๔ เปนวันท่ีผูฟองคดีไดดําเนินการ ตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยถือวาวันถัดจากวันครบกําหนดนั้น คือ วันท่ี ๒๓ เมษายน ๒๕๕๔
เปน วนั ทผี่ ูฟองคดีรหู รือควรรูถ ึงเหตุแหงการฟอ งคดี ดังน้ัน ผูฟองคดีจะตองย่ืนคําฟองภายในวันที่
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ทัง้ น้ี ตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว โดยไมตองรอคําวินิจฉัย
อุทธรณของผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณอีกตอไป การที่ผูฟองคดีไดย่ืนคําฟองตอศาลในวันที่
๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ จึงเปน การย่ืนฟองเมื่อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี ที่ศาลปกครองช้ันตน
รบั คาํ ฟองในขอ หานไ้ี วพิจารณา ศาลปกครองสงู สุดไมเห็นพองดวย เม่ือปญหาดังกลาว เปนปญหา
อันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชน แมคูกรณีไมไดยกข้ึนกลาวอาง ศาลปกครองสูงสุด
มีอํานาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองไดตามขอ ๙๒ แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ สว นคาํ วินิจฉัยอุทธรณข องผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดี
เปน การย่ืนฟอ งคดภี ายในเกา สบิ วนั นับแตวนั ทร่ี หู รอื ควรรูถ ึงเหตุแหงการฟองคดี ศาลจึงรับคําฟอง
ขอ หาน้ีไวพิจารณาได ซึ่งการที่ศาลจะพิจารณาวาคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดังกลาว
ชอบดวยกฎหมายหรือไม ศาลจําตองพิจารณาความชอบดวยกฎหมายของคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมดวย ซ่ึงในกรณีน้ีแมนายกเทศมนตรีเมืองนครนายก
จะมีฐานะเปนหัวหนาหนวยงานผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งเปนผูมีอํานาจแตงต้ังคณะกรรมการสอบสวน
ความรับผิดทางละเมิดตามขอ ๘ วรรคหน่ึง ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑ
การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ก็ตาม แตเมื่อนายกเทศมนตรี
เมืองนครนายกเปนผูมีสวนไดเสียหรือเกี่ยวของกับการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
ในเรื่องนั้น จึงตองปฏิบัตติ ามหนงั สอื ของกรมสง เสรมิ การปกครองทองถิน่ ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๑
ทกี่ าํ หนดใหตองรายงานและเสนอเรื่องใหผูบังคับบัญชาหรือผูกํากับดูแลการปฏิบัติหนาที่สูงข้ึนไป
หน่ึงระดับเปนผูพิจารณาแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามขอ ๑๒
ของระเบียบดงั กลาว ดังน้นั การทผ่ี ถู ูกฟอ งคดีที่ ๒ ซง่ึ มอี ํานาจหนาที่ควบคุมดูแลเทศบาลในจังหวัดนั้น
ตามมาตรา ๗๑ แหง พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ ไดม คี าํ สั่งแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดในกรณีดังกลาว จึงเปนไปตามหลักเกณฑที่กําหนดไวในขอ ๑๒ ของระเบียบ
เดียวกันแลว ประกอบกับกระบวนการและข้ันตอนในการออกคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีใหชดใช
คาสินไหมทดแทนไดดําเนินการตามหลักเกณฑและวิธีการท่ีกฎหมายกําหนดแลว สวนประเด็นวา
ผูฟองคดีไดกระทําละเมิดหรือไม น้ัน เห็นวา เม่ือผูฟองคดีซ่ึงเปนผูพิจารณางบประมาณรายจาย
หมวดเงินอุดหนุนสําหรับดําเนินโครงการรักษาความสะอาด ตัดหญา และตัดแตงกิ่งไม ประจําป
งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ เสนอตอนายกเทศมนตรเี มอื งนครนายก เพ่ือพิจารณาอนุมัติเบิกจายเงิน
อุดหนุนใหกับชุมชนยอยท้ัง ๘ ชุมชน ตามท่ีไดขอรับการสนับสนุนงบประมาณ วงเงิน ๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓