The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นคร เจือจันทร์, 2022-05-09 02:55:16

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

Keywords: เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

๔๙

ตามคําสั่งลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน แมในคําขอ
ทายคําฟองจะระบุแตเพียงขอใหศาลเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ โดยไมไดระบุ
ขอใหเพิกถอนคําวินิจฉัยของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ก็ตาม แตในคําบรรยายฟองของผูฟองคดีไดโตแยงวา
ไมเ ห็นดว ยกับคําวินิจฉยั ของผถู กู ฟอ งคดที ี่ ๑ ประกอบกบั ผฟู องคดนี ําคดมี าฟองภายหลังไดรับแจง
คําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ยอมเปนที่เขาใจไดวาผูฟองคดีย่ืนฟองคดีโดยมีความประสงค
ท่ีตองการจะใหศาลพิจารณาคดีตามผลคําวินิจฉัยอุทธรณดังกลาว ซ่ึงผูฟองคดีมีสิทธิฟองขอให
ศาลเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณภายในเกาสิบวันนับแตวันท่ีผูฟองคดีไดรับแจงคําวินิจฉัยอุทธรณ
เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีไดรับแจงคําวินิจฉัยอุทธรณเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖
ผูฟองคดียื่นฟองคดีตอศาลในวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ จึงเปนการฟองคดีภายในกําหนด
เกาสิบวันนับแตวันท่ีไดรับแจงคําวินิจฉัยอุทธรณอันเปนวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ขอใหเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ศาลจึงรับคําฟอง
ท่ขี อใหเ พกิ ถอนคําวินิจฉยั อทุ ธรณไวพ จิ ารณาได อยางไรก็ตาม การท่ีศาลจะพิจารณาวาคําวินิจฉัย
อุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖ ชอบดวยกฎหมายหรือไม
ศาลจําตองพิจารณาความชอบดวยกฎหมายของคําสั่งลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ที่เรียกให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนดวย แตคดีน้ีศาลปกครองช้ันตนวินิจฉัยแลววา ผูฟองคดี
ในฐานะประธานกรรมการจดั ซอื้ โดยวธิ ีพิเศษ มีหนาท่ตี ามขอ ๕๗ (๒) และ (๖) ของระเบียบสํานัก
นายกรัฐมนตรี วาดวยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ แตไมไดปฏิบัติตามระเบียบดังกลาว ประกอบกับ
ผูฟองคดีไดเสนอรายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ โดยไมไดรายงาน
ผลการพิจารณาและความเห็นผานหัวหนาเจาหนาท่ีพัสดุและผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และไมปรากฏวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดลงลายมือชื่อส่ังซื้อส่ังจาง โดยปรากฏวา ผูปฏิบัติราชการแทนผูถูกฟองคดีที่ ๑
เปนผูลงลายมือชื่อเห็นชอบ ทั้งที่ไมมีอํานาจในการส่ังซื้อสั่งจางโดยวิธีพิเศษตามขอ ๙ วรรคหนึ่ง
และขอ ๖๖ ของระเบียบดังกลาวประกอบคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
เมื่อสํานักงานจังหวัดพิษณุโลกไดทําสัญญาซ้ือขายเครื่องตรวจหาทิศทางสารเสพติดและวัตถุระเบิด
ในราคาเคร่ืองละ ๑,๖๔๗,๘๐๐ บาท ทั้งท่ีมีราคาสูงไมเกิน ๗๐๐,๐๐๐ บาท ถึง ๘๐๐,๐๐๐ บาท
เทาน้ัน และไมเปนไปตามรุนที่หนวยงานผูปฏิบัติขอรับการสนับสนุน ทําใหไมมีการนําไปใชงาน
จังหวัดพิษณุโลกไดรับความเสียหาย พฤติการณเปนการปฏิบัติหนาท่ีดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในความเสียหายท่ีเกิดข้ึน ผูฟองคดี
ไมไดอุทธรณคัดคานคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน กรณีจึงฟงเปนยุติตามคําพิพากษาของ
ศาลปกครองชั้นตนแลววา ผูฟองคดีปฏิบัติหนาท่ีดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง และ
ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกจังหวัดพิษณุโลกเม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ราคาตามทองตลาด
ของเครื่องตรวจหาทิศทางสารเสพติดและวัตถุระเบิด มีราคาเครื่องละไมเกินจํานวน ๗๐๐,๐๐๐ บาท
อันเปนราคาท่ีบริษัท ท. เคยจําหนายใหกับผูซื้อรายอ่ืน การที่คณะกรรมการจัดซ้ือโดยวิธีพิเศษ
จัดซ้ือเครื่องตรวจหาทิศทางสารเสพติดและวัตถุระเบิด ในราคาเครื่องละ ๑,๖๔๗,๘๐๐ บาท
จึงเปนการจัดซ้ือในราคาท่ีสูงกวาราคาที่ผูแทนจําหนายเครื่องตรวจหาทิศทางสารเสพติดและวัตถุ

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๕๐

ระเบิด เคยจําหนาย ทําใหจังหวัดพิษณุโลกไดรับความเสียหายเปนเงินจํานวน ๙๔๗,๘๐๐ บาท
เมือ่ ผฟู องคดเี ปนประธานกรรมการจัดซือ้ โดยวิธีพิเศษ มีหนาท่ีโดยตรงในการจัดซื้อเครื่องตรวจหา
ทิศทางสารเสพติดและวัตถุระเบิดใหศูนยปฏิบัติการตอสูเพื่อเอาชนะยาเสพติด โดยไมปรากฏ
หลักฐานวาผูฟองคดีกระทําการทุจริต เม่ือคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความ
เปนธรรมตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว
ผูฟองคดีควรตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๔๐ ของความเสียหายจํานวน
๙๔๗,๘๐๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๓๗๙,๑๒๐ บาท ดังนั้น คําวินิจฉัยของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามหนังสือลงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖ เฉพาะในสวนท่ีเกินกวาเงินจํานวน ๓๗๙,๑๒๐ บาท
จึงไมชอบดวยกฎหมาย และหากจังหวัดพิษณุโลกไดรับการชดใชเงินคืนจากเจาหนาท่ีผูเกี่ยวของ
กต็ อ งหกั หรอื คืนใหแกผฟู องคดีตามสัดสวนแหงความรบั ผิดตอไป ท่ีศาลปกครองชนั้ ตน พพิ ากษาให
เพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ท่ีใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกราชการ
เฉพาะในสว นทีเ่ กนิ กวาเงินจาํ นวน ๓๗๙,๑๒๐ บาท คําขออื่นนอกจากนี้ใหยก นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพอ งดวยบางสว น

พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามหนังสือ
ลงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖ เฉพาะในสวนที่วินิจฉัยใหผูฟองคดีรับผิดชดใชเงินเกินกวา
จํานวน ๓๗๙,๑๒๐ บาท โดยใหม ีผลนบั แตว ันทมี่ คี าํ วินิจฉัยอทุ ธรณ

กรณเี ปนคดีพพิ าทตามมาตรา ๙ วรรคหน่งึ (๒)
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๒๓๗/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟอ งวา ผฟู องคดอี าศัยอยูในหมูบาน ม. ตําบลดอนยายหอม อําเภอเมือง
นครปฐม จังหวัดนครปฐม ไดร ับความเดือดรอนเสียหายไมสามารถอยูอาศัยในหมูบานไดอยางปกติสุข
เน่ืองจากผูถูกฟองคดีทั้งสาม (สํานักงานตํารวจแหงชาติ ที่ ๑ องคการบริหารสวนตําบลดอนยาน
หอม ท่ี ๒ สํานักงานท่ดี นิ จังหวดั นครปฐม ท่ี ๓) ละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ รับแจงความกรณีที่
ผฟู อ งคดแี จงความรองทกุ ขเ พื่อดาํ เนินคดีกับกลุมบุคคลที่ทําการขมขู คุกความ และกอความเดือดรอน
เพอ่ื ใหผูฟองคดจี ายคา สวนกลางหมูบานโดยไมช อบดว ยกฎหมายและชดใชค าเสียหายใหผูถูกฟองคดีที่ ๒
ปฏิบตั หิ นาทใี่ นการปองกันหรอื ระงับเหตุเดือดรอนรําคาญอันเกิดจากมลภาวะทางเสียงในหมูบาน
ทง้ั เสยี งสนุ ัขและเสียงของบคุ คลท่ีตะโกนขับไลผูฟองคดีและชดใชคาเสียหายแกผูฟองคดีจากกรณี
ที่เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ใหการตอศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดําท่ี ๙๑๖/๒๕๕๖
ในสาระสําคัญของคดีท่ีเปนเท็จ และใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ปฏิบัติหนาท่ีในการระงับยับย้ัง
หา งหนุ สวนจํากัด ม. เรยี กเก็บเงินคาสวนกลางหมูบ านจากผฟู อ งคดแี ละชดใชค าเสยี หาย

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คําฟองคดีน้ีแยกพิจารณาไดเปน ๔ กรณี ดังนี้ กรณีที่หนึ่ง
ผูฟองคดีวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการท่ีผูฟองคดีไดแจงความรองทุกข

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๕๑

ตอเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ขอใหดําเนินคดีอาญากับกลุมบุคคลที่เรียกเก็บคาสวนกลางโดย
ไมชอบดวยกฎหมาย แตเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไมยอมรับแจงความเพ่ือดําเนินคดีกับบุคคล
ดังกลาว กรณีจึงเปนการโตแยงเกี่ยวกับการละเลยตอหนาที่ในการรับคํารองทุกขเพ่ือดําเนิน
คดีอาญากับผูกระทําความผิดตามที่บัญญัติไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
อนั เปนการละเลยตอ หนาทก่ี ระทําการตามการดําเนินการในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ขอพิพาท
ในกรณีนี้จึงมิใชคดีที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง
แหง พ.ร.บ. จดั ตง้ั ศาลปกครองฯ ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองกรณีน้ีไวพิจารณาได กรณีที่สอง
กรณีที่ฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการที่ผูพักอาศัยในหมูบาน ม.
ปลอยใหสุนัขท่ีเลี้ยงไวเหาหอนเสียงดังติดตอกันเปนเวลานานหลายช่ัวโมงและเปนระยะเวลา
หลายเดือนรบกวนผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งมีอํานาจหนาท่ีในการระงับเหตุเดือดรอนรําคาญ
ใหแกผูฟองคดีตาม พ.ร.บ. การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ มิไดมีการระงับเหตุเดือดรอนรําคาญ
จากเสียงดังของสุนัขใหผูฟองคดีแตอยางใดขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ปฏิบัติหนาท่ีในการระงับเหตุ
เดือดรอนรําคาญดังกลาวและชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี กรณีจึงเปนคดีพิพาทเก่ียวกับ
การทีห่ นว ยงานทางปกครองหรอื เจาหนา ที่ของรัฐละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
หรือปฏิบัติหนาท่ีดังกลาวลาชาเกินสมควร และการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครอง
หรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
หรือปฏิบัติหนาท่ีดังกลาวลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๒) และ (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดตง้ั ศาลปกครองฯ เม่ือการท่เี จาหนา ที่ของผูถกู ฟองคดีที่ ๒ ไมทําการระงับเหตุเดือดรอนรําคาญ
จากเสียงดังของสุนัขทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายอันเน่ืองจากการงดเวน
การกระทําดังกลาวและแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอนหรือความเสียหายน้ี ตองมีคําบังคับตามที่
กําหนดในมาตรา ๗๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีในกรณีน้ี
ตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา
เจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ รวมกับสวนราชการในจังหวัดนครปฐม ลงพ้ืนท่ีหมูบาน ม. ในวันที่
๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เพื่อตรวจสอบขอเท็จจริงซ่ึงผูฟองคดีไดแจงใหเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
รับทราบเหตุเดือดรอนรําคาญเรื่องเสียงของสุนัขในวันดังกลาวที่บานของผูฟองคดีแลว แตเจาหนาท่ี
ของผูถูกฟองคดีที่ ๒ มิไดระงับเหตุเดือดรอนรําคาญตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
กรณจี งึ ตองถือวา ผฟู องคดรี ูหรอื ควรรถู ึงเหตุแหงการฟองคดีในกรณีน้ีในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ผฟู อ งคดีชอบที่จะยื่นฟอ งคดกี รณีนี้ เพื่อขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ปฏิบัติหนาที่ระงับภายในเกาสิบวัน
นับแตวันดังกลาว กลาวคือ ภายในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ และภายในหนึ่งปนับแตวันดังกลาว
กลาวคอื ภายในวนั ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เพ่ือขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทน
ความเสียหายใหแกผูฟองคดี เม่ือผูฟองคดีนํากรณีนี้มาย่ืนฟองตอศาลในวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒
จึงเปนการยน่ื ฟอ งคดีเพ่ือขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ปฏิบัติหนาที่ตามกฎหมายเมื่อพนกําหนดระยะเวลา
การฟองคดีตามมาตรา ๔๙ แหง พ.ร.บ. จดั ตงั้ ศาลปกครองฯ แตอ ยา งไรกต็ าม เมื่อการท่ีเจาหนาที่
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไมไดกระทําการระงับเหตุเดือดรอนรําคาญดังกลาว เปนเหตุใหผูฟองคดี

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๕๒

ไดรับความเดือดรอนเสียหาย อันเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดอันเกิดจากการละเลย
ตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร
ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ซ่ึงศาลปกครองมีอํานาจกําหนด
คําบังคับใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทน และใหกระทําการระงับเหตุเดือดรอนรําคาญ
ดังกลาวไดตามมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๓) แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน กรณีจึงเปนการย่ืนฟองคดี
ในขอหาละเมิดเพื่อขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทนและใหระงับเหตุเดือดรอนรําคาญ
ดังกลาว ภายในกําหนดหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีตามมาตรา ๕๑
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน สวนประเด็นวา คําฟองในกรณีน้ีเปนการยื่นฟองในเร่ืองเดียวกันกับคดี
ของศาลปกครองชั้นตนหมายเลขแดงท่ี ๗๓/๒๕๖๒ ซ่ึงอยูระหวางการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
ตามคํารองท่ี ๖๐/๒๕๖๒ หรือไม นั้น เห็นวา การฟองคดีในคดีแรกและคดีหลัง แมจะเปนการฟอง
เก่ียวกับความเดือดรอ นรําคาญของผฟู อ งคดีจากเสยี งสุนัขเหาหอนเปนเวลาติดตอกันนานหลายชั่วโมง
เชนกันก็ตาม แตเม่ือผูถูกฟองคดีในคดีแรกและในคดีหลังมิใชบุคคลคนเดียวกัน และขอเท็จจริง
ในคดีหลังเปนเร่ืองที่เกิดข้ึนหลังจากท่ีผูฟองคดียื่นฟองคดีแรกไวแลว ขออางอันอาศัยเปนหลัก
แหงขอหามิไดเปนอยางเดียวกัน จึงมิใชเปนการฟองรองในเร่ืองเดียวกัน การฟองคดีในกรณีน้ี
จึงไมเปนการย่ืนคําฟองเรื่องเดียวกันกับคดีคํารองท่ี ๖๐/๒๕๖๒ ซ่ึงอยูในระหวางการพิจารณาของ
ศาลปกครองสูงสุด จึงเปนผลใหการฟองคดีในกรณีนี้ไมเปนการฟองซอนตามนัยขอ ๓๖ (๑)
แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่ีศาลปกครองช้ันตน
วินิจฉัยวา คําฟองในกรณีน้ีกับคําฟองของผูฟองคดี ในคดีของศาลปกครองช้ันตนหมายเลขแดง
ที่ ๗๓/๒๕๖๒ เปนเร่ืองเดียวกัน น้ัน ศาลปกครองสูงสุดไมเห็นพองดวย กรณีที่สาม กรณีท่ีผูฟองคดี
ฟอ งวา ผูฟองคดีไดย่ืนฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตอศาลปกครองช้ันตนเปนคดีหมายเลขดําที่ ๙๑๖/๒๕๕๖
เน่ืองจากละเลยตอหนาท่ีในการจัดเก็บขยะท่ีบานของผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดย่ืนคําใหการ
เปนเท็จตอศาลวาเจาหนาท่ีของตนมิไดละเลยการปฏิบัติหนาท่ีการจัดเก็บขยะบานผูฟองคดี
และเจาหนาที่ของตนไมมีสวนเก่ียวของกับขอพิพาทระหวางผูฟองคดีกับกลุมบุคคลท่ีเรียกเก็บ
เงินคาสวนกลางจากผูฟองคดี โดยขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี เห็นวา
กรณีดังกลาวมิใชคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ี
ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองในกรณีนี้ไวพิจารณาได กรณีท่ีสี่ ท่ีผูฟองคดี
ฟอ งวา ผฟู องคดมี หี นังสอื ลงวันท่ี ๒๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๗ ถึงคณะกรรมการจัดสรรท่ีดินจังหวัดนครปฐม
เพ่ือขอใหตรวจสอบการเรียกเก็บเงินคาสวนกลางหมูบานจัดสรร ม. จากคณะบุคคลที่ซ้ือที่ดิน
จัดสรรและหางหุนสวนจํากัด ม. ที่กระทําการโดยไมมีอํานาจ แตเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๓
กลบั เพิกเฉยไมด ําเนนิ การใดๆ ตามอาํ นาจหนาท่ี ทั้งทที่ ราบขอ เท็จจริงอยแู ลววาหมูบานจัดสรร ม.
ยังไมมีการแจงจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมูบานจัดสรร ขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ปฏิบัติหนาท่ี
ในการระงับยับยั้งหางหุนสวนจํากัด ม. เรียกเก็บเงินคาสวนกลางหมูบานจากผูฟองคดี และให
ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนความเสียหายใหแกผูฟอ งคดี เหน็ วา กรณีเปนการโตแยงวา คณะกรรมการ

แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๕๓
จัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐมซ่ึงมีอํานาจหนาท่ีในการตรวจสอบการจัดสรรท่ีดินและส่ังการให
ผูจัดสรรท่ีดินดําเนินการใหเปนไปตาม พ.ร.บ. การจัดสรรท่ีดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ ละเลยตอหนาที่
ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ และทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย
อนั เขาลกั ษณะเปน คดีพพิ าทเกี่ยวกบั การทห่ี นว ยงานทางปกครองหรอื เจา หนา ท่ีของรัฐละเลยตอหนาที่
ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร และการกระทําละเมิด
ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาท่ีดังกลาวลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๒) และ (๓)
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และการท่ีคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐมไมดําเนินการ
ตรวจสอบและช้ีแจงขอเท็จจริงใหผูฟองคดีทราบตามที่ผูฟองคดีมีหนังสือรองขอ ทําใหผูฟองคดี
ไดรับความเดอื ดรอ นหรือเสยี หายอันเน่ืองจากการงดเวน การกระทําของคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน
จังหวัดนครปฐมแลว อีกท้ัง การแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอนหรือเสียหายน้ี ตองมีคําบังคับ
ตามท่ีกําหนดในมาตรา ๗๒ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีในกรณีน้ี
ตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ แตอยางไรก็ตาม
เม่ือผถู ูกฟองคดที ี่ ๓ ไดรับหนังสือลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๗ ของผูฟองคดีที่ขอใหคณะกรรมการ
จัดสรรทด่ี ินจงั หวัดนครปฐมตรวจสอบและช้ีแจงขอเท็จจริงกรณีการจัดเก็บเงินคาสวนกลาง ในวันท่ี
๒๑ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๗ แตเมื่อครบกําหนดเกาสิบวันนับแตวันที่ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดรับหนังสือรองขอ
ของผูฟองคดีแลว กลาวคือ ในวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ผูฟองคดีไมไดรับหนังสือชี้แจงจาก
ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ผูฟองคดีชอบที่จะย่ืนฟองคดีกรณีนี้ตอศาลปกครอง เพ่ือขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๓
หรือคณะกรรมการจัดสรรท่ีดินจังหวัดนครปฐมปฏิบัติหนาท่ีในการระงับยับย้ังหางหุนสวนจํากัด ม.
เรียกเก็บเงินคาสวนกลางหมูบานจากผูฟองคดี ภายในเกาสิบวันนับแตวันดังกลาว กลาวคือ
ภายในวันท่ี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ และภายในหน่ึงปนับแตวันดังกลาว กลาวคือ ภายในวันที่
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เพ่ือขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหายใหแก
ผูฟองคดี เมื่อผูฟองคดีนําคดีในกรณีนี้มายื่นฟองตอศาลในวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ จึงเปน
ยื่นฟองคดีเมื่อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติ
ดังกลาว ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณาและใหจําหนายคดี
ออกจากสารบบความ นน้ั ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พอ งดว ยบางสว น

จึงมีคําส่ังกลับ เปนใหรับคําฟองขอหาละเมิดในสวนท่ีฟองขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหายอันเน่ืองจากการละเลยตอหนาท่ีไมระงับเหตุเดือดรอน
รําคาญเร่ืองเสียงสุนัข และท่ีขอใหระงับเหตุเดือดรอนรําคาญดังกลาวใหแกผูฟองคดี ไวพิจารณา
เม่ือศาลปกครองช้ันตนไดพิจารณาคําขอดําเนินคดีโดยยกเวนคาธรรมเนียมศาลของผูฟองคดี
และมีคาํ สั่งเกี่ยวกับคา ธรรมเนยี มศาลแลว

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๕๔

คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คบ. ๙๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เดิมผูฟองคดีเปนครูอัตราจางชั่วคราว ทําการสอนอยูที่โรงเรียน

วัดพระพุทธฉาย อําเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ซ่ึงเปนโรงเรียนในสังกัดผูถูกฟองคดี
(สํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต ๑) ตามสัญญาจางครูอัตราจางช่ัวคราว
ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ กําหนดระยะเวลาตามสัญญาจาง ๑ ป นับต้ังแตวันท่ี
๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ ตอมา ทางโรงเรียนไดแจงใหผูฟองคดี
ไปดําเนินการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หลังจากน้ัน ผูฟองคดีไดรับใบอนุญาตประกอบ
วิชาชีพครู ลงวันท่ี ๒๑ มกราคม ๒๕๕๙ ตอมาผูฟองคดีไดสมัครสอบตําแหนงครูผูชวย
ท่ีเปดสอบหลายแหงแตไมไดรับการบรรจุเขาเปนขาราชการครู ทําใหเสียคาใชจายเปนคาสมัคร
คารถ และคาอาหาร รวมระยะเวลา ๑๐ ป เม่ือเขาไปติดตอผูถูกฟองคดีก็ไดรับการปฏิเสธ
ท่ีจะบรรจุผูฟองคดีเปนขาราชการครู ทําใหผูฟองคดีถูกตัดอนาคตโดยผูมีอํานาจของผูถูกฟองคดี
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีจายเงินเดือนที่ผูฟองคดี
ควรไดร บั เปนระยะเวลา ๑๐ ป และเงนิ เดือนท่ีควรจะไดรับในการทํางานตอไปในอนาคต พรอมทั้งบรรจุ
ผูฟองคดีเปนขาราชการครู หากไมยอมรับเขาทํางานใหชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีเปนเงิน
จาํ นวน ๑๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพอื่ เปน ทนุ ในการทําธรุ กจิ และไมตอ งทําอาชีพนอ้ี กี ตอ ไป

ศาลปกครองสงู สุดวินิจฉัยวา คดนี เี้ ปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หนวยงานทางปกครอง
ละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ หรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร
และการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองอันเกิดจากการละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติ หรือปฏิบัติหนาท่ีดังกลาวลาชาเกินสมควร ซึ่งอยูในอํานาจพิจารณา
พพิ ากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนงึ่ (๒) และ (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
เม่ือพิจารณาตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๔๖ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ระเบียบ
ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ แลว จะเห็นไดวา ผูท่ีจะไดรับการบรรจุ
แตงต้ังใหเขารับราชการเปนขาราชการครูในสังกัดผูถูกฟองคดีไดน้ัน นอกจากจะตองเปนผูที่มี
คุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติเฉพาะตรงกับตําแหนงครูผูชวยแลว บุคคลผูนั้นจะตองเปน
ผูสอบแขงขันไดตามหลักเกณฑและวิธีการคัดเลือกบุคคลเพ่ือบรรจุและแตงต้ังเขารับราชการ
เปนขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของคณะกรรมการขาราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา รวมท้ังอยูในลําดับท่ีที่จะไดรับการบรรจุแตงตั้งดวย เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา
ผูฟ อ งคดีอางวา ไดส มคั รสอบแขงขนั เขา รับราชการในตําแหนง ครูผชู วยตามสถานท่ีที่เปดรับสมัครสอบ
หลายแหง รวมถึงในโรงเรยี นที่อยใู นสงั กัดของผูถูกฟองคดีดวย แตไมสามารถผานการสอบแขงขัน
ได ผฟู อ งคดีจงึ ไมใ ชผูทม่ี คี ุณสมบตั ิครบถว นตามหลกั เกณฑและวธิ กี ารดังกลาวขางตน ผูถูกฟองคดี
ยอ มไมอ าจมคี ําสงั่ บรรจแุ ตงต้ังผูฟองคดใี หเ ขา รับราชการเปนขาราชการครู ในตําแหนงครูผูชวยได
คาํ ขอที่ขอใหผ ถู กู ฟอ งคดบี รรจุแตง ตัง้ ผฟู อ งคดีเปนขาราชการครู จึงเปนคําขอที่ศาลไมอาจกําหนด
คําบังคับใหได ตามมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๒) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงไมใช
ผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๕๕

อันเนื่องจากการกระทําหรือการงดเวนการกระทําของผูถูกฟองคดีที่จะมีสิทธิฟองคดีน้ี
ตอ ศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และเม่ือไดวินิจฉัยแลววา
ผูฟองคดีมิใชผูมีสิทธิฟองขอใหผูถูกฟองคดีบรรจุแตงต้ังผูฟองคดีเปนขาราชการครูแลว ดังน้ัน
คําฟองสวนท่ีขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายตามที่ผูฟองคดีกลาวอางซ่ึงเปนเรื่องที่สืบเนื่องมาจาก
กรณีดังกลาว ผูฟองคดีจึงไมใชผูท่ีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายอันจะมีสิทธิฟองผูถูกฟองคดี
ในกรณนี ้ีไดเ ชนกัน ทั้งน้ี ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึง่ แหงพระราชบญั ญัติเดยี วกนั ทศ่ี าลปกครองชั้นตน
มีคําสั่งไมรับคําฟองคดีน้ีไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพองดว ย

จึงมคี ําสง่ั ยนื ตามคาํ ส่ังของศาลปกครองชั้นตน
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ. ๙/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๙
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ. ๑๔๔/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๓๗

กรณีเปนคดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนง่ึ (๓)
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ ๖๑/๒๕๖๓

ผูฟ อ งคดีฟองวา เม่ือวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีทั้งสอง
(กรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัย ท่ี ๑ สํานักงานปองกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม ที่ ๓)
รูอยูแลววามีไฟปาเกิดข้ึน แตละเลยตอหนาท่ีไมตรวจตราและไมดับไฟปาจนเปนเหตุใหไฟไหม
บานพักอาศัยและของใชภายในบาน รวมถึงตนไมของผูฟองคดี คาเสียหายรวมเปนเงินจํานวน
๙๒๐,๐๐๐ บาท ในเบื้องตนเทศบาลตําบลแมแตงไดใหความชวยเหลือแกผูฟองคดีเปนเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท
ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ขอใหผูวาราชการจังหวัดเชียงใหม
ใหความชวยเหลือเพ่ิมเติม แตผูวาราชการจังหวัดเชียงใหมปฏิเสธไมใหความชวยเหลือ ผูฟองคดี
จึงไดมหี นังสือลงวนั ที่ ๑๙ ธนั วาคม ๒๕๕๘ อุทธรณค ําสง่ั ปฏิเสธดังกลาวตอ ผวู า ราชการจงั หวัดเชียงใหม
พรอ มมีคําขอใหชดใชค าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
ใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๙๒๐,๐๐๐ บาท แตไมไดรับแจงผลการพิจารณา จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมคี ําพพิ ากษาหรอื คําสัง่ ใหผถู ูกฟองคดที งั้ สอง รวมกันหรือแทนกันรับผิดชดใชคาเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๙๒๐,๐๐๐ บาท พรอมท้ังดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันทําละเมิด
(๑๕ เมษายน ๒๕๕๘) จนถึงวันฟอง (๑๘ เมษายน ๒๕๕๙) เปนเงินจํานวน ๖๙,๙๔๕.๒๑ บาท
รวมเปนเงินจํานวนทงั้ ส้ิน ๙๘๙,๙๔๕.๒๑ บาท และชาํ ระดอกเบย้ี นบั ถัดจากวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ
ใหแกผูฟองคดี เห็นวา ตามคําฟองของผูฟองคดีเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของ
หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนด
ใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ และผูฟองคดีมีคําขอใหศาลมีคําพิพากษาใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงนิ จาํ นวน ๙๒๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเปนคําขอที่ศาลปกครองมีอํานาจกําหนดคําบังคับใหไดตามมาตรา ๗๒

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๕๖

วรรคหน่ึง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีน้ีตอศาลปกครอง
ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนงึ่ แหงพระราชบญั ญตั เิ ดียวกนั และสามารถใชสิทธิย่ืนฟองคดีนี้ตอศาลได
โดยไมจําตองดําเนินการตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เมื่อขอเท็จจริง
ปรากฏวาเหตุไฟปาไหมลุกลามทําใหบานและทรัพยสินของผูฟองคดีเสียหายไดเกิดขึ้นในวันที่
๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ วันดังกลา วจงึ เปนวันที่ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้แลว ผูฟองคดี
จึงตองยื่นฟองคดีน้ีตอศาลปกครองชั้นตนภายในกําหนดเวลาหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูเหตุ
แหงการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว คือ จะตองย่ืนฟองคดีน้ีภายในวันท่ี
๑๕ เมษายน ๒๕๕๙ แตเน่ืองจากวันดังกลาวเปนวันหยุดราชการ ผูฟองคดีจึงสามารถใชสิทธิยื่นฟอง
ตอศาลไดภายในวันจันทรที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งเปนวันเปดทําการวันแรกตอจากวันหยุด
ทําการนั้นตามนัยมาตรา ๑๙๓/๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย การท่ีผูฟองคดี
ไดย่ืนฟองคดีน้ีเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ จึงเปนการย่ืนคําฟองตอศาลภายในกําหนดระยะเวลา
การฟอ งคดีแลว ศาลปกครองจึงรับคําฟองน้ีไวพิจารณาได ที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองน้ี
ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ กับใหคืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมดแก
ผูฟองคดี นั้น ศาลปกครองสงู สุดไมเ ห็นพอ งดว ย

จึงมีคําส่ังกลบั เปน ใหรับคําฟองคดนี ีไ้ วพ ิจารณา
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๖๗/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของท่ีดินตามโฉนดท่ีดินเลขที่ ๕๓๑๕๖ และ
เลขท่ี ๕๓๑๕๗ ตั้งอยูตําบลคลองสาขลา อําเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ผูฟองคดี
ไดไปยื่นคําขอสอบเขตโฉนดท่ีดินท้ังสองแปลงดังกลาวตอสํานักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ
สาขาพระสมุทรเจดีย ตามใบนัดรังวัดกําหนดใหเจาหนาที่รังวัดไปทําการรังวัดที่ดินในวันที่
๒๑ กนั ยายน ๒๕๖๑ ตอมาในวันดังกลา วเจาหนาท่ีรังวัดไดทําการรังวัดท่ีดินทั้งสองแปลงดังกลาวแลว
แตผูฟองคดีเห็นวา การรังวัดท่ีดินท้ังสองแปลงดังกลาวไมถูกตอง เนื่องจากผูฟองคดีย่ืนขอรังวัด
ท่ีดินจํานวนสองแปลง แตเจาหนาท่ีรังวัดไดทําการรังวัดรวมท้ังสองแปลงโดยไมไดรังวัดแยก
แตละแปลง และไดแจงวาท่ีดินของผูฟองคดีรุกลํ้าท่ีดินขางเคียง ๖๕ เซนติเมตร ทําใหแนวเขตท่ีดิน
ของผูฟองคดีเปล่ียนแปลงไป ทั้งการรังวัดสอบเขตท่ีดินขางเคียงโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๐๙๖๗
ของนาย ส. ท่ีติดกับดานหลังท่ีดินของผูฟองคดี และโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๕๓๑๕๘ ของนาย ก.
ท่ีติดกับดานซาย เม่ือท่ีดินของผูฟองคดีไดแนวเขตท่ีดินแตกตางกับแนวเขตตามรูปแผนท่ีท่ีดิน
ของผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหกรมท่ีดินสั่งให
หนวยงานกลางมาทําการรังวัดใหถูกตองพรอมทั้งลงปกหลักเขตท่ีดินใหมใหถูกตอง และชดใช
คาเสียหายใหแกผูฟองคดี และใหลงโทษผูถูกฟองคดี (เจาพนักงานท่ีดินจังหวัดสมุทรปราการ
สาขาพระสมุทรเจดีย) เห็นวา กรณีจึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของเจาหนาท่ี
ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ัง
ศาลปกครองฯ แตเม่ือปรากฏวาเจาหนาท่ีรังวัดไดดําเนินการรังวัดที่ดินทั้งสองแปลง เมื่อวันที่

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๕๗
๒๑ กันยายน ๒๕๖๑ ตามคําขอของผูฟองคดี และไดทําบันทึก ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๑
รายงานการรังวัดที่ดินดังกลาวตอหัวหนาฝายรังวัด และผูถูกฟองคดี ไดมีหนังสือลงวันที่
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ แจงผูฟองคดีวา พนักงานเจาหนาท่ี
ไดดําเนินการตามคําขอของผูฟองคดีแลว โดยผลการรังวัดไดรูปแผนที่เดิมและเน้ือท่ีตางจากเดิม
เน้ือที่เทาเดิม จึงขอใหผูฟองคดีไปดําเนินการรับทราบผลการรังวัดสอบเขตโฉนดที่ดิน เพื่อแกไข
ขา งเคยี ง แกไขหมายเลขหลักเขต แกไขเขตการปกครอง โดยขอใหไปพบนางสาว อ. ณ สํานักงาน
ทด่ี นิ จังหวัดสมุทรปราการ สาขาพระสมุทรเจดีย ภายในสามสิบวันนับแตวันท่ีไดรับแจง หากผูฟองคดี
ไมไปดําเนนิ การจะถอื วา ผูฟองคดีไมประสงคจะดําเนินการเร่ืองดังกลาว พนักงานเจาหนาท่ีจะส่ังจําหนาย
คําขอของผูฟองคดีตอไป การที่ผูฟองคดีนําคดีมาย่ืนฟองตอศาลปกครองช้ันตนเม่ือวันท่ี
๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ โดยกลาวอางวา เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีรังวัดที่ดินทั้งสองแปลงดังกลาว
ไมถูกตอง ทําใหแนวเขตที่ดินของผูฟองคดีเปล่ียนแปลงไป และไมปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ
ทางราชการ อันเปนการยื่นคําฟองกอนวันที่เจาหนาท่ีรังวัดไดทําบันทึกรายงานการรังวัดที่ดิน
ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ เสนอหัวหนาฝายรังวัด และกอนที่ผูถูกฟองคดีจะมีหนังสือแจงให
ผูฟองคดีทราบผลการรังวัด ตามหนังสือลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และลงวันที่
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ประกอบกับผูถูกฟองคดียังมิไดมีคําส่ังใหแกไขรูปแผนที่และเนื้อท่ี
ในโฉนดที่ดินเลขท่ี ๕๓๑๕๗ และเลขที่ ๕๓๑๕๖ ตามผลการรังวัด ดังนั้น ในขณะท่ีผูฟองคดี
ยื่นฟองคดีนี้ตอศาล จึงยังไมมีการใชอํานาจตามกฎหมายของผูถูกฟองคดีท่ีจะมีผลกระทบ
ตอสถานภาพของสิทธิในท่ีดินของผูฟองคดีแตอยางใด ผูฟองคดีจึงไมใชผูไดรับความเดือดรอน
หรือเสียหายหรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล่ียงไดอันเนื่องมาจากการกระทํา
ของผูถูกฟองคดี ที่จะมีสิทธินําคดีมาฟองตอศาลปกครองได ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ศาลจึงไมอาจรับคําฟองในสวนนี้ไวพิจารณาพิพากษาได
สําหรับคําขอในสวนท่ีขอใหศาลมีคําส่ังลงโทษผูถูกฟองคดีซ่ึงไมปฏิบัติตามระเบียบและกฎเกณฑ
ตามกฎหมาย นั้น เห็นวา การดําเนินการทางวินัยแกขาราชการเปนเร่ืองท่ีผูบังคับบัญชา
เปนผูมีอํานาจที่จะพิจารณาลงโทษผูใตบังคับบัญชาซ่ึงกระทําผิดอันกอใหเกิดความเสียหาย
แกทางราชการหรือหนวยงานของรัฐ โดยหลักแลวถือวาทางราชการหรือหนวยงานของรัฐ
เปนผูเสียหายในกรณีที่มีการกระทําความผิดทางวินัยเกิดข้ึน และการที่ผูบังคับบัญชา
จะดําเนินการทางวินัยตอผูใตบังคับบัญชาท่ีกระทําผิดวินัยหรือไมนั้น กฎหมายกําหนด
ใหเปนอํานาจดุลพินิจของผูบังคับบัญชาโดยเฉพาะที่จะพิจารณาดําเนินการตามควรแกกรณี
ดงั น้ัน คําขอของผฟู อ งคดีดงั กลา วจงึ เปนกรณีท่ีศาลปกครองไมอาจกําหนดคําบังคับไดตามมาตรา ๗๒
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงมิใชผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองที่จะขอใหศาล
พิพากษาลงโทษผูถูกฟองคดีเชนกัน ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา และ
ใหจําหนา ยคดีออกจากสารบบความ นน้ั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพอ งดว ย

จึงมีคําสัง่ ยนื ตามคําส่ังของศาลปกครองชัน้ ตน

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๕๘

คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๑๓๘/๒๕๖๓
ผฟู องคดีฟอ งวา ผฟู อ งคดีเปนผูไดรับสิทธิเขาทําประโยชนในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน

ในทองที่อําเภอปาซาง จังหวัดลําพูน เน้ือท่ี ๕ ไร ๒ งาน ๔๖ ตารางวา โดยผูฟองคดีประกอบอาชีพ
ปลูกพืชสมุนไพรในท่ีดินดังกลาว ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีท้ังสอง
(องคการบริหารสวนตําบลนครเจดีย ที่ ๑ นายกองคการบริหารสวนตําบลนครเจดีย ที่ ๒) ละเลย
ตอหนาที่ไมควบคุมดูแลการประกอบกิจการของฟารมเลี้ยงไก อ. ซึ่งอยูใกลกับที่ดินของผูฟองคดี
จนเปนเหตุใหผ ูฟองคดีไดรับผลกระทบดานสุขภาพ ไมสามารถใชชีวิตไดตามปกติ และไมสามารถ
ทําประโยชนในท่ีดินเพื่อปลูกพืชสมุนไพรได โดยผูฟองคดีและผูที่ไดรับผลกระทบจากการเล้ียงไก
ของฟารมเลี้ยงไกดังกลา วไดท ําหนังสือรอ งเรยี นตอผถู กู ฟอ งคดที ี่ ๒ และไดมีการประชุมรวมกันระหวาง
ผถู กู ฟอ งคดีที่ ๒ ผูประกอบการและตัวแทนราษฎรท่ีไดรับผลกระทบจากฟารมเล้ียงไก เพื่อหาทางแกไขปญหา
เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๐ แตจนถึงปจจุบนั ผูถกู ฟองคดที ้ังสองยังไมไดแกไขความเดือดรอนเสียหาย
ใหแกผูฟองคดีแตอยางใด ขณะเดียวกันฟารมเล้ียงไกไดกอสรางโรงเรือนเลี้ยงไกเพิ่มข้ึน ผูฟองคดี
จึงนาํ คดมี าฟองขอใหศาลมีคําพพิ ากษาหรอื คําสงั่ ดงั นี้ ๑. ใหผ ถู กู ฟอ งคดีท้ังสองรวมกันชดใชคาเสียหาย
ต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๕๐ จนถึงป พ.ศ. ๒๕๕๗ เปนเวลา ๘ ป ในอัตราปละ ๘๐๐,๐๐๐ บาท เปนเงิน
จํานวน ๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท และในปตอ ๆ ไปอีกปละ ๘๐๐,๐๐๐ บาท จนกวาจะชําระเสร็จ พรอมดอกเบี้ย
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับจากวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จใหแกผูฟองคดี และ ๒. ใหผูถูกฟองคดีที่ ๒
มีคาํ สั่งปด ฟารมเล้ยี งไก อ. หากไมดาํ เนินการใหผถู ูกฟอ งคดที ัง้ สองรว มกันซ้อื สิทธใิ นทดี่ ินของผฟู อ งคดี
เน้ือท่ี ๕ ไร ๒ งาน ๔๖ ตารางวา ในราคาที่เหมาะสม หากไมด ําเนนิ การใดๆ ก็ใหชดใชคาขาดประโยชน
ในอตั ราปละ ๘๐๐,๐๐๐ บาท จนกวาผูฟองคดจี ะเขา ทําประโยชนในที่ดินได ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ัง
ไมรับคําฟองในสวนของขอหาที่ผูฟองคดีเรียกคาสินไหมทดแทนจากผูถูกฟองคดีท้ังสองนับแตป
พ.ศ. ๒๕๕๐ ถงึ วันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ไวพ จิ ารณา ผฟู องคดีย่นื คํารองอุทธรณคําส่ังดังกลาว เห็นวา
คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดหรือความรับผิดอยางอ่ืนของหนวยงานทางปกครอง
หรือเจา หนาท่ขี องรัฐอันเกดิ จากการละเลยตอหนาที่ตามทกี่ ฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่
ดังกลาวลาชาเกินสมควร ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ซ่ึงตองย่ืนฟองคดี
ภายในหนึง่ ปน ับแตว ันทรี่ หู รือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี แตไมเกินสิบปนับแตวันท่ีมีเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญตั ดิ ังกลาว แมจะปรากฏขอเท็จจริงวาผูฟองคดีรูถึงการท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ละเลยตอหนาท่ีไมดําเนินการแกปญหาฟารมเล้ียงไก เปนเหตุใหผูฟองคดีไมสามารถเขาใชประโยชน
ในที่ดินได ซ่งึ เปน เหตุแหง การฟองคดตี ง้ั แตว นั ท่ี ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ตอ เนื่องมาโดยตลอดจนถึงปจจุบัน
แตโดยที่คาเสียหายท่ีผฟู องคดีเรียกเอาจากผูถูกฟองคดีทั้งสองเปนคาเสียหายท่ีแยกจากกันไดเปนรายป
การที่ผูฟองคดีฟองเรียกรองใหผูถูกฟองคดีท้ังสองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหาย
เฉพาะในสว นท่ีทําใหผฟู อ งคดไี มสามารถทาํ ประโยชนในท่ีดินเพื่อปลูกพืชสมุนไพร ต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๕๐
จนถึงวันท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ จึงเปนการยื่นฟองเมื่อลวงพนกําหนดหน่ึงปนับแตวันที่รูหรือควรรู
ถึงเหตุแหงการฟองคดีตามท่ีกฎหมายกําหนดแลว สวนท่ีผูฟองคดีฟองเรียกรองใหผูถูกฟองคดีท้ังสอง
ชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายสวนที่ทําใหผูฟองคดีไมสามารถทําประโยชนในท่ีดิน

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๕๙

เพื่อปลกู พชื สมนุ ไพรในระหวางวันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ถึงวันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ อันเปนวันที่ผูฟองคดี
ยืน่ ฟองคดนี ้ีเทาน้นั ทีถ่ อื ไดว าเปน การยนื่ ฟอ งภายในระยะเวลาหนึ่งปนับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุ
แหงการฟองคดีตามท่ีกฎหมายกําหนด และโดยท่ีการรับคําฟองของผูฟองคดีท่ีฟองเรียกรองให
ผูถูกฟองคดีทั้งสองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเฉพาะในสวนท่ีทําใหผูฟองคดี
ไมส ามารถทาํ ประโยชนใ นทดี่ ินเพ่อื ปลูกพืชสมุนไพร ต้ังแตป  พ.ศ. ๒๕๕๐ จนถงึ วนั ท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
ไวพิจารณาไมเปนประโยชนแกสวนรวม ท้ังยังไมปรากฏวามีเหตุจําเปนใดท่ีทําใหผูฟองคดีไมสามารถ
ฟองเรียกรองใหผูถูกฟองคดีท้ังสองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายสวนดังกลาว
ภายในระยะเวลาการฟองคดีท่ีกฎหมายกําหนดได ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองในสวนน้ีไวพิจารณาได
ทัง้ นี้ ตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหง พระราชบัญญตั ิเดยี วกนั ท่ศี าลปกครองช้นั ตนมคี าํ ส่งั ไมร บั คําฟอง
ในขอ หาตามคําขอทายคําฟองขอ ๑ ในสวนท่ีผูฟองคดีเรียกคาสินไหมทดแทนจากผูถูกฟองคดีทั้งสอง
นับแตป พ.ศ. ๒๕๕๐ ถงึ วนั ท่ี ๒ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ไวพ จิ ารณา นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดวยบางสวน

จงึ มีคําสัง่ แก เปน ไมรับคําฟองในขอหาตามคําขอทายคําฟองขอ ๑ ในสวนท่ีผูฟองคดี
เรียกคาสินไหมทดแทนจากผูถูกฟองคดีท้ังสองนับแตป พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงวันท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
ไวพ ิจารณา
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๒๑๒/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดยื่นคําขอรังวัดท่ีดินตามคําขอ ลงวันที่ ๕ มิถุนายน
๒๕๕๐ เพื่อขอออกโฉนดที่ดินในที่ดินแปลงที่ผูฟองคดีครอบครองซึ่งตั้งอยูในเขตจังหวัดเชียงราย
ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดเชียงราย)
ละเลยตอหนาท่ีไมกํากับดูแลเจาพนักงานท่ีดินจังหวัดเชียงรายใหดําเนินการออกโฉนดที่ดินแปลง
ดังกลาวใหแกผูฟองคดีตามโครงการเรงรัดการออกโฉนดที่ดินใหครอบคลุมท่ัวประเทศ สนับสนุน
นโยบายการเสริมสรางความมั่นคงในชีวิตและสังคม ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ ผูฟองคดีเห็นวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ กระทําละเมิดตอผูฟองคดีเม่ือวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ อันเปนวันสุดทาย
ของการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการโครงการเรงรัดการออกโฉนดท่ีดินดังกลาว ปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๑ และกระทําการขัดแยงตอรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย ที่ผูฟองคดีไดรับการ
คุม ครองวา ดวยสทิ ธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
ใหผถู กู ฟอ งคดที ี่ ๒ และผรู ว มกระทําละเมดิ ชดใชคา สนิ ไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี เปนเงินจํานวน
๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และใหหนวยงานของรัฐและเจาหนาท่ีของรัฐท่ีเกี่ยวของเยียวยาคาเสียหาย
ท่ีผูฟองคดีไดรับความคุมครองตามมาตรา ๒๕ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา กรณีน้ีเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของ
หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติ ซ่ึงอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เมื่อกรมท่ีดินไดดําเนินงานตามโครงการเรงรัดการออกโฉนดท่ีดิน

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๖๐

ใหครอบคลุมท่ัวประเทศ สนับสนุนนโยบายการเสริมสรางความมั่นคงในชีวิตและสังคม
ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบกับผูฟองคดีไดกลาวอางในคําฟองวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
กระทําละเมิดตอผูฟองคดีเม่ือวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ อันเปนวันสุดทายของการปฏิบัติงาน
ตามแผนปฏิบัติการโครงการเรงรัดการออกโฉนดที่ดินดังกลาว ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑
จึงถือไดวาผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีน้ีอยางชาท่ีสุดในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑
การที่ผูฟองคดีไดยื่นฟองคดีนี้ตอศาลโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนเม่ือวันท่ี ๒๐ กุมภาพันธ
๒๕๖๑ จึงเปนการย่ืนคําฟองเม่ือพนกําหนดหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน และคดีนี้หากศาลพิพากษาตามคําขอของผูฟองคดี
ยอมจะกอใหเกิดประโยชนแกผูฟองคดีเทานั้น มิไดกอใหเกิดประโยชนแกสวนรวมแตอยางใด
อีกทั้งไมปรากฏเหตุจําเปนอ่ืนท่ีเปนอุปสรรคทําใหผูฟองคดีไมอาจยื่นคําฟองภายในระยะเวลา
การฟองคดีตามท่ีกฎหมายกําหนด ศาลปกครองจึงไมอาจใชดุลพินิจรับคําฟองไวพิจารณาได
ตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบกับขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบ
ของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และแมมาตรา ๒๕
ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติใหบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิ
หรือเสรีภาพท่ีไดรับความคุมครองตามรัฐธรรมนูญ สามารถยกบทบัญญัติแหงรัฐธรรมนูญเพ่ือใชสิทธิ
ทางศาลได แตการใชส ทิ ธทิ างศาลของบคุ คลตามบทบญั ญัติดังกลาวยอมตองสอดคลองกับมาตรา ๑๙๗
ของรัฐธรรมนูญดังกลาว ซึ่งบัญญัติใหศาลปกครองมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีปกครอง
อันเน่ืองมาจากการใชอํานาจทางปกครองตามกฎหมายหรือเน่ืองมาจากการดําเนินกิจการ
ทางปกครอง ทั้งน้ี จะตองอยูภายใตเง่ือนไขการฟองคดีตามท่ีกฎหมายวาดวยการจัดตั้ง
ศาลปกครองบัญญัติไวดวย และ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ บัญญัติระยะเวลาการฟองคดีไว
เปนการเฉพาะแลว จึงไมอาจนําอายุความตามมาตรา ๔๔๘ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย มาใชบังคับกับคดีนี้ ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณาและ
ใหจ ําหนายคดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดว ย

จึงมีคําสงั่ ยนื ตามคาํ สัง่ ของศาลปกครองชนั้ ตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๒๓๗/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕๐
คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๒๔๐/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินซ่ึงไมมี
เอกสารสิทธิ ต้ังอยูบริเวณหมูที่ ๑ ตําบลริมกก อําเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เน้ือท่ี
ประมาณ ๓ ไร ตอมา รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยไดมีประกาศกําหนดจังหวัดท่ีจะทําการ
สาํ รวจรังวัดทาํ แผนทเ่ี พ่อื ออกโฉนดทดี่ นิ ผวู าราชการจงั หวดั เชียงรายจึงไดม ีประกาศกําหนดทองท่ี
และวันเร่ิมตนทําการสํารวจรังวัดทําแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดินและสอบเขตโฉนดท่ีดิน โดยให
วันเริ่มตนทําการเดินสํารวจ ตั้งแตวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๖ ถึงวันท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ ตอมา
ผูใ หญบ าน หมทู ่ี ๑ ไดป ระกาศใหราษฎรในหมูบานไปแสดงความจํานงออกโฉนดท่ีดิน ณ ท่ีทําการของ

แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๖๑

ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ (ผูชวยผูใหญบาน บานฟารมสัมพันธกิจ หมูท่ี ๑ ตําบลริมกก อําเภอเมือง
เชียงราย จังหวัดเชียงราย) เพ่ือนําพนักงานเจาหนาที่ทําการเดินสํารวจ ผูฟองคดีจึงไปแสดง
ความจํานงตอผูถูกฟองคดีที่ ๓ แตผูถูกฟองคดีที่ ๓ กลับไมแจกหลักเขตที่ดินและ
ออกใบเสร็จรับเงินใหแกผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไมสามารถนําพนักงานเจาหนาท่ีทําการ
เดินสํารวจได สวนผูแสดงความจํานงรายอื่นไดนําพนักงานเจาหนาที่ทําการเดินสํารวจและไดรับ
โฉนดท่ีดินไปหมดทุกรายแลว ต้ังแตวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๗ และวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘
นอกจากนี้ ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ยังไดรวมกันกดดันผูฟองคดีใหออกจากท่ีดิน และไดยุยงใหปดลอม
ทางเขาออกสูท่ีดินของผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไมสามารถเขาทําประโยชนในท่ีดินได อีกทั้ง
ยังไดทําลายทรัพยสินและพืชผลทางการเกษตรตามแนวเขตท่ีดิน ทําใหผูฟองคดีไมสามารถ
เขา ทาํ ประโยชนในท่ดี นิ ไดเชนเดิม จงึ นําคดมี าฟองขอใหศ าลพิพากษาหรือมีคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งสาม
(สํานักงานจังหวัดเชียงราย ที่ ๑ ที่วาการอําเภอเมืองเชียงราย ท่ี ๒) ชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผ ูฟองคดี เปน เงนิ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูครอบครอง
ที่ดินซ่ึงไมมีเอกสารสิทธิ ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไมแจกหลักเขต
ทด่ี นิ และออกใบเสรจ็ รบั เงินใหแกผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไมสามารถนําพนักงานเจาหนาที่ทําการ
เดนิ สาํ รวจและทําการรงั วัดที่ดินเพื่อออกโฉนดท่ีดินใหแกผูฟองคดีได ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือ
คําส่ังใหผูถูกฟองคดีทั้งสามชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี กรณีจึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับ
การกระทาํ ละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ี
ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ ซึ่งอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ แมจะไมปรากฏขอเท็จจริงวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดก ระทาํ การตามคํากลา วอา งของผฟู องคดีเม่ือใด แตเ ม่ือปรากฏวา ผูวาราชการ
จังหวัดเชียงรายไดมีประกาศกําหนดทองท่ีและวันเริ่มตนทําการสํารวจรังวัดทําแผนท่ีเพื่อออก
โฉนดทด่ี นิ และสอบเขตโฉนดท่ีดิน โดยมีวันเรม่ิ ตนทําการเดินสํารวจ ตั้งแตวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๔๖
ถึงวนั ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ จงึ ถอื ไดวาเหตุแหง การกระทาํ ละเมิดอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ี
ดังกลาวเกิดขึ้นอยางชาที่สุดในวันสิ้นสุดการเดินสํารวจ คือ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖
และเม่ือตอมา อธิบดีกรมที่ดินไดมีคําสั่งใหเจาพนักงานท่ีดินลงลายมือช่ือและประทับตราประจํา
ตําแหนงเจาพนักงานที่ดินในโฉนดท่ีดินในพ้ืนที่จังหวัดเชียงราย โดยใหดําเนินการจนถึงวันท่ี ๓๐
ธันวาคม ๒๕๔๗ และในกรณีที่ไมสามารถลงนามในโฉนดที่ดินภายในกําหนดเวลาดังกลาวได
ก็ใหดําเนินการใหแลวเสร็จภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ประกอบกับผูฟองคดีไดกลาวอางวา
ราษฎรรายอ่ืนไดนําพนักงานเจาหนาท่ีทําการเดินสํารวจและไดรับโฉนดที่ดินไปหมดทุกรายแลว
ตั้งแตวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๗ และวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ จึงถือไดวาผูฟองคดีรูหรือ
ควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้อยางชาท่ีสุดในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ อันเปนวันสุดทายท่ี
เจา พนกั งานที่ดนิ มอี าํ นาจลงนามในโฉนดทด่ี ินและผูฟองคดีไมไดรับโฉนดท่ีดิน ซ่ึงผูฟองคดีจะตอง
ยื่นฟองคดีตอ ศาลภายในหนง่ึ ปนับแตวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ คอื ภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม

แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๖๒

๒๕๔๙ แตไมเกินสิบปนับแตวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ อันเปนวันที่มีเหตุแหงการฟองคดีนี้ ซึ่งก็คือ
ภายในวันท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ดังน้ัน การที่ผูฟองคดีไดยื่นฟองคดีน้ีตอศาลโดยสงทาง
ไปรษณียลงทะเบียน เม่ือวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ จึงเปนการย่ืนคําฟองเมื่อพนกําหนดหนึ่งป
นับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี และเกินสิบปนับแตวันท่ีมีเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และคดีนี้หากศาลพิพากษาตามคําขอของผูฟองคดี
ยอมจะกอใหเกิดประโยชนแกผูฟองคดีเทานั้น มิไดกอใหเกิดประโยชนแกสวนรวมแตอยางใด
อีกท้ัง ไมปรากฏเหตุจําเปนอ่ืนที่เปนอุปสรรคทําใหผูฟองคดีไมอาจย่ืนคําฟองภายในระยะเวลา
การฟองคดีทีก่ ฎหมายกาํ หนดได ตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหงพระราชบญั ญตั เิ ดียวกัน ประกอบ
ขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓
ศาลจึงไมอาจรับคําฟองคดีนี้ไวพิจารณาได นอกจากนี้ แมมาตรา ๒๕ ของรัฐธรรมนูญ
แหง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติใหบุคคลซ่ึงถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพท่ีไดรับ
ความคุมครองตามรัฐธรรมนูญ สามารถยกบทบัญญัติแหงรัฐธรรมนูญเพื่อใชสิทธิทางศาลได
แตการท่ีผูฟองคดีกลาวอางวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดยุยงใหเจาของท่ีดินขางเคียงที่ดินของผูฟองคดี
ฟองขับไลผูฟองคดีออกจากท่ีดิน ปดทางเขาออกท่ีดินของผูฟองคดี อีกทั้งทําลายตนไม
แมผูถูกฟองคดีท่ี ๓ จะมีตําแหนงเปนผูชวยผูใหญบานซ่ึงเปนเจาหนาที่ของรัฐในขณะเกิดเหตุ
ดังกลาว แตการกระทําของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ดังกลาวเปนการกระทําในฐานะสวนตัว มิไดเกิดจาก
การใชอํานาจทางปกครองตามกฎหมายหรือการดําเนินกิจการทางปกครองที่จะอยูในอํานาจพิจารณา
พิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๑๙๗ ของรัฐธรรมนูญฉบับดังกลาว ประกอบมาตรา ๙
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ กรณีจึงไมอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ท่ศี าลปกครองชั้นตน มีคาํ สงั่ ไมร ับคําฟองนไี้ วพ ิจารณาและใหจําหนายคดอี อกจากสารบบความ นั้น
ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พอ งดวย

จึงมีคาํ ส่ังยืน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๓๓๐/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของกรรมสิทธ์ิรวมในที่ดินโฉนดท่ีดินเลขที่ ๔๑๒๒
ตั้งอยูตําบลบางใหญ อําเภอบางปลามา จังหวัดสุพรรณบุรี และเปนผูถือสิทธิในที่ดินตาม ส.ค. ๑
เลขท่ี ๒๑ ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดี (นายกองคการบริหารสวนตําบลบางใหญ)
ไดเขาตัดโคนตนไมซ่ึงอยูในท่ีดินโฉนดท่ีดินเลขที่ ๔๑๒๒ เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ และเขาดําเนินการ
ปรับปรุงถนนพรอมถมดินลูกรังในท่ีดินแปลงดังกลาวในปเดียวกัน ตอมาเม่ือป พ.ศ. ๒๕๖๐
ผูถูกฟองคดีไดเขาดําเนินการปรับปรุงถนนดินลูกรังในท่ีดินโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๔๑๒๒ อีกคร้ัง
โดยครง้ั นีไ้ ดท ําถนนจนถงึ ทดี่ ินตาม ส.ค. ๑ เลขที่ ๒๑ อีกท้ัง ผูถูกฟองคดียังขัดขวางไมใหผูฟองคดี
เขาทําประโยชนในที่ดินซ่ึงเปนท่ีวางทายโฉนดท่ีดินเลขที่ ๔๑๒๒ โดยอางวาเปนท่ีดินมีโฉนด
ซึ่งเปนกรรมสิทธิ์ของนางสาว อ. ทําใหผูฟองคดีไมสามารถเขาทําประโยชนในท่ีดินแปลงดังกลาวได
จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหรังวัดแนวเขตใหชัดเจนวาที่ดินสาธารณประโยชน

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๖๓

ที่อยูระหวางที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๑๒๓ กับท่ีดินตาม ส.ค. ๑ เลขที่ ๒๑ ของผูฟองคดี
อยบู ริเวณใดมีเนือ้ ท่เี ทา ใด และรกุ ลํา้ เขามาในเขตทดี่ นิ ตาม ส.ค. ๑ เลขท่ี ๒๑ ท่ีเปนของผูฟองคดีหรือไม
ใหตรวจสอบกรณีผูถูกฟองคดีโคนตนเม่ือเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ใหผูถูกฟองคดีนําโฉนดที่ดิน
ฉบับจริงซึ่งอางวามีชื่อของนางสาว อ. มาแสดง และใหตรวจสอบวาหนวยงานใดไดทําการถมดิน
ลงในที่ดินโฉนดที่ดินเลขท่ี ๔๑๒๒ กับใหทําการรังวัดสอบเขตที่ดินโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๔๑๒๒ ใหที่ดินพิพาท
เปนของผูฟองคดีและเจาของกรรมสิทธิ์รวมคนอื่นๆ และใหคืนที่ดินบริเวณพิพาทใหแกผูฟองคดี
และเจาของกรรมสิทธ์ิรวม ท้ังหามผูถูกฟอ งคดีบกุ รุกทด่ี ินโฉนดท่ดี นิ เลขท่ี ๔๑๒๒

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ขอหาที่หน่ึง ผูฟองคดีฟองวาไดรับความเดือดรอน
เสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีตัดโคนตนไมของผูฟองคดีเม่ือประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๕๖
โดยมีคําขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหมีการตรวจสอบในกรณีน้ี โดยประสงคจะใหผูถูกฟองคดี
เยยี วยาชดใชเปน เงิน ๘๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละ ๒ ตอเดือน ต้ังแตวันท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖
จนถึงวันที่ศาลมีคําพิพากษา กรณีจึงเปนการกลาวอางวาผูถูกฟองคดีซึ่งเปนเจาหนาท่ีของรัฐ
กระทําละเมิดตอผูฟองคดีจนเปนเหตุใหทรัพยสินของผูฟองคดีไดรับความเสียหายเปนกรณีพิพาท
ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ซ่ึงผูฟองคดีเปนผูไดรับความเดือดรอน
หรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดอันเนื่องมาจากการกระทําของ
ผฟู อ งคดี และการแกไขหรอื บรรเทาความเดือดรอนหรือความเสียหายอาจกําหนดออกคําบังคับได
ตามมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดี
ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน แตอยางไรก็ตาม การฟองคดีตามมาตรา ๙
วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาวนั้น มาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ บัญญัติวา
การฟองคดีตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) ใหย่ืนฟองภายในหน่ึงป... นับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหง
การฟองคดี แตไมเกินสิบปนับแตวันท่ีมีเหตุแหงการฟองคดี เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวาในขณะเกิดเหตุ
ดังกลา วผูฟองคดีเจ็บปวยและเขารับการรักษาท่ีโรงพยาบาลบางปลามาเม่ือออกจากโรงพยาบาลแลว
ไดไปพักรักษาตัวตอที่บานของบุตรและไดกลับบานเม่ือประมาณเดือนเมษายน ป พ.ศ. ๒๕๕๖
กรณจี งึ ถอื ไดวาผูฟอ งคดีไดรูห รอื ควรรถู ึงเหตแุ หง การฟองคดีนเ้ี มื่อประมาณเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖
การท่ผี ฟู อ งคดีนําคดีมาฟองตอศาลเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ จึงเปนการยื่นฟองคดีเมื่อพนระยะเวลา
หน่งึ ปน ับแตว ันทรี่ หู รือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดี
ในขอหานีไ้ วพ ิจารณาพพิ ากษาได

ขอหาที่สอง ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดี บิดา และมารดาเปนผูครอบครองและ
ทําประโยชนใ นท่ดี ินตาม ส.ค. ๑ เลขท่ี ๒๓ มาตงั้ แตป พ.ศ. ๒๕๑๗ จนถึงป พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยไมมี
ผูใดหวงหาม แตเม่ือป พ.ศ. ๒๕๖๐ กลับถูกผูถูกฟองคดีกับพวกขัดขวางไมใหเขาทําประโยชน
ในท่ีดินดังกลาว โดยอางวาที่ดินดังกลาวเปนที่ดินมีโฉนดซึ่งมีชื่อนางสาว อ. เปนเจาของ จึงขอให
ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีนําโฉนดท่ีดินฉบับจริงท่ีผูถูกฟองคดีอางวามีช่ือของ
นางสาว อ. มาแสดง น้ัน เห็นวา จากบทบัญญัติมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) ถึง (๖) แหง พ.ร.บ.
จัดตง้ั ศาลปกครองฯ เห็นไดว า กฎหมายไดกําหนดใหศ าลปกครองมอี าํ นาจพจิ ารณาพิพากษาหรือมีคําส่ัง

แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๖๔
เฉพาะแตในคดีปกครองอันเน่ืองมาจากการใชอํานาจทางปกครองตามกฎหมายหรือเน่ืองมาจาก
การดําเนินกิจการทางปกครอง หรือในคดีท่ีมีกฎหมายเฉพาะกําหนดใหอยูในอํานาจของศาลปกครอง
เมื่อปรากฏวา ที่ดินตาม ส.ค. ๑ เลขท่ี ๒๓ มีช่ือนาย ป. และนาย บ. ไมเก่ียวกับที่ดินของผูฟองคดี
แตเปนหลักฐานท่ีปรากฏอยูแนบทายโฉนดที่ดินเลขท่ี ๔๑๒๒ ผูฟองคดีเขาใจวาที่ดินตาม ส.ค.๑
เลขที่ ๒๓ นี้อาจเปนบริเวณเดียวกันกับที่องคการบริหารสวนตําบลบางใหญอางวาเปนท่ีดิน
ของนางสาว อ. การฟองคดีขอหานี้จึงเปนการฟองคดีที่กลาวอางวา ผูถูกฟองคดีกับพวกขัดขวาง
การเขาทําประโยชนของผูฟองคดีในที่ดินของบุคคลอ่ืน ซ่ึงผูฟองคดี บิดา และมารดา
เปนผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินมาต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๑๗ จนถึง ป พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยไมมี
ผูใดหวงหา ม การกระทําของผูถกู ฟองคดีดงั กลา วจงึ มใิ ชค ดที ี่พิพาทเกี่ยวกบั การใชอํานาจตามกฎหมาย
ในทางปกครองหรือในการดําเนินกิจการทางปกครอง อีกทั้ง ไมไดมีบทบัญญัติแหงกฎหมายใดๆ
บัญญัติใหเปนอํานาจหนาท่ีขององคการบริหารสวนตําบลหรือนายกองคการบริหารสวนตําบล
ซึ่งเปนหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐใหเขาไปดําเนินการขัดขวางหรือระงับการบุกรุก
ในที่ดินระหวางเอกชนกับเอกชน กรณีพิพาทตามขอหานี้ จึงมิใชคดีที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษา
หรือมีคําส่ังของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ แตอยางใด
ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดีในขอหาน้ีไวพิจารณาไดเชนกัน ที่ศาลปกครองชั้นตน
มีคําส่ังไมรับคําฟองของผูฟองคดีในขอหาที่ขอใหตรวจสอบกรณีผูถูกฟองคดีโคนตนไมและ
ในขอหาที่ขอใหตรวจสอบกรณีท่ีผูถูกฟองคดีเขาขัดขวางการเขาทําประโยชนในที่ดินตาม สค. ๑
เลขท่ี ๒๓ ที่ผฟู อ งคดมี ีคาํ ขอใหศ าลมคี าํ พิพากษาหรือคําส่ังใหผ ถู ูกฟองคดีนาํ โฉนดทดี่ นิ ฉบบั จริงซึ่ง
อางวา มชี อ่ื ของนางสาว อ. มาแสดง ไวพิจารณา นน้ั ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดวย

จึงมีคาํ สง่ั ยืนตามคาํ สัง่ ของศาลปกครองชนั้ ตน
คําสั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี ๓๗๙/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๖๗๓๐
ตําบลลําพญา อําเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ปกติผูฟองคดีใชทางเดินสาธารณะสัญจรเขาออกที่ดิน
ของผูฟองคดีเพื่อออกสูถนนสาธารณประโยชนทางหลวงชนบทหมายเลข ๓๐๔๙ โดยเดินผานที่ดิน
แปลงโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๗๘๒๒ ตําบลลําพญา อําเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ซึ่งผูถูกฟองคดี
(เทศบาลตําบลลําพญา) เปนเจาของกรรมสิทธิ์ ผูฟองคดีใชทางดังกลาวเดินสัญจรเขาออกตั้งแต
ปลายเดือนเมษายน ๒๕๓๙ ตลอดเร่ือยมาจนถึงวันท่ี ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ รวมระยะเวลา ๑๙ ป
ตอ มา วันท่ี ๑๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ผูถูกฟองคดีดําเนินการกอสรางอาคารสํานักงานของผูถูกฟองคดี
หลังใหมข้ึนบนที่ดินโฉนดที่ดินเลขท่ี ๔๗๘๒๒ ปจจุบันการกอสรางแลวเสร็จสมบูรณพรอมมี
รั้วกําแพงปดก้ันทําใหผูฟองคดีไมสามารถใชทางเดินเขาออกผานท่ีดินแปลงดังกลาวไดตามเดิม
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีเปดทางเขาออกสู
ทางหลวงชนบทหมายเลข ๓๐๔๙ ใหแกผฟู อ งคดี

แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๖๕

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิด
ของหนว ยงานทางปกครองหรือเจา หนาท่ขี องรฐั อันเกิดจากการใชอ าํ นาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙
วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจะตองย่ืนฟองภายในหน่ึงปนับแต
วันทีร่ ูหรือควรรูถงึ เหตแุ หง การฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และเมื่อขอเท็จจริง
รบั ฟง ไดวา เม่ือวันที่ ๑๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ผูถูกฟองคดีกอสรางอาคารสํานักงานหลังใหมบนท่ีดิน
โฉนดที่ดินเลขท่ี ๔๗๘๒๒ โดยกอสรางร้ัวรอบสํานักงานปดก้ันทางท่ีผูฟองคดีใชเดินออกสูถนน
สาธารณประโยชนดังกลาว กรณีจึงถือวา วันท่ีผูถูกฟองคดีเริ่มดําเนินการกอสรางอาคารสํานักงาน
เปนวนั ท่ผี ูฟองคดีรูหรอื ควรถงึ เหตแุ หงการฟองคดีแลว และตองนําคดีมาฟองตอศาลภายในหน่ึงป
นับแตวันทผ่ี ฟู อ งคดรี ูถึงการกระทําละเมิดดังกลาว หาใชเปนการกระทําละเมิดในลักษณะตอเนื่อง
เรื่อยมาจนถึงปจจุบันท่ีจะพึงใชสิทธิในการยื่นฟองคดีเมื่อใดก็ได ดังเชน คําส่ังศาลปกครองสูงสุด
ที่ ๖๕๙/๒๕๔๙ ซึ่งเปนกรณีท่ีหนวยงานทางปกครองปกหลักเขตรุกล้ําเขาไปในท่ีดินของเอกชน
โดยตราบใดที่ยังไมมีการรื้อถอนหลักเขตออกไปจากที่ดินดังกลาว จึงถือเปนการกระทําละเมิด
ตอเน่ืองตลอดมาตางจากกรณีของผูฟองคดีอันเปนกรณีที่ผูถูกฟองคดีใชสิทธิในการดําเนินการ
กอสรางอาคารสํานักงานและลอมร้ัวรอบบริเวณซ่ึงเปนการกระทําท่ีอยูภายในขอบเขตท่ีดิน
ท่ผี ถู ูกฟอ งคดีมกี รรมสทิ ธิ์ หาไดเปน การลวงลํา้ เขา ไปในเขตทดี่ นิ ของบุคคลใด เพียงแตการกอสราง
อาคารสํานักงานและรั้วดังกลาวเปนการนํามาซึ่งความไมสะดวกในการเขาออกที่ดินของผูฟองคดี
อยางที่เคยเปนมา หาใชเปนการกระทําละเมิดท่ีมีลักษณะตอเน่ืองเร่ือยมาไม เม่ือผูฟองคดีเห็นวา
การกระทําดังกลาวของผูถูกฟองคดีนํามาซ่ึงความเดือดรอน ผูฟองคดีก็ชอบท่ีจะตองนําคดี
มาฟองตอศาลภายในกําหนดระยะเวลาหนึ่งปนับแตวันท่ีผูถูกฟองคดีเร่ิมดําเนินการกอสราง
และลอมร้ัวปดกั้นทางเดินเดิม หาใชปลอยใหผูถูกฟองคดีดําเนินการกอสรางอาคารจนแลวเสร็จ
จากน้ันจึงนําคดีมาฟองตอศาลปกครองเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๐ กรณีจึงเปนการย่ืนฟอง
เม่ือพนกําหนดเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ทั้งนี้ การฟองคดี
ของผูฟองคดีมิไดเกี่ยวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคล และเนื่องจาก
การฟองคดีดังกลาวเปนประโยชนแกผูฟองคดีโดยแท เม่ือผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาล
เกินระยะเวลาตามท่ีกฎหมายกําหนดแลว ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดี
ไวพิจารณาไดที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจาก
สารบบความ นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพองดวย

จงึ มคี ําสงั่ ยนื ตามคําสัง่ ของศาลปกครองชัน้ ตน
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๕๐๒/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีและภรรยาเปนผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดิน
เน้ือท่ีประมาณ ๒๐ ไร หมูที่ ๑ บานขนาดมอญตะวันออก ตําบลตาตุม อําเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร
ตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๒๐ โดยไมมีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย
เนือ่ งจากผถู กู ฟองคดี (นายกองคก ารบริหารสวนตําบลตาตุม) ไดบุกรุกและทําลายทรัพยสินพืชผล

แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๖๖

ทางการเกษตรของผูฟองคดีทําใหไดรับความเสียหายเปนตนปาลม จํานวน ๔๐ ตน และยึดท่ีดิน
ของผูฟองคดีซึ่งอยูในเขตปฏิรูปที่ดิน และหามมิใหผูฟองคดีเขาทําประโยชนในท่ีดินดังกลาว
ผูฟองคดีไดแจงความรองทุกขตอพนักงานสอบสวน สถานีตํารวจภูธรดม ตําบลดม อําเภอสังขะ
จังหวัดสุรินทร เพื่อใหดําเนินคดีกับผูถูกฟองคดีในขอหาบุกรุกและทําลายทรัพยสิน จากน้ัน
พนักงานสอบสวนไดนัดผูฟองคดีและผูถูกฟองคดีเพื่อไกลเกลี่ยโดยผูถูกฟองคดียินยอมชดใช
คาเสียหายในสวนของตนปาลมใหแกผูฟองคดี เปนเงินจํานวน ๖,๐๐๐ บาท ตามบันทึกตกลง
ชดใชคาเสียหายทางแพงลงวันท่ี ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ แตผูถูกฟองคดีไมคืนที่ดินดังกลาวใหแก
ผูฟองคดีโดยอางวา ท่ีดินดังกลาวเปนที่สาธารณประโยชนทําใหผูฟองคดีไมสามารถเขาใชประโยชน
ในที่ดินดังกลาวได ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดี
คืนที่ดินทพี่ พิ าทใหแ กผ ูฟอ งคดี

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิด
ของเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายซ่ึงอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของ
ศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เมื่อคดีนี้ขอเท็จจริง
ปรากฏวา ในป พ.ศ. ๒๕๕๖ ผูถูกฟองคดีไดทําการบุกรุกท่ีดินของผูฟองคดีโดยไดขุดคลอง
ทําบอขยะในที่ดินท่ีผูฟองคดีทําประโยชนอยู และไดทําลายทรัพยสินพืชผลทางการเกษตรของ
ผูฟองคดีเสียหายเปนตนปาลม จํานวน ๔๐ ตน และหามไมใหผูฟองคดีเขาทําประโยชนในท่ีดิน
ดังกลาวอีกตอไป ผูฟองคดีไดแจงความรองทุกขตอพนักงานสอบสวน สถานีตํารวจภูธรดม
ตําบลดม อําเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร เพ่ือใหดําเนินคดีกับผูถูกฟองคดีในขอหาบุกรุกและทําลาย
ทรัพยสิน ตอมา พนักงานสอบสวนไดไกลเกล่ียกรณีดังกลาวโดยผูถูกฟองคดียินยอมชดใช
คาเสียหายในสวนของตนปาลมใหแกผูฟองคดี เปนเงินจํานวน ๖,๐๐๐ บาท ปรากฏตามหลักฐาน
บันทึกตกลงชดใชคาเสียหายทางแพง ลงวันท่ี ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ แตผูถูกฟองคดีกลับไมคืนที่ดิน
ดังกลาวใหแกผูฟองคดีโดยอางวา เปน ทีส่ าธารณประโยชน กรณีจึงถอื วา ผฟู อ งคดรี ูห รือควรรูถึงเหตุ
แหงการท่ีผถู ูกฟอ งคดกี ระทําละเมิดสิทธิของผูฟองคดีทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย
อันเปนเหตุแหงการฟองคดีในกรณีนี้ อยางชาท่ีสุด คือ ในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ การที่ผูฟองคดี
นําคดีมาฟองตอศาลปกครองช้ันตน เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ จึงเปนการฟองคดีเม่ือพน
กําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ประกอบกับ
แมศาลปกครองจะมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีคืนท่ีดินใหแกผูฟองคดีก็เพียงมีผลให
ผูฟองคดีสามารถครอบครองและทําประโยชนในที่ดินพิพาทตามคําขออันเปนประโยชนสวนตัว
ของผูฟองคดีเทานั้นมิใชเปนประโยชนแกสวนรวม อีกท้ังไมปรากฏเหตุจําเปนอื่นท่ีเปนอุปสรรค
ขัดขวางทําใหผูฟองคดีไมอาจย่ืนคําฟองภายในระยะเวลาการฟองคดีตามท่ีกฎหมายกําหนด
ศาลปกครองจึงไมอาจใชดุลพินิจรับคําฟองกรณีดังกลาวนี้ไวพิจารณาได ท้ังนี้ ตามมาตรา ๕๒
วรรคสอง แหงพระราชบัญญัตดิ ังกลา ว ประกอบกับขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ
วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองไวพิจารณา
และใหจ ําหนายคดีออกจากสารบบความ น้นั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดว ยในผล

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๖๗

จึงมีคาํ ส่ังยนื ตามคาํ สง่ั ของศาลปกครองช้นั ตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คบ. ๙๕/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕๔
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๕/๒๕๖๓

ผฟู อ งคดีฟอ งวา ขณะผฟู อ งคดีปฏบิ ตั หิ นาที่ครู คศ.๑ โรงเรยี นบา นเมืองเกา สังกัด
ผูถูกฟองคดี (เทศบาลตําบลบัลลังก) เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ ไดนํานักเรียน
ช้ันอนุบาล จํานวน ๑๖ คน ไปทัศนศึกษาเรียนรูนอกสถานท่ีท่ีวัดเมืองเกา ตําบลบัลลังก
อําเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา และไดเกิดอุบัติเหตุเสาศิลาแลงแขวนระฆังภายในวัดลมทับ
เด็กนักเรียน เปนเหตุใหเด็กหญิง พ. ไดรับบาดเจ็บและเสียชีวิต ตอมา นาย บ. และนาง น. บิดา
และมารดาของผูต ายไดเ ปนโจทกฟองผูฟองคดีและผูถูกฟองคดีเปนจําเลยตอศาลจังหวัดนครราชสีมา
เรียกคาเสียหาย โจทกท้ังสองและผูฟองคดีกับผูถูกฟองคดีตกลงกันไดและทําสัญญาประนีประนอม
ยอมความตอหนาศาล โดยผูฟองคดีและผูถูกฟองคดีตกลงรวมกันชําระเงินใหแกโจทกทั้งสอง
เปนเงิน ๔๕๐,๐๐๐ บาท ศาลจังหวัดนครราชสีมาจึงมีคําพิพากษาตามยอม ผูฟองคดีไดชําระเงิน
ตามสญั ญาประนีประนอมความดังกลาว จํานวน ๓๗๐,๐๐๐ บาท สว นผูถูกฟองคดีชําระเงินตามสัญญา
ประนีประนอมยอมความดังกลาว เปนเงินจํานวน ๘๐,๐๐๐ บาท ตอมา ผูถูกฟองคดีมีคําส่ังแตงตั้ง
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดผูฟองคดีในกรณีดังกลาว ซ่ึงคณะกรรมการ
ดังกลาวมีความเห็นวา ผูฟองคดีกระทําละเมิดตอบุคคลภายนอกในการปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลอ
แตไ มถงึ ข้นั ประมาทเลินเลอ อยา งรา ยแรง ผถู ูกฟองคดจี งึ ไมมีสิทธิเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
แกผถู กู ฟองคดไี ด ผฟู อ งคดีเห็นวา กรณดี งั กลาวผูฟอ งคดีไมตองรับผิดในความเสียหายจึงมีหนังสือ
ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ขอใหผูถูกฟองคดีคืนเงินท่ีผูฟองคดีไดชําระใหแกบิดาและมารดา
ของผูตายแกผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือดังกลาวแลวเพิกเฉย ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชําระเงินจํานวน ๓๗๐,๐๐๐ บาท คืนใหแกผูฟองคดี
พรอมดอกเบ้ยี เห็นวา การที่ผูฟ องคดนี ํานักเรียนช้นั อนุบาล จํานวน ๑๖ คน ไปทัศนศึกษาเรียนรูนอก
สถานท่ีท่ีวัดเมืองเกา ตําบลบัลลังก อําเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา และไดเกิดอุบัติเหตุเสา
ศิลาแลงแขวนระฆังลมทับเด็กนักเรียน เปนเหตุใหเด็กหญิง พ. เสียชีวิต นั้น เปนกรณีที่ผูฟองคดี
ซึ่งเปนเจาหนาที่ของรัฐกระทําโดยการละเวนการกระทําโดยประมาทไมดูแลเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล
ท่ีอยูในความรับผิดชอบไมใหไดรับอันตรายแกกายหรือแกชีวิต เปนเหตุใหมีเด็กนักเรียนเสียชีวิต
การกระทําอันเปนเหตุแหงการฟองคดีน้ีจึงเปนการกระทําละเมิดอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ี
ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
แมผูฟองคดีจะไดจายเงินคาสินไหมทดแทนแกบิดาและมารดาของผูเสียชีวิตซึ่งเปนผูเสียหาย
ตามคําพิพากษาตามยอมของศาลจังหวัดนครราชสีมาไปแลว แตเมื่อผูฟองคดีนําคดีมาฟอง
ตอศาลปกครองขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนตามจํานวนเงินท่ีผูฟองคดีไดชําระ
ใหแกผูเสียหายไป จึงเปนกรณีท่ีผูฟองคดีใชสิทธิไลเบี้ยตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ อันสืบเนื่องมาจากคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิด

แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๖๘

อันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ จึงเปนคดีพิพาทที่อยูใน
อาํ นาจศาลปกครองทีจ่ ะรับไวพ ิจารณาพิพากษาได อกี ทงั้ ปรากฏวาผูฟองคดไี ดชดใชคาสนิ ไหมทดแทน
ใหแกบิดาและมารดาของเด็กหญิง พ. ผูตาย เปนเงินท้ังส้ิน ๓๗๐,๐๐๐ บาท โดยชําระเสร็จส้ิน
เม่ือวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๐ เม่ือผูฟองคดีนําคดีมายื่นฟองตอศาลปกครองชั้นตนเมื่อวันท่ี
๒๓ มนี าคม ๒๕๖๑ ขอใหผ ถู กู ฟองคดชี ดใชคาสินไหมทดแทนที่ผูฟองคดีไดชดใชไปคืนใหแกผูฟองคดี
จึงเปนการย่ืนคําฟองเพื่อใชสิทธิไลเบี้ยภายในกําหนดอายุความหนึ่งปนับแตวันที่ผูฟองคดีไดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายตามนัยมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ซึ่งผูฟองคดี
ไดชําระคาธรรมเนียมศาลครบถวนแลว และไมพบขอบกพรองอ่ืนใดเกี่ยวกับเง่ือนไขในการฟองคดี
ตอศาลปกครอง ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจาก
สารบบความ คนื คาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผฟู อ งคดี นน้ั ศาลปกครองสูงสดุ ไมเ หน็ พอ งดวย

จึงมีคาํ ส่งั กลบั เปนใหรับคําฟองน้ไี วพิจารณาพิพากษาตอไป
คําส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๕/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา เม่ือวันท่ี ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ เวลาประมาณ ๒๐.๓๐ นาฬิกา
ผูฟองคดีไดโดยสารรถแท็กซี่สาธารณะ ไดเกิดอุบัติเหตุรถแท็กซ่ีที่ผูฟองคดีโดยสารมาไดตกลงไป
ในทอระบายน้ําทิ้งที่ถูกขุดท้ิงไว โดยไมมีส่ิงปดก้ันปากทอหรือมีเครื่องหมายแจงเตือนวามีทอระบายนํ้า
ขวางอยูกลางถนน เปน เหตุใหผูฟองคดีไดรับบาดเจ็บ และตองจายเงินคารักษาพยาบาล ผูฟองคดี
ไดเดินทางไปติดตอสอบถามเก่ียวกับการแกไขเยียวยาในเร่ืองดังกลาวกับนายกองคการบริหาร
สวนตําบลบางรักพัฒนาแลว แตก็ไมไดรับการแกไขเยียวยาปญหาท่ีเกิดขึ้นแตอยางใด ซึ่งตอมา
ผวู าราชการจงั หวดั นนทบุรีไดมีหนังสือศูนยดํารงธรรมจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
แจงผูฟองคดวี า ผฟู องคดีสามารถดําเนินการเรียกคาเสียหายเบื้องตนจากบริษัทท่ีรับประกันภัยรถ
รับจางสาธารณะ (รถแท็กซ่ี) หากบริษัทปฏิเสธไมจายคาเสียหายเบ้ืองตนหรือจายคาเสียหายเบ้ืองตน
ไมครบจํานวนทต่ี องจาย ผูฟองคดีสามารถแจงเรื่องตอสํานักงานคณะกรรมการกํากับและสงเสริม
การประกอบธุรกจิ ประกนั ภยั (คปภ.) ได และหรือดําเนินการใชสิทธิทางศาลเพ่ือเรียกคาสินไหมทดแทน
จากผูถูกฟองคดี (องคการบริหารสวนตําบลบางรักพัฒนา) และบริษัท พ. ตอศาลปกครองได
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายที่เกิดจาก
อุบัติเหตุต้ังแตวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ จนถึงปจจุบัน ใหผูถูกฟองคดีชดใชคารักษาพยาบาล
ทํากายภาพบําบัด คายานอกบัญชีหลัก คาใชจายอุปกรณประคบความรอน คาเวชกรรมฟนฟู เปนเงิน
๒๕๐,๐๐๐ บาท ใหผ ถู ูกฟอ งคดีชดใชคาพาหนะ คาเดินทางไปรักษาพยาบาลตลอด ๑๐ ป คาจาง
ผูชว ยพาไปโรงพยาบาล เปน เงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ใหผ ถู ูกฟอ งคดีชดใชคาติดตอขอความชวยเหลือ
คาธรรมเนียมปรึกษาคดี คาความยุงยากเสียเวลาและเสียโอกาสในชีวิต เปนเงิน ๙๙,๕๐๐ บาท
และใหผูถูกฟองคดีชดใชคาดอกเบี้ยของคาใชจายที่เกิดจากอุบัติเหตุรอยละ ๗.๕ ตอป ของยอดเงิน
ทง้ั สนิ้ ๔๙๙,๕๐๐ บาท นับแตวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ ถึงวันฟองคดี เปนเงิน ๓๓๙,๑๖๒.๕๐ บาท
และดอกเบี้ยรอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงิน จํานวน ๔๙๙,๕๐๐ บาท นับถัดจากวันฟองคดีจนกวา

แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๖๙

จะชําระเสร็จส้ิน เห็นวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครอง
หรอื เจา หนาทขี่ องรัฐอนั เกิดจากการละเลยตอ หนา ทตี่ ามทีก่ ฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาท่ี
ดงั กลาวลาชา เกินสมควร ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ อยางไรก็ตาม
มาตรา ๕๑ แหง พระราชบัญญตั ดิ งั กลา ว บญั ญัติใหการฟอ งคดีตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) ใหยื่นฟอง
ภายในหนงึ่ ปนับแตวนั ท่รี ูหรือควรรถู งึ เหตแุ หง การฟอ งคดแี ตไมเกินสิบปนับแตวันที่มีเหตุแหงการฟองคดี
เมื่อคดนี ้ีเหตลุ ะเมดิ ดังกลาวเกดิ ขึ้นเม่ือวนั ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ ซึง่ ถอื วาเปน วนั ทผี่ ูฟ อ งคดีรูหรือควรรู
ถึงเหตุแหงการฟองคดีแลว ผูฟองคดีจึงตองนําคดีมาฟองตอศาลปกครองภายในหน่ึงปนับแตวันท่ี
๒๔ มถิ ุนายน ๒๕๕๓ กลาวคอื ภายในวันท่ี ๒๔ มถิ ุนายน ๒๕๕๔ การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอ
ศาลปกครองเม่ือวันท่ี ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ จึงเปนการยื่นฟองคดีเมื่อพนกําหนดเวลาการฟองคดี
ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ น้ัน
ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพองดว ย

จงึ มคี าํ ส่ังยืนตามคําสง่ั ของศาลปกครองชั้นตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๒๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๕
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๒๔/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูครอบครองทําประโยชนในที่ดินตามแบบแจง
การครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) เลขที่ ๑๗๒ เลขท่ี ๑๗๓ และเลขที่ ๑๗๔ หมูท่ี ๕ ตําบลกุรุคุ
อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เนื้อที่ ๑ ไร ๑ งาน เนื้อที่ ๔ ไร และเน้ือที่ ๑ ไร ตามลําดับ
ตอมา ผูถูกฟองคดี (กรมชลประทาน) ไดทําการกอสรางอางเก็บน้ําหวยสมโฮง ที่บริเวณหมูที่ ๕
ตาํ บลกรุ ุคุ อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ทําใหนํ้าทวมที่นาของผูฟองคดีจนไมสามารถทํานา
หรือทําการเกษตรดานอื่นๆ ได จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดี
ชําระเงินคาทดแทนกรณีน้ําทวมที่ดินของผูฟองคดีจํานวน ๖ ไร ๑ งาน ในอัตราไรละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท
คิดเปนเงินจํานวน ๑,๒๕๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงิน
ดังกลาวนับแตวันฟองเปนตนไปจนกวาผูถูกฟองคดีจะชําระคาเสียหายเสร็จส้ิน และใหชําระเงิน
คาขาดประโยชนจากการที่ผูฟองคดีไมไดทํานาหรือการเกษตรอื่นใดเปนระยะเวลาหน่ึงปกอน
การฟองคดีตั้งแตวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ จนถึงวันฟองคดี (วันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๖๒) เปนเงิน
จาํ นวน ๒๐,๐๐๐ บาท พรอมทัง้ มคี ํารอ งขอใหศาลมีคาํ สั่งอนุญาตใหผฟู อ งคดดี ําเนินคดีโดยยกเวน
คาธรรมเนียมศาลทั้งหมด เห็นวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงาน
ทางปกครองอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ ผูฟองคดีเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดรอน
หรือเสยี หายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได อันเนื่องจากการกระทําของผูถูกฟองคดีและการแกไขหรือบรรเทา
ความเดือดรอนหรือเสียหายท่ีผูฟองคดีไดรับจําตองมีคําบังคับซึ่งศาลปกครองมีอํานาจออกคําบังคับ
ใหไดตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดี
ตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่งึ แหง พระราชบัญญัตเิ ดยี วกนั และโดยท่ีการฟองคดีพิพาท

แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๗๐

เกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย นั้น
ไมมีกฎหมายกําหนดขั้นตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายไวโดยเฉพาะ
ผฟู องคดจี งึ นําคดมี าฟองตอ ศาลปกครองไดโดยไมตองดําเนนิ การแกไ ขความเดือดรอนหรือเสียหาย
กอนฟองคดีตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ โดยตองยื่นฟองคดี
ตอศาลปกครองภายในหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี แตไมเกินสิบปนับแตวันที่
มเี หตแุ หง การฟอ งคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พระราชบัญญตั ิดังกลา ว เม่ือผูฟองคดีไดรับความเสียหาย
จากการที่นํ้าทวมพื้นท่ีทํานาอันเน่ืองมาจากการกระทําของผูถูกฟองคดีต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๐๑ ตอเน่ือง
มาโดยตลอดจนถึงวนั ท่ีผูฟองคดียนื่ ฟองคดีนใ้ี นวนั ที่ ๙ สงิ หาคม ๒๕๖๒ อนั ถือไดวาเปนการกระทําละเมิด
ตอ ผฟู อ งคดีตอ เน่อื งมาจนถงึ วันฟองคดี แตใ นสว นของคาเสียหายซึ่งเปนคาสินไหมทดแทนอันเกิดจาก
การกระทําละเมิดน้ี ผูฟองคดีมีสิทธิขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายไดยอนหลังไปเพียงหน่ึงป
กอนถึงวันฟองคดี การที่ผูฟองคดีฟองขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหาย
ในระหวางวันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ถึงวันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเปนวันที่ผูฟองคดียื่นฟองคดีน้ี
จึงถือไดวาเปนการยื่นฟองภายในระยะเวลาหนึ่งปนับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองในสวน
ทม่ี ีคาํ ขอใหผถู กู ฟอ งคดีชําระเงนิ คาทดแทนกรณนี า้ํ ทวมทีด่ ินของผูฟองคดีเปนเงิน ๑,๒๕๐,๐๐๐ บาท
พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาวนับแตวันฟองเปนตนไปจนกวา
จะชําระเสร็จส้ิน และไมพิจารณาคําขอใหผูฟองคดีดําเนินคดีโดยยกเวนคาธรรมเนียมศาลในสวน
ของทุนทรัพยจํานวน ๑,๒๕๐,๐๐๐ บาท นัน้ ศาลปกครองสูงสุดไมเ หน็ พองดวย

จึงมีคําสั่งกลับเปนใหศาลปกครองชั้นตนรับคําฟองในสวนท่ีมีคําขอใหผูถูกฟองคดี
ชําระเงินคาทดแทนกรณีน้ําทวมที่ดินของผูฟองคดีเปนเงิน ๑,๒๕๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ย
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาวนับแตวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จส้ิน
ไวพิจารณา เมื่อศาลปกครองชั้นตนไดดําเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับคาธรรมเนียมศาลตามคําขอ
ของผูฟองคดีแลว
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๒๘/๒๕๖๓

ผูฟองคดีทั้งหกฟองวา ผูฟองคดีท้ังหกเปนขาราชการบํานาญ สังกัดผูถูกฟองคดี
(กระทรวงศึกษาธิการ) ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีมีคําส่ังลงวันท่ี ๓
พฤษภาคม ๒๕๔๒ ลงโทษปลดผูฟองคดีท่ี ๑ ท่ี ๒ ที่ ๔ และท่ี ๕ ออกจากราชการ และลงโทษ
ไลผูฟองคดีที่ ๓ และที่ ๖ ออกจากราชการ ผูฟองคดีทั้งหกเห็นวาคําส่ังลงโทษดังกลาวไมชอบ
ดวยกฎหมาย จึงยื่นฟองคดีตอศาลปกครองเพ่ือขอใหเพิกถอนคําสั่งลงโทษดังกลาวและใหคืน
สทิ ธติ ามกฎหมายอันพงึ มพี ึงไดทีเ่ สียไปจากคําสั่งดังกลาว ตอมา ศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษา
ใหเพิกถอนคําสั่งลงโทษดังกลาวและคําวินิจฉัยอุทธรณ โดยใหมีผลยอนหลังไปถึงวันท่ีคําสั่ง
ดังกลาวมีผลบังคับ ผูฟองคดีทั้งหกจึงมีหนังสือลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ และวันท่ี ๕ มิถุนายน
๒๕๕๗ ขอใหผูถูกฟองคดีพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทน ตามมาตรา ๑๑ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๗๑

ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ และปลัดกระทรวงศึกษาธิการไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๕
ธันวาคม ๒๕๖๐ แจงยกคําขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๓ ทราบ
ผฟู อ งคดที งั้ หกจึงนําคดมี าฟองขอใหศาลมคี ําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีจายดอกเบี้ยผิดนัด
ของเงินเดือนและสิทธิประโยชนท่ีผูฟองคดีท้ังหกพึงไดรับตามอัตราที่กําหนดในประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชยใหแกผูฟองคดีทั้งหก เห็นวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิด
ของหนว ยงานทางปกครองอันเกิดจากคาํ สงั่ ทางปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยศาลปกครองมีอํานาจกําหนดคําบังคับตามคําขอของผูฟองคดีทั้งหกได
ตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว อยางไรก็ตาม แมตามมาตรา ๑๑
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ จะมิไดบัญญัติไวอยางชัดแจงวา
ผูเสียหายจะตองยื่นคําขอตอหนวยงานของรัฐใหพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับ
ความเสียหายท่ีเกิดแกตนภายในระยะเวลาใด แตก็เปนที่เห็นไดจากเหตุผลของเรื่องวาผูเสียหาย
ตองย่ืนขอตอหนวยงานของรัฐภายในหน่ึงปนับแตวันท่ีรูถึงการละเมิดและรูตัวผูจะพึงตองใช
คาสินไหมทดแทน แตไมเกินสิบปนับแตวันทําละเมิดเชนเดียวกับการฟองคดีตอศาล ซึ่งในกรณีท่ี
ผูเสียหายย่ืนคําขอตอหนวยงานของรัฐใหพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหาย
ท่ีเกิดแกตนเมื่อพนระยะเวลาดังกลาวแลว แมหนวยงานของรัฐจะพิจารณาคําขอน้ัน ผูเสียหาย
ซึ่งไมพอใจผลการวินิจฉัยของหนวยงานของรัฐก็หามีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๑๑
ประกอบมาตรา ๑๔ แหงพระราชบญั ญตั ิดงั กลาว ไดอีกไม กรณีเชน นตี้ องถือวาเปนการใชสิทธิฟองคดี
เมือ่ ลว งพนระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดแลว เมื่อขอเท็จจริงไมปรากฏวาผูฟองคดีท้ังหกไดรับแจง
คาํ ส่งั ลงโทษและคําวินิจฉยั อุทธรณเมอ่ื ใด แตผ ูฟอ งคดที ง้ั หกไดนําคดีมาฟองตอ ศาลปกครองช้ันตน
ขอใหเพิกถอนคําส่ังลงโทษผูฟองคดีท้ังหก โดยผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๒ ยื่นฟองเมื่อวันที่
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ผูฟองคดีท่ี ๓ ย่ืนฟองเม่ือวันท่ี ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ผูฟองคดีที่ ๔
และท่ี ๖ ยื่นฟองเมื่อวันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๔๕ ผูฟองคดีท่ี ๕ ยื่นฟองเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๔๕
กรณีจึงถือไดวา ผูฟองคดีท้ังหกรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการกระทําละเมิดตนในการปฏิบัติหนาท่ี
และรูวาผูถูกฟองคดีตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกตนในวันท่ีนําคดีมาฟองตอศาลปกครองชั้นตน
เปนอยางชา ดังนั้น ผูฟองคดีท้ังหกจึงตองฟองคดีตอศาลปกครองช้ันตนขอใหศาลพิพากษาให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายท่ีเกิดแกตน หรือย่ืนคําขอใหผูถูกฟองคดี
พิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายท่ีเกิดแกตนภายในหนึ่งปนับแตวันที่
ผูฟองคดีทั้งหกยื่นฟองตอศาลปกครองชั้นตนดังกลาว หรือภายในสิบปนับแตวันท่ีมีเหตุ
แหงการฟองคดี โดยวันท่ีมีเหตุแหงการฟองคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงาน
ทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากคําสั่งทางปกครองคดีน้ี คือ วันท่ี ๓ พฤษภาคม ๒๕๔๒
ซ่ึงเปนวันท่ีปลัดกระทรวงศึกษาธิการมีคําส่ังลงโทษผูฟองคดีทั้งหกโดยกําหนดใหคําส่ังดังกลาว
มีผลบังคับในวันเดียวกันนั้น การท่ีผูฟองคดีที่ ๑ ท่ี ๒ และที่ ๔ ถึงที่ ๖ มีหนังสือลงวันท่ี
๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ และผูฟองคดีท่ี ๓ มีหนังสือลงวันท่ี ๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ ขอใหผูถูกฟองคดี
ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแ กผฟู อ งคดีทงั้ หก ผถู ูกฟองคดีไดรับคําขอดังกลาวเม่ือวันที่ ๕ มิถุนายน

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๗๒

๒๕๕๗ และผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ แจงใหผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๓
ทราบวา ผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๓ ย่ืนคําขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนเม่ือลวงพนระยะเวลาสิบป
นับแตวันทําละเมิดแลว สิทธิเรียกรองใหชดใชคาสินไหมทดแทนจึงขาดอายุความ และมีหนังสือ
ลงวันท่ีเดียวกันถึงผูฟองคดีที่ ๒ และที่ ๔ ถึงท่ี ๖ แจงวาผูถูกฟองคดีไมมีอํานาจหนาที่
ท่ีจะพิจารณาคําขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนของผูฟองคดีท้ังสี่ ขอใหผูฟองคดีท้ังสี่ติดตาม
คําขอใหช ดใชคาสินไหมทดแทนกบั หนว ยงานตนสงั กัดของตน จากน้ัน ผูฟองคดีทั้งหกจึงไดนําคดี
มาย่ืนฟองตอศาลปกครองชั้นตนเม่ือวันท่ี ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ กรณีจึงเปนการนําสิทธิเรียกรอง
ท่ีขาดอายุความแลวมาฟองคดีตอศาล แมตอมา ผูถูกฟองคดีจะพิจารณาคําขอของผูฟองคดีที่ ๑
และท่ี ๓ โดยยกคําขอพรอมท้ังแจงสิทธิใหนําคดีมาฟองตอศาลปกครองภายในเกาสิบวัน
นับแตวันท่ีไดรับแจงคําวินิจฉัยดังกลาว ก็ไมทําใหการใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนที่ลวงพน
ระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดแลวขยายออกไปอีก เมื่อผูฟองคดีทั้งหกไมพอใจผลการวินิจฉัยของ
ผูถูกฟองคดี ก็หามีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๑๑ ประกอบมาตรา ๑๔ แหง
พระราชบัญญัติเดียวกัน ไดอีก กรณีเชนนี้ตองถือวาเปนการใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทน
เมื่อลวงพนระยะเวลาที่กฎหมายกําหนดแลว ดังน้ัน การที่ผูฟองคดีท้ังหกไดยื่นฟองตอ
ศาลปกครองช้ันตนเปนคดีนี้เม่ือวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ จึงเปนการย่ืนคําฟองเม่ือพนระยะเวลา
ท่ีกฎหมายกําหนดแลว และเม่ือคดีน้ีมิใชเปนการฟองคดีปกครองที่เกี่ยวกับการคุมครองประโยชน
สาธารณะ หรือสถานะของบุคคลท่ีจะยื่นฟองคดีเมื่อใดก็ไดตามมาตรา ๕๒ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ อีกทั้ง การฟองคดีนี้เปนไปเพื่อรักษาสิทธิหรือประโยชนของผูฟองคดีท้ังหก
โดยเฉพาะ มิไดเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอ่ืนที่ศาลจะรับไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒
วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบขอ ๓๐ วรรคสอง ของระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ
วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ศาลปกครองจึงไมอาจใชดุลพินิจรับคําฟองนี้
ไวพิจารณาได นอกจากนี้ เมื่อในคําฟองคดีเดิมผูฟองคดีทั้งหกมีคําขอเพียงใหศาลปกครอง
มีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งลงโทษผูฟองคดีแตละราย และใหคืนสิทธิตามกฎหมาย
อันพึงมีพึงไดท่ีเสียไปจากการตองออกจากราชการตามคําสั่งลงโทษดังกลาว โดยไมไดมีคําขอ
เร่อื งดอกเบี้ยผิดนัดท่ีเกิดจากการไมไดรับเงินเดือนและสิทธิประโยชนอ่ืนลาชามาดวย ผูฟองคดีทั้งหก
จงึ ไมอาจอางวาเปน การเรียกดอกเบ้ียผิดนัดจากเงินเดือนและสทิ ธปิ ระโยชนอ น่ื ทคี่ วรไดร บั ดังกลาว
ซึ่งเปนสวนหน่ึงของการบังคับคดีเดิมได ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองนี้
ไวพจิ ารณาและจําหนา ยคดอี อกจากสารบบความ นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพอ งดว ย

จึงมคี าํ สัง่ ยนื
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๓๗/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา นางสาว ว. ไดปลอมลายมือช่ือของนางสาว ภ. ซึ่งเปนกรรมการ
ผมู อี าํ นาจทาํ การแทนผูฟ อ งคดี และปลอมตราประทบั บริษัทของผูฟองคดี แลวนําลายมือชื่อปลอม
และตราประทับบริษัทปลอมดังกลาวไปยื่นคําขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการผูมีอํานาจ

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๗๓

ทําการแทนบริษัท ตามคําขอท่ี ๗๕๕๑๐๓๐๗ - ๕๔ ลงวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๕๑ ซึ่งนายทะเบียน
หุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานครไดจดทะเบียนแกไขกรรมการผูมีอํานาจทําการแทนบริษัท
ตามคําขอดังกลาว โดยมิไดตรวจสอบลายมือชื่อของกรรมการผูมีอํานาจทําการแทนผูฟองคดี
เปนเหตุใหนางสาว ว. นําคํารับรองจากนายทะเบียนวาเปนกรรมการผูมีอํานาจทําการแทน
ผฟู องคดไี ปทาํ สญั ญาขายที่ดินพรอมสงิ่ ปลูกสรา งอนั เปนกรรมสิทธข์ิ องผูฟอ งคดใี หแ กบ คุ คลอื่น ทํา
ใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย ผูฟองคดีไดมีหนังสือรองทุกขกลาวโทษ
ตอพนักงานสอบสวน กองกํากับการ ๕ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเก่ียวกับ
อาชญากรรมทางเศรษฐกิจใหดําเนินคดีอาญากับนางสาว ว. และไดขอใหพนักงานสอบสวน
ดําเนินการเพิกถอนคําขอจดทะเบียนฯ ตามคําขอที่ ๗๕๕๑๓๐๓๗-๕๔ ดวย ซ่ึงกองกํากับการ ๕
ไดมีหนังสือลงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ แจงไปยังนายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานคร
เพื่อเพิกถอนคําขอดังกลาว นายทะเบียนฯ จึงอาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐
และมาตรา ๕๒ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ออกคําส่ังใหเพิกถอน
คําขอจดทะเบียนจดทะเบียน คําขอท่ี ๗๕๕๑๐๓๐๗ – ๕๔ โดยใหมีผลตั้งแตวันท่ี ๒๗ มิถุนายน
๒๕๕๕ ผูฟองคดีเห็นวาตนไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากคําสั่งรับจดทะเบียนดังกลาว
จงึ นําคดมี าฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังสอง (กรมพัฒนาธุรกิจการคา ที่ ๑
กระทรวงพาณิชย ที่ ๒) รวมกันหรือแทนกันชําระคาเสียหายใหแกผูฟองคดีพรอมดอกเบี้ยนับถัดจาก
วนั ฟองคดเี ปน ตนไปจนกวา จะชาํ ระเสร็จ เห็นวา การรบั จดทะเบยี นหรอื การปฏิเสธการรับจดทะเบียน
ของนายทะเบียนหุนสวนบริษัทดังกลาว เปนการใชอํานาจตามกฎหมายของเจาหนาที่ท่ีมีผล
เปนการสรางนิติสัมพันธข้ึนระหวางบุคคลในอันท่ีจะกอ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ
หรือมีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาท่ีของบุคคล จึงเปนคําส่ังทางปกครองตามมาตรา ๕
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือนายทะเบียนหุนสวนบริษัท
กรุงเทพมหานครเปนเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซ่ึงมีฐานะเปนกรม และอยูในสังกัดของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ซ่ึงมีฐานะเปนกระทรวง การท่ีผูฟองคดีฟองวานายทะเบียนหุนสวนบริษัท
กรุงเทพมหานครรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทและกรรมการผูมีอํานาจทําการ
แทนบริษัทไมชอบดวยกฎหมาย เปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย และมีคําขอใหศาล
มคี าํ พิพากษาหรือคําสง่ั ใหช ดใชค าสินไหมทดแทน คดีน้ีจึงเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิด
ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙
วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ เม่ือผูฟองคดีเปนผูไดรับความเดือดรอน
หรือเสยี หายจากการจดทะเบียนเปล่ียนแปลงกรรมการบริษัทและกรรมการผูมีอํานาจทําการแทน
ผูฟองคดี ประกอบกับคําขอทายฟองเปนคําขอท่ีศาลมีอํานาจกําหนดคําบังคับไดตามมาตรา ๗๒
วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตามมาตรา ๔๒
วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน อยางไรก็ตาม เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ภายหลังจาก
นางสาว ว. ปลอมลายมือช่ือของนางสาว ภ. กรรมการผูมีอํานาจและปลอมตราประทับบริษัทของ
ผูฟองคดี แลวนําไปย่ืนคําขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทของผูฟองคดี จากนางสาว ภ.

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๗๔

เปนนางสาว ว. และนางสาว ว. ไดจดทะเบียนโอนขายที่ดินพรอมสิ่งปลูกสรางของผูฟองคดีใหแก
บุคคลอื่น ซึ่งในขณะนั้นผูฟองคดียังไมทราบ ตอมา เมื่อผูฟองคดีทราบเร่ืองดังกลาว ผูฟองคดี
จึงไดรองทุกขกลาวโทษตอพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการไดฟองนางสาว ว. เปนจําเลย
ในคดีอาญาตอศาลจังหวัดนนทบุรี และผูฟองคดีไดฟองนางสาว ว. ตอศาลแพง ขอใหเพิกถอน
นิติกรรมการจดทะเบียนซ้ือขายที่ดินพรอมเรียกคาเสียหาย อีกทั้งยังไดมีคําขอตอพนักงาน
สอบสวน กองกํากับการ ๕ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม
ทางเศรษฐกิจ ขอใหเ พกิ ถอนคาํ ขอจดทะเบียนบรษิ ัทผูฟองคดตี ามคําขอลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๑
หลังจากนั้น กองกํากับการ ๕ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ แจงไปยังนายทะเบียน
หุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานคร เพ่ือใหดําเนินการเพิกถอนคําขอจดทะเบียนดังกลาว กรณีจึงถือไดวา
ผูฟองคดีไดรูหรือควรรูถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทําของนายทะเบียนหุนสวนบริษัท
กรุงเทพมหานคร เม่ือผูฟองคดีไดแจงความรองทุกขตอพนักงานสอบสวน กองกํากับการ ๕
กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งไมทราบแนชัดวา
เปนเม่ือใด แตเ มอ่ื นายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานครไดมีคําส่ังลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
ใหเพิกถอนการจดทะเบียนเปล่ียนแปลงกรรมการผูมีอํานาจของผูฟองคดี ดังนั้น วันท่ีผูฟองคดี
ไดรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีอยางชาที่สุด คือ วันท่ี ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ ซ่ึงเปนวันที่
กองกํากับการ ๕ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเก่ียวกับอาชญากรรม
ทางเศรษฐกิจไดมีหนังสือถึงนายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานคร เพ่ือดําเนินการเพิกถอน
คําขอจดทะเบยี นที่ไมชอบดว ยกฎหมาย ผูฟองคดีจึงตองนําคดีมาฟองตอศาลปกครองภายในวันท่ี
๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาลปกครองช้ันตนเม่ือวันที่ ๖ กรกฎาคม
๒๕๖๐ จึงเปนการยื่นคําฟองเมื่อพนกําหนดหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองน้ี
ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ กับใหคืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผูฟองคดี
นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พอ งดวยในผล

จงึ มีคําสัง่ ยนื ตามคําส่งั ของศาลปกครองชน้ั ตน
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๔๔/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟอ งวา ผูฟองคดีเปนเจาของท่ีดินโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๐๔๑๔๑ เน้ือที่ ๓๐ ไร
๓ งาน ๘๗ ตารางวา ตําบลแจระแม อําเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ดานทิศเหนือ
ของทด่ี ินจดรอ งปลาเข็ง และผฟู อ งคดียงั ไดครอบครองที่ดินไมมีเอกสารสิทธิอีกหน่ึงแปลง ซึ่งอยูดานทิศใต
ของท่ีดินแปลงดังกลาว ที่ดินทั้งสองแปลงมีเน้ือที่รวมประมาณ ๔๐ ไร เดิมรองปลาเข็งมีสภาพตื้นเขิน
ผูฟองคดีและประชาชนที่เปนเจาของท่ีดินที่อยูดานทิศใตของรองปลาเข็งสามารถใชรถยนต
เดินทางเขา – ออก ผา นรองปลาเขง็ ไปยังที่ดินของตนได ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ (นายกเทศมนตรี
เมืองแจระแม) ไดจัดทําโครงการขุดลอกรองปลาเข็งสาธารณประโยชน บริเวณหนองสาธารณประโยชน
หนองบักโดยและหนองบัวปาขา ภายในพ้ืนที่บานหนองจาน หมูท่ี ๔ ตําบลแจระแม อําเภอเมืองอุบลราชธานี

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๗๕

จังหวัดอุบลราชธานี โดยไดเสนอโครงการดังกลาวตอผูถูกฟองคดีที่ ๒ (นายอําเภอเมืองอุบลราชธานี)
และผูถูกฟองคดีที่ ๓ (ผูวาราชการจังหวัดอุบลราชธานี) เพื่อพิจารณาใหความเห็นชอบและอนุมัติ
โครงการตามลาํ ดบั หลงั จากนนั้ เทศบาลเมอื งแจระแมไดทาํ สัญญาลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ วาจาง
บรษิ ทั ส. ขุดลอกรองปลาเขง็ ซ่งึ การขุดลอกตามโครงการดงั กลา วมคี วามยาวตลอดแนวท่ีดินดานทิศเหนือ
ของผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไมสามารถสัญจรไปมาไดเชนเดิม ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือลงวันที่
๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ ถึงผูถูกฟองคดีที่ ๑ คัดคานการขุดลอกรองปลาเข็ง ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๓
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๖ กันยายน ๒๕๕๙ แจงผูฟองคดีวา การดําเนินโครงการของผูถูกฟองคดีที่ ๑
เปนการดําเนินการที่ชอบแลว ผูฟองคดีเห็นวา เม่ือผูฟองคดีไมสามารถเขาออกในท่ีดินไดเชนเดิม
จงึ ไดมหี นังสือลงวันท่ี ๒๗ กมุ ภาพันธ ๒๕๖๑ ถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ขออนุญาตถมดินในที่สาธารณะ
เพ่ือทําถนนเช่ือมกับท่ีดินของผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีหนังสือลงวันท่ี ๒๘ กุมภาพันธ ๒๕๖๑
แจงวา การอนุญาตใหใชประโยชนในที่ดินของรัฐไมอยูในอํานาจของผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงใหผูฟองคดี
ยื่นคําขอตอผูถูกฟองคดีที่ ๒ ผูฟองคดีเห็นวาการกระทําของผูถูกฟองคดีทั้งสามทําใหผูฟองคดี
ไดรบั ความเดอื ดรอนเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งสาม
ทาํ ถนนดินกวา ง ๘ เมตร เชอื่ มทางเขา ออกไปยงั ทดี่ นิ ของผูฟองคดใี หผูถูกฟองคดที ้ังสามทําการตบแตง
คนั ดินใหเปนไปตามแบบขดุ ลอกรองปลาเขง็ เพือ่ ปองกันการพังทลายของตลิ่ง และใหผูถูกฟองคดีทั้งสาม
ชดใชค าเสียหายใหแกผูฟองคดี เห็นวา ผูฟองคดีฟองรวม ๒ ขอหา คือ ขอหาที่หนึ่ง ผูฟองคดีฟองวา
ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีทั้งสามดําเนินโครงการขุดลอกรองปลาเข็ง
ดานทิศเหนอื ทดี่ ินของผฟู องคดีทําใหผฟู องคดีซงึ่ เปน ผูครอบครองท่ีดินท่ีอยูดานทิศใตไมสามารถสัญจร
ผา นรอ งปลาเขง็ ซึ่งเคยมสี ภาพตนื้ เขินไปยังที่ดนิ ของตนไดเ ชนเดมิ ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรอื คําสง่ั ให
ผูถูกฟองคดีทั้งสามตบแตงคันดินใหเปนไปตามแบบขุดลอกรองปลาเข็ง เพ่ือปองกันการพังทลาย
ของตลงิ่ และชดใชค าเสยี หายนบั แตว ันทําละเมิดจนถงึ วนั ฟอ งคดใี หแ กผ ูฟองคดีจํานวน ๖๐,๐๐๐ บาท
กรณีจึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ
อันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
ซึ่งผูฟองคดีตองนําคดีมายื่นฟองภายในหน่ึงปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหง พระราชบญั ญัตดิ ังกลา ว อยา งไรกต็ ามหากการดําเนินโครงการขุดลอกรองปลาเข็ง
ของผูถกู ฟองคดที ง้ั สามดงั กลา วยงั คงทําใหผ ูฟองคดีไมสามารถเขาไปในท่ีดินของผูฟองคดีไดตามที่
ผฟู อ งคดกี ลาวอาง กรณียอ มถอื เปน การกระทาํ ละเมดิ ตอเนือ่ งจนถึงปจ จบุ ัน การท่ีผูฟองคดีย่ืนฟองคดี
ตอ ศาลปกครองชั้นตนเม่ือวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ จึงยังไมพนระยะเวลา ๑ ป นับแตวันท่ีรูหรือควรรู
ถงึ เหตแุ หง การฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว อีกทั้ง ผูฟองคดีไดดําเนินการ
รองเรียนใหแกไขปญหาแลว แตยังไมไดรับการแกไขแตอยางใด ผูฟองคดีจึงเปนผูเดือดรอนเสียหาย
หรอื อาจจะเดือดรอนเสียหาย โดยมิอาจหลีกเล่ียงไดและสามารถนําคดีมาฟองตอศาลได ขอหาที่สอง
ผูฟอ งคดีฟอ งวา การที่ผูฟองคดีไมสามารถเขาไปใชประโยชนในท่ีดินได โดยสะดวกเปนผลมาจาก
การดาํ เนินโครงการขุดลอกรอ งปลาเขง็ ของผูถกู ฟอ งคดีทั้งสาม จึงขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให
ผถู กู ฟอ งคดีทัง้ สามทาํ ถนนดินกวาง ๘ เมตร เช่ือมทางเขาออกไปยังท่ีดินของผูฟองคดี นั้น เห็นวา

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๗๖

การพิจารณาจัดใหมีทางสาธารณะเพื่อใหประชาชนสามารถใชสัญจรไปมาได เปนดุลพินิจของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ท่ีจะพิจารณาดําเนินการตาม พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ ศาลปกครองไมอาจ
กาวลวงไปใชดลุ พินจิ แทนฝา ยปกครองได คําขอดังกลาวจึงเปนคําขอที่ศาลปกครองไมอาจกําหนด
คําบังคับใหไดตามมาตรา ๗๒ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงไมมีสิทธิฟองคดี
ในขอหาน้ีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ศาลจึงไมอาจ
รบั คาํ ฟอ งของผฟู อ งคดีในขอหานไ้ี วพ จิ ารณาได ท่ศี าลปกครองชัน้ ตนมคี าํ ส่ังไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณา
ใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ และใหคืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมดใหแกผูฟองคดี นั้น
ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพอ งดว ยบางสว น

จงึ มคี ําส่งั แก เปน ใหรบั คําฟองในขอหาที่หนึ่งไวพิจารณาและพิพากษาตามรูปคดีตอไป
นอกจากทแี่ กใหเ ปนไปตามคําส่ังของศาลปกครองช้ันตน
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๔๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑
คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๔๗/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๓
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๔๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๔๙/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๗
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๕๑/๒๕๖๓

ผูฟอ งคดีฟอ งวา ผฟู องคดีเปนมารดาของนางสาว ล. โดยเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๐
สํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝงท่ี ๖ (ภูเก็ต) ซ่ึงเปนหนวยงานในสังกัดของผูถูกฟองคดี
(กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง ) ไดจัดกจิ กรรมฟนฟูทรัพยากรปะการังแบบบูรณาการทุกภาคสวน
ณ บริเวณอา วขอนแค เกาะราชาใหญ ตําบลราไวย อําเภอเมอื งภเู ก็ต จงั หวัดภเู กต็ โดยรวมกับนักดํานาํ้
อาสาสมคั รประมาณ ๒๖ คน รวมทง้ั นางสาว ล. บตุ รของผฟู องคดี ในขณะปฏิบัติกิจกรรมในทะเล
ท่คี วามลึกประมาณ ๖ เมตร บุตรของผฟู อ งคดไี ดส งสญั ญาณขอความชวยเหลือและผูรวมกิจกรรม
ไดนาํ ตวั บตุ รของผฟู อ งคดขี ้ึนมาบนผิวนํ้า หลังจากน้นั มกี ารหายใจไมอ อกและหมดสติ จึงถูกนําตัว
สง โรงพยาบาลและเสยี ชีวติ ในเวลาตอ มา ผฟู องคดจี งึ มีหนงั สือลงวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๐ ขอให
ผถู ูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี โดยผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือดังกลาวเมื่อวันที่
๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ แตผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑ แจงใหผูฟองคดีทราบวา
กรณีดังกลาวไมไดเกิดจากความประมาทเลินเลออยางรายแรงของเจาหนาท่ีผูปฏิบัติของผูถูกฟองคดี
จึงไมม ีเจา หนาท่ีผใู ดจําตองรบั ผิดทางละเมิด ผูถ กู ฟองคดีในฐานะหนวยงานของรัฐจึงไมตองรับผิดชดใช
คาสนิ ไหมทดแทนในผลแหงละเมดิ ทีเ่ จา หนาท่ีของตนไดกระทํา ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน เปนคาปลงศพและคาขาดอุปการะ
เล้ยี งดผู ฟู องคดีและบตุ รของผูตายซึง่ เปน ผเู ยาวอกี ๔ คน รวมเปนเงินทัง้ สนิ้ ๑,๔๐๐,๐๐๐ บาท

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา กรณีที่ผูฟองคดีไมพอใจผลการพิจารณาคําขอ
ของหนวยงานของรฐั ตามมาตรา ๑๑ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี

แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๗๗

พ.ศ. ๒๕๓๙ ผฟู อ งคดีมีสิทธฟิ อ งคดีตอ ศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง นั้น เมื่อพิจารณาบทบัญญัติ
เกี่ยวกับเขตอํานาจของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ แลว
จะเห็นไดว า คดีพิพาทเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิดที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
แยกไดเปนสองประเภท ไดแก คดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครอง
หรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คําส่ังทางปกครอง
หรอื คําสงั่ อนื่ และคดพี ิพาทเก่ียวกับการกระทาํ ละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ
อันเกิดจากการละเลยตอ หนา ท่ีตามท่กี ฎหมายกาํ หนดใหต อ งปฏบิ ตั ิหรอื ปฏบิ ตั ิหนา ทีด่ งั กลาวลาชา
เกินสมควร เม่ือคดีนี้ผูฟองคดีฟองวา เจาหนาที่ในสังกัดผูถูกฟองคดีไมตรวจสอบอุปกรณดํานํ้า
ใหไดมาตรฐานความปลอดภัยกอนนําไปใชงานในการจัดกิจกรรมฟนฟูทรัพยากรปะการัง ณ บริเวณ
อาวขอนแค เปนเหตใุ หบ ตุ รของผูฟองคดซี ึง่ เปน นักดําน้ําอาสาสมคั รที่เขารวมในกิจกรรมดังกลาวเสียชีวิต
จึงเปนการกลาวอางเกี่ยวกับมูลเหตุของการกระทําละเมิดที่เกิดจากการละเลยตอหนาท่ี เม่ือ พ.ร.บ.
สงเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝง พ.ศ. ๒๕๕๘ มีวัตถุประสงคเพื่อกําหนดหลักเกณฑ
ในการบริหารจัดการ การบํารุงรักษา การอนุรักษ การฟนฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝงและการปองกัน
การกัดเซาะชายฝง รวมท้ังใหประชาชนและชุมชนในทองถิ่นไดมีสวนรวมในการปลูก การบํารุงรักษา
การอนุรักษ และการฟนฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝงอยางสมดุลและย่ังยืน และปะการังถือเปน
“ทรัพยากรทางทะเลและชายฝง” ตามมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว การจัดกิจกรรม
ฟนฟูทรัพยากรปะการัง ณ บริเวณอาวขอนแค จึงอยูภายใตภารกิจตามพระราชบัญญัติเดียวกัน
และอยใู นความรับผดิ ชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม และโดยขอ ๑ ของกฎกระทรวง
แบงสวนราชการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม
พ.ศ. ๒๕๔๕ กาํ หนดวา ใหก รมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง มีภารกิจเกี่ยวกับการอนุรักษ ฟนฟู
บริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝง รวมท้ังปาชายเลน เพ่ือความสมบูรณ ม่ังคั่ง สมดุล
และย่ังยืนของทะเลไทย เพื่อเสริมสรางความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ...
การจัดกจิ กรรมฟน ฟูทรัพยากรปะการัง ณ บริเวณอาวขอนแค จึงอยูในขอบเขตของภารกิจของผูถูกฟองคดี
เม่ือผูถูกฟองคดีไดจัดกิจกรรมฟนฟูปะการัง และไดจัดใหมีการดําน้ํารวมกับนักดําน้ําอาสาสมัคร
ซ่ึงการดําเนินภารกิจดังกลาวจะสามารถบรรลุวัตถุประสงคไดยอมตองมีการจัดใหมีอุปกรณการดํานํ้า
ที่ไดม าตรฐาน อีกท้งั การจัดใหมีการดาํ นํา้ โดยใชถังออกซเิ จนยอมกอ ใหเ กดิ ความเส่ียงอนั ตรายตอชีวติ
รางกายและอนามัยของผูเขารวมกิจกรรม และเมื่อความเสี่ยงอันตรายดังกลาวเปนผลอันเกิดจาก
การจัดกิจกรรมเพ่ือฟนฟูปะการัง อันเปนหนาที่ตามกฎหมายของผูถูกฟองคดีโดยตรง ดังน้ัน หนาที่
ในการตรวจสอบอุปกรณดําน้ําใหไดมาตรฐานความปลอดภัยกอนนําไปใชงาน จึงถือเปนสวนอันเปน
สาระสําคัญของหนาท่ีที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ การที่ผูฟองคดีฟองวาเจาหนาท่ีของ
ผถู กู ฟอ งคดีมไิ ดต รวจสอบอปุ กรณด าํ นํา้ ใหไ ดม าตรฐานความปลอดภัยกอนนําไปใชงาน เปนเหตุใหบุตร
ของผูฟ องคดซี งึ่ เปนนกั ดํานา้ํ อาสาสมคั รทเ่ี ขา รวมในกจิ กรรมดงั กลา วเสยี ชวี ติ จงึ ถือไดวาเปนการกลาวอาง
เก่ยี วกบั มลู เหตุของการกระทาํ ละเมิดทเ่ี กดิ จากการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
ซึ่งอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ.

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๗๘

จัดต้ังศาลปกครองฯ ดังน้ัน เม่ือมูลเหตุของการกระทําละเมิดอันเปนเหตุที่มาของการยื่นคําขอ
ตามมาตรา ๑๑ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ อยูในอํานาจพิจารณา
พิพากษาของศาลปกครองแลว คดีพิพาทในกรณีที่ผูฟองคดีไมพอใจผลคําวินิจฉัยตามมาตรา ๑๑
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษา
ของศาลปกครองดวยเชนกัน ซึ่งแมวาในคดีน้ี ผูฟองคดีไมไดหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับเงื่อนไข
แหง การฟองคดีข้นึ มาโตแ ยง ก็ตาม แตป ระเด็นเกี่ยวกับเงือ่ นไขแหงการฟอ งคดเี ปนขอ กฎหมายอันเกี่ยวดวย
ความสงบเรียบรอยของประชาชน ดังน้ัน ศาลปกครองสูงสุดก็ชอบท่ีจะยกประเด็นความสมบูรณ
ของคาํ ฟอง อนั เปนประเด็นเกี่ยวกับเงื่อนไขแหงการฟองคดีขึ้นมาวินิจฉัยได เม่ือผูฟองคดีมีฐานะ
เปนมารดาของผูตาย จึงถือเปนทายาทโดยธรรมเสมือนหน่ึงวาเปนทายาทชั้นบุตรของผูตาย
ซึ่งทายาทท่ีจะเรียกคาปลงศพไดนั้น จะตองเปนทายาทท่ีมีหนาท่ีจัดการศพตามมาตรา ๑๖๔๙
แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย คอื ผจู ดั การมรดก หรือผูที่ไดรับแตงตั้งจากผูตาย หรือผูที่ทายาท
ไดม อบหมายต้งั ใหเปนผูจัดการทาํ ศพ และในกรณที ไี่ มไดม กี ารแตง ตงั้ เอาไวก อ น ใหทายาทท่ีมีสิทธิ
ในมรดกเปนจํานวนมากท่ีสุดเปนผูที่มีหนาท่ีจัดการศพ ซึ่งในคดีน้ีปรากฏขอเท็จจริงวา ผูตายมีบุตร
ซ่ึงเปนผูเยาวทั้งสิ้น ๔ คน และผูตายไดหยาขาดจากสามีแลวกอนเสียชีวิต อีกท้ัง บิดาของผูตาย
ก็ไดเสียชีวิตลงไปแลว เหลือแตมารดาของผูตายซ่ึงเปนผูฟองคดีน้ี และโดยที่คดีนี้ ผูตายมีทายาท
ชั้นผสู ืบสันดานสค่ี น และมีผฟู อ งคดีเปนทายาทในฐานะมารดาของผตู าย รวมเปนทายาทโดยธรรม
ท้ังส้ินหา คน ซง่ึ ทายาทแตละคนก็มีสิทธิในกองมรดกเทาๆ กัน ประกอบกับเมื่อทายาทช้ันผูสืบสันดาน
ทงั้ ส่ีเปนเพียงผูเยาว กรณีจึงตองถือวาผูฟองคดีในฐานะมารดาของผูตาย และเปนยายของทายาท
ท่ีเปนผเู ยาวท ้งั ส่คี นของผตู าย เปนผทู รงสิทธิในการจัดการศพของผตู าย เม่ือผฟู อ งคดีมีอาํ นาจจัดการศพ
ของผูตายตามมาตรา ๑๖๔๙ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูทรงสิทธิในการเรียกให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาปลงศพตามมาตรา ๔๔๓ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายเดียวกันดวยเชนกัน
สําหรบั กรณีคาอุปการะเลย้ี งดูนั้น เมื่อกฎหมายกําหนดใหบุตรจําตองอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา ดังนั้น
ไมว าในขณะเกิดเหตผุ ตู ายจะไดอ ปุ การะเล้ยี งดูผูฟองคดีจรงิ หรอื ไม และในอนาคตจะอุปการะกันหรือไม
ยอมตองถือวาผูตายในฐานะบุตรมีหนาที่อุปการะผูฟองคดีในฐานะมารดาตามมาตรา ๑๕๖๓
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงถือเปนผูทรงสิทธิในการเรียกใหผูถูกฟองคดี
ชดใชค า อปุ การะเล้ียงดูไดตามมาตรา ๔๔๓ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายเดียวกัน แตสําหรับ
คาอุปการะเลี้ยงดูบุตรของผูตายซ่ึงเปนผูเยาวน้ัน เห็นวา ในขณะท่ีเสียชีวิตผูตายมีบุตรซึ่งยังเปน
ผเู ยาวอยูส่ีคนดวยกัน ดงั นั้น แมผตู ายจะมีหนา ท่ีอุปการะบุตรท้ังส่ีคนก็ตาม แตเม่ือคาอุปการะเลี้ยงดู
เปนสิทธิในทรัพยสินของผูเยาว การท่ีผูฟองคดีซึ่งมีฐานะเปนยายของผูเยาวท่ีมิใชผูใชอํานาจปกครอง
ผเู ยาวต ามกฎหมายหรือโดยคําส่ังศาล ผูฟองคดีจึงไมอาจจะใชสิทธิฟองคดีเรียกคาอุปการะแทนผูเยาวได
อยา งไรกต็ าม เมอื่ พิจารณาจากคาํ ฟองและคาํ ขอทายคําฟองของผูฟองคดีแลว ก็พอท่ีจะเขาใจไดวา
ผูฟองคดีประสงคที่จะฟองคดีเพ่ือเรียกคาอุปการะเล้ียงดูเฉพาะในสวนของตน ดังน้ัน เมื่อผูฟองคดี
เปนผูทรงสิทธิในคาปลงศพและคาอุปการะเล้ียงดูเฉพาะในสวนของตนตามมาตรา ๔๔๓ วรรคหนึ่ง
และวรรคสาม แหงประมวลกฎหมายดังกลาวแลว ผูฟองคดีจึงถือเปนผูมีสิทธิฟองคดีตามมาตรา ๔๒

แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๗๙

วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เม่ือปรากฏวา ผูถูกฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑
แจงคําวนิ จิ ฉยั ใหผฟู องคดีทราบ โดยไมป รากฏวาผฟู องคดไี ดร ับแจงผลการวนิ จิ ฉัยในวนั ใด แตกป็ รากฏ
ตามขอกลาวอางของผูฟองคดีตามหนังสือขอคัดถายเอกสารวา ผูฟองคดีไดรับแจงผลการวินิจฉัย
วันท่ี ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ ดังนั้น แมไมปรากฏวาผูฟองคดีไดรับแจงผลการวินิจฉัยในวันใด
แตอยางเร็วท่ีสุด ผูฟองคดีจะไดรับแจงผลคําวินิจฉัยในวันท่ีท่ีผูถูกฟองคดีลงไวในหนังสือแจงผล
คําวินิจฉัยคือวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑ หรืออยางชาที่สุดคือวันที่ท่ีผูฟองคดีกลาวอางวาไดรับแจง
ผลคําวินิจฉัยคือวันท่ี ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ แตเมื่อวันท่ีจะครบกําหนดเกาสิบวันนับแตวันท่ีผูฟองคดี
ไดรับแจงผลการวินจิ ฉัยคอื วนั ท่ี ๒๑ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ และวันท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ตามลําดับแลว
และเมื่อผูฟองคดีไดย่ืนฟองคดีน้ีเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ แลว ดังน้ัน ไมวากรณีจะเปน
ประการใดก็ตาม ผูฟองคดีก็ไดยื่นคําฟองกอนที่จะครบกําหนดเกาสิบวันขางตนแลว กรณีจึงยอม
ตองถือวาผูฟองคดีย่ืนคําฟองภายในเกาสิบวันนับแตวันท่ีผูฟองคดีไดรับแจงผลการวินิจฉัย
ตามมาตรา ๑๑ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว
และในคดีน้ี แมวาผูฟองคดียังไมไดชําระคาธรรมเนียมศาล แตผูฟองคดีก็ไดย่ืนคําขอยกเวน
คาธรรมเนียมเขามาพรอมกับการยื่นคําฟองแลว ซ่ึงศาลปกครองช้ันตนมีอํานาจในการพิจารณา
คําขอยกเวนคาธรรมเนียมศาลดังกลาว และสําหรับกรณีที่ผูฟองคดีมิไดจัดทําสําเนาคําฟอง
และสําเนาพยานหลักฐาน นั้น ศาลปกครองชั้นตนก็ชอบท่ีจะมีคําสั่งใหผูฟองคดีดําเนินการจัดทํา
สําเนาคําฟองและสาํ เนาพยานหลกั ฐานท่ีมีการรับรองสําเนาถูกตองตามจํานวนของผูถูกฟองคดีได
ดังน้ัน แมวาในขณะท่ีมีการฟองคดี คําฟองในคดีน้ีจะถือเปนคําฟองท่ีไมสมบูรณครบถวนก็ตาม
แตขอท่ีไมสมบูรณครบถวนก็เปนเพียงขอบกพรองท่ีอาจแกไขได และศาลปกครองช้ันตน
ชอบท่ีจะไปดําเนินการตามกฎหมายวาดวยการจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
ท่ีเก่ียวของตอไปได ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณา และใหจําหนายคดี
ออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสงู สุดไมเ หน็ พอ งดว ย

จึงมีคําสง่ั กลับ เปน ใหรับคาํ ฟองไวพิจารณาเม่ือไดมีการดําเนินการเรื่องคาธรรมเนียมศาล
และการจดั ทาํ สําเนาคาํ ฟอ งและสําเนาพยานหลักฐานถกู ตอ งตามกฎหมายแลว
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ. ๗๑/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา เดิมท่ีดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.)
เลขที่ ๑๕๒๗ ตําบลนาเจริญ อําเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี จํานวนเนื้อท่ี ๒๖ ไร ๑ งาน
มีช่ือนาย ส. เปนผูมีสิทธิครอบครอง ตอมา เมื่อวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ นาย ส. ไดนําที่ดิน
ดงั กลา วไปจดทะเบยี นขายฝากกับนาย ล. ท่ีสาํ นักงานท่ีดิน หลังจากนั้น นาย ล. ไดนํา น.ส. ๓ ก.
ดังกลาว ไปขอออกโฉนดเปนโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๘๔๔๑ ตําบลนาเจริญ อําเภอเดชอุดม
จังหวัดอุบลราชธานี และเม่ือวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๓ นาง ค. ทายาทโดยธรรมของนาย ล.
ซึ่งเปนผูมีชื่อเปนผูถือกรรมสิทธ์ิในท่ีดินดังกลาว ไดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๘๔๔๑
ใหแกผูฟองคดีเพ่ือชําระหน้ีตามคําพิพากษาตามยอมของศาลจังหวัดอุบลราชธานี แตหลังจาก

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๘๐

ผูฟองคดีไดรับโอนที่ดินดังกลาวแลว นาย ส. เปนโจทกยื่นฟองผูฟองคดีเปนจําเลยตอศาลจังหวัด
เดชอุดม ขอใหศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนขายฝากที่ดินระหวางนาย ส.
กับนาย ล. และเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนโอนที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๘๔๔๑ ระหวาง
นาง ค. กับผูฟองคดี ซ่ึงศาลไดมีคําพิพากษาเปนคดีหมายเลขแดงที่ ๓๓๑/๒๕๕๒ เม่ือวันท่ี
๒๘ กันยายน ๒๕๕๒ ใหเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนขายฝากที่ดินตามหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๑๕๒๗ เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนโอนที่ดินและ
เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๘๔๔๑ ศาลอุทธรณภาค ๓ ไดมีคําพิพากษายืน ศาลจังหวัดเดชอุดม
อานคําพิพากษาศาลอุทธรณภาค ๓ เมื่อวันท่ี ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ ไมมีคูความฝายใดฎีกา
คดีถึงที่สุด โดยระบุวาคดีถึงที่สุดเมื่อวันท่ี ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ หลังจากน้ัน สํานักงานที่ดิน
จังหวัดอุบลราชธานี สาขาเดชอุดม ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๓ มกราคม ๒๕๕๔ แจงผูฟองคดีวา
นาย ส. ไดยื่นคําขอเพิกถอนนิติกรรมและเพิกถอนโฉนดท่ีดินตามคําพิพากษาดังกลาว จึงขอให
ผูฟองคดีนําโฉนดท่ีดินเลขที่ ๑๘๔๔๑ ไปสงมอบใหพนักงานเจาหนาท่ีภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่
ไดรับหนังสือ หากไมดําเนินการภายในกําหนดเวลาดังกลาว พนักงานเจาหนาที่จะดําเนินการ
ตามคําขอของนาย ส. โดยจะออกใบแทนใหนาย ส. ซึ่งจะมีผลใหโฉนดที่ดินฉบับที่ผูฟองคดี
ยึดถืออยูเปนอันยกเลิกโดยผลของกฎหมาย ผูฟองคดีเห็นวาการจดทะเบียนขายฝาก เม่ือวันท่ี
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดี (กรมที่ดิน) ไดทําการจดทะเบียนขายฝากดังกลาว
ตามอํานาจหนาท่ีตามกฎหมายทุกประการ เมื่อศาลจังหวัดเดชอุดมพิพากษาวาการจดทะเบียน
โอนที่ดินไมชอบดวยกฎหมาย หนังสือสัญญาขายฝากเปนเอกสารปลอม และการออกโฉนดที่ดิน
ไมชอบดวยกฎหมาย จึงเปนการกระทําละเมิดของเจาหนาท่ีตามกฎหมายทั้งส้ิน ทําใหผูฟองคดี
ไดรับความเสียหาย ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ขอใหผูถูกฟองคดี
พิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว เจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือดังกลาวไว
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ หลังจากนั้น ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒
แจงผลการพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนใหผูฟองคดีทราบวา การเพิกถอนนิติกรรมการ
จดทะเบียนโอนทด่ี ินและเพิกถอนโฉนดท่ีดินเลขที่ ๑๘๔๔๑ เปนการกระทําโดยชอบดวยกฎหมาย
ผูถ กู ฟองคดไี มจําตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแ กผูฟองคดีแตอยางใด พรอมแจงวาหากผูฟองคดี
ไมพอใจผลการพิจารณาดังกลาว สามารถใชสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองไดภายใน ๙๐ วัน
นับแตวันที่ไดรับหนังสือน้ี ผูฟองคดีไมเห็นพองดวย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือ
คําสั่งใหผูถูกฟอ งคดีชดใชคา เสยี หายใหแ กผูฟ องคดจี ํานวน ๒,๖๒๕,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรา
รอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวนดังกลาว นับถัดจากวันฟองคดีเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ
และใหผ ูถ กู ฟอ งคดีชําระคาธรรมเนียมศาลแทนผฟู อ งคดี

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิด
ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายและ
จากคําส่ังทางปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
เมื่อศาลอุทธรณภาค ๓ ไดมีคําพิพากษายืนตามคําพิพากษาศาลจังหวัดเดชอุดมเพิกถอน

แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๘๑

นิติกรรมการจดทะเบียนโอนที่ดินและเพิกถอนโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๘๔๔๑ คดีถึงท่ีสุดแลวเมื่อวันที่
๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ กรณีจึงถือไดวา ผูฟองคดีไดรูถึงการท่ีเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีกระทําละเมิด
ในการปฏิบัติหนาที่จดทะเบียนโอนที่ดินและออกโฉนดท่ีดินไมชอบดวยกฎหมาย จนเปนเหตุให
ศาลจังหวัดเดชอุดมและศาลอุทธรณภาค ๓ มีคําพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนโอนท่ีดิน
และเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๘๔๔๑ ดังกลาว และรูวาผูถูกฟองคดีจะตองชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกตนในวันท่ีคดีถึงท่ีสุด คือ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ ดังนั้น ผูฟองคดีชอบท่ีจะใชสิทธิ
เรียกรอ งโดยวิธีการยนื่ คําขอใหผูถกู ฟองคดีพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนไดภายในหน่ึงปนับแต
วนั ท่ี ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๓ อันเปน วนั ท่ถี ือวา ผฟู อ งคดีรูถึงการกระทําละเมิดและรูตัวผูจะพึงตองรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทน คือ ภายในวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ การท่ีผูฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี
๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ถงึ ผถู กู ฟอ งคดีขอใหพ จิ ารณาชดใชคา สินไหมทดแทนแกตนและมีเจาหนาท่ีรับไว
ในวันท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จึงเปนการยื่นคําขอใหผูถูกฟองคดีพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทน
เม่ือลวงพนระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดแลว แมตอมาผูถูกฟองคดีจะพิจารณาคําขอของผูฟองคดี
และมีหนังสือลงวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒ แจงปฏิเสธการชดใชคาสินไหมทดแทนและแจงสิทธิ
ใหผ ูฟองคดีนําคดีมาฟองตอ ศาลปกครองใหแกผูฟองคดีทราบก็ตาม ก็ไมทําใหการใชสิทธิเรียกรอง
คาสินไหมทดแทนท่ลี ว งพน ระยะเวลาทกี่ ฎหมายกาํ หนดแลว ขยายออกไปอกี เมื่อผูฟองคดีไมพอใจ
ผลการวินิจฉัยของผูถูกฟองคดีก็หามีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๑๑ ประกอบกับ
มาตรา ๑๔ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ไดอีก กรณีเชนนี้
ตองถือวาเปนการใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนเม่ือลวงพนระยะเวลาที่กฎหมายกําหนดแลว
ดังน้ัน การที่ผูฟองคดีไดยื่นฟองตอศาลปกครองช้ันตนเปนคดีน้ีเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๒
จึงเปนการยื่นคําฟองเม่ือพนระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดแลว อีกท้ัง ไมเขาเงื่อนไขท่ีศาลปกครองสูงสุด
อาจใชดุลพินิจรับคําฟองไวพิจารณาได ตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ประกอบกับขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓ สวนมาตรา ๖๑ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปนบทกฎหมายท่ีบังคับใช
ในกรณีที่ปรากฏขอเท็จจริงชัดเจนวา ไดมีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย
หรือมีการจดแจงเอกสารรายการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพยไปโดยคลาดเคล่ือนหรือไมชอบ
ดวยกฎหมาย มาตราดังกลาวจึงไดบัญญัติหลักเกณฑหรือวิธีการเพื่อใหเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดี
ดําเนินการเพิกถอนหรอื แกไขการจดทะเบยี นท่ีคลาดเคล่ือนหรอื ไมชอบดวยกฎหมายนั้นใหถูกตอง
ซ่ึงมิใชหลักเกณฑท่ีกําหนดเก่ียวกับการใชสิทธิเรียกรองขอใหหนวยงานของรัฐพิจารณาชดใช
คาสินไหมทดแทนความเสียหายที่เกิดข้ึนอันเกิดจากการดําเนินการของเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดี
แตอยางใด จึงแตกตางจากบทบญั ญัติมาตรา ๑๑ แหง พ.ร.บ. ความรบั ผดิ ทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ ท่บี ัญญัติหลักเกณฑในกรณที ี่ผเู สยี หายประสงคท่ีจะย่ืนคําขอใหหนวยงานของรัฐพิจารณา
ชดใชคา สินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแกตน ซึ่งแมกฎหมายจะมิไดบัญญัติไวอยางชัด
แจงวาผูเสียหายจะตองยื่นคําขอตอหนวยงานของรัฐใหพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับ
ความเสียหายที่เกิดแกตนภายในระยะเวลาใด แตก็เปนที่เห็นไดจากเหตุผลของเรื่องวาผูเสียหาย

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๘๒

ตองยื่นขอตอหนวยงานของรัฐภายในหนึ่งปนับแตวันท่ีรูถึงการละเมิดและรูตัวผูจะพึงตองใช
คาสินไหมทดแทน แตไมเกินสิบปนับแตวันทําละเมิดเชนเดียวกับการฟองคดีตอศาล
ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
เมื่อศาลไดมีคําส่ังไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ จึงไมตอง
พิจารณาคําขอยกเวนคาธรรมเนียมศาลของผูฟองคดแี ตอยางใด น้ัน ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดว ย

จงึ มคี ําสงั่ ยนื ตามคําส่ังของศาลปกครองชน้ั ตน
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๗๒/๒๕๖๓

ผูฟ องคดีท้ังสองฟองวา ผูฟองคดีทั้งสองเปนเจาของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดที่ดิน
เลขท่ี ๘๒๖๐๕ ตําบลบานใหม อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เนื้อท่ี ๓ งาน ๕๔ ตารางวา
ผูฟองคดีที่ ๑ ไดยื่นคําขอรังวัดสอบเขตท่ีดินตอเจาพนักงานท่ีดินจังหวัดนนทบุรี สาขาปากเกร็ด
โดยมีวัตถุประสงคตองการทราบจํานวนเนื้อที่เพื่อจะขายที่ดินทั้งแปลงใหแกนาย ช. ตอมา
สํานักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาปากเกร็ด ไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑
แจงใหนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ดทราบเพ่ือใหไประวังชี้แนวเขตที่ดิน เน่ืองจากท่ีดินของ
ผูฟองคดีทั้งสองท่ีขอรังวัดสอบเขตติดกับที่สาธารณประโยชน (ถนนศรีสมาน) ปรากฏผลการรังวัด
วาแนวเขตของถนนศรีสมานรุกลํ้าเขาไปในท่ีดินของผูฟองคดีท้ังสอง แตเพื่อใหการจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมกับบุคคลภายนอกเปนไปตามวัตถุประสงคตามสัญญาจะซ้ือจะขายเปนเหตุให
เมื่อวันท่ี ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ผูฟองคดีท้ังสองจําตองยินยอมแบงหักที่ดินตามผลการรังวัด
เปนถนนศรีสมาน การที่ผูฟองคดีทั้งสองยินยอมแบงหักท่ีดินเปนถนนศรีสมานมิไดเกิดจากเจตนา
ท่ีแทจริง แตเปนการแสดงเจตนาดวยภาวะจํายอมอันมิอาจหลีกเล่ียงได เน่ืองจากหากไมยินยอม
แบงหักเปนท่ีสาธารณประโยชน ผูถูกฟองคดี (เทศบาลนครปากเกร็ด) จะใชสิทธิคัดคานการรังวัด
เปนเหตุใหไมสามารถจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธ์ิที่ดินใหแก
บุคคลภายนอกภายในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเปนเง่ือนเวลาท่ีกําหนดไวในสัญญาจะซื้อจะขาย
อนั จะเปน เหตุใหผ ฟู อ งคดที ัง้ สองตกเปนผผู ดิ สญั ญาและตองรับผิดชดใชคาเสียหายใหแกบุคคลภายนอก
ผูฟองคดีทั้งสองจึงเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการกระทําของผูถูกฟองคดีที่จะตอง
รับผิดในผลแหงการกระทําละเมิดที่จะตองชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีทั้งสองขอใหศาลพิพากษา
หรือมีคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๔๐๒,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ในอัตรารอ ยละ ๗.๕ ตอป นบั ถดั จากวันฟองเปนตน ไปจนกวาจะชาํ ระเสร็จสิ้นใหแกผฟู อ งคดีทงั้ สอง

ศาลปกครองสงู สดุ วินจิ ฉัยวา เม่อื ผฟู อ งคดีท้ังสองอางวาการดําเนินการตามอํานาจ
หนาท่ีของผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนหนวยงานทางปกครองสงผลกระทบตอสิทธิของผูฟองคดีท้ังสอง
คดีน้ีจึงเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองอันเกิดจากการ
ใชอ ํานาจตามกฎหมาย ซึ่งอยูใ นอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ผูฟองคดีท้ังสองเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย
โดยมิอาจหลกี เลีย่ งไดอนั เนื่องจากการกระทาํ ของผถู ูกฟองคดีและการแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอน

แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๘๓

หรือเสียหายที่ผูฟองคดีไดรับนั้นจําตองมีคําบังคับตามท่ีกําหนดไวในมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๓)
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน โดยมีคําขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหาย ผูฟองคดีท้ังสองจึงเปน
ผูมสี ิทธฟิ องคดีตอ ศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และโดยท่ี
การฟองคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองอันเกิดจากการใชอํานาจ
ตามกฎหมาย นั้น ไมมีกฎหมายกําหนดข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอน
หรือเสียหายไวโดยเฉพาะ ผูฟองคดีทั้งสองจึงนําคดีมาฟองตอศาลปกครองไดโดยไมตอง
ดําเนินการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายกอนแตอยางใด ท้ังนี้ ตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีท้ังสองไดทราบวาที่ดินแปลงพิพาท
มีเน้ือท่ีลดลงเมื่อมีการรังวัดสอบเขตท่ีดินในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ ผูฟองคดีท้ังสองยอมรู
หรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีในคดีน้ีตั้งแตวันดังกลาว การท่ีผูฟองคดีทั้งสองนําคดีมายื่นฟอง
ตอศาลปกครองชั้นตนเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีภายในกําหนดระยะเวลา
หน่ึงปนับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
สวนประเด็นความยินยอมหรือแสดงเจตนาอุทิศหรือสละสิทธิในท่ีดินโดยผูฟองคดีท้ังสอง
ไดจดทะเบียนแบงหักที่ดินเปนที่สาธารณประโยชนไปแลวนั้น เปนประเด็นเน้ือหาแหงคดี
ที่ตอ งไปวา กลา วกันในภายหลงั จากที่ศาลมคี ําสง่ั รับคําฟองไวพิจารณาแลวตอไป ที่ศาลปกครองชั้นตน
มีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ พรอมทั้งใหคืน
คาธรรมเนยี มศาลทงั้ หมดแกผ ฟู อ งคดที งั้ สอง น้ัน ศาลปกครองสูงสุดไมเห็นพองดวย

จึงมีคําส่ังกลับคําสั่งของศาลปกครองช้ันตน เปนใหศาลปกครองชั้นตนรับคําฟอง
ไวพิจารณาเมื่อไดด ําเนนิ การเกี่ยวกับคาธรรมเนยี มศาลแลว
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๗๖/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๑๕
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๘๖/๒๕๖๓

ผูฟองคดี (กองทัพอากาศ) ฟองวา สํานักงานตรวจสอบภายในทหารอากาศ
ตรวจพบวาเงินรายรับจากการจัดสรรที่ดินอาคารสงเคราะหกองทัพอากาศ (ทอส.ทอ.) รุนที่ ๑๕
เมื่อมีการรับเงินจากผูซื้อท่ีดินจํานวน ๓๒ ราย ในชวงเวลาตั้งแตเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖
ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ (กรณีชําระเปนเงินสด) เจาหนาท่ีนําสงเงินเขาบัญชีไมครบถวน
โดยคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดมีความเห็นวา ผูถูกฟองคดี
ซึ่งเปนเจาหนาที่ในสังกัดของผูฟองคดี ขณะปฏิบัติหนาท่ีรับผิดชอบดูแลโครงการจัดสรรที่ดิน
อาคารสงเคราะหกองทัพอากาศ ไดรับเงินคาเชาซื้อท่ีดิน ทอส.ทอ. รุนที่ ๑๕ จากผูเชาซื้อท่ีดิน
บางรายแลวไมนําสงใหฝายการเงินกรมสวัสดิการทหารอากาศ พฤติการณของผูถูกฟองคดีถือเปน
การอาศัยโอกาสในการปฏบิ ตั ิหนา ทแ่ี สวงหาประโยชนท่ีมิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย เปนเหตุให
ผูฟองคดีไดรับความเสียหาย ผูถูกฟองคดีจึงตองรับผิดเต็มจํานวนความเสียหายเปนเงิน จํานวน
๑,๙๓๑,๗๖๒ บาท ผฟู อ งคดีจึงมีหนังสือเรียกใหผูถูกฟองคดีนําเงินคาเสียหาย พรอมดอกเบ้ียมาชําระ
แกผูฟองคดี ท้ังนี้ ผูฟองคดีไดรองทุกขตอพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจนครบาลสายไหมเพื่อให

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๘๔

ดําเนนิ คดอี าญากบั ผถู ูกฟองคดีแลว ผูฟองคดีจงึ นาํ คดมี าฟอ งขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให
ผูถูกฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีจํานวน๒,๒๘๘,๘๙๑.๒๑ บาท และใหผูถูกฟองคดี
ชําระดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงิน ๑,๙๓๑,๗๖๒ บาท นับถัดจากวันฟองเปนตนไป
จนกวา จะชาํ ระเสร็จใหแกผฟู อ งคดี

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิด
ของเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ เม่ือผูฟองคดีอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ออกคําสัง่ เรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ผูฟองคดีจึงอาจใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพยสินของผูถูกฟองคดี
และขายทอดตลาดตามมาตรา ๖๓/๗ ถึงมาตรา ๖๓/๑๔ แหง พ.ร.บ. วิธปี ฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ.
๒๕๓๙ แกไ ขเพิม่ เติม (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ อันเปนการกําหนดมาตรการหนึ่งเพ่ือใหไดรับชําระ
เงินโดยครบถวน เม่ือคําส่ังเรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี
เปนคําสั่งทางปกครองที่ใชเปนฐานในการใชมาตรการบังคับทางปกครองและผูถูกฟองคดีปฏิเสธ
ไมรบั ผิดชดใชค า สินไหมทดแทนตามคาํ สงั่ ดงั กลาว จึงเปนกรณีที่ผูฟองคดีมีขอขัดของในการบังคับ
ใชก ฎหมายในสว นทีเ่ กย่ี วกับการบังคับทางปกครองเพื่อใหเปนไปตามคําส่ังทางปกครอง ผูฟองคดี
ในฐานะเจาหน้ีในมูลละเมิดจึงมีความจําเปนตองใชสิทธิทางศาลเพ่ือขอบังคับตามสิทธิเรียกรอง
อันมีตอ ผถู ูกฟอ งคดตี ามคาํ สง่ั ทางปกครองของผฟู องคดี โดยขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดี ดังน้ัน ผูฟองคดีจึงเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดรอน
หรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดอันเนื่องจากการกระทําของผูถูกฟองคดีและการแกไข
หรือบรรเทาความเดือดรอนหรือความเสียหายนั้น ศาลปกครองมีอํานาจออกคําบังคับไดตามที่
กําหนดในมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดี
ตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และกรณีน้ีไมมีขั้นตอน
หรอื วธิ ีการสําหรับการแกไ ขหรอื บรรเทาความเดือดรอนหรือเสียหายตามที่กฎหมายกําหนดท่ีผูฟองคดี
ตองดําเนินการกอนย่ืนฟองคดีตอศาล ตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน
เมื่อคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดทําการสอบสวนกรณีที่ผูถูกฟองคดี
ปฏิบัติหนาที่ไมเปนไปตามระเบียบ ขอบังคับที่ทางราชการกําหนด อันสอไปในทางทุจริตดานการเงิน
และตอหนาท่ี โดยเปนผูรับเงินสดจากการผอนชําระคาเชาซื้อท่ีดินแลวไมนําสงใหฝายการเงิน
กรมสวัสดิการทหารอากาศ โดยนําไปใชประโยชนสวนตน เปนเหตุใหทางราชการไดรับความเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๑,๙๓๑,๗๖๒ บาท โดยไดมีหนังสือลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๑ รายงานผลการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตอผูบัญชาการทหารอากาศไทยซ่ึงเปนผูแตงตั้งและไดมีการลงนาม
รบั ทราบรายงานดังกลาวในวันท่ี ๑ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ กรณีจึงถือไดวาผูฟองคดีไดรูถึงการละเมิด
และรูตัวเจาหนาที่ผูพึงจะตองใชคาสินไหมทดแทนแลวตั้งแตวันท่ี ๑ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ และมีผล
ทําใหอายุความใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนสองปตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ.
ความรับผดิ ทางละเมิดของเจาหนา ที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ไมวาจะเปนการออกคาํ สง่ั ใหชดใชคาสินไหมทดแทน

แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๘๕

หรือการฟองคดีตอศาลเร่ิมนับต้ังแตเวลาน้ันเปนตนไป อยางไรก็ตาม การที่ผูฟองคดีมีคําสั่งลงวันท่ี
๙ ธนั วาคม ๒๕๖๑ ใหผูถ ูกฟองคดีชดใชค าสนิ ไหมทดแทนแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๑,๙๓๑,๗๖๒ บาท
ภายใน ๑๕ วนั นบั แตวนั ท่ไี ดร บั แจงคาํ ส่ัง ถอื เปนการกระทําอื่นใดอันมีผลเปนอยางเดียวกันกับการฟองคดี
และมผี ลทําใหอ ายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
เมื่อผูถูกฟองคดีไดรับแจงคําส่ังดังกลาวเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ อายุความการฟองคดีนี้
จงึ สะดดุ หยุดลงในวันดังกลา ว ผูถูกฟอ งคดีจึงตองชําระคาสินไหมทดแทนใหแ กผ ูฟองคดีใหเสร็จส้ิน
ภายในวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๒ แตเม่ือพนกําหนดเวลาดังกลาว ผูถูกฟองคดีเพิกเฉยไมชําระเงิน
ใหแกผูฟองคดี อายุความฟองคดีนี้จึงเริ่มนับใหมในวันรุงข้ึน คือ วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๒
และครบกําหนดสองปในวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๔ การที่ผูฟองคดีย่ืนฟองคดีน้ีเม่ือวันที่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ จึงเปนการย่ืนฟองคดีภายในกําหนดอายุความสองปนับแตวันท่ีเร่ิมนับ
อายุความใหมตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบกับมาตรา ๑๙๓/๑๕ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยแลว
ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
และใหคืนคา ธรรมเนยี มศาลท้งั หมดแกผูฟ องคดี น้ัน ศาลปกครองสูงสดุ ไมเ ห็นพองดวย

จึงมคี าํ สัง่ กลบั เปน ใหร ับคาํ ฟอ งไวพ ิจารณา และดาํ เนนิ กระบวนพจิ ารณาตามรปู คดีตอ ไป
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๘๘/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ ถึงผูถูกฟองคดี
(นาง ก.) เพ่ือขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหายในมูลละเมิดเปนเงินจํานวน ๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท
เนื่องจากผูฟองคดีซึ่งเปนสมาชิกสหกรณออมทรัพยตํารวจภูธร ภาค ๔ จํากัด ไดติดตอขอคัด
เอกสารสําเนาขอบังคับสหกรณออมทรัพยตํารวจภูธร ภาค ๔ จํากัด ฉบับที่ ๑ – ๓ โดยไดเจรจากับ
ผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาที่ของรัฐสังกัดสํานักงานสหกรณจังหวัดขอนแกน จนไดรับเอกสาร
ท่ีมนี ยั ทีไ่ มถูกตอง ซ่ึงผูฟองคดีเห็นวาเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือ
ของผูฟองคดีแลวแตเพิกเฉยไมนําเงินจํานวนดังกลาวชําระใหแกผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไดรับ
ความเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหาย
ใหแ กผูฟองคดเี ปน เงินจํานวน ๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท

ศาลปกครองสงู สุดวินจิ ฉยั วา คดนี ี้เปน พิพาทเกีย่ วกับการกระทําละเมิดของเจาหนาที่
ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายท่ีอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยผูฟองคดีกลาวอางวาผูถูกฟองคดีซ่ึงเปน
เจาหนาที่ของรัฐตามมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว กระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาท่ีโดยเปน
ผูรับเร่ืองการขอคัดเอกสารดังกลาวจากผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไดรับเอกสารที่มีนัยไมถูกตอง
เมื่อคดีนี้ ศาลปกครองชั้นตนไดมีคําส่ังใหผูฟองคดีช้ีแจงและแกไขตัวผูถูกฟองคดีใหถูกตองตามท่ี
กฎหมายกําหนด แตผูฟองคดียืนยันความประสงคท่ีจะฟองผูถูกฟองคดีซึ่งเปนเจาหนาที่ใหรับผิดในผล
แหงละเมิดเปนการสวนตัว โดยไมประสงคจะฟองหนวยงานของรัฐตนสังกัดของผูถูกฟองคดี ผูฟองคดี

แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๘๖

จึงไมอาจฟองผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาที่ของรัฐตอศาลปกครองไดตามมาตรา ๕ แหง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ศาลจึงไมอาจรับคําฟองนี้ไวพิจารณาได
ที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ นั้น
ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพองดวย

จงึ มคี าํ สง่ั ยืนตามคาํ ส่ังของศาลปกครองชน้ั ตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ. ๑๐๐/๒๕๖๓

ผูฟองคดี (กรมท่ีดิน) ฟองวา ผูถูกฟองคดีขณะดํารงตําแหนงเจาหนาที่การเงิน
และบัญชีชาํ นาญงาน สาํ นกั งานทด่ี ินจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ไดปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบ
ในลักษณะทุจริตดวยการนําเงินของทางราชการไปใชจังหวัดพิษณุโลกไดมีคําสั่งแตงต้ังคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ โดยผลปรากฏวา ขณะผูถูกฟองคดีดํารงตําแหนง
เจาหนาท่ีการเงินและบัญชีชํานาญงาน สํานักงานท่ีดินจังหวัดพิษณุโลก อาศัยโอกาสในการปฏิบัติหนาท่ี
แสวงหาประโยชนโดยมิชอบดวยกฎหมาย กระทําการโดยทุจริตยักยอกเงินของทางราชการ
ซ่ึงการกระทาํ การทุจริตในครั้งน้ีมีเหตุอันนาเชื่อวาเกิดจากการกระทําของผูถูกฟองคดีเพียงผูเดียว
ไมมีผูใดมสี วนรเู ห็น แตเนือ่ งจากผูถูกฟองคดีไดหายตัวไป เจาหนาที่ผูมีสวนเก่ียวของกับกรณีดังกลาว
จํานวน ๔ คน จึงไดรวมกันรับผิดชดใชเงินท่ีผูถูกฟองคดีทุจริตยักยอกไปคืนแกทางราชการเต็มจํานวน
ตอมา จังหวัดพิษณุโลกไดรายงานความเสียหายท่ีเกิดข้ึนใหกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ทราบ
ซึง่ กรมบัญชีกลางไดแจงผลการพจิ ารณาวา เมอื่ เจาหนา ทที่ ีเ่ ก่ียวของไดนําเงนิ มาชดใชค วามเสียหายครบถวนแลว
จงึ ใหย ตุ ิความรับผดิ ทางละเมดิ สาํ หรับเจาหนาทที่ เี่ กย่ี วขอ ง แตเน่ืองจากความเสียหายเกิดจากเหตุทุจริต
ของผถู ูกฟอ งคดี ผถู กู ฟอ งคดีจึงตอ งชดใชค า สนิ ไหมทดแทนเตม็ จํานวน พรอมทั้งรับผิดในสวนของดอกเบ้ีย
ตอมาผูฟองคดีไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๒ ใหผูถูกฟองคดีนําเงินคาสินไหมทดแทน
จํานวน ๑,๘๖๐,๙๕๗ บาท พรอมดอกเบ้ียของตนเงินดังกลาว นับต้ังแตกระทําการทุจริต คือวันที่
๑๕ กันยายน ๒๕๖๐ จนกวาจะชําระเสร็จ มาชําระ แตเม่ือครบกําหนดแลว ไมปรากฏวาผูถูกฟองคดี
นําเงนิ มาชดใชใหแกผูฟอ งคดี ผูฟ อ งคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมคี ําพพิ ากษาหรือคําสงั่ ใหผถู ูกฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๒,๑๗๐,๖๙๑.๖๓ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
นับถัดจากวนั ฟองเปนตน ไปจนกวาจะชาํ ระเสรจ็ แกผ ฟู อ งคดี

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของ
เจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ เม่ือผูฟองคดีอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ออกคําส่ังเรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน แมผูฟองคดี
อาจใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพยสินของผูถูกฟองคดีและขายทอดตลาด
ตามมาตรา ๖๓/๗ ถึงมาตรา ๖๓/๑๔ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ไดก็ตาม แตเม่ือผูฟองคดีใชสิทธิเรียกรองโดยการออกคําสั่ง
ทางปกครองเรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน แตผูถูกฟองคดีเพิกเฉย ผูฟองคดี

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๘๗

จึงยน่ื ฟองคดตี อ ศาลปกครอง ขอใหผถู กู ฟองคดีชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแ กผ ฟู อ งคดี จึงเปนกรณี
ท่ีผูฟองคดีมีขอขัดของในการบังคับใชกฎหมายในสวนท่ีเกี่ยวกับการบังคับทางปกครองเพื่อให
เปนไปตามคําส่ังทางปกครอง ผูฟองคดีในฐานะเจาหน้ีในมูลละเมิดจึงมีความจําเปนตองใชสิทธิ
ทางศาล เพื่อขอบังคับตามสิทธิเรียกรองอันมีตอผูถูกฟองคดีโดยขอใหผูถูกฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทน ซึ่งเปนคาํ ขอทศี่ าลปกครองมีอาํ นาจออกคําบังคบั ใหไ ดต ามท่กี ําหนดในมาตรา ๗๒
วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครอง
ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และกรณีนี้ไมมีข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับ
การแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอนหรือเสียหายตามที่กฎหมายกําหนดท่ีผูฟองคดีตองดําเนินการ
กอ นยน่ื ฟอ งคดีตอ ศาลตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พระราชบัญญัติเดียวกัน เมื่อปรากฏวาผูถูกฟองคดี
ซ่ึงเปนเจาหนาที่ปฏิบัติหนาท่ีดานการเงิน สังกัดผูฟองคดี ปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบในลักษณะทุจริต
และสอไปในทางนําเงินของราชการไปใชเปนประโยชนสวนตัวเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๐
โดยการกระทําของผูถูกฟองคดีเปนการกระทําอันเปนความผิด ตามมาตรา ๑๔๗ แหงประมวล
กฎหมายอาญา ซ่ึงบัญญัติใหตองระวางโทษจําคุกตั้งแตหาปถึงย่ีสิบป หรือจําคุกตลอดชีวิต
โดยอัตราโทษสูงสุด คือ ใหจําคุกตลอดชีวิต คดีอาญาจึงมีอายุความในการดําเนินคดียี่สิบป
ตามมาตรา ๙๕ (๑) แหงประมวลกฎหมายอาญา เมื่อผูฟองคดีซึ่งเปนผูเสียหายโดยตรงจาก
การกระทําดังกลาวย่ืนฟองคดีตอศาล ขอใหผูถูกฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหาย
ในมูลละเมดิ อนั เปนความผิดที่มีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา อายุความในการใชสิทธิเรียกรอง
คาสินไหมทดแทนตามกรณีพิพาทนี้ จึงเปนไปตามมาตรา ๔๔๘ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย โดยขณะที่ผูฟองคดยี ื่นฟองคดนี ี้ ยงั ไมมีการฟองผถู กู ฟองคดเี ปน คดีอาญาในฐานความผิด
ดังกลาว สิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนของผูฟองคดีตามกรณีพิพาทน้ีจึงยอมระงับไปตามกําหนดเวลา
ดังที่บัญญัติไวในประมวลกฎหมายอาญาเรื่องอายุความฟองคดีอาญาตามมาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง
แหงประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ผูฟอ งคดีจึงชอบท่ีจะใชสิทธิเรียกรองใหผูถูกฟองคดี
ชดใชคา สนิ ไหมทดแทนกรณีทุจริตนําเงินของราชการนําไปใชเปนประโยชนสวนตัวภายในกําหนด
อายุความทางอาญา คือ ภายในย่ีสิบปนับแตวันท่ีผูถูกฟองคดีไดกระทําละเมิดตอผูฟองคดี การที่
ผูฟองคดียื่นฟองคดีตอศาลเม่ือวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีตอศาลภายใน
อายคุ วามยี่สบิ ป ตามมาตรา ๔๔๘ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ประกอบกับ
มาตรา ๕๑ แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับ
คําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ คืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดใหแก
ผฟู องคดี น้นั ศาลปกครองสงู สดุ ไมเห็นพอ งดว ย

จงึ มีคาํ สัง่ กลับ เปนใหรบั คําฟองไวพ ิจารณา พิพากษาตอไป
คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๑๐๒/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดท่ีดินเลขที่
๖๓๕๒๑ ตาํ บลปทุม อําเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พรอมบานปูนช้ันเดียวจํานวน

แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๘๘

๑ หลัง ไดรับความเดือดรอนเสียหายเน่ืองจากเม่ือชวงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผูถูกฟองคดีที่ ๑
(เทศบาลตําบลปทมุ ) โดยราน ว. ผรู บั จา ง ไดเ ขาดําเนินการกอสรางตามโครงการวางทอระบายนํ้า
ไดใ ชร ถแบคโฮขุดดนิ ลึกประมาณ ๒ เมตร ตามแนวกําแพงปูนหนาบานของผูฟองคดีเพ่ือวางทอระบายนํ้า
ทําใหใชรถแบคโฮขุดดินลงตามแนวขุดดินพังเสียหายความยาวประมาณ ๓๐ เมตร ซ่ึงเจาหนาท่ี
ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดเขาตรวจสอบกรณีดังกลาวหลายคร้ัง แตไมไดดําเนินการซอมแซมกําแพง
บานใหแกผูฟองคดีแตอยางใด ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ยื่นคําขอตอ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เพ่ือใหพิจารณาคาสินไหมทดแทนเบื้องตน จํานวน ๓๐,๐๐๐ บาท ตอมา
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (นายกเทศมนตรีตําบลปทุม) ไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ แจงวา
การกระทําดงั กลาวไมมีเจาหนาทีข่ องผถู กู ฟอ งคดีที่ ๑ เกี่ยวของ จึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งสอง
รว มกันชดใชค า สินไหมทดแทนเปนเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
นับต้ังแตวันทําละเมิด (วันท่ี ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) ถึงวันฟองคดี วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๒
เปนเงิน ๑๒,๔๗๙ บาท รวมเปนเงิน ๑๓๒,๔๗๙ บาท ใหแกผูฟองคดี และใหผูถูกฟองคดีท้ังสอง
ชําระดอกเบย้ี ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ใหแ กผฟู องคดี ตัง้ แตว นั ฟอ งคดจี นกวาจะชําระเสรจ็ สิน้

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีผูฟองคดีไดย่ืนคําขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี อันเปนกรณีท่ีผูฟองคดีเลือกที่จะใชสิทธิย่ืนคําขอตอหนวยงาน
ของรัฐเพื่อใหพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแกตนตามมาตรา ๑๑
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๒ พิจารณา
คําขอน้ันแลวเห็นวาตนไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงมี
หนังสือแจงปฏิเสธการชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหผูฟองคดีทราบ โดยผูฟองคดีไดรับ
หนังสือดังกลาวเม่ือวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ แตผูฟองคดีไมพอใจในผลการวินิจฉัยดังกลาว
จึงนาํ คดีมาฟองขอใหผูถูกฟองคดที ั้งสองรวมกันชาํ ระคาสนิ ไหมทดแทนใหแ กผ ฟู อ งคดี กรณีจึงเปน
คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ และโดยท่ีตามมาตรา ๑๑
ประกอบมาตรา ๑๔ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ไดกําหนด
ระยะเวลาการฟองคดีกรณีนี้ไวเปนการเฉพาะ ผูฟองคดีจึงตองใชสิทธิฟองคดีน้ีตอศาลภายใน
เกาสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจงผลการวินิจฉัยจากผูถูกฟองคดีที่ ๑ กลาวคือ ผูฟองคดีตองฟองคดี
ตอศาลภายในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ แตเน่ืองจากวันดังกลาวเปนวันเสารซ่ึงเปน
วันหยุดราชการ ผูฟองคดีจึงตองนําคดีมาฟองตอศาลภายในวันท่ี ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ อันเปน
วนั เรมิ่ ทําการใหมตอ จากวันหยดุ ทาํ การนน้ั ตามมาตรา ๑๙๓/๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
การท่ีผูฟองคดีฟองคดีนี้ตอศาลเม่ือวันท่ี ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีเมื่อพนกําหนด
ระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๑๑ ประกอบมาตรา ๑๔ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว ท้ังการฟองคดีน้ีเปนไปเพื่อประโยชนเฉพาะตัวของผูฟองคดี
เทาน้ัน มิใชการฟองคดีที่เก่ียวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคลที่ผูฟองคดี

แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๘๙

จะย่ืนฟองเม่ือใดก็ได ตามมาตรา ๕๒ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ อีกทั้ง
กรณีไมอาจถือวาการฟองคดีน้ีเปนประโยชนแกสวนรวม หรือมีเหตุจําเปนอ่ืนท่ีศาลจะรับคําฟอง
ไวพิจารณาตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ศาลจึงไมอาจรับคําฟองนี้
ไวพิจารณาได ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจาก
สารบบความ กบั ทั้งใหค นื คาธรรมเนยี มศาลท้ังหมดแกผฟู องคดี น้ัน ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดวย

จงึ มีคาํ สง่ั ยืนตามคําส่งั ของศาลปกครองชนั้ ตน
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ. ๑๑๒/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา เดิมผูฟองคดีเปนเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดี (สํานักงาน
หลักประกันสุขภาพแหงชาติ) ตอมา ผูถูกฟองคดีไดมีคําส่ังใหผูฟองคดีออกจากงานเพราะเหตุ
เกษียณอายุ โดยใหมีผลต้ังแตวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ ๒๕๖๐ ตามคําสั่งลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ ๒๕๖๐
แตผูถูกฟองคดีไมยอมจายเงินคาชดเชยหรือประโยชนตอบแทนใหแกผูฟองคดี ผูฟองคดีไดมีการ
ติดตามทวงถามเปนหนังสือลงวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ แตผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี
๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ แจง ปฏิเสธการจา ยเงินคาชดเชยใหแกผฟู องคดี ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี
๑๗ มถิ ุนายน ๒๕๖๒ อุทธรณคําส่ังตอคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแหงชาติ ซึ่งคณะกรรมการฯ
มมี ติใหยกอทุ ธรณข องผฟู อ งคดี ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ แจงผลการพิจารณา
อุทธรณใหผูฟองคดีทราบ ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับผลการพิจารณาอุทธรณดังกลาว จึงนําคดีฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดียกเลิกคําส่ังท่ีปฏิเสธการจายเงินคาชดเชยใหแก
ผูฟองคดี ตามหนังสือลงวันท่ี ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และใหผูถูกฟองคดีจายเงินคาชดเชยหรือ
ประโยชนต อบแทนในลกั ษณะเดยี วกนั ใหแกผฟู อ งคดี เปนเงินจํานวน ๑,๗๐๑,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ในอัตรารอยละ ๑๕ ตอป ของตนเงินดังกลาวนับถัดจากวันผิดนัด (วันท่ีผูถูกฟองคดีปฏิเสธ
การจายเงินคาชดเชยใหผูฟองคดี คือ วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เปนตนไปจนถึงวันที่ผูถูกฟองคดี
จา ยเงนิ จาํ นวนดงั กลาว

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้ผูฟองคดีโตแยงวาผูถูกฟองคดีมีหนาท่ีในการ
จายเงินคาชดเชยการเลิกจางกรณีเกษียณอายุใหแกผูฟองคดีตามกฎหมายคุมครองแรงงาน การที่
ผูถกู ฟอ งคดีละเลยไมจายเงินคาชดเชยดังกลาวใหแ กผ ูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอน
หรือเสียหาย จงึ เปนคดพี ิพาทเกย่ี วกบั การกระทําละเมดิ ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ
อันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓)
แหง พ.ร.บ. จดั ตั้งศาลปกครองฯ เม่ือผูฟองคดีพนจากการเปนเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีเนื่องจาก
เกษียณอายุเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ ๒๕๖๐ ตามคําส่ังสํานักงานหลักประกันสุขภาพแหงชาติ
ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ ๒๕๖๐ ซ่ึงผูฟองคดีเห็นวาผูถูกฟองคดีจะตองจายคาชดเชยการเลิกจาง
ใหแกผูฟองคดีตามกฎหมายคุมครองแรงงาน แตหลังจากผูฟองคดีเกษียณอายุกลับไมมีการจายเงิน
ดงั กลาวใหแ กผ ฟู องคดี จงึ ถอื ไดว า ผฟู องคดรี หู รือควรรูถึงเหตแุ หงการฟอ งคดนี ับแตวันถัดจากวันที่
ผูฟองคดีเกษียณอายุราชการ คือ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๐ ผูฟองคดีจึงสามารถย่ืนฟองคดี

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๙๐

เพ่ือเรียกรองคาชดเชยไดนับแตวันดังกลาว และตองฟองคดีภายในหนึ่งปนับแตวันดังกลาว
คือ ภายในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ ตามนัยมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ดังน้ัน
การท่ผี ฟู องคดยี ื่นฟองคดตี อ ศาลปกครองช้นั ตนทางไปรษณยี ลงทะเบยี นเม่ือวนั ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
จึงเปนการย่ืนฟองเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี ศาลจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดี
ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบขอ ๓๐ วรรคสอง ของ
ระเบยี บของทปี่ ระชมุ ใหญฯ วา ดว ยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ เมอื่ กรณีนี้มิไดมีกฎหมาย
กําหนดใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐตองออกคําส่ังทางปกครองเพื่อจายคาชดเชย
ใหแกผูฟองคดี ดังน้ัน หนังสือลงวันท่ี ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ท่ีแจงปฏิเสธการจายเงินคาชดเชย
ใหแกผูฟอ งคดี จงึ มิไดม สี ถานะเปน คาํ ส่งั ทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แตอยางใด การที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองของผูฟองคดี
ไวพจิ ารณา และใหจ าํ หนา ยคดีออกจากสารบบความ น้ัน ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พอ งดว ย

จึงมีคาํ สั่งยืนตามคําส่ังของศาลปกครองช้นั ตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๑๗/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูผานการคัดเลือกเขาเปนนักศึกษาในหลักสูตร
วทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ (สาธารณสขุ ศาสตร) วชิ าเอกการบริหารโรงพยาบาล (หลักสูตรภาคปกติ)
ภาคการศึกษาท่ี ๑/๒๕๕๕ ของผูถูกฟองคดี (มหาวิทยาลัยมหิดล) ไดรับความเดือดรอนเสียหาย
จากการที่ผูถูกฟองคดีไมสามารถเปดการเรียนการสอนหลักสูตรดังกลาวได ทําใหในปการศึกษา
๒๕๕๖ ผูฟองคดีตองยายไปศึกษาในวิชาเอกการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (หลักสูตรภาคพิเศษ)
ที่มีคาใชจายสูงข้ึน และไมมีการเปล่ียนแปลงรหัสนักศึกษาใหมใหผูฟองคดี ทําใหระยะเวลา
การศึกษาของผูฟองคดีสั้นลง นอกจากนี้ อาจารยที่ปรึกษาไดกําหนดวันสอบปองกันวิทยานิพนธ
ใหผ ูฟอ งคดลี าชา กวานกั ศกึ ษารายอ่ืน ทัง้ อาจารยท ปี่ รึกษายงั ทําใหเ กดิ อปุ สรรคท่ีสงผลตอการสอบ
ปอ งกันวิทยานพิ นธของผูฟองคดี จนผูฟองคดีไมสามารถสอบปองกันวิทยานิพนธได นอกจากน้ัน
ในระหวางการศึกษาผูฟองคดียังถูกนาย ป. ซ่ึงเปนเจาหนาท่ีท่ีปฏิบัติงานในคณะแพทยศาสตร
โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งเปนหนวยงานในสังกัดของผูถูกฟองคดีกลั่นแกลง กลาวคือ นาง พ.
ผูที่ไมพอใจและเอาเรื่องสวนตัวซ่ึงไมมีมูลความจริงของผูฟองคดีไปเผยแพรในคอมพิวเตอร
ผานแอปพลิเคชั่นเฟซบุก และนาย ป. ไดเผยแพรขอความหม่ินประมาทเพิ่มมากข้ึน ทําใหผูฟองคดี
เส่ือมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลอ่ืน สงผลใหผูฟองคดีเกิดความเครียด
จนไมสามารถศึกษาตอได ทั้งเจาหนาที่ตํารวจสถานีตํารวจนครบาลพญาไทรวมกับนาย ป.
กลั่นแกลงผูฟองคดีโดยเจตนาทําสํานวนคดีท่ีผูฟองคดียื่นฟอง นาง พ. อยางขาดความรัดกุม
และปฏิบัติหนาท่ีโดยมีลักษณะเปนการเลือกปฏิบัติที่ไมเปนธรรมตอผูฟองคดี ตอมาในวันที่
๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ผูฟองคดีไดรับแจงจากเจาหนาท่ีบัณฑิตวิทยาลัยวา ผูถูกฟองคดีมีคําส่ังลงวันที่
๑๔ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ ใหผูฟองคดีพนสภาพการเปนนักศึกษา เน่ืองจากผูฟองคดีไมสงเอกสาร
ลงทะเบียนเรียนและ/หรือไมชําระคาธรรมเนียมการศึกษา และไมสามารถสําเร็จการศึกษา

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๙๑

ตามระยะเวลาการศึกษาที่กําหนด ผูฟองคดีมิไดอุทธรณคําสั่งดังกลาว ซ่ึงผลจากการท่ีผูฟองคดี
ถูกอาจารยที่ปรึกษากล่ันแกลง มีอคติ และเลือกปฏิบัติตอผูฟองคดีเปนเหตุใหผูฟองคดี
ไดร ับความเสยี หายตองเสียเงินเปนคาเลาเรียน คาอุปกรณการศึกษา คาท่ีพัก คาเดินทางมาศึกษา
คา ทาํ วิทยานพิ นธ และคา ใชจ า ยอ่ืนๆ รวมทั้งเสียโอกาสในการไดทํางานตามวุฒิการศึกษาดังกลาว
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายทั้งหมด
ท่ีเกิดขึ้นเปนเงิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท พรอมท้ังคาเสียโอกาสเปนหน่ึงเทาของคาการศึกษาเปนเงิน
๖๐๐,๐๐๐ บาท แกผูฟองคดี ใหผูถูกฟองคดีดําเนินการทางวินัยกับนาย ป. พรอมกับชดเชยเยียวยาจิตใจ
ของผูฟ องคดีและครอบครัวจากการถกู กลนั่ แกลงรวมกับเจาหนา ทีต่ าํ รวจ เปน เงนิ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
และใหผ ถู กู ฟอ งคดดี ําเนนิ การทางวินัยกบั ผูท ี่เก่ียวของจากการขาดจรรยาบรรณอาจารย

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิด
ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาที่ตามท่ีกฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ เม่ือขอเท็จจริงไมปรากฏวา ผูฟองคดีไดรับความเสียหายจาก
การท่ีอาจารยท่ีปรึกษาวิทยานิพนธและอาจารยประจําหลักสูตรกระทําละเมิดตอผูฟองคดีในการ
สอบปอ งกันวิทยานิพนธเมอ่ื ใด แตก พ็ ออนุมานไดวาอยางชาที่สุดไดแกวันที่ครบกําหนดระยะเวลา
การศึกษาสูงสุดในหลักสูตรที่ผูฟองคดีศึกษาน่ันเอง และเมื่อขอเท็จจริงปรากฏตามจดหมาย
อิเล็กทรอนิกสของหัวหนางานบริการการศึกษา ลงวันท่ี ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ แจงตอผูฟองคดีวา
ผูฟองคดีมีระยะเวลาการศึกษาสูงสุดในหลักสูตร ๕ ปการศึกษา ส้ินสุดวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ดังนั้น เมื่อถึงวันดังกลาวหากผูฟองคดีไมจบการศึกษาตามหลักสูตร อันเนื่องมาจากการปฏิบัติ
หนาท่ีลาชาของอาจารยที่ปรึกษาวิทยานิพนธในการสอบปองกันวิทยานิพนธของผูฟองคดี
และจากการไมชําระคาธรรมเนียมการศึกษาตามท่ีงานบริการการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย ทวงถาม
ผฟู อ งคดีจึงตองยื่นฟองคดีนี้ภายในหน่ึงปนับแตวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ การท่ีผูฟองคดีนําคดี
มายื่นฟองตอศาลปกครองชั้นตนเม่ือวันท่ี ๑ มีนาคม ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีเมื่อพนระยะเวลา
หนึ่งปนับแตวันท่ีผูฟองคดีรูหรือควรรูเหตุแหงการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้ง
ศาลปกครองฯ อีกทั้งคําฟองขอหาน้ีเปนการฟองคดีเพ่ือประโยชนสวนตัวของผูฟองคดีเทาน้ัน
มิใชการฟองคดีที่เกี่ยวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคลท่ีจะยื่นฟองคดี
เม่ือใดก็ได รวมทั้งการฟองคดีมิไดเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอ่ืนท่ีศาลจะรับคําฟองนี้
ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบกับขอ ๓๐ วรรคสอง
แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ นอกจากน้ี
เมื่อพิจารณาถึงการกระทําของนาย ป. ตามท่ีผูฟองคดีกลาวอางในคําฟองและคําอุทธรณวา
ไดกลั่นแกลงผูฟองคดีหลายประการ รวมถึงการเผยแพรขอความลงในคอมพิวเตอร
ผานแอปพลิเคชันเฟซบุกเพ่ือประจานผูฟองคดี ซ่ึงหากนาย ป. มีพฤติกรรมตามที่ผูฟองคดี
กลาวอางจริง ก็เปนการกระทําในฐานะสวนตัวมิใชในฐานะท่ีเปนเจาหนาที่ของรัฐท่ีใชอํานาจ
ทางปกครองแตอยางใด ความเสียหายจากการกระทําของนาย ป. ดังกลาวจึงไมอยูในอํานาจ

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๙๒

พิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามนัยมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
สวนกรณีที่ผูฟองคดีกลาวอางถึงเจาหนาที่ตํารวจสถานีตํารวจนครบาลพญาไทรวมกับนาย ป.
กลั่นแกลงผูฟองคดีโดยเจตนาทําสํานวนคดีของผูฟองคดีขาดความรัดกุมและปฏิบัติหนาท่ีโดยมี
ลักษณะเปนการเลือกปฏิบัติที่ไมเปนธรรมตอผูฟองคดี น้ัน เมื่อเจาหนาที่ตํารวจสถานีตํารวจ
นครบาลพญาไทมิใชเจาหนาที่ในสังกัดของผูถูกฟองคดี ผูฟองคดีจึงไมมีสิทธิฟองผูถูกฟองคดีให
ชดใชคาเสียหายจากการปฏิบัติหนาท่ีของเจาหนาท่ีดังกลาวตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีจึงมิใชผูท่ีจะมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครอง
ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟอง
คดีนไ้ี วพจิ ารณาและใหจําหนายคดอี อกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดวยในผล

จึงมีคาํ สง่ั ยืนตามคําส่ังของศาลปกครองชั้นตน
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๑๙/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดี
(กรมทางหลวง) ไมดูแลบํารุงรักษาทางหลวงตามอํานาจหนาท่ีโดยเมื่อวันท่ี ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๓
เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ นาฬกิ า ผูฟ อ งคดีไดขับรถยนตจากกรุงเทพมหานครเพอื่ ไปยังอําเภอเมืองสระแกว
จังหวัดสระแกว เมื่อมาถึงถนนทางหลวงหมายเลข ๓๓ ชวงกิโลเมตรท่ี ๑๕๐ ถึง ๑๕๑ ถนนสุวรรณศร
ตําบลบานพระ อําเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ไดมีกิ่งไมประดูที่มีสภาพผุกลวงหักขวางถนน
ผูฟองคดีจึงขับรถหลบกิ่งไมจนชนกับตนไมประดูขางทางเปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับอันตรายสาหัส กระดูก
ตนคอหัก ๓ ทอน ทุพพลภาพ อัมพาต เคลื่อนไหวรางกายไมไดตลอดชีวิตจนถึงปจจุบันเปนเวลากวา ๙
ปเศษ แพทยผูรักษาแจงวาไมสามารถรักษาใหหายเปนปกติได ซึ่งผูฟองคดีเห็นวา ผูถูกฟองคดี
มีหนาที่บํารุงรักษาทางหลวงเพ่ือใหเกิดความปลอดภัยกับผูใชทางตาม พ.ร.บ. ทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕
การท่ีผูถูกฟองคดีไมไดดําเนินการปองกันอุบัติเหตุท่ีอาจจะเกิดขึ้นกับผูใชถนนตามอํานาจหนาท่ี
ยอมเปนการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติซึ่งการกระทําดังกลาวเปนเหตุให
ผูฟองคดีไดรับความเสียหาย คิดเปนคาใชจายในการรักษาพยาบาล คาเดินทางและคาใชจายอื่นๆ
รวมเปนเงิน ๑๑,๕๒๗,๗๒๖.๐๕ บาท จงึ เปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีตองรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทน ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดี
ชดใชค าเสียหายเปนเงนิ ทง้ั ส้ิน ๑๑,๕๒๗,๗๒๖.๐๕ บาท พรอมดอกเบยี้

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของ
หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาท่ีดังกลาวลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓ )
แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ซ่ึงผูฟองคดีจะตองยื่นฟองภายในหน่ึงปนับแตวันที่รูหรือควรรู
ถึงเหตุแหงการฟองคดี แตไมเกินสิบปนับแตวันที่มีเหตุแหงการฟองคดี ตามมาตรา ๕๑
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เม่ือเหตุละเมิดเกิดข้ึนเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๓ กรณีจึงถือวา
วันดังกลาวเปนวันที่ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้แลว ผูฟองคดีจึงตองนําคดี

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๙๓

มาฟองตอศาลภายในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาลปกครอง
เม่ือวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓ จึงเปนการย่ืนฟองคดีเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี อีกทั้ง
คดีนี้เปนการฟองขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี มิใชการฟองคดีเก่ียวกับการคุมครอง
ประโยชนสาธารณะ หรือสถานะของบุคคล ทั้งไมปรากฏวามีเหตุจําเปนอื่นที่เปนอุปสรรคขัดขวาง
ไมใ หผฟู องคดสี ามารถย่นื ฟอ งคดีนี้ตอศาลปกครองภายในระยะเวลาที่กฎหมายกาํ หนด เพราะผูฟองคดี
สามารถมอบอํานาจใหบุคคลอื่นมาฟองคดีแทนไดกอนครบกําหนดระยะเวลาตามที่กฎหมาย
กําหนดไดอยูแลว ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองนี้ไวพิจารณาตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณาและจําหนายคดี
ออกจากสารบบความ นัน้ ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดว ย

จงึ มคี าํ สง่ั ยนื ตามคาํ สัง่ ของศาลปกครองชั้นตน
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ. ๑๒๔/๒๕๖๓

ผูฟองคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา ผูวาราชการจังหวัดปทุมธานีไดมีคําส่ังแตงต้ัง
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด สืบเน่ืองจากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุด
ไดมีคําพิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่ อ. ๖๐๒/๒๕๖๑ วา ผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาที่
ของผูฟองคดีรังวัดสอบเขตที่ดินของนาง ม. โดยไมชอบดวยกฎหมาย เนื่องจากกระทําโดยปราศจาก
ความระมัดระวังในการตรวจสอบตําแหนงท่ีตั้งที่ดินจากระวางแผนท่ีภาพถายทางอากาศและโฉนดท่ีดิน
ทําใหรังวัดท่ีดินผิดแปลงไป เปนเหตุใหนาง ม. จางชางซอมแซมและตอเติมทาวนเฮาสในที่ดิน
ของบุคคลอ่ืน ผูฟองคดีซึ่งเปนหนวยงานของรัฐจึงตองรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นตอนาง ม.
โดยศาลปกครองสูงสุดพิพากษาใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกนาง ม. เปนเงิน
๒๔๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป และผูฟองคดีไดชําระเงินตาม
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดแลวเม่ือวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ เปนเงิน ๔๐๒,๐๐๐ บาท
ซ่ึงผูวาราชการจังหวัดปทุมธานีไดวินิจฉัยแลวเห็นชอบกับความเห็นของคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงฯ วา การปฏิบัติหนาท่ีของผูถูกฟองคดีมิไดกระทําดวยความจงใจหรือประมาท
เลินเลออยางรายแรง จึงไมตองรับผิด ผูฟองคดีมีหนังสือแจงใหจังหวัดปทุมธานีนําคําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดดังกลาวไปประกอบสํานวนการสอบสวนเพื่อวินิจฉัยส่ังการและรายงานให
กระทรวงการคลังพิจารณา ตอมา จังหวัดปทุมธานีไดมีหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพ่ือรายงาน
ผลการพจิ ารณาซ่งึ ไดท บทวนความเห็นเดิมแลว เหน็ วา ผูถูกฟอ งคดีปฏิบตั ิหนาที่ดวยความประมาท
เลินเลออยางรายแรง จากน้ัน ผูฟองคดีเห็นวา อายุความในการใชสิทธิไลเบี้ยเจาหนาที่ใกลจะ
ครบกําหนด แตยังไมไดรับแจงผลการพิจารณาจากกระทรวงการคลัง ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือ
ลงวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๒ เรียกใหผูถูกฟองคดีนําเงินจํานวน ๔๐๒,๐๐๐ บาท ชําระแกผูฟองคดี
ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันท่ีไดรับแจงคําสั่ง ผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือแลวไมนําเงินมาชดใช
คาสินไหมทดแทน ตอมา กรมบัญชีกลางพิจารณาแลวเห็นวา ผูถูกฟองคดีปฏิบัติหนาที่ดวย
ความประมาทเลินเลออยางรายแรง จึงใหรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๒๔๐,๐๐๐ บาท

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๙๔

พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาว นับแตวันถัดจากวันท่ี ๒๘ กันยายน
๒๕๕๒ จนถึงวนั ทศี่ าลปกครองมีคําพิพากษา (วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๕) คิดเปนดอกเบี้ยจํานวน
๔๑,๕๒๓.๒๙ บาท รวมเปนเงินทั้งสิ้น ๒๘๑,๕๒๓.๒๙ บาท ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๔
กันยายน ๒๕๖๒ แกไขคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยเรียกใหผูถูกฟองคดีชําระ
คา สินไหมทดแทน จาํ นวน ๒๘๑,๕๒๓.๒๙ บาท ภายใน ๗ วัน นับแตวันที่ไดรับคําสั่ง ผูถูกฟองคดี
ไดรับคําส่ังดังกลาวเมื่อวันท่ี ๕ กันยายน ๒๕๖๒ แตไมนําเงินมาชําระใหผูฟองคดี ผูฟองคดี
จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี
เปน เงิน ๒๘๑,๕๒๓.๒๙ บาท พรอมดอกเบีย้ ในอัตรารอ ยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาว นับแต
วนั ฟอ งเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีผูฟองคดีฟองวา ผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาที่
ในสังกัดของผูฟองคดีใชอํานาจตามกฎหมายในการตรวจสอบตําแหนงท่ีตั้งที่ดินจากระวางแผนท่ี
ภาพถายทางอากาศและโฉนดท่ีดิน ทําใหรังวัดท่ีดินผิดแปลง จนเกิดความเสียหาย เปนเหตุให
ผูฟองคดีตองรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นตอบุคคลภายนอก ขอใหศาลมีคําพิพากษาให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนพรอมดอกเบี้ยใหแกผูฟองคดี กรณีจึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับ
การกระทําละเมดิ ของเจาหนา ท่ขี องรัฐอนั เกดิ จากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยผูฟองคดีอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ออกคําส่ังเรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
จึงเปนกรณีท่ีผูฟองคดีอาจใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพยสินของผูถูกฟองคดี
และขายทอดตลาดได ตามมาตรา ๖๓/๗ ถึงมาตรา ๖๓/๑๔ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ แกไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ อยางไรก็ตาม หากผูฟองคดีเห็นวา ยังมีขอขัดของ
ในการบังคับใชกฎหมายในสวนท่ีเกี่ยวกับการบังคับทางปกครอง ก็ไมตัดสิทธิผูฟองคดีที่จะใชสิทธิ
ทางศาลในการท่ีจะเสนอขอพิพาทใหศาลปกครองพิจารณาพิพากษา ซ่ึงเมื่อคําสั่งเรียกใหผูถูกฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี เปนคําสั่งทางปกครองที่ใชเปนฐานในการใชมาตรการ
บังคับทางปกครองและผูถูกฟองคดีปฏิเสธไมรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนตามคําสั่งดังกลาว
จึงเปนกรณีท่ีผูฟองคดีมีขอขัดของในการบังคับใชกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับทางปกครองเพื่อให
เปนไปตามคําสั่งทางปกครอง ผูฟองคดีในฐานะเจาหน้ีในมูลละเมิดจึงมีความจําเปนตองใชสิทธิ
ทางศาล เพ่ือขอบังคับตามสิทธิเรียกรองอันมีตอผูถูกฟองคดี ดังนั้น ผูฟองคดีจึงเปนผูไดรับ
ความเดือดรอนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดอันเนื่องจาก
การกระทาํ ของผถู กู ฟองคดแี ละการแกไขหรอื บรรเทาความเดอื ดรอนหรือความเสียหายนั้น ศาลปกครอง
มีอํานาจออกคําบังคับไดตามท่ีกําหนดในมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
และกรณีนี้ไมมีข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอนหรือเสียหาย
ตามทีก่ ฎหมายกําหนดที่ผฟู องคดีตองดําเนินการกอนย่ืนฟองคดีตอ ศาล ตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน และเม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีไดวางเงินเพื่อชําระหนี้

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๙๕

ตามคาํ พพิ ากษาของศาลปกครองสูงสุดใหแ กผ ูเสียหาย เมอ่ื วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ จึงเปนกรณี
ท่ผี ฟู อ งคดใี นฐานะหนวยงานของรัฐไดช ดใชค า สินไหมทดแทนใหแกผเู สียหายในผลแหงการกระทําละเมิด
ของเจาหนาที่ตอบุคคลภายนอกแลว ผูฟองคดีจะตองใชสิทธิเรียกรองเพ่ือบังคับชําระหน้ีดวยการไลเบ้ีย
ภายในกําหนดอายุความหน่ึงปนับแตวันที่ผูฟองคดีไดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายตามมาตรา ๙
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยที่เม่ือวันท่ี ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๒
ผฟู อ งคดไี ดออกคําสั่งเรียกใหผูถูกฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายใน ๑๕ วัน
นับแตวันที่ไดรับแจงคําส่ัง ซ่ึงคําสั่งดังกลาวเปนการกระทําการอื่นใดอันมีผลเปนอยางเดียวกัน
กับการฟองคดี ตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และมีผลทําให
อายคุ วามสะดุดหยดุ ลงในวนั ท่ีผถู กู ฟอ งคดไี ดร ับแจง คาํ สั่งดงั กลาว เม่ืออายุความสะดุดหยุดลงแลว
ระยะเวลาที่ลว งไปกอนนั้นไมนบั เขา ในอายุความ และเมอ่ื เหตุทีท่ ําใหอายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุด
เวลาใดใหเร่ิมนับอายุความใหมต้ังแตเวลาน้ัน ตามมาตรา ๑๙๓/๑๕ แหงประมวลกฎหมาย
ดังกลาว เม่ือผูถูกฟองคดีไดรับแจงคําสั่งดังกลาวเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ จึงตองชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ เม่ือผูถูกฟองคดีมิไดชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายในกําหนดเวลา อันเปนเหตุที่ทําใหอายุความสะดุดหยุดลง
สน้ิ สดุ ในวันท่ี ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๒ ดังน้ัน ระยะเวลาสําหรับการย่ืนฟองคดีนี้ภายในหนึ่งปนับแต
วันที่เหตุท่ีทําใหอายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุด ตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบมาตรา ๑๙๓/๑๕ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
จึงเร่ิมนับใหมในวันท่ี ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ ซ่ึงเปนวันที่พนกําหนดเวลาท่ีผูฟองคดีไดกําหนดให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน ผูฟองคดีจึงตองฟองคดีนี้ตอศาลภายในวันที่ ๓๑ สิงหาคม
๒๕๖๓ การที่ผูฟองคดีฟองคดีตอศาลเม่ือวันท่ี ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีตอศาล
ภายในระยะเวลาการฟองคดีแลว ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและ
ใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ คืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมดใหแกผูฟองคดี นั้น ศาลปกครองสูงสุด
ไมเ หน็ พอ งดว ย

จงึ มคี าํ ส่ังกลบั เปน ใหรับคาํ ฟอ งไวพ จิ ารณา พิพากษาตอไป
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๑๓๒/๒๕๖๓

ผูฟองคดี (กรมท่ีดิน) ฟองวา ผูถูกฟองคดีขณะปฏิบัติหนาที่รักษาการในตําแหนง
เจาหนาที่บริหารงานที่ดินอําเภอบานกรวด จังหวัดบุรีรัมย เปนผูดําเนินการออกหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) โดยไมออกใบเสร็จรับเงินและไมเรียกเก็บคาธรรมเนียมตาง ๆ
ในระหวางป พ.ศ. ๒๕๔๑ ถึงป พ.ศ. ๒๕๔๔ ผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมย ในฐานะประธาน อ.ก.พ.
จังหวัดบุรีรัมย มีคําสั่งลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ใหลงโทษไลผูถูกฟองคดีออกจากราชการ
ต้ังแตวันท่ี ๒ พฤษภาคม ๒๕๔๘ เปนตนไป เน่ืองจากผูถูกฟองคดีละท้ิงหนาท่ีราชการติดตอ
ในคราวเดียวกันเปนเวลาเกินกวา ๑๕ วัน โดยไมมีเหตุผลอันสมควร และอาศัยอํานาจหนาท่ี
ราชการของตนหาประโยชนใหแกตนเองหรือผูอื่น อันเปนการทุจริตตอหนาท่ีราชการ นายอําเภอ

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๙๖

บานกรวดแจงความเพื่อใหดําเนินคดีอาญากับผูถูกฟองคดี พนักงานสอบสวนฯ ไดดําเนินคดี
ในขอหาเปนเจาพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพยสิน สําหรับตนเองหรือผูอื่นโดยมิชอบ
เพื่อกระทําการหรือไมกระทําการแตอยางใดในตําแหนงหนาที่ตามมาตรา ๑๔๙ แหงประมวล
กฎหมายอาญา โดยพนักงานสอบสวนฯ มีความเห็นควรสั่งฟองผูถูกฟองคดี และเม่ือวันที่
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ศาลจังหวัดนางรองมีคําพิพากษา ในคดีหมายเลขแดงท่ี ๒๒๕๘/๒๕๕๙
พิพากษาวา ผูถูกฟองคดีมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๙ และมาตรา ๑๕๐
ใหลงโทษจําคุก ๗ ป ๖ เดือน คดีถึงท่ีสุดแลว ผูฟองคดีจึงมีคําส่ังลงวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๐
ลงโทษไลผูถูกฟองคดีออกจากราชการต้ังแตวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๔๘ และมีหนังสือ
ถึงผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมย ขอใหแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ตอมา ผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมย ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ ถึงผูฟองคดี
เพ่ือแจงใหทราบวาผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมยเห็นพองดวยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ท่ีเห็นวา การที่ผูถูกฟองคดีเปนผูดําเนินการออกหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ไมออกใบเสร็จรับเงินและไมเรียกเก็บคาธรรมเนียมตาง ๆ ในระหวาง
ป พ.ศ. ๒๕๔๑ ถึงป พ.ศ. ๒๕๔๔ ทําใหเกิดความเสียหายแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๙,๖๔๐ บาท
โดยใหผูถูกฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกผูฟองคดีเต็มจํานวน ผูฟองคดี
จึงไดรายงานความเสียหายใหกระทรวงการคลังทราบ ตอมา ผูฟองคดีมีหนังสือลงวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ ถึงผูถูกฟองคดี เพื่อแจงใหชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๙,๖๔๐ บาท
แกทางราชการ ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับหนังสือ โดยแจงไปยังท่ีอยูที่ผูถูกฟองคดีใหไว
กับเจาหนาท่ีเม่ือวันท่ี ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ แตบริษัทไปรษณียไทย จํากัด ไมสามารถนําจาย
ผูถูกฟองคดีได โดยระบุเหตุผลวายายไมทราบที่อยูใหม ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ แจงใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนอีกครั้งหนึ่ง แตก็ยังไมสามารถ
สงหนังสือดังกลาวใหแกผูถูกฟองคดีได ผูฟองคดีจึงดําเนินการปดหนังสือแจงเตือนใหชดใช
คาสินไหมทดแทน เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ แตผูถูกฟองคดีเพิกเฉยไมดําเนินการตามคําสั่ง
และไมอทุ ธรณโ ตแ ยง คําสั่งดังกลาว ผูฟองคดีไมสามารถใชมาตรการบังคับทางปกครองกับกรณีน้ี
ไดอยางมีประสิทธิภาพและเหมาะสม และเห็นวาการฟองคดีมีอายุความ ๑๐ ป นับแตวันที่
คดีอาญาถึงที่สุดตามมาตรา ๕๑ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประกอบกับมาตรา ๑๙๓/๓๒ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงนําคดี
มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน จํานวน
๑๕,๓๗๐.๕๒ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับถัดจากวันฟองคดีเปนตนไป
จนกวาจะชาํ ระเสรจ็

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิด
ของเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงตองฟองคดีภายในระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๑๐
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบกับมาตรา ๕๑

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๙๗
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ การท่ีผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมย ไดมีหนังสือลงวันท่ี
๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ ถึงผูฟองคดี เพื่อแจงผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
อันเปนวันที่ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้ในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ และผูฟองคดี
ไดออกคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนตามหนังสือลงวันท่ี ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔
แตผ ฟู องคดีไมส ามารถสง หนังสอื ใหแ กผูถูกฟอ งคดไี ดเ นือ่ งจากยา ยและไมทราบทอ่ี ยใู หม เมอื่ คําส่ัง
เรียกใหเจาหนาที่ชดใชคาสินไหมทดแทนเปนคําสั่งทางปกครอง กรณีจึงตองถือวาคําสั่งทางปกครอง
ดังกลาว ผถู ูกฟองคดียงั ไมไดร ับแจง อันจะมผี ลใหใชย นั ตอผถู ูกฟอ งคดไี ดต ามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง
แหง พ.ร.บ. วธิ ีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ จงึ ไมอาจถือไดวา ผูฟ อ งคดีไดกระทําการอ่ืนใด
อันมีผลเปนอยางเดียวกันกับการฟองคดีที่จะมีผลใหอายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา ๑๙๓/๑๔
(๕) แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และเม่ือไดมีการแจงความรองทุกขใหดําเนินคดีอาญากับ
ผูถูกฟองคดีจนกระทั่งเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ศาลจังหวัดนางรองไดมีคําพิพากษา
ในคดีอาญา เปนคดีหมายเลขแดงท่ี ๒๒๕๘/๒๕๕๙ พิพากษาลงโทษจําคุกผูถูกฟองคดีโดยคดี
ถึงท่ีสุดแลว ดังนั้น การเรียกรองคาเสียหายทางแพงในมูลอันเปนความผิดท่ีมีโทษตามกฎหมาย
ลักษณะอาญาในคดีน้ี ซ่ึงผูถูกฟองคดีไดกระทําละเมิดในระหวาง ป พ.ศ. ๒๕๔๑ ถึง ป พ.ศ. ๒๕๔๔
และเม่อื คดีอาญาศาลมีคาํ พิพากษาลงโทษผูถกู ฟองคดหี รือจําเลยจนคดีถึงที่สุดแลว โดยที่ยังไมมีการ
ฟองรองเรียกคาเสียหายทางแพง กรณีจึงตองบังคับตามมาตรา ๕๑ วรรคสาม แหงประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ท่ีบัญญัติวา ถาโจทกไดฟองคดีอาญาและศาลพิพากษาลงโทษ
จําเลยจนคดีเด็ดขาดแลวกอนที่ไดฟองคดีแพง สิทธิของผูเสียหายท่ีจะฟองคดีแพงยอมมี
ตามกําหนดอายุความในมาตรา ๑๙๓/๓๒ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ทั้งน้ี
มาตรา ๑๙๓/๓๒ บัญญัติใหสิทธิเรียกรองท่ีเกิดขึ้นโดยคําพิพากษาของศาลท่ีถึงท่ีสุดมีกําหนด
อายุความสบิ ป ท้ังนี้ ไมวา สิทธเิ รยี กรองเดิมจะมีกําหนดอายุความเดิมเทาใด เม่ือศาลจังหวัดนางรอง
มีคําพิพากษาคดีอาญาลงโทษจําคุกผูถูกฟองคดีเม่ือวันท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ผูฟองคดี
จึ ง อ า จ ฟ อ ง ค ดี นี้ เ พื่ อ เ รี ย ก ร อ ง ใ ห ผู ถู ก ฟ อ ง ค ดี ช ด ใ ช ค า สิ น ไ ห ม ท ด แ ท น ไ ด ภ า ย ใ น วั น ที่
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๙ ดังน้ัน การท่ีผูฟองคดีนําคดีน้ีมาฟองตอศาลปกครองชั้นตนเม่ือวันท่ี
๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีภายในระยะเวลาสิบปตามมาตรา ๕๑ วรรคสาม
แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และมาตรา ๔๔๘ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย ศาลจึงรับคําฟองคดีน้ีไวพิจารณาได การท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟอง
ของผูฟองคดีไวพ จิ ารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ ใหคืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมด
แกผ ฟู อ งคดี นัน้ ศาลปกครองสูงสุดไมเ หน็ พองดวย

จงึ มคี ําส่ังกลับคาํ สงั่ ของศาลปกครองชน้ั ตน เปน ใหรบั คาํ ฟอ งไวพ ิจารณา
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คร.๑/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๒
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คร.๗/๒๕๖๓

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๙๘

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดย่ืนเอกสารคําขอจําหนายไฟฟาตอผูถูกฟองคดีที่ ๑
(การไฟฟาสวนภูมิภาค) เมื่อวันท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๕๗ และขอวันกําหนดจายไฟฟาเขาระบบเชิงพาณิชย
ตามสัญญาซื้อขายไฟฟาในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตอมา ผูฟองคดีไดสอบถามไปยังผูถูกฟองคดีที่ ๑
เก่ียวกับความคืบหนาของสัญญา แตไดรับแจงวา การไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทยพิจารณาวา
ไมสามารถรองรับการเชื่อมโยงระบบไฟฟาของโครงการได ผูฟองคดีจึงไดขอตรวจสอบเอกสาร
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ พบวาผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดแจงขอมูลผิดพลาดแกการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย
วาโครงการทําใหเกิดภาวะกําลังไฟฟาไหลยอน ผูฟองคดีจึงไดโตแยงเรื่องดังกลาวตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ผูถ ูกฟองคดที ี่ ๑ จงึ ทําหนงั สือลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ ถึงการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย
เพื่อขอพิจารณาจุดเช่ือมโยงใหมอีกครั้ง แตการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทยไดปฏิเสธดวย
เหตุผลเดิม ผูฟองคดีจึงยื่นหนังสือลงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ อุทธรณตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒
(คณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน) เพื่อขอใหพิจารณาตอบรับซื้อไฟฟา และในวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดแจงคืนหลักประกันการย่ืนขอเสนอขายไฟฟาดังกลาว ตอมา สํานักงาน
คณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน ไดมีหนังสือลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ แจงผลการพิจารณา
อุทธรณวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดมีมติในการประชุมเมื่อวันท่ี ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ยกอุทธรณ
ของผูฟองคดี ผูฟองคดีเห็นวาการกระทําดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย ไมเปนธรรม และทําให
ไดร บั ความเสียหาย จึงนําคดมี าฟองขอใหศาลมคี ําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนมติของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ในการประชุมเมื่อวันท่ี ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดี และผูฟองคดีไดยื่นคํารอง
ลงวันท่ี ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒ ขอแกไขเพ่ิมเติมคําขอทายฟอง โดยขอใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกัน
ชาํ ระคาเสยี หายที่เกิดข้ึนจากการเตรียมความพรอมตามที่กําหนดในคูมือการขอจําหนายไฟฟากับ
ผถู ูกฟองคดีท่ี ๑ และคาเสียหายในการขาดโอกาสที่จะประกอบธุรกิจผลิตไฟฟาขายใหกับผูถูกฟองคดีที่ ๑
เห็นวา ผูฟองคดีไดย่ืนคําขอจําหนายไฟฟาตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ เมื่อวันท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๕๗
ตอมา ผฟู องคดที ราบวาผูถกู ฟอ งคดีที่ ๑ แจงขอมูลผิดพลาดแกการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทยวา
โครงการของผูฟองคดีทําใหเกิดภาวะกําลังไฟฟาไหลยอน ผูฟองคดีจึงไดโตแยงเร่ืองดังกลาว
ตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ทําใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีหนังสือลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ ถึงการไฟฟา
ฝายผลิตแหงประเทศไทยเพื่อขอพิจารณาจุดเชื่อมโยงใหมอีกครั้ง แตการไฟฟาฝายผลิต
แหงประเทศไทยปฏิเสธดวยเหตุผลเดิม ผูฟองคดีจึงย่ืนหนังสือลงวันท่ี ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘
อุทธรณตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เพ่ือขอใหพิจารณาตอบรับซื้อไฟฟา ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ แจงคืนหลักประกันการยื่นขอเสนอขายไฟฟาของผูฟองคดี
หลังจากนั้น สํานักงานคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน ไดมีหนังสือลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑
แจงผลการพิจารณาอทุ ธรณวา ผถู ูกฟองคดีที่ ๒ ไดม ีมติในการประชุมเม่ือวันท่ี ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
ยกอุทธรณของผูฟองคดี โดยใหเหตุผลสวนหนึ่งวาการปฏิเสธของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตอการรับขอเสนอ
ขายไฟฟาของผฟู อ งคดีเปน การดาํ เนนิ การตามหลกั เกณฑก ารรบั ซอื้ ไฟฟา แลว หนงั สอื แจงผลการพิจารณา
อุทธรณดังกลาวไดระบุเหตุผลไวชัดเจนวา การปฏิเสธของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตอการรับขอเสนอ
ขายไฟฟาของผูฟองคดีเปนการดําเนินการตามหลักเกณฑการรับซ้ือไฟฟา เมื่อผูฟองคดีอาง

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓


Click to View FlipBook Version