๔๙
ตามคําสั่งลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน แมในคําขอ
ทายคําฟองจะระบุแตเพียงขอใหศาลเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ โดยไมไดระบุ
ขอใหเพิกถอนคําวินิจฉัยของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ก็ตาม แตในคําบรรยายฟองของผูฟองคดีไดโตแยงวา
ไมเ ห็นดว ยกับคําวินิจฉยั ของผถู กู ฟอ งคดที ี่ ๑ ประกอบกบั ผฟู องคดนี ําคดมี าฟองภายหลังไดรับแจง
คําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ยอมเปนที่เขาใจไดวาผูฟองคดีย่ืนฟองคดีโดยมีความประสงค
ท่ีตองการจะใหศาลพิจารณาคดีตามผลคําวินิจฉัยอุทธรณดังกลาว ซ่ึงผูฟองคดีมีสิทธิฟองขอให
ศาลเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณภายในเกาสิบวันนับแตวันท่ีผูฟองคดีไดรับแจงคําวินิจฉัยอุทธรณ
เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีไดรับแจงคําวินิจฉัยอุทธรณเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖
ผูฟองคดียื่นฟองคดีตอศาลในวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ จึงเปนการฟองคดีภายในกําหนด
เกาสิบวันนับแตวันท่ีไดรับแจงคําวินิจฉัยอุทธรณอันเปนวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ขอใหเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ศาลจึงรับคําฟอง
ท่ขี อใหเ พกิ ถอนคําวินิจฉยั อทุ ธรณไวพ จิ ารณาได อยางไรก็ตาม การท่ีศาลจะพิจารณาวาคําวินิจฉัย
อุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖ ชอบดวยกฎหมายหรือไม
ศาลจําตองพิจารณาความชอบดวยกฎหมายของคําสั่งลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ที่เรียกให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนดวย แตคดีน้ีศาลปกครองช้ันตนวินิจฉัยแลววา ผูฟองคดี
ในฐานะประธานกรรมการจดั ซอื้ โดยวธิ ีพิเศษ มีหนาท่ตี ามขอ ๕๗ (๒) และ (๖) ของระเบียบสํานัก
นายกรัฐมนตรี วาดวยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ แตไมไดปฏิบัติตามระเบียบดังกลาว ประกอบกับ
ผูฟองคดีไดเสนอรายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ โดยไมไดรายงาน
ผลการพิจารณาและความเห็นผานหัวหนาเจาหนาท่ีพัสดุและผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และไมปรากฏวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดลงลายมือชื่อส่ังซื้อส่ังจาง โดยปรากฏวา ผูปฏิบัติราชการแทนผูถูกฟองคดีที่ ๑
เปนผูลงลายมือชื่อเห็นชอบ ทั้งที่ไมมีอํานาจในการส่ังซื้อสั่งจางโดยวิธีพิเศษตามขอ ๙ วรรคหนึ่ง
และขอ ๖๖ ของระเบียบดังกลาวประกอบคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
เมื่อสํานักงานจังหวัดพิษณุโลกไดทําสัญญาซ้ือขายเครื่องตรวจหาทิศทางสารเสพติดและวัตถุระเบิด
ในราคาเคร่ืองละ ๑,๖๔๗,๘๐๐ บาท ทั้งท่ีมีราคาสูงไมเกิน ๗๐๐,๐๐๐ บาท ถึง ๘๐๐,๐๐๐ บาท
เทาน้ัน และไมเปนไปตามรุนที่หนวยงานผูปฏิบัติขอรับการสนับสนุน ทําใหไมมีการนําไปใชงาน
จังหวัดพิษณุโลกไดรับความเสียหาย พฤติการณเปนการปฏิบัติหนาท่ีดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในความเสียหายท่ีเกิดข้ึน ผูฟองคดี
ไมไดอุทธรณคัดคานคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน กรณีจึงฟงเปนยุติตามคําพิพากษาของ
ศาลปกครองชั้นตนแลววา ผูฟองคดีปฏิบัติหนาท่ีดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง และ
ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกจังหวัดพิษณุโลกเม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ราคาตามทองตลาด
ของเครื่องตรวจหาทิศทางสารเสพติดและวัตถุระเบิด มีราคาเครื่องละไมเกินจํานวน ๗๐๐,๐๐๐ บาท
อันเปนราคาท่ีบริษัท ท. เคยจําหนายใหกับผูซื้อรายอ่ืน การที่คณะกรรมการจัดซ้ือโดยวิธีพิเศษ
จัดซ้ือเครื่องตรวจหาทิศทางสารเสพติดและวัตถุระเบิด ในราคาเครื่องละ ๑,๖๔๗,๘๐๐ บาท
จึงเปนการจัดซ้ือในราคาท่ีสูงกวาราคาที่ผูแทนจําหนายเครื่องตรวจหาทิศทางสารเสพติดและวัตถุ
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๕๐
ระเบิด เคยจําหนาย ทําใหจังหวัดพิษณุโลกไดรับความเสียหายเปนเงินจํานวน ๙๔๗,๘๐๐ บาท
เมือ่ ผฟู องคดเี ปนประธานกรรมการจัดซือ้ โดยวิธีพิเศษ มีหนาท่ีโดยตรงในการจัดซื้อเครื่องตรวจหา
ทิศทางสารเสพติดและวัตถุระเบิดใหศูนยปฏิบัติการตอสูเพื่อเอาชนะยาเสพติด โดยไมปรากฏ
หลักฐานวาผูฟองคดีกระทําการทุจริต เม่ือคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความ
เปนธรรมตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว
ผูฟองคดีควรตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๔๐ ของความเสียหายจํานวน
๙๔๗,๘๐๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๓๗๙,๑๒๐ บาท ดังนั้น คําวินิจฉัยของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามหนังสือลงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖ เฉพาะในสวนท่ีเกินกวาเงินจํานวน ๓๗๙,๑๒๐ บาท
จึงไมชอบดวยกฎหมาย และหากจังหวัดพิษณุโลกไดรับการชดใชเงินคืนจากเจาหนาท่ีผูเกี่ยวของ
กต็ อ งหกั หรอื คืนใหแกผฟู องคดีตามสัดสวนแหงความรบั ผิดตอไป ท่ีศาลปกครองชนั้ ตน พพิ ากษาให
เพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ท่ีใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกราชการ
เฉพาะในสว นทีเ่ กนิ กวาเงินจาํ นวน ๓๗๙,๑๒๐ บาท คําขออื่นนอกจากนี้ใหยก นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพอ งดวยบางสว น
พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามหนังสือ
ลงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖ เฉพาะในสวนที่วินิจฉัยใหผูฟองคดีรับผิดชดใชเงินเกินกวา
จํานวน ๓๗๙,๑๒๐ บาท โดยใหม ีผลนบั แตว ันทมี่ คี าํ วินิจฉัยอทุ ธรณ
กรณเี ปนคดีพพิ าทตามมาตรา ๙ วรรคหน่งึ (๒)
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๒๓๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟอ งวา ผฟู องคดอี าศัยอยูในหมูบาน ม. ตําบลดอนยายหอม อําเภอเมือง
นครปฐม จังหวัดนครปฐม ไดร ับความเดือดรอนเสียหายไมสามารถอยูอาศัยในหมูบานไดอยางปกติสุข
เน่ืองจากผูถูกฟองคดีทั้งสาม (สํานักงานตํารวจแหงชาติ ที่ ๑ องคการบริหารสวนตําบลดอนยาน
หอม ท่ี ๒ สํานักงานท่ดี นิ จังหวดั นครปฐม ท่ี ๓) ละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ รับแจงความกรณีที่
ผฟู อ งคดแี จงความรองทกุ ขเ พื่อดาํ เนินคดีกับกลุมบุคคลที่ทําการขมขู คุกความ และกอความเดือดรอน
เพอ่ื ใหผูฟองคดจี ายคา สวนกลางหมูบานโดยไมช อบดว ยกฎหมายและชดใชค าเสียหายใหผูถูกฟองคดีที่ ๒
ปฏิบตั หิ นาทใี่ นการปองกันหรอื ระงับเหตุเดือดรอนรําคาญอันเกิดจากมลภาวะทางเสียงในหมูบาน
ทง้ั เสยี งสนุ ัขและเสียงของบคุ คลท่ีตะโกนขับไลผูฟองคดีและชดใชคาเสียหายแกผูฟองคดีจากกรณี
ที่เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ใหการตอศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดําท่ี ๙๑๖/๒๕๕๖
ในสาระสําคัญของคดีท่ีเปนเท็จ และใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ปฏิบัติหนาท่ีในการระงับยับย้ัง
หา งหนุ สวนจํากัด ม. เรยี กเก็บเงินคาสวนกลางหมูบ านจากผฟู อ งคดแี ละชดใชค าเสยี หาย
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คําฟองคดีน้ีแยกพิจารณาไดเปน ๔ กรณี ดังนี้ กรณีที่หนึ่ง
ผูฟองคดีวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการท่ีผูฟองคดีไดแจงความรองทุกข
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๕๑
ตอเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ขอใหดําเนินคดีอาญากับกลุมบุคคลที่เรียกเก็บคาสวนกลางโดย
ไมชอบดวยกฎหมาย แตเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไมยอมรับแจงความเพ่ือดําเนินคดีกับบุคคล
ดังกลาว กรณีจึงเปนการโตแยงเกี่ยวกับการละเลยตอหนาที่ในการรับคํารองทุกขเพ่ือดําเนิน
คดีอาญากับผูกระทําความผิดตามที่บัญญัติไวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
อนั เปนการละเลยตอ หนาทก่ี ระทําการตามการดําเนินการในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ขอพิพาท
ในกรณีนี้จึงมิใชคดีที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง
แหง พ.ร.บ. จดั ตง้ั ศาลปกครองฯ ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองกรณีน้ีไวพิจารณาได กรณีที่สอง
กรณีที่ฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการที่ผูพักอาศัยในหมูบาน ม.
ปลอยใหสุนัขท่ีเลี้ยงไวเหาหอนเสียงดังติดตอกันเปนเวลานานหลายช่ัวโมงและเปนระยะเวลา
หลายเดือนรบกวนผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งมีอํานาจหนาท่ีในการระงับเหตุเดือดรอนรําคาญ
ใหแกผูฟองคดีตาม พ.ร.บ. การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ มิไดมีการระงับเหตุเดือดรอนรําคาญ
จากเสียงดังของสุนัขใหผูฟองคดีแตอยางใดขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ปฏิบัติหนาท่ีในการระงับเหตุ
เดือดรอนรําคาญดังกลาวและชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี กรณีจึงเปนคดีพิพาทเก่ียวกับ
การทีห่ นว ยงานทางปกครองหรอื เจาหนา ที่ของรัฐละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
หรือปฏิบัติหนาท่ีดังกลาวลาชาเกินสมควร และการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครอง
หรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
หรือปฏิบัติหนาท่ีดังกลาวลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๒) และ (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดตง้ั ศาลปกครองฯ เม่ือการท่เี จาหนา ที่ของผูถกู ฟองคดีที่ ๒ ไมทําการระงับเหตุเดือดรอนรําคาญ
จากเสียงดังของสุนัขทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายอันเน่ืองจากการงดเวน
การกระทําดังกลาวและแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอนหรือความเสียหายน้ี ตองมีคําบังคับตามที่
กําหนดในมาตรา ๗๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีในกรณีน้ี
ตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา
เจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ รวมกับสวนราชการในจังหวัดนครปฐม ลงพ้ืนท่ีหมูบาน ม. ในวันที่
๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เพื่อตรวจสอบขอเท็จจริงซ่ึงผูฟองคดีไดแจงใหเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
รับทราบเหตุเดือดรอนรําคาญเรื่องเสียงของสุนัขในวันดังกลาวที่บานของผูฟองคดีแลว แตเจาหนาท่ี
ของผูถูกฟองคดีที่ ๒ มิไดระงับเหตุเดือดรอนรําคาญตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
กรณจี งึ ตองถือวา ผฟู องคดรี ูหรอื ควรรถู ึงเหตุแหงการฟองคดีในกรณีน้ีในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ผฟู อ งคดีชอบที่จะยื่นฟอ งคดกี รณีนี้ เพื่อขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ปฏิบัติหนาที่ระงับภายในเกาสิบวัน
นับแตวันดังกลาว กลาวคือ ภายในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ และภายในหนึ่งปนับแตวันดังกลาว
กลาวคอื ภายในวนั ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เพ่ือขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทน
ความเสียหายใหแกผูฟองคดี เม่ือผูฟองคดีนํากรณีนี้มาย่ืนฟองตอศาลในวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒
จึงเปนการยน่ื ฟอ งคดีเพ่ือขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ปฏิบัติหนาที่ตามกฎหมายเมื่อพนกําหนดระยะเวลา
การฟองคดีตามมาตรา ๔๙ แหง พ.ร.บ. จดั ตงั้ ศาลปกครองฯ แตอ ยา งไรกต็ าม เมื่อการท่ีเจาหนาที่
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไมไดกระทําการระงับเหตุเดือดรอนรําคาญดังกลาว เปนเหตุใหผูฟองคดี
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๕๒
ไดรับความเดือดรอนเสียหาย อันเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดอันเกิดจากการละเลย
ตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร
ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ซ่ึงศาลปกครองมีอํานาจกําหนด
คําบังคับใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทน และใหกระทําการระงับเหตุเดือดรอนรําคาญ
ดังกลาวไดตามมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๓) แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน กรณีจึงเปนการย่ืนฟองคดี
ในขอหาละเมิดเพื่อขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทนและใหระงับเหตุเดือดรอนรําคาญ
ดังกลาว ภายในกําหนดหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีตามมาตรา ๕๑
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน สวนประเด็นวา คําฟองในกรณีน้ีเปนการยื่นฟองในเร่ืองเดียวกันกับคดี
ของศาลปกครองชั้นตนหมายเลขแดงท่ี ๗๓/๒๕๖๒ ซ่ึงอยูระหวางการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
ตามคํารองท่ี ๖๐/๒๕๖๒ หรือไม นั้น เห็นวา การฟองคดีในคดีแรกและคดีหลัง แมจะเปนการฟอง
เก่ียวกับความเดือดรอ นรําคาญของผฟู อ งคดีจากเสยี งสุนัขเหาหอนเปนเวลาติดตอกันนานหลายชั่วโมง
เชนกันก็ตาม แตเม่ือผูถูกฟองคดีในคดีแรกและในคดีหลังมิใชบุคคลคนเดียวกัน และขอเท็จจริง
ในคดีหลังเปนเร่ืองที่เกิดข้ึนหลังจากท่ีผูฟองคดียื่นฟองคดีแรกไวแลว ขออางอันอาศัยเปนหลัก
แหงขอหามิไดเปนอยางเดียวกัน จึงมิใชเปนการฟองรองในเร่ืองเดียวกัน การฟองคดีในกรณีน้ี
จึงไมเปนการย่ืนคําฟองเรื่องเดียวกันกับคดีคํารองท่ี ๖๐/๒๕๖๒ ซ่ึงอยูในระหวางการพิจารณาของ
ศาลปกครองสูงสุด จึงเปนผลใหการฟองคดีในกรณีนี้ไมเปนการฟองซอนตามนัยขอ ๓๖ (๑)
แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่ีศาลปกครองช้ันตน
วินิจฉัยวา คําฟองในกรณีน้ีกับคําฟองของผูฟองคดี ในคดีของศาลปกครองช้ันตนหมายเลขแดง
ที่ ๗๓/๒๕๖๒ เปนเร่ืองเดียวกัน น้ัน ศาลปกครองสูงสุดไมเห็นพองดวย กรณีที่สาม กรณีท่ีผูฟองคดี
ฟอ งวา ผูฟองคดีไดย่ืนฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตอศาลปกครองช้ันตนเปนคดีหมายเลขดําที่ ๙๑๖/๒๕๕๖
เน่ืองจากละเลยตอหนาท่ีในการจัดเก็บขยะท่ีบานของผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดย่ืนคําใหการ
เปนเท็จตอศาลวาเจาหนาท่ีของตนมิไดละเลยการปฏิบัติหนาท่ีการจัดเก็บขยะบานผูฟองคดี
และเจาหนาที่ของตนไมมีสวนเก่ียวของกับขอพิพาทระหวางผูฟองคดีกับกลุมบุคคลท่ีเรียกเก็บ
เงินคาสวนกลางจากผูฟองคดี โดยขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี เห็นวา
กรณีดังกลาวมิใชคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ี
ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองในกรณีนี้ไวพิจารณาได กรณีท่ีสี่ ท่ีผูฟองคดี
ฟอ งวา ผฟู องคดมี หี นังสอื ลงวันท่ี ๒๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๗ ถึงคณะกรรมการจัดสรรท่ีดินจังหวัดนครปฐม
เพ่ือขอใหตรวจสอบการเรียกเก็บเงินคาสวนกลางหมูบานจัดสรร ม. จากคณะบุคคลที่ซ้ือที่ดิน
จัดสรรและหางหุนสวนจํากัด ม. ที่กระทําการโดยไมมีอํานาจ แตเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๓
กลบั เพิกเฉยไมด ําเนนิ การใดๆ ตามอาํ นาจหนาท่ี ทั้งทที่ ราบขอ เท็จจริงอยแู ลววาหมูบานจัดสรร ม.
ยังไมมีการแจงจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมูบานจัดสรร ขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ปฏิบัติหนาท่ี
ในการระงับยับยั้งหางหุนสวนจํากัด ม. เรียกเก็บเงินคาสวนกลางหมูบานจากผูฟองคดี และให
ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนความเสียหายใหแกผูฟอ งคดี เหน็ วา กรณีเปนการโตแยงวา คณะกรรมการ
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๕๓
จัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐมซ่ึงมีอํานาจหนาท่ีในการตรวจสอบการจัดสรรท่ีดินและส่ังการให
ผูจัดสรรท่ีดินดําเนินการใหเปนไปตาม พ.ร.บ. การจัดสรรท่ีดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ ละเลยตอหนาที่
ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ และทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย
อนั เขาลกั ษณะเปน คดีพพิ าทเกี่ยวกบั การทห่ี นว ยงานทางปกครองหรอื เจา หนา ท่ีของรัฐละเลยตอหนาที่
ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร และการกระทําละเมิด
ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาท่ีดังกลาวลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๒) และ (๓)
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และการท่ีคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดนครปฐมไมดําเนินการ
ตรวจสอบและช้ีแจงขอเท็จจริงใหผูฟองคดีทราบตามที่ผูฟองคดีมีหนังสือรองขอ ทําใหผูฟองคดี
ไดรับความเดอื ดรอ นหรือเสยี หายอันเน่ืองจากการงดเวน การกระทําของคณะกรรมการจัดสรรที่ดิน
จังหวัดนครปฐมแลว อีกท้ัง การแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอนหรือเสียหายน้ี ตองมีคําบังคับ
ตามท่ีกําหนดในมาตรา ๗๒ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีในกรณีน้ี
ตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ แตอยางไรก็ตาม
เม่ือผถู ูกฟองคดที ี่ ๓ ไดรับหนังสือลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๗ ของผูฟองคดีที่ขอใหคณะกรรมการ
จัดสรรทด่ี ินจงั หวัดนครปฐมตรวจสอบและช้ีแจงขอเท็จจริงกรณีการจัดเก็บเงินคาสวนกลาง ในวันท่ี
๒๑ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๗ แตเมื่อครบกําหนดเกาสิบวันนับแตวันที่ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดรับหนังสือรองขอ
ของผูฟองคดีแลว กลาวคือ ในวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ผูฟองคดีไมไดรับหนังสือชี้แจงจาก
ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ผูฟองคดีชอบที่จะย่ืนฟองคดีกรณีนี้ตอศาลปกครอง เพ่ือขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๓
หรือคณะกรรมการจัดสรรท่ีดินจังหวัดนครปฐมปฏิบัติหนาท่ีในการระงับยับย้ังหางหุนสวนจํากัด ม.
เรียกเก็บเงินคาสวนกลางหมูบานจากผูฟองคดี ภายในเกาสิบวันนับแตวันดังกลาว กลาวคือ
ภายในวันท่ี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ และภายในหน่ึงปนับแตวันดังกลาว กลาวคือ ภายในวันที่
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เพ่ือขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหายใหแก
ผูฟองคดี เมื่อผูฟองคดีนําคดีในกรณีนี้มายื่นฟองตอศาลในวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒ จึงเปน
ยื่นฟองคดีเมื่อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๔๙ และมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติ
ดังกลาว ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณาและใหจําหนายคดี
ออกจากสารบบความ นน้ั ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พอ งดว ยบางสว น
จึงมีคําส่ังกลับ เปนใหรับคําฟองขอหาละเมิดในสวนท่ีฟองขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหายอันเน่ืองจากการละเลยตอหนาท่ีไมระงับเหตุเดือดรอน
รําคาญเร่ืองเสียงสุนัข และท่ีขอใหระงับเหตุเดือดรอนรําคาญดังกลาวใหแกผูฟองคดี ไวพิจารณา
เม่ือศาลปกครองช้ันตนไดพิจารณาคําขอดําเนินคดีโดยยกเวนคาธรรมเนียมศาลของผูฟองคดี
และมีคาํ สั่งเกี่ยวกับคา ธรรมเนยี มศาลแลว
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๕๔
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คบ. ๙๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เดิมผูฟองคดีเปนครูอัตราจางชั่วคราว ทําการสอนอยูที่โรงเรียน
วัดพระพุทธฉาย อําเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ซ่ึงเปนโรงเรียนในสังกัดผูถูกฟองคดี
(สํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต ๑) ตามสัญญาจางครูอัตราจางช่ัวคราว
ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ กําหนดระยะเวลาตามสัญญาจาง ๑ ป นับต้ังแตวันท่ี
๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ ตอมา ทางโรงเรียนไดแจงใหผูฟองคดี
ไปดําเนินการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หลังจากน้ัน ผูฟองคดีไดรับใบอนุญาตประกอบ
วิชาชีพครู ลงวันท่ี ๒๑ มกราคม ๒๕๕๙ ตอมาผูฟองคดีไดสมัครสอบตําแหนงครูผูชวย
ท่ีเปดสอบหลายแหงแตไมไดรับการบรรจุเขาเปนขาราชการครู ทําใหเสียคาใชจายเปนคาสมัคร
คารถ และคาอาหาร รวมระยะเวลา ๑๐ ป เม่ือเขาไปติดตอผูถูกฟองคดีก็ไดรับการปฏิเสธ
ท่ีจะบรรจุผูฟองคดีเปนขาราชการครู ทําใหผูฟองคดีถูกตัดอนาคตโดยผูมีอํานาจของผูถูกฟองคดี
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีจายเงินเดือนที่ผูฟองคดี
ควรไดร บั เปนระยะเวลา ๑๐ ป และเงนิ เดือนท่ีควรจะไดรับในการทํางานตอไปในอนาคต พรอมทั้งบรรจุ
ผูฟองคดีเปนขาราชการครู หากไมยอมรับเขาทํางานใหชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีเปนเงิน
จาํ นวน ๑๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพอื่ เปน ทนุ ในการทําธรุ กจิ และไมตอ งทําอาชีพนอ้ี กี ตอ ไป
ศาลปกครองสงู สุดวินิจฉัยวา คดนี เี้ ปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หนวยงานทางปกครอง
ละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ หรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร
และการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองอันเกิดจากการละเลยตอหนาที่ตามที่กฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติ หรือปฏิบัติหนาท่ีดังกลาวลาชาเกินสมควร ซึ่งอยูในอํานาจพิจารณา
พพิ ากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนงึ่ (๒) และ (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
เม่ือพิจารณาตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๔๖ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ระเบียบ
ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ แลว จะเห็นไดวา ผูท่ีจะไดรับการบรรจุ
แตงต้ังใหเขารับราชการเปนขาราชการครูในสังกัดผูถูกฟองคดีไดน้ัน นอกจากจะตองเปนผูที่มี
คุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติเฉพาะตรงกับตําแหนงครูผูชวยแลว บุคคลผูนั้นจะตองเปน
ผูสอบแขงขันไดตามหลักเกณฑและวิธีการคัดเลือกบุคคลเพ่ือบรรจุและแตงต้ังเขารับราชการ
เปนขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของคณะกรรมการขาราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา รวมท้ังอยูในลําดับท่ีที่จะไดรับการบรรจุแตงตั้งดวย เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา
ผูฟ อ งคดีอางวา ไดส มคั รสอบแขงขนั เขา รับราชการในตําแหนง ครูผชู วยตามสถานท่ีที่เปดรับสมัครสอบ
หลายแหง รวมถึงในโรงเรยี นที่อยใู นสงั กัดของผูถูกฟองคดีดวย แตไมสามารถผานการสอบแขงขัน
ได ผฟู อ งคดีจงึ ไมใ ชผูทม่ี คี ุณสมบตั ิครบถว นตามหลกั เกณฑและวธิ กี ารดังกลาวขางตน ผูถูกฟองคดี
ยอ มไมอ าจมคี ําสงั่ บรรจแุ ตงต้ังผูฟองคดใี หเ ขา รับราชการเปนขาราชการครู ในตําแหนงครูผูชวยได
คาํ ขอที่ขอใหผ ถู กู ฟอ งคดบี รรจุแตง ตัง้ ผฟู อ งคดีเปนขาราชการครู จึงเปนคําขอที่ศาลไมอาจกําหนด
คําบังคับใหได ตามมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๒) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงไมใช
ผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๕๕
อันเนื่องจากการกระทําหรือการงดเวนการกระทําของผูถูกฟองคดีที่จะมีสิทธิฟองคดีน้ี
ตอ ศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และเม่ือไดวินิจฉัยแลววา
ผูฟองคดีมิใชผูมีสิทธิฟองขอใหผูถูกฟองคดีบรรจุแตงต้ังผูฟองคดีเปนขาราชการครูแลว ดังน้ัน
คําฟองสวนท่ีขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายตามที่ผูฟองคดีกลาวอางซ่ึงเปนเรื่องที่สืบเนื่องมาจาก
กรณีดังกลาว ผูฟองคดีจึงไมใชผูท่ีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายอันจะมีสิทธิฟองผูถูกฟองคดี
ในกรณนี ้ีไดเ ชนกัน ทั้งน้ี ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึง่ แหงพระราชบญั ญัติเดยี วกนั ทศ่ี าลปกครองชั้นตน
มีคําสั่งไมรับคําฟองคดีน้ีไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพองดว ย
จึงมคี ําสง่ั ยนื ตามคาํ ส่ังของศาลปกครองชั้นตน
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ. ๙/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๙
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ. ๑๔๔/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๓๗
กรณีเปนคดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนง่ึ (๓)
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ ๖๑/๒๕๖๓
ผูฟ อ งคดีฟองวา เม่ือวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีทั้งสอง
(กรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัย ท่ี ๑ สํานักงานปองกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม ที่ ๓)
รูอยูแลววามีไฟปาเกิดข้ึน แตละเลยตอหนาท่ีไมตรวจตราและไมดับไฟปาจนเปนเหตุใหไฟไหม
บานพักอาศัยและของใชภายในบาน รวมถึงตนไมของผูฟองคดี คาเสียหายรวมเปนเงินจํานวน
๙๒๐,๐๐๐ บาท ในเบื้องตนเทศบาลตําบลแมแตงไดใหความชวยเหลือแกผูฟองคดีเปนเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท
ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ขอใหผูวาราชการจังหวัดเชียงใหม
ใหความชวยเหลือเพ่ิมเติม แตผูวาราชการจังหวัดเชียงใหมปฏิเสธไมใหความชวยเหลือ ผูฟองคดี
จึงไดมหี นังสือลงวนั ที่ ๑๙ ธนั วาคม ๒๕๕๘ อุทธรณค ําสง่ั ปฏิเสธดังกลาวตอ ผวู า ราชการจงั หวัดเชียงใหม
พรอ มมีคําขอใหชดใชค าสินไหมทดแทนตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
ใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๙๒๐,๐๐๐ บาท แตไมไดรับแจงผลการพิจารณา จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมคี ําพพิ ากษาหรอื คําสัง่ ใหผถู ูกฟองคดที งั้ สอง รวมกันหรือแทนกันรับผิดชดใชคาเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๙๒๐,๐๐๐ บาท พรอมท้ังดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันทําละเมิด
(๑๕ เมษายน ๒๕๕๘) จนถึงวันฟอง (๑๘ เมษายน ๒๕๕๙) เปนเงินจํานวน ๖๙,๙๔๕.๒๑ บาท
รวมเปนเงินจํานวนทงั้ ส้ิน ๙๘๙,๙๔๕.๒๑ บาท และชาํ ระดอกเบย้ี นบั ถัดจากวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ
ใหแกผูฟองคดี เห็นวา ตามคําฟองของผูฟองคดีเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของ
หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนด
ใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ และผูฟองคดีมีคําขอใหศาลมีคําพิพากษาใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงนิ จาํ นวน ๙๒๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเปนคําขอที่ศาลปกครองมีอํานาจกําหนดคําบังคับใหไดตามมาตรา ๗๒
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๕๖
วรรคหน่ึง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีน้ีตอศาลปกครอง
ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนงึ่ แหงพระราชบญั ญตั เิ ดียวกนั และสามารถใชสิทธิย่ืนฟองคดีนี้ตอศาลได
โดยไมจําตองดําเนินการตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เมื่อขอเท็จจริง
ปรากฏวาเหตุไฟปาไหมลุกลามทําใหบานและทรัพยสินของผูฟองคดีเสียหายไดเกิดขึ้นในวันที่
๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ วันดังกลา วจงึ เปนวันที่ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้แลว ผูฟองคดี
จึงตองยื่นฟองคดีน้ีตอศาลปกครองชั้นตนภายในกําหนดเวลาหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูเหตุ
แหงการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว คือ จะตองย่ืนฟองคดีน้ีภายในวันท่ี
๑๕ เมษายน ๒๕๕๙ แตเน่ืองจากวันดังกลาวเปนวันหยุดราชการ ผูฟองคดีจึงสามารถใชสิทธิยื่นฟอง
ตอศาลไดภายในวันจันทรที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งเปนวันเปดทําการวันแรกตอจากวันหยุด
ทําการนั้นตามนัยมาตรา ๑๙๓/๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย การท่ีผูฟองคดี
ไดย่ืนฟองคดีน้ีเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๙ จึงเปนการย่ืนคําฟองตอศาลภายในกําหนดระยะเวลา
การฟอ งคดีแลว ศาลปกครองจึงรับคําฟองน้ีไวพิจารณาได ที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองน้ี
ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ กับใหคืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมดแก
ผูฟองคดี นั้น ศาลปกครองสงู สุดไมเ ห็นพอ งดว ย
จึงมีคําส่ังกลบั เปน ใหรับคําฟองคดนี ีไ้ วพ ิจารณา
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๖๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของท่ีดินตามโฉนดท่ีดินเลขที่ ๕๓๑๕๖ และ
เลขท่ี ๕๓๑๕๗ ตั้งอยูตําบลคลองสาขลา อําเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ผูฟองคดี
ไดไปยื่นคําขอสอบเขตโฉนดท่ีดินท้ังสองแปลงดังกลาวตอสํานักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ
สาขาพระสมุทรเจดีย ตามใบนัดรังวัดกําหนดใหเจาหนาที่รังวัดไปทําการรังวัดที่ดินในวันที่
๒๑ กนั ยายน ๒๕๖๑ ตอมาในวันดังกลา วเจาหนาท่ีรังวัดไดทําการรังวัดท่ีดินทั้งสองแปลงดังกลาวแลว
แตผูฟองคดีเห็นวา การรังวัดท่ีดินท้ังสองแปลงดังกลาวไมถูกตอง เนื่องจากผูฟองคดีย่ืนขอรังวัด
ท่ีดินจํานวนสองแปลง แตเจาหนาท่ีรังวัดไดทําการรังวัดรวมท้ังสองแปลงโดยไมไดรังวัดแยก
แตละแปลง และไดแจงวาท่ีดินของผูฟองคดีรุกลํ้าท่ีดินขางเคียง ๖๕ เซนติเมตร ทําใหแนวเขตท่ีดิน
ของผูฟองคดีเปล่ียนแปลงไป ทั้งการรังวัดสอบเขตท่ีดินขางเคียงโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๐๙๖๗
ของนาย ส. ท่ีติดกับดานหลังท่ีดินของผูฟองคดี และโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๕๓๑๕๘ ของนาย ก.
ท่ีติดกับดานซาย เม่ือท่ีดินของผูฟองคดีไดแนวเขตท่ีดินแตกตางกับแนวเขตตามรูปแผนท่ีท่ีดิน
ของผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหกรมท่ีดินสั่งให
หนวยงานกลางมาทําการรังวัดใหถูกตองพรอมทั้งลงปกหลักเขตท่ีดินใหมใหถูกตอง และชดใช
คาเสียหายใหแกผูฟองคดี และใหลงโทษผูถูกฟองคดี (เจาพนักงานท่ีดินจังหวัดสมุทรปราการ
สาขาพระสมุทรเจดีย) เห็นวา กรณีจึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของเจาหนาท่ี
ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ัง
ศาลปกครองฯ แตเม่ือปรากฏวาเจาหนาท่ีรังวัดไดดําเนินการรังวัดที่ดินทั้งสองแปลง เมื่อวันที่
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๕๗
๒๑ กันยายน ๒๕๖๑ ตามคําขอของผูฟองคดี และไดทําบันทึก ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๑
รายงานการรังวัดที่ดินดังกลาวตอหัวหนาฝายรังวัด และผูถูกฟองคดี ไดมีหนังสือลงวันที่
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ แจงผูฟองคดีวา พนักงานเจาหนาท่ี
ไดดําเนินการตามคําขอของผูฟองคดีแลว โดยผลการรังวัดไดรูปแผนที่เดิมและเน้ือท่ีตางจากเดิม
เน้ือที่เทาเดิม จึงขอใหผูฟองคดีไปดําเนินการรับทราบผลการรังวัดสอบเขตโฉนดที่ดิน เพื่อแกไข
ขา งเคยี ง แกไขหมายเลขหลักเขต แกไขเขตการปกครอง โดยขอใหไปพบนางสาว อ. ณ สํานักงาน
ทด่ี นิ จังหวัดสมุทรปราการ สาขาพระสมุทรเจดีย ภายในสามสิบวันนับแตวันท่ีไดรับแจง หากผูฟองคดี
ไมไปดําเนนิ การจะถอื วา ผูฟองคดีไมประสงคจะดําเนินการเร่ืองดังกลาว พนักงานเจาหนาท่ีจะส่ังจําหนาย
คําขอของผูฟองคดีตอไป การที่ผูฟองคดีนําคดีมาย่ืนฟองตอศาลปกครองช้ันตนเม่ือวันท่ี
๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ โดยกลาวอางวา เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีรังวัดที่ดินทั้งสองแปลงดังกลาว
ไมถูกตอง ทําใหแนวเขตที่ดินของผูฟองคดีเปล่ียนแปลงไป และไมปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ
ทางราชการ อันเปนการยื่นคําฟองกอนวันที่เจาหนาท่ีรังวัดไดทําบันทึกรายงานการรังวัดที่ดิน
ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ เสนอหัวหนาฝายรังวัด และกอนที่ผูถูกฟองคดีจะมีหนังสือแจงให
ผูฟองคดีทราบผลการรังวัด ตามหนังสือลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และลงวันที่
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ประกอบกับผูถูกฟองคดียังมิไดมีคําส่ังใหแกไขรูปแผนที่และเนื้อท่ี
ในโฉนดที่ดินเลขท่ี ๕๓๑๕๗ และเลขที่ ๕๓๑๕๖ ตามผลการรังวัด ดังนั้น ในขณะท่ีผูฟองคดี
ยื่นฟองคดีนี้ตอศาล จึงยังไมมีการใชอํานาจตามกฎหมายของผูถูกฟองคดีท่ีจะมีผลกระทบ
ตอสถานภาพของสิทธิในท่ีดินของผูฟองคดีแตอยางใด ผูฟองคดีจึงไมใชผูไดรับความเดือดรอน
หรือเสียหายหรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล่ียงไดอันเนื่องมาจากการกระทํา
ของผูถูกฟองคดี ที่จะมีสิทธินําคดีมาฟองตอศาลปกครองได ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ศาลจึงไมอาจรับคําฟองในสวนนี้ไวพิจารณาพิพากษาได
สําหรับคําขอในสวนท่ีขอใหศาลมีคําส่ังลงโทษผูถูกฟองคดีซ่ึงไมปฏิบัติตามระเบียบและกฎเกณฑ
ตามกฎหมาย นั้น เห็นวา การดําเนินการทางวินัยแกขาราชการเปนเร่ืองท่ีผูบังคับบัญชา
เปนผูมีอํานาจที่จะพิจารณาลงโทษผูใตบังคับบัญชาซ่ึงกระทําผิดอันกอใหเกิดความเสียหาย
แกทางราชการหรือหนวยงานของรัฐ โดยหลักแลวถือวาทางราชการหรือหนวยงานของรัฐ
เปนผูเสียหายในกรณีที่มีการกระทําความผิดทางวินัยเกิดข้ึน และการที่ผูบังคับบัญชา
จะดําเนินการทางวินัยตอผูใตบังคับบัญชาท่ีกระทําผิดวินัยหรือไมนั้น กฎหมายกําหนด
ใหเปนอํานาจดุลพินิจของผูบังคับบัญชาโดยเฉพาะที่จะพิจารณาดําเนินการตามควรแกกรณี
ดงั น้ัน คําขอของผฟู อ งคดีดงั กลา วจงึ เปนกรณีท่ีศาลปกครองไมอาจกําหนดคําบังคับไดตามมาตรา ๗๒
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงมิใชผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองที่จะขอใหศาล
พิพากษาลงโทษผูถูกฟองคดีเชนกัน ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา และ
ใหจําหนา ยคดีออกจากสารบบความ นน้ั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพอ งดว ย
จึงมีคําสัง่ ยนื ตามคําส่ังของศาลปกครองชัน้ ตน
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๕๘
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๑๓๘/๒๕๖๓
ผฟู องคดีฟอ งวา ผฟู อ งคดีเปนผูไดรับสิทธิเขาทําประโยชนในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน
ในทองที่อําเภอปาซาง จังหวัดลําพูน เน้ือท่ี ๕ ไร ๒ งาน ๔๖ ตารางวา โดยผูฟองคดีประกอบอาชีพ
ปลูกพืชสมุนไพรในท่ีดินดังกลาว ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีท้ังสอง
(องคการบริหารสวนตําบลนครเจดีย ที่ ๑ นายกองคการบริหารสวนตําบลนครเจดีย ที่ ๒) ละเลย
ตอหนาที่ไมควบคุมดูแลการประกอบกิจการของฟารมเลี้ยงไก อ. ซึ่งอยูใกลกับที่ดินของผูฟองคดี
จนเปนเหตุใหผ ูฟองคดีไดรับผลกระทบดานสุขภาพ ไมสามารถใชชีวิตไดตามปกติ และไมสามารถ
ทําประโยชนในท่ีดินเพื่อปลูกพืชสมุนไพรได โดยผูฟองคดีและผูที่ไดรับผลกระทบจากการเล้ียงไก
ของฟารมเลี้ยงไกดังกลา วไดท ําหนังสือรอ งเรยี นตอผถู กู ฟอ งคดที ี่ ๒ และไดมีการประชุมรวมกันระหวาง
ผถู กู ฟอ งคดีที่ ๒ ผูประกอบการและตัวแทนราษฎรท่ีไดรับผลกระทบจากฟารมเล้ียงไก เพื่อหาทางแกไขปญหา
เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๐ แตจนถึงปจจุบนั ผูถกู ฟองคดที ้ังสองยังไมไดแกไขความเดือดรอนเสียหาย
ใหแกผูฟองคดีแตอยางใด ขณะเดียวกันฟารมเล้ียงไกไดกอสรางโรงเรือนเลี้ยงไกเพิ่มข้ึน ผูฟองคดี
จึงนาํ คดมี าฟองขอใหศาลมีคําพพิ ากษาหรอื คําสงั่ ดงั นี้ ๑. ใหผ ถู กู ฟอ งคดีท้ังสองรวมกันชดใชคาเสียหาย
ต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๕๐ จนถึงป พ.ศ. ๒๕๕๗ เปนเวลา ๘ ป ในอัตราปละ ๘๐๐,๐๐๐ บาท เปนเงิน
จํานวน ๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท และในปตอ ๆ ไปอีกปละ ๘๐๐,๐๐๐ บาท จนกวาจะชําระเสร็จ พรอมดอกเบี้ย
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับจากวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จใหแกผูฟองคดี และ ๒. ใหผูถูกฟองคดีที่ ๒
มีคาํ สั่งปด ฟารมเล้ยี งไก อ. หากไมดาํ เนินการใหผถู ูกฟอ งคดที ัง้ สองรว มกันซ้อื สิทธใิ นทดี่ ินของผฟู อ งคดี
เน้ือท่ี ๕ ไร ๒ งาน ๔๖ ตารางวา ในราคาที่เหมาะสม หากไมด ําเนนิ การใดๆ ก็ใหชดใชคาขาดประโยชน
ในอตั ราปละ ๘๐๐,๐๐๐ บาท จนกวาผูฟองคดจี ะเขา ทําประโยชนในที่ดินได ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ัง
ไมรับคําฟองในสวนของขอหาที่ผูฟองคดีเรียกคาสินไหมทดแทนจากผูถูกฟองคดีท้ังสองนับแตป
พ.ศ. ๒๕๕๐ ถงึ วันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ไวพ จิ ารณา ผฟู องคดีย่นื คํารองอุทธรณคําส่ังดังกลาว เห็นวา
คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดหรือความรับผิดอยางอ่ืนของหนวยงานทางปกครอง
หรือเจา หนาท่ขี องรัฐอันเกดิ จากการละเลยตอหนาที่ตามทกี่ ฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่
ดังกลาวลาชาเกินสมควร ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ซ่ึงตองย่ืนฟองคดี
ภายในหนึง่ ปน ับแตว ันทรี่ หู รือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี แตไมเกินสิบปนับแตวันท่ีมีเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญตั ดิ ังกลาว แมจะปรากฏขอเท็จจริงวาผูฟองคดีรูถึงการท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ละเลยตอหนาท่ีไมดําเนินการแกปญหาฟารมเล้ียงไก เปนเหตุใหผูฟองคดีไมสามารถเขาใชประโยชน
ในที่ดินได ซ่งึ เปน เหตุแหง การฟองคดตี ง้ั แตว นั ท่ี ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ตอ เนื่องมาโดยตลอดจนถึงปจจุบัน
แตโดยที่คาเสียหายท่ีผฟู องคดีเรียกเอาจากผูถูกฟองคดีทั้งสองเปนคาเสียหายท่ีแยกจากกันไดเปนรายป
การที่ผูฟองคดีฟองเรียกรองใหผูถูกฟองคดีท้ังสองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหาย
เฉพาะในสว นท่ีทําใหผฟู อ งคดไี มสามารถทาํ ประโยชนในท่ีดินเพื่อปลูกพืชสมุนไพร ต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๕๐
จนถึงวันท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ จึงเปนการยื่นฟองเมื่อลวงพนกําหนดหน่ึงปนับแตวันที่รูหรือควรรู
ถึงเหตุแหงการฟองคดีตามท่ีกฎหมายกําหนดแลว สวนท่ีผูฟองคดีฟองเรียกรองใหผูถูกฟองคดีท้ังสอง
ชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายสวนที่ทําใหผูฟองคดีไมสามารถทําประโยชนในท่ีดิน
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๕๙
เพื่อปลกู พชื สมนุ ไพรในระหวางวันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ถึงวันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ อันเปนวันที่ผูฟองคดี
ยืน่ ฟองคดนี ้ีเทาน้นั ทีถ่ อื ไดว าเปน การยนื่ ฟอ งภายในระยะเวลาหนึ่งปนับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุ
แหงการฟองคดีตามท่ีกฎหมายกําหนด และโดยท่ีการรับคําฟองของผูฟองคดีท่ีฟองเรียกรองให
ผูถูกฟองคดีทั้งสองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายเฉพาะในสวนท่ีทําใหผูฟองคดี
ไมส ามารถทาํ ประโยชนใ นทดี่ ินเพ่อื ปลูกพืชสมุนไพร ต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๕๐ จนถงึ วนั ท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
ไวพิจารณาไมเปนประโยชนแกสวนรวม ท้ังยังไมปรากฏวามีเหตุจําเปนใดท่ีทําใหผูฟองคดีไมสามารถ
ฟองเรียกรองใหผูถูกฟองคดีท้ังสองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายสวนดังกลาว
ภายในระยะเวลาการฟองคดีท่ีกฎหมายกําหนดได ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองในสวนน้ีไวพิจารณาได
ทัง้ นี้ ตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหง พระราชบัญญตั ิเดยี วกนั ท่ศี าลปกครองช้นั ตนมคี าํ ส่งั ไมร บั คําฟอง
ในขอ หาตามคําขอทายคําฟองขอ ๑ ในสวนท่ีผูฟองคดีเรียกคาสินไหมทดแทนจากผูถูกฟองคดีทั้งสอง
นับแตป พ.ศ. ๒๕๕๐ ถงึ วนั ท่ี ๒ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ไวพ จิ ารณา นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดวยบางสวน
จงึ มีคําสัง่ แก เปน ไมรับคําฟองในขอหาตามคําขอทายคําฟองขอ ๑ ในสวนท่ีผูฟองคดี
เรียกคาสินไหมทดแทนจากผูถูกฟองคดีท้ังสองนับแตป พ.ศ. ๒๕๕๐ ถึงวันท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
ไวพ ิจารณา
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๒๑๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดยื่นคําขอรังวัดท่ีดินตามคําขอ ลงวันที่ ๕ มิถุนายน
๒๕๕๐ เพื่อขอออกโฉนดที่ดินในที่ดินแปลงที่ผูฟองคดีครอบครองซึ่งตั้งอยูในเขตจังหวัดเชียงราย
ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดเชียงราย)
ละเลยตอหนาท่ีไมกํากับดูแลเจาพนักงานท่ีดินจังหวัดเชียงรายใหดําเนินการออกโฉนดที่ดินแปลง
ดังกลาวใหแกผูฟองคดีตามโครงการเรงรัดการออกโฉนดที่ดินใหครอบคลุมท่ัวประเทศ สนับสนุน
นโยบายการเสริมสรางความมั่นคงในชีวิตและสังคม ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ ผูฟองคดีเห็นวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ กระทําละเมิดตอผูฟองคดีเม่ือวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ อันเปนวันสุดทาย
ของการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการโครงการเรงรัดการออกโฉนดท่ีดินดังกลาว ปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๑ และกระทําการขัดแยงตอรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย ที่ผูฟองคดีไดรับการ
คุม ครองวา ดวยสทิ ธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
ใหผถู กู ฟอ งคดที ี่ ๒ และผรู ว มกระทําละเมดิ ชดใชคา สนิ ไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี เปนเงินจํานวน
๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และใหหนวยงานของรัฐและเจาหนาท่ีของรัฐท่ีเกี่ยวของเยียวยาคาเสียหาย
ท่ีผูฟองคดีไดรับความคุมครองตามมาตรา ๒๕ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา กรณีน้ีเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของ
หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติ ซ่ึงอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เมื่อกรมท่ีดินไดดําเนินงานตามโครงการเรงรัดการออกโฉนดท่ีดิน
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๖๐
ใหครอบคลุมท่ัวประเทศ สนับสนุนนโยบายการเสริมสรางความมั่นคงในชีวิตและสังคม
ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑ ประกอบกับผูฟองคดีไดกลาวอางในคําฟองวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
กระทําละเมิดตอผูฟองคดีเม่ือวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ อันเปนวันสุดทายของการปฏิบัติงาน
ตามแผนปฏิบัติการโครงการเรงรัดการออกโฉนดที่ดินดังกลาว ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑
จึงถือไดวาผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีน้ีอยางชาท่ีสุดในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑
การที่ผูฟองคดีไดยื่นฟองคดีนี้ตอศาลโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนเม่ือวันท่ี ๒๐ กุมภาพันธ
๒๕๖๑ จึงเปนการย่ืนคําฟองเม่ือพนกําหนดหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน และคดีนี้หากศาลพิพากษาตามคําขอของผูฟองคดี
ยอมจะกอใหเกิดประโยชนแกผูฟองคดีเทานั้น มิไดกอใหเกิดประโยชนแกสวนรวมแตอยางใด
อีกทั้งไมปรากฏเหตุจําเปนอ่ืนท่ีเปนอุปสรรคทําใหผูฟองคดีไมอาจยื่นคําฟองภายในระยะเวลา
การฟองคดีตามท่ีกฎหมายกําหนด ศาลปกครองจึงไมอาจใชดุลพินิจรับคําฟองไวพิจารณาได
ตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบกับขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบ
ของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ และแมมาตรา ๒๕
ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติใหบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิ
หรือเสรีภาพท่ีไดรับความคุมครองตามรัฐธรรมนูญ สามารถยกบทบัญญัติแหงรัฐธรรมนูญเพ่ือใชสิทธิ
ทางศาลได แตการใชส ทิ ธทิ างศาลของบคุ คลตามบทบญั ญัติดังกลาวยอมตองสอดคลองกับมาตรา ๑๙๗
ของรัฐธรรมนูญดังกลาว ซึ่งบัญญัติใหศาลปกครองมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีปกครอง
อันเน่ืองมาจากการใชอํานาจทางปกครองตามกฎหมายหรือเน่ืองมาจากการดําเนินกิจการ
ทางปกครอง ทั้งน้ี จะตองอยูภายใตเง่ือนไขการฟองคดีตามท่ีกฎหมายวาดวยการจัดตั้ง
ศาลปกครองบัญญัติไวดวย และ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ บัญญัติระยะเวลาการฟองคดีไว
เปนการเฉพาะแลว จึงไมอาจนําอายุความตามมาตรา ๔๔๘ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย มาใชบังคับกับคดีนี้ ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณาและ
ใหจ ําหนายคดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดว ย
จึงมีคําสงั่ ยนื ตามคาํ สัง่ ของศาลปกครองชนั้ ตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๒๓๗/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕๐
คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๒๔๐/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินซ่ึงไมมี
เอกสารสิทธิ ต้ังอยูบริเวณหมูที่ ๑ ตําบลริมกก อําเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เน้ือท่ี
ประมาณ ๓ ไร ตอมา รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยไดมีประกาศกําหนดจังหวัดท่ีจะทําการ
สาํ รวจรังวัดทาํ แผนทเ่ี พ่อื ออกโฉนดทดี่ นิ ผวู าราชการจงั หวดั เชียงรายจึงไดม ีประกาศกําหนดทองท่ี
และวันเร่ิมตนทําการสํารวจรังวัดทําแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดินและสอบเขตโฉนดท่ีดิน โดยให
วันเริ่มตนทําการเดินสํารวจ ตั้งแตวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๖ ถึงวันท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ ตอมา
ผูใ หญบ าน หมทู ่ี ๑ ไดป ระกาศใหราษฎรในหมูบานไปแสดงความจํานงออกโฉนดท่ีดิน ณ ท่ีทําการของ
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๖๑
ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ (ผูชวยผูใหญบาน บานฟารมสัมพันธกิจ หมูท่ี ๑ ตําบลริมกก อําเภอเมือง
เชียงราย จังหวัดเชียงราย) เพ่ือนําพนักงานเจาหนาที่ทําการเดินสํารวจ ผูฟองคดีจึงไปแสดง
ความจํานงตอผูถูกฟองคดีที่ ๓ แตผูถูกฟองคดีที่ ๓ กลับไมแจกหลักเขตที่ดินและ
ออกใบเสร็จรับเงินใหแกผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไมสามารถนําพนักงานเจาหนาท่ีทําการ
เดินสํารวจได สวนผูแสดงความจํานงรายอื่นไดนําพนักงานเจาหนาที่ทําการเดินสํารวจและไดรับ
โฉนดท่ีดินไปหมดทุกรายแลว ต้ังแตวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๗ และวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘
นอกจากนี้ ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ยังไดรวมกันกดดันผูฟองคดีใหออกจากท่ีดิน และไดยุยงใหปดลอม
ทางเขาออกสูท่ีดินของผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไมสามารถเขาทําประโยชนในท่ีดินได อีกทั้ง
ยังไดทําลายทรัพยสินและพืชผลทางการเกษตรตามแนวเขตท่ีดิน ทําใหผูฟองคดีไมสามารถ
เขา ทาํ ประโยชนในท่ดี นิ ไดเชนเดิม จงึ นําคดมี าฟองขอใหศ าลพิพากษาหรือมีคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งสาม
(สํานักงานจังหวัดเชียงราย ที่ ๑ ที่วาการอําเภอเมืองเชียงราย ท่ี ๒) ชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผ ูฟองคดี เปน เงนิ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูครอบครอง
ที่ดินซ่ึงไมมีเอกสารสิทธิ ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไมแจกหลักเขต
ทด่ี นิ และออกใบเสรจ็ รบั เงินใหแกผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไมสามารถนําพนักงานเจาหนาที่ทําการ
เดนิ สาํ รวจและทําการรงั วัดที่ดินเพื่อออกโฉนดท่ีดินใหแกผูฟองคดีได ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือ
คําส่ังใหผูถูกฟองคดีทั้งสามชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี กรณีจึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับ
การกระทาํ ละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ี
ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ ซึ่งอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ แมจะไมปรากฏขอเท็จจริงวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดก ระทาํ การตามคํากลา วอา งของผฟู องคดีเม่ือใด แตเ ม่ือปรากฏวา ผูวาราชการ
จังหวัดเชียงรายไดมีประกาศกําหนดทองท่ีและวันเริ่มตนทําการสํารวจรังวัดทําแผนท่ีเพื่อออก
โฉนดทด่ี นิ และสอบเขตโฉนดท่ีดิน โดยมีวันเรม่ิ ตนทําการเดินสํารวจ ตั้งแตวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๔๖
ถึงวนั ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ จงึ ถอื ไดวาเหตุแหง การกระทาํ ละเมิดอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ี
ดังกลาวเกิดขึ้นอยางชาที่สุดในวันสิ้นสุดการเดินสํารวจ คือ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖
และเม่ือตอมา อธิบดีกรมที่ดินไดมีคําสั่งใหเจาพนักงานท่ีดินลงลายมือช่ือและประทับตราประจํา
ตําแหนงเจาพนักงานที่ดินในโฉนดท่ีดินในพ้ืนที่จังหวัดเชียงราย โดยใหดําเนินการจนถึงวันท่ี ๓๐
ธันวาคม ๒๕๔๗ และในกรณีที่ไมสามารถลงนามในโฉนดที่ดินภายในกําหนดเวลาดังกลาวได
ก็ใหดําเนินการใหแลวเสร็จภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ประกอบกับผูฟองคดีไดกลาวอางวา
ราษฎรรายอ่ืนไดนําพนักงานเจาหนาท่ีทําการเดินสํารวจและไดรับโฉนดที่ดินไปหมดทุกรายแลว
ตั้งแตวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๗ และวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ จึงถือไดวาผูฟองคดีรูหรือ
ควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้อยางชาท่ีสุดในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ อันเปนวันสุดทายท่ี
เจา พนกั งานที่ดนิ มอี าํ นาจลงนามในโฉนดทด่ี ินและผูฟองคดีไมไดรับโฉนดท่ีดิน ซ่ึงผูฟองคดีจะตอง
ยื่นฟองคดีตอ ศาลภายในหนง่ึ ปนับแตวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ คอื ภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๖๒
๒๕๔๙ แตไมเกินสิบปนับแตวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ อันเปนวันที่มีเหตุแหงการฟองคดีนี้ ซึ่งก็คือ
ภายในวันท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ ดังน้ัน การที่ผูฟองคดีไดยื่นฟองคดีน้ีตอศาลโดยสงทาง
ไปรษณียลงทะเบียน เม่ือวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ จึงเปนการย่ืนคําฟองเมื่อพนกําหนดหนึ่งป
นับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี และเกินสิบปนับแตวันท่ีมีเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และคดีนี้หากศาลพิพากษาตามคําขอของผูฟองคดี
ยอมจะกอใหเกิดประโยชนแกผูฟองคดีเทานั้น มิไดกอใหเกิดประโยชนแกสวนรวมแตอยางใด
อีกท้ัง ไมปรากฏเหตุจําเปนอ่ืนที่เปนอุปสรรคทําใหผูฟองคดีไมอาจย่ืนคําฟองภายในระยะเวลา
การฟองคดีทีก่ ฎหมายกาํ หนดได ตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหงพระราชบญั ญตั เิ ดียวกัน ประกอบ
ขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓
ศาลจึงไมอาจรับคําฟองคดีนี้ไวพิจารณาได นอกจากนี้ แมมาตรา ๒๕ ของรัฐธรรมนูญ
แหง ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติใหบุคคลซ่ึงถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพท่ีไดรับ
ความคุมครองตามรัฐธรรมนูญ สามารถยกบทบัญญัติแหงรัฐธรรมนูญเพื่อใชสิทธิทางศาลได
แตการท่ีผูฟองคดีกลาวอางวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดยุยงใหเจาของท่ีดินขางเคียงที่ดินของผูฟองคดี
ฟองขับไลผูฟองคดีออกจากท่ีดิน ปดทางเขาออกท่ีดินของผูฟองคดี อีกทั้งทําลายตนไม
แมผูถูกฟองคดีท่ี ๓ จะมีตําแหนงเปนผูชวยผูใหญบานซ่ึงเปนเจาหนาที่ของรัฐในขณะเกิดเหตุ
ดังกลาว แตการกระทําของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ดังกลาวเปนการกระทําในฐานะสวนตัว มิไดเกิดจาก
การใชอํานาจทางปกครองตามกฎหมายหรือการดําเนินกิจการทางปกครองที่จะอยูในอํานาจพิจารณา
พิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๑๙๗ ของรัฐธรรมนูญฉบับดังกลาว ประกอบมาตรา ๙
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ กรณีจึงไมอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ท่ศี าลปกครองชั้นตน มีคาํ สงั่ ไมร ับคําฟองนไี้ วพ ิจารณาและใหจําหนายคดอี อกจากสารบบความ นั้น
ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พอ งดวย
จึงมีคาํ ส่ังยืน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๓๓๐/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของกรรมสิทธ์ิรวมในที่ดินโฉนดท่ีดินเลขที่ ๔๑๒๒
ตั้งอยูตําบลบางใหญ อําเภอบางปลามา จังหวัดสุพรรณบุรี และเปนผูถือสิทธิในที่ดินตาม ส.ค. ๑
เลขท่ี ๒๑ ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดี (นายกองคการบริหารสวนตําบลบางใหญ)
ไดเขาตัดโคนตนไมซ่ึงอยูในท่ีดินโฉนดท่ีดินเลขที่ ๔๑๒๒ เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ และเขาดําเนินการ
ปรับปรุงถนนพรอมถมดินลูกรังในท่ีดินแปลงดังกลาวในปเดียวกัน ตอมาเม่ือป พ.ศ. ๒๕๖๐
ผูถูกฟองคดีไดเขาดําเนินการปรับปรุงถนนดินลูกรังในท่ีดินโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๔๑๒๒ อีกคร้ัง
โดยครง้ั นีไ้ ดท ําถนนจนถงึ ทดี่ ินตาม ส.ค. ๑ เลขที่ ๒๑ อีกท้ัง ผูถูกฟองคดียังขัดขวางไมใหผูฟองคดี
เขาทําประโยชนในที่ดินซ่ึงเปนท่ีวางทายโฉนดท่ีดินเลขที่ ๔๑๒๒ โดยอางวาเปนท่ีดินมีโฉนด
ซึ่งเปนกรรมสิทธิ์ของนางสาว อ. ทําใหผูฟองคดีไมสามารถเขาทําประโยชนในท่ีดินแปลงดังกลาวได
จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหรังวัดแนวเขตใหชัดเจนวาที่ดินสาธารณประโยชน
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๖๓
ที่อยูระหวางที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๑๒๓ กับท่ีดินตาม ส.ค. ๑ เลขที่ ๒๑ ของผูฟองคดี
อยบู ริเวณใดมีเนือ้ ท่เี ทา ใด และรกุ ลํา้ เขามาในเขตทดี่ นิ ตาม ส.ค. ๑ เลขท่ี ๒๑ ท่ีเปนของผูฟองคดีหรือไม
ใหตรวจสอบกรณีผูถูกฟองคดีโคนตนเม่ือเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ใหผูถูกฟองคดีนําโฉนดที่ดิน
ฉบับจริงซึ่งอางวามีชื่อของนางสาว อ. มาแสดง และใหตรวจสอบวาหนวยงานใดไดทําการถมดิน
ลงในที่ดินโฉนดที่ดินเลขท่ี ๔๑๒๒ กับใหทําการรังวัดสอบเขตที่ดินโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๔๑๒๒ ใหที่ดินพิพาท
เปนของผูฟองคดีและเจาของกรรมสิทธิ์รวมคนอื่นๆ และใหคืนที่ดินบริเวณพิพาทใหแกผูฟองคดี
และเจาของกรรมสิทธ์ิรวม ท้ังหามผูถูกฟอ งคดีบกุ รุกทด่ี ินโฉนดท่ดี นิ เลขท่ี ๔๑๒๒
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ขอหาที่หน่ึง ผูฟองคดีฟองวาไดรับความเดือดรอน
เสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีตัดโคนตนไมของผูฟองคดีเม่ือประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๕๖
โดยมีคําขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหมีการตรวจสอบในกรณีน้ี โดยประสงคจะใหผูถูกฟองคดี
เยยี วยาชดใชเปน เงิน ๘๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละ ๒ ตอเดือน ต้ังแตวันท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖
จนถึงวันที่ศาลมีคําพิพากษา กรณีจึงเปนการกลาวอางวาผูถูกฟองคดีซึ่งเปนเจาหนาท่ีของรัฐ
กระทําละเมิดตอผูฟองคดีจนเปนเหตุใหทรัพยสินของผูฟองคดีไดรับความเสียหายเปนกรณีพิพาท
ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ซ่ึงผูฟองคดีเปนผูไดรับความเดือดรอน
หรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดอันเนื่องมาจากการกระทําของ
ผฟู อ งคดี และการแกไขหรอื บรรเทาความเดือดรอนหรือความเสียหายอาจกําหนดออกคําบังคับได
ตามมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดี
ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน แตอยางไรก็ตาม การฟองคดีตามมาตรา ๙
วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาวนั้น มาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ บัญญัติวา
การฟองคดีตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) ใหย่ืนฟองภายในหน่ึงป... นับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหง
การฟองคดี แตไมเกินสิบปนับแตวันท่ีมีเหตุแหงการฟองคดี เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวาในขณะเกิดเหตุ
ดังกลา วผูฟองคดีเจ็บปวยและเขารับการรักษาท่ีโรงพยาบาลบางปลามาเม่ือออกจากโรงพยาบาลแลว
ไดไปพักรักษาตัวตอที่บานของบุตรและไดกลับบานเม่ือประมาณเดือนเมษายน ป พ.ศ. ๒๕๕๖
กรณจี งึ ถอื ไดวาผูฟอ งคดีไดรูห รอื ควรรถู ึงเหตแุ หง การฟองคดีนเ้ี มื่อประมาณเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖
การท่ผี ฟู อ งคดีนําคดีมาฟองตอศาลเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ จึงเปนการยื่นฟองคดีเมื่อพนระยะเวลา
หน่งึ ปน ับแตว ันทรี่ หู รือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดี
ในขอหานีไ้ วพ ิจารณาพพิ ากษาได
ขอหาที่สอง ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดี บิดา และมารดาเปนผูครอบครองและ
ทําประโยชนใ นท่ดี ินตาม ส.ค. ๑ เลขท่ี ๒๓ มาตงั้ แตป พ.ศ. ๒๕๑๗ จนถึงป พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยไมมี
ผูใดหวงหาม แตเม่ือป พ.ศ. ๒๕๖๐ กลับถูกผูถูกฟองคดีกับพวกขัดขวางไมใหเขาทําประโยชน
ในท่ีดินดังกลาว โดยอางวาที่ดินดังกลาวเปนที่ดินมีโฉนดซึ่งมีชื่อนางสาว อ. เปนเจาของ จึงขอให
ศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีนําโฉนดท่ีดินฉบับจริงท่ีผูถูกฟองคดีอางวามีช่ือของ
นางสาว อ. มาแสดง น้ัน เห็นวา จากบทบัญญัติมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) ถึง (๖) แหง พ.ร.บ.
จัดตง้ั ศาลปกครองฯ เห็นไดว า กฎหมายไดกําหนดใหศ าลปกครองมอี าํ นาจพจิ ารณาพิพากษาหรือมีคําส่ัง
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๖๔
เฉพาะแตในคดีปกครองอันเน่ืองมาจากการใชอํานาจทางปกครองตามกฎหมายหรือเน่ืองมาจาก
การดําเนินกิจการทางปกครอง หรือในคดีท่ีมีกฎหมายเฉพาะกําหนดใหอยูในอํานาจของศาลปกครอง
เมื่อปรากฏวา ที่ดินตาม ส.ค. ๑ เลขท่ี ๒๓ มีช่ือนาย ป. และนาย บ. ไมเก่ียวกับที่ดินของผูฟองคดี
แตเปนหลักฐานท่ีปรากฏอยูแนบทายโฉนดที่ดินเลขท่ี ๔๑๒๒ ผูฟองคดีเขาใจวาที่ดินตาม ส.ค.๑
เลขที่ ๒๓ นี้อาจเปนบริเวณเดียวกันกับที่องคการบริหารสวนตําบลบางใหญอางวาเปนท่ีดิน
ของนางสาว อ. การฟองคดีขอหานี้จึงเปนการฟองคดีที่กลาวอางวา ผูถูกฟองคดีกับพวกขัดขวาง
การเขาทําประโยชนของผูฟองคดีในที่ดินของบุคคลอ่ืน ซ่ึงผูฟองคดี บิดา และมารดา
เปนผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินมาต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๑๗ จนถึง ป พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยไมมี
ผูใดหวงหา ม การกระทําของผูถกู ฟองคดีดงั กลา วจงึ มใิ ชค ดที ี่พิพาทเกี่ยวกบั การใชอํานาจตามกฎหมาย
ในทางปกครองหรือในการดําเนินกิจการทางปกครอง อีกทั้ง ไมไดมีบทบัญญัติแหงกฎหมายใดๆ
บัญญัติใหเปนอํานาจหนาท่ีขององคการบริหารสวนตําบลหรือนายกองคการบริหารสวนตําบล
ซึ่งเปนหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐใหเขาไปดําเนินการขัดขวางหรือระงับการบุกรุก
ในที่ดินระหวางเอกชนกับเอกชน กรณีพิพาทตามขอหานี้ จึงมิใชคดีที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษา
หรือมีคําส่ังของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ แตอยางใด
ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดีในขอหาน้ีไวพิจารณาไดเชนกัน ที่ศาลปกครองชั้นตน
มีคําส่ังไมรับคําฟองของผูฟองคดีในขอหาที่ขอใหตรวจสอบกรณีผูถูกฟองคดีโคนตนไมและ
ในขอหาที่ขอใหตรวจสอบกรณีท่ีผูถูกฟองคดีเขาขัดขวางการเขาทําประโยชนในที่ดินตาม สค. ๑
เลขท่ี ๒๓ ที่ผฟู อ งคดมี ีคาํ ขอใหศ าลมคี าํ พิพากษาหรือคําส่ังใหผ ถู ูกฟองคดีนาํ โฉนดทดี่ นิ ฉบบั จริงซึ่ง
อางวา มชี อ่ื ของนางสาว อ. มาแสดง ไวพิจารณา นน้ั ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดวย
จึงมีคาํ สง่ั ยืนตามคาํ สัง่ ของศาลปกครองชนั้ ตน
คําสั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี ๓๗๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๖๗๓๐
ตําบลลําพญา อําเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ปกติผูฟองคดีใชทางเดินสาธารณะสัญจรเขาออกที่ดิน
ของผูฟองคดีเพื่อออกสูถนนสาธารณประโยชนทางหลวงชนบทหมายเลข ๓๐๔๙ โดยเดินผานที่ดิน
แปลงโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๗๘๒๒ ตําบลลําพญา อําเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ซึ่งผูถูกฟองคดี
(เทศบาลตําบลลําพญา) เปนเจาของกรรมสิทธิ์ ผูฟองคดีใชทางดังกลาวเดินสัญจรเขาออกตั้งแต
ปลายเดือนเมษายน ๒๕๓๙ ตลอดเร่ือยมาจนถึงวันท่ี ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ รวมระยะเวลา ๑๙ ป
ตอ มา วันท่ี ๑๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ผูถูกฟองคดีดําเนินการกอสรางอาคารสํานักงานของผูถูกฟองคดี
หลังใหมข้ึนบนที่ดินโฉนดที่ดินเลขท่ี ๔๗๘๒๒ ปจจุบันการกอสรางแลวเสร็จสมบูรณพรอมมี
รั้วกําแพงปดก้ันทําใหผูฟองคดีไมสามารถใชทางเดินเขาออกผานท่ีดินแปลงดังกลาวไดตามเดิม
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีเปดทางเขาออกสู
ทางหลวงชนบทหมายเลข ๓๐๔๙ ใหแกผฟู อ งคดี
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๖๕
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิด
ของหนว ยงานทางปกครองหรือเจา หนาท่ขี องรฐั อันเกิดจากการใชอ าํ นาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙
วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจะตองย่ืนฟองภายในหน่ึงปนับแต
วันทีร่ ูหรือควรรูถงึ เหตแุ หง การฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และเมื่อขอเท็จจริง
รบั ฟง ไดวา เม่ือวันที่ ๑๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ผูถูกฟองคดีกอสรางอาคารสํานักงานหลังใหมบนท่ีดิน
โฉนดที่ดินเลขท่ี ๔๗๘๒๒ โดยกอสรางร้ัวรอบสํานักงานปดก้ันทางท่ีผูฟองคดีใชเดินออกสูถนน
สาธารณประโยชนดังกลาว กรณีจึงถือวา วันท่ีผูถูกฟองคดีเริ่มดําเนินการกอสรางอาคารสํานักงาน
เปนวนั ท่ผี ูฟองคดีรูหรอื ควรถงึ เหตแุ หงการฟองคดีแลว และตองนําคดีมาฟองตอศาลภายในหน่ึงป
นับแตวันทผ่ี ฟู อ งคดรี ูถึงการกระทําละเมิดดังกลาว หาใชเปนการกระทําละเมิดในลักษณะตอเนื่อง
เรื่อยมาจนถึงปจจุบันท่ีจะพึงใชสิทธิในการยื่นฟองคดีเมื่อใดก็ได ดังเชน คําส่ังศาลปกครองสูงสุด
ที่ ๖๕๙/๒๕๔๙ ซึ่งเปนกรณีท่ีหนวยงานทางปกครองปกหลักเขตรุกล้ําเขาไปในท่ีดินของเอกชน
โดยตราบใดที่ยังไมมีการรื้อถอนหลักเขตออกไปจากที่ดินดังกลาว จึงถือเปนการกระทําละเมิด
ตอเน่ืองตลอดมาตางจากกรณีของผูฟองคดีอันเปนกรณีที่ผูถูกฟองคดีใชสิทธิในการดําเนินการ
กอสรางอาคารสํานักงานและลอมร้ัวรอบบริเวณซ่ึงเปนการกระทําท่ีอยูภายในขอบเขตท่ีดิน
ท่ผี ถู ูกฟอ งคดีมกี รรมสทิ ธิ์ หาไดเปน การลวงลํา้ เขา ไปในเขตทดี่ นิ ของบุคคลใด เพียงแตการกอสราง
อาคารสํานักงานและรั้วดังกลาวเปนการนํามาซึ่งความไมสะดวกในการเขาออกที่ดินของผูฟองคดี
อยางที่เคยเปนมา หาใชเปนการกระทําละเมิดท่ีมีลักษณะตอเน่ืองเร่ือยมาไม เม่ือผูฟองคดีเห็นวา
การกระทําดังกลาวของผูถูกฟองคดีนํามาซ่ึงความเดือดรอน ผูฟองคดีก็ชอบท่ีจะตองนําคดี
มาฟองตอศาลภายในกําหนดระยะเวลาหนึ่งปนับแตวันท่ีผูถูกฟองคดีเร่ิมดําเนินการกอสราง
และลอมร้ัวปดกั้นทางเดินเดิม หาใชปลอยใหผูถูกฟองคดีดําเนินการกอสรางอาคารจนแลวเสร็จ
จากน้ันจึงนําคดีมาฟองตอศาลปกครองเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๐ กรณีจึงเปนการย่ืนฟอง
เม่ือพนกําหนดเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ทั้งนี้ การฟองคดี
ของผูฟองคดีมิไดเกี่ยวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคล และเนื่องจาก
การฟองคดีดังกลาวเปนประโยชนแกผูฟองคดีโดยแท เม่ือผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาล
เกินระยะเวลาตามท่ีกฎหมายกําหนดแลว ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดี
ไวพิจารณาไดที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจาก
สารบบความ นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพองดวย
จงึ มคี ําสงั่ ยนื ตามคําสัง่ ของศาลปกครองชัน้ ตน
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๕๐๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีและภรรยาเปนผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดิน
เน้ือท่ีประมาณ ๒๐ ไร หมูที่ ๑ บานขนาดมอญตะวันออก ตําบลตาตุม อําเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร
ตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๒๐ โดยไมมีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย
เนือ่ งจากผถู กู ฟองคดี (นายกองคก ารบริหารสวนตําบลตาตุม) ไดบุกรุกและทําลายทรัพยสินพืชผล
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๖๖
ทางการเกษตรของผูฟองคดีทําใหไดรับความเสียหายเปนตนปาลม จํานวน ๔๐ ตน และยึดท่ีดิน
ของผูฟองคดีซึ่งอยูในเขตปฏิรูปที่ดิน และหามมิใหผูฟองคดีเขาทําประโยชนในท่ีดินดังกลาว
ผูฟองคดีไดแจงความรองทุกขตอพนักงานสอบสวน สถานีตํารวจภูธรดม ตําบลดม อําเภอสังขะ
จังหวัดสุรินทร เพื่อใหดําเนินคดีกับผูถูกฟองคดีในขอหาบุกรุกและทําลายทรัพยสิน จากน้ัน
พนักงานสอบสวนไดนัดผูฟองคดีและผูถูกฟองคดีเพื่อไกลเกลี่ยโดยผูถูกฟองคดียินยอมชดใช
คาเสียหายในสวนของตนปาลมใหแกผูฟองคดี เปนเงินจํานวน ๖,๐๐๐ บาท ตามบันทึกตกลง
ชดใชคาเสียหายทางแพงลงวันท่ี ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ แตผูถูกฟองคดีไมคืนที่ดินดังกลาวใหแก
ผูฟองคดีโดยอางวา ท่ีดินดังกลาวเปนที่สาธารณประโยชนทําใหผูฟองคดีไมสามารถเขาใชประโยชน
ในที่ดินดังกลาวได ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดี
คืนที่ดินทพี่ พิ าทใหแ กผ ูฟอ งคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิด
ของเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายซ่ึงอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของ
ศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เมื่อคดีนี้ขอเท็จจริง
ปรากฏวา ในป พ.ศ. ๒๕๕๖ ผูถูกฟองคดีไดทําการบุกรุกท่ีดินของผูฟองคดีโดยไดขุดคลอง
ทําบอขยะในที่ดินท่ีผูฟองคดีทําประโยชนอยู และไดทําลายทรัพยสินพืชผลทางการเกษตรของ
ผูฟองคดีเสียหายเปนตนปาลม จํานวน ๔๐ ตน และหามไมใหผูฟองคดีเขาทําประโยชนในท่ีดิน
ดังกลาวอีกตอไป ผูฟองคดีไดแจงความรองทุกขตอพนักงานสอบสวน สถานีตํารวจภูธรดม
ตําบลดม อําเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร เพ่ือใหดําเนินคดีกับผูถูกฟองคดีในขอหาบุกรุกและทําลาย
ทรัพยสิน ตอมา พนักงานสอบสวนไดไกลเกล่ียกรณีดังกลาวโดยผูถูกฟองคดียินยอมชดใช
คาเสียหายในสวนของตนปาลมใหแกผูฟองคดี เปนเงินจํานวน ๖,๐๐๐ บาท ปรากฏตามหลักฐาน
บันทึกตกลงชดใชคาเสียหายทางแพง ลงวันท่ี ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ แตผูถูกฟองคดีกลับไมคืนที่ดิน
ดังกลาวใหแกผูฟองคดีโดยอางวา เปน ทีส่ าธารณประโยชน กรณีจึงถอื วา ผฟู อ งคดรี ูห รือควรรูถึงเหตุ
แหงการท่ีผถู ูกฟอ งคดกี ระทําละเมิดสิทธิของผูฟองคดีทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย
อันเปนเหตุแหงการฟองคดีในกรณีนี้ อยางชาท่ีสุด คือ ในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ การที่ผูฟองคดี
นําคดีมาฟองตอศาลปกครองช้ันตน เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ จึงเปนการฟองคดีเม่ือพน
กําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ประกอบกับ
แมศาลปกครองจะมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีคืนท่ีดินใหแกผูฟองคดีก็เพียงมีผลให
ผูฟองคดีสามารถครอบครองและทําประโยชนในที่ดินพิพาทตามคําขออันเปนประโยชนสวนตัว
ของผูฟองคดีเทานั้นมิใชเปนประโยชนแกสวนรวม อีกท้ังไมปรากฏเหตุจําเปนอื่นท่ีเปนอุปสรรค
ขัดขวางทําใหผูฟองคดีไมอาจย่ืนคําฟองภายในระยะเวลาการฟองคดีตามท่ีกฎหมายกําหนด
ศาลปกครองจึงไมอาจใชดุลพินิจรับคําฟองกรณีดังกลาวนี้ไวพิจารณาได ท้ังนี้ ตามมาตรา ๕๒
วรรคสอง แหงพระราชบัญญัตดิ ังกลา ว ประกอบกับขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ
วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองไวพิจารณา
และใหจ ําหนายคดีออกจากสารบบความ น้นั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดว ยในผล
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๖๗
จึงมีคาํ ส่ังยนื ตามคาํ สง่ั ของศาลปกครองช้นั ตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คบ. ๙๕/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕๔
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๕/๒๕๖๓
ผฟู อ งคดีฟอ งวา ขณะผฟู อ งคดีปฏบิ ตั หิ นาที่ครู คศ.๑ โรงเรยี นบา นเมืองเกา สังกัด
ผูถูกฟองคดี (เทศบาลตําบลบัลลังก) เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ ไดนํานักเรียน
ช้ันอนุบาล จํานวน ๑๖ คน ไปทัศนศึกษาเรียนรูนอกสถานท่ีท่ีวัดเมืองเกา ตําบลบัลลังก
อําเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา และไดเกิดอุบัติเหตุเสาศิลาแลงแขวนระฆังภายในวัดลมทับ
เด็กนักเรียน เปนเหตุใหเด็กหญิง พ. ไดรับบาดเจ็บและเสียชีวิต ตอมา นาย บ. และนาง น. บิดา
และมารดาของผูต ายไดเ ปนโจทกฟองผูฟองคดีและผูถูกฟองคดีเปนจําเลยตอศาลจังหวัดนครราชสีมา
เรียกคาเสียหาย โจทกท้ังสองและผูฟองคดีกับผูถูกฟองคดีตกลงกันไดและทําสัญญาประนีประนอม
ยอมความตอหนาศาล โดยผูฟองคดีและผูถูกฟองคดีตกลงรวมกันชําระเงินใหแกโจทกทั้งสอง
เปนเงิน ๔๕๐,๐๐๐ บาท ศาลจังหวัดนครราชสีมาจึงมีคําพิพากษาตามยอม ผูฟองคดีไดชําระเงิน
ตามสญั ญาประนีประนอมความดังกลาว จํานวน ๓๗๐,๐๐๐ บาท สว นผูถูกฟองคดีชําระเงินตามสัญญา
ประนีประนอมยอมความดังกลาว เปนเงินจํานวน ๘๐,๐๐๐ บาท ตอมา ผูถูกฟองคดีมีคําส่ังแตงตั้ง
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดผูฟองคดีในกรณีดังกลาว ซ่ึงคณะกรรมการ
ดังกลาวมีความเห็นวา ผูฟองคดีกระทําละเมิดตอบุคคลภายนอกในการปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลอ
แตไ มถงึ ข้นั ประมาทเลินเลอ อยา งรา ยแรง ผถู ูกฟองคดจี งึ ไมมีสิทธิเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
แกผถู กู ฟองคดไี ด ผฟู อ งคดีเห็นวา กรณดี งั กลาวผูฟอ งคดีไมตองรับผิดในความเสียหายจึงมีหนังสือ
ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ขอใหผูถูกฟองคดีคืนเงินท่ีผูฟองคดีไดชําระใหแกบิดาและมารดา
ของผูตายแกผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือดังกลาวแลวเพิกเฉย ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชําระเงินจํานวน ๓๗๐,๐๐๐ บาท คืนใหแกผูฟองคดี
พรอมดอกเบ้ยี เห็นวา การที่ผูฟ องคดนี ํานักเรียนช้นั อนุบาล จํานวน ๑๖ คน ไปทัศนศึกษาเรียนรูนอก
สถานท่ีท่ีวัดเมืองเกา ตําบลบัลลังก อําเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา และไดเกิดอุบัติเหตุเสา
ศิลาแลงแขวนระฆังลมทับเด็กนักเรียน เปนเหตุใหเด็กหญิง พ. เสียชีวิต นั้น เปนกรณีที่ผูฟองคดี
ซึ่งเปนเจาหนาที่ของรัฐกระทําโดยการละเวนการกระทําโดยประมาทไมดูแลเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล
ท่ีอยูในความรับผิดชอบไมใหไดรับอันตรายแกกายหรือแกชีวิต เปนเหตุใหมีเด็กนักเรียนเสียชีวิต
การกระทําอันเปนเหตุแหงการฟองคดีน้ีจึงเปนการกระทําละเมิดอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ี
ตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
แมผูฟองคดีจะไดจายเงินคาสินไหมทดแทนแกบิดาและมารดาของผูเสียชีวิตซึ่งเปนผูเสียหาย
ตามคําพิพากษาตามยอมของศาลจังหวัดนครราชสีมาไปแลว แตเมื่อผูฟองคดีนําคดีมาฟอง
ตอศาลปกครองขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนตามจํานวนเงินท่ีผูฟองคดีไดชําระ
ใหแกผูเสียหายไป จึงเปนกรณีท่ีผูฟองคดีใชสิทธิไลเบี้ยตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ อันสืบเนื่องมาจากคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิด
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๖๘
อันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ จึงเปนคดีพิพาทที่อยูใน
อาํ นาจศาลปกครองทีจ่ ะรับไวพ ิจารณาพิพากษาได อกี ทงั้ ปรากฏวาผูฟองคดไี ดชดใชคาสนิ ไหมทดแทน
ใหแกบิดาและมารดาของเด็กหญิง พ. ผูตาย เปนเงินท้ังส้ิน ๓๗๐,๐๐๐ บาท โดยชําระเสร็จส้ิน
เม่ือวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๐ เม่ือผูฟองคดีนําคดีมายื่นฟองตอศาลปกครองชั้นตนเมื่อวันท่ี
๒๓ มนี าคม ๒๕๖๑ ขอใหผ ถู กู ฟองคดชี ดใชคาสินไหมทดแทนที่ผูฟองคดีไดชดใชไปคืนใหแกผูฟองคดี
จึงเปนการย่ืนคําฟองเพื่อใชสิทธิไลเบี้ยภายในกําหนดอายุความหนึ่งปนับแตวันที่ผูฟองคดีไดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายตามนัยมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ซึ่งผูฟองคดี
ไดชําระคาธรรมเนียมศาลครบถวนแลว และไมพบขอบกพรองอ่ืนใดเกี่ยวกับเง่ือนไขในการฟองคดี
ตอศาลปกครอง ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจาก
สารบบความ คนื คาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผฟู อ งคดี นน้ั ศาลปกครองสูงสดุ ไมเ หน็ พอ งดวย
จึงมีคาํ ส่งั กลบั เปนใหรับคําฟองน้ไี วพิจารณาพิพากษาตอไป
คําส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เม่ือวันท่ี ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ เวลาประมาณ ๒๐.๓๐ นาฬิกา
ผูฟองคดีไดโดยสารรถแท็กซี่สาธารณะ ไดเกิดอุบัติเหตุรถแท็กซ่ีที่ผูฟองคดีโดยสารมาไดตกลงไป
ในทอระบายน้ําทิ้งที่ถูกขุดท้ิงไว โดยไมมีส่ิงปดก้ันปากทอหรือมีเครื่องหมายแจงเตือนวามีทอระบายนํ้า
ขวางอยูกลางถนน เปน เหตุใหผูฟองคดีไดรับบาดเจ็บ และตองจายเงินคารักษาพยาบาล ผูฟองคดี
ไดเดินทางไปติดตอสอบถามเก่ียวกับการแกไขเยียวยาในเร่ืองดังกลาวกับนายกองคการบริหาร
สวนตําบลบางรักพัฒนาแลว แตก็ไมไดรับการแกไขเยียวยาปญหาท่ีเกิดขึ้นแตอยางใด ซึ่งตอมา
ผวู าราชการจงั หวดั นนทบุรีไดมีหนังสือศูนยดํารงธรรมจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
แจงผูฟองคดวี า ผฟู องคดีสามารถดําเนินการเรียกคาเสียหายเบื้องตนจากบริษัทท่ีรับประกันภัยรถ
รับจางสาธารณะ (รถแท็กซ่ี) หากบริษัทปฏิเสธไมจายคาเสียหายเบ้ืองตนหรือจายคาเสียหายเบ้ืองตน
ไมครบจํานวนทต่ี องจาย ผูฟองคดีสามารถแจงเรื่องตอสํานักงานคณะกรรมการกํากับและสงเสริม
การประกอบธุรกจิ ประกนั ภยั (คปภ.) ได และหรือดําเนินการใชสิทธิทางศาลเพ่ือเรียกคาสินไหมทดแทน
จากผูถูกฟองคดี (องคการบริหารสวนตําบลบางรักพัฒนา) และบริษัท พ. ตอศาลปกครองได
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายที่เกิดจาก
อุบัติเหตุต้ังแตวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ จนถึงปจจุบัน ใหผูถูกฟองคดีชดใชคารักษาพยาบาล
ทํากายภาพบําบัด คายานอกบัญชีหลัก คาใชจายอุปกรณประคบความรอน คาเวชกรรมฟนฟู เปนเงิน
๒๕๐,๐๐๐ บาท ใหผ ถู ูกฟอ งคดีชดใชคาพาหนะ คาเดินทางไปรักษาพยาบาลตลอด ๑๐ ป คาจาง
ผูชว ยพาไปโรงพยาบาล เปน เงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ใหผ ถู ูกฟอ งคดีชดใชคาติดตอขอความชวยเหลือ
คาธรรมเนียมปรึกษาคดี คาความยุงยากเสียเวลาและเสียโอกาสในชีวิต เปนเงิน ๙๙,๕๐๐ บาท
และใหผูถูกฟองคดีชดใชคาดอกเบี้ยของคาใชจายที่เกิดจากอุบัติเหตุรอยละ ๗.๕ ตอป ของยอดเงิน
ทง้ั สนิ้ ๔๙๙,๕๐๐ บาท นับแตวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ ถึงวันฟองคดี เปนเงิน ๓๓๙,๑๖๒.๕๐ บาท
และดอกเบี้ยรอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงิน จํานวน ๔๙๙,๕๐๐ บาท นับถัดจากวันฟองคดีจนกวา
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๖๙
จะชําระเสร็จส้ิน เห็นวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครอง
หรอื เจา หนาทขี่ องรัฐอนั เกิดจากการละเลยตอ หนา ทตี่ ามทีก่ ฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาท่ี
ดงั กลาวลาชา เกินสมควร ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ อยางไรก็ตาม
มาตรา ๕๑ แหง พระราชบัญญตั ดิ งั กลา ว บญั ญัติใหการฟอ งคดีตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) ใหยื่นฟอง
ภายในหนงึ่ ปนับแตวนั ท่รี ูหรือควรรถู งึ เหตแุ หง การฟอ งคดแี ตไมเกินสิบปนับแตวันที่มีเหตุแหงการฟองคดี
เมื่อคดนี ้ีเหตลุ ะเมดิ ดังกลาวเกดิ ขึ้นเม่ือวนั ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓ ซึง่ ถอื วาเปน วนั ทผี่ ูฟ อ งคดีรูหรือควรรู
ถึงเหตุแหงการฟองคดีแลว ผูฟองคดีจึงตองนําคดีมาฟองตอศาลปกครองภายในหน่ึงปนับแตวันท่ี
๒๔ มถิ ุนายน ๒๕๕๓ กลาวคอื ภายในวันท่ี ๒๔ มถิ ุนายน ๒๕๕๔ การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอ
ศาลปกครองเม่ือวันท่ี ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ จึงเปนการยื่นฟองคดีเมื่อพนกําหนดเวลาการฟองคดี
ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ น้ัน
ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพองดว ย
จงึ มคี าํ ส่ังยืนตามคําสง่ั ของศาลปกครองชั้นตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๒๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๕
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๒๔/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูครอบครองทําประโยชนในที่ดินตามแบบแจง
การครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) เลขที่ ๑๗๒ เลขท่ี ๑๗๓ และเลขที่ ๑๗๔ หมูท่ี ๕ ตําบลกุรุคุ
อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เนื้อที่ ๑ ไร ๑ งาน เนื้อที่ ๔ ไร และเน้ือที่ ๑ ไร ตามลําดับ
ตอมา ผูถูกฟองคดี (กรมชลประทาน) ไดทําการกอสรางอางเก็บน้ําหวยสมโฮง ที่บริเวณหมูที่ ๕
ตาํ บลกรุ ุคุ อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ทําใหนํ้าทวมที่นาของผูฟองคดีจนไมสามารถทํานา
หรือทําการเกษตรดานอื่นๆ ได จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดี
ชําระเงินคาทดแทนกรณีน้ําทวมที่ดินของผูฟองคดีจํานวน ๖ ไร ๑ งาน ในอัตราไรละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท
คิดเปนเงินจํานวน ๑,๒๕๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงิน
ดังกลาวนับแตวันฟองเปนตนไปจนกวาผูถูกฟองคดีจะชําระคาเสียหายเสร็จส้ิน และใหชําระเงิน
คาขาดประโยชนจากการที่ผูฟองคดีไมไดทํานาหรือการเกษตรอื่นใดเปนระยะเวลาหน่ึงปกอน
การฟองคดีตั้งแตวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ จนถึงวันฟองคดี (วันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๖๒) เปนเงิน
จาํ นวน ๒๐,๐๐๐ บาท พรอมทัง้ มคี ํารอ งขอใหศาลมีคาํ สั่งอนุญาตใหผฟู อ งคดดี ําเนินคดีโดยยกเวน
คาธรรมเนียมศาลทั้งหมด เห็นวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงาน
ทางปกครองอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ ผูฟองคดีเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดรอน
หรือเสยี หายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได อันเนื่องจากการกระทําของผูถูกฟองคดีและการแกไขหรือบรรเทา
ความเดือดรอนหรือเสียหายท่ีผูฟองคดีไดรับจําตองมีคําบังคับซึ่งศาลปกครองมีอํานาจออกคําบังคับ
ใหไดตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดี
ตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่งึ แหง พระราชบัญญัตเิ ดยี วกนั และโดยท่ีการฟองคดีพิพาท
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๗๐
เกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย นั้น
ไมมีกฎหมายกําหนดขั้นตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายไวโดยเฉพาะ
ผฟู องคดจี งึ นําคดมี าฟองตอ ศาลปกครองไดโดยไมตองดําเนนิ การแกไ ขความเดือดรอนหรือเสียหาย
กอนฟองคดีตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ โดยตองยื่นฟองคดี
ตอศาลปกครองภายในหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี แตไมเกินสิบปนับแตวันที่
มเี หตแุ หง การฟอ งคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พระราชบัญญตั ิดังกลา ว เม่ือผูฟองคดีไดรับความเสียหาย
จากการที่นํ้าทวมพื้นท่ีทํานาอันเน่ืองมาจากการกระทําของผูถูกฟองคดีต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๐๑ ตอเน่ือง
มาโดยตลอดจนถึงวนั ท่ีผูฟองคดียนื่ ฟองคดีนใ้ี นวนั ที่ ๙ สงิ หาคม ๒๕๖๒ อนั ถือไดวาเปนการกระทําละเมิด
ตอ ผฟู อ งคดีตอ เน่อื งมาจนถงึ วันฟองคดี แตใ นสว นของคาเสียหายซึ่งเปนคาสินไหมทดแทนอันเกิดจาก
การกระทําละเมิดน้ี ผูฟองคดีมีสิทธิขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายไดยอนหลังไปเพียงหน่ึงป
กอนถึงวันฟองคดี การที่ผูฟองคดีฟองขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหาย
ในระหวางวันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ ถึงวันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเปนวันที่ผูฟองคดียื่นฟองคดีน้ี
จึงถือไดวาเปนการยื่นฟองภายในระยะเวลาหนึ่งปนับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองในสวน
ทม่ี ีคาํ ขอใหผถู กู ฟอ งคดีชําระเงนิ คาทดแทนกรณนี า้ํ ทวมทีด่ ินของผูฟองคดีเปนเงิน ๑,๒๕๐,๐๐๐ บาท
พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาวนับแตวันฟองเปนตนไปจนกวา
จะชําระเสร็จส้ิน และไมพิจารณาคําขอใหผูฟองคดีดําเนินคดีโดยยกเวนคาธรรมเนียมศาลในสวน
ของทุนทรัพยจํานวน ๑,๒๕๐,๐๐๐ บาท นัน้ ศาลปกครองสูงสุดไมเ หน็ พองดวย
จึงมีคําสั่งกลับเปนใหศาลปกครองชั้นตนรับคําฟองในสวนท่ีมีคําขอใหผูถูกฟองคดี
ชําระเงินคาทดแทนกรณีน้ําทวมที่ดินของผูฟองคดีเปนเงิน ๑,๒๕๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ย
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาวนับแตวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จส้ิน
ไวพิจารณา เมื่อศาลปกครองชั้นตนไดดําเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับคาธรรมเนียมศาลตามคําขอ
ของผูฟองคดีแลว
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๒๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีทั้งหกฟองวา ผูฟองคดีท้ังหกเปนขาราชการบํานาญ สังกัดผูถูกฟองคดี
(กระทรวงศึกษาธิการ) ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีมีคําส่ังลงวันท่ี ๓
พฤษภาคม ๒๕๔๒ ลงโทษปลดผูฟองคดีท่ี ๑ ท่ี ๒ ที่ ๔ และท่ี ๕ ออกจากราชการ และลงโทษ
ไลผูฟองคดีที่ ๓ และที่ ๖ ออกจากราชการ ผูฟองคดีทั้งหกเห็นวาคําส่ังลงโทษดังกลาวไมชอบ
ดวยกฎหมาย จึงยื่นฟองคดีตอศาลปกครองเพ่ือขอใหเพิกถอนคําสั่งลงโทษดังกลาวและใหคืน
สทิ ธติ ามกฎหมายอันพงึ มพี ึงไดทีเ่ สียไปจากคําสั่งดังกลาว ตอมา ศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษา
ใหเพิกถอนคําสั่งลงโทษดังกลาวและคําวินิจฉัยอุทธรณ โดยใหมีผลยอนหลังไปถึงวันท่ีคําสั่ง
ดังกลาวมีผลบังคับ ผูฟองคดีทั้งหกจึงมีหนังสือลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ และวันท่ี ๕ มิถุนายน
๒๕๕๗ ขอใหผูถูกฟองคดีพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทน ตามมาตรา ๑๑ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๗๑
ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ และปลัดกระทรวงศึกษาธิการไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๕
ธันวาคม ๒๕๖๐ แจงยกคําขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๓ ทราบ
ผฟู อ งคดที งั้ หกจึงนําคดมี าฟองขอใหศาลมคี ําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีจายดอกเบี้ยผิดนัด
ของเงินเดือนและสิทธิประโยชนท่ีผูฟองคดีท้ังหกพึงไดรับตามอัตราที่กําหนดในประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชยใหแกผูฟองคดีทั้งหก เห็นวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิด
ของหนว ยงานทางปกครองอันเกิดจากคาํ สงั่ ทางปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยศาลปกครองมีอํานาจกําหนดคําบังคับตามคําขอของผูฟองคดีทั้งหกได
ตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว อยางไรก็ตาม แมตามมาตรา ๑๑
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ จะมิไดบัญญัติไวอยางชัดแจงวา
ผูเสียหายจะตองยื่นคําขอตอหนวยงานของรัฐใหพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับ
ความเสียหายท่ีเกิดแกตนภายในระยะเวลาใด แตก็เปนที่เห็นไดจากเหตุผลของเรื่องวาผูเสียหาย
ตองย่ืนขอตอหนวยงานของรัฐภายในหน่ึงปนับแตวันท่ีรูถึงการละเมิดและรูตัวผูจะพึงตองใช
คาสินไหมทดแทน แตไมเกินสิบปนับแตวันทําละเมิดเชนเดียวกับการฟองคดีตอศาล ซึ่งในกรณีท่ี
ผูเสียหายย่ืนคําขอตอหนวยงานของรัฐใหพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหาย
ท่ีเกิดแกตนเมื่อพนระยะเวลาดังกลาวแลว แมหนวยงานของรัฐจะพิจารณาคําขอน้ัน ผูเสียหาย
ซึ่งไมพอใจผลการวินิจฉัยของหนวยงานของรัฐก็หามีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๑๑
ประกอบมาตรา ๑๔ แหงพระราชบญั ญตั ิดงั กลาว ไดอีกไม กรณีเชน นตี้ องถือวาเปนการใชสิทธิฟองคดี
เมือ่ ลว งพนระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดแลว เมื่อขอเท็จจริงไมปรากฏวาผูฟองคดีท้ังหกไดรับแจง
คาํ ส่งั ลงโทษและคําวินิจฉยั อุทธรณเมอ่ื ใด แตผ ูฟอ งคดที ง้ั หกไดนําคดีมาฟองตอ ศาลปกครองช้ันตน
ขอใหเพิกถอนคําส่ังลงโทษผูฟองคดีท้ังหก โดยผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๒ ยื่นฟองเมื่อวันที่
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ผูฟองคดีท่ี ๓ ย่ืนฟองเม่ือวันท่ี ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ผูฟองคดีที่ ๔
และท่ี ๖ ยื่นฟองเมื่อวันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๔๕ ผูฟองคดีท่ี ๕ ยื่นฟองเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๔๕
กรณีจึงถือไดวา ผูฟองคดีท้ังหกรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการกระทําละเมิดตนในการปฏิบัติหนาท่ี
และรูวาผูถูกฟองคดีตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกตนในวันท่ีนําคดีมาฟองตอศาลปกครองชั้นตน
เปนอยางชา ดังนั้น ผูฟองคดีท้ังหกจึงตองฟองคดีตอศาลปกครองช้ันตนขอใหศาลพิพากษาให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายท่ีเกิดแกตน หรือย่ืนคําขอใหผูถูกฟองคดี
พิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายท่ีเกิดแกตนภายในหนึ่งปนับแตวันที่
ผูฟองคดีทั้งหกยื่นฟองตอศาลปกครองชั้นตนดังกลาว หรือภายในสิบปนับแตวันท่ีมีเหตุ
แหงการฟองคดี โดยวันท่ีมีเหตุแหงการฟองคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงาน
ทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากคําสั่งทางปกครองคดีน้ี คือ วันท่ี ๓ พฤษภาคม ๒๕๔๒
ซ่ึงเปนวันท่ีปลัดกระทรวงศึกษาธิการมีคําส่ังลงโทษผูฟองคดีทั้งหกโดยกําหนดใหคําส่ังดังกลาว
มีผลบังคับในวันเดียวกันนั้น การท่ีผูฟองคดีที่ ๑ ท่ี ๒ และที่ ๔ ถึงที่ ๖ มีหนังสือลงวันท่ี
๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ และผูฟองคดีท่ี ๓ มีหนังสือลงวันท่ี ๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ ขอใหผูถูกฟองคดี
ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแ กผฟู อ งคดีทงั้ หก ผถู ูกฟองคดีไดรับคําขอดังกลาวเม่ือวันที่ ๕ มิถุนายน
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๗๒
๒๕๕๗ และผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๐ แจงใหผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๓
ทราบวา ผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๓ ย่ืนคําขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนเม่ือลวงพนระยะเวลาสิบป
นับแตวันทําละเมิดแลว สิทธิเรียกรองใหชดใชคาสินไหมทดแทนจึงขาดอายุความ และมีหนังสือ
ลงวันท่ีเดียวกันถึงผูฟองคดีที่ ๒ และที่ ๔ ถึงท่ี ๖ แจงวาผูถูกฟองคดีไมมีอํานาจหนาที่
ท่ีจะพิจารณาคําขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนของผูฟองคดีท้ังสี่ ขอใหผูฟองคดีท้ังสี่ติดตาม
คําขอใหช ดใชคาสินไหมทดแทนกบั หนว ยงานตนสงั กัดของตน จากน้ัน ผูฟองคดีทั้งหกจึงไดนําคดี
มาย่ืนฟองตอศาลปกครองชั้นตนเม่ือวันท่ี ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ กรณีจึงเปนการนําสิทธิเรียกรอง
ท่ีขาดอายุความแลวมาฟองคดีตอศาล แมตอมา ผูถูกฟองคดีจะพิจารณาคําขอของผูฟองคดีที่ ๑
และท่ี ๓ โดยยกคําขอพรอมท้ังแจงสิทธิใหนําคดีมาฟองตอศาลปกครองภายในเกาสิบวัน
นับแตวันท่ีไดรับแจงคําวินิจฉัยดังกลาว ก็ไมทําใหการใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนที่ลวงพน
ระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดแลวขยายออกไปอีก เมื่อผูฟองคดีทั้งหกไมพอใจผลการวินิจฉัยของ
ผูถูกฟองคดี ก็หามีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๑๑ ประกอบมาตรา ๑๔ แหง
พระราชบัญญัติเดียวกัน ไดอีก กรณีเชนนี้ตองถือวาเปนการใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทน
เมื่อลวงพนระยะเวลาที่กฎหมายกําหนดแลว ดังน้ัน การที่ผูฟองคดีท้ังหกไดยื่นฟองตอ
ศาลปกครองช้ันตนเปนคดีนี้เม่ือวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ จึงเปนการย่ืนคําฟองเม่ือพนระยะเวลา
ท่ีกฎหมายกําหนดแลว และเม่ือคดีน้ีมิใชเปนการฟองคดีปกครองที่เกี่ยวกับการคุมครองประโยชน
สาธารณะ หรือสถานะของบุคคลท่ีจะยื่นฟองคดีเมื่อใดก็ไดตามมาตรา ๕๒ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ อีกทั้ง การฟองคดีนี้เปนไปเพื่อรักษาสิทธิหรือประโยชนของผูฟองคดีท้ังหก
โดยเฉพาะ มิไดเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอ่ืนที่ศาลจะรับไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒
วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบขอ ๓๐ วรรคสอง ของระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ
วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ศาลปกครองจึงไมอาจใชดุลพินิจรับคําฟองนี้
ไวพิจารณาได นอกจากนี้ เมื่อในคําฟองคดีเดิมผูฟองคดีทั้งหกมีคําขอเพียงใหศาลปกครอง
มีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งลงโทษผูฟองคดีแตละราย และใหคืนสิทธิตามกฎหมาย
อันพึงมีพึงไดท่ีเสียไปจากการตองออกจากราชการตามคําสั่งลงโทษดังกลาว โดยไมไดมีคําขอ
เร่อื งดอกเบี้ยผิดนัดท่ีเกิดจากการไมไดรับเงินเดือนและสิทธิประโยชนอ่ืนลาชามาดวย ผูฟองคดีทั้งหก
จงึ ไมอาจอางวาเปน การเรียกดอกเบ้ียผิดนัดจากเงินเดือนและสทิ ธปิ ระโยชนอ น่ื ทคี่ วรไดร บั ดังกลาว
ซึ่งเปนสวนหน่ึงของการบังคับคดีเดิมได ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองนี้
ไวพจิ ารณาและจําหนา ยคดอี อกจากสารบบความ นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพอ งดว ย
จึงมคี าํ สัง่ ยนื
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๓๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา นางสาว ว. ไดปลอมลายมือช่ือของนางสาว ภ. ซึ่งเปนกรรมการ
ผมู อี าํ นาจทาํ การแทนผูฟ อ งคดี และปลอมตราประทบั บริษัทของผูฟองคดี แลวนําลายมือชื่อปลอม
และตราประทับบริษัทปลอมดังกลาวไปยื่นคําขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการผูมีอํานาจ
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๗๓
ทําการแทนบริษัท ตามคําขอท่ี ๗๕๕๑๐๓๐๗ - ๕๔ ลงวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๕๑ ซึ่งนายทะเบียน
หุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานครไดจดทะเบียนแกไขกรรมการผูมีอํานาจทําการแทนบริษัท
ตามคําขอดังกลาว โดยมิไดตรวจสอบลายมือชื่อของกรรมการผูมีอํานาจทําการแทนผูฟองคดี
เปนเหตุใหนางสาว ว. นําคํารับรองจากนายทะเบียนวาเปนกรรมการผูมีอํานาจทําการแทน
ผฟู องคดไี ปทาํ สญั ญาขายที่ดินพรอมสงิ่ ปลูกสรา งอนั เปนกรรมสิทธข์ิ องผูฟอ งคดใี หแ กบ คุ คลอื่น ทํา
ใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย ผูฟองคดีไดมีหนังสือรองทุกขกลาวโทษ
ตอพนักงานสอบสวน กองกํากับการ ๕ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเก่ียวกับ
อาชญากรรมทางเศรษฐกิจใหดําเนินคดีอาญากับนางสาว ว. และไดขอใหพนักงานสอบสวน
ดําเนินการเพิกถอนคําขอจดทะเบียนฯ ตามคําขอที่ ๗๕๕๑๓๐๓๗-๕๔ ดวย ซ่ึงกองกํากับการ ๕
ไดมีหนังสือลงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ แจงไปยังนายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานคร
เพื่อเพิกถอนคําขอดังกลาว นายทะเบียนฯ จึงอาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๙ มาตรา ๕๐
และมาตรา ๕๒ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ออกคําส่ังใหเพิกถอน
คําขอจดทะเบียนจดทะเบียน คําขอท่ี ๗๕๕๑๐๓๐๗ – ๕๔ โดยใหมีผลตั้งแตวันท่ี ๒๗ มิถุนายน
๒๕๕๕ ผูฟองคดีเห็นวาตนไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากคําสั่งรับจดทะเบียนดังกลาว
จงึ นําคดมี าฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังสอง (กรมพัฒนาธุรกิจการคา ที่ ๑
กระทรวงพาณิชย ที่ ๒) รวมกันหรือแทนกันชําระคาเสียหายใหแกผูฟองคดีพรอมดอกเบี้ยนับถัดจาก
วนั ฟองคดเี ปน ตนไปจนกวา จะชาํ ระเสร็จ เห็นวา การรบั จดทะเบยี นหรอื การปฏิเสธการรับจดทะเบียน
ของนายทะเบียนหุนสวนบริษัทดังกลาว เปนการใชอํานาจตามกฎหมายของเจาหนาที่ท่ีมีผล
เปนการสรางนิติสัมพันธข้ึนระหวางบุคคลในอันท่ีจะกอ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน ระงับ
หรือมีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาท่ีของบุคคล จึงเปนคําส่ังทางปกครองตามมาตรา ๕
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือนายทะเบียนหุนสวนบริษัท
กรุงเทพมหานครเปนเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซ่ึงมีฐานะเปนกรม และอยูในสังกัดของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ซ่ึงมีฐานะเปนกระทรวง การท่ีผูฟองคดีฟองวานายทะเบียนหุนสวนบริษัท
กรุงเทพมหานครรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทและกรรมการผูมีอํานาจทําการ
แทนบริษัทไมชอบดวยกฎหมาย เปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย และมีคําขอใหศาล
มคี าํ พิพากษาหรือคําสง่ั ใหช ดใชค าสินไหมทดแทน คดีน้ีจึงเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิด
ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙
วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ เม่ือผูฟองคดีเปนผูไดรับความเดือดรอน
หรือเสยี หายจากการจดทะเบียนเปล่ียนแปลงกรรมการบริษัทและกรรมการผูมีอํานาจทําการแทน
ผูฟองคดี ประกอบกับคําขอทายฟองเปนคําขอท่ีศาลมีอํานาจกําหนดคําบังคับไดตามมาตรา ๗๒
วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตามมาตรา ๔๒
วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน อยางไรก็ตาม เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ภายหลังจาก
นางสาว ว. ปลอมลายมือช่ือของนางสาว ภ. กรรมการผูมีอํานาจและปลอมตราประทับบริษัทของ
ผูฟองคดี แลวนําไปย่ืนคําขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทของผูฟองคดี จากนางสาว ภ.
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๗๔
เปนนางสาว ว. และนางสาว ว. ไดจดทะเบียนโอนขายที่ดินพรอมสิ่งปลูกสรางของผูฟองคดีใหแก
บุคคลอื่น ซึ่งในขณะนั้นผูฟองคดียังไมทราบ ตอมา เมื่อผูฟองคดีทราบเร่ืองดังกลาว ผูฟองคดี
จึงไดรองทุกขกลาวโทษตอพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการไดฟองนางสาว ว. เปนจําเลย
ในคดีอาญาตอศาลจังหวัดนนทบุรี และผูฟองคดีไดฟองนางสาว ว. ตอศาลแพง ขอใหเพิกถอน
นิติกรรมการจดทะเบียนซ้ือขายที่ดินพรอมเรียกคาเสียหาย อีกทั้งยังไดมีคําขอตอพนักงาน
สอบสวน กองกํากับการ ๕ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม
ทางเศรษฐกิจ ขอใหเ พกิ ถอนคาํ ขอจดทะเบียนบรษิ ัทผูฟองคดตี ามคําขอลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๑
หลังจากนั้น กองกํากับการ ๕ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ แจงไปยังนายทะเบียน
หุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานคร เพ่ือใหดําเนินการเพิกถอนคําขอจดทะเบียนดังกลาว กรณีจึงถือไดวา
ผูฟองคดีไดรูหรือควรรูถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทําของนายทะเบียนหุนสวนบริษัท
กรุงเทพมหานคร เม่ือผูฟองคดีไดแจงความรองทุกขตอพนักงานสอบสวน กองกํากับการ ๕
กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งไมทราบแนชัดวา
เปนเม่ือใด แตเ มอ่ื นายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานครไดมีคําส่ังลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
ใหเพิกถอนการจดทะเบียนเปล่ียนแปลงกรรมการผูมีอํานาจของผูฟองคดี ดังนั้น วันท่ีผูฟองคดี
ไดรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีอยางชาที่สุด คือ วันท่ี ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ ซ่ึงเปนวันที่
กองกํากับการ ๕ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเก่ียวกับอาชญากรรม
ทางเศรษฐกิจไดมีหนังสือถึงนายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานคร เพ่ือดําเนินการเพิกถอน
คําขอจดทะเบยี นที่ไมชอบดว ยกฎหมาย ผูฟองคดีจึงตองนําคดีมาฟองตอศาลปกครองภายในวันท่ี
๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาลปกครองช้ันตนเม่ือวันที่ ๖ กรกฎาคม
๒๕๖๐ จึงเปนการยื่นคําฟองเมื่อพนกําหนดหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองน้ี
ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ กับใหคืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผูฟองคดี
นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พอ งดวยในผล
จงึ มีคําสัง่ ยนื ตามคําส่งั ของศาลปกครองชน้ั ตน
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๔๔/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟอ งวา ผูฟองคดีเปนเจาของท่ีดินโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๐๔๑๔๑ เน้ือที่ ๓๐ ไร
๓ งาน ๘๗ ตารางวา ตําบลแจระแม อําเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ดานทิศเหนือ
ของทด่ี ินจดรอ งปลาเข็ง และผฟู อ งคดียงั ไดครอบครองที่ดินไมมีเอกสารสิทธิอีกหน่ึงแปลง ซึ่งอยูดานทิศใต
ของท่ีดินแปลงดังกลาว ที่ดินทั้งสองแปลงมีเน้ือที่รวมประมาณ ๔๐ ไร เดิมรองปลาเข็งมีสภาพตื้นเขิน
ผูฟองคดีและประชาชนที่เปนเจาของท่ีดินที่อยูดานทิศใตของรองปลาเข็งสามารถใชรถยนต
เดินทางเขา – ออก ผา นรองปลาเขง็ ไปยังที่ดินของตนได ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ (นายกเทศมนตรี
เมืองแจระแม) ไดจัดทําโครงการขุดลอกรองปลาเข็งสาธารณประโยชน บริเวณหนองสาธารณประโยชน
หนองบักโดยและหนองบัวปาขา ภายในพ้ืนที่บานหนองจาน หมูท่ี ๔ ตําบลแจระแม อําเภอเมืองอุบลราชธานี
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๗๕
จังหวัดอุบลราชธานี โดยไดเสนอโครงการดังกลาวตอผูถูกฟองคดีที่ ๒ (นายอําเภอเมืองอุบลราชธานี)
และผูถูกฟองคดีที่ ๓ (ผูวาราชการจังหวัดอุบลราชธานี) เพื่อพิจารณาใหความเห็นชอบและอนุมัติ
โครงการตามลาํ ดบั หลงั จากนนั้ เทศบาลเมอื งแจระแมไดทาํ สัญญาลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ วาจาง
บรษิ ทั ส. ขุดลอกรองปลาเขง็ ซ่งึ การขุดลอกตามโครงการดงั กลา วมคี วามยาวตลอดแนวท่ีดินดานทิศเหนือ
ของผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไมสามารถสัญจรไปมาไดเชนเดิม ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือลงวันที่
๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ ถึงผูถูกฟองคดีที่ ๑ คัดคานการขุดลอกรองปลาเข็ง ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๓
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๖ กันยายน ๒๕๕๙ แจงผูฟองคดีวา การดําเนินโครงการของผูถูกฟองคดีที่ ๑
เปนการดําเนินการที่ชอบแลว ผูฟองคดีเห็นวา เม่ือผูฟองคดีไมสามารถเขาออกในท่ีดินไดเชนเดิม
จงึ ไดมหี นังสือลงวันท่ี ๒๗ กมุ ภาพันธ ๒๕๖๑ ถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ขออนุญาตถมดินในที่สาธารณะ
เพ่ือทําถนนเช่ือมกับท่ีดินของผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีหนังสือลงวันท่ี ๒๘ กุมภาพันธ ๒๕๖๑
แจงวา การอนุญาตใหใชประโยชนในที่ดินของรัฐไมอยูในอํานาจของผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงใหผูฟองคดี
ยื่นคําขอตอผูถูกฟองคดีที่ ๒ ผูฟองคดีเห็นวาการกระทําของผูถูกฟองคดีทั้งสามทําใหผูฟองคดี
ไดรบั ความเดอื ดรอนเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งสาม
ทาํ ถนนดินกวา ง ๘ เมตร เชอื่ มทางเขา ออกไปยงั ทดี่ นิ ของผูฟองคดใี หผูถูกฟองคดที ้ังสามทําการตบแตง
คนั ดินใหเปนไปตามแบบขดุ ลอกรองปลาเขง็ เพือ่ ปองกันการพังทลายของตลิ่ง และใหผูถูกฟองคดีทั้งสาม
ชดใชค าเสียหายใหแกผูฟองคดี เห็นวา ผูฟองคดีฟองรวม ๒ ขอหา คือ ขอหาที่หนึ่ง ผูฟองคดีฟองวา
ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีทั้งสามดําเนินโครงการขุดลอกรองปลาเข็ง
ดานทิศเหนอื ทดี่ ินของผฟู องคดีทําใหผฟู องคดีซงึ่ เปน ผูครอบครองท่ีดินท่ีอยูดานทิศใตไมสามารถสัญจร
ผา นรอ งปลาเขง็ ซึ่งเคยมสี ภาพตนื้ เขินไปยังที่ดนิ ของตนไดเ ชนเดมิ ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรอื คําสง่ั ให
ผูถูกฟองคดีทั้งสามตบแตงคันดินใหเปนไปตามแบบขุดลอกรองปลาเข็ง เพ่ือปองกันการพังทลาย
ของตลงิ่ และชดใชค าเสยี หายนบั แตว ันทําละเมิดจนถงึ วนั ฟอ งคดใี หแ กผ ูฟองคดีจํานวน ๖๐,๐๐๐ บาท
กรณีจึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ
อันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
ซึ่งผูฟองคดีตองนําคดีมายื่นฟองภายในหน่ึงปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหง พระราชบญั ญัตดิ ังกลา ว อยา งไรกต็ ามหากการดําเนินโครงการขุดลอกรองปลาเข็ง
ของผูถกู ฟองคดที ง้ั สามดงั กลา วยงั คงทําใหผ ูฟองคดีไมสามารถเขาไปในท่ีดินของผูฟองคดีไดตามที่
ผฟู อ งคดกี ลาวอาง กรณียอ มถอื เปน การกระทาํ ละเมดิ ตอเนือ่ งจนถึงปจ จบุ ัน การท่ีผูฟองคดีย่ืนฟองคดี
ตอ ศาลปกครองชั้นตนเม่ือวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๑ จึงยังไมพนระยะเวลา ๑ ป นับแตวันท่ีรูหรือควรรู
ถงึ เหตแุ หง การฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว อีกทั้ง ผูฟองคดีไดดําเนินการ
รองเรียนใหแกไขปญหาแลว แตยังไมไดรับการแกไขแตอยางใด ผูฟองคดีจึงเปนผูเดือดรอนเสียหาย
หรอื อาจจะเดือดรอนเสียหาย โดยมิอาจหลีกเล่ียงไดและสามารถนําคดีมาฟองตอศาลได ขอหาที่สอง
ผูฟอ งคดีฟอ งวา การที่ผูฟองคดีไมสามารถเขาไปใชประโยชนในท่ีดินได โดยสะดวกเปนผลมาจาก
การดาํ เนินโครงการขุดลอกรอ งปลาเขง็ ของผูถกู ฟอ งคดีทั้งสาม จึงขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให
ผถู กู ฟอ งคดีทัง้ สามทาํ ถนนดินกวาง ๘ เมตร เช่ือมทางเขาออกไปยังท่ีดินของผูฟองคดี นั้น เห็นวา
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๗๖
การพิจารณาจัดใหมีทางสาธารณะเพื่อใหประชาชนสามารถใชสัญจรไปมาได เปนดุลพินิจของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ท่ีจะพิจารณาดําเนินการตาม พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ ศาลปกครองไมอาจ
กาวลวงไปใชดลุ พินจิ แทนฝา ยปกครองได คําขอดังกลาวจึงเปนคําขอที่ศาลปกครองไมอาจกําหนด
คําบังคับใหไดตามมาตรา ๗๒ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงไมมีสิทธิฟองคดี
ในขอหาน้ีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ศาลจึงไมอาจ
รบั คาํ ฟอ งของผฟู อ งคดีในขอหานไ้ี วพ จิ ารณาได ท่ศี าลปกครองชัน้ ตนมคี าํ ส่ังไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณา
ใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ และใหคืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมดใหแกผูฟองคดี นั้น
ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพอ งดว ยบางสว น
จงึ มคี ําส่งั แก เปน ใหรบั คําฟองในขอหาที่หนึ่งไวพิจารณาและพิพากษาตามรูปคดีตอไป
นอกจากทแี่ กใหเ ปนไปตามคําส่ังของศาลปกครองช้ันตน
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๔๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑
คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๔๗/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๓
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๔๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๔๙/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๗
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๕๑/๒๕๖๓
ผูฟอ งคดีฟอ งวา ผฟู องคดีเปนมารดาของนางสาว ล. โดยเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๐
สํานักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝงท่ี ๖ (ภูเก็ต) ซ่ึงเปนหนวยงานในสังกัดของผูถูกฟองคดี
(กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง ) ไดจัดกจิ กรรมฟนฟูทรัพยากรปะการังแบบบูรณาการทุกภาคสวน
ณ บริเวณอา วขอนแค เกาะราชาใหญ ตําบลราไวย อําเภอเมอื งภเู ก็ต จงั หวัดภเู กต็ โดยรวมกับนักดํานาํ้
อาสาสมคั รประมาณ ๒๖ คน รวมทง้ั นางสาว ล. บตุ รของผฟู องคดี ในขณะปฏิบัติกิจกรรมในทะเล
ท่คี วามลึกประมาณ ๖ เมตร บุตรของผฟู อ งคดไี ดส งสญั ญาณขอความชวยเหลือและผูรวมกิจกรรม
ไดนาํ ตวั บตุ รของผฟู อ งคดขี ้ึนมาบนผิวนํ้า หลังจากน้นั มกี ารหายใจไมอ อกและหมดสติ จึงถูกนําตัว
สง โรงพยาบาลและเสยี ชีวติ ในเวลาตอ มา ผฟู องคดจี งึ มีหนงั สือลงวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๐ ขอให
ผถู ูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี โดยผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือดังกลาวเมื่อวันที่
๒๕ กันยายน ๒๕๖๐ แตผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑ แจงใหผูฟองคดีทราบวา
กรณีดังกลาวไมไดเกิดจากความประมาทเลินเลออยางรายแรงของเจาหนาท่ีผูปฏิบัติของผูถูกฟองคดี
จึงไมม ีเจา หนาท่ีผใู ดจําตองรบั ผิดทางละเมิด ผูถ กู ฟองคดีในฐานะหนวยงานของรัฐจึงไมตองรับผิดชดใช
คาสนิ ไหมทดแทนในผลแหงละเมดิ ทีเ่ จา หนาท่ีของตนไดกระทํา ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน เปนคาปลงศพและคาขาดอุปการะ
เล้ยี งดผู ฟู องคดีและบตุ รของผูตายซึง่ เปน ผเู ยาวอกี ๔ คน รวมเปนเงินทัง้ สนิ้ ๑,๔๐๐,๐๐๐ บาท
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา กรณีที่ผูฟองคดีไมพอใจผลการพิจารณาคําขอ
ของหนวยงานของรฐั ตามมาตรา ๑๑ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๗๗
พ.ศ. ๒๕๓๙ ผฟู อ งคดีมีสิทธฟิ อ งคดีตอ ศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง นั้น เมื่อพิจารณาบทบัญญัติ
เกี่ยวกับเขตอํานาจของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ แลว
จะเห็นไดว า คดีพิพาทเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิดที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
แยกไดเปนสองประเภท ไดแก คดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครอง
หรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คําส่ังทางปกครอง
หรอื คําสงั่ อนื่ และคดพี ิพาทเก่ียวกับการกระทาํ ละเมิดของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ
อันเกิดจากการละเลยตอ หนา ท่ีตามท่กี ฎหมายกาํ หนดใหต อ งปฏบิ ตั ิหรอื ปฏบิ ตั ิหนา ทีด่ งั กลาวลาชา
เกินสมควร เม่ือคดีนี้ผูฟองคดีฟองวา เจาหนาที่ในสังกัดผูถูกฟองคดีไมตรวจสอบอุปกรณดํานํ้า
ใหไดมาตรฐานความปลอดภัยกอนนําไปใชงานในการจัดกิจกรรมฟนฟูทรัพยากรปะการัง ณ บริเวณ
อาวขอนแค เปนเหตใุ หบ ตุ รของผูฟองคดซี ึง่ เปน นักดําน้ําอาสาสมคั รที่เขารวมในกิจกรรมดังกลาวเสียชีวิต
จึงเปนการกลาวอางเกี่ยวกับมูลเหตุของการกระทําละเมิดที่เกิดจากการละเลยตอหนาท่ี เม่ือ พ.ร.บ.
สงเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝง พ.ศ. ๒๕๕๘ มีวัตถุประสงคเพื่อกําหนดหลักเกณฑ
ในการบริหารจัดการ การบํารุงรักษา การอนุรักษ การฟนฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝงและการปองกัน
การกัดเซาะชายฝง รวมท้ังใหประชาชนและชุมชนในทองถิ่นไดมีสวนรวมในการปลูก การบํารุงรักษา
การอนุรักษ และการฟนฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝงอยางสมดุลและย่ังยืน และปะการังถือเปน
“ทรัพยากรทางทะเลและชายฝง” ตามมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว การจัดกิจกรรม
ฟนฟูทรัพยากรปะการัง ณ บริเวณอาวขอนแค จึงอยูภายใตภารกิจตามพระราชบัญญัติเดียวกัน
และอยใู นความรับผดิ ชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม และโดยขอ ๑ ของกฎกระทรวง
แบงสวนราชการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม
พ.ศ. ๒๕๔๕ กาํ หนดวา ใหก รมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง มีภารกิจเกี่ยวกับการอนุรักษ ฟนฟู
บริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝง รวมท้ังปาชายเลน เพ่ือความสมบูรณ ม่ังคั่ง สมดุล
และย่ังยืนของทะเลไทย เพื่อเสริมสรางความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ...
การจัดกจิ กรรมฟน ฟูทรัพยากรปะการัง ณ บริเวณอาวขอนแค จึงอยูในขอบเขตของภารกิจของผูถูกฟองคดี
เม่ือผูถูกฟองคดีไดจัดกิจกรรมฟนฟูปะการัง และไดจัดใหมีการดําน้ํารวมกับนักดําน้ําอาสาสมัคร
ซ่ึงการดําเนินภารกิจดังกลาวจะสามารถบรรลุวัตถุประสงคไดยอมตองมีการจัดใหมีอุปกรณการดํานํ้า
ที่ไดม าตรฐาน อีกท้งั การจัดใหมีการดาํ นํา้ โดยใชถังออกซเิ จนยอมกอ ใหเ กดิ ความเส่ียงอนั ตรายตอชีวติ
รางกายและอนามัยของผูเขารวมกิจกรรม และเมื่อความเสี่ยงอันตรายดังกลาวเปนผลอันเกิดจาก
การจัดกิจกรรมเพ่ือฟนฟูปะการัง อันเปนหนาที่ตามกฎหมายของผูถูกฟองคดีโดยตรง ดังน้ัน หนาที่
ในการตรวจสอบอุปกรณดําน้ําใหไดมาตรฐานความปลอดภัยกอนนําไปใชงาน จึงถือเปนสวนอันเปน
สาระสําคัญของหนาท่ีที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ การที่ผูฟองคดีฟองวาเจาหนาท่ีของ
ผถู กู ฟอ งคดีมไิ ดต รวจสอบอปุ กรณด าํ นํา้ ใหไ ดม าตรฐานความปลอดภัยกอนนําไปใชงาน เปนเหตุใหบุตร
ของผูฟ องคดซี งึ่ เปนนกั ดํานา้ํ อาสาสมคั รทเ่ี ขา รวมในกจิ กรรมดงั กลา วเสยี ชวี ติ จงึ ถือไดวาเปนการกลาวอาง
เก่ยี วกบั มลู เหตุของการกระทาํ ละเมิดทเ่ี กดิ จากการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ
ซึ่งอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ.
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๗๘
จัดต้ังศาลปกครองฯ ดังน้ัน เม่ือมูลเหตุของการกระทําละเมิดอันเปนเหตุที่มาของการยื่นคําขอ
ตามมาตรา ๑๑ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ อยูในอํานาจพิจารณา
พิพากษาของศาลปกครองแลว คดีพิพาทในกรณีที่ผูฟองคดีไมพอใจผลคําวินิจฉัยตามมาตรา ๑๑
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษา
ของศาลปกครองดวยเชนกัน ซึ่งแมวาในคดีน้ี ผูฟองคดีไมไดหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับเงื่อนไข
แหง การฟองคดีข้นึ มาโตแ ยง ก็ตาม แตป ระเด็นเกี่ยวกับเงือ่ นไขแหงการฟอ งคดเี ปนขอ กฎหมายอันเกี่ยวดวย
ความสงบเรียบรอยของประชาชน ดังน้ัน ศาลปกครองสูงสุดก็ชอบท่ีจะยกประเด็นความสมบูรณ
ของคาํ ฟอง อนั เปนประเด็นเกี่ยวกับเงื่อนไขแหงการฟองคดีขึ้นมาวินิจฉัยได เม่ือผูฟองคดีมีฐานะ
เปนมารดาของผูตาย จึงถือเปนทายาทโดยธรรมเสมือนหน่ึงวาเปนทายาทชั้นบุตรของผูตาย
ซึ่งทายาทท่ีจะเรียกคาปลงศพไดนั้น จะตองเปนทายาทท่ีมีหนาท่ีจัดการศพตามมาตรา ๑๖๔๙
แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย คอื ผจู ดั การมรดก หรือผูที่ไดรับแตงตั้งจากผูตาย หรือผูที่ทายาท
ไดม อบหมายต้งั ใหเปนผูจัดการทาํ ศพ และในกรณที ไี่ มไดม กี ารแตง ตงั้ เอาไวก อ น ใหทายาทท่ีมีสิทธิ
ในมรดกเปนจํานวนมากท่ีสุดเปนผูที่มีหนาท่ีจัดการศพ ซึ่งในคดีน้ีปรากฏขอเท็จจริงวา ผูตายมีบุตร
ซ่ึงเปนผูเยาวทั้งสิ้น ๔ คน และผูตายไดหยาขาดจากสามีแลวกอนเสียชีวิต อีกท้ัง บิดาของผูตาย
ก็ไดเสียชีวิตลงไปแลว เหลือแตมารดาของผูตายซ่ึงเปนผูฟองคดีน้ี และโดยที่คดีนี้ ผูตายมีทายาท
ชั้นผสู ืบสันดานสค่ี น และมีผฟู อ งคดีเปนทายาทในฐานะมารดาของผตู าย รวมเปนทายาทโดยธรรม
ท้ังส้ินหา คน ซง่ึ ทายาทแตละคนก็มีสิทธิในกองมรดกเทาๆ กัน ประกอบกับเมื่อทายาทช้ันผูสืบสันดาน
ทงั้ ส่ีเปนเพียงผูเยาว กรณีจึงตองถือวาผูฟองคดีในฐานะมารดาของผูตาย และเปนยายของทายาท
ท่ีเปนผเู ยาวท ้งั ส่คี นของผตู าย เปนผทู รงสิทธิในการจัดการศพของผตู าย เม่ือผฟู อ งคดีมีอาํ นาจจัดการศพ
ของผูตายตามมาตรา ๑๖๔๙ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว ผูฟองคดีจึงเปนผูทรงสิทธิในการเรียกให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาปลงศพตามมาตรา ๔๔๓ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายเดียวกันดวยเชนกัน
สําหรบั กรณีคาอุปการะเลย้ี งดูนั้น เมื่อกฎหมายกําหนดใหบุตรจําตองอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา ดังนั้น
ไมว าในขณะเกิดเหตผุ ตู ายจะไดอ ปุ การะเล้ยี งดูผูฟองคดีจรงิ หรอื ไม และในอนาคตจะอุปการะกันหรือไม
ยอมตองถือวาผูตายในฐานะบุตรมีหนาที่อุปการะผูฟองคดีในฐานะมารดาตามมาตรา ๑๕๖๓
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงถือเปนผูทรงสิทธิในการเรียกใหผูถูกฟองคดี
ชดใชค า อปุ การะเล้ียงดูไดตามมาตรา ๔๔๓ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายเดียวกัน แตสําหรับ
คาอุปการะเลี้ยงดูบุตรของผูตายซ่ึงเปนผูเยาวน้ัน เห็นวา ในขณะท่ีเสียชีวิตผูตายมีบุตรซึ่งยังเปน
ผเู ยาวอยูส่ีคนดวยกัน ดงั นั้น แมผตู ายจะมีหนา ท่ีอุปการะบุตรท้ังส่ีคนก็ตาม แตเม่ือคาอุปการะเลี้ยงดู
เปนสิทธิในทรัพยสินของผูเยาว การท่ีผูฟองคดีซึ่งมีฐานะเปนยายของผูเยาวท่ีมิใชผูใชอํานาจปกครอง
ผเู ยาวต ามกฎหมายหรือโดยคําส่ังศาล ผูฟองคดีจึงไมอาจจะใชสิทธิฟองคดีเรียกคาอุปการะแทนผูเยาวได
อยา งไรกต็ าม เมอื่ พิจารณาจากคาํ ฟองและคาํ ขอทายคําฟองของผูฟองคดีแลว ก็พอท่ีจะเขาใจไดวา
ผูฟองคดีประสงคที่จะฟองคดีเพ่ือเรียกคาอุปการะเล้ียงดูเฉพาะในสวนของตน ดังน้ัน เมื่อผูฟองคดี
เปนผูทรงสิทธิในคาปลงศพและคาอุปการะเล้ียงดูเฉพาะในสวนของตนตามมาตรา ๔๔๓ วรรคหนึ่ง
และวรรคสาม แหงประมวลกฎหมายดังกลาวแลว ผูฟองคดีจึงถือเปนผูมีสิทธิฟองคดีตามมาตรา ๔๒
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๗๙
วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ เม่ือปรากฏวา ผูถูกฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑
แจงคําวนิ จิ ฉยั ใหผฟู องคดีทราบ โดยไมป รากฏวาผฟู องคดไี ดร ับแจงผลการวนิ จิ ฉัยในวนั ใด แตกป็ รากฏ
ตามขอกลาวอางของผูฟองคดีตามหนังสือขอคัดถายเอกสารวา ผูฟองคดีไดรับแจงผลการวินิจฉัย
วันท่ี ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ ดังนั้น แมไมปรากฏวาผูฟองคดีไดรับแจงผลการวินิจฉัยในวันใด
แตอยางเร็วท่ีสุด ผูฟองคดีจะไดรับแจงผลคําวินิจฉัยในวันท่ีท่ีผูถูกฟองคดีลงไวในหนังสือแจงผล
คําวินิจฉัยคือวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๑ หรืออยางชาที่สุดคือวันที่ท่ีผูฟองคดีกลาวอางวาไดรับแจง
ผลคําวินิจฉัยคือวันท่ี ๑๗ เมษายน ๒๕๖๑ แตเมื่อวันท่ีจะครบกําหนดเกาสิบวันนับแตวันท่ีผูฟองคดี
ไดรับแจงผลการวินจิ ฉัยคอื วนั ท่ี ๒๑ มิถนุ ายน ๒๕๖๑ และวันท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ตามลําดับแลว
และเมื่อผูฟองคดีไดย่ืนฟองคดีน้ีเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๑ แลว ดังน้ัน ไมวากรณีจะเปน
ประการใดก็ตาม ผูฟองคดีก็ไดยื่นคําฟองกอนที่จะครบกําหนดเกาสิบวันขางตนแลว กรณีจึงยอม
ตองถือวาผูฟองคดีย่ืนคําฟองภายในเกาสิบวันนับแตวันท่ีผูฟองคดีไดรับแจงผลการวินิจฉัย
ตามมาตรา ๑๑ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว
และในคดีน้ี แมวาผูฟองคดียังไมไดชําระคาธรรมเนียมศาล แตผูฟองคดีก็ไดย่ืนคําขอยกเวน
คาธรรมเนียมเขามาพรอมกับการยื่นคําฟองแลว ซ่ึงศาลปกครองช้ันตนมีอํานาจในการพิจารณา
คําขอยกเวนคาธรรมเนียมศาลดังกลาว และสําหรับกรณีที่ผูฟองคดีมิไดจัดทําสําเนาคําฟอง
และสําเนาพยานหลักฐาน นั้น ศาลปกครองชั้นตนก็ชอบท่ีจะมีคําสั่งใหผูฟองคดีดําเนินการจัดทํา
สําเนาคําฟองและสาํ เนาพยานหลกั ฐานท่ีมีการรับรองสําเนาถูกตองตามจํานวนของผูถูกฟองคดีได
ดังน้ัน แมวาในขณะท่ีมีการฟองคดี คําฟองในคดีน้ีจะถือเปนคําฟองท่ีไมสมบูรณครบถวนก็ตาม
แตขอท่ีไมสมบูรณครบถวนก็เปนเพียงขอบกพรองท่ีอาจแกไขได และศาลปกครองช้ันตน
ชอบท่ีจะไปดําเนินการตามกฎหมายวาดวยการจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
ท่ีเก่ียวของตอไปได ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณา และใหจําหนายคดี
ออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสงู สุดไมเ หน็ พอ งดว ย
จึงมีคําสง่ั กลับ เปน ใหรับคาํ ฟองไวพิจารณาเม่ือไดมีการดําเนินการเรื่องคาธรรมเนียมศาล
และการจดั ทาํ สําเนาคาํ ฟอ งและสําเนาพยานหลักฐานถกู ตอ งตามกฎหมายแลว
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ. ๗๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เดิมท่ีดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.)
เลขที่ ๑๕๒๗ ตําบลนาเจริญ อําเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี จํานวนเนื้อท่ี ๒๖ ไร ๑ งาน
มีช่ือนาย ส. เปนผูมีสิทธิครอบครอง ตอมา เมื่อวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ นาย ส. ไดนําที่ดิน
ดงั กลา วไปจดทะเบยี นขายฝากกับนาย ล. ท่ีสาํ นักงานท่ีดิน หลังจากนั้น นาย ล. ไดนํา น.ส. ๓ ก.
ดังกลาว ไปขอออกโฉนดเปนโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๘๔๔๑ ตําบลนาเจริญ อําเภอเดชอุดม
จังหวัดอุบลราชธานี และเม่ือวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๓ นาง ค. ทายาทโดยธรรมของนาย ล.
ซึ่งเปนผูมีชื่อเปนผูถือกรรมสิทธ์ิในท่ีดินดังกลาว ไดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๘๔๔๑
ใหแกผูฟองคดีเพ่ือชําระหน้ีตามคําพิพากษาตามยอมของศาลจังหวัดอุบลราชธานี แตหลังจาก
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๘๐
ผูฟองคดีไดรับโอนที่ดินดังกลาวแลว นาย ส. เปนโจทกยื่นฟองผูฟองคดีเปนจําเลยตอศาลจังหวัด
เดชอุดม ขอใหศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนขายฝากที่ดินระหวางนาย ส.
กับนาย ล. และเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนโอนที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๘๔๔๑ ระหวาง
นาง ค. กับผูฟองคดี ซ่ึงศาลไดมีคําพิพากษาเปนคดีหมายเลขแดงที่ ๓๓๑/๒๕๕๒ เม่ือวันท่ี
๒๘ กันยายน ๒๕๕๒ ใหเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนขายฝากที่ดินตามหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๑๕๒๗ เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนโอนที่ดินและ
เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๘๔๔๑ ศาลอุทธรณภาค ๓ ไดมีคําพิพากษายืน ศาลจังหวัดเดชอุดม
อานคําพิพากษาศาลอุทธรณภาค ๓ เมื่อวันท่ี ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ ไมมีคูความฝายใดฎีกา
คดีถึงที่สุด โดยระบุวาคดีถึงที่สุดเมื่อวันท่ี ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ หลังจากน้ัน สํานักงานที่ดิน
จังหวัดอุบลราชธานี สาขาเดชอุดม ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๓ มกราคม ๒๕๕๔ แจงผูฟองคดีวา
นาย ส. ไดยื่นคําขอเพิกถอนนิติกรรมและเพิกถอนโฉนดท่ีดินตามคําพิพากษาดังกลาว จึงขอให
ผูฟองคดีนําโฉนดท่ีดินเลขที่ ๑๘๔๔๑ ไปสงมอบใหพนักงานเจาหนาท่ีภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่
ไดรับหนังสือ หากไมดําเนินการภายในกําหนดเวลาดังกลาว พนักงานเจาหนาที่จะดําเนินการ
ตามคําขอของนาย ส. โดยจะออกใบแทนใหนาย ส. ซึ่งจะมีผลใหโฉนดที่ดินฉบับที่ผูฟองคดี
ยึดถืออยูเปนอันยกเลิกโดยผลของกฎหมาย ผูฟองคดีเห็นวาการจดทะเบียนขายฝาก เม่ือวันท่ี
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดี (กรมที่ดิน) ไดทําการจดทะเบียนขายฝากดังกลาว
ตามอํานาจหนาท่ีตามกฎหมายทุกประการ เมื่อศาลจังหวัดเดชอุดมพิพากษาวาการจดทะเบียน
โอนที่ดินไมชอบดวยกฎหมาย หนังสือสัญญาขายฝากเปนเอกสารปลอม และการออกโฉนดที่ดิน
ไมชอบดวยกฎหมาย จึงเปนการกระทําละเมิดของเจาหนาท่ีตามกฎหมายทั้งส้ิน ทําใหผูฟองคดี
ไดรับความเสียหาย ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ขอใหผูถูกฟองคดี
พิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว เจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือดังกลาวไว
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ หลังจากนั้น ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒
แจงผลการพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนใหผูฟองคดีทราบวา การเพิกถอนนิติกรรมการ
จดทะเบียนโอนทด่ี ินและเพิกถอนโฉนดท่ีดินเลขที่ ๑๘๔๔๑ เปนการกระทําโดยชอบดวยกฎหมาย
ผูถ กู ฟองคดไี มจําตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแ กผูฟองคดีแตอยางใด พรอมแจงวาหากผูฟองคดี
ไมพอใจผลการพิจารณาดังกลาว สามารถใชสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองไดภายใน ๙๐ วัน
นับแตวันที่ไดรับหนังสือน้ี ผูฟองคดีไมเห็นพองดวย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือ
คําสั่งใหผูถูกฟอ งคดีชดใชคา เสยี หายใหแ กผูฟ องคดจี ํานวน ๒,๖๒๕,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรา
รอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวนดังกลาว นับถัดจากวันฟองคดีเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ
และใหผ ูถ กู ฟอ งคดีชําระคาธรรมเนียมศาลแทนผฟู อ งคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิด
ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายและ
จากคําส่ังทางปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
เมื่อศาลอุทธรณภาค ๓ ไดมีคําพิพากษายืนตามคําพิพากษาศาลจังหวัดเดชอุดมเพิกถอน
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๘๑
นิติกรรมการจดทะเบียนโอนที่ดินและเพิกถอนโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๘๔๔๑ คดีถึงท่ีสุดแลวเมื่อวันที่
๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ กรณีจึงถือไดวา ผูฟองคดีไดรูถึงการท่ีเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีกระทําละเมิด
ในการปฏิบัติหนาที่จดทะเบียนโอนที่ดินและออกโฉนดท่ีดินไมชอบดวยกฎหมาย จนเปนเหตุให
ศาลจังหวัดเดชอุดมและศาลอุทธรณภาค ๓ มีคําพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนโอนท่ีดิน
และเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๘๔๔๑ ดังกลาว และรูวาผูถูกฟองคดีจะตองชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกตนในวันท่ีคดีถึงท่ีสุด คือ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ ดังนั้น ผูฟองคดีชอบท่ีจะใชสิทธิ
เรียกรอ งโดยวิธีการยนื่ คําขอใหผูถกู ฟองคดีพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนไดภายในหน่ึงปนับแต
วนั ท่ี ๒๐ ธนั วาคม ๒๕๕๓ อันเปน วนั ท่ถี ือวา ผฟู อ งคดีรูถึงการกระทําละเมิดและรูตัวผูจะพึงตองรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทน คือ ภายในวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ การท่ีผูฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี
๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ถงึ ผถู กู ฟอ งคดีขอใหพ จิ ารณาชดใชคา สินไหมทดแทนแกตนและมีเจาหนาท่ีรับไว
ในวันท่ี ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จึงเปนการยื่นคําขอใหผูถูกฟองคดีพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทน
เม่ือลวงพนระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดแลว แมตอมาผูถูกฟองคดีจะพิจารณาคําขอของผูฟองคดี
และมีหนังสือลงวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒ แจงปฏิเสธการชดใชคาสินไหมทดแทนและแจงสิทธิ
ใหผ ูฟองคดีนําคดีมาฟองตอ ศาลปกครองใหแกผูฟองคดีทราบก็ตาม ก็ไมทําใหการใชสิทธิเรียกรอง
คาสินไหมทดแทนท่ลี ว งพน ระยะเวลาทกี่ ฎหมายกาํ หนดแลว ขยายออกไปอกี เมื่อผูฟองคดีไมพอใจ
ผลการวินิจฉัยของผูถูกฟองคดีก็หามีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๑๑ ประกอบกับ
มาตรา ๑๔ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ไดอีก กรณีเชนนี้
ตองถือวาเปนการใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนเม่ือลวงพนระยะเวลาที่กฎหมายกําหนดแลว
ดังน้ัน การที่ผูฟองคดีไดยื่นฟองตอศาลปกครองช้ันตนเปนคดีน้ีเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๒
จึงเปนการยื่นคําฟองเม่ือพนระยะเวลาท่ีกฎหมายกําหนดแลว อีกท้ัง ไมเขาเงื่อนไขท่ีศาลปกครองสูงสุด
อาจใชดุลพินิจรับคําฟองไวพิจารณาได ตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ประกอบกับขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓ สวนมาตรา ๖๑ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปนบทกฎหมายท่ีบังคับใช
ในกรณีที่ปรากฏขอเท็จจริงชัดเจนวา ไดมีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย
หรือมีการจดแจงเอกสารรายการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพยไปโดยคลาดเคล่ือนหรือไมชอบ
ดวยกฎหมาย มาตราดังกลาวจึงไดบัญญัติหลักเกณฑหรือวิธีการเพื่อใหเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดี
ดําเนินการเพิกถอนหรอื แกไขการจดทะเบยี นท่ีคลาดเคล่ือนหรอื ไมชอบดวยกฎหมายนั้นใหถูกตอง
ซ่ึงมิใชหลักเกณฑท่ีกําหนดเก่ียวกับการใชสิทธิเรียกรองขอใหหนวยงานของรัฐพิจารณาชดใช
คาสินไหมทดแทนความเสียหายที่เกิดข้ึนอันเกิดจากการดําเนินการของเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดี
แตอยางใด จึงแตกตางจากบทบญั ญัติมาตรา ๑๑ แหง พ.ร.บ. ความรบั ผดิ ทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ ท่บี ัญญัติหลักเกณฑในกรณที ี่ผเู สยี หายประสงคท่ีจะย่ืนคําขอใหหนวยงานของรัฐพิจารณา
ชดใชคา สินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแกตน ซึ่งแมกฎหมายจะมิไดบัญญัติไวอยางชัด
แจงวาผูเสียหายจะตองยื่นคําขอตอหนวยงานของรัฐใหพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับ
ความเสียหายที่เกิดแกตนภายในระยะเวลาใด แตก็เปนที่เห็นไดจากเหตุผลของเรื่องวาผูเสียหาย
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๘๒
ตองยื่นขอตอหนวยงานของรัฐภายในหนึ่งปนับแตวันท่ีรูถึงการละเมิดและรูตัวผูจะพึงตองใช
คาสินไหมทดแทน แตไมเกินสิบปนับแตวันทําละเมิดเชนเดียวกับการฟองคดีตอศาล
ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
เมื่อศาลไดมีคําส่ังไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ จึงไมตอง
พิจารณาคําขอยกเวนคาธรรมเนียมศาลของผูฟองคดแี ตอยางใด น้ัน ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดว ย
จงึ มคี ําสงั่ ยนื ตามคําส่ังของศาลปกครองชน้ั ตน
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๗๒/๒๕๖๓
ผูฟ องคดีท้ังสองฟองวา ผูฟองคดีทั้งสองเปนเจาของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดที่ดิน
เลขท่ี ๘๒๖๐๕ ตําบลบานใหม อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เนื้อท่ี ๓ งาน ๕๔ ตารางวา
ผูฟองคดีที่ ๑ ไดยื่นคําขอรังวัดสอบเขตท่ีดินตอเจาพนักงานท่ีดินจังหวัดนนทบุรี สาขาปากเกร็ด
โดยมีวัตถุประสงคตองการทราบจํานวนเนื้อที่เพื่อจะขายที่ดินทั้งแปลงใหแกนาย ช. ตอมา
สํานักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาปากเกร็ด ไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑
แจงใหนายกเทศมนตรีนครปากเกร็ดทราบเพ่ือใหไประวังชี้แนวเขตที่ดิน เน่ืองจากท่ีดินของ
ผูฟองคดีทั้งสองท่ีขอรังวัดสอบเขตติดกับที่สาธารณประโยชน (ถนนศรีสมาน) ปรากฏผลการรังวัด
วาแนวเขตของถนนศรีสมานรุกลํ้าเขาไปในท่ีดินของผูฟองคดีท้ังสอง แตเพื่อใหการจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมกับบุคคลภายนอกเปนไปตามวัตถุประสงคตามสัญญาจะซ้ือจะขายเปนเหตุให
เมื่อวันท่ี ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ผูฟองคดีท้ังสองจําตองยินยอมแบงหักที่ดินตามผลการรังวัด
เปนถนนศรีสมาน การที่ผูฟองคดีทั้งสองยินยอมแบงหักท่ีดินเปนถนนศรีสมานมิไดเกิดจากเจตนา
ท่ีแทจริง แตเปนการแสดงเจตนาดวยภาวะจํายอมอันมิอาจหลีกเล่ียงได เน่ืองจากหากไมยินยอม
แบงหักเปนท่ีสาธารณประโยชน ผูถูกฟองคดี (เทศบาลนครปากเกร็ด) จะใชสิทธิคัดคานการรังวัด
เปนเหตุใหไมสามารถจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธ์ิที่ดินใหแก
บุคคลภายนอกภายในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเปนเง่ือนเวลาท่ีกําหนดไวในสัญญาจะซื้อจะขาย
อนั จะเปน เหตุใหผ ฟู อ งคดที ัง้ สองตกเปนผผู ดิ สญั ญาและตองรับผิดชดใชคาเสียหายใหแกบุคคลภายนอก
ผูฟองคดีทั้งสองจึงเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการกระทําของผูถูกฟองคดีที่จะตอง
รับผิดในผลแหงการกระทําละเมิดที่จะตองชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดีทั้งสองขอใหศาลพิพากษา
หรือมีคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๔๐๒,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ในอัตรารอ ยละ ๗.๕ ตอป นบั ถดั จากวันฟองเปนตน ไปจนกวาจะชาํ ระเสร็จสิ้นใหแกผฟู อ งคดีทงั้ สอง
ศาลปกครองสงู สดุ วินจิ ฉัยวา เม่อื ผฟู อ งคดีท้ังสองอางวาการดําเนินการตามอํานาจ
หนาท่ีของผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนหนวยงานทางปกครองสงผลกระทบตอสิทธิของผูฟองคดีท้ังสอง
คดีน้ีจึงเปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองอันเกิดจากการ
ใชอ ํานาจตามกฎหมาย ซึ่งอยูใ นอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ผูฟองคดีท้ังสองเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย
โดยมิอาจหลกี เลีย่ งไดอนั เนื่องจากการกระทาํ ของผถู ูกฟองคดีและการแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอน
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๘๓
หรือเสียหายที่ผูฟองคดีไดรับนั้นจําตองมีคําบังคับตามท่ีกําหนดไวในมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๓)
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน โดยมีคําขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหาย ผูฟองคดีท้ังสองจึงเปน
ผูมสี ิทธฟิ องคดีตอ ศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และโดยท่ี
การฟองคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองอันเกิดจากการใชอํานาจ
ตามกฎหมาย นั้น ไมมีกฎหมายกําหนดข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอน
หรือเสียหายไวโดยเฉพาะ ผูฟองคดีทั้งสองจึงนําคดีมาฟองตอศาลปกครองไดโดยไมตอง
ดําเนินการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายกอนแตอยางใด ท้ังนี้ ตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีท้ังสองไดทราบวาที่ดินแปลงพิพาท
มีเน้ือท่ีลดลงเมื่อมีการรังวัดสอบเขตท่ีดินในวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ ผูฟองคดีท้ังสองยอมรู
หรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีในคดีน้ีตั้งแตวันดังกลาว การท่ีผูฟองคดีทั้งสองนําคดีมายื่นฟอง
ตอศาลปกครองชั้นตนเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีภายในกําหนดระยะเวลา
หน่ึงปนับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
สวนประเด็นความยินยอมหรือแสดงเจตนาอุทิศหรือสละสิทธิในท่ีดินโดยผูฟองคดีท้ังสอง
ไดจดทะเบียนแบงหักที่ดินเปนที่สาธารณประโยชนไปแลวนั้น เปนประเด็นเน้ือหาแหงคดี
ที่ตอ งไปวา กลา วกันในภายหลงั จากที่ศาลมคี ําสง่ั รับคําฟองไวพิจารณาแลวตอไป ที่ศาลปกครองชั้นตน
มีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ พรอมทั้งใหคืน
คาธรรมเนยี มศาลทงั้ หมดแกผ ฟู อ งคดที งั้ สอง น้ัน ศาลปกครองสูงสุดไมเห็นพองดวย
จึงมีคําส่ังกลับคําสั่งของศาลปกครองช้ันตน เปนใหศาลปกครองชั้นตนรับคําฟอง
ไวพิจารณาเมื่อไดด ําเนนิ การเกี่ยวกับคาธรรมเนยี มศาลแลว
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๗๖/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๑๕
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๘๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (กองทัพอากาศ) ฟองวา สํานักงานตรวจสอบภายในทหารอากาศ
ตรวจพบวาเงินรายรับจากการจัดสรรที่ดินอาคารสงเคราะหกองทัพอากาศ (ทอส.ทอ.) รุนที่ ๑๕
เมื่อมีการรับเงินจากผูซื้อท่ีดินจํานวน ๓๒ ราย ในชวงเวลาตั้งแตเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖
ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ (กรณีชําระเปนเงินสด) เจาหนาท่ีนําสงเงินเขาบัญชีไมครบถวน
โดยคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดมีความเห็นวา ผูถูกฟองคดี
ซึ่งเปนเจาหนาที่ในสังกัดของผูฟองคดี ขณะปฏิบัติหนาท่ีรับผิดชอบดูแลโครงการจัดสรรที่ดิน
อาคารสงเคราะหกองทัพอากาศ ไดรับเงินคาเชาซื้อท่ีดิน ทอส.ทอ. รุนที่ ๑๕ จากผูเชาซื้อท่ีดิน
บางรายแลวไมนําสงใหฝายการเงินกรมสวัสดิการทหารอากาศ พฤติการณของผูถูกฟองคดีถือเปน
การอาศัยโอกาสในการปฏบิ ตั ิหนา ทแ่ี สวงหาประโยชนท่ีมิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย เปนเหตุให
ผูฟองคดีไดรับความเสียหาย ผูถูกฟองคดีจึงตองรับผิดเต็มจํานวนความเสียหายเปนเงิน จํานวน
๑,๙๓๑,๗๖๒ บาท ผฟู อ งคดีจึงมีหนังสือเรียกใหผูถูกฟองคดีนําเงินคาเสียหาย พรอมดอกเบ้ียมาชําระ
แกผูฟองคดี ท้ังนี้ ผูฟองคดีไดรองทุกขตอพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจนครบาลสายไหมเพื่อให
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๘๔
ดําเนนิ คดอี าญากบั ผถู ูกฟองคดีแลว ผูฟองคดีจงึ นาํ คดมี าฟอ งขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให
ผูถูกฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีจํานวน๒,๒๘๘,๘๙๑.๒๑ บาท และใหผูถูกฟองคดี
ชําระดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงิน ๑,๙๓๑,๗๖๒ บาท นับถัดจากวันฟองเปนตนไป
จนกวา จะชาํ ระเสร็จใหแกผฟู อ งคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเก่ียวกับการกระทําละเมิด
ของเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ เม่ือผูฟองคดีอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ออกคําสัง่ เรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ผูฟองคดีจึงอาจใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพยสินของผูถูกฟองคดี
และขายทอดตลาดตามมาตรา ๖๓/๗ ถึงมาตรา ๖๓/๑๔ แหง พ.ร.บ. วิธปี ฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง พ.ศ.
๒๕๓๙ แกไ ขเพิม่ เติม (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ อันเปนการกําหนดมาตรการหนึ่งเพ่ือใหไดรับชําระ
เงินโดยครบถวน เม่ือคําส่ังเรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี
เปนคําสั่งทางปกครองที่ใชเปนฐานในการใชมาตรการบังคับทางปกครองและผูถูกฟองคดีปฏิเสธ
ไมรบั ผิดชดใชค า สินไหมทดแทนตามคาํ สงั่ ดงั กลาว จึงเปนกรณีที่ผูฟองคดีมีขอขัดของในการบังคับ
ใชก ฎหมายในสว นทีเ่ กย่ี วกับการบังคับทางปกครองเพื่อใหเปนไปตามคําส่ังทางปกครอง ผูฟองคดี
ในฐานะเจาหน้ีในมูลละเมิดจึงมีความจําเปนตองใชสิทธิทางศาลเพ่ือขอบังคับตามสิทธิเรียกรอง
อันมีตอ ผถู ูกฟอ งคดตี ามคาํ สง่ั ทางปกครองของผฟู องคดี โดยขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดี ดังน้ัน ผูฟองคดีจึงเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดรอน
หรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดอันเนื่องจากการกระทําของผูถูกฟองคดีและการแกไข
หรือบรรเทาความเดือดรอนหรือความเสียหายนั้น ศาลปกครองมีอํานาจออกคําบังคับไดตามที่
กําหนดในมาตรา ๗๒ วรรคหน่ึง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดี
ตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และกรณีน้ีไมมีขั้นตอน
หรอื วธิ ีการสําหรับการแกไ ขหรอื บรรเทาความเดือดรอนหรือเสียหายตามที่กฎหมายกําหนดท่ีผูฟองคดี
ตองดําเนินการกอนย่ืนฟองคดีตอศาล ตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน
เมื่อคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดทําการสอบสวนกรณีที่ผูถูกฟองคดี
ปฏิบัติหนาที่ไมเปนไปตามระเบียบ ขอบังคับที่ทางราชการกําหนด อันสอไปในทางทุจริตดานการเงิน
และตอหนาท่ี โดยเปนผูรับเงินสดจากการผอนชําระคาเชาซื้อท่ีดินแลวไมนําสงใหฝายการเงิน
กรมสวัสดิการทหารอากาศ โดยนําไปใชประโยชนสวนตน เปนเหตุใหทางราชการไดรับความเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๑,๙๓๑,๗๖๒ บาท โดยไดมีหนังสือลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๑ รายงานผลการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตอผูบัญชาการทหารอากาศไทยซ่ึงเปนผูแตงตั้งและไดมีการลงนาม
รบั ทราบรายงานดังกลาวในวันท่ี ๑ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ กรณีจึงถือไดวาผูฟองคดีไดรูถึงการละเมิด
และรูตัวเจาหนาที่ผูพึงจะตองใชคาสินไหมทดแทนแลวตั้งแตวันท่ี ๑ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ และมีผล
ทําใหอายุความใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนสองปตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ.
ความรับผดิ ทางละเมิดของเจาหนา ที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ไมวาจะเปนการออกคาํ สง่ั ใหชดใชคาสินไหมทดแทน
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๘๕
หรือการฟองคดีตอศาลเร่ิมนับต้ังแตเวลาน้ันเปนตนไป อยางไรก็ตาม การที่ผูฟองคดีมีคําสั่งลงวันท่ี
๙ ธนั วาคม ๒๕๖๑ ใหผูถ ูกฟองคดีชดใชค าสนิ ไหมทดแทนแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๑,๙๓๑,๗๖๒ บาท
ภายใน ๑๕ วนั นบั แตวนั ท่ไี ดร บั แจงคาํ ส่ัง ถอื เปนการกระทําอื่นใดอันมีผลเปนอยางเดียวกันกับการฟองคดี
และมผี ลทําใหอ ายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
เมื่อผูถูกฟองคดีไดรับแจงคําส่ังดังกลาวเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ อายุความการฟองคดีนี้
จงึ สะดดุ หยุดลงในวันดังกลา ว ผูถูกฟอ งคดีจึงตองชําระคาสินไหมทดแทนใหแ กผ ูฟองคดีใหเสร็จส้ิน
ภายในวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๒ แตเม่ือพนกําหนดเวลาดังกลาว ผูถูกฟองคดีเพิกเฉยไมชําระเงิน
ใหแกผูฟองคดี อายุความฟองคดีนี้จึงเริ่มนับใหมในวันรุงข้ึน คือ วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๒
และครบกําหนดสองปในวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๖๔ การที่ผูฟองคดีย่ืนฟองคดีน้ีเม่ือวันที่
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ จึงเปนการย่ืนฟองคดีภายในกําหนดอายุความสองปนับแตวันท่ีเร่ิมนับ
อายุความใหมตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบกับมาตรา ๑๙๓/๑๕ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยแลว
ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
และใหคืนคา ธรรมเนยี มศาลท้งั หมดแกผูฟ องคดี น้ัน ศาลปกครองสูงสดุ ไมเ ห็นพองดวย
จึงมคี าํ สัง่ กลบั เปน ใหร ับคาํ ฟอ งไวพ ิจารณา และดาํ เนนิ กระบวนพจิ ารณาตามรปู คดีตอ ไป
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๘๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ ถึงผูถูกฟองคดี
(นาง ก.) เพ่ือขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหายในมูลละเมิดเปนเงินจํานวน ๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท
เนื่องจากผูฟองคดีซึ่งเปนสมาชิกสหกรณออมทรัพยตํารวจภูธร ภาค ๔ จํากัด ไดติดตอขอคัด
เอกสารสําเนาขอบังคับสหกรณออมทรัพยตํารวจภูธร ภาค ๔ จํากัด ฉบับที่ ๑ – ๓ โดยไดเจรจากับ
ผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาที่ของรัฐสังกัดสํานักงานสหกรณจังหวัดขอนแกน จนไดรับเอกสาร
ท่ีมนี ยั ทีไ่ มถูกตอง ซ่ึงผูฟองคดีเห็นวาเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือ
ของผูฟองคดีแลวแตเพิกเฉยไมนําเงินจํานวนดังกลาวชําระใหแกผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไดรับ
ความเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหาย
ใหแ กผูฟองคดเี ปน เงินจํานวน ๑,๙๐๐,๐๐๐ บาท
ศาลปกครองสงู สุดวินจิ ฉยั วา คดนี ี้เปน พิพาทเกีย่ วกับการกระทําละเมิดของเจาหนาที่
ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายท่ีอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยผูฟองคดีกลาวอางวาผูถูกฟองคดีซ่ึงเปน
เจาหนาที่ของรัฐตามมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว กระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาท่ีโดยเปน
ผูรับเร่ืองการขอคัดเอกสารดังกลาวจากผูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไดรับเอกสารที่มีนัยไมถูกตอง
เมื่อคดีนี้ ศาลปกครองชั้นตนไดมีคําส่ังใหผูฟองคดีช้ีแจงและแกไขตัวผูถูกฟองคดีใหถูกตองตามท่ี
กฎหมายกําหนด แตผูฟองคดียืนยันความประสงคท่ีจะฟองผูถูกฟองคดีซึ่งเปนเจาหนาที่ใหรับผิดในผล
แหงละเมิดเปนการสวนตัว โดยไมประสงคจะฟองหนวยงานของรัฐตนสังกัดของผูถูกฟองคดี ผูฟองคดี
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๘๖
จึงไมอาจฟองผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาที่ของรัฐตอศาลปกครองไดตามมาตรา ๕ แหง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ศาลจึงไมอาจรับคําฟองนี้ไวพิจารณาได
ที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ นั้น
ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพองดวย
จงึ มคี าํ สง่ั ยืนตามคาํ ส่ังของศาลปกครองชน้ั ตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ. ๑๐๐/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (กรมท่ีดิน) ฟองวา ผูถูกฟองคดีขณะดํารงตําแหนงเจาหนาที่การเงิน
และบัญชีชาํ นาญงาน สาํ นกั งานทด่ี ินจังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ไดปฏิบัติหนาท่ีโดยมิชอบ
ในลักษณะทุจริตดวยการนําเงินของทางราชการไปใชจังหวัดพิษณุโลกไดมีคําสั่งแตงต้ังคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ โดยผลปรากฏวา ขณะผูถูกฟองคดีดํารงตําแหนง
เจาหนาท่ีการเงินและบัญชีชํานาญงาน สํานักงานท่ีดินจังหวัดพิษณุโลก อาศัยโอกาสในการปฏิบัติหนาท่ี
แสวงหาประโยชนโดยมิชอบดวยกฎหมาย กระทําการโดยทุจริตยักยอกเงินของทางราชการ
ซ่ึงการกระทาํ การทุจริตในครั้งน้ีมีเหตุอันนาเชื่อวาเกิดจากการกระทําของผูถูกฟองคดีเพียงผูเดียว
ไมมีผูใดมสี วนรเู ห็น แตเนือ่ งจากผูถูกฟองคดีไดหายตัวไป เจาหนาที่ผูมีสวนเก่ียวของกับกรณีดังกลาว
จํานวน ๔ คน จึงไดรวมกันรับผิดชดใชเงินท่ีผูถูกฟองคดีทุจริตยักยอกไปคืนแกทางราชการเต็มจํานวน
ตอมา จังหวัดพิษณุโลกไดรายงานความเสียหายท่ีเกิดข้ึนใหกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ทราบ
ซึง่ กรมบัญชีกลางไดแจงผลการพจิ ารณาวา เมอื่ เจาหนา ทที่ ีเ่ ก่ียวของไดนําเงนิ มาชดใชค วามเสียหายครบถวนแลว
จงึ ใหย ตุ ิความรับผดิ ทางละเมดิ สาํ หรับเจาหนาทที่ เี่ กย่ี วขอ ง แตเน่ืองจากความเสียหายเกิดจากเหตุทุจริต
ของผถู ูกฟอ งคดี ผถู กู ฟอ งคดีจึงตอ งชดใชค า สนิ ไหมทดแทนเตม็ จํานวน พรอมทั้งรับผิดในสวนของดอกเบ้ีย
ตอมาผูฟองคดีไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๙ กันยายน ๒๕๖๒ ใหผูถูกฟองคดีนําเงินคาสินไหมทดแทน
จํานวน ๑,๘๖๐,๙๕๗ บาท พรอมดอกเบ้ียของตนเงินดังกลาว นับต้ังแตกระทําการทุจริต คือวันที่
๑๕ กันยายน ๒๕๖๐ จนกวาจะชําระเสร็จ มาชําระ แตเม่ือครบกําหนดแลว ไมปรากฏวาผูถูกฟองคดี
นําเงนิ มาชดใชใหแกผูฟอ งคดี ผูฟ อ งคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมคี ําพพิ ากษาหรือคําสงั่ ใหผถู ูกฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๒,๑๗๐,๖๙๑.๖๓ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
นับถัดจากวนั ฟองเปนตน ไปจนกวาจะชาํ ระเสรจ็ แกผ ฟู อ งคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของ
เจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ.
จัดต้ังศาลปกครองฯ เม่ือผูฟองคดีอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ออกคําส่ังเรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน แมผูฟองคดี
อาจใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพยสินของผูถูกฟองคดีและขายทอดตลาด
ตามมาตรา ๖๓/๗ ถึงมาตรา ๖๓/๑๔ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ไดก็ตาม แตเม่ือผูฟองคดีใชสิทธิเรียกรองโดยการออกคําสั่ง
ทางปกครองเรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน แตผูถูกฟองคดีเพิกเฉย ผูฟองคดี
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๘๗
จึงยน่ื ฟองคดตี อ ศาลปกครอง ขอใหผถู กู ฟองคดีชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแ กผ ฟู อ งคดี จึงเปนกรณี
ท่ีผูฟองคดีมีขอขัดของในการบังคับใชกฎหมายในสวนท่ีเกี่ยวกับการบังคับทางปกครองเพื่อให
เปนไปตามคําส่ังทางปกครอง ผูฟองคดีในฐานะเจาหน้ีในมูลละเมิดจึงมีความจําเปนตองใชสิทธิ
ทางศาล เพื่อขอบังคับตามสิทธิเรียกรองอันมีตอผูถูกฟองคดีโดยขอใหผูถูกฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทน ซึ่งเปนคาํ ขอทศี่ าลปกครองมีอาํ นาจออกคําบังคบั ใหไ ดต ามท่กี ําหนดในมาตรา ๗๒
วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครอง
ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และกรณีนี้ไมมีข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับ
การแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอนหรือเสียหายตามที่กฎหมายกําหนดท่ีผูฟองคดีตองดําเนินการ
กอ นยน่ื ฟอ งคดีตอ ศาลตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พระราชบัญญัติเดียวกัน เมื่อปรากฏวาผูถูกฟองคดี
ซ่ึงเปนเจาหนาที่ปฏิบัติหนาท่ีดานการเงิน สังกัดผูฟองคดี ปฏิบัติหนาที่โดยมิชอบในลักษณะทุจริต
และสอไปในทางนําเงินของราชการไปใชเปนประโยชนสวนตัวเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๐
โดยการกระทําของผูถูกฟองคดีเปนการกระทําอันเปนความผิด ตามมาตรา ๑๔๗ แหงประมวล
กฎหมายอาญา ซ่ึงบัญญัติใหตองระวางโทษจําคุกตั้งแตหาปถึงย่ีสิบป หรือจําคุกตลอดชีวิต
โดยอัตราโทษสูงสุด คือ ใหจําคุกตลอดชีวิต คดีอาญาจึงมีอายุความในการดําเนินคดียี่สิบป
ตามมาตรา ๙๕ (๑) แหงประมวลกฎหมายอาญา เมื่อผูฟองคดีซึ่งเปนผูเสียหายโดยตรงจาก
การกระทําดังกลาวย่ืนฟองคดีตอศาล ขอใหผูถูกฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหาย
ในมูลละเมดิ อนั เปนความผิดที่มีโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา อายุความในการใชสิทธิเรียกรอง
คาสินไหมทดแทนตามกรณีพิพาทนี้ จึงเปนไปตามมาตรา ๔๔๘ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย โดยขณะที่ผูฟองคดยี ื่นฟองคดนี ี้ ยงั ไมมีการฟองผถู กู ฟองคดเี ปน คดีอาญาในฐานความผิด
ดังกลาว สิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนของผูฟองคดีตามกรณีพิพาทน้ีจึงยอมระงับไปตามกําหนดเวลา
ดังที่บัญญัติไวในประมวลกฎหมายอาญาเรื่องอายุความฟองคดีอาญาตามมาตรา ๕๑ วรรคหนึ่ง
แหงประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความอาญา ผูฟอ งคดีจึงชอบท่ีจะใชสิทธิเรียกรองใหผูถูกฟองคดี
ชดใชคา สนิ ไหมทดแทนกรณีทุจริตนําเงินของราชการนําไปใชเปนประโยชนสวนตัวภายในกําหนด
อายุความทางอาญา คือ ภายในย่ีสิบปนับแตวันท่ีผูถูกฟองคดีไดกระทําละเมิดตอผูฟองคดี การที่
ผูฟองคดียื่นฟองคดีตอศาลเม่ือวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีตอศาลภายใน
อายคุ วามยี่สบิ ป ตามมาตรา ๔๔๘ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ประกอบกับ
มาตรา ๕๑ แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับ
คําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ คืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดใหแก
ผฟู องคดี น้นั ศาลปกครองสงู สดุ ไมเห็นพอ งดว ย
จงึ มีคาํ สัง่ กลับ เปนใหรบั คําฟองไวพ ิจารณา พิพากษาตอไป
คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๑๐๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดท่ีดินเลขที่
๖๓๕๒๑ ตาํ บลปทุม อําเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พรอมบานปูนช้ันเดียวจํานวน
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๘๘
๑ หลัง ไดรับความเดือดรอนเสียหายเน่ืองจากเม่ือชวงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผูถูกฟองคดีที่ ๑
(เทศบาลตําบลปทมุ ) โดยราน ว. ผรู บั จา ง ไดเ ขาดําเนินการกอสรางตามโครงการวางทอระบายนํ้า
ไดใ ชร ถแบคโฮขุดดนิ ลึกประมาณ ๒ เมตร ตามแนวกําแพงปูนหนาบานของผูฟองคดีเพ่ือวางทอระบายนํ้า
ทําใหใชรถแบคโฮขุดดินลงตามแนวขุดดินพังเสียหายความยาวประมาณ ๓๐ เมตร ซ่ึงเจาหนาท่ี
ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดเขาตรวจสอบกรณีดังกลาวหลายคร้ัง แตไมไดดําเนินการซอมแซมกําแพง
บานใหแกผูฟองคดีแตอยางใด ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ยื่นคําขอตอ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เพ่ือใหพิจารณาคาสินไหมทดแทนเบื้องตน จํานวน ๓๐,๐๐๐ บาท ตอมา
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (นายกเทศมนตรีตําบลปทุม) ไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ แจงวา
การกระทําดงั กลาวไมมีเจาหนาทีข่ องผถู กู ฟอ งคดีที่ ๑ เกี่ยวของ จึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งสอง
รว มกันชดใชค า สินไหมทดแทนเปนเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
นับต้ังแตวันทําละเมิด (วันท่ี ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) ถึงวันฟองคดี วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๒
เปนเงิน ๑๒,๔๗๙ บาท รวมเปนเงิน ๑๓๒,๔๗๙ บาท ใหแกผูฟองคดี และใหผูถูกฟองคดีท้ังสอง
ชําระดอกเบย้ี ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ใหแ กผฟู องคดี ตัง้ แตว นั ฟอ งคดจี นกวาจะชําระเสรจ็ สิน้
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีผูฟองคดีไดย่ืนคําขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี อันเปนกรณีท่ีผูฟองคดีเลือกที่จะใชสิทธิย่ืนคําขอตอหนวยงาน
ของรัฐเพื่อใหพิจารณาชดใชคาสินไหมทดแทนสําหรับความเสียหายที่เกิดแกตนตามมาตรา ๑๑
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๒ พิจารณา
คําขอน้ันแลวเห็นวาตนไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงมี
หนังสือแจงปฏิเสธการชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหผูฟองคดีทราบ โดยผูฟองคดีไดรับ
หนังสือดังกลาวเม่ือวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ แตผูฟองคดีไมพอใจในผลการวินิจฉัยดังกลาว
จึงนาํ คดีมาฟองขอใหผูถูกฟองคดที ั้งสองรวมกันชาํ ระคาสนิ ไหมทดแทนใหแ กผ ฟู อ งคดี กรณีจึงเปน
คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย
ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ และโดยท่ีตามมาตรา ๑๑
ประกอบมาตรา ๑๔ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ไดกําหนด
ระยะเวลาการฟองคดีกรณีนี้ไวเปนการเฉพาะ ผูฟองคดีจึงตองใชสิทธิฟองคดีน้ีตอศาลภายใน
เกาสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจงผลการวินิจฉัยจากผูถูกฟองคดีที่ ๑ กลาวคือ ผูฟองคดีตองฟองคดี
ตอศาลภายในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ แตเน่ืองจากวันดังกลาวเปนวันเสารซ่ึงเปน
วันหยุดราชการ ผูฟองคดีจึงตองนําคดีมาฟองตอศาลภายในวันท่ี ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ อันเปน
วนั เรมิ่ ทําการใหมตอ จากวันหยดุ ทาํ การนน้ั ตามมาตรา ๑๙๓/๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
การท่ีผูฟองคดีฟองคดีนี้ตอศาลเม่ือวันท่ี ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีเมื่อพนกําหนด
ระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๑๑ ประกอบมาตรา ๑๔ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว ท้ังการฟองคดีน้ีเปนไปเพื่อประโยชนเฉพาะตัวของผูฟองคดี
เทาน้ัน มิใชการฟองคดีที่เก่ียวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคลที่ผูฟองคดี
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๘๙
จะย่ืนฟองเม่ือใดก็ได ตามมาตรา ๕๒ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ อีกทั้ง
กรณีไมอาจถือวาการฟองคดีน้ีเปนประโยชนแกสวนรวม หรือมีเหตุจําเปนอ่ืนท่ีศาลจะรับคําฟอง
ไวพิจารณาตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ศาลจึงไมอาจรับคําฟองนี้
ไวพิจารณาได ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจาก
สารบบความ กบั ทั้งใหค นื คาธรรมเนยี มศาลท้ังหมดแกผฟู องคดี น้ัน ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดวย
จงึ มีคาํ สง่ั ยืนตามคําส่งั ของศาลปกครองชนั้ ตน
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ. ๑๑๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เดิมผูฟองคดีเปนเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดี (สํานักงาน
หลักประกันสุขภาพแหงชาติ) ตอมา ผูถูกฟองคดีไดมีคําส่ังใหผูฟองคดีออกจากงานเพราะเหตุ
เกษียณอายุ โดยใหมีผลต้ังแตวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ ๒๕๖๐ ตามคําสั่งลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ ๒๕๖๐
แตผูถูกฟองคดีไมยอมจายเงินคาชดเชยหรือประโยชนตอบแทนใหแกผูฟองคดี ผูฟองคดีไดมีการ
ติดตามทวงถามเปนหนังสือลงวันท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ แตผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี
๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ แจง ปฏิเสธการจา ยเงินคาชดเชยใหแกผฟู องคดี ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี
๑๗ มถิ ุนายน ๒๕๖๒ อุทธรณคําส่ังตอคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแหงชาติ ซึ่งคณะกรรมการฯ
มมี ติใหยกอทุ ธรณข องผฟู อ งคดี ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๖๒ แจงผลการพิจารณา
อุทธรณใหผูฟองคดีทราบ ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับผลการพิจารณาอุทธรณดังกลาว จึงนําคดีฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดียกเลิกคําส่ังท่ีปฏิเสธการจายเงินคาชดเชยใหแก
ผูฟองคดี ตามหนังสือลงวันท่ี ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และใหผูถูกฟองคดีจายเงินคาชดเชยหรือ
ประโยชนต อบแทนในลกั ษณะเดยี วกนั ใหแกผฟู อ งคดี เปนเงินจํานวน ๑,๗๐๑,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ในอัตรารอยละ ๑๕ ตอป ของตนเงินดังกลาวนับถัดจากวันผิดนัด (วันท่ีผูถูกฟองคดีปฏิเสธ
การจายเงินคาชดเชยใหผูฟองคดี คือ วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เปนตนไปจนถึงวันที่ผูถูกฟองคดี
จา ยเงนิ จาํ นวนดงั กลาว
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้ผูฟองคดีโตแยงวาผูถูกฟองคดีมีหนาท่ีในการ
จายเงินคาชดเชยการเลิกจางกรณีเกษียณอายุใหแกผูฟองคดีตามกฎหมายคุมครองแรงงาน การที่
ผูถกู ฟอ งคดีละเลยไมจายเงินคาชดเชยดังกลาวใหแ กผ ูฟองคดี ทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอน
หรือเสียหาย จงึ เปนคดพี ิพาทเกย่ี วกบั การกระทําละเมดิ ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐ
อันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓)
แหง พ.ร.บ. จดั ตั้งศาลปกครองฯ เม่ือผูฟองคดีพนจากการเปนเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีเนื่องจาก
เกษียณอายุเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ ๒๕๖๐ ตามคําส่ังสํานักงานหลักประกันสุขภาพแหงชาติ
ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ ๒๕๖๐ ซ่ึงผูฟองคดีเห็นวาผูถูกฟองคดีจะตองจายคาชดเชยการเลิกจาง
ใหแกผูฟองคดีตามกฎหมายคุมครองแรงงาน แตหลังจากผูฟองคดีเกษียณอายุกลับไมมีการจายเงิน
ดงั กลาวใหแ กผ ฟู องคดี จงึ ถอื ไดว า ผฟู องคดรี หู รือควรรูถึงเหตแุ หงการฟอ งคดนี ับแตวันถัดจากวันที่
ผูฟองคดีเกษียณอายุราชการ คือ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๐ ผูฟองคดีจึงสามารถย่ืนฟองคดี
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๙๐
เพ่ือเรียกรองคาชดเชยไดนับแตวันดังกลาว และตองฟองคดีภายในหนึ่งปนับแตวันดังกลาว
คือ ภายในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ ตามนัยมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ดังน้ัน
การท่ผี ฟู องคดยี ื่นฟองคดตี อ ศาลปกครองช้นั ตนทางไปรษณยี ลงทะเบยี นเม่ือวนั ที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
จึงเปนการย่ืนฟองเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี ศาลจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดี
ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบขอ ๓๐ วรรคสอง ของ
ระเบยี บของทปี่ ระชมุ ใหญฯ วา ดว ยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ เมอื่ กรณีนี้มิไดมีกฎหมาย
กําหนดใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐตองออกคําส่ังทางปกครองเพื่อจายคาชดเชย
ใหแกผูฟองคดี ดังน้ัน หนังสือลงวันท่ี ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ท่ีแจงปฏิเสธการจายเงินคาชดเชย
ใหแกผูฟอ งคดี จงึ มิไดม สี ถานะเปน คาํ ส่งั ทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แตอยางใด การที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองของผูฟองคดี
ไวพจิ ารณา และใหจ าํ หนา ยคดีออกจากสารบบความ น้ัน ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พอ งดว ย
จึงมีคาํ สั่งยืนตามคําส่ังของศาลปกครองช้นั ตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๑๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูผานการคัดเลือกเขาเปนนักศึกษาในหลักสูตร
วทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ (สาธารณสขุ ศาสตร) วชิ าเอกการบริหารโรงพยาบาล (หลักสูตรภาคปกติ)
ภาคการศึกษาท่ี ๑/๒๕๕๕ ของผูถูกฟองคดี (มหาวิทยาลัยมหิดล) ไดรับความเดือดรอนเสียหาย
จากการที่ผูถูกฟองคดีไมสามารถเปดการเรียนการสอนหลักสูตรดังกลาวได ทําใหในปการศึกษา
๒๕๕๖ ผูฟองคดีตองยายไปศึกษาในวิชาเอกการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน (หลักสูตรภาคพิเศษ)
ที่มีคาใชจายสูงข้ึน และไมมีการเปล่ียนแปลงรหัสนักศึกษาใหมใหผูฟองคดี ทําใหระยะเวลา
การศึกษาของผูฟองคดีสั้นลง นอกจากนี้ อาจารยที่ปรึกษาไดกําหนดวันสอบปองกันวิทยานิพนธ
ใหผ ูฟอ งคดลี าชา กวานกั ศกึ ษารายอ่ืน ทัง้ อาจารยท ปี่ รึกษายงั ทําใหเ กดิ อปุ สรรคท่ีสงผลตอการสอบ
ปอ งกันวิทยานพิ นธของผูฟองคดี จนผูฟองคดีไมสามารถสอบปองกันวิทยานิพนธได นอกจากน้ัน
ในระหวางการศึกษาผูฟองคดียังถูกนาย ป. ซ่ึงเปนเจาหนาท่ีท่ีปฏิบัติงานในคณะแพทยศาสตร
โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งเปนหนวยงานในสังกัดของผูถูกฟองคดีกลั่นแกลง กลาวคือ นาง พ.
ผูที่ไมพอใจและเอาเรื่องสวนตัวซ่ึงไมมีมูลความจริงของผูฟองคดีไปเผยแพรในคอมพิวเตอร
ผานแอปพลิเคชั่นเฟซบุก และนาย ป. ไดเผยแพรขอความหม่ินประมาทเพิ่มมากข้ึน ทําใหผูฟองคดี
เส่ือมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลอ่ืน สงผลใหผูฟองคดีเกิดความเครียด
จนไมสามารถศึกษาตอได ทั้งเจาหนาที่ตํารวจสถานีตํารวจนครบาลพญาไทรวมกับนาย ป.
กลั่นแกลงผูฟองคดีโดยเจตนาทําสํานวนคดีท่ีผูฟองคดียื่นฟอง นาง พ. อยางขาดความรัดกุม
และปฏิบัติหนาท่ีโดยมีลักษณะเปนการเลือกปฏิบัติที่ไมเปนธรรมตอผูฟองคดี ตอมาในวันที่
๓ มีนาคม ๒๕๖๑ ผูฟองคดีไดรับแจงจากเจาหนาท่ีบัณฑิตวิทยาลัยวา ผูถูกฟองคดีมีคําส่ังลงวันที่
๑๔ กุมภาพันธ ๒๕๖๑ ใหผูฟองคดีพนสภาพการเปนนักศึกษา เน่ืองจากผูฟองคดีไมสงเอกสาร
ลงทะเบียนเรียนและ/หรือไมชําระคาธรรมเนียมการศึกษา และไมสามารถสําเร็จการศึกษา
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๙๑
ตามระยะเวลาการศึกษาที่กําหนด ผูฟองคดีมิไดอุทธรณคําสั่งดังกลาว ซ่ึงผลจากการท่ีผูฟองคดี
ถูกอาจารยที่ปรึกษากล่ันแกลง มีอคติ และเลือกปฏิบัติตอผูฟองคดีเปนเหตุใหผูฟองคดี
ไดร ับความเสยี หายตองเสียเงินเปนคาเลาเรียน คาอุปกรณการศึกษา คาท่ีพัก คาเดินทางมาศึกษา
คา ทาํ วิทยานพิ นธ และคา ใชจ า ยอ่ืนๆ รวมทั้งเสียโอกาสในการไดทํางานตามวุฒิการศึกษาดังกลาว
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายทั้งหมด
ท่ีเกิดขึ้นเปนเงิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท พรอมท้ังคาเสียโอกาสเปนหน่ึงเทาของคาการศึกษาเปนเงิน
๖๐๐,๐๐๐ บาท แกผูฟองคดี ใหผูถูกฟองคดีดําเนินการทางวินัยกับนาย ป. พรอมกับชดเชยเยียวยาจิตใจ
ของผูฟ องคดีและครอบครัวจากการถกู กลนั่ แกลงรวมกับเจาหนา ทีต่ าํ รวจ เปน เงนิ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
และใหผ ถู กู ฟอ งคดดี ําเนนิ การทางวินัยกบั ผูท ี่เก่ียวของจากการขาดจรรยาบรรณอาจารย
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิด
ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาที่ตามท่ีกฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาที่ดังกลาวลาชาเกินสมควร ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ เม่ือขอเท็จจริงไมปรากฏวา ผูฟองคดีไดรับความเสียหายจาก
การท่ีอาจารยท่ีปรึกษาวิทยานิพนธและอาจารยประจําหลักสูตรกระทําละเมิดตอผูฟองคดีในการ
สอบปอ งกันวิทยานิพนธเมอ่ื ใด แตก พ็ ออนุมานไดวาอยางชาที่สุดไดแกวันที่ครบกําหนดระยะเวลา
การศึกษาสูงสุดในหลักสูตรที่ผูฟองคดีศึกษาน่ันเอง และเมื่อขอเท็จจริงปรากฏตามจดหมาย
อิเล็กทรอนิกสของหัวหนางานบริการการศึกษา ลงวันท่ี ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ แจงตอผูฟองคดีวา
ผูฟองคดีมีระยะเวลาการศึกษาสูงสุดในหลักสูตร ๕ ปการศึกษา ส้ินสุดวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ดังนั้น เมื่อถึงวันดังกลาวหากผูฟองคดีไมจบการศึกษาตามหลักสูตร อันเนื่องมาจากการปฏิบัติ
หนาท่ีลาชาของอาจารยที่ปรึกษาวิทยานิพนธในการสอบปองกันวิทยานิพนธของผูฟองคดี
และจากการไมชําระคาธรรมเนียมการศึกษาตามท่ีงานบริการการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย ทวงถาม
ผฟู อ งคดีจึงตองยื่นฟองคดีนี้ภายในหน่ึงปนับแตวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ การท่ีผูฟองคดีนําคดี
มายื่นฟองตอศาลปกครองชั้นตนเม่ือวันท่ี ๑ มีนาคม ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีเมื่อพนระยะเวลา
หนึ่งปนับแตวันท่ีผูฟองคดีรูหรือควรรูเหตุแหงการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้ง
ศาลปกครองฯ อีกทั้งคําฟองขอหาน้ีเปนการฟองคดีเพ่ือประโยชนสวนตัวของผูฟองคดีเทาน้ัน
มิใชการฟองคดีที่เกี่ยวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคลท่ีจะยื่นฟองคดี
เม่ือใดก็ได รวมทั้งการฟองคดีมิไดเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอ่ืนท่ีศาลจะรับคําฟองนี้
ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบกับขอ ๓๐ วรรคสอง
แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ นอกจากน้ี
เมื่อพิจารณาถึงการกระทําของนาย ป. ตามท่ีผูฟองคดีกลาวอางในคําฟองและคําอุทธรณวา
ไดกลั่นแกลงผูฟองคดีหลายประการ รวมถึงการเผยแพรขอความลงในคอมพิวเตอร
ผานแอปพลิเคชันเฟซบุกเพ่ือประจานผูฟองคดี ซ่ึงหากนาย ป. มีพฤติกรรมตามที่ผูฟองคดี
กลาวอางจริง ก็เปนการกระทําในฐานะสวนตัวมิใชในฐานะท่ีเปนเจาหนาที่ของรัฐท่ีใชอํานาจ
ทางปกครองแตอยางใด ความเสียหายจากการกระทําของนาย ป. ดังกลาวจึงไมอยูในอํานาจ
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๙๒
พิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามนัยมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
สวนกรณีที่ผูฟองคดีกลาวอางถึงเจาหนาที่ตํารวจสถานีตํารวจนครบาลพญาไทรวมกับนาย ป.
กลั่นแกลงผูฟองคดีโดยเจตนาทําสํานวนคดีของผูฟองคดีขาดความรัดกุมและปฏิบัติหนาท่ีโดยมี
ลักษณะเปนการเลือกปฏิบัติที่ไมเปนธรรมตอผูฟองคดี น้ัน เมื่อเจาหนาที่ตํารวจสถานีตํารวจ
นครบาลพญาไทมิใชเจาหนาที่ในสังกัดของผูถูกฟองคดี ผูฟองคดีจึงไมมีสิทธิฟองผูถูกฟองคดีให
ชดใชคาเสียหายจากการปฏิบัติหนาท่ีของเจาหนาท่ีดังกลาวตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีจึงมิใชผูท่ีจะมีสิทธิฟองคดีตอศาลปกครอง
ตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟอง
คดีนไ้ี วพจิ ารณาและใหจําหนายคดอี อกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดวยในผล
จึงมีคาํ สง่ั ยืนตามคําส่ังของศาลปกครองชั้นตน
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๑๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดี
(กรมทางหลวง) ไมดูแลบํารุงรักษาทางหลวงตามอํานาจหนาท่ีโดยเมื่อวันท่ี ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๓
เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ นาฬกิ า ผูฟ อ งคดีไดขับรถยนตจากกรุงเทพมหานครเพอื่ ไปยังอําเภอเมืองสระแกว
จังหวัดสระแกว เมื่อมาถึงถนนทางหลวงหมายเลข ๓๓ ชวงกิโลเมตรท่ี ๑๕๐ ถึง ๑๕๑ ถนนสุวรรณศร
ตําบลบานพระ อําเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี ไดมีกิ่งไมประดูที่มีสภาพผุกลวงหักขวางถนน
ผูฟองคดีจึงขับรถหลบกิ่งไมจนชนกับตนไมประดูขางทางเปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับอันตรายสาหัส กระดูก
ตนคอหัก ๓ ทอน ทุพพลภาพ อัมพาต เคลื่อนไหวรางกายไมไดตลอดชีวิตจนถึงปจจุบันเปนเวลากวา ๙
ปเศษ แพทยผูรักษาแจงวาไมสามารถรักษาใหหายเปนปกติได ซึ่งผูฟองคดีเห็นวา ผูถูกฟองคดี
มีหนาที่บํารุงรักษาทางหลวงเพ่ือใหเกิดความปลอดภัยกับผูใชทางตาม พ.ร.บ. ทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕
การท่ีผูถูกฟองคดีไมไดดําเนินการปองกันอุบัติเหตุท่ีอาจจะเกิดขึ้นกับผูใชถนนตามอํานาจหนาท่ี
ยอมเปนการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติซึ่งการกระทําดังกลาวเปนเหตุให
ผูฟองคดีไดรับความเสียหาย คิดเปนคาใชจายในการรักษาพยาบาล คาเดินทางและคาใชจายอื่นๆ
รวมเปนเงิน ๑๑,๕๒๗,๗๒๖.๐๕ บาท จงึ เปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีตองรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทน ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดี
ชดใชค าเสียหายเปนเงนิ ทง้ั ส้ิน ๑๑,๕๒๗,๗๒๖.๐๕ บาท พรอมดอกเบยี้
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิดของ
หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรัฐอันเกิดจากการละเลยตอหนาท่ีตามท่ีกฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาท่ีดังกลาวลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๙ วรรคหน่ึง (๓ )
แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ซ่ึงผูฟองคดีจะตองยื่นฟองภายในหน่ึงปนับแตวันที่รูหรือควรรู
ถึงเหตุแหงการฟองคดี แตไมเกินสิบปนับแตวันที่มีเหตุแหงการฟองคดี ตามมาตรา ๕๑
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เม่ือเหตุละเมิดเกิดข้ึนเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๓ กรณีจึงถือวา
วันดังกลาวเปนวันที่ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้แลว ผูฟองคดีจึงตองนําคดี
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๙๓
มาฟองตอศาลภายในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาลปกครอง
เม่ือวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๓ จึงเปนการย่ืนฟองคดีเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี อีกทั้ง
คดีนี้เปนการฟองขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี มิใชการฟองคดีเก่ียวกับการคุมครอง
ประโยชนสาธารณะ หรือสถานะของบุคคล ทั้งไมปรากฏวามีเหตุจําเปนอื่นที่เปนอุปสรรคขัดขวาง
ไมใ หผฟู องคดสี ามารถย่นื ฟอ งคดีนี้ตอศาลปกครองภายในระยะเวลาที่กฎหมายกาํ หนด เพราะผูฟองคดี
สามารถมอบอํานาจใหบุคคลอื่นมาฟองคดีแทนไดกอนครบกําหนดระยะเวลาตามที่กฎหมาย
กําหนดไดอยูแลว ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองนี้ไวพิจารณาตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณาและจําหนายคดี
ออกจากสารบบความ นัน้ ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดว ย
จงึ มคี าํ สง่ั ยนื ตามคาํ สัง่ ของศาลปกครองชั้นตน
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ. ๑๒๔/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา ผูวาราชการจังหวัดปทุมธานีไดมีคําส่ังแตงต้ัง
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด สืบเน่ืองจากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุด
ไดมีคําพิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่ อ. ๖๐๒/๒๕๖๑ วา ผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาที่
ของผูฟองคดีรังวัดสอบเขตที่ดินของนาง ม. โดยไมชอบดวยกฎหมาย เนื่องจากกระทําโดยปราศจาก
ความระมัดระวังในการตรวจสอบตําแหนงท่ีตั้งที่ดินจากระวางแผนท่ีภาพถายทางอากาศและโฉนดท่ีดิน
ทําใหรังวัดท่ีดินผิดแปลงไป เปนเหตุใหนาง ม. จางชางซอมแซมและตอเติมทาวนเฮาสในที่ดิน
ของบุคคลอ่ืน ผูฟองคดีซึ่งเปนหนวยงานของรัฐจึงตองรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นตอนาง ม.
โดยศาลปกครองสูงสุดพิพากษาใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกนาง ม. เปนเงิน
๒๔๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป และผูฟองคดีไดชําระเงินตาม
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดแลวเม่ือวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ เปนเงิน ๔๐๒,๐๐๐ บาท
ซ่ึงผูวาราชการจังหวัดปทุมธานีไดวินิจฉัยแลวเห็นชอบกับความเห็นของคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงฯ วา การปฏิบัติหนาท่ีของผูถูกฟองคดีมิไดกระทําดวยความจงใจหรือประมาท
เลินเลออยางรายแรง จึงไมตองรับผิด ผูฟองคดีมีหนังสือแจงใหจังหวัดปทุมธานีนําคําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดดังกลาวไปประกอบสํานวนการสอบสวนเพื่อวินิจฉัยส่ังการและรายงานให
กระทรวงการคลังพิจารณา ตอมา จังหวัดปทุมธานีไดมีหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพ่ือรายงาน
ผลการพจิ ารณาซ่งึ ไดท บทวนความเห็นเดิมแลว เหน็ วา ผูถูกฟอ งคดีปฏิบตั ิหนาที่ดวยความประมาท
เลินเลออยางรายแรง จากน้ัน ผูฟองคดีเห็นวา อายุความในการใชสิทธิไลเบี้ยเจาหนาที่ใกลจะ
ครบกําหนด แตยังไมไดรับแจงผลการพิจารณาจากกระทรวงการคลัง ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือ
ลงวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๒ เรียกใหผูถูกฟองคดีนําเงินจํานวน ๔๐๒,๐๐๐ บาท ชําระแกผูฟองคดี
ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันท่ีไดรับแจงคําสั่ง ผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือแลวไมนําเงินมาชดใช
คาสินไหมทดแทน ตอมา กรมบัญชีกลางพิจารณาแลวเห็นวา ผูถูกฟองคดีปฏิบัติหนาที่ดวย
ความประมาทเลินเลออยางรายแรง จึงใหรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๒๔๐,๐๐๐ บาท
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๙๔
พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาว นับแตวันถัดจากวันท่ี ๒๘ กันยายน
๒๕๕๒ จนถึงวนั ทศี่ าลปกครองมีคําพิพากษา (วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๕) คิดเปนดอกเบี้ยจํานวน
๔๑,๕๒๓.๒๙ บาท รวมเปนเงินทั้งสิ้น ๒๘๑,๕๒๓.๒๙ บาท ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๔
กันยายน ๒๕๖๒ แกไขคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยเรียกใหผูถูกฟองคดีชําระ
คา สินไหมทดแทน จาํ นวน ๒๘๑,๕๒๓.๒๙ บาท ภายใน ๗ วัน นับแตวันที่ไดรับคําสั่ง ผูถูกฟองคดี
ไดรับคําส่ังดังกลาวเมื่อวันท่ี ๕ กันยายน ๒๕๖๒ แตไมนําเงินมาชําระใหผูฟองคดี ผูฟองคดี
จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี
เปน เงิน ๒๘๑,๕๒๓.๒๙ บาท พรอมดอกเบีย้ ในอัตรารอ ยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาว นับแต
วนั ฟอ งเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีผูฟองคดีฟองวา ผูถูกฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาที่
ในสังกัดของผูฟองคดีใชอํานาจตามกฎหมายในการตรวจสอบตําแหนงท่ีตั้งที่ดินจากระวางแผนท่ี
ภาพถายทางอากาศและโฉนดท่ีดิน ทําใหรังวัดท่ีดินผิดแปลง จนเกิดความเสียหาย เปนเหตุให
ผูฟองคดีตองรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นตอบุคคลภายนอก ขอใหศาลมีคําพิพากษาให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนพรอมดอกเบี้ยใหแกผูฟองคดี กรณีจึงเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับ
การกระทําละเมดิ ของเจาหนา ท่ขี องรัฐอนั เกดิ จากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ โดยผูฟองคดีอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ออกคําส่ังเรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
จึงเปนกรณีท่ีผูฟองคดีอาจใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพยสินของผูถูกฟองคดี
และขายทอดตลาดได ตามมาตรา ๖๓/๗ ถึงมาตรา ๖๓/๑๔ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ แกไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ อยางไรก็ตาม หากผูฟองคดีเห็นวา ยังมีขอขัดของ
ในการบังคับใชกฎหมายในสวนท่ีเกี่ยวกับการบังคับทางปกครอง ก็ไมตัดสิทธิผูฟองคดีที่จะใชสิทธิ
ทางศาลในการท่ีจะเสนอขอพิพาทใหศาลปกครองพิจารณาพิพากษา ซ่ึงเมื่อคําสั่งเรียกใหผูถูกฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี เปนคําสั่งทางปกครองที่ใชเปนฐานในการใชมาตรการ
บังคับทางปกครองและผูถูกฟองคดีปฏิเสธไมรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนตามคําสั่งดังกลาว
จึงเปนกรณีท่ีผูฟองคดีมีขอขัดของในการบังคับใชกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับทางปกครองเพื่อให
เปนไปตามคําสั่งทางปกครอง ผูฟองคดีในฐานะเจาหน้ีในมูลละเมิดจึงมีความจําเปนตองใชสิทธิ
ทางศาล เพ่ือขอบังคับตามสิทธิเรียกรองอันมีตอผูถูกฟองคดี ดังนั้น ผูฟองคดีจึงเปนผูไดรับ
ความเดือดรอนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงไดอันเนื่องจาก
การกระทาํ ของผถู กู ฟองคดแี ละการแกไขหรอื บรรเทาความเดอื ดรอนหรือความเสียหายนั้น ศาลปกครอง
มีอํานาจออกคําบังคับไดตามท่ีกําหนดในมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๓) แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ผูฟองคดีจึงเปนผูมีสิทธิฟองคดีตอศาลตามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
และกรณีนี้ไมมีข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอนหรือเสียหาย
ตามทีก่ ฎหมายกําหนดที่ผฟู องคดีตองดําเนินการกอนย่ืนฟองคดีตอ ศาล ตามมาตรา ๔๒ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน และเม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีไดวางเงินเพื่อชําระหนี้
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๙๕
ตามคาํ พพิ ากษาของศาลปกครองสูงสุดใหแ กผ ูเสียหาย เมอ่ื วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๑ จึงเปนกรณี
ท่ผี ฟู อ งคดใี นฐานะหนวยงานของรัฐไดช ดใชค า สินไหมทดแทนใหแกผเู สียหายในผลแหงการกระทําละเมิด
ของเจาหนาที่ตอบุคคลภายนอกแลว ผูฟองคดีจะตองใชสิทธิเรียกรองเพ่ือบังคับชําระหน้ีดวยการไลเบ้ีย
ภายในกําหนดอายุความหน่ึงปนับแตวันที่ผูฟองคดีไดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายตามมาตรา ๙
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยที่เม่ือวันท่ี ๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๒
ผฟู อ งคดไี ดออกคําสั่งเรียกใหผูถูกฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายใน ๑๕ วัน
นับแตวันที่ไดรับแจงคําส่ัง ซ่ึงคําสั่งดังกลาวเปนการกระทําการอื่นใดอันมีผลเปนอยางเดียวกัน
กับการฟองคดี ตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และมีผลทําให
อายคุ วามสะดุดหยดุ ลงในวนั ท่ีผถู กู ฟอ งคดไี ดร ับแจง คาํ สั่งดงั กลาว เม่ืออายุความสะดุดหยุดลงแลว
ระยะเวลาที่ลว งไปกอนนั้นไมนบั เขา ในอายุความ และเมอ่ื เหตุทีท่ ําใหอายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุด
เวลาใดใหเร่ิมนับอายุความใหมต้ังแตเวลาน้ัน ตามมาตรา ๑๙๓/๑๕ แหงประมวลกฎหมาย
ดังกลาว เม่ือผูถูกฟองคดีไดรับแจงคําสั่งดังกลาวเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ จึงตองชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ เม่ือผูถูกฟองคดีมิไดชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายในกําหนดเวลา อันเปนเหตุที่ทําใหอายุความสะดุดหยุดลง
สน้ิ สดุ ในวันท่ี ๓๐ สงิ หาคม ๒๕๖๒ ดังน้ัน ระยะเวลาสําหรับการย่ืนฟองคดีนี้ภายในหนึ่งปนับแต
วันที่เหตุท่ีทําใหอายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุด ตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบมาตรา ๑๙๓/๑๕ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
จึงเร่ิมนับใหมในวันท่ี ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ ซ่ึงเปนวันที่พนกําหนดเวลาท่ีผูฟองคดีไดกําหนดให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน ผูฟองคดีจึงตองฟองคดีนี้ตอศาลภายในวันที่ ๓๑ สิงหาคม
๒๕๖๓ การที่ผูฟองคดีฟองคดีตอศาลเม่ือวันท่ี ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีตอศาล
ภายในระยะเวลาการฟองคดีแลว ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาและ
ใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ คืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมดใหแกผูฟองคดี นั้น ศาลปกครองสูงสุด
ไมเ หน็ พอ งดว ย
จงึ มคี าํ ส่ังกลบั เปน ใหรับคาํ ฟอ งไวพ จิ ารณา พิพากษาตอไป
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๑๓๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (กรมท่ีดิน) ฟองวา ผูถูกฟองคดีขณะปฏิบัติหนาที่รักษาการในตําแหนง
เจาหนาที่บริหารงานที่ดินอําเภอบานกรวด จังหวัดบุรีรัมย เปนผูดําเนินการออกหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) โดยไมออกใบเสร็จรับเงินและไมเรียกเก็บคาธรรมเนียมตาง ๆ
ในระหวางป พ.ศ. ๒๕๔๑ ถึงป พ.ศ. ๒๕๔๔ ผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมย ในฐานะประธาน อ.ก.พ.
จังหวัดบุรีรัมย มีคําสั่งลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ใหลงโทษไลผูถูกฟองคดีออกจากราชการ
ต้ังแตวันท่ี ๒ พฤษภาคม ๒๕๔๘ เปนตนไป เน่ืองจากผูถูกฟองคดีละท้ิงหนาท่ีราชการติดตอ
ในคราวเดียวกันเปนเวลาเกินกวา ๑๕ วัน โดยไมมีเหตุผลอันสมควร และอาศัยอํานาจหนาท่ี
ราชการของตนหาประโยชนใหแกตนเองหรือผูอื่น อันเปนการทุจริตตอหนาท่ีราชการ นายอําเภอ
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๙๖
บานกรวดแจงความเพื่อใหดําเนินคดีอาญากับผูถูกฟองคดี พนักงานสอบสวนฯ ไดดําเนินคดี
ในขอหาเปนเจาพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพยสิน สําหรับตนเองหรือผูอื่นโดยมิชอบ
เพื่อกระทําการหรือไมกระทําการแตอยางใดในตําแหนงหนาที่ตามมาตรา ๑๔๙ แหงประมวล
กฎหมายอาญา โดยพนักงานสอบสวนฯ มีความเห็นควรสั่งฟองผูถูกฟองคดี และเม่ือวันที่
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ศาลจังหวัดนางรองมีคําพิพากษา ในคดีหมายเลขแดงท่ี ๒๒๕๘/๒๕๕๙
พิพากษาวา ผูถูกฟองคดีมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๙ และมาตรา ๑๕๐
ใหลงโทษจําคุก ๗ ป ๖ เดือน คดีถึงท่ีสุดแลว ผูฟองคดีจึงมีคําส่ังลงวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๐
ลงโทษไลผูถูกฟองคดีออกจากราชการต้ังแตวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๔๘ และมีหนังสือ
ถึงผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมย ขอใหแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ตอมา ผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมย ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ ถึงผูฟองคดี
เพ่ือแจงใหทราบวาผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมยเห็นพองดวยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ท่ีเห็นวา การที่ผูถูกฟองคดีเปนผูดําเนินการออกหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ไมออกใบเสร็จรับเงินและไมเรียกเก็บคาธรรมเนียมตาง ๆ ในระหวาง
ป พ.ศ. ๒๕๔๑ ถึงป พ.ศ. ๒๕๔๔ ทําใหเกิดความเสียหายแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๙,๖๔๐ บาท
โดยใหผูถูกฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกผูฟองคดีเต็มจํานวน ผูฟองคดี
จึงไดรายงานความเสียหายใหกระทรวงการคลังทราบ ตอมา ผูฟองคดีมีหนังสือลงวันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ ถึงผูถูกฟองคดี เพื่อแจงใหชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๙,๖๔๐ บาท
แกทางราชการ ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับหนังสือ โดยแจงไปยังท่ีอยูที่ผูถูกฟองคดีใหไว
กับเจาหนาท่ีเม่ือวันท่ี ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ แตบริษัทไปรษณียไทย จํากัด ไมสามารถนําจาย
ผูถูกฟองคดีได โดยระบุเหตุผลวายายไมทราบที่อยูใหม ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ แจงใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนอีกครั้งหนึ่ง แตก็ยังไมสามารถ
สงหนังสือดังกลาวใหแกผูถูกฟองคดีได ผูฟองคดีจึงดําเนินการปดหนังสือแจงเตือนใหชดใช
คาสินไหมทดแทน เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ แตผูถูกฟองคดีเพิกเฉยไมดําเนินการตามคําสั่ง
และไมอทุ ธรณโ ตแ ยง คําสั่งดังกลาว ผูฟองคดีไมสามารถใชมาตรการบังคับทางปกครองกับกรณีน้ี
ไดอยางมีประสิทธิภาพและเหมาะสม และเห็นวาการฟองคดีมีอายุความ ๑๐ ป นับแตวันที่
คดีอาญาถึงที่สุดตามมาตรา ๕๑ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประกอบกับมาตรา ๑๙๓/๓๒ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงนําคดี
มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน จํานวน
๑๕,๓๗๐.๕๒ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับถัดจากวันฟองคดีเปนตนไป
จนกวาจะชาํ ระเสรจ็
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีนี้เปนคดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทําละเมิด
ของเจาหนาที่ของรัฐอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ผูฟองคดีจึงตองฟองคดีภายในระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๑๐
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบกับมาตรา ๕๑
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๙๗
แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ การท่ีผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมย ไดมีหนังสือลงวันท่ี
๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ ถึงผูฟองคดี เพื่อแจงผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
อันเปนวันที่ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้ในวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ และผูฟองคดี
ไดออกคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนตามหนังสือลงวันท่ี ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔
แตผ ฟู องคดีไมส ามารถสง หนังสอื ใหแ กผูถูกฟอ งคดไี ดเ นือ่ งจากยา ยและไมทราบทอ่ี ยใู หม เมอื่ คําส่ัง
เรียกใหเจาหนาที่ชดใชคาสินไหมทดแทนเปนคําสั่งทางปกครอง กรณีจึงตองถือวาคําสั่งทางปกครอง
ดังกลาว ผถู ูกฟองคดียงั ไมไดร ับแจง อันจะมผี ลใหใชย นั ตอผถู ูกฟอ งคดไี ดต ามมาตรา ๔๒ วรรคหน่ึง
แหง พ.ร.บ. วธิ ีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ จงึ ไมอาจถือไดวา ผูฟ อ งคดีไดกระทําการอ่ืนใด
อันมีผลเปนอยางเดียวกันกับการฟองคดีที่จะมีผลใหอายุความสะดุดหยุดลงตามมาตรา ๑๙๓/๑๔
(๕) แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และเม่ือไดมีการแจงความรองทุกขใหดําเนินคดีอาญากับ
ผูถูกฟองคดีจนกระทั่งเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ศาลจังหวัดนางรองไดมีคําพิพากษา
ในคดีอาญา เปนคดีหมายเลขแดงท่ี ๒๒๕๘/๒๕๕๙ พิพากษาลงโทษจําคุกผูถูกฟองคดีโดยคดี
ถึงท่ีสุดแลว ดังนั้น การเรียกรองคาเสียหายทางแพงในมูลอันเปนความผิดท่ีมีโทษตามกฎหมาย
ลักษณะอาญาในคดีน้ี ซ่ึงผูถูกฟองคดีไดกระทําละเมิดในระหวาง ป พ.ศ. ๒๕๔๑ ถึง ป พ.ศ. ๒๕๔๔
และเม่อื คดีอาญาศาลมีคาํ พิพากษาลงโทษผูถกู ฟองคดหี รือจําเลยจนคดีถึงที่สุดแลว โดยที่ยังไมมีการ
ฟองรองเรียกคาเสียหายทางแพง กรณีจึงตองบังคับตามมาตรา ๕๑ วรรคสาม แหงประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ท่ีบัญญัติวา ถาโจทกไดฟองคดีอาญาและศาลพิพากษาลงโทษ
จําเลยจนคดีเด็ดขาดแลวกอนที่ไดฟองคดีแพง สิทธิของผูเสียหายท่ีจะฟองคดีแพงยอมมี
ตามกําหนดอายุความในมาตรา ๑๙๓/๓๒ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ทั้งน้ี
มาตรา ๑๙๓/๓๒ บัญญัติใหสิทธิเรียกรองท่ีเกิดขึ้นโดยคําพิพากษาของศาลท่ีถึงท่ีสุดมีกําหนด
อายุความสบิ ป ท้ังนี้ ไมวา สิทธเิ รยี กรองเดิมจะมีกําหนดอายุความเดิมเทาใด เม่ือศาลจังหวัดนางรอง
มีคําพิพากษาคดีอาญาลงโทษจําคุกผูถูกฟองคดีเม่ือวันท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ผูฟองคดี
จึ ง อ า จ ฟ อ ง ค ดี นี้ เ พื่ อ เ รี ย ก ร อ ง ใ ห ผู ถู ก ฟ อ ง ค ดี ช ด ใ ช ค า สิ น ไ ห ม ท ด แ ท น ไ ด ภ า ย ใ น วั น ที่
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๙ ดังน้ัน การท่ีผูฟองคดีนําคดีน้ีมาฟองตอศาลปกครองชั้นตนเม่ือวันท่ี
๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ จึงเปนการฟองคดีภายในระยะเวลาสิบปตามมาตรา ๕๑ วรรคสาม
แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และมาตรา ๔๔๘ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย ศาลจึงรับคําฟองคดีน้ีไวพิจารณาได การท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟอง
ของผูฟองคดีไวพ จิ ารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ ใหคืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมด
แกผ ฟู อ งคดี นัน้ ศาลปกครองสูงสุดไมเ หน็ พองดวย
จงึ มคี ําส่ังกลับคาํ สงั่ ของศาลปกครองชน้ั ตน เปน ใหรบั คาํ ฟอ งไวพ ิจารณา
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คร.๑/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๒
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คร.๗/๒๕๖๓
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๙๘
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดย่ืนเอกสารคําขอจําหนายไฟฟาตอผูถูกฟองคดีที่ ๑
(การไฟฟาสวนภูมิภาค) เมื่อวันท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๕๗ และขอวันกําหนดจายไฟฟาเขาระบบเชิงพาณิชย
ตามสัญญาซื้อขายไฟฟาในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตอมา ผูฟองคดีไดสอบถามไปยังผูถูกฟองคดีที่ ๑
เก่ียวกับความคืบหนาของสัญญา แตไดรับแจงวา การไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทยพิจารณาวา
ไมสามารถรองรับการเชื่อมโยงระบบไฟฟาของโครงการได ผูฟองคดีจึงไดขอตรวจสอบเอกสาร
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ พบวาผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดแจงขอมูลผิดพลาดแกการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย
วาโครงการทําใหเกิดภาวะกําลังไฟฟาไหลยอน ผูฟองคดีจึงไดโตแยงเรื่องดังกลาวตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ผูถ ูกฟองคดที ี่ ๑ จงึ ทําหนงั สือลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ ถึงการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทย
เพื่อขอพิจารณาจุดเช่ือมโยงใหมอีกครั้ง แตการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทยไดปฏิเสธดวย
เหตุผลเดิม ผูฟองคดีจึงยื่นหนังสือลงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘ อุทธรณตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒
(คณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน) เพื่อขอใหพิจารณาตอบรับซื้อไฟฟา และในวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดแจงคืนหลักประกันการย่ืนขอเสนอขายไฟฟาดังกลาว ตอมา สํานักงาน
คณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน ไดมีหนังสือลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ แจงผลการพิจารณา
อุทธรณวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดมีมติในการประชุมเมื่อวันท่ี ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ยกอุทธรณ
ของผูฟองคดี ผูฟองคดีเห็นวาการกระทําดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย ไมเปนธรรม และทําให
ไดร บั ความเสียหาย จึงนําคดมี าฟองขอใหศาลมคี ําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนมติของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ในการประชุมเมื่อวันท่ี ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดี และผูฟองคดีไดยื่นคํารอง
ลงวันท่ี ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒ ขอแกไขเพ่ิมเติมคําขอทายฟอง โดยขอใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกัน
ชาํ ระคาเสยี หายที่เกิดข้ึนจากการเตรียมความพรอมตามที่กําหนดในคูมือการขอจําหนายไฟฟากับ
ผถู ูกฟองคดีท่ี ๑ และคาเสียหายในการขาดโอกาสที่จะประกอบธุรกิจผลิตไฟฟาขายใหกับผูถูกฟองคดีที่ ๑
เห็นวา ผูฟองคดีไดย่ืนคําขอจําหนายไฟฟาตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ เมื่อวันท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๕๗
ตอมา ผฟู องคดที ราบวาผูถกู ฟอ งคดีที่ ๑ แจงขอมูลผิดพลาดแกการไฟฟาฝายผลิตแหงประเทศไทยวา
โครงการของผูฟองคดีทําใหเกิดภาวะกําลังไฟฟาไหลยอน ผูฟองคดีจึงไดโตแยงเร่ืองดังกลาว
ตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ทําใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีหนังสือลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘ ถึงการไฟฟา
ฝายผลิตแหงประเทศไทยเพื่อขอพิจารณาจุดเชื่อมโยงใหมอีกครั้ง แตการไฟฟาฝายผลิต
แหงประเทศไทยปฏิเสธดวยเหตุผลเดิม ผูฟองคดีจึงย่ืนหนังสือลงวันท่ี ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘
อุทธรณตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เพ่ือขอใหพิจารณาตอบรับซื้อไฟฟา ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ แจงคืนหลักประกันการยื่นขอเสนอขายไฟฟาของผูฟองคดี
หลังจากนั้น สํานักงานคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน ไดมีหนังสือลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑
แจงผลการพิจารณาอทุ ธรณวา ผถู ูกฟองคดีที่ ๒ ไดม ีมติในการประชุมเม่ือวันท่ี ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
ยกอุทธรณของผูฟองคดี โดยใหเหตุผลสวนหนึ่งวาการปฏิเสธของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตอการรับขอเสนอ
ขายไฟฟาของผฟู อ งคดีเปน การดาํ เนนิ การตามหลกั เกณฑก ารรบั ซอื้ ไฟฟา แลว หนงั สอื แจงผลการพิจารณา
อุทธรณดังกลาวไดระบุเหตุผลไวชัดเจนวา การปฏิเสธของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตอการรับขอเสนอ
ขายไฟฟาของผูฟองคดีเปนการดําเนินการตามหลักเกณฑการรับซ้ือไฟฟา เมื่อผูฟองคดีอาง
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓