๒๙๙
เปน เงิน ๕๔,๖๖๗ บาท คงเหลือคาเสียหายจํานวน ๔๓,๗๓๓.๖๐ บาท สัญญากอสรางถนน ค.ส.ล.
เปนเงิน ๑๑๓,๐๐๔ บาท คงเหลือคาเสียหายจํานวน ๙๐,๔๐๓.๒๐ บาท ใหคณะกรรมการรับผิด
ชดใชในอัตรารอยละ ๗๕ ของคาเสียหายในแตละสัญญาและใหกรรมการท้ังสามคนรับผิด
คนละสวนเทาๆ กัน ผูฟองคดีจึงตองรับผิดตามสัญญากอสรางรางระบายนํ้า ค.ส.ล.
เปนเงนิ จํานวน ๑๐,๙๓๓.๔๐ บาท และในสัญญากอสรางถนน ค.ส.ล. เปนเงิน ๒๒,๖๐๐.๘๐ บาท นั้น
ถือวาเหมาะสมแลว เนื่องจากกรณีใดท่ีเปนเร่ืองความเชี่ยวชาญดานงานชางผูฟองคดียอมมีความเชี่ยวชาญ
มากกวากรรมการอีกสองคนท่ีเหลือ ผูฟองคดียอมตองรับผิดมากกวากรรมการอีกสองคน
แตกรณีใดท่ีไมใชเรื่องความเช่ียวชาญดานงานชาง คณะกรรมการทุกคนยอมตองรับผิดคนละสวน
เทาๆ กัน แตอยางไรก็ตาม การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ มีคําส่ังใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาเสียหาย
ในฐานะรักษาการแทนปลัดเทศบาลตําบลนาหวาใหญอีกฐานะหน่ึง แยกเปนกรณีไมไดคํานวณ
ปริมาณคาวัสดุตามอัตราท่ีกําหนดในรูปแบบรายการละเอียดท่ีแนบสัญญาจางในสัญญา
กอสรางถนน ค.ส.ล. ในอัตรารอยละ ๗.๕ ของคาเสียหายจํานวน ๑๘๕,๐๙๕ บาท คิดเปนเงิน
จาํ นวน ๑๓,๘๘๒.๑๒ บาท และกรณคี าํ นวณราคาคางานคอนกรีต ๑ : ๒ : ๔ สูงเกินจริงเนื่องจาก
มีการคิดคาแรงงานซํ้าอีกในสัญญากอสรางถนน ค.ส.ล. ในอัตรารอยละ ๑๕ ของคาเสียหาย
จํานวน ๑๑๓,๐๐๔ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๑๖,๙๕๐.๖๐ บาท น้ัน เมื่อผูฟองคดีตองรับผิด
ในฐานะคณะกรรมการควบคุมราคากลางของเทศบาลแลว การท่ีจะกาํ หนดใหผ ูฟองคดีรับผิดชดใช
คา สินไหมทดแทนในฐานะทีร่ ักษาการแทนปลัดเทศบาลอีกฐานะหนึ่งยอมไมเปนธรรมกับผูฟองคดี
ผฟู องคดีจึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะรักษาการแทนปลัดเทศบาลตําบลแตอยางใด
ดังน้ัน ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะคณะกรรมการควบคุมราคากลาง
รวมทั้งสิ้น ๑๑๗,๖๕๒.๕๗ บาท ที่ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๓
ตามคําส่ังลงวันท่ี ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๐ และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ เฉพาะในสวนที่มีคําส่ังและคําวินิจฉัยใหผูฟองคดี
ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๓ เกินกวาจํานวน ๑๐๘,๖๐๓.๐๙ บาท
โดยใหมีผลยอนหลังนับแตวันท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๓ และที่ ๒ มีคําส่ังและคําวินิจฉัยดังกลาว คําขออ่ืน
นอกจากนใ้ี หยก นัน้ ศาลปกครองสงู สุดเห็นพอ งดว ยบางสว น
พิพากษาแก เปนเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๐ ของผูถูกฟองคดีท่ี ๓
เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๓ เกินกวา
๑๑๗,๖๕๒.๕๗ บาท นอกจากทีแ่ กใหเปนไปตามคาํ พิพากษาศาลปกครองชนั้ ตน
ฟอ งขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีไมควบคุมงบประมาณรายจายเปนเหตุให
เกิดการทุจรติ
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๐๐
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๒๙/๒๕๖๓
ผฟู อ งคดฟี อ งวา ผูฟ อ งคดดี ํารงตาํ แหนงปลัดองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดี (นายอําเภอน้ําขุน) ไดมีคําสั่งลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๗๒๖,๕๒๔.๐๒ บาท กรณีผูฟองคดี
เปนผูบังคับบัญชาช้ันสูงแตไมดูแลผูใตบังคับบัญชาเปนเหตุใหนาง ส. เจาพนักงานการเงินและ
บัญชี รักษาราชการแทนหัวหนาสวนการคลังทุจริตเงินขององคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
ผูฟองคดีเห็นวาคําส่ังดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรอื คําสง่ั ใหผถู ูกฟองคดยี กเลิกคําส่งั ดงั กลา ว เหน็ วา ผูฟองคดีเปนปลัดองคการบริหารสวนตําบล
โคกสะอาด ผูฟองคดีจึงเปนเจาหนาท่ีงบประมาณตามขอ ๕ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย
วาดวยวิธีการงบประมาณขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๔๓ มีหนาท่ีในการควบคุมงบประมาณรายจายเพื่อปฏิบัติการใหเปนไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ขอบังคับ คําส่ัง หรือหนังสือส่ังการกระทรวงมหาดไทยตามขอ ๓๓ ของระเบียบดังกลาว
ซ่ึงผูฟองคดีไดกลาวอางวา เมื่อผูฟองคดีเดินทางมาปฏิบัติหนาที่ราชการท่ีองคการบริหารสวนตําบล
โคกสะอาด ผูฟองคดีไดเรียกใหนาง ส. มารายงานการจัดทําเอกสารการรับจายเงินทุกเดือน
และขอตรวจสอบงบแสดงฐานะการเงินและบัญชีประจําป พ.ศ. ๒๕๕๒ รายงานงบแสดงรายรับ
รายจายและสําเนางบทดลองประจําเดือนเมษายน ๒๕๕๓ เพ่ือรายงานอําเภอน้ําขุน
โดยผูรับผิดชอบรายงานยืนยันวาไดดําเนินการถูกตองเรียบรอยแลว แตไมปรากฏวาผูฟองคดี
ไดมีการตรวจสอบบญั ชรี ายงานและเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจายเงินขององคการบริหารสวนตําบล
โคกสะอาดแตอยางใด แสดงใหเห็นวาผูฟองคดีไมไดควบคุมการเบิกจายเงิน บัญชี รายงาน
และเอกสารอื่นเกี่ยวกับการรับจายเงินตามขอ ๓๓ ของระเบียบเดียวกัน และไมเรงรัดใหหัวหนา
หนวยงานคลังทํารายงานแสดงรายรับรายจายเปนรายเดือนตามขอ ๙๙ ของระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และ
การตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ จนเปนเหตุใหเงินขาดบัญชีและ
ทําใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดไดรับความเสียหาย การไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาว
ของผูฟองคดีจึงเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง และเปนการกระทําละเมิด
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดในผลแหงละเมิด
ตอองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๘ แหง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดีจึงมีอํานาจออกคําสั่ง
ลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนไดตามมาตรา ๑๒
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อมูลกรณีเรื่องน้ีเกิดขึ้นจากการที่นาง ส. กระทําการทุจริตเงิน
ขององคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด โดยเขียนเช็ค บมจ. ธนาคารกรุงไทย สาขาเดชอุดม
จํานวน ๕ ฉบับ รวมเปนเงิน ๑๑,๔๕๐,๐๐๐ บาท ส่ังจายใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
เพื่อนําฝากเขาบัญชีออมทรัพยธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณการเกษตร สาขาน้ํายืน
แตการเขียนเช็คดังกลาวมิไดขีดเสนตรงหลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ”
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๐๑
และเสนอผูมีอํานาจลงนาม หลังจากนั้น นาง ส. ไดเขียนตัวอักษรเพ่ิมเติมโดยเปลี่ยนจาก “อบต.
โคกสะอาด” เปน “ชอบตง้ั โคกสะอาดพาณชิ ย” และโอนเงินเขาบัญชีของนาย ศ. สามีของนาง ส.
ซึ่งเปนเจาของรานดังกลาว เพ่ือนําเงินไปใชเปนประโยชนสวนตน ตอมา มีเงินสดฝากเขาบัญชีออมทรัพย
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร สาขาน้ํายืน ในชวงเดือนกุมภาพันธ ๒๕๕๓ ถึง
เดือนสิงหาคม ๒๕๕๓ จํานวน ๕ ครั้ง โดยไมมีหลักฐานการรับเงิน จํานวน ๒,๙๑๘,๐๐๐ บาท
คงเหลือความเสียหายจํานวน ๘,๕๓๒,๐๐๐ บาท เมื่อผูฟองคดีเกี่ยวของโดยเปนผูลงนาม
ในเชค็ พิพาทจาํ นวน ๒ ฉบบั ไดแก เชค็ ลงวนั ท่ี ๒๘ มถิ นุ ายน ๒๕๕๓ จํานวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
และเช็ค ลงวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๓ จํานวนเงิน ๙๕๐,๐๐๐ บาท รวมเปนเงิน ๑,๙๕๐,๐๐๐ บาท
ซ่งึ ผูถกู ฟองคดไี ดห ักสวนความเสียหายจากเงินที่มีการนําฝากเขาบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและ
สหกรณการเกษตร สาขานํ้ายืน ดังกลาวตามสัดสวนของยอดเงินท่ีเบิกจายตามเช็คแลวคิดเปนเงิน
๔๙๖,๙๕๑.๙๗ บาท คงเหลือความเสียหายจํานวน ๑,๔๕๓,๐๔๘.๐๓ บาท ดังน้ัน ความเสียหาย
กรณีน้ีจึงเทากับจํานวนเงินดังกลาว เม่ือขอเท็จจริงไมปรากฏวาผูฟองคดีมีสวนรวมในการทุจริต
หรือไดรับประโยชนจากการกระทําดังกลาวของนาง ส. อีกทั้งนาง ส. ไดเขียนขอความเพ่ิมเติม
ลงในเช็คภายหลังจากท่ีผูฟองคดีลงนามในเช็คนั้นแลว ดวยวิธีการอันแยบยล อยางไรก็ตาม
การท่ีผูฟองคดีลงลายมือชื่อในเช็คโดยเห็นอยูแลววาเช็คน้ันไมไดมีการขีดเสนตรงหลังช่ือ
“อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ” อันเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๗๐ ของ
ระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน
และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ ผูฟองคดีจึงตองมีสวนในความรับผิด
ดังกลาวดวย และผูถูกฟองคดีไดมีคําส่ังเรียกใหนาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี
รักษาราชการแทนหัวหนาสวนการคลัง ซึ่งเปนผูทุจริตรับผิดเต็มจํานวนความเสียหาย และ
ใหนาย ช. นายกองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ในกรณีเดียวกันดวย เม่ือคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทํา และความเปนธรรม
แหงกรณตี ามท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๘ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว จึงเห็นวา ผูฟองคดีสมควรรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐
ของความเสียหายจํานวน ๑,๔๕๓,๐๔๘.๐๓ บาท คิดเปนเงิน ๒๙๐,๖๐๙.๖๐ บาท ดังนั้น
คําส่ังของผูถูกฟองคดีลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๒๙๐,๖๐๙.๖๐ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย ที่ศาลปกครองชั้นตน
พิพากษายกฟอง นัน้ ศาลปกครองสงู สุดไมเ ห็นพองดว ย
พิพากษากลับ เปนใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีตามคําสั่งลงวันท่ี ๑๗
พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๒๙๐,๖๐๙.๖๐ บาท โดยใหมีผลนบั แตว ันทม่ี ีคําสัง่ ดงั กลาว
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๐๒
ฟอ งขอใหร้อื ถอนศาลากองทนุ พัฒนาหมูบานท่ปี ด กั้นทางเขา ออกและรุกล้ําท่ดี นิ ราษฎร
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๑๓๐/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของท่ีดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๕๓๒
ตําบลลาดพัฒนา อําเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ไดรับความเดือดรอนจากการที่
ผูถูกฟองคดีที่ ๓ (ผูใหญบาน หมูท่ี ๑๐ ตําบลลาดพัฒนา อําเภอเมืองมหาสารคาม) และ
คณะกรรมการหมูบานไดกอสรางศาลากองทุนพัฒนาบานมวงปดก้ันทางเขาออกสูทางสาธารณะ
ของผฟู อ งคดี ภายหลงั จากนัน้ ผวู า ราชการจังหวัดมหาสารคามมีหนังสือลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔
แจงผูถูกฟองคดีที่ ๒ (องคการบริหารสวนตําบลลาดพัฒนา) ถึงองคการบริหารสวนตําบล
เพื่อทราบและถือปฏิบัติ สรุปไดวา ที่ดินราชพัสดุบริเวณพนังกั้นนํ้าชลประทานเปนทรัพยสิน
ของทางราชการ ใชประโยชนในกจิ การของกรมชลประทาน หากจะกอสรา งศาลาประชาคม (SML)
ในเขตพนังกั้นนํ้าชลประทาน รัศมีจากศูนยกลางถึงแนวเขตกัน L ๑๓.๐๐ เมตร R ๑๒.๐๐ เมตร
จะตองไดรับอนุญาตจากกรมชลประทานและกรมธนารักษเสียกอน กรณีท่ีกอสรางไปแลวและ
บดบังท่ีดินของราษฎรท่ีมีแนวเขตท่ีดินติดตอกันทําใหราษฎรเดือดรอนไมมีทางเขาออก
ใหร้ือถอนออกทันที) ผูฟองคดีเห็นวาผูถูกฟองคดีทั้งสาม (นายอําเภอเมืองมหาสารคาม ท่ี ๑)
ยังคงไมร้ือถอนอาคารซ่ึงปดก้ันทางเขาออกของผูฟองคดี และรุกล้ําที่ดินของผูฟองคดี จึงนําคดี
มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีทุกรายรวมกันรื้อถอนอาคารท่ีปดกั้น
ทางเขาออกและรกุ ลํา้ ที่ดนิ ของผูฟองคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือขอเท็จจริงในคดีนี้รับฟงไดวา ศาลาพิพาท
กอสรางในท่ีราชพัสดุซึ่งใชเปนพนังกั้นนํ้าชลประทาน ที่ราชพัสดุบริเวณดังกลาวจึงเปนทรัพยสิน
ซึง่ ใชเ พ่ือประโยชนข องแผนดินโดยเฉพาะ เปนสาธารณสมบัติของแผนดิน ตามมาตรา ๑๓๐๔ (๓)
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ไมใชทรัพยสินสําหรับพลเมืองใชรวมกันที่ผูฟองคดี
หรือประชาชนอ่ืนใดจะอางสิทธิเขาใชประโยชนได แมผูฟองคดีจะอางวาไดใชที่ราชพัสดุพิพาท
เปนทางเขาออกมาเปนเวลานานโดยไมมีผูใดคัดคาน ก็ไมอาจยกอายุความขึ้นเปนขอตอสูกับ
แผน ดินได ตามมาตรา ๑๓๐๖ แหง ประมวลกฎหมายเดยี วกัน ผูฟองคดจี งึ ไมมสี ทิ ธิใชพ้นื ท่ีดังกลาว
เปนทางเขาออกที่ดินของตน อีกท้ัง ขอเท็จจริงเปนที่ยุติในศาลปกครองชั้นตนแลววา
ศาลากองทุนพัฒนาบานมวงไมไดรุกลํ้าที่ดินของผูฟองคดี ประกอบกับเมื่อพิจารณาโฉนดที่ดิน
เลขท่ี ๒๗๕๔๓ ซึ่งเปน ทีต่ ง้ั บา นของผฟู อ งคดีแลวพบวา ทิศตะวนั ตกสว นหนึง่ จดทางสาธารณประโยชน
การที่ผูถูกฟองคดีกอสรางศาลาพิพาทในที่ราชพัสดุบริเวณทิศเหนือของโฉนดที่ดินดังกลาว
จึงมิไดปดก้ันทางเขาออกสูทางสาธารณะของผูฟองคดี ดังนั้น การกอสรางศาลาพิพาทไมวา
จะไดรับอนุญาตจากกรมธนารักษหรือไม ยอมไมกอใหเกิดความเสียหายและไมเปนละเมิดตอ
ผฟู องคดตี ามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว
สวนท่ีผูฟองคดีอุทธรณวา ผูวาราชการจังหวัดมหาสารคามมีหนังสือลงวันท่ี
๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ใหร้ือถอนศาลาพิพาท นั้น เห็นวา ผูวาราชการจังหวัดมหาสารคาม
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๐๓
มีหนังสือถึงองคการบริหารสวนตําบลเพ่ือทราบและถือปฏิบัติ สรุปไดวา ท่ีดินราชพัสดุบริเวณ
พนังก้ันนํ้าชลประทานเปนทรัพยสินของทางราชการ หากจะกอสรางศาลาประชาคมในเขตพนังก้ันนํ้า
ชลประทาน รัศมีจากศูนยกลางถึงแนวเขตกัน L ๑๓.๐๐ เมตร R ๑๒.๐๐ เมตร จะตองไดรับ
อนญุ าตจากกรมชลประทานและกรมธนารกั ษเ สยี กอน เหน็ ไดว า หนงั สือฉบับนี้เปนเพียงการชี้แจง
และแจงเวียนแนวปฏิบัติภายในฝายปกครองเกี่ยวกับที่ราชพัสดุในทองที่จังหวัดมหาสารคามเทาน้ัน
ไมใชการใชอํานาจตามกฎหมายของเจาหนาท่ีที่มีผลเปนการสรางนิติสัมพันธข้ึนระหวางบุคคล
ในอันท่ีจะกอ เปล่ียนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาท่ี
ของบุคคลหนังสือดังกลาวจึงไมใชคําส่ังทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งส่ังใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตองรื้อถอนศาลากองทุนพัฒนาบานมวง
แตอยางใด ทีศ่ าลปกครองช้ันตนพพิ ากษายกฟอง นั้น ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดวย
พิพากษายืน
ฟองขอใหเทศบาลระงับการขดุ ขยายลําหวยและหยุดตัดตนไมของราษฎร
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๓๓/๒๕๖๓
ผูฟองคดีท้ังสี่ฟองวา เมื่อป พ.ศ. ๒๕๔๑ ผูฟองคดีทั้งสี่ไดยินยอมใหกรมชลประทาน
ขุดลําหวยโคกกรวดโดยท่ีมิไดรับการช้ีแจงถึงแผนงานและรายละเอียดของโครงการ และไดมีการนําดิน
จากการขดุ ลาํ หวยมาถมในทดี่ ินไมมเี อกสารสทิ ธิท่ีผูฟองคดที ี่ ๑ เปนผูครอบครองและทําประโยชน
และนําดินมาถมในท่ีดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ของผูฟองคดีท่ี ๒ ท่ีมีผูฟองคดีที่ ๓
และที่ ๔ เขาทําประโยชนอยู โดยดินที่นํามาถมนั้นไดทําเปนคันดินมีความกวางประมาณ ๓ เมตร
และทาํ เปน ถนนมีความกวา งประมาณ ๖ เมตร ถึง ๗ เมตร รวมเปนความกวางประมาณ ๑๐ เมตร
ทําใหผูฟองคดีที่ ๑ ตองเสียเนื้อท่ีดินของตนประมาณ ๒ ไรเศษ และผูฟองคดีที่ ๒ ตองเสียเน้ือที่ดิน
ของตนประมาณ ๓ ไร ทั้งท่ีผูฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ ไมเคยยินยอมหรือมีเจตนายกใหหรือสละ
ซ่ึงสิทธิในที่ดินสวนดังกลาว เม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๒ ผูฟองคดีท้ังสี่ไดปลูกตนยูคาลิปตัส
บนบริเวณคันดินริมลําหวย เพ่ือแสดงแนวเขตสิทธิในที่ดิน แตเมื่อป พ.ศ. ๒๕๕๐ ผูถูกฟองคดี
(เทศบาลตําบลเขวาสินรินทร (องคการบริหารสวนตําบลเขวาสินรินทร เดิม)) ไดมีโครงการจัดทํา
ระบบประปาหมูบานของบานนาโพธ์ิ หมูที่ ๑๑ ทั้งที่ยังไมมีแหลงน้ําและบริเวณที่ตั้งของระบบ
ประปาหมูบานก็อยูใกลกับลําหวยโคกกรวด ผูฟองคดีทั้งส่ีจึงมีหนังสือลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๐
ถึงผถู กู ฟอ งคดี และไดม หี นังสือลงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๑ ถึงนายอําเภอเขวาสินรินทร คัดคาน
การกอสรางระบบประปาหมูบานและการขุดขยายลําหวย เน่ืองจากจะกอใหเกิดความเดือดรอน
หรือเสียหายแกผูฟองคดีทั้งสี่ ซึ่งมีที่ดินอยูติดกับลําหวยโคกกรวด แตนายอําเภอเขวาสินรินทร
ไดมหี นงั สือลงวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑ แจงผูฟองคดีที่ ๓ วาลําหวยโคกกรวดมีสภาพเดิมเปน
ทางเกวียนที่ประชาชนใชป ระโยชนใ นการสัญจรรวมกัน โดยเม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๑ ไดมีการขุดเปนลําหวย
เพอ่ื กกั เก็บนาํ้ ใหป ระชาชนไดใชป ระโยชนม าจนถงึ ปจ จบุ ัน ซึง่ ทด่ี ินบริเวณดังกลาวไดมีการนํารังวัด
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๐๔
เพือ่ ออกหนงั สอื สําคญั สาํ หรบั ทหี่ ลวง (น.ส.ล.) แตผฟู องคดีที่ ๑ และท่ี ๒ คัดคาน ปจจุบันยังดําเนินการ
พิสูจนสิทธิในที่ดินไมแลวเสร็จ ตอมาเม่ือวันท่ี ๑๘ เมษายน ๒๕๕๓ ผูถูกฟองคดีไดดําเนินการ
ขุดขยายลําหวยโคกกรวดออกไปเกือบ ๓ เมตร และมีความยาวเกือบ ๘๐๐ เมตร เพื่อจัดทําโครงการ
ระบบประปาหมูบานของบานนาโพธิ์ โดยมีการตัดทําลายตนยูคาลิปตัสของผูฟองคดีที่ ๑ ที่ไดปลูกบนคันดิน
ริมลําหวยจํานวน ๘๐ ตน ถึง ๙๐ ตน ทําใหผูฟองคดีท้ังสี่ไดรับความเดือดรอนเสียหาย เนื่องจาก
การขุดขยายเขตลําหวยโคกกรวดอาจกอใหเกิดการพังทลายของหนาดิน และไมเปนตามความประสงคเดิม
ของเจาของท่ีดินท่ียินยอมใหขุดลําหวยเพ่ือการเกษตร ผูฟองคดีท้ังส่ีจึงยื่นฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีระงับการขุดขยายลําหวยโคกกรวดและหยุดตัดฟนตนยูคาลิปตัสของ
ผูฟองคดีท่ี ๒ ถึงท่ี ๔ ท่ีปลูกบนคันดินในท่ีดินของผูฟองคดีท่ี ๒ ใหผูถูกฟองคดีปรับคันดินในที่ดิน
ของผฟู อ งคดที ี่ ๑ และที่ ๒ ริมลําหว ยโคกกรวดใหเ ปนเหมอื นเดิม และใหผูถูกฟองคดีนําตนยูคาลิปตัส
จํานวนสองในสามของจํานวนตนยูคาลิปตัสของผูฟองคดีท่ี ๑ ที่ถูกตัดฟน มาปลูกคืนแกผูฟองคดีที่ ๑
เห็นวา เมอื่ ขอเท็จจริงปรากฏวา ราษฏรที่เปนเจาของหรือผูครอบครองท่ีดินบริเวณท่ีตองดําเนินการ
ขุดลําหวยโคกกรวด รวมทั้งผูฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ ไดแสดงเจตนาอุทิศที่ดินของตนใหกรมชลประทาน
ขุดเปนลําหว ยเพอื่ ใหป ระชาชนใชน้ํารวมกันเพื่อทําประโยชนในการเกษตร โดยไดมีการขุดลําหวย
ยาว ๘๗๔ เมตร ลึกเฉลี่ย ๑.๕ เมตร และหมูบานไดทําหนังสือขอพันธุกลาไมยูคาลิปตัสจากกรมปาไม
มาปลูกเนอ่ื งในโอกาสวันแมแหง ชาติ และไดขอความรวมมอื จากชาวบานและเด็กนักเรียนโรงเรียน
บานนาโพธิ์มาชวยกันปลูกตนยูคาลิปตัสตามคันดินท้ังสองฝงคลอง และตัดไปขายเพื่อนําเงิน
มาพฒั นาหมบู า นและโรงเรยี น ปรากฏตามถอยคาํ พยานบุคคลที่เกี่ยวของและอยูในบริเวณท่ีดินพิพาท
ที่ใหการตอพนักงานสอบสวนตามรายงานการสอบสวนคดีอาญาท่ี ๒๘/๒๕๕๓ สอดคลองกับคําช้ีแจง
ของผถู ูกฟองคดี ลงวนั ท่ี ๒๑ เมษายน ๒๕๕๓ ถึงผูกํากบั การสถานีตํารวจภูธรเขวาสินรินทร ชี้แจง
การขุดลอกคลองหรือลําหวยปาโคกกรวด และคําใหการของผูถูกฟองคดี รวมท้ังปรากฏตามเอกสาร
ภาพถายทายคําใหการ จึงรับฟงไดวา ผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๒ อุทิศท่ีดินใหเปนคลองชลประทาน
ซึ่งรวมถงึ คันคลองและทางขา งคนั คลองต้งั แตป พ.ศ. ๒๕๔๑ ดงั นนั้ บรเิ วณลาํ หวยโคกกรวดและคันดิน
ตลอดจนทางขางคนั ดนิ จงึ เปน สาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกันตามมาตรา ๑๓๐๔ (๒)
แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ตอมา คลองชลประทานมีสภาพตืน้ เขนิ นํา้ ในคลองมปี ริมาณลด
นอยลง เกิดปญหาขาดแคลนน้ําเพ่ือการอุปโภค บริโภค และนํ้าเพื่อการเกษตร ประชาชนบานนาโพธ์ิ
ไดรบั ความเสยี หายเปน จํานวนมาก ผูถูกฟองคดีจึงไดจัดประชุมประชาคมในบานนาโพธ์ิ เพ่ือสอบถาม
ความคิดเห็นของราษฎรเก่ียวกับการลอกลําหวยโคกกรวดซึ่งราษฎรเห็นชอบและยินยอม
ใหขุดลอกลาํ หวยโคกกรวด ผูถูกฟองคดีจึงไดมีประกาศสอบราคาจางตามโครงการขุดลอกลําหวย
โคกกรวด บานนาโพธิ์ ลงวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๓ โดยการขุดลําหวยโคกกรวดจากสภาพเดิม
ขนาดกวางเฉลี่ย ๑๒ เมตร ยาว ๘๗๔ เมตร ลึกเฉลี่ย ๑.๕ เมตร ขุดลอกขยายใหมใหไดขนาดกวาง
เฉลี่ย ๑๖ เมตร ยาว ๘๗๔ เมตร ลึกจากสภาพเดิมเปน ๒ เมตร โดยนําดินท่ีไดจากการขุดลอก
เปนคาจางเอกชนตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหลงน้ํา
สาธารณประโยชนท่ีต้ืนเขิน พ.ศ.๒๕๔๗ เมื่อพิจารณาเขตคลองชลประทานที่ผูถูกฟองคดี
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๐๕
ดําเนินการวาจางหางหุนสวนจํากัด พ. ขุดลอกขยายลําหวยโคกกรวด ใหมีความกวางเฉลี่ย ๑๖ เมตร
จากเดมิ ท่ีมขี นาดความกวา ง ๑๒ เมตร โดยเพ่ิมขึ้นอีกขางละ ๒ เมตร ยาว ๘๗๔ เมตร ลึกจากสภาพเดิม
เปน ๒ เมตร ซึง่ เขตคลองทีข่ ยาย ๒ เมตร ดานที่ติดกบั ท่ดี นิ ของผฟู อ งคดีที่ ๑ และท่ี ๒ ยังอยใู นบริเวณ
เขตคันคลองท่ีมีการปลูกตนยูคาลิปตัส ซ่ึงมีระยะกวาง ๓ เมตร รวมทั้งมีการปรับแตงผิวใหเรียบรอย
ปรากฏตามภาพถายเอกสารทายคําใหการ จึงไมไดรุกล้ําท่ีนาของผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๒ เม่ือตนยูคาลิปตัส
และตนสะเดาปลูกบนที่ดินคันคลองซึ่งเปนที่สาธารณะ ดังนั้น จึงเปนสวนควบของท่ีดินสาธารณประโยชน
การทผี่ ถู ูกฟอ งคดดี ําเนินการใหมกี ารขดุ ลอกขยายลําหวยโคกกรวด โดยตองมีการตัดฟนตนยูคาลิปตัส
ท่ีปลูกบนคันดินริมลําหวย เปนการดําเนินการขุดลอกในแนวเขตลําหวยโคกกรวดและตัดฟน
ตนยูคาลิปตัสที่ปลูกบนคันดินริมลําหวยอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน
ไมไดรุกลํ้าเขาไปในที่ดินซึ่งเปนสิทธิครอบครองของผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๒ และตัดฟนตนยูคาลิปตัส
ของผูฟองคดีท่ี ๑ ตามท่ีอางแตอยางใด อีกทั้ง เมื่อพิจารณาวัตถุประสงคของโครงการขุดลอก
ลาํ หว ยโคกกรวดแลว เห็นวา การขุดลอกลําหวยโคกกรวด (คลองชลประทาน) มีวัตถุประสงคเก็บกักน้ํา
ไวใชเพือ่ การอปุ โภค บรโิ ภค และทาํ การเกษตร ซึ่งรวมถงึ เพ่ือเปนแหลงน้ําดิบสําหรับระบบประปา
ภายในหมูบานตามความตองการของประชาชนบานนาโพธิ์ อันเปนการจัดทําบริการสาธารณะ
ในการบํารุงรักษาทางน้ํา จัดใหมีนํ้าเพื่อการอุปโภค บริโภค การเกษตร และการสาธารณูปโภค
จึงเปนไปตามวัตถุประสงคของการยกใหที่ดินของผูฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ และเปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดี
ใชอาํ นาจตามมาตรา ๖๗ (๑) และมาตรา ๖๘ (๑) แหง พ.ร.บ. สภาตาํ บลและองคการบริหารสวนตําบล
พ.ศ. ๒๕๓๗ และมาตรา ๑๖ (๒) และ (๔) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและข้ันตอนการกระจายอํานาจ
ใหแกองคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับขอ ๕ วรรคหนึ่ง และขอ ๑๐
ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหลงน้ําสาธารณประโยชนท่ีตื้นเขิน
พ.ศ. ๒๕๔๗ และขอ ๒๒ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการบริหารกิจการและการบํารุงรักษา
ระบบประปาหมูบาน พ.ศ. ๒๕๔๘ และมิไดกอใหเกิดความเสียหายแกผูฟองคดีท้ังส่ีแตอยางใด
ผูถกู ฟอ งคดจี ึงมไิ ดก ระทาํ ละเมดิ ตอผูฟองคดที ง้ั ส่ตี ามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
อันจะตองรบั ผดิ แกไ ขความเดือดรอนเสียหายใหแกผูฟองคดีทั้งส่ีตามคําขอทายฟอง ท่ีศาลปกครองช้ันตน
พิพากษายกฟอง น้ัน ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพองดว ย
พพิ ากษายนื
ฟองขอใหเทศบาลขดุ ทอ ท่รี กุ ล้ําออกและทําใหที่ดนิ กลับคืนสูส ภาพเดิม
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๑๔๐/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของท่ีดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๓๖๑๐
ตัง้ อยหู มูท่ี ๗ ตาํ บลฉวาง อําเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยทางดานทิศตะวันตกของที่ดิน
ติดกับคลองชาง ตอมา ผูใหญบานในขณะนั้นรวมกับชาวบานไดทําถนนและสะพานขามคลอง
เพราะในชว งนํา้ หลาก น้าํ จะไหลจากทิศเหนอื ลงไปทางทิศใต และในชว งนํ้าลด นา้ํ จะไหลยอนกลับ
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๐๖
จากทศิ ใตไ ปยังทศิ เหนือ โดยบางป นา้ํ มปี ริมาณนอยทําใหชาวบานขาดนํ้าในการทํานา จึงไดมีการ
กอสรางสะพานและฝายก้ันนํ้าดังกลาวโดยในสวนหูชางของคอสะพานรุกล้ําที่ดินของ
ผูฟองคดีบางสวนประมาณ ๑ ถึง ๒ เมตร ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (เทศบาลตําบลปากน้ําฉวาง
(องคการบริหารสวนตําบลฉวาง เดิม)) ไดวางทอคอนกรีตจํานวน ๒ ทอ โดยไดขุดต่ํากวาระดับ
และตํ่ากวาพนังกั้นน้ําท่ีผูฟองคดีไดทําไวเดิม รวมท้ังไดนําดินท่ีขุดดังกลาวไปถมไวบริเวณที่ดิน
ของผูฟองคดี และทับถมโคนตนยางพารา ซึ่งเกือบทําใหตนยางพาราของผูฟองคดีตาย อีกทั้ง
ทําใหพนังก้ันน้ําบางสวนและทานํ้าซึ่งเปนที่น่ังบริเวณพนังกั้นนํ้าถูกทําลายเสียหาย และย่ิงไปกวาน้ัน
เม่ือเกิดน้ําทวมหรือชวงฤดูนํ้าหลากนํ้าก็จะไหลออกจากทอระบายนํ้าดังกลาวดวยความแรง
และเชี่ยวมากกวา เดมิ ทาํ ใหน าํ้ กัดเซาะทดี่ นิ และพนังกั้นนาํ้ ดา นลา งของผูฟองคดี ผูฟอ งคดีไดขอให
ผูถ ูกฟองคดีที่ ๑ (นายกเทศมนตรีตําบลปากน้ําฉวาง (นายกองคการบริหารสวนตําบลฉวาง เดิม))
เอาทอคอนกรตี ที่ฝง ไวใ หมออก แลวนําไปฝงไวทางดานทิศตะวันตกของคอสะพาน เน่ืองจากที่ดิน
ตรงบริเวณดังกลาวตรงกับแนวลําคลองมากกวาเพราะเปนแนวลําคลองเดิม และที่ดินบริเวณ
ดงั กลา วเปน ทดี่ ินวางเปลาซ่งึ เปน ทีด่ ินสาธารณะ ผูฟองคดีไดจัดทําหนังสือลงวันท่ี ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔
รองเรียนถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และไดติดตามทวงถามการแกไขปญหาความเดือดรอนของผูฟองคดี
ตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มาโดยตลอด แตผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ก็บายเบ่ียงตลอดมา ผูฟองคดีเห็นวา
การกระทําของผูถูกฟองคดีทั้งสองดังกลาวเปนการกระทําท่ีไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟอง
ตอศาลขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังสองดําเนินการขุดทอคอนกรีตที่ฝงอยู
หนาแปลงที่ดินของผูฟองคดีออกไป โดยผูถูกฟองคดีท้ังสองเปนผูออกคาใชจายเองทั้งหมด และ
ใหผูถูกฟอ งคดีทั้งสองดาํ เนินการจดั ทาํ ทา น้ํา พนังก้ันน้ํา และท่ีดินของผูฟองคดีใหกลับคืนสูสภาพเดิม
เห็นวา การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ วางทอระบายนํ้าจํานวน ๒ ทอ บริเวณคอสะพานซ่ึงอยูติดกับที่ดิน
ของผูฟองคดีในระดับท่ีต่ํากวาระดับของฝายนํ้าลนจึงทําใหนํ้าไหลไปทางทอระบายนํ้าดังกลาว
โดยไมไหลผานฝายนํ้าลน น้ําจึงพุงไปทางท่ีดินของผูฟองคดีเพื่อไหลลงทอระบายน้ํา ซึ่งสงผลให
เกิดการกัดเซาะที่ดินและพนังกั้นน้ําของผูฟองคดีเสียหาย และเมื่อพิจารณาแนวลําคลองชาง
สาธารณประโยชนแลวจะเห็นไดวา บริเวณคอสะพานดานทิศตะวันตกซึ่งเปนทางสาธารณประโยชน
และเปนแนวตรงกับแนวลําคลองชาง มีพ้ืนท่ีเพียงพอท่ีจะกอสรางทอระบายนํ้าได หากกอสราง
ทอระบายนํ้าบริเวณดังกลาวนํ้าจะไหลพุงตรงไปตามแนวลําคลองชางและสามารถระบายน้ํา
ไดมีประสิทธิภาพดีกวาการกอสรางบริเวณคอสะพานหนาท่ีดินของผูฟองคดีซึ่งอยูเยื้องไปทางทิศ
ตะวันออกของแนวลําคลองชาง และจะไมทําใหที่ดินและพนังกั้นน้ําของผูฟองคดีไดรับความเสียหาย
การกระทําดังกลาวของผูถูกฟองคดีที่ ๒ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ แมจะเปนการจัดทําบริการสาธารณะ
ตามอํานาจหนาท่ีท่ีกฎหมายกําหนดไวเพ่ือประโยชนของประชาชนในทองถ่ิน แตกอใหเกิดภาระ
เกินสมควรตอผูฟองคดี การกระทําดังกลาวกอใหเกิดความเดือดรอนและเสียหายตอผูฟองคดี
จึงเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ซึ่งแมตอมาภายหลังจากที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาลปกครองช้ันตน ผูถูกฟองคดีที่ ๒
โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ จะไดทุบแผงก้ันของฝายกั้นนํ้าลนออก ทําใหนํ้าสามารถไหลผานฝายก้ันนํ้าลน
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๐๗
ไดส ะดวกข้ึนกต็ าม แตเ ม่ือน้ําสวนหน่ึงยังคงไหลผานทอระบายนํ้าทั้งสองทอที่อยูในระดับท่ีตํ่ากวา
แผงกั้นฝายนํ้าลน และแมความแรงของน้ําอาจจะลดลง แตน้ําก็ยังคงไหลพุงเขาหาที่ดินของผูฟองคดี
อยูเชนเดิม การทุบแผงฝายกั้นนํ้าลนจึงยังมิใชการแกไขปญหาความเดือดรอนหรือความเสียหาย
ของผูฟองคดีใหหมดสิ้นไป ผูถูกฟองคดีที่ ๒ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงยังคงมีหนาท่ีตองดําเนินการ
เพอ่ื ใหความเดอื ดรอนหรือเสียหายของผูฟ อ งคดีดังกลาวหมดส้ินไป เม่ือผูถูกฟองคดีท้ังสองกระทํา
การกอใหเกิดความเดือดรอนหรือเสียหายแกผูฟองคดีอันเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซ่ึงเปนหนวยงานของรัฐ จึงตองรับผิดตอผูฟองคดีในผลแหงละเมิดท่ีเจาหนาที่
ของตนไดกระทําในการปฏบิ ตั หิ นาท่ี ตามมาตรา ๕ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อความเสียหายดังกลาวของผูฟองคดีเปนผลโดยตรงจากการกระทําละเมิด
ของผูถูกฟองคดีท้ังสอง จึงเห็นควรใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งเปนหนวยงานของรัฐ แกไขความเดือดรอน
เสียหายดังกลาว โดยการร้ือถอนทอระบายน้ําคอนกรีตจํานวน ๒ ทอ ออกจากบริเวณคอสะพานหนาที่ดิน
ของผูฟองคดีหรือดําเนินการโดยวิธีอื่นใดที่ทําใหน้ําไมไหลพุงไปสูท่ีดินของผูฟองคดีจนทําใหท่ีดิน
ของผูฟองคดีเสียหาย และดําเนินการปรับปรุงท่ีดินของผูฟองคดีท่ีเสียหายใหกลับคืนสูสภาพเดิม
การที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรื้อถอนทอระบายนํ้าคอนกรีตจํานวน ๒ ทอ
ออกจากบริเวณคอสะพานหนาที่ดินของผูฟองคดี และดําเนินการจัดทําทานํ้า พนังกั้นน้ํา และ
ท่ีดินของผูฟองคดีที่เสียหายใหกลับคืนสูสภาพเดิม โดยใหดําเนินการใหแลวเสร็จภายใน ๙๐ วัน
นับแตวนั ที่คดีถึงท่ีสุด สวนคาํ ขออนื่ นอกจากนี้ใหยก นน้ั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวยบางสว น
พิพากษาแก เปนใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ร้ือถอนทอระบายนํ้า
คอนกรีตจํานวน ๒ ทอ ออกจากบริเวณคอสะพานหนาท่ีดินของผูฟองคดีหรือวางทอระบายนํ้า
บริเวณคอสะพานดา นทศิ ตะวันตกท่เี ปนทางสาธารณประโยชนหรือดําเนินการโดยวิธีอื่นใดที่ทําให
น้ําไมไหลพุงไปสูที่ดินของผูฟองคดีจนทําใหท่ีดินของผูฟองคดีเสียหาย และดําเนินการปรับปรุง
ที่ดินของผูฟองคดีที่เสียหายใหกลับคืนสูสภาพเดิม นอกจากท่ีแกใหเปนไปตามคําพิพากษาของ
ศาลปกครองชน้ั ตน
ฟองไลเบ้ียใหทายาทของเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีออกหนังสือ
รบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) โดยไมช อบ
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๕๓/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเงื่อนไขการฟอ งคดี หนา ๑๘๐
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีฟองเรียกคืนเงินกูของกรมสงเสริม
สหกรณเมือ่ พน กําหนดระยะเวลาการฟอ งคดี
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๑๖๔/๒๕๖๓
ผฟู อ งคดฟี องวา ผฟู องคดีไดร ับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(อธิบดีกรมสงเสริมสหกรณ) มีคําสั่งใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนอันเน่ืองมาจากเมื่อคร้ัง
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๐๘
ผูฟองคดีดํารงตําแหนงสหกรณอําเภอสังขะ คณะรัฐมนตรีไดมีมติเห็นชอบโครงการจัดหาปุยเคมี
เพื่อชวยเหลือเกษตรกร ป ๒๕๔๓ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณไดมอบหมายใหกรมสงเสริม
สหกรณเปนผูรับผิดชอบในการดําเนินการจัดหาปุยเคมีตามความตองการของสมาชิกสหกรณ
และเปนผูรับผิดชอบคัดเลือกสหกรณที่กูยืมเงินตามวัตถุประสงค ตลอดจนติดตามหนี้เพ่ือชําระ
คืนกองทุน แตปรากฏวาสหกรณ ช. ซ่ึงกูยืมเงินตามโครงการดังกลาวไมสามารถคืนเงินกูที่กูยืม
ตามสัญญาได กรมสงเสริมสหกรณจึงย่ืนฟองสหกรณดังกลาวตอศาลจังหวัดสุรินทร คดีโอนมายัง
ศาลปกครองชั้นตน (ศาลปกครองนครราชสีมา) โดยศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟอง
ไวพิจารณาเนื่องจากพนระยะเวลาในการฟองคดีแลว และศาลปกครองสูงสุดมีคําส่ังที่ ๘๖๘/๒๕๔๙
ยืนตามคาํ ส่ังของศาลปกครองช้ันตน กรมสงเสริมสหกรณจึงแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผดิ ทางละเมิดกรณีดังกลาว โดยคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ ไดสอบสวนและรายงาน
ความเห็นใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ทราบ ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๑ พิจารณาแลวเห็นวา ความเสียหาย
เกิดจากการท่ีเจาหนาท่ีมิไดปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ แตมิไดเกิดจากความจงใจ
หรือประมาทเลินเลออยางรายแรงจึงไมมีเจาหนาท่ีผูใดตองรับผิดชดใชคาเสียหาย และรายงาน
ใหกระทรวงการคลังตรวจสอบ ซ่ึงกรมบัญชีกลางโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๙ มกราคม ๒๕๕๓ แจงใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ดําเนินการเรียกใหผูฟองคดี
กับพวกรวมกันรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีหนังสือลงวันที่ ๒๑ มกราคม
๒๕๕๓ แจงใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาเสียหายจากการที่กรมสงเสริมสหกรณไมอาจบังคับสหกรณ
ช. ใหชาํ ระหนเี้ งินกูไ ดเ พราะยื่นฟองคดีเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี ผูฟองคดีไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๓ อุทธรณคําส่ังดังกลาว แตผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ปลัดกรทรวงเกษตร
และสหกรณ) มีคาํ ส่ังใหย กอทุ ธรณ และมีหนังสือลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ แจงใหผูฟองคดีทราบ
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามหนังสือลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ และเพิกถอนคําสั่งยกอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตามหนังสือลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ เห็นวา หลังจากท่ีสหกรณ ช. ไมชําระหนี้เงินกูภายหลัง
ส้ินสุดสัญญากู ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๓ เม่ือวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๔ สหกรณจังหวัด
สุรินทรไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒ สิงหาคม ๒๕๔๔ ทวงถามสหกรณ ช. ใหชําระหน้ีเงินกูท่ีคางชําระ
พรอ มดอกเบย้ี แตโ ดยทก่ี รมสง เสริมสหกรณไมเ คยมีหนงั สือแจงตอสหกรณจังหวัดสุรินทรใหทราบ
วาไดม ีการบังคบั ใช พ.ร.บ. จดั ตั้งศาลปกครองฯ และไดมีการเปดทําการศาลปกครองแลวเมื่อวันท่ี
๙ มีนาคม ๒๕๔๔ ซ่ึงคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองจะตองย่ืนฟองคดีตอศาลปกครอง
ภายในกําหนดหน่ึงปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี แมตอมากรมสงเสริมสหกรณ
จะไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๔ ถึงสหกรณจังหวัดสุรินทร กําชับใหสหกรณ
จังหวัดสุรินทรดําเนินการตรวจสอบยอดหน้ีสหกรณที่คางชําระเงินกูกอนการดําเนินคดีก็ตาม
แตหนังสือดังกลาวก็ยังไมไดมีการกลาวถึงเร่ืองการฟองคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง
ทต่ี อ งยืน่ ฟองคดีตอศาลปกครองภายในกาํ หนดหน่งึ ปน ับแตวนั ที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
จนกระทั่งตอมาสหกรณจังหวัดสุรินทรไดมีหนังสือลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๔๕ และลงวันท่ี
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๐๙
๒๖ เมษายน ๒๕๔๕ ถึงสหกรณ ช. แจงใหชําระหน้ี ซ่ึงเปนการมีหนังสือเตือนครั้งที่ ๒
หลังจากสิ้นสดุ สัญญาและยังอยูภายในระยะเวลาหนึ่งปนับแตวันสิ้นสุดสัญญา แตหลังจากน้ันไมมี
หลักฐานแนชัดวา สหกรณจงั หวดั สุรนิ ทรไ ดรายงานใหกรมสงเสริมสหกรณทราบหรือไมวาสหกรณ
ช. ไมชําระหน้ีเงินกูตามหนังสือเตือน มีเพียงแตหลักฐานวากรมสงเสริมสหกรณโดยกองสหกรณ
การเกษตรไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ แจงใหสหกรณจังหวัดสุรินทรจัดสงขอมูล
เพื่อประกอบการฟองดําเนินคดีกับสหกรณท่ีมีหนี้คางชําระ โดยกรมสงเสริมสหกรณไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ถึงพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรขอใหฟองคดีแพงเพื่อเรียกหน้ี
เงนิ กจู ากสหกรณด ังกลาว ซึง่ พนกั งานอัยการจังหวัดสุรินทรก็ไดยื่นฟองสหกรณ ช. ตอศาลจังหวัด
สุรินทร เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๘ เปนคดีแพง ในคดีหมายเลขดําที่ ๖๐๗/๒๕๔๘ ขอเท็จจริง
ดังกลาวแสดงใหเห็นวา แมแตกรมสงเสริมสหกรณเองก็มีความเขาใจวาคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญา
กูยืมเงินกองทุนรวมเพื่อชวยเหลือเกษตรกร โครงการจัดหาปุยเคมีเพื่อชวยเหลือเกษตรกร
ป ๒๕๔๓ ที่กรมสงเสริมสหกรณทําสัญญากับสหกรณลูกหนี้ท้ังสองเปนคดีแพงซึ่งอยูในอํานาจ
พิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมอันมีอายุความฟองคดี ๑๐ ป ตามมาตรา ๑๙๓/๓๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ซึ่งศาลจังหวัดสุรินทรไดมีคําสั่งรับคําฟองไวพิจารณา
แตภายหลังศาลจังหวัดสุรินทรและศาลปกครองนครราชสีมาไดมีความเห็นวา คดีท้ังสอง
เปนคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครองซึ่งอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
และหลังจากน้ันเมื่อมีการโอนคดีท้ังสองมาพิจารณาที่ศาลปกครองชั้นตน (ศาลปกครองนครราชสีมา)
ศาลปกครองชั้นตนไดมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา โดยวินิจฉัยวาคดีทั้งสองฟองคดีเมื่อพน
ระยะเวลาการฟองคดี ตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ซ่ึงใชบังคับในขณะนั้น
และศาลปกครองสูงสุดไดมีคําสั่งยืนตามคําสั่งของศาลปกครองชั้นตน จากน้ัน กระทรวงการคลัง
จึงไดมีหนังสือลงวันท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ แจงเวียนหนวยงานตางๆ เกี่ยวกับระยะเวลา
การฟองคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง จึงเห็นไดวา การที่กรมสงเสริมสหกรณย่ืนฟองคดี
เพื่อเรียกใหสหกรณ ช. ชําระหนี้เงินกูท่ีคางชําระพรอมดอกเบี้ยเมื่อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ท่ีใชบังคับในขณะน้ัน เกิดจากความไมเขาใจ
ในมูลคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญากูยืมเงินกองทุนรวมเพื่อชวยเหลือเกษตรกร โครงการจัดหาปุยเคมี
เพ่ือชวยเหลือเกษตรกร ป ๒๕๔๓ ที่กรมสงเสริมสหกรณกับสหกรณ ช. วาเปนคดีพิพาทเก่ียวกับ
สัญญาทางปกครอง เน่ืองจากมีการบังคับใช พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ และเปดทําการ
ศาลปกครองไดไมนาน การที่กรมสงเสริมสหกรณไมอาจฟองคดีไดทันภายในกําหนดระยะเวลา
การฟองคดีดังกลาวจึงไมไดเกิดจากการปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลอของเจาหนาท่ี
ของสหกรณจังหวัดสุรินทร หรือเจาหนาท่ีของกรมสงเสริมสหกรณที่อยูในพื้นที่จังหวัดสุรินทร
รวมถึงผูฟองคดี ซ่ึงมิไดมีอํานาจหนาที่ในการติดตาม ทวงถามหน้ีเงินกู หรือมีหนาท่ีในการ
ดําเนินคดีเพ่ือบังคับใหมีการชําระหน้ีเงินกูแตอยางใด ดังน้ัน เมื่อผูฟองคดีไมไดปฏิบัติหนาท่ี
โดยประมาทเลินเลอ จนทําใหกรมสงเสริมสหกรณฟองคดีเพื่อบังคับใหสหกรณ ช. ชําระหน้ีเงินกู
พรอมดอกเบี้ยไมทันภายในระยะเวลาของการฟองคดี ผูฟองคดีจึงไมไดทําละเมิดท่ีจะตองรับผิด
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๑๐
ชดใชคา สนิ ไหมทดแทนแกก รมสง เสรมิ สหกรณตามมาตรา ๑๐ ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แตอยางใด การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําสั่ง
ตามหนังสือลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมสหกรณ
จงึ ไมชอบดว ยกฎหมาย และเมอื่ คาํ สงั่ ดงั กลาวไมช อบดว ยกฎหมาย การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๒ วินิจฉัย
คําอุทธรณของผูฟองคดีแลวมีคําวินิจฉัยอุทธรณ ซ่ึงแจงตามหนังสือลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓
ใหยืนตามคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ยอมเปนคําส่ังท่ีไมชอบดวยกฎหมายดวยเชนกัน
ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามหนังสือลงวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ ทใ่ี หผูฟองคดีชดใชค า เสียหายแกก รมสงเสริมสหกรณ และคําวินิจฉัยอุทธรณ
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตามหนังสือลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดี
โดยใหมีผลยอนหลังไปถึงวันที่มีคําส่ังและคําวินิจฉัยอุทธรณดังกลาว นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพองดว ย
พิพากษายนื
ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีเบิกจายเงินตามโครงการเทศกาลกิน
ผักโดยไมช อบดว ยกฎหมาย
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๑๖๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีรับราชการตําแหนงเจาหนาท่ีการเงินและบัญชี สังกัด
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (เทศบาลเมืองพังงา) ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายเนื่องมาจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑
มีคําส่ังลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
กรณีสํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๑๓ ตรวจสอบงบการเงินสําหรับปส้ินสุดวันท่ี
๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ รายการเบิกจายเงินตามโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก
ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ มีการซื้อเสื้อโปโลสีขาว จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท
และโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ มีการซื้อเส้ือโปโลสีแดง จํานวน ๖๐๐ ตัว
เปนเงินจํานวน ๙๙,๕๑๐ บาท รวมเงินท้ัง ๒ รายการ จํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท โดยไมไดรับอนุมัติ
จากผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดพังงา) เปนการปฏิบัติไมถูกตองตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ลงวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ เปนเหตุใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหายเปนเงินทั้งสิ้น
๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท ผูฟองคดีในฐานะท่ีไดปฏิบัติหนาท่ีเปนเจาหนาท่ีการเงินและบัญชี แตไมได
ตรวจสอบวา กรณเี รอ่ื งนี้ เปน เรอ่ื งคาวัสดุเคร่ืองแตงกายและอยูนอกเหนือจากหลักเกณฑที่กระทรวงมหาดไทย
กาํ หนด พฤตกิ ารณถอื ไดว าเปน การปฏิบตั หิ นาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง จึงใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐ ของคาเสียหายจํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท
คิดเปนเงินจํานวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท ตามมาตรา ๑๐ ประกอบมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับ
ผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีอุทธรณคําส่ังดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ใหยกอุทธรณ หลังจากน้ัน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีคําส่ังลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ เรื่อง ชดใช
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๑๑
คาสินไหมทดแทนใหกับเทศบาลเมืองพังงา (เพ่ิมเติม) ใหบุคคลผูตองรับผิดทั้ง ๕ ราย ดําเนินการ
ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแ กผ ูถ ูกฟอ งคดที ี่ ๑ ตามสัดสว นท่ีกําหนดในคําสัง่ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําสั่งของผูถูกฟองคดีทั้งสอง จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เร่ือง ชดใชคาสินไหมทดแทนใหกับเทศบาลเมืองพังงา
และคาํ ส่งั ลงวนั ท่ี ๑๑ กนั ยายน ๒๕๕๕ เรื่อง ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหกับเทศบาลเมืองพังงา (เพิ่มเติม)
เห็นวา ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ไดกําหนดประเภทของวัสดุ
เครื่องแตงกายท่ีใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีเทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยาสามารถเบิกจายได
โดยไมต อ งขออนมุ ัตติ อผูวาราชการจังหวัดดงั รายการท่ีกําหนดไว หากเปนการเบิกจายคาวัสดุเครื่องแตงกาย
ที่ใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาที่นอกเหนือจากรายการท่ีกําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ดังกลาว เทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยาตองขออนุมัติตอผูวาราชการจังหวัดกอนดําเนินการ
เบิกจายได การท่ีนายกเทศมนตรีเมืองพังงาอนุมัติงบประมาณของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ หมวดคาตอบแทน
ใชสอยและวสั ดุ ประเภทรายจายเกี่ยวกบั การรบั รองและพิธกี าร เบกิ จายเปนคา จดั ซือ้ เส้ือประชาสัมพันธ
และเครอ่ื งแตงกายสําหรับรวมกิจกรรม (เส้ือโปโล) เพื่อแจกจายใหประชาชนสวมใสในการเขารวมงาน
เทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท
และเสื้อโปโลแขนส้ันสีแดง สําหรับผูเขารวมพิธีกรรมงานประเพณีไหวเตา ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑
จํานวน ๖๐๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๙,๕๑๐ บาท จึงไมใชเปนการเบิกจายคาวัสดุเครื่องแตงกาย
ท่ีใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีตามท่ีกําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันท่ี
๑๖ กมุ ภาพันธ ๒๕๓๖ และไมใชเ ปนการเบิกจายวัสดเุ ครอื่ งแตง กายท่ีใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ี
นอกเหนือจากท่ีกําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทย ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตองขออนุมัติตอ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ใหพิจารณาอนุมัติกอนดําเนินการเบิกจายได ดังนั้น การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑
ออกคําสั่งลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยใหเหตุผลวา ผูฟองคดีในฐานะท่ีไดปฏิบัติหนาท่ี
เปนเจาหนาที่การเงินและบัญชี ไมไดตรวจวากรณีเร่ืองนี้ เปนเรื่องคาวัสดุเคร่ืองแตงกายและอยู
นอกเหนือจากหลักเกณฑท ีก่ ระทรวงมหาดไทยกําหนด ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จะเบิกจายเงินเปนคาเสื้อ
ดงั กลา วได ตองไดรบั การอนุมตั ิจากผูถูกฟองคดีที่ ๒ กอ นดาํ เนนิ การ เปนการไมปฏิบัตติ ามหนังสือ
กระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ จึงเปนการใหเหตุผลในการออกคําสั่งพิพาท
ทไ่ี มถูกตองตามขอ เท็จจรงิ นอกจากน้ี เม่อื การจดั ซอื้ เส้อื ทั้งสองรายการดังกลาว เปนสวนหนึ่งของ
งบประมาณโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก ประจําป ๒๕๕๐ และตามโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา
ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเปนงานตามเทศกาลและประเพณีทองถ่ินของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จัดขึ้นเปนประจําทุกป โดยมีวัตถุประสงคเพื่ออนุรักษสืบสานเทศกาลกินผัก
และประเพณีไหวเตาซ่ึงเปนเทศกาลและประเพณีทองถ่ินของจังหวัดพังงาใหคงอยูสืบไป จึงเปน
ประเพณีทองถ่ิน และวัฒนธรรมอันดี ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีอํานาจหนาที่ในการบํารุงรักษา
ตามมาตรา ๒๘๙ วรรคหน่ึง ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ประกอบกับ
มาตรา ๕๐ (๘) มาตรา ๕๓ (๑) แหง พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ และมาตรา ๑๖ (๑๑) แหง พ.ร.บ.
กําหนดแผนและข้นั ตอนการกระจายอาํ นาจใหแกองคก รปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยรัฐ
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๑๒
จะตองใหค วามเปน อสิ ระแกผ ถู ูกฟอ งคดีท่ี ๑ ซ่ึงเปนองคกรปกครองสวนทองถ่ินตามหลักแหงการปกครอง
ตนเองตามเจตนารมณของประชาชนในทองถ่ิน เม่ือผูฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาท่ีการเงินและบัญชีอางวา
งบประมาณในการจัดซอื้ เส้อื ดงั กลาวคดิ เปน รอ ยละ ๐.๒๐ ของรายจายประจําปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑
โดยผูถกู ฟอ งคดีทงั้ สองไมไ ดโ ตแ ยง ขอเท็จจริงสวนนี้ ประกอบกับผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ใหเหตุผลตามท่ี
รายงานใหผ ูถูกฟอ งคดีที่ ๒ พิจารณาวินจิ ฉัยขอทกั ทวงของสาํ นักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๑๓
(จังหวัดสุราษฎรธานี) ตามหนังสือสํานักงานเทศบาลเมืองพังงา ลงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ วา
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดคํานึงถึงสถานะทางการคลังแลว มีรายไดเพียงพอสามารถดําเนินการได
และไมมีปญหาในการดําเนินการบริการสาธารณะดานอ่ืนๆ ดังนั้น การจัดซ้ือเส้ือดังกลาว
จึงไมขัดตอหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๑ และเมื่อไมปรากฏ
ขอเท็จจริงวามีการทุจริตในการจัดซื้อ กรณีจึงรับฟงไมไดวาผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหาย
จากการดําเนินโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ และโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา
ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังนั้น การท่ีผูฟองคดีในฐานะผูตรวจฎีกาไดเสนอความเห็นในฎีกาเบิกจายเงิน
และตอมา นายกเทศมนตรีเมืองพังงาผมู อี ํานาจอนุมตั ิฎกี าไดอ นุมัตใิ หเบิกจายเงนิ ตามฎกี าดังกลาว
เม่ือวันที่ ๒๗ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๑ จึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ออกคาํ สงั่ ลงวนั ท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐
ของคา เสยี หายจาํ นวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท คิดเปนเงนิ จํานวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท และออกคําสั่ง
ลงวนั ที่ ๑๑ กนั ยายน ๒๕๕๕ ใหผ ูฟอ งคดีดําเนินการชดใชค า สินไหมทดแทนใหแ กผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามสัดสวนที่กําหนดในคําสั่งลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จึงไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครองช้ันตน
พพิ ากษาใหเ พกิ ถอนคําส่งั ของผูถกู ฟอ งคดที ่ี ๑ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และลงวนั ท่ี ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕
ในสว นทใ่ี หผ ฟู องคดีชดใชค า เสียหายเปนเงินจาํ นวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปถึง
วนั ท่ีออกคาํ ส่งั ดงั กลาว น้นั ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพอ งดว ยในผล
พพิ ากษายนื
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๑๖๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีรับราชการตําแหนงนักบริหารงานเทศบาล ระดับ ๗
ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายเนื่องจากผูถูกฟองคดีที่ ๑ (เทศบาลเมืองพังงา) มีคําสั่งลงวันท่ี
๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหช ดใชค าสินไหมทดแทนกรณสี าํ นกั งานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๑๓
(จังหวัดสุราษฎรธานี) ตรวจสอบงบการเงินของผูถูกฟองคดีที่ ๑ รายการเบิกจายตามโครงการจัด
งานเทศกาลกนิ ผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ พบวามีการซื้อเส้ือโปโลสีขาว จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงิน
จํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท ตามฎีกาเบิกจายเงิน ลงวันท่ี ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ โดยไมไดรับอนุมัติ
จากผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดพังงา) จึงเปนการปฏิบัติไมถูกตองตามหนังสือ
กระทรวงมหาดไทย ที่ มท ๐๓๐๗/ว ๓๘๔ ลงวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ กรณีเปนการไมปฏิบัติ
ตามระเบียบของทางราชการเปนเหตุใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหายเปนเงินท้ังส้ิน
๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท ซงึ่ มีเจา หนาที่ท่ีเก่ียวของและตองรับผิดจํานวน ๓ ราย จึงใหผูฟองคดีในฐานะ
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๑๓
ที่ไดปฏิบัติหนาที่เปนปลัดเทศบาล และนายกเทศมนตรี รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรา
รอยละ ๔๐ ของคาเสียหายจํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๓๙,๔๘๓ บาท
โดยใหดําเนินการชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ภายในสามสิบวันนับแต
วันรับทราบคําสั่ง ผูฟองคดีรับทราบคําสั่งเม่ือวันท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จึงอุทธรณคําส่ังดังกลาว
ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีหนังสือแจงผลการพิจารณาอุทธรณวา ใหยกอุทธรณ หลังจากนั้น
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําส่ังลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีดําเนินการชดใชคาสินไหม
ทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามสัดสวนที่กําหนดในคําส่ังลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ผูฟองคดี
ไมเห็นดวยกับคําสั่งของผูถูกฟองคดีท้ังสอง เน่ืองจากการซ้ือเสื้อตามโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก
ประจาํ ป พ.ศ. ๒๕๕๐ มใิ ชวสั ดเุ ครือ่ งแตง กายในการปฏบิ ตั งิ านตามเจตนารมณของหนังสือลงวันท่ี
๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ จึงไมตองขออนุมัติผูถูกฟองคดีที่ ๒ การท่ีผูฟองคดีปฏิบัติหนาที่
เปนปลัดเทศบาลเมืองพังงา และนายกเทศมนตรีเมืองพังงา อนุมัติเบิกจายเงินตามฎีกาเบิกจายเงิน
ลงวันท่ี ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ จึงเปนการปฏิบัติหนาท่ีโดยชอบดวยกฎหมาย ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลพิพากษาหรือมีคําสั่งเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และคําสั่งลงวันที่
๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ เห็นวา กระทรวงมหาดไทยไดกําหนดประเภทของวัสดุเครื่องแตงกาย
ที่ใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีท่ีเทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยาสามารถเบิกจายได
โดยไมตองขออนุมัติตอผูวาราชการจังหวัดดังรายการท่ีกําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ที่ ๐๓๐๗/ว๓๘๔ ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ หากเปนการเบิกจายวัสดุเคร่ืองแตงกาย
ท่ี ใ ช ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ข อ ง เ จ า ห น า ที่ น อ ก เ ห นื อ จ า ก ร า ย ก า ร ท่ี กํ า ห น ด ไ ว ใ น ห นั ง สื อ
กระทรวงมหาดไทยดังกลาว เทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยาตองขออนุมัติตอผูวาราชการ
จังหวัดกอนดําเนินการเบิกจายได การที่นายกเทศมนตรีเมืองพังงาอนุมัติงบประมาณของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ หมวดคาตอบแทน ใชสอยและวัสดุ ประเภทรายจายเก่ียวกับการรับรองและพิธีการ
เบิกจายเปนคาจัดซื้อเส้ือประชาสัมพันธและเคร่ืองแตงกายสําหรับรวมกิจกรรม (เสื้อโปโล)
เพื่อแจกจายใหประชาชนสวมใสในการเขารวมงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงไมใช
เปนการเบิกจายคาวัสดุเคร่ืองแตงกายที่ใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาที่ตามที่กําหนดไว
ในหนังสือลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ และไมใชเปนการเบิกจายวัสดุเครื่องแตงกาย
ที่ใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาที่นอกเหนือจากท่ีกําหนดในหนังสือดังกลาวซึ่งผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตองขออนุมัติตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ใหพิจารณาอนุมัติกอนดําเนินการเบิกจายได ดังน้ัน การท่ี
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ออกคําส่ังลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยใหเหตุผลวา ผูฟองคดีในฐานะ
ที่ไดปฏิบัติหนาที่เปนปลัดเทศบาลซึ่งเปนผูบังคับบัญชาระดับตน มีหนาท่ีควบคุมดูแล
การปฏิบัติงานของผูใตบังคับบัญชาใหเปนไปตามระเบียบของทางราชการ เปนผูตรวจสอบ
ความถูกตองในการขออนุมัติเบิกจายเงินโดยเสนอผูบังคับบัญชาอนุมัติการเบิกจายเงินตามฎีกา
เบิกจายเงิน ลงวันท่ี ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ และในฐานะนายกเทศมนตรีผูอนุมัติฎีกาใหมีการ
เบิกจายเงินตามฎีกาเบิกจายเงิน ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ ในฐานะผูบังคับบัญชาสูงสุด
มีหนาท่ีกํากับดูแลการปฏิบัติงานใหเปนไปตามระเบียบของทางราชการ ไมไดตรวจสอบวา
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๑๔
กรณเี ร่อื งน้ี เปนเรื่องคาวัสดุเคร่ืองแตงกายและอยูนอกเหนือจากหลักเกณฑที่กระทรวงมหาดไทย
กําหนด ผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๑ จะเบกิ จา ยเงินเปนคาเส้ือดังกลาวไดตองไดรับการอนุมัติจากผูถูกฟองคดี
ท่ี ๒ กอนดําเนินการ เปนการไมปฏิบัติตาม ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ จึงเปนการใหเหตุผล
ในการออกคําส่ังพิพาทท่ีไมถูกตอง และเม่ือขอเท็จจริงรับฟงไดวา งบประมาณในการจัดซื้อเสื้อ
ประชาสัมพันธแ ละเครื่องแตง กายสําหรับรวมกิจกรรม (เสอื้ โปโล) เพอ่ื แจกจายใหประชาชนสวมใส
ในการเขารวมงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงินจํานวน
๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท เปนสวนหนึ่งของงบประมาณตามโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก ประจําป
พ.ศ. ๒๕๕๐ ซ่ึงเปนงานตามประเพณีทองถ่ินของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จัดขึ้นเปน
ประจําทุกปโดยมีวัตถุประสงคเพ่ืออนุรักษสืบสานประเพณีกินผักซึ่งเปนประเพณีทองถิ่นของ
จังหวัดพังงาใหคงอยูสืบไป เพ่ือใหการปฏิบัติหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ในดานการอนุรักษสืบ
สานประเพณีวัฒนธรรมทองถ่ินนํามาปฏิบัติใหเปนรูปธรรม และเพื่อสรางโอกาสใหเด็ก เยาวชน
ประชาชนไดเขาถึงแกนแทของประเพณีทองถิ่น ซ่ึงจะเปนมูลเหตุในการสรางความสามัคคีให
เกิดข้ึนในชุมชน เทศกาลกินผักจึงเปนประเพณีทองถิ่น และวัฒนธรรมอันดีของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ซึง่ ผูถูกฟอ งคดีที่ ๑ มีอํานาจหนาท่ีในการบํารุงรักษาตามมาตรา ๒๘๙ วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ
แหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ประกอบกับมาตรา ๕๐ วรรคหน่ึง (๘) มาตรา ๕๓
(๑) แหง พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ และมาตรา ๑๖ (๑๑) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและ
ขั้นตอนการกระจายอํานาจใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยรัฐจะตองใหความ
เปน อิสระแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งเปนองคกรปกครองสวนทองถ่ินตามหลักแหงการปกครองตนเอง
ตามเจตนารมณของประชาชนในทองถ่ิน โดยใหมีอํานาจหนาท่ีโดยท่ัวไปในการดูแลและจัดทํา
บริการสาธารณะเพื่อประโยชนของประชาชนในทองถ่ิน และมีความเปนอิสระในการกําหนด
นโยบาย การบริหาร การจัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคล การเงินและการคลัง การที่
นายเทศมนตรีเมืองพังงาอนุมัติงบประมาณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนคาใชจายในการจัดงาน
เทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ เปนเงินจํานวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ซ่ึงเปนคาใชจายในการ
จัดซื้อเสื้อประชาสัมพันธและเครื่องแตงกายสําหรับรวมกิจกรรม (เสื้อโปโล) จํานวน ๗๕๐ ตัว
เปนเงินจํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท อันเปนการสรางเอกลักษณของประเพณีและวัฒนธรรมอันดี
ของทองถิ่น และเปนการสงเสริมการทองเท่ียวใหแกทองถ่ิน อีกทั้งยังเปนการเสริมสรางรายได
ใหแกประชาชนในทองถ่ินอีกทางหน่ึงดวย ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีอํานาจหนาท่ีท่ีจะกระทําไดตาม
หลักแหงการปกครองตนเองตามเจตนารมณของประชาชนในทองถ่ิน โดยรัฐมีหนาท่ีกํากับดูแล
ไมใหมีการใชงบประมาณไปในทางทุจริต และใหสอดคลองกับการพัฒนาของจังหวัดและประเทศ
เปนสวนรวม แตจะทําหนาที่ควบคุมการใชจายงบประมาณของทองถิ่นอันจะขัดตอหลักแหง
การปกครองตนเองตามเจตนารมณของประชาชนในทองถ่ินหาไดไมตามมาตรา ๒๘๒ และมาตรา ๒๘๓
ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ เมื่อผูฟองคดีซ่ึงดํารงตําแหนง
รองปลัดเทศบาลเมืองพังงาอางวา งบประมาณประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีรายรับ
จํานวน ๑๑๐,๐๙๙,๗๖๓.๔๔ บาท มีรายจายจํานวน ๑๐๓,๖๓๓,๓๘๒.๗๗ บาท ซ่ึงงบประมาณ
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๑๕
ในการจัดซอื้ เสือ้ ดงั กลาวคิดเปนรอยละ ๐.๑๐ ของรายจายทั้งหมด โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒
ไมไ ดโตแยง ขอเท็จจริงสวนน้ี ประกอบกับผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ใหเหตุผลตามท่ีรายงานใหผูถูกฟองคดี
ท่ี ๒ พิจารณาวนิ ิจฉัยขอ ทักทวงของสํานักงานการตรวจเงินแผน ดินภูมิภาคที่ ๑๓ (จังหวัดสุราษฎร
ธานี) ตามหนังสือลงวันท่ี ๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ วา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดคํานึงถึงสถานะทางการคลัง
แลว มรี ายไดเพยี งพอสามารถดําเนินการไดและไมมีปญหาในการดําเนินการบริการสาธารณะดาน
อ่ืนๆ ดังน้ัน การจัดซื้อเสื้อดังกลาวจึงไมขัดตอหนังสือลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๑ และเม่ือ
ขอ เทจ็ จรงิ ปรากฏตามบันทกึ ซ้อื ขายระหวางผูถกู ฟองคดที ่ี ๑ กบั หา งหนุ สว นจํากัด จ. รายละเอียด
การซ้ือเส้ือโปโลสีขาว ทําจากผา COTTON ๑๐๐% เสนดาย NO.๒๐ พิมพสกรีน “โลโกเทศบาล
เมืองพังงา” ท่ีกระเปา ดานหลังพิมพสกรีน “กินผักพังงา ๕๐” จํานวน ๗๕๐ ตัว รวมเปนเงิน
ท้ังส้ิน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท ซ่ึงไมปรากฏภาพกิจกรรม ขอความและรูปภาพที่มีลักษณะเปนการ
ประชาสัมพันธผลงานสวนบุคคล และไมปรากฏขอเท็จจริงวามีการทุจริตในการจัดซื้อดังกลาว
กรณีจึงรับฟงไมไดวาผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหายจากการดําเนินโครงการจัดงานเทศกาล
กินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ ดังน้ัน การท่ีผูฟองคดีในฐานะที่ไดปฏิบัติหนาท่ีปลัดเทศบาลเมือง
พังงาเสนอความเห็นตอนายกเทศมนตรีเมืองพังงาวา เห็นควรอนุมัติใหเบิกจายได และในฐานะท่ี
ไดปฏิบัติหนาที่นายกเทศมนตรีเมืองพังงาผูมีอํานาจอนุมัติฎีกา ไดอนุมัติใหเบิกจายเงินตามฎีกา
เงนิ ตามงบประมาณรายจาย ลงวันท่ี ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ เม่ือวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๑ จึงไมเปน
การกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ออกคําสั่งลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม
๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๔๐ ของคาเสียหายจํานวน
๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท คดิ เปนเงนิ จาํ นวน ๓๙,๔๘๓ บาท และออกคําสัง่ ลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕
ใหผ ฟู องคดีดาํ เนนิ การชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแ กผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๑ ตามสัดสวนที่กําหนดในคําสั่ง
ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จึงไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหเพิกถอน
คําส่ังลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และคําสั่งลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ ในสวนท่ีใหผูฟองคดี
ชดใชคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๓๙,๔๘๓ บาท โดยใหการเพิกถอนมีผลยอนหลังไปถึงวันที่
ออกคาํ สั่งดังกลาว นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดว ยในผล
พพิ ากษายืน
ฟองขอใหเพกิ ถอนคาํ สงั่ ใหชดใชค า สินไหมทดแทนกรณเี บิกจายเงนิ โดยไมชอบดวยกฎหมาย
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๑๖๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ขณะผูฟองคดีดํารงตําแหนงเจาพนักงานการเงินและบัญชี ๕
สังกัดองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ไดรับมอบหมายใหตรวจสอบฎีกาเบิกจายเงินโครงการ
สงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ
ไทยแลนดลีก ดิวิชั่น ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” จํานวน ๒ ฎีกา เปนคาใชจายในการฝกซอมและแขงขัน
ฟุตบอลเพื่อสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี รวมเปนเงินจํานวน ๑๒๑,๒๘๐ บาท
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๑๖
ตอมา สํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๒ ตรวจสอบพบวาโครงการดังกลาวมีการเบิกจายเงิน
โดยไมชอบดวยกฎหมาย ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (ผูวาราชการจังหวัดจันทบุรี) จึงมีคําส่ังแตงตั้ง
คณะกรรมสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกรณีดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ัง
ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวน
จังหวัดจันทบุรี เปนเงินจํานวน ๓๐,๓๒๐ บาท ภายใน ๔๕ วัน นับถัดจากวันท่ีไดรับคําส่ัง
ตามความเห็นของกรมบัญชีกลางผูรับมอบอํานาจจากกระทรวงการคลัง ผูฟองคดีจึงอุทธรณ
คําสั่งดังกลาว แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ (รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย) พิจารณาแลวมีคําส่ัง
ใหยกอุทธรณ ตามหนังสือลงวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ผูฟองคดีเห็นวาคําสั่งใหชดใชเงินและ
คําวินิจฉัยอุทธรณดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือ
คําสั่งเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
แกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือ
ลงวันท่ี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ยกอุทธรณผูฟองคดี เห็นวา เม่ือพิจารณาหลักการและเหตุผล
ของโครงการสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขัน
ฟุตบอลอาชพี ไทยแลนดลกี ดวิ ชิ ่ัน ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” แลวพบวา โครงการดังกลาวมีจุดมุงหมาย
เพอ่ื สง นกั กฬี าทมี สโมสรฟุตบอลจันทบุรีเขารวมการแขงขันฟุตบอลอาชีพ ไทยแลนด ดิวิช่ัน ๑ ลีก ๒๐๐๙
ระยะเวลาดําเนินการระหวางวันท่ี ๒๑ มีนาคม ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ ตามตารางการแขงขันเหยา –
เยือน รวม ๓๐ นัด มีการแขงขันในจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดอ่ืน ซึ่งการแขงขันฟุตบอลตามโครงการ
ดังกลาวมีการเก็บเงินคาผานประตูจากผูเขาชมการแขงขันนัดเหยาโดยสโมสรฟุตบอลจันทบุรี
เปนผูจัดเก็บ จึงเปนโครงการท่ีมีการจัดหารายไดในลักษณะองคกรเอกชน ซ่ึงไมไดเปนไปตามหลักเกณฑ
การแขงขันกีฬาระหวางองคกรปกครองสวนทองถิ่นหรือภายในองคกรปกครองสวนทองถิ่น ตามหนังสือ
กระทรวงมหาดไทย ท่ี มท ๐๘๐๘.๔/ว ๒๕๘๙ ลงวันท่ี ๓ สิงหาคม ๒๕๔๗ เรื่อง หลักเกณฑ
การใชจายเงินในการแขงขันกีฬาขององคกรปกครองสวนทองถิ่นแตอยางใด และรับฟงไมไดวา
เปนการจัดทําบริการสาธารณะ การเบิกจายเงินคาใชจายในการฝกซอมและการแขงขันฟุตบอลอาชีพ
ใหกบั สโมสรฟตุ บอลจันทบุรตี ามโครงการดังกลา วจึงเปนการเบิกจายเงินใหแกองคกรเอกชนโดยไมมี
ระเบียบกฎหมายของทางราชการใหเบิกจายได อีกท้ัง ไมอยูในอํานาจหนาที่ขององคการบริหารสวนจังหวัด
ตามมาตรา ๔๕ แหง พ.ร.บ. องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และตามมาตรา ๑๗ (๑๘)
แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒
เม่ือผูฟองคดีในฐานะผูตรวจสอบฎีกามีหนาที่ตองตรวจฎีกาใหถูกตองตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย
วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครอง
สวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ ผูฟองคดีจึงตองใชความระมัดระวังและความละเอียดรอบคอบในการ
ตรวจสอบวา การเบิกจายคาใชจายในการฝกซอมและการแขงขันฟุตบอลอาชีพซึ่งเปนการสนับสนุน
งบประมาณใหเ อกชนเพ่อื ไปแขงขันกีฬาอาชีพสามารถกระทําไดตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ
หรือไม การทผ่ี ูฟอ งคดเี พยี งตรวจเอกสารประกอบการเบกิ ฎีกา โดยเห็นวากรณีการเบิกจายตามโครงการ
สงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรีฯ ไดผานข้ันตอนการตรวจพิจารณาของผูบริหาร
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๑๗
ตามลําดับช้ันแลว แตเมื่อโครงการดังกลาวไมอยูในอํานาจหนาท่ีขององคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี
และไมสามารถเบิกจายได ตามขอ ๖๗ ของระเบียบดังกลาว จึงถือไดวาผูฟองคดีไมไดปฏิบัติ
ตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ ดังน้ัน การท่ีผูฟองคดีไดลงลายมือช่ือในฎีกาเบิกเงิน
ตามงบประมาณรายจายตามโครงการพิพาทดังกลาว รวม ๒ ฎีกา เปนเงินจํานวน ๑๒๑,๒๘๐ บาท
วาไดตรวจเอกสารประกอบฎีกาครบถวนถกู ตอ งแลว พฤติการณการกระทําดังกลาว จึงเปนการกระทํา
ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดรับความเสียหาย
จึงเปนการกระทําละเมิดตอองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณชิ ย ผฟู อ งคดจี งึ ตอ งรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกองคการบริหารสวน
จังหวัดจันทบุรีตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๘ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ อยางไรก็ตาม เมื่อไมปรากฏวาผูฟองคดีกระทําทุจริต
ตอหนาท่ี การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําส่ังลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เรียกใหผูฟองคดีรับผิด
เฉพาะในฎีกาที่ตนเองไดตรวจสอบในอัตรารอยละ ๒๕ ของคาเสียหายจํานวน ๑๒๑,๒๘๐ บาท
คิดเปนเงินจาํ นวน ๓๐,๓๒๐ บาท จึงยังไมสอดคลองกับระดับความรายแรงแหงการกระทํา การที่
ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๑๕
ของความเสียหายจํานวนเงิน ๑๒๑,๒๘๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๑๘,๑๙๒ บาท น้ัน เหมาะสม
กับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมในกรณีน้ีตามมาตรา ๘ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว ดังนั้น คําส่ังลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เฉพาะสวนท่ีเรียกให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑๘,๑๙๒ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมายและ
คําวินิจฉัยอทุ ธรณของผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๒ ท่ใี หยกอทุ ธรณข องผูฟองคดจี งึ ไมชอบดวยกฎหมายเชนกัน
แตเม่ือปรากฎวา ในระหวางการพิจารณาของศาลปกครองสูงสดุ ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีคําส่ังลงวันท่ี
๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ แกไขคําสั่งลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ โดยใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๑๘,๑๙๒ บาท ซึ่งคําสั่งดังกลาวเปนการแกไขจํานวนเงินท่ีตองชดใช
คาสินไหมทดแทน ไมใชเปนการเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ศาลปกครองสูงสุด
จึงมีอํานาจวินิจฉัยคําส่ังดังกลาวได แตเม่ือคําสั่งลงวันท่ี ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ที่เรียกใหผูฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนน้ัน เปนจํานวนเดียวกับท่ีศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยขางตน จึงไมมีกรณีท่ี
ศาลปกครองสูงสุดตองวินิจฉัยเก่ียวกับความชอบดวยกฎหมายของคําสั่งลงวันท่ี ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐
คดีนี้อีก ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามคําส่ังลงวันที่
๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวน
จังหวัดจันทบุรีเกินกวาจํานวน ๑๘,๑๙๒ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปตั้งแตวันที่มีคําสั่งดังกลาว
และใหเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖
ท่ยี กอุทธรณผ ฟู องคดี เฉพาะสว นที่เกนิ กวา ๑๘,๑๙๒ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปถึงวันท่ีมีคําวินิจฉัย
อทุ ธรณดังกลาว น้นั ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดว ย
พิพากษายนื
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๑๘
ฟองขอใหชดใชค า สนิ ไหมทดแทน กรณเี บียดบังยักยอกเงนิ ของทางราชการโดยทจุ ริต
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๑๙๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๑๕
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีเบิกจายเงินโครงการสงเสริมและ
พฒั นาการกฬี าของจงั หวดั จันทบรุ ีโดยมชิ อบ
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๐๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีท้ังสองฟองวา ในขณะที่ผูฟองคดีที่ ๑ ดํารงตําแหนงนายกองคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี และผูฟองคดีท่ี ๒ ดํารงตําแหนงผูอํานวยการกองคลัง องคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี มีการเบิกจายเงินโครงการสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี
“กิจกรรมสง นักกฬี าเขา แขง ขนั ฟตุ บอลอาชีพไทยแลนดลีก ดิวชิ ัน่ ๑ ฤดกู าล ๒๐๐๙” จํานวน ๑๓ ฎกี า
รวมเปนเงิน ๙๒๖,๖๐๐ บาท ตอมา สํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคท่ี ๒ ไดเขาตรวจสอบ
งบการเงินขององคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ประจําปงบประมาณ ๒๕๕๒ แลวพบวาโครงการ
ดังกลาวมีการเบิกจายเงินโดยไมชอบดวยกฎหมาย ทําใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดรับ
ความเสียหาย จังหวัดจันทบุรีไดสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดและไดสงสํานวนการสอบสวน
ใหกระทรวงการคลงั ตรวจสอบ ตอ มา กรมบัญชีกลางพิจารณาแลวเห็นควรใหเจาหนาที่ที่เกี่ยวของ
ตองรับผดิ ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนหลายราย โดยใหผ ูฟ องคดีที่ ๑ รับผิดเฉพาะสวนของตนในอัตรา
รอยละ ๑๐ ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๙๒,๖๖๐ บาท และให
ผูฟองคดีท่ี ๒ รับผิดเฉพาะสวนของตนในอัตรารอยละ ๒๕ ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท
คิดเปน เงนิ จาํ นวน ๒๓๑,๖๕๐ บาท ผูถกู ฟองคดีท่ี ๔ (ผวู าราชการจงั หวัดจันทบุรี) จึงไดมีคําสั่งลงวันท่ี
๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เรียกใหผูฟองคดีทั้งสองชดใชคาสินไหมทดแทนตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง
ผฟู อ งคดีทัง้ สองเห็นวา การเบิกจายเงินในโครงการดังกลาวชอบดวยกฎหมายแลว จึงย่ืนอุทธรณ ตอมา
ผูฟองคดที ัง้ สองไดรบั หนงั สือแจงคําวินิจฉัยของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย)
ท่ียกอุทธรณของผูฟองคดีทั้งสอง ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ผูฟองคดีท้ังสอง
ไมเหน็ ดว ย จึงนาํ คดมี าฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรอื คาํ ส่งั ใหเ พกิ ถอนคาํ ส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๔
ลงวันท่ี ๒๑ มถิ นุ ายน ๒๕๕๖ ท่เี รยี กใหผ ฟู องคดีท้ังสองชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี และใหเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามหนังสือลงวันที่
๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ เห็นวา คดีนี้ขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีที่ ๑ มีหนังสือลงวันท่ี ๓๐
ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๔ แจงวา สํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๒ ไดตรวจสอบ
งบการเงินขององคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ประจําปงบประมาณ ๒๕๕๒ ต้ังแตวันท่ี ๑
ตุลาคม ๒๕๕๑ ถึงวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ แลว พบวา การเบิกจายเงินในโครงการสงเสริม
และพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ
ไทยแลนดลีก ดิวิชั่น ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” ไมสามารถเบิกจายไดและไมอยูในอํานาจหนาที่ของ
องคการบริหารสวนจังหวัดตามมาตรา ๑๗ (๑๘) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและข้ันตอนการกระจายอํานาจ
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๑๙
ใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงใหผูฟองคดีท่ี ๑ ดําเนินการแตงต้ังคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงหาผูรับผิดทางละเมิด ซ่ึงเมื่อพิจารณาสัดสวนความรับผิดทางละเมิดแลว
ผูบังคับบัญชาขั้นสูง/ผูอนุมัติ (นายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีหรือผูปฏิบัติหนาท่ีแทน)
มสี ว นตอ งรบั ผดิ ชอบดวย จึงอาจถือไดว า ผมู อี ํานาจอนมุ ตั มิ ีสวนเก่ียวขอ งในการดาํ เนนิ การดังกลาว
จึงขอสงเร่ืองใหจังหวัดจันทบุรีพิจารณาดําเนินการตอไป กรณีดังกลาวถือไดวาผูฟองคดีท่ี ๑
เปนผูมีสวนเกี่ยวของโดยเปนคูกรณีในเรื่องดังกลาว ตามมาตรา ๑๓ (๑) แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติ
ราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีท่ี ๑ จึงไมอาจพิจารณาทางปกครองและมีคําสั่งแตงตั้ง
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดได เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๔ มีอํานาจกํากับดูแล
การปฏบิ ัตริ าชการขององคก ารบริหารสวนจังหวัดใหเปนไปตามกฎหมายและมีอํานาจสั่งสอบสวน
ขอเท็จจริงไดตามมาตรา ๗๗ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐
ผูถูกฟองคดีท่ี ๔ จึงเปนผูบังคับบัญชาขึ้นไปหนึ่งชั้นของผูฟองคดีท่ี ๑ ตามนัยมาตรา ๑๔
และมาตรา ๒๐ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และเปนอํานาจของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๔ ในการดําเนินการตรวจสอบและพิจารณาทางปกครองกรณีเกิดความเสียหายตอ
หนวยงานของรฐั ตาม พ.ร.บ. ความรบั ผิดทางละเมดิ ของเจาหนา ท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๔ มีคําส่ังลงวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ แตงต้ังคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด จึงเปนการดําเนินการตามขอ ๑๒ ของระเบียบดังกลาว
เมื่อตอมาผูถูกฟองคดีท่ี ๔ มีคําส่ังลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เรียกใหผูฟองคดีท้ังสองชดใช
คาสินไหมทดแทนตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง จึงเปนการออกคําส่ังตามขอ ๑๘ ของระเบียบเดียวกัน
และเปนอาํ นาจของผถู ูกฟองคดที ี่ ๔ ตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ สวนที่ผูฟองคดีทั้งสองอางวา ในการพิจารณาอุทธรณ ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไมไดแตงต้ัง
คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณของผูฟองคดีท้ังสอง แตกลับเปนการดําเนินการของสํานักกฎหมาย
สป. สวนคดีและนิติกรรมสัญญา ซึ่งขัดตอหลักกฎหมาย นั้น ตามมาตรา ๔๔ และมาตรา ๔๕
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ไมไดกําหนดใหมีการแตงตั้งคณะกรรมการ
พิจารณาอุทธรณ การพิจารณาอุทธรณของสํานักกฎหมายดังกลาวเปนการดําเนินการของเจาหนาที่
ภายในฝายปกครองในการเสนอความเห็นตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณเพ่ือพิจารณา
และมีคําวินิจฉัยตอไป ตามนัยมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ความเห็นของสํานักกฎหมาย
ดังกลาวไมไดผูกพันใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตองมีความเห็นตามท่ีเสนอแตอยางใด การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไดพิจารณาและมีคําวินิจฉัยใหยกอุทธรณของผูฟองคดีท้ังสอง จึงเปนการดําเนินการตามมาตรา ๔๕
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. วธิ ปี ฏิบัติราชการทางครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว เม่ือพิจารณาหลักการและเหตุผล
ของโครงการตามหนังสือกองสงเสริมคุณภาพชีวิต ลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๒ เร่ือง ขอรับการสนับสนุน
งบประมาณตอนายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี เพ่ือเปนคาใชจายในการสนับสนุน
การจัดการแขงขันฟุตบอลอาชีพ “ไทยแลนด ดิวิชั่น ๑ ลีก ๒๐๐๙” แลวไดความวา องคการบริหาร
สวนจังหวัดจันบุรีเล็งเห็นความสําคัญในการสงเสริมนักกีฬาและผูฝกสอนใหไดกาวไปสูความเปนเลิศ
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๒๐
ในระดบั อาชพี และเปนตัวแทนของจงั หวดั จนั ทบุรใี นการเขารวมการแขงขันกีฬาฟุตบอลในระดับประเทศ
ตอ ไป จึงไดเขารวมกับสโมสรฟุตบอลจังหวัดจันบุรีจัดทําโครงการสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของ
จังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ ไทยแลนดลีก ดิวิช่ัน ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙”
ข้นึ มา โดยมจี ุดมงุ หมายเพอื่ สงนักกีฬาทีมสโมสรฟุตบอลจันทบุรี เขารวมการแขงขันฟุตบอลอาชีพ
“ไทยแลนด ดิวชิ ่นั ๑ ลกี ๒๐๐๙” ซ่ึงขอเท็จจริงปรากฏวา การแขงขันฟุตบอลตามโครงการดังกลาว
มกี ารเก็บเงนิ คาผานประตูจากผูเขาชมการแขงขันนัดเหยาโดยสโมสรฟุตบอลจันทบุรีเปนผูจัดเก็บ
นอกจากน้ี บริษัท ท. ซึ่งเปนผูจัดการแขงขันไดสนับสนุนเงินจํานวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ใหแก
สโมสรฟุตบอลจันทบุรีดวย กรณีดังกลาวจึงเปนโครงการท่ีมีการจัดหารายไดในลักษณะองคกรเอกชน
ไมไดเปนไปตามหลักเกณฑการแขงขันกีฬาระหวางองคกรปกครองสวนทองถิ่นหรือภายในองคกรปกครอง
สวนทองถ่ินตามประกอบกับหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันท่ี ๓ สิงหาคม ๒๕๔๗ เร่ือง หลักเกณฑ
การใชจายเงนิ ในการแขง ขันกีฬาขององคก รปกครองสวนทองถิ่นแตอยางใด กรณีจึงเปนการเบิกจายเงิน
ใหแกสโมสรฟุตบอลจันทบุรี ซ่ึงเปนองคกรเอกชนโดยไมมีระเบียบกฎหมายของทางราชการ
ใหเ บิกจายได อกี ท้งั ไมอ ยใู นอาํ นาจหนาทข่ี ององคก ารบริหารสวนจังหวัด ตามมาตรา ๔๕ แหง พ.ร.บ.
องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และมาตรา ๑๗ (๑๘) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและขั้นตอน
การกระจายอํานาจใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เม่ือผูฟองคดีที่ ๑ ในฐานะ
ผูบังคับบัญชาสูงสุดไมกํากับดูแลการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีผูใตบังคับบัญชาวาไดปฏิบัติหนาที่
ในการเสนอโครงการเปนไปตามระเบียบกฎหมายของทางราชการหรือไม และผูฟองคดีท่ี ๒ มีหนาที่
ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของผูใตบังคับบัญชาและตรวจสอบเอกสารหลักฐานประกอบฎีกา
ไดลงลายมือช่ือในฎีกาโดยไมตรวจสอบวา โครงการดังกลาวสามารถดําเนินการและเบิกจายได
ตามระเบียบกฎหมายหรือไม แมผูฟองคดีทั้งสองอางวา ไดปฏิบัติหนาท่ีไปดวยเชื่อโดยสุจริต
แตการกระทําของผูฟองคดีท้ังสองเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๖๗ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย
วาดว ยการรับเงนิ การเบกิ จา ยเงนิ การฝากเงนิ การเกบ็ รกั ษาเงนิ และการตรวจเงินขององคกรปกครอง
สวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ จึงเปนการกระทําดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงและเปนเหตุ
ใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดรับความเสียหายเปนเงินจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท จึงเปน
การกระทําละเมิดตอองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย ผูฟองคดีทั้งสองจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกองคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๘ วรรคหน่ึง และมาตรา ๑๒
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อไมปรากฏวาผูฟองคดีท้ังสอง
กระทําทุจริตตอหนาที่ การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๔ มีคําสั่งลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เรียกให
ผูฟองคดีที่ ๑ ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๑๐ ของคาเสียหายจํานวนดังกลาว คิดเปนเงิน
จํานวน ๙๒,๖๖๐ บาท และเรียกผูฟองคดีที่ ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๕
ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๒๓๑,๖๕๐ บาท จึงเปนการเรียกให
ชดใชคาสินไหมทดแทนโดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมในกรณีน้ี
ตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติเดียวกันแลว ดังนั้น คําสั่งดังกลาวจึงชอบดวยกฎหมาย
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๒๑
และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดีทั้งสองจึงชอบดวยกฎหมาย
เชนกัน ทศี่ าลปกครองชัน้ ตน พพิ ากษายกฟอ ง นัน้ ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวย
พพิ ากษายืน
ฟองขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีทุจริตเงินทุนการศึกษาและการใชเงินโครงการ
สรา งวัตถมุ งคลไมเปน ไปตามวตั ถุประสงค
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๒๒๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๑๐๒
ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีไมควบคุมการเบิกจายเงิน
ตามระเบยี บเปนเหตุใหเกดิ การทจุ รติ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๒๒๓/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดี
(นายอําเภอน้ําขุน) มีคําสั่งอําเภอน้ําขุน ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนจํานวน ๔,๒๖๖,๐๐๐ บาท โดยกลาวหาวา ขณะผูฟองคดีดํารงตําแหนงนายก
องคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด ไดลงนามสั่งจายเช็ค ๕ ฉบับ รวมเปนเงิน ๑๑,๔๕๐,๐๐๐ บาท
ใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดเพ่ือนําฝากเขาบัญชีธนาคาร พ. ประเภทบัญชีออมทรัพย
โดยมิไดขีดเสนตรงหลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ” เปนเหตุใหนาง ส.
เจาพนกั งานการเงนิ และบัญชี รักษาราชการแทนหัวหนา สว นการคลัง มีการเขียนตัวอักษรเพ่ิมเติม
เปลี่ยนแปลงจาก “อบต.โคกสะอาด” เปน “ชอบต้ังโคกสะอาดพาณิชย” และในฐานะผูบริหาร
ทองถิ่นที่มีหนาที่ควบคุมงบประมาณรายจาย ไมมีการควบคุมการเบิกจายเงิน ไมควบคุมบัญชี
รายงานและเอกสารเกี่ยวกับการจายเงิน รวมทั้งละเลยไมเรงรัดใหหัวหนาหนวยงานคลัง
ทํารายงานแสดงรายรับรายจายเปนรายเดือน เปนเหตุใหนาง ส. นําเงินเขาบัญชีของนาย ศ.
ทําใหเงินขององคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดขาดบัญชีจํานวน ๑๑,๔๕๐,๐๐๐ บาท
แตนาง ส. ไดนําเงินสดฝากเขาบัญชีคืนเปนเงิน ๒,๙๑๘,๐๐๐ บาท คงเปนเงินขาดบัญชีจํานวน
๘,๕๓๒,๐๐๐ บาท พฤติการณถือไดวาเปนการประมาทเลินเลออยางรายแรง ใหผูฟองคดีรับผิด
ในสัดสวนรอยละ ๒๐ ของความเสียหาย รวมเปนเงินทั้งส้ิน ๑,๗๐๖,๔๐๐ บาท ตอมา
กรมบัญชีกลางมีหนงั สือแจงวา ใหผูฟองคดีชดใชความเสียหายแกทางราชการในอัตรารอยละ ๕๐
ของความเสียหายจํานวน ๘,๕๓๒,๐๐๐ บาท คิดเปนเงิน ๔,๒๖๖,๐๐๐ บาท ผูถูกฟองคดี
จึงมีคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน
๔,๒๖๖,๐๐๐ บาท ผูฟองคดีไดอุทธรณคําส่ังดังกลาว ผูถูกฟองคดีไมเห็นดวยจึงสงคําอุทธรณ
ใหผูวาราชการจังหวัดอุบลราชธานีแลวมีคําสั่งยกอุทธรณ ผูฟองคดีเห็นวา คําส่ังลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ไมชอบดวยกฎหมาย เนื่องจากคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมดิ ไดเ ชญิ ผูฟอ งคดไี ปพบ แตม ิไดเ ปด โอกาสใหผูฟองคดไี ดทราบขอเท็จจริงในการสอบสวน
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๒๒
และมิไดเปดโอกาสใหผูฟองคดีโตแยงแสดงพยานหลักฐาน คณะกรรมการฯ ไดพยายามรวบรัด
กระบวนการสอบสวนใหเสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยใหผูฟองคดีลงนามในเอกสารการสอบสวนโดยไมมี
โอกาสตรวจสอบความถูกตอง และการคํานวณคาสินไหมทดแทนใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย
ในอัตรารอ ยละ ๕๐ ของความเสียหายจํานวน ๘,๕๓๒,๐๐๐ บาท คิดเปนเงิน ๔,๒๖๖,๐๐๐ บาท
ไมเปนไปตามสัดสวนของการกระทําละเมิด เน่ืองจากมีผูที่เก่ียวของสามคน แตใหชดใชเพียงสองคน
ซึ่งเปนการคิดคาสินไหมทดแทนแบบลูกหนี้รวม ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดี
ยกเลิกคาํ สง่ั ลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา คณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดดําเนินการรวบรวมพยานหลักฐานตางๆ โดยประธาน
กรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดมีหนังสือแจงใหผูฟองคดีไปพบคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเพื่อใหถอยคําแลว จึงเปนกรณีท่ีคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดแจงสิทธิและหนาท่ีในกระบวนการพิจารณาทางปกครองให
ผูฟองคดีทราบแลวตามมาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยนับตั้งแตวันท่ีผูฟองคดีไดรับหนังสือแจงดังกลาวถึงวันที่ผูฟองคดีไดไปพบ
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเพื่อใหถอยคําในวันท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔
อันเปนเวลานานเกือบ ๕ เดือน ผูฟองคดีจึงมีเวลาที่จะดําเนินการเพ่ือแสวงหาขอเท็จจริง
และพยานหลกั ฐานเกี่ยวกบั เรือ่ งทีถ่ กู กลาวหาได อีกท้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดไดรายงานผลการสอบสวนตอผูถูกฟองคดีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ อันเปน
เวลาภายหลังจากการใหถอยคําของผูฟองคดีนานเกือบ ๖ เดือน ในชวงเวลาดังกลาวผูฟองคดี
ยังสามารถโตแยงและแสดงพยานหลักฐานของตนตอคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดไดเชนกัน รวมระยะเวลาดําเนินการสอบสวนกรณีน้ีนานเกือบหน่ึงป แตไมปรากฏวา
ผูฟองคดีไดโตแยงหรือแสดงพยานหลักฐานเพ่ิมเติมตอคณะกรรมการดังกลาวแตอยางใด
จงึ ฟง ไดวาคณะกรรมการสอบขอ เท็จจริงความรับผดิ ทางละเมดิ ไดทําการตรวจสอบขอเท็จจริงและ
รวบรวมพยานหลักฐานท่ีเกี่ยวของและไดใหโอกาสผูฟองคดีชี้แจงขอเท็จจริงและโตแยงแสดง
พยานหลักฐานประกอบการช้ีแจงอยางเพียงพอและเปนธรรมตามมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบกับขอ ๑๔ วรรคหนึ่ง และขอ ๑๕ ของระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว เม่ือขณะเกิดเหตุพิพาทคดีนี้ผูฟองคดีดํารงตําแหนงนายกองคการบริหาร
สวนตําบลโคกสะอาด ผูฟองคดีจึงมีหนาที่ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารราชการ
ขององคการบริหารสวนตําบลตามกฎหมาย และเปนผูบังคับบัญชาของพนักงานสวนตําบล
และลูกจางขององคการบริหารสวนตําบล การที่นาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี
รักษาราชการแทนหวั หนาสว นการคลัง ซ่งึ เปน ผูใตบังคับบญั ชาของผูฟองคดีในขณะน้ันไดอาศัยโอกาส
ท่ีตนเองมีหนาท่ีรับผิดชอบงานการเงินและบัญชี รับจายเงิน จัดทําเช็ค จัดทํารายงานใบสําคัญ
รายงานสถานะการเงินประจําวนั และนําเงินฝากธนาคาร กระทาํ การทุจริตเงินขององคการบริหาร
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๒๓
สวนตําบลโคกสะอาด โดยเขยี นเช็ค รวม ๕ ฉบับ เปนเงิน ๑๑,๔๕๐,๐๐๐ บาท ส่ังจายใหองคการ
บริหารสวนตําบลโคกสะอาด เพื่อนําฝากเขาบัญชีออมทรัพย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ
การเกษตร สาขานํ้ายืน แตการเขียนเช็คดังกลาวมิไดขีดเสนตรงหลังช่ือ “อบต.โคกสะอาด”
จนชิดคําวา “หรือผูถือ” และไดเสนอเช็คน้ันใหผูบังคับบัญชาพิจารณาลงนาม นั้น เห็นวา
ผูฟองคดีลงลายมือช่ือในเช็คพิพาทโดยเห็นอยูแลววา เช็คนั้นไมไดมีการขีดเสนตรงหลังชื่อ
“อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ” อันเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๗๐ ของระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และ
การตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ ซ่ึงเปนหลักท่ัวไปในการเขียนเช็คของ
สวนราชการที่ประสงคใหการเขียนหรือพิมพจํานวนเงินในเช็คที่เปนตัวอักษรมิใหมีชองวางท่ีจะ
เขียนหรือพิมพจํานวนเงินเพ่ิมเติมได และใหขีดเสนตรงหลังช่ือสกุล ช่ือบริษัท หรือหางหุนสวน
จนชดิ คาํ วา “หรือผถู ือ” หรือ “หรอื ตามคาํ สั่ง” แลวแตกรณี เพ่ือมิใหมีการเขียนหรือพิมพช่ือสกุล
บุคคลอ่ืนหรือช่ือบริษัทหรือหางหุนสวนอื่นเพิ่มเติมไดอีก อันเปนการปองกันการทุจริตที่อาจจะ
เกิดข้ึนได การที่ผูฟองคดีไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาวจนเปนชองทางใหนาง ส. เขียนตัวอักษร
เพิ่มเติมโดยเปลี่ยนขอความจาก “อบต.โคกสะอาด” เปน “ชอบต้ังโคกสะอาดพาณิชย”
และโอนเงินเขาบัญชีของนาย ศ. เปนเจาของรานชอบต้ังโคกสะอาดพาณิชย จึงกอใหเกิดความ
เสียหายแกองคก ารบริหารสว นตําบลโคกสะอาด โดยกอนตรวจพบการทุจริต ขอเท็จจริงไมปรากฏ
วาผูฟองคดีไดมีการตรวจสอบบัญชี รายงาน และเอกสารเก่ียวกับการเบิกจายเงินขององคการ
บริหารสวนตําบลโคกสะอาดแตอยางใด แสดงใหเห็นวา ผูฟองคดีไมไดควบคุมการเบิกจายเงิน
บัญชี รายงาน และเอกสารอื่นเก่ียวกับการรับจายเงิน การไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาวของ
ผูฟองคดีจึงเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง และเปนการกระทําละเมิด
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดในผลแหงละเมิด
ตอองคการบรหิ ารสว นตาํ บลโคกสะอาดตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดีจึงมีอํานาจออกคําส่ังลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนไดตามมาตรา ๑๒
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และเม่ือการละเมิดเกิดข้ึนจากการท่ีผูฟองคดีไมถือปฏิบัติ
ตามระเบียบของทางราชการ จึงไมมีกรณีที่จะตองหักสวนแหงความรับผิดของหนวยงานของรัฐ
ตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ อยางไรก็ตาม
เมื่อขอเท็จจริงไมปรากฏวา ผูฟองคดีมีสวนรวมในการทุจริตหรือไดรับประโยชนจากการกระทํา
ดงั กลาวของนาง ส. อีกทงั้ นาง ส. ไดเ ขียนขอ ความเพ่ิมเติมลงในเช็คพิพาทภายหลังจากท่ีผูฟองคดี
ไดลงนามในเช็คน้ันแลวดวยวิธีการอันแยบยล ประกอบกับผูถูกฟองคดีไดมีคําส่ังเรียกใหนาง ส.
เจาพนักงานการเงินและบัญชี รักษาราชการแทนหัวหนาสวนการคลัง ซ่ึงเปนผูทุจริตรับผิดเต็ม
จํานวนความเสยี หาย และใหนาย ม. นาย ว. และนาย ณ. ในฐานะปลัดองคการบริหารสวนตําบล
โคกสะอาด รับผดิ ชดใชคา สนิ ไหมทดแทนในกรณเี ดยี วกนั ดว ย เมอื่ คํานงึ ถึงระดบั ความรา ยแรงแหง
การกระทาํ และความเปนธรรมแหงกรณีตามท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๘ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความ
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๒๔
รับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว จึงเห็นวาผูฟองคดีสมควรรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐ ของความเสียหายจํานวน ๘,๕๓๒,๐๐๐ บาท คิดเปนเงิน
๑,๗๐๖,๔๐๐ บาท ดังน้ัน คําส่ังของผูถูกฟองคดีลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ี
เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑,๗๐๖,๔๐๐ บาท จึงไมชอบ
ดว ยกฎหมาย ทศ่ี าลปกครองชนั้ ตน พพิ ากษายกฟอง นั้น ศาลปกครองสงู สดุ ไมเห็นพอ งดวย
พพิ ากษากลบั เปน ใหเพกิ ถอนคาํ สงั่ ของผูถกู ฟอ งคดตี ามคําสัง่ อาํ เภอนํ้าขุน ลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา
จาํ นวน ๑,๗๐๖,๔๐๐ บาท โดยใหมีผลนับแตว นั ทีม่ ีคาํ สง่ั ดังกลาว
ฟอ งขอใหชดใชค าสนิ ไหมทดแทน กรณีออกใบอนญุ าตกอ สรา งอาคารแกเจา ของท่ีดินขางเคียง
เปนเหตุใหอาคารของตนไดรบั ความเสียหาย
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๒๓๓/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของอาคารเลขท่ี ๑๑๔/๗ ถนนปฏิพัทธ์ิ
ตําบลตลาดเหนือ อําเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ซ่ึงปลูกสรางบนที่ดินตามโฉนดที่ดิน
เลขท่ี ๕๖๕๙ โดยอาคารดังกลาวไดกอสรางหางจากหลักหมุดเขตท่ีดินประมาณ ๑๐ เซนติเมตร
เพื่อวางทอประปา ประมาณเดือนกันยายน ๒๕๕๐ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (เทศบาลนครภูเก็ต)
โดยผถู กู ฟองคดีท่ี ๒ (นายกเทศมนตรีนครภูเกต็ ) ไดอนุญาตใหนาง ส. ซ่งึ เปนเจาของที่ดนิ ขางเคียง
กอ สรา งอาคารคอนกรตี เสริมเหล็ก (ค.ส.ล.) ๓ ชัน้ ๒ คหู า ติดกับผนังอาคารของผูฟองคดี โดยนาง
ส. ไดทําหนังสือลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ รับรองวาจะรับผิดชอบความเสียหาย
ของอาคารขางเคียงเน่ืองจากการกอสรางอาคารดังกลาว ผูฟองคดีจึงไดลงช่ือยินยอมใหกอสราง
อาคารชิดเขตที่ดินของผูฟองคดีโดยเขาใจวาจะตองมีชองวางระหวางตึก ตอมา ปรากฏวา
การกอสรางอาคารดังกลาวไดกอใหเกิดความเสียหายแกอาคารของผูฟองคดี เน่ืองจากมีการ
กอสรางชิดกับผนังอาคารของผูฟองคดีโดยไมมีชองวางระหวางอาคาร ทําใหวงกบหนาตางหลุด
กระจกแตก พื้นหองครัวทรุด ฝาเพดานชํารุดเสียหาย นํ้าฝนไหลเขาอาคาร นาย อ. ผูรับมอบอํานาจ
จากนาง ส. และผูฟองคดีจึงไดจัดทําบันทึกขอตกลง ฉบับลงวันท่ี ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
ยอมรับวา ไดทําการตอกเสาเข็มบริเวณขางอาคารของผูฟองคดีทําใหเกิดความเสียหายแกผนัง
กระเบื้องแตกราว วงกบ – ประตูหนาและฝาเพดานชํารุด และจะรับผิดชอบคาเสียหาย
ทุกประการ หลังจากน้ัน ผูฟองคดีไดย่ืนคํารองลงวันที่ ๘ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ และวันที่
๑๓ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ ขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เขาไปตรวจสอบการกอสราง และดําเนินการให
เจาของอาคารดังกลาวมาทําการซอมแซมอาคารของผูฟองคดี แตก็ไมไดรับการแกไขและ
ผถู ูกฟอ งคดที ี่ ๑ โดยผูถกู ฟอ งคดที ี่ ๒ ไดออกใบอนุญาตกอ สรางอาคาร ลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๑
ใหน าง ส. กอ สรางอาคารในทดี่ นิ ตามโฉนดท่ีดินเลขที่ ๔๕๘๑ และเลขท่ี ๔๕๘๒ ผูฟองคดีจึงยื่นคํารอง
ลงวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๑ อีกคร้ัง และไดย่ืนคํารองลงวันท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๑ ขอความ
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๒๕
ชวยเหลือทางกฎหมายตอสํานักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต และเม่ือวันท่ี ๒พฤษภาคม ๒๕๕๑
ไดร องเรยี นตอ ศนู ยดาํ รงธรรมจังหวัดภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตไดมีหนังสือลงวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
แจงใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ หามาตรการในการปองกันและชวยเหลือบรรเทาความเดือดรอนใหแก
ผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีคําสั่งลงวันท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑ รวมทั้งหมด ๔ ฉบับ แจงให
นาง ส. เจาของอาคาร ผูดําเนินการกอสรางอาคาร และผูควบคุมงาน ตามลําดับ ระงับ
การกอสรา งอาคารพพิ าท แตค วามเสียหายของผูฟอ งคดียงั ไมไดรับการแกไข ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๔ มิถุนายน ๒๕๕๑ รองเรียนตอผูตรวจการแผนดิน ซ่ึงสํานักงานตรวจการแผนดิน
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๑ แจงใหผูวาราชการจังหวัดภูเก็ตชี้แจงภายใน ๓๐ วัน
นับแตวันท่ีไดรับหนังสือ จังหวัดภูเก็ตจึงไดมีหนังสือลงวันท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๑ แจงให
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เขมงวดกวดขันใหนาง ส. ปฏิบัติตามคําสั่งเจาพนักงานทองถิ่นโดยเครงครัด
และใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ชี้แจงเรื่องดังกลาวใหศูนยดํารงธรรมจังหวัดภูเก็ตทราบ ตอมา ผูฟองคดี
ไดยื่นคํารองลงวันท่ี ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๑ ขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ยกเลิกหนังสือฉบับลงวันที่
๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๑ แจงผูฟองคดีวา
การใหความยินยอมของผูฟองคดดี ังกลาวไดสมั ฤทธิผ์ ลไปแลว โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดอ อกใบอนุญาต
กอสรางอาคารใหกับนาง ส. เจาของอาคารไปแลว จึงไมมีผลใหการไดรับอนุญาตเปล่ียนแปลง
และผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดแจงใหนาง ส. เจาของอาคารทําการซอมแซมอาคารของผูฟองคดี
สวนทช่ี าํ รดุ แลว หลงั จากนน้ั ผูฟอ งคดีไดมคี ํารอ งลงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ใหผูถูกฟองคดีที่ ๑
ระงับการกอสรางอาคารของนาง ส. แตจนถึงวันที่ผูฟองคดีฟองคดีน้ีตอศาลปกครองช้ันตน
ก็ยังไมไดรับการแกไขเยียวยาความเดือดรอนหรือเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลพิพากษา
หรือมีคําสั่ง ดังนี้ ๑. เพิกถอนหนังสือฉบับลงวันท่ี ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ ๒. เพิกถอนใบอนุญาต
กอสรางอาคารทผี่ ูถูกฟอ งคดีท่ี ๑ โดยผูถกู ฟองคดที ่ี ๒ อนุญาตใหนาง ส. กอสรางอาคาร จนทําให
อาคารของผูฟองคดีเสียหาย และ ๓. ใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ชดใชคาเสียหายแกผูฟองคดีเปนเงิน
๗๐๐,๐๐๐ บาท ศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับคําฟองในขอหาท่ี ๑ ขอหาที่ ๒ และคําฟอง
ในสวนท่ีฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ และที่ ๓ (ผูอํานวยการสวนควบคุมการกอสรางอาคารและผังเมือง
เทศบาลนครภูเก็ต) คงรบั เฉพาะคําฟองในขอหาที่ ๓ ไวพิจารณา ผูฟองคดียื่นคํารองอุทธรณคําส่ัง
เฉพาะประเด็นที่ไมรับคําฟองในขอหาท่ี ๑ และท่ี ๒ ไวพิจารณา ซ่ึงศาลปกครองสูงสุดมีคําสั่งยืน
ตามคําส่ังของศาลปกครองชั้นตน เห็นวา คดีนี้เมื่อปรากฏจากพยานเอกสารตามคํารองทั่วไป
ลงวันท่ี ๘ และ ๑๓ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ รวม ๒ ฉบับ ที่ผูฟองคดีรองเรียนตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒
เพ่ือขอใหต รวจสอบการกอสรา งอาคารของนาง ส. ทายคําฟองของผูฟอ งคดีวา การกอสรางอาคาร
ของนาง ส. มีการลํ้าเขตที่ดินขางเคียงของผูฟองคดีจนเบียดชิดติดกับอาคารของผูฟองคดี
ซ่ึงในภาวะเชนนั้น ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถิ่น
จักตองดําเนินการใหมีการตรวจสอบตามการรองเรียนดังกลาวเพื่อใหไดขอเท็จจริงชัดแจงวา
อาคารท่ีขออนุญาตกอสรางของนาง ส. เปนการกอสรางอาคารที่มีสวนใดรุกล้ําเขาไปในเขตท่ีดิน
ขางเคียงของผูฟองคดีหรือไม ซ่ึงหากมีการรุกล้ําเขาไปในท่ีดินขางเคียงของผูฟองคดีจริง
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๒๖
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถ่ิน มีอํานาจไมออกใบอนุญาต
กอสรางอาคารใหแกนาง ส. ตามคํารองขอดังกลาวได พรอมท้ังมีคําสั่งใหระงับการกอสราง
และหามมิใหบุคคลใดใชหรือเขาไปในสวนใดๆ ของอาคาร หรือบริเวณท่ีมีการกอสรางอาคารดังกลาว
และหากเห็นวาเปนกรณีที่สามารถแกไขเปล่ียนแปลงได ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ในฐานะเจาพนกั งานทองถน่ิ ก็มีอํานาจส่ังใหนาง ส. ดาํ เนนิ การแกไขเปลี่ยนแปลงใหถ ูกตองภายใน
ระยะเวลาที่กําหนดแตตองไมนอยกวาสามสิบวัน แตถาเห็นวาเปนกรณีที่ไมสามารถแกไข
เปล่ียนแปลงใหถูกตองได ผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถ่ิน
ก็ตองส่ังใหนาง ส. หรือผูควบคุมงาน ดําเนินการรื้อถอนอาคารน้ันทั้งหมดหรือบางสวนภายใน
ระยะเวลาที่กําหนดแตตองไมนอยกวาสามสิบวัน แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒
ในฐานะเจาพนักงานทองถิ่น ก็หาไดดําเนินการดังกลาวแตอยางใด กลับเช่ือตามการรายงานของ
นายชางเขต ๕ วา ไมพบวามีการรุกล้ําที่สาธารณะและที่ของบุคคลอื่น และไดออกใบอนุญาต
กอสรางอาคาร ลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๑ ใหแกนาง ส. ไป เมื่อปรากฏขอเท็จจริงวา ศาลจังหวัด
ภูเก็ตในคดีที่ผูฟองคดีไดนําขอพิพาทเกี่ยวกับความเสียหายของอาคารไปฟองเปนคดีแพงเรียก
คาเสียหายจากนาง ส. ไดมีคําพิพากษาเปนคดีหมายเลขแดงท่ี ๑๑๓๓/๒๕๕๔ เมื่อวันท่ี
๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ วินิจฉัยวา การกอสรางอาคารของนาง ส. ไดมีการรุกล้ําเขาไปในท่ีดินของ
ผูฟองคดีจริง โดยเปนสวนท่ีเปนคานคอดิน นอกจากน้ี ยังปรากฏวา การกอสรางอาคารของนาง ส.
นั้น ยังถูกพนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตฟองเปนคดีอาญา ฐานบุกรุก ตอศาลจังหวัดภูเก็ต โดยมี
ผูฟองคดีเปนโจทกรวม ซ่ึงศาลดังกลาวไดมีคําพิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่ ๕๓๓๓/๒๕๕๔
เม่ือวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ วา นาง ส. มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒
(ฐานบุกรุก) กรณีจึงตองฟงวา การกอสรางอาคารของนาง ส. มีลักษณะเปนการขออนุญาต
กอสรางอาคารท่ีมีสวนรุกลํ้าเขาไปในเขตที่ดินขางเคียงของผูฟองคดี อันเปนการฝาฝนตอประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย และประมวลกฎหมายอาญา ชอบท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒
ในฐานะเจาพนักงานทองถิ่น จะมีคําส่ังไมอนุญาตใหนาง ส. กอสรางอาคารตามคําขอดังกลาว
ตามมาตรา ๒๕ วรรคสาม แหง พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ พรอมทั้งมีคําสั่งตามมาตรา ๔๐
(๑) และ (๒) ประกอบมาตรา ๔๑ หรือมาตรา ๔๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว แลวแตกรณี
ดังน้ัน การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถิ่น ออกใบอนุญาต
กอสรางอาคาร ลงวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๕๑ ใหแกนาง ส. ไปโดยละเลยตอหนาท่ีไมดําเนินการ
ออกไปตรวจสอบกอนวาการกอสรางอาคารดังกลาวของนาง ส. มีสวนใดของอาคารรุกลํ้าเขาไป
ในเขตท่ีดินขางเคียงของผูฟองคดีหรือไมเชนน้ี จึงเปนการกระทําที่ไมชอบดวยกฎหมาย
แตเนื่องจากไดปรากฏจากคําฟองของผูฟองคดีเองวา ความเสียหายที่เกิดแกอาคารของผูฟองคดี
ซึง่ ผูฟองคดีประสงคฟ อ งเรียกคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๗๐๐,๐๐๐ บาท น้ัน ลวนเกิดมาจากการ
ตอกเสาเข็มบริเวณขางอาคารของผูฟองคดีและเปนความเสียหายที่เกิดกอนท่ีผูฟองคดีกับนาย อ.
ผูรับมอบอํานาจจากนาง ส. จะทําการจัดทําบันทึกขอตกลง ฉบับลงวันท่ี ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
และเกดิ กอนท่ีผฟู องคดีจะมีคํารองทว่ั ไป ลงวนั ที่ ๘ และวันท่ี ๑๓ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ รองเรียนตอ
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๒๗
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เพื่อขอใหตรวจสอบการกอสรางอาคารดังกลาวของนาง ส. กรณีจึงตองรับฟงวา
เปนความเสียหายท่ีเกิดจากการกระทําของฝายนาง ส. โดยตรงแตเพียงลําพัง หาไดเกิดจาก
การละเลยตอหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถ่ิน
ท่ีไมดําเนินการตรวจสอบการกอสรางอาคารดังกลาวกอนออกใบอนุญาตกอสรางอาคารลงวันท่ี
๗ มีนาคม ๒๕๕๑ ใหแกนาง ส. แตอยางใด ดังน้ัน การกระทําดังกลาวของผูถูกฟองคดีที่ ๑
โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถ่ิน แมจะเปนการไมชอบดวยกฎหมาย แตเม่ือ
ไมกอใหเกิดความเสียหายตามท่ีผูฟองคดีฟองมา จึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และเม่ือเปนความเสียหายที่เกิด
กอนการออกใบอนุญาตกอสรางอาคาร ลงวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๕๑ กรณีจึงไมจําตองวินิจฉัยวา
คําส่ังลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ท้ัง ๔ ฉบับ ท่ีสั่งระงับการกอสราง และหนังสือลงวันท่ี
๘ สิงหาคม ๒๕๕๑ ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ท่ีแจงใหนาง ส. กอสรางอาคารไดตอไปเปนการชอบ
ดวยกฎหมายและละเมิดตอผูฟองคดีหรือไมอีกตอไป เพราะไมทําใหผลคดีเปลี่ยนแปลงไป
เนื่องจากเปนการกระทําภายหลังจากความเสียหายตามฟองไดเกิดขึ้นกอนแลวเชนกัน
สวนในประเด็นท่ีเก่ียวกับเสาเข็ม จํานวน ๔ ตน ของนาง ส. ท่ีผูฟองคดีอุทธรณกลาวอางวา
ยังคงอยูในที่ดินของผูฟองคดี และมีคําขอใหศาลปกครองสูงสุดบังคับใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑
สั่งใหนาง ส. เจาของอาคารพิพาท หรือผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ดําเนินการร้ือถอนออกไปจากท่ีดินของ
ผูฟองคดีน้ัน เห็นวา ตามคําฟองของผูฟองคดีมิไดประสงคฟองขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ดําเนินการ
ใหมีการรื้อถอนเสาเข็ม จํานวน ๔ ตน ออกไปจากท่ีดินของผูฟองคดีดวย ศาลปกครองสูงสุด
จึงไมจําตองวินิจฉัยในประเด็นตามคําขอนี้ เน่ืองจากไมเก่ียวกับขอพิพาทตามคําฟอง
ที่ศาลปกครองชัน้ ตน มีคาํ พิพากษายกฟอ ง นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพอ งดว ยในผล
พิพากษายนื
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีกระทําการทุจริตเบิกจายคาจางลูกจาง
ชั่วคราวรายวนั อันเปน เทจ็
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๒๖๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เม่ือคร้ังผูฟองคดีรับราชการเปนขาราชการพลเรือน ตําแหนง
เจาหนาท่ีบริหารงานปาไม ๖ สังกัดกรมปาไม ไดรับคําส่ังจังหวัดพัทลุง ลงวันท่ี ๒๙ ธันวาคม
๒๕๔๑ ใหทําหนา ทีเ่ ปน คณะกรรมการจา ยเงินคาจา งลกู จา งชว่ั คราวรายวันของสถานีควบคุมไฟปา
ทะเลนอ ย ตัง้ แตวันท่มี คี าํ ส่ังเปนตนไป จนถึงวันท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓ ตอมา เม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๓
เจาหนาที่ของสํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคท่ี ๑๔ (จังหวัดนครศรีธรรมราช) ไดทําการ
สอบสวนผูฟองคดีโดยอางวามีหนังสือรองเรียนวามีการกระทําทุจริตในการเบิกจายคาจางลูกจาง
ชั่วคราวของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอย จังหวัดพัทลุง ระหวางปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๒
ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓ เปนเท็จ จากน้ัน อธิบดีกรมปาไมไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๕
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๒๘
และคําสงั่ ลงวนั ท่ี ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๔๕ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ในกรณีดังกลาว แตเน่ืองจากเรื่องดังกลาวอยูในความรับผิดชอบของกรมอุทยาน
แหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ตาม พ.ร.ฎ. โอนกิจการบริหารและอํานาจหนาที่ของสวนราชการ
ใหเปนไปตาม พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕ ผูถูกฟองคดีที่ ๑
(อธิบดีกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช) จึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
สงั่ ใหผฟู องคดีชดใชค าสินไหมทดแทน จํานวน ๑๕๗,๗๑๗ บาท เนอ่ื งจากกรมบัญชีกลางไดแจงผล
การพิจารณาความรับผิดทางละเมิด โดยเห็นวาผูฟองคดีในฐานะคณะกรรมการจายเงินคาจาง
ช่ัวคราวมหี นา ที่ควบคุมดแู ลการจายเงินคาจางของลูกจางชั่วคราวใหถูกตองครบถวน แตผูฟองคดี
และคณะกรรมการจายเงินคาจางชั่วคราวรายอื่นไมไดไปรวมสังเกตการณการจายเงิน
ไมตรวจสอบวาลูกจางไดปฏิบัติงานจริงหรือไม เปนชองทางใหนาย ป. ซึ่งทําหนาท่ีหัวหนาสถานี
ควบคมุ ไฟปาทะเลนอย กระทาํ ทุจรติ ไดโดยงา ย พฤติการณถือเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง เปน เหตุใหก รมอุทยานแหง ชาตสิ ัตวป า และพนั ธพุ ืชไดรบั ความเสียหาย จึงมีคําส่ังให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๕๐ ของคาเสียหาย ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท คิดเปน
เงิน ๖๓๐,๘๖๘ บาท ซ่ึงคณะกรรมการจายเงินคาจางชั่วคราว ๔ ราย ประกอบดวย นาย ช.
นาย ร. นาย ว. และผูฟองคดี โดยใหรับผิดในอัตราสวนคนละเทาๆ กัน คิดเปนเงินคนละ
๑๕๗,๗๑๗ บาท ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําสั่งดังกลาวจึงไดมีหนังสือลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน
๒๕๕๕ และหนังสอื ลงวันท่ี ๑๙ ธนั วาคม ๒๕๕๕ อุทธรณค ําสง่ั และอทุ ธรณเพมิ่ เติมตอผูถูกฟองคดี
ท่ี ๑ และขอทุเลาการใชมาตรการบังคับทางปกครองดังกลาวไวจนกวาการพิจารณาอุทธรณ
จะสิ้นสุดและจนกวาคดีปกครองถึงท่ีสุด ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ พิจารณาหนังสืออุทธรณของผูฟองคดีแลว
ไมเห็นดวยกับคําอุทธรณ แตเห็นควรใหทุเลาการบังคับทางปกครองแกผูฟองคดี จึงสงคําอุทธรณ
ของผูฟองคดีใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม) พิจารณา
ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดพิจารณาอุทธรณโดยยืนตามคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และยกอุทธรณ
ของผูฟองคดีตามคําวินิจฉัยอุทธรณ ลงวันท่ี ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ผูฟองคดีเห็นวา คําส่ังของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และการพิจารณาอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดี
มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหการกระทําของผูฟองคดีไมไดเปนการกระทํา
โดยประมาทเลินเลออยางรายแรง เพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามหนังสือกรมอุทยาน
แหงชาติ สตั วปา และพนั ธพุ ชื ลงวนั ที่ ๑๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๕ ในสว นทีเ่ รยี กใหผฟู องคดีชดใชเงิน
คาสินไหมทดแทนแกทางราชการ จํานวน ๑๕๗,๗๑๗ บาท และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามคําวินิจฉัยอุทธรณ ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖ เรื่อง การพิจารณาอุทธรณ
คาํ สัง่ ทางปกครองรายผูฟอ งคดี เหน็ วา การทีค่ ณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
เห็นวา การเบิกจายคาจางคนงานของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอยอยูในความรับผิดชอบของนาย ป.
เจาหนาท่ีบริหารงานปาไม ๕ ทําหนาที่หัวหนาสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอย ท่ีจะตองเปน
ผูรับผิดชอบในฐานะผูเบิก จึงเห็นสมควรใหนาย ป. ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๖๕
ของจาํ นวนเงนิ ๒๗๒,๐๑๐ บาท เปน เงิน ๑๗๖,๘๐๖.๕๐ บาท และโดยที่เร่ืองดังกลาวอยูในความ
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๒๙
รบั ผิดชอบของกรมอทุ ยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ตามพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหาร
และอํานาจหนาท่ีของสวนราชการใหเปนไปตาม พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
พ.ศ. ๒๕๔๕ อธบิ ดีกรมปาไมจึงมีหนังสือกรมปาไม ลงวันท่ี ๖ มกราคม ๒๕๔๙ สงรายงานผลการ
สอบสวน และเอกสารที่เกี่ยวของใหกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ดําเนินการตอไป
ซ่ึงผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดพิจารณารายงานผลการสอบสวนแลวเห็นวา การท่ีนาย ป. ไมปฏิบัติ
ตามระเบียบและกฎหมายเปนการจงใจทําใหทางราชการไดรับความเสียหาย จึงตองรับผิดเต็ม
จํานวนของคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือ
ลงวนั ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๔ รายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด พรอมทั้งความเห็น
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ใหกระทรวงการคลังพิจารณา ตอมากระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง
พิจารณาแลวเห็นวา นาย ป. และนาย ส. ไดจัดทําหลักฐานเบิกจายเงินคาจางลูกจางช่ัวคราว
เปนเท็จ พฤติการณถือเปนการรวมกันกระทําผิดโดยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติหนาที่แสวงหา
ประโยชนท่ีมิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย เปนการจงใจกระทําละเมิดเปนเหตุใหกรมอุทยาน
แหง ชาติ สัตวปา และพันธุพืช ไดรับความเสียหาย จึงใหน าย ป. ซึ่งเปนหัวหนาสถานีควบคุมไฟปา
ทะเลนอย รับผิดในอัตรารอยละ ๘๐ ของความเสียหายจํานวน ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท คิดเปนเงิน
๑,๐๐๙,๓๘๘.๘๐ บาท และนาย ส. ซ่ึงเปนเพียงลูกจางช่ัวคราว รับผิดในอัตรารอยละ ๒๐
ขอ งความเสี ยหายจํานวน ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท คิด เปนเงิน ๒๕๒,๓๔๗.๒๐ บาท
สวนคณะกรรมการจายเงินคาจางช่ัวคราว ซ่ึงมีผูฟองคดีเปนกรรมการดวย มีหนาที่ควบคุมดูแล
การจายเงินคาจางช่ัวคราวใหถูกตองครบถวน แตไมควบคุมดูแลการจายเงินคาจางช่ัวคราว
ใหถกู ตองครบถว น โดยไมไดไ ปรว มสงั เกตการณการจายเงิน การท่ีคณะกรรมการดังกลาวลงชื่อไป
โดยไมตรวจสอบวาลูกจางไดมาปฏิบัติงานจริงหรือไม เปนชองทางใหนาย ป. กระทําการทุจริต
ไดโ ดยงา ย พฤตกิ ารณถ ือเปนการกระทาํ โดยประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหกรมอุทยาน
แหง ชาติ สตั วป า และพนั ธุพชื ไดรับความเสียหาย จึงใหคณะกรรมการดังกลาวซ่ึงรวมถึงผูฟองคดี
ดวย รับผิดในอัตรารอยละ ๕๐ ของคาเสียหาย ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท คิดเปนเงิน ๖๓๐,๘๖๘ บาท
โดยใหรับผิดในอัตราสวนคนละเทาๆ กัน คนละ ๑๕๗,๗๑๗ บาท ทั้งนี้ หากกรมอุทยานแหงชาติ
สัตวปา และพันธุพืช ไดรับชดใชคาสินไหมทดแทนจากนาย ป. และนาย ส. เม่ือนํามารวมกับ
จํานวนเงินท่ีคณะกรรมการจายเงินคาจางชั่วคราวทั้งสี่รายไดชดใชไวเกินจํานวนความเสียหาย
ใหคืนเงินสวนที่ไดรับชําระไวเกินสวนน้ันใหแกคณะกรรมการจายเงินคาจางชั่วคราวท้ังส่ีราย
ตามสัดสวนแหงความรับผิดและที่ไดรับชําระไวของแตละคนตอไป กรมบัญชีกลางจึงมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ แจงผลการพจิ ารณาดังกลา วใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ทราบและดําเนินการ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับหนังสือดังกลาว เม่ือวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ จึงมีคําสั่งตามหนังสือ
กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ลงวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ตามความเห็นของ
กรมบัญชีกลาง จากขอเท็จจริงดังกลาวจึงเปนกรณีท่ีกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช
ในฐานะหนวยงานของรัฐเห็นวาเจาหนาที่ผูทําละเมิดไมตองรับผิด แตกระทรวงการคลังเห็นวา
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๓๐
ตองรับผิด อายุความในการใชสิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจึงมีกําหนด
อายุความหน่ึงป นับแตวันท่ีหนวยงานของรัฐมีคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
เมอื่ ผูถกู ฟองคดีท่ี ๑ ไดรับหนังสือแจงผลการพิจารณาจากกระทรวงการคลังเม่ือวันท่ี ๒๒ ตุลาคม
๒๕๕๕ การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน
๑๕๗,๗๑๗ บาท จึงเปนการใชสิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนภายในหนึ่งป
นับแตวันท่ีหนวยงานของรัฐมีคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลัง อยางไรก็ดี เม่ือปรากฏ
ขอเท็จจริงวา ผูวาราชการจังหวัดพัทลุงไดมีคําส่ังจังหวัดพัทลุง ลงวันท่ี ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๑
แตงตั้งคณะกรรมการจายเงินคาจางลูกจางช่ัวคราวรายวันของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอย
โดยแตงตั้งใหผูฟองคดีเปนกรรมการในคณะกรรมการดังกลาว และใหมีผลต้ังแตวันที่มีคําสั่ง
เปนตนไป จนถึงวันท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓ จึงตองถือวาในปงบประมาณดังกลาว ผูฟองคดีปฏิบัติ
หนาที่เปนกรรมการในคณะกรรมการจายเงินคาจางลูกจางช่ัวคราวรายวันของสถานีควบคุมไฟปา
ทะเลนอยต้ังแตวันท่ี ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๑ จนถึงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓ กรณีจึงเห็นไดวา
วันที่มีการทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่เกิดขึ้นไดแกวันที่ผูฟองคดีลงลายมือช่ือเบิกจายเงินคาจาง
ลูกจางช่ัวคราวของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอย ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓
แมวาพยานหลักฐานในสํานวนคดีไมปรากฏแนชัดวาผูฟองคดีลงลายมือชื่อรวมกับคณะกรรมการ
คนอ่ืนเบิกจายเงินคาจางดังกลาวเมื่อใด อันจะถือไดวาผูฟองคดีกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑
แตยอมอนุมานไดวา การกระทําของผูฟองคดีอันเปนชองทางใหนาย ป. กระทําการทุจริต
ทําหลักฐานเบิกจายระหวางปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓ เปนเท็จ ยอมเกิดข้ึน
ในระหวางที่ผูฟองคดีทําหนาท่ีเปนคณะกรรมการตามคําส่ังดังกลาว ดังน้ัน เมื่อเหตุแหง
การกระทําละเมิดเกิดข้ึนในชวงระหวางวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๑ ถึงวันท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓
กรณีจึงเห็นไดวา วันท่ีมีการทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่เกิดขึ้นไดแก ต้ังแตวันท่ี ๒๙ ธันวาคม
๒๕๔๑ จนถึงวันท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓ โดยวันสุดทายที่ผูฟองคดีสามารถลงลายมือช่ือรวมกับ
คณะกรรมการคนอ่ืนเบิกจายเงินคาจางใหแกลูกจางชั่วคราวได คือ วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓
ดงั นั้น การทีผ่ ูถูกฟองคดที ี่ ๑ มคี ําส่งั เรียกใหผูฟอ งคดีรับผดิ ชดใชค าสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดี
ท่ี ๑ เปนเงิน ๑๕๗,๗๑๗ บาท ตามหนังสือกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ลงวันที่
๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ จึงเปนการออกคําสั่งเม่ือพนสิบปนับแตวันทําละเมิด ตามมาตรา ๔๔๘
วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย คําส่ังดังกลาวของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงไมชอบ
ดวยกฎหมาย และมีผลใหคําวินิจฉัยยกอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ที่เห็นชอบตามคําสั่งดังกลาว
ไมชอบดวยกฎหมายเชนกัน ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ตามหนังสือกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ที่เรียกให
ผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช เปนเงิน
จํานวน ๑๕๗,๗๑๗ บาท และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๓๑
ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดี โดยใหมีผลยอนหลังไปต้ังแตวันออกคําส่ังและคําวินิจฉัยอุทธรณ
ตามแตก รณี นั้น ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พอ งดว ย
พพิ ากษายืน
ฟองขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนอันเน่ืองจากคําสั่งใหพนจากตําแหนงผูอํานวยการ
การเลอื กตง้ั ประจาํ เทศบาล
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๒๖๙/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๕
ฟองขอใหระงับการเรียกเก็บคาบริการและการใหบริการสอบถามหมายเลขโทรศัพทและ
คนื เงินคา บรกิ ารท่เี รยี กเกบ็ ไวแลว
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๒๗๖/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นวิธีพิจารณาคดีปกครอง
หนา ๑๙๕
ฟองขอใหคืนเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมจดทะเบียนโฉนดที่ดินและส่ิงปลูกสรางเน่ืองจาก
มีการเพิกถอนการขายทอดตลาด
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๒๙๒/๒๕๖๓
ผฟู อ งคดฟี อ งวา เมื่อวนั ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๔๙ ผูฟองคดีประมูลซ้ือที่ดินตามโฉนดท่ีดิน
เลขที่ ๒๘๐๕๖ พรอมส่ิงปลูกสราง ราคา ๑๖,๑๐๐,๐๐๐ บาท จากการขายทอดตลาด
ตามประกาศเจาพนักงานพิทักษทรัพยในสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (กรมบังคับคดี) ลงวันท่ี
๓๑ มกราคม ๒๕๔๙ ในคดีของศาลลมละลายกลาง คดีหมายเลขแดงท่ี ๕๓๔/๒๕๔๕
ซงึ่ ท่ีดินแปลงดังกลาวมีชื่อนาย ป. เปนผูถือกรรมสิทธ์ิ โดยเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ใหผูฟองคดี
ทําสัญญาซ้ือขายและวางเงินมัดจํา จํานวน ๕๐,๐๐๐ บาท สวนท่ีเหลือจํานวน ๑๖,๐๕๐,๐๐๐ บาท
กําหนดใหผ ูฟอ งคดีชาํ ระตอ เจาพนักงานบังคับคดีใหเสร็จภายในสิบหาวันนับแตวันซ้ือ เม่ือถึงวันที่
๑๐ มนี าคม ๒๕๔๙ ผูฟอ งคดไี ดชาํ ระเงินสว นทีเ่ หลือจํานวนดังกลาวใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตอมา
วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๔๙ ผูฟองคดีไดย่ืนคํารองตอเจาพนักงานท่ีดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป
ขอจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิที่ดินพรอมส่ิงปลูกสรางดังกลาวมาเปนกรรมสิทธ์ิของผูฟองคดี
โดยผูฟอ งคดไี ดเสียคา ใชจา ยในการจดทะเบยี นโอนทดี่ ินพรอมสิง่ ปลกู สราง ประกอบดวย คาคําขอ
จํานวน ๕ บาท คาธรรมเนียม จํานวน ๓๐๒,๒๙๒ บาท คาภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา จํานวน
๙๖๑,๔๖๐ บาท รวมเปนเงินทั้งสิ้น ๑,๒๖๓,๗๕๗ บาท ภายหลังจากจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิ
ที่ดินแลว นาย ป. ไดย่ืนคํารองตอศาลลมละลายกลางขอใหเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดิน
ดังกลาว โดยอางวาการขายทอดตลาดของเจาพนักงานพิทักษทรัพยเปนการขายทอดตลาด
ในราคาต่ําเกินสมควร และไมใหโอกาสนาย ป. ไดคัดคานราคา ทําใหไมไดรับความเปนธรรม
ซึง่ ศาลลมละลายกลางมคี ําสง่ั วนั ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เพิกถอนการขายทอดตลาดท่ีดินพรอม
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๓๒
สิ่งปลูกสรางดังกลาว ผูฟองคดีจึงคืนโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๘๐๕๖ ใหแกเจาพนักงานพิทักษทรัพย และ
เจาพนักงานพิทักษทรัพยไดคืนเงินคาซื้อท่ีดินพรอมสิ่งปลูกสราง จํานวน ๑๖,๑๐๐,๐๐๐ บาท
ใหแกผูฟอ งคดี ตอ มา ผูฟอ งคดไี ดย ืน่ คําขอตอ กรมสรรพากรใหคืนเงินคาภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา
จํานวน ๙๖๑,๔๖๐ บาท ซึ่งกรมสรรพากรไดคืนเงินจํานวนดังกลาวใหแกผูฟองคดีแลว ครั้นวันที่
๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ผูฟองคดีไดยื่นคําขอตอเจาพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป
ใหคืนเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมการจดทะเบียนการขายที่ดินตามคําสั่งศาล จํานวน
๓๐๒,๒๙๗ บาท แตเจาพนักงานที่ดินมีหนังสือลงวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐ แจงคําส่ังใหผูฟองคดี
ทราบวา ไมสามารถคืนเงินคาธรรมเนียมจํานวนดังกลาวใหแกผูฟองคดีได ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๐ อุทธรณตอเจาพนักงานท่ีดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป
ตอมาเจาพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครพิจารณาแลวมีคําส่ังใหยกอุทธรณของผูฟองคดี และ
แจงใหผูฟองคดีทราบตามหนังสือลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ผูฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี
๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๐ โดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับแจงไปยังผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใหคืนเงิน
คาธรรมเนียม จํานวน ๓๐๒,๒๙๗ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ใหแกผูฟองคดี
ภายในสิบวันนับแตวันที่ไดรับหนังสือน้ี ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดรับหนังสือดังกลาวเม่ือวันที่
๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๐ แตเพิกเฉยไมชําระเงินจํานวนดังกลาวใหแกผูฟองคดี ผูฟองคดีเห็นวา
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (กรมท่ีดิน) มีหนาท่ีจะตองคืนเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมใหแกผูฟองคดี
อีกท้ัง การท่ีศาลลมละลายกลางเพิกถอนการขายทอดตลาดเพราะเจาพนักงานพิทักษทรัพย
ซ่ึงเปนเจาหนาที่ในสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ดําเนินการขายทอดตลาดโดยไมชอบดวยกฎหมาย
ทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย ผูถูกฟองคดีที่ ๒ จึงตองรวมรับผิดคืนเงิน
คาธรรมเนียมดังกลาวใหแกผูฟองคดีดวย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให
ผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกันคืนเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมจดทะเบียนโอนที่ดินพรอมสิ่งปลูกสราง
จํานวน ๓๐๒,๒๙๗ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาว
นับแตวันถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จแกผูฟองคดี เห็นวา ขณะท่ีผูฟองคดี
ย่ืนขอจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๒๘๐๕๖ ซึ่งซ้ือมาจากการขายทอดตลาด
ในคดีหมายเลขแดงท่ี ๗๔๖/๒๕๔๙ ของศาลลมละลายกลาง เจาพนักงานท่ีดินกรุงเทพมหานคร
สาขาบางกะป เจาหนาท่ีในสังกัดของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดเรียกเก็บคาธรรมเนียมจดทะเบียน
โอนที่ดินพรอมสิ่งปลูกสราง เปนเงิน ๓๐๒,๒๙๒ บาท พรอมคาคําขอแปลงละ ๕ บาท รวมเปน
๓๐๒,๒๙๗ บาท น้ัน เงินคาธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับท่ีดินหรือ
อสังหาริมทรัพยอื่นใด เปนเงินที่รัฐเรียกเก็บจากราษฎรเปนคาตอบแทนการท่ีรัฐใหบริการ
แกราษฎรในการทําใหสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยของราษฎรมีผลสมบูรณ
ตามกฎหมาย โดยมาตรา ๑๐๓ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ประกอบกับขอ ๒ (๗) (ก)
และ (๑๐) ของกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความใน พ.ร.บ. ใหใชประมวล
กฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ กําหนดใหเรียกเก็บคาธรรมเนียมในอัตรารอยละ ๒ ของจํานวนทุนทรัพย
และคาคําขอแปลงละ ๕ บาท เม่ือกรณีนี้ท่ีดินพรอมส่ิงปลูกสรางพิพาทมีราคาประเมินทุนทรัพย
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๓๓
๑๕,๑๑๔,๕๙๒ บาท การท่ีเจาพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป เรียกเก็บคาคําขอ
และคาธรรมเนียม รวมเปนเงิน ๓๐๒,๒๙๒ บาท เพื่อเปนคาตอบแทนการจดทะเบียน
โอนกรรมสิทธ์ิในท่ีดินพรอมส่ิงปลูกสราง ระหวางนาย ป. เจาของกรรมสิทธิ์เดิม กับผูฟองคดี
ซึ่งเปนผูซ้ือจากการขายทอดตลาด จึงชอบดวยกฎหมายแลว แมตอมาขอเท็จจริงจะปรากฏวา
ศาลลมละลายกลางมีคําส่ังใหเพิกถอนการขายทอดตลาด เปนเหตุใหเจาพนักงานท่ีดิน
กรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป มีคําสั่งเพิกถอนรายการจดทะเบียนขายตามคําสั่งศาล ระหวาง
นาย ป. ผูขาย กับ ผูฟองคดี ผูซื้อ แตก็หาไดมีผลทางกฎหมายเปนการเพิกถอนการท่ีเจาพนักงาน
ท่ีดินจังหวัดกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป ใหบริการแกผูฟองคดีตามอํานาจหนาท่ีท่ีกฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติไม อีกท้ัง การเพิกถอนรายการจดทะเบียนดังกลาวไมไดเกิดข้ึนจากความ
ผดิ พลาดคลาดเคลอื่ น หรอื การกระทาํ ท่มี ชิ อบดวยกฎหมายของเจา พนกั งานท่ีดนิ กรุงเทพมหานคร
สาขาบางกะป หรือเจาหนาท่ีท่ีอยูในบังคับบัญชาของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ประกอบกับผูฟองคดีไดไป
ซึ่งกรรมสทิ ธิ์ในท่ีดนิ พรอมส่ิงปลูกสรางโดยบรบิ ูรณทางทะเบยี นโดยชอบดวยกฎหมายแลวจากการ
จดทะเบียน กอนท่ีศาลลมละลายกลางจะมีคําสั่งใหเพิกถอนการขายทอดตลาด ดังนั้น การท่ี
เจาพนักงานที่ดินกรงุ เทพมหานคร สาขาบางกะป มีหนังสอื ลงวันท่ี ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐ แจง ผูฟองคดี
วาไมสามารถคืนเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใหแกผูฟองคดี
ตลอดจนการท่ีเจาพนักงานที่ดินจังหวัดกรุงเทพมหานคร มีคําสั่งยกอุทธรณและแจงใหผูฟองคดี
ทราบตามหนังสือลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐ จึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี
ผถู กู ฟองคดีที่ ๑ ซึ่งเปนหนวยงานของรฐั ตน สังกัด ไมต องรบั ผดิ ชดใชค าสินไหมทดแทนหรือคืนเงิน
คาธรรมเนียมในการจดทะเบียนโอนท่ีดินพรอมสิ่งปลูกสรางที่พิพาทใหแกผูฟองคดีแตอยางใด
สวนการท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไมชดใชคาธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนท่ีดินพรอมส่ิงปลูกสราง
ท่ีพิพาทใหแกผูฟองคดี น้ัน เมื่อขอเท็จจริงปรากฏตามคําสั่งศาลลมละลายกลางในคดีสาขา
หมายเลขแดงท่ี ๗๔๖๕/๒๕๔๙ วา ประกาศของเจาพนักงานพิทักษทรัพย กรมบังคับคดี
เร่ือง การขายทอดตลาดที่ดินพรอมสิ่งปลูกสราง ในสวนตอนทายของหมายเหตุไมไดระบุเง่ือนไขใดๆ
ท่ีกําหนดวา หากผูมีสวนไดเสียไมคัดคานในนัดใดนัดหนึ่งแลว จะหมดสิทธิคัดคานในนัดตอไป
เม่ือเจาพนักงานพิทักษทรัพยประกาศขายทอดตลาดท่ีดินแปลงโฉนดเลขท่ี ๒๘๐๕๖ พรอมส่ิงปลูกสราง
ของนาย ป. ในการขายทอดตลาดครั้งท่ี ๕ เมื่อวันท่ี ๓ มีนาคม ๒๕๔๙ ใหแกผูฟองคดี
ซงึ่ เสนอราคาสูงสุด เปนเงิน ๑๖,๑๐๐,๐๐๐ บาท แตราคาสูงสุดดังกลาวก็ยังตํ่ากวาราคาประเมิน
ซ่ึงเจาพนักงานพิทักษทรัพยประเมินไว นาย ป. จึงถือเปนบุคคลผูมีสวนไดเสียในการบังคับคดี
ท่ีอาจคัดคานราคาดังกลาววามีจํานวนตํ่าเกินสมควรได และกรณีน้ีเจาพนักงานพิทักษทรัพย
จะตองใหมีการเลื่อนการขายทอดตลาดทรัพยสินออกไปกอน แตเจาพนักงานพิทักษทรัพย
กลับดําเนินการเคาะไมขายทรัพยดังกลาวใหแกผูฟองคดีโดยไมฟงคําคัดคานของนาย ป.
การขายทอดตลาดจึงไมชอบดวยกฎหมาย โดยศาลลมละลายกลางมีคําสั่งใหเพิกถอน
การขายทอดตลาดที่ดินพรอมส่ิงปลูกสรางดังกลาว กรณีจึงเห็นไดวา ความเสียหายท่ีผูฟองคดี
ไดรับ คือ เงินคาคําขอและคาธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนท่ีดินพรอมสิ่งปลูกสรางซ่ึงผูฟองคดี
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๓๔
ไมอาจเรียกคืนจากเจาพนักงานที่ดินจังหวัดกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป เปนผลโดยตรง
จากการท่ีเจาพนักงานพิทักษทรัพยใชอํานาจดําเนินการเคาะไมขายทอดตลาดทรัพยใหแกผูฟองคดี
โดยไมชอบดวยกฎหมาย เปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งเปนหนวยงานตนสังกัดของเจาพนักงานพิทักษ
ทรัพยยอมตองรับผิดตอผูเสียหายในผลแหงละเมิดที่เกิดข้ึน ตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ทั้งยังตองรับผิดชําระดอกเบ้ียในอัตรารอยละ
๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๓๐๒,๒๙๗ บาท นับแตวันทําละเมิดเปนตนไป ตามมาตรา ๒๒๔
ประกอบกับมาตรา ๒๐๖ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว แตเน่ืองจากผูฟองคดีมีคําขอใหชําระ
ดอกเบ้ียนับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ ศาลจึงไมสามารถพิพากษาเกินคําขอใน
สวนนไี้ ด สวนท่ผี ูถ กู ฟองคดที ี่ ๒ อางวา สัญญาซื้อขายระหวางผูฟองคดีกับเจาพนักงานบังคับคดี
ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๔๙ ขอ ๕ ระบุวา “ในกรณีที่สัญญาน้ีถูกยกเลิกหรือศาลมีคําส่ังเพิกถอน
ดวยเหตุใดก็ดี อันเปนเหตุใหขาพเจา (ผูซื้อ) ไมไดกรรมสิทธ์ิหรือไมอาจใชประโยชนในท่ีดินหรือ
หองชดุ ทซี่ ้ือ ขา พเจา (ผซู ือ้ ) ไมติดใจเรยี กรอ งดอกเบ้ียหรือคาเสียหายหรือเงินตางๆ ท่ีขาพเจาตอง
ชําระไปเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธ์ิแตอยางใด” ผูฟองคดีจึงไมอาจเรียกรองใหผูถูกฟองคดีที่ ๒
ชดใชคาคําขอและคาธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมท่ีเกิดข้ึนได นั้น แมขอสัญญา
ดังกลาวจะมีลักษณะเปนการยกเวนความรับผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งเปนหนวยงานของรัฐ
ตน สงั กัดของเจา พนกั งานบังคบั คดีและเจา พนกั งานพิทกั ษท รัพยไวลวงหนาก็ตาม แตหากพิจารณา
ประกาศเจาพนักงานพิทักษทรัพย กรมบังคับคดี เรื่อง การขายทอดตลาดที่ดินพรอมสิ่งปลูกสราง
คดีศาลลมละลายกลาง หมายเลขแดงที่ ๕๓๔/๒๕๔๕ ซึ่งระบุขอสัญญาวา “การรอนสิทธิ
คาภาษีอากรตางๆ เรื่องเขตเนื้อที่ การบอกประเภทและสภาพของทรัพย เจาพนักงานพิทักษทรัพย
ไมรับรองและไมรับผิดชอบ” และ “กอนเขาสูราคา ผูซื้อมีหนาท่ีตรวจสอบรายละเอียดท่ีเกี่ยวกับ
ทรัพยที่จะซ้ือตามสถานที่ และแผนท่ีการไปท่ีปรากฏในประกาศ และถือวาผูซ้ือไดทราบถึงสภาพ
น้ันโดยละเอียดครบถวนแลว” ขณะท่ีหนังสือสัญญาซื้อขายระหวางผูฟองคดี กับ เจาพนักงาน
บงั คับคดี ลงวันท่ี ๓ มีนาคม ๒๕๔๙ ขอ ๔ ระบุวา “ขาพเจาเขาใจโดยชัดเจนวากรรมสิทธ์ิในที่ดิน
หรือหองชุดรายนี้ เจาพนักงานบังคับคดีมีอํานาจขายไดมากนอยเทาใดก็รับซื้อไวเทานั้น
การกําหนดเขตท่ีดินหรือเนื้อท่ีหองชุดโดยกวางยาวและการบอกประเภทท่ีดินหรือหองชุด
ตามประกาศขายทอดตลาดน้ันเปนแตกลาวไวโดยประมาณ ถึงแมวาเน้ือที่ดินหรือหองชุดจะขาด
หรือเกินไป หรือการบอกประเภทของที่ดินหรือหองชุดจะผิดไปประการใดก็ดี ไมถือวาเปนเหตุ
ใหเลิกสัญญาซ้ือขายน้ีได” ขอสัญญาดังกลาวจึงไมใชการยกเวนความรับผิดโดยไมมีขอจํากัด
หากมุงใชบังคับแกกรณีที่ทรัพยสินซึ่งไดจากการขายทอดตลาดชํารุดบกพรอง ไมตรงตามลักษณะ
ในประกาศขายทอดตลาด มกี ารรอนสทิ ธิ หรือเกดิ ความเสียหายใดๆ ซงึ่ เกดิ จากเหตุอันไมอาจโทษ
เจาพนักงานบังคับคดีหรือเจาพนักงานพิทักษทรัพยผูดําเนินการขายทอดตลาดทรัพยสินดังกลาว
ไดเทาน้ัน แตเม่ือขอเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏวาความเสียหายที่ผูฟองคดีไดรับเปนผลโดยตรงจาก
การทเี่ จาพนกั งานพทิ กั ษทรพั ยดําเนนิ การขายทอดตลาดโดยไมชอบดวยกฎหมาย ผูถ กู ฟองคดีท่ี ๒
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๓๕
ซ่ึงเปนหนวยงานตนสังกัด จึงตองรับผิดชดใชเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมจดทะเบียนโอนท่ีดิน
พรอมส่ิงปลูกสราง จํานวน ๓๐๒,๒๙๗ บาท พรอมดอกเบี้ยใหแกผูฟองคดี ที่ศาลปกครองช้ันตน
พิพากษาใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทน จํานวน ๓๐๒,๒๙๗ บาท พรอมดอกเบี้ยใน
อัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวนดังกลาว นับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระ
เสร็จใหแกผูฟองคดี โดยใหชําระใหแลวเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแตวันที่คดีถึงท่ีสุด คําขออื่น
นอกจากนใี้ หยก และใหคืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผฟู อ งคดี นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย
พพิ ากษายนื
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีละเมิดมิไดควบคุมการเบิกจายเงิน
ใหถ ูกตอ ง
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๓๑๕/๒๕๖๓
ผฟู อ งคดีฟองวา ผูฟองคดีไดรบั ความเดือดรอนหรือเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดี
(นายอาํ เภอนา้ํ ขุน) ไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงิน ๒,๗๙๔,๓๒๓.๑๕ บาท กรณีผูฟองคดีเมื่อคร้ังดํารงตําแหนงปลัดองคการบริหาร
สวนตําบลโคกสะอาด ไดลงนามสั่งจายเช็คธนาคารกรุงไทย เลขท่ี ๐๐๕๘๔๗๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๒
เปนเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเลขท่ี ๐๐๕๘๔๗๙ ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๒ เปนเงิน
๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท รวมเปนเงิน ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท ใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
เพ่ือนําฝากเขาบัญชีธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณการเกษตร ประเภทบัญชีออมทรัพย
โดยมิไดขีดเสนตรงหลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ” เปนเหตุใหมีการเขียน
ตัวอักษรเพ่ิมเติมเปลี่ยนแปลงจาก “อบต.โคกสะอาด” เปน “ชอบตั้งโคกสะอาดพาณิชย” และ
ในฐานะเจาหนา ท่ีงบประมาณ มีหนาทค่ี วบคุมงบประมาณรายจาย แตไมมีการควบคุมการเบิกจายเงิน
ไมควบคุมบัญชีรายงานและเอกสารเก่ียวกับการจายเงิน รวมท้ังละเลยไมเรงรัดใหหัวหนาหนวยงานคลัง
ทํารายงานแสดงรายรับและรายจายเปนรายเดือน เปนเหตุใหนาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี
นําเงนิ เขาบญั ชขี องนาย ศ. ซ่ึงมีช่ือเปนเจาของรานและเปนสามีของนาง ส. ทําใหเงินขององคการ
บรหิ ารสวนตําบลโคกสะอาดขาดบัญชีจํานวน ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท พฤติการณถือไดวาเปนการประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดมีความเห็นใหผูฟองคดีรับผิด
ในสัดสวนรอยละ ๒๐ ของความเสียหายรวมเปนเงิน ๑,๐๑๘,๗๖๐ บาท ผูถูกฟองคดีจึงมีคําสั่ง
ลงวนั ท่ี ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนตามจํานวนเงินดังกลาว
ตอมา กรมบัญชีกลางไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๕ ถึงผูถูกฟองคดี โดยมีความเห็นวา
ผูฟองคดีไดลงนามสั่งจายเช็คธนาคารกรุงไทย เลขที่ ๐๐๕๘๔๗๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๒
เปนเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเลขท่ี ๐๐๕๘๔๗๙ ลงวันท่ี ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๒ เปนเงิน
๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท รวมเปนเงิน ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท แตเนื่องจากนาง ส. นําเงินสดฝากเขาบัญชีออมทรัพย
ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณการเกษตร ในภายหลัง เปนเงิน ๒,๙๑๘,๐๐๐ บาท เมื่อหักความเสียหาย
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๓๖
จากเงนิ ทีม่ กี ารนําเขาบญั ชตี ามสดั สว นของยอดเงนิ ที่เบกิ จายตามเช็ค คิดเปนเงิน ๑,๙๑๑,๓๕๓.๗๑ บาท
คงเหลือความเสียหายจํานวน ๕,๕๘๘,๖๔๖.๒๙ บาท จึงใหผูฟองคดีชดใชความเสียหายในอัตรา
รอ ยละ ๕๐ ของความเสียหายจํานวน ๕,๕๘๘,๖๔๖.๒๙ บาท คิดเปนเงิน ๒,๗๙๔,๓๒๓.๑๕ บาท
ตอมา ผูถูกฟองคดีไดมีคําสั่งลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง ผูฟองคดีอุทธรณคําสั่งดังกลาว แตผูวาราชการจังหวัดอุบลราชธานี
มีคาํ วนิ จิ ฉัยใหย กอุทธรณ ผูฟองคดเี หน็ วา จาํ นวนเงินที่จะตองชดใชในอัตรารอยละ ๕๐ ของความเสียหาย
เปนจาํ นวนเงินท่ีสูงมากและไมเปน ธรรม จึงนาํ คดมี าฟอ งขอใหศ าลมีคาํ พพิ ากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดี
ยกเลกิ คาํ ส่ังลงวนั ที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เห็นวา การที่ผูฟองคดีลงลายมือช่ือในเช็คพิพาททั้งสองฉบับ
ดังกลาวโดยเห็นอยูแลววา เช็คน้ันไมไดมีการขีดเสนตรงหลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา
“หรือผูถือ” อันเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๗๐ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน
การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน
พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งเปนหลักทั่วไปในการเขียนเช็คของสวนราชการท่ีประสงคใหการเขียนหรือพิมพ
จํานวนเงนิ ในเชค็ ที่เปน ตัวอักษรมิใหมีชองวางท่ีจะเขียนหรือพิมพจํานวนเงินเพ่ิมเติมได และใหขีดเสนตรง
หลังชื่อสกุล ช่ือบริษัท หรือหางหุนสวน จนชิดคําวา “หรือผูถือ” หรือ “หรือตามคําสั่ง” แลวแตกรณี
เพ่ือมใิ หม กี ารเขยี นหรือพมิ พชื่อสกลุ บุคคลอ่ืนหรือชื่อบริษัทหรือหางหุนสวนอ่ืนเพ่ิมเติมไดอีก อันเปน
การปองกันการทุจริตที่อาจจะเกิดข้ึนได การที่ผูฟองคดีไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาวจนเปนชองทาง
ใหนาง ส. เขียนตัวอักษรเพ่ิมเติมโดยเปล่ียนขอความจาก “อบต.โคกสะอาด” เปน “ชอบตั้งโคกสะอาดพาณิชย”
และโอนเงินเขาบญั ชีของนาย ศ. สามีของนาง ส. ซึ่งเปน เจา ของรา นดงั กลา ว จงึ กอ ใหเกิดความเสียหาย
แกองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด และเม่ือผูฟองคดีเปนปลัดองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
ในขณะนั้น ผูฟองคดีจึงเปนเจาหนาที่งบประมาณตามขอ ๕ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวย
วิธีการงบประมาณขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ มีหนาที่ในการควบคุมงบประมาณ
รายจายเพอื่ ปฏิบัตกิ ารใหเ ปน ไปตามกฎหมาย ระเบียบ ขอบังคับ คําสั่ง หรือหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทย
ตามขอ ๓๓ ของระเบียบดังกลาว แตขอเท็จจริงไมปรากฏวาผูฟองคดีไดมีการตรวจสอบบัญชี
รายงาน และเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจายเงินขององคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดแตอยางใด
แสดงใหเห็นวา ผูฟองคดีไมไดควบคุมการเบิกจายเงิน บัญชี รายงาน และเอกสารอ่ืนเก่ียวกับ
การรับจา ยเงนิ ตามขอ ๓๓ ของระเบียบเดียวกัน และไมเรงรัดใหหัวหนาหนวยงานคลังทํารายงาน
แสดงรายรบั รายจายเปน รายเดือนตามขอ ๙๙ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน
การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน
พ.ศ. ๒๕๔๗ จนเปน เหตุใหเงนิ ขาดบญั ชแี ละทําใหองคก ารบริหารสว นตาํ บลโคกสะอาดไดรับความเสียหาย
การไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาวของผูฟองคดีจึงเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง
และเปนการกระทําละเมิดตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดี
จึงตองรับผิดในผลแหงละเมิดตอองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง
ประกอบมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดี
จึงมีอํานาจออกคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนได
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๓๗
ตามมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อการละเมิดเกิดขึ้นจากการท่ีผูฟองคดีไมถือปฏิบัติ
ตามระเบียบของทางราชการ จึงไมมีกรณีท่ีจะตองหักสวนแหงความรับผิดของหนวยงานของรัฐ
ตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน อยางไรก็ตาม เมื่อขอเท็จจริงไมปรากฏวา
ผูฟองคดีมีสวนรวมในการทุจริตหรือไดรับประโยชนจากการกระทําดังกลาวของนาง ส. อีกทั้งนาง ส.
ไดเขียนขอความเพ่ิมเติมลงในเช็คภายหลังจากท่ีผูฟองคดีลงนามในเช็คน้ันแลวดวยวิธีการอันแยบยล
ประกอบกับผถู กู ฟอ งคดไี ดม คี าํ สัง่ เรยี กใหนาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี รกั ษาราชการแทน
หัวหนาสวนการคลัง ซ่ึงเปนผูทุจริตรับผิดเต็มจํานวนความเสียหาย และใหนาย ช. นายกองคการ
บรหิ ารสว นตาํ บลโคกสะอาด รับผิดชดใชคา สินไหมทดแทนในกรณีเดียวกนั ดวย เมื่อคํานึงถึงระดับ
ความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมแหงกรณีตามท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๘ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. ความรบั ผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว จึงเห็นวา ผูฟองคดีสมควรรับ
ผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐ ของความเสียหายจํานวน ๕,๕๘๘,๖๔๖.๒๙ บาท
คิดเปนเงิน ๑,๑๑๗,๗๒๙.๒๖ บาท ดังน้ัน คําสั่งลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ี
เรียกใหผูฟอ งคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑,๑๑๗,๗๒๙.๒๖ บาท จึงไมชอบ
ดว ยกฎหมาย ที่ศาลปกครองชั้นตน พิพากษายกฟอง นัน้ ศาลปกครองสูงสุดไมเ ห็นพองดว ย
พิพากษากลับ เปนใหเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนที่
เรยี กใหผูฟ อ งคดีรบั ผดิ ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑,๑๑๗,๗๒๙.๒๖ บาท โดยใหมีผล
นบั แตว ันท่ีมคี ําสงั่ ดังกลา ว คาํ ขออื่นนอกจากนใี้ หย ก
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีขับรถดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรา ยแรงเปน เหตใุ หร ถยนตข องราชการไดร ับความเสยี หาย
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๓๓๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ขณะผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดเทศบาลตําบลคุระบุรี
สังกัดเทศบาลตําบลคุระบุรี อําเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ผูฟองคดีและพนักงานเทศบาลอีก ๓ คน
ไดร บั มอบหมายใหไ ปปฏิบตั หิ นา ทีร่ าชการทองทอ่ี ําเภอตะกวั่ ปา จังหวัดพังงา เพ่ือทําหนาท่ีรับซอง
และเปดซองสอบราคาจางเหมากอสรางปรับปรุงตอเติมอาคารสํานักงานเทศบาลตําบลคุระบุรี ณ
หองประชุมเทศบาลเมืองตะก่ัวปา อําเภอตะกั่วปา จังหวัดพังงา ผูฟองคดีไดรับอนุญาตใหใช
รถยนตสว นกลางในการปฏบิ ตั ิหนา ท่ี เปนรถยนตกระบะสองตอน หมายเลขทะเบียน กข ๔๕๘๘ พังงา
เม่ือเสร็จส้ินภารกิจ ผูฟองคดีกับพวกไดเดินทางกลับโดยผูฟองคดีเปนผูขับรถยนตคันดังกลาว
เมื่อขับมาถึงบริเวณ หมูท่ี ๑ ตําบลบางวัน อําเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ซ่ึงเปนทางโคงเลี้ยวขวา
ขณะน้ันมีฝนตก ถนนเปยก ล่ืน รถไดไถลเขาชองทางเดินรถขวา ขณะเดียวกันมีรถสวนทางมา
ผูฟองคดีจึงบังคับรถหลบไปทางซาย แตรถเสียหลักควบคุมไมไดลื่นไถลลงขางทางกระแทกตนไม
ผูฟองคดีและผูรวมเดินทางไดรับบาดเจ็บเล็กนอย รถคันเกิดเหตุไดรับความเสียหายตองซอมแซม
เปนเงินจํานวน ๑๗๐,๐๐๐ บาท ในคดีอาญา ศาลจังหวัดตะกั่วปาไดมีคําพิพากษาวาผูฟองคดี
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๓๘
ขับรถยนตโดยประมาทเปนเหตุใหผูอื่นไดรับอันตรายแกกายและจิตใจ ปรับ ๘๐๐ บาท ผูฟองคดี
ใหการรับสารภาพเปน ประโยชนแกการพจิ ารณา กรณมี เี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษใหก่ึงหนึ่ง จากน้ัน
ผูถูกฟองคดี (นายกเทศมนตรีตําบลคุระบุรี) ไดมีคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ีข้ึน ตอมา คณะกรรมการดังกลาวได รายงานผลการสอบสวนวา
ผูฟองคดีขับรถดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงตองชดใชคาเสียหายเปนคาซอมแซมรถยนต
สวนกลางของเทศบาลตําบลคุระบุรี หมายเลขทะเบียน กข ๔๕๘๘ พังงา ในอัตรารอยละ ๖๕
ของคาเสียหายจํานวน ๑๗๐,๐๐๐ บาท เปนเงินจํานวน ๑๑๐,๕๐๐ บาท ผูถูกฟองคดีจึงมีคําส่ัง
ลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๐ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๑๑๐,๕๐๐ บาท
ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําส่ังดังกลาวเปนหนังสือลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๐ ผูวาราชการจังหวัดพังงา
พิจารณาอุทธรณแลวเห็นวา ในการสอบสวนของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดไมไดใหโอกาสแกเจาหนาที่ที่เก่ียวของหรือผูเสียหายไดช้ีแจงขอเท็จจริงและโตแยง
แสดงพยานหลักฐานของตนอยางเพียงพอและเปนธรรมจึงใหผูถูกฟองคดีดําเนินการใหถูกตอง
ซึ่งตอมาคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดดําเนินการสอบสวนขอเท็จจริง
ดว ยการใหโอกาสผูฟอ งคดไี ดช้ีแจงขอ เทจ็ จริง รวมทั้งไดไปตรวจสอบสถานท่ีเกิดเหตุแลว เห็นควร
ใหผูฟองคดีรับผิดในอัตราตํ่าสุดคือ รอยละ ๖๕ ของความเสียหาย ผูถูกฟองคดีเห็นชอบ
ตามความเห็นดังกลาวและไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๘ ตุลาคม ๒๕๕๑ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๑๑๐,๕๐๐ บาท ผูฟองคดีเห็นวาเปนคําสั่งท่ีไมชอบดวยกฎหมายจึงมีหนังสือ
อุทธรณคําส่ังดังกลาว ตอมา ผูวาราชการจังหวัดพังงาพิจารณาอุทธรณแลววินิจฉัยยกอุทธรณ
ของผูฟองคดี ผูฟองคดีแตไมเห็นดวยกับผลการพิจารณาอุทธรณดังกลาว จึงนําคดีมาฟองขอให
ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๘ ตุลาคม ๒๕๕๑ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใช
คาเสียหายเปนเงินจํานวน ๑๑๐,๕๐๐ บาท เห็นวา แมการพิจารณาพิพากษาคดีปกครอง
ไมมีกฎหมายกําหนดใหศาลจําตองถือขอเท็จจริงตามท่ีปรากฏในคําพิพากษาคดีสวนอาญา
แตเม่ือศาลจังหวัดตะกั่วปาวินิจฉัยไวแลววา ผูฟองคดีไดขับรถยนตดวยความเร็วสูงเกินสมควร
ที่จะควบคุมรถได ซ่ึงผูฟองคดีอาจใชความระมัดระวังเชนวานั้นไดแตหาไดกระทําไม และ
ในคดีอาญาดังกลาวผูฟองคดีไดใหการรับสารภาพผิดตามฟอง ซ่ึงถือเปนคําใหการที่เปนปฏิปกษ
และเปนโทษตอผูฟองคดีเอง และเปนผลใหศาลจังหวัดตะกั่วปาพิพากษาลงโทษผูฟองคดี
คําใหการของผูฟองคดีและคําพิพากษาของศาลจังหวัดตะก่ัวปาดังกลาวจึงเปนพยานหลักฐาน
ที่มีนํ้าหนักเช่ือถือได เม่ือผูฟองคดีมิไดอุทธรณคัดคานความไมชอบดวยกฎหมายของคําพิพากษา
ทีล่ งโทษผฟู อ งคดใี นความผิดดังกลา ว จนคดถี งึ ทีส่ ดุ ขอเทจ็ จริงตามคาํ ใหก ารของผฟู อ งคดีดังกลาว
จึงยอมมีผลผูกพันผูฟองคดี คดีจึงมีประเด็นที่ศาลจะตองพิจารณาตอไปวา การขับรถ
โดยประมาทของผูฟองคดีถึงขนาดเปนประมาทเลินเลออยางรายแรงท่ีตองรับผิดตาม พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม เห็นวา เมื่อคดีนี้ไมปรากฏหลักฐาน
ชัดเจนวา ผูฟองคดีขับรถดวยความเร็วเทาใดหรือเกินกวาท่ีกฎหมายกําหนดหรือไม มีเพียงคํารับสารภาพ
ในคดีอาญาของผูฟองคดีวาขับดวยความเร็วสูง สอดคลองกับความเห็นของพนักงานสอบสวน
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๓๙
ท่ีรับแจงอุบัติเหตุ ซ่ึงใหการวาขณะตรวจท่ีเกิดเหตุ ฝนแลงแตถนนยังเปยกล่ืน ทางโคงดังกลาวน้ี
เปนทางโคงอันตรายเกิดอุบัติเหตุบอยคร้ัง โดยเฉพาะเม่ือมีฝนตก เพราะถนนท่ีเกิดเหตุ
จะล่ืนผิดปกติ จากสภาพความเสียหายของรถคันเกิดเหตุ หากขับรถชาตามที่อาง รถคันเกิดเหตุ
คงไมไดรับความเสียหายตองเสียคาใชจายในการซอมมากถึง ๑๗๐,๐๐๐ บาท นาเช่ือวาขณะเกิดเหตุ
รถท่ีผูฟองคดีขับขี่มีความเร็วเกินกวา ๔๐ กิโลเมตรตอชั่วโมง ขออางของผูฟองคดีที่วา ผูฟองคดี
ขับรถผานจุดเกิดเหตุดวยความเร็ว ๔๐ กิโลเมตรตอช่ัวโมง จึงไมอาจรับฟงได สวนขออางของ
ผูฟองคดีที่วาอุบัติเหตุเกิดจากปจจัยอื่นซ่ึงไมใชเรื่องขับรถเร็ว เชน เหตุสุดวิสัย สภาพของถนน
ทีล่ ่นื มากกวาปกตเิ นอ่ื งจากฝนท่ีท้ิงชวงมาเปนเวลานาน ทางโคง ขอจํากัดของระยะเวลาและพื้นที่
ในการบังคับและควบคุมรถยนต สภาพความบกพรองของรถ และความดันลมยางนั้น เห็นวา
เหตุสุดวิสัยตามมาตรา ๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย หมายความวา เหตุใดๆ
อันจะเกิดขึ้นก็ดี จะใหผลพิบัติก็ดี เปนเหตุท่ีไมอาจปองกันไดแมทั้งบุคคลผูตองประสบหรือใกล
จะตองประสบเหตุน้ันจะไดจัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายไดจากบุคคลในฐานะ
และภาวะเชนน้ัน เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา รถยนตคันเกิดเหตุเพิ่งทําการจัดซ้ือในปเดียวกัน
มีการซอมบํารุงกอนเกิดเหตุประมาณสามเดือน และผลการตรวจสอบสภาพรถยนตคันดังกลาว
ซงึ่ กระทําหลงั เกดิ เหตเุ พียง ๒ วัน ผลการทดสอบก็ไมปรากฏเหตุบกพรอง จึงไมนาเชื่อวาอุบัติเหตุ
จะเกิดจากความบกพรองของสภาพรถยนตต ามทก่ี ลา วอาง อีกทง้ั การอางปจจัยความบกพรองจาก
รถยนตหรือสภาพของถนนที่ล่ืนมากกวาปกติเน่ืองจากฝนทิ้งชวงมาเปนเวลานาน ทางโคง
ขอจํากัดของระยะเวลาและพื้นท่ีในการบังคับและควบคุมรถยนต และความดันลมยาง
ลวนแตไมใชเหตุสุดวิสัยเพราะเปนเหตุที่อาจปองกันไดหากระมัดระวังตามสมควร กับท้ังโดยที่
ขอ เท็จจรงิ ในวันเกดิ เหตปุ รากฏวามีฝนตกต้งั แตขาไปซึ่งมีนายพงษศักด์ิเปนผูขับ และขณะเกิดเหตุ
ฝนยังคงตกอยู จึงรับฟงไดวาในวันเกิดเหตุมีฝนตกต้ังแตเชา ทัศนวิสัยไมเหมาะแกการขับรถเร็ว
สภาพถนนเปยก ลื่น เม่ือเกิดเหตุการณในลักษณะรถไถลไปในชองทางเดินรถสวนทั้งขาไปและขากลับ
ยอมแสดงเห็นไดวา ผูฟองคดีไมมีความระมัดระวังเพียงพอ ขออางท่ีวาผูฟองคดีไดใช
ความระมัดระวังดวยการเปล่ียนตัวคนขับเปนผูฟองคดีซึ่งมีความชํานาญจากการท่ีมีใบอนุญาต
ขับข่ีรถยนตตลอดชีพจากกรมการขนสงทางบก ตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๔๔ ยอมไมใชเหตุผล
หรือหลักประกันไดวาจะไมเกิดเหตุการณซ้ําอีก อีกทั้งการท่ีผูฟองคดีขับรถยนตคันเกิดเหตุวิ่ง
เขาไปในชองทางเดินรถสวนทั้งที่สภาพถนนเปนเสนทึบคู อันเปนเครื่องหมายหามแซงหรือ
หามขับล้ําเสนทางเดินรถ ประกอบกับมีปายเตือนอันตรายของกรมทางหลวงกอนถึงจุดเกิดเหตุ
ประมาณ ๗๐๐ เมตร มีขอความวา “โคงอันตราย โปรดระมัดระวังใหใชความเร็วไมเกิน
๔๐ กิโลเมตรตอช่ัวโมง ปายท่ี ๒ เปนของเอกชน หางจากจุดเกิดเหตุประมาณ ๕๐๐ เมตร
มีขอความวา “ขางหนาเปนทางโคง เกิดอุบัติเหตุบอยครั้ง” และปายที่ ๓ ของกรมทางหลวง
หางจากจุดเกิดเหตุประมาณ ๒๐๐ เมตร มีขอความวา “ลดความเร็ว” แลวจึงเปนทางโคง
เลี้ยวซายและเล้ียวขวากอนถึงจุดเกิดเหตุ ยอมมีระยะทางและจุดสังเกตใหผูฟองคดีซึ่งเปน
ผูขับขี่ไดใสใจใหค วามระมดั ระวงั เพียงพอ แตผูฟองคดีซ่ึงมีหนาท่ีตองควบคุมบังคับรถใหอยูในชอง
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๔๐
เดินรถของตนเพื่อปองกันไมใหเกิดอันตรายแกบุคคลและทรัพยสิน กลับขับรถเขาไปในชองทาง
เดินรถสวน การขับล้ําเขาไปในชองทางเดินรถสวนท้ังท่ีเปนเสนทึบคู จึงแสดงวาผูฟองคดีละเลย
ไมปฏิบัติตามกฎจราจร กลับฝาฝนและเสี่ยงภัยอยางชัดแจง พฤติการณของผูฟองคดี
จึงขาดความระมัดระวังตามท่ีผูขับขี่พึงปฏิบัติในวันฝนตก ซึ่งคาดหมายไดอยางแนนอนวา
มีสภาพถนนล่ืน และโดยเฉพาะบริเวณที่เกิดเหตุซ่ึงสภาพถนนลื่นมากกวาปกติจึงมีปายเตือน
กอนถงึ โคงทเี่ กิดเหตุหลายปาย พฤติการณของผฟู องคดจี ึงเปน การขาดความระมัดระวังที่เบ่ียงเบน
ไปจากเกณฑมาตรฐานอยางมาก ถือวาผูฟองคดีขับรถโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคล
ในภาวะเชนนั้นจักตองกระทําตามวิสัยและพฤติการณ เปนการกระทําโดยประมาทเลินเลอ
อยางรายแรงตอ งรบั ผดิ ชดใชค าเสียหายใหแ กทางราชการตามมาตรา ๑๐ ประกอบมาตรา ๘ แหง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ การที่ผูถูกฟองคดีพิจารณาความรับผิด
โดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหง การกระทาํ และความเปนธรรม เนื่องจากผูฟองคดีมีใบอนุญาต
ขับขี่รถยนตม ีการขออนญุ าตนํารถไปใชในราชการโดยถกู ตอง และผลการตรวจวัดไมมีแอลกอฮอล
ในรางกาย เห็นควรใหผูฟองคดีรับผิดในอัตราต่ําสุด คือ รอยละ ๖๕ ของความเสียหาย ทั้งน้ี
ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๕ ขอ ๒ กรณีกระทําดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรา ยแรง ซงึ่ กําหนดความรับผิดในระดับท่ี ๓ กรณีเจาหนาท่ีกระทําหรือละเวนการกระทําโดย
ขาดความระมัดระวังในลักษณะท่ีคาดเห็นหรือหากระมัดระวังสักเล็กนอยก็คงคาดเห็นไดวา
ความเสียหายอาจเกิดข้ึนได สมควรกําหนดความรับผิดของเจาหนาท่ีใหชดใชคาสินไหมทดแทน
กรณีน้ีในระหวางอัตรารอยละ ๖๕ ถึงรอยละ ๘๐ ดังนั้น คําส่ังลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๑
ใหผูฟองคดีรับผิดในอัตราต่ําสุด คือ รอยละ ๖๕ ของความเสียหาย จึงเหมาะสมและชอบดวย
กฎหมายแลว ท่ศี าลปกครองช้ันตนพพิ ากษายกฟอง นนั้ ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดวย
พพิ ากษายนื
ฟองขอใหชดใชคาสนิ ไหมทดแทน กรณีเบิกจายเงนิ โดยไมช อบดว ยกฎหมาย
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๓๔๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีรับราชการตําแหนงหัวหนาฝายบริหารงานคลัง ระดับ ๗
สังกัดผูถูกฟองคดีที่ ๑ (เทศบาลเมืองพังงา) ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการที่
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีสํานักงาน
การตรวจเงินแผนดินตรวจสอบงบการเงินสําหรับปส้ินสุดวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ ของผูถูกฟองคดี
ท่ี ๑ รายการเบิกจายตามโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ มีการซ้ือเสื้อโปโล
สีขาว จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท และโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา
ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ มีการซ้ือเสื้อโปโลสีแดง จํานวน ๖๐๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๙,๕๑๐ บาท
รวมเงินทั้ง ๒ รายการ จํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดพังงา)
วินิจฉัยแลวใหคืนเงินจํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท และคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๔๑
ทางละเมิดไดสอบสวนแลวฟงไดวา การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซื้อเส้ือดังกลาวโดยไมไดรับอนุมัติจาก
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เปนการปฏิบัติไมถูกตองตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท ๐๓๐๗/ว ๓๘๔
ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ ซึ่งมีเจาหนาที่ท่ีเก่ียวของและตองรับผิดจํานวน ๕ ราย ผูฟองคดี
ในฐานะปฏิบัติหนาท่ีเปนผูอํานวยการกองคลังหรือหัวหนาหนวยงานคลัง มีหนาท่ีตรวจสอบ
ความถูกตอ งของฎกี าเบกิ จายเงนิ ใหร ับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐ ของคาเสียหาย
จํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท ผูฟองคดีรับทราบคําสั่งเม่ือวันท่ี
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จึงอุทธรณคําส่ังดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีหนังสือลงวันที่ ๑๙
กรกฎาคม ๒๕๕๕ แจงผลการพิจารณาอุทธรณวา ใหยกอุทธรณ หลังจากน้ัน ผูถูกฟองคดีที่ ๑
จึงมีคําสั่งลงวันท่ี ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ ใหชดใชคาสินไหมทดแทน (เพิ่มเติม) โดยใหบุคคล
ตองรับผิดทั้ง ๕ ราย ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามสัดสวนที่กําหนดในคําสั่ง
ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ผูฟองคดีไมเห็นดวย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
ใหเพิกถอนคําสั่งเทศบาลเมืองพังงา ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และลงวันท่ี ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕
เห็นวา กระทรวงมหาดไทยไดกําหนดประเภทของวัสดุเครื่องแตงกายท่ีใชในการปฏิบัติงานของ
เจาหนาที่ที่เทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยาสามารถเบิกจายไดโดยไมตองขออนุมัติตอผูวาราชการ
จังหวัด ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท ๐๓๐๗/ว ๓๘๔ ลงวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖
การที่นายกเทศมนตรีเมืองพังงาอนุมัติงบประมาณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ เบิกจายเปนคาจัดซ้ือเสื้อ
ประชาสัมพันธและเครื่องแตงกายสําหรับรวมกิจกรรม (เสื้อโปโล) เสื้อโปโลสีขาวเพื่อแจกจายให
ประชาชนสวมใสในการเขารวมงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงิน
จํานวน ๙๘,๗๐๘ บาท และเส้ือโปโลแขนสั้นสีแดง สําหรับผูเขารวมพิธีกรรมงานประเพณีไหวเตา
ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ จํานวน ๖๐๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๙,๕๑๐ บาท ไมใชเปนการเบิกจายคาวัสดุ
เครื่องแตงกายท่ีใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีตามที่กําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ดังกลาว และไมใชเปนการเบิกจายวัสดุเครื่องแตงกายที่ใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาที่
นอกเหนือจากท่ีกําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทยเดียวกันซึ่งผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตองขออนุมัติตอ
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใหพิจารณาอนุมัติกอนดําเนินการเบิกจายได ดังน้ัน การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
ออกคําส่ังลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยอางวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จะเบิกจายเงินเปนคาเสื้อ
ดังกลาวไดตองไดรับการอนุมัติจากผูถูกฟองคดีท่ี ๒ กอนดําเนินการ เปนการไมปฏิบัติ
ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ท่ี มท ๐๓๐๗/ว ๓๘๔ ลงวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ จึงเปนการ
ใหเหตุผลในการออกคําสั่งพิพาทท่ีไมถูกตอง นอกจากน้ี กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือ ที่ มท
๐๓๑๓.๔/ว ๑๓๔๗ ลงวันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๑ กําหนดใหองคกรปกครองสวนทองถ่ินถือปฏิบัติ
ในการเบิกคาใชจายในการจัดงานตางๆ ทั้งในกรณีท่ีดําเนินการเองหรืออุดหนุนหนวยงานอ่ืน
โดยใหเบิกไดตามงบประมาณที่ต้ังไว และเบิกจายไดเทาที่จําเปนและประหยัด โดยคํานึงถึงฐานะ
การคลังขององคกรปกครองสวนทองถิ่นเปนสําคัญ เม่ือปรากฏวา งบประมาณในการจัดซื้อเส้ือ
ที่พิพาท เปนสวนหนึ่งของงบประมาณตามโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐
และโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเปนงานตามเทศกาลและประเพณี
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๔๒
ทอ งถ่นิ ของผถู ูกฟอ งคดที ี่ ๑ ซึ่งผูถ กู ฟองคดที ี่ ๑ จัดข้ึนเปนประจําทุกปโดยมีวัตถุประสงคเพ่ืออนุรักษ
สืบสานเทศกาลกินผักและประเพณีไหวเตาซ่ึงเปนเทศกาลและประเพณีทองถิ่นของจังหวัดพังงา
ใหคงอยูสืบไป เทศกาลกินผักและประเพณีไหวเตาจึงเปนประเพณีทองถิ่น และวัฒนธรรมอันดีของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซ่ึงผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีอํานาจหนาที่ในการบํารุงรักษาตามมาตรา ๒๘๙ วรรคหนึ่ง
ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ประกอบมาตรา ๕๐ (๘) มาตรา ๕๓ (๑)
แหง พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ และมาตรา ๑๖ (๑๑) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและขั้นตอน
การกระจายอํานาจใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยรัฐจะตองใหความเปนอิสระ
แกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งเปนองคกรปกครองสวนทองถ่ินตามหลักแหงการปกครองตนเอง
ตามเจตนารมณของประชาชนในทองถ่ิน โดยใหมีอํานาจหนาที่โดยทั่วไปในการดูแลและจัดทําบริการ
สาธารณะเพ่ือประโยชนของประชาชนในทองถ่ิน และมีความเปนอิสระในการกําหนดนโยบาย
การบริหาร การจัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคล การเงินและการคลัง เม่ือผูฟองคดี
ซ่ึงปฏิบัติหนาที่ผูอํานวยการกองคลังหรือหัวหนาหนวยงานคลังอางวา งบประมาณในการจัดซ้ือเส้ือ
ท่ีพิพาทคิดเปนรอยละ ๐.๒๐ ของรายจายทั้งหมด โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ ไมไดโตแยง
ขอเท็จจริงสวนนี้ ประกอบกับผูถูกฟองคดีที่ ๑ ใหเหตุผลตามที่รายงานใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ พิจารณา
วินิจฉัยขอทักทวงของสํานักงานการตรวจเงินแผนดินวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดคํานึงถึงสถานะ
ทางการคลังแลว มีรายไดเพียงพอสามารถดําเนินการไดและไมมีปญหาในการดําเนินการบริการ
สาธารณะดานอ่ืนๆ ดังนั้น การจัดซ้ือเสื้อดังกลาวจึงไมขัดตอหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท
๐๓๑๓.๔/ว ๑๓๔๗ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๑ และเม่ือปรากฏตามบันทึกซื้อขายเส้ือที่พิพาท
ระหวาง ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ กับหางหุนสวนจํากัด จ. ไมปรากฏภาพกิจกรรม ขอความและรูปภาพ
ที่มีลักษณะเปนการประชาสัมพันธผลงานสวนบุคคล และไมปรากฏวามีการทุจริตในการจัดซ้ือ
ดังกลาว จึงรับฟงไมไดวาผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหายจากการดําเนินโครงการจัดงานเทศกาล
กินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ และโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังน้ัน
การท่ผี ฟู องคดีในฐานะปฏิบัติหนาท่ีผูอํานวยการกองคลังหรือหัวหนาหนวยงานคลังไดเสนอความเห็น
ในฎีกาเงินตามงบประมาณรายจายตอปลัดเทศบาลเมืองพังงาวา เห็นควรเบิกจายได ตอมา
นายกเทศมนตรีเมืองพังงาผูมีอํานาจอนุมัติฎีกาไดอนุมัติใหเบิกจายเงินตามฎีกาดังกลาว ซ่ึงเปนการ
เบิกจายคาจัดซ้ือเสื้อท่ีพิพาท จึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
ออกคาํ สั่งลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐
ของคาเสียหายจํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท และออกคําส่ัง
ลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีดําเนินการชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ตามสัดสวนท่ีกําหนดในคําส่ังลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จึงไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครอง
ชั้นตนพิพากษาใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และลงวันท่ี ๑๑
กันยายน ๒๕๕๕ ในสวนที่ใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท โดยใหมีผล
ยอ นหลงั ไปถงึ วนั ท่ีออกคําส่ังดังกลาว น้นั ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพอ งดวยในผล
พิพากษายนื
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๔๓
ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีผูใตบังคับบัญชากระทําการทุจริต
ในการส่ังจา ยเชค็
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๓๕๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูถูกฟองคดี (นายอําเภอน้ําขุน) มีคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๗๔๕,๑๕๒.๘๔ บาท โดยกลาวหาวา ขณะที่ผูฟองคดี
ดาํ รงตําแหนง หวั หนาสวนโยธา รกั ษาราชการแทนปลัดองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด ไดลงนาม
ส่ังจายเช็คธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) สาขาเดชอุดม ลงวันท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๕๓
จํานวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดเพื่อนําฝากเขาบัญชี
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร สาขาน้ํายืน ประเภทออมทรัพย โดยมิไดขีดเสนตรง
หลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ” เปนเหตุใหนาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี
รักษาราชการแทนหัวหนาสวนการคลัง กระทําการทุจริตโดยเขียนตัวอักษรเพ่ิมเติมเปลี่ยนแปลง
จาก “อบต.โคกสะอาด” เปน “ชอบต้ังโคกสะอาดพาณิชย” ผูฟองคดีอุทธรณคําสั่งดังกลาว
ตอมา ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ แจงวา ผูวาราชการจังหวัดอุบลราชธานี
มคี ําวนิ จิ ฉัยใหย นื ตามคําสั่งเดิม ผูฟองคดีเห็นวา คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
มิไดเปด โอกาสใหผูฟองคดีทราบขอเท็จจริง ช้ีแจงและโตแยงแสดงพยานหลักฐาน กระบวนการสอบสวน
ของคณะกรรมการฯ จึงมิชอบดวยกฎหมาย การออกคําสั่งลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
จึงไมชอบดวยกฎหมายเชนกัน และการตรวจสอบเอกสารกอนลงนามสั่งจายเช็คของผูฟองคดี
กระทําไปโดยสุจริตใจตามความรูความสามารถของผูฟองคดีท่ีทําหนาท่ีรักษาราชการแทน
ปลัดองคก ารบรหิ ารสวนตาํ บลโคกสะอาดไดเ พียง ๒๒ วัน ทั้งเอกสารที่กําหนดใหดําเนินการก็ครบถวน
ตามที่นาง ส. นํามาเสนอ การกลาวหาวาผูฟองคดีประมาทเลินเลออยางรายแรงจึงไมถูกตอง
ประกอบกับผูฟองคดีทําหนาที่ในตําแหนงหัวหนาสวนโยธาขององคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
อีกหนาที่หนึ่งอีกดวย จึงเกินความสามารถท่ีจะแกไขไมใหเกิดการทุจริตดังกลาวข้ึน จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดียกเลิกคําสั่งลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และ
ใหผ ถู ูกฟองคดอี อกคําส่งั ยกเลกิ ความรบั ผิดคาสินไหมทดแทนตามคาํ ส่ังลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
เห็นวา คําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเปนคําส่ังทางปกครอง
ตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ การท่ีผูถูกฟองคดีมีคําส่ัง
ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ แตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
เปนการใชอํานาจตามขอ ๘ วรรคหนึ่ง ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑ
การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา
คณะกรรมการสอบขอ เท็จจรงิ ฯ ไดด ําเนินการรวบรวมพยานหลักฐานตางๆ โดยประธานกรรมการ
สอบขอเท็จจริงฯ ไดมีหนังสือแจงใหผูฟองคดีไปพบคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ เพ่ือรับทราบ
ขอกลาวหาและใหถอยคํา จึงเปนกรณีท่ีไดแจงสิทธิและหนาที่ในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง
ใหผูฟองคดีทราบแลว และตามบันทึกการสอบสวน (สล.๑) ลงวันท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔ ระบุวา
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๔๔
ผูฟองคดีขอรับรองวา คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ ไดแจงใหทราบวา ผูฟองคดีมีสิทธิช้ีแจง
ขอเท็จจริงและโตแยงแสดงพยานหลักฐานอยางเพียงพอและเปนธรรม รวมท้ังการใหถอยคํา
ตามบันทึกการสอบสวนฉบับนี้อาจใชเปนพยานหลักฐานในช้ันศาลได คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ
มิไดทําหรือจัดใหทําการใดๆ ซึ่งเปนการลอลวงหรือขูเข็ญหรือใหสัญญาเพ่ือจูงใจใหผูฟองคดี
ใหถอยคําอยางใดๆ และผูฟองคดีไดอานบันทึกการสอบสวนฉบับนี้โดยตลอดแลว ขอรับรองวา
ถูกตองตรงตามท่ีใหถอยคําไว จึงลงลายมือชื่อไวเปนหลักฐาน ซึ่งผูฟองคดีไดลงลายมือชื่อตอทาย
ขอ ความดงั กลา ว และคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ ไดลงลายมือช่ือตอจากผูฟองคดีทายบันทึก
การสอบสวนฉบับเดียวกัน แสดงใหเห็นวาผูฟองคดีไดรับทราบขอเท็จจริงในเร่ืองท่ีสอบสวนแลว
และผูฟองคดีมีเวลาเพียงพอท่ีจะดําเนินการเพ่ือแสวงหาขอเท็จจริงและพยานหลักฐานเกี่ยวกับ
เรื่องที่ถูกกลาวหาได แตไ มป รากฏวา ผฟู อ งคดีไดโ ตแยง หรือแสดงพยานหลักฐานเพ่ิมเติมตอคณะกรรมการ
ดงั กลา วแตอ ยางใด จงึ ฟงไดวา คณะกรรมการสอบขอเท็จจรงิ ฯ ไดทําการตรวจสอบขอเท็จจริงและ
รวบรวมพยานหลักฐานท่ีเก่ียวของและไดใหโอกาสผูฟองคดีช้ีแจงขอเท็จจริงและโตแยงแสดงพยานหลักฐาน
ประกอบการช้ีแจงอยางเพียงพอและเปนธรรมตามมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
ประกอบกับขอ ๑๔ วรรคหนึ่ง และขอ ๑๕ ของระเบียบดังกลาวแลว ขณะเกิดเหตุพิพาทคดีน้ี
ผูฟองคดีดํารงตําแหนงหัวหนาสวนโยธา รักษาราชการแทนปลัดองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
จึงเปนผูบังคับบัญชาพนักงานสวนตําบลและลูกจางองคการบริหารสวนตําบลรองจากนายกองคการ
บริหารสว นตําบล และมีหนา ท่รี บั ผิดชอบควบคุมดูแลราชการประจาํ ขององคก ารบรหิ ารสวนตําบล
ใหเปนไปตามนโยบาย รวมถึงมีอํานาจหนาท่ีอื่นตามท่ีมีกฎหมายกําหนดหรือตามท่ีนายกองคการ
บริหารสวนตําบลมอบหมายตามมาตรา ๖๐/๑ แหง พ.ร.บ. สภาตําบลและองคการบริหารสวนตําบล
พ.ศ. ๒๕๓๗ และท่ีแกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ การท่ีนาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี
รักษาราชการแทนหัวหนาสวนการคลัง ซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชาของผูฟองคดีในขณะน้ัน ไดอาศัย
โอกาสท่ีตนเองมีหนาที่รับผิดชอบงานการเงินและบัญชี รับจายเงิน จัดทําเช็ค จัดทํารายงาน
ใบสําคัญ รายงานสถานะการเงินประจําวัน และนําเงินฝากธนาคาร ไดกระทําการทุจริตเงินของ
องคก ารบริหารสวนตําบลโคกสะอาด โดยเขียนเช็ค บมจ. ธนาคารกรุงไทย สาขาเดชอุดม ลงวันที่
๒๒ เมษายน ๒๕๕๓ จํานวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท สั่งจายใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
เพ่ือนําฝากเขาบัญชีออมทรัพย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร สาขาน้ํายืน
แตการเขียนเช็คดังกลาวมิไดขีดเสนตรงหลังช่ือ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ”
และไดเสนอเช็คน้ันใหผูบังคับบัญชาพิจารณาลงนาม การที่ผูฟองคดีลงลายมือช่ือในเช็คพิพาท
โดยเห็นอยูแลววา เช็คนั้นไมไดมีการขีดเสนตรงหลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ”
อันเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๗๐ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน
การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗
ซ่ึงเปนหลักทั่วไปในการเขียนเช็คของสวนราชการท่ีประสงคใหการเขียนหรือพิมพจํานวนเงิน
ในเช็คท่ีเปนตัวอักษรมิใหมีชองวางที่จะเขียนหรือพิมพจํานวนเงินเพิ่มเติมได และใหขีดเสนตรงหลัง
ช่ือสกุล ชื่อบริษัท หรือหางหุนสวน จนชิดคําวา “หรือผูถือ” หรือ “หรือตามคําส่ัง” แลวแตกรณี
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๔๕
เพ่ือมิใหมีการเขียนหรือพิมพช่ือสกุลบุคคลอ่ืนหรือช่ือบริษัทหรือหางหุนสวนอ่ืนเพ่ิมเติมไดอีก
อันเปนการปองกันการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นได การที่ผูฟองคดีไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาว
จนเปนชองทางใหนาง ส. เขียนตัวอักษรเพิ่มเติมโดยเปล่ียนขอความจาก “อบต.โคกสะอาด”
เปน “ชอบต้งั โคกสะอาดพาณชิ ย” และโอนเงนิ เขาบญั ชขี องสามีของนาง ส. ซ่งึ เปน เจา ของรานดงั กลาว
จึงกอใหเกิดความเสยี หายแกองคก ารบรหิ ารสว นตาํ บลโคกสะอาด และเมื่อผูฟองคดีรักษาราชการ
แทนปลัดองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด ผูฟองคดีจึงเปนเจาหนาท่ีงบประมาณตามขอ ๕
ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วา ดว ยวธิ ีการงบประมาณขององคก รปกครองสวนทอ งถน่ิ พ.ศ. ๒๕๔๑
และที่แกไขเพิ่มเตมิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ มีหนาทใี่ นการควบคุมงบประมาณรายจายเพื่อปฏิบัติการ
ใหเปนไปตามกฎหมาย ตามขอ ๓๓ ของระเบียบดังกลาว แตผูฟองคดีไมไดมีการปฏิบัติตามขอ ๓๓
ของระเบียบเดียวกัน และไมเรงรัดใหหัวหนาหนวยงานคลังทํารายงานแสดงรายรับรายจายเปนรายเดือน
ตามขอ ๙๙ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน
การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ จนเปนเหตุให
เงินขาดบัญชีและทําใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดไดรับความเสียหาย การไมปฏิบัติ
ตามระเบยี บของผฟู องคดีจงึ เปนการกระทําโดยประมาทเลนิ เลออยา งรายแรง และเปนการกระทําละเมิด
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดในผลแหงละเมิด
ตอ องคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดตามมาตรา ๑๐ วรรคหนงึ่ ประกอบมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดีจึงมีอํานาจออกคําส่ังลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนไดตามมาตรา ๑๒
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว กรณีที่ผูฟองคดีอุทธรณวา การคํานวณคาสินไหมทดแทนไมเปนไป
ตามสัดสวนการละเมิด เนื่องจากมีผูเกี่ยวของจํานวน ๓ คน แตคํานวณคาสินไหมทดแทนเพียง ๒ คน
และเปนการคดิ คา สินไหมทดแทนอยางลกู หน้ีรวมนัน้ แมคําส่ังดังกลาวจะกําหนดใหนายกองคการ
บริหารสวนตําบลโคกสะอาดและผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแตละคนเม่ือรวมกันแลว
มีจํานวนเงินเทากับนาง ส. แตการกําหนดสัดสวนความรับผิดทางละเมิดตองแยกความรับผิด
ระหวางผูกระทําการทุจริตกับผูปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงอันกอใหเกิด
ความเสียหายขึ้นหรือทําใหการทุจริตเกิดขึ้นแยกตางหากจากกัน เม่ือความรับผิดสืบเนื่องมาจาก
พื้นฐานการกระทําที่แตกตางกันยอมตองมีหลักเกณฑการชดใชคาสินไหมทดแทนท่ีแยกตางหาก
จากกันดวย และหากมีการชดใชคาสินไหมทดแทนแกทางราชการเกินกวาความเสียหายท่ีแทจริงแลว
องคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดจะตองคืนเงินตามสัดสวนแหงความรับผิดของแตละราย
ตามท่ีไดระบุไวในคําส่ังเรียกใหใชเงินดังกลาว กรณีจึงไมใชการรับผิดอยางลูกหน้ีรวมแตอยางใด
สําหรับจํานวนเงินที่ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชควรเปนเทาใด น้ัน เห็นวา ผูฟองคดีเก่ียวของ
โดยเปนผูลงนามในเช็คพิพาท จํานวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท เม่ือผูถูกฟองคดีไดหักสวนความเสียหาย
จากเงินท่ีมีการนําฝากเขาบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร สาขานํ้ายืน
ตามสดั สวนของยอดเงินท่ีเบิกจายตามเช็คแลวคิดเปนเงิน ๕๐๙,๖๙๔.๓๒ บาท คงเหลือความเสียหาย
จาํ นวน ๑,๔๙๐,๓๐๕.๖๘ บาท ดังน้ัน ความเสียหายกรณีนี้จึงเทากับจํานวนเงินดังกลาว และเมื่อ
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๔๖
การละเมิดเกิดข้ึนจากการท่ีผูฟองคดีไมถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ จึงไมมีกรณีท่ีจะตองหัก
สวนแหงความรับผิดของหนวยงานของรัฐตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจา หนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ อยางไรก็ตาม เมื่อขอเท็จจริงไมปรากฏวา ผูฟองคดีมีสวนรวมในการทุจริต
หรอื ไดรับประโยชนจากการกระทําของนาง ส. อีกท้ังนาง ส. ไดเขียนขอความเพิ่มเติมลงในเช็คพิพาท
ภายหลังจากที่ผูฟองคดีไดลงนามในเช็คน้ันแลว ดวยวิธีการอันแยบยล ประกอบกับผูถูกฟองคดี
ไดมีคําสั่งเรียกใหนาง ส. ซ่ึงเปนผูทุจริตรับผิดเต็มจํานวนความเสียหาย และใหนายกองคการ
บรหิ ารสวนตาํ บลโคกสะอาด รบั ผิดชดใชคา สินไหมทดแทนในกรณีเดียวกนั ดวย เม่ือคํานึงถึงระดับ
ความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมแหงกรณีตามที่บัญญัติไวในมาตรา ๘ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติดงั กลา วแลว ผูฟองคดีจึงสมควรรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐
ของความเสียหายจํานวน ๑,๔๙๐,๓๐๕.๖๘ บาท คิดเปนเงิน ๒๙๘,๐๖๑.๑๔ บาท ดังนั้น
คําส่ังของผูถูกฟองคดี ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คาสนิ ไหมทดแทนเกนิ กวาจํานวน ๒๙๘,๐๖๑.๑๔ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครองชั้นตน
พิพากษายกฟอ ง นน้ั ศาลปกครองสูงสุดไมเ ห็นพองดว ย
พพิ ากษากลบั เปน ใหเพกิ ถอนคาํ สั่งของผถู ูกฟองคดีตามคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
เฉพาะสวนที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๒๙๘,๐๖๑.๑๔ บาท
โดยใหม ีผลนับแตว ันท่ีมีคําส่งั ดังกลา ว
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีกําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหาร
สว นจงั หวัดผิดพลาด
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๓๕๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เม่ือครั้งผูฟองคดีดํารงตําแหนงหัวหนาสวนการคลัง ระดับ ๗
สังกัดองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย มีหนาท่ีควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของขาราชการ
ลูกจางสวนการคลังใหเปนไปตามระเบียบ กฎหมาย ควบคุมการรับ – จายเงินท้ังในงบประมาณ
และนอกงบประมาณ ตอมา องคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยไดดําเนินการปรับปรุงกําหนด
ตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัด จากระดับ ๘ เปนระดับ ๙ และระดับรองลงไป
ซ่ึงตามประกาศคณะกรรมการขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย เรื่อง
หลักเกณฑและเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลขององคการบริหารสวนจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย
ลงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ องคการบริหารสวนจังหวัดท่ีจะกําหนดตําแหนงปลัด
องคการบริหารสวนจังหวัดเปนระดับ ๙ ไดน้ัน ตองมีรายไดท่ีไมรวมกับเงินอุดหนุนและเงินกูอ่ืนใด
ในปงบประมาณที่ผานมาตั้งแตหนึ่งรอยลานบาทขึ้นไป สํานักปลัดองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย
ซึ่งเปนผูรับผิดชอบในการสํารวจขอมูลรายไดเพื่อนําขอมูลดังกลาวไปใชเปนหลักเกณฑ
ในการปรับปรุงกําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัดเปนระดับ ๙ ไดประสานกับ
สวนการคลังใหสํารวจรายไดขององคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๔๗
ซ่ึงสวนการคลังไดสงขอมูลรายงานบัญชีรายละเอียดรายรับจริง (แบบ ๑)ในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๕ ใหแกสํานักปลัด โดยรายงานวามีรายไดไมรวมกับเงินอุดหนุนและเงินกูอื่นใดทั้งสิ้น
จํานวน ๑๐๑,๒๖๗,๑๒๙.๗๓ บาท องคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยจึงไดเสนอขอกําหนด
ตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัด ระดับ ๙ ตอคณะกรรมการขาราชการองคการบริหาร
สวนจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย ซ่ึงมีมติในคราวประชุมเม่ือวันท่ี ๒๑ เมษายน ๒๕๔๖ เห็นชอบ
ใหกําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัดเปนระดับ ๙ และตําแหนงบริหารในระดับ
รองลงไป จากน้ันไดมีการประกาศรับสมัครขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัดเขารับการคัดเลือก
ตาํ แหนง ดังกลาว และองคการบรหิ ารสว นจงั หวดั บุรรี มั ยไ ดม คี ําสงั่ แตง ตง้ั ขาราชการองคการบริหาร
สวนจังหวัดผูไดรับการคัดเลือกใหดํารงตําแหนงในระดับที่สูงขึ้นรวมท้ังหมดจํานวน ๑๙ ราย
ตอมาปรากฏวา การตรวจสอบรายไดขององคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยเพ่ือนํามาประกอบ
การพิจารณากําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัด ระดับ ๙ ผิดพลาด ก.จ.จ. บุรีรัมย
จึงมีมติยกเลิกการปรับปรุงกําหนดตําแหนงดังกลาว องคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย
จึงไดมีคําสั่งยกเลิกการแตงตั้งขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัดผูไดรับการคัดเลือก
ใหดํารงตําแหนงในระดับท่ีสูงข้ึน และใหคืนสูตําแหนงเดิม ซ่ึงทําใหองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย
ตอ งจายเงินเดือนและประโยชนตอบแทนอ่ืนสาํ หรับผูไ ดร บั แตงต้งั ใหดํารงตําแหนงในระดับท่ีสูงขึ้น
เปนเงิน ๑๙๗,๘๗๖ บาท ซึ่งภายหลังจากที่ไดมีการดําเนินการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมดิ แลว ผูถกู ฟอ งคดีที่ ๑ ไดม ีคําสั่งลงวันท่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ ใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๙๘,๙๓๘ บาท ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ อุทธรณคําส่ัง
ดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (ผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมย) ไดมีหนังสือลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๓
แจงผลการพิจารณาอุทธรณตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ วา อุทธรณของผูฟองคดีฟงไมข้ึน ใหยกอุทธรณ
และผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ แจงผลการพิจารณาดังกลาว
ใหผูฟ อ งคดีทราบ ผูฟองคดีไมเห็นดวย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอน
คําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ศาลปกครองชั้นตนวินิจฉัยวาผูฟองคดีไดกระทําละเมิดตอองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย
ดวยการจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรง ผูฟองคดีไมไดย่ืนอุทธรณ ประเด็นดังกลาวจึงยุติ
ตามคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน คดีน้ีจึงมีประเด็นที่ศาลปกครองสูงสุดตองวินิจฉัย
เพียงประเด็นเดียววา ผูฟองคดีจะตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกองคการบริหาร
สวนจังหวัดบุรีรัมย เพียงใด เห็นวา สาเหตุที่ทําใหเกิดความผิดพลาดในการดําเนินการปรับปรุง
กําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัด จากระดับ ๘ เปนระดับ ๙ มีหลายประการดวยกัน
นับแตการท่ีจังหวัดบุรีรัมยไมแจงหนังสือลงวันท่ี ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔ ใหองคการบริหาร
สวนจังหวัดบุรีรัมยทราบภายในวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๔๔ วามีการจัดสรรเงินมาใหงวดที่ ๑ และ
งวดท่ี ๒ ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๔ จํานวน ๑๒,๒๕๕,๑๗๖.๖๙ บาท สงผลใหเจาหนาที่สวนการคลัง
องคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยในขณะนั้น ไดนําเงินจํานวนดังกลาวมาบันทึกเปนรายได
ของปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ เนื่องจากไดรับเงินในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ ซ่ึงเปนปงบประมาณ
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๔๘
พ.ศ. ๒๕๔๕ แลว และการบันทึกดังกลาว รวมท้ังการสํารวจขอมูลรายไดขององคการบริหาร
สวนจังหวัดบุรีรัมยประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ ลวนเปนการกระทําท่ีไดเกิดข้ึนกอนท่ี
ผูฟองคดีจะเขารับตําแหนงหัวหนาสวนการคลัง โดยผูฟองคดีไดเร่ิมปฏิบัติหนาท่ีในตําแหนง
ดังกลาวต้ังแตว นั ท่ี ๔ เมษายน ๒๕๔๕ อกี ทงั้ ในขณะทีส่ ํานกั งาน ก.จ. มีหนังสือแจงเวียน ฉบับลงวันที่
๒๓ เมษายน ๒๕๔๖ สรุปความไดวา รายไดที่ไดรับในชวงเดือนกันยายน ๒๕๔๔ ไมสามารถ
นับรวมเปนเงินรายไดของปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ ได ซึ่งองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย
ไดรับหนังสือดงั กลา วเมือ่ วนั ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๖ โดยนาย ส. ปลัดองคก ารบริหารสวนจังหวัดบรุ รี ัมย
ไดล งนามกาํ กบั ไวท มี่ มุ บนดานซา ยของหนงั สือ และกองคลังไดรับหนงั สอื เมื่อวนั ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๖
ตอมา นักวิชาการเงินและบัญชี ไดเสนอหนังสือดังกลาวผานผูบังคับบัญชาตามลําดับชั้น
โดยมีนักบริหารงานคลัง ผูฟองคดีในฐานะผูอํานวยการกองคลัง และปลัดองคการบริหาร
สวนจังหวัดไดลงนามรับทราบ แลวนําเสนอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยนาย ม. รองนายกองคการบริหาร
สวนจังหวัดบุรีรัมยรักษาราชการแทนนายกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย ลงนามรับทราบ
เม่ือวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ซึ่งอยูในวิสัยที่สามารถดําเนินการตรวจสอบความถูกตอง
ของรายไดในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ ได และการตรวจสอบความถูกตองในกรณีนี้เปนเรื่องสําคัญ
ท่ีสงผลกระทบตอการดําเนินการปรับปรุงกําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัด
จากระดับ ๘ เปนระดับ ๙ จึงเปนหนาท่ีของเจาหนาท่ีทุกคนท่ีเก่ียวของ ท้ังท่ีนําเสนอและลงนาม
รับทราบหนังสอื ดังกลา วท่ีจะตองรีบดําเนินการตรวจสอบความถูกตองของรายไดในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๕ แตปรากฏขอเท็จจริงวา ในการนําเสนอหนังสือดังกลาวตอผูบังคับบัญชานั้น นาง ณ.
นักวิชาการเงินและบัญชี ไดนําเสนอผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยสรุปสาระสําคัญแลวนําเรียนเพื่อทราบ
เทานั้น ในขณะท่ีนักบริหารงานคลัง ผูฟองคดีในฐานะผูอํานวยการกองคลัง และปลัดองคการ
บริหารสว นจงั หวัด เพยี งแตล งลายมือชื่อโดยมิไดมีความเห็นใดๆ สวนผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เพียงแตลง
นามรับทราบเทานั้น จงึ เห็นไดวา เจาหนาที่ทเี่ กี่ยวของทกุ คนท่ีไดรับทราบหนังสือแจงเวียนดังกลาว
โดยเฉพาะผูถูกฟองคดที ี่ ๑ ในฐานะผูบรหิ ารองคการบรหิ ารสว นจังหวัดบุรีรัมย ตางเพิกเฉยมิไดให
ความสําคัญกับหนังสือแจงเวียนของสํานักงาน ก.จ. ฉบับลงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๔๖ ที่มี
สาระสําคัญวา รายไดท่ีไดรับในชวงเดือนกันยายน ๒๕๔๔ ไมสามารถนับรวมเปนเงินรายไดของ
ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ ได และละเลยท่ีจะดําเนินการตรวจสอบความถูกตองของรายไดใน
ปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ จนนําไปสกู ารดําเนนิ การปรับปรุงกําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหาร
สวนจังหวัด จากระดับ ๘ เปนระดับ ๙ ตลอดจนสรรหาและแตงต้ังบุคคลใหดํารงตําแหนงปลัด
องคการบริหารสวนจังหวัด ระดับ ๙ โดยไมชอบดวยกฎหมาย และตองเพิกถอนการแตงตั้ง
ในเวลาตอมา ทําใหเกิดความเสียหายแกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย ดังนั้น ความผิดพลาด
ในการปฏบิ ตั ิหนา ท่อี ันเกิดจากความประมาทเลินเลออยางรายแรงในกรณีน้ี จึงมิใชเกิดจากผูฟองคดี
และปลัดองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยเทาน้ัน หากแตเปนเกิดจากความบกพรองของ
ระบบการดําเนินงานสวนรวมอันเน่ืองมาจากแนวทางปฏิบัติท่ีไมชัดเจน และเปนความบกพรอง
ของเจาหนาท่ีผูมีสวนเกี่ยวของหลายคน กรณีจึงเปนการละเมิดในการปฏิบัติหนาท่ีของเจาหนาท่ี
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓