The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นคร เจือจันทร์, 2022-05-09 02:55:16

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

Keywords: เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

๒๙๙
เปน เงิน ๕๔,๖๖๗ บาท คงเหลือคาเสียหายจํานวน ๔๓,๗๓๓.๖๐ บาท สัญญากอสรางถนน ค.ส.ล.
เปนเงิน ๑๑๓,๐๐๔ บาท คงเหลือคาเสียหายจํานวน ๙๐,๔๐๓.๒๐ บาท ใหคณะกรรมการรับผิด
ชดใชในอัตรารอยละ ๗๕ ของคาเสียหายในแตละสัญญาและใหกรรมการท้ังสามคนรับผิด
คนละสวนเทาๆ กัน ผูฟองคดีจึงตองรับผิดตามสัญญากอสรางรางระบายนํ้า ค.ส.ล.
เปนเงนิ จํานวน ๑๐,๙๓๓.๔๐ บาท และในสัญญากอสรางถนน ค.ส.ล. เปนเงิน ๒๒,๖๐๐.๘๐ บาท นั้น
ถือวาเหมาะสมแลว เนื่องจากกรณีใดท่ีเปนเร่ืองความเชี่ยวชาญดานงานชางผูฟองคดียอมมีความเชี่ยวชาญ
มากกวากรรมการอีกสองคนท่ีเหลือ ผูฟองคดียอมตองรับผิดมากกวากรรมการอีกสองคน
แตกรณีใดท่ีไมใชเรื่องความเช่ียวชาญดานงานชาง คณะกรรมการทุกคนยอมตองรับผิดคนละสวน
เทาๆ กัน แตอยางไรก็ตาม การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ มีคําส่ังใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาเสียหาย
ในฐานะรักษาการแทนปลัดเทศบาลตําบลนาหวาใหญอีกฐานะหน่ึง แยกเปนกรณีไมไดคํานวณ
ปริมาณคาวัสดุตามอัตราท่ีกําหนดในรูปแบบรายการละเอียดท่ีแนบสัญญาจางในสัญญา
กอสรางถนน ค.ส.ล. ในอัตรารอยละ ๗.๕ ของคาเสียหายจํานวน ๑๘๕,๐๙๕ บาท คิดเปนเงิน
จาํ นวน ๑๓,๘๘๒.๑๒ บาท และกรณคี าํ นวณราคาคางานคอนกรีต ๑ : ๒ : ๔ สูงเกินจริงเนื่องจาก
มีการคิดคาแรงงานซํ้าอีกในสัญญากอสรางถนน ค.ส.ล. ในอัตรารอยละ ๑๕ ของคาเสียหาย
จํานวน ๑๑๓,๐๐๔ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๑๖,๙๕๐.๖๐ บาท น้ัน เมื่อผูฟองคดีตองรับผิด
ในฐานะคณะกรรมการควบคุมราคากลางของเทศบาลแลว การท่ีจะกาํ หนดใหผ ูฟองคดีรับผิดชดใช
คา สินไหมทดแทนในฐานะทีร่ ักษาการแทนปลัดเทศบาลอีกฐานะหนึ่งยอมไมเปนธรรมกับผูฟองคดี
ผฟู องคดีจึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะรักษาการแทนปลัดเทศบาลตําบลแตอยางใด
ดังน้ัน ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะคณะกรรมการควบคุมราคากลาง
รวมทั้งสิ้น ๑๑๗,๖๕๒.๕๗ บาท ที่ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๓
ตามคําส่ังลงวันท่ี ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๐ และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ เฉพาะในสวนที่มีคําส่ังและคําวินิจฉัยใหผูฟองคดี
ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๓ เกินกวาจํานวน ๑๐๘,๖๐๓.๐๙ บาท
โดยใหมีผลยอนหลังนับแตวันท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๓ และที่ ๒ มีคําส่ังและคําวินิจฉัยดังกลาว คําขออ่ืน
นอกจากนใ้ี หยก นัน้ ศาลปกครองสงู สุดเห็นพอ งดว ยบางสว น

พิพากษาแก เปนเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๐ ของผูถูกฟองคดีท่ี ๓
เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๓ เกินกวา
๑๑๗,๖๕๒.๕๗ บาท นอกจากทีแ่ กใหเปนไปตามคาํ พิพากษาศาลปกครองชนั้ ตน
ฟอ งขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีไมควบคุมงบประมาณรายจายเปนเหตุให
เกิดการทุจรติ

แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๐๐

คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๒๙/๒๕๖๓
ผฟู อ งคดฟี อ งวา ผูฟ อ งคดดี ํารงตาํ แหนงปลัดองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด

ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดี (นายอําเภอน้ําขุน) ไดมีคําสั่งลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๗๒๖,๕๒๔.๐๒ บาท กรณีผูฟองคดี
เปนผูบังคับบัญชาช้ันสูงแตไมดูแลผูใตบังคับบัญชาเปนเหตุใหนาง ส. เจาพนักงานการเงินและ
บัญชี รักษาราชการแทนหัวหนาสวนการคลังทุจริตเงินขององคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
ผูฟองคดีเห็นวาคําส่ังดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรอื คําสง่ั ใหผถู ูกฟองคดยี กเลิกคําส่งั ดงั กลา ว เหน็ วา ผูฟองคดีเปนปลัดองคการบริหารสวนตําบล
โคกสะอาด ผูฟองคดีจึงเปนเจาหนาท่ีงบประมาณตามขอ ๕ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย
วาดวยวิธีการงบประมาณขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ แกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๔๓ มีหนาท่ีในการควบคุมงบประมาณรายจายเพื่อปฏิบัติการใหเปนไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ขอบังคับ คําส่ัง หรือหนังสือส่ังการกระทรวงมหาดไทยตามขอ ๓๓ ของระเบียบดังกลาว
ซ่ึงผูฟองคดีไดกลาวอางวา เมื่อผูฟองคดีเดินทางมาปฏิบัติหนาที่ราชการท่ีองคการบริหารสวนตําบล
โคกสะอาด ผูฟองคดีไดเรียกใหนาง ส. มารายงานการจัดทําเอกสารการรับจายเงินทุกเดือน
และขอตรวจสอบงบแสดงฐานะการเงินและบัญชีประจําป พ.ศ. ๒๕๕๒ รายงานงบแสดงรายรับ
รายจายและสําเนางบทดลองประจําเดือนเมษายน ๒๕๕๓ เพ่ือรายงานอําเภอน้ําขุน
โดยผูรับผิดชอบรายงานยืนยันวาไดดําเนินการถูกตองเรียบรอยแลว แตไมปรากฏวาผูฟองคดี
ไดมีการตรวจสอบบญั ชรี ายงานและเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจายเงินขององคการบริหารสวนตําบล
โคกสะอาดแตอยางใด แสดงใหเห็นวาผูฟองคดีไมไดควบคุมการเบิกจายเงิน บัญชี รายงาน
และเอกสารอื่นเกี่ยวกับการรับจายเงินตามขอ ๓๓ ของระเบียบเดียวกัน และไมเรงรัดใหหัวหนา
หนวยงานคลังทํารายงานแสดงรายรับรายจายเปนรายเดือนตามขอ ๙๙ ของระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และ
การตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ จนเปนเหตุใหเงินขาดบัญชีและ
ทําใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดไดรับความเสียหาย การไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาว
ของผูฟองคดีจึงเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง และเปนการกระทําละเมิด
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดในผลแหงละเมิด
ตอองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๘ แหง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดีจึงมีอํานาจออกคําสั่ง
ลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนไดตามมาตรา ๑๒
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อมูลกรณีเรื่องน้ีเกิดขึ้นจากการที่นาง ส. กระทําการทุจริตเงิน
ขององคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด โดยเขียนเช็ค บมจ. ธนาคารกรุงไทย สาขาเดชอุดม
จํานวน ๕ ฉบับ รวมเปนเงิน ๑๑,๔๕๐,๐๐๐ บาท ส่ังจายใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
เพื่อนําฝากเขาบัญชีออมทรัพยธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณการเกษตร สาขาน้ํายืน
แตการเขียนเช็คดังกลาวมิไดขีดเสนตรงหลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ”

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๐๑
และเสนอผูมีอํานาจลงนาม หลังจากนั้น นาง ส. ไดเขียนตัวอักษรเพ่ิมเติมโดยเปลี่ยนจาก “อบต.
โคกสะอาด” เปน “ชอบตง้ั โคกสะอาดพาณชิ ย” และโอนเงินเขาบัญชีของนาย ศ. สามีของนาง ส.
ซึ่งเปนเจาของรานดังกลาว เพ่ือนําเงินไปใชเปนประโยชนสวนตน ตอมา มีเงินสดฝากเขาบัญชีออมทรัพย
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร สาขาน้ํายืน ในชวงเดือนกุมภาพันธ ๒๕๕๓ ถึง
เดือนสิงหาคม ๒๕๕๓ จํานวน ๕ ครั้ง โดยไมมีหลักฐานการรับเงิน จํานวน ๒,๙๑๘,๐๐๐ บาท
คงเหลือความเสียหายจํานวน ๘,๕๓๒,๐๐๐ บาท เมื่อผูฟองคดีเกี่ยวของโดยเปนผูลงนาม
ในเชค็ พิพาทจาํ นวน ๒ ฉบบั ไดแก เชค็ ลงวนั ท่ี ๒๘ มถิ นุ ายน ๒๕๕๓ จํานวนเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
และเช็ค ลงวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๓ จํานวนเงิน ๙๕๐,๐๐๐ บาท รวมเปนเงิน ๑,๙๕๐,๐๐๐ บาท
ซ่งึ ผูถกู ฟองคดไี ดห ักสวนความเสียหายจากเงินที่มีการนําฝากเขาบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและ
สหกรณการเกษตร สาขานํ้ายืน ดังกลาวตามสัดสวนของยอดเงินท่ีเบิกจายตามเช็คแลวคิดเปนเงิน
๔๙๖,๙๕๑.๙๗ บาท คงเหลือความเสียหายจํานวน ๑,๔๕๓,๐๔๘.๐๓ บาท ดังน้ัน ความเสียหาย
กรณีน้ีจึงเทากับจํานวนเงินดังกลาว เม่ือขอเท็จจริงไมปรากฏวาผูฟองคดีมีสวนรวมในการทุจริต
หรือไดรับประโยชนจากการกระทําดังกลาวของนาง ส. อีกทั้งนาง ส. ไดเขียนขอความเพ่ิมเติม
ลงในเช็คภายหลังจากท่ีผูฟองคดีลงนามในเช็คนั้นแลว ดวยวิธีการอันแยบยล อยางไรก็ตาม
การท่ีผูฟองคดีลงลายมือชื่อในเช็คโดยเห็นอยูแลววาเช็คน้ันไมไดมีการขีดเสนตรงหลังช่ือ
“อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ” อันเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๗๐ ของ
ระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน
และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ ผูฟองคดีจึงตองมีสวนในความรับผิด
ดังกลาวดวย และผูถูกฟองคดีไดมีคําส่ังเรียกใหนาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี
รักษาราชการแทนหัวหนาสวนการคลัง ซึ่งเปนผูทุจริตรับผิดเต็มจํานวนความเสียหาย และ
ใหนาย ช. นายกองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ในกรณีเดียวกันดวย เม่ือคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทํา และความเปนธรรม
แหงกรณตี ามท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๘ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว จึงเห็นวา ผูฟองคดีสมควรรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐
ของความเสียหายจํานวน ๑,๔๕๓,๐๔๘.๐๓ บาท คิดเปนเงิน ๒๙๐,๖๐๙.๖๐ บาท ดังนั้น
คําส่ังของผูถูกฟองคดีลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๒๙๐,๖๐๙.๖๐ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย ที่ศาลปกครองชั้นตน
พิพากษายกฟอง นัน้ ศาลปกครองสงู สุดไมเ ห็นพองดว ย

พิพากษากลับ เปนใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีตามคําสั่งลงวันท่ี ๑๗
พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๒๙๐,๖๐๙.๖๐ บาท โดยใหมีผลนบั แตว ันทม่ี ีคําสัง่ ดงั กลาว

แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๐๒

ฟอ งขอใหร้อื ถอนศาลากองทนุ พัฒนาหมูบานท่ปี ด กั้นทางเขา ออกและรุกล้ําท่ดี นิ ราษฎร
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๑๓๐/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของท่ีดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๗๕๓๒
ตําบลลาดพัฒนา อําเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ไดรับความเดือดรอนจากการที่
ผูถูกฟองคดีที่ ๓ (ผูใหญบาน หมูท่ี ๑๐ ตําบลลาดพัฒนา อําเภอเมืองมหาสารคาม) และ
คณะกรรมการหมูบานไดกอสรางศาลากองทุนพัฒนาบานมวงปดก้ันทางเขาออกสูทางสาธารณะ
ของผฟู อ งคดี ภายหลงั จากนัน้ ผวู า ราชการจังหวัดมหาสารคามมีหนังสือลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔
แจงผูถูกฟองคดีที่ ๒ (องคการบริหารสวนตําบลลาดพัฒนา) ถึงองคการบริหารสวนตําบล
เพื่อทราบและถือปฏิบัติ สรุปไดวา ที่ดินราชพัสดุบริเวณพนังกั้นนํ้าชลประทานเปนทรัพยสิน
ของทางราชการ ใชประโยชนในกจิ การของกรมชลประทาน หากจะกอสรา งศาลาประชาคม (SML)
ในเขตพนังกั้นนํ้าชลประทาน รัศมีจากศูนยกลางถึงแนวเขตกัน L ๑๓.๐๐ เมตร R ๑๒.๐๐ เมตร
จะตองไดรับอนุญาตจากกรมชลประทานและกรมธนารักษเสียกอน กรณีท่ีกอสรางไปแลวและ
บดบังท่ีดินของราษฎรท่ีมีแนวเขตท่ีดินติดตอกันทําใหราษฎรเดือดรอนไมมีทางเขาออก
ใหร้ือถอนออกทันที) ผูฟองคดีเห็นวาผูถูกฟองคดีทั้งสาม (นายอําเภอเมืองมหาสารคาม ท่ี ๑)
ยังคงไมร้ือถอนอาคารซ่ึงปดก้ันทางเขาออกของผูฟองคดี และรุกล้ําที่ดินของผูฟองคดี จึงนําคดี
มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีทุกรายรวมกันรื้อถอนอาคารท่ีปดกั้น
ทางเขาออกและรกุ ลํา้ ที่ดนิ ของผูฟองคดี

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือขอเท็จจริงในคดีนี้รับฟงไดวา ศาลาพิพาท
กอสรางในท่ีราชพัสดุซึ่งใชเปนพนังกั้นนํ้าชลประทาน ที่ราชพัสดุบริเวณดังกลาวจึงเปนทรัพยสิน
ซึง่ ใชเ พ่ือประโยชนข องแผนดินโดยเฉพาะ เปนสาธารณสมบัติของแผนดิน ตามมาตรา ๑๓๐๔ (๓)
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ไมใชทรัพยสินสําหรับพลเมืองใชรวมกันที่ผูฟองคดี
หรือประชาชนอ่ืนใดจะอางสิทธิเขาใชประโยชนได แมผูฟองคดีจะอางวาไดใชที่ราชพัสดุพิพาท
เปนทางเขาออกมาเปนเวลานานโดยไมมีผูใดคัดคาน ก็ไมอาจยกอายุความขึ้นเปนขอตอสูกับ
แผน ดินได ตามมาตรา ๑๓๐๖ แหง ประมวลกฎหมายเดยี วกัน ผูฟองคดจี งึ ไมมสี ทิ ธิใชพ้นื ท่ีดังกลาว
เปนทางเขาออกที่ดินของตน อีกท้ัง ขอเท็จจริงเปนที่ยุติในศาลปกครองชั้นตนแลววา
ศาลากองทุนพัฒนาบานมวงไมไดรุกลํ้าที่ดินของผูฟองคดี ประกอบกับเมื่อพิจารณาโฉนดที่ดิน
เลขท่ี ๒๗๕๔๓ ซึ่งเปน ทีต่ ง้ั บา นของผฟู อ งคดีแลวพบวา ทิศตะวนั ตกสว นหนึง่ จดทางสาธารณประโยชน
การที่ผูถูกฟองคดีกอสรางศาลาพิพาทในที่ราชพัสดุบริเวณทิศเหนือของโฉนดที่ดินดังกลาว
จึงมิไดปดก้ันทางเขาออกสูทางสาธารณะของผูฟองคดี ดังนั้น การกอสรางศาลาพิพาทไมวา
จะไดรับอนุญาตจากกรมธนารักษหรือไม ยอมไมกอใหเกิดความเสียหายและไมเปนละเมิดตอ
ผฟู องคดตี ามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว

สวนท่ีผูฟองคดีอุทธรณวา ผูวาราชการจังหวัดมหาสารคามมีหนังสือลงวันท่ี
๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ใหร้ือถอนศาลาพิพาท นั้น เห็นวา ผูวาราชการจังหวัดมหาสารคาม

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๐๓

มีหนังสือถึงองคการบริหารสวนตําบลเพ่ือทราบและถือปฏิบัติ สรุปไดวา ท่ีดินราชพัสดุบริเวณ
พนังก้ันนํ้าชลประทานเปนทรัพยสินของทางราชการ หากจะกอสรางศาลาประชาคมในเขตพนังก้ันนํ้า
ชลประทาน รัศมีจากศูนยกลางถึงแนวเขตกัน L ๑๓.๐๐ เมตร R ๑๒.๐๐ เมตร จะตองไดรับ
อนญุ าตจากกรมชลประทานและกรมธนารกั ษเ สยี กอน เหน็ ไดว า หนงั สือฉบับนี้เปนเพียงการชี้แจง
และแจงเวียนแนวปฏิบัติภายในฝายปกครองเกี่ยวกับที่ราชพัสดุในทองที่จังหวัดมหาสารคามเทาน้ัน
ไมใชการใชอํานาจตามกฎหมายของเจาหนาท่ีที่มีผลเปนการสรางนิติสัมพันธข้ึนระหวางบุคคล
ในอันท่ีจะกอ เปล่ียนแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมีผลกระทบตอสถานภาพของสิทธิหรือหนาท่ี
ของบุคคลหนังสือดังกลาวจึงไมใชคําส่ังทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งส่ังใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตองรื้อถอนศาลากองทุนพัฒนาบานมวง
แตอยางใด ทีศ่ าลปกครองช้ันตนพพิ ากษายกฟอง นั้น ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดวย

พิพากษายืน

ฟองขอใหเทศบาลระงับการขดุ ขยายลําหวยและหยุดตัดตนไมของราษฎร
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๓๓/๒๕๖๓

ผูฟองคดีท้ังสี่ฟองวา เมื่อป พ.ศ. ๒๕๔๑ ผูฟองคดีทั้งสี่ไดยินยอมใหกรมชลประทาน
ขุดลําหวยโคกกรวดโดยท่ีมิไดรับการช้ีแจงถึงแผนงานและรายละเอียดของโครงการ และไดมีการนําดิน
จากการขดุ ลาํ หวยมาถมในทดี่ ินไมมเี อกสารสทิ ธิท่ีผูฟองคดที ี่ ๑ เปนผูครอบครองและทําประโยชน
และนําดินมาถมในท่ีดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ของผูฟองคดีท่ี ๒ ท่ีมีผูฟองคดีที่ ๓
และที่ ๔ เขาทําประโยชนอยู โดยดินที่นํามาถมนั้นไดทําเปนคันดินมีความกวางประมาณ ๓ เมตร
และทาํ เปน ถนนมีความกวา งประมาณ ๖ เมตร ถึง ๗ เมตร รวมเปนความกวางประมาณ ๑๐ เมตร
ทําใหผูฟองคดีที่ ๑ ตองเสียเนื้อท่ีดินของตนประมาณ ๒ ไรเศษ และผูฟองคดีที่ ๒ ตองเสียเน้ือที่ดิน
ของตนประมาณ ๓ ไร ทั้งท่ีผูฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ ไมเคยยินยอมหรือมีเจตนายกใหหรือสละ
ซ่ึงสิทธิในที่ดินสวนดังกลาว เม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๒ ผูฟองคดีท้ังสี่ไดปลูกตนยูคาลิปตัส
บนบริเวณคันดินริมลําหวย เพ่ือแสดงแนวเขตสิทธิในที่ดิน แตเมื่อป พ.ศ. ๒๕๕๐ ผูถูกฟองคดี
(เทศบาลตําบลเขวาสินรินทร (องคการบริหารสวนตําบลเขวาสินรินทร เดิม)) ไดมีโครงการจัดทํา
ระบบประปาหมูบานของบานนาโพธ์ิ หมูที่ ๑๑ ทั้งที่ยังไมมีแหลงน้ําและบริเวณที่ตั้งของระบบ
ประปาหมูบานก็อยูใกลกับลําหวยโคกกรวด ผูฟองคดีทั้งส่ีจึงมีหนังสือลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๐
ถึงผถู กู ฟอ งคดี และไดม หี นังสือลงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๑ ถึงนายอําเภอเขวาสินรินทร คัดคาน
การกอสรางระบบประปาหมูบานและการขุดขยายลําหวย เน่ืองจากจะกอใหเกิดความเดือดรอน
หรือเสียหายแกผูฟองคดีทั้งสี่ ซึ่งมีที่ดินอยูติดกับลําหวยโคกกรวด แตนายอําเภอเขวาสินรินทร
ไดมหี นงั สือลงวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑ แจงผูฟองคดีที่ ๓ วาลําหวยโคกกรวดมีสภาพเดิมเปน
ทางเกวียนที่ประชาชนใชป ระโยชนใ นการสัญจรรวมกัน โดยเม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๑ ไดมีการขุดเปนลําหวย
เพอ่ื กกั เก็บนาํ้ ใหป ระชาชนไดใชป ระโยชนม าจนถงึ ปจ จบุ ัน ซึง่ ทด่ี ินบริเวณดังกลาวไดมีการนํารังวัด

แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๐๔

เพือ่ ออกหนงั สอื สําคญั สาํ หรบั ทหี่ ลวง (น.ส.ล.) แตผฟู องคดีที่ ๑ และท่ี ๒ คัดคาน ปจจุบันยังดําเนินการ
พิสูจนสิทธิในที่ดินไมแลวเสร็จ ตอมาเม่ือวันท่ี ๑๘ เมษายน ๒๕๕๓ ผูถูกฟองคดีไดดําเนินการ
ขุดขยายลําหวยโคกกรวดออกไปเกือบ ๓ เมตร และมีความยาวเกือบ ๘๐๐ เมตร เพื่อจัดทําโครงการ
ระบบประปาหมูบานของบานนาโพธิ์ โดยมีการตัดทําลายตนยูคาลิปตัสของผูฟองคดีที่ ๑ ที่ไดปลูกบนคันดิน
ริมลําหวยจํานวน ๘๐ ตน ถึง ๙๐ ตน ทําใหผูฟองคดีท้ังสี่ไดรับความเดือดรอนเสียหาย เนื่องจาก
การขุดขยายเขตลําหวยโคกกรวดอาจกอใหเกิดการพังทลายของหนาดิน และไมเปนตามความประสงคเดิม
ของเจาของท่ีดินท่ียินยอมใหขุดลําหวยเพ่ือการเกษตร ผูฟองคดีท้ังส่ีจึงยื่นฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีระงับการขุดขยายลําหวยโคกกรวดและหยุดตัดฟนตนยูคาลิปตัสของ
ผูฟองคดีท่ี ๒ ถึงท่ี ๔ ท่ีปลูกบนคันดินในท่ีดินของผูฟองคดีท่ี ๒ ใหผูถูกฟองคดีปรับคันดินในที่ดิน
ของผฟู อ งคดที ี่ ๑ และที่ ๒ ริมลําหว ยโคกกรวดใหเ ปนเหมอื นเดิม และใหผูถูกฟองคดีนําตนยูคาลิปตัส
จํานวนสองในสามของจํานวนตนยูคาลิปตัสของผูฟองคดีท่ี ๑ ที่ถูกตัดฟน มาปลูกคืนแกผูฟองคดีที่ ๑
เห็นวา เมอื่ ขอเท็จจริงปรากฏวา ราษฏรที่เปนเจาของหรือผูครอบครองท่ีดินบริเวณท่ีตองดําเนินการ
ขุดลําหวยโคกกรวด รวมทั้งผูฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ ไดแสดงเจตนาอุทิศที่ดินของตนใหกรมชลประทาน
ขุดเปนลําหว ยเพอื่ ใหป ระชาชนใชน้ํารวมกันเพื่อทําประโยชนในการเกษตร โดยไดมีการขุดลําหวย
ยาว ๘๗๔ เมตร ลึกเฉลี่ย ๑.๕ เมตร และหมูบานไดทําหนังสือขอพันธุกลาไมยูคาลิปตัสจากกรมปาไม
มาปลูกเนอ่ื งในโอกาสวันแมแหง ชาติ และไดขอความรวมมอื จากชาวบานและเด็กนักเรียนโรงเรียน
บานนาโพธิ์มาชวยกันปลูกตนยูคาลิปตัสตามคันดินท้ังสองฝงคลอง และตัดไปขายเพื่อนําเงิน
มาพฒั นาหมบู า นและโรงเรยี น ปรากฏตามถอยคาํ พยานบุคคลที่เกี่ยวของและอยูในบริเวณท่ีดินพิพาท
ที่ใหการตอพนักงานสอบสวนตามรายงานการสอบสวนคดีอาญาท่ี ๒๘/๒๕๕๓ สอดคลองกับคําช้ีแจง
ของผถู ูกฟองคดี ลงวนั ท่ี ๒๑ เมษายน ๒๕๕๓ ถึงผูกํากบั การสถานีตํารวจภูธรเขวาสินรินทร ชี้แจง
การขุดลอกคลองหรือลําหวยปาโคกกรวด และคําใหการของผูถูกฟองคดี รวมท้ังปรากฏตามเอกสาร
ภาพถายทายคําใหการ จึงรับฟงไดวา ผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๒ อุทิศท่ีดินใหเปนคลองชลประทาน
ซึ่งรวมถงึ คันคลองและทางขา งคนั คลองต้งั แตป พ.ศ. ๒๕๔๑ ดงั นนั้ บรเิ วณลาํ หวยโคกกรวดและคันดิน
ตลอดจนทางขางคนั ดนิ จงึ เปน สาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกันตามมาตรา ๑๓๐๔ (๒)
แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ตอมา คลองชลประทานมีสภาพตืน้ เขนิ นํา้ ในคลองมปี ริมาณลด
นอยลง เกิดปญหาขาดแคลนน้ําเพ่ือการอุปโภค บริโภค และนํ้าเพื่อการเกษตร ประชาชนบานนาโพธ์ิ
ไดรบั ความเสยี หายเปน จํานวนมาก ผูถูกฟองคดีจึงไดจัดประชุมประชาคมในบานนาโพธ์ิ เพ่ือสอบถาม
ความคิดเห็นของราษฎรเก่ียวกับการลอกลําหวยโคกกรวดซึ่งราษฎรเห็นชอบและยินยอม
ใหขุดลอกลาํ หวยโคกกรวด ผูถูกฟองคดีจึงไดมีประกาศสอบราคาจางตามโครงการขุดลอกลําหวย
โคกกรวด บานนาโพธิ์ ลงวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๓ โดยการขุดลําหวยโคกกรวดจากสภาพเดิม
ขนาดกวางเฉลี่ย ๑๒ เมตร ยาว ๘๗๔ เมตร ลึกเฉลี่ย ๑.๕ เมตร ขุดลอกขยายใหมใหไดขนาดกวาง
เฉลี่ย ๑๖ เมตร ยาว ๘๗๔ เมตร ลึกจากสภาพเดิมเปน ๒ เมตร โดยนําดินท่ีไดจากการขุดลอก
เปนคาจางเอกชนตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหลงน้ํา
สาธารณประโยชนท่ีต้ืนเขิน พ.ศ.๒๕๔๗ เมื่อพิจารณาเขตคลองชลประทานที่ผูถูกฟองคดี

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๐๕

ดําเนินการวาจางหางหุนสวนจํากัด พ. ขุดลอกขยายลําหวยโคกกรวด ใหมีความกวางเฉลี่ย ๑๖ เมตร
จากเดมิ ท่ีมขี นาดความกวา ง ๑๒ เมตร โดยเพ่ิมขึ้นอีกขางละ ๒ เมตร ยาว ๘๗๔ เมตร ลึกจากสภาพเดิม
เปน ๒ เมตร ซึง่ เขตคลองทีข่ ยาย ๒ เมตร ดานที่ติดกบั ท่ดี นิ ของผฟู อ งคดีที่ ๑ และท่ี ๒ ยังอยใู นบริเวณ
เขตคันคลองท่ีมีการปลูกตนยูคาลิปตัส ซ่ึงมีระยะกวาง ๓ เมตร รวมทั้งมีการปรับแตงผิวใหเรียบรอย
ปรากฏตามภาพถายเอกสารทายคําใหการ จึงไมไดรุกล้ําท่ีนาของผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๒ เม่ือตนยูคาลิปตัส
และตนสะเดาปลูกบนที่ดินคันคลองซึ่งเปนที่สาธารณะ ดังนั้น จึงเปนสวนควบของท่ีดินสาธารณประโยชน
การทผี่ ถู ูกฟอ งคดดี ําเนินการใหมกี ารขดุ ลอกขยายลําหวยโคกกรวด โดยตองมีการตัดฟนตนยูคาลิปตัส
ท่ีปลูกบนคันดินริมลําหวย เปนการดําเนินการขุดลอกในแนวเขตลําหวยโคกกรวดและตัดฟน
ตนยูคาลิปตัสที่ปลูกบนคันดินริมลําหวยอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน
ไมไดรุกลํ้าเขาไปในที่ดินซึ่งเปนสิทธิครอบครองของผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๒ และตัดฟนตนยูคาลิปตัส
ของผูฟองคดีท่ี ๑ ตามท่ีอางแตอยางใด อีกทั้ง เมื่อพิจารณาวัตถุประสงคของโครงการขุดลอก
ลาํ หว ยโคกกรวดแลว เห็นวา การขุดลอกลําหวยโคกกรวด (คลองชลประทาน) มีวัตถุประสงคเก็บกักน้ํา
ไวใชเพือ่ การอปุ โภค บรโิ ภค และทาํ การเกษตร ซึ่งรวมถงึ เพ่ือเปนแหลงน้ําดิบสําหรับระบบประปา
ภายในหมูบานตามความตองการของประชาชนบานนาโพธิ์ อันเปนการจัดทําบริการสาธารณะ
ในการบํารุงรักษาทางน้ํา จัดใหมีนํ้าเพื่อการอุปโภค บริโภค การเกษตร และการสาธารณูปโภค
จึงเปนไปตามวัตถุประสงคของการยกใหที่ดินของผูฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ และเปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดี
ใชอาํ นาจตามมาตรา ๖๗ (๑) และมาตรา ๖๘ (๑) แหง พ.ร.บ. สภาตาํ บลและองคการบริหารสวนตําบล
พ.ศ. ๒๕๓๗ และมาตรา ๑๖ (๒) และ (๔) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและข้ันตอนการกระจายอํานาจ
ใหแกองคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับขอ ๕ วรรคหนึ่ง และขอ ๑๐
ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหลงน้ําสาธารณประโยชนท่ีตื้นเขิน
พ.ศ. ๒๕๔๗ และขอ ๒๒ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการบริหารกิจการและการบํารุงรักษา
ระบบประปาหมูบาน พ.ศ. ๒๕๔๘ และมิไดกอใหเกิดความเสียหายแกผูฟองคดีท้ังส่ีแตอยางใด
ผูถกู ฟอ งคดจี ึงมไิ ดก ระทาํ ละเมดิ ตอผูฟองคดที ง้ั ส่ตี ามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
อันจะตองรบั ผดิ แกไ ขความเดือดรอนเสียหายใหแกผูฟองคดีทั้งส่ีตามคําขอทายฟอง ท่ีศาลปกครองช้ันตน
พิพากษายกฟอง น้ัน ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพองดว ย

พพิ ากษายนื

ฟองขอใหเทศบาลขดุ ทอ ท่รี กุ ล้ําออกและทําใหที่ดนิ กลับคืนสูส ภาพเดิม
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๑๔๐/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของท่ีดินตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๓๖๑๐
ตัง้ อยหู มูท่ี ๗ ตาํ บลฉวาง อําเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยทางดานทิศตะวันตกของที่ดิน
ติดกับคลองชาง ตอมา ผูใหญบานในขณะนั้นรวมกับชาวบานไดทําถนนและสะพานขามคลอง
เพราะในชว งนํา้ หลาก น้าํ จะไหลจากทิศเหนอื ลงไปทางทิศใต และในชว งนํ้าลด นา้ํ จะไหลยอนกลับ

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๐๖

จากทศิ ใตไ ปยังทศิ เหนือ โดยบางป นา้ํ มปี ริมาณนอยทําใหชาวบานขาดนํ้าในการทํานา จึงไดมีการ
กอสรางสะพานและฝายก้ันนํ้าดังกลาวโดยในสวนหูชางของคอสะพานรุกล้ําที่ดินของ
ผูฟองคดีบางสวนประมาณ ๑ ถึง ๒ เมตร ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (เทศบาลตําบลปากน้ําฉวาง
(องคการบริหารสวนตําบลฉวาง เดิม)) ไดวางทอคอนกรีตจํานวน ๒ ทอ โดยไดขุดต่ํากวาระดับ
และตํ่ากวาพนังกั้นน้ําท่ีผูฟองคดีไดทําไวเดิม รวมท้ังไดนําดินท่ีขุดดังกลาวไปถมไวบริเวณที่ดิน
ของผูฟองคดี และทับถมโคนตนยางพารา ซึ่งเกือบทําใหตนยางพาราของผูฟองคดีตาย อีกทั้ง
ทําใหพนังก้ันน้ําบางสวนและทานํ้าซึ่งเปนที่น่ังบริเวณพนังกั้นนํ้าถูกทําลายเสียหาย และย่ิงไปกวาน้ัน
เม่ือเกิดน้ําทวมหรือชวงฤดูนํ้าหลากนํ้าก็จะไหลออกจากทอระบายนํ้าดังกลาวดวยความแรง
และเชี่ยวมากกวา เดมิ ทาํ ใหน าํ้ กัดเซาะทดี่ นิ และพนังกั้นนาํ้ ดา นลา งของผูฟองคดี ผูฟอ งคดีไดขอให
ผูถ ูกฟองคดีที่ ๑ (นายกเทศมนตรีตําบลปากน้ําฉวาง (นายกองคการบริหารสวนตําบลฉวาง เดิม))
เอาทอคอนกรตี ที่ฝง ไวใ หมออก แลวนําไปฝงไวทางดานทิศตะวันตกของคอสะพาน เน่ืองจากที่ดิน
ตรงบริเวณดังกลาวตรงกับแนวลําคลองมากกวาเพราะเปนแนวลําคลองเดิม และที่ดินบริเวณ
ดงั กลา วเปน ทดี่ ินวางเปลาซ่งึ เปน ทีด่ ินสาธารณะ ผูฟองคดีไดจัดทําหนังสือลงวันท่ี ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔
รองเรียนถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และไดติดตามทวงถามการแกไขปญหาความเดือดรอนของผูฟองคดี
ตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มาโดยตลอด แตผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ก็บายเบ่ียงตลอดมา ผูฟองคดีเห็นวา
การกระทําของผูถูกฟองคดีทั้งสองดังกลาวเปนการกระทําท่ีไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟอง
ตอศาลขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังสองดําเนินการขุดทอคอนกรีตที่ฝงอยู
หนาแปลงที่ดินของผูฟองคดีออกไป โดยผูถูกฟองคดีท้ังสองเปนผูออกคาใชจายเองทั้งหมด และ
ใหผูถูกฟอ งคดีทั้งสองดาํ เนินการจดั ทาํ ทา น้ํา พนังก้ันน้ํา และท่ีดินของผูฟองคดีใหกลับคืนสูสภาพเดิม
เห็นวา การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ วางทอระบายนํ้าจํานวน ๒ ทอ บริเวณคอสะพานซ่ึงอยูติดกับที่ดิน
ของผูฟองคดีในระดับท่ีต่ํากวาระดับของฝายนํ้าลนจึงทําใหนํ้าไหลไปทางทอระบายนํ้าดังกลาว
โดยไมไหลผานฝายนํ้าลน น้ําจึงพุงไปทางท่ีดินของผูฟองคดีเพื่อไหลลงทอระบายน้ํา ซึ่งสงผลให
เกิดการกัดเซาะที่ดินและพนังกั้นน้ําของผูฟองคดีเสียหาย และเมื่อพิจารณาแนวลําคลองชาง
สาธารณประโยชนแลวจะเห็นไดวา บริเวณคอสะพานดานทิศตะวันตกซึ่งเปนทางสาธารณประโยชน
และเปนแนวตรงกับแนวลําคลองชาง มีพ้ืนท่ีเพียงพอท่ีจะกอสรางทอระบายนํ้าได หากกอสราง
ทอระบายนํ้าบริเวณดังกลาวนํ้าจะไหลพุงตรงไปตามแนวลําคลองชางและสามารถระบายน้ํา
ไดมีประสิทธิภาพดีกวาการกอสรางบริเวณคอสะพานหนาท่ีดินของผูฟองคดีซึ่งอยูเยื้องไปทางทิศ
ตะวันออกของแนวลําคลองชาง และจะไมทําใหที่ดินและพนังกั้นน้ําของผูฟองคดีไดรับความเสียหาย
การกระทําดังกลาวของผูถูกฟองคดีที่ ๒ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ แมจะเปนการจัดทําบริการสาธารณะ
ตามอํานาจหนาท่ีท่ีกฎหมายกําหนดไวเพ่ือประโยชนของประชาชนในทองถ่ิน แตกอใหเกิดภาระ
เกินสมควรตอผูฟองคดี การกระทําดังกลาวกอใหเกิดความเดือดรอนและเสียหายตอผูฟองคดี
จึงเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ซึ่งแมตอมาภายหลังจากที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาลปกครองช้ันตน ผูถูกฟองคดีที่ ๒
โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ จะไดทุบแผงก้ันของฝายกั้นนํ้าลนออก ทําใหนํ้าสามารถไหลผานฝายก้ันนํ้าลน

แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๐๗

ไดส ะดวกข้ึนกต็ าม แตเ ม่ือน้ําสวนหน่ึงยังคงไหลผานทอระบายนํ้าทั้งสองทอที่อยูในระดับท่ีตํ่ากวา
แผงกั้นฝายนํ้าลน และแมความแรงของน้ําอาจจะลดลง แตน้ําก็ยังคงไหลพุงเขาหาที่ดินของผูฟองคดี
อยูเชนเดิม การทุบแผงฝายกั้นนํ้าลนจึงยังมิใชการแกไขปญหาความเดือดรอนหรือความเสียหาย
ของผูฟองคดีใหหมดสิ้นไป ผูถูกฟองคดีที่ ๒ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงยังคงมีหนาท่ีตองดําเนินการ
เพอ่ื ใหความเดอื ดรอนหรือเสียหายของผูฟ อ งคดีดังกลาวหมดส้ินไป เม่ือผูถูกฟองคดีท้ังสองกระทํา
การกอใหเกิดความเดือดรอนหรือเสียหายแกผูฟองคดีอันเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซ่ึงเปนหนวยงานของรัฐ จึงตองรับผิดตอผูฟองคดีในผลแหงละเมิดท่ีเจาหนาที่
ของตนไดกระทําในการปฏบิ ตั หิ นาท่ี ตามมาตรา ๕ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อความเสียหายดังกลาวของผูฟองคดีเปนผลโดยตรงจากการกระทําละเมิด
ของผูถูกฟองคดีท้ังสอง จึงเห็นควรใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งเปนหนวยงานของรัฐ แกไขความเดือดรอน
เสียหายดังกลาว โดยการร้ือถอนทอระบายน้ําคอนกรีตจํานวน ๒ ทอ ออกจากบริเวณคอสะพานหนาที่ดิน
ของผูฟองคดีหรือดําเนินการโดยวิธีอื่นใดที่ทําใหน้ําไมไหลพุงไปสูท่ีดินของผูฟองคดีจนทําใหท่ีดิน
ของผูฟองคดีเสียหาย และดําเนินการปรับปรุงท่ีดินของผูฟองคดีท่ีเสียหายใหกลับคืนสูสภาพเดิม
การที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรื้อถอนทอระบายนํ้าคอนกรีตจํานวน ๒ ทอ
ออกจากบริเวณคอสะพานหนาที่ดินของผูฟองคดี และดําเนินการจัดทําทานํ้า พนังกั้นน้ํา และ
ท่ีดินของผูฟองคดีที่เสียหายใหกลับคืนสูสภาพเดิม โดยใหดําเนินการใหแลวเสร็จภายใน ๙๐ วัน
นับแตวนั ที่คดีถึงท่ีสุด สวนคาํ ขออนื่ นอกจากนี้ใหยก นน้ั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวยบางสว น

พิพากษาแก เปนใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ร้ือถอนทอระบายนํ้า
คอนกรีตจํานวน ๒ ทอ ออกจากบริเวณคอสะพานหนาท่ีดินของผูฟองคดีหรือวางทอระบายนํ้า
บริเวณคอสะพานดา นทศิ ตะวันตกท่เี ปนทางสาธารณประโยชนหรือดําเนินการโดยวิธีอื่นใดที่ทําให
น้ําไมไหลพุงไปสูที่ดินของผูฟองคดีจนทําใหท่ีดินของผูฟองคดีเสียหาย และดําเนินการปรับปรุง
ที่ดินของผูฟองคดีที่เสียหายใหกลับคืนสูสภาพเดิม นอกจากท่ีแกใหเปนไปตามคําพิพากษาของ
ศาลปกครองชน้ั ตน

ฟองไลเบ้ียใหทายาทของเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีออกหนังสือ
รบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) โดยไมช อบ
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๕๓/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเงื่อนไขการฟอ งคดี หนา ๑๘๐

ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีฟองเรียกคืนเงินกูของกรมสงเสริม
สหกรณเมือ่ พน กําหนดระยะเวลาการฟอ งคดี
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๑๖๔/๒๕๖๓

ผฟู อ งคดฟี องวา ผฟู องคดีไดร ับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(อธิบดีกรมสงเสริมสหกรณ) มีคําสั่งใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนอันเน่ืองมาจากเมื่อคร้ัง

แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๐๘

ผูฟองคดีดํารงตําแหนงสหกรณอําเภอสังขะ คณะรัฐมนตรีไดมีมติเห็นชอบโครงการจัดหาปุยเคมี
เพื่อชวยเหลือเกษตรกร ป ๒๕๔๓ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณไดมอบหมายใหกรมสงเสริม
สหกรณเปนผูรับผิดชอบในการดําเนินการจัดหาปุยเคมีตามความตองการของสมาชิกสหกรณ
และเปนผูรับผิดชอบคัดเลือกสหกรณที่กูยืมเงินตามวัตถุประสงค ตลอดจนติดตามหนี้เพ่ือชําระ
คืนกองทุน แตปรากฏวาสหกรณ ช. ซ่ึงกูยืมเงินตามโครงการดังกลาวไมสามารถคืนเงินกูที่กูยืม
ตามสัญญาได กรมสงเสริมสหกรณจึงย่ืนฟองสหกรณดังกลาวตอศาลจังหวัดสุรินทร คดีโอนมายัง
ศาลปกครองชั้นตน (ศาลปกครองนครราชสีมา) โดยศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟอง
ไวพิจารณาเนื่องจากพนระยะเวลาในการฟองคดีแลว และศาลปกครองสูงสุดมีคําส่ังที่ ๘๖๘/๒๕๔๙
ยืนตามคาํ ส่ังของศาลปกครองช้ันตน กรมสงเสริมสหกรณจึงแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผดิ ทางละเมิดกรณีดังกลาว โดยคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ ไดสอบสวนและรายงาน
ความเห็นใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ทราบ ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๑ พิจารณาแลวเห็นวา ความเสียหาย
เกิดจากการท่ีเจาหนาท่ีมิไดปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ แตมิไดเกิดจากความจงใจ
หรือประมาทเลินเลออยางรายแรงจึงไมมีเจาหนาท่ีผูใดตองรับผิดชดใชคาเสียหาย และรายงาน
ใหกระทรวงการคลังตรวจสอบ ซ่ึงกรมบัญชีกลางโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๙ มกราคม ๒๕๕๓ แจงใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ดําเนินการเรียกใหผูฟองคดี
กับพวกรวมกันรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีหนังสือลงวันที่ ๒๑ มกราคม
๒๕๕๓ แจงใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาเสียหายจากการที่กรมสงเสริมสหกรณไมอาจบังคับสหกรณ
ช. ใหชาํ ระหนเี้ งินกูไ ดเ พราะยื่นฟองคดีเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี ผูฟองคดีไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๓ อุทธรณคําส่ังดังกลาว แตผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ปลัดกรทรวงเกษตร
และสหกรณ) มีคาํ ส่ังใหย กอทุ ธรณ และมีหนังสือลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ แจงใหผูฟองคดีทราบ
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามหนังสือลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ และเพิกถอนคําสั่งยกอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตามหนังสือลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ เห็นวา หลังจากท่ีสหกรณ ช. ไมชําระหนี้เงินกูภายหลัง
ส้ินสุดสัญญากู ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๓ เม่ือวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๔ สหกรณจังหวัด
สุรินทรไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒ สิงหาคม ๒๕๔๔ ทวงถามสหกรณ ช. ใหชําระหน้ีเงินกูท่ีคางชําระ
พรอ มดอกเบย้ี แตโ ดยทก่ี รมสง เสริมสหกรณไมเ คยมีหนงั สือแจงตอสหกรณจังหวัดสุรินทรใหทราบ
วาไดม ีการบังคบั ใช พ.ร.บ. จดั ตั้งศาลปกครองฯ และไดมีการเปดทําการศาลปกครองแลวเมื่อวันท่ี
๙ มีนาคม ๒๕๔๔ ซ่ึงคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองจะตองย่ืนฟองคดีตอศาลปกครอง
ภายในกําหนดหน่ึงปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี แมตอมากรมสงเสริมสหกรณ
จะไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๔ ถึงสหกรณจังหวัดสุรินทร กําชับใหสหกรณ
จังหวัดสุรินทรดําเนินการตรวจสอบยอดหน้ีสหกรณที่คางชําระเงินกูกอนการดําเนินคดีก็ตาม
แตหนังสือดังกลาวก็ยังไมไดมีการกลาวถึงเร่ืองการฟองคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง
ทต่ี อ งยืน่ ฟองคดีตอศาลปกครองภายในกาํ หนดหน่งึ ปน ับแตวนั ที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
จนกระทั่งตอมาสหกรณจังหวัดสุรินทรไดมีหนังสือลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๔๕ และลงวันท่ี

แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๐๙

๒๖ เมษายน ๒๕๔๕ ถึงสหกรณ ช. แจงใหชําระหน้ี ซ่ึงเปนการมีหนังสือเตือนครั้งที่ ๒
หลังจากสิ้นสดุ สัญญาและยังอยูภายในระยะเวลาหนึ่งปนับแตวันสิ้นสุดสัญญา แตหลังจากน้ันไมมี
หลักฐานแนชัดวา สหกรณจงั หวดั สุรนิ ทรไ ดรายงานใหกรมสงเสริมสหกรณทราบหรือไมวาสหกรณ
ช. ไมชําระหน้ีเงินกูตามหนังสือเตือน มีเพียงแตหลักฐานวากรมสงเสริมสหกรณโดยกองสหกรณ
การเกษตรไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ แจงใหสหกรณจังหวัดสุรินทรจัดสงขอมูล
เพื่อประกอบการฟองดําเนินคดีกับสหกรณท่ีมีหนี้คางชําระ โดยกรมสงเสริมสหกรณไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ถึงพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรขอใหฟองคดีแพงเพื่อเรียกหน้ี
เงนิ กจู ากสหกรณด ังกลาว ซึง่ พนกั งานอัยการจังหวัดสุรินทรก็ไดยื่นฟองสหกรณ ช. ตอศาลจังหวัด
สุรินทร เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๘ เปนคดีแพง ในคดีหมายเลขดําที่ ๖๐๗/๒๕๔๘ ขอเท็จจริง
ดังกลาวแสดงใหเห็นวา แมแตกรมสงเสริมสหกรณเองก็มีความเขาใจวาคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญา
กูยืมเงินกองทุนรวมเพื่อชวยเหลือเกษตรกร โครงการจัดหาปุยเคมีเพื่อชวยเหลือเกษตรกร
ป ๒๕๔๓ ที่กรมสงเสริมสหกรณทําสัญญากับสหกรณลูกหนี้ท้ังสองเปนคดีแพงซึ่งอยูในอํานาจ
พิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมอันมีอายุความฟองคดี ๑๐ ป ตามมาตรา ๑๙๓/๓๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ซึ่งศาลจังหวัดสุรินทรไดมีคําสั่งรับคําฟองไวพิจารณา
แตภายหลังศาลจังหวัดสุรินทรและศาลปกครองนครราชสีมาไดมีความเห็นวา คดีท้ังสอง
เปนคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครองซึ่งอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
และหลังจากน้ันเมื่อมีการโอนคดีท้ังสองมาพิจารณาที่ศาลปกครองชั้นตน (ศาลปกครองนครราชสีมา)
ศาลปกครองชั้นตนไดมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา โดยวินิจฉัยวาคดีทั้งสองฟองคดีเมื่อพน
ระยะเวลาการฟองคดี ตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ซ่ึงใชบังคับในขณะนั้น
และศาลปกครองสูงสุดไดมีคําสั่งยืนตามคําสั่งของศาลปกครองชั้นตน จากน้ัน กระทรวงการคลัง
จึงไดมีหนังสือลงวันท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ แจงเวียนหนวยงานตางๆ เกี่ยวกับระยะเวลา
การฟองคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง จึงเห็นไดวา การที่กรมสงเสริมสหกรณย่ืนฟองคดี
เพื่อเรียกใหสหกรณ ช. ชําระหนี้เงินกูท่ีคางชําระพรอมดอกเบี้ยเมื่อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ท่ีใชบังคับในขณะน้ัน เกิดจากความไมเขาใจ
ในมูลคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญากูยืมเงินกองทุนรวมเพื่อชวยเหลือเกษตรกร โครงการจัดหาปุยเคมี
เพ่ือชวยเหลือเกษตรกร ป ๒๕๔๓ ที่กรมสงเสริมสหกรณกับสหกรณ ช. วาเปนคดีพิพาทเก่ียวกับ
สัญญาทางปกครอง เน่ืองจากมีการบังคับใช พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ และเปดทําการ
ศาลปกครองไดไมนาน การที่กรมสงเสริมสหกรณไมอาจฟองคดีไดทันภายในกําหนดระยะเวลา
การฟองคดีดังกลาวจึงไมไดเกิดจากการปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลอของเจาหนาท่ี
ของสหกรณจังหวัดสุรินทร หรือเจาหนาท่ีของกรมสงเสริมสหกรณที่อยูในพื้นที่จังหวัดสุรินทร
รวมถึงผูฟองคดี ซ่ึงมิไดมีอํานาจหนาที่ในการติดตาม ทวงถามหน้ีเงินกู หรือมีหนาท่ีในการ
ดําเนินคดีเพ่ือบังคับใหมีการชําระหน้ีเงินกูแตอยางใด ดังน้ัน เมื่อผูฟองคดีไมไดปฏิบัติหนาท่ี
โดยประมาทเลินเลอ จนทําใหกรมสงเสริมสหกรณฟองคดีเพื่อบังคับใหสหกรณ ช. ชําระหน้ีเงินกู
พรอมดอกเบี้ยไมทันภายในระยะเวลาของการฟองคดี ผูฟองคดีจึงไมไดทําละเมิดท่ีจะตองรับผิด

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๑๐

ชดใชคา สนิ ไหมทดแทนแกก รมสง เสรมิ สหกรณตามมาตรา ๑๐ ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แตอยางใด การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําสั่ง
ตามหนังสือลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมสหกรณ
จงึ ไมชอบดว ยกฎหมาย และเมอื่ คาํ สงั่ ดงั กลาวไมช อบดว ยกฎหมาย การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๒ วินิจฉัย
คําอุทธรณของผูฟองคดีแลวมีคําวินิจฉัยอุทธรณ ซ่ึงแจงตามหนังสือลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓
ใหยืนตามคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ยอมเปนคําส่ังท่ีไมชอบดวยกฎหมายดวยเชนกัน
ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามหนังสือลงวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ ทใ่ี หผูฟองคดีชดใชค า เสียหายแกก รมสงเสริมสหกรณ และคําวินิจฉัยอุทธรณ
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตามหนังสือลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดี
โดยใหมีผลยอนหลังไปถึงวันที่มีคําส่ังและคําวินิจฉัยอุทธรณดังกลาว นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพองดว ย

พิพากษายนื

ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีเบิกจายเงินตามโครงการเทศกาลกิน
ผักโดยไมช อบดว ยกฎหมาย
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๑๖๕/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีรับราชการตําแหนงเจาหนาท่ีการเงินและบัญชี สังกัด
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (เทศบาลเมืองพังงา) ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายเนื่องมาจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑
มีคําส่ังลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
กรณีสํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๑๓ ตรวจสอบงบการเงินสําหรับปส้ินสุดวันท่ี
๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ รายการเบิกจายเงินตามโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก
ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ มีการซื้อเสื้อโปโลสีขาว จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท
และโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ มีการซื้อเส้ือโปโลสีแดง จํานวน ๖๐๐ ตัว
เปนเงินจํานวน ๙๙,๕๑๐ บาท รวมเงินท้ัง ๒ รายการ จํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท โดยไมไดรับอนุมัติ
จากผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดพังงา) เปนการปฏิบัติไมถูกตองตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ลงวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ เปนเหตุใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหายเปนเงินทั้งสิ้น
๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท ผูฟองคดีในฐานะท่ีไดปฏิบัติหนาท่ีเปนเจาหนาท่ีการเงินและบัญชี แตไมได
ตรวจสอบวา กรณเี รอ่ื งนี้ เปน เรอ่ื งคาวัสดุเคร่ืองแตงกายและอยูนอกเหนือจากหลักเกณฑที่กระทรวงมหาดไทย
กาํ หนด พฤตกิ ารณถอื ไดว าเปน การปฏิบตั หิ นาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง จึงใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐ ของคาเสียหายจํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท
คิดเปนเงินจํานวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท ตามมาตรา ๑๐ ประกอบมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับ
ผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีอุทธรณคําส่ังดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ใหยกอุทธรณ หลังจากน้ัน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีคําส่ังลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ เรื่อง ชดใช

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๑๑

คาสินไหมทดแทนใหกับเทศบาลเมืองพังงา (เพ่ิมเติม) ใหบุคคลผูตองรับผิดทั้ง ๕ ราย ดําเนินการ
ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแ กผ ูถ ูกฟอ งคดที ี่ ๑ ตามสัดสว นท่ีกําหนดในคําสัง่ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําสั่งของผูถูกฟองคดีทั้งสอง จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เร่ือง ชดใชคาสินไหมทดแทนใหกับเทศบาลเมืองพังงา
และคาํ ส่งั ลงวนั ท่ี ๑๑ กนั ยายน ๒๕๕๕ เรื่อง ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหกับเทศบาลเมืองพังงา (เพิ่มเติม)
เห็นวา ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ ไดกําหนดประเภทของวัสดุ
เครื่องแตงกายท่ีใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีเทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยาสามารถเบิกจายได
โดยไมต อ งขออนมุ ัตติ อผูวาราชการจังหวัดดงั รายการท่ีกําหนดไว หากเปนการเบิกจายคาวัสดุเครื่องแตงกาย
ที่ใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาที่นอกเหนือจากรายการท่ีกําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ดังกลาว เทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยาตองขออนุมัติตอผูวาราชการจังหวัดกอนดําเนินการ
เบิกจายได การท่ีนายกเทศมนตรีเมืองพังงาอนุมัติงบประมาณของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ หมวดคาตอบแทน
ใชสอยและวสั ดุ ประเภทรายจายเกี่ยวกบั การรบั รองและพิธกี าร เบกิ จายเปนคา จดั ซือ้ เส้ือประชาสัมพันธ
และเครอ่ื งแตงกายสําหรับรวมกิจกรรม (เส้ือโปโล) เพื่อแจกจายใหประชาชนสวมใสในการเขารวมงาน
เทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท
และเสื้อโปโลแขนส้ันสีแดง สําหรับผูเขารวมพิธีกรรมงานประเพณีไหวเตา ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑
จํานวน ๖๐๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๙,๕๑๐ บาท จึงไมใชเปนการเบิกจายคาวัสดุเครื่องแตงกาย
ท่ีใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีตามท่ีกําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันท่ี
๑๖ กมุ ภาพันธ ๒๕๓๖ และไมใชเ ปนการเบิกจายวัสดเุ ครอื่ งแตง กายท่ีใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ี
นอกเหนือจากท่ีกําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทย ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตองขออนุมัติตอ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ใหพิจารณาอนุมัติกอนดําเนินการเบิกจายได ดังนั้น การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑
ออกคําสั่งลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยใหเหตุผลวา ผูฟองคดีในฐานะท่ีไดปฏิบัติหนาท่ี
เปนเจาหนาที่การเงินและบัญชี ไมไดตรวจวากรณีเร่ืองนี้ เปนเรื่องคาวัสดุเคร่ืองแตงกายและอยู
นอกเหนือจากหลักเกณฑท ีก่ ระทรวงมหาดไทยกําหนด ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จะเบิกจายเงินเปนคาเสื้อ
ดงั กลา วได ตองไดรบั การอนุมตั ิจากผูถูกฟองคดีที่ ๒ กอ นดาํ เนนิ การ เปนการไมปฏิบัตติ ามหนังสือ
กระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ จึงเปนการใหเหตุผลในการออกคําสั่งพิพาท
ทไ่ี มถูกตองตามขอ เท็จจรงิ นอกจากน้ี เม่อื การจดั ซอื้ เส้อื ทั้งสองรายการดังกลาว เปนสวนหนึ่งของ
งบประมาณโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก ประจําป ๒๕๕๐ และตามโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา
ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเปนงานตามเทศกาลและประเพณีทองถ่ินของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จัดขึ้นเปนประจําทุกป โดยมีวัตถุประสงคเพื่ออนุรักษสืบสานเทศกาลกินผัก
และประเพณีไหวเตาซ่ึงเปนเทศกาลและประเพณีทองถ่ินของจังหวัดพังงาใหคงอยูสืบไป จึงเปน
ประเพณีทองถ่ิน และวัฒนธรรมอันดี ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีอํานาจหนาที่ในการบํารุงรักษา
ตามมาตรา ๒๘๙ วรรคหน่ึง ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ประกอบกับ
มาตรา ๕๐ (๘) มาตรา ๕๓ (๑) แหง พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ และมาตรา ๑๖ (๑๑) แหง พ.ร.บ.
กําหนดแผนและข้นั ตอนการกระจายอาํ นาจใหแกองคก รปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยรัฐ

แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๑๒

จะตองใหค วามเปน อสิ ระแกผ ถู ูกฟอ งคดีท่ี ๑ ซ่ึงเปนองคกรปกครองสวนทองถ่ินตามหลักแหงการปกครอง
ตนเองตามเจตนารมณของประชาชนในทองถ่ิน เม่ือผูฟองคดีซ่ึงเปนเจาหนาท่ีการเงินและบัญชีอางวา
งบประมาณในการจัดซอื้ เส้อื ดงั กลาวคดิ เปน รอ ยละ ๐.๒๐ ของรายจายประจําปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๑
โดยผูถกู ฟอ งคดีทงั้ สองไมไ ดโ ตแ ยง ขอเท็จจริงสวนนี้ ประกอบกับผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ใหเหตุผลตามท่ี
รายงานใหผ ูถูกฟอ งคดีที่ ๒ พิจารณาวินจิ ฉัยขอทกั ทวงของสาํ นักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๑๓
(จังหวัดสุราษฎรธานี) ตามหนังสือสํานักงานเทศบาลเมืองพังงา ลงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ วา
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดคํานึงถึงสถานะทางการคลังแลว มีรายไดเพียงพอสามารถดําเนินการได
และไมมีปญหาในการดําเนินการบริการสาธารณะดานอ่ืนๆ ดังนั้น การจัดซ้ือเส้ือดังกลาว
จึงไมขัดตอหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๑ และเมื่อไมปรากฏ
ขอเท็จจริงวามีการทุจริตในการจัดซื้อ กรณีจึงรับฟงไมไดวาผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหาย
จากการดําเนินโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ และโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา
ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังนั้น การท่ีผูฟองคดีในฐานะผูตรวจฎีกาไดเสนอความเห็นในฎีกาเบิกจายเงิน
และตอมา นายกเทศมนตรีเมืองพังงาผมู อี ํานาจอนุมตั ิฎกี าไดอ นุมัตใิ หเบิกจายเงนิ ตามฎกี าดังกลาว
เม่ือวันที่ ๒๗ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๑ จึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ออกคาํ สงั่ ลงวนั ท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐
ของคา เสยี หายจาํ นวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท คิดเปนเงนิ จํานวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท และออกคําสั่ง
ลงวนั ที่ ๑๑ กนั ยายน ๒๕๕๕ ใหผ ูฟอ งคดีดําเนินการชดใชค า สินไหมทดแทนใหแ กผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามสัดสวนที่กําหนดในคําสั่งลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จึงไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครองช้ันตน
พพิ ากษาใหเ พกิ ถอนคําส่งั ของผูถกู ฟอ งคดที ่ี ๑ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และลงวนั ท่ี ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕
ในสว นทใ่ี หผ ฟู องคดีชดใชค า เสียหายเปนเงินจาํ นวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปถึง
วนั ท่ีออกคาํ ส่งั ดงั กลาว น้นั ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพอ งดว ยในผล

พพิ ากษายนื
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๑๖๖/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีรับราชการตําแหนงนักบริหารงานเทศบาล ระดับ ๗
ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายเนื่องจากผูถูกฟองคดีที่ ๑ (เทศบาลเมืองพังงา) มีคําสั่งลงวันท่ี
๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหช ดใชค าสินไหมทดแทนกรณสี าํ นกั งานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๑๓
(จังหวัดสุราษฎรธานี) ตรวจสอบงบการเงินของผูถูกฟองคดีที่ ๑ รายการเบิกจายตามโครงการจัด
งานเทศกาลกนิ ผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ พบวามีการซื้อเส้ือโปโลสีขาว จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงิน
จํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท ตามฎีกาเบิกจายเงิน ลงวันท่ี ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ โดยไมไดรับอนุมัติ
จากผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดพังงา) จึงเปนการปฏิบัติไมถูกตองตามหนังสือ
กระทรวงมหาดไทย ที่ มท ๐๓๐๗/ว ๓๘๔ ลงวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ กรณีเปนการไมปฏิบัติ
ตามระเบียบของทางราชการเปนเหตุใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหายเปนเงินท้ังส้ิน
๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท ซงึ่ มีเจา หนาที่ท่ีเก่ียวของและตองรับผิดจํานวน ๓ ราย จึงใหผูฟองคดีในฐานะ

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๑๓

ที่ไดปฏิบัติหนาที่เปนปลัดเทศบาล และนายกเทศมนตรี รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรา
รอยละ ๔๐ ของคาเสียหายจํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๓๙,๔๘๓ บาท
โดยใหดําเนินการชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ภายในสามสิบวันนับแต
วันรับทราบคําสั่ง ผูฟองคดีรับทราบคําสั่งเม่ือวันท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จึงอุทธรณคําส่ังดังกลาว
ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีหนังสือแจงผลการพิจารณาอุทธรณวา ใหยกอุทธรณ หลังจากนั้น
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําส่ังลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีดําเนินการชดใชคาสินไหม
ทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามสัดสวนที่กําหนดในคําส่ังลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ผูฟองคดี
ไมเห็นดวยกับคําสั่งของผูถูกฟองคดีท้ังสอง เน่ืองจากการซ้ือเสื้อตามโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก
ประจาํ ป พ.ศ. ๒๕๕๐ มใิ ชวสั ดเุ ครือ่ งแตง กายในการปฏบิ ตั งิ านตามเจตนารมณของหนังสือลงวันท่ี
๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ จึงไมตองขออนุมัติผูถูกฟองคดีที่ ๒ การท่ีผูฟองคดีปฏิบัติหนาที่
เปนปลัดเทศบาลเมืองพังงา และนายกเทศมนตรีเมืองพังงา อนุมัติเบิกจายเงินตามฎีกาเบิกจายเงิน
ลงวันท่ี ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ จึงเปนการปฏิบัติหนาท่ีโดยชอบดวยกฎหมาย ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลพิพากษาหรือมีคําสั่งเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และคําสั่งลงวันที่
๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ เห็นวา กระทรวงมหาดไทยไดกําหนดประเภทของวัสดุเครื่องแตงกาย
ที่ใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีท่ีเทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยาสามารถเบิกจายได
โดยไมตองขออนุมัติตอผูวาราชการจังหวัดดังรายการท่ีกําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ที่ ๐๓๐๗/ว๓๘๔ ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ หากเปนการเบิกจายวัสดุเคร่ืองแตงกาย
ท่ี ใ ช ใ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ข อ ง เ จ า ห น า ที่ น อ ก เ ห นื อ จ า ก ร า ย ก า ร ท่ี กํ า ห น ด ไ ว ใ น ห นั ง สื อ
กระทรวงมหาดไทยดังกลาว เทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยาตองขออนุมัติตอผูวาราชการ
จังหวัดกอนดําเนินการเบิกจายได การที่นายกเทศมนตรีเมืองพังงาอนุมัติงบประมาณของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ หมวดคาตอบแทน ใชสอยและวัสดุ ประเภทรายจายเก่ียวกับการรับรองและพิธีการ
เบิกจายเปนคาจัดซื้อเส้ือประชาสัมพันธและเคร่ืองแตงกายสําหรับรวมกิจกรรม (เสื้อโปโล)
เพื่อแจกจายใหประชาชนสวมใสในการเขารวมงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ จึงไมใช
เปนการเบิกจายคาวัสดุเคร่ืองแตงกายที่ใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาที่ตามที่กําหนดไว
ในหนังสือลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ และไมใชเปนการเบิกจายวัสดุเครื่องแตงกาย
ที่ใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาที่นอกเหนือจากท่ีกําหนดในหนังสือดังกลาวซึ่งผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตองขออนุมัติตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ใหพิจารณาอนุมัติกอนดําเนินการเบิกจายได ดังน้ัน การท่ี
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ออกคําส่ังลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยใหเหตุผลวา ผูฟองคดีในฐานะ
ที่ไดปฏิบัติหนาที่เปนปลัดเทศบาลซึ่งเปนผูบังคับบัญชาระดับตน มีหนาท่ีควบคุมดูแล
การปฏิบัติงานของผูใตบังคับบัญชาใหเปนไปตามระเบียบของทางราชการ เปนผูตรวจสอบ
ความถูกตองในการขออนุมัติเบิกจายเงินโดยเสนอผูบังคับบัญชาอนุมัติการเบิกจายเงินตามฎีกา
เบิกจายเงิน ลงวันท่ี ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ และในฐานะนายกเทศมนตรีผูอนุมัติฎีกาใหมีการ
เบิกจายเงินตามฎีกาเบิกจายเงิน ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ ในฐานะผูบังคับบัญชาสูงสุด
มีหนาท่ีกํากับดูแลการปฏิบัติงานใหเปนไปตามระเบียบของทางราชการ ไมไดตรวจสอบวา

แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๑๔

กรณเี ร่อื งน้ี เปนเรื่องคาวัสดุเคร่ืองแตงกายและอยูนอกเหนือจากหลักเกณฑที่กระทรวงมหาดไทย
กําหนด ผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๑ จะเบกิ จา ยเงินเปนคาเส้ือดังกลาวไดตองไดรับการอนุมัติจากผูถูกฟองคดี
ท่ี ๒ กอนดําเนินการ เปนการไมปฏิบัติตาม ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ จึงเปนการใหเหตุผล
ในการออกคําส่ังพิพาทท่ีไมถูกตอง และเม่ือขอเท็จจริงรับฟงไดวา งบประมาณในการจัดซื้อเสื้อ
ประชาสัมพันธแ ละเครื่องแตง กายสําหรับรวมกิจกรรม (เสอื้ โปโล) เพอ่ื แจกจายใหประชาชนสวมใส
ในการเขารวมงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงินจํานวน
๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท เปนสวนหนึ่งของงบประมาณตามโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก ประจําป
พ.ศ. ๒๕๕๐ ซ่ึงเปนงานตามประเพณีทองถ่ินของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จัดขึ้นเปน
ประจําทุกปโดยมีวัตถุประสงคเพ่ืออนุรักษสืบสานประเพณีกินผักซึ่งเปนประเพณีทองถิ่นของ
จังหวัดพังงาใหคงอยูสืบไป เพ่ือใหการปฏิบัติหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ในดานการอนุรักษสืบ
สานประเพณีวัฒนธรรมทองถ่ินนํามาปฏิบัติใหเปนรูปธรรม และเพื่อสรางโอกาสใหเด็ก เยาวชน
ประชาชนไดเขาถึงแกนแทของประเพณีทองถิ่น ซ่ึงจะเปนมูลเหตุในการสรางความสามัคคีให
เกิดข้ึนในชุมชน เทศกาลกินผักจึงเปนประเพณีทองถิ่น และวัฒนธรรมอันดีของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ซึง่ ผูถูกฟอ งคดีที่ ๑ มีอํานาจหนาท่ีในการบํารุงรักษาตามมาตรา ๒๘๙ วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญ
แหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ประกอบกับมาตรา ๕๐ วรรคหน่ึง (๘) มาตรา ๕๓
(๑) แหง พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ และมาตรา ๑๖ (๑๑) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและ
ขั้นตอนการกระจายอํานาจใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยรัฐจะตองใหความ
เปน อิสระแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งเปนองคกรปกครองสวนทองถ่ินตามหลักแหงการปกครองตนเอง
ตามเจตนารมณของประชาชนในทองถ่ิน โดยใหมีอํานาจหนาท่ีโดยท่ัวไปในการดูแลและจัดทํา
บริการสาธารณะเพื่อประโยชนของประชาชนในทองถ่ิน และมีความเปนอิสระในการกําหนด
นโยบาย การบริหาร การจัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคล การเงินและการคลัง การที่
นายเทศมนตรีเมืองพังงาอนุมัติงบประมาณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนคาใชจายในการจัดงาน
เทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ เปนเงินจํานวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ซ่ึงเปนคาใชจายในการ
จัดซื้อเสื้อประชาสัมพันธและเครื่องแตงกายสําหรับรวมกิจกรรม (เสื้อโปโล) จํานวน ๗๕๐ ตัว
เปนเงินจํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท อันเปนการสรางเอกลักษณของประเพณีและวัฒนธรรมอันดี
ของทองถิ่น และเปนการสงเสริมการทองเท่ียวใหแกทองถ่ิน อีกทั้งยังเปนการเสริมสรางรายได
ใหแกประชาชนในทองถ่ินอีกทางหน่ึงดวย ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีอํานาจหนาท่ีท่ีจะกระทําไดตาม
หลักแหงการปกครองตนเองตามเจตนารมณของประชาชนในทองถ่ิน โดยรัฐมีหนาท่ีกํากับดูแล
ไมใหมีการใชงบประมาณไปในทางทุจริต และใหสอดคลองกับการพัฒนาของจังหวัดและประเทศ
เปนสวนรวม แตจะทําหนาที่ควบคุมการใชจายงบประมาณของทองถิ่นอันจะขัดตอหลักแหง
การปกครองตนเองตามเจตนารมณของประชาชนในทองถ่ินหาไดไมตามมาตรา ๒๘๒ และมาตรา ๒๘๓
ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ เมื่อผูฟองคดีซ่ึงดํารงตําแหนง
รองปลัดเทศบาลเมืองพังงาอางวา งบประมาณประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีรายรับ
จํานวน ๑๑๐,๐๙๙,๗๖๓.๔๔ บาท มีรายจายจํานวน ๑๐๓,๖๓๓,๓๘๒.๗๗ บาท ซ่ึงงบประมาณ

แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๑๕

ในการจัดซอื้ เสือ้ ดงั กลาวคิดเปนรอยละ ๐.๑๐ ของรายจายทั้งหมด โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒
ไมไ ดโตแยง ขอเท็จจริงสวนน้ี ประกอบกับผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ใหเหตุผลตามท่ีรายงานใหผูถูกฟองคดี
ท่ี ๒ พิจารณาวนิ ิจฉัยขอ ทักทวงของสํานักงานการตรวจเงินแผน ดินภูมิภาคที่ ๑๓ (จังหวัดสุราษฎร
ธานี) ตามหนังสือลงวันท่ี ๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ วา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดคํานึงถึงสถานะทางการคลัง
แลว มรี ายไดเพยี งพอสามารถดําเนินการไดและไมมีปญหาในการดําเนินการบริการสาธารณะดาน
อ่ืนๆ ดังน้ัน การจัดซื้อเสื้อดังกลาวจึงไมขัดตอหนังสือลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๑ และเม่ือ
ขอ เทจ็ จรงิ ปรากฏตามบันทกึ ซ้อื ขายระหวางผูถกู ฟองคดที ่ี ๑ กบั หา งหนุ สว นจํากัด จ. รายละเอียด
การซ้ือเส้ือโปโลสีขาว ทําจากผา COTTON ๑๐๐% เสนดาย NO.๒๐ พิมพสกรีน “โลโกเทศบาล
เมืองพังงา” ท่ีกระเปา ดานหลังพิมพสกรีน “กินผักพังงา ๕๐” จํานวน ๗๕๐ ตัว รวมเปนเงิน
ท้ังส้ิน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท ซ่ึงไมปรากฏภาพกิจกรรม ขอความและรูปภาพที่มีลักษณะเปนการ
ประชาสัมพันธผลงานสวนบุคคล และไมปรากฏขอเท็จจริงวามีการทุจริตในการจัดซื้อดังกลาว
กรณีจึงรับฟงไมไดวาผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหายจากการดําเนินโครงการจัดงานเทศกาล
กินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ ดังน้ัน การท่ีผูฟองคดีในฐานะที่ไดปฏิบัติหนาท่ีปลัดเทศบาลเมือง
พังงาเสนอความเห็นตอนายกเทศมนตรีเมืองพังงาวา เห็นควรอนุมัติใหเบิกจายได และในฐานะท่ี
ไดปฏิบัติหนาที่นายกเทศมนตรีเมืองพังงาผูมีอํานาจอนุมัติฎีกา ไดอนุมัติใหเบิกจายเงินตามฎีกา
เงนิ ตามงบประมาณรายจาย ลงวันท่ี ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ เม่ือวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๑ จึงไมเปน
การกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ออกคําสั่งลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม
๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๔๐ ของคาเสียหายจํานวน
๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท คดิ เปนเงนิ จาํ นวน ๓๙,๔๘๓ บาท และออกคําสัง่ ลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕
ใหผ ฟู องคดีดาํ เนนิ การชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแ กผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๑ ตามสัดสวนที่กําหนดในคําสั่ง
ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จึงไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหเพิกถอน
คําส่ังลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และคําสั่งลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ ในสวนท่ีใหผูฟองคดี
ชดใชคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๓๙,๔๘๓ บาท โดยใหการเพิกถอนมีผลยอนหลังไปถึงวันที่
ออกคาํ สั่งดังกลาว นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดว ยในผล

พพิ ากษายืน

ฟองขอใหเพกิ ถอนคาํ สงั่ ใหชดใชค า สินไหมทดแทนกรณเี บิกจายเงนิ โดยไมชอบดวยกฎหมาย
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๑๖๙/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ขณะผูฟองคดีดํารงตําแหนงเจาพนักงานการเงินและบัญชี ๕
สังกัดองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ไดรับมอบหมายใหตรวจสอบฎีกาเบิกจายเงินโครงการ
สงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ
ไทยแลนดลีก ดิวิชั่น ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” จํานวน ๒ ฎีกา เปนคาใชจายในการฝกซอมและแขงขัน
ฟุตบอลเพื่อสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี รวมเปนเงินจํานวน ๑๒๑,๒๘๐ บาท

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๑๖

ตอมา สํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๒ ตรวจสอบพบวาโครงการดังกลาวมีการเบิกจายเงิน
โดยไมชอบดวยกฎหมาย ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (ผูวาราชการจังหวัดจันทบุรี) จึงมีคําส่ังแตงตั้ง
คณะกรรมสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกรณีดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ัง
ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวน
จังหวัดจันทบุรี เปนเงินจํานวน ๓๐,๓๒๐ บาท ภายใน ๔๕ วัน นับถัดจากวันท่ีไดรับคําส่ัง
ตามความเห็นของกรมบัญชีกลางผูรับมอบอํานาจจากกระทรวงการคลัง ผูฟองคดีจึงอุทธรณ
คําสั่งดังกลาว แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ (รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย) พิจารณาแลวมีคําส่ัง
ใหยกอุทธรณ ตามหนังสือลงวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ผูฟองคดีเห็นวาคําสั่งใหชดใชเงินและ
คําวินิจฉัยอุทธรณดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือ
คําสั่งเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
แกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือ
ลงวันท่ี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ยกอุทธรณผูฟองคดี เห็นวา เม่ือพิจารณาหลักการและเหตุผล
ของโครงการสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขัน
ฟุตบอลอาชพี ไทยแลนดลกี ดวิ ชิ ่ัน ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” แลวพบวา โครงการดังกลาวมีจุดมุงหมาย
เพอ่ื สง นกั กฬี าทมี สโมสรฟุตบอลจันทบุรีเขารวมการแขงขันฟุตบอลอาชีพ ไทยแลนด ดิวิช่ัน ๑ ลีก ๒๐๐๙
ระยะเวลาดําเนินการระหวางวันท่ี ๒๑ มีนาคม ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ ตามตารางการแขงขันเหยา –
เยือน รวม ๓๐ นัด มีการแขงขันในจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดอ่ืน ซึ่งการแขงขันฟุตบอลตามโครงการ
ดังกลาวมีการเก็บเงินคาผานประตูจากผูเขาชมการแขงขันนัดเหยาโดยสโมสรฟุตบอลจันทบุรี
เปนผูจัดเก็บ จึงเปนโครงการท่ีมีการจัดหารายไดในลักษณะองคกรเอกชน ซ่ึงไมไดเปนไปตามหลักเกณฑ
การแขงขันกีฬาระหวางองคกรปกครองสวนทองถิ่นหรือภายในองคกรปกครองสวนทองถิ่น ตามหนังสือ
กระทรวงมหาดไทย ท่ี มท ๐๘๐๘.๔/ว ๒๕๘๙ ลงวันท่ี ๓ สิงหาคม ๒๕๔๗ เรื่อง หลักเกณฑ
การใชจายเงินในการแขงขันกีฬาขององคกรปกครองสวนทองถิ่นแตอยางใด และรับฟงไมไดวา
เปนการจัดทําบริการสาธารณะ การเบิกจายเงินคาใชจายในการฝกซอมและการแขงขันฟุตบอลอาชีพ
ใหกบั สโมสรฟตุ บอลจันทบุรตี ามโครงการดังกลา วจึงเปนการเบิกจายเงินใหแกองคกรเอกชนโดยไมมี
ระเบียบกฎหมายของทางราชการใหเบิกจายได อีกท้ัง ไมอยูในอํานาจหนาที่ขององคการบริหารสวนจังหวัด
ตามมาตรา ๔๕ แหง พ.ร.บ. องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และตามมาตรา ๑๗ (๑๘)
แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒
เม่ือผูฟองคดีในฐานะผูตรวจสอบฎีกามีหนาที่ตองตรวจฎีกาใหถูกตองตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย
วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครอง
สวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ ผูฟองคดีจึงตองใชความระมัดระวังและความละเอียดรอบคอบในการ
ตรวจสอบวา การเบิกจายคาใชจายในการฝกซอมและการแขงขันฟุตบอลอาชีพซึ่งเปนการสนับสนุน
งบประมาณใหเ อกชนเพ่อื ไปแขงขันกีฬาอาชีพสามารถกระทําไดตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ
หรือไม การทผ่ี ูฟอ งคดเี พยี งตรวจเอกสารประกอบการเบกิ ฎีกา โดยเห็นวากรณีการเบิกจายตามโครงการ
สงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรีฯ ไดผานข้ันตอนการตรวจพิจารณาของผูบริหาร

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๑๗
ตามลําดับช้ันแลว แตเมื่อโครงการดังกลาวไมอยูในอํานาจหนาท่ีขององคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี
และไมสามารถเบิกจายได ตามขอ ๖๗ ของระเบียบดังกลาว จึงถือไดวาผูฟองคดีไมไดปฏิบัติ
ตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ ดังน้ัน การท่ีผูฟองคดีไดลงลายมือช่ือในฎีกาเบิกเงิน
ตามงบประมาณรายจายตามโครงการพิพาทดังกลาว รวม ๒ ฎีกา เปนเงินจํานวน ๑๒๑,๒๘๐ บาท
วาไดตรวจเอกสารประกอบฎีกาครบถวนถกู ตอ งแลว พฤติการณการกระทําดังกลาว จึงเปนการกระทํา
ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดรับความเสียหาย
จึงเปนการกระทําละเมิดตอองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณชิ ย ผฟู อ งคดจี งึ ตอ งรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกองคการบริหารสวน
จังหวัดจันทบุรีตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๘ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ อยางไรก็ตาม เมื่อไมปรากฏวาผูฟองคดีกระทําทุจริต
ตอหนาท่ี การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําส่ังลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เรียกใหผูฟองคดีรับผิด
เฉพาะในฎีกาที่ตนเองไดตรวจสอบในอัตรารอยละ ๒๕ ของคาเสียหายจํานวน ๑๒๑,๒๘๐ บาท
คิดเปนเงินจาํ นวน ๓๐,๓๒๐ บาท จึงยังไมสอดคลองกับระดับความรายแรงแหงการกระทํา การที่
ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๑๕
ของความเสียหายจํานวนเงิน ๑๒๑,๒๘๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๑๘,๑๙๒ บาท น้ัน เหมาะสม
กับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมในกรณีน้ีตามมาตรา ๘ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว ดังนั้น คําส่ังลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เฉพาะสวนท่ีเรียกให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑๘,๑๙๒ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมายและ
คําวินิจฉัยอทุ ธรณของผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๒ ท่ใี หยกอทุ ธรณข องผูฟองคดจี งึ ไมชอบดวยกฎหมายเชนกัน
แตเม่ือปรากฎวา ในระหวางการพิจารณาของศาลปกครองสูงสดุ ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีคําส่ังลงวันท่ี
๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ แกไขคําสั่งลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ โดยใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๑๘,๑๙๒ บาท ซึ่งคําสั่งดังกลาวเปนการแกไขจํานวนเงินท่ีตองชดใช
คาสินไหมทดแทน ไมใชเปนการเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ศาลปกครองสูงสุด
จึงมีอํานาจวินิจฉัยคําส่ังดังกลาวได แตเม่ือคําสั่งลงวันท่ี ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ที่เรียกใหผูฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนน้ัน เปนจํานวนเดียวกับท่ีศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยขางตน จึงไมมีกรณีท่ี
ศาลปกครองสูงสุดตองวินิจฉัยเก่ียวกับความชอบดวยกฎหมายของคําสั่งลงวันท่ี ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐
คดีนี้อีก ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามคําส่ังลงวันที่
๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวน
จังหวัดจันทบุรีเกินกวาจํานวน ๑๘,๑๙๒ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปตั้งแตวันที่มีคําสั่งดังกลาว
และใหเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖
ท่ยี กอุทธรณผ ฟู องคดี เฉพาะสว นที่เกนิ กวา ๑๘,๑๙๒ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปถึงวันท่ีมีคําวินิจฉัย
อทุ ธรณดังกลาว น้นั ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดว ย

พิพากษายนื

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๑๘

ฟองขอใหชดใชค า สนิ ไหมทดแทน กรณเี บียดบังยักยอกเงนิ ของทางราชการโดยทจุ ริต
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๑๙๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๑๕

ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีเบิกจายเงินโครงการสงเสริมและ
พฒั นาการกฬี าของจงั หวดั จันทบรุ ีโดยมชิ อบ
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๐๒/๒๕๖๓

ผูฟองคดีท้ังสองฟองวา ในขณะที่ผูฟองคดีที่ ๑ ดํารงตําแหนงนายกองคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี และผูฟองคดีท่ี ๒ ดํารงตําแหนงผูอํานวยการกองคลัง องคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี มีการเบิกจายเงินโครงการสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี
“กิจกรรมสง นักกฬี าเขา แขง ขนั ฟตุ บอลอาชีพไทยแลนดลีก ดิวชิ ัน่ ๑ ฤดกู าล ๒๐๐๙” จํานวน ๑๓ ฎกี า
รวมเปนเงิน ๙๒๖,๖๐๐ บาท ตอมา สํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคท่ี ๒ ไดเขาตรวจสอบ
งบการเงินขององคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ประจําปงบประมาณ ๒๕๕๒ แลวพบวาโครงการ
ดังกลาวมีการเบิกจายเงินโดยไมชอบดวยกฎหมาย ทําใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดรับ
ความเสียหาย จังหวัดจันทบุรีไดสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดและไดสงสํานวนการสอบสวน
ใหกระทรวงการคลงั ตรวจสอบ ตอ มา กรมบัญชีกลางพิจารณาแลวเห็นควรใหเจาหนาที่ที่เกี่ยวของ
ตองรับผดิ ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนหลายราย โดยใหผ ูฟ องคดีที่ ๑ รับผิดเฉพาะสวนของตนในอัตรา
รอยละ ๑๐ ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๙๒,๖๖๐ บาท และให
ผูฟองคดีท่ี ๒ รับผิดเฉพาะสวนของตนในอัตรารอยละ ๒๕ ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท
คิดเปน เงนิ จาํ นวน ๒๓๑,๖๕๐ บาท ผูถกู ฟองคดีท่ี ๔ (ผวู าราชการจงั หวัดจันทบุรี) จึงไดมีคําสั่งลงวันท่ี
๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เรียกใหผูฟองคดีทั้งสองชดใชคาสินไหมทดแทนตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง
ผฟู อ งคดีทัง้ สองเห็นวา การเบิกจายเงินในโครงการดังกลาวชอบดวยกฎหมายแลว จึงย่ืนอุทธรณ ตอมา
ผูฟองคดที ัง้ สองไดรบั หนงั สือแจงคําวินิจฉัยของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย)
ท่ียกอุทธรณของผูฟองคดีทั้งสอง ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ผูฟองคดีท้ังสอง
ไมเหน็ ดว ย จึงนาํ คดมี าฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรอื คาํ ส่งั ใหเ พกิ ถอนคาํ ส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๔
ลงวันท่ี ๒๑ มถิ นุ ายน ๒๕๕๖ ท่เี รยี กใหผ ฟู องคดีท้ังสองชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี และใหเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามหนังสือลงวันที่
๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ เห็นวา คดีนี้ขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีที่ ๑ มีหนังสือลงวันท่ี ๓๐
ธันวาคม ๒๕๕๓ ถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๔ แจงวา สํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๒ ไดตรวจสอบ
งบการเงินขององคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ประจําปงบประมาณ ๒๕๕๒ ต้ังแตวันท่ี ๑
ตุลาคม ๒๕๕๑ ถึงวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ แลว พบวา การเบิกจายเงินในโครงการสงเสริม
และพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ
ไทยแลนดลีก ดิวิชั่น ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” ไมสามารถเบิกจายไดและไมอยูในอํานาจหนาที่ของ
องคการบริหารสวนจังหวัดตามมาตรา ๑๗ (๑๘) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและข้ันตอนการกระจายอํานาจ

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๑๙

ใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงใหผูฟองคดีท่ี ๑ ดําเนินการแตงต้ังคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงหาผูรับผิดทางละเมิด ซ่ึงเมื่อพิจารณาสัดสวนความรับผิดทางละเมิดแลว
ผูบังคับบัญชาขั้นสูง/ผูอนุมัติ (นายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีหรือผูปฏิบัติหนาท่ีแทน)
มสี ว นตอ งรบั ผดิ ชอบดวย จึงอาจถือไดว า ผมู อี ํานาจอนมุ ตั มิ ีสวนเก่ียวขอ งในการดาํ เนนิ การดังกลาว
จึงขอสงเร่ืองใหจังหวัดจันทบุรีพิจารณาดําเนินการตอไป กรณีดังกลาวถือไดวาผูฟองคดีท่ี ๑
เปนผูมีสวนเกี่ยวของโดยเปนคูกรณีในเรื่องดังกลาว ตามมาตรา ๑๓ (๑) แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติ
ราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีท่ี ๑ จึงไมอาจพิจารณาทางปกครองและมีคําสั่งแตงตั้ง
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดได เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๔ มีอํานาจกํากับดูแล
การปฏบิ ัตริ าชการขององคก ารบริหารสวนจังหวัดใหเปนไปตามกฎหมายและมีอํานาจสั่งสอบสวน
ขอเท็จจริงไดตามมาตรา ๗๗ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐
ผูถูกฟองคดีท่ี ๔ จึงเปนผูบังคับบัญชาขึ้นไปหนึ่งชั้นของผูฟองคดีท่ี ๑ ตามนัยมาตรา ๑๔
และมาตรา ๒๐ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และเปนอํานาจของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๔ ในการดําเนินการตรวจสอบและพิจารณาทางปกครองกรณีเกิดความเสียหายตอ
หนวยงานของรฐั ตาม พ.ร.บ. ความรบั ผิดทางละเมดิ ของเจาหนา ท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๔ มีคําส่ังลงวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๔ แตงต้ังคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด จึงเปนการดําเนินการตามขอ ๑๒ ของระเบียบดังกลาว
เมื่อตอมาผูถูกฟองคดีท่ี ๔ มีคําส่ังลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เรียกใหผูฟองคดีท้ังสองชดใช
คาสินไหมทดแทนตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง จึงเปนการออกคําส่ังตามขอ ๑๘ ของระเบียบเดียวกัน
และเปนอาํ นาจของผถู ูกฟองคดที ี่ ๔ ตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ สวนที่ผูฟองคดีทั้งสองอางวา ในการพิจารณาอุทธรณ ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไมไดแตงต้ัง
คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณของผูฟองคดีท้ังสอง แตกลับเปนการดําเนินการของสํานักกฎหมาย
สป. สวนคดีและนิติกรรมสัญญา ซึ่งขัดตอหลักกฎหมาย นั้น ตามมาตรา ๔๔ และมาตรา ๔๕
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ไมไดกําหนดใหมีการแตงตั้งคณะกรรมการ
พิจารณาอุทธรณ การพิจารณาอุทธรณของสํานักกฎหมายดังกลาวเปนการดําเนินการของเจาหนาที่
ภายในฝายปกครองในการเสนอความเห็นตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ผูมีอํานาจพิจารณาอุทธรณเพ่ือพิจารณา
และมีคําวินิจฉัยตอไป ตามนัยมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ความเห็นของสํานักกฎหมาย
ดังกลาวไมไดผูกพันใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตองมีความเห็นตามท่ีเสนอแตอยางใด การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไดพิจารณาและมีคําวินิจฉัยใหยกอุทธรณของผูฟองคดีท้ังสอง จึงเปนการดําเนินการตามมาตรา ๔๕
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. วธิ ปี ฏิบัติราชการทางครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว เม่ือพิจารณาหลักการและเหตุผล
ของโครงการตามหนังสือกองสงเสริมคุณภาพชีวิต ลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๒ เร่ือง ขอรับการสนับสนุน
งบประมาณตอนายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี เพ่ือเปนคาใชจายในการสนับสนุน
การจัดการแขงขันฟุตบอลอาชีพ “ไทยแลนด ดิวิชั่น ๑ ลีก ๒๐๐๙” แลวไดความวา องคการบริหาร
สวนจังหวัดจันบุรีเล็งเห็นความสําคัญในการสงเสริมนักกีฬาและผูฝกสอนใหไดกาวไปสูความเปนเลิศ

แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๒๐

ในระดบั อาชพี และเปนตัวแทนของจงั หวดั จนั ทบุรใี นการเขารวมการแขงขันกีฬาฟุตบอลในระดับประเทศ
ตอ ไป จึงไดเขารวมกับสโมสรฟุตบอลจังหวัดจันบุรีจัดทําโครงการสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของ
จังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ ไทยแลนดลีก ดิวิช่ัน ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙”
ข้นึ มา โดยมจี ุดมงุ หมายเพอื่ สงนักกีฬาทีมสโมสรฟุตบอลจันทบุรี เขารวมการแขงขันฟุตบอลอาชีพ
“ไทยแลนด ดิวชิ ่นั ๑ ลกี ๒๐๐๙” ซ่ึงขอเท็จจริงปรากฏวา การแขงขันฟุตบอลตามโครงการดังกลาว
มกี ารเก็บเงนิ คาผานประตูจากผูเขาชมการแขงขันนัดเหยาโดยสโมสรฟุตบอลจันทบุรีเปนผูจัดเก็บ
นอกจากน้ี บริษัท ท. ซึ่งเปนผูจัดการแขงขันไดสนับสนุนเงินจํานวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท ใหแก
สโมสรฟุตบอลจันทบุรีดวย กรณีดังกลาวจึงเปนโครงการท่ีมีการจัดหารายไดในลักษณะองคกรเอกชน
ไมไดเปนไปตามหลักเกณฑการแขงขันกีฬาระหวางองคกรปกครองสวนทองถิ่นหรือภายในองคกรปกครอง
สวนทองถ่ินตามประกอบกับหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันท่ี ๓ สิงหาคม ๒๕๔๗ เร่ือง หลักเกณฑ
การใชจายเงนิ ในการแขง ขันกีฬาขององคก รปกครองสวนทองถิ่นแตอยางใด กรณีจึงเปนการเบิกจายเงิน
ใหแกสโมสรฟุตบอลจันทบุรี ซ่ึงเปนองคกรเอกชนโดยไมมีระเบียบกฎหมายของทางราชการ
ใหเ บิกจายได อกี ท้งั ไมอ ยใู นอาํ นาจหนาทข่ี ององคก ารบริหารสวนจังหวัด ตามมาตรา ๔๕ แหง พ.ร.บ.
องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และมาตรา ๑๗ (๑๘) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและขั้นตอน
การกระจายอํานาจใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เม่ือผูฟองคดีที่ ๑ ในฐานะ
ผูบังคับบัญชาสูงสุดไมกํากับดูแลการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีผูใตบังคับบัญชาวาไดปฏิบัติหนาที่
ในการเสนอโครงการเปนไปตามระเบียบกฎหมายของทางราชการหรือไม และผูฟองคดีท่ี ๒ มีหนาที่
ควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของผูใตบังคับบัญชาและตรวจสอบเอกสารหลักฐานประกอบฎีกา
ไดลงลายมือช่ือในฎีกาโดยไมตรวจสอบวา โครงการดังกลาวสามารถดําเนินการและเบิกจายได
ตามระเบียบกฎหมายหรือไม แมผูฟองคดีทั้งสองอางวา ไดปฏิบัติหนาท่ีไปดวยเชื่อโดยสุจริต
แตการกระทําของผูฟองคดีท้ังสองเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๖๗ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย
วาดว ยการรับเงนิ การเบกิ จา ยเงนิ การฝากเงนิ การเกบ็ รกั ษาเงนิ และการตรวจเงินขององคกรปกครอง
สวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ จึงเปนการกระทําดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงและเปนเหตุ
ใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดรับความเสียหายเปนเงินจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท จึงเปน
การกระทําละเมิดตอองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย ผูฟองคดีทั้งสองจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกองคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๘ วรรคหน่ึง และมาตรา ๑๒
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อไมปรากฏวาผูฟองคดีท้ังสอง
กระทําทุจริตตอหนาที่ การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๔ มีคําสั่งลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ เรียกให
ผูฟองคดีที่ ๑ ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๑๐ ของคาเสียหายจํานวนดังกลาว คิดเปนเงิน
จํานวน ๙๒,๖๖๐ บาท และเรียกผูฟองคดีที่ ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๕
ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๒๓๑,๖๕๐ บาท จึงเปนการเรียกให
ชดใชคาสินไหมทดแทนโดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมในกรณีน้ี
ตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติเดียวกันแลว ดังนั้น คําสั่งดังกลาวจึงชอบดวยกฎหมาย

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๒๑

และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดีทั้งสองจึงชอบดวยกฎหมาย
เชนกัน ทศี่ าลปกครองชัน้ ตน พพิ ากษายกฟอ ง นัน้ ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวย

พพิ ากษายืน

ฟองขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีทุจริตเงินทุนการศึกษาและการใชเงินโครงการ
สรา งวัตถมุ งคลไมเปน ไปตามวตั ถุประสงค
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๒๒๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๑๐๒

ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีไมควบคุมการเบิกจายเงิน
ตามระเบยี บเปนเหตุใหเกดิ การทจุ รติ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๒๒๓/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดี
(นายอําเภอน้ําขุน) มีคําสั่งอําเภอน้ําขุน ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนจํานวน ๔,๒๖๖,๐๐๐ บาท โดยกลาวหาวา ขณะผูฟองคดีดํารงตําแหนงนายก
องคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด ไดลงนามสั่งจายเช็ค ๕ ฉบับ รวมเปนเงิน ๑๑,๔๕๐,๐๐๐ บาท
ใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดเพ่ือนําฝากเขาบัญชีธนาคาร พ. ประเภทบัญชีออมทรัพย
โดยมิไดขีดเสนตรงหลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ” เปนเหตุใหนาง ส.
เจาพนกั งานการเงนิ และบัญชี รักษาราชการแทนหัวหนา สว นการคลัง มีการเขียนตัวอักษรเพ่ิมเติม
เปลี่ยนแปลงจาก “อบต.โคกสะอาด” เปน “ชอบต้ังโคกสะอาดพาณิชย” และในฐานะผูบริหาร
ทองถิ่นที่มีหนาที่ควบคุมงบประมาณรายจาย ไมมีการควบคุมการเบิกจายเงิน ไมควบคุมบัญชี
รายงานและเอกสารเกี่ยวกับการจายเงิน รวมทั้งละเลยไมเรงรัดใหหัวหนาหนวยงานคลัง
ทํารายงานแสดงรายรับรายจายเปนรายเดือน เปนเหตุใหนาง ส. นําเงินเขาบัญชีของนาย ศ.
ทําใหเงินขององคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดขาดบัญชีจํานวน ๑๑,๔๕๐,๐๐๐ บาท
แตนาง ส. ไดนําเงินสดฝากเขาบัญชีคืนเปนเงิน ๒,๙๑๘,๐๐๐ บาท คงเปนเงินขาดบัญชีจํานวน
๘,๕๓๒,๐๐๐ บาท พฤติการณถือไดวาเปนการประมาทเลินเลออยางรายแรง ใหผูฟองคดีรับผิด
ในสัดสวนรอยละ ๒๐ ของความเสียหาย รวมเปนเงินทั้งส้ิน ๑,๗๐๖,๔๐๐ บาท ตอมา
กรมบัญชีกลางมีหนงั สือแจงวา ใหผูฟองคดีชดใชความเสียหายแกทางราชการในอัตรารอยละ ๕๐
ของความเสียหายจํานวน ๘,๕๓๒,๐๐๐ บาท คิดเปนเงิน ๔,๒๖๖,๐๐๐ บาท ผูถูกฟองคดี
จึงมีคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน
๔,๒๖๖,๐๐๐ บาท ผูฟองคดีไดอุทธรณคําส่ังดังกลาว ผูถูกฟองคดีไมเห็นดวยจึงสงคําอุทธรณ
ใหผูวาราชการจังหวัดอุบลราชธานีแลวมีคําสั่งยกอุทธรณ ผูฟองคดีเห็นวา คําส่ังลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ไมชอบดวยกฎหมาย เนื่องจากคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมดิ ไดเ ชญิ ผูฟอ งคดไี ปพบ แตม ิไดเ ปด โอกาสใหผูฟองคดไี ดทราบขอเท็จจริงในการสอบสวน

แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๒๒

และมิไดเปดโอกาสใหผูฟองคดีโตแยงแสดงพยานหลักฐาน คณะกรรมการฯ ไดพยายามรวบรัด
กระบวนการสอบสวนใหเสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยใหผูฟองคดีลงนามในเอกสารการสอบสวนโดยไมมี
โอกาสตรวจสอบความถูกตอง และการคํานวณคาสินไหมทดแทนใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย
ในอัตรารอ ยละ ๕๐ ของความเสียหายจํานวน ๘,๕๓๒,๐๐๐ บาท คิดเปนเงิน ๔,๒๖๖,๐๐๐ บาท
ไมเปนไปตามสัดสวนของการกระทําละเมิด เน่ืองจากมีผูที่เก่ียวของสามคน แตใหชดใชเพียงสองคน
ซึ่งเปนการคิดคาสินไหมทดแทนแบบลูกหนี้รวม ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดี
ยกเลิกคาํ สง่ั ลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา คณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดดําเนินการรวบรวมพยานหลักฐานตางๆ โดยประธาน
กรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดมีหนังสือแจงใหผูฟองคดีไปพบคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเพื่อใหถอยคําแลว จึงเปนกรณีท่ีคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดแจงสิทธิและหนาท่ีในกระบวนการพิจารณาทางปกครองให
ผูฟองคดีทราบแลวตามมาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยนับตั้งแตวันท่ีผูฟองคดีไดรับหนังสือแจงดังกลาวถึงวันที่ผูฟองคดีไดไปพบ
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเพื่อใหถอยคําในวันท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔
อันเปนเวลานานเกือบ ๕ เดือน ผูฟองคดีจึงมีเวลาที่จะดําเนินการเพ่ือแสวงหาขอเท็จจริง
และพยานหลกั ฐานเกี่ยวกบั เรือ่ งทีถ่ กู กลาวหาได อีกท้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดไดรายงานผลการสอบสวนตอผูถูกฟองคดีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ อันเปน
เวลาภายหลังจากการใหถอยคําของผูฟองคดีนานเกือบ ๖ เดือน ในชวงเวลาดังกลาวผูฟองคดี
ยังสามารถโตแยงและแสดงพยานหลักฐานของตนตอคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดไดเชนกัน รวมระยะเวลาดําเนินการสอบสวนกรณีน้ีนานเกือบหน่ึงป แตไมปรากฏวา
ผูฟองคดีไดโตแยงหรือแสดงพยานหลักฐานเพ่ิมเติมตอคณะกรรมการดังกลาวแตอยางใด
จงึ ฟง ไดวาคณะกรรมการสอบขอ เท็จจริงความรับผดิ ทางละเมดิ ไดทําการตรวจสอบขอเท็จจริงและ
รวบรวมพยานหลักฐานท่ีเกี่ยวของและไดใหโอกาสผูฟองคดีชี้แจงขอเท็จจริงและโตแยงแสดง
พยานหลักฐานประกอบการช้ีแจงอยางเพียงพอและเปนธรรมตามมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบกับขอ ๑๔ วรรคหนึ่ง และขอ ๑๕ ของระเบียบ
สํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว เม่ือขณะเกิดเหตุพิพาทคดีนี้ผูฟองคดีดํารงตําแหนงนายกองคการบริหาร
สวนตําบลโคกสะอาด ผูฟองคดีจึงมีหนาที่ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารราชการ
ขององคการบริหารสวนตําบลตามกฎหมาย และเปนผูบังคับบัญชาของพนักงานสวนตําบล
และลูกจางขององคการบริหารสวนตําบล การที่นาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี
รักษาราชการแทนหวั หนาสว นการคลัง ซ่งึ เปน ผูใตบังคับบญั ชาของผูฟองคดีในขณะน้ันไดอาศัยโอกาส
ท่ีตนเองมีหนาท่ีรับผิดชอบงานการเงินและบัญชี รับจายเงิน จัดทําเช็ค จัดทํารายงานใบสําคัญ
รายงานสถานะการเงินประจําวนั และนําเงินฝากธนาคาร กระทาํ การทุจริตเงินขององคการบริหาร

แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๒๓

สวนตําบลโคกสะอาด โดยเขยี นเช็ค รวม ๕ ฉบับ เปนเงิน ๑๑,๔๕๐,๐๐๐ บาท ส่ังจายใหองคการ
บริหารสวนตําบลโคกสะอาด เพื่อนําฝากเขาบัญชีออมทรัพย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ
การเกษตร สาขานํ้ายืน แตการเขียนเช็คดังกลาวมิไดขีดเสนตรงหลังช่ือ “อบต.โคกสะอาด”
จนชิดคําวา “หรือผูถือ” และไดเสนอเช็คน้ันใหผูบังคับบัญชาพิจารณาลงนาม นั้น เห็นวา
ผูฟองคดีลงลายมือช่ือในเช็คพิพาทโดยเห็นอยูแลววา เช็คนั้นไมไดมีการขีดเสนตรงหลังชื่อ
“อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ” อันเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๗๐ ของระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และ
การตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ ซ่ึงเปนหลักท่ัวไปในการเขียนเช็คของ
สวนราชการที่ประสงคใหการเขียนหรือพิมพจํานวนเงินในเช็คที่เปนตัวอักษรมิใหมีชองวางท่ีจะ
เขียนหรือพิมพจํานวนเงินเพ่ิมเติมได และใหขีดเสนตรงหลังช่ือสกุล ช่ือบริษัท หรือหางหุนสวน
จนชดิ คาํ วา “หรือผถู ือ” หรือ “หรอื ตามคาํ สั่ง” แลวแตกรณี เพ่ือมิใหมีการเขียนหรือพิมพช่ือสกุล
บุคคลอ่ืนหรือช่ือบริษัทหรือหางหุนสวนอื่นเพิ่มเติมไดอีก อันเปนการปองกันการทุจริตที่อาจจะ
เกิดข้ึนได การที่ผูฟองคดีไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาวจนเปนชองทางใหนาง ส. เขียนตัวอักษร
เพิ่มเติมโดยเปลี่ยนขอความจาก “อบต.โคกสะอาด” เปน “ชอบต้ังโคกสะอาดพาณิชย”
และโอนเงินเขาบัญชีของนาย ศ. เปนเจาของรานชอบต้ังโคกสะอาดพาณิชย จึงกอใหเกิดความ
เสียหายแกองคก ารบริหารสว นตําบลโคกสะอาด โดยกอนตรวจพบการทุจริต ขอเท็จจริงไมปรากฏ
วาผูฟองคดีไดมีการตรวจสอบบัญชี รายงาน และเอกสารเก่ียวกับการเบิกจายเงินขององคการ
บริหารสวนตําบลโคกสะอาดแตอยางใด แสดงใหเห็นวา ผูฟองคดีไมไดควบคุมการเบิกจายเงิน
บัญชี รายงาน และเอกสารอื่นเก่ียวกับการรับจายเงิน การไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาวของ
ผูฟองคดีจึงเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง และเปนการกระทําละเมิด
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดในผลแหงละเมิด
ตอองคการบรหิ ารสว นตาํ บลโคกสะอาดตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดีจึงมีอํานาจออกคําส่ังลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนไดตามมาตรา ๑๒
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และเม่ือการละเมิดเกิดข้ึนจากการท่ีผูฟองคดีไมถือปฏิบัติ
ตามระเบียบของทางราชการ จึงไมมีกรณีที่จะตองหักสวนแหงความรับผิดของหนวยงานของรัฐ
ตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ อยางไรก็ตาม
เมื่อขอเท็จจริงไมปรากฏวา ผูฟองคดีมีสวนรวมในการทุจริตหรือไดรับประโยชนจากการกระทํา
ดงั กลาวของนาง ส. อีกทงั้ นาง ส. ไดเ ขียนขอ ความเพ่ิมเติมลงในเช็คพิพาทภายหลังจากท่ีผูฟองคดี
ไดลงนามในเช็คน้ันแลวดวยวิธีการอันแยบยล ประกอบกับผูถูกฟองคดีไดมีคําส่ังเรียกใหนาง ส.
เจาพนักงานการเงินและบัญชี รักษาราชการแทนหัวหนาสวนการคลัง ซ่ึงเปนผูทุจริตรับผิดเต็ม
จํานวนความเสยี หาย และใหนาย ม. นาย ว. และนาย ณ. ในฐานะปลัดองคการบริหารสวนตําบล
โคกสะอาด รับผดิ ชดใชคา สนิ ไหมทดแทนในกรณเี ดยี วกนั ดว ย เมอื่ คํานงึ ถึงระดบั ความรา ยแรงแหง
การกระทาํ และความเปนธรรมแหงกรณีตามท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๘ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความ

แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๒๔

รับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว จึงเห็นวาผูฟองคดีสมควรรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐ ของความเสียหายจํานวน ๘,๕๓๒,๐๐๐ บาท คิดเปนเงิน
๑,๗๐๖,๔๐๐ บาท ดังน้ัน คําส่ังของผูถูกฟองคดีลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ี
เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑,๗๐๖,๔๐๐ บาท จึงไมชอบ
ดว ยกฎหมาย ทศ่ี าลปกครองชนั้ ตน พพิ ากษายกฟอง นั้น ศาลปกครองสงู สดุ ไมเห็นพอ งดวย

พพิ ากษากลบั เปน ใหเพกิ ถอนคาํ สงั่ ของผูถกู ฟอ งคดตี ามคําสัง่ อาํ เภอนํ้าขุน ลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา
จาํ นวน ๑,๗๐๖,๔๐๐ บาท โดยใหมีผลนับแตว นั ทีม่ ีคาํ สง่ั ดังกลาว

ฟอ งขอใหชดใชค าสนิ ไหมทดแทน กรณีออกใบอนญุ าตกอ สรา งอาคารแกเจา ของท่ีดินขางเคียง
เปนเหตุใหอาคารของตนไดรบั ความเสียหาย
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๒๓๓/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของอาคารเลขท่ี ๑๑๔/๗ ถนนปฏิพัทธ์ิ
ตําบลตลาดเหนือ อําเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ซ่ึงปลูกสรางบนที่ดินตามโฉนดที่ดิน
เลขท่ี ๕๖๕๙ โดยอาคารดังกลาวไดกอสรางหางจากหลักหมุดเขตท่ีดินประมาณ ๑๐ เซนติเมตร
เพื่อวางทอประปา ประมาณเดือนกันยายน ๒๕๕๐ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (เทศบาลนครภูเก็ต)
โดยผถู กู ฟองคดีท่ี ๒ (นายกเทศมนตรีนครภูเกต็ ) ไดอนุญาตใหนาง ส. ซ่งึ เปนเจาของที่ดนิ ขางเคียง
กอ สรา งอาคารคอนกรตี เสริมเหล็ก (ค.ส.ล.) ๓ ชัน้ ๒ คหู า ติดกับผนังอาคารของผูฟองคดี โดยนาง
ส. ไดทําหนังสือลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ รับรองวาจะรับผิดชอบความเสียหาย
ของอาคารขางเคียงเน่ืองจากการกอสรางอาคารดังกลาว ผูฟองคดีจึงไดลงช่ือยินยอมใหกอสราง
อาคารชิดเขตที่ดินของผูฟองคดีโดยเขาใจวาจะตองมีชองวางระหวางตึก ตอมา ปรากฏวา
การกอสรางอาคารดังกลาวไดกอใหเกิดความเสียหายแกอาคารของผูฟองคดี เน่ืองจากมีการ
กอสรางชิดกับผนังอาคารของผูฟองคดีโดยไมมีชองวางระหวางอาคาร ทําใหวงกบหนาตางหลุด
กระจกแตก พื้นหองครัวทรุด ฝาเพดานชํารุดเสียหาย นํ้าฝนไหลเขาอาคาร นาย อ. ผูรับมอบอํานาจ
จากนาง ส. และผูฟองคดีจึงไดจัดทําบันทึกขอตกลง ฉบับลงวันท่ี ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
ยอมรับวา ไดทําการตอกเสาเข็มบริเวณขางอาคารของผูฟองคดีทําใหเกิดความเสียหายแกผนัง
กระเบื้องแตกราว วงกบ – ประตูหนาและฝาเพดานชํารุด และจะรับผิดชอบคาเสียหาย
ทุกประการ หลังจากน้ัน ผูฟองคดีไดย่ืนคํารองลงวันที่ ๘ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ และวันที่
๑๓ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ ขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เขาไปตรวจสอบการกอสราง และดําเนินการให
เจาของอาคารดังกลาวมาทําการซอมแซมอาคารของผูฟองคดี แตก็ไมไดรับการแกไขและ
ผถู ูกฟอ งคดที ี่ ๑ โดยผูถกู ฟอ งคดที ี่ ๒ ไดออกใบอนุญาตกอ สรางอาคาร ลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๑
ใหน าง ส. กอ สรางอาคารในทดี่ นิ ตามโฉนดท่ีดินเลขที่ ๔๕๘๑ และเลขท่ี ๔๕๘๒ ผูฟองคดีจึงยื่นคํารอง
ลงวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๑ อีกคร้ัง และไดย่ืนคํารองลงวันท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๑ ขอความ

แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๒๕

ชวยเหลือทางกฎหมายตอสํานักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต และเม่ือวันท่ี ๒พฤษภาคม ๒๕๕๑
ไดร องเรยี นตอ ศนู ยดาํ รงธรรมจังหวัดภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตไดมีหนังสือลงวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑
แจงใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ หามาตรการในการปองกันและชวยเหลือบรรเทาความเดือดรอนใหแก
ผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีคําสั่งลงวันท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑ รวมทั้งหมด ๔ ฉบับ แจงให
นาง ส. เจาของอาคาร ผูดําเนินการกอสรางอาคาร และผูควบคุมงาน ตามลําดับ ระงับ
การกอสรา งอาคารพพิ าท แตค วามเสียหายของผูฟอ งคดียงั ไมไดรับการแกไข ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๔ มิถุนายน ๒๕๕๑ รองเรียนตอผูตรวจการแผนดิน ซ่ึงสํานักงานตรวจการแผนดิน
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๑ แจงใหผูวาราชการจังหวัดภูเก็ตชี้แจงภายใน ๓๐ วัน
นับแตวันท่ีไดรับหนังสือ จังหวัดภูเก็ตจึงไดมีหนังสือลงวันท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๑ แจงให
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เขมงวดกวดขันใหนาง ส. ปฏิบัติตามคําสั่งเจาพนักงานทองถิ่นโดยเครงครัด
และใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ชี้แจงเรื่องดังกลาวใหศูนยดํารงธรรมจังหวัดภูเก็ตทราบ ตอมา ผูฟองคดี
ไดยื่นคํารองลงวันท่ี ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๑ ขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ยกเลิกหนังสือฉบับลงวันที่
๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๑ แจงผูฟองคดีวา
การใหความยินยอมของผูฟองคดดี ังกลาวไดสมั ฤทธิผ์ ลไปแลว โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดอ อกใบอนุญาต
กอสรางอาคารใหกับนาง ส. เจาของอาคารไปแลว จึงไมมีผลใหการไดรับอนุญาตเปล่ียนแปลง
และผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดแจงใหนาง ส. เจาของอาคารทําการซอมแซมอาคารของผูฟองคดี
สวนทช่ี าํ รดุ แลว หลงั จากนน้ั ผูฟอ งคดีไดมคี ํารอ งลงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ใหผูถูกฟองคดีที่ ๑
ระงับการกอสรางอาคารของนาง ส. แตจนถึงวันที่ผูฟองคดีฟองคดีน้ีตอศาลปกครองช้ันตน
ก็ยังไมไดรับการแกไขเยียวยาความเดือดรอนหรือเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลพิพากษา
หรือมีคําสั่ง ดังนี้ ๑. เพิกถอนหนังสือฉบับลงวันท่ี ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ ๒. เพิกถอนใบอนุญาต
กอสรางอาคารทผี่ ูถูกฟอ งคดีท่ี ๑ โดยผูถกู ฟองคดที ่ี ๒ อนุญาตใหนาง ส. กอสรางอาคาร จนทําให
อาคารของผูฟองคดีเสียหาย และ ๓. ใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ชดใชคาเสียหายแกผูฟองคดีเปนเงิน
๗๐๐,๐๐๐ บาท ศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับคําฟองในขอหาท่ี ๑ ขอหาที่ ๒ และคําฟอง
ในสวนท่ีฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ และที่ ๓ (ผูอํานวยการสวนควบคุมการกอสรางอาคารและผังเมือง
เทศบาลนครภูเก็ต) คงรบั เฉพาะคําฟองในขอหาที่ ๓ ไวพิจารณา ผูฟองคดียื่นคํารองอุทธรณคําส่ัง
เฉพาะประเด็นที่ไมรับคําฟองในขอหาท่ี ๑ และท่ี ๒ ไวพิจารณา ซ่ึงศาลปกครองสูงสุดมีคําสั่งยืน
ตามคําส่ังของศาลปกครองชั้นตน เห็นวา คดีนี้เมื่อปรากฏจากพยานเอกสารตามคํารองทั่วไป
ลงวันท่ี ๘ และ ๑๓ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ รวม ๒ ฉบับ ที่ผูฟองคดีรองเรียนตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒
เพ่ือขอใหต รวจสอบการกอสรา งอาคารของนาง ส. ทายคําฟองของผูฟอ งคดีวา การกอสรางอาคาร
ของนาง ส. มีการลํ้าเขตที่ดินขางเคียงของผูฟองคดีจนเบียดชิดติดกับอาคารของผูฟองคดี
ซ่ึงในภาวะเชนนั้น ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถิ่น
จักตองดําเนินการใหมีการตรวจสอบตามการรองเรียนดังกลาวเพื่อใหไดขอเท็จจริงชัดแจงวา
อาคารท่ีขออนุญาตกอสรางของนาง ส. เปนการกอสรางอาคารที่มีสวนใดรุกล้ําเขาไปในเขตท่ีดิน
ขางเคียงของผูฟองคดีหรือไม ซ่ึงหากมีการรุกล้ําเขาไปในท่ีดินขางเคียงของผูฟองคดีจริง

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๒๖

ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถ่ิน มีอํานาจไมออกใบอนุญาต
กอสรางอาคารใหแกนาง ส. ตามคํารองขอดังกลาวได พรอมท้ังมีคําสั่งใหระงับการกอสราง
และหามมิใหบุคคลใดใชหรือเขาไปในสวนใดๆ ของอาคาร หรือบริเวณท่ีมีการกอสรางอาคารดังกลาว
และหากเห็นวาเปนกรณีที่สามารถแกไขเปล่ียนแปลงได ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ในฐานะเจาพนกั งานทองถน่ิ ก็มีอํานาจส่ังใหนาง ส. ดาํ เนนิ การแกไขเปลี่ยนแปลงใหถ ูกตองภายใน
ระยะเวลาที่กําหนดแตตองไมนอยกวาสามสิบวัน แตถาเห็นวาเปนกรณีที่ไมสามารถแกไข
เปล่ียนแปลงใหถูกตองได ผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถ่ิน
ก็ตองส่ังใหนาง ส. หรือผูควบคุมงาน ดําเนินการรื้อถอนอาคารน้ันทั้งหมดหรือบางสวนภายใน
ระยะเวลาที่กําหนดแตตองไมนอยกวาสามสิบวัน แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒
ในฐานะเจาพนักงานทองถิ่น ก็หาไดดําเนินการดังกลาวแตอยางใด กลับเช่ือตามการรายงานของ
นายชางเขต ๕ วา ไมพบวามีการรุกล้ําที่สาธารณะและที่ของบุคคลอื่น และไดออกใบอนุญาต
กอสรางอาคาร ลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๑ ใหแกนาง ส. ไป เมื่อปรากฏขอเท็จจริงวา ศาลจังหวัด
ภูเก็ตในคดีที่ผูฟองคดีไดนําขอพิพาทเกี่ยวกับความเสียหายของอาคารไปฟองเปนคดีแพงเรียก
คาเสียหายจากนาง ส. ไดมีคําพิพากษาเปนคดีหมายเลขแดงท่ี ๑๑๓๓/๒๕๕๔ เมื่อวันท่ี
๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ วินิจฉัยวา การกอสรางอาคารของนาง ส. ไดมีการรุกล้ําเขาไปในท่ีดินของ
ผูฟองคดีจริง โดยเปนสวนท่ีเปนคานคอดิน นอกจากน้ี ยังปรากฏวา การกอสรางอาคารของนาง ส.
นั้น ยังถูกพนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตฟองเปนคดีอาญา ฐานบุกรุก ตอศาลจังหวัดภูเก็ต โดยมี
ผูฟองคดีเปนโจทกรวม ซ่ึงศาลดังกลาวไดมีคําพิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่ ๕๓๓๓/๒๕๕๔
เม่ือวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ วา นาง ส. มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒
(ฐานบุกรุก) กรณีจึงตองฟงวา การกอสรางอาคารของนาง ส. มีลักษณะเปนการขออนุญาต
กอสรางอาคารท่ีมีสวนรุกลํ้าเขาไปในเขตที่ดินขางเคียงของผูฟองคดี อันเปนการฝาฝนตอประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย และประมวลกฎหมายอาญา ชอบท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒
ในฐานะเจาพนักงานทองถิ่น จะมีคําส่ังไมอนุญาตใหนาง ส. กอสรางอาคารตามคําขอดังกลาว
ตามมาตรา ๒๕ วรรคสาม แหง พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ พรอมทั้งมีคําสั่งตามมาตรา ๔๐
(๑) และ (๒) ประกอบมาตรา ๔๑ หรือมาตรา ๔๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว แลวแตกรณี
ดังน้ัน การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถิ่น ออกใบอนุญาต
กอสรางอาคาร ลงวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๕๑ ใหแกนาง ส. ไปโดยละเลยตอหนาท่ีไมดําเนินการ
ออกไปตรวจสอบกอนวาการกอสรางอาคารดังกลาวของนาง ส. มีสวนใดของอาคารรุกลํ้าเขาไป
ในเขตท่ีดินขางเคียงของผูฟองคดีหรือไมเชนน้ี จึงเปนการกระทําที่ไมชอบดวยกฎหมาย
แตเนื่องจากไดปรากฏจากคําฟองของผูฟองคดีเองวา ความเสียหายที่เกิดแกอาคารของผูฟองคดี
ซึง่ ผูฟองคดีประสงคฟ อ งเรียกคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๗๐๐,๐๐๐ บาท น้ัน ลวนเกิดมาจากการ
ตอกเสาเข็มบริเวณขางอาคารของผูฟองคดีและเปนความเสียหายที่เกิดกอนท่ีผูฟองคดีกับนาย อ.
ผูรับมอบอํานาจจากนาง ส. จะทําการจัดทําบันทึกขอตกลง ฉบับลงวันท่ี ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
และเกดิ กอนท่ีผฟู องคดีจะมีคํารองทว่ั ไป ลงวนั ที่ ๘ และวันท่ี ๑๓ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ รองเรียนตอ

แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๒๗

ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เพื่อขอใหตรวจสอบการกอสรางอาคารดังกลาวของนาง ส. กรณีจึงตองรับฟงวา
เปนความเสียหายท่ีเกิดจากการกระทําของฝายนาง ส. โดยตรงแตเพียงลําพัง หาไดเกิดจาก
การละเลยตอหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถ่ิน
ท่ีไมดําเนินการตรวจสอบการกอสรางอาคารดังกลาวกอนออกใบอนุญาตกอสรางอาคารลงวันท่ี
๗ มีนาคม ๒๕๕๑ ใหแกนาง ส. แตอยางใด ดังน้ัน การกระทําดังกลาวของผูถูกฟองคดีที่ ๑
โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในฐานะเจาพนักงานทองถ่ิน แมจะเปนการไมชอบดวยกฎหมาย แตเม่ือ
ไมกอใหเกิดความเสียหายตามท่ีผูฟองคดีฟองมา จึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และเม่ือเปนความเสียหายที่เกิด
กอนการออกใบอนุญาตกอสรางอาคาร ลงวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๕๑ กรณีจึงไมจําตองวินิจฉัยวา
คําส่ังลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ท้ัง ๔ ฉบับ ท่ีสั่งระงับการกอสราง และหนังสือลงวันท่ี
๘ สิงหาคม ๒๕๕๑ ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ท่ีแจงใหนาง ส. กอสรางอาคารไดตอไปเปนการชอบ
ดวยกฎหมายและละเมิดตอผูฟองคดีหรือไมอีกตอไป เพราะไมทําใหผลคดีเปลี่ยนแปลงไป
เนื่องจากเปนการกระทําภายหลังจากความเสียหายตามฟองไดเกิดขึ้นกอนแลวเชนกัน
สวนในประเด็นท่ีเก่ียวกับเสาเข็ม จํานวน ๔ ตน ของนาง ส. ท่ีผูฟองคดีอุทธรณกลาวอางวา
ยังคงอยูในที่ดินของผูฟองคดี และมีคําขอใหศาลปกครองสูงสุดบังคับใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑
สั่งใหนาง ส. เจาของอาคารพิพาท หรือผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ดําเนินการร้ือถอนออกไปจากท่ีดินของ
ผูฟองคดีน้ัน เห็นวา ตามคําฟองของผูฟองคดีมิไดประสงคฟองขอใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ดําเนินการ
ใหมีการรื้อถอนเสาเข็ม จํานวน ๔ ตน ออกไปจากท่ีดินของผูฟองคดีดวย ศาลปกครองสูงสุด
จึงไมจําตองวินิจฉัยในประเด็นตามคําขอนี้ เน่ืองจากไมเก่ียวกับขอพิพาทตามคําฟอง
ที่ศาลปกครองชัน้ ตน มีคาํ พิพากษายกฟอ ง นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพอ งดว ยในผล

พิพากษายนื

ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีกระทําการทุจริตเบิกจายคาจางลูกจาง
ชั่วคราวรายวนั อันเปน เทจ็
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๒๖๑/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา เม่ือคร้ังผูฟองคดีรับราชการเปนขาราชการพลเรือน ตําแหนง
เจาหนาท่ีบริหารงานปาไม ๖ สังกัดกรมปาไม ไดรับคําส่ังจังหวัดพัทลุง ลงวันท่ี ๒๙ ธันวาคม
๒๕๔๑ ใหทําหนา ทีเ่ ปน คณะกรรมการจา ยเงินคาจา งลกู จา งชว่ั คราวรายวันของสถานีควบคุมไฟปา
ทะเลนอ ย ตัง้ แตวันท่มี คี าํ ส่ังเปนตนไป จนถึงวันท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓ ตอมา เม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๓
เจาหนาที่ของสํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคท่ี ๑๔ (จังหวัดนครศรีธรรมราช) ไดทําการ
สอบสวนผูฟองคดีโดยอางวามีหนังสือรองเรียนวามีการกระทําทุจริตในการเบิกจายคาจางลูกจาง
ชั่วคราวของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอย จังหวัดพัทลุง ระหวางปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๒
ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓ เปนเท็จ จากน้ัน อธิบดีกรมปาไมไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๕

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๒๘

และคําสงั่ ลงวนั ท่ี ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๔๕ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ในกรณีดังกลาว แตเน่ืองจากเรื่องดังกลาวอยูในความรับผิดชอบของกรมอุทยาน
แหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ตาม พ.ร.ฎ. โอนกิจการบริหารและอํานาจหนาที่ของสวนราชการ
ใหเปนไปตาม พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕ ผูถูกฟองคดีที่ ๑
(อธิบดีกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช) จึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
สงั่ ใหผฟู องคดีชดใชค าสินไหมทดแทน จํานวน ๑๕๗,๗๑๗ บาท เนอ่ื งจากกรมบัญชีกลางไดแจงผล
การพิจารณาความรับผิดทางละเมิด โดยเห็นวาผูฟองคดีในฐานะคณะกรรมการจายเงินคาจาง
ช่ัวคราวมหี นา ที่ควบคุมดแู ลการจายเงินคาจางของลูกจางชั่วคราวใหถูกตองครบถวน แตผูฟองคดี
และคณะกรรมการจายเงินคาจางชั่วคราวรายอื่นไมไดไปรวมสังเกตการณการจายเงิน
ไมตรวจสอบวาลูกจางไดปฏิบัติงานจริงหรือไม เปนชองทางใหนาย ป. ซึ่งทําหนาท่ีหัวหนาสถานี
ควบคมุ ไฟปาทะเลนอย กระทาํ ทุจรติ ไดโดยงา ย พฤติการณถือเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง เปน เหตุใหก รมอุทยานแหง ชาตสิ ัตวป า และพนั ธพุ ืชไดรบั ความเสียหาย จึงมีคําส่ังให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๕๐ ของคาเสียหาย ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท คิดเปน
เงิน ๖๓๐,๘๖๘ บาท ซ่ึงคณะกรรมการจายเงินคาจางชั่วคราว ๔ ราย ประกอบดวย นาย ช.
นาย ร. นาย ว. และผูฟองคดี โดยใหรับผิดในอัตราสวนคนละเทาๆ กัน คิดเปนเงินคนละ
๑๕๗,๗๑๗ บาท ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําสั่งดังกลาวจึงไดมีหนังสือลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน
๒๕๕๕ และหนังสอื ลงวันท่ี ๑๙ ธนั วาคม ๒๕๕๕ อุทธรณค ําสง่ั และอทุ ธรณเพมิ่ เติมตอผูถูกฟองคดี
ท่ี ๑ และขอทุเลาการใชมาตรการบังคับทางปกครองดังกลาวไวจนกวาการพิจารณาอุทธรณ
จะสิ้นสุดและจนกวาคดีปกครองถึงท่ีสุด ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ พิจารณาหนังสืออุทธรณของผูฟองคดีแลว
ไมเห็นดวยกับคําอุทธรณ แตเห็นควรใหทุเลาการบังคับทางปกครองแกผูฟองคดี จึงสงคําอุทธรณ
ของผูฟองคดีใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม) พิจารณา
ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดพิจารณาอุทธรณโดยยืนตามคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และยกอุทธรณ
ของผูฟองคดีตามคําวินิจฉัยอุทธรณ ลงวันท่ี ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ผูฟองคดีเห็นวา คําส่ังของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และการพิจารณาอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดี
มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหการกระทําของผูฟองคดีไมไดเปนการกระทํา
โดยประมาทเลินเลออยางรายแรง เพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามหนังสือกรมอุทยาน
แหงชาติ สตั วปา และพนั ธพุ ชื ลงวนั ที่ ๑๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๕ ในสว นทีเ่ รยี กใหผฟู องคดีชดใชเงิน
คาสินไหมทดแทนแกทางราชการ จํานวน ๑๕๗,๗๑๗ บาท และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามคําวินิจฉัยอุทธรณ ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖ เรื่อง การพิจารณาอุทธรณ
คาํ สัง่ ทางปกครองรายผูฟอ งคดี เหน็ วา การทีค่ ณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
เห็นวา การเบิกจายคาจางคนงานของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอยอยูในความรับผิดชอบของนาย ป.
เจาหนาท่ีบริหารงานปาไม ๕ ทําหนาที่หัวหนาสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอย ท่ีจะตองเปน
ผูรับผิดชอบในฐานะผูเบิก จึงเห็นสมควรใหนาย ป. ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๖๕
ของจาํ นวนเงนิ ๒๗๒,๐๑๐ บาท เปน เงิน ๑๗๖,๘๐๖.๕๐ บาท และโดยที่เร่ืองดังกลาวอยูในความ

แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๒๙

รบั ผิดชอบของกรมอทุ ยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ตามพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหาร
และอํานาจหนาท่ีของสวนราชการใหเปนไปตาม พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
พ.ศ. ๒๕๔๕ อธบิ ดีกรมปาไมจึงมีหนังสือกรมปาไม ลงวันท่ี ๖ มกราคม ๒๕๔๙ สงรายงานผลการ
สอบสวน และเอกสารที่เกี่ยวของใหกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ดําเนินการตอไป
ซ่ึงผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดพิจารณารายงานผลการสอบสวนแลวเห็นวา การท่ีนาย ป. ไมปฏิบัติ
ตามระเบียบและกฎหมายเปนการจงใจทําใหทางราชการไดรับความเสียหาย จึงตองรับผิดเต็ม
จํานวนของคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือ
ลงวนั ที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๔ รายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด พรอมทั้งความเห็น
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ใหกระทรวงการคลังพิจารณา ตอมากระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง
พิจารณาแลวเห็นวา นาย ป. และนาย ส. ไดจัดทําหลักฐานเบิกจายเงินคาจางลูกจางช่ัวคราว
เปนเท็จ พฤติการณถือเปนการรวมกันกระทําผิดโดยอาศัยโอกาสในการปฏิบัติหนาที่แสวงหา
ประโยชนท่ีมิควรไดโดยชอบดวยกฎหมาย เปนการจงใจกระทําละเมิดเปนเหตุใหกรมอุทยาน
แหง ชาติ สัตวปา และพันธุพืช ไดรับความเสียหาย จึงใหน าย ป. ซึ่งเปนหัวหนาสถานีควบคุมไฟปา
ทะเลนอย รับผิดในอัตรารอยละ ๘๐ ของความเสียหายจํานวน ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท คิดเปนเงิน
๑,๐๐๙,๓๘๘.๘๐ บาท และนาย ส. ซ่ึงเปนเพียงลูกจางช่ัวคราว รับผิดในอัตรารอยละ ๒๐
ขอ งความเสี ยหายจํานวน ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท คิด เปนเงิน ๒๕๒,๓๔๗.๒๐ บาท
สวนคณะกรรมการจายเงินคาจางช่ัวคราว ซ่ึงมีผูฟองคดีเปนกรรมการดวย มีหนาที่ควบคุมดูแล
การจายเงินคาจางช่ัวคราวใหถูกตองครบถวน แตไมควบคุมดูแลการจายเงินคาจางช่ัวคราว
ใหถกู ตองครบถว น โดยไมไดไ ปรว มสงั เกตการณการจายเงิน การท่ีคณะกรรมการดังกลาวลงชื่อไป
โดยไมตรวจสอบวาลูกจางไดมาปฏิบัติงานจริงหรือไม เปนชองทางใหนาย ป. กระทําการทุจริต
ไดโ ดยงา ย พฤตกิ ารณถ ือเปนการกระทาํ โดยประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหกรมอุทยาน
แหง ชาติ สตั วป า และพนั ธุพชื ไดรับความเสียหาย จึงใหคณะกรรมการดังกลาวซ่ึงรวมถึงผูฟองคดี
ดวย รับผิดในอัตรารอยละ ๕๐ ของคาเสียหาย ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท คิดเปนเงิน ๖๓๐,๘๖๘ บาท
โดยใหรับผิดในอัตราสวนคนละเทาๆ กัน คนละ ๑๕๗,๗๑๗ บาท ทั้งนี้ หากกรมอุทยานแหงชาติ
สัตวปา และพันธุพืช ไดรับชดใชคาสินไหมทดแทนจากนาย ป. และนาย ส. เม่ือนํามารวมกับ
จํานวนเงินท่ีคณะกรรมการจายเงินคาจางชั่วคราวทั้งสี่รายไดชดใชไวเกินจํานวนความเสียหาย
ใหคืนเงินสวนที่ไดรับชําระไวเกินสวนน้ันใหแกคณะกรรมการจายเงินคาจางชั่วคราวท้ังส่ีราย
ตามสัดสวนแหงความรับผิดและที่ไดรับชําระไวของแตละคนตอไป กรมบัญชีกลางจึงมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ แจงผลการพจิ ารณาดังกลา วใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ทราบและดําเนินการ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับหนังสือดังกลาว เม่ือวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ จึงมีคําสั่งตามหนังสือ
กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ลงวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ตามความเห็นของ
กรมบัญชีกลาง จากขอเท็จจริงดังกลาวจึงเปนกรณีท่ีกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช
ในฐานะหนวยงานของรัฐเห็นวาเจาหนาที่ผูทําละเมิดไมตองรับผิด แตกระทรวงการคลังเห็นวา

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๓๐
ตองรับผิด อายุความในการใชสิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจึงมีกําหนด
อายุความหน่ึงป นับแตวันท่ีหนวยงานของรัฐมีคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
เมอื่ ผูถกู ฟองคดีท่ี ๑ ไดรับหนังสือแจงผลการพิจารณาจากกระทรวงการคลังเม่ือวันท่ี ๒๒ ตุลาคม
๒๕๕๕ การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน
๑๕๗,๗๑๗ บาท จึงเปนการใชสิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนภายในหนึ่งป
นับแตวันท่ีหนวยงานของรัฐมีคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลัง อยางไรก็ดี เม่ือปรากฏ
ขอเท็จจริงวา ผูวาราชการจังหวัดพัทลุงไดมีคําส่ังจังหวัดพัทลุง ลงวันท่ี ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๑
แตงตั้งคณะกรรมการจายเงินคาจางลูกจางช่ัวคราวรายวันของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอย
โดยแตงตั้งใหผูฟองคดีเปนกรรมการในคณะกรรมการดังกลาว และใหมีผลต้ังแตวันที่มีคําสั่ง
เปนตนไป จนถึงวันท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓ จึงตองถือวาในปงบประมาณดังกลาว ผูฟองคดีปฏิบัติ
หนาที่เปนกรรมการในคณะกรรมการจายเงินคาจางลูกจางช่ัวคราวรายวันของสถานีควบคุมไฟปา
ทะเลนอยต้ังแตวันท่ี ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๑ จนถึงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓ กรณีจึงเห็นไดวา
วันที่มีการทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่เกิดขึ้นไดแกวันที่ผูฟองคดีลงลายมือช่ือเบิกจายเงินคาจาง
ลูกจางช่ัวคราวของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอย ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓
แมวาพยานหลักฐานในสํานวนคดีไมปรากฏแนชัดวาผูฟองคดีลงลายมือชื่อรวมกับคณะกรรมการ
คนอ่ืนเบิกจายเงินคาจางดังกลาวเมื่อใด อันจะถือไดวาผูฟองคดีกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑
แตยอมอนุมานไดวา การกระทําของผูฟองคดีอันเปนชองทางใหนาย ป. กระทําการทุจริต
ทําหลักฐานเบิกจายระหวางปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓ เปนเท็จ ยอมเกิดข้ึน
ในระหวางที่ผูฟองคดีทําหนาท่ีเปนคณะกรรมการตามคําส่ังดังกลาว ดังน้ัน เมื่อเหตุแหง
การกระทําละเมิดเกิดข้ึนในชวงระหวางวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๑ ถึงวันท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓
กรณีจึงเห็นไดวา วันท่ีมีการทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่เกิดขึ้นไดแก ต้ังแตวันท่ี ๒๙ ธันวาคม
๒๕๔๑ จนถึงวันท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓ โดยวันสุดทายที่ผูฟองคดีสามารถลงลายมือช่ือรวมกับ
คณะกรรมการคนอ่ืนเบิกจายเงินคาจางใหแกลูกจางชั่วคราวได คือ วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓
ดงั นั้น การทีผ่ ูถูกฟองคดที ี่ ๑ มคี ําส่งั เรียกใหผูฟอ งคดีรับผดิ ชดใชค าสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดี
ท่ี ๑ เปนเงิน ๑๕๗,๗๑๗ บาท ตามหนังสือกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ลงวันที่
๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ จึงเปนการออกคําสั่งเม่ือพนสิบปนับแตวันทําละเมิด ตามมาตรา ๔๔๘
วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย คําส่ังดังกลาวของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงไมชอบ
ดวยกฎหมาย และมีผลใหคําวินิจฉัยยกอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ที่เห็นชอบตามคําสั่งดังกลาว
ไมชอบดวยกฎหมายเชนกัน ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ตามหนังสือกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ที่เรียกให
ผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช เปนเงิน
จํานวน ๑๕๗,๗๑๗ บาท และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖

แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๓๑

ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดี โดยใหมีผลยอนหลังไปต้ังแตวันออกคําส่ังและคําวินิจฉัยอุทธรณ
ตามแตก รณี นั้น ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พอ งดว ย

พพิ ากษายืน

ฟองขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนอันเน่ืองจากคําสั่งใหพนจากตําแหนงผูอํานวยการ
การเลอื กตง้ั ประจาํ เทศบาล
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๒๖๙/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๕

ฟองขอใหระงับการเรียกเก็บคาบริการและการใหบริการสอบถามหมายเลขโทรศัพทและ
คนื เงินคา บรกิ ารท่เี รยี กเกบ็ ไวแลว
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๒๗๖/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นวิธีพิจารณาคดีปกครอง
หนา ๑๙๕

ฟองขอใหคืนเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมจดทะเบียนโฉนดที่ดินและส่ิงปลูกสรางเน่ืองจาก
มีการเพิกถอนการขายทอดตลาด
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๒๙๒/๒๕๖๓

ผฟู อ งคดฟี อ งวา เมื่อวนั ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๔๙ ผูฟองคดีประมูลซ้ือที่ดินตามโฉนดท่ีดิน
เลขที่ ๒๘๐๕๖ พรอมส่ิงปลูกสราง ราคา ๑๖,๑๐๐,๐๐๐ บาท จากการขายทอดตลาด
ตามประกาศเจาพนักงานพิทักษทรัพยในสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (กรมบังคับคดี) ลงวันท่ี
๓๑ มกราคม ๒๕๔๙ ในคดีของศาลลมละลายกลาง คดีหมายเลขแดงท่ี ๕๓๔/๒๕๔๕
ซงึ่ ท่ีดินแปลงดังกลาวมีชื่อนาย ป. เปนผูถือกรรมสิทธ์ิ โดยเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ใหผูฟองคดี
ทําสัญญาซ้ือขายและวางเงินมัดจํา จํานวน ๕๐,๐๐๐ บาท สวนท่ีเหลือจํานวน ๑๖,๐๕๐,๐๐๐ บาท
กําหนดใหผ ูฟอ งคดีชาํ ระตอ เจาพนักงานบังคับคดีใหเสร็จภายในสิบหาวันนับแตวันซ้ือ เม่ือถึงวันที่
๑๐ มนี าคม ๒๕๔๙ ผูฟอ งคดไี ดชาํ ระเงินสว นทีเ่ หลือจํานวนดังกลาวใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตอมา
วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๔๙ ผูฟองคดีไดย่ืนคํารองตอเจาพนักงานท่ีดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป
ขอจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิที่ดินพรอมส่ิงปลูกสรางดังกลาวมาเปนกรรมสิทธ์ิของผูฟองคดี
โดยผูฟอ งคดไี ดเสียคา ใชจา ยในการจดทะเบยี นโอนทดี่ ินพรอมสิง่ ปลกู สราง ประกอบดวย คาคําขอ
จํานวน ๕ บาท คาธรรมเนียม จํานวน ๓๐๒,๒๙๒ บาท คาภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา จํานวน
๙๖๑,๔๖๐ บาท รวมเปนเงินทั้งสิ้น ๑,๒๖๓,๗๕๗ บาท ภายหลังจากจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิ
ที่ดินแลว นาย ป. ไดย่ืนคํารองตอศาลลมละลายกลางขอใหเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดิน
ดังกลาว โดยอางวาการขายทอดตลาดของเจาพนักงานพิทักษทรัพยเปนการขายทอดตลาด
ในราคาต่ําเกินสมควร และไมใหโอกาสนาย ป. ไดคัดคานราคา ทําใหไมไดรับความเปนธรรม
ซึง่ ศาลลมละลายกลางมคี ําสง่ั วนั ที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ เพิกถอนการขายทอดตลาดท่ีดินพรอม

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๓๒

สิ่งปลูกสรางดังกลาว ผูฟองคดีจึงคืนโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๘๐๕๖ ใหแกเจาพนักงานพิทักษทรัพย และ
เจาพนักงานพิทักษทรัพยไดคืนเงินคาซื้อท่ีดินพรอมสิ่งปลูกสราง จํานวน ๑๖,๑๐๐,๐๐๐ บาท
ใหแกผูฟอ งคดี ตอ มา ผูฟอ งคดไี ดย ืน่ คําขอตอ กรมสรรพากรใหคืนเงินคาภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา
จํานวน ๙๖๑,๔๖๐ บาท ซึ่งกรมสรรพากรไดคืนเงินจํานวนดังกลาวใหแกผูฟองคดีแลว ครั้นวันที่
๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ผูฟองคดีไดยื่นคําขอตอเจาพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป
ใหคืนเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมการจดทะเบียนการขายที่ดินตามคําสั่งศาล จํานวน
๓๐๒,๒๙๗ บาท แตเจาพนักงานที่ดินมีหนังสือลงวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐ แจงคําส่ังใหผูฟองคดี
ทราบวา ไมสามารถคืนเงินคาธรรมเนียมจํานวนดังกลาวใหแกผูฟองคดีได ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๐ อุทธรณตอเจาพนักงานท่ีดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป
ตอมาเจาพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครพิจารณาแลวมีคําส่ังใหยกอุทธรณของผูฟองคดี และ
แจงใหผูฟองคดีทราบตามหนังสือลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ผูฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี
๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๐ โดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับแจงไปยังผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใหคืนเงิน
คาธรรมเนียม จํานวน ๓๐๒,๒๙๗ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ใหแกผูฟองคดี
ภายในสิบวันนับแตวันที่ไดรับหนังสือน้ี ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดรับหนังสือดังกลาวเม่ือวันที่
๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๐ แตเพิกเฉยไมชําระเงินจํานวนดังกลาวใหแกผูฟองคดี ผูฟองคดีเห็นวา
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (กรมท่ีดิน) มีหนาท่ีจะตองคืนเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมใหแกผูฟองคดี
อีกท้ัง การท่ีศาลลมละลายกลางเพิกถอนการขายทอดตลาดเพราะเจาพนักงานพิทักษทรัพย
ซ่ึงเปนเจาหนาที่ในสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ดําเนินการขายทอดตลาดโดยไมชอบดวยกฎหมาย
ทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย ผูถูกฟองคดีที่ ๒ จึงตองรวมรับผิดคืนเงิน
คาธรรมเนียมดังกลาวใหแกผูฟองคดีดวย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให
ผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกันคืนเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมจดทะเบียนโอนที่ดินพรอมสิ่งปลูกสราง
จํานวน ๓๐๒,๒๙๗ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาว
นับแตวันถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จแกผูฟองคดี เห็นวา ขณะท่ีผูฟองคดี
ย่ืนขอจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๒๘๐๕๖ ซึ่งซ้ือมาจากการขายทอดตลาด
ในคดีหมายเลขแดงท่ี ๗๔๖/๒๕๔๙ ของศาลลมละลายกลาง เจาพนักงานท่ีดินกรุงเทพมหานคร
สาขาบางกะป เจาหนาท่ีในสังกัดของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดเรียกเก็บคาธรรมเนียมจดทะเบียน
โอนที่ดินพรอมสิ่งปลูกสราง เปนเงิน ๓๐๒,๒๙๒ บาท พรอมคาคําขอแปลงละ ๕ บาท รวมเปน
๓๐๒,๒๙๗ บาท น้ัน เงินคาธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับท่ีดินหรือ
อสังหาริมทรัพยอื่นใด เปนเงินที่รัฐเรียกเก็บจากราษฎรเปนคาตอบแทนการท่ีรัฐใหบริการ
แกราษฎรในการทําใหสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยของราษฎรมีผลสมบูรณ
ตามกฎหมาย โดยมาตรา ๑๐๓ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ประกอบกับขอ ๒ (๗) (ก)
และ (๑๐) ของกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความใน พ.ร.บ. ใหใชประมวล
กฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ กําหนดใหเรียกเก็บคาธรรมเนียมในอัตรารอยละ ๒ ของจํานวนทุนทรัพย
และคาคําขอแปลงละ ๕ บาท เม่ือกรณีนี้ท่ีดินพรอมส่ิงปลูกสรางพิพาทมีราคาประเมินทุนทรัพย

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๓๓

๑๕,๑๑๔,๕๙๒ บาท การท่ีเจาพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป เรียกเก็บคาคําขอ
และคาธรรมเนียม รวมเปนเงิน ๓๐๒,๒๙๒ บาท เพื่อเปนคาตอบแทนการจดทะเบียน
โอนกรรมสิทธ์ิในท่ีดินพรอมส่ิงปลูกสราง ระหวางนาย ป. เจาของกรรมสิทธิ์เดิม กับผูฟองคดี
ซึ่งเปนผูซ้ือจากการขายทอดตลาด จึงชอบดวยกฎหมายแลว แมตอมาขอเท็จจริงจะปรากฏวา
ศาลลมละลายกลางมีคําส่ังใหเพิกถอนการขายทอดตลาด เปนเหตุใหเจาพนักงานท่ีดิน
กรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป มีคําสั่งเพิกถอนรายการจดทะเบียนขายตามคําสั่งศาล ระหวาง
นาย ป. ผูขาย กับ ผูฟองคดี ผูซื้อ แตก็หาไดมีผลทางกฎหมายเปนการเพิกถอนการท่ีเจาพนักงาน
ท่ีดินจังหวัดกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป ใหบริการแกผูฟองคดีตามอํานาจหนาท่ีท่ีกฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติไม อีกท้ัง การเพิกถอนรายการจดทะเบียนดังกลาวไมไดเกิดข้ึนจากความ
ผดิ พลาดคลาดเคลอื่ น หรอื การกระทาํ ท่มี ชิ อบดวยกฎหมายของเจา พนกั งานท่ีดนิ กรุงเทพมหานคร
สาขาบางกะป หรือเจาหนาท่ีท่ีอยูในบังคับบัญชาของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ประกอบกับผูฟองคดีไดไป
ซึ่งกรรมสทิ ธิ์ในท่ีดนิ พรอมส่ิงปลูกสรางโดยบรบิ ูรณทางทะเบยี นโดยชอบดวยกฎหมายแลวจากการ
จดทะเบียน กอนท่ีศาลลมละลายกลางจะมีคําสั่งใหเพิกถอนการขายทอดตลาด ดังนั้น การท่ี
เจาพนักงานที่ดินกรงุ เทพมหานคร สาขาบางกะป มีหนังสอื ลงวันท่ี ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐ แจง ผูฟองคดี
วาไมสามารถคืนเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใหแกผูฟองคดี
ตลอดจนการท่ีเจาพนักงานที่ดินจังหวัดกรุงเทพมหานคร มีคําสั่งยกอุทธรณและแจงใหผูฟองคดี
ทราบตามหนังสือลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐ จึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี
ผถู กู ฟองคดีที่ ๑ ซึ่งเปนหนวยงานของรฐั ตน สังกัด ไมต องรบั ผดิ ชดใชค าสินไหมทดแทนหรือคืนเงิน
คาธรรมเนียมในการจดทะเบียนโอนท่ีดินพรอมสิ่งปลูกสรางที่พิพาทใหแกผูฟองคดีแตอยางใด
สวนการท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไมชดใชคาธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนท่ีดินพรอมส่ิงปลูกสราง
ท่ีพิพาทใหแกผูฟองคดี น้ัน เมื่อขอเท็จจริงปรากฏตามคําสั่งศาลลมละลายกลางในคดีสาขา
หมายเลขแดงท่ี ๗๔๖๕/๒๕๔๙ วา ประกาศของเจาพนักงานพิทักษทรัพย กรมบังคับคดี
เร่ือง การขายทอดตลาดที่ดินพรอมสิ่งปลูกสราง ในสวนตอนทายของหมายเหตุไมไดระบุเง่ือนไขใดๆ
ท่ีกําหนดวา หากผูมีสวนไดเสียไมคัดคานในนัดใดนัดหนึ่งแลว จะหมดสิทธิคัดคานในนัดตอไป
เม่ือเจาพนักงานพิทักษทรัพยประกาศขายทอดตลาดท่ีดินแปลงโฉนดเลขท่ี ๒๘๐๕๖ พรอมส่ิงปลูกสราง
ของนาย ป. ในการขายทอดตลาดครั้งท่ี ๕ เมื่อวันท่ี ๓ มีนาคม ๒๕๔๙ ใหแกผูฟองคดี
ซงึ่ เสนอราคาสูงสุด เปนเงิน ๑๖,๑๐๐,๐๐๐ บาท แตราคาสูงสุดดังกลาวก็ยังตํ่ากวาราคาประเมิน
ซ่ึงเจาพนักงานพิทักษทรัพยประเมินไว นาย ป. จึงถือเปนบุคคลผูมีสวนไดเสียในการบังคับคดี
ท่ีอาจคัดคานราคาดังกลาววามีจํานวนตํ่าเกินสมควรได และกรณีน้ีเจาพนักงานพิทักษทรัพย
จะตองใหมีการเลื่อนการขายทอดตลาดทรัพยสินออกไปกอน แตเจาพนักงานพิทักษทรัพย
กลับดําเนินการเคาะไมขายทรัพยดังกลาวใหแกผูฟองคดีโดยไมฟงคําคัดคานของนาย ป.
การขายทอดตลาดจึงไมชอบดวยกฎหมาย โดยศาลลมละลายกลางมีคําสั่งใหเพิกถอน
การขายทอดตลาดที่ดินพรอมส่ิงปลูกสรางดังกลาว กรณีจึงเห็นไดวา ความเสียหายท่ีผูฟองคดี
ไดรับ คือ เงินคาคําขอและคาธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนท่ีดินพรอมสิ่งปลูกสรางซ่ึงผูฟองคดี

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๓๔

ไมอาจเรียกคืนจากเจาพนักงานที่ดินจังหวัดกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป เปนผลโดยตรง
จากการท่ีเจาพนักงานพิทักษทรัพยใชอํานาจดําเนินการเคาะไมขายทอดตลาดทรัพยใหแกผูฟองคดี
โดยไมชอบดวยกฎหมาย เปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งเปนหนวยงานตนสังกัดของเจาพนักงานพิทักษ
ทรัพยยอมตองรับผิดตอผูเสียหายในผลแหงละเมิดที่เกิดข้ึน ตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ทั้งยังตองรับผิดชําระดอกเบ้ียในอัตรารอยละ
๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๓๐๒,๒๙๗ บาท นับแตวันทําละเมิดเปนตนไป ตามมาตรา ๒๒๔
ประกอบกับมาตรา ๒๐๖ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว แตเน่ืองจากผูฟองคดีมีคําขอใหชําระ
ดอกเบ้ียนับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ ศาลจึงไมสามารถพิพากษาเกินคําขอใน
สวนนไี้ ด สวนท่ผี ูถ กู ฟองคดที ี่ ๒ อางวา สัญญาซื้อขายระหวางผูฟองคดีกับเจาพนักงานบังคับคดี
ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๔๙ ขอ ๕ ระบุวา “ในกรณีที่สัญญาน้ีถูกยกเลิกหรือศาลมีคําส่ังเพิกถอน
ดวยเหตุใดก็ดี อันเปนเหตุใหขาพเจา (ผูซื้อ) ไมไดกรรมสิทธ์ิหรือไมอาจใชประโยชนในท่ีดินหรือ
หองชดุ ทซี่ ้ือ ขา พเจา (ผซู ือ้ ) ไมติดใจเรยี กรอ งดอกเบ้ียหรือคาเสียหายหรือเงินตางๆ ท่ีขาพเจาตอง
ชําระไปเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธ์ิแตอยางใด” ผูฟองคดีจึงไมอาจเรียกรองใหผูถูกฟองคดีที่ ๒
ชดใชคาคําขอและคาธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมท่ีเกิดข้ึนได นั้น แมขอสัญญา
ดังกลาวจะมีลักษณะเปนการยกเวนความรับผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งเปนหนวยงานของรัฐ
ตน สงั กัดของเจา พนกั งานบังคบั คดีและเจา พนกั งานพิทกั ษท รัพยไวลวงหนาก็ตาม แตหากพิจารณา
ประกาศเจาพนักงานพิทักษทรัพย กรมบังคับคดี เรื่อง การขายทอดตลาดที่ดินพรอมสิ่งปลูกสราง
คดีศาลลมละลายกลาง หมายเลขแดงที่ ๕๓๔/๒๕๔๕ ซึ่งระบุขอสัญญาวา “การรอนสิทธิ
คาภาษีอากรตางๆ เรื่องเขตเนื้อที่ การบอกประเภทและสภาพของทรัพย เจาพนักงานพิทักษทรัพย
ไมรับรองและไมรับผิดชอบ” และ “กอนเขาสูราคา ผูซื้อมีหนาท่ีตรวจสอบรายละเอียดท่ีเกี่ยวกับ
ทรัพยที่จะซ้ือตามสถานที่ และแผนท่ีการไปท่ีปรากฏในประกาศ และถือวาผูซ้ือไดทราบถึงสภาพ
น้ันโดยละเอียดครบถวนแลว” ขณะท่ีหนังสือสัญญาซื้อขายระหวางผูฟองคดี กับ เจาพนักงาน
บงั คับคดี ลงวันท่ี ๓ มีนาคม ๒๕๔๙ ขอ ๔ ระบุวา “ขาพเจาเขาใจโดยชัดเจนวากรรมสิทธ์ิในที่ดิน
หรือหองชุดรายนี้ เจาพนักงานบังคับคดีมีอํานาจขายไดมากนอยเทาใดก็รับซื้อไวเทานั้น
การกําหนดเขตท่ีดินหรือเนื้อท่ีหองชุดโดยกวางยาวและการบอกประเภทท่ีดินหรือหองชุด
ตามประกาศขายทอดตลาดน้ันเปนแตกลาวไวโดยประมาณ ถึงแมวาเน้ือที่ดินหรือหองชุดจะขาด
หรือเกินไป หรือการบอกประเภทของที่ดินหรือหองชุดจะผิดไปประการใดก็ดี ไมถือวาเปนเหตุ
ใหเลิกสัญญาซ้ือขายน้ีได” ขอสัญญาดังกลาวจึงไมใชการยกเวนความรับผิดโดยไมมีขอจํากัด
หากมุงใชบังคับแกกรณีที่ทรัพยสินซึ่งไดจากการขายทอดตลาดชํารุดบกพรอง ไมตรงตามลักษณะ
ในประกาศขายทอดตลาด มกี ารรอนสทิ ธิ หรือเกดิ ความเสียหายใดๆ ซงึ่ เกดิ จากเหตุอันไมอาจโทษ
เจาพนักงานบังคับคดีหรือเจาพนักงานพิทักษทรัพยผูดําเนินการขายทอดตลาดทรัพยสินดังกลาว
ไดเทาน้ัน แตเม่ือขอเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏวาความเสียหายที่ผูฟองคดีไดรับเปนผลโดยตรงจาก
การทเี่ จาพนกั งานพทิ กั ษทรพั ยดําเนนิ การขายทอดตลาดโดยไมชอบดวยกฎหมาย ผูถ กู ฟองคดีท่ี ๒

แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๓๕

ซ่ึงเปนหนวยงานตนสังกัด จึงตองรับผิดชดใชเงินคาคําขอและคาธรรมเนียมจดทะเบียนโอนท่ีดิน
พรอมส่ิงปลูกสราง จํานวน ๓๐๒,๒๙๗ บาท พรอมดอกเบี้ยใหแกผูฟองคดี ที่ศาลปกครองช้ันตน
พิพากษาใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทน จํานวน ๓๐๒,๒๙๗ บาท พรอมดอกเบี้ยใน
อัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวนดังกลาว นับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระ
เสร็จใหแกผูฟองคดี โดยใหชําระใหแลวเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแตวันที่คดีถึงท่ีสุด คําขออื่น
นอกจากนใี้ หยก และใหคืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผฟู อ งคดี นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย

พพิ ากษายนื

ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีละเมิดมิไดควบคุมการเบิกจายเงิน
ใหถ ูกตอ ง
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๓๑๕/๒๕๖๓

ผฟู อ งคดีฟองวา ผูฟองคดีไดรบั ความเดือดรอนหรือเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดี
(นายอาํ เภอนา้ํ ขุน) ไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงิน ๒,๗๙๔,๓๒๓.๑๕ บาท กรณีผูฟองคดีเมื่อคร้ังดํารงตําแหนงปลัดองคการบริหาร
สวนตําบลโคกสะอาด ไดลงนามสั่งจายเช็คธนาคารกรุงไทย เลขท่ี ๐๐๕๘๔๗๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๒
เปนเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเลขท่ี ๐๐๕๘๔๗๙ ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๒ เปนเงิน
๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท รวมเปนเงิน ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท ใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
เพ่ือนําฝากเขาบัญชีธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณการเกษตร ประเภทบัญชีออมทรัพย
โดยมิไดขีดเสนตรงหลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ” เปนเหตุใหมีการเขียน
ตัวอักษรเพ่ิมเติมเปลี่ยนแปลงจาก “อบต.โคกสะอาด” เปน “ชอบตั้งโคกสะอาดพาณิชย” และ
ในฐานะเจาหนา ท่ีงบประมาณ มีหนาทค่ี วบคุมงบประมาณรายจาย แตไมมีการควบคุมการเบิกจายเงิน
ไมควบคุมบัญชีรายงานและเอกสารเก่ียวกับการจายเงิน รวมท้ังละเลยไมเรงรัดใหหัวหนาหนวยงานคลัง
ทํารายงานแสดงรายรับและรายจายเปนรายเดือน เปนเหตุใหนาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี
นําเงนิ เขาบญั ชขี องนาย ศ. ซ่ึงมีช่ือเปนเจาของรานและเปนสามีของนาง ส. ทําใหเงินขององคการ
บรหิ ารสวนตําบลโคกสะอาดขาดบัญชีจํานวน ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท พฤติการณถือไดวาเปนการประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดมีความเห็นใหผูฟองคดีรับผิด
ในสัดสวนรอยละ ๒๐ ของความเสียหายรวมเปนเงิน ๑,๐๑๘,๗๖๐ บาท ผูถูกฟองคดีจึงมีคําสั่ง
ลงวนั ท่ี ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนตามจํานวนเงินดังกลาว
ตอมา กรมบัญชีกลางไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๕ ถึงผูถูกฟองคดี โดยมีความเห็นวา
ผูฟองคดีไดลงนามสั่งจายเช็คธนาคารกรุงไทย เลขที่ ๐๐๕๘๔๗๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๒
เปนเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเลขท่ี ๐๐๕๘๔๗๙ ลงวันท่ี ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๒ เปนเงิน
๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท รวมเปนเงิน ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท แตเนื่องจากนาง ส. นําเงินสดฝากเขาบัญชีออมทรัพย
ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณการเกษตร ในภายหลัง เปนเงิน ๒,๙๑๘,๐๐๐ บาท เมื่อหักความเสียหาย

แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๓๖

จากเงนิ ทีม่ กี ารนําเขาบญั ชตี ามสดั สว นของยอดเงนิ ที่เบกิ จายตามเช็ค คิดเปนเงิน ๑,๙๑๑,๓๕๓.๗๑ บาท
คงเหลือความเสียหายจํานวน ๕,๕๘๘,๖๔๖.๒๙ บาท จึงใหผูฟองคดีชดใชความเสียหายในอัตรา
รอ ยละ ๕๐ ของความเสียหายจํานวน ๕,๕๘๘,๖๔๖.๒๙ บาท คิดเปนเงิน ๒,๗๙๔,๓๒๓.๑๕ บาท
ตอมา ผูถูกฟองคดีไดมีคําสั่งลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง ผูฟองคดีอุทธรณคําสั่งดังกลาว แตผูวาราชการจังหวัดอุบลราชธานี
มีคาํ วนิ จิ ฉัยใหย กอุทธรณ ผูฟองคดเี หน็ วา จาํ นวนเงินที่จะตองชดใชในอัตรารอยละ ๕๐ ของความเสียหาย
เปนจาํ นวนเงินท่ีสูงมากและไมเปน ธรรม จึงนาํ คดมี าฟอ งขอใหศ าลมีคาํ พพิ ากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดี
ยกเลกิ คาํ ส่ังลงวนั ที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เห็นวา การที่ผูฟองคดีลงลายมือช่ือในเช็คพิพาททั้งสองฉบับ
ดังกลาวโดยเห็นอยูแลววา เช็คน้ันไมไดมีการขีดเสนตรงหลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา
“หรือผูถือ” อันเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๗๐ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน
การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน
พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งเปนหลักทั่วไปในการเขียนเช็คของสวนราชการท่ีประสงคใหการเขียนหรือพิมพ
จํานวนเงนิ ในเชค็ ที่เปน ตัวอักษรมิใหมีชองวางท่ีจะเขียนหรือพิมพจํานวนเงินเพ่ิมเติมได และใหขีดเสนตรง
หลังชื่อสกุล ช่ือบริษัท หรือหางหุนสวน จนชิดคําวา “หรือผูถือ” หรือ “หรือตามคําสั่ง” แลวแตกรณี
เพ่ือมใิ หม กี ารเขยี นหรือพมิ พชื่อสกลุ บุคคลอ่ืนหรือชื่อบริษัทหรือหางหุนสวนอ่ืนเพ่ิมเติมไดอีก อันเปน
การปองกันการทุจริตที่อาจจะเกิดข้ึนได การที่ผูฟองคดีไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาวจนเปนชองทาง
ใหนาง ส. เขียนตัวอักษรเพ่ิมเติมโดยเปล่ียนขอความจาก “อบต.โคกสะอาด” เปน “ชอบตั้งโคกสะอาดพาณิชย”
และโอนเงินเขาบญั ชีของนาย ศ. สามีของนาง ส. ซึ่งเปน เจา ของรา นดงั กลา ว จงึ กอ ใหเกิดความเสียหาย
แกองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด และเม่ือผูฟองคดีเปนปลัดองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
ในขณะนั้น ผูฟองคดีจึงเปนเจาหนาที่งบประมาณตามขอ ๕ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวย
วิธีการงบประมาณขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ มีหนาที่ในการควบคุมงบประมาณ
รายจายเพอื่ ปฏิบัตกิ ารใหเ ปน ไปตามกฎหมาย ระเบียบ ขอบังคับ คําสั่ง หรือหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทย
ตามขอ ๓๓ ของระเบียบดังกลาว แตขอเท็จจริงไมปรากฏวาผูฟองคดีไดมีการตรวจสอบบัญชี
รายงาน และเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจายเงินขององคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดแตอยางใด
แสดงใหเห็นวา ผูฟองคดีไมไดควบคุมการเบิกจายเงิน บัญชี รายงาน และเอกสารอ่ืนเก่ียวกับ
การรับจา ยเงนิ ตามขอ ๓๓ ของระเบียบเดียวกัน และไมเรงรัดใหหัวหนาหนวยงานคลังทํารายงาน
แสดงรายรบั รายจายเปน รายเดือนตามขอ ๙๙ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน
การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน
พ.ศ. ๒๕๔๗ จนเปน เหตุใหเงนิ ขาดบญั ชแี ละทําใหองคก ารบริหารสว นตาํ บลโคกสะอาดไดรับความเสียหาย
การไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาวของผูฟองคดีจึงเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง
และเปนการกระทําละเมิดตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดี
จึงตองรับผิดในผลแหงละเมิดตอองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง
ประกอบมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดี
จึงมีอํานาจออกคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนได

แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๓๗

ตามมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อการละเมิดเกิดขึ้นจากการท่ีผูฟองคดีไมถือปฏิบัติ
ตามระเบียบของทางราชการ จึงไมมีกรณีท่ีจะตองหักสวนแหงความรับผิดของหนวยงานของรัฐ
ตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน อยางไรก็ตาม เมื่อขอเท็จจริงไมปรากฏวา
ผูฟองคดีมีสวนรวมในการทุจริตหรือไดรับประโยชนจากการกระทําดังกลาวของนาง ส. อีกทั้งนาง ส.
ไดเขียนขอความเพ่ิมเติมลงในเช็คภายหลังจากท่ีผูฟองคดีลงนามในเช็คน้ันแลวดวยวิธีการอันแยบยล
ประกอบกับผถู กู ฟอ งคดไี ดม คี าํ สัง่ เรยี กใหนาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี รกั ษาราชการแทน
หัวหนาสวนการคลัง ซ่ึงเปนผูทุจริตรับผิดเต็มจํานวนความเสียหาย และใหนาย ช. นายกองคการ
บรหิ ารสว นตาํ บลโคกสะอาด รับผิดชดใชคา สินไหมทดแทนในกรณีเดียวกนั ดวย เมื่อคํานึงถึงระดับ
ความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมแหงกรณีตามท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๘ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. ความรบั ผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว จึงเห็นวา ผูฟองคดีสมควรรับ
ผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐ ของความเสียหายจํานวน ๕,๕๘๘,๖๔๖.๒๙ บาท
คิดเปนเงิน ๑,๑๑๗,๗๒๙.๒๖ บาท ดังน้ัน คําสั่งลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ี
เรียกใหผูฟอ งคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑,๑๑๗,๗๒๙.๒๖ บาท จึงไมชอบ
ดว ยกฎหมาย ที่ศาลปกครองชั้นตน พิพากษายกฟอง นัน้ ศาลปกครองสูงสุดไมเ ห็นพองดว ย

พิพากษากลับ เปนใหเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนที่
เรยี กใหผูฟ อ งคดีรบั ผดิ ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑,๑๑๗,๗๒๙.๒๖ บาท โดยใหมีผล
นบั แตว ันท่ีมคี ําสงั่ ดังกลา ว คาํ ขออื่นนอกจากนใี้ หย ก

ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีขับรถดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรา ยแรงเปน เหตใุ หร ถยนตข องราชการไดร ับความเสยี หาย
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๓๓๑/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ขณะผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดเทศบาลตําบลคุระบุรี
สังกัดเทศบาลตําบลคุระบุรี อําเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ผูฟองคดีและพนักงานเทศบาลอีก ๓ คน
ไดร บั มอบหมายใหไ ปปฏิบตั หิ นา ทีร่ าชการทองทอ่ี ําเภอตะกวั่ ปา จังหวัดพังงา เพ่ือทําหนาท่ีรับซอง
และเปดซองสอบราคาจางเหมากอสรางปรับปรุงตอเติมอาคารสํานักงานเทศบาลตําบลคุระบุรี ณ
หองประชุมเทศบาลเมืองตะก่ัวปา อําเภอตะกั่วปา จังหวัดพังงา ผูฟองคดีไดรับอนุญาตใหใช
รถยนตสว นกลางในการปฏบิ ตั ิหนา ท่ี เปนรถยนตกระบะสองตอน หมายเลขทะเบียน กข ๔๕๘๘ พังงา
เม่ือเสร็จส้ินภารกิจ ผูฟองคดีกับพวกไดเดินทางกลับโดยผูฟองคดีเปนผูขับรถยนตคันดังกลาว
เมื่อขับมาถึงบริเวณ หมูท่ี ๑ ตําบลบางวัน อําเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ซ่ึงเปนทางโคงเลี้ยวขวา
ขณะน้ันมีฝนตก ถนนเปยก ล่ืน รถไดไถลเขาชองทางเดินรถขวา ขณะเดียวกันมีรถสวนทางมา
ผูฟองคดีจึงบังคับรถหลบไปทางซาย แตรถเสียหลักควบคุมไมไดลื่นไถลลงขางทางกระแทกตนไม
ผูฟองคดีและผูรวมเดินทางไดรับบาดเจ็บเล็กนอย รถคันเกิดเหตุไดรับความเสียหายตองซอมแซม
เปนเงินจํานวน ๑๗๐,๐๐๐ บาท ในคดีอาญา ศาลจังหวัดตะกั่วปาไดมีคําพิพากษาวาผูฟองคดี

แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๓๘

ขับรถยนตโดยประมาทเปนเหตุใหผูอื่นไดรับอันตรายแกกายและจิตใจ ปรับ ๘๐๐ บาท ผูฟองคดี
ใหการรับสารภาพเปน ประโยชนแกการพจิ ารณา กรณมี เี หตบุ รรเทาโทษ ลดโทษใหก่ึงหนึ่ง จากน้ัน
ผูถูกฟองคดี (นายกเทศมนตรีตําบลคุระบุรี) ไดมีคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ีข้ึน ตอมา คณะกรรมการดังกลาวได รายงานผลการสอบสวนวา
ผูฟองคดีขับรถดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงตองชดใชคาเสียหายเปนคาซอมแซมรถยนต
สวนกลางของเทศบาลตําบลคุระบุรี หมายเลขทะเบียน กข ๔๕๘๘ พังงา ในอัตรารอยละ ๖๕
ของคาเสียหายจํานวน ๑๗๐,๐๐๐ บาท เปนเงินจํานวน ๑๑๐,๕๐๐ บาท ผูถูกฟองคดีจึงมีคําส่ัง
ลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๐ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๑๑๐,๕๐๐ บาท
ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําส่ังดังกลาวเปนหนังสือลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๐ ผูวาราชการจังหวัดพังงา
พิจารณาอุทธรณแลวเห็นวา ในการสอบสวนของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดไมไดใหโอกาสแกเจาหนาที่ที่เก่ียวของหรือผูเสียหายไดช้ีแจงขอเท็จจริงและโตแยง
แสดงพยานหลักฐานของตนอยางเพียงพอและเปนธรรมจึงใหผูถูกฟองคดีดําเนินการใหถูกตอง
ซึ่งตอมาคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดดําเนินการสอบสวนขอเท็จจริง
ดว ยการใหโอกาสผูฟอ งคดไี ดช้ีแจงขอ เทจ็ จริง รวมทั้งไดไปตรวจสอบสถานท่ีเกิดเหตุแลว เห็นควร
ใหผูฟองคดีรับผิดในอัตราตํ่าสุดคือ รอยละ ๖๕ ของความเสียหาย ผูถูกฟองคดีเห็นชอบ
ตามความเห็นดังกลาวและไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๘ ตุลาคม ๒๕๕๑ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๑๑๐,๕๐๐ บาท ผูฟองคดีเห็นวาเปนคําสั่งท่ีไมชอบดวยกฎหมายจึงมีหนังสือ
อุทธรณคําส่ังดังกลาว ตอมา ผูวาราชการจังหวัดพังงาพิจารณาอุทธรณแลววินิจฉัยยกอุทธรณ
ของผูฟองคดี ผูฟองคดีแตไมเห็นดวยกับผลการพิจารณาอุทธรณดังกลาว จึงนําคดีมาฟองขอให
ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๘ ตุลาคม ๒๕๕๑ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใช
คาเสียหายเปนเงินจํานวน ๑๑๐,๕๐๐ บาท เห็นวา แมการพิจารณาพิพากษาคดีปกครอง
ไมมีกฎหมายกําหนดใหศาลจําตองถือขอเท็จจริงตามท่ีปรากฏในคําพิพากษาคดีสวนอาญา
แตเม่ือศาลจังหวัดตะกั่วปาวินิจฉัยไวแลววา ผูฟองคดีไดขับรถยนตดวยความเร็วสูงเกินสมควร
ที่จะควบคุมรถได ซ่ึงผูฟองคดีอาจใชความระมัดระวังเชนวานั้นไดแตหาไดกระทําไม และ
ในคดีอาญาดังกลาวผูฟองคดีไดใหการรับสารภาพผิดตามฟอง ซ่ึงถือเปนคําใหการที่เปนปฏิปกษ
และเปนโทษตอผูฟองคดีเอง และเปนผลใหศาลจังหวัดตะกั่วปาพิพากษาลงโทษผูฟองคดี
คําใหการของผูฟองคดีและคําพิพากษาของศาลจังหวัดตะก่ัวปาดังกลาวจึงเปนพยานหลักฐาน
ที่มีนํ้าหนักเช่ือถือได เม่ือผูฟองคดีมิไดอุทธรณคัดคานความไมชอบดวยกฎหมายของคําพิพากษา
ทีล่ งโทษผฟู อ งคดใี นความผิดดังกลา ว จนคดถี งึ ทีส่ ดุ ขอเทจ็ จริงตามคาํ ใหก ารของผฟู อ งคดีดังกลาว
จึงยอมมีผลผูกพันผูฟองคดี คดีจึงมีประเด็นที่ศาลจะตองพิจารณาตอไปวา การขับรถ
โดยประมาทของผูฟองคดีถึงขนาดเปนประมาทเลินเลออยางรายแรงท่ีตองรับผิดตาม พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือไม เห็นวา เมื่อคดีนี้ไมปรากฏหลักฐาน
ชัดเจนวา ผูฟองคดีขับรถดวยความเร็วเทาใดหรือเกินกวาท่ีกฎหมายกําหนดหรือไม มีเพียงคํารับสารภาพ
ในคดีอาญาของผูฟองคดีวาขับดวยความเร็วสูง สอดคลองกับความเห็นของพนักงานสอบสวน

แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๓๙

ท่ีรับแจงอุบัติเหตุ ซ่ึงใหการวาขณะตรวจท่ีเกิดเหตุ ฝนแลงแตถนนยังเปยกล่ืน ทางโคงดังกลาวน้ี
เปนทางโคงอันตรายเกิดอุบัติเหตุบอยคร้ัง โดยเฉพาะเม่ือมีฝนตก เพราะถนนท่ีเกิดเหตุ
จะล่ืนผิดปกติ จากสภาพความเสียหายของรถคันเกิดเหตุ หากขับรถชาตามที่อาง รถคันเกิดเหตุ
คงไมไดรับความเสียหายตองเสียคาใชจายในการซอมมากถึง ๑๗๐,๐๐๐ บาท นาเช่ือวาขณะเกิดเหตุ
รถท่ีผูฟองคดีขับขี่มีความเร็วเกินกวา ๔๐ กิโลเมตรตอชั่วโมง ขออางของผูฟองคดีที่วา ผูฟองคดี
ขับรถผานจุดเกิดเหตุดวยความเร็ว ๔๐ กิโลเมตรตอช่ัวโมง จึงไมอาจรับฟงได สวนขออางของ
ผูฟองคดีที่วาอุบัติเหตุเกิดจากปจจัยอื่นซ่ึงไมใชเรื่องขับรถเร็ว เชน เหตุสุดวิสัย สภาพของถนน
ทีล่ ่นื มากกวาปกตเิ นอ่ื งจากฝนท่ีท้ิงชวงมาเปนเวลานาน ทางโคง ขอจํากัดของระยะเวลาและพื้นที่
ในการบังคับและควบคุมรถยนต สภาพความบกพรองของรถ และความดันลมยางนั้น เห็นวา
เหตุสุดวิสัยตามมาตรา ๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย หมายความวา เหตุใดๆ
อันจะเกิดขึ้นก็ดี จะใหผลพิบัติก็ดี เปนเหตุท่ีไมอาจปองกันไดแมทั้งบุคคลผูตองประสบหรือใกล
จะตองประสบเหตุน้ันจะไดจัดการระมัดระวังตามสมควรอันพึงคาดหมายไดจากบุคคลในฐานะ
และภาวะเชนน้ัน เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา รถยนตคันเกิดเหตุเพิ่งทําการจัดซ้ือในปเดียวกัน
มีการซอมบํารุงกอนเกิดเหตุประมาณสามเดือน และผลการตรวจสอบสภาพรถยนตคันดังกลาว
ซงึ่ กระทําหลงั เกดิ เหตเุ พียง ๒ วัน ผลการทดสอบก็ไมปรากฏเหตุบกพรอง จึงไมนาเชื่อวาอุบัติเหตุ
จะเกิดจากความบกพรองของสภาพรถยนตต ามทก่ี ลา วอาง อีกทง้ั การอางปจจัยความบกพรองจาก
รถยนตหรือสภาพของถนนที่ล่ืนมากกวาปกติเน่ืองจากฝนทิ้งชวงมาเปนเวลานาน ทางโคง
ขอจํากัดของระยะเวลาและพื้นท่ีในการบังคับและควบคุมรถยนต และความดันลมยาง
ลวนแตไมใชเหตุสุดวิสัยเพราะเปนเหตุที่อาจปองกันไดหากระมัดระวังตามสมควร กับท้ังโดยที่
ขอ เท็จจรงิ ในวันเกดิ เหตปุ รากฏวามีฝนตกต้งั แตขาไปซึ่งมีนายพงษศักด์ิเปนผูขับ และขณะเกิดเหตุ
ฝนยังคงตกอยู จึงรับฟงไดวาในวันเกิดเหตุมีฝนตกต้ังแตเชา ทัศนวิสัยไมเหมาะแกการขับรถเร็ว
สภาพถนนเปยก ลื่น เม่ือเกิดเหตุการณในลักษณะรถไถลไปในชองทางเดินรถสวนทั้งขาไปและขากลับ
ยอมแสดงเห็นไดวา ผูฟองคดีไมมีความระมัดระวังเพียงพอ ขออางท่ีวาผูฟองคดีไดใช
ความระมัดระวังดวยการเปล่ียนตัวคนขับเปนผูฟองคดีซึ่งมีความชํานาญจากการท่ีมีใบอนุญาต
ขับข่ีรถยนตตลอดชีพจากกรมการขนสงทางบก ตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๔๔ ยอมไมใชเหตุผล
หรือหลักประกันไดวาจะไมเกิดเหตุการณซ้ําอีก อีกทั้งการท่ีผูฟองคดีขับรถยนตคันเกิดเหตุวิ่ง
เขาไปในชองทางเดินรถสวนทั้งที่สภาพถนนเปนเสนทึบคู อันเปนเครื่องหมายหามแซงหรือ
หามขับล้ําเสนทางเดินรถ ประกอบกับมีปายเตือนอันตรายของกรมทางหลวงกอนถึงจุดเกิดเหตุ
ประมาณ ๗๐๐ เมตร มีขอความวา “โคงอันตราย โปรดระมัดระวังใหใชความเร็วไมเกิน
๔๐ กิโลเมตรตอช่ัวโมง ปายท่ี ๒ เปนของเอกชน หางจากจุดเกิดเหตุประมาณ ๕๐๐ เมตร
มีขอความวา “ขางหนาเปนทางโคง เกิดอุบัติเหตุบอยครั้ง” และปายที่ ๓ ของกรมทางหลวง
หางจากจุดเกิดเหตุประมาณ ๒๐๐ เมตร มีขอความวา “ลดความเร็ว” แลวจึงเปนทางโคง
เลี้ยวซายและเล้ียวขวากอนถึงจุดเกิดเหตุ ยอมมีระยะทางและจุดสังเกตใหผูฟองคดีซึ่งเปน
ผูขับขี่ไดใสใจใหค วามระมดั ระวงั เพียงพอ แตผูฟองคดีซ่ึงมีหนาท่ีตองควบคุมบังคับรถใหอยูในชอง

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๔๐

เดินรถของตนเพื่อปองกันไมใหเกิดอันตรายแกบุคคลและทรัพยสิน กลับขับรถเขาไปในชองทาง
เดินรถสวน การขับล้ําเขาไปในชองทางเดินรถสวนท้ังท่ีเปนเสนทึบคู จึงแสดงวาผูฟองคดีละเลย
ไมปฏิบัติตามกฎจราจร กลับฝาฝนและเสี่ยงภัยอยางชัดแจง พฤติการณของผูฟองคดี
จึงขาดความระมัดระวังตามท่ีผูขับขี่พึงปฏิบัติในวันฝนตก ซึ่งคาดหมายไดอยางแนนอนวา
มีสภาพถนนล่ืน และโดยเฉพาะบริเวณที่เกิดเหตุซ่ึงสภาพถนนลื่นมากกวาปกติจึงมีปายเตือน
กอนถงึ โคงทเี่ กิดเหตุหลายปาย พฤติการณของผฟู องคดจี ึงเปน การขาดความระมัดระวังที่เบ่ียงเบน
ไปจากเกณฑมาตรฐานอยางมาก ถือวาผูฟองคดีขับรถโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคล
ในภาวะเชนนั้นจักตองกระทําตามวิสัยและพฤติการณ เปนการกระทําโดยประมาทเลินเลอ
อยางรายแรงตอ งรบั ผดิ ชดใชค าเสียหายใหแ กทางราชการตามมาตรา ๑๐ ประกอบมาตรา ๘ แหง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ การที่ผูถูกฟองคดีพิจารณาความรับผิด
โดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหง การกระทาํ และความเปนธรรม เนื่องจากผูฟองคดีมีใบอนุญาต
ขับขี่รถยนตม ีการขออนญุ าตนํารถไปใชในราชการโดยถกู ตอง และผลการตรวจวัดไมมีแอลกอฮอล
ในรางกาย เห็นควรใหผูฟองคดีรับผิดในอัตราต่ําสุด คือ รอยละ ๖๕ ของความเสียหาย ทั้งน้ี
ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๕ ขอ ๒ กรณีกระทําดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรา ยแรง ซงึ่ กําหนดความรับผิดในระดับท่ี ๓ กรณีเจาหนาท่ีกระทําหรือละเวนการกระทําโดย
ขาดความระมัดระวังในลักษณะท่ีคาดเห็นหรือหากระมัดระวังสักเล็กนอยก็คงคาดเห็นไดวา
ความเสียหายอาจเกิดข้ึนได สมควรกําหนดความรับผิดของเจาหนาท่ีใหชดใชคาสินไหมทดแทน
กรณีน้ีในระหวางอัตรารอยละ ๖๕ ถึงรอยละ ๘๐ ดังนั้น คําส่ังลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๑
ใหผูฟองคดีรับผิดในอัตราต่ําสุด คือ รอยละ ๖๕ ของความเสียหาย จึงเหมาะสมและชอบดวย
กฎหมายแลว ท่ศี าลปกครองช้ันตนพพิ ากษายกฟอง นนั้ ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดวย

พพิ ากษายนื

ฟองขอใหชดใชคาสนิ ไหมทดแทน กรณีเบิกจายเงนิ โดยไมช อบดว ยกฎหมาย
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๓๔๘/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีรับราชการตําแหนงหัวหนาฝายบริหารงานคลัง ระดับ ๗
สังกัดผูถูกฟองคดีที่ ๑ (เทศบาลเมืองพังงา) ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากการที่
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีสํานักงาน
การตรวจเงินแผนดินตรวจสอบงบการเงินสําหรับปส้ินสุดวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ ของผูถูกฟองคดี
ท่ี ๑ รายการเบิกจายตามโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ มีการซ้ือเสื้อโปโล
สีขาว จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๘,๗๐๗.๕๐ บาท และโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา
ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ มีการซ้ือเสื้อโปโลสีแดง จํานวน ๖๐๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๙,๕๑๐ บาท
รวมเงินทั้ง ๒ รายการ จํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดพังงา)
วินิจฉัยแลวใหคืนเงินจํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท และคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด

แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๔๑

ทางละเมิดไดสอบสวนแลวฟงไดวา การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซื้อเส้ือดังกลาวโดยไมไดรับอนุมัติจาก
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เปนการปฏิบัติไมถูกตองตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท ๐๓๐๗/ว ๓๘๔
ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ ซึ่งมีเจาหนาที่ท่ีเก่ียวของและตองรับผิดจํานวน ๕ ราย ผูฟองคดี
ในฐานะปฏิบัติหนาท่ีเปนผูอํานวยการกองคลังหรือหัวหนาหนวยงานคลัง มีหนาท่ีตรวจสอบ
ความถูกตอ งของฎกี าเบกิ จายเงนิ ใหร ับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐ ของคาเสียหาย
จํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท ผูฟองคดีรับทราบคําสั่งเม่ือวันท่ี
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จึงอุทธรณคําส่ังดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีหนังสือลงวันที่ ๑๙
กรกฎาคม ๒๕๕๕ แจงผลการพิจารณาอุทธรณวา ใหยกอุทธรณ หลังจากน้ัน ผูถูกฟองคดีที่ ๑
จึงมีคําสั่งลงวันท่ี ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ ใหชดใชคาสินไหมทดแทน (เพิ่มเติม) โดยใหบุคคล
ตองรับผิดทั้ง ๕ ราย ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามสัดสวนที่กําหนดในคําสั่ง
ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ผูฟองคดีไมเห็นดวย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
ใหเพิกถอนคําสั่งเทศบาลเมืองพังงา ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และลงวันท่ี ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕
เห็นวา กระทรวงมหาดไทยไดกําหนดประเภทของวัสดุเครื่องแตงกายท่ีใชในการปฏิบัติงานของ
เจาหนาที่ที่เทศบาล สุขาภิบาล และเมืองพัทยาสามารถเบิกจายไดโดยไมตองขออนุมัติตอผูวาราชการ
จังหวัด ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท ๐๓๐๗/ว ๓๘๔ ลงวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖
การที่นายกเทศมนตรีเมืองพังงาอนุมัติงบประมาณของผูถูกฟองคดีที่ ๑ เบิกจายเปนคาจัดซ้ือเสื้อ
ประชาสัมพันธและเครื่องแตงกายสําหรับรวมกิจกรรม (เสื้อโปโล) เสื้อโปโลสีขาวเพื่อแจกจายให
ประชาชนสวมใสในการเขารวมงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ จํานวน ๗๕๐ ตัว เปนเงิน
จํานวน ๙๘,๗๐๘ บาท และเส้ือโปโลแขนสั้นสีแดง สําหรับผูเขารวมพิธีกรรมงานประเพณีไหวเตา
ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ จํานวน ๖๐๐ ตัว เปนเงินจํานวน ๙๙,๕๑๐ บาท ไมใชเปนการเบิกจายคาวัสดุ
เครื่องแตงกายท่ีใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีตามที่กําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ดังกลาว และไมใชเปนการเบิกจายวัสดุเครื่องแตงกายที่ใชในการปฏิบัติงานของเจาหนาที่
นอกเหนือจากท่ีกําหนดไวในหนังสือกระทรวงมหาดไทยเดียวกันซึ่งผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตองขออนุมัติตอ
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใหพิจารณาอนุมัติกอนดําเนินการเบิกจายได ดังน้ัน การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
ออกคําส่ังลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยอางวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จะเบิกจายเงินเปนคาเสื้อ
ดังกลาวไดตองไดรับการอนุมัติจากผูถูกฟองคดีท่ี ๒ กอนดําเนินการ เปนการไมปฏิบัติ
ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ท่ี มท ๐๓๐๗/ว ๓๘๔ ลงวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ จึงเปนการ
ใหเหตุผลในการออกคําสั่งพิพาทท่ีไมถูกตอง นอกจากน้ี กระทรวงมหาดไทยมีหนังสือ ที่ มท
๐๓๑๓.๔/ว ๑๓๔๗ ลงวันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๑ กําหนดใหองคกรปกครองสวนทองถ่ินถือปฏิบัติ
ในการเบิกคาใชจายในการจัดงานตางๆ ทั้งในกรณีท่ีดําเนินการเองหรืออุดหนุนหนวยงานอ่ืน
โดยใหเบิกไดตามงบประมาณที่ต้ังไว และเบิกจายไดเทาที่จําเปนและประหยัด โดยคํานึงถึงฐานะ
การคลังขององคกรปกครองสวนทองถิ่นเปนสําคัญ เม่ือปรากฏวา งบประมาณในการจัดซื้อเส้ือ
ที่พิพาท เปนสวนหนึ่งของงบประมาณตามโครงการจัดงานเทศกาลกินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐
และโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเปนงานตามเทศกาลและประเพณี

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๔๒

ทอ งถ่นิ ของผถู ูกฟอ งคดที ี่ ๑ ซึ่งผูถ กู ฟองคดที ี่ ๑ จัดข้ึนเปนประจําทุกปโดยมีวัตถุประสงคเพ่ืออนุรักษ
สืบสานเทศกาลกินผักและประเพณีไหวเตาซ่ึงเปนเทศกาลและประเพณีทองถิ่นของจังหวัดพังงา
ใหคงอยูสืบไป เทศกาลกินผักและประเพณีไหวเตาจึงเปนประเพณีทองถิ่น และวัฒนธรรมอันดีของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซ่ึงผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีอํานาจหนาที่ในการบํารุงรักษาตามมาตรา ๒๘๙ วรรคหนึ่ง
ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ประกอบมาตรา ๕๐ (๘) มาตรา ๕๓ (๑)
แหง พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ และมาตรา ๑๖ (๑๑) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและขั้นตอน
การกระจายอํานาจใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยรัฐจะตองใหความเปนอิสระ
แกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งเปนองคกรปกครองสวนทองถ่ินตามหลักแหงการปกครองตนเอง
ตามเจตนารมณของประชาชนในทองถ่ิน โดยใหมีอํานาจหนาที่โดยทั่วไปในการดูแลและจัดทําบริการ
สาธารณะเพ่ือประโยชนของประชาชนในทองถ่ิน และมีความเปนอิสระในการกําหนดนโยบาย
การบริหาร การจัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคล การเงินและการคลัง เม่ือผูฟองคดี
ซ่ึงปฏิบัติหนาที่ผูอํานวยการกองคลังหรือหัวหนาหนวยงานคลังอางวา งบประมาณในการจัดซ้ือเส้ือ
ท่ีพิพาทคิดเปนรอยละ ๐.๒๐ ของรายจายทั้งหมด โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ ไมไดโตแยง
ขอเท็จจริงสวนนี้ ประกอบกับผูถูกฟองคดีที่ ๑ ใหเหตุผลตามที่รายงานใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ พิจารณา
วินิจฉัยขอทักทวงของสํานักงานการตรวจเงินแผนดินวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดคํานึงถึงสถานะ
ทางการคลังแลว มีรายไดเพียงพอสามารถดําเนินการไดและไมมีปญหาในการดําเนินการบริการ
สาธารณะดานอ่ืนๆ ดังนั้น การจัดซ้ือเสื้อดังกลาวจึงไมขัดตอหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท
๐๓๑๓.๔/ว ๑๓๔๗ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๑ และเม่ือปรากฏตามบันทึกซื้อขายเส้ือที่พิพาท
ระหวาง ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ กับหางหุนสวนจํากัด จ. ไมปรากฏภาพกิจกรรม ขอความและรูปภาพ
ที่มีลักษณะเปนการประชาสัมพันธผลงานสวนบุคคล และไมปรากฏวามีการทุจริตในการจัดซ้ือ
ดังกลาว จึงรับฟงไมไดวาผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหายจากการดําเนินโครงการจัดงานเทศกาล
กินผัก ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๐ และโครงการจัดงานประเพณีไหวเตา ประจําป พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังน้ัน
การท่ผี ฟู องคดีในฐานะปฏิบัติหนาท่ีผูอํานวยการกองคลังหรือหัวหนาหนวยงานคลังไดเสนอความเห็น
ในฎีกาเงินตามงบประมาณรายจายตอปลัดเทศบาลเมืองพังงาวา เห็นควรเบิกจายได ตอมา
นายกเทศมนตรีเมืองพังงาผูมีอํานาจอนุมัติฎีกาไดอนุมัติใหเบิกจายเงินตามฎีกาดังกลาว ซ่ึงเปนการ
เบิกจายคาจัดซ้ือเสื้อท่ีพิพาท จึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
ออกคาํ สั่งลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐
ของคาเสียหายจํานวน ๑๙๘,๒๑๗.๕๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท และออกคําส่ัง
ลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีดําเนินการชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ตามสัดสวนท่ีกําหนดในคําส่ังลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จึงไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครอง
ชั้นตนพิพากษาใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และลงวันท่ี ๑๑
กันยายน ๒๕๕๕ ในสวนที่ใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๕๙,๔๖๕.๒๕ บาท โดยใหมีผล
ยอ นหลงั ไปถงึ วนั ท่ีออกคําส่ังดังกลาว น้นั ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพอ งดวยในผล

พิพากษายนื
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๔๓

ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีผูใตบังคับบัญชากระทําการทุจริต
ในการส่ังจา ยเชค็
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๓๕๑/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูถูกฟองคดี (นายอําเภอน้ําขุน) มีคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๗๔๕,๑๕๒.๘๔ บาท โดยกลาวหาวา ขณะที่ผูฟองคดี
ดาํ รงตําแหนง หวั หนาสวนโยธา รกั ษาราชการแทนปลัดองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด ไดลงนาม
ส่ังจายเช็คธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) สาขาเดชอุดม ลงวันท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๕๓
จํานวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดเพื่อนําฝากเขาบัญชี
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร สาขาน้ํายืน ประเภทออมทรัพย โดยมิไดขีดเสนตรง
หลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ” เปนเหตุใหนาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี
รักษาราชการแทนหัวหนาสวนการคลัง กระทําการทุจริตโดยเขียนตัวอักษรเพ่ิมเติมเปลี่ยนแปลง
จาก “อบต.โคกสะอาด” เปน “ชอบต้ังโคกสะอาดพาณิชย” ผูฟองคดีอุทธรณคําสั่งดังกลาว
ตอมา ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ แจงวา ผูวาราชการจังหวัดอุบลราชธานี
มคี ําวนิ จิ ฉัยใหย นื ตามคําสั่งเดิม ผูฟองคดีเห็นวา คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
มิไดเปด โอกาสใหผูฟองคดีทราบขอเท็จจริง ช้ีแจงและโตแยงแสดงพยานหลักฐาน กระบวนการสอบสวน
ของคณะกรรมการฯ จึงมิชอบดวยกฎหมาย การออกคําสั่งลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
จึงไมชอบดวยกฎหมายเชนกัน และการตรวจสอบเอกสารกอนลงนามสั่งจายเช็คของผูฟองคดี
กระทําไปโดยสุจริตใจตามความรูความสามารถของผูฟองคดีท่ีทําหนาท่ีรักษาราชการแทน
ปลัดองคก ารบรหิ ารสวนตาํ บลโคกสะอาดไดเ พียง ๒๒ วัน ทั้งเอกสารที่กําหนดใหดําเนินการก็ครบถวน
ตามที่นาง ส. นํามาเสนอ การกลาวหาวาผูฟองคดีประมาทเลินเลออยางรายแรงจึงไมถูกตอง
ประกอบกับผูฟองคดีทําหนาที่ในตําแหนงหัวหนาสวนโยธาขององคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
อีกหนาที่หนึ่งอีกดวย จึงเกินความสามารถท่ีจะแกไขไมใหเกิดการทุจริตดังกลาวข้ึน จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดียกเลิกคําสั่งลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และ
ใหผ ถู ูกฟองคดอี อกคําส่งั ยกเลกิ ความรบั ผิดคาสินไหมทดแทนตามคาํ ส่ังลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
เห็นวา คําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเปนคําส่ังทางปกครอง
ตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ การท่ีผูถูกฟองคดีมีคําส่ัง
ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ แตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
เปนการใชอํานาจตามขอ ๘ วรรคหนึ่ง ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑ
การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา
คณะกรรมการสอบขอ เท็จจรงิ ฯ ไดด ําเนินการรวบรวมพยานหลักฐานตางๆ โดยประธานกรรมการ
สอบขอเท็จจริงฯ ไดมีหนังสือแจงใหผูฟองคดีไปพบคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ เพ่ือรับทราบ
ขอกลาวหาและใหถอยคํา จึงเปนกรณีท่ีไดแจงสิทธิและหนาที่ในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง
ใหผูฟองคดีทราบแลว และตามบันทึกการสอบสวน (สล.๑) ลงวันท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔ ระบุวา

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๔๔

ผูฟองคดีขอรับรองวา คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ ไดแจงใหทราบวา ผูฟองคดีมีสิทธิช้ีแจง
ขอเท็จจริงและโตแยงแสดงพยานหลักฐานอยางเพียงพอและเปนธรรม รวมท้ังการใหถอยคํา
ตามบันทึกการสอบสวนฉบับนี้อาจใชเปนพยานหลักฐานในช้ันศาลได คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ
มิไดทําหรือจัดใหทําการใดๆ ซึ่งเปนการลอลวงหรือขูเข็ญหรือใหสัญญาเพ่ือจูงใจใหผูฟองคดี
ใหถอยคําอยางใดๆ และผูฟองคดีไดอานบันทึกการสอบสวนฉบับนี้โดยตลอดแลว ขอรับรองวา
ถูกตองตรงตามท่ีใหถอยคําไว จึงลงลายมือชื่อไวเปนหลักฐาน ซึ่งผูฟองคดีไดลงลายมือชื่อตอทาย
ขอ ความดงั กลา ว และคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ ไดลงลายมือช่ือตอจากผูฟองคดีทายบันทึก
การสอบสวนฉบับเดียวกัน แสดงใหเห็นวาผูฟองคดีไดรับทราบขอเท็จจริงในเร่ืองท่ีสอบสวนแลว
และผูฟองคดีมีเวลาเพียงพอท่ีจะดําเนินการเพ่ือแสวงหาขอเท็จจริงและพยานหลักฐานเกี่ยวกับ
เรื่องที่ถูกกลาวหาได แตไ มป รากฏวา ผฟู อ งคดีไดโ ตแยง หรือแสดงพยานหลักฐานเพ่ิมเติมตอคณะกรรมการ
ดงั กลา วแตอ ยางใด จงึ ฟงไดวา คณะกรรมการสอบขอเท็จจรงิ ฯ ไดทําการตรวจสอบขอเท็จจริงและ
รวบรวมพยานหลักฐานท่ีเก่ียวของและไดใหโอกาสผูฟองคดีช้ีแจงขอเท็จจริงและโตแยงแสดงพยานหลักฐาน
ประกอบการช้ีแจงอยางเพียงพอและเปนธรรมตามมาตรา ๓๐ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
ประกอบกับขอ ๑๔ วรรคหนึ่ง และขอ ๑๕ ของระเบียบดังกลาวแลว ขณะเกิดเหตุพิพาทคดีน้ี
ผูฟองคดีดํารงตําแหนงหัวหนาสวนโยธา รักษาราชการแทนปลัดองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
จึงเปนผูบังคับบัญชาพนักงานสวนตําบลและลูกจางองคการบริหารสวนตําบลรองจากนายกองคการ
บริหารสว นตําบล และมีหนา ท่รี บั ผิดชอบควบคุมดูแลราชการประจาํ ขององคก ารบรหิ ารสวนตําบล
ใหเปนไปตามนโยบาย รวมถึงมีอํานาจหนาท่ีอื่นตามท่ีมีกฎหมายกําหนดหรือตามท่ีนายกองคการ
บริหารสวนตําบลมอบหมายตามมาตรา ๖๐/๑ แหง พ.ร.บ. สภาตําบลและองคการบริหารสวนตําบล
พ.ศ. ๒๕๓๗ และท่ีแกไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๖ การท่ีนาง ส. เจาพนักงานการเงินและบัญชี
รักษาราชการแทนหัวหนาสวนการคลัง ซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชาของผูฟองคดีในขณะน้ัน ไดอาศัย
โอกาสท่ีตนเองมีหนาที่รับผิดชอบงานการเงินและบัญชี รับจายเงิน จัดทําเช็ค จัดทํารายงาน
ใบสําคัญ รายงานสถานะการเงินประจําวัน และนําเงินฝากธนาคาร ไดกระทําการทุจริตเงินของ
องคก ารบริหารสวนตําบลโคกสะอาด โดยเขียนเช็ค บมจ. ธนาคารกรุงไทย สาขาเดชอุดม ลงวันที่
๒๒ เมษายน ๒๕๕๓ จํานวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท สั่งจายใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด
เพ่ือนําฝากเขาบัญชีออมทรัพย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร สาขาน้ํายืน
แตการเขียนเช็คดังกลาวมิไดขีดเสนตรงหลังช่ือ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ”
และไดเสนอเช็คน้ันใหผูบังคับบัญชาพิจารณาลงนาม การที่ผูฟองคดีลงลายมือช่ือในเช็คพิพาท
โดยเห็นอยูแลววา เช็คนั้นไมไดมีการขีดเสนตรงหลังชื่อ “อบต.โคกสะอาด” จนชิดคําวา “หรือผูถือ”
อันเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๗๐ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน
การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗
ซ่ึงเปนหลักทั่วไปในการเขียนเช็คของสวนราชการท่ีประสงคใหการเขียนหรือพิมพจํานวนเงิน
ในเช็คท่ีเปนตัวอักษรมิใหมีชองวางที่จะเขียนหรือพิมพจํานวนเงินเพิ่มเติมได และใหขีดเสนตรงหลัง
ช่ือสกุล ชื่อบริษัท หรือหางหุนสวน จนชิดคําวา “หรือผูถือ” หรือ “หรือตามคําส่ัง” แลวแตกรณี

แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๔๕

เพ่ือมิใหมีการเขียนหรือพิมพช่ือสกุลบุคคลอ่ืนหรือช่ือบริษัทหรือหางหุนสวนอ่ืนเพ่ิมเติมไดอีก
อันเปนการปองกันการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นได การที่ผูฟองคดีไมปฏิบัติตามระเบียบดังกลาว
จนเปนชองทางใหนาง ส. เขียนตัวอักษรเพิ่มเติมโดยเปล่ียนขอความจาก “อบต.โคกสะอาด”
เปน “ชอบต้งั โคกสะอาดพาณชิ ย” และโอนเงนิ เขาบญั ชขี องสามีของนาง ส. ซ่งึ เปน เจา ของรานดงั กลาว
จึงกอใหเกิดความเสยี หายแกองคก ารบรหิ ารสว นตาํ บลโคกสะอาด และเมื่อผูฟองคดีรักษาราชการ
แทนปลัดองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาด ผูฟองคดีจึงเปนเจาหนาท่ีงบประมาณตามขอ ๕
ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วา ดว ยวธิ ีการงบประมาณขององคก รปกครองสวนทอ งถน่ิ พ.ศ. ๒๕๔๑
และที่แกไขเพิ่มเตมิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๓ มีหนาทใี่ นการควบคุมงบประมาณรายจายเพื่อปฏิบัติการ
ใหเปนไปตามกฎหมาย ตามขอ ๓๓ ของระเบียบดังกลาว แตผูฟองคดีไมไดมีการปฏิบัติตามขอ ๓๓
ของระเบียบเดียวกัน และไมเรงรัดใหหัวหนาหนวยงานคลังทํารายงานแสดงรายรับรายจายเปนรายเดือน
ตามขอ ๙๙ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน
การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ จนเปนเหตุให
เงินขาดบัญชีและทําใหองคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดไดรับความเสียหาย การไมปฏิบัติ
ตามระเบยี บของผฟู องคดีจงึ เปนการกระทําโดยประมาทเลนิ เลออยา งรายแรง และเปนการกระทําละเมิด
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดในผลแหงละเมิด
ตอ องคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดตามมาตรา ๑๐ วรรคหนงึ่ ประกอบมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดีจึงมีอํานาจออกคําส่ังลงวันที่
๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนไดตามมาตรา ๑๒
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว กรณีที่ผูฟองคดีอุทธรณวา การคํานวณคาสินไหมทดแทนไมเปนไป
ตามสัดสวนการละเมิด เนื่องจากมีผูเกี่ยวของจํานวน ๓ คน แตคํานวณคาสินไหมทดแทนเพียง ๒ คน
และเปนการคดิ คา สินไหมทดแทนอยางลกู หน้ีรวมนัน้ แมคําส่ังดังกลาวจะกําหนดใหนายกองคการ
บริหารสวนตําบลโคกสะอาดและผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแตละคนเม่ือรวมกันแลว
มีจํานวนเงินเทากับนาง ส. แตการกําหนดสัดสวนความรับผิดทางละเมิดตองแยกความรับผิด
ระหวางผูกระทําการทุจริตกับผูปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงอันกอใหเกิด
ความเสียหายขึ้นหรือทําใหการทุจริตเกิดขึ้นแยกตางหากจากกัน เม่ือความรับผิดสืบเนื่องมาจาก
พื้นฐานการกระทําที่แตกตางกันยอมตองมีหลักเกณฑการชดใชคาสินไหมทดแทนท่ีแยกตางหาก
จากกันดวย และหากมีการชดใชคาสินไหมทดแทนแกทางราชการเกินกวาความเสียหายท่ีแทจริงแลว
องคการบริหารสวนตําบลโคกสะอาดจะตองคืนเงินตามสัดสวนแหงความรับผิดของแตละราย
ตามท่ีไดระบุไวในคําส่ังเรียกใหใชเงินดังกลาว กรณีจึงไมใชการรับผิดอยางลูกหน้ีรวมแตอยางใด
สําหรับจํานวนเงินที่ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชควรเปนเทาใด น้ัน เห็นวา ผูฟองคดีเก่ียวของ
โดยเปนผูลงนามในเช็คพิพาท จํานวนเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท เม่ือผูถูกฟองคดีไดหักสวนความเสียหาย
จากเงินท่ีมีการนําฝากเขาบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร สาขานํ้ายืน
ตามสดั สวนของยอดเงินท่ีเบิกจายตามเช็คแลวคิดเปนเงิน ๕๐๙,๖๙๔.๓๒ บาท คงเหลือความเสียหาย
จาํ นวน ๑,๔๙๐,๓๐๕.๖๘ บาท ดังน้ัน ความเสียหายกรณีนี้จึงเทากับจํานวนเงินดังกลาว และเมื่อ

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๔๖

การละเมิดเกิดข้ึนจากการท่ีผูฟองคดีไมถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ จึงไมมีกรณีท่ีจะตองหัก
สวนแหงความรับผิดของหนวยงานของรัฐตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจา หนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ อยางไรก็ตาม เมื่อขอเท็จจริงไมปรากฏวา ผูฟองคดีมีสวนรวมในการทุจริต
หรอื ไดรับประโยชนจากการกระทําของนาง ส. อีกท้ังนาง ส. ไดเขียนขอความเพิ่มเติมลงในเช็คพิพาท
ภายหลังจากที่ผูฟองคดีไดลงนามในเช็คน้ันแลว ดวยวิธีการอันแยบยล ประกอบกับผูถูกฟองคดี
ไดมีคําสั่งเรียกใหนาง ส. ซ่ึงเปนผูทุจริตรับผิดเต็มจํานวนความเสียหาย และใหนายกองคการ
บรหิ ารสวนตาํ บลโคกสะอาด รบั ผิดชดใชคา สินไหมทดแทนในกรณีเดียวกนั ดวย เม่ือคํานึงถึงระดับ
ความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมแหงกรณีตามที่บัญญัติไวในมาตรา ๘ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติดงั กลา วแลว ผูฟองคดีจึงสมควรรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐
ของความเสียหายจํานวน ๑,๔๙๐,๓๐๕.๖๘ บาท คิดเปนเงิน ๒๙๘,๐๖๑.๑๔ บาท ดังนั้น
คําส่ังของผูถูกฟองคดี ลงวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คาสนิ ไหมทดแทนเกนิ กวาจํานวน ๒๙๘,๐๖๑.๑๔ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครองชั้นตน
พิพากษายกฟอ ง นน้ั ศาลปกครองสูงสุดไมเ ห็นพองดว ย

พพิ ากษากลบั เปน ใหเพกิ ถอนคาํ สั่งของผถู ูกฟองคดีตามคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕
เฉพาะสวนที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๒๙๘,๐๖๑.๑๔ บาท
โดยใหม ีผลนับแตว ันท่ีมีคําส่งั ดังกลา ว

ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีกําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหาร
สว นจงั หวัดผิดพลาด
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๓๕๒/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา เม่ือครั้งผูฟองคดีดํารงตําแหนงหัวหนาสวนการคลัง ระดับ ๗
สังกัดองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย มีหนาท่ีควบคุมดูแลการปฏิบัติงานของขาราชการ
ลูกจางสวนการคลังใหเปนไปตามระเบียบ กฎหมาย ควบคุมการรับ – จายเงินท้ังในงบประมาณ
และนอกงบประมาณ ตอมา องคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยไดดําเนินการปรับปรุงกําหนด
ตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัด จากระดับ ๘ เปนระดับ ๙ และระดับรองลงไป
ซ่ึงตามประกาศคณะกรรมการขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย เรื่อง
หลักเกณฑและเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลขององคการบริหารสวนจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย
ลงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ องคการบริหารสวนจังหวัดท่ีจะกําหนดตําแหนงปลัด
องคการบริหารสวนจังหวัดเปนระดับ ๙ ไดน้ัน ตองมีรายไดท่ีไมรวมกับเงินอุดหนุนและเงินกูอ่ืนใด
ในปงบประมาณที่ผานมาตั้งแตหนึ่งรอยลานบาทขึ้นไป สํานักปลัดองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย
ซึ่งเปนผูรับผิดชอบในการสํารวจขอมูลรายไดเพื่อนําขอมูลดังกลาวไปใชเปนหลักเกณฑ
ในการปรับปรุงกําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัดเปนระดับ ๙ ไดประสานกับ
สวนการคลังใหสํารวจรายไดขององคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๔๗

ซ่ึงสวนการคลังไดสงขอมูลรายงานบัญชีรายละเอียดรายรับจริง (แบบ ๑)ในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๕ ใหแกสํานักปลัด โดยรายงานวามีรายไดไมรวมกับเงินอุดหนุนและเงินกูอื่นใดทั้งสิ้น
จํานวน ๑๐๑,๒๖๗,๑๒๙.๗๓ บาท องคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยจึงไดเสนอขอกําหนด
ตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัด ระดับ ๙ ตอคณะกรรมการขาราชการองคการบริหาร
สวนจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย ซ่ึงมีมติในคราวประชุมเม่ือวันท่ี ๒๑ เมษายน ๒๕๔๖ เห็นชอบ
ใหกําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัดเปนระดับ ๙ และตําแหนงบริหารในระดับ
รองลงไป จากน้ันไดมีการประกาศรับสมัครขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัดเขารับการคัดเลือก
ตาํ แหนง ดังกลาว และองคการบรหิ ารสว นจงั หวดั บุรรี มั ยไ ดม คี ําสงั่ แตง ตง้ั ขาราชการองคการบริหาร
สวนจังหวัดผูไดรับการคัดเลือกใหดํารงตําแหนงในระดับที่สูงขึ้นรวมท้ังหมดจํานวน ๑๙ ราย
ตอมาปรากฏวา การตรวจสอบรายไดขององคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยเพ่ือนํามาประกอบ
การพิจารณากําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัด ระดับ ๙ ผิดพลาด ก.จ.จ. บุรีรัมย
จึงมีมติยกเลิกการปรับปรุงกําหนดตําแหนงดังกลาว องคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย
จึงไดมีคําสั่งยกเลิกการแตงตั้งขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัดผูไดรับการคัดเลือก
ใหดํารงตําแหนงในระดับท่ีสูงข้ึน และใหคืนสูตําแหนงเดิม ซ่ึงทําใหองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย
ตอ งจายเงินเดือนและประโยชนตอบแทนอ่ืนสาํ หรับผูไ ดร บั แตงต้งั ใหดํารงตําแหนงในระดับท่ีสูงขึ้น
เปนเงิน ๑๙๗,๘๗๖ บาท ซึ่งภายหลังจากที่ไดมีการดําเนินการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมดิ แลว ผูถกู ฟอ งคดีที่ ๑ ไดม ีคําสั่งลงวันท่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ ใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๙๘,๙๓๘ บาท ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๓ อุทธรณคําส่ัง
ดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (ผูวาราชการจังหวัดบุรีรัมย) ไดมีหนังสือลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๓
แจงผลการพิจารณาอุทธรณตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ วา อุทธรณของผูฟองคดีฟงไมข้ึน ใหยกอุทธรณ
และผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ แจงผลการพิจารณาดังกลาว
ใหผูฟ อ งคดีทราบ ผูฟองคดีไมเห็นดวย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอน
คําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ศาลปกครองชั้นตนวินิจฉัยวาผูฟองคดีไดกระทําละเมิดตอองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย
ดวยการจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรง ผูฟองคดีไมไดย่ืนอุทธรณ ประเด็นดังกลาวจึงยุติ
ตามคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน คดีน้ีจึงมีประเด็นที่ศาลปกครองสูงสุดตองวินิจฉัย
เพียงประเด็นเดียววา ผูฟองคดีจะตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกองคการบริหาร
สวนจังหวัดบุรีรัมย เพียงใด เห็นวา สาเหตุที่ทําใหเกิดความผิดพลาดในการดําเนินการปรับปรุง
กําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัด จากระดับ ๘ เปนระดับ ๙ มีหลายประการดวยกัน
นับแตการท่ีจังหวัดบุรีรัมยไมแจงหนังสือลงวันท่ี ๒๘ กันยายน ๒๕๔๔ ใหองคการบริหาร
สวนจังหวัดบุรีรัมยทราบภายในวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๔๔ วามีการจัดสรรเงินมาใหงวดที่ ๑ และ
งวดท่ี ๒ ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๔ จํานวน ๑๒,๒๕๕,๑๗๖.๖๙ บาท สงผลใหเจาหนาที่สวนการคลัง
องคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยในขณะนั้น ไดนําเงินจํานวนดังกลาวมาบันทึกเปนรายได
ของปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ เนื่องจากไดรับเงินในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๔ ซ่ึงเปนปงบประมาณ

แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๔๘

พ.ศ. ๒๕๔๕ แลว และการบันทึกดังกลาว รวมท้ังการสํารวจขอมูลรายไดขององคการบริหาร
สวนจังหวัดบุรีรัมยประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ ลวนเปนการกระทําท่ีไดเกิดข้ึนกอนท่ี
ผูฟองคดีจะเขารับตําแหนงหัวหนาสวนการคลัง โดยผูฟองคดีไดเร่ิมปฏิบัติหนาท่ีในตําแหนง
ดังกลาวต้ังแตว นั ท่ี ๔ เมษายน ๒๕๔๕ อกี ทงั้ ในขณะทีส่ ํานกั งาน ก.จ. มีหนังสือแจงเวียน ฉบับลงวันที่
๒๓ เมษายน ๒๕๔๖ สรุปความไดวา รายไดที่ไดรับในชวงเดือนกันยายน ๒๕๔๔ ไมสามารถ
นับรวมเปนเงินรายไดของปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ ได ซึ่งองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย
ไดรับหนังสือดงั กลา วเมือ่ วนั ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๔๖ โดยนาย ส. ปลัดองคก ารบริหารสวนจังหวัดบรุ รี ัมย
ไดล งนามกาํ กบั ไวท มี่ มุ บนดานซา ยของหนงั สือ และกองคลังไดรับหนงั สอื เมื่อวนั ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๖
ตอมา นักวิชาการเงินและบัญชี ไดเสนอหนังสือดังกลาวผานผูบังคับบัญชาตามลําดับชั้น
โดยมีนักบริหารงานคลัง ผูฟองคดีในฐานะผูอํานวยการกองคลัง และปลัดองคการบริหาร
สวนจังหวัดไดลงนามรับทราบ แลวนําเสนอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยนาย ม. รองนายกองคการบริหาร
สวนจังหวัดบุรีรัมยรักษาราชการแทนนายกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย ลงนามรับทราบ
เม่ือวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ซึ่งอยูในวิสัยที่สามารถดําเนินการตรวจสอบความถูกตอง
ของรายไดในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ ได และการตรวจสอบความถูกตองในกรณีนี้เปนเรื่องสําคัญ
ท่ีสงผลกระทบตอการดําเนินการปรับปรุงกําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนจังหวัด
จากระดับ ๘ เปนระดับ ๙ จึงเปนหนาท่ีของเจาหนาท่ีทุกคนท่ีเก่ียวของ ท้ังท่ีนําเสนอและลงนาม
รับทราบหนังสอื ดังกลา วท่ีจะตองรีบดําเนินการตรวจสอบความถูกตองของรายไดในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๕ แตปรากฏขอเท็จจริงวา ในการนําเสนอหนังสือดังกลาวตอผูบังคับบัญชานั้น นาง ณ.
นักวิชาการเงินและบัญชี ไดนําเสนอผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยสรุปสาระสําคัญแลวนําเรียนเพื่อทราบ
เทานั้น ในขณะท่ีนักบริหารงานคลัง ผูฟองคดีในฐานะผูอํานวยการกองคลัง และปลัดองคการ
บริหารสว นจงั หวัด เพยี งแตล งลายมือชื่อโดยมิไดมีความเห็นใดๆ สวนผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เพียงแตลง
นามรับทราบเทานั้น จงึ เห็นไดวา เจาหนาที่ทเี่ กี่ยวของทกุ คนท่ีไดรับทราบหนังสือแจงเวียนดังกลาว
โดยเฉพาะผูถูกฟองคดที ี่ ๑ ในฐานะผูบรหิ ารองคการบรหิ ารสว นจังหวัดบุรีรัมย ตางเพิกเฉยมิไดให
ความสําคัญกับหนังสือแจงเวียนของสํานักงาน ก.จ. ฉบับลงวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๔๖ ที่มี
สาระสําคัญวา รายไดท่ีไดรับในชวงเดือนกันยายน ๒๕๔๔ ไมสามารถนับรวมเปนเงินรายไดของ
ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ ได และละเลยท่ีจะดําเนินการตรวจสอบความถูกตองของรายไดใน
ปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ จนนําไปสกู ารดําเนนิ การปรับปรุงกําหนดตําแหนงปลัดองคการบริหาร
สวนจังหวัด จากระดับ ๘ เปนระดับ ๙ ตลอดจนสรรหาและแตงต้ังบุคคลใหดํารงตําแหนงปลัด
องคการบริหารสวนจังหวัด ระดับ ๙ โดยไมชอบดวยกฎหมาย และตองเพิกถอนการแตงตั้ง
ในเวลาตอมา ทําใหเกิดความเสียหายแกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย ดังนั้น ความผิดพลาด
ในการปฏบิ ตั ิหนา ท่อี ันเกิดจากความประมาทเลินเลออยางรายแรงในกรณีน้ี จึงมิใชเกิดจากผูฟองคดี
และปลัดองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยเทาน้ัน หากแตเปนเกิดจากความบกพรองของ
ระบบการดําเนินงานสวนรวมอันเน่ืองมาจากแนวทางปฏิบัติท่ีไมชัดเจน และเปนความบกพรอง
ของเจาหนาท่ีผูมีสวนเกี่ยวของหลายคน กรณีจึงเปนการละเมิดในการปฏิบัติหนาท่ีของเจาหนาท่ี

แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓


Click to View FlipBook Version