๑๔๙
โดยมิไดตรวจสอบกอนวาจํานวนเงินที่ขออนุมัติเบิกจายดังกลาวมีจํานวนสูงกวาจํานวนคาดูแล
รักษาความสะอาดที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เคยจางเอกชนดําเนินการในกรณีเดียวกันในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๘ วงเงินเพียง ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท และขัดตอหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่
๔ สงิ หาคม ๒๕๔๗ เร่อื ง การต้ังงบประมาณรายจายและการใชจายงบประมาณหมวดเงินอุดหนุน
ขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน ที่กําหนดใหหนวยงานท่ีจะขอรับเงินอุดหนุนตองเปนชุมชน
ทีม่ กี ารบรหิ ารภายใน มีระเบียบ ขอบังคับ หรือขอตกลงของกลุมหรือชุมชน และมีการดําเนินการ
จนเปนทยี่ อมรับขององคก รปกครองสวนทองถิ่น และโครงการหรือกิจกรรมที่ขออุดหนุนตองเปนกิจการ
ทอ่ี ยูใ นอํานาจหนา ท่แี ตอ งคก รปกครองสว นทองถนิ่ ไมสามารถดําเนนิ การเองได โดยชุมชนท้ัง ๘ ชุมชน
ยังไมมีการบริหารงานภายในท่ีเปนระบบและไมมีขอบังคับของชุมชน อีกท้ังโครงการดังกลาว
แมจะเปนโครงการท่ีอยูในอํานาจหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แตเปนโครงการที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑
สามารถดําเนินการเองหรือวาจางเอกชนใหดําเนินการไดตามระเบียบ สงผลใหการเบิกจายเงิน
อุดหนุนไมชอบดวยขอ ๖๗ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงินการเบิกจายเงิน
การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗
ดังน้ัน วงเงินที่ผูฟองคดีเสนอขออนุมัติดังกลาวจึงสูงกวาท่ีเคยทําการจัดจางมากอนในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๘ จํานวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อในขณะนั้น ผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดเทศบาล
เมืองนครนายก จึงมีหนาท่ีตามมาตรา ๔๘ เอกูนวีสติ แหง พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖
ตองปฏิบัติหนาท่ีดวยความละเอียดรอบคอบเพื่อมิใหการบริหารราชการของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไดรบั ความเสยี หาย การท่ีผูฟองคดซี ่งึ เปนผพู ิจารณาโครงการเงินอุดหนุนในโครงการดังกลาวเสนอ
ตอนายกเทศมนตรี เพื่อพิจารณาขออนุมัติเบิกจายเงินอุดหนุนใหกับชุมชนทั้ง ๘ ชุมชุน ตามที่
ขอรับการสนับสนุนงบประมาณโดยมิไดใชความระมัดระวังและตรวจสอบใหดีวาการเบิกจายดังกลาว
เปนไปตามระเบียบ กฎหมาย หรือหนังสือสั่งการของทางราชการหรือไม เมื่อการเบิกจายเงินอุดหนุน
เปนการกระทําท่ีขัดตอหลักเกณฑของทางราชการและเปนการเบิกจายเงินอุดหนุนท่ีมีจํานวนสูงกวา
ป พ.ศ. ๒๕๔๘ ซ่ึงหากผูฟองคดีไดใชความระมัดระวังในการตรวจสอบขอเท็จจริงวา ในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ผูถ ูกฟองคดีที่ ๑ ไดอนมุ ัตวิ งเงนิ เพียง ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท เทาน้ัน และหากผูฟองคดี
ไดใชความระมัดระวังอยางเพียงพอในการตั้งงบประมาณรายจาย หมวดเงินอุดหนุน สําหรับ
ดําเนินโครงการดังกลาวประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ก็จะไมเกิดความเสียหายดังกลาวข้ึน
แตผูฟองคดีซึ่งอยูในภาวะเชนน้ันหาไดใชความระมัดระวังอยางเพียงพอในการปฏิบัติหนาท่ีของตนไม
จนเปนเหตุทาํ ใหผ ถู ูกฟอ งคดที ี่ ๑ ไดรบั ความเสียหายจากการที่ตองเบิกจายเงินงบประมาณเพ่ือใช
ในโครงการดังกลาวสูงกวาท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ เคยจางเอกชนดําเนินการในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘
เปนเงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท พฤติการณของผูฟองคดีดังกลาวถือไดวาเปนการปฏิบัติหนาที่
ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงทําใหเกิดความเสียหายและเปนการทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามมาตรา ๘ วรรคหน่ึง ประกอบกับมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แตขอเท็จจริงปรากฏวา การดําเนินโครงการ
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๕๐
ดังกลาวกอใหเกิดประโยชนในแงของการทําความสะอาดแกชุมชนท้ัง ๘ ชุมชน ในเขตของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ อีกทั้งชาวบานในชุมชนยังมีรายไดในรับจางทําความสะอาดในการดําเนินโครงการ
ดังกลา ว ดังนนั้ คาเสียหายที่แทจริงจึงควรเปนเพียงก่ึงหนึ่งของคาเสียหายจํานวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
คิดเปนเงินจํานวน ๗๕๐,๐๐๐ บาทโดยผูฟองคดีเปนผูพิจารณาโครงการเงินอุดหนุนดังกลาว
เสนอตอนายกเทศมนตรีเพ่ือพิจารณาอนุมัติเบิกจายเงินอุดหนุนโดยมิไดใชความระมัดระวังและ
ตรวจสอบใหดีวาการเบิกจายดังกลาวเปนไปตามระเบียบ กฎหมาย หรือหนังสือส่ังการของทางราชการหรือไม
และกรณีดังกลาวมีเจาหนาที่หลายคนที่ตองรับผิด เมื่อพิจารณาถึงพฤติการณและการกระทําของ
ผูฟองคดีตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว เห็นวาผูฟองคดีควรรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐ ของความเสียหายจํานวน ๗๕๐,๐๐๐ บาท คิดเปนเงิน
ท้ังส้ิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท และกรณีของผูฟองคดีถือเปนกรณีไมปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบ
ในกรณีจายเงินเกินสิทธิ/ไมมีสิทธิ/ผิดระเบียบ มิใชกรณีจัดซ้ือจัดจางไมถูกตอง ซ่ึงตามหนังสือ
กระทรวงการคลัง ลงวันท่ี ๒๕ กันยายน ๒๕๕๐ กําหนดใหผูบังคับบัญชาชั้นตน – กลาง/ผูผานงาน
รับผดิ ในสดั สวนรอ ยละ ๒๐ ผฟู องคดดี ํารงตาํ แหนง ปลดั เทศบาลเมืองนครนายก ซ่ึงเปนผบู งั คบั บัญชาช้ันตน –
กลาง/ผูผานงาน จึงตองรับผิดรอยละ ๒๐ ของความเสียหาย ตามหนังสือดังกลาว ดังน้ัน
คําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔ ในสวนท่ีวินิจฉัย
ใหผฟู องคดรี บั ผิดชดใชค า สนิ ไหมทดแทนเกินกวา จํานวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย
เม่ือไดวินิจฉัยแลววาคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในสวนน้ีไมชอบดวยกฎหมาย คําส่ัง
ลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๔ ในสวนที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา
จํานวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท จึงไมมีผลใชบังคับอีกตอไป ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําพิพากษาให
เพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามคําสั่งลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๔ เฉพาะในสวนที่เรียก
ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔
ทั้งนี้ ใหมีผลต้ังแตวันท่ีออกคําสั่งดังกลาว สวนคําขออื่นนอกจากนี้ใหยก น้ัน ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพอ งดวยบางสวน
พิพากษาแก เปนเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือ
ลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔ เฉพาะสวนที่วินิจฉัยใหผูฟองคดีชดใชเงินเกินกวาจํานวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท
โดยใหมผี ลนบั แตว ันท่มี ีคาํ วินิจฉยั อทุ ธรณด ังกลาว คาํ ขออื่นนอกจากน้ีใหยก
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๖๓๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๔๖
คําส่ังศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๗
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๒๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๒๕
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๕๑
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ. ๙๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนขาราชการอัยการ ไดรับความเดือดรอนเสียหาย
จากการท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ (สํานักงานอัยการสูงสุด) โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ (อัยการสูงสุด) มีคําสั่ง
ลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีกลาวหาวา
ขณะผฟู อ งคดดี าํ รงตาํ แหนงอยั การจังหวัดรอยเอ็ด ผูฟองคดีไมปฏิบัติหนาท่ีใหเปนไปตามระเบียบ
สาํ นักงานอัยการสงู สุด วาดว ยการเงนิ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไมใชความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาท่ีของตน
อยางละเอียดรอบคอบในการเบิกจายเงิน โดยไดลงลายมือชื่อในเช็คตามที่นางสาว ป. เสนอใหลงนาม
แลวไมติดตามตรวจสอบ กลับปลอยปละละเลยใหบุคคลทั้งสองไมปฏิบัติตามระเบียบเปนเหตุให
นางสาว ป. ทุจริตเงินที่รับไวและเบิกถอนเงินของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไปเปนประโยชนสวนตน
รวมเปนเงินจํานวน ๕๒๗,๗๘๘.๕๐ บาท พฤติการณถือไดวาเปนการปฏิบัติหนาท่ีดวยความ
ประมาทเลินเลออยางรายแรงทําใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหาย ผูถูกฟองคดีที่ ๑
จึงมีคําสั่งลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนในสัดสวนรอยละ ๕๐
ของความเสียหายจํานวน ๕๒๗,๗๘๘.๕๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๒๖๓,๘๙๔.๒๕ บาท ผูฟองคดี
ไมเห็นดวยจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒ อุทธรณคําส่ังดังกลาว โดยสงทางไปรษณีย
ดวนพิเศษ (EMS) เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดรับคําอุทธรณเมื่อวันที่
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และไดมีคําสั่งไมรับคําอุทธรณของผูฟองคดี ตามหนังสือลงวันที่
๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ อุทธรณคําส่ังไมรับ
คําอุทธรณดังกลาว และไดรับแจงผลการพิจารณาใหยกอุทธรณ ตามหนังสือลงวันท่ี
๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําส่ังของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ที่ไมรับวินิจฉัยอุทธรณของผูฟองคดีตามหนังสือลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๒
และคําส่ังยกอุทธรณคําส่ังไมรับคําอุทธรณตามหนังสือลงวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ และ
เพกิ ถอนคําสั่งสาํ นกั งานอัยการสูงสุดลงวันท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ทง้ั ฉบับหรือแตบางสว น
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยที่ ๒ ไดมีคําส่ังลงวันท่ี
๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนไดระบุในตอนทายของคําสั่งวา
ใหยื่นอุทธรณคําส่ังน้ีตออัยการสูงสุดภายในสิบหาวันนับแตวันท่ีไดรับแจงคําสั่ง จากนั้น
ไดม หี นังสือลงวันท่ี ๒๔ เมษายน ๒๕๖๒ แจงคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหผูฟองคดี
ทราบ ซึ่งผูฟองคดีไดรับแจงและทราบคําส่ังตามหนังสือดังกลาวโดยชอบแลวเมื่อวันที่
๒๕ เมษายน ๒๕๖๒ และโดยที่คําส่ังลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ เปนคําส่ังทางปกครองที่ออก
โดยอาศัยอํานาจตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แตพระราชบัญญัติ
ดังกลาวไมไดบัญญัติในเร่ืองของวิธีการและข้ันตอนในการอุทธรณคําสั่งดังกลาวไวเปนการเฉพาะ
ผูฟองคดีจึงตองอุทธรณคําสั่งดังกลาวตามข้ันตอนและวิธีการท่ีกําหนดไวในมาตรา ๔๔
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ดังน้ัน กอนฟองคดีตอศาลปกครอง
ผฟู อ งคดีจึงตอ งอุทธรณค ําส่งั ลงวันท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ตอผถู ูกฟองคดีท่ี ๒ ภายในสิบหาวันนับ
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๕๒
แตวันท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๖๒ ซึ่งเปนวันท่ีผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังดังกลาวโดยชอบ และ
จะครบกําหนดระยะเวลาการอุทธรณภายในวนั ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒
แมมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
จะไมไดกําหนดไวเปนการเฉพาะวา การย่ืนอุทธรณคําส่ังตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ นั้น มีผลนับแตวันท่ี
ผูฟองคดีสงหนังสืออุทธรณแกเจาพนักงานไปรษณีย หรือนับแตวันที่เจาพนักงานไปรษณีย
สงหนังสืออุทธรณไปถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ แตเม่ือบทบัญญัติดังกลาวไดกําหนดไววา ใหคูกรณี
อุทธรณคําสั่งทางปกครองน้ันโดยย่ืนตอเจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครอง และมาตรา ๔๕ วรรคหน่ึง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว กําหนดใหเจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครองมีหนาท่ีตองพิจารณา
คําอุทธรณและแจงผูอุทธรณโดยไมชักชา แตตองไมเกินสามสิบวันนับแตวันท่ีไดรับอุทธรณ
จากบทบัญญัตดิ งั กลาวจงึ ตอ งถือวา การยน่ื อุทธรณจ ะมผี ลตอเมือ่ เจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครอง
ไดรับอุทธรณ และเจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครองตองพิจารณาคําอุทธรณภายในสามสิบวัน
ตอเมื่อไดรับอุทธรณแลว การย่ืนอุทธรณโดยการสงทางไปรษณียจึงมีผลนับแตวันที่เจาพนักงาน
ไปรษณียสงคําอุทธรณไปถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เรียบรอยแลว เมื่อคดีนี้ผูฟองคดีไดย่ืนอุทธรณ
โดยสงทางไปรษณียดวนพิเศษ (EMS) เมื่อวันท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และผูถูกฟองคดีที่ ๒
ไดรับคําอุทธรณของผูฟองคดีเม่ือวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ กรณีจึงถือวาอุทธรณของผูฟองคดี
มีผลในวันท่ี ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ซ่ึงเปน การยื่นอุทธรณเมอ่ื พนกาํ หนดเวลาสิบหาวันนับแตวันท่ี
๒๕ เมษายน ๒๕๖๒ อนั เปนวนั ทผ่ี ูฟ อ งคดีไดรับแจงคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีจึงถือวา
ผูฟองคดีไมไดดําเนินการตามข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหาย
ตามท่ีกฎหมายกําหนดไวโดยเฉพาะกอนการฟองคดีตอศาล ผูฟองคดีจึงไมอาจใชสิทธิฟองคดี
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังท่ีเรียกใหชดใชคาสินไหมทดแทนไดตามมาตรา ๔๒
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ สําหรับกรณีท่ีผูฟองคดีอางวา ควรถือวาวันท่ี
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเปนวันที่ผูฟองคดีไดย่ืนสงคําอุทธรณทางไปรษณียดวนพิเศษ (EMS)
เปนการแสดงเจตนาทจ่ี ะอุทธรณค าํ สัง่ ทางปกครองและมีผลแลว โดยเปรียบไดกับกรณีตามมาตรา ๔๖
แหง พ.ร.บ. จดั ต้ังศาลปกครองฯ นนั้ ตามมาตรา ๔๖ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เปนบทบัญญัติ
ทกี่ ําหนดเก่ียวกบั วิธกี ารสําหรบั การย่ืนคําฟองตอศาลปกครองโดยเฉพาะ ไมอาจนําไปบังคับใชกับ
วธิ กี ารในการย่ืนอุทธรณคําส่ังทางปกครองของผูฟองคดีหรือในเรื่องอื่นๆ ได และหากจะถือตามท่ี
ผูฟองคดีกลาวอางวาคําอุทธรณท่ีไดจัดสงทางไปรษณียดวนพิเศษ (EMS) เปนการแสดงเจตนา
ที่จะอุทธรณคําส่ังทางปกครองและมีผลแลว น้ัน บทบัญญัติในเรื่องของการแสดงเจตนา
ตามมาตรา ๑๖๙ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ไดกําหนดไววา การแสดงเจตนา
ท่ีกระทําตอบุคคลซึ่งมิไดอยูเฉพาะหนา ใหถือวามีผลนับแตเวลาที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผูรับ
การแสดงเจตนา... จากบทบญั ญตั ดิ ังกลา วยอมแสดงวา คาํ อทุ ธรณท ี่ไดส งทางไปรษณียดวนพิเศษ (EMS)
ยังไมถือวา มีการย่ืนอทุ ธรณจนกวา คาํ อทุ ธรณน้นั จะไปถงึ ผรู ับหรือเจา หนา ท่ผี ทู าํ คําสั่งทางปกครองแลว
ดังนั้น เม่ือถือวาไมมีการอุทธรณคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ จึงเปนกรณีท่ีผูฟองคดีไมได
ดําเนินการตามข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายกอนการฟองคดี
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๕๓
ตอศาล กรณีจึงไมอยูในเงื่อนไขท่ีศาลปกครองจะรับคําฟองในสวนนี้ไวพิจารณาได การที่
ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองในสวนที่ผูฟองคดีมีคําขอใหเพิกถอนคําส่ังลงวันที่
๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ เร่ือง ใหชดใชคา สนิ ไหมทดแทน ไวพจิ ารณา นัน้ ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดวย
จงึ มีคําสั่งยืนตามคําส่งั ของศาลปกครองชั้นตน
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๑๑๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๓๕
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๒๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เมื่อคร้ังท่ีผูฟองคดีดํารงตําแหนงผูอํานวยการโรงเรียนมัธยม
พัชรกิติยาภา ๓ สุราษฏรธานี ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (ผูอํานวยการสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต ๑๑) มีคําส่ังลงวันท่ี ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ แตงต้ังคณะกรรมการสอบสวน
วินัยอยางรายแรงผูฟองคดี กรณีไมรับเงินรายไดสถานศึกษาจากการประมูลรานคาสวัสดิการ
จากการขายคูปองอาหาร จากการจําหนายสมุดและกระเปานักเรียน และการขายผลผลิตปาลมนํ้ามัน
เขาเปนรายไดสถานศึกษา และกรณีนําเงินรายไดสถานศึกษาไปจายเปนคากระเชา พวงหรีด
หลังจากน้ัน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังแจงผลการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด ลงวันที่
๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ รวมคาเสียหายที่ทางราชการไดรับความเสียหายเปนเงินทั้งสิ้น ๙๑๖,๓๓๑ บาท
โดยในตอนทา ยของคําสั่งแจงใหผ ูฟอ งคดีชําระเงินภายใน ๓๐ วัน หากประสงคจะรองทุกขใหรองทุกข
ตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ภายใน ๑๕ วัน โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐
แจง ผลการพจิ ารณาความรบั ผิดทางละเมิด พรอมคําสั่งใหผูฟองคดีทราบ ผูฟองคดีไดรับแจงคําสั่ง
ดังกลาวเมื่อวันท่ี ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผูฟองคดีมีความสงสัยในจํานวนเงินท่ีตองชดใช
เนื่องจากมีการไมแจงรายละเอียดใหทราบ คงแจงแตคําส่ังใหชดใชเงิน ผูฟองคดีจึงขอเอกสาร
ประกอบการพิจารณาจากผูถูกฟองคดีที่ ๒ หลายครั้ง แตถูกปฏิเสธทุกคร้ัง ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
ลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ขอเอกสารประกอบการยื่นอุทธรณคําสั่ง และขอขยายเวลา
การยืน่ อทุ ธรณคําสั่งใหชดใชเงินจนถึงวันท่ี ๙ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีหนังสือ
ลงวันท่ี ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ แจงใหผูฟองคดีทราบวา ไดมีการสงเอกสารที่จําเปนใหแกผูฟองคดี
เพียงพอที่จะไดทราบขอเท็จจริงแลวและไมอนุญาตใหขยายระยะเวลาการย่ืนอุทธรณ หลังจากน้ัน
ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ขอเอกสารประกอบการย่ืนอุทธรณและขอทราบ
เก่ียวกับการขอขยายเวลาอุทธรณ ซ่ึงผูฟองคดีไดรับแจงหนังสือไมอนุญาตใหขยายระยะเวลา
ยื่นอุทธรณและปฏิเสธการสงเอกสารประกอบอุทธรณเม่ือวันท่ี ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ผูฟองคดี
จึงมีหนังสือลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ อุทธรณคําสั่งใหชดใชเงิน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ พิจารณา
แลวเหน็ วา ผูฟอ งคดไี ดย น่ื อุทธรณเลยระยะเวลาตามท่ีกฎหมายกําหนดจึงเปนอุทธรณท่ีไมถูกตอง
ตามกฎหมาย ผูฟองคดีเห็นวาการท่ีสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต ๑๑ เรียกให
ผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนโดยไมแจงรายละเอียดรายการคาสินไหมทดแทน การไมขยายเวลา
การย่ืนอุทธรณโดยอางเหตุบุคคลอ่ืนมาเปรียบเทียบ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองตอศาลขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําสั่งแจงใหสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๑๑ ยกเลิกหนังสือ
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๕๔
เรื่อง แจงผลการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด และใหดําเนินการแจงใหม ใหโอกาสแกผูที่ตองชดใช
คาสินไหมทดแทนไดรับเอกสารตามรายการที่จะตองชําระคาสินไหมทดแทนและมีโอกาส
ยน่ื อทุ ธรณตามหลกั ความเปน ธรรมของกฎหมาย
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําสั่งแจงผลการพิจารณา
ความรับผิดทางละเมิด ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ส่ังใหผูฟองคดีชดใชเงินจํานวน
๓๐๔,๗๓๐.๖๐ บาท ใหแกสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๑๑ กรณีไมรับเงิน
รายไดสถานศึกษาจากการประมูลรานคาสวัสดิการ จากการขายคูปองอาหาร และจากการ
จาํ หนา ยสมดุ และกระเปานักเรยี น และจากการขายผลผลิตปาลม น้ํามัน เขาเปนรายไดสถานศึกษา
และกรณีนํารายไดสถานศึกษาไปจายเปนคากระเชา พวงหรีด เปนเหตุใหราชการเสียหาย
พรอมแจงสิทธิอุทธรณคําสั่งภายใน ๑๕ วัน นับแตวันท่ีไดรับแจงคําสั่ง เมื่อคําสั่งดังกลาว
เปนคําส่ังใหชดใชเงินที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงเปนคําสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และโดยท่ีคําส่ังดังกลาวไมใชคําส่ังที่ออกโดยรัฐมนตรี ประกอบกับ
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ไมไดกําหนดข้ันตอนอุทธรณคําสั่ง
ภายในฝายปกครองไวเปนการเฉพาะ จึงตองนํา พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
มาใชบังคับ เมื่อผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังใหชดใชเงินจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามมาตรา ๑๒
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลวไมเห็นดวย ผูฟองคดีชอบ
ท่ีจะอุทธรณโตแยงคําส่ังดังกลาวตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซ่ึงเปนเจาหนาที่ผูทําคําสั่งภายในสิบหาวัน
นับแตวันที่ไดรับแจงคําสั่งตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และไดมีการ
สั่งการตามกฎหมายน้ันหรือมิไดมีการส่ังการภายในเวลาอันสมควรหรือภายในเวลาที่กฎหมาย
กําหนดกอนนําคดีมายื่นฟองตอศาลปกครอง ดังนั้น เม่ือผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังเมื่อวันท่ี
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผูฟองคดีจึงตองยื่นอุทธรณคําส่ังตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ภายในวันท่ี
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ แตผูฟองคดีมีความสงสัยในจํานวนเงินที่ตองชดใช จึงมีหนังสือลงวันที่
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ขอเอกสารประกอบการย่ืนอุทธรณคําสั่ง และหนังสือลงวันที่
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ขอขยายเวลายื่นอุทธรณโดยหนังสือท้ังสองฉบับดังกลาวมิได
มีรายละเอียดที่แสดงขอเทจ็ จริงและเหตุผลในการอทุ ธรณ กรณจี งึ รับฟงไดวาผูฟองคดีมิไดอุทธรณ
คําส่ังแตอยา งใด ซึ่งผถู ูกฟอ งคดที ่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ แจงใหผูฟองคดี
ทราบวา ไดมีการสงเอกสารที่จําเปนใหแกผูฟองคดีเพียงพอที่จะไดทราบขอเท็จจริงแลว
และไมอ นุญาตใหขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ แมตอมาผูฟองคดีจะไดมีหนังสือลงวันท่ี ๖ ธันวาคม
๒๕๖๐ อุทธรณคําส่ัง และผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับหนังสือดังกลาวเม่ือวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐
ก็เปนการยื่นอุทธรณคําส่ังใหชดใชเงินเม่ือพนกําหนดระยะอุทธรณภายในสิบหาวันนับแตวันที่
ผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังดังกลาว ตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ไปแลว
กรณีจึงถือไดวาผูฟองคดีไมไดดําเนินการตามขั้นตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอน
หรือเสียหายกอนนําคดีมาฟองตอศาล ผูฟองคดีจึงไมสามารถใชสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองได
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๕๕
ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ การท่ีศาลปกครองชั้นตน
มีคําสั่งไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เหน็ พอ งดวยในผล
จงึ มคี าํ สั่งยืนตามคาํ สัง่ ของศาลปกครองชน้ั ตน
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คร.๙๐/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๔
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๖๑/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๕๕
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๒๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๖๙
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๗๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๘๒
คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๘๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๓
คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๑๐๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๖
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๒๔/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๙๓
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คร.๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๒
ระยะเวลาการฟองคดี
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๑๙๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีกับพวกรวม ๙ คน เคยยื่นคําฟองตอศาลปกครองขอใหเพิกถอนคําสั่ง
เทศบาลเมืองสุราษฎรธานี ลงวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
อันเนื่องจากการทําละเมิดในการปฏิบัติหนาท่ี และขอใหเพิกถอนคําส่ัง เรื่อง การดําเนินการ
ทางละเมิดกรณเี ทศบาลเมอื งสรุ าษฎรธ านีจัดซ้ือที่ดินกําจัดขยะ (เพิ่มเติม) ลงวันท่ี ๕ มีนาคม ๒๕๔๖
ที่แกไขจํานวนเงินที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดในคําสั่งแรก ตอมา ศาลปกครองชั้นตนมีคําพิพากษา
เพิกถอนคําสั่งพิพาทบางสวน คูกรณีทั้งสองฝายยื่นอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน
ตอศาลปกครองสูงสุด ในระหวางการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ผูถูกฟองคดีที่ ๒
ไดมีคําส่ังลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ แกไขจํานวนเงินท่ีเรียกใหผูฟองคดีตองรับผิดใหเปนไป
ตามความเหน็ ของกระทรวงการคลงั ศาลปกครองสูงสุดพจิ ารณาแลวเห็นวาคําส่ังใหมมีผลเปนการ
ยกเลิกคําสั่งเดิมที่ผูฟองคดีนํามาฟองขอใหเพิกถอนโดยปริยายแลว ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคําสั่ง
ใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ เปนคดีหมายเลขแดงที่ อ. ๘๒๓ – ๘๓๑/๒๕๕๗
และศาลปกครองชั้นตนไดอานคําส่ังของศาลปกครองสูงสุดดังกลาวเมื่อวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘
คดีจึงถึงท่ีสุดแลว หลังจากน้ัน ผูฟองคดีย่ืนคําขอ ลงวันท่ี ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ เปนคดีน้ีขอให
ศาลพิจารณาพิพากษา คดีหมายเลขแดงท่ี อ. ๘๒๖/๒๕๕๗ ใหม โดยอางวา คําสั่งลงวันที่
๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ เปนพยานหลักฐานใหมท่ีเกิดขึ้นในระหวางการพิจารณาพิพากษาของ
ศาลปกครองสงู สุด และคําส่ัง เรื่อง การใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพยสิน
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๕๖
และขายทอดตลาด ลงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เปนกรณีที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ใชสิทธิเรียกรอง
เมื่อพนกําหนดระยะเวลาสองปนับแตวันที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ รูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาท่ี
ผูพึงจะใชคาสินไหมทดแทน กรณีจึงเปนการออกคําส่ังโดยปราศจากอํานาจและไมชอบ
ดวยกฎหมาย ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังรับคําขอใหพิจารณาคดีใหม และพิพากษา
เพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ และคําสั่ง เร่ือง การใชมาตรการพิเศษทางปกครอง
โดยยึดทรัพยอ ายัดทรัพยส ินและขายทอดตลาด ลงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อพิจารณาคําส่ังลงวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕
และคําส่ังลงวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๖ (เพิ่มเติม) ซ่ึงเปนคําสั่งเดิม และคําส่ังลงวันที่ ๑๗ กันยายน
๒๕๕๒ ซงึ่ เปน คําสง่ั ใหมท ่แี กไ ขเปลี่ยนแปลงคําสัง่ เดิมตามความเห็นของกรมบัญชีกลางแลวเห็นวา
ตามคําสัง่ เดมิ และคาํ สงั่ ท่อี อกใหมแ กไ ขเปล่ียนแปลงคําส่งั เดมิ ดงั กลา ว มขี อเทจ็ จริงและพฤติการณ
การกระทําละเมิดของผูฟองคดีเปนไปในลักษณะเดียวกัน กลาวคือ ผูฟองคดีกับพวกไดรับแตงต้ัง
ใหเปนคณะกรรมการจัดซ้ือโดยวิธีพิเศษ มีหนาที่ตรวจสอบคุณสมบัติของที่ดินและพิจารณาราคา
ทด่ี ินท่ีเหมาะสม แตไมทําการตรวจสอบที่ดินกอนเสนอผูมีอํานาจจัดซื้อวาเปนไปตามขอกฎหมาย
และมีความเหมาะสมหรือไม เพียงใด เม่ือท่ีดินท่ีจัดซ้ือไมเปนไปตามหลักเกณฑที่กําหนด ไมมีการ
ตรวจสอบราคาซื้อขายคร้ังสุดทายเพื่อนํามาประกอบการพิจารณาจัดซ้ือ พฤติการณถือไดวาจงใจ
ไมร กั ษาประโยชนข องทางราชการและปฏิบตั ิตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยวาดวยการพัสดุของ
หนว ยการบริหารราชการสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๓๕ ทําใหผูถูกฟองคดี (เทศบาลนครสุราษฎรธานี)
ไดรับความเสียหาย เพียงแตมีการกําหนดสัดสวนความรับผิดของผูฟองคดีกับพวกในคําสั่งท่ีแกไขใหม
แตกตางไปจากคําสั่งเดิม และใหรับผิดใชคาสินไหมทดแทนเฉพาะสวนของตน โดยไมตองรับผิด
ในลักษณะลูกหนี้รวม ดังน้ัน คําสั่งลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ ที่แกไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งเรียก
ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนความรับผิดทางละเมิดใหกับผูถูกฟองคดีจึงมิไดมีผลเปนการ
เพิกถอนคาํ ส่งั ลงวนั ท่ี ๒๒ สงิ หาคม ๒๕๔๕ และคาํ สั่งลงวนั ท่ี ๕ มนี าคม ๒๕๔๖ (เพ่ิมเติม) ในสวน
ท่ีใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนความรับผิดทางละเมิดใหกับผูถูกฟองคดี ทั้งน้ี เพราะคําส่ัง
ที่ออกใหมดังกลาวมิไดมีการแกไขเพิ่มเติมคําส่ังเดิมในสวนของสาระสําคัญแตอยางใด หากแต
เปนเพียงคําส่ังท่ีแกไขเก่ียวกับจํานวนเงินคาสินไหมทดแทนท่ีผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนความรับผิดทางละเมิดใหกับผูถูกฟองคดีเทาน้ัน กรณีจึงตองถือวาคําสั่งลงวันที่
๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕ และคําสั่งลงวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๖ (เพ่ิมเติม) หาไดส้ินผลไปโดยคําส่ัง
ลงวันท่ี ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ ท่ีแกไขเปล่ียนแปลงคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ความรับผดิ ทางละเมิดในสวนจํานวนเงินที่ผูฟองคดีตองชดใชใหแกผูถูกฟองคดีไม ความเดือดรอน
เสียหายของผูฟองคดีจึงยังคงมีอยู แตเม่ือคดีกอนมีการจําหนายคดีออกจากสารบบความ และ
คดีถึงที่สุดไปแลว ผูฟองคดียอมเขาใจไดวาความเดือดรอนเสียหายของผูฟองคดีที่ยังคงมีอยู
ดังกลาว ยอมตองพิจารณาในคดีเดิม จึงย่ืนคําขอพิจารณาคดีใหมตอศาลปกครองช้ันตน
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคําขอพิจารณาคดีใหมดังกลาวของผูฟองคดีแลวเห็นวา มิใชกรณีท่ี
ศาลปกครองฟงขอเท็จจริงผิดพลาดหรือมีพยานหลักฐานใหมอันอาจทําใหขอเท็จจริงท่ีฟงยุติแลวน้ัน
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๕๗
เปลี่ยนแปลงไปในสาระสําคัญ ท่ีผูฟองคดีจะขอใหศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคําสั่ง
ช้ีขาดคดีปกครองใหมไดตามมาตรา ๗๕ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ การที่
ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําขอใหพิจารณาคดีใหมของผูฟองคดีไวพิจารณาจึงชอบแลว
อยางไรก็ตามเมื่อผูฟองคดียังคงไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการกระทําของผูถูกฟองคดี
และการท่ีจะใหผูฟองคดียื่นฟองเปนคดีใหมตอศาลปกครองช้ันตนใหเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี
๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ ท่ีแกไขคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕ และคําสั่งลงวันท่ี ๕ มีนาคม
๒๕๔๖ (เพ่ิมเตมิ ) ผฟู อ งคดีอาจจะไดรบั ความเสียหาย จากขอ ขัดของในเร่ืองระยะเวลาการฟองคดี
ดงั นัน้ การท่ีผูฟ อ งคดเี ห็นวา ตนมไิ ดกระทําละเมดิ ตอ หนวยงานของรัฐ จึงยื่นคํารองขอพิจารณาคดีใหม
ตอศาลปกครองชั้นตน และขอใหเพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ ซ่ึงศาลปกครองสูงสุด
ไดวินิจฉัยแลววากรณีไมเขาหลักเกณฑท่ีผูฟองคดีจะขอพิจารณาคดีใหมได แตโดยรูปเร่ืองและ
ตามคํารองคําขอของผูฟองคดี เห็นไดชัดวาผูฟองคดีประสงคจะขอใหศาลมีคําพิพากษาเพิกถอน
คําสงั่ ดงั กลาวทแ่ี กไ ขเปล่ียนแปลงคําส่ังลงวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕ และคําสั่งลงวันท่ี ๕ มีนาคม
๒๕๔๖ (เพ่ิมเติม) เพื่อประโยชนแหงความยุติธรรมจึงตองถือวาคําขอพิจารณาคดีใหมดังกลาว
เปนคําฟองที่ย่ืนตอศาลปกครอง เม่ือผูฟองคดีเปนผูไดรับความเดือดรอนเสียหายจากคําส่ังพิพาท
ในคดีนี้ สืบเน่ืองมาจากคําสั่งทางปกครองในคดีเดิมที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนจากการทําละเมิดตอหนวยงานของรัฐ โดยคําสั่งพิพาทในคดีน้ีเปนคําสั่งที่แกไข
เปลี่ยนแปลงจํานวนเงินท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีในคําสั่งเดิม
เพ่ือใหเปนไปตามความเห็นกระทรวงการคลังเทานั้น การท่ีผูฟองคดีนําคดีนี้มาฟองตอ
ศาลปกครองชั้นตนเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ จึงเปนการยื่นฟองคดีภายในเกาสิบวัน
นับแตวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเปนวันที่ศาลปกครองช้ันตนอานคําสั่งจําหนายคดีเดิมของ
ศาลปกครองสูงสุด ตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ศาลปกครองช้ันตนจึงชอบ
ที่จะรับคําฟองน้ีไวพิจารณาได การที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําขอใหพิจารณาคดีใหม
ของผูฟองคดีไวพิจารณา นนั้ ศาลปกครองสงู สุดไมเ หน็ พอ งดว ย
จึงมีคาํ ส่ังกลับคําส่ังของศาลปกครองช้นั ตน เปน ใหรบั คําฟอ งคดนี ไ้ี วพิจารณา
คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๕๔/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๙
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๖๓๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๖
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สุดที่ ๖๑/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๕
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๑๓๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๕๘
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๕๐
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๒๔/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๖๙
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๔๔/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๗๔
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๕๘
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๔๖/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑
คําส่ังศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๔๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๓
คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๔๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕
คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๔๙/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๗
คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๗๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๒
คาํ ส่ังศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คร.๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๒
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ. ๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๙
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. ๒๒๒/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๐๒
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๕/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๖๗
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๒๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๙๓
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๘๒/๒๕๖๓
ผูฟ อ งคดี (องคก ารบริหารสวนจังหวัดพะเยา) ฟองวา ผูฟองคดี ไดรับความเดือดรอน
เสียหาย เนื่องจากเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ผูฟองคดีไดรับแจงจากสํานักตรวจเงินแผนดิน
จงั หวดั พะเยาวา จากการตรวจสอบงบการเงินสําหรับปส้ินสุดวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ของผูฟองคดี
พบวา มีการอนุมัติใหจายเงินและมีการเบิกจายเงินโดยไมถูกตองตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย
วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครอง
สวนทองถิ่น (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ผูฟองคดีจึงมีคําส่ังแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดจากกรณีเบิกจายเงินรวมจํานวน ๖ โครงการ ผลการสอบขอเท็จจริงปรากฏวา
นาย ม. ตําแหนงหัวหนาสํานักปลัดองคการบริหารสวนจังหวัดพะเยา ซึ่งเปนสามีของผูถูกฟองคดี
เปนผูลงนามขออนุมัติดําเนินโครงการดังกลาว โดยไมถูกตองตามระเบียบของทางราชการ
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดจึงเสนอใหนาย ม. รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดีตามสัดสวนความรับผิดของตนจากการดําเนินโครงการทั้ง ๖ โครงการดังกลาว
ผูฟองคดีพิจารณาแลวเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงเมื่อวันท่ี
๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ และวันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ แลวแตกรณี และไดมีหนังสือลงวันที่
๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ และ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ รายงานผลและสํานวนการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดไปยังกระทรวงการคลังเพ่ือตรวจสอบ ตอมา วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐
นาย ม. ไดถึงแกความตาย และเม่ือไดรับแจงผลการตรวจสอบจากกรมบัญชีกลาง ผูฟองคดี
จึงมีคําส่ังลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ และวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑เรียกใหนาย ม. ชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแ กผ ูฟ องคดี เปนจํานวนเงินท้งั สิ้น ๙๑,๑๗๐ บาท ผูฟองคดีไดแจงคําสั่งทั้ง ๖ ฉบับ
ดังกลาว ใหนาย ม. ทราบแลว แตนาย ม. เพิกเฉย นาย ม. จึงตองรับผิดชดใชดอกเบี้ยผิดนัด
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันท่ี ๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งเปนวันผิดนัดจนถึงวันฟอง
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๕๙
คิดดอกเบ้ียเปนจํานวนเงิน ๖๘๘.๗๔ บาท รวมตนเงินและดอกเบ้ียเปนจํานวนเงินท้ังส้ิน
๙๑,๘๕๘.๗๔ บาท และกอนย่ืนฟองคดีนี้ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑
ทวงถามผูถูกฟองคดีในฐานะทายาทโดยธรรมและในฐานะผูจัดการมรดกของนาย ม. เพ่ือชดใช
คาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกผูฟองคดีแลว แตเม่ือครบกําหนดเวลาตามท่ีระบุในหนังสือ
ผูถูกฟองคดียังคงไมไดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนจํานวนเงิน ๙๑,๘๕๘.๗๔ บาท
พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาวนับแตวันถัดจากวันฟองเปนตนไป
จนกวาจะชําระเสร็จสิน้ ใหแ กผ ูฟอ งคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูฟองคดีทราบวานาย ม. ตองรับผิดในการกระทําละเมิด
กรณตี ามโครงการเบิกจายเงินท้ัง ๖ โครงการในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ และวันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙
ซึ่งเปนวันที่ผูฟองคดีพิจารณาเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิด อายุความการใชสิทธิเรียกรองของผูฟองคดีท่ีมีนาย ม. จึงมีกําหนดสองปนับแตวันที่
ผูฟองคดีไดรูถึงการละเมิดและรูตัวผูจะพึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ กลาวคือ ครบกําหนดภายในวันท่ี
๒๙ เมษายน ๒๕๖๑ และวันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑ แลวแตกรณี แตเมื่อในระหวางอายุความ
การใชสิทธิเรียกรองของผูฟองคดีดังกลาว นาย ม. เจาหนาที่ผูกระทําละเมิดไดถึงแกความตาย
เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และผูฟองคดีทราบถึงความตายของเจาหนาที่ในวันดังกลาว
ผูฟองคดีจึงไมอาจออกคําส่ังเรียกใหเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดซึ่งถึงแกความตายชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดี ภายหลังจากที่เจาหนาท่ีผูกระทําละเมิดถึงแกความตายแลวได เมื่อวันที่นาย ม.
ถึงแกความตายคือวันท่ี ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ นั้น อายุความการใชสิทธิเรียกรองที่ผูฟองคดี
มีตอนาย ม. เหลืออยูไมถึงปนับแตวันตาย อายุความดังกลาวจึงยอมยังไมครบกําหนดจนกวา
จะครบกําหนดหนึ่งปนับแตวันตาย ผูฟองคดีจึงมีสิทธิฟองทายาทของนาย ม. ไดภายในกําหนด
อายุความหนง่ึ ปน บั แตวันที่นาย ม. ถึงแกค วามตาย ตามมาตรา ๑๙๓/๒๓ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย เมื่อผูฟองคดีย่ืนฟองผูถูกฟองคดีซึ่งเปนทายาทโดยธรรมของนาย ม. เม่ือวันที่
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จึงเปนการใชสิทธิเรียกรองภายในกําหนดอายุความ ท่ีศาลปกครองชั้นตน
มีคําส่ังไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ และคืนคาธรรมเนียมศาล
แกผ ูฟองคดี นน้ั ศาลปกครองสูงสุดไมเ ห็นพอ งดวย
จงึ มีคําส่งั กลบั เปน ใหรบั คาํ ฟอ งของผฟู องคดไี วพ จิ ารณาพิพากษาตามรปู คดตี อไป
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๘๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๘๓
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๑๙๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๑๕
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๕๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๗๖
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๙๙
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๖๐
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๙๙
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๘๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๓
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๘๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๕๘
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๐๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๘๖
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๑๓๒/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๙๕
คาํ ส่ังศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๑๓๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๕
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๙๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีท้ังสองฟองวา ผูถูกฟองคดี (สถาบันการบินพลเรือน) ไดมีคําสั่งลงวันที่
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ขอใหผูฟองคดีท้ังสองและนาย ธ. ชําระคาสินไหมทดแทน ตามความเห็น
ของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กรณีท่ีผูฟองคดีที่ ๑ เมื่อครั้งดํารงตําแหนงผูวาการ
ของผูถูกฟองคดี ผูฟองคดีท่ี ๒ เมื่อคร้ังดํารงตําแหนงผูอํานวยการกองวิชาบริการการบิน
และนาย ธ. ในฐานะคณะกรรมการดําเนินการคัดเลือกลูกจางชั่วคราว ตําแหนงเลขานุการ
มิไดใชความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาที่ในการพิจารณาคัดเลือกลูกจางชั่วคราว ใหเปนไป
ตามที่ประกาศกําหนด และกําหนดอัตราคาจางเกินกวาท่ีควรจะไดรับ อันเปนการปฏิบัติหนาที่
ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหผูถูกฟองคดีไดรับความเสียหาย เปนเงิน
จํานวน ๓๔๔,๕๕๗.๘๘ บาท จึงใหผูฟองคดีทั้งสองและนาย ธ. ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรา
รอยละ ๖๐ ของความเสียหายดังกลาว คิดเปนเงิน ๒๐๖,๗๓๕ บาท โดยใหรับผิดคนละสวนเทาๆ กัน
เปนเงินจํานวนคนละ ๖๘,๙๑๑.๖๖ บาท และใหผูฟองคดีท่ี ๑ ในฐานะผูวาการและเปนผูลงนาม
ในสัญญาจางลูกจางชั่วคราวรายนาวาอากาศโท ส. ที่มิไดเปนไปตามที่ประกาศกําหนด อันเปน
การปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหผูถูกฟองคดีไดรับความเสียหาย
จึงใหผูฟองคดีท่ี ๑ ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๔๐ ของความเสียหาย ๓๓๙,๑๒๘ บาท
คิดเปนเงิน ๑๓๗,๘๒๓.๑๕ บาท ผูฟองคดีทั้งสองไดยื่นหนังสือลงวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๗
อุทธรณคําสั่งดังกลาว ซ่ึงตอมาผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
แจงผลการพิจารณาอุทธรณของผูฟองคดีทั้งสองวา เปนอุทธรณท่ีไมมีขอเท็จจริง และพยานหลักฐาน
หักลางผลการพิจารณา ผูฟองคดีทั้งสองจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
เพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ที่ใหผูฟองคดีทั้งสองชําระคาสินไหมทดแทน
และคาํ วนิ จิ ฉัยอุทธรณต ามหนังสือลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เห็นวา ผูถูกฟองคดีไดแจงผล
การพิจารณาอุทธรณใหผูฟองคดีที่ ๑ ทราบ ตามหนังสือลงวันท่ี ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
โดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับ ซึ่งปรากฏหลักฐานตามใบตอบรับทางไปรษณียลงทะเบียน
ระบุวา ม. ซึ่งเก่ียวพันกับผูฟองคดีที่ ๑ ในฐานะท่ีเปนพนักงานเปนผูลงชื่อรับไว เมื่อวันที่
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ แมผูฟองคดีที่ ๑ อางวา ไดรับแจงในวันท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ เนื่องจาก
พนกั งานไปรษณยี นาํ จดหมายไปสง ไวกับพนกั งานรักษาความปลอดภัย เปนเหตุใหไดรับจดหมายลาชา
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๖๑
โดยไมปรากฏพยานหลักฐานที่จะพิสูจนใหเห็นไดวา ผูฟองคดีท่ี ๑ ไดรับแจงผลการพิจารณา
อุทธรณใ นวนั ดังกลา ว กรณจี งึ ตอ งนํามาตรา ๗๑ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ท่ีบัญญัติใหการแจงคําสั่งทางปกครองโดยวิธีสงทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับ ใหถือวา
ไดรับแจงเมื่อครบกําหนดเจ็ดวันนับแตวันที่สงกรณีในประเทศ มาใชบังคับแกกรณีดังกลาว
ดังนั้น เมื่อผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ แจงผลการพิจารณาอุทธรณ
ใหผูฟองคดีท่ี ๑ ทราบ กรณีจึงตองถือวา ผูฟองคดีท่ี ๑ ไดรับหนังสือแจงผลการพิจารณาอุทธรณ
เม่ือครบกําหนดเจ็ดวันนับแตสง คือ วันท่ี ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ผูฟองคดีที่ ๑ จึงตองยื่นฟอง
ตอ ศาลภายในเกา สิบวนั นับแตว นั ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ การยื่นฟองคดีในวันท่ี ๓ มีนาคม ๒๕๕๘
จึงเปน การยนื่ ฟองเมื่อพนกาํ หนดระยะเวลาการฟองคดี ตามมาตรา ๔๙ แหง พ.ร.บ. จดั ตัง้ ศาลปกครองฯ
สว นกรณขี องผูฟองคดีที่ ๒ ผูถูกฟองคดีไดแจงผลการพิจารณาอุทธรณใหทราบตามหนังสือลงวันท่ี
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยสงทางไปรษณยี ลงทะเบียนตอบรับไปยังบานเลขที่ ๒๙๒ ถนนมาเจริญ
แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเปนท่ีอยูของผูฟองคดีที่ ๒ ปรากฏหลักฐาน
ตามใบตอบรับทางไปรษณียลงทะเบียนวา ท. เปนผูลงชื่อรับไว เมื่อวันท่ี ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
เม่อื ผฟู อ งคดีท่ี ๒ เพยี งแตโตแยงวา ผูฟองคดีท่ี ๒ ไมไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณดวยตนเอง
เนื่องจากทํางานอยูจังหวัดนครพนม มีเพียงภรรยาซ่ึงเปนโรคความจําเส่ือมอยูบานเพียงคนเดียว
โดยไมท ราบวา ไดล งนามรับซองจดหมายไวหรือไม และไมไ ดแ จงใหผูฟองคดีท่ี ๒ ทราบ กรณีจึงตอง
ถือวา ไดมีการแจงคําส่ังทางปกครองไปยังภูมิลําเนาของผูฟองคดีท่ี ๒ โดยชอบ ตามมาตรา ๖๙
แหง พ.ร.บ. วธิ ปี ฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว และกฎหมายใหถือวา ผูฟองคดีท่ี ๒
ไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณแลว ผูฟองคดีที่ ๒ จึงชอบที่จะนําคดีมายื่นฟองตอศาล
ภายในวันท่ี ๒๓ กุมภาพันธ ๒๕๕๘ การนําคดีมาฟองตอศาลในวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ จึงเปน
การฟองเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๔๙ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ น้ัน
ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พองดวย
จึงมีคาํ สัง่ ยืน
คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๒๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๐
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๙/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๑๙
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๑๖/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๒๐
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๒
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๔๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเงื่อนไขการฟองคดี หนา ๑๔๑
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๖๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เงอื่ นไขการฟองคดี หนา ๑๔๓
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๗๐/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเงือ่ นไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๔
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๖๒
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๑๔๔/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๓๗
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คร.๑๔๕/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๒
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๔๙๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๔๖
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๖๓๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๖
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ ๑๓๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๘
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี ๒๑๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕๙
คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๒๓๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕๐
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี ๒๔๐/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๖๐
คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๓๓๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๖๒
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๓๗๙/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๖๔
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๕๐๒/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๖๕
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๕/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๖๘
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๗๒
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ. ๑๐๔/๒๕๖๓
ผฟู องคดีฟอ งวา ผฟู อ งคดเี ปนผมู ีสทิ ธคิ รอบครองทด่ี ินตามหลักฐานหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๓๙๗๗ ตําบลปาคลอก อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ ๒๔
ไร ๑ งาน ๑๐ ตารางวา ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ (กรมท่ีดิน) มีคําสั่งลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙
ใหเพิกถอน น.ส. ๓ ก. ดังกลาว ผูฟองคดีไมเห็นดวย จึงย่ืนหนังสือลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙
อุทธรณคําสั่งดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ แจงผล
การพิจารณาอุทธรณดังกลาวใหผูฟองคดีทราบแลว ผูฟองคดีไมเห็นดวยจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งสอง (กระทรวงมหาดไทย ที่ ๒) รวมกัน
หรือแทนกันชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี พรอมดอกเบ้ียนับถัดจากวันฟองเปนตนไป
จนกวาจะชําระเสรจ็
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อคดีน้ีผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย
จากการที่พนักงานเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท้ังสองเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน
(น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๓๙๗๗ ตําบลปาคลอก อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ ๒๔ ไร ๑ งาน
๑๐ ตารางวา โดยผูฟองคดีซ้ือที่ดินดังกลาวมาเม่ือวันท่ี ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ในราคา
๔๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีหนังสือแจงใหผูฟองคดีทราบวา มีคําส่ังลงวันที่
๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ใหเพิกถอน น.ส. ๓ ก. ของผูฟองคดีดังกลาว ตามมาตรา ๖๑ แหงประมวล
กฎหมายทด่ี นิ เพราะเปน น.ส. ๓ ก. ท่ีออกโดยไมชอบดวยกฎหมาย ผูฟองคดีจึงอุทธรณคําสั่งดังกลาว
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๖๓
และผูถ ูกฟอ งคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสอื ลงวนั ที่ ๒๖ ตลุ าคม ๒๕๕๙ แจงผลการพิจารณาอุทธรณดังกลาว
ใหผูฟองคดีทราบแลว โดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับ และปรากฏลายมือชื่อบุคคลอื่น
ซงึ่ บรรลุนิติภาวะท่อี ยหู รอื ทาํ งานในสถานทนี่ ั้นเปนผรู บั หนังสอื ดงั กลา วไวเมอ่ื วันที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๙
ดังนั้น จึงถือวาวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เปนวันที่ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้
การที่ผูฟองคดียื่นฟองคดีน้ีตอศาลปกครองชั้นตนในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ จึงเปน
การยื่นฟองคดีเม่ือพนระยะเวลาการฟองคดีหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ สวนที่ผูฟองคดีอางวา ผูฟองคดีทราบตัว
ผูกระทําความผิดเมื่อผูถูกฟองคดีท้ังสองไดแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานเจาหนาที่
ในการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนดังกลาว และสรุปวาพนักงานเจาหนาที่กระทําการ
โดยทุจริตและไดมีคําส่ังลงวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ไลขาราชการออกจากราชการแลว จึงถือวา
วันดังกลาวเปนวันที่ผูฟองคดีทราบถึงการกระทําอันเปนเหตุแหงการละเมิด น้ัน ไมอาจรับฟงได
ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจาก
สารบบความ กบั ใหคนื คาธรรมเนียมศาลท้ังหมดใหแกผฟู องคดี นนั้ ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดวย
จงึ มีคําสง่ั ยืนตามคําสง่ั ของศาลปกครองชั้นตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๑๑๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๘๙
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๑๑๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๐
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๑๑๙/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๒
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คร.๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๙๘
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คร.๑๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๐
คําสั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คร.๑๔๕/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๔๒
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๖๖๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๑๐๘
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๗๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๑๐
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๐๓/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (เทศบาลตําบลบานแปน) ฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย
อันเน่ืองมาจากศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษาใหผูฟองคดีทําการรื้อถอนถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก
ท่ีไดทําการกอสรางเมื่อปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ บนท่ีดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๘๒๔๓
ตําบลบานแปน อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ของนางสาว ล. ผูฟองคดีจึงมีคําสั่งลงวันที่ ๑๙
มีนาคม ๒๕๖๑ แตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด และเม่ือวันท่ี ๑๘
พฤษภาคม ๒๕๖๑ คณะกรรมการคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ ไดรายงานผลการสอบขอเท็จจริงฯ
โดยเห็นวามีเจาหนาท่ีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๖ คน รวมถึงนาย ช. นายกเทศมนตรี
ตําบลบานแปนในขณะน้ัน ซึ่งเปนผูเสนอญัตติขออนุมัติการจายขาดเงินสะสมตอสภาเทศบาลตําบล
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๖๔
บานแปน และเปนผูใหการอนุมัติแบบแปลนกอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กท่ีศาลปกครองสูงสุด
มีคําพิพากษาใหผูฟองคดีร้ือถอน โดยมิไดทําการตรวจสอบวาท่ีดินท่ีจะกอสรางเปนท่ีสาธารณะหรือ
เปนที่ดินของเอกชนท่ีมีหนังสือยินยอมหรือหนังสืออุทิศที่ดินของเจาของท่ีดินหรือไม พฤติการณ
ถือไดวาเปนการกระทําดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับ
ความเสียหายจึงใหรับผิดเฉพาะในสวนของการกระทําของตนในอัตรารอยละ ๒๐ ของจํานวนเงิน
๑๔๔,๓๒๐ บาท คิดเปนเงิน ๒๘,๘๖๔ บาท ตามมาตรา ๑๐ ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.
ความรบั ผดิ ทางละเมดิ ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แตเนื่องจากนาย ช. ไดถึงแกความตายเมื่อวันท่ี ๒๐
มีนาคม ๒๕๖๐ ไมอาจออกคําสั่งทางปกครองใหชดใชคาสินไหมทดแทนได ตอมา ผูฟองคดีไดวินิจฉัย
สั่งการตามความเห็นของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ โดยไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม
๒๕๖๑ แจงใหกระทรวงการคลังทราบผลการสอบสวนดังกลาว และมีหนังสือลงวันท่ี ๑๗ ธันวาคม
๒๕๖๑ แจงใหผูถูกฟองคดีในฐานะภรรยาท่ีชอบดวยกฎหมายซ่ึงเปนทายาทโดยธรรม
ตามมาตรา ๑๖๒๙ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ชําระเงินจํานวน ๒๘,๘๖๔ บาท
ใหแกผูฟองคดีภายใน ๓๐ วัน นับแตวันท่ีไดรับหนังสือ ซึ่งผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือในวันเดียวกัน
และเมื่อครบกําหนดแลวผูถูกฟองคดีเพิกเฉยไมชําระเงินใหแกผูฟองคดี จึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มคี ําพิพากษาหรอื คําส่ังใหผูถูกฟองคดีชําระเงินใหแกผูฟองคดี จํานวน ๒๘,๘๖๔ บาท พรอมดอกเบี้ย
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาว นับแตวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒ จนถึงวันฟองคดี
รวมเปนเงินจํานวนท้ังส้ิน ๒๙,๑๑๙.๐๓ บาท และใหผูถูกฟองคดีชําระดอกเบี้ยใหแกผูฟองคดี
ในอตั รารอยละ ๗.๕ ตอป ของตน เงินจํานวน ๒๘,๘๖๔ บาท นบั ถัดจากวนั ฟองจนกวาจะชําระเสร็จ
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา วันท่ีจะถือเปนวันท่ีนาย ช. กระทําละเมิดตอผูฟองคดี
คือ วันที่ไดมีการกอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กในที่ดินของเอกชน แมในสํานวนคดีจะไมปรากฏ
ชัดเจนวาเปนวันใด แตในการกอสรางถนนดังกลาวไดมีการทําสัญญาจางหางหุนสวนจํากัด อ.
เปนผูดําเนินการ เริ่มทํางานตั้งแตวันท่ี ๑๘ กันยายน ๒๕๔๙ และตองทํางานใหเสร็จสมบูรณภายใน
วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๙ การกอสรางแลวเสร็จและเบิกจายเงินงบประมาณเม่ือวันท่ี ๖ ตุลาคม
๒๕๔๙ ซ่ึงเกิดขึ้นในชวงป พ.ศ. ๒๕๔๙ กรณีจึงตองฟงวานาย ช. กระทําละเมิดตอผูฟองคดี
ตัง้ แตช วงป พ.ศ. ๒๕๔๙ เม่ือนาย ช. ถึงแกความตายไปแลวเมื่อวันท่ี ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ความรับผิด
ของเจาหนาท่ียอมเปนมรดกตกทอดแกทายาทตามมาตรา ๑๕๙๙ ประกอบกับมาตรา ๑๖๐๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย แตในวันท่ีนาย ช. ถึงแกความตายผูฟองคดียังไมรูวานาย ช.
เปนลูกหน้ีของตน จนกระทั่งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ ไดมีรายงานผลการสอบสวนใหผูมีคําสั่ง
แตงตั้งทราบวานาย ช. เปนเจาหนาท่ีผูมีสวนตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในความเสียหาย
ท่ีผูฟองคดีไดรับจากการตองรื้อถอนถนน ผูฟองคดีไดมีคําส่ังเมื่อวันท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑
ใหคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ หารือกรณีอายุความตอพนักงานอัยการ จึงตองถือวาผูฟองคดี
ไดร ูถึงการทีน่ าย ช. ไดกระทําละเมดิ ตนและนาย ช. จะตองชดใชค าสนิ ไหมทดแทนเพอ่ื การนัน้ ใหแ กต น
เม่ือวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองเมื่อวันท่ี ๒๘ กุมภาพันธ ๒๕๖๒
แมจะเปนการย่ืนฟองภายในหนึ่งปนับแตวันที่ผูฟองคดีไดรูหรือควรรูถึงความตายของนาย ช.
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๖๕
และรูวาตนมีสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมาย
ดังกลาวก็ตาม แตก็เปนการยื่นฟองเม่ือพนกําหนดสิบปนับแตชวงป พ.ศ. ๒๕๔๙ ท่ีไดมีการ
กอ สรางถนนรกุ ล้ําท่ขี องเอกชน ซ่งึ ถอื เปนวนั ทน่ี าย ช. ไดกระทําละเมิดตอผูฟองคดีแลว สิทธิเรียกรอง
คาเสียหายของผูฟองคดีตอนาย ช. อันเกิดแตมูลละเมิดจึงเปนอันขาดอายุความตามมาตรา ๔๔๘
วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายเดียวกัน เมื่อสิทธิเรียกรองใหนาย ช. ซึ่งเปนเจามรดกชดใช
คาสินไหมทดแทนจากการทําละเมิดตอหนวยงานของรัฐขาดอายุความ ผูฟองคดีจึงไมมีสิทธิเรียกรอง
ใหทายาทโดยธรรมรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในมูลละเมิดเดียวกัน ศาลจึงไมมีอํานาจรับคําฟอง
ของผูฟองคดีไวพิจารณาได และโดยท่ีคําฟองขอหานี้เปนการฟองคดีเพื่อประโยชนสวนตัว
ของผูฟ องคดีเทาน้ัน มิใชการฟองคดีที่เก่ียวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคล
ท่ีจะยื่นฟองคดีเมื่อใดก็ได รวมทั้งการฟองคดีมิไดเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอื่น
ศาลจึงไมอาจใชดุลพินิจรับคําฟองของผูฟองคดีที่ยื่นตอศาลเม่ือพนกําหนดเวลาการฟองคดี
ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตงั้ ศาลปกครองฯ ประกอบกบั ขอ ๓๐ วรรคสอง
แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วา ดวยวิธีพจิ ารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ นอกจากน้ี คดีนี้เปนการ
กลา วหาวานาย ช. ในฐานะเจาหนาท่ีเปนผูกระทําละเมิดตอผูฟองคดีซึ่งเปนหนวยงานของรัฐท่ีนาย ช.
สังกัดอยู จึงไมอาจนําบทบัญญัติในเรื่องอายุความไลเบี้ยตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาใชบังคับได เนื่องจากบทบัญญัติตามมาตรา ๙
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว จะใชบังคับกับกรณีท่ีเจาหนาท่ีกระทําละเมิดตอบุคคลภายนอกและ
หนวยงานของรัฐไดใชคาสินไหมทดแทนใหแกบุคคลภายนอกแลว หนวยงานของรัฐจึงจะมีสิทธิ
เรียกรองใหเจาหนาที่ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกหนวยงานของรัฐไดภายในหนึ่งปนับแตวันท่ี
หนว ยงานของรัฐไดใชคาสินไหมทดแทนแกบุคคลภายนอกผูเสียหาย อันเปนคนละกรณีกับขอเท็จจริง
ในคดีนี้ ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา ใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
และคืนคาธรรมเนียมศาลท้งั หมดใหแกผ ฟู องคดี นัน้ ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดว ย
จงึ มคี าํ สั่งยืนตามคาํ ส่งั ของศาลปกครองช้นั ตน
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๑๙๕/๒๕๖๓
ผฟู อ งคดี (กรมศลุ กากร) ฟองวา ผูถ กู ฟองคดีท้งั สีเ่ ปน ทายาทโดยธรรมของนาย ผ.
ผูตาย ซึ่งเปนเจาหนาท่ีศุลการักษ สังกัดผูฟองคดี โดยผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย
กรณีนาย ผ. ปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลอ เปนเหตุใหผูสงออกทุจริตในการสงออกและ
นําใบขนสินคาขาออกฉบับมุมนํ้าเงินไปยื่นขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรโดยไมชอบดวยกฎหมาย
ผูฟองคดีจึงมีคําส่ังลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ ใหนาย ผ. ชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน
๓,๑๙๒,๖๘๔.๓๖ บาท นาย ผ. มีหนังสืออุทธรณคําส่ังดังกลาว และผูฟองคดีไดมีคําส่ังยืน
ตามคาํ สง่ั เดิม ตอมา นาย ผ. ถึงแกค วามตายเมอ่ื วนั ที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๙ ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๙ แจงผูถูกฟองคดีทั้งส่ีในฐานะทายาทโดยธรรมของนาย ผ. ใหรวมกัน
ชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๓,๑๙๒,๖๘๔.๓๖ บาท แตผูถูกฟองคดีท้ังสี่เพิกเฉย ผูฟองคดี
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๖๖
จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังสี่รวมกันชําระเงินจํานวน
๕,๙๗๘,๘๖๐.๘๑ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน
๓,๑๙๒,๖๘๔.๓๖ บาท นับแตวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จแกผูฟองคดี เห็นวา เมื่อผูฟองคดี
มีคําสั่งลงวันท่ี ๙ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ ใหนาย ผ. รับผิดชดใชคาเสียหายตามท่ีกระทรวงการคลัง
กําหนด และมีหนังสือลงวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ แจงใหนาย ผ. ทราบผานผูบังคับบัญชา
ซ่ึงนาย ผ. ทราบคําสั่งดังกลาวในวันเดียวกัน การออกคําส่ังดังกลาวจึงยังอยูในอายุความ
สิทธิเรียกรองตามมาตรา ๑๐ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
และมาตรา ๔๔๘ แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย อยางไรก็ตาม แมคําสั่งดังกลาวจะมีผล
ใหอายุความสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนจากนาย ผ. สะดุดหยุดลงตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕)
แหงประมวลกฎหมายดังกลา ว แตก รณอี ายุความสะดุดหยุดลงมีผลเฉพาะกรณฟี อ งเจาหนาที่ผูทําละเมิด
ซ่ึงเปน ลูกหน้โี ดยตรงเทาน้ัน เมื่อตอมานาย ผ. ถึงแกความตายเม่ือวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๙ ผูฟองคดี
จึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๙ เรียกใหผูถูกฟองคดีท้ังสี่ในฐานะทายาทรวมกันรับผิดชดใช
คา สนิ ไหมทดแทนเพ่อื การละเมดิ ของนาย ผ. แตผ ูถ กู ฟอ งคดีทงั้ ส่เี พิกเฉย ผูฟอ งคดีจึงนําคดีมาฟอง
ตอศาลปกครองช้ันตนเม่ือวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๐ และวันท่ี ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท้ังส่ีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ซึ่งเปนการย่ืนฟองคดี
เม่ือลวงเลยระยะเวลา ๑๐ ป นับแตวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๓๘ ถึงวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๓๙
ซ่ึงเปนวันท่ีมีการวางฎีกาเพื่อเบิกเงินตามบัตรภาษีที่ผูฟองคดีออกให ซึ่งถือวามีการกระทําละเมิด
ตามมาตรา ๔๔๘ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ศาลปกครองจึงไมมีอํานาจ
รับคําฟอ งไวพ ิจารณา ทศ่ี าลปกครองชนั้ ตนพพิ ากษาใหผ ูถ กู ฟองคดที ้งั สีใ่ นฐานะทายาทผูรับมรดก
ของนาย ผ. รวมกันรับผิดชดใชเงินจํานวน ๔๓๘,๙๙๔.๐๙ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ
๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๓๑๙,๒๖๘.๔๔ บาท นับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ
ใหแกผ ฟู อ งคดี ท้งั นี้ ไมเ กินทรัพยม รดกท่ีผถู ูกฟองคดีทง้ั สีไ่ ดร บั มา โดยใหช าํ ระใหแลวเสร็จภายใน
๖๐ วัน นับแตวันท่ีคดีถึงท่ีสุด และใหคืนคาธรรมเนียมศาลบางสวนตามสวนของการชนะคดี
จาํ นวน ๑๐,๙๗๔.๘๔ บาท แกผฟู อ งคดี น้นั ศาลปกครองสูงสดุ ไมเ ห็นพองดว ย
พิพากษากลบั เปน ใหย กฟองและใหค นื คา ธรรมเนียมศาลทงั้ หมดในศาลปกครองชนั้ ตน
ใหแกผฟู อ งคดี และใหคืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมดในช้ันอุทธรณใหแ กผ ฟู องคดแี ละผูถูกฟองคดีทั้งส่ี
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๑๑๙/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ)
ผูฟองคดี (กรมทดี่ นิ ) ฟองวา สืบเนอ่ื งมาจากนาย ช. ไดยืน่ ฟองอธบิ ดกี รมทีด่ นิ กับพวก
เปนผูถูกฟองคดีตอศาลปกครองสงขลาวา นาย ช. เปนผูครอบครองที่ดินตามหลักฐาน น.ส. ๓ ก.
เลขที่ ๘๘๔ และเลขท่ี ๘๘๕ ตําบลไมฝาด อําเภอสิเกา จังหวัดตรัง ตอมา อธิบดีกรมท่ีดิน
ไดมีคําส่ังเพิกถอน น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๘๗๗ ตําบลไมฝาด อําเภอสิเกา จังหวัดตรัง เปนเหตุให
น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๔ และเลขที่ ๘๘๕ ซ่ึงแบงแยกมาจาก น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๘๗๗ ถูกเพิกถอนไปดวย
นาย ช. จึงฟอ งคดีตอศาลปกครอง โดยขอใหศาลมีคําพิพากษาเพิกถอนคําสั่งท่ีเพิกถอน น.ส. ๓ ก.
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๖๗
เลขที่ ๘๗๗ เลขท่ี ๘๘๔ และเลขที่ ๘๘๕ กับเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณและเรียกคาเสียหาย
ตอมา ไดมีการดําเนินคดีจนกระทั่งคดีถึงท่ีสุดโดยศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษาใหผูฟองคดี
ชําระเงิน พรอมดอกเบี้ยใหแกนาย ช. ท้ังน้ี ภายใน ๖๐ วัน นับแตวันที่คดีถึงที่สุด และเม่ือวันที่
๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ ผูฟองคดีไดชําระเงินตามคําพิพากษาดังกลาวแลวเปนเงินจํานวนท้ังส้ิน
๑๖๑,๐๐๙.๒๕ บาท ตอมา ไดมีการดําเนินการตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวย
หลักเกณฑการปฏิบัติเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซ่ึงตอมาจังหวัดตรัง
มีหนังสือลงวันท่ี ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ รายงานผลการพิจารณาตามระเบียบดังกลาว
ซึ่งผูวาราชการจังหวัดตรังพิจารณารายงานผลการสอบสวนแลวเห็นชอบกับความเห็น
ของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด และมีหนังสือลงวันท่ี ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙
สงสํานวนการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด และผลการวินิจฉัยส่ังการไปให
กระทรวงการคลังตรวจสอบแลว ผูฟองคดีพิจารณาสํานวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดแลวเห็นวา ผูฟองคดีตองรับผิดตอนายชาลี ผูเสียหายในผล
แหงละเมิดท่ีเจาหนาที่ของตนไดปฏิบัติหนาที่โดยประมาทเลินเลออยางรายแรง โดยไดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายแลว ผูฟองคดีจึงมีสิทธิที่จะเรียกใหเจาหนาที่ซ่ึงกระทําการ
โดยประมาทเลินเลออยางรายแรงชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี เม่ือปรากฏขอเท็จจริงวา
ไดมีการออก น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๘๗๗ โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ เลขที่ ๑๓๕ ซ่ึงเปนหลักฐาน
สําหรับที่ดินแปลงอื่นเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๒๗ จึงเปนหนังสือรับรองการทําประโยชนที่ออก
โดยไมชอบดวยกฎหมาย โดยมีเจาหนาท่ีท่ีเกี่ยวของ ไดแก นาย ท. เจาหนาที่ที่ดิน ๓
เปนผูมีหนาที่ทําการรังวัดและรายงานผลการรังวัดตลอดจนตรวจสอบสภาพการทําประโยชน
ใหผูบังคับบัญชาทราบ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เจาหนาท่ีบริหารงานท่ีดินอําเภอสิเกา เปนผูมีอํานาจ
หนาท่ีในการตรวจสอบการพิจารณาออก น.ส. ๓ ก. กอนเสนอนายอําเภอสิเกาพิจารณาลงนาม
และนาย ฤ. นายอําเภอสิเกา เปนผูมีอํานาจในการพิจารณาลงนามในการออก น.ส. ๓ ก.
เลขที่ ๘๗๗ เปนเหตุให น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๔ และเลขที่ ๘๘๕ ซ่ึงแบงแยกมาจาก น.ส. ๓ ก.
เลขท่ี ๘๗๗ เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๒๗ ไมชอบดวยกฎหมาย จนกระทั่งไดมีการจดทะเบียน
สทิ ธแิ ละนติ ิกรรมประเภทขายที่ดินตามหลักฐาน น.ส. ๓ ก. ทั้งสองแปลง จึงเปนการดําเนินการที่
ไมชอบดวยเชน กัน ซึง่ เปน กรณที ีก่ ารกระทาํ ละเมิดเกิดขน้ึ กอนวันที่ พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
เจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ จะมีผลใชบังคับ จึงตองนําหลักเรื่องลูกหน้ีรวมมาใชบังคับ ดังน้ัน
เม่ือผูฟองคดีตองรับผิดตอนาย ช. ผูเสียหายในผลแหงการละเมิดที่เจาหนาที่ไดกระทําในการ
ปฏิบัติหนาที่โดยไดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายแลว ผูฟองคดียอมมีสิทธิที่จะเรียกให
เจาหนาท่ีซ่ึงกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีได
ซ่ึงมีเจาหนาที่ท่ีตองรวมกันรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๑๖๑,๐๐๙.๒๕ บาท
ใหแกผ ูฟอ งคดี ไดแ ก ผถู ูกฟองคดีท่ี ๑ นาย ท. และนาย ฤ. แตเนื่องจากตามรายงานการสอบสวน
ของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๙ ปรากฏวา
นาย ท. และนาย ฤ. ไดถึงแกความตายแลวเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๔๗ และวันที่ ๑๑ ธันวาคม
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๖๘
๒๕๔๖ ตามลําดับ สิทธิหนาที่และความรับผิดจึงตกแกทายาทผูมีสิทธิรับมรดก โดยนาย ท.
มีทายาทจํานวน ๒ คน ไดแก ผูถูกฟองคดีที่ ๒ และที่ ๓ นาย ฤ. มีทายาทจํานวน ๒ คน ไดแก
ผูถูกฟองคดีที่ ๔ และที่ ๕ โดยเหตุที่อายุความการใชสิทธิไลเบ้ียแกเจาหนาที่ตามมาตรา ๙
แหงพระราชบญั ญตั ิดังกลาวจะครบกําหนดหนึ่งปใ นวนั ท่ี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ แตเนื่องจากขณะน้ี
กระทรวงการคลังยังไมแจงผลการพิจารณามาแตอยางใด ผูฟองคดีจึงอาศัยอํานาจตามความใน
มาตรา ๑๒ แหงพระราชบญั ญตั เิ ดยี วกัน ออกคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เจาหนาที่ผูตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทน และมีหนังสือเรียกใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ และที่ ๓ และมีหนังสือเรียกให
ผูถูกฟองคดีท่ี ๔ และท่ี ๕ ซึ่งมีหนาท่ีและความรับผิดตามมาตรา ๑๕๙๙ และมาตรา ๑๖๐๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย นําเงินจํานวน ๑๖๑,๐๐๙.๒๕ บาท มาชําระเปน
คาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายใน ๗ วัน นับแตวันที่ไดรับหนังสือ ตามหนังสือลงวันที่
๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ และเมื่อครบกําหนดแลวผูถูกฟองคดีทั้งหาเพิกเฉยไมนําเงินมาชําระใหแก
ผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังหารวมกัน
หรือแทนกันชําระเงินจํานวน ๑๖๑,๐๐๙.๒๕ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
ของตนเงินจํานวน ๑๖๑,๐๐๙.๒๕ บาท นับแตวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จแกผูฟองคดี
และใหคนื คาฤชาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผ ูฟ อ งคดี ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองที่ฟอง
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ถึงที่ ๕ ไวพิจารณา ผูฟองคดียื่นคํารองอุทธรณคําสั่งของศาลปกครองชั้นตน
เปนใหรับฟองในสวนที่ฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ และที่ ๓ ไวพิจารณา เห็นวา มาตรา ๙ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ มีเจตนารมณที่จะใหใชบังคับกับกรณีที่
หนวยงานของรัฐซึ่งตองรับผิดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพ่ือการละเมิดของเจาหนาที่
ใชสิทธิเรียกรองใหเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกตนเทาน้ัน
สวนกรณีที่หนวยงานของรัฐซ่ึงตองรับผิดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพื่อการละเมิดของ
เจาหนาท่ี ใชสิทธิเรียกใหทายาทของเจาหนาท่ีผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว
ใหแ กตนตองอยใู นบังคบั ของมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม และวรรคส่ี แหงประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย เมื่อขอเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏวา ผูฟองคดีในฐานะหนวยงานของรัฐไดชดใชคาสินไหม
ทดแทนแกผูเสียหายในผลแหงละเมิดของที่เจาหนาท่ีของตนไดกระทําไปในการปฏิบัติหนาท่ี
ตอบุคคลภายนอกตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ดงั น้นั ผูฟ อ งคดจี งึ มีสิทธิเรียกรองใหนาย ท. ในฐานะเจาหนาท่ีผูกระทําละเมิดชดใช
คาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกผูฟองคดีตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
โดยผูฟองคดีจะตองใชสิทธิเรียกรองภายในกําหนดอายุความหนึ่งปนับแตวันที่ผูฟองคดี
ไดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูเสียหายตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน อยางไรก็ตาม
เม่ือปรากฏขอเท็จจริงวา นาย ท. ไดถึงแกความตายเมื่อวันท่ี ๖ กันยายน ๒๕๔๗ การที่ผูฟองคดี
ไดใชสิทธิฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ และท่ี ๓ ซ่ึงเปนทายาทของนาย ท. ตอศาลเม่ือวันท่ี ๑๔ ธันวาคม
๒๕๕๙ จึงเปนการฟองคดีเมื่อพนกําหนดอายุความสิบปนับแตวันท่ีนาย ท. ไดถึงแกความตาย
ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสี่ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่ง
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๖๙
ไมรับคําฟองของผูฟองคดีในสวนท่ีฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ และท่ี ๓ ไวพิจารณา นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพองดวย
จงึ มคี าํ สัง่ ยืน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๒๑๖/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ)
ผูฟองคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา ผูถูกฟองคดีเปนทายาทโดยธรรมของนาย ป. เจาหนาที่
ในสังกัดของผูฟองคดี ซ่ึงถึงแกความตายเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ โดยคดีน้ีสืบเนื่องจาก
นาย ก. ไดย่ืนฟองผูฟองคดีตอศาลปกครองระยอง จากกรณีเจาหนาท่ีในสังกัดของสํานักงานที่ดิน
จงั หวดั ตราด รวมถึงนาย ป. ไดกระทําโดยจงใจหรือประมาทเลินเลอในการปฏิบัติหนาที่ เปนเหตุใหนาย ก.
ไดรับความเสียหาย ตอมา ศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาใหผูฟองคดีชดใชเงินใหแกนาย ก.
ซงึ่ ผูฟองคดไี ดชําระเงินพรอมดอกเบี้ยตามคาํ พิพากษาเปน เงนิ ๓๖๓,๘๒๖.๐๙ บาท ใหแกนาย ก. แลว
เมือ่ วนั ท่ี ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗ ตอมา คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดและจังหวัดตราด
พิจารณาแลวเห็นวา เจาหนาท่ีผูปฏิบัติหนาท่ีมิไดกระทําการโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง
จึงไมตองรับผิดในความเสียหายดังกลาว แตกรมบัญชีกลางไดมีหนังสือแจงผลการพิจารณาวา
เจาหนาที่ที่เก่ียวของปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหนาย ก.
ไดรับความเสียหาย โดยในสวนของนาย ป. ขณะดํารงตําแหนงหัวหนาฝายทะเบียน สํานักงานท่ีดิน
จังหวัดตราด ในฐานะผบู งั คับบญั ชาตามสายงาน ไมไดใ ชค วามละเอียดรอบคอบในการควบคุมและ
กํากับดูแลการดําเนินการของผูใตบังคับบัญชาใหเปนไปโดยถูกตองตามท่ีกฎหมายกําหนด
ซ่ึงหากนาย ป. ไดตรวจสอบและส่ังการใหเจาหนาที่ทําการขีดครอมตนฉบับ น.ส. ๓ ก. ทั้งฉบับ
พนักงานเจาหนาท่ีและเจาของท่ีดิน รวมทั้งลงชื่อในเอกสารดังกลาวและในชองเจาพนักงาน
ผูแจกใบไตสวน ก็จะไมทําใหเจาหนาท่ีท่ีเขารับตําแหนงในภายหลังไดรับรองสําเนาถูกตอง
ในหนังสือ น.ส. ๓ ก. ดังกลาว ซ่ึงไดถูกยกเลิกไปแลว ความเสียหายจากการบังคับคดีของนาย ก.
ยอ มไมเ กิดขนึ้ จงึ ใหนาย ม. และนาย ป. รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐ ของคาเสียหาย
ดังกลาว โดยแตละคนรับผิดเปนคนละสวนเทาๆ กัน แตเมื่อนาย ป. ไดถึงแกความตายแลว ผูฟองคดี
จึงมีหนังสือเรียกใหผูถูกฟองคดีในฐานะทายาทโดยธรรมของนาย ป. ชําระเงินคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดี และไมมีทางบังคับใหผูถูกฟองคดีชําระเงินได ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มคี ําพพิ ากษาหรอื คําส่ังใหผ ูถ ูกฟอ งคดีชาํ ระเงินจํานวน ๔๔,๑๙๙.๑๒ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรา
รอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาว นับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จใหแก
ผูฟอ งคดี
ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา
มาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ มีเจตนารมณที่จะบังคับใช
กับกรณีที่หนวยงานของรัฐซ่ึงตองรับผิดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพื่อการกระทําละเมิด
ของเจาหนาที่ ใชสิทธิเรียกรองใหเจาหนาท่ีผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแก
ตนเทานั้น สวนกรณีที่หนวยงานของรัฐซึ่งตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพื่อการ
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๗๐
กระทําละเมิดของเจาหนาท่ี ใชสิทธิเรียกรองใหทายาทของเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคา
สินไหมทดแทนดังกลาวใหแกตนตองอยูในบังคับของมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม และวรรคสี่
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ดังน้ัน เมื่อผูฟองคดีไดยื่นฟองทายาทของเจาหนาท่ี
ผูกระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่เมื่อพนกําหนด ๑๐ ป นับแตวันที่เจาหนาที่ถึงแกความตาย
กรณีจึงเปนการย่ืนฟองคดีเม่ือพนอายุความที่กฎหมายกําหนด ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่ง
ไมร บั คาํ ฟองไวพิจารณาและใหจาํ หนายคดอี อกจากสารบบความ พรอมท้ังใหคืนคาธรรมเนียมศาล
ท้ังหมดแกผ ูฟอ งคดี นน้ั ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดวย
จงึ มคี ําส่งั ยนื
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๒๑๗/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ)
ผูฟอ งคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนทายาทของนาย ช. ซ่ึงถึงแกความตาย
เมอื่ วันท่ี ๒ สงิ หาคม ๒๕๕๐ สวนผูถูกฟองคดีที่ ๒ เปนทายาทของนาย ส. ซึ่งถึงแกความตายเมื่อวันที่
๒๑ มนี าคม ๒๕๓๓ โดยเหตุแหง การฟองคดีนส้ี ืบเน่ืองจากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ไดย่ืนฟอง
ผูฟองคดีในคดีน้ีเปนผูถูกฟองคดีตอศาลปกครองชั้นตน กรณีไดรับความเดือดรอนเสียหายจาก
การกระทําละเมิดของนาย ช. เม่ือครั้งดํารงตําแหนงเจาพนักงานท่ีดินอําเภอแมสอด ไดปฏิบัติหนาท่ี
ดวยความจงใจเพ่ือใหมีการออก น.ส. ๓ โดยไมชอบดวยกฎหมาย และนาย ส. เม่ือคร้ังดํารงตําแหนง
ศึกษาธิการอําเภอแมสอด ในฐานะรักษาราชการแทนนายอําเภอแมสอด ไดปฏิบัติหนาที่
ดวยความประมาทเลินเลอทําใหมีการออก น.ส. ๓ ที่ไมชอบดวยกฎหมายตามการเสนอของนาย ช.
เปน น.ส. ๓ เลขท่ี ๓๗๒ ตําบลทาสายลวด อําเภอแมสอด จังหวัดตาก ตอมา ผูฟองคดีไดเพิกถอน
น.ส. ๓ ฉบับดังกลาว ทําใหธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ผูรับจํานองที่ดินตาม น.ส. ๓ ดังกลาว
ไดยื่นฟองคดีตอศาลปกครองใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย ตอมา ศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษา
เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ ใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายใหแกธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน)
คิดเปนตนเงินและดอกเบี้ยรวมเปนเงินจํานวนทั้งส้ิน ๔๘๙,๖๗๘.๐๘ บาท ผูฟองคดีไดวางเงิน
ตามคาํ พพิ ากษาของศาลปกครองสูงสุดเม่ือวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ตอมา ผูวาราชการจังหวัด
ตากมีคําสั่งลงวันท่ี ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ซึ่งคณะกรรมการไดรายงานผลการสอบขอเท็จจริงตามหนังสือลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ ๒๕๕๙
หลังจากนั้น จังหวัดตากไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๙ รายงานผลการสอบสวน
ใหกรมบัญชีกลางทราบเพื่อพิจารณา ตอมา นาย ช. และนาย ส. ไดถึงแกความตาย ผูฟองคดี
จึงมีหนังสือเรียกใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๒ ในฐานะทายาทนําเงินมาชําระคาสินไหมทดแทน
จากการทําละเมิดดังกลาวใหแกผ ฟู องคดี แตผูถกู ฟอ งคดที งั้ สองไมไดน ําเงินมาชําระใหแกผูฟองคดี
แตอยางใด ผูฟองคดีจึงฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกันหรือแทนกัน
ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี จํานวน ๔๘๙,๖๗๘.๐๘ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ
๗.๕ ตอ ป ของตน เงนิ ดงั กลาว นับแตวันฟองคดีเปนตนไป จนกวาจะชําระเสร็จ ศาลปกครองช้ันตน
มคี าํ สัง่ ไมร บั คาํ ฟอ งในสว นท่ฟี อ งผถู ูกฟอ งคดที ี่ ๒ ไวพจิ ารณา
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๗๑
ศาลปกครองสูงสดุ โดยทปี่ ระชมุ ใหญต ลุ าการในศาลปกครองสูงสุดวินจิ ฉยั วา มาตรา ๙
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ มีเจตนารมณท่ีจะใหใชบังคับกับกรณี
ท่หี นวยงานของรัฐซ่งึ ตอ งรบั ผิดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพื่อการละเมิดของเจาหนาที่ ใชสิทธิ
เรยี กรองใหเจา หนาท่ผี ูก ระทาํ ละเมดิ ชดใชคา สินไหมทดแทนดังกลา วใหแ กตนเทานั้น กรณีที่หนวยงาน
ของรฐั ซ่ึงตองรบั ผดิ ชดใชคาสนิ ไหมทดแทนแกผูเสียหายเพื่อการละเมิดของเจาหนาท่ี ใชสิทธิเรียกรอง
ใหทายาทของเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกตนตองอยูในบังคับ
ของมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม และวรรคสี่ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย เม่ือขอเท็จจริง
ในคดีนี้ปรากฏตามคําฟองวา ศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษาใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) และเมื่อวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ผูฟองคดีไดชําระเงิน
ตามคาํ พพิ ากษาดังกลาวแลว จงึ เปน กรณีทผี่ ฟู องคดีในฐานะหนวยงานของรัฐไดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกผ ูเสียหายในผลแหง การกระทําละเมิดของเจาหนาที่ตอบุคคลภายนอกตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ดังนั้น ผูฟองคดีจึงมีสิทธิเรียกใหนาย ช. และนาย ส. ในฐานะเจาหนาท่ี
ผกู ระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกผูฟองคดีตามมาตรา ๘ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติ
เดียวกัน โดยผูฟองคดีจะตองใชสิทธิเรียกรองภายในกําหนดอายุความหนึ่งปนับแตวันท่ีผูฟองคดี
ไดใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติขางตน อยางไรก็ตาม เม่ือการใชสิทธิ
เรียกรองดังกลาวมีลักษณะเปนการใชสิทธิเรียกรองไลเบ้ียกับเจาหนาท่ีผูทําละเมิด ซ่ึงปรากฏ
ขอเท็จจริงวานาย ส. ไดถึงแกความตายเมื่อวันท่ี ๒๑ มีนาคม ๒๕๓๓ จึงเปนกรณีที่เจาหนาท่ี
ผูจะตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีไดถึงแกความตาย ซ่ึงเปนเหตุใหความรับผิด
ของเจา หนา ทใี่ นอนั ทจี่ ะตอ งชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแกหนวยงานของรัฐ เปนมรดกตกทอดแกทายาท
ของเจาหนาท่ีทันทีท่ีเจาหนาท่ีผูนั้นถึงแกความตาย หนวยงานของรัฐจึงไมอาจใชสิทธิเรียกรอง
คาสินไหมทดแทนจากทายาทของเจาหนาที่โดยอาศัยอายุความตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ได แตจะตองใชสิทธิเรียกรองจากทายาทของเจาหนาท่ี
ภายในกําหนดอายุความหนึ่งปนับแตวันท่ีหนวยงานของรัฐไดรูหรือควรไดรูถึงความตายของเจาหนาที่
และภายในสิบปนับแตวันท่ีเจาหนาท่ีไดถึงแกความตาย ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสามและวรรคสี่
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ดังน้ัน เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา นาย ส. ไดถึงแกความตาย
เมื่อวันท่ี ๒๑ มีนาคม ๒๕๓๓ การที่ผูฟองคดีไดใชสิทธิฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งเปนทายาทของนาย ส.
ตอ ศาลเมือ่ วันท่ี ๑๕ กนั ยายน ๒๕๕๙ จึงเปนการฟองคดีเม่ือพนกําหนดอายุความสิบปนับแตวันท่ี
นาย ส. ไดถึงแกความตาย ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสี่ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว ศาลปกครอง
จึงไมอาจรับคําฟองในสวนที่ฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไวพิจารณาได ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่ง
ไมรับคําฟอ งในสว นของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไวพิจารณา น้นั ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพองดว ย
จงึ มีคําสง่ั ยนื
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๗๒
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๒๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (กรมท่ีดิน) ฟองวา นาย น. ไดย่ืนฟองผูฟองคดีตอศาลปกครองสงขลา
กรณีที่ผูฟองคดีมีคําสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๙๔๓๘ และ
เลขท่ี ๙๔๓๙ ตําบลทุงตําเสา อําเภอหาดใหญ จังหวัดสงขลา ซ่ึงเปนของนาย น. ตอมา
ศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษาที่ อ. ๔๕๒/๒๕๖๑ วา เจาหนาท่ีของผูฟองคดีมิไดพิสูจนสอบสวน
การทําประโยชนในที่ดินที่มีผูนําหลักฐานแบบแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) มาเปนหลักฐาน
ในการขอออก น.ส. ๓ ก. อันเปนการไมปฏิบัติตามข้ันตอนและวิธีการท่ีกฎหมายกําหนด เปนเหตุให
น.ส. ๓ ก. ของนาย น. ตองถูกเพิกถอน จึงพิพากษาใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายใหแกนาย น.
เปนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ผูฟองคดีจึงไดมอบอํานาจ
ใหเจาหนาที่นําเงินจํานวน ๒๐๘,๒๘๗.๖๗ บาท ไปวางตอศาลปกครองสงขลาเพ่ือชําระหนี้
ตามคําพิพากษาดังกลาวเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ แตปรากฏวาชําระเกิน จึงไดไปรับเงินคืน
จํานวน ๑๖.๘๖ บาท ดังนั้น ผูฟองคดีจึงไดชําระเงินตามคําพิพากษาเปนเงินจํานวนท้ังส้ิน
๒๐๘,๒๗๐.๘๑ บาท ท้ังนี้ ผูฟองคดีไดมีคําสั่งลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๘ แกไขเพิ่มเติม
โดยคําสั่งลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ แตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
กรณีดังกลาว และตอมาคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ พิจารณาแลวมีความเห็นวา การที่ผูฟองคดี
ตองชําระคาเสียหายใหแกนาย น. ตามคําพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเปนผลมาจากการกระทํา
ของเจาหนาที่ท่ีไมปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการที่กฎหมายกําหนด โดยมีเจาหนาที่ท่ีมีสวนเก่ียวของ
๓ ราย ไดแ ก รอ ยเอก อ. ตําแหนงนายอําเภอหาดใหญ นาย บ. ตําแหนง เจา หนา ที่บริหารงานท่ีดิน
อําเภอหาดใหญ และผูถูกฟองคดีที่ ๑ เมื่อครั้งดํารงตําแหนงเจาหนาที่ที่ดิน ๓ โดยตองรับผิดรวมกัน
อยางลูกหน้ีรวมตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ตอมา ผูวาราชการจังหวัดสงขลาซึ่งไดรับ
มอบอํานาจจากอธิบดีกรมท่ีดินเห็นชอบดวยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ
จงึ มหี นังสอื ลงวันท่ี ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ และลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ รายงานผลการพิจารณา
ความรับผิดทางละเมิดดังกลาวไปยังกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง ท้ังน้ี ผูฟองคดีไดตรวจสอบ
การดําเนินการสอบขอเทจ็ จรงิ ความรบั ผดิ ทางละเมิดพบวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ยังมีชีวิตอยู สวนรอยเอก อ.
ถงึ แกค วามตายเมอ่ื วนั ท่ี ๑๘ กันยายน ๒๕๓๙ โดยมีทายาทจํานวน ๒ คน ไดแก ผูถูกฟองคดีท่ี ๖
(คูสมรส) และผูถูกฟองคดีที่ ๗ สวนนาย บ. ถึงแกความตายเมื่อวันท่ี ๕ มีนาคม ๒๕๔๔ โดยมีทายาท
จํานวน ๔ คน ไดแก ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (คูสมรส) ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ถึงที่ ๕ และเน่ืองจากอายุความ
การใชสิทธิไลเบ้ียแกเจาหนาท่ีตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ จะครบกาํ หนดหน่ึงปในวันท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ผูฟองคดีจึงไดออกคําส่ังลงวันท่ี
๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ ไปยังผูถูกฟองคดีที่ ๖ และที่ ๗ ในฐานะทายาทผูมีสิทธิรับมรดกของรอยเอก อ.
รวมถึงผูถูกฟองคดีที่ ๒ ถึงที่ ๕ ในฐานะทายาทผูมีสิทธิรับมรดกของนาย บ. ตามลําดับ และ
มหี นังสอื ลงวันท่ี ๒๕ มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ แจง ไปยังผูถูกฟองคดีที่ ๑ ใหรวมกันรับผิดอยางลูกหน้ีรวม
ชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๒๐๘,๒๗๐.๘๑ บาท เนื่องจากมูลละเมิดเกิดกอน พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ใชบังคับ และใหไปชําระแกผูฟองคดีภายใน ๗ วัน นับแต
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๗๓
วันท่ีไดรับหนังสือ แตปรากฏวาผูถูกฟองคดีที่ ๖ และที่ ๗ ไมยอมรับหนังสือแจง ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ท่ี ๓ และท่ี ๕ รับทราบคําสั่งเม่ือวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ สวนผูถูกฟองคดีที่ ๔ รับทราบคําส่ัง
เมอ่ื วนั ที่ ๒๒ มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ และผถู กู ฟอ งคดที ี่ ๑ รับทราบคําสั่งเม่ือวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒
ซึ่งในระหวางน้ัน กรมบัญชีกลางมีหนังสือลงวันท่ี ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ ถึงจังหวัดสงขลา แจงวา
เมื่อคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมแหงกรณีแลว จึงใหเจาหนาที่
ผูกระทําละเมิดรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ในอัตรารอ ยละ ๗.๕ ตอป ดงั น้ี (๑) ผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๑ ตําแหนงเจาหนาท่ีท่ีดิน ๓ ในฐานะเจาหนาที่
พิสูจนสอบสวนการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ใหรับผิดในอัตรารอยละ ๖๐
ของความเสียหาย คิดเปนเงิน ๗๕,๓๖๘.๓๐ บาท (๒) นาย บ. ในฐานะเจาหนาท่ีบริหารงานท่ีดิน
อําเภอหาดใหญ ใหรับผิดในอัตรารอยละ ๓๐ ของความเสียหาย คิดเปนเงิน ๓๗,๖๙๓.๑๕ บาท
และ (๓) รอ ยเอก อ. ตําแหนง นายอาํ เภอหาดใหญ ใหรบั ผิดในอัตรารอ ยละ ๑๐ ของความเสียหาย
คิดเปนเงิน ๑๒,๕๖๔.๓๙ บาท ผูฟองคดีจึงตองนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ัง
ใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ชําระคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๗๕,๓๘๖.๓๐ บาท
พรอ มดอกเบี้ยในอตั รารอ ยละ ๗.๕ ตอ ป ของตน เงนิ จํานวนดังกลาวนับแตวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ
ใหผูถกู ฟองคดีที่ ๒ ถึงที่ ๕ ในฐานะทายาทผูมีสิทธิรับมรดกของนาย บ. รวมกันหรือแทนกันชําระ
คาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๓๗,๖๙๓.๑๕ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ
๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวนดังกลาวนับแตวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ และใหผูถูกฟองคดีที่ ๖
และท่ี ๗ ในฐานะทายาทผูมีสิทธิรับมรดกของรอยเอก อ. รวมกันหรือแทนกันชําระคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๑๒,๕๖๔.๓๙ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
ของตนเงินจํานวนดังกลาวนับแตวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ เห็นวา การที่ผูฟองคดีไดชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกนาย น. โดยการนําเงินไปวางตอศาลปกครองสงขลาตามคําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันท่ี ๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ และสํานักงานศาลปกครองสงขลาไดรับเงิน
ดังกลาวแลว จึงเปนกรณีที่ผูฟองคดีในฐานะหนวยงานของรัฐไดรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกผูเสียหายในผลแหงการกระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่ของเจาหนาที่ตอบุคคลภายนอกผูเสียหาย
ตามมาตรา ๕ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ดังนั้น
ผูฟองคดีจึงมีสิทธิเรียกใหนาย บ. และรอยเอก อ. ในฐานะเจาหนาท่ีผูทําละเมิดในการปฏิบัติหนาท่ี
ชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกผูฟองคดีตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
โดยผูฟองคดีจะตองใชสิทธิเรียกรองภายในกําหนดอายุความหนึ่งปนับแตวันท่ีผูฟองคดีไดใช
คาสินไหมทดแทนน้ันแกผูเสียหายตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน อยางไรก็ตาม
โดยท่ีการฟองคดีนี้เปนการใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนของหนวยงานของรัฐที่มีลักษณะ
เปนการใชสทิ ธิไลเ บ้ียกับเจาหนา ท่ีอันเกิดจากมูลละเมดิ กรณเี จาหนา ที่ผูจ ะพึงตองชดใชคาสินไหมทดแทน
ไดถ ึงแกความตาย ซึ่งเปนเหตุใหความรับผิดของเจาหนาท่ีผูนั้นในอันที่จะตองชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกหนวยงานของรัฐที่เสียหายเปนมรดกตกทอดแกทายาทของเจาหนาที่ทันทีท่ีเจาหนาท่ีผูนั้น
ถึงแกความตายตามมาตรา ๑๕๙๙ วรรคหน่งึ และมาตรา ๑๖๐๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๗๔
โดยหนวยงานของรฐั ที่เสียหายจะตองใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนจากทายาทของเจาหนาที่
ภายในกําหนดหน่ึงปนับแตวันท่ีหนวยงานของรัฐที่เสียหายไดรูหรือควรไดรูถึงความตายของเจาหนาที่
ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายดังกลาว แตท้ังนี้การใชสิทธิเรียกรอง
คาสินไหมทดแทนดังกลา ว หนวยงานของรัฐที่เสียหายมิอาจใชสิทธิฟอ งรอ งเรยี กคาสินไหมทดแทน
จากทายาทของเจาหนาท่ีผูทําละเมิดเมื่อพนกําหนดสิบปนับแตวันที่เจาหนาท่ีถึงแกความตาย
ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคส่ี แหง ประมวลกฎหมายเดียวกัน เมื่อขอเท็จจริงตามแบบรับรองรายการ
ทะเบียนคนตายหรอื มรณบตั ร นาย บ. และรอ ยเอก อ. เจาหนา ทผี่ ทู ําละเมดิ ไดถ ึงแกความตายเม่ือ
วนั ท่ี ๕ มีนาคม ๒๕๔๔ และเม่ือวนั ที่ ๑๘ กนั ยายน ๒๕๓๙ ตามลําดับ ผูฟองคดีในฐานะเจาหน้ีใน
มลู ละเมิดท่ีขอบังคับตามสิทธเิ รยี กรอ งในการไลเบย้ี อนั มีตอนาย บ. และรอยเอก อ. เจาหนาที่ผูทํา
ละเมดิ ในฐานะท่ีเปนเจามรดก จึงตองใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนจากทายาทของเจาหนาท่ี
ภายในกําหนดสิบปนับแตวันท่ีเจาหนาท่ีไดถึงแกความตาย การที่ผูฟองคดีย่ืนฟอง
ผถู กู ฟองคดที ่ี ๒ ถึงท่ี ๕ ซึ่งเปนทายาทโดยธรรมผูมีสิทธิรับมรดกของนาย บ. และยื่นฟองผูถูกฟองคดีที่ ๖
และที่ ๗ ซึ่งเปนทายาทโดยธรรมผูมีสิทธิรับมรดกของรอยเอก อ. ตอศาลปกครองชั้นตน โดยสงคําฟอง
ทางไปรษณียดวนพิเศษ (EMS) เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ จึงเปนการยื่นฟองคดีเมื่อพน
กําหนดสิบปนับแตวันท่ีนาย บ. และรอยเอก อ. เจามรดกไดถึงแกความตายตามมาตรา ๑๗๕๔
วรรคสี่ แหงประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย ที่ศาลปกครองช้ันตน มีคาํ ส่งั ไมรับคําฟองในสวนท่ีฟอง
ผถู ูกฟองคดที ่ี ๒ ถึงที่ ๗ ไวพ จิ ารณา และใหคนื คาธรรมเนยี มศาลในสวนท่ีไมรับคําฟองไวพิจารณา
แกผูฟอ งคดี นนั้ ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพอ งดวย
จึงมีคําสง่ั ยนื ตามคาํ สงั่ ของศาลปกครองช้ันตน
คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๓๘/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ)
ผฟู องคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา ศาลปกครองสงู สดุ ในคดหี มายเลขแดงที่ อ. ๔๑๙/๒๕๕๘
พิพากษาใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกนาย ท. จํานวน ๙,๑๕๐ บาท เนื่องจากนาย พ.
เจาหนาท่ีของผูฟองคดีดําเนินการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) เลขที่ ๑๗๖
ตําบลสุเทพ อําเภอเมืองเชียงใหม จังหวัดเชียงใหม ใหแกนาง ม. เม่ือวันท่ี ๑๗ สิงหาคม ๒๕๑๓
โดยไมไดตรวจสอบตําแหนงท่ีตั้งของท่ีดินตามหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑)
เลขที่ ๑๗๖ ท่ีนาง ม. นํามาเปนหลักฐานในการออก น.ส. ๓ เม่ือนาง ม. ไดจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมขายใหแกนาย ท. แลวตอมา น.ส. ๓ ดังกลาวถูกเพิกถอน จึงเปนเหตุใหนาย ท.
ซง่ึ เปน ผูถอื สิทธคิ รอบครองทด่ี นิ ตาม น.ส. ๓ ดังกลา ว อยูในเวลาทีถ่ ูกเพิกถอน ไดรับความเสียหาย
และเมื่อเปนความเสียหายจากการกระทําละเมิดที่เกิดจากการปฏิบัติหนาท่ีของเจาหนาท่ีของ
ผูฟองคดี ผูฟองคดีซ่ึงเปนหนวยงานของรัฐจึงตองรับผิดตอนาย ท. ในผลแหงละเมิดที่เจาหนาท่ี
ของตนไดกระทําในการปฏิบัติหนาที่ตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ และเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๘ ผูฟองคดีไดชําระเงินตามคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดแลว
ตอมา กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางมีหนังสือลงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ แจงผลการพิจารณา
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๗๕
ความรบั ผดิ ทางละเมดิ ของเจาหนาทว่ี า พฤติการณของนาย พ. ถือไดวาเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง จึงใหนาย พ. รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๖๐ ของคาเสียหาย
ผูฟองคดีเห็นวา กรณีดังกลาวเปนกรณีท่ีหนวยงานของรัฐเห็นวาเจาหนาที่ผูนั้นไมตองรับผิด
แตกระทรวงการคลังตรวจสอบแลวเห็นวาตองรับผิด สิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนน้ันจึงมีกําหนด
อายุความหน่ึงปนับแตวันท่ีหนวยงานของรัฐมีคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ตามมาตรา ๑๐
วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว แตขอเท็จจริงปรากฏวานาย พ. ถึงแกความตายแลว
เม่ือวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๑ ผูฟองคดีจึงมีคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลังไปถึง
ผูถูกฟองคดที ่ี ๑ ถงึ ที่ ๕ ในฐานะทายาทโดยธรรมผมู ีสทิ ธิรบั มรดกของนาย พ. ตามหนังสือลงวันที่
๒ กันยายน ๒๕๕๙ ผูถูกฟองคดีทั้งหาไดรับหนังสือแลวแตเพิกเฉย ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท้ังหารวมกันชดใชคาสินไหมทดแทน จํานวน
๕,๔๙๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันถัดจากวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ
แกผูฟองคดี ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด พิเคราะหแลว
เห็นวา มาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ มีเจตนารมณ
ท่ีจะใหใชบังคบั กับกรณีท่ีหนว ยงานของรฐั ซ่ึงตอ งรบั ผดิ ใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพ่ือการละเมิด
ของเจาหนาที่ ใชสิทธิเรียกรองใหเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแก
ตนเทานั้น กรณีที่หนวยงานของรัฐซ่ึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพ่ือการละเมิด
ของเจาหนาท่ี ใชสิทธเิ รยี กรอ งใหทายาทของเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว
ใหแกตนตองอยูในบังคับของมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ที่บัญญัติวา ภายใตบังคับแหงมาตรา ๑๙๓/๒๗ แหงประมวลกฎหมายนี้ ถาสิทธิเรียกรองของเจาหนี้
อันมีตอเจามรดกมีกําหนดอายุความยาวกวาหนึ่งป มิใหเจาหน้ีนั้นฟองรองเม่ือพนกําหนดหน่ึงป
นับแตเม่ือเจาหน้ีไดรู หรือควรไดรูถึงความตายของเจามรดก และวรรคสี่ ที่บัญญัติวา ถึงอยางไรก็ดี
สิทธิเรียกรองตามที่วามาในวรรคกอนๆ น้ัน มิใหฟองรองเมื่อพนกําหนดสิบปนับแตเม่ือเจามรดกตาย
เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา นาย พ. ซ่ึงเปนเจาหนาท่ีผูกระทําละเมิดไดถึงแกความตายต้ังแตวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๔๑ การท่ีผูฟองคดีนําคดีมาฟองผูถูกฟองคดีทั้งหาในฐานะทายาทผูมีสิทธิรับมรดก
ของนาย พ. ตอศาลปกครองช้ันตนเม่ือวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ จึงเปนการฟองคดีเมื่อพนกําหนด
อายุความสิบปนับแตวันท่ีนาย พ. เจามรดกถึงแกความตายตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสี่ แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองน้ีไวพิจารณาพิพากษาได ที่ผูฟองคดี
อุทธรณวา สิทธิของผูฟองคดีจะไดรับการชดใชคาสินไหมทดแทนจากทายาทของนาย พ. เพ่ิงเกิดขึ้น
เมื่อผูฟองคดีทราบถึงตัวผูกระทําความผิดและจํานวนคาสินไหมทดแทนท่ีแนนอน เมื่อผูฟองคดี
ไดใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนโดยมีคําสั่งตามความเห็นของกระทรวงการคลังเม่ือวันท่ี
๒ กันยายน ๒๕๕๙ ผูฟองคดีจึงมีสิทธิฟองคดีภายในหน่ึงปนับแตวันดังกลาว นั้น แมกรมบัญชีกลาง
จะถือพฤติการณของนาย พ. เปนกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงในการออกหนังสือ
รับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) จึงใหนาย พ. รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๖๐
ของคาเสียหายจํานวน ๙,๑๕๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๕,๔๙๐ บาท ตามนัยมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๗๖
ความรบั ผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ กต็ าม แตค ดีนี้มิใชกรณีท่ีนาย พ. กระทําละเมิด
ตอผูฟองคดี ซึ่งกฎหมายกําหนดสิทธิเรียกคาสินไหมทดแทนจากนาย พ. ใหมีกําหนดอายุความสองป
นับแตวันที่ผูฟองคดีรูถึงการละเมิดและรูตัววานาย พ. จะพึงตองใชคาสินไหมทดแทน หรือกรณีท่ี
ผฟู องคดเี หน็ วานาย พ. ไมตองรับผิดแตกระทรวงการคลังตรวจสอบแลวเห็นวาตองรับผิด ใหสิทธิ
เรียกรองคาสินไหมทดแทนนั้นมีกําหนดอายุความหน่ึงปนับแตวันท่ีผูฟองคดีมีคําสั่งตามความเห็น
ของกระทรวงการคลัง ตามมาตรา ๑๐ แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแตอยางใด ท่ีศาลปกครองชั้นตน
มคี าํ ส่งั ไมร ับคาํ ฟอ งนี้ไวพจิ ารณาและจาํ หนา ยคดีออกจากสารบบความกบั คืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมด
แกผ ูฟอ งคดี นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพอ งดวย
จงึ มคี าํ ส่งั ยนื ตามคาํ สัง่ ของศาลปกครองช้นั ตน
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๐๓/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เงื่อนไขการฟอ งคดี หนา ๑๖๓
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๑๑๙/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเดน็ เง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๖๖
คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๒๑๖/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเดน็ เงอ่ื นไขการฟอ งคดี หนา ๑๖๙
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๒๑๗/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเดน็ เงอ่ื นไขการฟอ งคดี หนา ๑๗๐
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๒๗๗/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ)
ผูฟองคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา สืบเน่ืองจากกรณีท่ีนาย ป. ฟองผูฟองคดี
ตอศาลปกครองนครศรีธรรมราช ขอใหเพิกถอนคําส่ังอธิบดีกรมท่ีดินท่ีเพิกถอนหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๖๘๒ ตําบลรมณีย อําเภอกะปง จังหวัดพังงา ของนาย ป.
และใหผฟู องคดชี ดใชค า สินไหมทดแทน ตอมา ศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่
อ.๓๐๙/๒๕๕๘ ใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายพรอมดอกเบ้ีย ผูฟองคดีจึงชําระเงินตามคําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดตามใบรับเงินลงวันท่ี ๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ จากนั้น จังหวัดพังงาและกรมการปกครอง
ไดมีคาํ ส่ังแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เพื่อหาตัวผูตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนแกทางราชการ ซึ่งคณะกรรมการดังกลาวเห็นวามีเจาหนาท่ีที่เก่ียวของกับ
การออก น.ส. ๓ ก. จํานวน ๔ ราย จึงเห็นควรใหนาย จ. ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ที่ ๖ และนาย ร.
รับผดิ ชดใชค า สนิ ไหมทดแทนใหแกผ ฟู องคดี คนละรอยละ ๒๕ เปนเงินจํานวน ๑๑๗,๒๖๘.๕๔ บาท
ซ่ึงผูวาราชการจังหวัดพังงาพิจารณาแลวลงนามเห็นชอบกับความเห็นของคณะกรรมการดังกลาว
เมื่อวันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ และมีหนังสือรายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดมายัง
ผูฟองคดีและกรมบัญชีกลาง ผูฟองคดีพิจารณาแลวเห็นวา จากการตรวจสอบขอมูลทะเบียนราษฎร
ของผูตองรับผิดท้ังสี่ราย พบวา นาย จ. ไดถึงแกความตายเม่ือวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๔ มีทายาท
ซ่ึงยังมชี ีวิต คือ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ถึงท่ี ๕ และนาย ร. ไดถึงแกความตายเม่ือวันท่ี ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๙
มีทายาทซ่ึงยังมีชีวิต คือ ผูถูกฟองคดีที่ ๗ ถึงที่ ๑๐ ผูฟองคดีโดยอธิบดีกรมที่ดินจึงออกคําสั่ง
ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ ใหผูถูกฟองคดีท้ังสิบชําระคาสินไหมทดแทน แตผูถูกฟองคดีทั้งสิบ
ไมนําเงินมาชําระภายในกําหนดเวลา ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ัง
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๗๗
ใหผูถูกฟองคดีท้ังสิบรวมกันหรือแทนกันชําระเงินคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี จํานวน
๔๖๙,๐๗๔.๑๗ บาท พรอมดอกเบี้ยของเงินจํานวนดังกลาวในอัตรารอยละเจ็ดครึ่งตอป
นับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ ศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับคําฟอง
ของผูฟองคดีในสวนท่ีฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ ถึงที่ ๕ และท่ี ๗ ถึงที่ ๑๐ ไวพิจารณา ผูฟองคดี
ยื่นอทุ ธรณค ําสง่ั ดังกลา ว
ศาลปกครองสูงสุดโดยท่ีประชุมใหญวินิจฉัยวา เมื่อขอเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏวา
ผูฟ อ งคดีในฐานะหนวยงานของรฐั ไดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายในผลแหงการกระทําละเมิด
ของเจาหนาที่ตอบุคคลภายนอกตามมาตรา ๕ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ดังน้ัน ผูฟองคดีจึงมีสิทธิเรียกรองใหนาย จ. ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ผูถูกฟองคดีที่ ๖ และนาย ร. ในฐานะเจาหนาท่ีผูกระทําละเมิด ชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว
ใหแกผูฟองคดีตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน โดยผูฟองคดีจะตองใชสิทธิ
เรยี กรอ งภายในกําหนดอายคุ วามหนงึ่ ปนบั แตว ันท่ีผูฟ อ งคดไี ดใ ชค าสินไหมทดแทนใหแกผูเสียหาย
ตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อปรากฏขอเท็จจริงวานาย จ. ไดถึงแกความตาย
เม่ือวันท่ี ๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๔ และนาย ร. ไดถึงแกความตายเมื่อวันท่ี ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๙
การทผี่ ูฟองคดีไดใชสิทธิฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ถึงที่ ๕ ซ่ึงเปนทายาทของนาย จ. และผูถูกฟองคดีท่ี ๗
ถงึ ท่ี ๑๐ ซ่ึงเปนทายาทของนาย ร. ตอศาลโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนเม่ือวันท่ี ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙
จงึ เปนการฟอ งคดเี ม่ือพนกาํ หนดอายุความสิบปนับแตวันท่ีนาย จ. และนาย ร. ไดถึงแกความตาย
ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสี่ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และโดยท่ีการฟองคดีน้ีเปนคดี
ที่ผูฟองคดีประสงคจะเรียกรองเงินคาสินไหมทดแทนจากผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ถึงที่ ๕ และท่ี ๗ ถึงที่ ๑๐
การฟอ งคดีนีจ้ งึ เปนประโยชนเฉพาะแกผูฟองคดีโดยตรง มิไดเปนการฟองคดีที่เก่ียวกับการคุมครอง
ประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคล และมิใชคดีท่ีจะเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุ
จําเปนอื่นตามมาตรา ๕๒ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ และขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบ
ของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่ศาลปกครองจะรับไวพิจารณา
พพิ ากษาหรอื มีคําส่ังตอไปได ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดีในสวนท่ีฟอง
ผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๒ ถึงท่ี ๕ และที่ ๗ ถึงที่ ๑๐ ไวพ จิ ารณา นั้น ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพอ งดวย
จงึ มีคาํ สัง่ ยนื ตามคําสง่ั ของศาลปกครองช้ันตน
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๒๖/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๗๒
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๓๘/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อางแลวในประเด็นเง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๗๔
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๑๑๙/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อางแลวในประเดน็ เงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๖๖
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๑๖/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเดน็ เงือ่ นไขการฟอ งคดี หนา ๑๖๙
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๑๗/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเด็นเงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๗๐
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๒๗๗/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อางแลว ในประเด็นเงอ่ื นไขการฟองคดี หนา ๑๗๖
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๗๘
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๒๖/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เงอ่ื นไขการฟองคดี หนา ๑๗๒
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๓๘/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเด็นเง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๗๔
คําส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๐๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (กรมท่ีดิน) ฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ี
นาง ก. ไดย่ืนฟองผูฟองคดีตอศาลปกครองนครศรีธรรมราชใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย
สืบเนื่องจากการที่ผูฟองคดีมีคําส่ังลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เพิกถอนโฉนดท่ีดิน
เลขท่ี ๒๐๕๖๙ ตําบลศรีวิชัย อําเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎรธานี ซ่ึงมีช่ือนาง ก. เปนผูถือกรรมสิทธ์ิ
โดยศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษาในคดีหมายเลขแดงท่ี อ. ๔๐๐/๒๕๖๐ ใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกนาง ก. เปน เงินจาํ นวน ๔๑,๑๙๘ บาท พรอมดอกเบีย้ ในอตั รารอยละ ๗.๕ ตอ ป
นบั แตวันฟอ งเปนตนไปจนกวา จะชําระเสร็จ ผูฟองคดีจึงนําเงินจํานวน ๕๔,๗๑๗ บาท ไปวางศาล
เพ่ือชําระหนี้ตามคําพิพากษาดังกลาวเม่ือวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๐ ตอมา ผูฟองคดีไดมีคําส่ัง
ตามหนังสือวันท่ี ๗ กันยายน ๒๕๖๑ ออกคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว
แตผูถูกฟองคดีเพิกเฉย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใช
คาสนิ ไหมทดแทนเปนจาํ นวนเงิน ๙,๔๓๔.๙๐ บาท พรอ มดอกเบ้ียผดิ นดั นับแตว ันท่ี ๒๗ กันยายน ๒๕๖๑
จนถึงวันฟองคดีเปนเงินจํานวน ๖๖๘.๘๔ บาท รวมเปนเงิน ๑๐,๑๐๓.๗๔ บาท และใหชําระ
ดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ของตนเงินจํานวน ๙,๔๓๔.๙๐ บาท นับแตวันฟองคดีเปนตนไป
จนกวา จะชําระเสร็จ
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษา
เปนคดีหมายเลขแดงที่ อ. ๔๐๐/๒๕๖๐ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกนาง ก.
เปนเงินจํานวน ๔๑,๑๙๘ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันฟองเปนตนไป
จนกวาจะชําระเสร็จ ผูฟองคดีจึงไดนําเงินจํานวน ๕๔,๗๑๗ บาท ไปวางศาลเพื่อชําระหนี้
ตามคําพิพากษาดงั กลา วเมอ่ื วันท่ี ๘ กนั ยายน ๒๕๖๐ ผูฟอ งคดจี ึงตอ งใชสิทธิไลเบ้ียใหผูถูกฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกตนภายในกําหนดอายุความหน่ึงปนับแตวันดังกลาวตามมาตรา ๙
แหง พ.ร.บ. ความรับผดิ ทางละเมิดของเจา หนาที่ พ.ศ.๒๕๓๙ คือ ภายในวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๑
เมื่อผูฟองคดีมีคําส่ังลงวันท่ี ๗ กันยายน ๒๕๖๑ ใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน
๙,๔๓๔.๙๐ บาท ซึ่งเปนกรณีท่ีผูฟองคดีใชอํานาจออกคําส่ังใหเจาหนาท่ีผูทําละเมิดชําระเงิน
ภายในเวลาที่กําหนดตามมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อผูถูกฟองคดีไดรับแจงคําสั่ง
ดังกลาวเม่ือวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ คําส่ังดังกลาวจึงมีผลตามกฎหมายใชยันตอผูถูกฟองคดี
ต้ังแตวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๔๒ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ฉะน้ัน การใชสิทธิไลเบ้ียของผูฟองคดีจึงเปนการใชสิทธิเมื่อพนกําหนดอายุความ
ตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว และ
ไมเปนกรณีที่ทําใหอายุความสะดุดหยุดลงแตอยางใด ดังนั้น การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาล
เม่ือวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๒ จึงเปนการยื่นฟองเมื่อพนกําหนดเวลาหน่ึงปนับแตวันท่ีผูฟองคดี
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๗๙
ไดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูเสียหายตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ศาลจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณาพิพากษาได
ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
และคืนคา ธรรมเนยี มศาลท้งั หมดใหแ กผ ูฟ องคดี นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พอ งดวย
จงึ มีคําส่งั ยืนตามคาํ สั่งของศาลปกครองชนั้ ตน
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๑๒๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (กรมท่ีดิน) ฟองวา สืบเนื่องจากนาง พ. ไดยื่นฟองผูฟองคดีและ
กรมการปกครองเปนผูถูกฟองคดี ตอศาลปกครองขอนแกน ในกรณีที่ผูฟองคดีไดมีคําสั่งใหเพิกถอน
น.ส. ๓ ก. ท่ีนาง พ. เปนผูครอบครองอยู ขอใหศาลมีคําพพิ ากษาใหผ ฟู องคดีและกรมการปกครอง
รวมกันหรือแทนกันชําระคาเสียหายเปนจํานวนเงินท้ังส้ิน ๑,๙๐๑,๖๗๗.๑๕ บาท พรอมดอกเบี้ย
ผวู า ราชการจังหวัดอุดรธานีจึงมีคําส่ังแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
และไดเห็นชอบกับความเห็นของคณะกรรมการดังกลาววา นาย ช. เจาหนาท่ีบริหารงานท่ีดิน
อําเภอโนนสะอาด ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเต็มตามจํานวนที่รัฐตองรับผิดตอนาง พ.
พรอมกับสงสํานวนการสอบสวนใหกระทรวงการคลังพิจารณา สวนคดีที่นาง พ. ไดยื่นฟอง
ผูฟองคดีและกรมการปกครองตอศาลปกครองขอนแกนน้ัน ศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษา
เปนคดีหมายเลขแดงท่ี อ. ๒๓๖/๒๕๕๑ พิพากษาใหผูฟองคดีและกรมการปกครองรวมกันชดใช
คา เสียหายใหแกนาง พ. ผูฟอ งคดีจึงไดนาํ เงนิ คาเสยี หายตามคําพิพากษาดังกลาวและดอกเบ้ียรวม
เปนเงินทั้งส้ิน ๗๙๗,๑๖๗.๙๕ บาท ไปชําระใหแกนาง พ. แลวเม่ือวันท่ี ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ตอมา ผูฟองคดีไดมีคําสั่งตามหนังสือลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๒ แจงใหนาย ช. นําเงินจํานวน
๗๙๗,๑๖๗.๙๕ บาท มาชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีตามคําวินิจฉัยของผูวาราชการ
จังหวัดอุดรธานี ภายใน ๓๐ วัน นับแตวันท่ีไดรับหนังสือ แตนาย ช. ไมไดนําเงินมาชดใชใหแก
ผูฟองคดีแตอยางใด หลังจากนั้น จังหวัดอุดรธานีมีหนังสือลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๓ แจงผล
การพิจารณาจากกรมบัญชีกลางใหผูฟองคดีทราบวา นาย ช. ตองรับผิดชดใชคาเสียหายตามที่
ผูฟองคดีไดนําเงินไปวางศาล ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ แจงเตือนให
นาย ช. นําเงินจํานวน ๗๙๗,๑๖๗.๙๕ บาท พรอมดอกเบี้ยผิดนัดชําระหนี้ตามกฎหมายมาชําระ
เปนคาสนิ ไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี แตปรากฏวานาย ช. เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒
ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ จํานวน ๕ ฉบับ เรียกใหผูถูกฟองคดีทั้งหาในฐานะทายาทโดยธรรม
ของนาย ช. นําเงินคาสินไหมทดแทนมาชําระใหแกผูฟองคดีภายใน ๗ วันนับแตวันที่ไดรับหนังสือ
แตผูถูกฟองคดีท้ังหามิไดนําเงินมาชําระใหแกผูฟองคดีแตอยางใด ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศ าลมคี ําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท้ังหารวมกันหรือแทนกันชําระคาสินไหมทดแทน
จํานวน ๗๙๗,๑๖๗.๙๕ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันฟองจนกวา
จะชาํ ระเสร็จใหแ กผ ูฟอ งคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูฟองคดีไดนําเงินคาเสียหายตามคําพิพากษา
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๘๐
ของศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๒๓๖/๒๕๕๑ พรอมดอกเบยี้ เฉพาะในสวนท่ีเก่ียวกับนาย ช. เจาหนาที่
ในสังกดั ของผฟู อ งคดี ไปชําระใหแกนาง พ. แลว เม่ือวันท่ี ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ จึงเปนกรณีท่ี
ผูฟอ งคดีตอ งรับผิดชดใชค า เสียหายใหแ กบุคคลภายนอกในความเสียหายท่ีเกิดข้ึนจากการปฏิบัติหนาท่ี
ของนาย ช. เจา หนา ทีผ่ กู ระทําละเมิด ผูฟอ งคดจี ึงมสี ทิ ธิเรยี กใหนาย ช. ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแก
ตนได อันเปนการใชสิทธิเรียกรองเพ่ือบังคับชําระหน้ีดวยการไลเบี้ยกับเจาหนาท่ีตามมาตรา ๘
วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ภายในหนึ่งปนับแต
วันดงั กลาวตามมาตรา ๙ แหง พระราชบัญญัติดังกลาว อยางไรก็ดี โดยท่ีผูฟองคดีไดอาศัยอํานาจ
ตามมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน มีคําสั่งตามหนังสือลงวันท่ี ๑๐ กันยายน ๒๕๕๒
เรียกใหนาย ช. ชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๗๙๗,๑๖๗.๙๕ บาท
ภายใน ๓๐ วัน นับแตวันท่ีไดรับหนังสือ ซึ่งคําส่ังดังกลาวถือเปนการกระทําการอื่นใดอันมีผล
เปนอยางเดียวกันกับการฟองคดี ตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย จึงมีผลทําใหอายุความสะดุดหยุดลงในวันท่ีนาย ช. ไดรับแจงคําสั่งดังกลาว
เม่ืออายุความสะดุดหยุดลงแลว ระยะเวลาที่ลวงไปกอนนั้นไมนับเขาในอายุความ และเม่ือเหตุท่ี
ทําใหอายุความสะดุดหยุดลงส้ินสุดเวลาใดใหเริ่มนับอายุความใหมต้ังแตเวลาน้ัน ตามมาตรา
๑๙๓/๑๕ แหงประมวลกฎหมายเดียวกัน ซึ่งนาย ช. ไดรับแจงคําส่ังดังกลาวเม่ือวันท่ี
๑๖ กันยายน ๒๕๕๒ จึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๒
เม่ือนาย ช. มิไดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายในกําหนดเวลาดังกลาว จึงตองเร่ิม
นับอายุความใหมต้ังแตวันท่ี ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ แตผูฟองคดีไมไดใชสิทธิฟองคดีตอศาล
ภายในหน่ึงปนับแตวันดังกลาว อายุความฟองคดีเพ่ือเรียกให นาย ช. ชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดีจึงขาดอายุความแลวตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว แมตอมา
จะปรากฏวา นาย ช. ไดถึงแกความตายเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยผูฟองคดีไดรูถึง
ความตายของนาย ช. เม่ือวันท่ี ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ และไดนําคดีมาฟองผูถูกฟองคดีทั้งหา
ซึ่งเปนทายาทโดยธรรมของ นาย ช. ตอศาลปกครองเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ ซ่ึงอยู
ภายในระยะเวลาหน่ึงปนับแตไดรูถึงความตายของ นาย ช. ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยก็ตาม แตก็เปนการนําคดีมาฟองเกินหน่ึงปนับแตวันท่ีไดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายแลว ศาลจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณาได
ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณาและจําหนายคดีออกจากสารบบความ
กับใหคนื คา ธรรมเนียมศาลท้ังหมดแกผฟู อ งคดี นัน้ ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพอ งดวย
จึงมคี าํ สั่งยืนตามคําส่งั ของศาลปกครองชั้นตน
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๑๕๓/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนภรรยาโดยชอบดวยกฎหมาย
และเปนผูจัดการมรดกของนาย จ. (ผูตาย) สวนผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เปนบุตรของผูตาย เดิมผูตาย
เคยรับราชการในตําแหนงเจาหนาที่ท่ีดิน ๔ สํานักงานท่ีดินอําเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแกน
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๘๑
มีหนาที่รับคําขอออก น.ส. ๓ ก. การแบงแยกรวมสอบเขต ตรวจสอบเนื้อท่ี รวมถึงการออกไป
ทําการรังวัดตามท่ีไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชา มูลคดีนี้เกิดจากนาย ส. ไดย่ืนฟองผูฟองคดี
ตอ ศาลปกครองช้นั ตน (ศาลปกครองขอนแกน) ในคดีหมายเลขแดงท่ี ๔๑/๒๕๔๗ วา นาย ส. เปนผูรับ
จํานองท่ีดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๒๐๙๑ ตําบลเขาสวนกวาง
อําเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแกน จากนาย ข. ผูจํานอง ตอมา นาย ข. ไมชําระหนี้ นาย ส.
จึงฟองนาย ข. ตอศาลจังหวัดขอนแกน และศาลจังหวัดขอนแกนมีคําพิพากษาใหนาย ข. ชําระหนี้
เงินกู แตนาย ข. มิไดชําระหน้ีตามคําพิพากษาดังกลาว นาย ส. จึงขอใหศาลออกหมายบังคับคดี
ยึดทรัพยเพ่ือนําออกขายทอดตลาด แตทรัพยสินของนาย ข. ไมอาจทําการยึดเพื่อนําออก
ขายทอดตลาดได เน่ืองจากผูฟองคดี (กรมที่ดิน) ไดออกคําส่ังอายัดที่ดินพิพาท และสั่งเพิกถอน
น.ส. ๓ ก. ที่พิพาท นาย ส. เห็นวา เจาหนาท่ีในสังกัดของผูฟองคดีไดกระทําละเมิดในการปฏิบัติ
หนาท่ีในการออก น.ส. ๓ ก. ท่ีพิพาท จึงฟองคดีตอศาลปกครองช้ันตน ขอใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๖๐๐,๐๐๐ บาท ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายแกนาย ส.
เปนเงินจํานวน ๘๑๓,๖๒๕ บาท พรอมดอกเบ้ียรอยละ ๗.๕ ในตนเงิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท นับแต
วันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ ตอมา ศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่
อ. ๒๐๐/๒๕๕๒ พิพากษาแกคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน เปนใหผูฟองคดีชําระเงินคาสินไหม
ทดแทนจํานวนเงิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันที่ ๓ กรกฎาคม
๒๕๔๕ เปน ตน ไปจนกวาจะชําระเสร็จ ผูฟองคดีไดนําเงินจํานวน ๙๓๓,๐๐๐ บาท ไปวางศาลปกครอง
ชัน้ ตน ครบถว นตามคําพิพากษาแลว ผูฟองคดีโดยผูวาราชการจังหวัดขอนแกนจึงไดออกคําส่ังแตงตั้ง
คณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เพ่ือสอบสวนขอเท็จจริงหาผูรับผิดที่กระทํา
ละเมิดตอผูฟองคดีเปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย ซ่ึงคณะกรรมการดังกลาวไดพิจารณาแลว
เห็นวา นาย จ. เปน ผรู งั วดั และรบั คําขอออกหนงั สือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ที่พิพาท ใหแก
นาย ข. เม่ือวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๔๐ โดยไมชอบดวยกฎหมาย จึงตองรับผิดเก่ียวกับการออก น.ส. ๓
ก. ที่พิพาท ผูฟองคดีโดยผูวาราชการจังหวัดขอนแกนไดรายงานผลการสอบสวนขอเท็จจริงความรับ
ผิดทางละเมิดใหกรมบัญชีกลางพิจารณาแลว และกรมบัญชีกลางเห็นสมควรใหผูฟองคดี
ไลเบี้ยเอาจากเจาหนาที่ท่ีเกี่ยวของ โดยใหนาย จ. รับผิดชดใชคาเสียหายรอยละ ๗๐ ของเงินจํานวน
๙๓๓,๐๐๐ บาท เปนเงินจํานวน ๖๕๓,๑๐๐ บาท ตามมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แตขอเท็จจริงปรากฏวานาย จ. ไดเสียชีวิตแลว จึงใหผูฟองคดีใชสิทธิ
เรียกรองกับทายาทของนาย จ. ในฐานะผูรับมรดกตอไป ผูฟองคดีไดแจงใหผูถูกฟองคดีท้ังสองในฐานะ
ทายาทโดยธรรมของผตู าย นําเงนิ มาชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๖๕๓,๑๐๐
บาท ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับหนังสือลงวันท่ี ๘ กันยายน ๒๕๕๓ ผูถูกฟองคดีท้ังสองไดรับ
หนังสือดังกลาวเม่ือวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๓ แตมิไดชําระคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกันหรือแทนกัน
ชําระเงินคาสินไหมทดแทนจํานวน ๖๖๕,๕๘๐.๔๗ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
ของตนเงิน ๖๕๓,๑๐๐ บาท นับถัดจากวันฟองจนกวาชําระเงินเสร็จใหแกผูฟองคดี เห็นวา การที่
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๘๒
นาย จ. ดําเนินการรับคําขอออก น.ส. ๓ ก. ที่พิพาทและดําเนินการรังวัดที่ดินตามหลักฐาน ส.ค. ๑
เลขที่ ๑๖๗ หมูท่ี ๕ ตําบลเขาสวนกวาง อําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแกน จนมีการออกหนังสือรับรอง
การทําประโยชนท่ีพิพาทใหแกนาย ข. โดยไมไดตรวจสอบใหชัดเจนกอนวาเปน ส.ค. ๑
ท่ีไดมีการออก น.ส. ๓ ก. แลว และที่ดินต้ังอยูตางทองท่ีกับ น.ส. ๓ ก. ท่ีพิพาท จนกระท่ังอธิบดี
กรมท่ีดินไดออกคําส่ังลงวันท่ี ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๕ เพิกถอน น.ส. ๓ ก. ที่พิพาทอันเปนเหตุให
นาย ส. ผรู ับจํานองทีด่ นิ ทพ่ี ิพาทไดร ับความเสยี หายโดยไมสามารถบังคับจาํ นองกับทรัพยหลักประกันได
จึงเปนการกระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่ตอนาย ส. ซึ่งเปนบุคคลภายนอก เม่ือผูฟองคดีไดชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกนาย ส. ผูไดรับความเสียหายตามคําพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด
คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๒๐๐/๒๕๕๒ แลว จึงชอบใชสิทธิไลเบ้ียใหนาย จ. เจาหนาท่ีผูทําละเมิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนคืนภายในอายุความหน่ึงปนับแตวันที่ผูฟองคดีไดใชคาสินไหมทดแทนนั้น
แกผูเสียหาย ทั้งนี้ ตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
แตเนื่องจากนาย จ. เจาหนาท่ีผูทําละเมิดถึงแกความตายไปกอนแลวตั้งแตวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๔๘
ความรับผิดของนาย จ. ท่ีจะตองชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีจึงเปนมรดกตกทอด
แกทายาท คือ ผูถูกฟองคดีท้ังสองตามมาตรา ๑๕๙๙ และมาตรา ๑๖๐๐ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณชิ ย และสทิ ธเิ รียกรอ งไลเบย้ี ดงั กลาวมใิ ชสิทธิเรียกรองที่มีอายุความยาวกวาหน่ึงปจึงไมอยูใน
บังคับของอายุความมรดกตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายดังกลาว การใชสิทธิ
เรียกรองกรณีน้ีจึงตองใชสิทธิเรียกรองภายในอายุความหน่ึงปนับแตวันท่ีไดมีการใชเงินใหกับ
บุคคลภายนอกผูไดรับความเสียหาย ตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือผูฟองคดีไดชําระคาสินไหมทดแทนจากการเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน
ท่ีพิพาทใหแกนาย ส. ผูเสียหายตามคําพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขแดงที่
อ. ๒๐๐/๒๕๕๒ เมื่อวันท่ี ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ผูฟองคดีจึงตองใชสิทธิเรียกรองใหผูถูกฟองคดี
ทง้ั สองในฐานะทายาทของนาย จ. ชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวภายในอายุความหน่ึงปนับแตที่ไดมี
การชําระเงินดังกลาวตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ซ่ึงจะครบกําหนดภายในวันท่ี ๒๓
พฤศจิกายน ๒๕๕๓ โดยท่ีผูถูกฟองคดีท้ังสองมิไดอยูในฐานะเปนเจาหนาที่ ผูฟองคดีจึงไมอาจใชสิทธิ
เรียกรองดังกลาวโดยการมีคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีทั้งสองชดใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๒
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ดังนั้น การท่ีผูฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๘ กันยายน ๒๕๕๓ แจงให
ผูถูกฟองคดีท้ังสองในฐานะทายาทโดยธรรมของนาย จ. รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนรอยละ ๗๐
ของเงินจํานวน ๙๓๓,๐๐๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๖๕๓,๑๐๐ บาท ใหแกผูฟองคดี จึงมิใชเปนการ
ใชอํานาจตามกฎหมาย หนังสือดังกลาวจึงมิใชคําส่ังทางปกครองที่ใชบังคับกับผูถูกฟองคดีทั้งสองได
และไมมีผลทําใหอายุความสะดุดหยุดลง ตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แหงประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย ผฟู อ งคดจี งึ ตองใชส ิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนโดยการฟองคดีตอศาลภายในหน่ึงปนับแต
วนั ท่ไี ดมีการชดใชค าสินไหมทดแทนใหแกนาย ส. ซ่ึงครบกําหนดภายในวันท่ี ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
ดังนั้น การท่ีผูฟองคดีย่ืนฟองคดีนี้ตอศาล เมื่อวันท่ี ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ จึงเปนการย่ืนฟอง
เม่ือพนระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๘๓
พ.ศ. ๒๕๓๙ และปญหาการใชสิทธิเรียกรองภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนดหรือไม เปนปญหา
ขอกฎหมายอันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชน แมไมมีคูกรณีฝายใดยกข้ึนอาง
ศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจยกข้ึนวินิจฉัยไดตามขอ ๙๒ ประกอบกับขอ ๑๑๖ แหงระเบียบของ
ท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษายกฟอง น้ัน
ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวยในผล
พพิ ากษายนื
คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๙๔/๒๕๖๓
ผูฟ อ งคดี (กรมศลุ กากร) ฟอ งวา คดีน้ีมูลเหตุสืบเน่ืองมาจากมีผูใชนามรมโพธ์ิ ๔๐
รองเรียนตอนายกรัฐมนตรีวามีผูสงออกจํานวน ๒๒ ราย ทุจริตในการขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
สินคาขาออก รวมท้ังบริษัท อ. ผูฟองคดี จึงไดมีคําส่ังแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดกรณีดังกลาว คณะกรรมการฯ เห็นวา นาย พ. และเจาหนาท่ีท่ีเก่ียวของ
ไมไดปฏิบัติหนาท่ีดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง จึงไมตองรับผิดตอความเสียหาย
ท่ีเกิดขึ้นตอผูฟองคดี ตอมา ฝายวินัย สวนจรรยาบรรณและวินัย สํานักบริหารและพัฒนาบุคคล
รายงานผลการสอบสวนตอผูฟองคดีโดยเห็นวา กรณีบริษัท อ. ทุจริตในการขอรับเงินชดเชย
คาภาษอี ากร น้ัน ความเสียหายดังกลาวอยูในขั้นตอนการตรวจปลอยสินคาซึ่งมีเจาหนาที่ที่ตองรับผิด
คอื นายตรวจศุลกากรและศลุ การักษผทู ําการตรวจปลอ ยและควบคมุ การบรรจุสินคาเขาตคู อนเทนเนอร
โดยนาย พ. นายตรวจศุลกากร มิไดใชความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาที่จนเปนเหตุใหเกิด
ความเสียหายแกท างราชการ ถอื เปน การกระทําโดยประมาทเลินเลอ อยางรา ยแรง จึงตองรว มรบั ผิดชดใช
คาสินไหมทดแทน รวมเปนเงินทั้งสิ้น ๑๒,๘๗๐.๓๓ บาท ตอมา กรมบัญชีกลางผูรับมอบอํานาจ
จากกระทรวงการคลงั แจงผลการพจิ ารณาความรบั ผิดทางละเมิดของเจา หนาที่ใหผ ฟู องคดีทราบ ผู
ฟองคดีจึงไดมีคําสั่งเรียกใหนาย พ. รับผิดชดใชคาเสียหายเปนเงิน ๑๒,๘๗๐.๓๓ บาท หลังจากนั้น ผู
ฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๐ แจงใหนาย พ. ชดใชคาสินไหมทดแทน
จํานวนดังกลาวภายใน ๑๕ วัน นับแตวันไดรับแจงคําสั่ง นาย พ. ทราบคําสั่งเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๐
แตกลับเพิกเฉย ตอมา ผูฟองคดีทราบวานาย พ. ไดถึงแกความตายเม่ือวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘
ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ และหนังสือลงวันท่ี ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘
แจงผูถูกฟองคดีทั้งสอง ซึ่งเปนทายาทโดยธรรมและเปนผูมีสิทธิไดรับมรดกของนาย พ.
ใหชําระเงินคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีท้ังสองเพิกเฉย และโดยท่ีนาย พ.
ผิดนัดชําระหนี้ตั้งแตวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๐ เปนตนไป ผูถูกฟองคดีท้ังสอง จึงตองรวมกัน
หรือแทนกันรับผิดชําระหน้ีเงินตนเปนเงิน ๑๒,๘๗๐.๓๓ บาท พรอมดอกเบ้ีย จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกันชําระเงินจํานวน ๒๑,๗๘๗.๘๘ บาท
พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๑๒,๘๗๐.๓๓ บาท นับแตวันถัดจากวันฟอง
เปน ตนไปจนกวา ผถู กู ฟอ งคดที ้ังสองจะชาํ ระใหแกผฟู อ งคดเี สรจ็ ส้ิน และใหค นื คาธรรมเนยี มศาลท้ังหมด
แกผ ฟู องคดี
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๘๔
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา การท่ีผูฟองคดีมีคําส่ังกรมศุลกากร ลงวันที่
๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๐ ใหนาย พ. ชดใชคาสินไหมทดแทนน้ัน มีลักษณะเปนการกระทําอันมีผล
เปนอยางเดียวกันกับการฟองคดี มีผลทําใหอายุความใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทน
ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
สะดุดหยุดลง มีผลใหระยะเวลาท่ีลวงไปกอนนั้นไมนับเขาในอายุความ และเม่ือเหตุที่ทําให
อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดลงเวลาใดก็ใหเร่ิมนับอายุความใหมต้ังแตเวลานั้น ท้ังน้ี ตามนัยมาตรา
๑๙๓/๑๔ (๕) และมาตรา ๑๙๓/๑๕ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย เมื่อขอเท็จจริง
ปรากฏวา หลังจากที่ผูฟองคดีไดมีคําสั่งกรมศุลกากร ลงวันท่ี ๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๐ ผูฟองคดี
ไดมหี นังสือลงวันท่ี ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๐ แจงใหนาย พ. ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี
ภายในสิบหาวันนับแตวันที่ไดรับหนังสือ เมื่อนาย พ. ไดรับหนังสือเม่ือวันท่ี ๒ มีนาคม ๒๕๕๐
นาย พ. จึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายในวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๐ จึงตองถือวา
นาย พ. ไดรับคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนและเพิกเฉยท่ีจะชําระเงินใหแกผูฟองคดี
ภายในกาํ หนดเวลาดังกลาว อายุความการใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนสองปท่ีสะดุดหยุดลง
จึงตองเร่ิมนับใหมต้ังแตวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๐ เปนตนไป ซ่ึงผูฟองคดีชอบท่ีจะใชมาตรการ
บังคับทางปกครอง ตามมาตรา ๕๗ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ตอนาย พ. ได แตถาผูฟองคดีเห็นวาผูฟองคดีซ่ึงเปนหนวยงานทางปกครองมีขอขัดของในการ
บังคบั ใชก ฎหมายในสวนที่เก่ียวกับการบงั คับทางปกครองก็ไมตัดสิทธิผูฟองคดีท่ีจะใชสิทธิทางศาล
กลา วคือ ผฟู องคดชี อบท่ีจะเสนอขอพิพาทตอศาลเพื่อใหบังคับใชกฎหมายสัมฤทธ์ิผลได โดยผูฟองคดี
จะตองนาํ คดีมาย่ืนฟอ งตอ ศาลภายในสองปนบั แตว นั ที่ ๑๘ มนี าคม ๒๕๕๐ ซึ่งครบกําหนดในวันที่
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๒ การท่ีผูฟองคดีนําคดีมาย่ืนฟองตอศาลเม่ือวันท่ี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ จึงเปน
การใชสิทธิเรียกรองตอนาย พ. เมื่อพนกําหนดระยะเวลาสองป ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว และเมื่อผูฟองคดีไมสามารถฟอง
นาย พ. ผูตาย จึงไมสามารถฟองผูถูกฟองคดีทั้งสองซ่ึงเปนทายาทโดยธรรมของนาย พ. ได
แมวาจะไดย่ืนฟองภายในหน่ึงปนับแตวันที่ผูฟองคดีไดทราบถึงการตายของนาย พ. ก็ตาม
ท่ีศาลปกครองชัน้ ตน มีคําสง่ั ไมร บั คําฟอ งคดนี ้ีไวพจิ ารณา ใหจ ําหนา ยคดอี อกจากสารบบความ และ
คืนคาธรรมเนียมศาลทงั้ หมดแกผูฟอ งคดี นน้ั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพอ งดวย
จงึ มคี าํ สง่ั ยนื ตามคําส่งั ของศาลปกครองชั้นตน
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๑๒๑/๒๕๖๓
ผฟู อ งคดี (กรมทีด่ ิน) ฟองวา หนวยตรวจสอบภายในของผูฟองคดีทําการตรวจสอบดาน
การเงิน บัญชี และการจัดเก็บรายไดของสํานักงานท่ีดินอําเภอแวง สํานักงานที่ดินอําเภอจะแนะ
และสํานักงานที่ดินอําเภอเจาะไอรอง จังหวัดนราธิวาส ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๕
ในระหวางวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ถึงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๔๕ พบวา มีรายการเงินขาดบัญชี
และนําเงินสงคลังไมครบหลายรายการ ตอมา ผูวาราชการจังหวัดนราธิวาสในฐานะผูรับมอบอํานาจ
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๘๕
จากผูฟองคดีไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๐ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดกรณีดังกลาว ซ่ึงคณะกรรมการรายงานตอผูวาราชการจังหวัดนราธิวาสวา
ความเสียหายทางการเงินของสํานักงานท่ีดินอําเภอแวง พบวาไมมีการออกใบเสร็จรับเงินจํานวน
๒๑,๘๕๙ บาท มีเจาหนาท่ีท่ีเกี่ยวของท่ีตองรับผิด คือ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เจาหนาท่ีการเงิน
และบัญชี ๔ ตองรับผิดจํานวน ๑๕,๙๓๙.๘๐ บาท และสํานักงานที่ดินอําเภอเจาะไอรอง พบวา
นําเงินคาธรรมเนียมและภาษีอากรสงคลังขาดเปนเงินจํานวน ๗๖๙ บาท โดยมีผูถูกฟองคดีท่ี ๓
เจาหนาท่ีบริหารงานที่ดิน ๕ ตองรับผิดจํานวน ๗๖๙ บาท ผูวาราชการจังหวัดนราธิวาสวินิจฉัย
เห็นชอบกับความเห็นของคณะกรรมการฯ เมื่อวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๒ ผูฟองคดีมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ แจงใหจังหวัดนราธิวาสดําเนินการรองทุกขตอพนักงานสอบสวน
เพื่อดําเนินคดีอาญาแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ และมีหนังสือลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๒ สงสํานวน
การสอบสวนไปใหกระทรวงการคลังพิจารณา และเห็นวามูลละเมิดที่เจาหนาท่ีตองรับผิดบางราย
จะครบอายุความสิบป ตามมาตรา ๔๔๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย จึงมีหนังสือ
ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๒ เรียกใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๘,๘๗๘.๘๐ บาท
ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันไดรับหนังสือดังกลาว ตอมา กรมบัญชีกลางมีหนังสือลงวันที่ ๕
สิงหาคม ๒๕๕๒ แจง ผลการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดใหผูฟองคดีทราบวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๒๑,๘๕๙ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตําแหนงปลัดอําเภอรักษาราชการแทนนายอําเภอแวง ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแก
ผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๒,๔๑๖.๕๐ บาท และผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ตําแหนงเจาหนาท่ีบริหารงานท่ีดิน ๕
สํานกั งานท่ีดินอาํ เภอเจาะไอรอง ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน
๗๖๙ บาท ผูฟองคดีจึงมีหนังสือเรียกใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท่ี ๒ และที่ ๓ ชําระคาสินไหมทดแทน
แตผูถูกฟองคดีที่สามเพิกเฉย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังสาม
ชําระคาสินไหมทดแทนพรอมดอกเบ้ีย ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดี
ในสวนทฟ่ี อ งผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๒ และท่ี ๓ ไวพจิ ารณา ผูฟองคดยี น่ื คาํ รองอุทธรณค ําสง่ั ดังกลา ว
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๒
เรียกใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๒,๔๑๖.๕๐ บาท ภายใน ๑๕ วัน
นับแตวันท่ีไดรับหนังสือแจงคําสั่ง ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดรับทราบคําส่ังเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ
๒๕๕๓ และมีหนังสือลงวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒ เรียกใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงินจํานวน ๗๖๙ บาท ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันท่ีไดรับหนังสือแจงคําส่ัง ซ่ึงผูถูกฟองคดีที่ ๓
ไดรับทราบคําส่ังเม่ือวันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ น้ัน จะเห็นไดวา ในสวนของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
เปนกรณีที่ผูฟองคดีไดใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนภายในหน่ึงปนับแตวันที่ผูฟองคดี
มีคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลังตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ และในสวนของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ เปนกรณีท่ีผูฟองคดีไดใชสิทธิ
เรียกรองคาสินไหมทดแทนภายในสองปนับแตวันท่ีผูฟองคดีรูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาที่
ผูจะพึงตองใชคาสินไหมทดแทน คือ นับแตวันที่ผูวาราชการจังหวัดนราธิวาสซึ่งไดรับมอบอํานาจ
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๘๖
จากผูฟองคดีใหแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดวินิจฉัยส่ังการ
เหน็ ชอบตามความเหน็ ของคณะกรรมการสอบขอเท็จจรงิ ความรบั ผดิ ทางละเมิดเม่ือวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ
๒๕๕๒ ท้ังน้ี ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว การที่ผูฟองคดีมีคําส่ังให
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และที่ ๓ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ถือไดวาเปนกรณีที่หนวยงานของรัฐ
ในฐานะเจาหนไี้ ดกระทาํ การอ่ืนใดอันมีผลเปนอยางเดียวกับการฟองคดีตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕)
แหงประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย และเมื่อผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และท่ี ๓ ไดรับแจงคําส่ังนั้นแลว
ยอมมผี ลใหอ ายุความสะดุดหยุดลง โดยระยะเวลาที่ลวงไปกอนนั้นไมนับเขาในอายุความ และเร่ิม
นับอายุความใหมตั้งแตวันที่เหตุที่ทําใหอายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดลงตามนัยมาตรา ๑๙๓/๑๕
แหงประมวลกฎหมายดังกลาว ดังน้ัน เม่ือคดีนี้ขอเท็จจริงในสวนของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ปรากฏวา
ผูฟ องคดีมีคําส่งั เรียกใหผูถกู ฟองคดีที่ ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทนตามหนังสือลงวันที่ ๑๘ ธันวาคม
๒๕๕๒ ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับหนังสือดังกลาว ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดรับแจงคําส่ังของ
ผูฟองคดีในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ ๒๕๕๓ ซึ่งจะครบกําหนดระยะเวลาใหชดใชคาสินไหมทดแทน
ตามคําสั่งในวันท่ี ๖ มีนาคม ๒๕๕๓ แตเนื่องจากวันดังกลาวตรงกับวันเสารซ่ึงเปนวันหยุดทําการงาน
สําหรับเจาหนาที่ ระยะเวลาชําระหน้ีตามคําส่ังสําหรับผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงครบกําหนดในวันที่ ๘
มีนาคม ๒๕๕๓ ซ่ึงเปนวันทํางานท่ีถัดจากวันหยุดดังกลาวตามมาตรา ๖๔ วรรคสาม แหง พ.ร.บ.
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อผูถูกฟองคดีที่ ๒ มิไดชดใชคาสินไหมทดแทน
ภายในวันท่ี ๘ มีนาคม ๒๕๕๓ กรณีจึงถือไดวาวันท่ี ๘ มีนาคม ๒๕๕๓ เปนวันที่เหตุที่ทําใหอายุความ
สะดุดหยุดลงสิ้นสุดลงและเริ่มนับอายุความใหม ซ่ึงกรณีน้ีจะครบกําหนดอายุความหน่ึงปในวันท่ี
๘ มีนาคม ๒๕๕๔ ผูฟองคดีจึงตองใชสิทธิเรียกรองโดยการฟองคดีตอศาลภายในวันดังกลาว
เมื่อผูฟองคดียื่นฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตอศาลปกครองช้ันตนในวันท่ี ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๒ จึงเปน
การย่นื ฟอ งคดเี ม่อื พน กําหนดอายุความการฟองคดีตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมดิ ของเจาหนา ท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ และขอเทจ็ จริงในสวนของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ปรากฏวา ผูฟองคดี
มีคําส่ังเรียกใหผูถูกฟองคดีที่ ๓ ชดใชคาสินไหมทดแทนตามหนังสือลงวันท่ี ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒
ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับหนังสือดังกลาว ซึ่งผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดรับแจงคําส่ังของผูฟองคดี
ในวันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ ซึ่งจะครบกําหนดระยะเวลาใหชดใชคาสินไหมทดแทนตามคําสั่ง
ในวันท่ี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๒ เมื่อผูถูกฟองคดีที่ ๓ มิไดชดใชคาสินไหมทดแทนภายในวันดังกลาว
กรณีจึงถือไดวาวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๒ เปนวันท่ีเหตุท่ีทําใหอายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดลง
และเริ่มนับอายุความใหม ซึ่งกรณีน้ีจะครบกําหนดอายุความสองปในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๔
ผูฟองคดีจึงตองใชสิทธิเรียกรองโดยการฟองคดีตอศาลภายในวันดังกลาว เม่ือผูฟองคดีย่ืนฟอง
ผถู กู ฟองคดที ี่ ๓ ตอ ศาลปกครองชน้ั ตน ในวันที่ ๑๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๒ จึงเปน การยน่ื ฟองคดีเม่ือพน
กําหนดอายุความการฟองคดีตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาวเชนกัน
เม่ือคดีนี้ผูฟองคดีอางวามีขอขัดของในการบังคับคดีตามคําสั่งทางปกครองใหชดใชเงิน ผูฟองคดี
จึงไดใชสทิ ธิเรยี กรองคา สนิ ไหมทดแทนจากผถู ูกฟองคดที ่ี ๒ และที่ ๓ โดยการยืน่ ฟองคดีเพื่อขอให
ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และที่ ๓ ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๘๗
ซ่ึงศาลไดวินิจฉัยไปแลววาการใชสิทธิเรียกรองโดยการฟองตอศาลดังกลาว ผูฟองคดีตองใชสิทธิ
เรียกรองภายในอายุความ เม่ือผูฟองคดีนําคดีมาฟองพนกําหนดอายุความการฟองคดีตามมาตรา ๑๐
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว ศาลปกครองจึงไมอาจ
รับคาํ ฟองของผูฟ องคดไี วพ ิจารณาได ประกอบกับการฟอ งคดนี กี้ ็ไมใ ชการฟอ งคดีเก่ยี วกับการคุมครอง
ประโยชนสาธารณะท่ีจะย่ืนฟองเมื่อใดก็ได และไมเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอื่น
ทศี่ าลปกครองจะรับไวพิจารณาไดต ามมาตรา ๕๒ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ และขอ ๓๐ วรรคสอง
แหง ระเบยี บของทป่ี ระชุมใหญฯ วา ดวยวิธีพจิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ทศี่ าลปกครองช้ันตน
มีคําสั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดีในสวนท่ีฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไวพิจารณา
และใหคืนคาธรรมเนียมศาลในสวนท่ีฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ และท่ี ๓ จํานวน ๑๐๘ บาท
แกผฟู องคดี นน้ั ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพอ งดว ย
จงึ มีคําสั่งยนื ตามคําสง่ั ของศาลปกครองชัน้ ตน
คาํ ส่ังศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๒๘/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๗๐
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๗๑/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๗๙
คาํ ส่ังศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๐๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๗
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๔๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๖๐
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๗๗/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ) อา งแลว ในประเด็นเง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๗๖
คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๑๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๒๒
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๒๘/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๗๐
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๔๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เงอื่ นไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๑
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๖๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๓
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๗๐/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เงอ่ื นไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๔
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๑๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๐
คําส่ังศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๑๒๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเงอ่ื นไขการฟองคดี หนา ๑๘๔
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๔๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๓๗
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ คร.๑๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๐
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๖๖๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๐๘
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๗๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๑๐
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๐๒/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๗
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๘๘
คําส่ังศาลปกครองสูงสุดท่ี ๑๓๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๕๘
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๒๑๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๕๙
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๕๐๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๖๕
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๐
คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๗๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๗๙
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๐๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๗
คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๐๓/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เงือ่ นไขการฟอ งคดี หนา ๑๖๓
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๑๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๙๒
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๗๐/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เงือ่ นไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๔
คาํ ส่ังศาลปกครองสงู สุดที่ ๒๑๒/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๙
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๒๔๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๖๐
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๒๗๗/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ) อางแลวในประเด็นเง่อื นไขการฟองคดี หนา ๑๗๖
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๕๐๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๖๕
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๑๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๒๐
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๑๗/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๒
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๒๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๗๐
คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๖๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เง่อื นไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๓
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๗๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๗๙
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๐๓/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเงื่อนไขการฟองคดี หนา ๑๖๓
คาํ ส่ังศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๑๒/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๘๙
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๑๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๙๐
คาํ ส่ังศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๒๑/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเงื่อนไขการฟองคดี หนา ๑๘๔
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คร.๑๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๔๐
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๕๕๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูมีกรรมสิทธิ์ในท่ีดินโฉนดท่ีดินเลขที่ ๒๒๒๙
และโฉนดที่ดินเลขท่ี ๒๒๗๗ ต้ังอยูตําบลในเมือง อําเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ที่ดินทั้งสองแปลง
มีเน้ือที่ติดตอเปนผืนเดียวกัน ตอมาเม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๘ ผูถูกฟองคดี (กรมทางหลวง) โดยสํานัก
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๘๙
กอสรางทางที่ ๒ ไดกอสรางรื้อถอนสะพานคลองโพธิ์บริเวณหนาที่ดินของผูฟองคดี ทําใหปดบัง
หนาท่ีดินของผูฟองคดีเกือบท้ังแปลง คงเหลือทางเขาออกท่ีดินของผูฟองคดีเพียง ๗ เมตร และ
อยูชิดกับคอสะพาน ผูฟองคดีจึงมีหนังสือทักทวงไปยังสํานักกอสรางทางที่ ๒ และมีหนังสือลงวันที่
๘ ธันวาคม ๒๕๔๘ รองเรียนไปยังผูตรวจการแผนดิน เพื่อขอใหชวยแกไขปญหาความเดือดรอน
ดังกลาว ตอมาในเดือนมกราคม ๒๕๕๓ ผูถูกฟองคดีโดยสํานักทางหลวงที่ ๘ นครราชสีมา
ไดสงคณะเจาหนาที่ไปสํารวจเพื่อออกแบบ โดยจะทําการร้ือถอนสะพานดานที่ติดกับที่ดินของ
ผูฟองคดีออกแลวทําเปนทางเทาแทน พรอมเปดทางเขาออกที่ดินของผูฟองคดี ใตเกาะกลางถนน
จะทําทางระบายน้ําขนาดใหญ แตยังไมสามารถดําเนินการได เน่ืองจากตองรองบประมาณ
แตเนื่องจากมปี ญ หาการใชนํ้าของชาวบา นในการทาํ นาและจะทําใหนํ้าทวมบานเรือน ผูถูกฟองคดี
จงึ ขออนญุ าตฝงทอลอดผา นใตทด่ี นิ ของผูฟ อ งคดเี ปน การช่วั คราวเพื่อใชร ะบายน้ํา ผูฟองคดีก็อนุญาตให
ดําเนินการดังกลาว หลังจากน้ัน เม่ือวันท่ี ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ ไดเกิดภาวะน้ําทวมในเขตอําเภอพิมาย
โดยสะพานคลองโพธเิ์ ปนจดุ ทม่ี กี ระแสน้าํ ไหลผานรนุ แรงทสี่ ุด ทําใหท ด่ี ินของผูฟองคดีถูกกระแสน้ํา
พัดพังไดรับความเสียหายจนกลายเปนลําคลอง และตอมานายอําเภอพิมายไดมีหนังสือลงวันที่
๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ขออนุญาตขุดทางระบายน้ําในที่ดินของผูฟองคดีใหกวางข้ึนอีก ผูฟองคดี
จึงไดมีหนังสือถึงผูถูกฟองคดีขอใหดําเนินการร้ือถอนสะพานคลองโพธิ์ออกทั้งหมด พรอมถมกลบ
บอรับนํ้า ใตสะพาน และใหถมดินในบริเวณที่ดินของผูฟองคดีท่ีถูกน้ําพัดพังเสียหาย ผูฟองคดี
เห็นวา แมหลายหนวยงานจะพยายามแกไขปญหามาตลอดแตไมสามารถแกไขได จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีร้ือถอนสะพานคลองโพธ์ิท่ีกอสรางปดบังหนาที่ดิน
ของผูฟ องคดีออกทงั้ หมด พรอมถมกลบบอ นา้ํ ใตสะพานแลวกอสรางเปนถนนแทน ใหผูถูกฟองคดี
ทําทางเทาสําหรับคนเดินตามมาตรฐานเพ่ือความปลอดภัยตอจากทางเทาผานหนาที่ดินของผูฟองคดี
จนสุดเขตท่ดี นิ พรอมเปดทางเขาออก ๒ ดานของที่ดิน ใหผูถูกฟองคดีทําทางระบายน้ําไปทางอื่น
ไมใหไหลมารวมกันบริเวณหนาที่ดินของผูฟองคดี เพื่อไมใหมีปญหากับชาวบานที่มีความตองการนํ้าใช
ทํานาและชาวบานท่ีไดรับความเดือดรอนจากน้ําทวม ใหผูถูกฟองคดีถมกลบที่ดินของผูฟองคดี
ทถี่ ูกนาํ้ พัดพังเสียหายใหกลบั คืนสูส ภาพเดมิ ใหผ ูถ กู ฟองคดีชดใชคาเสียหายอันเกิดจากการท่ีผูฟองคดี
ไมสามารถใชประโยชนจากที่ดินในการประกอบธุรกิจเพ่ือการเล้ียงชีพ คิดเปนคาเสียหาย
ตลอดระยะเวลา ๕ ป เปนเงินจํานวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
ของตนเงินดังกลาว นับแตวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ ใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายอันเกิดจาก
การท่ีที่ดินของผูฟองคดีตองเส่ือมราคา เปนเงินจํานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรา
รอ ยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดงั กลาว นบั แตวันฟองจนกวาจะชําระเสรจ็ และใหผูถูกฟองคดีชดใช
คาเสียหายที่ทําใหผูฟองคดีตองเสื่อมเสียชื่อเสียงอยางรายแรง ไดรับการดูหม่ินเหยียดหยามจาก
บคุ คลอนื่ เปนเงนิ จาํ นวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอตั รารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงิน
จาํ นวนดงั กลา ว นับแตวนั ฟอ งจนกวาจะชาํ ระเสร็จ
ศาลปกครองสูงสดุ วินิจฉัยวา คดีนี้ขอเท็จจรงิ ปรากฏวา ศาลปกครองชั้นตนเห็นวา
แมผ ูฟอ งคดจี ะย่ืนฟองคดีเมื่อเกินกําหนดระยะเวลาการฟองคดี แตการยื่นฟองคดีน้ีเปนประโยชน
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๙๐
ตอสวนรวมที่ศาลปกครองมีอํานาจรับไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้ง
ศาลปกครองฯ ศาลปกครองชน้ั ตน จึงมคี ําสั่งลงวันท่ี ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ รับคําฟองนี้ไวพิจารณา
ดังน้ัน เมื่อศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งรับคําฟองไวพิจารณา โดยเห็นวาคดีน้ันเปนประโยชน
แกสวนรวมตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว คําสั่งรับคําฟองไวพิจารณา
ของศาลปกครองชั้นตน จงึ เปน ที่สดุ ตามขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวย
วิธพี จิ ารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ เมื่อกรณีรบั ฟงเปน ที่ยุติไดวา เดิมท่ีดินของผูฟองคดีเปนท่ีดิน
ที่ติดทางหลวงแผนดินและบริเวณหนาที่ดินไมมีสะพานคลองโพธิ์ และไมมีสวนหน่ึงสวนใดของ
ท่ีดินติดสะพานคลองโพธ์ิ การท่ีผูถูกฟองคดีใชอํานาจตามกฎหมายดําเนินการตามอํานาจหนาท่ี
กอสรางขยายทางหลวงแผนดิน และใชดุลพินิจกําหนดจุดในการกอสรางสะพานคลองโพธ์ิใหม
ใหมาต้ังอยูบริเวณหนาท่ีดินของผูฟองคดี อีกท้ังออกแบบใหสะพานมีชองใตสะพานบริเวณหนา
ที่ดินของผูฟองคดี เพ่ือระบายนํ้าลงสูแหลงนํ้าสาธารณะ ทั้งที่ผูถูกฟองคดียอมคาดหมาย
ไดวาในฤดูน้ําหลาก หากนํ้าไมสามารถไหลลงสูแหลงนํ้าสาธารณะไดทัน นํ้าอาจไหลเขาทวมที่ดิน
ของผูฟองคดีและทําใหที่ดินของผูฟองคดีไดรับความเสียหายได โดยในชวงเดือนตุลาคม ๒๕๕๓
มีฝนตกหนักอยางตอเน่ืองในหลายพื้นที่ในอําเภอพิมาย นายอําเภอพิมายจึงไดมีหนังสือลงวันท่ี
๒๕ ตลุ าคม ๒๕๕๓ ถงึ ผฟู อ งคดี ขออนุญาตขดุ ทางระบายนํ้าบริเวณท่ีดินของผูฟองคดีเพ่ือระบายน้ําทวม
บรเิ วณอําเภอพิมาย ซึง่ ผฟู อ งคดีไดอ นญุ าตใหดําเนินการได ทําใหมีการระบายน้ําเขาสูท่ีดินของผูฟองคดี
ดังน้ัน เม่ือการกอสรางสะพานคลองโพธ์ิพิพาทเพื่อใชระบายนํ้าจากทางหลวงลงสูลําน้ําสาธารณะ
เปนการใชอํานาจหนาท่ีตามกฎหมายของผูถูกฟองคดีที่สงผลกระทบเกินสมควรตอผูฟองคดี
ในฐานะเจาของที่ดินเพียงรายเดียวที่มีสะพานพิพาทกอสรางปดบังหนาที่ดินเกือบท้ังแปลงของ
ผูฟองคดี จึงยอมถูกจํากัดการใชประโยชนในท่ีดินตามขอบเขตแหงสิทธิ ทั้งที่เดิมหนาแปลงท่ีดินของ
ผูฟ องคดไี มม ีสภาพติดสะพานหรือคลองสาธารณะแตอ ยา งใด ทําใหผ ูฟ องคดเี หลือทางเขาออกจากที่ดนิ
สูทางสาธารณะเฉพาะบริเวณคอสะพานเพียง ๗ ถึง ๘ เมตร และไมสามารถใชประโยชนในท่ีดินได
ตามสมควร การกระทําของผูถูกฟองคดีดังกลาวจึงเปนการกระทําท่ีไมชอบดวยกฎหมายและ
เปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ในระหวางการพิจารณาคดีของศาล ผูถูกฟองคดีโดยสํานักทางหลวงท่ี ๘
ไดกอสรางวางทอเหลี่ยมระบายนํ้า (BOX CULVERT) บริเวณเกาะกลางถนน เพ่ือระบายน้ําจาก
สะพานคลองโพธิ์ไปสูลํารางสาธารณะ ทําการกอสรางผนังคอนกรีต (Retaining Wall) ปดใตสะพาน
และบริเวณหนาที่ดินของผูฟองคดี เพื่อปองกันกระแสน้ํามิใหกระทบหรือทําใหท่ีดินของผูฟองคดี
เสยี หาย ทบุ และร้ือราวสะพานดา นหนา ทดี่ ินของผฟู องคดีออกท้ังหมด เวนทางเทาบริเวณหนาท่ีดิน
ของผูฟองคดี และอนุญาตใหผูฟองคดีทําทางเชื่อมเขาออกทางหลวงไดโดยสะดวก ปรากฏ
ตามภาพถายกอนและหลังดําเนินการ จึงเปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดีไดดําเนินการทําหรือแกไข
ทางระบายนํา้ ออกจากทางหลวงเพื่อไปสูแหลงนํ้าสาธารณะท่ีใกลเคียงตามความจําเปนตามมาตรา ๓๒
วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ แลว และสามารถแกไขปญหาการระบายน้ําไมให
เขาทว มท่ดี ินของผฟู องคดไี ด อีกทงั้ การกอ สรางและขยายสะพานคลองโพธิ์พิพาทใหยาวขึ้นยังเปน
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๙๑
การเพ่ิมความสามารถในการระบายนํ้าในพื้นท่ีไดอีกดวย อยางไรก็ตาม การที่ผูฟองคดีขอให
ผูถูกฟอ งคดรี อื้ ถอนสะพานและถมกลบบอ นํา้ ใตส ะพาน นน้ั พจิ ารณาไดว า ชอ งใตส ะพานเปนประโยชน
ตอ การระบายน้ําไปในทศิ ทางท่กี าํ หนดไวไมใหไ หลเขา สูท ่ดี นิ ของผูฟองคดี และเปนไปตามวตั ถุประสงค
ของการกอ สรางสะพานพพิ าท ซ่งึ หากมีการถมกลบบอ นาํ้ ใตสะพานพิพาทอาจสงผลใหน า้ํ ไมม ีทางระบาย
และไหลเขาทวมท่ีดินของผูฟองคดีได อีกทั้งยังเปนการดําเนินการที่สิ้นเปลืองงบประมาณ
ซึ่งผูถูกฟองคดีโดยสํานักทางหลวงที่ ๘ ไดมีหนังสือรายงานผลการดําเนินการใหเลขาธิการ
สํานักงานตรวจเงินแผนดินทราบแลว ซึ่งผูฟองคดีมิไดโตแยงวาการดําเนินการแกไขปญหาบริเวณ
พื้นท่ีพิพาทที่ผูถูกฟองคดีดําเนินการไปแลวนั้นไมอาจแกไขเยียวยาเร่ืองนํ้าทวมที่ดินของผูฟองคดี
ไดหรือไม อยางไร ประกอบกับหลังจากการดําเนินการของผูถูกฟองคดีที่ดินของผูฟองคดีไมถูกบดบัง
ดว ยราวสะพานอีกตอไป และมสี ภาพเปนที่ดินติดทางหลวงเชนเดิม อีกท้ังยังมีความสะดวกในการ
เขา ออกสทู างสาธารณะ จงึ ไมม ีกรณที ศี่ าลจาํ ตองกําหนดคําบังคับใหผูถูกฟองคดีกอสรางผนังคอนกรีต
อยางหนาหรอื ส่งิ กอสรา งประการอืน่ ในลักษณะเดยี วกันท่ีมคี วามมั่นคงแขง็ แรงปด ใตส ะพานอีกดานหน่ึง
บริเวณรองกลางสะพานพิพาท และใหผูถูกฟองคดีดําเนินการใหบอใตสะพานพิพาทไมมีน้ําขังอยู
ตามท่ีศาลปกครองช้ันตนวินิจฉัยแตอ ยา งใด อยางไรกต็ าม แมวาการกอ สรางและขยายสะพานคลองโพธิ์
พิพาทใหยาวขึ้นจะเปนการเพิ่มความสามารถในการระบายน้ําในพ้ืนท่ี และการเปดชองใตสะพาน
เปนประโยชนตอ การระบายนํ้าไปในทิศทางที่กําหนดไว แตปรากฏตามสําเนาภาพถาย ซ่ึงผูถูกฟองคดี
แนบมาทา ยคาํ อุทธรณ ปรากฏภาพของชองทางเดินน้ําเช่ือมทางน้ําสาธารณะบริเวณใตเกาะกลางถนน
โดยเปดชองไวใตสะพานดานหนาที่ดินของผูฟองคดีมีลักษณะเปนบอมีน้ําทวมขัง ซึ่งหากไมมีการ
เคลอ่ื นไหวของนาํ้ ยอ มทาํ ใหน าํ้ ในบอเกิดการเนา เสียได ศาลจึงเห็นควรใหผูถูกฟองคดีดําเนินการแกไข
ระบบการระบายนํา้ ใหสามารถระบายน้ําไปในทิศทางที่กําหนดไวไดอยางรวดเร็ว เพื่อใหชองใตสะพาน
บริเวณหนา ทดี่ นิ ของผฟู อ งคดไี มมนี ํา้ ทว มขงั ตอไป สว นในเรอื่ งคาเสยี หาย น้นั กรณีท่ีผูฟองคดีขอใหผู
ถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายอันเปนคาขาดประโยชนจากการใชที่ดินในการประกอบธุรกิจ น้ัน เม่ือ
ขอเท็จจริงปรากฏวา นับแตเริ่มมีการกอสรางสะพานคลองโพธ์ิเม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๘ จนกอสรางสะพาน
แลวเสร็จเมื่อป พ.ศ. ๒๕๔๙ ไมปรากฏหลักฐานวาผูฟองคดีไดเขาทําประโยชนในท่ีดินบริเวณ
พิพาทโดยการทําธุรกิจหองเชา (อพารทเมนท) รานคาสะดวกซ้ือ และรานอาหารแบบครบวงจร
ตามท่ีผูฟองคดีกลาวอางแตอยางใด อีกท้ัง ผูฟองคดีไมไดสงพยานหลักฐานอยางหนึ่งอยางใดอัน
แสดงใหศาลเห็นวาไดดําเนินการอยางหนึ่งอยางใดเก่ียวกับโครงการท่ีวางไวหรือไดรับประโยชนใด
จากการดําเนินธุรกิจท่ีกลาวอาง การเรียกรองคาเสียหายในสวนน้ีจึงเปนเพียงการคาดหมายของ
ผฟู องคดีเอง อนั เปนการคาดหมายท่ีไมอาจพิสูจนไดและไมมีพยานหลักฐาน ผูฟองคดีจึงไมอาจเรียก
คาเสียหายในสวนน้ีได ประกอบกับภายหลังจากที่ผูถูกฟองคดีไดกอสรางสะพานพิพาทแลวเสร็จ
เม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๙ จนกระท่ังผูถูกฟองคดีไดรื้อถอนราวสะพานออกจากหนาที่ดินของผูฟองคดี
เม่ือป พ.ศ. ๒๕๕๔ ผูฟองคดียังไมไดทําประโยชนในที่ดินดังกลาวตามท่ีกลาวอาง อยางไรก็ตาม
เม่ือพิจารณาถึงสภาพทําเลที่ตั้งที่ดินของผูฟองคดี จะเห็นไดวา ท่ีดินมีสภาพเปนท่ีดินถมแลว
ดานหนาท่ีดินอยูติดทางหลวงแผนดิน ต้ังอยูในยานชุมชน มีอาคารพาณิชย และบานเรือนของ
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๙๒
ชาวบานอยูบริเวณขางเคียง หากผูฟองคดีทําการปรับปรุงพื้นท่ีและทําประโยชนทางธุรกิจ
ตามขอ อางของผฟู องคดี นา เช่อื วา การทาํ ธุรกิจดงั กลาวนาจะมีกําไรอยูบาง ท้ังเมื่อพิจารณาผลกระทบ
ท่ีเกิดข้ึนกับทรัพยสินและโอกาสในการทําประโยชนในท่ีดินของผูฟองคดี รวมทั้งพฤติการณและ
ความรายแรงแหงการกระทําละเมิดของผูถูกฟองคดีแลว เห็นไดวา การกอสรางสะพานพิพาท
ปด บงั หนาที่ดนิ ของผูฟองคดเี กอื บทั้งแปลงเปนระยะเวลาตง้ั แตป พ.ศ. ๒๕๔๘ ท่ีมีการเริ่มกอสราง
สะพานพิพาทถึงชวงตนป พ.ศ. ๒๕๕๔ ท่ีผูถูกฟองคดีดําเนินการร้ือราวสะพานพิพาทออกจาก
หนาที่ดินของผูฟองคดี รวมระยะเวลาประมาณ ๕ ป ผูฟองคดีไมอาจทําประโยชนในท่ีดินไดตามสิทธิ
ในฐานะเจาของกรรมสิทธ์ิในที่ดิน ศาลจึงกําหนดคาเสียหายในสวนน้ีใหแกผูฟองคดี เปนเงินปละ
๘๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลา ๕ ป เปนเงินจํานวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท สวนกรณีที่ผูฟองคดีขอให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาเส่ือมราคาท่ีดิน นั้น เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีไมไดสงเอกสาร
หลกั ฐานใดอนั แสดงใหศาลเห็นวาท่ดี นิ ของผฟู อ งคดมี ีราคาลดลงหรือมกี ารเสนอขายท่ีดินตอบุคคล
ใดแลว ไดราคาท่ีแตกตางจากราคาทีด่ ินเดิมแตอยา งใด แตเม่ือพิจารณาถึงสภาพท่ีดินเดิมของผูฟองคดี
ท่ีไมมีสะพานต้ังอยูดานหนา กับสภาพปจจุบันท่ีมีสะพานต้ังขวางหนาท่ีดินของผูฟองคดี แมวา
ผูถูกฟองคดีจะดําเนินการทุบและรื้อราวสะพานดานหนาท่ีดินของผูฟองคดีออกท้ังหมด แตหนาที่ดิน
ของผูฟองคดียังคงมีการเปดชองใตสะพานเพ่ือใหสะพานคลองโพธ์ิสามารถระบายนํ้าจากทางสาธารณะลงสู
แหลง นํ้าสาธารณะ ยอมทําใหท ี่ดินมสี ภาพทาํ เลไมเ หมาะในการดําเนินธุรกิจ หากมีการเสนอขายท่ีดิน
ยอมไดราคาต่ํากวาท่ีดินขางเคียงที่มีทําเลเชนเดียวกัน หรืออาจจะไมมีผูซ้ือท่ีดินของผูฟองคดีได
อันเปนความเสียหายท่ีคาดหมายไดอยางชัดแจงวาผูฟองคดียอมไดรับจากการกอสรางสะพาน
ปดบังหนาที่ดินและเปดชองสะพานหนาที่ดินของผูฟองคดี ศาลจึงเห็นสมควรใชดุลพินิจกําหนด
คาเสียหายในสวนนี้เปนเงินคาเสื่อมราคาที่ดินตารางวาละ ๕๐๐ บาท เน้ือที่จํานวน ๗๘๕ ตารางวา
คิดเปนเงินคาเสื่อมราคาที่ดินจํานวน ๓๙๒,๕๐๐ บาท อยางไรก็ตาม เมื่อผูฟองคดีไมไดอุทธรณ
ตอศาลปกครองสูงสุดขอใหศาลกําหนดคาเสียหายในสวนนี้เพิ่มข้ึน ศาลจึงไมอาจกําหนดคาเสียหาย
ในสวนน้ีเกินกวาจํานวนที่ศาลปกครองช้ันตนกําหนดใหแกผูฟองคดีได สวนกรณีท่ีผูฟองคดี
ขอใหผ ูถ กู ฟองคดชี ดใชค า เสยี หายจากการทผ่ี ูฟอ งคดีตองจา งผรู ับจา งในการถมดินเพ่ือใหหนาที่ดิน
ของผูฟองคดีอยูในสภาพเดิม น้ัน เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีไดเสียคาใชจายไปในการถมดิน
และปรับแตงที่ดิน เปนเงิน ๓๘,๒๕๐ บาท ซึ่งผูถูกฟองคดีก็ไมไดโตแยงคัดคานจํานวนเงินคาถมที่ดิน
ท่ีผูฟองคดีกลาวอาง กรณีจึงเชื่อไดวา เปนคาเสียหายท่ีผูฟองคดีไดจายไปจริง และผูฟองคดีไมได
ขอดอกเบ้ยี ของคาเสียหายในสวนน้มี าดว ย ผถู กู ฟองคดีจงึ ตองรบั ผิดชดใชเงินจํานวน ๓๘,๒๕๐ บาท
ใหแกผูฟองคดี สําหรับคาเสื่อมเสียช่ือเสียงอยางรายแรงจากการถูกกลาวหาจากหนังสือพิมพในเร่ือง
การถมดินลงคลองปดทางนํ้า น้ัน ความเสียหายดังกลาวมิใชผลโดยตรงมาจากการกระทําของ
ผูถูกฟองคดี ผูฟองคดีจึงไมอาจเรียกคาเสียหายในสวนนี้ได ดังนั้น ผูถูกฟองคดีจึงตองรับผิดชดใช
คาเสียหายใหแกผูฟองคดี เปนคาใชจายในการถมดินจํานวน ๓๘,๒๕๐ บาท ซ่ึงผูฟองคดีมิได
มีคําขอใหชําระดอกเบ้ียในสวนน้ี คาเสียหายจากการไมไดใชประโยชนในที่ดินจํานวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท
และคาท่ีดินเส่ือมราคาจํานวน ๑๕๗,๐๐๐ บาท รวมเปนเงินทั้งส้ิน ๕๙๕,๒๕๐ บาท ที่ศาลปกครองช้ันตน
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๙๓
พิพากษาใหผูถูกฟองคดีกอสรางผนังคอนกรีตอยางหนาหรือสิ่งกอสรางประการอื่นในลักษณะเดียวกัน
ที่มีความม่ันคงแข็งแรง ปดใตสะพานอีกดานหน่ึงบริเวณรองกลางสะพานพิพาท และใหผูถูกฟองคดี
ดําเนนิ การใหบอใตสะพานพิพาทไมมีนํ้าขังอยู ซ่ึงจะโดยการปลอยใหบอดังกลาวอยูในสภาพวางเปลา
หรือถมดินก็ได โดยใหคํานึงถึงหลักวิชาชางและหลักทางวิศวกรรม กับใหผูถูกฟองคดีดําเนินการ
กอสรางและซอมแซมทางเทาใหอยูในสภาพใชงานได และใหผูถูกฟองคดีชําระคาเสียหายจํานวน
๖๙๕,๒๕๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๖๕๗,๐๐๐ บาท
นับแตวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จใหแกผูฟองคดี สวนเงินจํานวน ๓๘,๒๕๐ บาท ผูฟองคดี
ไมไดขอดอกเบี้ยมาดวย ศาลจึงกําหนดดอกเบ้ียใหไมได ท้ังนี้ ใหผูถูกฟองคดีดําเนินการกอสราง
และแกไขสะพานพิพาทใหเปนไปตามคําพิพากษาของศาลใหเสร็จส้ินภายในหนึ่งรอยแปดสิบวัน
กับใหผูถูกฟองคดีชําระเงินใหแกผูฟองคดีใหเสร็จส้ินภายในหกสิบวันนับแตวันที่ศาลมีคําพิพากษา
คําขออื่นนอกจากนี้ใหยก คืนคาธรรมเนียมศาลตามสวนของการชนะคดีใหแกผูฟองคดี นั้น
ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พองดวยบางสวน
พิพากษาแก เปนใหผูถูกฟองคดีดําเนินการแกไขระบบการระบายน้ําใหสามารถ
ระบายนํ้าไปในทิศทางท่ีกําหนดไวไดอยางรวดเร็ว เพื่อใหชองใตสะพานบริเวณหนาท่ีดินของผูฟองคดี
ไมมีนาํ้ ทวมขงั ตอไป และใหผ ถู กู ฟองคดีชาํ ระคา เสียหายใหแ กผฟู องคดเี ปนเงินท้ังสิ้น ๕๙๕,๒๕๐ บาท
พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๕๕๗,๐๐๐ บาท นับแตวันฟอง
เปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จใหแกผูฟองคดี และใหคืนคาธรรมเนียมศาลในชั้นศาลปกครองชั้นตน
ใหแกผูฟองคดีตามสวนแหงการชนะคดี กับใหคืนคาธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณใหแกผูถูกฟองคดี
ตามสว นแหงการชนะคดี
วธิ ีพจิ ารณาคดีปกครอง
กรณรี องสอด
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๔๒๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๕๔๗๙ เน้ือที่
ประมาณ ๑๐ ไร ๓ งาน ๓๐ ตารางวา ต้ังอยูหมูที่ ๙ ตําบลแปลงยาว กิ่งอําเภอแปลงยาว
จังหวัดฉะเชิงเทรา ผูฟองคดีไดรับโอนท่ีดินมาเม่ือวันท่ี ๒๘ เมษายน ๒๕๔๙ ตอมา ผูถูกฟองคดี
(เทศบาลตําบลแปลงยาว) ไดมีการขุดลอกทางสาธารณประโยชนท่ีอยูติดกับท่ีดินโฉนดท่ีดิน
เลขที่ ๑๕๔๗๙ ของผูฟองคดีทางดานทิศเหนือ เพ่ือทําเปนลํารางมีขนาดกวาง ๒ เมตร ลึก ๑ เมตร
ยาว ๑,๐๐๐ เมตร ใชในการผันน้ําเขาออกเพ่ือบรรเทาปญหาน้ําทวมและภัยแลงในทองที่หมูที่ ๒
หมูท่ี ๓ และหมูท่ี ๙ ตําบลแปลงยาว ทําใหที่ดินของผูฟองคดีไมมีทางออกสูทางสาธารณะ ผูฟองคดี
จึงไดทําทางเพื่อเขาออกท่ีดินโดยผานท่ีดินของผูอื่นที่อยูติดลํารางดังกลาว และตองเสียคาใชจาย
ในการดําเนินการประกอบกับตองหยุดกิจการรับซื้อของเกาสูญเสียรายได จึงนําคดีมาฟองขอให
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๙๔
ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายแกผูฟองคดี เปนเงิน ๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท
พรอมดอกเบยี้ และขอใหด ําเนินการใหท างสาธารณประโยชนก ลับมาใชประโยชนไ ดตามเดมิ
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีผูถูกฟองคดีอางวาอําเภอแปลงยาว
เปนผดู ําเนินการขดุ ลอกทางสาธารณประโยชนที่พิพาทเพ่ือใชผันนํ้า และจากการสงเจาหนาท่ีของ
ผูถูกฟองคดีไปตรวจสอบพื้นท่ี พบวาบริเวณที่ดินดานทิศเหนือของท่ีดินของผูฟองคดีซึ่งเปน
ทางสาธารณะนั้น เดิมเปนรองนํ้าเล็กๆ เปนทางน้ํา รถยนตไมสามารถผานเขาออกได บริเวณ
โดยรอบเปนทน่ี า มีชาวบานไปรองขอใหอําเภอแปลงยาวขยายทางนํ้าเพื่อผันนํ้าบรรเทาปญหานํ้าทวม
ตอนนาํ้ หลาก และผันนาํ้ เขาตอนฤดูแลง เม่ืออําเภอแปลงยาวทําการขุดลอกขยายทางนํ้าเสร็จแลว
ผูฟองคดีจึงไปขออนุญาตใชทางผันนํ้าดังกลาวทําทางเขาออก แตผูถูกฟองคดีไมไดอนุญาตเพราะไมมี
ระเบียบกฎหมายขอใดใหอํานาจ โดยท่ีขอเท็จจริงปรากฏวาอําเภอแปลงยาวเปนผูทําการขุดลอก
ลํารางสาธารณะเพ่ือผันน้ําใหชาวบานมีนํ้าทํานากรณีน้ําไมเพียงพอและใชเปนทางระบายนํ้าออก
เมื่อเกิดน้ําทวมท่ีนา ซ่ึงไดดําเนินการประมาณป พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยขุดลอกเปนรองนํ้ากวาง ๒ เมตร
ลึก ๑ เมตร ยาว ๑,๐๐๐ เมตร ทางสาธารณะท่ีพิพาทเดิมมีสภาพเปนทางนํ้า มีประตูระบายนํ้าของ
กรมชลประทานเปดนํ้าเขาใหชาวบานใชทํานารวมกัน มีลักษณะเปนทางยาวทะลุผานไปหมูท่ี ๒
หมูที่ ๓ และหมูท่ี ๙ ของตําบลแปลงยาว กอนการขุดลอกลํารางสาธารณะในบริเวณดังกลาว
ไมมบี า นเรอื นปลูกสรา งอยู ผฟู อ งคดไี ดเขามาปลูกบานอยูอาศัยภายหลังจากมีการขุดลอกลํารางแลว
ประมาณ ๑ ป ขอเท็จจริงดังกลาวสอดคลองกับคําใหการของผูถูกฟองคดี และรับฟงไดวา
อําเภอแปลงยาวเปนผูดําเนินการขุดลอกทางสาธารณประโยชนบริเวณท่ีพิพาทจนกลายสภาพ
เปนลํารางสาธารณประโยชน เหตุแหงความเดือดรอนหรือเสียหายตามคําฟองของผูฟองคดี
จึงมิไดเกดิ จากการกระทาํ ของผูถูกฟอ งคดี ดงั น้นั ศาลปกครองช้ันตน ชอบท่ีจะเรียกใหอําเภอแปลงยาว
เขามาในคดีและกําหนดเปนผูถูกฟองคดี อันเปนการใชอํานาจตามมาตรา ๔๔ แหง พ.ร.บ.
จัดตั้งศาลปกครองฯ และขอ ๗๘ แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกอบกับมาตรา ๕๗ วรรคหนึ่ง (๓) (ข) แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพง ซ่ึงอําเภอแปลงยาวมีสิทธิทําคําใหการ และนําพยานหลักฐานใหมมาแสดงตอศาล
เพื่อยืนยันหรือหักลางขอเท็จจริงและขอกฎหมายของผูฟองคดีไดเสมือนหน่ึงวาตนไดถูกฟอง
เปนคดีเรื่องใหม ทั้งน้ี ตามขอ ๗๘ แหงระเบียบดังกลาว ประกอบกับมาตรา ๕๘ วรรคหน่ึง
แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง การท่ีศาลปกครองช้ันตนไมไดเรียกใหอําเภอแปลงยาว
เขามาในคดีและกําหนดเปนผูถูกฟองคดีจึงถือเปนเหตุที่มิไดปฏิบัติตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
วาดวยการจดั ตง้ั ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือระเบียบของที่ประชุมใหญฯ
วาดว ยวธิ พี ิจารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ในสวนที่วาดวยการแสวงหาขอเท็จจรงิ
อยางไรก็ตาม เมื่อพิเคราะหจากขอเท็จจริงแลวปรากฏวา อําเภอแปลงยาว
ไดทําการขุดลอกทางสาธารณประโยชนที่อยูติดกับที่ดินโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๕๔๗๙ ของผูฟองคดี
ทางดานทิศเหนือ เพื่อทําเปนลําราง ซ่ึงไดดําเนินการประมาณป พ.ศ. ๒๕๕๑ ตอมา ในป พ.ศ. ๒๕๕๒
ผูฟองคดีไดมาขออนุญาตปลูกสรางอาคารในท่ีดินโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๕๔๗๙ ดังกลาว โดยท่ีผูฟองคดี
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๙๕
ไดมีคําขอลงวันท่ี ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๒ ขออนุญาตกอสรางอาคารและขออนุญาตถมลําราง
เพื่อทําถนนเขาออกที่ดิน ตอมา ผูถูกฟองคดีไดใหอนุญาตเฉพาะการขออนุญาตกอสรางอาคาร
สวนการขอถมลํารางเพ่ือทําถนนเขาออกท่ีดินน้ันไมไดอนุญาต เนื่องจากไมมีระเบียบกฎหมาย
ใหอํานาจผูถูกฟองคดีท่ีจะอนุญาตได ผูฟองคดีอางวาที่ดินของผูฟองคดีไมมีทางออกสู
ทางสาธารณะเพราะผูถูกฟองคดีไดทําการขุดลอกทางสาธารณะอันเปนทางเขาออกที่ดินของ
ผูฟองคดีสูทางสาธารณะ ผูฟองคดีจึงไดทําทางเพื่อเขาออกที่ดินโดยผานท่ีดินของผูอื่นที่อยูติด
ลํารางดังกลาวอันเปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย กรณีจึงเห็นไดวาผูฟองคดี
ไดปลกู สรางอาคารในทดี่ นิ โฉนดทด่ี นิ เลขท่ี ๑๕๔๗๙ ดังกลาว พรอมทั้งไดทําทางเพ่ือเขาออกที่ดิน
โดยผานท่ีดินของผูอ่ืนในป พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งเปนการดําเนินการภายหลังจากที่อําเภอแปลงยาว
ไดท าํ การขดุ ลอกทางสาธารณประโยชนด งั กลาวแลวถึง ๑ ป ดังน้ัน การทอี่ าํ เภอแปลงยาวขุดลอก
ทางสาธารณประโยชนบริเวณที่พิพาทจนกลายสภาพเปนลํารางสาธารณประโยชนจึงไมเปน
การกระทําละเมิดตอผูฟองคดี กรณีจึงเห็นวาไมมีเหตุอันสมควรใหสั่งยกคําพิพากษาของ
ศาลปกครองชั้นตนและใหศาลปกครองชั้นตนดําเนินกระบวนพิจารณาใหถูกตองตอไป
ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษายกฟอง และใหคืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผูฟองคดี น้ัน
ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดวยในผล
พิพากษายืน
การขอ เขา แทนที่คกู รณีผูถึงแกค วามตาย (มรดกความ)
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๖๖๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๑๐๘
กรณคี ดเี ปน อนั ถงึ ทส่ี ดุ
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คร.๑๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๔๐
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๒๗๖/๒๕๖๓
ผูฟอ งคดฟี องวา ผฟู องคดเี ปน ผใู ชบ ริการโทรศัพทของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (บริษัท ท.)
ซึ่งเปนผูประกอบกิจการโทรคมนาคมท่ีไดรับอนุญาตจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (คณะกรรมการกิจการ
โทรคมนาคมแหงชาติ) โดยเมื่อวันท่ี ๑ กุมภาพันธ ๒๕๔๙ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดเรียกเก็บคาบริการ
สอบถามเลขหมายโทรศัพทผานเลขหมายโทรศัพท ๑๑๓๓ จากผูฟองคดีนาทีละ ๓ บาท
ซ่ึงผูฟองคดีไดใชบริการดังกลาวจํานวน ๘ คร้ัง เปนเงินครั้งละ ๓ บาท รวมเปนคาบริการทั้งสิ้น
๒๔ บาท โดยเดิมผูถูกฟองคดีที่ ๒ เปนองคการโทรศัพทแหงประเทศไทยไมไดเรียกเก็บคาบริการ
สอบถามเลขหมายโทรศัพทแตอยางใด ตอมาเมื่อองคการโทรศัพทแหงประเทศไทยแปรรูป
เปนผูถูกฟองคดีที่ ๒ จึงไดมีการเรียกเก็บคาบริการสอบถามเลขหมายโทรศัพทดังกลาว
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๗ และวันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๕๔๙ แจงผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใหระงับ
การเรียกเก็บคาบริการสอบถามเลขหมายโทรศัพทดังกลาว แตผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไมปฏิบัติ
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๙๖
ตามหนังสือดังกลาวและยงั คงเรียกเก็บคาบรกิ ารอยูต อไป ทาํ ใหผ ูฟ องคดีและประชาชนไดรับความ
เดือดรอนเสียหาย ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ดําเนินการใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ระงับการเรียกเก็บคาบริการสอบถามเลขหมายโทรศัพทผาน
เลขหมายโทรศัพท ๑๑๓๓ และระงับการใหบริการสอบถามขอมูลชื่อและท่ีอยูจากเลขหมาย
โทรศัพท และใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ คืนเงินคาบริการท่ีไดเรียกเก็บมาแลวโดยมิชอบใหแกผูฟองคดี
จํานวน ๒๔ บาท เห็นวา กอนท่ีผูฟองคดีจะใชบริการสอบถามหมายเลขโทรศัพทผานหมายเลข
โทรศัพท ๑๑๓๓ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดแจงใหผูฟองคดีทราบวา จะคิดคาบริการนาทีละ ๓ บาท และ
ตอมา ผูฟองคดีไดใชบริการเลขหมายดังกลาว คิดเปนคาบริการ ๒๔ บาท จึงเห็นไดวา ผูฟองคดี
ทราบวาผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดเปล่ียนเงื่อนไขการใหบริการดังกลาว จากที่เคยใหบริการโดยไมคิด
คาบริการเปนคิดคาบริการนาทีละ ๓ บาท ซ่ึงหากผูฟองคดีไมเห็นพองดวยกับการคิดคาบริการ
ดังกลาว ผฟู อ งคดียอมมสี ิทธโิ ดยสมบูรณที่จะปฏิเสธไมใชบริการดังกลาว การที่ผูฟองคดีใชบริการ
ดังกลาว ท้ังๆ ที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดแจงใหทราบแลววาจะคิดคาบริการ จึงเปนกรณีที่ผูฟองคดี
ยินยอมใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ คิดคาบริการตามอัตราที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ กําหนด เมื่อผูฟองคดีตกลง
ยินยอมดวยในการคิดคาบริการดังกลาว จึงไมอาจถือไดวา ผูฟองคดีเปนผูไดรับความเสียหายจาก
การทผ่ี ถู ูกฟอ งคดีท่ี ๒ คิดคาบริการสอบถามหมายเลขโทรศัพท ผานเลขหมาย ๑๑๓๓ กรณีจึงไมครบ
องคประกอบท่ีจะถือเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย สวนที่ผูฟองคดีโตแยงในคําแกอุทธรณวา ไมเห็นพองดวยที่ศาลปกครองชั้นตน
มีคําพิพากษาวา การใหบริการสอบถามเลขหมายโดยการแจงเลขหมายและเปดเผยชื่อ นามสกุล
และท่ีอยูของผูเชาหมายเลข ผูถูกฟองคดีที่ ๒ จะใหบริการเปดเผยขอมูลดังกลาว
เฉพาะผูใชบริการที่ยินยอมใหเปดเผยแลวเทาน้ัน เมื่อผูใชบริการยินยอมใหเปดเผยขอมูลดังกลาว
ได ยอมทําใหการเปดเผยนั้นไมเปนละเมิดนั้น ขอโตแยงดังกลาวเปนการคัดคานคําพิพากษา
ของศาลปกครองชั้นตน ซึ่งผูฟองคดีชอบที่จะใชสิทธิย่ืนอุทธรณคําพิพากษาดังกลาวตอศาลปกครองสูงสุด
ภายในกาํ หนด ๓๐ วนั นับแตวันท่ีมีคําพิพากษาตามมาตรา ๗๓ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
คดนี ี้ศาลปกครองชน้ั ตนมคี ําพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๒ แตปรากฏวาผูฟองคดีคัดคาน
คําพิพากษาศาลปกครองช้ันตนโดยยื่นเปนคําแกอุทธรณทางไปรษณียลงทะเบียน เมื่อวันท่ี
๒๑ เมษายน ๒๕๕๒ จงึ เปน การคดั คานคําพพิ ากษาของศาลปกครองชั้นตนเม่อื พนกําหนด ๓๐ วัน
นับแตวันท่ีมีคําพิพากษาตามมาตรา ๗๓ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ศาลปกครองสูงสุด
จึงไมอ าจรบั ขอคัดคา นคําพพิ ากษาศาลปกครองชัน้ ตนของผฟู อ งคดไี วพ ิจารณาได ที่ศาลปกครองช้ันตน
มีคาํ พพิ ากษาใหผถู ูกฟองคดีที่ ๒ ชาํ ระเงนิ คาบริการคืนใหแกผูฟองคดีจํานวน ๒๔ บาท ภายใน ๑๕ วัน
นบั แตว นั ทคี่ าํ พิพากษาถึงท่ีสดุ สวนคําขออื่นนอกจากนี้ใหย ก นัน้ ศาลปกครองสูงสุดเห็นพอ งดวยบางสว น
พพิ ากษากลบั เปน ใหยกฟอง
คาํ พพิ ากษาหรือคําสง่ั ของศาลปกครองสงู สดุ เปนทีส่ ุด
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๘/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๗
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๙๗
การพิจารณาคดใี หม
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๑๙๒/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๕๕
คาํ สัง่ รับฟอ งไวพจิ ารณาเปน ที่สดุ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๕๕๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๘๘
กรณีไมเ ปน การฟองซอ น
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ ๒๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๐
ระยะเวลาการยนื่ อุทธรณคาํ สัง่ ของศาลปกครองชน้ั ตน
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๑๔๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเงื่อนไขการฟองคดี หนา ๑๒๕
ขอกฎหมายเกย่ี วดว ยความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๙๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๓๐
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๕๓/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเงื่อนไขการฟองคดี หนา ๑๘๐
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๒๒๒/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๑๐๒
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๔๙๘/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๖
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๖๓๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๔๖
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๗๓๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๑๐
กรณกี ารดําเนินกระบวนพิจารณาซา้ํ
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๓๕๐/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (กรมศุลกากร) ฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเสียหายจากการท่ีนาย ส.
ขณะรับราชการในสังกัดของผูฟองคดี ตําแหนงศุลการักษ กองตรวจสินคาขาออก มีหนาที่ประทับ
ดวงตราตะกั่ว กศก. หรือรอยแถบเหล็ก RTC ที่คอนเทนเนอรหลังจากที่นายตรวจหรือสารวัตร
ศุลกากรทาํ การตรวจปลอยและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรแลว แตนาย ส. กลับละเวนปฏิบัติหนาท่ี
ไมใหความชวยเหลือในการปฏิบัติงานของนายตรวจหรือสารวัตรศุลกากรในการตรวจและบรรจุ
สินคาเขาคอนเทนเนอรตามหนาที่ที่กําหนด เปนชองทางใหบริษัท พ. ผูสงออกสินคาประเภทเส้ือผา
สําเร็จรูปไปยังตางประเทศทุจริตในการขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรโดยการนําใบขนสินคาขาออก
ฉบับมุมน้ําเงินไปขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร และไดรับบัตรภาษีไปแลวเปนเงิน ๗๘๑,๒๒๑.๗๒ บาท
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๑๙๘
โดยในจํานวนนี้เปนบัตรภาษีที่ไดจากการตรวจปลอยสินคาโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงของ
นาย ส. เปนเงินคาชดเชยภาษีจํานวน ๑๕๘,๔๓๙.๕๐ บาท การกระทําของนาย ส. เปนการกระทํา
โดยประมาทเลินเลออยางรายแรงจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ผูฟองคดีจึงมีคําสั่งลงวันที่ ๓
พฤษภาคม ๒๕๔๘ ใหนาย ส. รับผิดรวมกับนายตรวจศุลกากรชดใชคาสินไหมทดแทน เปนเงินท้ังสิ้น
๑๕๘,๔๓๙.๕๐ บาท นาย ส. ไมเห็นดวยกับคําส่ังดังกลาว จึงไดนําคดีมายื่นฟองตอศาลปกครอง
ช้ันตน ขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน ในระหวางการพิจารณาคดีของศาล นาย ส.
ถึงแกความตาย ศาลปกครองชั้นตนอนุญาตใหผูถูกฟองคดีที่ ๓ ซึ่งเปนภริยาของนาย ส. เขามาแทนท่ี
นาย ส. ผูถึงแกความตาย ตอมาศาลปกครองช้ันตนไดมีคําพิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่
๑๘๐๖/๒๕๕๐ และ ๑๘๐๗/๒๕๕๐ ใหเพิกถอนคําส่ังดังกลาว ผูถูกฟองคดีท้ังสอง (อธิบดี
กรมศุลกากร ที่ ๑ และกรมศุลกากร ท่ี ๒ (ผูฟองคดีในคดีนี้)) ไมเห็นดวยกับคําพิพากษาของ
ศาลปกครองชั้นตนดังกลาว จึงไดย่ืนอุทธรณตอศาลปกครองสูงสุดเม่ือวันท่ี ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
เปนคดีหมายเลขดําท่ี อ. ๙๒๕ – ๙๒๖/๒๕๕๐ คดีอยูระหวางพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
ในขณะเดียวกันผูฟองคดีเห็นวา เม่ือนาย ส. ถึงแกความตายแลว ผูถูกฟองคดีทั้งหาซ่ึงเปนทายาท
โดยธรรมจงึ ตองรับผิดชดใชเงินจํานวนดงั กลาวแกผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๐ มกราคม
๒๕๕๑ แจงใหผูถกู ฟอ งคดที ัง้ หา ซึ่งเปน ทายาทโดยธรรมผูรับมรดกของนาย ส. ชําระคาเสียหายจํานวน
ดังกลาวแกผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีท้ังหาไดรับหนังสือทวงถามแลวแตไมนําเงินจํานวนดังกลาวไปชําระ
ภายในกําหนด จึงนําคดีมาฟองเมื่อวันท่ี ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๑ ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให
ผูถูกฟองคดีท้ังหารวมกันหรือแทนกันชําระเงินจํานวน ๑๕๘,๔๓๙.๕๐ บาท พรอมดอกเบี้ยจํานวน
๑๖๔,๓๘๐.๖๘ บาท รวมเปนเงินตนและดอกเบี้ยจํานวน ๓๒๒,๘๒๐.๑๘ บาท กับใหผูถูกฟองคดี
ทั้งหาชดใชดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๑๕๘,๔๓๙.๕๐ บาท นับแต
วันถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จแกผูฟองคดี และคืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมด
แกผูฟ องคดี เหน็ วา การท่ศี าลจะมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งหาซ่ึงเปนทายาทโดยธรรม
ของเจาหนาที่ ชําระคาเสียหายใหแกผูฟองคดีไดหรือไม นั้น ศาลตองวินิจฉัยใหไดความกอนวา
เจาหนาท่ีซ่ึงเปนเจามรดกกระทําละเมิดตอผูฟองคดีหรือไม และจะตองชดใชคาเสียหายใหแก
ผูฟองคดีเปนจํานวนเทาใด ซ่ึงเปนประเด็นเดียวกันกับคดีท่ีศาลปกครองสูงสุดไดเคยวินิจฉัยไวแลว
ในคดีหมายเลขแดงที่ อ. ๑๑๕๖ – ๑๑๕๗/๒๕๕๘ เมื่อวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ และเม่ือศาลปกครอง
สูงสุดไดวินิจฉัยในคําพิพากษาดังกลาวแลววา นาย ส. กระทําละเมิดดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรงตอผูฟองคดี ซ่ึงเปนหนวยงานของรัฐท่ีนาย ส. อยูในสังกัด และจะตองชดใชคาเสียหาย
ใหแกผูฟองคดีตามจํานวนที่ศาลพิพากษา การที่ผูฟองคดีมายื่นฟองในคดีน้ีตอศาลปกครองช้ันตนวา
นาย ส. กระทําละเมิดตอผูฟองคดี และขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท้ังหา
ซึ่งเปนทายาทโดยธรรมของนาย ส. ชดใชคาเสียหายในจํานวนเดียวกันพรอมดอกเบ้ีย จึงเปนกรณี
ท่ีศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีแลว ตองหามมิใหดําเนินกระบวนพิจารณาอันเก่ียวกับคดี
ที่ไดวินิจฉัยช้ีขาดแลว ตามขอ ๙๖ แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓ ศาลจงึ ไมอาจรบั คําฟองของผูฟ อ งคดีไวพิจารณาได ตามนัยคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓