The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นคร เจือจันทร์, 2022-05-09 02:55:16

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

Keywords: เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

๑๔๙

โดยมิไดตรวจสอบกอนวาจํานวนเงินที่ขออนุมัติเบิกจายดังกลาวมีจํานวนสูงกวาจํานวนคาดูแล
รักษาความสะอาดที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เคยจางเอกชนดําเนินการในกรณีเดียวกันในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๘ วงเงินเพียง ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท และขัดตอหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่
๔ สงิ หาคม ๒๕๔๗ เร่อื ง การต้ังงบประมาณรายจายและการใชจายงบประมาณหมวดเงินอุดหนุน
ขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน ที่กําหนดใหหนวยงานท่ีจะขอรับเงินอุดหนุนตองเปนชุมชน
ทีม่ กี ารบรหิ ารภายใน มีระเบียบ ขอบังคับ หรือขอตกลงของกลุมหรือชุมชน และมีการดําเนินการ
จนเปนทยี่ อมรับขององคก รปกครองสวนทองถิ่น และโครงการหรือกิจกรรมที่ขออุดหนุนตองเปนกิจการ
ทอ่ี ยูใ นอํานาจหนา ท่แี ตอ งคก รปกครองสว นทองถนิ่ ไมสามารถดําเนนิ การเองได โดยชุมชนท้ัง ๘ ชุมชน
ยังไมมีการบริหารงานภายในท่ีเปนระบบและไมมีขอบังคับของชุมชน อีกท้ังโครงการดังกลาว
แมจะเปนโครงการท่ีอยูในอํานาจหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แตเปนโครงการที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑
สามารถดําเนินการเองหรือวาจางเอกชนใหดําเนินการไดตามระเบียบ สงผลใหการเบิกจายเงิน
อุดหนุนไมชอบดวยขอ ๖๗ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงินการเบิกจายเงิน
การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗
ดังน้ัน วงเงินที่ผูฟองคดีเสนอขออนุมัติดังกลาวจึงสูงกวาท่ีเคยทําการจัดจางมากอนในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๘ จํานวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อในขณะนั้น ผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดเทศบาล
เมืองนครนายก จึงมีหนาท่ีตามมาตรา ๔๘ เอกูนวีสติ แหง พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖
ตองปฏิบัติหนาท่ีดวยความละเอียดรอบคอบเพื่อมิใหการบริหารราชการของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไดรบั ความเสยี หาย การท่ีผูฟองคดซี ่งึ เปนผพู ิจารณาโครงการเงินอุดหนุนในโครงการดังกลาวเสนอ
ตอนายกเทศมนตรี เพื่อพิจารณาขออนุมัติเบิกจายเงินอุดหนุนใหกับชุมชนทั้ง ๘ ชุมชุน ตามที่
ขอรับการสนับสนุนงบประมาณโดยมิไดใชความระมัดระวังและตรวจสอบใหดีวาการเบิกจายดังกลาว
เปนไปตามระเบียบ กฎหมาย หรือหนังสือสั่งการของทางราชการหรือไม เมื่อการเบิกจายเงินอุดหนุน
เปนการกระทําท่ีขัดตอหลักเกณฑของทางราชการและเปนการเบิกจายเงินอุดหนุนท่ีมีจํานวนสูงกวา
ป พ.ศ. ๒๕๔๘ ซ่ึงหากผูฟองคดีไดใชความระมัดระวังในการตรวจสอบขอเท็จจริงวา ในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๔๘ ผูถ ูกฟองคดีที่ ๑ ไดอนมุ ัตวิ งเงนิ เพียง ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท เทาน้ัน และหากผูฟองคดี
ไดใชความระมัดระวังอยางเพียงพอในการตั้งงบประมาณรายจาย หมวดเงินอุดหนุน สําหรับ
ดําเนินโครงการดังกลาวประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ก็จะไมเกิดความเสียหายดังกลาวข้ึน
แตผูฟองคดีซึ่งอยูในภาวะเชนน้ันหาไดใชความระมัดระวังอยางเพียงพอในการปฏิบัติหนาท่ีของตนไม
จนเปนเหตุทาํ ใหผ ถู ูกฟอ งคดที ี่ ๑ ไดรบั ความเสียหายจากการที่ตองเบิกจายเงินงบประมาณเพ่ือใช
ในโครงการดังกลาวสูงกวาท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ เคยจางเอกชนดําเนินการในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘
เปนเงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท พฤติการณของผูฟองคดีดังกลาวถือไดวาเปนการปฏิบัติหนาที่
ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงทําใหเกิดความเสียหายและเปนการทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามมาตรา ๘ วรรคหน่ึง ประกอบกับมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แตขอเท็จจริงปรากฏวา การดําเนินโครงการ

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๕๐
ดังกลาวกอใหเกิดประโยชนในแงของการทําความสะอาดแกชุมชนท้ัง ๘ ชุมชน ในเขตของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ อีกทั้งชาวบานในชุมชนยังมีรายไดในรับจางทําความสะอาดในการดําเนินโครงการ
ดังกลา ว ดังนนั้ คาเสียหายที่แทจริงจึงควรเปนเพียงก่ึงหนึ่งของคาเสียหายจํานวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
คิดเปนเงินจํานวน ๗๕๐,๐๐๐ บาทโดยผูฟองคดีเปนผูพิจารณาโครงการเงินอุดหนุนดังกลาว
เสนอตอนายกเทศมนตรีเพ่ือพิจารณาอนุมัติเบิกจายเงินอุดหนุนโดยมิไดใชความระมัดระวังและ
ตรวจสอบใหดีวาการเบิกจายดังกลาวเปนไปตามระเบียบ กฎหมาย หรือหนังสือส่ังการของทางราชการหรือไม
และกรณีดังกลาวมีเจาหนาที่หลายคนที่ตองรับผิด เมื่อพิจารณาถึงพฤติการณและการกระทําของ
ผูฟองคดีตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว เห็นวาผูฟองคดีควรรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐ ของความเสียหายจํานวน ๗๕๐,๐๐๐ บาท คิดเปนเงิน
ท้ังส้ิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท และกรณีของผูฟองคดีถือเปนกรณีไมปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบ
ในกรณีจายเงินเกินสิทธิ/ไมมีสิทธิ/ผิดระเบียบ มิใชกรณีจัดซ้ือจัดจางไมถูกตอง ซ่ึงตามหนังสือ
กระทรวงการคลัง ลงวันท่ี ๒๕ กันยายน ๒๕๕๐ กําหนดใหผูบังคับบัญชาชั้นตน – กลาง/ผูผานงาน
รับผดิ ในสดั สวนรอ ยละ ๒๐ ผฟู องคดดี ํารงตาํ แหนง ปลดั เทศบาลเมืองนครนายก ซ่ึงเปนผบู งั คบั บัญชาช้ันตน –
กลาง/ผูผานงาน จึงตองรับผิดรอยละ ๒๐ ของความเสียหาย ตามหนังสือดังกลาว ดังน้ัน
คําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔ ในสวนท่ีวินิจฉัย
ใหผฟู องคดรี บั ผิดชดใชค า สนิ ไหมทดแทนเกินกวา จํานวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย
เม่ือไดวินิจฉัยแลววาคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในสวนน้ีไมชอบดวยกฎหมาย คําส่ัง
ลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๔ ในสวนที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา
จํานวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท จึงไมมีผลใชบังคับอีกตอไป ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําพิพากษาให
เพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามคําสั่งลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๔ เฉพาะในสวนที่เรียก
ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท ใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตามหนังสือลงวันท่ี ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔
ทั้งนี้ ใหมีผลต้ังแตวันท่ีออกคําสั่งดังกลาว สวนคําขออื่นนอกจากนี้ใหยก น้ัน ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพอ งดวยบางสวน

พิพากษาแก เปนเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือ
ลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔ เฉพาะสวนที่วินิจฉัยใหผูฟองคดีชดใชเงินเกินกวาจํานวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท
โดยใหมผี ลนบั แตว ันท่มี ีคาํ วินิจฉยั อทุ ธรณด ังกลาว คาํ ขออื่นนอกจากน้ีใหยก
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๖๓๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๔๖
คําส่ังศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๗
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๒๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๒๕

แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๕๑
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ. ๙๒/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนขาราชการอัยการ ไดรับความเดือดรอนเสียหาย
จากการท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ (สํานักงานอัยการสูงสุด) โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ (อัยการสูงสุด) มีคําสั่ง
ลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีกลาวหาวา
ขณะผฟู อ งคดดี าํ รงตาํ แหนงอยั การจังหวัดรอยเอ็ด ผูฟองคดีไมปฏิบัติหนาท่ีใหเปนไปตามระเบียบ
สาํ นักงานอัยการสงู สุด วาดว ยการเงนิ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไมใชความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาท่ีของตน
อยางละเอียดรอบคอบในการเบิกจายเงิน โดยไดลงลายมือชื่อในเช็คตามที่นางสาว ป. เสนอใหลงนาม
แลวไมติดตามตรวจสอบ กลับปลอยปละละเลยใหบุคคลทั้งสองไมปฏิบัติตามระเบียบเปนเหตุให
นางสาว ป. ทุจริตเงินที่รับไวและเบิกถอนเงินของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไปเปนประโยชนสวนตน
รวมเปนเงินจํานวน ๕๒๗,๗๘๘.๕๐ บาท พฤติการณถือไดวาเปนการปฏิบัติหนาท่ีดวยความ
ประมาทเลินเลออยางรายแรงทําใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหาย ผูถูกฟองคดีที่ ๑
จึงมีคําสั่งลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนในสัดสวนรอยละ ๕๐
ของความเสียหายจํานวน ๕๒๗,๗๘๘.๕๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๒๖๓,๘๙๔.๒๕ บาท ผูฟองคดี
ไมเห็นดวยจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒ อุทธรณคําส่ังดังกลาว โดยสงทางไปรษณีย
ดวนพิเศษ (EMS) เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดรับคําอุทธรณเมื่อวันที่
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และไดมีคําสั่งไมรับคําอุทธรณของผูฟองคดี ตามหนังสือลงวันที่
๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ อุทธรณคําส่ังไมรับ
คําอุทธรณดังกลาว และไดรับแจงผลการพิจารณาใหยกอุทธรณ ตามหนังสือลงวันท่ี
๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําส่ังของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ที่ไมรับวินิจฉัยอุทธรณของผูฟองคดีตามหนังสือลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๒
และคําส่ังยกอุทธรณคําส่ังไมรับคําอุทธรณตามหนังสือลงวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ และ
เพกิ ถอนคําสั่งสาํ นกั งานอัยการสูงสุดลงวันท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ทง้ั ฉบับหรือแตบางสว น

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยที่ ๒ ไดมีคําส่ังลงวันท่ี
๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนไดระบุในตอนทายของคําสั่งวา
ใหยื่นอุทธรณคําส่ังน้ีตออัยการสูงสุดภายในสิบหาวันนับแตวันท่ีไดรับแจงคําสั่ง จากนั้น
ไดม หี นังสือลงวันท่ี ๒๔ เมษายน ๒๕๖๒ แจงคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหผูฟองคดี
ทราบ ซึ่งผูฟองคดีไดรับแจงและทราบคําส่ังตามหนังสือดังกลาวโดยชอบแลวเมื่อวันที่
๒๕ เมษายน ๒๕๖๒ และโดยที่คําส่ังลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ เปนคําส่ังทางปกครองที่ออก
โดยอาศัยอํานาจตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แตพระราชบัญญัติ
ดังกลาวไมไดบัญญัติในเร่ืองของวิธีการและข้ันตอนในการอุทธรณคําสั่งดังกลาวไวเปนการเฉพาะ
ผูฟองคดีจึงตองอุทธรณคําสั่งดังกลาวตามข้ันตอนและวิธีการท่ีกําหนดไวในมาตรา ๔๔
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ดังน้ัน กอนฟองคดีตอศาลปกครอง
ผฟู อ งคดีจึงตอ งอุทธรณค ําส่งั ลงวันท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ ตอผถู ูกฟองคดีท่ี ๒ ภายในสิบหาวันนับ

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๕๒

แตวันท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๖๒ ซึ่งเปนวันท่ีผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังดังกลาวโดยชอบ และ
จะครบกําหนดระยะเวลาการอุทธรณภายในวนั ที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒

แมมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
จะไมไดกําหนดไวเปนการเฉพาะวา การย่ืนอุทธรณคําส่ังตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ นั้น มีผลนับแตวันท่ี
ผูฟองคดีสงหนังสืออุทธรณแกเจาพนักงานไปรษณีย หรือนับแตวันที่เจาพนักงานไปรษณีย
สงหนังสืออุทธรณไปถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ แตเม่ือบทบัญญัติดังกลาวไดกําหนดไววา ใหคูกรณี
อุทธรณคําสั่งทางปกครองน้ันโดยย่ืนตอเจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครอง และมาตรา ๔๕ วรรคหน่ึง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว กําหนดใหเจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครองมีหนาท่ีตองพิจารณา
คําอุทธรณและแจงผูอุทธรณโดยไมชักชา แตตองไมเกินสามสิบวันนับแตวันท่ีไดรับอุทธรณ
จากบทบัญญัตดิ งั กลาวจงึ ตอ งถือวา การยน่ื อุทธรณจ ะมผี ลตอเมือ่ เจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครอง
ไดรับอุทธรณ และเจาหนาที่ผูทําคําสั่งทางปกครองตองพิจารณาคําอุทธรณภายในสามสิบวัน
ตอเมื่อไดรับอุทธรณแลว การย่ืนอุทธรณโดยการสงทางไปรษณียจึงมีผลนับแตวันที่เจาพนักงาน
ไปรษณียสงคําอุทธรณไปถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เรียบรอยแลว เมื่อคดีนี้ผูฟองคดีไดย่ืนอุทธรณ
โดยสงทางไปรษณียดวนพิเศษ (EMS) เมื่อวันท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และผูถูกฟองคดีที่ ๒
ไดรับคําอุทธรณของผูฟองคดีเม่ือวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ กรณีจึงถือวาอุทธรณของผูฟองคดี
มีผลในวันท่ี ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ซ่ึงเปน การยื่นอุทธรณเมอ่ื พนกาํ หนดเวลาสิบหาวันนับแตวันท่ี
๒๕ เมษายน ๒๕๖๒ อนั เปนวนั ทผ่ี ูฟ อ งคดีไดรับแจงคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีจึงถือวา
ผูฟองคดีไมไดดําเนินการตามข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหาย
ตามท่ีกฎหมายกําหนดไวโดยเฉพาะกอนการฟองคดีตอศาล ผูฟองคดีจึงไมอาจใชสิทธิฟองคดี
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังท่ีเรียกใหชดใชคาสินไหมทดแทนไดตามมาตรา ๔๒
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ สําหรับกรณีท่ีผูฟองคดีอางวา ควรถือวาวันท่ี
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเปนวันที่ผูฟองคดีไดย่ืนสงคําอุทธรณทางไปรษณียดวนพิเศษ (EMS)
เปนการแสดงเจตนาทจ่ี ะอุทธรณค าํ สัง่ ทางปกครองและมีผลแลว โดยเปรียบไดกับกรณีตามมาตรา ๔๖
แหง พ.ร.บ. จดั ต้ังศาลปกครองฯ นนั้ ตามมาตรา ๔๖ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เปนบทบัญญัติ
ทกี่ ําหนดเก่ียวกบั วิธกี ารสําหรบั การย่ืนคําฟองตอศาลปกครองโดยเฉพาะ ไมอาจนําไปบังคับใชกับ
วธิ กี ารในการย่ืนอุทธรณคําส่ังทางปกครองของผูฟองคดีหรือในเรื่องอื่นๆ ได และหากจะถือตามท่ี
ผูฟองคดีกลาวอางวาคําอุทธรณท่ีไดจัดสงทางไปรษณียดวนพิเศษ (EMS) เปนการแสดงเจตนา
ที่จะอุทธรณคําส่ังทางปกครองและมีผลแลว น้ัน บทบัญญัติในเรื่องของการแสดงเจตนา
ตามมาตรา ๑๖๙ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ไดกําหนดไววา การแสดงเจตนา
ท่ีกระทําตอบุคคลซึ่งมิไดอยูเฉพาะหนา ใหถือวามีผลนับแตเวลาที่การแสดงเจตนานั้นไปถึงผูรับ
การแสดงเจตนา... จากบทบญั ญตั ดิ ังกลา วยอมแสดงวา คาํ อทุ ธรณท ี่ไดส งทางไปรษณียดวนพิเศษ (EMS)
ยังไมถือวา มีการย่ืนอทุ ธรณจนกวา คาํ อทุ ธรณน้นั จะไปถงึ ผรู ับหรือเจา หนา ท่ผี ทู าํ คําสั่งทางปกครองแลว
ดังนั้น เม่ือถือวาไมมีการอุทธรณคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ จึงเปนกรณีท่ีผูฟองคดีไมได
ดําเนินการตามข้ันตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอนหรือเสียหายกอนการฟองคดี

แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๕๓

ตอศาล กรณีจึงไมอยูในเงื่อนไขท่ีศาลปกครองจะรับคําฟองในสวนนี้ไวพิจารณาได การที่
ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําฟองในสวนที่ผูฟองคดีมีคําขอใหเพิกถอนคําส่ังลงวันที่
๒๒ เมษายน ๒๕๖๒ เร่ือง ใหชดใชคา สนิ ไหมทดแทน ไวพจิ ารณา นัน้ ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พองดวย

จงึ มีคําสั่งยืนตามคําส่งั ของศาลปกครองชั้นตน
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๑๑๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๓๕
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๒๘/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา เมื่อคร้ังท่ีผูฟองคดีดํารงตําแหนงผูอํานวยการโรงเรียนมัธยม
พัชรกิติยาภา ๓ สุราษฏรธานี ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (ผูอํานวยการสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
มัธยมศึกษา เขต ๑๑) มีคําส่ังลงวันท่ี ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ แตงต้ังคณะกรรมการสอบสวน
วินัยอยางรายแรงผูฟองคดี กรณีไมรับเงินรายไดสถานศึกษาจากการประมูลรานคาสวัสดิการ
จากการขายคูปองอาหาร จากการจําหนายสมุดและกระเปานักเรียน และการขายผลผลิตปาลมนํ้ามัน
เขาเปนรายไดสถานศึกษา และกรณีนําเงินรายไดสถานศึกษาไปจายเปนคากระเชา พวงหรีด
หลังจากน้ัน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังแจงผลการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด ลงวันที่
๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ รวมคาเสียหายที่ทางราชการไดรับความเสียหายเปนเงินทั้งสิ้น ๙๑๖,๓๓๑ บาท
โดยในตอนทา ยของคําสั่งแจงใหผ ูฟอ งคดีชําระเงินภายใน ๓๐ วัน หากประสงคจะรองทุกขใหรองทุกข
ตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ภายใน ๑๕ วัน โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐
แจง ผลการพจิ ารณาความรบั ผิดทางละเมิด พรอมคําสั่งใหผูฟองคดีทราบ ผูฟองคดีไดรับแจงคําสั่ง
ดังกลาวเมื่อวันท่ี ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผูฟองคดีมีความสงสัยในจํานวนเงินท่ีตองชดใช
เนื่องจากมีการไมแจงรายละเอียดใหทราบ คงแจงแตคําส่ังใหชดใชเงิน ผูฟองคดีจึงขอเอกสาร
ประกอบการพิจารณาจากผูถูกฟองคดีที่ ๒ หลายครั้ง แตถูกปฏิเสธทุกคร้ัง ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
ลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ขอเอกสารประกอบการยื่นอุทธรณคําสั่ง และขอขยายเวลา
การยืน่ อทุ ธรณคําสั่งใหชดใชเงินจนถึงวันท่ี ๙ ธันวาคม ๒๕๖๐ ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีหนังสือ
ลงวันท่ี ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ แจงใหผูฟองคดีทราบวา ไดมีการสงเอกสารที่จําเปนใหแกผูฟองคดี
เพียงพอที่จะไดทราบขอเท็จจริงแลวและไมอนุญาตใหขยายระยะเวลาการย่ืนอุทธรณ หลังจากน้ัน
ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ขอเอกสารประกอบการย่ืนอุทธรณและขอทราบ
เก่ียวกับการขอขยายเวลาอุทธรณ ซ่ึงผูฟองคดีไดรับแจงหนังสือไมอนุญาตใหขยายระยะเวลา
ยื่นอุทธรณและปฏิเสธการสงเอกสารประกอบอุทธรณเม่ือวันท่ี ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ผูฟองคดี
จึงมีหนังสือลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ อุทธรณคําสั่งใหชดใชเงิน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ พิจารณา
แลวเหน็ วา ผูฟอ งคดไี ดย น่ื อุทธรณเลยระยะเวลาตามท่ีกฎหมายกําหนดจึงเปนอุทธรณท่ีไมถูกตอง
ตามกฎหมาย ผูฟองคดีเห็นวาการท่ีสํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต ๑๑ เรียกให
ผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนโดยไมแจงรายละเอียดรายการคาสินไหมทดแทน การไมขยายเวลา
การย่ืนอุทธรณโดยอางเหตุบุคคลอ่ืนมาเปรียบเทียบ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองตอศาลขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําสั่งแจงใหสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๑๑ ยกเลิกหนังสือ

แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๕๔

เรื่อง แจงผลการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด และใหดําเนินการแจงใหม ใหโอกาสแกผูที่ตองชดใช
คาสินไหมทดแทนไดรับเอกสารตามรายการที่จะตองชําระคาสินไหมทดแทนและมีโอกาส
ยน่ื อทุ ธรณตามหลกั ความเปน ธรรมของกฎหมาย

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําสั่งแจงผลการพิจารณา
ความรับผิดทางละเมิด ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ส่ังใหผูฟองคดีชดใชเงินจํานวน
๓๐๔,๗๓๐.๖๐ บาท ใหแกสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต ๑๑ กรณีไมรับเงิน
รายไดสถานศึกษาจากการประมูลรานคาสวัสดิการ จากการขายคูปองอาหาร และจากการ
จาํ หนา ยสมดุ และกระเปานักเรยี น และจากการขายผลผลิตปาลม น้ํามัน เขาเปนรายไดสถานศึกษา
และกรณีนํารายไดสถานศึกษาไปจายเปนคากระเชา พวงหรีด เปนเหตุใหราชการเสียหาย
พรอมแจงสิทธิอุทธรณคําสั่งภายใน ๑๕ วัน นับแตวันท่ีไดรับแจงคําสั่ง เมื่อคําสั่งดังกลาว
เปนคําส่ังใหชดใชเงินที่ออกโดยอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงเปนคําสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และโดยท่ีคําส่ังดังกลาวไมใชคําส่ังที่ออกโดยรัฐมนตรี ประกอบกับ
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ไมไดกําหนดข้ันตอนอุทธรณคําสั่ง
ภายในฝายปกครองไวเปนการเฉพาะ จึงตองนํา พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
มาใชบังคับ เมื่อผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังใหชดใชเงินจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามมาตรา ๑๒
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลวไมเห็นดวย ผูฟองคดีชอบ
ท่ีจะอุทธรณโตแยงคําส่ังดังกลาวตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซ่ึงเปนเจาหนาที่ผูทําคําสั่งภายในสิบหาวัน
นับแตวันที่ไดรับแจงคําสั่งตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และไดมีการ
สั่งการตามกฎหมายน้ันหรือมิไดมีการส่ังการภายในเวลาอันสมควรหรือภายในเวลาที่กฎหมาย
กําหนดกอนนําคดีมายื่นฟองตอศาลปกครอง ดังนั้น เม่ือผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังเมื่อวันท่ี
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผูฟองคดีจึงตองยื่นอุทธรณคําส่ังตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ภายในวันท่ี
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ แตผูฟองคดีมีความสงสัยในจํานวนเงินที่ตองชดใช จึงมีหนังสือลงวันที่
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ขอเอกสารประกอบการย่ืนอุทธรณคําสั่ง และหนังสือลงวันที่
๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ขอขยายเวลายื่นอุทธรณโดยหนังสือท้ังสองฉบับดังกลาวมิได
มีรายละเอียดที่แสดงขอเทจ็ จริงและเหตุผลในการอทุ ธรณ กรณจี งึ รับฟงไดวาผูฟองคดีมิไดอุทธรณ
คําส่ังแตอยา งใด ซึ่งผถู ูกฟอ งคดที ่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ แจงใหผูฟองคดี
ทราบวา ไดมีการสงเอกสารที่จําเปนใหแกผูฟองคดีเพียงพอที่จะไดทราบขอเท็จจริงแลว
และไมอ นุญาตใหขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ แมตอมาผูฟองคดีจะไดมีหนังสือลงวันท่ี ๖ ธันวาคม
๒๕๖๐ อุทธรณคําส่ัง และผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับหนังสือดังกลาวเม่ือวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐
ก็เปนการยื่นอุทธรณคําส่ังใหชดใชเงินเม่ือพนกําหนดระยะอุทธรณภายในสิบหาวันนับแตวันที่
ผูฟองคดีไดรับแจงคําส่ังดังกลาว ตามมาตรา ๔๔ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ไปแลว
กรณีจึงถือไดวาผูฟองคดีไมไดดําเนินการตามขั้นตอนหรือวิธีการสําหรับการแกไขความเดือดรอน
หรือเสียหายกอนนําคดีมาฟองตอศาล ผูฟองคดีจึงไมสามารถใชสิทธิฟองคดีตอศาลปกครองได

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๕๕

ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๔๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ การท่ีศาลปกครองชั้นตน
มีคําสั่งไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เหน็ พอ งดวยในผล

จงึ มคี าํ สั่งยืนตามคาํ สัง่ ของศาลปกครองชน้ั ตน
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คร.๙๐/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๔
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๖๑/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๕๕
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๒๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๖๙
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๗๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๘๒
คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๘๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๓
คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๑๐๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๖
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๒๔/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๙๓
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คร.๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๒

ระยะเวลาการฟองคดี

คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๑๙๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีกับพวกรวม ๙ คน เคยยื่นคําฟองตอศาลปกครองขอใหเพิกถอนคําสั่ง

เทศบาลเมืองสุราษฎรธานี ลงวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
อันเนื่องจากการทําละเมิดในการปฏิบัติหนาท่ี และขอใหเพิกถอนคําส่ัง เรื่อง การดําเนินการ
ทางละเมิดกรณเี ทศบาลเมอื งสรุ าษฎรธ านีจัดซ้ือที่ดินกําจัดขยะ (เพิ่มเติม) ลงวันท่ี ๕ มีนาคม ๒๕๔๖
ที่แกไขจํานวนเงินที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดในคําสั่งแรก ตอมา ศาลปกครองชั้นตนมีคําพิพากษา
เพิกถอนคําสั่งพิพาทบางสวน คูกรณีทั้งสองฝายยื่นอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน
ตอศาลปกครองสูงสุด ในระหวางการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ผูถูกฟองคดีที่ ๒
ไดมีคําส่ังลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ แกไขจํานวนเงินท่ีเรียกใหผูฟองคดีตองรับผิดใหเปนไป
ตามความเหน็ ของกระทรวงการคลงั ศาลปกครองสูงสุดพจิ ารณาแลวเห็นวาคําส่ังใหมมีผลเปนการ
ยกเลิกคําสั่งเดิมที่ผูฟองคดีนํามาฟองขอใหเพิกถอนโดยปริยายแลว ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคําสั่ง
ใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ เปนคดีหมายเลขแดงที่ อ. ๘๒๓ – ๘๓๑/๒๕๕๗
และศาลปกครองชั้นตนไดอานคําส่ังของศาลปกครองสูงสุดดังกลาวเมื่อวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘
คดีจึงถึงท่ีสุดแลว หลังจากน้ัน ผูฟองคดีย่ืนคําขอ ลงวันท่ี ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ เปนคดีน้ีขอให
ศาลพิจารณาพิพากษา คดีหมายเลขแดงท่ี อ. ๘๒๖/๒๕๕๗ ใหม โดยอางวา คําสั่งลงวันที่
๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ เปนพยานหลักฐานใหมท่ีเกิดขึ้นในระหวางการพิจารณาพิพากษาของ
ศาลปกครองสงู สุด และคําส่ัง เรื่อง การใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพยสิน

แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๕๖

และขายทอดตลาด ลงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เปนกรณีที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ใชสิทธิเรียกรอง
เมื่อพนกําหนดระยะเวลาสองปนับแตวันที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ รูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาท่ี
ผูพึงจะใชคาสินไหมทดแทน กรณีจึงเปนการออกคําส่ังโดยปราศจากอํานาจและไมชอบ
ดวยกฎหมาย ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังรับคําขอใหพิจารณาคดีใหม และพิพากษา
เพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ และคําสั่ง เร่ือง การใชมาตรการพิเศษทางปกครอง
โดยยึดทรัพยอ ายัดทรัพยส ินและขายทอดตลาด ลงวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อพิจารณาคําส่ังลงวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕
และคําส่ังลงวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๖ (เพิ่มเติม) ซ่ึงเปนคําสั่งเดิม และคําส่ังลงวันที่ ๑๗ กันยายน
๒๕๕๒ ซงึ่ เปน คําสง่ั ใหมท ่แี กไ ขเปลี่ยนแปลงคําสัง่ เดิมตามความเห็นของกรมบัญชีกลางแลวเห็นวา
ตามคําสัง่ เดมิ และคาํ สงั่ ท่อี อกใหมแ กไ ขเปล่ียนแปลงคําส่งั เดมิ ดงั กลา ว มขี อเทจ็ จริงและพฤติการณ
การกระทําละเมิดของผูฟองคดีเปนไปในลักษณะเดียวกัน กลาวคือ ผูฟองคดีกับพวกไดรับแตงต้ัง
ใหเปนคณะกรรมการจัดซ้ือโดยวิธีพิเศษ มีหนาที่ตรวจสอบคุณสมบัติของที่ดินและพิจารณาราคา
ทด่ี ินท่ีเหมาะสม แตไมทําการตรวจสอบที่ดินกอนเสนอผูมีอํานาจจัดซื้อวาเปนไปตามขอกฎหมาย
และมีความเหมาะสมหรือไม เพียงใด เม่ือท่ีดินท่ีจัดซ้ือไมเปนไปตามหลักเกณฑที่กําหนด ไมมีการ
ตรวจสอบราคาซื้อขายคร้ังสุดทายเพื่อนํามาประกอบการพิจารณาจัดซ้ือ พฤติการณถือไดวาจงใจ
ไมร กั ษาประโยชนข องทางราชการและปฏิบตั ิตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยวาดวยการพัสดุของ
หนว ยการบริหารราชการสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๓๕ ทําใหผูถูกฟองคดี (เทศบาลนครสุราษฎรธานี)
ไดรับความเสียหาย เพียงแตมีการกําหนดสัดสวนความรับผิดของผูฟองคดีกับพวกในคําสั่งท่ีแกไขใหม
แตกตางไปจากคําสั่งเดิม และใหรับผิดใชคาสินไหมทดแทนเฉพาะสวนของตน โดยไมตองรับผิด
ในลักษณะลูกหนี้รวม ดังน้ัน คําสั่งลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ ที่แกไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งเรียก
ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนความรับผิดทางละเมิดใหกับผูถูกฟองคดีจึงมิไดมีผลเปนการ
เพิกถอนคาํ ส่งั ลงวนั ท่ี ๒๒ สงิ หาคม ๒๕๔๕ และคาํ สั่งลงวนั ท่ี ๕ มนี าคม ๒๕๔๖ (เพ่ิมเติม) ในสวน
ท่ีใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนความรับผิดทางละเมิดใหกับผูถูกฟองคดี ทั้งน้ี เพราะคําส่ัง
ที่ออกใหมดังกลาวมิไดมีการแกไขเพิ่มเติมคําส่ังเดิมในสวนของสาระสําคัญแตอยางใด หากแต
เปนเพียงคําส่ังท่ีแกไขเก่ียวกับจํานวนเงินคาสินไหมทดแทนท่ีผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนความรับผิดทางละเมิดใหกับผูถูกฟองคดีเทาน้ัน กรณีจึงตองถือวาคําสั่งลงวันที่
๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕ และคําสั่งลงวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๔๖ (เพ่ิมเติม) หาไดส้ินผลไปโดยคําส่ัง
ลงวันท่ี ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ ท่ีแกไขเปล่ียนแปลงคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ความรับผดิ ทางละเมิดในสวนจํานวนเงินที่ผูฟองคดีตองชดใชใหแกผูถูกฟองคดีไม ความเดือดรอน
เสียหายของผูฟองคดีจึงยังคงมีอยู แตเม่ือคดีกอนมีการจําหนายคดีออกจากสารบบความ และ
คดีถึงที่สุดไปแลว ผูฟองคดียอมเขาใจไดวาความเดือดรอนเสียหายของผูฟองคดีที่ยังคงมีอยู
ดังกลาว ยอมตองพิจารณาในคดีเดิม จึงย่ืนคําขอพิจารณาคดีใหมตอศาลปกครองช้ันตน
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคําขอพิจารณาคดีใหมดังกลาวของผูฟองคดีแลวเห็นวา มิใชกรณีท่ี
ศาลปกครองฟงขอเท็จจริงผิดพลาดหรือมีพยานหลักฐานใหมอันอาจทําใหขอเท็จจริงท่ีฟงยุติแลวน้ัน

แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๕๗

เปลี่ยนแปลงไปในสาระสําคัญ ท่ีผูฟองคดีจะขอใหศาลปกครองพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคําสั่ง
ช้ีขาดคดีปกครองใหมไดตามมาตรา ๗๕ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ การที่
ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งไมรับคําขอใหพิจารณาคดีใหมของผูฟองคดีไวพิจารณาจึงชอบแลว
อยางไรก็ตามเมื่อผูฟองคดียังคงไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการกระทําของผูถูกฟองคดี
และการท่ีจะใหผูฟองคดียื่นฟองเปนคดีใหมตอศาลปกครองช้ันตนใหเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี
๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ ท่ีแกไขคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕ และคําสั่งลงวันท่ี ๕ มีนาคม
๒๕๔๖ (เพ่ิมเตมิ ) ผฟู อ งคดีอาจจะไดรบั ความเสียหาย จากขอ ขัดของในเร่ืองระยะเวลาการฟองคดี
ดงั นัน้ การท่ีผูฟ อ งคดเี ห็นวา ตนมไิ ดกระทําละเมดิ ตอ หนวยงานของรัฐ จึงยื่นคํารองขอพิจารณาคดีใหม
ตอศาลปกครองชั้นตน และขอใหเพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๒ ซ่ึงศาลปกครองสูงสุด
ไดวินิจฉัยแลววากรณีไมเขาหลักเกณฑท่ีผูฟองคดีจะขอพิจารณาคดีใหมได แตโดยรูปเร่ืองและ
ตามคํารองคําขอของผูฟองคดี เห็นไดชัดวาผูฟองคดีประสงคจะขอใหศาลมีคําพิพากษาเพิกถอน
คําสงั่ ดงั กลาวทแ่ี กไ ขเปล่ียนแปลงคําส่ังลงวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕ และคําสั่งลงวันท่ี ๕ มีนาคม
๒๕๔๖ (เพ่ิมเติม) เพื่อประโยชนแหงความยุติธรรมจึงตองถือวาคําขอพิจารณาคดีใหมดังกลาว
เปนคําฟองที่ย่ืนตอศาลปกครอง เม่ือผูฟองคดีเปนผูไดรับความเดือดรอนเสียหายจากคําส่ังพิพาท
ในคดีนี้ สืบเน่ืองมาจากคําสั่งทางปกครองในคดีเดิมที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนจากการทําละเมิดตอหนวยงานของรัฐ โดยคําสั่งพิพาทในคดีน้ีเปนคําสั่งที่แกไข
เปลี่ยนแปลงจํานวนเงินท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีในคําสั่งเดิม
เพ่ือใหเปนไปตามความเห็นกระทรวงการคลังเทานั้น การท่ีผูฟองคดีนําคดีนี้มาฟองตอ
ศาลปกครองชั้นตนเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ จึงเปนการยื่นฟองคดีภายในเกาสิบวัน
นับแตวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเปนวันที่ศาลปกครองช้ันตนอานคําสั่งจําหนายคดีเดิมของ
ศาลปกครองสูงสุด ตามมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ศาลปกครองช้ันตนจึงชอบ
ที่จะรับคําฟองน้ีไวพิจารณาได การที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําขอใหพิจารณาคดีใหม
ของผูฟองคดีไวพิจารณา นนั้ ศาลปกครองสงู สุดไมเ หน็ พอ งดว ย

จึงมีคาํ ส่ังกลับคําส่ังของศาลปกครองช้นั ตน เปน ใหรบั คําฟอ งคดนี ไ้ี วพิจารณา
คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๕๔/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๙
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๖๓๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๖
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สุดที่ ๖๑/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๕
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๑๓๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๕๘
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๕๐
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๒๔/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๖๙
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๔๔/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๗๔

แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๕๘

คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๔๖/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑
คําส่ังศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๔๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๓
คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๔๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕
คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๔๙/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๗
คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๗๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๒
คาํ ส่ังศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คร.๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๒
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ. ๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๙
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. ๒๒๒/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๐๒
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๕/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๖๗
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๒๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๙๓
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๘๒/๒๕๖๓

ผูฟ อ งคดี (องคก ารบริหารสวนจังหวัดพะเยา) ฟองวา ผูฟองคดี ไดรับความเดือดรอน
เสียหาย เนื่องจากเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ผูฟองคดีไดรับแจงจากสํานักตรวจเงินแผนดิน
จงั หวดั พะเยาวา จากการตรวจสอบงบการเงินสําหรับปส้ินสุดวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ของผูฟองคดี
พบวา มีการอนุมัติใหจายเงินและมีการเบิกจายเงินโดยไมถูกตองตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย
วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครอง
สวนทองถิ่น (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ ผูฟองคดีจึงมีคําส่ังแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดจากกรณีเบิกจายเงินรวมจํานวน ๖ โครงการ ผลการสอบขอเท็จจริงปรากฏวา
นาย ม. ตําแหนงหัวหนาสํานักปลัดองคการบริหารสวนจังหวัดพะเยา ซึ่งเปนสามีของผูถูกฟองคดี
เปนผูลงนามขออนุมัติดําเนินโครงการดังกลาว โดยไมถูกตองตามระเบียบของทางราชการ
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดจึงเสนอใหนาย ม. รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดีตามสัดสวนความรับผิดของตนจากการดําเนินโครงการทั้ง ๖ โครงการดังกลาว
ผูฟองคดีพิจารณาแลวเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงเมื่อวันท่ี
๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ และวันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ แลวแตกรณี และไดมีหนังสือลงวันที่
๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ และ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ รายงานผลและสํานวนการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดไปยังกระทรวงการคลังเพ่ือตรวจสอบ ตอมา วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐
นาย ม. ไดถึงแกความตาย และเม่ือไดรับแจงผลการตรวจสอบจากกรมบัญชีกลาง ผูฟองคดี
จึงมีคําส่ังลงวันท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ และวันท่ี ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑เรียกใหนาย ม. ชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแ กผ ูฟ องคดี เปนจํานวนเงินท้งั สิ้น ๙๑,๑๗๐ บาท ผูฟองคดีไดแจงคําสั่งทั้ง ๖ ฉบับ
ดังกลาว ใหนาย ม. ทราบแลว แตนาย ม. เพิกเฉย นาย ม. จึงตองรับผิดชดใชดอกเบี้ยผิดนัด
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันท่ี ๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งเปนวันผิดนัดจนถึงวันฟอง

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๕๙

คิดดอกเบ้ียเปนจํานวนเงิน ๖๘๘.๗๔ บาท รวมตนเงินและดอกเบ้ียเปนจํานวนเงินท้ังส้ิน
๙๑,๘๕๘.๗๔ บาท และกอนย่ืนฟองคดีนี้ผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑
ทวงถามผูถูกฟองคดีในฐานะทายาทโดยธรรมและในฐานะผูจัดการมรดกของนาย ม. เพ่ือชดใช
คาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกผูฟองคดีแลว แตเม่ือครบกําหนดเวลาตามท่ีระบุในหนังสือ
ผูถูกฟองคดียังคงไมไดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนจํานวนเงิน ๙๑,๘๕๘.๗๔ บาท
พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาวนับแตวันถัดจากวันฟองเปนตนไป
จนกวาจะชําระเสร็จสิน้ ใหแ กผ ูฟอ งคดี

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูฟองคดีทราบวานาย ม. ตองรับผิดในการกระทําละเมิด
กรณตี ามโครงการเบิกจายเงินท้ัง ๖ โครงการในวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ และวันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙
ซึ่งเปนวันที่ผูฟองคดีพิจารณาเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิด อายุความการใชสิทธิเรียกรองของผูฟองคดีท่ีมีนาย ม. จึงมีกําหนดสองปนับแตวันที่
ผูฟองคดีไดรูถึงการละเมิดและรูตัวผูจะพึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ กลาวคือ ครบกําหนดภายในวันท่ี
๒๙ เมษายน ๒๕๖๑ และวันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑ แลวแตกรณี แตเมื่อในระหวางอายุความ
การใชสิทธิเรียกรองของผูฟองคดีดังกลาว นาย ม. เจาหนาที่ผูกระทําละเมิดไดถึงแกความตาย
เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ และผูฟองคดีทราบถึงความตายของเจาหนาที่ในวันดังกลาว
ผูฟองคดีจึงไมอาจออกคําส่ังเรียกใหเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดซึ่งถึงแกความตายชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดี ภายหลังจากที่เจาหนาท่ีผูกระทําละเมิดถึงแกความตายแลวได เมื่อวันที่นาย ม.
ถึงแกความตายคือวันท่ี ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐ นั้น อายุความการใชสิทธิเรียกรองที่ผูฟองคดี
มีตอนาย ม. เหลืออยูไมถึงปนับแตวันตาย อายุความดังกลาวจึงยอมยังไมครบกําหนดจนกวา
จะครบกําหนดหนึ่งปนับแตวันตาย ผูฟองคดีจึงมีสิทธิฟองทายาทของนาย ม. ไดภายในกําหนด
อายุความหนง่ึ ปน บั แตวันที่นาย ม. ถึงแกค วามตาย ตามมาตรา ๑๙๓/๒๓ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย เมื่อผูฟองคดีย่ืนฟองผูถูกฟองคดีซึ่งเปนทายาทโดยธรรมของนาย ม. เม่ือวันที่
๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ จึงเปนการใชสิทธิเรียกรองภายในกําหนดอายุความ ท่ีศาลปกครองชั้นตน
มีคําส่ังไมรับคําฟองนี้ไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ และคืนคาธรรมเนียมศาล
แกผ ูฟองคดี นน้ั ศาลปกครองสูงสุดไมเ ห็นพอ งดวย

จงึ มีคําส่งั กลบั เปน ใหรบั คาํ ฟอ งของผฟู องคดไี วพ จิ ารณาพิพากษาตามรปู คดตี อไป
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๘๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๘๓
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๑๙๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๑๕
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๕๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๗๖
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๙๙

แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๖๐

คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ. ๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๙๙
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๘๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๓
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๘๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๕๘
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๐๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๘๖
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๑๓๒/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๙๕
คาํ ส่ังศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๑๓๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๕
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๙๑/๒๕๖๓

ผูฟองคดีท้ังสองฟองวา ผูถูกฟองคดี (สถาบันการบินพลเรือน) ไดมีคําสั่งลงวันที่
๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ขอใหผูฟองคดีท้ังสองและนาย ธ. ชําระคาสินไหมทดแทน ตามความเห็น
ของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กรณีท่ีผูฟองคดีที่ ๑ เมื่อครั้งดํารงตําแหนงผูวาการ
ของผูถูกฟองคดี ผูฟองคดีท่ี ๒ เมื่อคร้ังดํารงตําแหนงผูอํานวยการกองวิชาบริการการบิน
และนาย ธ. ในฐานะคณะกรรมการดําเนินการคัดเลือกลูกจางชั่วคราว ตําแหนงเลขานุการ
มิไดใชความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาที่ในการพิจารณาคัดเลือกลูกจางชั่วคราว ใหเปนไป
ตามที่ประกาศกําหนด และกําหนดอัตราคาจางเกินกวาท่ีควรจะไดรับ อันเปนการปฏิบัติหนาที่
ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหผูถูกฟองคดีไดรับความเสียหาย เปนเงิน
จํานวน ๓๔๔,๕๕๗.๘๘ บาท จึงใหผูฟองคดีทั้งสองและนาย ธ. ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรา
รอยละ ๖๐ ของความเสียหายดังกลาว คิดเปนเงิน ๒๐๖,๗๓๕ บาท โดยใหรับผิดคนละสวนเทาๆ กัน
เปนเงินจํานวนคนละ ๖๘,๙๑๑.๖๖ บาท และใหผูฟองคดีท่ี ๑ ในฐานะผูวาการและเปนผูลงนาม
ในสัญญาจางลูกจางชั่วคราวรายนาวาอากาศโท ส. ที่มิไดเปนไปตามที่ประกาศกําหนด อันเปน
การปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหผูถูกฟองคดีไดรับความเสียหาย
จึงใหผูฟองคดีท่ี ๑ ชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๔๐ ของความเสียหาย ๓๓๙,๑๒๘ บาท
คิดเปนเงิน ๑๓๗,๘๒๓.๑๕ บาท ผูฟองคดีทั้งสองไดยื่นหนังสือลงวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๗
อุทธรณคําสั่งดังกลาว ซ่ึงตอมาผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
แจงผลการพิจารณาอุทธรณของผูฟองคดีทั้งสองวา เปนอุทธรณท่ีไมมีขอเท็จจริง และพยานหลักฐาน
หักลางผลการพิจารณา ผูฟองคดีทั้งสองจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
เพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ที่ใหผูฟองคดีทั้งสองชําระคาสินไหมทดแทน
และคาํ วนิ จิ ฉัยอุทธรณต ามหนังสือลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เห็นวา ผูถูกฟองคดีไดแจงผล
การพิจารณาอุทธรณใหผูฟองคดีที่ ๑ ทราบ ตามหนังสือลงวันท่ี ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
โดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับ ซึ่งปรากฏหลักฐานตามใบตอบรับทางไปรษณียลงทะเบียน
ระบุวา ม. ซึ่งเก่ียวพันกับผูฟองคดีที่ ๑ ในฐานะท่ีเปนพนักงานเปนผูลงชื่อรับไว เมื่อวันที่
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ แมผูฟองคดีที่ ๑ อางวา ไดรับแจงในวันท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ เนื่องจาก
พนกั งานไปรษณยี นาํ จดหมายไปสง ไวกับพนกั งานรักษาความปลอดภัย เปนเหตุใหไดรับจดหมายลาชา

แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๖๑

โดยไมปรากฏพยานหลักฐานที่จะพิสูจนใหเห็นไดวา ผูฟองคดีท่ี ๑ ไดรับแจงผลการพิจารณา
อุทธรณใ นวนั ดังกลา ว กรณจี งึ ตอ งนํามาตรา ๗๑ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ท่ีบัญญัติใหการแจงคําสั่งทางปกครองโดยวิธีสงทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับ ใหถือวา
ไดรับแจงเมื่อครบกําหนดเจ็ดวันนับแตวันที่สงกรณีในประเทศ มาใชบังคับแกกรณีดังกลาว
ดังนั้น เมื่อผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ แจงผลการพิจารณาอุทธรณ
ใหผูฟองคดีท่ี ๑ ทราบ กรณีจึงตองถือวา ผูฟองคดีท่ี ๑ ไดรับหนังสือแจงผลการพิจารณาอุทธรณ
เม่ือครบกําหนดเจ็ดวันนับแตสง คือ วันท่ี ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ผูฟองคดีที่ ๑ จึงตองยื่นฟอง
ตอ ศาลภายในเกา สิบวนั นับแตว นั ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ การยื่นฟองคดีในวันท่ี ๓ มีนาคม ๒๕๕๘
จึงเปน การยนื่ ฟองเมื่อพนกาํ หนดระยะเวลาการฟองคดี ตามมาตรา ๔๙ แหง พ.ร.บ. จดั ตัง้ ศาลปกครองฯ
สว นกรณขี องผูฟองคดีที่ ๒ ผูถูกฟองคดีไดแจงผลการพิจารณาอุทธรณใหทราบตามหนังสือลงวันท่ี
๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยสงทางไปรษณยี ลงทะเบียนตอบรับไปยังบานเลขที่ ๒๙๒ ถนนมาเจริญ
แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเปนท่ีอยูของผูฟองคดีที่ ๒ ปรากฏหลักฐาน
ตามใบตอบรับทางไปรษณียลงทะเบียนวา ท. เปนผูลงชื่อรับไว เมื่อวันท่ี ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
เม่อื ผฟู อ งคดีท่ี ๒ เพยี งแตโตแยงวา ผูฟองคดีท่ี ๒ ไมไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณดวยตนเอง
เนื่องจากทํางานอยูจังหวัดนครพนม มีเพียงภรรยาซ่ึงเปนโรคความจําเส่ือมอยูบานเพียงคนเดียว
โดยไมท ราบวา ไดล งนามรับซองจดหมายไวหรือไม และไมไ ดแ จงใหผูฟองคดีท่ี ๒ ทราบ กรณีจึงตอง
ถือวา ไดมีการแจงคําส่ังทางปกครองไปยังภูมิลําเนาของผูฟองคดีท่ี ๒ โดยชอบ ตามมาตรา ๖๙
แหง พ.ร.บ. วธิ ปี ฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว และกฎหมายใหถือวา ผูฟองคดีท่ี ๒
ไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณแลว ผูฟองคดีที่ ๒ จึงชอบที่จะนําคดีมายื่นฟองตอศาล
ภายในวันท่ี ๒๓ กุมภาพันธ ๒๕๕๘ การนําคดีมาฟองตอศาลในวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ จึงเปน
การฟองเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๔๙ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ท่ีศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ น้ัน
ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พองดวย

จึงมีคาํ สัง่ ยืน
คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๒๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๐
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๙/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๑๙
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๑๖/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๒๐
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๑๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๒
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๔๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเงื่อนไขการฟองคดี หนา ๑๔๑
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๖๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เงอื่ นไขการฟองคดี หนา ๑๔๓
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๗๐/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเงือ่ นไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๔

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๖๒

คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๑๔๔/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๓๗
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คร.๑๔๕/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๒
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๔๙๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๔๖
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๖๓๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๖
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ ๑๓๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๘
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี ๒๑๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕๙
คาํ สัง่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๒๓๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๕๐
คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี ๒๔๐/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๖๐
คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๓๓๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๖๒
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๓๗๙/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๖๔
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๕๐๒/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๖๕
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๕/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๖๘
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๗๒
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ. ๑๐๔/๒๕๖๓

ผฟู องคดีฟอ งวา ผฟู อ งคดเี ปนผมู ีสทิ ธคิ รอบครองทด่ี ินตามหลักฐานหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๓๙๗๗ ตําบลปาคลอก อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ ๒๔
ไร ๑ งาน ๑๐ ตารางวา ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ (กรมท่ีดิน) มีคําสั่งลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙
ใหเพิกถอน น.ส. ๓ ก. ดังกลาว ผูฟองคดีไมเห็นดวย จึงย่ืนหนังสือลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙
อุทธรณคําสั่งดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ แจงผล
การพิจารณาอุทธรณดังกลาวใหผูฟองคดีทราบแลว ผูฟองคดีไมเห็นดวยจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งสอง (กระทรวงมหาดไทย ที่ ๒) รวมกัน
หรือแทนกันชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี พรอมดอกเบ้ียนับถัดจากวันฟองเปนตนไป
จนกวาจะชําระเสรจ็

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อคดีน้ีผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย
จากการที่พนักงานเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท้ังสองเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน
(น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๓๙๗๗ ตําบลปาคลอก อําเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ ๒๔ ไร ๑ งาน
๑๐ ตารางวา โดยผูฟองคดีซ้ือที่ดินดังกลาวมาเม่ือวันท่ี ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ในราคา
๔๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีหนังสือแจงใหผูฟองคดีทราบวา มีคําส่ังลงวันที่
๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ใหเพิกถอน น.ส. ๓ ก. ของผูฟองคดีดังกลาว ตามมาตรา ๖๑ แหงประมวล
กฎหมายทด่ี นิ เพราะเปน น.ส. ๓ ก. ท่ีออกโดยไมชอบดวยกฎหมาย ผูฟองคดีจึงอุทธรณคําสั่งดังกลาว

แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๖๓

และผูถ ูกฟอ งคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสอื ลงวนั ที่ ๒๖ ตลุ าคม ๒๕๕๙ แจงผลการพิจารณาอุทธรณดังกลาว
ใหผูฟองคดีทราบแลว โดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนตอบรับ และปรากฏลายมือชื่อบุคคลอื่น
ซงึ่ บรรลุนิติภาวะท่อี ยหู รอื ทาํ งานในสถานทนี่ ั้นเปนผรู บั หนังสอื ดงั กลา วไวเมอ่ื วันที่ ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๕๙
ดังนั้น จึงถือวาวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เปนวันที่ผูฟองคดีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีนี้
การที่ผูฟองคดียื่นฟองคดีน้ีตอศาลปกครองชั้นตนในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ จึงเปน
การยื่นฟองคดีเม่ือพนระยะเวลาการฟองคดีหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี
ตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ สวนที่ผูฟองคดีอางวา ผูฟองคดีทราบตัว
ผูกระทําความผิดเมื่อผูถูกฟองคดีท้ังสองไดแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานเจาหนาที่
ในการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนดังกลาว และสรุปวาพนักงานเจาหนาที่กระทําการ
โดยทุจริตและไดมีคําส่ังลงวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ไลขาราชการออกจากราชการแลว จึงถือวา
วันดังกลาวเปนวันที่ผูฟองคดีทราบถึงการกระทําอันเปนเหตุแหงการละเมิด น้ัน ไมอาจรับฟงได
ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจาก
สารบบความ กบั ใหคนื คาธรรมเนียมศาลท้ังหมดใหแกผฟู องคดี นนั้ ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดวย

จงึ มีคําสง่ั ยืนตามคําสง่ั ของศาลปกครองชั้นตน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๑๑๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๘๙
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๑๑๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๐
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๑๑๙/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๒
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คร.๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๙๘
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คร.๑๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๐
คําสั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คร.๑๔๕/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๔๒
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๖๖๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๑๐๘
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๗๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๑๑๐
คําสงั่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๐๓/๒๕๖๓

ผูฟองคดี (เทศบาลตําบลบานแปน) ฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย
อันเน่ืองมาจากศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษาใหผูฟองคดีทําการรื้อถอนถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก
ท่ีไดทําการกอสรางเมื่อปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ บนท่ีดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๘๒๔๓
ตําบลบานแปน อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน ของนางสาว ล. ผูฟองคดีจึงมีคําสั่งลงวันที่ ๑๙
มีนาคม ๒๕๖๑ แตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด และเม่ือวันท่ี ๑๘
พฤษภาคม ๒๕๖๑ คณะกรรมการคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ ไดรายงานผลการสอบขอเท็จจริงฯ
โดยเห็นวามีเจาหนาท่ีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๖ คน รวมถึงนาย ช. นายกเทศมนตรี
ตําบลบานแปนในขณะน้ัน ซึ่งเปนผูเสนอญัตติขออนุมัติการจายขาดเงินสะสมตอสภาเทศบาลตําบล

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๖๔

บานแปน และเปนผูใหการอนุมัติแบบแปลนกอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กท่ีศาลปกครองสูงสุด
มีคําพิพากษาใหผูฟองคดีร้ือถอน โดยมิไดทําการตรวจสอบวาท่ีดินท่ีจะกอสรางเปนท่ีสาธารณะหรือ
เปนที่ดินของเอกชนท่ีมีหนังสือยินยอมหรือหนังสืออุทิศที่ดินของเจาของท่ีดินหรือไม พฤติการณ
ถือไดวาเปนการกระทําดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับ
ความเสียหายจึงใหรับผิดเฉพาะในสวนของการกระทําของตนในอัตรารอยละ ๒๐ ของจํานวนเงิน
๑๔๔,๓๒๐ บาท คิดเปนเงิน ๒๘,๘๖๔ บาท ตามมาตรา ๑๐ ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.
ความรบั ผดิ ทางละเมดิ ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แตเนื่องจากนาย ช. ไดถึงแกความตายเมื่อวันท่ี ๒๐
มีนาคม ๒๕๖๐ ไมอาจออกคําสั่งทางปกครองใหชดใชคาสินไหมทดแทนได ตอมา ผูฟองคดีไดวินิจฉัย
สั่งการตามความเห็นของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ โดยไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม
๒๕๖๑ แจงใหกระทรวงการคลังทราบผลการสอบสวนดังกลาว และมีหนังสือลงวันท่ี ๑๗ ธันวาคม
๒๕๖๑ แจงใหผูถูกฟองคดีในฐานะภรรยาท่ีชอบดวยกฎหมายซ่ึงเปนทายาทโดยธรรม
ตามมาตรา ๑๖๒๙ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ชําระเงินจํานวน ๒๘,๘๖๔ บาท
ใหแกผูฟองคดีภายใน ๓๐ วัน นับแตวันท่ีไดรับหนังสือ ซึ่งผูถูกฟองคดีไดรับหนังสือในวันเดียวกัน
และเมื่อครบกําหนดแลวผูถูกฟองคดีเพิกเฉยไมชําระเงินใหแกผูฟองคดี จึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มคี ําพิพากษาหรอื คําส่ังใหผูถูกฟองคดีชําระเงินใหแกผูฟองคดี จํานวน ๒๘,๘๖๔ บาท พรอมดอกเบี้ย
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาว นับแตวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒ จนถึงวันฟองคดี
รวมเปนเงินจํานวนท้ังส้ิน ๒๙,๑๑๙.๐๓ บาท และใหผูถูกฟองคดีชําระดอกเบี้ยใหแกผูฟองคดี
ในอตั รารอยละ ๗.๕ ตอป ของตน เงินจํานวน ๒๘,๘๖๔ บาท นบั ถัดจากวนั ฟองจนกวาจะชําระเสร็จ

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา วันท่ีจะถือเปนวันท่ีนาย ช. กระทําละเมิดตอผูฟองคดี
คือ วันที่ไดมีการกอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กในที่ดินของเอกชน แมในสํานวนคดีจะไมปรากฏ
ชัดเจนวาเปนวันใด แตในการกอสรางถนนดังกลาวไดมีการทําสัญญาจางหางหุนสวนจํากัด อ.
เปนผูดําเนินการ เริ่มทํางานตั้งแตวันท่ี ๑๘ กันยายน ๒๕๔๙ และตองทํางานใหเสร็จสมบูรณภายใน
วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๙ การกอสรางแลวเสร็จและเบิกจายเงินงบประมาณเม่ือวันท่ี ๖ ตุลาคม
๒๕๔๙ ซ่ึงเกิดขึ้นในชวงป พ.ศ. ๒๕๔๙ กรณีจึงตองฟงวานาย ช. กระทําละเมิดตอผูฟองคดี
ตัง้ แตช วงป พ.ศ. ๒๕๔๙ เม่ือนาย ช. ถึงแกความตายไปแลวเมื่อวันท่ี ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๐ ความรับผิด
ของเจาหนาท่ียอมเปนมรดกตกทอดแกทายาทตามมาตรา ๑๕๙๙ ประกอบกับมาตรา ๑๖๐๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย แตในวันท่ีนาย ช. ถึงแกความตายผูฟองคดียังไมรูวานาย ช.
เปนลูกหน้ีของตน จนกระทั่งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ ไดมีรายงานผลการสอบสวนใหผูมีคําสั่ง
แตงตั้งทราบวานาย ช. เปนเจาหนาท่ีผูมีสวนตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในความเสียหาย
ท่ีผูฟองคดีไดรับจากการตองรื้อถอนถนน ผูฟองคดีไดมีคําส่ังเมื่อวันท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑
ใหคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ หารือกรณีอายุความตอพนักงานอัยการ จึงตองถือวาผูฟองคดี
ไดร ูถึงการทีน่ าย ช. ไดกระทําละเมดิ ตนและนาย ช. จะตองชดใชค าสนิ ไหมทดแทนเพอ่ื การนัน้ ใหแ กต น
เม่ือวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองเมื่อวันท่ี ๒๘ กุมภาพันธ ๒๕๖๒
แมจะเปนการย่ืนฟองภายในหนึ่งปนับแตวันที่ผูฟองคดีไดรูหรือควรรูถึงความตายของนาย ช.

แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๖๕

และรูวาตนมีสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมาย
ดังกลาวก็ตาม แตก็เปนการยื่นฟองเม่ือพนกําหนดสิบปนับแตชวงป พ.ศ. ๒๕๔๙ ท่ีไดมีการ
กอ สรางถนนรกุ ล้ําท่ขี องเอกชน ซ่งึ ถอื เปนวนั ทน่ี าย ช. ไดกระทําละเมิดตอผูฟองคดีแลว สิทธิเรียกรอง
คาเสียหายของผูฟองคดีตอนาย ช. อันเกิดแตมูลละเมิดจึงเปนอันขาดอายุความตามมาตรา ๔๔๘
วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายเดียวกัน เมื่อสิทธิเรียกรองใหนาย ช. ซึ่งเปนเจามรดกชดใช
คาสินไหมทดแทนจากการทําละเมิดตอหนวยงานของรัฐขาดอายุความ ผูฟองคดีจึงไมมีสิทธิเรียกรอง
ใหทายาทโดยธรรมรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในมูลละเมิดเดียวกัน ศาลจึงไมมีอํานาจรับคําฟอง
ของผูฟองคดีไวพิจารณาได และโดยท่ีคําฟองขอหานี้เปนการฟองคดีเพื่อประโยชนสวนตัว
ของผูฟ องคดีเทาน้ัน มิใชการฟองคดีที่เก่ียวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคล
ท่ีจะยื่นฟองคดีเมื่อใดก็ได รวมทั้งการฟองคดีมิไดเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอื่น
ศาลจึงไมอาจใชดุลพินิจรับคําฟองของผูฟองคดีที่ยื่นตอศาลเม่ือพนกําหนดเวลาการฟองคดี
ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตงั้ ศาลปกครองฯ ประกอบกบั ขอ ๓๐ วรรคสอง
แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วา ดวยวิธีพจิ ารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ นอกจากน้ี คดีนี้เปนการ
กลา วหาวานาย ช. ในฐานะเจาหนาท่ีเปนผูกระทําละเมิดตอผูฟองคดีซึ่งเปนหนวยงานของรัฐท่ีนาย ช.
สังกัดอยู จึงไมอาจนําบทบัญญัติในเรื่องอายุความไลเบี้ยตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาใชบังคับได เนื่องจากบทบัญญัติตามมาตรา ๙
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว จะใชบังคับกับกรณีท่ีเจาหนาท่ีกระทําละเมิดตอบุคคลภายนอกและ
หนวยงานของรัฐไดใชคาสินไหมทดแทนใหแกบุคคลภายนอกแลว หนวยงานของรัฐจึงจะมีสิทธิ
เรียกรองใหเจาหนาที่ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกหนวยงานของรัฐไดภายในหนึ่งปนับแตวันท่ี
หนว ยงานของรัฐไดใชคาสินไหมทดแทนแกบุคคลภายนอกผูเสียหาย อันเปนคนละกรณีกับขอเท็จจริง
ในคดีนี้ ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา ใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
และคืนคาธรรมเนียมศาลท้งั หมดใหแกผ ฟู องคดี นัน้ ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดว ย

จงึ มคี าํ สั่งยืนตามคาํ ส่งั ของศาลปกครองช้นั ตน
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๑๙๕/๒๕๖๓

ผฟู อ งคดี (กรมศลุ กากร) ฟองวา ผูถ กู ฟองคดีท้งั สีเ่ ปน ทายาทโดยธรรมของนาย ผ.
ผูตาย ซึ่งเปนเจาหนาท่ีศุลการักษ สังกัดผูฟองคดี โดยผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย
กรณีนาย ผ. ปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลอ เปนเหตุใหผูสงออกทุจริตในการสงออกและ
นําใบขนสินคาขาออกฉบับมุมนํ้าเงินไปยื่นขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรโดยไมชอบดวยกฎหมาย
ผูฟองคดีจึงมีคําส่ังลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ ใหนาย ผ. ชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน
๓,๑๙๒,๖๘๔.๓๖ บาท นาย ผ. มีหนังสืออุทธรณคําส่ังดังกลาว และผูฟองคดีไดมีคําส่ังยืน
ตามคาํ สง่ั เดิม ตอมา นาย ผ. ถึงแกค วามตายเมอ่ื วนั ที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๙ ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๙ แจงผูถูกฟองคดีทั้งส่ีในฐานะทายาทโดยธรรมของนาย ผ. ใหรวมกัน
ชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๓,๑๙๒,๖๘๔.๓๖ บาท แตผูถูกฟองคดีท้ังสี่เพิกเฉย ผูฟองคดี

แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๖๖

จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังสี่รวมกันชําระเงินจํานวน
๕,๙๗๘,๘๖๐.๘๑ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน
๓,๑๙๒,๖๘๔.๓๖ บาท นับแตวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จแกผูฟองคดี เห็นวา เมื่อผูฟองคดี
มีคําสั่งลงวันท่ี ๙ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ ใหนาย ผ. รับผิดชดใชคาเสียหายตามท่ีกระทรวงการคลัง
กําหนด และมีหนังสือลงวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ แจงใหนาย ผ. ทราบผานผูบังคับบัญชา
ซ่ึงนาย ผ. ทราบคําสั่งดังกลาวในวันเดียวกัน การออกคําส่ังดังกลาวจึงยังอยูในอายุความ
สิทธิเรียกรองตามมาตรา ๑๐ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
และมาตรา ๔๔๘ แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย อยางไรก็ตาม แมคําสั่งดังกลาวจะมีผล
ใหอายุความสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนจากนาย ผ. สะดุดหยุดลงตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕)
แหงประมวลกฎหมายดังกลา ว แตก รณอี ายุความสะดุดหยุดลงมีผลเฉพาะกรณฟี อ งเจาหนาที่ผูทําละเมิด
ซ่ึงเปน ลูกหน้โี ดยตรงเทาน้ัน เมื่อตอมานาย ผ. ถึงแกความตายเม่ือวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๙ ผูฟองคดี
จึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๙ เรียกใหผูถูกฟองคดีท้ังสี่ในฐานะทายาทรวมกันรับผิดชดใช
คา สนิ ไหมทดแทนเพ่อื การละเมดิ ของนาย ผ. แตผ ูถ กู ฟอ งคดีทงั้ ส่เี พิกเฉย ผูฟอ งคดีจึงนําคดีมาฟอง
ตอศาลปกครองช้ันตนเม่ือวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๐ และวันท่ี ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท้ังส่ีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ซึ่งเปนการย่ืนฟองคดี
เม่ือลวงเลยระยะเวลา ๑๐ ป นับแตวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๓๘ ถึงวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๓๙
ซ่ึงเปนวันท่ีมีการวางฎีกาเพื่อเบิกเงินตามบัตรภาษีที่ผูฟองคดีออกให ซึ่งถือวามีการกระทําละเมิด
ตามมาตรา ๔๔๘ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ศาลปกครองจึงไมมีอํานาจ
รับคําฟอ งไวพ ิจารณา ทศ่ี าลปกครองชนั้ ตนพพิ ากษาใหผ ูถ กู ฟองคดที ้งั สีใ่ นฐานะทายาทผูรับมรดก
ของนาย ผ. รวมกันรับผิดชดใชเงินจํานวน ๔๓๘,๙๙๔.๐๙ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ
๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๓๑๙,๒๖๘.๔๔ บาท นับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ
ใหแกผ ฟู อ งคดี ท้งั นี้ ไมเ กินทรัพยม รดกท่ีผถู ูกฟองคดีทง้ั สีไ่ ดร บั มา โดยใหช าํ ระใหแลวเสร็จภายใน
๖๐ วัน นับแตวันท่ีคดีถึงท่ีสุด และใหคืนคาธรรมเนียมศาลบางสวนตามสวนของการชนะคดี
จาํ นวน ๑๐,๙๗๔.๘๔ บาท แกผฟู อ งคดี น้นั ศาลปกครองสูงสดุ ไมเ ห็นพองดว ย

พิพากษากลบั เปน ใหย กฟองและใหค นื คา ธรรมเนียมศาลทงั้ หมดในศาลปกครองชนั้ ตน
ใหแกผฟู อ งคดี และใหคืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมดในช้ันอุทธรณใหแ กผ ฟู องคดแี ละผูถูกฟองคดีทั้งส่ี
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๑๑๙/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ)

ผูฟองคดี (กรมทดี่ นิ ) ฟองวา สืบเนอ่ื งมาจากนาย ช. ไดยืน่ ฟองอธบิ ดกี รมทีด่ นิ กับพวก
เปนผูถูกฟองคดีตอศาลปกครองสงขลาวา นาย ช. เปนผูครอบครองที่ดินตามหลักฐาน น.ส. ๓ ก.
เลขที่ ๘๘๔ และเลขท่ี ๘๘๕ ตําบลไมฝาด อําเภอสิเกา จังหวัดตรัง ตอมา อธิบดีกรมท่ีดิน
ไดมีคําส่ังเพิกถอน น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๘๗๗ ตําบลไมฝาด อําเภอสิเกา จังหวัดตรัง เปนเหตุให
น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๔ และเลขที่ ๘๘๕ ซ่ึงแบงแยกมาจาก น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๘๗๗ ถูกเพิกถอนไปดวย
นาย ช. จึงฟอ งคดีตอศาลปกครอง โดยขอใหศาลมีคําพิพากษาเพิกถอนคําสั่งท่ีเพิกถอน น.ส. ๓ ก.

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๖๗

เลขที่ ๘๗๗ เลขท่ี ๘๘๔ และเลขที่ ๘๘๕ กับเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณและเรียกคาเสียหาย
ตอมา ไดมีการดําเนินคดีจนกระทั่งคดีถึงท่ีสุดโดยศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษาใหผูฟองคดี
ชําระเงิน พรอมดอกเบี้ยใหแกนาย ช. ท้ังน้ี ภายใน ๖๐ วัน นับแตวันที่คดีถึงที่สุด และเม่ือวันที่
๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ ผูฟองคดีไดชําระเงินตามคําพิพากษาดังกลาวแลวเปนเงินจํานวนท้ังส้ิน
๑๖๑,๐๐๙.๒๕ บาท ตอมา ไดมีการดําเนินการตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวย
หลักเกณฑการปฏิบัติเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซ่ึงตอมาจังหวัดตรัง
มีหนังสือลงวันท่ี ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ รายงานผลการพิจารณาตามระเบียบดังกลาว
ซึ่งผูวาราชการจังหวัดตรังพิจารณารายงานผลการสอบสวนแลวเห็นชอบกับความเห็น
ของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด และมีหนังสือลงวันท่ี ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙
สงสํานวนการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด และผลการวินิจฉัยส่ังการไปให
กระทรวงการคลังตรวจสอบแลว ผูฟองคดีพิจารณาสํานวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดแลวเห็นวา ผูฟองคดีตองรับผิดตอนายชาลี ผูเสียหายในผล
แหงละเมิดท่ีเจาหนาที่ของตนไดปฏิบัติหนาที่โดยประมาทเลินเลออยางรายแรง โดยไดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายแลว ผูฟองคดีจึงมีสิทธิที่จะเรียกใหเจาหนาที่ซ่ึงกระทําการ
โดยประมาทเลินเลออยางรายแรงชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี เม่ือปรากฏขอเท็จจริงวา
ไดมีการออก น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๘๗๗ โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ เลขที่ ๑๓๕ ซ่ึงเปนหลักฐาน
สําหรับที่ดินแปลงอื่นเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๒๗ จึงเปนหนังสือรับรองการทําประโยชนที่ออก
โดยไมชอบดวยกฎหมาย โดยมีเจาหนาท่ีท่ีเกี่ยวของ ไดแก นาย ท. เจาหนาที่ที่ดิน ๓
เปนผูมีหนาที่ทําการรังวัดและรายงานผลการรังวัดตลอดจนตรวจสอบสภาพการทําประโยชน
ใหผูบังคับบัญชาทราบ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เจาหนาท่ีบริหารงานท่ีดินอําเภอสิเกา เปนผูมีอํานาจ
หนาท่ีในการตรวจสอบการพิจารณาออก น.ส. ๓ ก. กอนเสนอนายอําเภอสิเกาพิจารณาลงนาม
และนาย ฤ. นายอําเภอสิเกา เปนผูมีอํานาจในการพิจารณาลงนามในการออก น.ส. ๓ ก.
เลขที่ ๘๗๗ เปนเหตุให น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๘๘๔ และเลขที่ ๘๘๕ ซ่ึงแบงแยกมาจาก น.ส. ๓ ก.
เลขท่ี ๘๗๗ เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๒๗ ไมชอบดวยกฎหมาย จนกระทั่งไดมีการจดทะเบียน
สทิ ธแิ ละนติ ิกรรมประเภทขายที่ดินตามหลักฐาน น.ส. ๓ ก. ทั้งสองแปลง จึงเปนการดําเนินการที่
ไมชอบดวยเชน กัน ซึง่ เปน กรณที ีก่ ารกระทาํ ละเมิดเกิดขน้ึ กอนวันที่ พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
เจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ จะมีผลใชบังคับ จึงตองนําหลักเรื่องลูกหน้ีรวมมาใชบังคับ ดังน้ัน
เม่ือผูฟองคดีตองรับผิดตอนาย ช. ผูเสียหายในผลแหงการละเมิดที่เจาหนาที่ไดกระทําในการ
ปฏิบัติหนาที่โดยไดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายแลว ผูฟองคดียอมมีสิทธิที่จะเรียกให
เจาหนาท่ีซ่ึงกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีได
ซ่ึงมีเจาหนาที่ท่ีตองรวมกันรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๑๖๑,๐๐๙.๒๕ บาท
ใหแกผ ูฟอ งคดี ไดแ ก ผถู ูกฟองคดีท่ี ๑ นาย ท. และนาย ฤ. แตเนื่องจากตามรายงานการสอบสวน
ของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๙ ปรากฏวา
นาย ท. และนาย ฤ. ไดถึงแกความตายแลวเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๔๗ และวันที่ ๑๑ ธันวาคม

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๖๘

๒๕๔๖ ตามลําดับ สิทธิหนาที่และความรับผิดจึงตกแกทายาทผูมีสิทธิรับมรดก โดยนาย ท.
มีทายาทจํานวน ๒ คน ไดแก ผูถูกฟองคดีที่ ๒ และที่ ๓ นาย ฤ. มีทายาทจํานวน ๒ คน ไดแก
ผูถูกฟองคดีที่ ๔ และที่ ๕ โดยเหตุที่อายุความการใชสิทธิไลเบ้ียแกเจาหนาที่ตามมาตรา ๙
แหงพระราชบญั ญตั ิดังกลาวจะครบกําหนดหนึ่งปใ นวนั ท่ี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ แตเนื่องจากขณะน้ี
กระทรวงการคลังยังไมแจงผลการพิจารณามาแตอยางใด ผูฟองคดีจึงอาศัยอํานาจตามความใน
มาตรา ๑๒ แหงพระราชบญั ญตั เิ ดยี วกัน ออกคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เจาหนาที่ผูตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทน และมีหนังสือเรียกใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ และที่ ๓ และมีหนังสือเรียกให
ผูถูกฟองคดีท่ี ๔ และท่ี ๕ ซึ่งมีหนาท่ีและความรับผิดตามมาตรา ๑๕๙๙ และมาตรา ๑๖๐๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย นําเงินจํานวน ๑๖๑,๐๐๙.๒๕ บาท มาชําระเปน
คาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายใน ๗ วัน นับแตวันที่ไดรับหนังสือ ตามหนังสือลงวันที่
๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ และเมื่อครบกําหนดแลวผูถูกฟองคดีทั้งหาเพิกเฉยไมนําเงินมาชําระใหแก
ผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังหารวมกัน
หรือแทนกันชําระเงินจํานวน ๑๖๑,๐๐๙.๒๕ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
ของตนเงินจํานวน ๑๖๑,๐๐๙.๒๕ บาท นับแตวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จแกผูฟองคดี
และใหคนื คาฤชาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผ ูฟ อ งคดี ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองที่ฟอง
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ถึงที่ ๕ ไวพิจารณา ผูฟองคดียื่นคํารองอุทธรณคําสั่งของศาลปกครองชั้นตน
เปนใหรับฟองในสวนที่ฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ และที่ ๓ ไวพิจารณา เห็นวา มาตรา ๙ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ มีเจตนารมณที่จะใหใชบังคับกับกรณีที่
หนวยงานของรัฐซึ่งตองรับผิดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพ่ือการละเมิดของเจาหนาที่
ใชสิทธิเรียกรองใหเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกตนเทาน้ัน
สวนกรณีที่หนวยงานของรัฐซ่ึงตองรับผิดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพื่อการละเมิดของ
เจาหนาท่ี ใชสิทธิเรียกใหทายาทของเจาหนาท่ีผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว
ใหแ กตนตองอยใู นบังคบั ของมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม และวรรคส่ี แหงประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย เมื่อขอเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏวา ผูฟองคดีในฐานะหนวยงานของรัฐไดชดใชคาสินไหม
ทดแทนแกผูเสียหายในผลแหงละเมิดของที่เจาหนาท่ีของตนไดกระทําไปในการปฏิบัติหนาท่ี
ตอบุคคลภายนอกตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ดงั น้นั ผูฟ อ งคดจี งึ มีสิทธิเรียกรองใหนาย ท. ในฐานะเจาหนาท่ีผูกระทําละเมิดชดใช
คาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกผูฟองคดีตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
โดยผูฟองคดีจะตองใชสิทธิเรียกรองภายในกําหนดอายุความหนึ่งปนับแตวันที่ผูฟองคดี
ไดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูเสียหายตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน อยางไรก็ตาม
เม่ือปรากฏขอเท็จจริงวา นาย ท. ไดถึงแกความตายเมื่อวันท่ี ๖ กันยายน ๒๕๔๗ การที่ผูฟองคดี
ไดใชสิทธิฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ และท่ี ๓ ซ่ึงเปนทายาทของนาย ท. ตอศาลเม่ือวันท่ี ๑๔ ธันวาคม
๒๕๕๙ จึงเปนการฟองคดีเมื่อพนกําหนดอายุความสิบปนับแตวันท่ีนาย ท. ไดถึงแกความตาย
ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสี่ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่ง

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๖๙

ไมรับคําฟองของผูฟองคดีในสวนท่ีฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ และท่ี ๓ ไวพิจารณา นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพองดวย

จงึ มคี าํ สัง่ ยืน
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๒๑๖/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ)

ผูฟองคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา ผูถูกฟองคดีเปนทายาทโดยธรรมของนาย ป. เจาหนาที่
ในสังกัดของผูฟองคดี ซ่ึงถึงแกความตายเมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ โดยคดีน้ีสืบเนื่องจาก
นาย ก. ไดย่ืนฟองผูฟองคดีตอศาลปกครองระยอง จากกรณีเจาหนาท่ีในสังกัดของสํานักงานที่ดิน
จงั หวดั ตราด รวมถึงนาย ป. ไดกระทําโดยจงใจหรือประมาทเลินเลอในการปฏิบัติหนาที่ เปนเหตุใหนาย ก.
ไดรับความเสียหาย ตอมา ศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาใหผูฟองคดีชดใชเงินใหแกนาย ก.
ซงึ่ ผูฟองคดไี ดชําระเงินพรอมดอกเบี้ยตามคาํ พิพากษาเปน เงนิ ๓๖๓,๘๒๖.๐๙ บาท ใหแกนาย ก. แลว
เมือ่ วนั ท่ี ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๗ ตอมา คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดและจังหวัดตราด
พิจารณาแลวเห็นวา เจาหนาท่ีผูปฏิบัติหนาท่ีมิไดกระทําการโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง
จึงไมตองรับผิดในความเสียหายดังกลาว แตกรมบัญชีกลางไดมีหนังสือแจงผลการพิจารณาวา
เจาหนาที่ที่เก่ียวของปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหนาย ก.
ไดรับความเสียหาย โดยในสวนของนาย ป. ขณะดํารงตําแหนงหัวหนาฝายทะเบียน สํานักงานท่ีดิน
จังหวัดตราด ในฐานะผบู งั คับบญั ชาตามสายงาน ไมไดใ ชค วามละเอียดรอบคอบในการควบคุมและ
กํากับดูแลการดําเนินการของผูใตบังคับบัญชาใหเปนไปโดยถูกตองตามท่ีกฎหมายกําหนด
ซ่ึงหากนาย ป. ไดตรวจสอบและส่ังการใหเจาหนาที่ทําการขีดครอมตนฉบับ น.ส. ๓ ก. ทั้งฉบับ
พนักงานเจาหนาท่ีและเจาของท่ีดิน รวมทั้งลงชื่อในเอกสารดังกลาวและในชองเจาพนักงาน
ผูแจกใบไตสวน ก็จะไมทําใหเจาหนาท่ีท่ีเขารับตําแหนงในภายหลังไดรับรองสําเนาถูกตอง
ในหนังสือ น.ส. ๓ ก. ดังกลาว ซ่ึงไดถูกยกเลิกไปแลว ความเสียหายจากการบังคับคดีของนาย ก.
ยอ มไมเ กิดขนึ้ จงึ ใหนาย ม. และนาย ป. รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐ ของคาเสียหาย
ดังกลาว โดยแตละคนรับผิดเปนคนละสวนเทาๆ กัน แตเมื่อนาย ป. ไดถึงแกความตายแลว ผูฟองคดี
จึงมีหนังสือเรียกใหผูถูกฟองคดีในฐานะทายาทโดยธรรมของนาย ป. ชําระเงินคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดี และไมมีทางบังคับใหผูถูกฟองคดีชําระเงินได ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มคี ําพพิ ากษาหรอื คําส่ังใหผ ูถ ูกฟอ งคดีชาํ ระเงินจํานวน ๔๔,๑๙๙.๑๒ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรา
รอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดังกลาว นับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จใหแก
ผูฟอ งคดี

ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา
มาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ มีเจตนารมณที่จะบังคับใช
กับกรณีที่หนวยงานของรัฐซ่ึงตองรับผิดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพื่อการกระทําละเมิด
ของเจาหนาที่ ใชสิทธิเรียกรองใหเจาหนาท่ีผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแก
ตนเทานั้น สวนกรณีที่หนวยงานของรัฐซึ่งตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพื่อการ

แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๗๐

กระทําละเมิดของเจาหนาท่ี ใชสิทธิเรียกรองใหทายาทของเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคา
สินไหมทดแทนดังกลาวใหแกตนตองอยูในบังคับของมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม และวรรคสี่
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ดังน้ัน เมื่อผูฟองคดีไดยื่นฟองทายาทของเจาหนาท่ี
ผูกระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่เมื่อพนกําหนด ๑๐ ป นับแตวันที่เจาหนาที่ถึงแกความตาย
กรณีจึงเปนการย่ืนฟองคดีเม่ือพนอายุความที่กฎหมายกําหนด ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่ง
ไมร บั คาํ ฟองไวพิจารณาและใหจาํ หนายคดอี อกจากสารบบความ พรอมท้ังใหคืนคาธรรมเนียมศาล
ท้ังหมดแกผ ูฟอ งคดี นน้ั ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดวย

จงึ มคี ําส่งั ยนื
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๒๑๗/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ)

ผูฟอ งคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนทายาทของนาย ช. ซ่ึงถึงแกความตาย
เมอื่ วันท่ี ๒ สงิ หาคม ๒๕๕๐ สวนผูถูกฟองคดีที่ ๒ เปนทายาทของนาย ส. ซึ่งถึงแกความตายเมื่อวันที่
๒๑ มนี าคม ๒๕๓๓ โดยเหตุแหง การฟองคดีนส้ี ืบเน่ืองจากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ไดย่ืนฟอง
ผูฟองคดีในคดีน้ีเปนผูถูกฟองคดีตอศาลปกครองชั้นตน กรณีไดรับความเดือดรอนเสียหายจาก
การกระทําละเมิดของนาย ช. เม่ือครั้งดํารงตําแหนงเจาพนักงานท่ีดินอําเภอแมสอด ไดปฏิบัติหนาท่ี
ดวยความจงใจเพ่ือใหมีการออก น.ส. ๓ โดยไมชอบดวยกฎหมาย และนาย ส. เม่ือคร้ังดํารงตําแหนง
ศึกษาธิการอําเภอแมสอด ในฐานะรักษาราชการแทนนายอําเภอแมสอด ไดปฏิบัติหนาที่
ดวยความประมาทเลินเลอทําใหมีการออก น.ส. ๓ ที่ไมชอบดวยกฎหมายตามการเสนอของนาย ช.
เปน น.ส. ๓ เลขท่ี ๓๗๒ ตําบลทาสายลวด อําเภอแมสอด จังหวัดตาก ตอมา ผูฟองคดีไดเพิกถอน
น.ส. ๓ ฉบับดังกลาว ทําใหธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ผูรับจํานองที่ดินตาม น.ส. ๓ ดังกลาว
ไดยื่นฟองคดีตอศาลปกครองใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย ตอมา ศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษา
เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๘ ใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายใหแกธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน)
คิดเปนตนเงินและดอกเบี้ยรวมเปนเงินจํานวนทั้งส้ิน ๔๘๙,๖๗๘.๐๘ บาท ผูฟองคดีไดวางเงิน
ตามคาํ พพิ ากษาของศาลปกครองสูงสุดเม่ือวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ตอมา ผูวาราชการจังหวัด
ตากมีคําสั่งลงวันท่ี ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ซึ่งคณะกรรมการไดรายงานผลการสอบขอเท็จจริงตามหนังสือลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ ๒๕๕๙
หลังจากนั้น จังหวัดตากไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๙ รายงานผลการสอบสวน
ใหกรมบัญชีกลางทราบเพื่อพิจารณา ตอมา นาย ช. และนาย ส. ไดถึงแกความตาย ผูฟองคดี
จึงมีหนังสือเรียกใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๒ ในฐานะทายาทนําเงินมาชําระคาสินไหมทดแทน
จากการทําละเมิดดังกลาวใหแกผ ฟู องคดี แตผูถกู ฟอ งคดที งั้ สองไมไดน ําเงินมาชําระใหแกผูฟองคดี
แตอยางใด ผูฟองคดีจึงฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกันหรือแทนกัน
ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี จํานวน ๔๘๙,๖๗๘.๐๘ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ
๗.๕ ตอ ป ของตน เงนิ ดงั กลาว นับแตวันฟองคดีเปนตนไป จนกวาจะชําระเสร็จ ศาลปกครองช้ันตน
มคี าํ สัง่ ไมร บั คาํ ฟอ งในสว นท่ฟี อ งผถู ูกฟอ งคดที ี่ ๒ ไวพจิ ารณา

แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๗๑
ศาลปกครองสูงสดุ โดยทปี่ ระชมุ ใหญต ลุ าการในศาลปกครองสูงสุดวินจิ ฉยั วา มาตรา ๙
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ มีเจตนารมณท่ีจะใหใชบังคับกับกรณี
ท่หี นวยงานของรัฐซ่งึ ตอ งรบั ผิดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพื่อการละเมิดของเจาหนาที่ ใชสิทธิ
เรยี กรองใหเจา หนาท่ผี ูก ระทาํ ละเมดิ ชดใชคา สินไหมทดแทนดังกลา วใหแ กตนเทานั้น กรณีที่หนวยงาน
ของรฐั ซ่ึงตองรบั ผดิ ชดใชคาสนิ ไหมทดแทนแกผูเสียหายเพื่อการละเมิดของเจาหนาท่ี ใชสิทธิเรียกรอง
ใหทายาทของเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกตนตองอยูในบังคับ
ของมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม และวรรคสี่ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย เม่ือขอเท็จจริง
ในคดีนี้ปรากฏตามคําฟองวา ศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษาใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) และเมื่อวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ผูฟองคดีไดชําระเงิน
ตามคาํ พพิ ากษาดังกลาวแลว จงึ เปน กรณีทผี่ ฟู องคดีในฐานะหนวยงานของรัฐไดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกผ ูเสียหายในผลแหง การกระทําละเมิดของเจาหนาที่ตอบุคคลภายนอกตามมาตรา ๕ วรรคหนึ่ง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ดังนั้น ผูฟองคดีจึงมีสิทธิเรียกใหนาย ช. และนาย ส. ในฐานะเจาหนาท่ี
ผกู ระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกผูฟองคดีตามมาตรา ๘ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติ
เดียวกัน โดยผูฟองคดีจะตองใชสิทธิเรียกรองภายในกําหนดอายุความหนึ่งปนับแตวันท่ีผูฟองคดี
ไดใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติขางตน อยางไรก็ตาม เม่ือการใชสิทธิ
เรียกรองดังกลาวมีลักษณะเปนการใชสิทธิเรียกรองไลเบ้ียกับเจาหนาท่ีผูทําละเมิด ซ่ึงปรากฏ
ขอเท็จจริงวานาย ส. ไดถึงแกความตายเมื่อวันท่ี ๒๑ มีนาคม ๒๕๓๓ จึงเปนกรณีที่เจาหนาท่ี
ผูจะตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีไดถึงแกความตาย ซ่ึงเปนเหตุใหความรับผิด
ของเจา หนา ทใี่ นอนั ทจี่ ะตอ งชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแกหนวยงานของรัฐ เปนมรดกตกทอดแกทายาท
ของเจาหนาท่ีทันทีท่ีเจาหนาท่ีผูนั้นถึงแกความตาย หนวยงานของรัฐจึงไมอาจใชสิทธิเรียกรอง
คาสินไหมทดแทนจากทายาทของเจาหนาที่โดยอาศัยอายุความตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ได แตจะตองใชสิทธิเรียกรองจากทายาทของเจาหนาท่ี
ภายในกําหนดอายุความหนึ่งปนับแตวันท่ีหนวยงานของรัฐไดรูหรือควรไดรูถึงความตายของเจาหนาที่
และภายในสิบปนับแตวันท่ีเจาหนาท่ีไดถึงแกความตาย ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสามและวรรคสี่
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ดังน้ัน เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา นาย ส. ไดถึงแกความตาย
เมื่อวันท่ี ๒๑ มีนาคม ๒๕๓๓ การที่ผูฟองคดีไดใชสิทธิฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซึ่งเปนทายาทของนาย ส.
ตอ ศาลเมือ่ วันท่ี ๑๕ กนั ยายน ๒๕๕๙ จึงเปนการฟองคดีเม่ือพนกําหนดอายุความสิบปนับแตวันท่ี
นาย ส. ไดถึงแกความตาย ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสี่ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว ศาลปกครอง
จึงไมอาจรับคําฟองในสวนที่ฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไวพิจารณาได ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่ง
ไมรับคําฟอ งในสว นของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไวพิจารณา น้นั ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพองดว ย
จงึ มีคําสง่ั ยนื

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๗๒

คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๒๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (กรมท่ีดิน) ฟองวา นาย น. ไดย่ืนฟองผูฟองคดีตอศาลปกครองสงขลา

กรณีที่ผูฟองคดีมีคําสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๙๔๓๘ และ
เลขท่ี ๙๔๓๙ ตําบลทุงตําเสา อําเภอหาดใหญ จังหวัดสงขลา ซ่ึงเปนของนาย น. ตอมา
ศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษาที่ อ. ๔๕๒/๒๕๖๑ วา เจาหนาท่ีของผูฟองคดีมิไดพิสูจนสอบสวน
การทําประโยชนในที่ดินที่มีผูนําหลักฐานแบบแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) มาเปนหลักฐาน
ในการขอออก น.ส. ๓ ก. อันเปนการไมปฏิบัติตามข้ันตอนและวิธีการท่ีกฎหมายกําหนด เปนเหตุให
น.ส. ๓ ก. ของนาย น. ตองถูกเพิกถอน จึงพิพากษาใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายใหแกนาย น.
เปนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ผูฟองคดีจึงไดมอบอํานาจ
ใหเจาหนาที่นําเงินจํานวน ๒๐๘,๒๘๗.๖๗ บาท ไปวางตอศาลปกครองสงขลาเพ่ือชําระหนี้
ตามคําพิพากษาดังกลาวเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ แตปรากฏวาชําระเกิน จึงไดไปรับเงินคืน
จํานวน ๑๖.๘๖ บาท ดังนั้น ผูฟองคดีจึงไดชําระเงินตามคําพิพากษาเปนเงินจํานวนท้ังส้ิน
๒๐๘,๒๗๐.๘๑ บาท ท้ังนี้ ผูฟองคดีไดมีคําสั่งลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๘ แกไขเพิ่มเติม
โดยคําสั่งลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ แตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
กรณีดังกลาว และตอมาคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ พิจารณาแลวมีความเห็นวา การที่ผูฟองคดี
ตองชําระคาเสียหายใหแกนาย น. ตามคําพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดเปนผลมาจากการกระทํา
ของเจาหนาที่ท่ีไมปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการที่กฎหมายกําหนด โดยมีเจาหนาที่ท่ีมีสวนเก่ียวของ
๓ ราย ไดแ ก รอ ยเอก อ. ตําแหนงนายอําเภอหาดใหญ นาย บ. ตําแหนง เจา หนา ที่บริหารงานท่ีดิน
อําเภอหาดใหญ และผูถูกฟองคดีที่ ๑ เมื่อครั้งดํารงตําแหนงเจาหนาที่ที่ดิน ๓ โดยตองรับผิดรวมกัน
อยางลูกหน้ีรวมตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ตอมา ผูวาราชการจังหวัดสงขลาซึ่งไดรับ
มอบอํานาจจากอธิบดีกรมท่ีดินเห็นชอบดวยกับความเห็นของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ
จงึ มหี นังสอื ลงวันท่ี ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ และลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ รายงานผลการพิจารณา
ความรับผิดทางละเมิดดังกลาวไปยังกระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง ท้ังน้ี ผูฟองคดีไดตรวจสอบ
การดําเนินการสอบขอเทจ็ จรงิ ความรบั ผดิ ทางละเมิดพบวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ยังมีชีวิตอยู สวนรอยเอก อ.
ถงึ แกค วามตายเมอ่ื วนั ท่ี ๑๘ กันยายน ๒๕๓๙ โดยมีทายาทจํานวน ๒ คน ไดแก ผูถูกฟองคดีท่ี ๖
(คูสมรส) และผูถูกฟองคดีที่ ๗ สวนนาย บ. ถึงแกความตายเมื่อวันท่ี ๕ มีนาคม ๒๕๔๔ โดยมีทายาท
จํานวน ๔ คน ไดแก ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (คูสมรส) ผูถูกฟองคดีที่ ๓ ถึงที่ ๕ และเน่ืองจากอายุความ
การใชสิทธิไลเบ้ียแกเจาหนาท่ีตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ จะครบกาํ หนดหน่ึงปในวันท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ผูฟองคดีจึงไดออกคําส่ังลงวันท่ี
๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ ไปยังผูถูกฟองคดีที่ ๖ และที่ ๗ ในฐานะทายาทผูมีสิทธิรับมรดกของรอยเอก อ.
รวมถึงผูถูกฟองคดีที่ ๒ ถึงที่ ๕ ในฐานะทายาทผูมีสิทธิรับมรดกของนาย บ. ตามลําดับ และ
มหี นังสอื ลงวันท่ี ๒๕ มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ แจง ไปยังผูถูกฟองคดีที่ ๑ ใหรวมกันรับผิดอยางลูกหน้ีรวม
ชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๒๐๘,๒๗๐.๘๑ บาท เนื่องจากมูลละเมิดเกิดกอน พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ใชบังคับ และใหไปชําระแกผูฟองคดีภายใน ๗ วัน นับแต

แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๗๓

วันท่ีไดรับหนังสือ แตปรากฏวาผูถูกฟองคดีที่ ๖ และที่ ๗ ไมยอมรับหนังสือแจง ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ท่ี ๓ และท่ี ๕ รับทราบคําสั่งเม่ือวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ สวนผูถูกฟองคดีที่ ๔ รับทราบคําส่ัง
เมอ่ื วนั ที่ ๒๒ มถิ นุ ายน ๒๕๖๒ และผถู กู ฟอ งคดที ี่ ๑ รับทราบคําสั่งเม่ือวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒
ซึ่งในระหวางน้ัน กรมบัญชีกลางมีหนังสือลงวันท่ี ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ ถึงจังหวัดสงขลา แจงวา
เมื่อคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมแหงกรณีแลว จึงใหเจาหนาที่
ผูกระทําละเมิดรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ในอัตรารอ ยละ ๗.๕ ตอป ดงั น้ี (๑) ผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๑ ตําแหนงเจาหนาท่ีท่ีดิน ๓ ในฐานะเจาหนาที่
พิสูจนสอบสวนการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ใหรับผิดในอัตรารอยละ ๖๐
ของความเสียหาย คิดเปนเงิน ๗๕,๓๖๘.๓๐ บาท (๒) นาย บ. ในฐานะเจาหนาท่ีบริหารงานท่ีดิน
อําเภอหาดใหญ ใหรับผิดในอัตรารอยละ ๓๐ ของความเสียหาย คิดเปนเงิน ๓๗,๖๙๓.๑๕ บาท
และ (๓) รอ ยเอก อ. ตําแหนง นายอาํ เภอหาดใหญ ใหรบั ผิดในอัตรารอ ยละ ๑๐ ของความเสียหาย
คิดเปนเงิน ๑๒,๕๖๔.๓๙ บาท ผูฟองคดีจึงตองนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ัง
ใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ชําระคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๗๕,๓๘๖.๓๐ บาท
พรอ มดอกเบี้ยในอตั รารอ ยละ ๗.๕ ตอ ป ของตน เงนิ จํานวนดังกลาวนับแตวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ
ใหผูถกู ฟองคดีที่ ๒ ถึงที่ ๕ ในฐานะทายาทผูมีสิทธิรับมรดกของนาย บ. รวมกันหรือแทนกันชําระ
คาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๓๗,๖๙๓.๑๕ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ
๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวนดังกลาวนับแตวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ และใหผูถูกฟองคดีที่ ๖
และท่ี ๗ ในฐานะทายาทผูมีสิทธิรับมรดกของรอยเอก อ. รวมกันหรือแทนกันชําระคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๑๒,๕๖๔.๓๙ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
ของตนเงินจํานวนดังกลาวนับแตวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ เห็นวา การที่ผูฟองคดีไดชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกนาย น. โดยการนําเงินไปวางตอศาลปกครองสงขลาตามคําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันท่ี ๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ และสํานักงานศาลปกครองสงขลาไดรับเงิน
ดังกลาวแลว จึงเปนกรณีที่ผูฟองคดีในฐานะหนวยงานของรัฐไดรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกผูเสียหายในผลแหงการกระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่ของเจาหนาที่ตอบุคคลภายนอกผูเสียหาย
ตามมาตรา ๕ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ดังนั้น
ผูฟองคดีจึงมีสิทธิเรียกใหนาย บ. และรอยเอก อ. ในฐานะเจาหนาท่ีผูทําละเมิดในการปฏิบัติหนาท่ี
ชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกผูฟองคดีตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
โดยผูฟองคดีจะตองใชสิทธิเรียกรองภายในกําหนดอายุความหนึ่งปนับแตวันท่ีผูฟองคดีไดใช
คาสินไหมทดแทนน้ันแกผูเสียหายตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน อยางไรก็ตาม
โดยท่ีการฟองคดีนี้เปนการใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนของหนวยงานของรัฐที่มีลักษณะ
เปนการใชสทิ ธิไลเ บ้ียกับเจาหนา ท่ีอันเกิดจากมูลละเมดิ กรณเี จาหนา ที่ผูจ ะพึงตองชดใชคาสินไหมทดแทน
ไดถ ึงแกความตาย ซึ่งเปนเหตุใหความรับผิดของเจาหนาท่ีผูนั้นในอันที่จะตองชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกหนวยงานของรัฐที่เสียหายเปนมรดกตกทอดแกทายาทของเจาหนาที่ทันทีท่ีเจาหนาท่ีผูนั้น
ถึงแกความตายตามมาตรา ๑๕๙๙ วรรคหน่งึ และมาตรา ๑๖๐๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๗๔

โดยหนวยงานของรฐั ที่เสียหายจะตองใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนจากทายาทของเจาหนาที่
ภายในกําหนดหน่ึงปนับแตวันท่ีหนวยงานของรัฐที่เสียหายไดรูหรือควรไดรูถึงความตายของเจาหนาที่
ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายดังกลาว แตท้ังนี้การใชสิทธิเรียกรอง
คาสินไหมทดแทนดังกลา ว หนวยงานของรัฐที่เสียหายมิอาจใชสิทธิฟอ งรอ งเรยี กคาสินไหมทดแทน
จากทายาทของเจาหนาท่ีผูทําละเมิดเมื่อพนกําหนดสิบปนับแตวันที่เจาหนาท่ีถึงแกความตาย
ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคส่ี แหง ประมวลกฎหมายเดียวกัน เมื่อขอเท็จจริงตามแบบรับรองรายการ
ทะเบียนคนตายหรอื มรณบตั ร นาย บ. และรอ ยเอก อ. เจาหนา ทผี่ ทู ําละเมดิ ไดถ ึงแกความตายเม่ือ
วนั ท่ี ๕ มีนาคม ๒๕๔๔ และเม่ือวนั ที่ ๑๘ กนั ยายน ๒๕๓๙ ตามลําดับ ผูฟองคดีในฐานะเจาหน้ีใน
มลู ละเมิดท่ีขอบังคับตามสิทธเิ รยี กรอ งในการไลเบย้ี อนั มีตอนาย บ. และรอยเอก อ. เจาหนาที่ผูทํา
ละเมดิ ในฐานะท่ีเปนเจามรดก จึงตองใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนจากทายาทของเจาหนาท่ี
ภายในกําหนดสิบปนับแตวันท่ีเจาหนาท่ีไดถึงแกความตาย การที่ผูฟองคดีย่ืนฟอง
ผถู กู ฟองคดที ่ี ๒ ถึงท่ี ๕ ซึ่งเปนทายาทโดยธรรมผูมีสิทธิรับมรดกของนาย บ. และยื่นฟองผูถูกฟองคดีที่ ๖
และที่ ๗ ซึ่งเปนทายาทโดยธรรมผูมีสิทธิรับมรดกของรอยเอก อ. ตอศาลปกครองชั้นตน โดยสงคําฟอง
ทางไปรษณียดวนพิเศษ (EMS) เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ จึงเปนการยื่นฟองคดีเมื่อพน
กําหนดสิบปนับแตวันท่ีนาย บ. และรอยเอก อ. เจามรดกไดถึงแกความตายตามมาตรา ๑๗๕๔
วรรคสี่ แหงประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย ที่ศาลปกครองช้ันตน มีคาํ ส่งั ไมรับคําฟองในสวนท่ีฟอง
ผถู ูกฟองคดที ่ี ๒ ถึงที่ ๗ ไวพ จิ ารณา และใหคนื คาธรรมเนยี มศาลในสวนท่ีไมรับคําฟองไวพิจารณา
แกผูฟอ งคดี นนั้ ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพอ งดวย

จึงมีคําสง่ั ยนื ตามคาํ สงั่ ของศาลปกครองช้ันตน
คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๓๘/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ)

ผฟู องคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา ศาลปกครองสงู สดุ ในคดหี มายเลขแดงที่ อ. ๔๑๙/๒๕๕๘
พิพากษาใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกนาย ท. จํานวน ๙,๑๕๐ บาท เนื่องจากนาย พ.
เจาหนาท่ีของผูฟองคดีดําเนินการออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) เลขที่ ๑๗๖
ตําบลสุเทพ อําเภอเมืองเชียงใหม จังหวัดเชียงใหม ใหแกนาง ม. เม่ือวันท่ี ๑๗ สิงหาคม ๒๕๑๓
โดยไมไดตรวจสอบตําแหนงท่ีตั้งของท่ีดินตามหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑)
เลขที่ ๑๗๖ ท่ีนาง ม. นํามาเปนหลักฐานในการออก น.ส. ๓ เม่ือนาง ม. ไดจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมขายใหแกนาย ท. แลวตอมา น.ส. ๓ ดังกลาวถูกเพิกถอน จึงเปนเหตุใหนาย ท.
ซง่ึ เปน ผูถอื สิทธคิ รอบครองทด่ี นิ ตาม น.ส. ๓ ดังกลา ว อยูในเวลาทีถ่ ูกเพิกถอน ไดรับความเสียหาย
และเมื่อเปนความเสียหายจากการกระทําละเมิดที่เกิดจากการปฏิบัติหนาท่ีของเจาหนาท่ีของ
ผูฟองคดี ผูฟองคดีซ่ึงเปนหนวยงานของรัฐจึงตองรับผิดตอนาย ท. ในผลแหงละเมิดที่เจาหนาท่ี
ของตนไดกระทําในการปฏิบัติหนาที่ตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ และเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๘ ผูฟองคดีไดชําระเงินตามคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดแลว
ตอมา กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางมีหนังสือลงวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ แจงผลการพิจารณา

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๗๕

ความรบั ผดิ ทางละเมดิ ของเจาหนาทว่ี า พฤติการณของนาย พ. ถือไดวาเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง จึงใหนาย พ. รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๖๐ ของคาเสียหาย
ผูฟองคดีเห็นวา กรณีดังกลาวเปนกรณีท่ีหนวยงานของรัฐเห็นวาเจาหนาที่ผูนั้นไมตองรับผิด
แตกระทรวงการคลังตรวจสอบแลวเห็นวาตองรับผิด สิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนน้ันจึงมีกําหนด
อายุความหน่ึงปนับแตวันท่ีหนวยงานของรัฐมีคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ตามมาตรา ๑๐
วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว แตขอเท็จจริงปรากฏวานาย พ. ถึงแกความตายแลว
เม่ือวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๑ ผูฟองคดีจึงมีคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลังไปถึง
ผูถูกฟองคดที ่ี ๑ ถงึ ที่ ๕ ในฐานะทายาทโดยธรรมผมู ีสทิ ธิรบั มรดกของนาย พ. ตามหนังสือลงวันที่
๒ กันยายน ๒๕๕๙ ผูถูกฟองคดีทั้งหาไดรับหนังสือแลวแตเพิกเฉย ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท้ังหารวมกันชดใชคาสินไหมทดแทน จํานวน
๕,๔๙๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันถัดจากวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ
แกผูฟองคดี ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด พิเคราะหแลว
เห็นวา มาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ มีเจตนารมณ
ท่ีจะใหใชบังคบั กับกรณีท่ีหนว ยงานของรฐั ซ่ึงตอ งรบั ผดิ ใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพ่ือการละเมิด
ของเจาหนาที่ ใชสิทธิเรียกรองใหเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแก
ตนเทานั้น กรณีที่หนวยงานของรัฐซ่ึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายเพ่ือการละเมิด
ของเจาหนาท่ี ใชสิทธเิ รยี กรอ งใหทายาทของเจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว
ใหแกตนตองอยูในบังคับของมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ที่บัญญัติวา ภายใตบังคับแหงมาตรา ๑๙๓/๒๗ แหงประมวลกฎหมายนี้ ถาสิทธิเรียกรองของเจาหนี้
อันมีตอเจามรดกมีกําหนดอายุความยาวกวาหนึ่งป มิใหเจาหน้ีนั้นฟองรองเม่ือพนกําหนดหน่ึงป
นับแตเม่ือเจาหน้ีไดรู หรือควรไดรูถึงความตายของเจามรดก และวรรคสี่ ที่บัญญัติวา ถึงอยางไรก็ดี
สิทธิเรียกรองตามที่วามาในวรรคกอนๆ น้ัน มิใหฟองรองเมื่อพนกําหนดสิบปนับแตเม่ือเจามรดกตาย
เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา นาย พ. ซ่ึงเปนเจาหนาท่ีผูกระทําละเมิดไดถึงแกความตายต้ังแตวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๔๑ การท่ีผูฟองคดีนําคดีมาฟองผูถูกฟองคดีทั้งหาในฐานะทายาทผูมีสิทธิรับมรดก
ของนาย พ. ตอศาลปกครองช้ันตนเม่ือวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ จึงเปนการฟองคดีเมื่อพนกําหนด
อายุความสิบปนับแตวันท่ีนาย พ. เจามรดกถึงแกความตายตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสี่ แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย ศาลปกครองจึงไมอาจรับคําฟองน้ีไวพิจารณาพิพากษาได ที่ผูฟองคดี
อุทธรณวา สิทธิของผูฟองคดีจะไดรับการชดใชคาสินไหมทดแทนจากทายาทของนาย พ. เพ่ิงเกิดขึ้น
เมื่อผูฟองคดีทราบถึงตัวผูกระทําความผิดและจํานวนคาสินไหมทดแทนท่ีแนนอน เมื่อผูฟองคดี
ไดใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนโดยมีคําสั่งตามความเห็นของกระทรวงการคลังเม่ือวันท่ี
๒ กันยายน ๒๕๕๙ ผูฟองคดีจึงมีสิทธิฟองคดีภายในหน่ึงปนับแตวันดังกลาว นั้น แมกรมบัญชีกลาง
จะถือพฤติการณของนาย พ. เปนกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงในการออกหนังสือ
รับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) จึงใหนาย พ. รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๖๐
ของคาเสียหายจํานวน ๙,๑๕๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๕,๔๙๐ บาท ตามนัยมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๗๖

ความรบั ผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ กต็ าม แตค ดีนี้มิใชกรณีท่ีนาย พ. กระทําละเมิด
ตอผูฟองคดี ซึ่งกฎหมายกําหนดสิทธิเรียกคาสินไหมทดแทนจากนาย พ. ใหมีกําหนดอายุความสองป
นับแตวันที่ผูฟองคดีรูถึงการละเมิดและรูตัววานาย พ. จะพึงตองใชคาสินไหมทดแทน หรือกรณีท่ี
ผฟู องคดเี หน็ วานาย พ. ไมตองรับผิดแตกระทรวงการคลังตรวจสอบแลวเห็นวาตองรับผิด ใหสิทธิ
เรียกรองคาสินไหมทดแทนนั้นมีกําหนดอายุความหน่ึงปนับแตวันท่ีผูฟองคดีมีคําสั่งตามความเห็น
ของกระทรวงการคลัง ตามมาตรา ๑๐ แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแตอยางใด ท่ีศาลปกครองชั้นตน
มคี าํ ส่งั ไมร ับคาํ ฟอ งนี้ไวพจิ ารณาและจาํ หนา ยคดีออกจากสารบบความกบั คืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมด
แกผ ูฟอ งคดี นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพอ งดวย

จงึ มคี าํ ส่งั ยนื ตามคาํ สัง่ ของศาลปกครองช้นั ตน
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๐๓/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เงื่อนไขการฟอ งคดี หนา ๑๖๓
คําสั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๑๑๙/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเดน็ เง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๖๖
คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๒๑๖/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเดน็ เงอ่ื นไขการฟอ งคดี หนา ๑๖๙
คาํ สง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๒๑๗/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเดน็ เงอ่ื นไขการฟอ งคดี หนา ๑๗๐
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๒๗๗/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ)

ผูฟองคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา สืบเน่ืองจากกรณีท่ีนาย ป. ฟองผูฟองคดี
ตอศาลปกครองนครศรีธรรมราช ขอใหเพิกถอนคําส่ังอธิบดีกรมท่ีดินท่ีเพิกถอนหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๖๘๒ ตําบลรมณีย อําเภอกะปง จังหวัดพังงา ของนาย ป.
และใหผฟู องคดชี ดใชค า สินไหมทดแทน ตอมา ศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่
อ.๓๐๙/๒๕๕๘ ใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายพรอมดอกเบ้ีย ผูฟองคดีจึงชําระเงินตามคําพิพากษา
ศาลปกครองสูงสุดตามใบรับเงินลงวันท่ี ๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ จากนั้น จังหวัดพังงาและกรมการปกครอง
ไดมีคาํ ส่ังแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เพื่อหาตัวผูตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนแกทางราชการ ซึ่งคณะกรรมการดังกลาวเห็นวามีเจาหนาท่ีที่เก่ียวของกับ
การออก น.ส. ๓ ก. จํานวน ๔ ราย จึงเห็นควรใหนาย จ. ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ที่ ๖ และนาย ร.
รับผดิ ชดใชค า สนิ ไหมทดแทนใหแกผ ฟู องคดี คนละรอยละ ๒๕ เปนเงินจํานวน ๑๑๗,๒๖๘.๕๔ บาท
ซ่ึงผูวาราชการจังหวัดพังงาพิจารณาแลวลงนามเห็นชอบกับความเห็นของคณะกรรมการดังกลาว
เมื่อวันท่ี ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ และมีหนังสือรายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดมายัง
ผูฟองคดีและกรมบัญชีกลาง ผูฟองคดีพิจารณาแลวเห็นวา จากการตรวจสอบขอมูลทะเบียนราษฎร
ของผูตองรับผิดท้ังสี่ราย พบวา นาย จ. ไดถึงแกความตายเม่ือวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๔ มีทายาท
ซ่ึงยังมชี ีวิต คือ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ถึงท่ี ๕ และนาย ร. ไดถึงแกความตายเม่ือวันท่ี ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๙
มีทายาทซ่ึงยังมีชีวิต คือ ผูถูกฟองคดีที่ ๗ ถึงที่ ๑๐ ผูฟองคดีโดยอธิบดีกรมที่ดินจึงออกคําสั่ง
ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ ใหผูถูกฟองคดีท้ังสิบชําระคาสินไหมทดแทน แตผูถูกฟองคดีทั้งสิบ
ไมนําเงินมาชําระภายในกําหนดเวลา ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ัง

แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๗๗

ใหผูถูกฟองคดีท้ังสิบรวมกันหรือแทนกันชําระเงินคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี จํานวน
๔๖๙,๐๗๔.๑๗ บาท พรอมดอกเบี้ยของเงินจํานวนดังกลาวในอัตรารอยละเจ็ดครึ่งตอป
นับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ ศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังไมรับคําฟอง
ของผูฟองคดีในสวนท่ีฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ ถึงที่ ๕ และท่ี ๗ ถึงที่ ๑๐ ไวพิจารณา ผูฟองคดี
ยื่นอทุ ธรณค ําสง่ั ดังกลา ว

ศาลปกครองสูงสุดโดยท่ีประชุมใหญวินิจฉัยวา เมื่อขอเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏวา
ผูฟ อ งคดีในฐานะหนวยงานของรฐั ไดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายในผลแหงการกระทําละเมิด
ของเจาหนาที่ตอบุคคลภายนอกตามมาตรา ๕ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ดังน้ัน ผูฟองคดีจึงมีสิทธิเรียกรองใหนาย จ. ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ผูถูกฟองคดีที่ ๖ และนาย ร. ในฐานะเจาหนาท่ีผูกระทําละเมิด ชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว
ใหแกผูฟองคดีตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน โดยผูฟองคดีจะตองใชสิทธิ
เรยี กรอ งภายในกําหนดอายคุ วามหนงึ่ ปนบั แตว ันท่ีผูฟ อ งคดไี ดใ ชค าสินไหมทดแทนใหแกผูเสียหาย
ตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อปรากฏขอเท็จจริงวานาย จ. ไดถึงแกความตาย
เม่ือวันท่ี ๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๔ และนาย ร. ไดถึงแกความตายเมื่อวันท่ี ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๙
การทผี่ ูฟองคดีไดใชสิทธิฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ถึงที่ ๕ ซ่ึงเปนทายาทของนาย จ. และผูถูกฟองคดีท่ี ๗
ถงึ ท่ี ๑๐ ซ่ึงเปนทายาทของนาย ร. ตอศาลโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนเม่ือวันท่ี ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙
จงึ เปนการฟอ งคดเี ม่ือพนกาํ หนดอายุความสิบปนับแตวันท่ีนาย จ. และนาย ร. ไดถึงแกความตาย
ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสี่ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และโดยท่ีการฟองคดีน้ีเปนคดี
ที่ผูฟองคดีประสงคจะเรียกรองเงินคาสินไหมทดแทนจากผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ถึงที่ ๕ และท่ี ๗ ถึงที่ ๑๐
การฟอ งคดีนีจ้ งึ เปนประโยชนเฉพาะแกผูฟองคดีโดยตรง มิไดเปนการฟองคดีที่เก่ียวกับการคุมครอง
ประโยชนสาธารณะหรือสถานะของบุคคล และมิใชคดีท่ีจะเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุ
จําเปนอื่นตามมาตรา ๕๒ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ และขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบ
ของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่ศาลปกครองจะรับไวพิจารณา
พพิ ากษาหรอื มีคําส่ังตอไปได ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดีในสวนท่ีฟอง
ผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๒ ถึงท่ี ๕ และที่ ๗ ถึงที่ ๑๐ ไวพ จิ ารณา นั้น ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพอ งดวย

จงึ มีคาํ สัง่ ยนื ตามคําสง่ั ของศาลปกครองช้ันตน
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๒๖/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๗๒
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๓๘/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อางแลวในประเด็นเง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๗๔
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๑๑๙/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อางแลวในประเดน็ เงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๖๖
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๑๖/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเดน็ เงือ่ นไขการฟอ งคดี หนา ๑๖๙
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๑๗/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเด็นเงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๗๐
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๒๗๗/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อางแลว ในประเด็นเงอ่ื นไขการฟองคดี หนา ๑๗๖

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๗๘

คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๒๖/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เงอ่ื นไขการฟองคดี หนา ๑๗๒
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๓๘/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ) อา งแลวในประเด็นเง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๗๔
คําส่งั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๐๗/๒๕๖๓

ผูฟองคดี (กรมท่ีดิน) ฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ี
นาง ก. ไดย่ืนฟองผูฟองคดีตอศาลปกครองนครศรีธรรมราชใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย
สืบเนื่องจากการที่ผูฟองคดีมีคําส่ังลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เพิกถอนโฉนดท่ีดิน
เลขท่ี ๒๐๕๖๙ ตําบลศรีวิชัย อําเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎรธานี ซ่ึงมีช่ือนาง ก. เปนผูถือกรรมสิทธ์ิ
โดยศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษาในคดีหมายเลขแดงท่ี อ. ๔๐๐/๒๕๖๐ ใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกนาง ก. เปน เงินจาํ นวน ๔๑,๑๙๘ บาท พรอมดอกเบีย้ ในอตั รารอยละ ๗.๕ ตอ ป
นบั แตวันฟอ งเปนตนไปจนกวา จะชําระเสร็จ ผูฟองคดีจึงนําเงินจํานวน ๕๔,๗๑๗ บาท ไปวางศาล
เพ่ือชําระหนี้ตามคําพิพากษาดังกลาวเม่ือวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๐ ตอมา ผูฟองคดีไดมีคําส่ัง
ตามหนังสือวันท่ี ๗ กันยายน ๒๕๖๑ ออกคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว
แตผูถูกฟองคดีเพิกเฉย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใช
คาสนิ ไหมทดแทนเปนจาํ นวนเงิน ๙,๔๓๔.๙๐ บาท พรอ มดอกเบ้ียผดิ นดั นับแตว ันท่ี ๒๗ กันยายน ๒๕๖๑
จนถึงวันฟองคดีเปนเงินจํานวน ๖๖๘.๘๔ บาท รวมเปนเงิน ๑๐,๑๐๓.๗๔ บาท และใหชําระ
ดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ของตนเงินจํานวน ๙,๔๓๔.๙๐ บาท นับแตวันฟองคดีเปนตนไป
จนกวา จะชําระเสร็จ

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษา
เปนคดีหมายเลขแดงที่ อ. ๔๐๐/๒๕๖๐ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกนาง ก.
เปนเงินจํานวน ๔๑,๑๙๘ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันฟองเปนตนไป
จนกวาจะชําระเสร็จ ผูฟองคดีจึงไดนําเงินจํานวน ๕๔,๗๑๗ บาท ไปวางศาลเพื่อชําระหนี้
ตามคําพิพากษาดงั กลา วเมอ่ื วันท่ี ๘ กนั ยายน ๒๕๖๐ ผูฟอ งคดจี ึงตอ งใชสิทธิไลเบ้ียใหผูถูกฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกตนภายในกําหนดอายุความหน่ึงปนับแตวันดังกลาวตามมาตรา ๙
แหง พ.ร.บ. ความรับผดิ ทางละเมิดของเจา หนาที่ พ.ศ.๒๕๓๙ คือ ภายในวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๑
เมื่อผูฟองคดีมีคําส่ังลงวันท่ี ๗ กันยายน ๒๕๖๑ ใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน
๙,๔๓๔.๙๐ บาท ซึ่งเปนกรณีท่ีผูฟองคดีใชอํานาจออกคําส่ังใหเจาหนาท่ีผูทําละเมิดชําระเงิน
ภายในเวลาที่กําหนดตามมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อผูถูกฟองคดีไดรับแจงคําสั่ง
ดังกลาวเม่ือวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ คําส่ังดังกลาวจึงมีผลตามกฎหมายใชยันตอผูถูกฟองคดี
ต้ังแตวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๔๒ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ฉะน้ัน การใชสิทธิไลเบ้ียของผูฟองคดีจึงเปนการใชสิทธิเมื่อพนกําหนดอายุความ
ตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว และ
ไมเปนกรณีที่ทําใหอายุความสะดุดหยุดลงแตอยางใด ดังนั้น การที่ผูฟองคดีนําคดีมาฟองตอศาล
เม่ือวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๒ จึงเปนการยื่นฟองเมื่อพนกําหนดเวลาหน่ึงปนับแตวันท่ีผูฟองคดี

แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๗๙

ไดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูเสียหายตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ศาลจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณาพิพากษาได
ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ
และคืนคา ธรรมเนยี มศาลท้งั หมดใหแ กผ ูฟ องคดี นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พอ งดวย

จงึ มีคําส่งั ยืนตามคาํ สั่งของศาลปกครองชนั้ ตน
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๑๒๗/๒๕๖๓

ผูฟองคดี (กรมท่ีดิน) ฟองวา สืบเนื่องจากนาง พ. ไดยื่นฟองผูฟองคดีและ
กรมการปกครองเปนผูถูกฟองคดี ตอศาลปกครองขอนแกน ในกรณีที่ผูฟองคดีไดมีคําสั่งใหเพิกถอน
น.ส. ๓ ก. ท่ีนาง พ. เปนผูครอบครองอยู ขอใหศาลมีคําพพิ ากษาใหผ ฟู องคดีและกรมการปกครอง
รวมกันหรือแทนกันชําระคาเสียหายเปนจํานวนเงินท้ังส้ิน ๑,๙๐๑,๖๗๗.๑๕ บาท พรอมดอกเบี้ย
ผวู า ราชการจังหวัดอุดรธานีจึงมีคําส่ังแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
และไดเห็นชอบกับความเห็นของคณะกรรมการดังกลาววา นาย ช. เจาหนาท่ีบริหารงานท่ีดิน
อําเภอโนนสะอาด ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเต็มตามจํานวนที่รัฐตองรับผิดตอนาง พ.
พรอมกับสงสํานวนการสอบสวนใหกระทรวงการคลังพิจารณา สวนคดีที่นาง พ. ไดยื่นฟอง
ผูฟองคดีและกรมการปกครองตอศาลปกครองขอนแกนน้ัน ศาลปกครองสูงสุดไดมีคําพิพากษา
เปนคดีหมายเลขแดงท่ี อ. ๒๓๖/๒๕๕๑ พิพากษาใหผูฟองคดีและกรมการปกครองรวมกันชดใช
คา เสียหายใหแกนาง พ. ผูฟอ งคดีจึงไดนาํ เงนิ คาเสยี หายตามคําพิพากษาดังกลาวและดอกเบ้ียรวม
เปนเงินทั้งส้ิน ๗๙๗,๑๖๗.๙๕ บาท ไปชําระใหแกนาง พ. แลวเม่ือวันท่ี ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ตอมา ผูฟองคดีไดมีคําสั่งตามหนังสือลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๒ แจงใหนาย ช. นําเงินจํานวน
๗๙๗,๑๖๗.๙๕ บาท มาชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีตามคําวินิจฉัยของผูวาราชการ
จังหวัดอุดรธานี ภายใน ๓๐ วัน นับแตวันท่ีไดรับหนังสือ แตนาย ช. ไมไดนําเงินมาชดใชใหแก
ผูฟองคดีแตอยางใด หลังจากนั้น จังหวัดอุดรธานีมีหนังสือลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๓ แจงผล
การพิจารณาจากกรมบัญชีกลางใหผูฟองคดีทราบวา นาย ช. ตองรับผิดชดใชคาเสียหายตามที่
ผูฟองคดีไดนําเงินไปวางศาล ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ แจงเตือนให
นาย ช. นําเงินจํานวน ๗๙๗,๑๖๗.๙๕ บาท พรอมดอกเบี้ยผิดนัดชําระหนี้ตามกฎหมายมาชําระ
เปนคาสนิ ไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี แตปรากฏวานาย ช. เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒
ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ จํานวน ๕ ฉบับ เรียกใหผูถูกฟองคดีทั้งหาในฐานะทายาทโดยธรรม
ของนาย ช. นําเงินคาสินไหมทดแทนมาชําระใหแกผูฟองคดีภายใน ๗ วันนับแตวันที่ไดรับหนังสือ
แตผูถูกฟองคดีท้ังหามิไดนําเงินมาชําระใหแกผูฟองคดีแตอยางใด ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศ าลมคี ําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท้ังหารวมกันหรือแทนกันชําระคาสินไหมทดแทน
จํานวน ๗๙๗,๑๖๗.๙๕ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันฟองจนกวา
จะชาํ ระเสร็จใหแ กผ ูฟอ งคดี

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูฟองคดีไดนําเงินคาเสียหายตามคําพิพากษา

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๘๐

ของศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๒๓๖/๒๕๕๑ พรอมดอกเบยี้ เฉพาะในสวนท่ีเก่ียวกับนาย ช. เจาหนาที่
ในสังกดั ของผฟู อ งคดี ไปชําระใหแกนาง พ. แลว เม่ือวันท่ี ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ จึงเปนกรณีท่ี
ผูฟอ งคดีตอ งรับผิดชดใชค า เสียหายใหแ กบุคคลภายนอกในความเสียหายท่ีเกิดข้ึนจากการปฏิบัติหนาท่ี
ของนาย ช. เจา หนา ทีผ่ กู ระทําละเมิด ผูฟอ งคดจี ึงมสี ทิ ธิเรยี กใหนาย ช. ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแก
ตนได อันเปนการใชสิทธิเรียกรองเพ่ือบังคับชําระหน้ีดวยการไลเบี้ยกับเจาหนาท่ีตามมาตรา ๘
วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ภายในหนึ่งปนับแต
วันดงั กลาวตามมาตรา ๙ แหง พระราชบัญญัติดังกลาว อยางไรก็ดี โดยท่ีผูฟองคดีไดอาศัยอํานาจ
ตามมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน มีคําสั่งตามหนังสือลงวันท่ี ๑๐ กันยายน ๒๕๕๒
เรียกใหนาย ช. ชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๗๙๗,๑๖๗.๙๕ บาท
ภายใน ๓๐ วัน นับแตวันท่ีไดรับหนังสือ ซึ่งคําส่ังดังกลาวถือเปนการกระทําการอื่นใดอันมีผล
เปนอยางเดียวกันกับการฟองคดี ตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย จึงมีผลทําใหอายุความสะดุดหยุดลงในวันท่ีนาย ช. ไดรับแจงคําสั่งดังกลาว
เม่ืออายุความสะดุดหยุดลงแลว ระยะเวลาที่ลวงไปกอนนั้นไมนับเขาในอายุความ และเม่ือเหตุท่ี
ทําใหอายุความสะดุดหยุดลงส้ินสุดเวลาใดใหเริ่มนับอายุความใหมต้ังแตเวลาน้ัน ตามมาตรา
๑๙๓/๑๕ แหงประมวลกฎหมายเดียวกัน ซึ่งนาย ช. ไดรับแจงคําส่ังดังกลาวเม่ือวันท่ี
๑๖ กันยายน ๒๕๕๒ จึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๒
เม่ือนาย ช. มิไดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายในกําหนดเวลาดังกลาว จึงตองเร่ิม
นับอายุความใหมต้ังแตวันท่ี ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ แตผูฟองคดีไมไดใชสิทธิฟองคดีตอศาล
ภายในหน่ึงปนับแตวันดังกลาว อายุความฟองคดีเพ่ือเรียกให นาย ช. ชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดีจึงขาดอายุความแลวตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว แมตอมา
จะปรากฏวา นาย ช. ไดถึงแกความตายเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โดยผูฟองคดีไดรูถึง
ความตายของนาย ช. เม่ือวันท่ี ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ และไดนําคดีมาฟองผูถูกฟองคดีทั้งหา
ซึ่งเปนทายาทโดยธรรมของ นาย ช. ตอศาลปกครองเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ ซ่ึงอยู
ภายในระยะเวลาหน่ึงปนับแตไดรูถึงความตายของ นาย ช. ตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยก็ตาม แตก็เปนการนําคดีมาฟองเกินหน่ึงปนับแตวันท่ีไดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูเสียหายแลว ศาลจึงไมอาจรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณาได
ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําส่ังไมรับคําฟองน้ีไวพิจารณาและจําหนายคดีออกจากสารบบความ
กับใหคนื คา ธรรมเนียมศาลท้ังหมดแกผฟู อ งคดี นัน้ ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพอ งดวย

จึงมคี าํ สั่งยืนตามคําส่งั ของศาลปกครองชั้นตน
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๑๕๓/๒๕๖๓

ผูฟองคดี (กรมที่ดิน) ฟองวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนภรรยาโดยชอบดวยกฎหมาย
และเปนผูจัดการมรดกของนาย จ. (ผูตาย) สวนผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เปนบุตรของผูตาย เดิมผูตาย
เคยรับราชการในตําแหนงเจาหนาที่ท่ีดิน ๔ สํานักงานท่ีดินอําเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแกน

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๘๑

มีหนาที่รับคําขอออก น.ส. ๓ ก. การแบงแยกรวมสอบเขต ตรวจสอบเนื้อท่ี รวมถึงการออกไป
ทําการรังวัดตามท่ีไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชา มูลคดีนี้เกิดจากนาย ส. ไดย่ืนฟองผูฟองคดี
ตอ ศาลปกครองช้นั ตน (ศาลปกครองขอนแกน) ในคดีหมายเลขแดงท่ี ๔๑/๒๕๔๗ วา นาย ส. เปนผูรับ
จํานองท่ีดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๒๐๙๑ ตําบลเขาสวนกวาง
อําเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแกน จากนาย ข. ผูจํานอง ตอมา นาย ข. ไมชําระหนี้ นาย ส.
จึงฟองนาย ข. ตอศาลจังหวัดขอนแกน และศาลจังหวัดขอนแกนมีคําพิพากษาใหนาย ข. ชําระหนี้
เงินกู แตนาย ข. มิไดชําระหน้ีตามคําพิพากษาดังกลาว นาย ส. จึงขอใหศาลออกหมายบังคับคดี
ยึดทรัพยเพ่ือนําออกขายทอดตลาด แตทรัพยสินของนาย ข. ไมอาจทําการยึดเพื่อนําออก
ขายทอดตลาดได เน่ืองจากผูฟองคดี (กรมที่ดิน) ไดออกคําส่ังอายัดที่ดินพิพาท และสั่งเพิกถอน
น.ส. ๓ ก. ที่พิพาท นาย ส. เห็นวา เจาหนาท่ีในสังกัดของผูฟองคดีไดกระทําละเมิดในการปฏิบัติ
หนาท่ีในการออก น.ส. ๓ ก. ท่ีพิพาท จึงฟองคดีตอศาลปกครองช้ันตน ขอใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๖๐๐,๐๐๐ บาท ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายแกนาย ส.
เปนเงินจํานวน ๘๑๓,๖๒๕ บาท พรอมดอกเบ้ียรอยละ ๗.๕ ในตนเงิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท นับแต
วันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ ตอมา ศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่
อ. ๒๐๐/๒๕๕๒ พิพากษาแกคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน เปนใหผูฟองคดีชําระเงินคาสินไหม
ทดแทนจํานวนเงิน ๖๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันที่ ๓ กรกฎาคม
๒๕๔๕ เปน ตน ไปจนกวาจะชําระเสร็จ ผูฟองคดีไดนําเงินจํานวน ๙๓๓,๐๐๐ บาท ไปวางศาลปกครอง
ชัน้ ตน ครบถว นตามคําพิพากษาแลว ผูฟองคดีโดยผูวาราชการจังหวัดขอนแกนจึงไดออกคําส่ังแตงตั้ง
คณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เพ่ือสอบสวนขอเท็จจริงหาผูรับผิดที่กระทํา
ละเมิดตอผูฟองคดีเปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย ซ่ึงคณะกรรมการดังกลาวไดพิจารณาแลว
เห็นวา นาย จ. เปน ผรู งั วดั และรบั คําขอออกหนงั สือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ที่พิพาท ใหแก
นาย ข. เม่ือวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๔๐ โดยไมชอบดวยกฎหมาย จึงตองรับผิดเก่ียวกับการออก น.ส. ๓
ก. ที่พิพาท ผูฟองคดีโดยผูวาราชการจังหวัดขอนแกนไดรายงานผลการสอบสวนขอเท็จจริงความรับ
ผิดทางละเมิดใหกรมบัญชีกลางพิจารณาแลว และกรมบัญชีกลางเห็นสมควรใหผูฟองคดี
ไลเบี้ยเอาจากเจาหนาที่ท่ีเกี่ยวของ โดยใหนาย จ. รับผิดชดใชคาเสียหายรอยละ ๗๐ ของเงินจํานวน
๙๓๓,๐๐๐ บาท เปนเงินจํานวน ๖๕๓,๑๐๐ บาท ตามมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แตขอเท็จจริงปรากฏวานาย จ. ไดเสียชีวิตแลว จึงใหผูฟองคดีใชสิทธิ
เรียกรองกับทายาทของนาย จ. ในฐานะผูรับมรดกตอไป ผูฟองคดีไดแจงใหผูถูกฟองคดีท้ังสองในฐานะ
ทายาทโดยธรรมของผตู าย นําเงนิ มาชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๖๕๓,๑๐๐
บาท ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับหนังสือลงวันท่ี ๘ กันยายน ๒๕๕๓ ผูถูกฟองคดีท้ังสองไดรับ
หนังสือดังกลาวเม่ือวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๓ แตมิไดชําระคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกันหรือแทนกัน
ชําระเงินคาสินไหมทดแทนจํานวน ๖๖๕,๕๘๐.๔๗ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
ของตนเงิน ๖๕๓,๑๐๐ บาท นับถัดจากวันฟองจนกวาชําระเงินเสร็จใหแกผูฟองคดี เห็นวา การที่

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๘๒

นาย จ. ดําเนินการรับคําขอออก น.ส. ๓ ก. ที่พิพาทและดําเนินการรังวัดที่ดินตามหลักฐาน ส.ค. ๑
เลขที่ ๑๖๗ หมูท่ี ๕ ตําบลเขาสวนกวาง อําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแกน จนมีการออกหนังสือรับรอง
การทําประโยชนท่ีพิพาทใหแกนาย ข. โดยไมไดตรวจสอบใหชัดเจนกอนวาเปน ส.ค. ๑
ท่ีไดมีการออก น.ส. ๓ ก. แลว และที่ดินต้ังอยูตางทองท่ีกับ น.ส. ๓ ก. ท่ีพิพาท จนกระท่ังอธิบดี
กรมท่ีดินไดออกคําส่ังลงวันท่ี ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๕ เพิกถอน น.ส. ๓ ก. ที่พิพาทอันเปนเหตุให
นาย ส. ผรู ับจํานองทีด่ นิ ทพ่ี ิพาทไดร ับความเสยี หายโดยไมสามารถบังคับจาํ นองกับทรัพยหลักประกันได
จึงเปนการกระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่ตอนาย ส. ซึ่งเปนบุคคลภายนอก เม่ือผูฟองคดีไดชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกนาย ส. ผูไดรับความเสียหายตามคําพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด
คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๒๐๐/๒๕๕๒ แลว จึงชอบใชสิทธิไลเบ้ียใหนาย จ. เจาหนาท่ีผูทําละเมิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนคืนภายในอายุความหน่ึงปนับแตวันที่ผูฟองคดีไดใชคาสินไหมทดแทนนั้น
แกผูเสียหาย ทั้งนี้ ตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
แตเนื่องจากนาย จ. เจาหนาท่ีผูทําละเมิดถึงแกความตายไปกอนแลวตั้งแตวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๔๘
ความรับผิดของนาย จ. ท่ีจะตองชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีจึงเปนมรดกตกทอด
แกทายาท คือ ผูถูกฟองคดีท้ังสองตามมาตรา ๑๕๙๙ และมาตรา ๑๖๐๐ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณชิ ย และสทิ ธเิ รียกรอ งไลเบย้ี ดงั กลาวมใิ ชสิทธิเรียกรองที่มีอายุความยาวกวาหน่ึงปจึงไมอยูใน
บังคับของอายุความมรดกตามมาตรา ๑๗๕๔ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายดังกลาว การใชสิทธิ
เรียกรองกรณีน้ีจึงตองใชสิทธิเรียกรองภายในอายุความหน่ึงปนับแตวันท่ีไดมีการใชเงินใหกับ
บุคคลภายนอกผูไดรับความเสียหาย ตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือผูฟองคดีไดชําระคาสินไหมทดแทนจากการเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน
ท่ีพิพาทใหแกนาย ส. ผูเสียหายตามคําพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขแดงที่
อ. ๒๐๐/๒๕๕๒ เมื่อวันท่ี ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ผูฟองคดีจึงตองใชสิทธิเรียกรองใหผูถูกฟองคดี
ทง้ั สองในฐานะทายาทของนาย จ. ชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวภายในอายุความหน่ึงปนับแตที่ไดมี
การชําระเงินดังกลาวตามมาตรา ๙ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ซ่ึงจะครบกําหนดภายในวันท่ี ๒๓
พฤศจิกายน ๒๕๕๓ โดยท่ีผูถูกฟองคดีท้ังสองมิไดอยูในฐานะเปนเจาหนาที่ ผูฟองคดีจึงไมอาจใชสิทธิ
เรียกรองดังกลาวโดยการมีคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีทั้งสองชดใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๒
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ดังนั้น การท่ีผูฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๘ กันยายน ๒๕๕๓ แจงให
ผูถูกฟองคดีท้ังสองในฐานะทายาทโดยธรรมของนาย จ. รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนรอยละ ๗๐
ของเงินจํานวน ๙๓๓,๐๐๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๖๕๓,๑๐๐ บาท ใหแกผูฟองคดี จึงมิใชเปนการ
ใชอํานาจตามกฎหมาย หนังสือดังกลาวจึงมิใชคําส่ังทางปกครองที่ใชบังคับกับผูถูกฟองคดีทั้งสองได
และไมมีผลทําใหอายุความสะดุดหยุดลง ตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แหงประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย ผฟู อ งคดจี งึ ตองใชส ิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนโดยการฟองคดีตอศาลภายในหน่ึงปนับแต
วนั ท่ไี ดมีการชดใชค าสินไหมทดแทนใหแกนาย ส. ซ่ึงครบกําหนดภายในวันท่ี ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
ดังนั้น การท่ีผูฟองคดีย่ืนฟองคดีนี้ตอศาล เมื่อวันท่ี ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ จึงเปนการย่ืนฟอง
เม่ือพนระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๘๓

พ.ศ. ๒๕๓๙ และปญหาการใชสิทธิเรียกรองภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนดหรือไม เปนปญหา
ขอกฎหมายอันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชน แมไมมีคูกรณีฝายใดยกข้ึนอาง
ศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจยกข้ึนวินิจฉัยไดตามขอ ๙๒ ประกอบกับขอ ๑๑๖ แหงระเบียบของ
ท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษายกฟอง น้ัน
ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวยในผล

พพิ ากษายนื
คําส่ังศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๙๔/๒๕๖๓

ผูฟ อ งคดี (กรมศลุ กากร) ฟอ งวา คดีน้ีมูลเหตุสืบเน่ืองมาจากมีผูใชนามรมโพธ์ิ ๔๐
รองเรียนตอนายกรัฐมนตรีวามีผูสงออกจํานวน ๒๒ ราย ทุจริตในการขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
สินคาขาออก รวมท้ังบริษัท อ. ผูฟองคดี จึงไดมีคําส่ังแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดกรณีดังกลาว คณะกรรมการฯ เห็นวา นาย พ. และเจาหนาท่ีท่ีเก่ียวของ
ไมไดปฏิบัติหนาท่ีดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง จึงไมตองรับผิดตอความเสียหาย
ท่ีเกิดขึ้นตอผูฟองคดี ตอมา ฝายวินัย สวนจรรยาบรรณและวินัย สํานักบริหารและพัฒนาบุคคล
รายงานผลการสอบสวนตอผูฟองคดีโดยเห็นวา กรณีบริษัท อ. ทุจริตในการขอรับเงินชดเชย
คาภาษอี ากร น้ัน ความเสียหายดังกลาวอยูในขั้นตอนการตรวจปลอยสินคาซึ่งมีเจาหนาที่ที่ตองรับผิด
คอื นายตรวจศุลกากรและศลุ การักษผทู ําการตรวจปลอ ยและควบคมุ การบรรจุสินคาเขาตคู อนเทนเนอร
โดยนาย พ. นายตรวจศุลกากร มิไดใชความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาที่จนเปนเหตุใหเกิด
ความเสียหายแกท างราชการ ถอื เปน การกระทําโดยประมาทเลินเลอ อยางรา ยแรง จึงตองรว มรบั ผิดชดใช
คาสินไหมทดแทน รวมเปนเงินทั้งสิ้น ๑๒,๘๗๐.๓๓ บาท ตอมา กรมบัญชีกลางผูรับมอบอํานาจ
จากกระทรวงการคลงั แจงผลการพจิ ารณาความรบั ผิดทางละเมิดของเจา หนาที่ใหผ ฟู องคดีทราบ ผู
ฟองคดีจึงไดมีคําสั่งเรียกใหนาย พ. รับผิดชดใชคาเสียหายเปนเงิน ๑๒,๘๗๐.๓๓ บาท หลังจากนั้น ผู
ฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๐ แจงใหนาย พ. ชดใชคาสินไหมทดแทน
จํานวนดังกลาวภายใน ๑๕ วัน นับแตวันไดรับแจงคําสั่ง นาย พ. ทราบคําสั่งเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๐
แตกลับเพิกเฉย ตอมา ผูฟองคดีทราบวานาย พ. ไดถึงแกความตายเม่ือวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘
ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ และหนังสือลงวันท่ี ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘
แจงผูถูกฟองคดีทั้งสอง ซึ่งเปนทายาทโดยธรรมและเปนผูมีสิทธิไดรับมรดกของนาย พ.
ใหชําระเงินคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีท้ังสองเพิกเฉย และโดยท่ีนาย พ.
ผิดนัดชําระหนี้ตั้งแตวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๐ เปนตนไป ผูถูกฟองคดีท้ังสอง จึงตองรวมกัน
หรือแทนกันรับผิดชําระหน้ีเงินตนเปนเงิน ๑๒,๘๗๐.๓๓ บาท พรอมดอกเบ้ีย จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกันชําระเงินจํานวน ๒๑,๗๘๗.๘๘ บาท
พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๑๒,๘๗๐.๓๓ บาท นับแตวันถัดจากวันฟอง
เปน ตนไปจนกวา ผถู กู ฟอ งคดที ้ังสองจะชาํ ระใหแกผฟู อ งคดเี สรจ็ ส้ิน และใหค นื คาธรรมเนยี มศาลท้ังหมด
แกผ ฟู องคดี

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๘๔

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา การท่ีผูฟองคดีมีคําส่ังกรมศุลกากร ลงวันที่
๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๐ ใหนาย พ. ชดใชคาสินไหมทดแทนน้ัน มีลักษณะเปนการกระทําอันมีผล
เปนอยางเดียวกันกับการฟองคดี มีผลทําใหอายุความใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทน
ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
สะดุดหยุดลง มีผลใหระยะเวลาท่ีลวงไปกอนนั้นไมนับเขาในอายุความ และเม่ือเหตุที่ทําให
อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดลงเวลาใดก็ใหเร่ิมนับอายุความใหมต้ังแตเวลานั้น ท้ังน้ี ตามนัยมาตรา
๑๙๓/๑๔ (๕) และมาตรา ๑๙๓/๑๕ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย เมื่อขอเท็จจริง
ปรากฏวา หลังจากที่ผูฟองคดีไดมีคําสั่งกรมศุลกากร ลงวันท่ี ๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๐ ผูฟองคดี
ไดมหี นังสือลงวันท่ี ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๐ แจงใหนาย พ. ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี
ภายในสิบหาวันนับแตวันที่ไดรับหนังสือ เมื่อนาย พ. ไดรับหนังสือเม่ือวันท่ี ๒ มีนาคม ๒๕๕๐
นาย พ. จึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีภายในวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๐ จึงตองถือวา
นาย พ. ไดรับคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนและเพิกเฉยท่ีจะชําระเงินใหแกผูฟองคดี
ภายในกาํ หนดเวลาดังกลาว อายุความการใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนสองปท่ีสะดุดหยุดลง
จึงตองเร่ิมนับใหมต้ังแตวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๐ เปนตนไป ซ่ึงผูฟองคดีชอบท่ีจะใชมาตรการ
บังคับทางปกครอง ตามมาตรา ๕๗ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ตอนาย พ. ได แตถาผูฟองคดีเห็นวาผูฟองคดีซ่ึงเปนหนวยงานทางปกครองมีขอขัดของในการ
บังคบั ใชก ฎหมายในสวนที่เก่ียวกับการบงั คับทางปกครองก็ไมตัดสิทธิผูฟองคดีท่ีจะใชสิทธิทางศาล
กลา วคือ ผฟู องคดชี อบท่ีจะเสนอขอพิพาทตอศาลเพื่อใหบังคับใชกฎหมายสัมฤทธ์ิผลได โดยผูฟองคดี
จะตองนาํ คดีมาย่ืนฟอ งตอ ศาลภายในสองปนบั แตว นั ที่ ๑๘ มนี าคม ๒๕๕๐ ซึ่งครบกําหนดในวันที่
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๒ การท่ีผูฟองคดีนําคดีมาย่ืนฟองตอศาลเม่ือวันท่ี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ จึงเปน
การใชสิทธิเรียกรองตอนาย พ. เมื่อพนกําหนดระยะเวลาสองป ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว และเมื่อผูฟองคดีไมสามารถฟอง
นาย พ. ผูตาย จึงไมสามารถฟองผูถูกฟองคดีทั้งสองซ่ึงเปนทายาทโดยธรรมของนาย พ. ได
แมวาจะไดย่ืนฟองภายในหน่ึงปนับแตวันที่ผูฟองคดีไดทราบถึงการตายของนาย พ. ก็ตาม
ท่ีศาลปกครองชัน้ ตน มีคําสง่ั ไมร บั คําฟอ งคดนี ้ีไวพจิ ารณา ใหจ ําหนา ยคดอี อกจากสารบบความ และ
คืนคาธรรมเนียมศาลทงั้ หมดแกผูฟอ งคดี นน้ั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพอ งดวย

จงึ มคี าํ สง่ั ยนื ตามคําส่งั ของศาลปกครองชั้นตน
คําสัง่ ศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๑๒๑/๒๕๖๓

ผฟู อ งคดี (กรมทีด่ ิน) ฟองวา หนวยตรวจสอบภายในของผูฟองคดีทําการตรวจสอบดาน
การเงิน บัญชี และการจัดเก็บรายไดของสํานักงานท่ีดินอําเภอแวง สํานักงานที่ดินอําเภอจะแนะ
และสํานักงานที่ดินอําเภอเจาะไอรอง จังหวัดนราธิวาส ปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๔ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๕
ในระหวางวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ถึงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๔๕ พบวา มีรายการเงินขาดบัญชี
และนําเงินสงคลังไมครบหลายรายการ ตอมา ผูวาราชการจังหวัดนราธิวาสในฐานะผูรับมอบอํานาจ

แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๘๕

จากผูฟองคดีไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๐ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดกรณีดังกลาว ซ่ึงคณะกรรมการรายงานตอผูวาราชการจังหวัดนราธิวาสวา
ความเสียหายทางการเงินของสํานักงานท่ีดินอําเภอแวง พบวาไมมีการออกใบเสร็จรับเงินจํานวน
๒๑,๘๕๙ บาท มีเจาหนาท่ีท่ีเกี่ยวของท่ีตองรับผิด คือ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เจาหนาท่ีการเงิน
และบัญชี ๔ ตองรับผิดจํานวน ๑๕,๙๓๙.๘๐ บาท และสํานักงานที่ดินอําเภอเจาะไอรอง พบวา
นําเงินคาธรรมเนียมและภาษีอากรสงคลังขาดเปนเงินจํานวน ๗๖๙ บาท โดยมีผูถูกฟองคดีท่ี ๓
เจาหนาท่ีบริหารงานที่ดิน ๕ ตองรับผิดจํานวน ๗๖๙ บาท ผูวาราชการจังหวัดนราธิวาสวินิจฉัย
เห็นชอบกับความเห็นของคณะกรรมการฯ เมื่อวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๒ ผูฟองคดีมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๑ แจงใหจังหวัดนราธิวาสดําเนินการรองทุกขตอพนักงานสอบสวน
เพื่อดําเนินคดีอาญาแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ และมีหนังสือลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๒ สงสํานวน
การสอบสวนไปใหกระทรวงการคลังพิจารณา และเห็นวามูลละเมิดที่เจาหนาท่ีตองรับผิดบางราย
จะครบอายุความสิบป ตามมาตรา ๔๔๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย จึงมีหนังสือ
ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๒ เรียกใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๘,๘๗๘.๘๐ บาท
ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันไดรับหนังสือดังกลาว ตอมา กรมบัญชีกลางมีหนังสือลงวันที่ ๕
สิงหาคม ๒๕๕๒ แจง ผลการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดใหผูฟองคดีทราบวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๒๑,๘๕๙ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตําแหนงปลัดอําเภอรักษาราชการแทนนายอําเภอแวง ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแก
ผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๒,๔๑๖.๕๐ บาท และผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ตําแหนงเจาหนาท่ีบริหารงานท่ีดิน ๕
สํานกั งานท่ีดินอาํ เภอเจาะไอรอง ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน
๗๖๙ บาท ผูฟองคดีจึงมีหนังสือเรียกใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท่ี ๒ และที่ ๓ ชําระคาสินไหมทดแทน
แตผูถูกฟองคดีที่สามเพิกเฉย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังสาม
ชําระคาสินไหมทดแทนพรอมดอกเบ้ีย ศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดี
ในสวนทฟ่ี อ งผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๒ และท่ี ๓ ไวพจิ ารณา ผูฟองคดยี น่ื คาํ รองอุทธรณค ําสง่ั ดังกลา ว

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๒
เรียกใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๒,๔๑๖.๕๐ บาท ภายใน ๑๕ วัน
นับแตวันท่ีไดรับหนังสือแจงคําสั่ง ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดรับทราบคําส่ังเมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ
๒๕๕๓ และมีหนังสือลงวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒ เรียกใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงินจํานวน ๗๖๙ บาท ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันท่ีไดรับหนังสือแจงคําส่ัง ซ่ึงผูถูกฟองคดีที่ ๓
ไดรับทราบคําส่ังเม่ือวันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ น้ัน จะเห็นไดวา ในสวนของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
เปนกรณีที่ผูฟองคดีไดใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนภายในหน่ึงปนับแตวันที่ผูฟองคดี
มีคําส่ังตามความเห็นของกระทรวงการคลังตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ และในสวนของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ เปนกรณีท่ีผูฟองคดีไดใชสิทธิ
เรียกรองคาสินไหมทดแทนภายในสองปนับแตวันท่ีผูฟองคดีรูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาที่
ผูจะพึงตองใชคาสินไหมทดแทน คือ นับแตวันที่ผูวาราชการจังหวัดนราธิวาสซึ่งไดรับมอบอํานาจ

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๘๖

จากผูฟองคดีใหแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไดวินิจฉัยส่ังการ
เหน็ ชอบตามความเหน็ ของคณะกรรมการสอบขอเท็จจรงิ ความรบั ผดิ ทางละเมิดเม่ือวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ
๒๕๕๒ ท้ังน้ี ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว การที่ผูฟองคดีมีคําส่ังให
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และที่ ๓ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ถือไดวาเปนกรณีที่หนวยงานของรัฐ
ในฐานะเจาหนไี้ ดกระทาํ การอ่ืนใดอันมีผลเปนอยางเดียวกับการฟองคดีตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕)
แหงประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย และเมื่อผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และท่ี ๓ ไดรับแจงคําส่ังนั้นแลว
ยอมมผี ลใหอ ายุความสะดุดหยุดลง โดยระยะเวลาที่ลวงไปกอนนั้นไมนับเขาในอายุความ และเร่ิม
นับอายุความใหมตั้งแตวันที่เหตุที่ทําใหอายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดลงตามนัยมาตรา ๑๙๓/๑๕
แหงประมวลกฎหมายดังกลาว ดังน้ัน เม่ือคดีนี้ขอเท็จจริงในสวนของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ปรากฏวา
ผูฟ องคดีมีคําส่งั เรียกใหผูถกู ฟองคดีที่ ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทนตามหนังสือลงวันที่ ๑๘ ธันวาคม
๒๕๕๒ ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับหนังสือดังกลาว ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดรับแจงคําส่ังของ
ผูฟองคดีในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ ๒๕๕๓ ซึ่งจะครบกําหนดระยะเวลาใหชดใชคาสินไหมทดแทน
ตามคําสั่งในวันท่ี ๖ มีนาคม ๒๕๕๓ แตเนื่องจากวันดังกลาวตรงกับวันเสารซ่ึงเปนวันหยุดทําการงาน
สําหรับเจาหนาที่ ระยะเวลาชําระหน้ีตามคําส่ังสําหรับผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงครบกําหนดในวันที่ ๘
มีนาคม ๒๕๕๓ ซ่ึงเปนวันทํางานท่ีถัดจากวันหยุดดังกลาวตามมาตรา ๖๔ วรรคสาม แหง พ.ร.บ.
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อผูถูกฟองคดีที่ ๒ มิไดชดใชคาสินไหมทดแทน
ภายในวันท่ี ๘ มีนาคม ๒๕๕๓ กรณีจึงถือไดวาวันท่ี ๘ มีนาคม ๒๕๕๓ เปนวันที่เหตุที่ทําใหอายุความ
สะดุดหยุดลงสิ้นสุดลงและเริ่มนับอายุความใหม ซ่ึงกรณีน้ีจะครบกําหนดอายุความหน่ึงปในวันท่ี
๘ มีนาคม ๒๕๕๔ ผูฟองคดีจึงตองใชสิทธิเรียกรองโดยการฟองคดีตอศาลภายในวันดังกลาว
เมื่อผูฟองคดียื่นฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตอศาลปกครองช้ันตนในวันท่ี ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๒ จึงเปน
การย่นื ฟอ งคดเี ม่อื พน กําหนดอายุความการฟองคดีตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมดิ ของเจาหนา ท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ และขอเทจ็ จริงในสวนของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ปรากฏวา ผูฟองคดี
มีคําส่ังเรียกใหผูถูกฟองคดีที่ ๓ ชดใชคาสินไหมทดแทนตามหนังสือลงวันท่ี ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒
ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับหนังสือดังกลาว ซึ่งผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดรับแจงคําส่ังของผูฟองคดี
ในวันท่ี ๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ ซึ่งจะครบกําหนดระยะเวลาใหชดใชคาสินไหมทดแทนตามคําสั่ง
ในวันท่ี ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๒ เมื่อผูถูกฟองคดีที่ ๓ มิไดชดใชคาสินไหมทดแทนภายในวันดังกลาว
กรณีจึงถือไดวาวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๒ เปนวันท่ีเหตุท่ีทําใหอายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดลง
และเริ่มนับอายุความใหม ซึ่งกรณีน้ีจะครบกําหนดอายุความสองปในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๔
ผูฟองคดีจึงตองใชสิทธิเรียกรองโดยการฟองคดีตอศาลภายในวันดังกลาว เม่ือผูฟองคดีย่ืนฟอง
ผถู กู ฟองคดที ี่ ๓ ตอ ศาลปกครองชน้ั ตน ในวันที่ ๑๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๒ จึงเปน การยน่ื ฟองคดีเม่ือพน
กําหนดอายุความการฟองคดีตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาวเชนกัน
เม่ือคดีนี้ผูฟองคดีอางวามีขอขัดของในการบังคับคดีตามคําสั่งทางปกครองใหชดใชเงิน ผูฟองคดี
จึงไดใชสทิ ธิเรยี กรองคา สนิ ไหมทดแทนจากผถู ูกฟองคดที ่ี ๒ และที่ ๓ โดยการยืน่ ฟองคดีเพื่อขอให
ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และที่ ๓ ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๘๗

ซ่ึงศาลไดวินิจฉัยไปแลววาการใชสิทธิเรียกรองโดยการฟองตอศาลดังกลาว ผูฟองคดีตองใชสิทธิ
เรียกรองภายในอายุความ เม่ือผูฟองคดีนําคดีมาฟองพนกําหนดอายุความการฟองคดีตามมาตรา ๑๐
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว ศาลปกครองจึงไมอาจ
รับคาํ ฟองของผูฟ องคดไี วพ ิจารณาได ประกอบกับการฟอ งคดนี กี้ ็ไมใ ชการฟอ งคดีเก่ยี วกับการคุมครอง
ประโยชนสาธารณะท่ีจะย่ืนฟองเมื่อใดก็ได และไมเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอื่น
ทศี่ าลปกครองจะรับไวพิจารณาไดต ามมาตรา ๕๒ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ และขอ ๓๐ วรรคสอง
แหง ระเบยี บของทป่ี ระชุมใหญฯ วา ดวยวิธีพจิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ทศี่ าลปกครองช้ันตน
มีคําสั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดีในสวนท่ีฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๒ และผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไวพิจารณา
และใหคืนคาธรรมเนียมศาลในสวนท่ีฟองผูถูกฟองคดีที่ ๒ และท่ี ๓ จํานวน ๑๐๘ บาท
แกผฟู องคดี นน้ั ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพอ งดว ย

จงึ มีคําสั่งยนื ตามคําสง่ั ของศาลปกครองชัน้ ตน
คาํ ส่ังศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๒๘/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๗๐
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๗๑/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๗๙
คาํ ส่ังศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๐๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๗
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสุดที่ ๒๔๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๖๐
คาํ สงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี ๒๗๗/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ) อา งแลว ในประเด็นเง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๗๖
คาํ ส่งั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๑๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๒๒
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๒๘/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๗๐
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๔๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เงอื่ นไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๑
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๖๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๓
คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๗๐/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เงอ่ื นไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๔
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๑๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๙๐
คําส่ังศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๑๒๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเงอ่ื นไขการฟองคดี หนา ๑๘๔
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๔๔/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๓๗
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ คร.๑๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๐
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๖๖๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๐๘
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๗๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๑๐
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๐๒/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๗

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๘๘

คําส่ังศาลปกครองสูงสุดท่ี ๑๓๘/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๕๘
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ ๒๑๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๕๙
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๕๐๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๖๕
คําส่งั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๐
คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ที่ คผ.๗๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๗๙
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๐๒/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๘๗
คาํ ส่งั ศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๐๓/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เงือ่ นไขการฟอ งคดี หนา ๑๖๓
คาํ สั่งศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๑๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๙๒
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๗๐/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เงือ่ นไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๔
คาํ ส่ังศาลปกครองสงู สุดที่ ๒๑๒/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๙
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๒๔๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๖๐
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี ๒๗๗/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ) อางแลวในประเด็นเง่อื นไขการฟองคดี หนา ๑๗๖
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี ๕๐๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๖๕
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สุดท่ี คผ.๑๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๒๐
คําสัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๑๗/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๒๒
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๒๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๗๐
คําสั่งศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คผ.๖๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เง่อื นไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๓
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสดุ ที่ คผ.๗๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๗๙
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๐๓/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเงื่อนไขการฟองคดี หนา ๑๖๓
คาํ ส่ังศาลปกครองสูงสดุ ท่ี คผ.๑๑๒/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๘๙
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๑๑๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๙๐
คาํ ส่ังศาลปกครองสูงสุดที่ คผ.๑๒๑/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเงื่อนไขการฟองคดี หนา ๑๘๔
คําสงั่ ศาลปกครองสงู สุดที่ คร.๑๐/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๔๐
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๕๕๗/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนผูมีกรรมสิทธิ์ในท่ีดินโฉนดท่ีดินเลขที่ ๒๒๒๙
และโฉนดที่ดินเลขท่ี ๒๒๗๗ ต้ังอยูตําบลในเมือง อําเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ที่ดินทั้งสองแปลง
มีเน้ือที่ติดตอเปนผืนเดียวกัน ตอมาเม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๘ ผูถูกฟองคดี (กรมทางหลวง) โดยสํานัก

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๘๙

กอสรางทางที่ ๒ ไดกอสรางรื้อถอนสะพานคลองโพธิ์บริเวณหนาที่ดินของผูฟองคดี ทําใหปดบัง
หนาท่ีดินของผูฟองคดีเกือบท้ังแปลง คงเหลือทางเขาออกท่ีดินของผูฟองคดีเพียง ๗ เมตร และ
อยูชิดกับคอสะพาน ผูฟองคดีจึงมีหนังสือทักทวงไปยังสํานักกอสรางทางที่ ๒ และมีหนังสือลงวันที่
๘ ธันวาคม ๒๕๔๘ รองเรียนไปยังผูตรวจการแผนดิน เพื่อขอใหชวยแกไขปญหาความเดือดรอน
ดังกลาว ตอมาในเดือนมกราคม ๒๕๕๓ ผูถูกฟองคดีโดยสํานักทางหลวงที่ ๘ นครราชสีมา
ไดสงคณะเจาหนาที่ไปสํารวจเพื่อออกแบบ โดยจะทําการร้ือถอนสะพานดานที่ติดกับที่ดินของ
ผูฟองคดีออกแลวทําเปนทางเทาแทน พรอมเปดทางเขาออกที่ดินของผูฟองคดี ใตเกาะกลางถนน
จะทําทางระบายน้ําขนาดใหญ แตยังไมสามารถดําเนินการได เน่ืองจากตองรองบประมาณ
แตเนื่องจากมปี ญ หาการใชนํ้าของชาวบา นในการทาํ นาและจะทําใหนํ้าทวมบานเรือน ผูถูกฟองคดี
จงึ ขออนญุ าตฝงทอลอดผา นใตทด่ี นิ ของผูฟ อ งคดเี ปน การช่วั คราวเพื่อใชร ะบายน้ํา ผูฟองคดีก็อนุญาตให
ดําเนินการดังกลาว หลังจากน้ัน เม่ือวันท่ี ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ ไดเกิดภาวะน้ําทวมในเขตอําเภอพิมาย
โดยสะพานคลองโพธเิ์ ปนจดุ ทม่ี กี ระแสน้าํ ไหลผานรนุ แรงทสี่ ุด ทําใหท ด่ี ินของผูฟองคดีถูกกระแสน้ํา
พัดพังไดรับความเสียหายจนกลายเปนลําคลอง และตอมานายอําเภอพิมายไดมีหนังสือลงวันที่
๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ ขออนุญาตขุดทางระบายน้ําในที่ดินของผูฟองคดีใหกวางข้ึนอีก ผูฟองคดี
จึงไดมีหนังสือถึงผูถูกฟองคดีขอใหดําเนินการร้ือถอนสะพานคลองโพธิ์ออกทั้งหมด พรอมถมกลบ
บอรับนํ้า ใตสะพาน และใหถมดินในบริเวณที่ดินของผูฟองคดีท่ีถูกน้ําพัดพังเสียหาย ผูฟองคดี
เห็นวา แมหลายหนวยงานจะพยายามแกไขปญหามาตลอดแตไมสามารถแกไขได จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีร้ือถอนสะพานคลองโพธ์ิท่ีกอสรางปดบังหนาที่ดิน
ของผูฟ องคดีออกทงั้ หมด พรอมถมกลบบอ นา้ํ ใตสะพานแลวกอสรางเปนถนนแทน ใหผูถูกฟองคดี
ทําทางเทาสําหรับคนเดินตามมาตรฐานเพ่ือความปลอดภัยตอจากทางเทาผานหนาที่ดินของผูฟองคดี
จนสุดเขตท่ดี นิ พรอมเปดทางเขาออก ๒ ดานของที่ดิน ใหผูถูกฟองคดีทําทางระบายน้ําไปทางอื่น
ไมใหไหลมารวมกันบริเวณหนาที่ดินของผูฟองคดี เพื่อไมใหมีปญหากับชาวบานที่มีความตองการนํ้าใช
ทํานาและชาวบานท่ีไดรับความเดือดรอนจากน้ําทวม ใหผูถูกฟองคดีถมกลบที่ดินของผูฟองคดี
ทถี่ ูกนาํ้ พัดพังเสียหายใหกลบั คืนสูส ภาพเดมิ ใหผ ูถ กู ฟองคดีชดใชคาเสียหายอันเกิดจากการท่ีผูฟองคดี
ไมสามารถใชประโยชนจากที่ดินในการประกอบธุรกิจเพ่ือการเล้ียงชีพ คิดเปนคาเสียหาย
ตลอดระยะเวลา ๕ ป เปนเงินจํานวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
ของตนเงินดังกลาว นับแตวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ ใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายอันเกิดจาก
การท่ีที่ดินของผูฟองคดีตองเส่ือมราคา เปนเงินจํานวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรา
รอ ยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินดงั กลาว นบั แตวันฟองจนกวาจะชําระเสรจ็ และใหผูถูกฟองคดีชดใช
คาเสียหายที่ทําใหผูฟองคดีตองเสื่อมเสียชื่อเสียงอยางรายแรง ไดรับการดูหม่ินเหยียดหยามจาก
บคุ คลอนื่ เปนเงนิ จาํ นวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอตั รารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงิน
จาํ นวนดงั กลา ว นับแตวนั ฟอ งจนกวาจะชาํ ระเสร็จ

ศาลปกครองสูงสดุ วินิจฉัยวา คดีนี้ขอเท็จจรงิ ปรากฏวา ศาลปกครองชั้นตนเห็นวา
แมผ ูฟอ งคดจี ะย่ืนฟองคดีเมื่อเกินกําหนดระยะเวลาการฟองคดี แตการยื่นฟองคดีน้ีเปนประโยชน

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๙๐

ตอสวนรวมที่ศาลปกครองมีอํานาจรับไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดตั้ง
ศาลปกครองฯ ศาลปกครองชน้ั ตน จึงมคี ําสั่งลงวันท่ี ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ รับคําฟองนี้ไวพิจารณา
ดังน้ัน เมื่อศาลปกครองช้ันตนมีคําสั่งรับคําฟองไวพิจารณา โดยเห็นวาคดีน้ันเปนประโยชน
แกสวนรวมตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว คําสั่งรับคําฟองไวพิจารณา
ของศาลปกครองชั้นตน จงึ เปน ที่สดุ ตามขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวย
วิธพี จิ ารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ เมื่อกรณีรบั ฟงเปน ที่ยุติไดวา เดิมท่ีดินของผูฟองคดีเปนท่ีดิน
ที่ติดทางหลวงแผนดินและบริเวณหนาที่ดินไมมีสะพานคลองโพธิ์ และไมมีสวนหน่ึงสวนใดของ
ท่ีดินติดสะพานคลองโพธ์ิ การท่ีผูถูกฟองคดีใชอํานาจตามกฎหมายดําเนินการตามอํานาจหนาท่ี
กอสรางขยายทางหลวงแผนดิน และใชดุลพินิจกําหนดจุดในการกอสรางสะพานคลองโพธ์ิใหม
ใหมาต้ังอยูบริเวณหนาท่ีดินของผูฟองคดี อีกท้ังออกแบบใหสะพานมีชองใตสะพานบริเวณหนา
ที่ดินของผูฟองคดี เพ่ือระบายนํ้าลงสูแหลงนํ้าสาธารณะ ทั้งที่ผูถูกฟองคดียอมคาดหมาย
ไดวาในฤดูน้ําหลาก หากนํ้าไมสามารถไหลลงสูแหลงนํ้าสาธารณะไดทัน นํ้าอาจไหลเขาทวมที่ดิน
ของผูฟองคดีและทําใหที่ดินของผูฟองคดีไดรับความเสียหายได โดยในชวงเดือนตุลาคม ๒๕๕๓
มีฝนตกหนักอยางตอเน่ืองในหลายพื้นที่ในอําเภอพิมาย นายอําเภอพิมายจึงไดมีหนังสือลงวันท่ี
๒๕ ตลุ าคม ๒๕๕๓ ถงึ ผฟู อ งคดี ขออนุญาตขดุ ทางระบายนํ้าบริเวณท่ีดินของผูฟองคดีเพ่ือระบายน้ําทวม
บรเิ วณอําเภอพิมาย ซึง่ ผฟู อ งคดีไดอ นญุ าตใหดําเนินการได ทําใหมีการระบายน้ําเขาสูท่ีดินของผูฟองคดี
ดังน้ัน เม่ือการกอสรางสะพานคลองโพธ์ิพิพาทเพื่อใชระบายนํ้าจากทางหลวงลงสูลําน้ําสาธารณะ
เปนการใชอํานาจหนาท่ีตามกฎหมายของผูถูกฟองคดีที่สงผลกระทบเกินสมควรตอผูฟองคดี
ในฐานะเจาของที่ดินเพียงรายเดียวที่มีสะพานพิพาทกอสรางปดบังหนาที่ดินเกือบท้ังแปลงของ
ผูฟองคดี จึงยอมถูกจํากัดการใชประโยชนในท่ีดินตามขอบเขตแหงสิทธิ ทั้งที่เดิมหนาแปลงท่ีดินของ
ผูฟ องคดไี มม ีสภาพติดสะพานหรือคลองสาธารณะแตอ ยา งใด ทําใหผ ูฟ องคดเี หลือทางเขาออกจากที่ดนิ
สูทางสาธารณะเฉพาะบริเวณคอสะพานเพียง ๗ ถึง ๘ เมตร และไมสามารถใชประโยชนในท่ีดินได
ตามสมควร การกระทําของผูถูกฟองคดีดังกลาวจึงเปนการกระทําท่ีไมชอบดวยกฎหมายและ
เปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ในระหวางการพิจารณาคดีของศาล ผูถูกฟองคดีโดยสํานักทางหลวงท่ี ๘
ไดกอสรางวางทอเหลี่ยมระบายนํ้า (BOX CULVERT) บริเวณเกาะกลางถนน เพ่ือระบายน้ําจาก
สะพานคลองโพธิ์ไปสูลํารางสาธารณะ ทําการกอสรางผนังคอนกรีต (Retaining Wall) ปดใตสะพาน
และบริเวณหนาที่ดินของผูฟองคดี เพื่อปองกันกระแสน้ํามิใหกระทบหรือทําใหท่ีดินของผูฟองคดี
เสยี หาย ทบุ และร้ือราวสะพานดา นหนา ทดี่ ินของผฟู องคดีออกท้ังหมด เวนทางเทาบริเวณหนาท่ีดิน
ของผูฟองคดี และอนุญาตใหผูฟองคดีทําทางเชื่อมเขาออกทางหลวงไดโดยสะดวก ปรากฏ
ตามภาพถายกอนและหลังดําเนินการ จึงเปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดีไดดําเนินการทําหรือแกไข
ทางระบายนํา้ ออกจากทางหลวงเพื่อไปสูแหลงนํ้าสาธารณะท่ีใกลเคียงตามความจําเปนตามมาตรา ๓๒
วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ แลว และสามารถแกไขปญหาการระบายน้ําไมให
เขาทว มท่ดี ินของผฟู องคดไี ด อีกทงั้ การกอ สรางและขยายสะพานคลองโพธิ์พิพาทใหยาวขึ้นยังเปน

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๙๑

การเพ่ิมความสามารถในการระบายนํ้าในพื้นท่ีไดอีกดวย อยางไรก็ตาม การที่ผูฟองคดีขอให
ผูถูกฟอ งคดรี อื้ ถอนสะพานและถมกลบบอ นํา้ ใตส ะพาน นน้ั พจิ ารณาไดว า ชอ งใตส ะพานเปนประโยชน
ตอ การระบายน้ําไปในทศิ ทางท่กี าํ หนดไวไมใหไ หลเขา สูท ่ดี นิ ของผูฟองคดี และเปนไปตามวตั ถุประสงค
ของการกอ สรางสะพานพพิ าท ซ่งึ หากมีการถมกลบบอ นาํ้ ใตสะพานพิพาทอาจสงผลใหน า้ํ ไมม ีทางระบาย
และไหลเขาทวมท่ีดินของผูฟองคดีได อีกทั้งยังเปนการดําเนินการที่สิ้นเปลืองงบประมาณ
ซึ่งผูถูกฟองคดีโดยสํานักทางหลวงที่ ๘ ไดมีหนังสือรายงานผลการดําเนินการใหเลขาธิการ
สํานักงานตรวจเงินแผนดินทราบแลว ซึ่งผูฟองคดีมิไดโตแยงวาการดําเนินการแกไขปญหาบริเวณ
พื้นท่ีพิพาทที่ผูถูกฟองคดีดําเนินการไปแลวนั้นไมอาจแกไขเยียวยาเร่ืองนํ้าทวมที่ดินของผูฟองคดี
ไดหรือไม อยางไร ประกอบกับหลังจากการดําเนินการของผูถูกฟองคดีที่ดินของผูฟองคดีไมถูกบดบัง
ดว ยราวสะพานอีกตอไป และมสี ภาพเปนที่ดินติดทางหลวงเชนเดิม อีกท้ังยังมีความสะดวกในการ
เขา ออกสทู างสาธารณะ จงึ ไมม ีกรณที ศี่ าลจาํ ตองกําหนดคําบังคับใหผูถูกฟองคดีกอสรางผนังคอนกรีต
อยางหนาหรอื ส่งิ กอสรา งประการอืน่ ในลักษณะเดยี วกันท่ีมคี วามมั่นคงแขง็ แรงปด ใตส ะพานอีกดานหน่ึง
บริเวณรองกลางสะพานพิพาท และใหผูถูกฟองคดีดําเนินการใหบอใตสะพานพิพาทไมมีน้ําขังอยู
ตามท่ีศาลปกครองช้ันตนวินิจฉัยแตอ ยา งใด อยางไรกต็ าม แมวาการกอ สรางและขยายสะพานคลองโพธิ์
พิพาทใหยาวขึ้นจะเปนการเพิ่มความสามารถในการระบายน้ําในพ้ืนท่ี และการเปดชองใตสะพาน
เปนประโยชนตอ การระบายนํ้าไปในทิศทางที่กําหนดไว แตปรากฏตามสําเนาภาพถาย ซ่ึงผูถูกฟองคดี
แนบมาทา ยคาํ อุทธรณ ปรากฏภาพของชองทางเดินน้ําเช่ือมทางน้ําสาธารณะบริเวณใตเกาะกลางถนน
โดยเปดชองไวใตสะพานดานหนาที่ดินของผูฟองคดีมีลักษณะเปนบอมีน้ําทวมขัง ซึ่งหากไมมีการ
เคลอ่ื นไหวของนาํ้ ยอ มทาํ ใหน าํ้ ในบอเกิดการเนา เสียได ศาลจึงเห็นควรใหผูถูกฟองคดีดําเนินการแกไข
ระบบการระบายนํา้ ใหสามารถระบายน้ําไปในทิศทางที่กําหนดไวไดอยางรวดเร็ว เพื่อใหชองใตสะพาน
บริเวณหนา ทดี่ นิ ของผฟู อ งคดไี มมนี ํา้ ทว มขงั ตอไป สว นในเรอื่ งคาเสยี หาย น้นั กรณีท่ีผูฟองคดีขอใหผู
ถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายอันเปนคาขาดประโยชนจากการใชที่ดินในการประกอบธุรกิจ น้ัน เม่ือ
ขอเท็จจริงปรากฏวา นับแตเริ่มมีการกอสรางสะพานคลองโพธ์ิเม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๘ จนกอสรางสะพาน
แลวเสร็จเมื่อป พ.ศ. ๒๕๔๙ ไมปรากฏหลักฐานวาผูฟองคดีไดเขาทําประโยชนในท่ีดินบริเวณ
พิพาทโดยการทําธุรกิจหองเชา (อพารทเมนท) รานคาสะดวกซ้ือ และรานอาหารแบบครบวงจร
ตามท่ีผูฟองคดีกลาวอางแตอยางใด อีกท้ัง ผูฟองคดีไมไดสงพยานหลักฐานอยางหนึ่งอยางใดอัน
แสดงใหศาลเห็นวาไดดําเนินการอยางหนึ่งอยางใดเก่ียวกับโครงการท่ีวางไวหรือไดรับประโยชนใด
จากการดําเนินธุรกิจท่ีกลาวอาง การเรียกรองคาเสียหายในสวนน้ีจึงเปนเพียงการคาดหมายของ
ผฟู องคดีเอง อนั เปนการคาดหมายท่ีไมอาจพิสูจนไดและไมมีพยานหลักฐาน ผูฟองคดีจึงไมอาจเรียก
คาเสียหายในสวนน้ีได ประกอบกับภายหลังจากที่ผูถูกฟองคดีไดกอสรางสะพานพิพาทแลวเสร็จ
เม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๙ จนกระท่ังผูถูกฟองคดีไดรื้อถอนราวสะพานออกจากหนาที่ดินของผูฟองคดี
เม่ือป พ.ศ. ๒๕๕๔ ผูฟองคดียังไมไดทําประโยชนในที่ดินดังกลาวตามท่ีกลาวอาง อยางไรก็ตาม
เม่ือพิจารณาถึงสภาพทําเลที่ตั้งที่ดินของผูฟองคดี จะเห็นไดวา ท่ีดินมีสภาพเปนท่ีดินถมแลว
ดานหนาท่ีดินอยูติดทางหลวงแผนดิน ต้ังอยูในยานชุมชน มีอาคารพาณิชย และบานเรือนของ

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๙๒

ชาวบานอยูบริเวณขางเคียง หากผูฟองคดีทําการปรับปรุงพื้นท่ีและทําประโยชนทางธุรกิจ
ตามขอ อางของผฟู องคดี นา เช่อื วา การทาํ ธุรกิจดงั กลาวนาจะมีกําไรอยูบาง ท้ังเมื่อพิจารณาผลกระทบ
ท่ีเกิดข้ึนกับทรัพยสินและโอกาสในการทําประโยชนในท่ีดินของผูฟองคดี รวมทั้งพฤติการณและ
ความรายแรงแหงการกระทําละเมิดของผูถูกฟองคดีแลว เห็นไดวา การกอสรางสะพานพิพาท
ปด บงั หนาที่ดนิ ของผูฟองคดเี กอื บทั้งแปลงเปนระยะเวลาตง้ั แตป พ.ศ. ๒๕๔๘ ท่ีมีการเริ่มกอสราง
สะพานพิพาทถึงชวงตนป พ.ศ. ๒๕๕๔ ท่ีผูถูกฟองคดีดําเนินการร้ือราวสะพานพิพาทออกจาก
หนาที่ดินของผูฟองคดี รวมระยะเวลาประมาณ ๕ ป ผูฟองคดีไมอาจทําประโยชนในท่ีดินไดตามสิทธิ
ในฐานะเจาของกรรมสิทธ์ิในที่ดิน ศาลจึงกําหนดคาเสียหายในสวนน้ีใหแกผูฟองคดี เปนเงินปละ
๘๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลา ๕ ป เปนเงินจํานวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท สวนกรณีที่ผูฟองคดีขอให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาเส่ือมราคาท่ีดิน นั้น เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีไมไดสงเอกสาร
หลกั ฐานใดอนั แสดงใหศาลเห็นวาท่ดี นิ ของผฟู อ งคดมี ีราคาลดลงหรือมกี ารเสนอขายท่ีดินตอบุคคล
ใดแลว ไดราคาท่ีแตกตางจากราคาทีด่ ินเดิมแตอยา งใด แตเม่ือพิจารณาถึงสภาพท่ีดินเดิมของผูฟองคดี
ท่ีไมมีสะพานต้ังอยูดานหนา กับสภาพปจจุบันท่ีมีสะพานต้ังขวางหนาท่ีดินของผูฟองคดี แมวา
ผูถูกฟองคดีจะดําเนินการทุบและรื้อราวสะพานดานหนาท่ีดินของผูฟองคดีออกท้ังหมด แตหนาที่ดิน
ของผูฟองคดียังคงมีการเปดชองใตสะพานเพ่ือใหสะพานคลองโพธ์ิสามารถระบายนํ้าจากทางสาธารณะลงสู
แหลง นํ้าสาธารณะ ยอมทําใหท ี่ดินมสี ภาพทาํ เลไมเ หมาะในการดําเนินธุรกิจ หากมีการเสนอขายท่ีดิน
ยอมไดราคาต่ํากวาท่ีดินขางเคียงที่มีทําเลเชนเดียวกัน หรืออาจจะไมมีผูซ้ือท่ีดินของผูฟองคดีได
อันเปนความเสียหายท่ีคาดหมายไดอยางชัดแจงวาผูฟองคดียอมไดรับจากการกอสรางสะพาน
ปดบังหนาที่ดินและเปดชองสะพานหนาที่ดินของผูฟองคดี ศาลจึงเห็นสมควรใชดุลพินิจกําหนด
คาเสียหายในสวนนี้เปนเงินคาเสื่อมราคาที่ดินตารางวาละ ๕๐๐ บาท เน้ือที่จํานวน ๗๘๕ ตารางวา
คิดเปนเงินคาเสื่อมราคาที่ดินจํานวน ๓๙๒,๕๐๐ บาท อยางไรก็ตาม เมื่อผูฟองคดีไมไดอุทธรณ
ตอศาลปกครองสูงสุดขอใหศาลกําหนดคาเสียหายในสวนนี้เพิ่มข้ึน ศาลจึงไมอาจกําหนดคาเสียหาย
ในสวนน้ีเกินกวาจํานวนที่ศาลปกครองช้ันตนกําหนดใหแกผูฟองคดีได สวนกรณีท่ีผูฟองคดี
ขอใหผ ูถ กู ฟองคดชี ดใชค า เสยี หายจากการทผ่ี ูฟอ งคดีตองจา งผรู ับจา งในการถมดินเพ่ือใหหนาที่ดิน
ของผูฟองคดีอยูในสภาพเดิม น้ัน เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ผูฟองคดีไดเสียคาใชจายไปในการถมดิน
และปรับแตงที่ดิน เปนเงิน ๓๘,๒๕๐ บาท ซึ่งผูถูกฟองคดีก็ไมไดโตแยงคัดคานจํานวนเงินคาถมที่ดิน
ท่ีผูฟองคดีกลาวอาง กรณีจึงเชื่อไดวา เปนคาเสียหายท่ีผูฟองคดีไดจายไปจริง และผูฟองคดีไมได
ขอดอกเบ้ยี ของคาเสียหายในสวนน้มี าดว ย ผถู กู ฟองคดีจงึ ตองรบั ผิดชดใชเงินจํานวน ๓๘,๒๕๐ บาท
ใหแกผูฟองคดี สําหรับคาเสื่อมเสียช่ือเสียงอยางรายแรงจากการถูกกลาวหาจากหนังสือพิมพในเร่ือง
การถมดินลงคลองปดทางนํ้า น้ัน ความเสียหายดังกลาวมิใชผลโดยตรงมาจากการกระทําของ
ผูถูกฟองคดี ผูฟองคดีจึงไมอาจเรียกคาเสียหายในสวนนี้ได ดังนั้น ผูถูกฟองคดีจึงตองรับผิดชดใช
คาเสียหายใหแกผูฟองคดี เปนคาใชจายในการถมดินจํานวน ๓๘,๒๕๐ บาท ซ่ึงผูฟองคดีมิได
มีคําขอใหชําระดอกเบ้ียในสวนน้ี คาเสียหายจากการไมไดใชประโยชนในที่ดินจํานวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท
และคาท่ีดินเส่ือมราคาจํานวน ๑๕๗,๐๐๐ บาท รวมเปนเงินทั้งส้ิน ๕๙๕,๒๕๐ บาท ที่ศาลปกครองช้ันตน

แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๙๓
พิพากษาใหผูถูกฟองคดีกอสรางผนังคอนกรีตอยางหนาหรือสิ่งกอสรางประการอื่นในลักษณะเดียวกัน
ที่มีความม่ันคงแข็งแรง ปดใตสะพานอีกดานหน่ึงบริเวณรองกลางสะพานพิพาท และใหผูถูกฟองคดี
ดําเนนิ การใหบอใตสะพานพิพาทไมมีนํ้าขังอยู ซ่ึงจะโดยการปลอยใหบอดังกลาวอยูในสภาพวางเปลา
หรือถมดินก็ได โดยใหคํานึงถึงหลักวิชาชางและหลักทางวิศวกรรม กับใหผูถูกฟองคดีดําเนินการ
กอสรางและซอมแซมทางเทาใหอยูในสภาพใชงานได และใหผูถูกฟองคดีชําระคาเสียหายจํานวน
๖๙๕,๒๕๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๖๕๗,๐๐๐ บาท
นับแตวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จใหแกผูฟองคดี สวนเงินจํานวน ๓๘,๒๕๐ บาท ผูฟองคดี
ไมไดขอดอกเบี้ยมาดวย ศาลจึงกําหนดดอกเบ้ียใหไมได ท้ังนี้ ใหผูถูกฟองคดีดําเนินการกอสราง
และแกไขสะพานพิพาทใหเปนไปตามคําพิพากษาของศาลใหเสร็จส้ินภายในหนึ่งรอยแปดสิบวัน
กับใหผูถูกฟองคดีชําระเงินใหแกผูฟองคดีใหเสร็จส้ินภายในหกสิบวันนับแตวันที่ศาลมีคําพิพากษา
คําขออื่นนอกจากนี้ใหยก คืนคาธรรมเนียมศาลตามสวนของการชนะคดีใหแกผูฟองคดี นั้น
ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พองดวยบางสวน

พิพากษาแก เปนใหผูถูกฟองคดีดําเนินการแกไขระบบการระบายน้ําใหสามารถ
ระบายนํ้าไปในทิศทางท่ีกําหนดไวไดอยางรวดเร็ว เพื่อใหชองใตสะพานบริเวณหนาท่ีดินของผูฟองคดี
ไมมีนาํ้ ทวมขงั ตอไป และใหผ ถู กู ฟองคดีชาํ ระคา เสียหายใหแ กผฟู องคดเี ปนเงินท้ังสิ้น ๕๙๕,๒๕๐ บาท
พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๕๕๗,๐๐๐ บาท นับแตวันฟอง
เปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จใหแกผูฟองคดี และใหคืนคาธรรมเนียมศาลในชั้นศาลปกครองชั้นตน
ใหแกผูฟองคดีตามสวนแหงการชนะคดี กับใหคืนคาธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณใหแกผูถูกฟองคดี
ตามสว นแหงการชนะคดี

วธิ ีพจิ ารณาคดีปกครอง
กรณรี องสอด
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๔๒๙/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๕๔๗๙ เน้ือที่
ประมาณ ๑๐ ไร ๓ งาน ๓๐ ตารางวา ต้ังอยูหมูที่ ๙ ตําบลแปลงยาว กิ่งอําเภอแปลงยาว
จังหวัดฉะเชิงเทรา ผูฟองคดีไดรับโอนท่ีดินมาเม่ือวันท่ี ๒๘ เมษายน ๒๕๔๙ ตอมา ผูถูกฟองคดี
(เทศบาลตําบลแปลงยาว) ไดมีการขุดลอกทางสาธารณประโยชนท่ีอยูติดกับท่ีดินโฉนดท่ีดิน
เลขที่ ๑๕๔๗๙ ของผูฟองคดีทางดานทิศเหนือ เพ่ือทําเปนลํารางมีขนาดกวาง ๒ เมตร ลึก ๑ เมตร
ยาว ๑,๐๐๐ เมตร ใชในการผันน้ําเขาออกเพ่ือบรรเทาปญหาน้ําทวมและภัยแลงในทองที่หมูที่ ๒
หมูท่ี ๓ และหมูท่ี ๙ ตําบลแปลงยาว ทําใหที่ดินของผูฟองคดีไมมีทางออกสูทางสาธารณะ ผูฟองคดี
จึงไดทําทางเพื่อเขาออกท่ีดินโดยผานท่ีดินของผูอื่นที่อยูติดลํารางดังกลาว และตองเสียคาใชจาย
ในการดําเนินการประกอบกับตองหยุดกิจการรับซื้อของเกาสูญเสียรายได จึงนําคดีมาฟองขอให

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๙๔

ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายแกผูฟองคดี เปนเงิน ๑,๑๐๐,๐๐๐ บาท
พรอมดอกเบยี้ และขอใหด ําเนินการใหท างสาธารณประโยชนก ลับมาใชประโยชนไ ดตามเดมิ

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีผูถูกฟองคดีอางวาอําเภอแปลงยาว
เปนผดู ําเนินการขดุ ลอกทางสาธารณประโยชนที่พิพาทเพ่ือใชผันนํ้า และจากการสงเจาหนาท่ีของ
ผูถูกฟองคดีไปตรวจสอบพื้นท่ี พบวาบริเวณที่ดินดานทิศเหนือของท่ีดินของผูฟองคดีซึ่งเปน
ทางสาธารณะนั้น เดิมเปนรองนํ้าเล็กๆ เปนทางน้ํา รถยนตไมสามารถผานเขาออกได บริเวณ
โดยรอบเปนทน่ี า มีชาวบานไปรองขอใหอําเภอแปลงยาวขยายทางนํ้าเพื่อผันนํ้าบรรเทาปญหานํ้าทวม
ตอนนาํ้ หลาก และผันนาํ้ เขาตอนฤดูแลง เม่ืออําเภอแปลงยาวทําการขุดลอกขยายทางนํ้าเสร็จแลว
ผูฟองคดีจึงไปขออนุญาตใชทางผันนํ้าดังกลาวทําทางเขาออก แตผูถูกฟองคดีไมไดอนุญาตเพราะไมมี
ระเบียบกฎหมายขอใดใหอํานาจ โดยท่ีขอเท็จจริงปรากฏวาอําเภอแปลงยาวเปนผูทําการขุดลอก
ลํารางสาธารณะเพ่ือผันน้ําใหชาวบานมีนํ้าทํานากรณีน้ําไมเพียงพอและใชเปนทางระบายนํ้าออก
เมื่อเกิดน้ําทวมท่ีนา ซ่ึงไดดําเนินการประมาณป พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยขุดลอกเปนรองนํ้ากวาง ๒ เมตร
ลึก ๑ เมตร ยาว ๑,๐๐๐ เมตร ทางสาธารณะท่ีพิพาทเดิมมีสภาพเปนทางนํ้า มีประตูระบายนํ้าของ
กรมชลประทานเปดนํ้าเขาใหชาวบานใชทํานารวมกัน มีลักษณะเปนทางยาวทะลุผานไปหมูท่ี ๒
หมูที่ ๓ และหมูท่ี ๙ ของตําบลแปลงยาว กอนการขุดลอกลํารางสาธารณะในบริเวณดังกลาว
ไมมบี า นเรอื นปลูกสรา งอยู ผฟู อ งคดไี ดเขามาปลูกบานอยูอาศัยภายหลังจากมีการขุดลอกลํารางแลว
ประมาณ ๑ ป ขอเท็จจริงดังกลาวสอดคลองกับคําใหการของผูถูกฟองคดี และรับฟงไดวา
อําเภอแปลงยาวเปนผูดําเนินการขุดลอกทางสาธารณประโยชนบริเวณท่ีพิพาทจนกลายสภาพ
เปนลํารางสาธารณประโยชน เหตุแหงความเดือดรอนหรือเสียหายตามคําฟองของผูฟองคดี
จึงมิไดเกดิ จากการกระทาํ ของผูถูกฟอ งคดี ดงั น้นั ศาลปกครองช้ันตน ชอบท่ีจะเรียกใหอําเภอแปลงยาว
เขามาในคดีและกําหนดเปนผูถูกฟองคดี อันเปนการใชอํานาจตามมาตรา ๔๔ แหง พ.ร.บ.
จัดตั้งศาลปกครองฯ และขอ ๗๘ แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓ ประกอบกับมาตรา ๕๗ วรรคหนึ่ง (๓) (ข) แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพง ซ่ึงอําเภอแปลงยาวมีสิทธิทําคําใหการ และนําพยานหลักฐานใหมมาแสดงตอศาล
เพื่อยืนยันหรือหักลางขอเท็จจริงและขอกฎหมายของผูฟองคดีไดเสมือนหน่ึงวาตนไดถูกฟอง
เปนคดีเรื่องใหม ทั้งน้ี ตามขอ ๗๘ แหงระเบียบดังกลาว ประกอบกับมาตรา ๕๘ วรรคหน่ึง
แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง การท่ีศาลปกครองช้ันตนไมไดเรียกใหอําเภอแปลงยาว
เขามาในคดีและกําหนดเปนผูถูกฟองคดีจึงถือเปนเหตุที่มิไดปฏิบัติตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
วาดวยการจดั ตง้ั ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ หรือระเบียบของที่ประชุมใหญฯ
วาดว ยวธิ พี ิจารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ในสวนที่วาดวยการแสวงหาขอเท็จจรงิ

อยางไรก็ตาม เมื่อพิเคราะหจากขอเท็จจริงแลวปรากฏวา อําเภอแปลงยาว
ไดทําการขุดลอกทางสาธารณประโยชนที่อยูติดกับที่ดินโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๕๔๗๙ ของผูฟองคดี
ทางดานทิศเหนือ เพื่อทําเปนลําราง ซ่ึงไดดําเนินการประมาณป พ.ศ. ๒๕๕๑ ตอมา ในป พ.ศ. ๒๕๕๒
ผูฟองคดีไดมาขออนุญาตปลูกสรางอาคารในท่ีดินโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๕๔๗๙ ดังกลาว โดยท่ีผูฟองคดี

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๙๕

ไดมีคําขอลงวันท่ี ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๒ ขออนุญาตกอสรางอาคารและขออนุญาตถมลําราง
เพื่อทําถนนเขาออกที่ดิน ตอมา ผูถูกฟองคดีไดใหอนุญาตเฉพาะการขออนุญาตกอสรางอาคาร
สวนการขอถมลํารางเพ่ือทําถนนเขาออกท่ีดินน้ันไมไดอนุญาต เนื่องจากไมมีระเบียบกฎหมาย
ใหอํานาจผูถูกฟองคดีท่ีจะอนุญาตได ผูฟองคดีอางวาที่ดินของผูฟองคดีไมมีทางออกสู
ทางสาธารณะเพราะผูถูกฟองคดีไดทําการขุดลอกทางสาธารณะอันเปนทางเขาออกที่ดินของ
ผูฟองคดีสูทางสาธารณะ ผูฟองคดีจึงไดทําทางเพื่อเขาออกที่ดินโดยผานท่ีดินของผูอื่นที่อยูติด
ลํารางดังกลาวอันเปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย กรณีจึงเห็นไดวาผูฟองคดี
ไดปลกู สรางอาคารในทดี่ นิ โฉนดทด่ี นิ เลขท่ี ๑๕๔๗๙ ดังกลาว พรอมทั้งไดทําทางเพ่ือเขาออกที่ดิน
โดยผานท่ีดินของผูอ่ืนในป พ.ศ. ๒๕๕๒ ซึ่งเปนการดําเนินการภายหลังจากที่อําเภอแปลงยาว
ไดท าํ การขดุ ลอกทางสาธารณประโยชนด งั กลาวแลวถึง ๑ ป ดังน้ัน การทอี่ าํ เภอแปลงยาวขุดลอก
ทางสาธารณประโยชนบริเวณที่พิพาทจนกลายสภาพเปนลํารางสาธารณประโยชนจึงไมเปน
การกระทําละเมิดตอผูฟองคดี กรณีจึงเห็นวาไมมีเหตุอันสมควรใหสั่งยกคําพิพากษาของ
ศาลปกครองชั้นตนและใหศาลปกครองชั้นตนดําเนินกระบวนพิจารณาใหถูกตองตอไป
ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษายกฟอง และใหคืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผูฟองคดี น้ัน
ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดวยในผล

พิพากษายืน

การขอ เขา แทนที่คกู รณีผูถึงแกค วามตาย (มรดกความ)
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๖๖๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๑๐๘

กรณคี ดเี ปน อนั ถงึ ทส่ี ดุ
คําสง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คร.๑๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๔๐
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๒๗๖/๒๕๖๓

ผูฟอ งคดฟี องวา ผฟู องคดเี ปน ผใู ชบ ริการโทรศัพทของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (บริษัท ท.)
ซึ่งเปนผูประกอบกิจการโทรคมนาคมท่ีไดรับอนุญาตจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (คณะกรรมการกิจการ
โทรคมนาคมแหงชาติ) โดยเมื่อวันท่ี ๑ กุมภาพันธ ๒๕๔๙ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดเรียกเก็บคาบริการ
สอบถามเลขหมายโทรศัพทผานเลขหมายโทรศัพท ๑๑๓๓ จากผูฟองคดีนาทีละ ๓ บาท
ซ่ึงผูฟองคดีไดใชบริการดังกลาวจํานวน ๘ คร้ัง เปนเงินครั้งละ ๓ บาท รวมเปนคาบริการทั้งสิ้น
๒๔ บาท โดยเดิมผูถูกฟองคดีที่ ๒ เปนองคการโทรศัพทแหงประเทศไทยไมไดเรียกเก็บคาบริการ
สอบถามเลขหมายโทรศัพทแตอยางใด ตอมาเมื่อองคการโทรศัพทแหงประเทศไทยแปรรูป
เปนผูถูกฟองคดีที่ ๒ จึงไดมีการเรียกเก็บคาบริการสอบถามเลขหมายโทรศัพทดังกลาว
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๗ และวันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๕๔๙ แจงผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใหระงับ
การเรียกเก็บคาบริการสอบถามเลขหมายโทรศัพทดังกลาว แตผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไมปฏิบัติ

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๙๖
ตามหนังสือดังกลาวและยงั คงเรียกเก็บคาบรกิ ารอยูต อไป ทาํ ใหผ ูฟ องคดีและประชาชนไดรับความ
เดือดรอนเสียหาย ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ดําเนินการใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ระงับการเรียกเก็บคาบริการสอบถามเลขหมายโทรศัพทผาน
เลขหมายโทรศัพท ๑๑๓๓ และระงับการใหบริการสอบถามขอมูลชื่อและท่ีอยูจากเลขหมาย
โทรศัพท และใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ คืนเงินคาบริการท่ีไดเรียกเก็บมาแลวโดยมิชอบใหแกผูฟองคดี
จํานวน ๒๔ บาท เห็นวา กอนท่ีผูฟองคดีจะใชบริการสอบถามหมายเลขโทรศัพทผานหมายเลข
โทรศัพท ๑๑๓๓ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดแจงใหผูฟองคดีทราบวา จะคิดคาบริการนาทีละ ๓ บาท และ
ตอมา ผูฟองคดีไดใชบริการเลขหมายดังกลาว คิดเปนคาบริการ ๒๔ บาท จึงเห็นไดวา ผูฟองคดี
ทราบวาผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดเปล่ียนเงื่อนไขการใหบริการดังกลาว จากที่เคยใหบริการโดยไมคิด
คาบริการเปนคิดคาบริการนาทีละ ๓ บาท ซ่ึงหากผูฟองคดีไมเห็นพองดวยกับการคิดคาบริการ
ดังกลาว ผฟู อ งคดียอมมสี ิทธโิ ดยสมบูรณที่จะปฏิเสธไมใชบริการดังกลาว การที่ผูฟองคดีใชบริการ
ดังกลาว ท้ังๆ ที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดแจงใหทราบแลววาจะคิดคาบริการ จึงเปนกรณีที่ผูฟองคดี
ยินยอมใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ คิดคาบริการตามอัตราที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ กําหนด เมื่อผูฟองคดีตกลง
ยินยอมดวยในการคิดคาบริการดังกลาว จึงไมอาจถือไดวา ผูฟองคดีเปนผูไดรับความเสียหายจาก
การทผ่ี ถู ูกฟอ งคดีท่ี ๒ คิดคาบริการสอบถามหมายเลขโทรศัพท ผานเลขหมาย ๑๑๓๓ กรณีจึงไมครบ
องคประกอบท่ีจะถือเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย สวนที่ผูฟองคดีโตแยงในคําแกอุทธรณวา ไมเห็นพองดวยที่ศาลปกครองชั้นตน
มีคําพิพากษาวา การใหบริการสอบถามเลขหมายโดยการแจงเลขหมายและเปดเผยชื่อ นามสกุล
และท่ีอยูของผูเชาหมายเลข ผูถูกฟองคดีที่ ๒ จะใหบริการเปดเผยขอมูลดังกลาว
เฉพาะผูใชบริการที่ยินยอมใหเปดเผยแลวเทาน้ัน เมื่อผูใชบริการยินยอมใหเปดเผยขอมูลดังกลาว
ได ยอมทําใหการเปดเผยนั้นไมเปนละเมิดนั้น ขอโตแยงดังกลาวเปนการคัดคานคําพิพากษา
ของศาลปกครองชั้นตน ซึ่งผูฟองคดีชอบที่จะใชสิทธิย่ืนอุทธรณคําพิพากษาดังกลาวตอศาลปกครองสูงสุด
ภายในกาํ หนด ๓๐ วนั นับแตวันท่ีมีคําพิพากษาตามมาตรา ๗๓ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
คดนี ี้ศาลปกครองชน้ั ตนมคี ําพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๒ แตปรากฏวาผูฟองคดีคัดคาน
คําพิพากษาศาลปกครองช้ันตนโดยยื่นเปนคําแกอุทธรณทางไปรษณียลงทะเบียน เมื่อวันท่ี
๒๑ เมษายน ๒๕๕๒ จงึ เปน การคดั คานคําพพิ ากษาของศาลปกครองชั้นตนเม่อื พนกําหนด ๓๐ วัน
นับแตวันท่ีมีคําพิพากษาตามมาตรา ๗๓ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ศาลปกครองสูงสุด
จึงไมอ าจรบั ขอคัดคา นคําพพิ ากษาศาลปกครองชัน้ ตนของผฟู อ งคดไี วพ ิจารณาได ที่ศาลปกครองช้ันตน
มีคาํ พพิ ากษาใหผถู ูกฟองคดีที่ ๒ ชาํ ระเงนิ คาบริการคืนใหแกผูฟองคดีจํานวน ๒๔ บาท ภายใน ๑๕ วัน
นบั แตว นั ทคี่ าํ พิพากษาถึงท่ีสดุ สวนคําขออื่นนอกจากนี้ใหย ก นัน้ ศาลปกครองสูงสุดเห็นพอ งดวยบางสว น

พพิ ากษากลบั เปน ใหยกฟอง

คาํ พพิ ากษาหรือคําสง่ั ของศาลปกครองสงู สดุ เปนทีส่ ุด
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สุดที่ คผ.๘/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๗

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๙๗

การพิจารณาคดใี หม
คาํ สัง่ ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๑๙๒/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๕๕

คาํ สัง่ รับฟอ งไวพจิ ารณาเปน ที่สดุ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๕๕๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๘๘

กรณีไมเ ปน การฟองซอ น
คําส่งั ศาลปกครองสงู สุดที่ ๒๓๗/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๕๐

ระยะเวลาการยนื่ อุทธรณคาํ สัง่ ของศาลปกครองชน้ั ตน
คําสง่ั ศาลปกครองสูงสุดท่ี ๑๔๙/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเงื่อนไขการฟองคดี หนา ๑๒๕

ขอกฎหมายเกย่ี วดว ยความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๙๑/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๓๐
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๕๓/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเงื่อนไขการฟองคดี หนา ๑๘๐
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๒๒๒/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เขตอํานาจศาล หนา ๑๐๒
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๔๙๘/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๖
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๖๓๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๔๖
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๗๓๗/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๑๐

กรณกี ารดําเนินกระบวนพิจารณาซา้ํ
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๓๕๐/๒๕๖๓

ผูฟองคดี (กรมศุลกากร) ฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเสียหายจากการท่ีนาย ส.
ขณะรับราชการในสังกัดของผูฟองคดี ตําแหนงศุลการักษ กองตรวจสินคาขาออก มีหนาที่ประทับ
ดวงตราตะกั่ว กศก. หรือรอยแถบเหล็ก RTC ที่คอนเทนเนอรหลังจากที่นายตรวจหรือสารวัตร
ศุลกากรทาํ การตรวจปลอยและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรแลว แตนาย ส. กลับละเวนปฏิบัติหนาท่ี
ไมใหความชวยเหลือในการปฏิบัติงานของนายตรวจหรือสารวัตรศุลกากรในการตรวจและบรรจุ
สินคาเขาคอนเทนเนอรตามหนาที่ที่กําหนด เปนชองทางใหบริษัท พ. ผูสงออกสินคาประเภทเส้ือผา
สําเร็จรูปไปยังตางประเทศทุจริตในการขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรโดยการนําใบขนสินคาขาออก
ฉบับมุมน้ําเงินไปขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร และไดรับบัตรภาษีไปแลวเปนเงิน ๗๘๑,๒๒๑.๗๒ บาท

แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๑๙๘

โดยในจํานวนนี้เปนบัตรภาษีที่ไดจากการตรวจปลอยสินคาโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงของ
นาย ส. เปนเงินคาชดเชยภาษีจํานวน ๑๕๘,๔๓๙.๕๐ บาท การกระทําของนาย ส. เปนการกระทํา
โดยประมาทเลินเลออยางรายแรงจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ผูฟองคดีจึงมีคําสั่งลงวันที่ ๓
พฤษภาคม ๒๕๔๘ ใหนาย ส. รับผิดรวมกับนายตรวจศุลกากรชดใชคาสินไหมทดแทน เปนเงินท้ังสิ้น
๑๕๘,๔๓๙.๕๐ บาท นาย ส. ไมเห็นดวยกับคําส่ังดังกลาว จึงไดนําคดีมายื่นฟองตอศาลปกครอง
ช้ันตน ขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน ในระหวางการพิจารณาคดีของศาล นาย ส.
ถึงแกความตาย ศาลปกครองชั้นตนอนุญาตใหผูถูกฟองคดีที่ ๓ ซึ่งเปนภริยาของนาย ส. เขามาแทนท่ี
นาย ส. ผูถึงแกความตาย ตอมาศาลปกครองช้ันตนไดมีคําพิพากษาตามคดีหมายเลขแดงที่
๑๘๐๖/๒๕๕๐ และ ๑๘๐๗/๒๕๕๐ ใหเพิกถอนคําส่ังดังกลาว ผูถูกฟองคดีท้ังสอง (อธิบดี
กรมศุลกากร ที่ ๑ และกรมศุลกากร ท่ี ๒ (ผูฟองคดีในคดีนี้)) ไมเห็นดวยกับคําพิพากษาของ
ศาลปกครองชั้นตนดังกลาว จึงไดย่ืนอุทธรณตอศาลปกครองสูงสุดเม่ือวันท่ี ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
เปนคดีหมายเลขดําท่ี อ. ๙๒๕ – ๙๒๖/๒๕๕๐ คดีอยูระหวางพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
ในขณะเดียวกันผูฟองคดีเห็นวา เม่ือนาย ส. ถึงแกความตายแลว ผูถูกฟองคดีทั้งหาซ่ึงเปนทายาท
โดยธรรมจงึ ตองรับผิดชดใชเงินจํานวนดงั กลาวแกผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๐ มกราคม
๒๕๕๑ แจงใหผูถกู ฟอ งคดที ัง้ หา ซึ่งเปน ทายาทโดยธรรมผูรับมรดกของนาย ส. ชําระคาเสียหายจํานวน
ดังกลาวแกผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีท้ังหาไดรับหนังสือทวงถามแลวแตไมนําเงินจํานวนดังกลาวไปชําระ
ภายในกําหนด จึงนําคดีมาฟองเมื่อวันท่ี ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๑ ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให
ผูถูกฟองคดีท้ังหารวมกันหรือแทนกันชําระเงินจํานวน ๑๕๘,๔๓๙.๕๐ บาท พรอมดอกเบี้ยจํานวน
๑๖๔,๓๘๐.๖๘ บาท รวมเปนเงินตนและดอกเบี้ยจํานวน ๓๒๒,๘๒๐.๑๘ บาท กับใหผูถูกฟองคดี
ทั้งหาชดใชดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๑๕๘,๔๓๙.๕๐ บาท นับแต
วันถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จแกผูฟองคดี และคืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมด
แกผูฟ องคดี เหน็ วา การท่ศี าลจะมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีทั้งหาซ่ึงเปนทายาทโดยธรรม
ของเจาหนาที่ ชําระคาเสียหายใหแกผูฟองคดีไดหรือไม นั้น ศาลตองวินิจฉัยใหไดความกอนวา
เจาหนาท่ีซ่ึงเปนเจามรดกกระทําละเมิดตอผูฟองคดีหรือไม และจะตองชดใชคาเสียหายใหแก
ผูฟองคดีเปนจํานวนเทาใด ซ่ึงเปนประเด็นเดียวกันกับคดีท่ีศาลปกครองสูงสุดไดเคยวินิจฉัยไวแลว
ในคดีหมายเลขแดงที่ อ. ๑๑๕๖ – ๑๑๕๗/๒๕๕๘ เมื่อวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ และเม่ือศาลปกครอง
สูงสุดไดวินิจฉัยในคําพิพากษาดังกลาวแลววา นาย ส. กระทําละเมิดดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรงตอผูฟองคดี ซ่ึงเปนหนวยงานของรัฐท่ีนาย ส. อยูในสังกัด และจะตองชดใชคาเสียหาย
ใหแกผูฟองคดีตามจํานวนที่ศาลพิพากษา การที่ผูฟองคดีมายื่นฟองในคดีน้ีตอศาลปกครองช้ันตนวา
นาย ส. กระทําละเมิดตอผูฟองคดี และขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท้ังหา
ซึ่งเปนทายาทโดยธรรมของนาย ส. ชดใชคาเสียหายในจํานวนเดียวกันพรอมดอกเบ้ีย จึงเปนกรณี
ท่ีศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งชี้ขาดคดีแลว ตองหามมิใหดําเนินกระบวนพิจารณาอันเก่ียวกับคดี
ที่ไดวินิจฉัยช้ีขาดแลว ตามขอ ๙๖ แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓ ศาลจงึ ไมอาจรบั คําฟองของผูฟ อ งคดีไวพิจารณาได ตามนัยคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด

แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓


Click to View FlipBook Version