๓๙๙
ผูถูกฟองคดี เมื่อพิจารณาพฤติการณและความรายแรงแหงกรณี โดยอาศัยพฤติการณ
เปนประมาณท้ังของนาง ก. และผูถูกฟองคดีดังกลาวแลว เห็นควรกําหนดใหผูถูกฟองคดีรับผิด
ในคาเสียหายที่ผูฟองคดีใชในการซอมรถยนตคันเกิดเหตุจํานวนก่ึงหน่ึงของคาเสียหายทั้งหมด
ตามมาตรา ๔๓๘ และมาตรา ๔๔๒ ประกอบกับมาตรา ๒๒๓ แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
คาเสียหายท่ีแทจริงวาเปนจํานวนเงินเทาใด ขอเท็จจริงจึงรับฟงเปนที่ยุติตามคําพิพากษาของ
ศาลปกครองช้ันตน จึงเห็นควรกําหนดคาสินไหมทดแทนที่ผูถูกฟองคดีตองรับผิด ดังนี้ ๑.
คาจางรถยกลากจากสถานทเี่ กิดเหตไุ ปยังอูแมวการชางราคา ๔,๕๐๐ บาท กําหนดใหผูถูกฟองคดีรับผิด
เปนเงิน ๒,๒๕๐ บาท ๒. คาแรงในการซอม เคาะ พนสี รวมท้ังคาอะไหลบางสวนของอู ม.
ราคา ๔๕,๐๐๐ บาท กําหนดใหผูถูกฟองคดีรับผิด เปนเงิน ๒๒,๕๐๐ บาท และ ๓. คาอะไหล
ท่ีผูฟอ งคดไี ดจ ดั ซ้อื จากหา งหนุ สว นจาํ กดั ฮ. เปนเงิน ๗๕,๘๔๑.๖๐ บาท กําหนดใหผูถูกฟองคดีรับผิด
เปนเงนิ ๓๗,๙๒๐.๘๐ บาท รวมคาสินไหมทดแทนทีผ่ ถู กู ฟองคดีจะตองชดใชใหแกผูฟองคดีเปนเงิน
ทั้งส้นิ ๖๒,๖๗๐.๘๐ บาท เมื่อผูฟองคดีจายเงินคารถยกลากคืนใหแกผ เู อาประกนั ภัย เม่ือวันท่ี ๑๗
พฤษภาคม ๒๕๕๖ จายเงินคาซอมใหแกอู ม. เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ และจายเงิน
คาอะไหลใหแกหางหุนสวนจํากัด ฮ. เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ผูฟองคดีจึงสามารถ
เขารับชวงสิทธิจากผูเอาประกันภัยเรียกใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนพรอมดอกเบี้ย
แกผูฟอ งคดไี ดน ับแตวนั ทชี่ าํ ระคาสินไหมทดแทนในแตละจํานวน แตโดยที่ผูฟองคดีมีคําขอใหศาล
พิพากษาใหผูถูกฟองคดีชําระดอกเบี้ยนับแตวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ถึงวันฟองคดี คือ วันที่
๒๙ มกราคม ๒๕๕๗ ผูฟองคดีจึงมีสิทธิไดรับดอกเบ้ียของคารถยกลากเปนเงินจํานวน ๗๘.๑๓ บาท
ดอกเบี้ยคาแรงในการซอม เคาะ พนสี รวมทั้งคาอะไหลบางสวนของอู ม. เปนเงินจํานวน
๗๘๑.๓๔ บาท และคาอะไหลที่ผูฟองคดีซื้อจากหางหุนสวนจํากัด ฮ. ผูฟองคดีมีสิทธิไดรับนับแต
วันท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ จนถึงวันฟองคดีเปนเงินจํานวน ๕๓๗.๖๔ บาท รวมคาสินไหม
ทดแทนและดอกเบ้ียจนถึงวันฟองคดีที่ผูถูกฟองคดีจะตองชดใชใหแกผูฟองคดีเปนเงินทั้งสิ้น
จํานวน ๖๔,๐๖๗.๙๑ บาท ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดีเปนเงิน ๘๗,๗๓๙.๑๒ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงิน
จํานวน ๓,๑๕๐ บาท และ ๓๑,๕๐๐ บาท นับแตวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ และของตนเงิน
จํานวน ๕๓,๐๘๙.๑๒ บาท นับแตวันท่ี ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ
โดยใหชําระใหแลวเสร็จภายในหกสิบวันนับแตวันที่คดีถึงท่ีสุด และใหคืนคาธรรมเนียมศาล
บางสวนตามสวนของการชนะคดีแกผูฟองคดี คําขออื่นนอกจากนี้ใหยก น้ัน ศาลปกครองสูงสุด
เหน็ พองดว ยบางสว น
พิพากษาแก เปนใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงิน
๖๔,๐๖๗.๙๑ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๖๒,๖๗๐.๘๐ บาท
นบั ถดั จากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสรจ็ ท้งั นี้ ใหชําระใหแลวเสร็จภายในหกสิบวันนับแต
วันท่ีศาลมีคําพิพากษาคืนคาธรรมเนียมศาลในศาลปกครองชั้นตนบางสวนตามสวนของการชนะคดี
ใหแ กผฟู องคดี คนื คา ธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณบางสวนตามสว นของการชนะคดีใหแ กผถู ูกฟองคดี
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๐๐
ฟองขอใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีเพิกถอนหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.)
โดยไมช อบ
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๖๖๗/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๐๘
ฟอ งขอใหช ดใชค าสนิ ไหมทดแทน กรณีนายทะเบยี นหนุ สวนบริษัทรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง
กรรมการและอาํ นาจของกรรมการบริษัท
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๖๗๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีมีฐานะเปนนิติบุคคลประเภทบริษัทจํากัด จดทะเบียน
ตอผูถูกฟองคดี (กรมพัฒนาธุรกิจการคา) มีนาย ว. เปนกรรมการผูมีอํานาจลงชื่อผูกพันบริษัท
และประทับตราสําคัญบริษัท ตอมา นาย ว. ถึงแกความตาย และศาลจังหวัดมีนบุรีมีคําส่ังแตงต้ัง
ใหนาง ป. เปนผูจัดการมรดกของนาย ว. จากน้ัน ผูฟองคดีไดมีการประชุมวิสามัญผูถือหุน
เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๕ และมีมติใหเปลี่ยนแปลงช่ือกรรมการท่ีลงชื่อผูกพันบริษัทได
จากเดิมคือนาย ว. เปนนาง ป. ลงลายมือช่ือและประทับตราบริษัท นาง ป. จึงนํามติท่ีประชุม
วิสามัญผูถือหุนดังกลาวไปยื่นขอจดทะเบียนตอนายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานคร
จงึ ไดทราบวา นาง จ. ไดย่ืนขอจดทะเบียนแกไขเพิ่มเติมจํานวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัท
ไวก อนแลว โดยอางถึงการประชุมวิสามัญผูถือหุนคร้ังท่ี ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันท่ี ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔
ที่มีมติรับรองใหนาง จ. เปนกรรมการผูมีอํานาจลงช่ือผูกพันบริษัทแทนนาย ว. ท่ีถึงแกความตาย
นาง ป. จึงมีหนังสือถึงนายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานครขอใหเพิกถอนการจดทะเบียน
ตามคําขอดังกลาว ในที่สุดนายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานครจึงมีคําส่ังเพิกถอน
การจดทะเบียน ผูฟองคดีเห็นวา คําสั่งรับจดทะเบียนที่ออกโดยเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดี
ไมชอบดวยกฎหมายทําใหผูฟองคดีเสียหาย ประกอบไปดวย คาขาดรายไดตามปกติธรรมดา
จากการคาเดือนละ ๗๐,๐๐๐ บาท เปนเงินเดือนพนักงาน ๔ คนรวมกันเดือนละ ๕๐,๐๐๐ บาท
คาเชา สํานักงานเดอื นละ ๒๐,๐๐๐ บาท คาเสียโอกาสเดือนละ ๘๐,๐๐๐ บาท จํานวน ๑๑ เดือน
ต้ังแตเดือนมกราคม ๒๕๕๕ ถึงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ รวมเปนเงิน ๑,๖๕๐,๐๐๐ บาท
และดอกเบี้ยจากคาซื้อเช่ือสินคาที่ควรจะไดชําระไปแลวอีก ๗๔,๙๓๔ บาท รวมเปนคาเสียหายท้ังสิ้น
๑,๗๒๔,๙๓๔ บาท ซึ่งผูฟองคดีขอเรียกคาเสียหายเพียง ๓๐๐,๐๐๐ บาท ผูฟองคดีจึงนําคดี
มาฟองขอใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ในอัตรารอ ยละ ๗.๕ ตอ ป นับแตว ันฟองเปนตน ไปจนกวา ชาํ ระเสร็จ
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือคําสั่งรับจดทะเบียนตามคําขอลงวันท่ี
๕ มกราคม ๒๕๕๕ ที่ขอแกไขเพ่ิมเติมรายการจดทะเบียน รวม ๒ รายการคือ แกไขเพิ่มเติม
กรรมการ โดยใหกรรมการออก ๑ คน คือ นาย ว. กรรมการเขา ๑ คน คือ นาง จ. และ
แกไขเพ่ิมเติมอํานาจกรรมการซึ่งลงช่ือผูกพันบริษัทผูฟองคดีได จากนาย ว. เปนนาง จ. ของ
นาย พ. นายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานคร เมื่อวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๕๕ เปนการรับฟง
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๐๑
ขอเท็จจริงท่ีไมถูกตอง เน่ืองจากไมมีการประชุมวิสามัญผูถือหุน ตามที่กลาวอางในคําขอ
ซึ่งโดยปกติแลวการยื่นคําขอจดทะเบียนเพื่อแกไขเพ่ิมเติมรายการจดทะเบียนซึ่งรวมถึง
ขอแกไขเพิ่มเติมกรรมการและอํานาจกรรมการ ผูมีอํานาจลงลายมือช่ือในคําขอดังกลาว คือ
กรรมการซ่ึงมีอํานาจลงชื่อผูกพันบริษัท แตในกรณีท่ีลงช่ือโดยบุคคลอ่ืนซ่ึงอางวาตนมีสิทธิ
ตามกฎหมายที่จะลงช่ือในคําขอดังกลาวได เนื่องจากท่ีประชุมใหญวิสามัญผูถือหุนไดมีมติแตงต้ัง
ตนเปนกรรมการซ่ึงมีอํานาจลงชื่อผูกพันบริษัทได แทนกรรมการผูมีอํานาจคนเดิมแลว
และเมื่อการประชุมใหญวิสามัญผูถือหุนนั้น ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยไดกําหนด
กระบวนการขั้นตอนและวิธีการในการเรียกประชุมใหญวิสามัญผูถือหุนไว ดังนั้น หลักเกณฑ
ในการตรวจสอบคําขอจดทะเบียนแกไขเพ่ิมเติมรายการจดทะเบียนของผูขอในกรณีนี้ของ
นายทะเบียนหุนสวนบริษัท อยางนอยที่สุดก็คือตองใหผูยื่นคําขอแสดงพยานหลักฐานยืนยัน
การมีอยจู รงิ ของขอเท็จจริงอันเปน ท่มี าแหง สิทธติ ามท่ีกลาวอางในคาํ ขอดังกลาว ซ่งึ ก็คอื สําเนาเอกสาร
ที่แสดงเกี่ยวกับกระบวนการขั้นตอนและวิธีการตามกฎหมายในการเรียกประชุมใหญวิสามัญ
ผูถือหุนคร้ังดังกลาวตามท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๑๑๗๓ และมาตรา ๑๑๗๕ วรรคหน่ึง และวรรคสอง
แหงประมวลกฎหมายดังกลาว และสําเนารายงานการประชุมใหญวิสามัญผูถือหุนคร้ังดังกลาว
ท่ีแสดงถึงมติการแตงตั้งบุคคลนั้นเปนกรรมการซ่ึงมีอํานาจลงช่ือผูกพันบริษัทไดแทนกรรมการ
ผูมีอํานาจคนกอนน้ัน ซึ่งหลักเกณฑที่ใชในการตรวจสอบดังกลาวนี้ก็คือ การใชหลักกฎหมายที่วา
ผูใดกลาวอาง ผูน้ันมีหนาท่ีตองพิสูจน และหลักเกณฑดังกลาวไดปรากฏอยูในขอ ๘๔ (๑) – (๔)
ของระเบียบสํานักงานทะเบียนหุนสวนบริษัทกลาง วาดวยการจดทะเบียนหางหุนสวนและบริษัท
พ.ศ. ๒๕๕๔ แลว ซ่งึ จดุ มุงหมายประการหนึ่งของการตรวจสอบดังกลาวก็เพ่ือใหเกิดความถูกตอง
ไมกอใหเกิดความเสียหายแกกรรมการผูมีอํานาจลงช่ือผูกพันบริษัทไดคนเดิมนั่นเอง ในคดีน้ีก็เชนกัน
แมจะเปน กรณที ่นี าย ว. กรรมการซ่ึงมีอํานาจลงช่ือผูพันบริษัทผูฟองคดีได ไดถึงแกความตายแลว
ต้ังแตวันท่ี ๓ มกราคม ๒๕๕๕ แตเม่ือคําขอลงวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๕๕ ไดลงลายมือช่ือโดย
นาง จ. ซึ่งมิใชกรรมการซึ่งมีอํานาจลงช่ือผูกพันบริษัทผูฟองคดีไดตามที่ไดจดทะเบียนไวเดิม
อีกทั้ง ยังปรากฏขอเท็จจริงวา นาย ว. ผูตาย เปนผูถือหุนมากถึง ๔๘,๕๐๐ หุน จากจํานวนท้ังหมด
๕๐,๐๐๐ หุน เชนน้ี เพ่ือใหเกิดความถูกตอง ไมกอใหเกิดความเสียหายแกกองมรดกผูตาย หรือ
ทายาทผูมีสิทธิรับมรดกของผูตายดังกลาว จึงสมควรอยางย่ิงท่ีนาย พ. ในฐานะนายทะเบียนหุนสวน
บริษัทกรุงเทพมหานครตองนําหลักเกณฑการตรวจสอบดังกลาวมาใชประกอบการตรวจสอบ
คําขอนี้ดวย กลาวคือเม่ือตามคําขออางวานาง จ. ผูยื่นคําขอไดสิทธิดังกลาวมาจากมติที่ประชุมใหญ
วิสามัญผูถือหุน ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันท่ี ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ นาย พ. นายทะเบียนหุนสวนบริษัท
กรุงเทพมหานคร ก็สามารถใชอํานาจตามขอ ๑๑ ของระเบียบดังกลาว ส่ังใหผูยื่นคําขอแสดง
พยานหลักฐานรายงานการประชุมวิสามัญผูถือหุนคร้ังดังกลาวที่มีมติแตงตั้งนาง จ. เปนกรรมการ
ซ่ึงมีอํานาจลงช่ือผูกพันบริษัทผูฟองคดีได แทนนาย ว. กรรมการคนเดิมที่ถึงแกความตาย
และพยานหลักฐานเกี่ยวกับการลงพิมพโฆษณาเรียกประชุมครั้งดังกลาวในหนังสือพิมพ
แหงทองท่ีอยางนอยหน่ึงคราวกอนวันนัดประชุมไมนอยกวาเจ็ดวัน และหลักฐานการสง
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๐๒
ทางไปรษณียตอบรับไปยังผูถือหุนทุกคนกอนวันนัดประชุมไมนอยกวาเจ็ดวันตามกระบวนวิธีการ
ข้ันตอนและวิธีการตามท่ีบัญญัติไวในมาตรา ๑๑๗๕ แหงประมวลกฎหมายเดียวกัน หาจําตอง
ผูกมัดอยูกับขอ ๘๖ วรรคหนึ่ง ของระเบียบดังกลาวแตอยางใดไม เมื่อปรากฏตามคําขอ ลงวันท่ี
๕ มกราคม ๒๕๕๕ วา ผูย่ืนคําขอมีพยานหลักฐานประกอบคําขอ คือ สําเนาใบมรณบัตรของ
นาย ว. แตเ พียงฉบับเดียวเทานนั้ โดยนาย พ. ไมสั่งการใหผูยื่นคําขอสงพยานหลักฐานอื่นเพ่ิมเติม
แตอยางใด ซึ่งหากนาย พ. ไดใชอํานาจตามขอ ๑๑ ของระเบียบขางตน ส่ังใหผูยื่นคําขอ
สงพยานหลักฐานรายงานการประชุมใหญวิสามัญผูถือหุนครั้งดังกลาว รวมทั้งพยานหลักฐาน
เกี่ยวกับการโฆษณาคําบอกกลาวเรียกประชุมใหญครั้งดังกลาวในหนังสือพิมพทองท่ี และ
พยานหลักฐานเก่ียวกับการสงบอกกลาวทางไปรษณียตอบรับเพื่อเรียกประชุมใหญคร้ังดังกลาว
แกผ ถู อื หนุ ทุกคนตอ นาย พ. เพื่อประกอบการพิจารณาแลว ก็จะพบความจริงวาไมมีการประชุมใหญ
วิสามัญผูถือหุนคร้ังดังกลาวตามท่ีกลาวอาง ดังนั้น จึงตองรับฟงวาการส่ังรับจดทะเบียนแกไข
เพ่ิมเติมรายการจดทะเบียน ตามคําขอลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๕ ของนายทะเบียนหุนสวนบริษัท
กรุงเทพมหานคร เม่ือวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๕๕ เปนคําส่ังท่ีไมชอบดวยกฎหมายอันเกิดจาก
การปฏิบัติหนาท่ีไปดวยความประมาทเลินเลอของนาย พ. ในฐานะนายทะเบียนหุนสวนบริษัท
กรงุ เทพมหานคร อยางไรกต็ าม ความเสยี หายตามทีผ่ ูฟ อ งคดีฟอ งกลาวอางมา ไมวาจะเปนคาขาดรายได
ตามปกติจากการคา เงินเดือนพนักงาน คาเชาสํานักงาน คาเสียโอกาส และดอกเบ้ียจากคาซื้อ
เช่ือสินคาที่ควรจะไดชําระไปแลว ลวนไมใชเปนความเสียหายโดยตรงท่ีเกิดจากการส่ังรับจดทะเบียน
ตามคําขอลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๕ ของนายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานคร
เพราะไมวา นาง จ. จะเขา มาเปน กรรมการซึ่งมีอํานาจลงชื่อผูกพันบริษัทผูฟองคดีตามการสั่งรับจดทะเบียน
ของนายทะเบียนหุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานคร เม่ือวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๕ หรือไมก็ตาม
ก็ไมมีผลทําใหบริษัทผูฟองคดีตองหยุดทําการคา โดยผูถือหุนท่ีเหลือรวมท้ังพนักงานบริษัท
ผฟู องคดียงั คงสามารถทาํ การคา ตามปกตติ ามวัตถปุ ระสงคของบริษัทผูฟองคดีตอไปได จึงไมทําให
บริษัทผูฟองคดีตองขาดรายไดตามปกติจากการคาและเสียโอกาสทางการคาตามท่ีผูฟองคดีกลาวอาง
อีกทั้ง ไมเปนการหามใหผูถือหุนท่ีเหลือท้ังหมดรวมทั้งพนักงานบริษัทของผูฟองคดีในการชําระ
คาซื้อเช่ือสินคาที่ควรตองชําระแตอยางใด สวนเงินเดือนพนักงานและคาเชาสํานักงาน
ก็เปนคาใชจายตามปกติที่ผูฟองคดีจะตองจายในแตละเดือน ดังนั้น เมื่อความเสียหายตามที่
ผูฟองคดีกลาวอางมิไดเกิดจากการส่ังรับจดทะเบียนดังกลาวนายทะเบียนหุนสวนบริษัท
กรุงเทพมหานคร การส่ังรับจดทะเบียนตามคําขอลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๕ ของนายทะเบียน
หุนสวนบริษัทกรุงเทพมหานครจึงไมเปนการละเมิดที่ผูถูกฟองคดีในฐานะหนวยงานตนสังกัดของ
นายทะเบยี นหนุ สว นบรษิ ทั กรงุ เทพมหานครตองชําระคา สินไหมทดแทนความเสียหายแกผูฟองคดี
ท่ศี าลปกครองชน้ั ตนพิพากษายกฟอง น้นั ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดว ยในผล
พพิ ากษายืน
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๐๓
ฟองขอใหแกไขความเดือดรอนเสียหายจากการที่องคกรปกครองสวนทองถ่ินกอสรางสะพาน
ขา มคลอง และถมแนวคลองใหแคบลงจนไมสามารถสัญจรทางนา้ํ ได
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๖๘๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดีวา เม่ือป พ.ศ. ๒๕๕๐ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (เทศบาลตําบลศรีดอนไผ)
กอสรางสะพานขามคลองแสงอรุณราษฎร เพ่ือเช่ือมตอถนนเสนทางสายทารถดําเนินสะดวก –
ตลาดแคระ ลํ้าแนวคลองแสงอรุณราษฎร โดยถมแนวคลองฝงตรงขามท่ีดินของผูฟองคดีท่ี ๒
ทําใหแนวคลองดังกลาวแคบลงจนไมสามารถสัญจรทางนํ้าได ผูฟองคดีท้ังสองจึงคัดคาน
การดําเนินการดังกลาว ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (นายกเทศมนตรีตําบลศรีดอนไผ) แจงวาจะปรับปรุง
แนวคลองใหอยูในสภาพเดิมในภายหลัง แตก็ไมไดรับการแกไข นอกจากน้ี ผูถูกฟองคดีที่ ๑
ยังทําถนนเบี่ยงเขามาในท่ีดินของผูฟองคดีทั้งสอง ผูฟองคดีทั้งสองจึงนําคดีมาฟองขอใหผูถูกฟองคดี
ทั้งสองรื้อสะพานหรือปรับปรุงสะพานเพื่อทําใหแนวคลองแสงอรุณราษฎรมีสภาพดังเดิมกอน
การกอสรางสะพาน และใหผูถูกฟองคดีทั้งสองปรับปรุงแนวถนนเลียบลําคลองแสงอรุณราษฎร
ท่ีล้าํ เขา มาในทดี่ นิ ของผฟู อ งคดที ี่ ๒ ใหข นานกับแนวลําคลองอรณุ ราษฎรตามเดิม
ศาลปกครองสูงสดุ วนิ จิ ฉัยวา คดมี ีปญ หาทจ่ี ะตองวินิจฉัยวา กรณีผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ทําการปรับถนนเลียบคลองแสงอรุณราษฎรเบี่ยงเขาไปในที่ดินของผูฟองคดีท่ี ๒ เพ่ิมข้ึนจากแนว
ถนนเดิมหรือไม เห็นวา เมื่อพิจารณาภาพถายถนนเลียบคลองลําคลองแสงอรุณราษฎรกอนและ
หลังจากที่มีการปรับสภาพของถนนบริเวณที่มีการกอสรางสะพานแลว ปรากฏวาสวนของ
หูสะพานไดลวงล้ําเขาไปในพ้ืนที่ของถนนเดิมประมาณเกือบครึ่งหน่ึงของถนนเดิม และหลังจาก
ท่ีมีการปรับถนนแลวปรากฏวาถนนมีการเบ่ียงไปทางดานซายมากกวาเดิม จึงเห็นไดวา
การกอสรางสะพานขามคลองแสงอรุณราษฎร ที่มีการกอสรางสวนหูของสะพานไดลวงลํ้าเขาไป
ในถนนเลียบคลองแสงอรุณราษฎร ทําใหไมอาจใชถนนตามแนวถนนเดิมได เปนเหตุใหตอง
เบ่ียงออกไปทางดานซายเพิ่มขึ้นเพ่ือใหผูใชยานพาหนะสามารถเล้ียวขวาขึ้นสะพานหรือตรงไปสู
ถนนสาธารณะตอไปได จึงเช่ือไดวาผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดทําการปรับถนนเบี่ยงรุกลํ้าเขาไปในท่ีดิน
ของผูฟองคดีท่ี ๒ เพิ่มขึ้นจากแนวถนนเดิม โดยผูฟองคดีที่ ๒ มิไดใหความยินยอม จึงเปน
การกระทําที่ไมชอบดวยกฎหมาย และเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีท่ี ๒ ตามมาตรา ๔๒๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงตองใชคาสินไหมทดแทนเพ่ือการ
ละเมิดน้ัน และโดยที่มาตรา ๔๓๘ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย บัญญัติวา
อนงึ่ คา สนิ ไหมทดแทนนัน้ ไดแกก ารคืนทรัพยส นิ อนั ผเู สียหายตอ งเสยี ไปเพราะละเมิดหรือใชราคา
ทรัพยสินนั้น รวมท้ังคาเสียหายอันจะพึงบังคับใหใชเพื่อความเสียหายอยางใดๆ อันไดกอขึ้นน้ัน
ดวย เมื่อผูฟองคดีท่ี ๒ ยังประสงคจะใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรื้อถอนผิวจราจรบนถนนเลียบคลอง
แสงอรุณราษฎรสวนที่กอสรางรุกล้ําออกไปจากท่ีดินของผูฟองคดีท่ี ๒ การที่ศาลปกครองชั้นตน
กําหนดคําบังคับใหผูถูกฟองคดีท้ังสองดําเนินการปรับปรุงแกไขถนนเลียบคลองแสงอรุณราษฎร
ไมใหรุกล้ําเขาไปในท่ีดินของผูฟองคดีท่ี ๒ จึงเปนการกําหนดคาสินไหมทดแทนตามควร
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๐๔
แกพฤติการณและความรายแรงแหงละเมิดแลว ประเด็นวา การกอสรางสะพานขามคลอง
แสงอรุณราษฎรของผูถูกฟองคดีทั้งสองเปนการกอสรางท่ีรุกล้ําแนวเขตคลองแสงอรุณราษฎร
และเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีทั้งสองหรือไม นั้น เห็นวา การกอสรางสะพานท่ีพิพาทของ
ผูถูกฟองคดีทั้งสองเปนการจัดใหมีสิ่งสาธารณูปโภค เปนการจัดทําบริการสาธารณะดานการ
คมนาคมเพื่อประโยชนของประชาชน ซึ่งเปนอํานาจหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตาม พ.ร.บ.
เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๕๐ วรรคหน่ึง (๒) แตการกอสรางสะพานขามคลองดังกลาว
ไดกระทําในคลองแสงอรุณราษฎร ซ่ึงการกอสรางสิ่งลวงล้ําลําน้ําประเภทสะพานขามคลอง
สามารถกระทําไดโดยตองขออนุญาตจากเจาทาหรือผูไดรับมอบหมายจากเจาทาตาม พ.ร.บ.
การเดินเรือในนานนํ้าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึ่งกรมการขนสงทางน้ําและพาณิชยนาวี
ไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๔๘ มอบอํานาจ “เจาทา” ตาม พ.ร.บ. การเดินเรือในนานน้ําไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ ใหองคกรปกครองสวนทองถิ่นในการพิจารณาอนุญาตเกี่ยวกับการปลูกสราง
สิ่งลวงล้ําลําน้ํา ตามความในมาตรา ๑๑๗ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว โดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๖๓
(พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน พ.ร.บ. การเดินเรือในนานนํ้าไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
กําหนดแนวทางการพิจารณาอนุญาตสิ่งลวงลํ้าลําน้ํา ประเภทสะพานขามคลองไววา
ต อ ง มี วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค ก า ร ใ ช เ ป น ท า ง เ ช่ื อ ม ร ะ ห ว า ง ที่ ดิ น ห รื อ ท า ง ส า ธ า ร ณ ะ ริ ม ฝ ง ค ล อ ง
และมีขอพิจารณาดานลักษณะหรือสภาพของสิ่งลวงล้ําลําน้ําวาตองมีโครงสรางที่ไมทําให
ทิศทางการไหลของน้ําเปลี่ยนแปลง และไมกอใหเกิดความเสียหายแกพื้นท่ีบริเวณใกลเคียง
รวมถงึ ความสูงของสะพานและความกวางของชองลอดใตสะพานตองเพียงพอใหเรือสามารถผานไปได
แตหากเปนกรณีคลองท่ีไมมีการเดินเรือ เสาตอมอตองอยูในแนวฝงหรือชิดฝงใหมากที่สุด ท้ังน้ี
เพ่ือใหเกิดความปลอดภัยและไมเปนอุปสรรคตอการไหลของน้ําในลําคลอง เม่ือการกอสราง
สะพานขามคลองแสงอรุณราษฎรมีวัตถุประสงคเพื่อใชเปนทางเชื่อมเสนทางสายทารถดําเนิน
สะดวก – ตลาดแคระ โดยบริเวณท่ีถูกกําหนดใหเปนจุดกอสรางสะพานพิพาท เปนบริเวณที่ใกลกับ
จุดหักเลี้ยวของลําคลองแสงอรุณราษฎร และเปนชวงท่ีแคบกวาบริเวณอ่ืน รูปแบบการกอสราง
มีการทําคันคอนกรีตแนวลาดบริเวณใตสะพานเขาไปในแนวลําคลองไปจนสุดแนวตอมอสะพาน
ทั้งสองขาง ทําใหแนวคลองบริเวณใตสะพานมีความกวางประมาณ ๑.๕๐ เมตร ซึ่งผูฟองคดี
ท้ังสองอางวามีการถมดินลงในคลองฟากตรงขามท่ีดินผูฟองคดีท่ี ๒ และขุดดินจากที่ดินของ
ผูฟองคดีที่ ๒ ออก เพื่อเบ่ียงเบนแนวลําคลองแสงอรุณราษฎรใหผิดไปจากเดิม ซึ่งผูถูกฟองคดี
ทั้งสองยอมรับวามีการถมคลองดังกลาวเพ่ือตอกเสาเข็มจริง แตไดขุดออกแลว เม่ือพิจารณา
เปรียบเทียบจากภาพถายสภาพลําคลองแสงอรุณราษฎรกอนและหลังกอสรางสะพานท่ีพิพาท
ปรากฏวา กอนการกอสรางสะพานท่ีพิพาท สภาพลําคลองแสงอรุณราษฎรฝงคลองดานเดียวกับ
ท่ีดินผูฟองคดีทั้งสองมีถนนลาดยางแอสฟลทติกคอนกรีตเลียบคลองและแนวเข่ือนก้ันดินทรุด
เปนแนวของลําคลอง สวนฝงตรงกันขามกับท่ีดินของผูฟองคดีท้ังสองไมมีแนวเขื่อนก้ันดินทรุด
แตมีแนวเสาไฟฟาปกเปนแนวของลําคลอง ขนาดความกวางของแนวลําคลองตลอดแนวมีความ
กวางใกลเคียงกัน แตบริเวณท่ีกอสรางสะพานเปนชวงแนวโคงของคลองและเปนสวนท่ีแคบกวา
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๐๕
แนวคลองบริเวณอื่น โดยหลังจากกอสรางสะพานแลว ขนาดของลําคลองบริเวณใตสะพานมีความ
กวางประมาณ ๑.๕ เมตร ซ่ึงแคบกวาแนวคลองสวนอ่ืน แตก็เปนเฉพาะชวงมุมของตอมอสะพาน
ทั้งสองขาง เนื่องจากการกอสรางสะพานไมไดตั้งฉากกับคลองโดยตรง แตมีลักษณะเปนสะพาน
ขามคลองที่เฉียงจากแนวคลองเพื่อไปเชื่อมตอกับถนนสายทารถดําเนินสะดวก – ตลาดแคระ
บริเวณที่ดินของบุคคลอ่ืนท่ีไดแบงหักเปนทางสาธารณะแลว การกอสรางสะพานขามคลองแสง
อรุณราษฎรณของผูถูกฟองคดีทั้งสอง จึงเปนไปตามลักษณะของสภาพพื้นท่ีบริเวณกอสราง
แมการกอสรางสะพานดังกลาวจะปรากฏหูสะพานเปนแนวลาดลงสูลําคลองและมีเสาตอมอกีด
ขวางทางน้ําอยูดวย แตเมื่อพิจารณาประกอบกับภาพถายท่ีถายไวในชวงกลางฤดูฝน ท่ีตามปกติ
ยอมมฝี นตกหนัก นํ้าในลาํ นาํ้ คลองแสงอรุณราษฎรท่ีไหลผานใตสะพานขามคลองแสงอรุณราษฎร
ยงั คงไหลผานไดต ามปกติและมรี ะดบั ไมสงู กวา แนวคานที่รองรบั เสาตอมอ สะพาน ซง่ึ เพยี งพอท่ีเรือ
ขนาดเลก็ สามารถผานไปได โดยผูฟองคดีทั้งสองยอมรับวาการสัญจรทางเรือในปจจุบันลดนอยลง
และยังมีแนวถนนเลียบคลองแสงอรุณราษฎรที่สามารถใชขนสงผลิตผลทางการเกษตรทางบก
ไดสะดวกกวาการขนสงทางนํ้า และหากมีระดับน้ําสูงข้ึน นํ้ายังสามารถเออลนข้ึนไป
บนคันคอนกรีตแนวลาดและไหลไปตามแนวคลองเดิมผานบริเวณใตสะพานไปไดโดยปกติ
ไมไดทําใหแนวคลองแสงอรุณราษฎรเปลี่ยนไป กรณีจึงยังฟงไมไดวา การกอสรางสะพานพิพาท
จะเปนอุปสรรคตอการไหลของนํ้าในลํานํ้าคลองแสงอรุณราษฎร จึงไมเปนการกระทําละเมิด
ตอผูฟองคดีทั้งสอง ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ดําเนินการปรับปรุงแกไขสะพานขามคลองแสงอรุณราษฎรไมใหรุกล้ําเขาไปในเขตคลองแสงอรุณราษฎร
โดยทําใหคลองแสงอรุณราษฎรมีขนาดความกวางเทาเดิมและอยูในแนวเดิมกอนการกอสราง
สะพาน และปรับปรุงแกไขถนนเลียบคลองแสงอรุณราษฎรไมใหรุกล้ําเขาไปในที่ดินของ
ผูฟ องคดที ี่ ๒ โดยใหผถู กู ฟอ งคดที ง้ั สองเริ่มดําเนินการตามคําพิพากษาภายใน ๓๐ วัน นับแตวันที่
คดีถึงท่ีสุด และใหดําเนินการใหแลวเสร็จภายในปงบประมาณถัดจากปงบประมาณที่คดีถึงท่ีสุด น้ัน
ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดวยบางสว น
พิพากษาแกคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน เปนใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑
โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ ปรับปรุงแกไขถนนเลียบคลองแสงอรุณราษฎรไมใหรุกล้ําเขาไปในท่ีดินของ
ผูฟองคดีที่ ๒ เพ่ิมข้ึนจากแนวถนนเดิม โดยใหผูถูกฟองคดีทั้งสองดําเนินการใหแลวเสร็จภายใน
ปงบประมาณถดั จากปงบประมาณทมี่ ีคําพิพากษา คาํ ขออ่ืนนอกจากนี้ ใหยก
ฟอ งขอใหชดใชเงนิ และเพิกถอนคําสัง่ เล่อื นขนั้ เงินเดือนรวมทงั้ เพกิ ถอนคาํ วินิจฉยั รอ งทุกข
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๖๘๗ - ๖๘๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๒ ฟองวา ผูฟองคดีท่ี ๑ รับราชการครู ตําแหนงครูวิทย
ฐานะชํานาญการ และผูฟองคดีที่ ๒ รับราชการครู ตําแหนงครูวิทยฐานะชํานาญการพิเศษ
โรงเรียนวัดบุญสัมพันธ สํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาชลบุรี เขต ๓ (เดิม) สังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๖
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๐๖
(สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน) ไดร ับความเดือดรอ นเสยี หายจากการท่ีผูถูกฟองคดที ี่ ๒
(ศึกษาธิการจังหวัดชลบุรี (ผูอํานวยการสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาชลบุรี เขต ๓ เดิม))
ไดมีคําสั่งลงวันท่ี ๘ ตุลาคม ๒๕๕๒ เลื่อนข้ันเงินเดือนใหผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๒ คนละ ๐.๕ ขั้น
(รวมท้ังปไดรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนคนละ ๑ ขั้น) ซึ่งผูฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๒ เห็นวาไมไดรับ
ความเปนธรรม จึงไดมีหนังสือรองทุกขขอความเปนธรรมและขอใหเพิกถอนคําส่ังเล่ือนขั้นเงินเดือน
ดังกลา ว ตอ มาผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีหนังสือถึงผูฟองคดีทั้งสองแจงวา ผูถูกฟองคดีที่ ๓ (คณะกรรมการ
ศึกษาธิการจังหวัดชลบุรี (อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาชลบุรี เขต ๓ เดิม)) ไมรับคํารองทุกข
ของผูฟองคดีท่ี ๑ เน่ืองจากยื่นคํารองทุกขพนกําหนดเวลาสามสิบวันนับแตวันท่ีไดรับทราบคําส่ัง
เล่ือนข้ันเงินเดือน จึงมีมติยกคํารองทุกข ผูฟองคดีทั้งสองเห็นวา การกระทําของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ถึงที่ ๕ (คณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงโรงเรียนวัดบุญสัมพันธ ที่ ๔, คณะผูสังเกตการณ
การสอบสวนโรงเรียนวัดบุญสัมพันธ ที่ ๕) ไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใชเงินเพิกถอนคําสั่งสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาชลบุรี
เขต ๓ ลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๒ และเพิกถอนคําวินิจฉัยรองทุกขของผูถูกฟองคดีที่ ๓
ที่ยกคํารอ งทุกขข องผฟู อ งคดที ่ี ๑ และท่ี ๒
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อพิจารณาจากบทบัญญัติของ พ.ร.บ. ระเบียบ
ขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๗๒ และมาตรา ๗๓ วรรคหนึ่ง
วรรคสอง วรรคสาม และวรรคหา กฎ ก.ค.ศ. วาดวยการเลื่อนข้ันเงินเดือนของขาราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๐ ขอ ๒ ขอ ๓ ขอ ๖ และขอ ๗ และประกาศสํานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เรื่อง แนวปฏิบัติในการพิจารณาเล่ือนข้ันเงินเดือนขาราชการ
สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๑ ขอ ๕
ขอ ๗ ขอ ๑๐ และขอ ๑๑ เห็นไดวา การประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงาน
ของขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อพิจารณาเลื่อนข้ันเงินเดือน น้ัน มีข้ันตอน
และวิธีการเริ่มต้ังแตการประกาศหลักเกณฑท่ีจะใชในการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผล
การปฏิบัติงานของขาราชการในสังกัด และมาตรฐานหรือตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานตามลักษณะ
งานของผูรับการประเมินท่ีชัดเจน โดยอาจจัดทําในรูปแบบของขอตกลงระหวางผูประเมิน
และผูรับการประเมินกอนท่ีจะมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน เม่ือถึงรอบระยะเวลาการประเมิน
ท่ีกําหนด ใหผูบังคับบัญชาระดับตนหรือบุคคลท่ีผูบังคับบัญชามอบหมายทําการประเมิน
ตามแบบที่กฎหมายกําหนดไวห รืออาจแกไขปรบั ปรุงแบบตามความเหมาะสมของลักษณะงานก็ได
และใหแจงผลการประเมินใหผูรับการประเมินทราบเพื่อเปดโอกาสใหผูใตบังคับบัญชาท่ีถูกประเมิน
โดยเฉพาะอยางย่ิงผูท่ีอยูในขายท่ีจะไมไดรับการเล่ือนข้ันเงินเดือน ไดมีโอกาสช้ีแจง ใหความเห็น
หรือขอคําปรึกษาเกี่ยวกับการประเมินและผลการประเมินดังกลาว โดยมีวัตถุประสงคท่ีสําคัญ
เพื่อใหการประเมินผลการปฏิบัติงานเปนไปดวยความเปนธรรม โปรงใส และตรวจสอบได
เม่ือขอเท็จจริงรับฟงเปนยุติไดวา หลังจากที่ไดมีการประเมินผลการปฏิบัติงานผูฟองคดีที่ ๑
และท่ี ๒ ในคร้ังพิพาทแลว ไมไดมีการปดประกาศผลการประเมินหรือแจงผลการประเมิน
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๐๗
ใหผูฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ ทราบกอนท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จะพิจารณาออกคําส่ังเล่ือนขั้นเงินเดือน
ตามคําส่งั ลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๒ แตอ ยา งใด โดยผฟู อ งคดีท่ี ๑ และที่ ๒ ไดรับทราบผลคะแนน
รายขอหลังจากท่ีไดมีหนังสือทวงถามผลคะแนนประเมินจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ หลายครั้ง
ซ่ึงถือวาเปนการไมปฏิบัติตามหลักเกณฑและขั้นตอนท่ีกฎหมายขางตนกําหนดไวในเร่ือง
ของการเลื่อนข้ันเงินเดือนในระบบเปด แตอยางไรก็ตาม เนื่องจากการแจงผลการประเมินให
ผูรับการประเมินทราบและเปดโอกาสใหชี้แจงแสดงความเห็นหรือขอคําปรึกษาเกี่ยวกับ
ผลการประเมินกอนมีคําส่ังเล่ือนขั้นเงินเดือนตามหลักเกณฑในเรื่องระบบเปด น้ัน นอกจาก
จะมีเจตนารมณเพ่ือใหผูรับการประเมินไดมีโอกาสทราบถึงรายละเอียดของการประเมิน
และผลการประเมิน อันอาจโตแยงหรือชี้แจงขอเท็จจริงแลว ยังเปนไปเพื่อใหผูรับการประเมิน
นําขอมูลที่ไดไปใชในการปรับปรุงการทํางานของตนตามท่ีผูบังคับบัญชามีความเห็นหรือให
คําปรึกษาตอไปดวย ซ่ึงเม่ือมีการเปดโอกาสในลักษณะดังกลาว ก็อาจจะทําใหผลการประเมิน
เปลี่ยนแปลงหรือไมเปล่ียนแปลงก็ได ดังน้ัน หากไมไดมีการดําเนินการดังกลาวจึงไมไดสงผล
ใหผลการประเมินตองเปล่ียนแปลงไปหรือถือวาเปนการประเมินที่ไมชอบดวยกฎหมายเสมอไป
การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไมไดปดประกาศผลการประเมินหรือแจงผลการประเมินใหผูฟองคดีที่ ๑
และท่ี ๒ ทราบกอนที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จะพิจารณาออกคําสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนตามกรณีพิพาท
จึงยังไมใชสาระสําคัญที่ถึงขนาดทําใหกระบวนการหรือข้ันตอนในการพิจารณาเลื่อนข้ันเงินเดือน
ครั้งพพิ าทตองเสียไปทงั้ หมดแตอยา งใด อยางไรก็ดี เมอ่ื ผูถกู ฟองคดที ี่ ๒ ไดพ จิ ารณาผลการปฏิบตั งิ าน
ของผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๒ แลวมีความเห็นตามที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เสนอวาผูฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๒
เปนผูสมควรไดรับการเล่ือนขั้นเงินเดือนในคร้ังพิพาทเพียง ๐.๕ ข้ัน เนื่องจากมีผลการประเมิน
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานอยูในเกณฑท่ียอมรับไดเทานั้น แตผูฟองคดีที่ ๑
และที่ ๒ ไดแสดงพยานหลักฐานเก่ียวกับการมีผลงานเปนท่ีประจักษซ่ึงอยูในชวงเวลาของ
การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน ครั้งที่ ๒ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๒) อันแสดงถึงความต้ังใจในการปฏิบัติงาน
และมีความประพฤติปฏิบัติที่ดีจนไดรับรางวัล ซ่ึงรางวัลดังกลาวยอมเปนหลักฐานยืนยัน
ในเบื้องตนไดวา ผูไดรับรางวัลตองเปนบุคคลที่มีความรู ความสามารถ ความชํานาญ ความอุตสาหะ
เปนท่ีประจักษและยอมรับได โดยในสวนของผูฟองคดีที่ ๑ ที่ไดรับรางวัลครูดีในดวงใจ
ยอ มแสดงวาผฟู องคดีที่ ๑ มีความรู ความสามารถ และมีผลงานเปนไปตามหลักเกณฑและวิธีการ
ท่ีกําหนดไว จึงไดรับการคัดเลือกใหไดรับรางวัลดังกลาว สวนผูฟองคดีที่ ๒ ยอมเปนผูมีความรู
ความสามารถและมีผลงานเชนกัน จึงไดรับมอบหมายงานตางๆ จากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จนไดรับรางวัล
จากการทํากิจกรรมหรืองานท่ีไดรับมอบหมายดังกลาว นอกจากน้ี การแตงตั้งคณะกรรมการ
สอบสวนขอเท็จจริงผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๒ กรณีไดจัดทําบันทึกขอไปชวยราชการโดยมีขอความ
อันเปนเท็จและไมปฏิบัติตามข้ันตอนและระเบียบของทางราชการ อันจะนํามาเปนเหตุวา
ผูฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๒ มีพฤติกรรมไมเหมาะสม ก็ปรากฏผลการสอบสวนวาไมมีมูล ดังน้ัน
การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๒ พิจารณาแลวเห็นชอบตามความเห็นของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ท่ีเสนอให
เลื่อนขั้นเงินเดือนผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๒ ครั้งท่ี ๒ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๒) จํานวน ๐.๕ ขั้น และไดมี
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๐๘
คําส่ังสํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาชลบุรี เขต ๓ ที่ ๕๔๒/๒๕๕๒ ลงวันท่ี ๘ ตุลาคม ๒๕๕๒
เล่ือนข้ันเงินเดือนใหผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๒ คนละ ๐.๕ ข้ัน จึงไมชอบดวยกฎหมาย ทั้งนี้
ตาม พ.ร.บ. ระเบียบขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ มาตรา ๒๗ (๒)
และ (๕) กฎ ก.ค.ศ. วาดวยการเล่ือนข้ันเงินเดือนของขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๕๐ ขอ ๑๑ วรรคหนึ่ง และประกาศสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
เร่ือง หลักเกณฑและแนวปฏิบัติในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนขาราชการ สํานักงาน
คณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ขอ ๘ ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษาเพิกถอน
คําส่งั สาํ นกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาชลบุรี ลงวนั ที่ ๘ ตลุ าคม ๒๕๕๒ เฉพาะสวนที่เล่ือนข้ันเงินเดือน
ใหผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๒ คนละ ๐.๕ ข้ัน และใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท่ี ๒ และที่ ๓ ดําเนินการ
พิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจําปงบประมาณ ๒๕๕๒ คร้ังท่ี ๒ เฉพาะสวนของผูฟองคดีท่ี ๑
และท่ี ๒ ใหมใหแลวเสร็จภายในสามสิบวันนับแตวันท่ีคําพิพากษาถึงท่ีสุด คําขออื่นนอกจากน้ี
ใหยก นั้น ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พองดว ยในผล
พพิ ากษายนื
ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีไมควบคุมการจายเงินคาจางคนงาน
เปน เหตใุ หเ กิดการทุจรติ
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๗๓๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีรับราชการเปนขาราชการพลเรือน ตําแหนงเจาพนักงาน
ปา ไมชํานาญงาน สงั กัดสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษท่ี ๕ (นครศรีธรรมราช) กรมปาไม เม่ือป พ.ศ. ๒๕๔๓
ไดรับแตงตั้งใหเ ปน กรรมการจายเงนิ คา จางลกู จา งชว่ั คราวรายวนั ของสถานีควบคมุ ไฟปาทะเลนอย
ตอมา ไดมีการรองเรียนเก่ียวกับกรณีการทุจริตการจายเงินคาจางคนงานของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอย
สํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๑๔ (จังหวัดนครศรีธรรมราช) จึงไดทําการตรวจสอบ
กรณีดงั กลา ว ผลปรากฏวามีลูกจางชั่วคราวรายวันของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอยไมไดมีการปฏิบัติงานจริง
แตมีการเบิกจายเงินคาจางในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓ เปนเหตุใหทางราชการเสียหาย
เปนเงิน ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท อธิบดีกรมปาไมไดมีคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ในกรณีดังกลาว โดยคณะกรรมการดังกลาวเห็นสมควร
ใหนาย ป. หัวหนาสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอยชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๖๕
ของจํานวนเงิน ๒๗๒,๐๑๐ บาท เปนเงิน ๑๗๖,๘๐๖.๕๐ บาท แตเน่ืองจากเรื่องดังกลาวอยูใน
ความรับผิดชอบของผูถูกฟองคดีที่ ๒ (กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช) กรมปาไม
จึงมีหนังสือสงรายงานผลการสอบสวนและเอกสารที่เก่ียวของใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดําเนินการตอไป จากนั้น
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ (อธิบดีกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช)
ไดม ีหนังสือรายงานผลการสอบขอเท็จจริงกรณีดังกลาวใหกระทรวงการคลังพิจารณา ตอมา กระทรวงการคลัง
โดยผูถ ูกฟองคดีท่ี ๕ (กรมบัญชกี ลาง) ไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ แจงผลการพิจารณา
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๐๙
ความรับผิดทางละเมิดกรณีดังกลาว โดยเห็นวาผูฟองคดีในฐานะกรรมการจายเงินคาจางช่ัวคราว
ลงช่ือไปโดยไมตรวจสอบวาลกู จา งไดมาปฏิบัติงานจริงหรือไม เปนชองทางใหนาย ป. กระทําการทุจริตได
โดยงาย พฤติการณถือเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ไดรับความเสียหาย จึงใหคณะกรรมการจายเงินคาจางชั่วคราวรับผิดในอัตรารอยละ ๕๐ ของความเสียหาย
จาํ นวน ๑,๒๖๑,๗๓๖ บาท คดิ เปนเงิน ๖๓๐,๘๖๘ บาท โดยใหผูฟองคดีรับผิดเปนเงินจํานวน ๑๕๗,๗๑๗ บาท
ผูถกู ฟองคดีท่ี ๑ไดรับหนงั สือดังกลาวเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ จึงมีคําสั่งลงวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
แจงใหผูฟองคดีนําเงินจํานวนดังกลาวมาชดใชคาเสียหายใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ภายใน ๑๕ วัน
ผูฟองคดีจึงอุทธรณคําส่ังดังกลาว ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไมเห็นดวยกับคําอุทธรณ จึงสงใหผูถูกฟองคดีที่ ๓
(ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม) พิจารณา ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ยืนตามคําส่ังของ
ผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๑ และยกอทุ ธรณของผูฟอ งคดีตามคําวินจิ ฉัยลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ผูฟองคดี
จึงนําคดีมาขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามหนังสือลงวันท่ี
๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชเงินคาสินไหมทดแทน เพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณ
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ท่ีไมเห็นดวยกับคําอุทธรณของผูฟองคดี เพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของ
ผถู กู ฟอ งคดีที่ ๓ ลงวนั ที่ ๒๖ มนี าคม ๒๕๕๖ และเพิกถอนความเห็นของผูถูกฟองคดีที่ ๕ ลงวันที่
๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๕
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คดีน้ีเปนกรณีที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในฐานะหนวยงานของรัฐ
เห็นวาผฟู องคดซี งึ่ เปนผูทาํ ละเมิดไมตอ งรับผิด แตก ระทรวงการคลังเหน็ วาตองรบั ผิด อายุความใน
การใชสิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจึงมีกําหนดอายุความหน่ึงปนับแตวันที่
หนวยงานของรัฐมีคําสั่งตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ซึ่งในที่นี้คือ วันที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ไดรับหนังสือแจงผลการพิจารณาจากกระทรวงการคลังเม่ือวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ ตามมาตรา ๑๐
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
มีคาํ สง่ั เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๑๕๗,๗๑๗ บาท จึงเปนการใชสิทธิ
เรียกรองใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนภายในหนึ่งปนับแตวันที่หนวยงานของรัฐมีคําสั่ง
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง อยางไรก็ดี เม่ือปรากฏขอเท็จจริงวา ผูวาราชการจังหวัดพัทลุง
ไดมีคําสั่งแตงต้ังใหผูฟองคดีใหปฏิบัติหนาที่เปนกรรมการในคณะกรรมการจายเงินคาจาง
ลูกจางช่ัวคราวรายวันของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอยเร่ิมตนต้ังแตวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓
จนถึงวนั ท่ี ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๓ กรณีจงึ เหน็ ไดว า วันทีม่ กี ารกระทําละเมิดในการปฏิบัติหนาที่เกิดข้ึน
ไดแกวันท่ีผูฟองคดีลงลายมือช่ือเบิกจายเงินคาจางลูกจางชั่วคราวของสถานีควบคุมไฟปาทะเลนอย
ปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓ แมวาพยานหลักฐานในสํานวนคดีไมปรากฏแนชัดวา
ผฟู องคดลี งลายมือช่ือรวมกบั คณะกรรมการคนอน่ื เบิกจายเงนิ คาจางดังกลาวเม่ือใด อันจะถือไดวา
ผฟู องคดีกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ แตยอมอนุมานไดวา การท่ีผูฟองคดีซึ่งรวมเปนคณะกรรมการ
จายเงินคาจางชั่วคราวไมควบคุมดูแลการจายเงินคาจางลูกจางชั่วคราวใหถูกตองครบถวนตามท่ี
นาย ป. ไดทําเรื่องขอเบิก โดยไมไดไปรวมสังเกตการณการจายเงินและลงชื่อไปโดยไมตรวจสอบวา
ลูกจางไดปฏิบัติงานจริงหรือไม อันเปนชองทางใหนาย ป. กระทําการทุจริตโดยทําหลักฐานเบิกจาย
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๑๐
ระหวางปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๒ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓ เปนเท็จ ยอมเกิดข้ึนในระหวางที่ผูฟองคดี
ทําหนาท่ีเปนคณะกรรมการตามคําสั่งดังกลาว เปนเหตุใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดรับความเสียหาย
อันเปน การกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เมื่อเหตุแหงการกระทําละเมิดเกิดขึ้นในชวงระหวาง
วันท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๓ ถึงวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๓ โดยวันสุดทายที่ผูฟองคดีสามารถ
ลงลายมือชื่อรวมกับคณะกรรมการคนอื่นเบิกจายเงินคาจางใหแกลูกจางช่ัวคราวได คือ วันที่
๒๖ กรกฎาคม ๒๕๔๓ ดงั น้นั การท่ีผูถกู ฟอ งคดีท่ี ๑ มคี าํ สั่งเรยี กใหผูฟอ งคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกผถู กู ฟอ งคดีที่ ๒ เปน เงิน ๑๕๗,๗๑๗ บาท ตามหนังสอื ลงวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ จึงเปน
การออกคําส่ังเม่ือพนสิบปนับแตวันทําละเมิดตามมาตรา ๔๔๘ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย คําสงั่ ดงั กลาวของผูถ ูกฟองคดีที่ ๑ จงึ ไมชอบดว ยกฎหมาย และมผี ลใหคําวินิจฉัยอุทธรณ
ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ทย่ี กอทุ ธรณของผูฟองคดีโดยเห็นชอบตามคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ดงั กลาวไมชอบดว ยกฎหมายเชนกนั ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามหนังสือลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เปนเงินจํานวน ๑๕๗,๗๑๗ บาท และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๓
ลงวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ท่ียกอุทธรณของผูฟองคดี โดยใหมีผลยอนไปต้ังแตวันออกคําสั่งและ
คาํ วนิ ิจฉยั อุทธรณ ตามแตกรณี สวนคําขออื่นนอกจากนี้ใหยก และใหยกฟองผูถูกฟองคดีท่ี ๕ น้ัน
ศาลปกครองสงู สดุ เห็นพองดว ย
พพิ ากษายนื
ฟองขอใหเ พกิ ถอนคําส่ังใหช ดใชคาสนิ ไหมทดแทน กรณปี รับลดคา ปรับตามสญั ญาจางโดยมชิ อบ
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๗๔๒/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนพนักงานสวนทองถ่ิน ตําแหนงนักบริหารงานเทศบาล
(ปลัดเทศบาล ๖) ตําบลหาดเล็ก อําเภอคลองใหญ จังหวัดตราด ไดรับความเดือดรอนเสียหาย
จากการท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๒ (นายกเทศมนตรีตําบลปากนํ้าหลังสวน) มีคําสั่งลงวันท่ี ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๒
ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ (เทศบาลตําบลปากน้ําหลังสวน) ในอัตรา
รอยละ ๔๐ ของคาเสียหายจํานวน ๙๑๘,๐๕๔ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๓๖๗,๒๒๑.๖๐ บาท
กรณีเม่ือคร้ังผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดเทศบาลตําบลปากนํ้าหลังสวนไดเสนอใหนาย อ. ผูดํารง
ตําแหนงนายกเทศมนตรีตําบลปากน้ําหลังสวนในขณะน้ัน พิจารณาใหความเห็นชอบและลงนาม
ในบันทึกแนบทายสัญญาจาง ครั้งท่ี ๓ ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เปลี่ยนแปลงอัตราคาปรับ
การกอสรางเข่ือนริมคลองบางสมบูรณ จากอัตรารอยละ ๐.๒๕ ของราคางานจาง เปนอัตรารอยละ
๐.๑๐ ของราคางานจาง ไมถูกตองตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการพัสดุของ
หนว ยการบริหารราชการสว นทองถิน่ พ.ศ. ๒๕๓๕ เปน เหตใุ หผถู กู ฟอ งคดีที่ ๑ ตอ งเบิกจายเงินคืน
ใหแกหางหุนสวนจํากัด พ. ผูรับจาง เปนเงินจํานวน ๒๘๖,๒๐๙.๙๘ บาท การกระทําดังกลาวถือ
ไดวาเปนความประมาทเลินเลออยางรายแรง ทําใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหาย
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๑๑
ผูฟองคดีจึงตอ งรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามนัยมาตรา ๑๐ ประกอบกับ
มาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
ลงวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๒ อุทธรณคําสั่งดังกลาวตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๓
(ผูวาราชการจังหวัดชุมพร) ไดมีหนังสือลงวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ แจงคําวินิจฉัยอุทธรณ
โดยใหยกอุทธรณของผูฟองคดี ผูฟองคดีเห็นวา ผูฟองคดีมิไดจงใจหรือประมาทเลินเลอ
อยางรายแรงในการปฏิบัติหนาที่ จึงนําคดีนี้มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําส่ัง
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตามคําส่ังลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๒ ที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
ในอัตรารอยละ ๔๐ ของคาเสียหายจํานวน ๙๑๘,๐๕๔ บาท คิดเปนเงนิ จาํ นวน ๓๖๗,๒๒๑.๖๐ บาท
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือไดพิเคราะหขอเท็จจริงเกี่ยวกับการเสนอ
ความเห็นของผูฟองคดีท้ังสี่คร้ังแลวจะเห็นไดวา ขอเท็จจริงไมปรากฏวา ในการเสนอความเห็น
ของผูฟองคดีตอนาย อ. นายกเทศมนตรีตําบลปากน้ําหลังสวนในขณะนั้น ผูฟองคดีไดเสนอ
ใหม กี ารเปลี่ยนแปลงอัตราคาปรับการกอสรางเขื่อนริมคลองบางสมบูรณ จากอัตรารอยละ ๐.๒๕
ของราคางานจาง เปนอัตรารอยละ ๐.๑๐ ของราคางานจาง ในอันที่มีผลทําใหนาย อ.
ไดทําบันทึกตอทายสัญญาจาง ครั้งที่ ๓ ลงวันท่ี ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๖ แกไขขอ ๑๕ ของสัญญาจาง
ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๔๔ โดยกําหนดคาปรับใหมในอัตรารอยละ ๐.๑๐ ของราคางานจาง
แมว า ผูฟ อ งคดจี ะไดลงช่ือเปนพยานในการแกไขสญั ญาจางดังกลาวก็ตาม นอกจากน้ี ในการเสนอ
ความเห็นตอนาย อ. นั้น ผูฟองคดีไดยืนยันความเห็นเดิมมาโดยตลอดวา จากการท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไดมีหนังสือหารือไปยังอําเภอหลังสวนและจังหวัดชุมพรน้ัน ผูฟองคดีเห็นวาการตอบขอหารือ
ของอําเภอหลังสวนและจังหวัดชุมพรนั้น ยังไมชัดเจนและไมสามารถใชเปนแนวปฏิบัติพอท่ีจะส่ังการ
อยางหน่ึงอยางใดได หาไดมีขอเท็จจริงอื่นใดที่จะรับฟงไดวาผูฟองคดีไดเสนอความเห็น
หรือสนับสนุนใหมีการลดคาปรับตามสัญญาจางลงโดยใชวิธีการเปลี่ยนแปลงอัตราคาปรับ
การกอสรางเขื่อนริมคลองบางสมบูรณดังกลาว อันเปนการกระทําโดยไมสุจริตหรือประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง จนมีผลทําใหหัวหนาฝายบริหารของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ กระทําผิดตอกฎหมายแตอยางใด
สวนเหตุท่ีนาย อ. ไดมีคําสั่งใหลดคาปรับในสัญญาจางใหแกหางหุนสวนจํากัด พ. นั้น ขอเท็จจริง
ปรากฏตามรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
นาย อ. นายกเทศมนตรีตําบลปากน้ําหลังสวนในขณะนั้น ไดใหการวา สืบเน่ืองจากการกอสราง
เข่ือนริมคลองบางสมบูรณตามสัญญาจางไมไดมีผลกระทบตอการจราจรท่ีตองกําหนดคาปรับ
ในอัตรารอยละ ๐.๒๕ ของราคางานจาง ตามขอ ๑๒๗ และขอ ๑๒๙ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย
วา ดวยการพสั ดุของหนวยการบริหารราชการสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๓๕ และขณะน้ันจังหวัดชุมพร
ไดตอบขอหารือของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ วา การงดหรือลดคาปรับเปนอํานาจของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ประกอบกับถกู ผูมอี ิทธพิ ลในพ้ืนที่ใชอํานาจบีบบังคับ สวนการใหถอยคําอ่ืนๆ ไมปรากฏวานาย อ.
ไดมีการกลาวอางหรือพาดพิงถึงผูฟองคดีวาเปนผูเสนอใหมีการปรับลดคาปรับตามสัญญาจางลง
แตอยางใด ดังน้ัน การท่ีนาย อ. ไดมีคําสั่งลดคาปรับตามสัญญาจางลงโดยการแกไขสัญญา
จึงเปนการตัดสินใจของนาย อ. ในฐานะหัวหนาฝายบริหารของผูถูกฟองคดีที่ ๑ เองวา ควรจะ
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๑๒
ปรับลดคาปรับลงหรือไม เพราะเหตุใด อันเปนอํานาจตามกฎหมายของหัวหนาฝายบริหารของ
หนวยการบริหารราชการสวนทองถ่ิน ตามขอ ๑๓๒ ของระเบียบดังกลาว หาไดเกิดจากการที่
ผูฟองคดีไดโนมนาวหรือมีการเสนอความเห็นในทางใดทางหนึ่งเพ่ือใหนาย อ. ปรับลดคาปรับลง
แตอยางใด การกระทําของผูฟองคดีจึงมิอาจถือไดวา เปนการกระทําโดยจงใจหรือประมาท
เลินเลออยางรายแรงทําใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ เสียหายตามนัยมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย คําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน และ
คําวินิจฉัยของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดี จึงไมชอบดวยกฎหมาย สวนกรณี
ผฟู อ งคดงี ดเวนไมด ําเนินการตามขอส่งั การของนาย อ. ท่ใี หหารอื ไปยงั อยั การจังหวดั หลังสวน เปน
ผลใหมีการจัดทําบันทึกเพ่ิมเติมแนบทายสัญญาแกไขคาปรับ ทําใหผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไดรับความเสียหาย น้ัน ขอเท็จจริงรับฟงไดวา ภายหลังจากท่ีจังหวัดชุมพรไดมีหนังสือลงวันท่ี
๑๑ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๔๖ แจงการตอบขอหารือใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ทราบแลว ผูฟองคดีก็ไดมีบันทึก
ขอความเสนอตอนาย อ. วา ทางจังหวัดชุมพรยังตอบขอหารือไมชัดเจนและไมสามารถ
ใชเปน แนวปฏบิ ัติได จงึ ควรหารอื ตอ อยั การจังหวดั หลังสวนตอไป ซึ่งนาย อ. ไดสั่งการทายหนังสือ
ดังกลาวเม่ือวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๔๖ วา หารืออัยการจังหวัดตอไป แตในวันเดียวกันนั้นเอง
นาย อ. ก็ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๔๖ แจงถึงการลดคาปรับที่ใหเหลือในอัตรา
รอยละ ๐.๑๐ ของราคางานจาง แกหางหุนสวนจํากัด พ. ในทันที กรณีจึงเห็นไดวา แมผูฟองคดี
จะไดดําเนินการตามขอสั่งการของนาย อ. ในเวลาตอมา แตเม่ือนาย อ. ไดมีหนังสือแจงให
หางหุนสวนจํากัด พ. ทราบถึงการปรับลดคาปรับลงแลว ความเสียหายดังกลาวจึงมิไดเปนผล
โดยตรงมาจากการกระทําหรืองดเวนการกระทําของผูฟองคดีแตอยางใด ท่ีศาลปกครองช้ันตน
พิพากษาเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๒ ท่ีใหผูฟองคดี
ชดใชเงินจํานวน ๓๖๗,๒๒๑.๖๐ บาท และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ตามหนังสือ
ลงวนั ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ตง้ั แตว นั ท่มี คี าํ ส่ังและคําวินจิ ฉัยอุทธรณเปนตนไป น้นั ศาลปกครองสูงสุด
เหน็ พอ งดวยในผล
พพิ ากษายนื
ฟองขอใหชดใชคาเสียหาย กรณีเจาพนักงานท่ีดินออกคําส่ังสอบสวนเปรียบเทียบการโตแยง
สิทธใิ นทีด่ ินทขี่ อรังวัดออกโฉนดทดี่ นิ โดยไมชอบดวยกฎหมาย
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๗๔๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนเจาของที่ดินตามหนังสือ น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๑๙๐๕
ตําบลมะตอง อําเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ตอมา มีคลองชลประทานตัดผาน ทําใหท่ีดิน
ดังกลาวแบงออกเปน ๒ แปลง ผูฟองคดีจึงไดยื่นคําขอรังวัดเพ่ือออกโฉนดที่ดินทั้งสองแปลง
โดยมีผูถูกฟองคดีท่ี ๖ (นาย ว.) ทําการรังวัดหลายครั้ง แตยังไมไดรับโฉนดท่ีดิน ตอมา นาย ล.
เจาของท่ีดินแปลงขางเคียงไดยื่นคําขอรังวัดเพ่ือออกโฉนดท่ีดินตามหนังสือ น.ส. ๓ ก. เลขที่
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๑๓
๑๗๕๙ โดยนาย ล. ไดน ํารังวัดที่ดนิ รกุ ลํ้าท่ีดินของผูฟองคดี ผูฟองคดีจึงคัดคานการรังวัด จากน้ัน
ผูถูกฟองคดีที่ ๔ (เจาพนักงานท่ีดินจังหวัดพิษณุโลก สาขาพรหมพิราม) ไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๓๐
ธันวาคม ๒๕๕๔ เรื่อง คําส่ังสอบสวนเปรียบเทียบการโตแยงสิทธิในที่ดินท่ีขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน
โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๔ เห็นควรใหออกโฉนดท่ีดินใหแกนาย ล. ผูฟองคดีจึงมีหนังสืออุทธรณคําสั่ง
ดังกลาวตอผูถูกฟองคดีที่ ๔ แตผูถูกฟองคดีท่ี ๔ แจงวา คําส่ังดังกลาวเปนเร่ืองท่ีกฎหมายกําหนดไว
เปนการเฉพาะ จึงไมใชเปนการอุทธรณคําส่ังทางปกครองซึ่งเปนกรณีทั่วไป ผูฟองคดีเห็นวา
คําสง่ั ดังกลา วออกโดยไมชอบดวยกฎหมาย และการปฏิบัติหนาท่ีของเจาหนาที่ไมเปนกลาง ทําให
ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนและเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือ
คําสั่งเพิกถอนคําส่ังสอบสวนเปรียบเทียบ ลงวันท่ี ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ถึง
ท่ี ๕ (อธิบดีกรมท่ีดิน ท่ี ๑ กรมที่ดิน ที่ ๒ เจาพนักงานที่ดินจังหวัดพิษณุโลก ที่ ๓ นาย ป. ที่ ๕)
มีคําสั่งใหทําการรังวัดที่ดินพิพาทตามหนังสือ น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๙๐๕ และหนังสือ น.ส. ๓ ก.
เลขที่ ๑๗๕๙ ใหมอีกคร้ัง ใหผูบังคับบัญชาตักเตือนผูถูกฟองคดีทั้งเจ็ด (นาย ค. ที่ ๗) ใหมี
พฤติกรรมการบริการท่ีดีตอประชาชน และใหผูถูกฟองคดีท้ังเจ็ดชดใชคาเสียหายเปนเงิน
๕๐,๐๐๐ บาท ใหแกผูฟองคดี ตอมา ศาลปกครองชั้นตนมีคําส่ังรับคําฟองเฉพาะในสวนที่ขอให
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาเสียหายเปนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท และไมรับคําฟองในขอหาอ่ืนและ
ในสวนทฟ่ี อ งผถู ูกฟองคดที ่ี ๑ และที่ ๓ ถึงท่ี ๗ ไวพจิ ารณา
ศาลปกครองสงู สุดวนิ จิ ฉยั วา คดนี ี้ผูฟ องคดีกลาวอางวาเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ที่กระทําละเมิดตอผูฟองคดี ไดแก ผูถูกฟองคดีที่ ๖ กับที่ ๗ ซ่ึงเปนชางรังวัดท่ีดินโดยผูถูกฟองคดีท่ี ๖
ดาํ เนนิ การรงั วดั ที่ดนิ ของผฟู อ งคดไี มตรงตามความเปนจริง ผูถูกฟองคดีท่ี ๗ ดําเนินการรังวัดท่ีดิน
ของนาย ล. รุกลํ้าเขามาในท่ีดินของผูฟองคดี และผูถูกฟองคดีที่ ๔ กับท่ี ๕ ไดดําเนินการออกคําสั่ง
สอบสวนเปรียบเทียบโดยไมชอบดวยกฎหมาย เปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเสียหายเปนเงิน
๕๐,๐๐๐ บาท โดยกรณีของผูถูกฟอ งคดที ี่ ๖ นั้น เม่ือในการรังวัดครั้งที่ ๑ ผูฟองคดีเปนผูนํารังวัด
ปกหลกั เขตเอง โดยผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๖ ไดแ จง เจา ของทดี่ นิ ขางเคยี งมาระวงั แนวเขตและลงชื่อรับรอง
แนวเขตครบทุกดาน แตเม่ือเจาหนาที่ดําเนินการแลวเสร็จ และแจงใหผูฟองคดีมารับโฉนดท่ีดิน
ผูฟองคดีไมยอมรับและโตแยงรูปแผนที่ท่ีดินแปลงใหญทางดานทิศเหนือ ผูถูกฟองคดีท่ี ๖
จงึ นดั รงั วดั ตรวจสอบแนวเขตทด่ี ินแปลงใหญ ทางดานทิศเหนือใหม คร้ังท่ี ๒ ดังนั้น การนัดรังวัดใหม
คร้ังที่ ๒ จึงมิไดเกิดจากความผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๖ แตเกิดจากการท่ีผูฟองคดีโตแยงรูปแผนที่
ทางดา นทิศเหนอื ของท่ดี ินแปลงใหญว าไมถกู ตอง โดยรปู แผนทร่ี ะบุวาจดลํารางสาธารณประโยชน
แตผูฟองคดีโตแยงวาจดคูนํ้าชลประทาน ซ่ึงการท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๖ ระบุในรูปแผนท่ีวาจดลําราง
สาธารณประโยชนก็เปนการระบุตามรูปแผนท่ีท่ีปรากฏในหนังสือ น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๑๙๐๕
ที่ผูฟองคดีนํามาขอออกโฉนดน่ันเอง แมชื่อและสภาพของลํารางสาธารณประโยชนกับคูน้ําชลประทาน
อาจแตกตางกันบาง แตก็มิไดกระทบกับเน้ือที่หรือแนวเขตท่ีดินของผูฟองคดีแตอยางใด
และในการรังวัดคร้ังท่ี ๒ เม่ือเปนการนัดตรวจสอบแนวเขตท่ีดินแปลงใหญ ทางดานทิศเหนือเทาน้ัน
ผูถูกฟองคดีที่ ๖ ไดมหี นังสอื แจง นายอําเภอพรหมพิรามและนายกองคก ารบริหารสวนตําบลพรหมพิราม
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๑๔
ผูมีหนาท่ีดูแลท่ีสาธารณประโยชนมาระวังแนวเขตแลว แตในวันนัดดังกลาว ผูฟองคดีกลับไปโตแยง
แนวเขตท่ีดินดานอื่นวาไมถูกตอง และขอใหนัดรังวัดใหม การนัดรังวัดคร้ังที่ ๒ ไมแลวเสร็จ
และตองเล่ือนไปเปนคร้ังที่ ๓ จึงมิใชเกิดจากความผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๖ แตเกิดจากความประสงค
ของผูฟ องคดีเอง สาํ หรบั การรังวัดครั้งที่ ๓ ผูถูกฟองคดีท่ี ๖ ไดมีหนังสือแจงเจาของท่ีดินขางเคียง
ทุกดา นมาระวงั แนวเขตแลว โดยมีผูฟองคดีเปนผูนํารังวัดปกหลักเขตเอง แตนาย ล. เจาของที่ดิน
ขางเคียงไดคัดคานการรังวัด ซึ่งมิใชถือเปนความผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๖ แตอยางใด ดังน้ัน
จงึ เปนกรณที ี่เจาหนาทขี่ องผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๒ มไิ ดกระทาํ ละเมดิ ตอ ผฟู องคดใี นการดาํ เนนิ การรังวัดท่ีดิน
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ จึงไมตองชดใชคาเสียหายซึ่งเปนคาใชจายในการรังวัดใหแกผูฟองคดี สวนกรณี
ทมี่ ีการรังวัดครัง้ ท่ี ๓ เสร็จแลว แตนายอําเภอพรหมพิรามและนายกองคการบริหารสวนตําบลพรหมพิราม
มิไดม ารวมระวงั แนวเขต ท้งั ที่ไดม หี นงั สอื แจงใหมาระวังแนวเขตแลวนั้น ก็เปนกรณีที่ผูถูกฟองคดีที่ ๔
จะตองมีหนังสือแจงใหนายอําเภอพรหมพิรามและนายกองคการบริหารสวนตําบลพรหมพิราม
ดําเนนิ การตรวจสอบผลการรงั วัดคร้ังที่ ๓ ตอไป การดําเนนิ การในข้นั ตอนนจ้ี ึงไมเ กี่ยวกับการดําเนินการ
รังวัดของผถู กู ฟองคดที ่ี ๖ กรณีของผถู ูกฟองคดีท่ี ๗ ซึ่งไดดําเนินการรังวัดที่ดินตามหนังสือ น.ส. ๓ ก.
เลขท่ี ๑๗๕๙ เพื่อขอออกโฉนดท่ีดินตามคําขอของนาย ล. น้ัน เม่ือผูถูกฟองคดีท่ี ๗ ไดรังวัดที่ดิน
ตามการนําช้แี นวเขตของนาย ล. และผูฟองคดีอางวานาย ล. นํารังวัดรุกลํ้าแนวเขตท่ีดินผูฟองคดี
ก็ไมใชเกิดจากความผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๗ แตเปนกรณีท่ีผูฟองคดีและนาย ล. โตแยงแนวเขต
ซึ่งกันและกัน และเปนกรณีท่ีจะตองมีการสอบสวนเปรียบเทียบตอไป เมื่อการดําเนินการรังวัดที่ดิน
ของนาย ล. มิไดเกิดจากความผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๗ ดังนั้น จึงเปนกรณีที่ผูถูกฟองคดีที่ ๗
ซึ่งเปนเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๒ มิไดกระทําละเมิดตอผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีที่ ๒ จึงไมตอง
ชดใชคาเสียหายในกรณีนี้แกผูฟองคดี สําหรับกรณีผูถูกฟองคดีที่ ๔ และท่ี ๕ ที่ไดออกคําส่ัง
ในการสอบสวนเปรยี บเทยี บ นน้ั เมื่อในการสอบสวนเปรียบเทียบและออกคําส่ังใหออกโฉนดที่ดิน
ใหแกนาย ล. พนักงานเจาหนาทไ่ี ดป ฏบิ ัติไปตามข้นั ตอนที่ระเบยี บและกฎหมายกําหนดแลว ตั้งแต
การมีหนังสือแจงนัดใหคูกรณีท้ังสอง คือ ผูฟองคดีกับนาย ล. นําพยานเอกสารหรือพยานบุคคล
มาพบพนักงานเจาหนาที่เพื่อทําการสอบสวนเปรียบเทียบ และในวันนัดสอบสวนเปรียบเทียบ
พนักงานเจาหนาที่ไดชี้แจงขอเท็จจริง ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวของใหคูกรณีท้ังสองฝาย
ฟง โดยเขา ใจตลอดแลว แตคูกรณีไมสามารถตกลงกันได จึงไดบันทึกถอยคําของคูกรณีท้ังสองฝาย
ไวเ ปนหลักฐาน แลว เสนอผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๔ เพ่ือออกคําสั่ง ซึ่งในการออกคําสั่งสอบสวนเปรียบเทียบ
ทใี่ หออกโฉนดทด่ี ินใหแกนาย ล. ผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๔ กม็ ีเหตุผลและพยานหลักฐานสนับสนุนเพียงพอ
จึงเปนการใชดุลพินิจในการออกคําส่ังโดยชอบ และเปนการกระทําที่ชอบดวยกฎหมาย เม่ือเปน
การกระทาํ โดยชอบดว ยกฎหมาย จึงไมเ ปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงไมตองชดใช
คาเสียหายในกรณีน้ีใหแกผูฟองคดีเชนเดียวกัน ทั้งนี้ ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย ประกอบมาตรา ๕ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ทศี่ าลปกครองชัน้ ตน พิพากษายกฟอ ง นัน้ ศาลปกครองสงู สุดเห็นพอ งดว ย
พพิ ากษายนื
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๑๕
ฟองขอใหชดใชค า เสียหายจากการเขา รว มประมูลรถจกั รยานยนต
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๗๕๕/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ เง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๒๓
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน และใหชดใชคาใชจายในการดําเนินคดี
กรณีไมด ําเนนิ การเพอ่ื ความปลอดภัยของผใู ชเสนทางเปน เหตใุ หเ กิดอุบัตเิ หตุ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๗๕๖/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๓๖
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีการยกเลิกประกวดราคาและ
การประกวดราคาใหมโ ดยไมชอบดว ยกฎหมาย
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ. ๗๕๗/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ขณะที่ผูฟองคดีดํารงตําแหนงผูอํานวยการกองคลัง สังกัด
เทศบาลเมืองมุกดาหาร ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (เทศบาลเมืองพะเยา) ไดออกคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีรับ
ผิดชดใชเงินคาเสียหายใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยไมชอบดวยกฎหมาย สืบเน่ืองจาก ในขณะที่
ผูฟองคดีรับราชการในตําแหนงเจาพนักงานพัสดุ ๖ สังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีการออกประกาศ
ประกวดราคากอ สรา งถนนแมต ๋ําสายในและถนนทากวานโดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และตอมาไดมีกรณี
กลา วหาวา นาย ม. อดตี นายกเทศมนตรีเมอื งพะเยา ไดส ่งั การใหยกเลิกการประกวดราคากอสราง
ถนนท้ังสองโครงการดังกลาวโดยไมชอบดวยกฎหมาย เนื่องจากผูฟองคดีไมทัดทานการสั่งการ
ดังกลาวของอดีตนายกเทศมนตรีเมืองพะเยา ทําใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหาย หลังจาก
นั้นผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๕๓ เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชเงิน
คาเสียหายเปนจํานวน ๙๒๒,๕๐๐ บาท ใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ผูฟองคดีไดย่ืนหนังสืออุทธรณ
คําสั่งดงั กลาวและตอมาผูถูกฟองคดีท่ี ๓ (ผูวาราชการจังหวัดพะเยา) ไดมีคําวินิจฉัยใหยกอุทธรณ
ของผูฟองคดีตามหนังสือลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ผูฟองคดีเห็นวาคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑
เปนคําส่ังที่ไมชอบดวยกฎหมายและไมเปนธรรมตอผูฟองคดี เนื่องจากในการประกวดราคา
กอสรางถนนทั้งสองโครงการดังกลาว ผูฟองคดีไดปฏิบัติตามกฎหมายทุกข้ันตอน การท่ี
นายกเทศมนตรีใชอํานาจดุลพินิจส่ังการใหยกเลิกการประกวดราคากอสรางถนนทั้งสองโครงการ
ดังกลาวนั้น ผูฟองคดีมิไดเขาไปมีสวนเกี่ยวของดวย นอกจากน้ีคณะกรรมการพนักงานเทศบาล
จังหวัดมหาสารคามในการประชุมเม่ือวันท่ี ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๒ พิจารณาแลวไดมีมติเห็นวา
ผูฟองคดีไมไดมีสวนเกี่ยวของในการยกเลิกการประกวดราคาแตอยางใด ประกอบกับในการ
วินิจฉัยความรับผิดของผูฟองคดีนั้น ผูฟองคดีไมไดรับทราบขอเท็จจริงเพื่อประโยชนในการชี้แจง
โตแยง หรือแสดงพยานหลักฐานอยางเพียงพอ ท้ังในคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ก็ไมไดระบุ
ขอเท็จจริงอันเปนสาระสําคัญที่พิสูจนไดวาผูฟองคดีกระทําการโดยจงใจหรือประมาทเลินเลอ
อยางรายแรงแตอยางใด อีกท้ัง การออกคําสั่งดังกลาวยังเปนการออกคําส่ังเมื่อพนกําหนดอายุความ
ผฟู อ งคดจี ึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๓
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๑๖
ที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชเงินคาเสียหายใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ และใหเพิกถอนคําวินิจฉัย
ของผถู กู ฟองคดที ่ี ๓ ตามหนงั สือลงวนั ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ท่ใี หยกอทุ ธรณข องผูฟองคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือพิจารณาจากรายงานผลการสอบสวนของ
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามคําส่ังจังหวัดพะเยาแลวเห็นไดวา
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดฯ ไดเปดโอกาสใหผูฟองคดีไดทราบขอเท็จจริง
อยางเพียงพอ และชี้แจงโตแยงรวมทั้งแสดงพยานหลักฐานหักลางขอกลาวหาแลว จึงเปน
การดําเนินการโดยชอบตามมาตรา ๓๐ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ประกอบขอ ๘ และขอ ๑๕ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเก่ียวกับ
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แมคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงดังกลาว
จะนําเอาพยานหลักฐานรวมถึงการสอบปากคําพยานบุคคลท่ีไดมาโดยคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ตามคําสั่งเทศบาลเมืองพะเยาที่แตงต้ังโดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ (นายกเทศมนตรีเมืองพะเยา)
ซ่ึงเปนคูกรณีมาใชอางอิงและสรุปสํานวนการสอบสวนแลวเสนอผูวาราชการจังหวัดพะเยา
ก็เปนเพียงการรับฟงประกอบพยานหลักฐานของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงตามคําสั่ง
จังหวัดพะเยาเทานั้น มิใชขอสาระสําคัญถึงขนาดทําใหการพิจารณาทางปกครองไมชอบดวยกฎหมาย
และเม่ือพิจารณาจากเน้ือหาของคําสั่งลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๕๓ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
เงินคาเสียหายใหแกผูฟองคดีที่ ๑ แลวปรากฏวา คําสั่งดังกลาวไดระบุถึงมูลเหตุในการมีคําส่ัง
เนื่องจากกรณีมีผูรองเรียนกลาวหาผูบริหารเทศบาลเมืองพะเยาในการยกเลิกการประกวดราคา
กอสรางถนนแมตํ๋าสายในและถนนทากวาน และไดพิจารณาขอเท็จจริงจากรายงานการสอบสวน
ขอเท็จจริง และพยานหลักฐานที่เก่ียวของแลว เห็นวา การยกเลิกการประกวดราคาดังกลาว
เปนการปฏบิ ตั หิ นา ทีโ่ ดยไมชอบตามระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วาดวยการพัสดุของหนวยการบริหาร
ราชการสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยผูฟองคดีในฐานะเปนเจาพนักงานพัสดุท่ีไมทัดทานคําสั่ง
ของนายกเทศมนตรีเมืองพะเยาที่มีคําสั่งใหยกเลิกการประกวดราคาใหรับผิดชดใชคาเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๙๒๒,๕๐๐ บาท จึงเห็นไดวา คําส่ังดังกลาวมีขอเท็จจริงอันเปนสาระสําคัญ
และขอกฎหมายท่ีอางอิงตามมาตรา ๓๗ วรรคหน่ึง (๑) และ (๒) แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา หลังจากที่มีการรองเรียนการบริหารงาน
ของนายกเทศมนตรใี นขณะนน้ั นายกเทศมนตรใี นขณะนัน้ ไดแ ตง ตัง้ คณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิด และไดรับรายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเม่ือวันท่ี
๑๓ มีนาคม ๒๕๕๑ แตตอมากรมบัญชีกลางแจงใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ในฐานะผูกํากับหรือควบคุมดูแล
การปฏิบัติงานของเทศบาลแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดข้ึนใหม
ตอมาคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามคําส่ังผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดรายงาน
ผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามหนังสือฉบับลงวันท่ี ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๑ ไปยัง
ผูถกู ฟองคดที ่ี ๓ กรณจี งึ เห็นไดวา นายกเทศมนตรีในขณะนั้นซึ่งเปนผูสั่งยกเลิกการประกวดราคา
และสั่งใหประกวดราคาใหมเปนผูท่ีอยูในบังคับหรือจะอยูในบังคับของคําส่ังเรียกใหชําระเงิน
คาสินไหมทดแทนจากการกระทําดังกลาว จึงเปนคูกรณีตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการ
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๑๗
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ท่ไี มอาจทาํ การพิจารณาทางปกครองไดต ามมาตรา ๑๓ (๑) แหงพระราชบัญญัติ
ดังกลาว จึงไมอาจถือไดวาวันท่ีนายกเทศมนตรีในขณะน้ันไดรับรายงานผลการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดจากคณะกรรมการดังกลาวเปนวันที่หนวยงานของรัฐรูถึงการละเมิด
และรูตัวเจาหนาที่ผูจะพึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนแตตองถือวาวันท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๓ ในฐานะ
เปน ผกู ํากบั ดแู ลเทศบาลไดรับรายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดจากคณะกรรมการ
สอบขอ เท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามคําสั่งจังหวัดพะเยา เปนวันที่หนวยงานของรัฐรูถึงการละเมิด
และรตู ัวเจาหนาทีผ่ จู ะพงึ ตองชดใชคา สินไหมทดแทน และเมื่อปรากฏวาคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดตามคําส่ังผูถูกฟองคดีท่ี ๓ มีความเห็นวานายกเทศมนตรีในขณะนั้น
มไิ ดกระทาํ ละเมิดและไมม ผี ูใดตองชดใชคาสนิ ไหมทดแทน แตผถู ูกฟองคดีที่ ๓ เห็นวานายกเทศมนตรี
ในขณะน้ันและผูเก่ียวของตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน จึงตองถือวาวันที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๓
แจงผลการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดไปยังผูถูกฟองคดีที่ ๑ เพ่ือใหมีคําส่ังเรียกใหผูฟองคดี
และผูเก่ียวของชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามหนังสือลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๓
เปนวันที่หนวยงานของรัฐรูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาที่ผูจะพึงตองชดใชคาสินไหมทดแทน ดังนั้น
คําสั่งลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๓ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจึงเปนการใชสิทธิ
เรียกรองใหชดใชเงินคาสินไหมทดแทนภายในอายุความสองปนับแตวันที่หนวยงานของรัฐ
รูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาท่ีผูจะพึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ และเม่ือการยกเลิกการประกวดราคา
และไดประกาศประกวดราคาใหมมีผลใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตองทําสัญญาจางกอสรางสูงกวา
ราคาท่ีไดประกวดราคาครั้งแรก ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงไดรับความเสียหายจากการปฏิบัติหนาท่ี
ของเจาหนาทีข่ องผูถ ูกฟอ งคดีที่ ๑ และถือวาการละเมิดเกิดข้ึนตั้งแตท่ีมีการทําสัญญาจางกอสราง
ดังกลาว คือ เมื่อวันท่ี ๑๒ กันยายน ๒๕๔๓ มิใชนับแตวันที่มีการยกเลิกการประกวดราคาแตอยางใด
ดังน้ัน การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาเสียหายเปนเงินจํานวน
๙๒๒,๕๐๐ บาท ใหแ กผ ูถ ูกฟอ งคดีท่ี ๑ เมือ่ วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๓ ตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ และแจงคําสั่งใหผูฟองคดีทราบเมื่อวันท่ี ๑๑ มกราคม
๒๕๕๓ กรณีจงึ เปนการใชสิทธิเรยี กรองภายในอายุความสิบปนับแตวันทําละเมิดตามมาตรา ๔๔๘
แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ในการประกวดราคาจางเหมาตามโครงการกอสราง
ถนนแมตํ๋าสายใน และโครงการกอสรางถนนทากวาน น้ัน มีผูเสนอราคาท้ังสองโครงการ จํานวน ๕ ราย
และ ๔ ราย ตามลําดับ โดยผูเสนอราคาทุกรายเปนผูมีคุณสมบัติครบถวนและเสนอราคาถูกตอง
ตรงตามรายการละเอียดและเง่ือนไขท่ีกําหนดในเอกสารประกวดราคา และกรณีไมมีเหตุใหตอง
เปลี่ยนแปลงสาระสําคัญในรายการละเอียดหรือเงื่อนไขท่ีกําหนดไวในเอกสารประกวดราคา
ซึ่งอาจทําใหเกิดการไดเปรียบเสียเปรียบระหวางผูเขาเสนอราคาดวยกันในการประกวดราคา
จางเหมากอสรางทั้งสองโครงการ และเมื่อคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาไดมีมติ
คดั เลอื กหา งหุนสว นจาํ กดั ห. ซ่งึ เปน ผเู สนอราคาต่ําสุดทั้งสองโครงการโดยไมปรากฏวามีการประมาณ
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๑๘
ราคากลางไมถูกตองแตอยางใด แตเม่ือคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาไดพิจารณา
ราคาตํ่าสุดท่ีมีการเสนอราคาน้ันแลว ปรากฏวาราคาที่เสนอดังกลาวตํ่ากวาราคากลางคิดเปน
รอยละ ๕๔ ของราคากลาง ซ่ึงผูฟองคดีในฐานะเจาหนาที่พัสดุไดรับทราบคุณสมบัติและเง่ือนไข
ของหางหุนสวนจํากัด ห. ซ่ึงกองชางตรวจสอบราคากลางกับราคาท่ีหางดังกลาวเสนอ รวมทั้ง
ใหหางหุนสวนจํากัด ห. ชี้แจงยืนยันวาสามารถดําเนินงานตามราคาที่เสนอได อันเปนกรณีที่
ไดดําเนินการตามขอ ๔๓ (๑) ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการพัสดุของหนวยการบริหาร
ราชการสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๓๕ และตามเอกสารการประกวดราคาจางแลว ซึ่งหากคําช้ีแจง
ไมเปนที่รับฟงได ยอมมีสิทธิท่ีจะไมรับราคาของผูเสนอราคารายน้ัน และผูฟองคดีก็ทราบวา
การประกวดราคาดังกลาวยังมีผูเสนอราคารายอ่ืนท่ีมีคุณสมบัติครบถวน หากผูเสนอราคาตํ่าสุด
ไมอาจทําสัญญาได หรือหากใหเขารับทําสัญญา อาจทําใหการกอสรางไมไดมาตรฐานกอใหเกิด
ความเสียหายแกผ ถู ูกฟองคดีที่ ๑ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ก็จะตองพิจารณาผูเสนอราคาสูงกวารายถัดไป
เขาทําสัญญาดังกลาว จึงเปนกรณีไมมีเหตุหรือเง่ือนไขท่ีนายกเทศมนตรีเมืองพะเยาในขณะน้ัน
จะสัง่ ยกเลิกการประกวดราคาได ตามขอ ๔๔ ขอ ๔๕ และขอ ๔๖ ของระเบียบดังกลาว เม่ือผูฟองคดี
ดํารงตําแหนงเจาหนาที่พัสดุ ๖ ในฐานะเจาหนาท่ีพัสดุมีหนาที่ปฏิบัติงานเก่ียวกับการพัสดุให
เปนไปตามระเบียบดังกลาว ซ่ึงผูฟองคดีเปนผูท่ีมีความรูและประสบการณเก่ียวกับระเบียบพัสดุ
เปนอยางดี ยอมที่จะทราบวาการยกเลิกการประกวดราคาในกรณีดังกลาวไมอาจกระทําได
แตผฟู องคดมี ิไดด าํ เนินการอยา งหนงึ่ อยา งใดท่ีเปนการใหขอมูลทั้งหมดแกผูบังคับบัญชาวาการยกเลิก
ประกวดราคาดังกลาวเปนการกระทําท่ีไมชอบดวยกฎหมาย จนกระทั่งมีการประกาศยกเลิกการ
ประกวดราคาโครงการในคร้ังแรก และดําเนินการประกวดราคาคร้ังใหมซึ่งไดผูท่ีเสนอราคาท่ี
ตํา่ สุดสูงขึน้ ทําใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหายโดยตองเสียคาจางกอสรางท้ังสองโครงการ
สูงกวาการประกวดราคาคร้ังแรก ดังนั้น การท่ีผูฟองคดีไมทัดทานคําสั่งยกเลิกการประกวดราคา
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงถือวาการกระทําของผูฟองคดีเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง
เปนการกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามมาตรา ๑๐ ประกอบ
มาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผดิ ทางละเมดิ ของเจาหนา ท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา
ในการประกวดราคาจางเหมาโครงการกอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและทางเทาถนนแมต๋ําสายใน
กําหนดราคากลาง ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท มีผูยื่นซองเสนอราคาจํานวน ๕ ราย โดยหางหุนสวนจํากัด ห.
เปนผูเสนอราคาต่ําสุดที่ราคา ๖,๗๘๘,๐๙๘ บาท และมีหางหุนสวนจํากัด จ. เสนอราคาตํ่า
เปนลําดับที่ ๒ ในราคา ๙,๒๗๕,๐๐๐ บาท สวนโครงการกอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก
ถนนทากวานราคากลางคากอสราง ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท มีผูยื่นซองประกวดราคา ๔ ราย
โดยหางหุนสวนจํากัด ห. เสนอราคาต่ําสุดท่ีราคา ๔,๖๖๖,๘๖๐.๗๕ บาท และมีหางหุนสวนจํากัด พ.
เสนอราคาต่ําเปนลําดับที่ ๒ ท่ีราคา ๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยนาย ส. เทศมนตรีเมืองพะเยา
ฝายโยธา ไดมีบันทึกเสนอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ยกเลิกการประกวดราคาดังกลาว เน่ืองจากราคา
ที่หางหุนสวนจํากัด ห. เสนอตํ่ากวาราคากลางรอยละ ๕๔ และมีการปรับลดรายการวัสดุกอสราง
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๑๙
จาก ๑๕๔ รายการ เหลอื ๖๙ รายการ โดยนาย ส. มีความเห็นวา หากดําเนินการจางผูเสนอราคา
ดังกลาว เกรงวาการกอสรางจะไมไดมาตรฐานตามแบบแปลน อาจทําใหเกิดความเสียหายแก
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซ่ึงสอดคลองกับความเห็นของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
กรณีดังกลาวจึงมีเหตุอันควรเช่ือไดวา ผูเสนอราคาต่ําสุดไมอาจปฏิบัติตามสัญญาได หรือหากให
ผูเสนอราคาดังกลาวดําเนินการกอสราง การกอสรางจะไมไดมาตรฐานตามแบบแปลน อาจทําให
เกิดความเสียหายแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เม่ือไดวินิจฉัยขางตนวาการยกเลิกการประกวดราคา
กรณีดงั กลา วไมอ าจกระทาํ ได ดังนน้ั การพจิ ารณาคดั เลอื กผูทาํ สญั ญาจางในการประกวดราคาดังกลาว
จึงตองพิจารณาจากราคาของผูเสนอราคาตํ่าเปนลําดับที่ ๒ เมื่อผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดมีประกาศ
ยกเลกิ การประกวดราคาจางเหมากอสรางถนนคอนกรีตทั้งสองโครงการ และประกาศใหประกวด
ราคาจางเหมากอสรางถนนคอนกรีตทั้งสองโครงการใหมโดยหางหุนสวนจํากัด จ. เปนผูเสนอราคาตํ่าสุด
ท้ังสองโครงการ โดยโครงการกอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กและทางเทาถนนแมตํ๋าสายในเสนอราคา
๑๔,๙๓๐,๐๐๐ บาท ซ่ึงสูงกวาราคาท่ีหางหุนสวนจํากัด จ. เสนอราคาตํ่าเปนลําดับที่ ๒ ในการ
ประกวดราคาคร้ังแรก เปนเงินจํานวน ๕,๖๕๕,๐๐๐ บาท และโครงการกอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก
ถนนทากวา น เสนอราคา ๙,๙๗๐,๐๐๐ บาท ซึ่งสูงกวาราคาท่ีหางหุนสวนจํากัด พ. เสนอราคาต่ํา
เปน ลาํ ดบั ท่ี ๒ ในการประกวดราคาครั้งแรก เปนเงินจํานวน ๓,๕๗๐,๐๐๐ บาท จึงถือวาผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไดรับความเสียหายเปนจํานวนเงินท้ังสิ้น ๙,๒๒๕,๐๐๐ บาท ดังน้ัน ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใช
คาสนิ ไหมทดแทนใหแ กผ ูถูกฟองคดีท่ี ๑ ในอัตรารอยละ ๕ ของความเสียหาย ๙,๒๒๕,๐๐๐ บาท
เปนเงินจํานวน ๔๖๑,๒๕๐ บาท ทั้งน้ี เม่ือขอเท็จจริงไมปรากฏวาในการประกวดราคาดังกลาว
มีการเสนอราคาโดยไมสุจริตหรือมีการสมยอมกันในการเสนอราคา ดังนั้น จึงไมเขาหลักเกณฑท่ี
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ จะยกเลิกการประกวดราคาไดตามเอกสารประกวดราคาจาง ท่ีศาลปกครองช้ันตน
พิพากษาเพิกถอนคําส่ังเทศบาลเมืองพะเยา ลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๓ เฉพาะในสวนที่เรียกให
ผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๔๖๑,๒๕๐ บาท และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณ
ของผถู กู ฟองคดที ี่ ๓ ตามหนงั สอื จงั หวดั พะเยา ลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดี
ทงั้ น้ี โดยใหก ารเพกิ ถอนมผี ลยอนหลงั ไปถงึ วันที่ออกคําส่งั ดงั กลา ว นน้ั ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พอ งดวย
พพิ ากษายนื
ฟองขอใหเพิกถอนคาํ สั่งใหช ดใชคาสนิ ไหมทดแทนจากการยกเลกิ การประกวดราคา
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๗๕๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายอันเนื่องมาจากการท่ี
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (เทศบาลเมืองพะเยา) ไดออกคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชเงินคาเสียหาย
ใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยไมชอบดวยกฎหมาย ซ่ึงในขณะท่ีผูฟองคดีดํารงตําแหนง
นายกเทศมนตรีสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีการออกประกาศประกวดราคากอสรางถนนแมตํ๋า
สายในและถนนทากวาน คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคามีมติเห็นชอบใหวาจาง
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๒๐
หางหุนสวนจํากัด ห. เน่ืองจากเห็นวาเปนผูเสนอราคาต่ําสุด และเมื่อผูฟองคดีพิจารณา
แลวเห็นวาหางหุนสวนจํากัด ห. ไดเสนอราคากอสรางตํ่ากวาราคากลางเปนจํานวนมาก ไมนาจะ
ดําเนินการกอสรางไดเวนแตจะยอมแบกรับภาระการขาดทุนซ่ึงเปนการขัดกับวัตถุประสงค
ของหางหุนสวนจํากัดในการดําเนินการทางธุรกิจเพ่ือแสวงหากําไร ดวยเหตุน้ีผูฟองคดีไดมี
คําสั่งยกเลิกการประกวดราคาในคร้ังดังกลาวและจัดใหมีการประกวดราคาครั้งใหม โดยผลปรากฏวา
หางหนุ สว นจํากดั จ. เปน ผเู สนอราคาตา่ํ สดุ ท้งั สองโครงการและไดเขามาทําสัญญาจางกับเทศบาล
แตตอมาไดมีกรณีกลาวหาวาผูฟองคดีไดสั่งการใหยกเลิกการประกวดราคากอสรางถนน
ทั้งสองโครงการดังกลาวโดยไมชอบดวยระเบียบกระทรวงมหาดไทย ทําใหผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไดรับความเสียหาย หลังจากนั้น ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําส่ังลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๓ เรียกให
ผูฟองคดีรับผิดชดใชเงินคาเสียหายเปนจํานวน ๙๒๒,๕๐๐ บาท เน่ืองจากเห็นวาการที่ผูฟองคดี
ส่ังใหยกเลิกการประกวดราคากอสรางถนนทั้งสองโครงการเปนการปฏิบัติท่ีไมชอบดวย
ระเบียบกระทรวงมหาดไทยฉบับดังกลาว ซึ่งผูฟองคดีเห็นวา การท่ีผูฟองคดีสั่งใหยกเลิก
การประกวดราคาน้ันไมไดเกิดจากการจงใจไมปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ และไมได
เกิดจากความประมาทเลินเลออยางรายแรง จึงนําคดีมาฟองตอศาลขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําส่ังใหเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๓ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชเงิน
คา เสยี หายใหแ กผ ถู ูกฟอ งคดที ี่ ๑ (ผวู าราชการจงั หวัดพะเยา)
ศาลปกครองสูงสดุ วินิจฉัยวา เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ในการประกวดราคาจางเหมา
โครงการกอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กพรอมทอระบายนํ้าและทางเทาถนนแมตํ๋าสายใน
กําหนดราคากลาง ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท มีผูย่ืนซองเสนอราคาจํานวน ๕ ราย โดยหางหุนสวน
จํากัด ห. เปนผูเสนอราคาต่ําสุดท่ีราคา ๖,๗๘๘,๐๙๘ บาท และมีหางหุนสวนจํากัด จ.
เสนอราคาตํ่าเปนลําดับที่ ๒ ในราคา ๙,๒๗๕,๐๐๐ บาท สวนโครงการกอสรางถนนคอนกรีต
เสริมเหล็กถนนทากวานพรอมบอพักทอระบายนํ้าราคากลางคากอสราง ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
มีผูยื่นซองเสนอราคาจํานวน ๔ ราย โดยหางหุนสวนจํากัด ห. เสนอราคาตํ่าสุดที่ราคา
๔,๖๖๖,๘๖๐.๗๕ บาท และมีหางหุนสวนจํากัด พ. เสนอราคาตํ่าเปนลําดับที่ ๒ ที่ราคา
๖,๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยนาย ส. เทศมนตรีเมืองพะเยา ฝายการโยธา ไดมีหนังสือเสนอใหผูฟองคดี
ยกเลิกการประกวดราคาดังกลาว เนื่องจากราคาท่ีหางหุนสวนจํากัด ห. เสนอต่ํากวาราคากลาง
รอยละ ๕๔ และรอยละ ๕๓ ตามลําดับ หากดําเนินการจางผูเสนอราคาดังกลาว เกรงวาการกอสราง
จะไมไดม าตรฐานตามแบบแปลน อาจทําใหเ กิดความเสียหายแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซึ่งสอดคลองกับ
ความเห็นของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ที่เห็นวา ผูเสนอราคาต่ําสุด
ดังกลาวไดเสนอราคาที่ตํ่ากวาราคากลางมากกวารอยละ ๕๐ จึงเชื่อไดวาผูเสนอราคาไมสามารถ
ทํางานไดแทจริงอยางแนนอน การยกเลิกการประกวดราคาทําถนนทั้งสองโครงการทําให
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีการจัดจางทําถนนทั้งสองโครงการดังกลาวใหมในราคาสูงกวาราคาท่ีผูเสนอ
ราคาตาํ่ รายถดั ไปเสนอ เปนเงินจํานวน ๙,๒๒๕,๐๐๐ บาท กรณีดังกลาวจึงมีเหตุอันควรเช่ือไดวา
หากใหผูเสนอราคาต่ําสุดของการประกวดราคาคร้ังแรกดําเนินการกอสรางอาจจะกอสราง
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๒๑
ไมไดมาตรฐานตามแบบแปลน ซ่ึงอาจทําใหเกิดความเสียหายแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ดังนั้น
การพิจารณาคัดเลือกผูทําสัญญาจางในการประกวดราคาดังกลาวจึงตองพิจารณาจากราคา
ท่ีเสนอตํ่าลําดับที่ ๒ เม่ือผูฟองคดีไดมีประกาศยกเลิกการประกวดราคาจางเหมากอสราง
ถนนคอนกรตี ทัง้ สองโครงการ และประกาศใหป ระกวดราคาจางเหมากอสรา งถนนคอนกรีตทั้งสอง
โครงการใหม โดยหางหุนสวนจํากัด จ. เปนผูเสนอราคาตํ่าสุดทั้งสองโครงการ โดยโครงการ
กอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กพรอมทอระบายน้ําและทางเทาถนนแมต๋ําสายในเสนอราคา
๑๔,๙๓๐,๐๐๐ บาท ซ่ึงสูงกวาราคาที่หางหุนสวนจํากัด จ. เสนอราคาต่ําเปนลําดับที่ ๒ เปนเงิน
จํานวน ๕,๖๕๕,๐๐๐ บาท (๑๔,๙๓๐,๐๐๐ - ๙,๒๗๕,๐๐๐) และโครงการกอสราง
ถนนคอนกรีตเสริมเหล็กถนนทากวานพรอมบอพักทอระบายน้ําเสนอราคา ๙,๙๗๐,๐๐๐ บาท
ซง่ึ สงู กวา ราคาทห่ี า งหนุ สวนจํากัด พ. เสนอราคาต่ําลําดับท่ี ๒ เปนเงินจํานวน ๓,๕๗๐,๐๐๐ บาท
(๙,๙๗๐,๐๐๐ - ๖,๔๐๐,๐๐๐) ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหายเปนจํานวนเงินทั้งส้ิน
๙,๒๒๕,๐๐๐ บาท ผูฟองคดีดํารงตําแหนงนายกเทศมนตรีเมืองพะเยา ในฐานะผูบังคับบัญชา
สูงสดุ และเปนผูลงนามใหค วามเห็นชอบในเอกสารเก่ียวกับการประกวดราคาทั้งหมด เมื่อไดทราบ
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาซึ่งมีมติใหจางผูเสนอราคาราย
ตํา่ สดุ ทงั้ สองโครงการแลว ประกอบกับกองชา งไดย นื ยนั วาผเู ขาประกวดราคาไดเสนอราคาถูกตอง
ตามแบบและไดยืนยันราคากลางตามท่ีไดเสนอไวแลว ควรลงนามอนุมัติทําสัญญาจางกับผูเสนอ
ราคารายตํ่าท่ีสุดท้ังสองโครงการ แตกลับมีคําส่ังยกเลิกการประกวดราคาท้ังสองโครงการดังกลาว
โดยไมพิจารณาไตรตรองใหละเอียดรอบคอบกอนลงนามใหยกเลิกการประกวดราคาวามีกรณีที่เขา
หลักเกณฑที่เปนเหตุใหยกเลิกการประกวดราคาไดหรือไม จึงถือวาการกระทําของผูฟองคดี
เปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหาย
โดยตองเสียคาจางกอสรางทั้งสองโครงการสูงกวาการประกวดราคาครั้งแรก จึงเปนการกระทําละเมิด
ตอผถู กู ฟองคดีท่ี ๑ ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย เม่ือพิจารณาพฤติการณ
และระดับความรายแรงแหงการกระทําของผูฟองคดีซ่ึงเปนผูลงนามยกเลิกการประกวดราคา
ดงั กลาวแลว เห็นควรใหผฟู อ งคดีรับผิดรอยละ ๒๐ ของความเสียหาย จํานวน ๙,๒๒๕,๐๐๐ บาท
เปน เงนิ จํานวน ๑,๘๔๕,๐๐๐ บาท ท้งั น้ี ตามมาตรา ๑๐ ประกอบมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังแรกใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ในอัตรารอยละ ๑๐ ของความเสียหาย จํานวน
๙,๒๒๕,๐๐๐ บาท เปนเงินจํานวน ๙๒๒,๕๐๐ บาท จึงยังไมเหมาะสมกับระดับความรายแรง
แหงการกระทําของผูฟองคดี และการท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีคําสั่งแกไขคําสั่งเดิม ใหผูฟองคดี
รับผิดใชคาสินไหมทดแทนรอยละ ๓๕ ของความเสียหายจํานวน ๑๓,๔๔๕,๐๔๑.๒๕ บาท
เปนจํานวน ๔,๗๐๕,๗๖๔.๔๔ บาท เปนการกําหนดความรับผิดจากความเสียหายที่สูงกวา
ความเสียหายที่แทจริง ท้ังนี้ เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดทําสัญญาตามโครงการ
กอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กพรอมทอระบายน้ําและทางเทาถนนแมต๋ําสายในและตามโครงการ
กอสรางถนนคอนกรีตเสริมเหล็กถนนทากวานจากการประกวดราคาครั้งที่ ๒ กับหางหุนสวนจํากัด จ.
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๔๒๒
ในราคา ๑๔,๙๓๐,๐๐๐ บาท และราคา ๙,๙๗๐,๐๐๐ บาท เม่ือวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๓
ซึ่งสูงกวาการประกวดราคาครั้งแรกเปนเงินจํานวน ๑๓,๔๔๕,๐๔๑.๒๕ บาท และสูงกวา
ผูเสนอราคาตํ่าลําดับที่ ๒ เปนเงินจํานวน ๙,๒๒๕,๐๐๐ บาท จึงถือวาการละเมิดเกิดข้ึน
ในวันดังกลาว การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๕๓ เรียกใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๙๒๒,๕๐๐ บาทใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ และแจงคําสั่งให
ผูฟองคดีทราบเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๓ จึงเปนการใชสิทธิเรียกรองภายในอายุความสิบป
นับแตว นั ทาํ ละเมดิ ตามมาตรา ๔๔๘ วรรคหนงึ่ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และการท่ี
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่งลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๔ เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงินจํานวน ๔,๗๐๕,๗๖๔.๔๔ บาท เปนการแกไขคําสั่งเดิม ไมใชการยกเลิกคําสั่งเดิม
และออกคําสั่งใหม การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่งดังกลาวจึงเปนการใชสิทธิเรียกรองภายใน
อายุความ ดังนั้น คําส่ังลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๔ ท่ีแกไขคําส่ังเดิม เฉพาะสวนที่เรียกใหผูฟองคดี
รับผดิ เกิน ๑,๘๔๕,๐๐๐ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษาเพิกถอนคําส่ัง
ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๔ เฉพาะในสวนที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเพิ่มข้ึน
รวมเปนเงินจํานวนทั้งสิ้น ๔,๗๐๕,๗๖๔.๔๔ บาท ใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ สวนคําขออื่น ใหยก น้ัน
ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พองดว ยบางสว น
พิพากษาแกเปนเพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๔ ท่ีแกไขคําส่ังเดิม
เฉพาะสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๑,๘๔๕,๐๐๐ บาท โดยใหมีผล
นบั แตวันท่อี อกคําสง่ั ดังกลา ว นอกจากที่แก ใหเปนไปตามคําพิพากษาของศาลปกครองชน้ั ตน
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓