๑๙๙
คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๙๙/๒๕๖๒ วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด
คร้ังท่ี ๙/๒๕๖๐ เมื่อวันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ที่ศาลปกครองช้ันตนพิพากษายกฟอง นั้น
ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พองดวยในผล
พิพากษายืน
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๑๙๔/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ)
ผูฟองคดี (กรมศุลกากร) ฟองวา ผูถูกฟองคดีท้ังหาเปนทายาทโดยธรรมของนาย ส.
มลู เหตแุ หงการฟอ งคดนี ้สี บื เนือ่ งจากเม่ือครง้ั ทนี่ าย ส. ดาํ รงตําแหนงศุลการกั ษ กองตรวจสินคาขาออก
สังกัดผูฟองคดี โดยมีหนาที่ตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคาขาออกรวมกับนายตรวจศุลกากร
ปรากฏขอเท็จจริงตามสํานวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดวา
บริษัท อ. ซ่ึงเปนผูสงออกสินคาประเภทเส้ือผาไปยังตางประเทศ ไดทําการทุจริตขอรับเงินชดเชย
คาภาษีอากรสําหรับสินคาสงออกท่ีผลิตในราชอาณาจักร เปนจํานวนเงิน ๑,๗๖๕,๔๕๓.๐๗ บาท
โดยไมไ ดมีการสง สินคาออกไปนอกราชอาณาจกั รแตอ ยางใด เนอ่ื งจากนาย ส. ซงึ่ มหี นาที่ประทบั ดวงตรา
กศก. หรือแถบเหล็กศุลกากร ไมไดใชความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาท่ีรวมกับนายตรวจศุลกากร
ในการตรวจปลอยสินคาและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร พฤติการณจึงถือไดวานาย ส.
ไดกระทําการโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย ผูฟองคดี
จงึ มคี าํ สั่ง ส่ังใหน าย ส. ชาํ ระคาสนิ ไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีเปนเงิน ๑๒๓,๙๔๑.๘๕ บาท ภายใน ๑๕ วัน
นบั แตว นั ท่ีไดรับคําสั่ง ภายหลังปรากฏขอเท็จจริงวา นาย ส. ไดถึงแกความตาย ผูฟองคดีจึงมีหนังสือ
แจงใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ถึงท่ี ๕ ในฐานะทายาทโดยธรรมของนาย ส. ชําระคาสินไหมทดแทนเปนเงิน
๑๒๓,๙๔๑.๘๕ บาท ใหแกผูฟองคดีภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับแจง ปรากฏวาผูถูกฟองคดีที่ ๑
ถงึ ที่ ๕ มไิ ดน ําเงินมาชาํ ระภายในระยะเวลาดงั กลา ว จึงนาํ คดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง
ใหผูถูกฟองคดีท้ังหารวมกันหรือแทนกันชําระเงินจํานวน ๑๒๓,๙๔๑.๘๕ บาท พรอมดอกเบ้ีย
ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันตรวจปลอยสินคาเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ และใหคืน
คาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผูฟองคดี เห็นวา เมื่อปรากฏขอเท็จจริงวา นาย ส. เจามรดกไดเคย
ยื่นฟองคดีตอศาลปกครอง เพ่ือขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังที่เรียกใหนาย ส.
รับผดิ ชดใชคา สนิ ไหมทดแทน กรณปี ฏิบัตหิ นาทศี่ ุลการกั ษด ว ยความประมาทเลนิ เลออยางรายแรง
ในระหวางการพิจารณาคดีของศาลปกครอง นาย ส. ถึงแกความตาย ผูฟองคดีจึงไดย่ืนฟอง
ผูถูกฟองคดีทั้งหา ในฐานะทายาทของนาย ส. ใหรับผิดชดใชคาเสียหายมูลเหตุเดียวกันกับคดี
ทีน่ าย ส. ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังดังกลาว ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคําพิพากษาท่ี อ. ๗๔๑/๒๕๕๘
ใหเพิกถอนคําสั่งดังกลาวบางสวน การท่ีศาลจะพิจารณาความรับผิดของผูถูกฟองคดีทั้งหา
ศาลจาํ ตอ งพจิ ารณาใหไดขอ เทจ็ จรงิ เปน ที่ยตุ ิกอ นวา นาย ส. เจามรดก ไดปฏิบัติหนาท่ีดวยความจงใจ
หรือประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหผูฟองคดีเสียหายหรือไม ซึ่งศาลปกครองไดเคยวินิจฉัย
ประเด็นนี้แลว ในคําพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๗๔๑/๒๕๕๘ การดําเนินกระบวนพิจารณา
คดีน้ีจึงเปนการดําเนินกระบวนพิจารณาซํ้า ตามขอ ๙๖ แหงระเบียบของที่ประชุมใหญฯ วาดวย
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๐๐
วธิ ีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ จึงตองหามมิใหศาลรับคําฟองคดีนี้ไวพิจารณา ที่ศาลปกครองชั้นตน
พิพากษาใหผูถูกฟองคดีทั้งหาชําระคาสินไหมทดแทนเปนจํานวนเงิน ๕๔,๐๒๓.๗๓ บาท ใหแก
ผูฟองคดี พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอปของตนเงินดังกลาวนับแตวันทําละเมิด
โดยไมตองรับผิดเกนิ กวาราคาทรัพยมรดกทีต่ กทอดแกทายาทตามมาตรา ๑๖๐๑ แหงประมวลกฎหมาย
แพง และพาณชิ ย ทง้ั นี้ ใหช ําระใหเสร็จสิ้นภายใน ๖๐ วัน นับแตวันที่คดีถึงที่สุด ใหคืนคาธรรมเนียมศาล
ตามสวนของการชนะคดีใหแกผูฟองคดี สวนคําขออ่ืนนอกจากนี้ใหยก นั้น ศาลปกครองสูงสุด
ไมเห็นพอ งดวย
พิพากษากลับ เปนใหยกฟอง คืนคาธรรมเนียมศาลท้ังหมดในศาลปกครองช้ันตน
และในชัน้ อุทธรณใหแ กผูฟ อ งคดี
กรณเี ปนการฟองซ้ํา
คาํ สั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี คผ.๘/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๗
คาํ สง่ั ศาลปกครองสงู สดุ ท่ี คร.๑๐/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๐
ขอเทจ็ จรงิ หรือขอกฎหมายทีม่ ไิ ดยกขึ้นวา กันมาแลว โดยชอบในศาลปกครองช้นั ตน
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๗๔๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนขาราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ตําแหนง
ผูอํานวยการกองคลัง สังกัดกองคลัง สํานักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ไดรับ
ความเดือดรอนหรือเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดี (อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี) ไดมีคําส่ัง
ลงวันท่ี ๑๑ เมษายน ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนรอยละ ๔๐ ของจํานวนเงิน
๔,๑๖๔,๙๕๕.๕๐ บาท คิดเปนเงินท่ีตองชดใช ๑,๖๖๕,๙๘๒.๒๐ บาท กรณีนาย ว. ผูใตบังคับบัญชา
ไดจัดทําและปลอมแปลงลายมือช่ือผูมีอํานาจลงนามส่ังจายเช็ค และลงนามรับเงินในใบสําคัญรับเงิน
โดยไมนําสงเปนเงินของทางราชการ เปนเหตุใหมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีไดรับความเสียหาย
เปนเงินจํานวน ๔,๑๖๔,๙๕๕.๕๐ บาท โดยท่ีผูถูกฟองคดีมีคําสั่งลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔
แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี คณะกรรมการสอบสวน
ขอเท็จจริงฯ เห็นวา การกระทําของผูฟองคดีเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง
เนอ่ื งจากผฟู องคดีเปนผูมีหนาที่ตามที่ไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชาและมีหนาที่ท่ีจะตองควบคุม
กํากับดูแล และบังคับบัญชาใหเจาหนาที่ผูปฏิบัติหรือผูใตบังคับบัญชาตามสายงานจะตองปฏิบัติ
ใหถูกตองตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอบังคับของทางราชการ จึงใหรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนรอยละ ๔๐ ของเงินจํานวน ๔,๑๖๔,๙๕๕.๕๐ บาท คิดเปนเงิน ๑,๖๖๕,๙๘๒.๒๐ บาท
ผู ถู ก ฟ อ ง ค ดี พิ จ า ร ณ า แ ล ว มี ค ว า ม เ ห็ น ต า ม ค ว า ม เ ห็ น ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ส อ บ ข อ เ ท็ จ จ ริ ง ฯ
และนําเสนอกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาตอไป ตอมา ผูถูกฟองคดีมีคําส่ังลงวันที่ ๑๑
เมษายน ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เปนเงิน
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๐๑
๑,๖๖๕,๙๘๒.๒๐ บาท และไดมีหนังสือลงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๕ แจงคําส่ังใหผูฟองคดีทราบ
ผูฟองคดีไมเห็นดวยจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๕๕ และลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕
อทุ ธรณคาํ สัง่ ดงั กลาว ตอ มา ผถู กู ฟอ งคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ แจงผูฟองคดีวา
ผูถูกฟองคดีพิจารณาอุทธรณแลวมีคําสั่งยืนตามคําส่ังลงวันท่ี ๑๑ เมษายน ๒๕๕๕ จึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๕ ใหผูฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทน และคําสั่งลงวันท่ี ๑๘ เมษายน ๒๕๕๕ ท่ีแกไขคําส่ังลงวันท่ี ๑๑ เมษายน
๒๕๕๕ รวมท้งั ใหเ พิกถอนผลการพิจารณาคําอุทธรณตามหนังสือลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ผูฟองคดีไดรับมอบหมายใหดํารงตําแหนงผูอํานวยการ
กองคลัง มีหนาที่รับผิดชอบในการกํากับดูแลภาพรวมของกองคลังและพัสดุในทุกดาน และหนาที่
ในการกํากับดูแลตรวจสอบการปฏิบัติงานของทุกหนวยงานยอยภายในกองคลัง ผูฟองคดีในฐานะ
ผูบังคับบัญชาจึงมีหนาท่ีตองกํากับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติงานผูใตบังคับบัญชาทุกราย
ในกองคลังใหเปนไปตามกฎหมาย ระเบียบ ขอบังคับตางๆ ท่ีเกี่ยวของ ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติงาน
ของนาย ว. ดวย ประกอบกับการที่ผูฟอ งคดเี ปนผูมอบหมายภาระงานใหนาย ว. ซ่ึงเปนลูกจางชั่วคราว
ทําหนาที่รับเช็ค เงินสด เงินอุดหนุนสนับสนุนจากหนวยงานอื่นพรอมนําสงและฝากธนาคาร
และใหม ีหนา ที่เก็บรักษาตนขั้วเช็ค สมุดเช็ค เก็บรักษาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร สมุดใบสําคัญรับเงิน
ซ่ึงผูฟองคดียอมตองทราบเปนอยางดีแลววา การดูแลเก็บรักษาเอกสารดังกลาวอันเปนเอกสาร
หลักฐานสําคัญเก่ียวกับการเงินโดยเปนภาระงานท่ีมีความเส่ียงสูงท่ีผูปฏิบัติงานอาจจะกอใหเกิด
ความเสียหายแกหนวยงานได น้ัน เปนการมอบหมายงานมีลักษณะเปนการฝาฝนไมถือปฏิบัติ
ตามมติคณะรัฐมนตรี เม่ือวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๓๕ ท่ีหามมิใหสวนราชการใชลูกจางชั่วคราว
ปฏิบตั งิ านดานการเงินและบญั ชี เวน แตกรณที ีส่ วนราชการมขี า ราชการหรอื ลูกจางประจําปฏิบตั ิหนา ท่ี
ดานการเงินและบัญชีไมเพียงพอ ผูฟองคดีในฐานะผูบังคับบัญชาผูมอบหมายงานดังกลาวจึงมีหนาท่ี
ในการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติหนาท่ีของนาย ว. อยางเครงครัดเปนพิเศษ ประกอบกับนาย ว.
ไดกระทําการทุจริตเปนเวลากวา ๒ ป จนพนจากตําแหนงลูกจางช่ัวคราวเม่ือสิ้นสุดสัญญาจาง
ไปแลวจึงมีการตรวจสอบพบการทุจริต น้ัน แสดงใหเห็นวา ผูฟองคดีละเลยในการปฏิบัติหนาท่ี
ในฐานะผูอ าํ นวยการกองคลังซึ่งเปน ผูบงั คับบญั ชาท่ีมีหนาที่ควบคุมดูแลเงินงบประมาณของหนวยงาน
และมีหนาที่ควบคุมการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีในสังกัดกองคลัง ซึ่งตามภาวะวิสัยของบุคคล
ที่ดํารงตําแหนงและปฏิบัติหนาท่ีเชนเดียวกับผูฟองคดี ยอมจะตองใชความระมัดระวังในการควบคุม
ตรวจสอบการทํางานของผูใตบังคับบัญชาอยางสมํ่าเสมอ แตผูฟองคดีกลับไมไดควบคุมดูแล
ผใู ตบงั คับบญั ชาใหป ฏิบัตหิ นา ทใี่ หเ ปน ไปตามกฎหมายอยางเครงครัด จนเปดโอกาสใหนาย ว. กระทํา
การทุจริตยักยอกเงิน โดยการกระทําทุจริตของนาย ว. เปนการกระทําที่ไมอาจอาศัยการดําเนินการ
แตเพียงลําพังเฉพาะตัวผูกระทําทุจริตเองก็สามารถทําการทุจริตสําเร็จไดโดยงาย หากผูฟองคดี
และผูบังคับบัญชาช้ันตนในฐานะหัวหนางานงบประมาณไดปฏิบัติงานโดยใชความระมัดระวังและ
ความละเอียดรอบคอบในการควบคุมตรวจสอบการทําหนาที่ รับเช็ค เงินสด เงินอุดหนุนสนับสนุน
จากหนวยงานอื่นพรอมนําสงและฝากธนาคาร และตรวจสอบการเก็บรักษาตนขั้วเช็ค สมุดเช็ค
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๐๒
เก็บรักษาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร สมุดใบสําคัญรับเงิน ใบเสร็จรับเงิน ของนาย ว. อยางเครงครัด
ตามระบบบัญชีมาตรฐานแลว ยอมไมเปนการยากที่จะตรวจสอบพบการกระทําทุจริตหรือปองกัน
การกระทําผิดของนาย ว. ได ดังนั้น การท่ีนาย ว. สามารถกระทําการทุจริตตอเน่ืองกันมา
เปนเวลาถึง ๒ ป และกอใหเกิดความเสียหายจํานวนท่ีสูงมาก จึงเปนผลโดยตรงจากการกระทํา
ของผูฟองคดีที่บกพรองในการปฏิบัติหนาที่ควบคุมตรวจสอบกรณีดังกลาว รวมถึงบกพรอง
ในการกํากับดูแลผูใตบังคับบัญชาดวย จึงถือไดวา ผูฟองคดีการกระทําโดยประมาทเลินเลอ
อยางรายแรงในการปฏิบัติหนาที่ละเลยไมควบคุมการปฏิบัติงานของผูใตบังคับบัญชา จนเปนเหตุให
นาย ว. กระทําการทุจริตได ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใชความเสียหายใหแกผูถูกฟองคดี
ตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ นอกจากนี้ การท่ีผูฟองคดีอางวา มหาวิทยาลัยไมไดดําเนินการใหเปนไปตามระเบียบ
อยางเครงครัด แตเปนลักษณะการปฏิบัติงานตามธรรมเนียมปฏิบัติตอเน่ืองกันมา ไมเคยมีคําส่ัง
ระเบียบ หรือแนวทางปฏิบัติใหตองปฏิบัติงานท่ีแตกตางไปจากการดําเนินโครงการอื่นๆ รวมทั้ง
การมอบหมายใหนาย ว. ปฏิบัติงานก็เชนเดียวกัน ไมไดแตกตางไปจากการมอบหมายให
ปฏิบัติงานในโครงการอื่นๆ ของมหาวิทยาลัย การทุจริตจึงไมไดเกิดจากผูฟองคดีโดยตรง
แตเปนขอบกพรอ งของมหาวทิ ยาลัยทไ่ี มไ ดว างระบบเกี่ยวกบั การเงินไว น้ัน ขออางดังกลาวยังไมมี
เหตุผลเพียงพอใหรับฟงไดวาเปนความบกพรองของหนวยงานรัฐหรือระบบการดําเนินงาน
สว นรวม เนอื่ งจากกรณีนีก้ ระทรวงการคลังไดม ีระเบยี บการเบิกจายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงิน
และการนําเงินสงคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ กําหนดไวชัดเจนแลว ประกอบกับการมอบหมายภาระงาน
ใหแก นาย ว. ซึ่งเปนเอกสารหลักฐานสําคัญเก่ียวกับการเงินและภาระงานที่มีความเสี่ยงสูง
จึงเปนการมอบหมายทีม่ ีลักษณะไมสอดคลองและไมเหมาะสมกับตําแหนงลูกจางช่ัวคราว รวมทั้ง
การมอบหมายใหลูกจางช่ัวคราวปฏิบัติงานดานการเงินและบัญชีเปนการฝาฝนไมปฏิบัติตาม
มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๓๕ ซึ่งหามมิใหสวนราชการใชลูกจางช่ัวคราว
ปฏิบัติงานดังกลาว ดังนั้น การกระทําทุจริตของนาย ว. จึงเกิดจากความผิดหรือความบกพรอง
ของผูบังคับบัญชาโดยตรงในการมอบหมายภาระงานและการกํากับดูแลควบคุมตรวจสอบ
เจาหนาที่ผูอยูภายในการบังคับบัญชาของตน ผูบังคับบัญชาจึงตองรับผิดในฐานะสวนตัว
โดยไมอาจกลาวอางไดวาเปนความผิดหรือความบกพรองของหนวยงานของรัฐ จึงไมมีเหตุใหตอง
หักสวนความรับผิดอันเกิดจากความบกพรองของหนวยงานของรัฐหรือระบบการดําเนินงาน
สว นรวม ตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
และเมื่อความเสียหายที่เกิดข้ึนเกิดจากการกระทําทุจริตของนาย ว. เพียงลําพัง ผูฟองคดี
ไมไ ดมีสว นรว มหรอื มสี วนรเู หน็ กับการกระทาํ ทุจริตของบุคคลดังกลาว ดังนั้น การกําหนดสัดสวน
ความรับผิดของผูฟองคดีในฐานะผูบังคับบัญชาช้ันเหนือขึ้นไปเพื่อกําหนดเปนคาสินไหมทดแทน
จึงตองพิจารณาตามแนวทางการกําหนดสัดสวนความรับผิดของเจาหนาที่ ตามหนังสือ
กระทรวงการคลัง ดวนท่ีสุด ท่ี กค ๐๔๐๖.๒/ว ๖๖ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๐ ที่กําหนดให
ผบู ังคับบัญชาชัน้ ตน – ชน้ั กลาง/ผูผานงาน หรือผูบ ังคับบญั ชาชั้นสูง/ผูอนุมัติ ตองรับผิดในสัดสวน
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๐๓
ความรบั ผิดรอ ยละ ๒๐ ของคาเสียหาย ดังนั้น จึงกําหนดสัดสวนความรับผิดของผูฟองคดีรอยละ
๒๐ ของคาเสียหาย เม่ือความเสียหายที่เกิดขึ้นเปนเงินจํานวน ๔,๑๖๔,๙๕๕.๕๐ บาท ผูฟองคดี
จึงตองรับผิดชดใชคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๘๓๒,๙๙๑.๑๐ บาท การท่ีผูถูกฟองคดีกําหนด
ความรบั ผิดของผฟู อ งคดรี อยละ ๔๐ ของคาเสียหายทัง้ หมด จงึ เปน การกําหนดสัดสวนความรับผิด
ท่ีไมไดคํานึงถึงความเปนธรรมและไมชอบดวยกฎหมาย ตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
ดงั นนั้ คาํ ส่ังของผูถูกฟอ งคดีทเี่ รยี กใหผฟู อ งคดรี ับผิดชดใชค าเสียหายใหแกผูถูกฟองคดี เฉพาะสวน
ที่เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาเสียหายเกินกวารอยละ ๒๐ ของคาเสียหาย หรือเกินกวา
๘๓๒,๙๙๑.๑๐ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย สวนท่ีผูฟองคดีอางวา คําวินิจฉัยอุทธรณของ
ผูถูกฟองคดีที่ใหยกอุทธรณไมชอบดวยกฎหมาย เน่ืองจากผูถูกฟองคดีไมนําสงอุทธรณของ
ผูฟองคดีไปยังเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาเพ่ือพิจารณาอุทธรณตามมาตรา ๒๙
มาตรา ๓๐ วรรคสี่ แหง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๑๘
วรรคสาม แหง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พ.ศ. ๒๕๓๓ ประกอบขอ ๒ (๑๔) ของ
กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความใน พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถ กู ฟองคดีไมมีอํานาจพิจารณาอุทธรณ นั้น ขอที่ยกขึ้นอางนี้มิไดเปนขอที่ไดยกขึ้น
วากันมาแลวโดยชอบในศาลปกครองช้ันตน ท้ังมิไดเปนปญหาอันเก่ียวดวยความสงบเรียบรอย
ของประชาชนหรือปญหาเกี่ยวกับประโยชนสาธารณะ ผูฟองคดีจึงไมอาจยกขึ้นกลาวอาง
ในชั้นอุทธรณได ตามขอ ๑๐๑ วรรคสอง แหงระเบียบของท่ีประชุมใหญฯ วาดวยวิธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๑๑ เมษายน
๒๕๕๕ และคําส่ังลงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๕ ในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทน
เกนิ จํานวน ๔๑๖,๔๙๕.๕๕ บาท โดยมขี อสังเกตใหกําหนดเง่ือนไขทายคําสั่งดวยวา หากผูถูกฟองคดี
ไดรับการชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหายจากนาย ว. แลว เม่ือนํามารวมกับจํานวนเงินที่
ผฟู อ งคดีชดใชไ วเกนิ จาํ นวนความเสียหาย ใหค ืนเงนิ สว นท่ีไดรับชําระไวใหแกผูฟองคดีตามสัดสวน
แหงความรบั ผดิ คาํ ขออืน่ นอกจากนใี้ หยก นัน้ ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพอ งดว ยบางสว น
พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๕ และคําสั่งลงวันท่ี
๑๘ เมษายน ๒๕๕๕ ในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๘๓๒,๙๙๑.๑๐ บาท
ทั้งนี้ ใหมีผลยอนหลังนับตั้งแตวันท่ีมีคําส่ังดังกลาว นอกจากที่แกใหเปนไปตามคําพิพากษา
ศาลปกครองชนั้ ตน
กรณีการสง่ั แกค ําสั่งของศาลปกครองชัน้ ตน
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๐๒-๑๐๓/๒๕๖๓
ผูฟองคดีทั้งหาฟองวา ผูฟองคดีทั้งหาเปนขาราชการพลเรือนสามัญตําแหนง
เจาหนาที่ศุลการักษ สังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (กรมศุลกากร) โดยผูฟองคดีที่ ๑ ถึงที่ ๔ ไดรับ
ความเดือดรอนจากคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ที่แจงใหผูฟองคดีที่ ๑
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๐๔
ถงึ ที่ ๔ รับผิดชดใชค าสนิ ไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ กรณีบริษัท บ. ทุจริตในการขอรับเงิน
ชดเชยคาภาษีอากรหรือขอคืนคาภาษีอากรวัตถุดิบตามมาตรา ๑๙ ทวิ แหง พ.ร.บ. ศุลกากร
(ฉบับที่ ๙) พุทธศักราช ๒๔๘๒ ผูฟองคดีที่ ๑ ถึงที่ ๔ ไดย่ืนอุทธรณคําสั่งดังกลาว ตอมา
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (อธิบดีกรมศุลกากร) มีคําสั่งลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๐
โดยส่ังตามความเห็นของผูถูกฟองคดีที่ ๓ (กระทรวงการคลัง) ใหผูฟองคดีทั้งหารับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนกรณีบริษัท บ. กระทําการทุจริตดังกลาว และไดมีหนังสือแจงใหผูฟองคดีทั้งหา
ทราบ ผฟู องคดีทั้งหาอุทธรณคําสั่งดังกลาว แตจนถึงวันฟองคดียังไมมีการแจงผลอุทธรณใหผูฟองคดี
ท้ังหาทราบแตอยางใด ผูฟองคดีท้ังหาจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอน
คําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีท่ี ๑ ถึง
ท่ี ๔ ตองรับผิด และคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๐ เฉพาะสวนท่ีให
ผูฟองคดีทั้งหาตองรับผิด เห็นวา คดีนี้มีประเด็นท่ีตองวินิจฉัยในชั้นอุทธรณกอนวา ผูฟองคดีท้ังหา
มีสิทธิฟองผูถูกฟองคดีที่ ๓ และท่ี ๔ (ปลัดกระทรวงการคลัง) หรือไม เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๑
สงสํานวนการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไปใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ พิจารณาตามขอ ๑๗
วรรคสอง ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๓ มีความเห็นเชนใดแลว ผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตองมีคําส่ังตามความเห็นของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ตามขอ ๑๘ วรรคหนึ่ง ของระเบียบดังกลาว
โดยผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๑ ไมม ีอาํ นาจมีคําสั่งเปนอยางอื่น ความเห็นของผูถูกฟองคดีที่ ๓ จึงเปนสาเหตุ
สําคัญท่ีกอใหเกิดความเดือดรอนเสียหายแกผูฟองคดีท้ังหา ผูฟองคดีทั้งหาจึงมีสิทธิฟอง
ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ และท่ี ๔ สวนประเด็นวาผูฟองคดีทั้งหากระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑
หรือไม นั้น เมื่อการปฏิบัติงานตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร
ของนายตรวจหรือสารวัตรศุลกากร และการปฏิบัติงานประทับดวงตราตะก่ัว กศก. หรือร
อยแถบเหล็ก RTC ของศุลการักษ จะตองปฏิบัติงานสอดคลองและเก่ียวเน่ืองกัน การปฏิบัติงาน
ของทั้งสองหนาท่ีจึงไมอาจแยกจากกันได สําหรับการตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรน้ัน
หลังจากท่ีนายตรวจศุลกากรไดตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรแลว
ศุลการักษมีหนาท่ีท่ีจะตองประทับดวงตรา กศก. หรือรอยแถบเหล็กศุลกากรเพื่อใหทราบวา
สินคาในคอนเทนเนอรไดรับการตรวจและพรอมที่จะสงออกไปตางประเทศแลว ทั้งน้ี การท่ี
ศุลการักษจะประทับดวงตรา กศก. ไดนั้น ตองปรากฏขอเท็จจริงวา ภายในคอนเทนเนอร
ไดบรรจุสินคาของผูสงออกตามประเภทและจํานวนดังท่ีปรากฏอยูในใบขนสินคาขาออกและ
ในใบกํากับคอนเทนเนอรดวยแลว อันเปนไปตามคําสั่งกองตรวจสินคาขาออกท่ี ๑๓/๒๕๓๐
เร่ือง การตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ และคําส่ัง
ที่ ๔๖/๒๕๓๐ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๐ ท่ีใหใชประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐
และยกเลิกประมวลขอบังคับศุลกากร พ.ศ. ๒๔๘๑ แกไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๐๑ ขอ ๐๓ ๐๒ ๐๖
และขอ ๐๘ ๐๕ ๐๕ คดีน้ีเมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ในการสงสินคาออกไปตางประเทศของบริษัท บ.
ตามใบขนสินคาขาออก จํานวน ๑๑ ฉบับ บริษัท บ. ไมไดสงสินคาออกตามใบขนสินคาขาออก
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๐๕
ดังกลาวจริง แตกลับนําใบขนสินคาขาออกดังกลาวไปย่ืนขอคืนคาภาษีอากรตามมาตรา ๑๙ ทวิ
แหง พ.ร.บ. ศุลกากร (ฉบับท่ี ๙) พุทธศักราช ๒๔๘๒ จนเปนเหตุใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับ
ความเสียหาย ความเสียหายดังกลาวสวนหน่ึงจึงเปนผลจากการที่ผูฟองคดีท้ังหาปฏิบัติหนาท่ี
ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงและกอใหเกิดความเสียหายแกผูถูกฟองคดีที่ ๑
กรณีจึงถือไดวาเปนการกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ผูฟองคดีท้ังหาจึงตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
เมื่อบริษัท บ. ไดขอคืนคาภาษีอากรตามใบขนสินคาขาออกจํานวน ๗ ฉบับ ซ่ึงมีผูฟองคดีท่ี ๑
ถึงท่ี ๔ ปฏิบัติหนาที่ศุลการักษ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดอนุมัติคืนคาภาษีอากรเมื่อวันท่ี ๑๘
ธันวาคม ๒๕๓๘ วันท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๓๙ และวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๓๙ ตามลําดับ วันดังกลาว
จงึ ถือเปนวนั ทผี่ ถู กู ฟองคดที ่ี ๑ ไดรับความเสียหายและถือเปนวันที่มีการทําละเมิดตอผูถูกฟองคดี
ที่ ๑ อันเปนกรณีท่ีมีการกระทําละเมิดเกิดข้ึนกอน พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ มีผลใชบังคับเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ หลักเกณฑในสวนท่ีเปนสารบัญญัติ
จึงตองเปนไปตามหลักเกณฑในประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ตามมาตรา ๔๓๘ วรรคหน่ึง
มาตรา ๔๔๒ และมาตรา ๒๒๓ วรรคหน่ึง สวนใบขนสินคาขาออกอีกจํานวน ๕ ฉบับ
ซึ่งมีผูฟองคดีที่ ๕ ปฏิบัติหนาที่ศุลการักษ เปนกรณีท่ีมีการกระทําละเมิดเกิดข้ึนหลัง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ มีผลใชบังคับ การพิจารณาความรับผิด
ทางละเมิดจึงตองพิจารณาตามพระราชบัญญัติดังกลาว โดยเมื่อพิจารณาตามพฤติการณ
แหงกรณีแลว การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไมไดจัดสรรอัตรากําลังเจาหนาที่ในตําแหนงนายตรวจ
ศุลกากรและศุลการักษในข้ันตอนการตรวจปลอยสินคา เพื่อใหเพียงพอกับปริมาณงานการตรวจ
ปลอยสินคาสงออกที่บรรจุเขาคอนเทนเนอรท่ีเพิ่มมากข้ึน อันเปนผลสืบเนื่องจากนโยบาย
การสงเสริมการสงสินคาออกของรัฐบาลในขณะน้ัน โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จะตองกําหนดหลักเกณฑ
จัดระบบการดําเนินงาน และมีมาตรการตรวจสอบและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร
ท่ีรัดกุมเพ่ือปองกันการทุจริต แตการท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไมสามารถดําเนินการดังกลาวไดอยางดีพอ
เปนสวนหน่ึงที่ทําใหเกิดความเสียหายดังกลาว ดังน้ัน เม่ือความเสียหายของผูถูกฟองคดีที่ ๑
เกิดจากความบกพรองของระบบงานของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไมยิ่งหยอนไปกวาการกระทําของ
ผูฟองคดีทั้งหา จึงสมควรหักสวนแหงความบกพรองของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ออกรอยละ ๕๐ ของ
คา เสยี หายที่ผฟู อ งคดีทั้งหา จะตอ งรับผิด อยา งไรก็ตาม เน่ืองจากกรณีดังกลาวมีผูกระทําผิดหลายคน
ไดแก นายตรวจศุลกากรและศุลการักษ พิจารณาแลวเห็นวา ในการกําหนดคาสินไหมทดแทน
จะตองพิจารณาวาความเสียหายเกิดขึ้นเพราะฝายใดเปนผูกอย่ิงหยอนไปกวากันเพียงไร
เมื่อการกระทําของเจาหนาที่แตละคนแยกจากกัน โดยนายตรวจศุลกากรมีหนาท่ีรับผิดชอบ
ในการตรวจสอบสินคาตามใบขนสินคาขาออกโดยตรง สวนศุลการักษมีหนาที่เพียงชวยเหลือ
นายตรวจศุลกากรเทาน้ัน เมื่อผูฟองคดีท้ังหาเปนศุลการักษ ความบกพรองของผูฟองคดีทั้งหา
จึงมีสัดสวนนอยกวานายตรวจศุลกากร จึงเห็นควรใหผูฟองคดีท้ังหารับผิดรอยละ ๓๐ ของ
คาเสียหายตามใบขนสินคาขาออกท่ีเกี่ยวของหลังหักสวนแหงความรับผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๐๖
ท้ังนี้ตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง และมาตรา ๘ วรรคหน่ึง วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่
แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน เม่ือคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ และ
ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๐ ใหผูฟองคดีที่ ๑ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนรวมกับนาย ว.
(นายตรวจศุลกากร) เปนเงิน ๔๔๓,๙๒๒ บาท ใหผูฟองคดีที่ ๒ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
รวมกับนาย ว. (นายตรวจศุลกากร) เปนเงิน ๔๗๔,๔๕๓ บาท ใหผูฟองคดีท่ี ๓ รับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนรวมกับนาย พ. (นายตรวจศุลกากร) เปนเงิน ๘๒๐,๔๒๒ บาท และใหผูฟองคดีท่ี ๔
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนรวมกับนาง ท. (นายตรวจศุลกากร) เปนเงิน ๒๑๑,๓๗๕ บาท
ดังนั้น ผูฟองคดีท่ี ๑ จึงตองรับผิดคิดเปนเงิน ๖๖,๕๘๘.๓๐ บาท ผูฟองคดีท่ี ๒ ตองรับผิด
คิดเปนเงิน ๗๑,๑๖๗.๙๕ บาท ผูฟองคดีท่ี ๓ ตองรับผิดคิดเปนเงิน ๑๒๓,๐๖๓.๓๐ บาท และ
ผูฟองคดีที่ ๔ ตองรับผิดคิดเปนเงิน ๓๑,๗๐๖.๒๕ บาท สวนผูฟองคดีท่ี ๕ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ไดม ีคาํ สง่ั ของผถู ูกฟองคดที ี่ ๑ ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๐ ใหผูฟองคดีท่ี ๕ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
รอยละ ๓๐ ของคาเสียหายตามใบขนสินคาขาออกที่เกี่ยวของ รวม ๕ ฉบับ จํานวน ๗๒๕,๓๓๑ บาท
จึงใหห กั สว นแหง ความรบั ผิดของผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๑ ออกรอยละ ๕๐ ของความเสียหายท่ีผูถูกฟองคดี
ท่ี ๑ ไดรับเชนเดียวกัน ผูฟองคดีท่ี ๕ จึงตองรับผิดเปนเงินจํานวน ๑๐๘,๗๙๙.๖๕ บาท ดังน้ัน
การทผ่ี ถู กู ฟองคดีที่ ๑ โดยผูถ ูกฟอ งคดีท่ี ๒ มีคําสั่งของผูถกู ฟอ งคดีที่ ๑ ลงวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
และลงวันท่ี ๓ สิงหาคม ๒๕๕๐ เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีทั้งหารับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแก
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เปนเงินเกินกวาจํานวน ๖๖,๕๘๘.๓๐ บาท ๗๑,๑๖๗.๙๕ บาท ๑๒๓,๐๖๓.๓๐ บาท
๓๑,๗๐๖.๒๕ บาท และ ๑๐๘,๗๙๙.๖๕ บาท ตามลําดับ จึงไมชอบดวยกฎหมาย ที่ศาลปกครองชั้นตน
พิพากษาใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ลงวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ และลงวันที่
๓ สิงหาคม ๒๕๕๐ เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีที่ ๑ ท่ี ๒ ที่ ๓ ท่ี ๔ และที่ ๕ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เปนเงินเกินกวาจํานวน ๖๖,๕๘๘.๓๐ บาท ๗๑,๑๖๗.๙๕ บาท
๑๒๓,๐๖๓.๓๐ บาท ๓๑,๗๐๖.๒๕ บาท และ ๑๐๘,๗๙๙.๖๕ บาท ตามลําดับ คําขออ่ืนนอกจากน้ี
ใหย ก โดยมไิ ดก ําหนดคําบังคับใหการเพิกถอนคําส่ังดังกลาวมีผลต้ังแตเม่ือใด นั้น ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพองดวยบางสวน เนื่องจากคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตนยังไมตองดวยมาตรา ๗๒
วรรคสอง แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจพิพากษาแกใหถูกตองได
ตามนยั ขอ ๑๑๑ (๔) แหง ระเบียบของที่ประชมุ ใหญฯ วาดว ยวิธพี ิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓
พพิ ากษาแก เปน ใหเ พิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
และลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๐ เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีท่ี ๑ ท่ี ๒ ท่ี ๓ ท่ี ๔ และที่ ๕ รับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนเงินเกินกวาจํานวน ๖๖,๕๘๘.๓๐ บาท ๗๑,๑๖๗.๙๕ บาท
๑๒๓,๐๖๓.๓๐ บาท ๓๑,๗๐๖.๒๕ บาท และ ๑๐๘,๗๙๙.๖๕ บาท ตามลําดับ ท้ังนี้ ใหมีผล
ยอ นหลงั นบั แตว นั ที่ออกคาํ ส่ังเปน ตนไป นอกจากท่แี ก ใหเปนไปตามคาํ พิพากษาของศาลปกครองชน้ั ตน
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๐๗
กรณีไมมีเหตุอนั สมควรท่ีจะยกคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน แลวสงสํานวนคดีคืนไปยัง
ศาลปกครองช้ันตนเพอ่ื ใหม ีคําพิพากษาหรอื มีคาํ ส่ังใหม
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๖๖๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๑๐๘
การนาํ วธิ พี ิจารณาคดปี กครองในศาลปกครองชนั้ ตน มาใชบ งั คับโดยอนโุ ลม
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๙๑/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๓๐
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๑๕๓/๒๕๖๓ อางแลว ในประเดน็ เงือ่ นไขการฟองคดี หนา ๑๘๐
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๗๓๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๑๑๐
เนื้อหาแหง คดี
ฟองขอใหชดใชคาเสียหายกรณีตนไมบริเวณรองกลางถนนหักโคนลมเปนเหตุใหรถยนต
โดยสารประสบอบุ ตั ิเหตุ
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๒/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเด็นเขตอํานาจศาล หนา ๙๙
ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุให
ทรัพยท ีร่ ับจาํ นาํ ไวสูญหาย
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๑๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนพนักงานสถานธนานุบาล สังกัดผูถูกฟองคดีที่ ๒
(สํานักงานคณะกรรมการจัดการสถานธนานุบาลขององคกรปกครองสวนทองถิ่น) ดํารงตําแหนง
ผูจัดการสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองปทุมธานี ระหวางวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๕ ถึงวันที่
๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีคําสั่งใหยายผูฟองคดีไปดํารงตําแหนงผูจัดการสถานธนานุบาล
เทศบาลตําบลกบนิ ทร อาํ เภอกบินทรบรุ ี จังหวดั ปราจนี บุรี ตงั้ แตวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ เปนตนไป
และผูถูกฟองคดีที่ ๑ (เทศบาลเมืองปทุมธานี) ไดมอบหมายใหนาย ส. เปนผูจัดการสถานธนานุบาล
เทศบาลเมืองปทุมธานีแทนผูฟองคดี โดยไดรับมอบงานต้ังแตวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ หลังจากนั้น
เมือ่ วนั ท่ี ๒๑ มนี าคม ๒๕๔๘ นางสาว อ. พนักงานรักษาของ ของสถานธนานุบาลของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไมมาปฏิบัติงาน สถานธนานุบาลของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรายงานผูตรวจสถานธนานุบาลประจําเขต ๔
และผูถูกฟองคดีที่ ๒ ทราบ เพ่ือตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบวา ทรัพยรับจํานําเก็บรักษา
ไวในหองสตรองรูมถูกร้ือคนกระจัดกระจาย และมีทรัพยรับจํานําในชวงเดือนตุลาคม ๒๕๔๗
ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๔๘ สูญหายจํานวน ๒๕๙ รายการ เปนเงินทั้งสิ้น ๘,๓๔๗,๑๘๕.๐๔ บาท
ท้ังปรากฏรายชื่อบุคคลผูจํานําซ้ํากันจํานวน ๔ คน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดแจงความขอหาลักทรัพย
แกนางสาว อ. ตอพนักงานสอบสวน จากการสืบสวนสอบสวนพบวา มีนาง จ. พนักงานทะเบียน
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๐๘
สังกัดเดียวกันนาจะมีสวนเก่ียวของดวย ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําส่ังลงวันท่ี ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๘
แตงต้ังคณะกรรมการสอบสวนวินัยอยางรายแรงนางสาว อ. และนาง จ. ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑
มีคําสัง่ ลงวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๘ แกไขคําสั่งลงวันท่ี ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๘ โดยแกไขจํานวนทรัพย
จํานําสูญหาย เปน ๒๖๓ รายการ เปนเงิน ๕,๘๒๑,๑๐๐ บาท ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําส่ังลงวันท่ี
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๘ แตงตง้ั คณะกรรมการรวมกันตรวจสอบทรพั ยรบั จํานําของสถานธนานุบาล
ปรากฏวา ทรัพยท่ีไดรับจํานําไวเปนทรัพยปลอมและรับจํานําไวเกินราคาจํานวน ๑๓ รายการ
เปนเงินจํานวน ๒๓๒,๖๐๐ บาท ตอมา วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๔๘ คณะกรรมการสอบสวนวินัยรายแรง
เห็นวา ผูฟองคดีมีพฤติกรรมใชชื่อบุคคลอ่ืนรับจํานําทรัพยของตนเองหลายคร้ัง ทั้งยังรับจํานําทรัพย
ราคาสูงกวาความเปนจริง และทรัพยบ างรายการเปนของปลอม ถือวาผูฟองคดีจงใจไมปฏิบัติตามกฎหมาย
และระเบียบแบบแผนของทางราชการหรือมติคณะกรรมการจัดการสถานธนานุบาลขององคกรปกครอง
สวนทองถิ่น (จ.ส.ท.) หรือประมาทเลินเลอในการปฏิบัติหนาที่เปนเหตุใหเสียหายแกสถานธนานุบาล
อยางรายแรง ทั้งยังนาเชื่อวาผูฟองคดีมีพฤติการณรวมกันลักทรัพยนายจางกับนางสาว อ.
เห็นสมควรแจงความรองทุกขเพ่ือดําเนินการทางอาญา สวนการดําเนินการทางวินัยเน่ืองจาก
ผูฟองคดียายไปดํารงตําแหนงผูจัดการสถานธนานุบาลเทศบาลตําบลวัดสิงห เห็นควรรวบรวมเอกสาร
พยานหลักฐานท่ีเกี่ยวของรายงานผูถูกฟองคดีที่ ๒ และเทศบาลตําบลวัดสิงหเพ่ือดําเนินการ
สอบสวนวินัยผูฟองคดีตอไป ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๒ มีคําสั่งลงวันท่ี ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘
ใหผูฟ องคดีพักงานเพอื่ รอฟง ผลการสอบสวน ตอมา ผูถ กู ฟอ งคดีท่ี ๒ มีคําสั่งลงวันท่ี ๖ มกราคม ๒๕๕๓
ไลผูฟองคดีออกจากพนักงานสถานธนานุบาล ในสวนการดําเนินการเพ่ือหาผูรับผิดทางละเมิด
จงั หวัดปทมุ ธานีมคี าํ สง่ั ลงวันท่ี ๒๐ เมษายน ๒๕๔๘ แตงต้ังคณะกรรมการสอบสวนหาผูรับผิดทางแพง
ซ่ึงในชั้นตนคณะกรรมการฯ เห็นวา ผูฟองคดีตองรับผิดเกี่ยวกับการรับจํานําทรัพยของนาง ล.
โดยใชชื่อของนาย ป. นาย อ. และนาย ภ. เปนเงินท้ังสิ้น ๘๗๔,๘๗๗.๕๐ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
จึงมีคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ กันยายน ๒๕๔๙ เรียกใหผูฟองคดีชดใชเงินจํานวน ๘๗๔,๘๗๗.๕๐ บาท
ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่งใหยกเลิกคําสั่งลงวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๙ และมีคําส่ังลงวันท่ี
๑๔ กนั ยายน ๒๕๕๒ เรยี กใหผูฟ องคดีชดใชเงินตามจํานวนที่คํานวณไดใหม คือ ๓,๘๙๘,๒๘๗.๑๒ บาท
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันที่
๒๒ กันยายน ๒๕๔๙ ท่ีสั่งใหผูฟองคดีชดใชเงิน และเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ลงวันท่ี
๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ที่ส่ังพักงานผูฟองคดี ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของ
ผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๒๒ กนั ยายน ๒๕๔๙ ซึง่ แกไ ขเพ่ิมเตมิ โดยคาํ ส่ัง ลงวันที่ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๕๒
ท่ีใหผูฟองคดีชดใชเงินเกินกวาจํานวน ๓,๔๙๕,๒๔๖.๔๑ บาท และยกฟองในขอหาที่ขอให
เพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ท่ีส่ังพักงานผูฟองคดี
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไมเห็นพองดวย จึงอุทธรณคําพิพากษาศาลปกครองชั้นตนตอศาลปกครองสูงสุด
เหน็ วา คดนี ีผ้ ฟู อ งคดไี มไดอุทธรณคดั คา นคําพพิ ากษาศาลปกครองช้ันตน ในประเด็นที่ศาลปกครองช้ันตน
วินิจฉัยวา ผูฟองคดีปฏิบัติหนาที่ในฐานะผูจัดการสถานธนานุบาลของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
เปนการกระทําละเมิดโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหทรัพยสินท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๐๙
รับจํานําไวสูญหายทําใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหาย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และใหผูฟองคดีรับผิดรอยละ ๖๐ ของความเสียหาย
หลังจากหักสวนความบกพรองของระบบการดําเนินงานสวนรวมของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แลว
ตามมาตรา ๘ ประกอบมาตรา ๑๐ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
ประเด็นดังกลาวจึงรับฟงเปนยุติตามคําพิพากษาศาลปกครองชั้นตน คดีจึงมีประเด็นตองวินิจฉัย
แตเพียงวา จะตองหักสวนความรับผิดของระบบการดําเนินงานผูถูกฟองคดีท่ี ๑ หรือไม เพียงใด
เมื่อปรากฏวา ทรัพยสินที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ รับจํานําไวสูญหายในชวงระยะเวลาระหวาง
เดือนตลุ าคม ๒๕๔๗ ถึงวนั ที่ ๑๙ กมุ ภาพันธ ๒๕๔๘ ซ่ึงผูฟองคดีปฏิบัติหนาท่ีผูจัดการสถานธนานุบาล
ของผูถกู ฟองคดีที่ ๑ มจี ํานวน ๒๒๙ รายการ เปนเงินจํานวน ๖,๔๓๕,๙๗๘.๕๖ บาท และเงินสดสูญหาย
จํานวน ๓๖,๖๙๙.๙๘ บาท รวมเปนคาเสียหายทั้งหมดท่ีผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ จํานวน ๖,๔๗๒,๖๗๘.๕๔ บาท ตามหนังสือกรมบัญชีกลางลงวันท่ี
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ และลงวันท่ี ๓ กันยายน ๒๕๕๒ แตการท่ีทรัพยสินท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑
รับจํานําไวสูญหายในชวงกอนวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๘ ไมปรากฏรองรอยการงัดแงะหรือการทําลาย
สิ่งกีดขวางไมวาจะเปนประตูอาคารสํานักงาน หรือหองสตรองรูม แสดงใหเห็นวา การท่ีทรัพยสิน
รบั จํานาํ รวมทงั้ เงินสดสญู หายเกดิ จากพนกั งานของผูถูกฟองคดที ่ี ๑ ซึ่งเปนบุคคลภายในที่มีกุญแจ
เขา ออกอาคารสถานธนานุบาลและหองสตรองรูม ไมไดเกิดจากบุคคลภายนอก แมหองสตรองรูม
มีประตู ๒ บาน บานแรกเปนประตูทึบตองใชกุญแจ ๒ ดอกไขรวมกันจึงจะเปดประตูได โดยผูจัดการ
สถานธนานุบาลกับนางสาว อ. เก็บไวคนละดอก สวนประตูบานที่สองเปนประตูดานในมีลักษณะ
เปนลูกกรงใชกุญแจดอกเดียวไข โดยนางสาว อ. เปนผูถือไวเพียงคนเดียวตามคําพิพากษา
ศาลอุทธรณ ท่ี ๓๑๗๕/๒๕๕๐ แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ ควรกําหนดวิธีการในการควบคุมดูแลทรัพย
รับจํานําที่มีคาอยางรัดกุม รวมถึงออกหลักเกณฑในการควบคุมและตรวจสอบการปฏิบัติหนาที่
ของพนักงานซึ่งมีกุญแจเขา ออกหอ งสตรองรมู โดยเฉพาะอยางยิ่งหองสตรองรูมชั้นใน ซึ่งเปนหองนิรภัย
ที่ใชเก็บของที่มีมูลคาสูง ไมควรกําหนดใหนางสาว อ. ถือกุญแจเขาออกไดแตเพียงผูเดียว นอกจากน้ี
จากการใหถ อ ยคําของผฟู องคดี รวมท้งั พนักงานสถานธนานุบาลของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามรายงาน
การสอบสวนวินัยผูฟองคดีปรากฏวา นอกจากผูฟองคดีและพนักงานรักษาสถานที่ท่ีมีกุญแจสามารถ
เขาออกอาคารสถานธนานุบาลได ยังมีนางสาว อ. ที่มีกุญแจสามารถเขาออกอาคารดังกลาวไดเชนเดียวกัน
ซ่ึงแสดงใหเห็นวา แมผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีอํานาจที่จะใหผูฟองคดีและครอบครัว และหรือพนักงาน
รกั ษาสถานท่ีและความสะอาดเขา พกั อาศยั ในสถานธนานุบาลไดตามหนังสือ สํานักงาน จ.ส.ท. ลงวันที่
๒๙ ตลุ าคม ๒๕๑๙ และหนงั สอื ลงวันท่ี ๑๘ ตุลาคม ๒๕๒๗ แตผ ูถ ูกฟองคดีท่ี ๑ ก็สมควรกําหนดมาตรการ
เพิม่ เตมิ ในการควบคมุ ตรวจสอบการเขาพกั อาศยั ของพนักงานสถานธนานุบาลเพื่อชวยปองกันความบกพรอง
หรือการโจรกรรมที่อาจจะเกิดข้ึนจากการเขาพักอาศัยในอาคารสถานธนานุบาล สวนหนังสือลงวันท่ี
๑๐ เมษายน ๒๕๓๒ ตามท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ อางมาในอุทธรณ นั้น ก็เปนเพียงมาตรการปองกัน
การโจรกรรมจากบุคคลภายนอกเทา น้นั มิใชมาตรการปอ งกันการโจรกรรมจากพนักงานเจาหนาท่ี
ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ เอง ซ่ึงมีกุญแจผานเขาออกทั้งหองสตรองรูมและอาคารสถานธนานุบาล
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๑๐
ไดโดยลําพัง นอกจากนี้ ที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ กลาวอางในอุทธรณวา การท่ีนางสาว อ. มีกุญแจเขาออก
อาคารเปนการอนุญาตกันเองระหวางผูฟองคดีกับนางสาว อ. เปนการพนวิสัยที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑
จะรับรูได ยิ่งแสดงใหเห็นถึงความบกพรองในมาตรการการควบคุมตรวจสอบการเขาออกภายใน
อาคารสถานธนานบุ าล กรณจี ึงถือวาความเสยี หายท่เี กิดขนึ้ เปน ความบกพรองของระบบการเก็บรักษา
ดแู ลและตรวจสอบทรัพยรับจํานําใหมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากกระบวนการตรวจสอบทรัพยรับจํานํา
มีประสิทธิภาพแลว ก็จะเปนการปองกันและลดทอนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกลาวได
ถือเปนความบกพรองในการดําเนินงานของหนวยงานของรัฐและระบบการดําเนินงานสวนรวม
ท่ีผถู ูกฟองคดีท่ี ๑ สามารถใชดุลพินิจหักสวนแหงความรับผิดดังกลาวได ตามมาตรา ๘ วรรคสาม
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซ่ึงสมควรหักสวนความรับผิด
ของระบบการดําเนินงานออกรอยละ ๕๐ ของความเสียหายจํานวน ๖,๔๗๒,๖๗๘.๕๔ บาท
คงเหลือสว นความรบั ผิดของเจาหนา ทีเ่ ปน คาเสยี หายจาํ นวน ๓,๒๓๖,๓๓๙.๒๗ บาท โดยผูฟองคดี
ตองชดใชคาสินไหมทดแทนรอยละ ๖๐ ของจํานวนคาเสียหายที่เหลือจากการหักสวนความบกพรอง
ของระบบงานสว นรวมของหนวยงาน ผูฟอ งคดีตอ งรับผดิ จํานวน ๑,๙๔๑,๘๐๓.๕๖ บาท แตโดยท่ี
ผูฟ องคดมี ไิ ดอทุ ธรณคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน ถือวาผูฟองคดีเห็นพองดวยตามคําพิพากษา
ศาลปกครองช้ันตนแลว ศาลปกครองสูงสุดจึงกําหนดใหมีการหักสวนความบกพรองของระบบ
การดาํ เนินงานสวนรวมของผูถ ูกฟอ งคดที ี่ ๑ ใหม ากกวารอยละ ๑๐ ไมได การท่ีศาลปกครองช้ันตน
มีคําพิพากษาใหผูฟองคดีรับผิดรอยละ ๖๐ ของความเสียหายโดยหักสวนความบกพรองของระบบงาน
ของผถู ูกฟองคดที ่ี ๑ ออกรอยละ ๑๐ ทาํ ใหผูฟอ งคดีตองรับผิดเปนจํานวนเงิน ๓,๔๙๕,๒๔๖.๔๑ บาท
จึงนับวาเปนคุณแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แลว ดังน้ัน คําสั่งท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชเงินเกินกวาจํานวน
๓,๔๙๕,๒๔๖.๔๑ บาท จึงเปนคําสั่งไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหเพิกถอน
คําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ลงวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๙ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งลงวันท่ี
๑๔ กันยายน ๒๕๕๒ ท่ีใหผูฟองคดีชดใชเงินเกินกวาจํานวน ๓,๔๙๕,๒๔๖.๔๑ บาท ทั้งน้ี
ตั้งแตวันท่ี ๑๔ กันยายน ๒๕๕๒ เปนตนไป และยกฟองในขอหาที่ขอใหเพิกถอนคําสั่ง
ของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ท่ีสั่งพักงานผูฟองคดี น้ัน ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพองดวยในผล
พพิ ากษายืน
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีไมตรวจสอบการปฏิบัติหนาที่
ของผใู ตบ งั คับบัญชาเปนเหตุใหเ กดิ การทุจริต
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๒๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนขาราชการบํานาญ ไดรับความเดือดรอนเสียหาย
จากการที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ (อธิบดีกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช) ไดมีหนังสือลงวันท่ี
๒๖ กันยายน ๒๕๕๖ แจงใหผูฟองคดีชดใชคาเสียหายจากการกระทําละเมิดใหแกทางราชการ
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๑๑
กรณีท่ีผูฟองคดีขณะดํารงตําแหนงหัวหนาฝายบริหารท่ัวไป และผูอํานวยการสวนอํานวยการ
สํานักบริหารพ้ืนที่อนุรักษที่ ๑๖ (เชียงใหม) ระหวางวันท่ี ๑ เมษายน ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ในฐานะผูบังคับบัญชาโดยตรง ปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุให
นางสาว น. ตาํ แหนงพนักงานจางเหมา ทําการทุจริตโอนเงินเขาบัญชีตนเอง ตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๔๘
ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑ จํานวน ๕๕ ครั้ง เปนเงิน ๓,๘๔๖,๔๕๖.๖๔ บาท โดยนางสาว น.
โอนเงนิ เขาบัญชีตวั เองในระหวางทีผ่ ฟู องคดีเปนผบู งั คับบัญชา เปนเงินจํานวน ๒,๐๙๒,๐๘๖.๐๔ บาท
จึงใหผฟู องคดีชดใชคาเสียหายในอัตรารอยละ ๔๐ เปนเงินจํานวน ๘๓๖,๘๓๔.๔๒ บาท ผูฟองคดี
จึงไดมีหนังสืออุทธรณโตแยงคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แตผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ปลัดกระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม) ไดมีคําวินิจฉัยใหยกอุทธรณ ผูฟองคดีเห็นวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑
ไดมีคําส่ังยายผูฟองคดีไปปฏิบัติราชการประจําสวนควบคุมและปฏิบัติการไฟปา สํานักบริหาร
พน้ื ที่อนรุ ักษท่ี ๑๕ (เชยี งราย) ต้ังแตวันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๐ ผูฟองคดีจึงไมตองรับผิดตอการกระทํา
ของนางสาว น. ระหวางวันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๐ ถึงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐ นอกจากน้ี
ในขณะทผ่ี ฟู อ งคดีปฏบิ ตั ิหนาที่หัวหนาฝายบริหารท่ัวไป ผูฟองคดีมิไดมีหนาท่ีเกี่ยวกับงานการเงิน
และบัญชขี องสาํ นักบรหิ ารพนื้ ทีอ่ นุรกั ษท่ี ๑๖ (เชียงใหม) จนกระทั่งเม่ือผูอํานวยการสํานักบริหาร
พน้ื ทีอ่ นุรักษที่ ๑๖ (เชียงใหม) มีคําส่ังมอบหมายใหทําหนาท่ีผูอํานวยการสวนอํานวยการ ลงวันท่ี
๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ผูฟองคดีจึงมีหนาที่เกี่ยวกับงานการเงิน การบัญชีและงบประมาณ ผูฟองคดี
มีหนาท่ีเพียงควบคุมและกํากับดูแลเทาน้ัน และสาเหตุท่ีเกิดการทุจริตในกรณีน้ีสืบเน่ืองจาก
กระทรวงการคลังไดดําเนินการปรับเปล่ียนและปฏิรูประบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐ
เขาสูระบบอิเล็กทรอนิกส (GFMIS) ต้ังแตวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๗ ตามหนังสือกระทรวงการคลัง
ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๗ ซ่ึงในทางปฏิบัติกรมบัญชีกลางจะกําหนดรหัสผูใชงานและรหัสผาน
ใหแกหนวยงานเพ่ือใชปฏิบัติงาน โดยมิไดมีแนวทางปฏิบัติวา มิใหมอบหมายใหบุคคลเพียงคนเดียว
ทราบรหสั ผา นและสามารถดําเนินการไดทุกขั้นตอน ผูอํานวยการสํานักบริหารพ้ืนท่ีอนุรักษท่ี ๑๖
(เชียงใหม) จึงมอบรหัสทั้งหมดใหหัวหนางานการเงินและบัญชี และไดมีคําส่ังสํานักบริหาร
พ้ืนที่อนุรักษท่ี ๑๖ มอบหมายใหนางสาว น. ปฏิบัติงานดังกลาว โดยเปนผูทราบรหัสผูใชงาน
และรหัสผานเพื่อใหสามารถปฏิบัติงานไดเองทุกขั้นตอน เนื่องจากขาดบุคลากรที่มีความรู
ดานคอมพวิ เตอร จงึ เปน ชอ งทางใหนางสาว น. ทราบขอมลู หลกั ผูขายและจัดทําขอมูลเท็จโอนเงิน
จากคลงั จังหวดั เขา บัญชีของตนเอง ความเสียหายจึงมิไดเกิดจากผูฟองคดีละเลยในการกํากับดูแล
การปฏบิ ัติงานใหเปนไปตามแนวทางปฏบิ ตั ิงานทกี่ รมบญั ชีกลางกาํ หนด แตเ กิดจากความบกพรอง
ของระบบงานในสํานักบริหารพื้นท่ีอนุรักษท่ี ๑๖ (เชียงใหม) ผูฟองคดีมิไดละเลยตอหนาท่ี
และไมไดปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลอแตอยางใด จึงนําคดีมาฟอง ขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรอื คําสั่งเพิกถอนคําส่งั ของผถู ูกฟองคดที ี่ ๑ ทีเ่ รียกใหผูฟองคดีชดใชเงินจํานวน ๘๓๖,๘๓๔.๔๒ บาท
และคาํ วินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เห็นวา การดําเนินการเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิด
ในคดีน้ีแมจะไมปรากฏพยานหลักฐานวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดวินิจฉัยสั่งการวามีผูตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนเปนผูใดบาง และเปนจํานวนเงินเทาใดก็ตาม แตเมื่อพิจารณาจากหนังสือลงวันท่ี
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๑๒
๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยรองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแหงชาติ
สัตวปา และพันธุพืช ไดลงนามในหนังสือดังกลาวเพ่ือสงสํานวนการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดไปใหกระทรวงการคลังตรวจสอบแลว เห็นวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดวินิจฉัยสั่งการเกี่ยวกับ
เจาหนา ทีผ่ ตู อ งรับผดิ ชดใชคา สนิ ไหมทดแทนและจํานวนเงินท่ีตองรับผิดโดยปริยายแลว โดยผูฟองคดี
ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๘๓๖,๘๓๔.๔๒ บาท จึงถือไดวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ไดมีการวินิจฉัยส่ังการวามีผูรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนหรือไม และเปนจํานวนเทาใดแลว
กอนที่จะสงสํานวนการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดใหกระทรวงการคลังเพ่ือตรวจสอบ
ตามขอ ๑๗ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเก่ียวกับความรับผิด
ทางละเมิดของเจา หนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เมือ่ ขอ เท็จจริงรับฟงไดวาในการเบิกจายเงินและการนําเงิน
สงคลังนั้น ไดมีการมอบหมายใหนางสาว น. พนักงานจางเหมา (ลูกจางชั่วคราว) เพียงคนเดียว
ทราบรหัสผานและสามารถดําเนินการเบิกจายเงินและการนําเงินสงคลังในระบบการบริหาร
การเงินการคลังภาครัฐดวยระบบอิเล็กทรอนิกส (GFMIS) ไดในทุกข้ันตอน ซึ่งการดําเนินการดังกลาว
ผูบังคับบัญชาตามลําดับช้ัน รวมทั้งผูฟองคดีก็ทราบเปนอยางดีวาการกระทําดังกลาวไมเปนไป
ตามแนวทางปฏิบัติงานในระบบ GFMIS ของกระทรวงการคลัง แตก็มิไดใชความระมัดระวัง
ตรวจสอบการปฏิบัติหนาที่ของนางสาว น. อยางละเอียดรอบคอบ จึงเปนชองทางใหนางสาว น.
กระทําการทุจริตเงนิ ของทางราชการอยางตอ เนอ่ื งต้ังแตเดือนพฤษภาคม ๒๕๔๘ ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑
รวม ๕๕ ครง้ั เปนเงนิ จํานวน ๓,๘๔๖,๔๕๖.๖๔ บาท โดยผูฟองคดีซ่ึงทําหนาท่ีหัวหนาฝายบริหารทั่วไป
และผูอํานวยการสวนอํานวยการ มีหนาที่ควบคุม กํากับดูแลการปฏิบัติงานที่อยูในความรับผิดชอบ
ของฝายการเงินและบัญชี ไดทราบอยูแลววาการมอบหมายใหนางสาว น. ทราบรหัสผาน
และดําเนินการเบิกจายในระบบ GFMIS แตเพียงผูเดียว ไมเปนไปตามแนวทางปฏิบัติของกระทรวงการคลัง
โดยผูฟองคดียอมรับวา ผูฟองคดีไดแจงแนวทางปฏิบัติของกระทรวงการคลังดังกลาวใหผูอํานวยการ
สํานักบริหารพื้นท่ีอนุรักษท่ี ๑๖ ทราบแลว แตผูอํานวยการสํานักบริหารพื้นท่ีอนุรักษที่ ๑๖
ยงั คงมคี ําส่งั มอบหมายใหนางสาว น. รับผิดชอบงานดังเชนที่เคยปฏิบัติมา เน่ืองจากสํานักบริหาร
พื้นท่ีอนุรักษท่ี ๑๖ ขาดบุคลากรท่ีมีความรูดานคอมพิวเตอร ผูฟองคดีจึงควรที่จะตองควบคุม
กํากับ ดูแลการปฏิบัติหนาท่ีของนางสาว น. ดวยความระมัดระวังมากกวาเดิม มิใชตรวจสอบ
แตเพียงเอกสารท่ีมีการนําเสนอตามขั้นตอนของสายการบังคับบัญชาเทาน้ัน โดยผูฟองคดี
ควรท่ีจะตองสั่งการและกวดขันใหนาง ศ. หัวหนาฝายการเงินและบัญชี ใหระมัดระวังและตรวจสอบ
การปฏิบัติหนาที่ของนางสาว น. อยางสม่ําเสมอดวยเพื่อปองกันความเสียหายที่อาจจะเกิดข้ึน
นอกจากน้ี ผูฟองคดีก็ไมไดแสดงพยานหลักฐานอื่นใดใหเห็นวา ผูฟองคดีไดปฏิบัติหนาที่
ดว ยความระมัดระวงั ในฐานะผบู ังคบั บัญชาซ่งึ จักตองมตี ามวิสัยและพฤติการณเพ่ือปองกันมิใหเกิด
ความเสียหายตอสํานักบริหารพื้นท่ีอนุรักษที่ ๑๖ กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช
ดังน้ัน การท่ีนางสาว น. กระทําการทุจริตไดอยางตอเนื่องหลายครั้ง จึงเกิดจากการท่ีผูฟองคดีละเลย
ตอ หนา ท่ีตามทก่ี ฎหมายกําหนดใหต องปฏิบตั ิ อันถือไดวาผูฟองคดีไดกระทําละเมิดตอกรมอุทยานแหงชาติฯ
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และเปนการกระทําดวยความประมาทเลินเลอ
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๑๓
อยางรายแรง ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกกรมอุทยานแหงชาติฯ
ตามมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือผูฟองคดี
ปฏิบตั หิ นาทหี่ ัวหนาฝา ยบริหารทั่วไป และผูอาํ นวยการสวนอํานวยการ สํานกั บริหารพน้ื ท่ีอนรุ กั ษที่ ๑๖
ต้งั แตวนั ที่ ๒๖ ตลุ าคม ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๐ ซึง่ ในชว งระยะเวลาดังกลาวปรากฏวา
นางสาว น. ไดกระทําการทุจริต รวม ๒๑ คร้ัง เปนเงินจํานวน ๑,๑๒๖,๘๓๓.๓๐ บาท โดยท่ีขอเท็จจริง
รับฟงไดวา สํานักบริหารพื้นท่ีอนุรักษท่ี ๑๖ ขาดแคลนบุคลากรที่มีความรูดานคอมพิวเตอร
จึงมีความจําเปน ตองมอบหมายใหนางสาว น. พนักงานจางเหมา ทําหนาที่ในการทํารายการระบบ
GFMIS แตเ พยี งผเู ดยี ว อีกทง้ั กรมอุทยานแหงชาติฯ ไดทราบถึงปญหาเร่ืองการขาดแคลนบุคลากร
ที่มีความรูความชํานาญเฉพาะดานดังกลาวแลว แตก็มิไดแกไขปญหาดังกลาวเพ่ือปองกันการทุจริต
แตอยางใด จงึ ถอื ไดว าการกระทําละเมิดสวนหน่ึงเกิดจากความบกพรองหรือระบบการดําเนินงาน
สวนรวมของกรมอทุ ยานแหงชาติฯ จึงเห็นควรหักสวนแหงความบกพรองดังกลาวออกรอยละ ๕๐
ของคาเสียหาย คงเหลือคาเสียหายที่จะตองนํามาพิจารณาสวนแหงความรับผิดของผูฟองคดี
เปนเงินจํานวน ๕๖๓,๔๑๖.๖๕ บาท ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๘ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
และเมื่อไดพิจารณาถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมในกรณีน้ี
ตามนัยมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติเดียวกันแลว เห็นวา ผูฟองคดีในฐานะหัวหนา
ฝายบริหารท่ัวไป และผูอํานวยการสวนอํานวยการ สํานักบริหารพื้นท่ีอนุรักษท่ี ๑๖ ซึ่งเปนผูบังคับบัญชา
มีหนาท่ีควบคุม ดูแล บังคับบัญชาการปฏิบัติงานของผูใตบังคับบัญชาใหเปนไปโดยถูกตองเรียบรอย
เม่ือขอเท็จจริงไมปรากฏวา ผูฟองคดีไดมีสวนรวมกระทําการทุจริตดังกลาวหรือมีพฤติการณ
ในทางทุจริตดังกลาวแตอยางใด กรณีจึงเห็นควรใหผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ในอัตรารอยละ ๑๐ ของคา เสียหายจํานวน ๕๖๓,๔๑๖.๖๕ บาท คิดเปน เงินจํานวน ๕๖,๓๔๑.๖๗ บาท
ดังนั้น คําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ เฉพาะในสวนท่ีเรียกให
ผฟู องคดีชดใชเงินแกท างราชการเกินกวา จํานวน ๕๖,๓๔๑.๖๗ บาท จึงเปนคําส่ังที่ไมชอบดวยกฎหมาย
การที่ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ที่ใหผูฟองคดีรับผิดชําระเงิน
ใหแ กทางราชการเปน เงนิ จาํ นวน ๘๓๖,๘๓๔.๔๒ บาท และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ น้ัน
ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวยบางสวน
พิพากษาแก เปน ใหเ พิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และคําวินิจฉัยอุทธรณของ
ผถู ูกฟองคดที ่ี ๒ เฉพาะในสว นที่เรยี กใหผ ูฟอ งคดชี ดใชเ งนิ แกทางราชการเกินกวาจํานวน ๕๖,๓๔๑.๖๗ บาท
นอกจากที่แกใหเปนไปตามคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน โดยมีขอสังเกตเก่ียวกับแนวทาง
หรือวิธีการดําเนินการใหเปนไปตามคําพิพากษาวาหากผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับชําระหนี้หรือสามารถ
บังคับชําระหน้ีจากนางสาว น. ไดเปนจํานวนเทาใด ใหนําเงินจํานวนดังกลาวมาหักหรือคืนตามสวน
แหง ความรบั ผิดใหแกผ ฟู องคดตี อ ไป
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๑๔
ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีมีการทุจริตการสงออกเพ่ือขอรับเงิน
ชดเชยคา ภาษอี ากร
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๓๔/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เมื่อป พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีดํารงตําแหนงศุลการักษ งานตรวจ
คอนเทนเนอร กองตรวจสินคาขาออก กรมศุลกากร ตอมาผูถูกฟองคดี (อธิบดีกรมศุลกากร)
ไดมีคาํ สัง่ แตง ต้งั คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กรณีบริษัท อ. มีพฤติการณ
ทุจริตขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร ผลการตรวจสอบขอเท็จจริงพบวา บริษัท อ. ไดทุจริต
ในการขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรตามใบขนสินคาขาออก จํานวน ๗๕ ฉบับ เปนเงินจํานวน
๒,๑๒๘,๓๗๑.๖๓ บาท ดว ยการจัดทําเอกสารเท็จและนําไปสอดแทรกไวในบัญชีสินคาสําหรับเรือ
โดยมิไดสงออกสินคา จึงไดมีบันทึกขอความลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ แจงใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทน ผูฟองคดีอุทธรณคําส่ังดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีไดมีคําสั่งลงวันท่ี
๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน โดยใหผูฟองคดีรับผิดรวมกับนาย ช.
เปนเงินจํานวน ๖๓,๕๕๒.๔๔ บาท และรับผิดรวมกับนาย ศ. เปนเงินจํานวน ๔๔,๗๘๐.๑๑ บาท
ใหแกกรมศุลกากร และไดมีบันทึกขอความลงวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๔๘ แจงใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทน ผูฟองคดีเห็นวาคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนของผูถูกฟองคดีไมชอบ
ดวยกฎหมาย เนื่องจากผูฟองคดีไมไดจงใจหรือประมาทเลินเลออันเปนเหตุใหกรมศุลกากร
ตองเสยี หาย จงึ นาํ คดีมาฟอ งขอใหศ าลพิพากษาเพิกถอนคาํ สั่งของผูถูกฟองคดีตามบันทึกขอความ
ลงวันท่ี ๒๖ มกราคม ๒๕๔๘ และคําส่ังลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดี
รวมรบั ผดิ ชดใชคา สนิ ไหมทดแทน เห็นวา ศลุ การกั ษมีอาํ นาจหนาท่ีในเรื่องการตรวจและควบคุม
การบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร คือ รอยดวงตรา กศก. ท่ีประตูคอนเทนเนอรพรอมทั้งบันทึก
หมายเลขดวงตรา กศก. ลงในใบกาํ กับคอนเทนเนอร แลวใหตัวแทนเรือหรือผูสงออกลงลายมือช่ือ
รับสินคา พรอ มแถบเหล็กและหรอื ตราตะกั่ว กศก. ในใบกํากบั คอนเทนเนอร ตามประมวลระเบียบ
ปฏิบตั ศิ ลุ กากร พ.ศ. ๒๕๓๐ หมวดที่ ๐๘ บทท่ี ๑๑ ขอที่ ๑๔ กับมีหนาท่ีชวยเหลือการปฏิบัติงาน
ของนายตรวจ/สารวัตรศุลกากรในการตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรตามคําสั่งกองตรวจ
สินคาขาออก ที่ ๑๓/๒๕๓๐ ลงวันท่ี ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ อันเปนคําส่ังภายในหนวยงานที่ผูฟองคดี
ปฏิบัติหนาท่ีอยู เมื่อบริษัท อ. ไดกระทําการทุจริตในการสงออก โดยไดย่ืนใบขนสินคาขาออก
เพ่ือขอรับเงินชดเชยภาษีทั้งที่ไมมีสินคาสงออกนอกราชอาณาจักร และไดนําใบขนสินคาขาออก
ฉบับมุมนํ้าเงินไปยื่นคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออกที่ผลิตในราชอาณาจักร ทั้งท่ี
ไมม ีการสงสินคาออกไปตางประเทศ แตไดแอบอางใชหมายเลขคอนเทนเนอรของผูสงออกรายอ่ืน
และปลอมบัญชีสินคาสําหรับเรือสอดแทรกไวในบัญชีสินคาสําหรับเรือฉบับจริงเพ่ือใหเจาหนาท่ี
หลงผดิ กรณจี งึ เหน็ ไดวา การท่ีบรษิ ทั ดังกลา วสามารถกระทาํ ทจุ ริตในการสงออกดังกลาวไดสําเร็จ
ก็เน่ืองจากนายตรวจ/สารวัตรศุลกากรผูตรวจและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร
ไมไดไปตรวจและควบคุมสินคาเขาคอนเทนเนอรตามอํานาจหนาที่ เน่ืองจากบริษัทดังกลาว
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๑๕
ไมมีสินคาท่ีสําแดงในใบขนสินคาและเอกสารมาใหตรวจ แตกลับลงนามรับรองการตรวจและ
ควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร และผูฟองคดีมิไดไปชวยเหลือนายตรวจ/สารวัตร
ศุลกากรทําการตรวจปลอยสินคาและควบคุมสินคาเขาคอนเทนเนอรและประทับดวงตรา กศก.
หรือแถบเหล็กศุลกากรที่คอนเทนเนอร ในขณะท่ีนายตรวจ/สารวัตรศุลกากรทําการตรวจปลอยสินคา
และควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร แตกลับลงลายมือช่ือในใบกํากับคอนเทนเนอรไป
ซึง่ ยอมจะเลง็ เห็นไดว า การละเลยไมปฏิบัติหนาที่ตามท่ีประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับคาํ สงั่ กองตรวจสินคาขาออก ที่ ๑๓/๒๕๓๐ เรื่อง การตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร
ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ กําหนดใหตองปฏิบัติ เปนชองทางใหผูสงออกสินคาสามารถกระทํา
การทุจริตไดโดยงาย และเมื่อบริษัท อ. ไดใชเอกสารรับรองการตรวจและควบคุมการบรรจุสินคา
เขาคอนเทนเนอรท่ีลงนามรับรองโดยนายตรวจ/สารวัตรศุลกากรผูมีอํานาจหนาที่ตรวจสอบ
และควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรและใบกํากับคอนเทนเนอรท่ีลงนามโดยผูฟองคดี
ในฐานะศุลการักษไปเสนอตอเจาหนาท่ีศุลกากรในขั้นตอนอื่นตอไป จนสามารถรับบัตรภาษี
และนําบัตรภาษีไปใชประโยชนได พฤติการณของผูฟองคดียอมถือไดวาเปนการกระทําละเมิด
ตอกรมศุลกากรในการปฏิบัติหนาท่ีดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงแลว กรมศุลกากร
โดยผูถูกฟองคดีจึงมีสิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายได
แตการที่ผูถูกฟองคดีมีหนาที่ในการออกบัตรภาษีใหแกบริษัท อ. อันเปนการออกตราสาร
แสดงสิทธิในหนี้ของรัฐบาล ผูถือสิทธิในบัตรดังกลาวจะตองนําบัตรภาษีที่ถืออยูไปใช (เบิกเงิน)
อีกคร้ังหนึ่ง จึงจะถือวา บริษัท อ. ไดรับคาชดเชยภาษีอากรที่เปนตัวเงินแลว เม่ือยังไมไดนํา
บัตรภาษีไปใช (เบิกเงิน) ก็ยังไมถือวากรมศุลกากรจายเงินคาชดเชยใหแกผูถือสิทธิในบัตร
กรณีจึงยังไมกอใหเกิดความเสียหายแกกรมศุลกากรอันจะถือวาเปนการทําละเมิดที่ทําให
กรมศุลกากรโดยผูถูกฟองคดีจะใชสิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนได
เม่ือมีการนําบัตรภาษีดังกลาวไปใช (เบิกเงิน) และกรมศุลกากรไดวางฎีกาเบิกเงินฝากชดเชย
การสงสินคาออกตามใบขนสินคาขาออกเลขท่ี ๐๒๑๒ ๒๐๑๙ ๑๑๘๑ ๖ เปนเงินจํานวน
๓๐,๐๔๘.๙๐ บาท และใบขนสินคาขาออกเลขท่ี ๐๒๑๒ ๒๐๑๙ ๑๑๘๒ ๗ เปนเงินจํานวน
๓๓,๕๐๓.๕๔ บาท โดยวางฎีกาเมื่อวันท่ี ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๙ เปนเหตุใหมีความเสียหาย
เปนเงินตามจํานวนที่ระบุในบัตรภาษีแตละฉบับเกิดข้ึนแกกรมศุลกากรแลว กรณีจึงถือวา
วันวางฎีกาดังกลาวเปนวันท่ีกระทําละเมิดตอกรมศุลกากร สวนใบขนสินคาขาออกเลขท่ี
๐๒๑๒ ๒๐๕๙ ๐๙๙๑ ๐ เปนเงินจํานวน ๒๒,๑๕๔.๓๗ บาท และใบขนสินคาขาออกเลขที่
๐๒๑๒ ๒๐๕๙ ๐๘๒๗ ๒ เปนเงินจํานวน ๒๒,๖๒๕.๗๔ บาท นั้น ไมปรากฏวันวางฎีกาในสํานวน
จึงไมอาจรับฟงไดวากรมศุลกากรไดรับความเสียหายจากการจายเงินชดเชยจํานวนดังกลาว
นอกจากน้ี เม่ือการกระทาํ ละเมิดของนายตรวจ/สารวตั รศลุ กากรและศุลการักษซึ่งรวมถึงผูฟองคดี
ในการปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง กรณีบริษัท อ. กระทําการทุจริต
ในการสงออก เกิดจากความผิดหรือความบกพรองของกรมศุลกากรที่ไมไดจัดสรรกําลังเจาหนาท่ี
ทั้งนายตรวจศุลกากรและศุลการักษใหมีจํานวนมากพอกับปริมาณงานการตรวจปลอยสินคา
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๑๖
สงออกท่ีบรรจุเขาคอนเทนเนอรที่เพิ่มขึ้น อันเน่ืองมาจากนโยบายการสงเสริมการสงสินคาออก
ของรัฐบาลในเวลานั้น อันเปนความบกพรองของระบบการดําเนินงานของกรมศุลกากรที่ไมได
มีการแกไขปญหาหรือวางระบบการตรวจสอบใหรัดกุมยิ่งข้ึนมีการปลอยปละละเลยจนกระทั่ง
เกิดความเสียหายขึ้น กรณีจึงตองหักสวนแหงความรับผิดอันเกิดจากความบกพรองของระบบ
การดาํ เนนิ งานของกรมศลุ กากรออกรอ ยละ ๕๐ ของคาเสยี หายตามใบขนสินคาขาออกแตละฉบับ
ตามนัยมาตรา ๔๓๘ วรรคหนึง่ ประกอบกับมาตรา ๔๔๒ และมาตรา ๒๒๓ แหงประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย และการกําหนดคาสินไหมทดแทนจะตองพิจารณาพฤติการณและความรายแรง
แหงละเมิดตามมาตรา ๔๓๘ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายดังกลาว เมื่อนายตรวจศุลกากร
มีหนาที่เปนผูทําการตรวจปลอยสินคาและควบคุมสินคาเขาคอนเทนเนอร สวนศุลการักษมีหนาท่ี
ชวยเหลอื การปฏิบตั งิ านของนายตรวจ/สารวัตรศุลกากรในการตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร
และมีหนาที่ตอเนื่องจากนายตรวจศุลกากรในการประทับดวงตรา กศก. หรือแถบเหล็กศุลกากร
ที่คอนเทนเนอร นายตรวจศุลกากรจึงมีความรับผิดชอบมากกวาศุลการักษนายตรวจศุลกากร
จึงสมควรรับผิดในอัตรารอยละ ๗๐ ของคาเสียหายหลังหักสวนแหงความรับผิดของกรมศุลกากร
ออกแลว สวนศุลการักษสมควรรับผิดในอัตรารอยละ ๓๐ ของคาเสียหายหลังหักสวนแหงความรับผิด
ของกรมศุลกากรออกแลว ดังนั้น การที่กรมศุลกากรโดยผูถูกฟองคดีไมไดหักสวนแหงความรับผิด
อันเกิดจากความผิดหรือความบกพรองของตนออกจากจํานวนคาเสียหายที่นายตรวจศุลกากร
และศุลการักษกอใหเกิดขึ้น และมีคําสั่งลงวันที่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ ใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทน โดยใหนายตรวจศุลกากรแตละคนรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนรวมกันกับ
ศุลการักษอยางลูกหน้ีรวม เน่ืองจากการทุจริตดังกลาวเกิดขึ้นกอนวันท่ี พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ มีผลใชบังคับ จึงไมถูกตองเหมาะสมและไมเปนธรรม
แกผูฟองคดี และเมื่อผูถูกฟองคดีไมนําพยานหลักฐานที่แสดงใหเห็นวาผูถูกฟองคดีไดจายเงิน
ชดเชยคาภาษีอากรตามมูลคาในอัตราภาษีดังกลาวไปแลวจึงคงเหลือคาเสียหายในสวนที่ผูฟองคดี
ตองชดใชคาสินไหมทดแทนตามคําสั่งลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ เฉพาะตามใบขนสินคาขาออก
เลขท่ี ๐๒๑๒ ๒๐๑๙ ๑๑๘๑ ๖ เปนเงินจํานวน ๓๐,๐๔๘.๙๐ บาท และใบขนสินคาขาออก
เลขท่ี ๐๒๑๒ ๒๐๑๙ ๑๑๘๒ ๗ เปนเงินจํานวน ๓๓,๕๐๓.๕๔ บาท รวมเปนเงินจํานวน
๖๓,๕๕๒.๔๔ บาท เม่ือหักสวนแหงความบกพรองของกรมศุลกากรออกรอยละ ๕๐ ของคาเสียหาย
ตามใบขนสินคาขาออกฉบับดังกลาว คงเหลือเปนเงินจํานวน ๓๑,๗๗๖.๒๒ บาท และกําหนด
สัดสวนความรับผิดใหผูฟองคดีรับผิดรอยละ ๓๐ ของคาเสียหายตามใบขนสินคาขาออก
ท้ังสองฉบับดังกลาว หลังจากหักความรับผิดของผูถูกฟองคดีแลว ผูฟองคดีจึงตองรับผิด
เปนเงินจํานวน ๙,๕๓๒.๘๗ บาท ดังน้ัน การที่ผูถูกฟองคดีมีคําสั่งลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘
เฉพาะในสวนที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีเกินกวาจํานวน ๙,๕๓๒.๘๗ บาท
จึงเปนคําส่ังท่ีไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งลงวันที่
๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ เฉพาะในสวนที่ใหผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๖,๓๕๕.๒๔ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปนับแตวันออกคําสั่งดังกลาว และหากกรมศุลกากร
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๑๗
ไดรบั ชําระหนี้หรือสามารถบังคับชําระหน้ีจากบริษัท อ. ไดเปนจํานวนเงินเทาใด ใหนําเงินจํานวน
ดังกลาวมาหักออกหรือคืนตามสวนแหงความรับผิดแลวแตกรณีใหแกผูฟองคดี คําขออ่ืน
นอกจากน้ีใหยก นนั้ ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พองดวยบางสวน
พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําส่ังลงวันท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ เฉพาะในสวน
ท่ีใหผูฟองคดีรวมรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนสวนที่เกินกวาจํานวน ๙,๕๓๒.๘๗ บาท
ใหแกกรมศุลกากรทั้งน้ี ใหมีผลยอนหลังนับแตวันท่ีออกคําส่ังดังกลาว และมีขอสังเกตเก่ียวกับ
แนวทางหรือวิธีการดําเนินการใหเปนไปตามคําพิพากษาวาหากกรมศุลกากรไดรับชําระหนี้
หรือสามารถบังคับชําระหน้ีจากบริษัท อ. ไดเปนจํานวนเงินเทาใด ใหนําเงินจํานวนดังกลาว
มาหักออกหรือคืนตามสวนแหงความรับผิดแลวแตกรณีใหแกผูฟองคดี นอกจากท่ีแกใหเปนไป
ตามคาํ พพิ ากษาของศาลปกครองชน้ั ตน
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๓๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีท้ังสองฟองวา ผูฟองคดีท้ังสองเปนขาราชการสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(กรมศุลกากร) ตําแหนง ศลุ การักษ ผฟู อ งคดีทง้ั สองไดรบั ความเดอื ดรอ นจากคาํ ส่ังของผถู กู ฟอ งคดที ี่ ๑
โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (อธิบดีกรมศุลกากร) ลงวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๙ ผานความเห็นชอบจาก
ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ (กระทรวงการคลัง) โดยผูถูกฟองคดีที่ ๔ (ปลัดกระทรวงการคลัง) ที่สั่งให
ผูฟองคดีทั้งสองชดใชคาสินไหมทดแทนความรับผิดทางละเมิด กรณีทุจริตการสงออกขอรับเงิน
ชดเชยคาภาษอี ากรของหา งหุน สว นจาํ กัด ส. ผูฟอ งคดที ง้ั สองไดยื่นหนังสืออุทธรณตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดมีหนังสือแจงผลการพิจารณาอุทธรณใหผูฟองคดีท่ี ๑ ทราบวาอุทธรณ
ของผูฟองคดีที่ ๑ ฟงไมขึ้น สวนอุทธรณของผูฟองคดีที่ ๒ ปจจุบันยังไมไดรับทราบผลการพิจารณา
ผูฟองคดีทั้งสองเห็นวา ความเสียหายท่ีเกิดข้ึนมิไดเกิดจากการกระทําโดยจงใจหรือประมาทเลินเลอ
จึงไมตองรับผิดชดใชคาเสียหายดังกลาว โดยเห็นวา ศุลการักษมีหนาที่เพียงรอยแถบเหล็ก RTC
หรือประทับดวงตราตะก่ัว กศก. เทานั้น ไมสามารถปองกันการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกระทํา
ของฝายใดๆ ได การทผ่ี ถู กู ฟองคดที ่ี ๑ แจง ใหผฟู องคดที ั้งสองชดใชคา สนิ ไหมทดแทนกรณีหางหนุ สว น
จํากัด ส. จึงไมเปนธรรมกับผูฟองคดีท้ังสอง และคดีน้ีนาจะขาดอายุความแลว ผูฟองคดีทั้งสอง
จงึ นําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตาม ลงวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๙ ที่ใหผูฟองคดีทั้งสองชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีหางหุนสวน
จํากดั ส. เหน็ วา หางหุนสวนจํากัด ส. ไดยื่นคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรสําหรับสินคาสงออก
ตามมาตรา ๑๗ แหง พ.ร.บ. ชดเชยคาภาษอี ากรสินคาสงออกทีผ่ ลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔
และตอมาผูถูกฟองคดีที่ ๑ ออกบัตรภาษีเพ่ือเปนคาชดเชยภาษีอากรสําหรับสินคาสงออกตามมาตรา ๑๘
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ประกอบกับประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ บทที่ ๕
วาดวยการชดเชยคาภาษีอากร ขอ ๑๕ ๐๕ ๐๑ เร่ือง ความหมายของการชดเชยคาภาษีอากร
ใหแกหางหุนสวนจํากัด ส. ซ่ึงการออกบัตรภาษีเปนการออกตราสารแสดงสิทธิในหนี้ของรัฐบาล
ผูถือสิทธิในบัตรดังกลาวจะตองนําบัตรภาษีท่ีถืออยูไปใช (เบิกเงิน) อีกคร้ังหน่ึง หากยังไมได
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๑๘
นําบัตรภาษีไปใช (เบิกเงิน) ก็ยังไมถือวาผูถูกฟองคดีที่ ๑ จายเงินคาชดเชยใหแกผูถือสิทธิในบัตร
กรณีจึงยังไมกอใหเกิดความเสียหายแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ อันจะถือวาเปนการทําละเมิด ในอันท่ีจะ
ทํ า ใ ห ผู ถู ก ฟ อ ง ค ดี ทั้ ง ส อ ง ใ ช สิ ท ธิ เ รี ย ก ร อ ง ใ ห ผู ฟ อ ง ค ดี ท้ั ง ส อ ง ช ด ใ ช ค า สิ น ไ ห ม ท ด แ ท น ไ ด
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวามีการนําบัตรภาษี
ดังกลาวไปใช (เบิกเงิน) และผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดวางฎีกาเบิกเงินฝากชดเชยการสงสินคาออก
ตามเลขท่ีคําขอท่ี ๐๐๐๕๒๓๕ เมื่อวันท่ี ๙ มิถุนายน ๒๕๔๐ ตามเลขที่คําขอที่ ๐๐๐๕๕๘๗
เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๐ และวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๐ ตามเลขท่ีคําขอที่ ๐๐๐๖๔๖๐
เม่อื วันท่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๐ ตามเลขที่คําขอท่ี ๐๐๐๕๒๓๗ เม่ือวันท่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๐
และวันท่ี ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๐ ตามเลขที่คําขอที่ ๐๐๐๕๒๓๖ เม่ือวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๐
ตามเลขท่ีคําขอที่ ๐๐๐๖๔๖๑ เม่ือวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๐ และตามเลขท่ีคําขอที่ ๐๐๑๓๘๐๔
เม่ือวันท่ี ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๔๐ ตามลําดับ เปนเหตุใหมีความเสียหายเปนเงินตามจํานวนท่ีระบุ
ในบัตรภาษีแตละฉบับเกิดข้ึนแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แลว กรณีจึงถือวาวันวางฎีกาดังกลาวเปนวันท่ี
กระทําละเมิดแกผ ูถูกฟองคดที ี่ ๑ และเมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒
ไดดําเนินการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวย
หลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยรูถึงการละเมิด
และรวู าผฟู องคดีทั้งสองเปนผูกระทําละเมิดที่จะพึงใชคาสินไหมทดแทนเม่ือวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๙
ปรากฏตามบันทึกรายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ลงวันท่ี ๒๖ มกราคม ๒๕๔๙
การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีคําสั่งลงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๙ ใหผูฟองคดีทั้งสอง
ชดใชคาสินไหมทดแทน และผูฟองคดีท่ี ๑ ไดรับแจงคําส่ังดังกลาว เมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๔๙
ผูฟองคดีที่ ๒ ไดรับแจงคําสั่ง เมื่อวันท่ี ๑๓ กันยายน ๒๕๔๙ จึงเปนกรณีไดดําเนินการออกคําสั่ง
ใหใชเงินหรือใชสิทธิเรียกรองภายในกําหนดระยะสองปนับแตวันท่ีรูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาที่
ผูจะพึงตองใชคาสินไหมทดแทน ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ นอกจากนี้ เมื่อนับตั้งแตวันวางฎีกาเบิกเงินฝากชดเชยการสงสินคาออก
ดังกลาว อันเปนวันกระทําละเมิดจนถึงวันที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีคําสั่งลงวันท่ี
๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๙ ใหผูฟองคดีทั้งสองชดใชคาสินไหมทดแทน ยังอยูภายในกําหนดระยะเวลาสิบป
ตามมาตรา ๔๔๘ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย สิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีทั้งสอง
ชดใชคาสินไหมทดแทนของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ยังคงมีอยู การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒
มคี าํ สงั่ ลงวนั ท่ี ๒๒ สงิ หาคม ๒๕๔๙ ใหผ ูฟอ งคดีท้ังสองชดใชคาสินไหมทดแทน จึงเปนการใชสิทธิ
เรียกรองภายในกําหนดระยะเวลาตามกฎหมายแลว อยางไรก็ตาม แมในการตรวจและบรรจุสินคา
เขาคอนเทนเนอร เพ่ือการสงออก ผูฟองคดีท้ังสองในฐานะศุลการักษมีหนาท่ีรอยดวงตรา กศก.
ท่ีประตูคอนเทนเนอรพรอมท้ังบันทึกหมายเลขดวงตรา กศก. ลงในใบกํากับคอนเทนเนอร
หลังจากท่ีนายตรวจและหรือสารวัตรศุลกากรตรวจและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรแลว
แตโ ดยทกี่ องตรวจสินคาขาออก สังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําสั่งกองตรวจสินคาขาออก ที่ ๑๓/๒๕๓๐
เรื่อง การตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ มอบหมายใหศุลการักษ
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๑๙
ในกองตรวจสินคาขาออกผูทําหนาท่ีประทับตรา กศก. คอนเทนเนอร มีหนาท่ีชวยเหลือการปฏิบัติงาน
ของนายตรวจ/สารวัตรศุลกากรในการตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรดวย คําสั่งดังกลาว
เปนคําส่ังท่ีออกในขณะที่ประมวลขอบังคับศุลกากร พ.ศ. ๒๔๘๑ แกไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๐๑
ใชบังคับ ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดมีคําส่ังท่ัวไปกรมศุลกากร ที่ ๔๖/๒๕๓๐ เรื่อง ใหใชประมวล
ระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันท่ี ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๐ ยกเลิกประมวลขอบังคับ
ศลุ กากร พ.ศ. ๒๔๘๑ แกไขเพม่ิ เติม พ.ศ. ๒๕๐๑ โดยผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๑ รวบรวมและปรับปรุงแกไข
ประมวลขอบังคับศุลกากรเสียใหมใหเปนปจจุบัน เพื่อใหใชเปนหลักในการปฏิบัติงานไดอยางถูกตอง
และเหมาะสมกับสภาวการณ และแมประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ หมวดท่ี ๐๘
บทท่ี ๑๑ ขอที่ ๑๔ ระเบียบปฏบิ ัติเก่ยี วกับการตรวจและบรรจุสินคา เขาคอนเทนเนอร เพ่ือการสงออก
มิไดม ขี อความตอนใดกาํ หนดใหศุลการักษม ีหนาที่ชวยเหลือการปฏิบัติงานของนายตรวจ/สารวัตรศุลกากร
ในการตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรดวยแตอยางใด แตก็เปนที่เห็นไดจากความในขอ ๓
และขอ ๔ ของคําสง่ั ทั่วไปกรมศุลกากร ท่ี ๔๖/๒๕๓๐ เร่ือง ใหใชประมวลระเบียบปฏิบัติกรมศุลกากร
พ.ศ. ๒๕๓๐ นั้นเองวา คําสั่งดังกลาวมิไดมีเจตนารมณที่จะใหยกเลิกคําสั่ง ระเบียบหรือขอบังคับ
ท่ีไดมีการออกมาใชบังคับกอนหนาน้ี และยังมิไดนํามารวมไวในประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร
พ.ศ. ๒๕๓๐ แตอยางใด และการท่ีกองตรวจสินคาขาออกมิไดพิจารณาเสนอใหมีการแกไขเพิ่มเติม
รวมท้ังตรวจสอบคําส่ังกองตรวจสินคาขาออก ท่ี ๑๓/๒๕๓๐ เร่ือง ตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร
ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ ใหเหมาะสมกับการปฏิบัติงานและเปนปจจุบัน ใหเสร็จส้ินภายในวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๐ ตามที่กําหนดในขอ ๔ ของคําส่ังทั่วไปกรมศุลกากร ที่ ๔๖/๒๕๓๐ ก็หาได
มีผลทําใหคําส่ังกองตรวจสินคาขาออก ที่ ๑๓/๒๕๓๐ ฉบับดังกลาวส้ินผลใชบังคับไม เน่ืองจาก
ระยะเวลาท่ีกําหนดใหดําเนินการใหเสร็จส้ินภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๐ นั้น มีลักษณะเปน
แตเพียงระยะเวลาเรงรัดเทานั้น หาใชระยะเวลาที่มีสภาพบังคับอันจะทําใหคําส่ัง ระเบียบ
หรือขอบังคับที่ยังมิไดนํามารวมไวในประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ สิ้นผลบังคับ
ลงเม่ือระยะเวลาดังกลาวไดลวงพนไปไม ดังน้ัน ศุลการักษจึงมีอํานาจหนาท่ีในเร่ืองการตรวจ
และบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร คือ รอยแถบเหล็กหรือลวดประทับดวงตราตะกั่ว กศก. แลว
ใหตัวแทนเรือหรือผูสงออกลงชื่อรับสินคาพรอมแถบเหล็กและหรือดวงตราตะกั่ว กศก. ในใบกํากับ
คอนเทนเนอร ตามประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ หมวดที่ ๐๘ บทท่ี ๑๑ ขอท่ี ๑๔
กับมีหนาที่ชวยเหลือการปฏิบัติงานของนายตรวจ/สารวัตรศุลกากรในการตรวจและบรรจุสินคา
เขาคอนเทนเนอร ตามคําสั่งกองตรวจสินคาขาออก ท่ี ๑๓/๒๕๓๐ ลงวันท่ี ๒ มีนาคม ๒๕๓๐
อันเปนคําส่ังภายในหนวยงานที่ผูฟองคดีปฏิบัติหนาท่ีอยู เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดเปนยุติวา
หา งหุนสวนจํากดั ส. ไดก ระทาํ การทจุ ริตในการสง ออก โดยไดยื่นใบขนสินคาขาออกเพ่ือขอรับเงิน
ชดเชยภาษีท้ังท่ีไมมีสินคาสงออกนอกราชอาณาจักร คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิด ตรวจสอบไมพบหลักฐานการสงออก และไดมีการนําใบขนสินคาขาออกฉบับมุมสีนํ้าเงิน
ย่ืนขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร และการที่หางหุนสวนจํากัด ส. สามารถกระทําทุจริตในการ
สงออกดังกลาวไดสําเร็จก็เน่ืองจากนายตรวจ/สารวัตรศุลกากรผูตรวจและควบคุมการบรรจุสินคา
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๒๐
เขาคอนเทนเนอรไมไดไปตรวจและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรตามอํานาจหนาที่
เนื่องจากหางหุนสวนจํากัด ส. ไมมีสินคาที่สําแดงในใบขนสินคาและเอกสารมาใหตรวจ แตกลับ
ลงนามรบั รองการตรวจและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร และผูฟองคดีทั้งสองกับศุลการักษอ่ืน
มีหนาที่รอยแถบเหล็กหรือลวดประทับดวงตราตะก่ัว กศก. หลังจากที่นายตรวจ/สารวัตรศุลกากร
ไดทําการตรวจปลอยสินคาและควบคุมสินคาเขาคอนเทนเนอรแลว และการชวยเหลือการปฏิบัติงาน
ของนายตรวจ/สารวัตรศุลกากรในการตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรก็มิไดปฏิบัติหนาท่ีดังกลาว
โดยถูกตองครบถวน กลาวคือมิไดไปชวยเหลือนายตรวจ/สารวัตรศุลกากรทําการตรวจปลอยสินคา
และควบคุมสินคาเขาคอนเทนเนอรและรอยแถบเหล็กหรือรอยลวดประทับดวงตราตะกั่ว กศก.
ในขณะทีน่ ายตรวจ/สารวตั รศุลกากรทาํ การตรวจปลอ ยสินคาและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรแลว
แตกลับลงลายมือชื่อในใบกํากับคอนเทนเนอรไป และไดทําการรอยแถบเหล็กหรือลวดประทับ
ดวงตราตะก่ัว กศก. คอนเทนเนอรในภายหลัง ทั้งท่ีวิญูชนเชนผูฟองคดีท้ังสองยอมจะเล็งเห็นไดวา
การละเลยไมปฏิบัติหนาท่ีตามที่ประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับคําสั่ง
กองตรวจสินคาขาออก ท่ี ๑๓/๒๕๓๐ กําหนดใหตองปฏิบัติ เปนชองทางใหผูสงออกสินคาสามารถ
กระทาํ ทจุ ริตไดโดยงาย นอกจากนี้ ประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร และคําสั่งกองตรวจสินคาขาออก
มีเจตนารมณที่จะใหการตรวจปลอยสินคาสงออกท่ีบรรจุเขาคอนเทนเนอรเปนไปดวยความรัดกุม
ปองกันผูสงออกสินคากระทําการทุจริต ในการสงออกสินคาเปนสําคัญ ดังน้ัน เม่ือหางหุนสวนจํากัด ส.
ไดใชเอกสารรับรองการตรวจและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร ที่ลงนามรับรอง
โดยนายตรวจ/สารวัตรศุลกากรผูมีอํานาจหนาท่ีตรวจสอบและควบคุมการบรรจุสินคา
เขาคอนเทนเนอร และใบกํากับคอนเทนเนอรที่ลงนามโดยผูฟองคดีท้ังสองในฐานะศุลการักษ
ไปเสนอตอเจาหนาท่ีศุลกากรในขั้นตอนอื่นตอไป จนสามารถรับบัตรภาษีและนําบัตรภาษีไปใช
ประโยชนได อันเปนการทําทุจริตไดสําเร็จ พฤติการณของผูฟองคดีท้ังสองยอมถือไดแลววา
เปนการกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ในการปฏิบัติหนาที่โดยประมาทเลินเลออยางรายแรงแลว
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีสิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายได
ตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง ประกอบ มาตรา ๘ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ และเมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา การกระทําละเมิดในคดีนี้เปนกรณี
ท่ีไดมีการกระทําละเมิดเกิดขึ้นหลังจากที่ พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
มีผลใชบังคับแลว การวินิจฉัยขอบเขตของความรับผิดท่ีเกิดข้ึนจึงตองนําหลักเกณฑท่ีบัญญัติไว
ใน พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมดิ ของเจา หนา ท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซง่ึ เปน กฎหมายท่ีใชบังคับอยูในขณะ
ที่มกี ารกระทาํ ละเมิดมาวนิ ิจฉยั เมือ่ เท็จจริงรับฟงไดวา ในขณะเกิดเหตุในคดีน้ีปริมาณการสงออก
สินคาของผูสงออกสินคาโดยรวมมีจํานวนมาก เนื่องจากรัฐบาลในขณะนั้นและผูถูกฟองคดีท่ี ๑
มนี โยบายสงเสรมิ การสง ออกโดยรฐั ไดใหน โยบายแกผ ถู ูกฟอ งคดีที่ ๑ ทีจ่ ะตองอํานวยความสะดวก
ในการดาํ เนินพิธกี ารศลุ กากรใหแกผูสงออกเพ่ือใหผูสงออกไดรับความสะดวกโดยหวังใหมีปริมาณ
การสงออกมากขึ้นเพื่อนําเงินตราตางประเทศเขามาในราชอาณาจักรอันเปนผลดีตอเศรษฐกิจ
แตอัตรากําลังของเจาหนาท่ีที่จะอํานวยความสะดวกตามนโยบายดังกลาวมีจํานวนนอยจนไมสามารถ
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๒๑
เทียบเปนสัดสวนกับปริมาณงานที่เขามาได กรณีจึงเช่ือไดวาปญหาท่ีทําใหเกิดชองทางทุจริต
ในการขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรสวนหน่ึงมาจากปริมาณงานท่ีมากแตอัตราเจาหนาที่ไมเพียงพอ
โดยผูถ กู ฟองคดีที่ ๑ ในฐานะหนวยงานของรัฐมีภาระหนาที่ท่ีจะตองวางระบบตรวจสอบใหรัดกุมยิ่งข้ึน
เพ่อื เปนการตรวจสอบและปอ งปรามมิใหมีการสําแดงเท็จหรือย่ืนคําขอชดเชยคาภาษีอากรอันเปนเท็จ
แตผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไมสามารถแกปญหาในเชิงระบบการดําเนินงานโดยรวมได ดังนั้น มูลคดีละเมิด
ท่ีผูฟองคดีท้ังสองจะตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ในคดีนี้จึงเกิดจาก
ความบกพรองและระบบการดําเนินงานของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ดวย กรณีจึงตองหักสวนความรับผิด
อันเกิดจากความบกพรองและระบบการดําเนินงานของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ออกรอยละ ๕๐ ของจํานวน
คาเสียหายท้ังหมด ตามมาตรา มาตรา ๘ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติดังกลาว คงเหลือจํานวน
ที่จะตองนํามาพิจารณาสวนแหงความรับผิดเพียงรอยละ ๕๐ แตโดยท่ีเหตุละเมิดในคดีนี้เกิดจาก
การปฏบิ ตั หิ นา ทขี่ องนายตรวจศุลกากรและเจาหนาทศ่ี ลุ การักษ เม่ือพิจารณาถึงอํานาจหนาที่และ
สภาพความรายแรงแหงการกระทําแลว เห็นวา นายตรวจศุลกากรเปนผูทําการตรวจปลอย
และควบคุมการบรรจุสินคาตามใบขนสินคาขาออกเขาคอนเทนเนอรจึงมีความรับผิดชอบมากกวา
ศุลการักษ เนื่องจากเปนผูรับผิดชอบโดยตรงในการตรวจสินคาและควบคุมการบรรจุสินคา
เขาคอนเทนเนอร สว นศุลการกั ษท ําหนาทีเ่ ปน ผูชวยของนายตรวจศุลกากรและเปนผูปฏิบัติหนาท่ี
ในข้ันตอนสุดทายในการรอยดวงตราตะกั่ว กศก. หรือแถบเหล็ก RTC ที่ประตูคอนเทนเนอร
ดังน้ัน เมื่อพิจารณาพฤติการณและความรายแรงแหงละเมิดตามมาตรา ๘ วรรคสองและวรรคส่ี
แหงพระราชบัญญัติเด่ียวกัน ในกรณีดังกลาว นายตรวจศุลกากรจึงมีมากกวาศุลการักษ โดยเห็นวา
นายตรวจศลุ กากรจะตองรับผิดรอ ยละ ๗๐ ของจาํ นวนสว นแหงความรับผิดในรอยละ ๕๐ หลังจาก
หักความรับผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แลว สวนศุลการักษตองรับผิดรอยละ ๓๐ ของจํานวนสวนแหง
ความรับผิดในรอยละ ๕๐ หลังจากหักความรับผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๑ แลวโดยผูฟองคดีที่ ๑
ตองรับผิดมูลคาความเสียหายตามใบขนสินคา ๓ ฉบับ รวมเปนเงิน ๖๓,๑๖๑.๗๖ บาท และให
ผูฟอ งคดที ่ี ๒ ตองรับผดิ มูลคาความเสียหายตามใบขนสินคารวม ๔ ฉบับ รวมเปนเงิน ๘๑,๙๐๘.๙๘ บาท
เมื่อหักสวนความรับผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ออกรอยละ ๕๐ ของจํานวนคาเสียหายทั้งหมด
ที่ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน และกําหนดสัดสวนความรับผิดใหผูฟองคดีทั้งสอง
รับผิดรอยละ ๓๐ ของจํานวนสวนแหงความรับผิดในรอยละ ๕๐ หลังจากหักความรับผิดของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ แลว ผูฟองคดีท่ี ๑ จึงตองรับผิดเปนเงินจํานวน ๓๑,๕๘๐.๘๘ บาท
สวนผูฟองคดีท่ี ๒ รับผิดเปนเงินจํานวน ๔๐,๙๕๔.๔๘ บาท ดังนั้น การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ มีคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๙ เร่ือง ใหชดใชคาสินไหมทดแทน
เฉพาะในสวนท่ีใหผูฟองคดีท่ี ๑ ชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ เกินกวาจํานวน
๓๑,๕๘๐.๘๘ บาท และผฟู อ งคดีที่ ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ เกินกวาจํานวน
๔๐,๙๕๔.๔๘ บาท จึงเปนคําสั่งที่ไมชอบดวยกฎหมาย ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษา
ใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ลงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๙
ในสวนท่ีกําหนดใหผูฟองคดีที่ ๑ และผูฟองคดีที่ ๒ ตองชดใชเงินเกินกวาจํานวน ๓๑,๕๘๐.๘๘ บาท
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๒๒
และจํานวน ๔๐,๙๕๔.๔๘ บาท ท้ังนี้ นับต้ังแตวันท่ี ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๙ ใหยกฟองผูถูกฟองคดีที่ ๓
และผถู ูกฟองคดที ่ี ๔ คาํ ขออน่ื นอกจากนี้ ใหย ก นน้ั ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พอ งดว ย
พิพากษายนื
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๔๔/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนขาราชการพลเรือน ตําแหนงศุลการักษ
สังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (กรมศุลกากร) ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการปฏิบัติหนาท่ีของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ (อธิบดีกรมศุลกากร) เนื่องจากมีผูใชนาม “รมโพธิ์ ๔๐” มีหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ รองเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี วามีการทุจริตฉอโกงเงินภาษี
ของประชาชน ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงมีคําสั่งลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๗ แตงตั้งคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กรณีหางหุนสวนจํากัด ซ. ทุจริตขอรับเงินชดเชยคาภาษี
อากร ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ มีคําส่ังลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๐
ใหเจาหนาท่ีที่เก่ียวของซึ่งรวมถึงผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน ผูฟองคดีไดรับทราบคําส่ัง
ดังกลาวเมื่อวันท่ี ๑๗ มกราคม ๒๕๕๑ และอุทธรณคําส่ังเม่ือวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๑ ปจจุบัน
ยังไมไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณ ผูฟองคดีเห็นวาขอกลาวหาในเร่ืองดังกลาวไมเปนธรรม
นอกจากนั้น กรณีการทุจริตสงออกเพ่ือขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรของหางหุนสวนจํากัด ซ.
เร่ิมตนสอบสวนตามคําส่ังลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๔๗ และผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําสั่งลงวันท่ี
๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๐ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน คดีจึงขาดอายุความ ๑ ป อีกทั้ง
มูลละเมิดเกิดข้ึนในป พ.ศ. ๒๕๓๘ คดีจึงขาดอายุความ ๑๐ ป นับแตวันกระทําละเมิดแลว
ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีทั้งส่ี
(กระทรวงการคลัง ท่ี ๓ ปลัดกระทรวงการคลัง ท่ี ๔) ตามคําสั่งลงวันท่ี ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๐
ในสวนทใ่ี หผฟู อ งคดีชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีการทุจริตสงออกเพ่ือขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
รายหา งหุนสว นจํากัด ซ. เหน็ วา คดมี ีปญหาจะตองวินิจฉัยในเบื้องตนกอนวา คําส่ังที่เรียกใหชดใช
คา สินไหมทดแทนของผูถกู ฟองคดที ี่ ๑ ดังกลา ว เปน การใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทนภายใน
กาํ หนดอายคุ วามการใชส ิทธิเรียกรองหรอื ไม ซึง่ กรณีนี้ที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด
พิเคราะหแลวเห็นวา กรณีการกระทําละเมิดของเจาหนาที่ที่เกิดข้ึนกอนวันที่ พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ มีผลใชบังคับจะตองแยกพิจารณาเปน ๒ สวนดวยกัน
สวนแรก สวนท่ีเปนสารบัญญัติ คือ สวนที่กําหนดหลักเกณฑเง่ือนไขท่ีกอใหเกิดสิทธิ
หรือกอใหเกิดความรับผิด ขอบเขตของสิทธิท่ีเกิด หรือขอบเขตของความรับผิดท่ีเกิด เชน
ความรับผดิ อยา งลกู หน้รี วม สิทธิไลเบี้ย เปนตน ใหพิจารณาตามหลักเกณฑที่บัญญัติไวในประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย ซ่ึงเปนกฎหมายท่ีใชบังคับอยูในขณะท่ีมีการกระทําละเมิด สวนที่สอง
สวนที่เปนวิธีสบัญญัติ คือ สวนที่กําหนดหลักเกณฑ เงื่อนไข วิธีการในการใชสิทธิเรียกรอง
เชน การตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง การพิจารณาของผูมีอํานาจสั่งการ เปนตน
ซ่ึงบทบัญญัติในสวนน้ีจะไมมีผลกระทบตอสาระหรือขอบเขตของสิทธิ หรือความรับผิดของ
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๒๓
ผูกระทําละเมิดแตอ ยา งใด ดวยเหตุนี้ จงึ สามารถนาํ บทบญั ญตั ทิ ี่กาํ หนดหลักเกณฑในเรื่องดังกลาว
ตามท่ีบัญญัติใน พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งเปนกฎหมาย
ท่ีใชบังคับอยูในขณะที่มีการใชสิทธิหรือใชอํานาจเชนวาน้ันมาใชไดแมวาการกระทําละเมิด
จะไดเกดิ ขึ้นกอ นวนั ทพ่ี ระราชบัญญัติดังกลาวมีผลใชบังคับก็ตาม เมื่อคดีนี้มูลละเมิดเกิดขึ้นกอนท่ี
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ใชบังคับ การพิจารณาสวนท่ี
เปนหลักเกณฑ เง่ือนไข วิธีการในการใชสิทธิเรียกรอง ซึ่งเปนบทบัญญัติในสวนท่ีไมมีผลกระทบ
ตอสาระหรือขอบเขตของสิทธิ หรือความรับผิดของผูกระทําละเมิด อันเปนขอกฎหมายในสวน
วิธีสบัญญัติ จึงตองบังคับตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ทั้งนี้
ตามมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว และอาจนําบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชยซึ่งเปนกฎหมายในสวนสารบัญญัติมาใชบังคับไดเทาท่ีไมขัดหรือแยงตอ พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยเมื่อพิจารณาตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว ปรากฏวามิไดบัญญัติเร่ืองอายุความการใชสิทธิเรียกรองนับแต
วันที่กระทําละเมิดไวเปนการเฉพาะ กรณีจึงตองนําบทบัญญัติในเร่ืองละเมิดท่ัวไปตามมาตรา ๔๔๘
วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาใชบังคับ เมื่อใบขนสินคาขาออกที่ผูฟองคดี
เปนผูประทับดวงตราตะก่ัว กศก. และแถบเหล็ก RTC มีวันวางฎีกาใชบัตรภาษีเม่ือวันท่ี
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๘ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๘ และวันท่ี ๑๕ มกราคม ๒๕๓๙ วันดังกลาว
จงึ เปนวันกระทําละเมิดและเกิดความเสียหายแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ เพราะฉะนั้น การที่ผูถูกฟองคดี
ท่ี ๑ มีคําส่ังลงวันท่ี ๒๙ มิถนุ ายน ๒๕๕๐ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน โดยผูฟองคดี
ไดรับแจงคําสั่งดังกลาวเม่ือวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๑ อันเปนวันที่คําส่ังใหชดใชเงินดังกลาว
มีผลใชยันตอผูฟองคดี กรณีจึงเปนการใชสิทธิเรียกรองคาเสียหายอันเกิดจากการกระทําละเมิด
ของผูฟองคดเี มอื่ พนกาํ หนดอายุความ ๑๐ ป นบั แตวันทําละเมดิ สิทธเิ รยี กรองดงั กลา วจงึ ขาดอายุความ
ตามมาตรา ๔๔๘ ประกอบมาตรา ๑๙๓/๙ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย คําส่ังลงวันท่ี
๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๐ ที่ออกตามความเห็นของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ เฉพาะในสวนที่ใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงเปนคําสั่งทางปกครองท่ีไมชอบดวยกฎหมาย ไมมีผลใช
บังคับกับผูฟองคดีได เมื่อคําส่ังดังกลาวไมชอบดวยกฎหมายเนื่องจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ใชสิทธิ
เรียกรองเม่ือพนกําหนดอายุความแลว กรณีจึงไมจําตองวินิจฉัยประเด็นอื่นเพราะไมทําใหผลของ
คําพิพากษาเปล่ียนแปลงไป ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษาเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน
๒๕๕๐ เรอื่ ง ใหใ ชคาสินไหมทดแทน ที่ออกตามความเห็นของผูถูกฟองคดีที่ ๓ เฉพาะในสวนท่ีให
ผูฟ องคดชี ดใชค า สนิ ไหมทดแทนแกผ ถู กู ฟองคดีท่ี ๑ โดยใหมีผลยอนหลังไปนับต้ังแตวันออกคําสั่ง
ท้ังน้ี นบั แตวนั ท่คี ดีถึงทสี่ ุด และใหย กฟองผถู ูกฟอ งคดที ี่ ๔ นั้น ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พอ งดว ย
พิพากษายืน
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๒๔
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๙๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีทั้งสิบเกาฟองวา ผูฟองคดีท้ังสิบเกาดํารงตําแหนงศุลการักษ สังกัด
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (กรมศุลกากร) ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากคําสั่งกรมศุลกากร ลงวันที่
๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ท่ีใหผูฟองคดีทั้งสิบเการวมกับนายตรวจศุลกากรรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
กรณีบริษัท ม. ทุจริตการสงออกเพ่ือขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร ผูฟองคดีท้ังสิบเกา
ไดย่ืนอุทธรณคําสั่งดังกลาว ตอมา ไดรับแจงผลการพิจารณาใหยกอุทธรณตั้งแตวันท่ี
๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๘ เปนตนไป ยกเวนผูฟองคดีที่ ๑๔ ยังไมไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณ
ผฟู อ งคดที ัง้ สบิ เกา เห็นวา คําส่ังกรมศุลกากร ลงวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘ น้ัน ไมเปนธรรม และ
ไมชอบดวยกฎหมาย เพราะความเสียหายมิไดเกิดจากการกระทําดวยความประมาทเลินเลอ
ของศุลการกั ษ ผูฟองคดีจึงไมตองรับผิดชดใชคาเสียหาย ทั้งกระบวนการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดไมเปนธรรม และคดีขาดอายุความแลว ผูฟองคดีท้ังสิบเกาจึงนําคดีมาฟองขอให
ศาลพิพากษาเพิกถอนคําส่ังกรมศุลกากร ลงวันท่ี ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ท่ีใหผูฟองคดีท้ังสิบเกา
รวมกับนายตรวจศุลกากรรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน เห็นวา ผูฟองคดีทั้งสิบเกา
เปนขาราชการสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ดํารงตําแหนงศุลการักษซ่ึงมีหนาท่ีรอยดวงตราตะกั่ว กศก.
หรือแถบเหล็ก RTC ท่ีคอนเทนเนอรที่นายตรวจศุลกากรไดทําการตรวจปลอยสินคาและควบคุม
บรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรแลว ไดลงนามรับรองในเอกสารประกอบการสงออกวามีสินคาสงออก
ของบรษิ ัท ม. จริง รวม ๗๙ ฉบับ แตบรษิ ัท ม. มิไดม ีการสงออกสินคาตามที่สําแดงไว และไดนําใบ
ขนสินคาขาออกและเอกสารประกอบไปย่ืนคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร ในรูปบัตรภาษี
ในชวงเดือนกุมภาพันธ ๒๕๓๘ ถึงเดือนกุมภาพันธ ๒๕๓๙ และผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดออกบัตรภาษี
ในชวงเดือนกุมภาพันธ ๒๕๓๘ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๓๙ จากนั้น ผูรับโอนบัตรภาษีจากบริษัท ม.
ไดน ําบัตรภาษีดังกลาวไปใชประโยชนชําระคาภาษีอากรแทนจํานวนเงินที่บริษัทตองชําระตามนัย
มาตรา ๑๘ แหง พ.ร.บ. ชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออกที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔
โดยไดมีการวางฎีกาการเบิกเงินตามมูลคาบัตรภาษีในชวงเดือนมิถุนายน ๒๕๓๘ ถึง
เดอื นพฤษภาคม ๒๕๓๙ ทําใหผถู กู ฟอ งคดที ่ี ๑ ไดรับความเสียหายตามจํานวนมูลคาของบัตรภาษี
ท่ีไดนําไปใชประโยชน อันเปนกรณีครบองคประกอบของการทําละเมิดแลว ตามมาตรา ๔๒๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ในชวงเดือนมิถุนายน ๒๕๓๘ ถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๙
ซ่ึงเปนวันวางฎีกาจึงเปนวันทําละเมิดที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีสิทธิเรียกรองคาเสียหายจากผูฟองคดี
ท้ังสิบเกา โดยเร่ิมนับอายุความการใชสิทธิเรียกรองนับแตวันทําละเมิดดังกลาว ตามมาตรา ๔๔๘
วรรคหนง่ึ แหง ประมวลกฎหมายดังกลาว ดังน้ัน เม่ือขอเท็จจริงปรากฏตอไปวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑
ดําเนินการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวย
หลักเกณฑการปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยรูถึง
การละเมิดและรูวาผูฟองคดีทั้งสิบเกาเปนผูกระทําละเมิดท่ีจะพึงใชคาสินไหมทดแทนเมื่อวันท่ี
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ ซึ่งเปนวันที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดวินิจฉัยสั่งการใหผูฟองคดีทั้งสิบเกา
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนหลังจากไดรับรายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๒๕
การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังลงวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ใหผูฟองคดีทั้งสิบเกาชดใช
คาสินไหมทดแทน ซง่ึ ผฟู องคดที ัง้ สิบเกา ไดร ับทราบคําสั่งและมีหนังสืออุทธรณตอผูถูกฟองคดีที่ ๒
(อธิบดีกรมศุลกากร) จึงเปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดดําเนินการออกคําสั่งใหใชเงินหรือใชสิทธิ
เรียกรองภายในกําหนดระยะสองปนับแตวันท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ รูถึงการทําละเมิดและรูตัว
เจาหนาที่ผูจะพึงตองใชคาสินไหมทดแทนตามมาตรา ๑๐ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ และเมื่อนับแตไดมีการวางฎีกาเบิกเงินชดเชยการสงสินคาออก
ในชวงเดือนมิถุนายน ๒๕๓๘ ถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๙ ซ่ึงเปนวันกระทําละเมิดจนถึงวันท่ี
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําสั่งลงวันท่ี ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ใหผูฟองคดีท้ังสิบเกาชดใชคาสินไหมทดแทน
ยังอยูภายในกําหนดระยะเวลาสิบป ตามมาตรา ๔๔๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
สิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีท้ังสิบเกาชดใชคาสินไหมทดแทนของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ยังคงมีอยู การท่ี
ผูถูกฟอ งคดที ่ี ๑ ใชสิทธิเรียกรองใหผูฟองคดีทั้งสิบเกาชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑
ดวยการออกคาํ ส่ังลงวันท่ี ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘ เปนการใชสิทธิเรียกรองภายในกําหนดระยะเวลา
ตามกฎหมายแลว เม่อื ใบขนสินคาขาออก จํานวน ๗๙ ฉบับ มีการวางฎีกาเบิกเงินตามมูลคาบัตร
ภาษีกอนวันท่ี ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ อันเปนวันที่ พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ มีผลใชบังคับ อันจะทําใหผูฟองคดีทั้งสิบเกากับเจาหนาที่อ่ืนท่ีเกี่ยวของควรตอง
รับผิดตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ซ่ึงเปนกฎหมายสารบัญญัติที่ใชบังคับอยู
ในขณะกระทําละเมิด แตอยางไรก็ตาม หากพิจารณาถึงเหตุผลในการประกาศใช พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว จะเห็นไดวา การที่จะวินิจฉัยวา
ผูฟองคดีท้ังสิบเกาไดกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ในการปฏิบัติหนาท่ีหรือไม และ
หากผูฟองคดีท้ังสิบเกากระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ในการปฏิบัติหนาท่ีในกรณีดังกลาว
ผูฟองคดีท้ังสิบเกาตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ หรือไม เพียงใด น้ัน
ควรตองพิจารณาถึงความรับผิดทางละเมิดตามท่ี พระราชบัญญัติดังกลาวบัญญัติไว
เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา คําสั่งกองตรวจสินคาขาออก ที่ ๑๓/๒๕๓๐ เรื่อง การตรวจและ
บรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ และคําส่ังกองตรวจสินคาขาออก
ท่ี ๑๓/๒๕๓๐ เร่ือง การตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร ลงวันท่ี ๒ มีนาคม ๒๕๓๐
ไดกําหนดหนาที่ของนายตรวจศุลกากรหรือสารวัตรศุลกากร รวมทั้งศุลการักษในขั้นตอน
พิธีการตรวจปลอยสินคาขาออก โดยใหศุลการักษมีหนาท่ีในฐานะผูชวยผูควบคุมการบรรจุ
สินคาเขาตูคอนเทนเนอร และมีลําดับข้ันตอนการทํางานรวมกับนายตรวจศุลกากร
ในการตรวจและบรรจุสินคา โดยหลังจากนายตรวจศุลกากรตรวจและควบคุมการบรรจุสินคา
เขาตูคอนเทนเนอรเสร็จแลว ศุลการักษจะมีหนาที่ประทับดวงตรา กศก. หรือแถบเหล็กศุลกากร
ซ่ึงเปนหนาที่โดยท่ัวไปของศุลการักษท่ีจะตองทํางานอยางประสานสอดคลองตอเน่ืองกันกับ
นายตรวจศุลกากร เพื่อเปนการสอบทานการปฏิบัติงานซ่ึงกันและกัน การปฏิบัติหนาที่ดังกลาว
จึงไมอาจแยกจากกันได อีกทั้ง ยังมีคําส่ังทั่วไปกรมศุลกากร ท่ี ๔๖/๒๕๓๐ เรื่อง ใหใชประมวล
ระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๐ และคําส่ังอ่ืนที่ออกระเบียบ
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๒๖
เพือ่ วางแนวทางการปฏิบัติงานในขั้นตอนตางๆ ดังนั้น การปฏิบัติหนาท่ีของเจาหนาที่ท่ีเกี่ยวของ
จําตองถือปฏิบัติตามขอกําหนดที่กําหนดไวในระเบียบและคําสั่งดังกลาว อันเปนข้ันตอนสําคัญ
ในการตรวจปลอยสินคาขาออกวา ถูกตองครบถวนตามท่ีผูสงออกสินคาสําแดงไวในใบขนสินคาขาออก
หรือไม และไดบรรจุเขาคอนเทนเนอรจริง โดยเฉพาะอยางยิ่งกรณีที่ผูสงสินคาขาออกแจงความ
ประสงคขอคืนเงินคาภาษีอากร การปฏิบัติหนาท่ีในข้ันตอนน้ีจึงตองใชความระมัดระวังรอบคอบ
ใหถูกตองตามระเบียบและคําส่ังท่ีกําหนดไว เพ่ือปองกันมิใหมีการทุจริตขอคืนเงินคาภาษีอากร
โดยมิชอบ เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา ใบขนสินคาขาออกจํานวน ๗๙ ฉบับ มีการกําหนดให
ผูฟองคดีท้ังสิบเกาทําหนาท่ีศุลการักษรวมกับนายตรวจศุลกากร เพื่อชวยเหลือการปฏิบัติงาน
ของนายตรวจศุลกากรในการตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร แตจากการตรวจสอบปรากฏวา
บริษัท ม. มิไดมีการสงสินคาออกจริงตามที่สําแดงไวในใบขนสินคาขาออก กรณีจึงเชื่อไดวา
ผูฟองคดีท้ังสิบเกาไมไดปฏิบัติหนาที่ใหถูกตองตามประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐
และคําส่ังกองตรวจสินคาขาออก ที่ ๑๓/๒๕๓๐ ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ อันถือเปนการละเลย
ตอหนาที่ตามท่ีกําหนดไวในระเบียบหรือคําส่ังดังกลาว จนเปนเหตุใหบริษัท ม. กระทําการทุจริต
ในการสงออก และถือไดวาการกระทําของผูฟองคดีท้ังสิบเกาดังกลาวเปนการปฏิบัติหนาที่
โดยประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซึ่งเปนหนวยงานของรัฐที่ผูฟองคดี
ท้ังสิบเกาสังกัดไดรับความเสียหาย อันเปนการกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ สวนกรณีที่
ผูฟองคดีท้ังสิบเกาอางถึงความไมนาเช่ือถือของบัญชีสินคาสําหรับเรือ (MANIFEST) นั้น
แมบัญชีสินคาสําหรับเรือดังกลาวจะเปนเอกสารท่ีตัวแทนเรือจัดทําข้ึนก็ตาม แตโดยที่มาตรา ๕๑
แหง พ.ร.บ. ศุลกากร พระพุทธศักราช ๒๔๖๙ บัญญัติใหนายเรือทุกลําซึ่งบรรทุกสินคาขาออก
ย่ืนหรือจัดใหตัวแทนย่ืนบัญชีสินคาสําหรับเรือ ซึ่งตองมีรายละเอียดแหงสินคาตามที่ระบุไว
ในบัญชีรายชื่อสินคาขาออกของศุลกากรน้ัน ตอศุลกสถานภายในหกวันเต็มนับแตวันที่ไดออก
ใบปลอยเรือขาออกให อีกทั้งบัญชีสินคาสําหรับเรือดังกลาวจัดทําข้ึนโดยผูท่ีไมไดมีสวนเก่ียวของ
ในการขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร เอกสารดังกลาวจึงมีความนาเช่ือถือพอท่ีจะนํามาพิจารณา
ประกอบได สวนท่ีฟองคดีท้ังสิบเกาอางวามีคําพิพากษาคดีอาญา หมายเลขแดงที่ ๑๐๐๕๔/๒๕๔๙
ซึ่งเปนคดีท่ียุติแลว ไดใหเหตุผลวา บัญชีสินคาสําหรับเรือไมเพียงพอที่จะรับฟงไดวาบริษัท
ท่ีถูกกลาวหามีการสงสินคาออกจริงหรือไม น้ัน การออกคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทนและ
การดําเนินคดีอาญาน้ันตางมีวัตถุประสงค ขั้นตอนการสอบสวน การรับฟงพยานหลักฐานแตกตางกัน
การออกคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนมีวัตถุประสงคเพื่อใหเจาหนาท่ีผูกระทําละเมิดจาก
การปฏิบัติหนาที่ชดใชคาสินไหมทดแทนแกหนวยงานของรัฐ อันเนื่องมาจากกระทําการดวย
ความจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรง แตการดําเนินการทางอาญาเปนการดําเนินการ
ที่มีผลกระทบตอสิทธิและเสรีภาพในชีวิตรางกายและทรัพยสินของผูกระทําผิด การพิพากษา
ลงโทษจําเลยในคดีอาญาจึงตองปรากฏพยานหลักฐานจนแนใจวาจําเลยกระทําผิดจริง
แตห ากมีความสงสยั ตอ งยกประโยชนแ หง ความสงสยั ใหจ ําเลย ดงั นั้น ในการพิจารณาออกคําส่ังให
ชดใชคาสินไหมทดแทน เม่ือผูมีอํานาจออกคําสั่งเชนวานั้นไดรับฟงขอเท็จจริงและพยานหลักฐาน
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๒๗
ของทุกฝายและดําเนินการสอบสวนโดยชอบดวยกฎหมายแลว หากพฤติการณเชื่อไดวา
การกระทําของผูฟองคดีทั้งสิบเกาเปนการปฏิบัติหนาที่โดยประมาทเลินเลออยางรายแรงจริง
ก็ยอมออกคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนไดตามมาตรา ๑๐ ประกอบมาตรา ๘ วรรคหน่ึง แหง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด พ.ศ. ๒๕๓๙ แตอยางไรก็ตาม เม่ือขอเท็จจริงปรากฏตามรายงาน
ผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิด พบวา ผลการสอบปากคําเจาหนาท่ีท่ีเก่ียวของซึ่งใหการสอดคลองตรงกันเก่ียวกับ
ปริมาณงานในแตละวันมีจํานวนมาก เพราะเปนการดําเนินงานตามนโยบายสงเสริมการสงออก
ของรฐั บาลตามท่ผี ูบงั คับบญั ชามอบหมาย โดยท่ีคณะกรรมการฯ เห็นวา ไมปรากฏขอเท็จจริงการ
ละเลยไมปฏิบัติหนาที่ตามระเบียบท่ีกําหนด หรือตรวจพบการรอยดวงตราตะก่ัวและประทับตรา
กศก. ไมเ รยี บรอย จะเห็นไดวา ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผูถูกฟองคดีที่ ๑ สวนหนึ่งเปนผลมาจาก
อัตรากําลังของเจาหนาที่ที่ไมสอดคลองกับปริมาณงาน ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ในฐานะท่ีเปน
หนวยงานของรัฐ มีภารกิจหลักโดยตรงคือการจัดเก็บภาษีอากรจากของที่นําเขามาในและสงออก
ไปนอกราชอาณาจักร รวมถึงผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ในฐานะที่เปนหัวหนาสวนราชการของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ยอมตองตระหนักและใหความสําคัญในเร่ืองดังกลาว ท้ังน้ี เพ่ือเปนการตรวจสอบและปองกัน
การย่ืนขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรอันเปนเท็จ การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๒ กลาวอางวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๒ ไมเคยรับรูถึงปญหาในการปฏิบัติหนาท่ีท่ีเกี่ยวของกับการตรวจปลอย
สินคาแตอยางใด จึงเปนเพียงขอกลาวอางลอยๆ เพื่อปฏิเสธความรับผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๑
และท่ี ๒ เทาน้ัน ซ่ึงจากขอเท็จจริงและพฤติการณท่ีเกิดขึ้นยังเห็นไมไดวาผูถูกฟองคดีที่ ๑ และ
ที่ ๒ ไดดําเนินการแกไขปญหาอยางเต็มที่ ในการวางระบบงานเพ่ือปองกันมิใหเกิดการทุจริต
ในการสงออกสินคาและการขอรับเงินชดเชยภาษีอากร ซ่ึงหากผูถูกฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๒
ไดดาํ เนนิ การวางระบบงานใหม ปี ระสทิ ธภิ าพแลว ยอมจะเปน การลดทอนความเสียหายที่เกิดข้ึนได
ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดข้ึนกับผูถูกฟองคดีท่ี ๑ สวนหนึ่งยอมเกิดจากความบกพรอง
ในการดําเนินงานของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๒ เอง จึงสมควรหักสวนแหงความรับผิดของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๒ ออกรอยละ ๕๐ ของความเสียหายตามมูลคาบัตรภาษีที่นําไปใช
ประโยชนแลว อยางไรก็ตาม เม่ือพิจารณาตามประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐
ขอ ๐๘ ๐๕ ๐๑ และขอ ๐๘ ๑๑ ๑๔ ไดกําหนดใหนายตรวจศุลกากรเปนผูมีหนาท่ีโดยตรง
ในการตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคาตามใบขนสินคาขาออกเขาตูคอนเทนเนอร
สวนศุลการักษทําหนาท่ีเปนผูประทับตรา กศก. หรือแถบเหล็กศุลกากร ภายหลังท่ีนายตรวจศุลกากร
ทําการตรวจและผูสงออกบรรจุสินคาเสร็จแลว จะเห็นไดวาอํานาจหนาท่ีและสภาพความรายแรง
แหง การกระทําดงั กลา ว นายตรวจศลุ กากรจะมคี วามรับผดิ ชอบในอํานาจหนา ท่ีมากกวาศุลการักษ
นายตรวจศุลกากรจึงควรรับผิดรอยละ ๗๐ ของจํานวนสวนแหงความรับผิดในรอยละ ๕๐
หลังจากหักสวนแหงความรับผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และผูถูกฟองคดีที่ ๒ แลว สวนศุลการักษ
ควรรบั ผดิ รอ ยละ ๓๐ ของจํานวนสวนแหงความรับผิดในรอยละ ๕๐ หลังจากหักสวนแหงความรับผิด
ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และผูถูกฟองคดีท่ี ๒ แลว อยางไรก็ดี หากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับชําระหน้ี
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๒๘
หรือสามารถบังคับชําระหน้ีจากบริษัท ม. ไดเปนจํานวนเทาใด ใหนําเงินจํานวนดังกลาวมาหักหรือ
คืนตามสวนแหงความรับผิด แลวแตกรณี ใหกับผูฟองคดีท้ังสิบเกา ดังนั้น การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑
โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีคําสั่งกรมศุลกากร ที่ ๑๒๓/๒๕๔๘ ลงวันท่ี ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘
ใหผูฟองคดีท้ังสิบเการับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนรวมกับนายตรวจศุลกากรอยางลูกหน้ีรวม
ตามจํานวนเงินที่ระบุไวในคําส่ังดังกลาวบางสวน จึงเปนคําส่ังท่ีไมชอบดวยกฎหมาย
ทศ่ี าลปกครองชั้นตนพิพากษาใหพิพากษาและมีคําบังคับใหเพิกถอนคําสั่งกรมศุลกากร ท่ี ๑๒๓/๒๕๔๘
เร่ือง ใหชดใชคาสินไหมทดแทน ลงวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ในสวนที่ใหผูฟองคดีทั้งสิบเกา
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ บางสวน โดยใหมีผลยอนหลังนับแตวันท่ี
ออกคําส่งั ท้ังนี้ นับแตวันท่ีคดีถึงที่สุด และยกฟองผูถูกฟองคดีที่ ๓ (กระทรวงการคลัง) และท่ี ๔
(ปลัดกระทรวงการคลงั ) นั้น ศาลปกครองสูงสุดเหน็ พอ งดว ยบางสวน
พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําส่ังกรมศุลกากร ที่ ๑๒๓/๒๕๔๘ ลงวันที่
๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ในสวนที่ใหผูฟองคดีที่ ๑ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา
จํานวน ๖๔,๘๑๗.๗๔ บาท ในสวนที่ใหผูฟองคดีที่ ๒ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา
จํานวน ๑๘,๙๔๓.๗๗ บาท ในสวนที่ใหผูฟองคดีท่ี ๓ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา
จํานวน ๓๓,๓๐๔ บาท ในสวนที่ใหผูฟองคดีที่ ๔ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๔,๗๐๐.๑๙ บาท ในสวนท่ีใหผูฟองคดีที่ ๕ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๘,๖๗๐.๑๐ บาท ในสวนที่ใหผูฟองคดีที่ ๖ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๑๙,๒๑๒.๑๒ บาท ในสวนท่ีใหผูฟองคดีท่ี ๗ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๑๖,๘๙๕.๒๑ บาท ในสวนท่ีใหผูฟองคดีที่ ๘ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๒๙,๔๓๗.๔๑ บาท ในสวนท่ีใหผูฟองคดีที่ ๙ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๔,๙๔๗.๒๕ บาท ในสวนท่ีใหผูฟองคดีที่ ๑๐ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๓,๓๓๓.๗๙ บาท ในสวนท่ีใหผูฟองคดีท่ี ๑๑ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๗๒,๘๑๑.๘๐ บาท ในสวนที่ใหผูฟองคดีที่ ๑๒ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๓,๒๓๓.๗๓ บาท ในสวนท่ีใหผูฟองคดีที่ ๑๓ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๕,๘๖๗.๙๘ บาท ในสวนที่ใหผูฟองคดีท่ี ๑๔ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๑๘,๕๑๖.๘๘ บาท ในสวนที่ใหผูฟองคดีท่ี ๑๕ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๔,๖๓๗.๓๓ บาท ในสวนท่ีใหผูฟองคดีที่ ๑๖ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๘,๖๗๓.๐๗ บาท ในสวนท่ีใหผูฟองคดีที่ ๑๗ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๕,๓๗๕.๙๙ บาท ในสวนท่ีใหผูฟองคดีท่ี ๑๘ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๖,๐๖๘.๔๐ บาท และในสวนที่ใหผูฟองคดีที่ ๑๙ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๓๘,๓๐๘.๑๔ บาท ท้ังนี้ หากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับชําระหน้ีหรือสามารถบังคับชําระหนี้จาก
บริษัท ม. ไดเปนจํานวนเทาใด ใหนําเงินจํานวนดังกลาวมาหักหรือคืนตามสวนแหงความรับผิด
แลวแตกรณี ใหกบั ผูฟองคดที ัง้ สบิ เกา นอกจากท่ีแกใ หเ ปนไปตามคําพิพากษาของศาลปกครองชัน้ ตน
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๒๙
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๑๐๒-๑๐๓/๒๕๖๓ อา งแลว ในประเดน็ วิธพี ิจารณาคดปี กครอง หนา ๒๐๓
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ. ๑๑๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีทั้งเกาฟองวา ขณะผูฟองคดีท้ังเกาดํารงตําแหนงนายตรวจศุลกากร
สังกดั ผถู ูกฟอ งคดที ่ี ๑ (กรมศุลกากร) ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๗
แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กรณีบริษัท อ. ขอรับเงินชดเชย
คาภาษีอากร ซ่ึงคณะกรรมการดังกลาวเห็นวา ไมมีเจาหนาที่คนใดปฏิบัติหนาท่ีโดยทุจริตหรือ
รวมทุจริตกับบริษัท อ. แตปญหาเกิดจากปริมาณเจาหนาท่ีไมเพียงพอตอปริมาณงานจึงเห็นควรยุติ
เรื่อง แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ เห็นวา ผูฟองคดีทั้งเกามิไดใชความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาที่
ฐานะนายตรวจศุลกากรผูมีหนาที่ควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรอยางเพียงพอ
โดยรับรองการตรวจปลอยสินคาทั้งท่ีไมมีสินคาของบริษัท อ. บรรจุอยูจริง เปนการปฏิบัติหนาท่ี
ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงอันเปนชองทางใหบริษัทดังกลาวทุจริตการสงออก
โดยจัดทําใบขนสินคาขาออกและบัญชีสินคาสําหรับเรือเปนเท็จ และนําใบขนสินคาขาออก
ไปยื่นขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรทําใหทางราชการไดรับความเสียหาย จึงมีคําส่ังลงวันที่
๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ ใหผูฟองคดีท้ังเกาชดใชคาสินไหมทดแทน ตามความเห็นของผูถูกฟองคดีที่ ๓
(กระทรวงการคลัง) ผฟู องคดีทง้ั เกาจึงยนื่ อทุ ธรณคาํ สัง่ ดังกลา วตอ ผถู ูกฟองคดีที่ ๒ (อธิบดีกรมศุลกากร)
ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ วินิจฉัยใหยกอุทธรณ ผูฟองคดีทั้งเกาเห็นวา
คําส่ังดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย การสอบสวนของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมดิ ไมช อบดว ยกฎหมาย เพราะคณะกรรมการดังกลาวไมเคยแจงขอกลาวหาใหผูฟองคดีท้ังเกา
ทราบและไมไดสอบสวนผูฟองคดีท้ังเกาในฐานะผูถูกกลาวหา แตสอบสวนในฐานะเจาหนาท่ี
ผูปฏิบัติงานเทาน้ัน อีกทั้งคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทนของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไมไดสงให
ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ตรวจสอบกอนออกคําส่ังจึงไมชอบดวยกฎหมาย และคดีขาดอายุความแลว
จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ลงวันท่ี
๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ และเพิกถอนความเห็นของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ท่ีใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ออกคําส่ัง
ใหผูฟองคดีทั้งเกาชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เห็นวา คดีน้ีเปนกรณีท่ีมี
การกระทาํ อันนําไปสูเหตุละเมิดเกิดขึ้นกอน พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
มีผลใชบังคับเมื่อวันท่ี ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ ดังน้ัน การใชบังคับกฎหมายจึงตองแยก
พิจารณาเปน ๒ สวน คือ หลักเกณฑในสวนที่เปนสารบัญญัติ เชน ความรับผิดในทางละเมิด
สิทธิไลเบี้ย ความรับผิดอยางลูกหนี้รวม ฯลฯ ใหเปนไปตามหลักเกณฑในประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย ซึ่งเปนกฎหมายที่ใชในขณะที่กระทําละเมิด สวนหลักเกณฑในสวนวิธีสบัญญัติ เชน
ข้ันตอนการต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด การพิจารณาของผูมีอํานาจ
สั่งการ การรายงานกระทรวงการคลังเพื่อตรวจสอบ การแจงผลการพิจารณา การเรียกให
เจาหนาที่ผูกระทําละเมิดชดใชคาสินไหมทดแทน อายุความ ฯลฯ จะตองเปนไปตามหลักเกณฑ
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ซ่ึงหลักการใชกฎหมายดังกลาว
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๓๐
ตองนํามาใชสําหรับการพิจารณาคดีน้ีดวย กรณีมีปญหาวา กอนท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ จะมีคําสั่ง
ลงวันท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ ใหผูฟองคดีท้ังเการับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนความเสียหาย
แกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดมีการเปดโอกาสใหผูฟองคดีทั้งเกาทราบขอเท็จจริงอยางเพียงพอ
และมีโอกาสไดโตแยงและแสดงพยานหลักฐานของตนหรือไม ขอเท็จจริงปรากฏวา
คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ซ่ึงผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ไดมีคําส่ังลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ แตงต้ังขึ้นตามขอ ๘ ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
ไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๗ รายงานผลการสอบสวนตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒
โดยคณะกรรมการฯ ไดพิจารณาจากหลักฐานขอเท็จจริงตางๆ หลักฐานเอกสาร หลักฐานอื่นๆ
การสอบปากคํา และรายงานผลการสอบขอ เท็จจรงิ ของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงตามคําส่ังลง
วันท่ี ๑๓ มกราคม ๒๕๔๓ นอกจากนี้ ผูถูกฟองคดีที่ ๒ มีหนังสือลงวันท่ี ๙ กุมภาพันธ ๒๕๔๘
รายงานผลการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๓ ตามขอ ๑๗ ของระเบียบดังกลาว
ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๓ โดยกรมบัญชีกลาง มีหนังสือลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๘ แจงผล
การพิจารณาความรับผิดทางละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๒ ผูถูกฟองคดีที่ ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒
จึงไดออกคําสั่งลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ ใหผูฟองคดีท้ังเการับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ความเสียหายแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ผูฟองคดีทั้งเกาไดอุทธรณคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๒ วา คําสั่ง
ของผูถกู ฟอ งคดีท่ี ๑ โดยผถู ูกฟองคดีที่ ๒ ดังกลาวไมชอบดวยเหตุผลหลายประการ สํานักบริหาร
และพัฒนาบุคคลมีหนังสือลงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๘ แจงผลการพิจารณาอุทธรณคําส่ังให
ผูฟองคดีทั้งเกาทราบวา คําอุทธรณฟงไมขึ้น เห็นวา การที่คณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ตามคําส่ังลงวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๓ ไดเรียกใหผูฟองคดีทั้งเกามาใหถอยคําเก่ียวกับกรณีดังกลาว
ซึ่งผูฟองคดีท้ังเกามีสวนเกี่ยวของดวยน้ัน ผูฟองคดีทั้งเกายอมทราบวัตถุประสงคของการแตงตั้ง
คณะกรรมการดังกลาวและเหตุผลที่จะตองทําการสอบสวนผูฟองคดีทั้งเกา วาเปนการสอบสวน
เพื่อหาผูตองรับผิดและจํานวนคาสินไหมทดแทนท่ีผูกระทําความผิดตองชดใช โดยในช้ัน
การสอบสวนคณะกรรมการฯ ก็ไดสอบสวนขอเท็จจริงโดยต้ังประเด็นคําถามเก่ียวกับ
การปฏิบัติงานและอํานาจหนาท่ีของผูฟองคดีทั้งเกา รวมท้ังความเก่ียวของกับเหตุละเมิดดังกลาว
ซึ่งผูฟองคดีทั้งเกาก็มิไดหลงประเด็นแตอยางใด และเมื่อผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒
ไดม ีคําส่งั ใหผ ฟู องคดที ง้ั เกา ชดใชคาสนิ ไหมทดแทนความเสยี หายตามคําสง่ั ลงวันท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘
ผูฟ องคดีทัง้ เกากไ็ ดโตแ ยง คัดคา นคาํ สง่ั ดังกลาวโดยการย่ืนอุทธรณตอผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในประเด็นเดิม
กับท่ีเคยไดใหถอยคําไวตอคณะกรรมการฯ แลว จึงเห็นวา แมผลการพิจารณาของคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดจะแตกตางจากความเห็นของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ก็ตาม
แตการดําเนินกระบวนพิจารณาของคําส่ังถือไดวาไดมีการเปดโอกาสใหผูฟองคดีท้ังเกาโตแยง
และแสดงพยานหลักฐานแลวตามมาตรา ๒๗ วรรคหน่ึง และมาตรา ๓๐ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ.
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบกับขอ ๑๔ วรรคหน่ึง และขอ ๑๕
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๓๑
ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิด
ของเจา หนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว
สําหรับคําส่ังลงวันท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ ที่สั่งใหผูฟองคดีท้ังเการับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดที ่ี ๑ เปนคําสั่งท่ีออกภายในอายุความหรือไม เห็นวา เม่ือปรากฏวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ และท่ี ๒ รูเหตุแหงการละเมิดและรูตัวผูกระทําละเมิดเมื่อวันท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๒
โดยรองอธิบดีกลุมภารกิจดานยุทธศาสตรพิจารณารายงานผลการสอบขอเท็จจริงและความเห็น
ที่คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดฯ และหนังสือท่ีฝายวินัยฯ ไดเสนอแลว
เกษียนสั่งการใหเจาหนาท่ีชดใชคาเสียหายตามเสนอเม่ือวันที่ ๓ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ และ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดมีคําสั่งลงวันท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ จึงเปนการใชสิทธิเรียกรองภายในอายุความ
ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว
และมูลกรณีแหงการละเมิดในคดีน้ีเกิดจากบริษัท อ. ไดยื่นขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรโดยไมมีสิทธิ
จนเปนเหตุใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับความเสียหาย เมื่อปรากฏวา มีการวางฎีกาเบิกจายเงิน
ตามท่ีไดมีการยื่นคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรระหวางวันท่ี ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๘ ถึงวันที่
๙ มถิ ุนายน ๒๕๔๐ ซ่ึงเมือ่ การวางฎกี าเบิกจายเงินดังกลาวเปนผลโดยตรงท่ีทําใหผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตองเสยี เงินคา ชดเชยภาษีอากร กรณจี งึ ถือไดวาวันท่ีมีการวางฎีกาเบิกจายเงินคาชดเชยภาษีอากร
เปนวันที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ถูกกระทําละเมิด ฉะน้ัน การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ จึงเปนการใชสิทธิเรียกรองภายในอายุความสิบปนับแต
วันที่เหตลุ ะเมดิ เกดิ ตามมาตรา ๔๔๘ แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยแ ลว
กรณีมีปญหาวา คําส่ังลงวันท่ี ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ ท่ีสั่งใหผูฟองคดีทั้งเการับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนเปนคําส่ังที่ชอบดวยเน้ือหาของกฎหมายหรือไม เห็นวา เม่ือไมปรากฏวา
ผูฟองคดีท้ังเกาไดกระทําโดยจงใจใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหาย จึงมีประเด็นที่จะตอง
วินิจฉัยวา ผูฟองคดีทั้งเกาปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลอเปนเหตุใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ไดรับความเสียหายหรือไม เห็นวา ผูฟองคดีทั้งเกาดํารงตําแหนงนายตรวจศุลกากร สังกัด
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ เก่ียวกับกรณีบริษัท อ. กระทําการทุจริตในการขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
โดยบริษัทดงั กลา วมิไดมีการสงสินคาออกไปจริง แตไดแอบอางหมายเลขคอนเทนเนอรของผูสงออก
รายอ่ืนทมี่ กี ารสงออกจริงสําแดงในใบขนสินคาขาออก และไดนําใบขนสินคาขาออกฉบับมุมน้ําเงิน
ไปย่ืนขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร และไดรับเงินชดเชยจํานวน ๒,๐๕๑,๐๕๓.๑๐ บาท
ผูฟองคดีท้ังเกาซึ่งถูกกําหนดช่ือใหเปนนายตรวจศุลกากร ผูทําการตรวจปลอยสินคาและควบคุม
การบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร กรณีบริษัท อ. จึงมีหนาท่ีตรวจสอบความสมบรูณของใบขนสินคาขาออก
และเอกสารประกอบใบขนสินคาขาออก ตรวจสอบสินคาใหตรงตามที่สําแดงไวในใบขนสงสินคา
และควบคุมการบรรจุสินคา การท่ีผูฟองคดีทั้งเกาไมไดตรวจและควบคุมการบรรจุสินคา
เขาคอนเทนเนอร แตลงนามรับรองในเอกสารการสง ออก จึงเปนการไมป ฏิบัติตามขอ ๐๘ ๐๕ ๐๕
ของประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ และขอ ๒ ของคําสั่งกองตรวจสินคาขาออก
ลงวันท่ี ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ จึงเปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง เปนเหตุใหบริษัท อ.
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๓๒
รูถึงชองทางการทุจริตในการสงออกและนําใบขนสินคาขาออกฉบับมุมน้ําเงินมาขอรับเงินชดเชย
คา ภาษีอากร อนั ทําใหผ ถู กู ฟองคดีที่ ๑ เสียหาย อยางไรก็ดี เน่ืองจากคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
ที่เก่ียวของกับผูฟองคดีท่ี ๑ และท่ี ๗ ไมไดมีการวางฎีกาเบิกจาย จึงยังไมเกิดความเสียหายขึ้น
ผูฟองคดีท่ี ๑ และที่ ๗ จึงไมไดกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ สวนผูฟองคดีที่ ๒ ถึงท่ี ๖ ท่ี ๘
และที่ ๙ มีความเกี่ยวของกับคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร ซ่ึงมีการวางฎีกาเบิกจายไปแลว
จึงเปนการกระทําละเมิดตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และมาตรา ๘
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ.๒๕๓๙ แลว
กรณีมีประเด็นที่จะตองวินิจฉัยตอไปวา ผูฟองคดีที่ ๒ ถึงที่ ๖ ที่ ๘ และท่ี ๙
จะตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เพียงใด เห็นวา นายตรวจศุลกากร
มีหนาท่ีตรวจและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรและมีหนาที่ควบคุมศุลการักษ
ประทับดวงตรา กศก. หรือรอยแถบเหล็กท่ีคอนเทนเนอร สวนศุลการักษมีหนาท่ีชวยเหลือ
การปฏิบัติงานของนายตรวจศุลกากรในการตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร และมีหนาท่ี
ประทับดวงตรา กศก. หรือแถบเหล็กที่คอนเทนเนอร และขอเท็จจริงตามรายงาน
การสอบสวนขอเท็จจริงของคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง และรายงานของคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดวา เจาหนาท่ีผูใหถอยคําไดใหการสอดคลองกันวา ปริมาณงาน
ท่ไี ดรับมอบหมายใหปฏิบตั ใิ นแตละวันมีใบขนสนิ คาขาออกจํานวนมากไมสอดคลองกับอัตรากําลัง
เจาหนาที่ที่มีอยูจํากัดทําใหเจาหนาที่ไมอาจปฏิบัติหนาท่ีตามระเบียบปฏิบัติและคําส่ังดังกลาวได
จึงตองใชวิธีสุมตรวจใบขนสินคาขาออกเพียงบางฉบับ ซ่ึงการปฏิบัติงานของเจาหนาท่ีในลักษณะ
ดังกลาวผูบังคับบัญชาก็รับทราบ แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ ไมเคยตรวจสอบวา เจาหนาที่
ปฏิบัติหนาที่ถูกตองครบถวนตามระเบียบปฏิบัติและคําสั่งดังกลาวหรือไม อีกท้ังยังปรากฏ
ขอ เทจ็ จรงิ ในรายงานความเห็นของฝายวินัยของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ในกรณีดังกลาววา ชวงเวลาเกิด
การทุจริตน้ัน รัฐบาลมีนโยบายสงเสริมการสงออกทําใหมีปริมาณการสงออกเปนจํานวนมาก
ไมสอดคลองกับจํานวนเจาหนาที่ และเจาหนาที่ตองปฏิบัติงานใหแลวเสร็จในแตละวัน
เพื่อใหสินคาสามารถสงออกไดทันตามเวลากําหนดเรือออกจากทา ทําใหไมสามารถตรวจปลอยสินคา
ไดทุกใบขนสินคาขาออกจนตองใชวิธีการตรวจปลอยโดยสุมตรวจ อันเปนไปตามแนวทาง
แกไขปญหาของกองตรวจสินคาขาออกและผูบังคับบัญชา ผูสงออกจึงอาศัยชองวางที่เจาหนาท่ี
ไมส ามารถปฏบิ ตั ิหนา ทีไ่ ดโดยเครง ครัดกระทําการทจุ ริต ปญ หาที่เกดิ มิไดเกิดจากการปฏิบัติหนาท่ี
ของเจาหนาที่คนใดคนหน่ึง แตเกิดข้ึนกับเจาหนาที่ซ่ึงทําหนาที่ตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุ
สินคาเขาคอนเทนเนอรและศุลการักษผูทําหนาท่ีรอยดวงตราตะก่ัวทุกคน ประกอบกับ
เมื่อพิจารณาข้ันตอนและกระบวนการสงออกเพื่อขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออก
ประกอบดวยหลายขั้นตอน และเก่ียวของกับเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๑ หลายฝาย
แตละขั้นตอนเจาหนาที่ตองตรวจสอบความถูกตองของเอกสารตางๆ ที่เก่ียวของ แตกลับไมพบ
การทุจริตการสงออก จากขอเท็จจริงดังกลาวความเสียหายท่ีเกิดขึ้นจึงเกิดจากความผิดอยางหนึ่ง
อยางใดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ หรือเปนความบกพรองของระบบการดําเนินงานสวนรวมของ
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๓๓
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ แลวแตกรณีดวยเปนสําคัญ จึงตองหักสวนความรับผิดของหนวยงานของรัฐ
ออกสวนหนึ่งตามนัยมาตรา ๔๔๒ ประกอบกบั มาตรา ๒๒๓ วรรคหนง่ึ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย และมาตรา ๘ วรรคสาม แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ ซ่ึงในการออกคําส่ังใหผูฟองคดีที่ ๒ ถึงผูฟองคดีที่ ๖ ที่ ๘ และที่ ๙ ชดใชคาสินไหมทดแทน
ความเสียหาย นั้น ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มิไดหักสวนความรับผิดดังกลาวออก จึงเห็นควรหักสวน
ความรับผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๑ รอยละ ๕๐ ของความเสียหายท้ังหมด คงเหลือสวนความรับผิด
ของเจาหนาท่ีรอยละ ๕๐ และเน่ืองจากการกระทําละเมิดดังกลาวเกิดจากเจาหนาที่หลายคน
เมื่อพิจารณาพฤติการณแหงการกระทําและอํานาจหนาท่ีและความรับผิดชอบของเจาหนาท่ี
ตามมาตรา ๔๓๘ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และมาตรา ๘ วรรคสาม
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ นายตรวจศุลกากรมีหนาท่ี
โดยตรงในการตรวจสอบสินคาและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร รวมท้ัง
ควบคุมศุลการักษประทับดวงตราหรือรอยแถบเหล็กที่คอนเทนเนอร สวนศุลการักษมีหนาที่
ชวยการปฏิบัติงานของนายตรวจศุลกากรในการตรวจและบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร และ
ประทับดวงตราหรือรอยแถบเหล็กท่ีคอนเทนเนอร นายตรวจศุลกากรจึงมีหนาท่ีหลัก
ในการตรวจสอบและควบคุมความถูกตอ งของสินคาท่ีบรรจุเขาคอนเทนเนอร จึงเห็นวา นายตรวจ
ศุลกากรควรรับผิดรอยละ ๗๐ ของความรับผิดท่ีหักสวนความผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๑
สวนศุลการักษควรรับผิดรอยละ ๓๐ ของความรับผิดท่ีหักสวนความผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
กลาวคือ ผูฟองคดีท่ี ๒ ถึงที่ ๖ ท่ี ๘ และที่ ๙ ในฐานะนายตรวจศุลกากร ตองรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนความเสียหายท่ีตนมีสวนเกี่ยวของตามคําสั่งลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ ดังน้ี
ผูฟองคดีท่ี ๒ เก่ียวของกับความเสียหายของผูถูกฟองคดีที่ ๑ จํานวนท้ังส้ิน ๒๐๘,๙๕๔.๐๓ บาท
ตองรับผิดคิดเปนจํานวนเงิน ๗๓,๑๓๓.๙๑ บาท ผูฟองคดีท่ี ๓ เกี่ยวของกับความเสียหายของ
ผถู กู ฟอ งคดีที่ ๑ จํานวนเงินท้งั สนิ้ ๗๗,๗๕๒.๖๑ บาท ตอ งรบั ผิดคดิ เปนจํานวนเงิน ๒๗,๒๑๓.๔๑ บาท
ผูฟองคดีที่ ๔ เกี่ยวของกับความเสียหายของผูถูกฟองคดีที่ ๑ จํานวนเงินทั้งส้ิน ๑๙๕,๕๒๐.๘๕ บาท
ตองรับผิดคิดเปนจํานวนเงิน ๖๘,๔๓๒.๓๐ บาท ผูฟองคดีที่ ๕ เกี่ยวของกับความเสียหายของ
ผูถ ูกฟองคดที ี่ ๑ จาํ นวนเงนิ ทง้ั สิ้น ๖๐,๙๒๘.๗๔ บาท ตอ งรับผิดคิดเปนจํานวนเงนิ ๒๑,๓๒๕.๐๖ บาท
ผูฟองคดีที่ ๖ เกี่ยวของกับความเสียหายของผูถูกฟองคดีที่ ๑ จํานวนเงินทั้งส้ิน ๑๙๒,๔๘๗.๙๘ บาท
ตองรับผิดคิดเปนจํานวนเงิน ๖๗,๓๗๐.๗๙ บาท ผูฟองคดีท่ี ๘ เก่ียวของกับความเสียหายของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จํานวนเงินท้ังส้ิน ๒๒,๓๒๙.๘๔ บาท ตองรับผิดคิดเปนจํานวนเงิน ๗,๘๑๕.๔๔ บาท
และผูฟอ งคดที ่ี ๙ เกีย่ วของกบั ความเสยี หายของผูถ ูกฟอ งคดที ี่ ๑ จาํ นวนเงินทงั้ สิน้ ๒๒,๗๒๓.๙๐ บาท
ตองรับผิดคิดเปนจํานวนเงิน ๗,๙๕๓.๓๗ บาท ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่ง
ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๔๘ เฉพาะสวนที่สั่งใหผูฟองคดีท้ังเการับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนท้ังหมด โดยใหมีผลยอนหลังนับแตวันที่ออกคําสั่งดังกลาว คําขออ่ืนนอกจากนี้
ใหย ก นนั้ ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พองดว ยบางสว น
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๓๔
พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันที่ ๖ มิถุนายน
๒๕๔๘ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีที่ ๒ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๗๓,๑๓๓.๙๑ บาท
ที่ใหผูฟองคดีที่ ๓ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๒๗,๒๑๓.๔๑ บาท ท่ีใหผูฟองคดีที่ ๔
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๖๘,๔๓๒.๓๐ บาท ที่ใหผูฟองคดีท่ี ๕ รับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนเกินกวา ๒๑,๓๒๕.๐๖ บาท ที่ใหผูฟองคดีที่ ๖ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
เกินกวา ๖๗,๓๗๐.๗๙ บาท ที่ใหผ ูฟองคดีที่ ๘ รบั ผิดชดใชคา สนิ ไหมทดแทนเกินกวา ๗,๘๑๕.๔๔ บาท
และท่ีใหผูฟองคดีท่ี ๙ รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๗,๙๕๓.๓๗ บาท โดยใหมีผล
ยอนหลังไปถึงวันท่ีมีคําส่ังดังกลาว และยกฟองผูถูกฟองคดีที่ ๓ คําขออ่ืนนอกจากน้ี ใหยก
โดยมีขอสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดําเนินการใหเปนไปตามคําพิพากษาวา หากผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ไดรับการชดใชคาสินไหมทดแทนหรือสามารถบังคับคดีชําระหนี้ จากบริษัท อ. หรือผูรับโอน
บัตรภาษีไดเปนจํานวนเงินเทาใด ใหนําเงินจํานวนดังกลาวมาหักหรือคืนตามสวนแหงความรับผิด
แลวแตก รณใี หแกผ ฟู อ งคดีท่ี ๒ ถงึ ท่ี ๖ ที่ ๘ และที่ ๙
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๒๑๑/๒๕๖๓ (ประชุมใหญ)
ผูฟองคดีท้ังหกฟองวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (กรมศุลกากร) โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒
(อธิบดีกรมศุลกากร) ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ แจงใหผูฟองคดีท้ังหกใหชดใช
คาสินไหมทดแทน กรณีบริษัท ซ. ทุจริตในการสงออกเพื่อขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
โดยผูฟองคดีท้ังหกอุทธรณคําส่ังและไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณแลวเห็นวา คําส่ังดังกลาว
เปนคําสั่งที่ไมเปนธรรม ผูฟองคดีทั้งหกในฐานะศุลการักษไมมีหนาท่ีโดยตรงในการตรวจสินคาวา
ตรงตามท่ีสําแดงในเอกสารประกอบการสงออกหรือไม ความเสียหายไมไดเกิดจากการกระทํา
โดยจงใจหรือประมาทเลินเลอ จึงไมตองรับผิดชดใชคาเสียหาย อีกท้ังกระบวนการสอบสวน
และการรับฟงพยานหลักฐานไมชอบดวยกฎหมาย และเปนการออกคําสั่งใหผูฟองคดีท้ังหกชดใช
คาสนิ ไหมทดแทนเมือ่ พน ระยะเวลาตามกฎหมายแลว จงึ นาํ คดมี าฟอ งขอใหศ าลมีคําพิพากษาหรือ
คําสั่งเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีท้ังหก
ชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีบริษัท ซ. ทุจริตการสงออกเพื่อขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
เห็นวา ผูฟองคดีท้ังหกดํารงตําแหนงศุลการักษในสังกัดหนวยงานของผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีหนาที่
รอ ยดวงตราตะกัว่ กศก. หรอื แถบเหล็ก RTC ท่ีคอนเทนเนอร โดยผูฟองคดีทั้งหกไดลงชื่อในใบขน
สินคาขาออก ซ่ึงบริษัท ซ. ไดนําไปยื่นคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร โดยมีการออกบัตรภาษีให
และไดโอนบัตรภาษีดังกลาวใหแกบริษัทอื่นแลว ซ่ึงตอมามีการนําบัตรภาษีดังกลาวไปใช
โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดวางฎีกาเบิกเงินชดเชยคาภาษีอากรตามบัตรภาษีของบริษัท ซ. แลว
จึงเปนเหตุใหมีความเสียหายเปนเงินตามจํานวนที่ระบุในบัตรภาษีเกิดข้ึนแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
กรณจี งึ ถอื ไดวาวนั ทว่ี างฎีกาเปนวันกระทําละเมิดแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ เม่ือคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิด ไดสรุปผลการสอบสวนพรอมท้ังเสนอความเห็นตอผูถูกฟองคดีท่ี ๒ วา
ไมม ีเจา หนา ท่ีผูใดตองรับผดิ ในมูลละเมิด แตผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดพิจารณาและมีความเห็นเม่ือวันที่
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๓๕
๒๑ มนี าคม ๒๕๔๘ วาไมเ ห็นพองดว ยกบั ความเหน็ ดงั กลา ว แตเ หน็ พอ งดวยกับความเห็นของฝายวินัย
ที่เสนอวา ผูฟองคดีทั้งหกปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง อันเปนชองทางทําให
ผสู งออกทําการทจุ ริตในการขอรบั เงนิ ชดเชยคาภาษีอากรกอ ใหเกิดความเสียหายแกรัฐ ผูฟองคดีท้ังหก
จึงตองรับผิดอยางลูกหน้ีรวมรวมกับนายตรวจศุลกากรในความเสียหายที่เกิดข้ึน จึงถือวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ รูตัวเจาหนาที่ผูจะพึงตองใชคาสินไหมทดแทนเมื่อวันท่ี ๒๑ มีนาคม ๒๕๔๘
ตอมา ไดมีการรายงานผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดไปยังผูถูกฟองคดีท่ี ๓
(กระทรวงการคลัง) และภายหลังจากผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดมีหนังสือแจงผลการพิจารณาความรับผิด
ทางละเมิด ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําสั่งลงวันท่ี ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ อันเปนการออกคําส่ังเรียกให
ชดใชคาสินไหมทดแทนภายในกําหนดเวลาสองป นับแตวันที่รูถึงตัวเจาหนาท่ีผูจะพึงตองใช
คาสินไหมทดแทน ตามนัยมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี
พ.ศ. ๒๕๓๙ และเมื่อคําส่ังดังกลาวเปนคําส่ังทางปกครองตามคํานิยามในมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ.
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ จึงตองถือวาผูถูกฟองคดีที่ ๑ ใชสิทธิเรียกรอง
โดยสมบูรณแกผูฟองคดีทั้งหก เมื่อวันท่ี ๙ ธันวาคม ๒๕๔๘ วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๔๘ วันที่
๒๑ ธนั วาคม ๒๕๔๘ วันท่ี ๑๔ ธนั วาคม ๒๕๔๘ วันท่ี ๙ ธันวาคม ๒๕๔๘ และวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๘
ตามลําดับ อันเปนวันท่ีผูฟองคดีทั้งหกไดรับแจงคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ทั้งน้ี ตามนัยมาตรา ๔๒
วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา ๖๙ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว จึงยังอยูภายในอายุความ
สิบปนับแตเกิดเหตุละเมิด ตามนัยมาตรา ๔๔๘ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ซึ่งในการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําสั่งแตงต้ังคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเพ่ือทราบวา มีเจาหนาที่คนใดตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเทาใด
ตามขอ ๘ ของระเบียบสาํ นกั นายกรฐั มนตรี วาดวยหลกั เกณฑก ารปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยคณะกรรมการดังกลาวไดรวบรวมพยานหลักฐานจากสํานวนการสอบสวน
ขอเท็จจริง และไดสอบปากคําเจาหนาท่ีที่เก่ียวของกับการสงสินคาออกทุกฝายรวมท้ังผูฟองคดีท้ังหก
โดยผูฟองคดีท้ังหกยืนยันตามคําใหการเดิมที่ใหถอยคําไวในฐานะเจาหนาท่ีผูปฏิบัติหนาที่ท่ีเก่ียวของ
ตอคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงอันเปนถอยคําที่เปนประโยชนแกตน รวมทั้งโตแยงและ
แสดงพยานหลักฐานวาผูฟองคดีทั้งหกมิไดมีสวนเก่ียวของกับการกระทําทุจริตของบริษัท ซ.
กรณีจึงถือไดวาผูฟองคดีท้ังหกเขาใจในเร่ืองการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดในกรณีดังกลาว
เปนอยางดี และถือเปนการใหโอกาสแกผูฟองคดีทั้งหกไดชี้แจงขอเท็จจริงและโตแยงแสดง
พยานหลักฐานของตนอยางเพียงพอและเปนธรรมแลวตามมาตรา ๓๐ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ.
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และหลังจากผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดการรายงานผล
การสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดใหผูถูกฟองคดีที่ ๓ พิจารณาตรวจสอบและไดรับแจง
ผลการพจิ ารณาแลว ผถู กู ฟองคดีที่ ๒ จึงมีคําส่ังลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ เรียกใหผูฟองคดีทั้งหก
ชดใชคาสินไหมทดแทน และแจงคําส่ังใหผูฟองคดีท้ังหกทราบโดยชอบแลว อันเปนการปฏิบัติ
ตามขอ ๑๕ ขอ ๑๖ ขอ ๑๗ ขอ ๑๘ และขอ ๑๙ ของระเบียบดังกลาว กระบวนการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดจึงเปนไปโดยชอบแลว และการท่ีกรมบัญชีกลางในฐานะผูรับมอบอํานาจ
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๓๖
จากผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดพิจารณาแลวมีคําวินิจฉัยใหผูฟองคดีทั้งหกรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงเปนการพิจารณาและวินิจฉัยโดยปฏิบัติตามระเบียบดังกลาวเชนกัน
เมื่อศุลการักษมีหนาท่ีรอยแถบเหล็ก RTC หรือประทับดวงตราตะก่ัว กศก. แลวใหตัวแทนเรือ
หรือผูสงออกลงช่ือรับรองสินคาและดวงตราตะกั่ว กศก. ในใบกํากับคอนเทนเนอรสวนหนึ่ง
กับมีหนา ทช่ี วยเหลอื การปฏิบัติงานของนายตรวจศุลกากรหรือสารวัตรศุลกากรในการตรวจและบรรจุ
สินคาเขาคอนเทนเนอรอีกสวนหนึ่ง ตามขอ ๓ และขอ ๔ ของคําส่ังทั่วไปกรมศุลกากร ที่ ๑๓/๒๕๓๐
ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ ผูฟองคดีทั้งหกในฐานะศุลการักษจึงมิไดมีหนาท่ีเพียงประทับตราตะกั่ว
กศก. หรือรอยแถบเหล็ก RTC เทาน้ัน หากแตยังมีหนาท่ีชวยเหลือการปฏิบัติงานของนายตรวจศุลกากร
หรือสารวัตรศุลกากรในการตรวจปลอยสินคาและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรดวย
โดยไมจําตองใหผูบังคับบัญชาหรือนายตรวจศุลกากรสั่งการใหมีหนาท่ีชวยเหลือการปฏิบัติงาน
ดังกลาวซํ้าอีกคร้ังหน่ึง และเมื่อผลการสอบขอเท็จจริงกรณีผูสงออกรายบริษัท ซ. ปรากฏวา
บริษัทดังกลาวเปนผูสงออกสินคาไปยังตางประเทศเพื่อขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออก
ท่ีผลิตในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ. ชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออกที่ผลิตในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๒๔ จํานวน ๑๒๓ ชุดคําขอ ตามใบขนสินคาขาออกจํานวน ๑๓๙ ฉบับ ซ่ึงมีมูลคาสงออกรวม
๒๗๑,๘๕๘,๓๖๒.๙๖ บาท และไดรับเงินชดเชยในรูปแบบบัตรภาษีจํานวน ๑๑,๕๑๓,๓๐๑.๕๑ บาท
โดยมีการวางฎีกาเบิกเงินไปแลวจํานวน ๑๑,๒๖๕,๖๓๕.๕๙ บาท ซ่ึงบริษัทดังกลาวมิไดสงสินคาออกจริง
แตจัดทําบัญชีสินคาสําหรับเรือเปนเท็จ จึงเชื่อไดวา บริษัท ซ. ไมไดมีการสงสินคาออกไปนอก
ราชอาณาจักรตามท่ีสําแดงไวในใบขนสินคาขาออก การที่ผูฟองคดีทั้งหกในฐานะศุลการักษละเลย
ไมชวยเหลือนายตรวจศุลกากรทําการตรวจปลอยสินคาและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร
เปนชองทางใหผสู งออกสนิ คา สามารถกระทาํ การทุจรติ ไดโดยงาย และเมื่อบริษัท ซ. ไดนําเอกสาร
รับรองการตรวจปลอยสินคาและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรที่ลงลายมือช่ือรับรอง
โดยนายตรวจศุลกากรผูทําหนาที่ตรวจสินคาและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร และ
ใบกาํ กับคอนเทนเนอรท ่ีมลี ายมอื ช่ือของผูฟองคดีทั้งหกในฐานะศุลการักษไปใชเสนอตอเจาหนาที่ศุลกากร
ในข้ันตอนอื่น จนสามารถย่ืนคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรและไดนําบัตรภาษีไปใชประโยชนแลว
อันเปนการกระทาํ การทจุ ริตไดส ําเร็จนั้น พฤติการณของผูฟองคดีท้ังหกยอมถือไดวาเปนการกระทําละเมิด
ตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ในการปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง ซึ่งผูถูกฟองคดีที่ ๑
โดยผถู ูกฟองคดีท่ี ๒ มีอํานาจออกคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีทั้งหกชดใชคาสินไหมทดแทนจากความเสียหาย
ที่เกิดข้ึน ตามนัยมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ได
สวนประเด็นวาผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเพียงใด ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ
ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เห็นวา การกระทําละเมิดในคดีน้ีเกิดข้ึนกอนที่ พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ จะมีผลใชบังคับ ในสวนของความรับผิดทางละเมิดซึ่งเปน
สวนสารบัญญัติจึงตองพิจารณาเปนไปตามหลักเกณฑในประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
อันเปนกฎหมายท่ีใชบังคับอยูในขณะที่มีการกระทําละเมิดเกิดขึ้น เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา
ขณะเกิดเหตุละเมิดคดีน้ีมีปริมาณการสงออกสินคาของผูสงออกโดยรวมจํานวนมาก เน่ืองจาก
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๓๗
รัฐบาลในขณะน้ันมีนโยบายสงเสริมการสงออก การกระทําละเมิดของนายตรวจศุลกากรและ
ผูฟองคดีท้ังหกในฐานะศุลการักษท่ีจึงเกิดจากความผิดหรือความบกพรองของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ที่ไมได
จัดสรรอัตรากําลังเจาหนาท่ีในตําแหนงนายตรวจศุลกากรหรือสารวัตรศุลกากรและศุลการักษ
ในขั้นตอนการตรวจปลอยสินคา เพ่ือใหมีจํานวนเพียงพอกับปริมาณงานการตรวจปลอยสินคา
ท่ีสงบรรจุเขาคอนเทนเนอรเพิ่มมากข้ึน อันเปนผลสืบเนื่องมาจากนโยบายการสงเสริมการสง
สินคาออกดังกลาว ประกอบกับหลักเกณฑของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท่ีกําหนดใหผูสงออกใชใบขนสินคา
ขาออกฉบับมุมนํ้าเงินพรอมกับเอกสารท่ีเก่ียวของมาเปนหลักฐานในการย่ืนคําขอรับเงินชดเชย
คาภาษีอากร โดยไมมีการนําบัญชีสินคาสําหรับเรือมาพิจารณาประกอบการจายบัตรภาษีใหแก
ผูสงออก แตในช้ันการตรวจสอบวาผูสงออกที่ยื่นคําขอนั้นไดสงสินคาออกไปตางประเทศจริงหรือไม
ผถู ูกฟองคดีที่ ๑ กลับนําบัญชีสินคาสําหรับเรือมาใชเปรียบเทียบกับรายการสินคาท่ีปรากฏในใบขนสินคา
ขาออกดวย ซ่ึงหากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดกําหนดใหใชบัญชีสินคาสําหรับเรือ มาตรวจสอบในการ
พิจารณาคําขอดังกลาว ก็จะเปนการปองกันหรือลดทอนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกลาวได
ซ่งึ ถือเปนความบกพรองของการดําเนินงานของผูถูกฟองคดที ี่ ๑ ซ่งึ ความบกพรอ งดงั กลาวมพี ฤติการณ
ไมย งิ่ หยอ นไปกวาการจงใจหรือความประมาทเลนิ เลอ อยา งรายแรงของเจา หนาที่ จึงเห็นสมควรให
หักสวนความรับผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ออกรอยละ ๕๐ ของจํานวนคาเสียหายทั้งหมด
ตามนัยยะของมาตรา ๔๔๒ ประกอบมาตรา ๔๓๘ วรรคหน่ึง และมาตรา ๒๒๓ วรรคหน่ึง
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และโดยที่เหตุละเมิดเกิดข้ึนในข้ันตอนการตรวจปลอยสินคา
ซึ่งมีนายตรวจศุลกากรเปนผูมีหนาท่ีตรวจปลอยสินคาและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร
โดยตรง และมีศุลการักษเปน ผูม ีหนาทชี่ วยเหลือการปฏิบัติงานของนายตรวจศุลกากรในการตรวจ
ปลอยสินคาและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร และประทับดวงตราตะก่ัว กศก. หรือ
รอยแถบเหลก็ RTC และเมอื่ พจิ ารณาถึงอาํ นาจหนาที่และสภาพความรายแรงแหงการกระทําแลว
จะเห็นวา นายตรวจศุลกากรมีความรับผิดชอบมากกวาศุลการักษ ดังนั้น สัดสวนแหงความรับผิด
ตามความรายแรงแหง การกระทาํ ละเมดิ ในกรณีดังกลาว นายตรวจศุลกากรจึงมีมากกวาศุลการักษ
จึงเห็นควรใหนายตรวจศุลกากรตองรับผิดในอัตรารอยละ ๗๐ ของมูลคาความเสียหายหลังหักสวน
ความรบั ผดิ ของผูถูกฟอ งคดที ่ี ๑ ออกแลวในอัตรารอยละ ๕๐ ของมูลคาความเสียหาย สวนศุลการักษ
ตองรับผิดในอัตรารอยละ ๓๐ ของมูลคาความเสียหายหลังหักสวนความรับผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ออกแลวในอัตรารอยละ ๕๐ ของมูลคาความเสียหาย ตามใบขนสินคาขาออกแตละฉบับท่ีตนเกี่ยวของ
เม่ือผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เกี่ยวของกับคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรจํานวน ๗๔ ฉบับ รวมเปนเงิน
๗,๐๙๙,๗๙๔.๗๗ บาท ผูฟองคดีท่ี ๒ เกี่ยวของกับคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรจํานวน ๑๓ ฉบับ
เปนเงิน ๑,๒๕๕,๐๔๗.๗๒ บาท ผูฟองคดีท่ี ๓ เก่ียวของกับคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
จํานวน ๙ ฉบับ เปนเงิน ๘๖๓,๘๔๑.๐๓ บาท กรณีผูฟองคดีที่ ๔ เกี่ยวของกับคําขอรับเงินชดเชย
คา ภาษอี ากรจํานวน ๒ ฉบับ เปนเงิน ๔๖,๘๖๒.๐๖ บาท กรณีผูฟองคดีท่ี ๕ เก่ียวของกับคําขอรับเงิน
ชดเชยคาภาษีอากรจํานวน ๕ ฉบับ เปนเงิน ๑๑๓,๔๔๒.๙๕ บาท และผูฟองคดีที่ ๖ เก่ียวของกับ
คําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรจํานวน ๕ ฉบับ เปนเงิน ๑๑๒,๒๒๕.๒๔ บาท ซึ่งมีการออกบัตรภาษี
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๓๘
ใหแกบ ริษทั ซ. เม่ือวันท่ี ๑๗ มิถุนายน ๒๕๓๙ และไดมีการวางฎีกาเบิกเงินจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แลว
ผูถ ูกฟอ งคดีท้งั หกจึงตอ งรบั ผดิ เปนเงิน ๑,๐๖๔,๙๖๙.๒๒ บาท ๑๘๘,๒๕๗.๑๖ บาท ๑๒๙,๕๗๖.๑๕ บาท
๗,๐๒๙.๓๑ บาท ๑๗,๐๑๖.๔๔ บาท และ๑๖,๘๓๓.๗๙ บาท ตามลําดับ ท่ีศาลปกครองชั้นตนมีคําพิพากษา
ใหเพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ บางสวน โดยใหผูฟองคดีที่ ๑ รับผิดรวมกับนาย ว.
นายตรวจศุลกากร จํานวน ๓,๕๔๙,๘๙๗.๓๘ บาท ใหผูฟองคดีท่ี ๒ รับผิดรวมกับนาย ว.
นายตรวจศุลกากร จํานวน ๖๒๗,๕๒๓.๘๖ บาท ใหผ ูฟอ งคดที ่ี ๓ รบั ผิดรวมกบั ส. นายตรวจศุลกากร
จํานวน ๔๓๑,๙๒๐.๕๑ บาท ใหผูฟองคดีที่ ๔ รับผิดรวมกับนาย ป. นายตรวจศุลกากร เปนเงิน
จํานวน ๒๓,๔๓๑.๐๓ บาท ใหผูฟองคดีที่ ๕ รับผิดรวมกับนาย ป. นายตรวจศุลกากร เปนเงิน
จํานวน ๕๖,๗๒๑.๔๗ บาท และใหผฟู องคดที ี่ ๖ รบั ผดิ รวมกับนาย ป. นายตรวจศุลกากร เปนเงิน
จํานวน ๕๖,๑๑๒.๖๒ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปต้ังแตวันที่ออกคําส่ัง คําขออื่นนอกจากนี้ใหยกเสีย นั้น
ศาลปกครองสงู สุดเหน็ พอ งดว ยบางสว น
พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๒๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ เฉพาะในสวนท่ีให
ผูฟองคดีท่ี ๑ ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ เกินกวาจํานวน ๑,๐๖๔,๙๖๙.๒๒ บาท
ใหผูฟองคดีท่ี ๒ ชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑๘๘,๒๕๗.๑๖ บาท ใหผูฟองคดีที่ ๓
ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนเกนิ กวา จํานวน ๑๒๙,๕๗๖.๑๕ บาท ใหผูฟองคดีที่ ๔ ชดใชคาสินไหมทดแทน
เกินกวาจํานวน ๗,๐๒๙.๓๑ บาท ใหผูฟองคดีที่ ๕ ชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑๗,๐๑๖.๔๔ บาท
และใหผูฟ องคดีที่ ๖ ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนเกนิ กวาจํานวน ๑๖,๘๓๓.๗๙ บาท นอกจากที่แกใหเปนไป
ตามคาํ พพิ ากษาของศาลปกครองช้นั ตน
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๒๑๙/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ)
ผูฟองคดี (กรมศุลกากร) ฟองวา ผูถูกฟองคดีทั้งหาเปนทายาทโดยธรรมผูมีสิทธิ
รับมรดกของนาย อ. ซึ่งถึงแกความตายเม่ือวันท่ี ๒ พฤษภาคม ๒๕๔๙ และไดรับมรดกจาก
เงินบําเหน็จตกทอดเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๔๙ เปนเงินจํานวน ๑๘๘,๓๔๐ บาท และทรัพยมรดกอ่ืนๆ
ตองรับผิดในหนี้จากการกระทําละเมิดของนาย อ. เจามรดกไมเกินทรัพยมรดกที่ทายาทไดรับ
ซ่งึ ขณะเกดิ เหตลุ ะเมิดนาย อ. ดํารงตาํ แหนง เจาหนา ที่ศลุ การกั ษ กองตรวจสินคาขาออก ผูฟองคดี
ไดร ับรายงานการตรวจสอบพบวา บริษัท ฟ. มิไดมีการสงสินคาออกนอกราชอาณาจักร โดยคอนเทนเนอร
ท่ีถูกระบุไวในใบขนสินคาขาออกของ บริษัท ฟ. เปนคอนเทนเนอรที่บรรจุสินคาสงออกของ
ผูสงออกรายอื่น โดยมีนาย อ. ศุลการักษ และนายตรวจศุลกากรผูทําหนาท่ีรวมตรวจปลอยสินคา
ตามใบขนสินคาขาออกท่ีไมมีสินคาของบริษัทดังกลาว ไดรวมกระทําการโดยประมาทปราศจาก
ความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาท่ีตามระเบียบแบบแผนของผูฟองคดี โดยนาย อ. รวมกับนายตรวจศุลกากร
ไดทําการตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรโดยไมปฏิบัติตามขอ ๐๓ ๐๒ ๐๕
ขอ ๐๘ ๐๕ ๐๑ และขอ ๐๘ ๐๕ ๐๕ ของประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ คําส่ัง
กองตรวจสินคา ขาออก ท่ี ๑๓/๒๕๓๐ ลงวันท่ี ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ และคําสั่งตางๆ แตไดทําการสลักหลัง
รายการตรวจปลอยและการควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรไวดานหลังใบขนสินคาขาออก
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๓๙
รับรองการตรวจสินคาใหแกผูสงออกตามใบขนสินคาขาออกจํานวน ๕ ฉบับ และไดมีการนําสําเนาเอกสาร
ใบขนสินคาขาออกฉบับมุมนํ้าเงินมาขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรสําหรับสินคาสงออก ซ่ึงผูฟองคดี
ไดจา ยเงินชดเชยคาภาษีอากรในรปู บตั รภาษีไปใหแก บรษิ ัท ฟ. เปน เงินชดเชยคา ภาษีอากรจํานวนรวม
๓๑,๙๑๖.๒๙ บาท ผูถูกฟองคดีทั้งหาซึ่งเปนทายาทโดยธรรมของนาย อ. จึงตองรวมกันรับผิดชดใชเงิน
จาํ นวน ๓๑,๙๑๖.๒๙ บาท ดังกลา ว ใหแ กผ ูฟอ งคดี ผฟู อ งคดไี ดแ จงใหผถู กู ฟอ งคดที ง้ั หาชําระคาเสียหาย
ดังกลาวแลว แตไมมีผูใดนําเงินมาชําระ ผูถูกฟองคดีท้ังหาจึงตองชดใชเงินจํานวนดังกลาว
พรอมดวยดอกเบี้ยรอยละเจ็ดคร่ึงตอปนับแตวันท่ีรับบัตรชดเชยภาษี จนถึงวันฟองเปนเงิน
๒๓,๒๗๓.๖๘ บาท รวมเปนเงินทั้งสิ้น ๕๕,๑๘๙.๙๗ บาท ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังหารวมกันหรือแทนกันชําระเงินจํานวน ๕๕,๑๘๙.๙๗ บาท
พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของเงินตนจํานวน ๓๑,๙๑๖.๒๙ บาท นับแตวันฟอง
จนกวาจะชาํ ระเสรจ็ แกผฟู อ งคดี และใหค ืนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดแกผฟู อ งคดีดว ย เหน็ วา เมื่อ
ขอเท็จจริงปรากฏวานาย อ. ไดรับการกําหนดชื่อใหทําหนาท่ีศุลการักษ ไดลงนามรับรอง
ในเอกสารประกอบการสงออกของ บริษัท ฟ. วามีสินคาสงออกจริง แตปรากฏวาบริษัทดังกลาว
มไิ ดส ง สนิ คา ออกไปจรงิ ตามที่ไดสาํ แดงไวในใบขนสินคาขาออก โดยมีการจัดทําบัญชีสินคาสําหรับเรือ
เปนเท็จและแอบอางหมายเลขคอนเทนเนอรท่ีใชบรรจุสินคาของผูสงออกรายอ่ืนมาเปนตูสินคา
ของตนเอง อันเปนชอ งทางใหบริษัทดังกลาวกระทําการทุจริตในการขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
หากนาย อ. ในฐานะศลุ การกั ษไ ดใชความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาที่แตเพียงเล็กนอยยอมทราบไดวา
ไมมีสินคาของบริษัทดังกลาวบรรจุอยูในคอนเทนเนอรท่ีสงออก พฤติการณจึงเปนการปฏิบัติ
โดยประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย อันเปนการกระทําละเมิด
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย รวมเปน คา เสียหายท้ังสิ้น ๑๐๖,๓๘๗.๕๙ บาท
ท้ังนี้ ไดมีการวางฎีกาเพ่ือเบิกเงินตามใบขนสินคาขาออกทั้งหาฉบับดังกลาวแลว แตเม่ือพิจารณา
ตามพฤติการณแหงกรณีแลว การที่ผูฟองคดีไมไดจัดสรรอัตรากําลังเจาหนาท่ีในตําแหนง
นายตรวจศุลกากรและศุลการักษในขั้นตอนการตรวจปลอยสินคาเพื่อใหเพียงพอกับปริมาณงาน
การตรวจปลอยสินคาสงออกที่บรรจุเขาคอนเทนเนอรเพ่ิมมากขึ้น อันเปนผลสืบเนื่องมาจากนโยบาย
การสงเสรมิ การสง สินคา ออกของรัฐบาลในขณะนัน้ โดยผูฟองคดไี ดร บั ทราบสภาพปญหาและไดม คี ําส่ัง
กรมศุลกากร ที่ ๑๖๖/๒๕๔๕ เร่ือง ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการตรวจปลอย การบรรจุ การขนสง
และการบรรทุกสนิ คาทสี่ ง ออกดว ยระบบคอนเทนเนอร ลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๕ และคําส่ัง
กรมศุลกากร ที่ ๒๓๙/๒๕๔๖ เร่ือง ระเบียบปฏิบัติเก่ียวกับการตรวจปลอย การบรรจุ การขนสง
และการบรรทุกสินคาท่ีสงออกทางเรือดวยระบบคอนเทนเนอร ลงวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๖
ทีก่ าํ หนดใหม ีการสุมตรวจใบขนสนิ คา และยกเวนการตรวจและควบคุมการบรรจุสินคาในบางกรณี
เพือ่ ใหการปฏิบัติพิธีการศลุ กากรเกี่ยวกับการตรวจปลอ ย และควบคมุ การบรรจสุ นิ คาท่ีสงออกทาง
เรือดวยระบบคอนเทนเนอรไดรับความสะดวกรวดเร็ว ดังน้ัน เม่ือความเสียหายที่เกิดข้ึนเกิดจาก
ความบกพรองของระบบงานของผูฟองคดีไมยิ่งหยอนไปกวาการกระทําของเจาหนาที่ จึงสมควรหัก
สวนแหงความบกพรองของผูฟองคดีออกรอยละ ๕๐ ของคาเสียหายที่นาย อ. จะตองรับผิด กรณี
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๔๐
ความเสียหายจากการทุจริตของ บริษัท ฟ. ตาม (๑) ใบขนสินคาขาออกเลขท่ี ๐๒๑๒ ๒๐๑๐ ๐๕๓๑๘
ความเสียหายเปนเงิน ๒๒,๑๙๕.๗๒ บาท หักสวนความบกพรองของผูฟองคดีออกรอยละ ๕๐
คงเหลือ ๑๑,๐๙๗.๘๖ บาท (๒) ใบขนสินคาขาออกเลขท่ี ๐๒๑๒ ๒๐๑๐ ๐๕๙๑๔ ความเสียหาย
เปนเงิน ๒๑,๗๘๒.๓๔ บาท หักสวนความบกพรองของผูฟองคดีออกรอยละ ๕๐ คงเหลือ ๑๐,๘๙๑.๑๗ บาท
(๓) ใบขนสินคาขาออกเลขท่ี ๐๒๑๒ ๒๐๑๐ ๐๕๓๒๙ ความเสียหายเปนเงิน ๒๐,๙๘๗.๓๖ บาท
หกั สว นความบกพรองของผูฟอ งคดอี อกรอ ยละ ๕๐ คงเหลือ ๑๐,๔๙๓.๖๘ บาท (๔) ใบขนสินคาขาออก
เลขที่ ๐๒๑๒ ๒๐๑๐ ๐๕๙๒๕ ความเสียหายเปนเงิน ๒๒,๑๓๒.๑๒ บาท หักสวนความบกพรอง
ของผูฟองคดีออกรอยละ ๕๐ คงเหลือ ๑๑,๐๖๖.๐๖ บาท (๕) ใบขนสินคาขาออกเลขที่ ๐๒๑๒
๒๑๒๙ ๑๐๑๕๙ ความเสียหายเปนเงิน ๑๙,๒๙๐.๐๕ บาท หักสวนความบกพรองของผูฟองคดี
ออกรอยละ ๕๐ คงเหลือ ๙,๖๔๕.๐๓ บาท และโดยท่ีมีผูกระทําผิดหลายคน ไดแก นายตรวจศุลกากร
และศุลการกั ษ โดยนายตรวจศลุ กากรมหี นา ท่ีตรวจสอบสินคาตามใบขนสินคาวาถูกตองตรงตามท่ี
สาํ แดงไวในใบขนสินคาหรอื ไม หากเห็นวาถูกตองจึงใหบรรจุสินคาที่ตรวจปลอยแลวเขาคอนเทนเนอร
และควบคุมการบรรจุสินคาจนเสร็จ สวนศุลการักษมีหนาท่ีประทับดวงตรา กศก. หรือรอยแถบเหล็ก RTC
ท่ีคอนเทนเนอร และชวยเหลือการปฏิบัติงานของนายตรวจศุลกากรในการตรวจและบรรจุสินคา
เขาคอนเทนเนอรดวย เม่ือการกระทําของเจาหนาที่แตละคนแยกจากกัน โดยนายตรวจศุลกากร
มีหนาที่รับผิดชอบในการตรวจสอบสนิ คาตามใบขนสินคาโดยตรง สว นศลุ การักษมีหนาท่ีเพียงชวยเหลือ
นายตรวจศุลกากรเทานั้น จึงเห็นควรใหศุลการักษรับผิดในสัดสวนท่ีนอยกวาเพียงรอยละ ๓๐
ของเงินสวนท่ีเหลือในแตละใบขนสินคาขาออกท่ีเก่ียวของ ดังนี้ (๑) ใบขนสินคาขาออกเลขที่ ๐๒๑๒
๒๐๑๐ ๐๕๓๑๘ หักออกรอยละ ๕๐ คงเหลือ ๑๑,๐๙๗.๘๖ บาท รับผิดรอยละ ๓๐ คิดเปนเงิน
๓,๓๒๙.๓๖ บาท (๒) ใบขนสินคาขาออกเลขท่ี ๐๒๑๒ ๒๐๑๐ ๐๕๙๑๔ หักออกรอยละ ๕๐
คงเหลือ ๑๐,๘๙๑.๑๗ บาท รับผิดรอยละ ๓๐ คิดเปนเงิน ๓,๒๖๗.๓๕ บาท (๓) ใบขนสินคาขาออก
เลขที่ ๐๒๑๒ ๒๐๑๐ ๐๕๓๒๙ หักออกรอยละ ๕๐ คงเหลือ ๑๐,๔๙๓.๖๘ บาท รับผิดรอยละ ๓๐
คิดเปนเงิน ๓,๑๔๘.๑๐ บาท (๔) ใบขนสินคาขาออกเลขท่ี ๐๒๑๒ ๒๐๑๐ ๐๕๙๒๕ หักออกรอยละ ๕๐
คงเหลือ ๑๑,๐๖๖.๐๖ บาท รับผิดรอยละ ๓๐ คิดเปนเงิน ๓,๓๑๙.๘๒ บาท (๕) ใบขนสินคาขาออก
เลขที่ ๐๒๑๒ ๒๑๒๙ ๑๐๑๕๙ หักออกรอยละ ๕๐ คงเหลือ ๙,๖๔๕.๐๓ บาท รับผิดรอยละ ๓๐
คิดเปนเงิน ๒,๘๙๓.๕๑ บาท รวมเปนเงินท้ังสิ้น ๑๕,๙๕๘.๑๔ บาท ท้ังนี้ ตามมาตรา ๘
และมาตรา ๑๐ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดีท้ังหา
ในฐานะทายาทโดยธรรม จึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีไมเกินกวาทรัพยมรดก
ท่ตี กทอดไดแ กตนเปนเงนิ จาํ นวน ๑๕,๙๕๘.๑๔ บาท ทงั้ น้ี ตามมาตรา ๑๖๐๐ และมาตรา ๑๖๐๑
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย และเม่ือไดวินิจฉัยแลววานาย อ. ปฏิบัติหนาที่โดยประมาท
เลนิ เลออยา งรายแรงและตอ งรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนตอผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๑๕,๙๕๘.๑๔ บาท
โดยคิดดอกเบี้ยตามมาตรา ๒๒๔ วรรคหน่งึ ประกอบมาตรา ๒๐๖ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว
ตั้งแตวันทําละเมิด คือ วันวางฎีกา ดังนี้ ตามใบขนสินคาขาออกเลขที่ ๐๒๑๒ ๒๐๑๐ ๐๕๓๑๘
รับผิดเปนเงิน ๓,๓๒๙.๓๖ บาท และใบขนสินคาขาออกเลขท่ี ๐๒๑๒ ๒๐๑๐ ๐๕๙๑๔ รับผิดเปนเงิน
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๔๑
๓,๒๖๗.๓๕ บาท พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละ ๗.๕ นับแตวันท่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๐ ซ่ึงเปนวัน
ทําละเมิด กรณตี ามใบขนสนิ คา ขาออกเลขที่ ๐๒๑๒ ๒๐๑๐ ๐๕๓๒๙ รับผิดเปนเงิน ๓,๑๔๘.๑๐ บาท
และใบขนสินคา ขาออกเลขที่ ๐๒๑๒ ๒๐๑๐ ๐๕๙๒๕ รับผิดเปนเงิน ๓,๓๑๙.๘๒ บาท พรอมดอกเบี้ย
อัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันท่ี ๙ มิถุนายน ๒๕๔๐ ซ่ึงเปนวันทําละเมิด กรณีใบขนสินคา
ขาออกเลขที่ ๐๒๑๒ ๒๑๒๙ ๑๐๑๕๙ รับผิดเปนเงิน ๒,๘๙๓.๕๑ บาท พรอมดอกเบ้ียอัตรารอยละ
๗.๕ ตอป นับแตวันท่ี ๑๔ สิงหาคม ๒๕๔๐ ซ่ึงเปนวันทําละเมิดจนถึงวันฟองคดี สวนประเด็น
การกําหนดคําบังคับนั้น ศาลปกครองสูงสุดโดยมติท่ีประชุมใหญพิเคราะหแลวเห็นวา เม่ือปรากฏวา
ในการวินิจฉัยคดีที่กรมศุลกากรฟองทายาทของเจาหนาที่ใหรับผิดชดใชคาเสียหายในกรณีเจาหนาท่ี
กระทาํ ละเมิดในการปฏิบัตหิ นาที่ กรณมี ีการทุจริตขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรตามใบขนสินคาขาออก
ศาลปกครองไดกําหนดคําบังคับในคําพิพากษาคดีลักษณะเดียวกันน้ีวา หากผูฟองคดี (กรมศุลกากร)
ไดรับการชดใชเงินคืน หรือสามารถบังคับชําระหน้ีจากผูที่ไดรับเงินชดเชยคาภาษีอากรในกรณีน้ี
เปน เงินจํานวนเทาใด ใหนาํ มาหักหรือคืนตามสวนแหงความรับผิดใหแกผูถูกฟองคดี (ทายาทของเจาหนาท่ี)
ทง้ั ยงั ไดกาํ หนดระยะเวลาในการปฏิบตั ิตามคําพิพากษาของศาลไวชัดเจนเปน จาํ นวนก่ีวัน มาโดยตลอด
ดังนั้น คดีนี้จึงสมควรกําหนดคําบังคับและระยะเวลาในการปฏิบัติตามคําพิพากษาของศาล
ในทาํ นองเดียวกัน การที่ศาลปกครองช้นั ตน พพิ ากษายกฟอ ง นัน้ ศาลปกครองสงู สุดไมเหน็ พองดวย
พพิ ากษากลบั เปนใหผ ูถูกฟอ งคดีทัง้ หารว มกนั หรอื แทนกันรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๑๕,๙๕๘.๑๔ บาท พรอมดอกเบ้ียอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแต
วนั ทาํ ละเมิดตามแตละใบขนสินคาขาออกจนถึงวันฟอ งคดี และดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
ของตนเงินจํานวน ๑๕,๙๕๘.๑๔ บาท นับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ ภายใน
หกสิบวันนับแตวันท่ีศาลมีคําพิพากษา ทั้งน้ี ตองไมเกินกวาทรัพยมรดกที่ผูถูกฟองคดีแตละคนไดรับ
หากผฟู องคดไี ดร บั การชดใชเงินคืนหรือสามารถบังคับชําระหน้ีจากผูไดรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
ในกรณีนี้เปนเงินจํานวนเทาใด ใหนําเงินน้ันหักหรือคืนตามสวนแหงความรับผิดใหแกผูถูกฟองคดีทั้งหา
และใหคืนคาธรรมเนียมศาลในศาลปกครองช้ันตนและในชั้นอุทธรณบางสวนตามสวนของการชนะคดี
ใหแกผฟู องคดี
คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ. ๒๕๘/๒๕๖๓ (ประชมุ ใหญ)
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีรับราชการตําแหนงนายตรวจศุลกากร ในสังกัด
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (กรมศุลกากร) ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๒
(อธิบดีกรมศุลกากร) มีคําส่ังลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๘ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
กรณีบริษัท ว. กระทําการทุจริตในการสงออกเพื่อขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออก
โดยใหผูฟองคดีรวมรับผิดกับนาย ก. นาย ส. และนาย ณ. รวมเปนเงิน ๒๗๘,๗๔๖.๕๖ บาท
ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ อุทธรณตอผูถูกฟองคดีที่ ๒ พรอมขอทุเลา
การบังคับคดี แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ พิจารณาแลววินิจฉัยใหยกอุทธรณ และมีหนังสือลงวันที่
๒๐ มกราคม ๒๕๔๙ แจง ผลการพจิ ารณาดังกลาวใหผูฟองคดีทราบ ผูฟองคดีเห็นวา คําสั่งลงวันท่ี
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๔๒
๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๘ ท่ีใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ไมชอบดวยกฎหมาย ผูฟองคดี
จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหเพิกถอนคําส่ังกรมศุลกากร ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๘
เฉพาะในสวนท่ีใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เห็นวา เม่ือในขณะ
เกิดเหตุ ผูฟองคดีดํารงตําแหนงนายตรวจศุลกากร ไดรับมอบหมายใหเปนผูทําหนาท่ีตรวจปลอย
และควบคุมการบรรจุสินคาตามใบขนสินคาขาออกของบริษัท ว. เขาคอนเทนเนอรตามที่กําหนดไว
ผูฟองคดีจึงมีหนาท่ีโดยตรงในการตรวจสินคาตามขอ ๐๘ ๐๕ ๐๑ (๑) (๓) ขอ ๐๘ ๐๕ ๐๔
ขอ ๐๘ ๐๕ ๐๕ และขอ ๐๘ ๑๑ ๑๔ (๓) ของประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐
ประกอบกับที่แกไขเพิ่มเติมตามคําสั่งท่ัวไปกรมศุลกากร ท่ี ๕๑/๒๕๓๑ ลงวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๓๑
และขอ ๒ ของคําส่ังกองตรวจสินคาขาออก ท่ี ๑๓/๒๕๓๐ เรื่อง การตรวจและบรรจุสินคา
เขาคอนเทนเนอร ลงวันท่ี ๒ มีนาคม ๒๕๓๐ ท่ีกําหนดใหผูฟองคดีตองตรวจสอบความสมบูรณ
ของใบขนสินคาขาออกและเอกสารประกอบการสงออกท่ีเก่ียวของ รวมทั้งของที่จะสงออก
โดยการเปด ตรวจตามอัตราที่กําหนดไววามีของตรงตามที่สําแดงหรือไม ซึ่งหากผูฟองคดีปฏิบัติหนาที่
ตามท่รี ะเบียบขอ บงั คบั ท่ีเกย่ี วขอ งกาํ หนดไวอยา งครบถวน โอกาสทผี่ ูสงออกจะทําการทุจริตขอรับ
เงินชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออกโดยการแอบอางหมายเลขคอนเทนเนอรของผูสงออกรายอื่น
ยอมไมอ าจเกิดขน้ึ ได อกี ทง้ั ประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากรและคําสั่งกรมตรวจสินคาขาออกดังกลาว
มิไดกําหนดใหเจาหนาที่มีอํานาจเลือกใชวิธีการสุมตรวจสินคาตามใบขนสินคาขาออกเพียงบางฉบับ
และผูฟองคดีซ่ึงดํารงตําแหนงนายตรวจศุลกากรยอมตองทราบดีวาไมมีระเบียบขอบังคับใด
ท่ีเก่ียวกับการปฏิบัติหนาที่ในเรื่องดังกลาวอนุญาตใหใชวิธีการสุมตรวจได เม่ือบริษัท ว. มิได
สงสินคาออกไปนอกราชอาณาจักรจริงตามที่สําแดงไวในใบขนสินคาขาออก แตผูฟองคดีกลับ
ลงนามในใบขนสินคาขาออกของบริษัทดังกลาวเพ่ือรับรองวาไดตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุ
สนิ คา เขา คอนเทนเนอรแ ลว จึงเชอ่ื ไดว า ผฟู องคดีไมไดปฏิบัติหนาท่ีในตําแหนงนายตรวจศุลกากร
ผูซึ่งไดรับมอบหมายใหทําการตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคาตามใบขนสินคาขาออก
รายบรษิ ทั ว. ใหเปน ไปตามทีป่ ระมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ และระเบียบขอบังคับ
ทีเ่ ก่ียวขอ งกําหนดไว เปน เหตใุ หบรษิ ัทดังกลาวอาศัยเอกสารที่ผูฟองคดีรับรองในการปฏิบัติหนาที่
กระทาํ การทจุ รติ ขอรับเงนิ ชดเชยคา ภาษีอากรจากผถู กู ฟอ งคดีที่ ๑ โดยมีการวางฎีกาเบิกเงินฝากชดเชย
การสงออกจํานวน ๑๗๑,๒๒๓.๗๗ บาท แลวเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๓๙ และวันท่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๓๙
อันเปนการกระทําการทุจริตไดสําเร็จ การกระทําของผูฟองคดีจึงถือเปนการปฏิบัติหนาที่
โดยประมาทเลนิ เลออยา งรายแรง ทําใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ซ่ึงเปนหนวยงานของรัฐท่ีผูฟองคดีสังกัด
ไดร บั ความเสียหาย อนั เปนการกระทําละเมิดตอ ผูถกู ฟองคดีที่ ๑ ตั้งแตวันที่มีการวางฎีกาดังกลาว
ผูฟองคดีจึงตองใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย ซ่ึงศาลปกครองสูงสุดโดยมติที่ประชุมใหญพิเคราะหแลวเห็นวา กรณีการกระทําละเมิด
ของเจา หนาทที่ ่ีเกดิ ขน้ึ กอนวนั ท่ี พ.ร.บ. ความรบั ผดิ ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ มีผลใชบังคับ
จะตองพิจารณาเปน ๒ สวน สวนแรก สวนท่ีเปนสารบัญญัติ คือ สวนท่ีกําหนดหลักเกณฑเงื่อนไข
ท่ีกอใหเกิดสิทธิหรือกอใหเกิดความรับผิด ขอบเขตของสิทธิท่ีเกิดหรือขอบเขตของความรับผิด
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๔๓
ท่เี กดิ ใหพิจารณาตามหลักเกณฑท่บี ญั ญัตไิ วใ นประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ซึ่งเปนกฎหมาย
ทใ่ี ชบงั คบั อยใู นขณะท่ีมีการกระทาํ ละเมดิ สวนที่สอง สวนท่ีเปนวิธีสบัญญัติ ซ่ึงบทบัญญัติในสวน
น้ีไมมีผลกระทบตอสาระหรือขอบเขตของสิทธิ หรือความรับผิดของผูกระทําละเมิดแตอยางใด
จึงสามารถนําหลักเกณฑในเรื่องดังกลาวตามที่บัญญัติในพระราชบัญญัติดังกลาวมาใชบังคับ
แมจะเปนการกระทําละเมิดที่เกิดขึ้นกอนวันที่พระราชบัญญัติดังกลาวมีผลใชบังคับก็ตาม
คดีน้ีเม่ือขอเท็จจริงเก่ียวกับวันท่ีผูฟองคดีกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดกระทํากอนวันที่
พระราชบัญญัติเดียวกันมีผลใชบังคับ (๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๙) ดังนั้น ในการวินิจฉัยขอบเขต
ของความรับผิดที่เกิดขึ้น ซ่ึงเปนกฎหมายสวนท่ีสารบัญญัติ จึงตองนําหลักเกณฑที่บัญญัติไว
ในประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ซ่ึงเปนกฎหมายที่ใชบังคับอยูในขณะที่มีการกระทําละเมิด
มาวนิ ิจฉยั เมื่อขอ เท็จจริงในขณะเกิดเหตุในคดีน้ีปรากฏวา ปริมาณการสงออกสินคาของผูสงออก
สินคาโดยรวมมีจํานวนมาก เน่ืองจากรัฐบาลในขณะนั้นมีนโยบายสงเสริมการสงออกโดยรัฐไดให
นโยบายแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท่ีจะตองอํานวยความสะดวกในการดําเนินพิธีการศุลกากรใหแก
ผูสงออกเพื่อใหผูสงออกไดรับความสะดวก โดยหวังใหมีปริมาณการสงออกมากขึ้นเพื่อนําเงินตรา
ตางประเทศเขามาในราชอาณาจักรอันเปนผลดีตอเศรษฐกิจ แตอัตรากําลังของเจาหนาที่
ที่จะอํานวยความสะดวกตามนโยบายดังกลาวมีจํานวนนอย จนไมสามารถเทียบเปนสัดสวนกับ
ปริมาณงานท่ีเขามาได ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ในฐานะหนวยงานของรัฐจึงมีภาระหนาที่ที่จะตองวาง
ระบบตรวจสอบใหรัดกุมยิ่งข้ึน เพื่อเปนการตรวจสอบและปองปรามมิใหมีการสําแดงเท็จหรือ
ยื่นคําขอชดเชยคาภาษีอากรอันเปนเท็จ แตผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไมสามารถแกปญหาในเชิงระบบ
การดําเนินงานโดยรวมได เม่ือสาเหตุท่ีผูสงออกทุจริตขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร เน่ืองจาก
ปริมาณงานการตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคามีมากเกินกวากําลังของเจาหนาท่ีผูรับผิดชอบ
ผูถูกฟองคดีทั้งสองในฐานะผูบังคับบัญชาของผูฟองคดีและมีหนาท่ีบริหารจัดการและดําเนินการ
ปองกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้น แตผูถูกฟองคดีทั้งสองหาไดกระทําการใดๆ เพื่อปองกันเหตุไม
จงึ ถอื ไดว าผถู ูกฟองคดีทง้ั สองมสี วนผดิ ในความเสยี หายที่เกิดขึ้น ความเสียหายท่ีเกิดขึ้นจึงเกิดจาก
การกระทําของทั้งในสวนของผูฟองคดีและของผูถูกฟองคดีทั้งสองไมย่ิงหยอนไปกวากัน จึงควร
มีความรับผดิ เทาๆ กัน คดีนจี้ ึงเห็นสมควรใหห กั สว นความรบั ผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ออกในอัตรา
รอยละ ๕๐ ของจํานวนคาเสียหายทั้งหมด ตามมาตรา ๔๓๘ วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา ๔๔๒
และมาตรา ๒๒๓ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย คงเหลือจํานวนที่จะตอง
นํามาพิจารณาสวนแหงความรับผิดเพียงอัตรารอยละ ๕๐ แตโดยที่เหตุละเมิดในคดีน้ีเกิดจาก
การปฏิบัติหนาท่ีของผูฟองคดีซ่ึงเปนนายตรวจศุลกากรและเจาหนาท่ีอื่นซ่ึงเปนศุลการักษ
เมื่อพิจารณาถึงอํานาจหนาท่ีและสภาพความรายแรงแหงการกระทําแลว เห็นวา นายตรวจศุลกากร
ผูท าํ การตรวจปลอ ยและควบคุมการบรรจุสินคาตามใบขนสินคาขาออกเขาคอนเทนเนอรมีความรับผิดชอบ
มากกวาศุลการักษ เนื่องจากเปนผูรับผิดชอบโดยตรงในการตรวจสินคาและควบคุมการบรรจุ
สินคาเขาคอนเทนเนอร สวนศุลการักษเพียงแตทําหนาที่เปนผูชวยของนายตรวจศุลกากรและ
เปนผูป ฏิบัตหิ นาทใ่ี นขัน้ ตอนสุดทายในการรอ ยดวงตราตะก่ัว กศก. หรือแถบเหล็ก RTC ที่ประตูคอนเทนเนอร
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๔๔
ดังนัน้ นายตรวจศุลกากรจึงมีสัดสวนแหงความรับผิดตามพฤติการณและความรายแรงแหงละเมิด
ในกรณีน้ีมากกวาศุลการักษ จึงเห็นควรกําหนดใหนายตรวจศุลกากรรับผิดในอัตรารอยละ ๗๐
ของจํานวนสวนแหงความรับผิดหลังจากหักความรับผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๑ แลว และกําหนดให
ศุลการักษรับผิดในอัตรารอยละ ๓๐ ของจํานวนสวนแหงความรับผิดหลังจากหักความรับผิดของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แลว ตามมาตรา ๔๓๘ วรรคหนง่ึ แหงประมวลกฎหมายดังกลาว เมื่อขอเท็จจริง
ปรากฏวา บริษัท ว. ใชใบขนสินคาขาออกฉบับมุมนํ้าเงินที่ผูฟองคดีในฐานะนายตรวจศุลกากร
ลงนามรับรองการตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร จํานวน ๑๑ ฉบับ
ประกอบการย่ืนคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรสําหรับสินคาสงออกตาม พ.ร.บ. ชดเชยคาภาษีอากร
สินคาสงออกที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔ โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดออกบัตรภาษีตามชุดคําขอ
ดังกลาวแลว รวมมูลคาเงินชดเชย ๒๗๘,๗๔๖.๕๖ บาท และหลังจากน้ันผูถือสิทธิตามบัตรภาษี
ไดนําบตั รภาษีไปใชแลวบางสวน มูลคา ๑๗๑,๒๒๓.๗๗ บาท และยังไมไดนําบัตรภาษีไปใชอีกบางสวน มูลคา
๑๐๗,๕๒๒.๗๙ บาท ซึ่ งผู ถู กฟ องคดี ที่ ๑ ได วางฎี กาเบิ กเงิ นฝากชดเชยการส งออก
ตามมูลคาท่ีมีการนําบัตรภาษีไปใชแลว จํานวน ๑๗๑,๒๒๓.๗๗ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงไดรับความเสียหาย
จากการกระทําของผูฟองคดีอันเน่ืองมาจากการตรวจปลอยและการควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอร
ตามใบขนสินคาขาออกดังกลาวเปนเงิน ๑๗๑,๒๒๓.๗๗ บาท เมื่อหักสวนความรับผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ออกในอัตรารอยละ ๕๐ ของคาเสียหายจํานวนดังกลาว และกําหนดสัดสวนใหผูฟองคดีในฐานะ
นายตรวจศุลกากรรับผิดในอัตรารอยละ ๗๐ ของจํานวนสวนแหงความรับผิดในอัตรารอยละ ๕๐
หลังจากหักความรับผิดของผูถูกฟองคดีที่ ๑ แลว ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกผูถูกฟองคดีที่ ๑ เปนเงินจํานวน ๕๙,๙๒๘.๓๒ บาท ดังนั้น การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ออกคําส่ังลงวันท่ี ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๘ ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑
เปนจํานวนเงินเกินกวา ๕๙,๙๒๘.๓๒ บาท จึงเปนคําส่ังท่ีไมชอบดวยกฎหมาย การที่ศาลปกครองช้ันตน
พิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๘ เรื่อง ใหชดใช
คาสินไหมทดแทน ในสวนท่ีเกี่ยวกับผูฟองคดี เฉพาะในสวนที่ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
อยางลูกหนี้รวมกับนาย ก. ศุลการักษ เกินกวา ๒๔,๕๔๙.๐๑ บาท เฉพาะในสวนท่ีใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนอยางลูกหน้ีรวมกับนาย ส. ศุลการักษ เกินกวา ๒๖,๐๕๗.๙๑ บาท
และเฉพาะในสวนที่ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนอยางลูกหนี้รวมกับนาย ณ. ศุลการักษ
เกินกวา ๓๕,๐๐๔.๙๖ บาท โดยใหม ผี ลยอ นหลังไปนับแตวันท่ีมคี ําส่ังดังกลาว คําขออ่ืนนอกจากนี้
ใหยก นัน้ ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพอ งดว ยบางสวน
พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๘ เร่ือง ใหชดใช
คาสินไหมทดแทน เฉพาะสวนที่กําหนดใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน
๕๙,๙๒๘.๓๒ บาท โดยมีขอสังเกตวา หากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับการชดใชเงินคืนหรือสามารถบังคับ
ชําระหนจ้ี ากผูไ ดรับเงินชดเชยคาภาษีอากรหรือผูรับโอนบัตรภาษีเปนจํานวนเงินเทาใดใหนําจํานวนเงิน
ดังกลา วมาหกั หรือคนื ตามสวนแหง ความรับผิดแลวแตก รณีใหแ กผฟู อ งคดี นอกจากท่ีแก ใหเปนไป
ตามคาํ พิพากษาของศาลปกครองช้นั ตน
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๔๕
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๒๗๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีทั้งหกฟองวา ผูฟองคดีทั้งหกเปนขาราชการพลเรือนดํารงตําแหนง
ศุลการักษ สังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (กรมศุลกากร) ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากคําสั่ง
ลงวันท่ี ๒๘ กันยายน ๒๕๔๙ ที่เรียกใหผูฟองคดีท้ังหกรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีบริษัท
ม. ทุจริตในการสงออกเพ่ือขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร ผูฟองคดีทั้งหกไดรับแจงคําสั่งและมี
หนังสืออุทธรณคําสั่งดังกลาวแลว แตยังไมไดรับแจงผลการพิจารณาอุทธรณ ผูฟองคดีท้ังหก
เห็นวาคําส่ังกรมศุลกากรดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําส่ังเพิกถอนคําสั่งลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๙ เฉพาะในสวนที่ใหผูฟองคดีท้ังหก
รับผิดชดใชคา สนิ ไหมทดแทนรายของบรษิ ทั ม.
ศาลปกครองสงู สดุ วินจิ ฉยั วา คดีมีประเด็นท่ีตอ งวินิจฉัยวา การหักสวนความรับผิด
ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ออกรอยละ ๕๐ ของคาเสียหายท้ังหมด เพราะเหตุอันเกิดจากความผิด
หรือความบกพรองหรือระบบการดําเนินงานสวนรวม ชอบดวยกฎหมายหรือไม เห็นวา คดีน้ีไดมี
การวางฎีกาเบิกเงินชดเชยคาภาษีอากรการสงสินคาออก ระหวางวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๐
ถึงวันท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๐ อันเปนวันท่ีกระทําละเมิดแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ กรณีจึงเปน
การกระทําละเมิดท่ีเกิดขึ้นหลังวันท่ี พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
มีผลใชบังคับ การกระทําละเมิดในกรณีน้ีเปนกรณีที่เจาหนาท่ีหลายคนรวมกันกระทําละเมิด
เจา หนา ทคี่ นใดจะตองรับผิดเพียงใด จึงตองพิจารณาจากพฤติการณและความรายแรงแหงละเมิด
ตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว คดีน้ีไดมีการวางฎีกาเบิกเงินชดเชย
คาภาษีอากรการสงสินคาออก ระหวางวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๔๐ ถึงวันท่ี ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๐
อันเปนวันท่ีกระทําละเมิดแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ กรณีจึงเปนการกระทําละเมิดที่เกิดข้ึนหลังวันที่
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ มีผลใชบังคับ การกระทําละเมิด
ในกรณีนี้เปนกรณีท่ีเจาหนาท่ีหลายคนรวมกันกระทําละเมิด เจาหนาท่ีคนใดจะตองรับผิดเพียงใด
จึงตองพิจารณาจากพฤติการณและความรายแรงแหงละเมิด ตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา ในขณะเกิดเหตุปริมาณการสงออกสินคา
ของผูสงออกสินคาโดยรวมมีจํานวนมาก เน่ืองจากรัฐบาลในขณะน้ันและผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีนโยบาย
สงเสริมการสงออก แตอัตรากําลังของเจาหนาที่ที่จะอํานวยความสะดวกตามนโยบายดังกลาว
มีจํานวนนอยจนไมสามารถเทียบสัดสวนกับปริมาณงานที่เขามาได การแกปญหาในขณะน้ัน
จึงใชวิธีการสุมตรวจสินคา ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (อธิบดีกรมศุลกากร) มีคําสั่งลงวันท่ี ๒๙
พฤษภาคม ๒๕๔๕ กําหนดระเบียบปฏิบัติเก่ียวกับการตรวจปลอย การบรรจุ การขนสง และ
การบรรทุกสนิ คา ทีส่ ง ออกดวยระบบคอนเทนเนอรข้ึนใหมแทนระเบียบเดิม โดยใชระบบคอมพิวเตอร
เลือกตรวจและยกเวนการตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคา โดยใหนายตรวจศุลกากร
หรือสารวัตรศุลกากรเปนผูตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคาเพียงคนเดียว ไมตองใหศุลการักษ
ทําหนาท่ีเปนผชู วยนายตรวจศุลกากรและเปนผูประทับดวงตราตะก่ัว กศก. ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
มีคําสั่งลงวันท่ี ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๖ ยกเลิกคําส่ังลงวันท่ี ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๕ และกําหนด
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๔๖
ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการตรวจปลอยและควบคุมการบรรทุกสินคาท่ีสงออกทางเรือดวยระบบ
คอนเทนเนอร ไดรับการยกเวนการตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคา เวนแตกรณีผูสงออก
รองขอใหทําการตรวจปลอยและควบคุมการบรรจุสินคา หรือพนักงานศุลกากรประจําสํานักสืบสวน
และปราบปรามหรือประจําหนวยปองกันและปราบปรามของดานศุลกากร หรือสํานักงานศุลกากรภาค
ทําการเปดตรวจเน่ืองจากมีเหตุอันควรสงสัย หรือสุมตรวจสอบตามหลักการบริหารความเสี่ยง
กรณีจึงเช่ือไดวาปญหาที่ทําใหเกิดชองทางทุจริตในการขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรสวนหนึ่ง
มาจากปริมาณงานที่มาก เนื่องจากมีนโยบายสงเสริมการสงออก แตอัตรากําลังของเจาหนาท่ี
มีไมเพียงพอ ซึ่งผูถูกฟองคดีที่ ๑ ยอมทราบดีวาเปนเร่ืองที่เกินกําลังความสามารถท่ีเจาหนาท่ี
ท่ีปฏิบัติงานจะปฏิบัติหนาท่ีใหถูกตองครบถวนได โดยไมจําตองมีการรายงานปญหาดังกลาว
โดยผถู ูกฟองคดที ่ี ๑ ในฐานะหนว ยงานของรฐั มภี าระหนาทีท่ จี่ ะตอ งวางระบบตรวจสอบใหร ดั กุมยิ่งข้ึน
เพ่อื เปน การตรวจสอบและปองปรามมิใหมีการสําแดงเท็จหรือยื่นคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
อันเปนเทจ็ และขอเทจ็ จริงปรากฏวาความเสียหายที่เกิดขึ้นสวนหนึ่งเกิดจากขั้นตอนการขอรับเงิน
ชดเชยคาภาษีอากร ตามประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ขอ ๑๕ ๐๕ ๐๓ (๑.๔)
ท่ีกําหนดใหฝายชดเชยอากร กองคืนอากร จะตองตรวจคําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรวาไดมี
การนําเงินตราตางประเทศคาขายสินคาสงออกเขามาตามใบแจงการเขาบัญชี CREDIT NOTE
หรือ CREDIT ADVICE แตปรากฏวาใบแจงการเขาบัญชีดังกลาวไมอาจยืนยันวามีการโอนเงิน
เพ่ือชําระคาสินคาตามท่ีไดสงออกไปยังตางประเทศของบริษัทดังกลาวจริงหรือไม จึงเปนเหตุให
ผูสง ออกใชเ ปน ชอ งทางกระทาํ การทุจริตย่นื คําขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรอันเปนเท็จ ผูถูกฟองคดีที่ ๑
สมควรที่จะตองดําเนินการแกไขปรับปรุงขั้นตอนการตรวจสอบหลักฐานการขอรับเงินชดเชย
คาภาษีอากรใหรัดกุมวา ผูสงออกไดมีการสงสินคาไปตางประเทศตามท่ีระบุไวในใบขนสินคาขาออก
จริงหรือไม กอนท่ีจะออกบตั รภาษีใหแ กผสู งออก เพ่ือมใิ หผ ูสง ออกย่ืนคาํ ขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร
พรอมพยานหลักฐานอันเปนเท็จได จึงเปนความบกพรองท้ังระบบในกระบวนการตรวจปลอยสินคา
การควบคมุ การนําสินคาลงเรือ และการขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากร แตผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไมสามารถ
แกปญหาในเชงิ ระบบดําเนินงานดังกลาวโดยรวมได ดังนั้น มูลแหงละเมิดที่ผูฟองคดีทั้งหกจะตอง
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ในคดีนี้จึงเกิดจากความบกพรองของระบบ
การดําเนินงานของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ดวย เห็นสมควรใหหักสวนความรับผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ออกรอยละ ๕๐ ของจํานวนคาเสียหายท้ังหมด คงเหลือความเสียหายในสวนท่ีนายตรวจศุลกากร
และผูฟองคดีท้ังหกตองรับผิดอีกรอยละ ๕๐ แตโดยที่เหตุละเมิดในคดีนี้เกิดจากการปฏิบัติหนาที่
ของนายตรวจศุลกากรและผูฟองคดีท้ังหก เมื่อพิจารณาถึงอํานาจหนาที่และสภาพความรายแรง
แหงการกระทําแลว เห็นวา นายตรวจศุลกากรเปนผูทําหนาท่ีโดยตรงในข้ันตอนการบรรจุสินคา
เขาคอนเทนเนอร ตรวจสอบรายการสินคาใหตรงกับใบขนสินคา ขาออกและใบกํากบั คอนเทนเนอร
โดยผูฟองคดที ง้ั หกทาํ หนาทเี่ ปน เพยี งผูชวยเหลือการปฏบิ ตั งิ านของนายตรวจศุลกากรในการตรวจ
และควบคุมการบรรจุสินคาเขาคอนเทนเนอรและรอยลวดประทับตราตะกั่วเทานั้น มิไดมีหนาที่
โดยตรงเชนนายตรวจศุลกากร ดังนั้น สัดสวนแหงความรับผิดตามความรายแรงแหงการกระทําละเมิด
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๔๗
ในกรณีดังกลาว นายตรวจศุลกากรจึงมีมากกวาศุลการักษ จึงเห็นควรกําหนดใหผูฟองคดีทั้งหก
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ในสัดสวนรอยละ ๓๐ ของจํานวนสวนแหง
ความรับผิดในรอยละ ๕๐ หลังจากหักความรับผิดของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แลว ผูฟองคดีทั้งหก
จงึ ตองรบั ผดิ ในมูลคา ความเสยี หายตามใบขนสนิ คา ขาออกทไ่ี ดมกี ารนาํ ไปใชยน่ื คําขอรับเงินชดเชย
คาภาษีอากรและมีการนําบัตรภาษีไปใชแลว (วางฎีกา) ดังน้ี ผูฟองคดีท่ี ๑ ตองรับผิดชดใชคาเสียหาย
ตามใบขนสินคา ขาออกที่มีสวนเก่ียวของ จํานวน ๒ ฉบับ รวมเปนเงิน ๔,๗๘๔.๙๐ บาท ผูฟองคดีท่ี ๒
ตองรับผิดชดใชคาเสียหายตามใบขนสินคาขาออกท่ีมีสวนเก่ียวของ จํานวน ๓ ฉบับ รวมเปนเงิน
๘,๒๐๖.๗๖ บาท ผูฟองคดีท่ี ๓ ตองรับผิดชดใชคาเสียหายตามใบขนสินคาขาออกที่มีสวน
เกี่ยวของ จํานวน ๘ ฉบับ รวมเปนเงิน ๑๗,๖๐๑.๒๙ บาท ผูฟองคดีที่ ๔ ตองรับผิดชดใช
คาเสียหายตามใบขนสินคาขาออกที่มีสวนเกี่ยวของ จํานวน ๗ ฉบับ รวมเปนเงิน ๑๙,๐๔๓.๘๔ บาท
ผูฟอ งคดที ี่ ๕ ตองรบั ผิดชดใชคาเสียหายตามใบขนสินคาขาออกที่มีสวนเก่ียวของ จํานวน ๕ ฉบับ
รวมเปนเงิน ๑๐,๗๑๔.๐๑ บาท ผูฟองคดีที่ ๖ ตองรับผิดชดใชคาเสียหายตามใบขนสินคาขาออก
ที่มีสวนเก่ียวของ จํานวน ๒ ฉบับ รวมเปนเงิน ๓,๔๕๖.๐๑ บาท ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษา
เพิกถอนคําสั่งกรมศุลกากร ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๙ ในสวนที่เรียกใหผูฟองคดีท่ี ๑
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๔,๗๘๔.๙๐ บาท ในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีที่ ๒
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๘,๒๐๖.๗๗ บาท ในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีท่ี ๓
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๑๗,๖๐๑.๓๗ บาท ในสวนที่เรียกใหผูฟองคดีท่ี ๔
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๑๙,๐๔๔.๒๐ บาท ในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีท่ี ๕
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๑๐,๗๑๔.๐๖ บาท และในสวนที่เรียกใหผูฟองคดีท่ี ๖
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา ๓,๔๕๖.๐๒ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปถึงวันท่ีออกคําสั่ง
ดังกลาว ยกฟองผูถูกฟองคดีที่ ๓ (กระทรวงการคลัง) และที่ ๔ (ปลัดกระทรวงการคลัง) น้ัน
ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดว ยบางสวน
พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ โดยท่ี ๒ ตามคําส่ัง
กรมศุลกากร ลงวันท่ี ๒๘ กันยายน ๒๕๔๙ ท่ีออกตามความเห็นของผูถูกฟองคดีท่ี ๓ โดยที่ ๔
เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีที่ ๑ ตองชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๔,๗๘๔.๙๐ บาท
เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีท่ี ๒ ตองชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๘,๒๐๖.๗๖ บาท
เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีท่ี ๓ ตองชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑๗,๖๐๑.๒๙ บาท
เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีท่ี ๔ ตองชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑๙,๐๔๓.๘๔ บาท
เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีที่ ๕ ตองชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑๐,๗๑๔.๐๑ บาท
เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีที่ ๖ ตองชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๓,๔๕๖.๐๑ บาท
โดยมีขอสังเกตวา หากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรับการชดใชเงินคืนหรือสามารถบังคับชําระหนี้จาก
ผูไดรับเงินชดเชยคาภาษี หรือผูรับโอนบัตรภาษีเปนจํานวนเทาใด ใหนําเงินดังกลาวมาหักหรือ
คืนตามสวนแหงความรับผิด แลวแตกรณี ใหแกผูฟองคดีท้ังหกดวย นอกจากที่แกใหเปนไป
ตามคําพพิ ากษาของศาลปกครองช้นั ตน
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๒๔๘
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๒๙๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดี (กรมศุลกากร) ฟองวา คดีนี้สืบเน่ืองมาจากขณะเกิดเหตุ นาย ธ.
ดํารงตําแหนงนายตรวจศุลกากร สังกัดผูฟองคดี เปนผูทําการตรวจและควบคุมการบรรจุสินคา
เขาตูคอนเทนเนอรรายบริษัท น. ตอมา มีการรองเรียนวาบริษัทมิไดนําสินคามาบรรจุเขาคอนเทนเนอร
เพ่ือสงออกนอกราชอาณาจักร ผูฟองคดีมีคําสั่งแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงและ
คณะกรรมการสอบขอเท็จจรงิ ความรับผิดทางละเมิด กรณีบริษัท น. ทุจริตในการขอรับเงินชดเชย
คาภาษีอากร ตาม พ.ร.บ. ชดเชยคาภาษีอากรสินคาสงออกที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๒๔
ผลการสอบขอเท็จจริงปรากฏวา ผูสงออกมิไดมีการสงออกสินคาจริง แตไดนําหมายเลขคอนเทนเนอร
ของผูสงออกรายอื่นที่มีการสงออกจริงมาระบุไวในใบขนสินคาขาออก และนําใบขนสินคาขาออก
ฉบับมุมน้ําเงินไปขอรับเงินชดเชยคาภาษีอากรในรูปแบบบัตรภาษี พรอมกับมีการโอนบัตรภาษี
ใหแ กผรู บั โอนรายอน่ื เปน เงินจํานวน ๗๖๔,๗๘๙.๙๕ บาท ผฟู องคดีจึงมีคําส่ังลงวันท่ี ๓๑ ตุลาคม
๒๕๔๘ ใหนาย ธ. และนาย ว. รวมกันรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินใหแกทางราชการ
ตามจํานวนบัตรภาษีท่ีใชแลวตามใบขนสินคาขาออกที่แตละคนเก่ียวของ นาย ธ. ไดฟองคดี
ตอศาลปกครองกลางตามคดีหมายเลขดําท่ี ๓๖๖/๒๕๔๙ ขอใหศาลมีคําพิพากษาเพิกถอนคําส่ัง
ของผูฟองคดีดังกลาว คดีอยูในระหวางการพิจารณาของศาลปกครองชั้นตน นาย ธ. ถึงแกความตาย
เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๙ ผูฟองคดีมีหนังสือแจงใหผูถูกฟองคดีท้ังสามซึ่งเปนทายาท
โดยธรรมของนาย ธ. ชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวใหแกผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีท้ังสาม
เพิกเฉย ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีท้ังสามรวมกัน
หรือแทนกันชําระเงินจํานวน ๑,๓๘๗,๐๘๖.๑๒ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
ของตนเงินจํานวน ๗๖๔,๗๘๙.๙๕ บาท นับถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จ เห็นวา
ประมวลระเบยี บปฏิบตั ิศลุ กากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ขอ ๐๘ ๐๕ ๐๕ มีสาระสําคัญใหนายตรวจศุลกากร
ตรวจสินคาตามใบขนสินคาขาออกทุกฉบับ โดยสินคาตามใบขนสินคาขาออกแตละฉบับใหตรวจ
ตามอัตราที่กําหนดก็เพ่ือใหเปนท่ีประจักษแกนายตรวจศุลกากรท่ีถูกกําหนดช่ือใหปฏิบัติหนาท่ี
วาใบขนสินคาขาออกแตละฉบับมีสินคาสงออกอยูจริง เพื่อปองกันการทุจริตของผูสงออกสินคา
ซึ่งการตรวจสินคาตามใบขนสินคาขาออกทุกฉบับในชวงที่ปริมาณสินคาสงออกมีมากอาจทําให
นายตรวจศุลกากรและศุลการักษปฏิบัติหนาท่ีไดไมสะดวกและตองใชเวลาในการตรวจมากขึ้น
เทานั้น และหากนาย ธ. ไดปฏิบัติตามประมวลระเบียบปฏิบัติศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ขอ ๐๘ ๐๕ ๐๕
โดยสุจริตและเต็มกําลังความสามารถแลว ยอมสามารถตรวจสอบได การท่ีนาย ธ. ปฏิบัติหนาที่
นายตรวจศุลกากรโดยใชวิธีสุมตรวจเฉพาะผูสงออกรายที่ตนสงสัยวามีการทุจริตเทานั้น
จึงเปน การไมปฏิบตั ิตามระเบียบปฏบิ ตั ขิ องผฟู อ งคดดี ังกลา ว อันเปน ชองทางใหบริษัท น. สามารถ
กระทําการทุจริตในการขอชดเชยคาภาษีอากรโดยอาศัยเอกสารใบขนสินคาขาออก จํานวน
๘ ฉบับ ถือเปนการกระทําในการปฏิบัติหนาที่โดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะ
เชนนายตรวจศุลกากรจะตองมีตามวิสัยและพฤติการณ และนาย ธ. อาจใชความระมัดระวังเชนวานั้น
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓