๓๔๙
ตอหนวยงานของรฐั ท่ีเจาหนาท่ีสงั กัดอยูตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง ท่ีใหนําบทบัญญัติมาตรา ๘ มาใชบังคับโดยอนุโลม เม่ือพิจารณาโดย
คํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรม ความบกพรองของระบบ
การดําเนินงานสวนรวม และจํานวนเจาหนาท่ีผูเกี่ยวของ ตามมาตรา ๘ วรรคสอง วรรคสาม
และวรรคสี่ แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว จึงสมควรใหหักสวนความรับผิดอันเกิดจาก
ความบกพรองของระบบการดําเนินงานสวนรวมออกรอยละ ๕๐ ของจํานวนคาเสียหายท้ังหมด
คงเหลือคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๙๘,๙๓๘ บาท และใหผูฟองคดีรับผิดในสัดสวนรอยละ ๒๐
ของคาเสียหายสวนที่เหลือ คิดเปนเงินจํานวน ๑๙,๗๘๗.๖๐ บาท อยางไรก็ตาม เมื่อศาลปกครองช้ันตน
มีคําพิพากษาใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามคําส่ังลงวันท่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ และ
คําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยเกินกวาจํานวน ๓๙,๕๗๕.๒๐ บาท ซ่ึงมีผลใหผูฟองคดี
ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยเปนเงินจํานวน
๓๙,๕๗๕.๒๐ บาท แลว ผูฟองคดีไมไดอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน ดังน้ัน
คําพิพากษาของศาลปกครองชนั้ ตนในสว นที่พิพากษาใหผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย จํานวน ๓๙,๕๗๕.๒๐ บาท จึงถึงท่ีสุด ศาลปกครองสูงสุด
จึงไมอาจมีคําพิพากษาแกคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตนในสวนของคาสินไหมทดแทน
ที่ผูฟองคดีตองรับผิดได ที่ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามคําสั่งลงวันท่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ เฉพาะสวนที่ให
ผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยเกินกวาจํานวน
๓๙,๕๗๕.๒๐ บาท นน้ั ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พอ งดว ยในผล
พพิ ากษายืน
ฟอ งขอใหส งมอบแคชเชียรเชค็ คืน
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๓๗๔/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดซื้อเช็คธนาคาร (แคชเชียรเช็ค) จากธนาคาร ท.
เพื่อสั่งจายเงินแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (กระทรวงการคลัง) จํานวน ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท และสงมอบเช็ค
ดังกลาวใหนาย ช. โดยนาย ช. นําเช็คดังกลาวและเงินสดจํานวน ๗๗,๐๖๘ บาท ชําระคาภาษีเงินได
บุคคลธรรมดา คาอากรแสตมป และคาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมขายท่ีดิน
แปลงโฉนดท่ีดินเลขที่ ๑๙๐๑๖ และเลขท่ี ๒๐๘๐๐ แขวง (ตําบล) ลําผักชี เขต (อําเภอ)
หนองจอก (เจียระดับ) กรุงเทพมหานคร และนิติกรรมขายฝากที่ดินท้ังสองแปลงดังกลาว
ตอเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (กรมที่ดิน) ตอมา ผูฟองคดีไดรูวามีการใชเอกสารปลอม
ในการจดทะเบียนทํานิติกรรมดังกลาว ผูฟองคดีจึงแจงใหธนาคาร ท. สาขาสภากาชาดไทย
อายัดเช็คดังกลาวและมีหนังสือขอใหตรวจสอบวามีการเรียกเก็บเงินตามเช็คแลวหรือไม เพ่ือขอ
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๕๐
คืนเงินตามจํานวนในเช็คพรอมดอกเบ้ียแกผูฟองคดี โดยธนาคาร ท. สาขาสภากาชาดไทย
แจงผูฟองคดีวา เช็คยังคงสถานะอายัดและไมมีการจายเงินตามเช็คแกบุคคลใด หากผูฟองคดี
จะยกเลิกเช็ค ใหผูฟองคดีนําเช็คและบัตรประจําตัวประชาชนไปติดตอธนาคาร ผูฟองคดี
จึงมีหนังสือขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ สงคืนเช็คแกผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ กลับแจงปฏิเสธ
ไมสงคืนเช็คดังกลาว เน่ืองจากเห็นวาเจาหนาที่ในสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมตามสัญญาขายและขายฝากตามความประสงคใหแกผูยื่นคําขอถูกตองตามระเบียบ
ราชการ แมตอมาจะมีการเพิกถอนการจดทะเบียนที่ไมชอบดวยกฎหมาย ก็ไมมีบทบัญญัติ
ใหอํานาจผูถูกฟองคดีที่ ๒ คืนเงินตามเช็คใหแกผูฟองคดี ผูฟองคดีเห็นวา เมื่อการจดทะเบียน
ไมชอบดวยกฎหมายอันจะตองถูกเพิกถอน และไมมีกฎหมายกําหนดใหผูถูกฟองคดีท้ังสอง
สามารถเรียกเก็บเงินดังกลาวได ผูถูกฟองคดีท้ังสองจึงไมมีสิทธิตามกฎหมายที่จะยึดถือหรือ
ยดึ หนว งเช็คดงั กลาวไว การทผี่ ถู ูกฟอ งคดีทงั้ สองไมส ง มอบเชค็ คนื ใหแ กผ ูฟองคดีจึงเปนการกระทํา
ท่ีไมชอบดวยกฎหมาย ทําใหผูฟองคดีไมอาจขอรับคืนเงินจํานวนดังกลาวจากธนาคาร ท.
สาขาสภากาชาดไทย ผฟู องคดีจึงนําคดมี าฟอ งขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท้ังสอง
คืนหรอื สง มอบเชค็ ดังกลาวใหแ กผูฟองคดี หากไมสามารถคนื หรือสงมอบได ใหผูถูกฟองคดีทั้งสอง
รวมกันหรือแทนกันชดใชเงินใหแกผูฟองคดีจํานวน ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรา
รอยละ ๗.๕ ตอป ของเงินจํานวนน้ี นับแตวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เปนตนไปจนกวาจะไดรับ
ชําระเสร็จ เห็นวา เมื่อการจดทะเบียนท่ีดินทั้งสองรายการดังกลาวเปนการจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมเก่ียวกับที่ดินตามมาตรา ๑๐๓ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ผูถูกฟองคดีที่ ๒
โดยสํานักงานท่ีดินกรุงเทพมหานคร สาขาหนองจอก จึงมีหนาท่ีตองเรียกเก็บคาธรรมเนียม
ในอัตรารอยละ ๒ ของจํานวนทุนทรัพย ตามขอ ๒ (๗) (ก) ของกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑)
ออกตามความใน พ.ร.บ. ใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ นอกจากนั้น เจาพนักงานที่ดิน
กรุงเทพมหานคร สาขาหนองจอก ซง่ึ เปนเจาหนาที่ผูรับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทขาย
และประเภทขายฝากที่ดินท้ังสองแปลง ยอมมีหนาท่ีรับชําระภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา ตามมาตรา ๕๒
วรรคสอง ประกอบมาตรา ๕๐ (๕) และมาตรา ๑๑๙ แหงประมวลรัษฎากร และผูถูกฟองคดีที่ ๑
ยอ มมีหนาที่รับชําระภาษีหกั ณ ท่จี าย ที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ รับชําระไวแลวนําสงแกผูถูกฟองคดีที่ ๑
เปน รายไดแ ผน ดนิ ตามมาตรา ๕๒ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายดังกลาว ดังน้ัน การท่ีนาย ช.
ผูซ้ือฝากไดสงมอบเงินสดจํานวน ๗๗,๐๖๘ บาท และเช็คที่พิพาทสั่งจายเงินแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
จํานวน ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท ชําระเปนคาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทขาย
และประเภทขายฝากท่ดี นิ ทง้ั สองแปลงดังกลาว คาภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา และคาอากรแสตมป
และผูถูกฟองคดีท่ี ๒ โดยสํานักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาหนองจอก ไดเรียกเก็บและรับชําระ
คาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในท่ีดินดังกลาว คาภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา และ
คาอากรแสตมปท่ีตองติดในสรรพเอกสารท้ังปวงซ่ึงยื่นประกอบการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในที่ดิน
ขางตน จึงเปนไปโดยชอบดวยอํานาจหนาท่ีตามที่กําหนดไวในบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
และประมวลรัษฎากรทุกประการแลว แมปรากฏตอมาวา ศาลจังหวัดมีนบุรีไดพิพากษาเพิกถอน
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๕๑
การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทขายและประเภทขายฝากดังกลาว และเจาพนักงานที่ดิน
กรุงเทพมหานคร สาขาหนองจอก ไดขีดฆารายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมท้ังสองรายการ
แนบทายโฉนดท่ีดินทั้งสองแปลงฉบับท่ีเก็บรักษาไวที่สํานักงานท่ีดิน และออกใบแทนโฉนดท่ีดิน
ฉบับท่ีมอบใหผูถือกรรมสิทธ์ิไปแลวก็ตาม แตยอมไมมีผลใหการเรียกเก็บและรับชําระคาธรรมเนียม
ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในที่ดินประเภทขายและประเภทขายฝากรวมสองโฉนดที่ดิน
คา ภาษีเงินไดบคุ คลธรรมดา และคาอากรแสตมป ตองตกเปนการอันไมชอบดวยกฎหมายประกอบกับ
ไมมีบทบัญญัติแหงกฎหมายใดกําหนดใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ โดยสํานักงานท่ีดินกรุงเทพมหานคร
สาขาหนองจอก ตองคืนคาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในท่ีดินที่เรียกเก็บไว
โดยชอบแลว การทผี่ ถู กู ฟอ งคดที ี่ ๑ ซ่งึ เปนผทู รงเชค็ และผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๒ ซึ่งเปนหนวยงานของรัฐ
ที่มีหนาที่เรียกเก็บและรับชําระเงินตามจํานวนท่ีระบุในเช็คเพื่อสงมอบแกผูถูกฟองคดีที่ ๑
เปนรายไดแผนดิน ยังคงยึดถือเช็คพิพาทไวและไมสงคืนใหแกผูฟองคดี จึงไมเปนการกระทําท่ี
ไมชอบดวยกฎหมาย อนั จะเปน การกระทาํ ละเมดิ ตอ ผฟู อ งคดตี ามมาตรา ๔๒๐ แหง ประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย แตอยางใด ผูถูกฟองคดีทั้งสองจึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี
ทศี่ าลปกครองชั้นตน พพิ ากษายกฟอ ง น้นั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดว ย
พพิ ากษายนื
ฟองขอใหเ พกิ ถอนคําส่ังใหช ดใชคาสินไหมทดแทนกรณีกระทําละเมิดในการปฏิบัตหิ นา ที่
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๓๗๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา กรมสงเสริมสหกรณจะจัดสรรเงินใหความชวยเหลือสหกรณ
ในรูปของสัญญากูยืมเงินกองทุนรวมเพื่อชวยเหลือเกษตรกร โครงการจัดหาปุยเคมีเพื่อชวยเหลือเกษตรกร
ป ๒๕๔๓ โดยในสว นของจงั หวดั สรุ ินทร ไดมอบอํานาจใหสหกรณจังหวัดสุรินทรเปนผูพิจารณาอนุญาต
ใหสหกรณกูยืมเงินตามวงเงินท่ีรับจัดสรร ลงนามในสัญญาในฐานะผูใหกูยืม และเบิกจายเงินกู
ใหแกสหกรณ หลังจากนั้น สหกรณการเกษตรปศุสัตวสุรินทร จํากัด และสหกรณชวยเกษตรกร
สังขะศรีณรงค จํากัด ไดทําสัญญากูยืมเงินกองทุนรวมดังกลาว และไดมีการชําระหน้ีบางสวน
แตภายหลังครบกําหนดตามสัญญา สหกรณจังหวัดสุรินทรไดมีหนังสือแจงใหสหกรณทั้งสองชําระหนี้
ท่ีคางชาํ ระพรอมดอกเบ้ีย แตสหกรณท้ังสองยังคงเพิกเฉยไมชําระหน้ี หลังจากนั้น กรมสงเสริมสหกรณ
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ขอใหพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรดําเนินการฟองรอง
ใหสหกรณท ั้งสองชาํ ระหนเี้ งินกูท ค่ี า งชาํ ระพรอมดอกเบี้ย แตศาลปกครองนครราชสีมาและศาลปกครองสูงสุด
ไดม ีคาํ ส่งั ไมร ับคาํ ฟองไวพิจารณา เน่ืองจากยื่นฟองเมื่อพนกําหนดเวลาการฟองคดี ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(อธบิ ดีกรมสง เสรมิ สหกรณ) จงึ มีคาํ สงั่ แตงตง้ั คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
กรณีท่ีกรมสงเสริมสหกรณไมสามารถฟองรองใหสหกรณทั้งสองชําระหนี้ได คณะกรรมการฯ เห็นวา
ความเสียหายท่เี กิดขึน้ ดังกลาวไมไ ดเ กดิ จากการกระทาํ โดยจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรง
จึงไมมีเจาหนาท่ีผูใดตองรับผิดในความเสียหายที่เกิดข้ึน แตกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๕๒
พจิ ารณาแลวเหน็ วา ผูฟองคดีตอ งรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ดังน้ี (๑) กรณีสหกรณการเกษตร
ปศสุ ตั วสุรินทร จํากัด ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในขั้นตอนการเรงรัดหนี้และสงเร่ือง
ใหพนักงานอัยการฟองคดี เปนเงิน ๓๔๓,๑๓๔.๖๐ บาท และ (๒) กรณีสหกรณชวยเกษตรกร
สงั ขะศรีณรงค จํากัด ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในข้ันตอนการติดตามตรวจสอบ
การใชเงินกู โดยไมรายงานการใชเงินผิดวัตถุประสงคของโครงการไปยังกรมสงเสริมสหกรณเปนเงิน
๖๕๑,๖๘๙.๕๐ บาท สวนขั้นตอนการเรงรัดหน้ีและสงเร่ืองใหพนักงานอัยการฟองคดี ผูฟองคดี
ตอ งรบั ผดิ ชดใชค า สนิ ไหมทดแทนเปน เงนิ ๑๙๕,๕๐๖.๘๕ บาท ผถู ูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําสั่งลงวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ เรยี กใหผ ฟู องคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๑,๑๙๐,๓๓๐.๙๕ บาท
ผูฟองคดีไมเหน็ ดวยจงึ ไดอทุ ธรณคาํ สั่งดงั กลาว แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ (ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ)
มีคําวินิจฉัยอุทธรณโดยยืนตามคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และแจงผลการวินิจฉัยอุทธรณดังกลาว
ใหผ ูฟ องคดีทราบ ตามหนงั สอื ลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ เห็นวา
ผูฟ องคดไี ดร ับมอบหมายใหม ีหนาท่ีรับผิดชอบงานเกี่ยวกับสินเช่ือของสหกรณ ติดตามประเมินผล
การใชจา ยเงินตามแผนงานและโครงการตางๆ รวมท้ังปฏิบัติราชการอื่นๆ ตามที่ผูบังคับบัญชามอบหมาย
สวนหนา ที่ในการปฏิบตั เิ ก่ยี วกับการกูยืมเงินของสหกรณ น้ัน สหกรณจังหวัดสุรินทรไดมอบหมาย
ใหม หี นา ท่ีรวมกบั นาย พ. ซึง่ เปนผบู ังคบั บญั ชา ใหม ีหนาท่ใี นการติดตามตรวจสอบการใชเงินกูของ
สหกรณลูกหนี้ และเรงรัดการชําระหน้ีเงินกูดังกลาวตามหนังสือกรมสงเสริมสหกรณลงวันที่
๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๑ และมีหนาท่ีตามหนังสือกรมสงเสริมสหกรณลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๒
ทก่ี ําหนดใหสหกรณจงั หวัด สหกรณอ ําเภอ และเจา หนาท่ีสงเสริมสหกรณอื่นถือปฏิบัติเก่ียวกับมาตรการ
ท่ีจะดําเนินการกับสหกรณที่คางชําระหน้ีของกรมสงเสริมสหกรณกอนการดําเนินคดี แตหามีหนาที่
ในการยื่นฟองสหกรณทั้งสองตอศาลไม อํานาจหนาท่ีในการยื่นฟองคดีเปนอํานาจหนาท่ีโดยตรง
ของกรมสง เสริมสหกรณ ซงึ่ ในการทําหนาทต่ี ิดตามหนเี้ งนิ กู น้นั มขี อ เทจ็ จริงวาสหกรณจังหวัดสุรินทร
ไดมอบหมายใหนาย พ. และผูฟองคดีเปนผูรับผิดชอบในการติดตามตรวจสอบการใชเงินกูของ
สหกรณลูกหนี้ และเรงรัดการชําระหน้ีเงินกูดังกลาว ผูฟองคดีและนาย พ. ไดมีการติดตามใหสหกรณ
ท้ังสองชําระหนต้ี ามกาํ หนดมาโดยตลอด แมกอนครบกาํ หนดสญั ญาทั้ง ๒ ฉบับ สหกรณจังหวัดสุรินทร
ก็ไดมีหนังสือทวงถามและเตือนใหสหกรณท้ังสองชําระหน้ีเงินกู ซึ่งสหกรณทั้งสองก็ไดชําระหน้ีบางสวน
หลังจากนน้ั สหกรณจังหวัดสุรินทรไดมีหนังสือแจงใหสหกรณทั้งสองชําระหน้ีท่ีคางชําระพรอมดอกเบ้ียอีก
กรณีจึงแสดงใหเห็นวา การติดตามทวงถามสหกรณทั้งสองใหชําระหนี้ไดมีการดําเนินการมากอน
วันสิ้นสุดสัญญากูเงิน และภายหลังวันส้ินสุดสัญญาก็ไดมีการติดตามทวงถามหน้ีเชนกัน แตโดยท่ี
กรมสงเสริมสหกรณไมเคยมีหนังสือแจงตอสหกรณจังหวัดสุรินทรใหทราบวาไดมีการใชบังคับ
พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ และไดมีการเปดทําการของศาลปกครองแลวเมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๔
ซ่ึงคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองจะตองยื่นฟองคดีตอศาลปกครองภายในกําหนด ๑ ป
นับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี แมตอมากรมสงเสริมสหกรณจะไดมีหนังสือลงวันท่ี
๒๔ กันยายน ๒๕๔๔ ถึงสหกรณจังหวัดสุรินทร กําชับใหสหกรณจังหวัดสุรินทรดําเนินการตรวจสอบ
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๕๓
ยอดหนี้สหกรณท่ีคางชําระเงินกูกอนการดําเนินคดีก็ตาม แตหนังสือดังกลาวไมไดมีการกลาวถึง
การฟองคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครองในกรณีดังกลาว จนกระทั่งตอมาสหกรณจังหวัดสุรินทร
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๔๕ และหนังสือลงวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๔๕ ถึงสหกรณท้ังสอง
แจงใหชําระหนี้ ซ่ึงเปนการมีหนังสือเตือนคร้ังท่ี ๒ หลังจากส้ินสุดสัญญาและยังอยูภายในระยะเวลา
๑ ป นบั แตวันส้ินสุดสญั ญา แตหลงั จากนนั้ ไมม หี ลักฐานแนช ัดวาสหกรณจังหวัดสุรินทรไดรายงาน
ใหกรมสงเสริมสหกรณทราบหรือไมว าสหกรณท้ังสองไมชําระหนี้เงินกูตามหนังสือเตือน มีเพียงแต
หลักฐานวา กรมสงเสรมิ สหกรณโดยกองสหกรณก ารเกษตรไดม ีหนังสือลงวนั ท่ี ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕
แจงใหสหกรณจ งั หวดั สุรินทรต รวจสอบยอดหนี้และคํานวณดอกเบี้ยจนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๕
แลวแจงใหกองสหกรณการเกษตรทราบ และในวันเดียวกัน กรมสงเสริมสหกรณไดมีหนังสือลงวันท่ี
๒๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๕ ถึงพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรขอใหฟองคดีเพื่อเรียกหนี้เงินกูจากสหกรณ
ทั้งสอง ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรไดยื่นฟองสหกรณการเกษตรปศุสัตวสุรินทร จํากัด
ตอศาลจังหวัดสุรินทรเม่ือวันท่ี ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๘ เปนคดีแพง และฟองสหกรณชวยเกษตรกร
สังขะศรีณรงค จํากัด ตอศาลจังหวัดสุรินทรเชนกันเม่ือวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๘ เปนคดีแพง
ขอเท็จจริงดังกลาวแสดงใหเห็นวา แมแตกรมสงเสริมสหกรณก็มีความเขาใจวาคดีพิพาทดังกลาว
เปน คดแี พง ซ่งึ อยใู นอาํ นาจของศาลยุติธรรมอันมีอายุความฟองคดี ๑๐ ป แตภายหลังเม่ือมีการโอนคดี
ทั้งสองมาพิจารณาที่ศาลปกครอง ศาลปกครองไดมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา โดยวินิจฉัยวา
คดีทั้งสองฟองคดีเมื่อพนระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
ซึ่งใชบังคับในขณะนั้น จากนั้น กระทรวงการคลังจึงไดมีหนังสือลงวันท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒
เวียนแจง หนวยงานตางๆ เกี่ยวกบั ระยะเวลาการฟองคดีพพิ าทเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง ดังนั้น
จึงเหน็ ไดวา เกดิ จากความไมเ ขา ใจในมูลคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาเงินกูที่ทําระหวางกรมสงเสริมสหกรณ
กบั สหกรณท ั้งสองวาเปน คดีพิพาทเก่ยี วกับสัญญาทางปกครอง เนื่องจากเพิ่งมีการบังคับใชพระราชบัญญัติ
ดังกลา ว และเปด ทาํ การศาลปกครองไดไ มน าน ประกอบกับหนาท่ีในการฟองคดีเพ่ือเรียกคืนเงินกู
มิใชเปนหนาที่โดยตรงของผูฟองคดี แมกรมสงเสริมสหกรณจะมีหนังสือสั่งการกําหนดมาตรการ
ในการปฏิบัติหนาท่ีของผูฟองคดีท่ีจะตองเรงรัดหน้ีเงินกู รวมท้ังตองรายงานการไมปฏิบัติตามสัญญา
ของสหกรณผ ูเปน ลกู หน้ีเงินกูใหฝายนิติการของกรมสงเสริมสหกรณทราบก็ตาม แตก็มีขอเท็จจริงวา
ผูฟองคดีไดดําเนินการติดตามเรงรัดใหมีการชําระหน้ีเงินกูอยูเสมอ สวนกรณีการแจงตอฝายนิติการ
เกี่ยวกับการไมปฏิบัติตามสัญญาของสหกรณผูเปนลูกหนี้เงินกู น้ัน ไมมีขอเท็จจริงวามีการดําเนินการ
หรือไม แตหากผูฟองคดีมิไดดําเนินการรายงานตอฝายนิตกิ าร ก็เปนเพียงการปฏิบัติหนาท่ีโดยบกพรอง
ท่ีไมเปนเหตุใหกรมสงเสริมสหกรณไมทราบถึงการผิดสัญญาของสหกรณผูกูเงินแตอยางใด
เพราะกรมสงเสรมิ สหกรณย อมมีขอมลู สญั ญาการกูเงินของสหกรณผูกูอยูแลว กรณีการไมรายงาน
การไมปฏิบัติตามสัญญาของสหกรณผูกูจึงเปนเพียงการปฏิบัติหนาที่โดยประมาทเลินเลอธรรมดา
ของผฟู องคดี ไมถ ึงขนาดเปน การกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงแตอยางใด การฟองคดี
ไมทันภายในระยะเวลาการฟองคดี จึงหาเกิดจากการปฏิบัติหนาท่ีโดยจงใจหรือประมาทเลินเลอ
อยางรายแรงของผูฟ องคดไี ม ดังนัน้ เมื่อผูฟอ งคดไี มไดป ฏิบตั หิ นา ทโ่ี ดยจงใจหรือประมาทเลินเลอ
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๕๔
อยางรายแรงจนทําใหกรมสงเสริมสหกรณฟองคดีเพื่อบังคับใหสหกรณทั้งสองชําระหน้ีเงินกู
พรอมดอกเบ้ียไมทันภายในระยะเวลาของการฟองคดี ผูฟ อ งคดจี ึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกกรมสงเสรมิ สหกรณตามมาตรา ๑๐ ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แตอยางใด การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําสั่งตามหนังสือลงวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมสหกรณเปนเงิน
จํานวน ๑,๑๙๐,๓๓๐.๙๕ บาท คําส่ังดังกลาวจึงไมชอบดวยกฎหมาย และเมื่อคําส่ังดังกลาว
ไมชอบดวยกฎหมาย การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีคําวินิจฉัยอุทธรณ ซ่ึงแจงผูฟองคดีตามหนังสือลงวันที่
๔ มนี าคม ๒๕๕๓ ใหย นื ตามคําสงั่ ของผูถกู ฟอ งคดที ี่ ๑ ยอ มเปนคําสั่งท่ีไมชอบดวยกฎหมายดวยเชนกัน
ที่ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาเพิกถอนคําสั่งตามหนังสือลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ และคําวินิจฉัย
อุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ซึ่งแจงตามหนังสือลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ เฉพาะในสวนท่ีสั่งให
ผูฟ อ งคดีรบั ผดิ ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนเกินกวาจํานวนเงิน ๑๙๕,๕๐๖.๘๕ บาท โดยใหมีผลยอนหลัง
ไปจนถงึ วันที่มีคําสั่งทัง้ สองฉบับดงั กลา ว นัน้ ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พองดวยบางสว น
พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท่ีใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คา สนิ ไหมทดแทนแกกรมสง เสรมิ สหกรณ เปนเงนิ จํานวน ๑,๑๙๐,๓๓๐.๙๕ บาท แจงตามหนังสือ
ลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดี
แจงตามหนังสือลงวนั ท่ี ๔ มนี าคม ๒๕๕๓ โดยใหผลยอนหลงั ไปจนถึงวันท่มี คี ําสัง่ ทั้งสองฉบบั ดังกลาว
ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีฟองเรียกคืนเงินกูของกรมสงเสริม
สหกรณเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๓๙๑/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๔๒ คณะรัฐมนตรีไดมีมติเห็นชอบ
โครงการจัดหาปุยเคมีเพื่อชวยเหลือเกษตรกร ป ๒๕๔๓ กรมสงเสริมสหกรณไดแจงใหสหกรณ
จังหวัดสุรินทร (สํานักงานสหกรณจังหวัดสุรินทร) สํารวจความตองการปุยเคมีของสหกรณตางๆ
ในจังหวัดสุรนิ ทร เพื่อขอรบั การสนับสนุนเงินกูจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ สงใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(อธิบดีกรมสงเสริมสหกรณ) พิจารณา โดยมอบอํานาจใหสหกรณจังหวัดสุรินทรเบิกจายเงินกู
และลงนามในสัญญากูยืมเงินแทนกรมสงเสริมสหกรณ ตลอดจนติดตามทวงถามการใชเงินกู
และแจงใหกรมสงเสริมสหกรณทราบเพ่ือดําเนินคดีกับสหกรณตามสัญญากูยืมเงิน และ
นําเงินท่ีกูยืมคืนกรมสงเสริมสหกรณ ปรากฏวาสหกรณ ก. และสหกรณ ช. ไดกูยืมเงินจาก
กรมสงเสริมสหกรณตามโครงการดังกลาว แตผิดนัดไมชําระหนี้ตามสัญญา กรมสงเสริมสหกรณ
จึงยื่นฟองสหกรณท้ังสองตอศาลจังหวัดสุรินทร และคดีไดโอนมายังศาลปกครองนครราชสีมา
แตศาลปกครองนครราชสีมาไดมีคําส่ังไมรับคําฟองไวพิจารณา เพราะเหตุยื่นฟองเมื่อพนกําหนด
เวลาการฟองคดี และศาลปกครองสูงสุดไดมีคําสั่งยืนตามคําสั่งดังกลาว กรมสงเสริมสหกรณ
จึงแตง ต้งั คณะกรรมการสอบขอ เท็จจริงความรบั ผิดทางละเมิดกรณีดงั กลาว ซ่ึงคณะกรรมการฯ ได
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๕๕
สอบสวนและรายงานความเห็นใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ทราบ และผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดพิจารณาแลว
เห็นวา ความเสียหายดังกลาวเกิดจากการที่เจาหนาท่ีมิไดปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ
แตมิไดเกิดจากความจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรง จึงไมมีเจาหนาท่ีผูใดตองรับผิด
ชดใชคาเสียหาย และไดรายงานใหกระทรวงการคลังทราบตามระเบียบ ตอมา กรมบัญชีกลาง
โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังไดพิจารณาแลวเห็นวา ผูฟองคดีกับพวกตองรับผิด
ชดใชคาเสียหาย จึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๙ มกราคม ๒๕๕๓ แจงใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ดําเนินการ
เรียกใหผูฟองคดีกับพวกรวมกันรับผิดชดใชคาเสียหาย ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําส่ังตามหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาเสียหาย ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําส่ังของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงอุทธรณตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (ปลัดกระทรวงเกษตร
และสหกรณ) โดยรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ หัวหนากลุมภารกิจดานสงเสริม
และพัฒนาเกษตรกรและระบบสหกรณ ไดพิจารณาแลวมีคําส่ังใหยกอุทธรณของผูฟองคดี
ผูฟองคดีเห็นวาคําส่ังของผูถูกฟองคดีทั้งสองไมชอบดวยกฎหมายและไมเปนธรรม จึงนําคดี
มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามหนังสือลงวันท่ี ๒๑ มกราคม
๒๕๕๓ และเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตามหนังสือลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ ท่ียกอุทธรณ
ของผูฟองคดี เห็นวา ผูฟองคดีไดรับมอบหมายใหมีหนาที่ควบคุมดูแลการใชจายเงินกู
ของสหกรณ ก. และสหกรณ ช. ที่กูยืมจากกรมสงเสริมสหกรณ รวมท้ังการติดตามเรงรัดใหมี
การชําระหนี้เงินกู แตหามีหนาที่ในการย่ืนฟองสหกรณท้ังสองตอศาลไม อํานาจหนาท่ีในการยื่นฟองคดี
เปนอํานาจหนาที่โดยตรงของกรมสงเสริมสหกรณ ซ่ึงในการทําหนาท่ีติดตามหน้ีเงินกู น้ัน
มีขอเท็จจริงวาผูฟองคดีไดมีการติดตามใหสหกรณท้ังสองชําระหนี้ตามกําหนดมาโดยตลอด
โดยไดม กี ารดําเนินการมากอ นวนั ส้นิ สดุ สัญญากูเ งิน และภายหลงั วนั สิ้นสุดสัญญากไ็ ดม ีการติดตาม
ทวงถามหน้ีเชนกัน แตโดยท่ีกรมสงเสริมสหกรณไมเคยมีหนังสือแจงตอสหกรณจังหวัดสุรินทร
ใหทราบวาไดมีการใชบังคับ พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ และไดมีการเปดทําการของศาลปกครองแลว
เม่ือวันท่ี ๙ มีนาคม ๒๕๔๔ ซึ่งคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองจะตองยื่นฟองคดีตอ
ศาลปกครองภายในกําหนด ๑ ป นับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี แมตอมา
กรมสงเสริมสหกรณจะไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๔ ถึงสหกรณจังหวัดสุรินทร
กําชับใหสหกรณจังหวัดสุรินทรดําเนินการตรวจสอบยอดหน้ีสหกรณท่ีคางชําระเงินกูกอน
การดําเนินคดีก็ตาม แตหนังสือดังกลาวไมไดมีการกลาวถึงการฟองคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญา
ทางปกครองที่ตองย่ืนฟองคดีตอศาลปกครองภายในกําหนดระยะเวลา จนกระทั่งตอมาสหกรณ
จังหวัดสุรินทรไดมีหนังสือลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๔๕ และหนังสือลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๕
ถึงสหกรณท้ังสองแจงใหชําระหนี้ ซ่ึงเปนการมีหนังสือเตือนครั้งท่ี ๒ หลังจากส้ินสุดสัญญาและ
ยังอยูภายในระยะเวลา ๑ ป นับแตวันส้ินสุดสัญญา แตหลังจากนั้นไมมีหลักฐานแนชัดวา
สหกรณจงั หวัดสรุ ินทรไดร ายงานใหก รมสง เสริมสหกรณทราบหรือไมวาสหกรณท้ังสองไมชําระหน้ี
เงินกูตามหนังสือเตือน มีเพียงแตหลักฐานวากรมสงเสริมสหกรณไดมีหนังสือแจงใหสหกรณ
จังหวัดสุรินทรตรวจสอบยอดหน้ีและคํานวณดอกเบี้ยจนถึงวันท่ี ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ แลว
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๕๖
แจงใหกองสหกรณการเกษตรทราบ และในวันเดียวกัน กรมสงเสริมสหกรณไดมีหนังสือลงวันที่
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ถึงพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรขอใหฟองคดีเพื่อเรียกหน้ีเงินกูจาก
สหกรณท้ังสอง ซ่ึงพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรไดย่ืนฟองสหกรณ ก. ตอศาลจังหวัดสุรินทร
เม่ือวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๘ และฟองสหกรณ ช. ตอศาลจังหวัดสุรินทรเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๘
ขอเท็จจริงดังกลาวแสดงใหเห็นวา แมแตกรมสงเสริมสหกรณก็มีความเขาใจวาคดีพิพาทเก่ียวกับ
สัญญาเงินกูท่ีกรมสงเสริมสหกรณทํากับสหกรณท้ังสองเปนคดีแพง ซ่ึงอยูในอํานาจของ
ศาลยุติธรรมอันมีอายุความฟองคดี ๑๐ ป ตามมาตรา ๑๙๓/๓๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและ
พาณชิ ย ซง่ึ ศาลจังหวัดสุรินทรก็ไดมีคําส่ังรับคําฟองไวพิจารณา แตภายหลังศาลจังหวัดสุรินทรและ
ศาลปกครองนครราชสีมาไดมีความเห็นวา คดีทั้งสองเปนคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง
ซ่ึงอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง หลังจากนั้นไดมีการโอนคดีทั้งสองมาพิจารณา
ท่ีศาลปกครองช้ันตน ซ่ึงศาลปกครองชั้นตนไดมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา โดยวินิจฉัยวา
คดีทั้งสองฟองคดีเม่ือพนระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ซึ่งใชบังคับในขณะนั้น และศาลปกครองสูงสุดไดมีคําสั่งยืนตามคําสั่งของศาลปกครองชั้นตน
จากน้ัน กระทรวงการคลังจึงไดมีหนังสือลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เวียนแจงหนวยงานตางๆ
เกี่ยวกับระยะเวลาการฟองคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง จึงเห็นไดวา การฟองคดี
เพื่อเรียกใหสหกรณทั้งสองชําระหนี้เงินกูท่ีคางชําระพรอมดอกเบ้ียไมทันภายในระยะเวลา
แหง การฟอ งคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พระราชบัญญัติดังกลาว เกิดจากความไมเขาใจในมูลคดีพิพาท
เก่ียวกับสัญญาเงินกูระหวางกรมสงเสริมสหกรณกับสหกรณทั้งสองวาเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับ
สัญญาทางปกครอง เนื่องจากมีการบังคับใช พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ และเปดทําการ
ศาลปกครองไดไมนาน ประกอบกับหนาที่ในการฟองคดีเพ่ือเรียกคืนเงินกูมิใชเปนหนาท่ีโดยตรง
ของผูฟองคดี แมกรมสงเสริมสหกรณจะมีหนังสือสั่งการกําหนดมาตรการในการปฏิบัติหนาที่ของ
ผูฟองคดีท่ีจะตองเรงรัดหน้ีเงินกู รวมทั้งตองรายงานการไมปฏิบัติตามสัญญาของสหกรณ
ผูเปนลูกหนี้เงินกูใหฝายนิติการของกรมสงเสริมสหกรณทราบก็ตาม แตก็มีขอเท็จจริงวาผูฟองคดี
ไดดําเนินการติดตามเรงรัดใหมีการชําระหนี้เงินกูอยูเสมอ แมไมมีขอเท็จจริงวาไดมีการแจง
ตอ ฝา ยนติ กิ ารเก่ียวกับการไมปฏิบัติตามสัญญาของสหกรณผูเปนลูกหนี้เงินกูหรือไม แตหากผูฟองคดี
มิไดดําเนินการรายงานตอฝายนิติการ ก็เปนเพียงการปฏิบัติหนาที่โดยบกพรองท่ีไมเปนเหตุให
กรมสงเสริมสหกรณไมทราบถึงการผิดสัญญาของสหกรณผูกูเงินแตอยางใด การไมรายงาน
การไมปฏิบตั ติ ามสัญญาของสหกรณผกู ู จึงเปนเพยี งการปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลอธรรมดา
การฟองคดีเพ่ือบังคับใหสหกรณทั้งสองชําระหน้ีเงินกูพรอมดอกเบี้ยไมทันภายในระยะเวลา
การฟองคดี จึงไมไดเกิดจากการปฏิบัติหนาที่โดยจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรง
ของผูฟ องคดี ผฟู อ งคดีจงึ ไมตอ งรับผดิ ชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมสหกรณตามมาตรา ๑๐
ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แตอยางใด
การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําสั่งใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมสหกรณ
เปนเงินจํานวนทั้งส้ิน ๑,๑๙๐,๓๓๐.๙๕ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย และคําวินิจฉัยอุทธรณของ
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๕๗
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใหยืนตามคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ยอมเปนคําส่ังท่ีไมชอบดวยกฎหมาย
ดว ยเชน กนั ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาเพิกถอนคําส่ังกรมสงเสริมสหกรณโดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ตามหนังสือลงวันท่ี ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซ่ึงแจง
ตามหนังสือลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ เฉพาะในสวนที่สั่งใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
เกินกวาจํานวนเงิน ๑๙๕,๕๐๖.๘๕ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปจนถึงวันที่มีคําส่ังทั้งสองฉบับ
ดังกลาว นัน้ ศาลปกครองสงู สุดเห็นพอ งดว ยบางสว น
พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ท่ีใหผูฟองคดีรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมสหกรณ เปนเงินจํานวน ๑,๑๙๐,๓๓๐.๙๕ บาท
แจงตามหนังสือกรมสงเสริมสหกรณ ลงวันท่ี ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ และคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดี แจงตามหนังสือลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ โดยใหมีผลยอนหลังไป
จนถงึ วนั ท่ีมีคาํ สัง่ ทงั้ สองฉบบั ดงั กลาว
ฟอ งขอใหเ พิกถอนคําส่งั ใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณเี บิกจายเงนิ โดยมชิ อบ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๓๙๖/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ขณะผูฟองคดีดํารงตําแหนงเจาหนาท่ีบริหารงานทั่วไป ๕
สังกัดองคก ารบรหิ ารสว นจงั หวดั จนั ทบรุ ี เปนผูเสนอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการสงเสริม
และพัฒนาการกฬี าของจงั หวัดจนั ทบุรี “กจิ กรรมสง นกั กีฬาเขา แขงขันฟุตบอลอาชีพไทยแลนดลีก
ดิวิชน่ั ๑ ฤดกู าล ๒๐๐๙” เปนคาใชจายในการฝกซอมและแขงขันฟุตบอลเพื่อสงเสริมและพัฒนาการกีฬา
ของจงั หวดั จนั ทบุรี รวมเปนเงินจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท ตอมาสํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๒
ไดเขาตรวจสอบแลว พบวาโครงการดังกลาวมกี ารเบิกจา ยเงินโดยไมชอบดวยกฎหมาย ทําใหองคการบริหาร
สว นจังหวดั จันทบุรีไดร ับความเสยี หายเปนเงนิ จาํ นวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท ผูถกู ฟองคดีที่ ๑ (ผูวาราชการ
จงั หวดั จนั ทบรุ ี) จึงมีคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เมื่อดําเนินการ
สอบขอเท็จจริง และไดสงสํานวนใหกระทรวงการคลังตรวจสอบแลว กรมบัญชีกลางพิจารณาแลว
เห็นควรใหผูฟองคดี และนาย ว. รับผิดในอัตรารอยละ ๑๐ ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท
คดิ เปน เงนิ จํานวน ๙๒,๖๖๐ บาท โดยใหรับผิดคนละสวนเทาๆ กัน คิดเปนเงินจํานวน ๔๖,๓๓๐ บาท
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมคี ําสง่ั เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี
เปนเงินจํานวน ๔๖,๓๓๐ บาท ภายใน ๔๕ วัน นับถัดจากวันท่ีไดรับคําส่ัง ตามความเห็นของ
กรมบัญชีกลาง ผูฟองคดีอุทธรณคําส่ังดังกลาว ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย)
มคี าํ สง่ั ใหยกอุทธรณ ผฟู องคดีจงึ นําคดมี าฟอ งขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําส่ังของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี
และเพิกถอนคาํ วินิจฉยั อทุ ธรณข องผูถูกฟองคดีที่ ๒
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีอํานาจกํากับดูแลการปฏิบัติราชการ
ขององคการบริหารสวนจังหวัดใหเปนไปตามกฎหมายและมีอํานาจส่ังสอบสวนขอเท็จจริงได
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๕๘
ตามมาตรา ๗๗ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ ผูถูกฟองคดีที่ ๑
จึงเปนผูบังคับบัญชาเหนือตนข้ึนไปหนึ่งชั้นของผูฟองคดีตามนัยมาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และเปนอํานาจของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ในการดําเนินการตรวจสอบและพิจารณาทางปกครองกรณีเกิดความเสียหายตอหนวยงานของรัฐ
ตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ การที่
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําส่ังแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด จึงเปน
การดําเนินการตามขอ ๑๒ ของระเบียบดังกลาว เม่ือตอมาผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังเรียกให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง จึงเปนการออกคําสั่งตามขอ ๑๘
ของระเบียบเดียวกัน และเปนอํานาจของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อผูฟองคดีดํารงตําแหนงเจาหนาที่บริหารงานทั่วไป ๕
องคก ารบรหิ ารสว นจังหวดั จนั ทบรุ ี ไดเ สนอหนังสอื กองสง เสรมิ คุณภาพชีวิต ลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๒
เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณตอนายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี เพื่อเปนคาใชจาย
ในการสนบั สนนุ การจดั การแขง ขันฟุตบอลอาชีพ “ไทยแลนด ดิวิช่ัน ๑ ลีก ๒๐๐๙” พรอมกันนี้ผูฟองคดี
ไดเ สนอโครงการสง เสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ
ไทยแลนดลีก ดวิ ชิ ั่น ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” โดยนาย ว. ผูอํานวยการกองสงเสริมคุณภาพชีวิตมีความเห็น
ควรอนุมัติ ซ่ึงองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดดําเนินโครงการดังกลาวและมีการเบิกจายเงิน
เพื่อใชจายในโครงการดังกลาวเปนคาใชจายในการฝกซอมและการแขงขันฟุตบอลอาชีพ รวมเปนเงิน
จํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท โดยทก่ี ารแขงขนั ฟุตบอลตามโครงการดังกลา วมีการเก็บเงินคาผานประตู
จากผูเขาชมการแขงขันนัดเหยาโดยสโมสรฟุตบอลจันทบุรีเปนผูจัดเก็บ จึงเปนโครงการท่ีมี
การจัดหารายไดในลักษณะองคกรเอกชน จึงไมไดเปนไปตามหลักเกณฑการแขงขันกีฬาระหวาง
องคกรปกครองสวนทองถิ่นหรือภายในองคกรปกครองสวนทองถ่ินแตอยางใด จึงเปนการเบิกจายเงิน
ใหแกสโมสรฟุตบอลจันทบุรี ซึ่งเปนองคกรเอกชนโดยไมมีระเบียบกฎหมายของทางราชการ
ใหเบิกจายได อีกทั้ง ไมอยูในอํานาจหนา ทขี่ ององคการบริหารสวนจังหวัดตามมาตรา ๔๕ แหง พ.ร.บ.
องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และมาตรา ๑๗ (๑๘) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและข้ันตอน
การกระจายอํานาจใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อผูฟองคดีเปนผูเสนอขออนุมัติ
โครงการดังกลาว ผูฟองคดีควรตองตรวจสอบใหไดความถูกตองกอนวา การดําเนินโครงการดังกลาว
อยูในอํานาจหนา ทข่ี ององคก ารบริหารสวนจังหวัดหรอื ไม และสามารถเบิกจายไดหรือไม ผูฟองคดี
เพียงแตพิจารณาวา กรณีดังกลาวเปนการสงเสริมและพัฒนากีฬาของจังหวัดจันทบุรี ถือไดวา
ผฟู อ งคดีไมไ ดป ฏบิ ัติตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ และหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันท่ี
๓ สิงหาคม ๒๕๔๗ เร่ือง หลักเกณฑการใชจายเงินในการแขงขันกีฬาขององคกรปกครองสวนทองถิ่น
ดังน้ัน การท่ผี ฟู องคดีเปนผูเสนอขออนุมัติโครงการสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี
โดยไมตรวจสอบความถูกตอง พฤติการณการกระทําดังกลาว จึงเปนการกระทําดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรงเปนเหตใุ หอ งคการบรหิ ารสวนจงั หวัดจันทบุรีไดรับความเสียหาย จึงเปนการกระทําละเมิด
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๕๙
ตอ องคการบรหิ ารสวนจงั หวดั จันทบรุ ี ตามมาตรา ๔๒๐ แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดี
จึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๑๐
ประกอบมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แมการดําเนิน
โครงการพิพาทนั้นไดผานผูบริหารพิจารณาแลววาสามารถทําไดตามระเบียบของทางราชการ
และมิไดเปนการเบิกจายเงินใหสโมสรฟุตบอลจันทบุรีดําเนินการเองนั้น เห็นวา เม่ือการดําเนินโครงการ
ดังกลาวไมอยใู นอาํ นาจหนา ที่ขององคก ารบรหิ ารสว นจงั หวัดแลว ผูฟองคดีจึงไมอาจปฏิเสธเพ่ือให
พนความรับผดิ ไดแ ละไมว า จะอยูในสายงานบริหารหรือสายงานปฏิบัติตางตองพิจารณาตรวจสอบ
ถึงความถูกตองโดยชอบดวยกฎหมาย เปนหนาที่ของผูฟองคดีที่ตองใชความรูในการศึกษา วิเคราะห
และตรวจสอบวา แผนงานโครงการนั้น สามารถดําเนินการไดตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ
หรือไม เพยี งใด อยา งไรก็ตาม ไมปรากฏวาผูฟองคดีกระทําทุจริตตอหนาท่ี การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
มีคาํ ส่งั เรียกใหผูฟองคดีและนาย ว. ผอู าํ นวยการกองสงเสริมคุณภาพชีวิต ชดใชคาสินไหมทดแทน
ในอัตรารอยละ ๑๐ ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๙๒,๖๖๐ บาท
โดยใหร บั ผดิ คนละสวนเทาๆ กัน คิดเปนเงินจํานวน ๔๖,๓๓๐ บาท จึงเปนการเรียกใหชดใชคาสินไหมทดแทน
โดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมในกรณีนี้ตามมาตรา ๘ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ คําส่ังดังกลาวชอบดวยกฎหมาย
และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดีจึงชอบดวยกฎหมายเชนกัน
การทีศ่ าลปกครองพพิ ากษายกฟอ ง น้ัน ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดว ย
พพิ ากษายืน
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๓๙๘/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายจากคําส่ังจังหวัดจันทบุรี
ลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี เปนเงิน ๑๓๘,๙๙๐ บาท สืบเนื่องจากขณะท่ีผูฟองคดีดํารงตําแหนง
รองนายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี สังกัดองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ไดรับมอบอํานาจ
ตามคําสัง่ องคการบรหิ ารสวนจังหวดั จันทบุรี ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๑ ใหปฏิบัติราชการแทน
นายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีในเร่ืองการอนุมัติฎีกาเบิกจายเงิน และการอนุมัติจายเงินยืม
ผูฟองคดีไดลงนามอนุมัติฎีกาเบิกจายเงินโครงการสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี
“กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ ไทยแลนดลีก ดิวิช่ัน ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” จํานวน
๑๓ ฎีกา เปนคาใชจายในการฝกซอมและแขงขันฟุตบอลเพื่อสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของ
จังหวัดจันทบุรี รวมเปนเงิน ๙๒๖,๖๐๐ บาท ภายหลังสํานักงานตรวจเงินแผนดินภูมิภาคท่ี ๒
จังหวัดชลบุรี ไดตรวจสอบพบวา โครงการดังกลาวเปนการเบิกจายใหกับสโมสรฟุตบอลจันทบุรี
ซ่ึงเปนเอกชนโดยไมมีระเบียบการเบิกจาย จึงไมสามารถเบิกจายไดและไมอยูในอํานาจหนาที่
ขององคการบริหารสวนจังหวัด เปนเหตุใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดรับความเสียหาย
เปนเงนิ ๙๒๖,๖๐๐ บาท จังหวัดจันทบุรีไดแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๖๐
ซึ่งคณะกรรมการดังกลาวพิจารณาแลวเห็นวา การเบิกจายเงินในโครงการดังกลาวน้ัน เจาหนาที่
ท่เี กี่ยวขอ งปฏบิ ตั ิหนา ทด่ี ว ยความประมาท แตไมถึงขั้นประมาทเลินเลออยางรายแรง งบประมาณ
ท่ีองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีเบิกจายไปเพื่อการดังกลาว จึงใหตกเปนพับแกองคการ
บรหิ ารสว นจังหวดั จันทบุรี ตอมา กรมบัญชีกลางไดพิจารณาแลวเห็นวา พฤติการณของผูฟองคดี
เปนการไมปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ถือไดวาเปนการกระทําดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง เปนเหตุใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดรับความเสียหาย จึงใหผูฟองคดี
รับผิดเฉพาะสวนของผูฟองคดีในอัตรารอยละ ๑๕ ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท
คิดเปนเงิน ๑๓๘,๙๙๐ บาท ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําสั่งดังกลาว จึงไดมีหนังสือลงวันท่ี
๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ อุทธรณตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (ผูวาราชการจังหวัดจันทบุรี) ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
พิจารณาอุทธรณแลว ไมเห็นดวยกับคําอุทธรณของผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงไดสงเร่ือง
ดังกลาวไปใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย) พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณของ
ผูฟองคดีตอไป ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดพิจารณาแลวมีคําสั่งใหยกอุทธรณ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งจังหวัดจันทบุรี ลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖
เร่ือง ใหชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี และเพิกถอนคําวินิจฉัย
อุทธรณของผถู กู ฟอ งคดีที่ ๒
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา การจัดการแขงขันกีฬาฟุตบอลตามโครงการการ
จัดการเขงขันฟุตบอลอาชีพ “ไทยแลนดลีกดิวิช่ัน ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” ขององคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี ไมไดเปนไปตามหลักเกณฑการแขงขันกีฬาระหวางองคกรปกครอง
สวนทองถิ่นหรือภายในองคกรปกครองสวนทองถิ่นแตอยางใด และรับฟงไมไดวาเปนการจัดทํา
บริการสาธารณะ กรณีดังกลาวจึงเปนการเบิกจายเงินใหแกสโมสรฟุตบอลจันทบุรี ซึ่งเปนองคกร
เอกชนโดยไมมีระเบียบกฎหมายของทางราชการใหเบิกจายได อีกทั้ง ไมอยูในอํานาจหนาที่ของ
องคการบริหารสวนจังหวัดตามมาตรา ๔๕ แหง พ.ร.บ. องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐
และตามมาตรา ๑๗ (๑๘) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจใหแกองคกร
ปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อผูฟองคดีในฐานะรองนายกองคการบริหารสวนจังหวัด
จันทบุรี มีหนาที่กํากับดูแลการปฏิบัติงานของผูใตบังคับบัญชาใหเปนไปตามระเบียบกฎหมาย
ของทางราชการและไดรับมอบอํานาจตามคําสั่งองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ลงวันที่
๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๑ ใหปฏิบัติราชการแทนนายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ในเรื่อง
การอนุมัติฎีกาเบิกจายเงิน และการอนุมัติจายเงินยืม ตามขอ ๖๒ และขอ ๘๔ ของระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเลิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และ
การตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ แตไมกํากับดูแลการปฏิบัติงาน
ของเจาหนาที่ผูใตบังคับบัญชาใหเปนไปตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ อีกท้ังผูฟองคดี
ไดลงนามอนุมัติฎีกาเบิกจายเงินในหมวดคาใชจายประเภทรายจายเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติ
ราชการท่ีไมเขาลักษณะหมวดรายจายอ่ืนๆ รวม ๑๓ ฎีกา เพ่ือเปนคาใชจายในการฝกซอมและ
การแขงขันฟุตบอลอาชีพใหกับสโมสรฟุตบอลจันทบุรี พฤติการณการกระทําดังกลาว จึงเปนการ
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๖๑
กระทาํ ดวยความประมาทเลนิ เลอ อยางรายแรง และเปนเหตุใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี
ไดรับความเสียหาย จึงเปนการกระทําละเมิดตอองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๔๒๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแก
องคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง
และมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือผูฟองคดี
ปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงในการเบิกจายเงินเปนคาใชจายโครงการ
สงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ
ไทยแลนดลีก ดิวิชั่น ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” เปนเงิน ๙๒๖,๖๐๐ บาท จึงถือไดวาองคการบริหาร
สวนจงั หวัดจันทบุรีไดรับความเสียหายตามจํานวนเงินดังกลาว แตไมปรากฏวาผูฟองคดีไดกระทํา
ทุจริตตอหนาท่ี การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่งจังหวัดจันทบุรี ลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖
เรื่อง ใหชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี เรียกผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๑๕ ของคาเสียหายจํานวนดังกลาว คิดเปนเงิน ๑๓๘,๙๙๐ บาท
จึงเปนการเรียกใหชดใชคาสินไหมทดแทนโดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทํา
และความเปนธรรมในกรณีนี้ตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว ดังนั้น
คําสั่งจังหวัดจันทบุรี ลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงินจํานวน ๑๓๘,๙๙๐ บาท จึงชอบดว ยกฎหมาย และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดีจึงชอบดวยกฎหมายเชนกัน การท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษา
ยกฟอง นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดว ย
พิพากษายนื
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๔๙๘/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เงื่อนไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๖
ฟอ งขอใหชดใชค าเสียหายจากการขุดลอกทางสาธารณประโยชน
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๔๒๙/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ วธิ ีพจิ ารณาคดปี กครอง หนา ๑๙๓
ฟอ งขอใหร้อื ถอนถนนคอนกรีตเสริมเหล็กทกี่ อสรา งทับท่ดี นิ พิพาท
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๔๔๕/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๑๐๖
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีกําหนดคาปรับในสัญญาจางกอสราง
โดยไมชอบดวยกฎหมาย
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๔๕๙/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๒๐
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๖๒
ฟองขอใหช ดใชค า สินไหมทดแทน กรณไี มไดร ับเงนิ เบ้ียยงั ชีพผูสูงอายุ
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๔๖๙/๒๕๖๓
ผฟู อ งคดีฟองวา เม่อื เดอื นตุลาคม ๒๕๕๗ ผฟู อ งคดีไดไปลงทะเบียนเพื่อขอรับเงิน
เบ้ียยังชีพผูสูงอายุพรอมกับราษฎรอื่นๆ แตเม่ือถึงวันที่ไดรับสิทธิ ปรากฏวาไมมีรายช่ือผูฟองคดี
จึงไดย่ืนคํารองลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ขอใหผูถูกฟองคดี (เทศบาลนครเชียงราย) เพิ่มช่ือ
ผูฟองคดีเปนผูมีสิทธิไดรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุ แตเจาหนาท่ีแจงผูฟองคดีวา ผูฟองคดีเขาใจผิด
เกี่ยวกับกําหนดเวลาการลงทะเบียนเพื่อรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุจึงไมมีรายชื่อ ผูฟองคดีจึงไดย่ืน
หนังสือรองทุกขตอนายกรัฐมนตรี ตอมา ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘
ชแ้ี จงผฟู องคดวี า ผูถ กู ฟองคดมี ิไดเปด ใหล งทะเบียนขอรบั เงนิ เบย้ี ยงั ชีพผูสูงอายุในเดือนตุลาคม ๒๕๕๗
แตไ ดไปรับลงทะเบยี นท่ชี มุ ชนบา นใหม ในวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.๓๐ ถงึ ๑๖.๐๐ นาฬิกา
โดยผูมาลงทะเบียนจะไดรับบัตรรับรองการลงทะเบียนไวเปนหลักฐานเพ่ือตรวจสอบสิทธิ ซึ่งเปน
คําชีแ้ จงที่ไมชดั เจน ผฟู องคดจี งึ ไดย นื่ คาํ รองลงวันท่ี ๖ เมษายน ๒๕๕๘ และวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘
ถึงผูวาราชการจังหวัดเชียงราย แตไมไดรับคําชี้แจงอยางใดอีก ผูฟองคดีเห็นวา การที่ผูถูกฟองคดี
ละเลยตอหนาท่ีทําใหผูฟองคดีไมไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุเดือนละ ๖๐๐ บาท จํานวน ๑๒ เดือน
นับต้ังแตเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ รวมเปนเงิน ๗,๒๐๐ บาท ทําใหผูฟองคดี
ไดรับความเดือดรอน จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใช
คาเสยี หายเปนเงนิ ๗,๒๐๐ บาท ใหแกผ ูฟองคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ผูฟองคดีมีอายุครบหกสิบปบริบูรณ ในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘ (ระหวา งวันท่ี ๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ ถึงวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘) และเริ่มมีสิทธิลงทะเบียน
เพอ่ื ขอรับเงินเบีย้ ยังชีพผูสูงอายุไดในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ ซึ่งหากผูฟองคดีไดลงทะเบียนในระยะเวลา
ดังกลาว จะมีผลใหผูฟองคดีไดรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ อันเปนปงบประมาณ
ทีผ่ ูฟอ งคดีมอี ายคุ รบหกสบิ ปบรบิ ูรณ ตามนยั ขอ ๗ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยหลักเกณฑ
การจายเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๕๒ แตโดยที่สิทธิในการ
ไดรับเบี้ยยังชีพผูสูงอายุเปนสิทธิประโยชนอันเปนสวัสดิการและความชวยเหลือท่ีรัฐจัดหาใหผูสูงอายุ
ที่มอี ายุเกนิ หกสิบปบริบูรณข นึ้ ไปและไมม รี ายไดเ พียงพอแกการยังชีพตามมาตรา ๕๓ ของรัฐธรรมนูญ
แหง ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ที่ใชบังคับขณะน้ัน ประกอบมาตรา ๑๑ (๑๑) แหง พ.ร.บ.
ผสู ูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึง่ บุคคลทม่ี ีอายุครบหกสิบปบ ริบรู ณข นึ้ ไป หากประสงคจะรับเงินเบ้ียยังชีพ
ผูสูงอายุจะตองแสดงความประสงคตอรัฐวาตนไมมีรายไดเพียงพอแกการยังชีพ บุคคลน้ันจึงจะมีสิทธิ
ไดร บั เงนิ เบ้ยี ยังชพี ผสู งู อายุตามขอ ๖ (๓) ของระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วาดว ยหลกั เกณฑการจายเงิน
เบ้ียยังชพี ผสู งู อายขุ ององคก รปกครองสว นทอ งถิน่ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยผูที่จะมีอายุครบหกสิบปบริบูรณขึ้นไป
ในปงบประมาณถัดไปจะตองมาลงทะเบยี นและย่นื คําขอรับเงินเบ้ยี ยังชพี ผูส งู อายภุ ายในเดือนพฤศจิกายน
ของทุกป ตามขอ ๗ ของระเบียบดังกลาว ดังน้ัน แมวาผูฟองคดีมีอายุครบหกสิบปบริบูรณ
ในปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และอาจมีสิทธิไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๖๓
แตบุคคลทจ่ี ะมสี ทิ ธไิ ดร ับเงินเบ้ยี ยังชีพผูสงู อายุในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จะตองย่ืนคําขอลงทะเบียน
ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ การที่ผูฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ รองเรียน
ตอ ผูถูกฟองคดวี า เม่อื เดอื นตุลาคม๒๕๕๗ ผูฟองคดีไดไปลงทะเบียนผูสูงอายุเพื่อขอรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ
ตอ ผถู กู ฟอ งคดซี ึง่ มาใหบ ริการรบั ลงทะเบียนภายในชุมชนบานใหม แตไมมรี ายชอ่ื ผฟู องคดีเปนผูมีสิทธิ
ไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ ขอใหผูถูกฟองคดีตรวจสอบเพิ่มช่ือผูฟองคดีเปนผูมีสิทธิไดรับเงิน
เบ้ียยังชีพผูสูงอายุ ทั้งท่ีในชวงเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ผูถูกฟองคดีไมไดเปดบริการรับลงทะเบียน
ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุในชุมชน และ ณ สํานักงานเทศบาลนครเชียงราย ประกอบกับผูฟองคดี
ไมสามารถนําบัตรรับลงทะเบียนมาแสดงเพ่ือใหเจาหนาท่ีตรวจสอบได กรณีจึงไมอาจรับฟงไดวา
ผฟู องคดีไดไปลงทะเบียนในชวงเวลาดังกลาว เม่ือหลังจากที่ผูฟองคดีย่ืนคํารองขอใหเพ่ิมชื่อผูฟองคดี
เปนผูมีสิทธิไดรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุ ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือหารือไปยังกรมสงเสริมการปกครอง
ทองถิ่น และไดรับการตอบขอหารือวา ใหผูถูกฟองคดีตรวจสอบคุณสมบัติของผูฟองคดีและเพิ่มเติม
รายช่อื ไวก อน สําหรับการปรับปรุงขอมูลในระบบสารสนเทศและการจายเงิน ในตนปงบประมาณ
กรมสง เสรมิ การปกครองทองถ่ินจะแจงใหตรวจสอบขอ มลู จาํ นวนผูมีสิทธิท่ีถูกตองจึงจะรายงานให
กรมสงเสริมการปกครองทองถิ่นจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม ผูถูกฟองคดีไดตรวจสอบคุณสมบัติของ
ผูฟองคดีแลวเห็นวา ผูฟองคดีเปนผูมีสิทธิจะไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุประจําปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ จึงเพ่มิ ชอื่ ผูฟ อ งคดีเปนผูมสี ิทธิรบั เงินเบ้ยี ยังชีพผูสงู อายุประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
(๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙) ตามประกาศเทศบาลนครเชียงราย เร่ือง รายชื่อเพิ่มเติม
ผูส งู อายุท่ีมีสิทธิไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันท่ี ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
และแจง การเพิ่มช่อื ผฟู องคดใี หท องถน่ิ จงั หวัดเชียงรายทราบตามหนังสือลงวันท่ี ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
เพื่อใหกรมสงเสริมการปกครองทองถ่ินจัดสรรงบประมาณเพ่ิมเติมรายจายคาเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ
ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตอไป การท่ีผูถูกฟองคดีพิจารณาวา ผูฟองคดีไมไดไปลงทะเบียน
เพื่อขอรับเบ้ียยังชีพผูสูงอายุ ตามที่ประกาศเทศบาลนครเชียงราย เรื่อง การข้ึนทะเบียนผูสูงอายุ
และคนพิการเพ่ือขอรบั เบี้ยยังชีพ ประจําปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๗
กําหนดไว จึงเห็นวา ผูฟองคดีไมไดดําเนินการตามข้ันตอนที่กําหนดไวในระเบียบกระทรวงมหาดไทย
ดังกลาว แตตอมา ผูถูกฟองคดีก็ไดดําเนินการเพิ่มชื่อผูฟองคดีเปนผูที่มีสิทธิไดรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุ
ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ แลว ผูฟองคดียอมมีสิทธิไดรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุตั้งแต
เดือนตุลาคม ๒๕๕๘ เปนตนไป เชนเดียวกันกับกรณีท่ีผูฟองคดีลงทะเบียนและยื่นคําขอรับ
เบี้ยยังชีพผูสูงอายุในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ และผูฟองคดีก็ไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ
ตามกฎหมายแลว การกระทําของผูถูกฟองคดีจึงมิไดเปนการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติ และไมเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย และแมวาผูถูกฟองคดีมิไดกระทําละเมิดตอผูฟองคดีกรณีการดําเนินการ
เพิ่มช่ือดังกลาวก็ตาม แตภายหลังจากที่ผูฟองคดียื่นคํารองตอผูถูกฟองคดี และผูถูกฟองคดี
ไดตรวจสอบคุณสมบัติของผูฟองคดีและเพ่ิมชื่อผูฟองคดีเปนผูมีสิทธิไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ
ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามประกาศเทศบาลนครเชียงราย เร่ือง รายช่ือเพิ่มเติมผูสูงอายุ
แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๖๔
ท่ีมีสิทธิไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
และผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ แจงการเพ่ิมช่ือผูฟองคดีใหทองถิ่น
จังหวัดเชียงรายทราบ โดยที่ผูถูกฟองคดีไมไดแจงใหผูฟองคดีทราบแตอยางใด เปนเหตุใหผูฟองคดี
ยังคงตองดําเนินการรองเรียนตอหนวยงานตางๆ รวมทั้งฟองคดีตอศาล จึงเห็นควรกําหนดคาเสียหาย
เปนคาใชจายในการรองเรียนรองทุกขตอหนวยงานท่ีเกี่ยวของรวมท้ังฟองคดีตอศาลปกครอง
เปนเงินจํานวน ๕,๐๐๐ บาท ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษายกฟอง นั้น ศาลปกครองสูงสุด
ไมเ หน็ พอ งดวย
พิพากษากลับเปนใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี เปนเงิน
จาํ นวน ๕,๐๐๐ บาท โดยชาํ ระใหแ ลว เสรจ็ ภายใน ๖๐ วนั นับแตว ันท่คี ดีถึงท่ีสดุ
ฟองขอใหชดใชค า สินไหมทดแทน กรณเี ปน ผไู มมีสทิ ธเิ ขาพักอาศยั ในหอ งพกั ราชการตาํ รวจ
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๔๗๓/๒๕๖๓
ผูฟ อ งคดฟี องวา เมอ่ื ประมาณเดือนเมษายน ๒๕๕๑ ผูฟองคดีและพันตํารวจโท ช.
ซึ่งเปนสามีของผูฟองคดี ไดขอเขาพักอาศัยในหองพักเลขท่ี ๑๒/๒๗ ของแฟลตตํารวจ
สถานีตาํ รวจภธู รเมืองอุดรธานี จากจา สิบตาํ รวจ ย. ซ่ึงเปนผูไดรับสิทธิพักอาศัยในหองพักดังกลาว
เนื่องจากเห็นวาจาสิบตํารวจ ย. มีบานพักอยูท่ีอ่ืนแลวและไมไดมาพักอาศัยอยูประจําท่ีหองพัก
ดังกลาว ซึ่งจาสิบตํารวจ ย. ไดอนุญาตใหผูฟองคดีและครอบครัวไดเขาพักอาศัยแทน ผูฟองคดี
จึงไดพักอาศัยอยูในหองพักดังกลาวกับครอบครัวเร่ือยมา ตอมาเม่ือประมาณเดือนเมษายน ๒๕๕๒
ผูถกู ฟอ งคดีท่ี ๒ (ผูก าํ กับการสถานีตํารวจภูธรเมืองอุดรธานี) ไดออกคําสั่งลงวันท่ี ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๒
แตงตงั้ ผถู ูกฟอ งคดที ี่ ๓ (คณะกรรมการตรวจสอบทรัพยสินหองพัก) เปนคณะกรรมการตรวจสอบ
และจัดทําบัญชีทรัพยสินและตอมาผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดทุบทําลายกุญแจหองพักเขาไปขนยาย
ทรัพยสินของผูฟองคดีท้ังหมดไปเก็บไวท่ีหองควบคุมผูตองหา สถานีตํารวจภูธรเมืองอุดรธานี
ตง้ั แตวันท่ี ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๒ ผูฟ องคดจี งึ ไปตดิ ตอขอรับทรัพยสินคืน แตพนักงานสอบสวนอางวา
ไมสามารถคืนใหได และแจงใหผูฟองคดีไปติดตอกับผูถูกฟองคดีที่ ๓ ผูฟองคดีไดตรวจสอบทรัพยสิน
ท่ีถูกขนยายไปเก็บไวในหองควบคุมผูตองหาดังกลาวแลวพบวา ทรัพยสินถูกวางกองเรียงราย
ไมเปนระเบียบ ท่ีนอนถูกวางไวใกลหองสวมซึ่งมีสภาพสกปรกสงกลิ่นเหม็นตลบอบอวน
เคร่ืองใชไฟฟาและตูเหล็กท่ีเก็บส่ิงของมีคาหลายรายการ ไดแก สรอยคอทองคํา สรอยขอมือ
แหวนทองคํา พระเล่ียมทองที่มีชื่อเสียงหลายองค เพชร พลอย อาวุธปนพกสั้น โฉนดท่ีดิน
และเอกสารสําคัญอ่ืนๆ อีกหลายรายการ ถูกวางไวในหองควบคุมผูตองหาโดยไมมีการดูแล และ
อยูในลักษณะเส่ียงตอการถูกโจรกรรมเปนอยางมาก นอกจากน้ี สิ่งของเคร่ืองใช ตู โตะ และอ่ืนๆ
ไดถูกขนยายโดยไมระมัดระวังจนแตกหักเสียหายและถูกวางบนพื้นท่ีมีสภาพสกปรก ผูฟองคดี
เห็นวาการดําเนินการดังกลาวเปนการกระทําท่ีไมชอบดวยกฎหมาย ทําใหทรัพยสินของผูฟองคดี
ชํารุดเสียหาย ไมอาจใชการได และสูญหายไป รวมจํานวน ๑๒๕ รายการ เปนเงิน ๓๕๗,๑๙๖ บาท
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๖๕
อันเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี จึงยื่นฟองคดีขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให
ผูถูกฟองคดีท้ังสาม (สํานักงานตํารวจแหงชาติ ท่ี ๑) ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี
เปนเงินรวมทัง้ สน้ิ จาํ นวน ๓๕๔,๖๙๖ บาท
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา การเขาพักอาศัยในหองพักพิพาทของพันตํารวจโท ช.
และผูฟองคดี เปนการไดรับอนุญาตใหเขาพักอาศัยจากจาสิบตํารวจ ย. ผูไดรับสิทธิเขาพักอาศัย
ในหองพกั พพิ าทได เนอ่ื งจากจา สิบตํารวจ ย. ไมม สี ิทธิใดๆ ในอนั ท่จี ะอนญุ าตใหผูฟองคดีเขาอยูใน
หอ งพกั พพิ าท เมื่อพนั ตํารวจโท ช. ไมไดย นื่ คํารอ งขอเขา พักอาศัยและไดรับอนมุ ัติจากผูถ กู ฟอ งคดที ี่ ๒
ในฐานะผูบังคับบัญชาอาคารใหเขาพักอาศัย พันตํารวจโท ช. จึงไมใชขาราชการตํารวจที่ไดรับสิทธิ
จากผูบังคับบัญชาอาคารใหเขาพักในหองพิพาท สงผลใหผูฟองคดีซ่ึงเปนคูสมรสของพันตํารวจโท ช.
มิไดเปนครอบครัวของผูไดรับสิทธิเขาพักอาศัย อีกท้ัง พันตํารวจโท ช. และผูฟองคดี มิไดเปน
ครอบครัวหรือบริวารของจาสิบตํารวจ ย. ซ่ึงไดรับอนุมัติจากบังคับบัญชาอาคารใหเขาพักอาศัย
ดงั น้นั พันตํารวจโท ช. และผูฟองคดี จึงไมมีสิทธิเขาพักอาศัยในหองพักพิพาทในฐานะผูพักอาศัย
ตามขอ ๒ ขอ ๓ และขอ ๑๓.๓ ของระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยการรักษาความสะอาด
สถานที่ราชการและการเขาพักอาศัยในอาคารบานพัก สํานักงานตํารวจแหงชาติ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๓ ซ่ึงผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในฐานะผูบังคับบัญชาอาคารมีอํานาจหนาที่ดูแลรักษา
อาคารบานพักสํานักงานตาํ รวจแหงชาติใหเปนไปโดยเรียบรอยตามที่ขอ ๑๓ ของระเบียบเดียวกัน
กําหนดใหอํานาจไว เมือ่ ขอเท็จจรงิ ปรากฏวา ในขณะเกิดเหตุพิพาท จาสิบตาํ รวจ ย. ไมไดพักอาศัยอยู
ในหองพักพิพาทแลว โดยไดมีบันทึกลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๒ ขอสงคืนหองพักพิพาทใหกับผู
ถูกฟองคดีที่ ๒ และไดมีการตัดน้ําตัดไฟหองพักพิพาท แตพันตํารวจโท ช. และผูฟองคดี
ยังมิไดออกจากหองพักพิพาท เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใชอํานาจในฐานะผูบังคับบัญชาอาคารดังกลาว
ออกประกาศสถานีตํารวจภูธรเมืองอุดรธานี ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เร่ือง ใหออกจากบานพัก
ของทางราชการสั่งใหพันตํารวจโท ช. และผูฟองคดี ออกจากหองพักพิพาทภายใน ๓ วัน นับแตวันที่
ไดออกประกาศ หากไมปฏิบตั ติ ามคําส่งั จะดาํ เนนิ คดตี ามกฎหมายตอไป เมือ่ ประกาศดังกลาวเปน
การบังคับให พันตํารวจโท ช. และผูฟองคดีตองปฏิบัติตาม โดยตองกระทําการขนยายทรัพยสิน
ออกจากหองพักพิพาทภายในระยะเวลาท่ีกําหนด และยังไดแสดงใหเห็นวาในกรณีท่ีผูฟองคดี
ไมปฏิบัติตามประกาศดังกลาว ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มุงประสงคท่ีจะดําเนินการตามท่ีกฎหมาย
ใหอํานาจในการใชมาตรการบังคับทางปกครองเพ่ือให พันตํารวจโท ช.และผูฟองคดี ขนยาย
ทรพั ยสินออกจากหองพักพิพาทตอไป และภายหลังจากนั้น ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดออกคําสั่งลงวันที่
๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๒ แตงตั้งผูถูกฟองคดีท่ี ๓ เพ่ือดําเนินการขนยายทรัพยสินออกจากหองพัก
พิพาทโดยผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดรวมกับ จาสิบตํารวจ ย. ตรวจสอบและขนยายทรัพยสินออกจาก
หองพักพิพาทไปเก็บรักษาไวท่ีหองขังผูตองหาสถานีตํารวจภูธรเมืองอุดรธานี เมื่อวันที่
๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๒ ประกาศดังกลาวจึงมีลักษณะเปนคําส่ังทางปกครองที่มีผลกระทบตอหนาที่
ที่ผูฟองคดีตองปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือขอเท็จจริงรับฟงไดวาการทําการขนยายทรัพยสินออกจากหองพักพิพาทแลว
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๖๖
จะมีความจําเปนตองใชหองขังเปนที่เก็บรักษาทรัพยสินท่ีขนยายเน่ืองจากไมมีท่ีเก็บก็ตาม
แตก็ตองทําดวยความระมัดระวังโดยใหเกิดความกระทบกระเทือนแกผูอยูในบังคับของคําส่ัง
ทางปกครองนอยที่สุด ซ่ึงเมื่อพิจารณาสภาพหองขังผูตองหาสถานีตํารวจภูธรเมืองอุดรธานี
ที่ใชเก็บรักษาทรัพยสินของผูฟองคดีแลว เห็นวา มีสภาพไมมิดชิด และหองมีความชื้น รวมทั้งสกปรก
ซึ่งการวางส่ิงของไวบนพ้ืนของหองขังที่มีสภาพดังกลาวโดยมิไดมีการบรรจุหีบหอหรือปกคลุม
โดยมิดชิดตามสมควร และยังไดปลอยวางท้ิงไวโดยไมมีการดูแลรักษาความปลอดภัย ทําใหทรัพยสิน
บางสวนไดรับความเสียหายเพราะความชื้น ถูกสัตวกัดแทะ และเลอะเทอะเปรอะเปอน
จนไมสามารถนํากลับมาใชได รวมทั้งเกิดการสูญหาย กรณีจึงเห็นไดวา การใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดังกลาว ทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหายในทรัพยสิน
เกนิ สมควร อนั เปน การไมชอบดวยมาตรา ๕๖ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ดังนั้น เมื่อการใชมาตรการบังคับทางปกครองของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย
เปนเหตุใหเกิดความเสียหายแกทรัพยสินของผูฟองคดี กรณีจึงเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ดังนั้น ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซึ่งเปน
หนวยงานของรัฐจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีในผลแหงละเมิดที่เจาหนาที่
ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดกระทําตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ สําหรับคาสินไหมทดแทนมีเพียงใด น้ัน เมื่อผูฟองคดีไมไดพิสูจนความเสียหาย
โดยแสดงราคาทรัพยสินและมูลคาความเส่ือมราคาของทรัพยสินแตละชิ้นท่ีเสียหายหรือสูญหาย
ซึ่งถือไดวาเปนการกลาวอางความเสียหายที่ไมชัดเจน เม่ือพิจารณาพฤติการณและความรายแรง
แหงการกระทําละเมิดแลวเห็นวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ กระทําการเพื่อใหคําส่ังทางปกครองบรรลุ
ผลสาํ เร็จ และนําหองพกั พิพาทจดั ใหข า ราชการตาํ รวจหรือลูกจา งประจาํ สํานักงานตํารวจแหงชาติ
ไดเขาพักอาศัย ซ่ึงเปนการกระทําเพ่ือประโยชนแกทางราชการ สวนพฤติการณของผูฟองคดี
ที่มีหนาที่ตองปฏิบัติตามคําส่ังทางปกครองโดยการขนยายทรัพยสินในหองพักพิพาท
ภายในกําหนดเวลา แตฝาฝนไมปฏิบัติตามคําสั่งทางปกครองโดยไมขนยายสิ่งของที่มีราคา
ที่อาจสูญหายหรือแตกชํารุดไดงายออกไปเก็บรักษาไวเสียกอน จึงถือวาผูฟองคดีมีสวนกระทํา
ความผิดอันกอใหเกิดความเสียหายดวย และเมื่อพิจารณาความเสียหายจากภาพถายท่ีผูฟองคดี
อางสงตอศาลแลว จึงเห็นควรกําหนดคาเสียหายใหผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๓๐,๐๐๐ บาท
ทศ่ี าลปกครองชนั้ ตน พิพากษายกฟอง น้นั ศาลปกครองสงู สุดไมเ หน็ พองดว ย
พิพากษากลับ เปนใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี
เปนเงินจํานวน ๓๐,๐๐๐ บาท ทั้งน้ี ใหชําระใหแลวเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแตวันที่คดีถึงที่สุด
และใหยกฟองผูถูกฟอ งคดที ี่ ๒ และท่ี ๓
แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๖๗
ฟอ งขอใหเพิกถอนคาํ สั่งใหช ดใชค าสินไหมทดแทน กรณีประมาทเลินเลอ อยางรายแรงเปนเหตุ
ใหผใู ตบงั คับบัญชากระทาํ การทจุ ริต
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๕๐๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนพนักงานสวนตําบล ตําแหนงปลัดองคการบริหาร
สวนตําบลวังอิทก อําเภอบางระกํา จังหวัดพิษณุโลก ไดรับคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ (นายอําเภอ
บางระกํา) ลงวันท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ใหชดใชคาสินไหมทดแทนแกทางราชการรวมเปนเงิน
๔๙๔,๙๗๒ บาท เนื่องจากขณะดํารงตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนา อําเภอ
บางระกํา จังหวัดพิษณุโลก ไดปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหนาง ว.
หัวหนาสวนการคลัง ซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชากระทําการทุจริตตอหนวยงานหลายกรณีไดแก
การเบิกจา ยเงินซ้ําซอ น การไมสงคืนเงินยืม การเบิกจายเงินโดยไมมีฎีกาเบิกจาย การแกไขจํานวนเงิน
ในเช็ค การไมนําเงินไปจายเจาหน้ี การนําเงินฝากธนาคารไมครบถวนตามใบเสร็จรับเงิน ผูฟองคดี
ไมเห็นดวยจึงมีหนังสือลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ อุทธรณคําส่ังดังกลาว ตอมา ไดรับแจง
ผลการพิจารณาอุทธรณจากผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดพิษณุโลก) ตามหนังสือลงวันท่ี ๒๔
เมษายน ๒๕๕๕ วาใหยกอุทธรณ จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ัง
ลงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน และเพิกถอนผลการพิจารณา
อทุ ธรณข องผูถกู ฟอ งคดีที่ ๒ ตามหนงั สือลงวนั ท่ี ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อคดีนี้ศาลปกครองช้ันตนวินิจฉัยวา ผูฟองคดี
ไดปฏิบตั หิ นาทไี่ มถูกตอ งตามระเบยี บกฎหมาย เปน เหตใุ หน าง ว. เบียดบังเอาเงินจากการปฏิบัติหนาท่ี
ไปใชส ว นตัว ทําใหองคก ารบรหิ ารสว นตําบลนิคมพัฒนาไดรับความเสียหายรวมเปนเงิน ๑,๒๒๓,๕๔๒ บาท
จงึ เปนการกระทําละเมดิ ในการปฏบิ ัติหนาที่ตอ หนวยงานของรัฐตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีไมไดอุทธรณคัดคานคําพิพากษาของ
ศาลปกครองชั้นตน ดังน้ัน ประเด็นที่วาผูฟองคดีกระทําละเมิดหรือไม จึงยุติตามคําพิพากษาของ
ศาลปกครองช้ันตนแลว จึงมีประเด็นที่ตองวินิจฉัยแตเพียงวา ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนใหแกผูถูกฟอ งคดที ี่ ๑ เปนจาํ นวนเงินเทาใด เมอ่ื ปรากฏวา ขณะเกดิ เหตพุ ิพาท ผฟู อ งคดีดํารง
ตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนา จึงอยูในฐานะผูบังคับบัญชาชั้นตน มีหนาท่ีกํากับ
ควบคุม ดูแล การปฏิบัติงานของเจาหนาที่ทุกคนซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชา ใหปฏิบัติตามระเบียบ
กฎหมายของทางราชการ และผูฟองคดีในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงินตองปฏิบัติตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย วา ดวยการรับเงิน การเบิกจายเงนิ การฝากเงิน การเก็บรกั ษาเงนิ และการตรวจเงิน
ขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ แตผูฟองคดีปลอยใหนาง ว. หัวหนาสวนการคลัง
เบียดบังเงินไปใชเพื่อประโยชนสวนตนหลายรายการ ดังนี้ (๑) กรณีเบิกจายเงินซ้ําซอน
เม่ือผฟู อ งคดแี ละนาย ส. นายกองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนา ไดลงนามในเช็คลงวันที่ ๒๒
กันยายน ๒๕๔๗ สั่งจายผูฟองคดี และนาง ว. เช็คลงวันท่ี ๒๔ กันยายน ๒๕๔๗ สั่งจายเขาบัญชี
ผูสูงอายุ ฉบับละ ๑๙๒,๖๐๐ บาท และลงวันท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ จํานวนเงิน ๑๙๒,๖๐๐ บาท
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๖๘
ส่ังจายผูฟองคดีและนาง ว. รวมเปนเงิน ๕๗๗,๘๐๐ บาท เพ่ือชําระหน้ีคาเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ
ซ่ึงเปนคาใชจายรายการเดียวกัน ซ่ึงเคยออกเช็คสั่งจายไปแลว จึงเปนการลงนามในเช็คเบิกจาย
ซํ้าซอนโดยไมไดตรวจสอบฎีกาและเอกสารประกอบฎีกาวาไดเคยมีการเบิกจายไปแลวหรือไม
ทําใหองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนาไดรับความเสียหายเปนเงิน ๕๗๗,๘๐๐ บาท เม่ือนาง ว.
ดํารงตําแหนงหัวหนาสวนการคลัง เปนผูจัดทําเช็คเสนอผูฟองคดีและนายกองคการบริหาร
สว นตําบลนคิ มพฒั นาลงนามในเช็ค ผฟู อ งคดจี ึงตองรบั ผิดในอัตราสวน ๑ ใน ๓ ของความเสียหาย
จํานวนเงนิ ๕๗๗,๘๐๐ บาท คิดเปน เงินจาํ นวน ๑๙๒,๖๐๐ บาท การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังให
ผูฟองคดีรับผิดกึ่งหน่ึงของความเสียหายเปนเงิน ๒๘๘,๙๐๐ บาท จึงไมเหมาะสมและเปนธรรม
แตเม่ือผูฟองคดีไมไดอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน จึงตองรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนตามคาํ พพิ ากษาของศาลปกครองชัน้ ตน เปน เงิน ๒๓๑,๑๒๐ บาท (๒) กรณีไมสงคืนเงินยืม
ผฟู องคดีและนาย ส. ไดล งนามสั่งจา ยเช็คลงวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๘ จํานวนเงิน ๖๐,๒๔๘ บาท
ส่งั จา ยผฟู อ งคดแี ละนาง ว. เพอื่ เปนเงินยมื คาใชจา ยในการจัดงานวันเด็ก แตใ นการจัดงานดังกลาว
นาย ส. ไดสํารองจายเงินสวนตัวเปนคาใชจายเปนเงินจํานวน ๖๐,๐๐๐ บาท ภายหลังไดมีการ
จัดทําฎีกา โดยออกเช็คลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ จํานวน ๖๐,๐๐๐ บาท สั่งจายนาย ส.
เพ่ือชําระหนี้เงินสํารองดังกลาว จึงเปนการสั่งจายเช็คโดยไมมีการตรวจสอบสัญญายืมเงินวามี
หรือไม ทําใหเบิกจายเงินคาใชจายในการจัดงานเดียวกันซ้ําซอน แตเม่ือนาง ว. มีหนาที่จัดทําเช็ค
และตองตรวจสอบเช็คกอนเสนอผูมีอํานาจลงนาม ผูฟองคดีจึงควรรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ในอัตราสวน ๑ ใน ๓ ของความเสียหายจํานวนเงิน ๖๐,๒๔๘ บาท คิดเปนเงินจํานวน
๒๐,๐๘๒.๖๖ บาท เมื่อผูฟองคดีไมไดอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน จึงตองรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนตามคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตนเปนเงิน ๒๔,๐๙๙.๒๐ บาท
(๓) กรณไี มม ีฎีกาเบกิ จาย ผูฟองคดีและนาย ส. ไดลงนามส่ังจายเช็คลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๗
จํานวน ๔๓,๕๐๐ บาท เพ่อื จายเปนคา วัสดสุ าํ นักงานและวัสดุงานบานงานครัว และเช็คลงวันที่ ๙
กุมภาพันธ ๒๕๔๘ จํานวนเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท เพื่อจายเปนเงินเศรษฐกิจชุมชน รวมเปนเงิน
จํานวน ๑๐๓,๕๐๐ บาท โดยไมมีฎีกาและเอกสารประกอบฎีกาในการเบิกจาย ไมมีสัญญาเงินกู
และไมมีผูรับเงิน จึงเปนการไมปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายที่กําหนด เมื่อนาง ว. เปนผูจัดทําเช็ค
โดยไมมีฎีกาและเอกสารประกอบจึงเปน การไมป ฏิบตั ิตามระเบียบกฎหมาย ผูฟองคดีจึงตองรับผิด
ในอัตราสวน ๑ ใน ๓ ของความเสียหายจํานวนเงิน ๑๐๓,๕๐๐ บาท คิดเปนเงิน ๓๔,๕๐๐ บาท
ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐ ของความเสียหาย
ดงั กลาวเปนเงิน ๒๐,๗๐๐ บาท น้ัน ศาลปกครองสูงสุดไมเห็นพองดวย (๔) กรณีแกไขจํานวนเงิน
ในเช็ค ผูฟองคดีและนาย ส. ไดลงนามในเช็คลงวันท่ี ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ เปนเงินจํานวน
๑๓๓,๐๐๐ บาท เปนคาเบี้ยยังชีพคนพิการ ผูปวยเอดส ซ่ึงตามฎีกาเพ่ือเบิกจายคาเบี้ยยังชีพ
คนพิการ ผปู วยเอดส เปนจํานวนเงิน ๓๓,๐๐๐ บาท ผฟู องคดลี งนามในเช็คโดยปลอยใหมีชองวาง
ในเช็คเปนชองทางใหนาง ว. ไปแกไขเติมตัวเลขและตัวหนังสือเพิ่มจํานวนเงินในเช็คได
จึงเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๗๐ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๖๙
การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗
โดยนาง ว. เบิกจายเงินเกินความจริง เปนเงินจํานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ท่ีศาลปกครองชั้นตน
กําหนดใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ๑ ใน ๓ ของความเสียหายเปนเงินจํานวน
๓๓,๓๓๓.๓๓ บาท จึงเหมาะสมและเปนธรรมแลว (๕) กรณีไมนําเงินไปจายเจาหนี้ ผูฟองคดี
และนาย ย. นายกองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนาในขณะนั้น ลงนามสั่งจายเช็คลงวันที่ ๙
กันยายน ๒๕๔๖ เปนเงิน ๓๘,๑๙๔ บาท สั่งจายผูฟองคดีและนาง ว. นอกจากน้ี ผูฟองคดีและ
นาย ส. ลงนามส่ังจายเช็คลงวันท่ี ๒ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ เปนเงิน ๘๘,๐๐๐ บาท ส่ังจายผูฟองคดี
และนาง ว. แลวมอบเช็คใหนาง ว. ไปข้ึนเงินกับธนาคารเพื่อนําเงินไปซ้ือธนาณัติสงใหกองทุน
บําเหน็จบํานาญขาราชการสวนทองถิ่น รวมเปนเงิน ๑๒๖,๑๙๔ บาท แตนาง ว. ไดนําเงินไปใช
สวนตัวทั้งหมด ผูฟองคดีในฐานะผูบังคับบัญชามีหนาที่ควบคุม กํากับ ดูแล การปฏิบัติงานของ
นาง ว. ผูใตบังคับบัญชา และผูฟองคดีในฐานะคณะกรรมการเก็บรักษาเงินตามขอ ๒๘
และขอ ๒๙ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน
การเก็บรกั ษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ และฉบับ พ.ศ. ๒๕๔๗
กําหนดใหคณะกรรมการเก็บรักษาเงินมีหนาท่ีรวมกันตรวจสอบตัวเงินและหลักฐานแทนตัวเงิน
กับรายงานเงินคงเหลือประจําวันใหถูกตองตรงกัน แตผูฟองคดี นาย ย. และ นาย ส. ไมได
ตรวจสอบเงินคงเหลือ จึงเปนชองทางใหนาง ว. ทุจริตนําเงินที่เบิกไดตามเช็คไปใชประโยชนสวนตน
การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะผูบังคับบัญชา
ในอัตรารอยละ ๒๐ ของคาเสียหายจํานวน ๑๒๖,๑๙๔ บาท คิดเปนเงิน ๒๕,๒๓๘.๘๐ บาท น้ัน
เปนการกําหนดโดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมแกกรณี
ตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว เมื่อผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนในฐานะผูบังคับบัญชาและเปนจํานวนเงินที่สูงกวาความรับผิดในฐานะกรรมการเก็บรักษา
เงินแลว หากใหตองรับผิดในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงินอีกเปนเงิน ๑๖,๘๒๕.๘๗ บาท
ก็จะไมสอดคลองกับความรายแรงแหงการกระทําและไมเปนธรรม ผูฟองคดีจึงไมตองรับผิด
ในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงนิ อกี และ (๖) กรณนี าํ เงนิ ฝากธนาคารไมค รบถวนตามใบเสร็จรับเงิน
รวมเปนเงินทั้งสิ้น ๒๕๕,๘๐๐ บาท แยกไดดังน้ี (๖.๑) การนําเงินฝากธนาคารไมถูกตองจํานวน
๑๑ รายการ เปนเงินจํานวน ๒๒,๘๐๐ บาท โดยนาง ว. ไดรับเงินจากผูนําเงินมาชําระ โดยมีการ
ออกใบเสร็จรับเงินใหผูชําระเงิน แตไมนําฝากธนาคาร (๖.๒) การนําเงินหน้ีเงินทุนโครงการ
เศรษฐกจิ ชมุ ชน งวดประจําป พ.ศ. ๒๕๔๗ ระหวา งเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนฝากธนาคาร
ไมถูกตอง โดยนาง ว. ไดรับคืนเงินเศรษฐกิจชุมชนงวดประจําป พ.ศ. ๒๕๔๗ ในเดือนดังกลาว
จากกลุมเกษตรกรท่ีกูยืมเงินและนําเงินมาชดใชคืนจํานวน ๙ ราย เปนเงินจํานวน ๗๓,๖๐๐ บาท
และมีการออกใบเสร็จรับเงิน แตนาง ว. ไมนําเงินดังกลาวฝากธนาคาร กับกรณีไดรับคืนเงิน
จากกลุมเกษตรกรท่ีกูยืมเงินไปจํานวน ๑๓ ราย เปนเงินจํานวน ๑๕๙,๔๐๐ บาท โดยไมได
ออกใบเสร็จรับเงิน และไมไดนําเงินฝากธนาคาร นาง ว. ไดนําเงินไปใชประโยชนสวนตน
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีรับเงินจากผูชําระหนี้
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๗๐
แตไมนําเงินฝากธนาคาร และกรณีรับเงินชําระหน้ีจากเกษตรกร ๙ ราย โดยออกใบเสร็จรับเงิน
แตไมนําเงินฝากธนาคาร ในฐานะผูบังคับบัญชาในอัตรารอยละ ๒๐ ของคาเสียหายจํานวน
๒๒,๘๐๐ บาท และจํานวน ๗๓,๖๐๐ บาท ตามลําดับ เปนเงิน ๔,๕๖๐ บาท และ ๑๔,๗๒๐ บาท
ตามลําดับ เปนการกําหนดโดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรม
แกกรณีตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว
เมือ่ ผฟู อ งคดีตอ งรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะผูบังคับบัญชา และเปนจํานวนเงินที่สูงกวา
ความรับผิดในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงิน หากใหตองรับผิดในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงินอีก
เปนเงิน ๓,๐๔๐ บาท และ ๙,๘๑๓.๓๓ บาท ตามลําดับดวย ก็จะไมสอดคลองกับความรายแรง
แหงการกระทําและไมเปนธรรม ผูฟองคดีจึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะ
กรรมการเก็บรักษาเงินอีก สวนเงินที่ไดรับชําระหนี้จากเกษตรกรโดยไมมีการออกใบเสร็จรับเงิน
จํานวน ๑๕๙,๔๐๐ บาท นั้น เปนเงินท่ีนาง ว. รับไวโดยไมมีใบเสร็จรับเงินและไดนําเงินไปใชจาย
สวนตัว ประกอบกับตามคําส่ังลงวันท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ไมไดเรียกรองใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนในจํานวนเงินคาเสียหายดังกลาว ผูฟองคดีจึงไมตองรับผิดในความเสียหาย
จํานวนน้ี ที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําพิพากษาใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะ
กรรมการเกบ็ รกั ษาเงนิ ในอัตรารอยละ ๖๐ ของคาเสียหายจํานวน ๒๒,๘๐๐ บาท และจํานวนเงิน
๗๓,๖๐๐ บาท โดยใหผูฟองคดีรับผิด ๑ ใน ๓ คิดเปนเงิน ๔,๕๖๐ บาท และ ๑๔,๗๒๐ บาท
ตามลําดับ น้ัน ศาลปกครองสูงสุดไมเห็นพองดวย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงินท้ังสิ้น ๓๖๗,๕๗๑.๓๓ บาท ดังนั้น คําสั่งลงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ที่เรียกใหผูฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๓๖๗,๕๗๑.๓๓ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย
และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ท่ีใหยืนตามคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงไมชอบดวย
กฎหมายเชนกัน ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามคําสั่ง
ลงวันท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกทางราชการ
เกินกวาจํานวนเงิน ๓๔๕,๓๕๘.๔๐ บาท และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ตามหนังสือลงวันท่ี ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
แกทางราชการเกินกวาจํานวน ๓๔๕,๓๕๘.๔๐ บาท นั้น ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดว ยบางสว น
พพิ ากษาแก เปน ใหเพิกถอนคาํ สั่งผูถ กู ฟองคดีท่ี ๑ ตามคําส่ังลงวันที่ ๑๖ มกราคม
๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๓๖๗,๕๗๑.๓๓ บาท
และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕
เฉพาะสวนท่ีวินิจฉัยใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๓๖๗,๕๗๑.๓๓ บาท
ท้ังนี้ ใหม ีผลนบั แตว นั ทม่ี คี ําสงั่ และคาํ วินจิ ฉยั อทุ ธรณด งั กลาว โดยมีขอ สังเกตเกย่ี วกับแนวทางหรือ
วิธีการดําเนินการใหเปนไปตามคําพิพากษาวา หากองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนาไดรับ
ชําระหนี้จากนาง ว. ไดเปนจํานวนเทาใด ใหนํามาหักหรือคืนตามสวนแหงความรับผิดใหแก
ผฟู องคดีตอ ไป
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๗๑
เพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง
ทาํ ใหร ั้วคอนกรีตเสรมิ เหลก็ เสียหาย
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๕๑๓/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เม่ือคร้ังผูฟองคดีดํารงตําแหนงชางโยธา ๔ สังกัดเทศบาลเมืองขลุง
ผูฟอ งคดีไดรับมอบหมายใหเ ปนผูสํารวจออกแบบโครงการกอสรางร้ัวคอนกรีตเสริมเหล็ก (ค.ส.ล.)
โรงเรียนเทศบาลขลุง (บุรวิทยาคาร) แหงท่ี ๒ ตอมาเทศบาลเมืองขลุงไดทําสัญญาจางเหมา
บริษัท พ. ใหทาํ การกอ สรา งโครงการดังกลาว และไดมีคําสั่งแตงต้ังผูฟองคดีเปนเจาหนาท่ีควบคุมงาน
ซึ่งผูรับจางไดทํางานท่ีรับจางแลวเสร็จและคณะกรรมการตรวจการจางไดตรวจรับงานงวดสุดทาย
เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๔๖ ตอมาเมื่อวันท่ี ๓ มิถุนายน ๒๕๔๗ ผูฟองคดีตรวจพบวางานกอสราง
ดังกลาวเกิดการชํารุดเสียหายจึงมีบันทึกรายงานผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (นายกเทศมนตรีเมืองขลุง)
ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือแจงใหผูรับจางดําเนินการแกไขความชํารุดบกพรองดังกลาว
ตอมาเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๗ บริษัท พ. ไดมีหนังสือสงงานที่แจงใหซอมแซมดังกลาว
ซงึ่ ผฟู อ งคดีไดต รวจสอบและรายงานผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๗ หลังจากน้ัน
ไดมีการตรวจพบความชํารุดของรั้ว ค.ส.ล. ดังกลาวอีก เทศบาลเมืองขลุงจึงไดมีหนังสือลงวันท่ี
๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๗ แจงบริษัท พ. ใหดําเนินการแกไขความชํารุดดังกลาว แตบริษัท พ.
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๔๘ แจงวา ไดกอสรางถูกตองตามแบบแปลนในสัญญาจางแลว
เทศบาลเมืองขลุงจึงไดขอความรวมมือสํานักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดจันทบุรีใหเขามา
ดําเนินการตรวจสอบรั้ว ค.ส.ล. ดังกลาว โดยผลการตรวจสอบปรากฏวา แบบกอสรางร้ัว ค.ส.ล.
โครงสรางทัว่ ไป (ตามแบบแปลน) มีความแข็งแรงเพียงพอ แตฐานรากใชเสาเข็มยาวเพียง ๒.๐๐ เมตร
อาจเปนสาเหตุใหเกิดการทรุดตัวซึ่งสาเหตุหลักท่ีทําใหเกิดการทรุดตัวของฐานรากของรั้วและเปนเหตุ
ใหรั้วเกิดความเสียหาย หลังจากนั้น เทศบาลเมืองขลุงไดมีคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด คณะกรรมการฯ ไดรายงานผลการสอบสวนสรุปวา
ผูฟองคดีซึ่งเปนผูออกแบบและควบคุมการกอสรางมีพฤติการณท่ีถือวาเปนการกระทําดวย
ความประมาทเลินเลออยางรายแรง ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกทางราชการ และเม่ือ
คํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมแหงกรณีแลว เห็นควรหักสวน
ความรับผิด จึงใหผูฟองคดีรับผิดชดใชในอัตรารอยละ ๗๐ ของคาเสียหาย จํานวน ๑๐๔,๙๙๐ บาท
คิดเปนเงิน ๗๓,๔๙๓ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรายงานผลการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดใหกระทรวงการคลังตรวจสอบ ตอมากรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังตรวจสอบแลว
เห็นวาผูฟองคดีควรรับผิดชดใชเต็มจํานวนความเสียหายเปนเงิน ๑๐๔,๙๙๐ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
จงึ ไดมีคาํ สง่ั ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ใหผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนจํานวน ๑๐๔,๙๙๐ บาท
แกเทศบาลเมืองขลุงภายใน ๔๕ วัน นับถัดจากวันท่ีรับทราบหนังสือ ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๕๒ อุทธรณคําสั่งดังกลาว ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดจันทบุรี)
พิจารณาแลวมีคําส่ังใหยกอุทธรณตามหนังสือลงวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๒ ผูฟองคดีจึงนําคดี
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๗๒
มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ที่ใหผูฟองคดี
รับผิดชําระคาสินไหมทดแทน และผลการพิจารณาอุทธรณของผูฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือลงวันที่
๒ กนั ยายน ๒๕๕๒
ศาลปกครองสงู สดุ วินิจฉัยวา เมื่อคดีน้ีผูฟองคดีขณะถูกกลาวหาวากระทําละเมิด
ตอเทศบาลเมืองขลุง ดํารงตําแหนงเจาหนาท่ีโยธา ๔ สังกัดเทศบาลเมืองขลุง ผูฟองคดี
จึงเปนเจาหนาที่ ตามมาตรา ๔ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
สวนผูถูกฟองคดีที่ ๑ ในฐานะผูแทนเทศบาลเมืองขลุง เปนราชการสวนทองถิ่น จึงเปนหนวยงานของรัฐ
ตามมาตรา ๔ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา ผูฟองคดีไดรับมอบหมาย
จากเทศบาลเมืองขลุงใหเปนผูสํารวจออกแบบกอสรางรั้ว ค.ส.ล. ของโรงเรียนเทศบาลขลุง
(บุรวิทยาคาร) แหงที่ ๒ และไดร ับการแตงต้งั ใหเปน ผคู วบคมุ งานกอสรา งดังกลาว ดังน้ัน ผูฟองคดี
ในฐานะผูสํารวจออกแบบจึงตองปฏิบัติหนาท่ีใหเปนไปตามหลักวิชาชางและตองควบคุมดูแล
การกอสรางรั้ว ค.ส.ล. ดังกลาว ใหถูกตองตามแบบแปลนท่ีกําหนดไว และเปนไปตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย วาดวยการพัสดุของหนวยการบริหารราชการสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๓๕
ซ่ึงขอเท็จจริงตามผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดรับฟงไดวา ในการกอสรางร้ัว ค.ส.ล.
ดังกลาวผูฟองคดีไดดําเนินการตอกเสาเข็มบางสวนดวยรถแบคโฮอันมิไดเปนไปตามหลักวิชาชาง
และในการสํารวจออกแบบกอสรางร้ัว ค.ส.ล. ดังกลาว ผูฟองคดีไมไดทําการขุดชั้นดินบริเวณ
ที่กอสรางรั้วเพ่ือทําการตรวจสอบ แตใชขอมูลการสํารวจเมื่อคร้ังกอสรางอาคารเรียน ค.ส.ล. ๓ ชั้น
มาประกอบการพิจารณา และเม่ือผูฟองคดีพบวาขณะทําการกอสรางร้ัวดังกลาว สภาพช้ันดิน
บริเวณทีก่ อ สรางเปน ดนิ ออ นเนอื่ งจากเปน ทางน้ําเดิมและที่ลุมรับน้ํา ผูฟองคดีซึ่งมีวิชาชีพทางชาง
ยอ มเล็งเห็นไดว า หากปลอ ยใหมีการตอกเสาเข็มตามแบบแปลนเดิมที่กําหนดไวอาจทําใหฐานราก
ไมม่ันคงและกอใหเกิดความเสียหายแกรั้ว ค.ส.ล. ไดในภายหลัง ผูฟองคดีซ่ึงเปนผูควบคุมงาน
ยอมมีอํานาจส่ังแกไขเปล่ียนแปลง หรือส่ังพักงาน หรืออาจรายงานใหคณะกรรมการตรวจการจาง
ทราบปญหาดังกลาวได ท้ังน้ี ตามขอ ๖๖ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการพัสดุ
ของหนวยการบริหารราชการสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๓๕ แตผูฟองคดีก็หาไดดําเนินการเชนนั้นไม
และเม่ือพิจารณาผลการตรวจสอบของสํานักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดจันทบุรี
ซ่ึงเปนหนวยงานราชการท่ีมีความรูและความเช่ียวชาญเกี่ยวกับการกอสรางซ่ึงไดใหความเห็น
ในเร่อื งนวี้ า แบบกอ สรา งรว้ั ค.ส.ล. โครงสรา งทว่ั ไปตามแบบแปลนมีความแข็งแรงพอ แตฐานราก
ใชเสาเข็มยาวเพียง ๒.๐๐ เมตร อาจเปนสาเหตุใหเกิดการทรุดตัวของฐานราก และเปนเหตุใหรั้ว
เกิดความเสียหายตามมาทั้งหมด รวมความยาว ๕๑.๐๐ เมตร จึงเชื่อไดวา การทรุดตัวของร้ัว
ดังกลาวนาจะเกิดจากการกําหนดความยาวของเสาเข็มไมเหมาะสมกับพื้นที่กอสรางซ่ึงเปนพ้ืน
ที่ดินออนและเปนทางน้ําเกา เม่ือความเห็นของสํานักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดจันทบุรี
เปนความเห็นตามหลักวิชาการ ทั้งไมปรากฏวาไมมีความเปนกลางอยางไร ความเห็นดังกลาว
จึงมีนํ้าหนักรับฟงได กรณีจึงฟงไดวา ความชํารุดเสียหายของรั้ว ค.ส.ล. พิพาทเกิดจากการปฏิบัติ
หนาท่ีของผูฟองคดีเปนสําคัญ โดยมิไดเกิดจากการกอสรางโดยไมถูกตองตามแบบแปลน
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๗๓
ของผูรับจางดังท่ีผูฟองคดีกลาวอางแตอยางใด ซ่ึงหากผูฟองคดีไดใชความระมัดระวังตามวิชาชีพ
เพียงเล็กนอยก็ยอมสามารถปองกันความเสียหายดังกลาวได พฤติการณของผูฟองคดีจึงเปน
การปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง เม่ือการกระทําดังกลาวกอใหเกิดความเสียหาย
แกเ ทศบาลเมอื งขลงุ กรณีจึงเปนการกระทําละเมิดตอหนวยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีอํานาจออกคําสั่ง
เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวไดตามมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
ซ่ึงเมอื่ พจิ ารณาแบบแปลนของรั้ว ค.ส.ล. ดังกลาวแลวพบวา ในข้ันตอนของการออกแบบดังกลาว
นอกจากผูฟองคดีจะเปนเจาหนาท่ีสํารวจออกแบบแลว ยังมีเจาหนาที่รายอ่ืนเปนผูเขียนแบบ
และยังตอ งเสนอผา นผบู ังคบั บัญชาอีกหลายชน้ั ซ่งึ แสดงใหเ ห็นวา แบบแปลนดังกลาวไดผา นการพิจารณา
กลัน่ กรองของผบู งั คบั บัญชามาแลว สว นหนึง่ ดว ย ประกอบกบั หลงั จากกอสรางรัว้ ค.ส.ล. ดังกลาว
แลวเสร็จ เทศบาลเมืองขลุงยังไดทําสัญญาจางใหมีการถมดินชิดแนวรั้วท่ีพิพาทอีกดวย ซึ่งแมจะมิได
เปนผลโดยตรงที่ทําใหรั้วเกิดการทรุดตัวและแตกราวก็ตาม แตก็ถือวาเปนปจจัยสวนหน่ึง
ท่ีกอใหเกิดความเสียหายดวย จึงมิใชเปนผลจากการกระทําของผูฟองคดีแตเพียงผูเดียว ดังน้ัน
การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ กําหนดใหผูฟองคดีตองรับผิดในผลเสียหายแหงละเมิดจนเต็มจํานวน
จึงเปนการกาํ หนดสัดสวนความรับผิดทางละเมิดท่ีมิไดเปนไปตามระดับความรายแรงแหงการกระทํา
และความเปนธรรมแตละกรณีตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติเดียวกันอีกดวย
เห็นควรกําหนดใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกเทศบาลเมืองขลุง ในสัดสวนรอยละ ๗๐
ของคาเสียหายท่ีเกิดข้ึน คิดเปนเงิน จํานวน ๗๓,๔๙๓ บาท การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่ง
ลงวันท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ส่ังใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเต็มจํานวน เปนเงิน
๑๐๔,๙๙๐ บาท จึงมีผลทําใหคําสั่งดังกลาวในสวนท่ีส่ังใหผูฟองคดีรับผิดเกินกวาจํานวนเงิน
๗๓,๔๙๓ บาท เปนคําส่ังที่ไมชอบดวยกฎหมาย และเมื่อคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ไดพ จิ ารณาโดยอาศัยเหตุผลทํานองเดียวกันกับเหตุผลของผูถูกฟองคดีที่ ๑ คําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดี จึงไมชอบดวยกฎหมายเชนเดียวกัน ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษา
ใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ในสวนที่ส่ังใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนรอยละ ๓๐ ของความเสียหายจํานวน ๑๐๔,๙๙๐ บาท คิดเปนเงิน
ทั้งส้ิน ๓๑,๔๙๗ บาท ใหแกเทศบาลเมืองขลุง และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตามหนังสือลงวันท่ี ๒ กันยายน ๒๕๕๒ ในสวนที่วินิจฉัยยกอุทธรณของผูฟองคดีท่ีอุทธรณคําสั่ง
ของผูถกู ฟองคดที ่ี ๑ ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ในสวนท่ีสั่งใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนรอยละ ๓๐ ของความเสียหายจํานวน ๑๐๔,๙๙๐ บาท คิดเปนเงินท้ังส้ิน ๓๑,๔๙๗ บาท
ใหแกเทศบาลเมืองขลุง ทั้งนี้ ภายใน ๖๐ วัน นับแตวันที่มีคําพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งแปลความไดวา
เปนการพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒
และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตามหนังสือลงวันท่ี ๒ กันยายน ๒๕๕๒ เฉพาะสวน
ที่ส่ังใหผูฟองคดีชําระเงินเกินกวาจํานวน ๗๓,๔๙๓ บาท โดยใหมีผลยอนหลังนับแตวันที่มีคําส่ัง
ดงั กลา ว น้ัน ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๗๔
พิพากษายนื
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีละเลยตอหนาที่ไมควบคุมกํากับดูแล
ผใู ตบังคับบญั ชาเปน เหตุใหเ กดิ การทุจรติ
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๕๔๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ขณะเกิดขอพิพาทผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดองคการบริหาร
สวนตําบลหวยโกน ไดรับความเดือดรอนเสียหายเน่ืองจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (นายอําเภอเฉลิม
พระเกียรติ) มีคําสั่งลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๕ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมดิ กรณเี งินขาดบญั ชี ปง บประมาณ ๒๕๕๐ - ๒๕๕๓ ขององคก ารบรหิ ารสวนตําบลหวยโกน
กรณีการทุจริตจนเปนเหตุเงินขาดบัญชีในปงบประมาณ ๒๕๕๐ - ๒๕๕๓ เปนเงิน ๘๘๐,๒๙๖ บาท
โดยผูเกี่ยวของไดชดใชเงินคืนเปนจํานวน ๓๔,๙๗๑ บาท คงเหลือเงินที่เปนความเสียหายจํานวน
๘๔๕,๓๒๕ บาท โดยคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ เห็นวา ผูฟองคดีมิไดเอาใจใสควบคุม
ผใู ตบงั คับบัญชาในการปฏบิ ัติหนา ที่ ไมไ ดใชความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาที่โดยละเอียดรอบคอบ
จนเปนโอกาสหรือเปนชองทางใหเกิดการทุจริต จึงเปนการประมาทเลินเลออยางรายแรง ใหรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนรอยละ ๘๐ คิดเปนเงิน ๖๗๖,๒๖๐ บาท ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําส่ัง
(ไมระบุวันท่ี) เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนอัตรารอยละ ๘๐ คิดเปนเงินจํานวน
๖๗๖,๒๖๐ บาท ผูฟองคดีทราบคําส่ังดังกลาวเม่ือวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ผูฟองคดีเห็นวา
คําส่ังไมชอบดวยกฎหมายจึงมีหนังสือลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ อุทธรณคําสั่งดังกลาว
แตผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดนาน) พิจารณาแลวยกอุทธรณ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
ทีเ่ รยี กใหผ ูฟอ งคดชี ดใชคา สินไหมทดแทนและคาํ วินจิ ฉัยอทุ ธรณข องผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๒
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ผูฟองคดีปฏิบัติหนาท่ีในฐานะปลัดองคการบริหาร
สวนตําบลหวยโกนต้ังแตวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ถึงวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ มีหนาที่
รับผิดชอบควบคุมดูแลงานราชการประจําขององคการบริหารสวนตําบลหวยโกนใหเปนไปตาม
กฎหมาย และเปนเจาหนาท่ีงบประมาณตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยวิธีการ
งบประมาณขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ และที่แกไขเพิ่มเติม มีหนาท่ีควบคุม
งบประมาณรายจายและเงินนอกงบประมาณใหเปนไปตามกฎหมาย ระเบียบ ขอบังคับ คําส่ัง
หรือหนังสือส่ังการกระทรวงมหาดไทย และเปนคณะกรรมการเก็บรักษาเงินซึ่งมีหนาที่ตรวจสอบ
ตวั เงินกบั รายงานสถานะเงินคงเหลือประจําวัน เม่ือปรากฏวาถูกตองแลวใหนําเงินเก็บเขาตูนิรภัย
และใหก รรมการทกุ คนลงลายมือชอ่ื ในรายงานสถานะเงินคงเหลือประจําวันไวเปนหลักฐานแลวให
หัวหนาสว นการคลังเสนอใหผบู ริหารสวนทองถ่ินทราบ การที่นางสาว ส. เจาพนักงานการเงินและ
บัญชี ๓ รักษาการในตําแหนงหัวหนาสวนการคลัง ไดลงลายมือชื่อรับเงินในใบรับสงเงินจาก
เจาพนักงานจัดเก็บรายได แตไมไดนําสงเงินที่จัดเก็บสงมอบคณะกรรมการเก็บรักษาเงิน
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๗๕
เพื่อจัดเก็บไวในตูนิรภัย และไมนําฝากธนาคาร และไมไดจัดทํารายงานสถานะเงินคงเหลือ
ประจําวัน แตจะรายงานสถานะเงินคงเหลือประจําวันโดยไมนําเงินสดใหคณะกรรมการเก็บรักษา
เงินตรวจนับหรือจัดเก็บเงินไวในตูนิรภัย โดยท่ีนางสาว ส. รับวาตั้งแตปงบประมาณ ๒๕๕๐
ถึงปงบประมาณ ๒๕๕๓ มีเงินรายไดท่ีขาดบัญชีจริง ซ่ึงการท่ีผูใตบังคับบัญชาไมปฏิบัติหนาที่
ใหเปนไปตามระเบียบโดยไมนําสงเงินรายได ไมจัดทํารายงานสถานะเงินคงเหลือประจําวันตั้งแต
ปงบประมาณ ๒๕๕๐ ถึงปงบประมาณ ๒๕๕๓ ผูฟองคดีในฐานะปลัดองคการบริหารสวนตําบล
หวยโกนยอมทราบดีวาการไมปฏบิ ัตหิ นาที่ใหเปน ไปตามกฎหมายดังกลาวอาจเกิดความเสียหายได
แตผูฟองคดีละเลยไมควบคุมกํากับดูแลใหนางสาว ส. จัดทํารายงานสถานะการเงินคงเหลือประจําวัน
ใหแ ลวเสรจ็ ตามระเบียบ ปลอยใหผูใตบังคับบัญชาปฏิบัติหนาท่ีโดยไมเปนไปตามระเบียบลวงเลย
มาเปนเวลานาน และการที่ผูฟองคดีในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงินไดลงชื่อในรายงานเงินคงเหลือ
ประจําวันยอนหลังโดยไมมีการตรวจนับตัวเงินและเก็บเขาตูนิรภัยเปนการจงใจไมปฏิบัติตามระเบียบ
จึงเปนชองทางใหนางสาว ส. กระทําการทุจริตเปนเหตุใหองคการบริหารสวนตําบลหวยโกน
ไดรับความเสยี หายมีเงินขาดบัญชตี ั้งแตปง บประมาณ ๒๕๕๐ ถึงปงบประมาณ ๒๕๕๓ เปนเงินจํานวน
๘๘๐,๒๙๖ บาท พฤติการณของผูฟองคดีดังกลาว ถือวาปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรา ยแรงเปน การกระทาํ ละเมดิ ตามมาตรา ๔๒๐ แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดี
จึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกองคการบริหารสวนตําบลหวยโกน ตามมาตรา ๑๐
ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือองคการบริหาร
สวนตําบลหวยโกนมีเงินขาดบัญชีต้ังแตปงบประมาณ ๒๕๕๐ ถึงปงบประมาณ ๒๕๕๓
จํานวน ๘๘๐,๒๙๖ บาท แตไดรับคืนแลวจํานวน ๓๔,๙๗๑ บาท จึงเหลือเงินขาดบัญชีจํานวน
๘๔๕,๓๒๕ บาท โดยขณะเกิดเหตุพิพาทองคการบริหารสวนตําบลหวยโกนประสบปญหาไมมี
ผูดํารงตําแหนงหัวหนาสวนการคลังมาเปนเวลานาน จึงแตงตั้งนางสาว ส. ตําแหนงเจาพนักงาน
การเงินและบัญชี ๓ รักษาการในตําแหนงหัวหนาสวนการคลัง เม่ือนางสาว ส. ปฏิบัติหนาที่โดย
ไมถูกตองตามระเบียบของทางราชการทําใหเกิดความเสียหายแกองคการบริหารสวนตําบลหวยโกน
สาเหตุสวนหนึ่งจึงเกิดจากการที่องคการบริหารสวนตําบลหวยโกนมีบุคลากรไมเพียงพอ
กรณีจึงถือไดวาการละเมิดสวนหน่ึงเกิดจากความบกพรองขององคการบริหารสวนตําบลหวยโกน
ซ่ึงเปนหนวยงานของรัฐดวย จึงตองหักสวนความบกพรองดังกลาวออกรอยละ ๕๐ ของความเสียหาย
จํานวน ๘๔๕,๓๒๕ บาท คงเหลือความเสียหายจํานวน ๔๒๒,๖๖๒.๕๐ บาท ท้ังน้ี ตามมาตรา ๘
วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อผูฟองคดีในฐานะผูบังคับบัญชาช้ันตนไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๙ เมษายน ๒๕๕๑ รายงานการละเวนการปฏิบัติหนาที่ของพนักงานจัดเก็บรายไดและ
เจาพนักงานการเงินและบัญชี ๓ รักษาการในตําแหนงหัวหนาสวนการคลังที่สอไปในทางทุจริตให
นายกองคก ารบรหิ ารสวนตําบลหวยโกนทราบเพ่ือใหมีหนังสือประสานงานไปยังสํานักงานทองถ่ิน
อําเภอเฉลิมพระเกียรติและสํานักงานทองถิ่นจังหวัดนานใหสงเจาหนาที่ทําการตรวจสอบเอกสาร
ตางๆ ดวย และไมปรากฏวาผูฟองคดีมีพฤติการณทุจริตในกรณีดังกลาว และเคยตักเตือน
ผใู ตบงั คบั บัญชาแลว เมื่อคาํ นงึ ถึงพฤติการณแ ละความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรม
แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๗๖
ตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติเดียวกันแลว ผูฟองคดีในฐานะผูบังคับบัญชาระดับตน
จึงควรรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐ ของคาเสียหายที่ไดหักสวนแหงความรับ
ผิดของหนวยงานแลว คิดเปนเงินท่ีผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๑๒๖,๗๙๘.๗๕ บาท
ดังนั้น คําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คาสนิ ไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑๒๖,๗๙๘.๗๕ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย และคําวินิจฉัยของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดี จึงไมชอบดวยกฎหมายเชนกัน และหากองคการ
บริหารสวนตําบลหวยโกนไดรับการชดใชเงินคืนจากผูทุจริต ก็ตองหักหรือคืนใหแกผูฟองคดีตาม
สัดสวนแหงความรับผิดตอไป ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ และคําสั่งยกอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ แจงตามหนังสือของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนเกินกวา ๓๐๔,๓๑๗ บาท โดยใหค ําสัง่ มีผลยอนไปนับแตวันทีอ่ อกคาํ ส่ัง นัน้ ศาลปกครองสงู สุด
เหน็ พองดวยบางสว น
พพิ ากษาแกเปน ใหเพิกถอนคาํ สงั่ ของผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๕
และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
เกินกวาจํานวน ๑๒๖,๗๙๘.๗๕ บาท โดยใหมีผลนับแตวันที่มีคําส่ังและคําวินิจฉัยอุทธรณ
โดยมีขอสังเกตเกี่ยวกับแนวทางการหรือวิธีการดําเนินการใหเปนไปตามคําพิพากษาวา
หากองคการบริหารสวนตําบลหวยโกนไดรับชําระหน้ีจากผูทุจริตเพียงใด ใหคืนเงินสวนท่ีไดรับไว
เกนิ แกผูฟอ งคดีตามสดั สว นความรับผดิ ตอไป
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๖๐๐/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เมื่อป พ.ศ. ๒๕๕๐ กองการเจาหนาที่ (ฝายวินัยและสวัสดิการ)
ซ่ึงอยูในสังกัดของผูถูกฟองคดีที่ ๑ (กรมธนารักษ) ไดมีบันทึกขอความถึงผูฟองคดีเพ่ือขอทราบ
ขอเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมกรณีนางสาว ช. ทุจริตยักยอกเงินคาจําหนาย (โดยวิธีรับจอง)
เหรียญกษาปณที่ระลึก ป ค.ศ. ๒๐๐๐ และลักเหรียญท่ีระลึกการแขงขันกีฬาซีเกมส คร้ังที่ ๑๘
และเข็มกลัดท่ีระลึก ๗๒ พรรษา รัชกาลที่ ๙ ซ่ึงผูฟองคดีไดตอบขอซักถามและช้ีแจงขั้นตอน
รายละเอียดเทาท่ีผูฟองคดีทราบและจดจําได ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดแจงผลการพิจารณาของ
กรมบัญชีกลางเก่ียวกับความรับผิดทางละเมดิ ของเจา หนาทีท่ ี่เก่ียวของอื่น รวม ๔ ราย คือ นาง ฉ.
นางสาว จ. ผูฟองคดี และนาง ส. โดยในสวนของผูฟองคดีและนาง ส. ในฐานะผูอํานวยการ
สวนรายได มีหนาที่ในการกํากับดูแล ควบคุมการดําเนินการของหนวยจําหนายสินคาใหเปนไป
ตามกฎหมาย แตไมมีการกําหนดขั้นตอนรายละเอียดตางๆ ไว จึงเปนการปฏิบัติหนาที่ดวยความ
ประมาทเลินเลออยางรายแรง ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ใหผูฟองคดี
ชดใชคา เสยี หายใหแ กท างราชการเปนจาํ นวนเงิน ๕๕,๕๔๖.๓๐ บาท ภายในสามสิบวันนับแตวันที่
ไดรับทราบคําสั่ง ผูฟองคดีอุทธรณคําส่ังดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่
๔ สิงหาคม ๒๕๕๑ แจงผลการพิจารณาอุทธรณ และไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๔ สิงหาคม ๒๕๕๑
แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๗๗
แกไขจํานวนเงินที่ผูฟองคดีตองชดใชคาเสียหายเปนจํานวน ๓๒,๗๗๕.๔๕ บาท ซ่ึงผูฟองคดี
ไดอุทธรณคําส่ังลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ และคําสั่งลงวันท่ี ๔ สิงหาคม ๒๕๕๑
ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีบันทึกขอความลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๒ แจงผูฟองคดีวา
กรมบัญชีกลางไดพิจารณาขอเท็จจริงที่เปล่ียนแปลงเกี่ยวกับผูดํารงตําแหนงและผูรักษาราชการ
แทนผอู าํ นวยการสวนรายได โดยใหผูฟอ งคดีซ่ึงขณะเกิดเหตุดาํ รงตําแหนงผูอํานวยการสวนรายได
ต้ังแตวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๔๓ ถึงวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๔๓ คิดเปน ๑๘ วัน ตองรับผิดเปนเงิน
๖,๖๒๘.๗๕ บาท และผูถ กู ฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๒ แกไขเพิ่มเติมบุคคล
ท่ีตองรับผิดชดใชคาเสียหาย โดยใหผูฟองคดีรับผิดและชดใชคาเสียหายตามจํานวนเงินขางตน
และใหนําเงินไปชําระใหเสร็จสิ้นภายในสามสิบวันนับแตวันที่ไดรับทราบคําสั่ง ผูฟองคดีมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๓ กันยายน ๒๕๕๒ อุทธรณคําส่ังดังกลาวอีกครั้ง เนื่องจากเห็นวาไมเปนธรรมตอผูฟองคดี
ผถู กู ฟองคดที ่ี ๒ (กระทรวงการคลัง) ยกอุทธรณ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําส่ังเพิกถอนคําสั่งกรมธนารักษ ลงวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ คําส่ังตามบันทึกขอความ
ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑ คําสั่งกรมธนารักษ ลงวันท่ี ๙ กันยายน ๒๕๕๒ และคําสั่งตาม
บนั ทึกขอ ความ ลงวันที่ ๑๑ กนั ยายน ๒๕๕๒ และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ลงวันที่ ๕ สงิ หาคม ๒๕๕๓
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ในระหวางเวลาที่มีการกระทําละเมิดต้ังแตวันท่ี
๑๔ กันยายน ๒๕๔๓ ถึงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๓ น้ัน ผูฟองคดีดํารงตําแหนงผูอํานวยการ
สวนรายไดแตไดเขารับการอบรมหลักสูตรภาษาอังกฤษต้ังแตวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๔๓ ถึงวันที่
๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๓ ผูฟองคดีจึงมิไดปฏิบัติราชการในชวงเวลาดังกลาว โดยมีนางสาว จ.
ดํารงตําแหนงหัวหนาฝายจําหนาย และนาง ฉ. ดํารงตําแหนงเจาหนาท่ีการเงินและบัญชี ๕
ปฏิบัติหนาที่หัวหนาหนวยจําหนาย ณ ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เคร่ืองราชอิสริยาภรณ
และเหรียญกษาปณ ในพระบรมมหาราชวัง โดยนาง ฉ. ไดมอบหมายใหลูกจางช่ัวคราว
ที่ปฏิบัติงาน ณ หนวยจําหนาย ซึ่งรวมถึงนางสาว ช. เปนผูจําหนายสินคาแตละประเภทโดยใหแตละ
คนปฏบิ ตั งิ านเบ็ดเสร็จในลักษณะครบวงจรแตเ พียงผเู ดียวตง้ั แตการรบั จอง การออกใบเสร็จรับเงิน
การจัดทําหลักฐานการรับเงินและใบนําสงเงินประจําวัน การเก็บรักษาใบเสร็จรับเงิน และการ
จัดทําหลักฐานการจายเหรียญ ซ่ึงการมอบหมายงานในลักษณะดังกลาวทําใหขาดการควบคุม
ตรวจสอบซึ่งกันและกัน เปนเหตุใหเกิดชองทางในการทุจริตไดโดยงาย ประกอบกับเม่ือนาง ฉ.
ไดทําการเบิกสินคาแตละชนิดมาจากหองม่ันคงเพื่อไปสํารองท่ีหนวยจําหนาย นาง ฉ. จะมีหนาท่ี
ในการเก็บรักษากุญแจหองเก็บสินคาที่หนวยจําหนายดังกลาว แตปรากฏวาในทางปฏิบัติ
เจาหนาท่ีผูจําหนายสินคาสามารถเขาไปเบิกสินคาท่ีตนรับผิดชอบไดเองโดยไมมีการควบคุม
ตรวจสอบ อันเปนอีกชองทางหน่ึงที่ทําใหเกิดการกระทําทุจริตไดโดยงาย ซึ่งนางสาว ช. ไดอาศัย
ชองทางจากการท่ีไดรับมอบหมายใหมีหนาท่ีรับจองและจําหนาย รวมตลอดถึงการเก็บรักษา
ใบเสร็จรับเงินและหลักฐานการจายเหรียญแตเพียงผูเดียว กระทําการทุจริตยักยอกทรัพยและ
ลักทรพั ยของทางราชการไป สวนนางสาว จ. ตําแหนงหัวหนาฝายจําหนาย มีหนาที่ในการควบคุม
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๗๘
ดแู ลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของหนวยจําหนายสินคา โดยตองจัดใหมีการตรวจสอบเอกสาร
หลักฐานตางๆ แตกลับมิไดดําเนินการดังกลาวอันเปนการเปดโอกาสและเปนชองทางใหเกิด
การกระทําทจุ ริตไดโดยงาย ซ่ึงหากมีการตรวจสอบดูแลสินคาโดยละเอียดรอบคอบและสมํ่าเสมอ
ก็จะทราบโดยงายวาไดเกิดการกระทําการทุจริต เม่ือผูฟองคดีซึ่งดํารงตําแหนงผูอํานวยการ
สวนรายได ในฐานะผูบังคับบัญชาของนางสาว จ. และนาง ฉ. มีหนาท่ีในการกํากับ ดูแล ควบคุม
การดําเนินการของหนวยจําหนายสินคา แตผูฟองคดีมิไดควบคุมดูแลการปฏิบัติหนาท่ีของบุคคล
ท้ังสองดังกลาวซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชาใหถูกตองตามระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนําเงิน
สงคลังของสวนราชการ พ.ศ. ๒๕๒๐ และระเบียบที่เก่ียวของ โดยในข้ันตอนการปฏิบัติงานไมมี
การกําหนดรายละเอียดไว แตใชวิธีการปฏิบัติสืบตอกันมา เปนชองทางใหนางสาว ช. สามารถ
อาศัยโอกาสที่ผูบังคับบัญชาขาดการตรวจสอบดังกลาวทําการทุจริตและยักยอกเงินคาจองและ
ลักเหรียญไปเพ่ือประโยชนของตนไดโดยงาย อันเปนการปฏิบัติหนาท่ีดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง เปนเหตุใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหาย จึงเปนการกระทําละเมิด
ตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ผูฟองคดีจึงตองรับผิดในผลแหงละเมิดตามมาตรา ๑๐ ประกอบมาตรา ๘
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือขอเท็จจริงรับฟงไดวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหายเปนเงินจํานวน ๙๘๖,๙๔๖ บาท โดยเมื่อพิจารณาตามชวง
ระยะเวลาการกระทําละเมิดแลว สามารถพิจารณาจํานวนคาเสียหายที่เกิดขึ้นในระหวางท่ีผูฟองคดี
ดํารงตาํ แหนงผูอํานวยการสว นรายได ดังน้ี (๑) กรณีการยักยอกเงินคาจองเหรียญกษาปณที่ระลึก
ป ค.ศ. ๒๐๐๐ ท่ีไดรับไวและไมไดนําสง คิดเปนเงินจํานวน ๘๗,๗๓๐ บาท ซึ่งการรับจองเหรียญ
ดังกลาวเกิดขึ้นในระหวางวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๔๓ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๓
รวมระยะเวลา ๗๘ วัน โดยผูฟองคดีดํารงตําแหนงผูอํานวยการสวนรายไดในชวงเวลาที่เกิดเหตุ
ละเมิดดังกลาว จํานวน ๑๘ วัน มีคาเสียหายที่เกิดขึ้นเปนเงินจํานวน ๒๐,๒๔๕.๓๘ บาท (๒)
กรณีลักเหรียญท่ีระลึกการแขงขันกีฬาซีเกมส คร้ังที่ ๑๘ เหรียญทองคําขัดเงา คิดเปนเงินจํานวน
๖๔๐,๐๐๐ บาท และทําใหเหรียญเงินเสียหายโดยนําไปชุบเปนเหรียญทองคําแลวนํามาใสไวแทน
เหรียญทองคําขัดเงา คิดเปนเงินจํานวน ๕๓,๖๐๐ บาท รวมเปนเงิน ๖๙๓,๖๐๐ บาท เกิดข้ึน
ระหวางวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๔๓ ถึงวันท่ี ๘ มิถุนายน ๒๕๔๔ รวมระยะเวลา ๒๕๑ วัน โดยผูฟองคดี
ดํารงตําแหนงผูอํานวยการสวนรายไดในชวงเวลาท่ีเกิดเหตุละเมิดดังกลาว จํานวน ๑ วัน
มีคาเสียหายที่เกิดข้ึนเปนเงินจํานวน ๒,๗๖๓.๓๕ บาท รวมเปนเงินคาเสียหายท่ีเกิดขึ้นในขณะที่
ผูฟองคดีดํารงตําแหนงผูอํานวยการสวนรายได คิดเปนเงิน ๒๓,๐๐๘.๗๓ บาท เมื่อขอเท็จจริง
รับฟงไดจากผลการสอบสวนในชั้นคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริง และจากผลการสอบสวน
ในชั้นคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด วา สาเหตุท่ีทําใหเกิดการกระทําทุจริตได
โดยงายน้ัน สวนหนึ่งเกิดจากการที่สํานักบริหารเงินตราไมมีระเบียบวิธีปฏิบัติในการมอบหมาย
กําหนดหนาท่ีความรับผิดชอบในตําแหนงน้ันๆ อยางชัดเจนเปนลายลักษณอักษร ไมมีการจัดทํา
คูมือการปฏิบัติงานหรือกําหนดรายละเอียดข้ันตอนการปฏิบัติงานใหชัดเจน การปฏิบัติหนาที่
ของเจา หนา ท่ีจึงอาศยั แนวปฏบิ ตั ิตอๆ กนั มา การไมม รี ะบบการตรวจสอบสนิ คาคงเหลือท่ีเพียงพอ
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๗๙
และรัดกุม และการขาดแคลนอัตรากําลัง ประกอบกับสถานที่ในการจําหนายสินคาของหนวย
จําหนา ยมีลักษณะคบั แคบ สินคาบางชนิดไมมีตูเก็บ สวนสินคาท่ีพรอมจําหนายจะอยูในตูไมเล่ือน
เม่ือถึงเวลาจําหนายจะเข็นสอดเขาในเคานเตอร โดยในระหวางวันจะมีผูสนใจหรือลูกคา
เขามาติดตอสอบถามหรือซื้อสินคาเปนจํานวนมาก ผูจําหนายสินคาจึงมีความจําเปนตองเขาออก
หองเก็บสินคาเปนประจํา ทําใหการจัดเก็บสินคาและการควบคุมการเบิกจายสินคาทําไดไมรัดกุม
และไมสามารถจัดเก็บไดโดยปลอดภัย จึงเปนการเปดโอกาสใหมีการทุจริตไดงาย การกระทํา
ละเมดิ ดงั กลา วสวนหน่งึ จงึ เกดิ จากความบกพรองของหนวยงานของรัฐประกอบดวย จึงใหหักสวน
แหงความรับผิดดังกลาวออกในอัตรารอยละ ๕๐ ของจํานวนคาเสียหายท่ีเกิดข้ึน ตามมาตรา ๘
วรรคสาม แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เหลือความเสียหาย
จํานวน ๑๑,๕๐๔.๓๗ บาท และกรณีน้ีมีเจาหนาที่ผูตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนหลายราย
เมื่อคํานึงถงึ ระดบั ความรา ยแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมในกรณีน้ีแลว เห็นวา ผูฟองคดี
ในฐานะผูอํานวยการสวนรายไดเปนผูบังคับบัญชาของนางสาว จ. และ ฉ. มิไดควบคุมดูแลการ
ปฏิบัติหนาทข่ี องบุคคลทง้ั สองดงั กลา วซึ่งเปน ผใู ตบังคับบญั ชาใหถูกตองตามระเบียบการเก็บรักษาเงิน
และการนําเงินสงคลังของสวนราชการ พ.ศ. ๒๕๒๐ และระเบียบท่ีเก่ียวของ และมิไดกําหนด
ขน้ั ตอนรายละเอยี ดในการปฏิบตั งิ านเพือ่ ใหเกดิ การควบคุมดูแลการจัดจําหนายสินคา ควรรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนรอยละ ๒๐ ของความเสียหายหลังจากหักสวนแหงความผิดของหนวยงานของรัฐ
จํานวน ๒๓,๐๐๘.๗๓ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๒,๓๐๐.๘๗ บาท ดังนั้น คําสั่งกรมธนารักษ
ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ซ่ึงแกไขเพิ่มเติมโดยคําส่ังลงวันท่ี ๔ สิงหาคม ๒๕๕๑ และคําสั่ง
ลงวนั ที่ ๙ กนั ยายน ๒๕๕๒ เฉพาะในสวนท่เี รยี กใหผูฟอ งคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน
จํานวนเกินกวา ๒,๓๐๐.๘๗ บาท และคําวินิจฉัยอุทธรณ ลงวันท่ี ๕ สิงหาคม ๒๕๕๓ ท่ีวินิจฉัย
ยืนคําสั่งลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๒ เฉพาะในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนเปนเงินจํานวนเกินกวา ๒,๓๐๐.๘๗ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย ที่ศาลปกครองช้ันตน
พิพากษาเพิกถอนคําส่ังกรมธนารักษ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยคําส่ัง
ลงวันท่ี ๔ สิงหาคม ๒๕๕๑ และคําส่ังลงวันท่ี ๙ กันยายน ๒๕๕๒ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดี
ตองรับผิดเกินกวาจํานวน ๒,๓๐๐.๘๗ บาท และคําวินิจฉัยอุทธรณ ลงวันท่ี ๕ สิงหาคม ๒๕๕๓
ที่วินิจฉัยยืนคําส่ังกรมธนารักษ ลงวันท่ี ๙ กันยายน ๒๕๕๒ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีตองรับผิด
เกินกวาจํานวน ๒,๓๐๐.๘๗ บาท โดยใหมีผลนับแตวันที่มีคําส่ังและวันที่มีคําวินิจฉัยอุทธรณ
ดงั กลา ว สว นคําขออืน่ นอกจากนี้ใหยก นั้น ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวย
พพิ ากษายืน
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๗๔๕/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นวธิ ีพิจารณาคดีปกครอง หนา ๒๐๐
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๘๐
ฟองขอใหชดใชคาเสียหายจากการกอสรางสะพานหนาที่ดินพิพาท และขอใหร้ือถอนสะพาน
และทาํ ทางระบายนาํ้ ไปทางอน่ื
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๕๕๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๘๘
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีเจาหนาที่องคการปกครองสวนตําบล
ยกั ยอกเงนิ คาน้าํ ประปา
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๕๗๕/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ขณะที่ผูฟองคดีเปนพนักงานจางทั่วไปขององคการบริหารสวน
ตําบลไทยาวาส ตําแหนงพนักงานจดมาตรวัดนํ้า มีหนาท่ีจดมาตรวัดนํ้าประปาและไดรับมอบหมาย
ใหจัดเก็บคาน้ําประปาอีกหนาท่ีหน่ึง ไดรับความเดือดรอนเสียหายเนื่องจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(นายกองคการบริหารสวนตําบลไทยาวาส) ไดมีคําสั่งลงวันท่ี ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ ระบุวา
ผูฟองคดีไดกระทําการทุจริตยักยอกคานํ้าประปาขององคการบริหารสวนตําบลไทยาวาส
ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗ - ๒๕๔๘ เปนเงิน ๑๖๕,๗๙๕ บาท จึงมีคําสั่งใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๑๖๕,๗๙๕ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ภายใน ๓๐ วัน
นับแตวันทราบคําสั่ง ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑ อุทธรณคําส่ังตอผูถูกฟองคดีที่ ๑
ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ แจงผลการพิจารณาอุทธรณวา
องคการบริหารสวนตําบลไทยาวาสไดออกคําส่ังโดยชอบแลวและขอยืนยันตามคําส่ังเดิม ตอมา
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีหนังสือแจงผูฟองคดีวา กรมบัญชีกลางไดแจงผลการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด
ใหทราบ ผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๑ จึงมีคําสั่งยกเลิกคําส่ังลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ และออกคําส่ังใหม
เปนคําสั่งลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ มีเนื้อหาสาระสําคัญเชนเดียวกับคําสั่งเดิม ผูฟองคดี
จึงมีหนังสืออุทธรณคําสั่งตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดนครปฐม)
ไดพิจารณาแลวไมเห็นดวยกับคําอุทธรณของผูฟองคดี ผูฟองคดีเห็นวา คําส่ังลงวันที่
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๓ กันยายน ๒๕๕๒ ไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจาก
การกระทําละเมิดเปนเงิน ๑๖๕,๗๙๕ บาท และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตามหนงั สอื ลงวนั ที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๒
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา มีผูรองเรียนกลาวหา
เจาหนา ท่ีองคการบริหารสวนตําบลไทยาวาสทจุ ริตคาน้ําประปา ผูถกู ฟอ งคดีท่ี ๑ จึงมีคําส่ังแตงต้ัง
คณะกรรมการตรวจสอบขอเท็จจริงกรณีดังกลาว หลังจากนั้น ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่งลงวันท่ี
๒๖ มีนาคม ๒๕๕๐ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กรณีเงิน
คาน้ําประปาขาดบัญชีประมาณ ๕๘๗,๒๑๙ บาท ซึ่งมีคณะกรรมการ ๕ คน ประกอบดวย นาย อ.
สิบตํารวจโท ว. นาย ป. นางสาว ภ. และนาย น. โดยคณะกรรมการไดมีหนังสือแจงใหผูฟองคดี
แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๘๑
ไปใหถ อยคาํ ตอคณะกรรมการรวม ๓ ครั้ง คือ เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๐ วันท่ี ๒๓ เมษายน ๒๕๕๐
และวันท่ี ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๐ โดยระบุในหนังสือแจงใหผูฟองคดีไปใหถอยคําในฐานะเจาหนาท่ี
ซึ่งปฏิบัติงานในชวงเกิดเหตุ ผูฟองคดีไดใหถอยคําตอคณะกรรมการตามวันเวลาที่กําหนด ตอมา
คณะกรรมการสอบขอ เทจ็ จริงไดม ีหนังสอื ลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๐ โดยเห็นวากรณีนี้มีผูทุจริต
นําเงินคานํ้าประปา รวมเปนเงิน ๕๗๒,๑๔๙ บาท โดยผูฟองคดีตองรับผิดเปนเงินจํานวน ๑๖๕,๗๙๕ บาท
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงไดสงสํานวนการสอบสวนและความเห็นของคณะกรรมการใหกระทรวงการคลัง
ตรวจสอบ ตอมากรมบัญชีกลางมีหนังสือลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ แจงกลับมาวา นาย ส.
นายกองคการบรหิ ารสวนตาํ บลไทยาวาส ในฐานะหัวหนาหนวยงานของรัฐผูแตงต้ังคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามคําสั่งลงวันท่ี ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๐ เปนผูมีสวนไดเสีย
หรือมีสวนเก่ยี วขอ งกับเร่อื งท่ีสอบขอ เท็จจริง นายอําเภอนครชัยศรีจึงมีคําส่ังลงวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
แตง ตง้ั คณะกรรมการสอบขอเทจ็ จรงิ ความรับผิดทางละเมิดชุดใหม เม่ือความไมชอบดวยกฎหมาย
ของคําสั่งแตงต้ังคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ตามคําสั่งลงวันท่ี
๒๖ มีนาคม ๒๕๕๐ เกิดจากผูมีอํานาจออกคําสั่ง มิใชกรณีท่ีคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดท้ัง ๕ คน ท่ีไดรับแตงต้ังเปนผูมีสวนไดเสีย ผลการสอบสวนขอเท็จจริงของ
คณะกรรมการท้ัง ๕ คน ดังกลาวจึงไมเสียไป การท่ีนายอําเภอนครชัยศรี ไดแกไขความบกพรอง
ในสวนของผูออกคําส่ังแลว โดยมีคําส่ังแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ขนึ้ มาใหมแ มจะประกอบดวยคณะกรรมการชดุ เดิมท้ัง ๕ คน ก็ตาม ก็ไมทําใหผลการสอบสวนเสียไป
เพราะมิไดกระทาํ โดยผูม สี วนไดเสียมาตั้งแตตน เม่ือปรากฏวาในการสอบสวนของคณะกรรมการชุดเดิม
ผูฟองคดีไดใหถอยคําในเรื่องนี้ตอคณะกรรมการตรวจสอบขอเท็จจริงและคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด รวม ๓ ครั้ง ซ่ึงในการใหถอยคําแตละครั้งผูฟองคดีไดทราบแลววา
เปนการสอบสวนเพ่ือหาบุคคลผตู องรบั ผิดชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีการทุจริตคาน้ําประปาของ
องคการบริหารสวนตําบลไทยาวาส ซ่ึงผูฟองคดียอมตองทราบไดวา ผูฟองคดีในฐานะเจาหนาที่จัดเก็บ
คา นํา้ ประปาอาจตอ งมีสว นรับผิดชอบดวย โดยในการใหถ อ ยคาํ คร้งั ที่ ๒ ตามบันทึกถอยคําลงวันท่ี
๙ เมษายน ๒๕๕๐ ผูฟองคดีใหถอยคําวาจะนําเอกสารมายื่นเพ่ิมเติม และเม่ือผูฟองคดีไดนํา
เอกสารมายืน่ เพม่ิ เตมิ คณะกรรมการกไ็ ดบันทึกถอยคําผูฟองคดีเพ่ิมเติมตามบันทึกถอยคําลงวันที่
๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๐ จึงเห็นไดวาขอเท็จจริงท่ีผูฟองคดีใหไวนั้นครบถวนที่จะใชในการพิจารณา
ออกคําส่ังทางปกครองไดโดยไมตองพิจารณาขอเท็จจริงใหมและเปนกรณีที่คณะกรรมการไดให
โอกาสผูฟองคดีไดทราบขอเท็จจริงอยางเพียงพอและมีโอกาสไดโตแยงและแสดงพยานหลักฐาน
ของตนตามมาตรา ๓๐ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ แลว และคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดชุดใหมยอมมีดุลพินิจท่ีจะพิจารณาสํานวนการสอบสวน
ท่ีประกอบดวยขอเท็จจริง เอกสารพยานหลักฐาน ผลการพิจารณา พรอมท้ังความเห็นของคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดทั้งหมด มาเปนรายงานผลการสอบสวนเสนอตอผูแตงตั้ง
เพ่ือวินิจฉัยนั้นไดโดยไมจําตองดําเนินกระบวนการสอบสวนใหม ดังนั้น การออกคําสั่งลงวันท่ี
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๑๖๕,๗๙๕ บาท
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๘๒
จึงเปนกรณีที่ไดดําเนินการตามขั้นตอนท่ีกฎหมายกําหนดแลว เมื่อผูฟองคดีดํารงตําแหนงลูกจาง
ชั่วคราวของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ทําหนาที่จดมาตรผูใชนํ้าประปาและเก็บเงินคาน้ําประปา จึงมีหนาที่
ตองปฏิบัติตามข้ันตอนท่ีกําหนดไวในแบบ ป.๓๒ คือ เม่ือส้ินเวลารับเงินใหเจาหนาที่ผูมีหนาท่ีจัดเก็บ
หรือรับชําระเงิน นําเงินที่ไดรับพรอมสําเนาใบเสร็จรับเงิน และเอกสารอ่ืนที่จัดเก็บในวันน้ันทั้งหมด
สงตอเจาหนาที่การเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่นเพ่ือนําเงินฝากธนาคาร กรณีท่ีนําฝากธนาคาร
ไมท นั ใหเ กบ็ รกั ษาไวใ นตูนิรภัยตามท่ีกําหนดไวในขอ ๑๑ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน
การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน
พ.ศ. ๒๕๔๗ ผูฟองคดีมีหนาท่ีตองจัดทําหลักฐานการเก็บเงินไวเปนหลักฐานทุกครั้งเพื่อการตรวจสอบได
หากผูฟองคดีจัดทําตามระเบียบขางตนแลวยอมไมทําใหเงินคานํ้าประปาที่จัดเก็บขาดหายไปจนเกิด
ความเสียหายแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แตผูฟองคดีไมปฏิบัติหนาที่ใหถูกตองตามระเบียบคือไมไดจัดสง
หลักฐานการสงเงินใหครบทุกครั้งเพื่อใหมีการตรวจสอบไดซ่ึงโดยปกติวิสัยของบุคคลท่ัวไปการรับเงิน
และการจายเงินจํานวนมากนั้น ตองมีหลักฐานของผูรับเงินและผูจายเงินยืนยันเปนประกัน
แตผูฟองคดีไมมีหลักฐานการรับสงเงินจํานวน ๑๖๕,๗๙๕ บาท จึงนาเช่ือวาเงินจํานวนดังกลาว
ท่ีไมมีหลักฐานการรับสงเงินยังคงอยูกับผูฟองคดี พฤติการณดังกลาวถือไดวาผูฟองคดีปฏิบัติหนาท่ี
ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง และกอใหเกิดความเสียหายตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงเปน
การกระทําละเมิดตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
จึงมีอํานาจออกคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนได ตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ.
ความรบั ผิดทางละเมดิ ของเจาหนา ที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือผลการสอบขอเท็จจริงของคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงกรณีการรับสงเงินคาน้ําประปาปรากฏวา มีผูทุจริตนําเงินคานํ้าประปาไปใชทําใหองคการ
บริหารสวนตําบลไทยาวาสไดรับความเสียหาย รวมเปนเงินจํานวน ๕๗๒,๑๔๙ บาท มีเจาหนาที่
ท่ีเกี่ยวของตองชดใชคาสินไหมทดแทน ๕ ราย ดังนี้ ๑. ผูฟองคดี รับผิดจํานวน ๑๖๕,๗๙๕ บาท
๒. นาย ส. รับผิดจํานวน ๓๗๒,๘๓๘ บาท และ ๓. นาง ร. รับผิดจํานวน ๓๓,๕๑๖ บาท ๔. นาง อ.
รบั ผิดจาํ นวน ๕๗๒,๑๔๙ บาท ๕. นาง น. รับผิดจํานวน ๕๗๒,๑๔๙ บาท ประกอบกับผูถูกฟองคดีที่ ๑
ในการจัดเก็บคานํ้าประปานั้นมีเจาหนาที่ท่ีเก่ียวของตองรับผิดชอบโดยตรงในการจัดเก็บและ
เก็บรักษาเงิน เม่ือผูฟองคดีเปนเพียงพนักงานช่ัวคราวทั่วไปในตําแหนงพนักงานจดมาตรวัดนํ้า
เปนเพียงผูรับมอบหมายใหเก็บเงินคานํ้าประปาจากผูใชบริการมาสงใหแกเจาหนาท่ีจัดเก็บรายได
และเมื่อผูฟองคดีจัดเก็บคานํ้าประปาไดแลวจะนําใบเสร็จคาน้ําประปาจากนาง ร. พนักงานจัดเก็บ
รายไดไปจัดเก็บจากผูใชนํ้าในเขตพื้นท่ีที่รับผิดชอบและรวบรวมเงินที่จัดเก็บไดสงใหนาง ร.
และนาง ร. มีหนาท่ีตองสงเงินคาน้ําประปาใหกับนางสาว อ. หัวหนาสวนการคลังจัดเก็บ โดยจะมีการ
ลงรายการรับสงเงินตามใบเสร็จท่ีจัดเก็บไดในสมุดทะเบียนรับสงเงินที่นาง ร. ไดจัดทําไวเปนหลักฐาน
ทุกคร้ัง ผูฟองคดีไดจัดทําบัญชีสงเงินไวเพ่ือการตรวจสอบความถูกตองเชนกัน แตนาง ร. มักจะ
ไมลงลายมือช่ือในบัญชีที่ผูฟองคดีจัดทํา โดยอางวามีสมุดทะเบียนรับสงเงินที่จัดทําไวเปนหลักฐาน
อยูแลว กรณีจึงเห็นวาความเสียหายท่ีเกิดขึ้นเกิดจากระบบการดําเนินงานสวนรวมดวยและเห็นควร
หักสวนแหงความรับผิดออกตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ออกรอยละ ๓๐
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๘๓
ของจํานวน ๑๖๕,๗๙๕ บาท คิดเปนเงิน ๔๙,๗๓๙ บาท โดยท่ีผูฟองคดีเปนเพียงพนักงานจางทั่วไป
ตําแหนงพนักงานจดมาตรวัดน้ํา ปฏิบัติหนาท่ีจดมาตรวัดนํ้าและจัดเก็บคานํ้าประปา สวนหนาที่
ในการเก็บรักษาเงินเปนของหัวหนาสวนการคลังซ่ึงเปนเจาหนาท่ีอื่นท่ีมีหนาที่รับผิดชอบเปน
การเฉพาะ แตอยางไรก็ตามผูฟองคดีอยูในฐานะเปนผูมีสวนรวมในการกระทําและทําใหเกิด
ความเสียหายแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ดวย จึงเห็นวา ผูฟองคดีควรรับผิดในอัตรารอยละ ๗๐ ของ
จํานวนเงิน ๑๖๕,๗๙๕ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๑๑๖,๐๕๖ บาท ดังนั้น คําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามคําส่งั ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ในสว นท่เี รยี กใหผ ูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา
จํานวนเงิน ๑๑๖,๐๕๖ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ทไ่ี มเ ห็นดว ยกับอุทธรณข องผฟู องคดี จงึ ไมชอบดวยกฎหมายเชนกัน ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษา
ยกฟอง นน้ั ศาลปกครองสูงสดุ ไมเ ห็นพอ งดวย
พิพากษากลับเปนใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามคําสั่งลงวันท่ี
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวนเงิน
๑๑๖,๐๕๖ บาท โดยใหม ีผลยอ นหลังไปตั้งแตว นั ท่มี ีคําสง่ั
ฟองขอใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีไมจายเงินชดเชยการออกจากงานใหแกพนักงาน
ธนาคารแหง ประเทศไทย
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๕๗๗/๒๕๖๓
ผูฟอ งคดฟี อ งวา ผูฟ องคดเี คยเปน พนักงานของผูถูกฟอ งคดี (ธนาคารแหงประเทศไทย)
ไดพ นจากตาํ แหนงหนา ท่ีและออกจากงานเน่ืองจากครบเกษยี ณอายุ ๖๐ ป เม่ือวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗
ไดรับเงินเดือนครั้งสุดทายจํานวน ๑๙๓,๔๒๐ บาท ผูฟองคดีเห็นวา ผูถูกฟองคดีมิไดดําเนินการใด ๆ
โดยเฉพาะเก่ียวกับประโยชนตอบแทนตามกฎหมายวาดวยการคุมครองแรงงาน ผูฟองคดี
จึงมหี นงั สือขอใหผ ูถูกฟองคดดี าํ เนนิ การจา ยเงินชดเชย ตอมา ผูอํานวยการอาวุโส ฝายทรัพยากร
บุคคล แทนผูวาการธนาคารแหงประเทศไทย มีหนังสือปฏิเสธการจายคาชดเชยใหผูฟองคดี
ผฟู อ งคดีเหน็ วา หากผถู ูกฟอ งคดีดาํ เนินการตามมาตรา ๑๑ แหง พ.ร.บ. ธนาคารแหงประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๘๕ แกไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ จะมีผลตอผูฟองคดีเมื่อออกจากงาน
หรือเกษียณอายุอันถือเปนการเลิกจาง ก็จะไดประโยชนตอบแทนเปนเงินเทากับหรือไมนอยกวา
คาชดเชยตามมาตรา ๑๑๘ วรรคแรก (๕) แหง พ.ร.บ. คุมครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ เมื่อผูฟองคดี
ทํางานติดตอกันครบสิบปขึ้นไป จึงตองไดรับคาชดเชยไมนอยกวาคาจางอัตราสุดทายสามรอยวัน
คํานวณคาจางจากเงินเดือนของผูฟองคดี จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายแกผูฟองคดีตามมาตรา ๑๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาวเทากับ
คาชดเชยเปนเงินจํานวน ๑,๙๓๔,๒๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยรอยละ ๑๕ ตอป นับถึงวันฟองคดี
เปนเงินจํานวน ๕๐,๐๗๗.๒๓ บาท รวมเปนเงินท้ังสิ้นจํานวน ๑,๙๘๔,๒๗๗.๒๓ บาท และให
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๘๔
ผูถูกฟองคดีชําระดอกเบ้ียใหผูฟองคดีในอัตรารอยละ ๑๕ ตอป ของคาชดเชย นับแตวันท่ี
๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ เปน ตนไป จนกวา จะชําระเสรจ็ แกผฟู องคดี
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ผูถูกฟองคดีมีฐานะเปนนิติบุคคลท่ีจัดต้ังขึ้น
ตาม พ.ร.บ. ธนาคารแหงประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕ และมีฐานะเปนหนวยงานของรัฐ
ท่ีไมเปนสวนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายวาดวยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น
โดยมีวัตถุประสงคใหเปนธนาคารกลางของรัฐเพื่อสงเสริมและรักษาเสถียรภาพทางการเงิน
และเศรษฐกิจของประเทศ หาใชตั้งขึ้นเพ่ือประกอบกิจการดั่งธนาคารพาณิชยทั่วไปไม อีกท้ัง
ตามอํานาจหนาที่ก็มิไดเปนองคกรท่ีประกอบกิจการพาณิชยหรืออุตสาหกรรมเพื่อหากําไร
แตอยางใด ซึ่งเมื่อพิจารณาการดําเนินกิจการที่มีผลกําไรหรือขาดทุน สวนใหญเกิดจากการดําเนิน
กจิ การในหนาทีธ่ นาคารกลางของรฐั เม่ือผถู ูกฟอ งคดีไมใชหนวยงานของรฐั ทจ่ี ัดตง้ั ขึน้ เพ่อื ประกอบธรุ กิจ
หากาํ ไรทางพาณชิ ยห รืออตุ สาหกรรมจงึ ไดรับการยกเวนตามกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความใน
พ.ร.บ. คุมครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ขอ ๓ ที่กําหนดมิใหใชบทบัญญัติในหมวด ๑๑ คาชดเชย
ต้ังแตมาตรา ๑๑๘ ถึงมาตรา ๑๒๒ แหง พ.ร.บ. คุมครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาใชบังคับ
และเมื่อผูฟองคดีซึ่งไดรับการบรรจุแตงตั้งเปนพนักงานของผูถูกฟองคดีโดยไดรับเงินเดือน
คาครองชีพ และมีสิทธิในสวัสดิการตางๆ ในระหวางทํางานและภายหลังออกจากงานแลว
การท่ีผูฟองคดีมีอายุครบ ๖๐ ป บริบูรณ และตองพนจากตําแหนง ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗
ตามขอ ๕ (๕.๑) ของขอ บังคับธนาคารแหงประเทศไทย วา ดวยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. ๒๕๕๖
การออกจากงานของผูฟองคดีจึงเปนการเกษียณอายุของบุคลาการภาครัฐตามบทบัญญัติ
ของกฎหมาย แตกตางกับการเลิกจางของภาคเอกชนท่ีตองอยูภายใตบังคับของกฎหมาย
คุมครองแรงงาน เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ขณะท่ีผูฟองคดีพนจากการเปนพนักงานของผูถูกฟองคดี
ผูถูกฟองคดีไดกําหนดระเบียบ ขอบังคับซึ่งเปนการใหหลักประกันสําหรับพนักงานและครอบครัว
เมื่อพนักงานตายหรือพนจากงานไว ไดแก ขอบังคับธนาคารแหงประเทศไทย วาดวยเงินทุนเล้ียงชีพ
พ.ศ. ๒๕๓๙ และขอบังคับธนาคารแหงประเทศไทย วาดวยกองทุนสํารองเล้ียงชีพ พ.ศ.๒๕๓๙
เม่ือพิจารณาขอกําหนดกองทุนท้ังสองกองทุนดังกลาวแลว จะเห็นไดวา ผูถูกฟองคดีไดกําหนด
ขอบังคับไวรองรับสําหรับพนักงานของผูถูกฟองคดีที่ตองออกจากงานไวแลว โดยพนักงาน
ซ่ึงเขาทํางานกอนวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๓๙ ท่ีสมัครใจเขาเปนสมาชิกกองทุนฯ เมื่อพนจากงาน
มีสิทธิไดรับเงินสะสมที่ตนจายเขากองทุน เงินสมทบท่ีผูถูกฟองคดีจายใหเปนรายเดือน
และเงินสมทบท่ีผูถูกฟองคดีจายครั้งแรกเขากองทุนรวมท้ังเงินเพิ่มในกรณีที่เงินดังกลาวนอยกวา
เงินท่ีคํานวณไดจากบําเหน็จตามขอบังคับฯ วาดวยเงินทุนเล้ียงชีพ สวนพนักงานที่ไมสมัครใจ
เขาเปนสมาชิกกองทุนฯ มีสิทธิไดรับเงินบําเหน็จบํานาญพรอมเงินชดเชยและผลประโยชน
ตามขอบังคับธนาคารแหงประเทศไทย วาดวยเงินทุนเล้ียงชีพ พ.ศ.๒๕๓๙ ดังนั้น จึงตองถือวา
เงินดังกลาวเปนเงินประโยชนตอบแทนท่ีผูถูกฟองคดีจายในลักษณะเดียวกับเงินชดเชยตามกฎหมาย
วาดวยการคุมครองแรงงานใหแกพนักงานของผูถูกฟองคดีเม่ือออกจากงานโดยไมมีความผิด
เมื่อผูฟองคดีเปนพนักงานของผูถูกฟองคดีท่ีพนจากตําแหนงดวยเหตุเกษียณอายุ และสมัครใจ
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๘๕
เขาเปนสมาชิกกองทุนฯ ซึ่งผูฟองคดีเรียกรองคาสินไหมทดแทนตามฟองเปนเงินจํานวน
๑,๙๓๔,๒๐๐ บาท แตปรากฏขอเท็จจริงวา ผูฟองคดีไดรับเงินผลประโยชนตอบแทนเฉพาะในสวนที่
ผูถูกฟองคดีจายใหแกผูฟองคดีจากกองทุนสํารองเล้ียงชีพเปนเงินประเดิมและเงินสมทบ รวมทั้ง
ผลประโยชนจากเงินดังกลาว รวมเปนเงินท้ังสิ้นจํานวน ๖,๔๗๖,๒๖๗.๓๘ บาท เมื่อผูฟองคดี
มิไดโตแยงวาไมไดรับเงินจํานวนดังกลาว จึงเห็นไดวาผูฟองคดีไดรับเงินตอบแทนเม่ือพนจากการ
เปนพนกั งานของผูถูกฟองคดตี ามขอบงั คับธนาคารแหง ประเทศไทย วาดวยกองทุนสํารองเล้ียงชีพ
พ.ศ. ๒๕๓๙ จํานวนมากกวาเงินคาชดเชยที่ผูฟองคดีเรียกรองจากผูถูกฟองคดีตามฟอง การท่ี
ผูถูกฟองคดีไดจัดใหมีประโยชนตอบแทนอื่นโดยออกขอบังคับท่ีเรียกช่ืออยางอ่ืนเพ่ือจาย
แกพนักงานของผูถูกฟองคดีเม่ือออกจากงาน ซึ่งประโยชนตอบแทนที่พนักงานของผูถูกฟองคดี
ไดรับไมนอยกวาที่กําหนดไวในกฎหมายวาดวยการคุมครองแรงงาน กรณีจึงเปนไปตามท่ีบัญญัติ
ไวในมาตรา ๑๑ แหง พ.ร.บ. ธนาคารแหงประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕ แกไขเพิ่มเติมโดย
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ แลว ดังน้ัน กรณีจึงมิไดทําใหเกิดความเสียหายแกผูฟองคดี ผูถูกฟองคดี
จึงมิไดกระทําละเมิดตอผูฟองคดีที่จะตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี ที่ศาลปกครองชั้นตน
พิพากษาใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี จํานวนเงิน ๑,๙๓๔,๒๐๒ บาท
พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ของตนเงินดังกลาว ตั้งแตวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่
๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ รวม ๖๔ วัน คิดเปนดอกเบี้ย จํานวนเงิน ๒๕,๔๓๖.๑๖ บาท รวมเปน
เงินท้ังสิ้น ๑,๙๕๙,๖๓๘.๑๖ บาท และใหจายดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอปของตนเงิน
ท่ีเปนคาเสียหายของผูฟองคดี ตั้งแตวันท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ จนกวาจะชําระเสร็จ ท้ังน้ี
ใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนพรอมดอกเบี้ยใหแกผูฟองคดีใหแลวเสร็จภายในหกสิบวัน
นับแตวันที่คดีถึงที่สุด และใหคืนคาธรรมเนียมศาลตามสวนของการชนะคดีใหแกผูฟองคดี
สว นคําขออนื่ นอกจากนี้ ใหย ก นน้ั ศาลปกครองสงู สดุ ไมเหน็ พอ งดว ย
พิพากษากลับเปนยกฟอง และคืนคาธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณทั้งหมดใหแก
ผถู ูกฟองคดี
ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีปลัดเทศบาลไมตรวจสอบราคาท่ีดิน
ทจี่ ดั ซอ้ื วามรี าคาสงู กวาราคาทอ งตลาดหรือไม
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๖๐๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา เดิมผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดเทศบาล สังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(เทศบาลนครอุดรธานี) ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูฟองคดีไดรับการแตงต้ัง
เปนประธานกรรมการตรวจรับพัสดุในโครงการจัดซื้อที่ดินเพ่ือกอสรางแหลงนํ้าและระบบบําบัดนํ้าเสีย
จากโรงฆาสัตวของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แตปรากฏวา มีการดําเนินการจัดซื้อที่ดินสูงกวาราคาทองตลาด
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี) จึงไดแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดในกรณีดังกลาว ซ่ึงผลการสอบขอเท็จจริงปรากฏวามีบุคคลที่ตองรับผิด
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๘๖
ชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๙ คน รวมผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงมีหนังสือลงวันที่ ๓๑
มีนาคม ๒๕๔๙ แจงใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๑,๙๗๖,๖๓๐ บาท ใหแก
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับแจงคําส่ัง โดยไมไดรอใหกระทรวงการคลัง
ใหความเห็นชอบกอน ผูฟองคดีจึงอุทธรณคําสั่งดังกลาว โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ แจงผูฟองคดีวา
อทุ ธรณข องผฟู อ งคดีฟง ขึน้ จึงมคี ําสง่ั ใหเ ปล่ียนแปลงคําสั่งเดิมโดยผูฟองคดีไมตองชดใชคาสินไหม
ทดแทน ตอมา อธิบดีกรมบัญชีกลางมีหนังสือลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๐ แจงผลการพิจารณา
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ทราบ โดยเห็นวา พฤติการณท่ีเกิดข้ึน
เปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหทางราชการไดรับความเสียหาย
เปน เงิน ๑๗,๗๘๙,๖๗๐ บาท จงึ ใหผูฟ อ งคดีรับผิดในอัตรารอยละ ๒๐ ของคาเสียหาย คิดเปนเงิน
๓,๕๕๗,๙๓๔ บาท จากน้นั ผูถกู ฟองคดีท่ี ๔ (ผูวาราชการจังหวัดอุดรธานี) จึงมีคําส่ังลงวันที่ ๓๑
มนี าคม ๒๕๕๒ ใหผ ูฟอ งคดรี ับผดิ ชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๓,๕๕๗,๙๓๔ บาท โดยใหชําระ
แกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ภายใน ๑๕ วัน นับแตไดรับทราบคําส่ัง ผูฟองคดีไดรับทราบคําส่ังดังกลาว
เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๒ และไดมีหนังสืออุทธรณคําส่ังตอผูถูกฟองคดีที่ ๔
แตรัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยมีคําส่ังใหยกอุทธรณ ผูฟองคดีเห็นวาคําสั่งดังกลาวไมชอบ
ดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังเรียกใหชดใช
คาสนิ ไหมทดแทน ลงวันที่ ๓๑ มนี าคม ๒๕๕๒
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดทําหนังสือสัญญาซ้ือขาย
ท่ีดินในราคาสูงกวาราคาทองตลาด เมื่อวันท่ี ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๒ กรณีจึงถือวา วันดังกลาว
เปนวันท่ีมีการกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และการที่คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดไดรายงานผลการสอบขอเท็จจริงวา มีผูตองรับผิดชดใชคาเสียหายจํานวน ๙ คน
รวมผูฟองคดี โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับทราบรายงานดังกลาวในวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๗
และมีคาํ สงั่ ทายรายงานดังกลาวในวันเดียวกันวา ใหดําเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการฯ
กรณีจึงถือวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ รูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาท่ีผูจะพึงตองใชคาสินไหมทดแทน
ในวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๗ ดังน้ัน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จะตองใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทน
โดยอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
เพื่อออกคําสั่งใหผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนภายในวันท่ี ๑๒ เมษายน ๒๕๔๙ ตามมาตรา ๑๐
วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว แตเน่ืองจากในระหวางการพิจารณาของกระทรวงการคลัง
ปรากฏวา ใกลจ ะครบกําหนดอายคุ วามการใชสิทธิเรียกรองดังกลาว และกระทรวงการคลังยังไมได
แจงผลการพิจารณา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีคําส่ังตามหนังสือลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๙ เรียกให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๑,๙๗๖,๖๓๐ บาท ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับ
คําสั่ง ผูฟองคดีไดรับทราบคําส่ังดังกลาวเมื่อวันท่ี ๕ เมษายน ๒๕๔๙ จึงเปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
ใชอํานาจออกคําสั่งเรียกใหผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนภายในอายุความตามมาตรา ๑๐
วรรคสอง แหงพระราชบญั ญัติเดยี วกัน โดยเมื่อคําสั่งดังกลาวเปนคําสั่งทางปกครองท่ีเรียกใหชดใชเงิน
จากการกระทําละเมิดและมีผลบังคับแลว หากผูฟองคดีไมยอมชําระเงินใหถูกตอง ผูถูกฟองคดีที่ ๑
แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๘๗
ยอ มใชม าตรการบงั คับทางปกครองโดยการยดึ หรอื อายัดทรัพยส นิ ของผฟู องคดแี ละขายทอดตลาด
เพ่ือนาํ เงนิ มาชาํ ระใหครบถวนไดต ามมาตรา ๕๗ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ซึ่งใชบังคับในขณะนั้น โดยไมจําตองฟองคดีตอศาล ดังน้ัน การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ออกคําสั่ง
เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว จึงเปนการกระทําอ่ืนใดอันมีผลเปน
อยางเดียวกันกับการฟองคดีตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
และมีผลทําใหอายุความการใชสิทธิเรียกรองตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ สะดุดหยุดลงต้ังแตวันท่ี ๕ เมษายน
๒๕๔๙ อันเปนวันท่ีคําส่ังดังกลาวมีผลใชยันกับเจาหนาที่ทันทีท่ีไดรับแจงคําสั่งตามมาตรา ๔๒
วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. วิธีปฏบิ ัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และเม่ือการออกคําส่ังดังกลาว
ถือเปนเหตุที่ทําใหอายุความสะดุดหยุดลงน้ันมีผลสมบูรณแลวต้ังแตวันดังกลาว จึงมีผลให
เหตุท่ีทําใหอายุความสะดุดหยุดลงส้ินสุดไปในเวลาน้ันดวย อายุความการใชสิทธิเรียกรองของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงเริ่มนับใหมตั้งแตเวลานั้นเปนตนไป กลาวคือ ตองเร่ิมนับอายุความสองปใหม
ต้งั แตเวลาทีพ่ น กําหนดใหชดใชคา สินไหมทดแทนในวนั ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๔๙ และจะไปสิ้นสุดลง
ในวันท่ี ๒๑ เมษายน ๒๕๕๑ ตามนัยมาตรา ๑๙๓/๑๕ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย แตเมื่อปรากฏวา กระทรวงการคลังไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๐ แจงผล
การพิจารณาความรับผิดทางละเมิดวา ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
เปนเงิน ๓,๕๕๗,๙๓๔ บาท แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในขณะน้ัน มีเหตุตองหามมิใหทําคําส่ัง
ทางปกครอง ตามมาตรา ๑๓ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
จึงเสนอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ (จังหวัดอุดรธานี) เปนผูออกคําส่ังใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ อีกคร้ัง เปนเงิน ๓,๕๕๗,๙๓๔ บาท ตามคําส่ังลงวันที่ ๓๑ มีนาคม
๒๕๕๒ ซงึ่ เปนเวลาท่ีพนกาํ หนดอายุความการใชสทิ ธิเรียกรอ งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไปแลว ดังน้ัน
คําสั่งลงวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ จึงไมมีผลบังคับใหผูฟองคดีตองชดใชคาสินไหมทดแทน
แมจ ะปรากฏตอมาวา ผฟู อ งคดีไดอ ทุ ธรณค ําสัง่ ดงั กลาว และรัฐมนตรีวา การกระทรวงมหาดไทยส่ัง
ยกอุทธรณของผูฟองคดี ก็มิไดกอใหเกิดผลใดๆ ทางกฎหมายใหผูฟองคดีตองชดใชคาสินไหม
ทดแทนตามคาํ ส่ังดังกลาวอีกแตอยางใด ดังน้ัน คําส่ังลงวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ ท่ีเรียกใหผูฟองคดี
ชําระคาสินไหมทดแทน จึงออกเมื่อพนกําหนดอายุความสองปนับแตวันที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ รูถึง
การละเมิดและรูตัวเจาหนาท่ีผูจะพึงตองใชคาสินไหมทดแทนตามนัยมาตรา ๑๒ ประกอบ
มาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
คําสั่งดังกลาวจึงไมชอบดวยกฎหมาย สวนอายุความหน่ึงปนับแตวันที่หนวยงานของรัฐมีคําส่ัง
ตามความเห็นของกระทรวงการคลังตามมาตรา ๑๐ วรรคสองตอนทาย แหงพระราชบัญญัติ
ดังกลาวนั้น ตองเปนกรณีที่หนวยงานของรัฐเห็นวาเจาหนาที่ไมตองรับผิดเทานั้น แตขอเท็จจริง
ในคดีนี้ปรากฏวา หลังจากท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดท่ีรายงานวามีผูตองรับผิดชดใชคาเสียหายจํานวน ๙ คน
รวมผูฟองคดีแลว ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่งวาใหดําเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการฯ
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๘๘
จึงเปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ เห็นวาผูฟองคดีตองรับผิด แมผูถูกฟองคดีที่ ๒ พิจารณาอุทธรณ
แลวเห็นวาผูฟองคดีไมตองรับผิดชดใชเงิน ก็เปนเพียงความเห็นหรือผลการวินิจฉัยอุทธรณ
ในชั้นการพิจารณาอุทธรณเทานั้น ไมมีผลใหอายุความสองปท่ีเร่ิมนับมาแลวเปลี่ยนแปลงไป
ทศี่ าลปกครองชั้นตนพิพากษาเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนความรับผิดทางละเมิด จํานวน ๓,๕๕๗,๙๓๔ บาท ใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยใหมีผลตั้งแตวันท่ีมีคําสั่ง คําขออื่นนอกจากน้ีใหยก น้ัน
ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวยในผล
พิพากษายนื
ฟอ งขอใหช ดใชค า สนิ ไหมทดแทนจากการใชม าตรการบงั คับทางปกครอง
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๖๑๙/๒๕๖๓
ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีปลูกสรางเพิงพักอาศัยในท่ีดินซ่ึงเปนสวนปาลมนํ้ามัน
ของบริษัท ย. ซ่ึงต้ังอยูท่ีหมูที่ ๗ ตําบลปลายพระยา อําเภอปลายพระยา จังหวัดกระบ่ี
ซ่ึงหมดอายุสัญญาสัมปทานแลวเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๖ ตอมา ไดมีเจาหนาท่ีของ
ผูถูกฟองคดีทั้งสาม (สํานักงานตํารวจแหงชาติ ท่ี ๑ กรมปาไม ที่ ๒ กรมการปกครอง ท่ี ๓)
นาํ กาํ ลงั เจา หนา ทป่ี ระมาณ ๔๐๐ คน เขาไปขับไลผูฟองคดี รวมท้ังไดทําลายทรัพยสินและเพิงพัก
ของผูฟองคดีเสียหาย ผูฟองคดีเห็นวา การกระทําของเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีท้ังสามดังกลาว
ไมชอบดวย พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เน่ืองจากไมไดมีหนังสือแจงให
ผูฟองคดีทราบลวงหนา และทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย จึงนําคดีมาฟองตอศาลขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําสงั่ ใหผูถ กู ฟองคดที งั้ สามชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีเปนคาไมสรางเพิงพัก
เปนเงินจํานวน ๒๐,๐๐๐ บาท คากระเบื้องเปนเงินจํานวน ๗,๓๐๐ บาท คาเครื่องมือการเกษตร
เปนเงินจํานวน ๑๕,๐๐๐ บาท คาทรัพยสินในครัวเรือน เปนเงินจํานวน ๒๐,๐๐๐ บาท
และคาแรงสรางเพิงพักเปนเงินจํานวน ๑๓,๐๐๐ บาท รวมเปนคาเสียหายทั้งหมดเปนเงินจํานวน
๗๕,๓๐๐ บาท
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือรัฐมนตรีวาการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สงิ่ แวดลอมไดแตงต้ังใหผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบี่ เปนพนักงาน
ผคู วบคมุ และรักษาปา สงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา จังหวดั กระบ่ี ตาม พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ
พ.ศ. ๒๕๐๗ และตามขอ ๓ ของประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม
เร่ือง แตงต้ังพนักงานเจาหนาท่ีผูควบคุมและรักษาปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา
จังหวัดกระบี่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ ผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบ่ี
มีอํานาจปฏิบัติการตามมาตรา ๒๕ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ในพื้นที่เขต
ปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา จังหวัดกระบี่ ดังน้ัน เม่ือมีกลุมบุคคลซ่ึงรวมถึงผูฟองคดี
ไดเขาไปครอบครองและปลูกสรางเพิงพักอาศัยในพ้ืนท่ีเขตปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา
แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๘๙
จังหวัดกระบี่ แมจะเปนการเขาไปปกหลักช่ัวคราวเพ่ือเรียกรองใหรัฐบาลดําเนินการจัดสรรที่ดิน
ใหกับเกษตรกรซึ่งไรท่ีดินทํากิน โดยมิไดประสงคจะเขาไปสรางเปนบานพักถาวรก็ตาม ก็เปนการ
กระทําใหเส่ือมเสียแกสภาพปาสงวนแหงชาติแลวตามมาตรา ๑๔ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
ผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบี่ จึงมีอํานาจสั่งใหผูฟองคดีรื้อถอน
ส่ิงปลูกสรางท่ีไดปลูกสรางไวในพ้ืนที่พิพาทออกไปจากพ้ืนที่ปาสงวนแหงชาติภายในเวลาที่กําหนดได
ตามมาตรา ๒๕ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน คําส่ังลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ และลงวันท่ี
๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ ทส่ี ัง่ ใหผฟู องคดีออกจากพน้ื ท่ีพิพาท พรอมทง้ั ใหรื้อถอนสงิ่ ปลกู สรา งทีไ่ ดท าํ การ
ปลูกสรา งไวในพ้ืนที่ จึงชอบดว ยกฎหมาย เมอ่ื คาํ สั่งลงวันท่ี ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ไดส่ังใหกลุมบุคคล
พรอมบริวารท่ีไดยึดถือครอบครองพ้ืนที่ภายในเขตปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา
จังหวัดกระบ่ี ออกจากพื้นท่ี พรอมท้ังใหรื้อถอนส่ิงปลูกสรางที่ไดทําการปลูกสรางไวในพื้นท่ี
ใหแลวเสร็จภายในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และคําสั่งลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖
ไดส่ังใหกลุมบุคคลผูรวมชุมนุมพรอมบริวารออกจากพื้นที่ พรอมทั้งใหร้ือถอนสิ่งปลูกสราง
ที่ไดทําการปลูกสรางไวในพ้ืนที่ดังกลาวใหเสร็จสิ้นภายในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ โดยระบุไว
ดวยวา หากฝาฝนไมปฏิบัติตามคําส่ังใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาท่ีกําหนด เจาหนาที่จะเขา
ดาํ เนินการเอง โดยผูกระทําผิดจะตองรับผิดชอบคาใชจายในการดําเนินการของเจาหนาท่ีท้ังหมด
ตลอดจนไดประมาณการคาใชจายในการดําเนินการของพนักงานเจาหนาท่ีและเงินเพ่ิม
รอยละย่สี ิบหาตอปของคาใชจายแนบทายคําส่ังดังกลาวไวดวย กรณีจึงถือไดวา กอนท่ีจะมีการใช
มาตรการบังคับทางปกครองโดยใหพนักงานเจาหนาท่ีเขาดําเนินการรื้อถอนเพิงพักของผูฟองคดีนั้น
ผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบี่ ไดมีคําเตือนเปนหนังสือโดยกําหนด
ไปพรอมกับคําสั่งทางปกครองและระบุไวอยางชัดแจงวาใหกลุมบุคคลซึ่งรวมท้ังผูฟองคดีกระทํา
การตามคําสั่งทางปกครอง กลาวคือ ใหรื้อถอนเพิงพักออกไปจากพ้ืนที่ปาสงวนแหงชาติ
ปาปลายคลองพระยา โดยไดกําหนดระยะเวลาใหตามสมควร กรณีจึงเปนการดําเนินการ
ตามมาตรา ๕๙ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว และเม่ือผูฟองคดี
กระทําการฝาฝนตอกฎหมาย การที่เจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดําเนินการรื้อถอนเพิงพักของ
ผูฟองคดีตามอํานาจหนาที่ที่กําหนดไวในมาตรา ๒๕ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗
น้ัน ผูฟองคดียอมไมอาจอางไดวาหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐกระทําการอันเปนการ
เลือกปฏิบัติโดยไมเปนธรรมตอตนเองได ประกอบกับเจาหนาท่ีตํารวจซึ่งสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑
มีอํานาจหนาท่ีรักษาความสงบเรียบรอย ความปลอดภัยของประชาชนตามมาตรา ๖ (๔)
แหง พ.ร.บ. ตํารวจแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีอํานาจในการร้ือถอนสิ่งปลูกสราง
ที่ไดทําการปลูกสรางไวในพ้ืนท่ีภายในเขตปาสงวนแหงชาติตามมาตรา ๒๕ แหง พ.ร.บ. ปาสงวน
แหง ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ และเจาหนาทข่ี องผูถูกฟองคดที ี่ ๓ ไดแก กํานัน ผูใหญบาน มีอํานาจหนาที่
ในการดูแลรักษาความสงบเรียบรอยและความปลอดภัยใหแกราษฎรในหมูบานตามมาตรา ๒๗ (๑)
มาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๔ ทวิ แหง พ.ร.บ. ลักษณะปกครองทองที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗
และปลัดอําเภอเปนผูชวยนายอําเภอ มีอํานาจหนาท่ีในการดูแลรักษาความสงบเรียบรอย
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๙๐
และความปลอดภัยใหแกราษฎรในอําเภอตามมาตรา ๖๖ (๒) ประกอบกับมาตรา ๘๓
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ซึ่งกํานัน ผูใหญบาน และปลัดอําเภอ เปนเจาหนาที่ในสังกัด
ผูถูกฟองคดีที่ ๓ เม่ือเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๓
ไดร บั มอบหมายใหร บั ผดิ ชอบพนื้ ทด่ี งั กลา วเพ่อื เฝาระวังและระงับเหตกุ ลุมมวลชนปะทะกันในวันท่ี
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเปนการปฏิบัติหนาที่ในการรักษาความสงบเรียบรอยและรักษา
ความปลอดภยั ของประชาชนตามอาํ นาจหนา ทท่ี ก่ี ฎหมายกําหนดไว อีกทั้งไมปรากฏขอเท็จจริงวา
เจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดรื้อถอนหรือมีสวนเก่ียวของ
ในการร้ือถอนเพิงพักและทําใหทรัพยสินของผูฟองคดีเสียหายแตอยางใด หรือหากเจาหนาท่ีของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดรวมกับเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ดําเนินการรื้อถอนเพิงพักของผูฟองคดีและกลุมบุคคลที่บุกรุกปาสงวนก็เปนการปฏิบัติหนาที่
ในฐานะผูชวยพนักงานเจาหนาที่ผูควบคุมและรักษาปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา
จังหวัดกระบี่ ในการใชมาตรการบังคับทางปกครองกับผูฟองคดีและกลุมบุคคลที่บุกรุกปาสงวน
แหงชาติ กรณีจึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย ดังนั้น ผูถูกฟองคดีทั้งสามจึงไมตองรับผิดชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี
ท่ีศาลปกครองชัน้ ตนพพิ ากษายกฟอ ง นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย
พิพากษายืน
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๗๑๒/๒๕๖๓
ผูฟอ งคดฟี อ งวา ผฟู องคดีไดเ ขา ไปปลูกสรางเพงิ พักอาศัยในท่ีดินซ่ึงเปนสวนปาลมน้ํามัน
ท่ีหมดอายุสัญญาสัมปทานของบริษัท ย. ซึ่งตั้งอยูที่หมูท่ี ๗ ตําบลปลายพระยา อําเภอปลายพระยา
จงั หวัดกระบี่ ตอ มา เจา หนาที่ของผูถูกฟองคดีทั้งสาม (สํานักงานตํารวจแหงชาติ ที่ ๑ กรมปาไม ที่ ๒
กรมการปกครอง ที่ ๓) ไดนํากําลังเจาหนาท่ีประมาณ ๔๐๐ คน เขาไปขับไลผูฟองคดี และ
เขาไปทําลายทรัพยสินและร้ือเพิงพักของผูฟองคดี โดยไมไดมีการแจงเปนหนังสือใหผูฟองคดี
ทราบลวงหนากอน จึงเปนการกระทําท่ีไมชอบดวย พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ เปนเหตุใหทรัพยสินของผูฟองคดีไดรับความเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มีคําพิพากษาใหผูถูกฟองคดีทั้งสามชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี เปนคาไมสรางเพิงพัก
จํานวน ๑๓,๐๐๐ บาท คากระเบ้ืองจํานวน ๗,๕๐๐ บาท คาเคร่ืองมือทําการเกษตรจํานวน
๑๘,๐๐๐ บาท คาทรัพยสินเครื่องใชในครัวเรือนจํานวน ๒๐,๐๐๐ บาท คาแรงสรางเพิงพัก
จํานวน ๑๐,๐๐๐ บาท และคา สตั วเล้ียงจาํ นวน ๕,๐๐๐ บาท รวมเปน เงินท้งั ส้ินจํานวน ๗๓,๕๐๐ บาท
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมที่ ๑๒
สาขากระบี่ ในฐานะพนกั งานเจาหนาทผ่ี คู วบคมุ และรักษาปา สงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา
มีคําสั่งลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ใหกลุมบุคคลพรอมบริวารท่ีไดยึดถือครอบครองพื้นท่ี
ภายในเขตปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา จังหวัดกระบี่ ออกจากพ้ืนที่ และใหรื้อถอน
สิ่งปลูกสรางออกจากพื้นที่ปาสงวนแหงชาติใหเสร็จสิ้นภายในวันท่ี ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๙๑
หากฝา ฝนหรอื ไมปฏบิ ตั ิตามคําสัง่ ใหแ ลว เสรจ็ ภายในเวลาดังกลาว โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร
มีความจําเปนตนยึด ทําลาย รื้อถอน แกไข หรือทําประการอื่นแลวแตกรณีเองได โดยผูกระทํา
ความผดิ จะตองรับผิดชดใชค า ใชจ ายเพ่อื การน้ันท้งั หมด ทงั้ ปรากฏวา กลมุ ผรู วมชมุ ชมุ พรอมบริวาร
ยังคงฝาฝนไมปฏิบัติตามคําส่ังกลาว ผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมที่ ๑๒ สาขากระบี่
จึงมีคําส่ังลงวันท่ี ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ ส่ังใหกลุมบุคคลดังกลาวออกจากพื้นที่ และใหรื้อถอน
ส่งิ ปลูกสรางออกจากพ้นื ที่ใหเสร็จสน้ิ ภายในวนั ท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ พรอมระบุดวยวาหากฝาฝน
ไมปฏิบัติตามคําส่ังใหแลวเสร็จภายในเวลาท่ีกําหนด เจาหนาที่จะเขาดําเนินการเอง โดยผูกระทําผิด
ตองรับผิดชอบคาใชจายในการดําเนินการของเจาหนาท่ี และมีหนังสือท่ีลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖
แจงคําสั่งพรอมประมาณการคาใชจายใหกลุมบุคคลดังกลาวทราบ โดยแจงคําสั่งของพนักงาน
เจาหนาท่ีท้ังสองคําส่ังดวยวิธีการปดประการไว ณ ที่วาการอําเภอปลายพระยา สถานีตํารวจภูธร
ปลายพระยา ท่ีทําการกํานันตําบลปลายพระยา ที่ทําการผูใหญบานหมูท่ี ๗ ตําบลปลายพระยา
องคการบริหารสวนตําบลปลายพระยา และในพ้ืนที่เกิดเหตุ รวม ๖ แหง ซ่ึงผูฟองคดีและ
กลุมชาวกระบ่ีไรท่ีดินทํากิน ขอทวงสิทธ์ิตามมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันท่ี ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๖
ไมไ ดอุทธรณคําส่ังดังกลาว และยังคงอยูในพื้นที่ปาสงวนจนพนกําหนดวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๗
เม่อื คาํ สงั่ ดงั กลาวเปนคําส่ังทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ และการท่ีพนักงานเจาหนาที่เขาไปรื้อถอนสิ่งปลูกสรางในที่ดินพิพาท ถือเปนมาตรการ
บังคับทางปกครองตามมาตรา ๕๖ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว โดย พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ
พ.ศ. ๒๕๐๗ ไมมีบทบัญญัติเก่ียวกับวิธีการแจงคําสั่งทางปกครองและการแจงคําเตือนวา
จะใชมาตรการบังคับทางปกครองดังกลาวไว จึงตองนําหลักเกณฑตามที่บัญญัติไวในมาตรา ๓
วรรคหนง่ึ แหง พ.ร.บ. วธิ ีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาใชบังคับ สําหรับกรณีการใช
มาตรการบังคับทางปกครองน้ัน เม่ือพิจารณาคําส่ังลงวันท่ี ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ และลงวันที่
๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ ซ่ึงระบุวา หากฝาฝนไมปฏิบัติตามคําส่ังใหแลวเสร็จภายในระยะเวลา
ท่ีกําหนด เจาหนาท่ีจะเขาดําเนินการเอง โดยผูกระทําผิดจะตองรับผิดชอบคาใชจาย
ในการดําเนินการของเจาหนาที่ท้ังหมด ตลอดจนไดประมาณการคาใชจายในการดําเนินการ
ของพนกั งานเจา หนา ท่แี ละเงนิ เพิ่มรอยละย่ีสิบหาตอปของคาใชจายแนบทายคําสั่งดังกลาวไวดวย
กรณีจงึ ถอื ไดวา กอนทจี่ ะมกี ารใชมาตรการบงั คบั ทางปกครองโดยใหพ นกั งานเจา หนาที่เขาร้ือถอน
เพิงพกั ของผูฟองคดีน้ัน ผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมที่ ๑๒ สาขากระบ่ี ไดมีคําเตือน
เปนหนังสือใหกลุมบุคคลดังกลาวกระทําการตามคําส่ังทางปกครอง คือ ใหรื้อถอนเพิงพักออกไป
โดยไดกําหนดระยะเวลาใหตามสมควรแลว ซ่ึงคําเตือนดังกลาวระบุในคําส่ังทางปกครองใหเขาใจ
ไดอยางชัดแจงแลว การดําเนินการดังกลาวจึงเปนไปโดยชอบตามมาตรา ๕๙ แหง พ.ร.บ.
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว ประกอบกับ เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวามีบุคคล
ท่ีเขาไปยึดถือครอบครองพื้นที่ภายในเขตปาสงวนแหงชาติท่ีพิพาทเปนจํานวนเกินหน่ึงรอยคน
ซ่งึ ไมอาจทราบไดแนชัดวากลมุ บุคคลดังกลาวประกอบดวยผูใดบาง ดังนั้น การสงหนังสือแจงคําส่ัง
ทางปกครองและคําเตือนของผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบี่
แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๙๒
วาจะใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยการรื้อถอนสิ่งปลูกสรางใหกลุมบุคคลดังกลาวทราบ
เปนรายคน จึงไมอาจทําไดโดยสภาพ ในกรณีน้ีจะตองดําเนินการโดยการประกาศในหนังสือพิมพ
ซึ่งแพรหลายในทองถ่ินนั้น ตามมาตรา ๗๓ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว การที่ผูอํานวยการสํานัก
จัดการทรัพยากรปาไมที่ ๑๒ สาขากระบี่ แจงคําส่ังโดยการปดประกาศพรอมทั้งหนังสือ
ท่ีแจงคําสั่งไว ณ ท่ีวาการอําเภอปลายพระยา สถานีตํารวจภูธรปลายพระยา ที่ทําการกํานัน
ตําบลปลายพระยา ที่ทําการผูใหญบานหมูท่ี ๗ ตําบลปลายพระยา องคการบริหารสวนตําบล
ปลายพระยา และในพื้นที่เกิดเหตุท่ีบริเวณทางเขาพ้ืนที่ชุมนุมและที่สํานักงานของบริษัท ย.
จึงไมเปนตามที่มาตรา ๗๓ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ กําหนด
แตเ มอื่ พจิ ารณาภาพถายที่แสดงปายประกาศวา บริเวณนี้เปนเขตปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา
อยูในความควบคุมดูแลของเจาหนาท่ีปาไม สํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบ่ี
หามมิใหผูใดบุกรุกยึดถือ ครอบครองโดยเด็ดขาด หากฝาฝนมีโทษจําคุกตาม พ.ร.บ.
ปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ จํานวน ๓ ปาย ประกอบคําคัดคานคําใหการของผูฟองคดี
แลวเห็นวา การท่ีผูฟองคดีอางวา ผูถูกฟองคดีทั้งสามไมไดประชาสัมพันธหรือช้ีแจงใหกลุมผูชุมชน
ทราบเก่ียวกับการรื้อถอนสิ่งปลูกสรางอยางทั่วถึง โดยไดมีการสงหนังสือใหเฉพาะผูนําหรือ
แกนนําบางคน และปดปายประกาศไวที่บริเวณดานหนากลุมผูชุมนุมเทาน้ัน แสดงใหเห็นวา
ผูฟองคดีรับตอศาลวาไดรับทราบคําส่ังดังกลาวแลวจากแกนนําหรือปายประกาศน้ันแลว ดังน้ัน
แมผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมที่ ๑๒ สาขากระบ่ี จะแจงคําส่ังใหกลุมผูชุมนุมทราบ
โดยไมถูกตองตามวิธีการที่กฎหมายกําหนด ก็ไมไดมีผลถึงขนาดทําใหการใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองในการร้ือถอนสิ่งปลูกสรางของผูฟองคดีไมชอบดวยกฎหมาย สวนกรณีท่ีผูฟองคดี
อา งวา เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เลือกปฏิบัติโดยไมเปนธรรมตอผูฟองคดี เน่ืองจากใชบังคับ
มาตรา ๒๕ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ เฉพาะกับกลุมของผูฟองคดีเทาน้ัน
แตไมใ ชบ ังคับกับบรษิ ทั ย. ผไู ดรับอนุญาตใหทําประโยชนในพ้ืนท่ีพิพาท แตใบอนุญาตหมดอายุแลว น้ัน
การกลาวอางหลักความเสมอภาคยอมกระทําไดเฉพาะเพื่อเรียกรองใหหนวยงานหรือเจาหนาท่ี
ของรัฐปฏิบัติตอตนในส่ิงที่ชอบดวยกฎหมายเทาน้ัน ผูท่ีกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมาย
ยอมไมอาจยกหลักความเสมอภาคขึ้นตอสูเพื่อใหหนวยงานหรือเจาหนาท่ีของรัฐปฏิบัติตอตน
เชนเดียวกับที่ปฏิบัติตอบุคคลอ่ืนได ดังน้ัน เม่ือผูฟองคดีกระทําการฝาฝนตอกฎหมาย
การที่เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ดําเนินการตามอํานาจหนาท่ีที่กําหนดไวในมาตรา ๒๕
แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหง ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ กับผูฟองคดี ผูฟองคดียอมไมอาจอางวาเจาหนาที่ของรัฐ
กระทําการอันเปนการเลือกปฏิบัติโดยไมเปนธรรมตอตนเองได เม่ือการใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองกับผูฟองคดีและกลุมบุคคลที่บุกรุกปาสงวนเปนการปฏิบัติหนาที่ที่ไดรับมอบหมาย
วาการกระทําของเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๓ เปนการกระทําตามอํานาจหนาที่
จึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ดังน้ัน ผูถูกฟองคดีท้ังสามจึงไมตองรับผิดชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี นอกจากนี้ เมื่อขอเท็จจริง
ปรากฏวา ในวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ไดมีประชาชนในพื้นท่ีอําเภอปลายพระยา
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๙๓
นําโดยกํานัน ผูใหญบาน สมาชิกองคการบริหารสวนตําบล อําเภอปลายพระยา ประมาณ ๕๐๐ คน
ไดไปขับไลกลุมของผูฟองคดีใหออกไปจากพ้ืนที่สวนปาลมนํ้ามันท่ียึดครองอยู เนื่องจากไมพอใจ
ทกี่ ลุมของผูฟ อ งคดีทาํ ใหป ระชาชนในพืน้ ทีไ่ มมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสิน และไมสะดวก
ในการเดินทางไปประกอบอาชีพในพื้นท่ีใกลเคียง เจาหนาท่ีท่ีเก่ียวของไดเจรจากับกลุมของผูฟองคดี
แตไมสามารถหาขอยุติได จนเกิดเหตุกลุมมวลชนทั้งสองฝายปะทะกัน และมีเสียงปนดังมาจาก
ในสวนปาลมท่ีกลุมของผูฟองคดีไดยึดครองพื้นที่ไว เจาหนาที่ที่เก่ียวของเห็นวาหากปลอยให
กลุมมวลชนปะทะกันตอไปจะทําใหเกิดการบาดเจ็บสูญเสียกันท้ังสองฝาย จึงใชกําลังเจาหนาท่ี
เขาระงับเหตุวุนวาย ซึ่งคณะเจาหนาที่สามารถควบคุมสถานการณไวไดในที่สุด จากพฤติการณ
ดังกลาวของกลุมผูฟองคดีเปนท่ีเห็นไดอยางชัดเจนวา ผูฟองคดีและกลุมผูชุมนุมไดบุกรุกพ้ืนท่ี
ในเขตปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา และมีเจตนาที่จะยึดถือครอบครองเปนของตนเอง
โดยไมไดรับอนุญาตจากพนักงานเจาหนาที่ และไมอาจจะอางสิทธิใดๆ โดยชอบดวยกฎหมาย
ท้ังยังไดกระทําการดังกลาวตอไปเรื่อยๆ อันเปนการกระทําที่ฝาฝนมาตรา ๑๔ แหง พ.ร.บ.
ปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ แมการที่เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีทั้งสามไดใชกําลังผลักดัน
กลุมผูชุมนุมเพ่ือใหสลายตัวโดยไมปรากฏวาไดดําเนินการตามลําดับข้ันตอนตามหลักสากล
ท่ีใชในการสลายการชุมนุมของประชาชน หรือมีลําดับข้ันตอนจากเบาไปหาหนักก็ตาม
แตการสลายการชุมนุมของเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท้ังสามเปนกรณีที่เจาหนาท่ีจําเปนตองกระทํา
เน่ืองจากมเี หตผุ ลและความจําเปนเรงดวนเพ่ือปองกันและระงับยับยั้งไมใหเหตุการณปะทะกันลุกลาม
จนเกินควบคุม ทั้งยังเปนการแกไขปญหาเฉพาะหนาตามเหตุการณท่ีจะเกิดข้ึน จึงเห็นวา
การสลายการชุมนุมของเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท้ังสามเปนไปโดยชอบดวยกฎหมายแลว
ทศี่ าลปกครองชนั้ ตนพิพากษายกฟอ ง นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย
พพิ ากษายืน
ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งเรียกใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีกระทําละเมิดจากการจัดซ้ือ
เคร่ืองตรวจคน ยาเสพตดิ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ. ๖๓๘/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๖
ฟองขอใหแกไขเปลย่ี นแปลงการวางทอนา้ํ และเรยี กคาเสียหาย
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๖๔๖/๒๕๖๓
ผูฟ อ งคดที งั้ สองฟองวา ผูถ ูกฟองคดีท้งั สอง (องคการบริหารสวนตําบลผักขะ ที่ ๑
องคการบริหารสวนตําบลหันทราย ท่ี ๒) รวมกันถมดินปดคลองหวยพรหมโหดใหเปนถนน
และวางทอ ระบายนา้ํ ขนาดเลก็ ๒ ทอ ใตถนนระหวา งคลองสาธารณะที่ก้ันเขตระหวางอําเภออรัญประเทศ
กับอําเภอวัฒนานคร ซ่ึงไมเพียงพอแกการระบายนํ้าและวางอยูในระดับที่สูงกวาระดับน้ํา ทําให
นํ้าไหลมาทวมท่ีนาของผูฟองคดีเปนเหตุใหขาวท่ีปลูกไวไดรับความเสียหายท้ังหมดและท่ีดินบางสวน
แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๙๔
ถกู นํา้ กัดเซาะจนพงั ตอ มา เม่ือวันท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๕๒ ผูฟองคดีไดทําหนังสือรองเรียนไปยังหนวยงาน
ที่เก่ียวของหลายแหง และอําเภออรัญประเทศไดตรวจสอบพ้ืนที่แลว พบวาสาเหตุที่นํ้าทวมที่นา
ของผูฟอ งคดีทั้งสองเนื่องจากผูถกู ฟอ งคดีท้ังสองวางทอระบายนํ้าไมถูกตอง จึงใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑
รบั ไปสาํ รวจออกแบบวางทอระบายนา้ํ และใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ รับไปสํารวจออกแบบกอสรางฝาย
(ระบายน้ํา) แตไมปรากฏวาผูถูกฟองคดีท้ังสองไดทําการสํารวจออกแบบการวางทอแตอยางใด
ซ่ึงน้ําก็ยังทวมที่นาของผูฟองคดีท้ังสอง ที่นาของผูฟองคดีท้ังสองถูกน้ําทวมเกือบทั้งแปลง
และผลผลิตไดรับความเสียหายต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๕๑ เปนตนมาถึงปจจุบัน แตผูถูกฟองคดีทั้งสอง
ตางปฏิเสธความรับผิดในความเสียหายของผูฟองคดีท้ังสอง จึงนําคดีมาฟองตอศาลขอใหศาล
มคี ําพิพากษาหรอื คาํ สัง่ ใหผูถูกฟองคดีทงั้ สองรว มกนั หรอื แทนกนั จัดการแกไขเปลี่ยนแปลงการวาง
ทอระบายนํา้ บริเวณลาํ หวยพรหมโหดใหเ พียงพอกับปริมาณน้ําหลากใหลึกถึงทองลําหวย เพ่ือมิให
น้าํ เขา มาทว มพนื้ ทีน่ าของผูฟองคดีทั้งสองและชดใชคาเสียหายจากการที่น้ําทวมพ้ืนที่นาของผูฟองคดี
ท้ังสองทําใหผลผลิตขาวเสียหายทั้งหมดตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๕๑ ถึงป พ.ศ. ๒๕๕๕ คิดเปนเงินปละ
๔๐๐,๐๐๐ บาท รวมท้ังส้ิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป และชดใช
คา เสียหายจากการท่ีที่ดินถูกนํ้ากัดเซาะเปนรองลึกกวา ๒ เมตร กวางกวา ๑๐ เมตร และยาวกวา
๕๐๐ เมตร ในการปรับพ้ืนท่ีนาใหกลับสูสภาพดังเดิมโดยการถมดิน คิดเปนเงินจํานวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท
พรอมดอกเบยี้ ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอ ป
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูถูกฟองคดีทั้งสองมีหนาที่ตองจัดใหมี
และบํารุงรักษาทางน้ําและทางบก และบรรเทาสาธารณภัย คุมครอง ดูแล และบํารุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดลอม รวมทั้งคุมครองดูและรักษาทรัพยสินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน
ตามมาตรา ๖๗ (๑) (๔) และ (๗) และมาตรา ๖๘ (๘) แหง พ.ร.บ. สภาตําบลและองคการบริหาร
สวนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ผูถูกฟองคดีท้ังสองจึงมีหนาที่ในการบํารุงรักษาคลองหวยพรหมโหดรวมกัน
ภายหลังทนี่ ายอําเภออรญั ประเทศไดต รวจสอบขอรองเรียนของผูฟองคดีทั้งสอง และมีหนังสือแจงไปยัง
ผูถ กู ฟองคดที ี่ ๑ เพือ่ แกไขปญ หาน้าํ ทว มที่ดินของผูฟ องคดีทง้ั สอง ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดดําเนินการสํารวจ
ออกแบบวางทอระบายนํ้าบริเวณถนนขามลําหวยพรหมโหดตามคําแนะนําของอําเภออรัญประเทศ
และไดวางทอระบายนาํ้ ตาํ่ กวา ระดับทอ ทผี่ ูถ ูกฟอ งคดที ี่ ๒ ไดด ําเนินการวางทอกลม เม่ือ ป พ.ศ. ๒๕๔๙
จํานวน ๓๐ เซนติเมตร ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดใหการวา ในป พ.ศ. ๒๕๕๓ เกิดอุทกภัยนํ้าหลาก
ทําใหทอระบายนา้ํ ท่ีวางไวดังกลาวไดร ับความเสยี หายทั้งหมด ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงไดขอความชวยเหลือ
จากโครงการชลประทานสระแกว ซึ่งโครงการชลประทานสระแกวไดกอสรางทอลอดเหล่ียมขนาด
๒ x ๒ เมตร จาํ นวน ๑ แถว แตปรากฏวาการวางทอลอดเหลี่ยม มีการวางทอสูงไมลึกถึงทองคลอง
จึงทําใหน้ําไหลระหวางคลองไมเปนไปตามธรรมชาติ เม่ือเขาสูฤดูฝนมีน้ําหลาก จึงทวมท่ีดินของ
ผูฟองคดีท้ังสองเชนเคย โดยเฉพาะผูถูกฟองคดีท้ังสองวางทอไวสูงกวาทองคลองเพ่ือกักเก็บนํ้าไว
ใหประชาชนในเขตของตนใชในฤดูแลง เมื่อมีปริมาณนํ้ามากนํ้ายอมเออลนไหลลงสูที่นาของ
ผูฟองคดีทั้งสองซึ่งอยูตํ่ากวาและเขาทวมที่ดินและกัดเซาะท่ีดินของผูฟองคดีท้ังสองตลอดมา
ซึ่งผูถูกฟองคดีท้ังสองตางยอมรับวาต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๕๐ เปนตนมาปริมาณนํ้ามาก เกิดอุทกภัย
แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๙๕
ดังนั้น การวางทอระบายนํ้าของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ ยังไมเพียงพอกับปริมาณนํ้าท่ีตองระบาย
และการวางทอสูงมีผลตอการระบายนํ้า ตอมา นายอําเภออรัญประเทศไดมีหนังสือลงวันที่
๒๔ เมษายน ๒๕๕๒ ถึงผูฟองคดีที่ ๒ วา ผลการประชุมแกไขปญหานํ้าทวมนาขาว ป พ.ศ. ๒๕๕๑
บริเวณลําหวยพรหมโหด รอยตอตําบลผักขะ อําเภอวัฒนานครกับตําบลหันทราย อําเภออรัญประเทศ
เมื่อวันท่ี ๒๔ เมษายน ๒๕๕๒ ตามคํารองของผูฟองคดีที่ ๒ น้ัน อําเภออรัญประเทศไดพิจารณา
ความเสียหายแลว เปนไปตามผูฟองคดีทั้งสองกลาวอาง เห็นควรใหความชวยเหลือตามความเห็น
ของที่ประชุม ดังนี้ (๑) ระยะสั้น (เรงดวน) ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ รับไปสํารวจออกแบบวางทอระบายน้ํา
บริเวณถนนขามลําหวยพรหมโหด (เช่ือมตอกับทอระบายนํ้าท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จัดทําไวแลว)
ใหเพียงพอกับปริมาณน้ําหลากลึกถึงทองคลอง ใหเสร็จส้ินภายในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒
หากไมทัน เม่ือน้ําหลากมา ใหจัดหาเคร่ืองสูบน้ําไปติดตั้งเพ่ือสูบนํ้าใหไหลออกลําหวยพรหมโหด
ไมใหเออลงมาสมทบกับปริมาณนํ้าที่ระบายออกทางทอเหลี่ยมชลประทาน (๒) ระยะยาว
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ รับไปสํารวจออกแบบกอสรางฝาย (ระบายน้ํา) ลําหวยพรหมโหดแทนท่ีการวางทอ
เสนอเปนโครงการเงินอุดหนุนจากจังหวัดหรือสวนกลางโดยใหผูใหญบานโนนสะอาด ตําบลหันทราย
ตําบลผักขะ จัดทําประชาคมหมูบาน การดําเนินการของผูถูกฟองคดีท้ังสองจึงยังไมไดดําเนินการ
แกไขปญหาความเดือดรอนใหกับผูฟองคดีทั้งสองและเปนการไมปฏิบัติตามคําแนะนําของ
นายอําเภออรัญประเทศ การกระทําของผูถูกฟองคดีทั้งสองทําใหผูฟองคดีทั้งสองไดรับความเสียหาย
โดยนาขา วเสยี หายและที่ดินถูกนํ้ากดั เซาะเปนรอ งลกึ จงึ เปน การกระทําละเมดิ จากการละเลยตอหนาที่
ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาท่ีลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๔๒๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย ประกอบมาตรา ๖๗ แหง พ.ร.บ. สภาตาํ บลและองคก ารบริหาร
สวนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ผูถูกฟองคดีท้ังสองตองรับผิดตอผูฟองคดีทั้งสองในผลแหงละเมิด
ตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ทั้งน้ี แมวาบิดาของ
ผูฟองคดีท้ังสองไดยินยอมใหเปนทางระบายนํ้าเพ่ือประโยชนในการทํานาของตนก็ตาม แตถือไดวา
เปนการทําประโยชนใหกับประชาชนในพื้นที่ท้ังสองฝงคลองโดยสวนรวมท่ีไดใชน้ําในการเกษตรกรรมดวย
ผูถูกฟองคดีทั้งสองจึงไมอาจนํามากลาวอางใหผูฟองคดีท้ังสองตองรับภาระในความเสียหายน้ัน
โดยลําพัง และแมวา อําเภอวัฒนานครเปนผูวางทอลอดเหลี่ยมซึ่งอยูในเขตผูถูกฟองคดีที่ ๑
ที่เปนตนเหตุใหเกิดนํ้าทวมที่นาของผูฟองคดีท้ังสอง แตเมื่อการดําเนินการของอําเภอวัฒนานคร
ดังกลาวสืบเน่ืองจากถนนดินขาด จึงเปนการใหความชวยเหลือในการบรรเทาความเดือดรอน
ของประชาชนทั้งสองฝงในการสัญจร ถือไดวาเปนการสนับสนุนกิจการของผูถูกฟองคดีท้ังสอง
ในการใหความชวยเหลอื ประชาชนอยแู ลว ผถู กู ฟอ งคดที ้งั สองไมอาจอางเพื่อปฏิเสธความรับผิดได
และเมื่อผูถูกฟองคดีทั้งสองไมไดโตแยงในความเสียหายของผูฟองคดีทั้งสองวาไมถูกตองอยางไร
ดังนั้น การที่ศาลปกครองชั้นตนพิจารณากําหนดคาเสียหายโดยใชขอมูลของสํานักงานเกษตร
จังหวัดสระแกว โดยกําหนดใหไรละ ๔,๖๘๑ บาท ผูฟองคดีทั้งสองปลูกขาวบนท่ีดินเน้ือท่ี ๗๘ ไร
จงึ มีสิทธไิ ดรับคา สินไหมทดแทนเปนเงนิ ๓๖๕,๑๖๘ บาท น้ัน เหมาะสมและเปน ธรรมแลว
แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๙๖
สําหรบั คา เสียหายจากการทีน่ า้ํ กัดเซาะทด่ี นิ เปนรอ งลึกน้ัน เห็นวา ผูฟองคดีท้ังสอง
อางในคําฟองวา ที่นาถูกน้ํากัดเซาะเปนรองลึกกวา ๒ เมตร กวางกวา ๑๐ เมตร และยาวกวา
๕๐๐ เมตร หากปรับพื้นที่นาใหกลับสูสภาพดังเดิม จะตองเสียคาใชจายในการถมดินคิดเปน
จํานวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยในระหวางพิจารณาคดี ผูฟองคดีท้ังสองไดใหหางหุนสวนจํากัด ส.
ซ่ึงเปนผูมีวิชาชีพในการประกอบกิจการรับขุด ลอกคลอง ถนนดิน ถนนลูกรังและรับเหมางานดิน
ทุกชนิด คํานวณประเมินคาใชจายในการปรับปรุงพื้นท่ีวาท่ีนาถูกนํ้ากัดเซาะเปนรองลึกประมาณ
๒ เมตร ถึง ๓ เมตร กวางประมาณ ๕ เมตร ถึง ๑๐ เมตร ยาวประมาณ ๑,๘๐๐ เมตร คํานวณ
เนื้อท่ีได ๓๓,๗๕๐ ลูกบาศกเมตร คิดคาเสียหายราคาหนวยละ ๘๐ บาท เปนเงินจํานวน
๒,๗๐๐,๐๐๐ บาท สวนผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๑ อุทธรณว า กระแสน้ําแรงและเร็วทําใหท่ีดินของผูฟองคดี
เปนรองลึก ๒ ชวง คือ ชวงที่หน่ึง ลึก ๙๒ เซนติเมตร ยาว ๖๒ เมตร กวาง ๑๓ เมตร คิดเปน
๗๔๑.๕๒ ลูกบาศกเมตร ชวงที่สอง ลึก ๑๙๐ เซนติเมตร (๑.๙๐ เมตร) ยาว ๖๑ เมตร
กวาง ๑๗.๕๐ เมตร คิดเปน ๒,๐๒๘.๒๕ ลูกบาศกเมตร รวมเนื้อท่ี ๒,๗๖๙.๗๗ ลูกบาศกเมตร
คาเสียหายหนวยละ ๘๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๒๒๑,๕๘๑.๖๐ บาท การที่ศาลปกครองชั้นตน
กําหนดใหผูถูกฟองคดีทั้งสองชดใชคาเสียหายกรณีนี้ใหแกผูฟองคดีทั้งสองเปนเงินจํานวน
๑๘๐,๐๐๐ บาท ถอื วาเปนคณุ กับผูถกู ฟองคดีทั้งสอง ดังนั้น การท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษาให
ผูถูกฟองคดีท้ังสองตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีทั้งสอง เปนเงินจํานวนทั้งส้ิน ๕๔๕,๑๑๘ บาท
จึงเหมาะสมและเปนธรรมแลว ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําพิพากษาใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกัน
หรือแทนกันจัดการแกไข เปล่ียนแปลงการวางทอระบายน้ําบริเวณคลองหวยพรหมโหดใหเหมาะสม
และเพยี งพอกบั ปริมาณน้ําหลากโดยวางทอใหลึกถึงทองคลองใหแลวเสร็จภายในหน่ึงรอยยี่สิบวัน
นับแตวันที่คดีถึงท่ีสุด ใหร วมกนั หรือแทนกนั ชําระคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีท้ังสองเปนเงิน
จํานวน ๕๔๕,๑๑๘ บาท พรอมดอกเบี้ยรอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันถัดจากวันฟองเปนตนไป
จนกวา จะชําระเสร็จแกผ ูฟองคดที ้งั สอง โดยใหชําระใหแลวเสร็จภายในหกสิบวันนับแตวันที่คดีถึงท่ีสุด
ยกฟองคําฟองขอหาละเมิดในสวนท่ีฟองเรียกคาสินไหมทดแทนท่ีเกิดข้ึนกอนป พ.ศ. ๒๕๕๕
และใหค ืนคาธรรมเนยี มศาลบางสว นตามสว นของการชนะคดีแกผูฟองคดีท้ังสอง น้ัน ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพองดวย แตเม่ือขอเท็จจริงปรากฏตามคําแถลงของผูฟองคดีท้ังสองตอศาลวา ต้ังแต
เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ สถานท่ีเกิดเหตุพิพาทคลองหวยพรหมโหด กระแสนํ้าไหลเปนไป
ตามธรรมชาติ ปกติเหมือนเดิมแลว เนื่องจากไมมีถนนก้ันอีกตอไป ศาลจึงไมจําตองมีคําบังคับให
ผูถูกฟองคดีท้ังสองรวมกันหรือแทนกันจัดการแกไขเปล่ียนแปลงการวางทอระบายน้ําบริเวณ
คลองหวยพรหมโหดแตอยางใด
พิพากษาแก เปน ใหผ ูถกู ฟองคดที ง้ั สองรว มกันหรือแทนกันชําระคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดีทั้งสองเปนเงินจํานวน ๕๔๕,๑๑๘ บาท พรอมดอกเบี้ยรอยละ ๗.๕ ตอป นับแต
วันถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จแกผูฟองคดีทั้งสอง โดยใหชําระใหแลวเสร็จ
ภายในหกสิบวันนบั แตวันท่คี ดถี ึงท่ีสดุ นอกจากทีแ่ ก ใหเปน ไปตามคาํ พิพากษาของศาลปกครองช้นั ตน
แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๙๗
ฟองขอใหช ดใชคาสนิ ไหมทดแทน กรณีกรมทางหลวงชลบทไมจัดปายเตือนการซอมแซมถนน
เปน เหตใุ หรถยนตเกดิ อุบตั เิ หตุ
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๖๕๗/๒๕๖๓
ผฟู อ งคดฟี อ งวา ผูฟองคดีเปน ผูร บั ประกนั วนิ าศภยั และประกันภยั คา้ํ จุน (ประเภท ๑)
รถยนตกระบะบรรทุก ไวจากนาย ส. เม่ือวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ นาง ก. ขับรถยนตคันดังกลาว
โดยไดรับความยินยอมจากนาย ส. มาตามถนนหมูบานเมืองนาท เมื่อขับมาถึงบริเวณท่ีอยูหางจาก
องคการบริหารสวนตําบลเมืองนาท ตําบลเมืองนาท อําเภอขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา
ประมาณ ๓๐๐ เมตร ถนนบริเวณดังกลาวซ่ึงอยูในความรับผิดชอบของผูถูกฟองคดี
(กรมทางหลวงชนบท) และอยูระหวางดําเนินการซอมแซมผิวถนนโดยการปาดผิวถนนซึ่งเปน
ยางมะตอยเดิมออกเพ่ือลาดยางมะตอยใหม โดยนาง ก. ไมสามารถมองเห็นหลุมท่ีเกิดจาก
การซอ มผิวทางของผถู กู ฟอ งคดีในระยะท่ปี ลอดภัย แตม องเหน็ ในระยะกระช้ันชิดทําใหไมสามารถ
หยุดรถไดทันจึงหักรถหลบหลุมอยางกะทันหันไมสามารถควบคุมรถได ทําใหรถเสียหลักวิ่งลงขางทาง
พลิกควํ่าไดรับความเสียหายหลายรายการ ผูฟองคดีเห็นวา ผูถูกฟองคดีเปนหนวยงานของรัฐ
มีหนาท่ีซอมแซมทางดังกลาวควรท่ีจะจัดใหมีสัญญาณไฟสองสวางและเคร่ืองหมายเตือนให
ผูที่สัญจรไปมาระมัดระวังในระยะท่ีสามารถมองเห็นไดโดยปลอดภัยไมใหเกิดอันตรายตอบุคคล
หรือทรัพยสินของผูใชเสนทาง ซึ่งผูถูกฟองคดีสามารถใชความระมัดระวังเชนวาน้ันไดแตมิได
ใชความระมัดระวังเชนวาน้ัน การกระทําของผูถูกฟองคดีจึงเปนการละเลยตอหนาที่ในการ
บํารุงรักษาทาง ทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย เน่ืองจากผูฟองคดีมีหนาที่ตามสัญญาณ
ประกันภัยในการซอมแซมความเสียหายของรถยนตคันดังกลาว ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอให
ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชเงินจํานวน ๑๒๘,๔๗๔ บาท พรอมดอกเบี้ย
ในอตั รารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๑๒๕,๓๔๑ บาท นับถัดจากวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ
แกผ ฟู อ งคดี โดยใหช าํ ระภายใน ๓๐ วนั นับแตวันทีค่ ดีถงึ ทีส่ ุด
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา นาง ก. ขับรถยนตดังกลาวโดยไดรับความยินยอม
จากนาย ส. มาตาม ถนนสายทาง นม. ๑๐๑๕ แยกทางหลวงแผนดินหมายเลข ๒–บานหนองหัวฟาน
อําเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา เปนทางหลวงชนบทตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ทางหลวง
พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งอยูในความรับผิดชอบของผูถูกฟองคดี ตามมาตรา ๒๑ (๗) แหง พ.ร.บ. ปรับปรุง
กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ผูถูกฟองคดีจึงมีภารกิจและอํานาจหนาท่ีตามมาตรา ๕
วรรคหนึ่ง (๒) แหง พ.ร.บ. ทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ และมีภารกิจตามขอ ๒ (๕) ของกฎกระทรวง
แบงสวนราชการกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ในการท่ีจะตองดูแล
บํารุงรักษา และบูรณะถนนดังกลาวใหอยูในสภาพเรียบรอยเพื่อใหประชาชนไดรับความสะดวก
รวดเร็ว และปลอดภัยในการเดินทาง รวมทั้งจัดทํา ปก ติดปายจราจร เครื่องหมายจราจร
เครื่องหมายสัญญาณหรือสัญญาณอยางอ่ืน ขีดเสน เขียนขอความ หรือเคร่ืองหมายอ่ืนใดสําหรับ
การจราจรบนทางหลวง ผูฟองคดีกลาวอางวา อุบัติเหตุท่ีเกิดข้ึนเกิดจากการที่นาง ก. หักรถหลบหลุม
แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓
๓๙๘
บริเวณท่ีมีการปาดผิวถนนอยางกะทันหันทําใหรถพลิกควํ่าไดรับความเสียหายไมสามารถ
ขับเคล่ือนตอได เม่ือถนนบริเวณท่ีเกิดเหตุมีลักษณะของการขุดผิวถนนเพ่ือทําการซอมแซมถนน
เปน เหตใุ หผวิ ถนนเกิดเปนทางตา งระดับ ซงึ่ ผูถูกฟองคดีมหี นา ท่ตี องตรวจตราดแู ลรักษาถนนสายน้ี
ใหอยูในสภาพเรียบรอยใชงานไดอยางปลอดภัย และขณะท่ียังไมสามารถซอมแซมใหใชงานไดดี
ผูถูกฟองคดีก็ควรท่ีจะมีมาตรการดําเนินการเพื่อใหผูใชเสนทางไดรับความสะดวกปลอดภัย
โดยควรติดปายเตือนสะทอนแสงมีตัวอักษรขนาดใหญที่สามารถมองเห็นไดชัดเจนทั้งในเวลา
กลางวนั และเวลากลางคนื เปน ระยะ ๆ โดยระบุระยะทางท่ีจะถงึ จุดเกิดเหตุ และควรมีปายกําหนด
อัตราความเร็วของยานพาหนะกอนถึงจุดเกิดเหตุรวมทั้งติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบบนปายเตือน
ทุกปาย เพ่ือเตือนผูใชเสนทางใหลดความเร็วและเตรียมพรอม ซึ่งมาตรการดังกลาวสามารถ
กระทําไดโดยไมยุงยาก แมผูถูกฟองคดีมีปายเตือนโดยระบุขอความวา “ระวัง...ทางขางหนา
ชํารุด” ซึ่งเปนปายพ้ืนสีขาว ตัวอักษรสีแดง โดยไมมีไฟสองสวางใหเห็นขอความดังกลาว
โดยชัดเจน ประกอบกับในเวลากลางคืนถนนบริเวณที่เกิดเหตุไมมีไฟสองสวางขางทาง และไมมี
บานเรือนของประชาชน อันเปนเหตุใหในบริเวณที่เกิดเหตุมืดมาก จึงเปนการยากท่ีผูขับข่ี
ยานพาหนะผานถนนดังกลาวจะเห็นขอความคําเตือนไดโดยงาย การติดปายคําเตือนดังกลาว
จึงยังไมเพียงพอตอการกระทําเพื่อปองกันผลรายท่ีอาจจะเกิดข้ึนไดจากการท่ีพ้ืนผิวถนนมีสภาพ
เปนทางตางระดับดังกลาว กรณีจึงถือไดวาความเสียหายดังกลาวเกิดจากการละเลยตอหนาที่
ของผูถูกฟองคดี จึงเปนการละเมิดตอเจาของหรือผูครอบครองรถตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย เมื่อผูฟองคดีในฐานะผูรับประกันภัยไดชดใชคาเสียหายแก
ผูเอาประกันภัยแลว ผูฟองคดีจึงรับชวงสิทธิเรียกรองใหผูถูกฟองคดีรับผิดและชดใชคาสินไหม
ทดแทนได ตามมาตรา ๘๘๐ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายเดียวกัน เม่ือปรากฏวา นาง ก.
ใชเสนทางดังกลาวเพื่อไปติดตอธุระที่บานเสมาทั้งขาไปและขากลับ ซ่ึงตอนขาไปนาง ก.
ยอมตองทราบถึงสภาพของถนนเสนดังกลาวท่ีมีความชํารุด ประกอบกับเสนทางดังกลาว
อยูในละแวกใกลเคียงกับบานของนาง ก. ซึ่งโดยปกติวิสัยของวิญูชนทั่วไปแลว ยอมทราบ
ถึงสภาพของถนนแตละชวงวามีลักษณะเชนใด และเมื่อถนนเสนดังกลาวซ่ึงไมมีไฟทางสองสวาง
และบรเิ วณรมิ ถนนเปน ทงุ นา มีเพยี งแสงไฟจากบา นเรอื นของชาวบานซึ่งตั้งอยูหางกัน อันเปนเหตุ
ใหถนนในบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุในเวลาค่ําคืนมีสภาพมืดมาก การขับรถยนตคงอาศัยแตเพียงแสงไฟ
จากรถยนตเทานั้น นาง ก. ซ่ึงมีบานอยูในบริเวณดังกลาวยอมทราบถึงสภาพทัศนวิสัยยามคํ่าคืน
ของถนนเสนดังกลาวเปนอยางดี จึงควรตองขับรถยนตโดยใชความระมัดระวังยิ่งกวาในการ
ขับรถยนตในเวลากลางวัน และเมื่อพิจารณาความเสียหายของรถยนตท่ีประสบอุบัติเหตุ
ประกอบกับบันทึกถอยคําที่บันทึกไวหลังเกิดอุบัติเหตุในวันเกิดเหตุ นาง ก. ใหถอยคําวา
ตนเหยียบเบรกเปนเหตุใหรถยนตเสียหลักตกขางทางพลิกคว่ําแลวกลับมาตั้งเหมือนเดิม
ชี้ใหเห็นวา นาง ก. ตองขับรถยนตคันเกิดเหตุดวยความเร็วสูงมาก ถือไดวา นาง ก. ขับขี่รถยนต
โดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเชนนั้นจักตองมีตามวิสัยและพฤติการณอยูดวย
ดังน้ี ผลแหงการละเมิดท่ีเกิดขึ้น นาง ก. จึงมีสวนกอใหเกิดความเสียหายครั้งน้ีไมนอยกวา
แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓