The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นคร เจือจันทร์, 2022-05-09 02:55:16

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

แนวคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ปี 2563 เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

Keywords: เรื่องละเมิด เล่มที่ 1

๓๔๙

ตอหนวยงานของรฐั ท่ีเจาหนาท่ีสงั กัดอยูตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง ท่ีใหนําบทบัญญัติมาตรา ๘ มาใชบังคับโดยอนุโลม เม่ือพิจารณาโดย
คํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรม ความบกพรองของระบบ
การดําเนินงานสวนรวม และจํานวนเจาหนาท่ีผูเกี่ยวของ ตามมาตรา ๘ วรรคสอง วรรคสาม
และวรรคสี่ แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว จึงสมควรใหหักสวนความรับผิดอันเกิดจาก
ความบกพรองของระบบการดําเนินงานสวนรวมออกรอยละ ๕๐ ของจํานวนคาเสียหายท้ังหมด
คงเหลือคาเสียหายเปนเงินจํานวน ๙๘,๙๓๘ บาท และใหผูฟองคดีรับผิดในสัดสวนรอยละ ๒๐
ของคาเสียหายสวนที่เหลือ คิดเปนเงินจํานวน ๑๙,๗๘๗.๖๐ บาท อยางไรก็ตาม เมื่อศาลปกครองช้ันตน
มีคําพิพากษาใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามคําส่ังลงวันท่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ และ
คําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยเกินกวาจํานวน ๓๙,๕๗๕.๒๐ บาท ซ่ึงมีผลใหผูฟองคดี
ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยเปนเงินจํานวน
๓๙,๕๗๕.๒๐ บาท แลว ผูฟองคดีไมไดอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน ดังน้ัน
คําพิพากษาของศาลปกครองชนั้ ตนในสว นที่พิพากษาใหผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมย จํานวน ๓๙,๕๗๕.๒๐ บาท จึงถึงท่ีสุด ศาลปกครองสูงสุด
จึงไมอาจมีคําพิพากษาแกคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตนในสวนของคาสินไหมทดแทน
ที่ผูฟองคดีตองรับผิดได ที่ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามคําสั่งลงวันท่ี ๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ เฉพาะสวนที่ให
ผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดบุรีรัมยเกินกวาจํานวน
๓๙,๕๗๕.๒๐ บาท นน้ั ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พอ งดว ยในผล

พพิ ากษายืน

ฟอ งขอใหส งมอบแคชเชียรเชค็ คืน
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๓๗๔/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดซื้อเช็คธนาคาร (แคชเชียรเช็ค) จากธนาคาร ท.
เพื่อสั่งจายเงินแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (กระทรวงการคลัง) จํานวน ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท และสงมอบเช็ค
ดังกลาวใหนาย ช. โดยนาย ช. นําเช็คดังกลาวและเงินสดจํานวน ๗๗,๐๖๘ บาท ชําระคาภาษีเงินได
บุคคลธรรมดา คาอากรแสตมป และคาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมขายท่ีดิน
แปลงโฉนดท่ีดินเลขที่ ๑๙๐๑๖ และเลขท่ี ๒๐๘๐๐ แขวง (ตําบล) ลําผักชี เขต (อําเภอ)
หนองจอก (เจียระดับ) กรุงเทพมหานคร และนิติกรรมขายฝากที่ดินท้ังสองแปลงดังกลาว
ตอเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (กรมที่ดิน) ตอมา ผูฟองคดีไดรูวามีการใชเอกสารปลอม
ในการจดทะเบียนทํานิติกรรมดังกลาว ผูฟองคดีจึงแจงใหธนาคาร ท. สาขาสภากาชาดไทย
อายัดเช็คดังกลาวและมีหนังสือขอใหตรวจสอบวามีการเรียกเก็บเงินตามเช็คแลวหรือไม เพ่ือขอ

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๕๐

คืนเงินตามจํานวนในเช็คพรอมดอกเบ้ียแกผูฟองคดี โดยธนาคาร ท. สาขาสภากาชาดไทย
แจงผูฟองคดีวา เช็คยังคงสถานะอายัดและไมมีการจายเงินตามเช็คแกบุคคลใด หากผูฟองคดี
จะยกเลิกเช็ค ใหผูฟองคดีนําเช็คและบัตรประจําตัวประชาชนไปติดตอธนาคาร ผูฟองคดี
จึงมีหนังสือขอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ สงคืนเช็คแกผูฟองคดี แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ กลับแจงปฏิเสธ
ไมสงคืนเช็คดังกลาว เน่ืองจากเห็นวาเจาหนาที่ในสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมตามสัญญาขายและขายฝากตามความประสงคใหแกผูยื่นคําขอถูกตองตามระเบียบ
ราชการ แมตอมาจะมีการเพิกถอนการจดทะเบียนที่ไมชอบดวยกฎหมาย ก็ไมมีบทบัญญัติ
ใหอํานาจผูถูกฟองคดีที่ ๒ คืนเงินตามเช็คใหแกผูฟองคดี ผูฟองคดีเห็นวา เมื่อการจดทะเบียน
ไมชอบดวยกฎหมายอันจะตองถูกเพิกถอน และไมมีกฎหมายกําหนดใหผูถูกฟองคดีท้ังสอง
สามารถเรียกเก็บเงินดังกลาวได ผูถูกฟองคดีท้ังสองจึงไมมีสิทธิตามกฎหมายที่จะยึดถือหรือ
ยดึ หนว งเช็คดงั กลาวไว การทผี่ ถู ูกฟอ งคดีทงั้ สองไมส ง มอบเชค็ คนื ใหแ กผ ูฟองคดีจึงเปนการกระทํา
ท่ีไมชอบดวยกฎหมาย ทําใหผูฟองคดีไมอาจขอรับคืนเงินจํานวนดังกลาวจากธนาคาร ท.
สาขาสภากาชาดไทย ผฟู องคดีจึงนําคดมี าฟอ งขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีท้ังสอง
คืนหรอื สง มอบเชค็ ดังกลาวใหแ กผูฟองคดี หากไมสามารถคนื หรือสงมอบได ใหผูถูกฟองคดีทั้งสอง
รวมกันหรือแทนกันชดใชเงินใหแกผูฟองคดีจํานวน ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยในอัตรา
รอยละ ๗.๕ ตอป ของเงินจํานวนน้ี นับแตวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เปนตนไปจนกวาจะไดรับ
ชําระเสร็จ เห็นวา เมื่อการจดทะเบียนท่ีดินทั้งสองรายการดังกลาวเปนการจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมเก่ียวกับที่ดินตามมาตรา ๑๐๓ วรรคหนึ่ง แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ผูถูกฟองคดีที่ ๒
โดยสํานักงานท่ีดินกรุงเทพมหานคร สาขาหนองจอก จึงมีหนาท่ีตองเรียกเก็บคาธรรมเนียม
ในอัตรารอยละ ๒ ของจํานวนทุนทรัพย ตามขอ ๒ (๗) (ก) ของกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑)
ออกตามความใน พ.ร.บ. ใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ นอกจากนั้น เจาพนักงานที่ดิน
กรุงเทพมหานคร สาขาหนองจอก ซง่ึ เปนเจาหนาที่ผูรับจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทขาย
และประเภทขายฝากที่ดินท้ังสองแปลง ยอมมีหนาท่ีรับชําระภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา ตามมาตรา ๕๒
วรรคสอง ประกอบมาตรา ๕๐ (๕) และมาตรา ๑๑๙ แหงประมวลรัษฎากร และผูถูกฟองคดีที่ ๑
ยอ มมีหนาที่รับชําระภาษีหกั ณ ท่จี าย ที่ผูถูกฟองคดีที่ ๒ รับชําระไวแลวนําสงแกผูถูกฟองคดีที่ ๑
เปน รายไดแ ผน ดนิ ตามมาตรา ๕๒ วรรคสาม แหงประมวลกฎหมายดังกลาว ดังน้ัน การท่ีนาย ช.
ผูซ้ือฝากไดสงมอบเงินสดจํานวน ๗๗,๐๖๘ บาท และเช็คที่พิพาทสั่งจายเงินแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
จํานวน ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท ชําระเปนคาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทขาย
และประเภทขายฝากท่ดี นิ ทง้ั สองแปลงดังกลาว คาภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา และคาอากรแสตมป
และผูถูกฟองคดีท่ี ๒ โดยสํานักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาหนองจอก ไดเรียกเก็บและรับชําระ
คาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในท่ีดินดังกลาว คาภาษีเงินไดบุคคลธรรมดา และ
คาอากรแสตมปท่ีตองติดในสรรพเอกสารท้ังปวงซ่ึงยื่นประกอบการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในที่ดิน
ขางตน จึงเปนไปโดยชอบดวยอํานาจหนาท่ีตามที่กําหนดไวในบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
และประมวลรัษฎากรทุกประการแลว แมปรากฏตอมาวา ศาลจังหวัดมีนบุรีไดพิพากษาเพิกถอน

แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๕๑

การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทขายและประเภทขายฝากดังกลาว และเจาพนักงานที่ดิน
กรุงเทพมหานคร สาขาหนองจอก ไดขีดฆารายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมท้ังสองรายการ
แนบทายโฉนดท่ีดินทั้งสองแปลงฉบับท่ีเก็บรักษาไวที่สํานักงานท่ีดิน และออกใบแทนโฉนดท่ีดิน
ฉบับท่ีมอบใหผูถือกรรมสิทธ์ิไปแลวก็ตาม แตยอมไมมีผลใหการเรียกเก็บและรับชําระคาธรรมเนียม
ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในที่ดินประเภทขายและประเภทขายฝากรวมสองโฉนดที่ดิน
คา ภาษีเงินไดบคุ คลธรรมดา และคาอากรแสตมป ตองตกเปนการอันไมชอบดวยกฎหมายประกอบกับ
ไมมีบทบัญญัติแหงกฎหมายใดกําหนดใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ โดยสํานักงานท่ีดินกรุงเทพมหานคร
สาขาหนองจอก ตองคืนคาธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในท่ีดินที่เรียกเก็บไว
โดยชอบแลว การทผี่ ถู กู ฟอ งคดที ี่ ๑ ซ่งึ เปนผทู รงเชค็ และผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๒ ซึ่งเปนหนวยงานของรัฐ
ที่มีหนาที่เรียกเก็บและรับชําระเงินตามจํานวนท่ีระบุในเช็คเพื่อสงมอบแกผูถูกฟองคดีที่ ๑
เปนรายไดแผนดิน ยังคงยึดถือเช็คพิพาทไวและไมสงคืนใหแกผูฟองคดี จึงไมเปนการกระทําท่ี
ไมชอบดวยกฎหมาย อนั จะเปน การกระทาํ ละเมดิ ตอ ผฟู อ งคดตี ามมาตรา ๔๒๐ แหง ประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย แตอยางใด ผูถูกฟองคดีทั้งสองจึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี
ทศี่ าลปกครองชั้นตน พพิ ากษายกฟอ ง น้นั ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดว ย

พพิ ากษายนื

ฟองขอใหเ พกิ ถอนคําส่ังใหช ดใชคาสินไหมทดแทนกรณีกระทําละเมิดในการปฏิบัตหิ นา ที่
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๓๗๙/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา กรมสงเสริมสหกรณจะจัดสรรเงินใหความชวยเหลือสหกรณ
ในรูปของสัญญากูยืมเงินกองทุนรวมเพื่อชวยเหลือเกษตรกร โครงการจัดหาปุยเคมีเพื่อชวยเหลือเกษตรกร
ป ๒๕๔๓ โดยในสว นของจงั หวดั สรุ ินทร ไดมอบอํานาจใหสหกรณจังหวัดสุรินทรเปนผูพิจารณาอนุญาต
ใหสหกรณกูยืมเงินตามวงเงินท่ีรับจัดสรร ลงนามในสัญญาในฐานะผูใหกูยืม และเบิกจายเงินกู
ใหแกสหกรณ หลังจากนั้น สหกรณการเกษตรปศุสัตวสุรินทร จํากัด และสหกรณชวยเกษตรกร
สังขะศรีณรงค จํากัด ไดทําสัญญากูยืมเงินกองทุนรวมดังกลาว และไดมีการชําระหน้ีบางสวน
แตภายหลังครบกําหนดตามสัญญา สหกรณจังหวัดสุรินทรไดมีหนังสือแจงใหสหกรณทั้งสองชําระหนี้
ท่ีคางชาํ ระพรอมดอกเบ้ีย แตสหกรณท้ังสองยังคงเพิกเฉยไมชําระหน้ี หลังจากนั้น กรมสงเสริมสหกรณ
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ขอใหพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรดําเนินการฟองรอง
ใหสหกรณท ั้งสองชาํ ระหนเี้ งินกูท ค่ี า งชาํ ระพรอมดอกเบี้ย แตศาลปกครองนครราชสีมาและศาลปกครองสูงสุด
ไดม ีคาํ ส่งั ไมร ับคาํ ฟองไวพิจารณา เน่ืองจากยื่นฟองเมื่อพนกําหนดเวลาการฟองคดี ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(อธบิ ดีกรมสง เสรมิ สหกรณ) จงึ มีคาํ สงั่ แตงตง้ั คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
กรณีท่ีกรมสงเสริมสหกรณไมสามารถฟองรองใหสหกรณทั้งสองชําระหนี้ได คณะกรรมการฯ เห็นวา
ความเสียหายท่เี กิดขึน้ ดังกลาวไมไ ดเ กดิ จากการกระทาํ โดยจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรง
จึงไมมีเจาหนาท่ีผูใดตองรับผิดในความเสียหายที่เกิดข้ึน แตกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลาง

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๕๒

พจิ ารณาแลวเหน็ วา ผูฟองคดีตอ งรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ดังน้ี (๑) กรณีสหกรณการเกษตร
ปศสุ ตั วสุรินทร จํากัด ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในขั้นตอนการเรงรัดหนี้และสงเร่ือง
ใหพนักงานอัยการฟองคดี เปนเงิน ๓๔๓,๑๓๔.๖๐ บาท และ (๒) กรณีสหกรณชวยเกษตรกร
สงั ขะศรีณรงค จํากัด ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในข้ันตอนการติดตามตรวจสอบ
การใชเงินกู โดยไมรายงานการใชเงินผิดวัตถุประสงคของโครงการไปยังกรมสงเสริมสหกรณเปนเงิน
๖๕๑,๖๘๙.๕๐ บาท สวนขั้นตอนการเรงรัดหน้ีและสงเร่ืองใหพนักงานอัยการฟองคดี ผูฟองคดี
ตอ งรบั ผดิ ชดใชค า สนิ ไหมทดแทนเปน เงนิ ๑๙๕,๕๐๖.๘๕ บาท ผถู ูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําสั่งลงวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ เรยี กใหผ ฟู องคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๑,๑๙๐,๓๓๐.๙๕ บาท
ผูฟองคดีไมเหน็ ดวยจงึ ไดอทุ ธรณคาํ สั่งดงั กลาว แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ (ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ)
มีคําวินิจฉัยอุทธรณโดยยืนตามคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และแจงผลการวินิจฉัยอุทธรณดังกลาว
ใหผ ูฟ องคดีทราบ ตามหนงั สอื ลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ เห็นวา
ผูฟ องคดไี ดร ับมอบหมายใหม ีหนาท่ีรับผิดชอบงานเกี่ยวกับสินเช่ือของสหกรณ ติดตามประเมินผล
การใชจา ยเงินตามแผนงานและโครงการตางๆ รวมท้ังปฏิบัติราชการอื่นๆ ตามที่ผูบังคับบัญชามอบหมาย
สวนหนา ที่ในการปฏิบตั เิ ก่ยี วกับการกูยืมเงินของสหกรณ น้ัน สหกรณจังหวัดสุรินทรไดมอบหมาย
ใหม หี นา ท่ีรวมกบั นาย พ. ซึง่ เปนผบู ังคบั บญั ชา ใหม ีหนาท่ใี นการติดตามตรวจสอบการใชเงินกูของ
สหกรณลูกหนี้ และเรงรัดการชําระหน้ีเงินกูดังกลาวตามหนังสือกรมสงเสริมสหกรณลงวันที่
๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๑ และมีหนาท่ีตามหนังสือกรมสงเสริมสหกรณลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๒
ทก่ี ําหนดใหสหกรณจงั หวัด สหกรณอ ําเภอ และเจา หนาท่ีสงเสริมสหกรณอื่นถือปฏิบัติเก่ียวกับมาตรการ
ท่ีจะดําเนินการกับสหกรณที่คางชําระหน้ีของกรมสงเสริมสหกรณกอนการดําเนินคดี แตหามีหนาที่
ในการยื่นฟองสหกรณทั้งสองตอศาลไม อํานาจหนาท่ีในการยื่นฟองคดีเปนอํานาจหนาท่ีโดยตรง
ของกรมสง เสริมสหกรณ ซงึ่ ในการทําหนาทต่ี ิดตามหนเี้ งนิ กู น้นั มขี อ เทจ็ จริงวาสหกรณจังหวัดสุรินทร
ไดมอบหมายใหนาย พ. และผูฟองคดีเปนผูรับผิดชอบในการติดตามตรวจสอบการใชเงินกูของ
สหกรณลูกหนี้ และเรงรัดการชําระหน้ีเงินกูดังกลาว ผูฟองคดีและนาย พ. ไดมีการติดตามใหสหกรณ
ท้ังสองชําระหนต้ี ามกาํ หนดมาโดยตลอด แมกอนครบกาํ หนดสญั ญาทั้ง ๒ ฉบับ สหกรณจังหวัดสุรินทร
ก็ไดมีหนังสือทวงถามและเตือนใหสหกรณท้ังสองชําระหน้ีเงินกู ซึ่งสหกรณทั้งสองก็ไดชําระหน้ีบางสวน
หลังจากนน้ั สหกรณจังหวัดสุรินทรไดมีหนังสือแจงใหสหกรณทั้งสองชําระหน้ีท่ีคางชําระพรอมดอกเบ้ียอีก
กรณีจึงแสดงใหเห็นวา การติดตามทวงถามสหกรณทั้งสองใหชําระหนี้ไดมีการดําเนินการมากอน
วันสิ้นสุดสัญญากูเงิน และภายหลังวันส้ินสุดสัญญาก็ไดมีการติดตามทวงถามหน้ีเชนกัน แตโดยท่ี
กรมสงเสริมสหกรณไมเคยมีหนังสือแจงตอสหกรณจังหวัดสุรินทรใหทราบวาไดมีการใชบังคับ
พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ และไดมีการเปดทําการของศาลปกครองแลวเมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๔
ซ่ึงคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองจะตองยื่นฟองคดีตอศาลปกครองภายในกําหนด ๑ ป
นับแตวันท่ีรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี แมตอมากรมสงเสริมสหกรณจะไดมีหนังสือลงวันท่ี
๒๔ กันยายน ๒๕๔๔ ถึงสหกรณจังหวัดสุรินทร กําชับใหสหกรณจังหวัดสุรินทรดําเนินการตรวจสอบ

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๕๓

ยอดหนี้สหกรณท่ีคางชําระเงินกูกอนการดําเนินคดีก็ตาม แตหนังสือดังกลาวไมไดมีการกลาวถึง
การฟองคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครองในกรณีดังกลาว จนกระทั่งตอมาสหกรณจังหวัดสุรินทร
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๔๕ และหนังสือลงวันท่ี ๒๖ เมษายน ๒๕๔๕ ถึงสหกรณท้ังสอง
แจงใหชําระหนี้ ซ่ึงเปนการมีหนังสือเตือนคร้ังท่ี ๒ หลังจากส้ินสุดสัญญาและยังอยูภายในระยะเวลา
๑ ป นบั แตวันส้ินสุดสญั ญา แตหลงั จากนนั้ ไมม หี ลักฐานแนช ัดวาสหกรณจังหวัดสุรินทรไดรายงาน
ใหกรมสงเสริมสหกรณทราบหรือไมว าสหกรณท้ังสองไมชําระหนี้เงินกูตามหนังสือเตือน มีเพียงแต
หลักฐานวา กรมสงเสรมิ สหกรณโดยกองสหกรณก ารเกษตรไดม ีหนังสือลงวนั ท่ี ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕
แจงใหสหกรณจ งั หวดั สุรินทรต รวจสอบยอดหนี้และคํานวณดอกเบี้ยจนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๕
แลวแจงใหกองสหกรณการเกษตรทราบ และในวันเดียวกัน กรมสงเสริมสหกรณไดมีหนังสือลงวันท่ี
๒๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๕ ถึงพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรขอใหฟองคดีเพื่อเรียกหนี้เงินกูจากสหกรณ
ทั้งสอง ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรไดยื่นฟองสหกรณการเกษตรปศุสัตวสุรินทร จํากัด
ตอศาลจังหวัดสุรินทรเม่ือวันท่ี ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๘ เปนคดีแพง และฟองสหกรณชวยเกษตรกร
สังขะศรีณรงค จํากัด ตอศาลจังหวัดสุรินทรเชนกันเม่ือวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๘ เปนคดีแพง
ขอเท็จจริงดังกลาวแสดงใหเห็นวา แมแตกรมสงเสริมสหกรณก็มีความเขาใจวาคดีพิพาทดังกลาว
เปน คดแี พง ซ่งึ อยใู นอาํ นาจของศาลยุติธรรมอันมีอายุความฟองคดี ๑๐ ป แตภายหลังเม่ือมีการโอนคดี
ทั้งสองมาพิจารณาที่ศาลปกครอง ศาลปกครองไดมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา โดยวินิจฉัยวา
คดีทั้งสองฟองคดีเมื่อพนระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ
ซึ่งใชบังคับในขณะนั้น จากนั้น กระทรวงการคลังจึงไดมีหนังสือลงวันท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒
เวียนแจง หนวยงานตางๆ เกี่ยวกบั ระยะเวลาการฟองคดีพพิ าทเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง ดังนั้น
จึงเหน็ ไดวา เกดิ จากความไมเ ขา ใจในมูลคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาเงินกูที่ทําระหวางกรมสงเสริมสหกรณ
กบั สหกรณท ั้งสองวาเปน คดีพิพาทเก่ยี วกับสัญญาทางปกครอง เนื่องจากเพิ่งมีการบังคับใชพระราชบัญญัติ
ดังกลา ว และเปด ทาํ การศาลปกครองไดไ มน าน ประกอบกับหนาท่ีในการฟองคดีเพ่ือเรียกคืนเงินกู
มิใชเปนหนาที่โดยตรงของผูฟองคดี แมกรมสงเสริมสหกรณจะมีหนังสือสั่งการกําหนดมาตรการ
ในการปฏิบัติหนาท่ีของผูฟองคดีท่ีจะตองเรงรัดหน้ีเงินกู รวมท้ังตองรายงานการไมปฏิบัติตามสัญญา
ของสหกรณผ ูเปน ลกู หน้ีเงินกูใหฝายนิติการของกรมสงเสริมสหกรณทราบก็ตาม แตก็มีขอเท็จจริงวา
ผูฟองคดีไดดําเนินการติดตามเรงรัดใหมีการชําระหน้ีเงินกูอยูเสมอ สวนกรณีการแจงตอฝายนิติการ
เกี่ยวกับการไมปฏิบัติตามสัญญาของสหกรณผูเปนลูกหนี้เงินกู น้ัน ไมมีขอเท็จจริงวามีการดําเนินการ
หรือไม แตหากผูฟองคดีมิไดดําเนินการรายงานตอฝายนิตกิ าร ก็เปนเพียงการปฏิบัติหนาท่ีโดยบกพรอง
ท่ีไมเปนเหตุใหกรมสงเสริมสหกรณไมทราบถึงการผิดสัญญาของสหกรณผูกูเงินแตอยางใด
เพราะกรมสงเสรมิ สหกรณย อมมีขอมลู สญั ญาการกูเงินของสหกรณผูกูอยูแลว กรณีการไมรายงาน
การไมปฏิบัติตามสัญญาของสหกรณผูกูจึงเปนเพียงการปฏิบัติหนาที่โดยประมาทเลินเลอธรรมดา
ของผฟู องคดี ไมถ ึงขนาดเปน การกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงแตอยางใด การฟองคดี
ไมทันภายในระยะเวลาการฟองคดี จึงหาเกิดจากการปฏิบัติหนาท่ีโดยจงใจหรือประมาทเลินเลอ
อยางรายแรงของผูฟ องคดไี ม ดังนัน้ เมื่อผูฟอ งคดไี มไดป ฏิบตั หิ นา ทโ่ี ดยจงใจหรือประมาทเลินเลอ

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๕๔

อยางรายแรงจนทําใหกรมสงเสริมสหกรณฟองคดีเพื่อบังคับใหสหกรณทั้งสองชําระหน้ีเงินกู
พรอมดอกเบ้ียไมทันภายในระยะเวลาของการฟองคดี ผูฟ อ งคดจี ึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
แกกรมสงเสรมิ สหกรณตามมาตรา ๑๐ ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิด
ของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แตอยางใด การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําสั่งตามหนังสือลงวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมสหกรณเปนเงิน
จํานวน ๑,๑๙๐,๓๓๐.๙๕ บาท คําส่ังดังกลาวจึงไมชอบดวยกฎหมาย และเมื่อคําส่ังดังกลาว
ไมชอบดวยกฎหมาย การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีคําวินิจฉัยอุทธรณ ซ่ึงแจงผูฟองคดีตามหนังสือลงวันที่
๔ มนี าคม ๒๕๕๓ ใหย นื ตามคําสงั่ ของผูถกู ฟอ งคดที ี่ ๑ ยอ มเปนคําสั่งท่ีไมชอบดวยกฎหมายดวยเชนกัน
ที่ศาลปกครองช้ันตนพิพากษาเพิกถอนคําสั่งตามหนังสือลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ และคําวินิจฉัย
อุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ซึ่งแจงตามหนังสือลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ เฉพาะในสวนท่ีสั่งให
ผูฟ อ งคดีรบั ผดิ ชดใชค าสนิ ไหมทดแทนเกินกวาจํานวนเงิน ๑๙๕,๕๐๖.๘๕ บาท โดยใหมีผลยอนหลัง
ไปจนถงึ วันที่มีคําสั่งทัง้ สองฉบับดงั กลา ว นัน้ ศาลปกครองสูงสดุ เหน็ พองดวยบางสว น

พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ท่ีใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คา สนิ ไหมทดแทนแกกรมสง เสรมิ สหกรณ เปนเงนิ จํานวน ๑,๑๙๐,๓๓๐.๙๕ บาท แจงตามหนังสือ
ลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดี
แจงตามหนังสือลงวนั ท่ี ๔ มนี าคม ๒๕๕๓ โดยใหผลยอนหลงั ไปจนถึงวันท่มี คี ําสัง่ ทั้งสองฉบบั ดังกลาว

ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีฟองเรียกคืนเงินกูของกรมสงเสริม
สหกรณเม่ือพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๓๙๑/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๔๒ คณะรัฐมนตรีไดมีมติเห็นชอบ
โครงการจัดหาปุยเคมีเพื่อชวยเหลือเกษตรกร ป ๒๕๔๓ กรมสงเสริมสหกรณไดแจงใหสหกรณ
จังหวัดสุรินทร (สํานักงานสหกรณจังหวัดสุรินทร) สํารวจความตองการปุยเคมีของสหกรณตางๆ
ในจังหวัดสุรนิ ทร เพื่อขอรบั การสนับสนุนเงินกูจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ สงใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(อธิบดีกรมสงเสริมสหกรณ) พิจารณา โดยมอบอํานาจใหสหกรณจังหวัดสุรินทรเบิกจายเงินกู
และลงนามในสัญญากูยืมเงินแทนกรมสงเสริมสหกรณ ตลอดจนติดตามทวงถามการใชเงินกู
และแจงใหกรมสงเสริมสหกรณทราบเพ่ือดําเนินคดีกับสหกรณตามสัญญากูยืมเงิน และ
นําเงินท่ีกูยืมคืนกรมสงเสริมสหกรณ ปรากฏวาสหกรณ ก. และสหกรณ ช. ไดกูยืมเงินจาก
กรมสงเสริมสหกรณตามโครงการดังกลาว แตผิดนัดไมชําระหนี้ตามสัญญา กรมสงเสริมสหกรณ
จึงยื่นฟองสหกรณท้ังสองตอศาลจังหวัดสุรินทร และคดีไดโอนมายังศาลปกครองนครราชสีมา
แตศาลปกครองนครราชสีมาไดมีคําส่ังไมรับคําฟองไวพิจารณา เพราะเหตุยื่นฟองเมื่อพนกําหนด
เวลาการฟองคดี และศาลปกครองสูงสุดไดมีคําสั่งยืนตามคําสั่งดังกลาว กรมสงเสริมสหกรณ
จึงแตง ต้งั คณะกรรมการสอบขอ เท็จจริงความรบั ผิดทางละเมิดกรณีดงั กลาว ซ่ึงคณะกรรมการฯ ได

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๕๕

สอบสวนและรายงานความเห็นใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ทราบ และผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดพิจารณาแลว
เห็นวา ความเสียหายดังกลาวเกิดจากการที่เจาหนาท่ีมิไดปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ
แตมิไดเกิดจากความจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรง จึงไมมีเจาหนาท่ีผูใดตองรับผิด
ชดใชคาเสียหาย และไดรายงานใหกระทรวงการคลังทราบตามระเบียบ ตอมา กรมบัญชีกลาง
โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังไดพิจารณาแลวเห็นวา ผูฟองคดีกับพวกตองรับผิด
ชดใชคาเสียหาย จึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๙ มกราคม ๒๕๕๓ แจงใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ดําเนินการ
เรียกใหผูฟองคดีกับพวกรวมกันรับผิดชดใชคาเสียหาย ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําส่ังตามหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาเสียหาย ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําส่ังของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงอุทธรณตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (ปลัดกระทรวงเกษตร
และสหกรณ) โดยรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ หัวหนากลุมภารกิจดานสงเสริม
และพัฒนาเกษตรกรและระบบสหกรณ ไดพิจารณาแลวมีคําส่ังใหยกอุทธรณของผูฟองคดี
ผูฟองคดีเห็นวาคําส่ังของผูถูกฟองคดีทั้งสองไมชอบดวยกฎหมายและไมเปนธรรม จึงนําคดี
มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามหนังสือลงวันท่ี ๒๑ มกราคม
๒๕๕๓ และเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตามหนังสือลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ ท่ียกอุทธรณ
ของผูฟองคดี เห็นวา ผูฟองคดีไดรับมอบหมายใหมีหนาที่ควบคุมดูแลการใชจายเงินกู
ของสหกรณ ก. และสหกรณ ช. ที่กูยืมจากกรมสงเสริมสหกรณ รวมท้ังการติดตามเรงรัดใหมี
การชําระหนี้เงินกู แตหามีหนาที่ในการย่ืนฟองสหกรณท้ังสองตอศาลไม อํานาจหนาท่ีในการยื่นฟองคดี
เปนอํานาจหนาที่โดยตรงของกรมสงเสริมสหกรณ ซ่ึงในการทําหนาท่ีติดตามหน้ีเงินกู น้ัน
มีขอเท็จจริงวาผูฟองคดีไดมีการติดตามใหสหกรณท้ังสองชําระหนี้ตามกําหนดมาโดยตลอด
โดยไดม กี ารดําเนินการมากอ นวนั ส้นิ สดุ สัญญากูเ งิน และภายหลงั วนั สิ้นสุดสัญญากไ็ ดม ีการติดตาม
ทวงถามหน้ีเชนกัน แตโดยท่ีกรมสงเสริมสหกรณไมเคยมีหนังสือแจงตอสหกรณจังหวัดสุรินทร
ใหทราบวาไดมีการใชบังคับ พ.ร.บ. จัดต้ังศาลปกครองฯ และไดมีการเปดทําการของศาลปกครองแลว
เม่ือวันท่ี ๙ มีนาคม ๒๕๔๔ ซึ่งคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองจะตองยื่นฟองคดีตอ
ศาลปกครองภายในกําหนด ๑ ป นับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดี แมตอมา
กรมสงเสริมสหกรณจะไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๔ ถึงสหกรณจังหวัดสุรินทร
กําชับใหสหกรณจังหวัดสุรินทรดําเนินการตรวจสอบยอดหน้ีสหกรณท่ีคางชําระเงินกูกอน
การดําเนินคดีก็ตาม แตหนังสือดังกลาวไมไดมีการกลาวถึงการฟองคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญา
ทางปกครองที่ตองย่ืนฟองคดีตอศาลปกครองภายในกําหนดระยะเวลา จนกระทั่งตอมาสหกรณ
จังหวัดสุรินทรไดมีหนังสือลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๔๕ และหนังสือลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๔๕
ถึงสหกรณท้ังสองแจงใหชําระหนี้ ซ่ึงเปนการมีหนังสือเตือนครั้งท่ี ๒ หลังจากส้ินสุดสัญญาและ
ยังอยูภายในระยะเวลา ๑ ป นับแตวันส้ินสุดสัญญา แตหลังจากนั้นไมมีหลักฐานแนชัดวา
สหกรณจงั หวัดสรุ ินทรไดร ายงานใหก รมสง เสริมสหกรณทราบหรือไมวาสหกรณท้ังสองไมชําระหน้ี
เงินกูตามหนังสือเตือน มีเพียงแตหลักฐานวากรมสงเสริมสหกรณไดมีหนังสือแจงใหสหกรณ
จังหวัดสุรินทรตรวจสอบยอดหน้ีและคํานวณดอกเบี้ยจนถึงวันท่ี ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ แลว

แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๕๖

แจงใหกองสหกรณการเกษตรทราบ และในวันเดียวกัน กรมสงเสริมสหกรณไดมีหนังสือลงวันที่
๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ถึงพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรขอใหฟองคดีเพื่อเรียกหน้ีเงินกูจาก
สหกรณท้ังสอง ซ่ึงพนักงานอัยการจังหวัดสุรินทรไดย่ืนฟองสหกรณ ก. ตอศาลจังหวัดสุรินทร
เม่ือวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๘ และฟองสหกรณ ช. ตอศาลจังหวัดสุรินทรเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๘
ขอเท็จจริงดังกลาวแสดงใหเห็นวา แมแตกรมสงเสริมสหกรณก็มีความเขาใจวาคดีพิพาทเก่ียวกับ
สัญญาเงินกูท่ีกรมสงเสริมสหกรณทํากับสหกรณท้ังสองเปนคดีแพง ซ่ึงอยูในอํานาจของ
ศาลยุติธรรมอันมีอายุความฟองคดี ๑๐ ป ตามมาตรา ๑๙๓/๓๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและ
พาณชิ ย ซง่ึ ศาลจังหวัดสุรินทรก็ไดมีคําส่ังรับคําฟองไวพิจารณา แตภายหลังศาลจังหวัดสุรินทรและ
ศาลปกครองนครราชสีมาไดมีความเห็นวา คดีทั้งสองเปนคดีพิพาทเก่ียวกับสัญญาทางปกครอง
ซ่ึงอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง หลังจากนั้นไดมีการโอนคดีทั้งสองมาพิจารณา
ท่ีศาลปกครองช้ันตน ซ่ึงศาลปกครองชั้นตนไดมีคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา โดยวินิจฉัยวา
คดีทั้งสองฟองคดีเม่ือพนระยะเวลาการฟองคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ
ซึ่งใชบังคับในขณะนั้น และศาลปกครองสูงสุดไดมีคําสั่งยืนตามคําสั่งของศาลปกครองชั้นตน
จากน้ัน กระทรวงการคลังจึงไดมีหนังสือลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เวียนแจงหนวยงานตางๆ
เกี่ยวกับระยะเวลาการฟองคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง จึงเห็นไดวา การฟองคดี
เพื่อเรียกใหสหกรณทั้งสองชําระหนี้เงินกูท่ีคางชําระพรอมดอกเบ้ียไมทันภายในระยะเวลา
แหง การฟอ งคดีตามมาตรา ๕๑ แหง พระราชบัญญัติดังกลาว เกิดจากความไมเขาใจในมูลคดีพิพาท
เก่ียวกับสัญญาเงินกูระหวางกรมสงเสริมสหกรณกับสหกรณทั้งสองวาเปนคดีพิพาทเกี่ยวกับ
สัญญาทางปกครอง เนื่องจากมีการบังคับใช พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ และเปดทําการ
ศาลปกครองไดไมนาน ประกอบกับหนาที่ในการฟองคดีเพ่ือเรียกคืนเงินกูมิใชเปนหนาท่ีโดยตรง
ของผูฟองคดี แมกรมสงเสริมสหกรณจะมีหนังสือสั่งการกําหนดมาตรการในการปฏิบัติหนาที่ของ
ผูฟองคดีท่ีจะตองเรงรัดหน้ีเงินกู รวมทั้งตองรายงานการไมปฏิบัติตามสัญญาของสหกรณ
ผูเปนลูกหนี้เงินกูใหฝายนิติการของกรมสงเสริมสหกรณทราบก็ตาม แตก็มีขอเท็จจริงวาผูฟองคดี
ไดดําเนินการติดตามเรงรัดใหมีการชําระหนี้เงินกูอยูเสมอ แมไมมีขอเท็จจริงวาไดมีการแจง
ตอ ฝา ยนติ กิ ารเก่ียวกับการไมปฏิบัติตามสัญญาของสหกรณผูเปนลูกหนี้เงินกูหรือไม แตหากผูฟองคดี
มิไดดําเนินการรายงานตอฝายนิติการ ก็เปนเพียงการปฏิบัติหนาที่โดยบกพรองท่ีไมเปนเหตุให
กรมสงเสริมสหกรณไมทราบถึงการผิดสัญญาของสหกรณผูกูเงินแตอยางใด การไมรายงาน
การไมปฏิบตั ติ ามสัญญาของสหกรณผกู ู จึงเปนเพยี งการปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลอธรรมดา
การฟองคดีเพ่ือบังคับใหสหกรณทั้งสองชําระหน้ีเงินกูพรอมดอกเบี้ยไมทันภายในระยะเวลา
การฟองคดี จึงไมไดเกิดจากการปฏิบัติหนาที่โดยจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรง
ของผูฟ องคดี ผฟู อ งคดีจงึ ไมตอ งรับผดิ ชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมสหกรณตามมาตรา ๑๐
ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ แตอยางใด
การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําสั่งใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมสหกรณ
เปนเงินจํานวนทั้งส้ิน ๑,๑๙๐,๓๓๐.๙๕ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย และคําวินิจฉัยอุทธรณของ

แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๕๗

ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใหยืนตามคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ยอมเปนคําส่ังท่ีไมชอบดวยกฎหมาย
ดว ยเชน กนั ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาเพิกถอนคําส่ังกรมสงเสริมสหกรณโดยผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ตามหนังสือลงวันท่ี ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ซ่ึงแจง
ตามหนังสือลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ เฉพาะในสวนที่สั่งใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
เกินกวาจํานวนเงิน ๑๙๕,๕๐๖.๘๕ บาท โดยใหมีผลยอนหลังไปจนถึงวันที่มีคําส่ังทั้งสองฉบับ
ดังกลาว นัน้ ศาลปกครองสงู สุดเห็นพอ งดว ยบางสว น

พิพากษาแก เปนใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ท่ีใหผูฟองคดีรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนแกกรมสงเสริมสหกรณ เปนเงินจํานวน ๑,๑๙๐,๓๓๐.๙๕ บาท
แจงตามหนังสือกรมสงเสริมสหกรณ ลงวันท่ี ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓ และคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดี แจงตามหนังสือลงวันท่ี ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ โดยใหมีผลยอนหลังไป
จนถงึ วนั ท่ีมีคาํ สัง่ ทงั้ สองฉบบั ดงั กลาว

ฟอ งขอใหเ พิกถอนคําส่งั ใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณเี บิกจายเงนิ โดยมชิ อบ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๓๙๖/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ขณะผูฟองคดีดํารงตําแหนงเจาหนาท่ีบริหารงานทั่วไป ๕
สังกัดองคก ารบรหิ ารสว นจงั หวดั จนั ทบรุ ี เปนผูเสนอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการสงเสริม
และพัฒนาการกฬี าของจงั หวัดจนั ทบุรี “กจิ กรรมสง นกั กีฬาเขา แขงขันฟุตบอลอาชีพไทยแลนดลีก
ดิวิชน่ั ๑ ฤดกู าล ๒๐๐๙” เปนคาใชจายในการฝกซอมและแขงขันฟุตบอลเพื่อสงเสริมและพัฒนาการกีฬา
ของจงั หวดั จนั ทบุรี รวมเปนเงินจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท ตอมาสํานักงานการตรวจเงินแผนดินภูมิภาคที่ ๒
ไดเขาตรวจสอบแลว พบวาโครงการดังกลาวมกี ารเบิกจา ยเงินโดยไมชอบดวยกฎหมาย ทําใหองคการบริหาร
สว นจังหวดั จันทบุรีไดร ับความเสยี หายเปนเงนิ จาํ นวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท ผูถกู ฟองคดีที่ ๑ (ผูวาราชการ
จงั หวดั จนั ทบรุ ี) จึงมีคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด เมื่อดําเนินการ
สอบขอเท็จจริง และไดสงสํานวนใหกระทรวงการคลังตรวจสอบแลว กรมบัญชีกลางพิจารณาแลว
เห็นควรใหผูฟองคดี และนาย ว. รับผิดในอัตรารอยละ ๑๐ ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท
คดิ เปน เงนิ จํานวน ๙๒,๖๖๐ บาท โดยใหรับผิดคนละสวนเทาๆ กัน คิดเปนเงินจํานวน ๔๖,๓๓๐ บาท
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมคี ําสง่ั เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี
เปนเงินจํานวน ๔๖,๓๓๐ บาท ภายใน ๔๕ วัน นับถัดจากวันท่ีไดรับคําส่ัง ตามความเห็นของ
กรมบัญชีกลาง ผูฟองคดีอุทธรณคําส่ังดังกลาว ผูถูกฟองคดีที่ ๒ (รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย)
มคี าํ สง่ั ใหยกอุทธรณ ผฟู องคดีจงึ นําคดมี าฟอ งขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเพิกถอนคําส่ังของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี
และเพิกถอนคาํ วินิจฉยั อทุ ธรณข องผูถูกฟองคดีที่ ๒

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีอํานาจกํากับดูแลการปฏิบัติราชการ
ขององคการบริหารสวนจังหวัดใหเปนไปตามกฎหมายและมีอํานาจส่ังสอบสวนขอเท็จจริงได

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๕๘

ตามมาตรา ๗๗ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ. องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ ผูถูกฟองคดีที่ ๑
จึงเปนผูบังคับบัญชาเหนือตนข้ึนไปหนึ่งชั้นของผูฟองคดีตามนัยมาตรา ๑๔ และมาตรา ๒๐
แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และเปนอํานาจของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ในการดําเนินการตรวจสอบและพิจารณาทางปกครองกรณีเกิดความเสียหายตอหนวยงานของรัฐ
ตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี
วาดวยหลักเกณฑการปฏิบัติเก่ียวกับความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ การที่
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําส่ังแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด จึงเปน
การดําเนินการตามขอ ๑๒ ของระเบียบดังกลาว เม่ือตอมาผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังเรียกให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนตามความเห็นของกรมบัญชีกลาง จึงเปนการออกคําสั่งตามขอ ๑๘
ของระเบียบเดียวกัน และเปนอํานาจของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เมื่อผูฟองคดีดํารงตําแหนงเจาหนาที่บริหารงานทั่วไป ๕
องคก ารบรหิ ารสว นจังหวดั จนั ทบรุ ี ไดเ สนอหนังสอื กองสง เสรมิ คุณภาพชีวิต ลงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๒
เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณตอนายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี เพื่อเปนคาใชจาย
ในการสนบั สนนุ การจดั การแขง ขันฟุตบอลอาชีพ “ไทยแลนด ดิวิช่ัน ๑ ลีก ๒๐๐๙” พรอมกันนี้ผูฟองคดี
ไดเ สนอโครงการสง เสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ
ไทยแลนดลีก ดวิ ชิ ั่น ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” โดยนาย ว. ผูอํานวยการกองสงเสริมคุณภาพชีวิตมีความเห็น
ควรอนุมัติ ซ่ึงองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดดําเนินโครงการดังกลาวและมีการเบิกจายเงิน
เพื่อใชจายในโครงการดังกลาวเปนคาใชจายในการฝกซอมและการแขงขันฟุตบอลอาชีพ รวมเปนเงิน
จํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท โดยทก่ี ารแขงขนั ฟุตบอลตามโครงการดังกลา วมีการเก็บเงินคาผานประตู
จากผูเขาชมการแขงขันนัดเหยาโดยสโมสรฟุตบอลจันทบุรีเปนผูจัดเก็บ จึงเปนโครงการท่ีมี
การจัดหารายไดในลักษณะองคกรเอกชน จึงไมไดเปนไปตามหลักเกณฑการแขงขันกีฬาระหวาง
องคกรปกครองสวนทองถิ่นหรือภายในองคกรปกครองสวนทองถ่ินแตอยางใด จึงเปนการเบิกจายเงิน
ใหแกสโมสรฟุตบอลจันทบุรี ซึ่งเปนองคกรเอกชนโดยไมมีระเบียบกฎหมายของทางราชการ
ใหเบิกจายได อีกทั้ง ไมอยูในอํานาจหนา ทขี่ ององคการบริหารสวนจังหวัดตามมาตรา ๔๕ แหง พ.ร.บ.
องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐ และมาตรา ๑๗ (๑๘) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและข้ันตอน
การกระจายอํานาจใหแกองคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อผูฟองคดีเปนผูเสนอขออนุมัติ
โครงการดังกลาว ผูฟองคดีควรตองตรวจสอบใหไดความถูกตองกอนวา การดําเนินโครงการดังกลาว
อยูในอํานาจหนา ทข่ี ององคก ารบริหารสวนจังหวัดหรอื ไม และสามารถเบิกจายไดหรือไม ผูฟองคดี
เพียงแตพิจารณาวา กรณีดังกลาวเปนการสงเสริมและพัฒนากีฬาของจังหวัดจันทบุรี ถือไดวา
ผฟู อ งคดีไมไ ดป ฏบิ ัติตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ และหนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงวันท่ี
๓ สิงหาคม ๒๕๔๗ เร่ือง หลักเกณฑการใชจายเงินในการแขงขันกีฬาขององคกรปกครองสวนทองถิ่น
ดังน้ัน การท่ผี ฟู องคดีเปนผูเสนอขออนุมัติโครงการสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี
โดยไมตรวจสอบความถูกตอง พฤติการณการกระทําดังกลาว จึงเปนการกระทําดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรงเปนเหตใุ หอ งคการบรหิ ารสวนจงั หวัดจันทบุรีไดรับความเสียหาย จึงเปนการกระทําละเมิด

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๕๙

ตอ องคการบรหิ ารสวนจงั หวดั จันทบรุ ี ตามมาตรา ๔๒๐ แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดี
จึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๑๐
ประกอบมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แมการดําเนิน
โครงการพิพาทนั้นไดผานผูบริหารพิจารณาแลววาสามารถทําไดตามระเบียบของทางราชการ
และมิไดเปนการเบิกจายเงินใหสโมสรฟุตบอลจันทบุรีดําเนินการเองนั้น เห็นวา เม่ือการดําเนินโครงการ
ดังกลาวไมอยใู นอาํ นาจหนา ที่ขององคก ารบรหิ ารสว นจงั หวัดแลว ผูฟองคดีจึงไมอาจปฏิเสธเพ่ือให
พนความรับผดิ ไดแ ละไมว า จะอยูในสายงานบริหารหรือสายงานปฏิบัติตางตองพิจารณาตรวจสอบ
ถึงความถูกตองโดยชอบดวยกฎหมาย เปนหนาที่ของผูฟองคดีที่ตองใชความรูในการศึกษา วิเคราะห
และตรวจสอบวา แผนงานโครงการนั้น สามารถดําเนินการไดตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ
หรือไม เพยี งใด อยา งไรก็ตาม ไมปรากฏวาผูฟองคดีกระทําทุจริตตอหนาท่ี การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
มีคาํ ส่งั เรียกใหผูฟองคดีและนาย ว. ผอู าํ นวยการกองสงเสริมคุณภาพชีวิต ชดใชคาสินไหมทดแทน
ในอัตรารอยละ ๑๐ ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๙๒,๖๖๐ บาท
โดยใหร บั ผดิ คนละสวนเทาๆ กัน คิดเปนเงินจํานวน ๔๖,๓๓๐ บาท จึงเปนการเรียกใหชดใชคาสินไหมทดแทน
โดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมในกรณีนี้ตามมาตรา ๘ วรรคสอง
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ คําส่ังดังกลาวชอบดวยกฎหมาย
และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดีจึงชอบดวยกฎหมายเชนกัน
การทีศ่ าลปกครองพพิ ากษายกฟอ ง น้ัน ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดว ย

พพิ ากษายืน
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๓๙๘/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหายจากคําส่ังจังหวัดจันทบุรี
ลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี เปนเงิน ๑๓๘,๙๙๐ บาท สืบเนื่องจากขณะท่ีผูฟองคดีดํารงตําแหนง
รองนายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี สังกัดองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ไดรับมอบอํานาจ
ตามคําสัง่ องคการบรหิ ารสวนจังหวดั จันทบุรี ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๑ ใหปฏิบัติราชการแทน
นายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีในเร่ืองการอนุมัติฎีกาเบิกจายเงิน และการอนุมัติจายเงินยืม
ผูฟองคดีไดลงนามอนุมัติฎีกาเบิกจายเงินโครงการสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี
“กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ ไทยแลนดลีก ดิวิช่ัน ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” จํานวน
๑๓ ฎีกา เปนคาใชจายในการฝกซอมและแขงขันฟุตบอลเพื่อสงเสริมและพัฒนาการกีฬาของ
จังหวัดจันทบุรี รวมเปนเงิน ๙๒๖,๖๐๐ บาท ภายหลังสํานักงานตรวจเงินแผนดินภูมิภาคท่ี ๒
จังหวัดชลบุรี ไดตรวจสอบพบวา โครงการดังกลาวเปนการเบิกจายใหกับสโมสรฟุตบอลจันทบุรี
ซ่ึงเปนเอกชนโดยไมมีระเบียบการเบิกจาย จึงไมสามารถเบิกจายไดและไมอยูในอํานาจหนาที่
ขององคการบริหารสวนจังหวัด เปนเหตุใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดรับความเสียหาย
เปนเงนิ ๙๒๖,๖๐๐ บาท จังหวัดจันทบุรีไดแตงต้ังคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด

แนวคาํ วินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๖๐

ซึ่งคณะกรรมการดังกลาวพิจารณาแลวเห็นวา การเบิกจายเงินในโครงการดังกลาวน้ัน เจาหนาที่
ท่เี กี่ยวขอ งปฏบิ ตั ิหนา ทด่ี ว ยความประมาท แตไมถึงขั้นประมาทเลินเลออยางรายแรง งบประมาณ
ท่ีองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีเบิกจายไปเพื่อการดังกลาว จึงใหตกเปนพับแกองคการ
บรหิ ารสว นจังหวดั จันทบุรี ตอมา กรมบัญชีกลางไดพิจารณาแลวเห็นวา พฤติการณของผูฟองคดี
เปนการไมปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ถือไดวาเปนการกระทําดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง เปนเหตุใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรีไดรับความเสียหาย จึงใหผูฟองคดี
รับผิดเฉพาะสวนของผูฟองคดีในอัตรารอยละ ๑๕ ของคาเสียหายจํานวน ๙๒๖,๖๐๐ บาท
คิดเปนเงิน ๑๓๘,๙๙๐ บาท ผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําสั่งดังกลาว จึงไดมีหนังสือลงวันท่ี
๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ อุทธรณตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (ผูวาราชการจังหวัดจันทบุรี) ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
พิจารณาอุทธรณแลว ไมเห็นดวยกับคําอุทธรณของผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงไดสงเร่ือง
ดังกลาวไปใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (รัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย) พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณของ
ผูฟองคดีตอไป ผูถูกฟองคดีที่ ๒ ไดพิจารณาแลวมีคําสั่งใหยกอุทธรณ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําสั่งจังหวัดจันทบุรี ลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖
เร่ือง ใหชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี และเพิกถอนคําวินิจฉัย
อุทธรณของผถู กู ฟอ งคดีที่ ๒

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา การจัดการแขงขันกีฬาฟุตบอลตามโครงการการ
จัดการเขงขันฟุตบอลอาชีพ “ไทยแลนดลีกดิวิช่ัน ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” ขององคการบริหาร
สวนจังหวัดจันทบุรี ไมไดเปนไปตามหลักเกณฑการแขงขันกีฬาระหวางองคกรปกครอง
สวนทองถิ่นหรือภายในองคกรปกครองสวนทองถิ่นแตอยางใด และรับฟงไมไดวาเปนการจัดทํา
บริการสาธารณะ กรณีดังกลาวจึงเปนการเบิกจายเงินใหแกสโมสรฟุตบอลจันทบุรี ซึ่งเปนองคกร
เอกชนโดยไมมีระเบียบกฎหมายของทางราชการใหเบิกจายได อีกทั้ง ไมอยูในอํานาจหนาที่ของ
องคการบริหารสวนจังหวัดตามมาตรา ๔๕ แหง พ.ร.บ. องคการบริหารสวนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐
และตามมาตรา ๑๗ (๑๘) แหง พ.ร.บ. กําหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจใหแกองคกร
ปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เมื่อผูฟองคดีในฐานะรองนายกองคการบริหารสวนจังหวัด
จันทบุรี มีหนาที่กํากับดูแลการปฏิบัติงานของผูใตบังคับบัญชาใหเปนไปตามระเบียบกฎหมาย
ของทางราชการและไดรับมอบอํานาจตามคําสั่งองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ลงวันที่
๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๑ ใหปฏิบัติราชการแทนนายกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ในเรื่อง
การอนุมัติฎีกาเบิกจายเงิน และการอนุมัติจายเงินยืม ตามขอ ๖๒ และขอ ๘๔ ของระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเลิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และ
การตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ แตไมกํากับดูแลการปฏิบัติงาน
ของเจาหนาที่ผูใตบังคับบัญชาใหเปนไปตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ อีกท้ังผูฟองคดี
ไดลงนามอนุมัติฎีกาเบิกจายเงินในหมวดคาใชจายประเภทรายจายเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติ
ราชการท่ีไมเขาลักษณะหมวดรายจายอ่ืนๆ รวม ๑๓ ฎีกา เพ่ือเปนคาใชจายในการฝกซอมและ
การแขงขันฟุตบอลอาชีพใหกับสโมสรฟุตบอลจันทบุรี พฤติการณการกระทําดังกลาว จึงเปนการ

แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๖๑
กระทาํ ดวยความประมาทเลนิ เลอ อยางรายแรง และเปนเหตุใหองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี
ไดรับความเสียหาย จึงเปนการกระทําละเมิดตอองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๔๒๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแก
องคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง ประกอบมาตรา ๘ วรรคหนึ่ง
และมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือผูฟองคดี
ปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรงในการเบิกจายเงินเปนคาใชจายโครงการ
สงเสริมและพัฒนาการกีฬาของจังหวัดจันทบุรี “กิจกรรมสงนักกีฬาเขาแขงขันฟุตบอลอาชีพ
ไทยแลนดลีก ดิวิชั่น ๑ ฤดูกาล ๒๐๐๙” เปนเงิน ๙๒๖,๖๐๐ บาท จึงถือไดวาองคการบริหาร
สวนจงั หวัดจันทบุรีไดรับความเสียหายตามจํานวนเงินดังกลาว แตไมปรากฏวาผูฟองคดีไดกระทํา
ทุจริตตอหนาท่ี การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่งจังหวัดจันทบุรี ลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖
เรื่อง ใหชดใชคาสินไหมทดแทนแกองคการบริหารสวนจังหวัดจันทบุรี เรียกผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๑๕ ของคาเสียหายจํานวนดังกลาว คิดเปนเงิน ๑๓๘,๙๙๐ บาท
จึงเปนการเรียกใหชดใชคาสินไหมทดแทนโดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทํา
และความเปนธรรมในกรณีนี้ตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว ดังนั้น
คําสั่งจังหวัดจันทบุรี ลงวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๖ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงินจํานวน ๑๓๘,๙๙๐ บาท จึงชอบดว ยกฎหมาย และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดีจึงชอบดวยกฎหมายเชนกัน การท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษา
ยกฟอง นน้ั ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดว ย

พิพากษายนื
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๔๙๘/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ เงื่อนไขการฟอ งคดี หนา ๑๔๖
ฟอ งขอใหชดใชค าเสียหายจากการขุดลอกทางสาธารณประโยชน
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๔๒๙/๒๕๖๓ อางแลวในประเดน็ วธิ ีพจิ ารณาคดปี กครอง หนา ๑๙๓
ฟอ งขอใหร้อื ถอนถนนคอนกรีตเสริมเหล็กทกี่ อสรา งทับท่ดี นิ พิพาท
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๔๔๕/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เขตอาํ นาจศาล หนา ๑๐๖
ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีกําหนดคาปรับในสัญญาจางกอสราง
โดยไมชอบดวยกฎหมาย
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๔๕๙/๒๕๖๓ อางแลว ในประเด็นเง่ือนไขการฟองคดี หนา ๑๒๐

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๖๒

ฟองขอใหช ดใชค า สินไหมทดแทน กรณไี มไดร ับเงนิ เบ้ียยงั ชีพผูสูงอายุ
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๔๖๙/๒๕๖๓

ผฟู อ งคดีฟองวา เม่อื เดอื นตุลาคม ๒๕๕๗ ผฟู อ งคดีไดไปลงทะเบียนเพื่อขอรับเงิน
เบ้ียยังชีพผูสูงอายุพรอมกับราษฎรอื่นๆ แตเม่ือถึงวันที่ไดรับสิทธิ ปรากฏวาไมมีรายช่ือผูฟองคดี
จึงไดย่ืนคํารองลงวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ขอใหผูถูกฟองคดี (เทศบาลนครเชียงราย) เพิ่มช่ือ
ผูฟองคดีเปนผูมีสิทธิไดรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุ แตเจาหนาท่ีแจงผูฟองคดีวา ผูฟองคดีเขาใจผิด
เกี่ยวกับกําหนดเวลาการลงทะเบียนเพื่อรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุจึงไมมีรายชื่อ ผูฟองคดีจึงไดย่ืน
หนังสือรองทุกขตอนายกรัฐมนตรี ตอมา ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘
ชแ้ี จงผฟู องคดวี า ผูถ กู ฟองคดมี ิไดเปด ใหล งทะเบียนขอรบั เงนิ เบย้ี ยงั ชีพผูสูงอายุในเดือนตุลาคม ๒๕๕๗
แตไ ดไปรับลงทะเบยี นท่ชี มุ ชนบา นใหม ในวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.๓๐ ถงึ ๑๖.๐๐ นาฬิกา
โดยผูมาลงทะเบียนจะไดรับบัตรรับรองการลงทะเบียนไวเปนหลักฐานเพ่ือตรวจสอบสิทธิ ซึ่งเปน
คําชีแ้ จงที่ไมชดั เจน ผฟู องคดจี งึ ไดย นื่ คาํ รองลงวันท่ี ๖ เมษายน ๒๕๕๘ และวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘
ถึงผูวาราชการจังหวัดเชียงราย แตไมไดรับคําชี้แจงอยางใดอีก ผูฟองคดีเห็นวา การที่ผูถูกฟองคดี
ละเลยตอหนาท่ีทําใหผูฟองคดีไมไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุเดือนละ ๖๐๐ บาท จํานวน ๑๒ เดือน
นับต้ังแตเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ รวมเปนเงิน ๗,๒๐๐ บาท ทําใหผูฟองคดี
ไดรับความเดือดรอน จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหผูถูกฟองคดีชดใช
คาเสยี หายเปนเงนิ ๗,๒๐๐ บาท ใหแกผ ูฟองคดี

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ผูฟองคดีมีอายุครบหกสิบปบริบูรณ ในปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘ (ระหวา งวันท่ี ๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ ถึงวันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘) และเริ่มมีสิทธิลงทะเบียน
เพอ่ื ขอรับเงินเบีย้ ยังชีพผูสูงอายุไดในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ ซึ่งหากผูฟองคดีไดลงทะเบียนในระยะเวลา
ดังกลาว จะมีผลใหผูฟองคดีไดรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ อันเปนปงบประมาณ
ทีผ่ ูฟอ งคดีมอี ายคุ รบหกสบิ ปบรบิ ูรณ ตามนยั ขอ ๗ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยหลักเกณฑ
การจายเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๕๒ แตโดยที่สิทธิในการ
ไดรับเบี้ยยังชีพผูสูงอายุเปนสิทธิประโยชนอันเปนสวัสดิการและความชวยเหลือท่ีรัฐจัดหาใหผูสูงอายุ
ที่มอี ายุเกนิ หกสิบปบริบูรณข นึ้ ไปและไมม รี ายไดเ พียงพอแกการยังชีพตามมาตรา ๕๓ ของรัฐธรรมนูญ
แหง ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ที่ใชบังคับขณะน้ัน ประกอบมาตรา ๑๑ (๑๑) แหง พ.ร.บ.
ผสู ูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ ซึง่ บุคคลทม่ี ีอายุครบหกสิบปบ ริบรู ณข นึ้ ไป หากประสงคจะรับเงินเบ้ียยังชีพ
ผูสูงอายุจะตองแสดงความประสงคตอรัฐวาตนไมมีรายไดเพียงพอแกการยังชีพ บุคคลน้ันจึงจะมีสิทธิ
ไดร บั เงนิ เบ้ยี ยังชพี ผสู งู อายุตามขอ ๖ (๓) ของระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วาดว ยหลกั เกณฑการจายเงิน
เบ้ียยังชพี ผสู งู อายขุ ององคก รปกครองสว นทอ งถิน่ พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยผูที่จะมีอายุครบหกสิบปบริบูรณขึ้นไป
ในปงบประมาณถัดไปจะตองมาลงทะเบยี นและย่นื คําขอรับเงินเบ้ยี ยังชพี ผูส งู อายภุ ายในเดือนพฤศจิกายน
ของทุกป ตามขอ ๗ ของระเบียบดังกลาว ดังน้ัน แมวาผูฟองคดีมีอายุครบหกสิบปบริบูรณ
ในปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และอาจมีสิทธิไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๖๓

แตบุคคลทจ่ี ะมสี ทิ ธไิ ดร ับเงินเบ้ยี ยังชีพผูสงู อายุในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จะตองย่ืนคําขอลงทะเบียน
ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ การที่ผูฟองคดีมีหนังสือลงวันท่ี ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ รองเรียน
ตอ ผูถูกฟองคดวี า เม่อื เดอื นตุลาคม๒๕๕๗ ผูฟองคดีไดไปลงทะเบียนผูสูงอายุเพื่อขอรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ
ตอ ผถู กู ฟอ งคดซี ึง่ มาใหบ ริการรบั ลงทะเบียนภายในชุมชนบานใหม แตไมมรี ายชอ่ื ผฟู องคดีเปนผูมีสิทธิ
ไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ ขอใหผูถูกฟองคดีตรวจสอบเพิ่มช่ือผูฟองคดีเปนผูมีสิทธิไดรับเงิน
เบ้ียยังชีพผูสูงอายุ ทั้งท่ีในชวงเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ผูถูกฟองคดีไมไดเปดบริการรับลงทะเบียน
ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุในชุมชน และ ณ สํานักงานเทศบาลนครเชียงราย ประกอบกับผูฟองคดี
ไมสามารถนําบัตรรับลงทะเบียนมาแสดงเพ่ือใหเจาหนาท่ีตรวจสอบได กรณีจึงไมอาจรับฟงไดวา
ผฟู องคดีไดไปลงทะเบียนในชวงเวลาดังกลาว เม่ือหลังจากที่ผูฟองคดีย่ืนคํารองขอใหเพ่ิมชื่อผูฟองคดี
เปนผูมีสิทธิไดรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุ ผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือหารือไปยังกรมสงเสริมการปกครอง
ทองถิ่น และไดรับการตอบขอหารือวา ใหผูถูกฟองคดีตรวจสอบคุณสมบัติของผูฟองคดีและเพิ่มเติม
รายช่อื ไวก อน สําหรับการปรับปรุงขอมูลในระบบสารสนเทศและการจายเงิน ในตนปงบประมาณ
กรมสง เสรมิ การปกครองทองถ่ินจะแจงใหตรวจสอบขอ มลู จาํ นวนผูมีสิทธิท่ีถูกตองจึงจะรายงานให
กรมสงเสริมการปกครองทองถิ่นจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม ผูถูกฟองคดีไดตรวจสอบคุณสมบัติของ
ผูฟองคดีแลวเห็นวา ผูฟองคดีเปนผูมีสิทธิจะไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุประจําปงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙ จึงเพ่มิ ชอื่ ผูฟ อ งคดีเปนผูมสี ิทธิรบั เงินเบ้ยี ยังชีพผูสงู อายุประจาํ ปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
(๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙) ตามประกาศเทศบาลนครเชียงราย เร่ือง รายชื่อเพิ่มเติม
ผูส งู อายุท่ีมีสิทธิไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันท่ี ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
และแจง การเพิ่มช่อื ผฟู องคดใี หท องถน่ิ จงั หวัดเชียงรายทราบตามหนังสือลงวันท่ี ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
เพื่อใหกรมสงเสริมการปกครองทองถ่ินจัดสรรงบประมาณเพ่ิมเติมรายจายคาเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ
ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตอไป การท่ีผูถูกฟองคดีพิจารณาวา ผูฟองคดีไมไดไปลงทะเบียน
เพื่อขอรับเบ้ียยังชีพผูสูงอายุ ตามที่ประกาศเทศบาลนครเชียงราย เรื่อง การข้ึนทะเบียนผูสูงอายุ
และคนพิการเพ่ือขอรบั เบี้ยยังชีพ ประจําปง บประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๗
กําหนดไว จึงเห็นวา ผูฟองคดีไมไดดําเนินการตามข้ันตอนที่กําหนดไวในระเบียบกระทรวงมหาดไทย
ดังกลาว แตตอมา ผูถูกฟองคดีก็ไดดําเนินการเพิ่มชื่อผูฟองคดีเปนผูที่มีสิทธิไดรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุ
ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ แลว ผูฟองคดียอมมีสิทธิไดรับเงินเบ้ียยังชีพผูสูงอายุตั้งแต
เดือนตุลาคม ๒๕๕๘ เปนตนไป เชนเดียวกันกับกรณีท่ีผูฟองคดีลงทะเบียนและยื่นคําขอรับ
เบี้ยยังชีพผูสูงอายุในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ และผูฟองคดีก็ไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ
ตามกฎหมายแลว การกระทําของผูถูกฟองคดีจึงมิไดเปนการละเลยตอหนาท่ีตามที่กฎหมาย
กําหนดใหตองปฏิบัติ และไมเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย และแมวาผูถูกฟองคดีมิไดกระทําละเมิดตอผูฟองคดีกรณีการดําเนินการ
เพิ่มช่ือดังกลาวก็ตาม แตภายหลังจากที่ผูฟองคดียื่นคํารองตอผูถูกฟองคดี และผูถูกฟองคดี
ไดตรวจสอบคุณสมบัติของผูฟองคดีและเพ่ิมชื่อผูฟองคดีเปนผูมีสิทธิไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ
ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามประกาศเทศบาลนครเชียงราย เร่ือง รายช่ือเพิ่มเติมผูสูงอายุ

แนวคาํ วินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๖๔

ท่ีมีสิทธิไดรับเงินเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
และผูถูกฟองคดีไดมีหนังสือลงวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ แจงการเพ่ิมช่ือผูฟองคดีใหทองถิ่น
จังหวัดเชียงรายทราบ โดยที่ผูถูกฟองคดีไมไดแจงใหผูฟองคดีทราบแตอยางใด เปนเหตุใหผูฟองคดี
ยังคงตองดําเนินการรองเรียนตอหนวยงานตางๆ รวมทั้งฟองคดีตอศาล จึงเห็นควรกําหนดคาเสียหาย
เปนคาใชจายในการรองเรียนรองทุกขตอหนวยงานท่ีเกี่ยวของรวมท้ังฟองคดีตอศาลปกครอง
เปนเงินจํานวน ๕,๐๐๐ บาท ท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษายกฟอง นั้น ศาลปกครองสูงสุด
ไมเ หน็ พอ งดวย

พิพากษากลับเปนใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี เปนเงิน
จาํ นวน ๕,๐๐๐ บาท โดยชาํ ระใหแ ลว เสรจ็ ภายใน ๖๐ วนั นับแตว ันท่คี ดีถึงท่ีสดุ

ฟองขอใหชดใชค า สินไหมทดแทน กรณเี ปน ผไู มมีสทิ ธเิ ขาพักอาศยั ในหอ งพกั ราชการตาํ รวจ
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดที่ อ.๔๗๓/๒๕๖๓

ผูฟ อ งคดฟี องวา เมอ่ื ประมาณเดือนเมษายน ๒๕๕๑ ผูฟองคดีและพันตํารวจโท ช.
ซึ่งเปนสามีของผูฟองคดี ไดขอเขาพักอาศัยในหองพักเลขท่ี ๑๒/๒๗ ของแฟลตตํารวจ
สถานีตาํ รวจภธู รเมืองอุดรธานี จากจา สิบตาํ รวจ ย. ซ่ึงเปนผูไดรับสิทธิพักอาศัยในหองพักดังกลาว
เนื่องจากเห็นวาจาสิบตํารวจ ย. มีบานพักอยูท่ีอ่ืนแลวและไมไดมาพักอาศัยอยูประจําท่ีหองพัก
ดังกลาว ซึ่งจาสิบตํารวจ ย. ไดอนุญาตใหผูฟองคดีและครอบครัวไดเขาพักอาศัยแทน ผูฟองคดี
จึงไดพักอาศัยอยูในหองพักดังกลาวกับครอบครัวเร่ือยมา ตอมาเม่ือประมาณเดือนเมษายน ๒๕๕๒
ผูถกู ฟอ งคดีท่ี ๒ (ผูก าํ กับการสถานีตํารวจภูธรเมืองอุดรธานี) ไดออกคําสั่งลงวันท่ี ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๒
แตงตงั้ ผถู ูกฟอ งคดที ี่ ๓ (คณะกรรมการตรวจสอบทรัพยสินหองพัก) เปนคณะกรรมการตรวจสอบ
และจัดทําบัญชีทรัพยสินและตอมาผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดทุบทําลายกุญแจหองพักเขาไปขนยาย
ทรัพยสินของผูฟองคดีท้ังหมดไปเก็บไวท่ีหองควบคุมผูตองหา สถานีตํารวจภูธรเมืองอุดรธานี
ตง้ั แตวันท่ี ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๒ ผูฟ องคดจี งึ ไปตดิ ตอขอรับทรัพยสินคืน แตพนักงานสอบสวนอางวา
ไมสามารถคืนใหได และแจงใหผูฟองคดีไปติดตอกับผูถูกฟองคดีที่ ๓ ผูฟองคดีไดตรวจสอบทรัพยสิน
ท่ีถูกขนยายไปเก็บไวในหองควบคุมผูตองหาดังกลาวแลวพบวา ทรัพยสินถูกวางกองเรียงราย
ไมเปนระเบียบ ท่ีนอนถูกวางไวใกลหองสวมซึ่งมีสภาพสกปรกสงกลิ่นเหม็นตลบอบอวน
เคร่ืองใชไฟฟาและตูเหล็กท่ีเก็บส่ิงของมีคาหลายรายการ ไดแก สรอยคอทองคํา สรอยขอมือ
แหวนทองคํา พระเล่ียมทองที่มีชื่อเสียงหลายองค เพชร พลอย อาวุธปนพกสั้น โฉนดท่ีดิน
และเอกสารสําคัญอ่ืนๆ อีกหลายรายการ ถูกวางไวในหองควบคุมผูตองหาโดยไมมีการดูแล และ
อยูในลักษณะเส่ียงตอการถูกโจรกรรมเปนอยางมาก นอกจากน้ี สิ่งของเคร่ืองใช ตู โตะ และอ่ืนๆ
ไดถูกขนยายโดยไมระมัดระวังจนแตกหักเสียหายและถูกวางบนพื้นท่ีมีสภาพสกปรก ผูฟองคดี
เห็นวาการดําเนินการดังกลาวเปนการกระทําท่ีไมชอบดวยกฎหมาย ทําใหทรัพยสินของผูฟองคดี
ชํารุดเสียหาย ไมอาจใชการได และสูญหายไป รวมจํานวน ๑๒๕ รายการ เปนเงิน ๓๕๗,๑๙๖ บาท

แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๖๕

อันเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี จึงยื่นฟองคดีขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังให
ผูถูกฟองคดีท้ังสาม (สํานักงานตํารวจแหงชาติ ท่ี ๑) ชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี
เปนเงินรวมทัง้ สน้ิ จาํ นวน ๓๕๔,๖๙๖ บาท

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา การเขาพักอาศัยในหองพักพิพาทของพันตํารวจโท ช.
และผูฟองคดี เปนการไดรับอนุญาตใหเขาพักอาศัยจากจาสิบตํารวจ ย. ผูไดรับสิทธิเขาพักอาศัย
ในหองพกั พพิ าทได เนอ่ื งจากจา สิบตํารวจ ย. ไมม สี ิทธิใดๆ ในอนั ท่จี ะอนญุ าตใหผูฟองคดีเขาอยูใน
หอ งพกั พพิ าท เมื่อพนั ตํารวจโท ช. ไมไดย นื่ คํารอ งขอเขา พักอาศัยและไดรับอนมุ ัติจากผูถ กู ฟอ งคดที ี่ ๒
ในฐานะผูบังคับบัญชาอาคารใหเขาพักอาศัย พันตํารวจโท ช. จึงไมใชขาราชการตํารวจที่ไดรับสิทธิ
จากผูบังคับบัญชาอาคารใหเขาพักในหองพิพาท สงผลใหผูฟองคดีซ่ึงเปนคูสมรสของพันตํารวจโท ช.
มิไดเปนครอบครัวของผูไดรับสิทธิเขาพักอาศัย อีกท้ัง พันตํารวจโท ช. และผูฟองคดี มิไดเปน
ครอบครัวหรือบริวารของจาสิบตํารวจ ย. ซ่ึงไดรับอนุมัติจากบังคับบัญชาอาคารใหเขาพักอาศัย
ดงั น้นั พันตํารวจโท ช. และผูฟองคดี จึงไมมีสิทธิเขาพักอาศัยในหองพักพิพาทในฐานะผูพักอาศัย
ตามขอ ๒ ขอ ๓ และขอ ๑๓.๓ ของระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยการรักษาความสะอาด
สถานที่ราชการและการเขาพักอาศัยในอาคารบานพัก สํานักงานตํารวจแหงชาติ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๓ ซ่ึงผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในฐานะผูบังคับบัญชาอาคารมีอํานาจหนาที่ดูแลรักษา
อาคารบานพักสํานักงานตาํ รวจแหงชาติใหเปนไปโดยเรียบรอยตามที่ขอ ๑๓ ของระเบียบเดียวกัน
กําหนดใหอํานาจไว เมือ่ ขอเท็จจรงิ ปรากฏวา ในขณะเกิดเหตุพิพาท จาสิบตาํ รวจ ย. ไมไดพักอาศัยอยู
ในหองพักพิพาทแลว โดยไดมีบันทึกลงวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๒ ขอสงคืนหองพักพิพาทใหกับผู
ถูกฟองคดีที่ ๒ และไดมีการตัดน้ําตัดไฟหองพักพิพาท แตพันตํารวจโท ช. และผูฟองคดี
ยังมิไดออกจากหองพักพิพาท เม่ือผูถูกฟองคดีที่ ๒ ใชอํานาจในฐานะผูบังคับบัญชาอาคารดังกลาว
ออกประกาศสถานีตํารวจภูธรเมืองอุดรธานี ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เร่ือง ใหออกจากบานพัก
ของทางราชการสั่งใหพันตํารวจโท ช. และผูฟองคดี ออกจากหองพักพิพาทภายใน ๓ วัน นับแตวันที่
ไดออกประกาศ หากไมปฏิบตั ติ ามคําส่งั จะดาํ เนนิ คดตี ามกฎหมายตอไป เมือ่ ประกาศดังกลาวเปน
การบังคับให พันตํารวจโท ช. และผูฟองคดีตองปฏิบัติตาม โดยตองกระทําการขนยายทรัพยสิน
ออกจากหองพักพิพาทภายในระยะเวลาท่ีกําหนด และยังไดแสดงใหเห็นวาในกรณีท่ีผูฟองคดี
ไมปฏิบัติตามประกาศดังกลาว ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มุงประสงคท่ีจะดําเนินการตามท่ีกฎหมาย
ใหอํานาจในการใชมาตรการบังคับทางปกครองเพ่ือให พันตํารวจโท ช.และผูฟองคดี ขนยาย
ทรพั ยสินออกจากหองพักพิพาทตอไป และภายหลังจากนั้น ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ไดออกคําสั่งลงวันที่
๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๒ แตงตั้งผูถูกฟองคดีท่ี ๓ เพ่ือดําเนินการขนยายทรัพยสินออกจากหองพัก
พิพาทโดยผูถูกฟองคดีท่ี ๓ ไดรวมกับ จาสิบตํารวจ ย. ตรวจสอบและขนยายทรัพยสินออกจาก
หองพักพิพาทไปเก็บรักษาไวท่ีหองขังผูตองหาสถานีตํารวจภูธรเมืองอุดรธานี เมื่อวันที่
๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๒ ประกาศดังกลาวจึงมีลักษณะเปนคําส่ังทางปกครองที่มีผลกระทบตอหนาที่
ที่ผูฟองคดีตองปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือขอเท็จจริงรับฟงไดวาการทําการขนยายทรัพยสินออกจากหองพักพิพาทแลว

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๖๖
จะมีความจําเปนตองใชหองขังเปนที่เก็บรักษาทรัพยสินท่ีขนยายเน่ืองจากไมมีท่ีเก็บก็ตาม
แตก็ตองทําดวยความระมัดระวังโดยใหเกิดความกระทบกระเทือนแกผูอยูในบังคับของคําส่ัง
ทางปกครองนอยที่สุด ซ่ึงเมื่อพิจารณาสภาพหองขังผูตองหาสถานีตํารวจภูธรเมืองอุดรธานี
ที่ใชเก็บรักษาทรัพยสินของผูฟองคดีแลว เห็นวา มีสภาพไมมิดชิด และหองมีความชื้น รวมทั้งสกปรก
ซึ่งการวางส่ิงของไวบนพ้ืนของหองขังที่มีสภาพดังกลาวโดยมิไดมีการบรรจุหีบหอหรือปกคลุม
โดยมิดชิดตามสมควร และยังไดปลอยวางท้ิงไวโดยไมมีการดูแลรักษาความปลอดภัย ทําใหทรัพยสิน
บางสวนไดรับความเสียหายเพราะความชื้น ถูกสัตวกัดแทะ และเลอะเทอะเปรอะเปอน
จนไมสามารถนํากลับมาใชได รวมทั้งเกิดการสูญหาย กรณีจึงเห็นไดวา การใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดังกลาว ทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหายในทรัพยสิน
เกนิ สมควร อนั เปน การไมชอบดวยมาตรา ๕๖ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ดังนั้น เมื่อการใชมาตรการบังคับทางปกครองของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย
เปนเหตุใหเกิดความเสียหายแกทรัพยสินของผูฟองคดี กรณีจึงเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดี
ตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ดังนั้น ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซึ่งเปน
หนวยงานของรัฐจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีในผลแหงละเมิดที่เจาหนาที่
ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดกระทําตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ สําหรับคาสินไหมทดแทนมีเพียงใด น้ัน เมื่อผูฟองคดีไมไดพิสูจนความเสียหาย
โดยแสดงราคาทรัพยสินและมูลคาความเส่ือมราคาของทรัพยสินแตละชิ้นท่ีเสียหายหรือสูญหาย
ซึ่งถือไดวาเปนการกลาวอางความเสียหายที่ไมชัดเจน เม่ือพิจารณาพฤติการณและความรายแรง
แหงการกระทําละเมิดแลวเห็นวา ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ กระทําการเพื่อใหคําส่ังทางปกครองบรรลุ
ผลสาํ เร็จ และนําหองพกั พิพาทจดั ใหข า ราชการตาํ รวจหรือลูกจา งประจาํ สํานักงานตํารวจแหงชาติ
ไดเขาพักอาศัย ซ่ึงเปนการกระทําเพ่ือประโยชนแกทางราชการ สวนพฤติการณของผูฟองคดี
ที่มีหนาที่ตองปฏิบัติตามคําส่ังทางปกครองโดยการขนยายทรัพยสินในหองพักพิพาท
ภายในกําหนดเวลา แตฝาฝนไมปฏิบัติตามคําสั่งทางปกครองโดยไมขนยายสิ่งของที่มีราคา
ที่อาจสูญหายหรือแตกชํารุดไดงายออกไปเก็บรักษาไวเสียกอน จึงถือวาผูฟองคดีมีสวนกระทํา
ความผิดอันกอใหเกิดความเสียหายดวย และเมื่อพิจารณาความเสียหายจากภาพถายท่ีผูฟองคดี
อางสงตอศาลแลว จึงเห็นควรกําหนดคาเสียหายใหผูฟองคดีเปนเงินจํานวน ๓๐,๐๐๐ บาท
ทศ่ี าลปกครองชนั้ ตน พิพากษายกฟอง น้นั ศาลปกครองสงู สุดไมเ หน็ พองดว ย

พิพากษากลับ เปนใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี
เปนเงินจํานวน ๓๐,๐๐๐ บาท ทั้งน้ี ใหชําระใหแลวเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแตวันที่คดีถึงที่สุด
และใหยกฟองผูถูกฟอ งคดที ี่ ๒ และท่ี ๓

แนวคําวินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๖๗

ฟอ งขอใหเพิกถอนคาํ สั่งใหช ดใชค าสินไหมทดแทน กรณีประมาทเลินเลอ อยางรายแรงเปนเหตุ
ใหผใู ตบงั คับบัญชากระทาํ การทจุ ริต
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๕๐๙/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีเปนพนักงานสวนตําบล ตําแหนงปลัดองคการบริหาร
สวนตําบลวังอิทก อําเภอบางระกํา จังหวัดพิษณุโลก ไดรับคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ (นายอําเภอ
บางระกํา) ลงวันท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ใหชดใชคาสินไหมทดแทนแกทางราชการรวมเปนเงิน
๔๙๔,๙๗๒ บาท เนื่องจากขณะดํารงตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนา อําเภอ
บางระกํา จังหวัดพิษณุโลก ไดปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหนาง ว.
หัวหนาสวนการคลัง ซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชากระทําการทุจริตตอหนวยงานหลายกรณีไดแก
การเบิกจา ยเงินซ้ําซอ น การไมสงคืนเงินยืม การเบิกจายเงินโดยไมมีฎีกาเบิกจาย การแกไขจํานวนเงิน
ในเช็ค การไมนําเงินไปจายเจาหน้ี การนําเงินฝากธนาคารไมครบถวนตามใบเสร็จรับเงิน ผูฟองคดี
ไมเห็นดวยจึงมีหนังสือลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ อุทธรณคําส่ังดังกลาว ตอมา ไดรับแจง
ผลการพิจารณาอุทธรณจากผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดพิษณุโลก) ตามหนังสือลงวันท่ี ๒๔
เมษายน ๒๕๕๕ วาใหยกอุทธรณ จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ัง
ลงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน และเพิกถอนผลการพิจารณา
อทุ ธรณข องผูถกู ฟอ งคดีที่ ๒ ตามหนงั สือลงวนั ท่ี ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อคดีนี้ศาลปกครองช้ันตนวินิจฉัยวา ผูฟองคดี
ไดปฏิบตั หิ นาทไี่ มถูกตอ งตามระเบยี บกฎหมาย เปน เหตใุ หน าง ว. เบียดบังเอาเงินจากการปฏิบัติหนาท่ี
ไปใชส ว นตัว ทําใหองคก ารบรหิ ารสว นตําบลนิคมพัฒนาไดรับความเสียหายรวมเปนเงิน ๑,๒๒๓,๕๔๒ บาท
จงึ เปนการกระทําละเมดิ ในการปฏบิ ัติหนาที่ตอ หนวยงานของรัฐตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง แหง พ.ร.บ.
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูฟองคดีไมไดอุทธรณคัดคานคําพิพากษาของ
ศาลปกครองชั้นตน ดังน้ัน ประเด็นที่วาผูฟองคดีกระทําละเมิดหรือไม จึงยุติตามคําพิพากษาของ
ศาลปกครองช้ันตนแลว จึงมีประเด็นที่ตองวินิจฉัยแตเพียงวา ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนใหแกผูถูกฟอ งคดที ี่ ๑ เปนจาํ นวนเงินเทาใด เมอ่ื ปรากฏวา ขณะเกดิ เหตพุ ิพาท ผฟู อ งคดีดํารง
ตําแหนงปลัดองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนา จึงอยูในฐานะผูบังคับบัญชาชั้นตน มีหนาท่ีกํากับ
ควบคุม ดูแล การปฏิบัติงานของเจาหนาที่ทุกคนซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชา ใหปฏิบัติตามระเบียบ
กฎหมายของทางราชการ และผูฟองคดีในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงินตองปฏิบัติตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย วา ดวยการรับเงิน การเบิกจายเงนิ การฝากเงิน การเก็บรกั ษาเงนิ และการตรวจเงิน
ขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๗ แตผูฟองคดีปลอยใหนาง ว. หัวหนาสวนการคลัง
เบียดบังเงินไปใชเพื่อประโยชนสวนตนหลายรายการ ดังนี้ (๑) กรณีเบิกจายเงินซ้ําซอน
เม่ือผฟู อ งคดแี ละนาย ส. นายกองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนา ไดลงนามในเช็คลงวันที่ ๒๒
กันยายน ๒๕๔๗ สั่งจายผูฟองคดี และนาง ว. เช็คลงวันท่ี ๒๔ กันยายน ๒๕๔๗ สั่งจายเขาบัญชี
ผูสูงอายุ ฉบับละ ๑๙๒,๖๐๐ บาท และลงวันท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๔๗ จํานวนเงิน ๑๙๒,๖๐๐ บาท

แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๖๘

ส่ังจายผูฟองคดีและนาง ว. รวมเปนเงิน ๕๗๗,๘๐๐ บาท เพ่ือชําระหน้ีคาเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ
ซ่ึงเปนคาใชจายรายการเดียวกัน ซ่ึงเคยออกเช็คสั่งจายไปแลว จึงเปนการลงนามในเช็คเบิกจาย
ซํ้าซอนโดยไมไดตรวจสอบฎีกาและเอกสารประกอบฎีกาวาไดเคยมีการเบิกจายไปแลวหรือไม
ทําใหองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนาไดรับความเสียหายเปนเงิน ๕๗๗,๘๐๐ บาท เม่ือนาง ว.
ดํารงตําแหนงหัวหนาสวนการคลัง เปนผูจัดทําเช็คเสนอผูฟองคดีและนายกองคการบริหาร
สว นตําบลนคิ มพฒั นาลงนามในเช็ค ผฟู อ งคดจี ึงตองรบั ผิดในอัตราสวน ๑ ใน ๓ ของความเสียหาย
จํานวนเงนิ ๕๗๗,๘๐๐ บาท คิดเปน เงินจาํ นวน ๑๙๒,๖๐๐ บาท การที่ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังให
ผูฟองคดีรับผิดกึ่งหน่ึงของความเสียหายเปนเงิน ๒๘๘,๙๐๐ บาท จึงไมเหมาะสมและเปนธรรม
แตเม่ือผูฟองคดีไมไดอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองช้ันตน จึงตองรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนตามคาํ พพิ ากษาของศาลปกครองชัน้ ตน เปน เงิน ๒๓๑,๑๒๐ บาท (๒) กรณีไมสงคืนเงินยืม
ผฟู องคดีและนาย ส. ไดล งนามสั่งจา ยเช็คลงวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๘ จํานวนเงิน ๖๐,๒๔๘ บาท
ส่งั จา ยผฟู อ งคดแี ละนาง ว. เพอื่ เปนเงินยมื คาใชจา ยในการจัดงานวันเด็ก แตใ นการจัดงานดังกลาว
นาย ส. ไดสํารองจายเงินสวนตัวเปนคาใชจายเปนเงินจํานวน ๖๐,๐๐๐ บาท ภายหลังไดมีการ
จัดทําฎีกา โดยออกเช็คลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ จํานวน ๖๐,๐๐๐ บาท สั่งจายนาย ส.
เพ่ือชําระหนี้เงินสํารองดังกลาว จึงเปนการสั่งจายเช็คโดยไมมีการตรวจสอบสัญญายืมเงินวามี
หรือไม ทําใหเบิกจายเงินคาใชจายในการจัดงานเดียวกันซ้ําซอน แตเม่ือนาง ว. มีหนาที่จัดทําเช็ค
และตองตรวจสอบเช็คกอนเสนอผูมีอํานาจลงนาม ผูฟองคดีจึงควรรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ในอัตราสวน ๑ ใน ๓ ของความเสียหายจํานวนเงิน ๖๐,๒๔๘ บาท คิดเปนเงินจํานวน
๒๐,๐๘๒.๖๖ บาท เมื่อผูฟองคดีไมไดอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน จึงตองรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนตามคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตนเปนเงิน ๒๔,๐๙๙.๒๐ บาท
(๓) กรณไี มม ีฎีกาเบกิ จาย ผูฟองคดีและนาย ส. ไดลงนามส่ังจายเช็คลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๗
จํานวน ๔๓,๕๐๐ บาท เพ่อื จายเปนคา วัสดสุ าํ นักงานและวัสดุงานบานงานครัว และเช็คลงวันที่ ๙
กุมภาพันธ ๒๕๔๘ จํานวนเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท เพื่อจายเปนเงินเศรษฐกิจชุมชน รวมเปนเงิน
จํานวน ๑๐๓,๕๐๐ บาท โดยไมมีฎีกาและเอกสารประกอบฎีกาในการเบิกจาย ไมมีสัญญาเงินกู
และไมมีผูรับเงิน จึงเปนการไมปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายที่กําหนด เมื่อนาง ว. เปนผูจัดทําเช็ค
โดยไมมีฎีกาและเอกสารประกอบจึงเปน การไมป ฏิบตั ิตามระเบียบกฎหมาย ผูฟองคดีจึงตองรับผิด
ในอัตราสวน ๑ ใน ๓ ของความเสียหายจํานวนเงิน ๑๐๓,๕๐๐ บาท คิดเปนเงิน ๓๔,๕๐๐ บาท
ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๒๐ ของความเสียหาย
ดงั กลาวเปนเงิน ๒๐,๗๐๐ บาท น้ัน ศาลปกครองสูงสุดไมเห็นพองดวย (๔) กรณีแกไขจํานวนเงิน
ในเช็ค ผูฟองคดีและนาย ส. ไดลงนามในเช็คลงวันท่ี ๑๖ ธันวาคม ๒๕๔๗ เปนเงินจํานวน
๑๓๓,๐๐๐ บาท เปนคาเบี้ยยังชีพคนพิการ ผูปวยเอดส ซ่ึงตามฎีกาเพ่ือเบิกจายคาเบี้ยยังชีพ
คนพิการ ผปู วยเอดส เปนจํานวนเงิน ๓๓,๐๐๐ บาท ผฟู องคดลี งนามในเช็คโดยปลอยใหมีชองวาง
ในเช็คเปนชองทางใหนาง ว. ไปแกไขเติมตัวเลขและตัวหนังสือเพิ่มจํานวนเงินในเช็คได
จึงเปนการไมปฏิบัติตามขอ ๗๐ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน

แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๖๙

การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗
โดยนาง ว. เบิกจายเงินเกินความจริง เปนเงินจํานวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ท่ีศาลปกครองชั้นตน
กําหนดใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน ๑ ใน ๓ ของความเสียหายเปนเงินจํานวน
๓๓,๓๓๓.๓๓ บาท จึงเหมาะสมและเปนธรรมแลว (๕) กรณีไมนําเงินไปจายเจาหนี้ ผูฟองคดี
และนาย ย. นายกองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนาในขณะนั้น ลงนามสั่งจายเช็คลงวันที่ ๙
กันยายน ๒๕๔๖ เปนเงิน ๓๘,๑๙๔ บาท สั่งจายผูฟองคดีและนาง ว. นอกจากน้ี ผูฟองคดีและ
นาย ส. ลงนามส่ังจายเช็คลงวันท่ี ๒ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ เปนเงิน ๘๘,๐๐๐ บาท ส่ังจายผูฟองคดี
และนาง ว. แลวมอบเช็คใหนาง ว. ไปข้ึนเงินกับธนาคารเพื่อนําเงินไปซ้ือธนาณัติสงใหกองทุน
บําเหน็จบํานาญขาราชการสวนทองถิ่น รวมเปนเงิน ๑๒๖,๑๙๔ บาท แตนาง ว. ไดนําเงินไปใช
สวนตัวทั้งหมด ผูฟองคดีในฐานะผูบังคับบัญชามีหนาที่ควบคุม กํากับ ดูแล การปฏิบัติงานของ
นาง ว. ผูใตบังคับบัญชา และผูฟองคดีในฐานะคณะกรรมการเก็บรักษาเงินตามขอ ๒๘
และขอ ๒๙ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน การเบิกจายเงิน การฝากเงิน
การเก็บรกั ษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ และฉบับ พ.ศ. ๒๕๔๗
กําหนดใหคณะกรรมการเก็บรักษาเงินมีหนาท่ีรวมกันตรวจสอบตัวเงินและหลักฐานแทนตัวเงิน
กับรายงานเงินคงเหลือประจําวันใหถูกตองตรงกัน แตผูฟองคดี นาย ย. และ นาย ส. ไมได
ตรวจสอบเงินคงเหลือ จึงเปนชองทางใหนาง ว. ทุจริตนําเงินที่เบิกไดตามเช็คไปใชประโยชนสวนตน
การท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะผูบังคับบัญชา
ในอัตรารอยละ ๒๐ ของคาเสียหายจํานวน ๑๒๖,๑๙๔ บาท คิดเปนเงิน ๒๕,๒๓๘.๘๐ บาท น้ัน
เปนการกําหนดโดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมแกกรณี
ตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาวแลว เมื่อผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนในฐานะผูบังคับบัญชาและเปนจํานวนเงินที่สูงกวาความรับผิดในฐานะกรรมการเก็บรักษา
เงินแลว หากใหตองรับผิดในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงินอีกเปนเงิน ๑๖,๘๒๕.๘๗ บาท
ก็จะไมสอดคลองกับความรายแรงแหงการกระทําและไมเปนธรรม ผูฟองคดีจึงไมตองรับผิด
ในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงนิ อกี และ (๖) กรณนี าํ เงนิ ฝากธนาคารไมค รบถวนตามใบเสร็จรับเงิน
รวมเปนเงินทั้งสิ้น ๒๕๕,๘๐๐ บาท แยกไดดังน้ี (๖.๑) การนําเงินฝากธนาคารไมถูกตองจํานวน
๑๑ รายการ เปนเงินจํานวน ๒๒,๘๐๐ บาท โดยนาง ว. ไดรับเงินจากผูนําเงินมาชําระ โดยมีการ
ออกใบเสร็จรับเงินใหผูชําระเงิน แตไมนําฝากธนาคาร (๖.๒) การนําเงินหน้ีเงินทุนโครงการ
เศรษฐกจิ ชมุ ชน งวดประจําป พ.ศ. ๒๕๔๗ ระหวา งเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนฝากธนาคาร
ไมถูกตอง โดยนาง ว. ไดรับคืนเงินเศรษฐกิจชุมชนงวดประจําป พ.ศ. ๒๕๔๗ ในเดือนดังกลาว
จากกลุมเกษตรกรท่ีกูยืมเงินและนําเงินมาชดใชคืนจํานวน ๙ ราย เปนเงินจํานวน ๗๓,๖๐๐ บาท
และมีการออกใบเสร็จรับเงิน แตนาง ว. ไมนําเงินดังกลาวฝากธนาคาร กับกรณีไดรับคืนเงิน
จากกลุมเกษตรกรท่ีกูยืมเงินไปจํานวน ๑๓ ราย เปนเงินจํานวน ๑๕๙,๔๐๐ บาท โดยไมได
ออกใบเสร็จรับเงิน และไมไดนําเงินฝากธนาคาร นาง ว. ไดนําเงินไปใชประโยชนสวนตน
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีคําส่ังใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีรับเงินจากผูชําระหนี้

แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๗๐
แตไมนําเงินฝากธนาคาร และกรณีรับเงินชําระหน้ีจากเกษตรกร ๙ ราย โดยออกใบเสร็จรับเงิน
แตไมนําเงินฝากธนาคาร ในฐานะผูบังคับบัญชาในอัตรารอยละ ๒๐ ของคาเสียหายจํานวน
๒๒,๘๐๐ บาท และจํานวน ๗๓,๖๐๐ บาท ตามลําดับ เปนเงิน ๔,๕๖๐ บาท และ ๑๔,๗๒๐ บาท
ตามลําดับ เปนการกําหนดโดยคํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรม
แกกรณีตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว
เมือ่ ผฟู อ งคดีตอ งรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะผูบังคับบัญชา และเปนจํานวนเงินที่สูงกวา
ความรับผิดในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงิน หากใหตองรับผิดในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงินอีก
เปนเงิน ๓,๐๔๐ บาท และ ๙,๘๑๓.๓๓ บาท ตามลําดับดวย ก็จะไมสอดคลองกับความรายแรง
แหงการกระทําและไมเปนธรรม ผูฟองคดีจึงไมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะ
กรรมการเก็บรักษาเงินอีก สวนเงินที่ไดรับชําระหนี้จากเกษตรกรโดยไมมีการออกใบเสร็จรับเงิน
จํานวน ๑๕๙,๔๐๐ บาท นั้น เปนเงินท่ีนาง ว. รับไวโดยไมมีใบเสร็จรับเงินและไดนําเงินไปใชจาย
สวนตัว ประกอบกับตามคําส่ังลงวันท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ไมไดเรียกรองใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนในจํานวนเงินคาเสียหายดังกลาว ผูฟองคดีจึงไมตองรับผิดในความเสียหาย
จํานวนน้ี ที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําพิพากษาใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในฐานะ
กรรมการเกบ็ รกั ษาเงนิ ในอัตรารอยละ ๖๐ ของคาเสียหายจํานวน ๒๒,๘๐๐ บาท และจํานวนเงิน
๗๓,๖๐๐ บาท โดยใหผูฟองคดีรับผิด ๑ ใน ๓ คิดเปนเงิน ๔,๕๖๐ บาท และ ๑๔,๗๒๐ บาท
ตามลําดับ น้ัน ศาลปกครองสูงสุดไมเห็นพองดวย ผูฟองคดีจึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนเงินท้ังสิ้น ๓๖๗,๕๗๑.๓๓ บาท ดังนั้น คําสั่งลงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ที่เรียกใหผูฟองคดี
ชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๓๖๗,๕๗๑.๓๓ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย
และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ท่ีใหยืนตามคําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงไมชอบดวย
กฎหมายเชนกัน ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษาใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามคําสั่ง
ลงวันท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนแกทางราชการ
เกินกวาจํานวนเงิน ๓๔๕,๓๕๘.๔๐ บาท และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ตามหนังสือลงวันท่ี ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทน
แกทางราชการเกินกวาจํานวน ๓๔๕,๓๕๘.๔๐ บาท นั้น ศาลปกครองสูงสดุ เห็นพองดว ยบางสว น

พพิ ากษาแก เปน ใหเพิกถอนคาํ สั่งผูถ กู ฟองคดีท่ี ๑ ตามคําส่ังลงวันที่ ๑๖ มกราคม
๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๓๖๗,๕๗๑.๓๓ บาท
และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕
เฉพาะสวนท่ีวินิจฉัยใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๓๖๗,๕๗๑.๓๓ บาท
ท้ังนี้ ใหม ีผลนบั แตว นั ทม่ี คี ําสงั่ และคาํ วินจิ ฉยั อทุ ธรณด งั กลาว โดยมีขอ สังเกตเกย่ี วกับแนวทางหรือ
วิธีการดําเนินการใหเปนไปตามคําพิพากษาวา หากองคการบริหารสวนตําบลนิคมพัฒนาไดรับ
ชําระหนี้จากนาง ว. ไดเปนจํานวนเทาใด ใหนํามาหักหรือคืนตามสวนแหงความรับผิดใหแก
ผฟู องคดีตอ ไป

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๗๑

เพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง
ทาํ ใหร ั้วคอนกรีตเสรมิ เหลก็ เสียหาย
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๕๑๓/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา เม่ือคร้ังผูฟองคดีดํารงตําแหนงชางโยธา ๔ สังกัดเทศบาลเมืองขลุง
ผูฟอ งคดีไดรับมอบหมายใหเ ปนผูสํารวจออกแบบโครงการกอสรางร้ัวคอนกรีตเสริมเหล็ก (ค.ส.ล.)
โรงเรียนเทศบาลขลุง (บุรวิทยาคาร) แหงท่ี ๒ ตอมาเทศบาลเมืองขลุงไดทําสัญญาจางเหมา
บริษัท พ. ใหทาํ การกอ สรา งโครงการดังกลาว และไดมีคําสั่งแตงต้ังผูฟองคดีเปนเจาหนาท่ีควบคุมงาน
ซึ่งผูรับจางไดทํางานท่ีรับจางแลวเสร็จและคณะกรรมการตรวจการจางไดตรวจรับงานงวดสุดทาย
เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๔๖ ตอมาเมื่อวันท่ี ๓ มิถุนายน ๒๕๔๗ ผูฟองคดีตรวจพบวางานกอสราง
ดังกลาวเกิดการชํารุดเสียหายจึงมีบันทึกรายงานผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (นายกเทศมนตรีเมืองขลุง)
ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือแจงใหผูรับจางดําเนินการแกไขความชํารุดบกพรองดังกลาว
ตอมาเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๔๗ บริษัท พ. ไดมีหนังสือสงงานที่แจงใหซอมแซมดังกลาว
ซงึ่ ผฟู อ งคดีไดต รวจสอบและรายงานผูถูกฟองคดีท่ี ๑ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๗ หลังจากน้ัน
ไดมีการตรวจพบความชํารุดของรั้ว ค.ส.ล. ดังกลาวอีก เทศบาลเมืองขลุงจึงไดมีหนังสือลงวันท่ี
๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๗ แจงบริษัท พ. ใหดําเนินการแกไขความชํารุดดังกลาว แตบริษัท พ.
ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๕ มกราคม ๒๕๔๘ แจงวา ไดกอสรางถูกตองตามแบบแปลนในสัญญาจางแลว
เทศบาลเมืองขลุงจึงไดขอความรวมมือสํานักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดจันทบุรีใหเขามา
ดําเนินการตรวจสอบรั้ว ค.ส.ล. ดังกลาว โดยผลการตรวจสอบปรากฏวา แบบกอสรางร้ัว ค.ส.ล.
โครงสรางทัว่ ไป (ตามแบบแปลน) มีความแข็งแรงเพียงพอ แตฐานรากใชเสาเข็มยาวเพียง ๒.๐๐ เมตร
อาจเปนสาเหตุใหเกิดการทรุดตัวซึ่งสาเหตุหลักท่ีทําใหเกิดการทรุดตัวของฐานรากของรั้วและเปนเหตุ
ใหรั้วเกิดความเสียหาย หลังจากนั้น เทศบาลเมืองขลุงไดมีคําสั่งแตงตั้งคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด คณะกรรมการฯ ไดรายงานผลการสอบสวนสรุปวา
ผูฟองคดีซึ่งเปนผูออกแบบและควบคุมการกอสรางมีพฤติการณท่ีถือวาเปนการกระทําดวย
ความประมาทเลินเลออยางรายแรง ตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกทางราชการ และเม่ือ
คํานึงถึงระดับความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมแหงกรณีแลว เห็นควรหักสวน
ความรับผิด จึงใหผูฟองคดีรับผิดชดใชในอัตรารอยละ ๗๐ ของคาเสียหาย จํานวน ๑๐๔,๙๙๐ บาท
คิดเปนเงิน ๗๓,๔๙๓ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดรายงานผลการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดใหกระทรวงการคลังตรวจสอบ ตอมากรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังตรวจสอบแลว
เห็นวาผูฟองคดีควรรับผิดชดใชเต็มจํานวนความเสียหายเปนเงิน ๑๐๔,๙๙๐ บาท ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
จงึ ไดมีคาํ สง่ั ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ใหผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนจํานวน ๑๐๔,๙๙๐ บาท
แกเทศบาลเมืองขลุงภายใน ๔๕ วัน นับถัดจากวันท่ีรับทราบหนังสือ ผูฟองคดีจึงไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๕๒ อุทธรณคําสั่งดังกลาว ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดจันทบุรี)
พิจารณาแลวมีคําส่ังใหยกอุทธรณตามหนังสือลงวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๒ ผูฟองคดีจึงนําคดี

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๗๒

มาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังใหเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ที่ใหผูฟองคดี
รับผิดชําระคาสินไหมทดแทน และผลการพิจารณาอุทธรณของผูฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือลงวันที่
๒ กนั ยายน ๒๕๕๒

ศาลปกครองสงู สดุ วินิจฉัยวา เมื่อคดีน้ีผูฟองคดีขณะถูกกลาวหาวากระทําละเมิด
ตอเทศบาลเมืองขลุง ดํารงตําแหนงเจาหนาท่ีโยธา ๔ สังกัดเทศบาลเมืองขลุง ผูฟองคดี
จึงเปนเจาหนาที่ ตามมาตรา ๔ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
สวนผูถูกฟองคดีที่ ๑ ในฐานะผูแทนเทศบาลเมืองขลุง เปนราชการสวนทองถิ่น จึงเปนหนวยงานของรัฐ
ตามมาตรา ๔ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา ผูฟองคดีไดรับมอบหมาย
จากเทศบาลเมืองขลุงใหเปนผูสํารวจออกแบบกอสรางรั้ว ค.ส.ล. ของโรงเรียนเทศบาลขลุง
(บุรวิทยาคาร) แหงที่ ๒ และไดร ับการแตงต้งั ใหเปน ผคู วบคมุ งานกอสรา งดังกลาว ดังน้ัน ผูฟองคดี
ในฐานะผูสํารวจออกแบบจึงตองปฏิบัติหนาท่ีใหเปนไปตามหลักวิชาชางและตองควบคุมดูแล
การกอสรางรั้ว ค.ส.ล. ดังกลาว ใหถูกตองตามแบบแปลนท่ีกําหนดไว และเปนไปตามระเบียบ
กระทรวงมหาดไทย วาดวยการพัสดุของหนวยการบริหารราชการสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๓๕
ซ่ึงขอเท็จจริงตามผลการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดรับฟงไดวา ในการกอสรางร้ัว ค.ส.ล.
ดังกลาวผูฟองคดีไดดําเนินการตอกเสาเข็มบางสวนดวยรถแบคโฮอันมิไดเปนไปตามหลักวิชาชาง
และในการสํารวจออกแบบกอสรางร้ัว ค.ส.ล. ดังกลาว ผูฟองคดีไมไดทําการขุดชั้นดินบริเวณ
ที่กอสรางรั้วเพ่ือทําการตรวจสอบ แตใชขอมูลการสํารวจเมื่อคร้ังกอสรางอาคารเรียน ค.ส.ล. ๓ ชั้น
มาประกอบการพิจารณา และเม่ือผูฟองคดีพบวาขณะทําการกอสรางร้ัวดังกลาว สภาพช้ันดิน
บริเวณทีก่ อ สรางเปน ดนิ ออ นเนอื่ งจากเปน ทางน้ําเดิมและที่ลุมรับน้ํา ผูฟองคดีซึ่งมีวิชาชีพทางชาง
ยอ มเล็งเห็นไดว า หากปลอ ยใหมีการตอกเสาเข็มตามแบบแปลนเดิมที่กําหนดไวอาจทําใหฐานราก
ไมม่ันคงและกอใหเกิดความเสียหายแกรั้ว ค.ส.ล. ไดในภายหลัง ผูฟองคดีซ่ึงเปนผูควบคุมงาน
ยอมมีอํานาจส่ังแกไขเปล่ียนแปลง หรือส่ังพักงาน หรืออาจรายงานใหคณะกรรมการตรวจการจาง
ทราบปญหาดังกลาวได ท้ังน้ี ตามขอ ๖๖ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการพัสดุ
ของหนวยการบริหารราชการสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๓๕ แตผูฟองคดีก็หาไดดําเนินการเชนนั้นไม
และเม่ือพิจารณาผลการตรวจสอบของสํานักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดจันทบุรี
ซ่ึงเปนหนวยงานราชการท่ีมีความรูและความเช่ียวชาญเกี่ยวกับการกอสรางซ่ึงไดใหความเห็น
ในเร่อื งนวี้ า แบบกอ สรา งรว้ั ค.ส.ล. โครงสรา งทว่ั ไปตามแบบแปลนมีความแข็งแรงพอ แตฐานราก
ใชเสาเข็มยาวเพียง ๒.๐๐ เมตร อาจเปนสาเหตุใหเกิดการทรุดตัวของฐานราก และเปนเหตุใหรั้ว
เกิดความเสียหายตามมาทั้งหมด รวมความยาว ๕๑.๐๐ เมตร จึงเชื่อไดวา การทรุดตัวของร้ัว
ดังกลาวนาจะเกิดจากการกําหนดความยาวของเสาเข็มไมเหมาะสมกับพื้นที่กอสรางซ่ึงเปนพ้ืน
ที่ดินออนและเปนทางน้ําเกา เม่ือความเห็นของสํานักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดจันทบุรี
เปนความเห็นตามหลักวิชาการ ทั้งไมปรากฏวาไมมีความเปนกลางอยางไร ความเห็นดังกลาว
จึงมีนํ้าหนักรับฟงได กรณีจึงฟงไดวา ความชํารุดเสียหายของรั้ว ค.ส.ล. พิพาทเกิดจากการปฏิบัติ
หนาท่ีของผูฟองคดีเปนสําคัญ โดยมิไดเกิดจากการกอสรางโดยไมถูกตองตามแบบแปลน

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๗๓

ของผูรับจางดังท่ีผูฟองคดีกลาวอางแตอยางใด ซ่ึงหากผูฟองคดีไดใชความระมัดระวังตามวิชาชีพ
เพียงเล็กนอยก็ยอมสามารถปองกันความเสียหายดังกลาวได พฤติการณของผูฟองคดีจึงเปน
การปฏิบัติหนาท่ีโดยประมาทเลินเลออยางรายแรง เม่ือการกระทําดังกลาวกอใหเกิดความเสียหาย
แกเ ทศบาลเมอื งขลงุ กรณีจึงเปนการกระทําละเมิดตอหนวยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๐ วรรคหน่ึง
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีอํานาจออกคําสั่ง
เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาวไดตามมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
ซ่ึงเมอื่ พจิ ารณาแบบแปลนของรั้ว ค.ส.ล. ดังกลาวแลวพบวา ในข้ันตอนของการออกแบบดังกลาว
นอกจากผูฟองคดีจะเปนเจาหนาท่ีสํารวจออกแบบแลว ยังมีเจาหนาที่รายอ่ืนเปนผูเขียนแบบ
และยังตอ งเสนอผา นผบู ังคบั บัญชาอีกหลายชน้ั ซ่งึ แสดงใหเ ห็นวา แบบแปลนดังกลาวไดผา นการพิจารณา
กลัน่ กรองของผบู งั คบั บัญชามาแลว สว นหนึง่ ดว ย ประกอบกบั หลงั จากกอสรางรัว้ ค.ส.ล. ดังกลาว
แลวเสร็จ เทศบาลเมืองขลุงยังไดทําสัญญาจางใหมีการถมดินชิดแนวรั้วท่ีพิพาทอีกดวย ซึ่งแมจะมิได
เปนผลโดยตรงที่ทําใหรั้วเกิดการทรุดตัวและแตกราวก็ตาม แตก็ถือวาเปนปจจัยสวนหน่ึง
ท่ีกอใหเกิดความเสียหายดวย จึงมิใชเปนผลจากการกระทําของผูฟองคดีแตเพียงผูเดียว ดังน้ัน
การท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ กําหนดใหผูฟองคดีตองรับผิดในผลเสียหายแหงละเมิดจนเต็มจํานวน
จึงเปนการกาํ หนดสัดสวนความรับผิดทางละเมิดท่ีมิไดเปนไปตามระดับความรายแรงแหงการกระทํา
และความเปนธรรมแตละกรณีตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติเดียวกันอีกดวย
เห็นควรกําหนดใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกเทศบาลเมืองขลุง ในสัดสวนรอยละ ๗๐
ของคาเสียหายท่ีเกิดข้ึน คิดเปนเงิน จํานวน ๗๓,๔๙๓ บาท การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่ง
ลงวันท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ส่ังใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเต็มจํานวน เปนเงิน
๑๐๔,๙๙๐ บาท จึงมีผลทําใหคําสั่งดังกลาวในสวนท่ีส่ังใหผูฟองคดีรับผิดเกินกวาจํานวนเงิน
๗๓,๔๙๓ บาท เปนคําส่ังที่ไมชอบดวยกฎหมาย และเมื่อคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ไดพ จิ ารณาโดยอาศัยเหตุผลทํานองเดียวกันกับเหตุผลของผูถูกฟองคดีที่ ๑ คําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ที่ยกอุทธรณของผูฟองคดี จึงไมชอบดวยกฎหมายเชนเดียวกัน ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษา
ใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ในสวนที่ส่ังใหผูฟองคดี
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนรอยละ ๓๐ ของความเสียหายจํานวน ๑๐๔,๙๙๐ บาท คิดเปนเงิน
ทั้งส้ิน ๓๑,๔๙๗ บาท ใหแกเทศบาลเมืองขลุง และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตามหนังสือลงวันท่ี ๒ กันยายน ๒๕๕๒ ในสวนที่วินิจฉัยยกอุทธรณของผูฟองคดีท่ีอุทธรณคําสั่ง
ของผูถกู ฟองคดที ่ี ๑ ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ในสวนท่ีสั่งใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนรอยละ ๓๐ ของความเสียหายจํานวน ๑๐๔,๙๙๐ บาท คิดเปนเงินท้ังส้ิน ๓๑,๔๙๗ บาท
ใหแกเทศบาลเมืองขลุง ทั้งนี้ ภายใน ๖๐ วัน นับแตวันที่มีคําพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งแปลความไดวา
เปนการพิพากษาใหเพิกถอนคําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ตามคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒
และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ตามหนังสือลงวันท่ี ๒ กันยายน ๒๕๕๒ เฉพาะสวน
ที่ส่ังใหผูฟองคดีชําระเงินเกินกวาจํานวน ๗๓,๔๙๓ บาท โดยใหมีผลยอนหลังนับแตวันที่มีคําส่ัง
ดงั กลา ว น้ัน ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๗๔

พิพากษายนื

ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีละเลยตอหนาที่ไมควบคุมกํากับดูแล
ผใู ตบังคับบญั ชาเปน เหตุใหเ กดิ การทุจรติ
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๕๔๙/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ขณะเกิดขอพิพาทผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดองคการบริหาร
สวนตําบลหวยโกน ไดรับความเดือดรอนเสียหายเน่ืองจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑ (นายอําเภอเฉลิม
พระเกียรติ) มีคําสั่งลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๕ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมดิ กรณเี งินขาดบญั ชี ปง บประมาณ ๒๕๕๐ - ๒๕๕๓ ขององคก ารบรหิ ารสวนตําบลหวยโกน
กรณีการทุจริตจนเปนเหตุเงินขาดบัญชีในปงบประมาณ ๒๕๕๐ - ๒๕๕๓ เปนเงิน ๘๘๐,๒๙๖ บาท
โดยผูเกี่ยวของไดชดใชเงินคืนเปนจํานวน ๓๔,๙๗๑ บาท คงเหลือเงินที่เปนความเสียหายจํานวน
๘๔๕,๓๒๕ บาท โดยคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงฯ เห็นวา ผูฟองคดีมิไดเอาใจใสควบคุม
ผใู ตบงั คับบัญชาในการปฏบิ ัติหนา ที่ ไมไ ดใชความระมัดระวังในการปฏิบัติหนาที่โดยละเอียดรอบคอบ
จนเปนโอกาสหรือเปนชองทางใหเกิดการทุจริต จึงเปนการประมาทเลินเลออยางรายแรง ใหรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนรอยละ ๘๐ คิดเปนเงิน ๖๗๖,๒๖๐ บาท ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําส่ัง
(ไมระบุวันท่ี) เรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนอัตรารอยละ ๘๐ คิดเปนเงินจํานวน
๖๗๖,๒๖๐ บาท ผูฟองคดีทราบคําส่ังดังกลาวเม่ือวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ผูฟองคดีเห็นวา
คําส่ังไมชอบดวยกฎหมายจึงมีหนังสือลงวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ อุทธรณคําสั่งดังกลาว
แตผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดนาน) พิจารณาแลวยกอุทธรณ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟอง
ขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
ทีเ่ รยี กใหผ ูฟอ งคดชี ดใชคา สินไหมทดแทนและคาํ วินจิ ฉัยอทุ ธรณข องผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๒

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ผูฟองคดีปฏิบัติหนาท่ีในฐานะปลัดองคการบริหาร
สวนตําบลหวยโกนต้ังแตวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ถึงวันท่ี ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ มีหนาที่
รับผิดชอบควบคุมดูแลงานราชการประจําขององคการบริหารสวนตําบลหวยโกนใหเปนไปตาม
กฎหมาย และเปนเจาหนาท่ีงบประมาณตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยวิธีการ
งบประมาณขององคกรปกครองสวนทองถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ และที่แกไขเพิ่มเติม มีหนาท่ีควบคุม
งบประมาณรายจายและเงินนอกงบประมาณใหเปนไปตามกฎหมาย ระเบียบ ขอบังคับ คําส่ัง
หรือหนังสือส่ังการกระทรวงมหาดไทย และเปนคณะกรรมการเก็บรักษาเงินซึ่งมีหนาที่ตรวจสอบ
ตวั เงินกบั รายงานสถานะเงินคงเหลือประจําวัน เม่ือปรากฏวาถูกตองแลวใหนําเงินเก็บเขาตูนิรภัย
และใหก รรมการทกุ คนลงลายมือชอ่ื ในรายงานสถานะเงินคงเหลือประจําวันไวเปนหลักฐานแลวให
หัวหนาสว นการคลังเสนอใหผบู ริหารสวนทองถ่ินทราบ การที่นางสาว ส. เจาพนักงานการเงินและ
บัญชี ๓ รักษาการในตําแหนงหัวหนาสวนการคลัง ไดลงลายมือชื่อรับเงินในใบรับสงเงินจาก
เจาพนักงานจัดเก็บรายได แตไมไดนําสงเงินที่จัดเก็บสงมอบคณะกรรมการเก็บรักษาเงิน

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๗๕

เพื่อจัดเก็บไวในตูนิรภัย และไมนําฝากธนาคาร และไมไดจัดทํารายงานสถานะเงินคงเหลือ
ประจําวัน แตจะรายงานสถานะเงินคงเหลือประจําวันโดยไมนําเงินสดใหคณะกรรมการเก็บรักษา
เงินตรวจนับหรือจัดเก็บเงินไวในตูนิรภัย โดยท่ีนางสาว ส. รับวาตั้งแตปงบประมาณ ๒๕๕๐
ถึงปงบประมาณ ๒๕๕๓ มีเงินรายไดท่ีขาดบัญชีจริง ซ่ึงการท่ีผูใตบังคับบัญชาไมปฏิบัติหนาที่
ใหเปนไปตามระเบียบโดยไมนําสงเงินรายได ไมจัดทํารายงานสถานะเงินคงเหลือประจําวันตั้งแต
ปงบประมาณ ๒๕๕๐ ถึงปงบประมาณ ๒๕๕๓ ผูฟองคดีในฐานะปลัดองคการบริหารสวนตําบล
หวยโกนยอมทราบดีวาการไมปฏบิ ัตหิ นาที่ใหเปน ไปตามกฎหมายดังกลาวอาจเกิดความเสียหายได
แตผูฟองคดีละเลยไมควบคุมกํากับดูแลใหนางสาว ส. จัดทํารายงานสถานะการเงินคงเหลือประจําวัน
ใหแ ลวเสรจ็ ตามระเบียบ ปลอยใหผูใตบังคับบัญชาปฏิบัติหนาท่ีโดยไมเปนไปตามระเบียบลวงเลย
มาเปนเวลานาน และการที่ผูฟองคดีในฐานะกรรมการเก็บรักษาเงินไดลงชื่อในรายงานเงินคงเหลือ
ประจําวันยอนหลังโดยไมมีการตรวจนับตัวเงินและเก็บเขาตูนิรภัยเปนการจงใจไมปฏิบัติตามระเบียบ
จึงเปนชองทางใหนางสาว ส. กระทําการทุจริตเปนเหตุใหองคการบริหารสวนตําบลหวยโกน
ไดรับความเสยี หายมีเงินขาดบัญชตี ั้งแตปง บประมาณ ๒๕๕๐ ถึงปงบประมาณ ๒๕๕๓ เปนเงินจํานวน
๘๘๐,๒๙๖ บาท พฤติการณของผูฟองคดีดังกลาว ถือวาปฏิบัติหนาที่ดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรา ยแรงเปน การกระทาํ ละเมดิ ตามมาตรา ๔๒๐ แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูฟองคดี
จึงตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกองคการบริหารสวนตําบลหวยโกน ตามมาตรา ๑๐
ประกอบกับมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือองคการบริหาร
สวนตําบลหวยโกนมีเงินขาดบัญชีต้ังแตปงบประมาณ ๒๕๕๐ ถึงปงบประมาณ ๒๕๕๓
จํานวน ๘๘๐,๒๙๖ บาท แตไดรับคืนแลวจํานวน ๓๔,๙๗๑ บาท จึงเหลือเงินขาดบัญชีจํานวน
๘๔๕,๓๒๕ บาท โดยขณะเกิดเหตุพิพาทองคการบริหารสวนตําบลหวยโกนประสบปญหาไมมี
ผูดํารงตําแหนงหัวหนาสวนการคลังมาเปนเวลานาน จึงแตงตั้งนางสาว ส. ตําแหนงเจาพนักงาน
การเงินและบัญชี ๓ รักษาการในตําแหนงหัวหนาสวนการคลัง เม่ือนางสาว ส. ปฏิบัติหนาที่โดย
ไมถูกตองตามระเบียบของทางราชการทําใหเกิดความเสียหายแกองคการบริหารสวนตําบลหวยโกน
สาเหตุสวนหนึ่งจึงเกิดจากการที่องคการบริหารสวนตําบลหวยโกนมีบุคลากรไมเพียงพอ
กรณีจึงถือไดวาการละเมิดสวนหน่ึงเกิดจากความบกพรองขององคการบริหารสวนตําบลหวยโกน
ซ่ึงเปนหนวยงานของรัฐดวย จึงตองหักสวนความบกพรองดังกลาวออกรอยละ ๕๐ ของความเสียหาย
จํานวน ๘๔๕,๓๒๕ บาท คงเหลือความเสียหายจํานวน ๔๒๒,๖๖๒.๕๐ บาท ท้ังน้ี ตามมาตรา ๘
วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติดังกลาว เมื่อผูฟองคดีในฐานะผูบังคับบัญชาช้ันตนไดมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๙ เมษายน ๒๕๕๑ รายงานการละเวนการปฏิบัติหนาที่ของพนักงานจัดเก็บรายไดและ
เจาพนักงานการเงินและบัญชี ๓ รักษาการในตําแหนงหัวหนาสวนการคลังที่สอไปในทางทุจริตให
นายกองคก ารบรหิ ารสวนตําบลหวยโกนทราบเพ่ือใหมีหนังสือประสานงานไปยังสํานักงานทองถ่ิน
อําเภอเฉลิมพระเกียรติและสํานักงานทองถิ่นจังหวัดนานใหสงเจาหนาที่ทําการตรวจสอบเอกสาร
ตางๆ ดวย และไมปรากฏวาผูฟองคดีมีพฤติการณทุจริตในกรณีดังกลาว และเคยตักเตือน
ผใู ตบงั คบั บัญชาแลว เมื่อคาํ นงึ ถึงพฤติการณแ ละความรายแรงแหงการกระทําและความเปนธรรม

แนวคาํ วนิ จิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๗๖

ตามมาตรา ๘ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติเดียวกันแลว ผูฟองคดีในฐานะผูบังคับบัญชาระดับตน
จึงควรรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนในอัตรารอยละ ๓๐ ของคาเสียหายที่ไดหักสวนแหงความรับ
ผิดของหนวยงานแลว คิดเปนเงินท่ีผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๑๒๖,๗๙๘.๗๕ บาท
ดังนั้น คําสั่งของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใช
คาสนิ ไหมทดแทนเกินกวาจํานวน ๑๒๖,๗๙๘.๗๕ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย และคําวินิจฉัยของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ท่ีใหยกอุทธรณของผูฟองคดี จึงไมชอบดวยกฎหมายเชนกัน และหากองคการ
บริหารสวนตําบลหวยโกนไดรับการชดใชเงินคืนจากผูทุจริต ก็ตองหักหรือคืนใหแกผูฟองคดีตาม
สัดสวนแหงความรับผิดตอไป ที่ศาลปกครองชั้นตนพิพากษาเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีท่ี ๑
ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ และคําสั่งยกอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ แจงตามหนังสือของ
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนเกินกวา ๓๐๔,๓๑๗ บาท โดยใหค ําสัง่ มีผลยอนไปนับแตวันทีอ่ อกคาํ ส่ัง นัน้ ศาลปกครองสงู สุด
เหน็ พองดวยบางสว น

พพิ ากษาแกเปน ใหเพิกถอนคาํ สงั่ ของผถู กู ฟอ งคดีท่ี ๑ ลงวันท่ี ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๕
และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ เฉพาะสวนที่ใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
เกินกวาจํานวน ๑๒๖,๗๙๘.๗๕ บาท โดยใหมีผลนับแตวันที่มีคําส่ังและคําวินิจฉัยอุทธรณ
โดยมีขอสังเกตเกี่ยวกับแนวทางการหรือวิธีการดําเนินการใหเปนไปตามคําพิพากษาวา
หากองคการบริหารสวนตําบลหวยโกนไดรับชําระหน้ีจากผูทุจริตเพียงใด ใหคืนเงินสวนท่ีไดรับไว
เกนิ แกผูฟอ งคดีตามสดั สว นความรับผดิ ตอไป
คาํ พพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ ท่ี อ.๖๐๐/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา เมื่อป พ.ศ. ๒๕๕๐ กองการเจาหนาที่ (ฝายวินัยและสวัสดิการ)
ซ่ึงอยูในสังกัดของผูถูกฟองคดีที่ ๑ (กรมธนารักษ) ไดมีบันทึกขอความถึงผูฟองคดีเพ่ือขอทราบ
ขอเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมกรณีนางสาว ช. ทุจริตยักยอกเงินคาจําหนาย (โดยวิธีรับจอง)
เหรียญกษาปณที่ระลึก ป ค.ศ. ๒๐๐๐ และลักเหรียญท่ีระลึกการแขงขันกีฬาซีเกมส คร้ังที่ ๑๘
และเข็มกลัดท่ีระลึก ๗๒ พรรษา รัชกาลที่ ๙ ซ่ึงผูฟองคดีไดตอบขอซักถามและช้ีแจงขั้นตอน
รายละเอียดเทาท่ีผูฟองคดีทราบและจดจําได ตอมา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดแจงผลการพิจารณาของ
กรมบัญชีกลางเก่ียวกับความรับผิดทางละเมดิ ของเจา หนาทีท่ ี่เก่ียวของอื่น รวม ๔ ราย คือ นาง ฉ.
นางสาว จ. ผูฟองคดี และนาง ส. โดยในสวนของผูฟองคดีและนาง ส. ในฐานะผูอํานวยการ
สวนรายได มีหนาที่ในการกํากับดูแล ควบคุมการดําเนินการของหนวยจําหนายสินคาใหเปนไป
ตามกฎหมาย แตไมมีการกําหนดขั้นตอนรายละเอียดตางๆ ไว จึงเปนการปฏิบัติหนาที่ดวยความ
ประมาทเลินเลออยางรายแรง ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงมีคําสั่งลงวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ใหผูฟองคดี
ชดใชคา เสยี หายใหแ กท างราชการเปนจาํ นวนเงิน ๕๕,๕๔๖.๓๐ บาท ภายในสามสิบวันนับแตวันที่
ไดรับทราบคําสั่ง ผูฟองคดีอุทธรณคําส่ังดังกลาว ตอมา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันที่
๔ สิงหาคม ๒๕๕๑ แจงผลการพิจารณาอุทธรณ และไดมีคําส่ังลงวันท่ี ๔ สิงหาคม ๒๕๕๑

แนวคาํ วินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๗๗

แกไขจํานวนเงินที่ผูฟองคดีตองชดใชคาเสียหายเปนจํานวน ๓๒,๗๗๕.๔๕ บาท ซ่ึงผูฟองคดี
ไดอุทธรณคําส่ังลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ และคําสั่งลงวันท่ี ๔ สิงหาคม ๒๕๕๑
ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีบันทึกขอความลงวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๒ แจงผูฟองคดีวา
กรมบัญชีกลางไดพิจารณาขอเท็จจริงที่เปล่ียนแปลงเกี่ยวกับผูดํารงตําแหนงและผูรักษาราชการ
แทนผอู าํ นวยการสวนรายได โดยใหผูฟอ งคดีซ่ึงขณะเกิดเหตุดาํ รงตําแหนงผูอํานวยการสวนรายได
ต้ังแตวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๔๓ ถึงวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๔๓ คิดเปน ๑๘ วัน ตองรับผิดเปนเงิน
๖,๖๒๘.๗๕ บาท และผูถ กู ฟองคดีท่ี ๑ ไดมีคําสั่งลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๒ แกไขเพิ่มเติมบุคคล
ท่ีตองรับผิดชดใชคาเสียหาย โดยใหผูฟองคดีรับผิดและชดใชคาเสียหายตามจํานวนเงินขางตน
และใหนําเงินไปชําระใหเสร็จสิ้นภายในสามสิบวันนับแตวันที่ไดรับทราบคําสั่ง ผูฟองคดีมีหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๓ กันยายน ๒๕๕๒ อุทธรณคําส่ังดังกลาวอีกครั้ง เนื่องจากเห็นวาไมเปนธรรมตอผูฟองคดี
ผถู กู ฟองคดที ่ี ๒ (กระทรวงการคลัง) ยกอุทธรณ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําส่ังเพิกถอนคําสั่งกรมธนารักษ ลงวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ คําส่ังตามบันทึกขอความ
ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑ คําสั่งกรมธนารักษ ลงวันท่ี ๙ กันยายน ๒๕๕๒ และคําสั่งตาม
บนั ทึกขอ ความ ลงวันที่ ๑๑ กนั ยายน ๒๕๕๒ และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ลงวันที่ ๕ สงิ หาคม ๒๕๕๓

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ในระหวางเวลาที่มีการกระทําละเมิดต้ังแตวันท่ี
๑๔ กันยายน ๒๕๔๓ ถึงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๓ น้ัน ผูฟองคดีดํารงตําแหนงผูอํานวยการ
สวนรายไดแตไดเขารับการอบรมหลักสูตรภาษาอังกฤษต้ังแตวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๔๓ ถึงวันที่
๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๓ ผูฟองคดีจึงมิไดปฏิบัติราชการในชวงเวลาดังกลาว โดยมีนางสาว จ.
ดํารงตําแหนงหัวหนาฝายจําหนาย และนาง ฉ. ดํารงตําแหนงเจาหนาท่ีการเงินและบัญชี ๕
ปฏิบัติหนาที่หัวหนาหนวยจําหนาย ณ ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เคร่ืองราชอิสริยาภรณ
และเหรียญกษาปณ ในพระบรมมหาราชวัง โดยนาง ฉ. ไดมอบหมายใหลูกจางช่ัวคราว
ที่ปฏิบัติงาน ณ หนวยจําหนาย ซึ่งรวมถึงนางสาว ช. เปนผูจําหนายสินคาแตละประเภทโดยใหแตละ
คนปฏบิ ตั งิ านเบ็ดเสร็จในลักษณะครบวงจรแตเ พียงผเู ดียวตง้ั แตการรบั จอง การออกใบเสร็จรับเงิน
การจัดทําหลักฐานการรับเงินและใบนําสงเงินประจําวัน การเก็บรักษาใบเสร็จรับเงิน และการ
จัดทําหลักฐานการจายเหรียญ ซ่ึงการมอบหมายงานในลักษณะดังกลาวทําใหขาดการควบคุม
ตรวจสอบซึ่งกันและกัน เปนเหตุใหเกิดชองทางในการทุจริตไดโดยงาย ประกอบกับเม่ือนาง ฉ.
ไดทําการเบิกสินคาแตละชนิดมาจากหองม่ันคงเพื่อไปสํารองท่ีหนวยจําหนาย นาง ฉ. จะมีหนาท่ี
ในการเก็บรักษากุญแจหองเก็บสินคาที่หนวยจําหนายดังกลาว แตปรากฏวาในทางปฏิบัติ
เจาหนาท่ีผูจําหนายสินคาสามารถเขาไปเบิกสินคาท่ีตนรับผิดชอบไดเองโดยไมมีการควบคุม
ตรวจสอบ อันเปนอีกชองทางหน่ึงที่ทําใหเกิดการกระทําทุจริตไดโดยงาย ซึ่งนางสาว ช. ไดอาศัย
ชองทางจากการท่ีไดรับมอบหมายใหมีหนาท่ีรับจองและจําหนาย รวมตลอดถึงการเก็บรักษา
ใบเสร็จรับเงินและหลักฐานการจายเหรียญแตเพียงผูเดียว กระทําการทุจริตยักยอกทรัพยและ
ลักทรพั ยของทางราชการไป สวนนางสาว จ. ตําแหนงหัวหนาฝายจําหนาย มีหนาที่ในการควบคุม

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๗๘

ดแู ลและตรวจสอบการปฏิบัติงานของหนวยจําหนายสินคา โดยตองจัดใหมีการตรวจสอบเอกสาร
หลักฐานตางๆ แตกลับมิไดดําเนินการดังกลาวอันเปนการเปดโอกาสและเปนชองทางใหเกิด
การกระทําทจุ ริตไดโดยงาย ซ่ึงหากมีการตรวจสอบดูแลสินคาโดยละเอียดรอบคอบและสมํ่าเสมอ
ก็จะทราบโดยงายวาไดเกิดการกระทําการทุจริต เม่ือผูฟองคดีซึ่งดํารงตําแหนงผูอํานวยการ
สวนรายได ในฐานะผูบังคับบัญชาของนางสาว จ. และนาง ฉ. มีหนาท่ีในการกํากับ ดูแล ควบคุม
การดําเนินการของหนวยจําหนายสินคา แตผูฟองคดีมิไดควบคุมดูแลการปฏิบัติหนาท่ีของบุคคล
ท้ังสองดังกลาวซึ่งเปนผูใตบังคับบัญชาใหถูกตองตามระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนําเงิน
สงคลังของสวนราชการ พ.ศ. ๒๕๒๐ และระเบียบที่เก่ียวของ โดยในข้ันตอนการปฏิบัติงานไมมี
การกําหนดรายละเอียดไว แตใชวิธีการปฏิบัติสืบตอกันมา เปนชองทางใหนางสาว ช. สามารถ
อาศัยโอกาสที่ผูบังคับบัญชาขาดการตรวจสอบดังกลาวทําการทุจริตและยักยอกเงินคาจองและ
ลักเหรียญไปเพ่ือประโยชนของตนไดโดยงาย อันเปนการปฏิบัติหนาท่ีดวยความประมาทเลินเลอ
อยางรายแรง เปนเหตุใหผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหาย จึงเปนการกระทําละเมิด
ตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ผูฟองคดีจึงตองรับผิดในผลแหงละเมิดตามมาตรา ๑๐ ประกอบมาตรา ๘
แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือขอเท็จจริงรับฟงไดวา
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับความเสียหายเปนเงินจํานวน ๙๘๖,๙๔๖ บาท โดยเมื่อพิจารณาตามชวง
ระยะเวลาการกระทําละเมิดแลว สามารถพิจารณาจํานวนคาเสียหายที่เกิดขึ้นในระหวางท่ีผูฟองคดี
ดํารงตาํ แหนงผูอํานวยการสว นรายได ดังน้ี (๑) กรณีการยักยอกเงินคาจองเหรียญกษาปณที่ระลึก
ป ค.ศ. ๒๐๐๐ ท่ีไดรับไวและไมไดนําสง คิดเปนเงินจํานวน ๘๗,๗๓๐ บาท ซึ่งการรับจองเหรียญ
ดังกลาวเกิดขึ้นในระหวางวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๔๓ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๓
รวมระยะเวลา ๗๘ วัน โดยผูฟองคดีดํารงตําแหนงผูอํานวยการสวนรายไดในชวงเวลาที่เกิดเหตุ
ละเมิดดังกลาว จํานวน ๑๘ วัน มีคาเสียหายที่เกิดขึ้นเปนเงินจํานวน ๒๐,๒๔๕.๓๘ บาท (๒)
กรณีลักเหรียญท่ีระลึกการแขงขันกีฬาซีเกมส คร้ังที่ ๑๘ เหรียญทองคําขัดเงา คิดเปนเงินจํานวน
๖๔๐,๐๐๐ บาท และทําใหเหรียญเงินเสียหายโดยนําไปชุบเปนเหรียญทองคําแลวนํามาใสไวแทน
เหรียญทองคําขัดเงา คิดเปนเงินจํานวน ๕๓,๖๐๐ บาท รวมเปนเงิน ๖๙๓,๖๐๐ บาท เกิดข้ึน
ระหวางวันท่ี ๑ ตุลาคม ๒๕๔๓ ถึงวันท่ี ๘ มิถุนายน ๒๕๔๔ รวมระยะเวลา ๒๕๑ วัน โดยผูฟองคดี
ดํารงตําแหนงผูอํานวยการสวนรายไดในชวงเวลาท่ีเกิดเหตุละเมิดดังกลาว จํานวน ๑ วัน
มีคาเสียหายที่เกิดข้ึนเปนเงินจํานวน ๒,๗๖๓.๓๕ บาท รวมเปนเงินคาเสียหายท่ีเกิดขึ้นในขณะที่
ผูฟองคดีดํารงตําแหนงผูอํานวยการสวนรายได คิดเปนเงิน ๒๓,๐๐๘.๗๓ บาท เมื่อขอเท็จจริง
รับฟงไดจากผลการสอบสวนในชั้นคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริง และจากผลการสอบสวน
ในชั้นคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด วา สาเหตุท่ีทําใหเกิดการกระทําทุจริตได
โดยงายน้ัน สวนหนึ่งเกิดจากการที่สํานักบริหารเงินตราไมมีระเบียบวิธีปฏิบัติในการมอบหมาย
กําหนดหนาท่ีความรับผิดชอบในตําแหนงน้ันๆ อยางชัดเจนเปนลายลักษณอักษร ไมมีการจัดทํา
คูมือการปฏิบัติงานหรือกําหนดรายละเอียดข้ันตอนการปฏิบัติงานใหชัดเจน การปฏิบัติหนาที่
ของเจา หนา ท่ีจึงอาศยั แนวปฏบิ ตั ิตอๆ กนั มา การไมม รี ะบบการตรวจสอบสนิ คาคงเหลือท่ีเพียงพอ

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๗๙
และรัดกุม และการขาดแคลนอัตรากําลัง ประกอบกับสถานที่ในการจําหนายสินคาของหนวย
จําหนา ยมีลักษณะคบั แคบ สินคาบางชนิดไมมีตูเก็บ สวนสินคาท่ีพรอมจําหนายจะอยูในตูไมเล่ือน
เม่ือถึงเวลาจําหนายจะเข็นสอดเขาในเคานเตอร โดยในระหวางวันจะมีผูสนใจหรือลูกคา
เขามาติดตอสอบถามหรือซื้อสินคาเปนจํานวนมาก ผูจําหนายสินคาจึงมีความจําเปนตองเขาออก
หองเก็บสินคาเปนประจํา ทําใหการจัดเก็บสินคาและการควบคุมการเบิกจายสินคาทําไดไมรัดกุม
และไมสามารถจัดเก็บไดโดยปลอดภัย จึงเปนการเปดโอกาสใหมีการทุจริตไดงาย การกระทํา
ละเมดิ ดงั กลา วสวนหน่งึ จงึ เกดิ จากความบกพรองของหนวยงานของรัฐประกอบดวย จึงใหหักสวน
แหงความรับผิดดังกลาวออกในอัตรารอยละ ๕๐ ของจํานวนคาเสียหายท่ีเกิดข้ึน ตามมาตรา ๘
วรรคสาม แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙ เหลือความเสียหาย
จํานวน ๑๑,๕๐๔.๓๗ บาท และกรณีน้ีมีเจาหนาที่ผูตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนหลายราย
เมื่อคํานึงถงึ ระดบั ความรา ยแรงแหงการกระทําและความเปนธรรมในกรณีน้ีแลว เห็นวา ผูฟองคดี
ในฐานะผูอํานวยการสวนรายไดเปนผูบังคับบัญชาของนางสาว จ. และ ฉ. มิไดควบคุมดูแลการ
ปฏิบัติหนาทข่ี องบุคคลทง้ั สองดงั กลา วซึ่งเปน ผใู ตบังคับบญั ชาใหถูกตองตามระเบียบการเก็บรักษาเงิน
และการนําเงินสงคลังของสวนราชการ พ.ศ. ๒๕๒๐ และระเบียบท่ีเก่ียวของ และมิไดกําหนด
ขน้ั ตอนรายละเอยี ดในการปฏิบตั งิ านเพือ่ ใหเกดิ การควบคุมดูแลการจัดจําหนายสินคา ควรรับผิดชดใช
คาสินไหมทดแทนรอยละ ๒๐ ของความเสียหายหลังจากหักสวนแหงความผิดของหนวยงานของรัฐ
จํานวน ๒๓,๐๐๘.๗๓ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๒,๓๐๐.๘๗ บาท ดังนั้น คําสั่งกรมธนารักษ
ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ซ่ึงแกไขเพิ่มเติมโดยคําส่ังลงวันท่ี ๔ สิงหาคม ๒๕๕๑ และคําสั่ง
ลงวนั ที่ ๙ กนั ยายน ๒๕๕๒ เฉพาะในสวนท่เี รยี กใหผูฟอ งคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน
จํานวนเกินกวา ๒,๓๐๐.๘๗ บาท และคําวินิจฉัยอุทธรณ ลงวันท่ี ๕ สิงหาคม ๒๕๕๓ ท่ีวินิจฉัย
ยืนคําสั่งลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๒ เฉพาะในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนเปนเงินจํานวนเกินกวา ๒,๓๐๐.๘๗ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย ที่ศาลปกครองช้ันตน
พิพากษาเพิกถอนคําส่ังกรมธนารักษ ลงวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยคําส่ัง
ลงวันท่ี ๔ สิงหาคม ๒๕๕๑ และคําส่ังลงวันท่ี ๙ กันยายน ๒๕๕๒ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดี
ตองรับผิดเกินกวาจํานวน ๒,๓๐๐.๘๗ บาท และคําวินิจฉัยอุทธรณ ลงวันท่ี ๕ สิงหาคม ๒๕๕๓
ที่วินิจฉัยยืนคําส่ังกรมธนารักษ ลงวันท่ี ๙ กันยายน ๒๕๕๒ เฉพาะสวนท่ีใหผูฟองคดีตองรับผิด
เกินกวาจํานวน ๒,๓๐๐.๘๗ บาท โดยใหมีผลนับแตวันที่มีคําส่ังและวันที่มีคําวินิจฉัยอุทธรณ
ดงั กลา ว สว นคําขออืน่ นอกจากนี้ใหยก นั้น ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวย

พพิ ากษายืน
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๗๔๕/๒๕๖๓ อา งแลวในประเด็นวธิ ีพิจารณาคดีปกครอง หนา ๒๐๐

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๘๐

ฟองขอใหชดใชคาเสียหายจากการกอสรางสะพานหนาที่ดินพิพาท และขอใหร้ือถอนสะพาน
และทาํ ทางระบายนาํ้ ไปทางอน่ื
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สุดท่ี อ.๕๕๗/๒๕๖๓ อา งแลวในประเดน็ เง่ือนไขการฟอ งคดี หนา ๑๘๘

ฟองขอใหเพิกถอนคําส่ังใหชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีเจาหนาที่องคการปกครองสวนตําบล
ยกั ยอกเงนิ คาน้าํ ประปา
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๕๗๕/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ขณะที่ผูฟองคดีเปนพนักงานจางทั่วไปขององคการบริหารสวน
ตําบลไทยาวาส ตําแหนงพนักงานจดมาตรวัดนํ้า มีหนาท่ีจดมาตรวัดนํ้าประปาและไดรับมอบหมาย
ใหจัดเก็บคาน้ําประปาอีกหนาท่ีหน่ึง ไดรับความเดือดรอนเสียหายเนื่องจากผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(นายกองคการบริหารสวนตําบลไทยาวาส) ไดมีคําสั่งลงวันท่ี ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ ระบุวา
ผูฟองคดีไดกระทําการทุจริตยักยอกคานํ้าประปาขององคการบริหารสวนตําบลไทยาวาส
ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗ - ๒๕๔๘ เปนเงิน ๑๖๕,๗๙๕ บาท จึงมีคําสั่งใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๑๖๕,๗๙๕ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ภายใน ๓๐ วัน
นับแตวันทราบคําสั่ง ผูฟองคดีจึงมีหนังสือลงวันท่ี ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑ อุทธรณคําส่ังตอผูถูกฟองคดีที่ ๑
ซ่ึงผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดมีหนังสือลงวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ แจงผลการพิจารณาอุทธรณวา
องคการบริหารสวนตําบลไทยาวาสไดออกคําส่ังโดยชอบแลวและขอยืนยันตามคําส่ังเดิม ตอมา
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ มีหนังสือแจงผูฟองคดีวา กรมบัญชีกลางไดแจงผลการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด
ใหทราบ ผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๑ จึงมีคําสั่งยกเลิกคําส่ังลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ และออกคําส่ังใหม
เปนคําสั่งลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ มีเนื้อหาสาระสําคัญเชนเดียวกับคําสั่งเดิม ผูฟองคดี
จึงมีหนังสืออุทธรณคําสั่งตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ซึ่งผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (ผูวาราชการจังหวัดนครปฐม)
ไดพิจารณาแลวไมเห็นดวยกับคําอุทธรณของผูฟองคดี ผูฟองคดีเห็นวา คําส่ังลงวันที่
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ตามหนังสือ
ลงวันท่ี ๒๓ กันยายน ๒๕๕๒ ไมชอบดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนจาก
การกระทําละเมิดเปนเงิน ๑๖๕,๗๙๕ บาท และเพิกถอนคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีท่ี ๒
ตามหนงั สอื ลงวนั ที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๒

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา มีผูรองเรียนกลาวหา
เจาหนา ท่ีองคการบริหารสวนตําบลไทยาวาสทจุ ริตคาน้ําประปา ผูถกู ฟอ งคดีท่ี ๑ จึงมีคําส่ังแตงต้ัง
คณะกรรมการตรวจสอบขอเท็จจริงกรณีดังกลาว หลังจากนั้น ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่งลงวันท่ี
๒๖ มีนาคม ๒๕๕๐ แตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กรณีเงิน
คาน้ําประปาขาดบัญชีประมาณ ๕๘๗,๒๑๙ บาท ซึ่งมีคณะกรรมการ ๕ คน ประกอบดวย นาย อ.
สิบตํารวจโท ว. นาย ป. นางสาว ภ. และนาย น. โดยคณะกรรมการไดมีหนังสือแจงใหผูฟองคดี

แนวคาํ วินจิ ฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๘๑

ไปใหถ อยคาํ ตอคณะกรรมการรวม ๓ ครั้ง คือ เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๐ วันท่ี ๒๓ เมษายน ๒๕๕๐
และวันท่ี ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๐ โดยระบุในหนังสือแจงใหผูฟองคดีไปใหถอยคําในฐานะเจาหนาท่ี
ซึ่งปฏิบัติงานในชวงเกิดเหตุ ผูฟองคดีไดใหถอยคําตอคณะกรรมการตามวันเวลาที่กําหนด ตอมา
คณะกรรมการสอบขอ เทจ็ จริงไดม ีหนังสอื ลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๐ โดยเห็นวากรณีนี้มีผูทุจริต
นําเงินคานํ้าประปา รวมเปนเงิน ๕๗๒,๑๔๙ บาท โดยผูฟองคดีตองรับผิดเปนเงินจํานวน ๑๖๕,๗๙๕ บาท
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงไดสงสํานวนการสอบสวนและความเห็นของคณะกรรมการใหกระทรวงการคลัง
ตรวจสอบ ตอมากรมบัญชีกลางมีหนังสือลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ แจงกลับมาวา นาย ส.
นายกองคการบรหิ ารสวนตาํ บลไทยาวาส ในฐานะหัวหนาหนวยงานของรัฐผูแตงต้ังคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามคําสั่งลงวันท่ี ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๐ เปนผูมีสวนไดเสีย
หรือมีสวนเก่ยี วขอ งกับเร่อื งท่ีสอบขอ เท็จจริง นายอําเภอนครชัยศรีจึงมีคําส่ังลงวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
แตง ตง้ั คณะกรรมการสอบขอเทจ็ จรงิ ความรับผิดทางละเมิดชุดใหม เม่ือความไมชอบดวยกฎหมาย
ของคําสั่งแตงต้ังคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ตามคําสั่งลงวันท่ี
๒๖ มีนาคม ๒๕๕๐ เกิดจากผูมีอํานาจออกคําสั่ง มิใชกรณีท่ีคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดท้ัง ๕ คน ท่ีไดรับแตงต้ังเปนผูมีสวนไดเสีย ผลการสอบสวนขอเท็จจริงของ
คณะกรรมการท้ัง ๕ คน ดังกลาวจึงไมเสียไป การท่ีนายอําเภอนครชัยศรี ไดแกไขความบกพรอง
ในสวนของผูออกคําส่ังแลว โดยมีคําส่ังแตงตั้งคณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ขนึ้ มาใหมแ มจะประกอบดวยคณะกรรมการชดุ เดิมท้ัง ๕ คน ก็ตาม ก็ไมทําใหผลการสอบสวนเสียไป
เพราะมิไดกระทาํ โดยผูม สี วนไดเสียมาตั้งแตตน เม่ือปรากฏวาในการสอบสวนของคณะกรรมการชุดเดิม
ผูฟองคดีไดใหถอยคําในเรื่องนี้ตอคณะกรรมการตรวจสอบขอเท็จจริงและคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด รวม ๓ ครั้ง ซ่ึงในการใหถอยคําแตละครั้งผูฟองคดีไดทราบแลววา
เปนการสอบสวนเพ่ือหาบุคคลผตู องรบั ผิดชดใชคาสินไหมทดแทนกรณีการทุจริตคาน้ําประปาของ
องคการบริหารสวนตําบลไทยาวาส ซ่ึงผูฟองคดียอมตองทราบไดวา ผูฟองคดีในฐานะเจาหนาที่จัดเก็บ
คา นํา้ ประปาอาจตอ งมีสว นรับผิดชอบดวย โดยในการใหถ อ ยคาํ คร้งั ที่ ๒ ตามบันทึกถอยคําลงวันท่ี
๙ เมษายน ๒๕๕๐ ผูฟองคดีใหถอยคําวาจะนําเอกสารมายื่นเพ่ิมเติม และเม่ือผูฟองคดีไดนํา
เอกสารมายืน่ เพม่ิ เตมิ คณะกรรมการกไ็ ดบันทึกถอยคําผูฟองคดีเพ่ิมเติมตามบันทึกถอยคําลงวันที่
๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๐ จึงเห็นไดวาขอเท็จจริงท่ีผูฟองคดีใหไวนั้นครบถวนที่จะใชในการพิจารณา
ออกคําส่ังทางปกครองไดโดยไมตองพิจารณาขอเท็จจริงใหมและเปนกรณีที่คณะกรรมการไดให
โอกาสผูฟองคดีไดทราบขอเท็จจริงอยางเพียงพอและมีโอกาสไดโตแยงและแสดงพยานหลักฐาน
ของตนตามมาตรา ๓๐ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ แลว และคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดชุดใหมยอมมีดุลพินิจท่ีจะพิจารณาสํานวนการสอบสวน
ท่ีประกอบดวยขอเท็จจริง เอกสารพยานหลักฐาน ผลการพิจารณา พรอมท้ังความเห็นของคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดทั้งหมด มาเปนรายงานผลการสอบสวนเสนอตอผูแตงตั้ง
เพ่ือวินิจฉัยนั้นไดโดยไมจําตองดําเนินกระบวนการสอบสวนใหม ดังนั้น การออกคําสั่งลงวันท่ี
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ที่ใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงินจํานวน ๑๖๕,๗๙๕ บาท

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๘๒

จึงเปนกรณีที่ไดดําเนินการตามขั้นตอนท่ีกฎหมายกําหนดแลว เมื่อผูฟองคดีดํารงตําแหนงลูกจาง
ชั่วคราวของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ทําหนาที่จดมาตรผูใชนํ้าประปาและเก็บเงินคาน้ําประปา จึงมีหนาที่
ตองปฏิบัติตามข้ันตอนท่ีกําหนดไวในแบบ ป.๓๒ คือ เม่ือส้ินเวลารับเงินใหเจาหนาที่ผูมีหนาท่ีจัดเก็บ
หรือรับชําระเงิน นําเงินที่ไดรับพรอมสําเนาใบเสร็จรับเงิน และเอกสารอ่ืนที่จัดเก็บในวันน้ันทั้งหมด
สงตอเจาหนาที่การเงินขององคกรปกครองสวนทองถิ่นเพ่ือนําเงินฝากธนาคาร กรณีท่ีนําฝากธนาคาร
ไมท นั ใหเ กบ็ รกั ษาไวใ นตูนิรภัยตามท่ีกําหนดไวในขอ ๑๑ ของระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการรับเงิน
การเบิกจายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน
พ.ศ. ๒๕๔๗ ผูฟองคดีมีหนาท่ีตองจัดทําหลักฐานการเก็บเงินไวเปนหลักฐานทุกครั้งเพื่อการตรวจสอบได
หากผูฟองคดีจัดทําตามระเบียบขางตนแลวยอมไมทําใหเงินคานํ้าประปาที่จัดเก็บขาดหายไปจนเกิด
ความเสียหายแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แตผูฟองคดีไมปฏิบัติหนาที่ใหถูกตองตามระเบียบคือไมไดจัดสง
หลักฐานการสงเงินใหครบทุกครั้งเพื่อใหมีการตรวจสอบไดซ่ึงโดยปกติวิสัยของบุคคลท่ัวไปการรับเงิน
และการจายเงินจํานวนมากนั้น ตองมีหลักฐานของผูรับเงินและผูจายเงินยืนยันเปนประกัน
แตผูฟองคดีไมมีหลักฐานการรับสงเงินจํานวน ๑๖๕,๗๙๕ บาท จึงนาเช่ือวาเงินจํานวนดังกลาว
ท่ีไมมีหลักฐานการรับสงเงินยังคงอยูกับผูฟองคดี พฤติการณดังกลาวถือไดวาผูฟองคดีปฏิบัติหนาท่ี
ดวยความประมาทเลินเลออยางรายแรง และกอใหเกิดความเสียหายตอผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงเปน
การกระทําละเมิดตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ผูถูกฟองคดีท่ี ๑
จึงมีอํานาจออกคําส่ังเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนได ตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ.
ความรบั ผิดทางละเมดิ ของเจาหนา ที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ เม่ือผลการสอบขอเท็จจริงของคณะกรรมการสอบ
ขอเท็จจริงกรณีการรับสงเงินคาน้ําประปาปรากฏวา มีผูทุจริตนําเงินคานํ้าประปาไปใชทําใหองคการ
บริหารสวนตําบลไทยาวาสไดรับความเสียหาย รวมเปนเงินจํานวน ๕๗๒,๑๔๙ บาท มีเจาหนาที่
ท่ีเกี่ยวของตองชดใชคาสินไหมทดแทน ๕ ราย ดังนี้ ๑. ผูฟองคดี รับผิดจํานวน ๑๖๕,๗๙๕ บาท
๒. นาย ส. รับผิดจํานวน ๓๗๒,๘๓๘ บาท และ ๓. นาง ร. รับผิดจํานวน ๓๓,๕๑๖ บาท ๔. นาง อ.
รบั ผิดจาํ นวน ๕๗๒,๑๔๙ บาท ๕. นาง น. รับผิดจํานวน ๕๗๒,๑๔๙ บาท ประกอบกับผูถูกฟองคดีที่ ๑
ในการจัดเก็บคานํ้าประปานั้นมีเจาหนาที่ท่ีเก่ียวของตองรับผิดชอบโดยตรงในการจัดเก็บและ
เก็บรักษาเงิน เม่ือผูฟองคดีเปนเพียงพนักงานช่ัวคราวทั่วไปในตําแหนงพนักงานจดมาตรวัดนํ้า
เปนเพียงผูรับมอบหมายใหเก็บเงินคานํ้าประปาจากผูใชบริการมาสงใหแกเจาหนาท่ีจัดเก็บรายได
และเมื่อผูฟองคดีจัดเก็บคานํ้าประปาไดแลวจะนําใบเสร็จคาน้ําประปาจากนาง ร. พนักงานจัดเก็บ
รายไดไปจัดเก็บจากผูใชนํ้าในเขตพื้นท่ีที่รับผิดชอบและรวบรวมเงินที่จัดเก็บไดสงใหนาง ร.
และนาง ร. มีหนาท่ีตองสงเงินคาน้ําประปาใหกับนางสาว อ. หัวหนาสวนการคลังจัดเก็บ โดยจะมีการ
ลงรายการรับสงเงินตามใบเสร็จท่ีจัดเก็บไดในสมุดทะเบียนรับสงเงินที่นาง ร. ไดจัดทําไวเปนหลักฐาน
ทุกคร้ัง ผูฟองคดีไดจัดทําบัญชีสงเงินไวเพ่ือการตรวจสอบความถูกตองเชนกัน แตนาง ร. มักจะ
ไมลงลายมือช่ือในบัญชีที่ผูฟองคดีจัดทํา โดยอางวามีสมุดทะเบียนรับสงเงินที่จัดทําไวเปนหลักฐาน
อยูแลว กรณีจึงเห็นวาความเสียหายท่ีเกิดขึ้นเกิดจากระบบการดําเนินงานสวนรวมดวยและเห็นควร
หักสวนแหงความรับผิดออกตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ออกรอยละ ๓๐

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๘๓
ของจํานวน ๑๖๕,๗๙๕ บาท คิดเปนเงิน ๔๙,๗๓๙ บาท โดยท่ีผูฟองคดีเปนเพียงพนักงานจางทั่วไป
ตําแหนงพนักงานจดมาตรวัดน้ํา ปฏิบัติหนาท่ีจดมาตรวัดนํ้าและจัดเก็บคานํ้าประปา สวนหนาที่
ในการเก็บรักษาเงินเปนของหัวหนาสวนการคลังซ่ึงเปนเจาหนาท่ีอื่นท่ีมีหนาที่รับผิดชอบเปน
การเฉพาะ แตอยางไรก็ตามผูฟองคดีอยูในฐานะเปนผูมีสวนรวมในการกระทําและทําใหเกิด
ความเสียหายแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ดวย จึงเห็นวา ผูฟองคดีควรรับผิดในอัตรารอยละ ๗๐ ของ
จํานวนเงิน ๑๖๕,๗๙๕ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๑๑๖,๐๕๖ บาท ดังนั้น คําสั่งของผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามคําส่งั ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ในสว นท่เี รยี กใหผ ูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวา
จํานวนเงิน ๑๑๖,๐๕๖ บาท จึงไมชอบดวยกฎหมาย และคําวินิจฉัยอุทธรณของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ทไ่ี มเ ห็นดว ยกับอุทธรณข องผฟู องคดี จงึ ไมชอบดวยกฎหมายเชนกัน ท่ีศาลปกครองชั้นตนพิพากษา
ยกฟอง นน้ั ศาลปกครองสูงสดุ ไมเ ห็นพอ งดวย

พิพากษากลับเปนใหเพิกถอนคําส่ังของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ตามคําสั่งลงวันท่ี
๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ในสวนท่ีเรียกใหผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเกินกวาจํานวนเงิน
๑๑๖,๐๕๖ บาท โดยใหม ีผลยอ นหลังไปตั้งแตว นั ท่มี ีคําสง่ั

ฟองขอใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีไมจายเงินชดเชยการออกจากงานใหแกพนักงาน
ธนาคารแหง ประเทศไทย
คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ ที่ อ.๕๗๗/๒๕๖๓

ผูฟอ งคดฟี อ งวา ผูฟ องคดเี คยเปน พนักงานของผูถูกฟอ งคดี (ธนาคารแหงประเทศไทย)
ไดพ นจากตาํ แหนงหนา ท่ีและออกจากงานเน่ืองจากครบเกษยี ณอายุ ๖๐ ป เม่ือวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗
ไดรับเงินเดือนครั้งสุดทายจํานวน ๑๙๓,๔๒๐ บาท ผูฟองคดีเห็นวา ผูถูกฟองคดีมิไดดําเนินการใด ๆ
โดยเฉพาะเก่ียวกับประโยชนตอบแทนตามกฎหมายวาดวยการคุมครองแรงงาน ผูฟองคดี
จึงมหี นงั สือขอใหผ ูถูกฟองคดดี าํ เนนิ การจา ยเงินชดเชย ตอมา ผูอํานวยการอาวุโส ฝายทรัพยากร
บุคคล แทนผูวาการธนาคารแหงประเทศไทย มีหนังสือปฏิเสธการจายคาชดเชยใหผูฟองคดี
ผฟู อ งคดีเหน็ วา หากผถู ูกฟอ งคดีดาํ เนินการตามมาตรา ๑๑ แหง พ.ร.บ. ธนาคารแหงประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๘๕ แกไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ จะมีผลตอผูฟองคดีเมื่อออกจากงาน
หรือเกษียณอายุอันถือเปนการเลิกจาง ก็จะไดประโยชนตอบแทนเปนเงินเทากับหรือไมนอยกวา
คาชดเชยตามมาตรา ๑๑๘ วรรคแรก (๕) แหง พ.ร.บ. คุมครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ เมื่อผูฟองคดี
ทํางานติดตอกันครบสิบปขึ้นไป จึงตองไดรับคาชดเชยไมนอยกวาคาจางอัตราสุดทายสามรอยวัน
คํานวณคาจางจากเงินเดือนของผูฟองคดี จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งให
ผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายแกผูฟองคดีตามมาตรา ๑๑ แหงพระราชบัญญัติดังกลาวเทากับ
คาชดเชยเปนเงินจํานวน ๑,๙๓๔,๒๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยรอยละ ๑๕ ตอป นับถึงวันฟองคดี
เปนเงินจํานวน ๕๐,๐๗๗.๒๓ บาท รวมเปนเงินท้ังสิ้นจํานวน ๑,๙๘๔,๒๗๗.๒๓ บาท และให

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๘๔

ผูถูกฟองคดีชําระดอกเบ้ียใหผูฟองคดีในอัตรารอยละ ๑๕ ตอป ของคาชดเชย นับแตวันท่ี
๑ ตลุ าคม ๒๕๕๗ เปน ตนไป จนกวา จะชําระเสรจ็ แกผฟู องคดี

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ผูถูกฟองคดีมีฐานะเปนนิติบุคคลท่ีจัดต้ังขึ้น
ตาม พ.ร.บ. ธนาคารแหงประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕ และมีฐานะเปนหนวยงานของรัฐ
ท่ีไมเปนสวนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายวาดวยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น
โดยมีวัตถุประสงคใหเปนธนาคารกลางของรัฐเพื่อสงเสริมและรักษาเสถียรภาพทางการเงิน
และเศรษฐกิจของประเทศ หาใชตั้งขึ้นเพ่ือประกอบกิจการดั่งธนาคารพาณิชยทั่วไปไม อีกท้ัง
ตามอํานาจหนาที่ก็มิไดเปนองคกรท่ีประกอบกิจการพาณิชยหรืออุตสาหกรรมเพื่อหากําไร
แตอยางใด ซึ่งเมื่อพิจารณาการดําเนินกิจการที่มีผลกําไรหรือขาดทุน สวนใหญเกิดจากการดําเนิน
กจิ การในหนาทีธ่ นาคารกลางของรฐั เม่ือผถู ูกฟอ งคดีไมใชหนวยงานของรฐั ทจ่ี ัดตง้ั ขึน้ เพ่อื ประกอบธรุ กิจ
หากาํ ไรทางพาณชิ ยห รืออตุ สาหกรรมจงึ ไดรับการยกเวนตามกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความใน
พ.ร.บ. คุมครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ขอ ๓ ที่กําหนดมิใหใชบทบัญญัติในหมวด ๑๑ คาชดเชย
ต้ังแตมาตรา ๑๑๘ ถึงมาตรา ๑๒๒ แหง พ.ร.บ. คุมครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาใชบังคับ
และเมื่อผูฟองคดีซึ่งไดรับการบรรจุแตงตั้งเปนพนักงานของผูถูกฟองคดีโดยไดรับเงินเดือน
คาครองชีพ และมีสิทธิในสวัสดิการตางๆ ในระหวางทํางานและภายหลังออกจากงานแลว
การท่ีผูฟองคดีมีอายุครบ ๖๐ ป บริบูรณ และตองพนจากตําแหนง ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗
ตามขอ ๕ (๕.๑) ของขอ บังคับธนาคารแหงประเทศไทย วา ดวยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. ๒๕๕๖
การออกจากงานของผูฟองคดีจึงเปนการเกษียณอายุของบุคลาการภาครัฐตามบทบัญญัติ
ของกฎหมาย แตกตางกับการเลิกจางของภาคเอกชนท่ีตองอยูภายใตบังคับของกฎหมาย
คุมครองแรงงาน เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวา ขณะท่ีผูฟองคดีพนจากการเปนพนักงานของผูถูกฟองคดี
ผูถูกฟองคดีไดกําหนดระเบียบ ขอบังคับซึ่งเปนการใหหลักประกันสําหรับพนักงานและครอบครัว
เมื่อพนักงานตายหรือพนจากงานไว ไดแก ขอบังคับธนาคารแหงประเทศไทย วาดวยเงินทุนเล้ียงชีพ
พ.ศ. ๒๕๓๙ และขอบังคับธนาคารแหงประเทศไทย วาดวยกองทุนสํารองเล้ียงชีพ พ.ศ.๒๕๓๙
เม่ือพิจารณาขอกําหนดกองทุนท้ังสองกองทุนดังกลาวแลว จะเห็นไดวา ผูถูกฟองคดีไดกําหนด
ขอบังคับไวรองรับสําหรับพนักงานของผูถูกฟองคดีที่ตองออกจากงานไวแลว โดยพนักงาน
ซ่ึงเขาทํางานกอนวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๓๙ ท่ีสมัครใจเขาเปนสมาชิกกองทุนฯ เมื่อพนจากงาน
มีสิทธิไดรับเงินสะสมที่ตนจายเขากองทุน เงินสมทบท่ีผูถูกฟองคดีจายใหเปนรายเดือน
และเงินสมทบท่ีผูถูกฟองคดีจายครั้งแรกเขากองทุนรวมท้ังเงินเพิ่มในกรณีที่เงินดังกลาวนอยกวา
เงินท่ีคํานวณไดจากบําเหน็จตามขอบังคับฯ วาดวยเงินทุนเล้ียงชีพ สวนพนักงานที่ไมสมัครใจ
เขาเปนสมาชิกกองทุนฯ มีสิทธิไดรับเงินบําเหน็จบํานาญพรอมเงินชดเชยและผลประโยชน
ตามขอบังคับธนาคารแหงประเทศไทย วาดวยเงินทุนเล้ียงชีพ พ.ศ.๒๕๓๙ ดังนั้น จึงตองถือวา
เงินดังกลาวเปนเงินประโยชนตอบแทนท่ีผูถูกฟองคดีจายในลักษณะเดียวกับเงินชดเชยตามกฎหมาย
วาดวยการคุมครองแรงงานใหแกพนักงานของผูถูกฟองคดีเม่ือออกจากงานโดยไมมีความผิด
เมื่อผูฟองคดีเปนพนักงานของผูถูกฟองคดีท่ีพนจากตําแหนงดวยเหตุเกษียณอายุ และสมัครใจ

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๘๕

เขาเปนสมาชิกกองทุนฯ ซึ่งผูฟองคดีเรียกรองคาสินไหมทดแทนตามฟองเปนเงินจํานวน
๑,๙๓๔,๒๐๐ บาท แตปรากฏขอเท็จจริงวา ผูฟองคดีไดรับเงินผลประโยชนตอบแทนเฉพาะในสวนที่
ผูถูกฟองคดีจายใหแกผูฟองคดีจากกองทุนสํารองเล้ียงชีพเปนเงินประเดิมและเงินสมทบ รวมทั้ง
ผลประโยชนจากเงินดังกลาว รวมเปนเงินท้ังสิ้นจํานวน ๖,๔๗๖,๒๖๗.๓๘ บาท เมื่อผูฟองคดี
มิไดโตแยงวาไมไดรับเงินจํานวนดังกลาว จึงเห็นไดวาผูฟองคดีไดรับเงินตอบแทนเม่ือพนจากการ
เปนพนกั งานของผูถูกฟองคดตี ามขอบงั คับธนาคารแหง ประเทศไทย วาดวยกองทุนสํารองเล้ียงชีพ
พ.ศ. ๒๕๓๙ จํานวนมากกวาเงินคาชดเชยที่ผูฟองคดีเรียกรองจากผูถูกฟองคดีตามฟอง การท่ี
ผูถูกฟองคดีไดจัดใหมีประโยชนตอบแทนอื่นโดยออกขอบังคับท่ีเรียกช่ืออยางอ่ืนเพ่ือจาย
แกพนักงานของผูถูกฟองคดีเม่ือออกจากงาน ซึ่งประโยชนตอบแทนที่พนักงานของผูถูกฟองคดี
ไดรับไมนอยกวาที่กําหนดไวในกฎหมายวาดวยการคุมครองแรงงาน กรณีจึงเปนไปตามท่ีบัญญัติ
ไวในมาตรา ๑๑ แหง พ.ร.บ. ธนาคารแหงประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕ แกไขเพิ่มเติมโดย
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ แลว ดังน้ัน กรณีจึงมิไดทําใหเกิดความเสียหายแกผูฟองคดี ผูถูกฟองคดี
จึงมิไดกระทําละเมิดตอผูฟองคดีที่จะตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดี ที่ศาลปกครองชั้นตน
พิพากษาใหผูถูกฟองคดีชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี จํานวนเงิน ๑,๙๓๔,๒๐๒ บาท
พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ของตนเงินดังกลาว ตั้งแตวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่
๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ รวม ๖๔ วัน คิดเปนดอกเบี้ย จํานวนเงิน ๒๕,๔๓๖.๑๖ บาท รวมเปน
เงินท้ังสิ้น ๑,๙๕๙,๖๓๘.๑๖ บาท และใหจายดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอปของตนเงิน
ท่ีเปนคาเสียหายของผูฟองคดี ตั้งแตวันท่ี ๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ จนกวาจะชําระเสร็จ ท้ังน้ี
ใหผูถูกฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนพรอมดอกเบี้ยใหแกผูฟองคดีใหแลวเสร็จภายในหกสิบวัน
นับแตวันที่คดีถึงที่สุด และใหคืนคาธรรมเนียมศาลตามสวนของการชนะคดีใหแกผูฟองคดี
สว นคําขออนื่ นอกจากนี้ ใหย ก นน้ั ศาลปกครองสงู สดุ ไมเหน็ พอ งดว ย

พิพากษากลับเปนยกฟอง และคืนคาธรรมเนียมศาลในชั้นอุทธรณทั้งหมดใหแก
ผถู ูกฟองคดี

ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีปลัดเทศบาลไมตรวจสอบราคาท่ีดิน
ทจี่ ดั ซอ้ื วามรี าคาสงู กวาราคาทอ งตลาดหรือไม
คําพพิ ากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๖๐๙/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา เดิมผูฟองคดีดํารงตําแหนงปลัดเทศบาล สังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑
(เทศบาลนครอุดรธานี) ไดรับความเดือดรอนเสียหายจากการท่ีผูฟองคดีไดรับการแตงต้ัง
เปนประธานกรรมการตรวจรับพัสดุในโครงการจัดซื้อที่ดินเพ่ือกอสรางแหลงนํ้าและระบบบําบัดนํ้าเสีย
จากโรงฆาสัตวของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ แตปรากฏวา มีการดําเนินการจัดซื้อที่ดินสูงกวาราคาทองตลาด
ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ (นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี) จึงไดแตงตั้งคณะกรรมการสอบขอเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดในกรณีดังกลาว ซ่ึงผลการสอบขอเท็จจริงปรากฏวามีบุคคลที่ตองรับผิด

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๘๖

ชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๙ คน รวมผูฟองคดี ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จึงมีหนังสือลงวันที่ ๓๑
มีนาคม ๒๕๔๙ แจงใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนจํานวน ๑,๙๗๖,๖๓๐ บาท ใหแก
ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับแจงคําส่ัง โดยไมไดรอใหกระทรวงการคลัง
ใหความเห็นชอบกอน ผูฟองคดีจึงอุทธรณคําสั่งดังกลาว โดยผูถูกฟองคดีที่ ๒ แจงผูฟองคดีวา
อทุ ธรณข องผฟู อ งคดีฟง ขึน้ จึงมคี ําสง่ั ใหเ ปล่ียนแปลงคําสั่งเดิมโดยผูฟองคดีไมตองชดใชคาสินไหม
ทดแทน ตอมา อธิบดีกรมบัญชีกลางมีหนังสือลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๐ แจงผลการพิจารณา
ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ใหผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ทราบ โดยเห็นวา พฤติการณท่ีเกิดข้ึน
เปนการกระทําโดยประมาทเลินเลออยางรายแรงเปนเหตุใหทางราชการไดรับความเสียหาย
เปน เงิน ๑๗,๗๘๙,๖๗๐ บาท จงึ ใหผูฟ อ งคดีรับผิดในอัตรารอยละ ๒๐ ของคาเสียหาย คิดเปนเงิน
๓,๕๕๗,๙๓๔ บาท จากน้นั ผูถกู ฟองคดีท่ี ๔ (ผูวาราชการจังหวัดอุดรธานี) จึงมีคําส่ังลงวันที่ ๓๑
มนี าคม ๒๕๕๒ ใหผ ูฟอ งคดรี ับผดิ ชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๓,๕๕๗,๙๓๔ บาท โดยใหชําระ
แกผูถูกฟองคดีที่ ๑ ภายใน ๑๕ วัน นับแตไดรับทราบคําส่ัง ผูฟองคดีไดรับทราบคําส่ังดังกลาว
เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๒ และไดมีหนังสืออุทธรณคําส่ังตอผูถูกฟองคดีที่ ๔
แตรัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทยมีคําส่ังใหยกอุทธรณ ผูฟองคดีเห็นวาคําสั่งดังกลาวไมชอบ
ดวยกฎหมาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งเพิกถอนคําส่ังเรียกใหชดใช
คาสนิ ไหมทดแทน ลงวันที่ ๓๑ มนี าคม ๒๕๕๒

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูถูกฟองคดีท่ี ๑ ไดทําหนังสือสัญญาซ้ือขาย
ท่ีดินในราคาสูงกวาราคาทองตลาด เมื่อวันท่ี ๑๑ มิถุนายน ๒๕๔๒ กรณีจึงถือวา วันดังกลาว
เปนวันท่ีมีการกระทําละเมิดตอผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และการที่คณะกรรมการสอบขอเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดไดรายงานผลการสอบขอเท็จจริงวา มีผูตองรับผิดชดใชคาเสียหายจํานวน ๙ คน
รวมผูฟองคดี โดยผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับทราบรายงานดังกลาวในวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๗
และมีคาํ สงั่ ทายรายงานดังกลาวในวันเดียวกันวา ใหดําเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการฯ
กรณีจึงถือวา ผูถูกฟองคดีที่ ๑ รูถึงการละเมิดและรูตัวเจาหนาท่ีผูจะพึงตองใชคาสินไหมทดแทน
ในวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๔๗ ดังน้ัน ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จะตองใชสิทธิเรียกรองคาสินไหมทดแทน
โดยอาศัยอํานาจตามมาตรา ๑๒ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท่ี พ.ศ. ๒๕๓๙
เพื่อออกคําสั่งใหผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนภายในวันท่ี ๑๒ เมษายน ๒๕๔๙ ตามมาตรา ๑๐
วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว แตเน่ืองจากในระหวางการพิจารณาของกระทรวงการคลัง
ปรากฏวา ใกลจ ะครบกําหนดอายคุ วามการใชสิทธิเรียกรองดังกลาว และกระทรวงการคลังยังไมได
แจงผลการพิจารณา ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงมีคําส่ังตามหนังสือลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๙ เรียกให
ผูฟองคดีชดใชคาสินไหมทดแทนเปนเงิน ๑,๙๗๖,๖๓๐ บาท ภายใน ๑๕ วัน นับแตวันที่ไดรับ
คําสั่ง ผูฟองคดีไดรับทราบคําส่ังดังกลาวเมื่อวันท่ี ๕ เมษายน ๒๕๔๙ จึงเปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑
ใชอํานาจออกคําสั่งเรียกใหผูฟองคดีชําระคาสินไหมทดแทนภายในอายุความตามมาตรา ๑๐
วรรคสอง แหงพระราชบญั ญัติเดยี วกัน โดยเมื่อคําสั่งดังกลาวเปนคําสั่งทางปกครองท่ีเรียกใหชดใชเงิน
จากการกระทําละเมิดและมีผลบังคับแลว หากผูฟองคดีไมยอมชําระเงินใหถูกตอง ผูถูกฟองคดีที่ ๑

แนวคําวนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๘๗

ยอ มใชม าตรการบงั คับทางปกครองโดยการยดึ หรอื อายัดทรัพยส นิ ของผฟู องคดแี ละขายทอดตลาด
เพ่ือนาํ เงนิ มาชาํ ระใหครบถวนไดต ามมาตรา ๕๗ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ซึ่งใชบังคับในขณะนั้น โดยไมจําตองฟองคดีตอศาล ดังน้ัน การที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ออกคําสั่ง
เรียกใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนดังกลาว จึงเปนการกระทําอ่ืนใดอันมีผลเปน
อยางเดียวกันกับการฟองคดีตามมาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
และมีผลทําใหอายุความการใชสิทธิเรียกรองตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิด
ทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ สะดุดหยุดลงต้ังแตวันท่ี ๕ เมษายน
๒๕๔๙ อันเปนวันท่ีคําส่ังดังกลาวมีผลใชยันกับเจาหนาที่ทันทีท่ีไดรับแจงคําสั่งตามมาตรา ๔๒
วรรคหนึ่ง แหง พ.ร.บ. วิธีปฏบิ ัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และเม่ือการออกคําส่ังดังกลาว
ถือเปนเหตุที่ทําใหอายุความสะดุดหยุดลงน้ันมีผลสมบูรณแลวต้ังแตวันดังกลาว จึงมีผลให
เหตุท่ีทําใหอายุความสะดุดหยุดลงส้ินสุดไปในเวลาน้ันดวย อายุความการใชสิทธิเรียกรองของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ จึงเริ่มนับใหมตั้งแตเวลานั้นเปนตนไป กลาวคือ ตองเร่ิมนับอายุความสองปใหม
ต้งั แตเวลาทีพ่ น กําหนดใหชดใชคา สินไหมทดแทนในวนั ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๔๙ และจะไปสิ้นสุดลง
ในวันท่ี ๒๑ เมษายน ๒๕๕๑ ตามนัยมาตรา ๑๙๓/๑๕ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย แตเมื่อปรากฏวา กระทรวงการคลังไดมีหนังสือลงวันท่ี ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๐ แจงผล
การพิจารณาความรับผิดทางละเมิดวา ผูฟองคดีตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูถูกฟองคดีท่ี ๑
เปนเงิน ๓,๕๕๗,๙๓๔ บาท แตผูถูกฟองคดีที่ ๒ ในขณะน้ัน มีเหตุตองหามมิใหทําคําส่ัง
ทางปกครอง ตามมาตรา ๑๓ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒
จึงเสนอใหผูถูกฟองคดีท่ี ๓ (จังหวัดอุดรธานี) เปนผูออกคําส่ังใหผูฟองคดีรับผิดชดใชคาสินไหม
ทดแทนแกผูถูกฟองคดีที่ ๑ อีกคร้ัง เปนเงิน ๓,๕๕๗,๙๓๔ บาท ตามคําส่ังลงวันที่ ๓๑ มีนาคม
๒๕๕๒ ซงึ่ เปนเวลาท่ีพนกาํ หนดอายุความการใชสทิ ธิเรียกรอ งของผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไปแลว ดังน้ัน
คําสั่งลงวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ จึงไมมีผลบังคับใหผูฟองคดีตองชดใชคาสินไหมทดแทน
แมจ ะปรากฏตอมาวา ผฟู อ งคดีไดอ ทุ ธรณค ําสัง่ ดงั กลาว และรัฐมนตรีวา การกระทรวงมหาดไทยส่ัง
ยกอุทธรณของผูฟองคดี ก็มิไดกอใหเกิดผลใดๆ ทางกฎหมายใหผูฟองคดีตองชดใชคาสินไหม
ทดแทนตามคาํ ส่ังดังกลาวอีกแตอยางใด ดังน้ัน คําส่ังลงวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ ท่ีเรียกใหผูฟองคดี
ชําระคาสินไหมทดแทน จึงออกเมื่อพนกําหนดอายุความสองปนับแตวันที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ รูถึง
การละเมิดและรูตัวเจาหนาท่ีผูจะพึงตองใชคาสินไหมทดแทนตามนัยมาตรา ๑๒ ประกอบ
มาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
คําสั่งดังกลาวจึงไมชอบดวยกฎหมาย สวนอายุความหน่ึงปนับแตวันที่หนวยงานของรัฐมีคําส่ัง
ตามความเห็นของกระทรวงการคลังตามมาตรา ๑๐ วรรคสองตอนทาย แหงพระราชบัญญัติ
ดังกลาวนั้น ตองเปนกรณีที่หนวยงานของรัฐเห็นวาเจาหนาที่ไมตองรับผิดเทานั้น แตขอเท็จจริง
ในคดีนี้ปรากฏวา หลังจากท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดรับรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการ
สอบขอเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดท่ีรายงานวามีผูตองรับผิดชดใชคาเสียหายจํานวน ๙ คน
รวมผูฟองคดีแลว ผูถูกฟองคดีที่ ๑ มีคําสั่งวาใหดําเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการฯ

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๘๘

จึงเปนกรณีท่ีผูถูกฟองคดีที่ ๑ เห็นวาผูฟองคดีตองรับผิด แมผูถูกฟองคดีที่ ๒ พิจารณาอุทธรณ
แลวเห็นวาผูฟองคดีไมตองรับผิดชดใชเงิน ก็เปนเพียงความเห็นหรือผลการวินิจฉัยอุทธรณ
ในชั้นการพิจารณาอุทธรณเทานั้น ไมมีผลใหอายุความสองปท่ีเร่ิมนับมาแลวเปลี่ยนแปลงไป
ทศี่ าลปกครองชั้นตนพิพากษาเพิกถอนคําสั่งลงวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๒ ที่เรียกใหผูฟองคดีชดใช
คาสินไหมทดแทนความรับผิดทางละเมิด จํานวน ๓,๕๕๗,๙๓๔ บาท ใหแกผูถูกฟองคดีที่ ๑
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง โดยใหมีผลตั้งแตวันท่ีมีคําสั่ง คําขออื่นนอกจากน้ีใหยก น้ัน
ศาลปกครองสงู สุดเห็นพองดวยในผล

พิพากษายนื

ฟอ งขอใหช ดใชค า สนิ ไหมทดแทนจากการใชม าตรการบงั คับทางปกครอง
คําพพิ ากษาศาลปกครองสงู สดุ ท่ี อ.๖๑๙/๒๕๖๓

ผูฟองคดีฟองวา ผูฟองคดีปลูกสรางเพิงพักอาศัยในท่ีดินซ่ึงเปนสวนปาลมนํ้ามัน
ของบริษัท ย. ซ่ึงต้ังอยูท่ีหมูที่ ๗ ตําบลปลายพระยา อําเภอปลายพระยา จังหวัดกระบ่ี
ซ่ึงหมดอายุสัญญาสัมปทานแลวเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๖ ตอมา ไดมีเจาหนาท่ีของ
ผูถูกฟองคดีทั้งสาม (สํานักงานตํารวจแหงชาติ ท่ี ๑ กรมปาไม ที่ ๒ กรมการปกครอง ท่ี ๓)
นาํ กาํ ลงั เจา หนา ทป่ี ระมาณ ๔๐๐ คน เขาไปขับไลผูฟองคดี รวมท้ังไดทําลายทรัพยสินและเพิงพัก
ของผูฟองคดีเสียหาย ผูฟองคดีเห็นวา การกระทําของเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีท้ังสามดังกลาว
ไมชอบดวย พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ เน่ืองจากไมไดมีหนังสือแจงให
ผูฟองคดีทราบลวงหนา และทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย จึงนําคดีมาฟองตอศาลขอใหศาล
มีคําพิพากษาหรือคําสงั่ ใหผูถ กู ฟองคดที งั้ สามชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดีเปนคาไมสรางเพิงพัก
เปนเงินจํานวน ๒๐,๐๐๐ บาท คากระเบื้องเปนเงินจํานวน ๗,๓๐๐ บาท คาเครื่องมือการเกษตร
เปนเงินจํานวน ๑๕,๐๐๐ บาท คาทรัพยสินในครัวเรือน เปนเงินจํานวน ๒๐,๐๐๐ บาท
และคาแรงสรางเพิงพักเปนเงินจํานวน ๑๓,๐๐๐ บาท รวมเปนคาเสียหายทั้งหมดเปนเงินจํานวน
๗๕,๓๐๐ บาท

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือรัฐมนตรีวาการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สงิ่ แวดลอมไดแตงต้ังใหผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบี่ เปนพนักงาน
ผคู วบคมุ และรักษาปา สงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา จังหวดั กระบ่ี ตาม พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ
พ.ศ. ๒๕๐๗ และตามขอ ๓ ของประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอม
เร่ือง แตงต้ังพนักงานเจาหนาท่ีผูควบคุมและรักษาปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา
จังหวัดกระบี่ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ ผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบ่ี
มีอํานาจปฏิบัติการตามมาตรา ๒๕ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ในพื้นที่เขต
ปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา จังหวัดกระบี่ ดังน้ัน เม่ือมีกลุมบุคคลซ่ึงรวมถึงผูฟองคดี
ไดเขาไปครอบครองและปลูกสรางเพิงพักอาศัยในพ้ืนท่ีเขตปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา

แนวคําวินิจฉยั ศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๘๙

จังหวัดกระบี่ แมจะเปนการเขาไปปกหลักช่ัวคราวเพ่ือเรียกรองใหรัฐบาลดําเนินการจัดสรรที่ดิน
ใหกับเกษตรกรซึ่งไรท่ีดินทํากิน โดยมิไดประสงคจะเขาไปสรางเปนบานพักถาวรก็ตาม ก็เปนการ
กระทําใหเส่ือมเสียแกสภาพปาสงวนแหงชาติแลวตามมาตรา ๑๔ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว
ผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบี่ จึงมีอํานาจสั่งใหผูฟองคดีรื้อถอน
ส่ิงปลูกสรางท่ีไดปลูกสรางไวในพ้ืนที่พิพาทออกไปจากพ้ืนที่ปาสงวนแหงชาติภายในเวลาที่กําหนดได
ตามมาตรา ๒๕ แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน คําส่ังลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ และลงวันท่ี
๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ ทส่ี ัง่ ใหผฟู องคดีออกจากพน้ื ท่ีพิพาท พรอมทง้ั ใหรื้อถอนสงิ่ ปลกู สรา งทีไ่ ดท าํ การ
ปลูกสรา งไวในพ้ืนที่ จึงชอบดว ยกฎหมาย เมอ่ื คาํ สั่งลงวันท่ี ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ไดส่ังใหกลุมบุคคล
พรอมบริวารท่ีไดยึดถือครอบครองพ้ืนที่ภายในเขตปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา
จังหวัดกระบ่ี ออกจากพื้นท่ี พรอมท้ังใหรื้อถอนส่ิงปลูกสรางที่ไดทําการปลูกสรางไวในพื้นท่ี
ใหแลวเสร็จภายในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และคําสั่งลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖
ไดส่ังใหกลุมบุคคลผูรวมชุมนุมพรอมบริวารออกจากพื้นที่ พรอมทั้งใหร้ือถอนสิ่งปลูกสราง
ที่ไดทําการปลูกสรางไวในพ้ืนที่ดังกลาวใหเสร็จสิ้นภายในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ โดยระบุไว
ดวยวา หากฝาฝนไมปฏิบัติตามคําส่ังใหแลวเสร็จภายในระยะเวลาท่ีกําหนด เจาหนาที่จะเขา
ดาํ เนินการเอง โดยผูกระทําผิดจะตองรับผิดชอบคาใชจายในการดําเนินการของเจาหนาท่ีท้ังหมด
ตลอดจนไดประมาณการคาใชจายในการดําเนินการของพนักงานเจาหนาท่ีและเงินเพ่ิม
รอยละย่สี ิบหาตอปของคาใชจายแนบทายคําส่ังดังกลาวไวดวย กรณีจึงถือไดวา กอนท่ีจะมีการใช
มาตรการบังคับทางปกครองโดยใหพนักงานเจาหนาท่ีเขาดําเนินการรื้อถอนเพิงพักของผูฟองคดีนั้น
ผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบี่ ไดมีคําเตือนเปนหนังสือโดยกําหนด
ไปพรอมกับคําสั่งทางปกครองและระบุไวอยางชัดแจงวาใหกลุมบุคคลซึ่งรวมท้ังผูฟองคดีกระทํา
การตามคําสั่งทางปกครอง กลาวคือ ใหรื้อถอนเพิงพักออกไปจากพ้ืนที่ปาสงวนแหงชาติ
ปาปลายคลองพระยา โดยไดกําหนดระยะเวลาใหตามสมควร กรณีจึงเปนการดําเนินการ
ตามมาตรา ๕๙ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว และเม่ือผูฟองคดี
กระทําการฝาฝนตอกฎหมาย การที่เจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๒ ดําเนินการรื้อถอนเพิงพักของ
ผูฟองคดีตามอํานาจหนาที่ที่กําหนดไวในมาตรา ๒๕ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗
น้ัน ผูฟองคดียอมไมอาจอางไดวาหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาที่ของรัฐกระทําการอันเปนการ
เลือกปฏิบัติโดยไมเปนธรรมตอตนเองได ประกอบกับเจาหนาท่ีตํารวจซึ่งสังกัดผูถูกฟองคดีท่ี ๑
มีอํานาจหนาท่ีรักษาความสงบเรียบรอย ความปลอดภัยของประชาชนตามมาตรา ๖ (๔)
แหง พ.ร.บ. ตํารวจแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ผูถูกฟองคดีท่ี ๒ มีอํานาจในการร้ือถอนสิ่งปลูกสราง
ที่ไดทําการปลูกสรางไวในพ้ืนท่ีภายในเขตปาสงวนแหงชาติตามมาตรา ๒๕ แหง พ.ร.บ. ปาสงวน
แหง ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ และเจาหนาทข่ี องผูถูกฟองคดที ี่ ๓ ไดแก กํานัน ผูใหญบาน มีอํานาจหนาที่
ในการดูแลรักษาความสงบเรียบรอยและความปลอดภัยใหแกราษฎรในหมูบานตามมาตรา ๒๗ (๑)
มาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๔ ทวิ แหง พ.ร.บ. ลักษณะปกครองทองที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗
และปลัดอําเภอเปนผูชวยนายอําเภอ มีอํานาจหนาท่ีในการดูแลรักษาความสงบเรียบรอย

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๙๐

และความปลอดภัยใหแกราษฎรในอําเภอตามมาตรา ๖๖ (๒) ประกอบกับมาตรา ๘๓
แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ซึ่งกํานัน ผูใหญบาน และปลัดอําเภอ เปนเจาหนาที่ในสังกัด
ผูถูกฟองคดีที่ ๓ เม่ือเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๓
ไดร บั มอบหมายใหร บั ผดิ ชอบพนื้ ทด่ี งั กลา วเพ่อื เฝาระวังและระงับเหตกุ ลุมมวลชนปะทะกันในวันท่ี
๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเปนการปฏิบัติหนาที่ในการรักษาความสงบเรียบรอยและรักษา
ความปลอดภยั ของประชาชนตามอาํ นาจหนา ทท่ี ก่ี ฎหมายกําหนดไว อีกทั้งไมปรากฏขอเท็จจริงวา
เจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดรื้อถอนหรือมีสวนเก่ียวของ
ในการร้ือถอนเพิงพักและทําใหทรัพยสินของผูฟองคดีเสียหายแตอยางใด หรือหากเจาหนาท่ีของ
ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ และเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีที่ ๓ ไดรวมกับเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๒
ดําเนินการรื้อถอนเพิงพักของผูฟองคดีและกลุมบุคคลที่บุกรุกปาสงวนก็เปนการปฏิบัติหนาที่
ในฐานะผูชวยพนักงานเจาหนาที่ผูควบคุมและรักษาปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา
จังหวัดกระบี่ ในการใชมาตรการบังคับทางปกครองกับผูฟองคดีและกลุมบุคคลที่บุกรุกปาสงวน
แหงชาติ กรณีจึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย ดังนั้น ผูถูกฟองคดีทั้งสามจึงไมตองรับผิดชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี
ท่ีศาลปกครองชัน้ ตนพพิ ากษายกฟอ ง นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย

พิพากษายืน
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ.๗๑๒/๒๕๖๓

ผูฟอ งคดฟี อ งวา ผฟู องคดีไดเ ขา ไปปลูกสรางเพงิ พักอาศัยในท่ีดินซ่ึงเปนสวนปาลมน้ํามัน
ท่ีหมดอายุสัญญาสัมปทานของบริษัท ย. ซึ่งตั้งอยูที่หมูท่ี ๗ ตําบลปลายพระยา อําเภอปลายพระยา
จงั หวัดกระบี่ ตอ มา เจา หนาที่ของผูถูกฟองคดีทั้งสาม (สํานักงานตํารวจแหงชาติ ที่ ๑ กรมปาไม ที่ ๒
กรมการปกครอง ที่ ๓) ไดนํากําลังเจาหนาท่ีประมาณ ๔๐๐ คน เขาไปขับไลผูฟองคดี และ
เขาไปทําลายทรัพยสินและร้ือเพิงพักของผูฟองคดี โดยไมไดมีการแจงเปนหนังสือใหผูฟองคดี
ทราบลวงหนากอน จึงเปนการกระทําท่ีไมชอบดวย พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ เปนเหตุใหทรัพยสินของผูฟองคดีไดรับความเสียหาย จึงนําคดีมาฟองขอใหศาล
มีคําพิพากษาใหผูถูกฟองคดีทั้งสามชดใชคาสินไหมทดแทนแกผูฟองคดี เปนคาไมสรางเพิงพัก
จํานวน ๑๓,๐๐๐ บาท คากระเบ้ืองจํานวน ๗,๕๐๐ บาท คาเคร่ืองมือทําการเกษตรจํานวน
๑๘,๐๐๐ บาท คาทรัพยสินเครื่องใชในครัวเรือนจํานวน ๒๐,๐๐๐ บาท คาแรงสรางเพิงพัก
จํานวน ๑๐,๐๐๐ บาท และคา สตั วเล้ียงจาํ นวน ๕,๐๐๐ บาท รวมเปน เงินท้งั ส้ินจํานวน ๗๓,๕๐๐ บาท

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เมื่อผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมที่ ๑๒
สาขากระบี่ ในฐานะพนกั งานเจาหนาทผ่ี คู วบคมุ และรักษาปา สงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา
มีคําสั่งลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ใหกลุมบุคคลพรอมบริวารท่ีไดยึดถือครอบครองพื้นท่ี
ภายในเขตปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา จังหวัดกระบี่ ออกจากพ้ืนที่ และใหรื้อถอน
สิ่งปลูกสรางออกจากพื้นที่ปาสงวนแหงชาติใหเสร็จสิ้นภายในวันท่ี ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

แนวคําวินจิ ฉยั ศาลปกครองสงู สดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๙๑

หากฝา ฝนหรอื ไมปฏบิ ตั ิตามคําสัง่ ใหแ ลว เสรจ็ ภายในเวลาดังกลาว โดยปราศจากเหตุผลอันสมควร
มีความจําเปนตนยึด ทําลาย รื้อถอน แกไข หรือทําประการอื่นแลวแตกรณีเองได โดยผูกระทํา
ความผดิ จะตองรับผิดชดใชค า ใชจ ายเพ่อื การน้ันท้งั หมด ทงั้ ปรากฏวา กลมุ ผรู วมชมุ ชมุ พรอมบริวาร
ยังคงฝาฝนไมปฏิบัติตามคําส่ังกลาว ผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมที่ ๑๒ สาขากระบี่
จึงมีคําส่ังลงวันท่ี ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ ส่ังใหกลุมบุคคลดังกลาวออกจากพื้นที่ และใหรื้อถอน
ส่งิ ปลูกสรางออกจากพ้นื ที่ใหเสร็จสน้ิ ภายในวนั ท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๕๗ พรอมระบุดวยวาหากฝาฝน
ไมปฏิบัติตามคําส่ังใหแลวเสร็จภายในเวลาท่ีกําหนด เจาหนาที่จะเขาดําเนินการเอง โดยผูกระทําผิด
ตองรับผิดชอบคาใชจายในการดําเนินการของเจาหนาท่ี และมีหนังสือท่ีลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖
แจงคําสั่งพรอมประมาณการคาใชจายใหกลุมบุคคลดังกลาวทราบ โดยแจงคําสั่งของพนักงาน
เจาหนาท่ีท้ังสองคําส่ังดวยวิธีการปดประการไว ณ ที่วาการอําเภอปลายพระยา สถานีตํารวจภูธร
ปลายพระยา ท่ีทําการกํานันตําบลปลายพระยา ที่ทําการผูใหญบานหมูท่ี ๗ ตําบลปลายพระยา
องคการบริหารสวนตําบลปลายพระยา และในพ้ืนที่เกิดเหตุ รวม ๖ แหง ซ่ึงผูฟองคดีและ
กลุมชาวกระบ่ีไรท่ีดินทํากิน ขอทวงสิทธ์ิตามมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันท่ี ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๖
ไมไ ดอุทธรณคําส่ังดังกลาว และยังคงอยูในพื้นที่ปาสงวนจนพนกําหนดวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๗
เม่อื คาํ สงั่ ดงั กลาวเปนคําส่ังทางปกครองตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ และการท่ีพนักงานเจาหนาที่เขาไปรื้อถอนสิ่งปลูกสรางในที่ดินพิพาท ถือเปนมาตรการ
บังคับทางปกครองตามมาตรา ๕๖ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว โดย พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ
พ.ศ. ๒๕๐๗ ไมมีบทบัญญัติเก่ียวกับวิธีการแจงคําสั่งทางปกครองและการแจงคําเตือนวา
จะใชมาตรการบังคับทางปกครองดังกลาวไว จึงตองนําหลักเกณฑตามที่บัญญัติไวในมาตรา ๓
วรรคหนง่ึ แหง พ.ร.บ. วธิ ีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาใชบังคับ สําหรับกรณีการใช
มาตรการบังคับทางปกครองน้ัน เม่ือพิจารณาคําส่ังลงวันท่ี ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ และลงวันที่
๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ ซ่ึงระบุวา หากฝาฝนไมปฏิบัติตามคําส่ังใหแลวเสร็จภายในระยะเวลา
ท่ีกําหนด เจาหนาท่ีจะเขาดําเนินการเอง โดยผูกระทําผิดจะตองรับผิดชอบคาใชจาย
ในการดําเนินการของเจาหนาที่ท้ังหมด ตลอดจนไดประมาณการคาใชจายในการดําเนินการ
ของพนกั งานเจา หนา ท่แี ละเงนิ เพิ่มรอยละย่ีสิบหาตอปของคาใชจายแนบทายคําสั่งดังกลาวไวดวย
กรณีจงึ ถอื ไดวา กอนทจี่ ะมกี ารใชมาตรการบงั คบั ทางปกครองโดยใหพ นกั งานเจา หนาที่เขาร้ือถอน
เพิงพกั ของผูฟองคดีน้ัน ผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมที่ ๑๒ สาขากระบ่ี ไดมีคําเตือน
เปนหนังสือใหกลุมบุคคลดังกลาวกระทําการตามคําส่ังทางปกครอง คือ ใหรื้อถอนเพิงพักออกไป
โดยไดกําหนดระยะเวลาใหตามสมควรแลว ซ่ึงคําเตือนดังกลาวระบุในคําส่ังทางปกครองใหเขาใจ
ไดอยางชัดแจงแลว การดําเนินการดังกลาวจึงเปนไปโดยชอบตามมาตรา ๕๙ แหง พ.ร.บ.
วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แลว ประกอบกับ เม่ือขอเท็จจริงปรากฏวามีบุคคล
ท่ีเขาไปยึดถือครอบครองพื้นที่ภายในเขตปาสงวนแหงชาติท่ีพิพาทเปนจํานวนเกินหน่ึงรอยคน
ซ่งึ ไมอาจทราบไดแนชัดวากลมุ บุคคลดังกลาวประกอบดวยผูใดบาง ดังนั้น การสงหนังสือแจงคําส่ัง
ทางปกครองและคําเตือนของผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบี่

แนวคําวนิ จิ ฉัยศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๙๒

วาจะใชมาตรการบังคับทางปกครองโดยการรื้อถอนสิ่งปลูกสรางใหกลุมบุคคลดังกลาวทราบ
เปนรายคน จึงไมอาจทําไดโดยสภาพ ในกรณีน้ีจะตองดําเนินการโดยการประกาศในหนังสือพิมพ
ซึ่งแพรหลายในทองถ่ินนั้น ตามมาตรา ๗๓ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว การที่ผูอํานวยการสํานัก
จัดการทรัพยากรปาไมที่ ๑๒ สาขากระบี่ แจงคําส่ังโดยการปดประกาศพรอมทั้งหนังสือ
ท่ีแจงคําสั่งไว ณ ท่ีวาการอําเภอปลายพระยา สถานีตํารวจภูธรปลายพระยา ที่ทําการกํานัน
ตําบลปลายพระยา ที่ทําการผูใหญบานหมูท่ี ๗ ตําบลปลายพระยา องคการบริหารสวนตําบล
ปลายพระยา และในพื้นที่เกิดเหตุท่ีบริเวณทางเขาพ้ืนที่ชุมนุมและที่สํานักงานของบริษัท ย.
จึงไมเปนตามที่มาตรา ๗๓ แหง พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ กําหนด
แตเ มอื่ พจิ ารณาภาพถายที่แสดงปายประกาศวา บริเวณนี้เปนเขตปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา
อยูในความควบคุมดูแลของเจาหนาท่ีปาไม สํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบ่ี
หามมิใหผูใดบุกรุกยึดถือ ครอบครองโดยเด็ดขาด หากฝาฝนมีโทษจําคุกตาม พ.ร.บ.
ปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ จํานวน ๓ ปาย ประกอบคําคัดคานคําใหการของผูฟองคดี
แลวเห็นวา การท่ีผูฟองคดีอางวา ผูถูกฟองคดีทั้งสามไมไดประชาสัมพันธหรือช้ีแจงใหกลุมผูชุมชน
ทราบเก่ียวกับการรื้อถอนสิ่งปลูกสรางอยางทั่วถึง โดยไดมีการสงหนังสือใหเฉพาะผูนําหรือ
แกนนําบางคน และปดปายประกาศไวที่บริเวณดานหนากลุมผูชุมนุมเทาน้ัน แสดงใหเห็นวา
ผูฟองคดีรับตอศาลวาไดรับทราบคําส่ังดังกลาวแลวจากแกนนําหรือปายประกาศน้ันแลว ดังน้ัน
แมผูอํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรปาไมที่ ๑๒ สาขากระบ่ี จะแจงคําส่ังใหกลุมผูชุมนุมทราบ
โดยไมถูกตองตามวิธีการที่กฎหมายกําหนด ก็ไมไดมีผลถึงขนาดทําใหการใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองในการร้ือถอนสิ่งปลูกสรางของผูฟองคดีไมชอบดวยกฎหมาย สวนกรณีท่ีผูฟองคดี
อา งวา เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ เลือกปฏิบัติโดยไมเปนธรรมตอผูฟองคดี เน่ืองจากใชบังคับ
มาตรา ๒๕ แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ เฉพาะกับกลุมของผูฟองคดีเทาน้ัน
แตไมใ ชบ ังคับกับบรษิ ทั ย. ผไู ดรับอนุญาตใหทําประโยชนในพ้ืนท่ีพิพาท แตใบอนุญาตหมดอายุแลว น้ัน
การกลาวอางหลักความเสมอภาคยอมกระทําไดเฉพาะเพื่อเรียกรองใหหนวยงานหรือเจาหนาท่ี
ของรัฐปฏิบัติตอตนในส่ิงที่ชอบดวยกฎหมายเทาน้ัน ผูท่ีกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมาย
ยอมไมอาจยกหลักความเสมอภาคขึ้นตอสูเพื่อใหหนวยงานหรือเจาหนาท่ีของรัฐปฏิบัติตอตน
เชนเดียวกับที่ปฏิบัติตอบุคคลอ่ืนได ดังน้ัน เม่ือผูฟองคดีกระทําการฝาฝนตอกฎหมาย
การที่เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท่ี ๒ ดําเนินการตามอํานาจหนาท่ีที่กําหนดไวในมาตรา ๒๕
แหง พ.ร.บ. ปาสงวนแหง ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ กับผูฟองคดี ผูฟองคดียอมไมอาจอางวาเจาหนาที่ของรัฐ
กระทําการอันเปนการเลือกปฏิบัติโดยไมเปนธรรมตอตนเองได เม่ือการใชมาตรการบังคับ
ทางปกครองกับผูฟองคดีและกลุมบุคคลที่บุกรุกปาสงวนเปนการปฏิบัติหนาที่ที่ไดรับมอบหมาย
วาการกระทําของเจาหนาท่ีของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๓ เปนการกระทําตามอํานาจหนาที่
จึงไมเปนการกระทําละเมิดตอผูฟองคดีตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ดังน้ัน ผูถูกฟองคดีท้ังสามจึงไมตองรับผิดชดใชคาเสียหายใหแกผูฟองคดี นอกจากนี้ เมื่อขอเท็จจริง
ปรากฏวา ในวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ไดมีประชาชนในพื้นท่ีอําเภอปลายพระยา

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๙๓

นําโดยกํานัน ผูใหญบาน สมาชิกองคการบริหารสวนตําบล อําเภอปลายพระยา ประมาณ ๕๐๐ คน
ไดไปขับไลกลุมของผูฟองคดีใหออกไปจากพ้ืนที่สวนปาลมนํ้ามันท่ียึดครองอยู เนื่องจากไมพอใจ
ทกี่ ลุมของผูฟ อ งคดีทาํ ใหป ระชาชนในพืน้ ทีไ่ มมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสิน และไมสะดวก
ในการเดินทางไปประกอบอาชีพในพื้นท่ีใกลเคียง เจาหนาท่ีท่ีเก่ียวของไดเจรจากับกลุมของผูฟองคดี
แตไมสามารถหาขอยุติได จนเกิดเหตุกลุมมวลชนทั้งสองฝายปะทะกัน และมีเสียงปนดังมาจาก
ในสวนปาลมท่ีกลุมของผูฟองคดีไดยึดครองพื้นที่ไว เจาหนาที่ที่เก่ียวของเห็นวาหากปลอยให
กลุมมวลชนปะทะกันตอไปจะทําใหเกิดการบาดเจ็บสูญเสียกันท้ังสองฝาย จึงใชกําลังเจาหนาท่ี
เขาระงับเหตุวุนวาย ซึ่งคณะเจาหนาที่สามารถควบคุมสถานการณไวไดในที่สุด จากพฤติการณ
ดังกลาวของกลุมผูฟองคดีเปนท่ีเห็นไดอยางชัดเจนวา ผูฟองคดีและกลุมผูชุมนุมไดบุกรุกพ้ืนท่ี
ในเขตปาสงวนแหงชาติ ปาปลายคลองพระยา และมีเจตนาที่จะยึดถือครอบครองเปนของตนเอง
โดยไมไดรับอนุญาตจากพนักงานเจาหนาที่ และไมอาจจะอางสิทธิใดๆ โดยชอบดวยกฎหมาย
ท้ังยังไดกระทําการดังกลาวตอไปเรื่อยๆ อันเปนการกระทําที่ฝาฝนมาตรา ๑๔ แหง พ.ร.บ.
ปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ แมการที่เจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีทั้งสามไดใชกําลังผลักดัน
กลุมผูชุมนุมเพ่ือใหสลายตัวโดยไมปรากฏวาไดดําเนินการตามลําดับข้ันตอนตามหลักสากล
ท่ีใชในการสลายการชุมนุมของประชาชน หรือมีลําดับข้ันตอนจากเบาไปหาหนักก็ตาม
แตการสลายการชุมนุมของเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท้ังสามเปนกรณีที่เจาหนาท่ีจําเปนตองกระทํา
เน่ืองจากมเี หตผุ ลและความจําเปนเรงดวนเพ่ือปองกันและระงับยับยั้งไมใหเหตุการณปะทะกันลุกลาม
จนเกินควบคุม ทั้งยังเปนการแกไขปญหาเฉพาะหนาตามเหตุการณท่ีจะเกิดข้ึน จึงเห็นวา
การสลายการชุมนุมของเจาหนาที่ของผูถูกฟองคดีท้ังสามเปนไปโดยชอบดวยกฎหมายแลว
ทศี่ าลปกครองชนั้ ตนพิพากษายกฟอ ง นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพองดวย

พพิ ากษายืน

ฟองขอใหเพิกถอนคําสั่งเรียกใหชดใชคาสินไหมทดแทน กรณีกระทําละเมิดจากการจัดซ้ือ
เคร่ืองตรวจคน ยาเสพตดิ
คาํ พิพากษาศาลปกครองสูงสดุ ที่ อ. ๖๓๘/๒๕๖๓ อางแลวในประเด็นเขตอาํ นาจศาล หนา ๔๖

ฟองขอใหแกไขเปลย่ี นแปลงการวางทอนา้ํ และเรยี กคาเสียหาย
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๖๔๖/๒๕๖๓

ผูฟ อ งคดที งั้ สองฟองวา ผูถ ูกฟองคดีท้งั สอง (องคการบริหารสวนตําบลผักขะ ที่ ๑
องคการบริหารสวนตําบลหันทราย ท่ี ๒) รวมกันถมดินปดคลองหวยพรหมโหดใหเปนถนน
และวางทอ ระบายนา้ํ ขนาดเลก็ ๒ ทอ ใตถนนระหวา งคลองสาธารณะที่ก้ันเขตระหวางอําเภออรัญประเทศ
กับอําเภอวัฒนานคร ซ่ึงไมเพียงพอแกการระบายนํ้าและวางอยูในระดับที่สูงกวาระดับน้ํา ทําให
นํ้าไหลมาทวมท่ีนาของผูฟองคดีเปนเหตุใหขาวท่ีปลูกไวไดรับความเสียหายท้ังหมดและท่ีดินบางสวน

แนวคาํ วนิ ิจฉยั ศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๙๔

ถกู นํา้ กัดเซาะจนพงั ตอ มา เม่ือวันท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๕๒ ผูฟองคดีไดทําหนังสือรองเรียนไปยังหนวยงาน
ที่เก่ียวของหลายแหง และอําเภออรัญประเทศไดตรวจสอบพ้ืนที่แลว พบวาสาเหตุที่นํ้าทวมที่นา
ของผูฟอ งคดีทั้งสองเนื่องจากผูถกู ฟอ งคดีท้ังสองวางทอระบายนํ้าไมถูกตอง จึงใหผูถูกฟองคดีท่ี ๑
รบั ไปสาํ รวจออกแบบวางทอระบายนา้ํ และใหผูถูกฟองคดีที่ ๒ รับไปสํารวจออกแบบกอสรางฝาย
(ระบายน้ํา) แตไมปรากฏวาผูถูกฟองคดีท้ังสองไดทําการสํารวจออกแบบการวางทอแตอยางใด
ซ่ึงน้ําก็ยังทวมที่นาของผูฟองคดีท้ังสอง ที่นาของผูฟองคดีท้ังสองถูกน้ําทวมเกือบทั้งแปลง
และผลผลิตไดรับความเสียหายต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๕๑ เปนตนมาถึงปจจุบัน แตผูถูกฟองคดีทั้งสอง
ตางปฏิเสธความรับผิดในความเสียหายของผูฟองคดีท้ังสอง จึงนําคดีมาฟองตอศาลขอใหศาล
มคี ําพิพากษาหรอื คาํ สัง่ ใหผูถูกฟองคดีทงั้ สองรว มกนั หรอื แทนกนั จัดการแกไขเปลี่ยนแปลงการวาง
ทอระบายนํา้ บริเวณลาํ หวยพรหมโหดใหเ พียงพอกับปริมาณน้ําหลากใหลึกถึงทองลําหวย เพ่ือมิให
น้าํ เขา มาทว มพนื้ ทีน่ าของผูฟองคดีทั้งสองและชดใชคาเสียหายจากการที่น้ําทวมพ้ืนที่นาของผูฟองคดี
ท้ังสองทําใหผลผลิตขาวเสียหายทั้งหมดตั้งแตป พ.ศ. ๒๕๕๑ ถึงป พ.ศ. ๒๕๕๕ คิดเปนเงินปละ
๔๐๐,๐๐๐ บาท รวมท้ังส้ิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบ้ียในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป และชดใช
คา เสียหายจากการท่ีที่ดินถูกนํ้ากัดเซาะเปนรองลึกกวา ๒ เมตร กวางกวา ๑๐ เมตร และยาวกวา
๕๐๐ เมตร ในการปรับพ้ืนท่ีนาใหกลับสูสภาพดังเดิมโดยการถมดิน คิดเปนเงินจํานวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท
พรอมดอกเบยี้ ในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอ ป

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา เม่ือผูถูกฟองคดีทั้งสองมีหนาที่ตองจัดใหมี
และบํารุงรักษาทางน้ําและทางบก และบรรเทาสาธารณภัย คุมครอง ดูแล และบํารุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดลอม รวมทั้งคุมครองดูและรักษาทรัพยสินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดิน
ตามมาตรา ๖๗ (๑) (๔) และ (๗) และมาตรา ๖๘ (๘) แหง พ.ร.บ. สภาตําบลและองคการบริหาร
สวนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ผูถูกฟองคดีท้ังสองจึงมีหนาที่ในการบํารุงรักษาคลองหวยพรหมโหดรวมกัน
ภายหลังทนี่ ายอําเภออรญั ประเทศไดต รวจสอบขอรองเรียนของผูฟองคดีทั้งสอง และมีหนังสือแจงไปยัง
ผูถ กู ฟองคดที ี่ ๑ เพือ่ แกไขปญ หาน้าํ ทว มที่ดินของผูฟ องคดีทง้ั สอง ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดดําเนินการสํารวจ
ออกแบบวางทอระบายนํ้าบริเวณถนนขามลําหวยพรหมโหดตามคําแนะนําของอําเภออรัญประเทศ
และไดวางทอระบายนาํ้ ตาํ่ กวา ระดับทอ ทผี่ ูถ ูกฟอ งคดที ี่ ๒ ไดด ําเนินการวางทอกลม เม่ือ ป พ.ศ. ๒๕๔๙
จํานวน ๓๐ เซนติเมตร ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไดใหการวา ในป พ.ศ. ๒๕๕๓ เกิดอุทกภัยนํ้าหลาก
ทําใหทอระบายนา้ํ ท่ีวางไวดังกลาวไดร ับความเสยี หายทั้งหมด ผูถูกฟองคดีที่ ๑ จึงไดขอความชวยเหลือ
จากโครงการชลประทานสระแกว ซึ่งโครงการชลประทานสระแกวไดกอสรางทอลอดเหล่ียมขนาด
๒ x ๒ เมตร จาํ นวน ๑ แถว แตปรากฏวาการวางทอลอดเหลี่ยม มีการวางทอสูงไมลึกถึงทองคลอง
จึงทําใหน้ําไหลระหวางคลองไมเปนไปตามธรรมชาติ เม่ือเขาสูฤดูฝนมีน้ําหลาก จึงทวมท่ีดินของ
ผูฟองคดีท้ังสองเชนเคย โดยเฉพาะผูถูกฟองคดีท้ังสองวางทอไวสูงกวาทองคลองเพ่ือกักเก็บนํ้าไว
ใหประชาชนในเขตของตนใชในฤดูแลง เมื่อมีปริมาณนํ้ามากนํ้ายอมเออลนไหลลงสูที่นาของ
ผูฟองคดีทั้งสองซึ่งอยูตํ่ากวาและเขาทวมที่ดินและกัดเซาะท่ีดินของผูฟองคดีท้ังสองตลอดมา
ซึ่งผูถูกฟองคดีท้ังสองตางยอมรับวาต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๕๐ เปนตนมาปริมาณนํ้ามาก เกิดอุทกภัย

แนวคําวนิ ิจฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๙๕
ดังนั้น การวางทอระบายนํ้าของผูถูกฟองคดีที่ ๑ และที่ ๒ ยังไมเพียงพอกับปริมาณนํ้าท่ีตองระบาย
และการวางทอสูงมีผลตอการระบายนํ้า ตอมา นายอําเภออรัญประเทศไดมีหนังสือลงวันที่
๒๔ เมษายน ๒๕๕๒ ถึงผูฟองคดีที่ ๒ วา ผลการประชุมแกไขปญหานํ้าทวมนาขาว ป พ.ศ. ๒๕๕๑
บริเวณลําหวยพรหมโหด รอยตอตําบลผักขะ อําเภอวัฒนานครกับตําบลหันทราย อําเภออรัญประเทศ
เมื่อวันท่ี ๒๔ เมษายน ๒๕๕๒ ตามคํารองของผูฟองคดีที่ ๒ น้ัน อําเภออรัญประเทศไดพิจารณา
ความเสียหายแลว เปนไปตามผูฟองคดีทั้งสองกลาวอาง เห็นควรใหความชวยเหลือตามความเห็น
ของที่ประชุม ดังนี้ (๑) ระยะสั้น (เรงดวน) ผูถูกฟองคดีท่ี ๑ รับไปสํารวจออกแบบวางทอระบายน้ํา
บริเวณถนนขามลําหวยพรหมโหด (เช่ือมตอกับทอระบายนํ้าท่ีผูถูกฟองคดีท่ี ๒ จัดทําไวแลว)
ใหเพียงพอกับปริมาณน้ําหลากลึกถึงทองคลอง ใหเสร็จส้ินภายในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒
หากไมทัน เม่ือน้ําหลากมา ใหจัดหาเคร่ืองสูบน้ําไปติดตั้งเพ่ือสูบนํ้าใหไหลออกลําหวยพรหมโหด
ไมใหเออลงมาสมทบกับปริมาณนํ้าที่ระบายออกทางทอเหลี่ยมชลประทาน (๒) ระยะยาว
ผูถูกฟองคดีที่ ๒ รับไปสํารวจออกแบบกอสรางฝาย (ระบายน้ํา) ลําหวยพรหมโหดแทนท่ีการวางทอ
เสนอเปนโครงการเงินอุดหนุนจากจังหวัดหรือสวนกลางโดยใหผูใหญบานโนนสะอาด ตําบลหันทราย
ตําบลผักขะ จัดทําประชาคมหมูบาน การดําเนินการของผูถูกฟองคดีท้ังสองจึงยังไมไดดําเนินการ
แกไขปญหาความเดือดรอนใหกับผูฟองคดีทั้งสองและเปนการไมปฏิบัติตามคําแนะนําของ
นายอําเภออรัญประเทศ การกระทําของผูถูกฟองคดีทั้งสองทําใหผูฟองคดีทั้งสองไดรับความเสียหาย
โดยนาขา วเสยี หายและที่ดินถูกนํ้ากดั เซาะเปนรอ งลกึ จงึ เปน การกระทําละเมดิ จากการละเลยตอหนาที่
ตามที่กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาท่ีลาชาเกินสมควรตามมาตรา ๔๒๐
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย ประกอบมาตรา ๖๗ แหง พ.ร.บ. สภาตาํ บลและองคก ารบริหาร
สวนตําบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ผูถูกฟองคดีท้ังสองตองรับผิดตอผูฟองคดีทั้งสองในผลแหงละเมิด
ตามมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ทั้งน้ี แมวาบิดาของ
ผูฟองคดีท้ังสองไดยินยอมใหเปนทางระบายนํ้าเพ่ือประโยชนในการทํานาของตนก็ตาม แตถือไดวา
เปนการทําประโยชนใหกับประชาชนในพื้นที่ท้ังสองฝงคลองโดยสวนรวมท่ีไดใชน้ําในการเกษตรกรรมดวย
ผูถูกฟองคดีทั้งสองจึงไมอาจนํามากลาวอางใหผูฟองคดีท้ังสองตองรับภาระในความเสียหายน้ัน
โดยลําพัง และแมวา อําเภอวัฒนานครเปนผูวางทอลอดเหลี่ยมซึ่งอยูในเขตผูถูกฟองคดีที่ ๑
ที่เปนตนเหตุใหเกิดนํ้าทวมที่นาของผูฟองคดีท้ังสอง แตเมื่อการดําเนินการของอําเภอวัฒนานคร
ดังกลาวสืบเน่ืองจากถนนดินขาด จึงเปนการใหความชวยเหลือในการบรรเทาความเดือดรอน
ของประชาชนทั้งสองฝงในการสัญจร ถือไดวาเปนการสนับสนุนกิจการของผูถูกฟองคดีท้ังสอง
ในการใหความชวยเหลอื ประชาชนอยแู ลว ผถู กู ฟอ งคดที ้งั สองไมอาจอางเพื่อปฏิเสธความรับผิดได
และเมื่อผูถูกฟองคดีทั้งสองไมไดโตแยงในความเสียหายของผูฟองคดีทั้งสองวาไมถูกตองอยางไร
ดังนั้น การที่ศาลปกครองชั้นตนพิจารณากําหนดคาเสียหายโดยใชขอมูลของสํานักงานเกษตร
จังหวัดสระแกว โดยกําหนดใหไรละ ๔,๖๘๑ บาท ผูฟองคดีทั้งสองปลูกขาวบนท่ีดินเน้ือท่ี ๗๘ ไร
จงึ มีสิทธไิ ดรับคา สินไหมทดแทนเปนเงนิ ๓๖๕,๑๖๘ บาท น้ัน เหมาะสมและเปน ธรรมแลว

แนวคาํ วนิ ิจฉัยศาลปกครองสูงสดุ ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๙๖
สําหรบั คา เสียหายจากการทีน่ า้ํ กัดเซาะทด่ี นิ เปนรอ งลึกน้ัน เห็นวา ผูฟองคดีท้ังสอง
อางในคําฟองวา ที่นาถูกน้ํากัดเซาะเปนรองลึกกวา ๒ เมตร กวางกวา ๑๐ เมตร และยาวกวา
๕๐๐ เมตร หากปรับพื้นที่นาใหกลับสูสภาพดังเดิม จะตองเสียคาใชจายในการถมดินคิดเปน
จํานวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยในระหวางพิจารณาคดี ผูฟองคดีท้ังสองไดใหหางหุนสวนจํากัด ส.
ซ่ึงเปนผูมีวิชาชีพในการประกอบกิจการรับขุด ลอกคลอง ถนนดิน ถนนลูกรังและรับเหมางานดิน
ทุกชนิด คํานวณประเมินคาใชจายในการปรับปรุงพื้นท่ีวาท่ีนาถูกนํ้ากัดเซาะเปนรองลึกประมาณ
๒ เมตร ถึง ๓ เมตร กวางประมาณ ๕ เมตร ถึง ๑๐ เมตร ยาวประมาณ ๑,๘๐๐ เมตร คํานวณ
เนื้อท่ีได ๓๓,๗๕๐ ลูกบาศกเมตร คิดคาเสียหายราคาหนวยละ ๘๐ บาท เปนเงินจํานวน
๒,๗๐๐,๐๐๐ บาท สวนผถู ูกฟอ งคดีท่ี ๑ อุทธรณว า กระแสน้ําแรงและเร็วทําใหท่ีดินของผูฟองคดี
เปนรองลึก ๒ ชวง คือ ชวงที่หน่ึง ลึก ๙๒ เซนติเมตร ยาว ๖๒ เมตร กวาง ๑๓ เมตร คิดเปน
๗๔๑.๕๒ ลูกบาศกเมตร ชวงที่สอง ลึก ๑๙๐ เซนติเมตร (๑.๙๐ เมตร) ยาว ๖๑ เมตร
กวาง ๑๗.๕๐ เมตร คิดเปน ๒,๐๒๘.๒๕ ลูกบาศกเมตร รวมเนื้อท่ี ๒,๗๖๙.๗๗ ลูกบาศกเมตร
คาเสียหายหนวยละ ๘๐ บาท คิดเปนเงินจํานวน ๒๒๑,๕๘๑.๖๐ บาท การที่ศาลปกครองชั้นตน
กําหนดใหผูถูกฟองคดีทั้งสองชดใชคาเสียหายกรณีนี้ใหแกผูฟองคดีทั้งสองเปนเงินจํานวน
๑๘๐,๐๐๐ บาท ถอื วาเปนคณุ กับผูถกู ฟองคดีทั้งสอง ดังนั้น การท่ีศาลปกครองช้ันตนพิพากษาให
ผูถูกฟองคดีท้ังสองตองชดใชคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีทั้งสอง เปนเงินจํานวนทั้งส้ิน ๕๔๕,๑๑๘ บาท
จึงเหมาะสมและเปนธรรมแลว ที่ศาลปกครองช้ันตนมีคําพิพากษาใหผูถูกฟองคดีทั้งสองรวมกัน
หรือแทนกันจัดการแกไข เปล่ียนแปลงการวางทอระบายน้ําบริเวณคลองหวยพรหมโหดใหเหมาะสม
และเพยี งพอกบั ปริมาณน้ําหลากโดยวางทอใหลึกถึงทองคลองใหแลวเสร็จภายในหน่ึงรอยยี่สิบวัน
นับแตวันที่คดีถึงท่ีสุด ใหร วมกนั หรือแทนกนั ชําระคาสินไหมทดแทนใหแกผูฟองคดีท้ังสองเปนเงิน
จํานวน ๕๔๕,๑๑๘ บาท พรอมดอกเบี้ยรอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันถัดจากวันฟองเปนตนไป
จนกวา จะชําระเสร็จแกผ ูฟองคดที ้งั สอง โดยใหชําระใหแลวเสร็จภายในหกสิบวันนับแตวันที่คดีถึงท่ีสุด
ยกฟองคําฟองขอหาละเมิดในสวนท่ีฟองเรียกคาสินไหมทดแทนท่ีเกิดข้ึนกอนป พ.ศ. ๒๕๕๕
และใหค ืนคาธรรมเนยี มศาลบางสว นตามสว นของการชนะคดีแกผูฟองคดีท้ังสอง น้ัน ศาลปกครองสูงสุด
เห็นพองดวย แตเม่ือขอเท็จจริงปรากฏตามคําแถลงของผูฟองคดีท้ังสองตอศาลวา ต้ังแต
เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ สถานท่ีเกิดเหตุพิพาทคลองหวยพรหมโหด กระแสนํ้าไหลเปนไป
ตามธรรมชาติ ปกติเหมือนเดิมแลว เนื่องจากไมมีถนนก้ันอีกตอไป ศาลจึงไมจําตองมีคําบังคับให
ผูถูกฟองคดีท้ังสองรวมกันหรือแทนกันจัดการแกไขเปล่ียนแปลงการวางทอระบายน้ําบริเวณ
คลองหวยพรหมโหดแตอยางใด
พิพากษาแก เปน ใหผ ูถกู ฟองคดที ง้ั สองรว มกันหรือแทนกันชําระคาสินไหมทดแทน
ใหแกผูฟองคดีทั้งสองเปนเงินจํานวน ๕๔๕,๑๑๘ บาท พรอมดอกเบี้ยรอยละ ๗.๕ ตอป นับแต
วันถัดจากวันฟองเปนตนไปจนกวาจะชําระเสร็จแกผูฟองคดีทั้งสอง โดยใหชําระใหแลวเสร็จ
ภายในหกสิบวันนบั แตวันท่คี ดถี ึงท่ีสดุ นอกจากทีแ่ ก ใหเปน ไปตามคาํ พิพากษาของศาลปกครองช้นั ตน

แนวคําวนิ ิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๙๗

ฟองขอใหช ดใชคาสนิ ไหมทดแทน กรณีกรมทางหลวงชลบทไมจัดปายเตือนการซอมแซมถนน
เปน เหตใุ หรถยนตเกดิ อุบตั เิ หตุ
คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท่ี อ.๖๕๗/๒๕๖๓

ผฟู อ งคดฟี อ งวา ผูฟองคดีเปน ผูร บั ประกนั วนิ าศภยั และประกันภยั คา้ํ จุน (ประเภท ๑)
รถยนตกระบะบรรทุก ไวจากนาย ส. เม่ือวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๖ นาง ก. ขับรถยนตคันดังกลาว
โดยไดรับความยินยอมจากนาย ส. มาตามถนนหมูบานเมืองนาท เมื่อขับมาถึงบริเวณท่ีอยูหางจาก
องคการบริหารสวนตําบลเมืองนาท ตําบลเมืองนาท อําเภอขามสะแกแสง จังหวัดนครราชสีมา
ประมาณ ๓๐๐ เมตร ถนนบริเวณดังกลาวซ่ึงอยูในความรับผิดชอบของผูถูกฟองคดี
(กรมทางหลวงชนบท) และอยูระหวางดําเนินการซอมแซมผิวถนนโดยการปาดผิวถนนซึ่งเปน
ยางมะตอยเดิมออกเพ่ือลาดยางมะตอยใหม โดยนาง ก. ไมสามารถมองเห็นหลุมท่ีเกิดจาก
การซอ มผิวทางของผถู กู ฟอ งคดีในระยะท่ปี ลอดภัย แตม องเหน็ ในระยะกระช้ันชิดทําใหไมสามารถ
หยุดรถไดทันจึงหักรถหลบหลุมอยางกะทันหันไมสามารถควบคุมรถได ทําใหรถเสียหลักวิ่งลงขางทาง
พลิกควํ่าไดรับความเสียหายหลายรายการ ผูฟองคดีเห็นวา ผูถูกฟองคดีเปนหนวยงานของรัฐ
มีหนาท่ีซอมแซมทางดังกลาวควรท่ีจะจัดใหมีสัญญาณไฟสองสวางและเคร่ืองหมายเตือนให
ผูที่สัญจรไปมาระมัดระวังในระยะท่ีสามารถมองเห็นไดโดยปลอดภัยไมใหเกิดอันตรายตอบุคคล
หรือทรัพยสินของผูใชเสนทาง ซึ่งผูถูกฟองคดีสามารถใชความระมัดระวังเชนวาน้ันไดแตมิได
ใชความระมัดระวังเชนวาน้ัน การกระทําของผูถูกฟองคดีจึงเปนการละเลยตอหนาที่ในการ
บํารุงรักษาทาง ทําใหผูฟองคดีไดรับความเสียหาย เน่ืองจากผูฟองคดีมีหนาที่ตามสัญญาณ
ประกันภัยในการซอมแซมความเสียหายของรถยนตคันดังกลาว ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอให
ศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งใหผูถูกฟองคดีชดใชเงินจํานวน ๑๒๘,๔๗๔ บาท พรอมดอกเบี้ย
ในอตั รารอยละ ๗.๕ ตอป ของตนเงินจํานวน ๑๒๕,๓๔๑ บาท นับถัดจากวันฟองจนกวาจะชําระเสร็จ
แกผ ฟู อ งคดี โดยใหช าํ ระภายใน ๓๐ วนั นับแตวันทีค่ ดีถงึ ทีส่ ุด

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา นาง ก. ขับรถยนตดังกลาวโดยไดรับความยินยอม
จากนาย ส. มาตาม ถนนสายทาง นม. ๑๐๑๕ แยกทางหลวงแผนดินหมายเลข ๒–บานหนองหัวฟาน
อําเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา เปนทางหลวงชนบทตามมาตรา ๙ แหง พ.ร.บ. ทางหลวง
พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งอยูในความรับผิดชอบของผูถูกฟองคดี ตามมาตรา ๒๑ (๗) แหง พ.ร.บ. ปรับปรุง
กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ผูถูกฟองคดีจึงมีภารกิจและอํานาจหนาท่ีตามมาตรา ๕
วรรคหนึ่ง (๒) แหง พ.ร.บ. ทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ และมีภารกิจตามขอ ๒ (๕) ของกฎกระทรวง
แบงสวนราชการกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ในการท่ีจะตองดูแล
บํารุงรักษา และบูรณะถนนดังกลาวใหอยูในสภาพเรียบรอยเพื่อใหประชาชนไดรับความสะดวก
รวดเร็ว และปลอดภัยในการเดินทาง รวมทั้งจัดทํา ปก ติดปายจราจร เครื่องหมายจราจร
เครื่องหมายสัญญาณหรือสัญญาณอยางอ่ืน ขีดเสน เขียนขอความ หรือเคร่ืองหมายอ่ืนใดสําหรับ
การจราจรบนทางหลวง ผูฟองคดีกลาวอางวา อุบัติเหตุท่ีเกิดข้ึนเกิดจากการที่นาง ก. หักรถหลบหลุม

แนวคําวินิจฉัยศาลปกครองสงู สุด ฉบับ Day to Day ป ๒๕๖๓

๓๙๘

บริเวณท่ีมีการปาดผิวถนนอยางกะทันหันทําใหรถพลิกควํ่าไดรับความเสียหายไมสามารถ
ขับเคล่ือนตอได เม่ือถนนบริเวณท่ีเกิดเหตุมีลักษณะของการขุดผิวถนนเพ่ือทําการซอมแซมถนน
เปน เหตใุ หผวิ ถนนเกิดเปนทางตา งระดับ ซงึ่ ผูถูกฟองคดีมหี นา ท่ตี องตรวจตราดแู ลรักษาถนนสายน้ี
ใหอยูในสภาพเรียบรอยใชงานไดอยางปลอดภัย และขณะท่ียังไมสามารถซอมแซมใหใชงานไดดี
ผูถูกฟองคดีก็ควรท่ีจะมีมาตรการดําเนินการเพื่อใหผูใชเสนทางไดรับความสะดวกปลอดภัย
โดยควรติดปายเตือนสะทอนแสงมีตัวอักษรขนาดใหญที่สามารถมองเห็นไดชัดเจนทั้งในเวลา
กลางวนั และเวลากลางคนื เปน ระยะ ๆ โดยระบุระยะทางท่ีจะถงึ จุดเกิดเหตุ และควรมีปายกําหนด
อัตราความเร็วของยานพาหนะกอนถึงจุดเกิดเหตุรวมทั้งติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบบนปายเตือน
ทุกปาย เพ่ือเตือนผูใชเสนทางใหลดความเร็วและเตรียมพรอม ซึ่งมาตรการดังกลาวสามารถ
กระทําไดโดยไมยุงยาก แมผูถูกฟองคดีมีปายเตือนโดยระบุขอความวา “ระวัง...ทางขางหนา
ชํารุด” ซึ่งเปนปายพ้ืนสีขาว ตัวอักษรสีแดง โดยไมมีไฟสองสวางใหเห็นขอความดังกลาว
โดยชัดเจน ประกอบกับในเวลากลางคืนถนนบริเวณที่เกิดเหตุไมมีไฟสองสวางขางทาง และไมมี
บานเรือนของประชาชน อันเปนเหตุใหในบริเวณที่เกิดเหตุมืดมาก จึงเปนการยากท่ีผูขับข่ี
ยานพาหนะผานถนนดังกลาวจะเห็นขอความคําเตือนไดโดยงาย การติดปายคําเตือนดังกลาว
จึงยังไมเพียงพอตอการกระทําเพื่อปองกันผลรายท่ีอาจจะเกิดข้ึนไดจากการท่ีพ้ืนผิวถนนมีสภาพ
เปนทางตางระดับดังกลาว กรณีจึงถือไดวาความเสียหายดังกลาวเกิดจากการละเลยตอหนาที่
ของผูถูกฟองคดี จึงเปนการละเมิดตอเจาของหรือผูครอบครองรถตามมาตรา ๔๒๐ แหงประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย เมื่อผูฟองคดีในฐานะผูรับประกันภัยไดชดใชคาเสียหายแก
ผูเอาประกันภัยแลว ผูฟองคดีจึงรับชวงสิทธิเรียกรองใหผูถูกฟองคดีรับผิดและชดใชคาสินไหม
ทดแทนได ตามมาตรา ๘๘๐ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายเดียวกัน เม่ือปรากฏวา นาง ก.
ใชเสนทางดังกลาวเพื่อไปติดตอธุระที่บานเสมาทั้งขาไปและขากลับ ซ่ึงตอนขาไปนาง ก.
ยอมตองทราบถึงสภาพของถนนเสนดังกลาวท่ีมีความชํารุด ประกอบกับเสนทางดังกลาว
อยูในละแวกใกลเคียงกับบานของนาง ก. ซึ่งโดยปกติวิสัยของวิญูชนทั่วไปแลว ยอมทราบ
ถึงสภาพของถนนแตละชวงวามีลักษณะเชนใด และเมื่อถนนเสนดังกลาวซ่ึงไมมีไฟทางสองสวาง
และบรเิ วณรมิ ถนนเปน ทงุ นา มีเพยี งแสงไฟจากบา นเรอื นของชาวบานซึ่งตั้งอยูหางกัน อันเปนเหตุ
ใหถนนในบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุในเวลาค่ําคืนมีสภาพมืดมาก การขับรถยนตคงอาศัยแตเพียงแสงไฟ
จากรถยนตเทานั้น นาง ก. ซ่ึงมีบานอยูในบริเวณดังกลาวยอมทราบถึงสภาพทัศนวิสัยยามคํ่าคืน
ของถนนเสนดังกลาวเปนอยางดี จึงควรตองขับรถยนตโดยใชความระมัดระวังยิ่งกวาในการ
ขับรถยนตในเวลากลางวัน และเมื่อพิจารณาความเสียหายของรถยนตท่ีประสบอุบัติเหตุ
ประกอบกับบันทึกถอยคําที่บันทึกไวหลังเกิดอุบัติเหตุในวันเกิดเหตุ นาง ก. ใหถอยคําวา
ตนเหยียบเบรกเปนเหตุใหรถยนตเสียหลักตกขางทางพลิกคว่ําแลวกลับมาตั้งเหมือนเดิม
ชี้ใหเห็นวา นาง ก. ตองขับรถยนตคันเกิดเหตุดวยความเร็วสูงมาก ถือไดวา นาง ก. ขับขี่รถยนต
โดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเชนนั้นจักตองมีตามวิสัยและพฤติการณอยูดวย
ดังน้ี ผลแหงการละเมิดท่ีเกิดขึ้น นาง ก. จึงมีสวนกอใหเกิดความเสียหายครั้งน้ีไมนอยกวา

แนวคาํ วนิ จิ ฉยั ศาลปกครองสูงสุด ฉบบั Day to Day ป ๒๕๖๓


Click to View FlipBook Version