หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๑ ช่ือหน่วยเรียงถ้อยรอ้ ยอักษร แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๕ เวลา ๑ ชัว่ โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เร่ือง รอยจารแผน่ ดนิ (2) ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๓
สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด กจิ กรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
ขัน้ นา หอ้ งสมุด
ศิลาจารกึ พ่อขุนรามคาแหงด้านที่ ๑ บรรทดั ท่ี ๑ นักเรยี นร่วมกนั ทบทวนเกีย่ วกบั ทม่ี าและความสาคญั
ถงึ ๑๘ เปน็ พระราชประวตั ขิ องพ่อขนุ รามคาแหงมหาราช ของหลักศลิ า สอ่ื
ระบุพระนามพระราชบิดา พระราชมารดาและพระเชษฐา 1. ใบความรู้ “ศลิ าจารึกหลักที่ 1”
ต่อด้วยพระเกียรติประวัตใิ นการรบกับขนุ สามชนเจา้ เมือง 2. ใบงาน “แผนภาพความคิด (ศิลาจารกึ หลักที่ ๑)”
ฉอดในสมยั ของพระราชบดิ า จนได้รบั พระราชทานพระนาม ขน้ั สอน 3. ใบงาน“จารึกบนแผน่ ศลิ า หลกั ที่ ๑ (ประโยคสามัญ)”
จากพระราชบิดาว่า “รามคาแหง” ครัน้ พระราชบิดา ๑. แบ่งนกั เรยี นเป็นกล่มุ ตามความสมัครใจ กลุ่มละ 3 - 4 คน
-23- สวรรคตแลว้ พระเชษฐาได้ครองเมืองต่อ พระองค์กป็ ฏิบัติ แต่ละกลุ่มอ่านใบความรู้ “ศิลาจารกึ หลักท่ี 1” ภาระงาน/ชิ้นงาน
ดว้ ยความจงรกั ภกั ดตี ่อพระเชษฐา เม่ือพระเชษฐาสวรรคต ๒. นักเรียนรว่ มกันสรปุ สาระสาคญั และทาใบงาน “แผนภาพ ๑. การทาใบงาน “แผนภาพความคดิ (ศลิ าจารึกหลักท่ี ๑)”
พระองคจ์ ึงได้ข้ึนครองราชย์ ความคดิ (ศิลาจารึกหลกั ท่ี ๑)” ๒. การทาใบงาน“จารึกบนแผ่นศิลา หลกั ท่ี ๑
3. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอหน้าชัน้ เรียน เพ่ือน ๆ ชว่ ยกัน (ประโยคสามัญ)”
ตรวจสอบ โดยครใู หค้ าแนะนาเพ่ิมเติม การวัดและประเมนิ ผล
จุดประสงค์การเรียนรู้ 4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มช่วยกันทาใบงาน “จารึกบนแผน่ ศลิ า การประเมินการทางานกลุ่ม
ดา้ นความรู้ หลกั ที่ ๑ (ประโยคสามัญ)”
วิเคราะห์ประโยคสามัญทปี่ รากฏในศลิ าจารึกหลกั ท่ี ๑ 5. นกั เรยี นกลุ่มอาสาสมัครออกมานาเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น
เพือ่ น ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบ โดยครใู หค้ าแนะนาเพมิ่ เติม
ด้านทกั ษะและกระบวนการ
เขยี นผังความคิดสรปุ เน้ือหาสาระของศลิ าจารึก หลักท่ี ๑
ด้านคณุ ลักษณะ ขัน้ สรปุ
๑. ใฝเ่ รียนรู้ นักเรยี นร่วมกนั สรปุ ประโยคสามัญท่ีพบในศลิ าจารึก หลกั ท่ี ๑
๒. มุง่ มน่ั ในการทางาน ในประเดน็ ดังนี้
-23-
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ ช่ือหน่วยเรียงถอ้ ยร้อยอักษร แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๕ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๒
สมรรถนะท่ีต้องการให้เกดิ กับผเู้ รียน เร่ือง รอยจารแผน่ ดิน (2)
1. การสื่อสาร รายวิชา ภาษาไทย ๓
2. การคดิ ขั้นสงู
- ลักษณะของประโยคที่พบในศลิ าจารึกหลักที่ ๑
- หลกั การวิเคราะหป์ ระโยคสามญั
- ประโยคสามญั ท่ีพบในศลิ าจารกึ หลกั ท่ี ๑ มีคุณค่า
หรอื ขอ้ คดิ ต่อการดาเนนิ ชีวติ อยา่ งไรบ้าง
-24-
-24-
ใบงาน
“แผนผังความคดิ (ศลิ าจารึกหลกั ท่ี ๑)”
คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นเขยี นแผนภาพความคิดตามท่ีกาหนดให้
สาระสาคญั ของหลักศลิ า ดา้ นที่ ๑ ผปู้ ระพันธ์
....................................................................... ...........................................................
....................................................................... ...........................................................
....................................................................... ...........................................................
.......................................................................
.......................................................................
.......................................................................
.......................................................................
ศิลาจารกึ หลักที่ ๑
ท่มี าของเรือ่ ง ลักษณะประพนั ธ์
....................................................................... ...........................................................
....................................................................... ...........................................................
....................................................................... ...........................................................
.......................................................................
.......................................................................
.......................................................................
.......................................................................
-25-
-25-
ใบงาน
“จารึกบนแผน่ ศิลา หลกั ท่ี ๑ (ประโยคสามญั )”
คาชี้แจง ให้นกั เรียนวเิ คราะห์ประโยคสามัญท่ีพบจากเร่อื ง “ศลิ าจารกึ หลกั ที่ ๑”
ประโยคสามญั
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
-26-
-26-
(เฉลย) ใบงาน
“จารกึ บนแผ่นศิลา หลกั ที่ ๑ (ประโยคสามญั )”
คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนวเิ คราะหป์ ระโยคสามัญที่พบจากเร่ือง “ศลิ าจารึก หลักท่ี ๑”
ประโยคสามัญ
พอ่ กชู ื่อศรีอินทราทิตย์
แม่กูชอ่ื นางเสอื ง
พ่กี ูชอื่ บานเมอื ง
กูมีพน่ี ้องพอ่ แมเ่ ดียวกนั หา้ คน
พ่ชี ายคนโตตายจากเราทงั้ สองไปต้ังแตย่ งั เล็ก
ขุนสามชนเจา้ เมืองฉอดมาตเี มอื งตาก
พอ่ กูไปรบกับขุนสามชน
ปีกซา้ ยขุนสามชนนาทพั มา
ปกี ขวาของกองทพั ขนุ สามชนกเ็ คลื่อนเขา้ ล้อม
ไพรพ่ ลของพอ่ กูต่างหนีกนั อย่างชุลมุน
กูไม่หนี
กูขชี่ า้ งเบกพล
ขบั เขา้ ชนช้างกับขนุ สามชน
ตัวกชู นช้างขุนสามชน
กูชนะ
ขุนสามชนแพ้หนไี ป
กูชนชา้ งรบชนะขุนสามชน
กปู รนนบิ ตั ิรบั ใช้พ่อกู
กปู รนนบิ ตั ิรบั ใชแ้ มก่ ู
กไู ด้สตั ว์บกสัตวน์ ้า
กูไปคล้องช้างได้
-27-
-27-
ประโยคสามัญ
กกู เ็ อามาให้พ่อกู
กูไปตีเมอื งได้ชา้ ง
ได้บริวารชายหญิง
ไดเ้ งินไดท้ อง
กกู ็เอามาใหแ้ กพ่ อ่ กู
พอ่ กตู าย
พี่กูยงั อยู่
กูก็พรา่ รบั ใช้ปรนนิบัติพก่ี ู
เม่อื พกี่ ูตาย
กูจงึ ได้ครองเมอื งทง้ั หมด
-28-
-28-
แบบประเมนิ การทางานกลมุ่
คาช้ีแจง ให้ครูประเมนิ การทางานกลุ่มของนกั เรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมนิ ๓ ระดบั คะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี ไม่มกี ารกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนร่วม สมาชกิ อยา่ งชดั เจน กาหนดบทบาทหนา้ ที่ หน้าที่
มีส่วนร่วมในการปฏบิ ตั ิ สมาชิกไมค่ รบถว้ น มสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกล่มุ มสี ่วนรว่ มในการปฏบิ ตั ิ งานกลมุ่ นอ้ ยมาก
คดิ เหน็ รบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกลุม่ บา้ ง หรือไมม่ สี ่วนร่วม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟงั และแสดงความคดิ เหน็ รับฟงั ความคิดเห็นของผอู้ ืน่
อยา่ งสม่าเสมอ อยา่ งมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ น้อยมากหรอื ไม่รบั ฟัง
รับผิดชอบงานทีไ่ ดร้ ับ เป็นบางครั้ง ความคดิ เหน็ ผูอ้ ่นื
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รบั ผดิ ชอบงานที่ได้รับ ไมร่ บั ผิดชอบงานทไ่ี ดร้ ับ
ทก่ี าหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคดิ คะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนท่ีได้/คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมิน การแปลผล
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดมี าก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
ร้อยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-29-
-29-
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ ชื่อหน่วยเรยี งถอ้ ยรอ้ ยอกั ษร แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๖ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง รอยจารแผน่ ดิน (3) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๓ แหล่งเรียนรู้
หอ้ งสมดุ
สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื
ขน้ั นา 1. ใบความรู้ “ศิลาจารึกหลักที่ 1”
ศลิ าจารกึ พ่อขนุ รามคาแหงด้านที่ ๑ บรรทดั ท่ี ๑ ถงึ ๑๘ นักเรียนเลอื กประโยคทช่ี ื่นชอบมากทีส่ ุดจากเร่ือง
เป็นพระราชประวัตขิ องพ่อขุนรามคาแหงมหาราช (จากแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5)
ระบพุ ระนามพระราชบิดา พระราชมารดาและพระเชษฐา “ศลิ าจารกึ หลกั ที่ ๑” (ใชใ้ บความรู้ “ศลิ าจารกึ หลักท่ี 1” 2. แถบขอ้ ความ
ต่อดว้ ยพระเกยี รติประวัตใิ นการรบกับขนุ สามชน จากแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5) 3. ใบงาน “จารกึ บนแผน่ ศิลา หลักที่ ๑ (ประโยครวม)”
ภาระงาน/ช้นิ งาน
-30- เจา้ เมืองฉอด ในสมยั ของพระราชบดิ า จนได้รับ ขัน้ สอน การทาใบงาน “จารกึ บนแผ่นศลิ า หลกั ท่ี ๑ (ประโยครวม)”
พระราชทานพระนามจากพระราชบิดาวา่ “รามคาแหง” ๑. นักเรียนจบั ค่กู ับเพื่อนตามความสมัครใจ ร่วมกันอา่ น การวดั และประเมินผล
ครนั้ พระราชบิดาสวรรคตแล้ว พระเชษฐาไดค้ รองเมือง แถบข้อความที่ครตู ดิ บนกระดาน จากน้ันเตมิ คาเชื่อมระหว่าง -
ตอ่ พระองคก์ ็ปฏิบตั ิด้วยความจงรักภักดีต่อพระเชษฐา แถบข้อความ
เมื่อพระเชษฐาสวรรคต พระองคจ์ งึ ได้ข้ึนครองราชย์ 2. นักเรียนอาสาสมคั รออกมานาเสนอ เพื่อน ๆ ชว่ ยกนั
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ตรวจสอบ โดยครูให้คาแนะนาเพม่ิ เติม
3. นกั เรียนแตล่ ะคทู่ าใบงาน “จารกึ บนแผน่ ศิลา หลกั ที่ ๑
ด้านความรู้ (ประโยครวม)” จากน้นั นาเสนอประโยครวมท่เี รยี บเรยี ง
ระบุคาเชอื่ มในประโยครวม เพ่ือน ๆ ช่วยกันตรวจสอบ โดยครใู ห้คาแนะนาเพิม่ เติม
ด้านทักษะและกระบวนการ
เรยี บเรียงประโยครวม ข้นั สรปุ
ด้านคุณลักษณะ นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ วา่ ในประเด็นประโยครวมที่เรียบเรยี ง
๑. ใฝ่เรยี นรู้ ไดค้ รบสมบูรณ์ มปี ระโยชนอ์ ยา่ งไรในการสือ่ สาร
๒. ม่งุ ม่นั ในการทางาน
-30-
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ ช่ือหน่วยเรยี งถอ้ ยร้อยอักษร แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๖ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เรอื่ ง รอยจารแผ่นดิน (3) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒
สมรรถนะท่ตี ้องการใหเ้ กิดกับผเู้ รียน
1. การส่ือสาร รายวชิ า ภาษาไทย ๓
2. การคิดขน้ั สูง
-31-
-31-
แถบขอ้ ความ
พ่อกูชื่อศรีอนิ ทราทิตย์ แมก่ ชู ่ือนางเสอื ง
กบู าเรอแก่พอ่ กู กบู าเรอแก่แม่กู
กไู ปทีบ่ า้ นท่เมืองไดช้ ้างได้งวง ไดป้ ว่ั ได้นาง
หัวซ้ายขุนสามชนขับมา หวั ขวาขุนสามชนเกลื่อนเข้า
กูปรนนิบตั ิรบั ใช้พ่อกู กปู รนนิบตั ิรับใชแ้ มก่ ู
-32-
-32-
ใบงาน
“จารกึ บนแผ่นศลิ า หลกั ที่ ๑ (ประโยครวม)”
คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นเตมิ คาเชอ่ื มระหว่างประโยคใหถ้ ูกต้อง
ศลิ าจารกึ พอ่ ขุนรามคาแหง
พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ (๑)…………… แม่กูชื่อนางเสือง พ่ีกูช่ือบานเมือง กูมีพี่น้องพ่อแม่เดียวกันห้า
คน ผู้ชายสามคน ผหู้ ญิงสองคน (๒)…………… พ่ชี ายคนโตตายจากเราท้งั สองไปตงั้ แต่ยงั เลก็
เมื่อกูเติบใหญ่ อายุได้ ๑๙ ปี ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดมาตีเมืองตาก พ่อกูไปรบกับขุนสามชน ปีกซ้าย
ขุนสามชนนาทัพมา (๓)……………ปีกขวาของกองทัพขุนสามชนก็เคลื่อนเข้าล้อม ไพร่พลของพ่อกูต่างหนีกัน
อยา่ งชุลมุน (๔)…………… กไู ม่หนี กขู ่ชี า้ งเบกพล (๕)…………… ขบั เขา้ ชนช้างกับขุนสามชน
ตัวกูชนช้างขุนสามชนท่ีชื่อมาสเมือง กูชนะ (๖)…………… ขุนสามชนแพ้หนีไป พ่อกูจึงตั้งช่ือให้กูว่า
พระรามคาแหง เพราะกูชนชา้ งรบชนะขุนสามชน
เม่ือสมัยพ่อกู กูปรนนิบัติรบั ใชพ้ ่อกู (๗)…………… กูปรนนิบตั ิรบั ใช้แม่กู กูได้สัตวบ์ กสัตว์นา้ กูก็เอามา
ให้พ่อกู กูได้ผลไมร้ สเปรี้ยวรสหวานอันใดท่ีรสชาตอิ รอ่ ย กูก็เอามาให้พ่อกู กไู ปคล้องช้างได้ กูก็เอามาใหพ้ ่อกู
กไู ปตเี มอื งได้ช้าง ได้บริวารชายหญิง (๘)…………… ได้เงินได้ทอง กูกเ็ อามาใหแ้ ก่พ่อกู
-33-
-33-
(เฉลย) ใบงาน
“จารกึ บนแผน่ ศิลา หลกั ท่ี ๑ (ประโยครวม)”
คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นเตมิ คาเช่อื มระหวา่ งประโยคใหถ้ ูกต้อง
ศิลาจารกึ พอ่ ขนุ รามคาแหง
พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ (๑)และ แม่กูชื่อนางเสือง พ่ีกูชื่อบานเมือง กูมีพ่ีน้องพ่อแม่เดียวกันห้าคน
ผชู้ ายสามคน ผู้หญงิ สองคน (๒)แต่ พช่ี ายคนโตตายจากเราท้ังสองไปตง้ั แต่ยงั เลก็
เม่ือกูเติบใหญ่ อายุได้ ๑๙ ปี ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดมาตีเมืองตาก พ่อกูไปรบกับขุนสามชน ปีกซ้าย
ขุนสามชนนาทัพมา (๓)และ ปีกขวาของกองทัพขุนสามชนก็เคลื่อนเข้าล้อม ไพร่พลของพ่อกูต่างหนีกันอย่าง
ชลุ มนุ (๔)แต่ กูไม่หนี กขู ่ีชา้ งเบกพล (๕)และ ขบั เข้าชนช้างกบั ขุนสามชน
ตัวกูชนช้างขุนสามชนที่ชื่อมาสเมือง กูชนะ (๖)แต่ ขุนสามชนแพ้หนีไป พ่อกูจึงตั้งชื่อให้กูว่าพระ
รามคาแหง เพราะกชู นชา้ งรบชนะขุนสามชน
เม่ือสมัยพ่อกู กูปรนนิบัติรับใช้พ่อกู (๗)และ กูปรนนิบัติรับใช้แม่กู กูได้สัตว์บกสัตว์น้า กูก็เอามาให้
พ่อกู กูได้ผลไม้รสเปร้ียวรสหวานอันใดที่รสชาติอร่อย กูก็เอามาให้พ่อกู กูไปคล้องช้างได้ กูก็เอามาให้พ่อกู
กูไปตีเมอื งไดช้ า้ ง ไดบ้ ริวารชายหญิง (๘)และ ได้เงินได้ทอง กกู ็เอามาให้แก่พอ่ กู
-34-
-34-
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี ๑ ชื่อหน่วยเรียงถ้อยร้อยอกั ษร แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๗ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เรอ่ื ง รอยจารแผน่ ดนิ (4) ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๒
รายวชิ า ภาษาไทย ๓
สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้
ข้ันนา ห้องสมุด
ศิลาจารกึ พ่อขุนรามคาแหงด้านที่ ๑ บรรทัดท่ี ๑ นักเรยี นร่วมกันตอบคาถามที่เกย่ี วขอ้ งกบั ศิลาจารึก หลักท่ี 1
ถงึ ๑๘ เป็นพระราชประวัติของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช ในประเดน็ ดังน้ี สอ่ื
ระบพุ ระนามพระราชบิดา พระราชมารดาและพระเชษฐา ใบงาน “จารกึ บนแผน่ ศลิ า หลกั ท่ี ๑ (ประโยคซ้อน)
ตอ่ ด้วยพระเกียรติประวัตใิ นการรบกบั ขนุ สามชนเจา้ เมอื ง - จุดประสงคใ์ นการแตง่ ศิลาจารึก หลักท่ี ๑ คืออะไร
ฉอดในสมยั ของพระราชบิดา จนไดร้ บั พระราชทานพระนาม - วถิ ีชีวิตความเปน็ อยู่ของชาวสโุ ขทัยจากการศึกษาศิลา ภาระงาน/ชนิ้ งาน
จากพระราชบดิ าว่า “รามคาแหง” ครนั้ พระราชบดิ า จารกึ หลักท่ี ๑ นน้ั เป็นอยา่ งไร การทาใบงาน “จารกึ บนแผน่ ศลิ า หลกั ที่ ๑ (ประโยคซ้อน)
-35- สวรรคตแลว้ พระเชษฐาได้ครองเมืองต่อ พระองค์กป็ ฏิบตั ิ ขนั้ สอน การวดั และประเมนิ ผล
ดว้ ยความจงรกั ภกั ดีต่อพระเชษฐา เม่อื พระเชษฐาสวรรคต 1. นักเรียนจบั ค่กู บั เพื่อนตามความสมัครใจ ทาใบงาน “จารึก -
พระองคจ์ งึ ได้ข้นึ ครองราชย์ บนแผน่ ศลิ า หลักที่ ๑ (ประโยคซ้อน)”
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๒. นักเรยี นนาเสนอหน้าชนั้ เรยี น เพอ่ื น ๆ ช่วยกันตรวจสอบ
โดยครใู ห้คาแนะนาเพ่ิมเตมิ
ดา้ นความรู้
วเิ คราะห์ประโยคซ้อน
ด้านทกั ษะและกระบวนการ ข้นั สรุป
เขยี นสรปุ ใจความสาคัญ นกั เรยี นรว่ มกันสรปุ ลกั ษณะของประโยคซ้อน
ดา้ นคุณลกั ษณะ
๑. ใฝเ่ รียนรู้
๒. มงุ่ ม่นั ในการทางาน
-35-
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๑ ชื่อหน่วยเรยี งถอ้ ยรอ้ ยอักษร แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรื่อง รอยจารแผ่นดิน (4) ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒
สมรรถนะท่ตี ้องการใหเ้ กดิ กับผู้เรียน
การส่ือสาร รายวชิ า ภาษาไทย ๓
-36-
-36-
ใบงาน
“จารึกบนแผน่ ศิลา หลกั ที่ ๑ (ประโยคซ้อน)”
คำชแี้ จง ให้นกั เรยี นขดี เสน้ ใต้กำกับใต้ประโยคซอ้ นจำกบทอ่ำนต่อไปนี้
ศิลาจารึกพอ่ ขุนรามคาแหง
พ่อขุนรามคาแหงมหาราช เป็นพระราชโอรสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์กับนางเสือง มีพระเชษฐา ๒
พระองค์ และพระขนิษฐา ๒ พระองค์ รวมเป็น ๕ พระองค์ พระเชษฐาพระองค์ใหญ่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรง
พระเยาว์ สว่ นพระเชษฐาอีกพระองค์หน่ึงมีพระนามวา่ พ่อขนุ บานเมอื ง
เม่ือพ่อขุนรามคาแหงมีพระชนมายุ ๑๙ พรรษา ได้เสด็จไปในทัพของพระบรมราชชนก
เหตุการณ์สาคัญในวันนั้น คือ พ่อขุนรามคาแหงชนช้างของขุนสามชนซึ่งมีช่ือว่ามาสเมอื ง พระองค์กระทายุทธ
หัตถีชนะขนุ สามชนซ่งึ เปน็ เจ้าเมอื งฉอด จงึ ได้รบั พระราชทานพระนามจากพระบรมราชชนกวา่ “รามคาแหง”
พ่อขุนรามคาแหงปรนนิบัติรับใช้พ่อขุนศรีอินทราทิตย์กับนางเสือง เม่ือใดได้สตั ว์บกสัตว์น้า ได้ผลไม้
รสเปรี้ยวรสหวานอันใดที่มีรสชาติอร่อย คล้องช้างได้ ตีเมืองได้ช้าง ได้บริวารชายหญิงและได้เงินได้ทอง
ก็นามาถวายให้พระราชบิดา พ่อขุนบานเมืองได้เสด็จข้ึนครองราชย์สมบัติเม่ือพระบรมราชชนกสวรรคต
พ่อขุนรามคาแหงก็รับใช้ปรนนิบัติพ่อขุนบานเมืองเหมือนท่ีปรนนิบัติกับพระราชบิดา เมื่อพ่อขุนบานเมือง
สวรรคต พอ่ ขุนรามคาแหงจงึ ได้ครองเมืองทั้งหมด
จารึกเป็นเอกสารที่ให้ความรู้เกี่ยวกับวิชาการด้านภาษาศาสตร์ อักษรศาสตร์ และนิรุกติศาสตร์
และถือว่าเปน็ เอกสารประวตั ิศาสตร์ท่ีแสดงวัฒนธรรมของชนชาติเจ้าของจารึกว่ามีอดีตความเป็นมาอย่างไรด้วย
-37-
-37-
(เฉลย) ใบงาน
“จารึกบนแผน่ ศิลา หลกั ท่ี ๑ (ประโยคซ้อน)”
คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนขดี เสน้ ใต้กำกบั ใต้ประโยคซอ้ นจำกบทอำ่ นต่อไปน้ี
ศลิ าจารึกพ่อขนุ รามคาแหง
พ่อขุนรามคาแหงมหาราช เป็นพระราชโอรสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์กับนางเสือง มีพระเชษฐา ๒
พระองค์ และพระขนิษฐา ๒ พระองค์ รวมเป็น ๕ พระองค์ พระเชษฐาพระองค์ใหญ่ส้ินพระชนม์ตั้งแต่ยังทรง
พระเยาว์ ส่วนพระเชษฐาอกี พระองค์หนงึ่ มีพระนามวา่ พอ่ ขนุ บานเมอื ง
เม่ือพ่อขุนรามคาแหงมีพระชนมายุ ๑๙ พรรษา ได้เสด็จไปในทัพของพระบรมราชชนก
เหตกุ ารณ์สาคัญในวันนั้น คือ พ่อขนุ รามคาแหงชนช้างของขุนสามชนซ่ึงมีช่ือว่ามาสเมือง พระองค์กระทายุทธ
หตั ถชี นะขนุ สามชนซ่ึงเป็นเจา้ เมอื งฉอด จงึ ได้รบั พระราชทานพระนามจากพระบรมราชชนกวา่ “รามคาแหง”
พอ่ ขุนรามคาแหงปรนนิบัตริ ับใช้พอ่ ขุนศรีอนิ ทราทิตย์กับนางเสือง เมื่อใดได้สตั วบ์ กสัตว์นา้ ได้ผลไม้
รสเปรี้ยวรสหวานอันใดท่ีมีรสชาติอร่อย คล้องช้างได้ ตีเมืองได้ช้าง ได้บริวารชายหญิงและได้เงินได้ทอง
ก็นามาถวายให้พระราชบิดา พ่อขุนบานเมืองได้เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติเม่ือพระบรมราชชนกสวรรคต
พ่อขุนรามคาแหงก็รับใช้ปรนนิบัติพ่อขุนบานเมืองเหมือนท่ีปรนนิบัติกับพระราชบิดา เมื่อพ่อขุนบานเมือง
สวรรคต พอ่ ขุนรามคาแหงจงึ ได้ครองเมืองทั้งหมด
จารึกเป็นเอกสารที่ให้ความรู้เก่ียวกับวิชาการด้านภาษาศาสตร์ อักษรศาสตร์ และนิรุกติศาสตร์
และถอื ว่าเป็นเอกสารประวตั ศิ าสตรท์ สี่ าคัญ
-38-
-38-
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ ชื่อหน่วยเรียงถอ้ ยรอ้ ยอกั ษร แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๘ เวลา ๑ ช่วั โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เรอ่ื ง รอยจารแผ่นดนิ (5) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๓
สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้
ศลิ าจารกึ พอ่ ขุนรามคาแหง เป็นเอกสารเก่าแก่ ขนั้ นา หอ้ งสมดุ
มาจารึกท่ีกลา่ วถงึ พระราชประวัตขิ องพ่อขุนรามคาแหง นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ในประเดน็ สอ่ื
เหตกุ ารณบ์ ้านเมืองและความเจริญรุ่งเรืองในรัชสมยั ของ “สง่ิ ดี ๆ ทน่ี กั เรยี นต้องการให้มีในชุมชน/หมบู่ า้ น ใบงาน “คุณคา่ และข้อคดิ จากศิลาจารกึ หลักท่ี ๑”
พระองค์ และพระราชกรณียกิจของพระองค์ ศิลาจารึก ของตนเอง”
พ่อขนุ รามคาแหงตอนท่ี ๑ เป็นผลงานที่มีการใช้ภาษาร้อย ขั้นสอน ภาระงาน/ชนิ้ งาน
แกว้ ท่มี ีสัมผัสคล้องจอง มีการซา้ คา ท้ังยังสะท้อนสภาพ ๑. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ ตามความสมัครใจ แต่ละกลุ่มลือกหัวขอ้ การทาใบงาน “คุณคา่ และข้อคิดจากศิลาจารึกหลักที่ ๑”
สังคมในสมัยสโุ ขทยั คือ มีการทาสงคราม บ้านเมอื งมีความ จากใบงานใบงาน “คุณค่าและข้อคิดจากศิลาจารึกหลกั ท่ี ๑”
-39- อุดมสมบูรณ์ และการสบื ราชสนั ตตวิ งศ์ นอกจากนีย้ งั ให้ (โดยไม่ซา้ กนั ) เม่ือได้หวั ข้อแล้ว ใหอ้ ภปิ รายเพือ่ ทากิจกรรม การวดั และประเมนิ ผล
ข้อคิดที่สามารถนาไปปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ีกดว้ ย ในใบงานดังกลา่ ว แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม
การศกึ ษาศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหง ทาใหไ้ ด้เรยี นรู้ 2. นักเรยี นแต่ละกลุ่มนาเสนอเลือกหน้าช้ันเรียน โดยมกี ติกา
ประวตั ิศาสตรใ์ นสมยั ของพระองค์ พระราชบิดาและ การนาเสนอดังน้ี
พระเชษฐา ศลิ าจารึกพ่อขุนรามคาแหงจึงเป็นวรรณคดี - ตง้ั คาถามประเด็นท่ีนาเสนอ ดงั น้ี
เรื่องแรกทที่ รงคุณค่าเป็นอย่างมาก
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ กลมุ่ ท่ี ๑ นาเสนอ (กลมุ่ ท่ี ๒ และ 3 จะตอ้ งตงั้ คาถาม
ดา้ นความรู้ ถามกลมุ่ ๑ อยา่ งน้อย ๑ คาถาม)
ระบคุ ณุ ค่าและข้อคิดจากศิลาจารึก หลกั ท่ี 1
ด้านทักษะและกระบวนการ กลุ่มท่ี ๒ นาเสนอ (กล่มุ ที่ 1 และ ๓ จะตอ้ งต้ังคาถาม
เขยี นแผนภาพความคดิ คุณคา่ และข้อคิดจากวรรณคดี ถามกลุ่ม ๒ อย่างน้อย ๑ คาถาม)
ของศลิ าจารึก หลักที่ 1
กล่มุ ที่ ๓ นาเสนอ (กลุม่ ที่ 1 และ 2 จะต้องตัง้ คาถาม
ถามกลมุ่ ๓ อยา่ งน้อย ๑ คาถาม)
-39-
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ ช่ือหน่วยเรียงถ้อยร้อยอักษร แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๘ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๒
ดา้ นคณุ ลักษณะ เรอ่ื ง รอยจารแผน่ ดนิ (5)
๑. ใฝ่เรยี นรู้ รายวิชา ภาษาไทย ๓
๒. มุ่งมัน่ ในการทางาน
ข้ันสรุป
สมรรถนะที่ต้องการใหเ้ กิดกับผู้เรียน นักเรยี นร่วมกันสรปุ คุณค่าและข้อคิดจากเรอื่ งศลิ าจารกึ
1. การส่ือสาร หลกั ท่ี ๑ ในประเด็นดังต่อไปนี้
2. การคดิ ขัน้ สงู
- คณุ ค่าและข้อคดิ ทไ่ี ด้รับจากเรอื่ งศิลาจารกึ หลกั ท่ี 1
- คุณค่าและข้อคิดนน้ั สามารถนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั
ไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง
-40-
-40-
ใบงาน
“คุณคา่ และข้อคดิ จากศิลาจารึกหลักที่ ๑”
คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเลือกประเด็นทสี่ นใจจากหวั ข้อที่กาหนดให้ จากนนั้ นาวิเคราะห์ความสอดคล้อง
กบั เน้ือหาสาระที่ปรากฏในเร่ืองศิลาจารึก หลักท่ี 1 โดยจดั ทาเป็นแผนภาพความคดิ
หัวข้อทีก่ าหนด 2. ความกตญั ญู 3. ความกล้าหาญ
1. บ้านเมอื งอุดมสมบรู ณ์
แผนภาพความคดิ
หวั ข้อที่เลอื ก ..........................................................................................................
-41-
-41-
แบบประเมนิ การทางานกลมุ่
คาช้ีแจง ให้ครูประเมนิ การทางานกลุ่มของนกั เรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมนิ ๓ ระดบั คะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี ไม่มกี ารกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนร่วม สมาชกิ อยา่ งชดั เจน กาหนดบทบาทหนา้ ที่ หน้าที่
มีส่วนร่วมในการปฏบิ ตั ิ สมาชิกไมค่ รบถว้ น มสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกล่มุ มสี ่วนรว่ มในการปฏบิ ตั ิ งานกลมุ่ นอ้ ยมาก
คดิ เหน็ รบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกลุม่ บา้ ง หรือไมม่ สี ่วนร่วม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟงั และแสดงความคดิ เหน็ รับฟงั ความคิดเห็นของผอู้ ืน่
อยา่ งสม่าเสมอ อยา่ งมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ น้อยมากหรอื ไม่รบั ฟัง
รับผิดชอบงานทีไ่ ดร้ ับ เป็นบางครั้ง ความคดิ เหน็ ผูอ้ ่นื
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รบั ผดิ ชอบงานที่ได้รับ ไมร่ บั ผิดชอบงานทไ่ี ดร้ ับ
ทก่ี าหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคดิ คะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนท่ีได้/คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมิน การแปลผล
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดมี าก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
ร้อยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-42-
-42-
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๑ ชื่อหน่วยเรียงถ้อยร้อยอักษร แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๙ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เรอ่ื ง งามศิลป์เรยี งความ (1) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒
รายวชิ า ภาษาไทย ๓
สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด กิจกรรมการเรียนรู้ แหล่งเรยี นรู้
หอ้ งสมดุ
ศิลาจารึกหลกั ท่ี ๑ ใช้คาไทยแทแ้ ละคาภาษาถ่นิ ขน้ั นา
เหนือเป็นสว่ นมากมีคาเขมร บาลี และสันสกฤตปะปนบ้าง นกั เรยี นอ่านแถบข้อความ แล้วรว่ มกันเปลี่ยนคาให้เป็นภาษา
เลก็ น้อย อักษรที่ใช้ในการจารึกเรียกว่า ลายสอื ไทย ท่นี ักเรยี นใชป้ กติในชวี ิตประจาวัน สอ่ื
โดยพ่อขนุ รามคาแหง กษัตรยิ ์ลาดับท่ี ๓ แห่งอาณาจกั ร 1. แถบขอ้ ความ
สโุ ขทัยทรงประดิษฐ์ขึ้นจากตัวอักษรขอมหวัดและอักษรไทย ขั้นสอน 2. ใบงาน “ประโยคสือ่ สารในอดีตและปจั จบุ ัน”
เดมิ ซง่ึ ดัดแปลงมาจากอักษรมอญโบราณ โดยไดป้ ระดษิ ฐ์ ๑. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ตามความสมัครใจกลุ่มละ 4 - 5 คน แต่ ภาระงาน/ชิน้ งาน
ข้นึ ใน พ.ศ. ๑๘๒๖ ซง่ึ ลายสอื ไทย ประกอบไปดว้ ย ละกลมุ่ ทาใบงาน “ประโยคสื่อสารในศิลาจารึกและปจั จุบัน” การทาใบงาน “ประโยคสื่อสารในอดีตและปัจจุบนั
พยัญชนะทั้งหมด ๓๙ ตวั สระ ๒๐ ตวั และวรรณยกุ ต์ จากนน้ั นาเสนอหนา้ ช้ันเรยี น เพือ่ น ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบ โดย
-43- ๒ รูป มีลกั ษณะแตกต่างจากตวั อกั ษรไทยในปัจจบุ นั รวมถึง ครใุ ห้คาแนะนาเพ่ิมเติม
มหี ลกั การเขยี นและการอ่านท่ีตา่ งกัน 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภปิ รายในประเดน็ ต่อไปนี้ การวดั และประเมินผล
- ความเหมอื นของประโยคทสี่ ่อื สารในศลิ าจารกึ และ แบบประเมินการทางานกลุ่ม
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ปจั จุบนั
ดา้ นความรู้
ระบกุ ารเรียบเรียงภาษาจากศิลาจารกึ หลักท่ี 1 - ความแตกตา่ งของประโยคท่สี ื่อสารในศลิ าจารกึ และ
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ปจั จบุ นั
วเิ คราะห์ความเหมือนและความแตกต่างของประโยค 3. นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายในประเดน็ “การใช้ภาษา
ทส่ี ่ือสารในอดตี และปจั จุบัน ในการสอ่ื สารกับผูท้ ่มี ีอายมุ ากกวา่ ผทู้ ่ีมีอายเุ ท่ากัน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ และผทู้ ่ีมีอายนุ ้อยกวา่ มคี วามเหมอื นหรือแตกตา่ งอยา่ งไร”
๑. ใฝ่เรียนรู้
๒. มุ่งม่ันในการทางาน
-43-
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๑ ชื่อหน่วยเรียงถ้อยร้อยอกั ษร แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ ๙ เวลา ๑ ชวั่ โมง
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒
สมรรถนะที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรยี น เรือ่ ง งามศลิ ป์เรยี งความ (1)
การสือ่ สาร รายวชิ า ภาษาไทย ๓
การคดิ ข้นั สงู
ขั้นสรปุ
นักเรียนร่วมกันสรุปความเหมือนและแตกตา่ ง
ของการใช้ประโยคส่ือสารในศิลาจารึกและปจั จุบนั
รวมทัง้ การส่ือสารในชวี ิตประจาวนั ที่ถกู ต้องเหมาะสม
-44-
-44-
แถบขอ้ ความ
พอ่ กชู ือ่ ศรอี นิ ทราทติ ย์ แมก่ ูชอื่ นางเสอื ง พก่ี ชู ่อื บานเมือง
ตูพน่ี อ้ งทอ้ งเดยี วหา้ คน ผู้ชายสาม ผู้หญิงโสง
พ่ีเผอื ผอู้ า้ ยตายจากเผอื เตียมแต่ยังเล็ก
เมือ่ กูขึ้นใหญไ่ ดส้ บิ เกา้ เข้า ขนุ สามชนเจ้าเมืองฉอดมาทเ่ มอื งตาก
พ่อกูไปรบขุนสามชน หวั ซา้ ยขุนสามชนขบั มา หัวขวาขนุ สามชนเกลือ่ นเขา้
ไพรฟ่ า้ หน้าใสพอ่ กหู นญี ญา่ ยพายจแจ้น กบู ่หนี
-45-
-45-
ใบงาน
“ประโยคสือ่ สารในศลิ าจารกึ และปัจจบุ นั ”
คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นเรยี บเรียงข้อความใหเ้ ปน็ ประโยคส่ือสารในปจั จบุ ัน
ศิลาจารกึ พอ่ ขนุ รามคาแหง หลกั ท่ี ๑ ดา้ นที่ ๑
๑. พ่อกูช่ือศรีอนิ ทราทติ ย์ แม่กชู อ่ื นางเสือง พ่ีกชู ่ือบานเมอื ง
๒. กูมีพ่ีน้องพ่อแม่เดยี วกันห้าคน ผูช้ ายสามคน ผ้หู ญงิ สองคน
๓. พช่ี ายคนโตตายจากเราทงั้ สองไปต้ังแตย่ งั เล็ก
๔. เมือ่ กเู ตบิ ใหญ่ อายุได้ ๑๙ ปี ขนุ สามชนเจ้าเมอื งฉอดมาตีเมอื งตาก
๕. พอ่ กูไปรบกบั ขุนสามชน ปีกซ้ายขนุ สามชนนาทพั มา ปกี ขวาของกองทัพขุนสามชนก็เคล่ือนเข้าล้อม
๖. ไพร่พลของพอ่ กตู ่างหนีกนั อย่างชลุ มนุ แตก่ ูไมห่ นี กูขช่ี ้างเบกพล ขบั เขา้ ชนช้างกับขุนสามชน
๗. ตวั กูชนช้างขนุ สามชนทีช่ อ่ื มาสเมือง กชู นะ ขุนสามชนแพห้ นไี ป
๘. พอ่ กจู งึ ตงั้ ช่ือให้กูวา่ พระรามคาแหง เพราะกชู นชา้ งรบชนะขุนสามชน
๙. เมอื่ สมยั พ่อกู กูปรนนิบัติรับใช้พ่อกู กปู รนนิบตั ิรับใช้แม่กู
-46-
-46-
๑๐. กูได้สตั วบ์ กสัตวน์ า้ กกู ็เอามาใหพ้ ่อกู
๑๑. กูได้ผลไม้รสเปรีย้ วรสหวานอันใดที่รสชาติอรอ่ ย กกู ็เอามาใหพ้ ่อกู
๑๒. กูไปคล้องชา้ งได้ กูกเ็ อามาใหพ้ ่อกู
๑๓. กูไปตีเมอื งได้ชา้ ง ได้บรวิ ารชายหญิง ได้เงนิ ไดท้ อง กูก็เอามาให้แก่พอ่ กู
๑๔. พอ่ กูตาย พ่ีกยู ังอยู่ กูก็พร่ารับใชป้ รนนบิ ตั พิ ี่กเู หมอื นที่ปรนนบิ ัติแก่พอ่ กู
๑๕. เม่ือพีก่ ตู าย กจู งึ ไดค้ รองเมอื งทง้ั หมด
--4477--
(เฉลย) ใบงาน
“ประโยคสื่อสารในศิลาจารึกและปัจจุบัน”
คาชีแ้ จง ให้นักเรียนเรียบเรียงข้อความให้เปน็ ประโยคสอ่ื สารในปจั จบุ นั
ศิลาจารกึ พ่อขุนรามคาแหง หลกั ที่ ๑ ดา้ นที่ ๑
๑. พ่อกชู ือ่ ศรอี นิ ทราทิตย์ แม่กูช่อื นางเสือง พ่ีกชู อื่ บานเมือง
พ่อของฉันชอ่ื ศรีอินทราทติ ย์ แมข่ องฉนั ช่อื นางเสือง พี่ของฉันช่ือบานเมือง
๒. กูมพี ี่นอ้ งพ่อแม่เดยี วกันหา้ คน ผูช้ ายสามคน ผ้หู ญิงสองคน
ฉันมพี ่นี ้องท้องเดียวกนั ๕ คน เป็นผูช้ าย ๓ คนและเปน็ ผู้หญิง ๒ คน
๓. พีช่ ายคนโตตายจากเราทัง้ สองไปตั้งแต่ยงั เล็ก
พี่ชายคนโตเสยี ชีวติ ไปตัง้ แต่ฉันยังเด็ก
๔. เมอื่ กูเตบิ ใหญ่ อายุได้ ๑๙ ปี ขุนสามชนเจา้ เมืองฉอดมาตเี มืองตาก
เมือ่ ฉันอายุได้ ๑๙ ปี ขุนสามชนผเู้ ปน็ เจ้าเมืองฉอดยกทัพมาตีเมอื งตาก
๕. พอ่ กูไปรบกบั ขุนสามชน ปีกซ้ายขุนสามชนนาทพั มา ปกี ขวาของกองทัพขุนสามชนก็เคล่ือนเข้าล้อม
พ่อของฉนั (ขุนศรอี นิ ทราทติ ย)์ ออกรบกบั ขุนสามชน ขนุ สามชนนาทัพมาทางปีกซย้ และเข้าล้อมทางปีกขวา
๖. ไพรพ่ ลของพ่อกูต่างหนีกนั อยา่ งชลุ มนุ แตก่ ูไม่หนี กูข่ชี า้ งเบกพล ขับเขา้ ชนชา้ งกับขุนสามชน
ทหารของพ่อ (ขนุ ศรอี ินทราทิตย)์ ต่างหนีกันอยา่ งชลุ มนุ แต่ฉันไมห่ นีและขับช้างเข้ารบกับขนุ สามชน
๗. ตัวกูชนช้างขนุ สามชนท่ชี ื่อมาสเมอื ง กชู นะ ขุนสามชนแพห้ นไี ป
ฉนั ชนชา้ งกับขุนสามชน ซึง่ ช้างของขนุ สามชนมชี ่ือวา่ มาสเมอื ง ฉันรบชนะ สว่ นขุนสามชนแพแ้ ลว้ จงึ หนีไป
๘. พ่อกจู ึงตงั้ ช่ือให้กูว่าพระรามคาแหง เพราะกูชนช้างรบชนะขนุ สามชน
พ่อจึงตั้งชื่อให้ฉนั วา่ “พระรามคาแหง” เพราะ ฉันชนช้างชนะขุนสามชน
๙. เมือ่ สมยั พ่อกู กูปรนนิบัติรับใช้พ่อกู กูปรนนบิ ตั ิรบั ใช้แม่กู
สมัยที่พ่อ (ขนุ ศรอี ินทราทติ ย)์ ยังมีชีวิตอยู่ ฉนั ดแู ลรับใช้พ่อและแมเ่ ปน็ อยา่ งดี
-48-
-48-
๑๐. กไู ดส้ ัตว์บกสตั ว์น้า กกู เ็ อามาใหพ้ ่อกู
ฉนั ออกล่าสัตวบ์ กและสัตวน์ ้าได้กจ็ ะนามาให้พ่อ (ขุนศรอี ินทราทติ ย)์
๑๑. กูไดผ้ ลไม้รสเปรยี้ วรสหวานอนั ใดที่รสชาติอรอ่ ย กูกเ็ อามาใหพ้ ่อกู
ฉันเก็บผลไม้รสเปรย้ี วรสหวานท่มี ีรสชาตอิ ร่อย ก็จะนามาให้พอ่
๑๒. กไู ปคล้องชา้ งได้ กูกเ็ อามาใหพ้ ่อกู
ฉันไปคล้องชา้ งได้ ฉันกน็ ามาใหพ้ อ่
๑๓. กูไปตเี มอื งได้ช้าง ไดบ้ ริวารชายหญงิ ไดเ้ งินได้ทอง กูกเ็ อามาให้แก่พอ่ กู
ฉันไปตีเมือง ได้ชา้ ง ได้ขา้ ทาสบริวาร ได้เงินทอง ฉันกน็ ามาให้พอ่
๑๔. พอ่ กตู าย พี่กูยงั อยู่ กูกพ็ รา่ รบั ใชป้ รนนบิ ัติพีก่ ูเหมอื นท่ีปรนนิบัติแก่พ่อกู
เมือ่ พ่อ (ขนุ ศรีอนิ ทราทิตย)์ สิ้น พช่ี ายของฉันยงั มีชวี ิตอยู่ ฉันดูแลปรนนบิ ตั ิรับใช้พเี่ หมอื นทีด่ แู ลพ่อ
๑๕. เมือ่ พกี่ ูตาย กจู ึงไดค้ รองเมอื งท้งั หมด
เมอื่ พี่ชายของฉันสิ้น (เสียชีวิต) ฉันจึงไดข้ ้นึ ครองเมืองทั้งหมด
-49-
-49-
แบบประเมนิ การทางานกลมุ่
คาช้ีแจง ให้ครูประเมนิ การทางานกลุ่มของนกั เรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมนิ ๓ ระดับคะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหนา้ ที่ ไม่มกี ารกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนร่วม สมาชกิ อยา่ งชดั เจน กาหนดบทบาทหนา้ ที่ หนา้ ที่
มีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิ สมาชกิ ไม่ครบถว้ น มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกล่มุ มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิ งานกลุม่ นอ้ ยมาก
คดิ เหน็ รบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกล่มุ บา้ ง หรอื ไมม่ สี ว่ นร่วม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟงั และแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน
อยา่ งสม่าเสมอ อยา่ งมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ น้อยมากหรอื ไมร่ ับฟัง
รับผิดชอบงานทีไ่ ด้รับ เปน็ บางครง้ั ความคดิ เห็นผอู้ ื่น
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รับผิดชอบงานทไ่ี ดร้ ับ ไม่รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ ับ
ทก่ี าหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไมท่ ัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคดิ คะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนท่ีได้/คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมิน การแปลผล
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดมี าก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
ร้อยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-50-
-50-
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ ช่ือหน่วยเรยี งถอ้ ยร้อยอกั ษร แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาไทย เร่ือง งามศลิ ป์เรียงความ (2) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒
สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
รายวชิ า ภาษาไทย ๓ แหล่งเรียนรู้
เรยี งความ ประกอบด้วยส่วนสาคัญ ๓ ส่วน คอื กิจกรรมการเรียนรู้ ห้องสมดุ
คานา เน้อื เรื่อง และสรุป เรยี งความทดี่ ีควรมีเอกภาพ ข้นั นา
สัมพนั ธภาพและสารัตถภาพ นักเรยี นรว่ มกันทบทวนความรู้เกีย่ วกับการเขียนเรียงความ สอ่ื
1. ใบความรู้ “การเขียนเรียงความ
จุดประสงค์การเรียนรู้ ขั้นสอน 2. ใบงาน “การเขียนเรียงความ”
ด้านความรู้ ๑. นกั เรียนแบง่ กลุ่มตามความสมัคใจ กลุ่มละ ๓ - 4 คน
-51- ระบวุ ธิ ีการเขยี นเรียงความ 2. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ศึกษาใบความรู้ “เรยี งความ” แลว้ สรปุ ภาระงาน/ชนิ้ งาน
ด้านทักษะและกระบวนการ ความรทู้ ีจ่ ากการศึกษา การทาใบงาน “วิธกี ารเขยี นเรียงความ”
วิเคราะห์วิธกี ารเขยี นเรียงความ 3. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทาใบงาน “วธิ ีการเขยี นเรยี งความ” การวดั และประเมนิ ผล
ด้านคณุ ลกั ษณะ จากนน้ั นาเสนอหน้าชน้ั เรียน เพอ่ื น ๆ ชว่ ยกนั ตรวจสอบ แบบประเมินการทางานกลมุ่
๑. ใฝ่เรยี นรู้ โดยครูใหค้ าแนะนาเพมิ่ เติม
๒. มุ่งม่ันในการทางาน
สมรรถนะที่ต้องการใหเ้ กิดกับผ้เู รยี น ขัน้ สรปุ
การสือ่ สาร นักเรยี นร่วมกนั สรุปคร้งั ข้ันตอนการเขียนเรียงความ บ
-51-
ใบความรู้
“การเขยี นเรียงความ”
เรียงความ
เรียงความ มีรปู แบบการเขยี น ดังน้ี
การตง้ั ชอ่ื เรอื่ ง
การเขียนเรียงความท่ีกาหนดหัวข้อหรือช่ือเร่ืองมาให้ เรื่องท่ีแต่งต้องมีเนื้อความตรงตามชื่อเร่ือง
การตั้งชื่อเรื่องมีความสาคัญมาก ชื่อจะต้องสอดคล้องกับเนื้อเร่ือง ควรใช้คาท่ีดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน
หากกาหนดให้ผู้เขียนต้ังชื่อเร่ืองเอง ผู้เขียนต้องหาจุดเด่นของเรื่องมาตั้งช่ือเลือกสรรคาท่ีมีความหมาย
ครอบคลุมประเด็นทเี่ สนอให้มากที่สุด เราอาจเขียนจนจบเรอื่ งแลว้ จงึ คิดตงั้ ชอื่ เร่ืองก็ได้
การต้ังจุดมงุ่ หมาย
จดุ มุ่งหมายของเรือ่ ง ประกอบดว้ ยจุดมุ่งหมายหลักและจดุ มงุ่ หมายรอง ผู้เขียนต้องตั้งจุดมุ่งหมาย
ให้ชัดเจนเพราะจุดมุ่งหมายย่อมสัมพันธ์กับการดาเนินเร่ือง ภาษาท่ีใช้เน้นจุดมุ่งหมายต้องไม่เกินจริง
และควรสอดคล้องกับความสนใจของผู้อ่าน ผู้เขียนอาจต้องพิจารณาว่า ผู้อ่านมีการศึกษาในระดับใด
เป็นเพศและวัยอะไร เช่น เขียนเพื่อให้ความรู้ ก็ต้องใช้ภาษาให้กระจ่างชัดเจน เขียนเพ่ือให้ความ
เพลดิ เพลิน ก็อาจใช้สานวนภาษาท่ีไมเ่ ป็นวิชาการมากนัก เช่น หากจะเขียนเรียงวามเร่ืองความรับผดิ ชอบ
อาจต้ังจดุ ม่งุ หมายหลกั และจดุ มงุ่ หมายรอง ดังนี้
จดุ มงุ่ หมายหลัก
เพื่อโน้มน้าวใจใหผ้ ู้อ่านเป็นผู้มคี วามรบั ผดิ ชอบ
จุดมุ่งหมายรอง
เพือ่ อธบิ ายความหมายของคาวา่ ความรบั ผดิ ชอบ
เพอ่ื อธบิ ายความหมายของคาวา่ หนา้ ท่ี
เพ่อื อธิบายหน้าท่ีของคนไทย คือ การเป็นพลเมืองดี
เพ่อื ยกตัวอยา่ งความรบั ผิดชอบท่นี กั เรียนควรมี
เพื่อชใี้ ห้เหน็ ผลดีของการมคี วามรับผิดชอบและผลเสยี ของการขาดความรับผิดชอบ
-52-
-52-
การกาหนดขอบข่ายเนอ้ื หาสาระ
เม่ือผู้เขียนได้ต้ังจุดมุ่งหมายของเร่ืองท่ีจะเขียนแล้ว ผู้เขียนควรกาหนดขอบข่ายของเร่ือง
ใหเ้ หมาะสม โดยพจิ ารณาจากจุดมุ่งหมายของเรื่อง และความยาวของเร่ืองท่ีต้องการ แล้วรวบรวมเร่อื งราว
หรือข้อมลู ทอี่ ยู่ในขอบขา่ ยและสัมพนั ธก์ บั เรื่องทีจ่ ะเขียนนนั้
การวางโครงเร่ือง
ผู้เขียนต้องจัดลาดับความคิด โดยอาศัยจุดมุ่งหมายหลัก จุดมุ่งหมายรอง และข้อมูลเนื้อหา
ที่รวบรวมได้มาเป็นแนวในการเขียน การวางโครงเรื่องเป็นข้ันตอนท่ีทาต่อจากการรวบรวมและจัด
เรียงลาดับความคิด โครงเร่ืองอาจจดั ตามเวลาหรือเหตุการณ์ที่เกดิ ขึ้นก่อนหลัง จดั ตามเหตุผล คือ จดั เรยี ง
ความคิดส่วนที่เป็นเหตุและเป็นผล จัดตามความสาคัญ เช่น จากส่ิงที่สาคัญน้อยไปหาสิ่งที่สาคัญมาก
หรือจากสิ่งทส่ี าคัญมากไปหาส่งิ ทีส่ าคัญน้อย เป็นต้น ดังเช่น เรียงความเร่ืองความรบั ผิดชอบ อาจรวบรวม
ความคดิ แล้วจดั เป็นแผนผังความคิดไดด้ งั นี้
แผนภาพความคดิ เรอ่ื ง ความรบั ผดิ ชอบ
คานา ความหมายของคาวา่ ความรับผิดชอบ
ความรับผดิ ชอบ
ความหมาย ขอบข่าย ผลดีของการมี ผลเสยี ของการขาด การสรา้ งนสิ ัย
ความรบั ผิดชอบ ความรบั ผดิ ชอบ ความรบั ผดิ ชอบ รับผิดชอบ
ความรบั ผดิ ชอบ สามารถประกอบ ผู้ปกครองและ
ต่อตนเอง อาชีพเลีย้ งตนเอง ตนเองเสยี ใจ
ความรับผิดชอบ ช่วยให้ตนเองและ เปน็ ปญั หาสังคม
ตอ่ ครอบครัว สงั คมมคี วามสขุ
ความรบั ผิดชอบ ไม่เปน็ ปญั หาสังคม ไม่มีอาชีพ,
ต่อหน้าที่ มคี วามรู้ ประกอบอาชีพด้วย
ความรับผิดชอบ ความยากลาบาก
ต่อสังคม
ไม่มีความรู้
--5533--
รวบรวมความคดิ ตามแผนผงั แล้วจัดลาดับเป็นโครงเร่ืองท่ีจะเขยี นได้ ดังนี้
๑. คานา ความหมายของคาวา่ ความรบั ผิดชอบ
๒. เนื้อเร่อื ง
๒.๑ ขอบขา่ ยความรบั ผิดชอบ
๒.๑.๑ ความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง
๒.๑.๒ ความรับผิดชอบตอ่ ครอบครวั
๒.๑.๓ ความรับผดิ ชอบตอ่ หน้าที่
๒.๑.๔ ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม
๒.๒ ผลดขี องการมคี วามรบั ผิดชอบ
๒.๓ ผลเสียของการขาดความรับผดิ ชอบ
3. สรุป การชักชวนให้สร้างนสิ ัยรับผิดชอบ
จากหนงั สอื เรยี น รายวิชาพืน้ ฐาน ภาษาไทย วิวธิ ภาษา
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 หน้า 157-160
--5544--
ใบงาน
“การเขียนเรียงความ”
คาชี้แจง ให้นักเรียนจดั ทาแผนภาพความคดิ “การเขียนเรยี งความ”
แผนภาพความคดิ
-55-
-55-
แบบประเมนิ การทางานกลมุ่
คาชีแ้ จง ให้ครูประเมนิ การทางานกลุ่มของนกั เรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมนิ ๓ ระดับคะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหนา้ ที่ ไม่มกี ารกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนร่วม สมาชกิ อยา่ งชดั เจน กาหนดบทบาทหนา้ ที่ หนา้ ที่
มีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิ สมาชกิ ไม่ครบถว้ น มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกล่มุ มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิ งานกลุม่ นอ้ ยมาก
คดิ เหน็ รบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกล่มุ บา้ ง หรอื ไมม่ สี ว่ นร่วม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟงั และแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน
อยา่ งสม่าเสมอ อยา่ งมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ น้อยมากหรอื ไมร่ ับฟัง
รับผิดชอบงานทีไ่ ด้รับ เปน็ บางครง้ั ความคดิ เห็นผอู้ ื่น
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รับผิดชอบงานทไ่ี ดร้ ับ ไม่รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ ับ
ทก่ี าหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไมท่ ัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคดิ คะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนท่ีได้/คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมิน การแปลผล
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดมี าก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
ร้อยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-56-
-56-
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ ๑ ชื่อหน่วยเรยี งถ้อยร้อยอกั ษร แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๑๑ เวลา ๑ ช่วั โมง
กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เร่ือง งามศิลป์เรียงความ (3) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒
สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
-57- รายวชิ า ภาษาไทย ๓ แหล่งเรยี นรู้
การวางโครงเรื่อง คือ การลาดับความคิดโดยอาศัย กจิ กรรมการเรยี นรู้ ห้องสมดุ
จุดมงุ่ หมายหลกั จดุ มงุ่ หมายรองและขอ้ มลู เน้อื หาท่ี ขน้ั นา สอ่ื
รวบรวมไดม้ าเปน็ แนวในการเขยี น การวางโครงเรื่องเปน็
ขน้ั ตอนที่ทาต่อจากการรวบรวมและจดั เรียงลาดบั ความคดิ นักเรียนทบทวนความรู้เกี่ยวกับการวางโครงเรื่องของการ -
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เขยี นเรียงความวา่ มีขน้ั ตอนใด อย่างไรบ้าง และมีความสาคัญ ภาระงาน/ชิน้ งาน
ดา้ นความรู้ อย่างไร ใบงาน “เรียงความทสี่ นใจ”
ระบุวิธกี ารเขยี นเรยี งความ
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ขนั้ สอน การวดั และประเมินผล
วเิ คราะห์วิธีการเขยี นเรียงความ 1. นกั เรียนแบ่งกลุม่ ตามความสมัครใจ กลุม่ ละ 3 - 4 คน แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม
ดา้ นคุณลักษณะ แต่ละกลมุ่ เลือกประเด็นที่กลุ่มสนใจสาหรับเขียนเรียงความ
๑. ใฝเ่ รยี นรู้ ดงั นี้
๒. มุ่งมน่ั ในการทางาน
- ศลิ ปวัฒนธรรม
สมรรถนะท่ีต้องการใหเ้ กิดกับผเู้ รยี น - ท้องถิน่ ชมุ ชน
การสอื่ สาร - ชีวิตวถิ ใี หม่
๒. นักเรียนแต่ละกล่มุ ชว่ ยกันวางโครงเรอื่ งเรียงความ
ตามหวั ข้อท่ีเลอื ก โดยเขียนลงใบงาน “เรยี งความท่ีสนใจ”
๓. นักเรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอโครงร่างเรียงความในหวั ข้อ
ทต่ี นเองสนใจหนา้ ช้ันเรียน
-57-
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๑ ช่ือหน่วยเรียงถ้อยร้อยอกั ษร แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๑๑ เวลา ๑ ช่วั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒
เรอ่ื ง งามศลิ ปเ์ รยี งความ (3)
รายวชิ า ภาษาไทย ๓
ข้ันสรปุ
นักเรียนอภปิ รายร่วมกันในประเดน็ “โครงเรื่องมีความสาคัญ
ต่อการเขยี นเรยี งความอยา่ งไร”
-58-
-58-
ใบงาน
“เรยี งความทส่ี นใจ”
คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกประเดน็ ที่สนใจ ๑ ประเดน็ ได้แก่ ศิลปวฒั นธรรม ทอ้ งถิ่นชมุ ชน หรอื ชีวิตวิถีใหม่
แล้วเขยี นแผนภาพความคดิ โครงเร่ืองตามประเด็นทเี่ ลอื ก
แผนภาพความคิด
-59-
-59-
แบบประเมนิ การทางานกลมุ่
คาช้ีแจง ให้ครูประเมนิ การทางานกลมุ่ ของนกั เรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมนิ ๓ ระดับคะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหนา้ ที่ ไม่มกี ารกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนร่วม สมาชกิ อยา่ งชดั เจน กาหนดบทบาทหนา้ ที่ หนา้ ที่
มีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิ สมาชกิ ไม่ครบถว้ น มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกล่มุ มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิ งานกลุม่ นอ้ ยมาก
คดิ เหน็ รบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกล่มุ บา้ ง หรอื ไมม่ สี ว่ นร่วม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟงั และแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน
อยา่ งสม่าเสมอ อยา่ งมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ น้อยมากหรอื ไมร่ ับฟัง
รบั ผดิ ชอบงานทีไ่ ด้รับ เปน็ บางครง้ั ความคดิ เห็นผอู้ ื่น
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รับผิดชอบงานทไ่ี ดร้ ับ ไม่รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ ับ
ทีก่ าหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไมท่ ัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคดิ คะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนที่ได้/คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมิน การแปลผล
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดมี าก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
ร้อยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-60-
-60-
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ ชื่อหน่วยเรยี งถอ้ ยร้อยอักษร แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรอื่ ง งามศลิ ปเ์ รยี งความ (4) ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒
สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด
รายวิชา ภาษาไทย ๓
เรียงความ ประกอบด้วยสว่ นสาคัญ ๓ สว่ น คอื
คานา เน้อื เรื่อง และสรุป เรียงความทด่ี ีควรมเี อกภาพ กจิ กรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้
สมั พันธภาพและสารัตถภาพ ข้ันนา หอ้ งสมดุ
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ นักเรียนรว่ มกันอธบิ ายลกั ษณะของการเขยี นคานาของ
ดา้ นความรู้ เรยี งความ สอ่ื
ระบุองค์ประกอบของเรยี งความ 1. ใบความรู้ “การเรยี บเรยี งเรียงความ”
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ 2. ใบงาน “คานา”
เขียนเรียงความ ขนั้ สอน
ด้านคุณลักษณะ ๑. นักเรียนแตล่ ะกลุ่ม (กลมุ่ เดมิ จากช่วั โมงท่ีแลว้ ) แตล่ ะกลุม่
๑. ใฝ่เรยี นรู้ ศึกษาใบความรู้ “การเรียบเรียงเรียงความ” จากน้ัน ภาระงาน/ชนิ้ งาน
๒. มงุ่ มั่นในการทางาน ๒. นักเรยี นแต่ละกล่มุ ทาใบงาน ใบงาน “คานา”
-61- 3. ตัวแทนกลุ่มอ่านคานาของตนเองหนา้ ชัน้ เรียน เพื่อน ๆ การทาใบงาน “คานา”
สมรรถนะที่ต้องการใหเ้ กิดกับผเู้ รียน
1. การสือ่ สาร และครูให้คาแนะนาเพ่ิมเติม การวัดและประเมินผล
2. การคดิ ข้ันสงู
ข้ันสรุป แบบประเมินการทางานกลุ่ม
นักเรยี นอภปิ รายร่วมกนั ในประเด็น ตอ่ ไปนี้
- การเขยี นคานามีรูปแบบการเขยี นอย่างไร
- การเขยี นคานามีความสาคญั ต่อการเขียนเรยี งความอย่างไร
-61-
ใบงาน
“การเขยี นคานา (งานกลุ่ม)”
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเลือกประเด็นทส่ี นใจ ๑ ประเด็น (ศลิ ปวัฒนธรรม ท้องถ่นิ ชมุ ชน ชวี ติ วถิ ใี หม่) จากนนั้
เลอื กรปู แบบการเขียน คานา และเขียนรายละเอียดจากรูปแบบที่เลือก
ประเด็นทีเ่ ลือก .............................................
รปู แบบ ........................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
-62-
-62-
แบบประเมนิ การทางานกลมุ่
คาช้ีแจง ให้ครูประเมนิ การทางานกลุ่มของนกั เรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมนิ ๓ ระดับคะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหนา้ ที่ ไม่มกี ารกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนร่วม สมาชกิ อยา่ งชดั เจน กาหนดบทบาทหนา้ ที่ หนา้ ที่
มีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิ สมาชกิ ไม่ครบถว้ น มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกล่มุ มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิ งานกลุม่ นอ้ ยมาก
คดิ เหน็ รบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกล่มุ บา้ ง หรอื ไมม่ สี ว่ นร่วม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟงั และแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน
อยา่ งสม่าเสมอ อยา่ งมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ น้อยมากหรอื ไมร่ ับฟัง
รับผิดชอบงานทีไ่ ด้รับ เปน็ บางครง้ั ความคดิ เห็นผอู้ ื่น
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รับผิดชอบงานทไ่ี ดร้ ับ ไม่รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ ับ
ทก่ี าหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไมท่ ัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคดิ คะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนท่ีได้/คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมิน การแปลผล
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดมี าก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
ร้อยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-63-
-63-
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๑ ช่ือหน่วยเรยี งถอ้ ยรอ้ ยอกั ษร แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๑๓ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย เรอ่ื ง งามศิลปเ์ รยี งความ (5) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒
สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด
รายวิชา ภาษาไทย ๓
เรยี งความ ประกอบด้วยส่วนสาคญั ๓ สว่ น คอื
-64- คานา เน้อื เรื่อง และสรุป เรียงความทดี่ ีควรมีเอกภาพ กิจกรรมการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้
สมั พันธภาพและสารัตถภาพ ขนั้ นา หอ้ งสมุด
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ สอ่ื
ด้านความรู้ นกั เรยี นร่วมกันอธิบายลักษณะของการเขยี นส่วนสรปุ ใบงาน “การเขียนย่อหน้าสรุปของเรยี งความ”
ระบอุ งคป์ ระกอบของเรยี งความ ของการเขีนนเรยี งความ ภาระงาน/ชิน้ งาน
ด้านทกั ษะและกระบวนการ ขน้ั สอน การทาใบงาน “การเขียนสรุป”
เขยี นเรียงความ ๑. นักเรียนแต่ละกลุ่ม (กลุ่มเดมิ จากช่ัวโมงท่แี ล้ว) แต่ละกลุม่
ด้านคณุ ลกั ษณะ ศึกษาใบความรู้ “การเรียบเรียงเรียงความ” จากน้นั การวดั และประเมินผล
๑. ใฝเ่ รียนรู้ ๒. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ทาใบงาน ใบงาน “คานา” แบบประเมนิ การทางานกล่มุ
๒. มุง่ ม่ันในการทางาน 3. ตัวแทนกลมุ่ อ่านคานาของตนเองหน้าช้นั เรยี น เพ่ือน ๆ
และครูให้คาแนะนาเพ่ิมเตมิ
สมรรถนะทีต่ ้องการให้เกดิ กับผเู้ รยี น
1. การส่ือสาร ขั้นสรปุ
2. การคดิ ข้นั สงู นกั เรยี นอภปิ รายรว่ มกันในประเดน็ ต่อไปนี้
- การเขยี นสว่ นสรปุ มีรปู แบบการเขียนอยา่ งไร
- การเขียนสรปุ มคี วามสาคัญต่อการเขยี นเรียงความอย่างไร
-64-
ใบงาน
“การเขยี นย่อหน้าสรุปของเรยี งความ”
คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเขยี นย่อหนา้ สรุปของเรยี งความในประเด็นทน่ี ักเรียนเลอื กจากชัว่ โมงท่ีแล้ว
สรุป
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
-65-
-65-
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๑ ช่ือหน่วยเรยี งถอ้ ยรอ้ ยอกั ษร แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๔ เวลา ๑ ชวั่ โมง
กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอื่ ง งามศลิ ป์เรียงความ (6) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒
สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด
รายวชิ า ภาษาไทย ๓
เรียงความ ประกอบด้วยส่วนสาคัญ ๓ สว่ น คือ
-66- คานา เนือ้ เรื่อง และสรุป เรยี งความท่ีดีควรมเี อกภาพ กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้
สมั พันธภาพและสารัตถภาพ ข้นั นา หอ้ งสมดุ
นกั เรยี นรว่ มกันทบทวนวิธกี ารเขียนเรยี งความ สอ่ื
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ขนั้ สอน ใบงาน “เรียงความ”
ดา้ นความรู้ ๑. นักเรยี นแต่ละกลุ่ม (กลุม่ เดิมจากชวั่ โมงที่แล้ว) แตล่ ะกล่มุ ภาระงาน/ชิ้นงาน
อธบิ ายลักษณะและความสาคัญของเรยี งความ เขียนเรียงความโดยปฏิบตั กิ จิ กรรมตอ่ จากช่วั โมงที่เรยี นมาแล้ว การทาใบงาน “เรียงความ”
ด้านทักษะและกระบวนการ 2. ผแู้ ทนกแต่ละกลุ่มออกมาอา่ นเรยี งความของตนใหเ้ พื่อนฟงั การวดั และประเมินผล
เขียนเรียงความ * หากนักเรียนไม่สามารถทางานเสร็จไดต้ ามเวลาในชนั้ เรียน 1. แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ให้นกั เรยี นนากลบั ไปทาต่อนอกชัว่ โมงเรียน 2. แบบประเมินการเขียนเรียงความ
๑. ใฝเ่ รียนรู้ ข้ันสรปุ
๒. มงุ่ มนั่ ในการทางาน ๑. นกั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ประโยชน์ของการเขียน
สมรรถนะที่ต้องการใหเ้ กดิ กับผเู้ รียน เรียงความ
1. การสอื่ สาร
2. การคิดขน้ั สงู แนวคาตอบ
ฝกึ กระบวนการคดิ , พัฒนาทกั ษะกระบวนการเขยี น
๒. นกั เรียนทาแบบทดสอบประจาหน่วย
-66-
ใบงาน
“เรยี งความของฉนั ”
คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนเขียนเรียงความในประเด็นทน่ี ักเรยี นเลือก โดยเขียนฉบับรา่ งและฉบบั สมบูรณ์
(ฉบบั ร่าง)
คานา
............................................................................................................................. ...............................
................................................................................................... .......................................................................
............................................................................................................................. .............................................
.......................................................................................................................................... ...............................
................................................................................................... .......................................................................
เนือ้ เร่อื ง
............................................................................................................................. .......
................................................................................................................................................................. .........
......................................................................................................................... .................................................
............................................................................................................................. ............................................
................................................................................................................................................................. .........
......................................................................................................................... .................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................................................ .........
......................................................................................................................... .................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................................................ ..........
........................................................................................................................ .................................................
............................................................................................................................. .............................................
................................................................................................................................................................ ..........
สรปุ
............................................................................................................................. .............................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. .............................................
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
--๖6๗7--
ชอ่ื เรือ่ ง ......................................................................
............................................................................................................................. .............................................
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. ..........................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
................................................................................................................................ ..........................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ..........................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ...........................................
....................................................................................... ..................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ...........................................
....................................................................................... ...................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................... ...........................................
....................................................................................... ...................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................... ...........................................
....................................................................................... ..................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ........................................
............................................................................................................................. .............................................
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................. ..........................................
..........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. .............................................
.......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .............................................
............................................................................................................................... ..........................................
..........................................................................................................................................................................
-๖๘--68-
แบบประเมินการทางานกลุ่ม
คาชแ้ี จง ใหค้ รปู ระเมนิ การทางานกลมุ่ ของนักเรียนตามรายการประเมนิ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)
รายการประเมิน ๓ ระดับคะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหน้าท่ี ไม่มกี ารกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นรว่ ม สมาชกิ อยา่ งชดั เจน กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี หน้าที่
มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิ สมาชิกไม่ครบถว้ น มีส่วนรว่ มในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟงั และแสดงความ งานกลมุ่ มสี ่วนร่วมในการปฏิบตั ิ งานกลุ่มน้อยมาก
คิดเห็น รบั ฟังและแสดงความคดิ เห็น งานกลุ่มบา้ ง หรือไมม่ ีส่วนร่วม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อยา่ งมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟงั และแสดงความคดิ เห็น รับฟงั ความคดิ เหน็ ของผู้อนื่
อยา่ งสม่าเสมอ อย่างมีเหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ น้อยมากหรอื ไม่รับฟงั
รับผดิ ชอบงานที่ได้รบั เปน็ บางครัง้ ความคิดเห็นผ้อู น่ื
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รบั ผิดชอบงานท่ีไดร้ ับ ไมร่ ับผดิ ชอบงานท่ีไดร้ บั
ทก่ี าหนด มอบหมาย แตเ่ สร็จไม่ทัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคิดคะแนน ร้อยละ = (คะแนนที่ได้/คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมิน การแปลผล
เกณฑ์ของระดับคะแนน ดีมาก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
รอ้ ยละ 70 - 79 พอใช้
ร้อยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-๖๙--69-
แบบประเมินการเขียนเรียงความ
คาชี้แจง ใหค้ รูประเมินการเขยี นเรียงความของนักเรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเต็ม 20 คะแนน)
รายการประเมนิ ระดับคะแนน
๑. การตั้งชื่อเรื่อง ๕ ๔ ๓๒๑
ตง้ั ชอ่ื เร่ือง ต้งั ชอ่ื เรอ่ื ง
๑.๑ ชื่อเรอ่ื งมีคาทส่ี ื่อความหมาย ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์
ได้ตรงหรอื สอดคลอ้ งกบั ประเด็น ครบ ๒ ข้อ ๑ ขอ้
ทกี่ าหนด คะแนนเตม็ ๒ คะแนน
๑.๒ ใชค้ า วลี ประโยค หรือขอ้ ความ เขยี นเนอ้ื เรือ่ ง เขียนเนือ้ เรอื่ ง เขยี นเนอ้ื เร่ือง เขยี นเน้ือเร่อื ง เขยี นเนอื้ เรือ่ ง
ถกู ตอ้ งตามหลักการใชภ้ าษา ไดส้ าระสาคญั ได้สาระสาคญั ได้สาระสาคญั ไดส้ าระสาคญั ได้สาระสาคญั
ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์ ตามเกณฑ์
๒. การเขียนเนือ้ เรอื่ ง ครบ ๕ ขอ้ ๔ ขอ้ ๓ ข้อ ๒ ขอ้ ๑ ข้อ
๒.๑ นาเสนอประเด็นหลัก
เพียงประเดน็ เดยี ว คะแนนเตม็ เขียนคานา เขียนคานา เขยี นคานา เขยี นคานา
๒.๒ ลาดบั ความคดิ ตอ่ เนอื่ ง ๔ คะแนน และสรปุ และสรุป และสรปุ และสรุป
๒.๓ เนอื้ หามีความสมั พันธ์กับประเด็น ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์
ทก่ี าหนด ครบ ๔ ข้อ ๓ ขอ้ ๒ ขอ้ ๑ ข้อ
๒.๔ มคี วามเปน็ เหตเุ ป็นผล
๒.๕ มีการนาเสนอแนวคิดใหม่ ใชภ้ าษา ใช้ภาษา ใชภ้ าษา
ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์ ไดต้ ามเกณฑ์
๓. การเขยี นคานาและสรปุ คะแนนเตม็ ๓ คะแนน ครบ ๓ ข้อ ๒ ข้อ ๑ ขอ้
๓.๑ ใชค้ าถาม การให้ความหมาย ขา่ ว
คาคม สานวน บทกลอน หรือ คะแนนเตม็ ๓ คะแนน เขยี นถกู ต้อง เขียนผิด เขียนผดิ
ภาษาวรรณศลิ ปอ์ ยา่ งใดอยา่ งหนึง่ ทกุ คา ๑ - ๒ คา ๓ คา ข้ึนไป
๓.๒ มสี าระสอดคล้องกบั ประเดน็
ทก่ี าหนด
๓.๓ นาความคดิ หรอื ยา้ ความคดิ ตาม
ความคดิ หลักในเนือ้ หาหรอื ไม่
นอกประเด็น
๓.๔ สดั สว่ นสมดลุ กบั เนือ้ เรอ่ื ง
๔. การใช้ภาษา
๔.๑ การเลอื กใช้คาไดถ้ ูกตอ้ ง
และสละสลวย
๔.๒ ใชป้ ระโยคสอ่ื ความหมายได้
๔.๓ เว้นวรรคตอนได้ถกู ตอ้ งและเขยี น
ไม่ฉกี คา
๕. การเขียนสะกดคา
(เขยี นผดิ ซ้า ใหน้ ับเปน็ ๑ คา)
๖. ความเปน็ ระเบียบเรยี บรอ้ ย เขยี นไดต้ าม เขียนไดต้ าม เขยี นไดต้ าม
และถูกต้องตามคาช้แี จง เกณฑ์ เกณฑ์ ๒ ข้อ เกณฑ์ ๑ ขอ้
๖.๑ เขยี นตวั อักษรอ่านง่าย ครบ ๓ ข้อ
๖.๒ สะอาดเรยี บร้อย คะแนนเตม็ ๓ คะแนน
๖.๓ เขียนได้ตามจานวนบรรทดั
ทก่ี าหนด
-7-๗0๐--
* การคิดคะแนน ร้อยละ = (คะแนนทไ่ี ด/้ คะแนนเตม็ ) x 100 การแปลผล
การแปลผลการประเมนิ ดีมาก
ดี
เกณฑ์ของระดบั คะแนน
พอใช้
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐ ปรับปรงุ
รอ้ ยละ 70 - 79
ร้อยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49
-71-
-71-
แบบทดสอบประจาหนว่ ย
หนว่ ยท่ี 1 เรียงถอ้ ยรอ้ ยอกั ษร
๑. จุดประสงคใ์ นการแตง่ ศิลาจารึก หลักที่ ๑ คอื อะไร
คาตอบ…............................................................................................................................. .................................
............................................................................................................................. .................................................
๒. “...กูได้ตัวเน้ือตัวปลา กูเอามาแก่พ่อกู กูได้หมากส้มหมากหวาน อันใดกินอร่อยกินดี กูเอามาแก่พ่อกู
กูไปตีหนังวังช้างได้ กูเอามาแก่พ่อกู กูไปท่บ้านบ่เมืองได้ช้างได้งวง ได้ป่ัวได้นาง ได้เงือนได้ทอง
กูเอามาเวน แก่พ่อกู...”จากข้อความในศิลาจารึกหลักที่ 1 ข้างต้น แสดงให้เห็นว่ามีการใช้ประโยคและคา
ในลกั ษณะใด
คาตอบ................................................................................................................................................. ...............
................................................................................................................... ...........................................................
............................................................................................................................. .................................................
๓. สว่ นประกอบของเรียงความมีอะไรบ้าง และนักเรยี นคดิ ว่าสว่ นประกอบของเรียงความส่วนใดที่เปน็ ส่วน
สาคญั ทสี่ ดุ เพราะเหตุใด
คาตอบ.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
๔. ให้นักเรียนอธบิ ายวถิ ชี วี ติ ความเป็นอยูข่ องชาวสุโขทยั จากการศกึ ษาศิลาจารกึ หลกั ท่ี 1
คาตอบ.................................................................................................................................................................
.................................................................................................. ............................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
๕. นักเรยี นคดิ ว่าการศึกษาศิลาจารึกหลกั ที่ 1 ก่อใหเ้ กิดประโยชนใ์ ดบ้างกบั นักเรยี นและสังคมไทยในปจั จุบัน
คาตอบ.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
-72-
-72-