(เฉลย) แบบทดสอบประจาหนว่ ย
“หนว่ ยที่ ๑ เรียงถ้อยร้อยอักษร”
1. จุดประสงค์ในการแต่งศิลาจารกึ หลกั ท่ี ๑ คอื อะไร
แนวคาตอบ เพ่ือบันทึกเร่ืองราวสาคัญในสมัยกรุงสุโขทัย ลักษณะการปกครอง วิถีชีวิต ความเป็นอยู่
ของราษฎร ตลอดจนบรรยายถึงความเจริญรุ่งเรือง และความสมบูรณ์พูนสุขของกรุงสุโขทัย เน้ือความ
ในศลิ าจารกึ ทาให้อนุชนรุ่นหลงั ได้ทราบพระราชประวัติของพ่อขุนรามคาแหงแตเ่ พยี งคร่าว ๆ
2. “...กูได้ตัวเน้ือตัวปลา กูเอามาแก่พ่อกู กูได้หมากส้มหมากหวาน อันใดกินอร่อยกินดี กูเอามาแก่พ่อกู
กูไปตีหนังวังช้างได้ กูเอามาแก่พ่อกู กูไปท่บ้านบ่เมืองได้ช้างได้งวง ได้ป่ัวได้นาง ได้เงือนได้ทอง กูเอา
มาเวนแก่พ่อกู...” จากข้อความในศิลาจารึกหลักท่ี 1 ข้างต้น แสดงให้เห็นว่ามีการใช้ประโยคและคาใน
ลกั ษณะใด
แนวคาตอบ มีการใช้ประโยคสามัญขนาดส้ันต่อกันหลายประโยค มีการใช้คาซ้าหรือซ้อนคา ใช้สัมผัส
คลอ้ งจอง ชว่ ยเน้นย้าเนอ้ื ความใหม้ ีความหมายหนักแนน่
3. ส่วนประกอบของเรียงความมีอะไรบ้าง และนักเรียนคิดว่าส่วนประกอบของเรียงความส่วนใดที่เป็นส่วน
สาคัญที่สุด เพราะเหตใุ ด
แนวคาตอบ ส่วนประกอบของเรียงความมี 3 สว่ น คอื คานา เน้อื เรอ่ื ง และสรปุ
ส่วนประกอบของเรียงความท่ีเป็นส่วนสาคัญที่สุดคือ “เนื้อเร่ือง” เพราะเป็นส่วนท่ีต้อง
แสดงความรู้ความคิดเห็นให้ผู้อื่นทราบตามโครงเร่ืองที่วางเอาไว้ เนื้อเร่ืองอาจประกอบด้วยย่อหน้าหลายย่อ
หน้าท่เี ป็นสาระสาคัญยอ่ ยของเรอื่ ง สาระสาคัญยอ่ ยเหล่านน้ั ประกอบกนั เป็นสาระสาคัญใหม่คือตัวเรอ่ื งท้งั หมด
4. ใหน้ ักเรียนอธบิ ายวถิ ีชวี ิตความเป็นอย่ขู องชาวสุโขทยั จากการศกึ ษาศลิ าจารึกหลกั ที่ 1
แนวคาตอบ วิถีชีวิตของชาวสุโขทัยเป็นชีวิตที่เรียบง่าย มีอิสรเสรีในการดารงชีวิต เช่น ใครใคร่ค้าช้างค้า
ค้าม้าค้า พ่อเมืองบ่เอาจังกอบ ถึงวันโกน วันพระ ก็ทาบุญ ทาทาน ฟังเทศน์ ฟังธรรม บ้านเมืองถึงอยู่ร่มเย็น
เป็นสุข มาเป็นเวลาร้อย ๆ ปี วิถีชีวิตเรียบง่าย มีอิสรเสรี ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ ในน้ายังมีปลา ในนา
ยงั มีข้าว มที รัพย์ในดิน สนิ ในนา้
5. นักเรียนคิดวา่ การศกึ ษาศลิ าจารึกหลักท่ี 1 กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ใดบ้างกับนักเรียนและสงั คมไทยในปจั จุบนั
แนวคาตอบ
1. ทาให้คนรุ่นหลังได้รู้เร่ืองราวต่างๆ ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับคนในสมัยสุโขทัยได้เป็นอย่างดี ท้ังการเมือง
การปกครอง การดาเนินชีวิตประจาวัน อาชีพ จารีต ประเพณี วัฒนธรรม ความเช่ือ ศาสนา
และระบบเศรษฐกจิ
2. ใช้ภาษาและตัวหนังสอื ในการส่ือความเข้าใจ ความรู้ ความคดิ ทาให้เกิดสือ่ สารระหว่างบคุ คลได้
3. เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาตทิ ี่ควรภาคภูมใิ จ
4. ช่วยใหเ้ กิดวิวฒั นาการทางดา้ นภาษาในทางที่ดขี น้ึ
5. ทาใหเ้ กิดวรรณกรรมต่าง ๆ ข้นึ หลากหลาย
-73-
-73-
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2
“สะท้อนสารผ่านวนิ จิ ฉยั ”
-๗๔-
ชุดการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาหรบั ครผู ้สู อน) กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษา
-74-
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๒ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผ่านวนิ จิ ฉัย แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เรื่อง แจกแจงข้อมูล (๑) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒
สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด รายวชิ า ภาษาไทย ๒
-75- ขอ้ เทจ็ จริงเป็นความจริงเก่ียวกบั ส่ิงต่าง ๆ รอบตัว กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
มนุษย์ หรอื เป็นความรับร้เู กยี่ วแกส่ ภาพตามธรรมชาติ ขน้ั นา หอ้ งสมดุ
ทเ่ี กิดแกร่ า่ งกายของมนุษยแ์ ละปรากฏแกบ่ ุคคลทัว่ ไป นกั เรียนร่วมกนั แสดงคิดเห็นจากข้อความท่ีครกู าหนดให้ว่าเปน็ สอ่ื
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ข้อเทจ็ จริงหรือไม่ ๑. ใบความรู้ “ความหมายของลักษณะข้อเท็จจริง”
ด้านความรู้ ๒. แถบขอ้ ความ
บอกความหมายและลกั ษณะของเท็จจรงิ ได้ ขอ้ ความ ๓. ใบงาน “ค้นคว้าหาข้อเท็จจริง”
ดา้ นทักษะและกระบวนการ - พยัญชนะไทยมีทัง้ หมด ๔๔ ตวั ภาระงาน/ช้นิ งาน
วเิ คราะห์ข้อเท็จจรงิ จากบทอ่าน แนวคาตอบ เปน็ ข้อเท็จจรงิ การทาใบงาน “ค้นคว้าหาข้อเทจ็ จรงิ
ดา้ นคณุ ลักษณะ - นักเรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ มีจานวน ..... คน
๑. ใฝ่เรียนรู้ แนวคาตอบ เปน็ ข้อเท็จจรงิ
๒. มุ่งม่ันในการทางาน * ข้อความสามารถปรบั ได้ตามบรบิ ทของห้องเรียน
สมรรถนะท่ตี ้องการใหเ้ กดิ กับผู้เรียน ขน้ั สอน การวดั และประเมินผล
1. การสื่อสาร ๑. นักเรยี นจบั คู่กับเพื่อนตามความสมคั รใจ ศึกษาใบความรู้ การประเมนิ การทางานกลุ่ม
2. การคดิ ขนั้ สูง “ความหมายและลกั ษณะของขอ้ เท็จจริง” จากนน้ั สรุปความรู้
จากการศึกษา
๒. นักเรียนร่วมกันแสดงคิดเห็นจากแถบข้อความดงั ต่อไปน้ี
-๗๕-
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๑ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผ่านวนิ จิ ฉัย แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๑ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรื่อง แจกแจงข้อมูล (๑) ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๒
แถบข้อความที่ ๑
โรคโควิด-19 คอื โรคติดตอ่ ซึ่งเกดิ จากไวรัสโคโรนา
คาตอบ เปน็ ขอ้ เท็จจริง
แถบข้อความที่ ๒
ส้ม เป็นผลไมท้ มี่ วี ิตามนิ ซีสูง
คาตอบ เปน็ ข้อเทจ็ จริง
-76- ๓. นักเรียนแบง่ กลุม่ ตามความสมัครใจ กล่มุ ละ 3 - 4 คน
แตล่ ะกลุม่ ทาใบงาน “ คน้ คว้าหาขอ้ เท็จจรงิ ”
๔. ผแู้ ทนแต่ละกลุม่ ออกมานาเสนอคาตอบ เพ่ือน ๆ ช่วยกัน
ตรวจสอบ โดยครใู หค้ าแนะนาเพิม่ เติม
ขั้นสรปุ
นักเรยี นรว่ มกนั สรุปความรเู้ ร่ืองความหมายและลักษณะ
ของข้อเท็จจรงิ
-๗๖-
แถบข้อความ
โรคโควดิ -19 คือ โรคตดิ ตอ่ ซ่ึงเกิดจากไวรสั โคโรนา
สม้ เป็นผลไม้ทมี่ ีวติ ามินซสี ูง
-77-
-77-
ใบความรู้
“ข้อเท็จจรงิ ”
ภาษาเป็นเครื่องมือสาคัญ ๒ ประการ ประการแรกเป็นเครื่องมือแสดงว่ามนุษย์สามารถรับรู้
ว่าสิ่งต่าง ๆ ท่ีอยู่รอบตัวมนุษย์ เกิดขึ้น มีอยู่ และเป็นไปในลักษณะใด ประการที่ ๒ เป็นเคร่ืองมือแสดงว่ามนุษย์
รู้สึกและมีความคิด มีความเห็นต่อส่ิงต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวมนุษย์และต่อตัวเองอย่างไร ส่ิงท่ีอยู่รอบตัวมนุษย์
และมนุษย์รับรู้แล้วสื่อออกมาผ่านทางภาษาของมนุษย์เรียกว่า ข้อเท็จจริง ส่วนความรู้สึกและความคิดความเห็น
ของมนุษย์ที่ถา่ ยทอดผา่ นภาษาเรียกวา่ ข้อคิดเห็นหรือทรรศนะ
ข้อเท็จจริง
ข้อเท็จจริงเป็นความจริงเกี่ยวแก่สิ่งต่าง ๆ รอบตัวมนุษย์ เช่น ใบไม้สดมีสีเขียว ใบไม้แห้งมีสีน้าตาล
หรือเป็นความรับรเู้ กี่ยวแก่สภาพตามธรรมชาติที่เกิดแก่ร่างกายของมนุษยแ์ ละปรากฏแก่บุคคลท่ัวไป เชน่ หลานชาย
คนเล็กอ้วนจ้าม่า หลังของคุณยายโก่ง ข้อเท็จจริงมักไม่ปรากฏแปรเปล่ียนเปน็ อย่างอ่ืน อย่างน้อยก็ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เช่น ต้นคูนไม่ค่อยมีใบ แต่ออกดอกสีเหลืองสดใสเป็นช่อห้อยลงมาเต็มต้น อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงอาจไม่เป็นจริง
ไปตลอดกาล หากปัจจัยเปลี่ยน ตัวแปรเปล่ียน ข้อเท็จจริงก็จะเปลี่ยนไปได้ ตัวอย่างข้อเท็จจริงต้นคูนไม่ค่อยมีใบ
แต่ออกดอกสีเหลืองเต็มต้น เป็นข้อเท็จจริงเก่ียวแก่ต้นคูนเฉพาะในฤดูร้อน เม่ือปัจจัยฤดูกาลเปลี่ยนไปเป็นฤดูฝน
ขอ้ เท็จจริงเกี่ยวแก่ตน้ คูนก็จะเปลี่ยนไปเปน็ ว่า เชน่ ต้นคูนปราศจากดอก มีใบเขยี วชอุม่ เต็มตน้
ข้อเท็จจริงสะท้อนถึงส่ิงต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้น ดารงอยู่ และเส่ือมสูญไปได้เอง โดยที่ไม่ต้องมีมนุษย์เข้าไป
เกี่ยวข้อง เช่น กุหลาบท่ีเห็นเป็นดอกตูมเมื่อวาน วันนี้ดอกบานหมดแล้ว ดอกกุหลาบเปลี่ยนจากตูม
เปน็ บานได้เอง มนุษย์ไมม่ สี ว่ นเก่ียวขอ้ งดว้ ยเลย มนุษยเ์ กย่ี วข้องกบั ข้อเทจ็ จริงในฐานะทเี่ ปน็ ผู้สังเกตการณ์และเป็น
ผู้รับรู้ความมีอยู่และความเปล่ียนแปลงของสิ่งต่าง ๆ ตามที่เป็นจริง เช่น ดวงอาทิตย์ข้ึนทางทิศตะวันออก
และตกทางทศิ ตะวันตก
-78-
-78-
ใบความรู้
“ขอ้ เทจ็ จริง” (ตอ่ )
เม่ือมนษุ ย์เปน็ ผู้สังเกตการณ์ ข้อเทจ็ จริงจึงเป็นความจริงท่ีมนุษย์ทุกคนรับรู้ได้เหมือนกัน ขอ้ เท็จจรงิ เรื่องใด
เรื่องหนึ่งจึงมีเพียงประการเดียว เช่น เธอเห็นรุ้งกินนา้ มี ๗ สี เขาก็เห็นรุ้งกินนา้ มี ๗ สี ใคร ๆ ก็เห็นรุ้งกินน้ามี ๗ สี
ขอ้ เท็จจรงิ มปี ระการเดียว คือ มนษุ ยท์ ส่ี ายตาปรกติจะเหน็ รุง้ กินนา้ เป็น ๗ สี
มนุษย์รับรู้ข้อเท็จจริงผา่ นประสาทสัมผสั ท้ัง ๕ คนท่ีมีประสาทสัมผัสบางส่วนผิดปรกติจะรับรู้ข้อเท็จจริง
แตกต่างกับคนปรกติ เช่น คนตาบอดสีจะเห็นสีแตกต่างกับคนตาปรกติ คนที่มีประสาทรับรู้กลิ่น
เ ป็ น ป ร ก ติ จ ะ รั บ รู้ ว่ า ด อ ก กุ ห ล า บ แ ล ะ ด อ ก ม ะ ลิ มี ก ล่ิ น แ ล ะ เ ป็ น ก ลิ่ น ท่ี มี ผ ล ใ ห้ ม นุ ษ ย์ ส่ ว น ใ ห ญ่ ช อ บ
ส่วนดอกเฟื่องฟ้าไม่มีกลิ่น ดังน้ันข้อความว่า กุหลาบและมะลิเป็นดอกไม้ท่ีมีกลิ่น ดอกเฟื่องฟ้าไม่มีกล่ิน
จงึ เป็นขอ้ เท็จจริง
ขอ้ ความต่อไปนี้เปน็ ตัวอย่างแสดงภาษาท่ใี ชถ้ า่ ยทอดข้อเท็จจรงิ
- นมโคสดมีสีขาว
- ผลทุเรียนมหี นามแหลมอย่เู ต็ม
- อณุ หภมู ขิ องหอ้ งนี้อยู่ที่ ๒๙ องศาเซลเซยี ส
- แสงเดนิ ทางไดเ้ ร็วกวา่ เสียง
- แสงไฟแยงตาทาใหน้ อนไม่หลบั
- ลา้ งมอื บอ่ ย ๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวดั ได้
- ปัจจุบนั ประเทศไทยมีประชากรประมาณ ๖๓ ล้านคน
- โรคพษิ สนุ ขั บ้าระบาดในช่วงหน้าร้อน
- โทรศพั ท์ทาใหเ้ ราติดต่อส่อื สารกนั ได้สะดวกรวดเรว็ ขน้ึ
- ขบั รถเรว็ ทาให้เกดิ อุบตั เิ หตุได้ง่าย
- สมศกั ดทิ์ ้องเสยี ทุกครัง้ ท่ีกินอาหารรสจดั
- ยงั ไมท่ ัน ๔ ทุ่มเขากง็ ่วงนอน
- เขาปวดเขา่ มาไดส้ ัก ๒ - ๓ ปแี ลว้
- ธนบัตรใบละ ๕๐๐ บาทแลกเปน็ ธนบัตรใบละ ๒๐ บาทได้ ๒๕ ใบ
- นาฬกิ าเปน็ เคร่ืองบอกเวลา
-79-
-79-
ใบงาน
“คน้ คว้าหาขอ้ เท็จจรงิ ”
คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นคน้ หาข้อเทจ็ จรงิ ท่ีปรากฏจากบทความทีก่ าหนดให้
ไฟป่า เป็นสาเหตุสาคัญประการหน่ึงของการลดลงของพื้นที่ป่าอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันระดับของการเกิดไฟปา่
ในประเทศไทย กลายเป็นปัจจัยท่ีรบกวนสมดุลของระบบนิเวศอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสังคมพืช ดิน น้า
สัตว์ป่า และส่ิงมีชีวิตเล็ก ๆ ในป่า ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อีกทั้งยังก่อให้เกิดวิกฤตมลพิษ
หมอกควันท่ีมีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน อุตสาหกรรมการบิน และการท่องเที่ยว
ของประเทศ ทั้งนี้ เนอ่ื งจากในชว่ งเดือนกุมภาพนั ธ์ถึงเดือนเมษายนของทุกปี จะเป็นชว่ งท่ีมีความกดอากาศสูง
แผ่ปกคลุมพื้นท่ีภาคเหนือตอนบน ช่วงเวลาดังกล่าวจะเกิดช้ันอุณหภูมิผกผันตามระยะความสูงชนิดหนึ่ง
เกิดจากการจมตัวของอากาศช้ันบน ขณะที่อากาศจมตัวลงจะเกิดการอัดตัวของอากาศทาให้เกิดความร้อน
จึงเป็นชั้นของอากาศท่ีมีอุณหภูมิสูงข้ึน และอากาศในชั้นนั้นจะมีการทรงตัวที่ดี เกิดเป็นช้ันปิดก้ันหรือกักเก็บ
อนุภาคต่าง ๆ ที่ฟุ้งกระจายจากพื้นโลก ส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองไม่สามารถลอยข้ึนสู่ช้ันบรรยากาศที่สูงข้ึน
และไม่สามารถแพร่กระจายออกไปได้ จึงเกิดการสะสมของฝุ่นละอองเป็นชั้นหนาข้ึนไปเร่ือย ๆ ก่อให้เกิด
สภาพฟ้าหลัว มหี มอกควนั ปกคลุม และมีทัศนวิสยั ตา่
http://www.dnp.go.th/forestfire/web/frame/2563/fire2563.pdf)
ข้อเท็จจรงิ ทีป่ รากฏ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
-80-
-80-
(เฉลย) ใบงาน
“ค้นคว้าหาข้อเท็จจรงิ ”
คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นค้นหาขอ้ เทจ็ จรงิ ทีป่ รากฏจากบทอ่านทก่ี าหนดให้
ไฟป่า เป็นสาเหตุสาคัญประการหนึ่งของการลดลงของพื้นท่ีป่าอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันระดับของการเกิดไฟป่า
ในประเทศไทย กลายเป็นปัจจัยที่รบกวนสมดุลของระบบนิเวศอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อสังคมพืช ดิน น้า
สัตว์ป่า และส่ิงมีชีวิตเล็ก ๆ ในป่า ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน อีกทั้งยังก่อให้เกิดวิกฤตมลพิษ
หมอกควันท่ีมีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน อุตสาหกรรมการบิน และการท่องเท่ียว
ของประเทศ ท้ังน้ี เนอ่ื งจากในช่วงเดือนกมุ ภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนของทุกปี จะเปน็ ชว่ งท่มี ีความกดอากาศสูง
แผ่ปกคลุมพื้นท่ีภาคเหนือตอนบน ช่วงเวลาดังกล่าวจะเกิดช้ันอุณหภูมิผกผันตามระยะความสูงชนิดหนึ่ง
เกิดจากการจมตัวของอากาศชั้นบน ขณะที่อากาศจมตัวลงจะเกิดการอัดตัวของอากาศทาให้เกิดความร้อน
จึงเป็นชั้นของอากาศที่มีอุณหภูมิสูงข้ึน และอากาศในช้ันน้ันจะมีการทรงตัวท่ีดี เกิดเป็นช้ันปิดก้ันหรือกักเก็บ
อนุภาคต่าง ๆ ท่ีฟุ้งกระจายจากพื้นโลก ส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองไม่สามารถลอยขึ้นสู่ช้ันบรรยากาศที่สูงข้ึน
และไม่สามารถแพร่กระจายออกไปได้ จึงเกิดการสะสมของฝุ่นละอองเป็นชั้นหนาขึ้นไปเรื่อย ๆ ก่อให้เกิด
สภาพฟ้าหลัว มหี มอกควันปกคลุม และมที ศั นวสิ ัยตา่
http://www.dnp.go.th/forestfire/web/frame/2563/fire2563.pdf)
ข้อเท็จจริงท่ปี รากฏ
- ปัจจุบนั ระดบั ของการเกิดไฟป่าในประเทศไทยก่อใหเ้ กดิ วิกฤตมลพิษหมอกควันท่ีมผี ลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ
อนามยั ของประชาชน
- ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนของทุกปี จะเป็นช่วงท่ีมีความกดอากาศสูงแผ่ปกคลมุ พื้นทีภ่ าคเหนือ
ตอนบน ช่วงเวลาดังกล่าวจะเกิดช้ันอุณหภูมิผกผันตามระยะความสูงชนิดหนึ่ง เกิดจากการจมตัวของอากาศ
ชั้นบน
- ขณะที่อากาศจมตัวลงจะเกดิ การอัดตวั ของอากาศทาให้เกิดความร้อนจึงเป็นชนั้ ของอากาศทม่ี ีอุณหภูมิสูงข้ึน
และอากาศในช้ันนั้นจะมีการทรงตัวท่ีดี เกิดเป็นชั้นปิดกั้นหรือกักเก็บอนุภาคต่าง ๆ ท่ีฟุ้งกระจายจากพ้ืนโลก
ส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองไม่สามารถลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศท่ีสูงข้ึน และไม่สามารถแพร่กระจายออกไปได้
จึงเกิดการสะสมของฝุ่นละอองเป็นช้ันหนาขึ้นไปเรื่อย ๆ ก่อให้เกิดสภาพฟ้าหลัว มีหมอกควันปกคลุม
และมที ศั นวสิ ยั ต่า
-81-
-81-
แบบประเมินการทางานกลมุ่
คาชี้แจง ให้ครปู ระเมินการทางานกลุม่ ของนกั เรยี นตามรายการประเมิน (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมิน ๓ ระดับคะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหนา้ ท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนรว่ ม สมาชิกอย่างชัดเจน กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี หน้าท่ี
มสี ่วนรว่ มในการปฏบิ ตั ิ สมาชกิ ไมค่ รบถ้วน มีสว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟงั และแสดงความ งานกลุ่ม มสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ งานกลุม่ น้อยมาก
คดิ เห็น รับฟังและแสดงความคดิ เห็น งานกลุ่มบา้ ง หรือไมม่ ีส่วนร่วม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ รับฟงั และแสดงความคดิ เหน็ รับฟงั ความคิดเห็นของผ้อู น่ื
อยา่ งสมา่ เสมอ อย่างมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ น้อยมากหรือไมร่ บั ฟงั
รับผดิ ชอบงานทีไ่ ด้รับ เป็นบางครัง้ ความคิดเหน็ ผู้อน่ื
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รับผิดชอบงานท่ไี ด้รับ ไมร่ บั ผิดชอบงานทีไ่ ดร้ บั
ทกี่ าหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทนั มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคดิ คะแนน ร้อยละ = (คะแนนทีไ่ ด/้ คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดีมาก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
รอ้ ยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรับปรุง
ร้อยละ ๐ - 49
-82-
-82-
หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผา่ นวนิ จิ ฉัย แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรอ่ื ง แจกแจงขอ้ มูล (๒) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๒
สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้
ขอ้ คดิ เห็นหรอื ความคิดเหน็ เป็นผลจาก ขั้นนา ห้องสมดุ
นกั เรียนร่วมกนั แสดงคดิ เห็นจากแถบขอ้ ความท่ีครกู าหนดให้
กระบวนการทางานของสมองมนุษย์ความรสู้ กึ วา่ เป็นขอ้ เท็จจรงิ หรือไม่ สอ่ื
หรอื ความคิดเหน็ เก่ยี วกับเร่ืองตา่ ง ๆ ทรี่ บั รู้ 1. แถบขอ้ ความ
2. ป้ายเครื่องหมาย และ
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ อาหารดี รสชาติอร่อย รับประทานบ่อย ๆ สุขภาพดเี ยี่ยม 3. ใบความรู้ “ความหมายและลกั ษณะของข้อคดิ เห็น”
ด้านความรู้ แนวคาตอบ ไมเ่ ปน็ ข้อเทจ็ จริง 4. ใบงาน “คน้ คว้าหาข้อคดิ เห็น”
บอกความหมายและลักษณะของขอ้ คิดเห็นได้ * ข้อความสามารถปรบั ได้ตามบริบทของห้องเรยี น
-83- ดา้ นทักษะและกระบวนการ ภาระงาน/ช้นิ งาน
วเิ คราะห์ข้อคดิ เหน็ จากบทอา่ น ขนั้ สอน 1. การทาใบงาน “ค้นคว้าหาขอ้ คิดเห็น”
ด้านคุณลกั ษณะ ๑. นักเรยี นแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจ กลมุ่ ละ 3 - 4 คน 2. บันทึกขอ้ ความทเี่ ปน็ ข้อคิดเหน็ บนกระดานลงในสมดุ
๑. ใฝ่เรียนรู้ แต่ละกลุ่มศกึ ษาใบความรู้ “ความหมายและลักษณะของ
๒. ม่งุ มั่นในการทางาน ขอ้ คิดเห็น” จากนน้ั ร่วมกันสรปุ ความรจู้ ากการศึกษา การวดั และประเมินผล
๒. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ศกึ ษาใบงาน “ค้าหาข้อคิดเห็น” การประเมนิ การทางานกลุ่ม
สมรรถนะทตี่ ้องการใหเ้ กดิ กับผู้เรยี น 3. ผู้แทนแต่ละกลมุ่ นาเสนอหน้าชั้นเรยี น เพื่อน ๆ ชว่ ยกัน
1. การส่ือสาร ตรวจสอบ โดยครูส่มุ นกั เรยี นกลมุ่ อื่น ๆ เพือ่ ชปู ้าย “ถกู ”
2. การคิดข้นั สูง หรอื “ผิด”
-83-
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผ่านวนิ ิจฉัย แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง แจกแจงข้อมลู (๒) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๒
ขนั้ สรปุ
นกั เรียนร่วมกันสรปุ ความรเู้ ร่ืองความหมายและลักษณะ
ของขอ้ คิดเหน็
-84-
-84-
แถบข้อความ
อาหารดี รสชาติอรอ่ ย รับประทานบอ่ ย ๆ สขุ ภาพดเี ย่ยี ม
ปา้ ยเครือ่ งหมาย
-85-
-85-
ใบความรู้
“ขอ้ คดิ เห็น”
ขอ้ คิดเหน็
ขอ้ คิดเหน็ หรอื ความคิดเห็นเปน็ ผลจากกระบวนการทางานของสมองมนษุ ยว์ ่ารสู้ ึกหรือคดิ เห็นเก่ยี วแก่
เร่ืองตา่ ง ๆ ท่ีรับรู้อยา่ งไร เช่น รสู้ ึกพอใจ ชอบ ชงิ ชัง เบอื่ คลอ้ ยตาม ไมเ่ ห็นด้วย ฯลฯ
เน่ืองจากมนุษย์แต่ละคนรู้สึกและมีความคิดเห็นต่อสิ่งท่ีรับรู้ไม่เหมือนกัน ข้อคิดเห็นของมนุษย์
ต่อสิ่งเดียวกันจึงอาจเหมือนกันหรือแตกต่างกันก็ได้ ความคิดเห็นอาจแตกต่างกันมากหรือแตกต่างกันน้อยก็ได้
เช่น ความรู้สึกและความคิดต่อดอกไม้ ๓ ชนิด คือ กุหลาบ มะลิ และเฟ่ืองฟ้า บางคนอาจชอบกุหลาบและมะลิ
เพราะมีกล่ินหอม ไม่ชอบเฟื่องฟ้าเพราะดอกของเฟ่ืองฟ้าไม่มีกลนิ่ บางคนอาจชอบกลิน่ ของกุหลาบมากกวา่ มะลิ
ในขณะท่ีบางคนกลับชอบกลิ่นของมะลิมากกว่า ส่วนคนที่แพ้กลิ่นและเกสรดอกไม้อาจชอบเฟื่องฟ้า และไม่ชอบ
กุหลาบไม่ชอบมะลิ มนุษย์แต่ละคนจึงแสดงความคิดเห็นต่อดอกไม้ทั้ง ๓ ชนิดเป็นข้อคิดเห็นต่าง ๆ กัน เช่น
ดอกกุหลาบมีกล่ินหอมน่าหลงใหลกว่าดอกมะลิ กลิ่นของมะลิหอมสดชื่นกว่ากล่ินกุหลาบ เฟื่องฟ้าสวย แต่ไม่มี
เสน่ห์เพราะดอกไม่มีกลิ่น ถ้าเฟ่ืองฟ้ามีกล่ินหอมอย่างกุหลาบ ก็น่าจะดี มะลิมีดอกสวยกลิ่นหอม แต่กล่ินฉุน
เกินไป เปน็ ตน้
ขอ้ ความต่อไปนีเ้ ป็นตวั อย่างแสดงภาษาทใ่ี ช้ถ่ายทอดข้อคิดเห็นหรอื ความคดิ เหน็
- ถา้ ทุเรยี นไมม่ หี นามก็คงจะดี
- พอเปลี่ยนสผี นังใหม่ ห้องนี้ก็ดูกวา้ งขึน้
- แสงดึงอารมณผ์ ชู้ มละครเวทีได้ดีกวา่ เสยี ง
- ไฟแยงตาแบบนี้ คงนอนไม่หลับแน่ ๆ
- ผชู้ ายทมี่ ีอารมณ์ขันเปน็ คนมีเสนห่ ์
- ปจั จุบันประเทศไทยมีประชากรมากเกนิ ไป
- อากาศของเมืองไทย ถ้าร้อนน้อยกวา่ น้ีก็คงจะดี
- ก๋วยเตยี๋ วผัดซอี ้ิวเจ้านน้ี า่ กินมาก
- หนังสอื เล่มนีใ้ ชศ้ พั ทย์ ากมาก
- โทรศัพทม์ ือถือเปน็ เครื่องมือสอ่ื สารที่แสดงความทนั สมัย
- อบุ ัติเหตคุ ร้งั นี้ไม่น่าเกิด ถา้ เขาไม่ขบั รถเรว็ จนเกินไป
- ผมวา่ ทสี่ มศกั ด์ิท้องเสยี คงเพราะอาหารรสจัดเม่ือกลางวัน
- เขาคงง่วง เห็นหาวมาหลายรอบแลว้
- กินยาและพักผ่อนใหเ้ ต็มท่สี ัก ๒-๓ วนั อาการคงทุเลาข้นึ
- ผมต่ืนขึน้ มายามสาย แต่เป็นวนั ท่ีผมไม่สาย
- ภาพถา่ ยคืออดีตท่บี ันทึกไว้ได้
-86-
-86-
ใบความรู้
“ข้อคิดเห็น” (ตอ่ )
ควรสังเกตว่าภาษาที่แสดงข้อเท็จจริงมักปรากฏคาท่ีบ่งช้ีว่าเป็นความรู้สึกหรือความคิดเห็น
เช่น ว่า คดิ ว่า มีความเห็นวา่ สนั นิษฐานวา่ นา่ จะ ควร คง ฯลฯ เช่น
- ประเทศไทยคงลงทุนสร้างรถไฟความเรว็ สงู ในไม่ช้าน้ี
- ผมว่าถ้าเด็กติดเกมคอมพวิ เตอร์ จินตนาการของเด็กจะถูกทาลาย
- พัฒนาการทางร่างกายกจ็ ะมปี ัญหาเพราะเด็กไมค่ ่อยได้ออกกาลังกาย
- ท่ีว่าอุดหนนุ สินค้าไทยนั้น เพียงแค่ซ้อื ของที่ผลติ ในประเทศไทยคงไม่พอ
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรถือเป็นหลักตายตัวว่า ข้อความที่ปรากฏคาดังกล่าวจะต้องเป็นข้อคิดเห็น
ไปทุกกรณี ควรพิจารณาด้วยว่า ข้อความนั้นเป็นข้อความที่แสดงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือเป็นข้อความ
ท่ีแสดงความคิดพิจารณาต่อปรากฏการณ์ เช่น ข้อความว่า บรรพตรู้ว่าตนเป็นคนสายตาสั้น เป็นข้อเท็จจริง
เพราะบรรพตเคยไปตรวจสายตามา จงึ รสู้ ภาพความผดิ ปรกติเกี่ยวแกส่ ายตาของตน แต่ขอ้ ความวา่ ผมวา่ บรรพต
เป็นคนสายตาสั้น เป็นข้อคิดเห็นที่ผู้พูดมีต่อบรรพต ความคิดเห็นดังกล่าว อาจได้จากการสังเกตว่าบรรพต
ชอบถามเพือ่ น ๆ ว่ารถเมล์ที่กาลงั แลน่ เข้าหาปา้ ยเป็นรถเมลส์ ายอะไร
-87-
-87-
ใบงาน
“ค้นควา้ หาข้อคดิ เห็น”
คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนค้นหาข้อคดิ เห็นท่ปี รากฏจากบทอ่านทีก่ าหนดให้
งิ้วเป็นของคู่กับศาลเจ้า เม่ือมีงานฉลองศาลเจ้า คนที่ชอบดูง้ิวก็จะได้ชมวิวกันจุใจ เพราะงานฉลอง
ศาลเจ้าแต่ละคร้ังมักมีไม่ต่ากว่า ๓ วัน สันนิษฐานว่างิ้วคณะแรกท่ีจัดแสดงในประเทศไทยว่าจ้างมาจากเมืองจีน
ต่อเม่ือมีผู้นิยมชมงิ้วกันมากข้ึน จึงเกิดคณะฝึกหัดง้ิวและจัดแสดงง้ิวขึ้นในเมืองไทย เอกสารทางประวัติศาสตร์
หลายชิ้นระบุว่า ในงานสมโภชพระนครหรือสมโภชพระอารามใหญ่ ๆ มักจัดแสดงง้ิวร่วมกับมหรสพ
และการแสดงอื่น ๆ ด้วยสมัยเม่ือง้ิวเฟื่องฟู ได้เกิดคณะฝึกหัดและแสดงง้ิวหลายคณะ แต่ปัจจุบันคณะแสดงงว้ิ
มนี อ้ ยลง คงเปน็ เพราะมีคา่ ใช้จ่ายมากสว่ นผชู้ มมีน้อยลง ลูกหลานชาวจีนในเมืองไทยไมด่ ูงวิ้ เพราะฟงั ภาษาจีน
ออกกนั น้อยลง ประกอบกับหันไปนยิ มภาพยนตร์มากกวา่ ผู้ทีย่ ังติดงิ้วอยูจ่ ึงมเี พยี งผู้เฒา่ ผ้แู ก่ชาวจนี เท่านน้ั )
ข้อคิดเหน็ ทป่ี รากฏ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
-88-
-88-
(เฉลย) ใบงาน
“คน้ คว้าหาข้อคดิ เหน็ ”
คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นค้นหาข้อคดิ เหน็ ที่ปรากฏจากบทอ่านที่กาหนดให้
งิ้วเป็นของคู่กับศาลเจ้า เม่ือมีงานฉลองศาลเจ้า คนท่ีชอบดูง้ิวก็จะได้ชมวิวกันจุใจ เพราะงานฉลอง
ศาลเจ้าแต่ละครั้งมักมีไม่ต่ากว่า ๓ วัน สันนิษฐานว่าง้ิวคณะแรกท่ีจัดแสดงในประเทศไทยว่าจ้างมาจากเมืองจีน
ต่อเม่ือมีผู้นิยมชมง้ิวกันมากข้ึน จึงเกิดคณะฝึกหัดงิ้วและจัดแสดงง้ิวข้ึนในเมืองไทย เอกสารทางประวัติศาสตร์
หลายชิ้นระบุว่า ในงานสมโภชพระนครหรือสมโภชพระอารามใหญ่ ๆ มักจัดแสดงง้ิวร่วมกับมหรสพ
และการแสดงอ่ืน ๆ ด้วยสมัยเมื่องิ้วเฟ่ืองฟู ได้เกิดคณะฝึกหัดและแสดงงิ้วหลายคณะ แต่ปัจจุบันคณะแสดงง้วิ
มีนอ้ ยลง คงเปน็ เพราะมีค่าใช้จา่ ยมากส่วนผชู้ มมีน้อยลง ลูกหลานชาวจีนในเมืองไทยไม่ดูงวิ้ เพราะฟงั ภาษาจีน
ออกกันน้อยลง ประกอบกับหนั ไปนยิ มภาพยนตร์มากกว่า ผ้ทู ่ยี งั ติดง้ิวอยู่จึงมีเพียงผู้เฒ่าผ้แู ก่ชาวจีนเท่านน้ั )
ข้อคิดเหน็ ที่ปรากฏ
- งิ้วเป็นของค่ศู าลเจา้ เม่อื มงี านฉลองศาลเจ้า คนที่ชอบดงู ว้ิ ก็จะไดช้ มง้วิ กันจุใจ
- สันนิษฐานวา่ ง้วิ คณะแรกท่ีจัดแสดงในประเทศไทยวา่ จา้ งมาจากเมืองจีน ต่อมาเมื่อมีผู้นิยมชมงวิ้ กัน
มากขึ้น จงึ เกดิ คณะฝกึ หดั งว้ิ และจัดแสดงงวิ้ ข้นึ ในเมอื งไทย
- คงเป็นเพราะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ส่วนผู้ชมมีน้อยลง ลูกหลานชาวจีนในเมืองไทยไม่ดูงิ้ว เพราะฟัง
ภาษาจนี ออกกนั น้อยลง ประกอบกับหนั ไปนยิ มภาพยนตร์มากกวา่
- ผู้ท่ียงั ตดิ งว้ิ อยงู่ ้ิวอยจู่ ึงมเี พยี งผูเ้ ฒา่ ผแู้ กช่ าวจีนเทา่ นนั้
-89-
-89-
แบบประเมินการทางานกลมุ่
คาชี้แจง ให้ครปู ระเมินการทางานกลุ่มของนกั เรยี นตามรายการประเมิน (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมิน ๓ ระดับคะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหนา้ ท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนรว่ ม สมาชิกอย่างชัดเจน กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี หน้าท่ี
มสี ่วนรว่ มในการปฏิบตั ิ สมาชกิ ไมค่ รบถ้วน มีสว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟงั และแสดงความ งานกลุ่ม มสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ งานกลุม่ น้อยมาก
คดิ เห็น รับฟังและแสดงความคดิ เห็น งานกลุ่มบา้ ง หรือไมม่ ีส่วนร่วม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ รับฟงั และแสดงความคดิ เหน็ รับฟงั ความคิดเห็นของผ้อู น่ื
อยา่ งสมา่ เสมอ อย่างมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ น้อยมากหรือไมร่ บั ฟงั
รับผดิ ชอบงานทีไ่ ด้รบั เป็นบางครัง้ ความคิดเหน็ ผู้อน่ื
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รับผิดชอบงานท่ไี ด้รับ ไมร่ บั ผิดชอบงานทีไ่ ดร้ บั
ทกี่ าหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทนั มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคิดคะแนน ร้อยละ = (คะแนนทีไ่ ด/้ คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดีมาก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
รอ้ ยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรับปรุง
ร้อยละ ๐ - 49
-90-
-90-
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผ่านวนิ ิจฉยั แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๓ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เร่ือง แจกแจงข้อมูล (๓) ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๒
สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด กิจกรรมการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้
ขอ้ เท็จจรงิ เป็นความจรงิ เกยี่ วกบั สิ่งต่าง ๆ รอบตวั ขน้ั นา หอ้ งสมุด
มนุษย์ หรือเป็นความรับรู้เก่ียวแก่สภาพตามธรรมชาติ นักเรียนร่วมกนั ยกตวั อย่างข้อความ/ประโยคท่เี ป็นข้อเทจ็ จรงิ
ที่เกิดแก่ร่างกายของมนุษย์และปรากฏแก่บุคคลทั่วไป และข้อคดิ เห็น และทบทวนลักษณะของข้อเทจ็ จริง ส่อื
ส่วนข้อคดิ เห็นหรือความคิดเห็นน้ันเป็นผลจากกระบวนการ และข้อคิดเห็น ๑. กจิ กรรม “ค้นบัตรคา ...นาพาข้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเหน็ ”
ทางานของสมองมนุษย์ความรู้สึกหรือความคิดเห็นเก่ียวกับ ๒. ใบงาน “วันทผ่ี มตน่ื สาย”
เร่ืองต่าง ๆ ที่รับรู้ การศึกษาเร่ืองข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น ข้ันสอน
ใหเ้ กิดประสิทธิภาพ นักเรียนต้องสามารถแยกแยข้อเท็จจริง ๑. นักเรียนแบ่งกลมุ่ ตามความสมัครใจ ๒ กลุม่ ทากจิ กรรม ภาระงาน/ชิ้นงาน
และขอ้ คิดเหน็ ได้ “ค้นบัตรคา...นาพาขอ้ เทจ็ จริงและข้อคดิ เห็น” ดังนี้ การทาใบงาน “วนั ทีผ่ มตนื่ สาย”
กล่มุ ที่ ๑ กจิ กรรม “คน้ บัตรคา...นาพาข้อเท็จจรงิ ”
-91- จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ กลุม่ ท่ี ๒ กจิ กรรม “คน้ บัตรคา...นาพาข้อคดิ เห็น” การวดั และประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ 2. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ช่วยกันหาบตั รขอ้ ความทเ่ี ป็นข้อเท็จจริง แบบประเมินการทางานกลมุ่
ระบลุ ักษณะของข้อเท็จจริงและขอ้ คดิ เห็นได้ และข้อคิดเห็นแลว้ นามาเขียนหรอื ติดบนกระดาน จากนั้น
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ชว่ ยกนั ตรวจสอบ โดยครูใหค้ าแนะนาเพิม่ เติม
วเิ คราะห์ข้อเทจ็ จริงและข้อคิดเห็นจากบทอา่ น 3. นักเรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 3 - 4 คน แต่ละกลุ่มศึกษาใบงาน
ดา้ นคุณลักษณะ “วนั ท่ผี มตืน่ สาย”
๑. ใฝเ่ รียนรู้ 4. ผแู้ ทนกลุ่มนาเสนอหนา้ ชั้นเรยี น เพอื่ น ๆ ช่วยกนั ตรวจสอบ
๒. มงุ่ มั่นในการทางาน โดยครใู ห้คาแนะนาเพิ่มเติม
-91-
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๒ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผา่ นวินิจฉยั แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๓ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เรอ่ื ง แจกแจงข้อมูล (๓) ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๒
สมรรถนะที่ต้องการใหเ้ กดิ กับผูเ้ รียน รายวิชา ภาษาไทย ๒
1. การสอ่ื สาร
2. การคิดข้ันสูง ข้นั สรุป
นักเรียนรว่ มกนั เขยี นสรุปขอ้ แตกตา่ งของข้อเทจ็ จริง
และข้อคดิ เหน็ เปน็ แผนภาพความคิด บทกระดาน
-92-
-92-
ขอ้ เท็จจริง บัตรคา
ข้อคดิ เหน็ กจิ กรรม “ค้นบตั รคา... นาพาข้อเท็จจรงิ และขอ้ คดิ เห็น”
ผมมีวนั หยดุ ยาว ๓ วัน
วันน้ีผมมีเวลา ๒๔ ช่วั โมง
อาหารม้อื แรกของผมวันนีเ้ ป็นข้าวตม้
นยิ ายทผี่ มอา่ นเป็นเร่ืองแนววทิ ยาศาสตร์ศาสตร์
การทา้ ลายปา่ ไม้ท้าใ-ห้เกดิ ความแหง้ แลง้
ผมใช้เวลา ๒๐ นาที จึงจะกินขา้ วต้มหมดถว้ ย
หลงั ข้าวเช้าผมช่วยพอ่ ทา้ ความสะอาดโต๊ะ
วันน้ีอากาศร้อน
เวลาจะเร็วหรือชา้ อยทู่ ี่ใจ
น้ารินตอ้ งสอบไดท้ ่ี ๑ แน่นอน
เมอ่ื เรามีความสขุ เวลาจะผ่านไปไว
ครูสมพรเปน็ ครทู ่ีสวยทีส่ ดุ ในโรงเรียน
วนั นผี้ มรู้สกึ ว่าขา้ วตม้ อร่อยเหลอื เกนิ
คนเรียนเก่งยอ่ มประสบความส้าเร็จเสมอ
เขาคงงว่ งนอนเห็นวา่ หาวนอนมาหลายรอบแล้ว
-93-
-93-
ใบงาน
“วนั ทีผ่ มตนื่ สาย”
คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนจาแนกข้อความทีเ่ ป็นข้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็นจากบทอา่ นทีก่ าหนดให้
วนั ที่ผมตื่นสาย
วันนี้ผมต่ืนขึ้นมายามสาย แต่เป็นวันท่ีผมไม่ได้สาย เพราะไม่มีกิจอะไรท่ีต้องรีบเร่งกระทาเหมือน
เช่นทุกวัน ผมมีวันหยุดยาว ๓ วัน วันนี้เป็นวันหยุดวันแรก เพื่อน ๆ ท่ีทางานชวนผมไปเที่ยวทะเล
แต่ผมปฏิเสธ เพราะผมไม่อยากผลาญพร่าเวลาในวันหยุดท่ีแสนจะหายากของผมไปกับการแย่งคนอื่นกิน
แย่งคนอื่นเท่ียว จึงเลือกที่จะใช้วันหยุดท้ัง ๓ วันพักผ่อนอยู่กับบ้าน ต้ังใจไว้ว่า ๓ วันน้ี จะอ่านนวนิยายท่ีซื้อไว้
ตง้ั แต่ปีที่แล้ว และเพิ่งอา่ นไปได้เพยี ง ๑ กวา่ หน้าใหจ้ บเลม่ แล้วกจ็ ดั สวนรก ๆ ใหน้ า่ ดขู ้นึ
อาหารมื้อแรกของผมวันนี้เป็นข้าวต้มเหมือนอย่างเคย แต่ที่พิเศษกว่าทุกวันคือผมไม่ต้องรีบร้อนกิน
และได้ย้ายจากครัวมากินท่ีโต๊ะหินในสวน ผมมีเวลาเหลือเฟือให้ค่อย ๆ สัมผัสรสชาติของอาหารฝีมือแม่ผมคงที่
แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกว่าข้าวต้มอร่อยเหลือเกิน ผมใช้เวลา 20 นาทีจึงจะกินข้าวต้มหมดถ้วย ใช้เวลามากเป็น ๔
เท่าของทุกวัน ผมแอบเห็นแม่ย้ิมที่ได้เห็นผมค่อย ๆ บรรจงตักข้าวต้มเข้าปากช้า ๆ วันน้ีแม่ไม่ต้องคอยเตือนให้
ระวงั ขา้ วต้มลวกปากเหมอื นเชน่ ทุกวัน
คนท่ีดูจะพอใจมากท่ีสุดที่เห็นผมวางแผนอยู่กับบ้านคือแม่วันนี้ไม่มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังข้ึน
ผมปิดเคร่ืองไปตั้งแต่เม่อื คืน ต้งั ใจจะให้มนั ได้พักผ่อนบ้าง หลงั จากทีร่ ว่ มงานกบั ผมมาอย่างหนัก
นึก ๆ ดู ก็น่าแปลก วันนี้ผมมีเวลา ๒๔ ช่ัวโมงเหมือนทุกวันแต่ดูเหมือนเวลาจะเดินช้าลงทุกวัน ขณะท่ี
ผมรีบเดินทางไปให้ทันนัดลูกค้า รีบกลับบ้านมาให้ทันนัดกินข้าวเย็นกับพ่อแม่และน้องสาว หรืออยู่ดึก ๆ ดื่น ๆ
เพ่ือเร่งเขียนรายงานให้เสร็จ ผมภาวนาให้เวลาเดินช้า ๆ มีหลายครั้งที่ผมอธิษฐานให้โลกหยุดหมุน แต่เวลาก็ไม่
เคยหยุดนิ่ง ซ้ายังผ่านไปตามจังหวะท่ีคงท่ีเสมอ เวลาจะเร็วหรือช้าอยู่ท่ีใจ เมื่อเรามีความสุข เวลาจะผ่านไปเร็ว
แต่เวลาจะเดนิ ชา้ เมื่อเราต้องคอยอะไรบางอย่าง คอยให้ข้าวสุก คอยให้มะม่วงออกลูก คอยเพื่อนตามท่ีนัดกันไว้
คอยคิวเข้าพบแพทย์ทโ่ี รงพยาบาล
วันท่ีเราเบ่ือและใช้ชีวิตให้หมดไปวันหน่ึง ๆ อย่างไร้คุณค่าเวลาก็จะผ่านไปช้าเช่นเดียวกัน ผมนึกถึง
นักโทษท่ีถูกจองจาอยู่ในคุกและคนป่วยที่ได้แต่นอนอยู่บนเตียง คงจะทรมานอย่างท่ีสุดเพราะเวลาแต่ละวัน
ของพวกเขาเดินช้ากว่าเวลาของพวกเรามากนัก นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทาให้ผมใฝ่ดี ไม่ใช้ชีวิตเหลวไหลไร้สาระ
หรือหลงไปกับสิ่งบันเทิงยั่วเยา้ เหมือนเพื่อนบางคนในวยั เด็ก ซึ่งตอนน้ีก็มีอยู่ถึง 2 คนยังคอยเวลาให้ผา่ นไปช้า ๆ
หลังกาแพงสูงที่ก้ันเขากับโลกภายนอกและเป็นสาเหตุท่ีทาให้ผมเลิกเหล้าได้โดยเด็ดขาด เม่ือเห็นเพื่อนสนิท
ตอ้ งนอนอย่ใู นโรงพยาบาลนานเปน็ ปี เพราะสาเหตเุ มาแลว้ ขับ
-94-
-94-
ใบงาน
“วนั ท่ผี มตน่ื สาย” (ต่อ)
วันน้ีผมไม่ผูกนาฬิกาท่ีข้อมือ และต้ังใจจะไม่มองนาฬิกาท่ีแขวนบนผนัง คงมีเพียงแม่ท่ีจะคอยเป็น
นาฬิกาปลุก เตอื นใหก้ ินขา้ วม้ือกลางวันและมื้อเยน็ หลังข้าวเชา้ ผมช่วยพอ่ ทาความสะอาดโต๊ะหมบู่ ชู าในหอ้ งพระ
เราค่อย ๆ ทาความสะอาด เช็ดทุกขอบทุกลายของโต๊ะงานท่ีน่าจะเสร็จช้า กลับเสร็จในเวลารวดเร็วจนได้ลงมา
ช่วยแม่ซกั ผ้าเสร็จแล้วก็มานง่ั อา่ นนวนยิ ายท่ีอ่านคา้ งไว้ นวนยิ ายทผ่ี มอ่านเป็นเร่อื งแนววิทยาศาสตร์ทคี่ นสามารถ
เดินทางย้อนกลับไปอดีตและเดินทางไปสู่อนาคตด้วยเครื่องเดินทางข้ามมิติเวลา นวนิยายท่ีผมอ่านสนุกตื่นเตน้ ดี
ผมไม่มคี วามรู้วิทยาศาสตรด์ ีพอที่จะบอกว่าเรื่องในนวนิยายจะมีโอกาสเปน็ จริงได้แค่ไหน ตวั ผมกไ็ ม่ใช่หมอดูที่จะ
หยงั่ รอู้ นาคต แต่ผมสามารถมองเห็นอดีตของตนเองและคนท่ผี มรกั ทผี่ มผกู พนั ได้ผ่านรปู ถ่ายท่ผี มบนั ทกึ ไว้
ผมเป็นคนชอบถ่ายรูป ผมคิดว่ามันเป็นวิธีบันทึกอดีตที่สะดวกท่ีสุด รูปถ่ายทาให้เรามองเห็นอดีตได้
โดยไม่ต้องพึ่งพาอานาจวิเศษใด ๆ ผมได้บันทึกภาพสมาชิกทุกคนในบ้านไว้หมด ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่น้องสาว
หรือแม้แต่เจ้าเหมียว ไม่มีมุมใดในบ้านของผมท่ีผมไม่ได้บันทึก ผมหยิบอดีตของผมและคนในครอบครัวขึ้นมา
ดูบ่อย ๆ ทุกคร้ังที่ดูรูปในอัลบั้มที่ถ่ายไว้ ผมจะรู้สึกอบอุ่นและมีความสุข เพราะรูปเหล่าน้ันเตือนให้ผมระลึกถึง
วันเวลาและเหตุการณเ์ กา่ ๆ ที่ประทบั ใจและนา่ จดจา
วันนี้ผมต่ืนข้ึนมายามสาย ผมคงจะสายถ้าเลือกไปเที่ยวทะเลกับเพ่ือน ๆ เพราะเขานัดออกเดินทางกัน
ตั้งแต่เช้ามืด แต่ผมไม่สายเพราะผมเลือกพักผ่อนอยู่บ้านและอยู่กับครอบครัวที่อบอุ่นใวันหยุด
เหมอื นเช่นทีผ่ มกาลังทาอยนู่ ้ี
จากหนงั สือเรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน ภาษาไทย ววิ ธิ ภาษา
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 หน้า 186 - 189
-95-
-95-
แบบประเมนิ การทางานกลมุ่
คาช้แี จง ใหค้ รปู ระเมนิ การทางานกลุ่มของนกั เรยี นตามรายการประเมิน (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมนิ ๓ ระดับคะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหนา้ ท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนรว่ ม สมาชิกอย่างชดั เจน กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี หน้าท่ี
มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ สมาชกิ ไมค่ รบถ้วน มีสว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกลุ่ม มสี ่วนรว่ มในการปฏิบตั ิ งานกลุม่ น้อยมาก
คิดเหน็ รับฟงั และแสดงความคดิ เห็น งานกลุ่มบา้ ง หรือไมม่ ีส่วนร่วม
4. ความรบั ผิดชอบ อยา่ งมีเหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟงั และแสดงความคดิ เหน็ รับฟงั ความคิดเห็นของผ้อู น่ื
อย่างสมา่ เสมอ อยา่ งมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ น้อยมากหรือไมร่ บั ฟงั
รับผิดชอบงานทไี่ ดร้ ับ เป็นบางครัง้ ความคิดเหน็ ผู้อน่ื
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รบั ผิดชอบงานท่ไี ด้รับ ไมร่ บั ผิดชอบงานทีไ่ ดร้ บั
ที่กาหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทนั มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคดิ คะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนที่ได/้ คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
เกณฑ์ของระดับคะแนน ดีมาก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
รอ้ ยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรับปรุง
ร้อยละ ๐ - 49
-96-
-96-
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๒ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผา่ นวินิจฉยั แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๔ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง เพิม่ พนู พงศาวดาร (๑) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒
รายวชิ า ภาษาไทย ๒
สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้
โคลงภาพพระราชพงศาวดารเกิดขนึ้ โดยพระราชดาริ หอ้ งสมดุ
พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ทรงเลือกสรร ขัน้ นา สอ่ื
เร่ืองในพระราชพงศาวดารให้ชา่ งเขยี นทมี่ ีฝีมือเขียนรูปภาพ นกั เรียนดูภาพบนกระดาน แล้วรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ๑. ภาพประกอบ
และให้มีโคลงบอกเร่ือง มีพระราชประสงค์ทีจ่ ะสรรเสริญ เก่ียวกับภาพดงั กลา่ ว เชน่ เป็นภาพเก่ยี วกบั อะไร แหตกุ ารณ์ 2. ใบความรู้ “ความเปน็ มาและความสาคญั ของโคลง
พระเกยี รตคิ ุณของพระมหากษัตรยิ ์ไทยในสมัยอยธุ ยาและ ในภาพน่าจะเกิดในสมยั ใด ภาพพระราชพงศาวดาร”
3. กิจกรรม “บนั ทกึ ความเป็นมาของโคลงภาพที่ ๑๐
-97- รัตนโกสนิ ทร์ที่มีพระมหากรณุ าธคิ ุณต่อแผ่นดนิ โคลงสอง ข้ันสอน และ ๕๖”
เร่อื งที่คัดมาใหน้ ักเรยี นศึกษาไดแ้ ก่ โคลงประกอบรปู ท่ี ๑๐ ๑. นกั เรียนแบ่งกลุ่มตาม ความสมคั รใจ กลุม่ ละ 3 - 4 คน 4. เกม “คาถามนา่ รู้”
พระสรุ โิ ยทัยขาดคอช้าง และ โคลงประกอบรูปท่ี ๕๖ แต่ละกลุ่มศกึ ษาใบความรู้ “ความเปน็ มาและความสาคัญ ภาระงาน/ชน้ิ งาน
พันทา้ ยนรสงิ ห์ถวายชวี ิต ของโคลงภาพพระราชพงศาวดาร” จากน้นั ชว่ ยกันสรปุ ความรู้ การทากจิ กรรม “บันทึกความเป็นมาของโคลงภาพ
ที่ ๑๐ และ ๕๖”
จุดประสงค์การเรียนรู้ จากการศึกษา การวดั และประเมินผล
ดา้ นความรู้ ๒. ผ้แู ทนกลมุ่ ออกมาหยบิ บตั รบันทกึ ความเป็นมา -
อธบิ ายความเปน็ มาและความสาคญั ของโคลงภาพ และความสาคญั ของของโคลงภาพท่ี ๑๐ และ ๕๖
พระราชพงศาวดาร แล้วบันทกึ ลงในบตั ร กลมุ่ ละ 1 ใบ ดงั นี้
ดา้ นทักษะและกระบวนการ
สรุปสาระสาคญั จากเร่ืองสะท้อนสารผา่ นวนิ ิจฉยั “บัตรบันทึกความเปน็ มาของโคลงภาพท่ี ๑๐”
“บตั รบันทกึ ความเปน็ มาของโคลงภาพท่ี ๕๖”
-97-
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผา่ นวนิ ิจฉยั แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๔ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เรอื่ ง เพ่ิมพูนพงศาวดาร (๑) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒
ดา้ นคณุ ลักษณะ รายวิชา ภาษาไทย ๒
๑. ใฝเ่ รียนรู้
๒. มุ่งมัน่ ในการทางาน ๔. นักเรยี นจบั คู่ทากจิ กรรม “ผลัดกนั ฉันตอบเธอ”
๓. รักความเป็นไทย โดยให้นักเรียนแตล่ ะคอู่ อกมาจับสลากคาถามให้คู่ของตนเอง
แล้วผลดั การตอบ
สมรรถนะที่ต้องการให้เกิดกับผูเ้ รียน ๕. นักเรยี นท่ีนง่ั ฟงั ตรวจคาตอบและบนั ทกึ ลงในบัตร
การสอ่ื สาร ขัน้ สรปุ
นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ความรู้ความเป็นมาและความสาคัญ
-98- ของโคลงภาพพระราชพงศาวดาร จากเกม “คาถามนา่ รู้”
โดยครถู ามคาถาม แล้วใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มตอบคาถาม
กลมุ่ ทต่ี อบถูก ได้ 1 คะแนน (กลมุ่ ทีม่ ีคะแนนมากทีส่ ดุ เป็นกลมุ่
ที่ชนะ)
-98-
ภาพ
-99-
-99-
ใบความรู้
“ความเปน็ มาและความสา้ คัญของโคลงภาพพระราชพงศาวดาร”
โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพได้ทรงพระนิพนธ์คาอธิบายเก่ียวกับหนังสือ
โคลงภาพพระราชพงศาวดารไว้ว่า เกิดข้ึนโดยพระราชดาริพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลือกสรร
เรื่องในพระราชพงศาวดาร ใหช้ า่ งเขยี นทีม่ ฝี ีมือเขยี นรูปภาพและใหม้ ีโคลบอกเร่ืองพระราชพงศาวดารตรงที่เขียน
รูปภาพติดประจาไว้ทุกกรอบ รูปขนาดใหญ่มีจานวนโคลงรูปละ ๖ บท รูปขนาดกลาง และขนาดเล็ก มีจานวน
โคลงรูปละ ๔ บท การแต่งโคลงนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์บ้าง โปรดเกล้าฯ
ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการซึ่งสันทัดบทกลอนแต่งถวายบ้างรูปภาพเรื่องพระราชพงศาวดาร
ทีโ่ ปรดเกล้าฯ ใหส้ ร้างข้นึ มจี านวน ๙๒ ภาพ โคลงที่แตง่ มีจานวนทั้งสนิ้ ๓๗๖ บท สรา้ งสาเรจ็ เมอื่ พ.ศ. ๒๔๓๐
พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้กล่าวไว้ชัดเจนในร่ายนาโคลงภาพพระราชพงศาวดารวา่
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ท่ีจะสรรเสริญพระเกียรติคุณของพระมหากษัตริย์
ไทยในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ที่มีพระมหากรุณาธิคุณต่อประเทศอย่างใหญ่หลวงในด้านต่าง ๆ รวมไปถึง
เชิดชูเกียรติหมู่เสวกามาตย์ท่ีมีความกล้าหาญ สุจริต และกตัญญูต่อแผ่นดิน นอกจากนั้น ยังมีพระราชประสงค์
อีกสองประการคือ “หน่ึงพระประสงค์จะบารุง ผดุงฝีมือช่างสยาม รจเรขงามเอี่ยมสอาด เชิงฉลาดลายประดิษฐ์
ล้วนวิจิตรพึงชม หนึ่งพระบรมราชประสงค์จะใคร่ทรงทานุ ปลุกปรีชาเชิงฉลาด แห่งนักปราชญ์กาพย์โคลง
เพื่อชระโลง1 ชูเชิดเพ่อื บรรเจดิ เกียรตยิ ศ ใหป้ รากฏยาววัน”
โคลงสองเร่ืองที่คัดมาให้นักเรียนได้ศึกษา ได้แก่ โคลงประกอบรูปที่ ๑0 แผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
ภาพพระสุริโยทัยขาดคอช้าง พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และโคลงประกอบรูปท่ี 56
แผน่ ดินสมเด็จพระเจ้าเสือ ภาพพนั ท้ายนรสิงห์ถวายชีวิต พระนิพนธ์พระเจา้ น้องยาเธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร
(พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ภาพพระสุริโยทัยขาดคอช้าง ซ่ึงได้รับรางวัลท่ี ๓
เป็นภาพเขียนฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดตวิ งศ์ และภาพพันท้ายนรสิงห์
ถวายชีวิต ซ่ึงได้รับรางวัลท่ี ๑๑ เขียนโดยนายทอง (พระวรรณวาดวิจิตร) ปัจจุบันภาพทั้งสองประดับอยู่ ณ พระที่นั่ง
วโรภาษพิมานพระราชวังบางปะอิน
1 คอื จรรโลง แปลว่า คา้ ชู บารุงรักษาเชดิ ชไู วไ้ ม่ใหเ้ สือ่ ม
-100-
-100-
บัตร
“บันทึกความเป็นมาของโคลงพระราชพงศาวดาร ภาพท่ี ๑๐ และโคลงภาพที่ ๕๖”
บัตรบนั ทกึ ความเปน็ มา บตั รบันทกึ ความเปน็ มา
ของโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพท่ี ๑๐ ของโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพท่ี ๕๖
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
...................................................................................... ......................................................................................
-101-
-101-
เกม
“คาถามน่ารู้”
๑. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร สรา้ งสาเร็จเมื่อใด”
๒. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ที่แต่งข้นึ มที ้ังหมดกีบ่ ท”
๓. การแต่งโคลงประกอบรูปภาพน้ันมกี วีท่านใดแต่งบ้าง”
๔. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร แตง่ ข้นึ เพื่อจุดประสงค์ใด”
๕. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ใช้ลกั ษณะคาประพนั ธใ์ ดในการแตง่ ”
๖. จานวนบทโคลงทีน่ ามาประกอบรปู ภาพขนาดใหญ่มจี านวนก่ีบท”
๗. รูปภาพเรือ่ งพระราชพงศาวดารท่โี ปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างขึ้น มีจานวนกีภ่ าพ”
๘. จานวนบทโคลงทน่ี ามาประกอบรปู ภาพขนาดกลางและขนาดเลก็ มจี านวนก่บี ท”
๙. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอนพระสรุ โิ ยทัยขาดคอช้าง เป็นภาพเขยี นฝีพระหตั ถข์ องใคร
๑๐. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอนพันท้ายนรสิงห์ถวายชวี ิต เปน็ ภาพเขียนของใคร
-102-
-102-
(เฉลย) เกม
“คาถามนา่ รู้”
๑. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร สรา้ งสาเร็จเม่อื ใด”
ตอบ สร้างสาเร็จเมือ่ พ.ศ. ๒๔๓๐
๒. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ท่ีแตง่ ขนึ้ มที ้ังหมดกีบ่ ท”
ตอบ มที งั้ หมด ๓๗๖ บท
๓. การแตง่ โคลงประกอบรปู ภาพนน้ั มีกวีท่านใดแตง่ บ้าง”
ตอบ ๑. พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อย่หู วั
๒. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพนั ธ์พงศ์
๔. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร แต่งขึน้ เพือ่ จุดประสงค์ใด”
ตอบ เพอื่ สรรเสริญพระเกียรติคุณของพระมหากษัตรยิ ส์ มยั อยธุ ยาและรัตนโกสินทร์
๕. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ใช้ลกั ษณะคาประพันธ์ใดในการแต่ง”
ตอบ สะท้อนสารผ่านวินิจฉัย ใช้ลกั ษณะคาประพนั ธป์ ระเภทโคลงสีส่ ุภาพ
๖. จานวนบทโคลงทนี่ ามาประกอบรปู ภาพขนาดใหญ่มีจานวนก่บี ท”
ตอบ จานวนบทโคลงท่นี ามาประกอบรูปภาพขนาดใหญม่ ีจานวนโคลงรปู ละ ๖ บท
๗. รปู ภาพเรอ่ื งพระราชพงศาวดารทีโ่ ปรดเกลา้ ฯ ให้สร้างข้ึน มีจานวนกี่ภาพ”
ตอบ รูปภาพเรื่องพระราชพงศาวดารที่โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ร้างข้ึน มจี านวน ๙๒ ภาพ
๘. จานวนบทโคลงท่นี ามาประกอบรูปภาพขนาดกลางและขนาดเล็กมจี านวนกีบ่ ท”
ตอบ จานวนบทโคลงทนี่ ามาประกอบรูปภาพขนาดใหญ่มจี านวนโคลงรปู ละ ๔ บท
๙. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอนพระสุรโิ ยทัยขาดคอช้าง เปน็ ภาพเขยี นฝีพระหตั ถข์ องใคร
ตอบ เปน็ ภาพเขียนฝพี ระหัตถส์ มเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานรศิ รานุวัดติวงศ์
๑๐. โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอนพันท้ายนรสงิ หถ์ วายชวี ติ เปน็ ภาพเขยี นของใคร
ตอบ เป็นภาพเขียนของนายทอง (พระวรรณวาดวิจิตร)
-103-
-103-
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผ่านวินจิ ฉยั แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๕ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอื่ ง เพ่ิมพูนพงศาวดาร (๒) ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๒
สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด กจิ กรรมการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้
โคลงภาพพระราชพงศาวดารตอน พระสุริโยทัย หอ้ งสมุด
ขาดคอช้าง เป็นโคลงสี่สุภาพที่เลา่ ถึงศึกระหวา่ ง ๒ กองทพั ข้ันนา
คือ อยุธยากับพม่า พระสุริโยทัยเป็นพระอัครมเหสี นกั เรียนดภู าพประกอบโคลงภาพพระราชพงศาวดาร สอ่ื
ในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงแต่งพระองค์เยี่ยงอุปราช ภาพที่ ๑๐ แล้วร่วมกันร่วมกันทบทวนความรูจ้ ากภาพ ๑. ภาพประกอบภาพพระราชพงศาวดาร ภาพที่ ๑๐
ควบช้างเข้าขบวนตามไปด้วย สองกองทัพรบพุ่งกัน ๒. บัตร “โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ถูกพระเจ้าแปรฟันด้วยของ้าวถูกพระอุระ พระสุริโยทัย ขั้นสอน ตอน “พระสุรโิ ยทัยขาดคอช้าง”
สิ้ น พ ร ะ ช น ม์ ข า ด ค อ ช้ า ง ก า ร ศึ ก ษ า แ ล ะ ตี ค ว า ม ๑. นกั เรยี นแบง่ กลุม่ ตามความสมัครใจ จานวน 5 กลมุ่ 3. ใบงาน “การถอดคาประพันธ์”
ตอน พระสุริโยทัยขาดคอช้าง นอกจากจะให้ความรู้ แต่ละกลุ่มอ่านบทโคลงสี่สุภาพทีค่ รนู ามาเขยี นบนกระดาน
ทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังสะท้อนเนื้อหาในแง่มุมต่าง ๆ (อ่านในใจ)
-104- ดังน้ันผู้เรียนจะต้องถอดคาประพันธ์โคลงส่ีสุภาพเพื่อศึกษา บุเรงนองนามราชเจ้า จอมรา มัญเฮย
รายละเอียดของเน้อื หาให้เกดิ ความเข้าใจ ยกพยุหแสนยา ย่งิ แกล้ว ภาระงาน/ชิน้ งาน
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ มอญมา่ นประมวลมา สามสบิ หม่นื แฮ การทาใบงาน “การถอดคาประพนั ธ์”
ดา้ นความรู้
บอกความหมายของคาศัพท์จากโคลงภาพ ถึงอยุธเยศแล้ว หยุดใกล้นครา การวดั และประเมินผล
พระราชพงศาวดารตอน พระสุริโยทยั ขาดคอชา้ ง ๒. นกั เรียนรว่ มกนั หาความหมายและถอดคาประพนั ธ์ การประเมนิ การทางานกลุ่ม
ด้านทักษะและกระบวนการ ของโคลงดงั กล่าว
ถอดคาประพนั ธ์และสรุปความรู้จากจากโคลงภาพพระราช 3. นกั เรียนกลมุ่ อาสาสมัครนาเสนอหนา้ ช้ันเรียนเพ่ือน ๆ
พงศาวดารตอน พระสรุ โิ ยทยั ขาดคอชา้ ง ช่วยกันตรวจสอบ โดยครูให้คาแนะนาเพ่มิ เติม
4. ผแู้ ทนกลุม่ ออกมาเลอื กบัตรโคลง สาหรบั ทาใบงาน
“การถอดคาประพันธ์” และร่วมกันทาใบงานตามที่เลือกไว้
5. ผู้แทนนักเรยี นกลุ่มที่ ๑ - ๕ นาเสนอความหมาย
ของคาศัพทแ์ ละการถอดคาประพันธต์ ามที่ได้เลือกไว้
-104-
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผ่านวินจิ ฉัย แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๕ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เร่ือง เพิ่มพนู พงศาวดาร (๒) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒
รายวชิ า ภาษาไทย ๒
ดา้ นคุณลกั ษณะ
๑. ใฝ่เรียนรู้ เพ่อื น ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบ โดยครใู หค้ าแนะนาเพ่มิ เติม
๒. มุ่งม่นั ในการทางาน
๓. รกั ความเปน็ ไทย ขน้ั สรปุ
สมรรถนะทต่ี ้องการใหเ้ กิดกับผูเ้ รยี น นกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความรจู้ ากการศกึ ษาในชวั่ โมงน้ี
การสือ่ สาร
-105-
-105-
ภาพ
“โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพท่ี 10”
-106-
-106-
บัตร
“โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พระสรุ ิโยทัยขาดคอชา้ ง”
สาหรบั ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มเลอื ก
๏ พระมหาจักรพรรดเิ ผา้ ภูวดล สยามเฮย
วางคา่ ยรายร้ีพล เพียบหล้า
ดารจิ กั ใคร่ยล แรงศึก
ยกนกิ รทัพกล้า ออกต้ังกลางสมร
๏ บงั อรอัคเรศผู้ พิสมัย ทา่ นนา
นามพระสุรโิ ยทยั ออกอ้าง
ทรงเครอื่ งยทุ ธพิไชย เช่นอุป ราชแฮ
เถลงิ คชาธารควา้ ง ควบเข้าขบวนไคล
๏ พลไกรกองน่าเร้า โรมรัน กนั เฮย
ช้างพระเจา้ แปรประจัญ คชไท้
สารทรงซวดเซผนั หลังแลน่ เตลดิ แฮ
เตลงขับคชไล่ใกล้ หวดิ ท้ายคชาธาร
กษัตรยี ์
๏ นงคราญองค์เอกแก้ว ยงิ่ ลา้
มานมนสั กัตเวที มลายพระ ชนมเ์ ฮย
เกรงพระราชสามี สะอึกสดู้ ัสกร
ขับคเชนทรเข่นคา้
๏ ขุนมอญร่อนง้าวฟาด ฉาดฉะ
ขาดแลง่ ตราบอุระ หรุบดน้ิ
โอรสรีบกัน้ พระ ศพสู่ นครแฮ
สญู ชพี ไป่สูญสิน้ พจนผ์ สู้ รรเสรญิ
-107-
-107-
ใบงาน
“การถอดคาประพนั ธ์”
คาช้แี จง ให้นักเรียนค้นหาความหมายของคาศัพท์และถอดความบทประพนั ธ์ให้ได้ใจความครบถ้วน
๏ พระมหาจักรพรรดิเผา้ ภวู ดล สยามเฮย
วางคา่ ยรายรพ้ี ล เพียบหล้า
ดาริจักใคร่ยล แรงศึก
ยกนิกรทัพกล้า ออกต้ังกลางสมร
คาศพั ท์
๑. เผา้ ภวู ดล หมายถงึ ............................................................................................................................
๒. ยลแรงศึก หมายถึง ............................................................................................................................
๓. นิกร หมายถึง .....................................................................................................................................
๔. สมร หมายถึง .....................................................................................................................................
การถอดคาประพนั ธ์
.................................................................................. .................................................................................
............................................................................................................................. .....................................................
............................................................................................................................. .....................................................
..................................................................................................................................................................................
-108-
-108-
ใบงาน
“การถอดคาประพันธ์”
คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นคน้ หาความหมายของคาศพั ท์และถอดความบทประพนั ธ์ให้ได้ใจความครบถว้ น
๏ บงั อรอคั เรศผู้ พิสมยั ท่านนา
นามพระสรุ โิ ยทยั ออกอ้าง
ทรงเครือ่ งยุทธพไิ ชย เช่นอุป ราชแฮ
เถลิงคชาธารคว้าง ควบเขา้ ขบวนไคล
คาศัพท์
๑. อัคเรศ หมายถงึ ................................................................................................................................
๒. พสิ มยั หมายถงึ ..................................................................... .............................................................
๓. เคร่ืองยุทธพิไชย หมายถึง ...................................................................................................................
๔. คชาธาร หมายถงึ ................................................................................... ............................................
๕. ไคล หมายถงึ .......................................................................................................................................
การถอดคาประพนั ธ์
............................................................................................................................. ......................................
............................................................................................................................. .....................................................
........................................................................................................................................................................... .......
............................................................................................................................ ......................................................
-109-
-109-
ใบงาน
“การถอดคาประพนั ธ์”
คาช้แี จง ให้นักเรียนค้นหาความหมายของคาศพั ท์และถอดความบทประพันธ์ให้ไดใ้ จความครบถว้ น
๏ พลไกรกองน่าเร้า โรมรัน กนั เฮย
ชา้ งพระเจา้ แปรประจัญ คชไท้
สารทรงซวดเซผัน หลังแล่น เตลิดแฮ
เตลงขับคชไล่ใกล้ หวดิ ทา้ ยคชาธาร
คาศพั ท์
๑. โรมรัน หมายถงึ ...............................................................................................................................
๒. ประจัญ หมายถึง ..............................................................................................................................
๓. สาร หมายถึง ....................................................................................................................................
๔. เตลง คือ ตะเลง หมายถึง...................................................................................................................
การถอดคาประพันธ์
...................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................................................
............................................................................................................................. .....................................................
..................................................................................................................................................................................
-110-
-110-
ใบงาน
“การถอดคาประพนั ธ์”
คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนคน้ หาความหมายของคาศัพท์และถอดความบทประพนั ธ์ให้ได้ใจความครบถว้ น
๏ นงคราญองค์เอกแก้ว กษัตรยี ์
มานมนัสกตั เวที ย่ิงล้า
เกรงพระราชสามี มลายพระ ชนมเ์ ฮย
ขบั คเชนทรเข่นค้า สะอึกสู้ดัสกร
คาศพั ท์
๑. มาน หมายถึง ...........................................................................................................
๒. ดัสกร หมายถงึ ...........................................................................................................
๓. มนสั หมายถงึ ...........................................................................................................
๔. กัตเวที หมายถงึ ...........................................................................................................
๕. คเชนทร์ หมายถงึ ...........................................................................................................
๖. สะอึก หมายถึง ...........................................................................................................
การถอดคาประพนั ธ์
............................................................................................................... ....................................................
............................................................................................................................. .....................................................
...................................................................................................................................................... ............................
....................................................................................................... ...........................................................................
-111-
-111-
ใบงาน
“การถอดคาประพนั ธ์”
คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนคน้ หาความหมายของคาศพั ท์และถอดความบทประพันธ์ให้ไดใ้ จความครบถ้วน
๏ ขนุ มอญร่อนง้าวฟาด ฉาดฉะ
ขาดแลง่ ตราบอรุ ะ หรบุ ด้ิน
โอรสรบี กน้ั พระ ศพสู่ นครแฮ
สญู ชีพไปส่ ญู ส้นิ พจนผ์ ู้สรรเสรญิ
คาศัพท์
๑. ขนุ มอญ หมายถึง ...........................................................................................................
๒. ฉาด หมายถงึ ..............................................................................................................
๓. ฉะ หมายถงึ ...................................................................................................................
๔. แล่ง หมายถึง .................................................................................................................
๕. หรุบ หมายถึง ................................................................................................................
๖. ดนิ้ หมายถึง ................................................................................................................ ...
๗. โอรส หมายถึง ................................................................................................................
๘. สญู หมายถึง ...................................................................................................................
๙. ไป่ หมายถงึ ...................................................................................................................
การถอดคาประพนั ธ์
............................................................................................................................. ......................................
..................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................................................
............................................................................................................................. .....................................................
-112-
-112-
(เฉลย) ใบงาน
“การถอดคาประพันธ์”
๏ พระมหาจักรพรรดิเผา้ ภวู ดล สยามเฮย
วางคา่ ยรายรพ้ี ล เพยี บหลา้
ดารจิ ักใคร่ยล แรงศึก
ยกนิกรทัพกลา้ ออกตง้ั กลางสมร
คาศพั ท์
๑. เผ้าภวู ดล หมายถงึ เผา้ คอื ส่วนท่สี ูงทส่ี ุดของศรี ษะ ภวู ดล คือ แผน่ ดนิ เผา้ ภูวดล หมายถงึ พระเจ้า
แผน่ ดิน
๒. ยลแรงศกึ หมายถงึ ดูกาลังข้าศึก
๓. นกิ ร หมายถึง หมู่ พวก
๔. สมร หมายถึง การรบ การสงคราม ในทีน่ ้ี คือ สนามรบ
การถอดคาประพันธ์
พระมหาจักรพรรดิ พระเจ้าแผ่นดินแห่งอยุธยาได้วางกองกาลังพลไว้เพ่ือเตรียมรับศึก มีพระราชดารใิ คร่
จะประเมนิ กาลังข้าศึกดูว่าจะหนักเบาเพียงใด จากนน้ั จึงได้ยกกาลังไพรพ่ ลทหารกล้าเคล่ือนออกจากพระนครไปสู่
สนามรบ
๏ บงั อรอคั เรศผู้ พิสมัย ทา่ นนา
นามพระสุรโิ ยทัย ออกอา้ ง
ทรงเครอื่ งยุทธพิไชย เช่นอปุ ราชแฮ
เถลงิ คชาธารควา้ ง ควบเข้าขบวนไคล
คาศัพท์
๑. อัคเรศ หมายถงึ ผเู้ ปน็ ใหญ่
๒. พิสมัย หมายถึง รกั
๓. เครือ่ งยทุ ธพไิ ชย หมายถึง เคร่ืองแตง่ กายท่แี ต่งออกรบ
๔. คชาธาร หมายถงึ ชา้ งทรง ช้างพระท่ีนั่ง
๕. ไคล หมายถงึ เขา้ ขบวนและเคลื่อนท่ีไป
การถอดคาประพันธ์
นางผู้เป็นใหญ่ มเหสีที่รักย่ิงในพระมหาจักรพรรดิ นามพระสุริโยทัย ทรงแต่งพระองค์เป็นชายด้วย
เคร่ืองยทุ ธพิไชยเยย่ี งอุปราช ควบช้างทรงเขา้ รว่ มขบวนตามเสดจ็ พระมหาจกั รพรรดไิ ปในการนีด้ ้วย
-113-
-113-
๏ พลไกรกองน่าเร้า โรมรัน กนั เฮย
ช้างพระเจ้าแปรประจัญ คชไท้
สารทรงซวดเซผนั หลงั แล่น เตลิดแฮ
เตลงขับคชไลใ่ กล้ หวิดท้ายคชาธาร
คาศัพท์
๑. โรมรนั หมายถึง รบพุ่งกัน
๒. ประจญั หมายถงึ ปะทะตอ่ สู้
๓. สาร หมายถงึ ช้างใหญ่
๔. เตลง คอื ตะเลง เป็นชือ่ ท่ีใช้เรยี กชนชาติมอญ พงศาวดารไทยมักเรียกกองทพั พม่าวา่ กองทัพตะเลง
เน่ืองจากพม่าเกณฑ์เอาพวกมอญผู้ตกอย่ใู นปกครองเปน็ จานวนมากมาเป็นไพร่พลในการรบ
การถอดคาประพันธ์
กองทหารกองหน้าของท้ังสองทัพรบพุ่งกัน ช้างพระเจ้าแปรชนปะทะต่อสู้อยู่กับช้างของ พระมหาจักรพรรดิ
ชา้ งของพระมหาจกั รพรรดเิ สยี ทีหนั หลงั วิง่ หนี พระเจ้าแปรขับชา้ งไล่หลงั จวนเจยี นจะไลท่ นั พระมหาจักรพรรดิ
๏ นงคราญองคเ์ อกแก้ว กษตั รยี ์
มานมนสั กตั เวที ยง่ิ ลา้
เกรงพระราชสามี มลายพระ ชนม์เฮย
ขบั คเชนทรเข่นค้า สะอึกสดู้ ัสกร
คาศัพท์
๑. มาน หมายถึง มี
๒. ดสั กร หมายถึง ขา้ ศึก
๓. มนัส หมายถึง ใจ
๔. กตั เวที หมายถึง ซ่ึงสนองคณุ ท่าน เปน็ คาคู่กนั กับ “กตัญญู”
๕. คเชนทร์ หมายถงึ พญาชา้ ง
๖. สะอึก หมายถึง ชะงกั งนั
ถอดคาประพนั ธ์
พระสุริโยทัย ด้วยมีใจที่กตัญญูอย่างยิ่งยวด เกรงว่าพระมหาจักรพรรดิจะเป็นอันตรายถึงชีวิต
จงึ ขับชา้ งเข้าขวางและเขา้ ต่อสู้กับพระเจา้ แปร
-114-
-114-
๏ ขนุ มอญร่อนง้าวฟาด ฉาดฉะ
ขาดแลง่ ตราบอรุ ะ หรบุ ดิน้
โอรสรีบกัน้ พระ ศพสู่ นครแฮ
สญู ชพี ไป่สูญสิ้น พจนผ์ ูส้ รรเสรญิ
คาศพั ท์
๑. ขนุ มอญ หมายถึง พระเจ้าแปร
๒. ฉาด หมายถึง เสยี งดัง
๓. ฉะ หมายถึง ฟันลงไป
๔. แลง่ หมายถงึ ผา่ ทาให้แตก
๕. หรุบ หมายถึง รว่ ง ลม้
๖. ดน้ิ หมายถึง แดด้นิ ตาย
๗. โอรส หมายถงึ ลูกชาย
๘. สูญ หมายถงึ เสีย
๙. ไป่ หมายถึง ไม่
การถอดคาประพนั ธ์
พระเจ้าแปรใช้ง้าวฟันสมเด็จพระสรุ ิโยทัย จนขาดสะพายแล่งส้ินพระชนม์บนคอช้าง สองพระโอรส คือ
พระราเมศวรและพระมหินทราทรงรีบกันพระศพแล้วนาพระศพเข้าสู่พระนคร ถึงแม้ว่าสมเด็จพระสุริโยทัย
ทรงสน้ิ พระชนม์ไปแลว้ แตผ่ ูค้ นภายหลงั ยงั คงสรรเสริญคณุ ความดีของพระองค์
-115-
-115-
แบบประเมนิ การทางานกล่มุ
คาชี้แจง ใหค้ รปู ระเมนิ การทางานกลุ่มของนักเรียนตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมิน ๓ ระดบั คะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหนา้ ท่ี กาหนดบทบาทหน้าที่ ไมม่ ีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นรว่ ม สมาชกิ อยา่ งชัดเจน กาหนดบทบาทหน้าที่ หนา้ ท่ี
มีสว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ สมาชิกไม่ครบถ้วน มสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกลุ่ม มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ งานกลุ่มนอ้ ยมาก
คดิ เห็น รบั ฟังและแสดงความคดิ เหน็ งานกลมุ่ บา้ ง หรอื ไมม่ สี ่วนรว่ ม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมีเหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟังและแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟังความคิดเหน็ ของผูอ้ ่ืน
อย่างสมา่ เสมอ อย่างมีเหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ นอ้ ยมากหรือไมร่ บั ฟงั
รบั ผดิ ชอบงานทไ่ี ด้รับ เปน็ บางครง้ั ความคดิ เหน็ ผอู้ ื่น
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ บั ไม่รับผดิ ชอบงานทไ่ี ดร้ บั
ทกี่ าหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคิดคะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนที่ได้/คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมิน การแปลผล
เกณฑข์ องระดับคะแนน ดีมาก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
รอ้ ยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-116-
-116-
หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผา่ นวนิ ิจฉยั แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๖ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เร่อื ง เพ่ิมพนู พงศาวดาร (๓) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๒
สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด กิจกรรมการเรียนรู้ แหล่งเรยี นรู้
โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พันท้ายนรสิงห์ หอ้ งสมดุ
ถวายชีวิต เป็นการเล่าเรื่องราววีรกรรมของพันท้ายนรสิงห์ ข้นั นา
เมื่อคร้ังเหตุการณ์โขนเรือหัก พันท้ายนรสิงห์ได้แสดง นกั เรียนดภู าพประกอบโคลงภาพพระราชพงศาวดาร สอ่ื
ความรับผิดชอบต่อหน้าท่ีขอรับโ ทษตัดหัวตามปร ะเ พณี ภาพท่ี 56 แล้วรว่ มกนั รว่ มกันทบทวนความร้จู ากภาพ ๑. ภาพประกอบโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
แม้สมเด็จพระสรรเพชญที่ ๘ จะทรงอภัยโทษให้ ภาพที่ ๕๖
แ ต่ พั น ท้ า ย น ร สิ ง ห์ ก็ ยื น ยั น ข อ รั บ โ ท ษ ตั ด หั ว ต า ม ก ฎ ขัน้ สอน ๒. บัตร “โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
มณเทียรบาล สมเด็จพระสรรเพชญที่ ๘ จาใจลงโทษตัดหัว ๑. นกั เรียนแบง่ กล่มุ ตามความสมคั รใจ จานวน 3 กลุ่ม ตอน “พนั ท้ายนรสงิ หถ์ วายชีวติ ”
ตามกฎมณเทียรบาลและสร้างศาลพนั ท้ายนรสิงห์เพ่ือแสดง แต่ละกลมุ่ อ่านบทโคลงสส่ี ุภาพท่ีครูนามาเขยี นบนกระดาน ๓. ใบงาน “การถอดคาประพันธ์”
ถึงแบบอย่างของข้าราชการที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ (อ่านในใจ)
มีความจงรกั ภกั ดแี ละความซือ่ สัตย์ ดงั น้ันผเู้ รยี นจะต้องถอด สรรเพชญทีแ่ ปดเจ้า อยธุ ยา
-117- คาประพันธโ์ คลงสีส่ ุภาพเพอื่ ศึกษารายละเอยี ด เสด็จประพาสทรงปลา ปากน้า
ของเน้ือหาใหเ้ กดิ ความเข้าใจ ลอ่ งเรอื เอกไชยมา ถึงโคก ขามพ่อ ภาระงาน/ชิน้ งาน
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ คลองคดโขนเรอื ค้า ขัดไม้ หักสลาย การทาใบงาน “การถอดคาประพันธ์”
ด้านความรู้
บอกความหมายของคาศัพท์จาก โคลงภาพ ๒. นักเรยี นรว่ มกันหาความหมายและถอดคาประพันธ์ การวดั และประเมนิ ผล
พระราชพงศาวดาร ตอน พันทา้ ยนรสิงห์ถวายชวี ิต ของโคลงดงั กล่าว การประเมินการทางานกลุ่ม
ดา้ นทักษะและกระบวนการ 3. นักเรียนกลุ่มอาสาสมัครนาเสนอหนา้ ชนั้ เรยี นเพ่ือน ๆ
ถอดคาประพันธ์และสรุปความรู้จากโคลงภาพ ช่วยกันตรวจสอบ โดยครใู หค้ าแนะนาเพม่ิ เติม
พระราชพงศาวดาร ๔. ผ้แู ทนกลุ่มออกมาเลอื กบัตร สาหรบั ทาใบงาน“การถอด
คาประพนั ธ์” และรว่ มกันทาใบงานตามทีเ่ ลือกไว้
๕. ผู้แทนนกั เรียนกล่มุ ท่ี ๑ - 3 นาเสนอความหมาย
ของคาศัพทแ์ ละการถอดคาประพนั ธต์ ามทีไ่ ดเ้ ลือกไว้
-117-
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผ่านวินจิ ฉัย แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๖ เวลา ๑ ช่วั โมง
กลมุ่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เรือ่ ง เพ่ิมพูนพงศาวดาร (๓) ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๒
ดา้ นคุณลกั ษณะ
๑. ใฝ่เรียนรู้ เพ่อื น ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบ โดยครใู หค้ าแนะนาเพม่ิ เติม
๒. มุ่งม่นั ในการทางาน
๓. รกั ความเปน็ ไทย ขน้ั สรปุ
สมรรถนะทต่ี ้องการใหเ้ กิดกับผูเ้ รยี น นกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความรจู้ ากการศึกษาในชัว่ โมงนี้
การสือ่ สาร
-118-
-118-
ภาพ
“โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพท่ี 56”
-119-
-119-
บตั ร
“โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พนั ท้ายนรสงิ หถ์ วายชวี ิต”
สาหรบั ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่มเลอื ก
๏ พันทา้ ยตกประหมา่ ส้ิน สติคดิ
โดดจากเรอื ทูลอุทศิ โทษรอ้ ง
พนั ท้ายนรสงิ ห์ผิด บทฆ่า เสยี เทอญ
หัวกับโขนเรอื ตอ้ ง ค่เู ส้นทาศาล
๏ ภูบาลบาเหนจ็ ให้ โทษถนอม ใจนอ
พนั ไมย่ อมอยู่ยอม มอดมว้ ย
พระโปรดเปลี่ยนโทษปลอม ฟนั รูป แทนพ่อ
พันกราบทูลทดั ดว้ ย ท่านทง้ิ ประเพณี
๏ ภูมปี ลอบกลับตั้ง ขอบรร ลัยพอ่
จาส่งั เพชฌฆาตฟัน ฟาดเกลา้
โขนเรือกบั หวั พนั เซน่ ที่ ศาลแล
ศาลสบื กฤติคณุ เคา้ คติไวใ้ นสยาม
-120-
-120-
ใบงาน
“การถอดคาประพนั ธ์”
คาชแี้ จง ให้นักเรยี นค้นหาความหมายของคาศพั ท์และถอดความบทประพนั ธ์ ให้ไดใ้ จความครบถว้ น
คาศัพท์ ๏ พันทา้ ยตกประหมา่ ส้นิ สตคิ ิด
” โดดจากเรือทลู อทุ ศิ โทษร้อง
พันทา้ ยนรสิงห์ผิด บทฆา่ เสียเทอญ
หัวกบั โขนเรือต้อง คเู่ ส้นทาศาล
๑. พันทา้ ย หมายถึง...........................................................................................................
๒. ประหมา่ หมายถงึ ...........................................................................................................
๓. อทุ ศิ หมายถงึ ...........................................................................................................
๔. บท หมายถึง...........................................................................................................
๕. เสน้ หมายถงึ ...........................................................................................................
๖. ศาล หมายถงึ ...........................................................................................................
ถอดคาประพนั ธ์
................................................................................................................................. .....................
............................................................................................................ ........................................................
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................................................. .......
-121-
-121-
ใบงาน
“การถอดคาประพันธ์
คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นคน้ หาความหมายของคาศพั ทแ์ ละถอดความบทประพันธ์ ให้ได้ใจความครบถว้ น
๏ ภูบาลบาเหน็จให้ โทษถนอม ใจนอ
พันไม่ยอมอยู่ยอม มอดม้วย
พระโปรดเปลี่ยนโทษปลอม ฟนั รปู แทนพ่อ
พันกราบทูลทัดดว้ ย ท่านทงิ้ ประเพณี
คาศพั ท์
๑. ภบู าล หมายถึง .......................................................................................................
๒. บาเหน็จ หมายถึง .......................................................................................................
๓. ใหโ้ ทษ หมายถงึ .......................................................................................................
๔. ถนอมใจ หมายถงึ .......................................................................................................
๕. ม้วย หมายถงึ .......................................................................................................
๖. ทัด หมายถึง .......................................................................................................
ถอดคาประพนั ธ์
..................................................................................................... .................................................
............................................................................................................................. .......................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
-122-
-122-