ใบงาน
“การถอดคาประพนั ธ์”
คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นค้นหาความหมายของคาศัพทแ์ ละถอดความบทประพนั ธ์ ให้ไดใ้ จความครบถ้วน
๏ ภูมีปลอบกลบั ตัง้ ขอบรร ลยั พ่อ
จาสงั่ เพชฌฆาตฟนั ฟาดเกลา้
โขนเรอื กบั หวั พนั เซน่ ท่ี ศาลแล
ศาลสืบกฤตคิ ุณเคา้ คติไวใ้ นสยาม
คาศพั ท์ ๑. ภูมี หมายถึง...............................................................................................
๒. ปลอบ หมายถงึ ...............................................................................................
๓. บรรลัย หมายถงึ ..............................................................................................
๔. เพชฌฆาต หมายถงึ ............................................................................................
๕. กฤตคิ ุณ (กติ ตคิ ุณ) หมายถงึ .............................................................................................
๖. คติ หมายถึง.............................................................................................
ถอดคาประพันธ์
............................................................................................................................. .........................
....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................
-123-
-123-
(เฉลย) ใบงาน
“การถอดคาประพนั ธ์”
คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนคน้ หาความหมายของคาศพั ท์และถอดความบทประพนั ธ์ ให้ได้ใจความครบถว้ น
คาศัพท์ ๏ พนั ท้ายตกประหม่าสิ้น สติคิด
โดดจากเรอื ทูลอทุ ิศ โทษรอ้ ง
พนั ท้ายนรสงิ หผ์ ดิ บทฆา่ เสียเทอญ
หวั กับโขนเรอื ต้อง คเู่ สน้ ทาศาล
ชอ่ื ตาแหน่งนายท้ายเรือ
๑. พันท้าย หมายถึง สะทกสะท้าน กลวั จนทาอะไรไมถ่ กู
๒. ประหมา่ หมายถงึ ให้ ยกให้
๓. อทุ ศิ หมายถึง บทบัญญัติในกฎหมาย
๔. บท หมายถึง คาโทโทษของคาว่า เซ่น
๕. เส้น หมายถงึ คือ สังเวยผีหรือเจ้าด้วยอาหาร
ที่สงิ สถติ ของเทวดา เทพารกั ษ์ หรือเจา้ ผี
๖. ศาล หมายถึง
ถอดคาประพันธ์
พันท้ายนรสิงห์ซึ่งเป็นนายท้ายเรือตกใจจนทาอะไรไม่ถูก กระโดดลงจากเรือและทูลขอให้
สมเดจ็ พระสรรเพชญท่ี ๘ ลงโทษ ด้วยเหตทุ พ่ี นั ทา้ ยนรสิงห์ทาความผดิ ตามบทบัญญัติใน กฎมนเทยี รบาลได้ระบุ
ไว้ว่า หากพันท้ายถือเรือทาโขนเรือหัก มีโทษให้ตัดหัวเสีย แล้วนาหัวของ พันท้ายนรสิงห์กับโขนเรือมาวางคู่กัน
เพอื่ ทาศาล
-124-
-124-
๏ ภูบาลบาเหน็จให้ โทษถนอม ใจนอ
พันไม่ยอมอยยู่ อม มอดม้วย
พระโปรดเปลย่ี นโทษปลอม ฟนั รูป แทนพอ่
พนั กราบทูลทดั ดว้ ย ท่านท้ิงประเพณี
คาศพั ท์ พระเจา้ แผ่นดนิ
๑. ภูบาล หมายถงึ ตอบแทนความชอบที่ได้กระทามา
๒. บาเหน็จ หมายถงึ ยกโทษให้
๓. ให้โทษ หมายถึง รักษานา้ ใจ
๔. ถนอมใจ หมายถึง ตาย มักใชค้ ู่กบั คาว่า มอด
๕. มว้ ย หมายถงึ เป็น มอดม้วย หรือ ม้วยมอด
ทัดทาน ต้านไว้ ทานไว้
๖. ทัด หมายถึง
ถอดคาประพันธ์
สมเด็จพระสรรเพชญที่ ๘ ทรงยกโทษในความผิดของพันท้ายนรสิงห์ด้วยเห็นแก่ความดีความชอบ
ที่พันท้ายนรสิงห์เคยสร้างมา แต่พันท้ายนรสิงห์ไม่ยอมรับการอภัยโทษ ขอยอมตายเพื่อรับโทษตามความผิด
แม้สมเด็จพระสรรเพชญท่ี ๘ จะทรงโปรดเกล้าฯ เปล่ียนการลงโทษเป็นการฟันรูปป้ันของพันท้ายนรสิงห์แทน
แตพ่ นั ทา้ ยนรสิงห์กก็ ราบทลู ทดั ทานว่าหากทาเช่นนน้ั เท่ากับว่าพระองค์ทิ้งประเพณี
-125-
-125-
๏ ภมู ปี ลอบกลบั ตง้ั ขอบรร ลยั พอ่
จาส่ังเพชฌฆาตฟัน ฟาดเกลา้
โขนเรือกับหัวพนั เซน่ ท่ี ศาลแล
ศาลสบื กฤตคิ ุณเค้า คตไิ ว้ในสยาม
คาศพั ท์
๑. ภมู ี หมายถงึ พระเจา้ แผน่ ดนิ
๒. ปลอบ หมายถงึ พดู ใหห้ ายโกรธหรือหายเสยี ใจ
๓. บรรลัย หมายถงึ วอดวาย ยอ่ ยยับ
๔. เพชฌฆาต หมายถึง เจา้ หน้าทปี่ ระหารชวี ติ นกั โทษที่
ต้องคาพพิ ากษาใหป้ ระหารชวี ติ
๕. กฤติคุณ (กติ ตคิ ณุ ) หมายถงึ ชื่อเสยี งโดยคุณงามความดี
๖. คติ หมายถึง แบบอยา่ ง แนวทาง
ถอดคาประพนั ธ์
สมเด็จพระสรรเพชญที่ ๘ ได้ตรัสปลอบใจแลว้ แตพ่ นั ท้ายนรสิงห์ก็ยังยืนยันขอรับโทษตัดศีรษะ
สมเด็จพระสรรเพชญที่ ๘ จาใจส่ังเพชฌฆาตตัดศีรษะพันท้ายนรสิงห์ตามกฎมนเทียรบาล และได้นาโขนเรือ
กับศีรษะของพันท้ายนรสิงห์วางไว้เซ่นคู่กันท่ีศาล ที่สร้างศาลน้ีข้ึนเพื่อแสดงให้เป็นคติเตือนใจในคุณงามความดี
ของพนั ทา้ ยนรสิงหท์ มี่ คี วามซอ่ื สตั ยแ์ ละยกย่องความดีของพนั ทา้ ยนรสิงห์
-126-
-126-
แบบประเมนิ การทางานกล่มุ
คาชีแ้ จง ใหค้ รปู ระเมินการทางานกลุ่มของนักเรียนตามรายการประเมนิ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)
รายการประเมนิ ๓ ระดบั คะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหน้าที่ ไมม่ ีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนร่วม สมาชิกอยา่ งชัดเจน กาหนดบทบาทหนา้ ที่ หนา้ ท่ี
มสี ่วนร่วมในการปฏิบตั ิ สมาชกิ ไม่ครบถ้วน มสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกลุ่ม มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ งานกลุ่มนอ้ ยมาก
คิดเห็น รับฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกล่มุ บา้ ง หรอื ไมม่ สี ่วนรว่ ม
4. ความรบั ผิดชอบ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟังและแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟังความคิดเหน็ ของผูอ้ ่ืน
อยา่ งสมา่ เสมอ อย่างมีเหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ นอ้ ยมากหรือไมร่ บั ฟงั
รับผิดชอบงานทไ่ี ด้รับ เปน็ บางครง้ั ความคดิ เหน็ ผอู้ ื่น
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ ับ ไม่รับผดิ ชอบงานทไ่ี ดร้ บั
ท่ีกาหนด มอบหมาย แตเ่ สร็จไม่ทัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคดิ คะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนทไี่ ด/้ คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดีมาก
ดี
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐
ร้อยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-127-
-127-
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผา่ นวินิจฉัย แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๗ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรอ่ื ง เพ่มิ พนู พงศาวดาร (๔) ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๒
สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด กิจกรรมการเรียนรู้ แหล่งเรยี นรู้
โครงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พระสรุ ิโยทัย หอ้ งสมดุ
ขาดคอช้าง เป็นบทประพนั ธ์เรอื่ งนีม้ คี วามโดดเด่น ขน้ั นา สอ่ื
ในดา้ นวรรณศิลป์ คือ การใช้คาและเสียงทีท่ าใหเ้ ห็นภาพได้ นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ ในประเด็น 1. บัตร“โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พันทา้ ยนรสงิ ห์
ผ้อู ่านสามารถจินตนาการกองทัพอันย่งิ ใหญเ่ กรยี งไกร ถวายชวี ติ ”
เคร่อื งแตง่ กายอันสง่างาม ช้างศกึ ท่วี ิง่ ไลต่ ามอย่าง - นกั เรยี นคดิ ว่าเพราะเหตุใดเราจงึ ตอ้ งศกึ ษาวรรณคดี 2. ใบงาน “การวเิ คราะห์คุณค่าด้านวรรณศลิ ป์”
กระชน้ั ชิด และการต่อสู้กนั บนหลังช้าง ทาให้รูส้ ึกได้ราวกบั เร่อื ง โครงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พระสุริโยทยั ขาดคอ
ช้าง
-128- อยูใ่ นเหตุการณจ์ ริง ขนั้ สอน ภาระงาน/ช้ินงาน
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. นกั เรียนแบง่ กลุ่มตามความสมคั รใจ จานวน 4 กลุม่ การทาใบงาน “การวิเคราะห์คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์”
ดา้ นความรู้ 2. ผ้แู ทนกลมุ่ ออกมาเลือกบัตร สาหรบั ทาใบงาน
อธบิ ายคณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์จากโคลงภาพ “การวิเคราะห์คณุ คา่ ดา้ นวรรณศิลป์” จากน้นั ร่วมกันทาใบงาน
พระราชพงศาวดาร ตอน พระสุริโยทยั ขาดคอช้าง ตามทเ่ี ลอื กไว้ การวดั และประเมนิ ผล
ดา้ นทักษะและกระบวนการ 3. ผู้แทนนักเรยี นกลุ่มที่ ๑ - 4 นาเสนอคณุ ค่าวรรณศิลป์ การประเมนิ การทางานกลุ่ม
วเิ คราะห์คุณคา่ ด้านวรรณศิลป์จากโคลงภาพ
พระราชพงศาวดาร ตอน พระสุริโยทยั ขาดคอชา้ ง จากใบงานที่รว่ มกันทา เพ่ือน ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบ
โดยครใู ห้คาแนะนาเพิ่มเติม
ด้านคุณลกั ษณะ ขนั้ สรุป
๑. ใฝเ่ รียนรู้ นักเรยี นรว่ มกนั สรุปความรูจ้ ากการศกึ ษาในชว่ั โมงน้ี
๒. มุ่งมนั่ ในการทางาน
๓. รกั ความเปน็ ไทย
-128-
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๒ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผา่ นวนิ จิ ฉัย แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ ๗ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง เพิ่มพนู พงศาวดาร (๔) ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๒
สมรรถนะทตี่ ้องการให้เกดิ กับผู้เรยี น รายวิชา ภาษาไทย ๒
การสอ่ื สาร
-129-
-129-
บตั ร
“โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พนั ท้ายนรสงิ ห์ถวายชีวติ ”
สาหรับใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มเลอื ก
๏ พระมหาจักรพรรดิเผา้ ภวู ดล สยามเฮย
วางค่ายรายรพี้ ล เพียบหล้า
ดารจิ ักใคร่ยล แรงศกึ
ยกนกิ รทพั กลา้ ออกตงั้ กลางสมร
๏ พลไกรกองน่าเรา้ โรมรัน กนั เฮย
ชา้ งพระเจ้าแปรประจญั คชไท้
สารทรงซวดเซผนั หลงั แล่น เตลิดแฮ
เตลงขบั คชไลใ่ กล้ หวดิ ทา้ ยคชาธาร
๏ นงคราญองคเ์ อกแก้ว กษัตรยี ์
มานมนัสกตั เวที ยงิ่ ล้า
เกรงพระราชสามี มลายพระ ชนมเ์ ฮย
ขบั คเชนทรเขน่ คา้ สะอกึ สูด้ ัสกร
๏ ขนุ มอญร่อนงา้ วฟาด ฉาดฉะ
ขาดแลง่ ตราบอรุ ะ หรุบดิ้น
โอรสรีบกนั พระ ศพสู่ นครแฮ
สูญชีพไป่สูญส้ิน พจน์ผู้สรรเสริญ
-130-
-130-
ใบงาน
“การวเิ คราะหค์ ุณค่าด้านวรรณศิลป์”
คาชีแ้ จง ให้นกั เรยี นวิเคราะห์คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์จากบทประพันธ์ที่กาหนดให้
๑. ๏ พระมหาจักรพรรดิเผา้ ภูวดล สยามเฮย
วางค่ายรายร้ีพล เพยี บหล้า
ดารจิ ักใคร่ยล แรงศกึ
ยกนิกรทพั กลา้ ออกตั้งกลางสมร
วเิ คราะหค์ ุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
๒. ๏ พลไกรกองน่าเรา้ โรมรนั กันเฮย
ชา้ งพระเจา้ แปรประจัญ คชไท้
สารทรงซวดเซผัน หลงั แล่น เตลิดแฮ
เตลงขับคชไลใ่ กล้ หวดิ ท้ายคชาธาร
วเิ คราะหค์ ณุ คา่ ทางวรรณศิลป์
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
-131-
-131-
๓. ๏ นงคราญองค์เอกแก้ว กษตั รยี ์
มานมนัสกัตเวที ย่ิงลา้
เกรงพระราชสามี มลายพระ ชนมเ์ ฮย
ขบั คเชนทรเขน่ คา้ สะอกึ ส้ดู สั กร
วิเคราะหค์ ุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
๔. ๏ ขนุ มอญร่อนงา้ วฟาด ฉาดฉะ
ขาดแลง่ ตราบอุระ หรบุ ด้นิ
โอรสรบี กนั พระ ศพสู่ นครแฮ
สญู ชพี ไปส่ ญู สิน้ พจน์ผ้สู รรเสริญ
วิเคราะหค์ ณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
-132-
-132-
(เฉลย) ใบงาน
“การวเิ คราะห์คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์”
คาช้แี จง ให้นักเรียนวเิ คราะห์คณุ ค่าด้านวรรณศิลปจ์ ากบทประพนั ธ์ท่ีกาหนดให้
๑. ๏ พระมหาจักรพรรดิเผา้ ภูวดล สยามเฮย
วางค่ายรายร้พี ล เพยี บหล้า
ดาริจักใคร่ยล แรงศกึ
ยกนกิ รทัพกล้า ออกต้งั กลางสมร
วเิ คราะห์คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์
การเลน่ เสยี งสมั ผัส มกี ารเลน่ เสยี งสมั ผัสสระ คอื วาง-ค่าย-ราย และสัมผสั พยัญชนะ คือ ราย-ร้ี
จากวรรค “วางค่ายรายร้ีพล”
๒. ๏ พลไกรกองน่าเรา้ โรมรนั กันเฮย
ช้างพระเจา้ แปรประจญั คชไท้
สารทรงซวดเซผัน หลังแล่น เตลดิ แฮ
เตลงขับคชไลใ่ กล้ หวดิ ทา้ ยคชาธาร
วเิ คราะห์คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์
๑. การเลน่ เสียงสมั ผสั มกี ารเล่นเสยี งสมั ผสั พยญั ชนะ เช่น สาร-ทรง-ซวด-เซ จากวรรค “สารทรงซวดเซผัน”
๒. การใช้คาไวพจน์ มกี ารใช้คาไวพจน์ หรือ คาทเี่ ขยี นต่างกันแต่มีความหมายเหมอื นกนั คือ คาว่า
ช้าง คช สาร และ คชาธาร ซงึ่ ล้วนหมายถึงช้าง
-133-
-133-
๓. ๏ นงคราญองค์เอกแกว้ กษัตรยี ์
มานมนสั กตั เวที ย่งิ ลา้
เกรงพระราชสามี มลายพระ ชนม์เฮย
ขบั คเชนทรเข่นค้า สะอึกสูด้ สั กร
วิเคราะห์คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์
๑. การเล่นเสยี งสมั ผสั มกี ารเล่นเสียงสมั ผสั พยญั ชนะ เชน่ องค์-เอก จากวรรค “นงคราญองค์เอกแก้ว”
มาน-ม (มะ) จากวรรค “มานมนัสกตั เวที” และการเลน่ เสียงสระ เชน่ นัส-กัต จากวรรค “มานมนสั กตั เวท”ี
๒. การใชค้ าน้อยแต่กนิ ความมาก คอื คาว่า เกรง จากวรรค “เกรงพระราชสามี” คือ พระสุรโิ ยทัย
เกิดความรสู้ กึ เกรงกลวั วา่ พระมหาจักรพรรดจิ ะเปน็ อันตรายถงึ ชีวิต
๔. ๏ ขุนมอญร่อนง้าวฟาด ฉาดฉะ
ขาดแล่งตราบอุระ หรบุ ดิ้น
โอรสรีบกนั พระ ศพสู่ นครแฮ
สูญชพี ไปส่ ญู สนิ้ พจนผ์ ู้สรรเสริญ
วเิ คราะห์คุณคา่ ดา้ นวรรณศลิ ป์
๑. การเลน่ เสียงสมั ผัส มกี ารเล่นเสียงสมั ผัสพยัญชนะ คือ สูญ-ส้นิ จากวรรค “สญู ชพี ไป่สูญสน้ิ ”
และ สรร-เสริญ จากวรรค “พจน์ผู้ สรรเสริญ”
๒. การใชภ้ าพพจน์ มีการใช้สทั พจน์หรอื การเลยี นเสียงธรรมชาติ คือ “ฉาดฉะ” เป็นการเลียนเสียง
อาวธุ ทีก่ ระทับกนั อย่างแรงในขณะทใ่ี ช้ฟาดฟนั กนั
-134-
-134-
แบบประเมนิ การทางานกล่มุ
คาชี้แจง ใหค้ รปู ระเมนิ การทางานกลุ่มของนักเรียนตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมิน ๓ ระดบั คะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหนา้ ท่ี กาหนดบทบาทหน้าที่ ไมม่ ีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นรว่ ม สมาชกิ อยา่ งชัดเจน กาหนดบทบาทหน้าที่ หนา้ ท่ี
มีสว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ สมาชกิ ไม่ครบถ้วน มสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกลุ่ม มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ งานกลุ่มนอ้ ยมาก
คดิ เห็น รบั ฟังและแสดงความคดิ เหน็ งานกล่มุ บา้ ง หรอื ไมม่ สี ่วนรว่ ม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมีเหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟังและแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟังความคิดเหน็ ของผูอ้ ่ืน
อย่างสมา่ เสมอ อย่างมีเหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ นอ้ ยมากหรือไมร่ บั ฟงั
รบั ผดิ ชอบงานทไ่ี ด้รับ เปน็ บางครง้ั ความคดิ เหน็ ผอู้ ื่น
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ บั ไม่รับผดิ ชอบงานทไ่ี ดร้ บั
ทกี่ าหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคิดคะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนที่ได้/คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมิน การแปลผล
เกณฑข์ องระดับคะแนน ดีมาก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
รอ้ ยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-135-
-135-
หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๒ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผ่านวนิ จิ ฉยั แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๘ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่อื ง เพิ่มพนู พงศาวดาร (๕) ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๒
รายวชิ า ภาษาไทย ๒
สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด กจิ กรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พันท้ายนรสิงห์ หอ้ งสมดุ
ถวายชวี ิต ประพนั ธ์ดว้ ยโคลงสส่ี ภุ าพ จานวน ๔ บท มีความ ขน้ั นา สอ่ื
โดดเด่นเรื่องการใช้คาน้อยแต่กินความมาก ก่อให้เกิด นักเรยี นอาสาสมัครยกตัวอย่างบทประพันธ์ทน่ี ักเรียนชื่นชอบ 1. บตั ร “คณุ ค่าทางวรรณคดีของโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
อารมณ์สะเทือนใจ และยังมีการเล่นสัมผัสพยัญชนะ มากทสี่ ดุ จาก โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ในบางบท ทาให้โคลงมีความไพเราะย่ิงข้ึน ตลอดจน ตอน พนั ท้ายนรสงิ ห์ถวายชีวติ จานวน ๑ บท ตอน พนั ท้ายนรสงิ หถ์ วายชีวติ ”
สอดแทรกเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์ คุณค่า ทางสังคม พร้อมระบุเหตุผล
2. ใบงาน “การวเิ คราะห์คุณคา่ ทางวรรณคดขี องโคลงภาพ
และข้อคดิ ทีส่ ามารถนามาประยกุ ต์ใช้ในการดาเนนิ ชวี ติ ได้ ขนั้ สอน พระราชพงศาวดาร ตอน พันทา้ ยนรสงิ หถ์ วายชีวิต”
-136- จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ขัน้ สอน ภาระงาน/ช้ินงาน
ด้านความรู้ ๑. นกั เรียนแบง่ กลุ่มตามความสมัครใจ จานวน 5 กลุ่ม การทาใบงาน “การวเิ คราะห์คณุ คา่ ทางวรรณคดขี องโคลงภาพ
อธิบายคณุ คา่ จากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร 2. ผแู้ ทนกลุ่มออกมาเลอื กบัตร สาหรับทาใบงาน พระราชพงศาวดาร ตอน พนั ท้ายนรสิงห์ถวายชวี ติ ”
ตอน พนั ท้ายนรสงิ หถ์ วายชวี ติ ได้ “คณุ คา่ ทางวรรณคดขี องโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ด้านทักษะและกระบวนการ ตอน พันท้ายนรสิงหถ์ วายชวี ติ ” จากนัน้ รว่ มกนั ทาใบงาน
วิเคราะหค์ ุณค่าจากเร่อื งโคลงภาพ การวัดและประเมินผล
พระราชพงศาวดาร ตอน พันทา้ ยนรสิงห์ถวายชีวติ ตามทเ่ี ลือกไว้ แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม
3. ผู้แทนนกั เรียนกลุม่ ที่ ๑ - 5 นาเสนอจากใบงานทีร่ ว่ มกันทา
เพือ่ น ๆ ช่วยกันตรวจสอบ โดยครูให้คาแนะนาเพ่ิมเติม
ดา้ นคุณลกั ษณะ
๑. ใฝ่เรยี นรู้
๒. ม่งุ ม่นั ในการทางาน ขั้นสรปุ
๓. รักความเป็นไทย นกั เรยี นรว่ มกันสรุปความรจู้ ากการศกึ ษาในชวั่ โมงนี้
-136-
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๒ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผ่านวินิจฉยั แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๘ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง เพิ่มพูนพงศาวดาร (๕) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒
สมรรถนะท่ีต้องการให้เกิดกับผเู้ รียน รายวชิ า ภาษาไทย ๒
การสื่อสาร
-137-
-137-
บตั ร
“คุณคา่ ทางวรรณคดีของโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พนั ทา้ ยนรสงิ หถ์ วายชวี ติ ”
สาหรบั ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มเลือก
คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์
ประเพณีวัฒนธรรม
กฎหมายบ้านเมอื ง
ตา้ แหน่งในการรับราชการ
สะท้อนคุณธรรม
-138-
-138-
ใบงาน
“การวิเคราะหค์ ณุ ค่าทางวรรณคดขี องโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พันท้ายนรสงิ ห์ถวายชีวติ ”
คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นวเิ คราะห์คุณคา่ วรรณคดขี องโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พันทา้ ยนรสิงห์ถวายชีวติ ”
ตามหัวขอ้ ท่เี ลือก พร้อยกตวั อย่างบทประพันธ์ใหส้ อดคล้องกับคณุ ค่าทวี่ ิเคราะห์
หวั ข้อท่ีเลอื ก ...................................................................................................
การวิเคราะห์
.......................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
-139-
-139-
(เฉลย) ใบงาน
“การวเิ คราะห์คุณคา่ ทางวรรคดขี องโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พนั ท้ายนรสงิ หถ์ วายชีวติ ”
คุณค่าด้านวรรณศลิ ป์
พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพนั ธ์พงศ์ ทรงถา่ ยทอดเร่ืองราววีรกรรมของพนั ทา้ ยนรสิงห์ไว้ในโคลงส่ีสุภาพ
เพียง ๔ บท ทรงสามารถดาเนินเร่ืองราวอย่างสมบูรณ์ต่อเนื่องกันตามลาดับเหตุการณ์ได้อย่างสั้นกะทัดรัด ศิลปะ
การประพันธ์ท่ีเด่นทีส่ ดุ คอื การใชค้ าน้อยแต่กนิ ความมาก และการเลน่ สมั ผัสพยัญชนะ ดงั ในตัวอยา่ งโคลงตอ่ ไปน้ี
ภูบาลบาเหน็จให้ โทษถนอม ใจนอ
พนั ไม่ยอมอยู่ยอม มอดม้วย
พระโปรดเปล่ียนโทษปลอม ฟันรปู แทนพ่อ
พันกราบทลู ทดั ดว้ ย ท่านทิ้งประเพณี
๑. การใช้คาน้อยแต่กินความมาก คือ การกล่าวอย่างกระชับ แต่มีเจตนาจะให้ส่ือความหมายคลุม
กว้างขวางออกไปย่ิงกว่าที่กล่าวไว้น้ัน เช่น คาว่า พัน หมายถึง พันท้ายนรสิงห์ คาว่า ให้โทษ หมายถึง ยกโทษให้
คาว่า ถนอมใจ หมายถึง รักษานา้ ใจ คาวา่ ทัด หมายถงึ ทดั ทาน ต้านไว้
๒. การเล่นสัมผัสพยัญชนะ ได้แก่ คาว่า (ภู)บาล-บา(เหน็จ) ยอม-อยู่-ยอม มอด-ม้วย เปล่ียน-ปลอม
ทลู -ทัด และ ท่าน-ทงิ้
ประเพณวี ัฒนธรรม
ประเพณีวัฒนธรรม คอื การเสดจ็ ทางชลมารคของกษัตริย์ทตี่ ้องเสด็จโดยเรือพระทนี่ ัง่ ดังบทประพันธ์
๏ สรรเพชญทแ่ี ปดเจา้ อยุธยา
เสด็จประพาสทรงปลา ปากนา้
ล่องเรอื เอกไชยมา ถงึ โคก ขามพ่อ
คลองคดโขนเรือคา้ ขดั ไมห้ กั สลาย
กฎหมายบ้านเมอื ง
แสดงถึงกฎหมายบ้านเมือง การผิดกฎมนเทียรบาลในสมัยอยุธยา ความผิดบางประการ มีโทษถึงประหารชีวิต
โดยการตดั ศรี ษะ ดงั บทประพนั ธ์
๏ พันทา้ ยตกประหม่าสิน้ สติคดิ
โดดจากเรือทูลอทุ ิศ โทษร้อง
พนั ท้ายนรสงิ ห์ผดิ บทฆ่า เสียเทอญ
หัวกบั โขนเรือตอ้ ง คเู่ สน้ ทาศาล
-140-
-140-
ต้าแหนง่ ในการรับราชการ
ตาแหนง่ ในการรับราชการ คอื พันท้าย เปน็ ตาแหนง่ นายท้ายเรือพระท่ีนงั่ ของพระมหากษัตริย์
๏ พันท้ายตกประหมา่ ส้ิน สติคิด
โดดจากเรือทูลอทุ ิศ โทษร้อง
พันท้ายนรสงิ ห์ผิด บทฆา่ เสียเทอญ
หวั กับโขนเรอื ตอ้ ง คเู่ ส้นทาศาล
สะทอ้ นคณุ ธรรม
1. สมเด็จพระสรรเพชญที่ ๘ คุณธรรมของพระเจ้าแผ่นดนิ ทท่ี รงมีพระเมตตาต่อข้าราชบรพิ ารของพระองค์
๏ ภูบาลบาเหนจ็ ให้ โทษถนอม ใจนอ
พันไม่ยอมอยยู่ อม มอดม้วย
พระโปรดเปลีย่ นโทษปลอม ฟนั รูป แทนพ่อ
พนั กราบทูลทัดด้วย ท่านทง้ิ ประเพณี
2. พันทา้ ยนรสงิ ห์ ความซื่อสตั ย์ เคารพกฎหมาย ระเบียบ ประเพณีของบา้ นเมือง ดารงไว้ซ่ึงความศักด์สิ ทิ ธิ์
ของกฎหมาย
๏ พันทา้ ยตกประหม่าสน้ิ สติคดิ
โดดจากเรือทูลอุทศิ โทษรอ้ ง
พนั ท้ายนรสิงหผ์ ิด บทฆ่า เสยี เทอญ
หวั กบั โขนเรือต้อง คูเ่ ส้นทาศาล
๏ ภบู าลบาเหน็จให้ โทษถนอม ใจนอ
พนั ไมย่ อมอยู่ยอม มอดม้วย
พระโปรดเปลีย่ นโทษปลอม ฟันรูป แทนพอ่
พันกราบทลู ทัดด้วย ทา่ นทง้ิ ประเพณี
๏ ภูมีปลอบกลบั ต้งั ขอบรร ลยั พ่อ
จาสั่งเพชฌฆาตฟนั ฟาดเกลา้
โขนเรือกับหัวพัน เซน่ ท่ี ศาลแล
ศาลสบื กฤติคณุ เค้า คติไว้ในสยาม
-141-
-141-
แบบประเมนิ การทางานกล่มุ
คาชีแ้ จง ใหค้ รปู ระเมินการทางานกลุ่มของนักเรียนตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมนิ ๓ ระดบั คะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหน้าที่ ไมม่ ีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนร่วม สมาชิกอยา่ งชัดเจน กาหนดบทบาทหน้าที่ หนา้ ท่ี
มสี ่วนร่วมในการปฏิบตั ิ สมาชกิ ไม่ครบถ้วน มสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความ งานกลุ่ม มสี ว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ งานกลุ่มนอ้ ยมาก
คิดเห็น รับฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกล่มุ บา้ ง หรอื ไมม่ สี ่วนรว่ ม
4. ความรบั ผิดชอบ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ รับฟังและแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟังความคิดเห็นของผูอ้ ่ืน
อยา่ งสมา่ เสมอ อย่างมีเหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ นอ้ ยมากหรือไมร่ บั ฟงั
รับผิดชอบงานทไ่ี ด้รับ เปน็ บางครง้ั ความคดิ เหน็ ผอู้ ื่น
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ บั ไม่รับผดิ ชอบงานทไ่ี ดร้ ับ
ท่ีกาหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคดิ คะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนทไี่ ด/้ คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดีมาก
ดี
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐
ร้อยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-142-
-142-
-143- หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผ่านวินิจฉยั แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๙ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เร่อื ง เพ่ิมพนู พงศาวดาร (๖) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปี
ที่ ๒ รายวชิ า ภาษาไทย ๒
สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด แหล่งเรียนรู้
กิจกรรมการเรียนรู้ ห้องสมุด
โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอนพระสรุ โิ ยทัย ข้นั นา สอ่ื
ขาดคอชา้ ง และตอนพันท้ายนรสงิ ห์ถวายชีวติ นักเรียนร่วมกันบอกประโยชน์ของการอ่านหนังสอื /เรื่องต่าง ๆ -
เป็นบทประพนั ธ์ที่แสดงใหเ้ ห็นถงึ กล้าหาญ เด็ดเดีย่ ว ภาระงาน/ชิน้ งาน
และความเสียสละ กวีได้มุ่งเน้นคณุ ธรรมเรื่องความกตญั ญู ข้ันสอน การระดมสมองระบุข้อคิดจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
ตอ่ แผ่นดนิ และพระมหากษัตรยิ ใ์ นโคลงพระสุริโยทัย ๑. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ตามความสมคั รใจ เปน็ 4 กลมุ่ ดงั นี้ ตอนพระสรุ ิโยทยั ขาดคอช้าง และตอนพันท้ายนรสงิ ห์
ขาดคอช้าง ความซื่อสัตยต์ ่อองคพ์ ระมหากษตั รยิ ์ ถวายชวี ติ
ด้วยการถวายชีวิตของตนเพื่อรักษาพระเกยี รตขิ องพนั กลุ่มท่ี 1 และ 2 การวดั และประเมินผล
ทา้ ยนรสิงหแ์ สดงให้เห็นถึงตวั อยา่ งของขา้ ราชการผูม้ ี คน้ หาข้อคิดจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน การประเมนิ การทางานกลุ่ม
ความรบั ผดิ ชอบสงู และเสียสละเพ่ือรกั ษาความศกั ดสิ์ ิทธิ์ พระสุรโิ ยทยั ขาดคอชา้ ง
ของกฎหมาย ข้อคดิ จากเรอ่ื งสามารถนามาปรับใชใ้ น กลุม่ ท่ี 3 และ 4
ชีวิตประจาวันได้โดยการประพฤตติ นเปน็ คนที่ซื่อสัตย์ ค้นหาขอ้ คดิ จากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน
และเคารพกฎหมาย พนั ทา้ ยนรสิงห์ถวายชีวติ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ ระดมความคิดคน้ หาขอ้ คดิ จากโคลงภาพ
ดา้ นความรู้ พระราชพงศาวดารตอนที่ไดร้ ับเลือก
ระบขุ ้อคิดท่ีไดจ้ ากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน 3. ผแู้ ทนแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอหน้าชั้นเรยี น เพอ่ื น ๆ
พระสรุ โิ ยทยั ขาดคอช้าง และตอนพันท้ายนรสงิ หถ์ วายชีวติ รว่ มกันตรวจสอบ โดยครูให้คาแนะนาเพ่มิ เติม
ได้ ๓. เม่ือเขา้ กลุม่ เพ่ือค้นหาแนวคดิ เสร็จแลว้ นักเรยี นจับคู่ตา่ ง
กลมุ่ แล้วแลกเปลย่ี นเรียนรู้เก่ียวกับข้อคดิ ท่ีตนเองได้รบั
มอบหมายแล้วบนั ทกึ ลงสมดุ
-143-
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผา่ นวนิ ิจฉยั แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๙ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย เรอ่ื ง เพ่ิมพนู พงศาวดาร (๖) ชน้ั มธั ยมศึกษาปี
ที่ ๒ รายวชิ า ภาษาไทย ๒
ด้านทกั ษะและกระบวนการ
สรปุ สาระสาคญั ในประเดน็ ข้อคิดที่ได้จากโคลงภาพ ขนั้ สรุป
พระราชพงศาวดาร ตอน พระสรุ โิ ยทัยขาดคอชา้ ง นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายความรู้เก่ยี วกบั ข้อคดิ ท่ีได้
และตอนพนั ท้ายนรสงิ ห์ถวายชีวติ ได้ จากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พระสุรโิ ยทยั
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ ขาดคอชา้ ง และตอนพนั ทา้ ยนรสงิ ห์ถวายชวี ิตในการนาไป
๑. ใฝเ่ รียนรู้ ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั
๒. ม่งุ ม่ันในการทางาน
-144- ๓. รกั ความเป็นไทย
สมรรถนะทต่ี ้องการใหเ้ กิดกับผเู้ รียน
การสอ่ื สาร
-144-
ความรู้สาหรับครู
ข้อคิดจากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พระสรุ โิ ยทัยขาดคอช้าง
เราควรมคี วามกตัญญตู ่อแผน่ ดนิ ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องแผ่นดินไม่ให้ศัตรูเขา้ มารุกราน ดงั เช่น
สมเดจ็ พระสรุ โิ ยทยั ทรงมคี วามกตัญญกู ตเวทีเปน็ เลศิ ทง้ั ต่อพระราชสวามตี ามหนา้ ท่ภี รรยาทีด่ แี ละต่อ
กษตั ริยใ์ นฐานะข้าแผ่นดิน
ขอ้ คดิ จากโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอน พนั ท้ายนรสงิ ห์ถวายชีวติ
1. พันท้ายนรสิงห์เป็นตัวอย่างของข้าราชการที่มีความรับผิดชอบ และมีความจงรักภักดี
พันท้ายนรสิงห์มีความซื่อสัตย์ความกตัญญูต่อพระเจ้าแผ่นดิน ยอมสละชีวิตเพื่อรักษาความศักด์ิสิทธ์ิของ
กฎหมายและรักษาพระเกียรติยศของสมเด็จพระเจ้าเสือ ทั้งน้ีเพ่ือไม่ให้มีใครมาดูหมิ่นพระเกียรติของ
พระองคไ์ ด้ในภายภาคหน้า
2. ปลูกจิตสานกึ ให้เยาวชนไทยรกั ชาติ รักแผน่ ดนิ เห็นคุณค่าการเสียสละของบรรพบุรษุ ไทย
-145-
-145-
แบบประเมินการทางานกลุ่ม
คาชแี้ จง ให้ครปู ระเมินการทางานกลุ่มของนักเรียนตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)
รายการประเมิน ๓ ระดับคะแนน ๑
๒
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหน้าท่ี ไมม่ กี ารกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นร่วม สมาชกิ อยา่ งชดั เจน กาหนดบทบาทหนา้ ที่ หน้าท่ี
มีสว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ สมาชกิ ไม่ครบถว้ น มีสว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟงั และแสดงความ งานกลุม่ มีส่วนร่วมในการปฏิบตั ิ งานกลุ่มน้อยมาก
คิดเหน็ รบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกลุ่มบ้าง หรอื ไมม่ ีส่วนรว่ ม
4. ความรบั ผดิ ชอบ อย่างมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ รบั ฟังและแสดงความคดิ เหน็ รับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อน่ื
อยา่ งสม่าเสมอ อยา่ งมีเหตผุ ลและสรา้ งสรรค์ น้อยมากหรอื ไม่รับฟัง
รับผิดชอบงานทไ่ี ด้รบั เปน็ บางครัง้ ความคดิ เหน็ ผอู้ ืน่
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา รับผดิ ชอบงานทีไ่ ดร้ ับ ไม่รบั ผิดชอบงานทไ่ี ดร้ บั
ทก่ี าหนด มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทัน มอบหมาย
ตามกาหนด
* การคดิ คะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนท่ีได/้ คะแนนเตม็ ) x 100
การแปลผลการประเมิน การแปลผล
เกณฑ์ของระดับคะแนน ดมี าก
ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
ร้อยละ 70 - 79 พอใช้
รอ้ ยละ 50 - 69 ปรบั ปรุง
รอ้ ยละ ๐ - 49
-146- -146-
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผา่ นวินจิ ฉัย แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑๐ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรอื่ ง เลา่ ขานวีรชน (๑) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปี
ท่ี ๒ รายวิชา ภาษาไทย ๒
สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด แหล่งเรียนรู้
กิจกรรมการเรยี นรู้ หอ้ งสมดุ
ภาษาเป็นเครอ่ื งมือสาคญั ๒ ประการ ประการแรก ขั้นนา
-147- เป็นเคร่อื งมือแสดงวา่ มนษุ ย์สามารถรับรวู้ ่าสงิ่ ตา่ ง ๆ ท่ีอยู่ นกั เรียนร่วมกันพจิ ารณาว่าประโยคทก่ี าหนดให้เปน็ ข้อเทจ็ จริง สอ่ื
รอบตวั มนุษย์ เกิดขนึ้ มีอยู่ และเป็นไปในลักษณะใด หรือข้อคิดเห็น ๑. แถบประโยค
ประการที่ ๒ เปน็ เครื่องมอื แสดงวา่ มนุษย์รสู้ กึ และมี ๒. ภาพประกอบโคลงลาดับที่ ๑๐
ความคดิ มีความเหน็ ต่อสงิ่ ต่าง ๆ ทอี่ ยูร่ อบตวั มนษุ ย์ ผลทุเรยี นมีหนามแหลมอยู่เต็ม ๓. ใบงาน “ขอ้ เทจ็ จริงจากโคลงภาพ
และต่อตวั เองอยา่ งไร สง่ิ ทอี่ ยู่รอบตวั มนษุ ย์และมนุษยร์ ับรู้ คาตอบ ข้อเท็จจริง พระราชพงศาวดาร ตอนพระสุรโิ ยทัยขาดคอช้าง”
แล้วสอื่ ออกมาผา่ นทางภาษาของมนุษยเ์ รียกว่า ข้อเท็จจริง ภาระงาน/ชนิ้ งาน
สว่ นความรสู้ กึ และความคิดความเหน็ ของมนุษย์ท่ีถา่ ยทอด โรคพิษสุนขั บ้าระบาดในหนา้ ร้อน การทาใบงาน “ข้อเท็จจรงิ จากโคลงภาพ
ผา่ นภาษาเรยี กวา่ ข้อคดิ เห็นหรือทรรศนะ คาตอบ ข้อเท็จจรงิ พระราชพงศาวดาร ตอนพระสรุ โิ ยทัยขาดคอช้าง”
จุดประสงค์การเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ ภาพถา่ ยคอื อดตี ที่บนั ทึกไวไ้ ด้ การวัดและประเมนิ ผล
ระบลุ ักษณะของข้อเท็จจริง คาตอบ ข้อเทจ็ จรงิ -
ด้านทักษะและกระบวนการ
วเิ คราะห์ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในในโคลงภาพ ก๋วยเตีย๋ วเจา้ น้ีอร่อยมาก
พระราชพงศาวดาร ตอนพระสรุ โิ ยทัยขาดคอช้าง คาตอบ ขอ้ คิดเหน็
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ
๑. ใฝ่เรยี นรู้ หนงั สอื เล่มน้ีใชศ้ พั ท์ยากมาก
-147-
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผา่ นวินจิ ฉยั แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๐ เวลา ๑ ชวั่ โมง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่อง เลา่ ขานวีรชน (๑) ชน้ั มัธยมศึกษาปี
ท่ี ๒ รายวชิ า ภาษาไทย ๒
๒. มงุ่ มนั่ ในการทางาน
๓. รักความเป็นไทย คาตอบ ขอ้ คดิ เห็น
สมรรถนะท่ตี ้องการให้เกิดกับผเู้ รยี น ข้นั สอน
1. การสือ่ สาร ๑. นักเรยี นดภู าพประกอบโคลงภาพพระราชพงศาวดาร
2. การคดิ ข้นั สูง ภาพท่ี ๑๐ “พระสรุ ิโยทยั ขาดคอช้าง”
2. นักเรียนจบั คกู่ บั เพ่ือนทาใบงาน “ข้อเทจ็ จริงจากโคลงภาพ
-148- พระราชพงศาวดาร ตอนพระสรุ ิโยทยั ขาดคอช้าง”
3. นกั เรียนนาเสนอ เพอ่ื น ๆ ชว่ ยกนั ตรวจสอบ โดยครู
ให้คาแนะนาเพิ่มเตมิ
ขัน้ สรุป
นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกับการนาความรู้
เกี่ยวกบั การวเิ คราะห์การใชภ้ าษาในการแสดงข้อเท็จจรงิ
ไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั
-148-
แถบประโยค
ผลทเุ รียนมีหนามแหลมอยู่เต็ม
โรคพิษสนุ ัขบ้าระบาดในหน้ารอ้ น
ภาพถา่ ยคอื อดตี ท่ีบันทกึ ไว้ได้
หนังสอื เล่มน้ีใช้ศัพท์ยากมาก
ก๋วยเต๋ียวเจา้ นี้อรอ่ ยมาก
ภาพ
“โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพที่ 10”
-149-
-149-
ภาพ
“โคลงภาพพระราชพงศาวดาร ภาพท่ี 56”
-150-
-150-
ใบงาน
“ข้อเท็จจริงจากโคลงภาพพระราใบชงพางนศาวดาร ตอนพระสุริโยทยั ขาดคอช้าง”
คาช้ีแจง ให้นักเร“ยีขน้อหเทา็จข้อจเรทงิ จ็จจารกงิโทคี่ปลงรภากาฏพใพนรโะครลางชภพาพงศพารวะดราาชรพตงอศนาวพดราะรสุรตโิ อยนทพัยรขะาสดรุ คโิ ยอทชัยา้ ขง”าดคอช้าง
คาชี้แจง ใหน้ ักเรียนหาข้อเท็จจริงท่ีปรากฏในโคลงภาพพระราชพงศาวดาร ตอนพระสรุ โิ ยทยั ขาดคอชา้ ง
บุเรงนองนามราชเจ้า จอมรา มญั เฮย ................................................................................................................................
ยกพยหุ แสนยบาุเรงนองนามราชเจา้ จยอิง่ มแรกาลมว้ ญั เฮย ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ถมึงออญมถยยมกึงอุธอ่าพญเยยนยมธุศปหุ ่าเแยแนรลศสะปแ้วนมรละยว้วมาลวมลามา สหยหสงิ่ายายแมดุ มดุกสใสลกใบิ กิบ้วลหลน้ หม้นค่นืมรคาแื่นรฮาแฮ การใชภ้ าษาข้อเทจ็ จรงิ .............................................................................................................................................................
ดวาางรคิจดวา่าาักงยรใคจิรค่าัการยพใยย่ ครรรลารพะ้พียย่ มรรลละพี้หมลาหจากั จรักพรพรรรรดดเิ ผิเผ้าา้ เแเแภพภพรรวู ียงูวยี งดศบดศบลึกหลกึ หลสลา้สยาา้ยมาเมฮเยฮย ................................................................................................................................
ยกนยิกกรนทิกัพรทกัพลก้าล้า ออออกกตต้ัง้ังกกลลางาสงมสรมร การใช้ภาษาข้อเทจ็ จริง
..
................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
การใกช้ภาราใษชา้ภขอ้าเษทา็จขจ้อรงิเทจ็ จริง
ทนเารถมงลเนทพคิงเารถครรมงละช่ือเพคงิสางครรบธยรุ ะชอื่ าโิงัทุสางยรอบธยุรธทคราิโงัทุพยรอวอยั ธไิทคร้าัคพชวอยังริไยา้ัคชเงรรยเศรผศผู้ ู้ อคพเเคอพชชอวิสอว่นิสบก่นมบกอมอเัยอขปุอเยัา้ ขปุ้าท้างรขา้ทง่าารบขน่าชาบวนนแชนวาฮนแไนคาฮไลคล การใชกภ้าารษใชาข้ภอ้ าเษทาจ็ ขจร้องิ เทจ็ จริง ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
พลไกรกองน่าเร้า โรมรนั กนั เฮย การใชภ้ าษาข้อเทจ็ จริง ................................................................................................................................
สชา้างรพทสเชต้าารรลงระงงพทซเขกจรรวบัพาะงา้ ดรซคเแลกใจเวชชาซปไ้าดไรก้ภแผลรใเาชรซปป่ในั ษ้ภกกผรราาลปนัอษขะ้รงา้อจขะนเญั้อทจา่ เจ็ญัทเจร็จรจ้าิงรงิ คโรชมไทร้ ัน กนั เฮย การใชภ้ าษาขอ้ เท็จจริง ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
เตลงขับคชไล่ใกล้ หคลชงั ไแทล้ ่น เตลดิ แฮ ................................................................................................................................
หหวลดิ ังทแ้าลย่นคชเาตธลาริดแฮ
นงคราญองคเ์ อกแก้ว หวดิ ทา้ ยคชาธาร ................................................................................................................................
................................................................................................................................
เมการนงมเขมพกับานรรนคงสัะมเพชรกนรนนาตัสัะชงทเรกควสราตั ทรเชาเขาวสมี น่ ทญาี คมี อ้าี งค์เอกแกว้ กระษัตรยี ์ ................................................................................................................................................................................................................................................................
ขับคเชนทรเขข่นุนคมา้อญร่อนง้าวฟาด การใช้ภาษาขอ้ เทจ็ จริง ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
สมยกยมง่ิะล่งิรลลอาละาา้ยึก้าษยพสพตัดู้ระรรสั ยีะกช์รนชมนเ์ มฮยเ์ ฮย
ขาดแลง่ ตราบอรุ ะ ฉสาะดอฉกึะสดู้ ัสกร การใชภ้ าษาข้อเท็จจริง ................................................................................................................................
................................................................................................................................
ขาดสโแอญูลร่งชสตพีรรีบขไปากุนบส่ันมญูอพอุรสรญะะนิ้ ร่อนง้าวฟาด หรบุ ด้ิน
โอรสรีบกนั พระ การใช้ภาษาข้อเทจ็ จรงิ ................................................................................................................................
สูญชพี ไปส่ ญู สนิ้ พศหฉพจารนสดุบู่์ผฉดนสู้ ะคิ้นรรรแเสฮรญิ ................................................................................................................................
ศพสู่ นครแฮ การใชภ้ าษาข้อเทจ็ จรงิ ................................................................................................................................
พจน์ผูส้ รรเสรญิ
................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................
................................................................................................................................
................................................................................................................................
-151-
-151-
-151-
““ขข้อ้อเเททจ็จ็ จจรริงงิ จจาากกโคโคลงลภงาภพาพพรพะร(ราเะฉชรล(พาเยฉงช)ศลพใายบวง)งดศาาใานบรวงดตาอานนรพตรอะนสุรพโิ ยรทะสัยขรุ โิายดทคอัยชข้าางด”คอชา้ ง”
คาคชาแี้ ชจี้แงจงใหให้น้นักกั เรเรียยี นนหหาาขข้ออ้ เเททจ็ ็จจจรริงทงิ ท่ปี รีป่ ารกาฏกใฏนโใคนลโงคภลางพภพารพะรพารชะพรงาศชาพวดงาศราตวดอนารพรตะอสุรนิโพยทรยัะขสาุรดิโคยอทชยั ้าขงาดคอชา้ ง
มถยกงึออพญมถยยยมกึงอธุ อุหพญ่าเยยแนยมุธศสุหป่าเบยแแนนรเุศสลปะยรบแนว้รงมาุเละยรนวว้งมาอลนวงมอลนงามนาามามรราาชชเเจจา้า้ สหจยหยสจอ่ิงายแอ่งิามยมดุ แกมสมรุดใลกกาิบสรใ้วลลกาิบมห้น้วลญั มมคห้นเื่นญัรฮมคาแยเืน่รฮฮาแยฮ บเุ รงนองบเเุจรา้ งเนมอืองงมเอจญ้าเยมกอื ทงัพมทอหญารยกกล้าทพัปรทะหมาารณกล้า ประมาณ
การใชกภ้ าารษใาชข้ภอ้ าเทษจ็ าจขร้อิงเท็จจริง สามแสนสคานมมแาถสงึ นเมคอื นงมอยาถธุ ยึงาเมแลอื ว้งหอยยดุ ธุ อยยาใู่ แกลล้เว้ มหือยงุดอยใู่ กล้เมอื ง
พระมหาจกั รพรรดเิ ผา้ ภูวดล สยามเฮย
การใชภ้ าษาข้อเท็จจรงิ พไดร้วะามงหกาอพจงกักรราะพลมังรหพราดลจิไพวกั เ้รรพะพื่อเจเรต้ารแรดยีผิม่นพรดรบั นิ ะศแเึกหจ้าง่ อแยผธุ น่ ยดานิ แห่งอยธุ ยา
วางค่ายพรราะยรม้ีพหลาจกั รพรรดเิ ผ้า เพภยี ูวบดหลลา้ สยามเฮย ไดว้ างกองกาลงั พลไวเ้ พอื่ เตรยี มรบั ศึก
วางคดา่ รยจิ รกั าใยคร้ีพย่ ลล แเรพงศยี กึบหลา้ การใช้ภาษาขอ้ เทจ็ จรงิ
ดารยิจกักนใคกิ รรทย่ พัลกล้า ออแกรตง้ังศกึกลางสมร
ยกนกิ รทพั กลา้ ออกต้ังกลางสมร พระสุรโิ ยทยั ทรงแต่งพระองค์เป็นชายดว้ ยเครอ่ื งยทุ ธพไิ ชย
พเยรีย่ ะงมอหปุ ารพเจายกัรชย่ี ะรงคพสอวรุรบุปริโยดชรไิทา้าปงชยั ทในรคทกงวรเาขงบรแา้ นชรตด้ี้า่ว่งว้งมพยทขรบระงวอเนขงตค้าาร์เมป่วเ็นสมดชขจ็าบยวดน้วตยาเคมรเสื่อดงย็จทุ ธพิไชย
บังอรอัครเรศผู้ พสิ มยั ทา่ นนา การใช้ภาษาขอ้ เท็จจริง
นทารมงทนเพเคารถรมรงลเะอ่ืพคงิ สคงรรบรุยะชือ่ โิสังุทางยอธยรุ ธทาิโุทรพยรอัยธทคไิพัคชวัยไิร้ายชงเยรศผู้ คอเชอเพอวชน่ อบกิส่นอกอเมขุปอา้อยั้าุปง้ารขทางบรชา่วาแนนชฮไนแคาฮล การใช้ภาษาขอ้ เท็จจริง พระมหาจักรพรรดไิ ปในการน้ีดว้ ย
เถลงิ คชาธาพรคลวไกา้ รงกองน่าเร้า โรคมวรบนั เขก้านั ขเฮบยวนไคล
กองทหารกองหน้าของทงั้ สองทพั รบพุ่งกัน ช้างพระเจ้าแปร
ชา้ งพระเจ้าแปรประจญั คชไท้ ชนปะทะตอ่ สูอ้ ยู่กบั ชา้ งของ พระมหาจกั รพรรดิ ช้างของ
การใช้ภาษาข้อเท็จจริง พไลรห่ ะลมงัหจาวชกจนอนักเรงจปพทียะรนหทรจาดะะรเิตไกสลอ่ยีอ่ททสงันหีหู้อพนันยรห่กู้าะขลบัมองัหชวงา้า่ิงทจหงักง้ัขนสรอี พอพงรงรรทพะดเัพรจิ ะร้ามแบปหพราุ่งขจกบั กัันชร้าชพง้ารงรพดริ ะชเ้าจงา้ ขแอปงร
ชา้ งพสเตารลระงทขเรจบั งพ้าซคแลวชปไดไกลเรซรใ่ปกผกรลันอะ้ งจนญั ่าเรา้ หหคโวลรชิดงัมแไทรทล้านั ่นย้ คกเชตนั าลเธดิ ฮาแรยฮ
เสตาลรงทมขารับนงมซคนวชัสดไลกเนซตัใ่ งกผเควลันทร้าี ญองค์เอกแกว้ กยหหิ่งรลลวะ้าษิดังแตัทลร้ายี ่นย์ คเชตาลธิดาแรฮ การใชภ้ าษาขอ้ เทจ็ จรงิ พระมหาจกั รพรรดเิ สียทหี นั หลังวิง่ หนี พระเจา้ แปรขบั ชา้ ง
เกรงพระราชสามี พระสรุ ิโไยลท่หัยขลับังจชา้วงนเขเจ้าขยี วนาจงแะลไละ่ทเขนัา้ ตพอ่ รสะกู้ มบั หพารจะกัเจร้าพแรปรรดิ
ขบั คเชนทงครเรขาน่ ญคา้องคเ์ อกแก้ว มลายพระ ชนม์เฮย การใช้ภาษาขอ้ เทจ็ จริง
มานมนสั กตั เวที สกะรอะกึ ษสดู้ัตัสรกยี ร์
เกรงพระราชขสุนามมอี ญรอ่ นง้าวฟาด ย่ิงลา้ พระสรุ ิโยทยั ขับชา้ งเข้าขวางและเขา้ ต่อสกู้ บั พระเจ้าแปร
ขับคโขอเาชรดสนแรทลบี ่งรกตเันรขาพ่นบรคอะ้าุระ
ฉมาดลฉาะยพระ ชนมเ์ ฮย การใช้ภาษาข้อเทจ็ จรงิ พระเจ้าแปรใช้ง้าวฟันพระสุริโยทัยขาดตรงบ่าลงมาถึง
สญู ชพี ไขปนุ ส่ มญู อสญ้ินรอ่ นงา้ วฟาด หศสพรบุะสดอู่ นน้ิกึ คสรดู้แัสฮกร บริเวณอกจนร่วงลงส้ินพระชนม์ พระโอรสของพระสรุ โิ ยทยั
ขาดแลง่ ตราบอรุ ะ พฉจานด์ผฉสู้ ะรรเสรญิ การใช้ภาษาขอ้ เท็จจริง รีบกันพระศพพระมารดาคนื ส่พู ระนคร
โอรสรีบกนั พระ หรุบด้นิ
สญู ชพี ไปส่ ญู ส้ิน ศพสู่ นครแฮ การใช้ภาษาขอ้ เทจ็ จริง พระเจ้าแปรใช้ง้าวฟันพระสุริโยทัยขาดตรงบ่าลงมา
พจนผ์ ูส้ รรเสรญิ บริเวณอกจนร่วงลงส้ินพระชนม์ พระโอรสของพระสุริโยท
รบี กันพระศพพระมารดาคืนสพู่ ระนคร
-152-
-152-
-152-
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผ่านวินิจฉยั งแผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๑๑ เวลา ๑ ชวั่ โมง
กลุม่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย าถึง เร่ือง เลา่ ขานวีรชน (๒) ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒
ทยั รายวชิ า ภาษาไทย ๒
-153- กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้
สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด ขน้ั นา ห้องสมุด
ภาษาเปน็ เครอ่ื งมือสาคญั ๒ ประการ ประการแรก นักเรียนร่วมกันยกตัวอย่างบุคคลทมี่ ีคุณงามความดีทีน่ ักเรียน สอ่ื
ประทบั ใจ 1 - 2 คน พร้อมระบุเหตุผล ๑. แถบประโยค
เปน็ เคร่อื งมือแสดงว่ามนุษยส์ ามารถรับรู้วา่ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ ขั้นสอน ๒. ภาพประกอบโคลง ภาพท่ี 56
รอบตวั มนษุ ย์ เกิดขึ้น มีอยู่ และเปน็ ไปในลักษณะใด ๑. นกั เรียนจบั คกู่ ับเพ่ือนทาใบงาน “ข้อเท็จจรงิ จากโคลงภาพ 3. ใบงาน “การใชภ้ าษาแสดงข้อเท็จจรงิ
ประการท่ี ๒ เป็นเครือ่ งมือแสดงวา่ มนุษย์ร้สู ึกและมี พระราชพงศาวดาร ตอนพันท้ายนรสงิ ห์ถวายชวี ติ ” จากตอนพนั ทา้ ยนรสงิ ห์ถวายชวี ติ ”
ความคดิ มีความเหน็ ต่อสิง่ ต่าง ๆ ทอ่ี ยรู่ อบตัวมนษุ ย์ 2. นกั เรยี นนาเสนอ เพ่อื น ๆ ช่วยกันตรวจสอบ โดยครู
และตอ่ ตวั เองอย่างไร สงิ่ ท่อี ยู่รอบตวั มนษุ ยแ์ ละมนุษย์รับรู้ ให้คาแนะนาเพ่ิมเติม ภาระงาน/ช้นิ งาน
แล้วสอ่ื ออกมาผ่านทางภาษาของมนุษยเ์ รยี กว่า ข้อเท็จจรงิ ขั้นสรุป การทาใบงาน “การใช้ภาษาแสดงข้อเท็จจรงิ
ส่วนความรสู้ ึกและความคิดความเหน็ ของมนษุ ย์ที่ถา่ ยทอด นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั การนาความรู้ จากตอนพันทา้ ยนรสิงห์ถวายชวี ติ ”
ผ่านภาษาเรียกวา่ ข้อคิดเห็นหรือทรรศนะ เกี่ยวกบั การวิเคราะห์การใชภ้ าษาในการแสดงข้อเท็จจรงิ
จุดประสงค์การเรียนรู้ ไปใช้ในชวี ติ ประจาวัน การวัดและประเมินผล
ด้านความรู้ -
ระบลุ ักษณะของข้อเท็จจรงิ
ด้านทกั ษะและกระบวนการ
วิเคราะห์ข้อเท็จจรงิ ท่ปี รากฏในในโคลงภาพ
พระราชพงศาวดาร ตอนพรั ท้ายนรสิงหถ์ วายชวี ิต
ดา้ นคุณลกั ษณะ
๑. ใฝเ่ รยี นรู้
๒. ม่งุ มน่ั ในการทางาน
๓. รักความเป็นไทย
-153-
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผา่ นวนิ ิจฉัย แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๑ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เร่ือง เล่าขานวรี ชน (๒) ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๒
สมรรถนะทต่ี ้องการใหเ้ กดิ กับผเู้ รียน รายวิชา ภาษาไทย ๒
1. การส่ือสาร
2. การคดิ ขั้นสงู
-154-
-154-
““ขขอ้ เอ้ ทเ็จทจจ็ รจงิ รจงิาจกโาคกลโงคภลางพภพารพะพรารชะพรใงาบศชงาาพวในงบดศางราาวนตดอานรพตันอทน้ายพนนั รทสงิา้ หยถ์ นวราสยงิชหีว์ถิตว”ายชีวติ ”
คคาาชชแี้้แี จจงง ใหให้น้นักักเรเยี รนยี หนาหขา้อขเท้อ็จเทจร็จิงจทร่ปี ิงรทาี่ปกฏราในกโฏคใลนงโภคาลพงพภราะพราพชรพะงรศาาชวพดางรศาตวอดนาพรนั ทตา้อยนนพรันสงิทหา้ ถ์ ยวนารยสชีวิงติหถ์ วายชีวิต
สสรรรรเพเพชชญญททแี่ ปี่แดปเดจเ้าจา้ อยธุอยยาุธยา ..........................................................................................................................................................
เคเคสลสลลลด่อดอ่ ออ็จง็จงงงเเปปคครรรือรดือดะะเโเโอพขอพขกนากนาไสเไสชรเทชรยอืทรยอื มครงมคา้าปงา้าปลาลา ถขปึดังาโกไขปถคมนงัึดาก้ห้าโกไคักขมนสกา้หา้มลักขาพสยา่อมลาพย่อ กกาารรใใชช้ภภ้ กาาษษาราาแแใชสส้ภดดงงาขขษ้อ้อาเเแททส็จจ็ จจดรรงงิิงขอ้ เทจ็..............จ.............ร......งิ....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
โโพดดันดดทจจา้าายกกนเเพรพรรือันสอืนั ทิงทททหูลา้ลู า้อ์ผยอยุทดิตุทติศกิศกปประรหะมหา่ มสา่น้ิ ส้นิ สบโทตทษคิโสฆทรดิตา่ อ้ ษิคเงสริดยี้อเงทอญ
พหนัวกทบั ้าโยขนนรเรสอื งิ ตหอ้ ์ผงิด คเู่ สบน้ ทฆาศา่ าเลสียเทอญ การใชภ้ าษาแสดงขอ้ เทจ็..จ..ร.ิง...........................................................................................
หวั กับโขนเรอื ตอ้ ง คู่เส้นทาศาล ... .............................................................................
ภบู าลบาเหนจ็ ให้ โทษถนอม ใจนอ .............................................................................
พพพพพันรัรนันะะไไกมโมโรปปย่่ยารรอบอดดมทภมเเอปูลอูบปยทลยาลูย่ยี่ัดลยู่ย่ีอนดบอนมโว้ มาทโยทเษหษปนลปจ็ อลใมหอม้ ฟทมอ่าันนดมโฟรททมูปอนั ษ้วงิ้ดรแปยถมปูทรน้วนะแอยเพพทมอ่ ณนใีพจอ่นอ การใช้ภกาษาราใแชส้ภดงาขษ้อาเแทสจ็ จดรงิงขอ้ เทจ็ ..........จ.....ร........ิง....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
พันกราบภทูมลู ีปทลดัอดบว้กยลับตั้ง ขอบทรา่ รนทลง้ิ ยัปพร่อะเพณี
จโศจโขขาาานสนสลเัง่เ่งัสรรเเืบอืพอืพกกชกชฤับภฌบัฌตหมูฆหิคฆวัปีาัวุณพาตลพชตนัเฟอคอื่นัฟนั า้บัน-กนลาบั มตสัง้กลุ ........คเฟ..ซ.ตา.่น.ดิไเฟข.ทวซ.เ.อากใ้.่ี่น.นบด.ลศ.ทส.เา้ร.ากยี่.รล.ล.าศ.แม.้า.าล.ล.ล..ัยแ..พ.ล..อ่ .......ก..า.ร.ใ.ช..ภ้..กา.ษา..รา.แใ..ชส.้ภ.ด.งา.ข.ษ.อ้.า.เแ.ท.สจ็..จด.ร.ง.งิข..อ้ ..เ.ทชจ็........้ันจ.......ร....งิ.........................................................................................เ.........ล...............ข...............ท............่.ี...........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ศาลสบื กฤติคุณเคา้ คตไิ ว้ในสยาม .............................................................................
ช่อื - นามสกลุ ...............................................................................ช..ั้น. ..................เลขที่.................
-155-
-155-
-155-
““ขขอ้อ้ เเทท็จจ็ จจรรงิ งิ จจาากกโคโคลลงภงาภพาพพรพะรระา(ชรเฉาพ(ลชเงยฉศพ)ลาใงยบวศ)ดงาาใาบนวรดงตาานอรนตพอันนทพา้ ยนั นทรา้สยงิ หนถ์รวสางิ ยหชถ์ วี วิตา”ยชีวิต”
คาคชาแี้ชจ้แี จงง ใหใหน้ น้ ักักเเรรียนหาขข้อ้อเเทท็จ็จจจรริงทิงทป่ี ป่ีรารกาฏกใฏนใโนคลโคงภลางพภพาพระพรราชะพรางชศาพวงดศาารวตดอานรพตนั อทนา้ พยนันรทสา้งิ ยหน์ถวราสยงิ ชหีวถ์ ติ วายชีวิต
สรสรรเรพเพชชญญทท่แี ี่แปปดดเเจจา้้า ออยยุธุธยยา า สมเด็จพสมระเดสร็จรพเพระชญสรทร่ี เ๘พกชษญตั ทรี่ิย๘แ์ หกง่ ษอตัยุธรยยิ าแ์ ห่งอยุธยา
คเสลลดอ่คเอสลจ็งลงด่อเอปครจ็งงรเือดปคระเโรือดอพขะเโกอนพขากไสนาเชรไสทเชรยอื ทรยอื มครงมคาง้าปาา้ ปลลาา ถปขขปถึงดัาดึังโากไคโมกไนคกม้หนา้ ก้หักขา้ สักาขมลสาาพมลย่อาพย่อ
การใกชาภ้ ราใษชา้ภแาสษดงาขแ้อสเดทง็จขจร้อิงเท็จจรเทเเมสปงิ าดือน็ ใ็จหงคสทโ้ลขาเทเเาอคสปมนงงารชดือเ็นทใรบลจ็หงค่มีอื รุมสทโ้คีลหีาขาแาวอักรคนตางคงมรชเ่เทไมรบคลปม่ี่ือือดุรมทเีคหเีรราคแวืองกัรยี้ตาเเคบอวมเ่ ไมดก็ คโปไตขื่อดชทนกเเยรรปเคลรืองลยี้อือ่เเาบอวไงทปมดก็ โ่ปีขาไตขาถัดชนกกึงกยปเโนบัลรคล้าตอือ่กา้นไขงทปไมามีป่มขา้ ซาถดั ก่งึึงกโนับค้าตกน้ขไามม้ ซึง่
โดดพโดจันดาทจก้าาเยกพรนเือพันรรทือนัสททลูงิท้าหูลอา้ยอผ์ยทุตุทดิติศกิศกปปรระะหหมม่า่าสสน้ิิน้ บโสสโทตททตษิคฆษคิริด่า้อรดิ เงอ้ สงียเทอญ
พันหทัวา้กยบั นโขรนสเงิรหอื ต์ผอ้ดิ ง คบู่เสท้นฆทา่ าศเสาลยี เทอญ ดในว้ กยฎเหมตดณทุว้ เีพ่ยทเันยี หรทตบ้าทุยาลนพ่ี ไรันดส้รทงิ ะหา้ บยท์ ไุ นาวค้วรา่วสางิหมหาผก์ทิดพาตนัคาทวมา้าบมยทถผบอื ิดเัญรตือญาทตั มาิ บทบญั ญตั ิ
หวั กับโขนเรอื ต้อง คู่เส้นทาศาล การใชภ้ าษาแสดงข้อเทจ็ จรงิ โขนเรือใหนกั กฎมีโมทณษเใทหยีต้ ัดรบหวัาเลสไยี ดร้แะลบว้ นไุ วาหว้ า่วั ขหอางกพพนั ทนั า้ทย้านยรถือเรือทา
ภบู าลบาเหน็จให้ โทษถนอม ใจนอ
พพัรนพพพะไรัันนมโะปไก่ยมโรรปอ่ยาดภรมอบเดอูบมปทเยอปาลูลยล่ยูลท่ยี ยู่บอี่ยัดนอนมดาโมโทเ้วหทยษษนปปจ็ ลลใหออมม้ ฟทมโมฟอ่านัทอันนดรษดทมปูรถมูป้ว้งิ แนปย้วทแรอยนะทมเพนพใ่อพณจอ่นี อ การใชภ้ าษาแสดงขอ้ เท็จจรสิงิงห์กับโโขขนเรอื มหาักวามงีโคทกู่ ษนั ใเพหือ่ต้ ทัดาหศวัาเลสีย แลว้ นาหวั ของพันท้ายนร
สงิ หก์ บั โขนเรอื มาวางคกู่ นั เพื่อทาศาล
สมเดจ็ พระสรรเพชญท่ี ๘ ทรงโปรดเกล้าฯ
การใกชา้ภราใษชา้ภแาสษดงาขแ้อสเดทงจ็ ขจรอ้ ิงเท็จจรแเงิปทลน่ียนสแเกปทมาลรเนลดย่ี ง็จนโพทกษราระเปลสน็งรโกรทาเพรษฟชเปนัญร็นทปู กี่ปา๘น้ัรขฟทอันรงงรพโปู ันปปทรนั้ด้ายขเกนอลรงสา้พิงฯนัหท์ า้ ยนรสงิ ห์
พนั กราบทภลู มูทปี ัดลดอว้ บยกลับตง้ั ขทอา่บนรรทง้ิ ปลรัยะพเอ่พณี สมเด็จพระสรรเพชญที่ ๘ ได้นาโขนเรอื กบั ศีรษะ
ของพันท้ายนรสิงหว์ างไว้เซน่ คูก่ ันทศ่ี าล ท่ีสร้างศาลน้ีขึ้น
จาศจโสขาา่ังนสลเพเ่งัสรเบืชอืพภกฌกชูมฤบัฌฆตปีหฆาิคลวั ตาุณพอตฟนัเบฟคนั ันกา้ ลับตั้ง เฟคซฟขตาน่อาดไิ ทวบดเกใ้่ีเรนกลศรส้าลาย้าลาแลมลัยพอ่ การใช้ภาษาแสดงขอ้ เทจ็ จริง
เพอ่ื แสสดมงใเหดเ้ ็จปพน็ รคะตสิเตรอื รนเพใจชใญนคทณุ ่ี ๘งามไคดวน้ าามโดขี นเรอื กับศีรษะ
การใชภ้ าษาแสดงข้อเทจ็ จรขขิงอองงพพนันั ขเททพอา้า้ ื่องยยแพนนสันรรดสสทิิงงงา้ หหใยหท์์ น้เม่ี ปรีคน็สวงิคาหมต์วซิเตาื่องอืสไัตนวยใเ้ ซแ์จลใน่ นะคยคกู่ กณุ ันยงทอ่ างี่ศมคาควลาวมาทดมีส่ ี ดรี้างศาลนีข้ ้นึ
โขนเรอื กบั หัวพัน เซ่นท่ี ศาลแล ของพนั ทา้ ยนรสิงห์ทีม่ ีความซื่อสตั ย์และยกยอ่ งความดี
ศาลสบื กฤติคุณเค้า คติไวใ้ นสยาม
ของพันท้ายนรสงิ ห์
-156-
-156-
-156-
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผ่านวินจิ ฉัย แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เร่อื ง สบื คน้ ให้เช่ียวชาญ (๑) ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๒ แหล่งเรียนรู้
ห้องสมดุ
สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื
ข้อเทจ็ จริง คอื ขอ้ ความหรือเหตุการณท์ ่ีมี ๑. บทอ่าน
ความเป็นจรงิ เปน็ ไปได้ มีความสมจรงิ มหี ลักฐานเชอ่ื ถือได้ ขนั้ นา 2. ใบความรู้ “ข้อเท็จจริง”
มีความสมเหตุสมผล ตรวจสอบไดพ้ ิสจู น์ได้ มหี ลกั ฐาน นักเรยี นร่วมกันพจิ ารณาบทอ่านตอ่ ไปนี้ ว่าสว่ นใด 3. ใบงาน “สบื ค้นขอ้ เท็จจริงจากขา่ ว”
อ้างองิ การแยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเท็จจริงข้อคดิ เหน็ คือข้อเท็จจริง และสว่ นใดคือขอ้ คิดเหน็
ภาระงาน/ชิ้นงาน
มคี วามนา่ เชื่อถอื มากน้อยเพียงใด ผลการส้ารวจ พบวา่ เดือนนี้ผลไม้ลน้ ตลาด การทาใบงาน “สบื คน้ ข้อเท็จจรงิ จากขา่ ว”
จงึ คาดวา่ เกษตรกรน่าจะนา้ ผลไมท้ ี่มีอยู่ไปท้าผลไม้
จุดประสงค์การเรยี นรู้ แปรรปู กันมากขึน้ การวดั และประเมนิ ผล
ด้านความรู้ -
ระบลุ กั ษณะของข้อเทจ็ จริง
ด้านทักษะและกระบวนการ แนวคาตอบ
-157- วิเคราะหข์ ้อเทจ็ จริงจากข่าว ขอ้ เท็จจริง : ผลการสารวจ พบวา่ เดือนน้ผี ลไมล้ ้นตลาด
ข้อคิดเห็น : เกษตรกรน่าจะนาผลไมท้ ี่มอี ยู่ไปทาผลไม้
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ แปรรูปกนั มากขน้ึ
๑. ใฝเ่ รยี นรู้
๒. มงุ่ ม่นั ในการทางาน ขั้นสอน
๑. นักเรียนแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจ กลุ่มละ 4 - 5 คน
แตล่ ะกลุ่มศึกษาใบความรู้ “ข้อเทจ็ จริง”
สมรรถนะท่ตี ้องการใหเ้ กดิ กับผูเ้ รียน 2. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ทาใบงาน “สบื ค้นข้อเท็จจริงจากข่าว”
1. การส่อื สาร * ครูนาหนงั สอื พิมพ์มาใหน้ ักเรียน หรอื ให้นกั เรียนสืบค้น
2. การคิดขั้นสงู จากสื่อออนไลน์
-157-
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๒ ชื่อหน่วย สะท้อนสารผา่ นวินจิ ฉัย แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๒ เวลา ๑ ชั่วโมง
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เรื่อง สบื ค้นใหเ้ ชี่ยวชาญ (๑) ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย ๒
3. ผู้แทนกลุ่มออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียน เพื่อน ๆ ช่วยกัน
ตรวจสอบ โดยครใู หค้ าแนะนาเพมิ่ เตมิ
ขั้นสรุป
นกั เรียนร่วมกนั เขยี นแผนภาพความคดิ “ลกั ษณะ
ของขอ้ เทจ็ จรงิ ” บนกระดาน
-158-
-158-
บทอา่ น
ผลการส้ารวจ พบว่า เดือนนผ้ี ลไม้ลน้ ตลาด จึงคาดว่าเกษตรกร
น่าจะนา้ ผลไมท้ ม่ี ีอยู่ไปทา้ ผลไม้แปรรูปกันมากขน้ึ
-159-
-159-
ใบความรู้
“ขอ้ เทจ็ จรงิ ”
ข้อเท็จจริง
ข้อเท็จจริงเป็นความจริงเก่ียวแก่ส่ิงต่าง ๆ รอบตัวมนุษย์ เช่น ใบไม้สดมีสีเขียว ใบไม้แห้งมีสีน้าตาล
หรือเป็นความรับรู้เกี่ยวแก่สภาพตามธรรมชาติท่ีเกิดแก่ร่างกายของมนุษย์และปรากฏแก่บุคคลท่ัวไป เช่น
หลานชายคนเล็กอ้วนจ้าม่า หลังของคุณยายโก่ง ข้อเท็จจริงมักไม่ปรากฏแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอ่ืนอย่างน้อย
ก็ในชั่วระยะเวลาหน่ึง เช่น ต้นคูนไม่ค่อยมีใบ แต่ออกดอกสีเหลืองสดใสเป็นช่อห้อยลงมาเต็มต้น อย่างไรก็ตาม
ข้อเท็จจริงอาจไม่เป็นจริงไปตลอดกาล หากปัจจัยเปล่ียน ตัวแปรเปล่ียน ข้อเท็จจริงก็จะเปลี่ยนไปได้ ตัวอย่าง
ข้อเท็จจริงต้นคูนไม่ค่อยมีใบ แต่ออกดอกสีเหลืองเต็มต้น เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวแก่ต้นคูนเฉพาะในฤดูร้อน
เม่ือปัจจัยฤดูกาลเปลี่ยนไปเป็นฤดูฝน ข้อเท็จจริงเกี่ยวแก่ต้นคูนก็จะเปลี่ยนไปเป็นว่า เช่น ต้นคูนปราศจากดอก
มีใบเขียวชอมุ่ เต็มต้น
ข้อเท็จจริงสะท้อนถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ดารงอยู่ และเสื่อมสูญไปได้เอง โดยที่ไม่ต้องมีมนุษย์เข้าไป
เก่ียวข้อง เช่น กุหลาบท่ีเห็นเป็นดอกตูมเมื่อวาน วันน้ีดอกบานหมดแล้ว ดอกกุหลาบเปลี่ยนจากตูม
เป็นบานได้เอง มนุษย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย มนุษย์เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงในฐานะท่ีเป็นผู้สังเกตการณ์และเป็นผู้รับรู้
ความมีอยู่และความเปลี่ยนแปลงของส่ิงต่าง ๆ ตามที่เป็นจริง เช่น ดวงอาทิตย์ข้ึนทางทิศตะวันออก และตกทาง
ทศิ ตะวันตก
เมอ่ื มนษุ ยเ์ ปน็ ผูส้ ังเกตการณ์ ขอ้ เทจ็ จรงิ จงึ เป็นความจริงทม่ี นุษย์ทุกคนรับรู้ไดเ้ หมือนกัน ขอ้ เท็จจริงเร่ือง
ใดเร่ืองหนึ่งจึงมีเพียงประการเดียว เช่น เธอเห็นรุ้งกินน้ามี ๗ สี เขาก็เห็นรุ้งกินน้ามี ๗ สี ใคร ๆ ก็เห็นรุ้งกินน้า
มี ๗ สี ขอ้ เท็จจรงิ มีประการเดียว คือ มนุษย์ทส่ี ายตาปรกตจิ ะเหน็ ร้งุ กนิ น้าเป็น ๗ สี
มนุษย์รับรู้ข้อเท็จจริงผา่ นประสาทสัมผัสท้ัง ๕ คนท่ีมีประสาทสัมผสั บางส่วนผิดปรกติจะรับรขู้ ้อเท็จจริง
แตกต่างกับคนปรกติ เชน่ คนตาบอดสจี ะเห็นสีแตกต่างกับคนตาปรกติ คนทมี่ ปี ระสาทรบั รู้กลิ่นเป็นปรกติจะรับรู้
ว่าดอกกุหลาบและดอกมะลิมีกลิ่นและเป็นกล่ินท่ีมีผลให้มนุษย์ส่วนใหญ่ชอบ ส่วนดอกเฟ่ืองฟ้าไม่มีกล่ิน ดังน้ัน
ข้อความวา่ กหุ ลาบและมะลเิ ปน็ ดอกไมท้ ่มี ีกลนิ่ ดอกเฟ่ืองฟา้ ไมม่ ีกลนิ่ จงึ เป็นข้อเทจ็ จริง
-160-
-160-
ใบความรู้
“ขอ้ เท็จจริง” (ต่อ)
ขอ้ ความต่อไปนเี้ ปน็ ตัวอย่างแสดงภาษาทใ่ี ชถ้ ่ายทอดข้อเท็จจริง
- นมโคสดมีสขี าว
- ผลทุเรยี นมหี นามแหลมอยูเ่ ต็ม
- อุณหภมู ขิ องห้องน้อี ยทู่ ่ี ๒๙ องศาเซลเซียส
- แสงเดินทางไดเ้ รว็ กว่าเสียง
- แสงไฟแยงตาทาใหน้ อนไม่หลับ
- ล้างมอื บ่อย ๆ จะชว่ ยปอ้ งกันไมใ่ หเ้ ปน็ หวดั ได้
- ปจั จุบันประเทศไทยมปี ระชากรประมาณ ๖๓ ลา้ นคน
- โรคพษิ สุนขั บา้ ระบาดในชว่ งหนา้ รอ้ น
- โทรศัพท์ทาใหเ้ ราติดต่อสือ่ สารกนั ได้สะดวกรวดเรว็ ขนึ้
- ขับรถเร็วทาใหเ้ กดิ อุบัตเิ หตุไดง้ า่ ย
- สมศกั ด์ทิ ้องเสยี ทุกครงั้ ที่กนิ อาหารรสจดั
- ยงั ไมท่ ัน ๔ ทมุ่ เขากง็ ่วงนอน
- เขาปวดเขา่ มาไดส้ กั ๒-๓ ปีแล้ว
- ธนบัตรใบละ ๕๐๐ บาทแลกเป็นธนบตั รใบละ ๒๐ บาทได้ ๒๕ ใบ
- นาฬกิ าเป็นเคร่ืองบอกเวลา
จากหนงั สอื เรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน ภาษาไทย วิวิธภาษา
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 หนา้ 191 - 193
-161-
-161-
ใบงาน
“สืบค้นข้อเทจ็ จรงิ จากข่าว”
คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นเลอื กขา่ วท่ีสนใจ กลมุ่ ละ 1 ขาว จากนนั้ วิเคราะห์ข้อเทจ็ จรงิ ท่ีปรากฏในข่าวดังกล่าว
ข่าวทีเ่ ลือก
ข้อเท็จจรงิ ท่ีปรากฏ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................................................... .....
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................ ..................
-162-
-162-
-163- หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผา่ นวินจิ ฉัย แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๑๓ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง สืบค้นให้เช่ียวชาญ (๒) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี
๒ รายวิชา ภาษาไทย ๒
สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด แหล่งเรียนรู้
กจิ กรรมการเรยี นรู้ หอ้ งสมดุ
ขอ้ คิดเหน็ หรอื ความคดิ เห็นเป็นผลจากกกระบวน ขั้นนา สอ่ื
การทางานของสมองมนษุ ย์ความร้สู กึ หรือความคิดเห็น นักเรยี นร่วมกันพจิ ารณาบทอ่านต่อไปน้ี ว่ามลี ักษณะอยา่ งไร ๑. ขอ้ ความโฆษณา
เก่ยี วกับเร่ืองต่าง ๆ ทรี่ ับรู้ การแยกแยะข้อเท็จจริงและ ๒. ใบความรู้ “ขอ้ คดิ เหน็ ”
ข้อคิดเห็นคือการพิจารณาเรื่องทีอ่ า่ นแล้วแยกแยะว่าสิ่งใด สุดยอดครีมทาผวิ ทีข่ ายดีทส่ี ุด ต้องยกให้ Angel Lotion ๓. ใบงานเรือ่ ง “สบื ค้นข้อคิดเห็นจากโฆษณา”
คอื ข้อเท้จจรงิ ขอ้ คิดเหน็ มีความน่าเชอื่ ถือมากน้อยเพยี งใด ขาวเนียน ขาวจริงใน ๓ วัน ภาระงาน/ชนิ้ งาน
การทาใบงานเรอื่ ง “สบื ค้นข้อคิดเห็นจากโฆษณา”
จุดประสงค์การเรยี นรู้ แนวคาตอบ การวัดและประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ เปน็ โฆษณา ที่ระบุข้อคิดเห็น -
ระบุข้อคิดเห็นจากโฆษณา ขนั้ สอน
ดา้ นทักษะและกระบวนการ ๑. นกั เรียนแบง่ กล่มุ ตามความสมัครใจ กลุ่มละ 4 - 5 คน
วเิ คราะห์ข้อคดิ เห็นจากโฆษณา แต่ละกล่มุ ศกึ ษาใบความรู้ “ข้อคดิ เหน็ ”
ดา้ นคุณลกั ษณะ 2. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ทาใบงาน “สืบค้นข้อเท็จจรงิ จาก
๑. ใฝเ่ รียนรู้ โฆษณา”
๒. มงุ่ มัน่ ในการทางาน * ครูนาหนงั สอื พิมพ์มาใหน้ ักเรยี น หรอื ให้นกั เรียนสืบคน้
จากส่อื ออนไลน์
สมรรถนะทีต่ ้องการให้เกิดกับผู้เรยี น 3. ผูแ้ ทนกล่มุ ออกมานาเสนอหน้าชน้ั เรียน เพ่อื น ๆ ชว่ ยกัน
1. การสอ่ื สาร ตรวจสอบ โดยครูให้คาแนะนาเพิม่ เติม
2. การคดิ ขั้นสูง
-163-
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผา่ นวนิ จิ ฉัย แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี ๑๓ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เร่ือง สืบคน้ ใหเ้ ชี่ยวชาญ (๒) ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่
๒ รายวิชา ภาษาไทย ๒
ข้ันสรุป
นกั เรียนร่วมกนั เขียนแผนภาพความคดิ “ลักษณะ
ของขอ้ คดิ เห็น” บนกระดาน
-164-
-164-
ขอ้ ความโฆษณา
สดุ ยอดครีมทาผิว ท่ีขายดที ส่ี ดุ ต้องยกให้ Angel Lotion
ขาวเนยี น ขาวจริงใน ๓ วัน
-165-
-165-
ใบความรู้
“ขอ้ คดิ เห็น”
ข้อคิดเห็น
ขอ้ คิดเหน็ หรือความคิดเห็นเป็นผลจากกระบวนการทางานของสมองมนุษย์ว่ารู้สกึ หรือคดิ เห็นเก่ยี วแก่
เรอื่ งต่าง ๆ ท่ีรบั รู้อยา่ งไร เชน่ รสู้ กึ พอใจ ชอบ ชิงชงั เบอ่ื คล้อยตาม ไมเ่ หน็ ดว้ ย ฯลฯ
เนื่องจากมนุษย์แต่ละคนรู้สึกและมีความคิดเห็นต่อสิ่งท่ีรับรู้ไม่เหมือนกัน ข้อคิดเห็นของมนุษย์
ต่อส่ิงเดียวกันจึงอาจเหมือนกันหรือแตกต่างกันก็ได้ ความคิดเห็นอาจแตกต่างกันมากหรือแตกต่างกันน้อยก็ได้
เช่น ความรู้สึกและความคิดต่อดอกไม้ ๓ ชนิด คือ กุหลาบ มะลิ และเฟ่ืองฟ้า บางคนอาจชอบกุหลาบและมะลิ
เพราะมีกล่ินหอม ไม่ชอบเฟื่องฟ้าเพราะดอกของเฟื่องฟ้าไม่มีกลน่ิ บางคนอาจชอบกล่นิ ของกุหลาบมากกว่ามะลิ
ในขณะที่บางคนกลับชอบกล่ินของมะลิมากกว่า ส่วนคนที่แพ้กลิ่นและเกสรดอกไม้อาจชอบเฟ่ืองฟ้า และไม่ชอบ
กุหลาบไม่ชอบมะลิ มนุษย์แต่ละคนจึงแสดงความคิดเห็นต่อดอกไม้ท้ัง ๓ ชนิดเป็นข้อคิดเห็นต่าง ๆ กัน เช่น
ดอกกุหลาบมีกลิ่นหอมน่าหลงใหลกว่าดอกมะลิ กล่ินของมะลิหอมสดช่ืนกว่ากล่ินกุหลาบ เฟื่องฟ้าสวย แต่ไม่มี
เสน่ห์เพราะดอกไม่มีกล่ิน ถ้าเฟ่ืองฟ้ามีกล่ินหอมอย่างกุหลาบ ก็น่าจะดี มะลิมีดอกสวยกล่ินหอม แต่กล่ินฉุน
เกินไป เป็นต้น
ขอ้ ความต่อไปนเ้ี ป็นตัวอย่างแสดงภาษาทใี่ ช้ถา่ ยทอดขอ้ คดิ เห็นหรือความคิดเห็น
- ถา้ ทเุ รยี นไมม่ ีหนามก็คงจะดี
- พอเปลยี่ นสีผนงั ใหม่ ห้องนี้กด็ ูกว้างข้ึน
- แสงดงึ อารมณ์ผู้ชมละครเวทีได้ดีกวา่ เสียง
- ไฟแยงตาแบบน้ี คงนอนไม่หลับแน่ ๆ
- ผูช้ ายทม่ี อี ารมณ์ขันเป็นคนมีเสนห่ ์
- ปจั จบุ นั ประเทศไทยมปี ระชากรมากเกินไป
- อากาศของเมอื งไทย ถา้ รอ้ นนอ้ ยกว่านกี้ ็คงจะดี
- กว๋ ยเตย๋ี วผัดซอี วิ้ เจา้ นี้น่ากินมาก
- หนังสอื เล่มนใี้ ช้ศัพทย์ ากมาก
- โทรศัพท์มือถือเปน็ เคร่ืองมือสอื่ สารท่แี สดงความทันสมยั
- อุบัติเหตุครั้งน้ไี มน่ า่ เกิด ถ้าเขาไม่ขับรถเรว็ จนเกินไป
- ผมว่าที่สมศักดิ์ท้องเสีย คงเพราะอาหารรสจัดเมื่อกลางวัน
- เขาคงง่วง เห็นหาวมาหลายรอบแลว้
จากหนังสอื เรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน ภาษาไทยวิวธิ ภาษา
ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 หนา้ 193 - 194
-166-
-166-
ใบงาน
“สืบค้นขอ้ คดิ เหน็ จากโฆษณา
คาชี้แจง ให้นักเรียนคน้ หาข้อคิดเห็นจากบทโฆษณาท่ีกาหนดให้
๑. ข้อคิดเห็นทีป่ รากฏ
บทโฆษณา ........................................................................................
........................................................................................
“ชุดบารงุ หนา้ ขาวใส ไมเ่ พียงแตข่ าว แต่ยงั ช่วยให้ผวิ เต่งตงึ ........................................................................................
กระชบั ลดจุดดา่ งดา ใสเด้ง และยังปลอดภยั จากสารเคมี”
........................................................................................
.......................................................................................
. ขอ้ คดิ เห็นท่ปี รากฏ
๒. บทโฆษณา
“ครีมหนา้ ใสระดับเจา้ หญิง หนา้ ขาว หน้าเงา หนา้ ใส หนา้ เด็ก ........................................................................................
แต่งหนา้ ตดิ ทน นาน ไม่แตง่ กส็ วย” ........................................................................................
........................................................................................
........................................................................................
.......................................................................................
.
๓. “จาผกวิ ธขรารวมสชวายตขอินึ้ อในรแ์ทกันนทิคี สไมขุ ก่ภบัดาทผพโิวผฆวิปษดลณเี อมาด่ือภใชัย้อไมย่า่กงัดตผ่อิวเ”นื่อง...............................................................................................................ข.........อ้ ......ค.........ดิ ......เ...ห.........็น.........ท......ปี่.........ร......า......ก.........ฏ..................................................................................................................
........................................................................................................
.......................
.
๔. ช“กคว่ารยรเีมใกหฟิด้ผา้สิวขวิ เานสวียตู นครรลขีมบัาบวคาวรสางุดมผใขิวสาห”วบนจทา้ าบโกฆรไรษขเ่มณทุกาาอลาดกราว้ิ รรทอายงผดวิ า่ หงนดัง....า....ล........ดก............ร........ะ................................................................................................................ข...........อ้.........ค...........ิด.........เ....ห............น็............ท........่ีป............ร........า........ก............ฏ........................................................................................................................................................
.......................
.
-167-
-167-
(เฉลย) ใบงาน
“สบื คน้ ขอ้ คดิ เห็นจากโฆษณา
คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นค้นหาขอ้ คิดเหน็ จากบทโฆษณาท่ีกาหนดให้
๑. ข้อคิดเหน็ ท่ีปรากฏ
บทโฆษณา ไมเ่ พยี งแต่ขาว แตย่ ังช่วยให้ผิวเต่งตงึ กระชบั
ลดจดุ ด่างดา ใสเด้ง
“ชุดบารุงหน้าขาวใส ไม่เพียงแต่ขาว แต่ยังช่วยให้ผิวเต่งตึง
กระชับ ลดจดุ ดา่ งดา ใสเดง้ และยงั ปลอดภยั จากสารเคมี”
๒. บทโฆษณา ข้อคิดเห็นทปี่ รากฏ
“ครมี หน้าใสระดบั เจา้ หญิง หน้าขาว หนา้ เงา หน้าใส หน้าเด็ก หนา้ ขาว หน้าเงา หน้าใส หนา้ เดก็
แต่งหน้าติด ทน นาน ไมแ่ ตง่ ก็สวย” แตง่ หนา้ ตดิ ทน นาน ไมแ่ ตง่ ก็สวย
๓. ขอ้ คิดเห็นทปี่ รากฏ
บทโฆษณา ผิวขาวสวยขึ้นในทันทสี ุขภาพผวิ ดีเมือ่ ใช้อยา่ ง
ต่อเนอื่ ง
“ผิวขาวสวยขึ้นในทนั ที สุขภาพผิวดีเมอื่ ใช้อยา่ งต่อเนือ่ ง
จากธรรมชาติออร์แกนิคไม่กดั ผวิ ปลอดภยั ไม่กัดผวิ ”
๔. ข้อคดิ เหน็ ที่ปรากฏ
บทโฆษณา ครมี บารงุ ผวิ หน้าบรรเทาอาการทางผวิ หนงั
ลดการเกิดสิว สตู รลบั ความขาวจากไข่มุก
“ครีมฟ้าขาว ครมี บารงุ ผิวหน้าบรรเทาอาการทางผิวหนัง ลดร้ิวรอย ดา่ ง ดา กระ ชว่ ยใหผ้ ิวเนยี น ขาว สดใส
ลดการเกิดสวิ สูตรลับความขาวจากไข่มุก ลดรวิ้ รอย ดา่ ง ดา กระ
ชว่ ยให้ผิวเนียน ขาว สดใส”
-168-
-168-
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผ่านวนิ จิ ฉัย แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๔ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เรื่อง สืบค้นใหเ้ ชีย่ วชาญ (๓) ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒
สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด รายวชิ า ภาษาไทย ๒
ขอ้ เทจ็ จรงิ เป็นความจรงิ เกี่ยวกับสิง่ ตา่ ง ๆ กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
รอบตวั มนษุ ย์ หรือเป็นความรับรูเ้ กี่ยวแกส่ ภาพตาม ข้นั นา ห้องสมุด
ธรรมชาติท่ีเกดิ แกร่ ่างกายของมนุษย์และปรากฏแก่บคุ คล นกั เรียนรว่ มกันทบทวนลักษณะข้อเทจ็ จริงและขอ้ คดิ เห็น
ทว่ั ไป ส่วนขอ้ คดิ เหน็ หรือความคิดเห็นนนั้ เป็นผลจาก ขัน้ สอน สอ่ื
กระบวนการทางานของสมองมนษุ ย์ความรสู้ กึ ๑. นกั เรียนแบง่ กลุ่มตามความสมัครใจ กลมุ่ ละ 4 - 5 คน ใบงาน “วเิ คราะหบ์ ทอา่ น ยดึ หลัก 3Rs ชว่ ยโลกลดขยะ”
หรอื ความคิดเหน็ เกีย่ วกบั เรื่องต่าง ๆ ที่รบั รู้ การศกึ ษา
เรอ่ื งข้อเทจ็ จริงและข้อคดิ เห็นใหเ้ กิดประสิทธิภาพ แตล่ ะกลุ่มทาใบงาน “ยึดหลกั 3Rs ช่วยโลกลดขยะ” ภาระงาน/ช้ินงาน
นกั เรยี นต้องสามารถแยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเหน็ ได้ 2. ผู้แทนกลุ่มออกมานาเสนอหน้าชั้นเรียน เพื่อน ๆ ช่วยกัน การทาใบงาน “วิเคราะห์บทอ่าน ยดึ หลัก 3Rs ชว่ ยโลก
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ตรวจสอบ โดยครใู ห้คาแนะนาเพ่ิมเตมิ ลดขยะ”
ด้านความรู้
-169- อธบิ ายลักษณะของขอ้ เท็จจริงและข้อคดิ เหน็ ข้ันสรปุ
ด้านทกั ษะและกระบวนการ นักเรียนรว่ มกนั สรุปประโยชน์ของการแยกแยะข้อเทจ็ จรงิ การวดั และประเมนิ ผล
วเิ คราะห์ข้อเท็จจรงิ และข้อคิดเหน็ จากบทความ ในการนาไปปรับใชช้ วี ิตประจาวัน การประเมินการทางานกลุ่ม
ด้านคณุ ลกั ษณะ
๑. ใฝ่เรยี นรู้
๒. ม่งุ ม่นั ในการทางาน
-169-
หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๒ ช่ือหน่วย สะท้อนสารผ่านวินจิ ฉยั แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๑๔ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย เรื่อง สืบค้นใหเ้ ชี่ยวชาญ (๓) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒
สมรรถนะท่ตี ้องการให้เกิดกับผเู้ รยี น รายวิชา ภาษาไทย ๒
1. การสอ่ื สาร
2. การคดิ ขน้ั สูง
-170-
-170-
ใบงาน
“วเิ คราะห์ บทอ่าน ยดึ หลกั 3Rs ช่วยโลกลดขยะ”
คา้ ชี้แจง ให้นักเรียนวเิ คราะห์ขอ้ เทจ็ จรงิ และขอ้ คดิ เหน็ จากบทอา่ น เร่อื ง ยึดหลัก 3Rs ชว่ ยโลกลดขยะ
ยดึ หลัก 3Rs ช่วยโลกลดขยะ
การจัดการขยะมูลฝอยให้ได้ผลโดยเฉพาะขยะจากพลาสติกซึ่งใช้เวลาย่อยสลายนาน ต้องใช้หลายวิธีการไปพร้อม ๆ กัน
โดยตอ้ งเรมิ่ จากลดการใชล้ ง รูจ้ กั คัดแยกขยะ และนาขยะมาใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด โดยยึดหลัก 3Rs
R แรกคอื Reduce ใชน้ ้อยหรือลดการใช้ การลดปริมาณการใช้ลง ใช้เทา่ ท่ีจาเปน็ หลีกเล่ยี งการใชอ้ ย่างฟุ่มเฟือยเพื่อลด
ปริมาณขยะพลาสติกและโฟมท่ีกาจัดยาก วิธีการลดง่าย ๆ ด้วยการสร้างนิสัยการใช้ตะกร้าหรือถุงผ้าในการซ้ือของ ใช้แก้วส่วนตวั
แทนการใชแ้ กว้ คร้ังเดยี วทิ้ง รับประทานข้าวใหห้ มดจาน พกกลอ่ งใส่อาหาร หรือเลอื กซอื้ บรรจภุ ัณฑ์ท่ีเป็นมติ รกบั สิง่ แวดลอ้ ม
Reuse ใช้ซ้า การนาบรรจุภัณฑ์หรือวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้อีกโดยไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น การใช้ถ่านไฟฉาย
แบบชารต์ ใหม่ได้ การนาเสอื้ ผา้ เก่าไปบริจาคหรือทาไมถ้ ูพืน้ การซ่อมแซมอปุ กรณแ์ ละสิ่งของต่าง ๆ การใชส้ ินคา้ มือสอง กระดาษสองหน้า
Recycle การคัดแยกขยะท่ีสามารถนามารีไซเคิล เช่น กระดาษ แก้วพลาสติก โลหะ หรืออะลูมิเนียม เพ่ือนามาแปรรูป
เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิต หรือเพื่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การนาขวดพลาสติกใส (PET) มาแปรรูปเป็นเส้ือ นากระป๋อง
อะลมู ิเนยี มมาหลอมเปน็ ขาเทยี ม นากล่องนมยเู อสทีมาแปรรปู เปน็ หลังคา
กระบวนการทั้งหมดน้ีจะเกิดข้ึนได้ก็ต่อเม่ือมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้ได้เสียก่อน เม่ือสามารถปรับ
พฤติกรรมให้รักษ์โลกได้ จะนาไปสู่การจัดการขยะเหลือให้ศูนย์ (Zero Waste) มากขึ้น น่ันหมายถึงการรีไซเคิลจะเข้ามาอยู่ใน
ชีวิตประจาวัน อย่างไรก็ดี การตระหนักและความซื่อสัตย์ต่อตัวเองในการจับจ่าย ซื้อสินค้าให้สามารถลดขยะหรอื ลดพลาสติกใช้
ครง้ั เดยี วทงิ้ ได้จะต้องเขม้ งวดในการปฏิบัติตนจนกลายเป็นนสิ ยั
นอกจากแนวทาง 3Rs ที่กล่าวมาแล้ว ยังมี R ตัวอ่ืน ๆ ท่ีหลายคนอาจจะพอคุ้นหูกันอยู่บ้าง ซึ่งเป็นการขยายความ
จาก 3Rs ขา้ งต้น น่นั คือ Refill การเตมิ Repair การซอ่ มแซม และ Replace การแทนท่ซี ่งึ จะทาให้การใชช้ ีวิตประจาวันของเรา
มคี วามเข้มงวดในการรักษ์โลกมากย่งิ ขน้ึ หากสามารถทาไดโ้ ดยไมฝ่ ืนตวั เองหรือสรา้ งภาระต่อการดารงชีวิต ตัวเราก็จะเข้าไปเป็น
ส่วนหน่ึงในวงจรเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยอัตโนมัติ จนแทบจะเรียกได้ว่าใช้ชีวิตโดยมีขยะเหลือไปยัง
หลุมฝังกลบน้อยที่สุด ซ่ึงเป็นเป้าหมายสูงสุดในการจัดการขยะให้เหลือศูนย์ ตัวอย่างการ Refill คือ นาภาชนะไปเติมทดแทน
การซ้ือใหม่ แค่นาภาชนะประเภทขวดไปเติมก็จะช่วยลดขยะภายในครัวเรือน อาทิ การเติมน้ายาล้างจาน ยาสระผม สบู่เหลว
รวมถงึ ข้าวสาร ธัญพืช เครื่องปรงุ รส ฯลฯ
Repair การซ่อมแซม เพือ่ ลดการซ้อื ใหม่ แมก้ ารซื้อสนิ คา้ ใหม่จะสะดวกกว่าการซอ่ ม ทวา่ การซ่อมแซมของใช้เองอาจทาให้เรามี
ความสุขมากกวา่ การออกไปซ้ือของใหม่ เนื่องจากสามารถเขา้ เวบ็ ไซตห์ าวธิ ที าได้งา่ ย ๆ
Replace การแทนที่ หมายถึง การเลือกใช้บรรจภุ ัณฑ์แทนพลาสติกใช้คร้ังเดยี วท้ิง เช่น ใช้แปรงสีฟันดา้ มไม้ไผ่แทนแปรง
สีฟันด้ามพลาสติก ใช้ไหมขัดฟันจากไหมธรรมชาติ หรือแม้แต่การเลือกสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์ รักษ์โลก เช่น ใบบัวหรือใบตอง
หอ่ อาหาร จานกาบหมาก เป็นต้น แมจ้ ะยงั กอ่ ให้เกิดขยะอยบู่ า้ ง แตก่ ด็ กี วา่ การใชพ้ ลาสติกครง้ั เดยี วทิง้ เพราะยอ่ ยสลายได้
หากทุกคนปฏบิ ัติตวั เข้มงวดต่อหลัก 3Rs จะชว่ ยลดขยะพลาสติกบนโลกลงไดจ้ านวนมหาศาล และใครทาได้มากกว่านั้น
กจ็ ะยิ่งชว่ ยดูแลโลกมากยิง่ ขน้ึ
(ท่ีมา : https://www.deqp.go.th/new/ยดึ หลกั -3rs-ชว่ ยโลกลดขยะ)
-171-
-171-
ใบงาน
“วิเคราะห์ บทอา่ น ยึดหลัก 3Rs ช่วยโลกลดขยะ” (ต่อ)
ขอ้ เท็จจรงิ
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
ขอ้ คิดเห็น
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................... ......................................
-172-
-172-