The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ชุดกิจกรรมสำหรับ ครู ม. 2 ภาคเรียนที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ชุดกิจกรรมสำหรับ ครู ม. 2 ภาคเรียนที่ 1

ชุดกิจกรรมสำหรับ ครู ม. 2 ภาคเรียนที่ 1

(เฉลย) ใบงาน หมายเลข ๕
“การวเิ คราะหค์ ุณค่าทางวรรณคดี
โคลงสภุ าษิตพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ”

โคลงสภุ าษิตอศิ ปปกรณา

๏ อย่าควรประมาทผู้ ทุรพล
สบเคราะห์คราวขดั สน สุดรู้
เกลอื กเขาสบร้ายดล ใดเหตุ มีแฮ
มากพวกคงมผี ู้ ระลกึ เคา้ คณุ สนอง

คณุ คา่ ทางวรรณคดี
๑. คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ปท์ ี่พบ มีการใชส้ ัมผัสอกั ษร เชน่ เคราะห์ - คราว, สน - สุด, ดล - ใด, เคา้ - คณุ
เพ่อื เพมิ่ ความงามของบทประพันธ์ นอกจากนั้นยังใช้ค้าทเ่ี ข้าใจง่าย ชดั เจน
๒. คุณคา่ ดา้ นข้อคดิ เป็นการนา้ เสนอแนวคิดวา่ อยา่ ดูถูกผ้ทู ่ีตอ้ ยต่้ากว่าเรา

-323-
-323-

(เฉลย) ใบงาน หมายเลข ๖
“การวิเคราะหค์ ุณค่าทางวรรณคดี
โคลงสุภาษติ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ”

โคลงสุภาษติ อิศปปกรณา

๏ เช่อื เรว็ แรงเรย่ี วท้ัง เชาวน์ชาญ เชี่ยวแฮ
แม้นประมาทมละการ กล็ ้า
โฉดชา้ อตุ ส่าหห์ าญ หอ่ นหยุด ยงั้ เฮย
ดังเต่ากระต่ายทา้ แขง่ ช้าชนะเรว็

คณุ คา่ ทางวรรณคดี
๑. คุณค่าด้านวรรณศิลป์ที่พบ มีการใช้สัมผัสอักษร เช่น เร็ว - แรง - เรี่ยว, เชาวน์ - ชาญ - เชี่ยว,
โฉด - ช้า, หาญ - ห่อน, หยุด - ย้ัง, ช้า - ชนะ เพื่อเพิ่มความงามของบทประพันธ์ นอกจากนั้นยังใช้
ค้าทเ่ี ขา้ ใจงา่ ย ชัดเจน
๒. คณุ ค่าดา้ นขอ้ คดิ เป็นการน้าเสนอแนวคดิ ว่าอย่าประมาทคดิ วา่ ตนเกง่ แล้ว ดีแล้ว

--332244- -

แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม

คาช้ีแจง ให้ครปู ระเมินการทางานกลุ่มของนักเรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ 12 คะแนน)

รายการประเมิน ระดับคะแนน
๓๒๑
1. การกาหนดบทบาทหนา้ ท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ที่ ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นร่วม สมาชิกอยา่ งชัดเจน สมาชกิ ไมค่ รบถ้วน หนา้ ท่ี
มสี ว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ มีสว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ มีสว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความคดิ เหน็ งานกลุม่ งานกลุ่มบ้าง งานกล่มุ นอ้ ยมาก
หรือไมม่ สี ว่ นร่วม
4. ความรบั ผิดชอบ รับฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผูอ้ นื่
อย่างมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ นอ้ ยมากหรอื ไมร่ บั ฟัง
อย่างสม่าเสมอ เป็นบางครัง้ ความคดิ เห็นผอู้ นื่
รับผิดชอบงานทไี่ ดร้ บั รบั ผิดชอบงานทไ่ี ดร้ บั ไม่รับผดิ ชอบงานทไ่ี ดร้ บั
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไมท่ ัน มอบหมาย
ท่ีกาหนด ตามกาหนด

* การคดิ คะแนน ร้อยละ = (คะแนนที่ได้/คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
ดีมาก
เกณฑข์ องระดับคะแนน ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
ร้อยละ 70 - 79 ปรบั ปรงุ
รอ้ ยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-32-53-25-

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๓ โนม้ น้าวใจให้เชอ่ื ถือ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๑๓ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เรือ่ ง สุขสันต์กบั เรือ่ งสนั้ (๑) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒
รายวิชา ภาษาไทย
สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด กจิ กรรมการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้
เร่อื งสนั้ เปน็ งานเขยี นบันเทงิ คดที ี่มีจดุ มุ่งหมาย ข้ันนา หอ้ งสมดุ
นักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั “ลักษณะของงาน
เพือ่ ใหค้ วามบันเทิงแกผ่ ู้อ่าน โครงเรื่องไมซ่ ับซอ้ น เขยี นประเภทเร่ืองสั้น” สอ่ื
มีตัวละครสาคัญไมเ่ กนิ ๕ ตัว มแี นวคดิ สาคัญ แนวคาตอบ เป็นงานเขยี นประเภทหน่ึง มขี นาดสั้น ใบงาน “ลูกผ้ชู าย...ตัวเกอื บจรงิ ”
เพียงแนวคิดเดยี ว มีการดาเนินเรอ่ื งรวดเรว็ กระชับ กว่านวนยิ าย
การอ่านเรื่องส้ันควรคิดพิจารณาและวิเคราะห์
-326- เพอ่ื ประเมินคณุ ค่าของเรอ่ื งสั้นน้ัน ๆ เพ่ือทาให้ ขนั้ สอน ภาระงาน/ชิ้นงาน
เขา้ ใจเรือ่ ง และสารของเรื่องถูกต้องชดั เจนยิ่งข้ึน ๑. นักเรียนแบง่ กล่มุ ตามความสมัครใจ กลุ่มละ 3 - ๔ คน การทาใบงาน “ลกู ผ้ชู าย...ตัวเกือบจริง”
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ แต่ละกลุ่มชว่ ยกนั เขียนลักษณะของเร่ืองสน้ั ทนี่ ักเรียนเคยศกึ ษ การวัดและประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ 2. ผู้แทนกล่มุ ออกมานาเสนอ เมือ่ นาเสนอครบทุกกลมุ่ ครูให้ การประเมนิ การทางานกลุ่ม
อธิบายลักษณะของเร่ืองสัน้ คาแนะนาเพ่ิมเตมิ
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ 3. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ทาใบงาน “ลูกผู้ชาย...ตัวเกือบจรงิ ”
วิเคราะห์เรือ่ งสน้ั จากนน้ั อภิปรายประเดน็ ที่กาหนด
ด้านคุณลักษณะ 2. ผู้แทนกลุม่ ออกมานาเสนอ เพ่ือน ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบ
๑. ใฝ่เรยี นรู้ โดยครูให้คาแนะนาเพิ่มเตมิ
๒. มงุ่ มนั่ ในการทางาน

-326-

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๓ โน้มนา้ วใจใหเ้ ชือ่ ถือ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๓ เวลา ๑ ชว่ั โมง
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เรอ่ื ง สุขสันตก์ ับเรอื่ งสนั้ (๑) ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒
สมรรถนะทตี่ ้องการใหเ้ กดิ กับผเู้ รียน รายวิชา ภาษาไทย
การสื่อสาร ข้นั สรปุ
นักเรยี นร่วมกนั สรปุ เนือ้ หาของเร่ืองสั้น เป็นแผนภาพความคิด
บนกระดาน

-327-

-327-

ใบงาน
“ลูกผชู้ าย...ตวั เกอื บจริง”

คาช้แี จง ให้นักเรยี นอ่านเร่ืองส้นั “ลูกผูช้ าย...ตัวเกือบจริง” จากนั้นอภิปรายตามประเด็นทก่ี าหนดให้
เรามีกันสามคน ผม เจ้าหนุ่ม แล้วก็เจ้าดาว อย่าแปลกใจไปเลยครับ กลุ่มเราผู้ชายสอง ผู้หญิงหน่ึงครับ

แต่อย่าเผลอไปบอกเจ้าดาวเลยนะครับ มันโกรธตาย เพราะมันบอกว่า ฉันก็ลูกผู้ชายคนหน่ึง ส่วนเจ้าหนุ่มนั้น
ก็ห้าวเสียจนผมกลัวใจ เวลาอยู่โรงเรียนเราก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน เจอกันแต่เช้าทุกเช้า คาว่าเช้าของเราอาจ
ไม่ได้แปลว่าเชา้ นะครบั แปลว่าสายของคนอื่นเพราะกว่าผมจะโผล่มาถึงโรงเรยี นได้กเ็ ปน็ อนั สายแลว้ ทุกที กลุม่ เรา
ก็มักจะเป็นกลุ่มที่ครูจ้องเป็นพิเศษ ไม่ใช่จ้องให้รางวัลหรืออะไรหรอกนะครับ แต่เป็นกลุ่มพิเศษท่ีครูจ้องจะทาโทษ
ส่วนเราก็จ้องเป็นพิเศษเหมือนกันครับ จ้องไม่ให้ครูทาโทษเราได้ เช่นว่าครูเขาต้ังกฎไว้ว่า ถ้ามาสายเกิน 5 คร้ัง
จะหมดสิทธิ์สอบ เราก็จ้องเป็นพิเศษที่จะมาสายแค่ 4 คร้ัง พอถึงครั้งท่ีห้า เราก็จะพยายามทาให้ครูผิดหวัง
หรือครูต้ังกฎไว้ว่า ห้ามเตะบอลบนระเบียงโรงเรียน เราก็ไม่เคยแตะกันเลยแม้แต่คร้ังเดียว ที่เตะกันน้ันคือท่ีสนาม
แต่ก็เตะกันจนกระทั่งกระจกหน้าต่างแตกได้ ท้ังท่ีหน้าต่างอยู่บนระเบียง เห็นไหมครับว่าผมและเพื่อน ๆ ไม่ได้
ทาผิดระเบียบของโรงเรียนแต่อยา่ งใดเลย

เราสามคนไปไหนก็ไปด้วยกัน เวลาเดินไปกินข้าวผมก็จะเอามือไสหัวเจ้าดาวไปด้วย เพราะมันตัวเล็ก
กวา่ ใคร ๆ ท้งั หมด แกลง้ มันงา่ ยกว่าคนอ่ืน มันกห็ ันมาร้องวา่ ผมด้วยสานวนแย่ ๆ ของมนั

"หวั กู" มนั วา่ "อยา่ มายงุ่ "
เรือ่ งมันเปน็ ดังนี้ได้ทกุ วั จนกระทง่ั วันหนึ่ง อาจารย์เทวเี ดินมาเห็นผมกาลังไสหวั เจา้ ดาวเข้าพอดี และเจา้ หนุ่ม
กาลังยกเท้าข้ึนเตะก้นผม อาจารย์กวักมือ เรียกเราสามคนเข้าไปหา แล้วก็ทาโทษข้อหามกี ิริยามรรยาทไม่สุภาพ
แถมยังได้ยนิ เราพดู กันดว้ ย ก็เลยเพมิ่ อีกหนึ่งขอ้ หา คือ พดู จาหยาบคาย ไมม่ สี มบตั ิผ้ดู ี
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าสมบัติผู้ดีน่ะมันเป็นอย่างไร เพ่ิงจะได้ยินข้อหาจากอาจารย์เทวีเป็นครั้งแรก ก็ออกจะ
แปลกใจอยู่ยังกระซิบบอกเจ้าดาวมันว่า "ไม่รู้..." มันทาท่าจะต่อ "โว้ย" แต่พอดีนึกได้ว่ากาลังอยู่ระหว่างทาโทษ
มนั กเ็ ลยหุบปากแนน่
หลังจากกินข้าวกลางวันแบบไม่อร่อยท่ีสุดในโลกแล้ว เจ้าหนุ่มมันราคาญก็ผลักผมเซไป ผมก็เลยไปชน
เจา้ ดาว เท่าน้ันแหละกเ็ ป็นเรือ่ งทนั ที เพราะเจ้าดาวมันตัวเลก็ ผมไปชนมันเข้า มันกก็ ระเด็นไปชนถงึ ขยะ ต่อจาก
ถงั ขยะกไ็ ม่มใี ครให้ชนแลว้ มันก็เลยลม้ ตงึ เจ้าดาวเสยี หลักลม้ ตามถงั ขยะไปอีกทหี นง่ึ
ลองนึกภาพเอาเองก็แล้วกันว่า มันจะโกลาหลขนาดไหน แค่เดินเก็บขยะ คนเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ผมก็
อายใครต่อใครอยู่แล้ว นพี่ อถงั ขยะลม้ แถมด้วยเจา้ ดาวล้มตามแล้ว ผมยังเป็นจาเลยฐานทาเจา้ ดาวลม้ อีก ผมเลย
กลายเปน็ เปา้ เดน่ ไมแ่ ตน่ ้องก้อยเท่าน้ันที่เห็นผม คนทงั้ โรงเรียนเลยครับ ไมเ่ ว้นแมแ้ ตค่ รูและภารโรง

--332288--

ใบงาน
“ลกู ผูช้ าย...ตัวเกอื บจรงิ ” (ต่อ)

ผมรีบเข้าไปช่วยเจ้าดาว จัดการห้ิวปีกมันข้ึนมา มองไปก็เห็นสายตาของน้องก้อยยิ้มเยาะอยู่ ผมก็ย่ิง
ประสาท

"นายประภานนท์"
นั่นเป็นเสียงของอาจารย์พิเชษฐ์ อาจารย์ฝ่ายปกครองท่ีเขาลือกันว่าดุกว่าเสือ ผมอยากกระโดดหลบหลัง
เจา้ หนุ่มแต่กไ็ ม่สามารถทาได้ ผมทาไดอ้ ยา่ งเดยี วคือเดนิ เช่ือง ๆ ออกไปหาเจ้าของเสียงเหี้ยมน้ัน
"น่นั เพื่อนผู้หญิงนะ" อาจารย์ช้ไี ปท่เี จา้ ดาวท่ียนื ทาหน้าพิลกึ พิล่นั
"เธอไปแกล้งเขาอยา่ งน้ันไดอ้ ยา่ งไร"
"ผมไมไ่ ด้แกลง้ นะครับ" ผมรบี ปฏเิ สธ
"ไม่ต้องปฏิเสธเลย ลูกผู้ชายทาผิดแล้วต้องรับผิด แค่แกล้งผู้ชายด้วยกนั ก็ผิดแล้ว นี่ยังแกล้งเพ่ือนผหู้ ญิง
อีกอาจารย์เทวีบอกว่าเธอแกล้งดุจดาว ถึงได้ถูกทาโทษแล้วน่ีระหว่างการทาโทษ ยังแกล้งเขาต่ออีก" ผมโดน
ข้อหาฉกรรจล์ ว้ นๆ
"กไ็ ด้ครับ ลูกผ้ชู ายตอ้ งรับผิด" ผมนึกอยู่ในใจ แอน่ อกขึ้นรับผิด
"ผมผิดครับ" ผมตะโกนออกไปเต็มเสยี ง
นอกจากเก็บขยะคนเดียวในวันนั้นแล้ว ในตอนเย็นผมยังต้องช่วยงานอาจารย์พิเชษฐ์ในเรือนต้นไม้อีก
เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ
เช่ือไหมครับ อาจารย์พิเชษฐ์ที่ว่าดุเป็นเสือ แกชอบต้นไม้เสียจริง ๆ ให้ผมยกต้นไม้เข้า ยกต้นไม้ออก
ยกดิน ยกปุ๋ย ยกบา้ ยกบอ ยกอะไรนักไม่รู้ ลากสายยาง เปิดนา้ หยดฮอร์โมน หยดเกสร โอ๊ย! สารพัดแหละครับ
จนค่าย่าเย็น พอกลับไปถึงบ้าน แม่ก็ยืนหน้าคว่ารออยู่ ผมไม่กล้าบอกว่าผมถูกทาโทษ เอาแต่บอกว่า
ผมมีการบ้านต้องทาท่ีโรงเรียนทุกวัน จนพ่ีไก่ไปกระซิบบอกแม่ว่าอะไรไม่รู้ แม่ถึงได้เลิกว่าผม ผมมารู้อีกทีหน่ึง
ว่าเจา้ ดาวแหละไปรายงานพีไ่ ก่ พ่ไี กก่ เ็ ลยไปรายงานแม่ทุกอยา่ งกเ็ ลยสงบดี เปน็ อนั วา่ เขารูก้ นั หมดแลว้ วา่ ผมถูกทาโทษ
นบั ตง้ั แต่ผมถูกทาโทษ ผมมนึ ตึงกับเจ้าดาว เพราะมันเปน็ ตน้ เหตุ ให้ผมอายผู้หญิงท่ีผมแอบชอบ มันเคย
ตามผมมาท่ีเรือนต้นไม้ แตผ่ มไล่มนั กลับไป
"แกไมต่ อ้ งไม่ยงุ่ " มนั ทาหน้าม่ยุ
"แกไม่เป็นลกู ผู้ชาย ไล่ผู้หญิง"
"แล้วแกล่ะเป็นลูกผู้หญงิ หรือเปล่า ไอบ้ ้าเอย๊ "
มันโมโหท่ีผมไปตีถูกขนดหางมัน มันก็เลยกระแทกเท้าป้าป ๆ จากไป อาจารย์พิเชษฐ์มาจากไหนไม่รู้
มายนื อยูข่ ้างหลังผม พดู กับผมขึ้นเบา ๆ วา่
"ประภานนท์ ครูรู้นะว่าเราไม่ได้อยากว่าผู้หญิงถึงขนาดน้ัน แต่ตอนเราอายุเท่านี้ เรามักทาอะไรไม่ถูก
เพื่อนผู้หญิงบางคนก็ดูเป็นผู้หญิง บางคนก็ดูเป็นเหมือนเพ่ือนผู้ชาย เราแยกออกจากกันไม่ได้ บางเวลาเราก็
อยากจะจบี ผ้หู ญิง บางเวลาเราก็อยากปฏิบตั ิตอ่ ผู้หญงิ เหมือนผชู้ าย"
ผมมองหน้าอาจารย์พิเชษฐ์ด้วยความแปลกใจ อาจารยท์ ี่วา่ ดเุ ปน็ เสอื เอาเขา้ จริงแล้วกไ็ มเ่ ลวนกั หรอก

--332299- -

ใบงาน
“ลูกผชู้ าย...ตวั เกอื บจรงิ ” (ต่อ)

"จริงครบั บางทผี มกไ็ มร่ เู้ หมือนกันว่าจะทาอย่างไรดี เปน็ ผูช้ ายน่ลี าบากนะครบั " อาจารย์พเิ ชษฐห์ ัวเราะ
"ผู้หญิงเขาก็เป็นเหมือนเรานั่นแหละ ต่างคนต่างลาบาก ค่อย ๆ ดูไป เด๋ียวมันก็จะดีไปเอง ไม่ต้อง
รบี ร้อนเป็นลูกผู้ชายหรอก แล้วกไ็ มต่ อ้ งหนีท่ีจะเปน็ " ว่าแล้วอาจารย์พิเชษฐ์ก็หัวเราฮา่ ๆ ๆ
คาสอนและเสยี งหวั เราะของอาจารย์ทาให้ผมดขี ึ้นมากเลยครบั เวลาจะเป็นลูกผชู้ ายก็ต้องคิดแล้วคิดอีก
แล้วก็ค่อย ๆ เปน็ แบบอาจารย์ว่า

จากหนังสือเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน ภาษาไทย วิวิธภาษา
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 หน้า ๔๕ - ๕๑

ประเด็นการอภิปราย
๑. จากเรื่อง "ลูกผ้ชู ายตัวเกอื บจรงิ " นักเรียนคดิ วา่ คนที่เป็นลูกผ้ชู ายต้องเป็นอยา่ งไร
คาตอบ ............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
๒. ความเหมาะสมภาษาท่ตี ัวละครใชใ้ นเร่ือง เช่น เพือ่ นพดู กับเพ่ือน นกั เรียนกล่าวถงึ ครู เป็นอย่างไร
คาตอบ ............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
๓. หากนักเรียนเป็นประธานนักเรยี น จะมีวิธชี กั ชวนให้นักเรียนปฏบิ ัติตามกฎของโรงเรียนอย่างไร
คาตอบ ............................................................................................................................................................
................................................................................................................................. ........................................
.........................................................................................................................................................................
๔. จากเรือ่ ง “ลูกผชู้ ายตวั เกือบจรงิ ” ตวั ละครมีการพูดจาไม่สภุ าพ นกั เรยี นจะมีวธิ ีการโน้มน้าวใจให้นักเรยี น

พดู จาไพเราะไดอ้ ยา่ งไร
คาตอบ ............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
................................................. ................................................................................................... .....................

--333300- -

(เฉลย) ใบงาน
“ลกู ผูช้ าย...ตัวเกอื บจริง”

คาชแี้ จง ให้นักเรยี นอา่ นเรื่องส้นั “ลูกผูช้ าย...ตวั เกือบจริง” จากน้นั อภิปรายตามประเด็นทกี่ าหนดให้
๑. จากเรอ่ื ง "ลกู ผ้ชู ายตัวเกอื บจรงิ " นักเรียนคดิ ว่าคนทีเ่ ป็นลูกผูช้ ายต้องเปน็ อย่างไร

รกั ษาสัจจะ รักษาคาพดู สุภาพ มนี ้าใจ เด็ดเด่ียว เดด็ ขาด มีความกล้าหาญ มคี วามเปน็ ผ้นู า ใหเ้ กียรตผิ ู้อื่น
หนักแน่น ไม่เช่ือส่ิงใดแบบ ไร้เหตุผล ไม่นินทา ไม่ใส่ร้ายป้ายสี ไม่โกหก ไม่กระทาคนลับหลัง รู้แพ้รู้ชนะ
ยอมรบั สภาพความจรงิ อ่อนโยน มคี วามยตุ ธิ รรม ความซอ่ื สัตย์ เขม้ แข็ง และมีความรับผิดชอบ
๒. ความเหมาะสมภาษาที่ตัวละครใช้ในเร่ือง เช่นเพ่ือนพูดกับเพื่อน นักเรียนกล่าวถึงครู เป็นอย่างไร

ตัวละครในเรื่องเม่ือพูดกับเพื่อนใช้ภาษาพูดที่มีคาหยาบ ไม่สุภาพ เป็นกิริยาที่ทาให้ครูบอกว่ามีกิริยาไม่
สภุ าพ , ตวั ละครเมือ่ กลา่ วถงึ ครู พูดกบั ครูใช้ภาษาสุภาพ เหมาะสมกับกาลเทศะ
๓. หากนักเรียนเป็นประธานนักเรียน จะมีวิธีชักชวนให้นักเรียนปฏิบัติตามกฎของโรงเรียนอย่างไร

พูดโน้มน้าวให้เห็นข้อดี หรือความสาคัญ ของการปฏิบัติตามกฎ ของโรงเรียน ระเบียบวินัย
ทีท่ าใหก้ ารอยรู่ ่วมกนั ของคนหมู่มากอย่รู ว่ มกันได้อยา่ งมีความสขุ
๔. จากเรื่อง “ลูกผู้ชายตัวเกือบจริง” ตัวละครมีการพูดจาไม่สุภาพ นักเรียนจะมีวิธีการโน้มน้าวใจ
ใหน้ กั เรียนพูดจาไพเราะได้อย่างไร

พูดโน้มน้าวให้เห็นข้อดี หรือความสาคัญของการพูดจาไพเราะ สุภาพ ทาให้เป็นคนมีมารยาท
ทีด่ ใี นการพดู

--333311- -

แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม

คาช้ีแจง ใหค้ รปู ระเมนิ การทางานกล่มุ ของนักเรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)

รายการประเมนิ ระดับคะแนน
๓๒๑
1. การกาหนดบทบาทหนา้ ที่ กาหนดบทบาทหนา้ ที่ กาหนดบทบาทหน้าที่ ไมม่ กี ารกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนร่วม สมาชกิ อยา่ งชัดเจน สมาชกิ ไมค่ รบถ้วน หน้าที่
มีสว่ นรว่ มในการปฏิบตั ิ มีสว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ มสี ว่ นรว่ มในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกลุม่ งานกลุ่มบ้าง งานกลมุ่ นอ้ ยมาก
หรอื ไมม่ ีส่วนรว่ ม
4. ความรบั ผิดชอบ รับฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ รบั ฟังความคิดเหน็ ของผู้อื่น
อย่างมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ น้อยมากหรือไมร่ บั ฟงั
อยา่ งสม่าเสมอ เป็นบางครัง้ ความคิดเหน็ ผู้อนื่
รับผิดชอบงานทไี่ ดร้ บั รบั ผิดชอบงานทไ่ี ด้รบั ไม่รับผิดชอบงานทไ่ี ดร้ ับ
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทนั มอบหมาย
ทกี่ าหนด ตามกาหนด

* การคดิ คะแนน ร้อยละ = (คะแนนทีไ่ ด้/คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมิน การแปลผล
ดีมาก
เกณฑ์ของระดับคะแนน ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
ร้อยละ 70 - 79 ปรับปรุง
รอ้ ยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-33-23-32-

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑๔

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๑ โน้มนา้ วใจใหเ้ ชอื่ ถือ เรือ่ ง สุขสันต์กบั เรือ่ งส้นั (๒) เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย รายวชิ า ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒

สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด กจิ กรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
เร่ืองส้ันเป็นงานเขียนบนั เทิงคดที ี่มจี ดุ มุ่งหมาย ขน้ั นา หอ้ งสมดุ
เพือ่ ใหค้ วามบนั เทิงแกผ่ ู้อา่ น โครงเรื่องไมซ่ ับซอ้ น นกั เรียนรว่ มกนั สรุปเนอื้ หาเรอื่ งส้นั “ลกู ผ้ชู าย...ตัวเกือบจริง”
มตี วั ละครสาคญั ไมเ่ กิน ๕ ตวั มแี นวคิดสาคญั ท่ีได้เรยี นชวั่ โมงทแี่ ลว้ สอ่ื
เพยี งแนวคดิ เดียว มีการดาเนินเร่อื งรวดเร็ว ใบงาน “ลูกผชู้ าย...ตวั เกอื บจรงิ ”
กระชบั ข้ันสอน
การอา่ นเร่ืองสนั้ ควรคิดพจิ ารณาและวเิ คราะห์ ๑. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ ตามความสมคั รใจกลุ่มละ 3 - 4 คน ภาระงาน/ชิน้ งาน
เพื่อประเมนิ คุณคา่ ของเร่อื งส้นั นั้น ๆ เพ่ือทาให้ แตล่ ะกลมุ่ ทาใบงาน “ลูกผชู้ าย...ตวั เกือบจรงิ ” การทาใบงาน “ลูกผ้ชู าย...ตัวเกือบจริง”
-333- เขา้ ใจเรือ่ ง และสารของเร่ืองถูกต้องชดั เจนยิ่งขนึ้ 2. ผูแ้ ทนกล่มุ ออกมานาเสนอ เพ่อื น ๆ ชว่ ยกันตรวจสอบ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ โดยครูใหค้ าแนะนาเพม่ิ เติม การวดั และประเมินผล
การประเมินการทางานกลุ่ม
ด้านความรู้ ข้นั สรุป
อธิบายลักษณะของเร่ืองส้นั นักเรียนร่วมกนั สรุปลกั ษณะของเรอ่ื งสนั้ เปน็ แผนภาพความคิด
ด้านทกั ษะและกระบวนการ
วิเคราะห์เร่อื งสนั้ บนกระดาน

ดา้ นคณุ ลกั ษณะ
๑. ใฝเ่ รียนรู้
๒. มุง่ มนั่ ในการทางาน
สมรรถนะท่ีต้องการให้เกดิ กับผเู้ รียน
การสอ่ื สาร

-333-

ใบงาน
“ลูกผชู้ าย...ตัวเกือบจรงิ ”

คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนอา่ นเร่อื งสัน้ “ลูกผชู้ าย...ตัวเกอื บจรงิ ” จากน้นั อภปิ รายตามประเด็นทก่ี าหนดให้
เรามีกันสามคน ผม เจ้าหนุ่ม แล้วก็เจ้าดาว อย่าแปลกใจไปเลยครับ กลุ่มเราผู้ชายสอง ผู้หญิงหนึ่งครับ

แต่อย่าเผลอไปบอกเจ้าดาวเลยนะครับ มันโกรธตาย เพราะมันบอกว่า ฉันก็ลูกผู้ชายคนหน่ึง ส่วนเจ้าหนุ่มนั้น
ก็ห้าวเสียจนผมกลัวใจ เวลาอยู่โรงเรียนเราก็ไปไหนมาไหนด้วยกัน เจอกันแต่เช้าทุกเช้า คาว่าเช้าของเราอาจ
ไมไ่ ดแ้ ปลว่าเช้านะครบั แปลว่าสายของคนอนื่ เพราะกวา่ ผมจะโผล่มาถงึ โรงเรียนได้ก็เป็นอันสายแล้วทกุ ที กลมุ่ เรา
ก็มักจะเป็นกลุ่มท่ีครูจ้องเป็นพิเศษ ไม่ใช่จ้องให้รางวัลหรืออะไรหรอกนะครับ แต่เป็นกลุ่มพิเศษท่ีครูจ้องจะทาโทษ
ส่วนเราก็จ้องเป็นพิเศษเหมือนกันครับ จ้องไม่ให้ครูทาโทษเราได้ เช่นว่าครูเขาตั้งกฎไว้ว่า ถ้ามาสายเกิน 5 คร้ัง
จะหมดสิทธิ์สอบ เราก็จ้องเป็นพิเศษที่จะมาสายแค่ 4 ครั้ง พอถึงคร้ังท่ีห้า เราก็จะพยายามทาให้ครูผิดหวัง
หรือครูต้ังกฎไว้ว่า ห้ามเตะบอลบนระเบียงโรงเรียน เราก็ไม่เคยแตะกันเลยแม้แต่คร้ังเดียว ที่เตะกันน้ันคือท่ีสนาม
แต่ก็เตะกันจนกระทั่งกระจกหน้าต่างแตกได้ ทั้งที่หน้าต่างอยู่บนระเบียง เห็นไหมครับว่าผมและเพื่อน ๆ ไม่ได้ทา
ผดิ ระเบียบของโรงเรยี นแต่อยา่ งใดเลย

เราสามคนไปไหนก็ไปด้วยกัน เวลาเดินไปกินข้าวผมก็จะเอามือไสหัวเจ้าดาวไปด้วย เพราะมันตัวเล็ก
กว่าใคร ๆ ทงั้ หมด แกล้งมนั งา่ ยกวา่ คนอื่น มนั กห็ นั มาร้องว่าผมดว้ ยสานวนแย่ ๆ ของมนั

"หัวกู" มันว่า "อยา่ มายงุ่ "
เรื่องมันเป็นดังนไี้ ด้ทกุ วั จนกระทั่งวนั หน่งึ อาจารย์เทวเี ดินมาเห็นผมกาลงั ไสหัวเจ้าดาวเข้าพอดี และเจ้าหนุ่ม
กาลังยกเท้าข้ึนเตะก้นผม อาจารย์กวักมือ เรียกเราสามคนเข้าไปหา แล้วก็ทาโทษข้อหามีกิริยามรรยาทไม่สุภาพ
แถมยังได้ยินเราพดู กนั ดว้ ย กเ็ ลยเพิ่มอกี หนง่ึ ขอ้ หา คือ พดู จาหยาบคาย ไม่มสี มบัติผดู้ ี
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าสมบัติผู้ดีน่ะมันเป็นอย่างไร เพ่ิงจะได้ยินข้อหาจากอาจารย์เทวีเป็นคร้ังแรก ก็ออกจะ
แปลกใจอยู่ยังกระซิบบอกเจ้าดาวมันว่า "ไม่รู้..." มันทาท่าจะต่อ "โว้ย" แต่พอดีนึกได้ว่ากาลังอยู่ระหว่างทาโทษ
มนั กเ็ ลยหบุ ปากแนน่
หลังจากกินข้าวกลางวันแบบไม่อร่อยท่ีสุดในโลกแล้ว เจ้าหนุ่มมันราคาญก็ผลักผมเซไป ผมก็เลยไปชน
เจ้าดาว เท่านน้ั แหละก็เป็นเรอื่ งทันที เพราะเจ้าดาวมนั ตัวเลก็ ผมไปชนมันเข้า มันก็กระเดน็ ไปชนถงึ ขยะ ต่อจาก
ถงั ขยะก็ไม่มีใครใหช้ นแลว้ มันกเ็ ลยลม้ ตึง เจ้าดาวเสยี หลักล้มตามถังขยะไปอีกทหี น่ึง
ลองนึกภาพเอาเองก็แล้วกันว่า มันจะโกลาหลขนาดไหน แค่เดินเก็บขยะ คนเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ผมก็
อายใครต่อใครอยู่แลว้ นพ่ี อถังขยะล้ม แถมดว้ ยเจา้ ดาวล้มตามแล้ว ผมยังเป็นจาเลยฐานทาเจ้าดาวล้มอีก ผมเลย
กลายเปน็ เป้าเดน่ ไมแ่ ต่นอ้ งกอ้ ยเท่านัน้ ที่เห็นผม คนทง้ั โรงเรยี นเลยครับ ไมเ่ วน้ แม้แตค่ รแู ละภารโรง

--333344- -

ใบงาน
“ลูกผู้ชาย...ตวั เกือบจรงิ ” (ตอ่ )

ผมรีบเข้าไปช่วยเจ้าดาว จัดการห้ิวปีกมันขึ้นมา มองไปก็เห็นสายตาของน้องก้อยย้ิมเยาะอยู่ ผมก็ย่ิง
ประสาท

"นายประภานนท์"
นั่นเป็นเสียงของอาจารย์พิเชษฐ์ อาจารย์ฝ่ายปกครองท่ีเขาลือกันว่าดุกว่าเสือ ผมอยากกระโดดหลบหลัง
เจา้ หน่มุ แตก่ ็ไม่สามารถทาได้ ผมทาไดอ้ ยา่ งเดยี วคือเดนิ เชอ่ื ง ๆ ออกไปหาเจา้ ของเสยี งเห้ียมนั้น
"น่นั เพื่อนผู้หญงิ นะ" อาจารย์ช้ีไปทีเ่ จา้ ดาวทยี่ นื ทาหนา้ พิลกึ พิล่ัน
"เธอไปแกล้งเขาอยา่ งนน้ั ไดอ้ ย่างไร"
"ผมไมไ่ ด้แกลง้ นะครับ" ผมรบี ปฏิเสธ
"ไม่ต้องปฏิเสธเลย ลูกผู้ชายทาผิดแล้วต้องรับผิด แค่แกล้งผู้ชายด้วยกันก็ผิดแล้ว น่ียังแกล้งเพ่ือนผหู้ ญิง
อีกอาจารย์เทวีบอกว่าเธอแกล้งดุจดาว ถึงได้ถูกทาโทษแล้วนี่ระหว่างการทาโทษ ยังแกล้ งเขาต่ออีก" ผมโดน
ขอ้ หาฉกรรจ์ลว้ นๆ
"กไ็ ด้ครับ ลูกผูช้ ายตอ้ งรบั ผิด" ผมนึกอยใู่ นใจ แอน่ อกขน้ึ รบั ผดิ
"ผมผิดครับ" ผมตะโกนออกไปเต็มเสยี ง
นอกจากเก็บขยะคนเดียวในวันน้ันแล้ว ในตอนเย็นผมยังต้องช่วยงานอาจารย์พิเชษฐ์ในเรือนต้นไม้อีก
เป็นเวลาหน่ึงเดือนเต็มๆ
เชื่อไหมครับ อาจารย์พิเชษฐ์ท่ีว่าดุเป็นเสือ แกชอบต้นไม้เสียจริง ๆ ให้ผมยกต้นไม้เข้า ยกต้นไม้ออก
ยกดิน ยกปุ๋ย ยกบา้ ยกบอ ยกอะไรนักไมร่ ู้ ลากสายยาง เปิดนา้ หยดฮอร์โมน หยดเกสร โอย๊ ! สารพัดแหละครับ
จนค่าย่าเย็น พอกลับไปถึงบ้าน แม่ก็ยืนหน้าคว่ารออยู่ ผมไม่กล้าบอกว่าผมถูกทาโทษ เอาแต่บอกว่า
ผมมีการบ้านต้องทาที่โรงเรียนทุกวัน จนพี่ไก่ไปกระซิบบอกแม่ว่าอะไรไม่รู้ แม่ถึงได้เลิกว่าผม ผมมารู้อีกทีหน่ึง
วา่ เจา้ ดาวแหละไปรายงานพีไ่ ก่ พ่ไี กก่ เ็ ลยไปรายงานแมท่ กุ อย่างกเ็ ลยสงบดี เปน็ อันว่าเขารู้กนั หมดแลว้ วา่ ผมถูกทาโทษ
นับต้ังแต่ผมถูกทาโทษ ผมมนึ ตึงกบั เจ้าดาว เพราะมันเปน็ ตน้ เหตุ ให้ผมอายผ้หู ญิงท่ีผมแอบชอบ มันเคย
ตามผมมาทีเ่ รือนต้นไม้ แตผ่ มไล่มนั กลับไป
"แกไม่ตอ้ งไม่ยุ่ง" มนั ทาหนา้ ม่ยุ
"แกไมเ่ ป็นลกู ผู้ชาย ไลผ่ ู้หญิง"
"แล้วแกล่ะเป็นลูกผูห้ ญงิ หรือเปล่า ไอ้บา้ เอย๊ "
มันโมโหท่ีผมไปตีถูกขนดหางมัน มันก็เลยกระแทกเท้าป้าป ๆ จากไป อาจารย์พิเชษฐ์มาจากไหนไม่รู้
มายนื อยขู่ า้ งหลังผม พดู กับผมข้ึนเบา ๆ ว่า
"ประภานนท์ ครูรู้นะว่าเราไม่ได้อยากว่าผู้หญิงถึงขนาดน้ัน แต่ตอนเราอายุเท่านี้ เรามักทาอะไรไม่ถูก
เพ่ือนผู้หญิงบางคนก็ดูเป็นผู้หญิง บางคนก็ดูเป็นเหมือนเพื่อนผู้ชาย เราแยกออกจากกันไม่ได้ บางเวลาเราก็
อยากจะจีบผู้หญิง บางเวลาเรากอ็ ยากปฏิบตั ิตอ่ ผู้หญงิ เหมอื นผ้ชู าย"
ผมมองหน้าอาจารย์พเิ ชษฐ์ด้วยความแปลกใจ อาจารยท์ วี่ ่าดุเป็นเสือ เอาเข้าจรงิ แล้วกไ็ มเ่ ลวนักหรอก

-3-3353-5-

ใบงาน
“ลกู ผชู้ าย...ตัวเกอื บจรงิ ” (ตอ่ )

"จรงิ ครบั บางทผี มกไ็ มร่ เู้ หมือนกนั ว่าจะทาอย่างไรดี เป็นผชู้ ายนล่ี าบากนะครับ" อาจารยพ์ เิ ชษฐ์หัวเราะ
"ผู้หญิงเขาก็เป็นเหมือนเรานั่นแหละ ต่างคนต่างลาบาก ค่อย ๆ ดูไป เด๋ียวมันก็จะดีไปเอง ไม่ต้อง
รบี รอ้ นเป็นลกู ผชู้ ายหรอก แลว้ กไ็ ม่ตอ้ งหนีทจี่ ะเป็น" วา่ แล้วอาจารย์พิเชษฐ์กห็ ัวเราฮา่ ๆ ๆ
คาสอนและเสียงหวั เราะของอาจารย์ทาให้ผมดีข้ึนมากเลยครบั เวลาจะเป็นลูกผูช้ ายก็ต้องคิดแล้วคิดอีก
แลว้ กค็ ่อย ๆ เปน็ แบบอาจารยว์ า่

จากหนังสือเรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน ววิ ิธภาษา
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 หนา้ ๔๕ - ๕๑

ประเดน็ การอภิปราย
๑. จากเร่อื ง "ลกู ผู้ชายตวั เกอื บจริง" โครงเร่ือง คือ อะไร
คาตอบ ............................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................... .....................
................................................................................................................. ........................................................
๒. แนวคิดสาคัญจากเร่อื ง "ลูกผู้ชายตัวเกอื บจริง" คือ อะไร
คาตอบ ............................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................... .....................
......................................................................................................................... ................................................
๓. เรื่อง "ลกู ผู้ชายตัวเกอื บจรงิ " มีการดาเนนิ เร่ืองอย่างไร
คาตอบ ............................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................... .....................
........................................................................................................................ .................................................
๔. จากเรอ่ื ง “ลูกผชู้ ายตัวเกือบจรงิ ” เหตกุ ารณ์ที่เปน็ ปญั หา หรอื ความขัดแย้งคืออะไร
คาตอบ ............................................................................................................................................................
........................................................................................................................................ .................................
................................................................................................. ................................................... .....................
๕. จากเรือ่ ง “ลูกผู้ชายตวั เกือบจริง” ปิดเร่อื งโดยวิธใี ด
คาตอบ ............................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................... .....................
........................................................................................................................... ..............................................

--333366- -

(เฉลย) ใบงาน
“ลกู ผชู้ าย...ตวั เกอื บจริง”

คาชี้แจง ให้นักเรียนอา่ นเร่ืองสน้ั “ลูกผู้ชาย...ตัวเกอื บจริง” จากนั้นอภิปรายตามประเด็นที่กาหนดให้
๑. จากเรือ่ ง "ลูกผูช้ ายตวั เกอื บจรงิ " โครงเรอื่ ง คือ อะไร

การนาเสนอพฤตกิ รรมวยั รนุ่ ท่ีสนใจใคร่เรียนร้กู ารเป็นลูกผู้ชาย
๒. แนวคดิ สาคญั จากเรอื่ ง "ลูกผูช้ ายตวั เกือบจริง" คือ อะไร

ผู้ใหญร่ ู้และเขา้ ใจธรรมชาติของวัยรนุ่ พร้อมท่จี ะให้โอกาส ช้ีแนะใหเ้ หน็ แนวทางทถ่ี ูกต้องเหมาะสมยามที่
เขาตอ้ งการความช่วยเหลอื ประภานนทถ์ ูกอาจารยฝ์ า่ ยปกครองเขา้ ใจผิดวา่ ไปกล่ันแกลง้ ดุจดาว
๓. เรอื่ ง "ลูกผชู้ ายตัวเกอื บจริง" มีการดาเนนิ เร่ืองอย่างไร

มีการดาเนนิ เรื่องรวดเร็ว เม่ือเปดิ เรื่องและแนะนาตัวละครครบแลว้ ก็ดาเนนิ เร่ืองโดยใชเ้ หตุการณ์ท่ีทาให้
ประภานนทต์ อ้ งแสดงความเป็น “ลูกผ้ชู าย”
๔. จากเรอ่ื ง “ลูกผูช้ ายตวั เกือบจริง” เหตกุ ารณ์ทเี่ ป็นปัญหา หรือความขดั แย้งคืออะไร

ในเรอ่ื งนีส้ รา้ งเหตกุ ารณท์ ี่เปน็ ปัญหาให้ประภานนท์ คือ การถูกทาโทษ
๕. จากเร่อื ง “ลูกผชู้ ายตัวเกือบจรงิ ” ปิดเร่ืองโดยวิธีใด

ปิดเร่อื งแบบหกั มุม เปน็ วธิ กี ารท่ที าให้ผู้อ่านนาไปคดิ ต่อได้ หรือเข้าใจจดุ ม่งุ หมายของเรือ่ งน้ีได้ คือ วัยร่นุ
ต้องค่อย ๆ เรยี นรู้และปรบั ตนให้เหมาะสมกบั วัย ไมจ่ าเป็นตอ้ งรีบรอ้ น

--333377--

แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม

คาชี้แจง ให้ครปู ระเมินการทางานกลุม่ ของนักเรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)

รายการประเมิน ระดับคะแนน
๓๒๑
1. การกาหนดบทบาทหน้าท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ที่ กาหนดบทบาทหน้าที่ ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นร่วม สมาชกิ อยา่ งชัดเจน สมาชกิ ไมค่ รบถ้วน หนา้ ท่ี
มีส่วนรว่ มในการปฏิบตั ิ มีสว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ มีสว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความคดิ เหน็ งานกลุม่ งานกลุ่มบ้าง งานกล่มุ นอ้ ยมาก
หรือไมม่ สี ว่ นร่วม
4. ความรบั ผิดชอบ รับฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผูอ้ นื่
อย่างมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ นอ้ ยมากหรอื ไมร่ บั ฟัง
อย่างสม่าเสมอ เป็นบางครัง้ ความคดิ เห็นผอู้ นื่
รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ บั รบั ผิดชอบงานทไ่ี ด้รบั ไม่รับผดิ ชอบงานทไ่ี ดร้ บั
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทนั มอบหมาย
ที่กาหนด ตามกาหนด

* การคดิ คะแนน ร้อยละ = (คะแนนทไ่ี ด/้ คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
ดีมาก
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดี
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
ร้อยละ 70 - 79 ปรับปรงุ
รอ้ ยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-33-83-38-

-339- หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๓ โนม้ น้าวใจใหเ้ ชอื่ ถือ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๕ เวลา 1 ชั่วโมง
กลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒
สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด เร่ือง มงุ่ มน่ั โน้มน้าวใจ (1) แหล่งเรยี นรู้
รายวิชา ภาษาไทย หอ้ งสมดุ
การพดู โน้มน้าวเปน็ การพดู จงู ใจ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื
หรอื เชญิ ชวนให้ผ้ฟู งั เกิดความรสู้ กึ คลอ้ ยตาม ขัน้ นา ๑. ใบความรู้ “การโนม้ น้าวใจ”
หรอื เกิดกาลงั ใจในการทาสิ่งใดสิ่งหนึง่ ทีเ่ กดิ ๑. นกั เรียนอาสาสมัคร ๒ คนแสดงบทบทสมมติ การซ้ือขายมะมว่ ง 2. ใบงาน “สรุปความรู้ เร่ืองการโนม้ นา้ วใจ
ประโยชนแ์ ก่ส่วนรวม การพดู โนม้ น้าวใจ (หรืออาจเปลี่ยนเป็นผลไมท้ ่ีมีขายในท้องถ่นิ ) ดังนี้ 3. ใบงาน “ประชาสมั พันธ์นา่ รู้”
เปน็ กลวธิ ใี นการส่ือสารเพื่อเร้าอารมณแ์ ละชักจูง นักเรยี นคนที่ 1 แสดงเปน็ คนขาย
ใหผ้ รู้ ับสารเปลี่ยนแปลงอารมณท์ ัศนคติความคดิ นกั เรยี นคนท่ี ๒ แสดงเป็นคนซอ้ื ภาระงาน/ชิ้นงาน
ความเชื่อและพฤตกิ รรมตามทผ่ี ้พู ดู โน้มนา้ ว เหตกุ ารณ์ คนซ้ือมะมว่ งสอบถามราคามะมว่ งกับคนขายผลไม้ 1. การทาใบงาน “สรุปความรู้
ทั้งน้ผี ู้พูดจะตอ้ งมคี ุณธรรมและมีมารยาท (หรืออาจเปลยี่ นเปน็ ผลไม้ท่ีมีขายในท้องถ่นิ ) คนขายมะมว่ งกพ็ ูด เร่ืองการโน้มนา้ วใจ
ทีด่ ีในการพดู ด้วย โน้มน้าวใจใหค้ นซ้อื มะม่วงซ้อื มะมว่ งชนิดที่ราคาสงู กว่าอีกแบบหน่งึ 2. การทาใบงาน “ประชาสัมพนั ธ์น่ารู้”
คนซื้อมะม่วง : แม่ค้าจ๊ะ ตะกร้านมี้ ะม่วงอะไร
จุดประสงค์การเรยี นรู้ และขายกโิ ลรัมละกี่บาทจะ๊ การวัดและประเมินผล
ด้านความรู้ คนขายผลไม้ : มะมว่ งนา้ ดอกไม้สุกจ๊ะ การประเมนิ การทางานกลุ่ม
ระบกุ ลวธิ กี ารพูดโน้มน้าวใจ ตะกรา้ ทคี่ ณุ ชีน้ ลี้ กู จะเล็กหน่อยนะ
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ราคากโิ ลละ ๖๐ บาท แต่ถ้าเปน็ ตะกรา้ นี้
พดู โนม้ นา้ วใจผ่านการประชาสัมพนั ธ์ (ชี้มาอีกทางใกล้ ๆ กัน) จะลกู ใหญ่กวา่
ดา้ นคณุ ลักษณะ เน้อื ดี เนยี น อร่อยกวา่ หวานกว่า ราคาเพิ่ม
๑. ใฝ่เรยี นรู้ อกี นดิ เดียว กโิ ลกรมั ละ ๘๐ บาทเองจ๊ะ ไมแ่ พงนะ
๒. มงุ่ ม่ันในการทางาน สนใจซ้ือตะกรา้ ไหนดีจ๊ะ
คนซ้ือผลไม้ : งัน้ เอาแบบ ๘๐ บาท ๑ กโิ ลจ๊ะ

-339-

สมรรถนะทีต่ ้องการให้เกดิ กับผเู้ รียน 2. นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นวา่ “เพราะเหตุใดคนซอื้ มะมว่ ง
1. การสื่อสาร จงึ ซ้อื มะมว่ ง ราคากโิ ลกรัมละ ๘๐ บาท ทัง้ ท่มี รี าคาแพงกว่า
2. การคดิ ขนั้ สูง อกี ตะกร้าหน่งึ ”
แนวคาตอบ
-340-
เพราะมะมว่ งท่รี าคา ๘๐ บาท คนขายมะมว่ งไดพ้ ูดโนม้ น้าวใจว่า
มะมว่ งว่ามีคณุ ภาพดีกวา่ ท้งั ขนาด เน้อื มะมว่ ง และรสชาติ และราคา
เพ่ิมข้ึนไม่มาก
ข้นั สอน
1. นกั เรยี นแบง่ กลุ่มตามความสมคั รใจ กลุ่มละ 4 - 5 คน แต่ละกลุ่ม
ศกึ ษาใบความรู้ “การโน้มนา้ วใจ” จากน้นั ทาแผนภาพความคดิ
สรปุ ความรเู้ รื่อง “การโนม้ น้าวใจ”
2. ผ้แู ทนแต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอ โดยครใู ห้คาแนะนาเพ่ิมเติม
3. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทาใบงาน “ประชาสัมพันธ์นา่ รู้” โดยแต่ละกล่มุ
รว่ มกนั คิดประเด็นที่ต้องการจะประชาสมั พันธใ์ ห้นักเรียนในโรงเรยี น
ทราบและเชญิ ชวนให้ปฏบิ ตั ิตาม เชน่ การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
การรกั ษา ความสะอาดในโรงเรียน การปฏิบัติตนในสถานการณ์แพร่
ระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรน่า (Covid-19) การไม่เก่ียวข้อง
กบั ยาเสพติด เปน็
ข้นั สรุป
1. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั สรุปประเด็นทกี่ ลุ่มจะนาเสนอในการทา
ใบงาน “ประชาสมั พันธน์ า่ รู้” เพ่อื น ๆ ชว่ ยกนั พจิ ารณา โดยครใู ห้
คาแนะนเพิ่มเติม

-340-

-341- 2. นกั เรียนวางแผนการทาใบงาน “ประชาสัมพนั ธน์ ่ารู้” ต่อในช่ัวโมง
ตอ่ ไป เชน่ การเตรยี มอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ เพื่อทาปา้ ยประชาสัมพนั ธเ์ ป็นตน้

-341-

ใบความรู้
“การโน้มน้าวใจ”

การโน้มน้าวใจ
การโน้มน้าวใจ การโน้มน้าวใจเป็นการพยายามเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยม และการกระทา

ของบุคคลอื่น โดยเลือกใช้กลวิธีที่เหมาะสมให้มีผลกระทบใจบุคคลนั้น ทั้งใช้วัจนภาษาคือคาพูด และอวัจนภาษา
คอื กิริยาท่าทางต่าง ๆ จนเกิดการยอมรับและยอมเปลี่ยนตามที่ผู้โน้มน้าวใจประสงค์ การโนม้ น้าวใจนี้มีท้ังท่ี
เจตนาดีและทแ่ี ฝงเจตนารา้ ย

หลักสาคัญท่ีสุดในการโน้มน้าวใจ คือการทาให้ผู้ถูกโน้มน้าวเชื่อว่า ถ้าทาตามท่ีผู้โน้มน้าวชักนาแล้ว
กจ็ ะไดร้ บั ผลตอบสนองตามความต้องการของตนนน้ั เอง แตต่ ราบใดทไี่ ม่เกิดความเชื่อตามการโน้มน้าวใจแล้ว
ยังถือว่าเป็นการโน้มน้าว แต่ทว่ายังโน้มน้าวไม่สัมฤทธิ์ผล เช่น การซ้ือสินค้าท่ีมีผู้มาเชิญชวนแกมบังคับ
หรือขอร้องให้ซ้ือโดยโน้มน้าวใจว่าจะนารายได้ไปทาการกุศล หากผู้ถูกโน้มน้าวเช่ือว่าซ้ือสินค้าแล้วจะได้
บุญกุศลจริง การโน้มน้าวใจนั้นก็จะเกิดผล แต่ถ้าซ้ือโดยไม่ตระหนักว่า การทาเช่นน้ันจะทาให้ได้บุญกุศล
เป็นแตเ่ พยี งซ้อื เพราะเกรงใจหรอื ต้องการตัดความราคาญ ก็นบั วา่ การโน้มน้าวใจนัน้ ยงั ไมเ่ กิดผลสมั ฤทธิ์
กลวิธีการโน้มนา้ วใจ

กลวิธกี ารโน้มน้าวใจแตกต่างกนั ไปตามโอกาสและสถานการณ์ บางทีต้องใชร้ ะยะเวลานาน และอาจ
ต้องอาศัยสิ่งประกอบอื่น ๆ ช่วย ขึ้นอยู่กับศิลปะเฉพาะตัวของผู้โน้มน้าวและกลวิธีที่ใช้ จึงควรรู้จักกลวิธี
การโน้มน้าวใจท่ีสาคัญ ๆ ไว้เพื่อใช้ในการวิเคราะห์สารด้วยตนเอง และสามารถนาไปใช้ในการเขียน
เพอื่ โน้มนา้ วใจด้วย กลวิธีโน้มน้าวใจท่ีใช้อยู่ มดี ังน้ี

1. แสดงให้เหน็ ความน่าเช่ือถือของผู้โน้มน้าวใจ
ผู้ประสงค์ที่จะโน้มน้าวใจผู้อ่ืนต้องแสดงให้เห็นว่าตนมีความรู้จริงเป็นต้นว่า สามารถช้ีแจงเร่ืองต่าง ๆ

ได้ละเอียดลออ ยกประเด็นท่ีน่าสนใจมากล่าวได้ถูกต้องแม่นยา อาจนาประสบการณ์ของตนมาเล่าให้ฟัง
หรือให้แนวทางปฏิบัตทิ ี่กอ่ ให้เกดิ ประโยชนส์ ขุ แกผ่ ้ปู ฏิบัติ

๒. แสดงดว้ ยเหตุผลท่ีหนักแน่น
ผู้โน้มน้าวใจต้องแสดงให้เห็นว่า เรื่องที่ตนกาลังโน้มน้าวอยู่นั้นมีเหตุผลหนักแน่น และมีค่าควรแก่
การยอมรบั อย่างแท้จริง

--334422--

ใบความรู้
“การโนม้ นา้ วใจ” (ตอ่ )

๓. ทาใหเ้ กิดความรู้สกึ หรอื อารมณ์ร่วมกัน
บุคคลท่ีมีความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมกัน ย่อมคล้อยตามกันได้ง่ายกว่าบุคคลท่ีมีความรู้สึก

เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ผู้โน้มน้าวใจจะต้องแสดงให้เห็นว่า ตนกับบุคคลที่ตนกาลังโน้มน้าวใจน้ันมีความรู้สึก
หรืออารมณ์ร่วมกัน เช่น มีความนิยมเช่ือถือในส่ิงเดียวกัน เคารพรักบุคคลหรือสถาบันเดียวกัน รังเกียจ
บคุ คลหรือส่ิงเดยี วกนั

๔. แสดงใหเ้ หน็ ทางเลอื กท้ังด้านดีและดา้ นเสีย
การโน้มน้าวใจหากแสดงแต่เฉพาะด้านดีเท่าน้ัน อาจสัมฤทธิ์ผลไดย้ ากหรืออาจไม่สัมฤทธิ์ผล

เลยก็ได้ แต่ถ้าช้ีให้เห็นด้านที่ไม่ดีด้วย เพ่ือให้ผู้ที่ถูกโน้มน้าวใจมีโอกาสใช้วิจารณญาณของตนเอง
เปรยี บเทยี บจนเชอ่ื วา่ เร่อื งทช่ี แี้ นะนน้ั มีดา้ นดมี ากกว่า กจ็ ะทาใหก้ ารโน้มน้าวใจสมั ฤทธ์ผิ ลได้

๕. สร้างความหรรษาให้แก่ผถู้ กู โนม้ น้าวใจ
การโน้มนา้ วใจถ้าใช้วธิ กี ารทาให้เกดิ อารมณข์ ันแบบทเ่ี ลน่ ทีจ่ ริง หรอื ยกตัวอย่างเรอื่ งตลกบ้าง

จะทาใหไ้ ม่เกดิ ความรู้สกึ ต่อตา้ น และผู้ถูกโนม้ น้าวกพ็ รอ้ มท่ีจะคล้อยตามไดง้ ่าย
๖. เรา้ ใหเ้ กิดอารมณอ์ ย่างแรงกลา้
เม่ือมนุษย์เกิดอารมณ์ขึ้นอย่างแรงกล้า ไม่ว่าดีใจ เสียใจ โกรธแค้น วิตกกังวล หวาดกลัว

หรือลังเลใจ อารมณ์เหล่าน้ีมักทาให้มนุษย์ไม่ใช้เหตุผลอย่างถ่ีถ้วน ขาดการพินิจพิจารณาความถูกต้อง
ความเหมาะ ความควร อาจทาให้ขาดสติหลงลืมตัวไปชั่วระยะหนึ่งได้ และเม่ือต้องตัดสินใจขณะที่อยู่ใน
สภาพอารมณ์ดังกล่าว ก็อาจตัดสินใจคล้อยตามผู้โน้มน้าวใจได้ง่าย ดังเช่นพราหมณ์ที่กาลังแบกแพะไป
บูชายญั คดิ ไปเองวา่ แพะนน้ั เปน็ ปีศาจเพราะกลายร่างเป็นสนุ ัขให้ชาย ๖ คนเหน็

๗. ใหข้ ้อมลู แตด่ ้านดี ไม่พูดถึงดา้ นเสีย
การให้ข้อมูลท่ีไม่สมบูรณ์มักปรากฏในข้อความโน้มน้าวใจของผู้ผลิตสินค้าและผู้ให้บริการ เช่น

ผผู้ ลิตยากล่าวถึงลกั ษณะทีด่ งี ามของยาอยา่ งละเอยี ด แต่ไม่กล่าวถึงขอ้ จากดั ของยา เช่น ไม่ควรใชส้ าหรับ
คนบางกลุ่ม ผู้ให้บริการกล่าวถึงการให้บริการต่าง ๆ ท่ีมีประโยชน์ น่าสนใจ ผู้บริโภคเสียค่ารับบริการ
ในราคาไม่แพง แต่ไม่บอกเงอื่ นไข หรือข้อยกเวน้ หรอื บอกไว้ในตาแหน่งที่สังเกตยาก ผู้รบั สารท่ีมีการโน้มน้าวใจ
ในลกั ษณะนต้ี ้องระมัดระวงั อยา่ งย่งิ กอ่ นซือ้ สินค้า หรอื ใชบ้ ริการ

-3-34433--

ใบความรู้
“การโน้มนา้ วใจ” (ตอ่ )

ภาษาโน้มนา้ วใจ
ผู้โน้มน้าวใจต้องใช้ภาษาเชิงเสนอแนะ ขอร้อง วิงวอนหรือเร้าใจ เลือกใช้คาให้ส่ือความหมาย

ตามที่ต้องการ ไม่ใช้การข่มขู่บีบบังคับ หรือคุกคามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลที่ต้องการโน้มน้าวใจ
เพราะการทาเช่นนัน้ จะทาให้การโนม้ น้าวใจไมส่ มั ฤทธิ์ผล

ตัวอยา่ งการใชภ้ าษาเชิงเสนอแนะ
พวกเธอควรกินผลไมแ้ ละดมื่ น้ามาก ๆ ถา้ อยากให้ผิวพรรณผอ่ งใส

ตัวอยา่ งการใช้ภาษาเชงิ ขอร้อง
โรงเรียนของเราจะมีชื่อเสียงได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากนักเรียน ถ้านักเรียนพยายามทา

โครงงานวทิ ยาศาสตรค์ ร้ังนใ้ี ห้ดีจนชนะการประกวด โรงเรยี นของเรากจ็ ะไดช้ ื่อเสยี งมากทเี ดียว
ตัวอยา่ งการใชภ้ าษาเชงิ วงิ วอน

ลกู ชายของผมมีเลือด AB Negative ซึ่งเป็นเลอื ดหายาก ตอ้ งผา่ ตัดเอาเนอ้ื งอกออก
โดยดว่ น แต่สภากาชาดมีเลือดกลมุ่ นส้ี ารองไว้ ไม่พอ ขอทา่ นท่ีมเี ลือดกล่มุ น้ี โปรดชว่ ยชีวิต
ลูกชายผมดว้ ย ผมมลี ูกชายเพยี งคนเดียว เขาเปน็ ลมหายใจของผม ขอความกรุณาตดิ ต่อ
โรงพยาบาลจฬุ า ฯ โดยด่วน
ตัวอยา่ งการใชภ้ าษาเชิงเร้าใจ

ถ้าพวกเธอไมล่ งแขง่ โต้วาทีครั้งนี้ คงไม่มใี ครกล้าลงแขง่ แทนหรอก กลวั วา่ ถา้ แพ้
แลว้ จะถกู ประณามวา่ ไมเ่ ก่งจริงแลว้ ยงั จะไปแข่งอีก แต่ถา้ พวกเธอลงแข่ง เราเชื่อว่าตอ้ งได้
ชยั ชนะกลบั มาแน่ ๆ

การใช้วิจารณญาณในการรบั สารโน้มนา้ วใจ
การรับสารท่ัวไป ผู้รับสารควรใช้วิจารณญาณพิจารณาและรู้เท่าทันว่า ผู้ส่งสารมีวัตถุประสงค์

ท่จี ะโนม้ นา้ วใจหรอื ไม่ อยา่ งไร โดยพจิ ารณาประเดน็ ต่าง ๆ ดงั นี้
1. วิเคราะห์ว่า สารน้ันโน้มน้าวใจให้ทาหรือไม่ให้ทาส่ิงใด ให้เชื่อหรือไม่ให้เช่ือเร่ืองใด เร่ืองน้ัน

ๆ ถูกตอ้ งสมเหตสุ มผลหรือไม่
๒. ใช้วิจารณญาณวิเคราะห์ว่า สารที่โน้มน้าวใจมีเหตุผลท่ีสมควรเชื่อถือหรือคล้อยตามหรือไม่

เพราะเหตใุ ด
จากหนงั สือเรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน ภาษาไทย วิวิธภาษา
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 หนา้ 36 - 39

-3-34444--

ใบงาน
“สรปุ ความรู้ เรือ่ ง การพดู โนม้ นา้ วใจ”

คาช้แี จง ให้นักเรียนเขยี นแผนภาพความคดิ สรุปความรู้ เรื่อง “การพดู โนม้ นา้ วใจ”
แผนภาพความคดิ

-3-4354-5-

ใบงาน
“ประชาสมั พนั ธน์ า่ รู้”

คาช้ีแจง ให้นักเรียนจัดทาป้ายประชาสัมพันธ์ให้นักเรียนในโรงเรียนทราบและเชิญชวนให้ร่วมกันปฏิบัติ เช่น
การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง การรักษาความสะอาดในโรงเรียน การปฏิบัติตนในสถานการณ์
แพรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา่ (Covid-19) การไมเ่ กย่ี วขอ้ งกบั ยาเสพตดิ เป็นต้น
รา่ ง (ประชาสัมพันธ์)

เรื่องทจี่ ะประชาสัมพนั ธ์
......................................................................................... .....................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ประเดน็ ทจี่ ะนาเสนอในการประชาสมั พันธ์
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................................... ...........
....................................................................................................................... .......................................................
............................................................................................................................. ................................................
....................................................................................................................................................... .......................
........................................................................................................... ...................................................................
แบบปา้ ยประชาสมั พันธ์ (นกั เรยี นสามารถใชอ้ ปุ กรณ์อืน่ ๆ ในการทาป้ายประชาสมั พันธ์ได้ เชน่ ป้ายผ้า
ปา้ ยกระดาษ เปน็ ตน้ )

ขอ้ ความสาหรบั พูดประชาสัมพนั ธ์
.............................................................................................................................................................. ................
.................................................................................................................. ............................................................
............................................................................................................................. .................................................
................................................................................................................................................. .............................
..................................................................................................... .........................................................................
............................................................................................................................. .................................................

--334466--

แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม

คาช้ีแจง ใหค้ รปู ระเมนิ การทางานกลมุ่ ของนกั เรียนตามรายการประเมนิ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)

รายการประเมิน ระดับคะแนน
๓๒๑
1. การกาหนดบทบาทหน้าที่ กาหนดบทบาทหนา้ ที่ กาหนดบทบาทหน้าที่ ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ่วนรว่ ม สมาชิกอย่างชดั เจน สมาชิกไมค่ รบถว้ น หนา้ ท่ี
มีสว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ มสี ่วนร่วมในการปฏิบตั ิ มีสว่ นร่วมในการปฏบิ ตั ิ
3. การรบั ฟงั และแสดงความคดิ เหน็ งานกลุ่ม งานกลุ่มบ้าง งานกลมุ่ นอ้ ยมาก
หรือไมม่ สี ่วนร่วม
4. ความรบั ผดิ ชอบ รบั ฟังและแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผูอ้ นื่
อยา่ งมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ อย่างมีเหตผุ ลและสร้างสรรค์ นอ้ ยมากหรอื ไมร่ บั ฟงั
อย่างสม่าเสมอ เปน็ บางครงั้ ความคดิ เห็นผอู้ นื่
รบั ผิดชอบงานทีไ่ ดร้ ับ รบั ผิดชอบงานท่ีได้รับ ไม่รับผิดชอบงานท่ีไดร้ บั
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทนั มอบหมาย
ทก่ี าหนด ตามกาหนด

* การคิดคะแนน รอ้ ยละ = (คะแนนทีไ่ ด้/คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมิน การแปลผล
ดีมาก
เกณฑ์ของระดบั คะแนน ดี
ร้อยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
ร้อยละ 70 - 79 ปรับปรงุ
ร้อยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-34-73-47-

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๓ โนม้ น้าวใจใหเ้ ช่อื ถือ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑6 เวลา 1 ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เร่ือง มุง่ ม่ันโนม้ น้าวใจ (2) ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๒
สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด รายวิชา ภาษาไทย
แหล่งเรียนรู้
การพดู โนม้ นา้ วเปน็ การพูดจงู ใจ กิจกรรมการเรียนรู้ หอ้ งสมุด
หรือเชญิ ชวนให้ผฟู้ ังเกิดความรสู้ ึกคลอ้ ยตาม ข้ันนา
หรือเกิดกาลังใจในการทาสิง่ ใดสิง่ หนึง่ ท่ีเกดิ นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ทบทวนเก่ียวกับกลวิธีการพูดโนม้ นา้ วใจ สอ่ื
ประโยชนแ์ กส่ ว่ นรวม การพูดโน้มน้าวใจ ใบงาน “ประชาสมั พันธน์ า่ รู้” (ใช้รว่ มกับ
เป็นกลวธิ ีในการสื่อสารเพื่อเร้าอารมณแ์ ละชกั จูง ขน้ั สอน แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16)
ใหผ้ รู้ ับสารเปล่ียนแปลงอารมณท์ ศั นคตคิ วามคิด 1. นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ การทาใบงาน “ประชาสัมพันธ์นา่ รู้” ตอ่ จาก
-348- ความเช่อื และพฤตกิ รรมตามท่ผี พู้ ูดโน้มนา้ ว ช่วั โมงทแี่ ลว้ ภาระงาน/ชน้ิ งาน
ทงั้ นผ้ี พู้ ดู จะตอ้ งมีคุณธรรมและมมี ารยาท 2. นกั เรยี นเตรยี มการพูดนาเสนอผลงาน “ประชาสมั พนั ธ์นา่ รู้” การทาใบงาน “ประชาสมั พนั ธ์นา่ รู้”
ทด่ี ใี นการพูดดว้ ย
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ขัน้ สรปุ การวดั และประเมนิ ผล
ดา้ นความรู้ ช่วง ๕ นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลาเรียน นกั เรียนกลมุ่ อาสาสมคั ร การประเมินการทางานกลุ่ม
ระบกุ ลวิธกี ารพูดโน้มน้าวใจ 2 - 3 กลุ่ม ออกมานาเสนอผลงานทกี่ ลุ่มของตนทาไดใ้ นขณะน้ัน
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ซึ่งอาจยังไมส่ มบรู ณ์ ท้งั นนี้ ักเรียนสามารถนัดประชุมกลุ่มแลว้ ปฏิบตั ิงาน
พูดโนม้ นา้ วใจผ่านการประชาสัมพนั ธ์ ตัวเองใหเ้ สร็จสมบูรณน์ อกเวลาเรยี นได้
ด้านคุณลักษณะ
๑. ใฝ่เรยี นรู้
๒. มงุ่ มัน่ ในการทางาน

-348-

-349- สมรรถนะท่ีต้องการใหเ้ กิดกับผ้เู รียน
1. การสอ่ื สาร
2. การคิดขนั้ สงู

-349-

แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม

คาชี้แจง ให้ครปู ระเมินการทางานกลุม่ ของนักเรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)

รายการประเมิน ระดับคะแนน
๓๒๑
1. การกาหนดบทบาทหน้าท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ที่ กาหนดบทบาทหน้าที่ ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นร่วม สมาชกิ อยา่ งชัดเจน สมาชกิ ไมค่ รบถ้วน หนา้ ท่ี
มีส่วนรว่ มในการปฏิบตั ิ มีสว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ มีสว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความคดิ เหน็ งานกลุม่ งานกลุ่มบ้าง งานกล่มุ นอ้ ยมาก
หรือไมม่ สี ว่ นร่วม
4. ความรบั ผิดชอบ รับฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผูอ้ นื่
อย่างมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ นอ้ ยมากหรอื ไมร่ บั ฟัง
อย่างสม่าเสมอ เป็นบางครัง้ ความคดิ เห็นผอู้ นื่
รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ บั รบั ผิดชอบงานทไ่ี ด้รบั ไม่รับผดิ ชอบงานทไ่ี ดร้ บั
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทนั มอบหมาย
ที่กาหนด ตามกาหนด

* การคดิ คะแนน ร้อยละ = (คะแนนทไ่ี ด/้ คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
ดีมาก
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดี
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
ร้อยละ 70 - 79 ปรับปรงุ
รอ้ ยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-35-03-50-

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๓ โน้มน้าวใจใหเ้ ชอื่ ถือ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑7 เวลา 1 ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย เรื่อง ม่งุ มนั่ โน้มน้าวใจ (3) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย

สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้
ข้นั เตรยี มการ หอ้ งสมุด
-351- การพูดโน้มนา้ วเป็นการพูดจงู ใจ 1. นักเรียนใช้ผลงานกลุ่ม “ประชาสมั พันธ์น่ารู้” จากแผนการเรียนรู้ สอ่ื
หรือเชญิ ชวนใหผ้ ูฟ้ ังเกิดความรู้สกึ คลอ้ ยตาม ท่ี 16 เพ่ือพดู นาเสนอ 1. ใบงาน “ประชาสัมพนั ธ์นา่ รู้”
หรอื เกดิ กาลังใจในการทาสงิ่ ใดสง่ิ หนึ่งทีเ่ กิดประโยชน์ 2. นักเรียนตรวจสอบความถูกต้องของผลงาน และปรบั แก้ไข 2. ใบงาน “ผลงานประทับใจ”
แกส่ ว่ นรวม การพูดโน้มน้าวใจเปน็ กลวิธี ใหส้ มบรู ณอ์ ีกครง้ั ภาระงาน/ชน้ิ งาน
ในการสอ่ื สารเพอ่ื เร้าอารมณ์และชักจงู ให้ผรู้ บั สาร 3. นกั เรยี นเตรียมการนาเสนอ โดยจดั ลาดบั สมาชิกในกลุ่มและ 1. ผลงานจากใบงาน “ประชาสัมพันธน์ ่ารู้”
เปลย่ี นแปลงอารมณ์ทัศนคตคิ วามคดิ ความเชอ่ื ฝกึ ซ้อม ทงั้ นีแ้ ตล่ ะกลมุ่ นาเสนอประมาณ 5 นาที ในประเด็น 2. การทาใบงาน “ผลงานประทบั ใจ”
และพฤติกรรมตามท่ีผู้พูดโน้มนา้ ว ทง้ั น้ีผู้พูดจะต้อง ดังต่อไปนี้ การวัดและประเมินผล
มีคณุ ธรรมและมมี ารยาทที่ดีในการพูดด้วย ๑. การประเมนิ การนาเสนอผลงาน
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - ชอ่ื ผลงานทน่ี าเสนอ 2. การประเมินมารยาทในการฟัง การดู
ด้านความรู้ - ความนา่ สนใจหรอื จุดเด่นของผลงานทสี่ ร้างขนึ้ และการพูด
ระบกุ ลวธิ กี ารพดู โน้มน้าวใจ - ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางในการแก้ปญั หา 3. การประเมินการทางานกลุ่ม

ด้านทกั ษะและกระบวนการ ขัน้ ดาเนินการ
พูดโน้มน้าวใจจากหัวข้อทเ่ี ลือก ๑. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ จดั ลาดับนาเสนอผลงานโดยความสมัครใจ
ดา้ นคุณลกั ษณะ หรอื จบั สลาก
๑. ใฝ่เรยี นรู้ ๒. การนาเสนอผลงานมีลักษณะดังต่อไปน้ี
๒. มุ่งมน่ั ในการทางาน
- ผนู้ าเสนอผลงาน นาเสนอตามลาดบั
- ผฟู้ ัง คอื สมาชกิ ในชั้นเรียนท่ีไม่มบี ทบาทการนาเสนอในขณะนั้น

-351-

สมรรถนะทต่ี ้องการใหเ้ กดิ กับผเู้ รียน ผู้ฟงั มหี นา้ ที่ฟงั อย่างมวี ิจารณญาณ เพ่ือเลือกผลงานของเพื่อนที่
1. การสื่อสาร ประทับใจ และนาไปเขียนในใบงาน “ผลงานท่ปี ระทบั ใจ” โดยมคี รู
2. การคิดขนั้ สงู เปน็ ผสู้ งั เกตการณ์
ข้ันสรุป
-352- ๑. นกั เรยี นอาสาสมคั รแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับการนาเสนอผลงาน
ของเพอ่ื น ๆ
๒. นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายในประเด็นดังต่อไปนี้

- ประโยชน์ทีไ่ ด้จากการรว่ มกิจกรรมในครงั้ น้ี
- ขอ้ ควรปรบั ปรงุ ในการจัดกจิ กรรมคร้งั ตอ่ ไป
3. นักเรียนทาแบบทดสอบประจาหนว่ ยการเรียนรู้

-352-

ใบงาน
“ผลงานท่ีประทบั ใจ”
คาชี้แจง ให้นักเรยี นเขียนผลงานการประชาสมั พนั ธข์ องเพอ่ื ท่นี กั เรยี นประทับใจมากที่สดุ
พรอ้ มระบเุ หตุผล

ชอ่ื ผลงาน
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
ชอื่ เจ้าของผลงาน
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
เเหตุผลท่ีเลอื ก
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................

-353-
-353-

-353-

โน้มนา้ วใจใหเ้ ชือ่ ถือ
แบบทดสอบประจาหนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3

“โน้มนา้ วใจใหเ้ ชือ่ ถอื ”
คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นเขยี นตอบคาถามในท่วี ่างให้ถูกตอ้ ง

1. จดุ มุ่งหมายของการเขยี นโน้มนา้ วใจคอื อะไร
คาตอบ ............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
2. จดุ มงุ่ หมายของการแต่งโคลงสุภาษิต พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หวั คอื อะไร

และมีลักษณะคาประพนั ธป์ ระเภทใด
คาตอบ ............................................................................................................................ ................................
............................................................................................................................. ............................................
.................................................................................................................................................... .....................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
....................................................... ............................................................................................. .....................
3. ขอ้ คดิ ท่ีได้จากโคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ คืออะไร
คาตอบ ............................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................... .....................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
4. สาระสาคญั ของโคลงสภุ าษติ นฤทุมนาการแต่ละบท คืออะไรบา้ ง
คาตอบ ............................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................... .....................
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
5. นักเรยี นคดิ วา่ ในสภาพสังคมไทยปัจจุบนั คนในสังคมควรนาขอ้ คิดจากโคลงสภุ าษิตอิศปปกรณา

เรื่องใดไปใช้มากทส่ี ดุ เพราะเหตใุ ด
คาตอบ ............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
.......................................................... .......................................................................................... .....................
............................................................................................................................. ............................................

--335544--

(เฉลย) แบบทดสอบประจาหนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3
“โนม้ น้าวใจใหเ้ ชอื่ ถือ”

1. จดุ มงุ่ หมายของการเขียนโน้มน้าวใจคอื อะไร
- เพือ่ ใหผ้ อู้ ่านเกดิ ความเช่ือถือและศรทั ธาในเร่ืองท่ีไดอ้ ่าน
- เพ่ือเร้าใจ หรือสร้างความประทบั ใจแกผ่ ู้อา่ น
- เพื่อใหผ้ ู้อา่ นกระทาอยา่ งใดอย่างหนึง่ ตามทีผ่ ูเ้ ขยี นปรารถนา

2. จุดม่งุ หมายของการแต่งโคลงสุภาษิต พระราชนิพนธ์พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั คอื อะไร
และมลี ักษณะคาประพันธป์ ระเภทใด
จดุ มงุ่ หมายในการแต่ง
- โคลงสุภาษิตโสฬสไตรยางค์ และโคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ มีจุดประสงค์ในการแต่งเพื่อสุภาษิต

ท่ีเกี่ยวกับนามธรรมซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวท่ีเก่ียวข้องกับคนทุกคน ทุกฐานะ ทุกอาชีพ ได้นาไปเป็นเครื่องโน้มนา
ใหป้ ระพฤติชอบอยา่ งผู้มสี ตแิ ละมคี วามปลอดโปรง่ ในชีวติ

- โคลงสุภาษิตอิศปปกรณ า มีจุดประสงค์ในการแต่งเพ่ือเป็นแนวทางแก่ผู้อ่านให้พิจารณ า
คาสอนท่ีได้จากนิทานเรอื่ งนัน้ ๆ

ลักษณะคาประพันธ์
- โคลงสภุ าษิตโสฬสไตรยางค์ เป็นโคลงสส่ี ภุ าพ ๑๘ บท
- โคลงสภุ าษิตนฤทมุ นาการ เป็นโคลงส่ีสุภาพ ๑๒ บท
- โคลงสภุ าษติ อศิ ปปกรณา เปน็ ร้อยแก้ว และสรุปด้วยโคลงสีส่ ุภาพ (เป็นสภุ าษิต) มที งั้ หมด ๔ เรอ่ื ง
3. ขอ้ คดิ ที่ได้จากโคลงสภุ าษิตโสฬสไตรยางค์ คืออะไร
ผทู้ ี่นาสาระสาคัญของโคลงเรอ่ื งน้ีไปปฏบิ ตั ิยอ่ มนาความสุข ความเป็นสิริมงคล ความเจริญใจมาส่ตู นเอง
เกดิ ความเจริญในชวี ิต เป็นประโยชน์ต่อชวี ิตของตนเองและต่อสงั คมส่วนรวม
4. สาระสาคญั ของโคลงสภุ าษติ นฤทุมนาการแตล่ ะบท คอื อะไรบ้าง จงอธบิ าย
สาระสาคัญของเรื่อง มีบทนา ๑ บท เน้ือเร่อื ง ๑๐ บท และบทสรปุ ๑ บท
- บทนา กล่าววา่ ผู้รูห้ รอื นกั ปราชญ์ใหไ้ ตร่ตรองแลว้ ปฏบิ ตั ติ ามคาสอน ซง่ึ เป็นแนวทางท่คี วรประพฤติ

๑๐ ประการ หรือกิจ ๑๐ ประการทผ่ี ้ปู ระพฤตจิ ะไม่ทาใหเ้ สยี ใจ
- เนอ้ื เรอ่ื ง ประกอบดว้ ยโคลง ๑๐ บท กล่าวถงึ แนวทางท่ีควรปฏบิ ัติตามลาดบั ดังน้ี

บทที่ ๑ ใหค้ วามดีกับบุคคลทัว่ ไปไม่เลือกบุคคล
บทท่ี ๒ ไมก่ ลา่ ววา่ รา้ ยผู้อ่ืน
บทท่ี ๓ ฟังความแล้วพจิ ารณาก่อนตดั สนิ ใจ
บทที่ ๔ ควรคิดกอ่ นพูด
บทท่ี ๕ งดการพดู ในเวลาโกรธ
บทที่ ๖ ควรกรุณาตอ่ ผอู้ บจน
บทที่ ๗ ขอโทษเมื่อทาผิดพลาด

-355-
-355-

บทที่ ๘ ควรมคี วามอดกลนั้ ตอ่ ผอู้ ่นื
บทที่ ๙ อย่างฟังคนพูดนินทาหรอื คาพดู ทไี่ ร้สาระ
บทท่ี ๑๐ อยา่ หลงช่ือข่าวรา้ ยหรอื ขา่ วท่ยี งั ไม่เปน็ ความจรงิ
- บทสรุป บทสุดท้ายกล่าวสรุปว่าบุคคลที่ปฏิบัติตามกิจท้ัง ๑๐ ประการแล้วจะทาให้เสียใจ มีแต่จะนา
ผลดีต่อผู้ปฏิบัติให้เป็นท่ีน่าดีใจ น่าพอใจ ถ้าทาไม่ได้ท้ังหมดก็ควรพยายามตัด ระงับ พยายามดับ
เพอื่ จะทาให้เกดิ ความสงบได้บ้าง ดีกว่าไมป่ ฏบิ ัตเิ ลย
5. นักเรียนคิดว่าในสภาพสงั คมไทยปัจจุบนั คนในสังคมควรนาข้อคดิ จากโคลงสุภาษิตอิศปปกรณา
เรอื่ งใดไปใช้มากท่สี ุด เพราะเหตใุ ด
(คาตอบอยู่ทดี่ ลุ ยพนิ ิจของนักเรียน)

-3-35566--

แบบประเมินการนาเสนอผลงาน

คาชแ้ี จง ให้ครผู สู้ อนประเมินการน้าเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเตม็ ๑๒ คะแนน)

รายการประเมนิ ๕ ๔ ระดับคะแนน ๒ ๑
1. สาระสาคัญของการนาเสนอ นาเสนอ นาเสนอ ๓ นาเสนอ นาเสนอ
ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์
1.๑ ลาดับความคดิ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง ครบ ๕ ข้อ ๔ ขอ้ นาเสนอ ๒ ข้อ ๑ ข้อ
1.๒ นาเสนอเนือ้ หาตรงตามหวั ข้อ ไดต้ ามเกณฑ์ หรือไมไ่ ด้
1.3 มีความเปน็ เหตเุ ป็นผล ๓ ขอ้ ตามเกณฑ์เลย
1.4 มกี ารนาเสนอแนวคิดใหม่ ใชภ้ าษา
1.5 การตกแต่งน่าสนใจ คะแนนเตม็ 2 คะแนน ใชภ้ าษา ได้ตามเกณฑ์
2. การใชภ้ าษา ได้ตามเกณฑ์ ๑ ข้อ
2.๑ ใชภ้ าษาได้ถกู ตอ้ งกบั กาลเทศะ ๒ ขอ้ หรือไมไ่ ด้
2.๒ ใชป้ ระโยคสอื่ ความหมายไดช้ ดั เจน ตามเกณฑเ์ ลย
คะแนนเตม็ 3 คะแนน ใชน้ ้าเสียง ใช้น้าเสยี ง ใช้นา้ เสยี ง
3. การใช้นา้ เสยี ง ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์ ได้ตามเกณฑ์
3.1 ใช้น้าเสยี งนุ่มนวล 3 ขอ้ ๒ ขอ้ ๑ ขอ้
3.2 พูดเสยี งดังชัดเจน หรือไมไ่ ด้
3.3 ใชน้ า้ เสียงกระตุน้ ความสนใจผู้ฟัง คะแนนเตม็ 3 คะแนน ปฏิบัตไิ ด้ตาม ตามเกณฑ์เลย
เกณฑ์ 2 ข้อ ปฏบิ ตั ไิ ด้ตาม
3. มารยาทในการพูด เกณฑ์ 1 ขอ้
3.1 เปิดโอกาสให้ผ้อู ืน่ ไดแ้ สดง หรอื ไมไ่ ด้
ความคดิ เหน็ ตามเกณฑ์เลย
3.2 ใชก้ ิริยาสุภาพขณะพดู

* การคดิ คะแนน ร้อยละ = (คะแนนทไ่ี ด้/คะแนนเตม็ ) x 100 การแปลผล
ดีมาก
การแปลผลการประเมนิ ดี
พอใช้
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ปรับปรงุ
ร้อยละ 80 - ๑๐๐
ร้อยละ 70 - 79
รอ้ ยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

--335577--

แบบประเมนิ มารยาทในการฟัง การดู และการพดู

คาชี้แจง ให้ครผู สู้ อนประเมนิ มารยาทในการฟัง การดู และการพดู ของนกั เรียนตามรายการประเมิน
(คะแนนเตม็ ๑๕ คะแนน)

รายการประเมนิ ๓ ระดบั คะแนน ๑
1. การไม่พูดคุยกนั ไมพ่ ูดคยุ ตลอดระยะเวลา ๒ พดู คุย 3 คร้ังข้นึ ไป
2. ความต้ังใจ ท่ฟี งั หรือดู ในขณะทีฟ่ งั หรอื ดู
3. การให้เกียรตผิ ูพ้ ูดโดยการปรบมือ ตั้งใจและมสี มาธใิ นเรอื่ ง พดู คยุ 1 - 2 ครงั้ ไมต่ งั้ ใจฟังหรอื ดู
ทฟ่ี ังหรือดู ในขณะทฟี่ งั หรือดู ไม่ปรบมอื ก่อนฟัง
4. การแสดงกริ ิยาทเี่ หมาะสม ปรบมือทกุ ครง้ั ก่อนฟัง ตั้งใจแตข่ าดสมาธิบางคร้ัง ขณะฟัง หรือหลังจบการฟงั
5. การยกมือถามเมอ่ื ตอ้ งการถาม ขณะฟัง หรือหลังจบ ปรบมือบางคร้งั ก่อนฟงั แสดงกริ ิยาทไี่ ม่เหมาะสม
การฟัง ขณะฟงั หรอื หลงั จบ 3 คร้ัง ขึน้ ไป
ไมแ่ สดงกิรยิ าทไ่ี ม่ การฟัง ซักถามโดยไมย่ กมือทกุ ครง้ั
เหมาะสมขณะฟังหรือดู แสดงกริ ยิ าทไ่ี มเ่ หมาะสม
ยกมือก่อนถามทกุ คร้ัง 1 - 2 ครัง้
เมอื่ มขี ้อสงสยั ยกมือก่อนถามบางคร้งั
เม่ือมขี ้อสงสยั

* การคดิ คะแนน ร้อยละ = (คะแนนทไี่ ด้/คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมิน

เกณฑ์ของระดับคะแนน การแปลผล
ร้อยละ 80 - ๑๐๐ ดมี าก
รอ้ ยละ 70 - 79 ดี
รอ้ ยละ 50 - 69 พอใช้
ร้อยละ ๐ - 49 ปรับปรุง

-3-5385-8-

แบบประเมนิ การทางานกลุ่ม

คาชี้แจง ให้ครปู ระเมินการทางานกลุม่ ของนักเรยี นตามรายการประเมนิ (คะแนนเต็ม 12 คะแนน)

รายการประเมิน ระดับคะแนน
๓๒๑
1. การกาหนดบทบาทหน้าท่ี กาหนดบทบาทหนา้ ท่ี กาหนดบทบาทหน้าที่ ไม่มีการกาหนดบทบาท
2. การมสี ว่ นร่วม สมาชกิ อยา่ งชัดเจน สมาชกิ ไมค่ รบถ้วน หนา้ ท่ี
มีส่วนรว่ มในการปฏิบตั ิ มีสว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ มีสว่ นร่วมในการปฏิบตั ิ
3. การรบั ฟังและแสดงความคดิ เหน็ งานกลุม่ งานกลุ่มบ้าง งานกล่มุ นอ้ ยมาก
หรือไมม่ สี ว่ นร่วม
4. ความรบั ผิดชอบ รับฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั และแสดงความคดิ เห็น รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผูอ้ นื่
อย่างมเี หตผุ ลและสร้างสรรค์ อย่างมเี หตผุ ลและสรา้ งสรรค์ นอ้ ยมากหรอื ไมร่ บั ฟัง
อย่างสม่าเสมอ เป็นบางครัง้ ความคดิ เห็นผอู้ นื่
รบั ผิดชอบงานทไี่ ดร้ บั รบั ผิดชอบงานทไ่ี ด้รบั ไม่รับผดิ ชอบงานทไ่ี ดร้ บั
มอบหมายและเสรจ็ ตามเวลา มอบหมาย แตเ่ สรจ็ ไม่ทนั มอบหมาย
ที่กาหนด ตามกาหนด

* การคดิ คะแนน ร้อยละ = (คะแนนทไ่ี ด/้ คะแนนเตม็ ) x 100

การแปลผลการประเมนิ การแปลผล
ดีมาก
เกณฑข์ องระดบั คะแนน ดี
รอ้ ยละ 80 - ๑๐๐ พอใช้
ร้อยละ 70 - 79 ปรับปรงุ
รอ้ ยละ 50 - 69
ร้อยละ ๐ - 49

-35-93-59-

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี ๔
“สงั เกตสื่อบันทกึ สาร”

-๓๖๐-
ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (สาหรบั ครผู ู้สอน) กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษา

-360-

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๔ สังเกตส่อื บนั ทึกสาร แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย เร่ือง โวหารวรรณศิลป์ (๑) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒
รายวชิ า ภาษาไทย
สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
ภาษาท่ีใชใ้ นการเขียนบรรยาย จะมีลกั ษณะเปน็ การใช้ กจิ กรรมการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้
ขนั้ นา ห้องสมุด
ภาษาท่เี ป็นคางา่ ย เล่าเหตุการณ์ หรือเรอื่ งราวต่างๆ ๑. นกั เรียนอาสาสมัคร ๒ - ๓ คน ออกมาพดู บรรยายการ สอ่ื
ใหผ้ ู้อ่านได้เหน็ ภาพชัดเจน เข้าใจได้อยา่ งถูกต้องตรงตามท่ี เดนิ ทางมาโรงเรยี นของตนเอง 1. ใบความรู้ “การเขียนบรรยายและการเขียนพรรณนา”
ผูส้ ่งสารตอ้ งการส่ือ ๒. นักเรยี นร่วมกันสงั เกต การบรรยายการเดินทางของเพ่ือนว่า 2. ใบงาน “บรรยายเหตกุ ารณ์”
จุดประสงค์การเรียนรู้ ลักษณะสาคญั ของการบรรยายการเดนิ ทางคืออะไร 3. สลากกจิ กรรรมหมายเลข 1 - 6
ดา้ นความรู้ แนวคาตอบ 4. แผนภาพความคิดลกั ษณะการใช้ภาษาในการเขยี นบรรยาย
อธิบายลกั ษณะการใช้ภาษาในการเขียนบรรยาย มีการระบสุ ถานที่ทเ่ี ดินทางผา่ นเป็นลาดบั
ด้านทักษะและกระบวนการ ขนั้ สอน
-361- เขยี นบรรยายสงิ่ ของท่ีอยู่ในชีวติ ประจาวัน ภาระงาน/ชิน้ งาน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะ 3. นกั เรียนศกึ ษาใบความรู้ “การเขียนบรรยายและการเขียน 1. การทาใบงาน “บรรยายเหตกุ ารณ์”
๑. ใฝ่เรยี นรู้ พรรณนา” และทากจิ กรรมจับสลากเลอื กหมายเลข คนละ ๑ 2. การเขยี นสรปุ แผนภาพความคิดลักษณะการใช้ภาษา
๒. มุ่งม่ันในการทางาน หมายเลข โดยสลากจะมหี มายเลขต้ังแต่ ๑ - ๖ ซ่งึ ครผู ู้สอน ในการเขียนบรรยาย
สมรรถนะทตี่ ้องการให้เกดิ กับผ้เู รียน เฉล่ียจานวนหมายเลขสลากตามจานวนท่ีนักเรยี นมี เพื่อแบ่ง
การส่อื สาร จานวนให้เท่า ๆ กัน
- สลากหมายเลข ๑ รบั ผิดชอบอา่ นข้อความ ท่ี ๑ การวดั และประเมนิ ผล
- สลากหมายเลข ๒ รบั ผิดชอบอา่ นข้อความ ท่ี ๒ -

- สลากหมายเลข ๓ รบั ผิดชอบอ่านข้อความ ที่ ๓
- สลากหมายเลข ๔ รบั ผดิ ชอบอ่านข้อความ ที่ ๔
- สลากหมายเลข ๕ รับผิดชอบอ่านข้อความ ที่ ๕

-361-

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๔ สังเกตสอื่ บนั ทกึ สาร แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย เร่ือง โวหารวรรณศลิ ป์ (๑) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย
-362-
- สลากหมายเลข ๖ รบั ผิดชอบอ่านข้อความ ที่ ๖
4. นกั เรียนทจ่ี บั สลากไดใ้ นแตล่ ะหมายเลข อา่ นและสงั เกต
ลกั ษณะของข้อความการเขยี นบรรยาย ทป่ี รากฏในข้อความที่
ตนเองจบั สลากได้
5. นักเรยี นท่ีไดส้ ลากหมายเลขเดยี วกนั ร่วมกนั อภปิ ราย
คาตอบในประเด็นดังน้ี

- ขอ้ ความทีไ่ ด้อา่ นมเี นอื้ หาเกย่ี วกบั อะไร
- การใชภ้ าษาของข้อความท่ีอ่าน มลี ักษณะอยา่ งไร

แนวคาตอบ
- ใช้คางา่ ย
- เขา้ ใจได้ชัดเจน
- กล่าวถงึ เหตุการณ์ใดเหตกุ ารณ์หนงึ่ อย่างตอ่ เน่ืองเป็นลาดบั

6. นักเรียนแตล่ ะหมายเลขสง่ ตวั แทนแลกเปลยี่ นความรู้กบั
เพือ่ น ๆ ทั้งหอ้ ง จากประเดน็ ท่กี าหนดในขอ้ ท่ี ๒ คอื

- ขอ้ ความท่ีได้อ่านมีเนื้อหาเก่ยี วกบั อะไร
- การใช้ภาษาของข้อความท่อี ่าน มีลกั ษณะอย่างไร
โดยครูและเพ่ือน ๆ รว่ มกันเสนอแนะเพมิ่ เตมิ
7. นักเรียนทาใบงาน “บรรยายเหตกุ ารณ์” ซงึ่ จะเป็นใบงาน
ทใี่ หน้ ักเรียนเลอื กเขียนบรรยาย เหตุการณใ์ ดเหตุการณห์ นง่ึ
ทน่ี กั เรยี นสนใจ ๑ เหตุการณ์ พร้อมวาดภาพประกอบ
ลงใน ใบงาน

-362-

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี ๔ สังเกตสือ่ บนั ทกึ สาร แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๑ เวลา ๑ ชั่วโมง
กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย เร่ือง โวหารวรรณศิลป์ (๑) ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒
รายวิชา ภาษาไทย
-363-
8. ตัวแทนนักเรยี นจานวน ๒ - ๓ คนอา่ นข้อความทตี่ นเอง
เขยี นในใบงาน “บรรยายเหตุการณ์” หนา้ ช้นั เรียน

9.นักเรียนรว่ มกนั อภิปราย จากคาถามดังนี้|
- การใช้ภาษาจากการทาใบงาน“บรรยายเหตุการณ์”

ของนักเรยี น มีลกั ษณะอย่างไร

แนวคาตอบ
ใชค้ างา่ ย อธบิ ายเป็นลาดับ ต่อเนอื่ ง

ขัน้ สรปุ
นกั เรียนสรปุ ลกั ษณะการใชภ้ าษาในการเขยี นบรรยาย ลงในสมดุ

โดยทาเป็นแผนภาพความคดิ ตามประเดน็ ดงั นี้
- ภาษาท่ีใชใ้ นการเขียนบรรยายมีลักษณะอยา่ งไร

แนวคาตอบ
ใช้คาง่าย เขียนเป็นลาดบั ต่อเนอื่ ง

- จุดมุ่งหมายที่ใช้ในการเขยี นบรรยาย

แนวคาตอบ
เพื่อใหผ้ ้อู า่ นได้เหน็ ภาพชัดเจน เข้าใจได้อย่างถกู ต้องตรงตาม
ท่ีผู้สง่ สารต้องการส่อื

-363-

ใบความรู้
“การเขยี นบรรยายและการเขยี นพรรณนา”

การเขียนบรรยายและการเขยี นพรรณนา
การเขียนโดยท่ัวไปและการเขียนบันทึก มีลักษณะการเขียนท่ีเป็นได้ทั้งการบรรยายและการ
พรรณนา บางตอนอาจเป็นการบรรยาย บางตอนอาจเป็นการพรรณนา และบางตอนอาจมีทั้งการ
บรรยาย และการพรรณนาอยู่ในตอนเดียวกัน

ในชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑ นักเรียนได้เรียนรู้ลักษณะการเขียนบรรยายและลักษณะการเขียน
พรรณนาแล้ว ในชน้ั นี้จะได้เรียนรู้ลกั ษณะการเขียนท้ัง ๒ ประเภทจากตัวอย่างงานเขยี นทม่ี ีคุณคา่ ให้แง่
คดิ ดังนี้
สมัยเม่ือข้าพเจา้ สมัครเป็นผูแ้ ทนราษฎรออกเที่ยว บรรยาย

หาเสยี งในพระนคร ได้เขา้ ไปหาเสียงในบ้านคนจนแห่งหนง่ึ อยู่ที่ ให้เห็นภาพสถานท่ี

แหลง่ เส่อื มโทรมหลังวัดอนิ ทรบ์ างขุนพรหม แหลง่ เส่ือมโทรมนี้ การไปหาเสยี งของ

เด็ก ผู้ใหญ่ ผูห้ ญิง ผชู้ าย มีชีวติ อยู่เหนือนา้ ครา่ เพียงฟุตกวา่ ๆ ผสู้ มคั รสมาชิก

เทา่ นัน้ นาน ๆ จะมหี มูวดั หลงเขา้ มาอยดู่ ้วยทีใ่ ตถ้ นุ บา้ น สภาผแู้ ทนราษฎร

เมอื่ ข้าพเจ้าไปถึง ครอบครัวน้ีกาลังจะเร่ิมลงมือรับประทานอาหารเย็น บรรยาย

พ่อบา้ นกลบั จากงาน มีพวงปลาทตู ัวเล็ก ๆ ถอื ติดมือมา ๔ - ๕ ตวั พ่อบ้านกลับจากงานมาบ้าน

เขาถือมันมาดว้ ยความภูมใิ จ เหมือนบ๋อยกาลังยกหมหู นั มาเล้ียง

คนในเหลา ปลาทู ๔ - ๕ ตวั น้ันมันเล็กเสียจรงิ ๆ และดูเหมอื นปลาทู พรรณนา

อดอาหาร ซ่ึงถ้าข้าพเจา้ เปน็ แมวกแ็ ทบจะไม่อยากขอรับประทาน ความภาคภูมิใจของพ่อบ้าน

ครอบครัวนน้ั มลี ูกหลายคนยังเล็ก ๆ ทงั้ นน้ั นกึ อยใู่ นใจว่าจะพอกิน ท่ีมอี าหารกลับบา้ นแมป้ ลาทู

ไดอ้ ย่างไร ปลาทู ๔ - ๕ ตวั นี้ แต่ถึงกระน้นั แมบ่ า้ นกร็ ับของขวัญ จะมขี นาดเล็กและพรรณนา

จากตลาดด้วยกิรยิ าอาการยนิ ดเี หมือนนางสาวไทยรับมงกุฎ อาการดใี จ

แล้วเธอได้นาปลาทไู ปลา้ งอยา่ งสะอาด

ระหว่างนัน้ ลูกหญงิ คนโตนาหม้อขา้ วไปตง้ั ไฟ เม่ือข้าพเจา้ บรรยาย

ไปถึงบ้านเขา พ่อบ้านซง่ึ รู้จักวา่ ขา้ พเจา้ เปน็ ใคร ไดต้ อ้ นรบั อยา่ ง การตอ้ นรบั จดั ท่นี ง่ั ให้

มีเกียรตยิ งิ่ เขาเอาผา้ มาเชด็ ถกู ระดาน ก่อนเชิญขา้ พเจา้ น่งั ทงั้ ๆ ท่ี ผู้เขียนซ่ึงเป็นแขกไปเยือน

กระดานตรงน้นั และกระดานทอ่ี ืน่ ในบา้ นกส็ ะอาดหมดจดอยู่แลว้

-364-
-364-

ใบความรู้
“การเขียนบรรยายและการเขียนพรรณนา” (ต่อ)

เมอ่ื ขา้ พเจา้ นง่ั ลงตามคาเชิญ พอ่ บา้ นลกุ ขึน้ ไปหยิบถว้ ย บรรยาย
แก้วนา้ ซ่งึ เก็บไว้ในตูก้ ระจก ไม่มฝี ุน่ จับแลว้ ยงั เอาผ้าสะอาดมาเชด็ การต้อนรับแขกซ่ึงพ่อบ้ าน
กอ่ นทจี่ ะตกั นา้ จากต่มุ น้าฝนมาให้ขา้ พเจ้า ในบา้ นเหนอื นา้ ครา
1 ฟุตเศษนนั้ ทุกสิ่งทกุ อยา่ งสะอาดไปหมด คนในบา้ นกส็ ะอาด เอาใจใส่ดูแลความสะอาด
ทุกคนท้งั เด็กและผ้ใู หญ่
ของภาชนะใสน่ ้าดม่ื

ก่อนน่ังลงรับประทานขา้ วกบั ปลาทู แมย่ ังบังคับใหล้ ูก ๆ พรรณนา

ล้างมือเสียกอ่ น มองลงไปดขู ้างล่างท่ีนา้ ครา ทาใหร้ ู้สึกว่าชวี ิตใน ความรูส้ กึ ชน่ื ชมใน

บ้านนอ้ ย ๆ นัน้ เหมือนกบั ดอกบวั บานแลว้ พ้นจากตม ระหว่างน้นั สุขนิสยั ทีด่ กี ่อน

ปลาทซู งึ่ กาลงั ทอดอย่ใู นกระทะก็เริม่ สง่ กล่ินท้าทายความหวิ รับประทานอาหารของ

ลกู ทีโ่ ตแลว้ เขา้ ห้องไปเอาเส่อื จันทบรู ณ์ออกมาปู แล้วนาช้อนสังกะสี คนในครอบครวั

จดั วางครบจานวนสมาชิกในครอบครัว

วันนั้นขา้ พเจา้ ไปเดนิ หาเสียงมาท้ังวัน ยังไม่ได้ บรรยาย

รับประทานอาหารเย็นเลย เมื่อปลาทูในกระทะกาลงั สง่ กลน่ิ เหตุการณแ์ ละความ

แล้วไปเหน็ ชีวติ ในครอบครัวเหนือนา้ คราอนั หมดจดสะอาดสะอ้าน ร้สู ึกของผู้เขยี นทพ่ี บ

เชน่ นน้ั เขา้ จงึ ทาให้เกดิ หิวขา้ ว ไมเ่ คยเลยตงั้ แตเ่ กดิ มาในชีวิตที่ ครอบครัวที่ยากจนกาลัง

ขา้ พเจ้ารสู้ กึ หวิ ขา้ วอยากกนิ อะไรเท่ากับข้าวรอ้ น ๆ กับปลาทูทอด จะรบั ประทานอาหาร

ครน้ั ขา้ วสุกปลาททู อดเสร็จยกมาต้ังกลางวงแลว้ พ่อบ้านกถ็ าม และยังมีนา้ ใจเชญิ ผเู้ ขยี น

ขา้ พเจา้ ดว้ ยความเกรงใจว่า คา่ แลว้ ทา่ นจะรับประทานเสียทนี่ ่ี ให้รว่ มรบั ประทานด้วย

ดหี รือไม่ แลว้ ออกตวั ในเวลาเดียวกนั วา่ อาหารทีบ่ า้ นน้ีรบั ประทาน

กันง่าย ๆ อยา่ งนี้ ในท่ามกลางความสขุ ของครอบครัวความสะอาด

สะอา้ น และกล่ินขา้ วร้อนผสมกบั ปลาททู อด ความหิวเกอื บจะทาให้

ข้าพเจา้ รบั เชิญ แตค่ รัน้ มองไปดูปลาทู ๔ - ๕ ตัวกบั เด็ก ๆ

ในบา้ นมจี านวนมากกว่าเขา้ แล้ว จงึ ทาใหไ้ ดแ้ ตต่ อบขอบใจ

เจ้าบา้ นและวา่ ขอให้ลงมอื กนั ไปเถิด ขา้ พเจา้ จะน่งั คุยดว้ ย

จงึ ได้เหน็ ปรากฏการณท์ ีว่ งอาหารของเขาอยา่ งน่าแปลกประหลาด

-36-53- 65-

ใบความรู้
“การเขียนบรรยายและการเขยี นพรรณนา” (ต่อ)

ปลาทเู ลก็ ๆ ๔ - ๕ ตวั นน้ั แม่บ้านแบ่งแจกจ่ายใสจ่ านลกู บรรยาย
ได้ทั่วคน ปลาท่แี มแ่ บง่ ใหล้ ูกกนิ คือสว่ นท่ีเปน็ เนื้อปลา พอ่ แมก่ ิน การจัดแบง่ กบั ข้าวของ
แตห่ วั ปลากับเศษของปลา เด็กทุกคนกนิ อยา่ งโอชะ นงั่ พบั เพียบ แมใ่ ห้พอดีกบั สมาชดิ ในบา้ น
รับประทานด้วยกิรยิ าอันแช่มชอ้ ย เม่อื แบ่งกบั ขา้ วกนิ กันดงั กลา่ วน้ี
แล้วส่วนทยี่ ังเหลอื ติดชามกับขา้ ว แม้แมวตวั ไหนอยากกินก็ไมม่ ี พรรณนา
เหลอื จะให้กนิ ทกุ คนในครอบครวั นน้ั กนิ จนอ่มิ เพราะขา้ วมีไม่ ความร้สู กึ ท่ีเหน็
จากัด ข้าพเจา้ กนิ ขา้ วดี ๆ มาทว่ั โลก ไมเ่ คยเห็นใครกนิ ข้าว ครอบครัวซ่ึงแม้จะ
เอร็ดอรอ่ ยเท่าครอบครัวเหนอื น้าครานี้ กนิ อิม่ แล้วน้องเลก็ ยังไดเ้ รอ ยากจน แตก่ ร็ ่ารวย
ออกมาดว้ ยความพอใจ ถูกแม่ดุเอาวา่ ทาอยา่ งนน้ั ไม่เปน็ สมบัติผู้ดี ความดีงาม ปลูกฝงั นสิ ัย
ข้าพเจา้ จากครอบครัวนี้มาโดยอาการทอ้ งหวิ ใจอมิ่ แต่บทเรียน ทดี่ ี มมี ารยาทแกล่ ูก และ
กไ็ ด้รับมาในเวลาเดียวกนั ว่าทบี่ ้านเลก็ ๆ เหนือน้าครานี้ เขาใช้ ผู้เขยี นยกย่องครอบครัวนี้
ศิลปะในการดารงชวี ิตอยา่ งถึงขนาดประเสรฐิ ยงิ่ อย่างจริงใจว่ามศี ลิ ปะในการ
ดารงชวี ิต

จากเรือ่ ง ครอบครัวเหนอื น้าครา ใน ศลิ ปะในการใช้ชีวติ
ของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช

-366-3- 66-

ใบงาน
“บรรยายเหตุการณ์”

คำชี้แจง ให้นักเรยี นเลือกเขียนเหตุการณท์ ่ีสนใจ ๑ เหตุการณ์ พรอ้ มภาพวาดประกอบ

_______________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________
_____________________________________________________________________________

-3-36677--

สลำกกจิ กรรรม

สลำกหมำยเลข ๑
สมัยเมื่อข้าพเจ้า สมัครเป็นผู้แทนราษฎรออกเท่ียวหาเสียงในพระนคร ได้เข้าไปหาเสียงในบ้านคนจน

แห่งหน่ึง อยู่ที่แหล่งเสื่อมโทรม หลังวัดอินทร์บางขุนพรหม แหล่งเส่ือมโทรมน้ี เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้ชาย
ชีวิตอยเู่ หนือน้าครา้ เพยี งฟุตกวา่ ๆ เท่านนั้ นาน ๆ จะมหี มูวดั หลงเขา้ มาอย่ดู ้วยท่ีใต้ถุนบ้าน
สลำกหมำยเลข ๒

เม่อื ข้าพเจา้ ไปถงึ ครอบครวั น้ีกา้ ลังจะเร่มิ ลงมือรับประทานอาหารเย็น พ่อบา้ นกลับจากงาน มีพวงปลา
ทูตัวเล็กๆ ถือติดมือมา ๔-๕ ตัวเขาถือมันมาด้วยความภูมิใจเหมือนบ่อยกาลังยกหมูหันมาเลี้ยงคนในเหลา
ปลาทู ๔-๕ ตัวนั้นมันเล็กเสียจริงๆ และดูเหมือนปลาทูอดอาหาร ซึ่งถ้าข้าพเจ้าเป็นแมวก็แทบจะไม่อยาก
ขอรับประทาน ครอบครัวนั้นมีลูกหลายคนยังเล็กๆ ทั้งน้ัน นึกอยู่ในใจว่าจะพอกินได้อย่างไร ปลาทู ๔-๕
ตวั น้ี แต่ถึงกระน้ัน แม่บ้านก็รับของขวัญจากตลาด ด้วยกิริยาอาการยินดีเหมือนนางสาวไทยรับมงกุฎ แล้ว
เธอได้น้าปลาทไู ปลา้ งอยา่ งสะอาด
(อ่ำนและสังเกตเฉพำะข้อควำมทต่ี ัวอกั ษรไม่เอียง)
สลำกหมำยเลข ๓
ปลารทะู ห4ว-5่างตนัว้ันนล้ันูกมหันญเลิง็กคเนสโียตจนร้าิงหๆแมล้อะขด้าูเวหไปมือตน้ังไปฟลาเมท่ือู ขด้าอพาเหจา้ารไปซถึ่งึงถบ้า้ขาน้าพเขเจา้าพเป่อ็นบแ้ามนวซก่ึง็แรทู้จักบวจ่าะขไ้มาพ่อเยจา้ากเขปอ็น
รใับคปร รไะดท้ตา้อนรคับรออยบ่าคงรมัวีเกนีย้ันรมตีลิยูกิ่งหเลขายเอคานผย้าังมเาลเ็กชๆ็ดทถ้ังูกนร้ัะนดนาึกนอกย่อู่ในเใชจิญว่าขจ้าะพพเจอ้ากนิน่ังไดท้อ้ังยๆ่าทง่ีกไระปดลาานทตูร4ง-น5้ันตแัวลนะี้
แกตร่ถะงึดการนะทนี่อัน้ ่นื ใแนมบบ่ ้าา้ นนกก็สร็ ะบั อขาอดงหขมวัญดจจดาอกยตู่แลลาด้ว ดูดว้ ย กริ ิยาอาการยนิ
สลำกหมำยเลข ๔

เมื่อข้าพเจ้าน่ังลงตามค้าเชิญ พ่อบ้านลุกขึ้นไปหยิบถ้วยแก้วน้าซ่ึงเก็บไว้ในตู้กระจก ไม่มีฝุ่นจับแล้วยัง
เอาผ้าสะอาดมาเช็ด ก่อนที่จะตักน้าจากตุ่มน้าฝนมาให้ข้าพเจ้า ในบ้านเหนือน้าคร้า ๑ ฟุตเศษน้ัน ทุกส่ิง
ทกุ อยา่ งสะอาดไปหมด คนในบ้านกส็ ะอาดทุกคนทั้งเดก็ และผใู้ หญ่

-3-6386-8-

สลำกกิจกรรรม (ต่อ)

สลำกหมำยเลข ๕
วันน้ันข้าพเจ้าไปเดินหาเสียงมาท้ังวัน ยังไม่ได้รับประทานอาหารเย็นเลย เม่ือปลาทูในกระทะก้าลังส่ง

กล่ิน แล้วไปเห็นชีวิตในครอบครัวเหนือน้าคร้าอันหมดจดสะอาดๆเช่นน้ันเข้า จึงท้าให้เกิดหิวข้าว ไม่เคย
เลยตัง้ แต่เกิดมาในชวี ิตที่ข้าพเจา้ รู้สึกหิวข้าวอยากกินอะไรเทา่ กับข้าวร้อนๆ กับปลาทูทอด คร้ันข้าวสุกปลา
ทูทอดเสร็จยกมาตั้งกลางวงแล้ว พ่อบ้านก็ถามข้าพเจ้าด้วยความเกรงใจว่า ค้่าแล้ว ท่านจะรับประทานเสีย
ที่น่ีดีหรือไม่ แล้วออกตัวในเวลาเดียวกันว่าอาหารที่บ้านน้ีรับประทานกันง่ายๆ อย่างน้ี ในท่ามกลาง
ความสุขของครอบครัว ความสะอาดสะอ้าน และกลิ่นข้าวร้อนผสมกับปลาทูทอด ความหิวเกือบจะท้าให้
ข้าพเจ้ารับเชิญ แต่คร้ันมองไปดูปลาทู ๔-๕ ตัวกับเด็กๆ ในบ้านมีจ้านวนมากกว่าเข้าแล้ว จึงท้าให้ได้แต่
ตอบขอบใจเจ้าบ้านและว่า ขอให้ลงมือกันไปเถิด ข้าพเจ้าจะนั่งคุยด้วย จึงได้เห็นปรากฏการณ์ท่ีวงอาหาร
ของเขาอยา่ งน่าแปลกประหลาด
สลำกหมำยเลข ๖
ปลาทเู ล็กๆ ๔-๕ ตวั นนั้ แมบ่ า้ นแบง่ แจกจา่ ยใสจ่ านลูกได้ทั่วคน ปลาท่แี ม่แบ่งให้ลูกกิน คือสว่ นทเ่ี ป็นเน้ือ
ปลา พอ่ แมก่ นิ แต่หัวปลากับเศษของปลา เด็กทุกคนกินอย่างโอชะ นงั่ พบั เพยี บรบั ประทานดว้ ยกิริยาแช่ม
ชอ้ ย เม่ือแบ่งกับขา้ วกินกันดังกล่าวนแี้ ลว้ ส่วนทีย่ งั เหลือตดิ ชามกับขา้ ว แม้แมวตัวไหนอยากกินก็ไม่มีเหลือ
จะใหก้ ิน ทุกคนในครอบครัวนัน้ กินจนอมิ่ เพราะข้าวมีไมจ่ ้ากัด ข้าพเจา้ กนิ ข้าวดๆี มาทัว่ โลก ไมเ่ คยเหน็ ใคร
กนิ ขา้ วเอร็ดอร่อยเท่าครอบครวั เหนือน้าครานี้ กนิ อ่ิมแล้วน้องเลก็ ยังได้เรอออกมาด้วยความพอใจ ถูกแม่ดุ
เอาว่าทา้ อย่างนัน้ ไมเ่ ป็นสมบัติผู้ดี ขา้ พเจ้าจากครอบครัวนี้มาโดยอาการท้องหิวใจอ่ิม แตบ่ ทเรียนก็ไดร้ ับมา
ในเวลาเดยี วกนั วา่ ที่บา้ นเลก็ ๆเหนอื นา้ ครานเี้ ขาใช้ศิลปะในการดารงชีวิตอย่างถงึ ขนาดประเสริฐยิง่

(อ่ำนและสังเกตโดยเฉพำะข้อควำมที่ไม่เอยี ง)

-3-6396- 9-

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๔ สังเกตสือ่ บันทึกสาร แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เรอ่ื ง โวหารวรรณศิลป์ (๒) ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๒
รายวชิ า ภาษาไทย

สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด กิจกรรมการเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้
ภาษาท่ีใช้ในการเขียนพรรณนา จะมีลักษณะเป็น ห้องสมดุ
การใช้ภาษาท่ีเป็นถ้อยคาที่เลือกสรรอย่างประณีต ขั้นนา สอ่ื
แสดงความหมายเด่นชัด เพ่ือเล่าถึงเหตุการณ์ หรือ ๑. นกั เรยี นตอบคาถามวา่ รู้จกั ดอกกุหลาบหรือไม่ 1. ใบงาน “พรรณนาสรา้ งจนิ ตนาการ”
เรื่องราวต่างๆ ให้ผู้อ่านคล้อยตาม เกิดความรู้สึกไป และดอกกุหลาบมลี กั ษณะเป็นอยา่ งไร อธบิ ายถงึ ลักษณะหรอื 2. สลากกิจกรรรมหมายเลข 1 - 3
ตามทผ่ี เู้ ขยี นพรรณนาไว้ คุณสมบตั ทิ นี่ ักเรยี นทราบ 3. แผนภาพความคิดลักษณะการใช้ภาษาในการเขียน
๒. นกั เรยี นสงั เกตวา่ การสอ่ื สารทีน่ กั เรยี นพยามยามบอกรายละเอยี ด
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ น้นั คอื การพรรณนา พรรณนา
ด้านความรู้
-370- อธบิ ายลกั ษณะการใช้ภาษาในการเขียนพรรณนา ข้นั สอน ภาระงาน/ชนิ้ งาน
3. นักเรียนอ่านข้อความทีต่ ิดอยู่บนกระดาน 1. การทาใบงาน “พรรณนาสรา้ งจนิ ตนาการ”
ด้านทักษะและกระบวนการ 2. การเขียนสรุปแผนภาพความคดิ ลกั ษณะการใช้ภาษาใน
เขียนพรรณนาสิ่งทอ่ี ยู่ในชวี ติ ประจาวนั เวลาเย็นใกล้ค่้าคนเดินซ้ือสินค้าจะลดลง คนจะไปเพ่ิมข้ึน การเขยี นพรรณนา
ด้านคณุ ลักษณะ บริเวณร้านอาหารที่มาตั้งร้านต้ังแผงตรงลานติดกับแถวร้าน การวัดและประเมินผล
๑. ใฝ่เรียนรู้ ขายของต่าง ๆ มีร้านอาหารตามส่ัง ร้านผัดไทย หอยทอด -
๒. มงุ่ ม่นั ในการทางาน ข้าวต้มปลา ก๋วยเตี๋ยว และร้านกาแฟ คนแวะกินอาหารเย็น
ก่อนกลับบ้านมีจ้านวนไม่น้อย นักศึกษาท่ีต้องท้างานดึกท่ี
มหาวิทยาลัยก็มีมาก เสียงอาหารดังฉ่าๆ เสียงล้างกระทะดัง
สมรรถนะท่ตี ้องการให้เกิดกับผู้เรยี น ฟัด ๆ เสียงน้าแข็งกระทบแก้วดังกรุ๊งกริ๊ง ปะทะปะปนกับ
การส่อื สาร เสยี งพดู คยุ ของลกู ค้า กลิน่ อาหารสารพดั โชยไปทวั่ บริเวณ

-370-

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๔ สังเกตสอื่ บันทึกสาร แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ ๒ เวลา ๑
ชั่วโมง เรอ่ื ง โวหารวรรณศลิ ป์ (๒) ชน้ั มัธยมศกึ ษา
กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย
ปที ี่ ๒ รายวชิ า ภาษาไทย

-371- 4. นักเรยี นรว่ มกนั สังเกตการใชภ้ าษาในการบอกรายละเอียดว่ามี
การใช้ส่วนขยาย
5. นกั เรียนจบั สลากเลอื กหมายเลข คนละ ๑ หมายเลข โดยสลากจะ
มีหมายเลขต้งั แต่ ๑ - ๓

- สลากหมายเลข ๑ รบั ผดิ ชอบอา่ นข้อความ ท่ี ๑
- สลากหมายเลข ๒ รับผิดชอบอ่านข้อความ ท่ี ๒
- สลากหมายเลข ๓ รับผิดชอบอา่ นข้อความ ท่ี ๓
6. นักเรียนทจี่ บั สลากไดห้ มายเลขเดย่ี วกนั ร่วมกันอภิปรายว่า
- เนื้อหาน้ันเกยี่ วกับเรื่องอะไร
- ลกั ษณะการใช้ภาษาเป็นอยา่ งไร มกี ารใชส้ ว่ นขยายอย่างไร
7. นกั เรยี นทาใบงาน “พรรณนาสรา้ งจินตนาการ” โดยใหน้ ักเรียน
เลอื กตัดภาพ หรอื วาดภาพของคน สตั ว์ ส่งิ ของ สถานที่ ทต่ี นเอง
สนใจมา ๑ ภาพ พรอ้ มท้ังเขียนพรรณนาใหส้ มบรู ณ์
8. นกั เรียนจบั คู่ เพอื่ ผลัดกันอ่านข้อความที่ตนเขียนพรรณนาใหค้ ู่
ของตนเองฟัง และวาดภาพจากข้อความท่ีตนเองรบั ฟงั พร้อมตกแตง่
ระบายสี

-371-

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๔ สังเกตสอ่ื บันทึกสาร แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี ๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒
เรอื่ ง โวหารวรรณศิลป์ (๒)
-372- รายวิชา ภาษาไทย

ข้ันสรุป
นกั เรยี นร่วมกันอภิปรายและสรปุ ลกั ษณะการใช้ภาษาในการ

เขยี นพรรณนาลงในสมดุ โดยทาเปน็ แผนภาพความคดิ ตามประเด็น
ดงั นี้

- ภาษาจากการทาใบงาน “พรรณนาสร้างจินตนาการ” ของ
นักเรียนมลี ักษณะอยา่ งไร

แนวคาตอบ
มกี ารเลอื กใชค้ า สอื่ ใหเ้ หน็ ภาพอยา่ งละเอียด ชัดเจน

- จุดมงุ่ หมายท่ีใชใ้ นการเขียนพรรณนา

แนวคาตอบ
เพ่อื เลา่ ถึงเหตกุ ารณ์ หรอื เรือ่ งราวตา่ ง ๆ ใหผ้ ้อู ่านคล้อยตาม
เกิดความรู้สกึ ไปตามทผ่ี เู้ ขียนพรรณนาไว้

-372-


Click to View FlipBook Version